เดี๋ยวจะเอาอีกตอนมาลงตอนเย็นๆ แต่ขอเม้นท์เยอะๆก่อนนะครับ หุหุ...อยากเช็คเรทตัวเองไม่ใช่ไรหรอกครับ ผมล่ะไม่ค่อยมั่นใจเอาซะเลย...

ปล. ใครยังไม่ได้ย้อนกลับไปอ่านฉากเอ็นซี...เดี๋ยวเสียใจไม่รู้ด้วยนะครับ

บทที่ 5
ร่างสูงก้มลงจัดการกับสาบเสื้ออย่างรีบร้อน อารมณ์กระหายของเขาบัดนี้ไม่สามารถหยุดได้อีกต่อไป…
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยผม”
เมฆินโอบอุ้มร่างบางไว้ แล้วกอดแน่น…สอดเสียบแก่นกายอวบใหญ่แข็งเขม็งเข้าไปอย่างรุนแรง…
คนถูกกระทำจุกจนทำอะไรไม่ถูก
ด้วยความที่ชนินทร์อาจจะเป็นคนผอม แต่เขามีเนินเนื้ออวบๆเป็นกระเปาะเล็กๆที่หน้าอกถูกบีบเค้นจนบวมแดง…เมฆินก้มลงดูดยอดอกแรงๆ…ชายหนุ่มเองไม่เคยรู้สึกดื่มด่ำกับกามชนิดนี้มาก่อนจากที่ไหน ทุกครั้งที่เขากอบโกยความต้องการจากอีกฝ่าย…เมฆินรู้สึกเหมือนหน้ามืด หลงทางไปกับรสอารมณ์เหล่านั้น
มือเล็กเกาะบ่าแกร่งไว้เมื่อไม่มีตัวเลือกใด…ชนินทร์ต้องทนยอมตกเป็นเครื่องมือระบายความใคร่ของอีกฝ่าย
ร่างเล็กเคลื่อนกายไหวโยกเหนือร่างใหญ่ตามคำสั่งของผู้บงการ เมฆินโอบวงแขนแข็งกล้าแน่นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ…เร่งจังหวะรุนแรงรุกเร้าจนสุดกำลัง ลมหายใจหอบถี่จนในที่สุดทำนบที่ขวางกั้นไว้ทานทนไม่ไหว…ปลดปล่อยความอุ่นร้อนแทบเผาให้เป็นจุลสู่ภายในกายของเชลยหนุ่ม มากมายอย่างอดกลั้นไม่ได้…
เมฆินหอบเหนื่อย ใบหน้าแดงก่ำของชนินทร์ซบลงตรงไหล่…เนื้อตัวนุ่มนิ่มกว่าสิ่งใดปลุกเร้าอารมณ์ให้เมฆินยังไม่พอแค่ครั้งเดียว ความแข็งเขม็งยังคงอยู่อย่างน่าเหลื่อเชื่อ…ชายหนุ่มผลิกร่างอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างเล็กนอนแผ่อยู่ใต้ร่างใหญ่บึกบึนอย่างหมดหนทางสู้ เมฆินหลับตาลงซึมซับความเสียวซ่านยามขยับเอวตอบตอกลึกประกาศความเป็นเจ้าของในกายของเชลยหนุ่ม
“หยุด…ได้โปรด”
เมฆินครางลึก ส่งเสียงพอใจกระหึมแผ่นอกกว้าง
มือหนาบีบคางเล็ก บดจูบรุนแรงลงไป แววตาลุกวาวเริงโรจน์
“บอกผมซิว่าคุณทรมาน เจ็บมากใช่มั้ยล่ะ?”
ชั่วขณะหนึ่ง…เมฆินดูเหมือนจะลืมเหตุผลทุกประการ
ไม่เข้าใจ…ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้
ลืมว่าเขากำลังทำอะไรอยู่…
มีเพียงเขา…กับคนแปลกหน้าคนนี้เท่านั้น
กายหนาหนักกระตุกอย่างรุนแรงหลังเวลาผ่านไป…เจ้าของร่างล้มลงทับด้วยความเหนื่อยอ่อน
ถอนความเป็นชายที่เปียกลื่นหลังจากแช่ไว้นานออกมา…เขาพบว่านอกจากร่องรอยจากธรรมชาติแล้ว ยังมีเลือดสีแดงสดติดมาด้วยบางๆ
วินาทีนั้นเขาเริ่มรู้สึกแปลกๆในจิตใจ
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอน พยายามหลับ
ความคิดวนเวียนถึงคนข้างๆ…อะไรกันที่รบกวนจิตใจเขา
ภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นหมุนวนเหมือนฉายซ้ำ ทวนแล้วทวนอีก…เสียงสะอื้นเบาๆก็ดังจนเขาทนไม่ไหว
ดึงชนินทร์เข้ามากอด ทว่าอีกฝ่ายขัดขืน
“…ไม่เอานา”
น้ำเสียงทุ้มใหญ่แม้ไม่อ่อนโยนแต่ก็ราบเรียบ เมฆินพยายามรั้งอีกฝ่ายไว้แนบกาย
“ผมเกลียดคุณ…”
แขนเล็กเรียวบางถูกล็อคไว้ แค่เพียงแรงที่ดิ้นรนก็เกิดเป็นรอยแดง เนื่องจากสุขภาพที่อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ
“อย่าดิ้นซิ”
เมฆินกอดไว้แน่น
“คุณมันบ้า เสียสติไปแล้ว…คุณมันไม่ใช่คน”
ชนินทร์ร้องไห้หนักอยู่ใต้คางชายหนุ่ม…
“ผม…”
“ไม่! ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!”
“สรุปนี่เราจะต้องมาทะเลาะกันตอนนี้ใช่มั้ย?”
เมฆินชะโงกร่างค้ำคนตัวเล็ก จับหัวไหล่ทั้งสองให้ชนินทร์ซึ่งน้ำตานองหน้าหยุดนิ่ง…มือของเขาเริ่มไล้ไปตามเรียวแขน แผ่นหลัง…จบลงที่เอวเว้าน้อยๆ รั้งให้เข้ามาชิดใกล้จนรู้สึกได้ถึงผิวกายอุ่นๆ…ชนินทร์แทบจะได้ยินถึงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะหนักแน่น
ความอุ่นร้อนระหว่างทั้งสองปลุกเร้าเป็นครั้งที่สาม นิ้วเรียวที่ยาวที่สุดของเมฆินรุกล้ำตรงส่วนที่เปียกลื่นจากกิจกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้…
แปลก ที่คราวนี้ชนินทร์กลับครางกระเส่า
เมฆินรับรู้โดยการจุมพิตแผ่วเบาที่แอ่งชีพจร พลางกดนิ้วเรียวลึกเข้าไปมากขึ้น…มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ…จนในที่สุดนิ้วเดียวก็ไม่เพียงพอ และการเคลื่อนไหวต่างๆก็รุกเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ
นิ้วเรียวถูกแทนที่ด้วยความเป็นชายร้อนดั่งเหล็กเผา เมฆินขยับกายเบาๆเชื่องช้าแต่เย้ายวน…ชายหนุ่มเหมือนคนเมา อีกฝ่ายเองก็ไม่รับรู้สิ่งใด เพียงทำตามความรู้สึกดิบของปุถุชนที่ถูกกักเก็บไว้ส่วนลึกสุดของห้วงสำนึก ที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน…
ความเจ็บปวดพุ่งพล่าน…เจ็บจนพูดไม่ออก พายุร้ายโหมกระหน่ำแล้วผ่านไป ก่อตัวขึ้นใหม่แล้วพัดพาเอาความเลวร้ายเข้ามาซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
วันใหม่แล้ว ชนินทร์ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่เมฆินเองก็จำไม่ได้ว่ากี่ครั้งกันแน่…
ตะวันกลมโตฉายแสงสุดท้าย ก่อนจะลาลับขอบฟ้า ร่างสูงใหญ่นอนกอดร่างบางให้ความอบอุ่นไว้แนบแน่น ลืมตาตื่นมองทิวป่าท่ามกลางแสงจันทร์…
นี่เขาเป็นอะไรไป?
คิดถูกแล้วหรือที่ทำแบบนี้
แต่เขาบอกไม่ถูก…เขากระหายสัมผัสที่ได้จับต้อง กระหายการตอกย้ำและใส่ความเคียดแค้นลงไปในบทรักเร่าร้อน…
เมฆินเคยเจ็บเท่าไร…อิงอรเคยต้องผ่านเรื่องเลวร้ายมาเท่าไร…
ชนินทร์ผู้รับเคราะห์ต้องเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่าพันทวี!
ผ่อนลมหายใจ…ก้มลงมองร่างบางในอ้อมแขน เพียงเผลอ…ภาพคนตรงหน้าที่หลับสนิทช่าง…ก่อความว้าวุ่นจิตใจ ใบหน้าหล่อเหลา เค้าโครงเด่นคม…จะว่าไปแล้วเชลยหนุ่มของเขาถือว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
และรสชาติของกายนี้ ก็ปรนเปรอเขา ทุกครั้งที่ลิ้มรส
เพียงแต่ใจมัจจุราชหนุ่ม ไม่ยอมรับ…ต้องทำร้ายกัน ต้องทำให้เจ็บปวด มันถึงจะสาสม
ร่างเล็กลุกออกจากเตียงเงียบๆ เพียงลำพัง ฝืนใจต่อต้านความเจ็บปวดทั่วร่างกาย
ชนินทร์ก้าวเข้ามาในห้องน้ำ ไม่กล้าส่องกระจกดูเงาตัวเอง
เพราะตอนนี้…
ชนินทร์คนเก่าตายไปนานแล้ว
เหลือแต่กายหยาบ ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน
โดยไม่รู้แม้แต่สาเหตุที่แท้จริง!
ร่างโปร่งบางทรุดกายลงบนพื้น ค่อยๆหลับตาลง พร้อมกับหยาดน้ำตาไหลริน…มากมาย
เขาเข้าใกล้ขีดจำกัด และจวนเจียนจะกลายเป็นคนบ้าเข้าทุกวัน เขาไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่ง…เขาจะถูกลักพาตัวมา ถูกทรมานอย่างวิปริต และถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่ที่นี่
เขาคิดถึงบ้าน…คิดถึงทุกคน อยากรู้ว่าทุกคนเป็นอย่างไร
อยากมีเพื่อนคุย ไม่ใช่หน้าของใครบางคนที่เหี้ยมเกรียมโหดร้ายกับเขาอยู่แทบตลอดเวลา
ชนินทร์กุมศรีษะตัวเอง แล้วโยกตัวไปมาอย่างจะกล่อมตัวเอง พลางห้ามน้ำตาที่ไม่มีวันหยุดได้…เขารู้ รู้ว่าตัวเองอ่อนแอ อยากตาย…อยากตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว!
เมฆินอยู่ในชุดเสื้อแขนยาว กางเกงยีน รองเท้าบูทพร้อมด้วยหมวกปีกกว้าง ลักษณะการแต่งตัวปอนๆแบบนี้ทำให้ชนินทร์เริ่มสงสัยในตัวชายหนุ่มผู้จับเขามามากยิ่งขึ้น…
“เอ้า อาหาร”
ร่างสูงเอนกายนั่งพักลงที่พื้น เหยียดขายาวๆ หายใจหอบแรงด้วยอากาศที่ร้อนระอุภายนอก
ชนินทร์ไม่พูดกับเขา แต่วันนี้ไม่ใช่…
“ในเมื่อผมต้องอยู่ที่นี่ตลอด…มาคิดดูแล้ว ผมควรรู้จักคุณบ้าง”
เมฆินเหม่อลอยสักพัก ก่อนจะหันมางงๆ
“นี่คุณพูดกับผมหรือ?”
“ใช่”
เมฆินหัวเราะเบาๆ
“แต่ผมรู้จักคุณหมดแล้ว…ทุกซอก ทุกมุม…”
ชนินทร์หลบสายตา
“ไม่ใช่เรื่องนั้น…แต่ผมอยากรู้ว่าต่อไปนี้ผมควรจะคาดหวังอะไรได้บ้าง”
“นอกจากการเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ของผมแล้ว ก็ไม่จำเป็นหรอก”
“คุณ!...คุณมันเป็นบ้า ผมพูดดีๆด้วย…คุณก็ยียวน!”
เมฆินถอดหมวกออกมาแทนพัด กล่าวยิ้มๆ
“เพิ่งรู้เหรอ แล้วทีคุณล่ะ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเวลาผมจะพูดด้วย ทีนี้เข้าใจหรือยัง”
ชนินทร์กำหมัด
“คุณจะเอาชนะผมให้ได้เลยใช่มั้ย”
“ใช่ แล้วผมก็ชนะตั้งนานแล้ว”
ชนินทร์กัดริมฝีปาก กลั้นกลืนประโยคต่อไปที่ตั้งท่าจะถกเถียง…เขาลุกขึ้นแล้วเดินหนี
“เออ! เชิญเลย! เชิญหนีไปได้เลย แล้วเตรียมตัวไว้สำหรับค่ำคืนนี้ที่ยาวนานล่ะ!”
เมฆินตะโกนไล่หลัง ทำให้อารมณ์ของคนใจเย็นอย่างชนินทร์ขาดผึงลงในที่สุด
“นี่คุณ!” เดินมายืนค้ำหัวเขา ชี้หน้า “คุณ…คุณมันบ้ากาม เห็นผมเป็นอะไร โน่น! วัวควายข้างนอกนั้นก็มี เชิญซิ!”
ร่างสูงลุกพรวดขึ้น ตบหน้าเชลยหนุ่มทันที
เพียะ!
“ปากกล้านัก!”
ชนินทร์หน้าหัน ยกมือกุมแก้มไว้
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่เคยรู้สึกต่ำค่าเช่นช่วงชีวิตนี้มาก่อน
“คุณไม่มีสิทธิด่าผม ใช่! ผมมันก็แค่ไอ้หนุ่มบ้านไร่ธรรมดา คุณไง! คุณเป็นวัวของผม ที่ผมนึกอยากจะจับมันทรมานเล่นหรือควบขี่มันตามต้องการเมื่อไรก็ได้ จำไว้!”
เมฆินประกาศกร้าว “อยากรู้นักใช่มั้ย? ได้! ผมมันก็ผัวคุณไง คนที่ทำคุณครางหมดสภาพอยู่บนเตียง น่าสมเพช! คนที่ทำให้คุณหมดแรงเป็นไอ้ขี้แพ้ ไง? แค่นี้พอใจมั้ย”
น้ำตาที่พรั่งพรู คือความโกรธแค้น…ความชิงชังล้วนๆ!
ทำไม…คนๆนี้ถึงเหมือนเกิดมาจากนรกนักนะ!
“มาซิ จะแสดงให้ดูว่าเป็นผัวคุณมันง่ายแค่ไหน”
ว่าแล้ว ร่างบางก็ถูกลากกลับเข้าไปในห้อง ถูกล็อคกุญแจ…ซึ่งไม่มีการต่อต้านขัดขืนเพราะหัวใจที่แตกสลายลงไปพร้อมกับตัวตนบางอย่าง…เชลยหนุ่มกำลังเหม่อลอยน้ำตาคลอเบ้า ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
มีแต่ความรุนแรง มีแต่การทำร้ายกัน…
“ผมรู้คุณต่ำช้าพอๆกับผม พูดออกมาซิ! ดูสภาพคุณตอนนี้…แล้วบอกผมซิว่าผมเป็นใคร”
ชนินทร์แหงนหน้าหนีรอยจูบกักขระ…เบื้อนหน้าหนีแทบอยากกัดลิ้นตัวเองให้ตายไปจากโลกใบนี้
เมื่อทุกอย่างสงบลง…มัจจุราชทมิฬลุกเดินตัวเปลือยเปล่าๆออกมาจากเตียง ออกมาอีกฝั่งเพื่อบังคับให้ ‘ไอ้ขี้แพ้’ โดนเขารักจากทางด้านหลัง
รุนแรง เจ็บปวด…นี่คือสิ่งที่ชนินทร์ต้องเจอกับมันทุกวัน
ชนินทร์แอ่นกายรับสัมผัสอย่างช่วยไม่ได้ เมฆินแสยะยิ้มกล่าวว่า
“ง่าย…คุณนี่มันช่างง่ายดายจริงๆ”
เพียงเขาโน้มตัวลงมา เคลื่อยกายแนบไปกับแผ่นหลังเล็กๆ…ไม่นานนักเมื่อสาสมใจแล้ว…
เมฆินก้าวยาวๆออกไป หัวเสีย…แต่งตัว ก้าวขึ้นรถกระบะคันเก่าๆแล้วแล่นออกไปตามถนนที่ขดเคี้ยว เสียงเครื่องยนต์ดังไกลออกไปเรื่อยๆทุกขณะ ชนินทร์เอามือกุมหน้า แย่เหลือเกิน…ชิวิตของเขาตกต่ำอย่างไม่เคยแม้แต่วูบคิด
เขาควรจะตายไปเลยจริงๆ!