“มาแล้วภัทร คิวยาวมากเลยต้องรอตั้งนานแน่ะ อ้าว? คุณชัยยศ? ตายจริง มากินข้าวก่อนเข้าประชุมบ่ายนี้เหรอคะ?”
ภัทรหันไปเห็นป๋วยรีบวางถาดใส่ข้าวหมูแดงสองจานบนโต๊ะแล้วหันไปไหว้ผู้ชายไว้หนวดคนนั้น จากนั้นก็หันมาแนะนำเขาตาม
“ภัทร คุณชัยยศเป็นหนึ่งในลูกค้าใหม่ที่จะมาประชุมกับเราบ่ายนี้ไง คุณชัยยศ นี่ภัทร รุ่นน้องในทีมของป๋วยเองค่ะ”
ภัทรไหว้ตามก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่ยังนั่งนิ่งที่โต๊ะอย่างไม่สบายใจ และพบว่าอีกฝ่ายก็จ้องเขาอยู่เหมือนกัน แต่นัยน์ตากลับยากจะอ่านความหมายจนจนเขายิ่งรู้สึกอึดอัด
ชายวัยกลางคนยิ้มกว้างยิ่งขึ้นขณะรับไหว้ “สวัสดีครับคุณป๋วย คุณภัทร พอดีเมื่อเช้าผมมีประชุมแถวนี้ก็เลยมากินข้าวที่นี่ซะเลย ส่วนนี่ธราธรหลานผมครับ เพิ่งจะมาช่วยงานที่บริษัทเมื่อเร็วๆ นี้เอง เอ้า ตาธร รู้จักคุณป๋วยกับคุณภัทรเสียสิ”
เมื่อได้รับการแนะนำ ร่างสูงใหญ่จึงค่อยลุกขึ้นและยกมือไหว้หญิงสาว ก่อนจะหันมาและยกมุมปากบางๆ ให้ภัทรซึ่งยืนหน้าไร้สีเลือดอยู่ข้างรุ่นพี่
“ไม่ได้เจอกันนานนะ ภัทร ดูดีขึ้นจนแทบจำไม่ได้”
“อ้าว? รู้จักกันอยู่แล้วเหรอคะ?”
หางเสียงบอกให้รู้ว่าป๋วยถามชายหนุ่มแปลกหน้า แต่นัยน์ตากลับเหลียวมามองรุ่นน้องข้างๆ พร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้น ทว่าภัทรกลับหาเสียงของตัวเองไม่เจอ ผู้มาใหม่จึงอธิบายเอง
“เคยเรียนด้วยกันสมัยมหา’ลัยน่ะครับ แต่หลังเรียนจบก็ต่างคนต่างไม่ว่างมาเจอกันเลย ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะโชคดีได้มาเจอกับเพื่อนเก่าที่นี่”
ภัทรรู้สึกว่าใบหน้าชาวูบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจัดเบิ่งกว้างด้วยไม่อยากเชื่อว่าเพิ่งได้ยินอะไร กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างสั่นเทิ้มจนเขาต้องกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่นเพื่อระงับอาการ ขณะที่อีกคนซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับยิ้มราวไม่ได้พูดอะไรที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงเลยสักคำ
เคยเรียนด้วยกัน...อาจจะใช่...ถ้าการจบจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันจะนับว่าเป็นอีกความหมายหนึ่งของ ‘เคยเรียนด้วยกัน’ ได้ ทว่าหลังจากเรียนจบแล้ว ฝ่ายนั้นต่างหากที่เป็นคนเถือเยื่อใยที่ทั้งสองเคยมีให้แก่กัน จากนั้นก็ทิ้งรอยแผลลึกในใจให้ภัทรโดยไม่หันกลับมาแยแสเลยสักครั้ง
“อ้าว ถ้างั้นก็พอดีเลย ไหนๆ พวกผมก็ต้องไปประชุมกับคุณป๋วยอยู่แล้ว ทำไมไม่มานั่งกินมื้อเที่ยงด้วยกันซะเลยล่ะครับ?”
คุณชัยยศหันมาชวนอย่างมีน้ำใจ ขณะที่ภัทรเห็นนัยน์ตาของ ‘เพื่อนเก่า’ เป็นประกายวาวขึ้นวูบหนึ่งทั้งที่รอยยิ้มนุ่มนวลยังไม่เปลี่ยน แล้วก็ได้แต่ร่ำร้องในใจว่าอย่าให้รุ่นพี่ของเขาตอบรับเลย
ซึ่งแน่นอนว่าป๋วยย่อมไม่ได้ยินอยู่แล้ว...
“เอาสิคะ งั้นแป๊บนะคะ ภัทรมาช่วยพี่เลื่อนโต๊ะหน่อยซิ”
หญิงสาวยิ้มหวานรับก่อนจะหันมาทางเขา เนื่องจากโต๊ะในศูนย์อาหารแห่งนี้ค่อนข้างตัวเล็กและเหมาะสำหรับนั่งสองคน ถ้าจะนั่งกันสี่คนก็ควรจะเลื่อนโต๊ะให้ชิดกัน ภัทรยืนหันรีหันขวางด้วยยังแคลงใจที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับอดีตคนคุ้นเคย แต่แล้วก็มีเสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้น
“ท่าทางขาโต๊ะจะหนักนะครับ เดี๋ยวผมยกให้เองดีกว่า”
ธราธรเดินอ้อมโต๊ะของตัวเองมาทางภัทรซึ่งยืนอยู่ใกล้ขอบโต๊ะ เมื่อรู้สึกถึงมือใหญ่ที่สัมผัสโดนนิ้วของเขาซึ่งจับโต๊ะอยู่ก่อน ภัทรก็รีบกระตุกมือหนีเหมือนโดนน้ำร้อนกระเซ็นใส่ แต่ก็เห็นเพียงรอยยิ้มเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านของคนที่ยกโต๊ะตัวนั้นไปติดกับโต๊ะของตัวเอง
“เอ้าภัทร จะมัวยืนอยู่ทำไมล่ะ มากินข้าวสิจะได้รีบขึ้นไปเตรียมงานกันไง”
ป๋วยนั่งลงบนเก้าอี้พลางหันมาเร่ง ส่วนภัทรนึกอยากหาข้ออ้างดีๆ ที่จะปลีกตัวออกไปจากตรงนั้น แต่แน่นอนว่านอกจากนั่นจะเป็นการเสียมารยาทกับลูกค้าอย่างมากแล้ว รุ่นพี่ของเขาก็อาจจะระแคะระคายก็ได้ว่าเขากับธราธรไม่ได้เป็นเพียงแค่ ‘เพื่อนเก่า’ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากข่มใจและนั่งลงตรงเก้าอี้ว่าง ซึ่งโชคร้ายที่ดันเป็นฝั่งตรงข้ามกับคนที่เขาไม่อยากมองหรือถูกมองที่สุดด้วย
ทั้งสี่ทานอาหารร่วมกันโดยที่มีเสียงพูดคุยจากคนสามคนยกเว้นภัทร เขาได้แต่นั่งเขี่ยข้าวไปมาและทานลงเพียงไม่กี่คำ ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจขอตัวเพราะเริ่มทนความกระอักกระอ่วนจากสายตาที่เหลือบมองบ่อยๆ ไม่ไหว
“พี่ป๋วย ผมจะไปซื้อของที่เซเว่นหน่อยนะ แล้วเดี๋ยวค่อยเจอกันข้างบน”
รุ่นพี่สาวเลิกคิ้ว “อ้าว แต่เธอกินข้าวไปนิดเดียวเองนะ นี่อิ่มแล้วเหรอ?”
ป๋วยบุ้ยคางไปทางจานข้าวของภัทรที่ยังเหลือเกินครึ่ง เขาจึงส่ายหน้าและพยายามปั้นยิ้มให้คนถามสบายใจ “พอดีผมยังอิ่มมื้อเช้าอยู่เลยน่ะ ถ้างั้นขอตัวก่อนนะครับ”
ภัทรหันไปกล่าวช่วงท้ายประโยคกับชายสูงวัยที่สุดในโต๊ะโดยพยายามไม่สบตากับคนที่นั่งตรงข้าม แต่แล้วก็แทบสะดุดฝีเท้าเมื่อถูกคว้าข้อมือไว้ขณะกำลังจะเดินออกมา
“แล้วเจอกันนะ ภัทร”
ธราธรปล่อยมือเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่แสดงท่าทีพิรุธให้ใครผิดสังเกต แต่นั่นกลับทำให้ภัทรรีบหันหลังและจ้ำฝีเท้าหนี ข้อมือข้างที่ถูกสัมผัสเพียงสั้นๆ ร้อนผ่าวจนต้องใช้อีกมือกุมเอาไว้ แต่มันกลับเป็นความร้อนรุ่มที่ทำให้กระวนกระวาย ไม่เหมือนกับความอบอุ่นและมั่นคงยามที่ถูกคุณเชษฐ์กุมมือเลยสักนิดเดียว
ทำไมถึงต้องมาเจอกันอีก แล้วทำไมถึงต้องมาเจอในสถานการณ์แบบนี้...
ความคิดนั้นวนเวียนไปมาราวพายุในหัวของภัทร เขาเคยคิดว่าการได้พบอีกฝ่ายโดยบังเอิญที่ร้านอาหารเมื่อไม่กี่เดือนก่อนคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าของคนคนนั้นแล้ว ใครเลยจะรู้ว่าโชคชะตาจะเล่นตลกให้ต้องมาเจอกันอีกครั้ง แถมยังในฐานะลูกค้าที่ต้องทำงานร่วมกันไปอย่างน้อยก็อีกระยะด้วย
ภัทรไม่ได้แวะที่ไหนและตรงกลับไปที่บริษัท เมื่อออกจากลิฟต์ก็พบว่าไฟในห้องทำงานถูกดับจนสลัวและเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาจากมื้อเที่ยง ภายในห้องทำงานมีเพียงแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตามโต๊ะที่สว่างเป็นจุดๆ ทว่าความเงียบที่ควรจะทำให้จิตใจสงบกลับทำให้ภัทรยิ่งว้าวุ่นมากขึ้น
ร่างสูงเพรียวรีบเดินตรงไปที่ห้องน้ำและวักน้ำเย็นๆ จากก๊อกขึ้นลูบหน้า ขณะเดียวกันก็พยายามสงบหัวใจที่เต้นรัวให้ชะลอลง แต่เมื่อเหลือบตาขึ้นสบกับสายตาตัวเองในกระจก ภัทรก็พบว่าหน้าตาที่สะท้อนในนั้นช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย
เข้มแข็งไว้สิภัทร ผู้ชายคนนั้นไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายเราอีกแล้ว เรามีคุณเชษฐ์แล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอให้ใครเห็นอีกเป็นอันขาด…
ภัทรได้แต่ยืนกำมือเหนืออ่างล้างหน้าและพึมพำกับตัวเอง เขานึกรังเกียจความทรงจำที่ทำให้เป็นคนลืมเรื่องเก่าๆ ได้ยาก เพราะมันขุดคุ้ยความเจ็บยอกในอดีตให้หวนกลับมายามได้เผชิญหน้ากับธราธรอีกครั้ง แล้วไหนจะยังท่าทีตอนที่ได้เจอกันเมื่อครู่อีก
มันเหมือนกับ...เหมือนกับฝ่ายนั้นอยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่เคยเป็นคนทำลายไปแล้วยังไงก็ไม่รู้
เขากำลังหวั่นไหว ภัทรรู้ตัวดี แต่ต้นตอของความหวั่นไหวนั้นไม่ใช่ความตื่นเต้นดีใจอย่างแน่นอน เพราะนับจากวันที่เจอธราธรโดยบังเอิญที่ร้านอาหารจนถึงวันนี้ ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปมากจนแทบจะพูดได้ว่าไม่เหลือใจให้อดีตคนรักอีกแล้ว แต่ขณะเดียวกัน การแสดงออกตอนที่เจอกันเมื่อครู่ก็ทำให้เขากังวลว่านั่นคงไม่ใช่สัญญาณที่ดี และเขาคงสบายใจกว่านี้ถ้าหากได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยมีคุณเชษฐ์อยู่ข้างๆ
และเมื่อคิดถึง...มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะยิ่งโหยหาคนที่เป็นดั่งหลักให้เขาพึ่งพิงมากขึ้นไปอีก
คุณเชษฐ์ครับ...คราวนี้อย่าไปทำงานไกลๆ นานนักนะครับ รีบกลับมาหาผมเร็วๆ เถอะ...
++------tbc------++
A/N: แฟนนักอ่านหลายคนคงแทบขยี้ตาด้วยความไม่อยากเชื่อที่เห็นตอนใหม่ ขนาดตัวเองเห็นวันที่อัพเดทครั้งสุดท้ายยังละอายเลยค่ะ (กรกฎาคม 2554) เลยทำให้รู้สึกเหมือนคุณเชษฐ์ไปเวียดนามนานมากกกกกก ทั้งที่จริงๆ ในเรื่องนี่เพิ่งจะบินไปเอง พอดีก่อนหน้านี้ไปเขียน “ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก” ต่อเนื่องกันซะจนต้องใช้เวลาจูนกลับมาหาน้องภัทรอยู่พักใหญ่ แต่ในที่สุดก็ได้เริ่มกลับมาเขียนแล้ว ก็หวังว่าจะลื่นไปได้เรื่อยๆ ถ้าเขียนจบเมื่อไหร่คงเหมือนได้ยกคุณเชษฐ์ เอ้ย! ภูเขาลูกใหญ่ออกจากอกสักที หุหุหุ
ก็ต้องขอโทษและขอบคุณทุกคนที่คอยทวงกันอยู่เรื่อยๆ ด้วยนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าคุณเชษฐ์แกจะฮอตได้ขนาดนี้ (คนเขียนขอเหน็บพระเอกนิดนึง ฮา) แล้วก็ตอนนี้เราทำหน้า fan page ไว้สำหรับอัพเดทข่าวคราวเรื่องนิยายโดยเฉพาะ ถึงไม่ได้แอดกันไว้ก็สามารถคลิกไลค์เพื่อติดตามกันได้ ที่ facebook.com/BellbombNovels แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ