มีคนอยากอ่านเหมือนกันรึ? โพสซะเลย
ขอบคุณนะครับ ดูแล้วอย่าลืมกดให้คะแนนคนน่ารักนะครับ

1.
เสียงก๊อกแก๊กนอกห้องทำให้ชยุตม์ต้องตื่นขึ้นมา ผ่านไปถึงวันที่ห้าเขาถึงเริ่มปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของต่างจังหวัดได้ คนเมืองน่านตื่นเช้ามาก รวมถึง "คนเมืองน่าน" ที่เขาอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว
หกโมงเช้า แสวง หัวหน้าคนงาน สมศักดิ์ ผู้ช่วยของแสวง สมยศ และมาลีภรรยาของสมยศกับลูกสาว และคนอื่นๆ จะตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้าและเริ่มทำภารกิจประจำวัน เขาจึงต้องตื่นขึ้นมาด้วยโดยปริยาย
ชยุตม์เคยอยู่แต่เมืองใหญ่ ใช้ชีวิตกว่าครึ่งชีวิตอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ หลายแห่งเกือบทั่วโลก การดำรงชีวิตอยู่คนเดียวมาตลอดในห้องอพาร์ทเมนท์ทำให้เขามีความเป็นส่วนตัวสูง แต่เมื่อมาอยู่ร่วมกับคนหลายคนในบ้านไม้หลังเดียวกันเขาจึงต้องปรับตัวอย่างมาก
ชยุตม์ได้รับการขอร้องจากคุณอาของเขาให้มารับผิดชอบงานการก่อสร้าง The River Bend Resort ที่จังหวัดน่าน คราวจริงแล้วเขาวางแผนที่จะพักผ่อนเป็นเวลาหกเดือนหลังจากทำงานโครงการใหญ่ๆ มาตลอดตั้งแต่จบการศึกษา เขาบอกตัวเองว่างานโครงการเล็กๆ ของ The River Bend Resort ที่เป็นการก่อสร้างแบบธรรมดาๆ ให้ถือเสียว่าเป็น "งานพักร้อน" ครึ่งปี ทำงานสบายๆ แล้วถือโอกาสพักผ่อนไปด้วยในตัว อากาศเมืองน่านก็สดชื่น ธรรมชาติสวยงามช่วยให้เขาได้ผ่อนคลาย ผู้คนก็เป็นมิตร แต่ข้อเสียหนึ่งอย่างที่เขายังปรับตัวไม่ค่อยได้คืออาหาร แต่โชคดีที่ร้านอาหารในเมืองบางแห่งมีซีเรียลขาย และภรรยาของสมยศก็ทำไข่ดาวอร่อยใช้ได้ แม้ชอบปิ้งขนมปังไหม้อยู่บ่อยๆ
ขณะนี้บ้านพักของชยุตม์ยังไม่เสร็จจึงต้องมานอนบ้านของหัวหน้าคนงานชั่วคราว เดิมทีนั้นคุณอาของเขาจะจัดหาที่พักให้พักโรงแรมในตัวเมืองแต่เขาปฏิเสธ ลองมาพักกับแสวง อย่างน้อยก็เป็นการทำความรู้จักกันกับผู้ร่วมงาน แต่หากบ้านพักของเขาพร้อมเข้าอยู่ เขาก็จะรียย้ายออก เพราะตอนนี้เขาเริ่มจะไม่ไหวแล้วที่ต้องอาศัยรวมกับคนกลุ่มใหญ่ บ้านพักชั่วคราวของเขาสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นบ้านหลังเล็กๆ แฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเหนือโค้งน้ำของแม่น้ำน่านจุดที่ไม่ไกลจากสถานที่ก่อสร้างรีสอร์ทเท่าใดนัก
เช้าวันนี้เป็นวัดหยุด เขาคิดไว้ว่าจะนอนตื่นประมาณเจ็ดโมงเช้า ทั้งที่รู้ดีว่าจะมีเสียงก๊อกแก๊กนอกห้องทำให้เขานอนต่อไปไม่ได้เขาก็จะพยายามไม่ใส่ใจ คนอื่นๆ ในบ้านคงเข้าใจว่าเขาอยากจะนอน "ตื่นสาย" เช้าวันนี้เสียงการกระทำภารกิจประจำวันนอกห้องนอนชยุตม์จึงดังค่อยกว่าทุกวัน
ยกเว้นเสียงห้าวของผู้ชายคนหนึ่งตะโกนอยู่หน้าบ้าน...
"โต๋...โต๋อยู่ข้างในหรือเปล่า ออกมาหน่อยซิ โต๋ ออกมาคุยกันหน่อย"
โต๋เป็นคนงานที่พักอาศัยอยู่กับแสวงมานานแล้ว ทำหน้าที่เป็น "ช่างฝึกงาน" กลายๆ อยู่กับแสวง ซึ่งฝ่ายนั้นคอยสอนงานให้ โต๋อายุย่างสิบเก้าปี ขยันขันแข็งทำงานและเรียนรู้ได้เร็วจนชยุตม์แปลกใจ
"โต๋ ออกมาสิวะ โต๋" เสียงร้องเรียกเริ่มดังขึ้น "ไอ้โต๋ รู้นะว่าแกอยู่ข้างใน ออกมาเดี๋ยวนี้ โต๋"
ชยุตม์บิดตัวไปมา ซุกหน้าลงกับหมอนราวอยากให้ศรีษะจมหายลงไปจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงรบกวน แต่เสียงนั้นยังดังอยู่และไม่มีท่าทีว่าใครในบ้านจะเดินออกไปรับแขก
"ไอ้โต๋ ออกมาสิวะ" เสียงคนเรียกกำลังจะหมดความอดทนเพราะห้วนและดังกว่าเดิม "รู้นะโว้ยว่าแกอยู่ข้างใน มัวแต่มุดหัวอยู่ได้ ออกมาเดี๋ยวนี้ เป็นผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ ไอ้โต๋"
ชยุตม์ทนไม่ไหวแล้ว หากเสียงนี้ไม่หายไป เขาก็คงนอนต่อไม่ได้ ห้องนอนของเขาอยู่ด้านหน้าสุดและได้ยินชัดเจน เขาจึงเดินงัวเงียออกไปเปิดประตูหน้าบ้าน
...ทีแบบนี้ละคนในบ้านเสียงเงียบ พอเงียบๆ ก็ทำเสียงก๊อกแก๊กๆ ดังกันไม่ยอมหยุด พอมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเอะอะอยู่หน้าบ้าน ทุกคนก็เงียบกริบและคิดว่าคงไปแอบอยู่หลังบ้านกันหมด...
ชยุตม์เดินออกไปที่ระเบียงซึ่งเป็นยกพื้นสูงราวหนึ่งเมตร บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ใต้ถุนโล่ง ทาสีเขียวซีดๆ กลางเก่ากลางใหม่
ที่หน้าบ้านเป็นประตูรั้วไม้เก่าๆ ซึ่งแทบไม่สามารถกันผู้รุกรานที่ไหนได้เลย ประตูเปิดแง้มเอาไว้ ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนจังก้า เท้าสะเอวตะโกนโหวกเหวก ท่าทางเอาเรื่อง ข้างกายมีหญิงสาววัยรุ่นยืนก้มหน้าร้องให้กระซิกๆ
"อะไรกันคุณ โวยวายแต่เช้า" ชยุตม์ถาม เดินลงจากบันไดมายืนอยู่บนพื้น
"คุณเป็นใคร" ชายหนุ่มคนนั้นถามเสียงห้วน
"ผมก็คนอยู่ที่นี่นะสิ" ชยุตม์อดกวนไม่ได้
...นึกว่าคนเหนือจะอ่อนโยน นุ่มนวล พูดเพราะอย่างที่เพื่อนๆ เคยบอก แต่คนนี้กลับตรงกันข้าม...
"คุณเรียกโต๋ออกมาคุยกับผม" ชายหนุ่มสั่ง
"เขาไปทำอะไรผิด คุณถึงได้มาโวยวายเหมือนจะเรียกโต๋ออกมาฆ่า"
"คุณมายุ่งอะไรด้วย" อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม หน้าตาไม่เป็นมิตร
"ผมเป็นหัวหน้าเขา ผมก็อยากจะรู้" ชยุตม์เสียงเข้มพอกัน
ชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้าประตูมา เด็กสาวที่ยืนร้องให้อยู่ข้างๆ ก็ตามเข้ามาด้วยเหมือนโดนสั่งทั้งที่ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร
"รู้แล้วคุณจะไปทำอะไรได้ หรือคุณจะให้มันรับผิดชอบ" เจ้าของใบหน้าคมเข้มพูดเสียงห้วน
ชยุตม์เห็นว่าเสียงทุ้มของชายหนุ่มเป็นเสียงที่เพราะทีเดียวหากพูดจาอ่อนโยน แต่ตอนนั้นคนพูดกำลังอารมณ์ฉุนเฉียว เสียงจึงฟังดูกร้าว
...ไปกันได้กับหน้าตา คิ้วเข้ม หัวคิ้วต่ำ ปลายเฉียงขึ้นด้านด้านบน จมูกโด่ง แต่ปากอิ่มเต็มแดงจัด หน้าเหมือนจะหวานแต่ก็ดูดุผสมกัน...
"ถ้าผมยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจะไปรับผิดชอบได้ยังไง" ชยุตม์งง ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรกัน
"งั้นก็เรียกไอ้โต๋ออกมา" ชายหนุ่มหน้าคมสั่งอีกครั้ง แต่ทว่าไม่สนใจคำตอบ หันไปตะโกนต่อ "ไอ้โต๋ ไอ้ขี้ขลาด ออกมาสิวะ มัวแต่มุดหัวอยู่ได้ คิดหรือว่าจะรอดตัว ออกมาเดี๋ยวนี้"
"นี่คุณ ไม่บอกว่าจะเรียกเขาออกมาเรื่องอะไร เขาจะออกมาทำไม คุณก็มีแต่บอกให้เขาออกมาหา มาตะโกนสั่งเสียงดุแบบนี้ ใครเขาจะกล้าโผล่ให้เห็น" ชยุตม์เอียงหน้า น้ำเสียงบ่งบอกว่าอ่อนใจ
"นั่นสิ มันไม่กล้าเพราะมันขี้ขลาด แต่มันได้ยินเสียงผม มันก็รู้ว่าใคร มาทำไม"ชายหนุ่มหันมาพูดกับชยุตม์เสียงเย็นแล้วหันไปตะโกนเรียกโต๋ต่ออย่างไม่ลดละ
ขณะที่เสียงกำลังดัง ชายหนุ่มที่กำลังโกรธเกรี้ยวหันไปเห็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนกลมคนหนึ่งเดินโผล่มาจากหัวมุมของบ้านด้านที่มีโอ่งน้ำขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายจึงสั่งเสียงเข้ม
"ลุงแหวง ไอ้โต๋อยู่ในบ้านใช่หรือไม่ ลุงไปตามมันออกมาคุยกับผม"
ทันทีที่แสวงเห็นว่าใครกำลังยืนอยู่ประตูรั้วก็ชะงัก กำลังจะหันหลังกลับ
"ลุงแหวงจะไปไหน" ชายหนุ่มเสียงกร้าว
"ผม เอ่อ..." แสวงเลิกลั่ก อ้ำอึ้ง หันรีหันขวาง
ชยุตม์หันตามไปมอง ด้วยไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไร ทำไมผู้ช่วยของเขาจึงทำหน้าเหมือนเจอผีก็ไม่ปาน
"ไปบอกไอ้โต๋ให้ออกมาคุยกับผมเดี๋ยวนี้ มันจะเอายังไงกับเดือน" คนหน้าดุสั่งแสวง ไม่สนใจชยุตม์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พร้อมส่งสายตาถามคำถามมาให้
"ไอ้โต๋ มัน...มัน" แสวงตะกุกตะกัก "มันไม่อยู่ครับ"
"โกหก ดูหน้าก็รู้ว่าลุงแหวงโกหก รู้ใช่ไหมว่าไม่มีใครโกหกผมได้ และคนโกหกจะได้รับผลตอบแทนยังไง" ชายหนุ่มตวาด
"เขาบอกว่าไม่อยู่ก็ไม่อยู่สิครับครับ เด็กมันอาจจะไปทำธุระที่ไหน ผมว่ามีเรื่องอะไรฝากเอาไว้ก่อน ผมจะบอกโต๋ให้" ชยุตม์แทรก แต่พลันชายหนุ่มหันขวับมาเอาเรื่องเขาแทน
"ต้องอยู่สิ มันไปไหนผมต้องรู้ มันออกจากบ้านเมื่อไหร่ผมรู้ทันที คุณทำอะไรไม่ได้และไม่ได้ทำ ไม่ต้องมายุ่ง"
"อ้าว" ชยุตม์ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด
"ฝากเรื่องเอาไว้ไม่ได้หรอก ต้องคุยกันเดี๋ยวนี้ให้มันชัดเจน" ชายหนุ่มร่างสูงเสียงเข้ม แลัวหันไปดุเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ "เห็นไหมเดือน มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ไม่กล้าแม้แต่จะออกมาสู้หน้า เธอนี่ก็ตาถั่วจริงๆ"
เด็กสาวเอาแต่ก้มหน้าสะอึกสะอื้น ชยุตม์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่นึกว่าเช้าวันหยุดอันสดใสวันแรกของเขาที่เมืองน่านจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หันไปมองแสวงที่กำลังจะหลบฉากไป แต่ก็ดูกลัวๆ ชายหนุ่มหน้าขาวที่ยืนจังก้าท่าทางเอาเรื่อง
"ลุงแหวง โต๋ไปไหน ไปตามหามาให้คุณกับคุณคนนี้ให้จบๆ ไป ผมจะได้หลับได้นอนเสียที" ชยุฒม์บอกแสวง
"มันอยู่ในบ้านนี่ล่ะ ไม่ต้องไปตามหาที่ไหนหรอก" หนุ่มหน้าดุแทรก
"ครับๆ" แสวงรีบผลุบหายไป
"มันอยู่ข้างใน ไอ้โต๋มันขี้ขลาด ดีไม่ดีกำลังนั่งแอบอยู่ข้างโอ่งน้ำ ไม่ก็หลบอยู่ในส้วม จะปกป้องมันอยู่ได้"
"นี่คุณ อย่าเพิ่งโวยวายดีกว่า มีอะไรคุยกันดีๆ" ชยุตม์พยายามพูดเสียงอ่อนโยน
"ก็ไอ้โต๋มันเหลี่ยมจัด คุยดีไม่ได้หรอก ไม่เอาตำรวจมาลากคอมันเข้าคุกก็บุญเท่าไหร่แล้ว"
"เฮ้ย เรื่องถึงตำรวจได้เลยหรือ" ชยุตม์อุทาน
"ก็ทำคนท้อง มันน่าถึงไหมล่ะ ผู้หญิงยังไม่บรรลุนิติภาวะ มันก็คงยังไม่บรรลุนิติภาวะเหมือนกัน" คนเสียงห้วนรีบสวน
"ท้อง...ท้องกับโต๋นะหรือ ยังเด็กอยู่แท้ๆ" ชยุตม์คราง ทอดสายตามองเด็กสาวที่ยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ คนหน้าดุ
"ท้องแล้วทิ้ง น่าเอามาตัดคอเสียบประจานเหลือเกิน" ชายหนุ่มเค้นเสียงรอดไรฟัน
"คุณโชคดีคะ อย่าเลย เรากลับกับเถอะ" เด็กสาวชื่อเดือนพูดขึ้นมาครั้งแรกด้วยเสียงสั่นเครือ
...ชื่อโชคดีหรือ หน้าตาถมึงถึงเอาเรื่องไม่ใช่ย่อย ชื่อไม่เข้ากับตัว...
ชยุตม์ก้าวเท้าเข้ามาใกล้อีกสามก้าว ตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณามากขึ้น ใบหน้าคมเข้มนั้นขาวเนียนสะอาด ผิวพรรณดีอย่างคนเหนือดังที่เพื่อนๆ ของเขาเล่าให้ฟัง ดวงตาคมกริบวิบวับท่าทางเอาเรื่อง ตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคางบุ๋มเล็กน้อย และมีลักยิ้มแก้มขวาเพราะกระตุกมุมปาก ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับว่าใกล้จะหมดความอดทน
'คุณโชคดี' สูงกว่าเขาเล็กน้อย แม้รูปร่างเพรียวกว่า แต่ก็เป็นคนมีกล้ามเนื้อพองาม สังเกตจากแผ่นอกภายใต้เสื้อลายทางสีน้ำเงินเข้ม ชายหนุ่มสวมกางเกงยีนส์สีซีด และรองเท้าผ้าใบสีเทาหม่น
"คุณรู้ได้ยังยังว่าเขาทิ้ง ยังไม่ได้คุยกับโต๋เลย" ชยุตม์พยายามพูดเสียงเรียบ หากสังเกตเห็นว่าแววตาของโชคดีแข็งกร้าวขึ้นทันที
"ถ้ามันไม่ทิ้ง ผมจะมายืนแหกปากให้เสียแรงอยู่ตรงนี้หรือ เสียเวลาทำมาหากิน คุณอยู่นี่ก็ดีแล้ว เป็นหัวหน้ามันใช่ไหม คุณต้องบอกให้มันรับผิดชอบ" โชคดีสั่ง
"คุณโชคดีกลับเถอะค่ะ พี่โต๋ไม่ยอมหนูก็ไม่อยากบังคับ" เดือนเงยหน้าขึ้นมาอ้อนวอน
"เงียบซะที ถึงขนาดนี้แล้วยังปกป้องมันอีก" โชคดีเสียงแข็ง
"คุณแน่ใจหรือว่าโต๋เป็นพ่อของเด็ก" พูดเสร็จ ชยุตม์ก็นึกได้ว่า ไม่น่าพูดเลย...
แววตาของฝ่ายตรงข้ามลุกวาบขึ้นมาอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงห้วนกว่าเดิม "อ้าว พูดอย่างนี้ก็สวยสิ"
"เปล่า ผมก็แค่..."
"คุณจะไปรู้อะไร นี่คิดว่าผมมาหาเรื่องหรือไง ถ้าไม่แน่ใจ คนอย่างผมไม่กล้ามายืนอยู่ตรงนี้หรอก" โชคดีพูดกับชยุตม์แล้วหันไปตะโกนอีกครั้ง "ไอ้โต๋ออกมาเดี๋ยวนี้ นับหนึ่งถึงสิบ หนึ่ง..."
สิ้นเสียงนับของโชคดี เด็กหนุ่มอายุ 18 ปีย่าง 19 ปี ค่อยๆ เดินออกมา โชคดีหรี่ตามองอย่างเอาเรื่อง โต๋สูงแค่ถึงคางของชายหนุ่มหน้าดุ เด็กหนุ่มร่างผอมยังอ่อนเยาว์มากนัก ตาคมเหลือบไปมองชยุตม์แวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลง
"ไอ้โต๋ ท่ามากนักนะเอ็ง จงใจกวนประสาทชิบหาย นี่จะไม่รับผิดชอบใช่ไหม" โชคดีตะคอก
"ผม...ผม..." โต๋ปรายตาไปมองเดือนที่ยืนร้องให้กระซิกอยู่ข้างโชคดี
"แกจะเอายังไงบอกมา" โชคดีคาดคั้น
โต๋ยังก้มหน้าไม่ยอมพูดจา โชคดีเริ่มจะหมดความอดทนจึงตะคอกเสียงดังกว่าเดิม
"ไอ้โต๋ ไม่ได้เอาปากมาด้วยหรือไงวะ บอกมา จะเอายังไง" โชคดีก้าวเข้ามาหา โต๋ถอยหลังกรูด หันหน้าไปมองชยุตม์ราวกับจะขอความช่วยเหลือ
"นี่คุณ พูดกันดีๆ อย่าให้ถึงกับลงไม้ลงมือเลย" ชยุตม์ยกมือขึ้นห้าม
"ใครว่าผมจะลงไม้ลงมือ" โชคดีมองโต๋กับชยุตม์สลับกัน "อย่างมันต้องลงแข้งลงตีน"
"นายช่าง ช่วยผมด้วย" โต๋ถอยมาหลับหลังชยุตม์
"ขอทีเถอะคุณ" ชยุตม์กางมือกั้น ทั้งๆ ที่โชคดียังยืนอยู่เฉยๆ
"ไอ้โต๋ ไอ้คนขี้ขลาด"
ชยุตม์ถอนหายใจ ท่าทางจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ฝ่ายนี้ก็ดูดุเหลือเกิน ส่วนโต๋ก็เอาแต่เงียบ
"ผมว่าคุณบอกมาดีกว่าจะให้โต๋ทำยังไง" ชยุตม์ถาม
โชคดีเผชิญหน้าวิศวกรคนใหม่ จ้องตาคมกริบคู่นั้นเขม็ง ท่าทางเขาเป็นคนอ่อนโยน นุ่มนวลแต่ก็ดูเด็ดเดี่ยวราวจะปกป้องลูกน้องเต็มที่
"เอางั้นใช่ไหม ก็ได้ ผมต้องการให้ไอ้โต๋มันรับผิดชอบเดือน แต่งงานอยู่กินกัน รับผิดชอบลูกในท้อง" โชคดีพูดชัดถ้อยชัดคำ สายตาจริงจัง
"เดือนท้องกับผมหรือ" โต๋ครวญ
"เออสิวะ ก็ท้องกับแกสิ ไม่ท้องกับแกจะท้องกับลุงเแหวงหรือไง" โชคดีขึ้นเสียง อยากกระโดดเข้าไปตบกะโหลกของเด็กหนุ่ม
"อ้าว มาเกี่ยวกับผมได้ไง ซวยซะไหมล่ะ" ลุงแหวงสะดุ้ง "คุณโชคดีอย่าพูดแบบนี้สิครับ มันไม่ค่อยน่าฟัง"
"คุณมีหลักฐานอะไรมาบอกว่าโต๋เป็นพ่อของเด็ก" ชยุตม์พูดเสียงเรียบ พยายามช่วยลูกน้อง
"ปกป้องกันเข้าไป" โชคดีหรี่ตา ก่อนเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเรียบเย็น "ผมไม่ต้องมีหลักฐานอะไรหรอก รู้ๆ กันอยู่ ไอ้โต๋กับเดือนชอบพอกัน ทีนี้ก็เกิดเลยเถิด ลักลอบมีอะไรกัน เดือนมันท้อง ผมคาดคั้น ถึงได้บอกว่าพ่อของลูกในท้องคือไอ้โต๋"
ชยุตม์ขมวดคิ้ว คิดในใจว่าตัวเองหลงยุคย้อนอดีตที่มีการลักลอบรักกันจนพลาดท่า พอท้องขึ้นมา พ่อก็มาบีบให้ลูกสาวบอกว่าใครเป็นพ่อ
...แล้วนี่พูดกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ แปลกคนจริง...
"แล้วคุณก็เชื่อเด็กของคุณ"
"เดือนไม่กล้าโกหกผม เด็กของผมไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณอาจจะเคยรู้จัก นี่มันเมืองน่าน ไม่ใช่กรุงเทพฯ" โชคดีคาดว่าหนุ่มแปลกหน้าคนนี้น่าจะเพิ่งมาจากเมืองหลวง "คุณเป็นคนกรุงเทพฯ คงนึกละสิว่าผู้หญิงที่นี่นอนกับผู้ชายจนไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ เด็กมันพลาดไปเพราะมันรักกัน ทีนี้พอเกิดปัญญาขึ้นก็ต้องมีคนมาจัดการให้เรียบร้อย"
"และคุณก็คงรู้ว่าเด็กยังเด็กกันมาก จะจับแต่งงานกันได้ยังไง" ชยุตม์โต้เสียงเบา แต่หนักแน่น
"ถ้าไม่แต่งจะปล่อยให้ผู้หญิงท้องโย้หาพ่อให้ลูกไม่ได้หรือยังไง" โชคดีกระแทกเสียง ไม่เข้าใจว่าหนุ่มกรุงหน้านิ่งคนนี้ทำไมเข้าใจอะไรยากนัก
"ถ้าคุณบอกว่าเชื่อเด็กคุณ ผมก็จะถามเด็กผมเหมือนกัน และผมควรเชื่อเขาเหมือนคุณเชื่อเด็กคุณใช่ไหม" ชยุตม์พูดเสียงเบาพอให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน เขาสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยืนเผชิญหน้าเขาอยู่หายใจแรงอย่างพยายามสะกดอารมณ์
"ถ้าไอ้โต๋มันเป็นลูกผู้ชายพอ" โชคดีเสียงเบาเช่นกัน
"ว่าไงโต๋ เราเคยมีอะไรกับคุณเดือนเขาหรือเปล่า" ชยุตม์หันไปถามเด็กหนุ่ม
"ไง ไอ้โต๋ ยอมรับหรือเปล่า" โชคดีแทรก
ชยุตม์หันหน้ามาปราม "คุณครับให้ผมถามเถอะ คุณอย่าเพิ่งพูด"
"คุณก็มัวแต่อ้อมค้อมอยู่ได้ เมื่อไหร่จะรู้เรื่อง" โชคดีทำเสียงหงุดหงิด
"ผมก็กำลังคุยอยู่นี่ไง" ชยุตม์ประท้วง "ผมไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ ที่ไหน"
"ถามนำให้เด็กเฉไฉออกนอกเรื่อง..."
"ผมกำลังถามอยู่ กรุณารอสักครู่" ชยุตม์เสียงเข้ม
"โต๋ เราคิดว่าเราเป็นพ่อเด็กหรือเปล่า" ชยุตม์ถามเสียงเรียบ
"คิดว่า คิดว่าหรือ มันน่ะเป็นพ่อของเด็กร้อยเปอร์เซ็นต์" โชคดีอดไม่ได้ ชยุตม์เชื่องช้า อ้อมค้อมไม่ทันใจเขา
"คุณจะให้ผมสั่งให้โต๋เป็นพ่อเด็กหรือยังไง" ชยุตม์เริ่มเสียงดัง
"ก็ต้องสั่งสิ คุณกำลังจะพูดให้โต๋มันมีทางเลือก"
"เขาก็ต้องมีทางเลือก ไม่งั้นก็ต้องพิสูจน์กัน" ชยุตม์เถียง
"อย่าบอกนะว่าต้องตรวจดีเอ็นเอ" โชคดีโวยวาย เอาเสียงเข้าข่ม
ชยุตม์ยกมือขึ้นเท้าสะเอวเหมือนกัน ถอนหายใจแล้วพูดว่า "ผมก็ไม่ได้พูด ผมกำลังจะถามเด็ก แต่คุณก็ไม่ยอมรอ"
"เสียเวลา แล้วไม่ต้องเอาประเด็นดีเอ็นเอมาพูด นี่มันบ้านป่า ใครทำก็ต้องใจนักเลงพอที่จะยอมรับ ไม่ต้องเอาบรรทัดฐานของเมืองกรุงมาใช้ที่นี่"
ชยุตม์กับโชคดีกลายมาเป็นมวยคู่ใหม่ แสวงกับโต๋มองหน้ากัน ไมเข้าใจว่าเจ้านายทั้งสองคุยอะไรกันเพราะไม่เข้าใจคำศัพท์แปลกๆ ส่วนเดือนได้แต่ก้มหน้าสะอึดสะอื้น โต๋โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังของชยุตม์ มองเดือนด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย เขารักเดือน แต่เขาไม่นึกว่าเดือนจะเกิดท้อง และเขาจะต้องเป็นพ่อคน เขาสับสน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยิ่งโดนโชคบุกมายืนข่มขู่จะเอาเรื่อง เขายิ่งไม่รู้จะทำอย่างไร
"ผมต้องมีความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย" ชยุตม์หันหน้าไปหาโต๋แล้วถามลูกน้อง "โต๋ เคยมีอะไรกับคุณเดือนโดยไม่ใช้ถุงยางหรือเปลา"
ชยุตม์ไม่รู้จะถามอะไรดี เกิดมาเขาไม่เคยจะต้องเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ในสมองคิดเพียงว่าคนจะท้องก็ต้องมีความสัมพันธ์ทางเพศกันเพราะไม่ใส่ถุงยางอนามัย
เท่านั้นเอง โชคดีก็หมดความอดทน หันหลังกลับ
"โว้ย เสียเวลา ไปเดือน กลับ น้าพงษ์ สตาร์ทรถ" โชคดีก้าวเดินกลับไปที่รถที่จอดอยู่หน้าประตู ก่อนหันมาทางชยุตม์กับโต๋ ยกมือขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่ม
"ไอ้โต๋ ให้เวลาถึงพรุ่งนี้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน หาผู้ใหญ่ไปสู่ขอเดือน มะรืนนี้แต่งงาน ไม่งั้น แกอย่าหวังจะยืนเหยียบแผ่นดินเมืองน่านต่อไปได้"
โต๋หน้าซีดเผือด ชยุตม์งง ไม่นึกว่าโชคดี จู่ๆ ก็หันหลังกลับกลางคัน เลิกคุยตกลงกัน ทั้งสงสัยว่าที่ชายหนุ่มหน้าดุพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร
"พวกเรา กลับ" โชคดีสั่งคนที่มาด้วย "เดือน ถ้าไอ้โต๋ไม่ยอมรับก็ไปเอาเด็กออก ถ้าพ่อมันไม่เป็นลูกผู้ชายพอจะยอมรับลูกของตัวเอง มันก็เป็นพ่อคนไม่ได้หรอก"
เดือนปล่อยโฮลั่น พร้อมๆ กับเสียงสตาร์ทรถกระบะโฟรวีลด์ โชคดีหันไปสั่งชายวัยกลางคนที่มาด้วยกันให้ออกรถ
ชยุตม์ยืนมองท้ายรถกระบะสองตอนสีเงินที่วิ่งฝุ่นตลบออกไปโดยเร็ว ก่อนหันมาหาแสวง
"ลุงแสวง หมายความว่ายังไงทีโต๋จะเหยียบแผ่นดินเมืองน่านต่อไปไม่ได้ แล้วนี่จะเอาเด็กออกเลยหรือ เขากล้าทำหรือ"
แสวงอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดีเพราะเกรงกลัวโชคดีอยู่แล้ว เขารู้ว่า บทจะร้าย โชคดีก็ร้ายเหลือทน
"คือผม..." แสวงอึกอัก พลันหันไปหาเด็กหนุ่มอายุคราวหลานที่ยืนทำหน้าซีดอยู่ข้างๆ จึงยกมือขึ้นตบหัวแรงๆ "นี่แนะ ไอ้บื๊อ จะทำให้กูซวยไปด้วยแล้ว"
"ก็ผม..." โต๋พูดอะไรไม่ออก
"เมื่อกี้ทำไมเอ็งไม่รับ คราวนี้มึงจะไม่มีแผ่นดินอยู่" แสวงตะคอก
"ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ผม...ผม..." โต๋หลบมือแสวงที่กำลังจะตบหัวอีกครั้ง
"พอๆ ลุงแสวง" ชยุตม์ห้าม แล้วหันหน้ามาหาโต๋ เอ่ยถามเสียงเรียบ "ไหนโต๋ บอกมาซิว่าเราไปทำเขาท้องจริงหรือ"
"ผมแค่มีอะไรกัน" โต๋เสียงอ่อย เงยหน้าขึ้นสบหน้าชยุตม์แวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลง
"เวรกรรม" ชยุตม์พึมพำ "แล้วที่เขาบอกว่าเราเป็นพ่อเด็กจริงหรือเปล่า"
"ก็...เอ่อ...ไม่รู้สิครับ" เด็กหนุ่มตอบอ้อมแอ้ม
"โต๋" ชยุตม์เรียกเสียงเข้ม "นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ"
โต๋ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เอาแต่นิ่งเงียบ ชยุตม์มองเด็กหนุ่มแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ นึกสงสารโต๋อยู่บ้างที่กลายมาเป็นพ่อคนตั้งแต่อายุ 18 ปี และท่าทางผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก็ร้ายไม่ใช่ย่อย แต่เขาก็สงสารตัวเองด้วย ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชายไปโดยปริยาย
...แล้วนี่ เขาต้องไปขอสาวให้ลูกน้องแต่งงานหรืออย่างไร เกิดมาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้...
...โชคดี ถ้าเจอกันอีกคราวนี้จะร้ายขนาดไหน...
1 1 1 1 1