ก่อนอื่นเลยขอขอบพระคุณเจ๊สองจริงๆครับ ผมนี่แย่จริงๆ ตกหล่นมากมาย รักเจ๊สองมากๆๆเลยขอบคุณ :กอด1:นะครับ
คงเพราะเบลอ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิเลย ไหนจะเรื่องรอผลเอ็นท์ ทะเลาะกับเพื่อนด้วย...T-T เพราะผมไม่ค่อยว่างเลย งานเข้า ไอ้ที่งานเข้าก็เพราะแม่ผมผ่าตัดอยู่โรงบาลครับ วันนี้จะไปเฝ้าวันสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้จะออกจากโรงบาล(ฉะนั้นเลยงานเข้าอีกแล้วนะครับคืนนี้...)
ยังไงต้องขอโทษด้วยหากมีพิมพ์ตกหล่นผิดพลาดไป จะพยายามมากกว่านี้ครับ
บทที่ 10
ชนินทร์เดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเมฆิน ผู้ซึ่งกำลังมองมาด้วยแววตาเย็นชาและคมกริบ
“ไปไหนมา”
“…”
“ผมถามว่าไปไหนมา?!”
ตะคอกแรงจนร่างบางสะดุ้ง ตามเสียงฟ้าร้องคำรามกึกก้อง
“คิดไม่ผิดจริงๆ…ว่าคุณต้องเป็นแบบนี้ ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ผมคงด่าได้แล้วว่าร่านสวาท!”
“เปล่านะ!”
“แล้วหรือไม่จริง? คุณไปตะลอนกับคนงานในไร่มา อย่านึกว่าผมไม่รู้”
ร่างสูงเดินออกมาเขย่าร่างเชลยหนุ่ม
“ใช่มั้ย? ไปกับมันมาใช่มั้ย พูดกันดีๆคุณก็กลายเป็นเมียผมแล้วนี่เอง ยังกล้าทำแบบนี้อีก!”
“ผมไม่ใช่เมียคุณ!”
“แต่เป็นเมียกับคนอื่นไปทั่ว คุณนี่มันทั้งต่ำช้าและสกปรกกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ”
ชนินทร์สะอื้นไห้ กล่าวแข่งกับเสียงสายฝน “ผม…ผมไม่ใช่เมียคุณ”
“เออ! ไม่ใช่แต่ก็เหมือนใช่! อยากออกไปนัก ก็ไม่ต้องกลับเข้ามาเลย ยืนตากฝนอยู่ตรงนี้น่ะแหละ!”
หันหลัง แล้วไม่กลับมามองอีก
ดูซิว่า…จะใจแข็งทนได้นานสักแค่ไหน!
สองสามชั่วโมงแล้วที่ฝนไม่ยอมหยุด
ชายหนุ่มเริ่มเป็นกังวล ถึงคนที่ยืนอยู่ข้างนอก
แวบออกไปดู ก็พบว่ามีเงาร่างหนึ่งยืนกอดอกอยู่ท่ามกลางสายฝน
เขาเดินออกไป ชนินทร์ตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ แต่ยังพอยืนอยู่ได้ ก็เพราะว่าแรงใจล้วนๆ
“คุณ…”
เมฆินจับตัว ชนินทร์ปรือตาขึ้น ปากและเนื้อตัวซีดเป็นสีขาว
“ผม…”
ว่าแล้วร่างบางก็ล้มทรุดลง โชคดีที่เมฆินรับไว้ได้
อุ้มเข้ามา ชายหนุ่มวางลงบนเตียง ถอดเสื้อและสร้างความอบอุ่นให้ กระนั้นชนินทร์ก็ยังสั่นสะท้านราวกับกำลังจะชัก
เมฆินไม่กล่าวคำใดๆ นอกจากจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก สอดตัวลงไปนอนเคียงข้าง เอากายแนบไออุ่นให้อีกฝ่ายไปตลอดทั้งคืน…
กลางดึก…ชนินทร์รู้สึกตัว
เหมือนฝัน…เขาฝันไปหรือ?...
ไออุ่นจากกายใครบางคน…ราวกับจะยังคงตราตรึงอยู่บนปลายนิ้วของเขา
กลิ่นกายชายหนุ่ม…ที่โอบล้อมรอบเขา ทำให้เขาคลายจากความหนาวเย็น
ไม่อยากจะเชื่อ…ว่าเป็นเพราะใคร!
“นอนอยู่เฉยๆ”
เสียงทุ้มดังราบเรียบมาจากประตู ชนินทร์สะดุ้ง
เมฆินยืนพิงประตูจับจ้องด้วยแววตาเคร่งเครียดเป็นกังวล ราวกับกำลังกลุ้มลึกๆ…
“ผม…”
ชนินทร์จะลุกออกไปนอนห้องตัวเอง เมฆินก้าวเข้ามาขัดขวาง
“ผมบอกว่าอย่าลุกไปไหน”
“แต่นี่ไม่ใช่ห้องผม!”
ร่างบางพยายามใช้แรงที่มีฝ่าฝืนพละกำลังของคนตัวใหญ่ จนเกิดการขัดขืนขึ้นเล็กน้อย
“ทำไม?! ผมมันน่ารังเกียจมากนักเลยหรือไง?”
“ใช่! ผมเกลียดคุณ…ผมเกลียดคุณที่สุด!”
วิ่งออกมา เมฆินก้าวหนักๆยาวๆสองสามทีก็ตะครุบร่างบาง แล้วโยนตัวลงไปบนที่นอนแรงๆ
ชายหนุ่มคร่อมร่างบาง จับข้อแขนทั้งสองข้างไว้เหนือหัว พยายามปลดกระดุมอีกฝ่ายออก
“คุณเมฆิน…นี่ นี่คุณจะทำอะไร?!”
ชายหนุ่มยังไม่ตอบ แต่พอเจอยอดอกสีชมพูที่กระตุ้นพร้อมแล้ว เขาก็ฉกวูบลงไปอย่างรวดเร็ว
“คุณ…”
ชนินทร์รังเกียจตัวเองที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างต้านทานไม่ไหว
เส้นเสียงต่างๆเล่าก็พากันพร้อมใจหดหายไป…ไร้คำต้านทานหลุดลอดออกมาเป็นเสียง
แผงอกกำยำหนาใหญ่ของชายหนุ่มทาบทับลงไปบนตัวของชลย ที่กำลังหอบหายใจอย่างยากลำบากเช่นเดียวกัน…มือใหญ่จับให้ใบหน้าแดงก่ำสบตากัน
“คุณรู้มั้ย ผมก็รังเกียจคุณไม่แพ้กันหรอก”
ทว่าสิ่งที่เมฆินกระทำนั้น กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
แววตาของเขาฉายแววเจ็บปวด…ยามชนินทร์ตอบสนอง มอบความสุขปนความรวดร้าว ที่แสนทรมานแต่น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก
เมฆินห้ามตัวเองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาถึงกับเผลอไผลแสดงความอ่อนแอ…แสดงความรู้สึกที่ว่าเขาต้องการอีกฝ่ายมากแค่ไหนออกมาต่อหน้าชนินทร์
จุมพิต…จุมพิตจริงๆที่มอบความอ่อนหวานแก่กัน สัมผัสที่อ่อนโยนแนบแน่น…กระแสอารมณ์ที่แล่นผ่านกัน ราวกับจะทำให้ล้มตึงได้ เหมือนโดนกระแสไฟฟ้านับล้านโวลต์พุ่งเข้ากระตุ้น เพียงแค่ได้ครอบครองกันและกัน…
ใจเต้นแรง…ดวงใจที่เต้นสอดประสานเป็นจังหวะเดียวกัน
ใบหน้าแกร่งเหยเกด้วยความสุขซ่าน จ้องตากันกับโครงหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลา บดจูบที่ทำให้หายใจไม่ออก หัวใจแทบหยุดเต้นชั่วขณะ…มือใหญ่คว้าที่หลังต้นคอบางแล้วเบนลำคอออกไปเพื่อลิ้มรสหอมหวานของผิวตรงนั้น พลางกระซิบ…
“ผม…ผม…ผมอยาก…”
ทว่าคำพูดที่อยู่ในใจ ก็ไม่ได้พูดออกไป
เมฆินยังไม่อยากจบบทรักที่แสนประทับใจนี้เลย
ทว่าทำนบดูจะแตกอยู่รอมร่อ
ร่างหนาใหญ่จึงเร่งกายรวดเร็วขึ้น คนตัวเล็กแอ่นกายสอดประสาน
แผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อขยับอย่างรันจวญอีกไม่กี่ครั้ง…
เมฆินปรนเปรอชนินทร์อย่างอ่อนหวาน…นุ่มนวล และเร่าร้อน
ยิ่งเป็นการทรมานชนินทร์ให้ตายทั้งเป็น!
เช้าแล้ว ชนินทร์ลืมตาตื่น…
เมื่อคืนเหมือนฝันร้าย…และฝันดี
ถ้าเขาเป็นแมว คงเกิดแล้วตายไปเกินเก้าชีวิต
แต่นี่…เขายังมีชีวิตอยู่
โชคชะตาคงเล่นตลก ให้เขาต้องอยู่ต่อไป เป็นเครื่องระบายความแค้น
แต่ทำไม…เขาต้องรู้สึกอ่อนไหวไปกับอีกฝ่ายด้วย
ยามที่เมฆินสัมผัสเขาแบบนั้น…ชนินทร์ไม่อยากยอมรับ ว่าแม้แต่พลังที่จะตัดสินโดยความคิดของตัวเองนั้น เขายังทำไม่ได้…
อีกด้านหนึ่ง…ยามเมฆินโหดร้ายกับเขา
บังคับ ให้เขาชดใช้กรรมที่ไม่ได้เป็นคนก่อ
ชนินทร์แสร้งทำไม่เจ็บปวดใดๆ…ทั้งที่หัวใจของเขาแตกสลายลงทีละน้อยๆ
ถึงตอนนี้…ไม่อยากโกหกตัวเองเลยว่าอาจจะโกรธ แต่เขายอมให้อภัยทุกอย่าง…
…เจ้าของร่างบางลืมตาตื่น
อากาศตามชนบทหนาวเย็นมากในตอนเช้า ย่ำรุ่งเช่นนี้…ชนินทร์กลับมีความสุขอยู่บนเตียงแคบๆ อุ่นๆ สูดหายใจเอาความเย็นเยียบเข้าสู่ปอด ยกเว้นแต่…
ร่างสูงนอนเบียดอยู่ข้างๆ กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น
นัยน์ตาสวยเบิกกว้างขึ้น หน้าแดง…เมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนมากระตุ้นเตือน
“คุณ…”
ชนินทร์ประท้วงด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แต่เมฆินไม่ยอมปล่อย
“ทำไม? อุตส่าห์นอนกอดคุณมาทั้งคืน ไม่งั้นคุณได้ตายไปแล้ว”
ตื่นมาก็หาเรื่อง…
“ก็ให้ผมตายไปเลยซิ มันจะได้จบๆกันไปสักที”
“ยังหรอก ผมยังไม่สาแก่ใจเลย คุณต้องเจ็บกว่านี้อีกหมื่นเท่า!”
ชนินทร์กัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ
“เลว!”
เมฆินหัวเราะเสียงต่ำ ก่อนจะยกมือขึ้นไล้ใบหน้าอีกฝ่าย
“ใช่ ผมมันเลว”
จ้องหน้ากัน เมฆินรู้สึกแปลกๆ
เขาขมวดคิ้วท่ามกลางความเงียบงัน
“เรื่องเมื่อวาน…ผมขอโทษ”
ชนินทร์เบิกตากว้าง
ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะพูดคำๆนี้
เป็นครั้งแรก…เมฆินเองก็ตกใจที่ประโยคนั้นหลุดออกไป
“ผมไม่น่าให้คุณออกไปตากฝนแบบนั้นเลย…”
เมฆินจ้องในนัยน์ตาชนินทร์ ก่อเกิดเป็นแรงดึงดูดประหลาด…ใบหน้าของเขาค่อยๆเลื่อนลงไปใกล้ ใกล้มากขึ้น…จนริมฝีปากบางกับอวบอิ่มประกบกันในที่สุด อ่อนโยน นุ่มนวลกว่าครั้งไหน
เมฆินควานหาความอ่อนหวานลึกซึ้ง หลับตาลง พริ้มแพขนตาด้วยความรู้สึกข้างในที่แตกซ่าน…
แม้แต่ชนินทร์เองก็เคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสเหล่านี้เช่นเดียวกัน!
ปล. ฝากเจ๊สองสแกนด้วยนะงับ ผมต้องไปแร้ว -_-" (เลวจังใช้เจ๊เฉยเยย)
