แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]  (อ่าน 370754 ครั้ง)

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1
 :pig4:ในที่สุดก็อ่านทันจนได้ครับ....


 :-[ชอบคู่นี้มากมายเรื่อยๆมาเรียงๆน่ารักมากเลย

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
คุณริน~~ ไม่เอาลิงค์ตอนใหม่ของเป้วิวมาแปะที่นี้ด้วย แฟนเป้วิวจะได้ตามไปอ่านเยอะๆ >_<

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
อ๋า เอาเป็นว่าใครสนใจตอนพิเศษของเป้วิว ตามไปที่ห้องนิยายจบแล้วละกันนะค้า (คืนนี้คอมเป็นไรไม่รู้ เข้าเล้าไม่ค่อยได้เล้ย >_<)

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
 :z13:

^
^
^
^
^


นี่แน่ะไม่มาต่อต้องเจอแบ๊บเน้ ฮ่า ฮ่า แหะ ๆ ล้อเล่นค่ะ รอน้องภัทรนะคะ   +1 ธีมใหม่เล้าเป็ดให้ด้วยค่ะ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
พอดีเขียนจบตอนแล้ว แต่เพิ่งตรวจทานได้ครึ่งเดียวและต้องออกไปข้างนอก เดี๋ยวครึ่งตอนหลังคงได้มาต่อให้ดึกๆ หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้นะค้า แฟนๆ คุณเชษฐ์กับน้องภัทรอ่านครึ่งแรกรอกันไปก่อนเนอะ  :กอด1:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนที่ 13 ครึ่งแรก

 
ช่วงบ่ายวันนั้น ภัทรนั่งทำงานด้วยความสบายใจ เพราะรู้แล้วว่าถึงอย่างไรคุณผู้จัดการก็จะตามไปงานเลี้ยงวันเกิดของหลานเขาแน่นอน หลังจากที่พักเบรกไปกินข้าวกล่องที่ฝากป๋วยซื้อมาให้ในห้องครัว ชายหนุ่มก็กลับมาที่โต๊ะและเริ่มจัดเรียงเอกสารที่ปรินท์ไว้ใส่ลงแฟ้ม

เนื่องจากงานที่เขาต้องรับผิดชอบในวันนี้มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น ภัทรจึงไม่ถูกขัดจังหวะด้วยอีเมล์หรือโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงาน แต่หลังจากนั่งจัดเอกสารไปครู่หนึ่ง เขาก็พบว่าแฟ้มที่ต้องใช้มีจำนวนไม่พอ จึงต้องวางงานที่ทำค้างอยู่แล้วเดินไปขอเบิกแฟ้มเพิ่มยังห้องเก็บเครื่องใช้สำนักงานซึ่งอยู่อีกฟากของออฟฟิศ

ห้องเก็บเครื่องใช้สำนักงานนี้มีลักษณะคล้ายกับห้องเก็บของขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีช่องบานเลื่อนกระจกใสและกล่องใส่แบบฟอร์มสำหรับเบิกอุปกรณ์ ส่วนด้านในจะมีพนักงานประจำห้องที่คอยรับแบบฟอร์มและจัดของให้คนที่มาเบิก เมื่อภัทรเดินมาถึงด้านหน้าก็ยิ้มให้กับพนักงานที่เลื่อนช่องกระจกออกให้

“แฟ้มใสขนาดเอสี่สามสิบอัน...กับคลิปแล้วก็ลูกแม็กอย่างละสองกล่องเหรอ รอเดี๋ยวนะ”

พนักงานสาวรุ่นพี่รับแบบฟอร์มที่ภัทรกรอกไปอ่านทวน จากนั้นก็หันไปเปิดตู้แล้วหยิบลังใส่แฟ้มลงมา ภัทรเหลือบมองภายในห้องระหว่างรออีกฝ่ายนับจำนวนของให้ และพบว่าบนพื้นมีกล่องลังหลากขนาดวางเรียงกันแน่นไปหมด บางส่วนก็ปิดผนึกและเขียนกำกับด้านข้างไว้แล้วว่าบรรจุอะไร ขณะที่บางกล่องยังคงเปิดอ้าจนเห็นอุปกรณ์ด้านในที่ยังจัดไม่เป็นระเบียบ และภัทรก็รู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์พวกนี้คงถูกขอเบิกไว้เพื่อนำไปจัดงานที่บริษัทของเขาจะเป็นเจ้าภาพในอีกสัปดาห์ที่จะมาถึง เพราะว่าศูนย์จัดนิทรรศการที่บริษัทของเขาเช่าพื้นที่ไว้ไม่ได้มีบริการจัดเตรียมทุกอย่างให้

“ช่วงนี้เลยยุ่งกันทุกแผนกเลยนะครับพี่ตุ้ย”

ภัทรเอ่ยขอบคุณเมื่อได้ของที่เบิกพร้อมกับทักขึ้นมา หญิงสาววัยสามสิบกว่า รูปร่างท้วมเล็กน้อยจึงมองตามสายตาของภัทรไปยังกล่องลังในห้อง จากนั้นก็ยกมือเท้าเอวแล้วยิ้มตอบอย่างเพลียๆ

“ช่วงหน้างานทีไรก็อย่างนี้ตลอดแหละภัทรเอ๊ย แผนกโน้นแผนกนี้มาขอเบิกของกันให้วุ่นไปหมด วันนี้น้องผู้ช่วยของพี่ก็ดันลาป่วยซะอีก  พี่เลยต้องมานั่งจัดของอยู่คนเดียวเนี่ย อ้อ...แต่พี่บอกแม่บ้านให้เตรียมของว่างสำหรับงานประชุมลูกค้าของภัทรวันพรุ่งนี้แล้วนะ ฝากไปบอกพี่ป๋วยด้วยก็แล้วกัน เจ๊เขาจะได้เลิกโทรตามพี่สักที”

สาวร่างท้วมบ่นยาวเหยียดให้ฟัง ภัทรจึงพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมไปบอกพี่ป๋วยให้ ถ้างั้นผมไม่กวนพี่ตุ้ยแล้วนะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยลาแล้วหอบกองแฟ้มกลับมาที่โต๊ะ เขาแวะบอกป๋วยเกี่ยวกับของว่างสำหรับการประชุมลูกค้าในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงเดินต่อไปที่โต๊ะและเริ่มจัดการเรียงเอกสารใส่แฟ้มที่เหลือ กว่าเขาจะตรวจทานความเรียบร้อยและเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาอีกที เวลาก็ล่วงไปจนเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว

ยังพอมีเวลา....เดี๋ยวใกล้ๆ จะห้าโมงค่อยเตือนพี่ป๋วยอีกทีว่าวันนี้จะออกเร็วก็แล้วกัน ถึงพี่แพนจะบอกว่าไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆ ให้ แต่มิมิก็คงจะดีใจที่ได้ของขวัญอยู่ดี

ภัทรคิดพลางลุกเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ จากนั้นก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟให้ตัวเอง แต่พอเดินกลับมาที่โต๊ะก็พบว่ามีกระดาษโน้ตสีสดแปะอยู่บนคีย์บอร์ด

“คุณนินเรียกประชุมด่วนที่ห้อง 2”

ภัทรอ่านทวนข้อความซึ่งเป็นลายมือของป๋วยแล้วพ่นลมทางปากเบาๆ แต่ก็หยิบสมุดโน้ตกับปากการวมทั้งแฟ้มที่ใส่เอกสารครบแล้วมาหนึ่งชุดโดยไม่รีรอ เพราะคิดว่าการประชุมครั้งนี้คงเกี่ยวกับความพร้อมในการให้ข้อมูลกับลูกค้าใหม่ในวันรุ่งขึ้น หลังจากหยิบกาแฟที่เพิ่งชงขึ้นมาจิบเสียอึกหนึ่ง ภัทรก็รีบเดินไปยังห้องประชุมสองตามที่รุ่นพี่สาวเขียนโน้ตบอกไว้

ตอนที่ภัทรไปถึงห้องประชุมก็พบว่าสมาชิกทีมซึ่งมีประมาณสิบคนกำลังนั่งรอกันอยู่แล้ว รวมถึงนินนาทที่เป็นผู้จัดการโปรเจ็กต์ด้วย ชายหนุ่มจึงรีบออกตัวด้วยรู้สึกผิดที่มาช้า

“ขอโทษครับ พอดีผมเพิ่งเห็นโน้ตว่ามีประชุมเมื่อกี้”

นินนาทส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างใจดี  “ไม่เป็นไรหรอก พอดีป๋วยมาบอกว่าเย็นนี้ภัทรจะขอกลับเร็ว แล้วฉันก็เพิ่งนึกได้ว่าน่าจะขอดูพรีเซ้นต์กับเอกสารที่จะแจกลูกค้าพรุ่งนี้เสียหน่อย ก็เลยจะขอประชุมสักครึ่งชั่วโมง ไหนๆ มากันครบแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า”

ภัทรเหลือบตาไปทางรุ่นพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มให้อย่างขอบคุณ ป๋วยจึงยักคิ้วตอบเหมือนจะบอกว่า ‘คราวนี้เธอเป็นหนี้ฉันนะยะ’ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหน้าห้อง

“ถ้างั้นป๋วยขอเริ่มจากตัวพรีเซ้นต์ที่จะให้ลูกค้าดูวันพรุ่งนี้เลยนะคะ แล้วก็เราจะมีปรินท์เอ๊าท์แจกด้วย ภัทรเอาเอกสารตัวอย่างให้คุณนินดูซิ”

รุ่นพี่สาวหันกลับมาบอกก่อนจะดึงจอฉายสไลด์ลงมาจากช่องหน้ากระดานไวท์บอร์ด จากนั้นก็กดรีโมทเปิดเครื่องโปรเจ็กเตอร์ ไม่กี่วินาทีถัดมา ภาพจากสไลด์สำหรับนำเสนอก็ปรากฏบนหน้าจอ หญิงสาวจึงเริ่มโดยการอธิบายถึงจุดประสงค์ของการประชุมลูกใหม่ ก่อนจะค่อยๆ อธิบายหน้าสไลด์เรียงไปทีละหน้า เนื่องจากพรุ่งนี้เธอก็ต้องเป็นคนนำการประชุมกับลูกค้าด้วยตัวเองเนื่องจากนินนาทไม่ว่าง

ระหว่างที่ป๋วยอธิบายสไลด์ นินนาทก็จะคอยป้อนคำถามเป็นระยะ บางครั้งก็จะแนะนำว่าควรเพิ่มข้อมูลอะไรบ้าง โดยภัทรรับหน้าที่ช่วยพิมพ์หรือแก้ไขข้อมูลในคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมต่อกับโปรเจ็กเตอร์โดยตรงให้ ทุกคนในที่ประชุมจะได้รับรู้ในส่วนที่ต้องแก้ไขไปพร้อมกัน โดยขณะที่การประชุมดำเนินอยู่นั้น ภัทรก็ลอบสังเกตว่าทั้งนินนาทและป๋วยต่างก็ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงานเลย เพราะทั้งสองต่างไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ที่จะทำให้คนอื่นระแคะระคายว่ามีใจให้กันแม้แต่น้อย

ถ้าหากสองคนนี้ไม่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ก็คงดี...พี่ป๋วยกับคุณนินออกจะทำงานเข้ากันได้ดีขนาดนี้...

ภัทรมองทั้งคู่แล้วก็ให้นึกเสียดายแทน และทำให้ลอบถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอโดนรุ่นพี่สาวที่กำลังยืนพรีเซนต์หน้าห้องส่งสายตาดุให้เพราะคิดว่าเขากำลังเบื่อ ภัทรก็รีบขยับนั่งตัวตรงขึ้นทันที

ป๋วยใช้เวลาพรีเซนต์และตอบคำถามจากทุกคนในทีมราวสามสิบนาที  เมื่อนินนาทพอใจกับลำดับการนำเสนอข้อมูลแล้วก็พยักหน้าพลางกล่าวสรุปสั้นๆ

“ในส่วนของพรีเซนต์คิดว่าคงไม่มีปัญหาแล้ว ยังไงก็ย้ำพวกระเบียบในการขนของเข้าออกสถานที่จัดงานดีๆ ก็แล้วกัน ส่วนพรุ่งนี้ขอโทษด้วยที่ต้องให้ป๋วยช่วยนำการประชุมแทน เพราะฉันต้องไปสัมมนาแทนคุณเชษฐ์ที่ต้องไปเวียดนามแต่เช้า"
 
คำอธิบายช่วงท้ายประโยคทำเอาภัทรชะงักมือที่กำลังจดโน้ตลงสมุดบันทึก จริงอยู่ที่ระยะนี้เชษฐ์ต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ กับเวียดนามบ่อยๆ แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งจะบินกลับมาเปลี่ยนเวรกับผู้จัดการโปรเจกต์อีกคนไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเท่านั้นเอง แล้วทำไมจู่ๆ จึงต้องบินด่วนกลับไปอีกในวันพรุ่งนี้ด้วย?

ป๋วยซึ่งเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้สังเกตเห็นสีหน้าของรุ่นน้องได้อย่างชัดเจน แต่ก็รู้ว่าภัทรคงไม่กล้าถามถึงแม้จะอยากรู้ จึงแสร้งทำหน้าสงสัยแล้วหันไปถามนินนาทให้แทน

“อ้าว? ทำไมคุณเชษฐ์ต้องบินด่วนด้วยล่ะคะ? คุณอั๋นแกยังไม่กลับมาเลยนี่นา?”

นินนาทใช้นิ้วชี้ถูบนหว่างคิ้วพลางถอนหายใจ “เห็นว่าคุณอั๋นที่เพิ่งไปเปลี่ยนเวรกับคุณเชษฐ์เมื่ออาทิตย์ก่อนเกิดไม่สบาย แล้วหมอก็เพิ่งจะวินิจฉัยว่าเป็นไข้เลือดออกน่ะ คุณปรีชาก็เลยไม่มีทางเลือกนอกจากให้คุณเชษฐ์กลับไปช่วยประสานงานแทนระหว่างนี้ ก็คงต้องอยู่ยาวจนกว่าคุณอั๋นจะหายดีนั่นแหละ นี่ผู้จัดการทุกคนก็เพิ่งจะได้รับแจ้งเมื่อชั่วโมงก่อนนี่เอง”

เนื่องจากนินนาทไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเชษฐ์กับภัทร ผู้จัดการโปรเจ็กต์หนุ่มใหญ่จึงไม่ทันสังเกตว่าคำพูดของตนกระทบความรู้สึกของหนึ่งในลูกทีมจนนัยน์ตาหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนป๋วยที่รู้ดีว่าเชษฐ์และภัทรแทบจะไม่ค่อยมีเวลาให้กันในช่วงนี้ได้แต่บีบไหล่ของรุ่นน้องเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

นินนาทยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้า “ใกล้จะห้าโมงแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอปิดการประชุมเลยก็แล้วกัน แล้วก็นี่ภัทร ฝากเอาไปซื้อของขวัญให้หลานเธอด้วยล่ะ”

ภัทรค่อยได้สติเมื่อนินนาทยื่นซองจดหมายสีขาวมาให้ และพอจะเดาได้ว่าข้างในคงเป็นเงินสนับสนุนค่าของขวัญ จึงยกมือไหว้ก่อนจะรับมาและยิ้มให้เจ้านายด้วยความขอบคุณ ถึงแม้จะรู้สึกว่ารอยยิ้มบนหน้าของตัวเองไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่

“ขอบคุณมากครับคุณนิน”

ภัทรหันไปยิ้มให้ป๋วยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย เพราะรู้ว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บอกให้ นินนาทก็คงไม่มีทางรู้แน่ว่าสาเหตุที่เขาขอกลับเร็วนั้นเพราะอะไร หลังออกจากห้องประชุมและเดินกลับไปที่โต๊ะแล้ว ภัทรจึงปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็หยิบกระเป๋าสะพายเดินออกจากบริษัททันทีด้วยความรู้สึกว้าวุ่นใจ จนกระทั่งเกือบจะลืมบอกลากุ้งซึ่งนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์รีเซปชั่นด้านหน้าด้วยซ้ำ

ไม่ชอบเลยความรู้สึกนี้...ทั้งที่เราก็ไม่ใช่เด็กๆ เหมือนตอนนั้นแล้วเสียหน่อย...

ภัทรอดจะย้อนคิดไปถึงสมัยที่ยังยังคบกับคนรักเก่าไม่ได้ อาจเพราะตอนนั้นเขายังเด็กและทั้งคู่ก็เป็นนักศึกษา ดังนั้นจึงมีเวลาว่างมากมายให้ได้ใช้ร่วมกัน แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยที่เพิ่งมีความรักเป็นครั้งแรกซึ่งเอะอะก็อยากอยู่ใกล้คนรักตลอดเวลาอีกแล้ว และที่สำคัญเขาก็ไม่ควรจะไปเรียกร้องเวลาเหล่านี้เอากับเชษฐ์ซึ่งมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบเพราะว่าเป็น ‘งาน’ ด้วย

ชายหนุ่มพยายามปัดความมัวหมองออกไปขณะที่นั่งรถไฟฟ้าไปยังห้างสรรพสินค้า เมื่อถึงแล้วก็ตรงไปที่แผนกของเล่นเด็กทันทีเพราะรู้ว่าต้องมีของที่เหมาะกับหลานสาวแน่ๆ ภัทรรู้ดีว่ามายูมิชอบสีชมพู เพราะเวลาเจอกันทีไรก็จะเห็นหลานสาวตัวน้อยใส่ชุดกระโปรงสีชมพู หรืออย่างน้อยก็ติดกิ๊บหรือที่คาดผมสีชมพูทุกครั้ง ดังนั้นหลังจากตัดสินใจว่าจะซื้อตุ๊กตาแบบที่เปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ภัทรจึงซื้อมงกุฎอันเล็กสำหรับเด็กซึ่งมีเพชรปลอมและขนนกสีชมพูสลับขาวประดับไปด้วย

“เดี๋ยวรบกวนห่อของขวัญให้ด้วยนะครับ ตรงริบบิ้นขอเป็นสีชมพูก็แล้วกัน”

ภัทรบอกกับพนักงานหลังจากจ่ายค่าของขวัญแล้ว ระหว่างที่ยืนรอก็มีสายเข้าจากพี่สาวของเขาพอดี ภัทรจึงยกมือถือขึ้นกดรับสาย

“ฮัลโหล?”

“ภัทร พวกพี่ถึงร้านกันแล้วนะ ถ้าภัทรมาเมื่อไหร่ก็เข้ามาได้เลย โต๊ะพวกพี่อยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆ น้ำพุแถวกลางร้านน่ะจ้ะ”

ต่อจากเสียงของพี่สาว ภัทรก็ได้ยินเสียงแจ๋วๆ จากหลานสาวเมื่อโทรศัพท์ถูกเปลี่ยนมือ “น้าภัทรขา มาเร็วๆ นะ หนูอยากเป่าเค้กไวๆ”

ภัทรหัวเราะเมื่อได้ยินน้ำเสียงสดใสของหลานสาว ดูเหมือนแม่หนูน้อยจะกำลังตื่นเต้นกับการฉลองวันเกิด ‘ล่วงหน้า’ จนลืมเรื่องที่คุณพ่อจะต้องบินไปต่างประเทศเสียสนิท
 
“ได้เลย เดี๋ยวมิมิรอน้าภัทรก่อนนะ น้าภัทรมีของขวัญจะให้หนูด้วย”

เด็กหญิงส่งเสียงวี้ดว้ายอย่างตื่นเต้น เมื่อนึกถึงใบหน้ากลมยุ้ยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความขุ่นมัวในใจเมื่อครู่ของภัทรก็ค่อยๆ เจือจางลง หลังจากคุยต่ออีกไม่กี่ประโยค ชายหนุ่มก็พบว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาดีขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งมาเลือกซื้อของขวัญมาก

จริงสิ...จะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่ไปทำไมกัน คืนนี้อุตส่าห์มีงานเลี้ยงให้มายูมิทั้งที เราควรจะไปร่วมฉลองอย่างมีความสุขมากกว่าสิ...

ภัทรคิดหลังจากวางสาย ก่อนจะหันไปยิ้มรับของขวัญที่ห่อเสร็จแล้วจากพนักงาน เมื่อเดินออกมาจากห้างก็พบว่าท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นเพราะกลุ่มเมฆหนาที่บดบังพระอาทิตย์ยามเย็น แถมยังมีละอองฝนบางเบาโปรยปรายลงมาด้วย ภัทรจึงโบกเรียกแท็กซี่เผื่อว่าถ้าฝนตกหนักขึ้นมาจะได้ไม่ต้องไปถึงร้านในสภาพเปียกมะลอกมะแลก

โชคดีที่คนขับแท็กซี่รู้จักร้านที่ภัทรจะไป จึงพาลัดเลาะเข้าซอกซอยที่เป็นทางลัดแทนถนนใหญ่อย่างคล่องแคล่ว และในครึ่งชั่วโมงถัดมาก็พาเขามาถึงร้านอาหารโดยแทบไม่เจอรถติด เมื่อเข้าไปในร้านแล้วภัทรก็บอกชื่อของพี่สาวซึ่งใช้จองโต๊ะกับพนักงานต้อนรับที่ด้านหน้า หลังจากพนักงานเช็คหมายเลขโต๊ะแล้วจึงผายมือและเดินนำเขาไปยังโต๊ะด้านในด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ภัทรไม่เคยมาสวนอาหารแห่งนี้มาก่อน แต่ก็นึกชื่นชมคนออกแบบที่ใช้เค้าโครงของบ้านทรงไทยสมัยเก่ามาประยุกต์ โดยการสร้างตัวร้านบนเสาที่ตอกลงในบ่อน้ำเทียมขนาดใหญ่และมีหลังคาแหลมสูง ส่วนผังร้านถูกจัดวางเป็นทรงสี่เหลี่ยมล้อมรอบพื้นที่ตรงกลางซึ่งเป็นสระบัวและน้ำพุ นอกจากกลุ่มของพวกเขาแล้ว ภัทรก็พบว่ามีลูกค้าที่มาทั้งที่เป็นคู่และเป็นครอบครัวใหญ่อยู่หลายโต๊ะเหมือนกัน

“ว้ายๆ น้าภัทรมาแล้ว!!”

เด็กหญิงลูกครึ่งญี่ปุ่นตัวน้อยรีบปีนลงจากเก้าอี้เมื่อเห็นน้าชาย จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาแล้วกอดเอวแน่น ภัทรจึงอุ้มหลานสาวขึ้นมาและหันไปขอบคุณพนักงานที่ช่วยรับถุงของขวัญไปถือ มายูมิกอดคอภัทรด้วยแขนเล็กป้อมแล้วก็หอมแก้มซ้ายขวาอย่างดีใจ

“น้าภัทรมาช้าจัง หนูรอจนหิ้วหิวจะแย่”

เด็กหญิงส่งเสียงกระเง้ากระงอด แต่เมื่อภัทรมาถึงโต๊ะแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เพราะว่าบนนั้นมีจานของว่างที่เต็มไปด้วยของโปรดของหลานสาวเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทอดมัน กุ้งทอด หรือว่าขนมจีบ

“ของกินเล่นเยอะขนาดนี้หนูยังหิวอีกเหรอ สงสัยถ้าน้าภัทรมาช้ากว่านี้มิมิคงอิ่มแย่เลยมากกว่า”

ชายหนุ่มกระเซ้าหลานสาวที่ยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มปากแล้วยิ้มเขินที่ถูกจับได้ แต่พอภัทรปล่อยหนูน้อยลงเพื่อจะเลื่อนเก้าอี้นั่ง มายูมิที่ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องก็ทำท่าจะปีนขึ้นนั่งตักน้าชายทันที แพนจึงรีบดึงแขนลูกสาวไว้

“มิมิ ไม่เอาน่ะลูก เดี๋ยวน้าภัทรกินข้าวไม่ถนัดนะ”

มายูมิหันไปมองแม่แล้วทำปากยื่น แต่ว่าก็ยอมเดินอ้อมโต๊ะกลมกลับไปที่นั่งของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพ่อกับแม่แต่โดยดี เนื่องจากเด็กหญิงยังตัวเล็กอยู่ ทางร้านจึงจัดเก้าอี้สำหรับเด็กซึ่งต่อขาสูงให้จะได้ตักอาหารทานได้สะดวก เมื่อเห็นว่าหลานสาวขึ้นนั่งประจำที่เรียบร้อย ภัทรจึงหันไปไหว้พี่เขยชาวญี่ปุ่นซึ่งนั่งถัดไปจากเขาโดยมีเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งเว้นไว้ และโดยไม่ต้องถามใคร เขาก็มั่นใจว่าเก้าอี้ตัวนั้นคงมีไว้เผื่อเชษฐ์เป็นแน่

ภัทรพยายามไม่คิดถึงคุณผู้จัดการและรับถุงใส่กล่องของขวัญจากพนักงานมายื่นส่งให้หลานสาว ทว่าพอมายูมิยื่นแขนมาจะรับด้วยความดีใจ ชายหนุ่มก็ดึงมือกลับแล้วถาม

“อ๊ะๆ เวลาผู้ใหญ่จะให้ของต้องทำไงก่อน?”

เด็กหญิงตัวน้อยรีบกระพุ่มมือไหว้แล้วร้องตอบเสียงแจ๋ว “ขอบคุณค่าน้าภัทร!”

ภัทรหัวเราะแล้วค่อยปล่อยของขวัญให้หลานสาวแต่โดยดี แต่ว่าแพนกลับห้ามเมื่อเห็นว่าลูกสาวจะแกะกล่องออกเดี๋ยวนั้น เมื่อเด็กหญิงเบะปากอย่างไม่พอใจ กลายเป็นคุณพ่อที่ยอมตามใจเสียเอง

“เอาน่า ไหนๆ ก็ฉลองล่วงหน้าแล้ว ให้ลูกแกะไปเลยก็ได้”

พี่เขยของเขายังคงพูดติดสำเนียงญี่ปุ่นเช่นเคย แต่ก็นับว่าชัดมากแล้วหากเทียบกับชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตในประเทศไทยเพียงไม่กี่ปี เมื่อมายูมิได้ยินคำอนุญาตจากพ่อจึงยิ้มกว้างแล้วเริ่มแกะของขวัญโดยมีแม่นั่งยิ้มแล้วส่ายหน้าอยู่อีกด้าน

เด็กหญิงส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้นหลังจากเห็นของขวัญชิ้นแรกซึ่งเป็นตุ๊กตาที่เปลี่ยนชุดได้ แต่เมื่อเห็นว่ายังมีของขวัญอีกกล่องซึ่งภายในเป็นมงกุฎประดับเพชรเทียมกับขนนก คราวนี้นัยน์ตากลมโตยิ่งเบิกกว้างและเป็นประกายมากขึ้น

“แม่จ๋าๆๆ มงกุฎล่ะมงกุฎ ดูสิๆ หนูเหมือนเจ้าหญิงมั้ย?”

เด็กหญิงตัวน้อยสวมมงกุฎแล้วหันซ้ายขวาให้พ่อกับแม่ดู จากนั้นก็ปีนลงจากเก้าอี้อีกครั้งแล้ววิ่งอ้อมโต๊ะมาโน้มคอภัทรลงหอมแก้ม ก่อนที่จะวิ่งกลับไปปีนขึ้นนั่งเก้าอี้ของตัวเองอย่างร่าเริง ความยินดีที่เห็นว่าหลานสาวชอบใจกับของขวัญที่เขาเลือกให้ทำให้ภัทรลืมความรู้สึกไม่ดีเมื่อตอนบ่ายไปจนหมด

“เอาล่ะ ของขวัญก็ได้แกะแล้ว แล้วแขกอีกคนจะมาถึงตอนกี่โมงน่ะภัทร? หรือว่าเราจะเริ่มกินกันก่อนไปเลย?”

คำถามของแพนทำให้รอยยิ้มของภัทรจืดลงนิดหน่อย แต่หลังจากใช้เวลาคิดไม่กี่วินาที เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่โทรตาม

ไหนๆ คุณเชษฐ์ก็บอกไว้แล้วนี่ว่าจะตามมาแน่ๆ...

ภัทรไม่อยากทำตัวจู้จี้ด้วยการโทรเร่งเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในงานเลี้ยงสำคัญ และตัดสินใจว่าหากเชษฐ์จะมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จึงเพียงแต่ยิ้มให้พี่สาว “พวกเราสั่งอาหารกันเลยก็ได้พี่แพน พอดีคุณเชษฐ์ต้องไปงานเลี้ยงอีกที่ก่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะตามมาได้กี่โมง”

แพนเอียงคอแล้วขมวดคิ้วกับคำตอบ แต่เมื่อเห็นน้องชายหลบสายตาลงมองเมนูอาหารก็ได้แต่ระงับความอยากถามไว้แล้วหันไปช่วยมายูมิเลือกอาหารแทน

หลังจากทุกคนสั่งอาหารกันเสร็จเรียบร้อยและพนักงานนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ภัทรก็พยายามชวนหลานสาวคุยระหว่างทานข้าว รวมทั้งหันไปคุยกับพี่สาวและพี่เขยด้วยเพื่อจะได้เบี่ยงความสนใจตัวเองไปจากคนที่ยังไม่มา ฝ่ายมายูมิเองก็ดีใจที่ได้เจอน้าชาย ดังนั้นจึงคุยทั้งเรื่องที่โรงเรียน เพื่อนๆ และคุณครูให้ฟังแทบไม่หยุดทีเดียว

เวลาล่วงผ่านจนดึกมากขึ้น และหัวข้อสนทนาที่โต๊ะก็เริ่มน้อยลงตามอาหารในจานของแต่ละคนที่พร่องจนเกือบจะหมด ภัทรพยายามไม่เหลือบมองนาฬิกาแม้จะสังเกตได้ว่าแขกของโต๊ะอื่นบ้างก็เริ่มกลับกันไปและมีลูกค้าใหม่มานั่งแทนแล้ว  แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะพยายามประวิงเวลากันสักเพียงไร คนที่รออยู่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเสียที

จนกระทั่งทุกคนทานอาหารกันเสร็จแล้วและมีเพียงจานเปล่าอยู่ตรงหน้า มายูมิที่นั่งแกว่งขาฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันอย่างเบื่อๆ ก็เหลือบมองเก้าอี้ว่างก่อนจะหันไปหาพ่อ
 
“พ่อขา หนูอยากกินเค้กแล้ว”

โทรุยิ้มให้ลูกสาวที่นั่งแกว่งขาถี่ขึ้นเหมือนจะบอกให้รู้ถึงความกระวนกระวาย จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองภรรยาที่นั่งถัดไป แพนจึงได้แต่หันมาทางภัทรเหมือนจะขอคำตอบ

สายตาสามคู่ที่มองมาที่เขาทำให้ภัทรได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ มือสองข้างที่วางอยู่บนเข่ากำสลับคลายไปมาด้วยความไม่แน่ใจ แพนมองท่าทางของน้องชายอยู่สักครู่ก็เริ่มทนไม่ไหว

“อะไรของเธอเนี่ยภัทร แค่โทรไปถามว่าตกลงมาได้หรือเปล่านี่มันไม่รบกวนนักหรอกน่ะ ถ้าเกิดเขามาไม่ได้จริงๆ จะได้ไม่ต้องเอาแต่รอกันอยู่อย่างนี้ไง ไม่งั้นก็เอาโทรศัพท์เธอมานี่เลยเดี๋ยวพี่โทรให้เอง”

พอคนพูดยื่นมือมาเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ ภัทรก็สะดุ้งแล้วรีบเอนตัวหนีทันที “ไม่ต้องหรอกพี่แพน! เดี๋ยวภัทรโทรเองก็ได้”

ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักตอบ เพราะสังเกตเห็นหว่างคิ้วของพี่สาวที่เริ่มจะขมวดเป็นปมแล้ว และเขาก็ไม่อยากให้บทสนทนาแรกระหว่างพี่แพนกับคุณเชษฐ์กลายเป็นความประทับใจที่ไม่ดีสำหรับทั้งคู่ด้วย

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาคุณผู้จัดการ ในใจเต้นระทึกระหว่างรอให้อีกฝ่ายรับสาย แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น มือที่ถือโทรศัพท์ก็ค่อยๆ ลดลงเมื่อได้ยินว่า ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

“อ้าว? ทำไมล่ะภัทร เขาไม่รับสายเหรอ?”

แพนถามเมื่อเห็นน้องชายเก็บมือถือลงกระเป๋าเสื้อ ภัทรจึงส่ายหน้า “สงสัยจะแบตหมดหรือไม่ก็อยู่ในที่อับสัญญาณน่ะพี่แพน ถ้าอย่างนั้นให้มายูมิเป่าเค้กเลยดีกว่า ถ้าเกิดรอก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่”

ภัทรตอบแล้วก็ยิ้มให้หลานสาวที่ปรบมืออย่างดีใจ ฝ่ายแพนนั้นเห็นนัยน์ตาหงอยๆ ของน้องชายที่ตัดกับรอยยิ้มแล้วก็พยายามข่มใจไม่ถามซอกแซกเพราะเห็นแก่ลูก จึงเพียงแต่หันไปบอกพนักงานให้นำเค้กมาให้แล้วก็หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นเช็ดมุมปากให้มายูมิที่เลอะคราบซอสเป็นวง

เสียงเพลง ‘Happy Birthday’ ดังจากลำโพงของร้านขณะที่พนักงานเดินนำเค้กที่ปักเทียนห้าเล่มมาให้ที่โต๊ะ มายูมิส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเมื่อเค้กหน้าสตรอเบอร์รีถูกวางลงตรงหน้า หลังจากทุกคนที่โต๊ะร่วมกันร้องเพลงวันเกิดให้ เด็กหญิงก็หลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียนจนดับทีละเล่ม แก้มกลมยุ้ยทั้งสองข้างแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“เค้กชิ้นแรกหนูให้พ่อก่อน เอาชิ้นใหญ่ๆ เลยนะคะ”

เด็กหญิงใช้มีดพลาสติกตัดเค้กโดยมีแม่คอยช่วยจับมือ เมื่อได้เค้กชิ้นแรกก็หันไปส่งให้พ่อพร้อมกับหอมแก้มก่อนจะหันมาตัดเค้กต่อ ศีรษะเล็กๆ เอียงมองเค้กที่แหว่งไปเสี้ยวหนึ่งแล้วก็ใช้นิ้วชี้จิ้มบนอากาศเหมือนกำลังนับ แพนจึงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“หนูนับอะไรเหรอลูก?”

มายูมิทำปากจู๋เหมือนกำลังใช้ความคิด จากนั้นก็หันไปตอบแม่ “ก็แม่บอกว่าคืนนี้น้าภัทรจะพาแขกมาด้วย มิมิก็เลยนับว่าจะแบ่งเค้กยังไงให้ทุกคนได้เท่าๆ กันไงคะ”

“อ๋อ...”

แพนพยักหน้าพลางลากเสียงรับรู้ ก่อนจะเหลือบมองน้องชายด้วยแววตาเห็นใจ แล้วก็พบว่านัยน์ตาของภัทรที่ไม่ค่อยสดใสอยู่แล้วกลับหมองลงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ไม่เป็นไรหรอกมิมิ หนูตัดที่เหลือตามใจหนูเถอะ บางทีแขกของน้าภัทรอาจไม่มาแล้วก็ได้”

ภัทรพยายามยิ้มให้หลานสาวและพูดด้วยเสียงปกติ แต่หากใครที่รู้จักเขามากพอจะรู้ได้ทันทีว่าคนพูดกำลังพยายามซ่อนอาการผิดหวังไว้อย่างเต็มที่ และแพนก็เป็นหนึ่งในคนที่มองอาการนั้นออกได้ไม่ยาก

“นี่ภัทร...เอ้อ....”

ภัทรหันไปยิ้มและตัดบทพี่สาวก่อนจะทันได้พูดต่อ “เดี๋ยวภัทรไปห้องน้ำแป๊บนึงนะพี่แพน เดี๋ยวผมมานะครับพี่โทรุ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะโดยไม่ทันได้เห็นสายตาของพี่สาวกับพี่เขยที่มองตามด้วยความเป็นห่วง รวมทั้งสายตางุนงงของหลานสาวที่กำลังทำท่าจะตัดเค้กต่อด้วย ชายหนุ่มถามทางไปห้องน้ำจากพนักงานที่เดินผ่านมาก่อนจะตรงดิ่งไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายบอก เมื่อเข้าไปด้านในแล้วก็เปิดก๊อกแล้วรองน้ำเย็นๆ ขึ้นลูบหน้าด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย

นัยน์ตาเรียวเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังของร้านก่อนจะเหลือบลงสบตาตัวเองในกระจก จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดมือสีขาวที่วางเป็นม้วนเรียงกันในตะกร้าริมอ่างล้างหน้าขึ้นซับน้ำจนแห้ง ก่อนจะหย่อนผ้าที่ใช้แล้วลงในถังทำจากไม้สานและหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกอีกครั้ง

สัญญาณอัตโนมัติเสียงเดิมยังคงดังแทนคำตอบ ภัทรจึงกดตัดสายทันทีที่ได้ยิน จากนั้นก็ยกมือหนึ่งขึ้นลูบหน้า

คุณเชษฐ์ทำอะไรอยู่นะ ตกลงว่ามาได้หรือว่าไม่ได้กันแน่ แล้วถ้าไม่สะดวกจะมาจริงๆ ทำไมถึงไม่ติดต่อมาบอกกันบ้าง อย่างน้อยๆ เขาจะได้ไม่ต้องทำให้ครอบครัวของพี่แพนเป็นกังวลไปด้วยแบบนี้...
 
ภัทรคิดแล้วก็รีบสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป เริ่มรู้สึกแย่ที่เมื่อตอนกลางวันเขาเองที่ดันแสดงออกให้คุณผู้จัดการรับรู้ว่าคาดหวังจะเห็นอีกฝ่ายมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดหลาน ทั้งๆ ที่คุณเชษฐ์ก็มีภาระเรื่องงานที่จำเป็นจะต้องไปร่วมอยู่แล้วแท้ๆ

ชายหนุ่มพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวๆ ด้วยหวังจะให้ความผิดหวังลดเลือนลง จนกระทั่งมองตัวเองในกระจกและคิดว่าสีหน้าดูดีขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้ว เขาจึงค่อยเปิดประตูแล้วก้าวออกไป แต่แล้วภัทรก็ชะงักเมื่อเห็นชายกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องที่หน้าห้องน้ำจากทางหางตา เมื่อก้มไปมองจึงพบหลานสาวตัวน้อยที่ยืนพิงผนังรออยู่หน้าห้องน้ำ พอมายูมิเห็นน้าชายก็กอดอกแล้วเอียงคอพูดทันที

“น้าภัทรเข้าห้องน้ำตั้งน้านนาน หนูรอจนเมื่อยขาแล้วนะเนี่ย”

เด็กหญิงทำเสียงสูงตรงคำว่า ‘น้านนาน’ เหมือนจะเน้นว่าน้าชายเข้าห้องน้ำนานมากจริงๆ แต่ภัทรก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้ใช้เวลามากขนาดนั้น จึงยิ้มแล้วก็ก้มลงอุ้มหลานสาวขึ้นมา

“น้าภัทรไม่ได้เข้าไปนานขนาดนั้นซักหน่อย ว่าแต่ทำไมแม่เขาถึงปล่อยมิมิมาห้องน้ำคนเดียวแบบนี้ล่ะคะ?”

เด็กหญิงโยกตัวซ้ายขวาขณะตอบ “ก็ตอนน้าภัทรลุกออกมา มิมิบอกแม่ว่าจะมาเข้าห้องน้ำกับน้าภัทร แม่ก็เลยปล่อยให้มาคนเดียวได้ไงคะ มิมิเห็นน้าภัทรทำหน้าเศร้าๆ ก็เลยตามมาดู”

ภัทรทำตาโต เนื่องจากคิดไม่ถึงว่าท่าทางผิดหวังของเขาจะชัดเจนจนแม้แต่หลานสาวที่ไม่ประสีประสายังดูออก อย่างนี้แสดงว่าเขาคงทำให้ทั้งพี่สาวและพี่เขยเป็นกังวลกันใหญ่แล้วแน่ๆ ชายหนุ่มสบตากลมโตของหลานที่มองเขาตรงๆ ก่อนจะหลุบตาลง ในอกรู้สึกเจ็บขึ้นมาวูบหนึ่งเพราะความผิดหวัง

บางที...คุณเชษฐ์อาจไม่ได้อยากมาเจอครอบครัวของเราหรือเปล่า...

“น้าภัทรไม่ได้เศร้าหรอกจ้ะ น้าภัทรแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง มิมิไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ”

ภัทรพยายามยิ้มแล้วทำเสียงร่าเริง แต่พอกำลังจะหมุนตัวเพื่ออุ้มหลานสาวกลับไปที่โต๊ะ เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ

“ใครทำน้าภัทรของหนูเศร้าเหรอ?”


++---tbc---++


รอพบกับครึ่งหลัง เร็วๆ นี้  :laugh:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
มาตัดฉับตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มที่เดียวเชียว
เมื่อไหร่น๊า ที่ภัทรจะพูดมากขึ้น  ยังเกรงใจคนรักมากๆอยู่นะเนี่ย

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
คิดว่าคุณเชษฐ์จะไม่มาซะแล้วนะเนี่ย แต่ช้าไปหน่อยนะ

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
คุณเชษฐ์มาจนได้นะ
นี่กะว่าถ้าเบี้ยวภัทร เราจะตามไปตีซะเลย   :m16:
ดูสิทำภัทรจิตตก .. ปลอบด่วนๆ (แบบพิเศษสุดๆ  o18)

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
อ่านตอนนี้แล้วสงสารภัทรอ่ะ

คุณเชษฐ์นะ คุณเชษฐ์ มาช้าก็น่าจะโทรมาบอกนิดนึง

แล้วอยู่ๆก็โผล่มาแบบนี้ ช็อกค่ะ ช็อก!!!!

เสิร์ฟครึ่งหลังด่วนเลยค่า  o11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ในที่สุดคุณเชษฐ์ก็มาสักทีให้ภัทรรอซะนาน งี้้ต้องมีการลงโทษสักหน่อยน่ะนี่

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
คุณเชษฐ์มาจนได้ เย้ๆๆๆ
ทำหนูภัทรเศร้าตั้งนาน
ปลอบใจน้องด่วนค่ะ

Moon_Crying

  • บุคคลทั่วไป
ผู้ชายอย่างคุณเชษฐ์ยังเหลืออีกมั้ยอ่ะ ขอสักคนสิ ฮ่าๆ
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ค่ะ หานิยายอ่านไปเรื่อยแล้วมาสะดุดกับชื่อเรื่อง
พออ่านปุ๊บติดหนึบเลย ก็ต้องขอติดตามอ่านเรื่องนี้ต่อไปด้วยคนนะคะ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านไปยิ้มไป อ่านไปใจหวิวๆวูบๆ แปลกๆ ฮ่าๆ ชอบๆ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
คุณเชษฐ์ดูอบอุ่นจังเลย เคลียร์กับภัทรด้วยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2011 10:30:55 โดย Capricorn »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)

ภัทรสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนแทบจะดังก้องในหู อ้อมแขนที่อุ้มเด็กหญิงกระชับแน่นจนมายูมิผวากอดคอเขาแน่นไปด้วย เมื่อชายหนุ่มหันหลังกลับก็สะดุดลมหายใจที่ได้เห็นว่าคนที่รอมาทั้งคืนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

“คุณเชษฐ์! มาได้ยังไงครับ?”

ถึงแม้จะรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายสัญญาว่าจะมา แต่เพราะติดต่อกันไม่ได้และเวลาก็ล่วงเลยไปจนดึกดื่น ภัทรจึงถอดใจไปแล้วว่าครอบครัวของเขาคงไม่ได้เจอคุณผู้จัดการในคืนนี้ การที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็ปรากฏตัวจึงทำให้เขาทั้งดีใจระคนกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“...ก็เข้ามาทางหน้าร้านแล้วก็ถามหาโต๊ะพี่สาวเธอนั่นแหละ แต่พอไปถึงแล้วเขาบอกว่าเธอมาเข้าห้องน้ำ ก็เลยเดินตามมาตรงนี้ถูกไง พอดีโทรศัพท์ฉันแบตหมดตอนอยู่ที่งานเลี้ยงแล้วไม่มีโอกาสได้ชาร์จ ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคงทำให้เธอรอแน่ๆ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน”

คำอธิบายนั้นช่วยคลี่คลายความสงสัยและกังวลใจเมื่อครู่ก่อน นัยน์ตาของภัทรที่หม่นแสงจึงค่อยเปล่งประกายขึ้นด้วยความโล่งใจ ขณะเดียวกันความรู้สึกอัดอั้นในอกก็พลอยจางหายไปด้วย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามือถือคุณเชษฐ์คงจะแบตหมด เพราะโทรไปสองสามครั้งก็ได้ยินแต่สัญญาณว่าติดต่อไม่ได้ตลอดเลย”

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยโต้ตอบกันราวกับไม่เห็นแม่หนูน้อยที่ภัทรอุ้มอยู่ในสายตา มายูมิจึงทำแก้มป่องขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ “น้าภัทรขา คนนี้ใครเหรอคะ?”

เสียงตัดพ้อแบบงอนๆ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหันมาสนใจเจ้าของเสียง ภัทรจึงรีบยิ้มเอาใจหลานสาว “เดี๋ยวมิมิสวัสดีคุณเชษฐ์ก่อนนะ คนนี้แขกที่น้าภัทรบอกว่าจะมาฉลองวันเกิดให้หนูอีกคนไง”

มายูมิขมวดคิ้วเล็กๆ พลางจ้องหน้าผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่สวมแว่นกรอบเงิน มือเล็กป้อมยกขึ้นกระพุ่มไหว้ตามที่น้าชายบอก แต่ก็ยังถามต่อด้วยความสงสัย

“คุณเชษฐ์ก็เป็นญาติหนูเหรอคะถึงมาฉลองด้วย?”

คำถามนั้นมาจากความไร้เดียงสาโดยแท้ แต่ก็ทำเอาภัทรตกใจกับความเถรตรงจนเกือบเหมือนก้าวร้าว ทว่าคุณผู้จัดการกลับยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงไม่ติดใจจะถือสา

“เป็นสิครับ เพราะน้าเชษฐ์เป็นแฟนของน้าภัทรไง”

คำตอบนั้นทำให้เด็กหญิงตัวน้อยมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนที่จะเอามือเล็กๆ แนบลงบนแก้มทั้งสองข้างของภัทรแล้วทำตาโต “อุ้ย! ทำไมน้าภัทรหน้าแดงแจ๋แบบนี้ล่ะคะ ไม่สบายแล้วเหรอ??”

ดูเหมือนคำถามนั้นจะทำให้สีที่ซ่านอยู่บนหน้าของภัทรยิ่งทวีความเข้มมากขึ้นไปอีก ผู้เป็นน้าจึงรีบส่ายหน้าตอบ “เปล่าจ้ะ น้าภัทรไม่ได้เป็นอะไร”

เสียงหัวเราะจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำให้ภัทรต้องแอบส่งค้อนให้คุณผู้จัดการโทษฐานที่พูดอะไรไม่เหมาะสมต่อหน้าหลานสาว แถมอยู่ดีๆ ก็ทึกทักเรียกตัวเองเป็นน้าตามเขาหน้าตาเฉย ทั้งที่โดยวัยวุฒิซึ่งมากกว่าพี่สาวเขาแล้ว เชษฐ์ควรจะให้เด็กหญิงเรียกว่าคุณลุงถึงจะถูก

โมเมเอาเองเลยนะคุณเชษฐ์...

ภัทรได้แต่คิดค่อนอยู่ในใจ ส่วนมายูมิขมวดคิ้วมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของน้าชายอย่างตามไม่ทัน พลันเด็กน้อยก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อถูกมือใหญ่ยื่นมาแย่งตัวไปอุ้มเสียเอง

“หวา!!”

“คุณเชษฐ์!”

ภัทรพยายามจะรับตัวหลานกลับ แต่คนตัวใหญ่กว่าเบี่ยงตัวหนี “เอาน่า เธออุ้มหลานตั้งนานแล้วคงเมื่อยใช่ไหมล่ะ อีกอย่างมายูมิจะได้คุ้นกับฉันไว้ไง น้าเชษฐ์มีของขวัญให้หนูด้วยนะ เรากลับไปที่โต๊ะกันดีกว่า”

คุณผู้จัดการใช้นิ้วชี้ข้างหนึ่งดันแว่นขึ้นขณะยิ้มให้แม่หนูน้อยราวกับรู้จักคุ้นเคยกันมานาน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางห้องอาหารโดยใช้แขนข้างเดียวอุ้มมายูมิอย่างสบายๆ ภัทรจึงต้องรีบสาวเท้าตามอย่างไร้ทางเลือก อดจะอุปาทานไม่ได้ว่าพวกเขาสามคนดูจะดึงดูดสายตาของคนรอบข้างพอสมควร

“อ้าว มากันเสียที หายกันไปซะนานเชียว”

แพนเอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสามเดินกลับมาที่โต๊ะ หญิงสาวเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าคนที่อุ้มลูกสาวเธอกลับมาคือแขกผู้มาใหม่ ขณะที่น้องชายซึ่งเดินเยื้องไปด้านหลังนั้นมีสีเลือดฝาดบนแก้มจนเห็นชัด หลังจากที่เชษฐ์ปล่อยมายูมิลง เด็กหญิงก็วิ่งตรงไปหาพ่อแล้วโน้มคอลงมากระซิบกระซาบ เมื่อเสร็จแล้วก็วิ่งไปกระซิบที่ข้างหูแม่อีกคน ก่อนจะค่อยปีนกลับขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเองซึ่งอยู่ตรงกลางพร้อมกับยิ้มแฉ่ง แพนกับโทรุมองหน้ากันด้วยแววตางุนงง จากนั้นก็ต่างพยายามกลั้นหัวเราะกันอย่างเต็มที่

“พี่แพน...”

ภัทรเดาได้ไม่ยากเลยว่าหลานสาวกระซิบบอกอะไรไป แต่ก็จนใจจะท้วงติงในเมื่อหลานของเขาทั้งเด็กและไร้เดียงสาเหลือเกิน จึงทำได้เพียงแนะนำตัวเชษฐ์อย่างเป็นทางการให้แพนกับโทรุอีกครั้งก่อนจะพากันนั่งลง

“จะทานอะไรไหมครับ?”

พี่เขยของภัทรเอ่ยถามเชษฐ์อย่างมีมารยาท คุณผู้จัดการจึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ โดยวางมือข้างหนึ่งทาบลงบนท้องขณะตอบ “ผมกินมาจากงานเลี้ยงอีกงานแล้วครับ ขอบคุณมาก”

“เมื่อกี้น้าเชษฐ์บอกว่ามีของขวัญให้หนูด้วยล่ะค่ะแม่”

มายูมิหันไปบอกแม่ แพนได้ฟังแล้วก็กะพริบตาปริบๆ แต่ภัทรคาดว่าน่าจะเป็นเพราะสรรพนาม ‘น้าเชษฐ์’ ที่หลานของเขาใช้มากกว่าเพราะของขวัญ เพราะเขาเห็นพี่สาวส่งสายตาแปลกๆ มาทางเขาและคุณผู้จัดการแวบหนึ่ง

“หืม...เหรอจ๊ะ น้าเชษฐ์มีของขวัญมาให้เหรอ?”

ภัทรแทบอยากยกมือปิดหน้าเพราะพี่สาวเล่นเน้นคำว่า ‘น้าเชษฐ์’ ราวกับจะแซวกัน แต่คนที่นั่งถัดไปอีกข้างของเขากลับยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่คงรู้ตัว ผู้ถูกพาดพิงก้มลงหยิบถุงกระดาษสีสดใบใหญ่ซึ่งวางอยู่ข้างเก้าอี้ขึ้นมาแล้วส่งให้กับแม่หนูน้อยที่กระพุ่มมือไหว้ขอบคุณ หลังจากแกะออกมาแล้วพบว่าเป็นกล่องอุปกรณ์ทำเครื่องประดับสำหรับเด็กซึ่งเต็มไปด้วยลูกปัดและกิ๊บสีสันสดใส แถมมีสมุดบันทึกเล่มเล็กแบบล็อกกุญแจได้ลายดอกไม้สีชมพู มายูมิก็ร้องวี้ดว้ายอย่างดีใจก่อนจะปีนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งอ้อมโต๊ะมาหาเชษฐ์ แต่พอจะโน้มคอคุณน้าคนใหม่มาหอมแก้ม เด็กหญิงก็ชะงักแล้วหันมาทางภัทรซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

“น้าภัทรขา มิมิหอมแก้มน้าเชษฐ์ได้หรือเปล่าคะ?”

“หือ? ทำไมล่ะคะ?”

ภัทรถามกลับอย่างแปลกใจ แล้วก็มานึกได้ว่าไม่ควรถามเลยเมื่อหลานสาวตอบกลับมาซื่อๆ “ก็น้าเชษฐ์เป็นแฟนน้าภัทร มิมิก็ต้องขอน้าภัทรก่อนสิคะ ไม่งั้นเดี๋ยวน้าภัทรอิจฉา”

คราวนี้เสียงหัวเราะจากสมาชิกร่วมโต๊ะดังประสานจนได้ยินชัดเจน รวมทั้งจากคนที่กำลังจะโดนหอมแก้มด้วย ภัทรเลยได้แต่ขึงตาดุให้คุณผู้จัดการที่เหลือบมองเขายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าตอนนี้หน้าเขาคงแดงก่ำไปหมดแน่

“น้าภัทรไม่ว่าหนูหรอกลูก อยากจะหอมกี่ทีก็ตามใจหนูเถอะ”

เสียงท้ายประโยคของน้าชายสะบัดเล็กน้อย แต่ด้วยความหมั่นไส้คุณผู้จัดการมากกว่าอะไรทั้งสิ้น หลังจากมายูมิหอมแก้มเชษฐ์แล้วกลับไปนั่งที่เดิม เจ้าของนัยน์ตาคมหลังเลนส์แว่นก็ปรายตามองคนข้างตัวแล้วพูดขึ้นเปรยๆ

“เด็กๆ นี่ปากตรงกับใจดีนะครับ”

ภัทรรู้ทันทีว่ากำลังโดนพาดพิง จึงไม่ยอมหันหรือเหลือบมองไปทางคนข้างตัวเลย และเริ่มจะไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ชวนเชษฐ์ให้มาพบกับพี่สาวและพี่เขยของเขาในวันนี้ เพราะกลายเป็นว่าเขาต้องมาโดนแซวจากทั้งฝั่งครอบครัวเขาเอง และจากคนที่เชิญมาร่วมงานด้วยเสียนี่

อยากย้อนนักเชียวว่าถ้าเด็กปากตรงกับใจ งั้นอย่างคุณเชษฐ์นี่ควรจะเรียกว่าอะไรดี...

ภัทรได้แต่คิดอย่างขวางๆ ทั้งที่รู้สึกว่าผิวหน้าร้อนไม่หยุด โชคยังดีที่เขาไม่ต้องประดักประเดิดอยู่นานนัก เพราะพี่สาวกับพี่เขยช่วยชวนคุณผู้จัดการคุยเรื่องอื่นให้ แล้วไม่นานก็ดูเหมือนความสนใจของวงสนทนาจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องธุรกิจของบริษัทที่โทรุทำกับเรื่องโปรเจ็กต์ของเชษฐ์แทน

การกินเลี้ยงมื้อค่ำนั้นจบลงในที่สุดหลังจากมายูมิรบเร้ากับแม่ว่าง่วงนอน ส่วนพี่เขยของภัทรก็ต้องเตรียมตัวเดินทางไปญี่ปุ่นในวันถัดไป ดังนั้นหลังจากให้พนักงานมาคิดเงินเมื่อเลยสี่ทุ่มครึ่งไปเล็กน้อย พวกเขาก็กล่าวลากันที่หน้าทางเข้าเพราะว่าต่างจอดรถไว้กันคนละด้านของร้าน

“แล้วมิมิจะได้เจอน้าเชษฐ์อีกไหมคะ?”

เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกพ่อกับแม่จูงมือคนละฝั่งถามขึ้นก่อนจะจากกัน เชษฐ์จึงเหลือบมองคนที่ยืนข้างตัวก่อนจะตอบยิ้มๆ

“ถ้าน้าภัทรยอมพาไปก็ได้เจอครับ”

เด็กหญิงยิ้มก่อนจะดึงมือออกจากมือพ่อกับแม่แล้ววิ่งไปกอดเอวน้าชาย “เย้! ถ้างั้นน้าภัทรต้องพาน้าเชษฐ์มาอีกนะ มิมิจะรอ สัญญานะคะ?”

สีหน้าสบอารมณ์ของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ไม่ห่างทำให้ภัทรนึกหมั่นไส้ แต่พอเห็นแววตาวิบวับของหลานสาวก็ได้แต่เอามือลูบผมแล้วยิ้ม เพราะถ้าใครได้เห็นสีหน้าแบบที่เขาเห็นแล้วยังปฏิเสธก็คงใจดำน่าดู

“ถ้าน้าเชษฐ์เขาว่างนะคะ”

ภัทรตอบแบบโยนลูกกลับไปให้คุณผู้จัดการอีกรอบ แต่ดูเหมือนแค่นั้นมายูมิก็พอใจแล้ว เด็กหญิงจึงยิ้มกว้างแล้วหันมากอดเอวเชษฐ์บ้างก่อนจะกลับไปจูงมือพ่อกับแม่อย่างเดิม

“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่โทรคุยกับเราวันหลังนะภัทร ขอบคุณมากที่มาวันนี้นะคะคุณเชษฐ์”

แพนเอ่ยก่อนจะพาครอบครัวเดินแยกไป แต่พอภัทรจะเดินไปทางลานจอดรถอีกด้านก็ถูกมือใหญ่รั้งแขนไว้เสียก่อน

“ถ้าน้าเชษฐ์เขาว่างนะคะ…เหรอ?”

ประกายระยับในแววตาหลังเลนส์แว่นทำเอาภัทรต้องรีบหลุบตาหนี “ผมก็แค่พูดความจริงเองนี่ครับ ไม่ได้โกหกหลานเลยสักคำ”

ชายหนุ่มพยายามบิดแขนออกเพราะไม่อยากให้คุณผู้จัดการทำก้อร่อก้อติกหน้าร้านอาหาร แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ยื้อไว้และเดินตามเขาไปที่ลานจอดรถพร้อมกับหัวเราะ พอเลี้ยวผ่านมุมอาคารออกมาด้านนอก ภัทรก็สังเกตเห็นรถยุโรปสีเทาควันบุหรี่ตรงเกือบสุดลานได้ทันทีเนื่องจากเหลือรถจอดเพียงไม่กี่คัน แต่แล้วขาที่กำลังจะก้าวก็ชะงักเมื่อคนด้านหลังตบบ่าเขาเบาๆ แล้วยื่นกุญแจรถให้

ภัทรมองหน้าเชษฐ์ที่ยิ้มให้สลับกับพวงกุญแจในมือ ร่างสูงใหญ่จึงบุ้ยคางไปทางรถพร้อมกับอธิบาย “ไม่ได้รีบใช่หรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้นไปสตาร์ทรถแล้วนั่งรอในนั้นก่อนก็ได้ ขอเวลาฉันแป๊บนึงแล้วจะตามไป”

ร่างสูงใหญ่พูดพลางยกมือหนึ่งขึ้นทำท่าจะหยิบของในกระเป๋าเสื้อ ภัทรจึงรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการสูบบุหรี่ ตอนแรกเขาเผยอริมฝีปากขึ้นเพื่อจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่วูบเดียวก็เปลี่ยนใจและพยักหน้า

“ตามสบายครับ”

ภัทรได้ยินเสียงจุดไฟแช็คเมื่อเดินห่างออกมา แต่ก็ไม่ได้หันไปมองขณะกดรีโมทปลดล็อคประตูและเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ หลังจากที่ติดเครื่องและเปิดแอร์เรียบร้อย เขาก็เดินอ้อมไปนั่งรอตรงที่ข้างคนขับ ชายหนุ่มเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคุณผู้จัดการที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ใต้เงาของหลังคาร้าน เนื่องจากแสงในร้านส่องไปไม่ถึงบริเวณนั้น ภัทรจึงเห็นเพียงเค้าโครงของร่างสูงใหญ่กับจุดแสงสีแดงที่วาบบนปลายบุหรี่เท่านั้น

ใจจริงแล้วภัทรไม่ชอบเห็นอีกฝ่ายสูบบุหรี่เลย แต่ก็เข้าใจว่าเมื่อเป็นนิสัยที่คุ้นเคยแล้วก็คงยากที่จู่ๆ จะให้เลิกกันทันที ทว่าสิ่งที่ฉุดภัทรไว้จากการท้วงติงที่ได้ผลที่สุด ก็คือการที่เขานึกได้ว่าตอนเจอกันในร้านอาหารนั้นเชษฐ์ไม่มีกลิ่นบุหรี่ติดตัวเลยสักนิด แม้แต่มายูมิที่โดนอุ้มและอยู่ใกล้จนน่าจะได้กลิ่นก็ไม่ได้ทักขึ้นมาแม้แต่คำเดียว แถมทั้งๆ ที่งานเลี้ยงของสมาคมกับร้านอาหารอยู่กันตั้งไกล เชษฐ์ก็ยังอุตส่าห์เจียดเวลาไปหาซื้อของขวัญให้หลานสาวเขาก่อนมาได้อีก เมื่อประมวลน้ำหนักของทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ภัทรจึงคิดว่าถ้าคืนนี้คุณเชษฐ์จะขอสูบบุหรี่สักมวนหรือสองมวนก่อนกลับก็จะไม่ห้าม

โชคดีว่าภัทรไม่ต้องรอนานถึงขนาดนั้น เพราะหลังจากเชษฐ์สูบบุหรี่หมดไปหนึ่งมวนก็ขยี้ก้นกรองทิ้งและเดินมาที่รถ หลังจากอีกฝ่ายเข้ามานั่งประจำที่และปิดประตูแล้ว ภัทรจึงหันไปยิ้มอ่อนๆ ให้คนที่กำลังถอยรถออกจากลานจอด

“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์ ที่อุตส่าห์ทนไม่สูบบุหรี่ก่อนจะมาเจอหลานผม”

ผู้สูงวัยกว่าเลิกคิ้ว แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ภัทรส่งให้ก็ยิ้มตอบ หลังจากนำรถออกมาสู่ถนนใหญ่แล้วคุณผู้จัดการก็ยื่นมือมาบีบมือของเขาเสียทีหนึ่ง “ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าคุ้มที่ทำให้หลานเธอชอบฉันได้แหละนะ”

ภัทรฟังแล้วได้แต่หัวเราะ “อ้อ แน่ล่ะสิครับ ก็เล่นให้ของขวัญถูกใจซะขนาดนั้นนี่นา ว่าแต่คุณเชษฐ์มีเวลาไปซื้อของขวัญตอนไหนกันครับ? เห็นบอกว่าต้องประชุมทั้งบ่ายแล้วก็ไปงานเลี้ยงเลยไม่ใช่เหรอ?”

คนขับยักไหล่ขณะเลี้ยวรถสู่เส้นทางที่คุ้นเคยอย่างคล่องแคล่ว “จริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าของขวัญนั่นไม่ใช่ไอเดียฉันหรอก แต่พอรู้จากเธอว่าตอนเย็นมีงานเลี้ยงวันเกิดหลานสาว ฉันเลยโทรบอกให้กุ้งช่วยสั่งซื้อของขวัญแล้วให้เมสเซนเจอร์เอามาฝากให้ที่ร้านตั้งแต่ตอนบ่ายน่ะ อีกอย่างเขาก็ต้องทำเรื่องจองตั๋วเครื่องบินให้ฉันอยู่แล้วด้วย…”

เสียงท้ายประโยคของคนพูดสะดุดเล็กน้อย ทว่าภัทรกลับรับฟังด้วยท่าทีเป็นปกติเหมือนไม่แปลกใจ หากจะมีปฏิกิริยาใดที่สังเกตได้ก็เห็นจะเป็นรอยยิ้มที่เลือนลง เชษฐ์เห็นดังนั้นจึงถามอย่างเดาได้

“รู้อยู่แล้วรึ?”

ภัทรเหลือบมองคนที่กำลังขับรถ จากนั้นก็ยิ้มจืดๆ แล้วพยักหน้า

“ครับ พอดีคุณนินพูดขึ้นมาตอนที่เรียกประชุมทีมเมื่อตอนบ่าย คุณอั๋นก็ลำบากเลยสินะครับ”

ภัทรพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงความผิดหวังของตัวเองโดยเบี่ยงประเด็นไปหาผู้จัดการโปรเจ็กต์ที่ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลแทน เชษฐ์จึงพยักหน้า

“อืม เห็นว่าแฟนเขาคงบินไปช่วยดูแลจนกว่าจะพากลับมากรุงเทพฯ ได้ แต่ถึงยังไงช่วงนี้ฉันก็คงต้องไปอยู่ยาวหน่อยเพื่อดูแลให้อะไรต่อมิอะไรมันดำเนินไปตามปกติ พอดีว่าทางสำนักงานใหญ่ยังไม่กำหนดว่าจะให้ใครเป็นคนดูแลที่นั่นแบบถาวรก็เลยยังขลุกขลักกันอยู่”

“...แย่เลยนะครับ”

ภัทรออกความเห็นเสียงแผ่ว แต่ว่านอกจากนั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย รวมทั้งไม่ได้หันไปมองคนข้างตัวแม้แต่แวบเดียวนับตั้งแต่เอ่ยถึงเรื่องตั๋วเครื่องบินขึ้นมา เมื่อจู่ๆ เชษฐ์ก็เบี่ยงรถเข้าจอดข้างทางทั้งที่ยังไม่ถึงคอนโดของเขา ภัทรจึงขมวดคิ้วแล้วหันไปมองอย่างสงสัย

“คุณเชษฐ์?”

ร่างสูงใหญ่เข้าเกียร์จอดรถ จากนั้นก็หันมาหาภัทรตรงๆ “เป็นอะไรไป มีอะไรอยากพูดหรือเปล่า? เธอเป็นแบบนี้ฉันไม่สบายใจนะ”

น้ำเสียงเฉียบขาดกับนัยน์ตาคมกริบที่มองผ่านเลนส์แว่นมาทำให้ภัทรใจหาย อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อครู่เขาคงเผลอทำตัวน่ารำคาญออกไปแน่ๆ

“ขอโทษครับ ผมแค่...ไม่อยากให้คุณเชษฐ์เป็นกังวล”


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ภัทรยิ่งตอบเสียงก็ยิ่งเบา ดูเหมือนบัดนี้ความตื่นเต้นยินดีที่อีกฝ่ายมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหลานสาวจะเหือดหายไปหมดแล้ว เพราะเขาถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงที่ว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เชษฐ์ก็ต้องบินด่วนไปทำงานที่เวียดนามโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ และความคิดนั้นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองหดเล็กลงมากขึ้น

ความเงียบในรถดำเนินไปได้ไม่นาน ภัทรก็ส่งเสียงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ อ้อมแขนแข็งแรงก็รั้งตัวเขาเข้าไปกอด ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำให้เขาได้แต่ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างแล้วจับยึดเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังของเขาไปมาก่อนจะเอ่ยปลอบ

“บ้าจริง เวียดนามมันไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างถึงฉันจะต้องอยู่แทนจนกว่าคุณอั๋นจะหายป่วยมันก็ไม่ได้นานเป็นเดือนๆ หรอกน่ะ แล้วช่วงวันหยุดฉันก็บินกลับมาได้อยู่แล้ว”

น้ำเสียงหนักแน่นและมือใหญ่ที่คลึงบริเวณต้นคอด้านหลังดูจะส่งผลให้ความกระวนกระวายของภัทรบรรเทาลง ชายหนุ่มจึงสูดหายใจที่อวลด้วยกลิ่นอายอีกฝ่ายแล้วค่อยดันตัวออกนิดหนึ่ง นัยน์ตาเรียวสบประสานกับนัยน์ตาคมหลังเลนส์แว่นแล้วถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

“จริงนะครับ?”

ร่างสูงใหญ่มองตาคนถามนิ่ง วูบหนึ่งภัทรรู้สึกเหมือนเห็นประกายบางอย่างไหววูบอยู่ในแววตาหลังเลนส์แว่น แต่อาจเป็นเพราะแสงไฟสลัวจากเสาข้างถนนที่ทำให้เขาตาฝาดไปก็ได้ เพราะครู่เดียวเชษฐ์ก็พยักหน้าและตอบรับ

“แน่นอน”

ภัทรได้ยินคำตอบที่ไร้ซึ่งความลังเลแล้วจึงยิ้มออก ไหล่ที่แข็งเกร็งเมื่อครู่ค่อยๆ ลู่ลงด้วยความเบาใจ และการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นั้นก็หาได้พ้นสายตาของคนที่จับจ้องไปได้ เชษฐ์จึงยิ้มแล้วใช้ปลายนิ้วเขย่าคางของเขาเบาๆ

“ก็ปากตรงกับใจเป็นเหมือนกันนี่นา ฉันกำลังนึกอยู่เชียวว่าต้องใช้วิธีไหนให้เธอยอมพูดว่าไม่อยากให้ฉันไปเวียดนามได้บ้าง”

คำพูดหยอกล้อและลมหายใจที่ระบนปลายจมูกทำให้ภัทรเริ่มร้อนที่ผิวหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และแม้ว่าถนนเส้นนี้จะไม่ใช่ถนนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดรถวิ่งเสียทีเดียว เขาจึงขยับตัวออกจากอ้อมอกกว้างแล้วหลบสายตาที่กำลังจับจ้องตัวเองอย่างเร่าร้อน

“ถึงไม่ใช่เด็กก็ปากตรงกับใจได้นี่ครับ ผมก็ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่เฉไฉเวลาพูดกับคุณเชษฐ์เสียหน่อย”

เสียงแก้ตัวอุบอิบทำให้เชษฐ์หัวเราะก่อนจะหันไปเข้าเกียร์ออกรถ “ไม่ใช่เด็กน่ะดีแล้ว เพราะฉันไม่มีรสนิยมชอบพรากผู้เยาว์ แต่ถ้าเจอกันตั้งแต่ตอนที่เธอยังเรียนไม่จบก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”

คนพูดพูดไปยิ้มไป แต่ก็ทำเอาภัทรอยากทุบไหล่คนข้างตัวขึ้นมาติดหมัด และมั่นใจว่าหากตอนนี้คุณผู้จัดการเหลือบมามองก็คงเห็นผิวหน้าเขาแดงก่ำได้ทั้งๆ ที่แสงบนถนนสลัวรางแบบนี้แน่ จึงเอาแต่หันไปมองนอกหน้าต่างตลอดทางกลับคอนโดโดยไม่หันไปทางเชษฐ์อีกเลย ชายหนุ่มจึงไม่รู้ตัวสักนิดว่าแววตาของคนขับรถที่เหลือบมองเขาเป็นระยะนั้นเต็มไปด้วยประกายของความครุ่นคิด

เวลาล่วงไปเกือบห้าทุ่มครึ่งเมื่อเชษฐ์ขับรถมาถึงคอนโดของภัทร คุณผู้จัดการเลี้ยวรถส่งเขาตรงที่ประจำคือหน้าทางเข้าลิฟต์บริเวณชั้นจอดรถใต้ดิน เมื่อรถจอดสนิทแล้วภัทรจึงหันไปไหว้ลา แต่ขณะที่จะเปิดประตูรถก็ถูกยึดข้อมือข้างหนึ่งเอาไว้

“คุณเชษฐ์?”

ภัทรหันไปและพบว่าอีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกับเขา แต่ทั้งที่คิดว่าจะโดนจูบ เชษฐ์กลับแค่ประทับริมฝีปากลงมาบนหน้าผาก จากนั้นก็ใช้มือใหญ่เสยผมให้ภัทรที่มุ่นคิ้วขึ้นมองด้วยแววตาไม่เข้าใจ

“...ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ห้ามไม่สบายล่ะ”

ครู่ใหญ่กว่าเชษฐ์จะเอ่ยประโยคนั้นออกมา ทว่าสัญชาตญาณบอกภัทรว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะพูด แต่ยังไม่ทันจะได้ถาม คุณผู้จัดการก็เลื่อนมือลงลูบแผ่นหลังของเขาด้วยสัมผัสที่แม้จะมีเสื้อขวางกั้น แต่ก็ทำเอาคนถูกลูบถึงกับขนลุกซู่

“เอ่อ...คุณเชษฐ์ครับ...”

เสียงคนเรียกแกว่งเล็กน้อยเพราะมือใหญ่ที่สัมผัส คนถูกเรียกได้ยินดังนั้นจึงยิ้มแบบที่ภัทรดูแล้วรู้สึกว่าไม่ต่างกับพญาสิงห์โตเตรียมตะครุบเหยื่อเลยสักนิด

“รีบไปนอนได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจขึ้นไปส่งเอง พรุ่งนี้จะไม่ได้ไปทำงานเอา”

คำพูดสองแง่สองง่าม บวกกับนัยน์ตาวาววับทำเอาภัทรต้องรีบก้าวลงจากรถ เขาได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ที่ดังตามหลังมาจึงรีบตรงเข้าคอนโดโดยไม่หันกลับไปอีก ได้แต่เอามือหนึ่งลูบหน้าที่ร้อนผ่าวขณะเข้าไปในลิฟต์และกดหมายเลขชั้นที่ห้องของเขาตั้งอยู่

หลังจากถึงห้องแล้วภัทรก็อาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น เนื่องจากเวลาที่ดึกดื่น รวมกับความอ่อนเพลียที่เพิ่งจะรู้สึกหลังจากผ่านวันอันยาวนาน เขาจึงตัดสินใจไม่ดูโทรทัศน์และปิดไฟเข้านอนเลย ทว่าทั้งที่ความเหนื่อยน่าจะทำให้หลับทันทีที่หัวแตะถึงหมอน ภัทรกลับพบว่าตัวเองนอนพลิกไปพลิกมาอยู่พักใหญ่โดยที่สมองไม่หยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง สุดท้ายจึงนอนหงายแล้วจ้องเพดานห้องท่ามกลางความมืดทึบสีเทาเข้ม มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมอกเสื้อตัวเองแล้วก็ขยุ้มเข้าเบาๆ

เขาไม่แน่ใจว่ามันเริ่มจากตอนไหน แต่ดูเหมือนนับตั้งแต่วันที่เขากับเชษฐ์เริ่มคบกัน ทำความรู้จักและคุ้นเคยกันมาทีละเล็กละน้อย ดูเหมือนว่าตัวตนของอีกฝ่ายจะค่อยๆ ซึมซาบเข้าประทับในใจโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะความเด็ดขาดและเอาจริงเอาจังในเวลางาน หรือว่าความอ่อนโยนและช่างแกล้งเวลาที่อยู่กับเขาสองคน และบางทีจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็คือตอนที่ทั้งสองไปทะเลด้วยกัน เพราะนั่นเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ภัทรรู้สึกว่าตัวเองได้ ‘เปิดใจ’ รับให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในในเขาอย่างแท้จริง แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองต่างถูกภาระการงานผูกพันจนทำให้แทบจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่เลย

ภัทรหวนนึกถึงเหตุการณ์ในรถตอนที่เชษฐ์มาส่งเมื่อตอนค่ำ ชั่วขณะหนึ่งที่ได้สบตากันและเชษฐ์เงียบไปนั้น เขามั่นใจจริงๆ ว่าคุณผู้จัดการต้องกำลังมีเรื่องอะไรในใจที่ยังไม่อยากให้เขารู้ เพราะนับตั้งแต่ทั้งคู่คบกันเป็นต้นมา แทบจะไม่มีสักครั้งเดียวที่อีกฝ่ายจะแสดงท่าทางอึกอักไม่มั่นใจ หรือทำเหมือนกำลังพยายามเก็บงำอะไรจากเขาดังเช่นเมื่อครู่นี้

“….ไม่งั้นเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจขึ้นไปส่งเอง พรุ่งนี้จะไม่ได้ไปทำงานเอา”

จู่ๆ ภัทรก็ได้ยินประโยคสุดท้ายของเชษฐ์ก่อนจะจากกันดังขึ้นในหัวอีกครั้ง และพาลให้หวนนึกไปถึงแววตาของอีกฝ่ายรวมทั้งสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้บนแผ่นหลังตอนที่พูด รสสัมผัสที่เพียงแค่นึกถึงก็ราวกับยังแนบประทับทำให้ภัทรส่งเสียงครางแล้วก็ขดตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม ผิวหน้าร้อนผ่าวเมื่อไม่อาจหยุดจินตนาการที่ผุดพลุ่งขึ้นมาพร้อมกับความคิดถึงอีกฝ่ายได้

บ้าจริงภัทร...ทั้งที่ตอนไปทะเลคุณเชษฐ์ยังแสดงออกว่าต้องการเรามากกว่าเมื่อกี้ด้วยซ้ำ แต่ทำไมคราวนี้เราถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากกว่าตอนนั้นนะ...

ภัทรตั้งคำถามกับตัวเอง ทั้งที่ตระหนักถึงคำตอบดีอยู่แก่ใจ เนื่องจากตอนที่ไปทะเลด้วยกันนั้น แม้ว่าผิวกายเปลือยเปล่าของทั้งสองจะแนบชิด ทว่าใจภัทรยังไม่พร้อมจะเปิดรับการสนิทชิดเชื้อจากเชษฐ์เพราะความหลังที่ฝังใจ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ เขามั่นใจแล้วว่าหากมองให้ทะลุผ่านการกลั่นแกล้งและวาจาหยอกเย้าของอีกฝ่าย ทุกคำพูดนั้นต่างสะท้อนถึงความเอาใจใส่และปรารถนาในตัวเขาอย่างบริสุทธิ์ทั้งสิ้น และนี่ทำให้เหตุการณ์ในรถเมื่อครู่กระตุ้นบางสิ่งในส่วนลึกของเขาให้ค่อยๆ ฟุ้งขึ้นมา

ถ้าหากว่า...เมื่อกี้นี้คุณเชษฐ์ไม่ได้หยุด...หรือถ้าเราชวนให้ตามขึ้นมาที่ห้องด้วยจริงๆ...

ภัทรหยุดความคิดที่กำลังเตลิดไม่ได้ เพราะทั้งที่พยายามมาตลอดที่จะห้ามใจไม่ให้ถลำลึก แต่ดูเหมือนบัดนี้เขาจะเสพติดและโหยหาความอบอุ่นจากเจ้าของร่างสูงใหญ่นั้นไปแล้ว จะด้วยเพราะขาดคนข้างกายที่คอยรักและดูแลมานาน หรือเพราะตอนนี้เขารับเชษฐ์เข้ามาในหัวใจจนแทบไม่เหลือที่ว่างแล้วก็ตาม แต่ภัทรก็พบว่าเขาไม่อาจห้ามร่างกายที่กำลังรุมร้อนยามคิดถึงสัมผัสของอีกฝ่ายได้เลย

“อ๊ะ...”

เสียงครางแผ่วหลุดผ่านลำคอเมื่อภัทรปัดนิ้วไปโดนร่างกายโดยบังเอิญ และทำให้ได้ตระหนักว่าบางส่วนที่อ่อนไหวกำลังแสดงปฏิกิริยาซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว และนั่นยิ่งทำให้ไอร้อนบนผิวแก้มของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

ไม่จริงน่ะ...

ภัทรรำพึงอย่างไร้เสียง เขาไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้ที่เพียงแค่การคิดถึงสัมผัสจากเชษฐ์จะทำให้เกิดปฏิกิริยาง่ายดายถึงขนาดนี้

ถึงแม้จะตระหนกกับความซื่อตรงของร่างกาย แต่หลังจากชั่งใจเพียงไม่นาน ภัทรก็ยอมแพ้ให้แก่เสียงเรียกร้องของความต้องการในที่สุด ชายหนุ่มค่อยๆ เลื่อนปลายนิ้วที่สั่นระริกลงทาบบนความตื่นตัวใต้เนื้อผ้า ช่วงอกของเขากระเพื่อมถี่ยิ่งขึ้นเมื่อสัมผัสอันแข็งขืนซึ่งต้านฝ่ามือขึ้นมาตอกย้ำให้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมีสาเหตุมาจากเชษฐ์อย่างแน่นอน

หยาดเหงื่อเล็กละเอียดผุดซึมบนหน้าผากเนียนขณะที่ภัทรค่อยๆ เลื่อนมือหนึ่งลงใต้ขอบกางเกง ขณะเดียวกับที่มืออีกข้างเลื่อนกางเกงซึ่งเอวเป็นยางยืดลงจนพ้นสะโพก ร่างเพรียวหลับตาแน่นพลางระบายลมหายใจหนักหน่วง พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับความอุ่นจัดที่กำลังชูชัน การที่เขาไม่ได้ทำเช่นนี้มานานทำให้ภัทรรู้สึกขัดเขินทั้งที่เป็นร่างกายของตัวเอง แต่แล้วเมื่ออุ้งมือค่อยกระชับเข้ารอบความร้อนผ่าวที่กำลังเรียกร้องความสนใจ ความปรารถนาอันพลุ่งพล่านก็ทำให้ภัทรไม่อาจห้ามตัวเองได้อีก

“อืม...ฮะ....อื้อ”

ภัทรพยายามจะกลั้นเสียงด้วยการกัดริมฝีปากทั้งที่ในห้องมีเพียงเขา แต่เพราะความรู้สึกหวามซ่านที่ทำให้โลหิตสูบฉีดไปทั้งร่างนั้นแทบจะทำให้เส้นประสาททุกเส้นสั่นไหว ชายหนุ่มจึงไม่ประสบความสำเร็จในการเก็บเสียงไว้ในคอเท่าไรนัก นัยน์ตาเรียวหรี่ปรือลงและเชื่อมปรอย ขณะเดียวกับที่ริมฝีปากเผยอหอบด้วยหายใจไม่ทันเพราะหัวใจที่เต้นแรงจนอกแทบระบม

“อึ๊...คุณเชษฐ์…”

ทั้งที่รู้สึกผิดที่ใช้อีกฝ่ายมาจินตนาการเพื่อสนองความต้องการปลดปล่อยของร่างกาย แต่ภัทรก็พบว่าเขาไม่สามารถหยุดนึกถึงเรือนร่างเปลือยเปล่าซึ่งเต็มไปด้วยพลังแบบผู้ชายของเชษฐ์ได้เลย และยิ่งไม่อาจหยุดจินตนาการว่ามือที่กำลังใช้ปรนเปรอร่างกายตัวเองนั้นคือสัมผัสของฝ่ามือใหญ่ซึ่งเคยโอบกอดเขามาก่อน ยิ่งเมื่อนึกถึงน้ำเสียงแหบพร่าตอนที่ฝ่ายนั้นเคยใช้กระซิบที่ข้างหู ภัทรก็สุดจะทนรับความเสียวซ่านที่ราวกับคลื่นลูกใหญ่ซึ่งซัดโถมให้เขาจมดิ่งลงอีกต่อไป

ความรู้สึกอันรุนแรงพุ่งทะลุตัวเขาราวกับศรที่ถูกปล่อยจากแล่ง ภัทรเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องขณะที่คลื่นความสุขสมอาบไล้ทั้งร่างจนราวกับย้อมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวให้เป็นสีขาว จนกระทั่งความมึนเมาที่เหมือนกับล่องลอยอยู่บนที่สูงค่อยๆ ซาลง ภัทรจึงค่อยรับรู้ถึงหยาดหยดอันเป็นหลักฐานว่าเขาเพิ่งช่วยเหลือตัวเองซึ่งเยิ้มอยู่บนฝ่ามือและหน้าขา เช่นเดียวกับเหงื่อที่ผุดซึมทั้งร่างจนทำให้เสื้อยืดเนื้อบางแนบติดกับแผ่นหลัง

นัยน์ตาเชื่อมที่ปิดแน่นค่อยๆ ปรือขึ้นและกะพริบช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน หัวใจที่เต้นรัวเร็วจนหายใจไม่ทันทำให้ภัทรไม่อาจหยุดหอบหายใจทางปากได้ จนกระทั่งนัยน์ตาที่พร่ามัวเมื่อครู่ก่อนค่อยจับภาพสิ่งต่างๆ ในห้องได้ชัดเจนขึ้น เขาจึงได้เห็นเลขบนนาฬิกาข้างหัวเตียงที่บอกให้รู้ว่าขณะนั้นเป็นเวลาตีหนึ่งกว่า และดวงจันทร์ที่ส่องแสงบนผืนฟ้านอกหน้าต่างก็ลอยสูงจนเหลือเป็นเพียงจุดสีเหลืองนวลขนาดเท่าหัวแม่มือแล้ว

ภัทรหลับตาลงขณะเลื่อนมือหนึ่งขึ้นทาบบนอกด้วยหวังว่านั่นจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บแน่นจากหัวใจที่เต้นรัวราวกับกลอง แต่ยังไม่ทันจะปรับลมหายใจให้เป็นปกติ อึดใจถัดมาร่างเพรียวก็งอตัวมากขึ้นเมื่อความปรารถนาที่เพิ่งถูกปลดเปลื้องยังไม่มีทีท่าจะสงบทั้งที่เพิ่งได้รับการสนองตอบไปหมาดๆ

ชายหนุ่มเลื่อนมือที่ยังประคองส่วนอ่อนไหวไปขยุ้มผ้าปูที่นอนจนข้อนิ้วเกร็งเป็นสีขาว เรียวคิ้วโก่งขมวดมุ่นเข้าหากัน เช่นเดียวกับนัยน์ตาเรียวที่ปิดแน่นมากขึ้นเมื่อตระหนักว่าการแสดงออกของร่างกายราวคนไม่รู้จักพอนั้นมีสาเหตุจากใครคนหนึ่งที่เพิ่งจากกันเมื่อตอนค่ำ ท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงเขากับจินตนาการของตัวเองให้ยึดเหนี่ยวเพียงลำพัง ภัทรทำได้เพียงโอดครวญให้กับความต้องการที่กำลังแล่นริ้วขึ้นมาจากส่วนลึกอีกระลอก

บ้าจริงภัทรกร ถ้าหากว่าคุณเชษฐ์ได้มาเห็นพฤติกรรมตอนนี้เข้าจะคิดว่าเราเป็นคนยังไง บ้า บ้า บ้า...


++------tbc------++


A/N: ไม่รู้อาถรรพ์ตอนที่ 13 หรือไร แต่เขียนตอนนี้ไปก็แก้แล้วแก้อีกอยู่นั่น ว่าแต่ตอนนี้ทำให้คนเขียนอยากกอดปลอบน้องภัทรจริงๆ ค่ะ (ช่างไม่กลัวจะโดนฤทธิ์เดชรองเท้าเบอร์ 42 ของคุณเชษฐ์เอาเสียเล้ย ฮา) แล้วก็อันนี้อาจเป็นความเห็นส่วนตัวของเราคนเดียวนะ แต่ชักอยากจับคู่ให้หนูมายูมิกับน้องหว้าจังเลยแฮะ (น้องชายของวิวในเรื่องลำนำรักสีรุ้ง) ท่าทางจะสนุกดี คนนึงติดพี่ ส่วนอีกคนก็ติดน้า แต่ถ้าอย่างนั้นน้องหว้าก็ได้เลี้ยงต้อยแหงม เพราะมิมิจังยังเรียนอนุบาลอยู่เลย 5555

แล้วเจอกันใหม่ในตอนหน้าค่า~
   :really2:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
เชษฐ์อยากพูดอะไรกันแน่นะ แล้วเมื่อไรจะได้เจอกันอีกก็ไม่รู้ ช่วงนี้งานยุ่งทั้งสองฝ่าย แต่เชษฐ์คงมีโทรมาหาบ้างไรบ้างเนอะ

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
มิมิมาให้คนแก่กอดหน่อยลูก  :กอด1: น่ารักจริงๆ

โอ๊ะโอน้องภัทรของดิฉัน แอบรัญจวน :z1:
คุณเชษฐ์รีบเคลียร์คิว ทำตัวเองให้ว่างอย่างด่วน


บวกขอบคุณคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2011 13:20:42 โดย ohmpresto »

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
ตอนต่อไปคุณรินก็จะทำให้ภัทรสมหวังซะทีซินะ

((ใครกันแน่ที่จะสมหวัง คำตอบ ก็คนอ่านกับคุณเชษฐ์ไง อิอิ))


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
สงสัยน้องภัทรจะห่างหายเรื่องนี้ไปนาน
งานนี้พอใจเปิด  ทุกอย่างก็ตามมา
ตอนนี้สมหวังเฉพาะตัวเองไปก่อน
รอคุณรินจัดให้คุณเชษฐ์บ้าง คริคริคริ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Bee_YJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
คุณเชษฐ์นะ ทำไมไม่โทรบอกภัทรซะหน่อย

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
 อ่านตอนนี้จบแล้วก็เริ่มจิตตก แค่ไม่ค่อยมีเวลาแบบนี้ก็แย่แล้ว ถ้ายังมีปัญหาอื่นเพิ่มเข้ามาอีก โฮฮฮฮฮ

bluebird

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้อ่านนิยายของคุณbellbombอีก : ))
อ่านแล้วยิ้มตามตลอดตามเคย ตอนนี้คุณพระเอกก็ทำตัวพระเอกแบบไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ฮิฮิ
อ่านแล้วเขินแทนภัทร โอ๊ย แต่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบน้องภัทรจังเลย เป็นคนที่น่ารักแบบเบาๆดี >///<
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้มานานมาก ต้องขอกลับไปอ่านย้อนด้วย >.<v รู้สึกว่าอ่านซ้ำได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
มาต่อเร็วๆนะค้า ^_______^ เป็นกำลังใจให้ค่า ♥

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8

ออฟไลน์ พระสนมฝ่ายซ้าย

  • ❤วั ง ว น ว า ย เ วิ่ น เ ว้ อ❤
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +283/-2
น้องภัทรมีมุมอารมณ์เปลี่ยวเหมือนกันแฮะ (ต้องมีสิคนเหมือนกันนะ - -)
คุณเชษฐ์ดูอบอุ่นมว๊ากกกกกเลยค่า
อยากมีแฟนแบบนี้บ้าง  :-[

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณริน :L2:
เรื่องนี้มาแปลก นายเอกจินตนาการด้วย :-[
เห็นด้วยที่ให้หว้าเลี้ยงต้อยนะ :o8:
ไม่รู้คุณรินจะให้รอตอนภัทรเป็นของคุณเชษฐ์นานแค่ไหนนะ o18

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
มิมิมาให้คนแก่กอดหน่อยลูก  :กอด1: น่ารักจริงๆ

โอ๊ะโอน้องภัทรของดิฉัน แอบรัญจวน :z1:
คุณเชษฐ์รีบเคลียร์คิว ทำตัวเองให้ว่างอย่างด่วน


บวกขอบคุณคะ

กอดคนเขียนก่อนได้นะคะคุณโอม เต็มไม้เต็มมือกว่ามิมิจังเยอะ ส่วนคุณเชษฐ์นี่ก็ช่างงานยุ่งไม่รู้เวล่ำเวลาเลยนิ  :laugh:

 

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้อ่านนิยายของคุณbellbombอีก : ))
อ่านแล้วยิ้มตามตลอดตามเคย ตอนนี้คุณพระเอกก็ทำตัวพระเอกแบบไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ฮิฮิ
อ่านแล้วเขินแทนภัทร โอ๊ย แต่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบน้องภัทรจังเลย เป็นคนที่น่ารักแบบเบาๆดี >///<
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้มานานมาก ต้องขอกลับไปอ่านย้อนด้วย >.<v รู้สึกว่าอ่านซ้ำได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
มาต่อเร็วๆนะค้า ^_______^ เป็นกำลังใจให้ค่า ♥


คุณเชษฐ์แกจะรักษาคอนเซ็ปต์ตลอดค่ะ ขนาดคนเขียนอยากพาออกนอกลู่นอกทางแกยังไม่ตามมาเลย (เอิ้ว)
ช่วงที่ผ่านมาทิ้งช่วงนานไปหน่อยต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่ตอนนี้ใกล้จบแล้วก็ไม่น่าจะทิ้งช่วงนานอีกแล้วนะ
ดีใจที่อ่านซ้ำได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อค่า ^_________^

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ขอบคุณคุณริน :L2:
เรื่องนี้มาแปลก นายเอกจินตนาการด้วย :-[
เห็นด้วยที่ให้หว้าเลี้ยงต้อยนะ :o8:
ไม่รู้คุณรินจะให้รอตอนภัทรเป็นของคุณเชษฐ์นานแค่ไหนนะ o18

ไม่ค่อยมีใครเขียนให้นายเอกจินตนาการกันค่ะ น้องภัทรเลยนำร่องซะเลย (เว่อร์)
ว่าแต่มีคนรอ "โมเม้นต์นั้น" ของคุณเชษฐ์กับภัทรกันเยอะจริงๆ งั้นควรให้รอกันอีกนานแค่ไหนดีน้อ?
   :z1:

ออฟไลน์ nowow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อ๊ายยยยยยยยยยยย มาต่อแล้ว ภัทรเริ่มเปิดใจมากขึ้นแล้วนะ สงสารคุณเชษฐ์จริงๆ ทนรอหน่อยนะคะ ตอนนี้ก็เริ่มมีปฏิกริยาทางร่างกายแล้ว คงได้มีเรื่องหวานๆ เร็วนี้
วู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด