บทที่ 55 ทางเลือก ที่แสนหวาน ( The Sweetest Chosen Way )
ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที ก้อเห็นแดดรำไรๆแล้ว อ้าว !!! นี่เช้าแล้วเหรอเนี่ยะ นี่ผมหลับยาวถึงเช้าเลยเหรอ สงสัยผมคงจะเพลียมากสินะ เลยหลับไหลซะขนาดนี้ เฮ้ออออ นอนมากๆก้อเมื่อยเหมือนกันนะเนี่ยะ แต่ทำไมผมรู้สึกหัวมันหนักๆอย่างนี้นะ ไม่เข้าใจเลย จะเครียดอะไรนักหนาเล่า ในเมือ่เราเลือกมันไปแล้วนี่ เอาหละ ต่อไปนี้ ไม่ว่าอะไรยังไง ผมจะรู้สึกยังไง ผมก้อต้องรับกับทุกสถานการณ์และความรู้สึกให้ได้ทุกรูปแบบ ผมต้องทำได้สิ ต้องทำได้....
หลังจากที่ที่ผมตื่นแล้ว ผมก้ออาบน้ำแต่งตัว แล้วลงมาที่ร้านอาหาร ดูสิว่ามีอะไรให้ทำบ้าง พอมาถึงปุ๊บก้อเห็นทางบ้านผมเค้าเตรียมทำนั่นทำนี่อยู่แล้ว ผมเลยเข้าไปช่วย ทำกันไปเรื่อยๆ พูดคุยกันไป แม่ผมเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนี้ ที่จริงแล้ว ต้งจะรับผมกลับไปพักที่บ้านต้งด้วย แต่ด้วยความที่ว่าต้งเห็นผมหลับสนิทอยู่ ปลุกเท่าไหร่ก้อไม่ตื่น เลยให้ผมตอนที่นี่ต่อ ส่วนต้งก้อกลับไปนอนที่บ้าน ผมเลยเข้าใจแล้วว่า เพราะอะไร
ผมก้อทำงานที่ร้านไปแบบนั้น ในใจก้อพยายามไม่คิดอะไรมาก คิดเสียว่า เดี๋ยววันเวลามันก้อผ่านไปเอง แล้วตอนนั้น เมื่อถึงจุดๆนึงนะ ชีวิตผมคงจะปรับตัวได้เอง และรับสภาพได้เอง วันนี้ที่ร้านลูกค้าก้อมาอุดหนุนกันเยอะเลยทีเดียว มันเลยยุ่งๆ หัวผมเลยไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก ก้อทำๆงานต่อไป
ช่วงเย็นๆ ต้งก้อแวะมาหาผมที่ร้าน เพราะว่าเค้าเพิ่งไปคุยงานมา ดูท่าทางต้งเครียดเหมือนกัน เห็นว่าไปรับงานใหญ่มาตัวนึง แล้วต้องเดินทางไปนั่นมานี่บ่อย เพราะว่าต้องดีลงานกับหลายประเทศ ผมก้อเห็นด้วย เพราะว่างานใหญ่ๆ ดีๆอย่างนี้ ไม่ได้มีมาบ่อยๆหรอก อีกอย่าง เราจะได้ขยายสาขาการทำงานของเราออกไปด้วย มันจะส่งผลถึงความก้าวหน้าในภายภาคหน้าด้วย
ชีวิตของผมก้อดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แบบวันต่อวัน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เรื่องงานก้อมีเข้ามาตลอดโดยเฉพาะต้ง ที่ต้องรับผิดชอบงานมากมาย แต่ต้งก้อยยังดูแลผมดีเช่นเคย ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ต้งก้อจะคอยโทรเช็ค คอยถามความเป็นอยู่ของผมเสมอ ไม่ขาดตกบกพร่อง ผมสิ ที่ทำงานยุ่งอยู่กับพี่กรณ์มาก จนบางทีก้อลืมนัดต้งไปบ้าง แต่ต้งก้อไม่เคยโกรธผมเลย ผมรู้สึกผิดมากในบางที ที่ใส่ใจเค้าไม่เท่า ที่เค้าใส่ใจผม แต่ต้งก้อไม่เคยทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเองมากนัก เค้าจะพยายามพูดให้ผมรู้สึกดีขึ้น ทุกๆครั้งไป
การดำเนินชีวิตของผม อย่างที่บอก เป็นไปโดยราบรื่น ต้งก้อไปทำงานต่างประเทศบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ผมเงอก้อเช่นกัน ทำงานเหนื่อยมาก ลุยกับพี่กรณ์ตลอด เลยกะไว้เล่นๆ และคุยกับต้งไว้คร่าวๆว่า ถ้ามีโอกาสว่างๆตรงกันเมื่อไหร่ ผมกับต้งจะไปเที่ยวต่างประเทศกันบ้าง เป็นการเพิ่มและเสริมสร้างความสัมพันธ์ของเราทั้งสอง ให้มันแน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิม
ถามความรู้สึกของผมในตอนนี้นะเหรอครับ.....จะว่าไงดีครับ ผมก้อยอมรับสภาพของตัวผมเอง ในแบบที่มันเป็นไป ถามว่ามีความสุขมั้ย ??? ผมว่าผมไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนะ อยู่ได้ปกติ เรื่อยๆ ตามอัตถภาพของตัวเอง แต่ในใจลึกๆแล้ว ผมก้อยังคิดถึงชีวิตของผม ในช่วงเวลาที่มีเค้า....คนนั้นอยู่ เวลาในช่วงนั้นของผม ยอมรับว่า มันเป็นอะไรที่วุ่นวายม๊ากกกกกกก และมีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นในแต่ละวันเลยละครับ แต่ก้อแปลกนะครับ ในความวุ่นวาย และปวดหัวนั้น ผมกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ดูชีวิตมีรสชาตยังไงไม่รู้ ผมเองก้อไม่เข้าใจเหมือนกัน
อยู่มาวันนึง เป็นวันที่ผมมาทำงานที่พัทยากับพี่กรณ์ ช่วงนั้นมันมีทศกาลงานดนตรีอะไรสักอย่าง ซึ่งผมเองก้อจำไม่ค่อยได้ ผมก้อทำงานของผมปกติ โดยมีต้งมาคอยดูแล ให้กำลังใจผมอยู่ห่างๆ ที่ต้งมาอยู่กับผมอย่างนี้ได้ เพราะว่าต้งเองก้อมารอทำงานกับลูกค้าของเค้าที่นี่เองเหมือนกัน เราเลยได้มีเวลาใกล้ๆกันบ้าง ผมก้อทำงานไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้สนใจอะไรรอบข้างมากนัก แล้วก้อมีคนมาหาผม เป็นสต๊าฟที่ทำงานด้วยกันบอกว่า มีคนอยากจะขอพบผม ตอนแรกผมบอกไปว่า ผมมไว่ง ไว้เดี๋ยวจะติดต่อกลับไป และให้เด็กไปขอเบอร์เค้าไว้ แต่เด็กเค้าอบกว่า ยังไงก้อต้องพบผมให้ได้ ผมเลยต้องวางงานก่อน แล้วออกมาพบเค้า
ผมเองก้อไม่ได้ถามว่าใครมา ผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ที่มาขอพบผม แต่พอมาเจออีกที ตอนที่ออกมาแล้ว ก้อพบว่าคนๆนั้นเป็น.......หลิง หลิงนั่นเอง หลิงหลิงเค้ามาขอพบผมทำไม และทำไมต้องด่วนขนาดนี้ด้วย หน้าตาหลิง หลิงดูโทรมมากๆ แววตาก้อเศร้าอย่างเห็นได้ชัด พอเห็นผมเดินมา เค้าก้อเดินรี่เข้ามาหาผมทันที แล้วเปิดคำถามขึ้นมาทันที โดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
" อี้ ชั้นขอถามอะไรหน่อยสิ ตอนนี้เธอยังติดต่อกับดิวอยู่หรือเปล่า "
คำถามแรก ก้อเล่นเอาผมซะอึ้งไปแล้ว ผมก้องงๆอยู่ เลยถามกลับไป
" ไม่นี่ ไม่ได้เจอกันเลย แล้ว แล้ว มีอะไรเหรอ "
" ดิวหายไป หายไปเลยตั้งแต่ตอนที่ไปเมืองนอก นี่ก้อสองเดือนกว่าแล้ว ที่ชั้นติดต่อดิวไม่ได้ เธอแน่ใจนะว่า ดิวไม่ได้ติดต่อเธอมาเลย " หลิง หลิงถามทั้งยังทำหน้าสงสัยใส่ผมอีก ผมเองก้อยิ่งงงไปกันใหญ่ ทำไมหลิง หลิงเค้าต้องปักใจเชื่อขนาดนั้นด้วยว่า ดิวจะต้องติดต่อผมมา ซึ่งจริงๆแล้ว ดิวเองไม่ได้ติดต่อผมมาเลย ตั้งแต่วันนั้น........วันที่ผมหมั้นแล้วเค้ามาหาผมที่บ้านพัก จากนั้นผมก้อไม่ได้เจอ หรือคุยกับเค้าอีกเลย.........