พิมพ์หน้านี้ - แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: bellbomb ที่ 15-02-2009 01:41:59

หัวข้อ: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-02-2009 01:41:59
****************************************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)


****************************************************



ปล. เนื่องจากเรื่องนี้ขียนโดยไม่ยึดว่าเรื่องนี้เกิดในวันวาเลนไทน์ปีนี้เท่านั้น วันวาเลนไทน์ในเรื่องจึงตรงกับวันธรรมดานะจ๊ะ้

 
:L2: HAPPY VALENTINE'S DAY!! :L2:



Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก


แสงไฟที่เริ่มดับลงบางจุดส่งสัญญาณว่าถึงเวลาพักกลางวันตามนโยบายประหยัดไฟของบริษัท พนักงานหลายคนเริ่มทยอยลุกจากที่นั่งเพื่อไปรอลิฟต์ที่หน้าประตู เสียงถามไถ่กันและกันถึงจุดหมายในการฝากท้องของแต่ละคนดังเซ็งแซ่จนระงมไปทั่วออฟฟิศที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคารระฟ้ากลางย่านธุรกิจชื่อดัง

“อ้าว ภัทรไม่ลงไปกินข้าวเหรอ”

ชายหนุ่มร่างเพรียวหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ยิ้มให้ชายหนุ่มร่างท้วมเตี้ยที่เป็นมือกราฟฟิคดีไซน์จอมขยันของบริษัทผู้เอ่ยทักเขา

“ยังไม่ค่อยหิวน่ะพี่เอ๋ อีกอย่างลงไปตอนนี้ร้านไหนๆก็คนเต็มไปหมด ผมลงไปตอนบ่ายโมงดีกว่า แล้วนี่พี่ไม่ได้ลงไปกินข้าวกับพี่เจี๊ยบเหรอ”

หญิงสาวที่ภัทรเอ่ยถึงคือแอดมินคนเก่งของบริษัทที่เพิ่งแต่งงานกับคนตรงหน้าเขาไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทั้งสองคนพบและรู้จักกันที่บริษัทนี้ จากนั้นก็คบหาดูใจกันมานานหลายปีก่อนจะตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกันท่ามกลางความยินดีของเพื่อนร่วมงานทุกคน จึงนับได้ว่าเป็นคู่ขวัญที่โด่งดังของบริษัทเลยทีเดียว

ชายหนุ่มร่างท้วมส่ายหน้า แล้วก็แอบมองซ้ายขวาก่อนจะก้มลงป้องปากพูดเสียงเบาทั้งที่ไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนั้น

“ที่จริงวันนี้พี่แกล้งลาป่วยครึ่งเช้าว่ะ กะเอานี่มาเซอร์ไพรส์แฟน ยังไงเดี๋ยวเค้าขึ้นมาแล้วภัทรทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหน่อยก็แล้วกันนะ”

สิ้นประโยคผู้พูดก็ชูช่อกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ที่ซ่อนไว้ด้านหลังขึ้นมาอวดประกอบจนคนฟังอมยิ้ม

“โอ้โฮ กุหลาบช่อเบ้อเริ่มขนาดนี้พี่เอ๋หลุดรอดสายตาคนในบริษัทมาได้ไงเนี่ย?”

“ก็ต้องแอบแทบตายเหมือนกันล่ะวะ ดีว่าพี่เข้ามาก่อนพักกลางวันเลยฝากกุ้งให้ซ่อนตรงเคาน์เตอร์รีเซพชันให้ แล้วก็ระเห็จตัวเองไปสิงอยู่ห้องประชุมเล็กเพราะกุ้งบอกว่าห้องนั้นว่างช่วงเช้า พอทุกคนลงไปทานข้าวกันแล้วพี่ถึงค่อยออกมาเนี่ยแหละ”

ภัทรหัวเราะเบาๆแล้วก็ส่ายหน้า กุ้งเป็นเด็กนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งมาทำหน้าที่รีเซพชันประจำเคาน์เตอร์หน้าทางเข้าบริษัทแทนพนักงานคนเก่าที่ลาออกไป ด้วยความเป็นเด็กอัธยาศัยดีและช่างพูดช่างคุยทำให้เข้ากับใครๆในบริษัทได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากเขาที่ทั้งๆที่เข้ามาทำงานได้ปีกว่าแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนร่วมงานเท่าไรนัก แม้ภัทรจะพูดคุยหยอกล้อกับคนอื่นๆบ้างตามโอกาส แต่การที่ชายหนุ่มมักเลือกที่จะทานข้าวกลางวันคนเดียวและไม่ค่อยตอบรับคำเชิญไปเที่ยวสังสรรค์ยามค่ำก็ตอกย้ำถึงความเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงได้เป็นอย่างดี

“ไว้ใจได้พี่ แต่หวานกันขนาดนี้ระวังคนอื่นเค้าจะหมั่นไส้เอานะ”

ภัทรแซวทิ้งท้ายหลังชายหนุ่มรุ่นพี่วางช่อกุหลาบพร้อมกับการ์ดลงบนโต๊ะแล้วเดินผิวปากออกไป นัยน์ตาเรียวมองช่อกุหลาบนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แล้วก็ให้รู้สึกเสียวแปลบในอกขึ้นมาเมื่อนึกถึงวันเดียวกันเมื่อสองปีที่แล้ว ใครคนหนึ่งเคยมอบของคล้ายกันนี้ให้ เพื่อที่ในอีกไม่กี่เดือนถัดจากนั้นจะย่ำยีความรู้สึกของเขาจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

“ภัทรกร ยังไม่ไปกินข้าวหรือ”

เสียงเรียกชื่อเต็มเนิบๆที่จู่ๆก็ดังขึ้นในระยะกระชั้นชิดทำเอาคนที่กำลังเหม่อสะดุ้ง เมื่อหันหลังกลับไปก็พบใบหน้าคมสันของผู้จัดการโปรเจ็กต์คนเก่งหนึ่งในสี่เสาหลักของบริษัทยืนอยู่ แสงเรืองๆจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของภัทรสะท้อนกับเลนส์แว่นที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวม ประกอบกับความสลัวของแสงไฟในออฟฟิศทำให้ผู้ถูกถามเห็นแววตาของอีกฝ่ายไม่ถนัด

“ยังครับ พอดีผมยังไม่หิว กะว่าเดี๋ยวลงไปตอนที่คนเริ่มซาๆกันก่อน คุณเชษฐ์กำลังจะไปทานข้าวหรือครับ”

“เปล่าหรอก ฉันกำลังจะไปประชุมกับลูกค้าข้างนอก เดี๋ยวคงซื้อแซนด์วิชไปกินในรถ”

นัยน์ตาเรียวรีเหลือบลงก็เห็นว่ามือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายถือกระเป๋าเอกสารอยู่ขณะที่อีกข้างมีเสื้อสูทพาดทับ ผู้ถูกมองเบนสายตาไปทางช่อกุหลาบบนโต๊ะข้างๆแล้วก็ยิ้มบาง

“เอ๋สินะ ไม่น่าเชื่อว่าหมอนั่นจะโรแมนติกเอาเรื่อง”

พอได้ยินประโยคชวนคุยที่เบี่ยงประเด็นออกจากตัวเองทำให้ความเครียดเขม็งเมื่อครู่ค่อยคลายตัว ภัทรคลี่ยิ้มก่อนจะตอบรับ

“ครับ เห็นว่าวางแผนมาเซอร์ไพรส์พี่เจี๊ยบเต็มที่”

ชายหนุ่มร่างสูงรับคำในคอ ก่อนจะตบบ่าบางเบาๆ แต่สัมผัสนั้นกลับทำให้ฝ่ายที่เพิ่งจะผ่อนคลายเมื่อครู่ตัวเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง

“งั้นฉันไปล่ะ ยังไงก็ทานข้าวให้เป็นเวลาแล้วกันจะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ”

คำพูดเปรยๆที่แฝงความห่วงใยอยู่ในทีทำให้คนถูกเตือนส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายไว้

“เอ่อ คุณเชษฐ์ครับ”

ร่างสูงหยุดชะงักก่อนจะหันกลับมามอง ภัทรเม้มริมฝีปากก่อนจะกลั้นใจพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกไป

“เรียกผมว่าภัทรเฉยๆก็ได้นะครับ ผมเห็นคุณเชษฐ์เรียกผมเต็มยศตลอดเลยทั้งที่ผมก็ทำงานมาปีกว่าแล้ว”

คนฟังเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น พอคนพูดเห็นอากัปกริยานั้นแล้วก็ให้นึกอยากตบปากตัวเองขึ้นมา บางทีเขาอาจจะโดนมองว่าเรื่องมากที่จู้จี้จุกจิกกับผู้ใหญ่ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญก็ได้

“ทำไมล่ะ ชื่อภัทรกรก็เพราะดีนี่ ไม่ชอบให้เรียกเต็มๆหรือไง”

น้ำเสียงที่ติดแววหยอกเย้านิดๆทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกร้อนที่ผิวแก้มขึ้นมา ได้แต่หวังว่าความสลัวภายในออฟฟิศจะช่วยบดบังสีหน้าตัวเองไว้จากสายตาที่ราวจะมองทะลุจิตใจของอีกฝ่ายได้ แล้วก็ให้นึกค่อนคนพูดในใจที่ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไปกับคำพูดหยอกล้อนั้นจนคิดคำพูดโต้ตอบไม่ออก

ภัทรได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆจึงช้อนสายตาขึ้นมอง แล้วก็เห็นรอยยิ้มขันจุดอยู่บนใบหน้าคมคายที่ยืนห่างไปไม่ไกลนัก

“ถ้าเธออยากให้ฉันเรียกชื่อเล่นมากกว่าก็เอาตามนั้นก็ได้ งั้นฉันไปล่ะนะ ภัทร”

ร่างสูงเดินจากไปแล้ว แต่คนที่ยังนั่งอยู่รู้สึกว่าผิวหน้าตัวเองยังร้อนวูบวาบไม่หยุด ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ตีความเจตนาเขาผิดไป เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงาน ใครๆในบริษัทต่างก็เรียกเขาด้วยชื่อเล่นซึ่งย่อมาจากชื่อจริงที่แสนยาวกันทั้งนั้น ทว่ามีเชษฐ์เพียงคนเดียวที่เรียกเขาต่างออกไป ดังนั้นเวลาโดนน้ำเสียงทุ้มนุ่มเรียกตัวเองด้วยชื่อเต็มครั้งใดเขาจึงรู้สึกประหม่าทุกครั้งอย่างบอกไม่ถูก

ราวกับว่า วิธีเรียกอย่างเป็นเอกลักษณ์นั้น อีกฝ่ายจงใจเลือกใช้กับเขาเป็นพิเศษอยู่เพียงคนเดียว แรกๆภัทรไม่ได้ติดใจเพราะคิดว่าคงคล้ายกับเวลาที่เขามักเรียกชื่อคนที่ไม่คุ้นเคยด้วยชื่อเต็มก่อน แล้วจึงค่อยพัฒนาไปเรียกชื่อเล่นหลังจากเริ่มสนิทสนมกับอีกฝ่ายพอสมควรแล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าและคนอื่นในบริษัทต่างเรียกเขาด้วยชื่อเล่นไม่เว้นแม้แต่ท่านประธาน ภัทรจึงอยากให้ชายหนุ่มที่ดูจะอยากดึงดันเรียกเขาแบบนั้นให้เปลี่ยนวิธีเรียกบ้าง เผื่อว่าการทำแบบนั้นจะช่วยให้ความรู้สึกประดักประเดิดเวลาเขาสนทนากับอีกฝ่ายจางหายไปเสียที

แต่เหมือนคนตัวใหญ่จะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงทำเหมือนแกล้ง เพราะกระทั่งหลังจากที่เขาขอให้อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาเพียงสั้นๆเมื่อครู่ แม้แต่น้ำเสียงที่เจ้าตัวใช้ก็ยังทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกหวิวไหวในอกอย่างบอกไม่ถูก


+------+


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-02-2009 01:42:31
หลังจากภัทรลงไปทานข้าวมื้อกลางวันเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ยุ่งจนหัวปั่นกับการช่วยรุ่นพี่ติดต่อตามงานจากลูกค้าตลอดบ่ายเนื่องจากใกล้ถึงกำหนดเส้นตายที่วางแผนกันไว้ และถ้างานของบริษัทมาติดขัดที่แผนกเขาคงไม่แคล้วส่งผลกับการประเมินผลงานในช่วงกลางปี ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดความว้าวุ่นใจที่รบกวนความคิดเมื่อตอนเที่ยงออกไปแล้วให้ความสนใจกับการตามงานตรงหน้าแทนอย่างเต็มที่

โชคดีที่บริษัทที่ภัทรทำงานอยู่ตอนนี้ไม่มีนโยบายต่อต้านคนที่มีรสนิยมแบบเขาในการเข้าทำงาน จริงอยู่ว่าชายหนุ่มไม่เคยป่าวประกาศหรือแสดงอากัปกริยาที่แสดงออกโจ่งแจ้งว่าตนเป็นอะไรให้ใครเห็น และถ้าจะว่ากันตามตรง แทบทุกคนที่รู้ว่า “อดีต” แฟนของภัทรเป็นผู้ชายต่างก็แสดงท่าทางประหลาดใจและพูดเหมือนๆกันว่าดูไม่ออกว่าภัทรเป็น “แบบนั้น” กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นทำให้ชายหนุ่มสบายใจพอสมควรเพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาสนใจตัวตนของเขามากไปกว่าเนื้องานที่ตนเป็นผู้ลงมือทำ

เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำให้มือเรียวที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นจิบชะงัก ภัทรใช้มืออีกข้างยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับเมื่อเห็นว่าเจ้าของหมายเลขที่โทรเข้าคือใคร

“ฮัลโหล ว่าไงกุ้ง”

“พี่ภัทรคะ มีโทรศัพท์สายนอกเข้ามา เดี๋ยวรับสายด้วยนะคะ”

คิ้วเรียวขมวด ปกติถ้าหากมีโทรศัพท์จากข้างนอกเข้ามากุ้งจะขอรายละเอียดก่อนแล้วแจ้งให้เขาทราบจึงค่อยโอนสายให้ การที่อีกฝ่ายบอกเชิงบังคับว่าเขาต้องรับสายที่ไม่ระบุตัวผู้โทรทำให้เขาอดรู้สึกสังหรณ์แปลกๆไม่ได้

“ใครล่ะกุ้ง ลูกค้าหรือเปล่า เค้าไม่ได้บอกชื่อเหรอ?”

“เดี๋ยวพี่ภัทรคุยด้วยก็รู้เองแหละค่ะ กุ้งจะโอนสายให้ล่ะนะ”

เสียงของอีกฝ่ายสดใสราวกับเจือไปด้วยรอยยิ้มจนภัทรขมวดคิ้วอีกรอบ แต่แล้วพอได้ยินสัญญาณโอนสายและเสียงของคู่สนทนาชายหนุ่มก็เผลอนั่งตัวตรงขึ้นโดยอัตโนมัติ

“ฮัลโหล ยังไม่เลิกงานอีกรึ?”

“คุณเชษฐ์! เอ่อ...ยังครับ พอดีพี่ป๋วยมีงานด่วนให้ผมช่วยตามอยู่น่ะครับ”

ชายหนุ่มค่อนข้างตกใจที่คนที่ไม่คาดคิดโทรหาเขาในช่วงใกล้เวลาเลิกงานเช่นนี้ และถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงผู้จัดการโปรเจ็กต์ แต่โดยสายการบังคับบัญชาแล้ว โปรเจ็กต์ที่เขาดูแลไม่ได้ขึ้นกับเชษฐ์โดยตรงเขาจึงอดแปลกใจไม่ได้ที่จู่ๆอีกฝ่ายก็โทรมาหา

“งั้นเหรอ ถ้างั้นขอฉันคุยกับป๋วยหน่อย”

ภัทรมองหูโทรศัพท์ด้วยแววตาสงสัยราวกับเจ้ากระบอกพลาสติกจะแสดงสีหน้าคนพูดให้เขาเห็นได้ ก่อนจะกดโอนสายไปตามที่อีกฝ่ายสั่ง เขาเห็นหญิงสาวรุ่นพี่ที่นั่งถัดออกไปยกโทรศัพท์ขึ้นรับด้วยท่าทางประหลาดใจ ไม่นานเจ้าของใบหน้าสวยคมก็วางหูแล้วเดินเข้ามาหาเขา

“ภัทร วันนี้ตามงานได้แค่ไหนก็พอแค่นั้นก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อ”

“เอ๋? แต่เมื่อกลางวันพี่ป๋วยบอกว่าต้องรีบรวบรวมรายงานตัวนี้ด่วนไม่ใช่เหรอพี่ ผมเหลืออีกไม่เยอะก็น่าจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมทำต่อให้ก็ได้”

หญิงสาวรุ่นพี่ยิ้มให้อย่างเพลียๆก่อนจะกอดอกแล้วพิงสะโพกลงบนขอบโต๊ะ “เอาน่า ช้าไปวันสองวันคุณนินเค้าคงไม่กินหัวพี่หรอก อีกอย่างคุณเชษฐ์เค้ารอภัทรอยู่ชั้นล่างนะ รีบลงไปเร็วๆเดี๋ยวแกอารมณ์เสีย”

“คุณเชษฐ์? รอผม?”

ภัทรชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อหู เพราะขณะนั้นเป็นเวลาเกือบหกโมงแล้ว และอีกอย่างทำไมอีกฝ่ายจะต้องมารอเขาในวันที่ใครๆก็ควรจะรีบไปใช้เวลากับคนพิเศษของตัวเองด้วย?

“ย่ะ เค้าคงมีธุระกับเธอน่ะแหละ ดังนั้นวันนี้ทำงานได้แค่ไหนก็เมล์มาให้พี่ก่อน เดี๋ยวพี่ช่วยดูที่เหลือเอง”

ภัทรรับคำงงๆก่อนจะทำตามที่รุ่นพี่บอก ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็เก็บกระเป๋าด้วยความแปลกใจ แถมพอเดินผ่านเคาน์เตอร์รีเซพชันด้านหน้ากุ้งยังยิ้มแปลกๆให้เขาอีก วันนี้มันวันอะไรกันนักหนานะ?

“พี่ภัทร กุ้งฝากซองเอกสารไปให้คุณเชษฐ์ด้วยนะคะ แล้วก็ฝากบอกแกด้วยว่าเรื่องที่สั่งไว้กุ้งจัดการให้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ภัทรรับซองเอกสารมาถือไว้แล้วก็พยักหน้าก่อนจะเดินออกไปที่ลิฟต์ ช่วงเวลาเลิกงานแบบนี้เป็นเวลาที่ลิฟต์แทบทุกตัวมักขึ้นมาช้าเพราะชั้นที่บริษัทของเขาตั้งอยู่เป็นชั้นบนสุด แถมบางทีคนจากชั้นล่างก็ใช้วิธีลัดคิวเข้ามาออกันอยู่ก่อนทำให้กว่าชายหนุ่มจะได้เข้าลิฟต์ที่ว่างพอก็เสียเวลานาน ภัทรชำเลืองมองหมายเลขบนแผงไฟแสดงชั้นด้วยความกระวนกระวายใจ แม้เขาจะไม่เคยต้องทำงานกับชายหนุ่มที่เขากำลังจะลงไปหา แต่ก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ความเคร่งครัดต่อเวลาของเชษฐ์จากเพื่อนร่วมงานมาบ้าง แล้วเขาก็ไม่อยากทำให้คนที่ลูกน้องสายตรงต่างทั้งเกรงและกลัวต้องหงุดหงิดด้วยสาเหตุว่าลิฟต์ช้าเสียด้วยสิ

หลังเดินออกมาที่โถงชั้นหนึ่งภัทรก็ยืนเคว้งอยู่ตรงล็อบบี้ของอาคาร แต่แล้วพอมองไปด้านนอกก็เห็นว่าคนที่เรียกตนลงมากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ประตูด้านที่เชื่อมกับลานจอดรถจึงผลักประตูออกไปหา

“คุณเชษฐ์ครับ ผมมาแล้ว แล้วก็นี่...เอกสารจากกุ้งครับ”

ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่คาบบุหรี่ไว้ที่มุมปากแล้วก็รับซองเอกสารไปตรวจดูข้างในก่อนจะพยักหน้า กลิ่นบุหรี่เมนทอลอวลอยู่ในอากาศจางๆจนภัทรเผลอย่นจมูก อีกฝ่ายละสายตาจากเอกสารขึ้นมองเขาแล้วก็ยิ้มให้

“โทษที ฉันลืมไปว่าเธอไม่ชอบควันบุหรี่”

ชายหนุ่มว่าแล้วก็ขยี้ก้นบุหรี่ลงกับถังทรายซึ่งตั้งอยู่ข้างเสา ภัทรหน้าแดงขึ้นเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ช่วงที่เขาเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ ตอนที่กำลังบอกเพื่อนร่วมงานว่าเขาไม่เห็นประโยชน์ของการสูบบุหรี่ขณะกำลังจะออกไปทานข้าวด้วยกัน แต่เมื่อหันหลังไปก็พบว่าเชษฐ์กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นพอดีแถมยังยิ้มให้กับความเห็นของเขาจนภัทรอายและไม่กล้าเข้าหน้าอีกฝ่ายไปแทบทั้งเดือน

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ใช่ว่าคุณเชษฐ์จะมาสูบบุหรี่ต่อหน้าผมบ่อยๆ”

ภัทรเอ่ยก่อนจะชำเลืองมองใบหน้าคม แล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางเอียงคอมองเขา

“งั้นเหรอ แล้วถ้าต่อไปฉันต้องอยู่ต่อหน้าเธอบ่อยๆจะทำยังไงดีล่ะ?”

ผู้ถูกถามทำหน้าเหรอหราด้วยความไม่เข้าใจ เจ้าของคำถามเลยส่ายหน้าก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วนอกจากเอกสารนี่กุ้งฝากบอกอะไรมาอีกหรือเปล่า?”

“อ๋อ ก็บอกว่าเรื่องที่สั่งไว้เค้าจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ”

เชษฐ์พยักหน้าอย่างพอใจ “ดีมาก งั้นเราก็ไปกันได้แล้ว”

“เรา?”

ภัทรยังยืนงงอยู่ที่เดิม ก็นี่มันเวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่หรือ อีกอย่างเขาก็เอาเอกสารกับคำพูดที่กุ้งฝากมาบอกส่งต่อให้กับอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมเขายังต้องไปไหนด้วยอีกล่ะ

ราวกับเจ้าของร่างสูงใหญ่จะรู้ว่าในหัวเขาคิดอะไร อีกฝ่ายจึงเพียงหันมายืนรอแล้วก็ยิ้มให้

“ไม่ได้พาไปไหนเพราะเรื่องงานหรอกน่ะ ตามมาเถอะ”

ภัทรแอบค้อนคนพูดหลังจากอีกฝ่ายหันกลับไปแล้วก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตาม ทำไมคนคนนี้ถึงได้อ่านความคิดเขาออกอยู่เรื่อยด้วยนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาภัทรค่อนข้างภูมิใจในความสามารถที่จะปกปิดความรู้สึกของตัวเอง แต่ทว่าพออยู่ต่อหน้าเชษฐ์ทีไร เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองโปร่งใสจนอีกฝ่ายมองเขาออกได้ง่ายดายจนภัทรเริ่มไม่มั่นใจตัวเองมากขึ้นทุกที

หลังจากร่างผอมเพรียวขึ้นนั่งรถคันหรูเรียบร้อยโดยไม่รู้ชะตากรรมว่ากำลังจะถูกพาไปที่ไหน เชษฐ์ก็ขับรถพาเขามุ่งหน้าสู่ถนนเส้นที่ออกนอกตัวเมืองโดยไม่บอกอะไรจนภัทรต้องเอ่ยปากถาม

“คุณเชษฐ์ จะไปไหนหรือครับ?”

“เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองแหละ”

คนถูกถามให้คำตอบโดยไม่หันมามอง แต่วิธีตอบที่แสนยียวนทำให้คนถามชักหมั่นไส้จนต้องย้อนกลับอย่างอดไม่ได้

“เหรอครับ งั้นผมคงผิดเองที่ถาม คนเป็นลูกน้องนี่นา นายเค้าจะพาไปไหนผมก็ไม่มีสิทธิ์บ่นอะไรอยู่แล้ว”

เสียงหัวเราะในคอทำให้ภัทรหันขวับไปมองคนที่กำลังขับรถแล้วก็ทำตาโตอย่างแปลกใจ ใบหน้าของอีกฝ่ายยามหัวเราะอย่างที่เขาไม่เคยเห็นดูแล้วสดใสแถมยังทำให้เจ้าตัวดูอ่อนกว่าอายุจริงไปหลายปีจนเขาเผลอมองนิ่ง

“เธอนี่ ช่างประชดประชันไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ”

คนถูกทักหน้าร้อนวูบขึ้น ภัทรรีบเอ่ยตะกุกตะกักเมื่อสำนึกได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองหลุดปากพูดอะไรออกไป

“ขะ-ขอโทษครับ ผมลืมตัวไป คุณเชษฐ์อย่าถือสาผมเลยนะครับ”

ภัทรเอ่ยแล้วก็แอบเหลือบมองคนข้างๆ แล้วก็ต้องรีบเบือนสายตาลงมองมือตัวเองที่วางอยู่บนตักเหมือนเดิมเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย

“ไม่ต้องคิดมากหรอก เวลาเธอเป็นแบบนี้ก็น่ารักดี”

คนถูกชมรู้สึกว่าตอนนี้หน้าตัวเองคงแดงไปถึงใบหูแล้วเพราะอีกฝ่ายยังหัวเราะเบาๆต่อ แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบกันไป แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันรู้สึกอึดอัดคนตัวโตก็เลี้ยวรถเข้าจอดในสวนอาหารชานเมืองแห่งหนึ่งที่มีคนยืนรอคิวกันอยู่จนแน่นไปหมดเสียก่อน

ตลอดทางเดินเข้าร้านได้รับการตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงโรยสลับกันเป็นริ้วอย่างมีชั้นเชิง ไฟสีส้มอ่อนที่วางเป็นระยะข้างทางขับให้บรรยากาศดูชวนฝันสมกับเป็นค่ำคืนแห่งโอกาสพิเศษ เชษฐ์จอดรถแล้วก็เดินนำไปที่พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าร้าน แต่ภัทรกลับก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นป้ายชื่อร้านถนัดตา


“ภัทร เดี๋ยววาเลนไทน์ปีหน้าเราไปฉลองที่ร้านนี้กันนะ เห็นเค้าลงรีวิวไว้ในเว็บว่าบรรยากาศดีมากเลย”


คำสัญญาที่ไม่ได้รับการทำให้เป็นจริงจากอดีตคนสำคัญยังคงดังหลอกหลอนอยู่ในหู ภัทรกลืนน้ำลายที่จู่ๆก็เหนียวหนืดขึ้นกลับลงคอก่อนจะเดินตามร่างสูงที่หันมากวักมือเรียก ทั้งสองเดินตามพนักงานที่เดินนำทางไปยังห้องที่จองพิเศษไว้ด้วยกันโดยไม่มีใครพูดอะไร ดูท่าผู้สูงวัยกว่าจะสังเกตท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาออกจึงเอ่ยถามขึ้นเมื่อทั้งสองนั่งลงและคล้อยหลังบริกรที่รับออร์เดอร์อาหารไปแล้ว

“เป็นอะไรไป? ไม่ชอบที่นี่เหรอ?”

ภัทรละสายตาจากช่อกุหลาบสีแดงสดในแจกันแก้วกลางโต๊ะขึ้นมองคนถาม นัยน์ตาคมหลังกรอบแว่นของอีกฝ่ายแสดงความเป็นห่วงจนเขาต้องรีบส่ายหน้า

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ พอดีผมเคยเห็นรีวิวร้านนี้มาบ้างเหมือนกัน พอได้มาจริงๆก็เลยอดตื่นเต้นไม่ได้ เค้าตกแต่งได้เข้ากับเทศกาลดีนะครับ ดูมีรสนิยมดี เพลงก็เพราะ”

ชายหนุ่มรู้ดีว่าตัวเองกำลังพูดเพ้อเจ้อเป็นน้ำท่วมทุ่งและรอยยิ้มที่พยายามปั้นก็ช่างฝืดฝืนเหลือทน แต่แล้วคนที่นั่งตรงข้ามก็ยิงคำถามเด็ดที่แทงใจดำจนเขาพูดอะไรต่อไม่ออก

“แฟนเก่าเธอเคยพามาที่นี่สินะ?”

ราวกับความเงียบที่คลี่คลุมไปทั่วห้องจะช่วยตอบคำถาม เชษฐ์มองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วครู่แล้วก็เลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นจนภัทรตกใจ

“คุณเชษฐ์จะไปไหนครับ?”

“ถ้าเราอยู่ที่นี่กันแล้วเธอไม่สบายใจชั้นก็คงกินอะไรไม่ลงเหมือนกัน เราเปลี่ยนร้านก็ได้ ขอโทษด้วยที่ไม่รู้ว่าเธอมีความหลังกับที่นี่”

ร่างผอมเพรียวได้ยินคำขอโทษนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ แต่พอใบหน้าคมหันกลับมามองชายหนุ่มก็รีบปล่อยมือทันที

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณเชษฐ์ ผมกับเขาไม่เคยมาที่นี่ด้วยกัน แค่เคยเปรยๆกันไว้เท่านั้นเอง แต่ที่จริงผมก็สนใจอยากมาร้านนี้เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว อีกอย่างอุตส่าห์ได้ห้องพิเศษแบบนี้ทั้งที อย่าเปลี่ยนร้านเลยครับ”

ภัทรพูดจบก็กัดริมฝีปากแล้วหลบสายตาที่จ้องหน้าเขาราวจะค้นหา คนตัวโตถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากบริกรที่นำอาหารมาเสิร์ฟ ภัทรสะดุ้งเมื่อโดนมือใหญ่ข้างหนึ่งแนบลงบนแก้ม

“เข้าใจล่ะ ไม่เปลี่ยนร้านก็ได้ถ้าหากเธอไม่อยาก เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ”

พอพูดจบเชษฐ์ก็ถอยกลับไปนั่งที่ตัวเองเพื่อให้บริกรได้วางอาหารตามที่สั่งลงบนโต๊ะ ภัทรทรุดตัวลงนั่งที่เดิมแต่คราวนี้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาคนที่นั่งตรงข้าม ชายหนุ่มรู้สึกราวกับว่าสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นยังประทับติดอยู่บนแก้ม ความจริงเขาไม่ใช่คนที่ชอบให้ใครมาประชิดหรือถูกเนื้อต้องตัวง่ายๆ แต่การที่เขาไม่รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากคนที่กำลังนั่งทานอาหารด้วยทำให้ภัทรเริ่มกังวลกับอิทธิพลที่อีกฝ่ายดูจะมีเหนือจิตใจเขามากขึ้นทุกที

มือเรียวยกมีดและส้อมขึ้นจัดการกับอาหารตรงหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มลงมือทานแล้ว อาจเพราะความหิวหรือไม่ก็เพราะอาหารของทางร้านรสชาติดีมากจริงๆเขาจึงทานได้ลื่นคอโดยไม่รู้สึกฝืดเฝืออย่างที่กลัว ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้ามือเองก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นเมื่อเห็นว่าภัทรเพลิดเพลินกับอาหารและบรรยากาศของทางร้านจึงเริ่มชวนคุยเรื่องทั่วไปบ้าง

ภัทรยกผ้าเช็ดปากขึ้นซับที่มุมปากหลังจากรวบมีดและส้อมไว้กลางจานเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยิ้มเขินเมื่อเจ้ามือยกแก้วไวน์แดงขึ้นก่อนจะเลื่อนมือไปหยิบแก้วตัวเองขึ้นชนเบาๆแล้วก็ยกจิบ

แสงสลัวจากโคมไฟระย้าบนเพดานทำให้แววตาของผู้สูงวัยกว่าดูเป็นประกายวาววาม ภัทรยิ้มให้กับเจ้าของสายตาคมก่อนจะเสมองผ้าปูโต๊ะซาตินสีนวลตรงหน้า ใช่ว่าเขาจะไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการที่อีกฝ่ายพาเขาออกมาทานข้าวด้วยในคืนแห่งโอกาสพิเศษเช่นนี้สื่อถึงอะไร แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังอยากฟังคำตอบให้แน่ใจเพราะไม่อยากหลงตัวเอง

“คุณเชษฐ์ ทำไมพาผมออกมาทานข้าวด้วยคืนนี้ล่ะครับ?”

ทั้งที่เป็นคำถามง่ายๆ แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าใจเต้นแรงขึ้นเมื่อหลุดคำถามออกไป ชายหนุ่มนั่งนิ่งรอฟังคำตอบระหว่างที่เสียงดนตรีบรรเลงพลิ้วหวานดังออกมาจากลำโพงที่ซ่อนอยู่ในห้องอย่างแผ่วเบา มือใหญ่เอื้อมมาทาบทับลงบนมือของเขาที่ยังวางอยู่รอบฐานแก้วไวน์เนื้อดีบนโต๊ะ ใบหน้าหวานก้มงุดเมื่อมืออีกฝ่ายกระชับมือตนแน่นเข้า

“ถามแล้วไม่มองหน้ากันแบบนี้ จะให้ฉันตอบได้ยังไงล่ะ?”

น้ำเสียงหยอกเย้าแกมยั่วทำให้ภัทรอดตวัดสายตาขึ้นมองอย่างหมั่นไส้ไม่ได้ แต่พอเห็นประกายกรุ้มกริ่มจากนัยน์ตาอีกฝ่ายผ่านเลนส์แว่นเนื้อใสก็ต้องรีบก้มหลบสายตาดังเดิม

“ก่อนหน้านี้ฉันอาจไม่ได้ทำอะไรกระโตกกระตากก็จริง แต่ก็ยอมรับว่ามองเธอมานานแล้ว และที่ฉันยอมรอจนวันนี้ ก็เพราะอยากให้มันเป็นวันพิเศษที่จะมีความหมายกับเราสองคนในทุกๆปีต่อจากนี้ไป”

ภัทรปล่อยให้คำพูดของอีกฝ่ายซึมซาบเข้าในหัวที่กำลังเริ่มเบาหวิว เขาไม่รู้ว่าหัวใจที่กำลังเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกเป็นผลมาจากไวน์หรือเพราะน้ำเสียงจริงจังของเจ้าของมือใหญ่ที่กำลังกุมมือตัวเองแน่นกันแน่

“จะดีเหรอครับคุณเชษฐ์ ผมก็แค่พนักงานบริษัทคนหนึ่ง แถมถ้าเราคบกันก็อาจต้องหลบๆซ่อนๆอีก แล้วผมก็ไม่มีอะไรที่น่าจะคู่ควรกับคุณเชษฐ์เลยสักอย่าง”

ชายหนุ่มพูดจบแล้วก็เม้มปาก ก็ไม่ใช่เพราะเขาเป็นแค่คนธรรมดาแบบนี้ แถมยังไม่มีคุณสมบัติที่จะสร้างครอบครัวแบบปกติได้ไม่ใช่หรือ คนที่เขา “เคย” รักและคิดว่าจะสร้างอนาคตด้วยจึงเลือกที่จะจากเขาไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ลูกที่ดีตามที่พ่อแม่ของฝ่ายนั้นเรียกร้อง

“ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง และฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะหยุดอยู่แค่นี้ตลอดไปหรอกนะ อายุเธอยังน้อย โอกาสที่จะเติบโตในหน้าที่ยังมีอีกมาก ถ้าหากว่านั่นคือสิ่งที่เธอกังวลอยู่ล่ะก็”

มือใหญ่อีกข้างยกขึ้นเชยคางคนที่ยังไม่ยอมเงยหน้า แต่เมื่อสบตากันภัทรก็ต้องสะท้านกับแววตาแฝงความปรารถนาที่อีกฝ่ายมอบให้

“แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันสนใจเธอ ตั้งแต่เธอเริ่มมาทำงานที่นี่แล้ว ฉันดูออกว่าเธอเป็นคนที่มีอะไรในใจ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยความอ่อนแอนั่นให้ใครเห็นแล้วก็ตั้งใจทำงานโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น ความเข้มแข็งภายนอกที่ดูแล้วขัดกับแววตาเหงาๆเวลาเธอคิดว่าไม่มีใครมองทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอยากเป็นคนดูแลเธอขึ้นมา”

ภัทรทำตาโต เขาเคยคิดมาตลอดว่าตัวเองตั้งกำแพงป้องกันไว้แน่นหนาดีแล้ว แต่คำนิยามตัวเขาที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้ชายหนุ่มแทบจะอยากร้องไห้ออกมาทันที นี่เขาดูอ่อนแอขนาดนั้นเชียวหรือ?

“ผม...ดูเป็นแบบนั้นในสายตาทุกคนเลยหรือเปล่าครับ?”

น้ำเสียงที่ถามออกไปฟังดูหงอยราวเด็กหลงทางจนภัทรรู้สึกสะท้อนใจ ใบหน้าคมจึงคลี่ยิ้มให้อย่างเอ็นดู

“อาจจะมีบางคนที่ได้ทำงานใกล้ชิดกับเธอที่รู้สึก แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เวลาถามเรื่องเธอกับใคร แทบทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอทำงานเก่งแล้วก็เรียบร้อย เพียงแต่บางครั้งก็ดูเย็นชาไปหน่อย ฉันเลยต้องรีบจองตัวเธอเสียก่อนจะมีคนอื่นมาคิดตรงกันไง”

คำพูดที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายใส่ใจเรื่องเกี่ยวกับเขาแค่ไหน ประกอบกับคำบอกรักที่พุ่งตรงเข้าเป้าแบบไม่อ้อมค้อมทำให้ภัทรเขินขึ้นมาอีกรอบ แต่สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองอยู่ก็ตรึงเขาไม่ให้หันไปทางอื่นแม้ว่าจะรู้สึกอายมากสักเพียงใดก็ตาม

“จะคบกับฉันได้มั้ย ภัทรกร?”

ประสบการณ์รักที่เคยผิดพลาดครั้งก่อนยังทิ้งรอยแผลเป็นจางๆในหัวใจจนภัทรขยาดการใกล้ชิดกับใครเกินขอบเขต แต่ทว่าน้ำเสียงที่สื่อถึงความเอาใจใส่และบุคลิกที่มั่นคงราวจะเป็นที่ให้เขายึดเหนี่ยวยามอ่อนแอทำให้ภัทรรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ บางทีการเริ่มต้นครั้งใหม่อาจไม่มีจุดจบที่เจ็บปวดเฉกเช่นครั้งแรกก็เป็นได้

อีกอย่าง เชษฐ์ก็บอกเองว่าไม่มีใครทำให้เขารู้สึกแย่ได้ถ้าเขาไม่ยอม มิใช่หรือ?

ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นซ้อนบนหลังมือใหญ่ที่กุมมือของตัวเองอยู่ แล้วเอ่ยช้าๆแต่หนักแน่นให้กับคนที่กำลังยิ้มรอคำตอบ

“แน่นอนครับ”


+--- End ---+




* Edit*

ขอมอบเครดิตให้กับเจ้าของโควตที่ป้านำมาใช้นิดนึง ประโยคที่เชษฐ์พูดว่า “ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง" มาจากประโยคที่ป้าชื่นชอบมากเป็นการส่วนตัวของ Eleanor Roosevelt ต้นฉบับคือ "No one can make you feel inferior without your consent"

Eleanor Roosevelt เป็นภรรยาของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Franklin Delano Roosevelt ผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงที่อเมริกาเริ่มเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองช่วงแรก (หลังจากนั้นคนที่มารับช่วงต่อคือ Harry S. Truman ผู้สั่งให้ทิ้งระเบิดลงฮิโรชิมากับนางาซากิ)

คุณ Eleanor ถือว่าเป็นสตรีที่มีบทบาทมากกับวงการ Feminist ในอเมริกา นอกจากนั้นเธอยังยืนเคียงข้างคนผิวสี และเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการเมืองของสหรัฐฯทั้งระหว่างและหลังจากสามีของเธอดำรงตำแหน่งด้วย เอาเป็นว่า เธอเป็นผู้หญิงที่น่าชื่นชมมากๆค่ะ และคำพูดประโยคนี้ของเธอก็เป็นหนึ่งในคติประจำใจป้าเหมือนกันด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 15-02-2009 01:47:22
 :-[กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
กระโดดกอดพี่บีบี ด้วยความคิดถึงมากมาย
แปะไว้ก่อนได้ม่ายยยยยยยยยยยยยยย

 :sad4:




 :กอด1:

++++++++++++++

กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
คุณเชษฐ์ไม่ไหวแล้ว เป็นใครใครก็รับยรักนะ
ไม่ไหวๆๆ ภัทรกร กีสสสได้อีกับชื่อ จริงๆนั้นแหละเรียกเต็มน่ารักดีออกชอบบบบบบบบ
เอาอีกๆๆๆๆ พี่บีบี เอาอีกๆๆๆ ขอตอนพิเศษด้วยได้ม่ายยยยยยยย

น่ารักดีอ่ะ มารอด้วยอ่ะคุณเชษฐ์
ชอบประโยคนี้นะฟังแล้วเองกับหูคงมีความสุขพิลึก

ก็เพราะอยากให้มันเป็นวันพิเศษที่จะมีความหมายกับเราสองคนในทุกๆปีต่อจากนี้ไป

กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
เมื่อไรจะมีคนมาขอดูแลแบบนี้บ้างเนี้ย


มีความสุขมากๆเหมือนกันนะพี่บีบี

อย่าลืม เป้ของเขานะ :กอด1:


 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 15-02-2009 02:10:16
 :z13:
จิ้มพี่จุ๊บแจง อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเจิมเรื่องใหม่ของป้าสุดสวย
อบากบวกให้นะ แต่แบบว่าบวกไปแล้วงะวันนี้เลยคงยังบวกให้มะได้
อ่านเรื่องใหม่นี้แล้วขอ  o13 การใช้ภาษาดูมีความเป็นผู้ใหญ่สมกัยวัยทำงานจริง
การดำเนินเรื่องไม่ฉูดฉาดไม่เว่อเกินไปดูพอดีเหมาะสม
มีการใส่องค์ประกอบที่จำเป็น และวางพื้นเรื่องชี้ให้เห็นถึงปมที่วางไวในตอนแรก
อย่างเรื่องการเลิกกันกับแฟนเก่า การสร้างกำแพงในใจของ ภัทร ทุกอย่างดูลงตัว
การบรรยายดีมากๆขอบอกเลยนะว่าดีขึ้นจากเรื่องก่อนๆด้วย
อาจเพราะเรื่องนี้ต้องการใส่ใจในส่วนของรายละเอียดมากกว่าก็เป็นได้
อย่างว่าแหละก็รักในวัยทำงาน อ่านแล้วยิ้มได้ อ่านได้เรื่อยๆไม่สะดุด
ไม่มีปมต้องมานั่งตีความให้ฉงนมากด้วยเพราะยิ่งอ่านยิ่งรู้เพิ่มขึ้นถึงสาเหตุต่างๆ
หากแต่พออ่านมาถึงจุดๆนึงก็ฉุกใจคิดขึ้นมาว่า
เชษฐ์ น่าสนใจมากนะ แต่เราแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเค้าเลย
นอกจากจะเป็นคนที่จู้จี้ในเรื่องของการทำงาน มีมาดของนักบริหารที่มุ่งมั่น
มองการไกล และอ่านความรู้สึกคนได้ดีมาก(อีกอย่างอาจติดบุหรี่ด้วยอิๆ)
นอกนั้นละ นิสัยใจคอเราแทบไม่รู้อะไรเลย ยกเว้นที่บอกมากับ
เรื่องที่สนใจในตัว ภัทร ตามเหตุผลที่ป้าได้บอกเอาไว้อะนะ
อ่านๆไปก็อยากจะลองคิดว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าป้าจะวางแพลน
ให้ แฟนเก่าคิดหวนกลับมา หรือ ในบริษัทอาจมีศัตรูหัวใจคนอื่นอีก
แต่พอเอาเข้าจริงเรื่องนี้ถ้าจะให้เดามันจะมีปัญหาในเรื่องของความรู้สึกของ ภัทร
เสียมากกว่าก็จากที่อ่านๆดูจะเป็นคนคิดมาก ทั้งที่บางทีก็ไม่จำเป็นอะนะ
พล่ามมาตั้งมากมายก็ไม่รู้ว่าทำเพื่อ แต่ก็อย่างว่าแหละมันเป็นไรที่เราทำอยู่ประจำจะให้
อ่านแล้วผ่านไปเฉยๆก็คงดูยังไงๆอยู่นะ แล้วจะรออ่านต่อ ที่เขียนมาก็มาจากที่อ่านอะแหละ
                                                                                                         นิว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 15-02-2009 02:44:27
ว๊านนนนนนนนน หวาน สมกับเป็นวาเลนไทน์  :-[
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ซากูระสีฟ้า ที่ 15-02-2009 02:47:24
สองรีบนอ่ะ เร็วได้อีก


ทันใจวาเลนไทด์จริงๆๆๆ


หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 15-02-2009 07:39:12
 o18

 :L2:

ให้ป้า ค่ะ

แล้วก็ภัทรกรน่ารัก สู้ๆๆต่อไปนะ  o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mama ที่ 15-02-2009 08:44:45
 :impress2:
ภัทรน่ารักดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 15-02-2009 08:56:51
มีความสุขจริงๆ ที่ได้อ่านเรื่องนี้ในวันวาเลนไทน์

เชษฐ์เนี่ย บุคลิกอบอุ่น  ถ้าหนูภัทรไม่ชอบก็แย่แล้ว ออกจะน่ารักปานนั้น

เพราะเราอ่านแล้วยังชอบเลยอ้ะ

แต่ที่ชอบมากที่สุดคือคนแต่งนะจ๊ะ ที่ทำให้เราคนอ่านมีความสุขขนาดนี้ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 15-02-2009 09:02:16
บวก 1 ให้เลยค่ะ
นานๆจะได้อ่านเรื่องรักวัยทำงานบ้าง
ไม่ใช่รักใสๆ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นและมั่นคง
เข้ากับเทศกาลที่สุด  :L1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-02-2009 11:13:30
LOVEJUICE   ช่วงนี้งานเข้ายุ่งมากๆจ้า แต่รอนายเผลอแล้วเจอกัน(ป๊าดดด ยังอุตส่าห์)
newykung   หุๆ คอมเม้นตยาวสะใจ ขอบคุณคับ ว่าแต่ไม่เห็นนิวจะไม่รู้จักเชษฐ์ตรงไหนเลย ที่บรรยายมาก็เจ้าตัวทั้งน้าน^^
mist  ถ้าได้กินช็อกโกแลตแกล้มระหว่างอ่านเรื่องนี้ รับรองว่าหวานได้อีกค่า ฮิๆ
ซากูระสีฟ้า  ชอบชื่อล็อกอินนี้จริงๆ ชอบอะไรสีสันสดใสที่ปกติไม่มีในธรรมชาติอะค่ะ (อย่างเมฆสีชมพู ดวงจันทร์สีรุ้งไรเงี้ย) ขอบคุณที่มาอ่านจ๊ะ
Ferfa  เห็นล็อกอินนี้แล้วต้องเตรียมสำลีมาซับแผลโดนมีดจิ้ม อิๆ ขอบคุณแทนน้องภัทรค่า
mama  ขอบคุณค่า น้องภัทรเขินจนตัวแดงไปละ
น้ำค้าง  ขอบคุณที่ติดตามอุดหนุนกันเป็นประจำจ้าน้ำค้าง ดีใจที่ชอบเรื่องนี้เหมือนกันน้า~
namtaan  ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ค่า ไม่ได้แต่งเรื่องผู้ใหญ่ๆมานาน ดีใจที่คนอ่านชอบค่ะ

ขอมอบ :3123: ให้ทุกเจ้าของคอมเม้นต์เจ้าคะ





หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 15-02-2009 13:24:24
 :L2:


เป็นความรักแบบผู้ใหญ่...ที่ดู อบอุ่น ลึกซึ้ง ดีครับ
ไม่ได้อ่านเรื่องผู้ใหญ่ๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ...


ไม่ได้อ่านอะไรแบบนี้มานานแล้ว
(หมายถึงการเล่าแบบ ผู้เขียนเป็นคนเล่าน่ะครับ)
ชอบมากครับ...


กำลังจะบอกว่า ชอบประโยคเด็ด...ของคุณนายรูทเวลท์ เหมือนกันครับ

อยากจะบอกว่า ผมเพิ่งทำรายงานเรื่อง ประธานาธิบดีรูทเวลท์ มาพอดี
เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างที่ว่าเลยครับ
ตอนแรกก็งงๆ ว่า เอ๊ะ เธอคนนี้เป็นใคร...ที่ไหนได้ ภรรยาของ FDR นี่เอง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 15-02-2009 13:39:09
ขอมอบเครดิตให้กับเจ้าของโควตที่ป้านำมาใช้นิดนึง ประโยคที่เชษฐ์พูดว่า “ไม่มีใครทำให้เธอรู้สึกแย่ได้ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง" มาจากประโยคที่ป้าชื่นชอบมากเป็นการส่วนตัวของ Eleanor Roosevelt ต้นฉบับคือ "No one can make you feel inferior without your consent"

o13 จริง
ชอบด้วยคน


+1 ให้ป้าค่ะ
น่ารักมาก นิยายนะ  ฮา...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 15-02-2009 20:59:24
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย

พึ่งเห็น

เรื่องใหม่ของ บีบี

 :L2:

+1 ให้ก่อน แล้วค่อยไปอ่าน อิอิ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 15-02-2009 22:24:17
จิ้มป้า  :z13: หนุกดีคับ หวานซะ
เรื่องสั้นหวังว่ามันจะสั้นจริง ๆ นะป้านะ ถ้าติดลมมีหวังเหมือนเรื่องลำนำรักสีรุ้งแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-02-2009 09:53:10
^
^
^

อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าเป็นเรื่องที่ป้่าเขียน ฮุๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 16-02-2009 12:25:41
^
^

จิ้มๆ อิอิ  :z13:

หวานๆ รับวาเลนไทน์  :-[

ถึงจะเป็นเรื่องสั้น ที่ไม่สั้น ไฉไลก้อรอ่านค่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 16-02-2009 13:58:10
 เรื่องใหม่ของบีบี :mc4:

หวานซะ :o8:

ว่าแต่บีบีจ้า...

คิดถึง











คุณต้นกับไผ่อะค่ะ :m20:

:กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-02-2009 11:43:48
เนื่องจากคนเขียนแพ้ภัยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงเปลี่ยนเป็น [นิยาย] แทนนะคะ ขอฝากน้องภัทรกับคุณเชษฐ์ให้ติดตามกันอีกคู่ด้วยเน้อ ขอบคุณค่า

ส่วนคำถามของคนนี้
v
v
v
เรื่องใหม่ของบีบี :mc4:

หวานซะ :o8:

ว่าแต่บีบีจ้า...

คิดถึง











คุณต้นกับไผ่อะค่ะ :m20:

:กอด1:


เฮือกกกกก กำลังกระดื๊บมาล่ะจ้า สาบานว่าไม่ได้อยากดอง แต่รอองค์ลงเค้าก่อนแล้วกันน้า ยังไงก็ขอบคุณที่ทวงถามค่า ทิ้งไปนานๆกลัวต้นกับไผ่โดนลืมเหมือนกัน เมี้ยว~  :o12:

สจ.อยู่โน่นอากาศยังหนาวมากอยู่ไหมเอ่ย ดูแลสุขภาพดีๆนะ :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 17-02-2009 15:31:31
ว่าแล้วแหล่ะว่า ป้าแกต้องอับเกรดไปเป็นนิยาย  :a5:
ว่าแต่...อับเกรดไปแล้วก็อย่าดองเน้อ ให้ผมดองได้คนเดียวก็พอ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-02-2009 18:32:45
เนื่องจากคนเขียนแพ้ภัยตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงเปลี่ยนเป็น [นิยาย] แทนนะคะ ขอฝากน้องภัทรกับคุณเชษฐ์ให้ติดตามกันอีกคู่ด้วยเน้อ ขอบคุณค่า
ส่วนคำถามของคนนี้
v
v
v
เรื่องใหม่ของบีบี :mc4:
หวานซะ :o8:
ว่าแต่บีบีจ้า...
คิดถึง
คุณต้นกับไผ่อะค่ะ :m20:
:กอด1:

เฮือกกกกก กำลังกระดื๊บมาล่ะจ้า สาบานว่าไม่ได้อยากดอง แต่รอองค์ลงเค้าก่อนแล้วกันน้า ยังไงก็ขอบคุณที่ทวงถามค่า ทิ้งไปนานๆกลัวต้นกับไผ่โดนลืมเหมือนกัน เมี้ยว~  :o12:
สจ.อยู่โน่นอากาศยังหนาวมากอยู่ไหมเอ่ย ดูแลสุขภาพดีๆนะ :man1:
แหมอิป้าขาของเก่ก็เรื่องสั้นที่ยังไม่จบไม่ต่อนะ มาลงใหม่อีกละ
แล้วช้านจารออ่านนะ
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 17-02-2009 22:52:43
 :mc4: เรื่องใหม่

ดีใจได้อ่านยาวอีกเรื่องของบีบีอีกแล้ว 

รออ่านตอนต่อไปนะจ้ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 18-02-2009 00:47:54

บบจ๋า
ปปมาแย้วววววววววว
อิอิ

ตะเองจบอย่างนี้เลยเหรอ
อยากได้ฉากสวีทวี้ดวิ้วอ่ะ
 :impress2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 18-02-2009 01:13:25
น่ารักมากกกกกกกกกกกพี่เชษฐ์โรแมนติกมากกกกอ่ะ




ขอบคุณมากกกกค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 18-02-2009 08:24:53
ดีใจจังที่จะเป็นนิยายเรื่องยาว เพราะยังไม่เต็มอิ่มกับความน่ารักของภัทรแล้วก็ความอบอุ่นของเชษฐ์เลย  ขอหวานประเภทน้ำตาลเกล็ดเลยนะจ๊ะบีบี อิอิ  :really2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 18-02-2009 12:23:01
 :laugh: กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
พี่บีบี รับฝากทั้งตัวและหัวใจเลยอยากอ่านต่ออีก  :-[
ภัทรกร กับพี่เชษฐ์ เคลิ้มๆได้อีกคู่นี้
 :monkeysad:มาไวๆนะเดี๋ยวงานช้างนี้ผ่านไปจะรีบเข้ามาอ่านเลย :z10:


 :กอด1:คิดถึงนะค่ะ จ๊วบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: chatkub ที่ 18-02-2009 13:53:48
เรื่องน่ารักดีครับ

ชอบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 19-02-2009 06:19:33
หึหึ แต่ละเรื่องที่แต่งน่ะ ยาว.....และ นานมากกกก  :m12:

 :mc4:  :กอด1:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 19-02-2009 14:44:27
 :pig4:

 :L2:


หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-02-2009 19:06:33
2.

“ภัทร ตื่นได้แล้ว”

สัมผัสอบอุ่นที่ไล้ไปมาอยู่บริเวณไรผมกับเปลือกตาสร้างความจั๊กกะจี้ให้จนคนที่กำลังหลับขมวดคิ้วมุ่น ความงัวเงียทำให้ร่างบางส่งเสียงครางอย่างขัดใจก่อนจะหันหนีสัมผัสที่ยังตามมาระรานบนเส้นผมและขมับ

“ไม่เอา...ง่วง...”

เสียงหัวเราะในคอเล็ดลอดเข้าสู่โสตประสาทที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น อ้อมแขนเรียวยิ่งกระชับกอดหมอนอิงใบเล็กแน่นเข้า ก่อนที่ลมหายใจอุ่นๆกับเสียงทุ้มที่ดังขึ้นริมหูจะปัดเป่าความง่วงให้หายเป็นปลิดทิ้ง

“ถ้ายังไม่ตื่น จะจูบแล้วนะ”

“เฮ้ย!!”

ภัทรดีดตัวลุกขึ้นจากจุดที่นอนขดอยู่บนโซฟาแล้วถอยกรูดรวดเดียวชิดกับพนักฝั่งที่ห่างคนพูดที่สุด ใบหน้าขาวเนียนร้อนฉ่าเมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านกำลังนั่งขำกับปฏิกิริยาตอบสนองของตัวเอง

“คุณเชษฐ์! ปลุกดีๆก็ได้นี่ครับ ล้อเล่นแบบนี้ผมไม่ขำด้วยนะ”

คนเพิ่งตื่นเอ่ยท้วงตาดุโดยหารู้ไม่ว่ากลับยิ่งเข้าทางคนปลุกมากเข้าไปอีก คิ้วเข้มเหนือกรอบแว่นเลิกขึ้นข้างหนึ่งโดยที่มุมปากยังมีรอยยิ้มติดอยู่

“ใครบอกว่าล้อเล่น ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ตื่นฉันกะจะลักหลับเธอจริงๆแล้ว มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าตัวเองขี้เซาน่ะ”

ภัทรทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กที่รู้ว่าไม่มีวันเถียงผู้ใหญ่ชนะ เชษฐ์เลยส่ายหน้าก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งตบแก้มขาวเบาๆ

“ไปล้างหน้าล้างตาไปจะได้ทานข้าวเย็นก่อนกลับคอนโด ยกเว้นว่าคืนนี้เธอจะอยากนอนที่นี่”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจัดค้อนคนพูดที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ก่อนจะลุกหายเข้าไปในครัว ภัทรนั่งกอดเข่าอยู่ที่เดิมอีกครู่ใหญ่ก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกไปล้างหน้าในห้องน้ำ เมื่อเดินออกมาก็พบว่าเจ้าของบ้านยกอาหารออกมาจัดไว้บนโต๊ะกลมตัวเล็กริมระเบียงเรียบร้อยแล้ว

“ที่จริงคุณเชษฐ์ไม่เห็นต้องเตรียมเองคนเดียวเลยนี่ครับ ถ้าหิวก็น่าจะปลุกผมให้เร็วกว่านี้จะได้ตื่นมาช่วย”

ภัทรเอ่ยเสียงอ่อยพลางทรุดตัวลงนั่ง อีกฝ่ายจึงยิ้มบางก่อนจะตักไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ยื่นใส่จานให้

“ไม่เป็นไรหรอก กับข้าวพวกนี้ป้าแย้มเค้าทำเตรียมไว้ให้แล้ว ฉันก็แค่เอาออกมาอุ่นใส่จานเท่านั้นเอง เอาไว้วันไหนฉันอยากทำกับข้าวขึ้นมาเธอค่อยช่วยก็แล้วกัน”

ภัทรพยักหน้าขอบคุณแล้วก็รีบตักยำถั่วพูจากอีกจานส่งให้เจ้าของบ้านบ้าง

“คุณเชษฐ์ทำอาหารเองด้วยเหรอครับ”

“ก็เป็นบางครั้ง แต่ก็พวกอาหารง่ายๆเท่านั้นแหละ พอดีว่าเคยเป็นลูกมือในร้านอาหารตอนเรียนอยู่ต่างประเทศก็เลยพอทำได้”

ร่างสูงตอบแบบไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มตักข้าวเข้าปาก ภัทรพยักหน้าแล้วก็เริ่มจัดการอาหารของตัวเองบ้าง ความที่ได้คุ้นเคยกับเชษฐ์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาจึงรู้ว่าคำจำกัดความของคำว่า “พอทำได้” ของอีกฝ่ายหมายถึง “ดีมาก” ในพจนานุกรมของคนทั่วไป เพราะชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่มีมาตรฐานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ซึ่งก็ไม่ต่างกับข้าวของเครื่องใช้ที่เจ้าตัวเลือก แม้น้อยครั้งจะไม่ใช่ของที่มียี่ห้อหรือราคาแพง แต่เรื่องคุณภาพและความใหม่ก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอไป

ความพิถีพิถันของอีกฝ่ายทำให้บางครั้งภัทรอดย้อนคิดถึงตัวเองไม่ได้ คนที่เคยคบผู้ชายอื่นมาก่อนอย่างเขาจะนับว่าเป็นของมือสองได้หรือเปล่านะ? 

เสียงน้ำไหลในบ่อปลาคาร์ฟเล็กๆข้างบ้านที่ดังลอดระเบียงเข้ามาทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงบ้าง ภัทรลอบมองคนที่กำลังนั่งทานข้าวด้วยกันแล้วก็ตักอาหารส่งให้เป็นระยะพลางเตือนตัวเองไม่ให้คิดมาก

จากวันที่ทั้งสองตกลงคบกันเวลาก็ผ่านไปกว่าสองเดือนแล้ว แต่นอกจากเวลาที่อยู่กันตามลำพังจริงๆทั้งคู่จะวางตัวเหมือนเจ้านายลูกน้องธรรมดา ทำให้คนในออฟฟิศยังไม่มีใครรู้เรื่องที่ตอนนี้ผู้จัดการโปรเจ็กต์คนเก่งกับพนักงานแผนกโอเปอเรชันกำลังอยู่ในสถานะ “คนพิเศษ” ของกันและกันอยู่

วันไหนที่ทั้งคู่เลิกงานเวลาไม่ห่างกันนักเชษฐ์จะไปส่งภัทรที่คอนโดซึ่งเป็นห้องเก่าของพี่สาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้ว ส่วนในวันหยุดถ้าไม่ติดธุระอะไรก็จะออกไปข้างนอกด้วยกัน และบางครั้งคนตัวใหญ่ก็จะพาภัทรมาที่บ้านซึ่งตัวเองอาศัยอยู่คนเดียวโดยมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้วันละครั้ง ส่วนพ่อแม่ของเจ้าตัวนั้นย้ายไปต่างประเทศถาวรหลายปีแล้วเพราะมีธุรกิจอยู่ที่นั่น เช่นเดียวกับพี่ชายแฝดคนละฝาซึ่งทำงานอยู่ต่างประเทศเช่นกัน

หลังทานอาหารเย็นเสร็จภัทรอาสาขอล้างจานเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบเจ้าของบ้าน แต่พออีกฝ่ายปฏิเสธชายหนุ่มก็ยืนยันเสียงแข็ง

“ผมไม่ใช่แขกนะครับคุณเชษฐ์ ถ้ามาแล้วคุณเชษฐ์ให้ผมนั่งเล่นนอนเล่นอย่างเดียวคราวหลังผมไม่มาแล้วนะ”

พอเห็นท่าทางเอาจริงเอาจังร่างสูงก็ถอนหายใจก่อนจะดึงคนตัวเล็กกว่าเข้าไปหอมแก้มเบาๆ “เข้าใจละ ฉันก็แค่อยากให้เธอได้นั่งเล่นสบายๆเท่านั้นเอง แต่ถ้าอยากทำก็ตามใจ”

ภัทรหลบตาเปื้อนยิ้มของคนตัวใหญ่แล้วก็รีบยกจานชามส่วนหนึ่งเดินนำลิ่วเข้าครัว ความที่ห่างหายการใกล้ชิดกับใครมาสองปีกว่า บวกกับความยังไม่คุ้นเคยในสถานะที่เพิ่งเลื่อนขั้นของตัวเองกับเจ้านายแม้ไม่ใช่เจ้านายโดยตรงทำให้เขายังไม่อยากปล่อยใจไปกับบรรยากาศหวานๆมากนัก

จริงอยู่ที่เชษฐ์เคยบอกตอนที่ขอคบกันว่าเจ้าตัวเริ่มมองเขาตั้งแต่ยังเป็นพนักงานใหม่ แต่ภัทรก็รู้ตัวดีว่าตัวเองก็ยังมีช่องว่างระหว่าง “ภัทรกร” ที่เอาจริงเอาจังกับงาน กับ “ภัทรกร” ที่เป็นตัวของตัวเองยามไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น และเขาก็ไม่แน่ใจว่าถ้าหากเชษฐ์ได้รู้จักเขาดีขึ้นแล้วอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจหรือเปล่า บางทีตอนนี้คนตัวใหญ่อาจแค่หลงเพราะ่เห็นว่าเขายัง “แปลกใหม่” อยู่ก็ได้

“คิดอะไรอยู่ คิ้วจะผูกกันแล้ว”

ร่างผอมบางสะดุ้งเมื่อโดนปลายนิ้วของคนที่มายืนข้างตัวตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้จิ้มเบาๆที่หน้าผาก มือเรียวรีบหมุนก๊อกน้ำเพื่อล้างฟองน้ำยาล้างจานจากถ้วยในมือแล้วคว่ำลงบนตะแกรง

“เปล่าครับ แค่กำลังคิดว่า ผมมาบ้านคุณเชษฐ์ก็หลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยได้เจอป้าแย้มเลยนะครับ”

ภัทรเอื้อมหยิบผ้าเช็ดมือที่แขวนอยู่เหนืออ่างมาซับมือที่เปียกชุ่ม แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อโดนอ้อมแขนอุ่นดึงตัวเองไปกอดจากข้างหลังโดยอีกฝ่ายเอาคางมาเกยศีรษะไว้

“ป้าแย้มแกก็มีลูกมีหลานต้องกลับไปดูแลที่บ้านเหมือนกันนี่ อีกอย่าง เวลาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ไม่ค่อยมี ทำไมจะต้องอยากให้มีก.ข.ค. มาป้วนเปี้ยนตอนเราอยู่กันสองคนด้วยล่ะ”

ภัทรคิดว่าตัวเองโชคดีที่อีกฝ่ายมองไม่เห็นหน้าเขาตอนนี้ เพราะความรู้สึกร้อนวูบวาบบนผิวแก้มทำให้รู้ว่าตัวเองต้องหน้าแดงอยู่แน่ๆ ทั้งที่เพิ่งคบกันได้แค่ไม่นาน แต่บทเชษฐ์จะพูดเอาใจอีกฝ่ายก็จะพูดตรงๆไม่อ้อมค้อมจนทำเขาโต้ตอบไม่ถูก ไปต่อก็ไม่ได้อยู่หลายครา

อีกอย่าง...ต่อให้เวลาที่อยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสอง ภัทรก็ไม่เคยยอมให้อีกฝ่ายล่วงเกินมากไปกว่าแตะเนื้อต้องตัวนิดๆหน่อยๆเท่านั้น ประสบการณ์ฝังใจที่ผ่านมาทำให้เขาไม่อยากให้ความสัมพันธ์ก้าวหน้ารวดเร็วเกินไป หากต้องเสียใจรอบสองกับคนในที่ทำงานเดียวกันภัทรไม่รู้ว่าคราวนี้ตัวเองจะรับไหวหรือเปล่า

“ฟ้ามืดแล้ว ถ้ายังไงคืนนี้นอนที่นี่เลยมั้ย? พรุ่งนี้ฉันแวะไปส่งเธอที่คอนโดตอนเช้าก่อนแล้วค่อยเข้าออฟฟิศด้วยกันก็ได้”

เสียงทุ้มต่ำที่กระซิบอยู่ข้างหูกับมือของคนกอดที่เริ่มอยู่ไม่สุขทำเอาคนถูกกอดขนลุกซู่ ภัทรรีบเบี่ยงตัวหนีก่อนจะตอบโดยไม่ยอมสบตาคนตัวใหญ่ที่กำลังขมวดคิ้ว

“ผมว่าผมกลับดีกว่าครับคุณเชษฐ์ ยังไม่ได้รีดเสื้อกางเกงสำหรับอาทิตย์นี้เลย อีกอย่างคุณเชษฐ์จะได้พักผ่อนด้วย”

ภัทรรักษาระยะห่างกับอีกฝ่ายก่อนจะช้อนตาขึ้น แวบหนึ่งนัยน์ตาหวานเหมือนจะเห็นประกายตาของอีกฝ่ายเข้มขึ้นจนเสียวสันหลังวาบ แต่แล้วเชษฐ์ก็เพียงยักไหล่แล้วเดินนำออกจากครัวก่อนจะพูดเสียงเนิบๆ

“เอางั้นก็ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง”


...

...

...

...

...

...



ตั้งแต่ออกจากบ้านของเชษฐ์มาทั้งสองก็แทบจะไม่ได้พูดอะไรกัน ภัทรพยายามบังคับตัวเองให้เลิกบิดมือที่วางอยู่บนตักแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าเผลอทำอะไรผิดไปหรือเปล่าถึงทำให้คนข้างตัวเงียบผิดปกติไป แต่ถ้าหากเชษฐ์จะโกรธเพราะเขาไม่ยอมตามใจ ฝ่ายนั้นก็ควรต้องเข้าใจเสียใหม่ว่าเขาไม่ใช่เด็กน้อยใสซื่อที่จะเคลิ้มตามใครง่ายๆ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นถึงเจ้านายและอายุมากกว่าเขาหลายปีก็ตาม

โตจนเป็นระดับผู้บริหารขนาดนี้ ถ้าอยากงอนกับเรื่องแค่นี้ก็คงต้องปล่อยให้งอนไป นึกว่าเขาจะง้อหรือยังไงกัน ก็เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่ แล้วทำไมจะต้องมานั่งปวดหัวที่อีกฝ่ายไม่ยอมพูดด้วยแบบนี้ด้วยเล่า!?

คนถูกพามาส่งมัวแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดกับความคิดที่ตีกันยุ่งในหัว ยิ่งคิดมากเข้าก็ยิ่งพาลน้อยใจ จึงไม่ได้รู้สึกตัวว่าตอนนี้รถจอดสนิทอยู่ในลานจอดของคอนโดตัวเองเรียบร้อยแล้ว

“ภัทร”

“....”

“ภัทรกร”

“....”

“ภัทรกรครับ เรียกแล้วไม่ได้ยินหรือไง”

“จะเรียกทำไม! คนใช้ความคิดอยู่!”

ภัทรลืมตัวหันไปแหวใส่คนที่พาตัวเองมาส่ง แต่พอประสานสายตากับนัยน์ตาคมหลังแว่นที่เลิกคิ้วอย่างงงๆก็ให้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่กับใคร หน้าขาวเนียนแดงขึ้นโดยอัตโนมัติก่อนจะรีบละล่ำละลักขอโทษ

“คุณเชษฐ์! ขอโทษครับ! ผมลืมตัวไป อย่าโกรธผมนะ ผมขอโทษจริงๆ คุณเชษฐ์...อย่าหัวเราะกันสิ!!”

หน้าหวานแดงขึ้นอีกรอบเมื่อคนข้างตัวระเบิดหัวเราะเสียงดังจนต้องฟุบหน้าลงกับแขนข้างหนึ่งที่เท้าพวงมาลัยอยู่ ทั้งที่ใจหนึ่งก็ดีใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายปลดปล่อยอารมณ์ตัวเองเต็มที่แบบที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน แต่ความอายที่มีมากกว่าทำให้รีบหันไปปลดล็อคแล้วก็ทำท่าจะเปิดประตู แต่กระนั้นก็ยังช้ากว่าอีกฝ่ายที่คว้าตัวเขากลับไปกอดไว้จนคนถูกกอดแน่นหน้าอกเพราะหัวใจที่เต้นรัวแรงไปหมด

“อยู่กับเธอนี่ ไม่มีเบื่อจริงๆด้วยนะ ภัทร หึๆๆ”

อีกฝ่ายว่าแล้วก็หัวเราะในคอต่อจนคนถูกกอดเริ่มดิ้น ได้รับความเอ็นดูมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่คิดบ้างหรือไงนะว่าเดี๋ยวคนอื่นจะผ่านมาเห็น ตาลุงลามกนี่!

“คุณเชษฐ์! ผมหายใจจะไม่ออกแล้วนะ ปล่อยผมก่อน”

คนตัวใหญ่ก้มสูดกลิ่นหอมจากเรือนผมนิ่มก่อนจะคลายแขนเป็นกอดหลวมๆแต่ไม่ยอมปล่อยเสียทีเดียว ภัทรพยายามหันหนีนัยน์ตาคมที่พยายามจะสบตาเขาให้ได้ จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องหัวเราะออกมาบ้าง

“คุณเชษฐ์ ตกลงไม่ได้โกรธผมแล้วนะ?”

คนตัวเล็กยอมพิงอกกว้างแต่โดยดีเมื่อรู้ตัวว่าคงไม่ถูกปล่อยง่ายๆ มือใหญ่จึงลูบหลังบางไปมาก่อนจะถามด้วยเสียงเจือรอยยิ้ม

“โกรธเรื่องอะไรล่ะ ฉันสินึกว่าเธอโกรธ เล่นนั่งเงียบแล้วก็ทำหน้าบึ้งมาตลอดทาง เลยไม่รู้จะชวนคุยยังไงดีเลยเนี่ย”

พอได้ยินดังนั้นภัทรก็เงยหน้ามองคนกอดด้วยความประหลาดใจ ตกลงเมื่อครู่นี่เขาคิดไปเองหรือ? แต่ว่า...ก็อีกฝ่ายดันนั่งทำหน้ายักษ์มาตลอดทางแบบนั้น ใครจะไปกล้าชวนคุยด้วยล่ะ...

“ก็ผมเห็นคุณเชษฐ์เงียบไป ผมก็นึกว่าคงโกรธ...เรื่องที่ผม...ไม่ยอมค้าง”

ภัทรก้มหน้าพูดตะกุกตะกัก เลยโดนมือใหญ่ลูบสางผมบริเวณต้นคอให้อย่างแผ่วเบา

“เด็กเอ๊ย ฉันไม่ได้โกรธเธอสักหน่อย ฉันกำลังโมโหตัวเองต่างหากที่เร่งเธอมากไป ถ้าหากว่าเธอไม่พร้อมฉันก็ไม่อยากบังคับหรอก ฉันอยากให้ระหว่างเรามีแต่ความทรงจำดีๆนะ ต่อให้มันคงยากที่จะมีอะไรเพอร์เฟ็คต์แบบนั้นก็ตาม”

คำพูดของอีกฝ่ายที่สะท้อนความไม่มั่นใจออกมา แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ภัทรอดประหลาดใจไม่ได้เพราะเป็นคำจากปากของคนที่ใครๆก็พากันเรียกว่า “Mr. Perfectionist” แต่นั่นกลับทำให้ร่างบางใจชื้นขึ้นที่ไม่ใช่มีแต่ตัวเองคนเดียวที่กังวลกับความสัมพันธ์ครั้งนี้

น่าแปลก...ที่การแสดงความกังวลใจของอีกฝ่ายก็สามารถถมทับความไม่มั่นใจของเขาให้เติมเต็มขึ้นได้ เพราะสิ่งเล็กน้อยแค่นี้กลับแสดงให้เห็นว่าคนตัวโตเองก็มุ่งมั่นในความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวของทั้งสองขนาดไหน

ภัทรถูแก้มเข้ากับอกกว้างแล้วก็กอดเอวอีกฝ่ายแน่น ถ้าแค่นี้...สำหรับตอนนี้ เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าเขาเองก็อยากจะเปิดหัวใจแล้วก้าวเดินไปด้วยกัน คงไม่เป็นไร

“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์”

อ้อมกอดแข็งแรงกระชับวงแขนรอบร่างบางแน่นเข้า สองร่างถ่ายทอดความอบอุ่นและความในใจให้กันและกันผ่านการแสดงออกทางกายโดยไร้คำพูด ภัทรถอนหายใจแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกผ่อนคลายที่สุดตั้งแต่ตกลงคบกับเชษฐ์เป็นต้นมา อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาพยายามระมัดระวังตัวเองไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมามากเกินไป จึงลืมไปว่าการจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ดีที่สุดคือการพูดอะไรตรงๆแบบนี้กระมัง

ริมฝีปากอุ่นแนบลงบนขมับก่อนจะค่อยดันตัวคนในอ้อมแขนออกอย่างเชื่องช้า ภัทรสบตากับนัยน์ตาคมที่ทอประกายอยู่หลังแว่นแล้วก็คลี่ยิ้มเขิน ก่อนจะหลับตารับจุมพิตที่แนบลงบนหน้าผากอย่างอ่อนโยน

“กลับห้องเถอะ ถ้ายังอยู่อย่างนี้ต่อเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจพาเธอกลับบ้านแน่”

ภัทรพยักหน้ารับแม้จะยังรู้สึกเสียดายบรรยากาศอ่อนหวานที่อ้อยอิ่งอยู่รอบตัว แต่แล้วก็ตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วเดินลงไปยืนโบกมือลาให้เจ้าของรถหรูที่เลี้ยวรถออกจากลานจอดไป มือที่โบกไกวเมื่อครู่ย้อนกลับมาแตะหน้าผากตัวเอง สัมผัสอบอุ่นตรงจุดที่โดนจูบยังประทับแน่นไม่จางหายจนใบหน้าหวานเผลอยิ้มกว้าง


แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอก้าวไปช้าๆทีละก้าวสำหรับความสัมพันธ์ครั้งนี้ก็แล้วกัน...



+---tbc---+


แว้บมาแปะก่อนกลับบ้าน วันนี้คิดงานไม่ออกทั้งวัน เลยอู้พิมพ์นิยายแทนซะงั้น (เด็กดีมิพึงเลียนแบบเป็นอย่างยิ่ง):laugh:

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ทั้งแฟนประจำและที่เพิ่งมาอ่านเรื่องที่ป้าเขียนครั้งแรกค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 19-02-2009 23:15:52
^
^
^

 :กอด1:กีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

จิ้มพี่บีบีแล้วิ่งไปอ่านด่วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :z2:


+++++++++++++++

อ๊างงงงงงงง คุณเชษฐ์ของเราร้ายกาจไปม่ายยยยยย ชอบจังเลยมาพูดหวานหูให้ฟังแบบนั้น
โธ่...ภัทรกร น่าสงสารจังคิดมากใหญ่เลย ไม่เป็นไรหรอก คุณเชษฐ์ไม่ทำร้ายภัทรหรอนะดูสิออกจะแสนดีน่ารัก
ทำอาหารเก่งอีกถึงจะบอกว่าพอได้ก็เถอะนะ ชอบบบบบบบบบบบ
แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้จริงๆแหละเน๊าะ มันอยากเริ่มไปด้วยกันที่ละขั้นช้าๆ
แต่ว่าในรถหวานไปม่ายยยย กีสๆๆ ภัทรไม่น่าเปลี่ยนใจลงรถเลย
อบอวลด้วยไอความรักไม่ไหวแล้ว อิจฉา แต่ว่าฮ่าตอนเผลอตัวมากมาย เอาซะคุณเชษฐ์หัวเราะกระจายไปเลย
น่ารักอ่ะคู่นี้ รอดูการเดินทางของความรักของสองคนนี้นะ
แต่ภัทรกรเราจะห้ามใจได้อีกเท่าไรก็ดูคุณเชษฐ์หวานใส่ซะขนาดนี้แล้ว เป็นใคร ใครก็เคลิ้มมมมมนะ


กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่บีบี อีกรอบ
อย่าลืมเป้เขานะ  :monkeysad:


 :z2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 19-02-2009 23:30:34

ภัทรขี้เซา
ระวังจะโดนลักหลับเข้าสักวัน
 :z1:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 20-02-2009 00:06:22
หลับลึกแบบนั้น ระวังรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่บนเตียงแล้วนะค่ะ คริคริ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 20-02-2009 02:03:48
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก หวานนนนนนนนนนนนนนนนน จนคนอ่านละลายยยยยย  :m25:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ไฉไล ที่ 20-02-2009 03:46:53
คบกับเด็กบ้างาน แล่ะ ชอบคิดมาก ก้อต้องใจเย็นๆ แล่ะคุนเชษฐ์เอ๋ย   :laugh:


น่าร๊ากกกกเจงๆ น่าให้ปู้ใหญ่อย่างเชษฐ์จับกดเจงๆนะเนี่ย ภัทร เนี่ย  อิอิ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-02-2009 08:59:10
ว๊ากกกกกกกก พลาดเรื่องนี้ได้ไงเนี่ย  :z3:


คุณเชษฐ์น่ารัก ภัทรก็น่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 20-02-2009 15:35:42
ไม่รู้จะเมนท์อะไร

แต่ ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 20-02-2009 15:41:25
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ

ให้รางวัลกับเรื่องใหม่ด้วยการจิ้มบวกหนึ่งให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-02-2009 10:51:52
แว้บมาทักทายวันเสาร์ อ่านเม้นต์แล้วมีแรงไปทำงานต่อละ ใครไม่ต้องทำงานวันเสาร์ก็พักผ่อนหรือเที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-02-2009 13:02:48
อิอิ........................... o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 21-02-2009 23:35:24
หยดเยิ้ม จริงๆเลยป้า
 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 22-02-2009 01:10:16
ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มค่อย ๆ ไปทีละก้าวว

แต่นิยายของบีบีทุกเรื่อง ขอให้ก้าวมาต่อไว ๆ นะคะ  :laugh:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 22-02-2009 03:35:02
 :laugh:
อ่านทันละป้า อิๆ
วันนี้ขอไม่พล่ามมากนะยังมีไรให้ทำอีกมากมายนัก
ขอบอกไว้ละกันว่าอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกได้ถึงพัฒนาการทางความรักที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่
อาจจะยังพูดไม่ได้เต็มปากนักก็ตามว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะเรียกว่ารักได้
มันอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้น และอาจจะก้าวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามวิถีทางของมัน
ดูแล้วอ่านตอนนี้เราจะเริ่มเข้าใจในประเด็นที่สำคัญบางอย่างที่ยังมีความน่าสนใจในตัวเชษฐ์อยู่
อาจเพราะมีการใส่ใจในส่วนของรายละเอียดที่มากพอก็ได้นะ แต่รู้สึกว่าตอนนี้เนื้อเรื่องเริ่มมี
บางอย่างเกิดขึ้นอาจบอกว่าป้าเริ่มจะออกลายชัดเจนละว่าเรื่องนี้ยังไงฉันก็จะแต่งยาวแน่ๆ
เนื่องจากมีการบกนำเรื่องของอดีตที่ยังคงฝังใจอยู่ในความรู้สึกลึกที่ ภัทร ยังแสดงออกๆมา
ด้วยการแสดงท่าทีบางอย่างที่ออกมาในตอนนี้ อย่างว่าแหละนะคนเราเจ็บแล้วมักจะจำ
ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ภัทรอยากจะให้ความสัมพันธ์ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
แต่ถ้าให้มองในมุมมองจากตอนแรกถึงตอนนี้คล่าวๆนะจะขอบบอกว่าอาจเพราะป้าจะเปลี่ยน
จากเรื่องสั้นที่ปิ๊งไอเดียขึ้นมาในตอนแรก แต่พอๆมาอ่านเม้นท์มันก็เกิดกำลังใจบวกกับ
เวลาเขียนตอนแรกไปรู้สึกเหมือนว่าเราจะสามารถใส่เรื่องราวลงไปได้เรื่อยๆถ้าจะให้คาดเรานะ
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องยาวกว่า สิบห้าตอนแต่บอกให้แน่นอนไม่ได้นัก เพราะ
เทื่าที่พยายามจะมองอะไรต่างๆในตอนนี้นั้นบอกได้แค่ว่ามันเนิบเพื่อยืดให้ยาวได้
หลังจากนี้คนรักเก่าของภัทร เพื่อนที่เคยสนิทจะเริ่มกลับมาในชีวิตของภัทร
เช่นเดียวกันครอบครัวของ เชษฐ์ คนที่หลงรัก และเพื่อนก็จะเริ่มกลับมา
ซึ่งจะช่วยในการเดินเรื่องให้สนุกตามสไตล์ที่ป้าถนัดที่จะเดินเรื่องก็เป็นได้แล้วจะรออ่านต่อน๊า
                                                                                                         นิว
ปล.ตอนแรกว่าจะไม่พล่ามอะไรมากแล้วนะเนี่ยกลายเป็นว่าอยากอ่านต่อเร็วๆเลยมาเม้นท์ยาวๆ
ตามแนวของ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (UP! 19/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 22-02-2009 17:19:33
 :laugh:มาทวงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อีกเรื่องให้ว่องเลยพี่บีบี


 :กอด1:คิดถึงอ่ะตัวเอง กอดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-02-2009 10:59:37
3.

“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ภัทร วันนี้มาเช้าจังเลย”

เสียงของรีเซพชันนิสต์สาวเอ่ยต้อนรับอย่างสดใสจนร่างผอมเพรียวที่เพิ่งผลักบานประตูออฟฟิศเข้ามายิ้มตอบ

“กุ้งก็มาเช้าเหมือนกันแหละ โชคดีวันนี้ทางที่พี่มารถไม่ติดน่ะ ต้องขอบคุณที่โรงเรียนปิดเทอมนะเนี่ย”

ภัทรเอ่ยทักทายตอบก่อนจะเดินเลี้ยวผ่านเคาน์เตอร์รีเซฟชันไปยังฝั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองตั้งอยู่ เนื่องจากบริษัทของเขาครองพื้นที่ชั้นบนสุดของอาคารทั้งชั้น จึงมีการแบ่งผังการทำงานให้ปีกตะวันออกเป็นห้องของผู้บริหาร ห้องแผนกกราฟฟิคดีไซน์และพนักงานทั่วไป ส่วนปีกตะวันตกประกอบด้วยห้องประชุมยาวที่สามารถเลื่อนฝากั้นเป็นห้องประชุมย่อยได้สามห้อง ห้องสำหรับฝ่ายไอทีกับคอลเซ็นเตอร์ ห้องพักสำหรับเมสเซนเจอร์และห้องเก็บของ และทั้งสองฝั่งมีห้องน้ำกับครัวขนาดเล็กเหมือนกันเพื่อความสะดวกของพนักงาน

ด้วยความที่มาถึงก่อนเวลาเข้างานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งจึงยังไม่มีคนอื่นในฝั่งเดียวกันมา ภัทรแวะที่โต๊ะของตัวเองเพื่อวางกระเป๋ากับเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว แล้วก็จ๊ะเอ๋กับพนักงานทำความสะอาดที่กำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเคาน์เตอร์อยู่พอดี

“อ้าวคุณภัทร โทษทีนะคะ พอดีน้าเพิ่งจะเสียบปลั๊กกระติกน้ำไปเมื่อกี้เอง น้ำยังไม่ร้อนเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับน้าหมู เดี๋ยวผมรอก็ได้ เช้าๆไม่ดื่มกาแฟแล้วหัวไม่ค่อยแล่น”

 แม่บ้านวัยกลางคนในเครื่องแบบพนักงานทำความสะอาดยิ้มแล้วก็ขอตัวออกไป ภัทรเลยหยิบถ้วยแก้วประจำตัวออกจากชั้นมาตักกาแฟรอ ที่จริงการมาแต่เช้าก็ดีตรงที่เขาไม่ต้องรอคิวชงกาแฟเพราะสาวๆในบริษัทชอบเข้ามาเม้าท์กันแล้วติดลม ทำให้ปกติเขาต้องคอยจนทุกคนเริ่มนั่งประจำโต๊ะกันแล้วจึงค่อยได้ใช้ครัวบ้างเพราะห้องครัวที่นี่เล็กมากขนาดที่ยืนสี่คนก็อึดอัดแล้ว

“ไง วันนี้มาเช้านะ”

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยจากด้านหลังทำให้ภัทรหันขวับไปหาต้นเสียง ใบหน้าหวานยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปกดน้ำร้อนใส่แก้วหลังกระติกไฟฟ้าส่งสัญญาณว่าน้ำเดือดแล้ว

“ถึงจะขี้เซา แต่วันที่ต้องมาทำงานผมก็ตื่นเช้าได้นะครับคุณเชษฐ์ นาฬิกาปลุกผมก็มีนี่นา”

ภัทรย้อนแบบไม่จริงจังเพราะจำได้ว่าตัวเองเคยโดนแซวว่ายังไง คนทักจึงหัวเราะในคอก่อนจะเดินเข้ามายืนเคียงข้าง นัยน์ตาคมทอยิ้มล้อเลียน

“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย แบบนี้เขาเรียกร้อนตัวรู้หรือเปล่า?”

คนถูกแซวค้อนให้ก่อนจะยกกาแฟตัวเองขึ้นจิบ แล้วก็ต้องกระพริบตามองแก้วที่อีกฝ่ายยื่นมาให้อย่างงงๆ

“ชงให้มั่งสิ เอาแบบที่เธอดื่มนั่นแหละ”

“แต่ปกติคุณเชษฐ์ดื่มกาแฟดำไม่ใช่เหรอครับ ถ้าชงสูตรผมอาจจะเลี่ยนก็ได้นะ ผมชอบหนักครีมอยู่ด้วย”

ภัทรท้วง เพราะเขาพอจะรู้รสนิยมอีกฝ่ายอยู่บ้าง นอกจากจะติดบุหรี่แล้ว เชษฐ์ยังไม่ค่อยชอบอาหารที่มีรสหวานๆ เวลาดื่มกาแฟก็จะชงเสียเข้ม แถมยังไม่เติมน้ำตาลหรือครีมเทียมตัดรสจนเขาไม่รู้ว่าทนดื่มเข้าไปได้ยังไง

“ไม่เป็นไร ฉันอยากรู้ว่าปกติเธอดื่มกาแฟรสไหน วันหลังเวลาไปที่บ้านจะได้ชงให้ถูก”

เชษฐ์ตอบแล้วก็ยิ้ม ภัทรเลยรีบรับแก้วไปแล้วทำเป็นง่วนตักกาแฟและน้ำตาลกับครีมเทียมแก้เขิน ในใจก็ให้รู้สึกเสียเปรียบที่ตัวเองเหมือนโดนแกล้งอยู่เรื่อยแต่ไม่รู้จะเอาคืนยังไงดี พอเติมน้ำร้อนใส่แก้วและคนจนกาแฟละลายดีแล้วชายหนุ่มก็หันกลับไปหาคนที่ยืนรออยู่

“เสร็จแล้วครับคุณเชษฐ์ ยังไงชิมก่อนนะ ถ้าหวานไปผมจะได้เติมกาแฟให้”

มือใหญ่รับแก้วกาแฟไปจิบแล้วก็เงียบไป ภัทรเลยถามด้วยความกังวลว่ารสชาติที่ตัวเองชอบจะไม่ถูกใจอีกฝ่าย

“เป็นไงมั่งครับ?”

“อืม...จะว่าไงดี”

เชษฐ์ทำท่าคิดนานจนภัทรหน้าเสีย สงสัยกาแฟที่เขาชงจะไม่ถูกปากจริงๆด้วย

“ไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ ผมก็บอกแล้ว ถ้าไงผมชงกาแฟดำธรรมดาให้ใหม่ดีกว่า”

ชายหนุ่มกำลังจะหันไปหยิบแก้วใหม่ แต่โดนเสียงอีกฝ่ายรั้งไว้ก่อน

“ไม่ต้องหรอก ยังไม่ได้บอกสักคำว่าไม่อร่อย แค่กำลังคิดว่า กาแฟที่เธอชง...รสชาติเหมือนเธอดี”

คนถูกถามพูดยิ้มๆก่อนจะยกกาแฟขึ้นจิบอีกอึก แต่คำตอบเปรียบเปรยอย่างจงใจทำเอาภัทรหน้าแดงอย่างหยุดไม่อยู่ คนคนนี้เคยกระดากปากเรื่องอะไรกับเขามั่งไหมเนี่ย!?

“คุณเชษฐ์! มันจะไปเหมือนกันได้ไงล่ะครับ เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว...โอ๊ย!”

“ภัทร เป็นอะไร?”

คิ้วเข้มเหนือกรอบแว่นขมวดก่อนจะรีบวางแก้วในมือลง ภัทรยกมือขึ้นขยี้ตาข้างหนึ่งที่จู่ๆก็แสบขึ้นกะทันหัน

“สงสัยอะไรปลิวเข้าตาน่ะครับ คุณเชษฐ์...จะทำอะไรครับ?”

ภัทรถามอย่างตกใจเมื่อโดนมือใหญ่รั้งข้อมือเขาที่กำลังขยี้ตาอยู่ คนสูงวัยกว่าทำเสียงดุ

“อย่าขยี้สิ ตายิ่งแดงเข้าไปใหญ่กันพอดี เงยหน้าซิฉันจะได้ดูให้”

มือที่จับมือเขาอยู่เลื่อนไปเชยคางเรียวขึ้นแทน ขณะที่อีกมือหยิบผ้าเช็ดหน้าจากอกเสื้อแล้วใช้ปลายผ้าเขี่ยเศษผงที่ติดอยู่ให้

“ขนตาเธอคงปลิวเข้าไปน่ะ อย่าเพิ่งกระพริบตานะ ลืมตานิ่งๆก่อน”

“อื๊อ~”

ภัทรรู้สึกแสบตานิดหน่อยเมื่อโดนขอบผ้าเช็ดหน้าเขี่ยที่ผิวบอบบางจนเผลอกระพริบตาอีกหลายครั้ง แต่แล้วสัมผัสอ่อนโยนที่แนบอยู่บนแก้มกับลมหายใจอุ่นๆที่รดลงบนปลายจมูกทำให้เริ่มรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ชิดตัวเองแค่ไหน ร่างโปร่งเผลอกลั้นหายใจเมื่อรับรู้ถึงไออุ่นของร่างตรงหน้าราวกับอุณหภูมิในห้องครัวสูงขึ้นทั้งที่เครื่องปรับอากาศทำงานเป็นปกติ

ราวกับท่าทางที่เกร็งขึ้นกะทันหันของคนตัวเล็กกว่าจะทำให้อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัวเช่นกัน มือใหญ่ที่จับผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือจึงชะงักการเคลื่อนไหว นัยน์ตาคมหลังแว่นมองสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่สั่นระริกด้วยแววตื่นอายระคนคาดหวัง แล้วคนถูกจ้องก็เบิกตากว้างเมื่อร่างสูงใหญ่ค่อยๆย่นระยะที่กั้นกลางระหว่างทั้งสองด้วยการก้มลงหา

“ภัทร มาแล้วเหรอ เดี๋ยวมาช่วยพี่หาเอกสารของงานปีที่แล้วหน่อยสิ อุ๊ย!”

เสียงแหลมสูงของคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าครัวทำเอาทั้งสองสะดุ้ง แต่แทนที่เชษฐ์จะถอยห่าง ชายหนุ่มกลับยังคงประคองใบหน้าเรียวไว้ทั้งที่ภัทรพยายามจะยกแขนอีกฝ่ายออก

ราวผู้มาใหม่จะถูกภาพที่เห็นตรงหน้าสะกดให้ชะงักจนอ้าปากค้าง พอเห็นสายตาของร่างสูงใหญ่ที่หันมามองผ่านเลนส์แว่นเลยสะดุ้งสุดตัวทันที

“เอ้อ! คุณเชษฐ์ ขอโทษค่ะ เอ่อ...งั้นป๋วยขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก พอดีภัทรเขาเข้ามาชงกาแฟแล้วฝุ่นเข้าตาฉันเลยช่วยดูให้ รู้สึกจะออกแล้ว ยังไงเอาน้ำสะอาดล้างตาอีกรอบแล้วกัน”

ท้ายประโยคเชษฐ์หันกลับมาพูดกับคนใกล้ตัวก่อนจะหยิบแก้วกาแฟของตัวเองเดินออกไป ภัทรรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนวูบวาบไปหมดจนต้องหันหน้าเข้าหาอ่างล้างจานแล้วทำเป็นวักน้ำขึ้นลูบหน้าเพื่อหนีคำถามของรุ่นพี่

ตกลงเมื่อครู่อีกฝ่ายเช็ดขนตาออกไปจากตาเขานานแล้วหรือไงกันนะ? แล้วถ้าเมื่อกี้ไม่มีใครเดินเข้ามาขัดจังหวะจะเกิดอะไรขึ้น?  ภัทรยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกร้อนหน้าจนต้องเอาน้ำเย็นๆลูบมากเข้าไปอีก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินจากไปเสียที แล้วทำไมพี่ป๋วยต้องมายืนรอเขาด้วยเนี่ย!

“พอได้แล้วภัทร นี่เธอจะถูให้ลูกตามันหลุดติดออกมากับมือเลยรึไงยะ เช็ดหน้าได้แล้ว”

ลำแขนระหงยื่นมาปิดก๊อกน้ำแล้วก็ดึงกระดาษทิชชูส่งให้ ภัทรเลยยิ้มเจื่อนๆก่อนจะรับกระดาษเนื้อนิ่มมาซับน้ำที่เกาะพราวอยู่บนหน้า นัยน์ตาเฉียบคมของรุ่นพี่ที่กำลังกอดอกแล้วก็จ้องหน้าเขาอย่างเต็มไปด้วยคำถามทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าสบตาด้วย

คุณเชษฐ์นะคุณเชษฐ์! ตัวเองเป็นต้นเหตุแท้ๆ ดันทิ้งระเบิดไว้ให้เขากู้คนเดียวเลย!!

ภัทรคิดค่อนขอดคู่กรณีในใจ แล้วก็ให้รู้สึกเหมือนโดนธนูยิงเข้ากลางหน้าอกเมื่อได้ยินคำถามจากหญิงสาวรุ่นพี่ที่ยืนเงียบอยู่นาน

“ภัทร พี่ขอถามตรงๆนะ เธอกับคุณเชษฐ์คบกันอยู่หรือเปล่า?”

“พี่ป๋วย! ทำไมถามผมอย่างนั้น!?”

ภัทรรีบหันไปมองหน้าทางเข้าครัวด้วยความตระหนกว่าอาจจะมีคนอื่นเดินเข้ามาอีก ฝ่ายคนถามพอได้เห็นอากัปกริยาร้อนตัวของคนตรงหน้าก็ถอนหายใจ

“ปิดบังความลับไม่เก่งเลยนะเราน่ะ ถ้าคนอื่นถามเหมือนพี่ ภัทรห้ามลนลานแบบนี้รู้มั้ย?”

ชายหนุ่มหน้าถอดสีทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตวัดขึ้นสบกับนัยน์ตาอีกฝ่ายแล้วก็ก้มหลบสายตาเหมือนเดิมก่อนเอ่ยถามเสียงเบา

“พี่ป๋วย...หมายความว่าพี่รู้อยู่แล้วเหรอ?”

คนถูกถามเอียงคอมองสีหน้าของรุ่นน้องที่ตอนนี้ซีดเผือดแล้วก็รู้สึกเห็นใจ หญิงสาวชะโงกหน้าออกไปดูหน้าครัวให้แน่ใจว่าไม่มีใครแอบฟังอยู่ก่อนจะหันกลับมาพูดด้วยเสียงเบา

“พี่แค่ลองถามดู เพราะมันผิดสังเกตตั้งแต่วันวาเลนไทน์ที่คุณเชษฐ์เขาโทรมาบอกว่ารอภัทรแล้ว ก็ทีมเราไม่ได้ทำงานให้โปรเจ็กต์เขานี่นา แล้วอีกอย่าง ถึงพวกเธอจะไม่ได้ทำอะไรผิดสังเกตกันในที่ทำงาน แต่สีหน้าเธอตอนมองคุณเชษฐ์เดินออกไปเมื่อกี้น่ะ ไม่ว่าใครมาเห็นก็ต้องสงสัยแน่ๆ”

“ผมเหรอ? ผมมองคุณเชษฐ์แบบไหน?”

ภัทรลูบหน้าตัวเองอย่างเป็นกังวล เพราะปกติเวลาอยู่ในออฟฟิศเขาแทบไม่เคยอยู่ใกล้เชษฐ์ต่อหน้าคนอื่น เขาจึงไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเผลอแสดงสีหน้าหรือแววตาแบบไหนไปเวลาอยู่กับอีกฝ่าย ป๋วยได้ยินคำถามแล้วก็ค้อนหนุ่มรุ่นน้องตาคว่ำ

“ไปส่องกระจกดูเอาเองสิแล้วจะได้รู้ เอาเป็นว่ายังไงต่อไปนี้ระวังตัวให้มากหน่อยก็แล้วกัน พวกปากหอยปากปูในบริษัทนี้มันไม่ได้มีกันคนสองคน เธอคงไม่อยากให้คุณเชษฐ์เดือดร้อนไปด้วยใช่ไหม?”

ท้ายประโยคหญิงสาวถามเสียงเข้ม ภัทรหลบตาอีกฝ่ายแล้วก็พยักหน้า เสียงคนคุยกันที่ดังมาจากห้องทำงานทำให้รู้ว่าคนอื่นๆเริ่มทยอยเข้าออฟฟิศกันแล้ว หญิงสาวรุ่นพี่จึงหันมาตบบ่าเขาเบาๆ

“เอาล่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลย ถ้าเธอทำตัวปกติอย่างเดิมไปก็คงไม่มีใครรู้หรอก แล้วก็ระวังอย่าอยู่กับคุณเชษฐ์สองต่อสองในออฟฟิศอีกแล้วกัน ถ้าคราวต่อไปคนเห็นไม่ใช่พี่จะแย่เอา”

หญิงสาวว่าแล้วก็เดินออกไปก่อน ภัทรยิ้มให้เพื่อนร่วมงานอีกคนที่เดินสวนเข้ามาในครัวก่อนจะหยิบแก้วกาแฟของตัวเองกลับไปที่โต๊ะ ทว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับคำเตือนของรุ่นพี่ก็ติดอยู่ในหัวเขาแน่นจนสลัดไม่หลุดไปแทบทั้งเช้า

 โชคดีว่าวันนั้นเชษฐ์ต้องออกไปประชุมกับสมาคมที่เป็นพันธมิตรของบริษัททำให้ภัทรไม่ต้องเห็นหน้าคู่กรณีทั้งวัน ส่วนตัวเขาเอง พอได้เริ่มทำงานแล้วก็กดตัดสวิทช์เรื่องกวนใจทั้งหลายทิ้ง ชายหนุ่มจึงมุอยู่กับงานจนไม่ยอมลงไปทานข้าวกลางวันแต่ฝากคนอื่นซื้อแซนด์วิชขึ้นมาให้

ทว่าพอถึงช่วงบ่ายที่งานในส่วนของเขาเริ่มเคลียร์ไปเกือบหมด ความกังวลใจกับเรื่องเมื่อเช้าก็เริ่มแทรกกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง เพราะถึงแม้ป๋วยจะแสดงความเข้าใจและกำชับให้สบายใจว่านอกจากเธอแล้วคนอื่นไม่รู้ แต่ภัทรก็คิดได้ว่าอาจจะยังมีคนรู้อยู่อีกคน แถมคนคนนั้นอาจรู้มาก่อนรุ่นพี่ของเขาเสียอีกด้วย ก็คนที่จองห้องพิเศษในร้านอาหารที่เชษฐ์พาเขาไปเมื่อวันวาเลนไทน์ไงล่ะ



+------+



“กุ้ง...พี่ขอคุยด้วยแป๊บสิ”

สาวน้อยผู้ถูกทักเงยหน้าจากโทรศัพท์และกระดาษจดโน้ตที่คาอยู่ในมือแล้วก็มองหน้าภัทรอย่างประหลาดใจ แต่ชายหนุ่มยังไม่ทันพูดอะไรอีกฝ่ายก็รีบยกมือห้ามก่อน

“เดี๋ยวนะคะพี่ภัทร พอดีตอนนี้กุ้งต้องรีบจองไฟลต์ด่วน เอเจ้นต์ไหนๆก็เต็มหมดเลย ขอกุ้งจัดการตรงนี้เรียบร้อยแล้วเดี๋ยวโทรบอกพี่ภัทรนะ ค่ะ...ค่าพี่ยู ไฟลต์แรกสุดไม่ว่างเลยเหรอคะพี่ แต่นายหนูต้องเดินทางด่วนพรุ่งนี้นะ พี่ช่วยดูรอบที่เวลาใกล้กันให้หนูหน่อยสิ”

ภัทรต้องยอมถอยแต่โดยดีเมื่อเห็นท่าว่าอีกฝ่ายคงยังไม่ว่างในเวลาอันใกล้ เขาจึงเสเดินเข้าไปชงโอวัลตินในครัวแล้วก็เดินกลับมาเช็คเมล์ที่โต๊ะ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมากุ้งก็โทรมาเรียก ภัทรจึงลุกออกไปหาที่เคาน์เตอร์หลังถามอีกฝ่ายจนแน่ใจว่าไม่มีใครนั่งอยู่ด้วย

“ว่าไงคะพี่ภัทร มีอะไรจะคุยกับกุ้งเอ่ย?”

สาวน้อยรุ่นน้องเอ่ยถามแล้วยิ้มให้อย่างสดใส ภัทรอดนึกอิจฉาไม่ได้ที่อีกฝ่ายดูจะร่าเริงและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาตลอดเวลาไม่ว่าจะเพิ่งผ่านเรื่องเครียดมาแค่ไหน ไม่แปลกที่ใครๆในบริษัทจะให้ความเอ็นดู

ภัทรวางแก้วโอวัลตินที่เพิ่งชงติดมือมาให้ลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ว่าง แต่แล้วชายหนุ่มก็เกิดอาการอิหลักอิเหลื่อที่จะถามขึ้นมากะทันหัน เพราะถ้าหากว่ากุ้งไม่ได้รู้เรื่อง ไม่เท่ากับเขากินปูนร้อนท้องเองหรือ แต่สายตาที่รอคำถามทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจออกปากแม้จะไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่า

“คือว่า กุ้งจำได้ไหมว่าเมื่อวันวาเลนไทน์คุณเชษฐ์เขาให้กุ้งจองร้านอาหารให้...”

ชายหนุ่มเอ่ยถามเหมือนชวนคุยเรื่องทั่วไป คนถูกถามจึงกระพริบตาปริบๆก่อนจะยิ้มกว้าง

“อ๋อ...จำได้สิคะ ขนาดคุณเชษฐ์บอกกุ้งล่วงหน้าตั้งเกือบอาทิตย์ยังแทบไม่ได้ห้องพิเศษแน่ะ กุ้งก็ไม่รู้มาก่อนว่าร้านนั้นจะป๊อบขนาดนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าตกลงวันนั้นคุณเชษฐ์พาใครไป แต่น่าอิจฉาคนคนนั้นจริงๆเลย”

คนถามถามคำเดียวแต่คนถูกถามร่ายคำตอบยาวเหยียด ทว่าภัทรก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกกับคำตอบที่ได้ โชคดีไปที่ท่าทางเชษฐ์คงไม่ได้บอกรายละเอียดตอนที่ให้จองว่าตั้งใจจะพาเขาไป แต่แล้วกุ้งก็ถามคำถามที่ทำให้เขาสะดุ้งโหยง

“แต่ว่า เรื่องที่คุณเชษฐ์ให้กุ้งจองโต๊ะเมื่อวันวาเลนไทน์เนี่ย แกกำชับกุ้งว่าห้ามบอกใครเด็ดขาดเลยนะคะ แล้วทำไมพี่ภัทรถึงได้รู้ล่ะ?”

สาวน้อยยกนิ้วชี้ขึ้นแตะแก้มแล้วก็เอียงคอมองเขา ภัทรเลยชักเริ่มไม่แน่ใจว่าคนถามไม่รู้จริงๆหรือกำลังแกล้งปั่นหัวเขาเล่นกันแน่

“ก็...วันนั้นที่กุ้งฝากเอกสารพี่ลงไปให้คุณเชษฐ์ใช่มั้ยล่ะ ก่อนแยกกันพี่เลยถามว่าคุณเชษฐ์เค้าจะไปไหน เค้าก็เลยบอกไง”

ชายหนุ่มตอบแบบตะกุกตะกักแล้วก็ทำเป็นมองไปนอกหน้าต่างที่เห็นรางรถไฟฟ้าวิ่งผ่านด้านล่าง ได้แต่หวังว่าคำตอบตัวเองคงฟังแล้วมีเหตุผลพอที่จะกันคำถามอื่นๆไม่ให้ตามมา แต่ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่

“เหรอคะ เอ...แล้วตกลงร้านนั้นบรรยากาศดีจริงๆหรือเปล่า?”

กุ้งถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น ภัทรเลยหันกลับมายิ้มบางๆตอบ

“ก็ดีนะ เค้าแต่งร้านสวยดี...กุ้ง!!”

ชายหนุ่มยกมือปิดปากเมื่อรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเสียแล้ว คนตรงหน้าเลยอมยิ้มอย่างภูมิใจที่หลอกถามได้สำเร็จ

“ฮั่นแน่! สุดท้ายก็ยอมหลุดปากออกมาจนได้ พี่ภัทรนี่เป็นประเภทอำใครไม่ขึ้นนะเนี่ย รู้ตัวมั้ยคะ?”

“กุ้ง...ตกลงนี่รู้มาก่อนแล้วจริงๆใช่มั้ย?”

ภัทรเอ่ยถามเสียงแห้ง รู้สึกเหมือนตัวเองปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มไปถึงสองตัวในวันเดียวกัน ตกลงนี่เขาเป็นประเภทปิดความลับจากคนอื่นไม่ได้หรือไงกันนะ?

“เปล่านะคะ แต่พี่ภัทรไม่คิดว่ามันน่าสงสัยเหรอ ก็วันนั้นจู่ๆคุณเชษฐ์ก็โทรเข้ามาให้ต่อสายหาพี่ภัทร บอกให้เอาเอกสารลงไปให้ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับงานของพี่ภัทรสักหน่อย แล้ววันนี้พี่ภัทรก็มาถามกุ้งเรื่องนี้ จะไม่ให้กุ้งสงสัยยังไงไหว”

ภัทรยกมือนวดขมับ สรุปแล้ว ถ้าจะมีใครทำให้เรื่องที่เขาคบกับเชษฐ์ความแตกในออฟฟิศ ก็เห็นท่าว่าจะเป็นเพราะเขาเองนี่แหละ

“กุ้ง พี่ขอร้องล่ะ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครได้มั้ย?”

ภัทรเงยหน้าซีดเซียวขึ้นหาคนข้างตัว เพื่อนรุ่นน้องเลยยิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือบีบไหล่อย่างให้กำลังใจ

“พี่ภัทรล่ะก็ เห็นกุ้งคุยเก่งอย่างนี้ แต่กุ้งก็เก็บความลับเก่งนะคะ เชื่อใจได้เลย ยังไงกุ้งก็เป็นกำลังใจให้พี่ภัทรนะ”

ชายหนุ่มยิ้มตอบแม้จะไม่เต็มที่ แล้วก็อดถามสิ่งที่ยังสะกิดใจอยู่ไม่ได้

“ว่าแต่ กุ้งคิดว่า นอกจากกุ้งแล้วมีคนอื่นที่ดูพี่กับคุณเชษฐ์ออกหรือเปล่า?”

“เอ...ไม่น่ามีนะคะ คุณเชษฐ์แกนิ่งออกจะตายไป อีกอย่างก็ไม่ค่อยมีใครเห็นพี่ภัทรอยู่กับคุณเชษฐ์ด้วยกันในออฟฟิศเท่าไหร่ ไม่น่าจะต้องห่วงหรอกค่ะ”

รุ่นน้องสาวทำท่าคิดก่อนจะส่ายหน้า ภัทรจึงรับคำในคอก่อนจะถอนหายใจ แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจที่ได้เห็นร่างสูงใหญ่กำลังผลักประตูหน้าเข้ามาพอดี ใบหน้าคมเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นภัทรนั่งอยู่ในที่ที่ไม่ใช่โต๊ะทำงานของตัวเอง

“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ งานเสร็จหมดแล้วเหรอ?”

พอถูกทักภัทรเลยรีบลุกทันที ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ต้องวางท่า “เจ้านาย-ลูกน้อง” ไว้ก่อน ต่อให้สาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างเขาจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้วก็เถอะ

“เปล่าครับ พอดีผมเบรกมาคุยกับกุ้งเฉยๆ”

เชษฐ์พยักหน้าก่อนจะหันไปหารีเซพชันนิสต์สาวที่ยิ้มหวานให้ ภัทรไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่าว่าแววตาของอีกฝ่ายดูดุชอบกลจึงถอยออกจากเคาน์เตอร์ กลิ่นบุหรี่เจือโคโลญจน์จากคนที่เพิ่งเข้ามาลอยมากระทบจมูกเจือจาง แต่พักหลังมานี้เขาเริ่มชินแล้วเลยไม่ได้ย่นจมูกอีก

“ตกลงว่าไฟลต์ของฉันสำหรับวันพรุ่งนี้เรียบร้อยหรือยัง?”

“เรียบร้อยค่ะ พอดีไฟลต์เช้าสุดไม่ว่าง แต่ไฟลต์ถัดไปมีคนแคนเซิลกุ้งก็เลยบุ๊คไว้ให้คุณเชษฐ์แล้วก็ปริ๊นท์ e-ticket วางไว้บนโต๊ะให้แล้วค่ะ”

“คุณเชษฐ์มีบินไปต่างประเทศพรุ่งนี้เหรอครับ?”

ภัทรหันไปถามคนข้างตัวอย่างตกใจ ได้แต่หวังว่าน้ำเสียงของตัวเองจะไม่ฟังแล้วหงอยจนเกินไป เพราะอีกฝ่ายหันมาสบตากับเขาด้วยแววตาที่อ่อนลงกว่าตอนแรกนิดหน่อย

“อืม พอดีมีเทรนนิ่งด่วนของ regional office ตอนแรกฉันนึกว่าคุณปรีชาจะให้คนอื่นไป แต่เค้าเพิ่งโทรบอกเมื่อเช้าว่าตกลงจะให้ฉันไป ก็กะทันหันเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแหละนะ”

เชษฐ์อธิบายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ ภัทรเลยเห็นใจคนตรงหน้าขึ้นมาจับใจ เมื่อก่อนเขาพอรู้อยู่บ้างว่าระดับผู้จัดการโปรเจ็กต์ของบริษัทขึ้นไปมักโดนท่านประธานมอบหมายให้บินไปประชุมต่างประเทศด่วนกันบ่อยๆ แถมบางครั้งอาจต้องบินไปถึงสามสี่ประเทศติดกันในเวลาไม่กี่วันซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกเลย แต่ว่าเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจเพราะรู้สึกว่าเป็นภาระของผู้บริหารที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง ทว่าตอนนี้คนใกล้ชิดกับเขาเป็นคนที่โดนเองจึงอดใจหายไม่ได้

“เห็นว่าไปสัปดาห์เดียวใช่ไหมคะคุณเชษฐ์ เพราะกุ้งบุ๊คไฟลต์กลับไว้ให้แล้ว ยังไงถ้าต้องเลื่อนวันก็โทรบอกกุ้งแล้วกันนะคะ”

ราวกับสาวน้อยจะรู้ว่าภัทรอยากถามอะไรจึงช่วยพูดออกมาให้ เชษฐ์หันไปพยักหน้าขอบใจก่อนจะทำหน้าบุ้ยคางให้ภัทรเดินตาม ชายหนุ่มจึงเดินตามร่างสูงอย่างเหม่อๆ

“เย็นนี้งานยุ่งหรือเปล่า?”

พอโดนเสียงนุ่มกระซิบใกล้หูภัทรก็กระพริบตาแล้วถึงรู้ตัวว่าเดินตามอีกฝ่ายเข้ามาในห้องน้ำ  คนถูกถามเอียงคอคิดแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่ค่อยยุ่งแล้วครับ พวกที่เป็นงานด่วนเคลียร์เสร็จหมดแล้ว ที่เหลือค่อยมาตามเก็บพรุ่งนี้ก็ได้”

“โอเค งั้นหลังเลิกงานไปรอที่เดิมแล้วกัน ฉันจะวนรถไปรับ”

คนตัวโตเอ่ยก่อนจะวางแฟ้มเอกสารกับสูทลงบนขอบอ่างล้างหน้าแล้วถอดแว่นออกพลางวักน้ำขึ้นลูบหน้า ภัทรยืนเงียบแล้วก็กัดริมฝีปาก

“เอ่อ...พอดีเย็นนี้ผมนัดทานข้าวกับพี่สาวน่ะครับ คุณเชษฐ์กลับได้เลย ไม่ต้องรอผมหรอกครับ”

มือใหญ่หมุนปิดก๊อกน้ำก่อนจะขมวดคิ้วสบตากับเขาผ่านกระจก

“ก็ไม่เป็นไรนี่ เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งให้ก็ได้ หรือมีอะไรไม่สะดวกหรือไง?”

ภัทรเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของนัยน์ตาคมที่ไร้กรอบแว่นบังแล้วก็รู้สึกหนาวเยือกในใจ แต่สิ่งที่ทำให้หนักใจมากยิ่งกว่าคือสายตาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจก ชายหนุ่มจึงรีบตัดบทก่อนจะถูกอีกฝ่ายซัก

“ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมนั่งรถไฟฟ้าไปสะดวกกว่า คุณเชษฐ์จะได้กลับไปเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางด้วย ยังไงผมกลับไปที่โต๊ะก่อนแล้วกันนะครับ แล้วค่อยคุยกันครับ”

ภัทรพูดจบแล้วก็รีบเดินหนีออกมาก่อนอีกฝ่ายจะทันทักท้วง เขากลัวว่าถ้าหากใครเดินเข้ามาในห้องน้ำตอนนี้แล้วเห็นว่าเขามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาแบบไหนอยู่ คราวนี้เขาคงแก้ตัวไม่ถูกแน่

ที่พี่ป๋วยเตือนเขาว่าให้ระวังตัวเวลามองคุณเชษฐ์ ภัทรเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง...



+---tbc---+


 :o8:คิดถึงคนอ่านทุกคนนะค้า มาลงตอนใหม่เสร็จแล้วก็ขอตัวไปทำงานต่อละ ว่างๆจะมาตอบเม้นท์เน้อ (เห็นป้ามันก็ชอบทำตัวเหมือนว่างทั้งวัน เวงกำ -_-")
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 23-02-2009 13:37:32
ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าสายตาแบบนั้นของภัทรน่ะ มันเป็นแบบไหน  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-02-2009 15:18:49
แอร๊ยยยยยยยยย แล้วมันสายตาแบบไหน แล้วทำไมภัทรไม่ให้ไปส่ง  แล้วทำมายยยยยยยยยยยยยยยย 

แอร๊ยยยยยย ค้างงงงงงงงงงงงง  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: @BUA@ ที่ 23-02-2009 16:42:20
ภัทรส่งสายตาแบบไหนเหรอ

 :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 23-02-2009 16:50:37
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยค้างงงงง

อ่านซะเพลิน ค้างเรย เพ่ บีบี มาต่อด่วน


ชอบมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 23-02-2009 18:17:16
 :กอด1:กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดพี่บีบี
โหยยยยยยยยยย รู้กันใหญ่เลย ฮ่าตัวภัทรมากมายจะไปหลอกถามคนอื่นแต่กับโดนหลอกถามซะเอง
น่ารักไปม่าย ดูสิทำเสียงหงอยเลยนะพอรู้ว่าพี่เชษฐ์จะไปประชุมเมืองนอก
แต่ว่าน่าสงสารภัทรอ่ะฟังพี่ป๋วยพูดแล้วมันทำให้กดดันไงไม่รุ้ ถ้าเป็นเขาคงทำตัวไม่ถูกไปเหมือนกันกลัวทำให้พี่เชษฐ์เดือดร้อนอ่ะ เพราะว่าสายตามันคอยแต่จะบอกว่ารักอยู่ตลอด(โอ้ๆๆ เน่าไปม่ายฉัน)แต่มันจริงๆนะ

เอาแล้วสิอย่างงี้ต้องให้พี่เชษฐ์ของเราจัดการสร้างความมั่นใจให้กับภัทรกรหน่อยแล้ว
ดูสิจะไปส่งก็ไม่ยอมจะไปคนเดียวอีกแบบนี้ยิ่งต้องจัดการ  :m31:

มีความสุขลันล๊าเพิ่มขึ้นแล้วววว

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดพี่บีบี พยายามเข้านะค่ะ ขอให้ถึงเป้าเร็วๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (แจ้งอัพสถานะ 17/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 23-02-2009 20:10:06
ภัทรหงอยเลย คุณเชษฐ์จะไปประชุมเมืองนอก

ว่าแต่สายตาแบบนั้นของภัทรน่ะแบบไหนหว่า :o8:

เฮือกกกกก กำลังกระดื๊บมาล่ะจ้า สาบานว่าไม่ได้อยากดอง แต่รอองค์ลงเค้าก่อนแล้วกันน้า ยังไงก็ขอบคุณที่ทวงถามค่า ทิ้งไปนานๆกลัวต้นกับไผ่โดนลืมเหมือนกัน เมี้ยว~  :o12:

สจ.อยู่โน่นอากาศยังหนาวมากอยู่ไหมเอ่ย ดูแลสุขภาพดีๆนะ [/color]:man1:
จ้า ขอให้องค์ลงเร็วๆน้า จะรออ่าน

หนาวมากอะบีบี ฝนตกด้วย :กอด1: บีบีแก้หนาว

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 23-02-2009 22:31:42
คุณเชษฐ์แบบว่าไม่ไหวแล้ว อ๊างงงง  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-02-2009 22:52:39
เรื่องใหม่ไฟแรง มาต่อทียาวๆ เลย จิ้ม + เป็นกำลังใจให้บีบีนะคะ

ส่วนเรื่องเก่า ๆ ขอให้องค์ลงมาต่อด้วยทีเถิดดด  :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 24-02-2009 04:48:31
 :z2: :z2: :z2: :z2:
เฮ้ออ่านละป้า
จะไม่ขอพูดเรื่องเล่าเรื่อง การบรรยายอีกนะ
แต่จะขอพูดในส่วนของเนื้อเรื่องเดินแล้วเยส อิๆ
ท่าทางคู่นี้คงหนีไม่พ้นปัญหาเสียงจากคนรอบข้างเสียมากดูจากความจงใจที่ป้าพยายามใส่
ลงมาให้เห็นอะนะ ส่วนอื่นก็ไม่มีไรมากในตอนนี้ดูจะหนักไปที่ส่วนบรรยายมากกว่า
อืออย่างน้อยๆมันก็ยังทำให้เราสบายใจได้อย่างว่าในบริษัทยังมีคนที่ดีกับภัทรอยู่ คือ ป๋วย กุ้ง
แล้วจะตามอ่านต่อนะป้าเรื่องเดินได้ก็ดีใจละกลัวจะแอบใส่อะไรเนิบๆเข้ามาเสียมากกว่าดีใจ อิๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 24-02-2009 09:46:59
 :กอด1:  :o8:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 24-02-2009 13:58:40
แว้บมาตอบคอมเม้นท์เน้อ~  :m7:

moonlight, nOn†ღ  ตอนนี้เห็นคำว่าองค์แล้วหลอน แต่ที่จริงก็อัญเชิญอยู่รายวัน หวังว่าจะมาลงเร็วๆนี้จ้า (-_-")
newykung   อย่างงี้ต้องติดตามกันต่อไปนิ :D
@BUA@    นั่นจิ ภัทรทำสายตาแบบไหนเนี่ย
dahlia, millet  อะไรคะ ใครทำค้าง เดี๋ยวบีบีไปจัดการห้ายยยยยย (เล่นตัวเองก็ได้ด้วยวุ้ย)
SomLove  คุณเชษฐ์ยังไม่หมดแค่นี้หรอกน่อ หึๆ
Jeremy_F   มาแต่อีโม งั้นตอบด้วยอีโม  o18

จะพยายามผลัก+ดันตอนต่อไปและเรื่องอื่นมาให้เร็วๆนี้น้าาาาาาาาา  :3130:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 3 (23/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 24-02-2009 14:32:52
อิอิ.........................คุณเชษฐ์ ดุน่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-02-2009 15:40:16
4.

“SMS me when you get home”

ภัทรยกมือถือขึ้นเปิดอ่านข้อความจากคนตัวใหญ่แล้วก็ถอนหายใจ ชายหนุ่มเก็บมือถือกลับเข้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นเมื่อรถไฟฟ้าจอดเทียบสถานีปลายทาง ไม่รู้ว่าเมื่อเย็นที่เขารีบออกมาจากออฟฟิศทันทีหลังเลิกงานโดยไม่รอจะทำให้คุณเชษฐ์โกรธหรือเปล่า แต่หลังจากบทสนทนาสั้นๆในห้องน้ำเมื่อช่วงบ่ายแล้วภัทรรู้สึกว่ายังไม่อยากตอบคำถามอะไรอีกฝ่ายตอนนี้

ชายหนุ่มเดินลงจากสถานีแล้วก็แวะซื้อขนมจากรถเข็นก่อนเดินเข้าซอยที่คุ้นเคย อย่างน้อยการได้พูดคุยกับคนที่เขาสนิทที่สุดในเวลาแบบนี้อาจทำให้ความหนักอึ้งในใจบรรเทาลงได้บ้าง

เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูวิ่งออกมาจากประตูบ้านหลังได้ยินเสียงออด แล้วร่างเล็กก็กระโดดโลดเต้นบอกผู้ที่เดินตามออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นผู้มาเยือน

“แม่จ๋า น้าภัทรมา น้าภัทรมา”

ภัทรยิ้มแล้วก็ก้มลงอุ้มหลานสาววัยสี่ขวบที่โผเข้ามาหา แขนเล็กป้อมเอื้อมมากอดคอเขาแล้วหอมแก้มซ้ายขวาอย่างดีใจจนคนอุ้มหัวเราะ

“มิมิจังโตขึ้นอีกแล้วนะเนี่ย อีกหน่อยน้าภัทรอุ้มไม่ไหวแน่เลย”

“อารมณ์ไหนเนี่ยภัทร ร้อยวันพันปีพี่ชวนล่ะไม่ค่อยมา จู่ๆวันนี้ก็ขอมาทานข้าวด้วยเฉยเลย”

พี่สาวที่อายุห่างกันเจ็ดปีเอ่ยทัก ภัทรเลยยิ้มเอาใจก่อนจะหอมแก้มยุ้ยๆของหลานสาวคืนอย่างมันเขี้ยว

“ก็คิดถึงมิมิจังไง อีกอย่างภัทรไม่ได้มาหาพี่แพนตั้งแต่ปีใหม่แล้วนี่นา วันนี้ภัทรซื้อขนมถ้วยมาฝากด้วยนะ”

ผู้เป็นพี่ส่ายหน้า ต่อให้น้องชายชอบทำเป็นเฉไฉแค่ไหนเธอก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องไม่สบายใจ อีกฝ่ายไม่มาเยี่ยมถึงที่แน่ๆ

“เอาเถอะ โทรุเพิ่งโทรมาบอกว่าคืนนี้คงทำโอทียันดึก งั้นเราทานข้าวกันเลยแล้วกัน มิมิจังรอทานข้าวก่อนถึงจะทานขนมได้นะลูก”

เด็กหญิงลูกครึ่งญี่ปุ่นตัวน้อยทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมส่งถุงขนมให้แม่แต่โดยดี ภัทรอุ้มหลานสาวเข้าบ้านก่อนจะปล่อยเด็กหญิงลงเมื่อถึงโต๊ะอาหาร ท่าทางแม่ลูกจะค่อนข้างชินกับการที่พ่อกลับบ้านดึกเป็นประจำ แถมวันนี้น้าชายคนโปรดมาเยี่ยมมายูมิเลยไม่งอแงแถมชวนคุยจ้อเลยทีเดียว

“ช่วงนี้งานเป็นไงมั่งล่ะภัทร เราย้ายมาบริษัทนี้ครบปีหรือยังนะ?”

ผู้เป็นพี่ถามหลังทั้งสามจัดการมื้อเย็นเรียบร้อยและย้ายที่มาในห้องนั่งเล่นกันแล้ว ภัทรเอียงคอคำนวนในใจขณะตักขนมถ้วยป้อนหลานสาวที่นั่งตักตัวเองไปด้วย

“เดือนหน้าก็ปีครึ่งแล้วล่ะ เพราะภัทรย้ายมาที่นี่ช่วงเดียวกับที่พี่แพนย้ายกลับมาพอดี”

พี่สาวของภัทรเคยย้ายตามสามีไปอยู่ประเทศญี่ปุ่นหลังคลอดลูกได้ไม่นาน แต่หลังจากใช้ชีวิตที่นั่นได้สองปีหญิงสาวก็ทนเบื่อไม่ไหวเลยขอร้องแกมบังคับให้สามีทำเรื่องย้ายกลับมาเมืองไทย จะว่าไปภัทรก็ค่อนข้างชื่นชมพี่เขยที่ยอมตามใจภรรยาทั้งที่ปู่กับย่าของมายูมิอยากให้หลานอยู่ใกล้ๆมากกว่า

“เร็วเหมือนกันแฮะ ว่าแต่หลังจากภัทรเลิกกับตาคนนั้นไปก็นานแล้วเหมือนกันนี่ ตอนนี้มีแฟนใหม่หรือยังล่ะเรา?”

“น้าภัทร เอาอีก”

หลานสาวตัวน้อยกระตุกแขนเสื้อขอแล้วก็อ้าปากกว้าง คงเพราะได้กลับมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ยังพูดไม่ค่อยได้ ตอนนี้เด็กหญิงเลยถนัดภาษาไทยมากกว่าภาษาญี่ปุ่นไปแล้ว ภัทรตักขนมป้อนให้หลานอีกคำแล้วก็ตอบด้วยเสียงเรื่อยๆ

“ก็...มีแล้ว แต่ไม่รู้สิพี่แพน...ภัทรชักไม่แน่ใจ”

หญิงสาวฟังเสียงงึมงำของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันแล้วก็ส่ายหน้า ว่าแล้วไหมล่ะ น้องชายของเธอมีเรื่องไม่สบายใจอยู่จริงๆด้วย แต่นิสัยชอบทำเหมือนปัญหาของของตัวเองไม่ใช่เรื่องใหญ่นี่แหละทำเอาหล่อนหนักใจมาหลายครั้งแล้ว ตอนที่น้องชายเลิกกับแฟนเก่าก็เหมือนกัน ตอนนั้นหญิงสาวยังอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยไม่ทันรู้เรื่องละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น พอกลับมาจึงได้รู้ว่าน้องชายเลิกกับแฟนเพราะฝ่ายนั้นไปแต่งงานแล้ว ไม่งั้นหล่อนได้ตามไปอาละวาดถึงบ้านไอ้หมอนั่นแน่ๆ

“อะไรล่ะที่ไม่แน่ใจ ท่าทางเขาเจ้าชู้เหรอ จะว่าไปภัทรคบกับเค้ามานานเท่าไหร่แล้วล่ะ แล้ว...แฟนคนนี้ก็ผู้ชายใช่หรือเปล่า?”

ภัทรพยักหน้า แพนรู้ว่าน้องชายไม่ใช่คนที่เที่ยวชอบคนเพศเดียวกันไปทั่ว แต่บังเอิญแฟนเก่าซึ่งเป็นแฟนคนแรกและคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเป็นผู้ชาย น้องชายเธอเลยชินกับการเป็นฝ่ายถูกดูแลไปโดยอัตโนมัติ

“ก็เพิ่งคบกันได้ราวๆสองเดือน ที่จริงเค้าเป็นคนดีนะพี่แพน แต่ภัทรรู้สึกว่าเราอาจไม่เหมาะกันหรือเปล่ายังไงไม่รู้”

คนถามขมวดคิ้วจนภัทรชักหวาดๆ เพราะพี่สาวของเขาเป็นคนนิสัยตรงข้ามกับตัวเองโดยสิ้นเชิง ขณะที่ภัทรเป็นคนค่อนข้างเงียบ มีบ้างที่จะเอาแต่ใจหรือดื้อเงียบในบางครั้ง แต่แพนกลับเป็นคนปากตรงกับใจ และเห็นอะไรที่ไม่ถูกใจก็จะโวยวายทันทีโดยไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม เพิ่งจะหลังแต่งงานและมีลูกนี่แหละที่อีกฝ่ายดูจะสงวนท่าทีเวลาเจอเรื่องไม่สบอารมณ์บ้าง

“ทำไม ภัทรจะไม่เหมาะกับเค้าเพราะอะไร ไหนเล่าให้พี่ฟังซิ”

ภัทรถอนหายใจ เขาคงไม่ได้ตัดสินใจผิดที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้พี่สาวฟังนะ...


+------+


“โธ่เอ๊ย! พี่ก็นึกว่าเค้าเป็นคนโลเลหรืออะไรซะอีก ที่ฟังมาก็ดูเอาใจใส่ภัทรดีนี่ แล้วเราจะกังวลทำไมเนี่ย?”

หญิงสาวฟังเรื่องจบแล้วก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก เพราะหล่อนรู้นิสัยน้องดีว่าเป็นคนชอบคิดมาก  แถมยังไม่นิยมตอบโต้ใครกลับซึ่งหน้าเวลามีเรื่องทะเลาะจนเธอต้องคอยออกหน้าให้ตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ก็ทั้งน่าแกล้งและน่าถนอมไปพร้อมกันแบบนี้จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงล่ะ

“ก็เค้าเป็นผู้ใหญ่กว่าภัทรตั้งเยอะ แล้วรุ่นพี่ในออฟฟิศก็เตือนว่าให้ภัทรทำตัวดีๆไม่ให้เค้าเดือดร้อน ภัทรก็กลัวจะไปเผลอทำอะไรไม่เหมาะสมเข้าน่ะสิ”

ชายหนุ่มสางนิ้วผ่านผมเส้นเล็กละเอียดของหลานสาวที่หลับคาตักไปตั้งแต่เริ่มเล่าเรื่องให้พี่สาวฟัง จะว่าไปถ้าหากเชษฐ์แต่งงานมีครอบครัวตามปกติ ตอนนี้อีกฝ่ายก็คงจะมีลูกอายุไล่เลี่ยกับหลานเขาเหมือนกัน พอคิดอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

“เขาแก่กว่าภัทรเท่าไหร่นะ? เก้าปีใช่มั้ย? งั้นก็เด็กกว่าโทรุแค่ปีเดียวเองสิ”

ภัทรพยักหน้า ผู้เป็นพี่เลยอมยิ้มแล้วก็ตบไหล่น้องชายเบาๆ ถึงปากจะบอกว่าเพิ่งคบกันได้แค่สองเดือน แต่หล่อนก็ดูออกว่าน้องตัวเองคงรู้สึกดีกับฝ่ายนั้นมากพอที่จะเก็บเอาเรื่องที่รุ่นพี่เตือนมาคิด แล้วยังเลยไปห่วงเรื่องภาพพจน์ของคนคนนั้นให้อีกด้วย แต่จู่ๆจะบังคับให้คนที่ชอบคิดมากเป็นนิสัยเปลี่ยนวิธีคิดกันทันทีก็คงเป็นไปไม่ได้

“นี่ภัทร พี่จะบอกอะไรให้นะ ผู้ชายวัยคุณเชษฐ์เนี่ยเค้าไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ตลอดอย่างที่ภัทรคิดนะ ต่อให้มีหน้าที่การงานเป็นระดับผู้จัดการก็เถอะ ถ้าเป็นเรื่องคนใกล้ตัวเขาก็น้อยใจหรืองอนเป็นเหมือนกัน”

ชายหนุ่มหันไปสบตาพี่สาวแล้วก็ขมวดคิ้ว เขานึกภาพคุณเชษฐ์เวลาเป็นแบบนั้นไม่ออกนี่นา

“พี่โทรุเป็นบ่อยเหรอ?”

“โอ้ย ตัวดีเลยคนนั้นน่ะ ต่อหน้าลูกน้องก็เป็นคุณลุงจอมเฮี้ยบแหละนะ แต่อยู่บ้านแล้วหือไม่ขึ้นหรอก แน่ะ...สงสัยร้อนตัว พูดถึงก็มาเลย”

เสียงรถยนต์ที่ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านดึงความสนใจของทั้งคู่ สักพักพี่เขยชาวญี่ปุ่นของภัทรก็เปิดประตูเข้ามาแล้วหอมแก้มภรรยาอย่างเอาใจก่อนจะหันมารับไหว้

“สวัสดีๆ ไม่เจอกันนาน สบายดีมั้ย?”

ด้วยความที่ต้องทำงานกับคนไทยเป็นหลักแถมยังโดนภรรยาบังคับให้หัดพูด พี่เขยของเขาเลยพูดไทยคล่องแม้จะติดสำเนียงญี่ปุ่นอยู่บ้าง ภัทรเอ่ยทักทายก่อนจะส่งหลานสาวที่กำลังสะลืมสะลือให้ แล้วพ่อลูกก็ขอตัวขึ้นไปชั้นบนเพื่อให้พี่น้องได้คุยกันต่อตามลำพัง

“พี่ว่านะ ภัทรอย่าเอาเรื่องที่รุ่นพี่เราเตือนมาคิดมากให้รกสมองเลย เรื่องคบแฟนในออฟฟิศเดียวกันมันไม่ได้คอขาดบาดตายขนาดนั้นหรอก เราน่ะมัวแต่คิดมากจะทำให้ไม่มีความสุขรู้มั้ย”

ก็คงไม่ต้องคิดมากขนาดนี้หรอกถ้าเป็นคู่ชายหญิงธรรมดาน่ะ ภัทรคิดในใจแต่ไม่ได้เอ่ยออกมา แต่เหมือนพี่สาวจะเดาความคิดเขาออกเลยสำทับให้อีก

“แล้วก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ถ้าเค้าเป็นผู้ใหญ่จริง การที่เค้าขอคบภัทรก็แปลว่าเค้าเลือกเราแล้ว เพราะงั้นก็เลิกกังวลแทนเค้าซะที เข้าใจมั้ย?”


+------+


ภัทรไขกุญแจเข้าห้องตัวเองอย่างเพลียๆแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอน การได้คุยปรึกษากับพี่สาวทำให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่พอได้กลับมาอยู่คนเดียวก็อดจะคิดมากเรื่องคำพูดของพี่ป๋วยเมื่อเช้าไม่ได้อยู่ดี นี่ถ้ามีตัวอย่างของคู่รักอื่นในออฟฟิศที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันเขาคงรู้สึกเบาใจว่าไม่ได้มีแต่ตัวเองที่จะเป็นเป้าสายตา แต่เท่าที่เห็นก็มีแต่คู่ที่เป็นชายหญิงธรรมดาแถมไม่ได้อยู่ในสถานะที่ต่างกันเหมือนเขากับคุณเชษฐ์ ดังนั้นไม่ว่าจะพยายามยังไงภัทรก็ยังสลัดความคิดที่รบกวนจิตใจออกไปไม่ได้เสียที

เสียงโทรศัพท์ที่เสียบไว้บนแท่นชาร์จเหนือหัวเตียงทำเอาคนที่กำลังเคลิ้มหลับสะดุ้ง พอภัทรหยิบมาดูชื่อคนโทรเข้าแล้วก็ยิ่งตกใจ เขาลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายบอกให้ส่งข้อความหาหลังกลับถึงคอนโดแล้ว

“กลับถึงห้องหรือยัง?”

เสียงหงุดหงิดหน่อยๆที่ถามผ่านโทรศัพท์ทำเอาความง่วงงุนหายเป็นปลิดทิ้ง นี่เขาทำให้ฝ่ายนั้นโกรธแล้วจริงหรือเนี่ย ภัทรกลืนน้ำลายก่อนจะตอบ

“ขอโทษครับ พอดีผมกลับจากบ้านพี่สาวเมื่อกี้เอง เห็นว่าดึกแล้วเลยไม่อยากรบกวนคุณเชษฐ์ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางตอนเช้าอีก”

ปลายสายถอนหายใจก่อนจะตอบด้วยเสียงอ่อนลง “ไม่เป็นไรหรอก ปกติฉันนอนดึกอยู่แล้ว หรือต่อให้นอนไปแล้วก็ส่งเมสเสจมาก็ได้ ฉันจะได้รู้ว่าเธอกลับถึงคอนโดเรียบร้อยดี”

ทั้งๆที่คำพูดของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่รู้ทำไมภัทรกลับนึกฉุนซะอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นผู้ชายอ่อนแอหรือท่าทางตุ้งติ้งอะไร มองจากสายตาฝ่ายนั้นแล้วเขาดูไม่มีน้ำยาจะปกป้องตัวเองหรือไงกัน?

“ขอโทษครับ คราวหลังผมจะทำตามที่คุณเชษฐ์สั่งแล้วกัน”

ภัทรอดประชดไม่ได้ ในเมื่ออยากให้ทำตามที่สั่งนักก็จะทำ ยังไงคุณเชษฐ์ก็เป็นเจ้านายนี่ เลยติดนิสัยชอบบงการแม้แต่กับคนที่ตัวเองขอคบด้วยหรือไงก็ไม่รู้   

แต่ถึงจะพูดไปแบบนั้น แทนที่อีกฝ่ายจะโต้ตอบด้วยเสียงชวนทะเลาะ ภัทรกลับต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจที่ได้ยินเสียงหัวเราะในคอแทน

“ไม่ได้สั่งสักหน่อย ขอร้องต่างหาก คนเป็นห่วงแฟนนี่ผิดด้วยเหรอ แล้วตกลงงอนฉันเรื่องอะไร?”

คนถูกถามหน้าร้อนฉ่า ตกลงไอ้ที่เขาเผลอแสดงอารมณ์ไปเมื่อกี้เลยโดนอีกฝ่ายมองว่าเขางอนเป็นเด็กๆงั้นสิ!

“เปล่างอนครับ พอดีผมง่วงแล้ว”

พอหลุดปากไปแล้วภัทรก็แทบอยากตบปากตัวเอง เพราะกลายเป็นว่าอีกฝ่ายยิ่งหัวเราะเขาหนักเข้าไปอีกจนชายหนุ่มหน้างอ

“คุณเชษฐ์  ตกลงโทรมาหาเรื่องหัวเราะผมก่อนนอนเหรอครับ”

“หึๆ เปล่า แต่เธอทำเสียงน่าหัวเราะเองนี่ แล้วตกลงเมื่อเย็นเป็นอะไร บอกแล้วแท้ๆว่าให้รอจะได้ไปส่งก็ยังหนีกลับเองอีก ฮึ?”

พอโดนถามด้วยเสียงอ่อนโยนภัทรก็เริ่มจะอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังไม่อยากบอกเหตุผลอยู่ดีว่าเพราะอะไรเขาถึงได้พยายามหลบหน้าอีกฝ่ายตลอดบ่ายขนาดนั้น

“ไม่มีอะไรจริงๆครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณเชษฐ์แล้วก็คิดว่าไปเองสะดวกกว่า คราวหลังเลิกงานแล้วผมจะให้คุณเชษฐ์มาส่งเหมือนเดิมแล้วกัน”

จนแล้วจนรอดคนถูกถามก็ยังบ่ายเบี่ยงจนคนถามถอนหายใจ บทจะดื้อขึ้นมาภัทรกรก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน “เอาเถอะ เอาเป็นว่าเรื่องเมื่อเย็นจะปล่อยให้ แต่เรายังมีเรื่องต้องเคลียร์กันอยู่นะ”

“เห? เรื่องอะไรครับ?”

ภัทรได้ยินเสียงที่เข้มขึ้นของอีกฝ่ายแล้วก็ชักร้อนๆหนาวๆ หรือว่ามีคนอื่นมาเห็นเวลาเขาอยู่กับเชษฐ์เข้าอีกคนแล้วเอาไปคุยกันแล้วหรือเปล่า? แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อได้ยินประโยคต่อมา

“ป๋วยพูดอะไรหรือเปล่าหลังฉันออกมาจากครัวเธอถึงได้ท่าทางแปลกๆไปทั้งวัน ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิ”


+---tbc---+


บางทีการที่มาอัพเรื่องนี้บ่อยๆอาจจะหมายถึงองค์ของเรื่องอื่นก็กำลังตามมาเนอะ เนอะๆ โอมมะลุกกุ๊กกุ๋ย (ปลุกผีตัวเองเข้าไป) :laugh:
ขอบคุณทุกคอมเมนต์เช่นเคยจ้า   :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 25-02-2009 16:36:36
^
^
^

 :กอด1:จิ้มๆๆคนแต่งแล้ววิ่งไปอ่านนนนน :z2:



 :-[คุณเชษฐ์ ต้องกินน้ำมันตับปลาทุกวันแน่เลย

ฉลาดมากๆเลยหรือว่าเพราะว่ารักเลยรู้สึกแปลก...อืมๆๆ

แบบนี้ต้องจัดการให้มั่นใจมากขึ้นแล้ว ภัทรเรางอนน่ารักด้วยเฟ้ยย

รอตอนต่อไป คุณเชษฐ์แน่จริงมายินหน้าห้องเลย..หึหึ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 25-02-2009 16:55:24
กรี๊สสส

ภัทร อย่าคิดมากกกเซ่

ตบปากพี่ป๋วย  กร๊ากก

คุณเชษฐ์รู้เรยเห็นมะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: l3iZal2l2e ที่ 25-02-2009 19:56:29
สงสารคุณเชษฐ์ ๆๆๆ ๆ (ชื่อเขียนยากได้อีกกกกก)
แง่ม ๆๆๆ รักต่างวัย

ป.ล. คุณเชษฐ์คบเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกายนะ  :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-02-2009 04:18:29
ตรูไปไหนมาฟร๊ะ
เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้ไปยาวแล้ว
ก๊ากกกกกกกกก

ชอบคุณเชษฐ์
เป็นผู้ใหญ่ดีอะ
คบเด้กมันก็สดใสดึ๋งดั๋งแหละเนอะ
ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 26-02-2009 06:36:51
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
จะเชื่อป้าดีไหมเนี่ยไอ้ที่บอกว่าเรื่องอื่นจะตามมานะ  :เฮ้อ:
อ่านแล้ววันนี้คงไม่พล่ามมากทุกอย่างในเรื่องชัดเจนมาก
ป้าแต่งแบบว่าทุกตัวละครส่งบทไปมาหากันได้ดีจนไม่ต้องพูดอะไร
ในเรื่องอ่านจบหนึ่งตอนเราก็จะรู้หมดทุกอย่างไม่ต้องนั่งเทียมเกวียนตีความให้ยากเลย
อ่านดูแล้วตอนหน้าคงต้องมีการปรับความเข้าใจกันแน่ๆแล้วจะรออ่านต่อ คิๆ
+1 ให้ป้าBB นะฐานที่มาอัพถี่มากๆๆๆ
ปล. อยากอ่าน เรื่องของ วิว ต่อแล้วอะน๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 26-02-2009 09:31:51
คุณเชษฐ์เนี่ย ช่างเป็นแฟนที่น่ารักจริงๆ แถมยังฉลาดเป็นกรดเลยแฮะ ช่างสังเกตว่าภัทรมีท่าทางผิดปกติ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 26-02-2009 09:51:17
แหม...............แค่เริ่มต้นก็เขวแล้วเหรอ ภัทร
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 26-02-2009 12:51:33
คุณเชษฐ์ช่างแสนนนนนนนนนนนดี  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 27-02-2009 07:19:56
อืม ประทับใจกับคุณเชษฐ์
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 27-02-2009 10:31:19
โอม จงลงๆ
เรียกองค์มาลงป้าบีบี
อิอิ
 :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 27-02-2009 15:52:09
ป้ามายัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 28-02-2009 08:10:26
 :-[  เรื่องนี้ไม่มีตัวอิจฉาใช่ไหมครับเนี่ย

อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขดี คนแต่งสุดยอด

หวานกันได้อีก ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 28-02-2009 16:46:08
 :call:

:กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-03-2009 08:59:22
แวะมาทักทาย เนื่องจากสุดสัปดาห์นี้ป้าติดภารกิจของเครือญาติ ตอนต่อไปคงมาต้นๆถึงกลางๆสัปดาห์หน้านะเจ้าคะ (ปั่นตอนใหม่ของอ๊อฟ-นะควบอยู่ด้วยแหละ แฮ่กๆ)  

ขอบคุณทุกเม้นต์นะจ๊ะ แล้วก็คิดถึงทุกคนน้า :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 01-03-2009 09:03:27
แวะมาจิ้มคุณ bellbomb ก่อนแล้วค่อยไปอ่านต่อ

+1 เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 01-03-2009 17:56:33
เยิ้มเลยป้า รักแบบผู้ใหญ่ ไม่เคยอ่าน
 :o8:
ปล. ป้าอย่าขยันออกเรื่องใหม่มามากนักดิ ผมละอาย เพราะดองไว้คนเค็มเเล้ว  :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kaewpoo ที่ 01-03-2009 20:16:22
สนุกดีค่ะ น่ารักมากเลย รออ่านนะค้า o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 02-03-2009 00:24:49
บวก 1 ไปก่อนเลย
หลังจากอ่านในฐานะเรื่องสั้น
ตอนนี้มาตามอ่านในฐานะเรื่องยาว
ท่าจะยาวจริงๆเลย เพราะมีเงื่อนใ้ห้ต้องคลี่คลายขยายปมได้อีกหลายอย่าง

รออ่านนะคะ ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 02-03-2009 14:15:08
อร๊ายยยยย ภัทร งานเข้าแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 02-03-2009 20:36:52
ว้าว  ๆๆๆๆ

เพิ่งเข้ามาอ่านอ่า

อยากอ่านอีก

มาต่อ เร็ว ๆๆ นะ

 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 04-03-2009 11:43:28
ป้ามายัง

คิดถึง

+1 ให้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-03-2009 12:51:28
ป้ามายัง

คิดถึง

+1 ให้

^
^
^
มาแว้ว แต่มาในอีกเรื่องนึงนะ แหะๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้หลับได้นอนเป็นเวลา หัวเลยพาลจะเบลอไปด้วย ถ้าลอง(แกล้ง)น็อคในที่ทำงานดูนายจะให้หยุดมั้ยน้า (ทำไมเป็นพนักงานดีเด่นขนาดนี้ตรู)  :impress2:

บวกคืนให้ต่าลต๊าลและทุกเม้นต์ด้านบน เจอกันอีกทีพร้อมตอนใหม่จ้า~ :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Bg LoVe NT ที่ 04-03-2009 13:15:41
^

^

เอาเลย บีบี หนับหนุนๆ น็อคไปเลยยยยย 

ตำแหน่งพนักงานดีเด่นจะไปไหนเสีย  :laugh:

(ก็เจ้านายจะได้เห็นไงว่า เราทำงานหนักจนน็อค ฮ่าาา)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 07-03-2009 11:37:41
เอาเลยป้า แนะนำเป็นอย่างสูง จะได้อ่านนิยายของป้าเยอะๆ  :a5:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 13-03-2009 23:58:05
 


^
^
^
มาแว้ว แต่มาในอีกเรื่องนึงนะ แหะๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้หลับได้นอนเป็นเวลา หัวเลยพาลจะเบลอไปด้วย ถ้าลอง(แกล้ง)น็อคในที่ทำงานดูนายจะให้หยุดมั้ยน้า (ทำไมเป็นพนักงานดีเด่นขนาดนี้ตรู)  :impress2:

บวกคืนให้ต่าลต๊าลและทุกเม้นต์ด้านบน เจอกันอีกทีพร้อมตอนใหม่จ้า~ :really2:

จะทวงซะหน่อยแต่เห็นเหนื่อยซะขนาดนั้น ยังไงก็พักผ่อนดูแลตัวเองละกันนะจ้ะ บีบี  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 4 (25/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 17-03-2009 05:43:06
หายไวๆนะคะ

พักเยอะๆ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-03-2009 13:48:39
5.

ภัทรนั่งมองกองเอกสารบนโต๊ะที่เขาต้องจัดแยกและคีย์ข้อมูลให้เสร็จภายในวันรุ่งขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ ชายหนุ่มหยิบแฟ้มบนสุดขึ้นมาพลิกดูแล้วกะประมาณคร่าวๆถึงเวลาที่ต้องใช้สำหรับแต่ละแฟ้มแล้วก็คิดว่าตัวเองคงทำงานเสร็จตามเวลาได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ส่วนที่เขาเบื่อเห็นจะเป็นความจำเจของเนื้องานนี่แหละ พี่ป๋วยนี่ก็ฉลาดเป็นบ้าที่ชอบส่งงานชวนง่วงแบบนี้มาให้เขารับช่วงต่ออยู่เรื่อย

มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบก่อนจะเหลือบมองปฏิทินตั้งโต๊ะที่มีรอยปากกาแดงขีดคร่อมจนลายพร้อย วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นศุกร์สุดท้ายของเดือนซึ่งจะมี Friday Party โดยเป็นนโยบายของบริษัทที่จะมีการประชุมรวมพนักงานเพื่อแจ้งข่าวสารต่างๆของแต่ละเดือนให้รับทราบร่วมกัน บางครั้งก็จะมีกิจกรรมเสริมเช่นแนะนำพนักงานใหม่หรือฉลองวันเกิดของคนที่เกิดในเดือนนั้นให้ ภัทรค่อนข้างแน่ใจว่าใน agenda ของวันพรุ่งนี้คงมีรายการที่เชษฐ์ต้องออกไปพูดเกี่ยวกับการไปเทรนนิงคราวนี้แน่นอนเพราะเจ้าตัวมีกำหนดกลับพรุ่งนี้พอดี

นัยน์ตาเรียวเหม่อมองวันที่บนปฏิทิน สำหรับคนอื่นที่ไม่รู้ที่มาที่ไป หากมาเห็นสัญลักษณ์ดอกจันทน์สีแดงที่เขาทำไว้เหนือวันสิ้นเดือนคงคิดว่าเขามีแพลนทำอะไรเป็นพิเศษหรือแค่อยากมาร์ควันสุดท้ายของเดือนเฉยๆ แต่ใครเลยจะรู้ว่าที่จริงเขาทำสัญลักษณ์ไว้เตือนตัวเองถึงวันที่เชษฐ์บินกลับต่างหาก


-- หกวันก่อน --


“ป๋วยพูดอะไรหรือเปล่าหลังฉันออกมาจากครัวเธอถึงได้ท่าทางแปลกๆไปทั้งวัน ไหนเล่าให้ฟังหน่อยซิ”

ภัทรกลืนน้ำลาย เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเพื่อนที่ออฟฟิศซึ่งเป็นลูกน้องสายตรงของเชษฐ์เวลาบ่นกันเรื่องความละเอียดถี่ถ้วนและช่างตั้งคำถามของเจ้านายตัวเอง เพราะดูเหมือนนิสัยที่ว่าจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องการทำงานเสียแล้ว

“ก็ไม่นี่ครับ ผมทำตัวแปลกตรงไหน คุณเชษฐ์รู้สึกไปเองหรือเปล่า?”

คนถูกซักพยายามตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดาที่สุด ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่หลังได้ยินคำแก้ตัว ภัทรแทบจะเห็นนัยน์ตาหลังกรอบแว่นหรี่ลงด้วยความไม่เชื่อได้ในทันทีราวกับกำลังนั่งคุยกันต่อหน้าเลยทีเดียว

“แน่ใจนะว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังกันอยู่? รู้ใช่มั้ยว่าถ้ามีอะไรฉันชอบให้บอกมาตรงๆ อย่าลืมว่าตอนนี้เราสองคนคบกันอยู่นะ”

ประโยคท้วงติงกึ่งตัดพ้อทำเอาคนฟังสะอึก คำพูดอีกฝ่ายพุ่งเข้าตรงเป้าทุกคำราวกับรู้ความในใจเขาอยู่แล้วก็ไม่ปาน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังคบกันคุณเชษฐ์จะมาโทรไล่เบี้ยกับเขาเอาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้หรือยังไง ภัทรคิดไปก็อดนึกขวางไม่ได้ แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเองก็ผิดที่เอาแต่หลบหน้าจนอีกฝ่ายสงสัย

“ไม่มีจริงๆครับ อาจเพราะวันนี้ผมเครียดกับงานมากไปหน่อย ยังไงผมขอโทษถ้าหากว่าทำให้คุณเชษฐ์ไม่สบายใจ”

ภัทรได้ยินเสียงถอนหายใจจากปลายสายจึงเอาหมอนมากอดทั้งที่ยังถือโทรศัพท์แนบหู จู่ๆก็ให้นึกอยากเห็นหน้าคนที่กำลังคุยด้วยขึ้นมา

“ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป ว่าแต่เคยมีใครทักมั้ยว่าเธอโกหกไม่เก่งน่ะ?”

“คุณเชษฐ์...”

เสียงใสทอดเสียงยาวเรียกชื่อคนที่กำลังคุยกันผ่านโทรศัพท์ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะทำตัวเหมือนเด็กช่างงอแงเข้าไปทุกที แต่ความที่ไม่เคยถูกคนอายุมากกว่าไล่ต้อนเอาแบบนี้มาก่อนทำให้เขาไม่รู้จริงๆว่าควรวางตัวแบบไหนถึงจะถูก

“เอาเถอะ ท่าทางคุยกันทางโทรศัพท์แบบนี้ต่อก็คงไม่ได้ความอะไรอยู่ดี เอาเป็นว่าคืนนี้จะยอมปล่อยไปก่อน แต่ฉันกลับมาเมื่อไหร่เราคงต้องคุยกันหน่อยนะ”

“...แล้วแต่คุณเชษฐ์แล้วกันครับ”

ภัทรตอบรับอย่างอ่อนใจ อาจเพราะความเพลียทำให้ไม่มีพลังงานเหลือจะดื้อดึงและพยายามคิดในแง่ดีว่ากว่าเชษฐ์จะกลับมาอีกฝ่ายอาจลืมเรื่องนี้ไปแล้วก็ได้

“ทำไมจู่ๆก็ว่าง่ายขึ้นมาล่ะ ง่วงนอนแล้วหรือไง?”

น้ำเสียงเย้าแหย่ราวอีกฝ่ายกำลังยิ้มไปด้วยทำให้คนที่กำลังกลั้นหาวถลึงตาแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น เพิ่งพูดเรื่องเครียดกันอยู่หยกๆก็หาเรื่องแซวเขาอีกแล้ว คุณเชษฐ์นี่จะเอายังไงกันแน่นะ ท่าทางสำนวนที่ว่าคบเด็กสร้างบ้านนี่ในกรณีของเขาคงต้องเปลี่ยนเป็นคบผู้ใหญ่สร้างบ้านถึงจะถูก ก็เล่นเปลี่ยนอารมณ์ปุบปับซะจนเขาแทบจะตามไม่ทันเลยนี่

“อย่าว่าแต่ผมเลยครับ พรุ่งนี้คุณเชษฐ์ก็ต้องไปสนามบินแต่เช้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ นอนไม่พอไม่ดีต่อสุขภาพนะ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน”

“อืม ถ้าถูกแฟนไล่ให้ไปนอนขนาดนี้ก็คงต้องไปแล้วล่ะ สงสัยจะง่วงจริงถึงได้ไม่เถียง ยังไงช่วงอยู่ที่โน่นฉันอาจยุ่งแต่จะเมสเสจมาหาทุกวันแล้วกัน ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ก็ห้ามไม่สบายเด็ดขาดเข้าใจมั้ย?”

นัยน์ตาเรียวหลับลงเมื่อได้ยินรูปประโยคเหมือนคำสั่งนั้น ขนาดคำพูดแสดงความเป็นห่วงยังฟังเฉียบขาดสมกับเป็นเจ้านาย แต่เพราะความอ่อนโยนที่สัมผัสได้จากน้ำเสียงทำให้ภัทรรู้สึกว่านี่เป็นคำสั่งที่เขาไม่อยากขัดขืน

ทั้งบริษัทคงมีเขาคนเดียวกระมังที่ได้เห็นด้านนี้ของคุณผู้จัดการจอมดุ พอคิดได้แบบนี้ใบหน้าหวานก็ยิ้มออก

“คุณเชษฐ์ก็เหมือนกัน...ยังไงเดินทางปลอดภัยนะครับ”

ภัทรได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะในคอเบาๆก่อนจะวางสายไปจึงกดตัดสายและนอนลงบ้าง แต่แทนที่จะหลับทันทีร่างบางกลับพลิกตัวไปมาอยู่นาน พอยกมือขึ้นลูบหน้าก็รู้สึกว่าตัวเองยังยิ้มอยู่จนต้องตบแก้มตัวเองเบาๆแล้วพยายามข่มตานอน

มาทำให้คนอื่นใจเต้นแรงจนแทบจะนอนไม่หลับกันแบบนี้...สักวันเถอะจะเอาคืนให้ได้เลยเชียว


+------+


“ภัทร ภัทร...เฮ่ยภัทร!”

“ครับ! อ้าวพี่เอ๋ มีอะไรรึเปล่าพี่?”

เจ้าของชื่อรับคำอย่างตกใจเมื่อถูกมือหนาหนักตบไหล่จนเกือบทำกาแฟกระฉอก พอหันกลับไปก็เจอรุ่นพี่กราฟฟิคดีไซเนอร์ซึ่งเป็นคนดูแลงานออกแบบให้โปรเจ็กต์ของเขากำลังยืนอยู่

“มีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย พอดีพี่เพิ่งปริ๊นท์ฟลอร์แปลนกับไดเร็คทอรีสำหรับโปรเจ็กต์ของคุณนินเสร็จ เลยจะฝากภัทรไปให้แกตรวจให้ที”

มือเรียววางแก้วกาแฟลงบนที่รองข้างคอมพิวเตอร์ก่อนจะรับเอกสารมาพลิกดู แล้วก็อดถามอีกฝ่ายด้วยความฉงนไม่ได้เพราะปกติการประสานงานระหว่างแผนกกราฟฟิคกับผู้จัดการโปรเจ็กต์ไม่ใช่หน้าที่เขา แต่พอได้ยินคำถามอีกฝ่ายก็ทำหน้ายู่

“ก็ผู้ช่วยคุณนินแกลาป่วยวันนี้ แล้วเซลส์ก็ดันออกไปหาลูกค้ากันหมด พอดีพี่มีงานต้องรีบทำต่อเลยไม่อยากเข้าไปคุยไม่งั้นเดี๋ยวยาว ยังไงถ้าภัทรไม่อยากเอาให้แกเองก็ฝากเจ๊ป๋วยไปสิ จะว่าไปเจ๊เค้าหายไปไหนล่ะ?”

รุ่นพี่ร่างท้วมเตี้ยถามแล้วก็มองไปทางโต๊ะของคนที่พูดถึง ภัทรมองตามแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นอีกฝ่ายที่โต๊ะนานแล้วจริงๆด้วย

“ไม่เป็นไรพี่เอ๋ บางทีพี่ป๋วยอาจไปเบรกอยู่ก็ได้มั้ง งั้นเดี๋ยวผมเอานี่ไปส่งคุณนินให้ก็ได้ เดี๋ยวแกดูแล้วอยากให้แก้ตรงไหนก็คงต่อสายหาพี่เองแหละ”

พอบอกไปอย่างนั้นคนที่ยืนอยู่ก็แกล้งทำท่าแขยงจนภัทรอมยิ้ม เขารู้นิสัยนินนาทซึ่งเป็นผู้จัดการโปรเจ็กต์ของตัวเองดีว่าเป็นคนค่อนข้างจุกจิกเกี่ยวกับงานดีไซน์ แต่เป็นการจุกจิกคนละแบบกับเชษฐ์ ขณะที่เชษฐ์มักตีกลับงานที่ไม่เข้าตาให้แผนกกราฟฟิคพร้อมรายละเอียดที่ต้องแก้ไขยาวเป็นหางว่าว แต่ถ้าได้รับงานใหม่ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ตรงตามที่เขียนบอกไปจากนั้นก็จะให้แก้ไขเพียงในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ หรือถ้าหากยังไม่ได้งานที่ถูกใจก็จะให้แก้ใหม่จนกว่าจะได้ตามที่ต้องการจริงๆ แต่ว่าเจ้านายของเขาเองกลับชอบให้คอมเม้นต์วกไปวนมา บางทีกราฟฟิคแก้งานส่งให้เป็นสิบรอบแต่สุดท้ายเจ้าตัวกลับบอกว่าชอบงานที่ส่งให้ตอนแรกเสียอย่างนั้น

“งั้นพี่ฝากหน่อยแล้วกันว่ะ ว่าแต่เมื่อกี้รู้ตัวเปล่าว่านั่งมองปฏิทินแล้วยิ้มคนเดียว มีนัดพิเศษกับใครหรือไงเรา?”

ใบหน้าอวบอูมยิ้มแซวจนภัทรหน้าร้อนวูบขึ้นทันที ไม่คิดว่าจะมีคนมาเห็นตอนที่เขากำลังเหม่ออยู่จนต้องรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ผมแค่ดูปฏิทินเช็ควันหยุดเดือนหน้าเฉยๆหรอก พี่เอ๋อย่าขี้ตู่เอาเองสิ”

“อ่าฮะ ยิ่งเฉไฉแบบนี้ยิ่งมีพิรุธ ร้ายเหมือนกันนี่หว่าเรา เดี๋ยวคนแถวนี้จะอกหักเอารู้เปล่า?”

พอได้ยินแบบนั้นภัทรก็หัวเราะ หากเป็นคนอื่นมาพูดแบบนี้ด้วยเขาคงไม่ค่อยชอบใจ แต่กับรุ่นพี่คนนี้เขารู้สึกว่าเป็นคนไม่มีนอกมีในกับใครจึงไม่ค่อยอึดอัดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเพียงแซวเขาเล่น

“พี่เอ๋พูดแบบนี้เดี๋ยวพี่เจี๊ยบได้มาหักคอผมพอดี ถ้าจะหากิ๊กก็ไปหาฝั่งคอลเซ็นเตอร์ดีกว่าพี่ สาวๆน่ารักเยอะแยะ”

“อ้าวไอ้เด็กนี่ แล้วใครบอกล่ะว่าพี่จะเป็นคนอกหัก พี่หมายถึงคนอื่นแถวๆนี้ต่างหาก”

คนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินกลับไปห้องแผนกตัวเอง ภัทรมองตามหลังร่างท้วมที่เพิ่งเดินจากไปอย่างงงๆกับคำพูดทิ้งท้ายแล้วก็ส่ายหน้า อาจเพราะความที่อีกฝ่ายชอบพูดเล่นไปเรื่อยทำให้ภัทรไม่ค่อยอยากเชื่อถือทุกคำพูดของเจ้าตัวเป็นจริงเป็นจังนัก

ชายหนุ่มพลิกดูปริ๊นท์เอ๊าท์ในมือไปมาคร่าวๆก่อนจะหยิบแฟ้มพลาสติกใสมาใส่ พอลุกเดินไปออฟฟิศด้านในที่มีห้องของเหล่าผู้จัดการตั้งเรียงกันเป็นแถบก็อดหยุดมองประตูห้องของเชษฐ์ไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งที่ผู้จัดการโปรเจ็กต์ของบริษัทมีสี่คนแต่ดูเหมือนเชษฐ์ซึ่งอายุน้อยที่สุดก็มักจะเป็นคนที่ได้รับมอบหมายให้ไปร่วมงานต่างประเทศบ่อยที่สุดด้วย นอกจากเรื่องความสามารถแล้วก็คงเป็นเพราะความที่เจ้าตัวยังไม่มีครอบครัวเหมือนอีกสามคนที่เหลือทำให้ถูกมองว่าน่าจะคล่องตัวกว่ากระมัง

ภัทรถอนหายใจก่อนจะเดินเลยลึกเข้าไปที่ห้องผู้จัดการตัวเองแล้วยกมือเคาะเบาๆ แต่รออยู่ครู่ใหญ่ก็ไม่มีเสียงตอบจึงขมวดคิ้ว จะว่าไปเขาก็ลืมโทรมาแจ้งไว้ก่อนว่าจะเอางานมาให้ตรวจ บางทีคุณนินอาจจะไปเข้าห้องน้ำหรือออกไปธุระอยู่ก็ได้

ชายหนุ่มกอดอกแล้วก็เอียงคออย่างใช้ความคิด ถ้าอย่างนั้นเอาแฟ้มวางไว้ให้บนโต๊ะแล้วเขียนโน้ตบอกไว้ก็แล้วกัน พอคิดได้อย่างนั้นมือเรียวก็จับลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไปทันที

“อืม คุณนิน...ว้าย!! ภัทร!!!”

“พี่ป๋วย!”

ภัทรอึ้งมองภาพไม่คาดฝันตรงหน้าด้วยความตกตะลึงพอๆกับรุ่นพี่ของเขาที่นั่งกอดคอผู้จัดการของตนอยู่บนตักโดยที่อีกฝ่ายก็กอดตอบ กระดุมสองเม็ดบนของเสื้อแบบคอปกมีระบายแบะออกจนเห็นขอบชั้นในลูกไม้สีดำ ชายหนุ่มอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนสายตาเอาเรื่องจากรุ่นพี่สาวถลึงใส่อย่างไม่พอใจ

“มีธุระอะไรภัทร แล้วทำไมก่อนเข้าห้องคนอื่นถึงไม่รู้จักเคาะประตูก่อน!?”

“ผม...เอ้อ พอดีพี่เอ๋ฝากให้ผมเอางานมาให้คุณนินครับ ขอโทษที่มารบกวนครับ!”

ภัทรรีบวางแฟ้มที่ถือติดมาลงบนโต๊ะแล้วรีบถอยออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าบอกว่าที่จริงเขาเคาะประตูแล้วแต่คนในห้องไม่ได้ยินกันเองต่างหาก เสียงเหมือนคนเถียงกันที่ดังอู้อี้ออกมาแว่วๆทำให้คนที่มัวแต่ยืนตกใจรีบจ้ำกลับไปที่โต๊ะตัวเองทันที

“อ้าวภัทร เป็นอะไรทำไมหน้าแด๊งแดง”

เพื่อนร่วมงานที่นั่งคอกตรงข้ามกับเขาเอ่ยทักจนภัทรต้องรีบส่ายหน้า แต่พอนั่งลงบนเก้าอี้ก็รู้สึกว่าภาพที่เพิ่งได้เห็นยังติดตาจนไม่มีสมาธิทำงานต่อเลยลุกไปล้างหน้าในห้องน้ำ ในสมองสับสนไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่

ในสายตาของเขา พี่ป๋วยเป็นสาวเก่ง พูดจาฉะฉานมีความคิดแถมยังเป็นคนสวย ส่วนคุณนินเองถึงจะอายุสี่สิบกว่าแล้วแต่ก็ยังดูค่อนข้างหนุ่ม นอกจากนั้นยังเป็นคนที่ใครๆก็พูดกันว่ามีแนวโน้มจะได้เลื่อนขั้นเร็วกว่าผู้จัดการคนอื่นเพราะอยู่กับบริษัทมานานที่สุด แม้การจับคู่ของฝ่ายหนึ่งที่เป็นสาวเปรี้ยวไม่สนใจใครกับอีกฝ่ายที่เป็นหนุ่มใหญ่หัวโบราณจะดูเป็นจิ๊กซอว์ที่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่  แต่ถึงกระนั้นภัทรก็คงไม่ติดใจกับเรื่องนี้นักถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาที่ใหญ่กว่านั้น

“ภัทร...”

เสียงคุ้นเคยของคนที่รอเขาอยู่หน้าห้องน้ำทำเอาคนที่เพิ่งเปิดประตูออกมาสะดุ้งโหยง ชายหนุ่มหันไปสบตาคนเรียกช้าๆอย่างหวาดๆ

“พี่ป๋วย...คือว่าเมื่อกี้...”

ภัทรยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็โดนมือขาวๆยื่นมาปิดปากก่อนนัยน์ตาคมสวยจะทำตาเขียวใส่ หญิงสาวหันกลับไปมองรอบตัวก่อนจะหันกลับมากระซิบเสียงลอดไรฟัน

“จะพูดอะไรดูสถานที่ซะมั่งสิยะ! อยากให้คนอื่นเค้ารู้กันทั้งออฟฟิศรึไง ตามมานี่!”

ชายหนุ่มนึกอยากพูดโต้ตอบเจ้าของมือบอบบางที่กำลังฉุดเขาให้เดินตาม แต่พอเห็นอีกฝ่ายหันมาถลึงตาใส่อีกครั้งก็ปิดปากเงียบ กุ้งมองตามอย่างงงๆเมื่อเห็นทั้งสองเดินผ่านเคาน์เตอร์ที่ตัวเองประจำอยู่บริเวณหน้าออฟฟิศ ตอนแรกภัทรคิดว่าอีกฝ่ายคงพาเขาเข้าไปคุยกันในห้องประชุมเล็กแต่กลายเป็นว่าหญิงสาวกลับพาเขาเดินต่อไปจนถึงทางออกฉุกเฉินด้านในสุด

“เอาล่ะ ถ้าเป็นที่นี่ตอนนี้คงไม่มีใครขึ้นมาหรอก”

หญิงสาวปล่อยมือรุ่นน้องได้เมื่อขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าที่ไม่มีคนอยู่ ภัทรมองไปรอบตัวอย่างทึ่งๆเพราะไม่เคยขึ้นมาชั้นเหนือออฟฟิศตัวเองเช่นนี้มาก่อน แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อโดนมือข้างหนึ่งบีบลงบนไหล่

“เรื่องที่เห็นเมื่อกี้ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด เข้าใจใช่มั้ย?”

คนถูกกำชับมองสายตาดุดันของคนพูดแล้วก็รีบพยักหน้า ต่อให้อีกฝ่ายไม่เตือนเขาก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคงเป็นขี้ปากคนในบริษัทอย่างไม่ต้องสงสัย อีกอย่างเขาเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงานอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นภัทรก็อดถามคำถามที่กวนใจตัวเองอยู่ไม่ได้

“ผมไม่เอาไปพูดต่ออยู่แล้วล่ะพี่ป๋วย แต่ว่าพี่รู้หรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่ คุณนินเค้าแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ?”

รุ่นพี่สาวจ้องตาเขานิ่งก่อนจะคลายมือที่บีบไหล่ไว้แน่นออก หญิงสาวกอดอกแล้วก็หันหนีสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของรุ่นน้องก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เรื่องมันยาวน่ะภัทร แต่ขอบอกให้รู้ไว้ก่อนว่าพี่ไม่ได้แย่งคุณนินจากเมียเค้านะ ถึงยังไงเค้าก็มีเรื่องระหองระแหงกันแล้วก็แยกบ้านกันอยู่มาเป็นปีแล้ว”

ภัทรขมวดคิ้วกับข้อมูลที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะในงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเมื่อต้นปีที่ผ่านมาผู้จัดการของเขายังพาภรรยามาร่วมงานด้วยอยู่เลยนี่นา

ป๋วยเห็นสายตาไม่เชื่อถือของคู่สนทนาเข้าก็แค่นยิ้มขื่นๆ “เชื่อยากใช่มั้ยล่ะ? แต่ว่าเป็นเรื่องจริงนะ ที่จริงคุณนินก็อยากขอหย่าอยู่เหมือนกัน แต่ติดที่แฟนเค้าเป็นข้าราชการระดับสูงเจ้าหล่อนเลยไม่อยากเสียหน้า นี่นับว่าโชคดีที่เค้าไม่มีลูกด้วยกันไม่งั้นพี่ก็คงไม่เล่นด้วยหรอก”

ชายหนุ่มมองรุ่นพี่สาวที่กอดอกเชิดคางขึ้นแล้วก็อดเหนื่อยใจไม่ได้ ไม่รู้จะออกความเห็นอย่างไรเพราะอีกฝ่ายเล่นหาเหตุผลให้ตัวเองหมดแล้ว นี่ถ้าพี่สาวเขามาได้ยินเรื่องนี้เข้าคงตั้งแง่รังเกียจรุ่นพี่เขาไปเลยแน่ๆ

“ถ้าพี่ป๋วยคิดแบบนั้น ผมก็คงพูดอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”

ภัทรพูดไปแล้วก็ถอนหายใจ หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วก็เดินเข้ามาตบไหล่เบาๆ “เอาเถอะน่ะ ยังไงนี่มันก็ชีวิตพี่ ภัทรไม่ต้องมาช่วยปวดหัวด้วยหรอก ว่าแต่เข้าใจแล้วใช่มั้ยเรื่องที่พี่เคยเตือนเรื่องการวางตัวของเรากับคุณเชษฐ์น่ะ ครั้งนี้ถือว่าพี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเองที่แอบทำอะไรในออฟฟิศแล้วดันไม่ล็อคประตูห้องให้ดีก่อน แต่ว่าภัทรหน้าตาดูง่ายกว่าพี่เยอะพี่ถึงได้เป็นห่วงไง”

“แล้วนี่ภัทรจะทำหน้ายังไงเวลาเจอคุณนินดีล่ะพี่ป๋วย?”

ชายหนุ่มพยายามเบนหัวข้อสนทนาออกจากตัวเองแล้วเอ่ยถามเรื่องที่กวนใจอีกเรื่องแทน เพราะอย่างไรเสียนินนาทก็เป็นเจ้านายเขา แต่การได้มารู้ความลับที่เจ้าตัวก็คงไม่ได้อยากเปิดเผยแบบนี้ทำให้อดรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่ได้ ทว่าคนถูกขอคำปรึกษากลับแค่ยักไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“ก็ไม่ต้องทำไง ทำหน้าเฉยๆเหมือนเดิมไปน่ะแหละ พี่บอกคุณนินแล้วว่าพี่จะคุยกับเธอเอง อีกอย่างเค้าก็พอรู้ว่าภัทรไม่ใช่คนพูดมากเพราะงั้นคงไม่มาคุยซ้ำอีกแล้วล่ะ”

“...ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ”

ภัทรค่อยโล่งอกขึ้นเมื่อได้ยินรุ่นพี่ยืนยันแบบนั้น แต่ขณะที่เดินตามหลังอีกฝ่ายกลับเข้าไปในออฟฟิศก็อดคิดถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาไม่ได้ ขนาดพี่ป๋วยกับคุณนินที่ดูแล้วไม่มีท่าทีอะไรกันมาก่อนยังเป็นได้ขนาดนี้ เขาเองไม่ยิ่งต้องระวังตัวเวลาอยู่กับเชษฐ์ในออฟฟิศมากขึ้นกว่าเดิมหรือนี่


+------+


ภัทรเริ่มงานในเช้าวันศุกร์อย่างไม่แจ่มใสนักทั้งที่เป็นวันที่เขาจะได้เจอคนที่คิดถึงมาทั้งอาทิตย์แท้ๆ และถึงแม้รุ่นพี่ของเขาจะออกปากไว้แล้วว่าไม่ต้องเป็นกังวล แต่ตอนที่เขาเดินสวนกับนินนาทหน้าออฟฟิศเมื่อเช้าภัทรก็ยังอดเกร็งไม่ได้ว่าจะโดนเรียกไปคุยหรือเปล่า แต่ว่าเจ้านายของเขาก็พูดทักทายด้วยท่าทางเป็นปกติดี แสดงว่าคงเชื่อใจเขากับรุ่นพี่ของเขาจริงๆ ภัทรจึงยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีกที่ไปรู้เรื่องของทั้งคู่เข้าแม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม

ยังดีว่ากองแฟ้มงานแสนน่าเบื่อที่ป๋วยจ่ายมาให้เขาตั้งแต่เมื่อวานยังรออยู่ทำให้ภัทรไม่มีเวลาคิดอะไรฟุ้งซ่าน จะว่าไปเขาไม่เคยรู้สึกขอบคุณการต้องทำงานที่ซ้ำซากจำเจเช่นนี้เท่ากับวันนี้มาก่อนเลย

เวลาล่วงเลยถึงช่วงบ่ายโดยที่ยังไม่มีวี่แววของคนที่รออยู่เดินเข้ามาในบริษัท ภัทรเหลือบมองเวลาที่ขอบล่างของจอคอมพิวเตอร์แล้วก็เริ่มจะเป็นห่วงเชษฐ์ขึ้นมา กุ้งเคยบอกเขาว่ากำหนดบินกลับถึงเมืองไทยของเจ้าตัวคือตั้งแต่เมื่อเก้าโมงเช้า แต่นี่บ่ายสองครึ่งเข้าไปแล้วก็ยังไม่เห็นมาเลย


เครื่องดีเลย์หรือเปล่านะ...หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยต้องอยู่ที่นั่นต่อหรือเปล่า...


ภัทรยิ่งคิดก็ยิ่งกระวนกระวายใจ จึงตัดสินใจพักสายตาด้วยการหยิบแก้วกาแฟของตัวเองที่ว่างเปล่าแล้วเดินเข้าไปในครัวพลางคิดว่ากลับมาที่โต๊ะเมื่อไหร่จะลองโทรหาเชษฐ์ดู ด้วยเวลาที่เพิ่งคล้อยหลังจากหมดช่วงพักกลางวันไม่นานทำให้ไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องครัว ร่างบางจัดการชงกาแฟให้ตัวเองเสร็จแล้วก็เพิ่งเห็นว่าน้ำตาลที่เหลือติดกระปุกมีนิดเดียวจึงเอื้อมเปิดตู้เหนือศีรษะเพื่อหยิบถุงน้ำตาลออกมาเติม ขณะมองหาว่าถุงน้ำตาลอยู่ตรงไหนสายตาก็ปะทะเข้ากับแก้วเซรามิกเคลือบสีเขียวเข้มใบใหญ่ซึ่งวางอยู่ริมสุดเข้า นัยน์ตาเรียวจึงกระพริบก่อนจะไล้ปลายนิ้วบนแก้วนั้นแล้วหยิบออกมาดูใกล้ๆ


“ชงให้มั่งสิ เอาแบบที่เธอดื่มนั่นแหละ”


ถ้าเขาจำไม่ผิดนี่เป็นแก้วใบที่เชษฐ์ใช้ตอนขอให้เขาชงกาแฟให้เมื่อวันที่ป๋วยเดินเข้ามาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน และถ้าพยายามนึกดีๆก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะใช้ใบนี้เป็นประจำด้วย นัยน์ตาหวานทอดมองแก้วที่ถืออยู่ในมืออย่างเหม่อลอยแล้วก็ยิ่งคิดถึงเจ้าของแก้วมากขึ้นอีก เมื่อไหร่จะกลับมาเสียทีก็ไม่รู้


“กำลังอยากได้กาแฟพอดี ชงให้หน่อยสิ”


ภัทรสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆก็โดนเสียงทุ้มกังวานกระซิบที่ข้างหู อารามตกใจทำให้รีบหันหลังกลับจนผิวแก้มเนียนเฉียดผ่านริมฝีปากบางที่ก้มมาอยู่ในระยะประชิด มือเรียวจึงรีบยกขึ้นกุมแก้มตัวเองทันทีเมื่อรู้ตัวว่าหลงกลเสียแล้ว

“คุณเชษฐ์! ทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียงกันอย่างนี้ล่ะครับ!”

นัยน์ตาคมหลังเลนส์แว่นทอยิ้มกับประโยคทักท้วงของคนอ่อนวัยกว่า ร่างสูงยกมือสองข้างขึ้นแล้วถอยหลังให้แม้จะยังนับว่าอยู่ในระยะค่อนข้างใกล้อยู่ดีก็ตาม

“ไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งอาทิตย์นึง พอเจอฉันปุ๊บก็ทักแบบนี้เหรอ?”

ร่างสูงเย้าก่อนจะอ้อมแขนผ่านคนตัวเล็กกว่าไปหยิบแก้วกาแฟที่ชงเสร็จแล้วขึ้นดื่มแล้วก็ยิ้ม คนถูกแซวหน้าแดงเรื่อขึ้นพลางคิดค่อนขอดอีกฝ่ายในใจ ก็จู่ๆเล่นเข้ามาตอนไม่ตั้งตัวแบบนี้จะให้พูดต้อนรับแบบปกติได้ยังไงกันเล่า!

“ก็ผมไม่คิดว่าคุณเชษฐ์จะกลับมาตอนนี้นี่นา เห็นกุ้งบอกว่าไฟลต์น่าจะมาถึงตั้งแต่เช้าแต่ผมรอจนบ่ายก็ไม่เห็นมาสักที...”

ภัทรทิ้งท้ายประโยคเสียงเบาก่อนจะเงียบไปแล้วก็หลบตา มือใหญ่จึงวางแก้วกาแฟบนเคาน์เตอร์แล้วก้มลงจนสายตาอยู่ระดับเดียวกับคนตรงหน้า

“เป็นห่วงเหรอ? พอดีเครื่องดีเลย์ตั้งแต่ที่โน่นเลยมาถึงช้ากว่ากำหนดน่ะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้โทรมาบอกก่อน”

นัยน์ตาเรียวช้อนขึ้นสบตากับคนตัวโตกว่าแล้วก็ยิ้มให้ ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของอีกฝ่ายที่เครื่องบินมาถึงช้าแต่ก็ยังรู้สึกดีกับคำขอโทษเพราะแสดงว่าคนพูดก็เป็นห่วงความรู้สึกเขาอยู่เหมือนกัน พอเห็นว่าภัทรอารมณ์ดีขึ้นแล้วเชษฐ์จึงยิ้มให้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงหา คนตัวเล็กกว่าจึงสะดุ้งแล้วรีบยืดแขนออกดันแผ่นอกกว้างให้ออกห่างตัวทันที

“เป็นอะไรไปน่ะ?”

พอได้ยินน้ำเสียงเข้มเอ่ยถามภัทรก็รีบส่ายหน้า จะให้พูดได้ยังไงว่าจู่ๆเมื่อกี้เขาก็ดันนึกถึงภาพตอนที่ตัวเองเดินเข้าไปเจอคุณนินกับพี่ป๋วยในห้องเมื่อวันก่อนขึ้นมา แล้วนี่เขากับเชษฐ์ยังอยู่ในห้องครัวซึ่งอาจมีใครเดินเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้อีกต่างหาก ร่างผอมบางทำเป็นหันไปหยิบแก้วกาแฟตัวเองขึ้นก่อนจะพูดรัวเร็วโดยไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายที่ขมวดคิ้วอยู่

“เปล่าครับ แต่ว่าผมเข้ามาเบรกนานแล้ว ยังไงขอตัวกลับไปทำงานก่อนแล้วกันนะครับ”

ภัทรรีบเดินหนีทั้งที่รู้สึกว่าหัวใจยังเต้นแรงไม่หาย การเผลอปล่อยใจในออฟฟิศนี่อันตรายจริงๆเพราะไม่รู้เลยว่าจะมีคนอื่นมาเห็นเข้าเมื่อไหร่ อีกอย่างเขาก็ไม่คิดว่าควรจะเล่าเรื่องของรุ่นพี่ตัวเองให้เชษฐ์ฟังด้วยถึงแม้ว่าทั้งสองจะคบกันอยู่ก็ตามเพราะให้สัญญากับป๋วยไว้แล้ว

พอกลับมานั่งที่โต๊ะใบหน้าหวานก็ระบายลมหายใจยาวก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวโตที่เดินออกมาจากครัวด้วยสีหน้าตึงๆ พอมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินกลับไปห้องทำงานของตัวเองแล้วปิดประตูเสียงดังภัทรถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ เขายังไม่ได้เอ่ยต้อนรับที่อีกฝ่ายกลับมาแล้วเลยนี่นา นี่เขากำลังโดนโกรธอยู่หรือเปล่านะ...


+------+


คลิกกลับไปดูวันที่อัพคราวก่อน หายไปเกือบครบเดือนเลยหรือนี่ :a5:
ขอบคุณทุกเม้นต์และความห่วงใยเจ้าค่ะ ช่วงนี้เหมือนจะเคลียร์งานไปได้บ้างแล้ว ยงไงก็จะเข็นตอนต่อไปมาให้อีกเรื่อยๆนะ
รัก + คิดถึงคนอ่านทุกคนจ้า  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 21-03-2009 15:12:24
^
^
แทงป้า  :z13: ว้า ฮ่าๆๆ สะัใจ :laugh:

ว่าแต่เจ๊ป๋วยนี่ก็ไม่เบานะเนี๊ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 21-03-2009 16:56:20
 :z2: :z2: :z2: :z2:
อ่านแล้วชอบตอนนี้จังเลยอะป้า
อย่างนี้ขอ +1 ให้ป้าคนสวยน๊า อิๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-03-2009 18:01:12
คุณเชษฐ์แอบงอนไปแล้วรึป่าวเนี่ย อย่างงี้ต้องมีง้อนะจ้ะ นู๋ภัทร  :z1:


มาต่อให้ยาวเหยียดสมกะที่รอคอย  :กอด1:

จิ้ม+ ให้บีบีมีกำลังใจเข็นเรื่องออกมาอีกนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 21-03-2009 19:27:15
เชษฐ์ต้องงอนแหงๆ เลย หนูภัทรคุยกันให้เข้าใจนะจ๊ะ เป็นห่วง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 22-03-2009 00:28:42
ดูท่าหลังเลิกงานแล้ว ภัทรคงโดนคุณเชษฐ์เคลียร์ยาวแน่
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 22-03-2009 01:30:41
มาต่อแล้ว แสดงว่าหายป่วยแล้วใช่มั้ยจ๊ะ

ภัทร์ออกจะซื่อๆ เอ๋อๆ รึเปล่าเนี่ย
ทำคุณเชษฐ์น้อยใจไปแล้วแน่เลย
ยังไงต้องรีบไปง้อแล้วนะ

บวก 1 ให้เลยจ้า แล้วจะรออ่านต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 22-03-2009 01:34:12
ภัทรงานเข้า เพราะคุณเชษฐ์งอน
 :laugh:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: toeyz12 ที่ 22-03-2009 13:30:05
เพิ่งมาอ่าน..  สนุกดีอ่ะ   :impress2:       ภัทรจะง้อไงน้า ๆๆ    :-[


 รีบมาต่อน้า   


 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: l3iZal2l2e ที่ 22-03-2009 21:49:16
ภัทรอ่ะ
จะเก็บไว้เครียดคนเดียวทำไมเนี่ยยยยย
 :serius2:

เจ๊ป๋วยแร๊งงงง
แล้วยังมาว่าภัทรอีกนะคนเรา
 :m16:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-03-2009 11:23:11
คอมเม้นต์มาแนวว่าคุณเชษฐ์งอนกันทั้งนั้นเลย ว่าแต่งอนจริงรึเปล่าน้อ อิๆๆ   :jul3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 23-03-2009 11:27:28
^
^
อ้าว ซะงั้น มีหลอกด้วยเหรอเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-03-2009 12:58:22
แหม ภัทร น่าจะหอมแก้มรับขวัญคนที่เพิ่งลงจากเครื่องสักหน่อยนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 23-03-2009 15:38:38
อร๊ายยยยยยยยยยยย
งอนชัวร์ๆ
งานนี้เคลียร์ยาว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 30-03-2009 09:30:37
ป๋าจ๋า

อีกนานมั้ย

ก่อนไป ญปสักตอนดีปะ

อุอุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-03-2009 09:09:13
^
^
^

ตอนนี้ คอมที่บ้านท่าทางจะไวรัสลงอะจ้า แบบว่าชอบขึ้นจอฟ้าแล้วรีสตาร์ทเอง กำลังหวาดหวั่นกับสวัสดิภาพของไฟล์ในเครื่องเหมือนกัน โหลดโดจินชิเก็บไว้เต็มเลย (ถ้าหายล่ะก็ กรี๊ดดดดดด  :m31: )

ความจริงตอนต่อไปของเรื่องนี้พิมพ์ไปได้ครึ่งตอนแล้วนะ แต่เนื่องจากคอมที่บ้านบ๊วยๆแบบนั้นเลยต้องแอบพิมพ์ตอนอยู่ออฟฟิศเอา อาจช้าไปนิดนึง แต่จะเข็นออกมาให้ได้อีกสักตอนก่อนไป ญป ละกันจ้า (จริงๆอยากเข็นอ๊อฟกับนะออกมาอีกตอนด้วยล่ะ แต่อิป้าจะไหวไหมเนี่ย)  :laugh:




หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 5 (UP!!! 21/3/09)
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-03-2009 13:26:57
เข้ามาบอกว่า...
กฏข้อที่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณถูกแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด  คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกัน

การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน
แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต
และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่น

ช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ    เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆ
ก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเอง
เพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง

***ส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์
ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย
ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่ห้องอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ***


ต่อไปนี้จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของดิฉันในฐานะโมฯ นะคะ
เพื่อธำรงไว้ซึ่งกฏระเบียบของเล้าฯ  ไม่ได้ทำไปเพราะสาเหตุส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น
ถ้าใครไม่สบายใจได้การปฏิบัติหน้าของดิฉัน  เชิญตั้งกระทู้เพื่อสอบถามได้ที่ "ห้องพูดคุยทั่วไป" นะคะ
เพราะห้องนั้นเรามีไว้ให้พูดคุย ซักถาม แสดงความคิดเห็น-คิดถึง ต่อกันได้อย่างอิสระ
ผิดจากห้องนี้ซึ่งเป็นห้องนิยายที่เปรียบไปก็คล้ายกับห้องสมุดกลายๆ
ดังนั้นหากต้องการจะพูดคุย-ไต่ถามกันก็เชิญได้ที่ห้องพูดคุยนะคะ
แล้วดิฉันจะได้เรียนชี้แจงเป็นรายบุคคล และถี่ถ้วนนะคะ
หวังว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งจากผู้อ่าน  แฟนคลับ  นักโพสต์ และนักเขียน นะคะ


โพสต์ได้  เล่นได้  แต่อย่าพากระทู้ออกทะเลก็พอ
สงสารคนที่จะเข้ามาอ่านนิยายบ้าง  หาเนื้อนิยายอ่านยากมากกกกกกกกกกกกกกกกก
เราเตือนคุณแล้วนะคะ
เจ้สอง  กะเทยอาวุโส  อิอิ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-04-2009 20:02:53
6.

“เป็นไรวะเปิ้ล ทำหน้าทำตายังกับคนท้องผูก”

“ท้องผูกกับผีอะไรล่ะ! ก็คุณเชษฐ์น่ะสิ ชั้นเพิ่งได้คอนแทรคต์จากลูกค้าใหม่มาเลยจะเอาให้เซ็นต์ซะหน่อย แทนที่จะดีใจแกดันทำหน้าดุใส่แล้วบอกว่ายังไม่ว่างซะงั้น ไม่รู้ว่าไม่ว่างหรือไม่มีอารมณ์จะเซ็นต์กันแน่”

ภัทรยืนกลั้นหายใจฟังเพื่อนร่วมงานที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องครัว โชคดีว่าระหว่างห้องน้ำกับครัวที่ตั้งอยู่เยื้องกันมีพาร์ทิชันกั้นเอาไว้ทำให้คนจากในครัวมองไม่เห็นเขา ความจริงชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวลับๆล่อๆมาแอบฟังคนอื่นนินทาเจ้านาย แต่เพราะว่าชื่อของเชษฐ์ลอยมาเข้าหูตอนกำลังเดินออกจากห้องน้ำพอดีสองขาจึงหยุดเดินไปเองโดยอัตโนมัติ

“ฮ่าๆ เข้าไปผิดจังหวะล่ะสิเนี่ย นายแกเค้าเพิ่งบินกลับมาเลยยังเจ็ทแล็กอยู่ล่ะมั้ง แกก็น่าจะเผื่อเวลาให้เค้าหายเหนื่อยก่อนค่อยเข้าไปหานี่นา”

“แหม ก็ปกติคุณเชษฐ์เค้าชอบบอกว่ามีคอนแทรคต์ใหม่เมื่อไหร่ให้ส่งให้ทันทีนี่หว่า ชั้นละอยากรู้นักว่ามีใครไปทำให้เค้าอารมณ์เสียไว้ก่อนหรือเปล่า เวลาคุณเชษฐ์โมโหเงียบน่ากลัวจะตายไป”

คนพูดจบประโยคด้วยการจิ๊ปากอย่างขัดใจ ภัทรได้ยินดังนั้นก็กลืนน้ำลายก่อนจะหมุนตัวเปลี่ยนเส้นทางเดินกลับโต๊ะเพื่อที่จะได้ไม่ต้องผ่านห้องครัวแม้จะอ้อมอยู่บ้าง ความจริงเขาจะทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินผ่านไปก็ได้ แต่หลังจากได้รู้ว่าคนตัวใหญ่อยู่ในอารมณ์ไหนก็ให้รู้สึกผิดกับเพื่อนร่วมงานขึ้นมาเพราะรู้ว่าตัวเองคือต้นเหตุแน่ๆ

ภัทรกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วก็เหลือบตาดูนาฬิกา เหลือเวลาอีกไม่นานนักก็จะได้เวลาที่ฝ่ายบุคคลประกาศเรียกประชุมรวมเพื่อแจ้งข่าวรายเดือนกับเริ่ม Friday Party เพราะเขาเห็นพนักงานจากร้านอาหารที่จ้างมากำลังจัดโต๊ะอาหารบุฟเฟต์อยู่ที่บริเวณโถงหน้าออฟฟิศ และเมื่อหันไปมองรอบตัวก็พบว่าตอนนี้เพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มเปิดดูเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวกับงานหรือไม่ก็จับกลุ่มคุยกันเหมือนกำลังรอเวลาแล้ว

ชายหนุ่มหันกลับเข้าหาคอมพิวเตอร์เพื่อรีบทำงานที่ยังคั่งค้างให้เสร็จ ทว่าสิ่งที่ได้บังเอิญได้ยินมาเมื่อครู่ก็ยังวนเวียนรบกวนความรู้สึกไม่หายจนต้องหันกลับไปมองที่หน้าประตูของเชษฐ์บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของห้องจะเดินออกมา

ภัทรนั่งคีย์ข้อมูลต่ออย่างไม่เป็นสุขนักจนกระทั่งหมดแฟ้ม แขนผอมเรียวประสานกันก่อนจะเหยียดออกพลางระบายลมหายใจยาวด้วยความโล่งอกที่ทำงานเสร็จ ความที่ตั้งใจเพ่งหน้าจอมอนิเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้เขาเริ่มเวียนหัวจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ ทว่าเมื่อเบนสายตาออกจากโต๊ะก็ต้องใจเต้นแรงขึ้นเมื่อคนที่อยากเห็นหน้ากำลังเดินออกมาจากห้องพอดี

แจ็กเกตและเน็คไทสีเข้มที่อีกฝ่ายสวมเมื่อตอนบ่ายถูกถอดออกไปแล้วจึงเหลือเพียงกางเกงแสล็คกับเสื้อเชิ้ตสีครีมที่พับแขนขึ้นจนถึงข้อศอก เมื่อภัทรเห็นว่าทิศทางที่คนตัวใหญ่มุ่งไปคือประตูห้องน้ำก็รีบถอยเก้าอี้ลุกทันทีเพราะนี่เป็นโอกาสดีที่จะได้คุยกับเชษฐ์ตามลำพัง แต่แล้วเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาที่ดังมาจากด้านหน้าออฟฟิศก็ตรึงขาทั้งสองข้างไว้กับที่ก่อนจะได้ทำตามที่ตั้งใจ

“ภัทร! คุณนินเรียกประชุมทีมด่วน มาที่ห้องประชุมเล็กเร็วๆเข้า”

คนถูกเรียกหันไปมองรุ่นพี่สาวที่กำลังยืนรอตัวเองอยู่หน้าโถงกลางออฟฟิศอย่างละล้าละลัง และเมื่อหันกลับไปหาคนที่ตั้งใจจะคุยด้วยอีกครั้งก็พบว่านัยน์ตาสีเข้มนั้นจับจ้องตนอยู่ก่อนแล้ว แต่ทว่าใบหน้าที่ดูเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆของเชษฐ์ก็เพียงเบือนกลับก่อนที่ร่างสูงจะผลักประตูเข้าห้องน้ำ ภัทรมองแผ่นหลังกว้างที่หายไปหลังบานประตูแล้วก็หน้าเสีย

“...ผู้ชายวัยคุณเชษฐ์เนี่ยเค้าไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ตลอดอย่างที่ภัทรคิดนะ ต่อให้มีหน้าที่การงานเป็นระดับผู้จัดการก็เถอะ ถ้าเป็นเรื่องคนใกล้ตัวเขาก็น้อยใจหรืองอนเป็นเหมือนกันนะ”

ภัทรอดคิดถึงคำแนะนำของพี่สาวขึ้นมาไม่ได้ แล้วนี่เขาควรจะทำยังไงให้คุณเชษฐ์หายโกรธดีล่ะ...

“ภัทร เร็วๆเดี๋ยวคุณนินรอนาน”

รุ่นพี่สาวส่งเสียงเร่งอีก คนเป็นรุ่นน้องจึงถอนหายใจก่อนจะหยิบสมุดโน้ตและปากกาพลางเดินตามคนเรียกอย่างเนือยๆ

“ครับๆ มาแล้วครับ”



+------+



การประชุมทีมของนินนาทผ่านไปอย่างไม่ยืดเยื้อเนื่องจากเป็นเพียงการรายงานความคืบหน้าจากฝ่ายเซลส์และฝ่ายออกแบบสิ่งพิมพ์ ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจติดตามเนื้อหาการประชุมนักเนื่องจากใจมัวพะวงถึงเรื่องอื่น และตอนที่ภัทรเดินออกจากห้องประชุมก็เป็นเวลาเดียวกับที่ฝ่ายบุคคลประกาศเรียกพนักงานทุกคนเข้าห้องประชุมใหญ่เพื่อแจ้งข่าวรายเดือนพอดี เขาจึงมีเวลาเพียงเอาของกลับไปวางที่โต๊ะก่อนจะย้อนกลับมาเข้าห้องประชุมใหม่อีกรอบเท่านั้น

ภัทรเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะวางสมุดโน้ตลงแล้วเปิดเช็คอีเมล์อย่างรีบๆ แต่แล้วก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่สาวของตัวเองกำลังยืนเท้าเอวมองเขาอยู่ข้างโต๊ะด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

“พี่ป๋วยมีอะไรกับผมเหรอ?”

คนเป็นรุ่นน้องเอ่ยถามเพราะทั้งคู่เพิ่งออกมาจากห้องประชุมด้วยกัน ใบหน้าสวยคมจึงทำท่าบุ้ยคางไปทางร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินไปทางห้องประชุมร่วมกับพนักงานคนอื่นๆ ภัทรมองตามสายตาของรุ่นพี่แล้วก็เหลือบลงมองหน้าจอมอนิเตอร์เช่นเดิมพลางเงียบไป ป๋วยจึงกลอกตาก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา

“พี่แค่สังเกตว่าเราน่ะเอาแต่เหม่อตั้งแต่อยู่ในห้องประชุมแล้ว ทำไมหน้าตาถึงไม่สดใสเลยล่ะ เค้าเพิ่งกลับมาเองไม่ใช่หรือไง?”

ภัทรได้ยินคำถามก็ถอนหายใจ เริ่มจะไม่แน่ใจว่าการที่รุ่นพี่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเชษฐ์เป็นเรื่องดีแน่หรือเปล่า เพราะถึงแม้การมีคนเป็นห่วงจะเป็นเรื่องน่าดีใจแต่เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่าอยากถูกจับตามองแบบนี้

“ไม่เชิงอย่างนั้นหรอกพี่ป๋วย ก็ตั้งแต่เค้ากลับมาเราก็ยังไม่ได้คุยกันเท่าไหร่เลย”

“แน่นะ ไม่ใช่เพราะที่พี่เคยพูดกับเราไปนะ?”

คิ้วเรียวสวยเหนือดวงตาหวานเข้มขมวดมุ่น ภัทรเห็นสีหน้าเช่นนั้นของรุ่นพี่แล้วก็รีบส่ายหน้า จริงอยู่ว่าคำเตือนของอีกฝ่ายมีส่วนทำให้เขาคิดมากมาทั้งอาทิตย์ แต่ภัทรก็รู้ดีว่าถ้ายังจัดการกับเรื่องที่ถูกเตือนด้วยตัวเองไม่ได้ก็คงไม่มีสิทธิ์จะไปโทษใครทั้งสิ้น

“พี่ป๋วยอย่าคิดมากเลย ผมว่าเรารีบไปเข้าห้องประชุมกันดีกว่า ขืนชักช้าจะโดนว่าเอา”

ภัทรเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นแตะข้อศอกของรุ่นพี่สาวเป็นเชิงบอกให้ไปห้องประชุมด้วยกัน ตอนแรกหญิงสาวยังมองหน้าเขาเหมือนไม่แน่ใจแต่แล้วก็พยักหน้า ตอนที่ทั้งสองไปถึงห้องประชุมนั้นเก้าอี้ที่ถูกจัดเรียงเป็นแถวหน้ากระดานซ้อนกันถูกจับจองไปหมดและผู้จัดการแผนกบุคคลเริ่มกล่าวเปิดประชุมแล้ว

นัยน์ตาเรียวเหลือบเห็นเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ตัวหนึ่งตรงกลางห้องจึงชี้ให้ป๋วยไปนั่ง ส่วนตัวเองเดินเลียบริมห้องเข้าไปสมทบกับทีมกราฟฟิคดีไซเนอร์ที่จับกลุ่มยืนอยู่ด้านหลังแทน เอ๋ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ค่อนข้างสนิทกับเขาเอ่ยทักเมื่อภัทรเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ

“ไงภัทร ทำไมหน้าตาเหนื่อยยังงั้นล่ะ?”

 “ไม่มีอะไรหรอกพี่เอ๋ ศุกร์สิ้นเดือนก็แบบนี้แหละ”

ภัทรยิ้มทักทายสมาชิกทีมกราฟฟิคคนอื่นที่ยืนอยู่ด้วยกันก่อนจะหันกลับไปมองทางหน้าห้อง ดูเหมือนการประชุมคราวนี้จะมีรายการที่เชษฐ์ต้องออกไปพูดอย่างที่คาดเพราะเจ้าตัวรับไมโครโฟนแล้วออกไปยืนหน้าห้องประชุมแล้ว

เนื้อหาที่เชษฐ์พูดถึงส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการได้พบผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานใหญ่และเรื่องโปรเจ็กต์ที่อาจถูกส่งมอบมาให้สำนักงานที่เมืองไทย ด้วยเนื้อหาที่พูดถึงไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในความสนใจของตัวเอง  ร่างเพรียวจึงยืนเงียบพิงผนังแล้วก็ทอดสายตามองพื้นตรงปลายเท้าอย่างเหม่อลอย

“คุณเชษฐ์มีอะไรกับทางนี้หรือเปล่าวะ มองมาบ่อยพิกล มีใครดองงานแกไว้หรือเปล่า?”

เสียงพึมพำจากหนึ่งในทีมกราฟฟิคที่ภัทรยืนรวมอยู่ด้วยลอยมากระทบโสตประสาท ชายหนุ่มจึงขมวดคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปทางหน้าห้อง แล้วก็ให้ก็รู้สึกเหมือนลมหายใจสะดุดเมื่อเห็นว่าสายตาคมกริบของคนที่กำลังยืนบรรยายอยู่มักจะเพ่งมาทางหลังห้องบ่อยมากจริงๆ และโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเขาก็มั่นใจว่าเป้าของสายตาคู่นั้นคือตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย

พอรู้ตัวแล้วว่าเชษฐ์กำลังมองเขาอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมงานในบริษัท ภัทรก็ต้องรีบเบนสายตาลงมองพื้นเช่นเดิมพร้อมกับผิวหน้าที่ร้อนผ่าวและหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

คุณเชษฐ์นะคุณเชษฐ์ ตกลงนี่ยังโกรธเขาอยู่หรือว่าหายโกรธแล้วกันแน่ จะเดาอารมณ์ไม่ถูกอยู่แล้วนะ...

ภัทรก้มหน้างุดตลอดเวลาที่เชษฐ์ยังบรรยายในส่วนของตัวเองต่อไป แต่ถึงแม้จะไม่เงยหน้าขึ้นชายหนุ่มก็รับรู้ได้ว่าสายตาหลังกรอบแว่นคู่นั้นไม่เคยละจากเขาไปได้นานสักครั้ง ภัทรได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้คนที่อยู่ข้างๆสงสัยจนทักขึ้นมาเพราะแค่นี้เขาก็ประหม่ากับเจ้าของสายตาจะแย่อยู่แล้ว

หลังจากการบรรยายอันยาวนานที่ดูจะไม่สิ้นสุดเสียที ดูเหมือนโชคจะยังเข้าข้างภัทรอยู่บ้างเมื่อเชษฐ์กล่าวสรุปปิดเนื้อหา เสียงของผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่ดังขึ้นแทนทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเชษฐ์คงกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้ว แต่ทั้งที่รู้อย่างนั้นใบหน้าหวานก็ยังเอาแต่จ้องพื้นตรงหน้าตัวเองอยู่ดี

“ภัทรไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าแดงจัง?”

คนถูกเรียกสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงแหบห้าวดังขึ้นข้างตัว เมื่อหันไปก็พบว่าคนที่ยืนอยู่คือหนึ่งในสมาชิกทีมกราฟฟิคซึ่งเขาไม่ได้สนิทด้วยจึงส่ายหน้าเบาๆ

“เปล่าหรอกครับพี่โจ อาจเพราะหลังห้องแอร์มาไม่ถึงเลยอบอ้าวมั้งครับ”

ภัทรเอ่ยตอบพลางพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ เมื่อคนถามได้ยินดังนั้นจึงยิ้มให้ก่อนจะหันไปทางหน้าห้องเช่นเดิม นัยน์ตาเรียวเหลือบขึ้นมองคนข้างตัวแล้วก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่คนที่ปกติไม่ค่อยได้คุยกันกลับมาทักทายเขาในห้องประชุมรวมเช่นนี้ ร่างเพรียวจึงทำทีเป็นกอดอกแล้วถอยห่างออกนิดหนึ่งเพื่อไม่ให้ดูเหมือนเขารังเกียจอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนโจจะสังเกตเห็นจึงเพียงชำเลืองมองแต่ไม่ได้ขยับเข้าหา

“และในโอกาสนี้ ก็ต้องขอแสดงความเสียดายที่เราต้องเสียพนักงานมือดีคนหนึ่งไป แต่ก็ต้องขอแสดงความยินดีเช่นเดียวกันที่เขาได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ขอเชิญคุณศิริศักดิ์หรือคุณโจที่ด้านหน้าด้วยค่ะ”

เสียงผู้จัดการฝ่ายบุคคลเอ่ยชื่อของคนที่ยืนข้างตัวจนภัทรต้องหันกลับไปมอง ชายหนุ่มร่างผอมสูงจึงหันมายิ้มให้ก่อนจะขอทางเพื่อเดินไปที่หน้าห้องประชุม จังหวะนั้นเองเอ๋ซึ่งหายไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้จึงได้เดินกลับมายืนข้างภัทรอีกครั้ง

“น่าเสียดายนะเนี่ย โจมันทำงานดี๊ดี นิสัยก็ดี ดันได้ทุนไปเรียนต่อซะละ”

ภัทรฟังที่รุ่นพี่พูดแล้วก็พยักหน้ารับรู้ แม้เขาจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกับอีกฝ่ายนักแต่ก็อดใจหายไม่ได้ทุกครั้งที่ได้รู้ว่าจะมีเพื่อนร่วมงานจากไป ชายหนุ่มยิ้มให้คนที่เพิ่งออกไปรับของที่ระลึกและกลับมายืนที่เดิม แม้จะแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมอีกฝ่ายจะต้องจงใจเดินมาแทรกกลางระหว่างเขากับเอ๋ด้วยทั้งที่มีที่ว่างอีกด้านเหลืออยู่แท้ๆ

“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่โจได้ทุนไปเรียนต่อ ยินดีด้วยนะครับ”

ภัทรเอ่ยแสดงความยินดีกับชายหนุ่มร่างสูงที่ก้มลงดูของที่ระลึกในมือ โจจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวเล็กกว่าอีกครั้งและยิ้มเขินๆ

“ขอบคุณนะ ความจริงตอนได้ทุนพี่ก็สองจิตสองใจเหมือนกัน เพราะถ้าไปก็คงคิดถึงคนที่นี่น่าดู…”

“...ครับ?”

ร่างเพรียวเอียงคอถามเพราะรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายยังพูดไม่จบ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออยู่ๆร่างของคนตัวสูงกว่าก็เซถลาเข้ามาหาอย่างกะทันหันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดอยู่บนปลายจมูก ใบหน้าหวานเป็นสีเรื่อขึ้นก่อนจะยกแขนทั้งสองขึ้นดันแผ่นอกของคนตรงหน้าให้ห่างจากตัวอย่างสุดกำลัง ดูเหมือนคนที่เกือบจะกอดเขาเข้าเมื่อครู่ก็ตกใจไม่ต่างกันจึงรับหันกลับไปว่าคนด้านหลังตัวเองทันที

“พี่เอ๋! ทำอะไรน่ะพี่ ภัทรเค้าตกใจหมดแล้วเห็นมั้ย!”

“อ้าว...โทษทีว่ะ สงสัยจะเผลอเอาใจช่วยแรงไปหน่อย ว่าแต่มึงนี่ไม่รู้จักใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์จริงๆนะเนี่ย ไม่ไหวๆ”

คนถูกติงเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สาพลางยักคิ้ว แล้วทีมกราฟฟิคทั้งทีมก็หัวเราะกันเสียงดังจนคนในห้องประชุมพากันหันกลับมามองด้านหลังเป็นจุดเดียว

“พวกหนุ่มๆข้างหลังห้องน่ะ จะทำอะไรก็ช่วยเกรงใจคนด้านหน้าด้วยนะจ๊ะ”

ใครคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่เอ่ยแซวก่อนจะมีเสียงหัวเราะคิกคักตามมา ภัทรมองหน้าของโจที่หันกลับมามองเขาอย่างเขินๆแล้วก็ให้นึกถึงสิ่งที่ได้ยินจากเอ๋เมื่อวันก่อน  อะไรบางอย่างที่สะท้อนอยู่ในตาของอีกฝ่ายบอกให้เขารู้ว่าสิ่งที่รุ่นพี่เคยพูดเมื่อวันก่อนไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างที่เคยคิดเสียแล้ว

นัยน์ตาเรียวเหลือบไปทางทิศที่คนตัวใหญ่นั่งอยู่ทันทีที่ตระหนักได้ว่าตัวเองยังเป็นจุดสนใจ แล้วก็เห็นว่าเชษฐ์กำลังนั่งกอดอกขมวดคิ้วมองมาทางหลังห้อง แม้สีหน้าที่เรียบนิ่งจะไม่บ่งบอกอารมณ์แต่นัยน์ตาดุที่มองตรงมาก็ทำเอาภัทรใจหายวาบ

“ถ้าอย่างนั้นขอจบการประชุมรวมไว้เท่านี้ เดี๋ยวขอเชิญทุกคนออกไปทานอาหารที่ด้านหน้ากันได้เลยนะคะ”

เสียงปิดการประชุมราวกับระฆังส่งสัญญาณให้ทุกคนในห้องลุกขึ้นพลางส่งเสียงคุยกันจอแจ ภัทรเม้มปากแน่นเมื่อเห็นว่าเชษฐ์ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปทางประตูหน้าของห้องประชุมโดยไม่หันหลังกลับมา แต่พอเขาขยับตัวเพื่อจะเดินตามออกไปก็มีแขนอวบอูมเอื้อมมารั้งไหล่ไว้เสียก่อน

“ไปๆ ไปกินข้าวกันดีกว่า พี่ว่าไอ้โจมันต้องมีเรื่องอยากคุยกับภัทรเยอะเลยล่ะ”

เอ๋เอ่ยพลางเอี้ยวคอไปทางรุ่นน้องร่างสูงในทีมที่เดินตามหลังมาแล้วก็หัวเราะ ทว่าความร้อนใจทำให้ภัทรเบี่ยงตัวออกก่อนจะรีบหันกลับไปหาทั้งคู่

“ขอโทษด้วยฮะพี่เอ๋ แต่ผมมีธุระต้องไปทำ คงทานข้าวด้วยไม่ได้”

“เฮ่ย! จะมีธุระอะไรกันตอนนี้วะ แค่นั่งกินข้าวคุยกันแป๊บเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง หลังจากวันนี้ไอ้โจมันก็ไม่มาออฟฟิศแล้วนะ”

หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยพลางพยักหน้าไปทางคนที่เดินตามหลังอยู่ ภัทรเห็นแววตาของคนที่ถูกเอ่ยชื่อเป็นประกายหม่นลงอย่างน่าเห็นใจ แต่จะให้เขาทำตัวเป็นพ่อพระอยู่ก็คงจะไม่ได้เพราะตอนนี้อารมณ์ของเชษฐ์คงขุ่นถึงขีดสุดแล้ว

“เอาเป็นว่าผมขอโทษด้วยก็แล้วกัน แล้วก็พี่โจ ยังไงผมยินดีด้วยอีกที ขอให้พี่โชคดีนะครับ”

ภัทรพูดจบก็รีบหันหลังกลับเพื่อจะไปตามหาคนที่ต้องการจะคุยด้วย ขณะแหวกฝ่าเพื่อนร่วมบริษัทที่ยืนออกันตักอาหารอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบอยู่บริเวณโถงด้านหน้า จู่ๆก็มีมือยื่นมาคว้าต้นแขนเอาไว้จนชายหนุ่มต้องหันกลับไปหาเจ้าของมือด้วยความหงุดหงิดหน่อยๆ

“พี่เอ๋! ผมบอกแล้วไงว่ามีธุระ...”

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-04-2009 20:06:29
เสียงใสขาดหายเมื่อเห็นว่าเจ้าของมือใหญ่ที่จับแขนตัวเองไว้แน่นเป็นใคร เชษฐ์ขมวดคิ้วก่อนจะถามเสียงต่ำพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน

“จะไปทำธุระอะไรที่ไหน?”

ภัทรกระพริบตาเมื่อได้ยินคำถามก่อนจะรีบตอบเมื่อตั้งตัวได้ “คุณเชษฐ์! พอดีเลย ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่งแม้นัยน์ตาหลังกรอบแว่นจะยังดูกรุ่นไปด้วยอารมณ์ มือแข็งแรงปล่อยแขนที่รั้งเอาไว้ให้เป็นอิสระก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่าเบาๆ

“ถ้างั้นไปรอในห้องฉันที่ด้านในก่อน เสร็จจากประชุมเมื่อไหร่ค่อยคุยกัน”  

ฝ่ามือใหญ่บีบลงบนบ่าไม่แรงนักก่อนที่ร่างสูงจะเดินกลับไปทางห้องประชุมอีกครั้ง ภัทรมองตามคนที่เดินจากไปก่อนจะกำมือแน่นแล้วระบายลมหายใจช้าๆ วันนี้เขาต้องมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายกี่ครั้งแล้วนะ

มือเรียวแตะลงบนบ่าที่ถูกสัมผัสเมื่อครู่ก่อนจะหันกลับแล้วเดินตรงไปยังออฟฟิศด้านในสุด หลังจากมองไปรอบตัวจนแน่ใจว่าคงไม่มีคนเห็นแล้วภัทรจึงเปิดประตูห้องของเชษฐ์เข้าไปก่อนจะปิดประตูตามหลัง

แม้ว่าจะเคยไปเยี่ยมบ้านของเจ้าตัวหลายครั้ง แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ภัทรได้เข้ามาในอาณาเขตส่วนตัวของเชษฐ์ในที่ทำงาน ความเป็นระเบียบถูกสะท้อนให้เห็นจากทุกมุมห้องผ่านแฟ้มเอกสารบนชั้นที่ถูกจัดเรียงตามลำดับตัวอักษรและเลขปีอย่างเรียบร้อย ขณะที่บนโต๊ะทำงานก็มีเพียงโทรศัพท์ เครื่องคอมพิวเตอร์และกล่องใส่ปากกาโลหะโดยไร้ซึ่งกรอบรูปหรือเครื่องประดับโต๊ะจุกจิกเช่นที่คนอื่นมักนำมาตกแต่งกัน

ภัทรกวาดสายตาไปรอบห้องก่อนที่สายตาจะสะดุดลงที่โคมไฟตั้งพื้นขนาดสูงที่มีหลอดไฟสามดวงลดหลั่นกันซึ่งตั้งอยู่ข้างโต๊ะ ใบหน้าหวานยิ้มออกมาได้เมื่อได้เห็นอีกสิ่งที่สะท้อนรสนิยมความชอบของเชษฐ์ เพราะนั่นคือโคมไฟแบบเดียวกันกับที่เขาเคยเห็นเวลาไปเยี่ยมบ้านของคนตัวใหญ่นั่นเอง

ชายหนุ่มเปิดสวิทช์โคมไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างในห้องก่อนจะก้าวไปยืนริมกระจกหน้าต่างซึ่งสามารถมองลงไปเบื้องล่างได้  หลังจากยืนดูภาพการจราจรอันติดขัดซึ่งเป็นเรื่องปกติของถนนหลักที่ด้านหน้าอาคารได้พักใหญ่ภัทรก็ตัดสินใจหยิบนิตยสารการตลาดจากบนชั้นมานั่งอ่านฆ่าเวลา ความที่ไม่รู้ว่าเชษฐ์จะประชุมเสร็จเมื่อไหร่ทำให้เขาไม่กล้าลุกออกไปไหนแม้ว่าเวลาจะผ่านเรื่อยๆไปโดยไร้วี่แววของเจ้าของห้องก็ตาม

หลังจากนั่งรออยู่ราวหนึ่งชั่วโมงมือเรียวขาวก็ปิดนิตยสารที่เปิดอ่านซ้ำไปซ้ำมาลงแล้วเก็บเข้าที่เดิม ภัทรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะตัดสินใจลุกออกไปหาน้ำดื่มในครัว ทว่าเมื่อกำลังจะแตะมือลงบนลูกบิดประตูก็ต้องตกใจที่บานประตูถูกผลักเข้ามาพอดี

“ขอโทษที ตอนแรกฉันนึกว่าจะประชุมไม่นาน”

เชษฐ์เอ่ยก่อนจะรั้งแขนคนที่เกือบล้มหงายหลังเอาไว้ ตอนนี้ทั้งสองจึงยืนอยู่ใกล้กันจนคนตัวเล็กกว่าได้กลิ่นโคโลญจน์ที่อีกฝ่ายใช้อย่างชัดเจน ภัทรรีบถอยเพื่อเปิดทางให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงตอบว่าไม่เป็นไร

“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ลืมไปว่าคุณเชษฐ์คงมีเรื่องต้องอัพเดตกับพวกผู้บริหารหลายเรื่อง ว่าแต่นี่ประชุมเสร็จแล้วใช่มั้ยครับ?”

คนถูกถามเพียงไหวไหล่ก่อนจะปล่อยมือแล้วเดินไปผลักบานกระจกหน้าต่างออก เครื่องปรับอากาศในบริษัทถูกปิดไปตั้งแต่หลังเวลาเลิกงานทำให้อากาศในห้องค่อนข้างอบอ้าว เมื่อลมจากภายนอกซึ่งหอบไอเย็นของฝนที่ตกเมื่อช่วงบ่ายไหลเวียนเข้ามาภัทรจึงหายใจสะดวกขึ้นบ้าง

ร่างสูงหยุดยืนที่ริมหน้าต่างก่อนจะหยิบซองบุหรี่ออกมาเกล็ดขึ้นคาบที่มุมปากด้วยความเคยชิน แต่แล้วเมื่อเหลือบเห็นคิ้วที่ขมวดอยู่บนใบหน้าของคนร่วมห้องมือใหญ่ก็หยิบบุหรี่ออกทิ้งลงถังขยะแต่ไม่ได้พูดอะไร ภัทรเห็นท่าทางดังนั้นก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงยังไม่หายโกรธเพราะปกติเชษฐ์จะไม่หยิบบุหรี่ออกมาสูบต่อหน้าเขาเด็ดขาดเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบ

ริมฝีปากบางเม้มแน่นขณะก้มมองพื้นตรงหน้าโดยที่ยังพิงประตูอยู่ ชายหนุ่มรู้ว่าเชษฐ์คงกำลังรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของคนที่ยังทอดสายตามองไปด้านนอกก็ทำให้คำพูดที่เคยเตรียมไว้ไหลกลับลงคอ แม้เสียงการจราจรที่คับคั่งด้านล่างจะผ่านเข้ามาทางหน้าต่างก็จริงแต่บรรยากาศในห้องกลับอบอวลด้วยความเงียบจนน่าอึดอัด

สุดท้ายคนที่ทนความเงียบไม่ไหวจนต้องปริปากขึ้นก่อนกลับเป็นคนตัวใหญ่ที่ยังยืนอยู่ริมหน้าต่าง

“ภัทร มานี่ซิ”

คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นมองคนออกคำสั่งที่กำลังถอดแว่นออกพับใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างหวาดๆ ทว่าเมื่อก้าวเข้าไปใกล้ก็ต้องส่งเสียงครางในคออย่างตกใจกับอ้อมแขนแข็งแรงที่รวบตัวเองเข้าไปกอดอย่างกะทันหัน ริมฝีปากอุ่นที่แนบตามลงบนขมับยิ่งจุดชนวนให้หัวใจเต้นแรงขึ้นจนราวกับจะกระดอนออกมานอกอก

“คุณเชษฐ์...”

ภัทรเรียกชื่ออีกฝ่ายยังไม่ทันขาดคำก็ถูกมือใหญ่เชยคางขึ้น นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างเมื่อใบหน้าคมเข้มก้มลงหาและฉกเสียงที่ติดอยู่บนริมฝีปากไป ชายหนุ่มหลับตาแน่นเมื่อรู้สึกถึงปลายลิ้นที่ถูกสอดไล้เข้ามาในโพรงปากอย่างไม่ให้เวลาตั้งตัวจนเผลอยืนตัวแข็งทื่อ

มือใหญ่ที่เมื่อครู่เชยคางได้รูปอยู่เลื่อนไปประคองที่ต้นคอเรียวขณะที่มืออีกข้างลูบแผ่นหลังบางขึ้นลงอย่างปลอบโยน เชษฐ์เพียงถอนริมฝีปากออกนานพอให้คนในอ้อมแขนได้สูดหายใจเข้าก่อนจะเปลี่ยนมุมและประทับจูบลงอีกครั้ง ความตื่นกลัวทำให้คนที่ถูกโอบกอดสั่นไปทั้งร่าง ในสติที่เริ่มพร่าเลือนนั้นภัทรทั้งนึกอยากหนีและทั้งไม่อยากขัดขืนพายุอารมณ์ของอีกฝ่ายไปพร้อมกัน ที่ผ่านมาเชษฐ์ไม่เคยสัมผัสเขาด้วยอารมณ์รุนแรงเช่นนี้มาก่อนจนเขาไม่รู้จะสนองตอบอย่างไรจึงได้แต่ยึดบ่ากว้างไว้แน่น 

สัมผัสที่อุกอาจและเร่งเร้าในตอนแรกค่อยๆผ่อนลงราวสายน้ำเอื่อยที่ตามมาหลังกระแสคลื่นอันกราดเกรี้ยว ภัทรหอบหายใจแรงเมื่อใบหน้าคมถอนริมฝีปากออกและอ้อมแขนใหญ่รั้งตัวเขาไว้แนบอก ใบหน้าหวานซุกลงเพื่อปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าวแม้เสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็วไม่หยุดคงส่งถึงอีกฝ่ายก็ตาม จริงอยู่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เชษฐ์แสดงความต้องการในตัวเขาผ่านการสัมผัสเช่นนี้ แต่ตั้งแต่เริ่มคบกันอีกฝ่ายจะปฏิบัติกับเขาอย่างทะนุถนอมทุกครั้งเหมือนรู้ว่าภัทรยังต้องการเวลา ทว่าจูบที่เพิ่งผ่านไปกลับดึงดันและเอาแต่ใจราวถูกอัดแน่นไว้ด้วยความปรารถนาที่ถูกเก็บกดไว้มาตลอด

“เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะ ตกใจหรือเปล่า?”

หลังจากปล่อยให้เสียงลมหายใจของกันและกันคลี่คลุมภายในห้องอยู่ครู่ใหญ่ เชษฐ์ก็เอ่ยถามขึ้นพลางถอยตัวออกเพื่อจะมองหน้าคนในอ้อมแขน แต่ภัทรกลับยิ่งซุกหน้าลงกับบ่ากว้างมากกว่าเดิมเพราะรู้ดีว่าตัวเองยังไม่พร้อมจะมองหน้าอีกฝ่ายในตอนนี้ ราวคนตัวใหญ่จะอ่านความคิดเขาออกจึงยกมือลูบต้นคอขาวเนียนเบาๆพลางเอาคางเกยผมนุ่มไว้โดยไม่ถามอะไรต่ออีก

ภัทรพยายามควบคุมลมหายใจที่หอบกระชั้นให้เป็นปกติก่อนจะค่อยๆเอียงหน้าเข้าหาอกอุ่นที่พิงอยู่ เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะที่ถ่ายทอดมาจากเชษฐ์ผ่านร่างกายที่แนบชิดกันทำให้ความตื่นเต้นจากเหตุการณ์เมื่อครู่เริ่มผ่อนคลายลงบ้าง ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจเอ่ยสิ่งที่ตั้งใจจะพูดตั้งแต่แรกออกไป

“คุณเชษฐ์...เมื่อตอนบ่ายผมขอโทษนะครับ”

“อืม...ทีหลังอย่าทำแบบนั้นอีกก็แล้วกัน”

ร่างสูงใหญ่เอ่ยตอบก่อนจะดันตัวคนในอ้อมแขนออกเบาๆ ภัทรสบตากับนัยน์ตาสีเข้มโดยไม่มีกรอบแว่นบดบังแล้วก็พยักหน้าก่อนจะหลับตาลงรับจูบที่แนบลงบนหน้าผาก น่าแปลกที่เพียงแค่การได้สัมผัสใกล้ชิดกันเมื่อครู่ก็ราวกับทั้งสองจะสื่อสารความในใจต่อกันได้โดยไม่ต้องอธิบายยืดยาว ซึ่งความอดทนที่อีกฝ่ายมีเป็นสิ่งที่ภัทรไม่เคยได้รับตอนคบกับคนรักเก่าเลย

อ้อมแขนใหญ่คลายออกก่อนจะจูงร่างเพรียวให้ตามไปที่เก้าอี้พนักสูงบุหนังสีดำ ผิวแก้มเนียนจึงซับสีเลือดขึ้นมาเมื่อถูกกระตุกแขนให้นั่งลงบนตักของคนที่นั่งรออยู่ ภัทรทรุดตัวลงอย่างเกร็งๆก่อนจะหันไปถามเจ้าของห้องด้วยความประหม่า

“คุณเชษฐ์ ล็อกประตูแล้วใช่มั้ยครับ?”

คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้นขณะสอดแขนทั้งสองรัดเอวบางเอาไว้ ความจริงภัทรรู้อยู่แล้วว่าเวลาค่ำหลังเลิกงานในวันศุกร์สิ้นเดือนเช่นนี้คงยากที่จะมีใครมาเคาะประตูเรียกเชษฐ์ไปคุยด้วยอีก แต่ถึงจะรู้เขาก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับรุ่นพี่ของตัวเองอยู่ดี

“ทำไมล่ะ หรืออยากให้ทำอะไรไม่ดีเลยต้องล็อกประตู?”

ภัทรค้อนคนถามที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้แล้วก็เหลือบมองประตูห้องด้วยความกังวล คนตัวใหญ่จึงเอาคางเกยลงบนไหล่บางก่อนจะรัดเอวคนบนตักแน่นเข้า

“ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนเข้ามาเมื่อกี้ฉันล็อกไปแล้วล่ะ ว่าแต่เพราะกลัวใครจะมาเห็นตอนเราอยู่ด้วยกันใช่รึเปล่าถึงได้หนีหน้าชั้นแทบตายเมื่อตอนบ่ายน่ะ?”

ยังจะมาถามอีก...ที่ต้องระวังขนาดนี้ก็เพื่อคุณเชษฐ์เองน่ะแหละ ภัทรคิดในใจอย่างขวางๆแต่กลับเลือกจะตอบเฉไฉไม่ตรงกับคำถามแทน

“ถ้าล็อกแล้วก็ดีครับ ผมแค่คิดเผื่อไว้เฉยๆ”

“งั้นก็แล้วไป ฉันนึกว่าเธอไปเห็นคุณนินกับป๋วยทำอะไรกันตอนอยู่ในออฟฟิศถึงได้เกร็งขึ้นมาซะอีก”

“คุณเชษฐ์รู้?”

ภัทรหันขวับมองคนพูดด้วยความประหลาดใจเพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่กำความลับของรุ่นพี่ไว้ เชษฐ์จึงยักไหล่เหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

“ถึงจะระวังตัวกันแค่ไหนความลับก็ไม่มีในโลกหรอก อยากให้บอกมั้ยว่าฉันรู้เรื่องคู่ไหนในออฟฟิศนอกจากสองคนนี้อีก?”

คนถูกถามนึกถึงเพื่อนร่วมงานแต่ละคนขึ้นมาแล้วก็รีบส่ายหน้า ท่าทางคุณผู้จัดการคนเก่งจะรู้ข้อมูลความเป็นไปของคนในบริษัทมากพอสมควร แต่ถ้าให้เลือกภัทรก็ไม่อยากได้รับการแบ่งปันความรู้แบบนี้อยู่ดี “ไม่เอาดีกว่าครับ ผมยังอยากมองหน้าทุกคนได้อย่างสนิทใจอยู่ คุณเชษฐ์เก็บไว้รู้คนเดียวเถอะ”

เชษฐ์ยิ้มก่อนจะสูดกลิ่นหอมจากแก้มเนียนตรงหน้าจนภัทรเขินขึ้นมาอีก บทคนตัวใหญ่จะได้ทีฉวยโอกาสก็ตักตวงเอาอย่างไม่เกรงใจกันเลยสักนิด แต่แล้วประโยคที่อีกฝ่ายเอ่ยตามมาก็ทำให้คิ้วเรียวต้องเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว แล้วก็รู้ไว้ด้วยนะว่าไม่จำเป็นต้องเกร็งเวลาอยู่กับฉันในออฟฟิศหรอก ถ้าใครจะเห็นหรือจะรู้ก็ปล่อยเขาไป เราไม่ได้แอบใครทำเรื่องไม่ดีนี่นา”

“แต่ว่า...”

คนถูกอบรมอดจะแย้งไม่ได้แม้จะนึกคำพูดต่อไม่ออกเพราะโดนดักทางไว้แล้ว อาจเพราะท่าทางของเขาที่แสดงออกให้เห็นนั้นชัดเจนเกินไปอีกฝ่ายจึงเดาได้ว่าเขากำลังคิดมากเรื่องอะไรอยู่ เชษฐ์มองเสี้ยวหน้าของภัทรแล้วก็เลื่อนมือขึ้นลูบเรือนผมนุ่มก่อนจะโน้มคอขาวให้ซบลงกับบ่าตัวเอง

“ฉันบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ การที่เราตกลงคบกันก็เท่ากับนี่เป็นเรื่องของเราสองคน แล้วถ้าไม่มีอะไรกระทบกระเทือนถึงเรื่องงานใครจะมาว่าอะไรได้ แต่ถ้าหากว่าใครยังมีปัญหาอีกเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

ภัทรหัวเราะเสียงเบาเมื่อได้ยินคำพูดทิ้งท้าย รู้สึกราวกับว่าตัวเองช่างไร้สาระสิ้นดีที่เอาแต่วิตกกังวลอยู่คนเดียวมาตลอดทั้งอาทิตย์ เพราะเมื่อได้ยินคนตัวโตพูดแบบนี้ก็ราวกับว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องมัวคิดมากเลยแท้ๆ

 “ถ้าคุณเชษฐ์ว่าอย่างนั้น ผมจะเชื่อคุณเชษฐ์ก็แล้วกัน”

“ก็ลองไม่เชื่อดูสิ ว่าแต่ฉันเบื่อออฟฟิศจะแย่อยู่แล้ว เดี๋ยวเธอไปเก็บของแล้วรอที่ข้างหน้าก่อนแล้วกัน ฉันเช็คอีเมล์เสร็จแล้วจะตามไป”

พอรู้ว่าจะได้กลับบ้านภัทรก็ถอยตัวออกยิ้มให้เจ้าของอ้อมแขนก่อนจะพยักหน้ารับ เชษฐ์จึงดึงร่างเพรียวเข้าไปหอมแก้มอีกครั้งก่อนจะปล่อยออกจากห้อง ชายหนุ่มเดินตรงไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่อปิดคอมพิวเตอร์และเก็บของลงกระเป๋า แต่เมื่อกลับหลังหันก็ต้องสะดุ้งเมื่อพบว่ามีคนที่ไม่คาดคิดยืนรออยู่ด้านหลัง

“พี่โจ! ยังไม่กลับอีกเหรอครับ?”

“อืม พอดีพี่รอภัทรอยู่น่ะ เพราะว่าหลังจากวันนี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว”

ชายหนุ่มร่างผอมสูงเอ่ยก่อนจะยิ้มเหงาๆให้ แต่ภัทรกลับหน้าถอดสี เพราะหากอีกฝ่ายรอเขาอยู่ก็เป็นไปได้สูงว่าเห็นตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องของเชษฐ์เมื่อครู่ และประโยคถัดมาก็ยืนยันความกังวลนั้นได้เป็นอย่างดี

“คุณเชษฐ์เป็นคนดีนะถึงจะเข้มงวดไปหน่อย แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าหากเป็นคนอื่นพี่ก็คงยังมีความหวังอยู่แล้วตัดใจไม่ได้แน่ๆ”

คำสารภาพรักจากคนที่ตัวเองไม่เคยคิดอะไรด้วยทำให้คนฟังรู้สึกลำบากใจไม่น้อย ยิ่งประโยคที่แสดงว่าคนพูดรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเชษฐ์แล้วยิ่งทำให้ภัทรกระอักกระอ่วนมากเข้าไปอีก แต่เมื่อนัยน์ตาเรียวเหลือบขึ้นก็พบกับแววตาที่แสดงความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ใบหน้าหวานจึงค่อยยิ้มตอบ

“ผมขอโทษด้วยที่ตอบรับความรู้สึกของพี่โจไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าวันหนึ่งพี่โจต้องได้เจอคนที่เหมาะกับพี่โจแน่ๆ อย่าเพิ่งหมดหวังเลยนะครับ”

ร่างสูงยิ้มกับคำอวยพรก่อนจะส่ายหน้า “พี่ก็หวังอย่างนั้น ว่าแต่ถึงยังไงพี่ก็ยังห่วงภัทรอยู่ดีนะ”

“ครับ? ทำไมล่ะ?”

ภัทรเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ คู่สนทนาจึงมองเลยไปยังด้านหลังคนตัวเล็กกว่าก่อนจะพูดยิ้มๆ

“ก็ถึงคุณเชษฐ์จะดูขรึมอย่างนั้น เวลาหึงแกคงอารมณ์รุนแรงเอาเรื่องเลยล่ะ ยังไงภัทรก็ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกัน”

ใบหน้าหวานแดงเรื่อเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยเตือนเพราะเขาเองก็เพิ่งได้บทเรียนนั้นมาหมาดๆ ร่างสูงเบนสายตากลับมาเห็นสีหน้าอิหลักอิเหลื่อนั้นเข้าก็ยิ้มให้อย่างเอ็นดู

“พี่คงต้องกลับแล้ว ไหนๆเราก็คงไม่ได้เจอกันอีก พี่ขอถือโอกาสนี้อวยพรให้ภัทรโชคดีนะ”

ภัทรกระพริบตามองมือที่ถูกยื่นมาให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กลายเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานไปแล้ว ถึงแม้จะไม่ค่อยได้คุยกับอีกฝ่ายนักแต่เขาก็นึกอยากให้คนตรงหน้าได้พบคนที่ใช่สำหรับตัวเองจากใจจริง มือเรียวยื่นออกไปบีบมือผอมเกร็งทว่าแข็งแรงกลับก่อนจะยิ้มอย่างให้กำลังใจ

“ครับ ขอให้พี่โจโชคดีเหมือนกัน”

“ฝากดูแลน้องผมด้วยนะครับคุณเชษฐ์”

ร่างเพรียวสะดุ้งเมื่อคนตรงหน้าทำท่าเอ่ยกับใครบางคนที่ด้านหลังของตัวเอง และเมื่อเอี้ยวคอกลับไปก็ต้องตกใจเข้าไปอีกที่เห็นเชษฐ์ยืนอยู่ตรงนั้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย ร่างสูงใหญ่เพียงกอดอกแล้วก็ส่งเสียงรับคำในคอเป็นเชิงรับรู้ คนที่เพิ่งกล่าวคำฝากฝังจึงมองใบหน้าหวานอีกครั้งอย่างอาลัยก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

“หมอนั่นทำงานกับฉันมาก็หลายครั้งนะ ทุกครั้งฉันก็ต้องสั่งให้แก้งานใหม่อยู่เรื่อยเพราะไม่รู้ใจฉันสักทีว่าอยากได้อะไร เพิ่งมีเมื่อกี้แหละที่ทำให้รู้ว่ายังพอเดาใจฉันออกอยู่บ้าง”

ภัทรเอียงคออย่างไม่เข้าใจ เชษฐ์จึงก้าวขึ้นมายืนเคียงข้างก่อนจะพยักหน้าไปยังทิศทางที่โจเพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่

“ก็ที่บอกว่าฉันหึงแล้วจะเจ้าอารมณ์ไงล่ะ แต่เธอคงรู้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องแล้วมั้ง”

ใบหน้าหวานก้มหนีคนพูดด้วยความอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ยังดีว่าตอนที่เชษฐ์แสดงความหึงหวงกับเขาออกมาคือตอนที่อยู่กันตามลำพัง ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นพวกความอดทนต่ำแล้วทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นภัทรคงขอลาออกเพราะไม่กล้ามองหน้าใครในออฟฟิศอีกแน่ๆ ยิ่งนึกทบทวนเรื่องที่เชษฐ์ทำตอนอยู่ในห้องมากขึ้นเท่าไหร่ภัทรก็ยิ่งนึกเป็นห่วงสวัสดิภาพในอนาคตของตัวเองเข้าไปทุกที

มือใหญ่เอื้อมมาจูงมือบางออกเดินจนคนที่มัวแต่ก้มมองพื้นสะดุ้ง ทว่าเมื่อนัยน์ตาเรียวเหลือบตาขึ้นเป็นเชิงถามคนตัวใหญ่ก็ยิ้มให้

“ไม่มีใครอยู่ในออฟฟิศแล้วไม่เป็นไรหรอกน่ะ  แล้วก็ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าคืนนี้เธอต้องไปนอนบ้านฉัน แต่ถ้าไม่ตกลงล่ะก็ฉันจะตามไปนอนคอนโดเธอจริงๆด้วย”

“คุณเชษฐ์! เรื่องอะไรมาขี้ตู่เอาเองแบบนั้นล่ะครับ!”

ภัทรแทบจะหยุดเดินเอาดื้อๆเมื่อถูกมัดมือชกจากคนที่จับมือตัวเองไว้แน่น แต่พอถูกคุณผู้จัดการก้มลงกระซิบเสียงทุ้มที่ข้างหู แก้มขาวเนียนสองข้างก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อและไม่รู้จะเถียงต่ออย่างไรอีก

“ก็เธอยังไม่ได้ชงกาแฟให้ฉันเลยนี่ แล้วคืนนี้ก็คืนวันศุกร์ทั้งที พรุ่งนี้ตื่นนอนแล้วเธอจะได้ชงกาแฟให้ฉันไง”


+------+


ขอโทษที่ทำให้รอนานกันนะจ๊า มาอัพหลังเลิกงานเลยยังเบลอๆ เดี๋ยวอาจมาเม้นต์เพิ่มเติมเมื่อสติสตังค์กลับมาครบถ้วนแล้วกันนิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 01-04-2009 21:32:57
มาเร็วๆ นะจ๊ะ หายเบลอเร็วๆ ด้วย ชอบคุณเชษฐ์มากมาย คนอะไรน่ารักชะมัดเลย สงสัยความนิยมจะวิ่งนำหน้าเป้ซะแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 02-04-2009 00:41:26
คุณเชษฐ์น่ารักมาก ๆ เลยค่า 

อยากให้ภัทรไปชงกาแฟให้คุณเชษฐ์กินไวๆ จังเลย  :o8:


ขอให้คนเขียนสติสตังค์กลับมาไว ๆ นะคะ รออ่านอยู่ค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mole eye man ที่ 02-04-2009 02:21:55
เพิ่งได้ตามมาอ่านเรื่องนี้  สนุกดีนะฮะ   :o8:

แล้วจะรอติดตามต่อนะฮะ  ^^\
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: l3iZal2l2e ที่ 02-04-2009 02:50:10
มาแล้วววววว
ภัทร จะโดนคุณเชษฐ์ทำไรมั้ยนิคืนนี้อ่ะ ... อิ อิ
 :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 02-04-2009 08:59:16
รอ "คืนนี้" ของคุณเชษฐ์อย่างใจจดใจจ่อ  :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 02-04-2009 18:38:37
หวานๆๆๆ

ลุ้น "คืนนี้" ว่าจะเกิดไรขึ้นป่าว :-[

:กอด1: บีบีให้สติสตังค์กลับมาไว้ไว้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 03-04-2009 09:00:03
ว้าวววววววว คุณเชษฐ์รอบรู้ไปหมด
แล้วคราวนี้คุณเชษฐ์รุกมาขนาดนี้ ภัทรจะทำยังไง  :-[

่ตอนนี้สงสารพี่โจจังเลย แต่ดีแล้วหละยังไงก้อต้องจากไกล
จะได้ตัดใจเสียที ภัทรมีคนดูแลแล้ว

บวก 1 ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pickki_a ที่ 03-04-2009 09:59:46
ว้า...อุตส่าห์แอบเชียร์พี่โจ
ว่าแต่ว่า...คุณเชษฐ์จะมีอะไรกับภัทรหรือเปล่าอ่ะ ??
อยากรู้ :serius2: อยากรู้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 03-04-2009 17:23:42
ดีกันแล้ว แถมคุณเชษฐ์อย่างน่ารักเลย  :o8:

ว่าแต่พรุ่งนี้จะมีแรงลุกขึ้นมาชงกาแฟ ม้ายยยยยยยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: しろやま としんや ที่ 03-04-2009 17:39:17
ขอเข้ามาฝากตัวในเรื่องนี้ด้วยคนนะ

มาให้กำลังใจคนเขียนด้วยจ้า

ไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านนิยายเล้ย

ยังไงก็ฝากตัวด้วยน๊า

แล้วจะแวะเข้ามาอ่านเรื่อยๆนะ

 :3123: ให้บีบีจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (อัพแล้น 1/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 03-04-2009 23:46:12
มาเป็นกำลังใจให้


พึ่งได้มาอ่านเรื่องนี้

ทั้งสนุกทั้งน่ารัก

มาต่อเร็วนะคะ

^^

ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 08-04-2009 19:45:00
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และนักอ่านที่แวะเข้ามาแต่ไม่ได้เม้นต์ด้วยจ้า (เห็นจำนวนคลิกเพิ่ม ก็แปลว่ามีคนอ่านเพิ่มละกันเนาะ) แวะเข้ามาทักทายและแจ้งว่าตอนต่อไปคงได้มาหลังสงกรานต์เลย เพราะว่าป้าจะขอหายตัวไปเที่ยวสักอาทิตย์กว่าๆ ระหว่างนั้นอาจไม่ได้เช็คเน็ต ก็เลยจะขอมาหวัดดีปีใหม่ไทยล่วงหน้าไว้ก่อนนะเจ้าค้า

สำหรับใครที่ลุ้นว่าจะเกิดอะไรในตอนต่อไป เมื่อป้ากลับจากภารกิจเมื่อไหร่จะรีบเอามาลงให้เน้อ  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 08-04-2009 19:50:11
รับทราบจ้า
ขอให้คนแต่งเที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ  :กอด1:
แล้วจารออ่านน้า กำลังน่าลุ้นนิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 08-04-2009 20:24:41
รับทราบค่ะ แล้วจะรอนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 08-04-2009 23:24:33
มารับทราบค่า ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ

แล้วจะรออ่านค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 09-04-2009 16:59:13
+1 ให้ป้าชอบตอนนี้จังเลย คุณเชษฐ์น่ารักโดนใจ
เปิดอกคุยกันเรื่องนี้ก็ดีอะไรจะได้สะดวกๆขึ้น
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 10-04-2009 12:50:57
เดินทางปลอดภัยนะคะป้าคนจ๋วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: Tun_Bow ที่ 10-04-2009 17:37:31
555+เค้าว่ากันว่าคนแก่มักแอบเจ้าเล่ห์

น่ารักจริงๆคู่นี้

เป็นกำลังใจให้คร้าบบ~

เที่ยวสงกรานต์เผื่อกันด้วยนะคร้าบบคุงป้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 11-04-2009 15:24:30
หวัดดีปีใหม่ไทยค่ะ

เที่ยวให้สนุกนะค่ะ

เดินทางปลอดภัยค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 23-04-2009 12:11:15
 :L2:

ูู^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 01-05-2009 08:06:36
มาดันให้ป้า
เผื่ออยากอัพแล้วหาไม่เจอ
อุอุ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-06-2009 21:19:42
น่ารักดีอ่ะ



ว่างๆๆมาต่อหน่อยน่าๆๆๆ



อยากอ่านต่ออ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 22-06-2009 12:35:42
ป้า..หายไปเลย
งานยุ่งหรอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-06-2009 07:28:19
ดันๆๆๆๆๆ


เดี่ยวหาไม่เจอ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (ทักทาย+แจ้งหนีเที่ยว 8/4/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 23-06-2009 08:15:16
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-06-2009 23:23:20
 :z2: เข้ามาเต้นตามพี่นนท์ เอ้ยม่ายช่าย...

ขอบคุณทุกเม้นต์ที่ช่วยขุดขึ้นมาทวงค่ะ เห็นวันที่อัพครั้งล่าสุดแล้วอ๊ายอายอ่ะ (เอ๊ะ รู้สึกจะเป็นอาการนี้บ่อยนะ)
ช่วงนี้มรสุมงานหลัก + งานรอง 1 + งานรอง 2 มะรุมมะตุ้ม ไม่นับเรื่องนิยายนะ เดี๋ยวนี้ไม่กล้าออนเอ็มเลยแหละเพราะกลัวเม้าท์ติดลมจะไม่ได้ทำงานเอา เอิ๊กส์ :laugh:

จริงๆก็คิดถึงนิยายที่เขียนทุกเรื่องแทบทุกโมเม้นต์ที่ว่างเลยนะ เพียงแต่ตอนนี้แต่ละเรื่องที่ค้างมันอยู่ตอนสำคัญๆทั้งน้าน แล้วเวลาพิมพ์ป้าจะชอบพิมพ์ไปตรวจไปมันเลยช้า ดังนั้นต้องขอโทษจริงๆที่ทำให้ทุกคนรอ แต่ว่า...รอกันต่ออีกหน่อยแล้วกันเน้อออออออ ไว้เคลียร์งานรองๆทั้งหลายหมดเมื่อไหร่คงได้มาต่อแล้วล่ะค่า :z3:

สุดท้าย คนอ่านเรื่องนี้น่ารักที่สุด อิอิ  o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 24-06-2009 07:12:36
นานแค่ไหนก็จะรออออ  :กอด1:

ทำงานหนัก รักษาสุขภาพด้วยนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: loveorlike ที่ 24-06-2009 08:12:24
 :กอด1:กอดดดดดดด พี่บีบี
เป็นห่วงนะค่ะ ดูแลตัวเองด้วย
ยังไงก็รอดายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

จุ๊บๆสู้ๆนะค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 24-06-2009 10:01:00
ตามนั้นค่ะป้า

รักคนแต่ง

ฮิ้วววววววววววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 24-06-2009 15:16:44
แวะมาให้กำลังใจbbคนสวย :L2:

:กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 25-06-2009 04:39:34
ยังรออ่านอยู่จ้า
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะจ๊ะ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-06-2009 08:17:27
มะมีปัญหา


รอได้เสมอ แต่ถ้าไม่มา


ก็จะรอ  คริๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 25-06-2009 08:26:38
เพิ่งอ่านไปตอนเเรกก็ชอบเเล้วค่ะ สำนวนการเขียนดีจังเลย
มาเป้นกำลังใจให้เเละมาต่อเร็วๆจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-06-2009 22:31:11
ยังรออ่านอยู่นะจ๊ะ 
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 6 (แวะแจ้งข่าวคราว 23/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 26-06-2009 23:36:36
มาอ่านเรื่องนี้ด้วยคนนะคับ สนุกดีจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-06-2009 03:54:36
7.

แม้เวลาจะล่วงเลยชั่วโมงเร่งด่วนมานาน ทว่าการจราจรบนถนนใจกลางย่านธุรกิจก็ยังคงหนาแน่นไปด้วยยานพาหนะและผู้คนที่เดินสวนกันบนทางเท้าเล็กแคบอย่างเร่งรีบ นัยน์ตาเรียวเหม่อมองความวุ่นวายภายนอกผ่านหน้าต่างขณะที่คนขับนำรถลัดเลาะไปตามเส้นทางย่อยเพื่อหนีความติดขัดของถนนสายหลักอย่างคุ้นเคย

คนเป็นตุ๊กตาหน้ารถพยายามทำเป็นไม่สนใจคนข้างตัวและทอดสายตามองบรรยากาศด้านนอกรถไปเรื่อยๆ ภัทรรู้ตัวว่าสายตาของเชษฐ์ชำเลืองมาทางตนเองหลายครั้ง แต่เขาก็เลือกจะไม่หันไปทักเพราะรู้ดีว่ากำลังโดนอีกฝ่ายแกล้งอยู่ อันที่จริงเขาเองก็ตระหนักดีว่าในความสัมพันธ์ของคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วสองคนนั้น หากเขากับเชษฐ์ยังคบกันต่อไปเรื่อยๆ อย่างไรเสียก็ต้องถึงจุดหนึ่งที่ทั้งคู่ก้าวข้ามช่วงเวลาของ ‘การทำความคุ้นเคย’ ไปสู่ช่วงที่เรียกว่าเป็น ‘คนรัก’ กันอย่างเต็มตัวอยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังประหม่าเพราะไม่คิดว่าจุดที่ว่านั่นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ แถมท่าทีสบายๆไม่ได้รีบร้อนจะไปให้ถึงจุดหมายของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้เขาไม่แน่ใจว่ากำลังถูกปั่นหัวให้คิดมากล่วงหน้าไปเอง หรือความจริงแล้วเชษฐ์แค่อยากเอาคืนที่โดนเขารักษาระยะห่างที่ออฟฟิศเมื่อช่วงบ่ายกันแน่

ภัทรได้แต่ภาวนาให้เป็นอย่างหลังเพราะเขายังรู้สึกว่ามัน ‘เร็วเกินไป’หากทั้งคู่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาไม่ปฏิเสธว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆให้กับอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะถลำลึกไปกว่าสถานภาพในปัจจุบันเช่นกัน ชายหนุ่มอดคิดย้อนไปถึงคำพูดของเชษฐ์เมื่อเดือนก่อนที่ว่าไม่อยากเร่งเขาขึ้นมาไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนออกปากเองแท้ๆ  แต่วันนี้กลับมัดมือชกเขาให้ต้องไปค้างที่บ้านด้วยแบบไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธได้เลย ผู้ใหญ่อะไรเอาแต่ใจชะมัด...

“เป็นอะไรรึเปล่า? เอาแต่เงียบตั้งแต่ออกมาจากตึกแล้วนะ”

คนที่ได้แต่นั่งนิ่งมานานสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นจากข้อนิ้วใหญ่ซึ่งไล้อยู่บนผิวแก้ม แต่แล้วสัมผัสที่มาแบบสายฟ้าแลบก็หายไปแทบจะในทันทีที่คนถูกสัมผัสรู้สึกตัว ภัทรหันไปค้อนคนขับรถที่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ว่าเมื่อครู่ตัวเองทำอะไร แล้วคิ้วเรียวเหนือดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็ขมวดเมื่ออีกฝ่ายหักพวงมาลัยไปทิศตรงกันข้ามกับจุดหมายที่จะไป

“คุณเชษฐ์?”

“หือม์?”

“นี่จะไปไหนกันแน่ครับเนี่ย ไหนบอกว่าจะพาผมไปเก็บของที่คอนโดก่อนไม่ใช่เหรอ?”  

ภัทรเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ารถยุโรปสีควันบุหรี่คันใหญ่กำลังเบนออกนอกเส้นทางกลับคอนโดมากขึ้นเรื่อยๆ คนถูกถามจึงยิ้มขำก่อนจะยื่นปลายนิ้วไปผ่อนเสียงวิทยุในรถให้เบาลงจากที่เปิดไว้ตอนแรก
  
“ตอนแรกก็ตั้งใจอย่างนั้นแหละ แต่กว่าจะพาเธอไปถึงคอนโดแล้วรอเก็บของสงสัยจะกินเวลาน่าดู เลยว่าจะแวะหาที่ทานข้าวก่อนดีกว่า เมื่อเย็นเธอก็ไม่ได้ทานอะไรเหมือนกันนี่นา หรือว่าไม่หิว?”
 
“นั่นมัน...ก็...”

พอถูกถามดังนั้นภัทรจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่หลังมื้อเที่ยงจริงๆ และเสียงโครกครากที่ดังขึ้นอย่างได้จังหวะก็ช่วยตอบข้อสงสัยให้กับคนถามได้เป็นอย่างดี ถึงแม้เสียงนั้นจะไม่ได้ดังเท่าไรนักแต่ก็แปลกแปร่งจากเสียงวิทยุที่ถูกหรี่ไว้จนเข้าหูคนทั้งคู่ชัดเจน คิ้วดกหนาเหนือกรอบแว่นจึงเลิกขึ้นข้างหนึ่งก่อนใบหน้าคมจะเบนสายตากลับไปมองถนนเช่นเดิม

ภัทรรู้สึกร้อนไปทั้งหน้ากับอาการทางร่างกายที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ แล้วก็ให้นึกอยากทุบคนข้างตัวที่กำลังหัวเราะในคออย่างไม่เกรงใจกันสักนิด

“ตกลงว่าโอเคนะ ฉันจำได้ว่าแถวๆที่จะไปมีร้านน่านั่งหลายร้าน เดี๋ยวไปเลือกเอาสักร้านก็แล้วกัน”  

“...แล้วแต่คุณเชษฐ์เถอะครับ”
 
ภัทรตอบอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะเสมองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง เปล่าประโยชน์ที่จะคัดค้านหากเชษฐ์ตัดสินใจแล้วว่าจะทำอะไร บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าที่คนตัวใหญ่ชอบแกล้งเขานักเพราะปฏิกิริยาตอบสนองของเขาคงจะดูแล้วเพลินดีกระมัง แต่ความขัดเขินไม่คุ้นชินจากการได้คบกับคนตำแหน่งสูงกว่าแถมอายุมากกว่าหลายปีทำให้บางครั้งภัทรก็ยังวางตัวไม่ถูกจริงๆแม้จะในเวลาที่อยู่กันสองต่อสองก็ตาม

หลังจากหลุดออกมาจากซอยคดเคี้ยวซึ่งเชื่อมระหว่างถนนชื่อดังสองสาย เชษฐ์ก็ขับรถไปสู่ย่านดังกลางใจเมืองซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านอาหารขึ้นชื่อและมีรถยนต์เคลื่อนผ่านตลอดเวลา เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะทานอาหารไทย คนที่คุ้นเคยกับย่านดังกล่าวดีกว่าจึงนำรถเลี้ยวเข้าซอยย่อยก่อนจะเทียบจอดหน้าร้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ค่อนข้างลึกเข้าไปพอสมควร ภัทรมองย้อนกลับไปยังเส้นทางที่เข้ามาแล้วก็มั่นใจว่าถ้าหากเขาต้องกลับมาร้านนี้คนเดียวเป็นครั้งที่สองคงมาไม่ถูกแน่นอน

หลังจากล็อครถเรียบร้อยร่างสูงใหญ่ก็เดินนำคนที่พามาเข้าไปในร้าน พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าเดินนำทั้งสองไปยังโต๊ะคู่ติดกระจกด้านในสุดซึ่งมีน้ำตกเทียมไหลเป็นม่านอยู่ด้านนอก ลักษณะการตกแต่งซึ่งใช้ไม้โอ๊คเนื้อหนาทำเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้คลุมทับด้วยผ้าซาตินสีเขียวเข้มและโคมไฟโมเสคด้านบนให้บรรยากาศคล้ายร้านอาหารตะวันตกมากกว่าร้านอาหารไทย นัยน์ตาเรียวมองไปทางเวทีเล็กซึ่งมีนักดนตรีสองคนในชุดเสื้อเชิ้ตและเนคไทสีดำล้วนที่กำลังเล่นซอและขิมแต่กลับสร้างเสียงดนตรีร่วมสมัยได้ราวกับวงสตริงด้วยความทึ่ง

“คุณเชษฐ์มาร้านนี้บ่อยเหรอครับ?”

หลังจากนั่งฟังดนตรีได้สักพักคนที่เพิ่งได้มาร้านนี้เป็นครั้งแรกก็เอ่ยถามขึ้น คนถูกถามจึงยกแก้วน้ำเปล่าซึ่งมีแผ่นมะนาวฝานลอยอยู่เหนือน้ำแข็งทุบขึ้นจิบก่อนจะส่ายหน้าบางๆ

“ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่ พอดีว่าฉันเคยมาติดต่อลูกค้าแถวนี้แล้วเค้าพามาเลี้ยงข้าวเย็นเลยรู้จัก เห็นว่าตอนแรกๆก็ไม่ค่อยมีคนรู้หรอกว่ามีร้านนี้อยู่ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มดังแล้วเพราะมีคนเขียนรีวิวถึงเยอะ”

“อ้อ...”

คนถามส่งเสียงรับรู้ในคอก่อนจะหันไปเอ่ยขอบคุณบริกรที่นำเมนูมาให้ เมื่อหันกลับมาก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังเท้าคางมองตัวเองอยู่จึงเลี่ยงการสบสายตาแล้วพลิกเปิดรายการอาหารดูแทน แต่คนที่นั่งตรงข้ามก็ยังไม่ยอมหยิบเมนูขึ้นดูสักทีจนนัยน์ตาเรียวต้องละสายตาขึ้นมองด้วยความสงสัย

“จะไม่สั่งอาหารเหรอครับคุณเชษฐ์ มองผมไปก็ไม่อิ่มหรอกนะ”

“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าไม่อิ่ม?”

ภัทรรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้นกับน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้ถาม พอตวัดสายตาขึ้นค้อนก็พบว่าประกายตาของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ปิดบังจนเขาต้องรีบหลบตาลงมองเมนูเหมือนเดิม

“คุณเชษฐ์! เลิกแกล้งผมซักทีสิ ผมหิวแล้วนะ ถ้าจะไม่สั่งก็พาผมกลับเดี๋ยวนี้เลย!”

ในที่สุดคนถูกจ้องก็ทนไม่ไหวต้องขึ้นเสียงดุด้วยความเขินจนคนสูงวัยกว่าหัวเราะ สุดท้ายเชษฐ์ก็ยอมเปิดเมนูและช่วยแนะนำรายการอาหารให้แต่โดยดี ด้วยความที่เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนทำให้มีลูกค้ามาทานอาหารที่ร้านจนเต็มแทบทุกโต๊ะและอาหารที่สั่งต้องใช้เวลาในการทำพอสมควร แต่เนื่องจากรายการอาหารที่ทั้งสองเลือกเป็นเพียงเมนูง่ายๆที่ใช้เวลาปรุงไม่มากทำให้ไม่ต้องรอกันนานนัก และเมื่ออาหารมาเสิร์ฟแล้วทั้งคู่ก็ต่างพุ่งความสนใจไปที่อาหารตรงหน้าตัวเองเพราะความหิวจนแทบจะลืมคุยกันไปเลยทีเดียว

“จะเอาของหวานด้วยมั้ย?  ลอดช่องของที่นี่อร่อยนะ”

เชษฐ์เอ่ยถามขึ้นเมื่อต่างคนต่างจัดการอาหารของตัวเองจนเกลี้ยงและบริกรเก็บจานออกไปแล้ว ภัทรยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนจะยกผ้าขึ้นเช็ดปากแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่ล่ะครับ แค่นี้ก็อิ่มจะแย่แล้ว ขืนกินของหวานอีกคืนนี้ผมนอนไม่หลับแน่...”

เสียงของชายหนุ่มขาดหายเมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆบนหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าสถานที่ที่ตัวเองจะไป ‘นอน’ คืนนี้คือที่ไหน แล้วก็ให้รู้สึกร้อนที่ผิวหน้าขึ้นมาอีกอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ดูเหมือนเชษฐ์จะยังเห็นใจเขาอยู่บ้างเลยช่วยเบนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นแทน

“งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันนึกว่าเธอยังไม่อิ่ม เห็นเล่นกินเอาๆไม่พูดไม่จาเลย”

“ไม่ต้องมาว่าผมเลย คุณเชษฐ์ก็เหมือนกันแหละ”

ภัทรย้อนกลับทันทีพลางช้อนสายตาขึ้น สายตาสองคู่ประสานกันแล้วใบหน้าหวานก็ค่อยคลี่ยิ้มตอบคนตรงหน้า รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่บ้างที่ไม่แกล้งเขาให้ยิ่งเขินหนักไปกว่านี้ เพราะแค่นี้เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นไร้เดียงสาที่โดนแหย่นิดแหย่หน่อยก็ทำอะไรไม่ถูกจะแย่อยู่แล้ว

เชษฐ์หัวเราะในคอก่อนจะส่งสัญญาณเรียกบริกรให้คิดเงิน หลังจากเซ็นชื่อในสลิปเครดิตการ์ดเรียบร้อยทั้งสองก็ลุกจากโต๊ะโดยเชษฐ์เดินนำออกไปก่อน ภัทรมองตามแผ่นหลังกว้างของคนตรงหน้าพลางรู้สึกว่าในอกอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย เขาไม่ได้เป็นอย่างนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ครั้งที่ยังเคยคบกับคนรักเก่าจนถึงเมื่อสองปีก่อน

ถ้าหากว่าอีกฝ่ายขอเขาคืนนี้จริงๆ เขาจะตอบรับได้หรือเปล่านะ....

“ธร เร็วๆสิคะ ทำไมชักช้าอยู่เรื่อยเลยนะ”

“ผมก็ขอโทษแล้วไง คุณก็หัดใจเย็นบ้างสิ”

กระบวนความคิดของภัทรสะดุดลงเมื่อได้ยินชื่อที่ตัวเองไม่เคยได้เรียกมานาน และขาเพรียวสองข้างก็หยุดนิ่งทันทีที่ได้ยินเสียงตอบรับห้าวห้วนซึ่งแสนจะคุ้นเคยนั้นจากชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน

"จริงๆเลย ลูกค้างี่เง่านักก็ไม่เห็นต้องยอมคุยด้วยเลย ตัดสายไปแล้วบอกว่าแบตหมดซะก็สิ้นเรื่อง"

เสียงของหญิงสาวดังขึ้นอีกก่อนจะเดินผ่านคนทั้งสองตรงทางเข้าเข้าไปด้านใน ตามติดด้วยชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่กำลังทำหน้าถมึงทึงอย่างไม่สบอารมณ์ ภัทรเพียงชำเลืองมองร่างสูงที่เพิ่งเดินผ่านตนไปแล้วก็ต้องรีบก้มหน้าหนีทันที

เป็นโชคดีของเขาที่เชษฐ์ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ยืนบังตนเองอยู่ ประกอบกับแสงไฟจากโคมรูปดอกบัวบนผนังตรงทางเข้าไม่ได้สว่างนักทำให้คนทั้งสองที่เดินสวนเข้าไปในร้านไม่ทันสังเกตเห็นร่างเพรียวที่ยืนตัวแข็งพร้อมกับมือข้างหนึ่งขยุ้มด้านหลังเสื้อของคนตัวใหญ่เอาไว้แน่น

“ภัทร?”

ใบหน้าคมหันกลับไปหาคนข้างหลังเมื่อรู้สึกว่าตัวเองโดนรั้งไว้ และถึงแม้แสงสลัวจะไม่ทำให้เขาเห็นสีหน้าของคนที่ยืนเงียบได้ถนัดแต่คนสูงวัยกว่าก็แน่ใจว่าต้องมีอะไรผิดปกติกับเจ้าของชื่ออย่างแน่นอน

“อ๊ะ...ขอโทษครับ สงสัยผมจะกินมากไปจริงๆ เลย...จุก...นิดหน่อย...”

มือเรียวรีบยกขึ้นปิดปากตัวเองทันทีเมื่อรู้สึกว่าก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาที่คอจนเสียงท้ายประโยคสั่นเครือ นัยน์ตาคมหรี่มองคนตัวเล็กกว่าก่อนจะมองตามหลังคนทั้งสองที่เดินหายเข้าไปในร้าน แล้วแขนแข็งแรงก็เอื้อมขึ้นโอบเจ้าของไหล่ที่กำลังสั่นให้ก้าวออกจากร้านด้วยกันเงียบๆ

ภัทรก้าวขึ้นนั่งในรถหลังจากเชษฐ์เปิดประตูให้แล้วก็รู้สึกเศร้าจนต้องปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลออกมา เขาพยายามสูดน้ำมูกทั้งที่รู้ดีว่ายิ่งทำให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงชัดเข้าไปอีกว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ ชายหนุ่มพยายามไม่นึกถึงเจ้าของเสียงห้วนและใบหน้าคมคายที่เขาเคยเป็นเจ้าของจนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ทั้งๆที่เคยคิดว่าตัดใจได้อย่างเด็ดขาดหลังจากที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลายาวนาน เพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายเพียงชั่วแวบเดียวพร้อมกับน้ำเสียงที่ส่อให้รู้ว่าคนพูดเป็นคนเจ้าอารมณ์เท่านั้นเขาก็กลับระงับความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขึ้นจนเจ็บหน้าอกไม่ไหว

"ฮึก..."

ภัทรกัดหลังมือตัวเองขณะใช้ความพยายามเต็มที่ที่จะกลั้นไม่ให้เสียงใดๆเล็ดลอดจากปากอีก ตลอดเวลาที่ชายหนุ่มปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองหลั่งไหลออกมาตามทำนบที่ผุพังนั้นเชษฐ์ไม่พูดหรือถามอะไรแม้แต่คำเดียว แต่ทั้งๆที่เขารู้สึกเศร้ากับการที่จู่ๆก็ได้พบคนที่เคยคิดว่าคงไม่มีวันโคจรมาเจอกันอีกแล้วในชีวิตนี้โดยไม่คาดฝัน อีกใจหนึ่งภัทรก็ยังหวั่นเกรงว่าเชษฐ์จะรู้สึกอย่างไรที่เห็นเขาเป็นแบบนี้หลังจากได้เห็นคนรักเก่า ในเมื่อตอนนี้คนที่เขาอยู่ด้วยและตกลงคบหาคือคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างตัวคนนี้แท้ๆ

ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่นานแค่ไหน แต่เมื่อเริ่มสงบจิตใจลงและยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกแล้วนัยน์ตาเรียวก็หันมองไปด้านนอกหน้าต่าง แล้วภัทรก็ต้องกระพริบตาเมื่อพบว่าคนตัวใหญ่หักรถเลี้ยวเข้าหมู่บ้านของตัวเองซึ่งอยู่ไกลจากคอนโดของเขามากแล้ว

“คุณเชษฐ์?”

“ขอโทษที แต่ฉันคิดว่ากลับบ้านเลยน่าจะดีกว่า ตอนนี้เธอคงไม่มีอารมณ์กลับคอนโดไปเก็บของหรอกนะ?”

ภัทรมองเสี้ยวหน้าของคนขับรถที่อธิบายโดยไม่ละสายตาจากถนนตรงหน้าแล้วก็พยักหน้า หลังมือผอมเรียวยกขึ้นอุดปากอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะหลุดสะอื้นออกมาอีก แต่หนนี้เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้เพราะความเศร้าที่ได้เห็นคนรักเก่ายังตกค้างอยู่ หรือเป็นเพราะว่าเขากำลังน้อยใจที่เชษฐ์ทำเหมือนไม่สนใจจะไถ่ถามว่าเขาเป็นอะไรเลยกันแน่

ร่างสูงใหญ่กดรีโมตเปิดรั้วบ้านแล้วก็เลื่อนรถคันใหญ่เข้าจอดพลางกดรีโมตปิดรั้ว ภัทรรีบเปิดประตูลงก่อนอีกฝ่ายจะทันอ้อมมาเปิดประตูให้ ใบหน้าที่บัดนี้ซีดเซียวก้มนิ่งไม่ยอมมองเจ้าของบ้านที่หันไปเปิดประตูบ้านแล้วก็ถอดรองเท้าพลางเดินตามเข้าไปเงียบๆ

“อาบน้ำก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้ามาให้ มันเป็นฟรีไซส์ เธอน่าจะใส่ได้”

เชษฐ์เดินนำอีกฝ่ายไปที่ห้องนอนบนชั้นสองก่อนจะหันมาบอกคนตัวเล็กกว่าที่ยังดูเหม่อลอย คนฟังพยักหน้าพลางรับผ้าขนหนูพร้อมกับเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นและกางเกงวอร์มแบบเอวรูดขายาวมาไว้ในมือ แต่แล้วเมื่อกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนภัทรก็ต้องเงยหน้ามองคนตัวใหญ่ที่เดินล้วงกระเป๋าตามมาด้วยแววตาสงสัย

“คุณเชษฐ์จะเอาอะไรในห้องน้ำหรือเปล่าครับ?”

ใบหน้าคมส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนที่มือใหญ่ข้างหนึ่งจะยกขึ้นทาบบนบ่าของคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำแล้วบีบเบาๆ

“ไหวหรือเปล่า?”

คำถามที่เปี่ยมด้วยน้ำเสียงห่วงใยและสายตาอ่อนโยนที่ทอดมองมาทำให้ภัทรรู้สึกเต็มตื้น ชายหนุ่มนึกโทษตัวเองที่หวั่นไหวจนเผลอแสดงความอ่อนแอจนน่าอายออกไปให้อีกฝ่ายเห็นเมื่อครู่ แล้วก็คิดได้ว่าที่เชษฐ์ไม่ถามอะไรตอนอยู่ในรถด้วยกันคงเพราะอยากให้เขาได้ระบายอารมณ์ออกมาให้เต็มที่นั่นเอง

“ไหวครับ ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเชษฐ์ไม่สบายใจ แต่ว่าผมไม่เป็นไรแล้ว”

ภัทรพยายามคลี่ยิ้มให้คนถามเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจ แต่แล้วประโยคถัดมาของเจ้าของบ้านที่นัยน์ตากลายเป็นประกายพราวขึ้นมาก็ทำเอาใบหน้าที่แฝงแววอิดโรยเมื่อครู่ร้อนวูบขึ้นทันที

“น่าเสียดาย กำลังกะว่าถ้าไม่ไหวฉันจะช่วยอาบน้ำให้อยู่เชียว”

“คุณเชษฐ์! ทะลึ่ง! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะผมจะอาบน้ำแล้ว!!”

แขนเรียวสองข้างรีบผลักคนตัวใหญ่ออกแล้วปิดประตูลงล็อคตามหลังอย่างแรง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะมาจากอีกด้านของประตูก่อนที่เสียงฝีเท้าจะค่อยๆแผ่วไปตามด้วยเสียงเปิดประตูห้องนอน ภัทรหันมองกระจกเหนืออ่างล้างหน้าแล้วก็ต้องตกใจที่ได้เห็นว่าหน้าของตัวเองแดงขนาดไหน ร่างเพรียวนึกค่อนขอดคนแกล้งในใจพลางวักน้ำก๊อกเย็นๆขึ้นล้างหน้า แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นมองกระจกดีๆอีกครั้งก็ได้เห็นรอยช้ำแดงที่ขอบตาและปลายจมูกซึ่งไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องรู้ทันทีว่าเขาร้องไห้มา

บางที...ที่คนตัวใหญ่แหย่เขาอาจจะเป็นเพราะอยากให้เขาลืมเรื่องที่ได้เจอคนที่ทำร้ายจิตใจตัวเองเมื่อสองปีก่อนก็ได้

ภัทรถอนหายใจก่อนจะหมุนปิดก๊อกน้ำและเลื่อนบานประตูกระจกสำหรับส่วนอาบน้ำ ทันทีที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออกและก้าวเข้ายืนใต้สายน้ำอุ่น กล้ามเนื้อไหล่ที่เครียดเกร็งมาตลอดตั้งแต่ออกจากร้านก็ลู่ลงอย่างผ่อนคลาย ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบน้ำบนหน้าก่อนจะปั๊มแชมพูออกมาขยี้บนผม จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้ห้องน้ำบนชั้นสองของบ้านนี้ เพราะทุกครั้งที่เชษฐ์พามาเที่ยวบ้านทั้งสองจะใช้เวลาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างกันมากกว่า และถึงแม้ห้องน้ำชั้นบนจะกว้างขวางแถมยังมีอ่างให้แช่น้ำได้แต่ภัทรก็ไม่นึกอยากรบกวนอีกฝ่ายด้วยการอาบน้ำนานๆจึงเพียงอาบน้ำสระผมตามปกติเท่านั้น หลังจากที่เช็ดตัวใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยภัทรก็ลองเปิดตู้ข้างอ่างล้างหน้าดู และพบว่ามีแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมที่ยังไม่แกะจากกล่องจึงถือวิสาสะเอามาใช้เพราะอย่างไรเสียเชษฐ์ก็เป็นคนบังคับเขาให้มาค้างด้วยเอง

ภัทรคล้องผ้าขนหนูไว้รอบคอแล้วก็เดินกลับไปที่ห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเจ้าของบ้านกำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงในชุดเดิมโดยที่ปลดกระดุมสามเม็ดบนลงจนเห็นแผงอกแกร่งถนัดตา แว่นที่เจ้าตัวถอดออกถูกพับวางไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะเล็กข้างเตียงซึ่งมีโคมไฟสีนวลตาให้ความสว่างอยู่ เชษฐ์คงตั้งใจให้ห้องนี้เป็นห้องสำหรับนอนพักผ่อนจริงๆจึงไม่มีหลอดนีออนขาวกลางห้องตามแบบบ้านสำเร็จรูปทั่วไป แต่มีโคมไฟสีส้มอ่อนวางอยู่ตามมุมต่างๆในห้องแทน

“คุณเชษฐ์ เหนื่อยเหรอครับ?”

“อืม...นิดหน่อย”

ร่างเพรียวทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงพลางยื่นมือออกไปเกลี่ยผมที่อยู่บนหน้าผากของอีกฝ่ายออกให้ เชษฐ์ส่งเสียงครางในคอก่อนจะคว้ามือบางไปจับและเลื่อนให้ลงไปซุกที่ซอกคอโดยที่ไม่ยอมลืมตาจนภัทรยิ้ม ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะเพลียเพราะนอกจากจะเพิ่งบินกลับมาจากต่างประเทศเมื่อบ่ายแล้วยังต้องเคลียร์งานแถมขึ้นไปบรรยายหน้าห้องตอนประชุมรวมเมื่อเย็น แล้วยังไม่นับที่ขับรถพาเขาไปทานข้าวและพากลับมาที่บ้านนี่อีก

“มือเธอเย็นจัง”

คนที่ยังนอนอยู่เอ่ยทักขึ้นพลางยกหลังมือเรียวขึ้นประทับที่ริมฝีปากตัวเอง แม้แสงไฟจากโคมหัวเตียงและโต๊ะหน้ากระจกจะสลัวแต่ภัทรก็รับรู้ได้จากสัมผัสที่หลังมือว่าคนตัวโตกำลังยิ้ม แต่บรรยากาศอ่อนหวานที่กำลังโอบล้อมอยู่รอบตัวก็ทำให้เขายิ้มตอบและเลือกจะไม่ชักมือหนี

“ผมเป็นคนเลือดน้อยน่ะครับ ว่าแต่คุณเชษฐ์...ทำไมเสื้อกับกางเกงคุณเชษฐ์ที่ให้มานี่ผมถึงใส่ได้พอดีเลยล่ะ?”

คนถูกบังคับให้มาค้างด้วยเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกที่เชษฐ์เอาเสื้อผ้ามาให้เขาคิดเอาเองว่าคงเป็นเสื้อผ้าของเจ้าตัว และต่อให้อีกฝ่ายจะเลือกไซส์ที่เล็กที่สุดเท่าที่มีให้ก็ไม่น่าจะพอดีตัวเขาเป๊ะถึงขนาดนี้ คนถูกถามจึงลืมตาขึ้นมองคนถามก่อนจะลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือที่กุมไว้ให้เป็นอิสระ

“แล้วฉันพูดตอนไหนล่ะว่านั่นมันเสื้อผ้าฉัน นี่น่ะฉันซื้อเตรียมไว้ให้เธอต่างหาก ป้าแย้มเค้าซักให้หลังฉันซื้อมาใหม่ๆแต่ไม่เคยถูกใส่เลยสักครั้ง”

“เตรียมไว้ให้ผม? เอ๊ะ?”

คำตอบที่ได้ทำให้คนถามเอียงคอด้วยความไม่เข้าใจ คนตอบจึงขยายความต่อให้อย่างใจเย็น

“ก็เผื่อมีเหตุให้เธอต้องมาค้างที่นี่กะทันหันแบบวันนี้ไง ที่จริงฉันซื้อไว้ตั้งแต่ตอนชวนเธอค้างเมื่อคราวโน้นแล้วด้วยซ้ำ แต่เจ้าของเพิ่งจะได้ใส่เอาวันนี้แหละ”

ใบหน้าคมยิ้มอีกก่อนจะปล่อยมือเรียวแล้วลุกขึ้นจากเตียง ทิ้งให้คนฟังนั่งหน้าแดงอยู่ที่เดิมเพราะไม่รู้ว่าจะโต้ตอบว่าอะไร อย่างนี้ก็เท่ากับอีกฝ่ายรอจะให้เขามาค้างที่นี่ตลอดเลยน่ะสิ

“ภัทร”

“อ๊ะ ครับ?”

เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องรีบหันหน้าหนีแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้านั้นถอดเสื้อเชิ้ตออกไปแล้ว เหลือเพียงกางเกงแสล็คสีดำกับเข็มขัดติดตัวอยู่เท่านั้น

“จะนอนก่อนก็ได้นะ ฉันว่าจะแช่น้ำอุ่นหน่อย ยังไงเป่าผมให้แห้งก่อนนอนก็ดีจะได้ไม่เป็นหวัด ไดร์เป่าอยู่ตรงลิ้นชักหน้ากระจก หยิบใช้ได้เลย”

“เอ๋? อ้อ...โอเคครับ”

ภัทรมองตามนิ้วอีกฝ่ายที่ชี้ไปทางโต๊ะหน้ากระจกเพื่อเลี่ยงการปะทะสายตากับเจ้าของเรือนร่างแกร่งที่กำลังเปลือยท่อนบนอยู่อย่างสุดชีวิต แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนที่เมื่อครู่ยืนอยู่ห่างออกไปเดินกลับมานั่งลงข้างๆบนเตียง

มือแกร่งยื่นมาจับข้อศอกเรียวข้างหนึ่งและรั้งให้คนที่นั่งตัวแข็งทื่อหันกลับไปหา ภัทรเหลือบตาขึ้นสบกับเจ้าของดวงตาสีเข้มที่กำลังใช้แขนอีกข้างโอบเอวตัวเองไว้แล้วก็รู้สึกว่าตัวสั่นขึ้นมา แต่แล้วเชษฐ์ก็เพียงเชยคางเขาขึ้นแล้วแนบริมฝีปากลงมาบนกลีบปากนุ่มเร็วๆทีหนึ่งเท่านั้น เมื่อภัทรลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เห็นประกายตาอ่อนโยนของอีกฝ่ายที่มองตรงมาก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะรั้งตัวเขาไปกอดไว้ มือใหญ่สองข้างลูบขึ้นลงบนแผ่นหลังกับต้นแขนให้ ทว่าแทนที่จะเป็นสัมผัสเชิงปลุกเร้าที่ชวนให้รู้สึกวาบหวิว สิ่งที่ภัทรรู้สึกได้ผ่านฝ่ามือทั้งสองนั้นกลับเป็นความอบอุ่นใจราวอีกฝ่ายกำลังปลอบเขาอยู่มากกว่า

ชายหนุ่มหลับตาลงและซุกตัวเข้าหาแผงอกกว้างมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากอุ่นแนบลงบนเรือนผมที่ยังเปียกชื้นของตัวเอง เชษฐ์บีบไหล่บางเบาๆก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรแล้วนะ?”

ภัทรพยักหน้าพลางกระพริบตาไล่หยาดน้ำที่เอ่อขึ้นมาคลอในหน่วยตา ความเอาใจใส่ที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้เขาได้ตระหนักว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เริ่มต้นใหม่กับเชษฐ์ ผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่และพร้อมจะดูแลปกป้องเขาจากใจจริง อดีตที่ผ่านมาแม้จะยังฝังแน่นในความทรงจำเพียงใดก็เป็นได้แค่เพียงอดีต สิ่งที่เขาควรจะใส่ใจและให้ความสำคัญคือปัจจุบันตรงหน้านี้ต่างหาก

มือใหญ่ตบหลังคนในอ้อมแขนเบาๆก่อนจะถอยตัวออก ภัทรยิ้มให้กับร่างสูงที่ลุกไปจากห้องก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะหยิบไดร์เป่าผมออกมาเสียบปลั๊กข้างกระจก ช่างน่าแปลกเมื่อคิดว่านี่เป็นเพียงคืนแรกที่เขามาค้างที่นี่เท่านั้น แต่ภัทรกลับรู้สึกคุ้นเคยกับการทำกิจวัตรธรรมดาๆเหล่านี้กับคนตัวใหญ่อีกคนราวกับว่าเป็นเรื่องที่ทำเป็นประจำไปแล้ว

หลังจากเป่าผมจนแห้งแล้วภัทรก็ถอดปลั๊กเก็บไดร์เข้าที่เดิม ร่างเพรียวตวัดผ้าห่มขึ้นแล้วซุกตัวลงนอนใต้ผ้านวมพลางเงี่ยหูฟังเสียงน้ำจากห้องข้างๆ เขานึกขอบคุณที่เชษฐ์ทั้งไม่ถามรายละเอียดและเร่งเร้าความสัมพันธ์กับเขาในวันนี้ แต่เขาก็เชื่อว่าหากอีกฝ่ายยังคงให้ความสม่ำเสมอกับเขาเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานคงถึงวันที่เขาพร้อมหากอีกฝ่ายเอ่ยขออย่างแน่นอน

ภัทรพลิกตัวปิดโคมไฟตรงหัวเตียงก่อนจะหลับตาลง ทั้งห้องจึงเหลือเพียงแสงอ่อนตาจากโคมไฟบนโต๊ะหน้ากระจกพอให้คนที่จะกลับมาในห้องไม่ถึงกับเดินสะดุดอะไรเท่านั้น ขณะที่ชายหนุ่มเริ่มจะดำดิ่งสู่ห้วงนิทราก็รู้สึกว่ามีร่างอุ่นๆที่กรุ่นกลิ่นสบู่เข้ามานอนกอดตัวเองจากด้านหลังพร้อมกับเสียงระบายลมหายใจยาว คนที่นอนอยู่ก่อนจึงส่งเสียงครางในคอก่อนจะหันกลับไปซุกตัวเข้าหาความอบอุ่นนั้นราวกับลูกแมวตัวน้อย ริมฝีปากบางยกยิ้มเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนบนขมับและอ้อมแขนที่กอดรัดเขาแน่นขึ้นก่อนจะหลับสนิทเพราะความอ่อนเพลียไปจนถึงเช้า



+------+


อานิสงส์แห่งการดันบังเกิดผลค่ะ หุหุ กระแสเรียกร้องแรงองค์คุณเชษฐ์เลยลงจนปั่นตอนนี้ได้เร็วเป็นประวัติการณ์ ใครรอตอนใหม่อยู่คงจุใจกับสองคนนี้เน้อ และขอขอบคุณเม้นต์จากนักอ่านใหม่ๆด้วยค่ะ ว่าแต่ตอนนี้แสบตามะหวายแล้นขอไปนอนก่อน แล้วจะแวะมาตอบเม้นท์ทีหลังเน้อ~ (ใครเห็นตัวสะกดตรงไหนผิดช่วยบอกด้วยเด้อ) :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-06-2009 06:59:18
มาแล้วๆๆๆๆๆๆๆ
คุณเชษฐ์กับนายภัทรมาแล้ว แถมมายาวๆ สมกับการรอคอย
ก้าวหน้าไปอีกนิด คุณเชษฐ์ช่างอบอุ่นจริงๆเลย
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากๆค่ะ
องค์คุณเชษฐ์มาประทับบ่อยๆนะคะ หุหุ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 28-06-2009 07:03:56
พระเจ้าช่วย ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยซะอีกที่ป้ามาลงต่อ  คิดตึ๋งคุณเชษฐ์จะแย่อยู่แล้ว

ผู้ชายอาไร้   หวานละมุนละไม ไม่เอาแต่ใจ น่ารักที่สุดในโลกเล้ย จู๊บป้าห้าทีซ้อน แล้วพยายามให้องค์คุณเชษฐ์ลงอีกเร็วๆ นะ

ปล.  ไม่ได้เร่งเลยจริงจริ๊ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 28-06-2009 08:47:09
มาอ่านครั้งแรก แล้วก็ตกหลุมรักทันที
น่ารักทั้งคู่เลย
งานยุ่งอย่าลืมรักษาสุขภาพ และต่อ
นิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 28-06-2009 09:39:04
เย้ๆๆๆ  คุณเชษฐ์มาแย้ว 

อ่านตอนนี้ ใจละลายอ่ะ  คุณเชษฐ์น่ารัก+อบอุ่นมากกกกกกก 

เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักจังเลยเนอะ

ส่วนน้องภัทร  เข้มแข็งไว้นะ  อดีตก็สิ่งที่ผ่านพ้นไปแย้ว  อยู่กับปัจจบันและคุณเชษฐ์ดีกว่าเนอะ
(อย่าให้คุณเชษฐ์หลุดมือไปล่ะ  คริคริ)

ขอบคุณนะคะที่สละเวลามาเขียนให้อ่านกัน 
ขอบคุณมากจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 28-06-2009 11:23:49
รออยู่เหมือนกันครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 28-06-2009 11:35:05
หวานและอบอุ่นมาก ๆ อ่ะ คุณเชษฐ์ปู้จายในฝันของหนู  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 28-06-2009 18:47:59

คุณเชษฐ์น่ารักสุดๆเลย....^^

ดูอบอุ่นมากๆเลยคะ...ให้คะแนน 9 เต็ม 10...(ตัดหนึ่งคะแนนเพราะปล่อยให้ภัทรร้องไห้นานจังเลย...คนอ่านเหนื่อยแทน....555+)




หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 28-06-2009 20:16:13
 :laugh:
ในที่สุดก็มาสะที
มาลงต่อเรื่อยๆๆเลยน่ะ


อบอุ่นดีจริงๆๆเล๊ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 29-06-2009 00:58:27
มาอ่านแล้วนะคับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 29-06-2009 14:05:15
หวานและอบอุ่นที่สุดเลย 

องค์ลงแล้วมาต่อบ่อยๆ นะจ้ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 29-06-2009 15:58:59
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
คุณเชษฐ์ อบอุ่น อ่อนโยนมากกกกกก
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-06-2009 23:11:41
กรีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส คุณเชษฐ์กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-06-2009 20:26:46
ดันๆๆๆ



อับๆๆๆ



 :z13: คริๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: *SparklinG* ที่ 30-06-2009 22:02:42
 :-[ น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกก ดันด้วยคนนนนน o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-07-2009 13:07:35
พระเจ้าช่วย ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยซะอีกที่ป้ามาลงต่อ  คิดตึ๋งคุณเชษฐ์จะแย่อยู่แล้ว

ผู้ชายอาไร้   หวานละมุนละไม ไม่เอาแต่ใจ น่ารักที่สุดในโลกเล้ย จู๊บป้าห้าทีซ้อน แล้วพยายามให้องค์คุณเชษฐ์ลงอีกเร็วๆ นะ

ปล.  ไม่ได้เร่งเลยจริงจริ๊ง  :กอด1:

อ่านตรงป.ล.แล้ว จุด จุด จุด อิอิ   :myeye:  (<-- ยังไง?)

เย้ๆๆๆ  คุณเชษฐ์มาแย้ว 

อ่านตอนนี้ ใจละลายอ่ะ  คุณเชษฐ์น่ารัก+อบอุ่นมากกกกกกก 

เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักจังเลยเนอะ

ส่วนน้องภัทร  เข้มแข็งไว้นะ  อดีตก็สิ่งที่ผ่านพ้นไปแย้ว  อยู่กับปัจจบันและคุณเชษฐ์ดีกว่าเนอะ
(อย่าให้คุณเชษฐ์หลุดมือไปล่ะ  คริคริ)

ขอบคุณนะคะที่สละเวลามาเขียนให้อ่านกัน 
ขอบคุณมากจ้า :L2:

ขอบคุณที่ติดตามด้วยค่ะ ว่าแต่ถ้าภัทรปล่อยคุณเชษฐ์หลุดมือนี่สงสัยหมดโอกาสได้คืนแหงเลยนิ :D


คุณเชษฐ์น่ารักสุดๆเลย....^^

ดูอบอุ่นมากๆเลยคะ...ให้คะแนน 9 เต็ม 10...(ตัดหนึ่งคะแนนเพราะปล่อยให้ภัทรร้องไห้นานจังเลย...คนอ่านเหนื่อยแทน....555+)






หวาย งี้ต้องให้คุณเชษฐ์รีบทำคะแนนกลับแร้วววววว


ขอบคุณทุกๆเม้นต์ แล้วจะรีบเข็นตอนต่อไปมาเร็วๆนะค้า~  :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 7 (ป้าอัพจนได้ 28/6/09)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-07-2009 16:04:31
เย็นถึงไหนแล้วน่าๆๆๆ
ใกล้ถึงยังๆๆๆ
รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2009 12:01:51
หายจากคุณเชษฐ์กับภัทรไปนานมาก ตอนนี้ได้ฤกษ์กลับมาเสียที แต่มาด้วยตอนพิเศษไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ ช่วงนี้ป้าก่งก๊งกับชีวิตตัวเอง แต่คาดว่าต้นปีหน้าจะได้เป็นสมาชิกสภาคนว่างงานชั่วคราว (ก๊ากกก ขำตรงไหน) เนื้อเรื่องของตอนพิเศษนี้จะเท้าความถึงช่วงงานเลี้ยงปีใหม่ ซึ่งเกิดก่อนเรื่องในวันวาเลนไทน์ของปีถัดมาที่ทั้งคู่ตกลงคบกันแล้ว ตอนแรกก็อยากให้บรรยากาศมันคริสต์มาสกว่านี้แต่เขียนจบแล้วมันดูจะหนักไปทางปีใหม่ซะมากกว่า ยังไงก็ขออวยพรให้คนอ่านทุกคนมีความสุขและเอ็นจอยวันหยุดกันนะจ๊ะ

ปล. ใครจะไป countdown ปีใหม่ที่เชียงคาน เจอกันเด้อ (ไม่ได้จะไปตามรอยนาธานนะ)  :m20:

+------+

Special Episode for X-Mas & New Year’s Celebration: อีกปีที่ผันผ่าน


เสียงดนตรีครึกครื้นดังกระหึ่มผ่านลำโพงตั้งพื้นในสวนอาหารกลางแจ้งแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกับที่ผู้คนซึ่งนั่งทานอาหารเฮฮาไปกับการแสดงที่อยู่บนเวที ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านในของสวนอาหารซึ่งอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ใกล้กับห้องน้ำคือห้องเก็บของของพนักงานร้านที่คืนนี้ถูกหยิบยืมเป็นห้องแต่งตัวชั่วคราว และภายในห้องแต่งตัวนั้น หลายชีวิตกำลังวุ่นวายกับการเติมเครื่องสำอางครั้งสุดท้ายและจัดชุดให้เข้าที่ แม้แต่คนที่เดินผ่านไปมาเพื่อเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างไปไม่กี่เมตรก็ต้องได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดที่หลุดมาจากด้านในได้เป็นระยะ

ภัทรเงี่ยหูฟังเสียงปรบมือและผิวปากหลังการแสดงที่เพิ่งผ่านไปจบลง จากนั้นจึงเคาะประตูเรียกคนในห้อง

“พี่ป๋วย ของกลุ่มคุณเชษฐ์เค้าแสดงจบไปแล้วนะ ข้างในแต่งตัวกันเสร็จหรือยัง?”

“ว้าย! ทำไมเร็วอย่างงั้นล่ะ เดี๋ยวนะเดี๋ยว เฮ้ยนุ่น รองเท้าแกอยู่นี่ แหม่มๆ วิกเอียงอยู่แน่ะ โอ๊ยยยยย! นี่ภัทร เธอไปที่เวทีแล้วพูดอะไรถ่วงเวลาไปก่อนทีซิ!”

ท้ายประโยครุ่นพี่สาวเปิดประตูห้องแต่งตัวออกมาสั่งอย่างเร่งรีบ ยังไม่ทันที่คนถูกสั่งจะอ้าปากก็โดนประตูบานเดิมปิดดังปังใส่หน้า หลังเงี่ยหูฟังความวุ่นวายในห้องที่ยังดำเนินไปไม่หยุด ภัทรก็ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า กับอีแค่การประกวดการแสดงภายในบริษัทเพื่อฉลองส่งท้ายปีนี่ต้องเอาจริงเอาจังกันขนาดนี้เลยหรือ

ชายหนุ่มหมุนตัวเดินจากห้องแต่งตัวเพื่อไปยังส่วนจัดงานที่อยู่ด้านหน้า เนื่องจากคืนนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ทางบริษัทจะได้จัดแค่ปีละครั้ง เพื่อเป็นการสังสรรค์ร่วมกันก่อนที่พนักงานทุกคนจะได้หยุดไปพักผ่อนในช่วงปีใหม่ แต่ละปีแผนกบุคคลจึงมักหากิจกรรมมาให้พนักงานได้เข้าร่วมเสมอ และปีนี้ก็ใช้วิธีจองสวนอาหารเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทนักเป็นสถานที่จัดงาน โดยกำหนดให้ทุกคนได้เลิกงานเร็วกว่าปกติ เพื่อที่แต่ละแผนกที่ต้องเตรียมการแสดงส่งจะได้มีเวลาแต่งตัวและซักซ้อม โดยฝั่งธุรกิจหลักหรือ Core Business ที่ภัทรสังกัดอยู่นั้นจะแบ่งเป็นสี่กลุ่มตามสี่ Business Unit โดยเรียกด้วยชื่อย่อว่า ทีม BU 1, BU 2, BU 3 และ BU 4 โดยแต่ละทีมจะมีทั้งพนักงานขาย พนักงานโอเปอเรชัน ก๊อปปีไรเตอร์ พนักงานประชาสัมพันธ์ และผู้ประสานงานโปรเจ็กต์อยู่ด้วยกัน ส่วนฝั่งสนับสนุนหรือ support ก็ใช้วิธีแบ่งตามแผนกไปเลย เช่น แผนกบัญชี แผนกกราฟฟิคดีไซเนอร์ แผนกไอที และแผนกคอลเซ็นเตอร์ ส่วนพนักงานระดับผู้จัดการขึ้นไปได้รับสิทธิ์ยกเว้นไม่ต้องแสดง แต่เป็นเพียงคนดูและกรรมการเท่านั้น

นับว่าฝ่ายบุคคลเลือกสถานที่จัดงานได้เหมาะสมกับขนาดของพนักงานบริษัทซึ่งมีร่วมร้อยชีวิต โดยด้านหน้าของร้านจะมีลานจอดรถที่รองรับได้ประมาณห้าสิบคัน และเมื่อผ่านลานจอดรถเข้ามาแล้วจะพบส่วนจัดเลี้ยงและเวทีซึ่งมีป้ายชื่องานขึงเอาไว้ทันที ที่เยื้องไปด้านข้างเวทีคือต้นคริสต์มาสเทียมและโต๊ะวางของขวัญที่พนักงานนำมาร่วมจับสลาก โดยพนักงานระดับผู้บริหารจะถูกกำหนดราคาของขวัญให้สูงกว่าพนักงานทั่วไปตามลำดับขั้นและความอาวุโส

เนื่องจากทางสวนอาหารไม่ได้มีการจัดงานเลี้ยงใหญ่เช่นนี้เป็นประจำจึงไม่มีห้องแต่งตัว และห้องน้ำก็มีน้อยและไม่สะดวกสำหรับการเปลี่ยนเสื้อผ้าของหลายๆคนพร้อมกัน ทางผู้จัดการร้านจึงสละห้องเก็บของของพนักงานให้ทางบริษัทใช้แทนห้องแต่งตัว โดยลักษณะของห้องนี้จะเป็นอาคารชั้นเดียวขนาดสามสิบตารางเมตร และนักแสดงของทุกทีมต้องใช้ห้องนี้ร่วมกัน ซึ่งในแง่สะดวกก็ถือว่าสะดวกเพราะอยู่ใกล้ห้องน้ำ แต่ในอีกแง่ก็ลำบากสำหรับเหล่านักแสดงเพราะเท่ากับเวลาไปขึ้นเวทีต้องเดินผ่านเพื่อนร่วมบริษัทคนอื่นที่นั่งทานอาหารอยู่ ไม่สามารถหลบออกไปขึ้นด้านหลังเวทีเลยเพื่อให้ทุกคนประหลาดใจได้

และก็เพราะส่วนของห้องเก็บของนี้ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ร้านเปิดให้บริการนี่เอง ทางเดินโรยกรวดหน้าอาคารซึ่งทอดไปบรรจบกับทางเดินระหว่างบริเวณงานเลี้ยงกับห้องน้ำจึงไม่ค่อยสว่างนัก ภัทรอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ว่าหากพวกสาวๆที่ต้องขึ้นแสดงเดินมาตามทางนี้ด้วยรองเท้าส้นสูงจะพากันหกล้มเพราะมองทางไม่ค่อยเห็นหรือเปล่า

ขณะที่กำลังจะเดินเลี้ยวผ่านพุ่มไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อบังทางเดินตรงนี้เอาไว้ ชายหนุ่มก็แทบล้มหงายหลังเมื่อชนเข้ากับคนที่กำลังเดินสวนมาเข้าพอดี ความเจ็บที่ปลายจมูกชนเข้ากับอะไรแข็งๆทำให้เขาต้องยกมือลูบจมูกพลางครางเสียงเบา

“อูย...”

“ภัทรกร? เธอมาทำอะไรตรงนี้น่ะ?”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ เพราะทั้งบริษัทมีคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเขาด้วยชื่อเต็มยศแบบนี้ และเมื่อสายตาประสานกันท่ามกลางแสงนวลตาจากโคมไฟสูงระดับเอวที่เรียงกันเป็นระยะข้างทางเดิน ภัทรจึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายคือคนที่เขาคิดจริงๆด้วย

“คุณเชษฐ์...ขอโทษครับ ผมรีบไปหน่อย”

คนที่ยังเอามือลูบจมูกเอ่ยเสียงอู้อี้ ปกติเขาไม่ค่อยได้คุยกับอีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้จัดการโปรเจ็กต์หนึ่งในสี่ของบริษัทมากนักเพราะไม่ใช่เจ้านายโดยตรง แต่เพราะบริษัทของเขามีพนักงานแค่ราวหนึ่งร้อยคนเศษ และปกติยามรับพนักงานใหม่เข้ามา ฝ่ายบุคคลจะต้องแนะนำบุคลากรใหม่เหล่านี้ให้ทุกคนรู้จักในงานเลี้ยงตอนสิ้นเดือนอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั้งคู่จะรู้จักและจำกันได้ ทว่าภัทรก็ไม่ค่อยชินกับการถูกอีกฝ่ายเรียกด้วยชื่อเต็มเช่นนี้อยู่ดี เพราะว่าครั้งสุดท้ายที่เขาโดนเรียกด้วยชื่อเต็มยศก็ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งก็ผ่านมานานพอสมควร

เชษฐ์มองคนตัวเล็กกว่านิ่งแต่ไม่ได้เอ่ยตอบ ภัทรไม่ค่อยแน่ใจนักว่าประกายที่เห็นจากนัยน์ตาหลังเลนส์แว่นนั้นคือรอยยิ้มหรือเปล่า พลันเขาก็ให้สำนึกได้ว่ากระดานแข็งๆที่ตนเพิ่งเดินชนเมื่อครู่คือแผ่นอกของคนตรงหน้า และตอนนี้มือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายก็ยังยึดต้นแขนเขาเอาไว้แน่น

ภัทรเผลอเกร็งตัวขึ้นมาทันที ชายหนุ่มถอยหลังก้าวหนึ่งพลางจับมือใหญ่ออกจากแขนตัวเอง แม้จะด้วยท่าทางที่สุภาพแต่ก็ปิดความร้อนรนไม่มิด เขาไม่ชินกับการถูกใครแตะเนื้อต้องตัวมานานมากแล้ว และหากไม่ใช่คนที่ใกล้ชิดกันจริงๆอย่างพี่สาวหรือเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทระดับหนึ่ง เขาก็แทบจะทนการถูกสัมผัสจากคนอื่นไม่ได้เอาเลยทีเดียว

เจ้าของร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนตรงหน้า แต่ว่าก็ตัดสินใจทำเป็นไม่เห็นและถามเรื่องอื่นแทน

“จะรีบไปไหนรึ มืดๆอย่างนี้เดี๋ยวก็เดินสะดุดอะไรกันพอดี”

ภัทรรู้สึกว่าหางตากระตุกขึ้นนิดหนึ่ง ความจริงแล้วที่อีกฝ่ายพูดมาก็ถูก แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เป็นเด็กห้าขวบที่ต้องให้ใครมาเตือนเรื่องนี้เสียหน่อย

“ขอโทษครับ พอดีนักแสดงกลุ่มผมเค้ายังแต่งตัวกันไม่เสร็จ ผมเลยต้องรีบไปประกาศแจ้งที่เวทีก่อน”

เอ่ยจบแล้วชายหนุ่มก็รีบเบี่ยงตัวเพื่อจะเดินอ้อม ‘กำแพง’ ตัวใหญ่ที่ขวางทางเขาอยู่เพื่อไปที่เวที แต่แล้วก็ต้องหันกลับไปด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงย่ำกรวดอย่างไม่รีบร้อน ทำให้ได้เห็นว่าคู่สนทนาเมื่อครู่กำลังเดินล้วงกระเป๋าตามมา จึงอดจะเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“คุณเชษฐ์ เมื่อกี้กำลังจะไปห้องน้ำไม่ใช่เหรอครับ?”

ถามออกไปแล้วภัทรก็แทบกัดลิ้น นี่เขาจะสงสัยให้วุ่นวายไปทำไมกันนะ อีกฝ่ายจะไปไหนมันใช่ธุระกงการของเขาเสียเมื่อไหร่ ทว่าเชษฐ์กลับยิ้มนิดๆตอบพลางใช้นิ้วชี้ดันแว่นขึ้น

“เมื่อกี้ก็ว่าจะไปห้องน้ำหรอก แต่รอดูการแสดงของกลุ่มเธอก่อนก็ได้”

ภัทรมุ่นหัวคิ้วขึ้นโดยไม่ตั้งใจ นี่คงไม่ใช่ว่าคุณผู้จัดการโปรเจ็กต์คนเก่งจะตามมาให้กำลังใจเขาหรอกนะ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่อยากไถ่ถามต่อให้มากความ และที่สำคัญเขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการแสดงครั้งนี้ แค่โดนพี่ป๋วยใช้ให้ไปช่วยพูดฆ่าเวลาเฉยๆ ร่างเพรียวจึงหันกลับและเดินต่อ พลางคิดว่าบางทีสาวๆกลุ่มเขาอาจดีใจก็ได้ เพราะถึงคุณเชษฐ์จะขึ้นชื่อเรื่องความเฉียบขาดในเวลางาน แต่หลายคนก็แอบปลื้มบุคลิกแบบนี้ของเจ้าตัวอยู่เหมือนกัน

เมื่อทั้งสองไปถึงบริเวณจัดงาน ภัทรก็ปลีกตัวไปที่เวทีซึ่งพิธีกรกำลังกล่าวถึงมุกตลกเพื่อช่วยฆ่าเวลาระหว่างรอการแสดงของกลุ่มต่อไป ซึ่งพิธีกรของงานก็คือพนักงานจากฝ่ายบุคคลและฝ่ายแอดมินซึ่งเป็นแม่งานนั่นเอง หลังส่งสัญญาณบอกและก้าวขึ้นไปรับไมโครโฟนแล้ว เมื่อหันกลับไปยังเหล่าเพื่อนร่วมบริษัทที่นั่งกันอยู่ตามโต๊ะและกำลังมองเขาเป็นจุดเดียว ชายหนุ่มก็เริ่มจะประหม่าขึ้นมา

ใช่ว่าเขาจะไม่เคยต้องออกไปพูดหน้าคนจำนวนมากเอาเสียเลย เพราะอย่างน้อยสมัยเรียนก็ต้องออกไปนำเสนอรายงานหน้าชั้นอยู่บ้าง แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการเป็นจุดสนใจของใครต่อใครนัก แถมเมื่อชำเลืองไปทางเชษฐ์ซึ่งตอนนี้แทรกตัวกลับไปนั่งที่โต๊ะรวมกับเหล่าผู้บริหารด้วยกัน ภัทรก็ให้ยิ่งกระอักกระอ่วนจนต้องสูดหายใจเข้าลึก

....เอาน่ะ คุณเชษฐ์เขาคงแค่สนใจว่ากลุ่มเราจะแสดงอะไรเท่านั้นหรอก ก็พี่ป๋วยเล่นไปอวดไว้เสียเยอะนี่นาว่ารางวัลขวัญใจท่านประธานปีนี้เป็นของทีมเราแน่

ภัทรคิดได้ดังนั้น จึงค่อยหายใจออกอย่างปลอดโปร่งและกระชับไมโครโฟนในมือแน่นขึ้น

“สวัสดีครับ ผมภัทรกร ตัวแทนของ BU 3 นะครับ ขอโทษที่ต้องให้ทุกคนรอ เนื่องจากการแสดงของกลุ่มเราค่อนข้างต้องใช้เวลาเตรียมตัวนิดหน่อย”

คนพูดเว้นจังหวะ ขณะที่เพื่อนร่วมงานปรบมือและรอฟังต่ออย่างคาดหวัง เพราะไม่เคยมีใครเห็นภัทรออกมาพูดต่อหน้าคนในบริษัทมาก่อนจึงค่อนข้างให้ความสนใจในฐานะเด็กใหม่ ขณะที่บางคนที่เริ่มเมาไวน์แล้วถึงกับเป่าปากแซวทีเดียว ภัทรเห็นว่าหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือเอ๋ รุ่นพี่ในแผนกกราฟฟิคดีไซน์ซึ่งเขาค่อนข้างสนิทด้วยนั่นเอง ไม่แคล้วหลังจบงานนี้เขาคงโดนล้อเรื่องขึ้นเวทีจับไมค์อย่างไม่ต้องสงสัย

ขณะพยายามเค้นความคิดว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกของป๋วยใกล้จะพร้อมแสดงหรือยัง สายตาร่วมร้อยคู่จากสมาชิกร่วมบริษัทก็ทำให้เหงื่อเย็นๆซึมมาตามนิ้วมือที่กำไมโครโฟนเอาไว้ สายตาของภัทรเหลือบไปทางนินนาทซึ่งเป็นผู้จัดการโปรเจ็กต์และเจ้านายโดยตรงอย่างขอความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายกลับกำลังนั่งจิบไวน์และคุยอยู่กับภรรยาที่พามาร่วมงานด้วย และแล้ว ก่อนที่ภัทรจะตัดสินใจขอตัดบทแล้วไปตามรุ่นพี่ตัวเองจากห้องแต่งตัว เสียงหวานแหลมก็ดังมาจากด้านหลังของทุกคนอย่างได้เวลาเหมาะเจาะ

“มาแล้วค่า ขอโทษทุกคนที่ให้รอ การแสดงแฟนซีของ BU 3 พร้อมแล้วค่ะ”

เสียงของป๋วยดังนำมาก่อน จากนั้นเหล่าสาวๆในทีมของเขาที่แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมสำหรับการแสดงแล้วก็เดินเรียงแถวกันมาที่เวที สีสันจากชุดปักเลื่อมวิบวับและพู่ขนนกที่ประดับบนหมวกและไหล่เสื้อสีสดใสของแต่ละคนทำเอาภัทรอ้าปากค้าง บุญของเขาจริงๆที่เคยขอร้องนินนาทไว้ว่าถึงอย่างไรเขาก็ขอไม่เข้าร่วมในการแสดงครั้งนี้

ปกติการแสดงในงานเลี้ยงฉลองปลายปีของบริษัทนั้น แผนกไหนที่มีคนเยอะหน่อยก็จะกึ่งบังคับให้พนักงานใหม่เป็นคนขึ้นแสดง สำหรับภัทรนั้น ตอนแรกเขาทั้งโดนขู่ทั้งบังคับจากป๋วยที่คอยสอนงานเขาว่ายังไงเขาก็ต้องร่วม แต่ตอนที่ประชุมในกลุ่มเพื่อระดมไอเดียว่าจะส่งการแสดงแบบไหนกัน ภัทรก็ยืนกรานจะขอเป็นฝ่ายสนับสนุนลูกเดียว จนร้อนถึงขั้นต้องขอให้นินนาทช่วยพูดกับป๋วยให้เพราะเขาอ้อนวอนอย่างไรรุ่นพี่สาวก็ไม่ยอม เล่นเอาเขาถึงกับโดนอีกฝ่ายงอนไปสองสามวัน แต่ตอนนี้ภัทรอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองคิดถูกที่ยอมให้รุ่นพี่โกรธไปตอนนั้น ไม่อย่างนั้นคืนนี้เขาคงไม่กล้าแม้แต่จะเดินออกมาจากห้องแต่งตัวแน่ๆ

ป๋วยคว้าไมค์จากมือภัทรก่อนจะบุ้ยคางเป็นเชิงบอกว่าให้ลงจากเวทีได้ ชายหนุ่มจึงรีบพยักหน้าและหลบลงบันไดข้างเวทีเพื่อให้คนคุมดนตรีเปิดเพลงที่คิวกันเอาไว้ หลังจากเสียงดนตรีดังขึ้นและการแสดงเริ่มในที่สุด ภัทรก็เดินไปยืนดูกลุ่มตัวเองแสดงร่วมกับเหล่าพนักงานคนอื่นๆที่อีกด้านของเวที แต่ว่าเขาเลือกที่จะยืนเยื้องไปด้านหลังใกล้กับจุดที่วางอาหารบุฟเฟต์เพราะยังไม่อยากกลับไปนั่งที่โต๊ะ

ท่าทางช่วงบ่ายของแต่ละวันที่สาวๆทีมเขาเบรกไปใช้ห้องประชุมเพื่อซ้อมการแสดงจะไม่เสียเปล่า เพราะท่าเต้นแต่ละท่านั้นทำเอาทุกคนที่ได้ดูปรบมือและเป่าปากกันไม่หยุด ทั้งที่รางวัลจากท่านประธานต่อกลุ่มที่แสดงได้ถูกใจที่สุดนั้นเป็นเงินไม่กี่พัน เมื่อนำมาหักค่าเช่าเสื้อผ้าหรือค่าใช้จ่ายอื่นก็เหลือเพียงไม่กี่บาท หรือเผลอๆถึงขั้นต้องควักเนื้อกันด้วยซ้ำ แต่กิจกรรมครั้งนี้ก็ทำให้เขาได้ซึ้งถึงสัจธรรมอย่างหนึ่ง ว่าสัญชาตญานในการเอาชนะของคนในทีมเขานั้นยากจะเคี้ยวลงเสียจริงๆ

ภัทรยืนกอดอกขณะมองดูรุ่นพี่และเพื่อนร่วมทีมเต้นประกอบดนตรีด้วยเสื้อผ้าอู้ฟู่ แล้วก็ต้องยิ้มให้กับความกล้าของแต่ละคน แต่แล้วก็แทบสะอึกเมื่อโดนมือใหญ่ตบหลังอย่างแรงพร้อมเสียงหัวเราะ

“อะไรวะภัทร เด็กใหม่เหมือนกันไม่ใช่เหรอเรา ทำไมรอดตัวไม่ต้องไปแสดงกับเขาได้ละเนี่ย”

เสียงคนถามยานคางเล็กน้อยแบบคนเมา เมื่อภัทรหันไปเห็นหน้าที่แดงเพราะแอลกอฮอลล์ของคนทักแล้วก็ส่ายหน้า

“อย่าเลยพี่เอ๋ ให้พวกสาวๆเขาแสดงไปแหละดีแล้ว ขืนให้ผมแต่งตัวแบบนั้นไปเต้นบนเวทีคงทำคนดูปวดตาเปล่าๆ”

“เฮ่ย พี่ว่าภัทรทำไม่น่าปวดตาหรอก ไอ้เอ๋นี่สิ ขนาดแต่งตัวธรรมดายังไม่มีใครอยากมองให้ปวดตาเลย”

รุ่นพี่อีกคนในแผนกกราฟฟิคซึ่งอายุมากกว่าเอ่ยแซวเพื่อนตัวเอง ก่อนที่คนอื่นซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆจะพากันหัวเราะพลางแกล้งไล่เตะกันจนไม่น่าเชื่อว่าแต่ละคนอายุมากกว่าเขาทั้งนั้น ภัทรจึงยิ้มตามบ้าง

หลังจากการแสดงของกลุ่มเขาจบลง เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นตลอดทางที่นักแสดงลงจากเวทีเพื่อกลับไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวที่ห้องเก็บของ ด้านพิธีกรก็ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวแนะนำการแสดงของกลุ่มต่อไป ส่วนบริเวณที่ตักอาหารบุฟเฟต์ก็มีคนแวะเวียนมาเติมอาหารและเครื่องดื่มกันไม่ขาดสาย และทั้งๆที่ภัทรควรจะตักอาหารไปนั่งทานที่โต๊ะได้แล้ว เพราะอีกไม่นานป๋วยและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นของเขาก็คงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและกลับมานั่งด้วย แต่ตอนนี้ความรู้สึกบางอย่างกลับผลักดันให้เขาอยากปลีกตัวไปหาที่นั่งเงียบๆคนเดียว

ความที่ภัทรมาถึงสถานที่จัดงานเร็วเพราะนั่งรถไฟฟ้าหลังออกจากออฟฟิศ เขาจึงมีเวลาสำรวจส่วนต่างๆของร้านก่อนคนอื่นที่ขับรถมาจากบริษัท และทำให้พบว่าด้านหลังของร้านซึ่งอยู่คนละทิศกับห้องน้ำหลักและห้องเก็บของนั้นมีสนามเด็กเล่นอยู่ ความจริงตรงจุดนี้ก็มีห้องน้ำเหมือนกัน แต่ว่าจัดให้สำหรับชายหญิงเพียงอย่างละห้อง เนื่องจากคนที่จะเข้าก็มีแต่เด็กหรือพี่เลี้ยงที่มาดูแลเด็กเวลาเล่นชิงช้าหรือสนามทรายเท่านั้น และเพราะวันนี้ทั้งร้านถูกเหมาเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงให้บริษัทของเขา ส่วนของสนามเด็กเล่นจึงไม่มีใครมาใช้ และทางร้านก็ประหยัดไฟด้วยการไม่เปิดไฟที่แขวนเสาสูงตรงกลางสนาม แต่เปิดเพียงพวงหลอดไฟสีส้มอ่อนขนาดจิ๋วซึ่งพันไว้ตามรั้วไม้รอบสนามเท่านั้น

แสงนวลตาจากพวงหลอดไฟไม่สว่างจัดจ้า เพียงช่วยทำให้เห็นส่วนประกอบต่างๆของสนามเด็กเล่น เช่นม้าหมุน กระดานลื่นหรือชิงช้าได้ลางๆ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับภัทรในตอนนี้ เพราะเขาเพียงต้องการที่พักหายใจจากบรรยากาศรื่นเริงชั่วขณะ จากนั้นก็จะกลับเข้าไปโดยไม่ให้ใครรู้ว่าเขาหายออกมาเท่านั้นเอง

หลังจากก้าวตัดสนามทรายและหย่อนตัวลงบนชิงช้าตัวหนึ่งแล้ว ภัทรก็เหยียดขาออกแล้วโยกตัวให้ชิงช้าแกว่งเบาๆ ทั้งที่บรรยากาศในงานกำลังสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ แต่ส่วนหนึ่งในใจเขากลับไม่สามารถปล่อยตัวเองให้เพลิดเพลินเช่นเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆได้เอาเสียเลย

อีกปีแล้วสินะที่ไม่ได้ฉลองเป็นส่วนตัวกับใครบางคน... ภัทรแค่นยิ้มกับตัวเองอย่างเหงาๆ ความจริงเขาควรจะเริ่มชินได้แล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ปีแรกที่เขาต้องผ่านเทศกาลสำคัญอย่างวันเกิด วาเลนไทน์ สงกรานต์ หรือแม้แต่วันคริสต์มาสและส่งท้ายปีเก่าตามลำพัง จริงอยู่ว่า ณ เวลานี้เขากำลังอยู่ในงานเลี้ยงกับเพื่อนร่วมบริษัทอีกเป็นร้อยชีวิต ดังนั้นเขาควรปล่อยวางความเศร้าหมองแล้วทำตัวรื่นเริงร่วมไปกับทุกคน แต่ทั้งที่รู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำในตอนนี้ เขาก็ไม่อาจบังคับจิตใจของตัวเองและตัดความรู้สึกด้านลบไปได้ราวกับสับสวิตช์ไฟแบบนั้น

ทำไมไม่ยอมลืมเสียทีนะ...หรือเพราะไม่มีใครอยู่ข้างๆถึงได้ฟุ้งซ่านอยู่เรื่อย

เมื่อคิดถึงตรงนี้ภัทรก็หลับตาลง ขาที่แกว่งชิงช้าเมื่อครู่หยุดนิ่ง ความรู้สึกขมฝาดเอ่อขึ้นในคอเมื่อนึกถึงความทรงจำเก่าๆ ในคืนวันที่เขามีใครอีกคนข้างกายในวันพิเศษเสมอ ทว่าวันคืนเหล่านั้นก็จบสิ้นลงเหมือนม้วนฟิล์มของหนังที่ฉายจบไปแล้ว ต่างกันเพียงในชีวิตจริงนั้น ฟิล์มของหนังเรื่องเดิมไม่สามารถนำกลับมาฉายใหม่ได้ มีแต่ต้องปล่อยให้เนื้อฟิล์มเสื่อมสลายไป เหลือไว้เพียงภาพบางฉากตอนที่ยังคงฝังใจไม่มีวันลืมเท่านั้น และแย่หน่อยที่บ่อยครั้ง ฉากที่เขาไม่อยากจดจำมากที่สุดก็มักเป็นฉากที่ทำให้เขาเจ็บระบมในใจที่สุดเช่นกัน

‘คิดซะว่านี่เป็นโอกาสที่ภัทรจะได้เจอคนอื่นบ้างก็แล้วกัน’

นั่นเป็นคำพูดตัดรอนสุดท้ายที่คนฟังจำได้แม่นยำไม่เคยลืม ก่อนที่คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นฝ่ายตามตื๊อ คอยดูแลห่วงใย หรือแม้แต่โมโหใส่อารมณ์แล้วตามมางอนง้อขอคืนดีจะจากเขาไปเพื่อแต่งงาน ภัทรไม่ได้ไปร่วมงานมงคลของอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะฝ่ายนั้นไม่ส่งการ์ดเชิญมาให้ แต่เพราะเขาไม่มีความกล้าพอจะเผชิญหน้ากับภาพแห่งความสุขที่ใครๆต่างชื่นชมยินดีโดยไม่หลั่งน้ำตาต่างหาก ทว่าแทนที่ภัทรจะประชดชีวิตด้วยการหาคนรักใหม่ทันที หรือปล่อยตัวใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเพื่อเรียกร้องความสนใจ เขาเลือกที่จะเก็บความเจ็บนั้นไว้ตามลำพังโดยไม่แม้แต่จะเล่าสู่แก่พี่สาวซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวหลังจากพ่อแม่เสียไป จากนั้นก็ลาออกจากงานซึ่งที่ตั้งบริษัทอยู่ใกล้กับที่ทำงานของอดีตคนรักเพื่อจะได้ตัดใจให้เด็ดขาด และใช้เวลาที่ยังไม่ได้สมัครงานใหม่ไปอยู่บ้านสวนของน้าที่ต่างจังหวัด ก่อนจะเริ่มเรียกความเข้มแข็งคืนมาได้ และตัดสินใจกลับมาหางานสู้ชีวิตในเมืองหลวงใหม่อีกครั้ง

ภัทรถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกสองอุ้งมือขึ้นขยี้ตา เขาเกลียดตัวเองทุกครั้งยามถูกความทรงจำเก่าๆหวนมาย้อนกัดกร่อนให้จิตใจอ่อนไหว ทั้งที่เขาเคยปลอบตัวเองตลอดเวลาหลังเลิกกับธรว่าเขาเคยอยู่คนเดียวได้ และจากนี้เขาก็เพียงต้องปรับตัวกลับไปสู่วันคืนก่อนที่จะรู้จักผู้ชายคนนั้นเท่านั้น แต่ความเจ็บจุกในอกที่มักเสียดยอกขึ้นมายามถึงเทศกาลเปี่ยมความอบอุ่นต่างๆก็ทำให้ภัทรได้รู้ ว่าต่อให้คิดว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้นแล้วแค่ไหน แต่ว่าก็ไม่เคยเพียงพอจะทำให้เขาหลุดจากหล่มความทรงจำในอดีตได้ และแทบจะไม่เคยผลักดันตัวเองให้เปิดใจและก้าวไปข้างหน้าได้เลยเช่นเดียวกัน

เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะที่แว่วขึ้นเรียกความสนใจจากคนที่นั่งซึม ภัทรยกนาฬิกาข้อมือซึ่งมีพรายน้ำของตัวเองขึ้นดูเวลา แล้วก็คะเนในใจว่าป่านนี้การแสดงตรงเวทีของทุกแผนกคงจะจบลงและคงประกาศกลุ่มที่จะได้รางวัลแล้ว ต่อจากนั้นก็คงเป็นเวลาจับสลากแลกของขวัญก่อนทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้านเสียที ชายหนุ่มจึงยกหลังมือขึ้นปาดไอน้ำที่เอ่อบนขอบตาแล้วแหงนหน้าขึ้นสูดหายใจลึก

จุดแสงเล็กๆของดวงดาวในเมืองหลวงไม่ระยิบระยับพร่าพรายเหมือนที่บ้านน้าของเขาที่ต่างจังหวัด แต่กระนั้นก็ทำให้จิตใจของภัทรสงบลงได้บ้างเมื่อคิดได้ว่าปัญหาของตนเป็นเพียงเรื่องเล็กจ้อยในจักรวาลอันกว้างใหญ่ และเขาก็ควรจะตัดใจไม่จ่อมจมกับเรื่องนี้ให้ได้สักที ถึงแม้สิ่งที่ตั้งใจจะทำนั้นช่างลำบากยากเย็นเหลือเกินก็ตาม

ร่างเพรียวหยัดตัวลุกขึ้นแล้วก้มลงปัดชายกางเกงที่โดนฝุ่นทรายจับ ทว่าขณะที่กำลังจะเดินออกจากสนามเด็กเล่น ภัทรก็แทบสะดุดฝีเท้าตัวเองเมื่อเห็นเงาร่างใครบางคนกำลังยืนล้วงกระเป๋าสูบบุหรี่อยู่ ถึงแม้แสงบริเวณนี้จะไม่ได้สว่างจนทำให้เห็นแล้วชี้บอกได้ทันควันว่าเป็นใคร แต่รูปร่างและท่าทางของคนที่เขาเพิ่งเดินชนไปเมื่อตอนหัวค่ำ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางจำผิดไปได้

“คุณเชษฐ์...”

คนโดนเรียกหันไปหาเจ้าของเสียง บุหรี่ในมือซึ่งถูกสูบไปแล้วเกินครึ่งมวนถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้งช้าๆ

“ไง”

ร่างสูงทักขึ้นก่อนจะหันไปพ่นควันทางทิศใต้ลม ทว่าภัทรกลับไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะสื่ออะไรด้วยคำที่คล้ายคำถามนั้น ทั้งไม่แน่ใจว่าตัวเองจำเป็นต้องตอบไหม แต่แล้วเมื่อเหลือบลงมองพื้นอย่างไม่ตั้งใจ ก้นกรองบุหรี่ที่หล่นอยู่ก่อนแล้วก็ทำให้เขาเงยหน้าพรวดอย่างตกตื่น

“คุณเชษฐ์ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

ภัทรเอ่ยถามเสียงเบา แต่กระนั้นก็ยังซ่อนเร้นความตระหนกในน้ำเสียงไว้ไม่มิด ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่บริษัทใหม่นี้เขาก็พยายามเหลือเกินที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยการไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกมากนัก และพยายามเป็นมิตรกับทุกคนแต่ไม่ให้ความสนิทสนมมากจนเกินไป ความผิดหวังและเจ็บช้ำจากความรักครั้งแรกทำให้เขาไม่กล้าเปิดตัวเองกับคนแปลกหน้าง่ายๆ ดังนั้นความคิดที่ว่าตนเองถูกจับตามองขณะโดนครอบงำด้วยความอ่อนแอเมื่อครู่จึงทำให้เขาทั้งอายทั้งโมโห แต่ตำแหน่งกับความอาวุโสของอีกฝ่ายทำให้เขาไม่อยู่ในฐานะจะไปติเตียนได้ อีกอย่างภัทรก็เป็นคนไม่ถนัดด้านการขึ้นเสียงกับใคร ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยืนกำมือแน่นเพราะไม่รู้จะรับมือสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี

เชษฐ์มองสีหน้าของคนตัวเล็กกว่าที่ประเดี๋ยวซีดประเดี๋ยวแดง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเอ็นดู ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบตามมาสังเกตุการณ์อีกฝ่ายเลยสักนิด เพียงแต่หลังจากดูการแสดงหลายกลุ่มติดๆกันเข้าเพราะต้องเป็นหนึ่งในกรรมการ เขาก็เริ่มจะเหนื่อยเลยอยากหลบออกมาหาที่เงียบๆสูบบุหรี่ และเขาก็เล็งที่ตรงนี้ไว้ตั้งแต่ตอนมาถึงและเดินเล่นดูรอบๆร้านก่อนงานเริ่มแล้ว เพราะว่าบริเวณห้องน้ำติดกับห้องแต่งตัวนั้นจอแจเกินไป คิดไม่ถึงว่าจะมีคนใจตรงกับเขาชิงตัดหน้ามาจับจองที่ในสนามเด็กเล่นไปก่อน และตอนแรกเขาก็ตั้งใจจะเดินไปแถวลานจอดรถแทนแล้วเพราะคิดว่าภัทรอาจต้องการความเป็นส่วนตัว แต่เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจและเห็นท่าทางแกว่งชิงช้าอย่างเหงาหงอย เขาก็ให้เกิดเป็นห่วงจนไม่อยากทิ้งอีกฝ่ายไว้ตามลำพัง แต่หากตอบไปตามตรงว่าตนยืนอยู่ตรงนี้นานพอที่จะสูบบุหรี่มวนที่สองเกือบหมดแล้วก็คงไม่เหมาะนัก เชษฐ์จึงเอ่ยตอบเสียงเนิบ

“ไม่นานหรอก ฉันก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย เพิ่งจะมาถึงตรงนี้ก็ตอนเธอกำลังเดินออกมานี่แหละ”

นี่เห็นว่าเขาอายุเท่าไหร่กันนะ...ภัทรนึกค่อนคนพูดในใจอย่างอดไม่ได้ ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจความปรารถนาดีของอีกฝ่ายที่คงไม่ต้องการให้เขาอาย แต่ว่าเขาก็ไม่ใช่เด็กอมมือที่จะหลงเชื่อคำโกหกตามมารยาทนี้เสียหน่อย ที่เขาข้องใจคือคุณผู้จัดการโปรเจ็กต์ที่ไม่ใช่เจ้านายตามสายงานของเขาจะสนใจมายืนดูเขาเงียบๆทำไมตั้งนานต่างหาก


หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2009 12:03:15
พอความคิดแล่นมาถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็ให้รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหน้า จะบอกว่าเชษฐ์เป็นคนที่เขาตะขิดตะขวงใจที่จะให้เห็นยามเขากำลังอ่อนแอที่สุดในบริษัทก็ได้ ทั้งที่ภัทรเองก็ไม่เข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น จะเป็นเพราะว่านอกจากท่านประธานแล้ว เชษฐ์เป็นคนเดียวในบริษัทที่เขาเคยคุยด้วยน้อยที่สุด หรือเพราะความบังเอิญที่อีกฝ่ายมักอยู่ผิดที่ผิดเวลาในตอนที่เขาอยากอยู่คนเดียวก็ไม่รู้เหมือนกัน

“ถ้าอย่างนั้น...ผมกลับเข้าไปที่งานก่อนแล้วกันนะครับ ป่านนี้น่าจะเริ่มจับสลากกันแล้ว”

ภัทรเอ่ยตะกุกตะกักแล้วก็เตรียมจะเดินจากไป เขาหายออกมานานกว่าที่ตั้งใจแบบนี้ กลับไปคงไม่วายโดนพี่ป๋วยว่าที่ปลีกตัวออกมาตั้งนาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยินดีกลับไปโดนว่าและร่วมงานรื่นเริงที่เขาไม่มีอารมณ์ร่วมเท่าไรนัก มากกว่าจะยืนอยู่กับเชษฐ์สองต่อสองตรงนี้ และปล่อยให้ความกระอักกระอ่วนยามถูกสายตาอีกฝ่ายจ้องทำให้เสียความมั่นใจยิ่งกว่าที่กำลังเป็น แต่ออกเดินได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายลอยมาเข้าหู

“เดี๋ยวสิ ฉันไม่น่าคุยด้วยขนาดนั้นเลยเหรอถึงต้องรีบเดินหนีแบบนี้?”

น้ำเสียงคนถามไม่ได้แฝงแววตัดพ้อ แถมออกจะแฝงแววขบขันเสียด้วยซ้ำ และแค่นั้นก็เพียงพอจะรั้งคนที่กำลังเดินจ้ำให้ชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมาเอ่ยโต้

“ผมไม่ได้...”

ภัทรเอ่ยได้แค่ต้นประโยคแล้วก็อับจนด้วยถ้อยคำ เพราะเห็นชัดๆอยู่ว่าอีกฝ่ายก็พอจะดูออกว่าเขากำลังแสดงท่าทางอย่างไร พลันเขาก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาว่าสาเหตุที่ทำให้ไม่ค่อยชอบเวลาอยู่ต่อหน้าเชษฐ์นั้น เพราะทั้งที่ตัวเองเคยสนทนากับอีกฝ่ายน้อยแสนน้อยจนแทบนับประโยคได้ แต่คนตัวโตกลับมักมองเขาด้วยสายตาที่ราวจะอ่านทะลุคำพูดและการกระทำของเขาได้ชัดเจนกว่าใครในบริษัทก็ไม่ปาน

ร่างสูงใหญ่ขยับฝีเท้าเข้ามาใกล้อย่างไม่เร่งร้อน ก่อนจะหยุดลงเมื่อห่างจากคนตัวเล็กกว่าในระยะเพียงมือเอื้อม ภัทรจึงหมุนตัวหันข้างให้ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับต้นแขนอีกข้างโดยสัญชาตญาน ทั้งที่บอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมจึงต้องทำเหมือนกำลังสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นเช่นนี้ แต่ว่าก็ไม่กล้าจะปล่อยวางเกราะป้องกันลงยามอยู่ต่อหน้าอีกฝ่าย

“จะว่าไป...พวกเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันที่บริษัทเลยนี่นะ”

เชษฐ์เอ่ยเสียงเรียบเรื่อย แต่ภัทรกลับขมวดคิ้ว ยังไงเขาก็ไม่ชอบน้ำเสียงที่เหมือนคนพูดกำลังยิ้มไปด้วยแบบนี้เลย และถึงแม้แสงตรงบริเวณนี้จะไม่สว่างสักเท่าไหร่ แต่ภัทรก็มั่นใจว่าหากเงยหน้าไปหา เขาจะต้องได้เห็นมุมปากที่หยักขึ้นของอีกฝ่ายแน่ๆ

“ไม่แปลกหรอกครับ ก็ผมขึ้นกับคุณนินนี่นา ไม่ใช่คุณเชษฐ์”

เพราะว่ามุ่งมั่นที่จะไม่หันไปสบตากับคนตัวใหญ่กว่า ดังนั้นภัทรจึงไม่ทันเห็นคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นข้างหนึ่งหลังจากเขาพูดจบ ก่อนที่รอยหยักยิ้มบนมุมปากอีกฝ่ายจะยกสูงขึ้น และสุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในคอที่ลอยมาเข้าหูในที่สุด

“!?”

ภัทรทั้งอายทั้งไม่เข้าใจว่าคำตอบของเขาน่าขำตรงไหน ในเมื่อเขาพูดเรื่องจริงแท้ๆ และทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นมุกเลยสักนิด แต่คนตัวใหญ่กว่ากลับทำเหมือนเพิ่งได้ฟังเขาเล่าเรื่องขำขันก็ไม่ปาน

ชายหนุ่มยืนงงอยู่กับที่ แล้วก็ให้หัวใจกระตุกเมื่อเชษฐ์ใช้มือหนึ่งถอดแว่นออกพลางยกมืออีกข้างขึ้นบีบหว่างคิ้วทั้งที่ยังหัวเราะ ความที่ไม่เคยเห็นใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายยามถอดแว่นมาก่อน อีกทั้งไม่คาดคิดจะได้เห็นกิริยาท่าทางแบบนี้จากคนที่ได้ชื่อว่าเข้มงวดที่สุดคนหนึ่งในบริษัท ภัทรจึงลืมตัวลดมือลงแล้วหันไปประจันหน้าอีกฝ่ายตรงๆ

“อา...ขอโทษที แต่เธอทำฉันอดคิดไม่ได้ว่าคุณนินนี่โชคดีซะจริงๆ”

ประโยคนั้นทำให้ภัทรรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า ความประดักประเดิดที่บรรยายไม่ถูกซ่านขึ้นมาจนหัวใจเต้นแรง ชายหนุ่มรีบกลืนคำถามว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะหมายความว่าอย่างไรลงคอ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าคำตอบที่ได้จะไม่ทำให้ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังขุดหลุมฝังตัวเองมากไปกว่านี้

“ผม...กลับไปที่งานล่ะครับ”

คนพูดก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งสวมแว่นกลับเข้าไปพลางหมุนตัวจ้ำอ้าว อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเวลาได้ยินลูกน้องคุณเชษฐ์พูดถึงเจ้านายว่าดุอย่างนั้น เข้มงวดอย่างนี้ ทำไมไม่เคยมีใครพูดบ้างนะว่านอกเวลางานแล้วอีกฝ่ายเป็นคนขี้แกล้งจะตายไป

แต่ว่า...ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้เห็นใครบางคนตอนที่เขากำลังเหงานั้น ทำให้ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวลดลงไปได้บ้างเหมือนกัน

ภัทรเดินออกจากสนามเด็กเล่นและมุ่งหน้าไปทางบริเวณจัดงานเลี้ยงที่ด้านหน้า ขณะนั้นพิธีกรกำลังประกาศหาตัวเจ้าของของขวัญที่ต้องมอบให้กับคนที่จับได้พอดี ดังนั้นชายหนุ่มจึงค่อนข้างตกใจที่ทุกคนหันมาทางเขาเป็นตาเดียวเมื่อก้าวเข้าไปในบริเวณงาน

“มาแล้วค่า ปล่อยให้ทุกคนหากันแทบแย่ เจ้าของของขวัญเบอร์ 35 ที่พี่โจจับได้คือพี่ภัทร จาก BU 3 ค่า ขอเชิญพี่ภัทรมาที่เวทีด้วยค่ะ”

เสียงของกุ้ง พนักงานโอเปอเรเตอร์ซึ่งคืนนี้รับหน้าที่พิธีกรของช่วงจับสลากของขวัญเอ่ยออกไมโครโฟนอย่างสดใส ภัทรกะพริบตาปริบๆเมื่อป๋วยเดินตรงมาหาเขาแล้วรีบจูงมือไปที่ด้านหน้าเวที ตอนนี้รุ่นพี่สาวไม่ได้แต่งตัวแฟนซีพร้อมขนนกฟู่ฟ่าเหมือนตอนขึ้นแสดงแล้ว แต่ว่าเครื่องสำอางสีร้อนแรงบนหน้าก็ยังไม่ได้รับการลบออกไป

“ไปไหนมานะเธอเนี่ย จนเขาเกือบจะให้พี่ขึ้นไปมอบของขวัญให้ตาโจแทนแล้ว รีบๆขึ้นไปบนเวทีเร็วๆเข้า”

ชายหนุ่มยอมให้รุ่นพี่รุนหลังขึ้นไปยืนกลางเวทีด้วยความงุนงง ตรงนั้นมีรุ่นพี่ของแผนกกราฟฟิคดีไซน์ที่จับได้ของขวัญของเขายืนรออยู่แล้วพร้อมกับพิธีกรทั้งสองในชุดสีแดง ซึ่งพิธีกรคู่ของกุ้งนั้นเป็นพนักงานฝ่ายไอทีหนุ่มรูปร่างตุ้ยนุ้ย ดูเผินๆจึงเหมาะสมกับชุดซานตาคลอสที่แต่งอยู่จนถ้าติดเคราสีขาวเข้าไปคงโดนนึกว่าเป็นซานต้าตัวจริง

“เอาล่ะค่ะ นี่ของขวัญของพี่ภัทรนะคะ เนื่องจากพี่โจจับได้ของพี่ภัทร เจ้าของของขวัญก็เลยต้องเป็นคนมอบให้คนที่จับได้ค่ะ”

รุ่นน้องสาวยกกล่องของขวัญของเขาจากโต๊ะที่ย้ายขึ้นมาบนเวทีและยื่นส่งให้ ภัทรจึงรับมาไว้ในมือ และแม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก แต่เขาก็หันไปมอบให้กับรุ่นพี่ร่างผอมสูงที่ยิ้มบางๆให้ขณะรับของขวัญไป แล้วก็ต้องกะพริบตาด้วยความแสบเมื่อโดนแสงแฟลชจากช่างภาพหน้าเวทีที่คอยถ่ายรูปการมอบของขวัญของแต่ละคนไปด้วย

หลังจากได้ของขวัญแล้วโจก็เดินลงจากเวทีไป ภัทรจึงก้าวเท้าจะเดินตามไปบ้าง แต่แล้วก็โดนมือเล็กคว้าข้อศอกเอาไว้เสียก่อน

“ยังไปไหนไม่ได้นะคะพี่ภัทร เมื่อกี้พี่ภัทรมอบของขวัญของตัวเองไปแล้ว คราวนี้พี่ภัทรต้องจับว่าตัวเองได้ของขวัญของใครต่อค่ะ”

กุ้งเอ่ยพร้อมรอยยิ้มพลางอธิบายออกไมโครโฟนขณะที่คล้องแขนเขาเอาไว้ ทำเอาภัทรหน้าแดงและนึกอยากค้อนรุ่นน้องสาวขึ้นมา เพราะประกาศแบบนี้ก็เท่ากับทำให้รู้กันหมดว่าเขาไม่ได้อยู่ในงานตั้งแต่ตอนเริ่มจับสลาก จึงไม่รู้ว่าทีมงานตั้งกติกาการจับเอาไว้อย่างไร ชายหนุ่มหันไปทางพิธีกรชายร่างนุ้ยที่เขย่ากล่องใส่กระดาษหมายเลขแล้วยื่นมาให้ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็ล้วงมือลงไปสุ่มหยิบขึ้นมาใบหนึ่งโดยไม่ควานมือไปมาให้เสียเวลา

สาวน้อยรุ่นน้องรับกระดาษที่พับทบจนเป็นชิ้นเล็กจิ๋วไปจากมือของภัทร จากนั้นก็คลี่ออกดูหมายเลขและชื่อของเจ้าของ แล้วภัทรก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อเห็นพิธีกรสาวทำตาโตขึ้นแว่บหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มจนตาหยี กุ้งก้าวไปด้านหน้าก้าวหนึ่งแล้วชูกระดาษขึ้นพลางประกาศด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“หมายเลขที่พี่ภัทรจับได้ คือหมายเลขที่ 28 ค่ะ ขอเชิญเจ้าของของขวัญขึ้นมามอบด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณเชษฐ์ ผู้จัดการโปรเจ็กต์ของ BU 2 อยู่ไหนคะ?”

ภัทรแทบสะอึกเมื่อได้ยินว่าตนจับได้ของขวัญของใคร อะไรจะบังเอิญได้ขนาดนี้นะ อุตส่าห์คิดว่าคืนนี้คงไม่ต้องยุ่งกับคุณเชษฐ์แล้วเชียว รู้งี้เมื่อกี้ไม่รีบหยิบสลากขึ้นมาก็ดีหรอกเผื่อจะได้จับได้ชื่อของคนอื่น

เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ตามโต๊ะต่างพากันเหลียวไปมาและส่งเสียงช่วยถามหาเจ้าของของขวัญให้วุ่น แต่ภัทรกลับคิดในใจว่าให้เจ้าตัวยังไม่ต้องกลับมาเร็วๆก็ดี จะได้ให้คนอื่นเป็นตัวแทนมามอบของขวัญให้ จะว่าไป ทำไมบริษัทเขาถึงต้องทำให้การจับสลากแลกรางวัลในงานเลี้ยงปีใหม่เป็นพิธีการมากเรื่องแบบนี้ด้วยนะ

“มาแล้วๆ! คุณเชษฐ์มาแล้ว!”

เสียงใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังร้องบอก ภัทรจึงได้เห็นภาพฉายซ้ำเหมือนตอนเขาเดินเข้ามาอีกครั้ง คือทุกคนต่างหันไปมองร่างสูงใหญ่ของเชษฐ์ที่กำลังเดินเข้ามาในบริเวณจัดเลี้ยงเป็นตาเดียว แต่แทนที่จะแสดงท่าทางตื่นๆเหมือนกับเขา เชษฐ์กลับเพียงเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น ขณะที่ลูกน้องในทีมคนหนึ่งอธิบายให้ฟังว่าทำไมทุกคนจึงทำท่าตื่นเต้นนักที่เห็นเจ้าตัว

ถึงแม้ว่าแสงไฟที่สาดจ้าขึ้นมาบนเวทีทำให้ภัทรมองลงไปเห็นบริเวณที่นั่งไม่ค่อยชัด ทว่าก็พอจะเห็นลางๆว่าเชษฐ์เพียงพยักหน้าเข้าใจกับลูกน้องคนนั้นก่อนจะเดินตรงมาที่เวที แต่เมื่ออีกฝ่ายเดินเลี้ยวขึ้นบันไดที่อยู่ด้านข้างและทำให้ภัทรได้เห็นรอยยิ้มมุมปากของเจ้าตัวจากมุมที่คนอื่นไม่เห็น เขาก็ให้นึกอยากหนีลงจากเวทีเร็วๆ ทั้งที่เป็นแค่การรอรับของขวัญที่เขาดันจับขึ้นมาได้เท่านั้นเอง

ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปยืนข้างคนที่ยืนรออยู่กลางเวที และขณะที่พิธีกรทั้งสองกำลังหันไปช่วยกันหากล่องของขวัญที่มีหมายเลขของเชษฐ์ติดอยู่นั่นเอง เจ้าตัวก็เอ่ยถามคนตัวเล็กกว่าด้วยน้ำเสียงที่ดังพอจะได้ยินกันเพียงสองคน

“เธอจับได้ฉันรึ?”

ภัทรทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินคำถามนั้น ได้แต่คิดในใจว่าคุณเชษฐ์นี่ยังไงนะ ก็น่าจะรู้อยู่แล้วจะถามทำไม อีกอย่างเล่นตัดทอนคำเสียแบบนี้ เกิดใครมาได้ยินเข้าก็ได้คิดลึกกันพอดี

“นี่ของขวัญเบอร์ 28 ของคุณเชษฐ์ค่ะ แล้วก็พี่ภัทร รับของจากคุณเชษฐ์ด้วยค่ะ”

หลังหากล่องของขวัญเจอแล้ว กุ้งก็หันกลับมาบอกกับคนทั้งสองที่ยืนอยู่กลางเวทีพร้อมรอยยิ้ม ภัทรจึงหันไปยกมือไหว้ขอบคุณเชษฐ์ก่อนจะรับกล่องที่ห่อกระดาษพิมพ์ลายนูนสีเงินผูกด้วยริบบิ้นสีน้ำเงินมาไว้ในมือ ยิ่งพอสบตากันแล้วเห็นรอยยิ้มที่ซุกซ่อนในแววตาคมหลังเลนส์แว่นของคนให้ ภัทรก็ยิ่งรู้สึกร้อนหน้าจนอยากหายตัวไปจากตรงนั้นมากขึ้นทุกที

ชายหนุ่มระบายลมหายใจเฮือกใหญ่หลังรับของขวัญมาและลงมาจากเวทีได้แล้ว และไม่ได้หันไปสนใจอีกว่าเชษฐ์ที่ยังอยู่บนเวทีจะจับสลากได้ของใคร แต่พอเดินกลับไปถึงที่โต๊ะก็โดนรุ่นพี่และเพื่อนๆมารุมล้อมทันที

“ภัทรได้อะไรจากคุณเชษฐ์น่ะ แกะเร็วๆ อยากรู้”

คนถูกถามแทบจะยกกล่องในมือให้คนที่มารุมถามแกะให้แทน ส่วนตัวเขาเองไม่ใช่คนชอบอวดข้าวของ ความจริงจึงตั้งใจจะเอากลับไปแกะที่คอนโดคนเดียวเงียบๆหลังงานเลี้ยงจบลงแล้ว แต่พอจะยื่นกล่องให้เพื่อนคนหนึ่งแกะให้ ป๋วยก็รีบดึงกล่องนั้นกลับมาแล้วส่งคืนให้ภัทรทันที

“ไม่ได้นะ ของแบบนี้ต้องให้คนที่ได้เขาแกะเองสิ เสียมารยาทกันจริงเชียวพวกเธอนี่”

รุ่นพี่สาวหันไปตำหนิคนอื่นในกลุ่มก่อนจะหันกลับมาทางภัทร เขาจึงจำต้องรับกล่องของขวัญกลับมาอีกครั้ง และท่ามกลางสายตาแสดงความสนใจจากเพื่อนๆซึ่งต่างเลิกเห่อของขวัญของตัวเองกันไปแล้วนั่นเอง ชายหนุ่มก็เริ่มแกะริบบิ้นและกระดาษที่ได้รับการห่ออย่างดีแบบไม่เต็มใจนัก เนื่องจากน้ำหนักของกล่องขนาดราวหนึ่งฟุตคูณหนึ่งฟุตนั้นไม่เบาแต่ก็ไม่ได้ถึงกับหนัก แถมเมื่อเขย่าก็ไม่ได้ยินเสียง ทำให้รู้ว่าข้างในคงโดนบุกันกระแทกเอาไว้อย่างดี ทำให้ยากจะเดาได้ว่าของข้างในเป็นอะไร แต่พอภัทรดึงห่อของในกล่องและแกะกระดาษที่ห่อทบหลายชั้นจนเห็นตัวของขวัญ เหล่าไทยมุงย่อมๆที่รอลุ้นก็พากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดทันที

“ว้าย! กระเป๋ายี่ห้อนี้มันยังไม่มีช็อปในเมืองไทยเลยนี่นา นี่คุณเชษฐ์เค้าไม่ได้ซื้อของเกินกำหนดขั้นต่ำของระดับผู้จัดการไปตั้งเยอะเหรอ?”

รุ่นพี่สาวอีกคนที่ไม่ใช่ป๋วยดึงกระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาลในมือภัทรไปพลิกดูแล้วก็ร้องอุทาน ส่วนคนอื่นก็ต่างรับไปดูกันต่อเป็นทอดๆอย่างตื่นเต้น เนื่องจากทรงของกระเป๋าเป็นรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียบๆ ขนาดพอดีสำหรับบรรจุคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คหรือเอกสาร ทำให้เป็นแบบที่ใช้ได้ทั้งชายหญิง หลังจากหลายคนได้ลูบคลำอย่างชื่นชมแล้วก็พากันหันไปค้อนเจ้าของซึ่งได้แตะของขวัญไม่ถึงสามวินาทีอย่างอิจฉา

“คนโชคดีนี่ก็โชคดีจริงจริ๊ง ภัทรรู้มั้ยเนี่ยว่ากระเป๋าใบนี้เมืองนอกเค้าขายกันเท่าไหร่ เผลอๆชิ้นนี้ราคาแพงกว่าสร้อยทองที่ท่านประธานเอามาจับสลากด้วยซ้ำมั้ง”

รุ่นพี่คนเดิมเอ่ยบอกก่อนจะส่งกระเป๋ากลับคืน ภัทรจึงรับของขวัญกลับมาด้วยสีหน้าอ่านยาก เขาไม่แน่ใจนักว่าตัวเองอยากรู้ว่าของในมือมีราคาค่างวดเท่าไร เพราะหากรู้เขาอาจนึกอยากเอาไปคืนคนที่ซื้อมาจับก็เป็นได้ และถ้าพูดกันตามตรงแล้วเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะจับได้ของของคุณเชษฐ์เสียหน่อย

หลังจากการจับสลากของขวัญชิ้นสุดท้ายสิ้นสุดลงก็กินเวลาไปเกือบห้าทุ่ม คุณปรีชาซึ่งเป็นประธานบริษัทจึงขึ้นกล่าวปิดงานเลี้ยงและอวยพรปีใหม่ให้กับทุกคน ถึงแม้ท่านประธานจะอายุหกสิบกว่าแล้ว แต่ว่าก็ยังดูแลสุขภาพและการวางตัวดีจนเหมือนคนที่อายุราวห้าสิบเท่านั้น คนที่ไม่รู้จักจึงแทบเดาไม่ออกว่าความจริงท่านประธานมีลูกสี่คนแล้ว แถมตอนนี้ลูกสาวคนสุดท้องกำลังเรียนด้านการออกแบบเสื้อผ้าอยู่ที่ประเทศอังกฤษด้วยซ้ำ

เมื่องานเลี้ยงจบลง พนักงานบางคนยังคงนั่งดื่มไวน์และคุยกันต่อ ขณะที่บางกลุ่มก็เตรียมไปนั่งที่ร้านอื่นเพื่อฉลองวันหยุดยาว ขณะที่อีกกลุ่มก็เก็บสัมภาระเตรียมกลับบ้าน เสียงถามไถ่ว่าบ้านใครไปทางไหนเพื่อจะได้ขอติดรถดังขึ้นจากจุดนั้นจุดนี้ทั่วบริเวณงาน ขณะที่ภัทรกำลังเตรียมจะเดินตามป๋วยไปที่รถเพราะจะขอติดไปลงที่สถานีรถไฟฟ้านั่นเอง เขาก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังก้าวขึ้นนั่งรถยุโรปสีเทาควันบุหรี่ที่จอดอยู่ด้านในสุด

ชายหนุ่มลังเลอยู่ชั่วอึดใจ แต่แล้วก็หันไปหารุ่นพี่สาวที่กำลังย้ายข้าวของส่วนตัวออกจากเบาะหน้าเพื่อให้เขาขึ้นนั่งได้

“พี่ป๋วย รอผมแป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”

รุ่นพี่สาวเงยหน้าขึ้นมองเขาพลางกะพริบตาอย่างงงๆ แต่ว่าก็ไม่ได้ถามและพยักหน้าอนุญาต ภัทรจึงถือกล่องของขวัญที่จับสลากได้ไว้แล้วรีบเดินลัดเลาะช่องทางเดินในลานจอดไปยังรถที่เป็นเป้าหมาย

เนื่องจากรถของเชษฐ์จอดอยู่ด้านในสุด เขาจึงยังขับออกไปไหนไม่ได้จนกว่ารถที่จอดอยู่ด้านนอกจะทยอยกันออกไปก่อน ร่างสูงใหญ่จึงเพียงสตาร์ทรถและเปิดแอร์รอ ขณะที่กำลังเลือกคลื่นวิทยุเพื่อฟังเพลงหรือข่าวฆ่าเวลาอยู่นั่นเองก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกเบาๆ พอหันไปกดปุ่มเพื่อเลื่อนหน้าต่างลง คิ้วเข้มก็เลิกขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่มาเคาะกระจกเป็นใคร

นัยน์ตาคมเหลือบลงยังกล่องของขวัญที่ไม่มีกระดาษสีเงินหุ้มในมืออีกฝ่าย ก่อนจะค่อยเบนสายตากลับขึ้นมองใบหน้าของคนที่ได้ของขวัญของเขาไป เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่มาเคาะเรียก รอยยิ้มอ่อนจางก็ผุดขึ้นที่มุมปากของคนในรถ

“ไง ชอบของขวัญหรือเปล่า?”

พอได้ยินคำถาม คนถูกถามก็มุ่นหัวคิ้ว “คุณเชษฐ์...กระเป๋านี่มันแพงเกินงบที่เค้ากำหนดไว้สำหรับระดับผู้จัดการไม่ใช่เหรอครับ?”

เชษฐ์เกือบหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่คนอายุน้อยกว่าถาม ถ้าเป็นคนอื่นคงมาขอบคุณเขาที่ใจป้ำเอากระเป๋าหนังราคาแพงแบบนี้มาจับสลาก แต่ดูเหมือนกับเด็กคนนี้...คุณค่าทางวัตถุคงไม่มีผลกับจิตใจเท่าไหร่

“เค้าไม่ได้กำหนดนี่ว่าห้ามเอาของราคาเกินจากที่กำหนดมาจับ อีกอย่างตอนนี้มันก็เป็นของเธอแล้ว หรือว่าที่มาหานี่เพราะจะเอามาคืนฉัน?”

ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยถามอย่างนึกสนุก รู้ดีว่าตัวเองกำลังแกล้งให้อีกฝ่ายลำบากใจ เพราะการคืนของที่ได้รับไปแล้ว แม้ในกรณีที่มาจากการสุ่มจับสลากเช่นนี้ก็ยังถือว่าเสียมารยาท ยิ่งเมื่อได้เห็นริมฝีปากที่ยื่นออกมานิดๆของคนตรงหน้าซึ่งท่าทางคนทำจะไม่รู้ตัว เชษฐ์ก็ยิ่งอมยิ้มชอบใจมากเข้าไปอีก

ช่างไม่ได้รู้เอาเสียเลย ว่าที่โดนยั่วก็เพราะตัวเองจะเผยสีหน้าไร้การป้องกันตัวแบบนี้ออกมานี่แหละ...

เชษฐ์คิดขณะมองใบหน้าของคนที่ยังยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับพร้อมกล่องของขวัญในมือ ภัทรมองรอยยิ้มอ่อนๆของคนที่นั่งในรถ แล้วไม่รู้ทำไมถึงนึกอยากหันหลังแล้วเดินหนีเสียดื้อๆ แต่คนตรงหน้าไม่ใช่เพื่อนเล่นวัยเดียวกันที่เขาจะทำกิริยาแบบนั้นด้วยได้ สุดท้ายเขาจึงได้แต่พยายามสงบจิตใจแล้วกล่าวสิ่งที่ตั้งใจจะบอกแต่แรกแทน

“ผมได้ของคุณเชษฐ์มาแล้วก็คงคืนไม่ได้หรอกครับ ผมแค่จะมาบอกว่า เอ่อ...ขอบคุณนะครับ”

พูดจบประโยคภัทรก็รู้สึกว่าผิวหน้าอุ่นซ่านขึ้นมา กับอีแค่ขอบคุณเจ้าของของขวัญ ทำไมเขาจะต้องประหม่าอย่างกับสาวน้อยได้รับมอบดอกไม้แบบนี้ด้วยนะ แค่บังเอิญจับสลากได้ของที่อีกฝ่ายซื้อมาเท่านั้นแท้ๆ

เชษฐ์มองท่าทางของคนที่ปากเอ่ยขอบคุณแต่กลับไม่ยอมสบตากับเขาตรงๆ แล้วก็ให้นึกอยากแกล้งคนตรงหน้าเพื่อจะได้เห็นสีหน้าแบบที่เจ้าตัวไม่ค่อยทำต่อหน้าคนอื่นมากขึ้นไปอีก แต่ก็ตระหนักดีว่าถ้าแกล้งมากไป อีกฝ่ายอาจขยาดจนไม่กล้าเข้าหน้าเขาไปเลย และหากเป็นเช่นนั้นคงจะไม่ดีแน่ในระยะยาว ดังนั้นจึงเพียงพยักหน้าแล้วตอบรับ

“ไม่เป็นไร ดีแล้วล่ะที่เป็นเธอ อย่างน้อยฉันก็วางใจว่าคนที่ได้ของฉันไปคงจะรักษาของ ว่าแต่นี่จะกลับยังไง ให้ฉันแวะไปส่งให้เอามั้ย?”

ภัทรตวัดสายตาขึ้นมองคนถามแล้วก็รีบส่ายหน้าทันที ของขวัญปีใหม่ราคาแพงแสนแพงก็ได้มาแล้ว ยังจะให้อีกฝ่ายเปลืองค่าน้ำมันไปส่งที่คอนโดอีกน่ะหรือ ถ้าเป็นคนอื่นที่หน้าด้านกว่าเขาก็คงจะตอบตกลงกระมัง

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมกะติดรถพี่ป๋วยแล้วไปต่อรถไฟฟ้า กระเป๋าผมก็อยู่ในรถพี่ป๋วยแล้วด้วย ผมไม่รบกวนคุณเชษฐ์ดีกว่า ...ยังไงขับรถปลอดภัยแล้วกันนะครับ”

ภัทรเอ่ยแล้วก็ค้อมศีรษะลงทีหนึ่ง เนื่องจากสองมือประคองกล่องของขวัญขนาดค่อนข้างใหญ่ทำให้เขาไหว้ไม่ถนัดและจะดูเก้ๆกังๆเสียเปล่าๆ แต่ว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวออกเดินก็ถูกคนในรถเรียกไว้ ชายหนุ่มจึงหันไปขมวดคิ้วเป็นเชิงถาม

“ครับ?”

คนในรถยิ้มบางๆให้ “สุขสันต์วันปีใหม่นะ แล้วค่อยเจอกันปีหน้า”

รอยยิ้มและคำพูดเพียงสองประโยคสั้นๆนั้นราวกับประกายไฟกองเล็กที่สร้างความอบอุ่นในอกของคนฟัง ภัทรรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นโดยไม่ตั้งใจ และก่อนที่จะทันได้ห้ามตัวเอง มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มติดอยู่เสียแล้ว

เอาเถอะ ก็แค่ตอบรับน้ำใจของอีกฝ่าย แค่นี้ไม่ยากจนเกินความสามารถหรอกน่ะ ภัทรกร...

ชายหนุ่มคิดในใจ ก่อนจะตอบคนที่นั่งอยู่ในรถด้วยคำอวยพรเดียวกัน “สุขสันต์วันปีใหม่ครับ”

ภัทรเอ่ยแล้วก็ออกเดินต่อ หูได้ยินเสียงจุดไฟแช็คจากคนด้านหลังแว่วๆแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมอง อ้อมแขนที่กอดกล่องของขวัญเอาไว้กระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว จู่ๆก็นึกอยากให้เวลาเดินช้าลงเพื่อที่เขาจะได้ซึมซับความอุ่นอวลในใจนี้ให้นานขึ้นอีกหน่อย

น่าแปลก...แต่ดูเหมือนการก้าวสู่ปีใหม่คนเดียวครั้งนี้จะไม่ทำให้เขาเศร้าสร้อยเหมือนปีที่ผ่านมาอีกแล้ว...


++---End อีกปีที่ผันผ่าน---++
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 25-12-2009 13:02:33

เย้ๆ
ตอนพิเศษๆ
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: PAN@DA ที่ 25-12-2009 22:21:24
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า

 :L2:Merry Christmas มีความสุขมากๆ นะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: seviophy ที่ 25-12-2009 23:32:20
 :call: ชอบจังเยย อัพบ่อยๆนะฮิฮิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 26-12-2009 08:21:19
คุณเชษฐ์น่ารักไม่เปลี่ยนเลย

สวัสดีปีใหม่จ้ะริน ขอให้มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 26-12-2009 09:17:33
 :mc4: ป้ามาต่อ

ชอบๆน่ารักทั้งคู่เลย :-[

☆X'Mas & HappyNewYear☆ นะค่ะ


หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-12-2009 15:18:59
อบอุ่นจังเลยคร้า :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-12-2009 15:47:11
คุณเชษฐ์ ทั้งน่ารัก ทั้งอบอุ่น มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 26-12-2009 20:14:38
ขอบคุณครับ เพิ่งเข้ามาอ่านนะครับรุ้สึกอบอุ่นยังไงไม่รู้ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: sayajang ที่ 27-12-2009 00:24:05
เพิ่งได้อ่าน...ชอบมากจ๊ะ เมื่อไรจะมาต่ออีกเอ่ย o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 27-12-2009 00:52:10
 :impress2:
+1 ให้ป้าที่รัก หายไปนานนะเนี่ยเรื่องนี้ 555+
กลับมาตามเทศกาลไว้รอช่วงป้าว่างอ่านตอนต่อเนื่อง อิๆ
ตอนนี้อ่านแล้วอบอุ่นแบบฟุ้งเฟ้อ คืออ่านไปยิ้มไป แล้เวปิดเรื่องด้วยคำพูดเหงาๆที่โดนๆ
แล้วจะรออ่านต่อน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
นิว(Happy X'Mas & New Year ล่วงหน้าจ้า)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 27-12-2009 15:37:35
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ในที่สุดก่มาต่อแล้ว


ชอบมากเลยน่ารัก อบอุ่นม๊ากกกกอ่ะคู่นี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-12-2009 23:45:10
(http://farm3.static.flickr.com/2675/4222093180_145be1100e.jpg)

พอดีช่วงปีใหม่ป้าจะไม่อยู่กทม. เลยมาแปะการ์ดทำเองอวยพรไว้ก่อน ใครจะเดินทางท่องเที่ยวช่วงปีใหม่เช่นกันก็ขอให้เที่ยวสนุก เดินทางปลอดภัยค่า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 29-12-2009 23:49:09
สวัสดีปีใหม่คนแต่งด้วยจ้า
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง
คิดเงินให้ได้เงิน คิดทองให้ได้ทอง
ไปแห่งใดขอให้เดินทางปลอดภัยนะจ๊ะ  :L2:

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษด้วยจ้า
คุณเชษฐ์น่ารักมากเลย
มาลงแบบนี้ อยากอ่านตอนต่อไปซะจริงๆ

บวก 1 แต้ม ขอบคุณนะจ๊ะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 30-12-2009 10:02:43
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

Happy New Year จ้ะ เพื่อนสาว...ชอบเชษฐ์มากเลย หวาน อบอุ่นและรักภัทรที่สุด :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 31-12-2009 03:12:05
เพิ่งเข้ามาอ่านอ่ะ ได้อ่านตอนหนึ่งก้อติดลม หยุดอ่านไม่ได้

พี่เชษฐ์น่ารักได้อีกอ่ะ เป็นผู้ใหญ่ อบอุ่น  :-[

ถึงภัทรจะปิดกั้นตัวเองไปนิ๊ด แต่เวลามาดหลุดก้อน่ารักอ่ะ

โอ๊ยๆๆ ปลื้มเรื่องนี้มากมาย

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-12-2009 05:19:14
สวัสดีวันสิ้นปี 2552 ครับ

เพิ่งจะค้นเรื่องนี้เจอ น่ารักมากๆ เลย อิจฉาภัทรจังครับ คุณเชษฐ์มาปลื้มซะขนาดนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: mascot ที่ 31-12-2009 10:04:13
Happy New Year... :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-01-2010 16:55:07
แอบย่องๆ เข้ามาบอกว่า คิดถึง คุณเชษฐ์ กะ ภัทร  :m22:

สวัสดีปีใหม่ค่ะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-01-2010 23:23:42
เมื่อไร ป้า จะกลับมา  :o11:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 30-01-2010 15:52:38
 :3123: :3123: :3123: :3123:

คิดถึงคุณเชษฐ์กับน้องภัทรค่ะคุณขา :call: :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 30-01-2010 22:11:16
 :call: :call: กลับจากไปเที่ยวยังเอ่ย

คิดถึงคุณเชษฐ์กะน้องภัทรแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-01-2010 21:03:15
:3123: :3123: :3123: :3123:

คิดถึงคุณเชษฐ์กับน้องภัทรค่ะคุณขา :call: :call:

สุดสวยสอบเสร็จแล้วเหรอค้า เหอ เหอ


:call: :call: กลับจากไปเที่ยวยังเอ่ย

คิดถึงคุณเชษฐ์กะน้องภัทรแล้ว



คิดถึงเหมือนกัน แต่ตอนนี้ขอปั่นอีกเรื่องให้จบก่อนนะ จะได้กลับมาหาคุณเชษฐ์กับน้องภัทรได้เต็มที่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 03-02-2010 14:17:22
 :a11: :a11: :a11: อ่านจนลืม มาดูอีกทีอ่านแล้วนี่หว่า แต่ยังไม่มาต่อ ก็รอต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 03-02-2010 23:24:51
เข้ามาเต้นรอเป็นเพื่อนรีบน  :z2:

คิดฮอดคนแต่ง คึคึ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-02-2010 20:20:39
เข้ามาเต้นรอเป็นเพื่อนรีบน  :z2:

คิดฮอดคนแต่ง คึคึ

^
^
^
คิดฮอดรีบนด้วย และช่วยเต้นตามรีของพี่ฟางค่า หุหุ (คงใช้เวลาหน่อยกว่าตอนใหม่จะมา อย่าว่ากันน้า)  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 21-02-2010 13:55:52
เข้ามาดันนะ สนุกมากเลย ต้น-ไผ่ก็อยากอ่าน ภัทร-เชษฐ์ก็น่ารักดูอบอุ่น

เลือกมะถูกมาต่อสองเรื่องควบเลยนะฮะ อิอิ :pig4: :pig4:

 :กอด1:ป้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: Der_Schwammkopf ที่ 06-03-2010 16:53:05
รอด้วยคนค้าบ o22
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก Special Ep. for Xmas & New Year (25/12/0
เริ่มหัวข้อโดย: Nanzari ที่ 19-03-2010 02:23:15
คิดถึงคุณเชษฐ์กะภัทร
มามะ...มาต่อไว ๆ นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-04-2010 21:12:00
กาลครั้งหนึ่ง ป้าเคยเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง ในเรื่องมีผู้ชายคนหนึ่ง..เอ๊ย! ไม่ใช่ละ  o22 ขึ้นต้นซะยังกับเขียนเมื่อปีมะโว้ แค่จะบอกว่า แหะๆ ป้าเอาตอนใหม่มาลงแล้วนะคะ (เหมือนมาอัพตามเทศกาลเลย แต่เนื้อหาตอนนี้ต่อจากตอนหลักเด้อ)  :mc4:

ตอนต่อไป...ไม่น่าทิ้งช่วงนานขนาดนี้แล้วเพราะภารกิจของป้าจบไปสองเรื่องแล้ว...มั้ง?  :z2:


ตอนที่ 8

เสียงนกร้องและแสงรำไรที่ลอดผ่านช่องว่างของม่านหน้าต่างปลุกคนที่หลับใหลให้ปรือตาตื่น ภัทรหยีตามองช่องว่างแคบๆระหว่างผืนผ้าม่านซึ่งมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านอย่างงัวเงีย วงจรความคิดที่ยังไม่ตื่นตัวชั่งน้ำหนักระหว่างการลุกไปปิดผ้าม่านหรือทำเป็นไม่สนใจแล้วนอนต่อเสีย และแล้วความง่วงก็ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเลือกอย่างหลัง ก็ในหนึ่งสัปดาห์จะมีแค่สองวันที่เขาได้นอนตื่นสายทั้งที อีกอย่างใต้ผ้าห่มนี่ก็ออกจะอุ่นสบายขนาดนี้ คนที่เพิ่งตื่นจึงหลับตาลงใหม่แล้วพลิกตัวหันหลังให้เจ้าลำแสงน่ารำคาญนั้น ความอบอุ่นที่โอบกระชับรอบตัวเขาแน่นขึ้นทำให้ภัทรพรูลมหายใจยาวแล้วก็ซุกหน้าลง

เอ๋?

คิ้วเรียวขมวดขึ้นเมื่อสำนึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล ก็ปกติเขานอนคนเดียวนี่นา อีกอย่างห้องนอนของเขาที่คอนโดก็ไม่ได้หันรับแสงอาทิตย์ตรงๆแบบนี้เสียหน่อย แล้วถ้างั้นไอ้ลมหายใจที่เป่ารดบนหน้าผากกับไออุ่นที่โอบล้อมอยู่รอบตัวนี่มันมาจากไหนกัน?

ชายหนุ่มเบิกตาพรวดอย่างตกตื่น แล้วก็แทบผงะเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด นัยน์ตาคมที่มักจ้องมองเขาอย่างอบอุ่น แต่ก็แฝงแววขี้เล่นหรือยั่วเย้าในบางเวลากำลังปิดสนิทโดยไร้แว่นมาบดบัง จมูกโด่งหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอจนได้ยินเสียงแผ่วๆ ส่วนริมฝีปากบางที่พูดจาสั่งงานได้เฉียบขาดพอๆกับที่มักจะพูดแหย่จนภัทรลืมตัวแสดงอารมณ์โต้ตอบอยู่บ่อยครั้งก็ปิดสนิท และภาพแรกที่ได้เห็นหลังตื่นก็ทำเอาชายหนุ่มตาโตและหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

คุณเชษฐ์!?

วงจรความคิดในหัวของภัทรวิ่งพล่านด้วยความตระหนก อารามตกใจทำให้เขาต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะจำได้ว่าตนถูกเชษฐ์พามานอนที่บ้านด้วย ร่างเพรียวเกร็งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายขมวดคิ้วที่ดกหนาแล้วก็ขยับตัว จากนั้นวงแขนแข็งแรงก็รั้งร่างเขาเข้าไปหาโดยไม่ได้ลืมตา ก่อนที่เสียงหายใจของอีกฝ่ายที่สะดุดไปชั่วครู่จะเริ่มกลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง

ใบหน้าเนียนร้อนวูบไปหมดเมื่อการขยับตัวของเชษฐ์เมื่อครู่ทำให้ริมฝีปากบางแตะอยู่บนหน้าผากของเขาพอดี ชายหนุ่มพยายามเต็มที่ที่จะบังคับหัวใจที่กำลังเต้นแรงให้ผ่อนจังหวะด้วยเกรงว่าจะมันจะดังจนปลุกอีกฝ่ายเข้า แต่การที่คนตัวใหญ่ไม่ได้พูดหรือขยับตัวอีกเลยหลังจากนั้นทำให้ภัทรรู้ว่าเมื่อครู่เชษฐ์คงละเมอแน่ๆ

หลังจากนอนตัวแข็งเป็นตอไม้อยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจว่าเจ้าของเตียงยังไม่ตื่น ภัทรก็ค่อยๆกระถดตัวออกจากอ้อมแขนอุ่นอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้คนที่ยังหลับใหลรู้สึกตัว จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบหมอนอิงที่วางอยู่บนหัวเตียงมายัดให้คนตัวใหญ่กอดแทนตัวเขา ถึงแม้จะเป็นตัวแทนที่ผิดขนาดกันอยู่สักหน่อย แต่ชายหนุ่มก็โล่งอกที่ท่าทางอีกฝ่ายจะไม่ได้ผิดสังเกตและยังคงหลับต่อราวกับไม่ได้ถูกรบกวน

คงจะยังไม่หายเหนื่อยสินะ...

ความง่วงงุนในหัวของภัทรหายไปหมดสิ้นตั้งแต่ที่เห็นหน้าของเชษฐ์อยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มจึงยกศอกข้างหนึ่งขึ้นแล้วก็เท้าแขนมองคนที่ยังหลับใหล อย่างว่า...ต่อให้เป็นคนที่อดทนหรือมีพลังงานล้นปรี่มาจากไหน แต่ยามที่ร่างกายเหนื่อยล้าเช่นนี้  ไม่ว่าใครก็ต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูกำลังกันทั้งนั้น และคุณผู้จัดการโปรเจ็กต์คนเก่งก็หนีไม่พ้นข้อจำกัดนี้เหมือนกัน

ภัทรพยายามระงับความต้องการที่จะบีบจมูกอีกฝ่ายโทษฐานที่มาทำเขาตกใจตอนตื่นนอนเมื่อครู่ เพราะรู้ดีว่าถ้าหากเป็นเขาเองที่กำลังหลับสนิทแล้วมาโดนปลุกด้วยวิธีนี้ก็คงหงุดหงิดไม่ใช่น้อย และที่สำคัญ...การได้มองใบหน้ายามหลับที่ไร้มาดผู้บริหารของอีกฝ่ายก็ทำให้ภัทรรู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆไหลเอ่ออยู่ในอกจนไม่อยากจะรบกวนชั่วโมงนอนอันแสนหวานนั้น เขารู้ดีว่าเชษฐ์ชอบเอางานกลับมาทำที่บ้านจนนอนไม่ค่อยพออยู่บ่อยๆ และถ้าไม่ใช่เพราะว่าตั้งแต่เริ่มคบกันแล้วเชษฐ์ก็พยายามเลิกงานพร้อมกับเขาเพื่อจะได้ขับรถไปส่งที่คอนโดล่ะก็ อีกฝ่ายก็จะชอบอยู่ที่ออฟฟิศเพื่อเคลียร์งานหรือโทรติดต่อกับพาร์ทเนอร์ที่ต่างประเทศจนดึกดื่นเลยทีเดียว

ร่างผอมเพรียวยันตัวขึ้นนั่งแล้วกวาดตามองไปทั่วห้อง เพราะว่าเมื่อคืนนี้เขาถูกพามาที่นี่ในสภาพอารมณ์ที่ไม่ค่อยปกติ จึงไม่ค่อยจะได้ใส่ใจรายละเอียดของสิ่งต่างๆในห้องนักก่อนที่จะหลับไป แต่ในยามเช้าเช่นนี้ชายหนุ่มสามารถสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัวได้ด้วยจิตใจที่สงบขึ้น นอกจากห้องนี้จะไม่มีหลอดไฟนีออนขาวแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆก็ถูกออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนโดยเฉพาะเช่นกัน เพราะนอกจากเตียงขนาดใหญ่แล้วก็มีเพียงตู้เสื้อผ้า โต๊ะและกระจกสำหรับแต่งตัว ชั้นหนังสือที่ทำจากไม้และทีวีจอแบนเครื่องหนึ่งเท่านั้น ภัทรลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เจ้าของห้องให้ความสำคัญกับการใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนมากพอที่จะไม่เอาคอมพิวเตอร์หรือโต๊ะทำงานมาวางไว้ ไม่อย่างนั้นเชษฐ์คงไม่ยอมนอนบนเตียงแต่เป็นที่โต๊ะทำงานแน่ๆ

นัยน์ตาเรียวเบนกลับไปหาคนที่ยังนอนหลับอยู่อีกครั้ง จากนั้นก็เหลือบเลยขึ้นไปยังนาฬิกาดิจิตอลรูปสี่เหลี่ยมที่แขวนบนผนังห้อง ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงกว่าๆ และท่าทางเจ้าของห้องก็คงจะยังนอนต่อไปอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มจึงเลื่อนตัวลงจากเตียงช้าๆแล้วเดินเท้าเปล่าไปที่ประตู เพราะว่าห้องนอนของเชษฐ์ไม่มีห้องน้ำในตัว เขาจึงต้องเดินออกไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ติดกัน แต่ก่อนที่จะออกไปพ้นเขตห้อง ภัทรก็หันกลับไปมองคนบนเตียงที่ตะแคงหันหลังให้อีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยๆงับประตูไม้บานใหญ่ปิดให้อย่างเบามือ

ถ้าได้นอนหลับเต็มอิ่มแบบนี้ พอตื่นขึ้นมาคงจะหิว งั้นลงไปทำอาหารเช้าไว้รอก็แล้วกัน...

++------++

 หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ภัทรก็เดินลงบันไดไปที่ชั้นล่าง เชษฐ์เคยเล่าให้เขาฟังตั้งแต่พามาเยี่ยมบ้านครั้งแรกแล้วว่าครอบครัวซึ่งประกอบด้วยพ่อ แม่ และพี่ชายแฝดคนละฝาได้ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แต่หลังจากที่พี่ชายซึ่งไปเรียนต่อปริญญาโทพร้อมกันที่ต่างประเทศตัดสินใจหางานทำต่อที่นั่น และพ่อกับแม่ก็ย้ายไปอยู่ที่อีกประเทศหนึ่งอย่างถาวรโดยทำธุรกิจเปิดร้านอาหารไทย ตั้งแต่นั้นมา เชษฐ์ก็อยู่ที่บ้านนี้คนเดียวมาตลอด โดยแต่ละวันก็จะมีแม่บ้านที่จ้างไว้มาช่วยทำความสะอาดหรือทำกับข้าวให้ตามแต่จะสั่ง

ภัทรเดินตัดพื้นปูกระเบื้องที่หน้าบันไดแล้วก็เลี้ยวเข้าไปในห้องครัว เสียงน้ำไหลจากบ่อปลาคาร์ฟที่ข้างบ้านดังลอดกระจกเข้ามาแว่วๆ ทำให้รู้สึกสงบและร่มรื่น แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างอ้วนป้อมร่างหนึ่งในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นและผ้าถุงกำลังทำอะไรง่วนอยู่ตรงอ่างล้างจาน ถึงแม้จะยังไม่ได้แนะนำตัวกัน แต่ภัทรก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่กำลังยืนหันหลังให้คงจะเป็นแม่บ้านที่ชื่อป้าแย้มซึ่งเขามาทีไรก็ไม่เคยเจอสักทีแน่ๆ

ร่างผอมเพรียวยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าครัว แต่จะให้เขากลับขึ้นไปที่ห้องก็ใช่ที่ จึงตัดสินใจว่าไหนๆเขาก็ตั้งใจจะมาใช้ห้องครัวเหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ชวนคุยก่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตกใจที่เห็นคนแปลกหน้าในบ้านจะดีกว่า

“เอ่อ...สวัสดีครับ”

ภัทรก้าวเดินเข้าไปใกล้แล้วก็ส่งเสียงทักขึ้น ผู้ถูกทักจึงสะดุ้งแล้วก็หันหลังกลับมาตามเสียง แววตาบนใบหน้าอวบอูมที่อุดมไปด้วยริ้วรอยย่นนั้นฉายชัดถึงความเป็นคนใจดี ส่วนผมหยิกสั้นที่มีสีขาวแซมแทบทั้งหัวก็ดูเหมาะสมกับท่าทางทะมัดทะแมงที่ขัดกับรูปร่างอ้วนป้อมโดยสิ้นเชิง

ผู้สูงวัยเอียงคอมองเขาทั้งที่ในมือยังถือกำผักชีซึ่งท่าทางจะล้างค้างไว้ สักครู่นัยน์ตาสุกใสก็เป็นประกายเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ หญิงชราจึงยิ้มกว้างและเอ่ยทักทายอย่างดีใจ

“เอ๋? คุณภัทรใช่ไหมคะเนี่ย? ตายจริง คุณเชษฐ์นี่ล่ะก็ ไม่เห็นบอกป้าไว้ก่อนเลยว่าสุดสัปดาห์นี้คุณภัทรจะมาค้างด้วย ถ้ารู้ก่อนป้าจะได้เตรียมซื้อของสดมาติดตู้เย็นไว้หลายๆอย่างหน่อย หิวหรือเปล่าคะพ่อคุณ? นี่ป้ากำลังจะทำข้าวต้มพอดีเลย เดี๋ยวนั่งรอก่อนนะคะ”

หญิงชราอ้วนป้อมกล่าวจบก็หันไปล้างผักต่ออย่างขมีขมัน ทว่าท่าทางเป็นมิตรของอีกฝ่ายก็ทำให้ภัทรได้แต่ยืนหน้าแดงอยู่กับที่ เพราะตอนที่เอ่ยทักนั้นเขาก็ไม่ทันคิดไปถึงว่าจะแนะนำตัวเองว่าอย่างไร แต่ดูเหมือนคุณเชษฐ์จะช่วยจัดการตรงส่วนนั้นไว้ให้ก่อนแล้ว เขาแปลกใจนิดหน่อยที่ท่าทางป้าแย้มจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเลยที่เจ้านายมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน กลับเป็นเขาเสียอีกที่ถ้าโดนถามเมื่อครู่คงอึกๆอักๆ ก็นอกจากพี่แพนแล้ว เขาก็ยังเขินที่จะบอกกับใครๆว่าคุณเชษฐ์เป็น ‘แฟน’ ของเขานี่นา ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ตะขิดตะขวงใจสักนิดที่จะใช้คำนั้นกับเขาก็ตามทีเถอะ

ภัทรเบนสายตาจากป้าแย้มเพื่อมองไปรอบๆ นับว่าห้องครัวห้องนี้ใหญ่พอสมควรสำหรับบ้านที่เคยมีคนอยู่กันสี่คน แต่เชษฐ์เคยเล่าให้เขาฟังตั้งแต่มาเยี่ยมบ้านครั้งแรกๆแล้วว่าแม่เป็นคนชอบทำกับข้าว ตอนที่สร้างบ้านหลังนี้ก็เลยขอให้สถาปนิกออกแบบห้องครัวให้มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างมาก ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้จะเหลือเพียงเชษฐ์ที่อาศัยในบ้านนี้คนเดียว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างภายในนอกจากตกแต่งห้องบางห้องใหม่เท่านั้น

ดูจากท่าทางคล่องแคล่วของป้าแย้มแล้ว ภัทรคิดว่าถ้าเขาเสนอตัวเข้าไปช่วยก็คงจะกลายเป็นเกะกะเสียมากกว่า เพราะตอนแรกเขาเพียงตั้งใจว่าคงจะทำอะไรง่ายๆอย่างไข่ดาวหรือขนมปังปิ้ง เนื่องจากสมัยที่พี่สาวของภัทรยังอยู่ที่คอนโดด้วยกันนั้น เรื่องอาหารการกินแพนจะเป็นคนคอยจัดการให้เสมอ ดังนั้นหลังจากพี่สาวแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ภัทรก็เลยถนัดทำแต่อะไรง่ายๆ หรือไม่ก็หาทานจากข้างนอกไปเลยมากกว่า นัยน์ตาเรียวเหลือบไปหยุดที่เครื่องชงกาแฟซึ่งวางอยู่ข้างหม้อหุงข้าว แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเชษฐ์ใช้ข้ออ้างให้เขามานอนด้วยเพราะจะให้ ‘ชงกาแฟ’ ให้ และในเมื่ออาหารเช้าก็โดนป้าแย้มลงมือทำตัดหน้าเสียแล้วแบบนี้ ที่เขายังพอจะทำได้ก็คงเหลือแค่หน้าที่นี้กระมัง

“เอ...ป้าแย้มครับ?”

“ค่ะคุณภัทร ว่าไงคะ?”

คนถูกเรียกละสายตาจากหม้อข้าวต้มที่กำลังเดือดแล้วหันมาถามอย่างกระตือรือร้น ภัทรเลยชี้ไปที่เครื่องชงกาแฟแล้วก็ยิ้มเขินๆ

“ถ้าผมจะใช้เครื่องนี้ ผมต้องทำยังไงบ้างน่ะครับ?”

++------++

ร่างสูงใหญ่ปรือตาขึ้นด้วยความรำคาญแสงอาทิตย์ที่ส่องแยงตา เชษฐ์ยกมือข้างหนึ่งขึ้นบังแสงแล้วก็สบถเบาๆเมื่อนึกได้ว่าเมื่อคืนตนคงลืมรูดผ้าม่านให้สนิทก่อนจะเข้านอน แต่พอจะหลับตาลงอีกครั้งก็รู้สึกเอะใจกับสัมผัสนุ่มๆลื่นๆของสิ่งที่กำลังกอด นัยน์ตาคมจึงหรี่ขึ้นอีกครั้ง แล้วคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่าตนกำลังกอดหมอนอิงที่หุ้มปลอกผ้าไหมแทนที่จะเป็นร่างอุ่นๆของคนที่หลับไปก่อนเขาเมื่อคืนนี้

เชษฐ์ครางเสียงต่ำในคอพลางพลิกตัวไปอีกด้าน จากนั้นก็ใช้แขนข้างหนึ่งยันตัวขึ้นนั่งขณะที่อีกข้างหยิบแว่นที่วางบนโต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นสวม นัยน์ตาคมกวาดมองไปยังจุดที่ภัทรวางกระเป๋าสะพายไว้เมื่อวาน เมื่อเห็นว่ากระเป๋าใบนั้นยังอยู่ที่เดิมจึงค่อยวางใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้รีบตื่นแล้วหนีกลับคอนโดไปเสียก่อน

ชายหนุ่มหมุนคอแล้วก็บิดหัวไหล่เพื่อไล่ความอ่อนเพลียที่ยังตกค้างตามกล้ามเนื้อออกไป คงเป็นเพราะว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาต้องบินไปต่างประเทศแล้วก็ประชุมกับสำนักงานภูมิภาคทุกวัน แถมแต่ละวันก็มีการดูงานนอกสถานที่ด้วยทำให้ต้องใช้พลังงานไปมาก พอมารวมกับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากการทำงานก่อนหน้านั้นจึงทำให้ร่างกายต้องการพักผ่อนชดเชย โชคดีที่เขาเคยเป็นนักกีฬาสมัยที่ยังเป็นนักเรียน บวกกับการที่มักไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสในหมู่บ้านเป็นประจำเมื่อมีโอกาส เชษฐ์จึงค่อนข้างได้เปรียบคนวัยเดียวกันคนอื่นๆตรงที่ร่างกายเขามักจะทนความอ่อนล้าได้ดีและฟื้นตัวเวลาป่วยหรือเพลียได้เร็วกว่า

เจ้าของร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างห้องนอน ความที่รู้อยู่แล้วว่าภัทรยังอยู่ในบ้านทำให้เชษฐ์ไม่รีบร้อนลงไปหาและใช้เวลาล้างหน้าแปรงฟันอย่างใจเย็น หลังจากจัดการธุระยามเช้าเรียบร้อยเขาจึงค่อยเดินลงไปชั้นล่าง ทำให้ได้เห็นร่างเพรียวที่กำลังยืนจัดชุดอาหารสำหรับมื้อเช้าอยู่ที่โต๊ะกลมตัวเล็กริมระเบียง

ภัทรได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหลังจึงหันกลับไปมอง เมื่อได้สบตากับคนที่เพิ่งลงมาจากชั้นบนจึงยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปจัดโต๊ะให้เสร็จ ทำให้ไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเอ็นดูในดวงตาของคนตัวใหญ่ที่กำลังกอดอกมองตัวเองอยู่

“ผมกำลังว่าจะขึ้นไปปลุกอยู่พอดี แต่ไม่รู้ว่าคุณเชษฐ์อยากนอนต่อหรือเปล่า ผมเลยมาเตรียมโต๊ะรอไว้ก่อน”

ตั้งแต่ได้มาเยือนบ้านนี้ครั้งแรก ภัทรก็สังเกตเห็นว่าเชษฐ์มักทานข้าวกับเขาที่โต๊ะเล็กริมกระจกตรงนี้มากกว่าโต๊ะในห้องทานข้าว และเขาก็ไม่ค่อยแปลกใจนักว่าทำไม เพราะมุมนี้สามารถมองออกไปเห็นบ่อที่มีปลาคาร์ฟสีสดว่ายน้ำและต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมรั้วได้ ทำให้บรรยากาศน่าเจริญอาหารมากกว่าห้องทานข้าวทึมๆในบ้าน ดังนั้นภัทรจึงไม่รอถามเชษฐ์ว่าจะทานมื้อเช้าที่ไหนแล้วตัดสินใจมาจัดโต๊ะรอไว้ที่นี่เลย

“อ้าว? คุณเชษฐ์ตื่นแล้ว งั้นเดี๋ยวป้าไปยกข้าวต้มมาให้เลยแล้วกันนะคะ แล้วก็คุณภัทรคะ กาแฟชงเสร็จแล้วค่ะ”

ป้าแย้มที่เยี่ยมหน้าออกมาจากในครัวเอ่ยขึ้น คงเป็นเพราะได้ยินเสียงภัทรนั่นเองจึงได้ออกมาดู ภัทรจึงพยักหน้าแล้วก็จะเดินตามผู้สูงวัยกว่าเข้าไปเอากาแฟในครัว แต่พอเดินผ่านเชษฐ์ก็ถูกมือใหญ่รั้งต้นแขนเอาไว้

“ทำไมไม่ใช้กระเป๋าที่เธอจับได้เมื่อตอนปีใหม่ล่ะ?”

“เอ๊ะ?”

ภัทรส่งเสียงถามอย่างงุนงงด้วยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไร เชษฐ์จึงอธิบายเพิ่มให้ทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือ

“กระเป๋าสะพายของเธอไง เมื่อตอนปีใหม่เธอจับได้กระเป๋าสีน้ำตาลของฉันนี่นา ทำไมไม่เห็นเอามาใช้บ้างเลยล่ะ?”

คนถูกถามนึกออกทันทีว่ากระเป๋าที่เชษฐ์พูดถึงคือใบไหน เนื่องจากว่าเมื่อช่วงก่อนเข้าปีใหม่ซึ่งเป็นเวลาที่ทั้งสองยังไม่ได้คบกันด้วยซ้ำนั้น ทางบริษัทได้จัดงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าโดยให้พนักงานทุกคนเอาของขวัญมาจับสลากร่วมกัน และของที่ภัทรจับได้ก็คือของของเชษฐ์ซึ่งเป็นกระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาลยี่ห้อหรูที่เจ้าตัวซื้อมาจากต่างประเทศ ทำเอาเขาโดนเพื่อนๆในแผนกอิจฉาเพราะจับได้รางวัลที่มูลค่าแพงกว่าคนอื่นมาก แต่เพราะว่าภัทรไม่อยากโดนใครแซวว่าบ้าเห่อ ดังนั้นกระเป๋าที่จับสลากมาได้จึงยังถูกเก็บไว้ในกล่องในตู้เสื้อผ้าของเขานั่นเอง ส่วนใบที่ภัทรใช้ประจำจะเป็นกระเป๋าสะพายที่พี่สาวซื้อให้เป็นของขวัญตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ๆ

“ก็...เอ่อ”

ภัทรก้มหลบสายตาแล้วทำเสียงอุบอิบ ถ้าหากอีกฝ่ายไม่พูดถึงขึ้นมา เขาก็คงจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองมีกระเป๋าใบนั้นอยู่อีกใบ เสียงฝีเท้าจากในครัวทำให้ภัทรรีบบิดแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ก่อนป้าแย้มจะทันออกมาเห็น

“เดี๋ยวผมไปเอากาแฟมาให้ก่อนแล้วกันนะครับ เมื่อวานคุณเชษฐ์จะให้ผมมาชงกาแฟให้นี่”

พูดจบภัทรก็รีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที จึงทำให้สวนกับป้าแย้มที่กำลังถือชามกระเบื้องเคลือบใบใหญ่ที่มีข้าวต้มปลาหอมฉุยกับทัพพีออกมาจากในครัว ชายหนุ่มได้ยินเสียงป้าแย้มพูดคุยพลางหัวเราะกับเชษฐ์แว่วๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจว่าคุยเรื่องอะไรกันและหยิบหม้อกาแฟออกมารินใส่แก้วสองใบ ส่วนโถน้ำตาลกับครีมเทียมนั้นถูกจัดไว้ที่โต๊ะแล้วจึงไม่ได้ยกออกไปด้วย

“เอางั้นเหรอคะ? แหม...ป้ากำลังคิดเมนูมื้อเย็นไว้ให้อยู่เชียว งั้นไม่เป็นไรค่ะคุณเชษฐ์ เดี๋ยววันนี้ป้าจะซักผ้ากับทำความสะอาดบ้านให้เสร็จทั้งหมดเอาไว้ก็แล้วกัน”

ภัทรเลิกคิ้วเมื่อเดินมาถึงโต๊ะและได้ยินที่ป้าแย้มพูด ส่วนเจ้าตัวที่ดูท่าทางจะคุยกับเชษฐ์เสร็จแล้วก็หันมายิ้มให้แล้วเดินกลับเข้าไปในครัว ชายหนุ่มจึงวางแก้วกาแฟของเชษฐ์กับของตัวเองลงแล้วนั่งลงบ้าง

“คืนนี้จะไม่ทานข้าวที่บ้านเหรอครับคุณเชษฐ์?”
 
ภัทรเอ่ยถามพลางใช้ทัพพีตักข้าวต้มจากชามกระเบื้องเคลือบลงในถ้วยให้อีกฝ่าย เชษฐ์จึงยกกาแฟดำที่ไม่เติมทั้งน้ำตาลหรือครีมเทียมขึ้นจิบแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่ล่ะ ฉันมีแผนแล้วว่าเย็นนี้จะไปไหน ว่าแต่เมื่อกี้ยังคุยกันเรื่องกระเป๋าไม่จบนะ ตกลงว่าเธอไม่ชอบกระเป๋าของฉันหรือไง?”

“หา? ไม่ใช่นะครับ! ก็กระเป๋าคุณเชษฐ์มันของดีขนาดนั้น ผมกลัวเอามาใช้แล้วเดี๋ยวมันจะเก่าหมดเลยเก็บไว้น่ะสิ อีกอย่างใบที่ผมใช้อยู่มันก็ยังไม่พังนี่นา”

น้ำเสียงท้ายประโยคของเชษฐ์ที่เหมือนจะตัดพ้อหน่อยๆทำเอาภัทรรีบละล่ำละลักตอบ จากเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายงอนเขาเมื่อวานทำให้ภัทรรู้แล้วว่าคุณผู้จัดการโปรเจ็กต์ก็มีแง่มุมที่ไม่ได้เอาแต่ขรึมและเป็นผู้ใหญ่ตลอดเวลาเหมือนกัน เพียงแต่ดูเหมือนแง่มุมที่ว่าจะแสดงออกเฉพาะเวลาอยู่กับเขาสองคนเท่านั้นเอง

“แล้วทำไมไม่ใช้ล่ะ? ฉันว่าใบนั้นมันเข้ากับเธอมากกว่าใบสีดำที่ใช้ประจำอีกนะ”

ภัทรแทบจะกลอกตาเมื่อโดนย้อน พูดอย่างกับเจ้าตัวตั้งใจซื้อกระเป๋าใบนั้นมาให้เขาโดยเฉพาะอย่างนั้นล่ะ นี่ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญจับได้สลากที่มีหมายเลขของเชษฐ์ต่อหน้าคนทั้งบริษัท เขาคงได้นึกว่าอีกฝ่ายไปบอกพิธีกรให้ล็อคหมายเลขให้เขาเป็นคนจับได้ของตัวเองแน่ๆเชียว

แต่ว่าเมื่อตอนงานส่งท้ายปีเก่านั่น...พวกเขาสองคนยังไม่ได้เริ่มคบกันเลยนี่

ภัทรนึกย้อนไปถึงวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาซึ่งเชษฐ์ทำให้เขาประหลาดใจด้วยการพาไปทานข้าวเย็นแล้วก็ขอคบด้วย แล้วก็ให้นึกถึงประโยคที่อีกฝ่ายเคยบอกว่ามองเขามาตั้งนานก่อนหน้านั้นแล้ว พลันก็รู้สึกว่าผิวหน้าอุ่นซ่านขึ้นมา นี่หมายความว่าตั้งแต่เมื่อตอนงานเลี้ยงนั่นแล้วก็ก่อนหน้านั้น เขาก็โดนอีกฝ่ายจับตามองมาตลอดแล้วสินะ

ร่างเพรียวสะดุ้งเมื่อโดนมือใหญ่ยกขึ้นมาแนบแก้ม ภัทรจึงรีบหยิบมือข้างนั้นออกห่างจากหน้าตัวเองทันที เนื่องจากโต๊ะกลมตัวนี้ไม่ได้มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่นัก เชษฐ์จึงยื่นมือมาหาเขาได้โดยที่แทบจะไม่ต้องชะโงกตัวมาข้างหน้าเลยด้วยซ้ำ

“จะทำอะไรครับคุณเชษฐ์?”
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-04-2010 21:13:49
ภัทรแกล้งถามเสียงดุกลบเกลื่อนอาการเขินจนคนถูกถามเลิกคิ้ว แต่ว่าที่ริมฝีปากกลับมีรอยยิ้มจางๆติดอยู่

“ก็เห็นอยู่ดีๆก็หน้าแดงขึ้นมา ฉันเลยแค่จะเช็คดูว่าเธอมีไข้หรือเปล่า”

คราวนี้คนที่ถูกหาว่ามีไข้เริ่มรู้สึกร้อนที่ผิวหน้าอย่างจริงๆจังๆ แล้วก็ให้นึกเขม่นคนพูดที่ริมฝีปากหยักขึ้นอย่างชัดเจน ภัทรรู้ทันทีว่าตอนนี้หน้าเขาคงแดงไปหมดอย่างเห็นได้ชัด ว่าแต่ทำไมขนาดคบกันแล้วคุณเชษฐ์ถึงได้ยังชอบแหย่เขาอยู่เรื่อยเลยนะ?

“กินข้าวต้มเถอะครับคุณเชษฐ์ เดี๋ยวมันหายร้อนแล้วไม่อร่อย ป้าแย้มอุตส่าห์ไปเลือกปลาที่ตลาดให้ตั้งแต่เช้า”

ภัทรตัดบทแล้ววางมือของเชษฐ์ลงบนโต๊ะ แต่พอปล่อยมือออก คราวนี้มือใหญ่กลับเป็นฝ่ายจับข้อมือเขาแล้วยึดไว้กับที่แทน

“กินก็ได้ แต่สัญญาก่อนว่าตั้งแต่วันจันทร์ไป เธอต้องเริ่มใช้กระเป๋าที่ฉันซื้อให้”

นัยน์ตาเรียวเหลือบมองข้อมือตัวเองที่โดนจับอยู่ จากนั้นก็เหลือบกลับขึ้นสบตากับเจ้าของนัยน์ตาคมผ่านเลนส์แว่นอีกครั้ง ถึงแม้อีกฝ่ายจะพูดทั้งที่ยิ้มไปด้วย แต่แรงที่จับข้อมือไว้กับแววตาก็บอกให้รู้ว่าคนพูดหมายความตามที่พูดทุกคำ ภัทรอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากไม่ช่างตื๊อแบบนี้คุณเชษฐ์ก็คงไม่ได้ลูกค้าใหญ่ๆมาให้บริษัทสินะ แต่นี่จะมีใครโดนคนคนนี้ตื๊อเพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้เหมือนกับเขาอีกไหมเนี่ย??

“คุณเชษฐ์...”

ภัทรโอดครวญ แต่เจ้าของชื่อกลับไม่ตอบแถมยังเอียงคอแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง และภัทรก็รู้ทันทีว่าถ้าไม่ให้คำตอบที่พอใจล่ะก็ สงสัยทั้งคู่คงได้นั่งยื้อกันอยู่แบบนี้จนข้าวต้มเย็นขึ้นมาจริงๆแน่ และในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีนิสัยอยากได้อะไรก็ต้องได้ ดังนั้นก็เห็นจะเป็นเขานี่ล่ะที่ต้องยอมเสียเองเพื่อตัดปัญหา

“...ตกลงก็ได้ครับ”

ภัทรตอบอย่างอ่อนใจ แล้วก็อดนึกเปรียบเทียบไม่ได้ว่าขนาดตอนช่วยพี่แพนเลี้ยงมายูมิยังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลย หรือว่าที่จริงคุณเชษฐ์จะมีด้านเอาแต่ใจมากกว่าที่เขาคิดก็ไม่รู้

“งั้นก็ดี”

คนตัวใหญ่ตอบอย่างพอใจแล้วยกมือที่ตัวเองจับไว้ขึ้นมาหอมเสียทีหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยมือแล้วเริ่มลงมือทานข้าวต้มปลากะพงที่อยู่ตรงหน้า แต่กลายเป็นว่าคราวนี้คนที่คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายทานข้าวกลับนั่งนิ่งเพราะเขิน ภัทรมองคนตรงข้ามแล้วก็นึกอยากค้อนขึ้นมาติดหมัด ถ้าหากว่าอีกฝ่ายไม่ได้อายุมากกว่าเก้าปีและเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน เผลอๆเขาคงจะเตะขาเข้าให้แล้วด้วย

นี่แม่บ้านก็อยู่ในบ้านด้วยนะ...ทำอะไรไม่อายเลยผู้ชายคนนี้

ภัทรคิดแล้วก็ส่ายหน้า แต่เมื่อได้ตักอาหารเข้าปากคำแรกก็ทำให้รู้ตัวว่าตัวเองหิวแค่ไหน จึงได้เริ่มสนใจอาหารตรงหน้าอย่างจริงจังแทนการสนใจคนตรงข้ามบ้าง

จริงอยู่ที่ภัทรรูปร่างค่อนข้างผอมถ้าเทียบกับผู้ชายคนอื่นที่สูงเท่าๆกัน แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบอดอาหาร อย่างตอนเช้าก็ต้องหาอะไรรองท้องนอกจากกาแฟ หรือต่อให้มื้อกลางวันงานยุ่งจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปทานข้าว อย่างน้อยก็ต้องฝากคนอื่นซื้ออะไรมาให้ และมื้อเย็นก็ต้องทานให้เป็นกิจจะลักษณะเป็นประจำ เพียงแต่ความที่ไม่ชอบกินขนมจุบจิบหรือเหล้าเบียร์ทำให้ภัทรไม่มีปัญหาเรื่องส่วนเกินเหมือนคนอื่นจนบางครั้งก็โดนรุ่นพี่ในแผนกแซวด้วยความอิจฉา

ภัทรตักข้าวต้มทานไปก็เหลือบมองคนตรงข้ามไปเป็นระยะ แต่ว่าไม่ได้เหลือบขึ้นไปสูงจนเห็นหน้าเพราะเกรงว่าถ้าสบตากันแล้วเดี๋ยวจะเขินขึ้นมาอีก ลำแขนแข็งแรงที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้ชายหนุ่มอดนึกไปถึงค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ได้ ภัทรมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่คนนอนดิ้น และเชษฐ์เองก็คงไม่ใช่เหมือนกัน เพราะเมื่อตอนที่ตื่นขึ้นมานั้นผ้าห่มหรือหมอนก็อยู่ในที่ทางดีเหมือนตอนก่อนที่จะหลับไปไม่มีผิด ดังนั้นสงสัยว่าอ้อมแขนที่กอดเขาเมื่อเช้าก็คงจะอยู่อย่างนั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแน่ๆ

อาจจะเพียงทีละเล็กละน้อย แต่ภัทรก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาเกือบสามเดือนที่ทั้งคู่ได้คบกัน นับตั้งแต่ที่เขาไม่กล้าเปิดใจให้ใครมาตลอดสองปี บัดนี้ดูเหมือนกำแพงในใจที่เคยถูกปิดตายไว้จะเริ่มแย้มออกบ้าง บุคลิกที่อบอุ่นช่างดูแล แต่บางครั้งก็ช่างแกล้งและดึงดันนิดๆของเชษฐ์ทำให้ภัทรรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองในฐานะ ‘คนสำคัญ’ ของใครบางคนขึ้นมาอีกครั้ง และทำให้เขาได้สัมผัสถึงอารมณ์อื่นๆที่เคยนึกว่าตัวเองทิ้งไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเหงา ความหวาดหวั่นไม่แน่ใจ ความตื้นตัน หรือแม้แต่ความรู้สึกเป็นสุข อารมณ์ต่างๆเหล่านี้ทำให้ภัทรได้สำนึกว่าที่ผ่านมานั้นตนเมินเฉยกับด้านที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้แค่ไหน เพราะนับตั้งแต่วันที่ธรจากเขาไป ภัทรก็แทบจะไม่เปิดประตูรับใครเข้าใกล้อีกเลยนอกจากพี่สาวและน้า และมุ่งแต่จะรักษาระยะห่างกับทุกคนอย่างมีมารยาทโดยทุ่มความสนใจทั้งหมดไปกับการทำงานเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะเชษฐ์ที่เข้ามาช่วยกะเทาะความเย็นชานั้นออกจากใจให้ บางทีเขาก็อาจจะยังจ่อมจมอยู่กับความอ้างว้างและความเข้มแข็งจอมปลอมที่ตัวเองพยายามสร้างขึ้นมาก็ได้

ภัทรตักข้าวต้มเติมให้เมื่อเห็นว่าข้าวต้มในถ้วยอีกฝ่ายพร่องไป เชษฐ์จึงเหลือบตาขึ้นมายิ้มให้ และภัทรก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถยิ้มตอบอย่างจริงใจได้เช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าหากเป็นเขาเมื่อก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ สิ่งที่ทำให้ริมฝีปากเขาขยับคงจะมาจากความเกรงใจหรือเพราะมารยาทสังคม แต่สำหรับตอนนี้ เขายิ้มได้โดยที่มั่นใจว่ารอยยิ้มของตนนั้นมาจากความรู้สึกของตัวเองจริงๆ

หลังจากทานมื้อเช้ากันเสร็จแล้ว ป้าแย้มก็ยกถาดน้ำเย็นมาให้แล้วเก็บชามข้าวต้มกับถ้วยของทั้งสองกลับไป ผู้สูงวัยยิ้มดีใจที่เห็นว่าอาหารฝีมือตนถูกจัดการจนเกลี้ยง หลังจากลับหลังป้าแย้มแล้วเชษฐ์จึงยกแก้วกาแฟที่เหลือขึ้นจิบจนหมด  แต่เมื่อเห็นร่างเพรียวที่นั่งเท้าคางมองบ่อปลาคาร์ฟด้วยความสนใจก็เอ่ยถาม

“อยากให้อาหารปลามั้ย?”

“เอ๊ะ? ได้เหรอครับ?”

ภัทรหันกลับไปถามอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มขำก็ชักจะร้อนหน้าขึ้นมา ทำไมกับแค่เขาเผลอทำตัวกระตือรือร้นขึ้นมาหน่อยจะต้องโดนหัวเราะด้วยนะ?

“ได้สิ ปกติป้าแย้มเค้าจะเป็นคนให้ แต่เดี๋ยวฉันไปบอกว่าวันนี้เธอจะเป็นคนให้ก็แล้วกัน”

เชษฐ์ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วหยิบแก้วกาแฟที่ว่างเปล่าทั้งสองใบขึ้นมาถือ แต่พอภัทรลุกตามเพราะเข้าใจว่าเชษฐ์คงจะเอาแก้วไปล้างในครัว อีกฝ่ายก็พยักหน้าไปทางบ่อปลาแทน

“เธอออกไปรอตรงข้างบ่อก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันไปเอาอาหารปลาออกมาให้ รอเดี๋ยวเดียวเท่านั้นล่ะ”

คนตัวใหญ่พูดแล้วก็เดินเข้าไปในครัว ภัทรเห็นว่าไม่มีหน้าที่อะไรให้ช่วยได้เลยจึงเลื่อนบานประตูกระจกออกไปแล้วยืนรออยู่ข้างบ่อปลาคาร์ฟที่มีหินทรงกลมฝังประดับไว้รอบขอบบ่อ เหล่าปลาที่แหวกว่ายไม่หยุดทำให้ภัทรกะจำนวนที่แน่นอนไม่ถูกแต่คาดว่าคงมีประมาณยี่สิบตัว บางตัวก็มีลวดลายสีดำสลับแดงหรือส้มบนลำตัวสีขาว ขณะที่บางตัวก็มีเกล็ดสีเงินล้วนหรือสีเหลืองทองล้วน ถึงแม้ตะไคร่ที่เกาะตามพื้นและผนังบ่อจะทำให้สระดูเป็นสีเขียวเข้ม แต่ว่าน้ำก็ใสจนมองลงไปเห็นถึงพื้นบ่อได้ และช่วยขับสีสันสดใสบนตัวของปลาคาร์ฟให้โดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจน

อากาศที่สดชื่นทำให้ภัทรสูดหายใจเข้าเต็มปอด คงเพราะหมู่บ้านของเชษฐ์อยู่แถบชานเมืองจึงทำให้ไม่ค่อยมีเสียงดังเหมือนคอนโดของเขา แถมมลพิษก็น้อยและมีความเป็น ‘บ้าน’ มากกว่า ชายหนุ่มคะเนเวลาว่าตั้งแต่ตื่นมาจนทานข้าวเสร็จไปก็คงเกือบสิบโมงเช้าแล้ว แต่ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเป็นแนวริมรั้วบวกกับทิศทางของแสงแดดที่ไม่ได้ส่องเข้ามาด้านนี้โดยตรงทำให้แดดไม่ร้อน ชายหนุ่มลงนั่งคุกเข่าที่ขอบบ่อแล้วก็ลองยื่นมือลงไปในน้ำเผื่อจะสัมผัสกับปลาคาร์ฟที่แหวกว่ายไปมาได้บ้าง เชษฐ์ที่เดินถือถุงอาหารปลาและเลื่อนประตูกระจกออกมาเห็นเข้าจึงยิ้ม เพราะท่าทางของคนที่กำลังนั่งคุกเข่าตรงขอบบ่อแล้วมองปลาในน้ำด้วยประกายสุกใสนั้นดูแล้วราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็นก็ไม่ปาน

คนที่ยังนั่งอยู่ได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้น ร่างสูงใหญ่จึงเลื่อนประตูกระจกปิดแล้วเดินเข้าไปหาพลางยื่นซองอาหารปลาให้ ภัทรรับมาแล้วก็ฉีกขอบซองออกทันที แต่แล้วก็ชะงักแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

“แล้วต้องให้เท่าไหร่ครับคุณเชษฐ์?”

“ซองเล็กแบบนี้ให้สักครึ่งซองก็พอ เจ้าพวกนี้กินกันจุจะตาย บางทีโรยให้ทั้งซองยังกินหมดเลย แต่เดี๋ยวมันจะท้องอืดไปซะก่อน”

ภัทรพยักหน้า จากนั้นจึงเริ่มเทอาหารปลาลงในมือแล้วโปรยลงสระทีละน้อย นัยน์ตาที่จับจ้องฝูงปลาอยู่เป็นประกายขึ้นขณะที่ริมฝีปากก็หยักยิ้มเมื่อเห็นเหล่าปลาดำผุดดำว่ายแย่งอาหารกัน เชษฐ์ลอบมองสีหน้าของภัทรแล้วก็ยิ้มอ่อนๆขณะที่จุดบุหรี่ที่หยิบติดมือออกมาไปด้วย

คนที่ให้อาหารปลาได้ยินเสียงไฟแช็คตามด้วยกลิ่นบุหรี่เมนทอลที่ลอยมาจางๆ แต่ว่าก็ไม่ได้เงยหน้าไปชักสีหน้าใส่แม้จะรู้ว่าเชษฐ์คงลืมไปว่าเขาไม่ชอบเวลาเห็นอีกฝ่ายสูบบุหรี่ อย่างน้อยเวลาเช้าๆที่ต่างฝ่ายต่างกำลังอารมณ์ดีแบบนี้ เขาก็ไม่อยากไปกวนอารมณ์ของอีกคนให้ขุ่นด้วยการบอกว่าไม่ชอบให้ทำอะไร แต่ดูเหมือนว่านี่อาจเป็นหนึ่งใน ‘ข้อตกลง’ ที่เขาต้องเอามาพูดกับเชษฐ์วันหลังเมื่อสบโอกาสเสียกระมัง

สองคนกับฝูงปลาราวยี่สิบตัวดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้าที่สงบสุข ภัทรได้ยินเสียงเครื่องดูดฝุ่นจากในบ้านแว่วๆทำให้รู้ว่าป้าแย้มคงกำลังทำความสะอาด แต่แล้วก็ต้องหันไปมองคนตัวโตที่ย่อตัวลงมานั่งยองๆอยู่ข้างๆ ท่าทางอีกฝ่ายจะสูบบุหรี่เสร็จและขยี้ก้นบุหรี่ทิ้งไปแล้ว

“ชอบปลาคาร์ฟเหรอ?”

ภัทรเลิกคิ้วมองคนถาม จากนั้นก็หันไปมองเหล่าปลาที่กินอาหารหมดแล้วและกำลังแหวกว่ายไปมา

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแค่รู้สึกว่าเจ้าพวกนี้ดูแลง่ายดี ตอนเด็กๆที่บ้านผมเคยเลี้ยงหมาไว้ตัวนึง แต่พอมันตายพ่อกับแม่ก็ไม่เคยเอาอะไรมาเลี้ยงอีกเลย แล้วยิ่งตอนนี้ผมอยู่คอนโดก็ยิ่งเลี้ยงสัตว์ยากเข้าไปใหญ่ พอได้เห็นปลาพวกนี้มันว่ายน้ำกันสนุกสนานในบ่อใหญ่ๆเลยรู้สึกดี”

ภัทรตอบพลางยื่นมือไปลูบหลังปลาคาร์ฟสีเงินตัวหนึ่งที่ว่ายมาใกล้ขอบบ่อ เขาเคยได้ยินมาบ้างว่าปลาคาร์ฟนั้นฉลาดแล้วก็เชื่องง่าย เชษฐ์มองตามปลายนิ้วมือที่สะบัดหยดน้ำเบาๆหลังจากปลาตัวนั้นว่ายผละไปแล้ว จากนั้นก็เอ่ยขึ้นยิ้มๆ

“ถ้าหากมาอยู่ที่นี่กับฉันก็ได้เลี้ยงปลาทุกวันนะ สนใจไหมล่ะ?”

คนถูกถามขมวดคิ้วแล้วหันขวับไปมองเจ้าของบ้านพร้อมผิวแก้มที่แดงขึ้น แล้วก็ให้นึกขวางอีกฝ่ายที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ดูท่านอกจากคุณเชษฐ์แล้วก็คงไม่มีคนอื่นหรอกที่จะเอาปลาคาร์ฟมาหลอกล่อให้เขามาอยู่ที่บ้านด้วยแบบนี้

“ไม่เอาล่ะครับ มาแค่วันหยุดก็พอ ผมเกรงใจเจ้าของปลา”

ภัทรหยัดตัวลุกขึ้นแล้วก็เดินหนี แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆจากคนตัวโตที่กำลังเดินตามหลัง และพอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างเพรียวก็ต้องหยุดแล้วหันไปมองคนที่จับมือตัวเองไว้ด้วยความสงสัย แต่ทว่าก็ไม่ได้สะบัดมือออก

“ข้าวเช้าก็กินแล้ว อาหารปลาก็ให้แล้ว วันนี้มีอะไรอยากทำเป็นพิเศษมั้ย?”

เชษฐ์ถามแล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ ส่วนภัทรได้แต่นิ่งคิด ปกติวันหยุดเขามักไม่ค่อยมีโปรแกรมทำอะไรเป็นพิเศษ อย่างสัปดาห์ก่อนๆถ้าวันไหนเชษฐ์ว่างก็จะไปรับเขามาเที่ยวที่บ้าน แต่นอกนั้นแล้วภัทรก็ไม่ค่อยนึกอยากออกไปไหนสักเท่าไหร่ คนถูกถามจึงส่ายหน้า

“ไม่มีหรอกครับ คุณเชษฐ์อยากไปไหนหรือเปล่าล่ะ?”

ใบหน้าคมฉายยิ้มออกมาทันที “ถ้างั้นก็ดี งั้นไปเปลี่ยนชุดซะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเก็บเสื้อผ้าที่คอนโด”

“หา!?”

ภัทรมุ่นหัวคิ้วทันที ก็เขาเพิ่งบอกไปหยกๆเมื่อกี้เองนี่ว่ายังไม่ตกลงที่จะมาอยู่ด้วย นี่คุณเชษฐ์จะมัดมือชกเขาแม้กระทั่งเรื่องนี้เหรอเนี่ย!?

ร่างเพรียวทำหน้ามุ่ยแล้วก็ยืนปักหลักอยู่กับที่ พอคนตัวใหญ่เห็นท่าทางเช่นนั้นก็เดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เชษฐ์จึงส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะยื่นอีกมือไปจับมืออีกข้างของภัทรเอาไว้ด้วย

“ถึงฉันจะเอาแต่ใจก็ไม่บังคับเธอขนาดนั้นหรอกน่า แค่จะบอกว่าจะให้ไปเก็บเสื้อผ้า เพราะเดี๋ยวคืนนี้จะพาไปนอนริมทะเลต่างหาก”


TBC
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-04-2010 00:49:56
อ้างถึง
กาลครั้งหนึ่ง ป้าเคยเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง ในเรื่องมีผู้ชายคนหนึ่ง..เอ๊ย! ไม่ใช่ละ
เอ๊ยยยยยยยยยยย ใช่เลยละ  :laugh:

คุณเชษฐ์ น่ารักอะ มีแอบเนียนชวนมาอยู่ด้วยเฉยเลยอะ  :-[

ว่าแต่ พากันไปทะเลใกล้กรุงเทพฯก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องขับไปไกล เดี๋ยวจะหายไปนาน  :laugh:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 16-04-2010 01:44:52
 :-[ :impress2:
+1
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 16-04-2010 09:01:22
กรี๊ดดดดดดดดดด เพิ่งเห็นว่ามาต่อค่ะ :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-04-2010 10:00:26
อ้างถึง
กาลครั้งหนึ่ง ป้าเคยเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง ในเรื่องมีผู้ชายคนหนึ่ง..เอ๊ย! ไม่ใช่ละ
เอ๊ยยยยยยยยยยย ใช่เลยละ  :laugh:

คุณเชษฐ์ น่ารักอะ มีแอบเนียนชวนมาอยู่ด้วยเฉยเลยอะ  :-[

ว่าแต่ พากันไปทะเลใกล้กรุงเทพฯก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องขับไปไกล เดี๋ยวจะหายไปนาน  :laugh:

^
^
บรรทัดสุดท้ายนี่แซวกันเหรอ หือ? หือ?  :fire:
(เค้าแค่หายไปทีละเป็นเดือนๆเอง ก๊ากกกกกก) :laugh:

 
Little Devil กับน้องนุ่น ขอบคุณที่ติดตามค่า   :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-04-2010 10:32:49
ไปเที่ยวทะเลแถวไหนเนี่ย อิอิ

คุณเชษฐ์น่ารักจัง อิจฉาหนูภัทรนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-04-2010 16:05:04
ในที่สุดก่มาต่อแล้ว

นับนุนความคิดรีบนอย่าไปเที่ยวทะเลไกลๆๆเลยเดี่ยวกลับมายถูก

คริๆๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 16-04-2010 18:20:24
อ่านเรื่องนี้แล้วดูอบอุ่นจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 16-04-2010 19:33:06
 :oni1: วิ่งมาสาดน้ำบีบีก่อนไปอ่าน

อร๊ายยย แอบหวานจนน้ำตาลหก :m1:

คุณเชษฏ์เริ่มรุกหนักแล้วนะ ล่อหลอกสับขาไปมาแบบนี้ คนซื่อๆอย่างภัทรจะตามทันไหมหนอ  :laugh3:

ปล.เห็นมาต่อนึกว่าตาฝาด 555+ แต่ยังไงก็ขอบคุณที่มาต่อค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-04-2010 20:02:26
:oni1: วิ่งมาสาดน้ำบีบีก่อนไปอ่าน

อร๊ายยย แอบหวานจนน้ำตาลหก :m1:

คุณเชษฏ์เริ่มรุกหนักแล้วนะ ล่อหลอกสับขาไปมาแบบนี้ คนซื่อๆอย่างภัทรจะตามทันไหมหนอ  :laugh3:

ปล.เห็นมาต่อนึกว่าตาฝาด 555+ แต่ยังไงก็ขอบคุณที่มาต่อค่า :pig4:

แว้ก! เปียก!! ปีนี้ไม่ได้เล่นสงกรานต์พอดี งั้นสาดพี่ฟางคืนมั่งดีกว่า 5555+  :laugh:

ส่วนเม้นต์บรรทัดสุดท้ายนี่...สงสัยการดองมันจะเป็นคาแรคเตอร์ของเค้าไปแล้วดิเนี่ย งึมงำ  :sad2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2010 22:04:11
ถึงจะดองนานแต่ก็หวานได้ใจเลยนะจ้ะ

รอดูรอชมทริปทะเลหวานจ้า  :m3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-04-2010 10:27:59
^
^
พอดีเป็นแบบดองหวานอะค่ะพี่นนท์ (เอ้า เล่นตัวเองได้อีก) ไหนๆช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่ง จะพยายามเข็นตอนทะเลออกมาเร็วๆนะ

แล้วก็ส่งพีเอ็มกลับไปแล้วละ เช็คได้เลยนะค้า  :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jigsaw44 ที่ 17-04-2010 10:31:09
ดีใจจังได้อ่านภัทรกับเชษฐ์ต่อแล้ว
รอฉากหวานริมทะเลหรือในห้องพักดีน้า :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-04-2010 11:38:09
^
^
คริคริ รอดูกันต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 17-04-2010 15:40:01
คุณเชษฐ์น่ารักจังเลย
 :impress2:
น้องภัทรจ่า หวานกันจังเลยน้า
จะไปสวีทกันที่ริมทะเลอีกละสิ่เนี่ยะ
หูยยย อิจฉาๆ :laugh:

หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 17-04-2010 20:14:47
แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เรื่องนี้มาต่อแล้วววว
ยังคงความอบอุ่น อ่อนหวานเหมือนเดิม
ตอนนี้ให้อารมณ์คู่แต่งงานใหม่มากเลยอ่ะ
+1 ให้ไรทเตอร์น๊า
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 17-04-2010 22:43:13
 :o8:คุณเชษฐ์น่ารักจังเลย น้องภัทรพี่อิจฉาน้องจังเลยมีแฟนแก่ที่เอาใจเก่งแบบนี้ อิจฉ้า อิจฉาเลยนะเนี้ย มาต่ออีกน่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-04-2010 09:42:21
:o8:คุณเชษฐ์น่ารักจังเลย น้องภัทรพี่อิจฉาน้องจังเลยมีแฟนแก่ที่เอาใจเก่งแบบนี้ อิจฉ้า อิจฉาเลยนะเนี้ย มาต่ออีกน่ะ

 :a5: อ่านเจอคำที่เป็นตัวหนาแล้วแอบต๊กกะใจเล็กน้อย เอ่อ...แต่ผู้ชายที่อายุสามสิบต้นๆ (ยังไม่กลาง) นี่อาจแก่สำหรับบางคนสินะนี่ เอิ๊กๆ (แซวเล่นนะจ๊า)
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-04-2010 23:52:21
พี่บีบีหายไปเสียนาน นู๋กลับไปนั่งอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ >///<
คราวนี้น้ำตาลในเส้นเลือดเลยสูงเลยอ่า ว๊านหวานนนนน
+1 ขอบคุณนะคะ มาต่อครั้งหน้านี่เทศกาลไหนคะ จะมานั่งจองที่รอ อิอิ ^____^
หัวข้อ: Re: [นิยาย] Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-04-2010 13:02:10
พี่บีบีหายไปเสียนาน นู๋กลับไปนั่งอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ >///<
คราวนี้น้ำตาลในเส้นเลือดเลยสูงเลยอ่า ว๊านหวานนนนน
+1 ขอบคุณนะคะ มาต่อครั้งหน้านี่เทศกาลไหนคะ จะมานั่งจองที่รอ อิอิ ^____^

ว้าย จะเขียนตอนหน้าเป็นตอนวันแรงงานก็คงไม่ดีล่ะค่ะ (ถึงจะเข้ากับเรื่องก็เถอะ ฮา)
เอาเป็นว่าจะมาต่อให้เร็วที่สุดแล้วกันนะ แล้วก็+1 กลับให้ด้วย ขอบคุณที่ติดตามค่า    o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 22-04-2010 00:58:14
น่ารักจังเลยค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน
คุณเชษฐ์กับน้องภัทร หวานกำลังอร่อย  :o8:
อ่านไปยิ้มไป ชอบจังเลยค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-04-2010 11:44:38
บอกให้ไปทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ ไง   :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 30-04-2010 20:48:06
ยังไม่ได้อ่านทีเลยอ่ะ

แต่แปะไว้ก่อนน่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 30-04-2010 22:27:52
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ สนุก
รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-04-2010 23:37:24
บอกให้ไปทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ ไง   :z3:  :z3:

ใจเย้นนนนน ป้าปั่นยู้ (อารมณ์ประมาณปั่นจักรยานไปทะเลน่ะเจ้าค่ะ กรั๊กๆๆ)

ฮืออ ทำไมออฟฟิศเค้ามันไม่หยุดชดเชยวันแรงงานฟร้า จะได้ปั่นนิยายซะหน่อย เสาร์นี้ก็ต้องทำงานอี๊กกก  :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 01-05-2010 00:18:28
พิจารณาจากเวลาที่แปะ
คุณเชษฐ์กำลังจะพาน้องภัทรไปทะเล
แต่ตอนนั้นเราก็อยู่ทะเลแล้ว

ตอนนี้สองหนุ่มเขากำลังซ้อมฮันนิมูนที่ทะเลแห่งไหนน้อ
คุณเชษฐ์ก็ไม่ธรรมดา เล่นเอาน้องภัทรเขินได้ อายได้เป็นระยะๆ
แบบนี้ไปทะเลจะพาน้ำทะเลหวานไปด้วยมั้ยเนี่ย หุหุ

ขอบคุณมากนะคะ
ช่วงนี้นานๆเข้าเล้า เพิ่งจะได้มาอ่านเลยค่ะ
บวก 1 แต้มจ้า จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 8 (อัพระหว่างสงกรานต์ 15/4/10)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 01-05-2010 11:50:33
อืม
เพิ่งเข้ามาอ่านจร้า
ชอบชื่อภัทรกรมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-05-2010 16:06:58
ป้าย่องมาลงครึ่งแรกให้ตกใจเล่น  :m32:


9. (1/2)

ทะเล?
 
ภัทรเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อหู ก็จริงอยู่หรอกที่สุดสัปดาห์นี้ทั้งคู่ไม่มีธุระปะปังที่ทำให้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันไม่ได้ แต่แค่การที่จู่ๆเขาก็โดนชวนแกมบังคับให้มาค้างที่บ้านด้วยเมื่อคืนก่อนโดยไม่ได้เตรียมตัวก็ทำให้ประหลาดใจมากอยู่แล้ว พอมาได้ยินว่าวันนี้กำลังจะถูกพาไปทะเล ภัทรเลยยิ่งงุนงงหนักเข้าไปใหญ่ เพราะปกติเชษฐ์จะเป็นคนที่วางแผนในการทำอะไรล่วงหน้าเสมอ แต่คำชวนเมื่อครู่นั้นราวกับอีกฝ่ายก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้เอาเมื่อครู่นี่เอง แถมปุบปับก็จะทำตามที่เพิ่งคิดทันทีอีก จู่ๆนึกอะไรของเขาขึ้นมาเนี่ย?
 
"คุณเชษฐ์ เดี๋ยวก่อนครับ จะไม่ถามผมก่อนเหรอว่าจะไปด้วยหรือเปล่าน่ะ?"
 
ภัทรยื้อแขนที่กำลังโดนจูงเข้าบ้านไว้ เขาไม่ได้มีเรื่องติดขัดจนทำให้ไปเที่ยวไม่ได้ก็จริง แต่ดูเหมือนถ้าหากเขาไม่พูดอะไรบ้าง อีกฝ่ายคงย่ามใจว่าเขาว่าง่ายหัวอ่อน จะจูงไปทางซ้ายก็ไปทางซ้าย จะพาเลี้ยวไปทางขวาก็ไม่มีปากเสียงเสียกระมัง
 
เชษฐ์หยุดฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
 
"หมายความว่าเธอจะไม่ไป?"
 
"ก็...เอ่อ..."
 
พอถูกถาม ภัทรก็ตอบตะกุกตะกัก พลันมือใหญ่ก็ผละไปจากมือของเขา พอเงยหน้าขึ้นและเห็นสีหน้าเรียบเฉยของคนถาม คราวนี้คนที่ทำท่าอิดออดเลยจะชักร้อนใจขึ้นมาเสียเอง
 
อย่าบอกนะว่านี่เขายังโดนงอนเรื่องบ่ายวานนี้ที่ออฟฟิศอยู่น่ะ หรือว่า...จะเป็นเรื่องท่าทางของเขาตอนที่ได้เห็นคนรักเก่าเมื่อคืนกันแน่
 
ชายหนุ่มหลบตาลงมองมือที่โดนเชษฐ์เกาะกุมไว้จนถึงเมื่อครู่ ไออุ่นที่ยังห่อหุ้มมือเรียวเริ่มเจือจางจนภัทรใจหาย แล้วก็ให้นึกระอากับความเป็นคนช่างใจอ่อนของตัวเองขึ้นมา
 
"...ไปครับ"
 
ภัทรตอบแล้วก็เหลือบตาขึ้น ทำให้ทันเห็นรอยยิ้มที่แต้มอยู่บนมุมปากและนัยน์ตาของคนตัวใหญ่ขณะที่กำลังหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มจึงฉุกคิดได้ว่าความจริงแล้วเชษฐ์ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจเขา แต่แกล้งหลอกถามเพื่อให้เขาออกปากว่าจะไปด้วยความตั้งใจของตัวเองต่างหาก
 
ร่างเพรียวยกมือขึ้นกอดอก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะยิ้มหรือจะทำหน้าบึ้งใส่คนตัวใหญ่ที่หยุดรอเขาอยู่หน้าบันไดดี เสียงเครื่องดูดฝุ่นที่เมื่อครู่ดังก้องอยู่ในห้องนั่งเล่นแผ่วลงไปแล้ว คงเพราะป้าแย้มย้ายที่ไปทำความสะอาดในห้องครัวแทนแล้วนั่นเอง
 
เจ้าเล่ห์เหลือเกินนะ....คุณผู้จัดการ
 
ภัทรนึกค่อนแบบไร้เสียง ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามขึ้นบันไดจนแซงคนตัวใหญ่และเข้าไปในห้องนอนได้ก่อน จากนั้นก็รีบฉวยกางเกงแสล็คที่ใส่ไปทำงานเมื่อวานซึ่งพาดไว้บนราวแขวนข้างตู้เสื้อผ้า ถึงแม้เขาสองคนจะกำลังคบกัน แถมเมื่อคืนยังนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแล้วด้วย แต่ภัทรก็ยังทำใจถอดเสื้อผ้าเพื่อผลัดเปลี่ยนโดยมีคนตัวใหญ่ยืนอยู่ในห้องด้วยไม่ไหว เชษฐ์ที่เดินตามเข้ามาเลิกคิ้วเมื่อเห็นภัทรเดินสวนกับตนที่หน้าประตูเพื่อจะออกไปเข้าห้องน้ำ แต่โชคดีที่อีกฝ่ายดูจะเข้าใจความต้องการความเป็นส่วนตัวของเขาอยู่บ้าง จึงไม่ได้เอ่ยค้านแถมยังเบี่ยงตัวหลบให้ ถึงแม้รอยยิ้มที่สะท้อนในแววตาหลังเลนส์แว่นนั้นจะทำให้ภัทรนึกหมั่นไส้อยู่นิดๆก็ตามที
 
หลังเข้าห้องน้ำและปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ร่างเพรียวก็ถอดกางเกงวอร์มออกแล้วเปลี่ยนเป็นกางเกงแสล็คที่หยิบมา ส่วนเสื้อนั้นก็ตัดสินใจใส่เสื้อยืดคอกลมตัวเดิมที่ใส่นอน เนื่องจากเนื้อผ้ายืดสีเทาอ่อนไม่ได้บางจนถึงกับไม่เหมาะจะใส่ออกไปข้างนอก และที่สำคัญ เสื้อเชิ้ตที่เขาใส่ไปทำงานเมื่อวานก็ยับหลังจากโดนถอดตอนอาบน้ำไปแล้ว เมื่อเปลี่ยนกางเกงเสร็จเรียบร้อย ภัทรจึงพับกางเกงนอนที่ถอดออกแล้วก็ถือกลับไปที่ห้องนอน จากนั้นก็ผลักประตูที่แง้มไว้นิดๆเข้าไปเพราะคิดว่าเชษฐ์คงกำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอยู่ แต่แล้วคนที่เพิ่งเข้ามาก็ต้องชะงักฝีเท้าอย่างกะทันหัน
 
ดูเหมือนภัทรจะประเมินสปีดในการจัดของของเชษฐ์น้อยไป เพราะท่าทางเจ้าของห้องจะจัดเสื้อผ้าเสร็จไปนานแล้ว หลักฐานก็คือกระเป๋าผ้าใบซึ่งมีสองหูหิ้วแบบที่นักกีฬาชอบใช้กันซึ่งวางอยู่บนเตียง ซิปที่รูดปิดไม่สนิททำให้เห็นเสื้อที่ถูกใส่ไว้ข้างใน ส่วนแว่นตากรอบเงินที่เชษฐ์ใส่ประจำก็วางอยู่บนเตียงไม่ห่างจากกระเป๋านัก แต่สิ่งที่สะกดให้ภัทรยืนนิ่งคือร่างที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่กลางห้องและกำลังรูดซิปกางเกงยีนส์อยู่ต่างหาก
 
แม้แสงอาทิตย์ที่สาดเฉียงๆเข้ามาทางหน้าต่างจะทำให้ไม่เห็นรายละเอียดบนแผ่นหลังชัดเจน แต่แสงเงาที่เกิดขึ้นก็ช่วยขับเน้นเส้นสายของโครงร่างสูงใหญ่ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนโค้งนูนของมัดกล้ามตั้งแต่ช่วงคอไปจนถึงบ่ากว้าง ลาดต่อกับลำแขนแข็งแรง และแสงเงานั้นก็ยังทำให้เห็นร่องแนวกระดูกสันหลังที่ลากยาวลงจนหายไปใต้ขอบกางเกงยีนส์อีก ถึงแม้ร่างกายของเชษฐ์จะไม่ได้บึกบึนจนน่ากลัวเหมือนนักกีฬาเพาะกล้าม แต่ว่าก็ดูแข็งแรงและอัดแน่นไปด้วยพลังและเสน่ห์ของชายหนุ่มเต็มตัวอย่างที่คนเพศเดียวกันเห็นแล้วยังต้องอิจฉา
 
และนั่นก็รวมไปถึงคนที่กำลังหยุดยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูห้องตอนนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าการใช้คำว่าอิจฉาจะไม่ค่อยตรงเท่าไรนักก็ตาม จริงอยู่ว่าเมื่อคืนนี้ภัทรก็เห็นเชษฐ์เปลือยท่อนบนไปครั้งหนึ่งแล้ว แถมยังได้แนบชิดกับแผงอกอุ่นนั้นไปแล้วด้วย แต่เพราะแสงไฟสลัวในห้องนอนยามกลางคืน ประกอบกับความที่ภัทรเองก็เอาแต่เบนสายตาหนีอีกฝ่าย ทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสสำรวจเรือนร่างของเชษฐ์ชัดๆเหมือนกับตอนนี้ และภาพที่ได้เห็นก็ทำเอาภัทรรู้สึกว่าผิวหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ทั้งที่คนตรงหน้าก็เป็นบุรุษเพศไม่ต่างกับเขา และใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นร่างกายของผู้ชายคนอื่นมาก่อนแท้ๆ
 
ภัทรละล้าละลัง ขณะคิดว่าจะแอบถอยออกไปก่อนแล้วกะเวลาว่าอีกฝ่ายน่าจะใส่เสื้อเสร็จค่อยกลับเข้ามาดีไหม ชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้งที่ได้ยินเสียงคนตัวใหญ่หัวเราะเบาๆในคอ
 
"จะยืนอยู่หน้าประตูอีกนานมั้ย? เดี๋ยวป้าแย้มขึ้นมากวาดชั้นบนแล้วเห็นว่าฉันไม่ใส่เสื้อก็ได้นึกว่าเราทำอะไรกันอยู่หรอก"
 
"หา!?"
 
พอโดนทัก ภัทรก็รีบหันกลับไปปิดประตูทันทีเพราะเกรงว่าแม่บ้านสูงวัยจะเดินขึ้นมาเห็นแล้วสงสัยพวกเขาอย่างที่เชษฐ์บอกจริงๆ และถ้าหากทำให้คนแก่หัวใจวายขึ้นมาเขาคงรู้สึกผิดแน่ๆ แต่เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ก็ต้องหันขวับไปหาคนตัวใหญ่ตรงกลางห้อง
 
"คุณเชษฐ์ รู้ตั้งแต่ตอนไหนว่าผมเดินเข้ามา?"
 
ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะสาเหตุที่เขาเดินเข้าห้องมาเลยโดยไม่เคาะบอกก่อนก็เพราะอีกฝ่ายไม่ได้งับประตูให้สนิทนั่นแหละ เขาจึงไม่ทันเอะใจสักนิดว่าเชษฐ์อาจกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ แถมยังคิดว่าจะแอบออกไปโดยที่เจ้าของห้องไม่รู้ได้ด้วยซ้ำ
 
คนตัวใหญ่หันไปหยิบเสื้อแขนสามส่วนสีเขียวขี้ม้าซีดแบบเจาะกระดุมตรงคอแต่ไม่มีปกขึ้นสวม จากนั้นก็หยิบแว่นที่ถอดวางไว้บนเตียงขึ้นสวมพลางตอบคนถามยิ้มๆ
 
"ก็ตรงที่ฉันยืนอยู่นี่มันมองเห็นประตูจากกระจกโต๊ะแต่งตัวได้น่ะสิ ฉันเลยเห็นตั้งแต่ตอนเธอเดินเข้ามาแล้ว นี่ไง"
 
ไม่เพียงอธิบายด้วยคำพูด เชษฐ์เดินมาจูงภัทรให้ไปยืนตรงกลางห้องที่เจ้าตัวยืนเมื่อครู่ เพียงแต่คราวนี้ยืนซ้อนร่างเพรียวจากด้านหลังแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างให้หันหน้าเข้าหากระจกเหนือโต๊ะแต่งตัวตรงๆ ไม่ใช่ยืนหันข้างให้กระจกเหมือนตอนที่เจ้าตัวยืนเปลี่ยนเสื้อผ้า ภัทรจึงได้เห็นว่าเพราะมุมที่แสงตกกระทบ คนที่ยืนตรงนี้จึงสามารถมองเห็นประตูได้จริงๆด้วย
 
ทั้งที่รู้ แต่ก็ยังปล่อยให้เขายืนใจหายใจคว่ำอยู่หน้าประตูได้ตั้งนานเนี่ยนะ ภัทรไม่อยากคิดเลยว่าอีกฝ่ายแอบเหลือบมองกระจกแล้วกลั้นหัวเราะอยู่นานแค่ไหนที่เห็นเขาทำท่าเก้ๆกังๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาให้ได้ยินจริงๆ ตาบ้า โรคจิต ไอ้ลุงลามก...
 
สรรพนามมีสีสันต่างๆนานาเรียงแถวอยู่ในหัวภัทรได้ไม่เท่าไหร่ ชายหนุ่มก็หายใจสะดุดเมื่อคนด้านหลังปล่อยมือจากไหล่ทั้งสองของเขา ทว่าแทนที่จะปล่อยสองแขนนั้นลงข้างตัว เชษฐ์กลับสอดแขนแข็งแรงทั้งสองข้างมาประสานไว้ตรงช่วงเอวผอมบาง ใบหน้าคมก้มลงจนคางเกยบ่าของคนตัวเล็กกว่า ขาแว่นที่สวมจึงสัมผัสกับผิวแก้มของภัทร รวมทั้งลมหายใจอุ่นที่พรูลงมาอย่างแผ่วเบาด้วย ภัทรพยายามจะคิดว่าอุณหภูมิอุ่นจัดที่รู้สึกบนบริเวณนั้นมาจากลมหายใจของคนตัวใหญ่ มากกว่าที่จะเป็นเพราะเลือดที่ไหลไปสูบฉีดรวมกันอยู่ใต้ผิวหน้าของเขา ถึงแม้ว่าภาพที่สะท้อนจากในกระจกจะฟ้องว่าเขาหลอกตัวเองไม่สำเร็จก็ตาม
 
"จะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่คอนโดเธอก่อนมั้ย? หรือจะไปกันเลยแล้วค่อยไปหาเอาที่โน่นดีกว่า เดี๋ยวฉันซื้อให้ก็ได้ ค้างคืนเดียวใช้เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นหรอก"
 
สัมผัสผะแผ่วจากริมฝีปากที่ขยับอยู่ไม่ห่างผิวแก้มทำให้ภัทรจั๊กกะจี้ แต่แล้วก็ให้รู้สึกใจไม่สงบกับประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมา อะไรบางอย่างในแววตากับน้ำเสียงของคนตัวใหญ่ทำให้เขารู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักอย่าง จึงรีบขืนตัวออกจากอ้อมอกอุ่นแล้วหันกลับไปหาคนด้านหลัง

เชษฐ์เลิกคิ้วกับท่าทางที่แปลกไปอย่างกะทันหันของคนตัวเล็กกว่า ภัทรจึงเม้มปาก ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจนักว่าตัวเองคิดมากเกินไปหรือไม่ แต่ยังไงก็ควรจะป้องกันไว้ก่อนดีกว่า
 
"ผมว่ากลับไปเอาเสื้อผ้าของผมก่อนดีกว่าครับ อีกอย่างเลยคอนโดผมไปหน่อยเดียวก็ขึ้นทางด่วนออกนอกเมืองได้แล้ว คุณเชษฐ์จะได้ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่เพิ่มให้ด้วย สิ้นเปลืองเปล่าๆ"
 
จริงอยู่ว่าภัทรเคยคบกับชายอื่นมาก่อน แม้จะห่างเหินความสัมพันธ์ทางกายไปถึงสองปีจนเรียกได้ว่าแทบจะไม่ชินจนกระทั่งเชษฐ์ก้าวเข้ามา แต่เขาก็พอจะรู้ว่าความหมายของการที่ฝ่ายหนึ่ง 'ซื้อเสื้อผ้า' ให้อีกฝ่ายสื่อความหมายแบบไหน ถึงแม้ว่าแม้แต่เสื้อตัวที่ใส่อยู่ตอนนี้ก็เป็นของที่อีกฝ่ายซื้อให้ก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้เชษฐ์คิดว่าเขาง่าย...เพียงเพราะเขาเคยมีประสบการณ์แล้ว เขายอมรับว่าความอ่อนโยนของอีกฝ่ายทำให้เขาหวั่นไหว แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เขาถลำลึกไปกับความสัมพันธ์ทางกายโดยไม่นำความเจ็บปวดของรักแรกมาเป็นบทเรียน
 
เชษฐ์ยืนมองคนตัวเล็กกว่าอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนภัทรได้แต่ยืนนิ่งมองแผ่นอกกว้างตรงหน้า เสื้อยืดที่เชษฐ์ใส่ไม่ได้ถึงกับเข้ารูปจนเน้นสัดส่วนชัดเจน แต่เพราะเนื้อผ้าที่ทิ้งตัวแนบกับช่วงไหล่และแผงอกทำให้เห็นโครงร่างแข็งแรงที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อได้ลางๆ แรงผลักดันบางอย่างทำให้เขาอยากขยับเข้าไปหาและแนบหน้าลงกับแผงอกกว้างที่อบอุ่นนั้น แต่ภัทรก็พยายามเตือนตัวเองให้หยุดเอาไว้ เพราะถึงแม้การกระทำของเขาจะเป็นไปเพียงเพราะโหยหาความอบอุ่นจากอีกฝ่ายโดยไม่ต้องการอะไรมากกว่านั้น แต่นั่นอาจจะทำให้เชษฐ์ตีความหมายการกระทำของเขาผิดไปก็ได้
 
ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ภัทรจะเงยหน้าขึ้นเพราะถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นบีบไหล่เบาๆ ชายหนุ่มจึงได้เห็นแววตาและรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความเข้าใจของคนที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว
 
"ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ งั้นก็ไปกันเถอะ จะได้รีบเดินทางกันก่อนจะบ่าย"
 
 
++------++
 
 
“อ้าว? จะไปแล้วเหรอคะคุณเชษฐ์? ป้านึกว่าจะออกกันตอนบ่าย ว่าจะถามอยู่เชียวว่าจะให้ทำข้าวกลางวันให้ก่อนหรือเปล่า”

หญิงชราทักขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองเดินลงจากบันได ดูจากตะกร้าผ้าในมือทำให้รู้ว่าคงกำลังจะเอาผ้าที่เพิ่งซักเสร็จออกไปตาก เชษฐ์จึงเดินเข้าไปหาแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่ต้องหรอกครับป้า เดี๋ยวพวกผมไปหาทานเอาข้างนอก ยังไงผมฝากเปลี่ยนเครื่องนอนในห้องผมกับซักผ้าเช็ดตัวให้ด้วยก็แล้วกัน แล้วถ้าพรุ่งนี้ไม่มีอะไรป้าก็ไม่ต้องเข้ามาก็ได้ เพราะกว่าพวกผมจะกลับก็คงมืดแล้ว”

“อ๋อ งั้นเดี๋ยวป้าแวะมาให้อาหารปลาตอนเช้ากับตอนเย็นก็แล้วกันค่ะ นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาแค่แป๊บเดียวไม่ลำบากหรอก”

แม่บ้านสูงวัยยิ้มพลางถามเรื่องจิปาถะอีกนิดหน่อยจากเชษฐ์เกี่ยวกับงานบ้านส่วนอื่นๆ ภัทรสังเกตได้ว่า แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นแม่บ้านที่ถูกจ้างมา แต่เชษฐ์ก็จะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกำลังคุยกับญาติผู้ใหญ่ และงานที่เจ้าตัวเอ่ยฝากฝังนั้นก็เป็นเพียงงานบ้านง่ายๆที่ไม่ต้องใช้แรงมากมาย ส่วนท่าทางยิ้มแย้มและกระตือรือร้นของคนรับฝากก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเต็มใจจะทำงานที่เจ้าของบ้านบอกด้วยความยินดีเช่นกัน หลังจากลาผู้สูงวัยและขึ้นรถออกมาพ้นรั้วบ้านแล้ว ภัทรจึงหันไปชวนคนข้างตัวคุย

"ดูป้าแย้มแกชอบทำงานมากเลยนะครับ"
 
คนที่กำลังขับรถหยิบแว่นกันแดดสีเข้มขึ้นมาเปลี่ยนใส่แทนแว่นสายตา จากนั้นก็ตอบยิ้มๆโดยไม่ละสายตาจากถนน "แกเป็นคนขยันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ สมัยยังสาวกว่านี้แกก็ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่ออฟฟิศของเรานั่นแหละ แต่พอลูกหลานเรียนจบมีงานทำกันหมดก็ขอให้แกหยุดอยู่บ้าน อีกอย่างเพราะว่ามันต้องเดินทางไกลด้วย แต่ป้าแย้มแกเคยทำงานมาก่อนก็เลยติดนิสัยอยู่เฉยๆไม่ได้ ฉันเลยจ้างให้มาช่วยดูแลบ้านให้นี่แหละ"
 
ภัทรนั่งฟังแล้วก็พยักหน้าโดยไม่ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติม แต่จากข้อมูลที่ได้ยินก็ทำให้เขาเรียนรู้ว่า ที่แท้คุณผู้จัดการโปรเจ็กต์ที่ลูกน้องชอบบอกว่าดุและเข้มงวดนั้น ความจริงเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นกว่าที่ใครๆรู้
เพราะแม้แต่แม่บ้านที่เคยทำงานที่บริษัทและตอนนี้เกษียณอายุแล้ว อีกฝ่ายก็ยังช่วยหางานให้และไม่ได้ปฏิบัติด้วยอย่างถือตัวว่าเป็นคนที่มาจากคนละระดับชั้น ภัทรจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมป้าแย้มจึงให้ความชื่นชมและเคารพเจ้านายคนนี้อย่างจริงใจ แถมยังดูยินดีจะทำทุกอย่างที่อีกฝ่ายบอกโดยไม่บ่นอีกด้วย
 
"ยิ้มอะไรน่ะ?"
 
คนกำลังขับรถเหลือบตามองคนตัวเล็กกว่าแล้วก็ถามขึ้น ภัทรถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังยิ้ม จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่รู้ไม่ชี้ ทว่าก็ไม่สามารถหุบยิ้มบนใบหน้าได้อยู่ดี
 
"เปล่าครับ คุณเชษฐ์คิดไปเองน่ะสิ"
 
ภัทรได้ยินเสียงเชษฐ์หัวเราะในคอเบาๆ แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคอนโดเนื่องจากการจราจรในวันเสาร์ไม่ค่อยติดขัด ภัทรจึงให้คนตัวใหญ่รอในรถระหว่างที่เขาขึ้นไปเก็บเสื้อผ้า แม้จะรู้ว่าการไม่เชิญอีกฝ่ายขึ้นไปที่ห้องอาจจะดูเสียมารยาท แต่เขาไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกล้าให้เชษฐ์เข้าไปเยี่ยมห้องตอนนี้ ก็ตั้งแต่วันหยุดที่แล้วเขาก็ยังไม่ได้ทำความสะอาดเลยนี่นา
 
เชษฐ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่ายืนกรานว่าจะให้รอในรถ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ทว่าก่อนภัทรจะก้าวลงก็ยังไม่วายเอ่ยสำทับ
 
"ถ้าเกินสิบนาที ฉันจะขึ้นไปตามเองนะ"
 
ภัทรหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาพาดไหล่แล้วก็กลอกตา อดค่อนในใจไม่ได้ว่าไม่มีคีย์การ์ดแล้วจะเข้าไปได้ยังไงเล่า แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายแกล้งทำเป็นขู่เพื่อล้อเล่นเท่านั้น ซึ่งก็คงจะมาจากความที่เขาเรื่องมากนั่นเอง แต่อีกใจหนึ่ง ภัทรก็อดคิดไม่ได้ว่าเชษฐ์คงจะนึกว่าที่เขาอิดเอื้อนนักก็เพื่อเอาคืนเรื่องที่โดนบังคับให้ไปนอนบ้านอีกฝ่ายเมื่อคืนนี้กระมัง
 
เมื่อเข้าไปในอาคารแล้ว ภัทรก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปที่ห้องซึ่งอยู่บนชั้นสิบสอง พอไขกุญแจเข้าได้ก็เห็นกองผ้าที่เขาซักแล้วแต่ยังไม่มีเวลาพับวางกองอยู่บนมุมหนึ่งของโซฟา และในบรรดาเสื้อผ้าพวกนั้นก็มีบางชิ้นที่ค่อนข้าง 'เป็นส่วนตัว' ทำให้เขาคิดได้ว่าดีแล้วที่ไม่ปล่อยให้เชษฐ์ตามขึ้นมาด้วย เพราะถึงแม้มันจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายที่ผู้ชายคนไหนๆก็ต้องใส่ แต่ก็เขายังไม่อยากให้อีกฝ่ายมาเห็นข้าวของพวกนี้นี่นา
 
ตั้งแต่ที่แพนแต่งงานและย้ายออกไปอยู่กับสามีชาวญี่ปุ่นเมื่อห้าปีก่อน ภัทรก็อาศัยในห้องนี้คนเดียวมาตลอด ความจริงพี่สาวเขาก็เคยแนะนำเหมือนกันว่าน่าจะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดให้แบบรายสัปดาห์ แต่ภัทรเห็นว่าตัวเองอยู่คนเดียว ข้าวของก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย จึงตัดสินใจประหยัดค่าใช้จ่ายและทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งแม้ว่าอาจจะไม่เรียบร้อยไร้ที่ติเหมือนการมีแม่บ้านมืออาชีพมาทำให้ แต่ก็ถือว่าสะอาดและมีระเบียบในระดับหนึ่ง เพียงแต่เขาก็ยังเขินๆกับการจะให้เชษฐ์มาเห็นห้องของเขาเท่านั้นเอง
 
ความที่เกรงใจคนรอ บวกกับเขาเองก็ไม่มีแก่ใจจะมาทำงานบ้านตอนนี้ ภัทรจึงเอาเสื้อผ้าที่ซักสะอาดแล้วทั้งหมดใส่ตะกร้ารวมกันไว้ก่อนแล้วเอาเข้าไปไว้ในห้องนอน หลังจากเปลี่ยนกางเกงแสล็คที่ใส่กลับมาเป็นกางเกงผ้ายีนส์แทนแล้วก็เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดสำหรับไปค้างทะเลหนึ่งคืนออกมา ขณะกำลังจะหยิบกางเกงสำหรับใส่นอนที่พับไว้ตรงมุมหนึ่งของตู้ขึ้นมานั่นเอง สายตาก็สะดุดเข้ากับกล่องสี่เหลี่ยมซึ่งภายในบรรจุของขวัญปีใหม่ที่เขาจับสลากได้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
 
ภัทรวางกางเกงลงที่เดิม จากนั้นก็หยิบกล่องกระดาษตรงมุมตู้มาเปิดออก กระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่ไม่เคยถูกนำมาใช้สักครั้งยังคงดูใหม่เหมือนตอนที่เขาแกะดูครั้งแรกไม่มีผิด

เอาไงดีนะ...

ภัทรเหลือบตามองเสื้อผ้าที่ตั้งใจจะเอาไปทะเลซึ่งวางอยู่ข้างตัว จากนั้นก็มองกระเป๋าหนังสีน้ำตาลในมืออีกครั้ง พอนึกถึงหน้าของคนที่รอเขาอยู่ในรถที่ลานจอดด้านล่าง ชายหนุ่มก็ตัดสินใจได้

หลังจากจัดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ภัทรก็หยิบอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำอีกสองสามชิ้นใส่ลงกระเป๋า หลังตรวจดูความเรียบร้อยของห้องอีกครั้งแล้วก็ปิดล็อกประตูและลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ส่วนรถยุโรปสีเทาควันบุหรี่คันใหญ่ก็ยังจอดรออยู่ที่เดิม ร่างเพรียวจึงรีบก้าวยาวๆเข้าไปหา
 
"มาแล้วครับคุณเชษฐ์ ขอโทษครับที่ให้รอ"
 
ภัทรเอ่ยหลังจากเปิดประตูรถและก้าวขึ้นนั่งประจำที่ พอวางกระเป๋าลงบนตักแล้วก็หันไปดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาด แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่เชษฐ์ไม่ได้เอ่ยทักเรื่องที่เขาใช้เวลาเกินสิบนาที แถมยังไม่ออกรถจากลานจอดทันทีอีก พอหันไปหาจึงทำให้ประสานสายตากับอีกฝ่ายที่มองเขาอยู่ก่อน เชษฐ์พยักหน้าไปที่กระเป๋าหนังสีน้ำตาลบนตักของภัทรแล้วก็ทักขึ้นยิ้มๆ
 
"กระเป๋าสวยดีนี่"
 
"อ๋อ..ครับ"
 
ภัทรตอบรับเสียงอุบอิบพลางหลบตาคนข้างตัว เพราะเชษฐ์คงจำได้ตั้งแต่แว่บแรกที่เห็นว่ากระเป๋าที่เขาเอามาใช้ก็คือใบที่จับสลากได้เมื่องานเลี้ยงปีใหม่นั่นเอง ตอนแรกเขาก็ชั่งใจอยู่ว่าจะใช้ใบนี้ใส่เสื้อผ้าไปทะเลดีไหม ในเมื่อลักษณะรูปทรงมันดูเหมาะสำหรับใส่ของหรือเอกสารสำหรับไปทำงานมากกว่า แต่ในเมื่อคนซื้อของขวัญเองก็เคยบอกว่าอยากเห็นเขาใช้กระเป๋าใบนี้บ้าง และภัทรก็เห็นว่าเสื้อผ้าสำหรับไปทะเลคืนเดียวนั้นมีเพียงไม่กี่ชิ้น จึงตัดสินใจเอามาประเดิมใช้กับทริปนี้ไปเสียเลย
 
เชษฐ์ยิ้มแล้วก็เข้าเกียร์ออกรถ ซึ่งขณะนั้นหน้าจอนาฬิกาดิจิตอลในรถก็บอกให้รู้ว่าเป็นเวลาจวนเที่ยงแล้ว หลังออกจากตัวเมืองกันได้ไม่นาน ทั้งสองจึงแวะทานอาหารกลางวันกันระหว่างทาง ปกติภัทรต้องถามแล้วว่าอีกฝ่ายจะพาไปไหน แต่ก็คิดได้ว่าไหนๆวันนี้ก็โดนลากตัวออกมาจากกรุงเทพฯโดยไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าตั้งแต่ต้น คนพาจะพาไปไหนก็ตามใจแล้วกัน ทว่าเมื่อนั่งรถมาเรื่อยๆจนถึงป้ายทางแยกที่ชี้บอกเส้นทางระหว่างระยองกับจันทบุรี ร่างเพรียวก็ส่งเสียงในลำคอขึ้นมา เชษฐ์จึงหันมามองอย่างสงสัย
 
"มีอะไรหรือเปล่า?"
 
"เปล่าครับ ไม่มี..."
 
เชษฐ์ยังขมวดคิ้ว แต่ว่าก็ไม่ได้ถามซักไซ้ต่อ ภัทรลอบระบายลมหายใจยาวเมื่อทิศทางที่อีกฝ่ายขับรถมุ่งหน้าไปคือทิศที่ไประยอง แต่จะด้วยความรู้สึกโล่งใจหรือเสียดาย...ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
 
หลังจากเข้าไปถึงอำเภอบ้านเพ คนตัวใหญ่ก็ขับรถตรงไปบนถนนที่สองข้างทางถูกขนาบด้วยแนวต้นสนร่มรื่น ฟากหนึ่งของถนนเป็นบ้านพักริมทะเลที่เรียงรายต่อๆกัน ส่วนอีกฟากเป็นชายหาดที่มีเกลียวคลื่นอ่อนๆกำลังม้วนตัวเข้าหาหาดทราย ผืนน้ำสีฟ้าล้อเปลวแดดยามบ่ายจนเป็นประกายระยิบระยับ ภัทรเคยมาเที่ยวทะเลระยองมาก่อนก็จริง แต่ครั้งสุดท้ายที่เขาจำได้นั้นก็ค่อนข้างจะนานมากแล้ว ภาพทิวทัศน์ที่ได้เห็นจึงทำให้ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและปลอดโปร่งไปพร้อมกัน
 
หลังผ่านถนนที่ถูกโอบด้วยแนวต้นสนและมีต้นหูกวางขึ้นแซมได้ไม่นาน คนขับก็เลี้ยวรถเข้าไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่งซึ่งมีป้ายทำจากไม้สีเข้มปักบอกไว้ที่ด้านหน้า ตรงทางเดินเล็กๆที่เชื่อมระหว่างลานจอดรถกับล็อบบี้นั้นมีรั้วไม้โค้งที่มีเถาไม้เลื้อยและดอกไม้สีขาวอมม่วงขึ้นปกคลุมจนแทบไม่เห็นโครงรั้ว ส่วนบรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยไม้ยืนต้นก็ช่วยกรองแสงแดดยามบ่ายที่สาดส่องลงมา และช่วยบรรเทาความร้อนระอุให้คนที่เพิ่งออกมาจากรถที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไปนัก หลังจากหยิบกระเป๋าลงจากรถและเดินเข้าไปที่ล็อบบี้กันแล้ว ภัทรก็ได้เห็นว่ารีสอร์ทแห่งนี้มีชายหาดส่วนตัวด้วย ซึ่งต่างจากที่พักอื่นๆในละแวกเดียวกันซึ่งจะมีถนนคั่นกลางระหว่างชายหาดกับบ้านพัก แขกที่มาพักที่นี่จึงสามารถเดินลงไปเล่นน้ำได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องเดินข้ามถนน
 
เชษฐ์เดินนำภัทรเข้าไปที่เคาน์เตอร์สำหรับเช็คอิน พนักงานรีเซฟชันสาวที่นั่งประจำอยู่ซึ่งภัทรคาดว่าน่าจะอายุไม่ต่างจากตนนักยิ้มและเอ่ยทักทายเมื่อเห็นทั้งคู่ โชคดีว่าสุดสัปดาห์นี้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว ทางรีสอร์ทจึง
มีห้องว่างหลายห้องสำหรับแขกที่ไม่ได้จองเข้ามาก่อน

หลังจากเชษฐ์บอกจำนวนวันที่จะพักแล้ว พนักงานสาวก็ยื่นกระดาษให้คนตัวใหญ่เขียนชื่อและเลือกวิธีชำระเงิน จากนั้นก็รับกระดาษแผ่นนั้นไปคีย์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ สักครู่ก็เงยหน้าขึ้นถาม
 
"ไม่ทราบว่าจะเลือกห้องแบบไหนดีคะ?"
 
เชษฐ์ปรายตามองโบรชัวร์ราคาและรูปตัวอย่างห้อง จากนั้นก็ชี้ที่รูปรูปหนึ่ง "ถ้าห้องบีชฟร้อนท์สวีทยังว่างก็ห้องนั้นครับ"
 
พนักงานสาวทวนคำแล้วก็คลิกเมาส์เพื่อเช็คข้อมูล จากนั้นจึงละสายตาขึ้นมาอีกครั้ง
 
"ว่างค่ะ งั้นตกลงเป็นห้องบีชฟร้อนท์สวีทนะคะ อาหารเช้าพรุ่งนี้จะเริ่มเสิร์ฟที่ห้องอาหารตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสิบโมง เช็คเอ๊าท์ได้ตอนบ่ายโมง เดี๋ยวตามน้องเค้าไปที่ห้องได้เลยค่ะ”

พนักงานสาวยื่นกุญแจห้องซึ่งทำจากแผ่นไม้ขนาดเท่าฝ่ามือและมีลูกกุญแจร้อยเชือกไว้ให้ จากนั้นทั้งสองก็เดินตามพนักงานโรงแรมที่ช่วยยกกระเป๋าและเดินนำไปที่ห้องพักซึ่งอยู่ติดชายหาด แต่พอไปถึงและไขประตูห้องเข้าไปด้านใน ภัทรก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น

เชษฐ์หันไปจ่ายทิปให้กับพนักงานโรงแรมก่อนจะปิดประตู  พอหันไปเห็นสีหน้าของภัทรที่กำลังทำหน้ามุ่ยก็ยิ้มและเดาได้ทันทีว่ามาจากสาเหตุอะไร จึงเดินเข้าไปใกล้แล้วก้มลงกระซิบข้างหู

“ไม่ชอบเตียงควีนไซส์เหรอ? แต่เตียงห้องฉันที่นอนกันเมื่อคืนมันเล็กกว่านี้อีกนะ”

ภัทรนึกอยากให้เขาอายุเท่าเชษฐ์ขึ้นมาทันที เผื่อจะทำให้กล้าทุบไหล่คนช่างแกล้งที่อายุมากกว่าได้อย่างสะดวกใจ ไม่ใช่แค่ทำหน้างอใส่อย่างตอนนี้ ตอนที่อีกฝ่ายเลือกห้องเมื่อกี้เขาก็ไม่ทันฉุกคิดว่าปกติเตียงห้องสวีทจะเป็นแบบดับเบิ้ล แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คืนนี้พวกเขาสองคนก็ต้องนอนข้างกันอีกแล้วน่ะสิ คืนที่ผ่านมานั้นไม่ได้มีอะไรที่ทำให้หนักใจนักเพราะว่าต่างคนก็ต่างเพลีย แถมยังเรื่องที่เจอหลังจากทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารอีก พอกลับไปถึงบ้านของเชษฐ์แล้วต่างคนจึงต่างอยากพักผ่อนเท่านั้น แต่ท่าทางครึ้มอกครึ้มใจเหลือเกินของคนที่ตอนนี้ผละจากเขาไปเข้าห้องน้ำทำเอาภัทรต้องรีบห้ามตัวเองไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่าน

ใจเย็นไว้น่ะ คุณเชษฐ์แค่พามาเที่ยวทะเลเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆหรอก ว่าแต่ทำยังไงหัวใจมันถึงจะหยุดเต้นแรงได้สักทีล่ะเนี่ย...

tbc. in 2nd part
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-05-2010 17:22:17
 :z3: ต่อไม่ติืดเลย ขอไปตามเก็บช่วงแรกๆก่อนนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-05-2010 17:24:22
^
^
โชคดียังมีให้ตามแค่ 9 ตอนนะจ๊ะพี่หนึ่ง หุหุหุ  :z1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 12-05-2010 17:30:52
มา :กอด1: ป้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 12-05-2010 18:18:05
 :กอด1: ภัทรกับคุณเชษฐ์
ขอน้ำทะเลหวานๆที่นึงค่าาาาา

เป็นกำลังใจให้นะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 12-05-2010 18:21:23
เดี๋ยวบรรยากาศก็พาไป อิอิ  :haun4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 12-05-2010 20:42:14
สงสัยงานนี้ทะเลจะหวานนนนนน
คุณเชษฐ์เจ้าเลห์ไปไหมเนี่ย
นารักได้อีกอ่ะ อย่างนี้ภัทรหลงแย่เลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-05-2010 23:17:19
ป้าอย่ามัวแต่ย่อง เอาอีกครึ่งหลังมาต่อด่วนเลย กรี๊ดดดดด ป้ามาช้า แล้วทำ ค้าง อีกอะ  :z3:   :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 13-05-2010 22:58:47
คุณเชษฐ์ เจ้าเล่ห์มากกกกกกกกกกกกกกกก

รอครึ่งต่อไปนะคะคุณป้า  :m1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 13-05-2010 23:23:39
ช่วงแรกๆอ่านไปก็นึกว่าตัวเองเป็นภัทรที่แอบมองคุณเชษฐ์แล้วน้ำลายไหล  :jul3:
ช่วงหลังๆแอบลุ้นว่าจะไปฮันนีมูนกันยังไง
รอลุ้นต่อไปค่ะบีบี รู้สึกว่าคุณเชษฐ์นี่ยิ่งนานๆไปยิ่งแผนเยอะนะ :z1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: moonlight ที่ 14-05-2010 06:39:29
ภัทรจะเสร็จคุณเชษฐ์ไม๊หว่าคืนนี้  :z1:

ป้ามาต่อเร็วๆๆนะ มันค้างๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 14-05-2010 09:40:53
เค้าพามาเปลี่ยนบรรยากาศหรือเปล่าภัทร ฮิ ฮิ ฮิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 14-05-2010 10:21:47
คุณเชษฐ์มาแล้วววววว :mc4:

ทะเลหวาน ๆ มาต่อไวๆ นะจ้ะ

เปลี่ยนจากปั่นจักรยาน มาเป็นเช่ามอไซด์บึ่งมา เถอะจ้าน้องสาว

จะได้ไวๆ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 17-05-2010 02:55:38
แอร๊ยมีแอบมาต่อด้วย หุหุ มาต่ออีกทีมะไหร่จ๊ะจะได้แวะมาอ่านอีกเรื่อยๆ หนุกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-05-2010 12:50:33
อยากอ่านต่ออออออออออออออ  :serius2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 23-05-2010 00:33:32
เข้ามาวิ่งรอครึ่งหลังเจ้าค่ะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งแรก (อัพ 12/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-05-2010 12:34:00
คุณเชษฐ์ แวร์ อาร์ ยู นาวววววววววววววววววววววววววววววววว  :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-05-2010 15:40:12
ป้ามาละค่ะ ขอออกตัว+ขออภัยล่วงหน้าก่อนว่าตอนนี้จะสั้นหน่อยเน้ ยอมรับว่าเป็น "ครึ่งหลัง" ที่เข็นออกมาได้ลำบากยากเย็นมากๆ คือที่จริงเคยได้ร่างไว้ก่อนนี้แล้วล่ะ แต่ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มันเกิดเรื่องแบบที่ทุกคนก็รู้ว่าเรื่องอะไร ดังนั้นถึงจะได้หยุดยาวอยู่บ้านแต่ก็ทำใจเขียนอะไรไม่ค่อยออก พออะไรๆเริ่มสงบแล้วถึงได้มาเขียนต่อได้ แต่ก็ต้องจูนอารมณ์กันพอสมควร ทีนี้ดูท่าเรื่องต่อจากเหตุการณ์ตอนนี้มันจะยาว เลยขอปัดไปเป็นตอนหน้าเลยก็แล้วกัน อาจขัดตาทัพไปนิด แต่อย่างน้อยคนอ่านก็จะได้ไม่ต้องรอนานล่ะเน้อ แหะๆ (แก้ตัวไปเรื่อยเลยแฮะ)  :z10:   :z2:

++------++


ตอนที่ 9. (ครึ่งหลัง)

“ออกไปเดินเล่นกันมั้ย?”

ภัทรเงยหน้ามองคนถามที่มายืนข้างโซฟาที่เขานั่งตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จากนั้นก็เหลือบมองไปยังทิวทัศน์ภายนอกผ่านกระจกหน้าต่าง จึงได้เห็นว่าแดดที่สาดแสงเมื่อครู่เริ่มอ่อนลงกว่าตอนที่เพิ่งเดินทางมาถึงมากแล้ว ภัทรจึงปิดนิตยสารท่องเที่ยวที่อ่านค้างไว้แล้วก็ลุกขึ้นยืนบ้าง

“ก็ดีเหมือนกันครับ”

ตอบแล้วชายหนุ่มก็เอานิตยสารไปเก็บที่ชั้นใต้ที่วางโทรทัศน์ตามเดิม เนื่องจากตอนที่เดินทางมาถึงรีสอร์ทนั้นอากาศภายนอกยังร้อนและแดดก็ยังแรง เชษฐ์กับเขาจึงตกลงว่าจะนั่งพักในห้องกันก่อนโดยต่างก็เปลี่ยนกางเกงยีนส์ขายาวที่ใส่มาเป็นกางเกงขาสั้นลำลอง ระหว่างนั้นภัทรเจอนิตยสารท่องเที่ยวที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้ในห้องพักจึงหยิบมานั่งอ่านที่โซฟาริมหน้าต่าง ส่วนเชษฐ์นั่งเช็คอีเมล์งานอยู่บนเตียงผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่เอามาด้วย

หลังจากล็อกประตูห้องเรียบร้อย เชษฐ์ก็เอาแผ่นป้ายที่ร้อยกุญแจไว้ใส่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เนื่องจากห้องที่ทั้งสองเข้าพักนั้นอยู่ติดชายหาดอยู่แล้ว เพียงเดินลงจากระเบียงด้านหน้าไปไม่กี่ก้าวก็ถึงหาดทราย ทั้งคู่จึงตัดสินใจทิ้งรองเท้าไว้ที่ห้องพักแล้วก็เดินเท้าเปล่า เมื่อออกจากห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำเอาไว้ ความอบอุ่นของอากาศภายนอกก็ปะทะเข้าบนผิวทันที แต่โชคดีที่มีลมซึ่งพัดมาจากทะเลจึงช่วยลดความอบอ้าวไปได้มากทีเดียว

บริเวณชายหาดหน้ารีสอร์ทซึ่งมีเก้าอี้วางอยู่เป็นระยะนั้นไร้ผู้คน อาจเพราะแขกที่มาพักคนอื่นยังอยู่ในห้องหรือไม่ก็ไปเดินเที่ยวตลาดแถวท่าเรือกัน และกลุ่มคนที่กำลังเล่นน้ำที่พอจะเห็นได้ก็อยู่ไกลออกไปหลายร้อยเมตร ดังนั้นตลอดแนวชายหาดของรีสอร์ทจึงไม่มีคนอื่นอยู่เลยนอกจากพวกเขาเท่านั้น

ภัทรเดินเคียงข้างไปกับเชษฐ์ที่เดินล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆ ทรายที่ทั้งสองเหยียบย่ำเป็นสีเข้มและชื้นนิดๆ เมื่อก้าวลงไปก็จะทิ้งรอยเท้าไว้เป็นทาง แต่ผืนน้ำยามบ่ายลดระดับลงจนอยู่ห่างออกไป ลมที่พัดมากระทบผิวหอบเอาไอชื้นมาด้วย ชายหนุ่มจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วเอ่ยขึ้นเปรยๆ

“ท่าทางคืนนี้ฝนจะตกนะครับ”

เชษฐ์หันมาเลิกคิ้วมองคนพูดแวบหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้าบ้าง มวลเมฆที่ลอยเหนือบริเวณรีสอร์ทยังไม่รวมตัวกันหนาแน่นก็จริง แต่ขอบฟ้าสีเทาเข้มที่เห็นอยู่ลิบๆก็ทำให้คนตัวใหญ่พยักหน้า

“ก็คงจะอย่างนั้น ฟ้าตรงโน้นมืดเชียว”

ทั้งสองหยุดยืนดูทะเลเมื่อเดินกันมาได้ครู่หนึ่ง เชษฐ์ยังคงยืนล้วงกระเป๋า แต่สองตาทอดมองออกไปเหนือผืนน้ำกว้างซึ่งสามารถมองเห็นเกาะต่างๆได้จากระยะไกล

“จะว่าไป...ไม่ได้มาเที่ยวทะเลหลายปีแล้วเหมือนกันนะ”

ภัทรที่ยืนอยู่ข้างๆเลิกคิ้วแล้วก็หันไปถามด้วยความสงสัย “เอ๊ะ? แต่พี่ป๋วยเคยบอกผมว่าที่ออฟฟิศเคยพาพนักงานไปเอ๊าท์ติ้งที่ภูเก็ตเมื่อสองปีก่อนไม่ใช่เหรอครับ? เห็นว่าตอนนั้นให้เอาสมาชิกครอบครัวไปด้วยก็ได้นี่”

ภัทรยังจำได้ที่รุ่นพี่สาวเคยเล่าให้ฟัง ว่าเมื่อสองปีที่แล้วซึ่งเขายังไม่เข้าบรรจุเป็นพนักงานที่นี่นั้น ทางบริษัทได้พาพนักงานไปเที่ยวประจำปีไกลถึงเกาะทางใต้เนื่องจากผลประกอบการดีมาก แถมหากใครที่ต้องการพาครอบครัวไปด้วยก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องออกค่าใช้จ่ายในส่วนของคนที่พาไปด้วยเพิ่มเอง แต่เนื่องจากปีที่เขาเข้ามานั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทางบริษัทจึงเพียงพาพนักงานไปทำบุญและเที่ยวเมืองเก่าในอยุธยาแบบไปเช้าเย็นกลับเท่านั้น เขายังจำได้ว่ารุ่นพี่หลายคนบ่นกันอู้เรื่องนี้

เชษฐ์ยกมือขึ้นกอดอกแล้วก็ส่ายหน้า จากนั้นจึงยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ไปเที่ยวกับบริษัทมันก็เหมือนโดนบังคับไปนั่นแหละ หรือถึงจะบอกว่าให้พาคนในครอบครัวไปได้ แต่ปีนั้นเธอยังไม่เข้ามานี่นา”

ภัทรพยายามบังคับสายตาให้มองตรงไปข้างหน้าและบังคับใจให้ไม่หันไปค้อนคนพูด แล้วก็พยายามคิดว่าจะชวนคุยหัวข้อไหนให้พ้นจากตัวเองได้บ้าง ไอ้เรื่องที่คนคบกันจะหยอกล้อหรือแซวกันมันไม่แปลกหรอก แต่เพราะเขามักจะโดนอยู่ฝ่ายเดียวเลยรู้สึกเสียเปรียบชอบกล แต่ยังไม่ทันจะคิดอะไรออก เสียงทุ้มต่ำของคนตัวใหญ่ก็ลอยมาเข้าหูเสียก่อน

“ว่าแต่อุตส่าห์มาทะเลกันทั้งที ไม่ลงเล่นน้ำก็น่าเสียดายนะ”

ภัทรสะดุ้งเมื่อจู่ๆเจ้าของเสียงก็ขยับเข้ามาใกล้ พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอมยิ้มเจ้าเล่ห์ และรอยยิ้มนั้นก็ดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย เขาจึงรีบรัวคำตอบออกไปทันทีที่ตั้งตัวได้

“อยากลงก็ลงสิครับคุณเชษฐ์ เดี๋ยวผมนั่งรออยู่แถวนี้แหละ พอดีผมไม่ได้เอากางเกงมาเปลี่ยน”

ร่างเพรียวปรายตาไปทางเก้าอี้ชายหาดซึ่งตั้งเรียงเป็นระยะราวกับนั่นคือที่หลบภัย แต่เชษฐ์กลับยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

“ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ไม่ได้เอากางเกงมาเปลี่ยนก็ใส่ตัวนี้ลงไปเลยสิ"

คราวนี้ประกายตาหลังเลนส์แว่นทำเอาภัทรเริ่มก้าวถอย เพราะแววตาของอีกฝ่ายทำให้เขานึกถึงสัตว์ป่าที่เตรียมจะเข้าขย้ำเหยื่อยังไงยังงั้น และท่าทางเหยื่อที่ว่าก็ไม่แคล้วจะเป็นเขาเสียด้วย

“ไม่เอาครับคุณเชษฐ์ ผมบอกว่าไม่ลงไง เฮ้ย! คุณเชษฐ์! ปล่อยผมลงนะ!!”

ยังไม่ทันจะได้หมุนตัวแล้ววิ่งหนีตามที่สัญชาตญานบอก จู่ๆภัทรก็เห็นพื้นทรายตีลังกาไปอยู่เหนือหัวแทน กว่าเขาจะตั้งตัวได้และรู้ว่าโดนอีกฝ่ายอุ้มขึ้นพาดบ่า เชษฐ์ก็พาเดินลงไปที่ทะเลแล้วราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักที่อยู่บนไหล่สักนิด แถมอีกฝ่ายยังถอดแว่นออกแล้วโยนลงบนผืนทรายอย่างไม่ไยดีอีกด้วย

“คุณเชษฐ์! เดี๋ยวแว่นหายนะครับ!”

แม้จะตกใจ แต่ภัทรก็ยังไม่วายร้องเตือนเมื่อเห็นแว่นกรอบเงินที่ตกอยู่บนพื้น แต่เชษฐ์กลับตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แถมยังไม่ชะลอฝีเท้าลงเลยสักก้าว

“ไม่มีใครเอาไปไหนหรอกน่า”

ภัทรสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงละอองน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาบนขาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก้าวลงน้ำ จึงพยายามจะยึดไหล่หนาไว้แล้วผงกหัวขึ้นเพื่อดิ้นหนี แต่ถึงแม้ว่ายิ่งเชษฐ์เดินลุยน้ำลงไปลึกเท่าไหร่ ฝีเท้าของอีกฝ่ายก็ยิ่งช้าลงเพราะถูกแรงน้ำต้านก็ตาม ทว่าลำแขนแข็งแรงที่ยึดขาเขาไว้แน่นก็ไม่ยอมผ่อนแรงลงเลยสักนิด จนกระทั่งคนตัวใหญ่พาเขามาถึงจุดที่น้ำน่าจะลึกประมาณอก ภัทรก็รู้สึกได้ว่ากางเกงที่ตัวเองใส่เริ่มเปียกน้ำจนแนบไปกับต้นขา ชายหนุ่มรู้สึกว่าผิวหน้าร้อนไปหมดขณะพยายามจะดิ้นเพื่อให้เป็นอิสระอีกครั้ง เพราะการโดนเนื้อตัวกันผ่านผ้าที่เปียกจนแนบเนื้อก็ให้สัมผัสไม่ต่างจากการไม่สวมเสื้อผ้าสักเท่าไหร่

“คุณเชษฐ์!...ปล่อยผม! หวา!!”

ภัทรร้องขึ้นอีก แต่เสียงยังหลุดจากปากไม่ทันขาดคำ คนที่อุ้มเขาอยู่ก็เอียงไหล่แล้วปล่อยร่างที่ถูกอุ้มให้หล่นลงจนเกิดเสียงน้ำแหวกกระจายดังตูม การถูกปล่อยลงน้ำอย่างกะทันหันทำให้ภัทรเตรียมกลั้นหายใจไม่ทัน น้ำทะเลเค็มๆจึงทะลักเข้าปากและโพรงจมูกจนแสบไปหมด ส่วนหูทั้งสองข้างก็อื้อด้วยแรงกดของน้ำ แต่พอตั้งสติได้ เขาก็รีบเหยียดขาแล้วถีบตัวขึ้นเหนือน้ำทันที ชายหนุ่มไอโขลกเพราะยังสำลักน้ำที่ตกค้างอยู่ในจมูกและคอ แต่พอลองพยายามจะใช้เท้าหยั่งพื้นก็พบว่าระดับน้ำตรงนั้นเพียงปริ่มไหล่เท่านั้น ภัทรรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบน้ำทะเลออกจากหน้าก่อนจะหยีตาขึ้น ตั้งใจว่าจะต่อว่าคนที่แกล้งตัวเองให้ตกใจอย่างเต็มที่ แต่แล้วนัยน์ตาเรียวก็ต้องเบิกกว้างเมื่อรอบตัวมีแต่ความว่างเปล่า ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็ไม่มีแม้แต่เงาของร่างสูงใหญ่ที่บังคับอุ้มเขามาลงน้ำเลย

คุณเชษฐ์!!

ภัทรมองไปรอบตัวอย่างตื่นตระหนก เพราะแค่ถูกแกล้งโยนลงน้ำก็ทำเขาตกใจพอแล้ว พอได้พบว่าคนที่น่าจะอยู่ด้วยกลับหายไปก็ทำให้ใจเสียขึ้นมาทันที แต่แล้วขณะที่ภัทรกำลังตัดสินใจจะตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายนั่นเอง ชายหนุ่มก็ต้องร้องเสียงหลงเพราะจู่ๆก็ถูก ‘ใครบางคน’ ฉุดให้ลงไปใต้น้ำอีกครั้ง

ร่างเพรียวรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบรัดเอวตัวเองอยู่ แล้วก็ให้ตระหนักขึ้นมาทันทีว่าเสียรู้เข้าแล้ว จึงพยายามจะดิ้นหนีและดีดตัวขึ้นเหนือน้ำสุดชีวิต แต่ดูเหมือนเจ้าของอ้อมแขนจะยังไม่อยากปล่อยเขาให้เป็นอิสระง่ายๆ เพราะว่ายิ่งภัทรดิ้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งโดนกอดแน่นขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงมือใหญ่ข้างหนึ่งที่เลื่อนขึ้นไปรั้งท้ายทอยเขาไว้ขณะที่อีกข้างยังโอบอยู่รอบเอว จากนั้นสัมผัสนิ่มๆหยุ่นๆก็ทาบลงมาบนริมฝีปากของเขาอย่างเอาแต่ใจ

ภัทรรู้แล้วว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงดึงเขาลงมาใต้น้ำ จึงได้แต่หลับตาแล้วก็เม้มปากแน่น ส่วนสองมือก็ทุบไหล่กว้างอย่างประท้วง ทว่ามือใหญ่ที่ยึดท้ายทอยไว้ก็ทำให้ไม่สามารถหันหนีหรือขัดขืนได้เลย และก่อนที่ภัทรจะรู้สึกเหมือนกลั้นหายใจต่อไม่ไหว เจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงก็รั้งร่างเขาแล้วดีดตัวพาขึ้นเหนือผิวน้ำด้วยกัน พอโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอีกครั้งและสูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ได้ ร่างเพรียวก็รีบผลักแผ่นอกกว้างของอีกฝ่ายแล้วถีบตัวออกห่างทันที

ภัทรถลึงตาใส่คนตัวใหญ่และรักษาระยะห่างระหว่างทั้งคู่ร่วมเมตร โหนกแก้มทั้งสองข้างของเขาซับสีเลือดจนแดงซ่าน ทั้งอายทั้งโมโหจนไม่รู้จะพูดอะไรดี ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมองมายิ้มๆขณะเสยผมที่ปรกตาขึ้นไปก็ยิ่งนึกขวางมากเข้าไปอีก

“เปียกหมดอย่างนี้ก็ไม่ต้องเปลี่ยนชุดแล้วจริงมั้ย?”

เชษฐ์เอ่ยขึ้นเป็นเชิงถาม แต่ภัทรได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว ก็เล่นบังคับอุ้มลงน้ำแบบนี้ เขามีทางเลือกให้ไม่เปียกได้ที่ไหนกันเล่า!

“แหงสิครับ คุณเชษฐ์จับผมลงมาเองนี่”

เชษฐ์มองอีกฝ่ายที่ทำท่าเหมือนลูกแมวที่โดนแกล้งจนเริ่มพองขนขู่ ริมฝีปากบางจึงหยักยิ้มมากขึ้น ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังเรือประมงที่ทอดสมออยู่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตร

“สนใจจะว่ายน้ำแข่งไปถึงเรือลำนั้นกันมั้ย?”

คนตัวใหญ่เอ่ยถามขณะที่ภัทรกำลังจะหมุนตัวหนีและว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่ง ชายหนุ่มจึงหันกลับไปมองคนถาม จากนั้นก็มองไปยังเรือลำที่ถูกพาดพิงถึง นัยน์ตาเรียวเบนกลับมายังคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยความระแวงอย่างไม่ปิดบัง นี่คุณเชษฐ์จะมาไม้ไหนของเขาอีกนะ?

“ผมเลือกได้ด้วยเหรอครับ?”

คราวนี้เชษฐ์เลิกคิ้ว แต่แล้วก็หัวเราะในคอเบาๆ เพราะดูเหมือนเขาจะแหย่มากไปจน ‘ภัทรกร’ ที่ปกติเก็บอารมณ์เสมอเริ่มหงุดหงิดเสียแล้ว แต่ว่าภัทรไม่ได้รู้ตัวเลยว่านั่นก็เป็นแผนของอีกฝ่ายเหมือนกันที่อยากเห็นเขาแสดงอารมณ์อื่นนอกจากความเกรงใจออกมาบ้าง

“ไหนๆก็ลงน้ำมาแล้วนี่นา หรือเธอกลัวแพ้เลยไม่กล้าแข่ง?”

เชษฐ์พูดแล้วก็ยิ้ม ส่วนคนถูกท้าก็ให้นึกหมั่นไส้รอยยิ้มท้าทายบนหน้าคนตัวใหญ่เป็นกำลัง ภัทรเบนสายตากลับไปยังเรือลำที่เป็นจุดหมายอีกครั้งแล้วก็คะเนระยะทาง ถึงแม้ว่าโดยนิสัยแล้วเขาจะเป็นคนไม่ชอบการแข่งขัน และปกติก็จะนั่งมองดูคนอื่นเวลาเล่นกีฬามากกว่า แต่สำหรับเรื่องว่ายน้ำนั้นเขาค่อนข้างถนัดพอตัวเพราะโดนพี่สาวชวนแข่งอยู่บ่อยๆตั้งแต่เด็ก และถึงแม้จะห่างหายการว่ายน้ำแบบเอาจริงเอาจังไปนาน แต่ถ้าหากระยะประมาณนี้เขาก็น่าจะพอแข่งไหว อีกอย่างถ้าหากว่าเขาปฏิเสธ สงสัยคุณเชษฐ์ก็คงไม่ยอมให้เขาได้ขึ้นจากน้ำแน่ และเขาก็ไม่อยากคิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีไหนรั้งให้เขา'เล่นน้ำต่อ'ด้วย

“ระยะแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ แต่แข่งเสร็จเมื่อไหร่ผมจะขึ้นแล้วนะ”

ภัทรตอบเสียงสะบัดก่อนจะหันหน้าไปทางเรือลำที่เป็นเส้นชัย แต่ฉับพลันก็ให้นึกสังหรณ์ใจขึ้นมา เชษฐ์บังคับเขามาลงน้ำแบบนี้ แล้วยังมาท้าแข่งว่ายน้ำอีก เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่แล้ว ดูจากที่เมื่อกี้ยังกล้าฉุดเขาลงไปทำอะไรทะลึ่งๆใต้น้ำนั่นปะไร

ร่างเพรียวหันไปมองคนตัวใหญ่ข้างๆทันที เรียวคิ้วโก่งที่เมื่อครู่คลายไปแล้วกลับขมวดมุ่นขึ้นใหม่ อดหวังไม่ได้ว่าถ้าเขาถอนตัวตอนนี้ยังจะทันหรือเปล่า

“คุณเชษฐ์ แข่งนี่แข่งเล่นเฉยๆไม่มีการให้รางวัลหรือทำโทษใช่มั้ยครับ?”

คนตัวใหญ่หันมาเลิกคิ้วให้คนถาม จากนั้นก็ยิ้มก่อนจะหันกลับไปด้านหน้าอีกครั้ง

"ไม่มีไม่ได้หรอก ขืนทำอย่างนั้นก็ไม่ใช่การแข่งน่ะสิ"

คำตอบที่ได้ทำเอาภัทรหันหลังหนีทันที แต่ก็ยังช้ากว่ามือแข็งแรงที่ยื่นมารั้งต้นแขนเขาเอาไว้ และถึงแม้จะพยายามบิดแขนออกแต่ว่าก็สู้แรงไม่ได้

"คุณเชษฐ์ ไม่เอาผมไม่แข่งแล้ว"

ภัทรส่งเสียงโอดครวญ ทว่าเชษฐ์ก็ไม่ปล่อยมือ แถมยังหัวเราะกับท่าทางลนลานของเขาเสียอีก

"ฉันยังไม่ได้บอกสักคำว่ารางวัลคืออะไรแล้วจะรีบหนีไปไหนล่ะ อีกอย่างลูกผู้ชายบอกว่าจะแข่งแล้วก็ห้ามคืนคำสิ"


+---tbc---+


 
ขออภัยหากทำให้คนอ่านอารมณ์ค้าง...  o18


หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 27-05-2010 17:07:15
เล่นกันแบบนี้เลยน่ะเชษฐ์ แต่ก้อน่ารักดี ความรักแบบผู้ใหญ่

อันนี้ของไรเตอร์นะ....นาน นานมากๆเลยนะที่ไม่มาต่อง่ะ นึกว่าลืมไปซะแล้ว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 27-05-2010 17:45:15
 :z1: เหอๆๆ จูบรสทะเล อิอิ เค็มมั้ยจ๊ะนู๋ภัทร

อ้ายๆๆๆ ตอนแข่งไม่อยากดู อยากดูแต่ตอนประกาศผลรางวัล ไม่ทราบว่าจะมอบกันที่ไหนคร้า จะไปตั้งกล้องไว้

กรี๊ดๆๆๆๆ o18

p.s รอตั้งนานอ่ะกว่าจะมาต่อ อ่าน๙ไปสามรอบแล้วเนี้ย ชอบคุณเชษฐ์จัง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 27-05-2010 18:21:48
กล้องจับภาพไปที่ แว่นที่ถูกถอดจากหน้าของผู้ชายหน้าตาดี กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกลงอย่างสวยงามที่พื้นทราย
ภาพถูกซูมไปใกล้ๆ ระหว่างแว่นกับพื้นทราย
เพ้อ ~~ ไม่รู้เป็นไรชอบฉากนี้ 55+ แบบ.. ให้ความรูู้สึก คล้ายๆคุณเชษฐ์สลัดคราบผู้บริหารได้อย่างแท้จริงอ่ะค่ะ

รอตอนหน้านะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 27-05-2010 19:52:03
คุณเชษฐ์จอมเจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์ที่สุดในบอร์ดแล้วมั้งเนี่ย กร้ากกกกกกกส์

กอดโอ๋ภัทรน้อยๆดีกว่า :กอด1:
ขอบคุณนะคะคุณป้า ^o^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 27-05-2010 23:24:15
เล่นกันแบบนี้เลยน่ะเชษฐ์ แต่ก้อน่ารักดี ความรักแบบผู้ใหญ่

อันนี้ของไรเตอร์นะ....นาน นานมากๆเลยนะที่ไม่มาต่อง่ะ นึกว่าลืมไปซะแล้ว

:z1: เหอๆๆ จูบรสทะเล อิอิ เค็มมั้ยจ๊ะนู๋ภัทร

อ้ายๆๆๆ ตอนแข่งไม่อยากดู อยากดูแต่ตอนประกาศผลรางวัล ไม่ทราบว่าจะมอบกันที่ไหนคร้า จะไปตั้งกล้องไว้

กรี๊ดๆๆๆๆ o18

p.s รอตั้งนานอ่ะกว่าจะมาต่อ อ่าน๙ไปสามรอบแล้วเนี้ย ชอบคุณเชษฐ์จัง

แหะๆๆ ถ้าดูจากสปีดช่วงหลังๆของป้า นี่ก็ถือว่า record breaking ละค่า ยังไงจะพยายามปรับให้เร็วขึ้นละกันนะ (เง้อ)   :z13:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 28-05-2010 00:26:40
น่าจะมีโหวตพระเอกเจ้าเล่ห์  :laugh:
น้องภัทร ยอมยอมไปเถอะ
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 28-05-2010 02:05:41
ลากกันไปจูบใต้ทะเล เค็มไหมนั้น
พระเอกเรื่องนี้เจ้าเลห์ไปไหมเนี่ย
แข่งเองตั้งกติกาเองและตั้งรางวัลเอง
ภัทรเอ้ย จะทันพี่ท่านทันไหมล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 28-05-2010 02:06:04
คุณเชษฐ์พยายามย่นระยะห่าง และลดความเกรงอกเกรงใจของภัทร
เจ้าตัวจะตกหลุมอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ระแวงระวังจริงๆเชียว
แล้วรางวัลของผู้ชนะคืออะไรกันคะ
บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากๆ และรอลุ้นต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 28-05-2010 09:12:39
โอย อยากอ่านต่อ ไม่ยกโทษให้หรอก ที่ทำให้ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 28-05-2010 09:46:54
หงะ ไม่ค้างเป็นไม่มี กำลังหวานกันอยู่เชียวท่ามกลางสายลม สองเรา กลางคลื่น หวานไปไหนนี่
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-05-2010 09:52:42
จะเอารางวัล :interest:
คุณพี่เชษฐ์แอ๊บเด็กอ่ะ คิคิ
ขอบคุณค่าาาา...เอาอีกอ่ะ อยากอ่านอีก :impress:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 28-05-2010 14:13:25
อยากรู้จักเลยว่ารางวัลจะเป็นอะไรน๊าาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-05-2010 21:27:16
คุณเชษฐ์ ดูพยายามจะทำให้ภัทรผ่อนคลาย เปิดใจมากขี้นหน่อย ไม่เกร็งเท่าไร
สรุปแล้วคุณเชษฐ์น่ารักอะ  :o8:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 03-06-2010 10:47:50
สนุกมากกกกก ลุ้น ๆ ว่าใครจะชนะ อิ ๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-06-2010 11:17:08
 :z12: ประกาศๆๆๆ ตามหาคนหาย 2 คน ชื่อ คุณเชษฐ์ กับ ภัทร อะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 07-06-2010 14:11:23
สถานการณ์ปกติแล้ว ไรท์เตอร์กลับมาต่อด่วนจ้า
อยากรู้ผลแข่งขัน และของรางวัลจะแย่แล้วววววว  :oni2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-06-2010 17:12:19
:z12: ประกาศๆๆๆ ตามหาคนหาย 2 คน ชื่อ คุณเชษฐ์ กับ ภัทร อะ

สถานการณ์ปกติแล้ว ไรท์เตอร์กลับมาต่อด่วนจ้า
อยากรู้ผลแข่งขัน และของรางวัลจะแย่แล้วววววว  :oni2:

อ่า กองบัญชาการหาคนหาย ณ ป้า bellbomb กระซิบมาว่าคงจะตามหาสองคนนี้พบในสัปดาห์นี้ หรือต้นสัปดาห์หน้านะเจ้าคะ เหอๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง (อัพ 27/5/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 09-06-2010 14:01:21
 :interest: รับทราบนะฮ้า ถ้าไม่มาละก็............. o18
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-06-2010 02:01:12
มาตามสัญญา...ภายในอาทิตย์นี้อย่างเฉียดฉิว อิ๊ๆๆๆ แต่มาครึ่งแรกก่อนนะจ๊ะ (อีกแล้ว ช่วงนี้อิป้าครึ่งๆกลางๆชอบกล) แต่คราวนี้ครึ่งหลังจะตามมาไม่เกินกลางอาทิตย์หน้า เพราะเกรงว่าถ้าให้รอจนกว่าจะเต็มบท อาจมีหลายคนอยากปาดคอป้าน่ะค่ะ กั๊กๆๆ (ยิ่งดึกยิ่งเพี้ยนเข้าทุกที) แต่นี่เป็นหนึ่งในนานๆครั้งที่จะได้ข้อความว่า The message exceeds the maximum allowed length (20000 characters). จนต้องแบ่งเป็นสองโพสต์ เก๊าะแปลว่าคราวนี้ก็เป็นครึ่งแรกที่ค่อนข้างยาวละน้า


เอาล่ะ จากที่ทิ้งท้ายคราวที่แล้วเอาไว้ให้ลุ้น คราวนี้คนอ่านจะได้พบกับสิ่งที่คาดหวังไว้หรือไม่...ไปอ่านกัน  :impress2:



10. (ครึ่งแรก)


ในที่สุดการแข่งขันว่ายน้ำก็จบลง พร้อมๆกับที่เม็ดฝนเริ่มโปรยลงมาจากฟ้า ดูเหมือนระหว่างที่ทั้งสองแข่งกันนั้น ลมจะพัดเร็วขึ้นอย่างกะทันหันจนมวลเมฆครึ้มลอยมาเหนือแถบรีสอร์ทโดยไม่รู้ตัว ภัทรยกมือหนึ่งแตะข้างลำเรือซึ่งเป็นเส้นชัยขณะที่อีกข้างลูบน้ำออกจากหน้า ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง ทรวงอกเพรียวสะท้อนขึ้นลงอย่างแรงเนื่องจากเพิ่งออกกำลังว่ายน้ำอย่างสุดตัวจนแทบหายใจไม่ทัน

“ฝนลงเม็ดแล้วสิ กลับขึ้นไปที่ห้องกันมั้ย?”

เชษฐ์ที่ลอยตัวอยู่ในน้ำไม่ห่างจากเขานักแหงนมองท้องฟ้าแล้วก็ถามขึ้น ภัทรจึงเบนสายตาไปยังคนพูด จากนั้นก็ขมวดคิ้วและทอดตาลงต่ำ ทั้งที่เมื่อครู่ใหญ่ก่อนหน้านี้เขายังอิดออดที่จะลงน้ำ แต่หลังจากที่ผลการแข่งขันออกมาแล้ว ตอนนี้เขากลับไม่ค่อยอยากกลับไปที่ห้องสักเท่าไหร่

“ภัทร”

คงเพราะเห็นว่าเขาไม่ตอบ คนตัวใหญ่จึงเรียกชื่อเขาแล้วก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาให้ ภัทรเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าคมที่มีรอยยิ้มติดอยู่จางๆและมือที่อีกฝ่ายหงายมาตรงหน้าด้วยแววตาอ่านยาก ทว่าแทนที่ภัทรจะยื่นมือกลับไปหา เขากลับฉีกตัวว่ายน้ำไปอีกทาง

“ก็กลับสิครับ”

ภัทรเอ่ยขณะที่ว่ายน้ำผ่านหน้าเชษฐ์ ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะในคอเบาๆจากคนที่ว่ายตามมาข้างหลัง และยิ่งได้เห็นคุณผู้จัดการอารมณ์ดีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้องมากขึ้นเท่านั้น แต่หากใครที่ได้รู้เงื่อนไขของการแข่งขันก็คงไม่แปลกใจที่ฝ่ายนั้นจะอารมณ์ดี เพราะว่าตอนนี้คนที่ตกหลุมพรางต้องทำตามเงื่อนไขของการเป็นผู้แพ้ด้วยการ ‘ทำอะไรก็แล้วแต่ที่คนชนะสั่ง’ ดันเป็นเขานี่น่ะสิ

ทำไมเมื่อกี้ตอนโดนท้าให้แข่งถึงไม่รู้จักบอกปัดไปนะ คุณเชษฐ์ก็เหลือเกิน รู้ว่าตัวเองได้เปรียบยังจะมาสร้างเงื่อนไขแบบนี้กับเขาอีก นี่ถ้ามาขอให้เขาทำอะไรแผลงๆล่ะได้มีโกรธกันจริงๆแน่

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ภัทรก็ต้องรีบหยุดตัวเองไม่ให้คิดต่อ เขาไม่กล้าจินตนาการว่าจะโดน ‘ขอ’ ให้ทำอะไรที่ไม่อยากทำหรือไม่ จึงได้แต่รีบจ้วงแขนว่ายน้ำให้ทิ้งห่างจากเชษฐ์มากเข้าไปอีก ลมที่พัดแรงทำให้ฝนที่เป็นเพียงหยดน้ำเปาะแปะเมื่อครู่เริ่มทวีความแรงจนมองเห็นบ้านพักได้เพียงลางๆ ขณะที่เดินขึ้นไปบนชายหาด ภัทรก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายถอดแว่นทิ้งเอาไว้แถวนั้นก่อนจะพาเขาลงน้ำ ชายหนุ่มจึงรีบเดินตรงไปยังจุดที่จำได้ว่าเห็นแว่นครั้งสุดท้าย พอพบแล้วก็รีบหยิบขึ้นมาแล้วใช้ปลายนิ้วปัดทรายออกอย่างเบามือ เพราะถ้าเกิดพลาดพลั้งทำให้เลนส์มีรอยขีดข่วนจะทำให้ต้องไปตัดเลนส์ใหม่ ภัทรเหลือบมองคนที่เดินตามขึ้นมาจากน้ำแล้วก็ยื่นของในมือให้โดยไม่สบตาด้วย

“ทีหลังอย่าโยนแว่นทิ้งแบบเมื่อกี้อีกนะครับคุณเชษฐ์ ถ้าเกิดหายไปหรือเลนส์เป็นรอยมันจะยุ่ง”

น้ำเสียงของคนพูดซึ่งคล้ายจะดุอยู่ในทีทำให้เชษฐ์เลิกคิ้ว แต่น่าแปลกที่ท่าทางและน้ำเสียงของภัทรไม่ได้ทำให้คนตัวใหญ่รู้สึกไม่พอใจเลยสักนิด ตรงกันข้าม ใบหน้าคมเข้มยิ้มอ่อนๆขณะที่รับแว่นกลับไปสวม

“จะจำไว้ก็แล้วกัน”

ทั้งสองรีบเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่ห้องพักท่ามกลางพายุฝนที่กรรโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะไปถึงหน้าชานพักและเชษฐ์หยิบกุญแจมาไขเปิดห้องได้ ฟ้าก็คะนองและมีสายฟ้าแลบแปลบให้เห็นเป็นระยะ  ขนาดทั้งสองเข้าไปในห้องและงับประตูปิดสนิทแล้ว เสียงฟ้าร้องและเสียงน้ำฝนที่ตกกระทบสรรพสิ่งภายนอกก็ยังดังแทรกเข้ามาให้ได้ยินอย่างชัดเจน

เชษฐ์กดสวิตช์เปิดไฟในห้องก่อนจะปรายตามองคนข้างตัว จากนั้นก็ก้าวเร็วๆเข้าไปในห้องน้ำขณะที่ภัทรยืนกอดตัวเองด้วยความหนาวอยู่บนพรมเช็ดเท้าหน้าประตู เสื้อกับกางเกงที่ใส่อุ้มน้ำจนแนบติดกับเนื้อตัว และน้ำส่วนที่เนื้อผ้าดูดซับไม่ไหวก็หยดลงเป็นสายตามเรียวขาจนชุ่มผืนพรมที่รองอยู่ ปกติเขาก็เป็นคนไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว เมื่อไปโหมออกแรงว่ายน้ำและวิ่งฝ่าฝนบนพื้นทรายเมื่อครู่จึงทำให้ใช้พลังงานไปมาก กล้ามเนื้อทั่วร่างจึงเมื่อยล้าไปหมดด้วยความไม่คุ้นชิน แต่ถ้าหากเขาทรุดตัวลงนั่งตอนนี้ ภัทรก็คิดว่าคงต้องใช้เวลาหลายนาทีแน่กว่าตัวเองจะลุกกลับขึ้นมาไหว

ชายหนุ่มได้ยินเสียงน้ำไหลดังซู่มาจากในห้องน้ำ ความแรงของน้ำและเสียงยามตกกระทบพื้นทำให้เดาได้ว่าเชษฐ์คงกำลังเปิดน้ำในอ่างอยู่ ไม่นานนักอีกฝ่ายก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหญ่สองผืนที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ ผืนหนึ่งคล้องอยู่รอบบ่าหนาที่ถอดเสื้อเปียกโชกออกไปแล้ว ร่างกายท่อนบนดูเหมือนจะโดนซับน้ำออกไปจนหมาด แต่กางเกงขาสั้นที่เจ้าตัวใส่ลงน้ำยังไม่ถูกถอดออกไป น้ำจึงหยดจากชายกางเกงลงบนพื้นเป็นทาง ภัทรกะพริบตาปริบๆเมื่ออีกฝ่ายใช้ผ้าขนหนูอีกผืนคลุมลงบนไหล่เขาแล้วก็ช่วยซับน้ำตามเนื้อตัวให้ จากนั้นก็ยกชายผ้าขึ้นมาเช็ดผมที่เปียกชุ่มของเขาให้อีกด้วย

"หนาวล่ะสิท่า ปากซีดเชียว เมื่อกี้ฉันเปิดน้ำอุ่นไว้ในอ่างแล้ว เดี๋ยวไปแช่ซะจะได้หายหนาว"

เชษฐ์พูดพลางใช้ปลายนิ้วโป้งไล้ริมฝีปากที่ซีดจนเกือบเขียวให้ภัทรอย่างแผ่วเบา เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง ครู่หนึ่งภัทรก็รู้สึกว่าผิวกายที่เย็นเฉียบของตนเริ่มอบอุ่นขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะผ้าขนหนูนุ่มฟูที่อีกฝ่ายใช้เช็ดตัวให้ หรือเพราะไออุ่นจากร่างที่ยืนใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วๆที่เป่ารดลงบนหน้าผากกันแน่

ร่างเพรียวรวบชายผ้าทั้งสองด้านมาห่มตัวจนกลมดิก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นช้าๆ สองตาจับแน่วนิ่งที่ช่วงบ่าของอีกฝ่ายเพราะไม่อยากมองต่ำลงไปกว่านั้น

"เดี๋ยวผมรอก็ได้ครับ คุณเชษฐ์เข้าไปอาบให้เสร็จก่อนเถอะ"

ภัทรพูดแล้วก็กระชับผ้าขนหนูรอบตัวมากขึ้น ไอเย็นจากแอร์ซึ่งหลงเหลือในห้องก่อนที่ทั้งสองจะออกไปเดินเล่น เมื่อรวมกับความเย็นจากพายุฝนภายนอกก็ทำเอาคนที่สวมเสื้อผ้าชื้นๆถึงกับตัวสั่น แต่ถึงจะต้องทนหนาวต่ออีกหน่อย เขาก็ยังยินดีจะรออาบน้ำโดยลำพัง ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เห็นดีด้วย เพราะเชษฐ์ส่ายหน้าแล้วก็ออกแรงรั้งไหล่ภัทรให้เข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน

“ขืนรอให้ฉันอาบเสร็จก่อนเธอจะได้ไม่สบายเอาน่ะสิ ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองหนาวจนสั่นไปหมดแล้ว อาบพร้อมกันไปเลยนี่แหละ”

เสียงของอีกฝ่ายตำหนิเขาราวกับเป็นเด็กๆ ภัทรจึงนึกอยากจะเอ่ยแย้งและขืนตัวออก แต่ว่าก็จนใจเพราะตอนนี้เขาทั้งเหนื่อยทั้งหนาว ต่อให้อยากดื้ออย่างไรก็ดิ้นหนีมือใหญ่ที่ยึดไหล่ไว้แน่นไม่ไหวแน่

พอเข้าไปในห้องน้ำได้แล้ว เชษฐ์จึงยอมปล่อยมือจากร่างเพรียวแล้วหันไปล็อกประตู คราวนี้ภัทรจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ย  

“คุณเชษฐ์ ผมรอได้จริงๆนะครับ”

ชายหนุ่มพยายามจะขอร้อง แต่ดูเหมือนว่าคู่กรณีจะเริ่มหมดความอดทนเข้าไปทุกที เพราะว่าเชษฐ์ยกแขนทั้งสองขึ้นกอดอกแล้วก็ถามเสียงเฉียบขาด

“จะอาบด้วยกัน หรือให้ฉันอาบให้ก่อน?”

คราวนี้ภัทรหุบปากฉับ เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอให้ แต่ไม่ว่าตัวเลือกเอหรือบีก็ไม่เข้าท่าสำหรับเขาทั้งนั้น สุดท้ายภัทรจึงได้แต่ตอบรับเสียงอุบอิบ ดูเหมือนว่าเขาจะดื้อกับคุณผู้จัดการไม่ขึ้นเลยจริงๆ

“...อาบด้วยกันก็ได้ครับ”


++------++


น้ำที่เชษฐ์เปิดรอไว้เริ่มเอ่อขึ้นจนเกือบถึงขอบอ่าง ภัทรเหลือบตามองคนที่หันไปปิดก๊อกน้ำก่อนจะถอดแว่นออกวางไว้ จากนั้นก็ดึงสายตากลับมาและเริ่มถอดเสื้อตัวเองออกช้าๆอย่างไม่ค่อยเต็มใจ หลังจากที่ยอมตกลงว่าจะอาบน้ำด้วย ชายหนุ่มก็เอาผ้าขนหนูที่ห่มตัวเมื่อครู่ไปแขวนบนราวพาดข้างอ่างล้างหน้า เพราะถึงอย่างไรก็คงต้องฟอกสบู่และสระผมในห้องกระจกซึ่งกั้นไว้สำหรับอาบน้ำฝักบัวก่อนจะไปลงแช่น้ำอุ่น ความจริงถ้าคุณผู้จัดการจะยอมฟังเขาสักนิด เขาก็คงขอให้ต่างคนต่างแยกกันอาบในอ่างกับในห้องกระจกไปแล้วในเมื่ออีกฝ่ายกลัวเขาจะไม่สบายนัก แต่ก็คิดว่าพอจะเดาคำตอบได้จึงไม่ได้เอ่ยออกมา

ภัทรเลื่อนมือลงปลดกระดุมกางเกงแล้วก็หยุดมือนิ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ยังทำใจรูดซิปกางเกงลงไม่ไหว ถึงแม้เขาจะใส่กางเกงในแบบบรีฟไว้ข้างในอีกชั้นก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาถอดเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายดูในสภาพมะล่อกมะแล่กแบบนี้

เอาเถอะ...คุณเชษฐ์ตอนนี้ก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าเขาเท่าไหร่หรอก...

ภัทรพยายามปลอบใจตัวเอง พลันหางตาก็เห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายแวบๆ เช่นเดียวกับหูที่ได้ยินเสียงรูดซิปกางเกง ตามด้วยเสียงเฉอะแฉะของผ้าเปียกที่โดนรูดออกพ้นขาคนตัวใหญ่ และทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะรับรู้ แต่ความที่ทั้งสองอยู่ในห้องน้ำด้วยกัน ภัทรจึงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถของคนร่วมห้องเต็มสองหู หลังจากเชษฐ์โยนกองเสื้อผ้าที่เฉอะแฉะไว้มุมหนึ่งของห้องน้ำแล้วก็เปิดประตูเข้าไปในห้องกระจก จากนั้นภัทรก็ได้ยินเสียงเปิดน้ำฝักบัวซึ่งเป็นแบบที่ยึดติดไว้กับฝาผนัง ไอสีขาวลอยอวลขึ้นจากกระแสน้ำอุ่นที่สาดลงมาเป็นฝอยละเอียดจนทั้งห้องอุ่นขึ้น และภัทรก็รู้สึกได้ว่าสายตาของอีกฝ่ายกำลังจับจ้องมาที่ร่างของเขาไม่วางตา  

“ต้องให้ถอดให้หรือเปล่า?”

คราวนี้เสียงคนถามไม่มีแววหงุดหงิดโมโห ฟังแล้วเหมือนกำลังอารมณ์ดีมากเสียด้วยซ้ำ ภัทรจึงได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ผิวแก้มเริ่มร้อนขึ้นมาเพราะรู้ว่าสายตาของอีกฝ่ายยังไม่ละจากเขาไปไหน แต่ถ้าเขายังปักหลักยืนอยู่ในกางเกงเปียกๆแบบนี้ต่อไปล่ะก็ได้เป็นหวัดแน่ สุดท้ายภัทรจึงข่มใจแล้วบอกกับคนข้างหลังโดยไม่หันกลับไปมอง

“คุณเชษฐ์ก็หันหลังไปสิครับ เดี๋ยวผมถอดเสร็จก็ตามเข้าไปเองน่ะแหละ”

ถึงจะยังไงก็ต้องอาบน้ำด้วยกัน แต่ตอนถอดก็ขอความเป็นส่วนตัวบ้างก็ยังดี...

“งั้นก็ตามใจ”

ภัทรได้ยินเสียงเชษฐ์ตอบรับ จากนั้นก็ตามด้วยเสียงฟื้ดเหมือนอีกฝ่ายกดแชมพูจากขวดปั๊มไปขยี้บนผม ทำให้รู้ว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังฟังเขาบ้าง ชายหนุ่มระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ตัดสินใจถอดเสื้อผ้าที่เหลืออยู่บนร่างกายให้เสร็จเสียที

จะช้าจะเร็วก็ต้องโดนเห็นอยู่แล้ว ขืนมัวแต่กระบิดกระบวนเหมือนผู้หญิงอยู่ก็คงน่าหัวเราะมากกว่ากระมัง...

เมื่อคิดตกแล้ว ชายหนุ่มก็รูดซิปแล้วดึงกางเกงทั้งตัวนอกตัวในออกพร้อมกันทีเดียว ถึงจะทุลักทุเลนิดหน่อยเพราะกางเกงทั้งสองชิ้นอุ้มน้ำจนหนักและแนบเนื้อจนรูดลงยาก หลังจากที่ร่างกายเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดปกคลุมอีก ภัทรก็ขยุ้มเสื้อผ้าเปียกๆของตนวางกองที่มุมห้องข้างเสื้อผ้าที่เชษฐ์ถอดทิ้งไว้ ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินไปเปิดประตูกระจกของส่วนที่กั้นไว้แล้วก้าวเข้าไปด้านใน

ดูเหมือนเชษฐ์ที่เข้ามาก่อนจะสระผมเสร็จแล้ว เพราะว่าภัทรเห็นแต่เรือนผมเปียกน้ำที่โดนเสยขึ้นไปจนลู่ มีเพียงคราบฟองสายเล็กๆบนไหล่ที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะล้างแชมพูออกไป และเนื่องจากห้องกระจกที่กั้นไว้สำหรับอาบน้ำนี้ไม่ได้กว้างขวางนัก แค่เพียงพอให้คนสองคนเข้ามาอาบน้ำพร้อมกันได้โดยไม่ถึงกับต้องยืนตรงเท่านั้น เชษฐ์ที่รับรู้ว่าภัทรเดินเข้ามาแล้วจึงหันมาหา สายตาคมกริบตวัดลงมองเขาทั้งร่างแวบหนึ่งก่อนจะยิ้ม และคนถูกมองก็รู้สึกว่าความร้อนแล่นลามไปทั้งหน้า

“ยิ้มอะไรครับคุณเชษฐ์ ผมก็มีเหมือนที่คุณเชษฐ์มีนั่นแหละ”

ภัทรพยายามบังคับสายตาให้มองแต่ใบหน้าของอีกฝ่ายเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะอายกับแววตาที่ทอประกายกรุ้มกริ่มชัดเจน แต่ก็ยังดีกว่าให้มองต่ำลงจนสายตาอาจไปปะทะกับ ‘อะไรๆ’ เข้า เพราะแค่เพียงเมื่อครู่ที่ได้มองด้านหลังอีกฝ่ายทั้งตัว เขาก็แทบอยากเดินหนีออกไปรอหน้าห้องน้ำอยู่แล้ว

ชายหนุ่มพยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วก็เบียดตัวเข้าไปยืนใต้ฝักบัวบ้าง ภัทรหลับตาแหงนหน้าให้สายน้ำชะลงบนใบหน้าและลำตัวเพื่อจะได้ลืมว่าตัวเองยืนเปลือยอยู่กับใคร กระแสน้ำอุ่นจัดจนเกือบร้อนช่วยขับความหนาวออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี ผิวเนียนที่เย็นจนซีดเมื่อครู่จึงเริ่มมีสีเลือดฝาดขึ้นบ้าง แต่แล้วเสียงของเชษฐ์ที่เอ่ยถามกลั้วหัวเราะก็ทำเอาเขาต้องหันขวับไปมอง

“ใครบอกล่ะว่าเหมือนกัน?”

“คุณเชษฐ์!”

ภัทรตวาดแว้ด แต่เมื่อได้ประสานสายตากับนัยน์ตาคมกริบที่ทอประกายลึกซึ้งอย่างไม่ปกปิดความรู้สึก เขาก็รู้สึกว่าลมหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ภัทรเริ่มตระหนักว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้เป็นเพียง ‘ผู้ชาย’ ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ใช่ผู้จัดการ ไม่ใช่คนที่อายุมากหรือวุฒิการศึกษาสูงกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บซ่อนอารมณ์หรือปิดบังความต้องการเหมือนกับเวลาที่พวกเขาอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะในยามนี้ ณ ที่ตรงนี้มีแต่พวกเขาสองคน และสิ่งที่เพิ่งตระหนักก็ทำให้ภัทรพูดอะไรต่อไม่ออก ร่างเพรียวรีบหลบสายตาที่จ้องมองแล้วก็ยื่นมือไปหมายจะเปิดประตู เพราะสายตาร้อนแรงที่มองมาทำให้เขารู้สึกเหมือนหากไม่ถอยให้ห่างคงจะถูกหลอมละลาย แต่ก็ยังช้ากว่าอ้อมแขนกำยำที่เหนี่ยวเอวเขากลับไปโอบเอาไว้

“ยังอาบน้ำไม่เสร็จ จะรีบไปไหน”

เชษฐ์เอ่ยถามขณะที่กอดภัทรแน่นจากด้านหลัง ทว่าร่างเพรียวตกใจจนไม่ได้เอ่ยตอบ การแนบชิดที่เกิดขึ้นนั้นกะทันหันเกินไปจนเขาไม่ได้เตรียมตั้งรับ ถึงแม้ละอองน้ำจากฝักบัวจะยังคงหลั่งไหลมาโดนผิวกายของทั้งคู่ แต่ความอุ่นร้อนนั้นก็เทียบไม่ได้เลยกับอุณหภูมิของเลือดเนื้อที่กำลังแนบชิดกันอย่างไร้ที่ว่างในขณะนี้

ภัทรรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก จริงอยู่ว่าอ้อมแขนแข็งแรงวงนี้เคยโอบกอดให้ความอบอุ่นแก่เขามาแล้วไม่รู้ต่อกี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทั้งสองจะชิดใกล้กันแนบแน่นโดยปราศจากสิ่งกั้นขวางเช่นครั้งนี้ ร่างที่ยืนตัวแข็งสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงความรุ่มร้อนที่กำลังเบียดเนินเนื้อของเขาจากด้านหลัง

“คุณเชษฐ์...”

ภัทรเอ่ยเสียงสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และใช่ว่าจะไม่ประสีประสาจนไม่รู้ว่าเพศชายด้วยกันนั้นปลดปล่อยความต้องการที่มีต่อกันอย่างไร แต่กระนั้นความหวาดหวั่นที่สลัดไม่หลุดก็ทำให้เขาไม่พร้อมจะรับมือกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ที่สำคัญที่สุด สถานการณ์ตรงหน้าก็ทำให้ภัทรได้คำตอบให้กับสิ่งที่เขาเฝ้าถามตนเองมาตลอดตั้งแต่เมื่อเย็นวาน

เขายังไม่พร้อมจะทำเรื่องนี้กับเชษฐ์...

อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในนาทีนี้ ไม่ใช่เพราะว่ารังเกียจหรือต่อต้าน แต่อะไรบางอย่างทำให้เขายังไม่กล้าพาตัวเองไปสู่ขั้นนั้น และสมองที่กำลังมึนงงของภัทรก็สับสนเกินกว่าจะวิเคราะห์ว่าคำตอบของอะไรบางอย่างนั้นคืออะไร

ทันทีที่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ภัทรก็ให้ยิ่งลนลานกับสิ่งที่ยืนยันความปรารถนาในตัวเขาจากร่างแกร่งที่ยืนซ้อนอยู่มากยิ่งขึ้น เสียงหัวใจที่ถ่ายทอดมาทางแผ่นหลังทำให้วงจรความคิดของภัทรว้าวุ่น เขากลัวว่าถ้าหากพูดอย่างที่คิดออกไปจะทำให้เชษฐ์โกรธ แต่ถ้าไม่พูด คนที่อาจจะเสียใจทีหลังก็จะเป็นเขาเอง ชายหนุ่มเกร็งไหล่แล้วก็ปิดตาแน่นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ้อยอิ่งจากริมฝีปากบางที่จรดอยู่ข้างใบหู

ได้โปรดเถอะ อย่าเพิ่งขออะไรจากเขาตอนนี้เลย...

“...อยู่นิ่งๆสิ เดี๋ยวมันก็หายไปเองนั่นล่ะ”

เสียงกระซิบทุ้มต่ำที่แหบพร่าเล็กน้อยดังขึ้นข้างหู สิ่งที่ได้ยินทำให้ภัทรลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงุนงง แล้วก็ให้แปลกใจที่จู่ๆอ้อมแขนที่รัดรอบเอวเขาไว้แน่นก็คลายออกและเปลี่ยนเป็นโอบไว้เพียงหลวมๆ ร่างเพรียวสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยๆพรูออกมาแผ่วเบา แต่แล้วก็ลมหายใจสะดุดอีกเมื่อคนตัวใหญ่ก้มลงใช้คางเกยไหล่เขาไว้ แต่ว่านอกเหนือไปจากนี้แล้ว เชษฐ์ก็เพียงยืนกอดเขานิ่งๆโดยไม่ได้ขยับตัวอีก

หัวใจของภัทรที่เต้นแรงจนเจ็บอกเมื่อครู่ค่อยผ่อนจังหวะ จากรัวถี่ก็ช้าลง เนิ่นนาน...จนภัทรรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองกลับมาเป็นปรกติ ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกและยาวติดต่อกันหลายครั้ง คิ้วที่ขมวดมุ่นเมื่ออึดใจก่อนค่อยคลายตัวลงหลังจากได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งอย่าง

ความแข็งแกร่งและร้อนรุ่มที่กดดันเขาเมื่อครู่หายไปแล้ว

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-06-2010 02:02:25
ภัทรค่อยๆเอียงหน้ากลับไปหาคนที่เกยคางอยู่บนไหล่ ถึงแม้ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเชษฐ์จะทำให้เขาโล่งใจ แต่ความงุนงงที่ตามมาก็ทำให้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ร่างเพรียวย่นคอด้วยความจั๊กกะจี้เมื่อโดนริมฝีปากบางก้มลงประทับบนบ่าอย่างรวดเร็วหนึ่งครั้ง ทว่าสัมผัสนั้นอ่อนโยนและไร้การรุกเร้าจนไม่ทำให้ตื่นกลัวอีก

“หายกลัวหรือยัง?”

เชษฐ์ถามพลางไซ้ปลายจมูกโด่งเข้าที่เรือนผมเปียกชื้นเหนือกกหูบาง ทว่าอ้อมแขนที่ยังโอบรอบเอวภัทรก็ยังคงอยู่อย่างเดิม ไม่ได้เปะป่ายจาบจ้วง ทว่าก็ไม่ได้ละเลยเย็นชา ราวกับเพียงจะสื่อว่าอีกฝ่ายพร้อมจะให้ความอบอุ่นแก่เขาอยู่อย่างนั้น และจนกว่าเขาจะอนุญาตให้ล่วงล้ำได้ เชษฐ์ก็จะไม่ทำอะไรเกินเลยไปกว่านี้ และการตระหนักในความจริงข้อนี้ก็ทำให้ความรู้สึกเต็มตื้นเอ่อท้นขึ้นมาในอกของภัทร

“ครับ...”

ชายหนุ่มหลับตาลงแล้วตอบเสียงเบา มือทั้งสองที่เมื่อครู่เตรียมจะผลักไสเจ้าของอ้อมแขนออกห่างกลับเพียงทาบทับบนลำแขนแกร่งราวจะยึดเอาไว้ ความหวาดกลัวในใจเมื่อครู่หายไปจนไม่เหลืออีกแล้ว กล้ามเนื้อทั่วร่างที่เกร็งเครียดเมื่อครู่ค่อยผ่อนคลายลง และภัทรก็ยอมปล่อยตัวเองให้พิงกับอกอุ่นที่รออยู่ด้านหลังแต่โดยดี เพราะเขารู้แล้วว่าเจ้าของแผ่นอกนี้จะไม่ทำร้ายเขาอย่างเด็ดขาด

ลมหายใจและจังหวะหัวใจของทั้งคู่ราวจะสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ภัทรสูดกลิ่นสบู่อ่อนๆจากตัวของอีกฝ่ายด้วยความสบายใจก่อนจะระบายลมหายใจยาว นัยน์ตาเรียวปรือขึ้นช้าๆอีกครั้งแล้วทอดมองผ่านประตูกระจกไปยังอ่างซึ่งมีน้ำอุ่นเต็มอ่าง ชายหนุ่มยิ้มแล้วก็เอี้ยวคอไปมองเจ้าของเรือนร่างแข็งแรงที่ยืนเป็นหลักให้เขาพิง

“ไปแช่น้ำกันไหมครับคุณเชษฐ์ ขืนปล่อยไว้นานๆเดี๋ยวน้ำอุ่นจะเย็นหมด”

คนถูกถามเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่แล้วใบหน้าคมก็ยิ้มให้ก่อนจะกระชับอ้อมแขนและแนบริมฝีปากลงบนเรือนผมหมาดน้ำของภัทรอีกครั้ง

“ไปสิ แต่ต้องหลังจากฉันอาบน้ำให้เธอเสร็จก่อนก็แล้วกัน”

คราวนี้คนตัวใหญ่เปลี่ยนมายิ้มขี้เล่นให้อีกครั้ง ใบหน้าของคนฟังจึงซับสีเลือดเป็นสีเรื่อขึ้น แต่ภัทรก็เพียงยิ้มเขินๆและไม่ได้ปฏิเสธ เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำอะไรที่ฝืนใจเขาอย่างแน่นอน และหลังจากนั้นเชษฐ์ก็ช่วยอาบน้ำให้เขาโดยไม่ได้แสดงเจตนาที่จะหักหาญน้ำใจหรือครอบครองอีกเลยจริงๆ อาจมีบ้างที่มือใหญ่อ้อยอิ่งหรือหยุดอยู่ตรงไหนนานเกินกว่าที่ควร แต่ว่าอีกฝ่ายก็เพียงแต่หัวเราะเมื่อโดนภัทรเตือนหรือยกมือทุบไหล่ และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ภัทรรู้สึกราวกับเขาและเชษฐ์คบกันมายาวนานมากกว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสามเดือนสั้นๆเช่นในความเป็นจริง

หลังจากที่จัดการล้างฟองสบู่และแชมพูให้ภัทรจนหมดแล้ว เชษฐ์ก็ปิดฝักบัวและผลักประตูกระจกที่โดนไอน้ำเกาะจนเป็นฝ้าพลางจูงร่างเพรียวไปที่อ่าง โชคดีว่าอีกฝ่ายเปิดอุณหภูมิน้ำไว้ค่อนข้างสูงตั้งแต่แรก ดังนั้นแม้ว่าทั้งคู่จะเสียเวลาอาบน้ำนานไปสักนิด แต่ว่าน้ำก็ยังคงอุ่นพอเหมาะจะนั่งแช่เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และจังหวะที่ทั้งคู่ก้าวลงในอ่างนั่นเอง ภัทรก็ไม่พ้น ต้องก้มไปเห็นสิ่งที่ตอนแรกหลบเลี่ยงที่จะเห็นจนได้ แต่ถ้าเขาไม่ก้มก็คงกะไม่ถูกแน่ว่าต้องก้าวสูงแค่ไหนถึงจะพ้นขอบอ่าง

ดูเหมือนเชษฐ์จะรู้ว่าภัทรเป็นอะไรจากการที่อีกฝ่ายเบนสายตาไปทางอื่นกะทันหันแล้วก็รีบหันหลังย่อตัวลงนั่งในน้ำ หลังจากที่ขยับตัวจนร่างสูงใหญ่พิงกับขอบอ่างและให้ภัทรนั่งเอนลงบนอกตนได้โดยที่ต่างคนต่างไม่เมื่อยแล้ว เชษฐ์ก็ยกแขนขึ้นวางพาดไปตามแนวขอบอ่างทั้งสองด้านแล้วกระซิบถามคนตรงหน้ายิ้มๆ

“บอกแล้วว่าไม่เหมือนใช่ไหมล่ะ?”

ภัทรหันไปทำตาเขียวใส่คนข้างหลังก่อนจะหันขวับกลับไปด้านหน้า เพราะเขารู้ดีโดยไม่ต้องถามว่าคนพูดเอ่ยถึงอะไร นึกเสียดายที่นั่งท่านี้ทำให้หันไปทุบไหล่อีกฝ่ายไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่ถ้าให้นั่งหันหน้าเข้าหากันก็คงจะทุลักทุเล จึงได้แต่ต้องยอมให้เชษฐ์แซวเขาอยู่อย่างนั้นโดยที่โต้ตอบไม่ได้

เอ้า...แซวเขาแล้วสนุกนักก็ปล่อยให้แซวไปแล้วกัน ปกติอยู่ที่ออฟฟิศมีแต่ต้องเครียดกับงานและลูกน้องตลอด อย่างน้อยถ้าหากหัวเราะได้เวลาอยู่กับเขาก็ดีแล้วล่ะ...  

ภัทรคิดพลางยกมือทั้งสองข้างรองน้ำอุ่นขึ้นแล้วก็ปล่อยให้ไหลลงผ่านง่ามมือ ฉับพลันก็ต้องครางในคออย่างประหลาดใจเมื่อถูกข้อนิ้วแข็งแรงกดลงบนแผ่นหลังให้

“คุณเชษฐ์นวดเป็นด้วย?”

คนถูกนวดเอี้ยวคอกลับไปถาม แรงที่ถ่ายมาจากมือของเชษฐ์นั้นจัดว่าค่อนข้างหนัก แต่พอกดลงบนเส้นประสาทที่เมื่อยล้าของเขาแล้วก็ทำให้รู้สึกสบายจนไม่อยากเบี่ยงตัวหนี คนถูกทักจึงตอบยิ้มๆโดยไม่หยุดออกแรงตามปลายนิ้วไปบนแผ่นหลังเนียนขาว

“แน่ล่ะสิ ฉันเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียนมาก่อนนี่ สมัยเรียนก็ต้องช่วยกันนวดให้เพื่อนในทีมเองแบบนี้แหละ”

ภัทรนึกถึงรูปถ่ายของอีกฝ่ายในชุดนักกีฬาเทนนิสซึ่งเขาเคยเห็นในห้องนั่งเล่นที่บ้าน รูปนั้นน่าจะเป็นรูปสมัยมัธยม แต่เขาจำได้ว่าในรูปนั้นเชษฐ์ไม่ได้ใส่แว่น ความสงสัยที่ผุดขึ้นทำให้ภัทรเอ่ยถาม

“คุณเชษฐ์สายตาสั้นเท่าไหร่ครับ? ผมเห็นรูปสมัยเรียนบางรูปก็ใส่แว่น บางรูปก็ไม่ใส่”

ทั้งที่เรื่องเหล่านี้เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่คนใกล้ชิดในสถานะเช่นเขาควรจะรู้ แต่ที่ผ่านมาภัทรไม่เคยถามเลยเพราะเกรงใจ และคิดว่าเชษฐ์อาจจะมองว่าเขาอยากรู้อยากเห็นกับเรื่องไม่มีสาระ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าอยากรู้จักคนคนนี้ให้มากขึ้นกว่านี้

เชษฐ์ใช้ปลายนิ้วโป้งกดคลึงให้บนช่วงคอที่ต่อกับแผ่นหลังของภัทร จากนั้นก็ตอบเสียงเนือยๆ “ถ้าตอนนี้ก็ประมาณสามร้อยกว่าทั้งสองข้าง แต่ตอนที่เล่นเทนนิสนั่นสั้นแค่สองร้อยเลยไม่ได้ใส่แว่นตลอด  เพิ่งจะมาใส่ประจำก็หลังเข้ามหาลัยนั่นแหละ”

“สามร้อยกว่า? ก็ไม่สั้นมากนี่ครับ ทำไมไม่ใส่คอนแทคต์เลนส์ไปเลยล่ะ ขนาดพี่สาวผมสายตาสั้นตั้งห้าร้อยยังใส่คอนแทคต์มาตั้งแต่ม.ปลายเลย”

ภัทรถามขึ้นอีก เพราะเขาเชื่อว่าเชษฐ์ก็คงรู้ตัวว่ารูปร่างหน้าตาของตัวเองนั้นค่อนข้างโดดเด่นทีเดียว แล้วขนาดเขาเอง เวลาเห็นอีกฝ่ายไม่สวมแว่นยังรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวดูผ่อนคลายและให้ความกันเองขึ้นตั้งขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าพวกสาวน้อยสาวใหญ่ที่ออฟฟิศได้เห็นใบหน้าเกลี้ยงๆของคุณผู้จัดการโปรเจ็กต์ทุกวัน มีหวังคงไม่ได้เป็นอันทำงานกันแน่

คำถามของภัทรทำให้เชษฐ์หัวเราะ มือที่นวดต้นคอและท้ายทอยให้เมื่อครู่ถูกปล่อยลงมาโอบไว้รอบเอวบางหลวมๆแทน

“ทำไมล่ะ ใส่แว่นแล้วไม่ชอบหรือไง?”

คนถูกถามหน้าแดงขึ้นเมื่อโดนกระซิบถามเสียชิดริมหู ก็จริงที่เขาชอบเวลาได้เห็นอีกฝ่ายไม่สวมแว่น เพราะมันทำให้ภัทรรู้สึกว่าเชษฐ์ในเวลานั้นปล่อยวางภาระการงานไว้เบื้องหลังแล้วได้ปลดปล่อยตัวเองต่อหน้าเขาจริงๆ แต่ภัทรก็ไม่ปฏิเสธว่าเขาก็ชอบยามที่คุณผู้จัดการยกมือขยับขาแว่นหรือใช้ปลายนิ้วดันแว่นขึ้นไประหว่างที่ทำงานหรือคุยกันเหมือนกัน เพราะเขาเห็นภาพเหล่านั้นประจำจนชินตาไปแล้ว และหากอีกฝ่ายเลิกสวมแว่นไปเลย เขาก็คงจะรู้สึกเหงาๆเหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไปอย่างแน่นอน

“เปล่าครับ...ผมแค่ถามดูเฉยๆ”

ภัทรตอบเสียงอ้อมแอ้ม แล้วก็เหลือบสายตาลงเมื่อเชษฐ์จับมือของเขาข้างหนึ่งขึ้นพลิกดู

“นิ้วย่นหมดแล้วสิ น้ำก็เริ่มไม่อุ่นแล้วด้วย งั้นไปแต่งตัวแล้วหาข้าวเย็นกินกันดีกว่า”

“อ๊ะ ครับ”

ภัทรตอบเหมือนเพิ่งรู้ตัว พอเชษฐ์พูดขึ้นมา เขาจึงได้รู้สึกว่าน้ำในอ่างเริ่มหายอุ่นไปกว่าตอนแรกที่ลงแช่เยอะแล้วจริงๆ แต่เพราะว่าเขานั่งพิงอกอีกฝ่ายอยู่ ไออุ่นที่ได้รับจึงทำให้ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าน้ำเริ่มเย็นแล้ว

เชษฐ์รอจนทั้งคู่ก้าวออกจากอ่างแล้วจึงบิดล็อคเพื่อระบายน้ำให้ไหลออกทางปลายอ่าง ระหว่างนั้นภัทรก็รีบหยิบผ้าขนหนูของตัวเองมาพันเอวอย่างแน่นหนา จากนั้นค่อยหันไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนส่งให้เชษฐ์ใช้เช็ดตัว แต่แทนที่อีกฝ่ายจะใช้ผ้านั้นปกปิดร่างกายเหมือนกัน คนตัวใหญ่กลับเอาผ้าขยี้ผมที่เริ่มหมาดและซับน้ำตามเนื้อตัวโดยไม่สนใจจะปิดบังร่างกายที่เปลือยเปล่าเลยสักนิด

“คุณเชษฐ์...ไม่เกรงใจผมบ้างเลยเหรอครับ”

ภัทรถามเสียงอ่อนโดยพยายามไม่หันไปมอง ถึงเมื่อกี้เขาจะได้เห็นแบบเต็มๆตาไปแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่ใช่คนโรคจิตชอบมองเรือนร่างคนอื่นเวลาไม่ใส่เสื้อผ้าเสียหน่อย ทว่าคำตอบของเชษฐ์ทำเอาเขาอยากจะวางมือจากเสื้อผ้าเปียกที่กำลังจะคลี่ออกผึ่งแล้วหันไปทุบไหล่หนาสักบึ้กใหญ่ๆ

“จะเป็นไรไปล่ะ เดี๋ยวต่อไปเธอก็ต้องได้เห็นจนชินอยู่แล้วนี่ รีบทำให้ชินไว้ก่อนจะเป็นไรไป”

“คุณเชษฐ์”

ภัทรเอ่ยปรามเสียงดุ แต่แก้มเนียนทั้งสองข้างแดงก่ำ เขารู้ดีว่าความหมายแฝงที่ซ่อนในคำพูดของอีกฝ่ายคืออะไร แต่ป่วยการจะเถียงกับคุณผู้จัดการถึงเรื่องในอนาคตตอนนี้ จึงไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไปหยิบเสื้อผ้าสำหรับใส่เปลี่ยน และคราวนี้ก็ยังขอกลับเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำคนเดียวเหมือนเดิม ไม่ใช่เพราะว่าอายหลังจากที่ก็อาบน้ำด้วยกันไปแล้ว แต่เพราะเขาอายที่จะต้องเห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบเต็มๆตาต่างหาก

ถ้าจะชินก็ให้มันเป็นเรื่องในอนาคตเถอะ ตอนนี้เขายังห้ามใจไม่ให้เต้นแรงเวลาเห็นร่างกายของคุณเชษฐ์ไม่ได้นี่...



TBC. in ครึ่งหลัง...
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 11-06-2010 02:48:16
 :-[ :impress2:
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 11-06-2010 03:41:53
ป้ามาแล้ว คุณเชษฐ์กับภัทร น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เขินมากมาย เขินๆๆๆๆๆๆๆจังเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 11-06-2010 09:47:35
รอเอ็นซี  จะมีมั้ยน๊อ อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 11-06-2010 09:52:49
หวานๆ น่ารัก อ่านไปเขินไป
รออีกครึ่งที่เหลือน๊า
ปล. +1 ให้ไรทเตอร์แล้ว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 11-06-2010 12:49:05
:-[
ยิ้ม ยิ้ม
ทะเลหวาน


หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 11-06-2010 13:08:32
อ้า อ้า น่ารักง่ะ :o8: ถ้าเป็นเราน่ะคงอดใจไม่ไหวแล้วล่ะฮิ ฮิ ฮิ ไม่ได้หื่นน่ะ :haun4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-06-2010 16:08:30
คุณเชษฐ์ อ่อนโยนเนอะ แสนดี สุภาพ แอร๊ยยยย เพอร์เฟ็กเกินไปแหละ อยากได้มั้งอะ  :-[
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: beybeybeymylove ที่ 11-06-2010 19:52:23
 :-[ :o8: :impress2:
หวานเกินห้ามใจ

นี่แหล่ะ ประโยชน์ของการที่มีคนรักเป็นคนแก่กว่า

อาาาาา  คุณเชษฐ์เฟอเฟ็กแมนจริงๆๆๆ

อิจฉาภัทร :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-06-2010 19:58:13
หวานจัง ชอบผู้ชายที่อบอุ่น  อ่อนโยน  เป็นผู้ใหญ่ แบบนี้แหละ ใช่เลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 11-06-2010 21:55:52
อ่านแล้วหัวใจละลายกลายเป็นน้ำเลย ผู้ชายอาไร้ น่ารักขนาดนี้ นู๋ภัทรจ๋า  หายกลัวเร็วๆ นะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 11-06-2010 22:18:49
 :m3: คุณเชษฐ์น่ารักที่สุดเลย
อ่านแล้วแอบเขินไปกับนู๋ภัทร :o8:

รออีกครึ่งนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 12-06-2010 03:41:49
จะน่ารัก น่าตีไปไหนคะ คุ๊ณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-06-2010 22:33:51
ตัวเอง....วันนี้วันพฤหัสฯ แล้วนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 17-06-2010 22:37:22
ใช่ๆๆๆ วันนี้วันพฤหัสแล้วนะคร้า หงิงๆ  :m17:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-06-2010 13:54:14
^
^
วันนี้วันศุกร์ ขอเป็นคืนนี้ได้ไหมค้าสาวๆ คริคริ

(เห็นใจป้านิดนะคะ เมื่อคืนช่วยงานที่ออฟฟิศ ได้ออกมาตอนตีสี่เมื่อเช้า นี่ก็ต้องกลับเข้าไปอีกและ ฮ่วย!)  :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งแรก (อัพ 11/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 18-06-2010 18:31:00
แวะมาเยี่ยมป้ารินคนงาม
ขอบอกว่ายังไม่ได้ตามเก็บเลยเรื่องนี้  :z3: แต่ยังไม่เยอะหน้า เรายังมีโอกาส  :laugh:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-06-2010 00:58:12
ครึ่งหลังมาแล้วเจ้าค่า ขออภัยที่ล่าช้ากว่าที่บอกไว้มากมาย ทั้งเพราะงานเข้า + เข้าเรียน (ป.โทกั๊บ ป้ากลับไปเป็นนักศึกษาแล้วนะ ฮุฮุฮุ) หลังจากนี้ก็คงยิ่งยุ่งๆมากเข้าไปอีก ยังไงถ้ามาต่อช้าก็อย่าเพิ่งทิ้งสองคนนี้ไปไหนนะจ๊ะ   :impress:

10. (ครึ่งหลัง)


พายุที่หอบเอาสายฝนกระหน่ำมาเมื่อครู่ก่อนพัดผ่านบริเวณรีสอร์ทไปแล้ว ปุยเมฆบนฟ้าเริ่มกระจายตัวออกจากกันมากพอจะเผยให้เห็นแสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน ละอองฝนประปรายที่ยังเหลือตกค้างทำให้บรรยากาศภายนอกชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำ แม้แต่สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นอยู่รอบรีสอร์ทก็ดูจะเข้มขึ้นกว่าเดิมเนื่องจากได้รับน้ำฝนจนอิ่ม

หลังจากแต่งตัวกันเรียบร้อยและเห็นว่าพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้ว เชษฐ์ก็ขับรถพาภัทรออกไปหาร้านอาหารเพื่อทานมื้อเย็นด้วยกัน ทั้งคู่ตัดสินใจไม่ทานที่ห้องอาหารของรีสอร์ท เพราะจะได้เปลี่ยนบรรยากาศจากการอยู่แต่ในบริเวณที่พักกับชายหาดหน้าห้องบ้าง และหลังจากที่ขับรถวนสำรวจถนนเลียบหาดไปหนึ่งรอบ ทั้งคู่ก็เห็นพ้องกันว่าจะเลือกร้านริมทะเลร้านหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากที่พักออกไปราวสองกิโลเมตร เพราะดูแล้วไม่ถึงกับโหรงเหรงหรือมีลูกค้าแน่นเกินไปจนต้องรออาหารนาน

ร้านที่เชษฐ์กับภัทรเลือกนั้นมีทั้งส่วนที่เป็นห้องอาหารหลักและศาลามุงจากหลังย่อมๆอีกจำนวนหนึ่งสำหรับรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มเล็ก โต๊ะและเก้าอี้สำหรับที่นั่งตรงศาลาก็ทำจากไม้ไผ่ที่ประกอบกันเป็นแคร่ ซึ่งต่างจากโต๊ะและเก้าอี้เหล็กพับในส่วนของห้องอาหารหลัก โชคดีที่ทางร้านนำผ้าพลาสติกมาคลุมศาลาเหล่านี้เอาไว้ระหว่างที่มีพายุฝน โต๊ะและที่นั่งซึ่งถูกคลุมเอาไว้จึงไม่เปียกเฉอะแฉะ

พนักงานของร้านเดินนำทั้งคู่ไปนั่งที่โต๊ะริมทะเลซึ่งประกอบขึ้นจากไม้ไผ่และมีหลังคามุงจากบนเสาไม้ทั้งสี่ด้าน หลังจากได้ที่นั่งแล้ว ทั้งสองก็สั่งเมนูที่ทางร้านแนะนำให้และอาหารทะเลเผาอีกสองสามอย่าง ลมเย็นที่โชยมาในยามค่ำให้ความรู้สึกสดชื่นโดยไม่ทำให้เหนียวตัว ทั้งสองจึงนั่งทานอาหารและคุยกันไปเรื่อยๆโดยมีตะเกียงที่ให้แสงสว่างตั้งอยู่กลางโต๊ะ จวบจนเวลาผ่านไปสองชั่วโมงและดวงจันทร์ลอยขึ้นสูงแล้วจึงเรียกพนักงานมาเก็บเงินและเดินทางกลับ

เนื่องจากที่รีสอร์ทแถมน้ำดื่มให้แขกที่มาพักเพียงห้องละสองขวด ทั้งสองจึงแวะซื้อน้ำจากร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทางก่อนจะกลับที่พัก หลังจากเชษฐ์จอดรถและล็อกประตูแล้วก็ฉวยถุงใส่ขวดน้ำไปถือและเดินนำไปก่อน ขณะที่กำลังเดินไปตามทางเดินเพื่อกลับห้องพักนั่นเอง ภัทรที่เดินตามหลังร่างสูงใหญ่ไม่ห่างนักก็แหงนหน้ามองผืนฟ้าสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ ดวงดาวที่กำลังกะพริบแสงดูแล้วเหมือนกับมีใครเอากากเพชรสีทองไปโปรยไว้ ชายหนุ่มจึงเร่งฝีเท้าไปแตะข้อศอกของคนที่เดินนำหน้าเบาๆ

“คุณเชษฐ์ ผมยังไม่ง่วงเลย เดี๋ยวผมไปเดินเล่นก่อนนะครับ”

ภัทรเอ่ยขึ้น เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาทำงานที่บริษัทนี้ เขาก็แทบจะไม่ได้ออกจากกรุงเทพฯมาเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยนัก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจึงอยากจะซึมซับช่วงเวลาและบรรยากาศของการพักผ่อนให้นานขึ้นอีกหน่อย เพราะวันพรุ่งนี้ทั้งคู่ก็ต้องกลับกรุงเทพฯกันแล้ว

เชษฐ์ปรายตามองมือเรียวที่ยังแตะอยู่บนข้อศอกของตน จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นแล้วถามเจ้าของมือยิ้มๆ

“แล้วฉันล่ะ?”

“เอ๊ะ?”

คำถามของอีกฝ่ายทำให้ภัทรเลิกคิ้วอย่างงุนงง เชษฐ์จึงอธิบายต่อให้

“ก็เห็นเธอพูดเหมือนอยากจะไปเดินเล่นคนเดียว ใจคอจะไม่ชวนกันเลยหรือไง?”

พอได้ยินคำอธิบาย ภัทรก็ให้นึกอยากจะจิกเล็บลงบนแขนแข็งแรงที่ตัวเองวางมือทาบอยู่ขึ้นมาติดหมัด เพราะเขายังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยสักคำ มีแต่คุณเชษฐ์นี่ล่ะที่ชอบเอาคำพูดเขาไปตีความใหม่อยู่เรื่อย

“...อยากมาก็มาสิครับ ผมไม่ได้บอกว่าไม่ให้ตามมานี่”

ชายหนุ่มปล่อยมือข้างที่ยื่นออกไปเมื่อครู่ลงข้างตัว หัวคิ้วทั้งสองข้างมุ่นขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ตั้งใจ เชษฐ์ที่ได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นจึงหัวเราะเบาๆ

“เข้าใจละ งั้นเธอไปรอที่หาดก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันเอาน้ำไปเก็บที่ห้องเสร็จแล้วจะตามไป”

คนตัวใหญ่เอ่ยพลางชูถุงใส่ขวดน้ำในมือขึ้น ภัทรจึงค่อยยิ้มและพยักหน้า จากนั้นก็ปลีกตัวเดินย้อนไปตามทางที่เดินมาเพื่อจะเลี้ยวลงชายหาด ดูเหมือนว่านอกจากพวกเขาสองคนที่เลือกพักที่ห้องสวีทริมทะเลแล้ว แขกที่มาพักกลุ่มอื่นๆจะเลือกพักในส่วนที่เป็นตึกโรงแรมซึ่งอยู่ใกล้ล็อบบี้มากกว่า เพราะว่าภัทรเห็นแสงไฟและเงาที่ลอดผ่านผ้าม่านของห้องบางห้องได้ลางๆ ซึ่งเหตุผลหนึ่งก็คงเป็นเพราะราคาห้องพักที่ถูกกว่าห้องบีชฟร้อนท์สวีทแบบที่เชษฐ์เลือกอยู่หลายพันบาทนั่นเอง

ลมทะเลยามค่ำที่ค่อนข้างแรงคงทำให้แขกคนอื่นเลือกจะอยู่ในห้องมากกว่าออกมาเดินเล่น ดังนั้นนอกจากเสียงลมแล้วก็มีเพียงเสียงคลื่นที่กำลังม้วนตัวเข้าซัดหาดทรายให้ได้ยิน แสงจากดวงจันทร์ข้างขึ้นสีเงินยวงช่วยให้มองเห็นจุดที่เส้นขอบฟ้าบรรจบกับท้องน้ำได้ลางเลือน นอกจากนี้ก็มีแสงสว่างจากโคมไฟดวงเล็กที่ทางรีสอร์ทเปิดไว้เป็นระยะบริเวณรั้ว บริเวณหน้าหาดจึงไม่ถึงกับมืดมิดจนมองอะไรไม่เห็น

พื้นทรายที่ภัทรเหยียบย่ำลงไปนั้นยังชื้นเพราะพายุฝนเมื่อช่วงบ่าย ชายหนุ่มจึงถอดรองเท้าแตะออกแล้วเดินเท้าเปล่าลงไปบริเวณที่คลื่นซัดขึ้นมาจนน้ำปริ่มข้อเท้า ร่างเพรียวเหยียดแขนขึ้นสูงก่อนจะสูดกลิ่นอายทะเลและอากาศบริสุทธิ์ยามค่ำคืนเข้าเต็มปอด ความจริงแล้วตอนเด็กเขาก็โตมากับทะเลภาคตะวันออก และชอบเล่นน้ำทะเลเวลาที่อารมณ์ครึ้มพอ แต่เพราะว่าเมื่อตอนบ่ายนั่นเขาโดนเชษฐ์บังคับอุ้มลงไป ทำให้ไม่ได้สนุกกับการเล่นน้ำอย่างเต็มที่เท่าไหร่นัก

นัยน์ตาเรียวทอดมองออกไปยังผืนทะเลกว้างที่มีเงาของดวงจันทร์สะท้อนอยู่เป็นวง เงาสีขาวนวลเต้นระยิบไปมาตามริ้วคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่โถมเข้าหาฝั่ง ชายหนุ่มยืนนิ่งขณะทอดสายตามองไปยังแสงไฟจากเหล่าเรือหาปลาที่อยู่ไกลจนเห็นเป็นเพียงกลุ่มแสงจุดเล็กๆ หลังจากใช้เวลาอยู่กับเชษฐ์มาทั้งวัน เมื่อได้มายืนมองทะเลตามลำพังเช่นนี้ ภัทรก็ให้นึกถึงผู้มีพระคุณในครอบครัวที่เขารักและเคารพที่สุดขึ้นมา

…ป่านนี้น้าจินกับน้าบรรณเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้โทรไปหาเลย ถ้าจู่ๆโผล่ไปเยี่ยมจะเป็นยังไงนะ อุตส่าห์มาถึงระยองทั้งที ขับรถต่อไปอีกหน่อยก็ถึงจันทบุรีแล้ว

แต่ว่า...จะให้พาคุณเชษฐ์ไปแนะนำเลยน่ะหรือ.... จะเร็วเกินไปหรือเปล่า

ชายหนุ่มหวนนึกถึงตอนที่เชษฐ์ขับรถพาเขาออกมาจากกรุงเทพฯเมื่อเที่ยงวัน ตอนนั้นเขาไม่ได้บอกว่าสาเหตุที่แสดงท่าทางแปลกๆตอนเห็นป้ายบอกทางไปจันทบุรีก็เพราะนึกถึงน้าขึ้นมา นับตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไปเพราะอุบัติเหตุทางเรือตอนที่ภัทรยังเรียนมัธยมนั้น ก็เป็นน้าจิน น้องสาวของแม่ กับน้าบรรณซึ่งเป็นสามีที่คอยดูแลและช่วยเหลือสองพี่น้องเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ความที่ทั้งสองไม่มีลูกจึงเอ็นดูพวกเขามาก แม้กระทั่งยามที่ภัทรสอบติดมหาวิทยาลัยและย้ายตามแพนไปอยู่กรุงเทพฯแล้ว ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองก็ยังคงติดต่อมาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่เสมอ ตอนที่เขาท้อถอยเพราะถูกคนรักเก่าทอดทิ้งจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานต่อ ก็เป็นบ้านของน้าจินกับน้าบรรณที่เขาหลบมาพักเพื่อเยียวยาแผลที่เกิดขึ้นและเพื่อเรียกความเข้มแข็งกลับมาจนมีกำลังใจกลับไปสู้ชีวิตที่กรุงเทพฯอีกครั้ง ทั้งที่น้าจินซึ่งเขาเคารพเหมือนแม่คนที่สองก็เคยแนะนำว่าให้หางานทำที่จันทบุรีแล้วพักอยู่ที่บ้านด้วยกัน แต่ถ้าหากว่าตอนนั้นเขาไม่ได้กลับเข้ากรุงเทพฯ เขาก็คงไม่ได้พบกับเชษฐ์...และไม่ได้รู้ว่าตัวเองก็ยังมีค่าให้ใครอีกคนเอาใจใส่ดูแลดังเช่นตอนนี้

ภัทรล้วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในกระเป๋ากางเกงที่ใส่โทรศัพท์มือถือไว้ ปลายนิ้วเรียวลูบตัวเครื่องไปมา ขณะที่ความคิดในใจกำลังขัดแย้งระหว่างจะโทรหรือไม่โทรหาผู้มีพระคุณนั่นเอง ชายหนุ่มก็สะดุ้งกับเสียงทุ้มลึกที่ดังมาจากด้านหลัง

“อยากว่ายแข่งแก้มืออีกรอบมั้ย?”

ภัทรสะดุ้งชักมือออกจากกระเป๋าแล้วก็หันไปทางต้นเสียง ทำให้พบว่าเชษฐ์กำลังยืนมองเขาอยู่ ร่างสูงใหญ่เอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงผ้าฝ้ายที่ม้วนชายขึ้นเหนือข้อเท้าจนเห็นสายคาดรองเท้าแตะสานทำจากหนัง ใบหน้าคมที่มองเห็นใต้แสงจันทร์สลัวอมยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็บุ้ยคางไปแถวกลางทะเลเลยจุดที่ภัทรยืนอยู่ออกไป

ร่างเพรียวเบนสายตาตามไปยังทิศทางนั้น ทำให้ได้เห็นเรือลำที่เป็นเส้นชัยการแข่งขันเมื่อตอนบ่ายยังคงทอดสมออยู่ที่เดิม ลำเรือโยกเอียงไม่อยู่นิ่งตามแรงคลื่นที่ซัดเข้ากระทบ ชายหนุ่มจึงหันกลับไปหาคนถามอีกครั้ง

“เรื่องอะไรล่ะครับ แพ้รอบเดียวก็พอแล้ว อีกอย่างคราวนี้ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนแล้วจริงๆนะ บอกไว้ก่อน”

ชายหนุ่มพูดดักคอโดยเอ่ยเป็นนัยๆถึงเรื่องที่เขาโดนอุ้มลงน้ำทั้งที่ไม่เต็มใจเมื่อช่วงบ่าย แต่เรื่องที่เขาไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยนแล้วนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะภัทรตั้งใจจะใส่เสื้อยืดที่ใส่นอนคืนนี้กลับบ้าน เนื่องจากเสื้อผ้าเปียกที่เขาผึ่งเอาไว้คงไม่มีทางแห้งทันพรุ่งนี้เช้า และถ้าจะให้ถอดเสื้อลงเล่นน้ำตอนกลางคืนที่ลมค่อนข้างแรงแบบนี้ คราวนี้เขาก็คงไม่แคล้วจะไม่สบายเอาจริงๆ

เชษฐ์หัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ภัทรจึงเดินขึ้นจากน้ำไปบนหาดแล้วก็สวมรองเท้าที่ถูกถอดทิ้งไว้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาแล้วก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาให้

นัยน์ตาเรียวตวัดลงมองมือแข็งแรงข้างนั้นก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าของมือ ทว่าอีกฝ่ายเพียงยืนรอเงียบๆโดยไม่พูดอะไร และไม่ได้บังคับคว้ามือเขาไปจับเองโดยพลการ ราวกับจะรอให้ภัทรเป็นฝ่ายยื่นมือกลับไปหาด้วยตัวเอง

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วอึดใจ มือเรียวจึงถูกยื่นออกไปวางทาบลงบนมือใหญ่อบอุ่นที่รออยู่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อเชษฐ์ดึงตัวเขาเข้าไปใกล้ จากนั้นก็ปล่อยมือและยกแขนขึ้นโอบไหล่เขาไว้หลวมๆขณะพาออกเดินไปบนหาดทรายด้วยกัน

กลิ่นบุหรี่อ่อนจางโชยมาเข้าจมูกภัทร ทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะเพิ่งสูบบุหรี่มาก่อนจะลงมาหาเขาที่หาด และทั้งที่นึกขึ้นได้ว่าตั้งใจจะคุยเรื่องนี้กับเชษฐ์ตั้งแต่เมื่อเช้า แต่ภัทรก็เริ่มไม่แน่ใจว่าถ้าหากทำอย่างนั้น เขาจะล้ำเส้นอะไรไปหรือเปล่า ถึงอย่างไรนี่ก็คือส่วนหนึ่งของ ‘ตัวตน’ ของเชษฐ์ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์ไปกะเกณฑ์ แค่การที่อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาไม่ชอบและพยายามหลีกเลี่ยงการจุดบุหรี่ให้เห็นต่อหน้า บางทีนี่ก็อาจเป็นวิธีแสดงการยอมรับในสิทธิ์ที่ภัทรพึงได้รับแล้วก็ได้

แต่ว่า...ถึงยังไงสูบบุหรี่ก็ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่ดีนั่นแหละ

ภัทรมุ่นหัวคิ้วขณะที่โต้เถียงกับตัวเองในใจ มือหนึ่งยกขึ้นจับชายเสื้อด้านหลังของเชษฐ์แน่นโดยไม่รู้ตัว ความที่กำลังใช้ความคิดติดพัน ชายหนุ่มจึงไม่รู้ตัวสักนิดว่าสายตาของอีกฝ่ายกำลังจับจ้องตนอยู่

“ว่าจะลดลงแล้วล่ะ”

จู่ๆคนตัวใหญ่ก็ทะลุกลางปล้องขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ภัทรที่ยังเถียงกับตัวเองจึงไม่ทันได้สนใจจับใจความของประโยคที่ได้ยิน แต่ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ชะงักฝีเท้าแล้วกะพริบตาด้วยความงุนงง เชษฐ์ที่เดินโอบไหล่เขาอยู่จึงหยุดเดินตามไปด้วย

“อะไรนะครับ?”

ภัทรเหลือบตาขึ้นแล้วก็เอ่ยถาม เพราะเขาไม่แน่ใจนักว่าเชษฐ์กำลังพูดถึงเรื่องเดียวกับที่เขาคิดอยู่หรือเปล่า เชษฐ์จึงยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า

“ไม่รู้ตัวล่ะสิท่า เมื่อกี้ตอนฉันดึงเธอมาใกล้ๆน่ะเธอย่นจมูกทันทีเลย ทีหลังถ้าหากไม่ชอบอะไรก็บอกกันตรงๆสิ มัวแต่เกรงใจแล้วคนอื่นจะรู้เหรอว่าเธอคิดอะไรอยู่?”

ภัทรทำหน้าเหลอ เขาไม่รู้ตัวจริงๆว่าเผลอแสดงกิริยาแบบนั้นออกไป แต่ปกติเขาก็ไม่ถูกกับบุหรี่อยู่แล้ว ยังดีที่ไม่ได้แพ้ควันจนถึงกับผื่นขึ้นก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนปฏิกิริยาตอบสนองทางกายของเขาจะเป็นไปเองโดยที่ตัวเองก็ควบคุมไม่ได้

“ขอโทษครับ...แต่คุณเชษฐ์ก็เคยได้ยินผมพูดว่าไม่ชอบบุหรี่ไปตั้งแต่ตอนเจอกันแรกๆแล้วนี่”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะก้าวขาต่อ ทำให้เพิ่งรู้ตัวว่าตนเองกำลังกำเสื้อด้านหลังของอีกฝ่ายแน่น แต่จะให้ปล่อยมือตอนนี้ก็คงอิหลักอิเหลื่อพิกล จึงแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็ยังคงจับยึดชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้อย่างนั้น

ดูเหมือนเชษฐ์จะเข้าใจทันทีว่าภัทรหมายถึงตอนที่เขาเพิ่งย้ายมาทำงานที่บริษัทเดียวกันใหม่ๆ และเคยแสดงความเห็นเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงานตอนที่กำลังจะไปทานข้าวกลางวันกัน ซึ่งบังเอิญเหลือเกินที่คุณผู้จัดการดันยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนั้นตอนที่เขากำลังพูดพอดี หากฟังเผินๆจึงเหมือนภัทรตำหนิอีกฝ่ายทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะพาดพิงถึงใครเป็นพิเศษ

“ตอนนั้นเธอพูดกับคนอื่นแล้วฉันบังเอิญได้ยินต่างหาก มันไม่เหมือนกับการที่เธอมาบอกฉันด้วยตัวเองนี่นา ถ้าหากเธอพูด...ฉันอาจจะยอมคิดอย่างจริงจังก็ได้”

ภัทรฟังแล้วก็ทบทวนคำพูดของอีกฝ่ายในหัว งั้นก็หมายความว่า...ต่อให้เขาขอร้อง คุณเชษฐ์ก็อาจจะไม่ได้ยอมทำตามทันทีเสียหน่อยน่ะสิ แต่หากพิจารณาจากบุคลิกของเจ้าตัวและความรั้นที่แทบจะไม่ยอมลงให้ใครในเวลางาน ซึ่งขัดแย้งเหลือเกินกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนทั้งสองอาบน้ำด้วยกันเมื่อตอนบ่าย นี่อาจจะหมายถึงการ ‘ยอม’ มากที่สุดเท่าที่อีกฝ่ายเคยทำมาแล้วก็ได้

ยิ่งเมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่ก่อนเชษฐ์พูดว่าอะไรตอนที่เขากำลังเหม่อ ภัทรก็เหลือบตาขึ้นมองคนข้างตัวอีกครั้ง และคราวนี้ริมฝีปากบางเผยอยิ้มขึ้นน้อยๆ

อย่างน้อยที่สุด...คุณเชษฐ์ก็กำลังพยายามเหมือนกันล่ะนะ…

“เข้าใจแล้วครับ”

ภัทรเอ่ยพลางเอนศีรษะลงบนไหล่หนาขณะที่ทั้งสองออกเดินต่อ มือข้างที่เมื่อครู่กำชายเสื้ออีกฝ่ายค่อยๆคลายออกแล้วเปลี่ยนเป็นเลื่อนไปโอบเอวแกร่งไว้แทน และเขาก็รู้สึกได้ว่าแขนที่โอบอยู่บนไหล่ของตัวเองก็กระชับแน่นขึ้นเหมือนกัน

ชายหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำที่มีเมฆพาดผ่านเป็นริ้วและมีหมู่ดาวระยิบระยับลอยสูงเหนือขึ้นไป วูบหนึ่ง เขาอดคิดไม่ได้ว่า หากสามารถหยุดเวลาไว้ตรงนี้ตลอดไปได้ก็คงดี

หลังจากเดินกันมาจนไกลพอสมควร ทั้งสองก็หมุนตัวย้อนกลับทางเดิมเพื่อกลับไปที่ห้องพัก แต่ครั้งนี้ไม่ได้โอบไหล่กันเช่นขามา ภัทรเพียงใช้นิ้วชี้เกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของเชษฐ์ ระหว่างทาง นัยน์ตาเรียวก็ทอดมองไปยังผืนทะเลและเรือลำที่ทอดสมออยู่อีกครั้ง ความทรงจำของเมื่อยามบ่ายที่หวนคืนมาทำให้ภัทรหันกลับไปหาคนที่เดินอยู่ข้างๆ

คุณเชษฐ์ลืมไปแล้วหรือยังไงนะ ตอนที่อาบน้ำก็ไม่เห็นพูดถึงเลย...

ความสงสัยทำให้ภัทรกระตุกนิ้วที่ไขว้เกี่ยวกับนิ้วแข็งแรงเพื่อเรียกความสนใจ พออีกฝ่ายหันมาหาก็เอ่ยถาม

“คุณเชษฐ์...แล้วเรื่องของรางวัลที่คุณเชษฐ์แข่งชนะล่ะครับ?”

ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วขึ้น และภัทรก็จ้องตาอีกฝ่ายนิ่งท่ามกลางแสงจันทร์สลัวที่ทอดลงมาโอบล้อมคนทั้งคู่ จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้ชอบใจนักที่ตัวเองแพ้ แต่ว่าก็ไม่ได้ถึงกับยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ และถึงแม้ว่าการแข่งขันเมื่อตอนบ่ายจะไม่ใช่การแข่งแบบจริงจัง แต่ในเมื่อเชษฐ์ชนะ อีกฝ่ายก็มีสิทธิ์ที่จะทวงสิ่งที่ตนพึงได้

และที่สำคัญ…ภัทรก็อยากจะรู้ว่าถ้าหากจะต้องขอรางวัลจากเขาจริงๆ อีกฝ่ายจะขออะไร

เจ้าของนัยน์ตาคมมองคนถามราวกำลังใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกปลายนิ้วชี้ของมือข้างที่ไม่ได้กุมกันไว้ขึ้นดันแว่นและตอบเสียงเรื่อยๆ “ไม่สำคัญหรอก เพราะตอนนี้ฉันได้ของดีกว่าที่อยากขอไปแล้ว”

คำตอบที่ได้ทำให้ภัทรทำตาโตอย่างประหลาดใจ และที่ตามมาหลังความประหลาดใจก็คือความงุนงงสงสัย ในเมื่อเขายังไม่ได้ให้อะไรกับอีกฝ่ายเลยสักอย่าง จะมาบอกว่าได้ไปแล้วได้อย่างไรกัน?

“หมายความว่าไงครับ? แล้วตอนแรกคุณเชษฐ์ตั้งใจจะขออะไรกันแน่ ในเมื่อผมยัง...ไม่ได้ให้...อะไรเลย”

ชายหนุ่มจบประโยคอย่างตะกุกตะกัก ในชั่ววินาทีที่รู้ตัวว่าแพ้หลังการแข่งขันจบลงนั้น เขามั่นใจว่าเชษฐ์คงจะขอให้เขายอมให้ทั้งคู่นำความสัมพันธ์ก้าวหน้าไปอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลยสักครั้ง ทั้งๆที่มีโอกาสจะทวง ‘รางวัล’ อย่างเต็มที่ตลอดเวลาที่อาบน้ำด้วยกัน

เชษฐ์เงียบไปครู่หนึ่ง มือใหญ่ที่เกาะเกี่ยวนิ้วกับภัทรเอาไว้ถูกปล่อยลงก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินช้าๆไปข้างหน้า และนั่นก็ทำให้ภัทรใจหายวูบ นี่เขาพูดอะไรผิดไปหรือ?

“จริงอยู่ว่าถ้าหากจะยึดเอาการแข่งนั่นเป็นจริงเป็นจัง ฉันก็มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับเธอได้จริง แล้วก็ที่คิดน่ะไม่ผิดหรอก ที่ฉันอยากจะขอก็คือสิ่งที่เธอคิดนั่นแหละ”

เชษฐ์เอ่ยจบก็หันกลับมาหา ตอนนี้อีกฝ่ายหยุดยืนห่างจากเขาไปประมาณห้าช่วงก้าว มือทั้งสองข้างไขว้หลังไว้หลวมๆ ทว่าสีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก มีเพียงนัยน์ตาเท่านั้นที่จับจ้องผู้อ่อนวัยกว่าไม่วางตา

ภัทรขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน ร่างเพรียวก้าวช้าๆเข้าไปหาคนตัวใหญ่ทีละก้าว ลมทะเลที่พัดมาไม่หยุดทำให้เกิดเสียงยามปะทะกับเสื้อและผมของทั้งคู่ ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าลงเมื่ออยู่ในระยะที่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงเอื้อมมือถึง

“แล้วคุณเชษฐ์รู้เหรอครับว่าผมคิดว่าคุณเชษฐ์จะขออะไร?”

ภัทรกลั้นใจทำปากแข็ง รู้สึกเสียหน้านิดหน่อยที่ถูกอีกฝ่ายอ่านความคิดออกอีกแล้ว แต่หากจะให้ยอมรับตรงๆก็จะดูเหมือนเขาหลงตัวเองเกินไป เชษฐ์ที่ทอดสายตามองมาจึงยิ้มบางๆ

“อยากให้พูดจริงๆรึ?”

ร่างสูงใหญ่ถามพลางยกนิ้วโป้งข้างหนึ่งขึ้นไล้แก้มของภัทรอย่างแผ่วเบา ภัทรจึงเหลือบตาขึ้นสบกับนัยน์ตาคมตรงๆ แต่เมื่อได้เห็นประกายที่สะท้อนออกมาในดวงตาหลังเลนส์แว่นก็ต้องส่ายหน้า ผิวแก้มบริเวณที่ถูกสัมผัสร้อนวาบราวกับกำลังยืนอังไฟกองใหญ่อยู่

ก็แววตาแบบนั้น...มันเหมือนกับตอนที่อีกฝ่ายมองเขาในห้องอาบน้ำไม่มีผิด

“ไม่ต้องก็ได้ครับ”



หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-06-2010 01:01:34
ภัทรเบนสายตาลง แววตาที่บ่งบอกถึงความปรารถนาในตัวเขาอย่างชัดเจนทำให้เขาไม่กล้าสบตาคู่นั้นกลับ ต่างคนต่างก็ยืนนิ่งไปชั่วครู่ สักพักเชษฐ์ก็ลดมือข้างที่แตะแก้มภัทรลงแล้วเลื่อนไปกุมมือเรียวข้างหนึ่งไว้แทน

“ฟังให้ดีนะ ที่เมื่อกี้ฉันบอกว่าได้สิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งที่จะขอมาแล้ว...เพราะตอนนี้เธอเลิกกลัวฉันแล้วใช่ไหมล่ะ?”

ภัทรตวัดสายตากลับขึ้นมองคนพูด เรียวคิ้วโก่งขมวดมุ่นเพราะสิ่งที่ได้ยิน “ผม? เคยกลัวคุณเชษฐ์?”

เจ้าของใบหน้าคมพยักรับบางเบา “เธออาจจะไม่ทันคิด แต่ฉันก็รู้สึกว่าตั้งแต่เราตกลงคบกันมา ยังมีกำแพงที่ทำให้ฉันเข้าถึงเธอไม่ได้สักที และถ้าหากฉันอยากจะทำลายกำแพงนั่นให้ได้ ถ้าไม่ใช่อดทนทำให้เธอค่อยๆเชื่อใจ ก็มีแต่จะต้องทำให้เข้าใจกันด้วยร่างกายเท่านั้น ถ้าจะให้พูดตามตรง เมื่อตอนบ่ายนั่นฉันก็ไม่ได้ผ่านมันมาง่ายๆหรอกนะ”

ภัทรทบทวนสิ่งที่ได้ยินในหัว เป็นอย่างนั้นหรือ...แต่อีกฝ่ายอาจพูดถูกก็ได้ บางทีเขาอาจจะรู้สึกแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่เริ่มคบกัน เพียงแต่เขาไม่เคยเอาเวลามานั่งวิเคราะห์เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนอย่างจริงจัง จึงทำให้ไม่เคยรู้ตัวก็เท่านั้นเอง

เมื่อนึกถึงสิ่งที่เชษฐ์พูดช่วงท้ายประโยค ภัทรก็ให้รู้สึกว่าอุณหภูมิบนผิวแก้มที่ลดลงแล้วกลับสูงขึ้นมาอีก เพราะเขาเข้าใจดีว่าเรื่องที่อีกฝ่ายบอกว่าไม่ได้ผ่านมาง่ายๆคือเรื่องไหน และถ้าหากจะว่ากันตามจริงแล้ว ถ้าตอนนั้นอีกฝ่ายดึงดันจะใช้กำลังขึ้นมา ต่อให้เขาขัดขืนอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์แน่ๆ

“ถ้างั้น...เรื่องรางวัลอะไรนั่นก็จะให้ถือว่าเป็นโมฆะเหรอครับ?”

ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอีก เขาไม่แน่ใจนักว่าตนเองเสียดายหรือโล่งอกกับการที่เชษฐ์จะทิ้งไพ่ที่เหนือกว่าใบนี้ไปจากมือ แต่ที่เขามั่นใจโดยไร้ข้อกังขาก็คือ อย่างน้อยเชษฐ์ก็ได้สิ่งที่สำคัญกว่าร่างกายเขาไปแล้วจริงๆ และเป็นสิ่งที่เขาทำหายไปตั้งแต่ที่เลิกกับธรเมื่อสองปีก่อนด้วย

ความเชื่อใจ...

อาจเพราะธรเป็นรักครั้งแรก เป็นคนที่ทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นคนพิเศษของใครเป็นคนแรกนอกจากครอบครัวที่เหลืออยู่ การที่ถูกฝ่ายนั้นทอดทิ้งเพื่อไปหาคนอื่นในภายหลังจึงเป็นการทำลายความเชื่อมั่นในใจจนไม่เหลือชิ้นดี และถึงแม้เขาจะถอยกลับมาจากปากเหวแห่งความสิ้นหวังได้และยืนหยัดขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ภัทรจะมอบความไว้วางใจให้ใครง่ายๆอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นถึงแม้ว่าเชษฐ์จะเป็นคนแรกหลังจากนั้นที่เข้ามากะเทาะน้ำแข็งที่เกาะกุมหัวใจเขาและเรียกความรู้สึกหวั่นไหวให้กลับมา แต่ลึกลงไปในใจ ภัทรก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ตลอดว่าเมื่อคบกันไปจนอีกฝ่ายได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็จะหมดค่าและถูกทิ้งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วอีกครั้งหรือเปล่า และคงเพราะความกลัวนี้เองที่ยังฉุดรั้งเขาไว้ไม่ให้กล้าก้าวเดินต่อไปอย่างเต็มตัว ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่มีจุดไหนที่คล้ายกับคนรักเก่าของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ภัทรก็รีบกะพริบตาไล่หยาดน้ำที่เอ่อขึ้นมาอย่างกะทันหันออกไป แต่ก็เหมือนกับทุกครั้งที่คนข้างตัวดูจะเดาออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ร่างสูงใหญ่จึงก้าวเข้าไปหาและรั้งร่างของภัทรเข้าไปกอด ริมฝีปากอุ่นแนบลงข้างขมับก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มที่ข้างหู

“ยังไม่เป็นโมฆะหรอก ถึงยังไงฉันก็ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่ ดังนั้นสิทธิ์นี่น่ะไม่ต้องรีบทวงตอนนี้ก็ได้”

น้ำเสียงที่ยึดมั่นในความคิดอย่างไม่ยอมให้โต้แย้งทำให้ภัทรหัวเราะออกมาเบาๆทั้งที่ขอบตายังร้อนผ่าว ร่างเพรียวยกมือขึ้นทาบบนแผ่นหลังกว้างแล้วก็ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกของคนตรงหน้ามากขึ้น มือใหญ่ที่ลูบแผ่นหลังให้เขาถ่ายทอดความอบอุ่นมาให้ เช่นเดียวกับที่ภัทรได้รับมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มคบกัน และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกราวกับอะไรบางอย่างที่คอยหน่วงรั้งในอกได้รับการปลดพันธนาการออกจนตัวเบาไปทั้งร่าง

ถ้าหากเป็นคนคนนี้...ถ้าเป็นคุณเชษฐ์...เขาเชื่อว่าตนเองจะยินดีรอวันที่อีกฝ่ายทวงสิทธิ์ ‘ของรางวัล’ ในอนาคตอันใกล้นี้ได้แน่

“ครับ…”

“ฉันรักเธอนะ”

ภัทรตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินจนยืนตัวแข็ง จริงอยู่ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เชษฐ์ใช้ถ้อยคำและการกระทำต่างๆที่แสดงออกถึงความรู้สึกที่มีให้เขาอยู่เสมอ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอีกฝ่ายอย่างเต็มสองหู และความรู้สึกที่ตามมาหลังได้ยินคำนี้ก็ผสมปนเปไปหมดจนภัทรคิดคำพูดโต้ตอบไม่ออก

“ผม...”

ภัทรอ้ำอึ้ง เขาควรจะตอบรับออกไป หรืออย่างน้อยก็ทำให้เชษฐ์รู้ว่าเขาคิดเหมือนกัน แต่ภัทรกลับไม่สามารถเปล่งเสียงคำนั้นออกมาได้อย่างง่ายดายอย่างที่ต้องการ และความกลัวว่าเชษฐ์จะเข้าใจผิดที่เขาไม่ตอบรับก็ทำให้ภัทรรีบเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย ริมฝีปากบางเผยอขึ้น ทว่าไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมา

พูดสิ ภัทร…พูดอะไรสักคำ อะไรก็ได้

ทั้งที่บอกตัวเองเช่นนั้น แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งรู้สึกว่าในหัวตื้อมากขึ้น หัวคิ้วเรียวโก่งมุ่นเข้าหากันด้วยความร้อนรน มือทั้งสองกำเสื้อผ้าฝ้ายบนบ่าของคนตรงหน้าแน่นจนเหมือนกับจะทึ้ง แล้วร่างเพรียวก็สะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายก้มลงใช้ริมฝีปากแนบลงประทับริมฝีปากของเขาไว้

“อื้อ...”

ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออกอีก ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้อยู่ในคอ แต่แล้วหัวใจที่เต้นรัวเพราะความกระวนกระวายก็ค่อยผ่อนจังหวะลงจากริมฝีปากอุ่นที่แตะแนบลงมาซ้ำๆราวจะเอ่ยปลอบเขาว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มือใหญ่ข้างหนึ่งที่เลื่อนจากเอวผอมขึ้นแนบบนแก้มราวจะตอกย้ำสารนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ริมฝีปากบางเลื่อนช้าๆจากริมฝีปากของภัทรไปบนโหนกแก้ม ก่อนจะหยุดอ้อยอิ่งอยู่บนเปลือกตา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นจากปลายจมูกโด่งที่ระอยู่บนหน้าผาก กว่าจูบที่อวลด้วยความหวานซ่านจะจบลง เขาก็ไม่รู้สึกถึงความหนาวของลมทะเลยามค่ำเลยสักนิด วงแขนแกร่งกระชับรอบร่างของภัทรแน่นขึ้นก่อนที่เชษฐ์จะเกยคางลงบนกระหม่อมของคนในอ้อมแขน

ทั้งสองยืนเงียบในอ้อมแขนของกันและกันอยู่ครู่ใหญ่ เสียงทุ้มอ่อนโยนจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ “ถ้ายังไม่พร้อมจะพูดก็ไม่ต้องบังคับตัวเองหรอก แค่เธอไม่รังเกียจเวลาฉันจูบก็พอแล้ว”

เชษฐ์พูดพลางลูบท้ายทอยของภัทรไปด้วย แม้คำพูดของอีกฝ่ายจะสะท้อนความเอาใจใส่อย่างเต็มเปี่ยม แต่เมื่อภัทรนึกย้อนกลับไปถึงความทรงจำของทั้งคู่นับตั้งแต่จูบแรก ชายหนุ่มก็อดย่นจมูกแล้วติงเสียงเบาไม่ได้

"คุณเชษฐ์ จูบผมไปกี่ครั้งแล้วล่ะครับ เพิ่งจะมาพูดเอาป่านนี้เหรอ?"

คนถูกถามเลิกคิ้ว ร่างสูงใหญ่ถอยตัวออกแล้วมองเข้าไปในดวงตาเรียวตรงๆ

"แล้วก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาไหมล่ะ?"

น้ำเสียงกวนๆกับรอยยิ้มของคนถามทำให้ภัทรนึกอยากแกล้งกลับด้วยการตอบว่ามี แต่ความจริงก็คือ ถึงแม้ว่าจะขัดเขินหรือลำบากใจในบางครั้ง แต่ภัทรไม่เคยนึกรังเกียจสัมผัสของอีกฝ่ายอย่างจริงจังเลย และเขาก็ไม่อยากโกหกในเรื่องสำคัญเช่นนี้

เพราะคุณบอกว่ารักผมหรอกนะ...

"กลับห้องกันดีกว่าครับคุณเชษฐ์ ผมง่วงแล้ว"

ภัทรตัดสินใจเลี่ยงที่จะตอบด้วยการเฉไฉไปเรื่องอื่นแทน ชายหนุ่มปล่อยมือจากบ่ากว้างแล้วก็ปลีกตัวเดินนำกลับไปที่ห้องพัก เชษฐ์ที่เดินตามหลังโดยเว้นระยะห่างสองสามก้าวจึงหัวเราะในคอ แต่ว่าก็ไม่ได้พูดกระเซ้าเย้าแหย่คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าอีก

หลังจากถึงห้องซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ทั้งสองก็เปิดโทรทัศน์ดูรายการข่าวอีกนิดหน่อยก่อนจะทำธุระส่วนตัวและปิดไฟเตรียมเข้านอน แต่แม้ว่าจะเพลียจากการแข่งว่ายน้ำเมื่อยามบ่าย ภัทรก็ยังไม่ได้ปิดตาหลับลงในทันที ชายหนุ่มยังคงนอนหงายโดยประสานมือทั้งสองไว้เหนืออก นัยน์ตาเรียวจับจ้องเพดานห้องขณะที่นอนฟังเสียงทะเลและเสียงหายใจของคนที่นอนอยู่ข้างตัวไปเรื่อยๆ

วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเยอะเหลือเกิน เยอะจนเขาทำใจให้นอนหลับไม่ได้ง่ายนัก

"นอนได้แล้ว ไหนเมื่อกี้บอกว่าง่วงไง"

ภัทรสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็ได้ยินเสียงของเชษฐ์ทั้งที่คิดว่าหลับไปแล้ว พอเอียงหน้าไปหา แสงจากโคมไฟตรงระเบียงที่ลอดม่านหน้าต่างเข้ามาก็ทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายนอนลืมตามองเขาอยู่

ร่างเพรียวตะแคงตัวไปหาคนข้างๆทั้งตัว ตอนนี้เขาไม่นึกหนักใจกับการนอนเคียงข้างคุณผู้จัดการแล้ว เพราะถึงแม้บางครั้งอีกฝ่ายจะชอบมัดมือชกเขา แต่กับเรื่องที่ละเอียดอ่อนจริงๆ เชษฐ์จะไม่บังคับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อตอนบ่ายเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดี

"ขอโทษครับ ผมทำให้ตื่นหรือเปล่า?"

ภัทรถามเสียงเบาเพราะไม่แน่ใจว่าคนข้างตัวง่วงอยู่หรือไม่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกเมื่อมือใหญ่เลื่อนลงไปรั้งสะโพกของเขาให้เข้าไปเบียดกับหน้าขาของตัวเอง

"ตอนนี้น่ะยัง แต่ถ้าเธอยังไม่ยอมนอนอีกล่ะก็…ไม่แน่"

"คุณเชษฐ์!!"

ภัทรโวยวายแล้วก็รีบปัดมือใหญ่ให้พ้นตัวเป็นพัลวัน เพราะถึงจะบอกว่ายังไม่ตื่น แต่ด้วยสรีระของผู้ชาย ไม่ว่าใครที่โดนกระตุ้นเข้าก็ตื่นตัวได้ง่ายๆกันทั้งนั้น นัยน์ตาที่ฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งทำให้ภัทรนึกอยากถองคนที่นอนอยู่ข้างๆมากเข้าไปอีก

“เธอก็นอนสักทีสิ ทีเมื่อกี้ยังบอกว่าเหนื่อยอยู่เลย หรือว่ามัวแต่คิดมากเรื่องอะไรอยู่ถึงนอนไม่หลับ?”

คราวนี้คนตัวใหญ่รั้งเอวเขาไปกอดเอาไว้หลวมๆ แต่ว่าไม่ได้แกล้งเบียดร่างกายเข้าหาเหมือนเมื่อครู่อีก ภัทรจึงเหลือบตามองคนถามแล้วก็เม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ

คงไม่เป็นไรมั้ง...ก็แค่ลองถามดูเฉยๆเท่านั้นเอง

“พรุ่งนี้เราต้องรีบกลับกันหรือเปล่าครับ? ผมกำลังคิดว่า...ถ้าหากจะชวนไปเยี่ยมน้าของผมที่จันทบุรีด้วยกัน คุณเชษฐ์จะสะดวกไหม”

ภัทรถามพลางสบตาคนตรงหน้านิ่ง ที่เขายังนอนไม่หลับเมื่อครู่ก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้ ความจริงการไปเยี่ยมครอบครัวเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะว่าทั้งน้าสาวและน้าเขยต่างเป็นคนใจดี เพียงแต่ภัทรก็ไม่แน่ใจว่าเชษฐ์จะพร้อมทำความรู้จักกับญาติผู้ใหญ่ของเขาหรือยัง

“น้าของเธอ? ที่เคยบอกว่าช่วยดูแลเธอกับพี่สาวหลังจากพ่อกับแม่เสียน่ะเหรอ?”

เชษฐ์ถามขึ้น ภัทรจึงพยักหน้า เขาเคยเล่าให้อีกฝ่ายฟังถึงเรื่องครอบครัวของตัวเองบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทั่วๆไปเท่านั้น เขาไม่เคยเล่าถึงเรื่องที่หลังจากเลิกกับธรแล้วก็ไปอาศัยที่บ้านสวนของน้าเพื่อทำใจเรื่องนี้ เพราะเพียงแค่นึกถึงเรื่องในตอนนั้นเมื่อใดก็จะรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกในอกจนไม่อยากเอ่ยถึง

“ครับ...พอดีผมเห็นว่าขับไปจากนี่อีกหน่อยเดียวก็จันทบุรีแล้ว แต่ถ้าหากคุณเชษฐ์ต้องรีบกลับ…ก็....เอาไว้คราวหน้าก็ได้”

ภัทรเอ่ยอย่างเกรงใจพลางเหลือบตาลงต่ำ เขาคิดถึงน้าทั้งสองก็จริง แต่ก็ไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนเขากำลังบังคับให้ไปเจอครอบครัว เพราะนั่นไม่ใช่ความตั้งใจของเขาแม้แต่นิด นัยน์ตาเรียวกะพริบถี่เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ยกนิ้วขึ้นเกลี่ยผมที่ลงมาปรกหน้าผากให้ เมื่อภัทรเหลือบตาขึ้นก็พบว่านัยน์ตาคมกำลังทอยิ้ม

“ไปสิ ญาติคนสำคัญของเธอใช่ไหมล่ะ? งั้นก็รีบนอนซะ พรุ่งนี้เช็คเอ๊าท์กันแต่เช้าหน่อย จะได้มีเวลาเยี่ยมน้าเธอได้ทั้งวัน”

“คุณเชษฐ์ไม่มีปัญหาเหรอครับ?”

ภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เขาไม่คิดว่าเชษฐ์จะตอบตกลงง่ายดายเช่นนี้ เพราะขนาดมาเที่ยวกันแท้ๆ อีกฝ่ายก็ยังติดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คมาทำงานด้วย ภัทรได้รู้มาบ้างว่าโปรเจ็กต์ใหม่ที่ท่านประธานมอบหมายให้เชษฐ์ดูแลทำให้ต้องติดต่อสปอนเซอร์หลายรายเพื่อหาเงินมาสนับสนุนงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัดของบริษัท ซึ่งทั้งนี้ก็มาจากผลประกอบการโดยรวมที่ลดลงตั้งแต่ปีที่แล้วนั่นเอง ดังนั้นที่อีกฝ่ายพาเขามาทะเลคราวนี้ก็อาจจะเพื่อพักผ่อนทิ้งท้ายก่อนที่จะต้องกลับไปลุยงานใหญ่ก็เป็นได้

“ไหนๆก็มาถึงนี่กันแล้วนี่นา อีกอย่างกว่าฉันจะมีเวลาพาเธอไปไหนได้อีกก็คงต้องหลังจบโปรเจ็กต์ที่คุณปรีชาให้มาก่อนนั่นแหละ อุตส่าห์มีโอกาสได้ไปเยี่ยมครอบครัวของเธอด้วยกันทั้งทีก็ต้องไปสิ”

เชษฐ์เอ่ยพลางลูบหลังของภัทรไปมา และคราวนี้คนในอ้อมแขนก็ยิ้มออกมาได้ ภัทรพยักหน้าแล้วก็ขยับตัวเข้าหาร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆ แขนเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นโอบเอวอีกฝ่ายบ้างก่อนจะซุกหน้าลงและเอ่ยเสียงเบา

“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์”

ภัทรระบายลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก ชายหนุ่มตั้งใจว่าวันรุ่งขึ้นจะรีบตื่นมาโทรหาน้าจินแต่เช้า จะบอกให้รู้ว่าเขาจะไปเยี่ยม และจะพาคนสำคัญของเขาในตอนนี้ไปหาด้วย น้าจินคงดีใจที่เห็นว่าเขามีคนที่ดีคอยดูแลอยู่ข้างๆแล้ว

เสียงคลื่นทะเลกับอ้อมแขนอุ่นทำให้ภัทรผ่อนคลายจนเริ่มรู้สึกง่วง นัยน์ตาเรียวปิดลงช้าๆด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน และสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้ก่อนจะหลับสนิทก็คือริมฝีปากอุ่นของคนข้างตัวที่แนบลงบนหน้าผาก


TBC. in next episode นะ จ๊ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-06-2010 10:02:43
จิ้มๆๆๆ

คุณเชษฐ์เนี่ยทำให้ทะเลหวานได้ด้วยอ่ะ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เรื่องรักแห่งวันวาเลนไทน์ (15/2/09)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-06-2010 11:09:11
:z13:
จิ้มพี่จุ๊บแจง อิๆ
 :mc4: :mc4: :mc4:
มาเจิมเรื่องใหม่ของป้าสุดสวย
อบากบวกให้นะ แต่แบบว่าบวกไปแล้วงะวันนี้เลยคงยังบวกให้มะได้
อ่านเรื่องใหม่นี้แล้วขอ  o13 การใช้ภาษาดูมีความเป็นผู้ใหญ่สมกัยวัยทำงานจริง
การดำเนินเรื่องไม่ฉูดฉาดไม่เว่อเกินไปดูพอดีเหมาะสม
มีการใส่องค์ประกอบที่จำเป็น และวางพื้นเรื่องชี้ให้เห็นถึงปมที่วางไวในตอนแรก
อย่างเรื่องการเลิกกันกับแฟนเก่า การสร้างกำแพงในใจของ ภัทร ทุกอย่างดูลงตัว
การบรรยายดีมากๆขอบอกเลยนะว่าดีขึ้นจากเรื่องก่อนๆด้วย
อาจเพราะเรื่องนี้ต้องการใส่ใจในส่วนของรายละเอียดมากกว่าก็เป็นได้
อย่างว่าแหละก็รักในวัยทำงาน อ่านแล้วยิ้มได้ อ่านได้เรื่อยๆไม่สะดุด
ไม่มีปมต้องมานั่งตีความให้ฉงนมากด้วยเพราะยิ่งอ่านยิ่งรู้เพิ่มขึ้นถึงสาเหตุต่างๆ
หากแต่พออ่านมาถึงจุดๆนึงก็ฉุกใจคิดขึ้นมาว่า
เชษฐ์ น่าสนใจมากนะ แต่เราแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเค้าเลย
นอกจากจะเป็นคนที่จู้จี้ในเรื่องของการทำงาน มีมาดของนักบริหารที่มุ่งมั่น
มองการไกล และอ่านความรู้สึกคนได้ดีมาก(อีกอย่างอาจติดบุหรี่ด้วยอิๆ)
นอกนั้นละ นิสัยใจคอเราแทบไม่รู้อะไรเลย ยกเว้นที่บอกมากับ
เรื่องที่สนใจในตัว ภัทร ตามเหตุผลที่ป้าได้บอกเอาไว้อะนะ
อ่านๆไปก็อยากจะลองคิดว่า จะเป็นไปได้ไหมว่าป้าจะวางแพลน
ให้ แฟนเก่าคิดหวนกลับมา หรือ ในบริษัทอาจมีศัตรูหัวใจคนอื่นอีก
แต่พอเอาเข้าจริงเรื่องนี้ถ้าจะให้เดามันจะมีปัญหาในเรื่องของความรู้สึกของ ภัทร
เสียมากกว่าก็จากที่อ่านๆดูจะเป็นคนคิดมาก ทั้งที่บางทีก็ไม่จำเป็นอะนะ
พล่ามมาตั้งมากมายก็ไม่รู้ว่าทำเพื่อ แต่ก็อย่างว่าแหละมันเป็นไรที่เราทำอยู่ประจำจะให้
อ่านแล้วผ่านไปเฉยๆก็คงดูยังไงๆอยู่นะ แล้วจะรออ่านต่อ ที่เขียนมาก็มาจากที่อ่านอะแหละ
                                                                                                         นิว

พึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้วันนี้เองค่ะ อ่านแล้วชอบ เพราะเนื้อหาดูเรียบๆไม่หวือหวา แต่ก็ได้อารมณ์หวานๆแบบผู้ใหญ่
อ่านคอมเม้นท์ของผู้อ่าน แล้วติดใจคอมเม้นท์ของคุณนิว พูดได้ตรงกับใจดิชั้นจริงๆ แหะ แหะ คุณนิวคงไม่ว่านะเจ้าคะ
(ถ้าเผื่อคุณนิวได้ย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง) คือว่าถ้าดิชั้นจะบอกว่า ขอลอกข้อสอบคุณนิวทั้งดุ้นเลย เพื่อเม้นท์ให้ไรเตอร์น่ะค่ะ
และไรเตอร์ (ถ้าย้อนกลับมาอ่านอีกเช่นกัน) ก็คงไม่ถือโทษคนปัญญาน้อยคอยลอกข้อสอบคนอื่นนะคะ คือชื่นชอบในงานของไรเตอร์น่ะค่ะ
และก็มีความเห็นเฉกเช่นคุณนิว เลยขอลอกซะเลย (เอ๊ะ..ลอกข้อสอบนี่จะถูกปรับให้ตกทุกวิชารึเปล่าหวา)
                                                                                                              แก้ว...ค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 20-06-2010 14:31:03
คู่รักตัวอย่างจริงๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งปลื้มค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 20-06-2010 15:03:39
หวาน :o8: คำแรกที่คิดออก^^
คุณเชษฐ์เป็นผู้ชายอบอุ่นมากๆๆๆ ไม่รู้เป็นเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะอ่ะป่าว อิอิ
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าสองคนนี้ใกล้กันยิ่งกว่าแต่ก่อน ถึงคำว่ารักจะมีไม่บ่อย
แต่สิ่งที่ทั้งคู่คิดถึงกันอ่ะยิ่งกว่ารักซะอีก  :กอด1:

p.s สู้ สู้ นะค่ะว่าที่มหาบัณฑิต ต่อเมื่อไหร่หนูก็รอได้
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-06-2010 16:48:33
ขอบคุณมากจ้
คุณเชษฐ์อบอุ่นมากอ่ะ  ดีใจที่ความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นอีกขั้นแล้ว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-06-2010 17:39:33
อ่านมาถึงตอนที่ 7 แล้ว ก่อนจะอ่านตอนต่อไปอดใจไหว ขอเม้นท์ก่อนเถอะ คุณเชษฐ์อ่ะเป็นผู้ชายที่อบอุ่น อ่อนโยน
แถมยังเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก ราวกับเป็นตัวเองซะงั้น ภัทรโชคดีมากเลย แล้วไม่ต้องไปเสียน้ำตาให้แล้วคนรักเก่าน่ะ

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-06-2010 17:59:37
คุณเชษฐ์นี้หวานจังเลยเนอะ อยากรู้จังว่าก่อนหน้านี้คุณเชษฐ์เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่าอะคะ

ถ้ามีเลิกกันเพราะอะไรน๊อ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 20-06-2010 20:17:46
หวานนนนนนนน อบอุ่น อ่อนโยน ปลื้มมมมมมมมมมทั้งคู่เลยค่ะ :กอด1:
คุณเชษฐ์ ดีใจสุดตัวเลยนิ ได้ความเชื่อใจจากภัทรไป  :o8:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 20-06-2010 21:09:11
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-06-2010 21:23:26
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า

โอ้ว ตามอ่านรวดเดียวแถมเม้นต์เป็นระยะอีก ขอบคุณมากค่า ก็จะพยายามมาลงให้สม่ำเสมอนะคะ แต่รับประกันความถี่ไม่ได้ ตอนนี้เป็นนักศึกษาป.โทแล้น งานเยอะมั่กๆ ยังไงคอยติดตามเรื่อยๆละกันค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 20-06-2010 23:24:09
เพ่ิงเริ่มเข้ามาอ่านค่ะ
ฝากตัวด้วยค่ะ :L2:
 :pig4: :bye2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 20-06-2010 23:38:21
หวานมากเลยคู่เนี้ย เมื่อไหร่จะมีฉากxxxซักทีนะ รออยู่คร๊าบ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 21-06-2010 10:24:53
เป็นเราใจอ่อนไปแล้ว ภัทรทำไมใจแข็งอย่างนี้จ๊ะ แต่ก็หวานขาดใจเลย คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆจ๊ะบีบี :pig4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-06-2010 12:00:52
แอร๊ยยย หวาน รับไม่ได้อะ
ต้องหวานกว่านี้อีก หวานให้มดกัดตายไปเลย 555555555555555555555

ภัทรเริ่มเปิดใจและกำลังจะเปิดตัวว่าที่หลานเขยแล้ว โย่ๆๆๆ  :mc4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: shogun chai ที่ 21-06-2010 20:23:30
สมบูรณ์แบบ นิยายแนวนี้
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: jasmin ที่ 22-06-2010 00:52:47
หวานๆ ซึ้งๆ อ่านแล้วมีความสุข
นั่งยิ้มเป้นคนบ้าแล้วเนี่ย
อยากได้แบบแฟนคุณเชษฐ์บ้าง!!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 25-06-2010 13:42:43
อ่านแล้วอิจฉาอ่ะ

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 25-06-2010 23:59:39
พึ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆเลยคับ ^^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 26-06-2010 10:56:47
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า

โอ้ว ตามอ่านรวดเดียวแถมเม้นต์เป็นระยะอีก ขอบคุณมากค่า ก็จะพยายามมาลงให้สม่ำเสมอนะคะ แต่รับประกันความถี่ไม่ได้ ตอนนี้เป็นนักศึกษาป.โทแล้น งานเยอะมั่กๆ ยังไงคอยติดตามเรื่อยๆละกันค่ะ

ไม่เป็นไรจ้ะ เอาตามสะดวกของไรเตอร์ก็แล้วกัน เรื่องหน้าที่การเรียน และหน้าที่การงานขอให้มาก่อน พี่แก้วรอได้จ้ะ
ทำหลายอย่างพร้อมกันแบบนี้ ถ้าเหนื่อยนักก็พักบ้าง ดูแลสุขภาพนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-06-2010 19:34:11
ดีใจจังเลยค่ะอ่านทันตอนท้ายสุดแล้ว
ประทับใจในคุณลักษณะของคุณเชษฐ์มากเลย
หวังว่ารักของภัทรในครั้งนี้จะไม่มีสิ่งใดมาทำให้ต้องจากกันนะ
หวังว่าไรเตอร์คนดีคงจะมาต่อตอนต่อไปในเร็ววันนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปจ้า

โอ้ว ตามอ่านรวดเดียวแถมเม้นต์เป็นระยะอีก ขอบคุณมากค่า ก็จะพยายามมาลงให้สม่ำเสมอนะคะ แต่รับประกันความถี่ไม่ได้ ตอนนี้เป็นนักศึกษาป.โทแล้น งานเยอะมั่กๆ ยังไงคอยติดตามเรื่อยๆละกันค่ะ

ไม่เป็นไรจ้ะ เอาตามสะดวกของไรเตอร์ก็แล้วกัน เรื่องหน้าที่การเรียน และหน้าที่การงานขอให้มาก่อน พี่แก้วรอได้จ้ะ
ทำหลายอย่างพร้อมกันแบบนี้ ถ้าเหนื่อยนักก็พักบ้าง ดูแลสุขภาพนะจ๊ะ

ขอบคุณค่า จะรีบปั่นตอนต่อไปให้นะค้าพี่แก้ว ^^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-06-2010 19:45:37
ลุ้น..ลุ้น..ลุ้น :oo1: ไม่ขึ้น กร๊ากกกกกก
แต่แบบหวานละมุน ลุ้นละไมกันดีจริง คุณพี่เชษฐ์ดี๊ดี
ภัทรน่าจะมีความสุขเนอะ ถ้าได้อยู่กับคนๆนี้ แอร๊ยยย อิจฉาาาาา :o8:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 20-07-2010 23:05:47
เข้ามาดัน แล้วก็ นอนรอ กันเลยดีกว่า มาแล้วปลุกด้วยนะคะ :a12:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: cynthia ที่ 20-07-2010 23:18:46
เห็นเลขวันที่20แล้วตกใจนึกว่าอัพ รีบวิ่งเข้ามาไม่เห็นซะงั้น  :o7:

แล้วเพิ่งสังเกตุว่าตัวเลขที่อัพมันเดือนหก..เดือนนี้เดือยเจ็ดแล้วนี่หว่า... :z6:

รีบๆมาอัพนะคะะะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 20-07-2010 23:31:50
55555เหมือนกันเลย cynthia เราก้อเข้าใจว่ามาอัพแล้ว

ไรเตอร์ยังงัย ยังงัยก้ออย่าลืมมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kokikung ที่ 21-07-2010 03:04:10
สนุกดีนะไรเตอ์

อัพบ่อยจริงๆๆๆๆ ชอบบบ
อยากให้ภัทรเปิดใจอ่านะ

สงสารคุณเชษฐ์จังเลย

ดูคุณเขาอ่อนโยนมากกก

อบอุ่นจริงๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-07-2010 16:54:46
^
^
^
แหะๆๆ ไม่ได้เข้ามาหลายวันเพราะเกรงจะโดนทวง ลองแว้บเข้ามาดู...ก็พบว่าโดนทวงอยู่จริงๆด้วย ^^"

รอแปร๊บนึงนะคะ ตอนนี้กำลังปั่นตอนต่อไปอยู่ กะให้มาลงในสัปดาห์นี้ก่อนแบกเป้ไปแอ่วเหนือช่วงหยุดยาวนี่ละ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนถามไถ่ค่า   :bye2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง (อัพ 20/6/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 21-07-2010 17:38:11
^
^
^
ดีใจๆๆๆ สัปดาห์นี้คุณเชษฐ์กับภัทรจะมา

แอบขโมยกอดป้าค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-07-2010 09:01:04
กอดน้องนุ่นและทุกท่านคืนเจ้าค่ะ คนอ่านของป้าน่ารักที่ซู้ด  :กอด1:

ตอนใหม่มาแล้วภายในสัปดาห์นี้ตามสัญญา (ถ้าไม่ได้จะไปเที่ยวจะมีแรงฮึดแบบนี้ไหมเนี่ย?) เนื้อหาตอนนี้น่าจะมีรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้คนอ่านงงแน่ๆ แต่ทำเป็นหลับหูหลับตาไปละกันนะเจ้าคะ แล้วก็แนะนำว่าใครจะกินกาแฟระหว่างอ่านตอนนี้ก็ไม่ต้องใส่น้ำตาลค่ะ อ่านๆไปแล้วเดี๋ยวกาแฟที่ขมมันจะหวานเอง 555  :laugh:

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าเน้อ~



ตอนที่ 11.


หลังจากพายุฝนกระหน่ำในยามบ่ายของวันก่อน เช้าวันถัดมาท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง ขอบฟ้าที่ตัดกับผืนทะเลในยามรุ่งสางเรื่อไปด้วยแสงสีส้มจางจากพระอาทิตย์ที่ยังไม่โผล่เหนือผิวน้ำอย่างเต็มดวง ขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องของนกทะเลดังมาให้ได้ยินจากที่ไกลๆ

ประตูห้องพักบีชฟร้อนท์สวีทถูกผลักเปิดออกอย่างช้าๆ ก่อนที่คนเปิดจะค่อยก้าวออกมายืนบนระเบียงหน้าห้อง ชายหนุ่มร่างเพรียวสูดอากาศยามเช้าริมทะเลที่เจือกลิ่นน้ำค้างจากต้นไม้ใบหญ้ารอบห้องพักเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงเหลียวกลับไปมองร่างที่ยังนอนหลับไหลอยู่บนเตียงกลางห้อง

แม้ว่าภายในห้องจะค่อนข้างสลัวเพราะว่าผ้าม่านถูกรูดปิดไว้ทุกด้าน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายนอนตะแคงหันมาทางเขา ภัทรจึงเห็นได้ถนัดว่าเปลือกตาทั้งสองของเชษฐ์ยังปิดสนิท แผ่นอกที่สะท้อนขึ้นลงรับกับจังหวะหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวยังไม่รู้สึกตัวตื่นหรือรับรู้ว่าเขาลุกจากเตียงแล้ว ชายหนุ่มจึงพยายามงับประตูตามหลังโดยไม่ให้เกิดเสียงดัง จากนั้นก็พ่นลมออกจากปากเบาๆขณะหมุนตัวหันหลังให้ประตู

นัยน์ตาเรียวทอดมองไปยังท้องทะเลกว้างเบื้องหน้า ผืนฟ้าด้านบนยังเป็นสีเทาหม่นเนื่องจากแสงอาทิตย์ยังอ่อนเกินกว่าจะฉายให้เห็นสีฟ้าใส ร่างเพรียวเดินเท้าเปล่าไปทรุดตัวลงบนม้านั่งที่ทำจากไม้ซึ่งตอกติดกับระเบียงห้องทั้งแถบและมีช่องพอจะให้สอดขาเข้าไปนั่งห้อยขาได้ จากนั้นก็วางแขนทั้งสองประสานกันบนขอบพนักและเอาคางเกยไว้ด้านบน สายลมยามเช้าตรู่พัดมาไล้ตัวอย่างแผ่วเบาแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้รู้สึกหนาว เขาจึงไม่นึกอยากลุกไปหาผ้ามาห่มและปักหลักนั่งมองทิวทัศน์หน้าห้องอยู่อย่างนั้น

ตื่นก่อนอีกแล้วสิ...ทั้งที่เวลานอนคนเดียวจะไม่ตื่นเช้าแบบนี้ในวันหยุดแท้ๆ

ภัทรคิดในใจขณะแกว่งขาไปมาอย่างเนือยๆ เนื่องจากส่วนระเบียงที่ยื่นออกไปนั้นสูงจากพื้นทรายประมาณหนึ่งฟุตกว่า เมื่อเขาห้อยขาออกไปจึงแตะไม่ถึงพื้น ลมทะเลยามเช้าพัดผมด้านหน้าให้ปลิวมาเข้าตาจนต้องยกมือเสยเป็นระยะ ทำให้เขาตั้งใจว่ากลับไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่คงต้องไปตัดผมเสียที

ชายหนุ่มนั่งมองขอบฟ้าค่อยๆเปลี่ยนสีโดยไม่รู้สึกง่วงหรืออยากกลับเข้าไปนอนเลยสักนิด ไม่ช้า แสงเรืองรอบพระอาทิตย์สีส้มดวงใหญ่ก็เริ่มขยายขอบเขตจนกลืนผืนฟ้าสีเทาหม่นให้สดใสขึ้นทีละน้อย ความสว่างนั้นช่วยขับรูปทรงของเรือประมงและหมู่เกาะที่อยู่ไกลลิบให้เป็นสีเข้มตัดกับฟ้าเบื้องหลังมากยิ่งขึ้น และทำให้ภัทรรู้ตัวว่าตนคงออกมานั่งเล่นคนเดียวได้นานพอสมควรแล้ว

มือเรียวล้วงเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง จากนั้นก็กดเปิดเครื่องแล้วรออยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มไล้นิ้วโป้งบนหน้าจอเบาๆเมื่อพบว่าเครื่องหาสัญญานเจอ นัยน์ตาใสกระจ่างจับจ้องที่ตัวเลขแสดงเวลาพลางคิดถึงคนที่ตั้งใจจะไปเยี่ยมในวันนี้

ปกติน้าจินชอบตื่นเช้าไปตักบาตร ตอนนี้เกือบจะเจ็ดโมง...ก็น่าจะตื่นได้สักพักแล้วล่ะมั้ง

ภัทรคิดในใจก่อนจะกดโทรออกแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เสียงเพลงรอสายซึ่งเป็นเพลงของนักร้องลูกกรุงชื่อดังสมัยก่อนเขาเกิดดังให้ได้ยินครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดเป็นเสียงพูดของหญิงวัยกลางคนที่ภัทรคุ้นหูเป็นอย่างดี

“ฮัลโหล? ภัทรเหรอลูก?”

เสียงที่ไม่ว่าเมื่อใดก็สะท้อนถึงความรักใคร่เอ็นดูอย่างเต็มเปี่ยมเอ่ยทักมาตามสาย อาจเพราะปกติน้าของเขาเป็นคนพูดช้าและเสียงเบา เวลาคุยโทรศัพท์ภัทรจึงต้องคอยเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจทุกครั้ง ทว่าน้ำเสียงจากญาติผู้ใหญ่ที่เคารพซึ่งไม่ได้ยินมาหลายเดือนก็ทำให้ความคิดถึงพลุ่งขึ้นจนขอบตาร้อนผ่าว ชายหนุ่มจึงรีบสูดน้ำมูกและใช้อุ้งมือข้างที่ว่างเช็ดหยาดน้ำตรงหางตาออกไป

“ครับน้าจิน ผมเอง ผมไม่ได้โทรมาปลุกน้าจินใช่มั้ย?”

ภัทรรีบถาม เพราะตั้งแต่หลังปีใหม่เขาก็ไม่ได้ติดต่อไปหาน้าสาวและน้าเขยเลย ดังนั้นหากพบว่าตนโทรไประหว่างที่น้ายังไม่ตื่นนอนก็คงรู้สึกเสียมารยาทมาก ทว่าปลายสายกลับหัวเราะเบาๆ

“น้าก็ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าทุกวันนั่นแหละ ว่าแต่เราเถอะ ปกติวันหยุดต้องตื่นแปดเก้าโมงโน่นไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่าถึงได้โทรมาเสียเช้าเชียว? หรือว่ามีใครเป็นอะไรไป?”

น้ำเสียงของคนถามร้อนใจขึ้นเมื่อถึงประโยคสุดท้าย ภัทรจึงส่ายหน้ายิ้มๆทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น “เปล่าครับ ผมแค่คิดถึง แล้วก็...เอ่อ ผมจะถามว่าวันนี้น้าจินกับน้าบรรณอยู่บ้านกันหรือเปล่า พอดีผมกะว่าช่วงสายๆจะเข้าไปหา...”

ภัทรตอบเสียงสะดุดเล็กน้อย ทั้งที่ความจริงแล้วเขาก็ใช้ชีวิตที่บ้านเดียวกับน้าทั้งสองอยู่หลายปีสมัยเรียนมัธยม เนื่องจากพี่สาวแยกไปอยู่หอเพราะพ่อกับแม่เสียตอนที่แพนเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ดังนั้นบ้านที่จันทบุรีก็เปรียบเหมือนบ้านอีกหลังของเขา แถมน้าทั้งสองยังเอ็นดูเขามากเพราะไม่มีลูก ดังนั้นภัทรจึงไม่จำเป็นจะต้องรู้สึกเกรงใจกับการเข้าไปเยี่ยมก็ได้ แต่คงเพราะว่าการไปครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว ชายหนุ่มจึงรู้สึกเกร็งนิดหน่อย

คู่สนทนาได้ยินคำถามก็อุทาน “อ้าว! ตายจริง ไปยังไงมายังไงถึงจะมาวันนี้ละนี่ ตอนนี้น้าจินกับน้าบรรณมาช่วยงานบวชของลูกเพื่อนที่ชุมพรอยู่นะลูก ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน ทำไมไม่บอกล่วงหน้าก่อนว่าจะมาเยี่ยมละจ๊ะ น้าจะได้รู้ว่าภัทรจะมาหา จะได้บอกปัดทางนี้เขาไป”

เสียงของผู้เป็นน้าเอ่ยติงเบาๆ ชายหนุ่มจึงรู้สึกว่าสีหน้าของตัวเองเจื่อนลง

“...ขอโทษครับ พอดีผมมาเที่ยวระยองเมื่อวาน แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้น่าจะแวะไปหาน้าจินก่อนกลับกรุงเทพฯเสียหน่อย เลยไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้าไว้ก่อน”

ภัทรอธิบายเสียงอ่อย ถึงแม้ใจหนึ่งจะนึกเสียดายที่จะไม่ได้พาเชษฐ์ไปเยี่ยมน้าของเขา แต่ความเสียดายที่ตนพลาดโอกาสได้พบผู้มีพระคุณทั้งสองนั้นมีมากกว่าเสียอีก

เสียงถอนหายใจเบาๆดังมาตามสาย “ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นว่าคราวหน้าเราก็บอกน้าแต่เนิ่นๆก็แล้วกันว่าจะมา นี่น้าบรรณก็บ่นว่าเดี๋ยวนี้หลานๆไม่ติดต่อมาหาเลย คนแก่ก็เหงาเป็นนะจ๊ะ ฝากบอกแพนด้วยว่าพวกน้าอยากเจอมายูมิ ถ้าเขาว่างเมื่อไหร่ให้พายายตัวเล็กมาให้อุ้มบ้าง”

เมื่อได้ยินผู้เป็นน้าเอ่ยถึงพี่สาวกับหลาน ภัทรจึงยิ้มออกได้ ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้นเมื่อนึกถึงแก้มยุ้ยๆและความช่างฉอเลาะของหลานสาว “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะบอกพี่แพนให้ แต่ช่วงนี้เห็นว่าพี่โทรุเขายุ่งๆ อาจจะต้องรอให้ว่างก่อน แล้วคงได้พากันไปเยี่ยมน้าจินพร้อมหน้าทั้งครอบครัว”

ภัทรได้ยินคู่สนทนาหัวเราะเบาๆ จากนั้นอีกฝ่ายก็เงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงที่ขรึมขึ้น

“จริงสิ…ว่าก็ว่าเถอะ แล้วช่วงนี้ภัทรเป็นยังไงบ้างลูก ของพี่แพนน่ะน้าไม่ห่วงเขาแล้ว แต่ของเรานี่สิ ได้เจอใครบ้างหรือยัง? ตาคนเก่านั่นน่ะเลิกคิดถึงได้แล้วนะ หรือถ้าเบื่อกรุงเทพฯเมื่อไหร่ก็กลับมาอยู่กับน้าก็ได้ งานที่เมืองจันทน์ก็มีให้ภัทรทำออกเยอะแยะ เดี๋ยวให้น้าบรรณถามพวกเพื่อนๆเค้าให้ก็ได้”

ผู้เป็นหน้าถามไถ่ก่อนจะตบท้ายด้วยการหว่านล้อมเช่นทุกครั้ง ภัทรจึงยิ้มบางๆ น่าแปลกที่แม้เวลาจะผ่านมาจนป่านนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกหน่วงๆในอกส่วนลึกยามได้ยินใครพูดถึงธรทุกครั้ง ถึงแม้คนพูดจะไม่ได้เอ่ยชื่อก็ตาม นั่นคงเป็นเพราะแผลในใจของเขายังรักษาไม่หายสนิทร้อยเปอร์เซ็นต์เสียทีกระมัง

แต่ว่า...ความรู้สึกอึดอัดนั้นก็ไม่ได้มากเท่ากับเมื่อตอนที่เขาถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวใหม่ๆ เพราะว่าตอนนี้ ภัทรตระหนักดีว่าตนเองไม่ได้ ‘ตัวคนเดียว’ อีกต่อไปแล้ว

“น้าจินไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นแล้วล่ะครับ ผม...เอ้อ...”

ภัทรเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วก็ไปต่อไม่ได้ นี่เขาควรจะพูดว่ายังไงดีล่ะ ‘ผมมีแฟนใหม่แล้ว’ งั้นเหรอ? จริงอยู่ว่าหากบอกไปน้าจินคงสบายใจขึ้น แต่ทำไมเขาถึงยังกระดากปากก็ไม่รู้สิ...

ชายหนุ่มอ้ำอึ้ง นึกขัดใจกับความหน้าบางของตัวเองในเวลาเช่นนี้ แต่คงเพราะอีกฝ่ายเลี้ยงดูเขามาหลายปีตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น คำตอบสั้นๆที่ได้จึงทำให้ผู้เป็นน้าปะติดปะต่อเรื่องราวได้เอง

“หือ? ตกลงว่าภัทรมีใครแล้วเหรอลูก? งั้นที่จะมาเยี่ยมน้าวันนี้ก็คือจะพาเขามาด้วยใช่หรือเปล่า?”

เสียงพูดที่เร็วและดังขึ้นเล็กน้อยบอกให้รู้ว่าคนพูดกำลังตื่นเต้น ภัทรจึงได้แต่ยิ้มแล้วถอนหายใจด้วยความระอาตัวเอง ทำไมคนรอบตัวถึงมีแต่คนที่อ่านเขาออกทั้งนั้นเลยนะ มีแต่เขานี่ล่ะ…อ่านใครไม่เคยออกเลยสักคน

“…ก็ทำนองนั้นล่ะครับน้าจิน พอดีผมก็ไม่ทันรู้ว่าจะโดนพามาระยอง เพิ่งมานึกได้ก็ตอนถึงที่นี่แล้วว่ามันใกล้เมืองจันทน์นิดเดียวเอง แต่ถ้าน้าจินไม่อยู่ก็คงต้องนัดกันใหม่”

ภัทรพูดพลางเอียงหน้าลงบนแขนข้างที่ยังวางไว้บนขอบพนัก แต่สองตายังคงมองไปยังพระอาทิตย์ที่เริ่มลอยขึ้นเหนือผิวน้ำ สีฟ้าสดของฟ้ายามเช้าเริ่มแผ่ตัวกลบความหม่นทึบของฟ้าใกล้รุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และคงเพราะความสนใจของเขาถูกจดจ่ออยู่กับคู่สนทนาในสาย ชายหนุ่มจึงไม่ทันได้ยินเสียงเปิดประตูห้องที่ดังขึ้นจากด้านหลังเลยสักนิด

“อืม...น่าเสียดายจัง ยังไงคราวหน้าภัทรโทรมาบอกน้าก่อนจะมาก็แล้วกันนะลูกนะ แล้วก็พาเขามาด้วย น้าสองคนจะได้รู้จักไว้ ว่าแต่เขาดีกับภัทรใช่มั้ย? น้าเป็นห่วง...กลัวเราจะเจอคนไม่ดีอีกนี่แหละ”

ท้ายประโยคจบลงด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นกังวล ภัทรได้ยินดังนั้นก็ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ ชายหนุ่มนึกดีใจว่าถึงแม้ตนจะเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แต่ว่าครอบครัวของน้าที่รับเขาไปดูแลก็คอยให้ความเอาใจใส่และคอยให้กำลังใจทุกเรื่อง แม้เมื่อยามที่รักครั้งแรกจบลงด้วยความผิดหวัง แต่น้าทั้งสองก็ไม่เคยซ้ำเติมว่าภัทรหาเรื่องใส่ตัว และเพราะช่วงนั้นพี่สาวของเขายังอยู่ที่ญี่ปุ่นและไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ภัทรจึงมีที่พึ่งทางใจเพียงครอบครัวของน้าที่จันทบุรีเท่านั้น หากตอนนั้นไม่มีน้าจินกับน้าบรรณ เขาก็คงไม่สามารถรวบรวมความเข้มแข็งกลับคืนได้เร็วอย่างที่ผ่านมาแน่

“ครับ...ถ้าเรื่องนั้นน้าจินไม่ต้องห่วง เขาเป็นคนดีครับ”

คราวนี้ภัทรตอบได้อย่างเต็มเสียง เพราะเขามั่นใจในทุกคำที่พูดออกไป ถึงแม้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะนับได้ว่ายังอยู่ในขั้นทำความเรียนรู้กันและกัน แต่เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเส้นทางของเขากับเชษฐ์จะไม่ย้ำรอยความรักครั้งก่อนอย่างแน่นอน

“...ถ้าเราว่าอย่างนั้น น้าก็เบาใจ”

เสียงของผู้เป็นน้ากลับไปเบาลงและเนิบนาบตามเสียงพูดปกติ จากนั้นทั้งสองก็ถามไถ่กันเรื่องความเป็นไปของแต่ละฝ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ภัทรให้สัญญาว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมก่อนสิ้นปีก่อนที่จะวางสาย ทว่ายังไม่ทันจะเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋ากางเกง เสียงกระแอมจากคนที่มายืนอยู่ข้างหลังก็ทำเอาเขาสะดุ้ง

“แอบลุกออกมาก่อนอีกแล้วนะ”

“คุณเชษฐ์!”

ภัทรหันขวับไปหาเจ้าของเสียง แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ด้านหลังเขาในระยะห่างออกไปเพียงไม่กี่คืบ ทว่าแม้น้ำเสียงจะฟังเหมือนดุ นัยน์ตาคมหลังเลนส์แว่นกลับทอยิ้มน้อยๆ

“...ก็พอตื่นแล้ว ผมหลับต่อไม่ลงนี่ครับ”

คนที่นั่งอยู่เอ่ยแก้ตัวเสียงอ่อย ร่างสูงใหญ่จึงก้าวไปหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ แต่ไม่ได้หันออกไปนั่งห้อยขาเหมือนภัทร มือใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่โดนลมพัดจนเกือบเข้าตาของคนข้างๆแล้วเสยไปด้านหลังให้

“นอนข้างฉันแล้วหลับไม่สนิทหรือไง? ฉันว่าฉันก็ไม่ได้นอนดิ้นหรือกรนนี่”

เชษฐ์เอ่ยถาม เพราะหากว่าไม่นับรวมวันนี้ เช้าวันก่อนที่ไปนอนที่บ้านของคุณผู้จัดการ ภัทรก็ตื่นก่อนแล้วแอบเดินลงไปที่ห้องครัวก่อนเหมือนกัน จึงช่วยไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะสันนิษฐานว่าการที่อีกฝ่ายตื่นเช้ากว่านั้นมีสาเหตุมาจากตัวเอง

ภัทรได้ยินคำถามก็ทำตาโตและรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่นะครับ! ไม่เกี่ยวกับคุณเชษฐ์เลย พอดีผมแค่...ยังไม่ชิน...ก็เท่านั้นเอง”

ชายหนุ่มหลบตาแล้วก็ตอบเสียงอุบอิบ เพราะอีกฝ่ายเล่นจ้องเขาจริงๆจังๆจนเกือบจะเหมือนคาดคั้น แต่ว่าเหตุผลที่ภัทรให้ไปนั้นเป็นจริงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้นอนเคียงข้างใครมานาน ดังนั้นจึงยังไม่คุ้นกับการนอนบนเตียงที่มีคนอีกคนอยู่ด้วย แต่อีกสาเหตุที่ภัทรไม่อยากพูดออกมาก็คือ เพราะเขามักจะยังสับสน เกรงว่าความอบอุ่นที่ได้สัมผัสในยามหลับนั้นเป็นความฝันที่จะสลายไปเมื่อตื่นขึ้นมา ดังนั้นเมื่อลืมตาขึ้นและได้เห็นร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆจึงทำให้รู้สึกโล่งใจ แต่นั่นก็ส่งผลให้เขาข่มตาหลับต่อไม่ลงไปด้วยเหมือนกัน

เชษฐ์มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ทำทีเป็นมองไปยังท้องทะเล อาจเป็นเพราะทั้งสองคบกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เขาจึงพอรู้ว่าด้วยนิสัยของภัทรนั้น ถ้าหากตั้งใจแล้วว่าจะไม่พูด ต่อให้โดนเค้นถามแค่ไหนก็ไม่มีวันพูด ร่างสูงจึงส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นตบไหล่บางเบาๆ

“เอาเถอะ ถ้าเพราะยังไม่ชินก็แล้วไป ว่าแต่เมื่อกี้โทรหาน้าเธอแล้วใช่มั้ย ตกลงว่ายังจะไปเยี่ยมกันอยู่หรือเปล่า?”

ภัทรมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม...ก็เมื่อกี้มาแอบยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งนานไม่ใช่หรือไง นี่คุณเชษฐ์ทันได้ฟังบทสนทนาตั้งแต่ช่วงไหนกันแน่…

ภัทรคิดขณะหันกลับไปหาคนถาม เขาพยายามจะอ่านสีหน้าของคุณผู้จัดการให้ออก แต่แล้วก็ต้องยอมแพ้เพราะไม่ได้ความกระจ่างใดๆเลย จึงตอบออกไปตามตรง

“น้าจินกับน้าบรรณไปชุมพรอยู่น่ะครับ ตอนนี้ถึงไปที่บ้านก็ไม่เจอใครอยู่ดี น้าผมบอกว่าถ้าจะไปหาคราวหน้าก็โทรไปบอกก่อน เขาจะได้รู้แล้วจะได้อยู่รอ”

ผู้สูงวัยกว่าได้ยินก็พยักหน้า “อืม...เข้าใจละ งั้นวันนี้พวกเราก็ว่างกันแล้วสิ”

รูปประโยคทำให้คิดว่าคนพูดรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะเป็นคำถาม ภัทรจึงพยักหน้าเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร เชษฐ์มองหน้าอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้ม

"งั้นไปกินข้าวเช้าก่อน ไหนๆก็มีเวลาเหลือแล้ว เดี๋ยวแวะเที่ยวตามทางก่อนกลับกรุงเทพฯก็แล้วกัน”

++------++

หลังจากทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของรีสอร์ทเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็เก็บข้าวของแล้วเช็คเอ๊าท์ออกจากที่พักก่อนเวลาเที่ยงเล็กน้อย ขากลับคราวนี้เชษฐ์ไม่ได้ขับรถเร็วเหมือนขามา และพาแวะเที่ยวตลอดทางเหมือนกับยังไม่อยากให้ถึงกรุงเทพฯเร็วนัก แต่ว่าภัทรก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนจะกลับเหมือนกัน

และที่สำคัญ...เขาก็รู้ดีว่าหลังจากนี้ทั้งสองคงไม่มีเวลาได้ไปไหนมาไหนกันแบบนี้อีกหลายเดือน เพราะว่าตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงที่ใกล้การจัดงานมหกรรมที่ทางบริษัทของเขาจัดเป็นประจำทุกปี หรือที่คนในบริษัทเรียกกันว่าช่วง ‘หน้างาน’ แล้ว

บริษัทที่ภัทรและเชษฐ์ทำงานนั้นเป็นบริษัทจัดงานแสดงมหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยี ซึ่งต่างจากบริษัทจัดงานอิเว้นท์ทั่วไปตรงที่ไม่ได้รับทำประชาสัมพันธ์หรือกิจกรรมส่งเสริมการขายให้ลูกค้ารายใดรายหนึ่ง แต่ดำเนินธุรกิจด้วยวิธีเหมาสถานที่สำหรับจัดแสดงงานในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นก็ขายพื้นที่ให้ลูกค้าเพื่อนำเครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นๆมาออกบู๊ธ และผู้ที่จะมาชมงานหรือเลือกซื้อก็คือวิศวกรหรือเจ้าของกิจการด้านการรับช่วงผลิต ซึ่งนับได้ว่าเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างเฉพาะทางมาก และถึงแม้บริษัทของภัทรจะไม่ใช่รายเดียวในประเทศที่จัดงานลักษณะเช่นนี้ แต่ว่าก็มีคู่แข่งน้อยรายเนื่องจากบริษัทอื่นจะเน้นจัดงานที่ขายผลิตภัณฑ์สำเร็จเช่นเฟอร์นิเจอร์หรืองานเลหลังสินค้ากันเสียมากกว่า และที่สำคัญก็คือคุณปรีชาซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้งบริษัทก็เป็นหนึ่งในผู้ที่บุกเบิกธุรกิจนี้เป็นรายแรกๆในประเทศ ก่อนที่ต่อมาจะนำบริษัทไปเข้าร่วมเป็นพันธมิตรของบริษัทแนวเดียวกันในยุโรปซึ่งใหญ่กว่าและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ดังนั้นทุกงานที่จัดจึงค่อนข้างมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนในวงการ แม้แต่ชาวต่างประเทศที่อยู่ในแวดวงก็ยังบินมาเยี่ยมชมงานทุกปี และการจัดงานแต่ละครั้งก็มีเงินหมุนเวียนเป็นหลักเกือบพันล้าน

ภายในการจัดงานแต่ละครั้งนั้นจะไม่ได้มีการนำเสนอแบบรวมทุกอุตสาหกรรม แต่ว่ามีการแยกตามสายอุตสาหกรรมด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนที่เป็นเซลส์ขายพื้นที่แบ่งงานกันง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแย่งลูกค้ากัน อย่างเช่นงานที่เน้นอุตสาหกรรมพลาสติกก็ขายพื้นที่ให้แต่บริษัทที่ขายเครื่องจักรฉีดพลาสติก งานที่เน้นอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ก็ขายพื้นที่ให้แต่บริษัทที่ขายเครื่องผลิตแม่พิมพ์ โดยเซลส์ของแต่ละงานจะอยู่ใต้การดูแลและวางแผนโดยผู้จัดการโปรเจ็กต์อีกที จึงเป็นที่มาว่าทำไมบริษัทของภัทรจึงมีผู้จัดการโปรเจ็กต์ถึงสี่คน และเพราะการขายพื้นที่ในงานแบบนี้นั้น ลูกค้าที่สนใจจะออกบู๊ธต้องเสียค่าซื้อพื้นที่เป็นเงินหลักแสนหรือหลักล้านทั้งที่จัดแสดงเพียงสี่วัน ขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้พื้นที่มากแค่ไหนและซื้อแพคเกจประชาสัมพันธ์แบบใด การจะขายพื้นที่จึงต้องทำกันล่วงหน้าปีต่อปี คนที่เป็นผู้จัดการและเซลส์ของแต่ละโปรเจ็กต์จึงต้องทำงานหนักกันข้ามปีเพื่อจะขายพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

ในแต่ละวันที่เซลส์ออกไปพบลูกค้า แผนกอื่นๆก็ต้องช่วยกันสนับสนุนการขายด้วย โดยทีมประชาสัมพันธ์ก็ต้องเขียนข่าวและจัดกิจกรรมให้งานเป็นที่รู้จัก ทีมก๊อปปี้ไรเตอร์และกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ก็ต้องทำโบรชัวร์หรือสื่อโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้าที่มีแนวโน้มว่าจะมาออกบู๊ธ ทีมคอลเซ็นเตอร์ก็ต้องโทรและส่งอีเมล์ติดต่อเชิญชวนทั้งผู้ที่มีแนวโน้มจะมาออกงานและมาชมงาน และเมื่อถึงกำหนดเวลาปิดการขาย ฝ่ายเซลส์ก็จะสรุปยอดผู้เข้าออกแสดงสินค้าและส่งต่อรายชื่อรวมทั้งตำแหน่งออกบู๊ธของลูกค้าแต่ละรายให้แก่ฝ่ายโอเปอเรชัน ซึ่งแผนกนี้ต้องรับช่วงในการประสานงานระหว่างลูกค้ากับสถานที่จัดงานให้ตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังงานจบและรื้อถอนบู๊ธ ซึ่งงานของภัทรจะตกอยู่ในส่วนนี้นั่นเอง ถึงแม้กระบวนการต่างๆเหล่านี้จะดูเหมือนง่าย แต่ว่าความจริงแล้วกินเวลาและมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากทีเดียว กว่าภัทรจะเข้าใจถึงสิ่งที่รุ่นพี่ของเขาช่วยสอนให้ก็ยังต้องใช้เวลาร่วมปี และหลังจากที่เคยได้ผ่านงานของปีก่อนมาแล้ว คราวนี้เขาจึงรู้ว่าช่วงที่ทุกคนในบริษัทจะยุ่งที่สุดก็คือช่วงหนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนจะเปิดงาน หรือก็คือช่วงนี้นั่นเอง

จริงอยู่ว่าภัทรเป็นคนมีนิสัยมุ่งมั่นกับการทำงาน เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับบริษัท แต่ขณะเดียวกัน ส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นนั้นก็มาจากความที่เขาต้องการหาอะไรทำเพื่อดึงความสนใจจากการจมจ่อมอยู่กับอดีต และมันก็ได้ผลจริงๆจนทำให้ภัทรแทบไม่ค่อยสมาคมหรือสังสรรค์กับคนในบริษัทนัก แต่ว่าเขาก็ไม่เคยได้มานั่งนึกเสียดายตรงจุดนี้ และถ้าหากเป็นเมื่อก่อนแล้วล่ะก็ ภัทรก็คงไม่นึกเสียดายหรืออาลัยเวลาสำหรับการพักผ่อนมากขนาดนี้อย่างแน่นอน แต่เพราะตอนนี้เขาเริ่มพบว่าตัวเองกำลังได้ค้นพบตัวตนที่ทำหายไปอีกครั้งจากการได้ใช้เวลาอยู่กับเชษฐ์ การเดินทางกลับกรุงเทพฯคราวนี้จึงอวลไปด้วยความรู้สึกดีใจปนเหงาหงอย รวมทั้งความรู้สึกที่อยากจะยืดเวลาที่พวกเขายังไม่ต้องกลับไปเผชิญกับชีวิตการทำงานให้เนิ่นนานขึ้นอีกนิดด้วย

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-07-2010 09:01:48
ภัทรได้แต่คิดวนไปวนมาถึงเรื่องนี้ระหว่างทางที่เชษฐ์ขับรถพากลับกรุงเทพฯซึ่งเป็นเวลาที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน และถึงแม้ว่าเจ้าของรถจะเปิดเพลงจากแผ่นซีดีเอาไว้เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป แต่ก็ไม่อาจกลบเสียงถอนหายใจที่หลุดให้ได้ยินเป็นระยะจากร่างเพรียวที่นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารได้ คนตัวใหญ่ลอบมองคนที่เอาแต่นั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ยิ้ม

“ภัทร”

“ครับ?”

คนถูกเรียกหันกลับมา คิ้วเรียวทั้งสองข้างขมวดเล็กน้อย แต่ดูเหมือนเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำสีหน้าเหงาๆอยู่ คนตัวใหญ่ที่ตอนแรกคิดจะแกล้งแซวจึงเริ่มลังเลขึ้นมา เชษฐ์เบนสายตากลับไปมองถนนเบื้องหน้าแล้วก็เคาะนิ้วข้างหนึ่งลงบนพวงมาลัย และสุดท้ายก็เปลี่ยนใจ

“เดี๋ยวลงจากทางด่วนก็ใกล้ถึงคอนโดเธอแล้วนะ อยากแวะกินข้าวหรือซื้อของอะไรก่อนหรือเปล่า?”

“เอ๋? เอ่อ...”

พอได้ยินคำถาม ภัทรจึงเหลือบตามองป้ายบนทางด่วน ทำให้พบว่าตอนนี้ทั้งสองเข้าเขตกรุงเทพฯกันแล้ว และอีกราวครึ่งชั่วโมงก็คงถึงคอนโดของเขาถ้าหากรถไม่ติด ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยเพราะว่าเอาแต่เหม่อจนไม่ทันรู้ตัว

เวลาเที่ยวเล่นมักจะผ่านไปเร็วจริงๆด้วย...

ภัทรถอนหายใจอีกครั้ง แล้วก็ต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะทั้งที่ไม่ได้หันมาทางเขา แต่ก็ไม่ได้คิดมากหรือทักท้วงขึ้นมา ชายหนุ่มเพียงยกมือหนึ่งลูบท้องตัวเองเบาๆอย่างครุ่นคิด

“ผมยังไม่หิว...”

ภัทรพูดได้แค่นั้น แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพาซื่อจนปากตรงกับใจ เพราะการที่เชษฐ์ถามเขาแบบนั้นอาจเป็นเพราะจะได้ยืดเวลาให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันก็ได้ แต่การที่เขาพูดแบบนี้ก็เหมือนตัดรอนกันกลายๆว่าได้เวลาแยกย้ายกันแล้ว ทว่าเมื่อภัทรมองไปก็ไม่ได้พบว่าเชษฐ์ทำสีหน้าไม่พอใจแต่อย่างใด อีกฝ่ายเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ และเมื่อถึงทางแยกก็หักเลี้ยวลงและขับตรงไปทางคอนโดของเขาเท่านั้น

“ถ้างั้นก็กลับกันเลยก็แล้วกัน”

ภัทรมองคนข้างๆอย่างไม่เข้าใจว่ากำลังคิดอะไร จะว่าหงุดหงิดหรือเปล่าก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาเคยเห็นเวลาอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องของเขามาก่อนแล้ว ทำให้รู้ว่าถ้าหากอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจเขาก็น่าจะดูออก แต่ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของคุณผู้จัดการในตอนนี้กลับไม่ได้แสดงท่าทางเช่นนั้นให้เห็นเลยสักนิด คราวนี้เขาจึงเริ่มเป็นฝ่ายร้อนใจเสียเอง

อะไรเนี่ย...หรือว่าที่จริงกำลังโมโห แต่ว่าไม่ยอมแสดงออกมาให้รู้อยู่หรือเปล่านะ

ชายหนุ่มคิดในใจขณะที่เชษฐ์ขับรถมาถึงลานจอดชั้นใต้ดินของคอนโดเขาแล้ว อีกฝ่ายยังคงไม่ได้พูดอะไรขณะที่เข้าเกียร์จอดแต่ไม่ได้ดับเครื่อง ภัทรจึงได้แต่เม้มริมฝีปาก เพราะที่คนข้างตัวทำอยู่นั้นเหมือนกำลังรอให้เขาบอกลาแล้วรีบๆลงจากรถไปไม่มีผิด

ก่อนจะทันรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร ภัทรก็ยื่นมือไปจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ และดูเหมือนเชษฐ์เองก็คงไม่ได้คิดว่าเขาจะแสดงกิริยาเช่นนั้นออกมาเหมือนกัน ใบหน้าคมจึงหันมาเหลือบมองคนข้างๆแล้วก็เลิกคิ้ว ภัทรเห็นสายตาแสดงความประหลาดใจของอีกฝ่ายจึงรู้สึกตัวและรีบปล่อยมือ

“ผมไม่ได้หมายความว่าอยากรีบไล่คุณเชษฐ์กลับนะครับ”

คนถูกพามาส่งก้มหน้าแล้วพูดเสียงอ่อย แต่กลับกลายเป็นว่าคราวนี้คนฟังกลับหัวเราะเสียงดัง ภัทรจึงเงยหน้าขึ้นแล้วกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆแขนใหญ่ข้างหนึ่งก็รั้งเขาเข้าไปหา

“คิดมากเกินไปแล้ว ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ ก็วันนี้พาไปเที่ยวตะลอนๆตลอดบ่าย ฉันก็นึกว่าเธอคงเหนื่อย อยากกลับไปพักแล้วน่ะสิ”

คนตัวใหญ่พูดพลางบีบไหล่ของคนในอ้อมแขน ร่างเพรียวจึงถอยตัวออกเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ ทำให้ได้เห็นรอยยิ้มขันในดวงตาเป็นประกายหลังเลนส์แว่น และก็ได้รู้ตัวว่าเผลอปล่อยไก่ตัวใหญ่อีกแล้ว

เมื่อไหร่เขาจะเลิกทำตัวเปิ่นๆแบบนี้เสียทีนะ...

ภัทรคิดขณะที่รู้สึกว่าผิวแก้มอุ่นวาบขึ้น นี่ถ้าหากใครที่ออฟฟิศมาเห็นเขาตอนนี้คงได้พากันหัวเราะแน่ๆ แต่เขาก็เพียงแต่พูดตามที่คิดเพราะกลัวคุณเชษฐ์จะโกรธเท่านั้นนี่นา

“ผมไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ยังไม่หิวเพราะเมื่อบ่ายก็แวะกินกันไปแล้ว แล้วก็ไม่อยากไปซื้อของอะไรด้วย ผมแค่...”

ชายหนุ่มพูดยังไม่จบประโยคก็เงียบไป นัยน์ตาเรียวเหลือบกลับขึ้นสบตากับอีกฝ่าย เขาอยากจะพูดต่อว่า ‘ผมแค่ยังไม่อยากให้คุณเชษฐ์กลับ’ แต่ก็เกรงว่าตัวเองอาจกำลังเอาแต่ใจ เพราะว่าเชษฐ์ก็ขับรถพาเขาไปที่นั่นที่นี่มาทั้งวัน บางทีตอนนี้อีกฝ่ายอาจจะกำลังอยากกลับไปพักผ่อนก็ได้

ทั้งสองนั่งสบตากันโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรก่อน แต่แล้วภัทรก็หลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายขยับตัวเข้าหา ชายหนุ่มรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดอยู่บนหน้าผาก ก่อนอีกฝ่ายจะแนบริมฝีปากลงบนเปลือกตาข้างหนึ่งของเขาอย่างแผ่วเบา

ร่างเพรียวรู้สึกได้ถึงข้อนิ้วใหญ่ที่ไล้แก้มให้เขาอยู่ แต่นอกจากสัมผัสอันอ่อนหวานบนเปลือกตา เชษฐ์ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น นัยน์ตาเรียวค่อยปรือขึ้นช้าๆเมื่อสัมผัสอบอุ่นนั้นผละไป แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มอ่อนๆให้

“ที่จริงก็อยากจะขอตื๊อขึ้นไปเยี่ยมห้องอยู่หรอกนะ แต่เมื่อตอนบ่ายฉันโดนโทรมาบอกว่าให้ช่วยทำพรีเซ้นต์ให้คุณปรีชาด่วนเพราะต้องไปเอาไประชุมกับสมาคมพรุ่งนี้เช้า พอดีมันมีข้อมูลที่ต้องใช้จากตอนที่ฉันไปเทรนนิงที่ต่างประเทศด้วย ท่าทางคงจะกินเวลาอยู่เหมือนกัน”

ภัทรเบิกตาโต พออีกฝ่ายพูดเขาจึงนึกขึ้นได้ว่าตอนที่แวะทานมื้อบ่ายกันนั้นมีโทรศัพท์มาหาและเชษฐ์ลุกออกไปคุยที่อื่น แต่เพราะเจ้าตัวไม่ได้บอกเขาว่าท่านประธานเป็นคนโทรมาหรือว่ามีเรื่องด่วน แถมยังขับรถพากลับเข้าเมืองแบบไม่รีบร้อนอีก เขาจึงไม่ระแคะระคายสักนิดว่าคนข้างตัวมีธุระที่ต้องรีบกลับไปทำ

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้เลย...”

ภัทรเอ่ยเสียงเบา รู้สึกราวกับตัวเองเป็นตัวถ่วงเวลาอันมีค่าของอีกฝ่ายขึ้นมา แต่เชษฐ์กลับส่ายหน้าแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ลงมาปรกหน้าผากของภัทรให้

“เธอไม่ผิดหรอกน่า ตอนที่คุณปรีชาโทรมาก็ขอโทษเหมือนกันที่ต้องให้ทำกะทันหันแบบนี้ เพราะที่จริงเขามอบหมายให้เลขาเป็นคนทำแล้วแต่เจ้าหล่อนเกิดป่วยเมื่อคืนวาน ทีนี้คนที่รู้รายละเอียดเรื่องโปรเจ็กต์ใหม่นั่นก็มีแต่ฉัน ฉันก็เลยต้องเป็นคนช่วยทำให้นี่แหละ”  

“มีอะไรที่ผมช่วยได้มั้ยครับ?”

ชายหนุ่มถามขึ้น ไหนๆเขาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เชษฐ์เสียเวลาวันนี้ไปหลายชั่วโมงแล้ว ดังนั้นถ้าหากมีอะไรที่เขาพอช่วยแบ่งเบาได้ ภัทรก็อยากจะทำให้อีกฝ่ายบ้าง

เชษฐ์ส่ายหน้า “งานทำพาวเวอร์พ้อยท์มันไม่ยากหรอก มันติดตรงที่ต้องดึงข้อมูลมาจากในนี้เท่านั้นแหละ”

อีกฝ่ายพูดพลางเคาะนิ้วข้างหนึ่งที่ขมับตัวเองเบาๆ ภัทรจึงได้แต่รู้สึกถึงความไร้ความสามารถของตนเอง เพราะสุดท้ายเขาก็ช่วยอะไรในงานของเชษฐ์ไม่ได้เลย

“ถ้างั้น...ก็ไม่เป็นไรครับ งั้นอย่าทำจนดึกมากนักก็แล้วกันนะครับ”

ภัทรเอ่ยพลางถอดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นก็ดึงสายกระเป๋าขึ้นมาพาดบ่า นัยน์ตาเรียวเอาแต่หลีกเลี่ยงการสบตากับอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวว่าทำให้คนมองรู้สึกอย่างไร ทว่าพอจะหันไปเปิดประตูนั่นเอง ชายหนุ่มก็ต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเชษฐ์ยื่นแขนมาคร่อมระหว่างเขากับประตูเอาไว้

“คุณเชษฐ์?...”

ชายหนุ่มไม่มีโอกาสถามต่อให้จบว่า ‘…มีอะไรหรือเปล่า?’ เพราะเชษฐ์ใช้มืออีกข้างถอดแว่นออกแล้วก็ขยับตัวเข้ามาใกล้จนแตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเขา และการรุกเร้าอย่างกะทันหันนั้นก็ทำให้นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“อื้ม...”

คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงอู้อี้ในคอ เชษฐ์ไม่ได้จูบเขาอย่างเร่าร้อนรุนแรงก็จริง เพียงแค่แนบริมฝีปากที่เผยอลงมาบนริมฝีปากของเขาซ้ำๆเท่านั้น แต่ก็ทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงกับลมหายใจสะดุด ภัทรครางเบาๆเมื่อถูกขบเม้มริมฝีปากล่างก่อนอีกฝ่ายจะถอยออกไป แต่ว่าแขนที่คร่อมเขาไว้ยังคงวางอยู่ที่เดิม

ร่างเพรียวรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นจนเหมือนกับจะได้ยินเสียง เช่นเดียวกับลมหายใจที่ติดขัดเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายจนต้องหลุบตาหนี เขามั่นใจว่าเชษฐ์ก็น่าจะตระหนักดีว่าตอนนี้ทั้งสองอยู่ในรถในลานจอดชั้นใต้ดินใกล้ประตูเข้าลิฟต์ ซึ่งเป็นบริเวณที่จะมีใครเดินเข้าออกและมาเห็นพวกเขาเมื่อไรก็ได้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้นำพาเลยแม้แต่น้อย

เชษฐ์มองท่าทางของคนตรงหน้ายิ้มๆขณะสวมแว่นกลับตามเดิม “เปลี่ยนจากคำอวยพรเป็นสัญญาแทนได้มั้ย? ว่าหลังจบงานนี้เมื่อไหร่จะไปเยี่ยมน้าเธอด้วยกัน น้าเธอจะได้เห็นให้สบายใจว่าตกลงฉันดีพอสำหรับเธอจริงหรือเปล่า”

“เอ๊ะ?”

ภัทรเลิกคิ้วพลางตวัดสายตาขึ้นสบกับนัยน์ตาคมอย่างงุนงง แต่แล้วก็ร้อนวูบบนผิวหน้าเมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงอะไร

หมายความว่า...ตอนที่เขาคุยโทรศัพท์กับน้าจินนั่น คุณเชษฐ์...ได้ยิน...

ชายหนุ่มรู้สึกว่าผิวหน้าตัวเองเริ่มร้อนจนควบคุมไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนอีกฝ่ายคงจะเห็นได้จากแสงไฟในลานจอดที่ส่องผ่านกระจกรถเข้ามา เพราะเชษฐ์ยิ้มแล้วก้มลงจูบหน้าผากเขาเร็วๆอีกครั้ง

“กลับขึ้นห้องได้แล้วล่ะ ไม่งั้นมีหวังฉันไม่ได้กลับไปทำงานให้คุณปรีชาแน่ แล้วก็อย่านอนดึกนัก พรุ่งนี้เช้าค่อยเจอกันที่ออฟฟิศ”

ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อนโยนขณะที่เสยผมบนหน้าผากให้คนตรงหน้า ภัทรจึงได้แต่กระชับมือที่กำอยู่รอบสายสะพายกระเป๋าและตอบเสียงอุบอิบ

“ครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ จากนั้นก็โบกมือให้เชษฐ์และยืนมองดูรถสีเทาควันบุหรี่คันใหญ่ที่ขับออกไปจนพ้นทางเข้า ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นเสยผมที่หล่นลงมาปรกหน้าผากจนเกือบเข้าตาแล้วก็ชะงัก

ความอบอุ่นจากมือของใครคนหนึ่งราวกับยังหลงเหลืออยู่จนภัทรเผลอวางมือนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่น่าเชื่อว่าทั้งที่เพิ่งจะแยกจากกันได้เพียงไม่ถึงนาที เขาก็เริ่มคิดถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองใช้ร่วมกันระหว่างที่ไปเที่ยวทะเลเสียแล้ว

ชักจะทำตัวเป็นหนุ่มวัยรุ่นเข้าไปทุกทีแล้วสิเรา...

ภัทรส่ายหน้าแล้วก็หยิบคีย์การ์ดมารูดเปิดประตูก่อนจะก้าวเข้าลิฟต์ ชายหนุ่มกดหมายเลขชั้นที่ห้องของตัวอยู่แล้วก็ยกมือกอดอก ขณะที่ลิฟต์เลื่อนสูงขึ้นก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ มือเรียวจึงล้วงหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกงมากด

เพิ่งจะแยกกันไปหยกๆเมื่อกี้ ถ้าโทรหาทันทีคงดูเหมือนเขา ‘ติด’ อีกฝ่ายมากไปหน่อย ถ้างั้นขอส่งแค่เมสเสจก็แล้วกัน

“Don’t work too hard & have a good dream.”

ภัทรพิมพ์ข้อความเสร็จเมื่อประตูลิฟต์เปิดพอดี จึงกดส่งข้อความนั้นก่อนจะหย่อนมือถือลงกระเป๋าเหมือนเดิม เมื่อเข้าไปในห้องแล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดการพับกองผ้าที่วางทิ้งไว้เมื่อวานกลับเข้าตู้ จากนั้นก็เพียงแต่เทนมสดจากกล่องในตู้เย็นมาอุ่นดื่มเป็นมื้อค่ำเท่านั้น ชายหนุ่มนั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆขณะรอว่าเมื่อไรอีกฝ่ายจะตอบเมสเสจกลับมา แต่ความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวันคงทำให้เขาง่วงเร็วกว่าปกติ ภัทรจึงสัปหงกอยู่หน้าโทรทัศน์ทั้งที่ยังหัวค่ำ เมื่อจู่ๆได้ยินเสียงสัญญานจากมือถือว่ามีข้อความใหม่เข้าจึงสะดุ้งเฮือก

ภัทรกะพริบตาพลางสะบัดหัวให้หายง่วงขณะหยิบมือถือขึ้นมากดอ่านข้อความ แวบแรกที่ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอ คิ้วเรียวก็เลิกขึ้นราวกับไม่แน่ใจว่านั่นคือข้อความที่เชษฐ์ส่งกลับมาจริงๆ แต่ไม่ช้าริมฝีปากบางก็ค่อยๆยกยิ้ม

“:)”

สั้นชะมัด...ทีเขายังพิมพ์ให้ตั้งยาว...คุณเชษฐ์ดันตอบกลับมาแค่นี้เอง...

ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าตัวเองยิ้มจนแก้มแทบจะปริ จึงพยายามสูดหายใจเข้าลึกแล้วเอามือข้างหนึ่งขึ้นหยิกแก้มให้หยุดยิ้ม แต่ดูเหมือนจะไร้ผลเพราะรอยยิ้มบนหน้าเขาก็ยังคงอยู่อย่างเดิม ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าจะปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอนเสียที เพราะสาเหตุเดียวที่เขายังไม่นอนก็เพราะนั่งรอข้อความตอบกลับจากอีกฝ่ายอยู่นั่นเอง

พอคิดได้ดังนั้น ภัทรจึงลุกไปแปรงฟันแล้วก็ปิดไฟในห้องก่อนจะเอนหลังลงบนเตียง แต่ทว่าคราวนี้เขากลับหลับไม่ลงง่ายๆ หลังจากนอนพลิกไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเครื่องหมายสองอย่างที่ประกอบกันแล้วกลายเป็นรูปหน้ายิ้มอีกรอบ พอแสงบนหน้าจอดับไปก็กดเพื่อดูใหม่ซ้ำๆอยู่อย่างนั้น จวบจนความง่วงงุนเริ่มทำให้เปลือกตาบนทั้งสองข้างหย่อนลงมากขึ้นทุกที เขาจึงยอมปิดเครื่องและหลับตาลง แม้ว่ารอยยิ้มที่มุมปากจะไม่ได้จางหายไปเลยก็ตาม

เวลาแห่งการได้เที่ยวอย่างอิสระของสุดสัปดาห์นี้อาจจะจบลงแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ที่รีสอร์ทก็คงกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ดีสำหรับเขากับเชษฐ์เท่านั้น แต่ภัทรก็ไม่นึกเสียดายอีกเพราะรู้ว่าพวกเขายังมีโอกาสได้ใช้เวลาด้วยกันอีกมาก และเพราะเขารู้ดีว่าทั้งในวันพรุ่งนี้และต่อๆไป เขาก็ยังจะได้เห็นรอยยิ้มของคนตัวใหญ่ที่พร้อมจะมอบให้เขาอยู่เสมอนั่นเอง


+---tbc---+

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-07-2010 09:42:49
มาต่อแย้วววว  คุณเชษฐ์อบอุ่นจัง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 23-07-2010 10:22:12
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก

ชอบพี่เชษฐ์ ที่ซู๊ดดดดด~~~~~~
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 23-07-2010 10:41:46
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 23-07-2010 12:30:54
:mc4:
ว้าว ว้าว OvO มาต่อแล้ว ดีใจจัง คิดถึงคุณเชษฐกะหนูภัทรมากๆ
ระหว่างรอก็เข้ามาอ่านซ้ำตั้งกี่รอบล่ะก็ไม่รู้
ตอนนี้หมดเวลาสวีทแล้วซิ อารมณ์เหงาๆ หงอยๆ ปนหวานๆลอยมา
แต่ไกลเลย ยังอยากเที่ยวอยู่แต่ต้องกลับสู่โลกแห่งความจริงซะล่ะ
ชอบตอนที่ภัทรส่งsmsที่สุดอ่ะ แบบเคยเป็นนะเราส่งไปตั้งยาว
ตอบกลับมาแค่เนี้ย สักคำสองคำก็ไม่มี  เซ็ง 555แต่ก็ดีกว่าไม่ตอบเนอะ

p.s สงสัยเราจะ "ติด"เรื่องนี้แล้วเหมือนกัน อ่านจบตอนล่ะยังอยากขึ้นไปอ่านซ้ำ
long weekedนี้เที่ยวให้สนุกนะ คิดถึงจ้า เรา รอ รอ รอ อยู่ตลอดฮับ
 :bye2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 23-07-2010 12:37:55
 :sleep2:อ่านแล้วอมยิ้มนอนหลับฝันดีตามภัทรไปติดๆเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-07-2010 12:53:35
:sleep2:อ่านแล้วอมยิ้มนอนหลับฝันดีตามภัทรไปติดๆเลย

^
^
พี่ฟางหลับแต่หัววันเลย อิอิ ล้อเล่นนะค้า ดีใจที่ทุกคนยังคิดถึง+ติดตามกันอยู่ค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjaejoong ที่ 23-07-2010 12:59:54
อบอุ่น เข้มแข็ง มั่นคง ดูแล้วเป็นอย่างนั้นน่ะว่าม่ะชอบจังเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 23-07-2010 14:47:38
อบอุ่นไปถึงหัวใจจริงๆเลยจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-07-2010 22:13:02
เริ่มเพิ่มดีกรีความหวานกันทีละนิดทีละหน่อยแล้ว  :o8:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Little Devil ที่ 24-07-2010 12:05:26
อ่านไปยิ้มไป
อบอุ่นจริงๆ
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 24-07-2010 14:09:20
 :o8: คุณเชษฐ์ ทำไมน่ารัก อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ ใจกว้าง
สุขยอดเลย ชักจะอิจฉาภัทรแล้วซิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 25-07-2010 09:38:18
วันนี้งดกินของหวานได้เลยอ่ะ
พอเจอความของคุงเชษฐ์เข้าไป :m20:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 25-07-2010 16:26:26
":)"

ป้าคะ  ^______________________^


แบบว่าแอบเคยมีช่วงเวลาแบบนั้น
แบบที่หยิบข้อความสั้นๆขึ้นมากดดูจนแสงบนโทรศัพท์มันดับไป แล้วก็กดใหม่ให้มันสว่างขึ้นมาอีก
อา......ความหลังช้างหอมหวาน หงิงๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-07-2010 17:47:31
":)"

ป้าคะ  ^______________________^


แบบว่าแอบเคยมีช่วงเวลาแบบนั้น
แบบที่หยิบข้อความสั้นๆขึ้นมากดดูจนแสงบนโทรศัพท์มันดับไป แล้วก็กดใหม่ให้มันสว่างขึ้นมาอีก
อา......ความหลังช้างหอมหวาน หงิงๆ

คิดว่าน่าจะมีคนที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกันหลายคนเลยค่ะน้องนุ่น นึกถึงความหลังดีๆแล้วทำให้ใจเต้นตึกตักดีเนาะ ^^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 25-07-2010 19:59:06
หวานเนอะ :o8: หวานจริงอะไรจริงอ่ะ...
ส่วนเรื่องข้อความนี่ก็เคยค่ะ เอามาดูอยู่นั่นเหมือนคนบ้า...เพราะเป็นแมสเสจทวงเงินจากเพื่อน กร๊ากกก :m20:
ไม่ใช่แระ...แต่คุณพี่เชษฐ์นี่น่ารักจริงๆ แสนดีอย่างนี้ให้ตลอดนะค้าาา
+1 ขอบคุณค่ะ หนูต้องย้อนอ่านสามตอนหลังอีกแล้ว...แบบว่าแอบลืม :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: pattybluet ที่ 25-07-2010 21:49:43
น่ารักจังเลยค่ะ :m1:
หวานๆอุ่นๆ อ่านแล้วมีความสุขจัง

เป็นกำลังใจให้นะคะ

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: DexTunG ที่ 26-07-2010 04:48:54
 :L2: :L2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ^ - ^A s A v I n * o * ที่ 26-07-2010 12:23:42
โอ้ย ไม่ไหวแล้ว น่ารักมากกกก ตาร้อนๆ

รีบๆมาต่อนะครับบบบบ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 27-07-2010 02:02:16
คุณเชษฐ์คะ น่ารักไปมั้ยคะ จะหวานไปไหนคะนี่
แบบนี้หนูภัทรใจละลายๆหมดแล้วค่ะ  :m1:

บวก 1 แต้มนะคะ ตอนนี้น่ารักจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Frog ที่ 27-07-2010 20:07:51
อ๊ากกกกกกกกก เพิ่งได้อ่านรวดเดียวจบ

เค้าชอบเรื่องเน้มากกกกกกกกก หวานนนนนนนนนได้อีก

รออ่านต่อไป เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์คะ :3123:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 28-07-2010 04:20:58
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-08-2010 21:38:05
มารอคุณเชษฐ์กับภัทร ค่ะ  :give2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ^ - ^A s A v I n * o * ที่ 05-08-2010 23:07:09
ง่ะ ยังไม่มาอีกเรหอครับ ผมรอนานแล้วนะ หุๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-08-2010 12:55:11
คิดถึงภัทรกับคุณเชษฐ์ เลยแวะเข้ามา สงสัยยังไม่ว่าง ขอนั่งรอก่อนล่ะกัน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 12-08-2010 00:30:07
อ่านตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุดรวดเดียวเลยค่ะ ตามทันแล้วในที่สุด ฮี่ๆ
อ่านแล้วประทับใจมากกกก ชอบมากมายจริงๆ อ่านแล้วเพลินมากๆ
อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ 55+ เพราะงั้นอย่าลืมมาต่อไวๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ภัทรเป็นตัวละครที่น่ารักมากๆ ชอบไอ้ความเปิ่นๆแล้วก็ท่าทางที่อ่านง่ายๆแบบนั้นแหละ
รู้สึกว่าน่ารักจังเลยน้า แล้วคุณพระเอกของเราก็เจนเทิลแมนม๊ากมาก >///<
ขอแอบบอกว่าชอบตอนพิเศษวันปีใหม่ก่อนจะคบกันมากๆ อ่านแล้วแบบ ฮือ น่ารักจัง
รออ่านตอนต่อไปค่ะ : ))
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: *4_m3* ที่ 12-08-2010 13:58:50
มารอด้วยคนค่ะ :t3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: ^ - ^A s A v I n * o * ที่ 27-08-2010 23:53:39
รอนานแล้วนะ - -"
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 28-08-2010 17:57:48
รอคุณเชษฐ์กะภัทร เหมือนเดิม  :o11:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 01-09-2010 02:16:29
อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงง คุณเชษฐ์คะ คุณคือผู้ชายที่ทุกคนฝันหา  หมายปอง และบลาๆๆๆๆ ผู้ชายแบบนี้จะมีจริงๆสักกี่คนกันหนา   อยากจะจเอบ้างจัง อุอุ


กอดไรเตอร์ แน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 01-09-2010 09:40:18
คิดถึง คุณเชษฐ์ กับ ภัทร  แล้วนะครับ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-09-2010 19:12:44
สวัสดีทุกๆคนค่า สารภาพว่าเวลาเข้ามาแล้วเจอคอมเม้นต์ใหม่ๆทีไร ให้เกิดกระมิดกระเมี้ยน เอียงอาย อยากหันไปเอาหัวโขกฝาแบบไอ้ตัวนี้ทุกทีเล้ย แง่มๆๆ -->  :z3:

ขอบคุณทุกเสียงที่คิดถึงคุณเชษฐ์กับภัทรนะคะ คนเขียนก็คิดถึงไม่แพ้กันค่ะ แต่ก่อนหน้านี้มีกิจธุระให้ต้องแบ่งภาคไปดูแลหลายเรื่อง แล้วก็กำลังช่วยรุ่นพี่คนนึงที่เขากำลังจะรวมเล่มนิยายเรื่องแรกของตัวเองด้วย (ไม่ใช่ว่าอิป้าเก่งกาจหรอก แต่ทำเองมาสองเรื่องแล้วเลยพอจะแนะนำได้มั่ง) คาดว่าต้นสัปดาห์หน้าไปจะเริ่มหายใจหายคอได้บ้าง และคิดว่าในเดือนกันยานี้น่าจะได้เขียนตอนใหม่มาให้อ่านแน่นอนค่ะ อดใจรอกันอีกนี้ดส์เน้อ 

หรือ...ถ้าระหว่างรอแล้วว่างๆ จะอ่านนิยายอีกเรื่องของป้าไปพลางๆก่อนก็ได้ ตอนนี้คงอยู่หน้าท้ายๆของนิยายที่ยังลงอยู่เนี่ยล่ะค่ะ พอดีช่วงนี้ป้าก็รีไรท์เรื่องนั้นที่บล็อกตัวเองทุกสัปดาห์ เดี๋ยวพอทันตอนที่ลงในเล้าแล้วจะมาต่อในนี้อีกที กะว่าในสิ้นปีนี้ ไม่เรื่องนี้ก็เรื่องนั้นคงจะได้จบกันไปสักเรื่องก่อนละ เอิ๊กๆๆ (ปากดี)  :laugh:

ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนมาทวงนะคะ ป้าจะรีบเข็นตอนใหม่ออกมาให้เร็วที่สุดค่ะ แล้วเจอกันอีกทีพร้อมตอนใหม่น้า~

^______________^

ปล. ใครได้ไปดูสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักกันมาหรือยัง เป็นหนังที่ทำให้อิป้าเสียน้ำตาในโรงได้ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเลยล่ะ แง้ว คิดถึงวัยใสของตัวเองจัง  :-[
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-09-2010 19:14:28
^
^
^
"นกยูงจะรอคุณพระนาย นานแค่ไหนก็จะรอ"



((กร้ากกกกกกกกกกกกส์ ป้าสู้ๆนะคร้า จุ๊บๆกอดๆส่งพลังงาน))
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-09-2010 19:23:47
^
^
^
"นกยูงจะรอคุณพระนาย นานแค่ไหนก็จะรอ"



((กร้ากกกกกกกกกกกกส์ ป้าสู้ๆนะคร้า จุ๊บๆกอดๆส่งพลังงาน))

5555 โอเคจ้ะนกยูง คุณพระนายจะรีบกลับมาหานะจ๊ะ ^^

(ขออวดความเปิ่น ป้าจำไม่ได้ว่าคุณพระนายกับนกยูงนี่มาจากละครเรื่องไหนแฮะ แต่รู้สึกจะเป็นแนวย้อนยุคใช่มะ ผิดถูกประการใดบอกอิป้าได้นะคะ แหะๆๆ)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-09-2010 19:36:32
^
^
^
มาเฉลยว่าเรือนมยุราค่ะ

((จะถูกคุณโมดุมั้ยหนอ ว่าแล้วก็วิ่งหนีดีกว่า ฟริ้วววววววววววววววววว))
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 11 (อัพ!! 22/7/10)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 02-09-2010 15:39:01
มารอป้ามาต่อตอนต่อไปค่ะ  แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยจูบแล้วต่อไปจะทำไรต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 02-09-2010 22:02:38
คราวนี้ยังไม่มีตอนใหม่ของคุณเชษฐ์กับภัทรมาให้นะคะ แต่อิป้าหาเรื่องอัพกระทู้ในห้องนิยายจบแล้วค่ะ พอดีไปคุ้ยรูปเก่าๆที่วาดเป้วิวไว้ ก็เลยเอามาแปะให้ดูกันเล่นๆ (แม่น อิป้าวาดเอง สยองป่าว?) คลิกได้ที่นี่เล้ย  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=6982.1050

ส่วนตอนใหม่ของคุณเชษฐ์กับภัทร รอกันอีกนิดนึง นิดนึง...นิดนึงนะ แหะๆๆๆ จะรีบปั่นแล้วค่า T^T
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-09-2010 23:01:16
เข้ามารอป้าค่ะ อิอิ มะไหร้จะถึงฉาก อะจิ๋ยน๊า อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 29-11-2010 23:25:54
ยังรออยู่นะ  :call:คิดถึงคุณเชษฐ์จัง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-12-2010 19:17:15
^
^
^
กรี๊ดดดดด เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอเคลียร์ภารกิจต้น-ไผ่ก่อน กำลังจะจบแว้วววว   :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 01-12-2010 19:21:26
^
^
^
กรี๊ดดดดด เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอเคลียร์ภารกิจต้น-ไผ่ก่อน กำลังจะจบแว้วววว   :z3:

^
^
มาเก็บหลักฐานค่ะ ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 01-12-2010 19:51:31
^
^
^
กรี๊ดดดดด เดี๋ยวมาต่อนะคะ ขอเคลียร์ภารกิจต้น-ไผ่ก่อน กำลังจะจบแว้วววว   :z3:

^
^
มาเก็บหลักฐานค่ะ ฮี่ๆๆๆ

^
^
^
น้องนุ่น อย่างไวค่ะ ^^" (ไม่เล่นและ เจอกันคราวหน้าตอนเอาตอนใหม่มาลงแล้วกันนะ)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellity ที่ 15-12-2010 19:30:51
รอ ร๊อ รอ รอพี่บีบี เอาตอนใหม่มาลง กำลังลุ้นว่าภัทรจะยอมใจอ่อนตอนไหน :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 05-01-2011 23:09:12
คุณป้าขาไมหายไปนานเยี่ยงนี้ล่ะค่ะ
 เรื่องนี้สองปีล่ะนะค่ะพระเอกกะนายเอกยังไม่(ได้)ไปถึงไหนกันเลย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-01-2011 09:41:35
คุณป้าขาไมหายไปนานเยี่ยงนี้ล่ะค่ะ
 เรื่องนี้สองปีล่ะนะค่ะพระเอกกะนายเอกยังไม่(ได้)ไปถึงไหนกันเลย :เฮ้อ:

แบบว่าป้าติดภารกิจเขียนเรื่องที่เก่ายิ่งกว่าคุณเชษฐ์กับภัทรให้จบอยู่ค่า ^^" เดี๋ยวเสร็จจากเรื่องนั้นเมื่อไหร่จะมาต่อทันทีเน้อ คาดว่าต้นปีนี้ละค่า (ไปอ่านเรื่องนั้นฆ่าเวลาก่อนได้นะ ตอนนี้คงตกไปอยู่หน้า 2 แหะๆๆ)

ขอโทษคุณ lasom และทุกท่านที่รอเรื่องนี้ด้วยนะค้า แต่ว่าได้อ่านต่อแน่นอนค่า :mc1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 26-01-2011 10:55:09
ขุดขึ้นมารอคุณริน :m23:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-01-2011 11:01:27
^
^
คุณ kakuro เอางี้เลยนะ ไม่ต้องห่วงจะรีบมาต่อให้ค่า  :3123:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 22-02-2011 23:08:39
รู้ว่ายุ่งอยู่กับนู๋ไผ่
แค่อยากบอกว่าคิดถึง

.....
....
...
..
.

คุณเชษฐ์กับภัทร
(น้อยกว่าคุณรินนิดนึง)
^__^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-02-2011 10:04:51
^
^
คิดถึงคุณโอห์มด้วยค่ะ  :3123:


และ...คิดถึงน้องภัทรกับคุณเชษฐ์ด้วย แต่ตอนนี้ยุ่งอยู่กับไผ่+ต้นจริงๆ ด้วยแหละ กรีสสสส (นึกว่าระหว่างเขียนตอนพิเศษจะมีเวลาต่อเรื่องนี้ซะอีก ปรากฏงานอื่นตบเท้าเข้าแทรกบานตะไท) อย่าเพิ่งลืมเรื่องนี้แล้วกันนะค้า ได้อ่านต้นกับไผ่จนจบฉันท์ใด ก็ได้อ่านคุณเชษฐ์กับภัทรจนจบเหมือนกันแน่นอนค่ะ ไฟ้โต้ะ!!!   :call:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 23-02-2011 10:07:22
เค้าคิดถึง คุณเชษฐ์กับภัทร   :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-02-2011 10:22:18
สู้ๆค่ะพี่ริน
สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ว่าแล้วก็นั่งรอนอนรอกลิ้งรอต่อไปอย่างอดทน :m13:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-04-2011 15:33:24
คุณเชษฐ์ ที่รักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ได้โปรดกลับมาาาาาาาาาาาาาาาาาา :dont2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 19-04-2011 16:24:59
อยากอ่านแล้วอ่ะ  เค้าคิดถึงคุณเชษฐ์กับภัทร  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-04-2011 16:40:33
เรื่องใหม่ยังไม่ได้อ่าน  :laugh: รอรวมเล่นเลยได้มั้ยริน คึคึ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 19-04-2011 20:47:37
ระหว่างรอคุณเชษฐ์+ภัทร สงสัยต้องไปงัดเป้+วิว และ
อ๊อฟ+น้องนะ มาอ่านฆ่าเวลาก่อนแล้วมั้ง (ต้น+ไผ่ก็
อ่านไปจนหนังสือจะช้ำแล้ว) ชอบทุกเรื่องของน้องเลย
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – ตอนใหม่ยังไม่มา แต่ชวนดูแฟนอาร์ตลำนำรักสีรุ้งฆ่าเวลาระหว่างรอ ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 06-05-2011 19:41:40
วุ้ย เข้ามารอคุณเชษฐ์ค่ะเธอ(ว์)

ชอบคนอายุมากกว่าอยู่แล้ว แถมยังเป็นหนุ่มอบอุ่นขนาดนี้ ขอกรี๊ดเลยค่ะ อ่านมานานแล้ว (ไม่ได้ย้ำนะคะ) อยากอ่านตอนใหม่ค่ะ

ความรู้สึกอบอุ่นก็ยังติดตราตรึงใจไม่หายไปเลย เง้อ...
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-05-2011 11:05:32
ตามไปอ่านตอนพิเศษตอนใหม่ของลำนำรักสีรุ้งที่กระทู้ในห้องนิยายจบแล้วเด้อ -->  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=6982.1140 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=6982.1140)

 :L2:  :3123:  :L1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: JAROEN ที่ 17-05-2011 15:27:22
 :o12: :o12: :o12: ไปอ่านก่อนนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 04-06-2011 16:30:43
เข้ามาตามอ่านอีกหนึ่งเรื่อง
ยิ่งอ่านยิ่งชอบคุณเชษฐ์จริงๆนะ
เป็นผู้ชายที่อบอุ่นดี เอาใจใส่คนรักดีด้วย
แล้วก็คงต้องรอว่าเมื่อไหร่พี่คนเขียนจะมาต่อ
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-06-2011 18:00:16
มาช่วย(กด)ดัน อีกคน หุหุหุ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 04-06-2011 20:25:00
เค้าคิดถึงคุณเชษฐ์กับภัทร  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 04-06-2011 22:38:19
คุณเชษฐ์กับภัทรน่ารักได้อีก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nowow ที่ 04-06-2011 23:45:43
สวัสดีค่า

เพิ่งได้มาอ่านเรื่องของคุณเชษฐ์กับภัทร  เราชอบมากเลยค่า  เรื่องดูสมูทดีหวานบ้างนิดหน่อย

แต่อ่านแล้วรู้สึกสบายใจมาก เป็นเรื่องที่อบอุ่นจริงๆ จะรอตอนต่อไปนะคะ

 :L1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 05-06-2011 18:50:16
กรี้ดด อ่านทันแล้ว รอคุณเชษฐ กับ ภัทร นะค่ะ อิอิ

อบอุ่นมากเลยอ่ะ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์กับภัทรยังไม่มา แต่มีตอนพิเศษเป้วิวมาแทนค่า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 05-06-2011 20:57:35
เคยอ่านเรื่องนี้ก่อนจะหายไปจากบอร์ดเกือบปี แล้วก็พบว่า ผมกลับมาเล่นได้เกือบปีแต่เรื่องนี้ก็ยังไม่จบ
วันหลังจะเข้ามาดันใหม่แล้วกันนะครับ ชอบภัทรเพราะนิสัยเหมือนกันเกือบเดี๊ยะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-06-2011 21:05:43
^
^
กรี๊ดดดดด สาบานได้ว่าเดือนที่แล้วทั้งเดือนไม่ได้เข้ามาห้องนิยายที่ยังลงอยู่เลยค่ะ (มัวไปเมามันกับนิยายที่จบแล้วอยู่) พอมาวันนี้จะคลิกหากระทู้เพื่ออัพ เรื่องเลยต๊กกะใจหมดที่กระทู้เลื่อนมาอยู่หน้าสอง ตอนแรกนึกว่าคงหล่นไปเกือบๆ หน้าสุดท้ายแล้วแหงเลยไล่คลิกหาจากหน้าสุดท้ายแน่ะ ^^" ขอบคุณทุกคนมากเลยที่มาช่วยอ่าน + คอมเม้นต์ + ดันนะคะ อิป้ากลับมาหาคุณเชษฐ์กับน้องภัทรแล้วค่ะ และจะพยายามไม่ทิ้งช่วงให้นานเท่าคราวที่แล้วด้วยนะ ดังนั้นติดตามให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆ ก่อนนะค้า (อยากจุดพลุฉลองจริงๆ เพราะไหใบนี้ทั้งหนาทั้งหนักเหลือเกินกว่าจะแตกเป็นตอนใหม่ได้)

ขอเวลาตรวจแก้คำผิดนิดนึง แล้วจะมาอัพตอนใหม่ให้ในคืนนี้ละค่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 06-06-2011 21:08:24
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด เข้ามารอค่ะ  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-06-2011 21:39:58
ตอนที่ 12.

หลังกลับจากไปเที่ยวทะเลที่ระยองเป็นต้นมา หนึ่งเดือนต่อจากนั้นเป็นช่วงที่ทั้งภัทรและเชษฐ์ต่างยุ่งกับการทำงานจนแทบไม่มีเวลาไปไหนด้วยกันอย่างที่ภัทรคาดไว้ เพราะว่างานแสดงเครื่องจักรที่บริษัทของเขาเป็นผู้จัดกำลังจะเริ่มในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่แต่ละแผนกจะยุ่งกันเป็นระวิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนกโอเปอเรชันของภัทรซึ่งต้องเป็นผู้ประสานงานระหว่างบริษัท ลูกค้าที่จะเข้าไปจัดบูธ และกับสถานที่จัดงานเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและมีปัญหาน้อยที่สุด

แต่สิ่งที่ภัทรไม่ได้คาดไว้ และเพิ่งจะมารู้เอาภายหลังจากที่กลับมาจากระยอง ก็คือเรื่องโปรเจ็กต์ล่าสุดที่เชษฐ์ได้รับมอบหมายมาจากทางสำนักงานใหญ่ ซึ่งความจริงเจ้าตัวเคยพูดถึงในที่ประชุมของงาน Friday Party หลังกลับจากไปเทรนนิงที่ต่างประเทศแล้ว แต่เพราะตอนนั้นภัทรมัวแต่กังวลว่ากำลังโดนคุณผู้จัดการโกรธจนไม่ได้สนใจฟัง ทำให้ไม่เฉลียวใจกับเรื่องนี้เลยจนกระทั่งฝ่ายบุคคลพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้งในที่ประชุมรวมเมื่อสิ้นเดือนก่อน

เนื่องจากคณะผู้บริหารของสำนักงานใหญ่ลงมติจะเปิดสาขาเพิ่มในเวียดนาม แต่จำเป็นต้องให้สาขาที่เมืองไทยซึ่งตั้งมานานกว่ายี่สิบปีเข้าไปคอยดูแลความเรียบร้อยในช่วงเริ่มต้น ทำให้ท่านประธานตัดสินใจมอบหมายให้เชษฐ์ซึ่งเป็นคนที่รับเรื่องนี้มาจากสำนักงานใหญ่โดยตรง กับผู้จัดการโปรเจ็กต์อีกคนดูแลโครงการนี้ร่วมกัน โดยทั้งสองคนจะสลับเวรกันเดินทางไปดูแลโครงการที่เวียดนาม แต่อาจไม่จำเป็นต้องไปอยู่ทั้งสัปดาห์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าตกลงแบ่งงานกันอย่างไร เพียงแต่ต้องรายงานความคืบหน้าให้ท่านประธานและสำนักงานใหญ่ทราบเป็นระยะ

และการที่ต้องคอยรายงานสำนักงานใหญ่ด้วยนี่เอง ทำให้แม้ช่วงที่อยู่กรุงเทพฯ เชษฐ์ก็จะไม่ได้กลับบ้านเร็วนักเพราะต้องคอยอยู่ออฟฟิศจนดึกเพื่อเทเลคอนเฟอเรนซ์กับสำนักงานใหญ่ซึ่งเวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย ซึ่งในคืนเช่นนั้น เชษฐ์จะให้ภัทรกลับบ้านก่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องคอยอยู่รั้งที่ออฟฟิศจนดึกดื่นตามไปด้วย และนั่นก็ทำให้ทั้งสองยิ่งเหลือเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันในแต่ละวันน้อยลงไปอีก

และนั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้เช่นเดียวกัน

ภายในออฟฟิศที่เงียบสงัดเพราะเลยเวลาเลิกงานมาพอสมควร เมื่อภัทรเหลือบเห็นว่านาฬิกาที่มุมล่างหน้าจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มก็เงยหน้าแล้วเหลียวมองไปรอบบริษัทที่ไม่มีใครอยู่แล้ว ซึ่งนับเป็นเรื่องหายากในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแผนกของเขาซึ่งมีงานเอกสารกองเป็นภูเขา แต่เพราะว่างานส่วนมากยังไม่ค่อยเร่งด่วน เพื่อนๆ และรุ่นพี่ร่วมแผนกจึงกลับกันไปตั้งแต่ยังไม่หนึ่งทุ่ม ส่วนภัทรยังคงนั่งทำงานต่อเพื่อรอทานมื้อเย็นกับเชษฐ์ เพราะวันนี้ฝ่ายนั้นก็ต้องอยู่เวรคอยเทเลคอนเฟอเรนซ์กับสำนักงานใหญ่ตามเคย

เหมือนเดี๋ยวนี้จะถูกงานบีบจนได้มีเวลาคุยกันวันละไม่เกินสองชั่วโมงยังไงก็ไม่รู้...

ภัทรคิดพลางยกมือทั้งสองข้างประสานกันแล้วเหยียดขึ้นสูงเพื่อบิดขี้เกียจ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้แล้วลุกเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เขากะว่าเดี๋ยวออกมาอีกครั้งจะเดินไปถามเชษฐ์ซึ่งนั่งทำงานอยู่ในห้องประจำตำแหน่งว่าจะลงไปทานมื้อเย็นกันที่ร้านอาหารแถวออฟฟิศหรือสั่งอะไรขึ้นมาทานด้วยกันก่อนเขากลับไหม

หลังจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ ภัทรก็ออกมาล้างมือที่อ่าง ขณะที่กำลังวักน้ำล้างหน้าก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังมาจากทางห้องครัวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำ ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งด้วยความตกใจไปชั่วขณะ แต่แล้วก็ค่อยๆ ระบายลมหายใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่านอกจากตัวเองแล้วยังมีเชษฐ์กับ รปภ. ที่เฝ้าบริษัทช่วงกะกลางคืนอีกคน จึงเป็นไปได้ว่าคนใดคนหนึ่งคงเดินเข้าไปชงกาแฟหรือหาอะไรในตู้เย็นทานอยู่ก็เป็นได้

ภัทรดึงกระดาษสำหรับเช็ดมือออกมาซับมือกับหน้าจนแห้ง จากนั้นก็ออกจากห้องน้ำและเดินไปชะโงกมองผ่านพาร์ติชั่นที่กั้นห้องครัว ทำให้เห็นแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนชงกาแฟอยู่พอดี พอเขาเดินเข้าไปหา คนที่ยืนอยู่ก่อนก็เหลียวกลับมามองและยิ้มอ่อนๆ ให้

“ว่าไง เห็นไม่อยู่ที่โต๊ะฉันก็นึกว่าหนีกลับไปก่อนแล้วซะอีก”

ภัทรฟังแล้วก็ได้แต่ย่นจมูก เพราะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเขายังอยู่ในบริษัท ในเมื่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขาก็ยังไม่ปิด แล้วยังเสียงเปิดน้ำในห้องน้ำเมื่อกี้อีก ดังนั้นที่พูดแบบนั้นก็มีแต่เพราะอยากแซวเขาเท่านั้นแหละ

“คุณเชษฐ์เห็นผมเป็นคนยังไงกันครับ นี่ผมอยู่รอเพราะจะได้ไปกินข้าวเย็นด้วยหรอกนะ แต่ถ้าอยากให้ผมกลับก่อนเดี๋ยวผมไปตอนนี้เลยก็ได้”

ชายหนุ่มหันหลังแล้วทำท่าจะเดินหนี ไม่ใช่เพราะน้อยใจแต่เพราะหมั่นไส้มากกว่า แต่ก็ยังช้ากว่าเจ้าของเสียงหัวเราะที่ยื่นแขนมาดึงมือแล้วรั้งตัวเขาเข้าไปหาจนแผ่นหลังของภัทรแนบกับแผงอกกว้าง คนถูกกอดสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงลำแขนแข็งแรงที่รัดอยู่รอบเอว

“คุณเชษฐ์! เดี๋ยวน้าลั่นมาเห็นนะครับ!”

ภัทรรีบเตือนว่าในบริษัทยังมี รปภ. ที่นั่งเฝ้าเคาน์เตอร์อยู่ตรงทางเข้าอีกคน แล้วก็ต้องรีบหดคอหนีเมื่อรู้สึกถึงปลายจมูกที่จรดลงบนขมับ แต่ว่าเจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงที่รั้งเอวเขาไว้ก็ไม่ได้หย่อนแรงลง

“น้าลั่นไม่เข้ามาหรอก เมื่อกี้ฉันเพิ่งเอากระทิงแดงในตู้เย็นกับขนมไปให้เอง แกก็คงนั่งดูทีวีของแกอยู่ที่เคาน์เตอร์นั่นแหละ”

เชษฐ์ตอบก่อนจะก้มลงเอาคางเกยไหล่เขาไว้ ภัทรจึงพยายามไม่ทำตัวขยุกขยิกให้มากนักแม้จะจั๊กจี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเขินที่โดนกอดแล้วก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ชินกับการทำแบบนี้ในออฟฟิศอยู่ดี

หลังจากต่างยืนนิ่งกันได้สักครู่ ภัทรก็ชักทนไม่ไหว เพราะเสียงหัวใจเขามันเต้นดังเสียจนก้องในหูตัวเอง และเขามั่นใจว่าคนที่ยืนกอดอยู่ก็คงรับรู้ได้เหมือนกันแน่ๆ

“เอ่อ...คุณเชษฐ์ไม่หิวเหรอครับ? ไปหาอะไรกินกันข้างล่างดีกว่า เดี๋ยวก็ต้องกลับขึ้นมารอประชุมอีกนี่นา?”

ภัทรทักขึ้น และได้สบตากับเชษฐ์ตรงๆ เมื่อคนตัวใหญ่เหลือบตาขึ้นมองเขา คนถูกถามหัวเราะก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วคลายอ้อมแขนแต่โดยดี

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้างั้นเธอไปเก็บกระเป๋ากับปิดคอมเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปหยิบกระเป๋าสตางค์ที่ห้องก่อน”

ภัทรพยักหน้าก่อนจะรีบเดินเร็วๆ ออกมาจากครัวโดยมีร่างสูงใหญ่ก้าวตามมาห่างๆ พอถึงแถวที่นั่งของตัวเอง เขาก็เลี้ยวแยกไปที่โต๊ะโดยที่เชษฐ์เดินต่อไปที่ห้องประจำตำแหน่ง ไม่ถึงอึดใจ ทั้งสองก็เดินออกจากปีกด้านตะวันออกของออฟฟิศด้วยกัน

พนักงาน รปภ. ที่นั่งประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์หันมายิ้มให้เมื่อเห็นทั้งคู่ “จะกลับกันแล้วหรือครับ คุณเชษฐ์ คุณภัทร?”

ชายวัยกลางคนร่างกะทัดรัดในเครื่องแบบเบนสายตาจากโทรทัศน์ขนาดเล็กที่กำลังดูฆ่าเวลามาเอ่ยถาม เชษฐ์จึงยิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้าไปทางคนข้างตัว “คนนี้น่ะกลับ แต่เดี๋ยวผมจะไปกินข้าวก่อนค่อยขึ้นมาเพราะยังไม่ได้ประชุมกับทางสำนักงานใหญ่ น้าลั่นอยากได้อะไรหรือเปล่าผมจะได้แวะซื้อขึ้นมาให้”

น้าลั่นส่ายหน้าพลางชูขวดกระทิงแดงที่เปิดฝาแล้วขึ้นจากโต๊ะ “โอ้ย ไม่ต้องลำบากหรอกครับคุณเชษฐ์ ผมมีข้าวกล่องอยู่แล้ว อีกอย่างได้ไอ้นี่มาก็ช่วยได้มากแล้วครับ เชิญทั้งสองคนตามสบายเถอะ”

ภัทรยิ้มแล้วยกมือไหว้ชายวัยกลางคนก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์พร้อมกับเชษฐ์ ความจริงฝ่ายนั้นก็คงสงสัยว่าทำไมคืนที่คุณผู้จัดการหนุ่มอยู่ดึกๆ จึงมักมีพนักงานโอเปอเรชันคนนี้อยู่รอทานข้าวด้วยประจำ แต่โชคดีที่แกไม่ใช่คนชอบสู่รู้และจะเข้างานแค่ช่วงกลางคืน ภัทรจึงไม่ค่อยลำบากใจว่าแกจะไปพูดต่อให้ใครฟังเท่าไรนัก

หลังจากที่ลงลิฟต์มาถึงชั้นล่าง เชษฐ์ก็เดินนำภัทรไปที่ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณสี่ช่วงตึก เนื่องจากย่านนี้จะคึกคักเฉพาะตอนกลางวัน จึงมีร้านอาหารที่เปิดจนถึงดึกเพียงไม่กี่ร้าน ยังดีที่มีสถานีรถไฟฟ้าตั้งอยู่ด้านหน้าตึกสำนักงาน ไม่เช่นนั้นแล้วช่วงดึกๆ ถนนเส้นนี้ก็คงจะทั้งเปลี่ยวและมืดจนไม่น่าเดิน

ภายในร้านอาหารจีนซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำไว้มีลูกค้านั่งอยู่ไม่กี่โต๊ะ แต่ทั้งสองก็เลือกนั่งที่โต๊ะด้านในสุดติดกับผนังกระจกที่พ่นทรายเป็นลายมังกร หลังจากที่ทานมื้อเย็นกันเสร็จในเวลาไม่นานเพราะความหิว เชษฐ์ก็จ่ายเงินและเดินไปส่งภัทรจนถึงหน้าช่องตรวจตั๋วของสถานีรถไฟฟ้าซึ่งในเวลานี้แทบไม่มีใครนอกจากพนักงาน

“ถ้างั้น...ผมกลับแล้วนะครับคุณเชษฐ์ พรุ่งนี้เจอกันครับ”

ภัทรหันไปลาพลางกระชับสายสะพายกระเป๋าซึ่งเป็นใบที่จับสลากได้เมื่อตอนปีใหม่ แต่แล้วก็ชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินไปที่ช่องตรวจตั๋วเมื่อได้ยินเสียงจากคนที่มาส่ง

“ความจริงถ้ามาอยู่บ้านฉันซะก็ไม่ต้องมาลากันอย่างนี้ทุกเย็นหรอก จริงมั้ย?”

ชายหนุ่มเอี้ยวคอกลับมามองคนพูดซึ่งกำลังใช้นิ้วชี้ดันแว่นขึ้นและมองเขายิ้มๆ แต่ก็เลือกจะไม่ตอบและรีบสาวเท้าเข้าไปด้านในสถานีเร็วๆ ต่อให้ไม่มีตามองหลัง แต่ภัทรก็มั่นใจว่าคนตัวใหญ่คงยืนมองปฏิกิริยาของเขาพร้อมกับหัวเราะในคออยู่แน่ๆ ดูเหมือนว่าไม่ว่าทั้งคู่จะสนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้นแค่ไหน แต่ไอ้นิสัยชอบแกล้งของคุณเชษฐ์ก็ยังคงเส้นคงวา ไม่มีวี่แววว่าจะน้อยลงจากเมื่อก่อนแม้แต่นิดเดียว

แถมป่านนี้แล้วจะขอให้แก้ก็คงยากซะด้วย คนที่ควรจะต้องรับมือการแกล้งของอีกฝ่ายให้ดีกว่านี้ก็มีแต่เขานี่เอง...

ภัทรคิดแล้วอดจะยิ้มไม่ได้ เมื่อได้เข้าไปในรถไฟฟ้าแล้วก็เลือกนั่งตรงที่ที่ใกล้ประตูที่สุดเพื่อจะได้ลงจากรถไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีเชื่อมต่อได้สะดวก แต่เพราะที่สถานีนี้มีคนใช้บริการเยอะมาก พอเปลี่ยนรถเขาจึงต้องยืนแทนที่จะได้นั่ง ขณะที่กำลังใกล้จะถึงสถานีปลายทาง ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่น จึงเบียดตัวขอทางผู้โดยสารคนอื่นไปที่ประตูพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า และพบว่าคนที่โทรมาก็คือพี่สาวคนเดียวที่ไม่ได้คุยกันมาเกือบสองเดือน

“ฮัลโหล?”

ภัทรรอจนออกมาจากขบวนรถแล้วจึงค่อยกดรับสาย และได้ยินเสียงแจ๋วๆ จากหลานสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นตัวน้อยแทนที่จะเป็นพี่สาว

“น้าภัทรขา คิดถึงน้าภัทรจังเลย ทำไมไม่มาหาหนูเลยคะ”

เสียงตัดพ้อจากหลานสาวตัวน้อยทำเอาภัทรใจอ่อนยวบ ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ด้วยความเอ็นดูถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น “ขอโทษจ้ะมิมิ ช่วงนี้น้าภัทรงานยุ่งมากเลย เดี๋ยวถึงวันเกิดหนูเดือนหน้าเมื่อไหร่น้าภัทรจะไปหานะ”

“…ไม่เอา เดือนหน้านานไป พรุ่งนี้น้าภัทรต้องมาฉลองวันเกิดกับมิมิด้วย”

เสียงหลานสาวตัวน้อยขุ่นอย่างเอาแต่ใจ ภัทรจึงได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะเขาจำได้ว่ากว่าจะวันเกิดหลานสาวก็ต้นเดือนหน้าซึ่งยังอีกตั้งสองอาทิตย์ แต่แล้วปลายสายก็ถูกเปลี่ยนมือและเสียงพี่แพนดังขึ้นแทน

“ขอโทษจ้ะภัทร พอดีโทรุต้องบินไปเทรนงานที่ญี่ปุ่นตั้งแต่วันมะรืนนี้แล้วก็อยู่ยาวเป็นเดือนเลย พวกพี่ก็เลยตั้งใจกันว่าจะจัดเลี้ยงวันเกิดให้มายูมิเร็วหน่อยเป็นคืนพรุ่งนี้ ภัทรพอจะว่างมาได้หรือเปล่า? พวกพี่คงไปฉลองกันที่ร้านแถวๆ บ้านนี่แหละ”

ภัทรฟังคำอธิบายจึงค่อยถึงบางอ้อ และเข้าใจว่าทำไมเมื่อครู่หลานสาวถึงทำเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ เพราะหากคิดแบบเด็กวัยห้าขวบ การที่คุณพ่อติดภารกิจจนอยู่ฉลองวันเกิดด้วยไม่ได้ก็คงทำให้น้อยอกน้อยใจไม่น้อยเลย

“คืนพรุ่งนี้น่าจะได้นะพี่แพน เดี๋ยวภัทรจะรีบเคลียร์งานจะได้ไม่ต้องอยู่ดึก ว่าแต่มายูมิอยากได้ของขวัญอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”

ภัทรถามขณะเดินออกจากช่องตรวจตั๋ว จากตัวสถานีรถไฟฟ้าสามารถมองเห็นคอนโดของเขาที่อยู่เลยออกไปอีกไม่กี่ช่วงตึกได้อย่างชัดเจน ซึ่งความสะดวกนี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ได้ย้ายไปไหนถึงแม้พี่สาวที่เคยอาศัยด้วยจะแต่งงานและแยกบ้านออกไปหลายปีแล้ว

“ก็ไม่เห็นว่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษนะ ถ้าถามตอนนี้ก็คงมีแต่อยากให้พ่ออยู่ฉลองวันเกิดด้วยเท่านั้นแหละ ภัทรก็ไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆ มาให้หรอก แค่ได้ฉลองกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัวหลานก็คงดีใจแล้วล่ะ”

ชายหนุ่มพยักหน้า “นั่นสิ ถ้างั้นก็ตกลงตามนั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิกงานแล้วภัทรจะโทรหาพี่แพนอีกที”

“เอ้อนี่ภัทร ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ชวนแฟนเรามาฉลองวันเกิดหลานไปด้วยเลยสิ พรุ่งนี้เช้าตอนโทรไปจองโต๊ะพี่จะได้นับเขาเพิ่มไปด้วย”

ภัทรที่กำลังเดินลงบันไดจากสถานีรถไฟฟ้าเกือบสะดุดขาตัวเอง “เอ๋? เอ่อ...จะดีเหรอพี่แพน ช่วงนี้คุณเชษฐ์งานยุ่งมากเลยนะ ภัทรไม่อยากรบกวน”

ชายหนุ่มตอบไปพลางก็นึกถึงคนที่ตอนนี้คงกำลังนั่งเฝ้าออฟฟิศ แต่ปลายสายกลับทำเสียงจุ๊ปากอย่างไม่ค่อยพอใจ “นี่ภัทร เธอก็ชวนเขาในฐานะแฟนสิจ๊ะไม่ใช่ลูกน้อง คบกันมาก็หลายเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ ใจคอจะไม่ให้พี่สาวได้รู้จักคนที่กำลังคบด้วยเลยหรือไง?”

คนถูกท้วงห่อปาก “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ภัทรแค่เกรงใจเพราะช่วงนี้คุณเชษฐ์ต้องอยู่ที่บริษัทจนดึกแทบทุกคืนต่างหาก”

ชายหนุ่มพยายามจะอธิบาย แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหลานสาวดังผ่านลำโพงมาแว่วๆ

“ตายละ มายูมิเริ่มงอแงกับพ่อเขาอีกแล้ว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ภัทรชวนคุณเชษฐ์มาด้วยก็แล้วกัน ถ้าไม่เห็นแก่พี่ก็ถือว่าจะได้แนะนำน้าเขยให้หลานรู้จักก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปพายายตัวเล็กเข้านอนก่อนนะ”

พี่สาวของเขาตัดบทแล้วก็วางสายทันที ภัทรจึงได้แต่เผยอปากค้าง แต่ก็รู้ว่าไร้ประโยชน์ที่จะโทรกลับไป เพราะตอนนี้อีกฝ่ายคงกำลังวุ่นกับการพยายามกล่อมลูกสาวตัวน้อยให้หยุดร้องไห้และเข้านอน จึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ขณะเดินกลับไปที่คอนโด

พอถึงห้องแล้ว ภัทรก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเอนหลังดูโทรทัศน์อยู่บนเตียง ขณะที่กำลังเคลิ้มๆ ก็ได้ยินเสียงจากมือถือว่ามีข้อความเข้า เมื่อกดเปิดดูก็พบว่าคนส่งคือคุณผู้จัดการโปรเจ็กต์ที่ต้องอยู่เฝ้าบริษัทจนดึกดื่น

“I’m going home now. Good night.”

ภัทรเหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง และพบว่าเป็นเวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว ทำให้อดจะเห็นใจคนที่ส่งเมสเสจมาไม่ได้ที่เพิ่งจะได้กลับเอาป่านนี้

นิ้วมือเีรียวยาวเลื่อนไปที่ปุ่มโทรออก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เลือกที่จะตอบกลับด้วยการพิมพ์ข้อความสั้นๆ แทน

“OK. Good night.”

ภัทรกดส่งข้อความก่อนจะวางมือถือไว้ที่เดิม จากนั้นจึงกดรีโมทปิดโทรทัศน์และค่อยๆ ซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม ร่างเพรียวระบายลมหายใจยาวก่อนจะหลับตาลง

ไหนๆ วันนี้คุณเชษฐ์ก็ต้องเหนื่อยกับงานจนดึกแล้ว เรื่องนี้ค่อยเอาไว้ถามวันพรุ่งนี้ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...


++------++


หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-06-2011 21:40:49
เช้าวันถัดมา ภัทรมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่เพราะตั้งใจว่าจะเคลียร์งานให้ได้มากที่สุด พอถึงตอนเย็นจะได้ขอกลับเร็วหน่อยเพื่อไปซื้อของขวัญให้หลานสาวก่อนจะไปกินข้าวเย็นด้วย และอาจเพราะช่วงนี้หลายแผนกต่างก็งานยุ่งเหมือนกัน ทำให้มีคนมาถึงบริษัทแต่เช้าเหมือนกับเขาหลายคน

สำหรับวันนี้ ภัทรได้รับภารกิจพิเศษจากป๋วยให้รับผิดชอบคนเดียวไปเลยทั้งวัน ก็คือการปรินท์และจัดเตรียมเอกสารสำหรับแจกลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยร่วมออกงานในปีก่อนๆ โดยทางบริษัทของเขาได้เชิญลูกค้าเหล่านี้ให้มาเข้าร่วมประชุมที่บริษัทเพื่อจะได้แจกแจงรายละเอียดและตอบคำถามพร้อมกันทีเดียวในวันรุ่งขึ้น ภัทรจึงง่วนอยู่กับการเตรียมเอกสารเหล่านั้นและส่งอีเมล์หาลูกค้าเพื่อย้ำเรื่องการเข้าประชุมตั้งแต่เช้า

พอถึงเวลาเที่ยง แม่บ้านก็ปิดไฟในบริษัทตามนโยบายประหยัดไฟ เสียงถอนหายใจจึงดังขึ้นจากมุมนั้นมุมนี้ขณะที่บางคนก็ลุกไปเข้าห้องน้ำหรือออกไปรอลิฟต์ แต่แทนที่จะเดินออกไปพร้อมคนอื่นๆ ภัทรกลับกดสั่งพิมพ์เอกสารแล้วเดินไปที่เครื่องปรินเตอร์ซึ่งวางอยู่ในห้องเล็กๆ ตรงมุมด้านในใกล้กับห้องของเหล่าผู้จัดการ ความจริงตามที่นั่งแต่ละแถวของพนักงานจะมีเครื่องปรินเตอร์ขาวดำที่ถูกเชื่อมต่อให้ใช้การอยู่แล้ว แต่เนื่องจากมีเอกสารบางส่วนที่เขาจำเป็นต้องปรินท์สี ซึ่งเครื่องเดียวที่พนักงานทั่วไปสามารถใช้ปรินท์สีได้ก็คือเครื่องปรินเตอร์ใหญ่ที่ถูกตั้งไว้ในห้องนี้

ชายหนุ่มเลื่อนประตูห้องที่เป็นบานกระจกติดฟิล์มสีเข้มออก จากนั้นก็ตรงเข้าไปที่เครื่องปรินเตอร์สีซึ่งตั้งอยู่ติดผนัง เนื่องจากเขาสั่งปรินท์เอกสารไปหลายชุด ชุดหนึ่งก็มีหลายสิบหน้า ทำให้ต้องยืนรอระหว่างที่เครื่องยังปรินท์ไม่เสร็จ ครู่หนึ่งเครื่องก็ส่งเสียงสัญญาณดังติ๊ดๆๆ ว่ากระดาษหมด ภัทรจึงหันไปฉีกกระดาษรีมใหม่มาและก้มลงเรียงใส่ถาดปรินท์เพิ่ม เมื่อยืดตัวขึ้นอีกครั้งก็เห็นท้องฟ้าภายนอกผ่านกระจกหน้าต่างเนื่องจากบริษัทของเขาอยู่ถึงชั้นสามสิบสอง

แดดแรงชะมัด...เดี๋ยวโทรฝากพี่ป๋วยซื้ออะไรขึ้นมาให้ดีกว่าจะได้ไม่ต้องลงไป

ภัทรหยีตามองแสงแดดที่แรงชวนแสบตาทั้งที่มองผ่านกระจกติดฟิล์ม ความที่มัวแต่เหม่อมองวิวด้านนอก เขาจึงไม่รู้ตัวเลยว่าใครบางคนเพิ่งจะเปิดประตูออกจากห้องประจำตำแหน่งและมองเข้ามาเห็นเขาอยู่ในห้องปรินเตอร์คนเดียว จึงเดินตามเข้ามาแล้วเลื่อนปิดประตูตามหลัง จากนั้นก็มายืนซ้อนอยู่ข้างหลังอย่างเงียบเชียบ

“ไม่ไปกินข้าวเที่ยงหรือไง? ภัทรกร”

“หวา!”

ลมอุ่นๆ ที่เป่ากระทบใบหู บวกกับชื่อเต็มยศที่ไม่ได้ยินมานานทำเอาภัทรรีบยกมือหนึ่งขึ้นปิดหูแล้วถอยห่างอย่างตกใจ แต่คุณผู้จัดการดันใช้มืออีกข้างยันเครื่องปรินเตอร์กันไว้ก่อนแล้วจนเขาถอยไม่ได้มากนัก ภัทรจึงหันไปมองอีกฝ่ายตาขุ่นที่มาแกล้งเขาอีกแล้ว แต่เชษฐ์ก็เพียงยิ้มตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สา

เห็นเขาไม่เคยโต้กลับเลยได้ใจ แกล้งได้แกล้งเอาเลยนะ...

“พอดีผมยังมีเอกสารที่อยากปรินท์ให้เสร็จก่อนน่ะครับ จะได้จัดเข้าไฟล์ไว้เตรียมแจกลูกค้าตอนประชุมวันพรุ่งนี้ให้เรียบร้อย”

น้ำเสียงท้ายประโยคของคนพูดสะบัดนิดหน่อย ก็...มันอดไม่ได้นี่นา แต่คุณผู้จัดการก็แค่พยักหน้ารับรู้พลางหยิบเอกสารแผ่นหนึ่งขึ้นอ่าน “อืม...พวกลูกค้าใหม่สินะ”

ร่างสูงใหญ่ถอยหลังให้นิดหนึ่งขณะไล่สายตาตามรายละเอียดบนแผ่นกระดาษ ประกายเฉียบคมเข้าแทนที่ความขี้เล่นเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานของบริษัท ภัทรจึงถือโอกาสนั้นถอยห่างคนตัวใหญ่อีกนิด แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นว่าข้างเท้าของคุณผู้จัดการมีกระเป๋าเอกสารทรงสี่เหลี่ยมวางอยู่

“กำลังจะออกไปประชุมข้างนอกเหรอครับ?”

เชษฐ์มองตามสายตาเขาแล้วก็พยักหน้า “อืม พอดีตอนบ่ายมีประชุมกับลูกค้าใหญ่น่ะ แล้วตอนเย็นก็ต้องไปงานเลี้ยงครบรอบของสมาคมที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทเราด้วย พอดีท่านประธานสั่งไว้ว่าอยากให้ผู้จัดการโปรเจ็กต์ไปร่วมงานทุกคน เพราะสมาคมนี้ก็ทำงานร่วมกับบริษัทเรามาหลายปี ควรจะไปให้เกียรติกันแบบพร้อมหน้าหน่อย”

ภัทรฟังแล้วก็รู้สึกใจหายไปนิดหนึ่ง เพราะถ้าหากอีกฝ่ายต้องไปร่วมงานเลี้ยงตามคำสั่งของท่านประธาน ก็หมายความว่าเย็นนี้คงไม่สะดวกจะมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหลานเขาน่ะสิ...

เชษฐ์มองเห็นแววตาของภัทรก็เข้าใจผิดไปอีกทาง นัยน์ตาคมเข้มฉายประกายอ่อนโยนลงพลางยกมือหนึ่งขึ้นเสยผมให้เบาๆ

“ขอโทษนะที่วันนี้คงกลับมากินข้าวเย็นด้วยไม่ได้ ไว้วันหลังฉันจะชดเชยให้ก็แล้วกัน”

ภัทรรีบส่ายหน้า “ก็ครั้งนี้มันจำเป็นนี่ครับ อีกอย่างเย็นนี้ผมก็มีนัดกินข้าวกับพี่แพนอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกครับ”

คราวนี้ผู้สูงวัยกว่ามุ่นหัวคิ้วขึ้นนิดหนึ่ง “นัดกับพี่สาวเอาไว้แล้ว? เนื่องในโอกาสพิเศษอะไรหรือเปล่า?”

นี่เห็นเขาเป็นพวกไม่พบปะพี่น้องถ้าหากไม่มีโอกาสพิเศษหรือไงกัน แต่ก็นั่นแหละ คราวนี้คุณเชษฐ์ดันเดาถูกเสียด้วย ความที่ไม่อยากโกหก ภัทรจึงตอบเสียงอ่อยๆ

“...พอดีมีงานเลี้ยงวันเกิดล่วงหน้าให้หลานผมน่ะครับ เพราะว่าพ่อแกต้องไปญี่ปุ่นเดือนนึงตั้งแต่วันพรุ่งนี้เลยอยู่ฉลองตอนวันเกิดจริงๆ ของแกไม่ได้”

คำตอบที่ได้ทำให้คนฟังขมวดคิ้วมากขึ้นอีก “แล้วนี่ตั้งใจจะไม่ชวนฉันไปด้วยเลยเหรอ?”

น้ำเสียงที่เรียบนิ่งแต่จับอารมณ์ไม่ถูกทำให้ภัทรเหลือบตาขึ้นอีกครั้ง พอเห็นคิ้วที่ขมวดหน่อยๆ ของคนถาม เขาก็ใจหายวูบ

“ไม่ใช่นะครับ! พี่แพนก็เพิ่งจะโทรบอกผมเมื่อคืนนี้เอง แต่มันดึกแล้วผมเลยไม่ได้โทรไปบอกคุณเชษฐ์ แล้ววันนี้ก็เพิ่งจะได้คุยกัน ยิ่งได้ยินว่าคุณเชษฐ์มีงานเลี้ยงต้องไปอยู่แล้ว ผมก็ไม่อยาก...”

ภัทรพูดไม่จบ เพราะยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนกำลังปัดความผิด นี่ถ้าไม่ใช่เพราะถูกทักขึ้นมาว่าทำไมถึงจะไปเจอพี่สาวตอนเย็น เขาก็คงเกรงใจที่คืนนี้อีกฝ่ายมีงานเลี้ยงสำคัญต้องไปร่วมจนไม่คิดจะบอกเรื่องนี้แน่ๆ

เชษฐ์ยกมือขึ้นกอดอกพลางมองภัทรนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง “จริงๆ ไอ้งานเลี้ยงเย็นนี้น่ะ ในเมื่อผู้จัดการคนอื่นก็ไปกันหมดแล้ว ฉันไม่ต้องไปสักคนงานก็คงไม่ล่มหรอก เดี๋ยวฉันบอกคุณปรีชาว่าเย็นนี้ฉันไม่ว่างแล้วก็ได้”

ภัทรทำหน้าตื่น “ไม่ต้องหรอกครับคุณเชษฐ์ ถ้าเกิดท่านประธานให้ผู้จัดการไปกันทุกคนก็แปลว่าอาจจะมีเรื่องสำคัญต้องคุย อีกอย่างวันนี้ก็ไม่ใช่วันเกิดจริงๆ ของหลานผม ไว้วันหลังที่เราว่างตรงกันค่อยไปเจอกันใหม่ก็ได้ครับ”

ผู้สูงวัยกว่ายังทำหน้านิ่งอยู่ ก่อนจะใช้นิ้วชี้ข้างหนึ่งดันแว่นขึ้นแล้วถาม “ร้านที่เธอจะไปกินเลี้ยงกับพี่สาวคืนนี้อยู่แถวไหน?”

ภัทรกะพริบตาทีหนึ่งก่อนจะตอบ เชษฐ์จึงทำท่าคิด “ไกลจากโรงแรมที่ฉันต้องไปงานเลี้ยงอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าฉันจะพยายามตามไป เธอก็บอกพี่เธอด้วยล่ะว่าจะมีแขกเพิ่มอีกคน”

“คุณเชษฐ์ครับ ถ้าเกิดว่าคุณเชษฐ์ไม่สะดวก…”

“ฉันนึกว่าเราผ่านขั้นที่จะมัวแต่เกรงใจกันไปแล้วซะอีกนะ”

เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกคุณผู้จัดการขัดจังหวะ คราวนี้ภัทรเลยได้แต่อ้ำอึ้ง มันก็จริงหรอกที่ทั้งคู่น่าจะข้ามผ่านขั้นของความสัมพันธ์ที่มัวแต่เกรงใจกันได้แล้ว แต่นิสัยของเขามันไม่ใช่สิ่งที่จะแก้กันง่ายๆ แบบนั้นี่

ร่างสูงใหญ่มองคนตัวเล็กกว่าที่หลุบตาหนีตัวเอง แล้วก็ถอนหายใจสั้นๆ ทีหนึ่งก่อนจะก้มลงหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาถือ แต่ที่ทำเอาภัทรสะดุ้งโหยงคือการที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็ก้มลงมาหอมแก้มเขาหน้าตาเฉย!

“คุณเชษฐ์!!”

ใบหน้าคมเข้มยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นภัทรรีบยกมือขึ้นปิดแก้มข้างที่โดนฉวยโอกาส “แบบนี้ค่อยน่าดูกว่าหน้าตาตอนหงอยๆ หน่อย แล้วก็อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมกินข้าวซะด้วยล่ะ เย็นนี้เจอกันที่ร้าน อาจจะดึกหน่อยแต่ฉันจะตามไป”

เชษฐ์ทิ้งท้ายก่อนจะเลื่อนประตูกระจกที่ติดฟิล์มสีเข้มออก ภัทรถึงได้รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้กล้าทำอุกอาจเมื่อครู่ เพราะนอกจากจะปิดประตูห้องปรินเตอร์ไว้ ด้านนอกยังไม่มีใครอยู่อีกต่างหากเพราะว่าลงไปพักเที่ยงกันหมด ภัทรมองตามแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ที่เดินตัวตรงออกไปทางด้านหน้าของบริษัท ตรงแก้มที่เพิ่งโดนสัมผัสยังรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่องรอยของริมฝีปาก เขาเลยได้แต่ถูแก้มตัวเองแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ

อย่างน้อย...คืนนี้เขาก็จะได้แนะนำคุณเชษฐ์กับครอบครัวเสียทีละนะ...


+---tbc---+   :z2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 06-06-2011 21:51:47
ดีใจ ที่เชษฐ์กับภัทรมาแล้ว จะมาทันเจอแพนกับมิมิหรือเปล่าก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-06-2011 21:58:00
 :mc4: :pig2:ด้วยความดีใจ ที่น้องภัทรกับคุณเชษฐ์กลับมาให้หายคิดถึง
มาคราวนี้หวานกันใหญ่นะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 06-06-2011 22:33:04
กรี๊ดดดดดดดด มีความสุข  :-[

ว่าแล้วก็แว่บกลับไปอ่านรื้อฟื้นความทรงจำใหม่ดีกว่า หุหุ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 06-06-2011 23:06:33
ภัทรให้ความรู้สึกว่าเป็นลูกน้องมากกว่าแฟนอีก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 07-06-2011 06:59:50
คิดถึงจังเลยน้าสสสสสสสสสสสสสส :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 07-06-2011 07:24:46
กอดรวบแน่นๆ  :กอด1:
ทั้งภัทรและคุณเชษฐ์
แถมฟัดเน้นๆคุณริน  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-06-2011 08:59:45
^
คุณโอม เดี๋ยวเค้าตัวเหลวหมด อ๊าง~ 5555

+1 ให้ทุกคอมเม้นต์ค่า ^____________^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 07-06-2011 10:09:33
เข้ามาตามอ่านด้วยความคิดถึงคุณเชษฐ์น้องภัทร
 :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 07-06-2011 11:54:47
 :-[

ขอแบบคุณเชษฐ์สักคน ไม่ต้องดีเท่า ไม่ต้องเก่งเท่า ไม่ต้องเข้าอกเข้าใจเท่า
แค่...ลดลงมาอย่างละนิดละหน่อยก็พอ

(ฝันเฟื่องตลอดที่อ่านเรื่องนี้ หงุงหงิง)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 07-06-2011 13:36:30
กรี๊ด ๆ

รอการ เปิด ตัว 555
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 07-06-2011 15:55:17
ได้อ่านซะที หวังว่าตอนต่อไปคงจะมาอีกเร็วๆ นี้ใช่ไหมคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-06-2011 17:21:04
มาต่อแย้วววว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 07-06-2011 21:43:40
ได้อ่านซะที หวังว่าตอนต่อไปคงจะมาอีกเร็วๆ นี้ใช่ไหมคะ  :impress2:

^
แอร๊ยยย์ "เร็วๆ นี้" นี่ความหมายกว้างงงงงงงมากเลยนะคะตะเอ๊ง (พูดไปงั้น แต่ถ้าไหวก็อยากมาเร็วๆ เหมือนกัน)   :laugh:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: KaZuKi ที่ 07-06-2011 22:12:22
โอ้ยย เหมือนรอลุ้นเมื่อไรคู่นี้จะแบบว่า เลิกอาย และ เกรงใจซํกทีนะ อยากให้ภัทร แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ ให้ได้ครึ่งของคุณเชษฐ ก้ยังดี ฮาๆ รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 07-06-2011 23:44:51
 :a5:  :a5:  ขยี้ตาแรง แล้วบอกตัวเองว่า ฝันไปหรือเปล่า นี่ชั้นไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณเชษฐ์ ของน้องกลับมาแล้ว

กรี๊ดดดดดดดดดดดด กลับมาทั้งที คุณเชษฐ์ ทำงานซะหนักเชียว แล้วจะได้สวีทวีดวิ้ว กันตอนไหนค่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 08-06-2011 12:56:17
ชอบบ บบ บ บ บ ชอบคู่นี้ค่า น่ารักดีเชญฐ์กลายเป็นผู้บริหารช่างแกล้งเวลาอยู่กับภัทร ภัทรก็ยั่วขึ้นตลอดแต่เป็นพวกภูมิคุ้มกันต่ำนี่คะ โดนอำยังไม่ค่อยจะรู้ตัว เมื่อไหร่หนอผู้จัดการถึงจะได้รับรางวัลซะทีน้า  รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 08-06-2011 14:28:47
เพิ่งเข้ามาอ่าน ก้อทำท่าจะติดซะแล้ว
ตาลุงลามกนี่อบอุ่นใช่ย่อยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: stupidchild ที่ 11-06-2011 07:19:53
กรี๊ดพี่รินนนนนนน น้องตามอ่านทันแล้วค่า น่ารักมากๆ
แต่ภัทรก็ยังเกรงใจไม่เลิก ชอบเก็บไว้ในใจ แต่คุณเชษฐ์อ่านออกหมด 55 ชอบใจจัง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: little_nok ที่ 12-06-2011 14:10:37
ดีใจ อ่านทันแล้ว ชอบนิยายแนวนี้มากเลย
มันค่อนข้างเป็นชีวิตจริงที่พบเห็นได้
แต่ก็แอบช้านะคะ เห็นว่าหลายเดือน
แต่พอดีว่า เพิ่งมาเจอนิยายสนุกๆ
ถ้าดูจากจำนวนคนรีพลาย ก็จะเห็นว่าน้อย
พออ่านแล้ว ก็รู้ได้ว่านิยายที่รีพลายเยอะๆ อาจจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายในเล้า
พอดีพี่แก่แล้ว เลยชอบนิยายแนวนี้ o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-06-2011 17:28:53
^ พอดีเขียนแบบที่อยากอ่านเองน่ะค่ะ ถ้าคุณ little_nok ได้อ่านผลงานเรื่องอื่นของเราด้วย จะดูออกเลยว่ายายนี่เขียนตามใจตัวเองทุกเรื่อง 555  :laugh:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 12-06-2011 17:59:06
กรี๊ดๆๆๆ เห็นชื่อคุณริน ดีใจรีบวิ่งเข้ากระทู้นึกว่ามาอัพคุณเชษฐ์เพิ่มซะอีก >_<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-06-2011 19:47:44
^ แหะๆ รอก่อนนะค้า ตอนนี้กำลังเขียนตอนพิเศษให้ลำนำรักสีรุ้งในห้องนิยายจบแล้วอยู่ง่ะ ^^" ของคุณเชษฐ์รออีกสักอาทิตย์เนะ (เร็วไปไหมนั่น?)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 12-06-2011 22:14:13
^ แหะๆ รอก่อนนะค้า ตอนนี้กำลังเขียนตอนพิเศษให้ลำนำรักสีรุ้งในห้องนิยายจบแล้วอยู่ง่ะ ^^" ของคุณเชษฐ์รออีกสักอาทิตย์เนะ (เร็วไปไหมนั่น?)
ไม่เร็วค่า กำลังพอดี เรารอได้เสมอค่า ^^

+ และ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 13-06-2011 00:30:10
อิอิ >/////<  :man1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 13-06-2011 14:40:43
 :pig4:ในที่สุดก็อ่านทันจนได้ครับ....


 :-[ชอบคู่นี้มากมายเรื่อยๆมาเรียงๆน่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 14-06-2011 20:16:05
คุณริน~~ ไม่เอาลิงค์ตอนใหม่ของเป้วิวมาแปะที่นี้ด้วย แฟนเป้วิวจะได้ตามไปอ่านเยอะๆ >_<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 14-06-2011 21:59:45
อ๋า เอาเป็นว่าใครสนใจตอนพิเศษของเป้วิว ตามไปที่ห้องนิยายจบแล้วละกันนะค้า (คืนนี้คอมเป็นไรไม่รู้ เข้าเล้าไม่ค่อยได้เล้ย >_<)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – คุณเชษฐ์ + น้องภัทรกลับมาแล้ว!!! P.13 [ค่ำๆ 6/6/11]
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 24-06-2011 16:07:29
 :z13:

^
^
^
^
^


นี่แน่ะไม่มาต่อต้องเจอแบ๊บเน้ ฮ่า ฮ่า แหะ ๆ ล้อเล่นค่ะ รอน้องภัทรนะคะ   +1 ธีมใหม่เล้าเป็ดให้ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-07-2011 11:59:37
พอดีเขียนจบตอนแล้ว แต่เพิ่งตรวจทานได้ครึ่งเดียวและต้องออกไปข้างนอก เดี๋ยวครึ่งตอนหลังคงได้มาต่อให้ดึกๆ หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้นะค้า แฟนๆ คุณเชษฐ์กับน้องภัทรอ่านครึ่งแรกรอกันไปก่อนเนอะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-07-2011 12:08:25
ตอนที่ 13 ครึ่งแรก

 
ช่วงบ่ายวันนั้น ภัทรนั่งทำงานด้วยความสบายใจ เพราะรู้แล้วว่าถึงอย่างไรคุณผู้จัดการก็จะตามไปงานเลี้ยงวันเกิดของหลานเขาแน่นอน หลังจากที่พักเบรกไปกินข้าวกล่องที่ฝากป๋วยซื้อมาให้ในห้องครัว ชายหนุ่มก็กลับมาที่โต๊ะและเริ่มจัดเรียงเอกสารที่ปรินท์ไว้ใส่ลงแฟ้ม

เนื่องจากงานที่เขาต้องรับผิดชอบในวันนี้มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น ภัทรจึงไม่ถูกขัดจังหวะด้วยอีเมล์หรือโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมงาน แต่หลังจากนั่งจัดเอกสารไปครู่หนึ่ง เขาก็พบว่าแฟ้มที่ต้องใช้มีจำนวนไม่พอ จึงต้องวางงานที่ทำค้างอยู่แล้วเดินไปขอเบิกแฟ้มเพิ่มยังห้องเก็บเครื่องใช้สำนักงานซึ่งอยู่อีกฟากของออฟฟิศ

ห้องเก็บเครื่องใช้สำนักงานนี้มีลักษณะคล้ายกับห้องเก็บของขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีช่องบานเลื่อนกระจกใสและกล่องใส่แบบฟอร์มสำหรับเบิกอุปกรณ์ ส่วนด้านในจะมีพนักงานประจำห้องที่คอยรับแบบฟอร์มและจัดของให้คนที่มาเบิก เมื่อภัทรเดินมาถึงด้านหน้าก็ยิ้มให้กับพนักงานที่เลื่อนช่องกระจกออกให้

“แฟ้มใสขนาดเอสี่สามสิบอัน...กับคลิปแล้วก็ลูกแม็กอย่างละสองกล่องเหรอ รอเดี๋ยวนะ”

พนักงานสาวรุ่นพี่รับแบบฟอร์มที่ภัทรกรอกไปอ่านทวน จากนั้นก็หันไปเปิดตู้แล้วหยิบลังใส่แฟ้มลงมา ภัทรเหลือบมองภายในห้องระหว่างรออีกฝ่ายนับจำนวนของให้ และพบว่าบนพื้นมีกล่องลังหลากขนาดวางเรียงกันแน่นไปหมด บางส่วนก็ปิดผนึกและเขียนกำกับด้านข้างไว้แล้วว่าบรรจุอะไร ขณะที่บางกล่องยังคงเปิดอ้าจนเห็นอุปกรณ์ด้านในที่ยังจัดไม่เป็นระเบียบ และภัทรก็รู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์พวกนี้คงถูกขอเบิกไว้เพื่อนำไปจัดงานที่บริษัทของเขาจะเป็นเจ้าภาพในอีกสัปดาห์ที่จะมาถึง เพราะว่าศูนย์จัดนิทรรศการที่บริษัทของเขาเช่าพื้นที่ไว้ไม่ได้มีบริการจัดเตรียมทุกอย่างให้

“ช่วงนี้เลยยุ่งกันทุกแผนกเลยนะครับพี่ตุ้ย”

ภัทรเอ่ยขอบคุณเมื่อได้ของที่เบิกพร้อมกับทักขึ้นมา หญิงสาววัยสามสิบกว่า รูปร่างท้วมเล็กน้อยจึงมองตามสายตาของภัทรไปยังกล่องลังในห้อง จากนั้นก็ยกมือเท้าเอวแล้วยิ้มตอบอย่างเพลียๆ

“ช่วงหน้างานทีไรก็อย่างนี้ตลอดแหละภัทรเอ๊ย แผนกโน้นแผนกนี้มาขอเบิกของกันให้วุ่นไปหมด วันนี้น้องผู้ช่วยของพี่ก็ดันลาป่วยซะอีก  พี่เลยต้องมานั่งจัดของอยู่คนเดียวเนี่ย อ้อ...แต่พี่บอกแม่บ้านให้เตรียมของว่างสำหรับงานประชุมลูกค้าของภัทรวันพรุ่งนี้แล้วนะ ฝากไปบอกพี่ป๋วยด้วยก็แล้วกัน เจ๊เขาจะได้เลิกโทรตามพี่สักที”

สาวร่างท้วมบ่นยาวเหยียดให้ฟัง ภัทรจึงพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเข้าใจ “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมไปบอกพี่ป๋วยให้ ถ้างั้นผมไม่กวนพี่ตุ้ยแล้วนะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยลาแล้วหอบกองแฟ้มกลับมาที่โต๊ะ เขาแวะบอกป๋วยเกี่ยวกับของว่างสำหรับการประชุมลูกค้าในวันรุ่งขึ้น จากนั้นจึงเดินต่อไปที่โต๊ะและเริ่มจัดการเรียงเอกสารใส่แฟ้มที่เหลือ กว่าเขาจะตรวจทานความเรียบร้อยและเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกาอีกที เวลาก็ล่วงไปจนเกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว

ยังพอมีเวลา....เดี๋ยวใกล้ๆ จะห้าโมงค่อยเตือนพี่ป๋วยอีกทีว่าวันนี้จะออกเร็วก็แล้วกัน ถึงพี่แพนจะบอกว่าไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆ ให้ แต่มิมิก็คงจะดีใจที่ได้ของขวัญอยู่ดี

ภัทรคิดพลางลุกเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ จากนั้นก็เดินเข้าไปในครัวเพื่อชงกาแฟให้ตัวเอง แต่พอเดินกลับมาที่โต๊ะก็พบว่ามีกระดาษโน้ตสีสดแปะอยู่บนคีย์บอร์ด

“คุณนินเรียกประชุมด่วนที่ห้อง 2”

ภัทรอ่านทวนข้อความซึ่งเป็นลายมือของป๋วยแล้วพ่นลมทางปากเบาๆ แต่ก็หยิบสมุดโน้ตกับปากการวมทั้งแฟ้มที่ใส่เอกสารครบแล้วมาหนึ่งชุดโดยไม่รีรอ เพราะคิดว่าการประชุมครั้งนี้คงเกี่ยวกับความพร้อมในการให้ข้อมูลกับลูกค้าใหม่ในวันรุ่งขึ้น หลังจากหยิบกาแฟที่เพิ่งชงขึ้นมาจิบเสียอึกหนึ่ง ภัทรก็รีบเดินไปยังห้องประชุมสองตามที่รุ่นพี่สาวเขียนโน้ตบอกไว้

ตอนที่ภัทรไปถึงห้องประชุมก็พบว่าสมาชิกทีมซึ่งมีประมาณสิบคนกำลังนั่งรอกันอยู่แล้ว รวมถึงนินนาทที่เป็นผู้จัดการโปรเจ็กต์ด้วย ชายหนุ่มจึงรีบออกตัวด้วยรู้สึกผิดที่มาช้า

“ขอโทษครับ พอดีผมเพิ่งเห็นโน้ตว่ามีประชุมเมื่อกี้”

นินนาทส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างใจดี  “ไม่เป็นไรหรอก พอดีป๋วยมาบอกว่าเย็นนี้ภัทรจะขอกลับเร็ว แล้วฉันก็เพิ่งนึกได้ว่าน่าจะขอดูพรีเซ้นต์กับเอกสารที่จะแจกลูกค้าพรุ่งนี้เสียหน่อย ก็เลยจะขอประชุมสักครึ่งชั่วโมง ไหนๆ มากันครบแล้วก็เริ่มกันเลยดีกว่า”

ภัทรเหลือบตาไปทางรุ่นพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มให้อย่างขอบคุณ ป๋วยจึงยักคิ้วตอบเหมือนจะบอกว่า ‘คราวนี้เธอเป็นหนี้ฉันนะยะ’ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปหน้าห้อง

“ถ้างั้นป๋วยขอเริ่มจากตัวพรีเซ้นต์ที่จะให้ลูกค้าดูวันพรุ่งนี้เลยนะคะ แล้วก็เราจะมีปรินท์เอ๊าท์แจกด้วย ภัทรเอาเอกสารตัวอย่างให้คุณนินดูซิ”

รุ่นพี่สาวหันกลับมาบอกก่อนจะดึงจอฉายสไลด์ลงมาจากช่องหน้ากระดานไวท์บอร์ด จากนั้นก็กดรีโมทเปิดเครื่องโปรเจ็กเตอร์ ไม่กี่วินาทีถัดมา ภาพจากสไลด์สำหรับนำเสนอก็ปรากฏบนหน้าจอ หญิงสาวจึงเริ่มโดยการอธิบายถึงจุดประสงค์ของการประชุมลูกใหม่ ก่อนจะค่อยๆ อธิบายหน้าสไลด์เรียงไปทีละหน้า เนื่องจากพรุ่งนี้เธอก็ต้องเป็นคนนำการประชุมกับลูกค้าด้วยตัวเองเนื่องจากนินนาทไม่ว่าง

ระหว่างที่ป๋วยอธิบายสไลด์ นินนาทก็จะคอยป้อนคำถามเป็นระยะ บางครั้งก็จะแนะนำว่าควรเพิ่มข้อมูลอะไรบ้าง โดยภัทรรับหน้าที่ช่วยพิมพ์หรือแก้ไขข้อมูลในคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมต่อกับโปรเจ็กเตอร์โดยตรงให้ ทุกคนในที่ประชุมจะได้รับรู้ในส่วนที่ต้องแก้ไขไปพร้อมกัน โดยขณะที่การประชุมดำเนินอยู่นั้น ภัทรก็ลอบสังเกตว่าทั้งนินนาทและป๋วยต่างก็ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับงานเลย เพราะทั้งสองต่างไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ ที่จะทำให้คนอื่นระแคะระคายว่ามีใจให้กันแม้แต่น้อย

ถ้าหากสองคนนี้ไม่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ก็คงดี...พี่ป๋วยกับคุณนินออกจะทำงานเข้ากันได้ดีขนาดนี้...

ภัทรมองทั้งคู่แล้วก็ให้นึกเสียดายแทน และทำให้ลอบถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอโดนรุ่นพี่สาวที่กำลังยืนพรีเซนต์หน้าห้องส่งสายตาดุให้เพราะคิดว่าเขากำลังเบื่อ ภัทรก็รีบขยับนั่งตัวตรงขึ้นทันที

ป๋วยใช้เวลาพรีเซนต์และตอบคำถามจากทุกคนในทีมราวสามสิบนาที  เมื่อนินนาทพอใจกับลำดับการนำเสนอข้อมูลแล้วก็พยักหน้าพลางกล่าวสรุปสั้นๆ

“ในส่วนของพรีเซนต์คิดว่าคงไม่มีปัญหาแล้ว ยังไงก็ย้ำพวกระเบียบในการขนของเข้าออกสถานที่จัดงานดีๆ ก็แล้วกัน ส่วนพรุ่งนี้ขอโทษด้วยที่ต้องให้ป๋วยช่วยนำการประชุมแทน เพราะฉันต้องไปสัมมนาแทนคุณเชษฐ์ที่ต้องไปเวียดนามแต่เช้า"
 
คำอธิบายช่วงท้ายประโยคทำเอาภัทรชะงักมือที่กำลังจดโน้ตลงสมุดบันทึก จริงอยู่ที่ระยะนี้เชษฐ์ต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ กับเวียดนามบ่อยๆ แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็เพิ่งจะบินกลับมาเปลี่ยนเวรกับผู้จัดการโปรเจกต์อีกคนไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วเท่านั้นเอง แล้วทำไมจู่ๆ จึงต้องบินด่วนกลับไปอีกในวันพรุ่งนี้ด้วย?

ป๋วยซึ่งเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้สังเกตเห็นสีหน้าของรุ่นน้องได้อย่างชัดเจน แต่ก็รู้ว่าภัทรคงไม่กล้าถามถึงแม้จะอยากรู้ จึงแสร้งทำหน้าสงสัยแล้วหันไปถามนินนาทให้แทน

“อ้าว? ทำไมคุณเชษฐ์ต้องบินด่วนด้วยล่ะคะ? คุณอั๋นแกยังไม่กลับมาเลยนี่นา?”

นินนาทใช้นิ้วชี้ถูบนหว่างคิ้วพลางถอนหายใจ “เห็นว่าคุณอั๋นที่เพิ่งไปเปลี่ยนเวรกับคุณเชษฐ์เมื่ออาทิตย์ก่อนเกิดไม่สบาย แล้วหมอก็เพิ่งจะวินิจฉัยว่าเป็นไข้เลือดออกน่ะ คุณปรีชาก็เลยไม่มีทางเลือกนอกจากให้คุณเชษฐ์กลับไปช่วยประสานงานแทนระหว่างนี้ ก็คงต้องอยู่ยาวจนกว่าคุณอั๋นจะหายดีนั่นแหละ นี่ผู้จัดการทุกคนก็เพิ่งจะได้รับแจ้งเมื่อชั่วโมงก่อนนี่เอง”

เนื่องจากนินนาทไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเชษฐ์กับภัทร ผู้จัดการโปรเจ็กต์หนุ่มใหญ่จึงไม่ทันสังเกตว่าคำพูดของตนกระทบความรู้สึกของหนึ่งในลูกทีมจนนัยน์ตาหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนป๋วยที่รู้ดีว่าเชษฐ์และภัทรแทบจะไม่ค่อยมีเวลาให้กันในช่วงนี้ได้แต่บีบไหล่ของรุ่นน้องเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

นินนาทยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้า “ใกล้จะห้าโมงแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันขอปิดการประชุมเลยก็แล้วกัน แล้วก็นี่ภัทร ฝากเอาไปซื้อของขวัญให้หลานเธอด้วยล่ะ”

ภัทรค่อยได้สติเมื่อนินนาทยื่นซองจดหมายสีขาวมาให้ และพอจะเดาได้ว่าข้างในคงเป็นเงินสนับสนุนค่าของขวัญ จึงยกมือไหว้ก่อนจะรับมาและยิ้มให้เจ้านายด้วยความขอบคุณ ถึงแม้จะรู้สึกว่ารอยยิ้มบนหน้าของตัวเองไม่ค่อยสดใสสักเท่าไหร่

“ขอบคุณมากครับคุณนิน”

ภัทรหันไปยิ้มให้ป๋วยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย เพราะรู้ว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บอกให้ นินนาทก็คงไม่มีทางรู้แน่ว่าสาเหตุที่เขาขอกลับเร็วนั้นเพราะอะไร หลังออกจากห้องประชุมและเดินกลับไปที่โต๊ะแล้ว ภัทรจึงปิดคอมพิวเตอร์แล้วก็หยิบกระเป๋าสะพายเดินออกจากบริษัททันทีด้วยความรู้สึกว้าวุ่นใจ จนกระทั่งเกือบจะลืมบอกลากุ้งซึ่งนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์รีเซปชั่นด้านหน้าด้วยซ้ำ

ไม่ชอบเลยความรู้สึกนี้...ทั้งที่เราก็ไม่ใช่เด็กๆ เหมือนตอนนั้นแล้วเสียหน่อย...

ภัทรอดจะย้อนคิดไปถึงสมัยที่ยังยังคบกับคนรักเก่าไม่ได้ อาจเพราะตอนนั้นเขายังเด็กและทั้งคู่ก็เป็นนักศึกษา ดังนั้นจึงมีเวลาว่างมากมายให้ได้ใช้ร่วมกัน แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยที่เพิ่งมีความรักเป็นครั้งแรกซึ่งเอะอะก็อยากอยู่ใกล้คนรักตลอดเวลาอีกแล้ว และที่สำคัญเขาก็ไม่ควรจะไปเรียกร้องเวลาเหล่านี้เอากับเชษฐ์ซึ่งมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบเพราะว่าเป็น ‘งาน’ ด้วย

ชายหนุ่มพยายามปัดความมัวหมองออกไปขณะที่นั่งรถไฟฟ้าไปยังห้างสรรพสินค้า เมื่อถึงแล้วก็ตรงไปที่แผนกของเล่นเด็กทันทีเพราะรู้ว่าต้องมีของที่เหมาะกับหลานสาวแน่ๆ ภัทรรู้ดีว่ามายูมิชอบสีชมพู เพราะเวลาเจอกันทีไรก็จะเห็นหลานสาวตัวน้อยใส่ชุดกระโปรงสีชมพู หรืออย่างน้อยก็ติดกิ๊บหรือที่คาดผมสีชมพูทุกครั้ง ดังนั้นหลังจากตัดสินใจว่าจะซื้อตุ๊กตาแบบที่เปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ภัทรจึงซื้อมงกุฎอันเล็กสำหรับเด็กซึ่งมีเพชรปลอมและขนนกสีชมพูสลับขาวประดับไปด้วย

“เดี๋ยวรบกวนห่อของขวัญให้ด้วยนะครับ ตรงริบบิ้นขอเป็นสีชมพูก็แล้วกัน”

ภัทรบอกกับพนักงานหลังจากจ่ายค่าของขวัญแล้ว ระหว่างที่ยืนรอก็มีสายเข้าจากพี่สาวของเขาพอดี ภัทรจึงยกมือถือขึ้นกดรับสาย

“ฮัลโหล?”

“ภัทร พวกพี่ถึงร้านกันแล้วนะ ถ้าภัทรมาเมื่อไหร่ก็เข้ามาได้เลย โต๊ะพวกพี่อยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆ น้ำพุแถวกลางร้านน่ะจ้ะ”

ต่อจากเสียงของพี่สาว ภัทรก็ได้ยินเสียงแจ๋วๆ จากหลานสาวเมื่อโทรศัพท์ถูกเปลี่ยนมือ “น้าภัทรขา มาเร็วๆ นะ หนูอยากเป่าเค้กไวๆ”

ภัทรหัวเราะเมื่อได้ยินน้ำเสียงสดใสของหลานสาว ดูเหมือนแม่หนูน้อยจะกำลังตื่นเต้นกับการฉลองวันเกิด ‘ล่วงหน้า’ จนลืมเรื่องที่คุณพ่อจะต้องบินไปต่างประเทศเสียสนิท
 
“ได้เลย เดี๋ยวมิมิรอน้าภัทรก่อนนะ น้าภัทรมีของขวัญจะให้หนูด้วย”

เด็กหญิงส่งเสียงวี้ดว้ายอย่างตื่นเต้น เมื่อนึกถึงใบหน้ากลมยุ้ยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความขุ่นมัวในใจเมื่อครู่ของภัทรก็ค่อยๆ เจือจางลง หลังจากคุยต่ออีกไม่กี่ประโยค ชายหนุ่มก็พบว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาดีขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งมาเลือกซื้อของขวัญมาก

จริงสิ...จะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่ไปทำไมกัน คืนนี้อุตส่าห์มีงานเลี้ยงให้มายูมิทั้งที เราควรจะไปร่วมฉลองอย่างมีความสุขมากกว่าสิ...

ภัทรคิดหลังจากวางสาย ก่อนจะหันไปยิ้มรับของขวัญที่ห่อเสร็จแล้วจากพนักงาน เมื่อเดินออกมาจากห้างก็พบว่าท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่นเพราะกลุ่มเมฆหนาที่บดบังพระอาทิตย์ยามเย็น แถมยังมีละอองฝนบางเบาโปรยปรายลงมาด้วย ภัทรจึงโบกเรียกแท็กซี่เผื่อว่าถ้าฝนตกหนักขึ้นมาจะได้ไม่ต้องไปถึงร้านในสภาพเปียกมะลอกมะแลก

โชคดีที่คนขับแท็กซี่รู้จักร้านที่ภัทรจะไป จึงพาลัดเลาะเข้าซอกซอยที่เป็นทางลัดแทนถนนใหญ่อย่างคล่องแคล่ว และในครึ่งชั่วโมงถัดมาก็พาเขามาถึงร้านอาหารโดยแทบไม่เจอรถติด เมื่อเข้าไปในร้านแล้วภัทรก็บอกชื่อของพี่สาวซึ่งใช้จองโต๊ะกับพนักงานต้อนรับที่ด้านหน้า หลังจากพนักงานเช็คหมายเลขโต๊ะแล้วจึงผายมือและเดินนำเขาไปยังโต๊ะด้านในด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ภัทรไม่เคยมาสวนอาหารแห่งนี้มาก่อน แต่ก็นึกชื่นชมคนออกแบบที่ใช้เค้าโครงของบ้านทรงไทยสมัยเก่ามาประยุกต์ โดยการสร้างตัวร้านบนเสาที่ตอกลงในบ่อน้ำเทียมขนาดใหญ่และมีหลังคาแหลมสูง ส่วนผังร้านถูกจัดวางเป็นทรงสี่เหลี่ยมล้อมรอบพื้นที่ตรงกลางซึ่งเป็นสระบัวและน้ำพุ นอกจากกลุ่มของพวกเขาแล้ว ภัทรก็พบว่ามีลูกค้าที่มาทั้งที่เป็นคู่และเป็นครอบครัวใหญ่อยู่หลายโต๊ะเหมือนกัน

“ว้ายๆ น้าภัทรมาแล้ว!!”

เด็กหญิงลูกครึ่งญี่ปุ่นตัวน้อยรีบปีนลงจากเก้าอี้เมื่อเห็นน้าชาย จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาแล้วกอดเอวแน่น ภัทรจึงอุ้มหลานสาวขึ้นมาและหันไปขอบคุณพนักงานที่ช่วยรับถุงของขวัญไปถือ มายูมิกอดคอภัทรด้วยแขนเล็กป้อมแล้วก็หอมแก้มซ้ายขวาอย่างดีใจ

“น้าภัทรมาช้าจัง หนูรอจนหิ้วหิวจะแย่”

เด็กหญิงส่งเสียงกระเง้ากระงอด แต่เมื่อภัทรมาถึงโต๊ะแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เพราะว่าบนนั้นมีจานของว่างที่เต็มไปด้วยของโปรดของหลานสาวเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทอดมัน กุ้งทอด หรือว่าขนมจีบ

“ของกินเล่นเยอะขนาดนี้หนูยังหิวอีกเหรอ สงสัยถ้าน้าภัทรมาช้ากว่านี้มิมิคงอิ่มแย่เลยมากกว่า”

ชายหนุ่มกระเซ้าหลานสาวที่ยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มปากแล้วยิ้มเขินที่ถูกจับได้ แต่พอภัทรปล่อยหนูน้อยลงเพื่อจะเลื่อนเก้าอี้นั่ง มายูมิที่ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องก็ทำท่าจะปีนขึ้นนั่งตักน้าชายทันที แพนจึงรีบดึงแขนลูกสาวไว้

“มิมิ ไม่เอาน่ะลูก เดี๋ยวน้าภัทรกินข้าวไม่ถนัดนะ”

มายูมิหันไปมองแม่แล้วทำปากยื่น แต่ว่าก็ยอมเดินอ้อมโต๊ะกลมกลับไปที่นั่งของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพ่อกับแม่แต่โดยดี เนื่องจากเด็กหญิงยังตัวเล็กอยู่ ทางร้านจึงจัดเก้าอี้สำหรับเด็กซึ่งต่อขาสูงให้จะได้ตักอาหารทานได้สะดวก เมื่อเห็นว่าหลานสาวขึ้นนั่งประจำที่เรียบร้อย ภัทรจึงหันไปไหว้พี่เขยชาวญี่ปุ่นซึ่งนั่งถัดไปจากเขาโดยมีเก้าอี้ว่างตัวหนึ่งเว้นไว้ และโดยไม่ต้องถามใคร เขาก็มั่นใจว่าเก้าอี้ตัวนั้นคงมีไว้เผื่อเชษฐ์เป็นแน่

ภัทรพยายามไม่คิดถึงคุณผู้จัดการและรับถุงใส่กล่องของขวัญจากพนักงานมายื่นส่งให้หลานสาว ทว่าพอมายูมิยื่นแขนมาจะรับด้วยความดีใจ ชายหนุ่มก็ดึงมือกลับแล้วถาม

“อ๊ะๆ เวลาผู้ใหญ่จะให้ของต้องทำไงก่อน?”

เด็กหญิงตัวน้อยรีบกระพุ่มมือไหว้แล้วร้องตอบเสียงแจ๋ว “ขอบคุณค่าน้าภัทร!”

ภัทรหัวเราะแล้วค่อยปล่อยของขวัญให้หลานสาวแต่โดยดี แต่ว่าแพนกลับห้ามเมื่อเห็นว่าลูกสาวจะแกะกล่องออกเดี๋ยวนั้น เมื่อเด็กหญิงเบะปากอย่างไม่พอใจ กลายเป็นคุณพ่อที่ยอมตามใจเสียเอง

“เอาน่า ไหนๆ ก็ฉลองล่วงหน้าแล้ว ให้ลูกแกะไปเลยก็ได้”

พี่เขยของเขายังคงพูดติดสำเนียงญี่ปุ่นเช่นเคย แต่ก็นับว่าชัดมากแล้วหากเทียบกับชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตในประเทศไทยเพียงไม่กี่ปี เมื่อมายูมิได้ยินคำอนุญาตจากพ่อจึงยิ้มกว้างแล้วเริ่มแกะของขวัญโดยมีแม่นั่งยิ้มแล้วส่ายหน้าอยู่อีกด้าน

เด็กหญิงส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้นหลังจากเห็นของขวัญชิ้นแรกซึ่งเป็นตุ๊กตาที่เปลี่ยนชุดได้ แต่เมื่อเห็นว่ายังมีของขวัญอีกกล่องซึ่งภายในเป็นมงกุฎประดับเพชรเทียมกับขนนก คราวนี้นัยน์ตากลมโตยิ่งเบิกกว้างและเป็นประกายมากขึ้น

“แม่จ๋าๆๆ มงกุฎล่ะมงกุฎ ดูสิๆ หนูเหมือนเจ้าหญิงมั้ย?”

เด็กหญิงตัวน้อยสวมมงกุฎแล้วหันซ้ายขวาให้พ่อกับแม่ดู จากนั้นก็ปีนลงจากเก้าอี้อีกครั้งแล้ววิ่งอ้อมโต๊ะมาโน้มคอภัทรลงหอมแก้ม ก่อนที่จะวิ่งกลับไปปีนขึ้นนั่งเก้าอี้ของตัวเองอย่างร่าเริง ความยินดีที่เห็นว่าหลานสาวชอบใจกับของขวัญที่เขาเลือกให้ทำให้ภัทรลืมความรู้สึกไม่ดีเมื่อตอนบ่ายไปจนหมด

“เอาล่ะ ของขวัญก็ได้แกะแล้ว แล้วแขกอีกคนจะมาถึงตอนกี่โมงน่ะภัทร? หรือว่าเราจะเริ่มกินกันก่อนไปเลย?”

คำถามของแพนทำให้รอยยิ้มของภัทรจืดลงนิดหน่อย แต่หลังจากใช้เวลาคิดไม่กี่วินาที เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่โทรตาม

ไหนๆ คุณเชษฐ์ก็บอกไว้แล้วนี่ว่าจะตามมาแน่ๆ...

ภัทรไม่อยากทำตัวจู้จี้ด้วยการโทรเร่งเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในงานเลี้ยงสำคัญ และตัดสินใจว่าหากเชษฐ์จะมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จึงเพียงแต่ยิ้มให้พี่สาว “พวกเราสั่งอาหารกันเลยก็ได้พี่แพน พอดีคุณเชษฐ์ต้องไปงานเลี้ยงอีกที่ก่อน ยังไม่รู้เลยว่าจะตามมาได้กี่โมง”

แพนเอียงคอแล้วขมวดคิ้วกับคำตอบ แต่เมื่อเห็นน้องชายหลบสายตาลงมองเมนูอาหารก็ได้แต่ระงับความอยากถามไว้แล้วหันไปช่วยมายูมิเลือกอาหารแทน

หลังจากทุกคนสั่งอาหารกันเสร็จเรียบร้อยและพนักงานนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ภัทรก็พยายามชวนหลานสาวคุยระหว่างทานข้าว รวมทั้งหันไปคุยกับพี่สาวและพี่เขยด้วยเพื่อจะได้เบี่ยงความสนใจตัวเองไปจากคนที่ยังไม่มา ฝ่ายมายูมิเองก็ดีใจที่ได้เจอน้าชาย ดังนั้นจึงคุยทั้งเรื่องที่โรงเรียน เพื่อนๆ และคุณครูให้ฟังแทบไม่หยุดทีเดียว

เวลาล่วงผ่านจนดึกมากขึ้น และหัวข้อสนทนาที่โต๊ะก็เริ่มน้อยลงตามอาหารในจานของแต่ละคนที่พร่องจนเกือบจะหมด ภัทรพยายามไม่เหลือบมองนาฬิกาแม้จะสังเกตได้ว่าแขกของโต๊ะอื่นบ้างก็เริ่มกลับกันไปและมีลูกค้าใหม่มานั่งแทนแล้ว  แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะพยายามประวิงเวลากันสักเพียงไร คนที่รออยู่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเสียที

จนกระทั่งทุกคนทานอาหารกันเสร็จแล้วและมีเพียงจานเปล่าอยู่ตรงหน้า มายูมิที่นั่งแกว่งขาฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันอย่างเบื่อๆ ก็เหลือบมองเก้าอี้ว่างก่อนจะหันไปหาพ่อ
 
“พ่อขา หนูอยากกินเค้กแล้ว”

โทรุยิ้มให้ลูกสาวที่นั่งแกว่งขาถี่ขึ้นเหมือนจะบอกให้รู้ถึงความกระวนกระวาย จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองภรรยาที่นั่งถัดไป แพนจึงได้แต่หันมาทางภัทรเหมือนจะขอคำตอบ

สายตาสามคู่ที่มองมาที่เขาทำให้ภัทรได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ มือสองข้างที่วางอยู่บนเข่ากำสลับคลายไปมาด้วยความไม่แน่ใจ แพนมองท่าทางของน้องชายอยู่สักครู่ก็เริ่มทนไม่ไหว

“อะไรของเธอเนี่ยภัทร แค่โทรไปถามว่าตกลงมาได้หรือเปล่านี่มันไม่รบกวนนักหรอกน่ะ ถ้าเกิดเขามาไม่ได้จริงๆ จะได้ไม่ต้องเอาแต่รอกันอยู่อย่างนี้ไง ไม่งั้นก็เอาโทรศัพท์เธอมานี่เลยเดี๋ยวพี่โทรให้เอง”

พอคนพูดยื่นมือมาเพื่อจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ ภัทรก็สะดุ้งแล้วรีบเอนตัวหนีทันที “ไม่ต้องหรอกพี่แพน! เดี๋ยวภัทรโทรเองก็ได้”

ชายหนุ่มรีบละล่ำละลักตอบ เพราะสังเกตเห็นหว่างคิ้วของพี่สาวที่เริ่มจะขมวดเป็นปมแล้ว และเขาก็ไม่อยากให้บทสนทนาแรกระหว่างพี่แพนกับคุณเชษฐ์กลายเป็นความประทับใจที่ไม่ดีสำหรับทั้งคู่ด้วย

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาคุณผู้จัดการ ในใจเต้นระทึกระหว่างรอให้อีกฝ่ายรับสาย แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น มือที่ถือโทรศัพท์ก็ค่อยๆ ลดลงเมื่อได้ยินว่า ‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

“อ้าว? ทำไมล่ะภัทร เขาไม่รับสายเหรอ?”

แพนถามเมื่อเห็นน้องชายเก็บมือถือลงกระเป๋าเสื้อ ภัทรจึงส่ายหน้า “สงสัยจะแบตหมดหรือไม่ก็อยู่ในที่อับสัญญาณน่ะพี่แพน ถ้าอย่างนั้นให้มายูมิเป่าเค้กเลยดีกว่า ถ้าเกิดรอก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่”

ภัทรตอบแล้วก็ยิ้มให้หลานสาวที่ปรบมืออย่างดีใจ ฝ่ายแพนนั้นเห็นนัยน์ตาหงอยๆ ของน้องชายที่ตัดกับรอยยิ้มแล้วก็พยายามข่มใจไม่ถามซอกแซกเพราะเห็นแก่ลูก จึงเพียงแต่หันไปบอกพนักงานให้นำเค้กมาให้แล้วก็หยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นเช็ดมุมปากให้มายูมิที่เลอะคราบซอสเป็นวง

เสียงเพลง ‘Happy Birthday’ ดังจากลำโพงของร้านขณะที่พนักงานเดินนำเค้กที่ปักเทียนห้าเล่มมาให้ที่โต๊ะ มายูมิส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเมื่อเค้กหน้าสตรอเบอร์รีถูกวางลงตรงหน้า หลังจากทุกคนที่โต๊ะร่วมกันร้องเพลงวันเกิดให้ เด็กหญิงก็หลับตาอธิษฐานแล้วเป่าเทียนจนดับทีละเล่ม แก้มกลมยุ้ยทั้งสองข้างแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“เค้กชิ้นแรกหนูให้พ่อก่อน เอาชิ้นใหญ่ๆ เลยนะคะ”

เด็กหญิงใช้มีดพลาสติกตัดเค้กโดยมีแม่คอยช่วยจับมือ เมื่อได้เค้กชิ้นแรกก็หันไปส่งให้พ่อพร้อมกับหอมแก้มก่อนจะหันมาตัดเค้กต่อ ศีรษะเล็กๆ เอียงมองเค้กที่แหว่งไปเสี้ยวหนึ่งแล้วก็ใช้นิ้วชี้จิ้มบนอากาศเหมือนกำลังนับ แพนจึงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“หนูนับอะไรเหรอลูก?”

มายูมิทำปากจู๋เหมือนกำลังใช้ความคิด จากนั้นก็หันไปตอบแม่ “ก็แม่บอกว่าคืนนี้น้าภัทรจะพาแขกมาด้วย มิมิก็เลยนับว่าจะแบ่งเค้กยังไงให้ทุกคนได้เท่าๆ กันไงคะ”

“อ๋อ...”

แพนพยักหน้าพลางลากเสียงรับรู้ ก่อนจะเหลือบมองน้องชายด้วยแววตาเห็นใจ แล้วก็พบว่านัยน์ตาของภัทรที่ไม่ค่อยสดใสอยู่แล้วกลับหมองลงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ไม่เป็นไรหรอกมิมิ หนูตัดที่เหลือตามใจหนูเถอะ บางทีแขกของน้าภัทรอาจไม่มาแล้วก็ได้”

ภัทรพยายามยิ้มให้หลานสาวและพูดด้วยเสียงปกติ แต่หากใครที่รู้จักเขามากพอจะรู้ได้ทันทีว่าคนพูดกำลังพยายามซ่อนอาการผิดหวังไว้อย่างเต็มที่ และแพนก็เป็นหนึ่งในคนที่มองอาการนั้นออกได้ไม่ยาก

“นี่ภัทร...เอ้อ....”

ภัทรหันไปยิ้มและตัดบทพี่สาวก่อนจะทันได้พูดต่อ “เดี๋ยวภัทรไปห้องน้ำแป๊บนึงนะพี่แพน เดี๋ยวผมมานะครับพี่โทรุ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะโดยไม่ทันได้เห็นสายตาของพี่สาวกับพี่เขยที่มองตามด้วยความเป็นห่วง รวมทั้งสายตางุนงงของหลานสาวที่กำลังทำท่าจะตัดเค้กต่อด้วย ชายหนุ่มถามทางไปห้องน้ำจากพนักงานที่เดินผ่านมาก่อนจะตรงดิ่งไปตามทิศทางที่อีกฝ่ายบอก เมื่อเข้าไปด้านในแล้วก็เปิดก๊อกแล้วรองน้ำเย็นๆ ขึ้นลูบหน้าด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย

นัยน์ตาเรียวเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังของร้านก่อนจะเหลือบลงสบตาตัวเองในกระจก จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดมือสีขาวที่วางเป็นม้วนเรียงกันในตะกร้าริมอ่างล้างหน้าขึ้นซับน้ำจนแห้ง ก่อนจะหย่อนผ้าที่ใช้แล้วลงในถังทำจากไม้สานและหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกอีกครั้ง

สัญญาณอัตโนมัติเสียงเดิมยังคงดังแทนคำตอบ ภัทรจึงกดตัดสายทันทีที่ได้ยิน จากนั้นก็ยกมือหนึ่งขึ้นลูบหน้า

คุณเชษฐ์ทำอะไรอยู่นะ ตกลงว่ามาได้หรือว่าไม่ได้กันแน่ แล้วถ้าไม่สะดวกจะมาจริงๆ ทำไมถึงไม่ติดต่อมาบอกกันบ้าง อย่างน้อยๆ เขาจะได้ไม่ต้องทำให้ครอบครัวของพี่แพนเป็นกังวลไปด้วยแบบนี้...
 
ภัทรคิดแล้วก็รีบสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป เริ่มรู้สึกแย่ที่เมื่อตอนกลางวันเขาเองที่ดันแสดงออกให้คุณผู้จัดการรับรู้ว่าคาดหวังจะเห็นอีกฝ่ายมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดหลาน ทั้งๆ ที่คุณเชษฐ์ก็มีภาระเรื่องงานที่จำเป็นจะต้องไปร่วมอยู่แล้วแท้ๆ

ชายหนุ่มพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวๆ ด้วยหวังจะให้ความผิดหวังลดเลือนลง จนกระทั่งมองตัวเองในกระจกและคิดว่าสีหน้าดูดีขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำแล้ว เขาจึงค่อยเปิดประตูแล้วก้าวออกไป แต่แล้วภัทรก็ชะงักเมื่อเห็นชายกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องที่หน้าห้องน้ำจากทางหางตา เมื่อก้มไปมองจึงพบหลานสาวตัวน้อยที่ยืนพิงผนังรออยู่หน้าห้องน้ำ พอมายูมิเห็นน้าชายก็กอดอกแล้วเอียงคอพูดทันที

“น้าภัทรเข้าห้องน้ำตั้งน้านนาน หนูรอจนเมื่อยขาแล้วนะเนี่ย”

เด็กหญิงทำเสียงสูงตรงคำว่า ‘น้านนาน’ เหมือนจะเน้นว่าน้าชายเข้าห้องน้ำนานมากจริงๆ แต่ภัทรก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้ใช้เวลามากขนาดนั้น จึงยิ้มแล้วก็ก้มลงอุ้มหลานสาวขึ้นมา

“น้าภัทรไม่ได้เข้าไปนานขนาดนั้นซักหน่อย ว่าแต่ทำไมแม่เขาถึงปล่อยมิมิมาห้องน้ำคนเดียวแบบนี้ล่ะคะ?”

เด็กหญิงโยกตัวซ้ายขวาขณะตอบ “ก็ตอนน้าภัทรลุกออกมา มิมิบอกแม่ว่าจะมาเข้าห้องน้ำกับน้าภัทร แม่ก็เลยปล่อยให้มาคนเดียวได้ไงคะ มิมิเห็นน้าภัทรทำหน้าเศร้าๆ ก็เลยตามมาดู”

ภัทรทำตาโต เนื่องจากคิดไม่ถึงว่าท่าทางผิดหวังของเขาจะชัดเจนจนแม้แต่หลานสาวที่ไม่ประสีประสายังดูออก อย่างนี้แสดงว่าเขาคงทำให้ทั้งพี่สาวและพี่เขยเป็นกังวลกันใหญ่แล้วแน่ๆ ชายหนุ่มสบตากลมโตของหลานที่มองเขาตรงๆ ก่อนจะหลุบตาลง ในอกรู้สึกเจ็บขึ้นมาวูบหนึ่งเพราะความผิดหวัง

บางที...คุณเชษฐ์อาจไม่ได้อยากมาเจอครอบครัวของเราหรือเปล่า...

“น้าภัทรไม่ได้เศร้าหรอกจ้ะ น้าภัทรแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง มิมิไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ”

ภัทรพยายามยิ้มแล้วทำเสียงร่าเริง แต่พอกำลังจะหมุนตัวเพื่ออุ้มหลานสาวกลับไปที่โต๊ะ เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อ

“ใครทำน้าภัทรของหนูเศร้าเหรอ?”


++---tbc---++


รอพบกับครึ่งหลัง เร็วๆ นี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 15-07-2011 12:34:23
มาตัดฉับตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มที่เดียวเชียว
เมื่อไหร่น๊า ที่ภัทรจะพูดมากขึ้น  ยังเกรงใจคนรักมากๆอยู่นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 15-07-2011 13:14:06
คิดว่าคุณเชษฐ์จะไม่มาซะแล้วนะเนี่ย แต่ช้าไปหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 15-07-2011 13:19:49
คุณเชษฐ์มาจนได้นะ
นี่กะว่าถ้าเบี้ยวภัทร เราจะตามไปตีซะเลย   :m16:
ดูสิทำภัทรจิตตก .. ปลอบด่วนๆ (แบบพิเศษสุดๆ  o18)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 15-07-2011 13:39:06
อ่านตอนนี้แล้วสงสารภัทรอ่ะ

คุณเชษฐ์นะ คุณเชษฐ์ มาช้าก็น่าจะโทรมาบอกนิดนึง

แล้วอยู่ๆก็โผล่มาแบบนี้ ช็อกค่ะ ช็อก!!!!

เสิร์ฟครึ่งหลังด่วนเลยค่า  o11
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 15-07-2011 14:22:58
ในที่สุดคุณเชษฐ์ก็มาสักทีให้ภัทรรอซะนาน งี้้ต้องมีการลงโทษสักหน่อยน่ะนี่
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 15-07-2011 15:21:33
คุณเชษฐ์มาจนได้ เย้ๆๆๆ
ทำหนูภัทรเศร้าตั้งนาน
ปลอบใจน้องด่วนค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Moon_Crying ที่ 15-07-2011 23:44:04
ผู้ชายอย่างคุณเชษฐ์ยังเหลืออีกมั้ยอ่ะ ขอสักคนสิ ฮ่าๆ
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ค่ะ หานิยายอ่านไปเรื่อยแล้วมาสะดุดกับชื่อเรื่อง
พออ่านปุ๊บติดหนึบเลย ก็ต้องขอติดตามอ่านเรื่องนี้ต่อไปด้วยคนนะคะ
เป็นอีกเรื่องที่อ่านไปยิ้มไป อ่านไปใจหวิวๆวูบๆ แปลกๆ ฮ่าๆ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/1
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 16-07-2011 10:28:45
คุณเชษฐ์ดูอบอุ่นจังเลย เคลียร์กับภัทรด้วยนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-07-2011 12:28:22
ตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)

ภัทรสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนแทบจะดังก้องในหู อ้อมแขนที่อุ้มเด็กหญิงกระชับแน่นจนมายูมิผวากอดคอเขาแน่นไปด้วย เมื่อชายหนุ่มหันหลังกลับก็สะดุดลมหายใจที่ได้เห็นว่าคนที่รอมาทั้งคืนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

“คุณเชษฐ์! มาได้ยังไงครับ?”

ถึงแม้จะรู้แก่ใจว่าอีกฝ่ายสัญญาว่าจะมา แต่เพราะติดต่อกันไม่ได้และเวลาก็ล่วงเลยไปจนดึกดื่น ภัทรจึงถอดใจไปแล้วว่าครอบครัวของเขาคงไม่ได้เจอคุณผู้จัดการในคืนนี้ การที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็ปรากฏตัวจึงทำให้เขาทั้งดีใจระคนกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“...ก็เข้ามาทางหน้าร้านแล้วก็ถามหาโต๊ะพี่สาวเธอนั่นแหละ แต่พอไปถึงแล้วเขาบอกว่าเธอมาเข้าห้องน้ำ ก็เลยเดินตามมาตรงนี้ถูกไง พอดีโทรศัพท์ฉันแบตหมดตอนอยู่ที่งานเลี้ยงแล้วไม่มีโอกาสได้ชาร์จ ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคงทำให้เธอรอแน่ๆ ขอโทษด้วยก็แล้วกัน”

คำอธิบายนั้นช่วยคลี่คลายความสงสัยและกังวลใจเมื่อครู่ก่อน นัยน์ตาของภัทรที่หม่นแสงจึงค่อยเปล่งประกายขึ้นด้วยความโล่งใจ ขณะเดียวกันความรู้สึกอัดอั้นในอกก็พลอยจางหายไปด้วย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่ามือถือคุณเชษฐ์คงจะแบตหมด เพราะโทรไปสองสามครั้งก็ได้ยินแต่สัญญาณว่าติดต่อไม่ได้ตลอดเลย”

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยโต้ตอบกันราวกับไม่เห็นแม่หนูน้อยที่ภัทรอุ้มอยู่ในสายตา มายูมิจึงทำแก้มป่องขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ “น้าภัทรขา คนนี้ใครเหรอคะ?”

เสียงตัดพ้อแบบงอนๆ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองหันมาสนใจเจ้าของเสียง ภัทรจึงรีบยิ้มเอาใจหลานสาว “เดี๋ยวมิมิสวัสดีคุณเชษฐ์ก่อนนะ คนนี้แขกที่น้าภัทรบอกว่าจะมาฉลองวันเกิดให้หนูอีกคนไง”

มายูมิขมวดคิ้วเล็กๆ พลางจ้องหน้าผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่สวมแว่นกรอบเงิน มือเล็กป้อมยกขึ้นกระพุ่มไหว้ตามที่น้าชายบอก แต่ก็ยังถามต่อด้วยความสงสัย

“คุณเชษฐ์ก็เป็นญาติหนูเหรอคะถึงมาฉลองด้วย?”

คำถามนั้นมาจากความไร้เดียงสาโดยแท้ แต่ก็ทำเอาภัทรตกใจกับความเถรตรงจนเกือบเหมือนก้าวร้าว ทว่าคุณผู้จัดการกลับยิ้มตอบด้วยน้ำเสียงไม่ติดใจจะถือสา

“เป็นสิครับ เพราะน้าเชษฐ์เป็นแฟนของน้าภัทรไง”

คำตอบนั้นทำให้เด็กหญิงตัวน้อยมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนที่จะเอามือเล็กๆ แนบลงบนแก้มทั้งสองข้างของภัทรแล้วทำตาโต “อุ้ย! ทำไมน้าภัทรหน้าแดงแจ๋แบบนี้ล่ะคะ ไม่สบายแล้วเหรอ??”

ดูเหมือนคำถามนั้นจะทำให้สีที่ซ่านอยู่บนหน้าของภัทรยิ่งทวีความเข้มมากขึ้นไปอีก ผู้เป็นน้าจึงรีบส่ายหน้าตอบ “เปล่าจ้ะ น้าภัทรไม่ได้เป็นอะไร”

เสียงหัวเราะจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ทำให้ภัทรต้องแอบส่งค้อนให้คุณผู้จัดการโทษฐานที่พูดอะไรไม่เหมาะสมต่อหน้าหลานสาว แถมอยู่ดีๆ ก็ทึกทักเรียกตัวเองเป็นน้าตามเขาหน้าตาเฉย ทั้งที่โดยวัยวุฒิซึ่งมากกว่าพี่สาวเขาแล้ว เชษฐ์ควรจะให้เด็กหญิงเรียกว่าคุณลุงถึงจะถูก

โมเมเอาเองเลยนะคุณเชษฐ์...

ภัทรได้แต่คิดค่อนอยู่ในใจ ส่วนมายูมิขมวดคิ้วมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของน้าชายอย่างตามไม่ทัน พลันเด็กน้อยก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อถูกมือใหญ่ยื่นมาแย่งตัวไปอุ้มเสียเอง

“หวา!!”

“คุณเชษฐ์!”

ภัทรพยายามจะรับตัวหลานกลับ แต่คนตัวใหญ่กว่าเบี่ยงตัวหนี “เอาน่า เธออุ้มหลานตั้งนานแล้วคงเมื่อยใช่ไหมล่ะ อีกอย่างมายูมิจะได้คุ้นกับฉันไว้ไง น้าเชษฐ์มีของขวัญให้หนูด้วยนะ เรากลับไปที่โต๊ะกันดีกว่า”

คุณผู้จัดการใช้นิ้วชี้ข้างหนึ่งดันแว่นขึ้นขณะยิ้มให้แม่หนูน้อยราวกับรู้จักคุ้นเคยกันมานาน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางห้องอาหารโดยใช้แขนข้างเดียวอุ้มมายูมิอย่างสบายๆ ภัทรจึงต้องรีบสาวเท้าตามอย่างไร้ทางเลือก อดจะอุปาทานไม่ได้ว่าพวกเขาสามคนดูจะดึงดูดสายตาของคนรอบข้างพอสมควร

“อ้าว มากันเสียที หายกันไปซะนานเชียว”

แพนเอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสามเดินกลับมาที่โต๊ะ หญิงสาวเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าคนที่อุ้มลูกสาวเธอกลับมาคือแขกผู้มาใหม่ ขณะที่น้องชายซึ่งเดินเยื้องไปด้านหลังนั้นมีสีเลือดฝาดบนแก้มจนเห็นชัด หลังจากที่เชษฐ์ปล่อยมายูมิลง เด็กหญิงก็วิ่งตรงไปหาพ่อแล้วโน้มคอลงมากระซิบกระซาบ เมื่อเสร็จแล้วก็วิ่งไปกระซิบที่ข้างหูแม่อีกคน ก่อนจะค่อยปีนกลับขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเองซึ่งอยู่ตรงกลางพร้อมกับยิ้มแฉ่ง แพนกับโทรุมองหน้ากันด้วยแววตางุนงง จากนั้นก็ต่างพยายามกลั้นหัวเราะกันอย่างเต็มที่

“พี่แพน...”

ภัทรเดาได้ไม่ยากเลยว่าหลานสาวกระซิบบอกอะไรไป แต่ก็จนใจจะท้วงติงในเมื่อหลานของเขาทั้งเด็กและไร้เดียงสาเหลือเกิน จึงทำได้เพียงแนะนำตัวเชษฐ์อย่างเป็นทางการให้แพนกับโทรุอีกครั้งก่อนจะพากันนั่งลง

“จะทานอะไรไหมครับ?”

พี่เขยของภัทรเอ่ยถามเชษฐ์อย่างมีมารยาท คุณผู้จัดการจึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มบางๆ โดยวางมือข้างหนึ่งทาบลงบนท้องขณะตอบ “ผมกินมาจากงานเลี้ยงอีกงานแล้วครับ ขอบคุณมาก”

“เมื่อกี้น้าเชษฐ์บอกว่ามีของขวัญให้หนูด้วยล่ะค่ะแม่”

มายูมิหันไปบอกแม่ แพนได้ฟังแล้วก็กะพริบตาปริบๆ แต่ภัทรคาดว่าน่าจะเป็นเพราะสรรพนาม ‘น้าเชษฐ์’ ที่หลานของเขาใช้มากกว่าเพราะของขวัญ เพราะเขาเห็นพี่สาวส่งสายตาแปลกๆ มาทางเขาและคุณผู้จัดการแวบหนึ่ง

“หืม...เหรอจ๊ะ น้าเชษฐ์มีของขวัญมาให้เหรอ?”

ภัทรแทบอยากยกมือปิดหน้าเพราะพี่สาวเล่นเน้นคำว่า ‘น้าเชษฐ์’ ราวกับจะแซวกัน แต่คนที่นั่งถัดไปอีกข้างของเขากลับยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่คงรู้ตัว ผู้ถูกพาดพิงก้มลงหยิบถุงกระดาษสีสดใบใหญ่ซึ่งวางอยู่ข้างเก้าอี้ขึ้นมาแล้วส่งให้กับแม่หนูน้อยที่กระพุ่มมือไหว้ขอบคุณ หลังจากแกะออกมาแล้วพบว่าเป็นกล่องอุปกรณ์ทำเครื่องประดับสำหรับเด็กซึ่งเต็มไปด้วยลูกปัดและกิ๊บสีสันสดใส แถมมีสมุดบันทึกเล่มเล็กแบบล็อกกุญแจได้ลายดอกไม้สีชมพู มายูมิก็ร้องวี้ดว้ายอย่างดีใจก่อนจะปีนลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งอ้อมโต๊ะมาหาเชษฐ์ แต่พอจะโน้มคอคุณน้าคนใหม่มาหอมแก้ม เด็กหญิงก็ชะงักแล้วหันมาทางภัทรซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

“น้าภัทรขา มิมิหอมแก้มน้าเชษฐ์ได้หรือเปล่าคะ?”

“หือ? ทำไมล่ะคะ?”

ภัทรถามกลับอย่างแปลกใจ แล้วก็มานึกได้ว่าไม่ควรถามเลยเมื่อหลานสาวตอบกลับมาซื่อๆ “ก็น้าเชษฐ์เป็นแฟนน้าภัทร มิมิก็ต้องขอน้าภัทรก่อนสิคะ ไม่งั้นเดี๋ยวน้าภัทรอิจฉา”

คราวนี้เสียงหัวเราะจากสมาชิกร่วมโต๊ะดังประสานจนได้ยินชัดเจน รวมทั้งจากคนที่กำลังจะโดนหอมแก้มด้วย ภัทรเลยได้แต่ขึงตาดุให้คุณผู้จัดการที่เหลือบมองเขายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าตอนนี้หน้าเขาคงแดงก่ำไปหมดแน่

“น้าภัทรไม่ว่าหนูหรอกลูก อยากจะหอมกี่ทีก็ตามใจหนูเถอะ”

เสียงท้ายประโยคของน้าชายสะบัดเล็กน้อย แต่ด้วยความหมั่นไส้คุณผู้จัดการมากกว่าอะไรทั้งสิ้น หลังจากมายูมิหอมแก้มเชษฐ์แล้วกลับไปนั่งที่เดิม เจ้าของนัยน์ตาคมหลังเลนส์แว่นก็ปรายตามองคนข้างตัวแล้วพูดขึ้นเปรยๆ

“เด็กๆ นี่ปากตรงกับใจดีนะครับ”

ภัทรรู้ทันทีว่ากำลังโดนพาดพิง จึงไม่ยอมหันหรือเหลือบมองไปทางคนข้างตัวเลย และเริ่มจะไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ชวนเชษฐ์ให้มาพบกับพี่สาวและพี่เขยของเขาในวันนี้ เพราะกลายเป็นว่าเขาต้องมาโดนแซวจากทั้งฝั่งครอบครัวเขาเอง และจากคนที่เชิญมาร่วมงานด้วยเสียนี่

อยากย้อนนักเชียวว่าถ้าเด็กปากตรงกับใจ งั้นอย่างคุณเชษฐ์นี่ควรจะเรียกว่าอะไรดี...

ภัทรได้แต่คิดอย่างขวางๆ ทั้งที่รู้สึกว่าผิวหน้าร้อนไม่หยุด โชคยังดีที่เขาไม่ต้องประดักประเดิดอยู่นานนัก เพราะพี่สาวกับพี่เขยช่วยชวนคุณผู้จัดการคุยเรื่องอื่นให้ แล้วไม่นานก็ดูเหมือนความสนใจของวงสนทนาจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องธุรกิจของบริษัทที่โทรุทำกับเรื่องโปรเจ็กต์ของเชษฐ์แทน

การกินเลี้ยงมื้อค่ำนั้นจบลงในที่สุดหลังจากมายูมิรบเร้ากับแม่ว่าง่วงนอน ส่วนพี่เขยของภัทรก็ต้องเตรียมตัวเดินทางไปญี่ปุ่นในวันถัดไป ดังนั้นหลังจากให้พนักงานมาคิดเงินเมื่อเลยสี่ทุ่มครึ่งไปเล็กน้อย พวกเขาก็กล่าวลากันที่หน้าทางเข้าเพราะว่าต่างจอดรถไว้กันคนละด้านของร้าน

“แล้วมิมิจะได้เจอน้าเชษฐ์อีกไหมคะ?”

เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกพ่อกับแม่จูงมือคนละฝั่งถามขึ้นก่อนจะจากกัน เชษฐ์จึงเหลือบมองคนที่ยืนข้างตัวก่อนจะตอบยิ้มๆ

“ถ้าน้าภัทรยอมพาไปก็ได้เจอครับ”

เด็กหญิงยิ้มก่อนจะดึงมือออกจากมือพ่อกับแม่แล้ววิ่งไปกอดเอวน้าชาย “เย้! ถ้างั้นน้าภัทรต้องพาน้าเชษฐ์มาอีกนะ มิมิจะรอ สัญญานะคะ?”

สีหน้าสบอารมณ์ของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ไม่ห่างทำให้ภัทรนึกหมั่นไส้ แต่พอเห็นแววตาวิบวับของหลานสาวก็ได้แต่เอามือลูบผมแล้วยิ้ม เพราะถ้าใครได้เห็นสีหน้าแบบที่เขาเห็นแล้วยังปฏิเสธก็คงใจดำน่าดู

“ถ้าน้าเชษฐ์เขาว่างนะคะ”

ภัทรตอบแบบโยนลูกกลับไปให้คุณผู้จัดการอีกรอบ แต่ดูเหมือนแค่นั้นมายูมิก็พอใจแล้ว เด็กหญิงจึงยิ้มกว้างแล้วหันมากอดเอวเชษฐ์บ้างก่อนจะกลับไปจูงมือพ่อกับแม่อย่างเดิม

“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่โทรคุยกับเราวันหลังนะภัทร ขอบคุณมากที่มาวันนี้นะคะคุณเชษฐ์”

แพนเอ่ยก่อนจะพาครอบครัวเดินแยกไป แต่พอภัทรจะเดินไปทางลานจอดรถอีกด้านก็ถูกมือใหญ่รั้งแขนไว้เสียก่อน

“ถ้าน้าเชษฐ์เขาว่างนะคะ…เหรอ?”

ประกายระยับในแววตาหลังเลนส์แว่นทำเอาภัทรต้องรีบหลุบตาหนี “ผมก็แค่พูดความจริงเองนี่ครับ ไม่ได้โกหกหลานเลยสักคำ”

ชายหนุ่มพยายามบิดแขนออกเพราะไม่อยากให้คุณผู้จัดการทำก้อร่อก้อติกหน้าร้านอาหาร แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ยื้อไว้และเดินตามเขาไปที่ลานจอดรถพร้อมกับหัวเราะ พอเลี้ยวผ่านมุมอาคารออกมาด้านนอก ภัทรก็สังเกตเห็นรถยุโรปสีเทาควันบุหรี่ตรงเกือบสุดลานได้ทันทีเนื่องจากเหลือรถจอดเพียงไม่กี่คัน แต่แล้วขาที่กำลังจะก้าวก็ชะงักเมื่อคนด้านหลังตบบ่าเขาเบาๆ แล้วยื่นกุญแจรถให้

ภัทรมองหน้าเชษฐ์ที่ยิ้มให้สลับกับพวงกุญแจในมือ ร่างสูงใหญ่จึงบุ้ยคางไปทางรถพร้อมกับอธิบาย “ไม่ได้รีบใช่หรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้นไปสตาร์ทรถแล้วนั่งรอในนั้นก่อนก็ได้ ขอเวลาฉันแป๊บนึงแล้วจะตามไป”

ร่างสูงใหญ่พูดพลางยกมือหนึ่งขึ้นทำท่าจะหยิบของในกระเป๋าเสื้อ ภัทรจึงรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการสูบบุหรี่ ตอนแรกเขาเผยอริมฝีปากขึ้นเพื่อจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่วูบเดียวก็เปลี่ยนใจและพยักหน้า

“ตามสบายครับ”

ภัทรได้ยินเสียงจุดไฟแช็คเมื่อเดินห่างออกมา แต่ก็ไม่ได้หันไปมองขณะกดรีโมทปลดล็อคประตูและเสียบกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ หลังจากที่ติดเครื่องและเปิดแอร์เรียบร้อย เขาก็เดินอ้อมไปนั่งรอตรงที่ข้างคนขับ ชายหนุ่มเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคุณผู้จัดการที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ใต้เงาของหลังคาร้าน เนื่องจากแสงในร้านส่องไปไม่ถึงบริเวณนั้น ภัทรจึงเห็นเพียงเค้าโครงของร่างสูงใหญ่กับจุดแสงสีแดงที่วาบบนปลายบุหรี่เท่านั้น

ใจจริงแล้วภัทรไม่ชอบเห็นอีกฝ่ายสูบบุหรี่เลย แต่ก็เข้าใจว่าเมื่อเป็นนิสัยที่คุ้นเคยแล้วก็คงยากที่จู่ๆ จะให้เลิกกันทันที ทว่าสิ่งที่ฉุดภัทรไว้จากการท้วงติงที่ได้ผลที่สุด ก็คือการที่เขานึกได้ว่าตอนเจอกันในร้านอาหารนั้นเชษฐ์ไม่มีกลิ่นบุหรี่ติดตัวเลยสักนิด แม้แต่มายูมิที่โดนอุ้มและอยู่ใกล้จนน่าจะได้กลิ่นก็ไม่ได้ทักขึ้นมาแม้แต่คำเดียว แถมทั้งๆ ที่งานเลี้ยงของสมาคมกับร้านอาหารอยู่กันตั้งไกล เชษฐ์ก็ยังอุตส่าห์เจียดเวลาไปหาซื้อของขวัญให้หลานสาวเขาก่อนมาได้อีก เมื่อประมวลน้ำหนักของทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ภัทรจึงคิดว่าถ้าคืนนี้คุณเชษฐ์จะขอสูบบุหรี่สักมวนหรือสองมวนก่อนกลับก็จะไม่ห้าม

โชคดีว่าภัทรไม่ต้องรอนานถึงขนาดนั้น เพราะหลังจากเชษฐ์สูบบุหรี่หมดไปหนึ่งมวนก็ขยี้ก้นกรองทิ้งและเดินมาที่รถ หลังจากอีกฝ่ายเข้ามานั่งประจำที่และปิดประตูแล้ว ภัทรจึงหันไปยิ้มอ่อนๆ ให้คนที่กำลังถอยรถออกจากลานจอด

“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์ ที่อุตส่าห์ทนไม่สูบบุหรี่ก่อนจะมาเจอหลานผม”

ผู้สูงวัยกว่าเลิกคิ้ว แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ภัทรส่งให้ก็ยิ้มตอบ หลังจากนำรถออกมาสู่ถนนใหญ่แล้วคุณผู้จัดการก็ยื่นมือมาบีบมือของเขาเสียทีหนึ่ง “ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าคุ้มที่ทำให้หลานเธอชอบฉันได้แหละนะ”

ภัทรฟังแล้วได้แต่หัวเราะ “อ้อ แน่ล่ะสิครับ ก็เล่นให้ของขวัญถูกใจซะขนาดนั้นนี่นา ว่าแต่คุณเชษฐ์มีเวลาไปซื้อของขวัญตอนไหนกันครับ? เห็นบอกว่าต้องประชุมทั้งบ่ายแล้วก็ไปงานเลี้ยงเลยไม่ใช่เหรอ?”

คนขับยักไหล่ขณะเลี้ยวรถสู่เส้นทางที่คุ้นเคยอย่างคล่องแคล่ว “จริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าของขวัญนั่นไม่ใช่ไอเดียฉันหรอก แต่พอรู้จากเธอว่าตอนเย็นมีงานเลี้ยงวันเกิดหลานสาว ฉันเลยโทรบอกให้กุ้งช่วยสั่งซื้อของขวัญแล้วให้เมสเซนเจอร์เอามาฝากให้ที่ร้านตั้งแต่ตอนบ่ายน่ะ อีกอย่างเขาก็ต้องทำเรื่องจองตั๋วเครื่องบินให้ฉันอยู่แล้วด้วย…”

เสียงท้ายประโยคของคนพูดสะดุดเล็กน้อย ทว่าภัทรกลับรับฟังด้วยท่าทีเป็นปกติเหมือนไม่แปลกใจ หากจะมีปฏิกิริยาใดที่สังเกตได้ก็เห็นจะเป็นรอยยิ้มที่เลือนลง เชษฐ์เห็นดังนั้นจึงถามอย่างเดาได้

“รู้อยู่แล้วรึ?”

ภัทรเหลือบมองคนที่กำลังขับรถ จากนั้นก็ยิ้มจืดๆ แล้วพยักหน้า

“ครับ พอดีคุณนินพูดขึ้นมาตอนที่เรียกประชุมทีมเมื่อตอนบ่าย คุณอั๋นก็ลำบากเลยสินะครับ”

ภัทรพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงความผิดหวังของตัวเองโดยเบี่ยงประเด็นไปหาผู้จัดการโปรเจ็กต์ที่ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลแทน เชษฐ์จึงพยักหน้า

“อืม เห็นว่าแฟนเขาคงบินไปช่วยดูแลจนกว่าจะพากลับมากรุงเทพฯ ได้ แต่ถึงยังไงช่วงนี้ฉันก็คงต้องไปอยู่ยาวหน่อยเพื่อดูแลให้อะไรต่อมิอะไรมันดำเนินไปตามปกติ พอดีว่าทางสำนักงานใหญ่ยังไม่กำหนดว่าจะให้ใครเป็นคนดูแลที่นั่นแบบถาวรก็เลยยังขลุกขลักกันอยู่”

“...แย่เลยนะครับ”

ภัทรออกความเห็นเสียงแผ่ว แต่ว่านอกจากนั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย รวมทั้งไม่ได้หันไปมองคนข้างตัวแม้แต่แวบเดียวนับตั้งแต่เอ่ยถึงเรื่องตั๋วเครื่องบินขึ้นมา เมื่อจู่ๆ เชษฐ์ก็เบี่ยงรถเข้าจอดข้างทางทั้งที่ยังไม่ถึงคอนโดของเขา ภัทรจึงขมวดคิ้วแล้วหันไปมองอย่างสงสัย

“คุณเชษฐ์?”

ร่างสูงใหญ่เข้าเกียร์จอดรถ จากนั้นก็หันมาหาภัทรตรงๆ “เป็นอะไรไป มีอะไรอยากพูดหรือเปล่า? เธอเป็นแบบนี้ฉันไม่สบายใจนะ”

น้ำเสียงเฉียบขาดกับนัยน์ตาคมกริบที่มองผ่านเลนส์แว่นมาทำให้ภัทรใจหาย อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อครู่เขาคงเผลอทำตัวน่ารำคาญออกไปแน่ๆ

“ขอโทษครับ ผมแค่...ไม่อยากให้คุณเชษฐ์เป็นกังวล”

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-07-2011 12:32:35
ภัทรยิ่งตอบเสียงก็ยิ่งเบา ดูเหมือนบัดนี้ความตื่นเต้นยินดีที่อีกฝ่ายมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหลานสาวจะเหือดหายไปหมดแล้ว เพราะเขาถูกดึงกลับมาสู่ความเป็นจริงที่ว่านับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เชษฐ์ก็ต้องบินด่วนไปทำงานที่เวียดนามโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ และความคิดนั้นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองหดเล็กลงมากขึ้น

ความเงียบในรถดำเนินไปได้ไม่นาน ภัทรก็ส่งเสียงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ อ้อมแขนแข็งแรงก็รั้งตัวเขาเข้าไปกอด ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทำให้เขาได้แต่ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างแล้วจับยึดเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังของเขาไปมาก่อนจะเอ่ยปลอบ

“บ้าจริง เวียดนามมันไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างถึงฉันจะต้องอยู่แทนจนกว่าคุณอั๋นจะหายป่วยมันก็ไม่ได้นานเป็นเดือนๆ หรอกน่ะ แล้วช่วงวันหยุดฉันก็บินกลับมาได้อยู่แล้ว”

น้ำเสียงหนักแน่นและมือใหญ่ที่คลึงบริเวณต้นคอด้านหลังดูจะส่งผลให้ความกระวนกระวายของภัทรบรรเทาลง ชายหนุ่มจึงสูดหายใจที่อวลด้วยกลิ่นอายอีกฝ่ายแล้วค่อยดันตัวออกนิดหนึ่ง นัยน์ตาเรียวสบประสานกับนัยน์ตาคมหลังเลนส์แว่นแล้วถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

“จริงนะครับ?”

ร่างสูงใหญ่มองตาคนถามนิ่ง วูบหนึ่งภัทรรู้สึกเหมือนเห็นประกายบางอย่างไหววูบอยู่ในแววตาหลังเลนส์แว่น แต่อาจเป็นเพราะแสงไฟสลัวจากเสาข้างถนนที่ทำให้เขาตาฝาดไปก็ได้ เพราะครู่เดียวเชษฐ์ก็พยักหน้าและตอบรับ

“แน่นอน”

ภัทรได้ยินคำตอบที่ไร้ซึ่งความลังเลแล้วจึงยิ้มออก ไหล่ที่แข็งเกร็งเมื่อครู่ค่อยๆ ลู่ลงด้วยความเบาใจ และการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นั้นก็หาได้พ้นสายตาของคนที่จับจ้องไปได้ เชษฐ์จึงยิ้มแล้วใช้ปลายนิ้วเขย่าคางของเขาเบาๆ

“ก็ปากตรงกับใจเป็นเหมือนกันนี่นา ฉันกำลังนึกอยู่เชียวว่าต้องใช้วิธีไหนให้เธอยอมพูดว่าไม่อยากให้ฉันไปเวียดนามได้บ้าง”

คำพูดหยอกล้อและลมหายใจที่ระบนปลายจมูกทำให้ภัทรเริ่มร้อนที่ผิวหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และแม้ว่าถนนเส้นนี้จะไม่ใช่ถนนใหญ่ แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดรถวิ่งเสียทีเดียว เขาจึงขยับตัวออกจากอ้อมอกกว้างแล้วหลบสายตาที่กำลังจับจ้องตัวเองอย่างเร่าร้อน

“ถึงไม่ใช่เด็กก็ปากตรงกับใจได้นี่ครับ ผมก็ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่เฉไฉเวลาพูดกับคุณเชษฐ์เสียหน่อย”

เสียงแก้ตัวอุบอิบทำให้เชษฐ์หัวเราะก่อนจะหันไปเข้าเกียร์ออกรถ “ไม่ใช่เด็กน่ะดีแล้ว เพราะฉันไม่มีรสนิยมชอบพรากผู้เยาว์ แต่ถ้าเจอกันตั้งแต่ตอนที่เธอยังเรียนไม่จบก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”

คนพูดพูดไปยิ้มไป แต่ก็ทำเอาภัทรอยากทุบไหล่คนข้างตัวขึ้นมาติดหมัด และมั่นใจว่าหากตอนนี้คุณผู้จัดการเหลือบมามองก็คงเห็นผิวหน้าเขาแดงก่ำได้ทั้งๆ ที่แสงบนถนนสลัวรางแบบนี้แน่ จึงเอาแต่หันไปมองนอกหน้าต่างตลอดทางกลับคอนโดโดยไม่หันไปทางเชษฐ์อีกเลย ชายหนุ่มจึงไม่รู้ตัวสักนิดว่าแววตาของคนขับรถที่เหลือบมองเขาเป็นระยะนั้นเต็มไปด้วยประกายของความครุ่นคิด

เวลาล่วงไปเกือบห้าทุ่มครึ่งเมื่อเชษฐ์ขับรถมาถึงคอนโดของภัทร คุณผู้จัดการเลี้ยวรถส่งเขาตรงที่ประจำคือหน้าทางเข้าลิฟต์บริเวณชั้นจอดรถใต้ดิน เมื่อรถจอดสนิทแล้วภัทรจึงหันไปไหว้ลา แต่ขณะที่จะเปิดประตูรถก็ถูกยึดข้อมือข้างหนึ่งเอาไว้

“คุณเชษฐ์?”

ภัทรหันไปและพบว่าอีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกับเขา แต่ทั้งที่คิดว่าจะโดนจูบ เชษฐ์กลับแค่ประทับริมฝีปากลงมาบนหน้าผาก จากนั้นก็ใช้มือใหญ่เสยผมให้ภัทรที่มุ่นคิ้วขึ้นมองด้วยแววตาไม่เข้าใจ

“...ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ห้ามไม่สบายล่ะ”

ครู่ใหญ่กว่าเชษฐ์จะเอ่ยประโยคนั้นออกมา ทว่าสัญชาตญาณบอกภัทรว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะพูด แต่ยังไม่ทันจะได้ถาม คุณผู้จัดการก็เลื่อนมือลงลูบแผ่นหลังของเขาด้วยสัมผัสที่แม้จะมีเสื้อขวางกั้น แต่ก็ทำเอาคนถูกลูบถึงกับขนลุกซู่

“เอ่อ...คุณเชษฐ์ครับ...”

เสียงคนเรียกแกว่งเล็กน้อยเพราะมือใหญ่ที่สัมผัส คนถูกเรียกได้ยินดังนั้นจึงยิ้มแบบที่ภัทรดูแล้วรู้สึกว่าไม่ต่างกับพญาสิงห์โตเตรียมตะครุบเหยื่อเลยสักนิด

“รีบไปนอนได้แล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจขึ้นไปส่งเอง พรุ่งนี้จะไม่ได้ไปทำงานเอา”

คำพูดสองแง่สองง่าม บวกกับนัยน์ตาวาววับทำเอาภัทรต้องรีบก้าวลงจากรถ เขาได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ที่ดังตามหลังมาจึงรีบตรงเข้าคอนโดโดยไม่หันกลับไปอีก ได้แต่เอามือหนึ่งลูบหน้าที่ร้อนผ่าวขณะเข้าไปในลิฟต์และกดหมายเลขชั้นที่ห้องของเขาตั้งอยู่

หลังจากถึงห้องแล้วภัทรก็อาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น เนื่องจากเวลาที่ดึกดื่น รวมกับความอ่อนเพลียที่เพิ่งจะรู้สึกหลังจากผ่านวันอันยาวนาน เขาจึงตัดสินใจไม่ดูโทรทัศน์และปิดไฟเข้านอนเลย ทว่าทั้งที่ความเหนื่อยน่าจะทำให้หลับทันทีที่หัวแตะถึงหมอน ภัทรกลับพบว่าตัวเองนอนพลิกไปพลิกมาอยู่พักใหญ่โดยที่สมองไม่หยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง สุดท้ายจึงนอนหงายแล้วจ้องเพดานห้องท่ามกลางความมืดทึบสีเทาเข้ม มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมอกเสื้อตัวเองแล้วก็ขยุ้มเข้าเบาๆ

เขาไม่แน่ใจว่ามันเริ่มจากตอนไหน แต่ดูเหมือนนับตั้งแต่วันที่เขากับเชษฐ์เริ่มคบกัน ทำความรู้จักและคุ้นเคยกันมาทีละเล็กละน้อย ดูเหมือนว่าตัวตนของอีกฝ่ายจะค่อยๆ ซึมซาบเข้าประทับในใจโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะความเด็ดขาดและเอาจริงเอาจังในเวลางาน หรือว่าความอ่อนโยนและช่างแกล้งเวลาที่อยู่กับเขาสองคน และบางทีจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็คือตอนที่ทั้งสองไปทะเลด้วยกัน เพราะนั่นเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ภัทรรู้สึกว่าตัวเองได้ ‘เปิดใจ’ รับให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในในเขาอย่างแท้จริง แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองต่างถูกภาระการงานผูกพันจนทำให้แทบจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่เลย

ภัทรหวนนึกถึงเหตุการณ์ในรถตอนที่เชษฐ์มาส่งเมื่อตอนค่ำ ชั่วขณะหนึ่งที่ได้สบตากันและเชษฐ์เงียบไปนั้น เขามั่นใจจริงๆ ว่าคุณผู้จัดการต้องกำลังมีเรื่องอะไรในใจที่ยังไม่อยากให้เขารู้ เพราะนับตั้งแต่ทั้งคู่คบกันเป็นต้นมา แทบจะไม่มีสักครั้งเดียวที่อีกฝ่ายจะแสดงท่าทางอึกอักไม่มั่นใจ หรือทำเหมือนกำลังพยายามเก็บงำอะไรจากเขาดังเช่นเมื่อครู่นี้

“….ไม่งั้นเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจขึ้นไปส่งเอง พรุ่งนี้จะไม่ได้ไปทำงานเอา”

จู่ๆ ภัทรก็ได้ยินประโยคสุดท้ายของเชษฐ์ก่อนจะจากกันดังขึ้นในหัวอีกครั้ง และพาลให้หวนนึกไปถึงแววตาของอีกฝ่ายรวมทั้งสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้บนแผ่นหลังตอนที่พูด รสสัมผัสที่เพียงแค่นึกถึงก็ราวกับยังแนบประทับทำให้ภัทรส่งเสียงครางแล้วก็ขดตัวกลมอยู่ใต้ผ้าห่ม ผิวหน้าร้อนผ่าวเมื่อไม่อาจหยุดจินตนาการที่ผุดพลุ่งขึ้นมาพร้อมกับความคิดถึงอีกฝ่ายได้

บ้าจริงภัทร...ทั้งที่ตอนไปทะเลคุณเชษฐ์ยังแสดงออกว่าต้องการเรามากกว่าเมื่อกี้ด้วยซ้ำ แต่ทำไมคราวนี้เราถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากกว่าตอนนั้นนะ...

ภัทรตั้งคำถามกับตัวเอง ทั้งที่ตระหนักถึงคำตอบดีอยู่แก่ใจ เนื่องจากตอนที่ไปทะเลด้วยกันนั้น แม้ว่าผิวกายเปลือยเปล่าของทั้งสองจะแนบชิด ทว่าใจภัทรยังไม่พร้อมจะเปิดรับการสนิทชิดเชื้อจากเชษฐ์เพราะความหลังที่ฝังใจ แต่เมื่อมาถึงวันนี้ เขามั่นใจแล้วว่าหากมองให้ทะลุผ่านการกลั่นแกล้งและวาจาหยอกเย้าของอีกฝ่าย ทุกคำพูดนั้นต่างสะท้อนถึงความเอาใจใส่และปรารถนาในตัวเขาอย่างบริสุทธิ์ทั้งสิ้น และนี่ทำให้เหตุการณ์ในรถเมื่อครู่กระตุ้นบางสิ่งในส่วนลึกของเขาให้ค่อยๆ ฟุ้งขึ้นมา

ถ้าหากว่า...เมื่อกี้นี้คุณเชษฐ์ไม่ได้หยุด...หรือถ้าเราชวนให้ตามขึ้นมาที่ห้องด้วยจริงๆ...

ภัทรหยุดความคิดที่กำลังเตลิดไม่ได้ เพราะทั้งที่พยายามมาตลอดที่จะห้ามใจไม่ให้ถลำลึก แต่ดูเหมือนบัดนี้เขาจะเสพติดและโหยหาความอบอุ่นจากเจ้าของร่างสูงใหญ่นั้นไปแล้ว จะด้วยเพราะขาดคนข้างกายที่คอยรักและดูแลมานาน หรือเพราะตอนนี้เขารับเชษฐ์เข้ามาในหัวใจจนแทบไม่เหลือที่ว่างแล้วก็ตาม แต่ภัทรก็พบว่าเขาไม่อาจห้ามร่างกายที่กำลังรุมร้อนยามคิดถึงสัมผัสของอีกฝ่ายได้เลย

“อ๊ะ...”

เสียงครางแผ่วหลุดผ่านลำคอเมื่อภัทรปัดนิ้วไปโดนร่างกายโดยบังเอิญ และทำให้ได้ตระหนักว่าบางส่วนที่อ่อนไหวกำลังแสดงปฏิกิริยาซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว และนั่นยิ่งทำให้ไอร้อนบนผิวแก้มของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

ไม่จริงน่ะ...

ภัทรรำพึงอย่างไร้เสียง เขาไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้ที่เพียงแค่การคิดถึงสัมผัสจากเชษฐ์จะทำให้เกิดปฏิกิริยาง่ายดายถึงขนาดนี้

ถึงแม้จะตระหนกกับความซื่อตรงของร่างกาย แต่หลังจากชั่งใจเพียงไม่นาน ภัทรก็ยอมแพ้ให้แก่เสียงเรียกร้องของความต้องการในที่สุด ชายหนุ่มค่อยๆ เลื่อนปลายนิ้วที่สั่นระริกลงทาบบนความตื่นตัวใต้เนื้อผ้า ช่วงอกของเขากระเพื่อมถี่ยิ่งขึ้นเมื่อสัมผัสอันแข็งขืนซึ่งต้านฝ่ามือขึ้นมาตอกย้ำให้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมีสาเหตุมาจากเชษฐ์อย่างแน่นอน

หยาดเหงื่อเล็กละเอียดผุดซึมบนหน้าผากเนียนขณะที่ภัทรค่อยๆ เลื่อนมือหนึ่งลงใต้ขอบกางเกง ขณะเดียวกับที่มืออีกข้างเลื่อนกางเกงซึ่งเอวเป็นยางยืดลงจนพ้นสะโพก ร่างเพรียวหลับตาแน่นพลางระบายลมหายใจหนักหน่วง พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับความอุ่นจัดที่กำลังชูชัน การที่เขาไม่ได้ทำเช่นนี้มานานทำให้ภัทรรู้สึกขัดเขินทั้งที่เป็นร่างกายของตัวเอง แต่แล้วเมื่ออุ้งมือค่อยกระชับเข้ารอบความร้อนผ่าวที่กำลังเรียกร้องความสนใจ ความปรารถนาอันพลุ่งพล่านก็ทำให้ภัทรไม่อาจห้ามตัวเองได้อีก

“อืม...ฮะ....อื้อ”

ภัทรพยายามจะกลั้นเสียงด้วยการกัดริมฝีปากทั้งที่ในห้องมีเพียงเขา แต่เพราะความรู้สึกหวามซ่านที่ทำให้โลหิตสูบฉีดไปทั้งร่างนั้นแทบจะทำให้เส้นประสาททุกเส้นสั่นไหว ชายหนุ่มจึงไม่ประสบความสำเร็จในการเก็บเสียงไว้ในคอเท่าไรนัก นัยน์ตาเรียวหรี่ปรือลงและเชื่อมปรอย ขณะเดียวกับที่ริมฝีปากเผยอหอบด้วยหายใจไม่ทันเพราะหัวใจที่เต้นแรงจนอกแทบระบม

“อึ๊...คุณเชษฐ์…”

ทั้งที่รู้สึกผิดที่ใช้อีกฝ่ายมาจินตนาการเพื่อสนองความต้องการปลดปล่อยของร่างกาย แต่ภัทรก็พบว่าเขาไม่สามารถหยุดนึกถึงเรือนร่างเปลือยเปล่าซึ่งเต็มไปด้วยพลังแบบผู้ชายของเชษฐ์ได้เลย และยิ่งไม่อาจหยุดจินตนาการว่ามือที่กำลังใช้ปรนเปรอร่างกายตัวเองนั้นคือสัมผัสของฝ่ามือใหญ่ซึ่งเคยโอบกอดเขามาก่อน ยิ่งเมื่อนึกถึงน้ำเสียงแหบพร่าตอนที่ฝ่ายนั้นเคยใช้กระซิบที่ข้างหู ภัทรก็สุดจะทนรับความเสียวซ่านที่ราวกับคลื่นลูกใหญ่ซึ่งซัดโถมให้เขาจมดิ่งลงอีกต่อไป

ความรู้สึกอันรุนแรงพุ่งทะลุตัวเขาราวกับศรที่ถูกปล่อยจากแล่ง ภัทรเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องขณะที่คลื่นความสุขสมอาบไล้ทั้งร่างจนราวกับย้อมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวให้เป็นสีขาว จนกระทั่งความมึนเมาที่เหมือนกับล่องลอยอยู่บนที่สูงค่อยๆ ซาลง ภัทรจึงค่อยรับรู้ถึงหยาดหยดอันเป็นหลักฐานว่าเขาเพิ่งช่วยเหลือตัวเองซึ่งเยิ้มอยู่บนฝ่ามือและหน้าขา เช่นเดียวกับเหงื่อที่ผุดซึมทั้งร่างจนทำให้เสื้อยืดเนื้อบางแนบติดกับแผ่นหลัง

นัยน์ตาเชื่อมที่ปิดแน่นค่อยๆ ปรือขึ้นและกะพริบช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน หัวใจที่เต้นรัวเร็วจนหายใจไม่ทันทำให้ภัทรไม่อาจหยุดหอบหายใจทางปากได้ จนกระทั่งนัยน์ตาที่พร่ามัวเมื่อครู่ก่อนค่อยจับภาพสิ่งต่างๆ ในห้องได้ชัดเจนขึ้น เขาจึงได้เห็นเลขบนนาฬิกาข้างหัวเตียงที่บอกให้รู้ว่าขณะนั้นเป็นเวลาตีหนึ่งกว่า และดวงจันทร์ที่ส่องแสงบนผืนฟ้านอกหน้าต่างก็ลอยสูงจนเหลือเป็นเพียงจุดสีเหลืองนวลขนาดเท่าหัวแม่มือแล้ว

ภัทรหลับตาลงขณะเลื่อนมือหนึ่งขึ้นทาบบนอกด้วยหวังว่านั่นจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บแน่นจากหัวใจที่เต้นรัวราวกับกลอง แต่ยังไม่ทันจะปรับลมหายใจให้เป็นปกติ อึดใจถัดมาร่างเพรียวก็งอตัวมากขึ้นเมื่อความปรารถนาที่เพิ่งถูกปลดเปลื้องยังไม่มีทีท่าจะสงบทั้งที่เพิ่งได้รับการสนองตอบไปหมาดๆ

ชายหนุ่มเลื่อนมือที่ยังประคองส่วนอ่อนไหวไปขยุ้มผ้าปูที่นอนจนข้อนิ้วเกร็งเป็นสีขาว เรียวคิ้วโก่งขมวดมุ่นเข้าหากัน เช่นเดียวกับนัยน์ตาเรียวที่ปิดแน่นมากขึ้นเมื่อตระหนักว่าการแสดงออกของร่างกายราวคนไม่รู้จักพอนั้นมีสาเหตุจากใครคนหนึ่งที่เพิ่งจากกันเมื่อตอนค่ำ ท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงเขากับจินตนาการของตัวเองให้ยึดเหนี่ยวเพียงลำพัง ภัทรทำได้เพียงโอดครวญให้กับความต้องการที่กำลังแล่นริ้วขึ้นมาจากส่วนลึกอีกระลอก

บ้าจริงภัทรกร ถ้าหากว่าคุณเชษฐ์ได้มาเห็นพฤติกรรมตอนนี้เข้าจะคิดว่าเราเป็นคนยังไง บ้า บ้า บ้า...


++------tbc------++


A/N: ไม่รู้อาถรรพ์ตอนที่ 13 หรือไร แต่เขียนตอนนี้ไปก็แก้แล้วแก้อีกอยู่นั่น ว่าแต่ตอนนี้ทำให้คนเขียนอยากกอดปลอบน้องภัทรจริงๆ ค่ะ (ช่างไม่กลัวจะโดนฤทธิ์เดชรองเท้าเบอร์ 42 ของคุณเชษฐ์เอาเสียเล้ย ฮา) แล้วก็อันนี้อาจเป็นความเห็นส่วนตัวของเราคนเดียวนะ แต่ชักอยากจับคู่ให้หนูมายูมิกับน้องหว้าจังเลยแฮะ (น้องชายของวิวในเรื่องลำนำรักสีรุ้ง) ท่าทางจะสนุกดี คนนึงติดพี่ ส่วนอีกคนก็ติดน้า แต่ถ้าอย่างนั้นน้องหว้าก็ได้เลี้ยงต้อยแหงม เพราะมิมิจังยังเรียนอนุบาลอยู่เลย 5555

แล้วเจอกันใหม่ในตอนหน้าค่า~   :really2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 16-07-2011 13:07:33
เชษฐ์อยากพูดอะไรกันแน่นะ แล้วเมื่อไรจะได้เจอกันอีกก็ไม่รู้ ช่วงนี้งานยุ่งทั้งสองฝ่าย แต่เชษฐ์คงมีโทรมาหาบ้างไรบ้างเนอะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 16-07-2011 13:18:17
มิมิมาให้คนแก่กอดหน่อยลูก  :กอด1: น่ารักจริงๆ

โอ๊ะโอน้องภัทรของดิฉัน แอบรัญจวน :z1:
คุณเชษฐ์รีบเคลียร์คิว ทำตัวเองให้ว่างอย่างด่วน


บวกขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 16-07-2011 13:44:33
ตอนต่อไปคุณรินก็จะทำให้ภัทรสมหวังซะทีซินะ

((ใครกันแน่ที่จะสมหวัง คำตอบ ก็คนอ่านกับคุณเชษฐ์ไง อิอิ))

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-07-2011 13:46:44
สงสัยน้องภัทรจะห่างหายเรื่องนี้ไปนาน
งานนี้พอใจเปิด  ทุกอย่างก็ตามมา
ตอนนี้สมหวังเฉพาะตัวเองไปก่อน
รอคุณรินจัดให้คุณเชษฐ์บ้าง คริคริคริ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (1/2) P.14 จ้า [15/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Bee_YJ ที่ 16-07-2011 14:01:29
คุณเชษฐ์นะ ทำไมไม่โทรบอกภัทรซะหน่อย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-07-2011 14:40:06
 อ่านตอนนี้จบแล้วก็เริ่มจิตตก แค่ไม่ค่อยมีเวลาแบบนี้ก็แย่แล้ว ถ้ายังมีปัญหาอื่นเพิ่มเข้ามาอีก โฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bluebird ที่ 16-07-2011 16:52:13
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้อ่านนิยายของคุณbellbombอีก : ))
อ่านแล้วยิ้มตามตลอดตามเคย ตอนนี้คุณพระเอกก็ทำตัวพระเอกแบบไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ฮิฮิ
อ่านแล้วเขินแทนภัทร โอ๊ย แต่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบน้องภัทรจังเลย เป็นคนที่น่ารักแบบเบาๆดี >///<
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้มานานมาก ต้องขอกลับไปอ่านย้อนด้วย >.<v รู้สึกว่าอ่านซ้ำได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
มาต่อเร็วๆนะค้า ^_______^ เป็นกำลังใจให้ค่า ♥
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 16-07-2011 19:13:55
 :3123: :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 16-07-2011 19:57:59
น้องภัทรมีมุมอารมณ์เปลี่ยวเหมือนกันแฮะ (ต้องมีสิคนเหมือนกันนะ - -)
คุณเชษฐ์ดูอบอุ่นมว๊ากกกกกเลยค่า
อยากมีแฟนแบบนี้บ้าง  :-[
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: kakuro ที่ 16-07-2011 22:25:21
ขอบคุณคุณริน :L2:
เรื่องนี้มาแปลก นายเอกจินตนาการด้วย :-[
เห็นด้วยที่ให้หว้าเลี้ยงต้อยนะ :o8:
ไม่รู้คุณรินจะให้รอตอนภัทรเป็นของคุณเชษฐ์นานแค่ไหนนะ o18
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-07-2011 09:45:56
มิมิมาให้คนแก่กอดหน่อยลูก  :กอด1: น่ารักจริงๆ

โอ๊ะโอน้องภัทรของดิฉัน แอบรัญจวน :z1:
คุณเชษฐ์รีบเคลียร์คิว ทำตัวเองให้ว่างอย่างด่วน


บวกขอบคุณคะ

กอดคนเขียนก่อนได้นะคะคุณโอม เต็มไม้เต็มมือกว่ามิมิจังเยอะ ส่วนคุณเชษฐ์นี่ก็ช่างงานยุ่งไม่รู้เวล่ำเวลาเลยนิ  :laugh:

 
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-07-2011 09:50:15
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้อ่านนิยายของคุณbellbombอีก : ))
อ่านแล้วยิ้มตามตลอดตามเคย ตอนนี้คุณพระเอกก็ทำตัวพระเอกแบบไม่ไหวแล้วจริงๆนะ ฮิฮิ
อ่านแล้วเขินแทนภัทร โอ๊ย แต่อ่านเรื่องนี้แล้วชอบน้องภัทรจังเลย เป็นคนที่น่ารักแบบเบาๆดี >///<
ไม่ได้อ่านเรื่องนี้มานานมาก ต้องขอกลับไปอ่านย้อนด้วย >.<v รู้สึกว่าอ่านซ้ำได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
มาต่อเร็วๆนะค้า ^_______^ เป็นกำลังใจให้ค่า ♥


คุณเชษฐ์แกจะรักษาคอนเซ็ปต์ตลอดค่ะ ขนาดคนเขียนอยากพาออกนอกลู่นอกทางแกยังไม่ตามมาเลย (เอิ้ว)
ช่วงที่ผ่านมาทิ้งช่วงนานไปหน่อยต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่ตอนนี้ใกล้จบแล้วก็ไม่น่าจะทิ้งช่วงนานอีกแล้วนะ
ดีใจที่อ่านซ้ำได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อค่า ^_________^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 17-07-2011 09:55:26
ขอบคุณคุณริน :L2:
เรื่องนี้มาแปลก นายเอกจินตนาการด้วย :-[
เห็นด้วยที่ให้หว้าเลี้ยงต้อยนะ :o8:
ไม่รู้คุณรินจะให้รอตอนภัทรเป็นของคุณเชษฐ์นานแค่ไหนนะ o18

ไม่ค่อยมีใครเขียนให้นายเอกจินตนาการกันค่ะ น้องภัทรเลยนำร่องซะเลย (เว่อร์)
ว่าแต่มีคนรอ "โมเม้นต์นั้น" ของคุณเชษฐ์กับภัทรกันเยอะจริงๆ งั้นควรให้รอกันอีกนานแค่ไหนดีน้อ?   :z1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: nowow ที่ 17-07-2011 19:24:32
อ๊ายยยยยยยยยยยย มาต่อแล้ว ภัทรเริ่มเปิดใจมากขึ้นแล้วนะ สงสารคุณเชษฐ์จริงๆ ทนรอหน่อยนะคะ ตอนนี้ก็เริ่มมีปฏิกริยาทางร่างกายแล้ว คงได้มีเรื่องหวานๆ เร็วนี้
วู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-07-2011 20:57:23
โอ้..ภัทรกับคุณเชษฐ์มาแล้ว ดีใจจัง
ขอบคุณนะคะคุณรินที่พาสองคนนี้มาให้หายคิดถึง
สงสัยจัง คุณเชษฐ์ มีอะไรในใจนะ หวังว่าตอนหน้าคงไขความให้กระจ่างเนาะ
อร๊ายยยย..ภัทรจ๋า  :-[
คุณรินคะ..เอ่อ...ตอนหน้าขอให้คุณเชษฐ์ได้พักแล้วบินกลับมาหาภัทรได้ไหมคะ  ภัทรจะได้..เอ่อ..เอ่อ..
อยู่กันแบบสองต่อสองกับคุณเชษฐ์นะค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Moon_Crying ที่ 17-07-2011 22:15:39
ภัทรเหมือนเด็กที่ติดของรักของหวงเลยอ่ะ
แล้วดูท่าว่าจะติดคุณเชษฐ์มากขึ้นเรื่อยๆ
ว่าไม่ได้อ่ะนะ เพราะว่าคุณเชษฐ์มีทุกอย่างที่ภัทรอยากได้
แต่ดูท่าทางว่าภัทรจะอารมณ์พุ่งเกิดลิมิตไปแล้ว
น่าจะเป็นสิ่งยืนยันได้มากอยู่ว่าเชษฐ์มีอิทธิพลกับภัทรมากแค่ไหน
ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าจะเปิดใจมากกว่าเดิมหรือยังเท่านั้นล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: QUE1 ที่ 22-07-2011 10:54:26
ตามอ่านทันแล้วจ้าอิอิ
คุณเชษฐ์น่ารักอะ
ภัทรกร เรื่องเก่าๆมันเป็นอดีตไปแล้วนะ
อย่าเอามาใส่ใจมากนักเลยใช้เวลาปัจจุบัน
มีความสุขกับคุณเชษฐ์ดีกว่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-07-2011 02:51:44
เพิ่งมาอ่าน สนุกมากครับ อ่านไปหน้าแดงไป มาต่ออีกนะคร้าบบบ -3-
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: anajulia ที่ 23-07-2011 09:40:59
>/////////<

นี่ถ้าคุณภัทรรู้ตัวเร็วกว่านี้จะรั้งคุณเชษฐ์ไว้มั้ยน้า
แบบว่าชวนขึ้นห้องไรงี้
กรั่กๆๆ แต่คงไม่หรอก ก็ออกจะขี้อายซะขนาดนั้น โถ....เลยเหนื่อยคนเดียวเลย

สนับสนุนน้องหว้ากะหนูมิมิเต็มที่ค่ะ
เลี้ยงต้อยน่ารักดีออก อ๊าาาาาาา พี่ชาย >/////<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 23-07-2011 11:19:57
>/////////<

นี่ถ้าคุณภัทรรู้ตัวเร็วกว่านี้จะรั้งคุณเชษฐ์ไว้มั้ยน้า
แบบว่าชวนขึ้นห้องไรงี้
กรั่กๆๆ แต่คงไม่หรอก ก็ออกจะขี้อายซะขนาดนั้น โถ....เลยเหนื่อยคนเดียวเลย

สนับสนุนน้องหว้ากะหนูมิมิเต็มที่ค่ะ
เลี้ยงต้อยน่ารักดีออก อ๊าาาาาาา พี่ชาย >/////<


ขออนุญาตคุณรินทวงนิยายจากคุณนุ่น
เมื่อไหร่จะมาต่อค๊า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: เก๋ไก๋เจ้าค่ะ ที่ 23-07-2011 12:29:51
แอบจินตนาการไปไกล รอวันที่คุณเชษฐ์กลับมา
รอติดตามช่วงเวลาหลังจากนั้นค่ะ

ปล.ให้ใครคู่ใครเราไม่มีปัญหาค่ะ รออ่านหมดค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-08-2011 17:54:35
มารออ่านค้าบบ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 03-08-2011 20:10:11
ภัทร~! o18

-.,-

หุุหุ

รอคุณเชษฐ์กลับมา

ปล.แบบนี้ต้องขอNC ><!!!!! :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 03-08-2011 20:39:27

อร๊ายยยยยยส์เรื่องนี้น่าร๊ากกกกกกกส์
 :-[ภัทรก็ขี้อายเกิ๊นส์เมื่อไหร่จะเอาคืนพี่เค้าได้สักทีหละอิอิเอาใจช่วย
คุณเชษฐ์บินไปนอกก็ขออย่าให้มีเรื่องร้ายอะไรเรยนะ
รู้สึกว่าจะได้กลิ่นNCจางๆแหะ :z1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 13-08-2011 13:28:43
 :z3:  อ๊า ๆๆ ๆๆ ๆ  น้องภัทรอ่ะ want แล้วทำไมล๊า ป๋าแกก็รอร๊อรอ อยู่นี่คะ เอ๊ เรานี่ยุให้น้องภัทรเสียตัวหรือนี่ ไม่เหมะๆ  :haun4:  รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 05-09-2011 15:49:37
คิดถึงคุณริน คิดถึงภัทร คิดถึงคุณเชษฐ์ >_<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-09-2011 11:13:46
คุณริน ได้โปรดพาคุณเชษฐ์กะภัทร กลับมาเถอะค่ะ  คนอ่านใจจะขาดรอนๆๆๆๆ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 25-09-2011 16:58:33
เมื่อไหร่จะมาต่อสักทีนะ รอน๊านนานแล้วนะ :call:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: bevayou ที่ 27-09-2011 11:06:28
 :a5: ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 29-09-2011 21:43:33
 o22 อ่านตามทันเเล้ว

มาต่อเร็วๆน๊า  :-[
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-09-2011 22:42:10
คุณเชษฐ์ไปเวียดนามนานจังหนอ
ภัทรและคนอ่านจะลงแดงตายแล้วค่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: dariganae ที่ 30-09-2011 19:46:25
ดีใจ ตามอ่านทันแล้วค่ะ><
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
รู้สึกได้ถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดูมีเหตุมีผล ค่อยดำเนินไปตามวิธีของมัน
อ่านแล้วไหลลื่นมากค่ะ^^
รู้สึกอบอุ่นจริงๆนะคะ
น่ารักมากๆ
สู้ๆต่อไปนะคะ ><
ปล.หนูภัทรปากตรงกับใจแล้วมั่นใจตัวเองได้แล้วลูกกกกกก~
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 14-10-2011 23:29:03
มารอคร้าฟฟฟ  จะมาต่อไหมอ่าา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 10-11-2011 09:15:11
คิดถึงคุณเชษฐ์กะภัทร >_<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 13 (2/2) P.14 มาละ [16/7/11]
เริ่มหัวข้อโดย: Greennut ที่ 29-12-2011 22:02:09
คิดถึงคุณเชษฐ์กับภัทรจังค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-03-2012 19:40:39
ตอนที่ 14.


เช้าวันถัดมา กุ้งซึ่งนั่งประจำอยู่หลังเคาน์เตอร์รีเซปชั่นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นภัทรมาหลังเวลาเข้างานไปมาก สาวน้อยร้องทักอย่างร่าเริงตามนิสัยเมื่อเขาผลักประตูเข้ามาในบริษัท

“สวัสดีค่าพี่ภัทร แปลกจังวันนี้มาสายเชียว”

“หา? เอ่อ...เมื่อคืนพี่นอนดึกไปหน่อยน่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มตอบก่อนจะเลี้ยวไปทางฝั่งห้องทำงาน ได้แต่หวังว่าเมื่อครู่ผิวหน้าตนคงไม่เปลี่ยนเป็นสีเข้มจนสังเกตได้ เขากระชับสายสะพายกระเป๋าขณะรีบเดินตรงไปที่โต๊ะ แต่ยังไม่ทันจะได้นั่งก็สะดุ้งสุดตัวเพราะมือที่วางลงบนบ่า

“ไงยะ พี่กำลังจะโทรถามอยู่เชียวว่าวันนี้จะลาหยุดหรือไง”

น้ำเสียงอันคุ้นเคยซึ่งออกจะเหน็บแนมหน่อยๆ ทำให้ภัทรยิ้มแหยๆ ให้คนถาม วันนี้ป๋วยใส่สูทกระโปรงสั้นเหนือเข่าสีขาวเข้าชุดกัน ส่วนเสื้อตัวในเป็นเชิ้ตสีม่วงเข้มแบะปกออก ผมสลวยถูกรวบตึงเป็นหางม้าสูง ดูแล้วทั้งเป็นการเป็นงานแต่ก็แฝงความเปรี้ยวอยู่ในที

“เมื่อคืนผมนอนดึกน่ะพี่ป๋วย ขอโทษที่ไม่ได้โทรมาบอกว่าจะมาสาย”

ภัทรตอบพลางนั่งลงบนเก้าอี้และเปิดคอมพิวเตอร์ รุ่นพี่สาวจึงยกมือขึ้นกอดอกพลางพิงสะโพกบนขอบโต๊ะ “อ้อ แสดงว่าเมื่อคืนฉลองวันเกิดให้หลานสาวจนดึกละสิ?”

ภัทรรู้สึกว่าไอร้อนวูบวาบลามขึ้นบนผิวหน้า เพราะความจริงแล้วงานฉลองให้มายูมิจบลงตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง แต่สาเหตุที่ทำให้เขานอนดึกน่ะมันเพราะเรื่องอื่นต่างหาก...

“อ้าว? ตกลงเธอนอนน้อยหรือไม่สบายกันแน่เนี่ย? อยู่ๆ ก็หน้าแดงยังกับไข้ขึ้นเชียว?”

ป๋วยขมวดคิ้วพลางใช้หลังมืออังบนหน้าผากเขา ภัทรจึงสะดุ้งและรีบเอนหนีอย่างร้อนตัว

“เปล่าๆ พี่ป๋วย ผมไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่นี่จะเตรียมงานประชุมลูกค้าตอนบ่ายหรือยัง ผมจะได้ไปช่วย”

ภัทรรีบปัดหัวข้อสนทนาให้พ้นตัว ด้วยเกรงว่าหากถูกถามมากเข้าก็คงไม่สามารถหยุดคิดถึงพฤติกรรมของตัวเองเมื่อคืนได้เสียที ท่าทีของเขาทำให้ป๋วยมองด้วยแววตาสงสัย แต่ก็คร้านจะซักเพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่า

“พี่ก็มาหาเธอเรื่องนี้น่ะแหละ กะว่าจะซ้อมพรีเซนต์อีกสักรอบก่อนประชุมตอนบ่าย เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีเอาแฟ้มเอกสารที่จะแจกลูกค้าไปเจอพี่ที่ห้องประชุมด้วย”

ภัทรพยักหน้ารับขณะมองร่างระหงเดินจากไป จากนั้นก็เช็คอีเมล์ว่ามีงานเร่งด่วนหรือไม่ พอใกล้เวลานัดก็เดินถือกล่องใส่แฟ้มเอกสารซึ่งจัดเรียงไว้แล้วไปที่ห้องประชุม และพบว่ารุ่นพี่สาวกำลังยืนเช็คพาวเวอร์พ้อยท์อยู่ที่โพเดียมด้านหน้า

เนื่องจากวันนี้จะมีผู้มาร่วมประชุมถึงสี่สิบกว่าราย แม่บ้านจึงจัดโต๊ะในห้องประชุมใหญ่ไว้ให้สองแถว แถวละสองที่นั่งและเรียงไปจนจรดท้ายห้อง โดยโต๊ะทุกตัวจะหันไปทางด้านหน้าเหมือนห้องเรียน ป๋วยเหลือบตาขึ้นเห็นภัทรจึงชี้ไปทางโต๊ะที่เรียงรายกันอยู่

“ภัทร เดี๋ยวเธอเอาแฟ้มวางเรียงบนโต๊ะไปพลางๆ ก่อนก็ได้ เสร็จแล้วมาลองฟังพี่พรีเซนต์หน่อย พอดีพวกแหม่มกับนุ่นไม่ว่าง”

ภัทรพยักหน้าโดยไม่อิดออด เนื่องจากเพื่อนๆ อีกสองคนที่ถูกพูดถึงคงกำลังง่วนกับการเตรียมของที่ระลึกแก่ผู้เข้าประชุม เขาหยิบหอบเอกสารออกจากกล่องแล้ววางลงโต๊ะละสองชุด เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับมานั่งฟังรุ่นพี่ซ้อมการนำเสนอเหมือนที่ทำเมื่อวาน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ป๋วยก็ปิดพาวเวอร์พ้อยท์แล้วหันมาทางภัทรอีกครั้ง

“แค่นี้ก็น่าจะใช้ได้แล้วมั้ง? ถ้างั้นเรากลับไปทำงานกันต่อเถอะ แล้วพักเที่ยงก็ลงไปกินข้าวเร็วหน่อย จะได้รีบขึ้นมารอคนเข้าประชุม”

หญิงสาวเอ่ยพลางปิดโน้ตบุ๊คและพับฝาลง ชายหนุ่มจึงพยักหน้าพลางเดินตามออกจากห้องประชุม แต่แล้วก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อถูกสะกิดให้เดินตามไปยังชั้นดาดฟ้า

“มีอะไรเหรอพี่ป๋วย?”

ภัทรถามเมื่อทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าแล้ว หญิงสาวงับประตูก่อนจะหันกลับมาหาเขาด้วยสีหน้าใคร่ครวญ

“ภัทร เธอเป็นคนเดียวนะที่รู้เรื่องพี่กับคุณนิน”

ชายหนุ่มทำหน้าเหลอ เพราะไม่คิดว่าจะถูกเรียกมาคุยเรื่องนี้ แต่ก็รีบพยักหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

“อื้อ ผมไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เลย”

ยกเว้นคุณเชษฐ์ที่รู้เองมาก่อนผมตั้งนาน...

ภัทรได้แต่คิดในใจ อดหวั่นไม่ได้ว่าที่ป๋วยเกริ่นแบบนี้เพราะมีใครมารู้มาเห็นเหมือนเขาแล้วเอาไปพูดหรือเปล่า

รุ่นพี่สาวหัวเราะ “สบายใจเถอะน่า พี่ไม่ได้จะว่าอะไรสักหน่อย แถมตอนนี้...ถ้าเกิดใครจะรู้ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะเดี๋ยวอีกหน่อยก็คงค่อยๆ รู้กันไปเองนั่นแหละ”

ภัทรได้ฟังก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก ป๋วยมองเรียวคิ้วของเขาที่มุ่นขึ้นแล้วก็ยิ้มอ่อนๆ

“คุณนินหย่าแล้วนะ พี่เพิ่งได้เมสเสจว่าเขากับภรรยาลงชื่อในใบหย่ากันต่อหน้าทนายเมื่อเช้านี้”

“หา?”

ภัทรตกใจด้วยไม่คาดว่านั่นคือสาเหตุที่นินนาทไม่เข้าบริษัทวันนี้ ขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจว่าควรจะเอ่ยอะไร เพราะถ้าหากบอกว่า ‘ดีใจด้วย’ ก็เท่ากับเขาส่งเสริมที่รุ่นพี่ไปพัวพันกับผู้ชายที่ยังมีพันธะ แต่เมื่อได้สบตากับป๋วย ภัทรก็เข้าใจทันทีว่ารุ่นพี่สาวก็ไม่ได้สบายใจนัก

“....พี่ป๋วย พี่เองก็ไม่ได้ดีใจใช่ไหม?”

“เฮ้อ...มันก็พูดยากนะภัทร” หญิงสาวถอนหายใจ แววตาสวยคมหม่นหมองลงเล็กน้อย “จะว่าดีใจไหม พี่ว่าพี่คงโล่งใจมากกว่าที่จะไม่ต้องคบกับคุณนินแบบหลบๆ ซ่อนๆ อีกแล้ว แต่อีกใจมันก็อดจะคิดไม่ได้ ว่าจริงๆ แล้วสาเหตุที่พวกเขาหย่ากันมันเป็นเพราะพี่หรือเปล่า”

“แต่พี่ป๋วยเคยบอกผมว่าคุณนินแยกกันอยู่กับแฟนเขามานานแล้วนี่นา? อย่างนี้จะบอกว่าเป็นความผิดของพี่ป๋วยคงไม่ได้หรอก”

ภัทรรีบพูดเมื่อเห็นแววตาเศร้าๆ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของรุ่นพี่ แต่ก็เชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ในเมื่อความรักไม่ใช่เรื่องที่ชี้ว่าถูกหรือผิดได้ด้วยสามัญสำนึกเท่านั้น ต่อให้รู้แก่ใจว่าคนที่รักมีเจ้าของซึ่งใครๆ ต่างก็รับรู้กันอยู่แล้วก็ตาม

และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจและเห็นใจ...

หญิงสาวเห็นสีหน้าเป็นห่วงของภัทรก็ยิ้มพลางยกมือขึ้นบีบไหล่เบาๆ “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิยะ เธอไม่ต้องพูดอะไรให้พี่รู้สึกดีขึ้นก็ได้ พี่เพียงแต่อยากบอกให้ภัทรรู้ไว้ เพราะจากนี้ถ้าพวกที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเห็นพี่ไปไหนมาไหนกับคุณนินคงได้เม้าท์กันเพลินแน่ ถึงตอนนั้นพี่อยากให้แน่ใจว่าจะยังมีคนที่เข้าใจพี่อยู่”

ภัทรมองหน้าหญิงสาวที่คอยสอนงานให้ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานที่นี่ ถึงแม้อีกฝ่ายจะชอบเหน็บแนมหรือโยนงานให้ทำแทนบ้าง แต่ก็ไม่เคยโกหกหรือหาเรื่องกลั่นแกล้งสักครั้ง แถมยังคอยเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ตะขิดตะขวงใจกับคำขอนี้สักนิด

โชคดีจริงๆ ที่รุ่นพี่ของเขาเป็นคนเข้มแข็ง

“ไม่ต้องห่วงนะพี่ป๋วย ถึงคนที่ไม่รู้อะไรจะพูดยังไง แต่ผมรับรองว่าผมจะอยู่ข้างพี่ป๋วยแน่นอน คุณเชษฐ์ก็เหมือนกัน...”

ภัทรเอ่ยชื่อคนคุณผู้จัดการเพราะอยากให้รุ่นพี่รู้ว่าไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวที่จะเป็นกำลังใจ แล้วก็แทบจะกัดลิ้นเมื่อนึกได้ว่าคนฟังอาจฉุกคิดว่าคุณเชษฐ์รู้เรื่องอยู่แล้วก็ได้ และป๋วยก็สะกิดใจจริงๆ เพราะเรียวคิ้วโก่งสวยมุ่นขึ้นทันตาเห็น

“คุณเชษฐ์ก็ด้วยนี่คือ...รายนั้นก็รู้เรื่องของพวกพี่อยู่แล้วงั้นสิ?”

พอโดนสายตาคาดคั้นของคนถาม ภัทรก็ไม่ทีทางเลือกนอกจากตอบรับเสียงอ่อย ได้แต่นึกขอโทษคุณเชษฐ์ในใจที่ดึงเข้ามาเกี่ยว

“ไม่ใช่จากผมนะพี่ป๋วย คุณเชษฐ์เขารู้มาก่อนผมด้วยซ้ำ”

ป๋วยเพ่งมองสีหน้าจ๋อยๆ ของรุ่นน้องแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า หญิงสาวกอดอกพลางทอดสายตาไปไกล ก่อนจะทำลายความเงียบขึ้นอย่างปลงๆ “เอาเถอะ ก็ไม่ได้เกินคาดนักหรอกถ้ารายนั้นจะรู้ สงสัยไม่พี่ก็คุณนินคงเผลอไปทำอะไรให้แกสงสัยเข้านั่นแหละ ก็ดี...ถือซะว่าได้แบ็คอัพที่แข็งแรงมาอีกคน”

หญิงสาวกล่าวจบก็หันมายิ้มเนือยๆ ให้ภัทร แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้คนเห็นสบายใจขึ้น เขาจึงแตะศอกรุ่นพี่สาวแล้วดันไปทางประตูเบาๆ

“ใกล้จะเที่ยงแล้ว ผมว่าพวกเราลงไปกินข้าวกันเลยดีกว่านะพี่ป๋วย จะได้รีบกลับขึ้นมารอประชุมไง”

พอถูกชวน ป๋วยก็ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะพยักหน้า “อืม ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นเดี๋ยวขอพี่ไปเอากระเป๋าตังค์แป๊บนึง”

ทั้งคู่ลงลิฟต์แล้วเดินไปยังศูนย์อาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารนัก แต่ทั้งที่ลงมาเร็วแล้วก็ยังพบกับความแออัดจากพนักงานบริษัทอื่นๆ ที่มาฝากท้องที่เดียวกัน หลังจากเห็นว่ามีโต๊ะว่าง ภัทรจึงอาสานั่งเฝ้าและฝากรุ่นพี่ให้ซื้อข้าวมาให้ด้วยเลย

เมื่อคล้อยหลังป๋วย ชายหนุ่มก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเช็คข้อความว่ามีเมสเสจใหม่บ้างหรือไม่ แต่ก็ไม่พบว่ามีข้อความใดจากคนที่รออยู่ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจขณะใช้นิ้วโป้งลูบหน้าจอเบาๆ

ป่านนี้น่าจะไปถึงเวียดนามแล้วนี่นา...สงสัยคงตรงจากสนามบินไปออฟฟิศเลยล่ะมั้ง...แต่อย่างน้อยก็น่าจะส่งข้อความมาบอกว่าถึงโดยปลอดภัยแล้วสักหน่อย...

ภัทรอดนึกค่อนในใจไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากโทรไปก่อนเพราะเกรงว่าคุณเชษฐ์จะติดประชุมอยู่ แต่แล้วขณะที่กำลังเก็บมือถือลงกระเป๋า ร่างเพรียวก็สะดุ้งเพราะมีคนเดินมาเตะขาเก้าอี้เขาอย่างจัง

“โอ๊ะ! ขอโทษครับ”

ชายวัยกลางคนในชุดพนักงานบริษัทคนหนึ่งหันมาขอโทษ ภัทรจึงค่อยดึงสติกลับมาแล้วหันไปยิ้มให้อย่างไม่ถือสา เพราะทางเดินในศูนย์อาหารแห่งนี้ก็ค่อนข้างแคบจริงๆ

“ไม่เป็นไรครับ ...อะ...”

“ภัทร?”

คนที่เรียกชื่อภัทรหาใช่ชายวัยกลางคนร่างกะทัดรัดที่ไว้หนวดเหนือริมฝีปาก แต่เป็นผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะซึ่งเยื้องไปด้านหลังของเขาเล็กน้อย และจากแววตาประหลาดใจที่ได้เห็น แสดงว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้เช่นกัน

ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้...

“...ธร”

ชายวัยกลางคนที่เพิ่งเอ่ยขอโทษภัทรไปหยกๆ มองหน้าเขาสลับกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ซึ่งภัทรไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกแล้ว ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี “อ้าว รู้จักกันหรอกเหรอ?”

เขาไม่แน่ใจว่าคนถามต้องการให้ใครตอบคำถามนั้น แต่ความคิดแรกที่วาบขึ้นในหัวก็คือให้รีบลุกและย้ายไปโต๊ะอื่นเดี๋ยวนี้ ทว่าโดนเสียงจากคนที่เดินใกล้เข้ามาหยุดไว้เสียก่อน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-03-2012 19:43:33
ธร คือใครอ่ะ ภัทรถึงจะหลบหน้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 20-03-2012 19:52:52
 :zกรี๊ดเค้าจำเรื่องไม่ได้ขอไปทบทวนก่อน :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 20-03-2012 19:54:19
“มาแล้วภัทร คิวยาวมากเลยต้องรอตั้งนานแน่ะ อ้าว? คุณชัยยศ? ตายจริง มากินข้าวก่อนเข้าประชุมบ่ายนี้เหรอคะ?”

ภัทรหันไปเห็นป๋วยรีบวางถาดใส่ข้าวหมูแดงสองจานบนโต๊ะแล้วหันไปไหว้ผู้ชายไว้หนวดคนนั้น จากนั้นก็หันมาแนะนำเขาตาม

“ภัทร คุณชัยยศเป็นหนึ่งในลูกค้าใหม่ที่จะมาประชุมกับเราบ่ายนี้ไง คุณชัยยศ นี่ภัทร รุ่นน้องในทีมของป๋วยเองค่ะ”

ภัทรไหว้ตามก่อนจะเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่ยังนั่งนิ่งที่โต๊ะอย่างไม่สบายใจ และพบว่าอีกฝ่ายก็จ้องเขาอยู่เหมือนกัน แต่นัยน์ตากลับยากจะอ่านความหมายจนจนเขายิ่งรู้สึกอึดอัด

ชายวัยกลางคนยิ้มกว้างยิ่งขึ้นขณะรับไหว้ “สวัสดีครับคุณป๋วย คุณภัทร พอดีเมื่อเช้าผมมีประชุมแถวนี้ก็เลยมากินข้าวที่นี่ซะเลย ส่วนนี่ธราธรหลานผมครับ เพิ่งจะมาช่วยงานที่บริษัทเมื่อเร็วๆ นี้เอง เอ้า ตาธร รู้จักคุณป๋วยกับคุณภัทรเสียสิ”

เมื่อได้รับการแนะนำ ร่างสูงใหญ่จึงค่อยลุกขึ้นและยกมือไหว้หญิงสาว ก่อนจะหันมาและยกมุมปากบางๆ ให้ภัทรซึ่งยืนหน้าไร้สีเลือดอยู่ข้างรุ่นพี่

“ไม่ได้เจอกันนานนะ ภัทร ดูดีขึ้นจนแทบจำไม่ได้”

“อ้าว? รู้จักกันอยู่แล้วเหรอคะ?”

หางเสียงบอกให้รู้ว่าป๋วยถามชายหนุ่มแปลกหน้า แต่นัยน์ตากลับเหลียวมามองรุ่นน้องข้างๆ พร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้น ทว่าภัทรกลับหาเสียงของตัวเองไม่เจอ ผู้มาใหม่จึงอธิบายเอง

“เคยเรียนด้วยกันสมัยมหา’ลัยน่ะครับ แต่หลังเรียนจบก็ต่างคนต่างไม่ว่างมาเจอกันเลย ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะโชคดีได้มาเจอกับเพื่อนเก่าที่นี่”

ภัทรรู้สึกว่าใบหน้าชาวูบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจัดเบิ่งกว้างด้วยไม่อยากเชื่อว่าเพิ่งได้ยินอะไร กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างสั่นเทิ้มจนเขาต้องกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่นเพื่อระงับอาการ ขณะที่อีกคนซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับยิ้มราวไม่ได้พูดอะไรที่ตรงข้ามกับความเป็นจริงเลยสักคำ

เคยเรียนด้วยกัน...อาจจะใช่...ถ้าการจบจากรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันจะนับว่าเป็นอีกความหมายหนึ่งของ ‘เคยเรียนด้วยกัน’ ได้ ทว่าหลังจากเรียนจบแล้ว ฝ่ายนั้นต่างหากที่เป็นคนเถือเยื่อใยที่ทั้งสองเคยมีให้แก่กัน จากนั้นก็ทิ้งรอยแผลลึกในใจให้ภัทรโดยไม่หันกลับมาแยแสเลยสักครั้ง

“อ้าว ถ้างั้นก็พอดีเลย ไหนๆ พวกผมก็ต้องไปประชุมกับคุณป๋วยอยู่แล้ว ทำไมไม่มานั่งกินมื้อเที่ยงด้วยกันซะเลยล่ะครับ?”

คุณชัยยศหันมาชวนอย่างมีน้ำใจ ขณะที่ภัทรเห็นนัยน์ตาของ ‘เพื่อนเก่า’ เป็นประกายวาวขึ้นวูบหนึ่งทั้งที่รอยยิ้มนุ่มนวลยังไม่เปลี่ยน แล้วก็ได้แต่ร่ำร้องในใจว่าอย่าให้รุ่นพี่ของเขาตอบรับเลย

ซึ่งแน่นอนว่าป๋วยย่อมไม่ได้ยินอยู่แล้ว...

“เอาสิคะ งั้นแป๊บนะคะ ภัทรมาช่วยพี่เลื่อนโต๊ะหน่อยซิ”

หญิงสาวยิ้มหวานรับก่อนจะหันมาทางเขา เนื่องจากโต๊ะในศูนย์อาหารแห่งนี้ค่อนข้างตัวเล็กและเหมาะสำหรับนั่งสองคน ถ้าจะนั่งกันสี่คนก็ควรจะเลื่อนโต๊ะให้ชิดกัน ภัทรยืนหันรีหันขวางด้วยยังแคลงใจที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับอดีตคนคุ้นเคย แต่แล้วก็มีเสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้น

“ท่าทางขาโต๊ะจะหนักนะครับ เดี๋ยวผมยกให้เองดีกว่า”

ธราธรเดินอ้อมโต๊ะของตัวเองมาทางภัทรซึ่งยืนอยู่ใกล้ขอบโต๊ะ เมื่อรู้สึกถึงมือใหญ่ที่สัมผัสโดนนิ้วของเขาซึ่งจับโต๊ะอยู่ก่อน ภัทรก็รีบกระตุกมือหนีเหมือนโดนน้ำร้อนกระเซ็นใส่ แต่ก็เห็นเพียงรอยยิ้มเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านของคนที่ยกโต๊ะตัวนั้นไปติดกับโต๊ะของตัวเอง

“เอ้าภัทร จะมัวยืนอยู่ทำไมล่ะ มากินข้าวสิจะได้รีบขึ้นไปเตรียมงานกันไง”

ป๋วยนั่งลงบนเก้าอี้พลางหันมาเร่ง ส่วนภัทรนึกอยากหาข้ออ้างดีๆ ที่จะปลีกตัวออกไปจากตรงนั้น แต่แน่นอนว่านอกจากนั่นจะเป็นการเสียมารยาทกับลูกค้าอย่างมากแล้ว รุ่นพี่ของเขาก็อาจจะระแคะระคายก็ได้ว่าเขากับธราธรไม่ได้เป็นเพียงแค่ ‘เพื่อนเก่า’ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากข่มใจและนั่งลงตรงเก้าอี้ว่าง ซึ่งโชคร้ายที่ดันเป็นฝั่งตรงข้ามกับคนที่เขาไม่อยากมองหรือถูกมองที่สุดด้วย

ทั้งสี่ทานอาหารร่วมกันโดยที่มีเสียงพูดคุยจากคนสามคนยกเว้นภัทร เขาได้แต่นั่งเขี่ยข้าวไปมาและทานลงเพียงไม่กี่คำ ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจขอตัวเพราะเริ่มทนความกระอักกระอ่วนจากสายตาที่เหลือบมองบ่อยๆ ไม่ไหว

“พี่ป๋วย ผมจะไปซื้อของที่เซเว่นหน่อยนะ แล้วเดี๋ยวค่อยเจอกันข้างบน”

รุ่นพี่สาวเลิกคิ้ว “อ้าว แต่เธอกินข้าวไปนิดเดียวเองนะ นี่อิ่มแล้วเหรอ?”

ป๋วยบุ้ยคางไปทางจานข้าวของภัทรที่ยังเหลือเกินครึ่ง เขาจึงส่ายหน้าและพยายามปั้นยิ้มให้คนถามสบายใจ “พอดีผมยังอิ่มมื้อเช้าอยู่เลยน่ะ ถ้างั้นขอตัวก่อนนะครับ”

ภัทรหันไปกล่าวช่วงท้ายประโยคกับชายสูงวัยที่สุดในโต๊ะโดยพยายามไม่สบตากับคนที่นั่งตรงข้าม แต่แล้วก็แทบสะดุดฝีเท้าเมื่อถูกคว้าข้อมือไว้ขณะกำลังจะเดินออกมา

“แล้วเจอกันนะ ภัทร”

ธราธรปล่อยมือเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่แสดงท่าทีพิรุธให้ใครผิดสังเกต แต่นั่นกลับทำให้ภัทรรีบหันหลังและจ้ำฝีเท้าหนี ข้อมือข้างที่ถูกสัมผัสเพียงสั้นๆ ร้อนผ่าวจนต้องใช้อีกมือกุมเอาไว้ แต่มันกลับเป็นความร้อนรุ่มที่ทำให้กระวนกระวาย ไม่เหมือนกับความอบอุ่นและมั่นคงยามที่ถูกคุณเชษฐ์กุมมือเลยสักนิดเดียว

ทำไมถึงต้องมาเจอกันอีก แล้วทำไมถึงต้องมาเจอในสถานการณ์แบบนี้...

ความคิดนั้นวนเวียนไปมาราวพายุในหัวของภัทร เขาเคยคิดว่าการได้พบอีกฝ่ายโดยบังเอิญที่ร้านอาหารเมื่อไม่กี่เดือนก่อนคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าของคนคนนั้นแล้ว ใครเลยจะรู้ว่าโชคชะตาจะเล่นตลกให้ต้องมาเจอกันอีกครั้ง แถมยังในฐานะลูกค้าที่ต้องทำงานร่วมกันไปอย่างน้อยก็อีกระยะด้วย

ภัทรไม่ได้แวะที่ไหนและตรงกลับไปที่บริษัท เมื่อออกจากลิฟต์ก็พบว่าไฟในห้องทำงานถูกดับจนสลัวและเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ยังไม่กลับมาจากมื้อเที่ยง ภายในห้องทำงานมีเพียงแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ตามโต๊ะที่สว่างเป็นจุดๆ ทว่าความเงียบที่ควรจะทำให้จิตใจสงบกลับทำให้ภัทรยิ่งว้าวุ่นมากขึ้น

ร่างสูงเพรียวรีบเดินตรงไปที่ห้องน้ำและวักน้ำเย็นๆ จากก๊อกขึ้นลูบหน้า ขณะเดียวกันก็พยายามสงบหัวใจที่เต้นรัวให้ชะลอลง แต่เมื่อเหลือบตาขึ้นสบกับสายตาตัวเองในกระจก ภัทรก็พบว่าหน้าตาที่สะท้อนในนั้นช่างดูไม่ได้เอาเสียเลย

เข้มแข็งไว้สิภัทร ผู้ชายคนนั้นไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายเราอีกแล้ว เรามีคุณเชษฐ์แล้ว อย่าปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอให้ใครเห็นอีกเป็นอันขาด…

ภัทรได้แต่ยืนกำมือเหนืออ่างล้างหน้าและพึมพำกับตัวเอง เขานึกรังเกียจความทรงจำที่ทำให้เป็นคนลืมเรื่องเก่าๆ ได้ยาก เพราะมันขุดคุ้ยความเจ็บยอกในอดีตให้หวนกลับมายามได้เผชิญหน้ากับธราธรอีกครั้ง แล้วไหนจะยังท่าทีตอนที่ได้เจอกันเมื่อครู่อีก

มันเหมือนกับ...เหมือนกับฝ่ายนั้นอยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่เคยเป็นคนทำลายไปแล้วยังไงก็ไม่รู้

เขากำลังหวั่นไหว ภัทรรู้ตัวดี แต่ต้นตอของความหวั่นไหวนั้นไม่ใช่ความตื่นเต้นดีใจอย่างแน่นอน เพราะนับจากวันที่เจอธราธรโดยบังเอิญที่ร้านอาหารจนถึงวันนี้ ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปมากจนแทบจะพูดได้ว่าไม่เหลือใจให้อดีตคนรักอีกแล้ว แต่ขณะเดียวกัน การแสดงออกตอนที่เจอกันเมื่อครู่ก็ทำให้เขากังวลว่านั่นคงไม่ใช่สัญญาณที่ดี และเขาคงสบายใจกว่านี้ถ้าหากได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยมีคุณเชษฐ์อยู่ข้างๆ

และเมื่อคิดถึง...มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะยิ่งโหยหาคนที่เป็นดั่งหลักให้เขาพึ่งพิงมากขึ้นไปอีก

คุณเชษฐ์ครับ...คราวนี้อย่าไปทำงานไกลๆ นานนักนะครับ รีบกลับมาหาผมเร็วๆ เถอะ...



++------tbc------++



A/N: แฟนนักอ่านหลายคนคงแทบขยี้ตาด้วยความไม่อยากเชื่อที่เห็นตอนใหม่ ขนาดตัวเองเห็นวันที่อัพเดทครั้งสุดท้ายยังละอายเลยค่ะ (กรกฎาคม 2554) เลยทำให้รู้สึกเหมือนคุณเชษฐ์ไปเวียดนามนานมากกกกกก ทั้งที่จริงๆ ในเรื่องนี่เพิ่งจะบินไปเอง พอดีก่อนหน้านี้ไปเขียน “ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก” ต่อเนื่องกันซะจนต้องใช้เวลาจูนกลับมาหาน้องภัทรอยู่พักใหญ่ แต่ในที่สุดก็ได้เริ่มกลับมาเขียนแล้ว ก็หวังว่าจะลื่นไปได้เรื่อยๆ ถ้าเขียนจบเมื่อไหร่คงเหมือนได้ยกคุณเชษฐ์ เอ้ย! ภูเขาลูกใหญ่ออกจากอกสักที หุหุหุ

ก็ต้องขอโทษและขอบคุณทุกคนที่คอยทวงกันอยู่เรื่อยๆ ด้วยนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าคุณเชษฐ์แกจะฮอตได้ขนาดนี้ (คนเขียนขอเหน็บพระเอกนิดนึง ฮา) แล้วก็ตอนนี้เราทำหน้า fan page ไว้สำหรับอัพเดทข่าวคราวเรื่องนิยายโดยเฉพาะ ถึงไม่ได้แอดกันไว้ก็สามารถคลิกไลค์เพื่อติดตามกันได้ ที่ facebook.com/BellbombNovels (http://www.facebook.com/bellbombnovels) แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ   :call:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 20-03-2012 20:07:47
ไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย
จะไม่หายไปไหนแล้วนะคนแต่ง
เอาคุณเชษฐ์กลับมาไวๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 20-03-2012 20:27:49
โอ๊ะ โอ  คาดไม่ถึง
ดีใจที่ได้อ่านต่อค่ะ
ถึงแม้ไม่มีคุณเชษฐ์ หวังว่าภัทรจะผ่านวิกฤตตรงนี้ไปได้นะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 20-03-2012 20:32:45
อย่าไปกลัวนู๋ภัทร "แฟนเก่าละอ่อน"จะมาสู้ไรกะ"แฟนใหม่รุ่นใหญ่"เราได้
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 20-03-2012 20:41:38
ผมไม่ได้ ฝัน ไปใช่ไหม มาต่อแล้ว~~

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 20-03-2012 20:45:24
ขอ กรี๊ด 1 ที

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด~~

ขอบคุณคนแต่งที่มาต่อให้จ๊ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 20-03-2012 21:33:07
สงสัยคนแต่งไปเวียดนามกับคุณเชษฐ์ ด้วยรึป่าว
(ล้อเล่นน่ะตัวเอง)

ยังไงก็ให้คุณเชษฐ์กลับมาเร็วๆ น่ะ
เดี๋ยวน้องภัทรจะทำใจลำบากอยู่ใกล้ถ่านไฟเก่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 20-03-2012 21:48:25
อ่านตอนต้นๆก็เกือบงงค่ะ ทำไมหนูภัทรถึงนอนดึก คิดดูดีๆ เอ๊ะ อ๊ะ อ๋ออออออออออ  :-[
คุณเชษฐ์กลับมาเร็วๆนะคะ ภัทรจะแย่แล้วค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 20-03-2012 21:53:06
ดีใจได้อ่านต่อ
แต่ต้องแอบกลับไปทวน
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 20-03-2012 22:11:41
กรี๊ดดดดดดดดด ดีใจน้ำตาไหลปลาบปลื้ม เป็นการรอคอยที่ยาวนาน(สำหรับเรา)จริงๆ

หวังว่าจะได้อ่านอย่างน้อยอาทิตย์ละ 7 วัน เอ๊ะ!! เยอะไปนิดนึงมั้ง อ่ะๆ 3 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ ฮี่ๆๆ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 20-03-2012 23:02:32
เอาธรไปเก็บซ้าา คุณเชษฐ์กลับมาเร็วๆนะ สงสารภัทร
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-03-2012 09:38:16
กรี๊ดดดดดดดดด ดีใจน้ำตาไหลปลาบปลื้ม เป็นการรอคอยที่ยาวนาน(สำหรับเรา)จริงๆ

หวังว่าจะได้อ่านอย่างน้อยอาทิตย์ละ 7 วัน เอ๊ะ!! เยอะไปนิดนึงมั้ง อ่ะๆ 3 วันต่อสัปดาห์ก็ได้ ฮี่ๆๆ

 :กอด1:


แค่นั้นก็ถี่ค่อดๆ สำหรับคนเขียนสปีดเต่าแล้วค่า 555555 แต่ตอนต่อไปคงไม่นานเป็นหลายเดือนแล้วล่ะ หมดภารกิจเรื่องอื่นแล้ว ทุ่มให้คุณเชษฐ์กับน้องภัทรได้เต็มที่ละ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 21-03-2012 11:06:33
ตอนนี้อ่านแล้วสงสารน้องภัทร หนูจ๋าสวยเริ่ดเชิดหยิ่งไว้นะคะ เอาให้เสียดายเราจนกระอักเลือดเลย สะบักบ๊อบใส่อิธีร ชริ
ดูตัวอย่างจากน้องฝรั่งนะคะ นั่นเค้าเป็นเคะราชินีกันเลยทีเดียว แล้วดูตาณรงค์ซิลูก ไปไหนไม่รอด
อย่าได้แคร์อดีตค่ะ อย่าไปทำหวั่นไหวให้มันเห็น ที่สำคัญ มันแต่งงานแล้วนะลูก อย่าทำแบบป๋วยนะคะ พี่ไม่ปลื้ม
เค้าเลิกกับคนเก่าเพื่อเราได้ สักวันมันเจอคนใหม่ที่ดีกว่าเรา มันก็ไปเหมือนกัน
คุณรินเอาคุณเชษฐ์ของฝนกลับมาจากเวียดนามเดี๋ยวนี้นะ  :serius2: กลัวน้องหวั่นไหว ไม่อยากกินมาม่าเหมือนเรื่องน้องเต้น่ะ
มาเม้นต์ในนี้ยาวสะใจ อิอิ อ้อลืม ต้องบอกว่าเตะอิธีรไปไกลๆด้วย  :z6: ถึงจะเป็นของแท้ กอดคุณรินหนึ่งที :กอด1: มาต่อเร็วๆนะ จุ๊บๆ
เค้ารอรวมเล่มของตะเองอยู่นะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-03-2012 11:41:09
กร๊ากกกกกก ธรค่ะไม่ใช่ธีร คุณฝนโมโหตานี่จนสะกดผิดเลยนะเนี่ย แสดงว่าไม่ปลื้มจริง XD ว่าแต่ไรอันนั่นเขาแนวคุณหนูเอาแต่ใจ ภัทรคงเลียนแบบยากส์อะค่ะ เอิ้กๆ ส่วนรวมเล่มก็...เขียนจบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละตัวเอ๊ง อิอิอิ กอดๆ คุณฝนด้วยค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Salome ที่ 21-03-2012 12:14:04
 :o8: อายอะ แง่งมากไปหน่อย จำชื่อผิดเลย โยนความผิดให้ตัวร้ายดีกว่า เพราะมันแหละฝนเลยไม่อยากจำชื่อมัน เชอะ
หนีไปดีกว่า เขิน ฟิ้ว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 21-03-2012 12:28:08
ช้านไม่ได้ฝันไปใช่ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

กรี๊ดดดดดด คุณเชษฐ์ค่ะ กลับด่วนเลยค่ะ ณ นาว สถานการณ์แบบนี้ ภัทรเด็กน้อยของเราต้องการตัวช่วยอย่างแรง 

ปล. อิชั้นจะไปบนเจ้าแม่ตำหนักไหนดีให้คุณริน มาต่อตอนต่อไปภายใน 7 วัน กร๊ากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 21-03-2012 12:43:33
ขยี้ที่ตาสองที คุณเชษฐ์น้องภัทร กลับมาแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-03-2012 13:07:41
ช้านไม่ได้ฝันไปใช่ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

กรี๊ดดดดดด คุณเชษฐ์ค่ะ กลับด่วนเลยค่ะ ณ นาว สถานการณ์แบบนี้ ภัทรเด็กน้อยของเราต้องการตัวช่วยอย่างแรง 

ปล. อิชั้นจะไปบนเจ้าแม่ตำหนักไหนดีให้คุณริน มาต่อตอนต่อไปภายใน 7 วัน กร๊ากกกกกกกกกกก

คุณผึ้ง สงสัยต้องบนกับเจ้าแม่ทันใจค่ะ ว่าแต่เจ้าแม่อยู่ไหนไม่รู้นะ รู้สึกจะตามตัวยากส์แม๊กส์ 5555555555555++
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 21-03-2012 14:21:30
ดีใจนะเนี่ยที่เห็นชื่อเรื่องนี้ยังว่าหายไปไหนหาไม่เจอ
แต่ตอนนี้ภัทรต้องการความช่วยเหลือด่วนเลย คิดถึงเชษฐ์
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-03-2012 16:16:58
ดีใจนะเนี่ยที่เห็นชื่อเรื่องนี้ยังว่าหายไปไหนหาไม่เจอ
แต่ตอนนี้ภัทรต้องการความช่วยเหลือด่วนเลย คิดถึงเชษฐ์

ก่อนหน้านี้โดนย้ายไปห้องนิยายที่ยังไม่มาต่อให้จบ(สักที)น่ะค่ะ แต่คงไม่หายไปครึ่งปีแบบครั้งที่แล้วแล้วล่ะ แหะๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 14 P.15 มาจริงๆ ละ [20/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 23-03-2012 14:47:36
เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่ จะไปอ่านทวนอีกรอบ เตรียมไว้อ่านตอนใหม่ตอนต่อไป คึคึ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-03-2012 22:44:14
ตอนใหม่....มาไวกว่าที่คาด หุหุหุ (แต่ตอนต่อจากตอนนี้ไม่แน่ใจ)   :m32:

ตอนที่ 15.

การประชุมลูกค้าใหม่ในช่วงบ่ายเริ่มขึ้นและดำเนินไปอย่างราบรื่น สมกับที่ป๋วยตระเตรียมเนื้อหาและซักซ้อมมาอย่างดีหลายครั้ง ทำให้แม้ว่าลูกค้าจะถามคำถามยิบย่อยแค่ไหนในช่วงท้าย หญิงสาวก็สามารถตอบได้โดยไม่ติดขัด

ตรงกันข้าม ภัทรกลับไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่ เพราะหน้าที่หลักของเขาคือเตรียมเอกสารสำหรับผู้เข้าประชุมซึ่งเสร็จไปตั้งแต่เมื่อเช้า ตอนนี้หน้าที่ของเขาจึงเหลือเพียงถ่ายภาพบรรยากาศด้วยกล้องดิจิตอลที่เบิกยืมมาจากฝ่ายแอดมิน เพราะต้องนำไปทำรายงานการประชุมภายหลัง

รูปแบบการจัดห้องประชุมโดยเรียงโต๊ะเป็นสองแถวและมีที่ว่างตรงกลางช่วยให้ภัทรเดินถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น โดยระหว่างที่ป๋วยพูดและบรรยายรายละเอียดที่ฉายบนสกรีน เขาก็จะย้ายที่ไปตามมุมที่ว่างเพื่อเก็บภาพที่จะเห็นท่าทางของคนที่มาเข้าฟังให้ชัดเจนที่สุด

แต่ก็ยังมีมุมหนึ่งของห้องที่เขาไม่ค่อยได้หันกล้องไปหาเท่าไรนัก

ภัทรตระหนักดีตลอดเวลาที่ประชุมว่าธราธรก็นั่งอยู่ในห้องด้วย แต่โชคยังดีที่ตั้งแต่ป๋วยเริ่มเปิดประชุม ฝ่ายนั้นก็ตั้งใจฟังโดยไม่ได้หันมาสนใจเขา ภัทรจึงไม่ค่อยรู้สึกกระวนกระวายเท่าตอนที่เจอกันในศูนย์อาหารเมื่อตอนเที่ยง

คงเพราะตกใจที่ได้เจอกันตรงๆ หลังจากไม่ได้เจอมานานเท่านั้นแหละ อีกอย่างพวกเราก็ตัดความสัมพันธ์กันมาเกินสองปีแล้วนะ ไม่ควรจะจำเอาไว้ให้เจ็บใจเลยสักนิด...

ภัทรเตือนตัวเองขณะเหลียวไปมองแผ่นหลังอันคุ้นตา ... ‘เคย’ คุ้นตาซึ่งกำลังนั่งฟังการประชุมอยู่หน้าห้อง อดจะตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าช่างวิตกกังวลมากไป จากนั้นก็เดินไปด้านหลังห้องเพื่อเก็บภาพบรรยากาศต่อ

หลังจากการประชุมชี้แจงข้อมูลจบลงตามเวลาที่กำหนด ป๋วยก็กล่าวปิดประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขณะยืนมองลูกค้าค่อยๆ ทยอยเดินออกจากห้องประชุม ภัทรเก็บกล้องดิจิตอลใส่ลงในซองหนังแล้วก็เดินเข้าไปหารุ่นพี่หลังจากทุกคนออกจากห้องหมดแล้ว

“เสร็จเสียที รู้สึกเหมือนเตรียมเนื้อหามาตั้งนานแต่ได้พูดแป๊บเดียวเอง”

ป๋วยพึมพำอย่างโล่งใจจนภัทรหัวเราะ “ก็ไม่แป๊บนะพี่ป๋วย ประชุมตั้งเกือบสองชั่วโมงแน่ะ แต่โชคดีนะที่ไม่ค่อยมีใครถามอะไรยากๆ เท่าไหร่”

รุ่นพี่สาวฟังแล้วก็ย่นจมูก “อย่าลืมสิยะว่าลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่งจะมาออกงานกับเราครั้งแรก เดี๋ยวไว้ใกล้ๆ ช่วงจัดงานเมื่อไหร่คงมีเรื่องให้ต้องโทรมาถามกันอีกเยอะอยู่หรอก”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ขณะช่วยรุ่นพี่ปิดไฟและเก็บโน้ตบุ๊คเพื่อเอากลับไปที่ห้องทำงาน หลังจากตรวจความเรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากห้องประชุมด้วยกัน แต่ขณะที่จะเดินผ่านล็อบบี้ด้านหน้าทางเข้า ฝีเท้าของภัทรก็ชะลอลงเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขก

เช่นเดียวกับรอยยิ้มบนริมฝีปากที่เลือนลงแทบจะทันทีเหมือนกัน

“พี่ภัทร พอดีลูกค้าคนนี้บอกว่าอยากรอพบพี่ภัทรน่ะค่ะ”

กุ้งซึ่งนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์รีเซปชั่นหันมาบอก ขณะเดียวกับที่ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากโซฟาโดยที่มือข้างหนึ่งล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง นัยน์ตาคมเด็ดเดี่ยวและรอยยิ้มจางๆ บนมุมปากดูมีเสน่ห์ดึงดูดที่หากใครได้เห็นคงยากจะปฏิเสธ และภัทรก็เคยพ่ายแพ้แก่สายตาคู่นั้น...สมัยที่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษาและธราธรเป็นฝ่ายที่มาแสดงความสนใจเขาก่อน จนสุดท้ายเขาก็กลายเป็นฝ่ายที่หลงความช่างตื๊อและมั่นใจในตัวเองนั้นจนถอนตัวไม่ขึ้นในภายหลัง

แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านมานานจนเขาไม่อยากจะนึกถึง...

“อ้าว คุณธร? จริงสิ ไม่เจอเพื่อนเก่าตั้งนานคงคิดถึงสินะคะ ถ้างั้นเดี๋ยวพี่เอาโน้ตบุ๊คกับกล้องไปเก็บเองก็ได้ภัทร เธอคุยกับคุณธรตามสบายเถอะ”

ดูเหมือนสัญชาตญาณของรุ่นพี่สาวที่มักเฉียบคมเสมอจะฝืดไปในวันนี้ เพราะป๋วยไม่ได้เอะใจกับใบหน้าซีดเผือดของภัทรเลยแม้แต่น้อย และเพียงแต่หยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊คและถุงใส่กล้องไปจากมือเขาก่อนจะยิ้มให้ธราธรขณะเดินกลับไปยังห้องทำงาน ทิ้งให้ภัทรต้องยืนต้อนรับคนที่ไม่อยากพบที่สุดอยู่คนเดียว

“จะรับกาแฟหรือชาไหมคะ? เดี๋ยวกุ้งจะได้ให้แม่บ้านจัดมาให้”

สาวน้อยหนึ่งเดียวที่ยังอยู่ตรงนั้นถามขึ้นตามหน้าที่ ธราธรจึงปฏิเสธยิ้มๆ “ไม่ต้องหรอกครับ ผมแค่อยากคุยกับภัทรเฉยๆ”

นัยน์ตาแวววามที่เบนมาทางเขาตอนเรียกชื่อทำให้ไหล่ของภัทรเกร็งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงโดดเด่นและสะดุดตาไม่เปลี่ยน แต่ภัทรกลับรู้สึกถึงกลิ่นอายที่ทำให้ใจไม่สงบและอยากหนีจากตรงนั้นให้ไกล

“เดี๋ยวพี่ไปคุยที่ห้องประชุมเล็กดีกว่ากุ้ง ไม่มีใครจะใช้ห้องนั้นใช่ไหม?”

ภัทรเบนสายตาไปถามรุ่นน้องสาว กุ้งจึงเช็คตารางให้ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่มีค่ะพี่ภัทร วันนี้ห้องประชุมเล็กว่างยาวตั้งแต่เช้าเลยค่ะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าพลางชำเลืองมองคนที่ยืนเยื้องไปด้านหลัง จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินกลับไปทางห้องประชุมแทนการบอกอีกฝ่ายให้เดินตาม หลังจากเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมเล็ก ภัทรก็เดินตรงไปที่มุมหนึ่งของห้องทันทีและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หลังจากธราธรเข้ามาและปิดประตูตามหลัง บรรยากาศอันอึดอัดในห้องที่ออกแบบไว้สำหรับการประชุมเพียงไม่เกินเจ็ดถึงแปดคนก็ทำให้ภัทรหายใจติดขัด จึงตัดสินใจรีบชวนคุยธุระให้เสร็จ

“มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ?”

ภัทรพยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้บ่งบอกความรู้สึกใดออกไป ร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายทำให้ห้องประชุมดูเล็กไปถนัด และทำให้ภัทรเริ่มไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือไม่ที่ชวนมาคุยในห้องนี้ แต่ถ้าหากยังอยู่ที่ล็อบบี้ กุ้งซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ หรือใครที่เดินผ่านไปมาอาจเอะใจกับบทสนทนาของพวกเขาก็ได้

ใบหน้าคมคายเลิกคิ้ว “ทำไมล่ะ ถ้าหากเราได้เจอแฟนเก่าที่ไม่เจอกันมาตั้งสองปี เราจะไม่อยากคุยกับเขาเพราะคิดถึงหน่อยเหรอ?”

ภัทรสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่ผุดพลุ่งขึ้นบนหน้า แต่ความรู้สึกนั้นช่างซับซ้อนจนยากจะอธิบายว่าเป็นความอายหรือความโกรธ ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายก็มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วแท้ๆ เขาพยายามกำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์ แต่เมื่อธราธรก้าวเข้ามาใกล้ ภัทรก็รีบชักฝีเท้าถอยไปด้านหลังทันที

“ไม่อยากหรอกครับ ผมไม่ชอบนึกถึงอะไรที่มันจบไปแล้ว”

คำตอบห้วนๆ นั้นทำให้คนที่กำลังก้าวเข้าหาชะงัก ก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดังออกมาโดยที่ภัทรได้แต่เม้มปาก ได้แต่หวังว่าเมื่อครู่นี้เสียงเขาคงไม่สั่นจนถูกจับได้

บางทีเขาก็เบื่อความอ่อนแอของตัวเองเสียจริงๆ

ธราธรหยุดหัวเราะโดยไม่ได้ก้าวเข้าหาภัทรมากไปกว่านั้น ทว่านัยน์ตาที่ทอดมองมาก็ไม่ได้ทำให้ภัทรรู้สึกว่าถูกคุกคามน้อยลงสักนิด “ไม่น่ารักเลยนะภัทร นี่ใจคอก็จะไม่เรียกชื่อธรสักคำเลยหรือไง?”

คิ้วที่ขมวดขึ้นของคนพูดทำให้ภัทรใจไม่ดี แต่ก็ยังฝืนทำคอแข็งไว้ “ผมไม่มีเหตุผลจะต้องเรียกชื่อคุณนอกเหนือจากเวลางานนี่ครับ”

เขาเริ่มสับสนจริงจังว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ และได้แต่ภาวนาให้บทสนทนานี้จบลงโดยไว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดแบบเดียวกัน

“อย่าเล่นแง่นะภัทร  หรือจะบอกว่าจำเรื่องเมื่อก่อนของพวกเราไม่ได้เลย?”

ภัทรมองสีหน้าไม่พอใจของคนถามอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อคนที่อยากจบความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือเจ้าตัวเองไม่ใช่หรือ แล้วจะมารื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อนเอาป่านนี้ทำไมกัน

ร่างสูงเพรียวสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์มากยิ่งขึ้น จึงรีบพูดเสียงเข้มเพื่อหยุดฝีเท้าคู่นั้นไว้

“อย่าเข้ามาอีกนะ! ถ้าหากคุณมีธุระอะไรก็รีบพูดมา ผมมีงานที่ต้องรีบกลับไปทำ”

ภัทรหวังว่าเสียงของตัวเองจะไม่สะท้อนความหวั่นไหว ถึงแม้มือทั้งสองข้างจะสั่นจนต้องกำไว้แน่น ตอนที่เขายังอ่อนต่อโลกกว่านี้ เขาเคยมองทุกอย่างในแง่ดีและเชื่อว่าคนที่แยกทางกันย่อมสามารถคบกันเป็นเพื่อนต่อไปได้ แต่ประสบการณ์ที่ตกเป็นผู้ถูกทิ้งได้ทำลายความคิดนั้นไปสิ้น และทำให้เขาได้ตระหนักว่าสำหรับคนบางคน...มิตรภาพเป็นสิ่งที่สูงค่าเกินกว่าจะมอบให้หลังจากเลิกรากันแล้ว

ธราธรเคยทำให้เขาเชื่อหมดใจว่าทั้งสองจะมีอนาคตร่วมกัน แต่แล้วฝันนั้นก็ถูกทำลายด้วยการ์ดแต่งงานที่เจ้าตัวมอบให้พร้อมกับคำพูดตัดรอนเพียงไม่กี่ประโยค และตอนนี้ภัทรก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่จะดีใจเพราะแฟนเก่ามาทำดีด้วยอีก

ชายหนุ่มทั้งสองยืนสบตากันอย่างประเมินท่าทีอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายคนตัวใหญ่กว่าก็ยักไหล่และทำลายความเงียบก่อน

“เอาเถอะ แค่ได้เจอกันวันนี้ก็เกินคาดแล้วล่ะ เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกันใหม่วันหลังก็แล้วกัน ส่วนนี่นามบัตรของธร...ถ้าเผื่อจะโทรหาเพราะธรเปลี่ยนเบอร์แล้ว”

ภัทรไม่ได้ถอยหนีอีกเมื่ออีกฝ่ายก้าวเข้าหาพร้อมกับยื่นนามบัตรให้ เขาเพียงแต่เหลือบตามองแผ่นกระดาษแข็งสี่เหลี่ยมพิมพ์ตัวอักษรสีเงินหรูหราด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า กิริยานั้นคงทำให้อีกฝ่ายขัดใจจนต้องดึงมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นไปแล้วยัดนามบัตรใส่ให้เอง

แต่ที่ทำให้ภัทรตกใจนชักมือหนีแทบไม่ทัน คอการที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นก้มลงประทับริมฝีปากเร็วๆ ลงบนข้อมือของเขาก่อนจะปล่อย

“ถ้าคิดถึงก็โทรมานะ”

ธราธรดูจะพอใจกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มจัดของอดีตคนรัก ใบหน้าคมคายได้รูปยิ้มเย็นก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกจากห้อง ทิ้งให้ภัทรยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่คนเดียวในห้องประชุมแคบๆ พร้อมกับจิตใจที่ปั่นป่วน

คิดถึงก็โทรมานะ...งั้นหรือ? นี่ยังคิดว่าเขาจะอยากโทรหาหลังจากแยกทางกันมานานขนาดนี้อีกหรือไง ธราธรที่เขาเคยรู้จักเป็นคนหลงตัวเองจนน่ารังเกียจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วไหนจะยังภรรยาที่แต่งงานกันไปแล้วอีกล่ะ?? นี่อีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่???

มือเรียวขยำแผ่นกระดาษในมือจนยับยู่ยี่ก่อนจะปาลงถังขยะตรงมุมห้อง พายุอารมณ์ผสมกับความเครียดจากการเผชิญหน้าเมื่อครู่ทำให้ภัทรรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าจนปวกเปียกไปหมด ชายหนุ่มลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลงพลางยกมือหนึ่งขึ้นกุมหน้าผากอย่างอ่อนแรง

ภัทรไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะควบคุมความรู้สึกที่คุกรุ่นในใจไม่ได้ถึงเพียงนี้ การกระทำเมื่อครู่ของอดีตคนที่เคยคบหากันทำให้เขาโกรธ ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนทิ้งเขาไปเองเพื่อแต่งงาน แล้วยังเป็นฝ่ายตัดการคบหาทุกทาง พอมาตอนนี้ที่ได้พบกันโดยบังเอิญ จะเข้ามาทำให้เขาหัวปั่นอีกทำไม

คุณเชษฐ์...อยากได้ยินเสียงคุณเชษฐ์เหลือเกิน...

ชายหนุ่มสูดน้ำมูกขณะที่หัวตาร้อนผ่าว เขานึกอยากให้คุณผู้จัดการอยู่ในบริษัทตอนนี้ อย่างน้อยเขาจะได้เดินเข้าไปหาและขอความเข้มแข็งจากอ้อมกอดอบอุ่นนั้นได้ ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ใช่ความเศร้าอย่างลึกซึ้งเหมือนเช่นคืนที่ได้พบธราธรกับภรรยาโดยบังเอิญที่ร้านอาหาร แต่เป็นความรู้สึกเจ็บใจที่กำลังโดนคนรักเก่าคุกคามโดยไม่มีคุณเชษฐ์อยู่ข้างๆ ต่างหาก

ภัทรหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าพลางกดหาหมายเลขที่เชษฐ์ใช้ยามอยู่ที่เวียดนาม แต่แล้วก็ได้แต่จ้องหมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอด้วยความรู้สึกว้าวุ่นใจ

ตอนนี้คุณเชษฐ์อาจกำลังทำงานยุ่งก็ได้ แล้วถ้าเราโทรไปหาด้วยเรื่องแค่นี้ทั้งที่ยังไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น จะไม่ดูเหมือนเราเป็นเด็กขี้ฟ้องที่โดนแกล้งนิดหน่อยก็รับมือเองไม่ได้หรอกหรือ...

ภัทรเม้มปากขณะจ้องโทรศัพท์ในมือ ความคิดถึงทำให้เขาอยากได้ยินเสียงที่จะช่วยกำจัดความขุ่นข้องในใจให้เลือนหาย แต่ขณะเดียวกันก็เกรงว่าถ้าหากเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟัง เขาอาจทำให้ฝ่ายนั้นต้องเป็นกังวลแทนที่จะได้ทุ่มเทความสนใจให้กับภารกิจตรงหน้าก็เป็นได้

...อย่าทำตัวเป็นเด็กสิภัทร รอให้อารมณ์เย็นก่อนค่อยโทรหาดีกว่า อยากให้คุณเชษฐ์มองว่าเรารับมือกับเรื่องแค่นี้ด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง...

ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์พลางสูดหายใจลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ กระทั่งคิดว่าปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้แล้ว จึงค่อยลุกออกจากห้องประชุมและเดินกลับไปฝั่งห้องทำงาน ระหว่างทางเขาต้องเดินผ่านเคาน์เตอร์รีเซปชั่นที่กุ้งนั่งประจำอยู่ด้วย แต่โชคดีที่รุ่นน้องสาวเพียงแต่ยิ้มให้และไม่ได้ซักไซ้ว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้แขกกลับไปก่อน

ภัทรใช้เวลาทำงานที่เหลือในการคัดเลือกรูปถ่ายและทำรายงานการประชุม พอถึงเวลาหกโมงเย็นก็ปิดคอมพิวเตอร์แล้วออกจากบริษัท ขณะที่กำลังยืนรอรถไฟฟ้าอยู่บนชานชาลาซึ่งมีผู้โดยสารจำนวนมากยืนเบียดเสียดกันอยู่ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ส่งเสียงว่ามีสายเข้า แต่น่าเสียดายที่เมื่อหยิบขึ้นดูแล้วไม่ใช่ชื่อของคนที่เขากำลังคิดถึง

แต่ก็ยังถือว่าเป็นคนที่มีความสำคัญทางใจไม่แพ้กัน

“ฮัลโหล? พี่แพน?”

ภัทรกดรับสายพลางเดินออกจากแถวที่กำลังรอรถเพื่อจะได้คุยถนัด เพราะถึงอย่างไรก็ใช่ว่าเขาจะรีบร้อนกลับห้องตั้งแต่แรก

“ไงภัทร เลิกงานแล้วหรือยังเนี่ย?”

“เลิกแล้ว ภัทรเพิ่งออกมาจากออฟฟิศ กำลังรอรถไฟฟ้าอยู่ที่สถานี”

“อ้าว? นี่ไม่ได้กลับกับคุณเชษฐ์หรอกเหรอ?”
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 28-03-2012 22:47:35
ปลายสายทำเสียงสูงอย่างแปลกใจ ภัทรจึงส่ายหน้ายิ้มๆ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น “คุณเชษฐ์ไปเวียดนามตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลับวันไหน”

แพนทำเสียงงึมงำในคอแสดงความเข้าใจ “อ้อ...แหม ให้มันได้อย่างนี้สิ วันนี้พี่ก็เพิ่งไปส่งโทรุไปญี่ปุ่นเหมือนกัน โดนทิ้งเหมือนกันทั้งคู่เลยนะเรา”

มีเสียงแหลมเล็กดังขึ้นไม่เบานัก แสดงว่าคนพูดอยู่ไม่ไกลจากหูโทรศัพท์ “คุณพ่อไม่ได้ทิ้งมิมิสักหน่อย” ภัทรจึงหัวเราะออกมาทันที

“มายูมิเป็นไงบ้างพี่แพน ร้องไห้ตอนไปส่งคุณพ่อหรือเปล่า?”

คนถูกถามหัวเราะ “ก็ไม่นะ แต่คืนนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน พี่ถึงได้โทรมาหาเพราะจะถามว่าช่วงวันหยุดนี้เธอว่างหรือเปล่านี่แหละ ถ้ายังไงมาค้างกับพี่มั้ย? หลานจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเที่ยวตลาดน้ำหรือสวนสนุกที่ไหนกัน”

แพนพูดไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงเล็กๆ พูดแจ๋วๆ ดังตามมาทันที “น้าภัทร มานอนกับหนูนะ จะได้อ่านนิทานให้หนูฟังด้วย มานะคะ นะคะๆๆ”

เสียงออดอ้อนนั้นชัดราวหลานสาวตัวน้อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้โทรศัพท์ ภัทรจึงยิ้มกว้าง และรู้สึกราวกับความมัวหมองในใจที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายสลายไปหมด

“เอาสิ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวภัทรกลับห้องไปเก็บกระเป๋าก่อนดีกว่า แล้วค่อยไปหาพี่แพนที่บ้าน”

“เดี๋ยวนะ ภัทรยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม ถ้างั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่ห้างดีกว่า พอกินข้าวกันเสร็จพี่ค่อยขับรถพาไปเอาของที่คอนโดแล้วค่อยมาบ้านพี่”

ภัทรฟังข้อเสนอแล้วก็ตอบแบ่งรับแบ่งสู้อย่างเกรงใจ “เอางั้นก็ได้ แต่พี่แพนจะไม่เหนื่อยเหรอ มันต้องขับรถวนไปวนมานะ”

 “เอาน่า ไหนๆ พี่ก็ว่างอยู่แล้ว แค่นี้จิ๊บจ๊อย ถ้างั้นอีกสักชั่วโมงนึงเจอกันที่ห้างนะ พี่จะรีบพายายตัวเล็กออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”

หลังจากวางสาย ภัทรก็รู้สึกว่าตัวเบาโล่งขึ้น ขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความอบอุ่นในใจที่ทำให้ยิ้มออกมาได้ ร่างสูงเพรียวเดินกลับไปต่อแถวเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า และเมื่อถึงสถานที่นัดหมายก็เดินเล่นรอพี่สาวกับหลานไปเรื่อยๆ พอแพนมาถึงก็โทรหาเขาแล้วนัดให้ไปเจอกันที่ร้านที่มายูมิอยากกิน ทันทีที่เด็กหญิงเห็นน้าชายคนโปรดก็ปีนลงจากเก้าอี้ทันที

“เย้!!! คิดถึงน้าภัทรจังเลย!”

มายูมิวิ่งมากอดเอวภัทรอย่างร่าเริง จากนั้นก็จูงมือนำไปยังโต๊ะที่แม่นั่งอยู่แล้วทำท่าตบเก้าอี้ตัวข้างๆ ให้ภัทรนั่งลง แพนมองความช่างเจ้ากี้เจ้าการของลูกสาวแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ

“ทำยังกับไม่ได้เพิ่งเจอกันเมื่อคืนอย่างนั้นแหละ นี่ยังดีนะว่าเป็นภัทร สงสัยถ้าเป็นหนุ่มคนอื่นคงโดนพ่อเขาเหล่ใส่แน่ๆ”

มายูมิทำหน้าไม่เข้าใจ “ทำไมถ้าเป็นคนอื่นพ่อจะต้องเหล่ใส่ด้วยล่ะคะ?”

เสียงหัวเราะดังประสานจากผู้ใหญ่สองคนกับความไร้เดียงสาของแม่หนูน้อย หลังจากทุกคนได้อาหารที่สั่งและเริ่มทานกันแล้ว มายูมิก็เริ่มเล่าเรื่องที่โรงเรียนและเรื่องต่างๆ ให้น้าชายฟังจนโดนแม่ดุบ่อยๆ ที่กินไปคุยไป ส่วนภัทรเองก็หัวเราะหรือชวนหลานสาวตัวน้อยคุยเป็นระยะเหมือนกัน สุดท้ายแพนเลยยอมแพ้และเลิกดุไปเองด้วยความระอา แต่รอยยิ้มบนมุมปากก็บอกได้ดีว่ามีความสุขที่เห็นลูกสาวและน้องชายอารมณ์แจ่มใส

ขณะที่กำลังรอของหวานที่เพิ่งสั่งไปหลังจากทานข้าวเสร็จ เสียงโทรศัพท์มือถือของภัทรก็ดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดูหมายเลขที่โทรเข้า รอยยิ้มซึ่งติดบนใบหน้าของเขาตลอดค่ำคืนอยู่แล้วก็ราวจะเปล่งประกายสดใสเพิ่มขึ้น เพราะชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือชื่อของคนที่คิดถึงมาทั้งวัน

ในที่สุดก็โทรมาสักที...

“หวัดดีครับคุณเชษฐ์”

แม้แต่น้ำเสียงที่ตอบรับก็ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มเจืออยู่อย่างห้ามไม่ได้ มายูมิได้ยินชื่อก็ทำตาโตและเตรียมจะร้องทักบ้าง แต่โดนแพนยกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากห้ามว่าอย่าส่งเสียงดัง หนูน้อยจึงพยักหน้าแล้วยกสองมือขึ้นปิดปาก เรียกเสียงหัวเราะจากภัทรที่ยื่นมือออกไปขยี้ผมหลานสาวเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว

“ทำอะไรอยู่เหรอ เสียงเหมือนอยู่ข้างนอก”

เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคย ภัทรก็รู้สึกราวกับเรื่องหนักใจทั้งหลายถูกความอบอุ่นนั้นกลืนหายไปหมด ขณะเดียวกันก็นึกอยากให้คนที่กำลังคุยอยู่มานั่งอยู่ตรงนี้ด้วย เพื่อที่เขาจะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายใกล้ๆ แล้วจับมือไว้แน่นๆ

“มาทานข้าวกับพี่แพนกับมายูมิครับ เพราะพี่โทรุบินไปญี่ปุ่นแล้ว เดี๋ยววันหยุดนี้ก็เลยจะไปค้างกับพี่แพนที่บ้าน”

มายูมิส่งเสียง “เย่!” ออกมาในที่สุดเพราะดีใจ เชษฐ์ซึ่งได้ยินเสียงนั้นจึงหัวเราะ “ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่กับหลานสินะ ก็ดีเหมือนกัน ฉันก็นึกอยู่ว่าวันหยุดนี้เธอจะเหงาหรือเปล่า เพราะครั้งนี้ฉันมาแบบฉุกละหุกมาก”

“ช่วยไม่ได้นี่ครับคุณเชษฐ์ มันเป็นงานนี่นา”

ภัทรไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดประโยคนี้กี่ครั้งแล้ว แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ตราบใดที่เชษฐ์ยังคงเป็นคนที่ได้รับความมั่นใจจากท่านประธานให้ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ แบบนี้

“ก็หวังว่าคุณอั๋นจะอาการดีขึ้นเร็วๆ ละนะ ถึงแม้พูดแบบนี้จะฟังไม่ดีก็เถอะ แต่ฉันชักเบื่อการเดินทางไปๆ มาๆ เต็มที เพราะงานที่กรุงเทพฉันก็ห่วง แล้วก็คิดถึงเธอด้วย”

ภัทรรู้สึกถึงความอุ่นจัดที่ซ่านขึ้นบนผิวหน้า เพราะนั่นเป็นคำพูดที่เขาอยากได้ยินที่สุด ถ้าหากทำได้ เขาก็อยากจะซื้อตั๋วแล้วบินไปหาอีกฝ่ายในนาทีนี้ให้รู้แล้วรู้รอด ใจหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อตัวเองว่าจากคนที่เคยพยายามชะลอความสัมพันธ์ไว้เพราะกลัวจะก้าวเร็วเกินไป มาบัดนี้กลับเป็นคนที่อยากเร่งพัฒนาการนั้นเสียเองเช่นนี้

“น้าภัทรขาาาา มิมิขอคุยกับน้าเชษฐ์มั่งสิคะ”

หลานสาวตัวน้อยดูท่าจะถูกใจ ‘แฟน’ ของน้าชายที่เพิ่งเจอกันเมื่อคืนก่อน เลยยืดแขนจากที่นั่งตัวเองไปหาภัทรเพื่อขอโทรศัพท์มือถือมาคุยบ้าง แพนจึงตีมือลูกเบาๆ

“ไม่เอาน่ะมิมิ ผู้ใหญ่เขาคุยกันอยู่นะลูก ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ”

เด็กหญิงทำหน้ายู่ ภัทรเหลือบไปมองใบหน้าเล็กๆ ก็เห็นใจ เลยบอกคู่สนทนาว่าหลานเขาอยากคุยด้วย ก่อนจะยื่นมือถือส่งให้มายูมิซึ่งกระวีกระวาดรับเครื่องไปแนบหู แพนมองหน้าน้องชายแล้วก็ได้แต่กลอกตาที่คุณน้าช่างชอบตามใจหลานสาวเสียเหลือเกิน

“สวัสดีค่าน้าเชษฐ์ วันนี้หนูติดกิ๊บที่ได้เป็นของขวัญมาด้วยล่ะ ใช่ค่า...เดี๋ยวคืนนี้น้าภัทรจะมานอนบ้านมิมิแล้วพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกันด้วย เดี๋ยวพ่อกลับมาเมื่อไหร่น้าเชษฐ์มาเที่ยวกับหนูกับน้าภัทรด้วยนะ หือ? อ๋อออออ ได้สิคะ รอแป๊บนึงนะคะ”

เด็กหญิงคุยเสียงแจ๋วยืดยาว แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือหนึ่งมากระตุกแขนเสื้อของภัทร คุณน้ายังหนุ่มเลยเลิกคิ้วแล้วโน้มตัวเข้าไปหา แม่หนูน้อยเลยหอมแก้มเขาดังจ๊วบก่อนจะหันกลับไปพูดอย่างสดใสใส่มือถือราวกับเพิ่งทำภารกิจสำคัญสำเร็จ

“เรียบร้อยค่าาาาน้าเชษฐ์ มิมิหอมแก้มน้าภัทรให้แล้ว อย่าลืมซื้อขนมมาฝากหนูนะคะ”

คราวนี้แพนปิดปากหัวเราะเพราะเดาได้ว่าลูกสาวคุยอะไรกับแฟนของน้องชาย ส่วนภัทรได้แต่นั่งหน้าแดง กลัวใจว่าหลานสาวจะโตขึ้นมาแก่นเซี้ยวและเห็นแก่สินบนเสียจริงๆ มายูมิคุยกับเชษฐ์อีกสองสามประโยคก็ยื่นมือถือคืนให้ภัทร

“น้าเชษฐ์บอกว่าจะคุยกับน้าภัทรต่อละค่ะ”

“ครับคุณเชษฐ์?”

ภัทรถามหลังจากรับมือถือกลับมา ส่วนหลานสาวตัวน้อยนั่งตักไอศกรีมเข้าปากสบายใจเฉิบจนแม่ต้องคอยเอาทิชชู่เช็ดคราบตรงมุมปากให้

“ฉันไม่รบกวนเวลาครอบครัวเธอล่ะนะ ว่าจะไปอาบน้ำแล้วหาอะไรกินเหมือนกัน พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันก็เดินทางดีๆ ล่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ ถ้าหากรู้วันกลับเมื่อไหร่ฉันจะรีบบอก”

“ครับ ผมจะรอ….แล้วก็....เอ้อ...”

“หือม์?”

ปลายสายทำเสียงรับในคอโดยไม่เร่งเร้า ภัทรที่กำลังอึกๆ อักๆ จึงเหลือบมองพี่สาวกับหลานอีกครั้ง ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ได้สนใจเขา แต่ภัทรก็ยังไม่กล้าพูดโต้งๆ ออกมาอยู่ดี เลยต้องเบี่ยงตัวหันไปอีกทางพลางกรอกเสียงไม่ดังนัก

“….ผมก็คิดถึงคุณเชษฐ์ครับ”

ภัทรพูดแล้วก็เม้มปาก หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นกับการยอมรับความในใจจนต้องยกมือหนึ่งกุมอกไว้ แต่ดูเหมือนความรู้สึกของเขาจะส่งไปถึงปลายทางได้ไม่ยากเย็น เพราะเชษฐ์หัวเราะเบาๆ

“ฉันจะขอฟังอีกทีตอนกลับไปนะ”

ภัทรยิ้มก่อนจะกดตัดสาย เขาค่อยๆ ระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอกขณะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากวันที่แย่จนไม่น่าจะแย่ลงไปกว่านั้นได้อีก เพียงได้ยินน้ำเสียงอันปลอบโยน เขาก็รู้สึกดีขึ้นราวกับเรื่องพวกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นได้แล้ว

หลังจากทั้งสามทานมื้อค่ำกันเสร็จและจ่ายเงินเรียบร้อย แพนก็พาลูกสาวกับน้องชายไปเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาเก็ต กระทั่งได้เวลาพอสมควรจึงขับรถพาภัทรกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่คอนโด ความตื่นเต้นที่น้าชายมาค้างด้วยทำให้มายูมิเอาแต่รบเร้าจะให้ภัทรอ่านนิทานให้ฟังจนแพนต้องบอกให้เข้านอนเสียที

ความจริงมายูมิมีห้องนอนของตัวเองตั้งแต่เข้าชั้นอนุบาลแล้ว แต่บ่อยครั้งที่แม่หนูน้อยจะชอบอ้อนมาขอนอนกับพ่อแม่เหมือนตอนยังเป็นเด็กเล็ก ยิ่งวันนี้น้าชายมาค้างด้วย เด็กหญิงก็เลยขอแม่ให้ภัทรมานอนที่ห้องใหญ่ด้วยกันทั้งสามคนเสียเลย

ถึงแม้เจ้าตัวจะแสดงท่าทีอิดออดไม่อยากนอนแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรเด็กก็ยังเป็นเด็ก หลังจากแปรงฟันเรียบร้อยและกลับมานอนหนุนหมอนพร้อมตุ๊กตาแมวน้ำตัวโปรด แม่หนูที่เมื่อครู่ยังชวนน้าชายคุยจ๋อยๆ ก็ผล็อยหลับไปแทบจะทันที แพนมองลูกสาวที่หลับปุ๋ยแล้วก็ยิ้มอย่างเหนื่อยๆ

“หลับได้สักที ทุกคืนก็ต้องตะล่อมกันน่าดูกว่าจะยอมนอนแบบนี้แหละ ถ้างั้นพี่ปิดไฟเลยแล้วกันนะ หรือว่าภัทรยังไม่ง่วง?”

“ไม่เป็นไรพี่แพน ปิดไฟเลยก็ได้”

ภัทรเอ่ยพลางเอนตัวลงบนที่ว่างด้านหนึ่งของหลานสาว แพนจึงเดินไปปิดไฟก่อนจะกลับมานอนลงตรงที่ว่างอีกด้านของเตียง ภายในห้องถูกความเงียบคลี่คลุมอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่แพนจะถามขึ้นเสียงไม่ดังนักเพราะกลัวลูกตื่น

“คราวนี้คุณเชษฐ์ต้องไปเวียดนามนานไหมน่ะภัทร?”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วในความมืด แต่ก็ตอบด้วยเสียงไม่ดังมากเช่นเดียวกัน “หืม? ไม่รู้เหมือนกัน ช่วงนี้เขาก็ไปๆ มาๆ เพราะสำนักงานใหญ่จะเปิดสาขาที่โน่น ปกติคุณเชษฐ์เขาจะไปสลับกับผู้จัดการอีกคนน่ะพี่แพน”

“อ๋อ...”

แพนครางในคอ จากนั้นก็นอนตะแคงแล้วยืดมือข้ามศีรษะมายูมิมาขยี้ผมภัทรเบาๆ “เอาเถอะ ได้เจอตัวแล้วพี่ก็สบายใจแหละนะว่าเขาคงไม่ใช่พวกเหยาะแหยะ เราเองก็อย่าดื้อกับเขานักล่ะ ภัทรยิ่งเป็นพวกดื้อเงียบอยู่ด้วย รู้ตัวใช่มั้ย?”

ภัทรหัวเราะพลางยกมือขึ้นจับมือพี่สาวไว้ พวกเขาสองคนโตมาด้วยกันโดยที่แพนคอยดูแลเขามาตลอดราวแม่อีกคน ถึงแม้จะมีช่วงที่ห่างกันไปบ้างตอนที่อีกฝ่ายแยกไปอยู่หอพักสมัยมหาวิทยาลัย หรือตอนที่ติดตามสามีไปญี่ปุ่น แต่แพนก็แสดงออกถึงความห่วงใยที่มีให้น้องชายคนเดียวเสมอ

“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่แพน คุณเชษฐ์ชินแล้วล่ะ”

พอพูดไปแล้วภัทรก็รู้สึกอุ่นๆ บนผิวหน้าขึ้นมา โชคดีว่าไฟในห้องถูกดับไปแล้ว ไม่อย่างนั้นพี่สาวเขาคงได้เห็นผิวแก้มแดงเรื่อของน้องชายแน่ๆ

“หืม....เก่งจริงคุณผู้จัดการคนนี้ อยากเห็นนักเชียวว่าถ้าหลุดมาดเก๊กขึ้นมาจะเป็นยังไง”

แพนพูดแล้วก็อ้าปากหาวหวอด จากนั้นก็ตะแคงหันหลังไปอีกทาง เป็นสัญญาณว่าถ้ามีอะไรค่อยคุยกันใหม่วันรุ่งขึ้น ขณะที่ภัทรยังนอนลืมตาในความมืดโดยมีประโยคทิ้งท้ายของพี่สาวดังอยู่ในหัว

ถ้าคุณเชษฐ์หลุดมาดเก๊กขึ้นมาน่ะเหรอ...พี่แพนคงไม่อยากเห็นหรอก เพราะน่ากลัวชะมัดยาดเลยน่ะสิ


++---tbc---++


โชคดีว่าตอนนี้เขียนได้ไว แต่ของตอนต่อไปคงต้องขอให้รอกันหน่อย ยังไงเขียนเสร็จจะรีบมาลงให้เลยค่ะ

และขอโฆษณาแฟนเพจอีกทีสำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปไลค์กัน คลิกเข้าไปได้ที่ www.facebook.com/BellbombNovels (http://www.facebook.com/BellbombNovels) เผื่อจะได้ติดตามข่าวสารว่าจะอัพเดทอะไรเมื่อไหร่เนะ ^^V
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: พระสนมฝ่ายซ้าย ที่ 28-03-2012 23:01:07
คิดถึงคุณเชษฐ์เหมือนกันค่ะ กลับมาหาน้องภัทรไวๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 29-03-2012 09:55:44
แฟนเก่าภัทรนี่ไม่ธรรมดานะเนี่ย

อย่างนี้ ต้องเจอกับคุณเชษฐ์
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 29-03-2012 11:34:21
ไ่ม่ชอบผู้ชายแบบธรเอาสะเลย T_T ให้ความรู้สึกเหมือนหมาหวงก้าง... เิลิกไปตั้งแต่ปีมะโว้ แต่พอเจออีกที
ก็กลับมาตอแยแปลกๆ นิสัยเสียเอามากๆ จริงๆแล้วอยากให้ภัทรพูดออกไปแรงกว่าเน้ ! เอาให้แรงๆตรงๆไปเลย
เสร็จแล้วก็ต้องให้ป๊ะกับคุณเชษฐ์สักฉากให้สะใจในอารมณ์คนอ่าน กร๊ากกกกกก พูดและคิดถึงคุณเชษฐ์
ไม่ได้เจอหน้าเจ็ดแปดเดือนละ... ตอนนี้มาก็มาแต่เสียง คิดถึงนะค่ะ =///= กลับมาไวๆ มาจัดการกับธรหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 29-03-2012 12:13:30
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณเชษฐ์ มาแต่เสียงได้ไง เราต้องการตัวเป็นๆๆๆ   :m31:  :fire:  :angry2:

แล้วเมื่อไรอิตาคุณอั๋นจะหายป่วย หายเร็วๆๆ เซ่ ไม่งั้นจะจับส่งห้องดับจิตไปเลย  :serius2:

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 29-03-2012 12:15:56
ชอบเรื่องนี้ที่สุด
พระเอก ขรึมๆ เท่ๆ เป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้
รอตอนต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 29-03-2012 14:25:15
คุณเชษฐ์รีบกลับมาช่วยเร็วๆ
ภัทรเข้มแข็ง อย่าใจอ่อน
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 29-03-2012 16:47:06
กลับมาไวๆน้าาาคุณเชษฐ์
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 29-03-2012 17:10:12
กระโดดถึบหน้าแฟนเก่าภัทร  :z6:อยากให้คุณเชษฐ์มาถึงเร็ว ๆ จังเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-03-2012 17:34:01
ร่วมด้วยช่วยกันกำจัดแฟนเก่าภัทรให้ไปไกลๆ
หวังว่าภัทรจะเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวกับของเก่าง่ายๆนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-03-2012 22:15:32
สาธุๆ ขอให้เสียงเรียกร้องลอยไปถึงคุณเชษฐ์ อิอิอิ :D
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 29-03-2012 22:16:22
ท่องไว้นะภัทร "เข้มแข็ง" 

คนในอดีตคือเงาที่หลอกหลอนเท่านั้น

คนปัจจุบันคือความจริง และตัวจริง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 30-03-2012 10:59:17
คุณเชษฐ์รีบกลับมาเลยนะ ภัทรพร้อมแล้วววววว >/////<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 30-03-2012 12:36:54
คุณเชษฐ์รีบกลับมาเลยนะ ภัทรพร้อมแล้วววววว >/////<

เหยยยย ภัทรพร้อมอาร้ายยยย เดี๋ยวคุณเชษฐ์เข้าใจความหมายผิดเนะ 55555 XD
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 30-03-2012 12:37:27
อยากให้คุณเชษฐ์กลับมาไวๆ จัง ภัทรจะได้ไม่เหงา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-04-2012 01:44:04
เห็นด้วยกะรีบน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Superstar ที่ 17-05-2012 02:35:51
คิดถึงเรื่องนี้ก็เลยแวะเข้ามาอ่านอีกรอบ
รออยู่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 15 P.16 มาดึกๆ [28/03/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 17-05-2012 21:25:56
รอต่อไป T^T
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-11-2012 23:36:56
ตอนที่ 16.


เสียงน้ำที่เพิ่งหยุดไหลในครัวเป็นสัญญาณว่าพี่สาวของเขาล้างจานเสร็จแล้ว ภัทรจึงหยิบกระเป๋าสะพายใบเก่งขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็หันไปจับมือเล็กๆ ของมายูมิที่รีบเดินมาหาเมื่อเห็นน้าชายเตรียมจะออกจากบ้าน

“งั้นเดี๋ยวภัทรไปทำงานแล้วนะพี่แพน”

ภัทรร้องบอกพลางเดินไปเปิดประตูบ้าน แพนซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากในครัวจึงถามขึ้น

“อื้ม แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พี่ขับรถไปส่ง?”

“อย่าดีกว่า แค่เดินออกไปหน่อยก็ถึงรถไฟฟ้าแล้ว พี่แพนจะได้ไม่ต้องออกไปเจอรถติดด้วย”

คุณน้ายังหนุ่มเอ่ยก่อนจะย่อตัวลงแล้วเขย่ามือมายูมิเบาๆ “เดี๋ยวน้าภัทรไปทำงานก่อน แล้ววันหลังเราค่อยไปเที่ยวกันใหม่นะคะ”

มายูมิดูไม่ค่อยอยากปล่อยมือนัก ริมฝีปากเล็กยื่นขึ้นนิดๆ ส่วนนัยน์ตาก็มีน้ำตาคลอ “แล้ววันเสาร์น้าภัทรจะมานอนกับมิมิอีกไหมคะ? แม่บอกว่าอาทิตย์นี้พ่อก็ยังไม่กลับ”

ภัทรมองหน้าหลานแล้วก็สงสาร เพราะจากที่ตอนแรกเขากะว่าจะมาค้างด้วยแค่ช่วงสุดสัปดาห์เดียว ไปๆ มาๆ แพนก็ชวนมาค้างที่บ้านด้วยเกือบครบเดือนแล้ว เพราะครั้งนี้สามีต้องไปญี่ปุ่นนาน ทั้งบ้านจึงมีกันเพียงสองคนแม่ลูก ช่วงนี้หลานสาวจึงติดเขาแจ

“ไว้ถ้ามาได้น้าภัทรจะบอกนะ ไหนมาให้น้าภัทรหอมก่อนไปทำงานหน่อยเร็ว”

แม่หนูน้อยค่อยหน้าตาแจ่มใสขึ้น ร่างเล็กโผเข้ากอดคอน้าชายแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ ภัทรเลยหอมแก้มยุ้ยๆ คืนก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วลูบผมหลานสาวเบาๆ

“งั้นเราค่อยคุยกันใหม่นะ บ๊ายบายจ้ามิมิ”

“บ๊ายบายค่าน้าภัทร”

เด็กหญิงร้องเสียงสดใสพลางยกมือโบกให้เขาสุดแขน ฝ่ายแพนเองก็โบกมือให้ยิ้มๆ ภัทรมองภาพคนที่ยืนส่งอยู่หลังรั้วแล้วก็เดินจากมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในใจ

น่าอิจฉาพี่เขยของเขาจริงๆ ที่มีครอบครัวอบอุ่นแบบนี้...

ภัทรแวะซื้อของกินง่ายๆที่ตลาดหน้าหมู่บ้านก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ถึงแม้การมาค้างแรมที่บ้านพี่สาวจะทำให้เสียเวลาส่วนตัวไปบ้างเพราะต้องช่วยเลี้ยงหลาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งคู่ช่วยให้เขาคลายเหงาจากความคิดถึงคุณเชษฐ์ไปได้มากทีเดียว

ช่วงเช้าภัทรช่วยรุ่นพี่เตรียมงานเอกสารที่จำเป็นเพราะใกล้ช่วงจัดงานของบริษัทเข้ามาทุกที เขาสั่งพิมพ์รายงานแล้วนำไปส่งให้นินนาทที่ห้องประจำตำแหน่ง เมื่อกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ภัทรก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่ามีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ เสียบคั่นอยู่ในสมุดจดของเขา พอหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากป๋วย

'เที่ยงนี้พี่ขอแยกไปกินข้าวกับคุณนินนะจ๊ะ'

ภัทรอ่านข้อความในกระดาษโน้ตแล้วก็ยิ้ม เพราะปกติทั้งคู่มักไปทานมื้อกลางวันด้วยกันพร้อมกับเพื่อนๆ ในทีม แต่เนื่องจากตอนนี้นินนาทไม่ใช่ชายที่มีพันธะอีกต่อไปเพราะหย่าขาดจากภรรยาแล้ว ดังนั้นเจ้านายกับรุ่นพี่ของเขาจึงสามารถสานความสัมพันธ์ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะถูกครหาอีก

ถึงแม้จะอายุเท่าไหร่หรือมีตำแหน่งสูงแค่ไหน แต่ถ้าคนเรามีความรัก...มันก็ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นแหละนะ...

ภัทรคิดระหว่างนั่งรอให้เพื่อนๆ ในออฟฟิศลงไปพักเที่ยงกันก่อน พอเห็นว่าคนเริ่มซาแล้วจึงค่อยลงไปชั้นล่างบ้าง เพราะเขาไม่อยากไปแย่งโต๊ะทานข้าวหรือต่อคิวยาวๆ ในศูนย์อาหารสักเท่าไหร่

เที่ยงครึ่ง...ป่านนี้คนอื่นก็คงกินข้าวกันเกือบเสร็จแล้วล่ะมั้ง...

ภัทรคิดในใจขณะเดินออกจากลิฟต์ แต่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับใครคนนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงล็อบบี้ชั้นล่าง เขาก็ชะงักและทำท่าจะหมุนตัวกลับไปที่ลิฟต์ทันที

โชคร้ายที่ยังช้ากว่าคนคนนั้นที่สาวเท้ายาวๆ มายืนขวางตรงหน้า

“เดี๋ยวสิภัทร จะออกไปกินข้าวไม่ใช่หรือไง? ธรมานั่งรอตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วนะ”

เสียงนั้นดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะของภัทรที่ก้มอยู่ ชายหนุ่มจึงได้แต่พยายามข่มใจให้เยือกเย็นแล้วถึงค่อยเงยหน้าขึ้น

“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?”

ภัทรพยายามปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบ เหตุการณ์ในห้องประชุมเมื่อเกือบหนึ่งเดือนก่อนวาบขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง ทั้งที่นึกว่าอีกฝ่ายคงล้มเลิกความคิดที่จะมาตอแยเแล้วหลังจากถูกเขาใช้คำพูดเย็นชาใส่ แต่กลับกลายเป็นว่าธราธรยังมาหาเขาเองถึงที่

ร่างสูงใหญ่เพียงแต่เอามือล้วงกระเป๋าแล้วยกมุมปากขึ้น ทว่ารอยยิ้มที่เห็นทำให้ภัทรกระวนกระวาย เพราะถึงแม้จะเลิกติดต่อกันมาสองปี แต่ความทรงจำของวันคืนเก่าๆ ก็ไม่ได้เลือนหาย ดังนั้นเขาจึงจำได้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่ภัทรจะได้เห็นเวลาธราธรมั่นใจว่าถึงอย่างไรก็ง้อเขาได้ ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือที่จะบีบหรือคลายก็ได้ตามใจชอบ

ตอนนั้นเขาหลงรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน...

“ภัทรเปลี่ยนไปนะ”

คนพูดเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงสบายๆ เหมือนกำลังชวนเพื่อนเก่าคุย แต่ภัทรกลับยิ่งขมวดคิ้วมุ่นอย่างระแวง เพราะแววตาที่จับจ้องมาฉายประกายระยับ ซึ่งเป็นแววตาเดียวกับที่ภัทรจำได้ว่ามักได้เห็นยามธราธรเจอสิ่งที่ทำให้รู้สึกถูกใจหรือท้าทาย แต่เขาไม่ต้องการเป็นเป้าหมายของความท้าทายนั้น จากวันที่ธราธรยุติความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เวลาก็ผ่านมานานเกินกว่าที่เขาจะอยากกลับไปเล่นเกมนั้นอีก

“ขอบคุณ ถ้าหากคุณไม่มีธุระอะไรอีก ผมจะกลับขึ้นไปที่ออฟฟิศ”

“ไม่เอาน่าภัทร ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แค่ไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าไม่ได้รึไง?”

ภัทรส่ายหน้าและทำท่าจะเบี่ยงตัวหนี “ไม่จำเป็น...นี่!!”

ชายหนุ่มร้องอย่างตกใจด้วยไม่คาดว่าจะถูกดึงข้อมือไปทางประตู และเสียงเมื่อครู่ก็เริ่มจะดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่บริเวณล็อบบี้ ธราธรดูเหมือนจะอ่านความคิดของเขาออกจึงหันกลับมาหา

“จะไปด้วยกันดีๆ ได้หรือยัง? หรือว่าต้องให้จูงไป?”

ร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงกระซิบโดยไม่ผ่อนแรงบีบบนข้อมือแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาดูนุ่มนวล แต่น้ำเสียงและแววตาที่ไม่ต่างจากคำว่า 'ข่มขู่' ก็ทำให้ภัทรเย็นเยือกไปถึงสันหลัง

อย่างน้อยสมัยที่ยังคบกัน ต่อให้เขาทำตัวไม่ถูกใจบ้างก็ไม่เคยถูกใช้กำลังด้วยแบบนี้

“ไปก็ได้ แต่ช่วยปล่อยมือผมก่อน แล้วก็ให้ผมเลือกร้านเองด้วย”

ภัทรพยายามบังคับเสียงให้หนักแน่นขณะจ้องตากลับ เขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอก็จริง แต่ก็รู้ตัวดีว่าสู้แรงธราธรไม่ไหว ท่าทางที่ได้เห็นตอนนี้ทำให้เขานึกหวั่นว่าถ้าถูกทำให้ไม่พอใจมากๆ เข้า อีกฝ่ายอาจจะทำอะไรที่แย่ยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้

ธราธรหรี่ตาลง แววตายังแสดงออกว่าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่เมื่อเห็นว่าภัทรไม่ได้แสดงท่าทางจะหนีอีก จึงค่อยผ่อนแรงที่มือลงและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

“ว่าง่ายๆ ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง”

ทันทีที่มือเป็นอิสระ ภัทรก็รีบเบี่ยงตัวออกห่างทันที เขาเม้มปากแน่นขณะเดินนำไปที่หน้าอาคารและผลักประตูออก แต่กลับเลี้ยวไปยังทิศทางตรงข้ามกับศูนย์อาหารที่ตั้งใจจะไปตอนแรก 

ชายหนุ่มตั้งใจเดินเร็วๆ เพื่อสร้างระยะห่าง แต่ช่วงขาที่ต่างกันทำให้คนที่เดินตามหลังไม่มีปัญหากับการเดินตามให้ทัน ภัทรเห็นท่าทางสบายๆ ของคนข้างตัวจากหางตา แล้วก็ได้แต่พยายามควบคุมตัวเองให้สงบสติอารมณ์เอาไว้

ธรตั้งใจจะทำอะไรกันนะ...

ภัทรได้แต่คิดอย่างว้าวุ่น ท่าทีของธราธรเมื่อครู่ทำให้เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย ทำไมคนที่ลาจากกันอย่างไม่ทิ้งเยื่อใยในคราวนั้นจะต้องกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีก แล้วยัง....คนที่อีกฝ่ายควรจะใส่ใจที่สุดในเวลานี้อีกล่ะ...

“ภรรยาคุณสบายดีเหรอ?”

ภัทรเอ่ยคำถามนั้นออกไป และทันใดก็เห็นไหล่ของธราธรเกร็งขึ้นทันที ความกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงใหญ่จนภัทรแทบหยุดหายใจเมื่อถูกปรายตาเยียบเย็นมามอง

“ไม่จำเป็นต้องสนใจผู้หญิงคนนั้นหรอก”


++------++


ภัทรกลับมาทำงานช่วงบ่ายอย่างไม่สดชื่นนัก ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นเพราะมื้อกลางวันอันแสนจะชวนให้อึดอัดนั่นเอง

เป็นเพราะท่าทางมุทะลุของอีกฝ่ายเมื่อตอนที่บังคับให้ไปทานข้าวด้วย ภัทรจึงตั้งใจพาไปร้านอาหารที่อยู่ค่อนข้างไกลบริษัท เนื่องจากไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานมาเห็นหรือได้ยินหากธราธรพูดถึงเรื่องในอดีตของทั้งคู่อีก แต่แล้วเขาก็ถูกทำให้แปลกใจซ้ำ เพราะนอกจากธราธรจะเพียงแค่นั่งทานอาหารไปเงียบๆ โดยไม่ชวนคุยสักคำแล้ว บางครั้งเจ้าตัวก็จะมองเขาด้วยแววตาครุ่นคิด แต่บ่อยครั้งกว่าก็จะมองไปไกลๆ อย่างยากจะคาดเดาว่ากำลังมองอะไรกันแน่

ภัทรเกือบจะวางใจได้แล้วว่าธราธรคงแค่มาทำธุระแถวนี้จริงๆ และที่มารอเขาทานข้าวด้วยเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากจบมื้ออาหารลง เขาก็ถูกทำให้หนักใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า 'แล้วเจอกันใหม่'

ภัทรพยายามไม่คิดว่าธราธรตั้งใจจะมาชวนเขาไปทานข้าวอีก เพราะเป็นไปได้ว่าที่พูดอย่างนั้นเนื่องจากบริษัทของลุงต้องทำงานร่วมกับบริษัทของเขา ทว่าสีหน้าท่าทางใจลอยของเจ้าตัวระหว่างทานข้าวด้วยกันก็ทำให้ภัทรไม่สบายใจ อาจเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่นึกกลัวใจคนเคยรู้จักกันมากขนาดนี้

ชายหนุ่มพยายามปัดความคิดอันรกสมองทิ้ง เขาตัดสินใจว่าตอนเย็นจะโทรหาเชษฐ์แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ถึงแม้จะรู้ว่านั่นคงไม่ช่วยเร่งให้คุณผู้จัดการกลับจากเวียดนามเร็วขึ้น แต่ถ้าหากได้เล่าเรื่องอันคับข้องใจนี้ให้รู้ บางทีเขาอาจสบายใจขึ้นว่าตนไม่ได้ปิดบังเรื่องอะไรจากอีกฝ่ายก็เป็นได้

เวลาล่วงไปจนบ่ายคล้อย ภัทรลุกขึ้นจากโต๊ะโดยหยิบถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วเพื่อไปชงเพิ่ม แต่พอกำลังจะเดินเข้าไปใกล้ครัว ร่างสูงเพรียวก็ชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินบทสนทนาจากด้านใน

"อะไรนะ! แกแน่ใจเหรอ? ท่านประธานจะให้คุณเชษฐ์ประจำที่เวียดนามไปเลยจริงๆ น่ะ!?"

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวชาไปทั้งร่าง ขณะเดียวกันมือที่จับถ้วยกาแฟอยู่ก็อ่อนเปลี้ยขึ้นมาดื้อๆ จนเกือบจะปล่อยหูจับให้หล่นลงกับพื้น แต่ยังดีที่เขาควบคุมสติไว้ได้ทัน กระนั้นสิ่งที่เพิ่งได้ยินก็ทำให้ภัทรขาแข็งจนก้าวจากตรงนั้นไปไหนไม่ได้

"ชู่ว!! เบาๆ หน่อยไอ้เปิ้ล!! ฉันแค่ได้ยินคุณปรีชาปรึกษากับคุณนินเฉยๆ เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เวียดนามก็เซ็นสัญญาเพราะคุณเชษฐ์มากกว่าคุณอั๋น พวกท่านๆ ก็เลยกะเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ทางสำนักงานใหญ่พิจารณาล่ะมั้ง"

"ตายๆๆ แล้วงานทางนี้จะทำไงล่ะ นี่ก็มีคอนแทรคต์ตั้งหลายตัวที่รอคุณเชษฐ์กลับมาเซ็นนะ ถ้าแกไปประจำที่เวียดนามแล้วทางนี้จะโปรโมทใครขึ้นแทน?"

"จะยากอะไรเล่า ระหว่างนั้นก็ให้คุณนินหรือคุณอั๋นช่วยดูโปรเจ็คต์ของคุณเชษฐ์ไปก่อนสิ แต่แกอย่าเพิ่งไปปูดให้คนอื่นฟังล่ะ รอให้เขาประกาศเป็นทางการก่อน"

ภัทรยิ่งฟังก็ยิ่งหน้าซีดเผือดลงทุกที มือที่พยายามจับหูถ้วยกาแฟไว้แน่นอ่อนแรงจนเผลอปล่อยให้หล่นกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงในที่สุด

"ว้าย!!"

สองสาวในห้องครัวและคนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นส่งเสียงอย่างตกใจพลางรีบก้าวออกมาดู ทำให้ได้เห็นภัทรกำลังนั่งคุกเข่าและพยายามใช้มือเปล่าๆ เก็บกวาดเศษกระเบื้องอย่างลนลาน ถ้วยกระเบื้องเนื้อหนาเมื่อแตกออกก็มีทั้งส่วนที่เป็นเศษชิ้นใหญ่และเล็กกระจัดกระจาย ป๋วยซึ่งเพิ่งออกจากห้องน้ำก็รีบเดินมาดูเหมือนกัน เมื่อเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างของรุ่นน้องมีเลือดไหลเพราะโดนเศษกระเบื้องบาด แต่เจ้าตัวก็ยังจะทู่ซี้เก็บกวาดเศษเสี้ยวที่แตกมากองรวมกันเหมือนไม่รู้สึกตัว เธอก็ทำตาโตและรีบเข้าไปยื้อมือภัทรไว้ทันที

"ภัทร! หยุดเก็บได้แล้ว! ไม่เห็นรึไงว่านิ้วเหวอะไปหมดแล้วน่ะ!!"

น้ำเสียงของป๋วยกระตุ้นภัทรที่กำลังใจลอยให้รู้สึกตัว ชายหนุ่มค่อยๆ หงายมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วมองรอยเลือดสีแดงบนมืออย่างงุนงง ความจริงแล้วคำว่าเหวอะนั้นค่อนข้างจะเกินความจริงไปหน่อย แต่ร่องรอยที่โดนกระเบื้องขูดจนเลือดซึมเลอะไปทั่วก็ยังชวนให้คนที่เห็นขนลุก

"แม่บ้าน! ใครตามแม่บ้านมากวาดเศษแก้วตรงนี้เร็ว!"

หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่มุงอยู่รีบร้องเรียกแม่บ้านเมื่อตั้งตัวได้ ส่วนป๋วยรีบรั้งแขนภัทรขึ้นยืนแล้วหันไปบอกคนอื่นๆ

"ใครช่วยไปหยิบกระเป๋าของพี่กับของภัทรให้ที พี่จะพาภัทรไปโรงพยาบาล"

"พี่ป๋วย...ไม่ต้อง...."

ภัทรพยายามแย้งเพราะไม่อยากให้ทุกคนทำราวกับการที่เขาโดนเศษกระเบื้องบาดมือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่พอเห็นรุ่นพี่สาวหันมาถลึงตาดุใส่ก็ได้แต่เงียบ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมีน้ำใจช่วยถือกระเป๋าของทั้งคู่ตามลงไปส่งถึงที่รถของป๋วยซึ่งจอดอยู่ชั้นใต้ดิน พอภัทรขึ้นรถเรียบร้อย หญิงสาวก็รีบขับรถพาไปโรงพยาบาลทันที

แผนกฉุกเฉินในช่วงบ่ายของโรงพยาบาลมีคนไข้ไม่มากนัก พอภัทรไปถึงแล้วนางพยาบาลจึงรีบพาเขาเข้าไปทำแผล และทั้งๆ ที่ตอนโดนบาดนั้นภัทรไม่ค่อยรู้สึกเจ็บสักเท่าไหร่ พอโดนทำความสะอาดและใส่ยาให้ เขาถึงเพิ่งรู้สึกว่าเจ็บจนน้ำตาแทบไหล

"ขอโทษทีนะครับ ยามันจะแสบหน่อยนึง"
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 29-11-2012 23:38:10
คุณหมอเอ่ยเมื่อเห็นภัทรน้ำตาซึมขณะที่ใช้ผ้าก๊อซพันแผลให้ แต่ชายหนุ่มกลับหลับตาแน่นแล้วส่ายหน้า เขาไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่ตนกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบังคับให้ไหลกลับลงไปนั้นมาจากความเจ็บแผลหรือว่าความปวดร้าวในอกเพราะสิ่งที่ได้ยินเมื่อตอนบ่ายกันแน่

"...ท่านประธานจะให้คุณเชษฐ์ประจำที่เวียดนามไปเลยจริงๆ น่ะ!?"

"....เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เวียดนามก็เซ็นสัญญาเพราะคุณเชษฐ์กัน ทางผู้ใหญ่ก็เลยอยากเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ทางสำนักงานใหญ่พิจารณาล่ะมั้ง"
 
"ตายๆๆ แล้วงานทางนี้จะทำไงล่ะ"

ใช่...แล้วทางนี้จะทำยังไงล่ะ เขาไม่ต้องถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว แล้วนานๆ ครั้งถึงค่อยเจอคุณเชษฐ์สักทีหรอกเหรอ?

"คนไข้หน้าซีดจังค่ะ ดมแอมโมเนียหน่อยไหมคะ?"

นางพยาบาลสาวข้างๆ คุณหมอถามอย่างใส่ใจ เธอคงคิดว่าภัทรเป็นพวกกลัวเลือดก็เลยตกใจกับแผลบนมือตัวเอง แต่เขาส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่านั่นไม่ใช่สาเหตุที่ในอกรู้สึกเบาโหวงเช่นนี้

"ไม่เป็นไรครับ ขอผมนั่งพักสักแป๊บ เดี๋ยวก็คงไม่เป็นไรแล้วครับ"

เขาพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้ทั้งคุณหมอและคุณพยาบาลสบายใจ ทั้งคู่จึงผละจากเขาไปดูแลคนไข้คนอื่นต่อ ภัทรพยายามนั่งสูดหายใจเข้าออกยาวๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น จึงค่อยแจ้งนางพยาบาลเพื่อเดินออกมาหาป๋วยที่นั่งรอและไปรับยา

"ห้าโมงกว่าแล้วสิ เดี๋ยวพี่ไปส่งเธอกลับคอนโดเลยดีกว่า"

ป๋วยหันมาบอกขณะที่ทั้งคู่เดินกลับไปที่รถ ภัทรจึงเงยหน้าเซียวๆ ขึ้นมองคนข้างตัว และเห็นว่านัยน์ตาของรุ่นพี่สาวจับจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยความเป็นกังวล

"ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ นะพี่ป๋วย ผมกลับไปทำงานต่อได้"

"นี่! เธออยากให้พี่โมโหรึไง! กว่าจะกลับไปถึงออฟฟิศก็เลิกงานพอดี อีกอย่างมือแบบนี้ขืนรีบกลับไปใช้งานทันทีเดี๋ยวก็ได้ต้องเย็บหรอก พี่บอกให้กลับก็กลับเถอะน่ะ!"

น้ำเสียงเฉียบขาดกับแววตาเอาเรื่องเพราะความเป็นห่วงทำให้ภัทรไม่กล้าแย้งอีก เขาเพียงแต่ยอมขึ้นรถให้พากลับคอนโดแต่โดยดี โดยป๋วยแวะซื้อข้าวกล่องจากร้านในซอยและช่วยเขาถือขึ้นไปส่งที่ห้องด้วย

"เดี๋ยวกินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็กินยานอนซะนะ แล้วถ้าพรุ่งนี้ยังใช้มือไม่ไหวก็ลาหยุดก็ได้ เดี๋ยวพี่บอกคุณนินให้เอง"

"ครับ ขอบคุณนะครับพี่ป๋วย"

ภัทรเอ่ยขณะเดินไปส่งรุ่นพี่สาวที่หน้าประตูห้อง เพราะอีกฝ่ายดึงดันจะขอเข้ามาด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะดูแลตัวเองได้เรียบร้อยดี ป๋วยจึงกระชับสายสะพายกระเป๋าแล้วก็ยิ้มอ่อนๆ

"จริงๆ เลยน้า เวลาทำงานเธอก็ดูเหมือนคนที่ไม่น่าจะทำอะไรผิดพลาดได้หรอก แต่บทจะป้ำเป๋อขึ้นมาก็ทำเอาคนอื่นอกสั่นขวัญหายหมด พี่ละนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเมื่อกี้คุณเชษฐ์อยู่ด้วยจะตกใจแค่ไหน"

ภัทรเม้มปาก เพราะว่าสาเหตุที่ทำให้เขาสะเทือนใจจนปล่อยถ้วยกาแฟหล่นและทำกระเบื้องบาดมือตั้งแต่แรกก็เพราะคุณเชษฐ์ เป็นเพราะเขาไปได้ยินข่าวลือที่คุณเชษฐ์จะถูกส่งให้ไปประจำที่เวียดนาม แล้วก็เพราะคุณเชษฐ์ไม่อยู่ด้วย เขาถึงได้รู้สึกอ่อนแอและไม่ปลอดภัยเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับธราธรตามลำพังเช่นในวันนี้

ถ้าเพียงแต่...คุณเชษฐ์จะไม่ต้องไปทำงานที่ไหนไกลๆ แบบนี้อีก....

"...คุณเชษฐ์ติดงานนี่พี่ป๋วย เขาไม่รู้ว่าผมซุ่มซ่ามจนทำตัวเองเจ็บตัวก็ดีแล้วล่ะ ยังไงขอบคุณพี่ป๋วยมากครับที่มาส่ง"    

ภัทรพยายามฝืนยิ้มให้รุ่นพี่สาวก่อนจะปิดประตูลง จากนั้นก็เข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดทำงานเป็นชุดอยู่บ้าน ก่อนจะค่อยออกมานั่งทานข้าวกล่องที่ป๋วยซื้อมาให้อีกที เขาไม่ได้ถ่ายอาหารใส่จานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเก็บล้างเนื่องจากมือยังโดนน้ำไม่ได้

ความจริงแล้วข้าวราดแกงในกล่องนั้นมาจากร้านอร่อยที่เขาก็เป็นลูกค้าประจำ แต่วันนี้ข้าวแต่ละคำที่ตักเข้าปากช่างฝืดคอจนภัทรไม่รับรู้รสชาติ หลังจากกินไปได้เพียงไม่กี่คำ เขาจึงปิดฝากล่องแล้วก็ทิ้งใส่ถุงขยะก่อนจะกินยาและดื่มน้ำตาม จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง

ภัทรรู้สึกราวกับเพดานห้องหมุนติ้วจนต้องกะพริบตาครู่ใหญ่ เมื่ออยู่คนเดียว ความหวาดหวั่นก็กลุ้มรุมเข้ามาจู่โจมหัวใจอีกครั้ง เขาไม่ชอบความรู้สึกที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นความเหงาและคิดถึงคุณเชษฐ์จนแทบจะทนไม่ไหว ความหวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายต้องไปประจำที่เวียดนามจะเป็นความจริง และความอึดอัดไม่สบายใจจากการที่ธราธรดูจะพยายามพาตัวเองเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง ภัทรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมข่าวร้ายๆ จึงพร้อมใจกันประดังประเดเข้ามาหาเขาในตอนนี้

ความเหน็ดเหนื่อยรวมกับฤทธิ์ยาแก้ปวดส่งผลให้สมองของภัทรเริ่มมึนชา และเขาก็รู้สึกราวกับเรื่องราวอันเครียดเคร่งค่อยๆ ลอยห่างออกไปทุกที ไม่นานชายหนุ่มก็พลิกตัวตะแคงโดยโอบกอดตัวเองไว้แล้วปล่อยให้นิทรารมณ์เข้าครอบคลุม กระนั้นบนใบหน้าหวานโศกก็ยังคงมีร่องรอยของความกังวลใจฝังอยู่บนหว่างคิ้วตลอดเวลา

ภัทรหลับไปหลายชั่วโมงก่อนจะถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะ ชายหนุ่มกะพริบตาปริบๆ อย่างงัวเงีย ความเวียนหัว¬ทำให้ต้องค่อยๆ พยายามยันตัวขึ้นนั่งตรง พลันความเจ็บที่แล่นขึ้นมาทันทีที่เอามือยันเบาะก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าตนมีแผล ชายหนุ่มยกฝ่ามือทั้งสองข้างที่พันผ้าก๊อซไว้ขึ้นมามองด้วยแววตาว่างเปล่าครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พยายามประคองโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา

คุณเชษฐ์...

ความดีใจพุ่งโลดขึ้นในอกวาบหนึ่ง ก่อนที่ความหนึบหน่วงซึ่งบรรยายไม่ได้จะค่อยๆ คืบคลานตามมาและส่งฤทธิ์ราวกับยาชาสู่ความดีใจนั้น ชายหนุ่มขมวดคิ้วขณะพยายามจะกดรับสาย แต่เพราะความเจ็บมือทำให้แค่จะหยิบมือถือมาวางในมือข้างหนึ่งให้ถนัดยังลำบาก และแล้วกว่าจะกดปุ่มรับสายได้ คนที่โทรมาก็วางสายไปก่อนเสียแล้ว

"อ๊ะ"

ภัทรส่งเสียงอย่างตกใจ เขาพยายามขยับนิ้วเพื่อจะกดโทรกลับ แล้วก็ได้แต่นึกบ่นตัวเองที่ไม่เปลี่ยนมือถือมาใช้แบบหน้าจอสัมผัสแทนแบบปุ่มที่มีอยู่ จะได้กดรับได้ง่ายกว่าเวลานิ้วเจ็บเช่นนี้

คุณเชษฐ์ อย่าเพิ่งวางสาย ผมอยากได้ยินเสียงคุณเชษฐ์...

จู่ๆ ภัทรก็รู้สึกว่าขอบตากับโพรงจมูกร้อนผ่าวขึ้นมา ความรำคาญอาการบาดเจ็บบวกกับบทสนทนาของเพื่อนร่วมงานที่ได้ยินเมื่อบ่ายทำให้นึกรำคาญความปวกเปียกของตัวเองเหลือกำลัง เขายกมือหนึ่งขึ้นปาดขอบตาเมื่อรู้สึกถึงไอชื้นที่ผุดซึม พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ภัทรพยายามข่มความเจ็บรีบกดรับทันที

"ครับคุณเชษฐ์"

"...ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ?"

ภัทรกะพริบตาเมื่อได้ยินคำถาม เขารีบคว้าทิชชู่จากกล่องกระดาษบนโต๊ะมาเช็ดน้ำมูก เพราะรู้ตัวว่าเมื่อครู่คงเสียงขึ้นจมูกตอนที่รับสายแน่ๆ

"ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเผลอหลับไปแล้วเพิ่งตื่นน่ะครับ"

คราวนี้เสียงคู่สนทนาเข้มขึ้นด้วยความเป็นห่วง "นี่เพิ่งสองทุ่มเองนี่ ไม่สบายหรือเปล่า?"

น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความห่วงใยทำให้ภัทรรู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพยายามยิ้มและตอบด้วยเสียงที่ปกติที่สุด

"ช่วงนี้ใกล้จะถึงช่วงจัดงานแล้วเลยต้องทำหลายอย่างน่ะครับ ยังดีที่วันนี้ได้กลับเร็ว ผมก็เลยผล็อยหลับไป"

ภัทรหวังว่าคำตอบของตนคงไม่มีพิรุธให้คนฟังไม่สบายใจ สิ่งสุดท้ายที่เขาอยากเป็นก็คือสร้างภาระทางจิตใจให้คุณเชษฐ์ต้องเป็นกังวลจนเสียสมาธิกับงาน

"ถ้างั้นก็แล้วไป ฉันรู้ว่ายิ่งใกล้งานเธอคงยิ่งต้องกลับดึกกว่านี้ ถ้าช่วงนี้พักผ่อนได้ก็ควรฉวยโอกาสไว้น่ะดีแล้ว"

คราวนี้รอยยิ้มของภัทรทอประกายจากในแววตาอย่างแท้จริง ถึงแม้คำแนะนำของอีกฝ่ายจะเป็นคำพูดทั่วๆ ไปที่ใครก็แนะนำได้ แต่เขารู้ได้จากน้ำเสียงว่าคนพูดอยากให้เขาทำตามนั้นจริงๆ

"ครับ ว่าแต่งานของคุณเชษฐ์เป็นยังไงบ้างครับ นี่ก็ไปได้เกือบเดือนแล้วนี่นา?"

ภัทรพยายามถามถึงความคืบหน้าของอีกฝ่ายบ้าง เพราะเขาเองก็ร้อนใจอยากให้คุณเชษฐ์ได้กลับมาเร็วๆ ช่วงเวลาที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาหนึ่งเดือนช่างยาวนานราวกับเป็นปีก็ไม่ปาน

"ก็ได้ลูกค้ารายใหม่ๆ เกินเป้าที่คุณปรีชาเคยขอไว้เหมือนกัน แต่เห็นว่าทางสำนักงานใหญ่อาจมีเรื่องคุยเพื่อขอปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง ฉันก็ยังไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่"

ทางสำนักงานใหญ่อาจมีเรื่องคุยงั้นหรือ...จะใช่เรื่องเดียวกับที่เขาได้ยินมาหรือเปล่า...

ภัทรรู้สึกเหมือนจู่ๆ สองมือก็อ่อนแรงจนแทบประคองโทรศัพท์ไม่อยู่ ขณะที่ในหัวตื้อจนไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรต่อ ปลายสายก็ส่งเสียงในคออย่างแปลกใจ

"อื๋อ? ภัทร คุณปรีชาโทรมาน่ะ ถือสายรอก่อนนะ"

"อะ...ครับ"

ภัทรตอบไปตามสัญชาตญาณ ทว่าในหัวสับสนว้าวุ่นเข้าไปอีกว่าทำไมท่านประธานถึงได้โทรหาคุณเชษฐ์ตอนค่ำเช่นนี้ เป็นไปได้ว่ามีเรื่องด่วนที่จำเป็นต้องรีบบอกให้รู้ ก็เลยรอถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวหรือเปล่า...

ชายหนุ่มได้แต่นั่งรออย่างกระวนกระวาย อยากจะกำมือแน่นๆ เพื่อช่วยระบายความกังวลก็ทำไม่ได้เพราะติดผ้าพันแผลทั้งสองข้าง ครู่หนึ่งเขาจึงได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังมาตามสายอีกครั้ง

"ขอโทษนะภัทร ท่าทางฉันคงต้องคุยกับคุณปรีชายาว เดี๋ยวดึกๆ ฉันค่อยโทรหาใหม่ได้มั้ย?"

ภัทรเม้มปาก เขารู้ดีว่าไม่ควรน้อยใจกับเรื่องนี้ จึงได้แต่พยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด

"ไม่เป็นไรครับคุณเชษฐ์ เดี๋ยวผมจะนอนแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้ก็ได้ครับ"

เขาตัดสินใจไม่เล่าทั้งเรื่องธราธรหรือเรื่องแผลที่มือ ความรู้สึกอยากปลดเปลื้องความหนักหน่วงในอกมลายไปสิ้นนับตั้งแต่ที่ได้ยินมาว่าคนที่รักอาจต้องไปทำงานต่างเมืองเป็นเวลานานๆ แล้ว

คู่สนทนาเงียบไปราวกำลังลังเล ฝ่ายภัทรได้แต่กลืนน้ำลายและพยายามไม่ให้เสียงสูดน้ำมูกหลุดเข้าไปในสาย ครู่หนึ่งน้ำเสียงทุ้มหนักแน่นจึงเอ่ยอย่างปลอบโยน

"ถ้างั้นค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ พักผ่อนให้เยอะๆ ล่ะ จำที่ฉันบอกก่อนมาว่าห้ามไม่สบายได้ใช่มั้ย?"

"จำได้ครับ"

ภัทรพยายามฝืนทำเสียงสดใส แต่แทบจะทันทีที่สายถูกตัด ชายหนุ่มก็ปล่อยให้โทรศัพท์ในมือร่วงลงบนโซฟา จากนั้นก็ชันเข่าขึ้นกอดและซบหน้าลง ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ หลุดออกมาภายในห้องอันเงียบสงัด มีเพียงน้ำตาที่ไหลหยดบนกางเกงผ้าจนชุ่มเป็นวง ควบกับความเศร้าหมองซึ่งบรรยายไม่ได้ที่แผ่ซ่านจนเจ็บหน่วงไปทั้งอก

ทำไมกัน...หรือว่าเขาเป็นคนที่เกิดมาอาภัพด้านความรักหรือไง...



++---tbc---++



A/N:  ในที่สุดก็ได้พาคุณเชษฐ์กลับมา (ด้วยเสียงก่อน ตัวยังไม่มา) ตอนที่กลับมาเริ่มเขียนเรื่องนี้ต่อ แอบรู้สึก amazing ตัวเองเล็กน้อย เพราะตอนแรกนึกว่าจะต้องทิ้งช่วงไปนานกว่านี้เสียแล้ว เพราะปีนี้เรายุ่งทั้งปีเลย แต่โชคดีว่าเข้ากลางพฤศจิกามาแล้วเริ่มหายใจหายคอได้บ้าง พอเอาเรื่องนี้มาอ่านทวน + ดำเนินเรื่องต่อจากจุดที่ค้าง เลยพิมพ์ได้เร็วกว่าที่คิด แต่เพราะรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะมากซึ่งเราอยากให้มันถูกต้องที่สุด ดังนั้นตอนต่อๆ ไปก็อาจจะใช้เวลานิดนึงแต่ไม่นานเป็นเดือนๆ แล้วล่ะค่ะเพราะเขียนสต็อกไว้บ้างแล้ว ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่สนับสนุน คอยทวงถามถึงคุณเชษฐ์กับน้องภัทรอย่างสม่ำเสมอตลอดมา ก็ขอให้ช่วยกันติดตามต่อไปจนกว่าจะจบด้วยนะคะ และเช่นเคย ยินดีต้อนรับทุกคอมเม้นต์จากทุกคนเสมอค่ะ

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-11-2012 23:58:24
โหลแตกคราวนี้ กลิ่นหึ่งเชียว

สงสารน้องภัทรจริงๆ คิดไปล่วงหน้าถึงไหนแล้วนี่
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 29-11-2012 23:59:39
สงสารภัทรจัง งืออออ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 30-11-2012 09:42:29
อ่านตอนนี้แล้ว ห่อเหี่ยวเป็นที่สุดอะ เราไม่เอาบรรยากาศแบบนี้ได้มั้ย ฮื่อออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 30-11-2012 09:51:19
สิ้นสุดการรอคอย 8 เดือนนนนนนนนนนน

แต่ตอนนี้ยังคงหน่วงเหมือนเดิม เมื่อไหร่คุณเชษฐ์จะกลับมากอดภัทรเสียที ฮื่อออออออออ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-11-2012 11:16:24
ธรมาแบบเลว ๆ ยังงัยไม่รู้แฮะ 
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 30-11-2012 12:31:02
จะดราม่าไปไหน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pjny_tem ที่ 30-11-2012 14:34:41
 :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 01-12-2012 08:13:15
สงสารหนูภัทร คุณเชษฐ์รีบกลับมาเร็ว ๆ หน่อยยยยยยยยยยยย  :z3:  :z3:  :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 01-12-2012 20:21:49
น่าสงสารภัทรจัง TT^TT
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 01-12-2012 22:35:11
ภัทรน่าสงสารอ่ะ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ
คุณเชษฐ์ กลับมาเร็วๆสิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 02-12-2012 01:21:56
 o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 02-12-2012 08:28:38
สงสารภัทรอ่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 02-12-2012 08:41:49
กลับมาพร้อมน้องน้ำ
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 02-12-2012 14:19:33
...คุณเชษฐ์อบอุ่นมากกกก เคลิ้ม
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 16 P.17 โหลแตกแล้ว! [30/11/12]
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 02-12-2012 17:40:23
 :sad4: สงสารภัทรจัง  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-12-2012 20:09:01
ตอนที่ 17.


ภัทรตื่นนอนในเช้าวันถัดมาอย่างไม่ค่อยสบายตัว ความอ่อนเพลียจากคืนก่อนทำให้ลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เมื่อตื่นขึ้นมาจึงพบว่าเกินเวลาเข้างานของที่บริษัทไปมากแล้ว

ร่างสูงเพรียวใช้ข้อศอกยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างทุลักทุเล จากนั้นก็ค่อยๆ ลองขยับมือทั้งสองข้าง โชคดีว่ารอยถลอกเล็กน้อยตามปลายนิ้วเริ่มสมานตัวและไม่ค่อยเจ็บเท่าเมื่อวาน แต่ส่วนกลางฝ่ามือที่พันผ้าก๊อซไว้ยังแสบตึงเพราะรอยบาดค่อนข้างใหญ่

พี่ป๋วยบอกว่าถ้ามือเจ็บยังไม่ต้องไปทำงานก็ได้ แต่ถ้าอยู่คนเดียวทั้งวันคงฟุ้งซ่านกว่านี้แน่ๆ...

สุดท้ายภัทรก็ติดสินใจว่าจะไปทำงาน จึงเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเชื่องช้าเพราะมือเจ็บ กว่าจะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย กระเพาะของเขาก็ส่งเสียงประท้วงที่ยังไม่มีอาหารตกลงไปให้ย่อยเสียที

ชายหนุ่มแวะทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารทานแถวๆ ที่พัก จนเมื่อใกล้จะบ่ายโมงจึงค่อยขึ้นรถไฟฟ้าไปบริษัท ตอนที่ไปถึงนั้นทุกคนกลับมาจากพักเที่ยงหมดแล้ว และต่างก็ตกใจที่เห็นภัทรเดินมาทำงานโดยมีผ้าพันฝ่ามือทั้งสองข้าง

“ตายแล้ว! พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ไม่ต้องเข้ามา! เมื่อวานเธอได้ฟังพี่รึเปล่าเนี่ย!?”

ป๋วยรีบลุกจากโต๊ะเข้ามาหาขณะที่ภัทรกำลังยกสายกระเป๋าสะพายออกจากบ่าด้วยท่วงท่าเก้ๆ กังๆ ชายหนุ่มรู้ดีว่ารุ่นพี่กำลังโมโหเพราะความเป็นห่วง จึงพยายามยิ้มเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น

“เจ็บที่มือนิดเดียวเองพี่ป๋วย อีกอย่างมันใกล้งานแล้ว ภัทรไม่อยากให้งานช้าแล้วเป็นภาระคนอื่น”

“เจ็บที่มือนิดเดียวงั้นเหรอ เธอนี่มัน...โอ๊ย ฉันอยากจะบ้า!”

ป๋วยยกสองมือประคองศีรษะอย่างจนคำพูด ขนาดเธอไม่ใช่คนที่โดนกระเบื้องบาดเอง แต่รอยแผลบนฝ่ามือทั้งสองที่ได้เห็นตอนพาภัทรไปโรงพยาบาลเมื่อวานก็ทำให้รู้ว่าไม่ใช่ ‘แผลนิดเดียว’ อย่างที่เจ้าตัวบอกสักนิด

“เอาล่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ถ้ายังยืนยันว่าจะไม่ทำตัวเป็นภาระล่ะก็ พี่ขอสั่งห้ามเธอยกของหนัก แล้วห้ามพิมพ์อะไรยาวๆ ทำแค่งานเบาๆ อย่างโทรศัพท์ตามลูกค้าไปก็พอ ถ้าพี่หันมาเห็นเธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อไหร่จะให้เมสเซนเจอร์ขับรถไปส่งถึงคอนโดทันที เข้าใจมั้ย!?”

“ได้ครับพี่ป๋วย ขอบคุณมาก”

รุ่นพี่สาวมองรอยยิ้มของเขาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็เดินกลับไปนั่งทำงานต่อ เนื่องจากการจัดนิทรรศการที่บริษัทของเขาเป็นเจ้าภาพกำลังกระชั้นเข้ามาจริงๆ และงานของทุกคนก็ล้นมือจนแทบจะช่วยกันไม่ไหว

ภัทรนั่งลงและเริ่มทำงานบ้าง ถึงแม้จะฝืนมาบริษัททั้งที่ไม่ควร แต่เขาก็ยังรู้จักประมาณร่างกายตัวเอง จึงเพียงโทรศัพท์ตามรายละเอียดบูธจากลูกค้าตามที่ป๋วยบอก ซึ่งแค่นั้นก็ทำไม่เสร็จในวันเดียวอยู่แล้ว

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ภัทรก็ต้องหยุดโทรหาลูกค้าเพราะส่วนมากกลับบ้านกันไปแล้ว เขาจึงนั่งคีย์ความคืบหน้าลงในไฟล์เอ็กเซลเพื่อรายงานให้สมาชิกในทีมได้รู้ จากนั้นก็สั่งพิมพ์ออกมาชุดหนึ่งและเดินเอาไปให้นินนาทที่ห้อง

ถึงแม้จะเลยหนึ่งทุ่มไปแล้ว แต่ภัทรก็มั่นใจว่านินนาทน่าจะยังอยู่ เพราะว่าบานประตูของห้องประจำตำแหน่งยังเปิดแง้มและเห็นแสงไฟลอดออกมา เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งมั่นใจเพราะได้ยินเสียงคนคุยกันดังแว่วๆ แต่ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นเคาะเพื่อขออนุญาตเข้าไปด้านใน บทสนทนาที่เล็ดลอดออกมาก็ทำให้ภัทรยกมือค้าง

“เอ๋? คุณเชษฐ์จะโดนส่งให้ไปประจำที่เวียดนาม? นี่คอนเฟิร์มแล้วเหรอคะคุณนิน?”

“อืม...คุณปรีชาเรียกผมไปปรึกษาน่ะ ยังไงก็คงต้องนำเสนอสำนักงานใหญ่ก่อน แต่ดูเหมือนทางนั้นเขาก็ค่อนข้างพอใจคุณเชษฐ์ตั้งแต่ตอนที่ถูกส่งไปเทรนนิ่งแล้ว แต่กับคุณอั๋นนี่ทางนั้นยังไม่ค่อยได้เจอตัว ถ้าเสนอให้เลือกระหว่างสองคนนี้ คุณเชษฐ์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะถูกเลือกมากกว่า”

“...ป๋วยเคยได้ยินมาว่าจริงๆ แล้วคุณเชษฐ์เป็นญาติห่างๆ ของท่านประธานใช่ไหมคะ?”

“ไม่เอาน่าป๋วย คุณปรีชาไม่ใช่คนที่จะดันใครแค่เพราะเป็นญาติหรอก ป๋วยก็รู้นี่ว่าคุณเชษฐ์ก็มีความสามารถจริงๆ”

“เรื่องนั้นป๋วยรู้ค่ะ แต่ว่า...ถ้าหากคุณเชษฐ์ไปประจำที่เวียดนามจริงๆ ล่ะก็…”

น้ำเสียงของรุ่นพี่สาวฉายเค้ารอยของความกังวล พลันทั้งสองคนในห้องก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียง ‘พั่บ’ เหมือนมีปึกกระดาษบางๆ หล่นที่หน้าประตูห้อง เมื่อป๋วยหันกลับมาก็เบิกตากว้างที่เห็นภัทรกำลังย่อตัวลงเก็บรายงานปึกนั้น

“ภัทร! มาทำอะไรตรงนี้!? ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก?”

ภัทรค่อยๆ ยืดตัวขึ้นสบตาคนถาม นัยน์ตาคู่สวยฟ้องชัดว่าเป็นห่วงเขา อาจเพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เขาได้ยินอะไรบ้างก็เป็นได้

แต่ว่า...ใช่...เขาได้ยินทั้งหมด

ภัทรไม่แน่ใจว่าสีหน้าตัวเองเป็นอย่างไร แต่ก็พยายามฝืนยิ้มขณะยื่นรายงานส่งให้

“ผมเอารีพอร์ตงานวันนี้มาส่งให้คุณนิน แต่เมื่อกี้ก็ส่งอีเมล์หาทุกคนในทีมด้วยแล้วล่ะ ยังไงวันนี้ผมกลับก่อนก็แล้วกัน ขอตัวนะครับคุณนิน”

“ขอบใจมากภัทร แล้วมือไม่เป็นไรแล้วหรือ?”

“ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”

ภัทรตอบพลางยกมือสองข้างขึ้นไหว้หัวหน้า นินนาทยิ้มอ่อนๆ และพยักหน้าให้ ถึงแม้ในแววตายังมีร่องรอยของความประหลาดใจต่อกิริยาท่าทางของภัทรและป๋วยเมื่อครู่ ซึ่งภัทรเดาว่าคงเป็นเพราะรุ่นพี่ยังไม่ได้เล่าเรื่องของเขากับเชษฐ์ให้รู้นั่นเอง

“งั้นเดี๋ยวป๋วยขอเดินไปส่งภัทรแป๊บนึงนะคะคุณนิน”

พอเดินออกมาพ้นห้อง หญิงสาวก็เหลือบมองคนข้างกายอย่างเป็นห่วง แต่ภัทรเพียงแต่ทำหน้านิ่งจนยากจะอ่านความรู้สึกขณะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะ

“ภัทร เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

ไม่เป็นไรใช่มั้ย....ช่างเป็นคำถามที่แสนง่าย แต่ว่าตอบยากเหลือเกินในวินาทีนี้ เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อขับไล่ก้อนแข็งๆ ที่จุกอยู่ในคอ จากนั้นจึงค่อยหันไปหาคนถาม

“ผมไม่เป็นไร พี่ป๋วย”

เสียงนั้นเข้มจนแม้แต่ตัวเองยังตกใจ ภัทรเห็นรุ่นพี่สาวผงะไปนิดหนึ่งจึงรีบปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลลง

“ผมไม่เป็นไรจริงๆ พี่ป๋วย ไม่ต้องเป็นห่วง”

“เมื่อกี้เธอได้ยินที่พี่คุยกับคุณนินใช่มั้ย? อย่าเพิ่งคิดมากนะภัทร ข่าวนี้ยังไม่คอนเฟิร์มสักหน่อย”

“แต่ก็มีแนวโน้มสูงไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมรู้ว่าคุณเชษฐ์เป็นญาติของท่านประธาน ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

คุณเชษฐ์ไม่เคยบอกเรื่องนี้สักคำ...ทำไมล่ะ...มันเป็นความลับที่ให้เขารู้ไม่ได้งั้นหรือ...

ป๋วยทำสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็รีบสาวเท้าตามเมื่อภัทรก้าวเดินไปยังด้านหน้าบริษัท

“ใจเย็นก่อนนะภัทร คุณปรีชายังไม่ได้ทำเรื่องเสนอชื่อไปทางสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้....”

เสียงของหญิงสาวขาดหายเมื่อคนข้างตัวหยุดฝีเท้ากะทันหัน เมื่อมองตามสายตาของภัทรที่จ้องไปยังโซฟารับแขกด้านหน้าบริษัทก็พบกับชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคุ้นตา

“เอ๋? คุณธราธร?”

มาที่นี่ทำไมกัน...

นั่นเป็นคำถามที่ผุดขึ้นในใจของทั้งภัทรและป๋วย แต่ด้วยเหตุผลต่างกัน ร่างสูงใหญ่กระตุกยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาทั้งคู่ ทว่ายิ่งย่างก้าวอันฮึกเหิมนั้นใกล้เข้ามาเท่าไหร่ ภัทรก็ยิ่งอยากถอยกลับเข้าไปในบริษัทมากขึ้นเท่านั้น

“มารอตั้งนาน จะกลับแล้วสินะภัทร?”

ป๋วยกะพริบตาปริบก่อนจะชำเลืองมองคนข้างตัว และพบว่าสีหน้าของภัทรดูแย่ยิ่งกว่าตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องของนินนาทเมื่อครู่เสียอีก

“สวัสดีค่ะคุณธราธร นัดภัทรไว้เหรอคะ?”

ความเอะใจทำให้ป๋วยลองถามเพื่อหยั่งเชิง คนที่ใส่สูททับเสื้อเชิ้ตแบะกระดุมจึงเอาสองมือล้วงกระเป๋าด้วยท่วงท่าสบายๆ

“ไม่ได้นัดไว้หรอกครับ พอดีผมมาทำธุระแถวนี้ ก็เลยกะว่าถ้าภัทรยังอยู่จะพาไปกินข้าวด้วยกัน”

น้ำเสียงรื่นหูชวนให้คนฟังคล้อยตามในความมีน้ำจิตน้ำใจได้ไม่ยาก ทว่าหากใครที่ช่างสังเกตก็จะจับได้เช่นกันว่าคนพูดไม่เปิดทางให้ปฏิเสธ

“ขอบคุณ ผมไม่หิว”

ภัทรพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สะท้อนอารมณ์ใดๆ ออกมา หลังจากเรื่องราวที่เกิดตั้งแต่เมื่อวานมาจนบัดนี้ ธราธรเป็นคนสุดท้ายในโลกที่เขาอยากจะอยู่ใกล้ๆ

ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ เพราะรอยยิ้มนุ่มนวลบนริมฝีปากของธราธรยังอยู่ แต่นัยน์ตาหรี่ลงอย่างคุกคาม

“ถ้าไม่หิว งั้นเดี๋ยวขับรถไปส่งก็ได้ ยังไงบ้านเราก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้วนี่”

ไปทางเดียวกันเสียที่ไหน.... ภัทรอยากจะตอบอย่างนั้น แต่ก็รู้ว่าถ้าพูดไปแล้วป๋วยจะต้องเอะใจเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่ๆ ว่าไม่ใช่แค่ ‘เพื่อนเก่า’ ธรรมดา จึงตัดสินใจใช้วิธีตัดรอนอย่างเฉียบขาด

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ แฟนผมมารอรับอยู่ข้างล่าง”

คราวนี้ป๋วยอ้าปากค้าง เพราะเธอไม่เห็นรู้มาก่อนว่าคุณเชษฐ์กลับมาแล้ว แต่เมื่อเห็นใบหน้าของรุ่นน้องที่เครียดเกร็งจนแทบจะแผ่รังสีออกมา เธอก็เริ่มเอะใจแล้วว่านี่ต้องไม่ใช่สัญญาณที่ดีอย่างแน่นอน

คำตอบของภัทรทำให้ธราธรเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ทว่าความประหลาดใจในแววตาก็ถูกประกายเยียบเย็นเข้ามาฉาบทับอย่างรวดเร็ว

“แฟนงั้นเหรอ ถ้างั้นก็ดีเลย พาไปให้รู้จักหน่อยสิ จะได้ขอแนะนำตัวเสียหน่อยในฐานะ ‘เพื่อนเก่า’”

ธราธรเดินตรงเข้ามาโอบไหล่ภัทรแล้วก็รั้งให้เดินไปทางประตูด้วยกันท่ามกลางความตกใจของทั้งภัทรและป๋วย ตอนนี้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าไม่ว่า ‘เพื่อนเก่า’ สองคนนี้จะเคยมีความสัมพันธ์เช่นไร ตอนนี้ธราธรอันตรายเกินกว่าจะปล่อยรุ่นน้องของเธอให้กลับไปด้วย

ภัทรสู้แรงธราธรไม่ไหว และหากพยายามดิ้นหนีก็อาจเรียกความสนใจคนอื่นที่ยังนั่งทำงานอยู่ให้ออกมาดูก็ได้ จึงทำได้เพียงเหลือบมองป๋วยอย่างเป็นกังวลก่อนจะโดนคนตัวใหญ่กว่ารั้งตัวให้เดินออกไปนอกบริษัทด้วยกัน

“ตายแล้ว! คุณเชษฐ์ก็ยังไม่กลับมาสักหน่อย! แล้วนี่พี่จะช่วยเธอยังไงฮึภัทร!?”

สัญชาตญาณของเพศหญิงมักเฉียบคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประสบการณ์ด้านความรัก และตอนนี้ป๋วยก็นึกเป็นห่วงรุ่นน้องจับใจ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจรีบเดินกลับไปปรึกษานินนาทที่ยังนั่งอยู่ในห้อง โดยไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับแววตาประหลาดใจเช่นกัน


++------++

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-12-2012 20:09:39
ติ๊ง...

เสียงสัญญาณลิฟต์ดังเบาๆ หลังประตูปิดลง ภัทรรีบขืนกายออกห่างธราธรทันทีเมื่อทั้งสองอยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง ความใกล้ชิดทำให้เขามั่นใจว่าได้กลิ่นแอลกอฮอลล์จางๆ จากลมหายใจของคนข้างตัว

“อะไรจะหวงตัวขนาดนั้น กลัวแฟนใหม่จะมาเห็นเข้าหรือไง?”

เมื่อพ้นสายตาของบุคคลที่สาม น้ำเสียงของธราธรก็มีกังวานของการประชดประเทียดทันที ภัทรขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ไม่ยอมสบตากลับ

“มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

ธราธรพ่นหัวเราะทางจมูก นัยน์ตาคมเหลือบต่ำลงและเพิ่งสังเกตเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างของภัทรที่พันผ้าก๊อซเอาไว้ น้ำเสียงเข้มจึงค่อยถามขึ้น

“มือไปโดนอะไรมา?”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ...โอ๊ย!”

ภัทรร้องเสียงดังเมื่อถูกดึงมือข้างหนึ่งอย่างแรง ความเจ็บแปลบแล่นผ่านมาถึงสมองเพราะแผลที่ยังไม่สมานตัวถูกรั้งจากมือใหญ่ที่จับนิ้วของเขากางออกเหมือนไม่ค่อยเชื่อ กระทั่งเห็นใบหน้าเหยเกของภัทรที่มีเหงื่อหยดเล็กๆ ผุดซึมบนหน้าผาก และเรียวนิ้วที่สั่นระริกเพราะความเจ็บ เขาจึงค่อยปล่อยมือ

“ซุ่มซ่ามจริงๆ นะ แฟนใหม่เขาไม่ค่อยดูแลหรือไง?”

“คุณเชษฐ์ไม่เกี่ยว!”

ถึงแม้จะเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงดูแคลนพาดพิงถึงคนที่สำคัญที่สุด ภัทรก็รีบสวนกลับเสียงแข็งทันที และดูเหมือนปฏิกิริยาของเขาจะกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวของธราธรให้ลุกโชนขึ้น

“...ชื่อคุณเชษฐ์งั้นเหรอ ยิ่งอยากเห็นหน้าเข้าไปใหญ่ซะแล้วสิ คนที่ทำให้ภัทรต้องรีบออกหน้าปกป้องถึงขนาดนี้น่ะ”

ปลายนิ้วใหญ่บีบคางของภัทรและบังคับให้เงยหน้าขึ้นสบตากับตัวเอง และคราวนี้ไหล่ของภัทรสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่แววตาของธราธรตอนนี้เต็มไปด้วยความมาดร้ายจนเขายิ่งรู้สึกเหมือนคนที่กำลังต้อนให้จนมุม

และที่สำคัญ...ตอนนี้คุณเชษฐ์ก็ไม่ได้อยู่ในระยะที่จะเข้ามาคุ้มครองเขาได้ ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกและทั้งสองเดินออกไปยังล็อบบี้ ธราธรต้องรู้แน่นอนว่าภัทรโกหกเรื่องที่คุณเชษฐ์มารอรับ

“ธร...ถ้าหากยังเห็นแก่อดีตของพวกเราจริงๆ ล่ะก็...ขอร้องเถอะ เลิกทำแบบนี้”

นัยน์ตาของภัทรฉายแววปวดร้าว แต่หาใช่เพราะความหวั่นไหวที่คนรักเก่ากลับเข้ามาในชีวิต หากเป็นความขัดใจในความอ่อนแอของตัวเองที่มัวแต่นึกอยากพึ่งพิงคุณเชษฐ์ทั้งที่ควรจะจัดการให้เด็ดขาดด้วยตัวเอง ยิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตัวของธราธร เขาก็ยิ่งอยากอยู่ให้ห่างอดีตคนรักมากเข้าไปอีก

ทว่าแววตาของคนที่จ้องกลับมามีเพียงความเยียบเย็นจนชวนให้ใจหาย

“แย่หน่อยนะ ธรกำลังสนุกซะด้วยสิ”

ลิฟต์ส่งเสียงอีกครั้งก่อนจะเปิดออกที่ชั้นหนึ่ง และภัทรก็ถูกดึงแขนออกจากลิฟต์อย่างไม่ปรานีปราศัย ทั้งที่ธราธรก็รู้ดีว่าเขาบาดเจ็บที่มือจริงๆ ภัทรได้แต่ขบกรามแน่นเพื่อกลั้นเสียงอุทานจากความเจ็บขณะที่อีกฝ่ายพาเขามาถึงล็อบบี้ที่ไร้ผู้คน

“ไหนล่ะ? แฟนที่มารอรับ?”

ภัทรลืมตาขึ้นมา ทำให้รู้ว่าเมื่อครู่ตนปิดตาแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาจากความเจ็บจนไม่ทันได้มองรอบตัว และเมื่อเห็นแต่ความว่างโล่งในบริเวณล็อบบี้เพราะแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ ความอ้างว้างก็พุ่งลิ่วขึ้นในอกจนจุก

“ไหนล่ะคุณเชษฐ์? ภัทรคงไม่ได้จนตรอกจนถึงกับต้องแต่งเรื่องโกหกหรอกนะ?”

“ไม่ใช่นะ! คุณเชษฐ์แค่...คุณเชษฐ์แค่...อาจจะรถติดอยู่...หรือไม่ก็...แค่ลืมมารับ”

ลืมงั้นหรือ...จริงสิ หรือว่าเขาถูกลืมแล้ว เมื่อวานคุณเชษฐ์ยังบอกอยู่เลยว่า “แล้วค่อยคุยกันพรุ่งนี้” แล้วทำไมถึงไม่โทรมาเลยทั้งวันล่ะ...

ความน้อยใจค่อยๆ ไหลเอ่อจากส่วนลึกในใจที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจดีว่าคุณเชษฐ์มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และในเวลาเช่นนี้ การอยากร้องขอให้อีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆ คงจะผิดที่ผิดทางเกินไป...

“ลืมมารับ? อย่าพูดให้ขำน่ะภัทร คนเป็นแฟนกันเขาไม่ลืมเรื่องพรรค์นี้ง่ายๆ หรอก สรุปนี่แต่งเรื่องมาหลอกธรจริงๆ สินะ”

น้ำเสียงของธราธรเริ่มกรุ่นด้วยความโมโห ขณะที่ภัทรมุ่นหัวคิ้วแน่น

“ไม่ใช่นะ! อย่ามองว่าคนอื่นจะปลิ้นปล้อนเหมือนตัวเองได้ไหม!”

ภัทรระเบิดออกมาในที่สุด ทว่านั่นกลับไม่ต่างจากการสะกิดแก้วที่มีน้ำล้นปริ่มให้ร่วงหล่นและสาดน้ำกระจายไปทั่ว เพราะรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทุกขุมขนของธราธรจนใบหน้าเขียวคล้ำ
 
“อ้อ...ที่แท้แค่อยากหลอกด่าสินะ ทำเป็นเล่นแง่อย่างโน้นอย่างนี้ ที่แท้ก็ยังน้อยใจที่โดนบอกเลิกอยู่ล่ะสิ ไม่บอกกันแต่แรกล่ะ จะได้รีบช่วยสนองให้ไวๆ”

ถ้อยคำหยาบคายอย่างไม่ถนอมน้ำใจทำให้ภัทรเลือดขึ้นหน้า “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะธร! มันเจ็บนะ!!”

ภัทรได้แต่พยายามขืนตัวเองไว้อย่างไร้ผล ไม่นึกว่าประโยคที่หลุดปากไปเมื่อครู่จะเป็นดั่งชนวนระเบิด เพราะตอนนี้ธราธรถูกความโกรธเกรี้ยวครอบงำจนไม่สนใจอีกแล้วว่าฝ่ามือเขาบาดเจ็บ นิ้วมือใหญ่รวบกำมือเรียวแน่นขณะจูงออกจากตึก และภัทรก็มั่นใจว่าเลือดกำลังไหลซึมออกจากแผลที่ปริแตก

“ธร! บอกว่าให้ปล่อย!”

ภัทรพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามบิดมือออกจากอุ้งมือใหญ่ ทว่าธราธรจิกเล็บลงกลางฝ่ามือที่เป็นแผลจนมือข้างนั้นเปลี้ยไปในฉับพลันเหมือนโดนเข็มแทงยาชาเจาะ

“ไม่ต้องเล่นตัวนักหรอกภัทร ของมันเคยกันอยู่ แค่ต้องเสียเวลารื้อฟื้นความทรงจำนิดหน่อยน่ะธรไม่ถือหรอก”

ความไม่อยากเชื่อหูว่าได้ยินอะไร ผสานมากับความตกใจเมื่อจู่ๆ ใบหน้าถึงทึงของธราธรก็กลายเป็นภาพเบลอทันทีที่เสียง ‘พลั่ก!!’ ดังมาเข้าหู และก่อนที่ภัทรจะล้มตามคนที่เพิ่งโดนซัดลงไปกองกับพื้นเพราะถูกจับมือไว้ บั้นเอวก็ถูกแขนแข็งแรงดึงเข้าไปหาได้ทันเวลา

สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ รวดเร็วจนภัทรตาลาย กว่าจะตั้งตัวได้อีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นแผงไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตกับสูทสีดำ สัมผัสอันหนักแน่นจากฝ่ามือที่วางลงบนเอวอย่างปกป้องทำให้เขาแทบไม่กล้าหายใจ

กลิ่นนี้...

ลมหายใจกระชั้นถี่กับเสียงหัวใจที่เต้นรัวซึ่งส่งผ่านมายังภัทรทำให้เขาไม่กล้าเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขน ไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อสายตากับสัมผัสว่าตอนนี้ตนกำลังถูกใครคนหนึ่งกอดอยู่จริงๆ

“…ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”

น้ำเสียงเข้มหนักที่อวลด้วยอารมณ์อันคุกรุ่น กระนั้นก็ยังอาบชุ่มไปด้วยความอ่อนโยนและเป็นห่วงอย่างเต็มเปี่ยมซึมซ่านเข้าในใจของภัทร ร่างเพรียวสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ และแทบไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อพบกับแววตาหลังเลนส์แว่นที่กำลังจับจ้องตัวเองอยู่

“คุณเชษฐ์...ทำไม...”

คำพูดต่อจากนั้นราวถูกกลืนกลับลงในคอ ความยินดีและโล่งใจไหลบ่าเข้าท่วมอกจนภัทรพูดอะไรไม่ออก ประสาทการรับรู้ทั้งหมดราวกับถูกนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นตรึงให้จดจ่ออยู่กับเจ้าตัวเพียงคนเดียว กระทั่งความเจ็บจากแผลบนมือก็ถูกลืมเลือนไปสนิทใจ

“...เมื่อวานหลังโทรคุยกับคุณปรีชาแล้วฉันก็ขอบินกลับมาวันนี้เลย แต่คุณปรีชาขอให้จัดการงานทางโน้นให้เรียบร้อยก่อน ถึงได้เพิ่งจะบินออกมาเมื่อเย็นนี้”

เรื่องที่ทำให้ต้องบินกลับมาด่วน...ดูเหมือนเรื่องที่จะเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ไปประจำที่เวียดนามจะมีแนวโน้มสูงสินะ...

ความจริงที่ได้ตระหนักทำให้นัยน์ตาเรียวหม่นแสง ภัทรหลุบตาลงเพื่อปิดบังความผิดหวังไม่ให้ถูกจับได้ แล้วก็เผลอหลุดเสียงอุทานเมื่อฝ่ามือแข็งแรงช้อนมือที่พันผ้าก๊อซของเขาขึ้นดูใกล้ๆ

เชษฐ์ไม่ได้ใช้วิธีจับหรือดึงมือขึ้นมา แต่ใช้ฝ่ามือรองไว้ใต้หลังมือของเขาแล้วช้อนขึ้นเพื่อให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด

“ไปโดนอะไรมา? เจ็บมากหรือเปล่า?”

น้ำเสียงซึ่งแม้จะฟังเผินๆ เหมือนสงบนิ่ง ทว่าก็มีความร้อนรนแฝงอยู่ช่วยปลอบประโลมหัวใจอันอ่อนล้าของภัทรได้บ้าง เขาจึงพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

“ผมซุ่มซ่ามก็เลยทำแก้วบาดมือน่ะครับ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ไม่ได้เป็นอะไรที่ไหนกัน เดี๋ยวฉันจะโทรบอกคุณปรีชาว่านัดกินข้าวเย็นวันนี้ขอเลื่อนไปก่อน ฉันจะพาเธอไปหาหมอแล้วทำแผลใหม่”

เชษฐ์เอ่ยพลางมุ่นคิ้วเข้มหนาเข้าหากัน แต่ทั้งที่ใบหน้านั้นแสดงออกถึงความไม่พอใจ ภัทรกลับไม่นึกกลัวเพราะรู้ว่านั่นเป็นเพราะความเป็นห่วงที่มีต่อร่างกายของเขานั่นเอง

“...อ้อ...นี่สินะคุณเชษฐ์”

เสียงแหบทุ้มจากคนที่ถูกลืมไปชั่วขณะดังขึ้น และนั่นดึงสายตาของภัทรกับเชษฐ์ให้หันไปหาต้นเสียงพร้อมกัน ภัทรมองธราธรที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นพลางใช้หลังมือปาดเลือดกำเดา จากนั้นก็เบนสายตากลับมาหาคนข้างตัวอย่างไม่สบายใจ ขณะที่ผู้สูงวัยกว่าเพิ่มแรงกระชับเอวเขาแน่นขึ้น

“...ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่นึกว่าจะมีตัวตนจริงๆ ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ภัทรมีรสนิยมชอบคนอารมณ์ร้อนแบบนี้”

ภัทรรีบขยับริมฝีปากเพื่อจะตอบโต้แทนเชษฐ์ ทว่าถูกตัดหน้าเสียก่อน

“มีหลายเรื่องที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับภัทร แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้อีกแล้วล่ะ ไหนๆ แต่งงานแล้วก็กลับไปดูแลภรรยาของตัวเองเป็นไง?”

คำพูดสั่งสอนนั้นทำให้ธราธรหรี่ตาลงอย่างเย็นชา ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลลงเปรอะใต้จมูกอีกครั้งและยกมือขึ้นดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเหลือบตาที่เปล่งประกายวาวโรจน์ขึ้นและขยับตัวอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ!”

ภัทรส่งเสียงเมื่อถูกเชษฐ์ผลักออกห่างก่อนเจ้าตัวจะหันไปเผชิญหน้ากับธราธร ร่างสูงใหญ่เบี่ยงตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้าหาหน้าตัวเองได้ทัน และอาศัยช่องว่างนั้นอัดกำปั้นลุ่นๆ เข้าไปยังช่องท้องที่เปิดโล่งของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงข้อต่อกระทบเนื้อที่ดังเสียดหู

“อ่อก!!!”

ธราธรที่ถูกหมัดขวาเข้าชายโครงเต็มรักหงายหลังกลิ้งกับพื้นด้วยความจุก ฝ่ายเชษฐ์ยืนนิ่งมองอีกฝ่ายจากมุมสูงกว่าด้วยนัยน์ตาที่ราวกับฉาบไว้ด้วยน้ำแข็ง ความรู้สึกอันกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงใหญ่จนแม้แต่ภัทรก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ในนาทีนี้

“ฉันจะพูดอีกครั้งเดียว อย่ามาให้ภัทรหรือฉันเห็นหน้านายอีกเป็นอันขาด”

สรรพนามและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปบ่งบอกว่าคนพูดกำลังพยายามควบคุมอารมณ์อย่างยิ่งยวด ทว่าภัทรกลับรู้สึกได้ถึงเค้าลางที่ชวนให้นึกถึงทำนบเขื่อนที่กำลังจะแตกออกเพราะกระแสน้ำเชี่ยวกรากอันรุนแรง

“แค่กๆ....หึๆ...ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางแบบนี้จะหมัดหนักไม่ใช่เล่น คุณนี่ดูแล้วก็น่าจะเป็นพวกรสนิยมดี ไม่น่ามาจมปลักกับของเหลือของคนอื่นเลยนะ อ้อ...สงสัยจะติดใจลีลาของภัทรเข้าแล้วล่ะสิ ก็ช่วยไม่ได้...ขนาดผมเลิกไปตั้งสองปีแล้วยังลืมไม่ลงเลยนี่นา”

ภัทรหน้าซีด ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดที่ระคายหูถึงขนาดนี้จากคนที่เคยคบกันได้ ทำไมกัน...ทั้งๆ ที่ฝ่ายนั้นต่างหากที่เป็นคนทิ้งเขาไป ปล่อยให้เขาต้องทนรับความปวดร้าวอย่างไม่ไยดี  แต่ทำไมตอนนี้กลับต้องหาเรื่องเหยียบย่ำความรู้สึกให้ภัทรต้องอับอายต่อหน้าคนที่รักอีก

“อั้ก!!”

ธราธรร้องออกมาอีกเมื่อถูกร่างสูงใหญ่กระทืบเท้าลงบนท้องอย่างไม่ปรานี ท่าทางอันโหดเหี้ยมจนไม่น่าเชื่อว่านั่นคือคุณเชษฐ์ที่เขารู้จักทำให้ภัทรเบิกตากว้าง สองขาราวกับถูกภาพที่เห็นตรึงอยู่กับที่

“นายไม่มีสิทธิ์มาเรียกใครว่าของเหลือ ถ้าหากจะมีใครเหมาะกับคำพูดนั้นที่สุดก็นายนั่นแหละ ไอ้คนเหลือขอ!”

ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงคร่อมร่างที่ยังนอนจุกอยู่กับพื้น จากนั้นกำปั้นลุ่นๆ ก็กระหน่ำต่อยลงบนใบหน้าของธราธรอย่างไม่นับ แม้คนถูกต่อยจะพยายามปัดป้องก็ไม่เป็นผล กระทั่งเสียงครวญครางของอีกฝ่ายแผ่วลงและเลือดกระเซ็นเปื้อนกำปั้นกับเสื้อสูท เชษฐ์ก็ยังไม่หยุด


“คุณเชษฐ์...พอ...”


ภัทรเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความหวาดหวั่นกับพายุอารมณ์ของคนตรงหน้า แต่ดูเหมือนเสียงนั้นจะไปไม่ถึงคนที่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตร ทว่าหยาดหยดสีแดงที่เปรอะเปื้อนมือของอีกฝ่ายมากขึ้นทุกทีก็กระตุ้นขาของเขาให้เคลื่อนไหวในที่สุด

“คุณเชษฐ์! พอแล้วครับ! พอได้แล้ว!!”

ร่างสูงเพรียวถลาเข้าไปรั้งแขนแข็งแรงที่กล้ามเนื้อทุกมัดอัดแน่นด้วยความเกรี้ยวกราดเอาไว้ ถึงแม้จะเวทนาธราธรที่โดนต่อยจนตาบวมปูดและจมูกหัก แต่ตอนนี้สิ่งที่กลัวยิ่งกว่าคือเชษฐ์จะขาดสติจนต่อยอีกฝ่ายตายคามือ

ร่างสูงใหญ่หอบหายใจแรงขณะพยายามระงับอารมณ์ที่เดือดพล่าน ใบหน้าคมคายเบนมาสบสายตากับภัทรช้าๆ และดูเหมือนประกายวิงวอนในแววตาหวานโศกจะช่วยให้เพลิงอารมณ์ที่กำลังลุกโชนมอดลงได้บ้าง ชายหนุ่มหันกลับไปใช้มืออีกข้างกระชากปกเสื้อของธราธรที่โดนต่อยจนเลือดกบหน้าแล้วเอ่ยเสียงเย็นทิ้งท้าย

“ทีหลังอย่าดูถูกคนอื่นให้มากนัก และอย่าได้มาเข้าใกล้ภัทรอีก”

เสียงฮื่อออ...ต่ำๆ ดังผ่านจมูกของคนที่ถูกต่อยจนปากแตก ยากที่จะรู้ว่านั่นเป็นเสียงครางด้วยความเจ็บหรือเสียงรับรู้ว่าจะทำตามกันแน่ แต่ร่างสูงใหญ่ก็เพียงแต่หยัดตัวขึ้นยืนแล้วหันมาทางภัทร

“เราก็ไปกันเถอะ”

ภัทรมองฝ่ามือที่ถูกยื่นออกมาหา ร่างสูงใหญ่บัดนี้เต็มไปด้วยเหงื่อและรอยเลือดที่กระเซ็นอยู่บนแว่นและเสื้อสูทซึ่งใส่ทับเชิ้ตที่ไม่ได้ผูกไท ดูแล้วต่างจากภาพลักษณ์สุขุมและสง่าที่ชินตาอย่างสิ้นเชิง กลิ่นอายของความโกรธเกรี้ยวที่เพิ่งพัดผ่านยังอ้อยอิ่งอยู่รอบตัว กระนั้นในแววตาที่ทอดมองมาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่มีให้กับเขา ไม่มีร่องรอยหวั่นไหวใดๆ จากคำพูดเหยียดหยามของธราธรแฝงอยู่แม้เพียงเศษเสี้ยว

โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ภัทรยื่นมือออกวางบนฝ่ามือใหญ่ที่รอรับทันที ชายหนุ่มปรายตามองธราธรที่นอนนิ่งบนพื้นเพียงนิดเดียวก็รีบเบือนหน้าหนี เชษฐ์จึงรั้งไหล่เขาเข้าใกล้ตัวแล้วแนบริมฝีปากลงบนกระหม่อม

“เดี๋ยวเราเรียกรถพยาบาลมาให้หมอนี่ก็แล้วกัน”

“ครับ...”

ถึงแม้จะยังกำมือได้ไม่ถนัด แต่ภัทรก็วางทาบมือทั้งสองลงบนแผ่นหลังกว้างพลางระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งใจ นาทีนี้เขาไม่ต้องการจะนึกถึงเรื่องใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเรื่องที่เชษฐ์อาจต้องไปประจำที่เวียดนาม หรือว่าสาเหตุที่ทำให้ธราธรมาหาเขาในวันนี้ ร่างสูงเพรียวเอียงหน้าลงแนบแก้มบนบ่ากว้างและซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมแขนที่กระชับเข้าหาให้มากที่สุด

“จริงสิ ต้องพาเธอไปทำแผลที่โรงพยาบาล ยังเจ็บมากไหม?”

เชษฐ์เอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ มือแข็งแรงจับไหล่ภัทรให้ถอยออกเพื่อจะได้มองหน้าถนัด ความกังวลทั้งในน้ำเสียงและแววตาทำให้ภัทรแทบจะลืมเรื่องที่เพิ่งผ่านพ้นไปจนหมด

“นิดหน่อยครับ แต่ไปทำแผลใหม่ก็ดีเหมือนกัน”

รอยยิ้มของเขาค่อยทำให้หัวคิ้วที่มุ่นกันแน่นบนใบหน้าของคนถามคลายลงได้ เชษฐ์ค่อยยกมุมปากขึ้นบ้างก่อนจะโอบไหล่เขาเพื่อเดินเข้าไปในตึก

“ก่อนมาถึงฉันพยายามโทรหาเธอแต่ไม่ติด แต่โทรบอกคุณนินไว้แล้วว่ากำลังจะกลับมาเพราะคุณปรีชานัดทานข้าวเย็น เดี๋ยวขอฉันขึ้นไปเอาของบนออฟฟิศแป๊บนึงก็แล้วกัน จะได้โทรแคนเซิลคุณปรีชาก่อนด้วย”

ภัทรพยักหน้าและยิ้มให้ แต่แล้วเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านหลังก็ทำให้ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดินชะงัก เมื่อเหลียวหลังไปมองก็ทำให้พบกับภาพที่จุดความกลัวให้ตื่นขึ้นจนมือไม้อ่อนเอาดื้อๆ

ธราธรที่ถูกต่อยจนเลือดอาบหน้านั้นมีบางส่วนไหลเลอะคอเสื้อปนกับเหงื่อ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบูดเบี้ยวเพราะฤทธิ์หมัดดูราวกับผีร้ายจากโลกอื่นกำลังเดินตรงมาที่พวกเขาสองคน และในมือหนึ่งกำต้นไม้ที่รากยึดติดกับกระถางดินเผาใบใหญ่มาด้วย

“อย่าคิดว่าตัวเองจะมีความสุขคนเดียวเลย ภัทร!”

“คุณเชษฐ์! ระวัง!!”

เสียงของทั้งสองดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน แต่กว่าเชษฐ์จะหันกลับไปนั้นธราธรก็เดินมาถึงตัวแล้ว ร่างสูงใหญ่จึงตัดสินใจในเสี้ยววินาที ดึงภัทรให้หลบอยู่หลังตัวเองก่อนจะหันหน้ากลับไป

เสียงกระถางดินเผาที่กระแทกเข้ากับศีรษะของคนที่เอาตัวกันเขาไว้ดังก้องเต็มสองหู ภัทรรู้สึกราวกับภาพที่เห็นน่าจะเกิดแค่ในละคร แต่นี่ไม่ใช่เลย ภาพของธราธรที่เงื้อกระถางขึ้นฟาดลงบนศีรษะของเชษฐ์จนเจ้าตัวล้มกระเด็น มันช่างแจ่มชัดราวกับใครฝังกล้องความไวสูงลงมาในตาของเขาจนทำให้ลบออกไม่ได้ เช่นเดียวกับเลือดสีแดงฉานบนพื้นซึ่งเริ่มไหลเป็นทางออกมาจากรอยแผลที่ปริแตกเพราะการกระแทกเมื่อครู่

เศษกระถางดินเผาและแว่นกรอบเงินซึ่งแตกกระจัดกระจายบนพื้น ดูแล้วราวกับหัวใจของเขาที่ถูกควักออกมาบีบให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ภัทรกรีดร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายสุดเสียงด้วยอาการไม่ต่างจากคนที่หัวใจแหลกสลาย

“คุณเชษฐ์!!!!!”



++---tbc---++
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 04-12-2012 20:12:13
A/N: เป็นตอนที่ค่อนข้างยาวและแก้แล้วแก้อีก แต่ในที่สุด...ก็พาคุณเชษฐ์กลับมาหาน้องภัทรได้แล้วนะคะ แอบสังหรณ์เล็กน้อยว่าพอโพสต์ตอนนี้ไปเมื่อไหร่จะโดนคนอ่านงอนอีกแหงมๆ เลยแฮะ...  :beat:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 04-12-2012 20:30:07
น้ำตาซึมต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว เพราะอะไรบอกไม่ถูกค่ะ อาจเป็นเพราะบรรยากาศสีเทาในเรื่อง หรือความอ่อนไหวของตัวเอง ก็ไม่รู้...
แต่ว่า เศร้าจัง แค่ห่างจากคนที่รักก็ว่าแย่แล้ว แต่พอกลับมาได้คุยกันไม่เท่าไหร่ก็เกิดเรื่อง
 คุณเชษฐ์โหด กว่าที่คิดไว้เยอะเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-12-2012 20:31:07
เข้ามากรี๊ดดดดดดดด ก่อน 
เย้ ๆๆ  คุณเชษฐ์กลับมาแล้ว
Congratulation  นะน้องภัทร  เย้  คุณเชษฐ์กลับมาแล้ว
ขอบคุณนะคะ  ที่มาลงให้เร็วมาก  +เป็ด จ้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 04-12-2012 20:41:01
การกลับมาของคุณเชษฐ์ทำไมถึงเป็นอย่างนี้  คุณเชษฐ์จะไม่เป็นไรใช่มั้ย
น่าจะกระทืบมันให้ตายไปเลยไอ้ธราธรคนเลว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 04-12-2012 20:57:43
คู้นนนนนนนนนนนรินนนนนนน ทำไมเป็นแบบนี้
เลือดนองบริษัท คุณเชษฐ์กับภัทรของเรายังไม่ทันได้แสดงความคิดถึงกันเลย
ต้องไปเดี้ยงนอนโรงพยาบาลแล้วอ่ะ :z3:

ว่าแต่ไม่คิดว่าธราธรจะเลวได้บัดซบเยี่ยงนี้
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 04-12-2012 21:03:32
ฮื่อออออออออออ น้ำตาคลอเบ้า คุณเชษฐ์กลับมากอดภัทรแล้ววววววววววววว

แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ฮื่อออออออออออ คุณเชษฐ์ของเค้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 04-12-2012 21:03:50
ม่ายยยยยยยยยยยยย T_______________T เกลียดธรจริงๆ อีผู้ชายปลวก ไปตายให้หนอนแดกไป๊ !!
ตัวเองทิ้งเค้าเองแท้ๆ พอแต่งงานมีแมียไป พอไม่มีความสุขกลับมาหาภัทร เห็นเค้าอยู่ดีมีสุขก็ไม่ได้อีก
จะต้องมาทำให้เค้าทุกข์เหมือนตัวเอง หอยยยยยยย !! นี่อินท์มากเลยนะ ฮ่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 04-12-2012 21:15:01
เลวได้อีกแฟนเก่าภัทร
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 04-12-2012 21:18:29
กรี๊ดดดดดดดด คุณรินกับไอ้บ้าธร ทำอะไรคุณเชษฐ์เนี่ย กว่าพระเอกเราจะได้กลับมา ยากเย็นแสนเข็ญ พอกลับมาปุ๊บก็เจ็บตัวปั๊บเลยอะ  ไม่ใช่พอฟื้นมาความจำเสื่อมอีกนะ เราไม่ยอมมมมมมมมมมมมม

ตูเครียดล่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 04-12-2012 22:11:40
  :z3: :z3:

พี่เชษฐ์จะเป็นไงบ้างน้ออุตส่ากลับมาหาภัทรแล้ว

 :impress3: :o12:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-12-2012 22:34:17
ดีใจที่คุณเชษฐ์กลับมาสักที กลับมาได้จังหวะเหมาะมากๆๆๆๆ

และ...ธราธรเลวมากกกกกกกกก....

แกกกกกกกก๊!!!!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-12-2012 22:46:21
กำลังจะฟินแล้วเชียว  แค่ไม่กี่บรรทัดหลังสุดก็เปลี่ยนอารมณ์คนอ่านไปโดยสิ้นเชิง  แง ๆ ๆ
หวังว่าตอนต่อไปคงรอไม่นานเนาะ  ไม่งั้นค้างตายเลย  +1 ค่ะ
ชอบคุณเซษฐ์ตอนนี้จัง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 04-12-2012 23:31:55
ไม่จริงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
โอ้ยยยย อยากฆ่าไอ้เวรนั้นมากกกกก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 05-12-2012 19:21:17
คุณเชษฐ์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แจ้งความจับไอ่บ้านั้นเลย ข้อหาทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่า เอาให้ติดคุกให้ได้
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-12-2012 19:42:02
เพิ่งมาอ่านค่ะ ชอบพระเอกอะ รู้สึกเท่ดี 5555 นายเอกก็น่ารักดีค่ะ แต่ง๊องแง๊งไปนิด อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 06-12-2012 20:38:13
ป่านนี้คุณเชษฐ์ของเราจะเป็นไงบ้างหนอ? >_<~
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 07-12-2012 00:01:11
อ่านทันแล้วววว

แฟนเก่าภัทรปัญญาอ่อนมาก เป็นบุญอย่างยิ่งที่เลิกกับไอ้หน้าโง่แบบนี้ได้ ฮึ่ยยย น่าตื้บให้ตายจริงๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 07-12-2012 16:29:18
คุณเชษฐ์อย่าเป็นอะไรนะ เพิ่งจะมาเองอ่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 08-12-2012 02:45:46
มันยังมีแรงลุกขึ้นมาได้อีกเรอะนี่
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 08-12-2012 09:18:20
ชั้นอยากสั่งมือปืนมาเก็บไอ้นี่จัง ไอ้ธราธร
เพราะถึงปล่อยไว้ไอ้คนเลวบริสุทธิ์แบบนี้มันไม่มีวันสำนึกหรอก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 08-12-2012 12:37:11
จะจัดการคนเลวแบบไหนดี
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 17 P.17 [4/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 08-12-2012 21:07:27
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  อย่าเป็นอะไรเลยน้าๆๆ
ไอ้ธรแม่งชั่วๆๆๆๆจริงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-12-2012 13:00:11
ตอนที่ 18.

เลือด...เลือดแดงฉานเต็มไปหมด...

นั่นคือภาพที่ติดตาภัทร ตอนที่เขากรีดร้องชื่อคุณเชษฐ์และถลาเข้าไปหา

เลือดอุ่นๆ ไหลออกจากแผลที่โดนกระถางต้นไม้ใบใหญ่ฟาด จนแม้แต่ภัทรที่ไม่ใช่คนกลัวเลือดยังหน้าถอดสี เขารีบประคองศีรษะอีกฝ่ายหนุนตักแล้วใช้สองมือกดซับโลหิตสีแดงสดจนผ้าก๊อซเปียกชุ่ม แยกไม่ออกอีกต่อไประหว่างเลือดจากแผลบนมือกับเลือดจากศีรษะคุณเชษฐ์ที่ไหลไม่ยอมหยุด

"เฮ้ย!! มีคนทะเลาะกัน!!!"

ดูเหมือนเสียงกระทบกระทั่งและเสียงร้องของเขาจะเรียกความสนใจจากผู้คนที่นั่งกินข้าวในร้านแถวนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพนักงานรักษาความปลอดภัยด้วย เมื่อพวกเขาพากันออกมาดูและพบว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบเข้ามาช่วยกันดึงธราธรออกไป ขณะเดียวกันก็รีบโทรเรียกรถพยาบาลกับรถตำรวจอย่างรวดเร็ว

ภัทรแทบไม่รู้สึกตัวว่าป๋วยและนินนาทลงมาจากชั้นบนและวิ่งเข้ามาหาพวกเขาตอนไหน แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือรุ่นพี่กับเจ้านายของตัวเอง ตอนที่ป๋วยเข้ามาเขย่าไหล่และถามอย่างร้อนรนว่า “เธอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” เขาทำได้เพียงเหลือบมองร่างที่หมดสติอยู่บนตัก และเพิ่งสังเกตได้ถึงเลือดสดๆ ที่อาบบนกางเกงและเสื้อของตัวเอง แต่สิ่งที่ภัทรซึ่งกำลังตกใจพูดออกมาได้มีเพียงแค่

“...ไม่ใช่เลือดผม ...เลือดคุณเชษฐ์...ช่วยคุณเชษฐ์ด้วย คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์!!”

หลังจากนั้นภัทรก็ตัดขาดการรับรู้จากทุกสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเสียงเอะอะโวยวาย เสียงหวอของรถตำรวจและรถพยาบาล สองตาและความคิดของเขาจดจ่ออยู่แต่กับร่างสูงใหญ่ในอ้อมแขนเท่านั้น เขาไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าถูกพาขึ้นรถพยาบาลได้อย่างไร เอ่ยอะไรกับตำรวจที่ตามมาสอบปากคำไปบ้างโดยมีป๋วยกับนินนาทคอยอยู่ข้างๆ และตอนนี้เขามานั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลได้อย่างไร

เลือดที่อาบผ้าก๊อซบนมือทั้งสองแห้งไปแล้ว แต่สีแดงสดก็ยังติดตาราวกับนั่นเป็นสิ่งเดียวที่รับรู้ได้ในตอนนี้

"ภัทร...ภัทร...."

เสียงของผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหู แต่สมองของภัทรไม่ยอมตีความคำพูดที่ลอยผ่าน ตอนนี้เขาไม่ต่างจากตุ๊กตาที่ในอกกลวงเปล่า ทำได้เพียงนั่งมองมือตัวเองเหมือนตัวไร้ประโยชน์ตัวหนึ่งเท่านั้น

เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ควรจะป้องกันได้ใช่ไหม...ถ้าหากเขาเล่าเรื่องของธราธรให้คุณเชษฐ์ฟังตั้งแต่ตอนที่ได้กลับมาเจอกันครั้งแรก บางทีเรื่องทั้งหมดนี้ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น คุณเชษฐ์ก็จะไม่ต้องเอาตัวเข้ามาปกป้องเขาจนบาดเจ็บสาหัสแบบนี้หรือเปล่า...

“คุณนิน ทำยังไงดี ป๋วยถามอะไรภัทรก็ไม่ยอมตอบเลยค่ะ”

หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นและหันมาถามคนที่ยืนข้างๆ ใบหน้าสวยคมมีแต่ความกระวนกระวายใจ เมื่อตอนหัวค่ำที่นินนาทบอกเธอว่าคุณเชษฐ์โทรมาแจ้งว่าเพิ่งบินถึงกรุงเทพฯ และกำลังเดินทางมาบริษัท เธอนึกโล่งใจแล้วว่าคงไม่ต้องเป็นห่วงรุ่นน้องอีกแล้ว ไม่นึกเลยว่าเมื่อเธอกับนินนาทลงลิฟต์มาเพื่อจะกลับบ้าน กลับได้พบกับภาพชวนขวัญหนีดีฝ่อที่ภัทรกำลังประคองคุณเชษฐ์นอนบนตักพลางกรีดร้องเหมือนคนไม่ได้สติ และธราธรซึ่งหน้าตาบวมปูดมีเลือดอาบกำลังถูกยามกับผู้คนแถวนั้นช่วยกันพยุงตัวไว้

ตำรวจที่มาสอบปากคำกลับไปแล้ว และโชคดีเหลือเกินที่ญาติของธราธรมารับเจ้าตัวไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลอื่น ไม่เช่นนั้นเธอเชื่อว่าต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกแน่ แต่ตอนนี้อาการของคนที่เอาแต่นั่งมองมือตัวเองและไม่หือไม่อือกับคำพูดของเธอนี่สิที่น่าห่วงยิ่งกว่า

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ผมขอให้ฝ่ายบุคคลโทรหาญาติของภัทรให้แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงมาถึง”

นินนาทเอ่ยเสียงเนิบๆ เช่นเคย ถึงแม้ดูภายนอกแล้วหนุ่มใหญ่วัยกลางคนจะยังรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นได้ ทว่ารอยย่นระหว่างคิ้วก็บ่งชัดว่าเป็นห่วงทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกน้องไม่น้อยไปกว่ากัน

“น้าภัทรขา!”

เสียงแหลมเล็กดังมาจากทางเดินอันวังเวงในโรงพยาบาล เรียกให้ทั้งป๋วยและนินนาทหันไปมองพร้อมกัน ก่อนจะเห็นเด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงบานสีขาววิ่งเข้ามาหาภัทร ด้านหลังมีหญิงสาวที่คงจะเป็นแม่เดินตามมาติดๆ ด้วยใบหน้าเป็นกังวล

“สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากที่โทรมาแจ้งนะคะ ฉันเป็นพี่สาวของภัทรค่ะ”

หลังจากทักทายป๋วยและนินนาทแล้ว แพนก็เบนสายตากลับมาหาน้องชายที่ยังทำท่าเหม่อลอย คราบเลือดแห้งกรังเกาะแน่นอยู่บนเสื้อผ้าและเนื้อตัว ดูแล้วราวกับคนที่บาดเจ็บคือเจ้าตัวเสียเอง ทว่าสิ่งที่ชวนให้น่าหดหู่ยิ่งกว่ากลับเป็นแววตาที่เหม่อมองพื้นอย่างไร้จุดหมาย

“ภัทร นี่พี่เองนะ ภัทรไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย?”

หญิงสาวคุกเข่าลงเพื่อให้แววตาของน้องชายที่กำลังทอดต่ำได้มองตัวเอง แต่เมื่อเห็นสองมือซึ่งมีผ้าก๊อซพันอยู่และชุ่มไปด้วยเลือด เรียวคิ้วโก่งก็มุ่นขึ้นขณะที่หันหน้าไปทางป๋วยและนินนาทอย่างขอความกระจ่าง

“มือเขาโดนเศษกระเบื้องบาดตั้งแต่เมื่อวานค่ะ แต่ป๋วยก็ไม่แน่ใจว่านอกจากเลือดคุณเชษฐ์แล้วมีเลือดของภัทรเองด้วยหรือเปล่า นี่พยายามบอกให้ไปทำแผลก็ไม่ยอมไป เอาแต่พูดว่าจะรอคุณเชษฐ์ออกจากห้องผ่าตัดก่อน”

คำอธิบายนั้นทำให้หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ เธอหันกลับมาหาภัทรอีกครั้งพลางบีบไหล่แน่นขึ้นและเขย่าเบาๆ ชายหนุ่มจึงค่อยผงกศีรษะขึ้นและกะพริบตามองเธอเหมือนเพิ่งรู้ตัว

“...พี่...แพน?”

“จ้ะ พี่เอง ภัทร....ภัทรไปทำแผลเถอะนะ พี่เข้าใจว่าภัทรเป็นห่วงคุณเชษฐ์ แต่ถ้าคุณเชษฐ์ออกมาแล้วรู้ว่าภัทรไม่ดูแลตัวเอง คุณเชษฐ์จะโกรธเอานะ”

น้ำเสียงปลอบประโลมค่อยๆ ส่งคลื่นความอบอุ่นเข้าสู่หัวใจอันหนาวเยือกของภัทร ความกดดันเคร่งเครียดที่ราวถูกกักไว้ในอุโมงค์มืดเพิ่งได้พบหนทางระบายออก น้ำตาหยดนึ่งไหลลงจากหางตา ก่อนที่เสียงสั่นเครือจะหลุดจากริมฝีปาก

“ภัทร....ถ้าหากภัทรหันไปเห็นธรเร็วกว่านั้นก็คงดี...คุณเชษฐ์คงไม่ต้องเอาตัวมาบังไว้ คงไม่ต้องมาเจ็บตัวเพราะภัทรแบบนี้ พี่แพน...ภัทรจะทำยังไงดี”

เขาไม่รู้ตัวอีกแล้วว่ากำลังพูดอะไรบ้าง แต่ภาพวินาทีที่เชษฐ์ถูกกระถางฟาดหัวเพราะปกป้องเขายังติดตา จนตอนนี้ก็ยังสลัดภาพอันน่าขนลุกขนพองนั้นจากความทรงจำไม่ได้

“เลือดคุณเชษฐ์ไหลออกมาเต็มไปหมด ภัทรช่วยกดเท่าไหร่ก็ไม่หยุดไหล เรียกเท่าไหร่คุณเชษฐ์ก็ไม่ตอบสักคำ ถ้าหาก...ถ้าหากคุณเชษฐ์เป็นอะไรไป...แล้วภัทรจะทำยังไง...”

ป๋วยยกมือปิดปากแล้วหันไปซบหน้ากับบ่านินนาทด้วยความสะเทือนใจ มายูมิเห็นน้าชายร้องไห้ก็เริ่มตาแดงตาม ส่วนแพนได้แต่ดึงน้องชายเข้ามากอดแล้วลูบหลังแรงๆ

“โธ่ภัทร... อย่าเพิ่งคิดอะไรในแง่ร้ายอย่างนั้นสิ คุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก แต่ตอนนี้ภัทรไปทำแผลก่อนเถอะนะ พอกลับมาคุณเชษฐ์อาจจะผ่าตัดเสร็จแล้วก็ได้”

หญิงสาวทำท่าจะพยุงน้องชายให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ภัทรส่ายหน้าและพยายามขืนตัวไว้

“ไม่เอา ภัทรไม่ไป ภัทรจะอยู่รอจนกว่าจะรู้ว่าคุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไร”

น้ำเสียงนั้นรวดร้าวจนใครที่ได้ฟังก็ต้องปวดแปลบในอกตาม ผู้ใหญ่ทั้งสามได้แต่มองตากันอย่างไม่รู้จะช่วยปลอบอย่างไร แต่แล้วเสียงเล็กๆ สั่นเครือก็ดังแทรกขึ้นจนทุกคนต้องหันไปมอง

“น้าภัทรขา ...ฮึก...ไปทำแผลเถอะนะคะ น้าเชษฐ์ไม่เป็นไรหรอก...ก็...น้าเชษฐ์เคยสัญญาว่าจะไปเที่ยวกับมิมินี่นา....ฮึก...น้าภัทรไปทำแผลเถอะนะคะ ...มิมิขอร้อง...”

เสียงสะอื้นฮักจากร่างเล็กกลับกลายเป็นสิ่งที่กะเทาะความดื้อรั้นของภัทรได้มากที่สุด ชายหนุ่มพยายามสะกดกลั้นน้ำตาก่อนจะดึงหลานสาวมากอดแน่น กระนั้นหยาดน้ำใสก็ยังคงตกต้องหัวไหล่ของแม่หนูในชุดกระโปรงขาวที่ไม่ต่างจากนางฟ้าผู้มอบความหวังในยามนี้

จริงสิ...ที่ผ่านมาคุณเชษฐ์รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ทุกครั้ง...แล้วครั้งนี้จะยอมผิดสัญญาได้อย่างไรกัน...

อึดใจใหญ่กว่าภัทรจะสูดน้ำมูกแรงๆ และคลายแขนที่กอดร่างเล็กเอาไว้ เขาผงกศีรษะขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วลูบผมที่มัดเป็นแกะสองข้างอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มทั้งน้ำตาทำให้แม่หนูยิ่งร้องไห้และโผเข้ากอดคอเขาแน่น

“...จริงด้วยเนอะ น้าเชษฐ์เคยสัญญากับหนูไว้แล้ว... น้าเชษฐ์ไม่มีทางผิดสัญญาหรอก…”

แพนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภัทรยอมตามเธอไปทำแผลในที่สุด โดยที่ป๋วยกับนินนาทอาสาเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดให้ ผลปรากฏว่าแผลบนมือของภัทรฉีกออกกว่าเดิมมาก และครั้งนี้แพทย์ที่ทำแผลให้กำชับว่าห้ามใช้งานมือหนักเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแผลจะยิ่งระบมกว่าเดิมหรือติดเชื้อได้

ตอนที่ภัทรกลับไปห้องผ่าตัดอีกครั้ง ป๋วยผล็อยหลับพิงไหล่ของนินนาทโดยมีเสื้อแจ็คเก็ตของอีกฝ่ายคลุมอยู่ เมื่อรู้ว่าเขากลับมาก็รู้สึกตัวตื่น แต่พอภัทรขอให้กลับบ้านไปนอนพัก รุ่นพี่สาวก็ยืนยันหนักแน่น

"จะกลับตอนนี้ได้ยังไง อุตส่าห์มาอยู่รอด้วยตั้งแต่ต้น ถ้ายังไม่วางใจว่าคุณเชษฐ์ปลอดภัยพี่ก็ไม่กลับหรอก ใช่ไหมคะคุณนิน?"

ฝ่ายผู้สูงวัยกว่าเพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ และพยักหน้า ภัทรจึงได้แต่ต้องรับน้ำใจเอาไว้ด้วยความตื้นตัน เพราะถ้าลำพังเขาเองเพียงคนเดียวตอนที่พาเชษฐ์มาโรงพยาบาล คงไม่มีสติและเรี่ยวแรงพอจะพูดคุยกับตำรวจแน่ๆ แถมโทรศัพท์มือถือยังแบตเตอรี่หมดไปแล้วจนไม่รู้จะติดต่อใครอย่างไรอีก

ยังไม่ทันที่ภัทรจะนั่งลงบนเก้าอี้ ประตูของห้องผ่าตัดก็เปิดออก ทุกคนที่รออยู่จึงรีบเข้าไปหาคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาทันที

"จัดการเลือดคั่งในเยื่อหุ้มสมองผู้ป่วยออกเรียบร้อยแล้วครับ ระหว่างนี้คงต้องให้ดูอาการในไอซียูอย่างน้อยสองวัน จากนั้นคงย้ายไปห้องพักผู้ป่วยปกติได้"

นายแพทย์วัยกลางคนท่าทางใจดีกล่าวโดยไม่รอให้ถูกถาม ฝ่ายภัทรหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้น เขาก้าวเข้าไปหาคุณหมอแล้วถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อขอความมั่นใจ

อย่างน้อย...ขอให้เขาได้ยินคำยืนยันจากปากของคุณหมอสักคำก็ยังดี...

"....นี่หมายความว่า คุณเชษฐ์ปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ?"

"ใช่ครับ แต่คนไข้อ่อนเพลียมาก ต้องให้นอนพักผ่อนเยอะๆ หลังจากนี้ค่อยติดตามอาการกันอีกที"

คำตอบนั้นดุจดั่งคบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นท่ามกลางทะเลทรายอันมืดมน ภัทรรู้สึกราวกับหัวใจที่หยุดเต้นไปแล้วครั้งหนึ่งได้กลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง ความรู้สึกเบาหวิวที่ได้ถูกปลดปล่อยจากความตึงเครียดทำให้ชายหนุ่มเข่าอ่อนยวบลงไปนั่งกับพื้นท่ามกลางความตกใจของคนรอบตัว ทว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่หน่วงเหนี่ยวในอกอีกแล้ว เขาแทบอยากหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเสียด้วยซ้ำ

ในที่สุดคุณเชษฐ์ก็ปลอดภัยแล้ว...คุณเชษฐ์ของเขาไม่เป็นอะไรแล้ว...บุญรักษาแล้วจริงๆ... 


++------++
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-12-2012 13:00:42
คืนนั้นหลังเข้าไปเยี่ยมคนเจ็บซึ่งยังไม่รู้สึกตัวเป็นเวลาสั้นๆ แพนก็พาภัทรกลับไปนอนที่บ้านโดยนินนาทอนุมัติให้ลาพักร้อนได้ล่วงหน้า เพราะรู้ดีว่าภัทรจะต้องขอมานอนเฝ้าเชษฐ์ที่โรงพยาบาลหลังออกจากห้องไอซียูอย่างแน่นอน

วันถัดมาซึ่งเป็นวันที่เชษฐ์นอนห้องไอซียูวันแรก ภัทรรีบมาโรงพยาบาลตั้งแต่เวลาที่เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยม ถึงแม้คนบนเตียงยังไม่แสดงสัญญาณว่ารู้สึกตัวให้เห็นนับตั้งแต่ออกจากห้องผ่าตัด แต่เพียงได้รับรู้ว่าหัวใจของอีกฝ่ายยังเต้น คลื่นสมองยังปกติ เลือดที่ไหลเวียนในร่างกายและอุณหภูมิที่ถ่ายทอดออกมายังอบอุ่น เท่านั้นภัทรก็สบายใจแล้ว

ป๋วยกับนินนาทใช้เวลาช่วงพักเที่ยงแวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะกลับไปทำงานต่อ ส่วนภัทรนั้นแม้ว่าจะอยากอยู่เฝ้าคนป่วยใจแทบขาดเพียงไร แต่ก็ต้องยอมตัดใจกลับไปนอนที่บ้านของพี่สาว เพราะว่าช่วงที่คนป่วยพักฟื้นในไอซียูนั้นจะไม่สามารถเข้าเยี่ยมเกินเวลาที่กำหนดได้ และแพนเองก็ห้ามไม่ให้ภัทรกลับไปนอนคอนโดคนเดียวระหว่างนี้เพราะเกรงจะเกิดอะไรขึ้นอีก

วันที่สองซึ่งเชษฐ์นอนไอซียู ภัทรรีบมาถึงตั้งแต่ก่อนเวลาเข้าเยี่ยมเช่นเคยเพื่อที่จะได้ใช้เวลาอยู่เฝ้าให้นานที่สุด ทว่าเมื่อเข้าไปในห้องและพบว่าคนที่ตั้งใจมาหายังคงนอนนิ่ง เขาก็เริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา

"เอ่อ...ขอโทษนะครับ"

"คะ?"

นางพยาบาลสาวร่างเล็กหันมาหาเมื่อถูกเรียก ภัทรชำเลืองมองร่างที่ยังนอนนิ่งบนเตียงอีกครั้งโดยไม่มีท่าทีตอบสนองต่อการที่เขาบีบมือ จากนั้นก็หันมาถามด้วยความไม่สบายใจ

"ไม่ทราบว่าคุณเชษฐ์...ได้รู้สึกตัวบ้างหรือเปล่าครับ ช่วงที่ไม่มีใครมาเยี่ยม?"

ภัทรได้แต่หวังว่าอาจเป็นเพราะเจ้าตัวตื่นมานอกเวลาเยี่ยมก็เป็นได้ และบังเอิญว่าช่วงที่ให้เข้าเยี่ยมนั้นตรงกับจังหวะที่นอนพักผ่อน เขาถึงไม่ได้เห็นปฏิกิริยารับรู้ใดๆ จากเจ้าของนัยน์ตาอ่อนโยนสักที

แต่คำตอบที่ได้ก็ทำให้ภัทรแทบจะเข่าอ่อน

"ตั้งแต่หลังผ่าตัดก็ยังไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ แต่ค่าต่างๆ เท่าที่มอนิเตอร์ก็ปกตินะคะ บางทีอาจยังอ่อนเพลียอยู่ เดี๋ยวย้ายไปห้องพักผู้ป่วยอาจจะดีขึ้นก็ได้ค่ะ"

พยาบาลสาวกล่าวตบท้ายอย่างให้กำลังใจก่อนจะหันไปทำงานต่อ ฝ่ายภัทรได้แต่พยายามระงับก้อนแข็งที่แล่นขึ้นจุกในคอ เขาหันกลับไปมองคนที่กำลังนอนหลับสนิทอีกครั้ง เมื่อถูกถอดเครื่องช่วยหายใจ ท่าทางของคุณเชษฐ์ก็เหมือนคนนอนหลับธรรมดาๆ ที่ดูเหมือนพร้อมจะตื่นเมื่อไรก็ได้ ทว่าศีรษะที่ถูกโกนผมและมีผ้าพันแผลพันไว้ก็เป็นหลักฐานอันชัดเจนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ต้องมาอยู่ที่นี่

ชายหนุ่มรู้สึกแสบร้อนในโพรงจมูกขึ้นมา แต่ก็พยายามบอกตัวเองให้คิดในแง่ดีเอาไว้ เพราะการที่ผ่านพ้นขีดอันตรายมาได้ก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่าคุณเชษฐ์มีพลังชีวิตเข้มแข็งแค่ไหน ตราบใดที่คุณหมอไม่แจ้งข่าวร้ายให้เป็นกังวล เขาก็ควรจะเชื่อมั่นว่าอาการของอีกฝ่ายจะต้องดีขึ้นจึงจะถูก

"คุณเชษฐ์...รู้สึกตัวไวๆ นะครับ"

ภัทรเอ่ยเสียงแผ่วขณะลูบหลังมือใหญ่อย่างแผ่วเบา สองตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าคร้ามคมด้วยหวังว่าจะได้เห็นเปลือกตาที่ปิดสนิทนั้นค่อยๆ กะพริบไหวและปรือขึ้น ขณะทอดสายตามองไรเคราสีเขียวอ่อนซึ่งเริ่มขึ้นให้เห็นตามสันกรามบนใบหน้าได้รูป ภัทรก็คิดว่าถ้าจะให้ตนมองใบหน้านี้ไปตลอดชีวิต...เขาก็ทำได้

"หืม? ภัทรใช่ไหม?"

เสียงเรียกชื่อทำให้ภัทรละสายตาจากคนที่ยังหลับไหลและเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง แต่เมื่อได้เห็นว่าชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานที่ใส่เสื้อสูททับเสื้อคอโปโลตรงหน้าคือใคร เขาก็ได้แต่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

"คุณปรีชา?"


++------++


สายลมอ่อนเบาพัดดอกชมพูพันธ์ทิพย์ให้หลุดร่วงจากต้นลงมาหยุดนิ่งบนสนามหญ้าในโรงพยาบาล มองไปทางไหนก็เห็นดอกสีชมพูอ่อนเกลื่อนบนพื้นหญ้าสีเขียวราวกับพรมกำมะหยี่ ภาพที่เห็นควรทำให้รู้สึกรื่นรมย์กับบรรยากาศ ทว่าภัทรซึ่งเดินเคียงข้างท่านประธานออกมาจากห้องไอซียูหลังหมดเวลาเยี่ยมได้แต่ทอดสายตาลงต่ำ

ใช่ว่าเขาไม่เคยพูดคุยกับท่านประธานมาก่อน เพราะมีบ้างที่ในการประชุมรวมหรือเวลาบริษัทจัดงาน คุณปรีชาก็จะถามไถ่พนักงานแต่ละคนอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าความรู้สึกผิดในใจทำให้เขาค่อนข้างประหม่าเมื่อถูกชวนให้ออกมาเดินเล่นหลังหมดเวลาเยี่ยมด้วยกัน

ท่านประธานเป็นญาติห่างๆ ของคุณเชษฐ์ เขายังจำบทสนทนาของป๋วยกับนินนาทที่บังเอิญไปได้ยินเมื่อไม่กี่วันก่อนได้อย่างแม่นยำ และเพราะมัวแต่กังวลว่าจะถูกต่อว่าหรือไม่เรื่องที่ทำให้คุณเชษฐ์บาดเจ็บ ภัทรจึงสะดุ้งเมื่อได้ยินคนข้างตัวเอ่ยขึ้น

“ดูท่าทางเขาเหมือนแค่นอนหลับเฉยๆ นะ เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะย้ายไปห้องพิเศษแล้วใช่ไหม?”

“เอ่อ...ครับ”

คำถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยระหว่างทั้งคู่ย่างก้าวไปช้าๆ บนทางที่ปูด้วยอิฐทำให้ภัทรได้แต่รับคำสั้นๆ ทว่าเขาก็ยังไม่กล้าเหลือบมองว่าคนข้างกายกำลังทำสีหน้าแบบไหน เนื่องจากไม่เคยต้องทำงานด้วยโดยตรง เขาจึงแค่เคยได้ฟังมาว่าท่านประธานเป็นคนใจดี แต่ก็เข้มงวดและเอาจริงเอาจังในเวลางาน ลักษณะคล้ายๆ กับคุณเชษฐ์ เพียงแต่ไม่ค่อยต้องมาคลุกคลีกับพนักงานมากเท่า

“นินนาทเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วล่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนเราจะทำร้ายกันแบบนี้ได้”

เสียงถอนหายใจท้ายประโยคเรียกความทรงจำของค่ำคืนอันโหดร้ายให้หวนกลับมา ความปวดแปลบที่วูบขึ้นในอกทำให้ภัทรได้แต่ตอบรับเสียงเบา

“...ครับ”

ชายหนุ่มหยุดเดินเมื่อคนข้างๆ หยุดฝีเท้า จากนั้นก็ค่อยผินหน้าไปมอง ถึงแม้ท่านประธานจะอายุหกสิบกว่าแล้ว ทว่าร่างกายก็ยังคงสูงใหญ่และผึ่งผาย ดูแล้วชวนให้เคารพและเกรงขามสมกับตำแหน่งนายใหญ่ของบริษัท

“เธออาจยังไม่รู้ ความจริงแล้วเชษฐ์เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของฉัน พ่อของเขามีศักดิ์เป็นอาแต่ก็อายุมากกว่าฉันไม่เท่าไหร่ ตอนที่เชษฐ์กับพี่ชายของเขายังเด็ก ครอบครัวเราก็ไปมาหาสู่กันประจำ"

ภัทรพยักหน้า เขาเคยได้ยินเรื่องครอบครัวของเชษฐ์คร่าวๆ มาบ้างจากเจ้าตัว แต่ไม่เคยรู้เรื่องที่อีกฝ่ายเป็นญาติกับท่านประธานเลยจริงๆ

"ตอนนี้พ่อกับแม่เขาติดเรื่องธุรกิจที่ต่างประเทศก็เลยยังไม่สะดวกมาเยี่ยมในวันสองวันนี้ แต่ก็รู้อาการของเชษฐ์เท่าที่ควรจะรู้แล้วเพราะฉันโทรไปบอก แต่ว่า...เราก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าตัวเขาจะฟื้นก่อนพ่อกับแม่มาหาหรือเปล่า”

ภัทรหน้าเผือดสีลงขณะสบตากับท่านประธานที่กำลังมองเขาอย่างพินิจ และบนใบหน้าของผู้สูงวัยก็มีประกายของความเห็นอกเห็นใจฉายชัด

“อายุอย่างฉันผ่านอะไรมามาก ดังนั้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นคนป่วยเพราะอาการบาดเจ็บทางสมอง แต่ไม่ใช่ทุกรายที่ฟื้นแล้วกลับมาเป็นปกติ บางรายก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลยทั้งที่การผ่าตัดเรียบร้อยดี ถึงฉันจะไม่อยากให้เรื่องนั้นเกิดกับคนที่เอ็นดูเหมือนเป็นลูกเป็นหลานก็ตาม แต่เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?”

น้ำเสียงที่ถ่ายทอดมานั้นไม่ได้ประชดประชัน ไม่แม้แต่จะฟื้นฝอยว่าเขาคือต้นเหตุของเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น ทว่าภัทรก็รู้ว่าที่คุณปรีชาเอ่ยเช่นนี้เพื่อเตือนให้เขาทำใจในกรณีที่เลวร้ายที่สุด

แต่ว่า...ไม่...เขาไม่ต้องการจะมองในแง่ร้ายแบบนั้น...คุณเชษฐ์เป็นคนเข้มแข็ง ที่ผ่านมาก็เป็นที่พึ่งพิงในยามที่เขาอ่อนแอมาตลอด คนที่ทะนงในตัวเอง แต่ก็อบอุ่นและขี้เล่นยามที่อยู่กับเขาสองคนได้ถึงขนาดนั้น ไม่มีทางจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปได้

“…ผมเข้าใจครับ รู้ดีด้วยว่าสาเหตุที่ทำให้คุณเชษฐ์ต้องเจอเรื่องแบบนี้ก็คือตัวเอง แต่ผมเชื่อว่าคุณเชษฐ์จะไม่เป็นอะไร หรือต่อให้เกิดอะไรขึ้นจริงๆ...ผมก็จะไม่ทิ้งคุณเชษฐ์ไปไหนเด็ดขาด”

ถึงแม้จะพยายามปั้นเสียงให้ฟังแล้วมั่นใจ ทว่าภัทรก็ไม่อาจห้ามน้ำเสียงท้ายประโยคไม่ให้สั่นเครือ ความหวั่นไหวกับอนาคตที่ไม่มีทางล่วงรู้ฉุดรั้งกำลังใจให้ร่วงต่ำแม้จะพยายามเตือนตัวเองให้เข้มแข็ง

ชายหนุ่มกะพริบตาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ท่านประธานก็ก้าวเข้ามาหาและรั้งตัวเขาเข้าไปกอด หยดน้ำที่ซึมลงบนไหล่เสื้อสูทสีเข้มเป็นวงทำให้ภัทรรู้สึกตัวว่าน้ำตากำลังไหล

“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขู่เธอ ฉันเพียงแต่อยากบอกให้ทำใจเผื่อไว้เท่านั้น ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องแค่นี้จะทำอะไรเชษฐ์ได้ ขอโทษด้วยที่ทำให้กังวล”

ฝ่ามือใหญ่บนหลังและน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้ทำนบน้ำตาของภัทรหลั่งไหลออกมามากขึ้น อ้อมกอดอันอบอุ่นทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองเป็นเด็กชายที่กำลังถูกผู้เป็นพ่อปลอบโยน และเขาก็ไม่ได้รับความอบอุ่นเช่นนี้จากบุพการีที่เสียไปมานานหลายปีมากแล้ว

ฝ่ามือที่พันผ้าพันแผลทั้งสองข้างสั่นระริกด้วยความรู้สึกอันลึกล้ำต่อคนที่ยังนอนนิ่งบนเตียงผู้ป่วย

“คุณเชษฐ์จะต้องไม่เป็นไรครับ คุณเชษฐ์ต้องหายดีแน่ ผมจะไม่ยอมให้คุณเชษฐ์เป็นอะไรแน่นอน”

ภัทรเอ่ยเสียงแหบเครือ เขาปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาโดยไม่สนใจจะเก็บกลั้นไว้อีก ช่วงบ่าสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นจนคุณปรีชาต้องลูบแผ่นหลังเขาอย่างปลอบประโลม ราวกำลังพยายามให้กำลังใจลูกหลานคนหนึ่งที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออก

“ฉันรู้แล้ว เด็กดี นิ่งซะ เชษฐ์เขาต้องไม่เป็นอะไรแน่”


++------++

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-12-2012 13:01:45
เมื่อเข้าสู่วันที่สาม ทางโรงพยาบาลก็ได้ย้ายเชษฐ์ไปพักห้องพักพิเศษตามที่คุณปรีชาเป็นคนจัดการ นอกจากนี้ท่านประธานยังได้ให้สิทธิ์พิเศษแก่ภัทรในการลางานเพื่อมาเฝ้าคนป่วยโดยได้รับเงินเดือนเต็มจำนวน และออกปากรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างระหว่างอยู่ในโรงพยาบาลให้อีกด้วย

ช่วงสายแพนขับรถมาส่งภัทรที่โรงพยาบาลพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบค่อนข้างใหญ่ โดยก่อนจะมาโรงพยาบาลนั้นภัทรได้แวะไปที่บ้านของเชษฐ์ก่อนเพื่อนำของใช้บางอย่างของเจ้าตัวมาเตรียมไว้ เขากอดป้าแย้ม แม่บ้านสูงวัยที่ได้แต่ร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความเป็นห่วงคุณเชษฐ์ และให้คำสัญญาว่าจะรีบโทรบอกทันทีที่คนป่วยฟื้น แต่ขอร้องว่ายังไม่ให้ไปเยี่ยมระหว่างนี้เพราะกลัวคนแก่จะตกใจจนเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน

วันนี้โรงเรียนอนุบาลของมายูมิหยุดพอดี เด็กหญิงจึงตามแม่กับน้าชายมาที่โรงพยาบาลด้วย พอได้เห็นห้องพักวีไอพีที่กว้างขวางและโอ่โถงราวกับห้องในโรงแรม แม่หนูน้อยก็ทำตาโต

“โอ้โห แม่ขา ใหญ่กว่าห้องรับแขกที่บ้านอีก”

“จุ๊ๆ เบาๆ สิลูก น้าเชษฐ์นอนพักผ่อนอยู่นะจ๊ะ”

แพนเอ่ยเตือนลูกสาวที่เพิ่งรู้ตัวและรีบยกสองมือปิดปาก สายตาของทั้งคู่หันไปทางภัทรที่วางกระเป๋าไว้มุมหนึ่งของห้องแล้ว และตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยพลางทอดสายตามองคนที่ยังหลับสนิท ราวจะไม่ยอมให้อากัปกิริยาใดๆ หลุดรอดสายตาหากอีกฝ่ายรู้สึกตัว

ร่างเล็กที่วันนี้ใส่ชุดกระโปรงลายดอกสดใส มัดผมแกะสูงสองข้างรีบสาวเท้าเล็กๆ เข้าไปยืนเกาะขอบเตียง สองตากลมโตจับจ้องน้าชายคนใหม่ที่เหมาเอาว่าเป็นญาติอีกคนไปเรียบร้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองภัทร

“น้าเชษฐ์จะตื่นเมื่อไหร่คะน้าภัทร?”

แพนฟังคำถามแล้วก็มองน้องชายอย่างเป็นกังวล ไม่แปลกที่เด็กเล็กๆ จะอยากรู้อยากเห็นจนเผลอถามอะไรที่สะเทือนใจคนฟังโดยไม่คิด ทว่าภัทรเพียงแต่ยิ้มและลูบผมหลานสาวเบาๆ

“น้าภัทรก็ไม่รู้ค่ะ แต่คุณหมอบอกว่าน้าเชษฐ์ไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะงั้นเร็วๆ นี้ก็น่าจะตื่นแล้วล่ะ”

ใช่...ตอนนี้เขาได้แต่ต้องให้กำลังใจตัวเองเช่นนี้เท่านั้น ในเมื่อไม่มีใครสามารถให้คำตอบอันแน่นอน สิ่งเดียวที่ภัทรจะยึดเหนี่ยวได้...ก็มีแต่ความไว้ใจในพลังฟื้นฟูตัวเองของคนที่นอนอยู่ตรงหน้า

แพนช่วยภัทรเอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าและจัดเก็บเข้าในตู้ จากนั้นก็โทรสั่งอาหารกลางวันมาทานด้วยกัน เธออยู่เป็นเพื่อนน้องชายจนฟ้าเริ่มมืดก็เตรียมพามายูมิกลับ

"เดี๋ยวพรุ่งนี้สายๆ พี่จะแวะมาหาใหม่นะ"

"ขอบคุณมากพี่แพน แต่ถ้ามีธุระก็ไม่เป็นไรนะ ภัทรเฝ้าคุณเชษฐ์คนเดียวได้"

ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ขณะเดินไปส่งพี่สาวกับหลานที่หน้าห้องผู้ป่วย แพนเหลือบมองคนที่ยังนอนนิ่งบนเตียงแล้วก็เบนสายตามายังน้องชายอีกครั้ง

ปกติภัทรก็เป็นผู้ชายที่รูปร่างค่อนข้างสะโอดสะองอยู่แล้ว แต่ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา น้องชายของเธอดูซูบไปมากเพราะน้ำหนักที่ลดไปหลายกิโล ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามทำสีหน้าสดชื่นให้ทุกคนเห็นตั้งแต่เชษฐ์ออกจากห้องผ่าตัดเป็นต้นมา แต่เธอก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายกกกอดความกังวลไว้ในอกแค่ไหน

ถ้าหากปล่อยให้เก็บความเศร้าหมองและหวาดกลัวเช่นนี้ต่อไป คนที่จะหัวใจแตกสลายในที่สุดหากคุณเชษฐ์ไม่ฟื้นขึ้นมาก็จะเป็นภัทรเอง

"งั้นเดี๋ยวพี่จะโทรบอกก็แล้วกัน แต่ภัทรก็ต้องกินข้าวกับนอนพักด้วยรู้มั้ย ไม่งั้นถ้าป่วยตามไปอีกคนจะแย่ ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ"

"ครับ"

หญิงสาวมองหน้าน้องชายอีกครั้ง ก่อนจะค่อยยกมือขึ้นบีบไหล่เบาๆ

"ภัทร พี่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยใช่มั้ยว่าจริงๆ แล้วพี่เข้ากับแม่ของโทรุไม่ค่อยได้"

ภัทรกะพริบตาปริบที่จู่ๆ พี่สาวก็เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในเวลาเช่นนี้ ส่วนมายูมิแหงนหน้ามองแม่อย่างไม่ค่อยเข้าใจความหมาย

"มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้เราคุยกันยาวๆ ไม่ได้สักทีทั้งที่ไม่มีอุปสรรคเรื่องภาษา แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยพูดกับพ่อของโทรุแล้วพี่ไปแอบได้ยินเข้า แล้วคำพูดนั้นก็ยังติดหัวพี่มาจนถึงทุกวันนี้"

ชายหนุ่มสบตากับพี่สาวที่จ้องตัวเองเขม็ง สัมผัสได้ว่าสิ่งที่กำลังจะหลุดจากริมฝีปากอีกฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ

"เขาพูดว่า 'ถ้าคนสองคนอยากใช้ชีวิตด้วยกัน ต่อให้มีภูเขามาขวาง เดี๋ยวเขาก็หาทางปลูกบ้านอยู่ด้วยกันบนเขาจนได้' พี่เชื่อว่าตอนนี้คุณเชษฐ์ก็ต้องกำลังพยายามปีนขึ้นเขาลูกนั้นอยู่แน่ๆ ภัทรเองก็ห้ามถอดใจเด็ดขาดนะ"

แพนเอ่ยก่อนจะเข้ามาสวมกอดเขาเอาไว้ คำพูดนั้นกระทบจิตใจของภัทรจนเขารู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล แต่ก็พยายามกะพริบตาเพื่อกลั้นหยดน้ำไว้

"ขอบคุณมากพี่แพน ภัทรจะไม่ลืมคำพูดประโยคนี้เด็ดขาดเลย"

ชายหนุ่มยิ้มให้เมื่อพี่สาวคลายวงแขนออกช้าๆ จากนั้นก็ย่อตัวลงกอดหลานสาวที่เข้ามาหอมแก้มเขาให้กำลังใจบ้าง หลังจากมองส่งทั้งคู่เดินออกจากห้องพักคนไข้ไปจนพ้นหัวมุมอาคาร เขาจึงค่อยปิดประตูและเดินกลับเข้าไปในห้อง

เนื่องจากห้องพักพิเศษแห่งนี้มีขนาดกว้างขวางมาก แม้แต่ส่วนสำหรับนอนพักผ่อนของญาติก็ยังถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน แต่ภัทรกลับเดินผ่านห้องพักแล้วไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย เขาไม่อยากอยู่ห่างเชษฐ์ในเวลาที่ยังไม่รู้สึกตัว เช่นเดียวกับที่อยากเป็นคนแรกที่เจ้าตัวจะได้เห็นยามนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นเปิดขึ้น

ปลายนิ้วที่โผล่พ้นผ้าพันแผลยื่นออกไปลูบไรเคราเขียวจางที่ชัดขึ้นกว่าเมื่อวาน เมื่อลูบไปก็พบกับสัมผัสสากๆ แข็งๆ ชวนจั๊กจี้ ปกติเชษฐ์จะโกนหนวดจนเกลี้ยงก่อนไปทำงานทุกวัน เขาจึงยังไม่เคยเห็นใบหน้ายามเจ้าตัวมีเครามาก่อน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งๆ ที่ต้องโกนผมและมีผ้าพันศีรษะ กระนั้นความดูดีและสง่าผ่าเผยของอีกฝ่ายก็ไม่ถูกชุดผ้าฝ้ายของโรงพยาบาลดับรัศมีลงเลยสักนิด

เมื่อตอนบ่ายนั้นมีช่วงหนึ่งที่เขาอยู่เฝ้าคนเดียวเพราะแพนพามายูมิไปเดินเล่นข้างนอก และเขาก็เพิ่งได้รับรู้อารมณ์หึงหวงยามที่นางพยาบาลเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างกายให้เชษฐ์โดยที่ตนเองเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกนั้นตอกย้ำให้เขาตระหนักมากขึ้นว่าคนตรงหน้ามีอิทธิพลต่อจิตใจของเขามากเพียงไร

ตอนนี้ไม่มีใครสำคัญสำหรับเขาเท่ากับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

"คุณเชษฐ์ ...ได้ยินผมมั้ยครับ? ได้ยินเสียงภัทรบ้างมั้ย?"

ร่างผอมเพรียวใช้มือข้างที่แผลเริ่มสมานกันบีบมือใหญ่เบาๆ ขณะที่ปลายนิ้วอีกข้างลูบไปบนเรียวคิ้วดกหนา น้ำเสียงอ่อนโยนถามไถ่เหมือนชวนคุยเรื่องไม่สำคัญ ทว่าทุกพยางค์อัดแน่นไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะเรียกอีกฝ่ายให้ฟื้นจากการหลับไหล จริงอยู่ว่าร่างกายเขาอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่พอแถมยังทานอาหารไม่ค่อยลง แต่สมองกลับตื่นตัวและคอยเฝ้าจับสังเกตคนบนเตียงอยู่ตลอด

"เมื่อตอนกลางวันพี่แพนกับมิมิมาอยู่เฝ้าคุณเชษฐ์เป็นเพื่อนผมด้วยนะ ท่าทางหลานผมจะชอบคุณเชษฐ์น่าดูเลย วันนี้ก็เอาหนังสือท่องเที่ยวมากางแล้วถามผมใหญ่ว่าถ้าคุณเชษฐ์หายแล้วจะชวนไปเที่ยวที่ไหนดี"

ภัทรยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งสั่น หยดน้ำตาอุ่นๆ ไหลกลิ้งลงมาตามผิวแก้มโดยที่ไม่สนใจจะเช็ด เขาใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ กุมมือของเชษฐ์และประคองขึ้นมาแนบแก้มตัวเองอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาที่จับจ้องใบหน้าคมคายพร่ามัวขึ้นทุกขณะเพราะหยาดน้ำตา กระนั้นก็ยังคงปล่อยให้น้ำอุ่นใสหยดแล้วหยดเล่าหลั่งลงขณะที่ริมฝีปากยกยิ้ม

"คุณเชษฐ์จำได้หรือเปล่า? อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดผมแล้วนะครับ"

ความจริงแล้วเขาไม่เคยพูดเรื่องวันเกิดของตัวเองสักครั้ง นับตั้งแต่เลิกกับธราธร ภัทรก็ไม่ได้คาดหวังอีกว่าจะต้องได้รับของขวัญจากใคร แต่เพราะนี่คือคุณเชษฐ์ คนที่ละเอียดลออและใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องเคยหาข้อมูลวันเกิดของเขาเก็บไว้แน่ๆ

หยาดน้ำในตาไหลลงหยดแล้วหยดเล่าจนตกต้องบนเสื้อที่ใส่ และภัทรก็แทบจะทนพูดประโยคถัดไปออกมาโดยพยายามไม่ให้เสียงแหบเครือไม่ไหว

"...ดังนั้น...ขอร้องล่ะ ตื่นขึ้นมาก่อนจะถึงวันเกิดผมเถอะนะครับ..."

น้ำเสียงที่หลุดจากริมฝีปากนั้นแผ่วโหย ทว่าสิ่งที่ภัทรได้รับตอบแทนคำขอ ยังคงเป็นความเงียบงันที่ราวจะบดทับหัวใจคนได้ยินให้แตกเป็นเสี่ยงๆ


++---tbc---++



A/N: สำหรับเนื้อหาในตอนนี้ ต้องขอบคุณน้องนิ (SiNa) และน้องเสือ (Panthera) มากๆ สำหรับข้อมูลด้านการแพทย์ แต่ถ้าหากใครอ่านตรงไหนแล้วรู้สึกแหม่งๆ เราก็ขอน้อมรับความบกพร่องไว้คนเดียวค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับคอมเม้นต์ของตอนที่แล้ว และหวังว่าจะได้คอมเม้นต์อันอบอุ่นเช่นเคยจากตอนนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-12-2012 13:57:44
กรี๊ดดดดดดดดดดดด เป็นอีกตอนที่ทำเราไม่แฮปปี้เลยอะ

คุณเชษฐ์ รีบๆ ตื่นนะ  เฮ้อ ท่าทางคุณเชษฐ์จะเป็นพระเอกคนแรกของคุณรินที่อาภัพมากที่สุดนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 11-12-2012 14:17:30
อ่านช่วงแรกแอบงงว่าผ้าก๊อซมาจากไหน ลืมไปเลยว่ามือภัทรเจ็บอยู่ >/////<

ตอนนี้ยังหน่วงจิต ฮื่อออออ สงสารภัทรอย่างแรง TT___TT
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: j_world ที่ 11-12-2012 14:41:27
ไม่ใช่ฟื้นมาแล้วความจำเสื่อมเป็นพล็อตตลาดล่ะ   :m19: :m19: :m19:
 :angry2: ใครช่วยเอาไอ่ธรไปขังลืมในคุกขี้ไก่ที!!!! อย่าปล่อยมันมาทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-12-2012 14:45:47
อ่านแล้วคัดจมูก  เหมือนจะเศร้า  ชวนให้กังวลว่าเมื่อฟื้นแล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิมหรือไม่
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 11-12-2012 14:56:02
สงสารภัทรอ่าาา   คุณเชษฐ์รีบๆตื่นมานะ
อย่าให้ภัทรอยู่คนเดียวเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: plbb.poy ที่ 11-12-2012 19:08:33
จะร้องไห้ตามภัทรอยู่แล้ว
ฮือออออ สงสารภัทรจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Non_stop ที่ 11-12-2012 19:56:35
 :monkeysad: :o12:

เศร้าอย่างนี้ชักจะไม่ไหวแล้วอ่ะ

สงสารภัทรมากๆเลยพี่เชษมาเถอะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-12-2012 20:21:05
จะว่าไปแล้ว ภัทรเป็นนายเอกที่อาภัพที่สุดแล้วนะเนี่ย ในบรรดานายเอกทั้งหมดของคุณริน
อกหักรักคุดมาในอดีต มีคนใหม่เข้ามาก็ไม่กล้าเทใจให้เต็มที่
พอจะมั่นใจพระเอกก็มีอันต้องเดี้ยงแบบคาดเดาอนาคตไม่ได้ 
รันทดที่สุดแล้วนายเอกคนเนี้ย :sad4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 11-12-2012 21:30:21
โอ้ยอยากอ่านตอนหน้าแล้วอะ ไม่อยากรออออออเลยยยย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 11-12-2012 23:49:17
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรกก อ่านยาวตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบันนนเลย
นั่งงอ่านมันทั้งวัน ไม่ทำอะไร 55555555
สนุกมากๆๆเลยค่ะ ตัวละครค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ
สำหรับปัจจุบันน เฮ่ออออออ อ่านแล้วน้ำตานองเลย สงสารมากๆๆ
อยากให้คุณเชษฐ์ฟื้นขึ้นมาไวไว
รออ่านตอนหน้านะค่ะ อยากอ่านมากกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆ

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ จะรอติดตามต่อ เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 12-12-2012 01:06:26
ฟื้นไวๆนะคุณเชษฐ์
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 12-12-2012 19:37:16
เศร้าไปกับภัทรด้วย คุณเชษฐ์ฟื้นไว ๆ นะ เพราะตอนนี้เหมือนภัทรจะฝากชีวิต ความหวัง
และความสุขไว้กับคุณเชษฐ์เพียงคนเดียว สงสารภัทรจังทำไมยังต้องเจอะเจอธรซึ่งเป็น
สิ่งเลวร้ายทั้งในอดีตและปัจจุบัน (มารจริง ๆ) ส่งกำลังใจไปช่วยภัทรและคุณเชษฐ์ให้ผ่านพ้น
อุปสรรคตอนนี้ไปให้ได้  +1 +เป็ดแทนคำขอบคุณน้องรินนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 13-12-2012 00:27:00
หมดน้ำตาไปเป็นปี๊บสำหรับตอนนี้
อย่าให้เศร้าไปกว่านี้เลย คุณเชษฐ์ฟื้นขึ้นมาเร็วๆเถอะ สงสารภัทรจะแย่แล้ว

ปล.จะตั้งสมาคมคนเกลียดธร ชริ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pjny_tem ที่ 13-12-2012 16:15:27
คนเชษฐ์  เมื่อไรจะฟื้นซะที :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 13-12-2012 18:07:26
ง่า เศร้าจังน้าาา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 13-12-2012 21:33:11
เศร้าจัง... รีบๆตื่นขึ้นมาเจอคนที่รักและรักเรานะคะ การพักผ่อนนานเกินไปไม่ดีหรอกนะคุณเชษฐ์
ปล. น้ำตาไหลอีกแล้วง่ะ TT
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 18 P.18 [11/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 14-12-2012 09:25:18
เศร้าจังเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-12-2012 23:37:54
ตอนที่ 19.

นี่กี่โมงแล้วนะ...

ภัทรรู้สึกเหมือนตัวเองเผลอสัปหงกไป แต่ทันทีที่รู้ตัวก็รีบสะบัดหน้าแล้วยืดตัวตรง ที่ที่เขานั่งอยู่ยังคงเป็นเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยเช่นเดียวกับเมื่อหัวค่ำ นัยน์ตาเรียวเพ่งมองคนที่นอนหลับภายใต้แสงสลัวสีเหลืองส้มจากหน้าประตู เสียงหายใจสม่ำเสมอที่ได้ยินช่วยบรรเทาความกระวนกระวายให้ลดลง กระนั้นความจริงที่ว่าเชษฐ์ยังไม่ฟื้นก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนในอกเว้าแหว่งราวกับโดนมีดกรีด

ประตูห้องที่ถูกเปิดแง้มวูบหนึ่งทำให้ภัทรต้องหยีตากับแสงไฟนีออนจากด้านนอก ก่อนที่นางพยาบาลสาวคุ้นหน้าจะเดินเข้ามาข้างเตียง เธอพยักหน้าทักทายเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าภัทรยังไม่หลับ

ความอ่อนล้าทำให้ภัทรเพียงแต่นั่งนิ่งอยู่กับที่ขณะอีกฝ่ายวัดความดันและอุณหภูมิให้คนไข้ พอเธอเก็บอุปกรณ์หลังทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็หันมาถามเขา

"คนไข้รู้สึกตัวบ้างหรือยังคะ?"

คำถามนั้นทำให้ภัทรเบนสายตาไปยังคนบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะเม้มปากเบาๆ และส่ายหน้า "ยังครับ"

"เหรอคะ เอ ถ้างั้นญาติไปนอนพักที่เตียงก่อนก็ได้นะคะ จะได้ไม่ปวดหลัง"

นางพยาบาลเอ่ยแนะนำอย่างใส่ใจ เพราะตลอดทั้งวันเธอเดินเข้ามาวัดไข้ให้คนป่วยไปหลายครั้งแล้ว และพบว่ามากี่ครั้งก็ยังเห็นภัทรนั่งอยู่ที่เดิม

"ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก"

ภัทรปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มที่แฝงความอิดโรย ทว่านางพยาบาลก็ไม่ได้จู้จี้อีก เธอเพียงพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป

ทิ้งให้ภายในห้องพักผู้ป่วยถูกคลี่คลุมด้วยความเงียบงันเช่นเดิม

ภัทรยกมือขึ้นขยี้ตาที่อ่อนล้าเต็มที ร่างกายเขาเรียกร้องการพักผ่อน แต่สมองกลับพยายามขัดขืน เขาไม่อยากเอนตัวลงนอนเพราะกลัวจะเผลอหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงหากคุณเชษฐ์ตื่นขึ้นและต้องการความช่วยเหลือ จึงได้แต่พยายามฝืนร่างกายเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

ชายหนุ่มประคองมือใหญ่มากุมไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้างอีกครั้ง มีเพียงไออุ่นที่ถ่ายทอดมาเท่านั้นที่จะทำให้วางใจได้ว่าคุณเชษฐ์ยังอยู่กับเขา และเพียงแต่รอเวลาที่ร่างกายหายอ่อนล้า ก็จะลืมตาขึ้นมาส่งยิ้มและเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย เพียงแต่นี่ยังไม่ถึงเวลา

สิ่งที่ภัทรพอจะทำได้ในระหว่างนี้ จึงเป็นการรออย่างมีความหวังโดยไม่ท้อแท้ไปก่อนเท่านั้นเอง....


++------++


เสียง 'ตุ้บ' เบาๆ ทำให้ภัทรสะดุ้งตื่น เขากะพริบตาปริบๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าครั้งนี้เผลอหลับไปจริงๆ ชายหนุ่มยกศีรษะขึ้นและใช้ข้อนิ้วพยายามนวดขมับเพื่อคลายอาการปวดมึนเนื่องจากการนอนไม่พอ นัยน์ตาเรียวค่อยปรือขึ้นช้าๆ ขณะมองไปทางหัวเตียงว่าคุณเชษฐ์รู้สึกตัวตื่นหรือยัง

ทว่าความว่างเปล่าที่เห็นก็ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น

"คุณเชษฐ์!?"

ภัทรตาสว่างทันควัน เขาลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วก็ต้องรีบคว้าขอบเตียงเอาไว้เพราะหน้ามืด ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกจนกระทั่งพื้นห้องหยุดหมุน จากนั้นก็รีบเดินหาทั่วห้องพักผู้ป่วย

"คุณเชษฐ์ อยู่ไหนครับ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า?"

ร่างผอมเพรียวเดินไปเปิดประตูห้องน้ำก็ไม่พบใคร เขาจึงเปิดไฟทุกดวงในห้องเพื่อจะได้เห็นได้ถนัด ทว่าไม่ว่าจะเดินไปมุมใดก็ไม่เจอร่างสูงใหญ่อันคุ้นตาเลย

คุณเชษฐ์ไปไหน...

ความวิตกกังวลแผ่พุ่งจนภัทรแน่นหน้าอก เขารีบเปิดประตูออกไปนอกห้องพักผู้ป่วยทันที แสงสว่างจ้าที่ส่องผ่านระเบียงเข้ามาทำให้รู้ว่าเป็นเวลาเช้าแล้ว

"ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าเห็นผู้ป่วยห้อง 842 เดินออกมาหรือเปล่าครับ?"

นางพยาบาลที่ถูกถามหันไปมองเพื่อนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กันที่วอร์ดแล้วก็ส่ายหน้า คำตอบที่ได้ทำให้ภัทรสูดหายใจแรง ในอกร้อนรนจนต้องรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นเพื่อไปตามหาคนที่หาย

คุณเชษฐ์อยู่ไหน อาการคุณเชษฐ์ยังไม่พร้อมจะออกมาเดินข้างนอกตอนนี้สักหน่อย...

ภัทรคิดขณะวิ่งลงบันไดจนเกือบชนคนไข้สูงอายุที่มีญาติพยุงขึ้นมา เขารีบก้มหัวขอโทษแล้ววิ่งลงจากอาคารต่อ ทุกคนที่เห็นเขาต่างก็หันมามองด้วยแววตาตำหนิเพราะในโรงพยาบาลห้ามวิ่งหรือส่งเสียงดัง ทว่าภัทรไม่สนใจเพราะตอนนี้ใจเขาจดจ่ออยู่แต่การมองหาร่างสูงใหญ่ที่มีผ้าพันศีรษะเท่านั้น

"คุณเชษฐ์....อยู่ไหนครับ..."

ภัทรหอบหายใจแรงเมื่อวิ่งไปแทบทั่วโรงพยาบาลก็ไม่เจอคนที่ตามหา เขาถามนางพยาบาลหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ไม่มีใครตอบได้ ชายหนุ่มใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ซึมบนหน้าผากพลางเอามือหนึ่งกุมสีข้างเนื่องจากวิ่งไปมาจนจุก

ไม่เอานะ...ความรู้สึกแบบนี้...ไม่อยากสัมผัสความรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียคุณเชษฐ์ไปแบบนี้อีกแล้ว...

ภาพเหตุการณ์ในคืนอันโหดร้ายก่อนที่พวกเขาจะมาโรงพยาบาลย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง ภัทรรู้สึกว่าเหงื่อเย็นๆ ไหลโซมกายมากขึ้นจนเสื้อแนบกับแผ่นหลัง แล้วก็ได้แต่สะบัดหน้าและลองย้อนไปตามทางที่คิดว่าตนยังไม่ได้ผ่านอีกครั้ง

ขอร้องล่ะ...คุณอยู่ไหน...

ภัทรรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปก็เห็นเงาผู้ชายในชุดคนไข้กำลังเดินเลี้ยวเข้าไปในทางเชื่อมระหว่างอาคาร เขาจึงรีบออกวิ่งไปทางนั้นเพราะรู้สึกว่ารูปร่างของอีกฝ่ายคุ้นตาเหลือเกิน

ทางเดินในโรงพยาบาลวกวนกว่าที่คิด เมื่อภัทรคิดว่าจะตามทันและเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนนั้นแวบๆ อีกฝ่ายกลับเดินเลี้ยวไปตามทางเดินแคบๆ ที่เมื่อเขาเดินตามไปก็คลาดกันอีก พอได้ยินเสียงฝีเท้าที่คิดว่าน่าจะใช่จากอีกด้าน ภัทรก็ข่มความเหนื่อยอ่อนและรีบวิ่งตามไปทางนั้นอีกครั้ง

ทว่าไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่ เขากลับยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในเขาวงกตของอาคารร้างที่ไร้ผู้คนเข้าไปทุกที ไม่มีหมอ นางพยาบาล หรือคนไข้เดินผ่านมาให้เห็นเลยสักคน

"คุณเชษฐ์...ขอร้องล่ะ ถ้าได้ยินเสียงผมก็กลับมาหาผมสิ จะทิ้งผมไปแบบนี้ไม่ได้นะ..."

ภัทรไม่อยากยอมแพ้ แต่ความเคว้งคว้างในอกก็ราวจะเป็นลางบอกเหตุว่าเขากำลังจะเสียคนที่รักที่สุดไป เพราะไม่ว่าพยายามจะไขว่คว้า วิ่งตามหาเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหยุดรอเลยสักนิด

ชายหนุ่มรู้สึกว่าเท้าทั้งสองข้างหนักจนไม่สามารถจะก้าวต่อได้อีกแม้เพียงก้าวเดียว เสียงฝีเท้าแผ่วๆ ที่ได้ยินอยู่ข้างหน้าเงียบหายไปแล้ว รอบตัวมีเพียงความเงียบงันราวกับทั้งตึกคืออาณาจักรที่ไร้สิ่งมีชีวิต

ไม่ว่าภัทรจะพยายามฝืนก้าวไปข้างหน้าสักเท่าไหร่ ทางเดินสีขาวอันเวิ้งว้างกลับยิ่งทอดยาวไม่สิ้นสุดเท่านั้น

คุณเชษฐ์...อย่าทิ้งผมไปแบบนี้...ผมไม่ยอม...

ความรู้สึกสิ้นหวังเอ่อล้นท่วมอกจนทำให้เขารู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ ภัทรกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเศร้าโศกราวกับความมืดสีขาวได้กระชากหัวใจของเขาไปด้วย

"อ๊ะ!!"

ภัทรผวาตื่นจากความฝันอันน่ากลัวที่ราวจะสูบพลังชีวิตให้หมดไป ความหวาดหวั่นที่ตกค้างทำให้หัวไหล่สั่นสะท้าน อกกระเพื่อมแรงจนเหมือนหัวใจจะเต้นกระดอนออกมาข้างนอก ราวกับความเหน็ดเหนื่อยที่เกิดจากการวิ่งไล่ตามคุณเชษฐ์ในความฝันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ

ไม่เอา...ความฝันแบบนี้...เขาไม่ต้องการ...

น้ำตาเอ่อขึ้นบนขอบตาเมื่อภัทรเบนสายตาไปทางหัวเตียงและพบว่าคุณเชษฐ์ยังอยู่ แต่ว่าก็ยังคงนอนนิ่งไม่รู้สึกตัวเช่นเดิม ความเหนื่อยล้าทำให้เขาฟุบหน้าลงบนท่อนแขนที่ประสานกันบนขอบเตียง ความอ้างว้างอย่างรุนแรงไหลบ่าจนเจ็บหน่วงไปทั้งอก

"ฮึก..."

ภัทรสะอื้นฮักจนแขนเสื้อเปียกไปด้วยน้ำตา ความเปล่าเปลี่ยวและเหนื่อยล้าถาโถมเข้ากระหน่ำจิตใจจนเหมือนกับว่าเขาสูญเสียหัวใจทั้งดวงไปแล้ว...สูญเสียคนที่สำคัญที่สุดจนไม่สามารถจะเรียกให้ฟื้นคืนกลับมาได้แล้วจริงๆ

ขอร้องล่ะ....ฟื้นขึ้นมาสิ...เขาต้องทำยังไง...ต้องใช้วิธีไหนคุณเชษฐ์ถึงจะรู้สึกตัวเสียที...

"ผมขอร้องล่ะ ฟื้นขึ้นมาเถอะ ต่อไปนี้ผมจะไม่ขัดใจอีกแล้วไม่ว่าคุณเชษฐ์จะขออะไร ถ้าอยากได้ยินคำว่ารักผมก็จะพูดให้ฟังทุกวัน จะไม่ดื้ออีกแล้วด้วย เพราะฉะนั้น...เพราะฉะนั้น..."

...อย่าทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังตกนรกทั้งเป็นเพราะทำให้คนที่รักกลายเป็นแบบนี้อีกเลย...

ชายหนุ่มสะอื้นอย่างรุนแรงจนเกือบหายใจไม่ออก มือที่ยังเป็นแผลทั้งสองข้างกำผ้าปูเตียงแน่นจนแทบจะจิกเล็บลงในแผลที่เริ่มสมานตัว ทว่าความเจ็บนั้นเทียบไม่ได้แม้แต่น้อยกับความเจ็บร้าวในอกเพราะความรู้สึกเสียใจในยามนี้

สู้ให้เขาเป็นคนที่ถูกฟาดหัวจนบาดเจ็บ ยังดีกว่าต้องมานั่งดูคุณเชษฐ์เป็นแบบนี้เพราะปกป้องตัวเองไว้...


++------++

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-12-2012 23:39:48
"...."

ปลายนิ้วใหญ่กระตุกโดยที่ภัทรไม่ทันสังเกต การหลั่งน้ำตาสะอึกสะอื้นทำให้เขารับรู้ได้แต่แรงสั่นจากร่างกายของตัวเอง จึงไม่ได้สังเกตเลยว่านัยน์ตาคมเข้มคู่หนึ่งค่อยๆ ปรือขึ้น และกำลังกลอกตามองไปรอบห้องอย่างเชื่องช้า

เสียงนกกระจอกดังแว่วมาจากด้านนอก แต่หน้าต่างที่ถูกรูดม่านหนาทึบทำให้ในห้องสลัวจนยากจะแยกแยะว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน นัยน์ตาที่เฉียบคมเสมอจึงต้องใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะทำความเข้าใจว่าตนอยู่ที่ไหน หลายนาทีผ่านไปก่อนที่แววตาคู่นั้นจะเลื่อนมาหยุดลงบนร่างที่กำลังฟุบหน้าร้องไห้จนปิ่มจะขาดใจอยู่ข้างเตียง

ในชั่ววูบแรก ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วด้วยยังไม่เข้าใจว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใคร ความอ่อนเพลียทำให้เชษฐ์รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้แต่เพียงว่าก่อนที่จะไม่ได้สติ เขามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องใครบางคนให้พ้นจากอันตราย แม้แต่ช่วงที่ไม่รู้สึกตัวตลอดไม่กี่วันที่ผ่านมา ในฝันก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องที่ชวนให้เจ็บปวดหัวใจจนอยากจะเข้าไปปลอบ ทว่ากลับไขว่คว้าตัวเจ้าของเสียงไม่ได้ไม่ว่าจะยื่นมือไปหาสักเท่าไหร่

ใครนะ? ชื่ออะไร...ทำไมจู่ๆ เขาถึงนึกเรื่องสำคัญแบบนี้ไม่ออก...

"อือ..."

เสียงที่ดังมาจากหัวเตียงนั้นแผ่วและแหบพร่า ทว่าก็ส่งผลให้เสียงสะอื้นไห้ของภัทรสะดุดลงทันใด ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอันเหนียวหนึบขณะที่เงยหน้าขึ้นด้วยใจระทึก และพบว่าเชษฐ์กำลังหลับตาขมวดคิ้วพลางใช้มือกดหน้าผากเหมือนเจ็บปวด

"คุณเชษฐ์! เป็นอะไรครับ!? เจ็บแผลเหรอ?"

ภาพที่เห็นกระตุ้นความเป็นห่วงให้กลบทับความยินดีที่คนเจ็บรู้สึกตัว ภัทรละล้าละลังขณะพยายามยื้อมือใหญ่ด้วยกลัวว่าเจ้าตัวจะดึงผ้าพันแผลออก เขาเคยได้ยินคุณหมอเตือนไว้ก่อนแล้วว่าคนไข้ที่เพิ่งรู้สึกตัวมีแนวโน้มจะอาละวาดหรือกระชากสายน้ำเกลือได้ แต่ก็ไม่ได้เตรียมรับสถานการณ์เพราะมัวแต่พะวงเรื่องที่คุณเชษฐ์ยังไม่ฟื้นท่าเดียว

"อืม...!"

"คุณเชษฐ์! อย่าแกะผ้านะครับ! เดี๋ยวแผลเปิดนะ!"

แม้อาการของคนบนเตียงจะไม่อาจเรียกว่าเข้าขั้นอาละวาด แต่สีหน้าที่แสดงอาการเจ็บปวด หงุดหงิดและสับสนก็ทำให้ภัทรถึงกับทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน นัยน์ตาที่จ้องมายังเขาดูไม่ต่างจากแววตาที่ใช้ยามจ้องคนแปลกหน้า และนั่นทำให้ชายหนุ่มหนาวเยือกไปถึงหัวใจ

หรือว่า...ไม่จริง...คุณเชษฐ์จำเขาไม่ได้งั้นหรือ...

'อาการข้างเคียงจากการบาดเจ็บทางสมองมีหลายรูปแบบครับ บางทีสมองอาจกระทบกระเทือนจนทำให้เป็นอัมพฤกษ์ บางเคสเจ้าตัวก็อาจนิสัยเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน เคสที่ความจำเสื่อมก็มี แต่ระยะสั้นหรือยาวก็ต่างกันไปในแต่ละคน แต่ก็บอกยากว่าคนไข้จะมีอาการพวกนี้หรือไม่ตราบใดที่ยังไม่รู้สึกตัว'

นั่นเป็นคำอธิบายจากหมอตอนที่พี่สาวของเขาถามเมื่อวานนี้ แต่ภัทรพยายามไม่คิดถึงความเป็นไปได้เหล่านั้น เพราะเขาเพียงต้องการให้คุณเชษฐ์ฟื้นขึ้นมาก็พอแล้ว

"คุณเชษฐ์...จำผมไม่ได้เหรอครับ?"

ภัทรถามอย่างหวาดหวั่น แต่แววตาที่ขมวดคิ้วจ้องเขากลับมาก็แทนคำตอบโดยไม่ต้องออกเสียง

มือที่พยายามยื้อมือใหญ่ให้ห่างแผลบนศีรษะอ่อนแรงลงในทันที น้ำตาที่เหือดแห้งเพราะความตกใจเมื่อครู่ไหลเอ่อขึ้นบนขอบตาอีกครั้ง นัยน์ตาสองคู่ประสานกันแน่วนิ่ง ทว่าเรียวคิ้วของคนเจ็บยังคงขมวดมุ่นเช่นเดิม ไม่มีประกายที่บ่งบอกว่าคุ้นเคยกับใบหน้าหรือน้ำเสียงของเขาแม้สักกระผีกริ้น

ไม่จริง...

ภัทรพูดอะไรไม่ออกอีก ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาหลั่งลงบนหน้าด้วยความปวดร้าว ทำไมกัน...เขาเคยทำบาปอะไรไว้หรือถึงต้องโดนลงโทษเช่นนี้ นี่เป็นเพราะเขาเป็นสาเหตุให้คุณเชษฐ์ต้องบาดเจ็บใช่ไหม

"ฮึก..."

ชายหนุ่มปล่อยมือใหญ่ทั้งสองข้างแล้วโน้มตัวลงกอดร่างท่อนบนของคนเจ็บเอาไว้ ความหนึบหน่วงในอกทำให้ภัทรรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังบดขยี้หัวใจ ทั้งที่คิดถึง อยากได้ยินเสียง พร้อมแล้วที่จะมอบความรักและหัวใจทั้งดวงให้ แต่สิ่งที่ได้รับคือการถูกลืมเลือนเช่นนี้อย่างนั้นหรือ

"คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์...คุณเชษฐ์"

เสียงสั่นเครือที่ดังข้างหูทำให้อาการฮึดฮัดของร่างสูงใหญ่สงบลง ลมหายใจซึ่งหอบถี่เมื่อครู่ค่อยๆ ชะลอลงเป็นจังหวะปกติ เขารับรู้ได้ถึงน้ำตาที่หยดอยู่ข้างแก้ม เช่นเดียวกับความอบอุ่นจากร่างที่คร่อมทับซึ่งสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น

ร้องไห้ทำไมกัน...แล้ว...นี่ผอมไปขนาดนี้เชียวหรือ...

ความคิดที่วาบขึ้นทำให้ความปวดแปลบแล่นจี๊ดขึ้นในหัว เชษฐ์หลับตาและยกมือหนึ่งขึ้นกุมหน้าผาก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเกือบจะนึกถึงอะไรบางอย่างออก แต่ก็ถูกความเจ็บยับยั้งเอาไว้จนนึกได้ไม่ตลอด แต่ที่แน่ๆ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้เต็มใจจะลืมแม้แต่นิด

อะไรกันนะ...ความรู้สึกเหมือนจำเป็นต้องปกป้อง ปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องรีบกลับมาหาแบบนี้...

ไออุ่นจากร่างที่สั่นสะท้านเรียกความรู้สึกในจิตใต้สำนึกให้ปะทุขึ้น พร้อมๆ กับความสับสนและขัดใจที่นึกเรื่องสำคัญไม่ออก ในความฝันก่อนที่จะรู้สึกตัวตื่น เขาจำได้เลาๆ ว่าเห็นใบหน้าของใครคนหนึ่งอย่างรางเลือน ใบหน้านั้นก็นองด้วยน้ำตาเหมือนคนในอ้อมแขนคนนี้ แม้แต่เสียงที่เรียกชื่อก็ยังคุ้นเคย แต่ว่า...คนในฝันนั่นคือใครกัน...จะใช่คนเดียวกับคนที่อยู่ตรงนี้หรือเปล่า...

ชายหนุ่มพยายามระบายลมหายใจยาวเพื่อหยุดความคิดอันสับสน มือใหญ่ค่อยๆ ทาบลงบนแผ่นหลังของคนที่นอนคร่อมทับ ถึงแม้เขาจะเพิ่งรู้สึกตัวได้ไม่นาน กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงความผอมบางอันไม่คุ้นเคยจากสัมผัสใต้ฝ่ามือ สัมผัสนั้นบ่งบอกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เช่นเดียวกับปลุกความทรงจำบางส่วนจากการหลับใหล กลิ่นกายอ่อนจางที่ลอยมากระทบปลายจมูกกระตุ้นสัญชาตญาณให้คืนมาอย่างช้าๆ

...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโอบกอดร่างนี้ในวงแขน

"...อย่าร้องไห้"

เสียงนั้นหลุดจากริมฝีปากก่อนจะทันได้คิด มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเสยผมที่ปรกหน้าผากให้คนที่ร้องไห้จนใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อและน้ำตา เมื่อนัยน์ตาเรียวเปิดขึ้นสบตากับเขา ประกายตัดพ้อในแววตาคู่นั้นก็ยังความปวดแปลบมาให้ราวกับแผลนั้นอยู่บนอกแทนที่จะเป็นศีรษะ

ความโหยหา อยากปลอบโยน ไม่อยากเห็นน้ำตาจากดวงหน้านี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเหมือนกัน...

ดุจริ้วหมอกที่ยังอ้อยอิ่งเหนือยอดหญ้าในยามเช้า เชษฐ์รู้สึกราวกำลังเข้าใกล้บางสิ่งที่เห็นเพียงรางเลือนเพราะถูกปุยหมอกบดบัง กระนั้นสิ่งที่ค้นหาก็อยู่ตรงหน้า รอให้เขายื่นมือไปคว้าจับดั่งแสงอาทิตย์ที่จะแผดเผาเมฆหมอกให้สลาย

"คุณเชษฐ์...?"

ภัทรส่งเสียงเครือเมื่อนัยน์ตาคมยังบ่งบอกว่าสับสนเมื่อเห็นเขา ทั้งๆ ที่อ้อมแขนอุ่นโอบรัดอยู่รอบตัวอย่างคุ้นเคยไม่ต่างจากเมื่อก่อน นัยน์ตาเรียวกะพริบถี่เมื่ออีกฝ่ายใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำตาออกให้ทั้งที่ใบหน้ายังขมวดคิ้วมุ่น และแล้วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มือข้างนั้นก็วางลงบนท้ายทอยแล้วโน้มคอให้ก้มลงหา

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-12-2012 23:40:01
"อืม..."

เสียงครางแผ่วเบาดังขึ้นในห้องสลัวทันทีที่ริมฝีปากแตะต้องกัน ภัทรไม่แน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมาจากตัวเองหรือพวกเขาทั้งคู่ รู้แต่ว่าโหยหาสัมผัสที่กำลังแนบประทับเหนือกลีบปากตัวเองในเวลานี้เหลือเกิน

ลมหายใจอุ่นเป่ารดเหนือริมฝีปากของกันและกันผะแผ่ว นิ้วมือใหญ่ที่ลูบไล้บนต้นคออย่างอ่อนโยนยิ่งปลุกความทรงจำของความอ่อนหวานที่เคยได้รับก่อนทั้งสองจะห่างกันไปเป็นเดือนให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น

ฝ่ามือใหญ่อีกข้างค่อยๆ เลื่อนลงวางบนแผ่นหลังผอมบาง จากนั้นก็ลูบขึ้นลงอย่างเชื่องช้าราวกำลังสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งที่รู้จักดี ภัทรหลุดเสียงครางเมื่อกลีบปากล่างถูกขบเม้ม ส่วนผมที่ลงมาแนบหน้าผากกับแก้มเพราะน้ำตาก็ถูกเกลี่ยให้จนออกไปพ้นวงหน้า

ทั้งที่มอบสัมผัสอันอ่อนโยนถึงขนาดนี้ได้ แต่คุณเชษฐ์ก็ยังลืมเขาอยู่อีกงั้นหรือ...

ภัทรรู้สึกเหมือนถูกมอมเมาด้วยรสสัมผัสอันปลอบประโลมจนสับสนเสียเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงทำแบบนี้ทั้งที่ยังจำเขาไม่ได้ ทว่าก็ไม่มีความต้องการจะปฏิเสธสิ่งที่กำลังได้รับในนาทีนี้แม้แต่น้อย

ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเมื่อสัมผัสอันอ่อนหวานผละจากไปอย่างอ้อยอิ่งในที่สุด นัยน์ตาเรียวหลุบลงด้วยละอายใจที่ยังอยากได้รับความอ่อนโยนเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งๆ ที่คนตรงหน้าอาจเผลอทำไปโดยไม่ตั้งใจเลยแท้ๆ

ความคิดเช่นนั้นทำให้ในอกปวดเกร็งขึ้นมาอีกจนแทบจะหลั่งน้ำตา ภัทรกำเสื้อของคนเจ็บแน่นโดยไม่รู้ตัว

ไหล่ผอมสั่นเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วใหญ่ยื่นมาจับคางเบาๆ ภัทรลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยอมเงยหน้าพร้อมกับขอบตาที่บวมช้ำ เขากลัวเหลือเกินว่าหากคราวนี้ต้องมองเข้าไปในแววตาของคนไม่รู้จักอีก เขาคงไม่อาจทนมองหน้าคุณเชษฐ์ต่อไปได้แน่ๆ

"ภัทร..."

แต่เสียงเรียกและแววตาอบอุ่นที่ทอดมองมาก็ทำให้หัวใจของภัทรแทบจะหยุดเต้น

"คุณเชษฐ์...จำผมได้แล้ว...?"

ราวกับเมฆหมอกรอบกายสลาย ความกดดันที่บีบคั้นในอกค่อยคลายตัวออกอย่างแช่มช้า ภัทรกะพริบตาอย่างไม่อยากเชื่อหู เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขายังรู้สึกเหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงเพราะคุณเชษฐ์ฟื้นขึ้นมาแล้วจำเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้เพียงแค่ถูกเรียกชื่อ ในอกก็อาบล้นไปด้วยความสุขจนเหมือนจะยืนไม่อยู่

เชษฐ์พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้นกุมหน้าผาก เรียวคิ้วดกหนาขมวดเข้าหากันน้อยๆ ภัทรจึงรีบดันตัวขึ้นและลุกไปหยิบขวดน้ำจากบนโต๊ะมาใส่หลอดให้

"ดื่มน้ำก่อนนะครับ"

ภัทรเอ่ยพลางประคองหลังอีกฝ่ายให้สูงขึ้น เชษฐ์จิบน้ำไปนิดหนึ่งก็เอนตัวลงแล้วมองเขาเหมือนเดิม ปลายนิ้วแข็งแรงยกขึ้นซับคราบน้ำตาที่ยังเหลือบนหางตาให้ ภัทรจึงถือโอกาสกุมมือข้างนั้นเอาไว้

"...ทำไมไม่ไปนอนที่เตียงล่ะ พยาบาลก็บอกไม่ใช่เหรอว่าเดี๋ยวจะปวดหลัง"

"คุณเชษฐ์...ได้ยินที่พยาบาลพูดกับผมด้วย?"

ภัทรถามอย่างประหลาดใจ เชษฐ์จึงส่ายหน้าช้าๆ แล้วหลับตาลงราวกำลังพยายามรวบรวมความทรงจำอันสับสน

"ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอก... หูเหมือนได้ยินเสียงคนรอบตัวแต่ก็ขาดๆ หายๆ ...ไม่รู้ว่ากำลังฝันหรือตื่นกันแน่ พอจะขยับตัวหรือลืมตาก็ทำไม่ได้ แต่ที่มั่นใจก็คือได้ยินเสียงคนร้องไห้... นั่นเสียงของเธอสินะ..."

อาจเพราะเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ น้ำเสียงของคนป่วยจึงยังอ่อนแรงและยังพูดได้เพียงช้าๆ แต่เมื่อถึงประโยคสุดท้าย ภัทรที่กำลังจ้องทุกอากัปกิริยาของอีกฝ่ายอยู่ก็น้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง

"ผมขอโทษ ผมกลัวไปหมด ผมกลัวว่าคุณเชษฐ์จะเป็นอะไรเพราะผม ผมกลัวว่าถ้าคุณเชษฐ์ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกผมจะเป็นยังไง ผมขอโทษที่ผมคิดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนี้ แต่ว่า ... ผมไม่อยากให้คุณเชษฐ์ทิ้งผมไป ผมไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว ฮึก..."

ภัทรรู้สึกราวได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มที่ซื่อตรงกับหัวใจของตัวเองอีกครั้ง เหมือนวันคืนที่ยังไม่รู้ประสาว่าความรักคืออะไร แต่ก็อยากทำความเข้าใจและได้สัมผัสสิ่งนั้นจนไม่อาจเก็บความในใจไว้คนเดียวอีก

"อย่าร้อง..."

ถึงแม้จะถูกห้ามก็ไม่เป็นผล เวลานี้ไม่มีภัทรกรที่ชอบสงวนท่าทีและปากหนักอีกแล้ว ความรู้สึกเจ็บปวดราวกับจะสูญเสียคนที่รักซึ่งนึกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังทำให้ในอกหวิวโหวงทำให้ภัทรอ่อนไหวจนควบคุมตัวเองไม่ได้

"ผมรักคุณเชษฐ์ ผมรักคุณเชษฐ์ ผมรักคุณเชษฐ์"

เชษฐ์เลื่อนมือที่ลูบบนเรือนผมซึ่งยุ่งนิดๆ ลงและพยายามใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำตาให้คนที่สะอึกสะอื้นจนพูดแทบไม่เป็นคำ กระนั้นก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาได้รับหัวใจทั้งดวงของคนตรงหน้ามาครองอย่างไร้เงื่อนไขแล้ว ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลา ต้องอดทนรอและถึงกับบาดเจ็บสาหัส แต่มันก็คุ้มค่า

ภัทรไม่ใช่ของเหลืออย่างที่ธราธรเคยปรามาศไว้ หากแต่เป็นแก้วเจียระไนที่ถูกมองข้ามโดยคนที่ไม่รู้ค่าต่างหาก

"เด็กดี...หยุดร้องได้แล้ว...."

แม้ว่าร่างกายจะยังอ่อนเพลีย แต่ร่างสูงใหญ่ก็พยายามยกแขนทั้งสองข้างขึ้นดึงไหล่ภัทรเข้าหาตัว ร่างเพรียวกะพริบตาปริบด้วยไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่ก็ยอมเอนตัวเข้าหาแต่โดยดี

"...ถอดรองเท้าออกสิ จะได้ขึ้นมานอนบนเตียงด้วยกัน"

"เอ๋? แต่ว่า..."

อาการหอบจนตัวโยนเพราะแรงสะอื้นของภัทรลดลงแล้ว เพียงแต่บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาและน้ำมูก และเชษฐ์ก็แสดงสีหน้าสบายใจขึ้นที่เห็นเขาหยุดร้องไห้เสียที

"บอกให้ถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานอนด้วยกันไง... ดูสิ ตาโหลไปหมดแล้ว... ฉันไม่ยอมให้คนที่มานอนเฝ้าไข้ให้ต้องเสียสุขภาพเพราะอดนอนหรอกนะ"

น้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนทำให้ภัทรอบอุ่นในอกจนผิวหน้าก็พานอุ่นไปด้วย เขาพยักหน้าก่อนจะถอดรองเท้าแล้วขยับตัวขึ้นมาบนเตียงแต่โดยดี โชคดีว่าขนาดของเตียงคนไข้ที่โรงพยาบาลนี้ค่อนข้างใหญ่ กระนั้นคนเจ็บก็ยังอุตส่าห์ช่วยขยับที่เพื่อให้ภัทรนอนสบายขึ้น

ร่างผอมเพรียวตะแคงตัวแล้วซุกหน้าเข้ากับไหล่หนา มือข้างหนึ่งวางทาบบนแผ่นอกกว้างเพื่อรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่ส่งผ่านมา ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวเมื่อได้สัมผัสไออุ่นที่ยืนยันว่าคุณเชษฐ์สบายดีและจะไม่ทิ้งเขาไปไหนในระยะใกล้ชิดเช่นนี้

"...นอนพักเถอะ เธอเหนื่อยมามากแล้วล่ะ"

ผู้สูงวัยกว่าใช้อุ้งนิ้วโป้งซับคราบชื้นที่ยังหลงเหลือบนหางตาให้ภัทร จากนั้นก็แนบริมฝีปากลงบนหน้าผาก น้ำเสียงและสัมผัสอันนุ่มนวลนั้นราวกับมีฤทธิ์ขับกล่อมให้เขาอยากหลับไหล ทั้งที่เมื่ออึดใจก่อนไม่รู้สึกง่วงแม้แต่นิดเดียว

“คุณเชษฐ์เจ็บแผลหรือเปล่าครับ ที่โดน...ตอนนั้น...”

ภัทรไม่อาจเอ่ยคำออกมาให้เต็มประโยค เพราะเพียงแค่เอ่ยถึงก็ราวกับเรียกภาพในคืนนั้นให้กลับมาหลอกหลอน เชษฐ์จึงใช้มือลูบไหล่ที่สั่นขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายสงบลง

“มันยังชาๆ อยู่มากกว่า... ไม่ต้องคิดถึงมันอีกแล้ว... ตอนนี้ฉันฟื้นแล้วนี่ จริงมั้ย?”

แววตาสองคู่สบประสาน และแม้ภัทรจะรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาอย่างไรก็ต้องพยายามกะพริบตาเพื่อบังคับหยาดน้ำให้ไหลกลับลงไป

“...ครับ”

จริงสิ ตอนนี้คุณเชษฐ์ฟื้นแล้ว คุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไรแล้ว เขาก็ไม่ควรนึกถึงเรื่องในคืนนั้นแล้วเอามาพูดให้คนเจ็บอารมณ์ขุ่นถึงจะถูก

"คุณเชษฐ์...พอผมตื่นมาอีกครั้ง คุณเชษฐ์จะไม่หลับไปนานๆ อีกใช่ไหมครับ?"

แม้จะโล่งอกแล้วว่าชั่วขณะนี้คุณเชษฐ์ไม่เป็นอะไร กระนั้นความหวาดหวั่นที่สั่งสมมาตลอดสี่วันก็ทำให้ภัทรไม่อาจวางใจได้โดยง่าย

"ไม่หรอก...ฉันถึงให้เธอขึ้นมานอนด้วยเพื่อจะได้วางใจว่าฉันจะตื่นแน่ๆ ไง"

ร่างสูงใหญ่เอ่ยพลางยกมือขึ้นวางทับมือของภัทรที่ทาบอยู่บนหน้าอก ภัทรจึงเหลือบตาขึ้นมองคนข้างตัวอีกครั้ง และได้พบกับแววตาที่แม้จะยังอิดโรย แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอันหนักแน่นที่มีให้กับเขา น้ำหนักของความเชื่อมั่นทำให้ภัทรค่อยๆ พยักหน้าก่อนจะซุกตัวเข้าหาไหล่อีกฝ่ายมากขึ้น จากนั้นเปลือกตาอันหนักอึ้งก็หรี่ปรือและค่อยปิดสนิทลงในเวลาไม่นาน

เสียงหายใจสม่ำเสมอและชีพจรที่ได้สัมผัส เช่นเดียวกับความอบอุ่นจากฝ่ามือที่กุมทับมือของเขาอยู่ทำให้ภัทรพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ความรู้สึกตัวเบาเพราะได้ปลดแอกจากความวิตกกังวลทำให้มุมปากได้รูปยกขึ้นน้อยๆ น้ำตาหยดหนึ่งไหลซึมจากหางตาลงตกต้องบนหมอนโดยไม่รู้ตัว

ความรู้สึกของฟ้าที่ปลอดโปร่งหลังพายุฝนลูกใหญ่พัดผ่าน...เป็นแบบนี้นี่เอง


++---tbc---++


หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 17-12-2012 00:00:01
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด คุณเชษฐ์ของเค้าฟื้นแล้ว (ดีนะที่คุณรินงดเสิร์ฟมาม่าแล้วน่ะ)

ภัทรจ้ัะ ขยับไปนิดนึงจิ ขอเจ้กอดคุณเชษฐ์บ้างอะไรบ้าง >//////<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 17-12-2012 00:02:11
ยิ้มได้แล้วนะภัทร คุณเชษฐ์นี่ก็แอบทำใจหายใจคว่ำ
เค้าไม่อยากร้องไห้เป็นเพื่อนภัทรแล้วนะ!โด้ว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-12-2012 00:07:30
อ่านตอนนี้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายมาก
เริ่มจากความรู้สึกหน่วงๆจากตอนที่ผ่านมา

ต่อมาก็สงสารภัทรที่รอให้คนรักฟื้น

ต่อมาก็ ตกใจ เฮ้ย ฟื้นแล้วๆ หายไปไหนอะ เริ่ม งง แต่อ่านไปสักพัก เริ่มเอ๊ะใจ ฝันหรือเปล่าเนี่ย

ต่อมา อันนี้อยากบีบคอคุณรินทันที กรี๊ดดดด จะดราม่าซีรีย์เกาหลีแบบนี้ไม่ได้นะ

และความรู้สึกสุดท้าย คืออยากกอดคนแต่งที่สุดอะ ที่ไม่ดราม่าขนาดนั้น แบบนี้เข้านอนฝันดีแน่ๆ

หวังว่าตอนต่อไปมดคงจะอพยพไปโรงบาลกันนะคะ
 :z1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 17-12-2012 00:48:21
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
คุณเชษฐ์ฟื้นแล้ววว ฟื้นแล้ววว
โอยยย ตอนแรกใจหายหมดเลยค่ะคิดว่าต้องดราม่าหนักแน่เลยที่คุณเชษฐ์ตื่นมาแล้วจำภัทรไม่ได้ ค่อยยังชั่วหน่อยยยย
สงสารรภัทรมากๆเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ จะรอติดตามตอนหน้าค๊า แล้วมาต่ออีกน๊า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 17-12-2012 01:04:12
ตื่นแล้วววววววดีใจจัง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 17-12-2012 03:08:13
ในที่สุดก็ฟื้นแล้ววว แอบลุ้นแทบตาย นึกว่าจะจำไม่ได้ซะอีก ดีจังเลยๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: pjny_tem ที่ 17-12-2012 12:04:10
ขอให้คุณเชษฐ์ หายวันหายคืน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-12-2012 14:03:33
อ่านไป ลุ้นไป  สุดท้ายก็ค่อยโล่งอก  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-12-2012 15:21:45
อ่านจบตอน ถอนใจด้วยความโล่งอก :เฮ้อ:
คุณเชษฐ์ฟื้นแล้ว แล้วไม่ได้สูญเสียความทรงจำด้วย
ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงาม สดชื่นฉ่ำใจ :m1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 17-12-2012 16:10:04
ฟ้าหลังฝนแล้วใช่มั้ยเอ่ย
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 17-12-2012 16:23:04
เย่ๆ คุณเชษฐ์ฟื้นแล้ว ภัทรจะได้เลิกร้องซะที
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: cassper_W ที่ 17-12-2012 17:52:48
ใจหายแวบบบ นึงว่าน้องภัทรเราจะต้องเก็บกระเป๋าไปพักใจกับน้าที่ต่างจังหวัดแล้วซะอีก คุณเชษฐฟิ้นแล้ว เอิ๊กๆๆ
มาต่อไวๆอีกนะ ยังไงก็อยากให้เจอตอนหวานๆเยอะๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 17-12-2012 18:42:28
คุณเชษฐ์ฟื้นแล้ว  เย้ๆๆ  ดีใจจัง

ขอบคุณจ้าที่มาลงอย่างต่อเนื่อง 
ตอนหน้าขอหวานๆ  ด้วยนะ  สงสารภัทรที่เสียน้ำตาไปหลายลิตรมาก

เย้  ดีใจ  คุณเชษฐ์ฟื้นและจำภัทรได้  ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-12-2012 19:13:45
อนุญาติให้ป่วยเป็นตอนสุดท้าย แล้วตอนหน้าเรามาหวานกันดีกว่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 17-12-2012 20:41:55
ในที่สุดก็ฝ่าพ้นวิกฤตชีวิตมาได้
น้องภัทรของเราจะได้มีชีวิตชีวาซักที
เป็นนายเอกที่น่าสงสารที่สุด
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 17-12-2012 21:56:49
โอย ดีใจอ่ะ โล่งอกไปที คุณเชษฐ์ฟื้นแล้ว

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-12-2012 18:04:59
ดีใจด้วยนะภัทร จะได้มีความสุขซะที
ลุ้นเกือบตาย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 19-12-2012 13:39:19
ดันๆ เราชอบเรื่องนี้ เราอยากให้คนอ่านเรื่องนี้เยอะๆจัง ทำไงดี >////<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-12-2012 14:25:11
 ^
^
ขอบคุณคุณเกดและทุกๆ คนที่มาคอมเม้นต์ให้ค่า กระทู้ตกหน้าก็ไม่เป็นไรค่ะ รอกลับมาใหม่ตอนลงเนื้อหาตอนต่อไปก็ได้ค่า ^___^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: MiTo™ ที่ 19-12-2012 18:23:42
^ ^

ขอให้ฉาก หวาน ๆๆๆๆๆ กลับมาเร็ว ๆ จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 19-12-2012 19:27:26
อ่านแล้วลุ้นกลัวคุณเชษฐ์จะจำภัทรไม่ได้ แต่ตอนนี้อะไร ๆ คงดีขึ้นแล้ว สงสารภัทรมาก
เมฆหมอกร้ายคงพัดผ่านไปแล้ว คงจะถึงวันชื่นคืนสุขกันเสียที +1 +เป็ดแทนคำขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 21-12-2012 03:07:40
ฮือออออออ
ชอบเรื่องนี้ๆๆๆๆๆๆ
คุณเชษฐ์น่ารักมากกกกกก
ภัทร อย่าขี้เกรงใจมากนะ เด๋วก็ไม่รู้เรื่องกันพอดีอ้ะ
นายธราธรน่าจะโดนหนักกว่านี้นะ ไอ้บ้าาา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-12-2012 16:44:36
ดันๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 21-12-2012 18:14:06
 :กอด1:  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 19 P.19 [17/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 23-12-2012 15:27:47
แวะมาดันจ้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2012 09:04:27
ตอนที่ 20.

เสียงซุบซิบเหมือนมีคนคุยกัน แต่ก็เบาจนจับใจความไม่ได้ทำให้ภัทรขมวดคิ้ว ทว่าหนึ่งในเสียงนั้นกลับมีเสียงเล็กๆ ที่คุ้นหูอยู่ด้วย พอเขาขยับพลิกตัวเพื่อจะจับความว่านั่นเป็นเสียงของใคร เสียงเล็กๆ นั้นก็พลันดังขึ้นใกล้หู

"อ๋า...น้าภัทรตื่นแล้วล่ะค่ะ!"

มายูมิส่งเสียงอย่างดีใจ เมื่อภัทรลืมตาขึ้นก็พบกับรอยยิ้มสดใสของหลานสาวที่กำลังยืนเกาะขอบเตียงและจ้องเขาอยู่ ชายหนุ่มตกใจจนเผลอดีดตัวขึ้นนั่ง ทำให้พบว่านอกจากคุณเชษฐ์ที่กำลังเอนหลังพิงหมอนอยู่ข้างๆ ภายในห้องยังมีคนอีกสี่คนนั่งอยู่ตรงชุดโซฟารับแขกด้วย

หนึ่งในสี่คนนั้นคือแพน พี่สาวของภัทรเอง อีกหนึ่งคือคุณปรีชาซึ่งเป็นท่านประธานบริษัท ส่วนคู่ชายหญิงวัยกลางคนที่นั่งถัดไป เขาเคยเห็นแค่ในรูปถ่าย แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เจอกันครั้งแรกในที่แบบนี้

พ่อกับแม่ของคุณเชษฐ์...

“อ๊ะ ขอโทษครับ”

ความงัวเงียหายวับเป็นปลิดทิ้ง ภัทรรีบตลบผ้าห่มออกและตวัดขาเพื่อลงจากเตียง ดูเหมือนเมื่อครู่เขาจะหลับสนิทจนไม่รู้ตัวเลยว่ามีแขกเข้ามาในห้อง เมื่อคิดว่าทั้งสี่ได้มาเห็นเขานอนกินที่คนเจ็บนานแค่ไหนแล้ว ภัทรก็นึกอยากให้บนพื้นห้องมีหลุมเพื่อจะได้มุดหนีไปตรงนั้น

“จะรีบลุกไปไหนล่ะ เพิ่งนอนพักได้ไม่นานเองนะ”

แขนแข็งแรงข้างหนึ่งเอื้อมมารั้งเอวไว้ ความผอมบางที่ได้สัมผัสทำให้เชษฐ์ขมวดคิ้ว แต่ภัทรไม่สนใจและรีบดึงมือใหญ่ออกจากตัว

“แค่นั้นก็พอแล้วครับ เอ่อ...สวัสดีครับทุกคน ผมขออนุญาตแป๊บนึงนะครับ”

ภัทรหันไปไหว้ผู้อาวุโสแล้วก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่านอกจากขอบตาที่ค่อนข้างบวมเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ตอนนี้ผิวหน้าก็คงจะแดงด้วยเนื่องจากโดนเห็นตอนอยู่ใกล้ชิดคุณเชษฐ์เสียขนาดนั้น

โชคดีว่าประตูห้องน้ำอยู่หลบเข้าไปหลังฉากกั้นตรงมุมห้อง เมื่อพ้นจากสายตาทุกคนแล้วภัทรจึงค่อยหายใจโล่งขึ้น เสียงฝีเท้าเล็กๆ ที่เดินตามมาและใช้มือดึงชายเสื้อเรียกให้คุณน้ายังหนุ่มก้มลงไปมอง

“มิมิ หนูมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”

ชายหนุ่มย่อตัวลงกระซิบถามหลานสาวตัวน้อย มายูมิจึงดึงข้อมือข้างที่คาดนาฬิกาของน้าชายไปเอียงคอมอง จากนั้นก็ใช้นิ้วเล็กๆ จิ้มบนหน้าปัด

“ตอนมิมิกับแม่มาถึง เข็มสั้นอยู่เลขสอง ตอนพวกคุณลุงคุณป้ามาถึง เข็มสั้นอยู่เลขสามค่ะ”

เวลาตอนนี้สามโมงครึ่ง เท่ากับว่านอกจากพี่แพนแล้ว อีกสามคนที่เหลือได้มาเห็นเขานอนเบียดข้างคุณเชษฐ์อย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง นี่ถ้าหากด้านหลังห้องน้ำมีประตูอีกบาน ภัทรคงใช้ประตูนั้นหนีอายออกไปให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ว่า...ไม่ได้สิ...อายก็ส่วนอาย แต่สิ่งที่สมควรต้องทำในตอนนี้คือไปขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเชษฐ์ที่ทำให้ต้องบาดเจ็บเพราะเขาต่างหาก

“น้าภัทร?”

แม่หนูน้อยเรียกเมื่อจู่ๆ น้าชายก็ทำหน้าขรึมขึ้น ภัทรยิ้มแล้วลูบผมหลานสาวเบาๆ จากนั้นจึงเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เมื่อออกมาอีกครั้ง มายูมิก็ดึงชายเสื้อเขาขณะเดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง

“มิมิ หนูมานั่งนี่ดีกว่าลูก”

แพนเรียกเมื่อเห็นลูกสาวเอาแต่เดินตามน้าชายต้อยๆ แม่หนูจึงยอมเดินไปนั่งข้างแม่แต่โดยดี ท่าทางที่ไม่ตื่นคนแปลกหน้าแสดงว่าคงได้ทำความคุ้นเคยกับผู้ใหญ่ทั้งสามพอสมควรแล้ว

“ภัทร นี่คุณชาญ แล้วก็คุณมาศ พ่อกับแม่ของเชษฐ์เขา”

คุณปรีชาที่นั่งอยู่ข้างผู้สูงวัยอีกสองคนหันมาแนะนำ ภัทรจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งคู่ยกมือขึ้นรับไหว้พร้อมกับมองเขาอย่างพินิจพิจารณา ไม่ได้มีแววรังเกียจเดียดฉันท์...แต่ก็ทำให้ภัทรประหม่าไม่น้อย บางทีคุณเชษฐ์คงแนะนำเขาคร่าวๆ ไปแล้วระหว่างที่ยังมัวแต่หลับกระมัง

ถ้าเป็นไปได้...ก็ไม่อยากต้องทำความรู้จักกับท่านทั้งสองในสถานการณ์เช่นนี้เลย

“สวัสดีครับ เอ่อ...เรื่องของคุณเชษฐ์ ...ผมต้องขอโทษ”

“อุ๊ย! ลุกขึ้นมาเถอะลูก อย่าทำอย่างนั้น”

คุณเพียงมาศรีบรั้งไหล่ภัทรเมื่อเขาก้มลงไปกราบแทบเท้า แม้แต่เชษฐ์ที่อยู่บนเตียงก็ยังทำสีหน้าตกใจ ทว่าภัทรไม่ยอมลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ทั้งที่หญิงสูงวัยพยายามจะดึงให้เขาขึ้นไปนั่งข้างๆ

“ผม...เป็นเพราะผมคุณเชษฐ์ถึงบาดเจ็บ ช่วงที่คุณเชษฐ์ยังไม่ฟื้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผมเอง ผมขอโทษครับ”

เมื่อเอ่ยถึงช่วงเวลาก่อนที่คนเจ็บจะฟื้น ภัทรก็หวนระลึกได้ว่าเขาทรมานใจมากแค่ไหนในช่วงไม่กี่วันนั้น ถ้าหากว่าผู้สูงวัยทั้งสองได้มาเยี่ยมตั้งแต่ก่อนที่คุณเชษฐ์จะรู้สึกตัว เขาอาจจะรู้สึกผิดบาปมากยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้

ชายหนุ่มนั่งบนพื้นและก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกผิด จึงไม่ได้เห็นว่าผู้สูงวัยทั้งสามรวมทั้งพี่สาวของเขามองหน้ากันด้วยแววตาแบบไหน ฝ่ายคนเจ็บที่อยู่บนเตียงจึงร้อนใจจนพยายามดันตัวขึ้นเพื่อลงจากเตียงเสียเอง

“รู้ตัวว่ายังไม่หายดีก็อยู่เฉยๆ แม่เขาเกือบจะเป็นลมไปรอบนึงแล้วตอนที่รู้ข่าว พ่อไม่อยากต้องอุ้มแม่แกไปนอนบนเตียงอีกคน”

คำสั่งห้ามจากผู้เป็นบิดาทำให้เชษฐ์ขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็จำต้องทำตามเมื่อมารดาส่งยิ้มอย่างเข้าใจมาให้ คุณเพียงมาศก้มลงมองภัทรอีกครั้งก่อนจะยกมือลูบผมเบาๆ

“ยอมรับว่าตอนพ่อกับแม่ได้ยินเรื่องนี้จากคุณปรีชาก็ตกใจ แต่พวกเราคุยกันแล้วว่าคนผิดไม่ใช่ภัทรหรอกจ้ะ อีกอย่างตอนนี้เชษฐ์เขาก็ฟื้นแล้ว ภัทรก็อย่าโทษตัวเองอีกเลยลูก”

ลูก...ช่างเป็นคำที่ฟังแล้วอบอุ่นเหลือเกินจากคนที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก ทว่ายิ่งได้รับความอ่อนโยนมากเท่าไหร่ ภัทรก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองต้องเป็นกังวลกันเรื่องของคุณเชษฐ์ถึงเพียงนั้น

เมื่อเห็นว่าภัทรยังนั่งนิ่งโดยไม่มีทีท่าจะลุกขึ้น ทว่าขอบตากับปลายจมูกแดงเรื่อ คุณปรีชาก็มองหน้าผู้มีศักดิ์เป็นอาซึ่งอายุมากกว่าตัวเองเพียงไม่กี่ปีเขม็ง คุณชาญมองตอบก่อนจะย่นคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็ทำในสิ่งที่ทำให้ทั้งภัทรและแพนตกใจด้วยการย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าภัทรและจับไหล่เขาเอาไว้

"ฟังนะภัทร พ่อกับแม่ไม่ได้คิดโทษภัทร ถึงจะไม่พอใจที่ตาเชษฐ์ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่พ่อกับแม่แยกแยะได้ว่าคนที่ทำผิดจริงๆ คือใคร เราน่ะเลิกคิดมากเถอะนะ"

เมื่อเอ่ยจบผู้สูงวัยก็รั้งไหล่เขาให้ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาข้างๆ ภรรยา จากนั้นตนก็นั่งลงประกบอีกด้าน มือที่เริ่มเหี่ยวย่นเล็กน้อยตามวัยยกขึ้นลูบผมของเขาอย่างอ่อนโยน ซึ่งทำให้ภัทรรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลอีกครั้ง

"ขอบคุณมากครับ"

ภัทรยกมือขึ้นไหว้บนไหล่ของผู้สูงวัยที่นั่งอยู่ทางซ้ายและขวาของตนเอง จากนั้นก็เหลือบตามองไปทางคนเจ็บที่กำลังมองเขาอยู่และยิ้มน้อยๆ ให้ เมื่อได้พบกับบุพการีของอีกฝ่าย เขาก็ไม่สงสัยอีกแล้วว่าทำไมคุณเชษฐ์ถึงเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง และพร้อมจะมอบความรักให้เขาอย่างไม่มีเงื่อนไขได้ถึงขนาดนี้

เป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าตัวก็ได้รับความรักอันเปี่ยมล้นและกำลังใจอันมากมายจากคู่ชายหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาในเวลานี้นี่เอง...

คุณปรีชาระบายลมหายใจยาวเมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าอึดอัดเริ่มผ่อนคลายลง ท่านประธานเหลือบมองคนเจ็บบนเตียงก่อนจะหันกลับมาสบตากับคุณชาญที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ ภัทรอีกครั้ง

"เอาล่ะ ไหนๆ ก็มีโอกาสได้คุยกันพร้อมหน้าทุกคนแล้ว ตกลงพี่ชาญตั้งใจว่ายังไงกับคนที่ทำให้เชษฐ์เข้าโรงพยาบาลครับ?"

สีหน้าของคนถูกถามขรึมลงทันที ทว่าประกายในแววตาดุดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแน่นอนอยู่แล้ว ตาเชษฐ์เจ็บตัวถึงขนาดนี้ ยังไงไอ้คนที่ทำก็ต้องรับผิดชอบ"

"ผมเห็นด้วยกับพี่ชาญ ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะทำแบบนั้น แต่รอพี่กับคุณมาศมาถึงเมืองไทยก่อนจะได้มั่นใจว่าเห็นตรงกัน ภัทร...รบกวนช่วยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นอีกทีได้ไหม? เพราะฉันก็ได้ฟังมาจากนินนาทอีกทอดหนึ่ง ยังไงก็คงไม่ละเอียดเท่ากับถามเธอที่อยู่ในเหตุการณ์เอง"

ภัทรหน้าตื่นเมื่อคุณปรีชาหันมาถาม เขาชำเลืองมองคุณเชษฐ์ก็พบว่ากำลังทำสีหน้าที่อ่านไม่ออก แต่เมื่อเหลือบไปมองแพนก็เห็นพี่สาวพยักหน้าให้ คุณเพียงมาศเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเขาจึงดึงมือไปบีบเบาๆ

"เล่าให้พวกแม่ฟังหน่อยเถอะนะภัทร เราจะได้ไปปรึกษาทนายต่อได้ถูกต้องนะจ๊ะ"

น้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนของหญิงสูงวัยมีน้ำหนักจนใครก็ไม่อาจปฏิเสธ ดังนั้นต่อให้ไม่อยากนึกถึงเรื่องราวในคืนนั้นมากเพียงใด ภัทรก็จำต้องรวบรวมสติและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังไปตามตรง


++------++


เมื่อพระจันทร์ทอแสงนวลบนกึ่งกลางม่านฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ความสงบเงียบก็กลับมาเยือนห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง หลังจากทุกคนกลับไปได้พักใหญ่เพราะหมดเวลาเข้าเยี่ยม ในห้องพักวีไอพีเวลานี้จึงเหลือเพียงคนเจ็บที่กำลังเอนหลังดูข่าวโทรทัศน์อยู่บนเตียง กับคนเฝ้าที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำเท่านั้น

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดแขนสั้นกับกางเกงวอร์มขายาว ภัทรก็ใช้ผ้าขนหนูซับผมที่เพิ่งสระและยังหมาดอยู่หน้ากระจก หลังจากวันอันแสนยาวนานจบลง ตอนนี้เขาก็ไม่นึกอยากทำอะไรนอกจากพักผ่อนเช่นกัน

"ภัทร..."

"อ๊ะ ครับ"

ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้องน้ำไปตามเสียงเรียก ถึงแม้เชษฐ์จะรู้สึกตัวแล้วและไม่ปรากฏอาการข้างเคียงที่น่าเป็นห่วงหลังจากส่งตรวจร่างกายอีกครั้งเมื่อตอนบ่าย แต่แพทย์ก็ยังขอให้นอนที่โรงพยาบาลต่ออีกสองคืนเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอาการแทรกซ้อนจริงๆ

"ขอโทษที อาบน้ำเสร็จรึยัง?"

"เสร็จแล้วครับ พอดียังเช็ดผมไม่แห้งก็เลยใช้เวลานานไปหน่อย"

ภัทรเอ่ยพลางยกเหล็กกั้นขอบเตียงลงเพื่อจะได้ขึ้นไปนั่งข้างๆ คนเจ็บ เวลานี้นอกจากผ้าพันแผลบนศีรษะกับชุดคนไข้ของโรงพยาบาล คนที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ก็ไม่มีอาการใดที่น่าวิตกกังวลอีก และภัทรก็โล่งอกเหลือเกินที่เป็นเช่นนั้น 

"อืม...ยังไม่แห้งจริงๆ ด้วย"

เชษฐ์ยกมือขึ้นลูบเรือนผมที่ยังชื้นเล็กน้อยของภัทรเบาๆ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วต่อไปยังผิวแก้มที่เนียนลื่นหลังจากเพิ่งอาบน้ำ ภัทรหลับตาลงเมื่อปลายนิ้วนั้นค่อยเลื่อนขึ้นสัมผัสส่วนอื่นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเปลือกตา จมูก หรือว่าหน้าผาก นัยน์ตาเรียวเปิดขึ้นช้าๆ เมื่อสุดท้ายปลายนิ้วนั้นหยุดนิ่งอยู่บนริมฝีปากของเขา และได้พบว่านัยน์ตาคมเข้มจับจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว

"...เมื่อตอนบ่ายขอโทษด้วยนะ ที่พ่อกับแม่ฉันถามถึงเรื่องนั้น"

ภัทรรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องไหน จึงส่ายหน้าพลางจับมือข้างที่อ้อยอิ่งอยู่บนริมฝีปากให้แนบแก้มตัวเองไว้

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าไม่ถูกซักต่างหากถึงจะแปลก อีกอย่างตอนนี้ผมพูดถึงเรื่องนั้นได้โดยไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณเชษฐ์ปลอดภัยแล้วนี่นา"

เขายิ้มน้อยๆ พลางหวนนึกไปถึงเมื่อตอนบ่ายที่คุณชาญกับคุณเพียงมาศขอให้เล่าเรื่องในคืนที่คุณเชษฐ์ถูกทำร้ายอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงแม้จะยังลมหายใจติดขัดเมื่อต้องคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ภัทรก็พบว่าเมื่อได้เริ่มเล่าแล้ว เขาก็ไม่อึดอัดมากเท่าที่หวั่นกลัวในตอนแรก

เชษฐ์มองรอยยิ้มบนมุมปากของภัทรโดยไม่ได้ยกมือออก ทว่านัยน์ตาคมเข้มขรึมลงเล็กน้อย "แล้วถ้าฉันถามแค่ความเห็นเธอล่ะ อยากให้เอาเรื่องกับหมอนั่นหรือเปล่า?"
 
"เอ๊ะ?"

ภัทรเลิกคิ้ว แต่เมื่อเห็นคนถามยังจ้องเขานิ่ง ชายหนุ่มก็หลุบตาลงนิดหนึ่ง

"...ถึงผมจะไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไม...เขา...ถึงทำแบบนั้นในคืนนั้น แต่ใครทำอะไรไว้ก็สมควรได้รับผลที่ตามมาครับ"

ถึงแม้จะรู้ดีว่าคืนนั้นธราธรก็โดนเล่นงานปางตายเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณเชษฐ์โดนกระทำแล้ว ภัทรก็ไม่อาจทำตัวเป็นกลางแล้วนำทั้งสองเรื่องมาหักล้างกันได้ เพราะเขาย่อมจะลำเอียงเข้าข้างคนที่เขารักมากกว่าอยู่แล้ว

นี่ยังดีว่าคุณเชษฐ์ฟื้นและไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะ...

แค่นึกถึงฝันร้ายเมื่อเช้าภัทรก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว เชษฐ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นไหล่ผอมสั่น แต่ยังไม่ทันถามว่าเป็นอะไร ภัทรก็รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นมาก่อน

"คุณเชษฐ์...คืนนี้ผมขอนอนข้างๆ เหมือนเมื่อกลางวันได้ไหมครับ?"

ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วแต่ไม่ได้ตอบในทันที และนั่นทำให้ภัทรรู้สึกร้อนหน้าขึ้นมากับคำขอเหมือนเด็กๆ ของตัวเอง "คือ...ถ้าคุณเชษฐ์ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่โซฟาข้างๆ นี่ก็ได้"

"เดี๋ยวสิ ยังไม่ได้บอกสักคำว่าไม่สะดวก จะรีบไปไหน?"

มือแข็งแรงรั้งศอกของคนที่กำลังจะลงจากเตียงได้ทัน เมื่อภัทรหันกลับไปเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนตัวใหญ่กว่าก็ให้เก้อเขินยิ่งขึ้นจนต้องหลบตา

"ถ้างั้น...ขอผมไปเช็ดผมให้เสร็จแล้วปิดไฟก่อน คุณเชษฐ์ดูข่าวไปก่อนก็ได้ครับ"

ร่างสูงใหญ่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยอมปล่อยมือ ฝ่ายภัทรได้แต่รีบลุกหนีเข้าห้องน้ำแล้วจัดการธุระส่วนตัวต่อให้เสร็จ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลังจากที่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว และความวิตกกังวลถูกขจัดจากหัวใจ ตอนนี้เขายิ่งขัดเขินยามถูกหยอกเย้าจากคุณเชษฐ์มากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก

แต่ขณะเดียวกัน...มันก็เป็นความรู้สึกที่ทำให้ในอกอบอุ่นไม่น้อยเลย...
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 25-12-2012 09:05:49
หลังจากเช็ดผมจนค่อนข้างแห้ง ภัทรก็ออกจากห้องน้ำมาปิดไฟในห้อง ทิ้งไว้เพียงแสงไฟสีส้มอ่อนเหนือประตูทางเข้า ฝ่ายเชษฐ์ก็ปิดโทรทัศน์แล้วขยับที่ให้ภัทรได้ขึ้นนอนข้างๆ เหมือนเมื่อกลางวัน หลังจากดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวทั้งคู่และต่างเงียบกันไปครู่ใหญ่ ภัทรก็เงยหน้าขึ้นถามเชษฐ์อีกครั้ง

"ผมมาเบียดแบบนี้คุณเชษฐ์ไม่นอนลำบากจริงๆ นะครับ?"

ถึงแม้ตัวเองจะเป็นคนขอ กระนั้นเขาก็ยังเกรงใจ เพราะถึงอย่างไรความสบายตัวของคนเจ็บก็ควรจะมาก่อนความต้องการอันไร้เหตุผลของเขา ทว่าเชษฐ์เพียงยิ้มแล้วส่ายหน้า

"ไม่หรอก อีกอย่างถ้าไม่ทำแบบนี้เธอจะนอนไม่หลับสินะ"

ภัทรเลิกคิ้วด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ จริงอยู่ว่าคุณหมอยืนยันแล้วว่าคนเจ็บไม่มีอาการแทรกซ้อนที่น่าเป็นห่วง ทว่าภัทรก็มั่นใจว่าถ้าหากไม่ได้คอยอยู่ข้างๆ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นและเสียงลมหายใจ เขาคงกระวนกระวายจนนอนไม่หลับต่อให้โซฟานุ่มสบายเพียงไรแน่ๆ

"ครับ..."

ภัทรตอบเสียงเบาพลางซุกเข้าหาไหล่หนามากขึ้น แต่ยังไม่ทันจะปิดเปลือกตาลงก็ถูกมือใหญ่เชยคางให้เงยขึ้น

"จะว่าไป เมื่อเช้านี้ฉันได้ยินอะไรบางอย่างตอนที่ฉันเพิ่งตื่นนะ"

ภัทรกะพริบตาปริบอย่างไม่เข้าใจ เพราะจำได้ว่าตัวเองเอาแต่ร้องไห้ตอนที่คุณเชษฐ์ยังไม่ฟื้น พอเห็นแววตาแสดงความงุนงง ผู้สูงวัยกว่าจึงขยับหน้าเข้าใกล้มากขึ้นจนภัทรรู้สึกถึงลมหายใจที่ระบนปลายจมูก

"ฉันได้ยินใครบางคนพูดว่า 'ถ้าอยากได้ยินคำว่ารัก ผมจะพูดให้ฟังทุกวัน' ช่วยบอกหน่อยสิว่านั่นฉันฝันไปหรือว่ามีใครพูดแบบนั้นจริงๆ"

"นั่นมัน..."

ภัทรไม่อยากเชื่อว่าคุณเชษฐ์จะจำได้ทั้งที่ตอนนั้นเจ้าตัวยังไม่ฟื้นคืนสติเต็มร้อย เพราะเมื่อเช้าเขาเอาแต่ฟูมฟายจนพร่ำความในใจทุกอย่างออกมาโดยไม่ทันคิด จึงแทบลืมไปหมดแล้วว่าหลุดคำพูดอะไรไปบ้างด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มมองเข้าไปในแววตาคมเข้มที่กำลังสบประสาน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญผวามาด้วยกัน เขาคงนึกว่าคุณเชษฐ์แกล้งบาดเจ็บเพื่อลองใจไปแล้วแน่ๆ

"...คุณเชษฐ์อยากให้ผมพูดตอนนี้เหรอครับ?"

เขาถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากประวิงเวลาอีกสักหน่อย เผื่อว่าความรู้สึกร้อนวูบวาบบนผิวหน้าจะลดน้อยลงกว่านี้บ้าง นัยน์ตาของคนเจ็บจึงเป็นประกายขณะดึงปลายนิ้วของภัทรขึ้นไปแตะริมฝีปากตัวเอง

"อยากให้พูดทุกวันเลยล่ะ"

เรียวลิ้นอุ่นที่แลบออกมาเลียปลายนิ้วซึ่งตัดเล็บสั้นหมดจดเบาๆ ทำเอาภัทรสะดุ้งจนเกือบชักมือหนี แต่ก็รู้ว่าตัวเองจนแต้มแล้ว อีกอย่างเขาก็เป็นคนลั่นวาจาออกไปเอง หากกลับคำตอนนี้คงทำให้กลายเป็นคนโลเลไม่หนักแน่นแน่ๆ

แต่ว่า...มันอาจพูดง่ายกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะโดนคุณเชษฐ์จ้องเสียใกล้ด้วยแววตาวิบวับขนาดนี้กระมัง...

"เอ่อ...ผม..."

"หืมม์?"

ภัทรเม้มปากด้วยรู้ว่ากำลังโดนแกล้ง แต่จะไม่ให้เขินได้ยังไง ก็ตอนที่พูดเวลาคุณเชษฐ์ยังไม่รู้สึกตัวดีกับตอนที่ตั้งใจรอฟังซะขนาดนี้มันไม่เหมือนกันนี่นา

"อย่าแกล้งผมสิครับ"

ภัทรหน้าร้อนซู่เมื่อปลายนิ้วก้อยโดนคนที่จับมือไว้ใช้ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ แถมเจ้าตัวยังทำท่าจะทำแบบเดียวกันกับนิ้วอื่นอีก เชษฐ์จึงยิ้มก่อนจะปล่อยนิ้วนั้นให้เป็นอิสระจากริมฝีปาก

"ไม่ได้แกล้ง แต่เธอไม่พูดสักที ฉันก็ต้องฆ่าเวลาระหว่างรอสิ"

นี่เป็นคำพูดของคนเจ็บที่กำลังพักฟื้นจริงๆ เหรอเนี่ย!

ภัทรแทบอยากไปถามคุณหมอให้รู้แล้วรู้รอดว่าคนไข้ไม่ได้สมองกระทบกระเทือนจริงๆ หรือ เพราะนิสัยชอบแกล้งชอบแหย่ของอีกฝ่ายดูเหมือนจะหนักข้อยิ่งกว่าก่อนเข้าโรงพยาบาลเสียอีก แต่ตอนนี้จะลุกไปถามหมอก็คงไม่ได้ จึงทำได้เพียงข่มความอายก่อนที่จะโดนแกล้งหนักไปกว่านี้

"ผมรักคุณเชษฐ์ครับ"

ชายหนุ่มพูดรัวจนลิ้นพันกันเพราะคนฟังเล่นไม่ขบนิ้วอย่างเดียวแต่ดูดเบาๆ ด้วย สัมผัสอุ่นชื้นจากช่องปากที่ห่อหุ้มปลายนิ้วเอาไว้ปลุกเร้าปลายประสาทจนสมองแทบจะหยุดทำงานเสียดื้อๆ

"ไม่เอา พูดให้ชัดถ้อยชัดคำกว่านี้สิ"

น้ำเสียงหยอกเย้าทำให้ภัทรรู้สึกเหมือนผิวหน้ากำลังโดนไฟอังจนร้อนไม่หยุด พอพยายามจะดึงมือกลับก็ยิ่งโดนยึดไว้แน่นกว่าเดิม ชายหนุ่มเม้มปากขณะเหลือบตาขึ้น ทว่าเมื่อได้เห็นความคาดหวังที่ซ่อนอยู่หลังประกายตาซุกซน ความเข้าใจก็วาบขึ้นในอกทันที

ถ้าหากเขายังมัวแต่เขินอาย ไม่พูดตอนที่คุณเชษฐ์ยังอยู่ตรงหน้า ยังหายใจและมีเลือดเนื้อให้สัมผัสจับต้องได้เช่นนี้ จะมีเวลาไหนที่เหมาะสมให้เขาได้บอกความในใจอีกหรือ...

ภัทรเลื่อนมือข้างที่ไม่ได้ถูกจับไว้ขึ้นประคองใบหน้าของคนที่กำลังทอดกายเคียงข้าง นัยน์ตาที่กำลังมองเขาอยู่ฉายประกายลึกล้ำมากขึ้นจนภัทรถอนสายตาไม่ได้ และเขาก็พบว่าตนยินดีจะถูกแววตาเช่นนี้ดึงดูดไม่ว่าจะอีกนานเพียงใดก็ตาม

"ผม...รักคุณเชษฐ์ครับ รักมากที่สุด" 

เสียงที่หลุดจากริมฝีปากแผ่วเบาทว่าหนักแน่น และคนฟังก็ไม่ได้เรียกร้องขอฟังซ้ำเมื่อภัทรเป็นฝ่ายประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากของเจ้าตัวก่อน มือใหญ่ที่เมื่อครู่ยึดมือของเขาไว้ได้เลื่อนลงไปโอบรอบเอวของภัทรแทน ร่างทั้งสองบดเบียดจนภัทรรับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจผ่านแผ่นอกที่แนบชิด และเขาก็มั่นใจว่าหัวใจของตนก็กำลังเต้นแรงจนถ่ายทอดไปถึงร่างสูงใหญ่เช่นเดียวกัน

 ริมฝีปากและปลายลิ้นฉ่ำที่เกี่ยวกระหวัดก่อให้เกิดเสียงแผ่วเบาชวนวาบหวามภายในห้องที่เงียบสงัด ท่ามกลางความมึนเมาจากไออุ่นและกลิ่นกายที่กำลังโอบล้อม ภัทรรู้สึกราวตัวเองกำลังตกลงไปในหล่มลึกที่ไม่มีวันจะปีนกลับขึ้นมาได้ แต่เขาก็ไม่หวาดกลัวเพราะรู้ดีว่าใครคนหนึ่งพร้อมจะจับจูงมือไปตลอดทางที่ทอดยาวไปจากหล่มนั้น

คุณเชษฐ์...คือคนที่มอบความมั่นใจนั้นให้แก่เขานั่นเอง...   


++------++


เช้าวันต่อมา ภัทรรีบตื่นแต่เช้าตรู่ก่อนที่นางพยาบาลจะมาตรวจวัดไข้ให้คนเจ็บ เขาลงไปตักบาตรที่ด้านข้างโรงพยาบาล จากนั้นก็ซื้อขนมและผลไม้ที่คุณเชษฐ์น่าจะทานได้กลับมาที่ห้อง แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นหายไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะว่าบนเตียงว่างเปล่า ไม่ต่างจากที่เขาฝันร้ายเมื่อวานเลยสักนิด

"คุณเชษฐ์!"

"อยู่นี่"

เสียงตอบที่ดังมาจากทางห้องน้ำทำให้ภัทรระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งอก เขารีบวางถุงข้าวของที่ซื้อมาแล้วเดินตามไปในห้องน้ำ และพบว่าคนเจ็บกำลังยืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจก

"ถ้าจะลุก ทำไมไม่รอให้ผมกลับมาก่อนล่ะครับ"

รู้ว่าไม่ควรแสดงอารมณ์ แต่สีหน้าของภัทรคงบ่งบอกอะไรบางอย่างออกไป เชษฐ์จึงหันมามองแล้วหัวเราะน้อยๆ หลังจากล้างหน้าและซับน้ำด้วยผ้าขนหนูแล้ว

"ขอโทษที เอาแต่นั่งๆ นอนๆ บนเตียงมาหลายวันก็เลยอยากลุกเดินบ้าง ฉันไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาตอนไหนก็เลยไม่ได้รอ แล้วนี่กินข้าวเช้ามาหรือยัง?"

 เชษฐ์ไม่ได้บอกเขาว่า 'อย่างอน' แต่ใช้วิธีง้อด้วยการขอโทษและถามถึงเรื่องอื่นแทน ภัทรจึงพยายามระงับอารมณ์เพราะรู้ดีว่าช่วงนี้ตนอ่อนไหวเกินไปแล้ว เขารับมือข้างที่ไม่ได้เสียบสายน้ำเกลือของเชษฐ์มากุมขณะเดินเคียงข้างช้าๆ กลับไปที่เตียง

"ยังครับ ผมซื้อมาจะได้นั่งกินเป็นเพื่อนคุณเชษฐ์บนห้องได้ เมื่อกี้เห็นแม่บ้านกำลังเข็นรถเข็นอาหารอยู่ อีกสักพักคงมาถึงห้องเรา"

"อืม"

ภัทรช่วยคลี่ผ้าห่มคลุมท่อนล่างให้หลังจากร่างสูงใหญ่ขึ้นนั่งบนเตียง เขาช่วยปรับหัวเตียงให้เอนขึ้นและเอาหมอนซ้อนเพื่อให้คนเจ็บได้นั่งพิงสบายๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างกังวล

"เอ่อ...ผมทำให้คุณเชษฐ์รำคาญหรือเปล่าครับ?"

"หือ? ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ?"

สีหน้าของคนถามแสดงออกว่าแปลกใจกับคำถามของเขาจริงๆ ภัทรจึงหลุบตาลง

"คือ...ผมก็ไม่เคยเฝ้าคนเจ็บในโรงพยาบาลมาก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรแค่ไหนถึงจะไม่มากเกินไป อย่างเมื่อกี้ผมก็ตกใจที่คุณเชษฐ์ไม่อยู่ที่เตียง ก็เลย...ลืมไปว่าคุณเชษฐ์อาจไม่ชอบที่ทำด้วยเหมือนเป็นคนที่ช่วยตัวเองไม่ได้ก็ได้"

ที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะรำคาญก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องก็เพราะฝันร้ายเมื่อวานยังติดตา ภัทรเลยกลายเป็นคนตื่นตกใจง่ายไปโดยปริยาย ท่าทางหงอยๆ ของเขาทำให้เชษฐ์ต้องดึงมือข้างหนึ่งไปกุมแล้วก็บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

"ไม่เป็นไรหรอก ฉันดีใจเสียอีกที่เธอเป็นห่วง แค่ต้องเป็นคนที่พาฉันมาส่งโรงพยาบาล แล้วยังต้องมาเห็นฉันหลับไม่ตื่นอีกสามวันเต็มๆ ถ้าหากสลับที่กันแล้วฉันเป็นคนที่ต้องมาเฝ้าเธอ ตอนนี้ฉันอาจจะคลั่งไปแล้วก็ได้"

ภัทรเหลือบมองรอยยิ้มของคนพูดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอ่อนๆ ตอบ กระนั้นสัญชาตญาณก็บอกเขาว่าเหตุการณ์นั้นไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะถ้าหากเกิดเรื่องร้ายแรงเช่นในคืนนั้นอีกสักกี่ครั้ง คุณเชษฐ์ก็คงจะเอาตัวเข้ามาป้องกันเขาไว้เพื่อไม่ให้เป็นอะไรอยู่ดี

ความเชื่อมั่นที่ถูกมอบให้กับคนตรงหน้าจนหมดใจ ทำให้ภัทรไม่สงสัยกับสมมติฐานนั้นเลยสักนิดเดียว

ไม่นานนักแม่บ้านก็นำอาหารเช้ามาส่งที่ห้อง ภัทรเลื่อนโต๊ะสำหรับทานอาหารมาให้คนเจ็บแล้วก็ช่วยจัดเรียงอาหารในถาดให้ ระหว่างที่ทั้งสองนั่งทานมื้อเช้ากันไปและดูข่าวในโทรทัศน์ไปพลางก็มีเสียงเคาะประตูสองครั้งก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก

ภัทรวางแก้วน้ำเต้าหู้ที่ยังดื่มไม่หมดลงและยืนขึ้นเพราะนึกว่าคงเป็นพ่อกับแม่ของคุณเชษฐ์ แต่ผิดคาดที่ผู้ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูกลับเป็นหญิงสาวไม่คุ้นหน้าคนหนึ่ง แต่เมื่อตั้งใจมองดีๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“คุณ...?”

ถึงแม้จะเคยพบอย่างผิวเผินเพียงสองหรือสามครั้ง ภัทรก็มั่นใจว่าตนไม่มีทางจำผิด ดูเหมือนอีกฝ่ายก็ไม่แปลกใจเช่นกันที่เขาแสดงออกว่าคุ้นหน้าเธอทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนสักคำ

“สวัสดีค่ะ คุณภัทร คุณเชษฐ์ เขมมีเรื่องอยากคุยด้วยค่ะ”


++---tbc---++


A/N: เข็นตอนใหม่ออกมาได้ทันวันคริสต์มาสพอดี ขอถือโอกาสนี้อวยพรวันหยุดปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงให้ทุกคนไปพร้อมๆ กันเลยนะคะ ขอให้ประสบพบเจอแต่เรื่องดีๆ สมหวังทุกเรื่องที่ตั้งใจไว้ค่ะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะค้า

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 25-12-2012 09:51:41
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกโล่งใจไปหน่อย เริ่มหวานๆๆ กันแล้ว กิ้วๆๆๆ  สงสัยคุณเขมนี่คือ ภรรยาธราธรแน่เลย

MERRY CHRISTMAS นะคะ

(http://C:\Users\Administrator\Pictures\wpp\Merry-Christmas.jpg)

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 25-12-2012 10:15:18
จิ้มๆๆๆ 
เขม คือใครกันนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 25-12-2012 10:32:09
กำลังหวานกำลังสุข
แล้วดูเหมือนผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็รับรู้แล้ว และก็น่าจะผ่านได้ด้วยดี
หวังว่า คุณเขมอะไรนี่คงไม่นำเรื่องมาให้นะ

  :L2: :L2:Merry Christmas
And a happy New Year.
  :3123: :3123:ขอให้คุณรินมีความสุข ประสบแต่สิ่งที่ดีงามตอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-12-2012 10:44:11
ชอบตอนนี้  หวานเล็ก ๆ แต่ว่าเขมนี่ใครเหรอ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 25-12-2012 12:09:37
เมีย ธร เราะ???
อั้ยย่ะ จะมาคุยเรื่องอะไรกันนี่
แต่คุณเชษฐ์น่ารักกกก
แกล้งภัทรซะเยอะเลยอ่ะ ^^
อิอิ
รักกันๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-12-2012 19:16:46
ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-12-2012 21:08:22
โล่งอกหน่อย ทุกอย่างแฮปปี้ เหลือแต่เรื่องของนายธรตัวร้ายเนี้ยละม้าง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 25-12-2012 21:58:27
มาอีหรอบนี้ ไม่อยากจะให้ภัทรยอมยกโทษให้ง่ายๆนะคะ ถึงแม้เมียเค้าจะมาหาถึงที่ก็เถอะ...
ถึงธรจะโดนกระทืบปางตายไปวันนั้น แต่คุณเชษฐ์เจ็บกว่า !! ฉะนั้นแฟนคลับขอออกเสียงหนึ่งเสียง
ว่ายอมไม่ได้คะ !! ต้องเอาเรื่องให้ึถึงที่สุด ฮ่าา อย่าไม่ยอม โนว โนว โนว !!!
แหม แต่ภัทรนี่เป็นลูกสะใภ้ที่น่าเอ็นดูจริงๆเลย คุณพ่อคุณแม่ไม่รักยังไหวคะเนี๊ย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 25-12-2012 22:51:47
โอ้วววววววววววว ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ เริ่มหวานนนกันแล้วววววววววว ^^
ขอบคุณสำหรับนิยายนะค๊า แล้วก็ Merry Christmas ค่ะ
รอตอนหน้าน๊า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 25-12-2012 22:52:54
มาต่ออีกไวๆนะจ้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-12-2012 23:26:57
น่ารักอีกแล้ว

จริงๆแล้วคุณเชษฐ์ก็ชอบแกล้งภัทรอยู่แล้วนะ แต่การแกล้งตอนนี้ยิ่งน่ารักไงไม่รู้
(ภัทรเขินสุดๆๆๆ แล้วน่ารักมากกกก...ฮาาาา)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 25-12-2012 23:37:46
คุณเชษฐ์ขี้แกล้งภัทรหนักขึ้นทุกวันเลยนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 27-12-2012 11:13:04
ดัน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 20 P.20 [25/12/12]
เริ่มหัวข้อโดย: DEMON3132 ที่ 27-12-2012 19:45:50
หญิงสาวที่ชื่อเขมคงไม่มาทำให้เกิดเหตุการณ์ดราม่าขึ้นอีกนะ ขนาดคุณพ่อ-คุณแม่คุณเชษฐ์
ยังยอมรับภัทรแล้ว ก็น่าจะทำให้ความรักของคุณเชษฐ์กับภัทรสุขสมหวังได้เสียที รออ่านตอนต่อไป
ส่งกำลังใจให้น้องริน คุณเชษฐ์+ภัทรด้วยค่ะ +1 +เป็ด แทนคำขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-01-2013 22:54:48
ตอนที่ 21.

ท้องฟ้ายามสายขมุกขมัวเนื่องจากพระอาทิตย์ซ่อนอยู่หลังเมฆหนา กระนั้นไอร้อนก็ยังแทรกผ่านกลีบเมฆลงมาอย่างไม่ปรานี สิ่งที่พอจะบรรเทาความร้อนได้บ้างมีเพียงสายลมอ่อนบางที่หอบกลิ่นดอกโมกริมรั้วให้รวยรินมาตามอากาศ

เสียงนกและแมลงในสวนช่วยให้บรรยากาศรอบบ้านทรงไทยสองชั้นไม่วังเวงจนเกินไป บนชานบ้านที่เชื่อมกับบันไดไม้ด้านหลัง ภัทรนั่งเหม่อมองทิวสวนที่อยู่ถัดไปจากลำธารสายเล็กๆ ซึ่งไกลออกไปจะเห็นหลังคาบ้านอื่นในย่านเดียวกันประปราย บางครั้งนัยน์ตาหม่นหมองก็จะทอดมองไปทางลำธารบ้างเพื่อพักสายตาที่เมื่อยล้า

ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ดึงสายตากลับลงมายังพื้นไม้ข้างตัว ตรงนั้นมีซองใส่การ์ดทำจากกระดาษสีเงินเรียบหรูขนาดเท่าฝ่ามือวางอยู่ ประกายของความปวดร้าวฉายผ่านนัยน์ตาโศกวูบหนึ่งขณะดึงการ์ดที่อยู่ด้านในออกคลี่อ่านอีกครั้ง...ซึ่งแม้แต่เขาเองก็คร้านจะนับว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ตั้งแต่ได้รับมา

'ขอเชิญร่วมเป็นเกียรติในพิธีมงคลสมรส ระหว่างนาย ธราธร พรหมพิริยะ และ นางสาวเขมรุจี มิ่งมงคลกุล ในวันที่....'

การ์ดใบนั้นพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีเงินวาวบนกระดาษสีเปลือกไข่ ด้านขวาเป็นรายละเอียดเรื่องวันที่และสถานที่จัดงาน ส่วนด้านซ้ายเป็นรูปถ่ายของคู่บ่าวสาวในสตูดิโอที่มีการจัดองค์ประกอบอย่างดี งานแต่งงานตามวันที่ที่ระบุในการ์ดผ่านมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว แต่เขาก็ยังตัดใจทิ้งการ์ดใบนี้ไม่ลง

ชายหนุ่มสูดน้ำมูกก่อนจะใช้อุ้งมือเช็ดน้ำตาที่ปริ่มบนขอบตา เขารู้ดีว่าการจมจ่อมกับความเศร้าหมองนั้นเป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชสิ้นดี แต่จะให้ทำอย่างไรได้...ธราธรเป็นรักแรก เป็นคนที่เคยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตก้าวไปข้างหน้าเคียงข้างกันหลังจากเรียนจบ โดยหารู้ไม่ว่าความเชื่อมั่นอย่างไร้เดียงสานั้นจะเป็นเหตุให้ต้องเจ็บช้ำใจจนแทบตั้งตัวไม่ติดเช่นนี้

นัยน์ตาหม่นเศร้าทอดมองกลับไปยังทิวทัศน์ด้านหน้า สำหรับคนที่เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อย พี่สาวก็แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่หลายปีก่อน ภัทรพบว่าบ้านของน้าจินและน้าบรรณที่จันทบุรีเป็นสถานที่เดียวที่จะช่วยให้เขาได้ฟื้นฟูจิตใจที่แตกสลาย รวมทั้งได้อยู่ห่างจากผู้คนและสภาพแวดล้อมที่คอยย้ำเตือนให้นึกถึงความหลังครั้งเก่าไม่เลิกรา

บางทีสักวันหนึ่ง...เขาคงจะเรียกความเข้มแข็งคืนมาได้มากพอที่จะกลับไปสู่วิถีชีวิตที่คุ้นเคยกระมัง แต่ในช่วงเวลาที่ใจยังเจ็บเหมือนเลือดยังรินไหลจากปากแผลไม่หยุดนี้...เขาไม่พร้อมจะเสแสร้งสวมหน้ากากว่าตัวเอง ‘ไม่เป็นไร’ ให้ใครดูทั้งนั้น...




ขณะที่ภัทรนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ด้านข้างร้านกาแฟเล็กๆ ในสวนหย่อมของโรงพยาบาล จู่ๆ ความทรงจำของช่วงเวลาที่กลับไปอาศัยในบ้านสวนต่างจังหวัดก็ผุดขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะท้องฟ้าวันนี้ช่างคล้ายกับวันนั้น หรือไม่ก็...เป็นเพราะเขากำลังจะได้พูดคุยกับผู้หญิงที่เคยรู้จักผ่านแต่รูปถ่ายเสียทีก็เป็นได้

"เขมสั่งคาปูชิโนมาให้นะคะ พอดีคุณภัทรบอกว่าอะไรก็ได้ เขมเลยสั่งแบบกลางๆ มาให้"

เสียงที่ดังขึ้นข้างตัวฉุดภัทรกลับมาจากอาการใจลอย เขาเงยหน้ามองหญิงสาวที่วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะให้ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม สีน้ำตาลเข้มในถ้วยของเธอทำให้รู้ว่าคงจะเป็นโกโก้ร้อน

"ได้ครับคุณเขม ขอบคุณครับ"

หญิงสาวส่งยิ้มเบาบางให้ก่อนจะยกถ้วยโกโก้ขึ้นจิบ ภัทรจึงยกกาแฟของตัวเองขึ้นชิมบ้าง กลิ่นหอมและรสละมุนลิ้นของกาแฟผสมนมทำให้จิตใจของเขาสงบลง

"ขอโทษด้วยนะคะที่ดึงตัวมาคุยข้างล่างแบบนี้ คุณภัทรคงอยากอยู่เฝ้าคุณเชษฐ์บนห้องมากกว่า"

ภัทรส่ายหน้าเบาๆ "ไม่เป็นไรครับ อาการของคุณเชษฐ์ดีขึ้นมากแล้ว ถ้าหากเป็นเมื่อวานอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่"

หลังจากเอ่ยประโยคนั้นออกไป ความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วนก็แทรกตัวเข้ามาระหว่างทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างเหลือบมองถ้วยเครื่องดื่มตรงหน้าราวกับนั่นจะช่วยคลายความอึดอัดลงได้

"ดูคุณภัทรไม่ค่อยแปลกใจตอนที่เห็นเขมนะคะ"

เสียงของคู่สนทนาเรียกภัทรให้เหลือบตาขึ้น และพบว่าริมฝีปากของคนพูดหยักขึ้นน้อยๆ ทว่าในแววตากลับราบเรียบจนยากจะเดาว่ากำลังคิดอะไร

"ผมเคยเห็นรูปคุณเขมในการ์ดแต่งงานน่ะครับ อีกอย่าง...กับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น...ก็เลยไม่แปลกใจที่คุณเขมจะมาเยี่ยมคุณเชษฐ์"

เขมรุจีพยักหน้าน้อยๆ ขณะวางถ้วยโกโก้ลงบนจานรอง "ครั้งนี้ธรทำผิดมากจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ติดว่าเพราะเขายังลุกจากเตียงไม่ไหว เขมก็อยากให้มาขอโทษด้วยตัวเองเหมือนกัน"

ก่อนที่จะชวนภัทรมาคุยกันเป็นการส่วนตัว เขมรุจีได้เอ่ยขอโทษเชษฐ์แทนธราธรไปแล้วรอบหนึ่ง โดยอธิบายว่าที่เจ้าตัวมาไม่ได้เพราะกระดูกซี่โครงหักและอวัยวะภายในบอบช้ำ นี่ยังไม่รวมถึงบาดแผลบนใบหน้าที่ถูกต่อยจนบวมปูดและจมูกหัก ภัทรถึงกับอึ้งไปตอนที่ได้รับรู้อาการเหล่านั้น เพราะช่วงที่ผ่านมาเขากังวลที่คุณเชษฐ์ไม่ฟื้นอย่างเดียว จึงลืมไปสนิทว่าธราธรเองก็บาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน

หากจะว่ากันตามตรง เขมรุจีมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะกล่าวหาเชษฐ์ในข้อหาที่ทำร้ายสามีของเธอก่อนด้วยซ้ำ ทว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีคำพูดทำนองนั้นหลุดมาให้ได้ยิน ราวกับยอมรับโดยดุษณีว่าเรื่องทั้งหมดมีสาเหตุจากธราธรคนเดียว

เขมรุจีใช้สองมือโอบถ้วยโกโก้ร้อนบนโต๊ะนิ่งๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยความจริงบางอย่างที่ทำให้ภัทรเลิกคิ้ว

"คุณภัทรอาจจะเพิ่งรู้จักเขมจากการ์ดแต่งงาน แต่เขมรู้จักคุณภัทรตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะคะ"

"เอ๊ะ?"

ภัทรมองคู่สนทนาด้วยแววตางุนงง เพราะเขาจำได้ว่าไม่เคยเห็นหญิงสาวมาก่อนจะได้รับการ์ดแต่งงานแน่ๆ เธอเห็นแววตาของภัทรแล้วมุมปากก็หยักลึกลงอีกนิด
"เรื่องมันซับซ้อนนะคะ ความจริงเขมเรียนมหา'ลัยเดียวกับคุณภัทรนั่นแหละค่ะ เพียงแต่เราอยู่คนละคณะกัน”

"เอ่อ...เดี๋ยวนะครับ แล้วคุณเขมรู้จักผมได้ยังไง?"

ภัทรพยายามทบทวนความทรงจำ แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยของเขาเป็นมหาวิทยาลัยใหญ่ แค่เพื่อนในคณะรุ่นเดียวกันยังจำกันไม่หวาดไม่ไหว นับประสาอะไรกับเด็กที่เรียนอยู่ต่างคณะ

นัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกายขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต เธอยกโกโก้ร้อนขึ้นจิบ แต่เหมือนทำไปเพื่อลดความประหม่าก่อนจะเปิดปากเล่า

"ช่วงที่คุณภัทรคบกับธร รู้หรือเปล่าคะว่าธรเขาก็ยังเที่ยวกะลิ้มกะเหลี่ยใส่คนอื่นไปเรื่อย?"

"...รู้ครับ"

ทำไมจะไม่รู้... เพราะทั้งที่ก็คบกับเขาอยู่แล้วจนเพื่อนในคณะต่างรู้กันดี ธราธรกลับยังชอบหว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นไม่เลือก และเป็นสาเหตุให้เขาน้อยใจอยู่บ่อยๆ แม้จะโดนง้อภายหลังก็ตาม

"ตอนนั้นเพื่อนสนิทของเขมที่ชื่อเอื้อยก็โดนจีบเหมือนกันค่ะ เอื้อยเป็นคนสวยมาก เป็นดาวของคณะด้วย"

ภัทรมุ่นคิ้วเพราะนึกว่าจะได้ยินอีกอย่าง เขมรุจีจึงหัวเราะเบาๆ "ธรเขาไม่ได้สนใจเขมตั้งแต่ต้นหรอกค่ะ แต่พอดีมีเพื่อนของเขมที่อยู่คณะเดียวกับธรมาบอกว่าที่จริงธรมีแฟนแล้วและเป็นผู้ชาย พอเขมไปบอกเอื้อย เอื้อยเขากลับไม่ยอมเชื่อ”

หญิงสาวหยุดสังเกตปฎิกิริยาของภัทรแวบหนึ่งก่อนจะเล่าต่อ

"พอโดนเตือนบ่อยๆ เข้า เอื้อยคงรำคาญเลยหาว่าเขมต่างหากที่แอบชอบธรจนแต่งเรื่องมาโกหก พวกเราทะเลาะกันรุนแรงมาก ...สุดท้ายเขมเลยประชดเพื่อนด้วยการเข้าหาธรเองจริงๆ"

ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้ภัทรหูอื้อ แน่นอนว่าเขารู้เรื่องที่ธราธรชอบไปทำเจ้าชู้ใส่คนอื่นลับหลังเพราะมีเพื่อนฝูงที่เป็นห่วงคอยมาเตือนเป็นประจำ แต่เพราะสุดท้ายเจ้าตัวก็ยังกลับมาหาเขา ทำให้ไม่เคยรู้ว่าในอดีตเคยมีเรื่องราวถึงขั้นนี้

"...ถ้าอย่างนั้น...เหตุผลที่ธรแต่งงานกับคุณเขม?"

เขมรุจีแค่นยิ้มขณะจับปอยผมที่ระบนแก้มขึ้นทัดหู "มันอาจเป็นเวรกรรมของเขมก็ได้ที่ดันไปหลงรักผู้ชายแบบนั้นเข้าจริงๆ จนได้คบกัน เขมบอกธรตั้งแต่แรกว่าเขมรู้เรื่องคุณภัทรอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกให้เขาเลิกเพราะคิดว่าสักวันเขาคงจะรักเขมมากพอที่จะทิ้งคุณภัทรเอง แต่นิสัยธรไม่ใช่คนที่จะปล่อยมือจากอะไรที่คิดว่าเป็นของตัวเองง่ายๆ ...ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่สองปีก่อนพ่อของธรถูกหุ้นส่วนโกงจนธุรกิจแทบจะล่ม เขมเลยใช้โอกาสบอกธรว่าจะขอให้คุณพ่อช่วยใช้หนี้ให้ ถ้าหากธรยอมเลิกกับคุณภัทรและแต่งงานกับเขม”

คำตอบที่ภัทรไม่เคยได้รับจากธราธรมาตลอดสองปีกระจ่างในบัดดล เขาตระหนักได้ทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายจึงจากไปโดยไม่เคยให้คำอธิบายใดๆ นอกจากเพราะธราธรมีชนักปักหลังที่แอบคบเขมรุจีลับหลังเขามาตั้งแต่สมัยเรียน อีกเหตุผลก็เพราะความเย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับว่าต้องแต่งงานเพื่อใช้หนี้นี่เอง

จนแล้วจนรอด...ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยคิดจะยอมรับความผิดของตัวเองและบอกความจริงกับเขาเลยใช่ไหม...

ภัทรรู้สึกราวกับมีคลื่นอารมณ์ที่แยกแยะไม่ได้หมุนวนอยู่ในอก เสียใจ? เขาไม่แน่ใจว่าคำนั้นจะบรรยายความขมเฝื่อนที่กำลังสัมผัสได้ถูกต้องหรือเปล่า หากใช้คำว่า ‘เสียดาย’ อาจจะเหมาะสมมากกว่าในกรณีแบบนี้

...เสียดายความไว้ใจ เสียดายน้ำตาที่เคยหลั่งไหลเพราะความเจ็บช้ำ เสียดายเวลาที่สูญเปล่าไปกับคนที่ไม่ได้คิดจะมั่นคงกับเขาเพียงคนเดียวเลยมาตลอดเวลาหลายปี

เขมรุจีหลุบตาลงพลางใช้มือลูบท้องตัวเองเบาๆ กิริยานั้นดึงสายตาของภัทรให้มองตามโดยไม่ตั้งใจ จึงทำให้สังเกตเห็นเนินนูนเล็กน้อยซึ่งขัดกับรูปร่างประเปรียวตรงบริเวณที่มือเรียวสวยวางอยู่

“คุณเขม...กำลังท้องเหรอครับ?”

หญิงสาวพยักหน้าพลางอมยิ้มน้อยๆ “สามเดือนแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าธรยังไม่รู้... ถึงรู้เขาก็อาจไม่ยอมรับก็ได้ว่าเป็นลูกของตัวเอง ช่วงหลังมานี้เขมช่วยงานคุณพ่อหนักมาก ต้องพบปะสังสรรค์กับลูกค้าตลอดจนธรไม่พอใจ ยิ่งเดือนที่ผ่านมาเรายิ่งระหองระแหงกันจนธรแทบไม่กลับบ้าน”

หนึ่งเดือนที่ผ่านมา...ภัทรโยงเหตุการณ์ได้ทันทีว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พบธราธรอีกครั้งโดยบังเอิญ เท่ากับว่าที่ฝ่ายนั้นพยายามเข้ามาตีสนิทหาใช่เพราะอยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อน แต่เพราะต้องการประชดภรรยาที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องต่างหาก

เขาไม่มั่นใจว่าเผยความรู้สึกใดทางสายตาออกไป เพราะจู่ๆ รอยยิ้มละไมบนหน้าของเขมรุจีก็จางหาย กลายเป็นความเคร่งขรึมซึ่งเข้ามาแทนที่

“...คุณภัทรคะ เขมเข้าใจถ้าหากครอบครัวของคุณเชษฐ์จะอยากแจ้งความดำเนินคดีกับธร แต่ในทางกลับกัน ทางฝ่ายเราก็ฟ้องกลับได้เหมือนกันเพราะธรต่างหากที่ถูกทำร้ายก่อน พยานที่เห็นเหตุการณ์คืนนั้นก็มีเพียงคุณภัทรคนเดียวซึ่งหมายความว่าคุณภัทรอาจพูดเข้าข้างคุณเชษฐ์ก็ได้ เขมพูดแบบนี้ถูกไหมคะ?”

ดูเหมือนหญิงสาวจะตัดสินใจเข้าประเด็นที่ชวนภัทรมาคุยเพียงลำพังแล้ว และน้ำเสียงเป็นการเป็นงานก็ทำให้เขาอึ้งไปนิดหนึ่ง

“คุณเขม...”

“เขมมั่นใจว่าต่อให้เรื่องถึงศาล ธรก็ไม่มีทางให้การตรงกับคุณภัทรและคุณเชษฐ์แน่ๆ ดังนั้นแทนที่จะต้องยื้อเรื่องให้เสียเวลาและสิ้นเปลืองกันทั้งสองฝ่าย เขมขอเสนอให้ยอมความกันดีกว่าค่ะ แน่นอนว่าเขมไม่ได้ขอร้องเรื่องนี้โดยไม่คิดจะชดเชยอะไรให้ เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวของคุณเชษฐ์ทั้งหมดเขมจะรับผิดชอบเอง และถ้าหากต้องการจะเรียกร้องค่าเสียหายอื่นๆ แต่อยู่ในจำนวนที่สมเหตุผล เขมยินดีจ่าย”

ภัทรถึงกับตะลึงในความเด็ดขาดของหญิงสาว เขามองแววตาที่บ่งบอกว่าพร้อมจะทำทุกอย่างให้การเจรจานี้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจ และเริ่มจะตระหนักได้ว่าทำไมธราธรจึงยอมแต่งงานกับเธอ

ความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวที่หญิงสาวมีคือสิ่งที่เขาเคยขาดไป บางทีต่อให้เขมรุจีไม่ใช้เงื่อนไขล้างหนี้มาบีบบังคับเมื่อสองปีก่อน ท้ายที่สุดแล้วธราธรก็ยังอาจเลือกเธอมากกว่าเขาก็ได้

แต่นั่นไม่เกี่ยวกับการเจรจาที่ทั้งสองกำลังตกลงกันในนาทีนี้

“คุณเขมครับ...เรื่องนี้ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจ...”

ภัทรไม่คิดว่าตนจะสามารถโน้มน้าวคุณชาญและคุณเพียงมาศได้ ต่อให้จะเริ่มเห็นจริงตามเหตุผลที่อีกฝ่ายให้มาก็ตาม กระนั้นเธอก็ยังยืนยันเจตนา

“เขมรู้ค่ะว่ายาก แต่เขมอยากขอให้คุณภัทรลองคุยกับคุณเชษฐ์ดู เขมไม่เชื่อว่าคุณเชษฐ์จะไม่เห็นด้วยถ้าหากอธิบายด้วยเหตุผลพวกนี้”

“คุณเขม มันคุ้มแล้วหรือครับที่ทำถึงขนาดนี้เพื่อผู้ชายคนนั้น?”

น้ำเสียงกับใบหน้าของภัทรตึงขึ้น อาจเป็นเพราะเขาไม่หลงเหลือความอาลัยอาวรณ์ในตัวธราธรอีกแล้ว ดังนั้นถึงแม้ผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นคนที่แย่งอดีตคนรักของเขาไป แต่ภัทรกลับรู้สึกโกรธแทนเธอมากกว่าที่ต้องมาออกหน้าขอไกล่เกลี่ยเพื่อผู้ชายที่ไม่คู่ควรจะได้รับการปกป้องเช่นนี้

เขมรุจีชะงัก เธอสบตาภัทรก่อนจะหลุบตาลงมองมือที่วางอยู่บนท้องซึ่งมีชีวิตน้อยๆ อยู่ด้านใน ไหล่บอบบางทั้งคู่สั่นไหวถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามระงับเอาไว้อย่างสุดความสามารถ

"เขาเป็นพ่อของลูก ต่อให้เป็นผู้ชายที่อ่อนแอใช้ไม่ได้ยังไงเขมก็ทนดูเขาเดือดร้อนไม่ได้หรอกค่ะ คุณภัทรคงเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ใช่ไหมคะ?"

ภัทรมองขอบตาแดงก่ำที่มองมาอย่างวิงวอนจากอีกฝั่งของโต๊ะราวกับเขาคือฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยเธอได้ จากนั้นริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากันโดยไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาเป็นเวลานาน


++------++
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-01-2013 22:58:10
กว่าภัทรจะกลับมาบนห้องพักผู้ป่วยอีกครั้งก็สายมากแล้ว เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปก็พบว่ายังไม่มีใครมาเยี่ยม และคนเจ็บยังคงนั่งหลับตาพิงหมอนอยู่ในท่าเดียวกับตอนที่เขาออกจากห้อง

ภัทรปิดประตูอย่างเบามือแล้วเดินผ่านเตียงไปแง้มม่านหน้าต่าง จากมุมนี้จะมองลงไปเห็นสวนหย่อมและร้านกาแฟที่เขาเพิ่งไปนั่งมาได้อย่างชัดเจน แต่ว่าโต๊ะที่ภัทรนั่งเมื่อครู่นั้นตอนนี้มีคู่สามีภรรยาสูงวัยกับหลานชายตัวเล็กๆ มานั่งแทน ส่วนเขมรุจีขอตัวกลับไปหลังจากทั้งคู่คุยธุระเสร็จเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“ถ้าหากคุณภัทรได้ข้อสรุปว่ายังไง บอกเขมด้วยก็แล้วกันนะคะ”

ชายหนุ่มนึกถึงประโยคที่อีกฝ่ายทิ้งท้ายไว้ก่อนจากกัน จากนั้นก็ผ่อนลมหายใจยาวแล้วหันกลับเข้ามาในห้อง ร่างสูงใหญ่บนเตียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ภัทรยืนนิ่งมองใบหน้าคมคายขณะที่เจ้าตัวเอียงหน้ามาทางทิศที่เขายืนอยู่

เขาชอบยามที่ได้มองคุณเชษฐ์ตอนกำลังตื่นนอนเช่นในเวลานี้เหลือเกิน

"คุยธุระกันเสร็จแล้วหรือ?"

คนบนเตียงถามพร้อมกับยิ้มให้น้อยๆ ภัทรจึงยิ้มตอบพลางเดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงและใช้สองมือกุมมือใหญ่ข้างหนึ่งไว้
"เสร็จแล้วครับ คุยกันเสียนานเลย คุณเชษฐ์หิวหรือยังครับ?"

"ยังเลย ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวรอกินตอนที่แม่บ้านเอาข้าวกลางวันมาให้นั่นแหละ"

ภัทรพยักหน้าให้กับคำตอบนั้น และรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังรอให้เล่าเรื่องที่ไปคุยกับเขมรุจีมาให้ฟัง ครู่หนึ่งเขาจึงค่อยเอ่ยขึ้นช้าๆ

"คุณเขม...มาขอร้องให้ยอมความกันโดยไม่ต้องให้เรื่องถึงศาลครับ"

ภัทรช้อนสายตาขึ้นสังเกตคนบนเตียงหลังเอ่ยประโยคนั้นออกไป จึงได้เห็นว่าเชษฐ์กำลังทอดสายตามองมือของทั้งคู่ที่กำลังเกาะกุมกันอยู่

"นึกแล้วเชียว ฉันก็สังหรณ์อยู่แล้วว่าเขาคงเรียกเธอไปคุยเรื่องนี้ แล้วส่วนตัวเธอคิดว่ายังไงล่ะ?"

ภัทรมองตามสายตาของคนถามแล้วก็ส่ายหน้า "ผมตอบไปว่าผมตัดสินใจแทนคุณเชษฐ์ไม่ได้ครับ แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเชษฐ์ก็คงไม่ยอมง่ายๆ ด้วย"

"ภัทร"

มือที่ถูกกำแน่นขึ้นเรียกให้ภัทรสบตากับคนบนเตียง และพบว่านัยน์ตาคมเข้มกำลังจ้องมองตรงมาที่เขา

"ตอนนี้มีเราอยู่กันแค่สองคน บอกความเห็นของเธอมาตามตรงเถอะ ฉันไม่โกรธหรอก"

ภัทรเม้มริมฝีปากแน่น หลังจากพยายามเรียบเรียงคำพูดในใจแล้วจึงยอมเอ่ยปาก

"ผมคิดว่าการยอมความเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนครับ ไม่ใช่เพราะเห็นใจธรหรือคุณเขม แต่ผมไม่อยากให้คุณเชษฐ์ต้องสิ้นเปลืองเวลากับเงินทองไปกับเรื่องนี้ คุณเชษฐ์...ลำบากเพราะผมมาเยอะแล้ว"

มือใหญ่ขยับออกจากการเกาะกุมของภัทรและเลื่อนขึ้นไปวางบนต้นคอ จากนั้นเพียงออกแรงเล็กน้อย คนตัวเล็กกว่าก็เอนลงซบบ่าหนาโดยไม่ขัดขืน

"ฉันไม่เคยคิดว่าทุกอย่างที่ทำไปเป็นเรื่องลำบากนะ เรื่องที่เกิดขึ้นนี่ก็เหมือนกัน ฉันไม่เสียใจที่ทำหมอนั่นบาดเจ็บปางตายขนาดนั้น ต่อให้เกิดเรื่องแบบเดียวกันอีกกี่ครั้งฉันก็จะทำเหมือนเดิม"

"คุณเชษฐ์..."

ภัทรเอียงหน้าขึ้นมองคนข้างกายด้วยแววตาที่บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอย่างไร เชษฐ์จึงกระชับมือบนบ่าผอมแน่นขึ้นแล้วแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากที่มีผมปรกอยู่

"พ่อกับแม่อาจไม่ชอบใจที่ฉันถูกทำร้าย แต่สำหรับฉัน เหตุผลเดียวที่ฉันจะเอาเรื่องก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเธอ ต่อให้หมอนั่นจะเคยคบเธอมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาใช้คำพูดดูถูกเธอเหมือนอย่างในคืนนั้น"

สายธารแห่งความอบอุ่นกำซาบขึ้นในอกจากคำพูดอันอ่อนโยนทว่าหนักแน่นของเจ้าของอ้อมแขน เหตุการณ์เมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมาแจ่มชัดขึ้นในความทรงจำของภัทรอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะคุณเชษฐ์ของเขากลับมาช่วยไว้ทันเวลา ภัทรก็คิดไม่ออกเลยว่าคืนนั้นจะจบลงอย่างไร

ชายหนุ่มมองฝ่ามือของตนที่วางหงายอยู่บนตัก เนื่องจากแผลที่ถูกบาดเริ่มตกสะเก็ดแล้วจึงไม่จำเป็นต้องพันผ้าพันแผลอีก นัยน์ตาเรียวหลุบลงมองแผลนั้นนิ่งขณะคิดถึงบทสนทนากับเขมรุจี สิ่งที่เธอบอกเขาว่าเต็มใจจะทำเพื่อปกป้องธราธร กับคำพูดของคุณเชษฐ์ที่ว่าจะปกป้องเขาไม่ว่าจะเกิดผลอะไรตามมา...เท่ากับคนทั้งคู่หาได้ต่างกันเลยใช่หรือไม่...

"คุณเชษฐ์ครับ ผมอยากเล่าเรื่องที่คุยกับคุณเขมให้ฟังครับ"

ภัทรเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมเข้มที่อยู่ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ เชษฐ์สบตาเขาแล้วก็พยักหน้า ภัทรจึงเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้รับรู้จากเขมรุจี ทั้งความหลังตั้งแต่ครั้งเป็นนักศึกษาที่ยังคบกับธราธร เรื่องที่ฝ่ายนั้นไปเกาะแกะกับเพื่อนของเขมรุจีจนเป็นเหตุให้หญิงสาวเข้ามาพัวพัน และสุดท้ายก็แย่งธราธรไปด้วยเงื่อนไขที่เจ้าตัวไม่อาจปฏิเสธ เรื่องที่ภัทรลาออกจากงานเก่าไปอยู่บ้านน้าที่ต่างจังหวัดเพื่อทำใจ กระทั่งถึงข้อเสนอที่เขมรุจีมอบให้เขาเมื่อเช้าเพื่อจะได้ไม่ต้องให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต

เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด เชษฐ์ก็ระบายลมหายใจยาวพลางกอดไหล่ของภัทรแน่นเข้าโดยไม่พูดอะไร อึดใจใหญ่กว่าที่คนบนเตียงจะทำลายความเงียบงัน

"ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าใจคำขอของเขาหรอกนะ"

...คุณภัทรคงเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ใช่ไหมคะ?... ภัทรนึกถึงคำพูดประโยคนั้นพลางพยักหน้า เพราะถ้าหากคุณเชษฐ์คือคนที่เขาต้องปกป้อง เขาก็คงไม่ลังเลที่จะบากหน้าไปขอร้องคู่กรณีเช่นเดียวกับที่หญิงสาวทำ

"อาจจะฟังแล้วแปลกๆ นะครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมเป็นหนี้บุญคุณเธอ เพราะถ้าหากคุณเขมไม่ได้แย่งธรไปตอนนั้น ทุกวันนี้ผมก็คง...ยังไม่ได้เจอกับคุณเชษฐ์"

แล้วก็คงไม่ได้สัมผัสกับความสุขอย่างที่ได้พบอยู่ในวันนี้

...โชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่แปรปรวนได้ง่ายเหลือเกิน ขอเพียงเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายเพียงเล็กน้อย ผลที่ตามมาก็กลับตาลปัตรไปจากที่เคยวางแผนไว้จนหมดสิ้น ทว่าเมื่อมองย้อนกลับไป ภัทรกลับรู้สึกว่าโชคชะตาช่างปรานีที่ให้เขาได้รับประสบการณ์รักแรกอันแสนเจ็บปวด เพื่อที่จะได้เป็นบทเรียนก่อนมาพบกับรางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่กว่าซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าในตอนนี้

"ถ้าหากผมขอให้ทำตามคำขอของคุณเขมสักครั้ง คุณเชษฐ์จะโกรธไหมครับ?"

สายตาสองคู่สบประสานโดยที่ภัทรกุมมือใหญ่อบอุ่นเอาไว้ เขาไม่ได้ต้องการจะเล่นบทคนดีเพื่อสร้างภาพให้อีกฝ่ายประทับใจ เพียงแต่ครั้งนี้เท่านั้น....เขาอยากให้เขมรุจีได้รับในสิ่งที่อุตส่าห์บากบั่นมาเจรจาด้วยตัวเอง เพื่อที่ต่อไปพวกเขาจะไม่ต้องหลงเหลือหนี้บุญคุณติดค้างกันอีก และภัทรจะได้ตัดขาดจากอดีตที่ผ่านมาเพื่อเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงเสียที

มือใหญ่ยกขึ้นแนบแก้มของภัทรแผ่วเบาขณะที่นัยน์ตาคมเข้มมองสบกับนัยน์ตาเรียวแน่วนิ่ง เสมือนหนึ่งว่าอยากมองให้เห็นลึกไปถึงความคิดข้างในใจ จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็ก้มลงแนบหน้าผากกับหน้าผากเนียนช้าๆ จนต่างมองเห็นเงาของกันและกันในแววตาของอีกฝ่าย

ลมหายใจอุ่นจากปลายจมูกของทั้งสองคละเคล้าเป็นหนึ่งเดียว ภัทรบีบมือที่ประคองไว้แน่นขึ้นราวจะยืนยันกับผู้สูงวัยกว่าว่านี่คือสิ่งที่ต้องการ เชษฐ์จึงค่อยเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปแนบบนปลายจมูกของเขา

"เอาเถอะ ถือว่าฉันก็ฝากบทเรียนให้หมอนั่นไปพอสมควรเหมือนกัน ถ้าเล่าอาการของทางนั้นให้พ่อกับแม่ฟังก็คงขอให้ตัดใจเรื่องจะเอาความไม่ยากนักหรอก"

"ขอบคุณมากครับคุณเชษฐ์"

ภัทรเอ่ยพลางโอบแขนไปรอบเอวของคนบนเตียงแล้วเอนลงพิงอกกว้าง เชษฐ์ยกมือขึ้นลูบไหล่ของเขาก่อนจะระบายลมหายใจยาว ภัทรไม่แน่ใจว่านั่นเป็นการแสดงออกว่าสบายใจหรือว่าระอาใจกับคำขอของเขากันแน่ จึงเงยหน้าขึ้นหอมแก้มที่สากเพราะไรเคราพร้อมกับกระซิบริมหู

"ผมรักคุณเชษฐ์นะครับ"

นัยน์ตาคมเป็นประกายระยับเมื่อถูกออดอ้อน แววตากรุ้มกริ่มที่จ้องมองในระยะใกล้ทำให้ภัทรเริ่มรู้สึกเขิน ทว่าก็ไม่ได้อิดออดเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นแนบลงประทับบนริมฝีปากตัวเอง

"ถ้าหากตามใจเธอแล้วได้รางวัลแบบนี้บ่อยๆ ฉันก็ยอมนะ"

เสียงเคาะประตูทำให้ภัทรรีบดึงตัวออกจากอ้อมแขนอุ่นทันเวลาที่แม่บ้านนำอาหารกลางวันเข้ามาให้ เขาหันไปกล่าวขอบคุณก่อนจะเลื่อนโต๊ะทานอาหารสำหรับผู้ป่วยมาให้คนบนเตียง ผิวแก้มเกลี้ยงเกลายังมีริ้วสีแดงอ่อนแตะแต้มจางๆ ขณะเอ่ยแก้เก้อ

"ถ้าคุณเชษฐ์ต้องเจ็บตัวก่อนถึงจะได้ตามใจผม ผมก็ไม่เอาหรอกครับ"

ภัทรเอ่ยพลางเปิดฝาพลาสติกที่ปิดทับอาหารแต่ละอย่างให้แล้ววางไว้ข้างๆ เชษฐ์จึงหลิ่วตาให้กับคนที่กำลังพยายามหลบสายตาของตนอย่างหยอกเย้า

"ถ้างั้นก็ไม่ต้องรอให้ตามใจก่อนถึงค่อยให้รางวัลสิ ถ้าแบบนั้นจะให้รางวัลตอนไหนก็ได้จริงไหม?"

ร่างสูงเพรียวเม้มปาก นึกอยากพูดอะไรกลับให้อีกฝ่ายหยุดแซวกันเสียที แต่พอเหลือบเห็นนัยน์ตาอ่อนโยนซึ่งเปี่ยมไปด้วยความในใจที่ทอดมองมา ใจก็อ่อนยวบราวกับขี้ผึ้งถูกไฟลน

ก็ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้หรือ...ที่เขาตั้งใจจะฝากชีวิตและหัวใจให้นับตั้งแต่วันที่รู้ตัวว่ารักไปแล้ว...

"ขอผมไปล้างมือก่อนแล้วกันนะครับ เดี๋ยวจะออกมาป้อนข้าวให้"

ภัทรเอ่ยพลางรีบเดินเร็วๆ ไปทางห้องน้ำ แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมา กระแสความอ่อนหวานจากน้ำเสียงแจ่มใสนั้นรินรดไปทั้งใจจนภัทรรู้สึกเหมือนเดินไม่ติดพื้น ถึงแม้ไม่มีอะไรมาเป็นหลักประกันให้จับต้องได้ แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตได้ผ่านพ้นไปแล้ว และหลังจากนี้จะมีเพียงความสุขเท่านั้นที่รออยู่ข้างหน้า

เพราะว่าคนที่จะคอยจับจูงมือเขาตลอดเส้นทางสู่อนาคตไปด้วยกัน คือผู้ชายที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความสุขให้แก่เขาคนนี้นี่เอง...



++--- TBC ---++


A/N: เป็นตอนที่เหมือนจะไม่มีอะไร ค่อนข้างเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ความเรื่อยนี่แหละที่ทำให้ใช้เวลาถึงสองอาทิตย์ในการเขียน เพราะสังหรณ์ว่าถ้าเรียบเรียงไม่ดีคงจะมีคนขัดใจกันเยอะเชียว ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้รอตอนใหม่กันเสียนานเลยนะคะ ใครที่ยังกังวลกับอาการของคุณเชษฐ์ก็คงหายห่วงได้เสียที หลังจากนี้ก็น่าจะใกล้จบเต็มทีแล้ว ก็ขอให้ติดตามกันไปจนจบและรออุดหนุนเมื่อได้ทำรวมเล่มด้วยนะ ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้าค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 15-01-2013 23:09:27
หวานอ่ะ  รอรวมเล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 15-01-2013 23:16:29
อยากได้ผู้ชายแบบคุณเชษฐ์จัง หาได้ที่ไหนนิ >/////<

((คุณรินตอบกลับทันทีว่า จากในนิยายดิฉันไงคะ อิอิ))
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-01-2013 23:32:14
อยากได้ผู้ชายแบบคุณเชษฐ์จัง หาได้ที่ไหนนิ >/////<

((คุณรินตอบกลับทันทีว่า จากในนิยายดิฉันไงคะ อิอิ))

^
^
แม่นค่ะคุณเกด 55555
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 15-01-2013 23:49:31
คุณเชษฐ์แบบโคตรซุปเปอร์กู๊ดแมน55555555555
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 18-01-2013 21:26:41
โอ๊ยยย  หวานเบาๆ หึ สมน้ำหน้าธร แต่ก็สงสารเกดนะ มีแฟนไม่ได้เรื่องแบบนี้
ส่วนภัทรก็โชคดีที่มีคุณเชษฐ์ที่แสนอบอุ่น แอร๊ยย อิจฉาา
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 18-01-2013 21:48:05
น่าเห็นใจคุณเขมนะ ได้ผู้ชายแบบนี้มาเป็นสามี แถมยังกำลังจะเป็นพ่อของลูกอีก เฮ้ออออ

ผู้ชายแบบคุณเชษฐ์ น่าจะทำโคลนนิ่งออกมาเยอะๆ อะ อบอุ่นมากๆๆๆ ว่าแต่พอหายดีแล้วคุณรินจะเตะโด่งพระเอกของเราไปเวียดนามอีกเปล่าเนี่ย เริ่มระแวงล่ะ  :o11:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 20-01-2013 00:50:46
อยากได้ผู้ชายแบบคุณเชษฐ์เหมือนกันนะเนี่ย รักกันนานๆน๊า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 20-01-2013 09:34:22
หวานละมุนๆๆๆ น่ารัก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 20-01-2013 10:03:30
กรี๊ดดดดดด
น่ารักอ่ะ
ฮือออ ชอบที่คุณเชษฐ์บอกอยากตามใจบ่อยๆ
คิคิ ตามใจเลยๆๆๆๆ

ขอให้ธรรู้สึกรักลูกที่จะเกิดมาบ้างนะ อะไรๆ จะได้ดีดี
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 20-01-2013 14:27:53
 ดีเเล้วภัทรที่เลิกกับธรไม่งั้นไม่เจอคุณเชษฐ์หรอกเนอะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-01-2013 21:52:30
ดัน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 22-01-2013 00:00:58
คุณรินจะบอกว่าตอนนี้ "...เป็นตอนที่เหมือนจะไม่มีอะไร ค่อนข้างเรียบๆ เรื่อยๆ..."
ไม่ใช่นะคะ คุณเชษฐ์กับภัทรน่ะ ออกจะหวานและอบอุ่นนะคะ
ส่วนนายธรน่ะ ไม่อยากพูดถึงให้เสียอารมณ์
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 22-01-2013 01:42:48
 :man1:  :impress2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 22-01-2013 10:59:57
ตามอ่านมาค่ะราวสามตอนเอ้ะหรือสี่ 55555
สงสารภัทรโดนทำร้ายจิตใจจากคนรักเก่าแล้วยังต้องมาเห็นคนที่รักโดนทำร้ายอีก
กว่าจะรุ้สึกตัวตามลุ้นแทบแย่
ภัทรไม่ปากแข็งละเนอะ คุณเชษฐ์ได้ที่ก็กรุ้มกริ่มใหญ่เลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 22-01-2013 22:48:41
ขอบคุณนะคุณริน ที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นอีกนิด
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 22-01-2013 23:33:28
เรื่องก้ค่อยๆเปืดเผยออกมา ภัทรโชคดีมากที่หลุกจากแฟนเก่าโรคจิตมาได้ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ELMI ELMA ที่ 27-01-2013 19:51:37
ชอบคุณเชษฐ์มากเลยอดทนสุดๆ อดทนรอฟังคำว่ารักจากภัทรที่ออกมาจากความรู้สึกของภัทรจริงๆ ถึงภัทรจะปากหนัก คิดเล็กคิดน้อย แต่ยังไงกลับสิ่งที่คุณเชษฐ์ทำ  เขาก็ทำเพื่อที่จะให้ภัทรรักเขา แล้วก็รักได้จริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 31-01-2013 21:41:04
ดันๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 23-02-2013 22:03:05
รอๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 24-02-2013 00:01:29
เฮ้อ ตามอ่านรวดเดียวจนจบ  รักคนแต่งเพราะ
แต่งละประโยค มันช่างมีความหมาย สื่อให้เข้าใจ
พัฒนาการทางการคิดของคุณเชษฐ์และภัทร  เป็นนักเขียน
เขียนนิยายช่างยากยิ่งจริง จริ้ง   ไม่ส่งสัยเลยว่าทำไมแต่ละ
ตอนถึงต้องรอเป็นเดือน ๆ  (เอะ งง)  ขอบคุณค่ะ คุณ​ BB
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 03-03-2013 14:36:43
เพิ่งได้อ่าน สนุกจังคะ ^ ^
แต่บางทีอดหงุดหงิดกับนิสัยภัทรที่อ่อนไหวไปหน่อย
แล้วพอยิ่งได้อ่านตอนล่าสุด
เจอคนแบบ "คุณเขม" ผู้หญิงที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว
เราก็อดที่ถูกใจผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้เลยคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: j_world ที่ 03-03-2013 18:46:29
ชอบอ้ะ ตัวละครมีมิติมาก ถ้าเราเป็น เขม และภัทร..เราจะตัดสินใจยังไง
เขม เป็นผู้หญิงที่ตัดสินใจเด็ดขาดมาก..ไม่น่าได้ไอ่ธรเป็นแฟนเลย
ชอบค่ะ  ที่ภัทรบอกรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขม ที่แย่งธรไป  ไม่งั้นภัทรก็คงไม่ได้เจอคุณเชษฐ์

ยกนิ้วให้คนเขียน.ยอดเยี่ยมค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ✿PIERRE ที่ 07-03-2013 04:57:12
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ ชอบมากกกกกกกกกกกกกก

หลงรักภัทร คุณเชษฏ์ >__<

น่ารักในแบบผู้ใหญ่มากๆค่ะ

หลงรักเรื่องนี้เลย :L1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 21 P.20 [15/01/13]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 11-03-2013 14:08:39
เฮ้ เฮ้ เฮ้  มานั่งรอ นอนรอ เรื่องนี้อะ  :z13:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-03-2013 17:48:25
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนที่ 22

อาการของเชษฐ์ดีขึ้นเป็นลำดับหลังได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งจากแพทย์และคนใกล้ตัว ในเวลาหนึ่งสัปดาห์ แพทย์เจ้าของไข้ก็อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้ แต่ยังกำชับห้ามไม่ให้ทำงานหนักและยังต้องมาโรงพยาบาลตามนัดอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจเช็คอาการ

คนที่ดีใจที่สุดที่คนเจ็บได้ออกจากโรงพยาบาล นอกจากภัทรแล้วก็ไม่พ้นคุณชาญกับคุณเพียงมาศ รวมทั้งคนอื่นๆ ที่รับรู้เหตุการณ์และต่างหมุนเวียนกันมาเยี่ยม แต่เพราะคุณปรีชาแนะนำให้ปิดเรื่องที่เกิดขึ้นเอาไว้เพื่อชื่อเสียงของทุกฝ่าย ทำให้คนที่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่คุณผู้จัดการโปรเจ็กต์ต้องนอนโรงพยาบาลมีเพียงหยิบมือเท่านั้น

ในช่วงบ่ายของวันสุดท้ายที่อยู่โรงพยาบาล หลังจากทานมื้อเที่ยงแล้วเชษฐ์ก็ไปเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเจ้าตัวเดินกลับออกมาอีกครั้งในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์ ภัทรที่กำลังเก็บข้าวของลงกระเป๋าก็ยิ้มพร้อมกับความรู้สึกเบาโล่งในใจ

ในที่สุดก็ไม่ต้องเห็นคุณเชษฐ์ในชุดคนป่วยเสียที...

ร่างสูงใหญ่ม้วนแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นถึงข้อศอกโดยปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกง บนสันกรามและปลายคางมีแถบไรเคราเป็นปื้นสีเขียวจาง ส่วนแว่นก็ได้ให้คนขับรถที่บริษัทเอาแว่นสำรองที่เจ้าตัวเก็บไว้ที่ห้องประจำตำแหน่งมาส่งให้ตั้งแต่วันก่อน ดังนั้นหากไม่นับเรื่องผมที่ถูกโกนออกไปจนหมดตอนผ่าตัด โดยรวมแล้วเชษฐ์ก็ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลมาเป็นสัปดาห์สักนิด

"ได้กลับบ้านสักทีนะครับคุณเชษฐ์"

ภัทรเอ่ยขณะหยิบข้าวของใส่กระเป๋า เชษฐ์จึงยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปใกล้คนที่กำลังยืนเก็บของอยู่ที่มุมห้อง จากนั้นก็ยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยผมสีดำสนิทที่เริ่มยาวลงมาระต้นคอด้านหลังให้

"ขอโทษนะ เลยทำให้เธอต้องลำบากมาคอยเฝ้า"

"ไม่หรอกครับ ถ้าผมไม่ได้มาเฝ้าเองสิ จะไม่สบายใจมากกว่านี้"

ภัทรเอ่ยก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองแผลบนศีรษะของเชษฐ์ ผมที่ถูกโกนออกไปตั้งแต่ตอนผ่าตัดเอาเลือดคั่งออกทำให้เห็นรอยแผลที่ด้านหลังหูค่อนข้างชัดเจน ถึงแม้หมอจะเคยบอกไว้ว่าเมื่อผมยาวขึ้นเมื่อไหร่ก็จะปิดรอยแผลเป็นได้หมดก็ตาม แต่เขาก็คงไม่มีวันลืมได้แน่ว่าที่อีกฝ่ายได้แผลนี้มาก็เพราะช่วยปกป้องเขา

"ดูแล้วแปลกๆ สินะ เขินหรือเปล่าที่มีแฟนหัวโล้น?"

เชษฐ์สังเกตเห็นแววตาของภัทร จึงช้อนมือข้างหนึ่งมากุมแล้วแกล้งถามเพื่อดูปฏิกิริยา และก็ได้ผลเมื่อคนถูกถามทำตาโต

"คุณเชษฐ์! ผมไม่ได้ชอบคุณเชษฐ์ที่หน้าตานะครับ!”

หน้าตาเหลอหลาของคนพูดทำให้ร่างสูงใหญ่หัวเราะออกมาได้ อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างที่ผอมเพราะนอนและพักผ่อนน้อยตั้งแต่เขาเข้าโรงพยาบาลเข้ามาในอ้อมอก กลิ่นกายอ่อนๆ ที่รวยรินเข้าจมูกจุดรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนจะก้มลงสูดกลิ่นนั้นให้เต็มรัก

ใช่ว่ามีแต่คนเจ็บที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเสียเมื่อไหร่ ในเมื่อคนที่คอยเฝ้าคนเจ็บเองก็สมควรได้รับการเอาใจใส่ไม่น้อยไปกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ค่อยชอบเรียกร้องความสนใจให้ตัวเองคนนี้

"ฉันรู้ ฉันแค่แหย่เธอเล่นเท่านั้นแหละ"

ริมฝีปากของคนพูดขยับไปมาอยู่แถวต้นคอด้านข้าง ลมหายใจอุ่นที่กระทบผิวทำให้ภัทรขนลุก แต่ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นจากสัมผัสนั้นหาใช่ความรังเกียจ ตรงกันข้าม...มันทำให้จั๊กจี้ในแบบที่...ปลุกเร้าความวาบหวิวเสียมากกว่า

ภัทรรู้สึกถึงไอร้อนที่วูบวาบขึ้นบนผิวหน้า แต่ก็ทำได้เพียงบังคับร่างกายให้อยู่นิ่งในอ้อมแขนที่โอบรัด เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่านับตั้งแต่เชษฐ์กลับมาและตนได้คอยดูแลอยู่เคียงข้างทุกวัน ไออุ่นและสัมผัสอันอ่อนโยนก็ทำให้เขาเสพติดสิ่งเหล่านี้จากอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที

ถ้าหากอาการดีขึ้นแล้วแบบนี้...คุณเชษฐ์จะยังต้องไปประจำที่เวียดนามอยู่หรือเปล่านะ...

จู่ๆ หัวใจของภัทรก็ถูกความกังวลอันไร้รูปร่างแผ่เข้ากดทับ ยิ่งตอนนี้ได้ประจักษ์แล้วว่าครอบครัวของคุณเชษฐ์กับคุณปรีชาสนิทสนมกันมากเพียงใด เขาก็ยิ่งตระหนักว่าโอกาสที่คุณเชษฐ์จะได้รับการสนับสนุนให้ไปดูแลสำนักงานใหม่ก็คงมีแนวโน้มสูงตามไปด้วยอย่างไร้ข้อกังขา

ถึงแม้ระยะห่างระหว่างสองประเทศจะไม่ได้ใช้เวลาเดินทางมาก แต่เมื่อคิดไปว่าทั้งสองจะได้พบกันเพียงนานๆ ทีเหมือนตอนนี้และเพียงครั้งละไม่กี่วัน เขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจหดเล็กราวได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอเสียแล้ว

นี่เขากลายเป็นคนอ่อนแอและโหยหาความอบอุ่นมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

“ภัทร มีอะไรหรือเปล่า?”

ความเงียบของคนในอ้อมแขนดูจะส่งสัญญาณถึงร่างสูงที่กำลังแนบชิด ความห่วงใยที่ถ่ายทอดออกมาช่วยบรรเทาความหนาวเหน็บในใจของภัทรขณะเงยหน้าขึ้นสบตากับคนถามได้บ้าง

ถ้าหากอยากรู้คำตอบของเรื่องนี้...เขามีสิทธิ์ที่จะถามใช่ไหมนะ...

“คุณเชษฐ์ครับ....”

"เก็บข้าวเก็บของกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? บวรณ์มารอรับอยู่ข้างล่างแน่ะ"

ภัทรถูกขัดจังหวะเมื่อคุณชาญผลักประตูเข้ามาในห้อง ผู้สูงวัยชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นลูกชายยืนกอดกับ ‘คนรัก’ อยู่ ฝ่ายเชษฐ์ไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือมีท่าทีจะปล่อยมือแม้ว่าจะเห็นสีหน้าของบิดาอย่างชัดเจน กลับเป็นภัทรเสียอีกที่กระดากจนต้องถอยออกจากอ้อมแขนอุ่นแล้วไปยืนจัดกระเป๋าต่อ

“พร้อมแล้วครับ แล้วคุณปรีชาไม่ได้มาด้วยเหรอครับ?” เชษฐ์ถามพลางหยิบหมวกปีกแคบทรงไอวี่มาสวมเพื่อบังรอยแผล บิดาจึงส่ายหน้า

“เปล่า เห็นว่างานยุ่งเลยให้ยืมคนขับรถส่วนตัวมาเฉยๆ มีของอะไรจะให้พ่อช่วยถือมั้ย?”

ในเมื่อลูกชายไม่แสดงท่าทีเก้อเขิน คนเป็นพ่อก็ได้แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับภาพเมื่อครู่ เชษฐ์เหลือบไปเห็นภัทรซึ่งจัดของเสร็จแล้วและกำลังถือทั้งกระเป๋าของเขาและของตัวเองไว้เต็มสองมือ จึงหยิบกระเป๋าของตนซึ่งใบเล็กกว่าส่งให้ผู้เป็นพ่อ และรับกระเป๋าของภัทรมาถือให้

“รบกวนด้วยนะครับพ่อ”

แววตาอ่อนโยนที่เชษฐ์ส่งให้คนข้างกายซึ่งบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีให้ ทำให้ผู้สูงวัยได้แต่ถอนหายใจ และนึกไปถึงวันแรกที่เดินทางไกลมาจากต่างประเทศกับภรรยาเพื่อเยี่ยมลูกชายคนเล็ก ภาพที่ผู้สูงวัยทั้งสองได้เห็นหลังเปิดประตูห้องเข้ามาวันนั้นก็คือคนเจ็บซึ่งกำลังนอนกอดชายหนุ่มแปลกหน้าอยู่บนเตียง เมื่อลูกชายรู้สึกตัวตื่นมาเห็นพวกเขา  ก็ไม่ได้แสดงท่าทีลนลานหรือตกอกตกใจ เพียงแต่ส่งสัญญาณว่าให้คุยกันเบาๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนหลับ และเมื่อถูกมองด้วยแววตาสอบถามว่าคนข้างกายเป็นใคร ก็ได้คำตอบมาอย่างไม่ลังเลว่าเป็น ‘คนรักของผม’

ตอนนั้นเขากับภรรยาได้แต่สบตากัน ครั้นจะละลาบละล้วงต่อก็เกรงใจพี่สาวกับหลานสาวของภัทรซึ่งมาถึงก่อนและนั่งอยู่ในห้องด้วย โชคดีที่แพนอ่านสถานการณ์ออก จึงได้จูงมายูมิออกไปนอกห้องเพื่อให้พ่อแม่ลูกได้คุยกันตามลำพังอย่างที่ต้องการ

“ที่บอกพ่อกับแม่เมื่อกี้ แน่ใจแล้วเหรอเชษฐ์ว่าจริงจังกับเด็กคนนี้?”

ตอนนั้นภรรยาของเขาเป็นคนถาม แม้จะด้วยท่าทางที่ปลงและยอมรับไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะรู้ดีว่าลูกชายไม่ใช่คนโลเลหรือชอบล้อเล่นในเรื่องสำคัญ

คนเจ็บไม่ได้ตอบรับในทันที เพียงแต่ปรายตาลงมองคนที่นอนตะแคงหลับสนิทอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันกลับมาสบตาพวกเขาอย่างแน่วแน่

“ผมไม่เคยบอกอะไรพ่อกับแม่ถ้าหากไม่มั่นใจหรอกครับ”

เมื่อได้คำตอบเด็ดเดี่ยวเช่นนั้น คุณชาญกับคุณเพียงมาศก็ได้แต่ต้องยอมรับการตัดสินใจของลูกชาย เพราะรู้ดีว่าหากเจ้าตัวออกปากมาแล้ว ใครก็เปลี่ยนความคิดไม่ได้ และก็เพราะรู้จักนิสัยลูกชายดีอีกนั่นแหละ คุณชาญจึงมั่นใจว่าเชษฐ์คงไม่ได้เล่าบทสนทนาของพวกเขาในบ่ายวันนั้นให้ภัทรฟังแน่

“ไม่เป็นไร ข้าวของส่วนใหญ่ของแกส่งกลับบ้านไปแล้วนี่นา”  

คุณชาญเอ่ยพลางเปิดประตูห้องผู้ป่วยออกกว้าง คุณเพียงมาศที่ยืนรออยู่ยิ้มให้ทั้งสามก่อนจะเข้ามาคล้องแขนลูกชายขณะเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกันโดยมีภัทรรั้งท้าย

“ไม่เจ็บตรงไหนแล้วใช่ไหมเชษฐ์?”

“ไม่มีแล้วครับแม่ สบายดีทุกอย่าง”

นอกจากแผลบนศีรษะแล้ว ร่างกายส่วนอื่นของคนพูดไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แม้แต่นิดเดียว คุณเพียงมาศกวาดสายตาขึ้นลงแล้วก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “งั้นก็ดีแล้วจ้ะ พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะได้บินกลับได้แบบหมดห่วง หลังจากนั้นก็คงต้องฝากภัทรดูแลตาเชษฐ์ต่อให้ด้วยนะลูก”

ท้ายประโยคผู้สูงวัยหันมาเอ่ยพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน ภัทรจึงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

"เอ๋? พรุ่งนี้จะบินกลับแล้วเหรอครับ?"

"นั่นสิ พ่อไม่เห็นบอกผมเลยว่าพรุ่งนี้จะกลับกันแล้ว"

เชษฐ์เองก็แปลกใจไม่แพ้กัน คุณชาญที่เดินนำอยู่จึงหันมาอธิบาย

"พอดีตาชินโทรมาบอกว่าร้านที่จะเปิดสาขาเพิ่มมีปัญหานิดหน่อยอยากให้ไปช่วยกันดู แต่ก็ฝากบอกมานะว่าเสียดายที่ปลีกตัวมาเยี่ยมน้องชายไม่ได้เหมือนกัน"

"ไว้วันหลังผมจะพาภัทรไปเยี่ยมที่โน่นก็แล้วกันครับ"

เชษฐ์เอ่ยพลางเหลียวกลับมายิ้มให้ภัทร ภัทรจึงยิ้มอ่อนๆ ตอบ

ทั้งสี่เดินไปถึงรถมินิแวนที่จอดรออยู่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล บวรณ์ซึ่งเป็นคนขับรถประจำตัวของคุณปรีชาและถูกส่งตัวมาช่วยดูแลความสะดวกในวันนี้คุ้นหน้าเชษฐ์และภัทรดีเพราะต้องขับรถไปรับส่งเจ้านายที่บริษัทบ่อยๆ หลังจากเก็บกระเป๋าไว้ท้ายรถแล้วชายวัยกลางคนก็ขับรถพาทุกคนไปยังบ้านของเชษฐ์อย่างคล่องแคล่ว

การจราจรที่ค่อนข้างโล่งในยามบ่ายทำให้ถึงที่หมายในเวลาไม่นาน เมื่อได้ยินเสียงแตรรถที่หน้ารั้ว ป้าแย้มซึ่งรอในบ้านอยู่แล้วก็กระวีกระวาดมาเลื่อนเปิดประตูให้ พอเห็นเชษฐ์ลงจากรถก็รีบโผเข้าไปหาทันที

"โถพ่อคุณ เป็นอะไรมากไหมคะ ป้าตกใจหมดเลยวันที่คุณภัทรโทรมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น"

เชษฐ์ยิ้มให้ผู้สูงวัยที่ช่วยดูแลงานในบ้านมาหลายปีก่อนจะบีบมือแรงๆ เพื่อให้รู้ว่าตนสบายดี "ไม่เป็นอะไรแล้วครับป้าแย้ม ขอโทษด้วยที่ทำให้เป็นห่วง เลยต้องให้ช่วยมาเฝ้าบ้านเสียหลายวันเลย"

“อู้ย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เห็นคุณเชษฐ์กลับมาได้ก็ดีใจแล้ว นี่ดีนะว่าคุณภัทรคอยโทรมาบอกป้าว่าคุณเชษฐ์เป็นยังไงบ้าง ไม่งั้นถ้าป้าไปเยี่ยมเองตั้งแต่แรกคงได้เป็นลมเป็นแล้งไปแน่ๆ”

ป้าแย้มเอ่ยอย่างดีใจขณะเดินนำกลับเข้าไปในบ้าน ฝ่ายเชษฐ์เพียงแต่ยิ้มขณะปรายตามองคนที่ถูกเอ่ยถึง

ภัทรคงจะทำไปโดยไม่รู้ตัว แต่ทีละเล็กละน้อย เจ้าตัวเริ่มกล้าจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขามากขึ้น ซึ่งเชษฐ์มั่นใจว่าคุณชาญและคุณเพียงมาศก็คงรับรู้ได้เช่นกัน แม้ว่าจะเพิ่งได้ทำความคุ้นเคยกับภัทรเพียงไม่กี่วันก็ตาม

“ป้าจัดห้องคุณเชษฐ์ไว้ให้พร้อมแล้วล่ะค่ะ คุณภัทรก็จะค้างที่นี่ด้วยใช่ไหมคะ?”

ป้าแย้มหันมาถามหลังจากทุกคนเข้ามานั่งพักผ่อนในบ้านแล้ว ภัทรจึงนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้กลับไปที่คอนโดเลยตั้งแต่ก่อนวันที่เชษฐ์จะบินกลับมาจากเวียดนามเสียอีกเพราะแพนไม่ยอมให้อยู่คนเดียว ทำให้เริ่มกังวลและคิดว่าควรต้องกลับไปดูห้องสักครั้ง

“เอ่อ...ผมคงไม่...”

“ค้างครับป้าแย้ม นอนห้องผมเหมือนทุกทีนั่นแหละ ไม่ต้องลำบากจัดห้องเพิ่มนะครับ”

เจ้าของบ้านชิงเอ่ยตัดหน้าก่อนที่ภัทรจะพูดจบ ภัทรจึงรู้สึกว่าหน้าเห่อร้อนขึ้นเมื่อเห็นคุณชาญกับคุณเพียงมาศลอบแลกเปลี่ยนสายตากัน เพราะคำพูดของลูกชายของพวกท่านมันช่างชี้นำให้สรุปว่าเขามาค้างที่นี่เป็นประจำก็ไม่ปาน

คุณเชษฐ์นี่จริงๆ เลย พูดแบบนี้ออกมาไม่กลัวจะทำให้เขาโดนหมั่นไส้บ้างหรือยังไง

ดูเหมือนผู้สูงวัยที่สุดจะสังเกตเห็นอาการกระอักกระอ่วนของภัทรได้ ยิ่งเหลือบไปเห็นประกายเจ้าเล่ห์ในแววตาของลูกชายที่กำลังยิ้มชอบใจก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นแผนมัดมือชกของเจ้าตัว จึงได้แต่กระแอมแล้วหันไปหาภรรยาเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย

“ไหนๆ บ่ายนี้ก็ว่าง คุณอยากออกไปซื้อของอะไรหรือเปล่า? วันนี้คุณปรีชาให้ยืมตัวบวรณ์ทั้งวันอยู่แล้ว จะได้ออกไปกันเลย”

คุณเพียงมาศทำท่านึก “ก็ดีเหมือนกันค่ะ มาศอยากซื้อของไปฝากตาชินสักหน่อย แกอุตส่าห์ยอมอยู่คุมร้านคนเดียวให้ทั้งที”

“ถ้างั้นผมไปด้วย” เชษฐ์เอ่ยพลางลุกขึ้นและหยิบหมวกที่ถอดวางไว้ขึ้นสวมอีกครั้ง คุณเพียงมาศจึงแย้งด้วยความเป็นห่วง

“ออกไปเดินท่อมๆ ตอนนี้จะดีเหรอลูก เชษฐ์เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาใหม่ๆ เองนะ?”

ร่างสูงใหญ่ส่ายหน้า “ผมนั่งๆ นอนๆ ในโรงพยาบาลมาพอแล้วครับ อีกอย่างปีนึงพ่อกับแม่จะมาเยี่ยมสักที ผมไปเดินเป็นเพื่อนซื้อของด้วยดีกว่า ภัทรจะไปด้วยกันใช่มั้ย?”

ท้ายประโยคเชษฐ์หันไปถามคนที่นั่งข้างตัว ซึ่งแน่นอนว่าภัทรไม่มีโอกาสปฏิเสธ หลังจากฝากป้าแย้มช่วยเก็บกระเป๋าแล้วทั้งสึ่จึงออกจากบ้านเข้าไปในเมืองอีกครั้ง โดยมีคนขับรถส่วนตัวของคุณปรีชาเป็นโชเฟอร์ให้เช่นเดิม

ตลอดเวลายามบ่ายที่ได้เดินเลือกซื้อของด้วยกัน  ภัทรไม่แน่ใจว่านี่เป็นความตั้งใจขอคุณผู้จัดการหรือไม่ที่ไม่ยอมให้เขากลับบ้านและบังคับกลายๆ ให้ต้องตามติดออกมาด้วย เพราะทางหนึ่งนอกจากจะทำให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาด้วยกันชดเชยช่วงที่เชษฐ์ต้องห่างไปเวียดนามแล้ว เขายังพบว่านี่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำให้เขาได้สร้างความคุ้นเคยกับพ่อและแม่ของอีกฝ่ายมากขึ้นจากตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลอีกด้วย

ตกเย็นทั้งสี่ทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารในเมือง เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นเพื่อนเก่าของคุณชาญที่ไม่ได้พบกันหลายปีจึงมานั่งถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจนเย็นย่ำ ดังนั้นกว่ามื้อนั้นจะเสร็จสิ้นและทุกคนได้กลับบ้านก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว

หลังจากบวรณ์มาส่งพวกเขาแล้วก็ขับรถตรงกลับไปบ้านคุณปรีชาทันที ฝ่ายเชษฐ์เมื่อมาถึงบ้านแล้วก็ขอบคุณป้าแย้มที่ยังอยู่เฝ้าบ้านให้ พร้อมกับออกปากให้พรุ่งนี้พักผ่อนเต็มที่โดยไม่ต้องมาทำงานได้หนึ่งวัน

“ถ้างั้นผมกับภัทรขึ้นห้องก่อนนะครับ”

เชษฐ์หันมาเอ่ยกับคุณชาญและคุณเพียงมาศก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ภัทรซึ่งกำลังจะก้าวตามทันเหลือบไปเห็นสายตาของผู้สูงวัยที่มองตามหลังลูกชายอย่างครุ่นคิด ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นมารบกวนจิตใจกับแววตานั้น แต่ก็พยายามเตือนตัวเองว่าคงไม่มีอะไรและรีบก้าวตามเชษฐ์ขึ้นไปชั้นบน

เมื่อได้พ้นจากสายตาของคุณชาญกับคุณเพียงมาศ เชษฐ์ก็งับประตูห้องปิดก่อนจะรั้งตัวภัทรเข้าไปกอดแล้วระบายลมหายใจยาว

 

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-03-2013 17:55:56
“...คุณเชษฐ์?”

ภัทรเอ่ยเรียกเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่กอดเขาไว้โดยไม่พูดอะไร ครู่ใหญ่กว่าเจ้าของอ้อมแขนจะถอยออกมองหน้าเขาโดยไม่ปล่อยมือ

"ขอโทษนะที่วันนี้พาไปโน่นไปนี่ด้วยทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?"

เชษฐ์ถามพลางยกมือหนึ่งขึ้นลูบแก้มเขาอย่างอ่อนโยน ภัทรสบตากับอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้มพลางส่ายหน้า มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบมือใหญ่ที่แนบแก้มตนไว้แล้วบีบเบาๆ

"ไม่เหนื่อยหรอกครับ แค่นี้เอง"

ถ้าเทียบกับช่วงเวลาที่ต้องอ้างว้างเหงาหงอยเพียงลำพังเพราะคุณเชษฐ์ไม่อยู่ด้วย ให้เขาเหนื่อยแบบนี้บ่อยๆ ภัทรก็เต็มใจ

แววตาของภัทรที่สะท้อนถึงความในใจตรึงสายตาของคนที่เห็นเอาไว้ เชษฐ์ใช้ปลายนิ้วโป้งลูบผิวแก้มเนียนเบาๆ ก่อนจะค่อยไล่ปลายนิ้วนั้นลงไปหยุดบนกลีบปากของคนในอ้อมแขน แววตาเร่าร้อนที่ราวมีกองเพลิงเล็กๆ ปะทุอยู่หลังแววตาที่จดจ้องมาทำให้ลมหายใจของภัทรสะดุด

"...อื้ม"

ริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ อยู่แล้วถูกทาบทับก่อนจะทันได้เปล่งเสียง ร่างเพรียวถูกอ้อมแขนใหญ่รั้งเอวและต้นคอเข้าหามากขึ้นเพื่อมอบความลึกล้ำของจุมพิตได้ถนัด ภัทรตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาตลอดช่วงเวลาหลายวัน หรือเพราะความอ่อนโยนที่ถูกส่งผ่านมาทางริมฝีปากและอ้อมแขนแข็งแรง แต่เขาก็ปล่อยตัวและใจให้อีกฝ่ายรั้งเข้าหาโดยไม่ขัดขืน

"ฮ้า..."

เสียงครางแผ่วหลุดลอดจากริมฝีปากได้รูปเมื่อสัมผัสอันอุกอาจทว่าก็ปลอบประโลมนั้นผละจากอย่างเชื่องช้า ภัทรหายใจหอบขณะใช้สองมือกำแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นราวกับนั่นคือหลักยึดให้สองขาที่เบาหวิวเหมือนไม่ติดพื้นยังคงยืนอยู่ได้ ลำคอของเขาตีบตันมากขึ้นกว่าเก่าเมื่อเงยหน้าและได้พบกับเพลิงปรารถนาที่ลุกโชนในดวงตาคมเข้ม

"...ไปอาบน้ำกันเถอะ"

เสียงแหบต่ำเอ่ยกระซิบก่อนที่คนพูดจะบดริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากเขาอย่างเร็วๆ อีกครั้งหนึ่ง ในหัวของภัทรหมุนคว้างจนแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองตอนที่ตอบว่า "ครับ" ออกไปอย่างเบาหวิว สิ่งเดียวที่รู้ในตอนนี้ก็คือหากคุณเชษฐ์ต้องการทำอะไร เขาก็คงไม่มีแรงหรือความคิดที่จะปฏิเสธต่อให้รู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ตาม

ร่างสูงใหญ่จูงมือภัทรออกจากห้องนอนและเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็บิดล็อกแน่นหนาก่อนจะหันกลับมาหาเขา แววตาร้อนแรงที่จ้องมองมาอย่างไม่ปิดบังความต้องการราวกับจุดไฟอังให้ผิวหน้าของภัทรร้อนวูบวาบไปหมด

"อ๊ะ..."

ภัทรสะดุ้งเมื่อเชษฐ์เดินเข้ามาใกล้และเริ่มปลดกระดุมเสื้อให้เขา แม้จะเตรียมใจแล้วและรู้ตัวว่าต้องการสิ่งนี้ด้วยซ้ำ กระนั้นเมื่อกำลังเผชิญกับสถานการณ์นั้นจริงๆ ภัทรก็ยังไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้ตระหนกได้ ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะดูออกเช่นกัน

"ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าหากอยากให้หยุดเมื่อไหร่ก็บอก"

เชษฐ์เอ่ยพลางก้มลงหอมแก้มเขาก่อนจะไล่ริมฝีปากผะแผ่วดุจปีกผีเสื้อไปบนซอกคอและแผ่นอก หลังจากแกะกระดุมเสื้อให้จนครบทุกเม็ด ฝ่ามือใหญ่ก็ค่อยถอดเสื้อเชิ้ตออกจากร่างผอมเพรียวอย่างใจเย็น จากนั้นก็ก้มลงดูดเม้มผิวอ่อนตรงซอกคอพร้อมกับใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอกสีชมพูเข้มจนภัทรห่อไหล่เข้าหากันเพราะความวาบหวาม

อากาศเย็นๆ ในห้องน้ำกระทบร่างอันเปลือยเปล่าของภัทรเมื่อเชษฐ์รูดซิปกางเกงให้แล้วดึงรั้งลงทั้งตัวนอกและตัวใน ใบหน้าชวนมองแดงก่ำเมื่อถูกแววตาคมกริบมองสำรวจไปทั่วทุกส่วนอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ แต่เชษฐ์ไม่ยอมให้เขาก้มหน้าหลบสายตาและใช้ปลายนิ้วเชยคางเรียวขึ้นให้สบตากับตัวเอง

"ถอดเสื้อผ้าให้ฉันบ้างสิ"

ภัทรตัวสั่นเมื่อร่างสูงใหญ่ก้มลงกระซิบประโยคคำสั่งนั้นข้างหู ลมหายใจอันผ่าวร้อนที่รินรดลงมาราวจะเพิ่มอุณหภูมิบนใบหน้าของเขาให้สูงยิ่งขึ้น และเมื่อมือมือของเขาถูกดึงให้วางทาบลงบนแผ่นอกกว้าง ภัทรก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากช่วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้อีกฝ่ายตามที่โดนขอ

เมื่อจัดการถอดเสื้อเชิ้ตตัวบนออกเรียบร้อย ภัทรก็กลืนน้ำลายก่อนจะปลุกปลอบใจตัวเองและก้มลงจัดการกางเกงยีนส์บนสะโพกแกร่ง ทั้งที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองเผยร่างเปลือยเปล่าต่อหน้ากันและกัน ทว่าครั้งนั้นที่ไปทะเลกับตอนนี้ บริบทที่แวดล้อมช่างต่างกันจนไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้ สิ่งเดียวที่ภัทรแน่ใจว่ายังคงเหมือนเดิมก็คงมีเพียงหัวใจที่กระหน่ำเต้นอย่างรุนแรงจนเขาทั้งตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกันเท่านั้น 

เชษฐ์ยิ้มเมื่อในที่สุดภัทรก็ถอดเสื้อผ้าให้เขาจนหมดสมใจ ความต้องการที่ถูกปลุกให้ตื่นตัวมากขึ้นทุกทีเริ่มแสดงออกให้เห็นได้เด่นชัดที่ด้านล่างจนภัทรหน้าแดงก่ำและแทบวางมือไม้ไม่ถูก ท่าทีเขินอายทว่าก็เชิญชวนนั้นช่างเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ยั่วยวนเป็นธรรมชาติอย่างที่เจ้าตัวก็คงไม่ได้ตั้งใจแม้แต่น้อย

เพราะถ้าหากรู้ตัวว่าการแสดงออกของตนส่งผลให้คนที่เห็นคิดอยากลงมือทำอะไรบ้าง...ภัทรคงไม่กล้าเปิดเผยตัวเองให้เขาในวินาทีนี้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นในยามนี้แน่

"อาบน้ำกันเถอะ"

เชษฐ์จูงมือภัทรเข้าในส่วนของห้องอาบน้ำซึ่งจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนในห้องน้ำอีกที ร่างสูงใหญ่ดึงประตูกระจกใสปิดก่อนจะหันไปเปิดน้ำอุ่นให้ไหลลงจากฝักบัว หลังจากปรับระดับน้ำจนได้ที่ก็หันมารั้งร่างภัทรให้เข้าไปอยู่ใต้สายน้ำด้วยกัน

ร่างเพรียวครางเสียงต่ำในคอเมื่อละอองน้ำอุ่นหลั่งลงกระทบผิว เชษฐ์หยิบขวดสบู่มาเทลงบนฝ่ามือแล้วก็ช่วยไล้ฟองครีมไปบนผิวกายของเขาจนทั่ว สัมผัสที่ปัดป่ายไปทั่วร่างอย่างทะนุถนอม ทว่าก็อ้อยอิ่งและจงใจทิ้งไออุ่นจากฝ่ามือไว้บนทุกตารางนิ้วทำให้ภัทรสั่นอย่างห้ามไม่ได้

"หนาวเหรอ? ตัวสั่นเชียว"

เสียงทุ้มที่ก้มลงมากระซิบข้างหูทำให้ภัทรรู้ตัวว่าเมื่อครู่เผลอหลับตา นัยน์ตาเรียวจึงปรือขึ้นมองรอยยิ้มที่ชวนให้หลงใหลบนใบหน้าที่อยู่ใกล้เพียงคืบแล้วก็เม้มปาก

คุณเชษฐ์ถามแบบนี้แกล้งกันนี่นา...

"ใช่ครับ เพราะคุณเชษฐ์นั่นแหละ"

เชษฐ์มองใบหน้าแดงๆ กับน้ำเสียงตัดพ้อของคนพูดแล้วก็แกล้งเลิกคิ้ว แต่ยังคงไม่หยุดมือที่ลูบไล้ไปมาบนผิวกายของคนตรงหน้า ร่างของภัทรกระตุกเมื่อฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งเลื่อนลงวางบนแผ่นหลังและดึงเขาเข้าหาจนปะทะกับแผงอกแกร่ง และแน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เพียงร่างกายท่อนบนที่แนบชิด เพราะส่วนล่างที่ผ่าวร้อนของร่างสูงใหญ่ก็บดเบียดกับหน้าขาของเขาเช่นกัน

"ถ้าเธอหนาวแล้วจะเป็นเพราะฉันได้ยังไงล่ะ?"

ลมหายใจอุ่นเป่ารดบนปลายจมูกเมื่อคนพูดก้มลงหา และราวกับการยั่วเย้าด้วยวาจาจะไม่เพียงพอ เพราะฝ่ามือใหญ่ข้างที่ไม่ได้รั้งเอวผอมไว้ได้เลื่อนลงวางบนหนั่นเนื้อด้านหลังของภัทรและบีบด้วยแรงพอที่จะทำให้เขาต้องจิกนิ้วลงบนต้นแขนแกร่งทั้งสองข้าง

"ก็คุณเชษฐ์...อ๊ะ"

คำท้วงติงทั้งหลายถูกดูดกลืนด้วยริมฝีปากอุ่นที่ทาบลงมาปิดเสียงของเขาไว้ ปลายลิ้นของภัทรถูกเกี่ยวกระหวัดให้ต้องตอบสนองในรูปแบบที่เขาไม่อาจต่อต้าน ภายใต้การชักนำอันเร่งร้อนและปลุกเร้า ภัทรได้แต่เลื่อนมือขึ้นโอบคออีกฝ่ายเป็นหลักยึดขณะที่มือใหญ่ทั้งสองข้างบีบเคล้นสะโพกตึงแน่นอย่างไม่รามือ

ในสติที่เริ่มพร่าเลือนด้วยถูกม่านหมอกแห่งความปรารถนาครอบงำ ภัทรยังรับรู้ได้ถึงสัมผัสจากสายน้ำที่ยังคงหลั่งลงบนผิวกายของทั้งคู่ กระนั้นความหิวกระหายของคนตรงหน้าที่กำลังตักตวงความหวานหอมจากตัวเขากลับแจ่มชัดราวแสงไฟในห้องที่มืดสนิท ความอบอุ่นของผิวกายที่เสียดสี ถ่ายเทประจุความร้อนให้แก่กันและกันฉุดให้ภัทรดำดิ่งลงสู่ห้วงของดำฤษณาที่ลึกสุดหยั่งมากขึ้นทุกที

"อ๊ะ!"

ภัทรสำลักลมหายใจเมื่อจู่ๆ ฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งก็เลื่อนจากสะโพกเขามาทาบบนความร้อนรุ่มด้านหน้า แรงสัมผัสที่ผลักดันทำให้เขาตระหนักว่าตอนนี้ร่างกายของตนก็กำลังตื่นตัวไม่แพ้อีกฝ่ายเลย

"ภัทร..."

เสียงกระซิบอันแหบทุ้มเรียกให้เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมองใบหน้าคมคาย แววตาที่จ้องมองมาในตอนนี้ราวกับสามารถแผดเผาภัทรแล้วกลืนกินเขาเข้าไปได้ทั้งตัว มือใหญ่ข้างหนึ่งจับมือเรียวให้เลื่อนลงไปสัมผัสความแกร่งร้อนของร่างสูงใหญ่ที่ปานจะลวกมือได้ และทันทีที่ฝ่ามือของเขาโอบกระชับความแข็งแกร่งนั้นเอาไว้ เชษฐ์ก็คำรามต่ำก่อนจะนำการเคลื่อนไหวของเขาผ่านการกระทำแทนคำพูด

"อือ อะ อ๊ะ"

เสียงครางเครือของภัทรหลุดอย่างไม่เป็นจังหวะผ่านริมฝีปากที่เผยอหอบ แผ่นอกที่กระเพื่อมถี่เพราะดึงอากาศเข้าไปหมุนเวียนไม่ทันเบียดชิดแทบเป็นเนื้อเดียวกับแผงอกตึงแน่นของร่างสูงใหญ่ ร่างผอมค่อยๆ ถูกดันจนแผ่นหลังไปแนบกับผนังกระจกโดยที่มือของทั้งสองยังคงพัลวันอยู่กับการปรนเปรอความปรารถนาให้กันและกัน ภัทรสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ถึงปลายนิ้วแข็งแรงที่กำลังลูบไล้บนร่องระหว่างเนินเนื้อด้านหลังอย่างมุ่งมาดที่จะแทรกเข้าไปหาความอบอุ่นภายใน

"คุณเชษฐ์..."

ภัทรเอ่ยเสียงหวิวเหมือนคนที่ถูกสูบเรี่ยวแรงไปจากตัว แต่นอกจากนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืนเพราะตระหนักดีว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ก็ไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว เชษฐ์ก้มลงแนบริมฝีปากบนขมับของเขาก่อนจะกระซิบเสียงเบาอย่างปลอบโยน

"ไม่ต้องกลัวนะ"

ภัทรรวบรวมเรี่ยวแรงพยักหน้าตอบ  และทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้เมื่อนิ้วมือด้านหลังกดย้ำบนปากทางคับแคบและเขี่ยไปมาอย่างช้าๆ โดยไม่ล่วงล้ำเพื่อสร้างความคุ้นเคย ทว่าเมื่อมือของเขาเริ่มผ่อนแรงขยับลงเพราะความรู้สึกที่ด้านหลังเริ่มมีอิทธิพลต่อประสาทสัมผัสมากกว่าด้านหน้า เชษฐ์ก็ก้มลงเม้มปลายจมูกของภัทรและดึงมือเขาให้กอบกุมความร้อนรุ่มของทั้งสองไว้คู่กัน จากนั้นก็วางมือทับลงมาและควบคุมจังหวะการรูดรั้งของมือนั้นโดยที่มืออีกข้างยังคงวนไล้รอบช่องทางเล็กไม่หยุด

ภัทรรู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำทั้งที่สายน้ำหลั่งไหลมาจากด้านบน แต่ไออุ่นที่โอบล้อมไปทั่วทั้งร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดรวมความรู้สึกซึ่งถูกปลุกเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในหัวเริ่มเบลอจนคิดอะไรไม่ออก และเมื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของปลายนิ้วที่ชำแรกเข้ามาในช่องทางซึ่งแทบลืมเลือนการถูกสัมผัสไปแล้ว ร่างเพรียวก็ร้องครางและกระตุกอย่างแรงขณะปลดปล่อยความต้องการที่เขม็งเกลียวอย่างบ้าคลั่งในท้องน้อยออกมากลางฝ่ามือของทั้งคู่

"ภัทร?"

"ขอโทษครับ คุณเชษฐ์"

ภัทรเอ่ยพลางหอบหายใจหนักหน่วงราวเพิ่งเสร็จสิ้นจากการออกกำลังกายมาหลายชั่วโมง การที่ร่างกายแสดงออกว่าอิ่มเอมจากการถูกกระตุ้นเร้าทางด้านหลังเพียงเล็กน้อยทำให้เขาอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ทว่าเชษฐ์กลับยิ้มด้วยความเอ็นดูและก้มลงขบกลีบปากล่างของเขาเบาๆ

"ขอโทษทำไม น่ารักดีออก"

ยิ่งได้ยินคำชมกับเห็นรอยยิ้มของคนพูด ภัทรก็ยิ่งกระดากมากขึ้นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ยอมถอนนิ้วออกจากช่องทางที่ยังบีบรัดแน่นหลังการปลดปล่อย ราวกับต้องการจะใช้ปลายนิ้วนั้นซึมซับรสสัมผัสจากภายในของเขาให้นานที่สุด

"อื้อ..."

ภัทรไม่แน่ใจว่าตอนนี้ผิวหน้าของตนสุกเพราะเลือดสูบฉีดไปรวมกันหมดหรือยัง แข้งขาสองข้างอ่อนเปลี้ยจนราวจะยืนไม่อยู่หากไม่ใช่เพราะมีกระจกด้านหลังรองรับไว้ แต่แล้วอารมณ์หวิวหวามที่อ้อยอิ่งก็พลันสะดุดเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น

"เชษฐ์...นี่พ่อนะ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วลงไปคุยกับพ่อแป๊บนึง"

ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเบียดภัทรอยู่ส่งเสียงคำรามต่ำในคอ ขณะที่ภัทรตัวแข็งทื่อด้วยไม่รู้ว่าเมื่อครู่พวกเขาได้ส่งเสียงที่อาจเล็ดลอดไปถึงหูผู้สูงวัยที่ยืนอยู่หน้าประตูหรือไม่ และคำถามที่น่าตระหนกยิ่งกว่าคือเจ้าตัวยืนอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหนแล้ว

"เชษฐ์? ได้ยินพ่อมั้ย?"

"...ได้ยินครับ ขอเวลาอีกเดี๋ยวแล้วผมจะลงไป"

เกิดความเงียบครู่หนึ่งก่อนที่ภัทรจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป ร่างของเขาถูกรวบกอดแนบแผงอกกว้างที่ร้อนผ่าวกว่าปกติ ส่วนความรุ่มร้อนที่ยังคงดุนดันหน้าขาเขาอยู่ก็หาได้ลดความก้าวร้าวลงกว่าเมื่อครู่ แต่ทว่า...

"ภัทร เดี๋ยวกลับห้องไปก่อนก็แล้วกันนะ"

"เอ๊ะ? อ๊ะ"

ร่างของภัทรกระตุกอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วแข็งแรงที่ซุกแนบอยู่ในร่างได้ถอนออกไป จากนั้นมือใหญ่ทั้งสองก็จับยึดสะโพกเขาไว้แล้วดันออกให้ถอยห่างจากตัวเอง

"ฉันคงต้องใช้เวลาจัดการตัวเองอีกหน่อยแล้วลงไปคุยกับพ่อ ถ้าหากนานก็ไม่ต้องรอนะ นอนไปก่อนได้เลย"

น้ำเสียงของคนพูดต่ำพร่าและแทบจะไม่ดังออกมานอกคอ ทว่าความเครียดเขม็งบนกล้ามเนื้อทั่วร่างก็ทำให้ภัทรรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้ากำลังต่อสู้กับความต้องการจะสานต่อสิ่งที่ทั้งคู่เพิ่งเริ่มไปอย่างสุดความสามารถ

"....แล้วคุณเชษฐ์ล่ะครับ?"

แม้ว่าจะถูกเปิดทางให้ได้ไปพักผ่อนก่อน แต่ภัทรก็ยังรู้สึกว่าหากตนทิ้งอีกฝ่ายไว้แบบนี้ก็เท่ากับเห็นแก่ตัวที่บรรลุความสุขสมอยู่ฝ่ายเดียว และความคิดนั้นคงสะท้อนออกมาทางสีหน้า เพราะเชษฐ์ใช้มือหนึ่งลูบผมที่ชุ่มน้ำของเขาขึ้นจากหน้าผากแล้วแนบริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา

"ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องแค่นี้เอง"

 

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 11-03-2013 18:03:35
 ร่างสูงใหญ่หันไปบิดก๊อกฝักบัวเพื่อปิดน้ำ แต่แล้วเมื่อจะผลักประตูกระจกเพื่อให้ภัทรได้ออกไปก่อน คิ้วดกหนาก็เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเพราะภัทรกลับดึงประตูกระจกให้ปิดเข้ามาเช่นเดิม

"ภัทร?"

แววตางุนงงที่เหลือบลงมองทำให้ภัทรหน้าแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ตัดสินใจทำตามที่ตั้งใจเพราะไม่อยากให้ตนคอยแต่เอาเปรียบความอ่อนโยนอยู่ฝ่ายเดียว

"ผมจะ...ช่วยทำให้คุณเชษฐ์ก่อนครับ"

ร่างสูงเพรียวเลี่ยงสายตาค้นหาของคนตัวใหญ่กว่าขณะทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าบนพื้นกระเบื้อง มือทั้งสองข้างเลื่อนลงตามผิวกายแน่นตึงจนมาหยุดบนสะโพกสอบแกร่ง เขาสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อปลุกปลอบใจตนเองขณะมองความแกร่งร้อนที่กำลังชูชันอยู่ห่างจากใบหน้าเพียงไม่ถึงคืบ

นี่เป็น...ความรู้สึกที่คุณเชษฐ์มีให้เรา...

ภัทรคิดพลางใช้อุ้งมือรวบลำกายร้อนผ่าวตรงหน้าแล้วขยับศีรษะเข้าหา ลมหายใจของเขาติดขัดเล็กน้อยขณะแลบลิ้นออกเลียริมฝีปากอันแห้งผากเพื่อรวบรวมความกล้า นัยน์ตาเรียวเหลือบขึ้นมองใบหน้าของคนเบื้องบนอย่างไม่ตั้งใจ ทว่าประกายลึกล้ำที่ทอดมองมาอย่างแน่วนิ่งก็ทำให้ภัทรรู้ว่ามีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งสอดเข้าประคองท้ายทอยของภัทรเอาไว้เมื่อเขาจุมพิตส่วนปลายของแท่งเนื้อที่ร้อนรุ่มจนราวกับจะลวกปาก ปลายลิ้นอุ่นนุ่มแลบออกไล้เลียขณะที่ริมฝีปากได้รูปเผยอขึ้นดูดดุนความแข็งแกร่งที่ผลุบเคลื่อนเข้าออกในปากอย่างตั้งอกตั้งใจ บางครั้งเมื่อเชษฐ์รู้สึกว่าภัทรกำลังเร่งรีบเกินกว่าที่ควร ร่างสูงใหญ่ก็จะคอยช่วยชะลอจังหวะลงทั้งโดยการรั้งศีรษะของภัทรเอาไว้ และทั้งโดยการพยายามควบคุมร่างกายไม่ให้หลงระเริงกับการปรนปรอของเขาจนสร้างความลำบากให้

ถึงแม้จะอึดอัดไม่สบายเนื้อตัวจากสิ่งที่กำลังทำ ทว่าเสียงคำรามในคออย่างพอใจ รวมทั้งสีหน้าและแววตาของเชษฐ์ที่บ่งบอกว่ายินดีกับสิ่งที่ได้รับก็ช่วยลบล้างความไม่สบายเหล่านั้นให้ปลาสนาการไปสิ้น และยิ่งกล้ามเนื้อเป็นลอนบนหน้าท้องและต้นขาแกร่งใต้ฝ่ามือขมวดแน่นมากขึ้นเท่าไหร่ ภัทรก็รู้ว่าเขากำลังจะพาอีกฝ่ายถึงสุดทางแห่งความปรารถนาได้ในอีกไม่ช้าแล้ว

"อืม....."

เสียงครางยาวในคอของเชษฐ์มาพร้อมกับการปะทุของความเร่าร้อนที่ภัทรเป็นคนช่วยสุมเพลิงให้พัดโหม ร่างเพรียวกลืนกินทุกหยาดหยดที่อีกฝ่ายกลั่นออกมาอย่างไม่รังเกียจแม้จะไอเพราะสำลักจนน้ำตาซึม กระนั้นภัทรก็ยังฝืนใช้โพรงปากเคล้าคลึงส่วนไวสัมผัสให้เชษฐ์จนกระทั่งมันอ่อนตัวและคืนสู่สภาพเดิมบนปลายลิ้นของเขา

"ภัทร เธอนี่..."

เชษฐ์พยายามข่มลมหายใจที่หอบรัวขณะใช้สองแขนโอบรั้งร่างของภัทรให้ยืนขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้เห็นริมฝีปากที่บวมช้ำและแววตาอ่อนเชื่อมด้วยมีน้ำตาคลอซึ่งช้อนขึ้นมอง เขาก็ระงับใจไม่อยู่และดึงผมบนท้ายทอยของภัทรให้แหงนหน้าขึ้นก่อนจะบดริมฝีปากลงหาอย่างไร้ซึ่งการควบคุมตัวเอง

ถึงแม้ภัทรจะกลืนหยาดรักของเชษฐ์ไปหมดแล้ว กระนั้นรสชาติของมันก็ยังคงอวลอยู่ในช่องปากจนอีกฝ่ายรับรู้ได้ ทว่าดูเหมือนคนที่กำลังบดริมฝีปากจูบเขาและเรียกร้องการสนองตอบอย่างบ้าคลั่งจะไม่ตั้งแง่รังเกียจแม้แต่น้อย การชักนำของเชษฐ์มีแต่ทำให้ภัทรต้องส่งปลายลิ้นเข้าพัวพันและยอมรับรสสวาทอันอุกอาจที่ราวจะลบทุกสามัญสำนึกในหัวของเขาจนสิ้น

จูบนั้นช่างยาวนานและเร่าร้อนจนภัทรนึกว่าตนจะขาดอากาศหายใจ เชษฐ์กอดร่างเพรียวของเขาไว้อย่างแนบแน่นก่อนจะถอนริมฝีปากออกในที่สุดด้วยความเสียดาย

"บ้าเอ๊ย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะฉันต้องลงไปคุยกับพ่อล่ะก็..."

อีกฝ่ายสบถงึมงำอยู่กับผิวที่ยังไวต่อสัมผัสบนซอกคอของภัทร ร่างของเขาสั่นเล็กน้อยเพราะความรู้สึกตอนนี้ก็หาได้แตกต่างจากคนพูด ทว่าทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าขืนยื้อเวลาที่ได้สนิทแนบกายกันเช่นนี้ต่อไป ผู้สูงวัยจะต้องเอะใจและคงไม่พอใจภายหลังที่เชษฐ์ไม่ลงไปคุยด้วยตามที่รับปากไว้แน่ๆ

"คุณเชษฐ์ ไปแต่งตัวแล้วลงไปคุยกับคุณพ่อก่อนเถอะครับ ไม่อย่างนั้นท่านจะโกรธเอา"

ภัทรเองก็ตอบเสียงงึมงำไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะพร้อมยิ่งกว่าพร้อมที่จะให้เชษฐ์สานความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้ลึกซึ้งไปอีกขั้น แต่ก็รู้ดีว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสักเท่าไหร่

ร่างสูงใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของภัทรไปมาอย่างปลอบโยน ขณะเดียวกันก็ราวกับจะทำไปเพื่อเรียกสติของตนกลับมาและข่มความปรารถนาในใจให้สงบลงไปพร้อมกัน ครู่หนึ่งจึงก้มลงจูบขมับภัทรเบาๆ อีกครั้งก่อนจะปล่อยมืออย่างตัดใจ

"ฉันสัญญาว่าคราวหน้ามันจะไม่จบแค่ตรงนี้ เตรียมใจเอาไว้ด้วยนะ"

เชษฐ์เอ่ยขณะใช้นิ้วโป้งนวดคลึงริมฝีปากที่ยังบวมเล็กน้อยของภัทรอย่างอ้อยอิ่ง ในแววตาราวกำลังระลึกถึงภาพใบหน้าเนียนตอนที่อาสาปรนนิบัติเขาให้บรรลุถึงปลายทางของความต้องการเมื่อครู่ และนั่นทำให้ภัทรต้องรีบดันอีกฝ่ายออกจากห้องเพราะเกรงว่าคราวนี้ความตั้งใจของทั้งคู่จะพังทลายลงจริงๆ

"ตอนนี้ไปคุยกับคุณพ่อก่อนเถอะครับ"

เชษฐ์หัวเราะกับท่าทางเขินอายของภัทรก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมาพันเอว โดยก่อนจะเดินออกไปก็ยังไม่ลืมกดล็อคประตูห้องน้ำแล้วค่อยงับปิดให้ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเจ้าของบ้านเดินกลับเข้าไปในห้องนอนซึ่งอยู่ข้างๆ กันเรียบร้อย เขาถึงค่อยทรุดตัวลงนั่งบนพื้นกระเบื้องด้วยท่าทางราวกับสองขากลายเป็นเยลลี่ที่รับน้ำหนักตัวไม่ไหว

รสรักที่เชษฐ์ทิ้งไว้ยังคงกรุ่นอวลบางเบาบนปลายลิ้น สัมผัสอันแข็งขืนและร้อนเร่าเหมือนเหล็กเผาไฟก็ราวกับยังตกค้างอยู่ในช่องปาก ภัทรมองที่ว่างในห้องน้ำตรงที่ร่างสูงใหญ่เพิ่งยืนอยู่ แล้วก็ไพล่นึกย้อนไปถึงสิ่งที่ทั้งสองทำให้กันและกันเมื่อไม่กี่อึดใจก่อน เมื่อหวนระลึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป เขาก็ได้แต่ยกปลายนิ้วขึ้นลูบริมฝีปากของตัวเองด้วยความเผลอไผล บัดนี้ไอร้อนได้ซ่านขึ้นมารวมตัวกันบนหน้าอีกครั้งจนราวจะแผดเผาหยดน้ำที่ยังเกาะพราวให้เหือดแห้งได้

โอย นี่เขากล้าทำอะไรอย่างนั้นกับ...ของคุณเชษฐ์ไปได้ยังไง แล้วนี่ถ้าหากคุณชาญมาได้ยินเสียงของพวกเขาก่อนที่จะมาเคาะประตูเรียก แล้วรู้ว่าเขากับลูกชายของตัวเองทำอะไรกันในห้องน้ำ เขายังจะกล้าเข้าหน้าฝ่ายนั้นไหวหรือนี่...

นั่นเป็นคำถามที่ภัทรไม่กล้าคิดถึงคำตอบ สิ่งเดียวที่เขารู้และมั่นใจในยามที่ความสุขเอิบอาบไปทั่วร่างเช่นเวลานี้ มีเพียงความจริงที่ว่าต่อให้เลือกย้อนเวลากลับไปเมื่อครู่ได้ เขาก็คงไม่ลังเลที่จะเสนอตัวทำแบบเดิมเพื่อมอบความสุขให้ผู้ชายที่เขารักที่สุดในนาทีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย


++---TBC---++


A/N: ยิ่งเรื่องนี้ใกล้จบก็ยิ่งรู้สึกว่าเขียนยากขึ้นทุกที แถมเพราะเป็นเรื่องที่หากนับถึงปัจจุบันก็เรียกได้ว่าใช้เวลาเขียนลบสถิติเรื่องอื่นๆ ของเราไปหมดแล้ว ช่วงที่หายไปเขียนเรื่องอื่นบ้างแล้วกลับมาหาเรื่องนี้อีกทีก็ต้องใช้เวลาจูนนานมาก คงเพราะส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้อารมณ์ละเอียดอ่อนสูงกว่าเรื่องอื่นที่เขียน (โดยเฉพาะในส่วนของน้องภัทร) บทจะเขียนออกทีเลยหลั่งไหลพรวดๆ บทจะ writer's block ก็บล็อกกันจริงๆ จังๆ แต่ตอนนี้เนื้อเรื่องได้ขมวดเข้าสู่โค้งสุดท้ายของท้ายสุดจริงๆ แล้วล่ะค่ะ ก็ขอขอบคุณทุกคนทั้งที่อดทนติดตามกันมาตั้งแต่โพสต์ตอนแรก และเพิ่งได้มาอ่านรวดเดียวยาวจนถึงตอนล่าสุดด้วย ขอสัญญาว่าจะตอบแทนความเชื่อมั่นของนักอ่านทุกคนด้วยการพาคุณเชษฐ์และภัทรไปสู่ตอนจบอันสวยงามให้คุ้มกับที่ติดตามกันมานะคะ

ใครอ่านแล้ว มาเม้นต์ให้ชื่นใจกับตอนนี้กันหน่อยน้า :D

 

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: tuckky ที่ 11-03-2013 18:13:13
OMG  :jul1:
ขออย่าให้มีปัญหาเรื่องพ่อแม่เลย  :call: สงสารน้องภัทร
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 11-03-2013 18:19:09
มีแววมาม่า เหอะๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 11-03-2013 18:33:28
แอร๊ยยยยย :z1:

คิดถึง...ฟินสุดๆ  ความสัมพันธ์คืบหน้ายิ่งกว่าเดิมไปเยอะมาก :o8:

ว่าแต่ห้องน้ำทำไมมันไม่อยู่ในห้องนอนเลยฟ่ะ o7
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 11-03-2013 18:54:26
เขินอาย>//<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 11-03-2013 19:03:27
อีกนิดเดียวหนูภัทรก็โดนเผด็จศึกแล้ว ชริ ๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 11-03-2013 20:04:35
อ่านไปลุ้นไป
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 11-03-2013 20:26:14
คุณพ่อแค่จะเรียกไปคุยให้เป็นทางการรึเปล่าน้อออออออ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 11-03-2013 20:43:54
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 12-03-2013 00:19:24
อย่ามาดราม่าาาาา
ตอนแรกก็ดูรับได้ไม่ใช่หรอฮือ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 12-03-2013 10:04:38
โฮววววว
เกือบไปแล้วเชียว คุณเชษฐ์คงเซ็งมาก
แต่คุณพ่อกับคุณแม่ มีอะไรหรือเปล่า
จะสั่งห้ามอะไรมั้ยอ่ะ
ดูเหมือจะยอมรับ แต่ก็กังขาในใจ
ฮือออออ ไม่อยากให้ ภัทรทรมานเลยอ่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ทั้งภัทร ทั้งคุณเชษฐ์ และคนแต่งงงงง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 12-03-2013 11:32:14
พ่ออ่ะ!!!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 12-03-2013 11:48:13
โดยส่วนตัวเราแล้วเราไม่สงสารเขมนะ ผู้หญิงอย่างที่แย่งผู้ชายโดยใช้เงินไม่ใช่ผู้หญิงดีนะไม่มีเกียรติไม่มีคุณค่าด้วยซ้ำ ได้ผู้ชายห่วยๆไปมันก็สมควรแล้วนิ อิอิ... แต่คุณเชษฐ์อ่ะน่ารักมากเลยเป็นคนดีมากๆสมควรแล้วที่จะได้คนจิตใจดีอย่างภัทรนายเอกของเรา ฮุฮุ...  :impress2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 12-03-2013 13:26:12
กรี๊ดดด คุณพ่อขา คุณเชษฐ์ กับ ภัทร และพวกหนูกำลังจะฟินเลยอะ  คุณพ่อขัดจังหวะทำไมอะ   :sad4:

ว่าแต่ว่า คุณพ่อกับคุณแม่ อย่าทิ้งระเบิดไว้ก่อนบินกลับนะ สงสารคู่นี้  :monkeysad:

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 12-03-2013 17:18:41
กรีซ.... ความสัมพันธ์ ค่อยๆเขยิบเข้าไปเรื่อยๆแล้ว ต่อไปนี้อุปสรรคอะไรที่เข้ามาก็ขอให้เป็นเรื่องเล็กน้อย และพร้อมจะฟันฝ่าของทั้งคู่นะคะ จะรออ่านตอนต่อไปน๊า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 12-03-2013 23:20:31
 :-[เย้ๆมาต่อแล้วว
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 13-03-2013 00:58:34
พ่อจะคุยอะไรกะเชษฐ์เนี้ย อยากรู้???
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 13-03-2013 02:01:33
พ่ิไม่น่าไม่ขัดจังหวะ  :z3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 14-03-2013 18:49:26
เอ..คุณพ่อจะเรียกไปคุยทำไมกันนะ ไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะเลยนะเนี่ยคุณพ่อ กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 14-03-2013 23:51:38
แปะๆ ไว้ก่อนตามมาจากแม้นมั่นฯ ค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 22 P.21 [11/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-03-2013 09:56:23
คุณพ่อมาเรียกผิดเวลามากกกกกกกก

สะดุดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

คุณเชษฐ์จะได้กินอยุ่แล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-03-2013 11:34:51
ตอนที่ 23 (ครึ่งแรก)

หลังจากเชษฐ์เปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่กางเกงสำหรับอยู่บ้านกับเสื้อยืดแขนสั้น เขาก็เดินลงบันไดไปยังห้องนั่งเล่นชั้นล่าง และพบว่าในห้องมีเพียงบิดาคนเดียวที่นั่งรออยู่ที่โซฟา

"มาแล้วครับพ่อ ขอโทษที่ให้รอ"

"ไม่เป็นไรหรอก นั่งสิ"

คุณชาญหยิบรีโมทขึ้นมาปิดโทรทัศน์ที่เมื่อครู่นั่งดูฆ่าเวลา ผู้สูงวัยมองบุตรชายคนเล็กที่หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามเงียบๆ ครู่หนึ่ง ถึงแม้จะมีลูกแฝด แต่บุตรชายทั้งสองเกิดจากไข่คนละใบ ทำให้แม้หน้าตาจะคล้ายกันแต่ก็ยังสามารถแยกแยะกันได้อย่างชัดเจน สำหรับชินรุจน์ แฝดพี่จะค่อนข้างหน้าตาคล้ายเขาแต่มีนัยน์ตาคล้ายแม่ก็คือเพียงมาศ ในขณะที่เชษฐ์กลับมีประพิมประพายคล้ายพ่อของเขาหรือก็คือปู่ของเจ้าตัวมากกว่า ไม่นับนิสัยใจคอที่ค่อนข้างสุขุมคล้ายกันอีกด้วย

"พ่อมีอะไรเหรอครับ?"

เมื่อเห็นบิดานั่งจ้องหน้าเขาโดยไม่พูดอะไร เชษฐ์ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบให้ก่อน เขาคาดเดาได้จากแววตาของผู้ให้กำเนิดว่าเรื่องที่ถึงกับต้องเรียกมาคุยกลางดึกคงเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรเท่านั้น

"งานตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? เห็นว่าก่อนเข้าโรงพยาบาลนี่ไปอยู่เวียดนามไม่ใช่รึ?"

เชษฐ์ยักไหล่ "งานค่อนข้างยุ่งครับ คุณปรีชาคงเล่าให้พ่อฟังแล้วเรื่องที่สำนักงานใหญ่อยากเจาะตลาดที่นั่น ก็เลยจะตั้งสำนักงานแล้วให้คนของเราไปดูแลในช่วงแรก"

"คุณปรีชาบอกแล้ว แล้วก็บอกพ่อด้วยว่าเขาอยากให้แกไปอยู่ที่นั่น เพราะว่าเทียบกับคนอื่นแล้วแกคล่องตัวที่สุด แล้วทางสำนักงานใหญ่ก็เห็นชอบด้วย"

"ก็แค่เบื้องบนคุยกันแต่ยังไม่มีอะไรชัดเจน อีกอย่างถึงไม่ส่งผมไป คุณปรีชาก็ยังมีคุณอั๋นเหลืออีกคน แกไปเวียดนามสลับกับผมหลายครั้งแล้ว ก็รู้จักตลาดที่นั่นดีพอสมควร"

ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงดูเผินๆ เรียบนิ่ง ส่วนคำตอบก็ไม่ใช่ทั้งเชิงรับหรือปฏิเสธ ทว่าจากอาการที่คนพูดเอนหลังพิงพนักมากขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกก็บ่งบอกเป็นนัยว่ากำลัง 'เตรียมตั้งรับ'สิ่งที่บิดากำลังจะพูดต่อจากนี้ ซึ่งคงเป็นความเคยชินจากการทำงานเป็นผู้บริหารที่ต้องเจรจากับคนหลายระดับมาหลายปี ทำให้ต้องคอยสังเกตท่าทางและคำพูดของคู่สนทนาเพื่อประเมินการเคลื่อนไหวขั้นต่อไปอยู่ตลอดเวลา

มีชั้นเชิงสมกับเป็นนักธุรกิจ...คุณชาญคิดในใจ แต่ทั้งอย่างนั้นก็ยังเลือดร้อนพอจะทำอะไรบ้าบิ่นอย่างเอาตัวเข้าไปบังคนอื่นตอนหน้าสิ่วหน้าขวานโดยไม่คิดสักนิดว่าตัวเองจะต้องเจ็บตัว...

ผู้สูงวัยจงใจเว้นจังหวะด้วยการยกน้ำชาขึ้นจิบ ตอนบุตรชายทั้งสองยังเล็กนั้นพวกเขาสี่คนพ่อแม่ลูกสนิทสนมกันมาก แต่นับตั้งแต่เชษฐ์ไปเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ แถมหลังจากกลับมาทำงานที่เมืองไทยได้ไม่นาน เขากับภรรยาก็ตัดสินใจไปทำธุรกิจกับเพื่อนที่ต่างประเทศอีก ทำให้ห่างเหินกับบุตรชายคนเล็กไปพอสมควร ไม่เหมือนชินรุจน์ที่ติดตามพวกเขาไปด้วยและช่วยทำงานที่นั่นมาตลอด

"ถ้าหากตอบรับไปเวียดนาม แกก็จะได้ตำแหน่งกับเงินเดือนสูงขึ้นนะ"

ผู้สูงวัยโยนหินถามทาง แม้จะพอวิเคราะห์ได้จากคำตอบเมื่อครู่ว่าบุตรชายมีเป้าหมายอื่นในใจอยู่แล้ว

"เรื่องนั้นผมรู้ แต่ถึงไม่ไปเวียดนามก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งเสียหน่อย อีกอย่างถึงไปก็คงไม่ได้อยู่ที่นั่นถาวรอยู่ดี ถ้าระบบทางนั้นอยู่ตัวแล้วเขาก็คงให้คนในท้องที่ดูแลกันเอง"

"ยิ่งไม่จำเป็นต้องไปอยู่ถาวรก็ยิ่งแปลว่าแกไม่มีเหตุผลจะต้องปฏิเสธโอกาสแบบนี้นี่นา หรือที่พ่อพูดนี่ไม่จริง?"

คิ้วดกหนามุ่นเข้าหากันเล็กน้อย เพราะเริ่มจับได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มใช้ฐานะ 'พ่อ' มาหว่านล้อมเขาเรื่องงาน

"ความจริงผมเคยคุยเรื่องนี้กับคุณปรีชาไปแล้ว หรือคุณปรีชาฝากให้พ่อมาคุยกับผมใหม่?"

เพราะก่อนหน้าที่จะบินด่วนกลับมาเมืองไทยและเกิดเหตุให้ต้องเข้าโรงพยาบาล เขาโทรศัพท์คุยกับท่านประธานเรียบร้อยแล้วว่าผู้ที่สมควรได้โอกาสนี้มากกว่าคือคุณอั๋นที่อาวุโสและทำงานมานานกว่าเขา และให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าเขามีโครงการใหม่อยากนำเสนอมากมายที่จะดำเนินการได้ยากหากต้องไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งตอนนั้นคุณปรีชาก็รับรู้และยอมรับการตัดสินใจของเขากลายๆ แล้ว

ชาญส่ายศีรษะพลางวางแก้วชาลง "เปล่า แต่อย่าลืมสิว่าคุณแพทริกเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา เขาบอกว่าได้เจอแกตอนที่ไปอบรมที่สำนักงานใหญ่แล้วถูกใจ บอกว่าถ้าแกได้ไปทำงานที่เวียดนามแล้วผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ อาจจะทำเรื่องดึงแกไปประจำที่สำนักงานใหญ่เลยก็ได้"

เชษฐ์เลิกคิ้ว แต่หาใช่เพราะความแปลกใจที่บิดารู้จักกับหัวเรือใหญ่ของบริษัท เพราะก่อนจะออกไปทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับร้านอาหารและนำเข้าสินค้าจากเมืองไทย พ่อของเขาก็เป็นคนที่ร่วมปลุกปั้นบริษัทในเมืองไทยกับคุณปรีชาจนเติบโตมาถึงทุกวันนี้ เพียงแต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้บริหารอาวุโสยอมรับความสามารถของเขาทั้งที่ได้ทำงานร่วมกันไม่กี่วันถึงเพียงนั้น

เกิดความเงียบขึ้นในห้องนั่งเล่นครู่ใหญ่ ทว่าสีหน้าที่แทบไม่เปลี่ยนไปทำให้ผู้สูงวัยยากจะเดาว่าบุตรชายคิดอะไรอยู่ จึงรีบถือโอกาสตีเหล็กขณะที่ยังร้อน

"ที่พ่อแยกออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเพราะอยากทำอะไรที่เป็นของตัวเองแล้วก็เข้ากับนิสัยมากกว่า ตาชินเองก็คิดเหมือนกัน แต่แกไม่เหมือนพ่อกับตาชิน นิสัยแกเหมาะจะแสดงฝีมือในองค์กรใหญ่เพื่อเลื่อนสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ สำนักงานที่เมืองไทยมันเล็กไปสำหรับแกนะเชษฐ์ พ่ออยากให้แกคิดถึงความมั่นคงในอนาคตมากกว่าพอใจแค่กับอะไรใกล้ตัว ยิ่งมาเห็นแกต้องล้มหมอนนอนเสื่อแบบนี้พ่อยิ่งไม่สบายใจ"

สำหรับอะไรใกล้ตัวที่ว่านั้น คนพูดเจตนาละไว้โดยไม่ระบุออกมาให้ชัดเจน ซึ่งเชษฐ์ก็เข้าใจได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องทวนถามบิดาว่าต้องการจะหมายถึงอะไร

หรือในบริบทนี้...หมายถึง ‘ใคร’

ตลอดเวลาหลายวันที่ได้อยู่ในโรงพยาบาล เขารับรู้ได้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับภัทรอยู่ในสายตาของผู้สูงวัยทั้งสองโดยตลอด ซึ่งเขาก็จงใจแสดงออกเท่าที่ทำได้ให้ทั้งคู่รับรู้ว่านี่คือคนที่เขาเลือก เพราะเชื่อว่าบิดาและมารดาผ่านโลกมามากพอที่จะเข้าใจและยอมรับคนที่เขามอบหัวใจให้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่การยอมรับนั้นดูเหมือนจะไม่ได้หมายรวมว่าความเป็นห่วงในอนาคตของเขาจะลดลง ต่อให้เขาเป็นผู้ใหญ่อายุสามสิบกว่าเช่นนี้แล้วก็ตาม

ประกายลึกล้ำพาดผ่านแววตาคมเข้มขณะร่างสูงใหญ่ยกนิ้วชี้ขึ้นดันแว่น

"ที่พ่อพูดมาก็ถูกครับ คุณปรีชาก็เคยสอนผมตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วว่าเราไม่ควรทิ้งทุกโอกาสที่ก้าวเข้ามาหาหรือมีคนหยิบยื่นให้ เรื่องไปสำนักงานใหญ่ผมจะเก็บไปคิดดู"

"อ้าว พ่อลูกมัวคุยอะไรกันจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปสนามบินแต่เช้ามืดไม่ไหวนะ"

เพราะเห็นว่าสามียังไม่เข้าห้องมาพักผ่อน คุณเพียงมาศจึงตั้งใจจะมาตาม แต่ไม่นึกว่าจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังสนทนากับบุตรชายอยู่ในบรรยากาศที่ค่อนข้างเคร่งเครียด

เธอหาได้ตระหนักว่าการปรากฏตัวของตนเปรียบเสมือนระฆังที่ช่วยพักยกได้พอดิบพอดี

"คุยสัพเพเหระกันเสร็จแล้วล่ะครับแม่ นี่กำลังจะพากันไปนอนพอดีเลย เมื่อกี้พ่อก็บ่นว่าง่วงแล้วเหมือนกันนี่ครับ"

ท้ายประโยคเชษฐ์หันไปโกหกตาใสใส่ผู้เป็นพ่อ ฝ่ายคุณชาญเพียงแต่หัวเราะหึหึเพราะรู้ว่าเจ้าลูกคนนี้คงไม่อยากให้มารดารู้ว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องอะไร เพราะดีไม่ดีเพียงมาศอาจยิ่งคะยั้นคะยอลูกหากรู้ว่าเชษฐ์มีโอกาสได้ไปอยู่สำนักงานใหญ่ เนื่องจากใจคนเป็นแม่ก็ย่อมอยากให้เลือดเนื้อเชื้อไขย้ายไปอยู่ใกล้ตัวมากกว่าอยู่แล้ว เขายังจำได้ว่าตอนได้รับโทรศัพท์ว่าบุตรชายบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล ภรรยาร้องห่มร้องไห้อย่างเสียขวัญเพียงใด

เรื่องที่ต้องพูดเขาก็ได้พูดไปแล้วในฐานะพ่อและผู้ใหญ่ที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อน หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ที่เจ้าตัวจะต้องไปคิดชั่งน้ำหนักเอาเองว่าอะไรคือสิ่งที่ควรจะทำ หรือทางเลือกไหนที่ควรจะเลือกเพื่ออนาคตของตัวเอง ดังนั้นเขาคิดว่าหยุดบทสนทนาไว้ตรงนี้ก็เหมาะสมดี

"อืม ใช่ ขอโทษนะ คุณเลยต้องลำบากลุกจากเตียงมาตาม"
 ผู้สูงวัยเอ่ยพลางลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปกุมมือของภรรยา ทำให้โดนคนที่เดินมาตามค้อนควัก

"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ ถ้าพรุ่งนี้เช้าคุณตื่นไม่ไหวมาศก็ตกเครื่องสิ"

ประโยคหยอกเย้าของผู้สูงวัยทำให้เชษฐ์ยิ้มออกมาได้ สิ่งหนึ่งที่เขาภูมิใจก็คือได้เติบโตมาในครอบครัวที่บิดาและมารดารักใคร่ห่วงใยกันด้วยดีมาตลอดอายุสามสิบกว่าปีของเขา

คุณชาญหันมาเอ่ยกับบุตรชายบ้าง "ถ้าอย่างนั้นแกก็ไปพักผ่อนเถอะไป ตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแท้ๆ แน่ใจแล้วรึว่าจะไม่โทรเรียกแท็กซี่ให้มารับพ่อกับแม่ตอนเช้าแทน?"

"เดี๋ยวขับรถไปส่งพ่อกับแม่ที่สนามบินแล้วผมก็กลับมานอนต่อได้ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนอยู่โรงพยาบาลผมนอนเยอะเกินโควต้าแล้วด้วยซ้ำไป"

ชายหนุ่มเอ่ยติดตลกขณะเดินตามไปส่งผู้สูงวัยทั้งสองที่ห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องของทั้งคู่มาตั้งแต่สมัยที่ยังอยู่ที่บ้านนี้ ส่วนเขากับพี่ชายมีห้องนอนชั้นบนกันคนละห้อง

"ถ้างั้นก็ฝันดีนะจ๊ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ตอนเช้า"

คุณเพียงมาศหันมาโอบลูกชายแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้ม ซึ่งหญิงสูงวัยทำเช่นนี้กับลูกๆ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พอเข้าวัยรุ่นคู่แฝดก็เริ่มเขินและบ่ายเบี่ยงบ้าง แต่พออายุมากขึ้นและไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากอย่างเมื่อก่อน เวลาเจอกันเชษฐ์จะยอมให้มารดาปฏิบัติด้วยเหมือนสมัยยังเป็นเด็กแต่โดยดี

"ราตรีสวัสดิ์ครับ"

หลังจากส่งทั้งคู่เข้าห้องนอนแล้ว ชายหนุ่มก็เดินล็อกประตูหน้าต่างในบ้านและปิดไฟก่อนจะขึ้นไปชั้นบน ตอนนี้ความกระตือรือร้นที่จะสานต่อเรื่องในห้องน้ำก่อนที่จะถูกขัดจังหวะดับมอดไปแล้ว อีกอย่างเขาเองก็ต้องพักผ่อนเพื่อตื่นมาขับรถไปส่งบิดากับมารดาไปสนามบินตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างอีกด้วย

ร่างสูงใหญ่ปิดไฟตรงโถงชั้นสองก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน เขาพบว่าภายในห้องมีเพียงโคมไฟหัวเตียงให้แสงสว่างอยู่ดวงเดียว ส่วนใครอีกคนที่นอนร่วมห้องกันได้นอนตะแคงหันหลังให้อยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว

"ภัทร? หลับแล้วเหรอ?"

มีเพียงความเงียบงันที่เขาได้รับแทนคำตอบ ชายหนุ่มจึงปิดประตูอย่างเบามือก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ หลังจากถอดแว่นออกพับวางบนโต๊ะข้างเตียง เขาก็เลิกชายผ้าห่มแล้วสอดตัวเข้าไปนอนซ้อนหลังร่างเพรียวโดยพยายามระวังไม่ปลุกให้ตื่น เสียงหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าภัทรน่าจะหลับสนิทมาได้พักใหญ่

เชษฐ์ปิดโคมไฟก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกระชับคนที่นอนหันข้างให้ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียเรือนผมนุ่มพลางสูดกลิ่นหอมอ่อนจางเข้าในปอด ตอนยังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะนอนร่วมเตียงกันทุกคืนเหมือนตอนนี้ กระนั้นบรรยากาศก็ไม่ค่อยเป็นใจเพราะไหนภัทรจะคอยห่วงอาการของเขาจนไม่ยอมให้ทำอะไรมากกว่าจูบ ไหนจะหมอกับพยาบาลที่คอยเข้ามาตรวจวันละสองสามครั้ง ไหนจะพ่อแม่ของเขาเองและแขกคนอื่นที่มาเยี่ยมอีก ทำให้แม้จะได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีเวลาส่วนตัวร่วมกันสักเท่าไหร่

แต่หลังจากนี้...เขาจะไม่ปล่อยให้เวลาที่เสียไปต้องสูญเปล่าอีกแล้ว

เสียงลมหายใจเป็นจังหวะกับไออุ่นของร่างในอ้อมแขนขับกล่อมให้เชษฐ์หลับก่อนจะทันรู้ตัวว่าตนเหน็ดเหนื่อยกับวันนี้แค่ไหน ความอ่อนเพลียทำให้เขาหลับสนิทโดยไม่ทันรู้สึกว่าร่างที่กอดมีการเคลื่อนขยับ ภัทรลืมตาขึ้นช้าๆ และยกแขนที่พาดบนเอวออกอย่างระมัดระวังเมื่อจับได้ว่าอีกฝ่ายหลับแล้ว จากนั้นร่างเพรียวก็ลุกขึ้นนั่งพลางเหลียวลงมองใบหน้าคมคายที่เห็นได้รางเลือนภายใต้แสงจันทร์ผ่านหน้าต่าง แววตาที่ปกติสุกใสทอประกายอ่อนล้าขณะชันเข่าขึ้นแล้วซบหน้าลงไปโดยไม่มีน้ำตาหลั่งออกมาสักหยดเดียว


++---TBC---++ 


A/N: มาแล้วค่า ตอนใหม่ที่ทุกคนรอคอย ที่ต้องปล่อยครึ่งแรกออกมาก่อนเพราะสัปดาห์นี้งานยุ่งมากๆๆ แต่ไม่อยากให้คนอ่านค้างจากเนื้อหาตอนก่อนกันนานๆ ก็เลยเอามาลงให้ก่อน ยิ่งใกล้จบก็ยิ่งรู้สึกใจหาย แต่ก็ดีใจที่เขียนมาได้ถึงขั้นนี้แล้ว ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจบด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 18-03-2013 12:36:59
สนุกมาก ติดตามอยู่จ้า รีบมาต่อนะ  o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 18-03-2013 12:44:36
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ไปอยู่เวียดนามด้วยกันได้มั๊ย จะมีโอกาสมั๊ย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 18-03-2013 14:22:52
เศร้า
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-03-2013 16:01:27
หนุกมาก!!!!!! เพิ่งอ่านจบ.... ที่สุดครับ ขอคารวะ!!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 18-03-2013 16:15:52
แง่ม เปิดซองมาม่า และน้ำร้อน พร้อมค่ะ เหอะๆแง
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-03-2013 16:18:17
หนุกมาก!!!!!! เพิ่งอ่านจบ.... ที่สุดครับ ขอคารวะ!!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 18-03-2013 16:39:30
ภัทรเชื่อใจคุณเชษฐ์ซิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 18-03-2013 17:40:43
สู้ๆนะจ้ามาต่อปล่อยๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 18-03-2013 18:08:50
ภัทรแอบได้ยินเหรอ คุณเชษฐ์คงไม่เลือกที่จะทิ้งกันหรอกใช่ไหม
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 18-03-2013 18:13:36
เอาเลยค่ะ  ตีกระหน่ำให้หนัก ๆ  เอาให้ตาบวมกันไปเล้ย  โอ้ย นี่อุส่าห์มีคนเตือนว่าอย่าอินมากแต่น้องรินเขียนซะ  ขนาดบทสนทนาพ่อลูกยังเสริมดราม่าได้ขนาดนี้  โอ้ย  ภัทรเศร้าจังอ่ะ  เดี๊ยวขอภัทรไปตำส้มตำกินรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-03-2013 18:28:41
ต้มน้ำรอมาม่า  แต่อยากเสียเที่ยวนะ  ไม่อยากกินอ่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 18-03-2013 21:38:29
เฮ้อ ภัทรได้ยินแน่เลย

อุปสรรคอีกแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: lasom ที่ 18-03-2013 23:21:05
ก็หนีบน้องภัทรไปเวียดนาม ประจำตำแหน่งพ่อบ้าน(ส่วนตัว)ซะด้วยเลยจิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 18-03-2013 23:29:46
*ร้องไห้* เราว่าเรารู้นะว่าคุณเชษฐคิดยังไง แต่กับภัทรเนี่ยสิ คนที่มีอดีตแบบนี้จะคิดะทำอะไร เดาใจไม่ถูกจริงๆ TOT นี่ก็สงสัยไปแอบฟังคุณเชษฐคุยกับพ่อแน่เลย
ฮือออ ภัทรอย่าเพิ่งคิดมากนะ คุณเชษฐไม่มีทางปล่อยมือภัทรแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 19-03-2013 01:56:46
สงสารภัทรอ่าาา นักเขียนสู้ๆๆ นะคะ นิยายสนุกมาก เป็นกำลังใจให้นะคะ^^
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งแรก P.22 [18/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 20-03-2013 21:57:02
งานนี้น้องภัทรมีแอบฟังรึปล่าวนะ
เฮ่ออออ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 21-03-2013 10:30:27
ตอนที่ 23 (ครึ่งหลัง)

เมื่อเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ดังขึ้นตอนตีสาม เชษฐ์ก็รู้สึกตัวตื่นและหันไปกดปุ่มปิดเพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนคนที่ยังหลับ แต่แล้วก็เลิกคิ้วเมื่อมีการเคลื่อนไหวข้างตัว

"นอนต่อก็ได้นะ ฉันไปส่งพ่อกับแม่เสร็จก็กลับมาแล้ว"

เชษฐ์หันไปบอกเมื่อเห็นเงาตะคุ่มของร่างเพรียวที่ค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ความสลัวรางทำให้ต่างคนต่างเห็นหน้ากันไม่ชัด กระนั้นแสงจันทร์นวลที่ส่องเข้ามาทางด้านหลังของภัทรก็ทำให้เขาเห็นอีกฝ่ายส่ายศีรษะ

"ผมจะไปเป็นเพื่อนครับ"

น้ำเสียงนั้นแหบแห้งเล็กน้อยอย่างคนที่เพิ่งตื่น เชษฐ์จึงยิ้มออกมา โดยหาได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วภัทรเพิ่งจะข่มตาหลับลงเมื่อตอนตีสองเท่านั้นเอง

"เอาสิ ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้มีเพื่อนคุยตอนขากลับ"

มือใหญ่ยกขึ้นสางเรือนผมของคนตรงหน้า ทว่าเนื่องจากความอับแสงในห้อง เขาจึงไม่สามารถเห็นแววตารวดร้าวของคนที่กำลังรับความอ่อนโยนจากฝ่ามือตนได้

ทั้งสองใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัวแบบง่ายๆ เพื่อจะไปสนามบิน เมื่อลงบันไดมาชั้นล่างก็พบว่าคุณชาญกับคุณเพียงมาศนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว จึงช่วยผู้สูงวัยทั้งสองยกกระเป๋าไปที่รถโดยเชษฐ์กับภัทรนั่งด้านหน้า ส่วนคุณชาญกับคุณเพียงมาศนั่งคู่กันที่เบาะหลัง

"ขอโทษด้วยนะจ๊ะภัทร เลยทำให้ต้องตื่นมาส่งแต่เช้ามืดไปด้วย"

คุณเพียงมาศเอ่ยเป็นเชิงชวนสนทนา ภัทรจึงเอี้ยวคอไปยิ้มอ่อนๆ ให้ "ไม่เป็นไรครับ"

"ไว้วันหลังมีโอกาสก็ไปเยี่ยมกันที่โน่นได้นะจ๊ะ แค่บอกมาก่อนว่าจะมากันเมื่อไหร่ แม่จะได้พาเที่ยว"

ประโยคชักชวนนั้นหาได้มีความหมายแอบแฝงลึกซึ้ง ทว่าภัทรรู้สึกราวกับโดนค้อนที่มองไม่เห็นตอกย้ำลงมาในใจว่าเชษฐ์มีโอกาสจะเลือกไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งถ้าหากเจ้าตัวตัดสินใจเช่นนั้นจริง การไปเยี่ยมในที่นี้ก็คงหมายถึงเขาคนเดียวที่ต้องเดินทางไปหาอีกฝ่าย

"...ขอบคุณครับ"

ชายหนุ่มตอบเสียงแผ่วก่อนจะดึงสายตากลับมาด้านหน้า แววตาหม่นหมองเหลือบแลลงบนตักของตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนไม่แม้แต่อยากจะเปล่งเสียงออกจากปาก สิ่งที่ไปแอบได้ยินเข้าเมื่อคืนก่อนยังสลักฝังแน่นในหัวจนเกินไป


“นิสัยแกเหมาะจะแสดงฝีมือในองค์กรใหญ่เพื่อเลื่อนสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ สำนักงานที่เมืองไทยมันเล็กไปสำหรับแกนะเชษฐ์ พ่ออยากให้แกคิดถึงความมั่นคงในอนาคตมากกว่าพอใจแค่กับอะไรใกล้ตัว”

"คุณปรีชาก็เคยสอนผมตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วว่าเราไม่ควรทิ้งทุกโอกาสที่ก้าวเข้ามาหาหรือมีคนหยิบยื่นให้ เรื่องไปสำนักงานใหญ่ผมจะเก็บไปคิดดู"


 
ถ้าหากเมื่อคืนเขาไม่ถูกความอยากรู้อยากเห็นรบกวนจิตใจจนไปแอบฟังบทสนทนาของพ่อลูก เขาก็คงไม่ต้องมารับรู้ข้อมูลเหล่านี้ แล้วก็คงยังมีความสุขจากการละเมอเพ้อพกไปว่าหลังจากนี้คุณเชษฐ์คงไม่ต้องอยู่ห่างจากเขาอีกแล้ว...ใช่ไหม

ถึงแม้ภัทรจะไม่ใช่คนคุยเก่งหรือชอบเรียกร้องความสนใจ แต่เชษฐ์ก็รับรู้ได้ถึงความเงียบผิดปกติของคนข้างตัว ความสลัวของท้องถนนและการต้องคอยมองเส้นทางทำให้ไม่สามารถแบ่งความสนใจมาพิจารณาคนข้างตัวเต็มๆ ตาได้ แต่กริยาอาการที่เอาแต่ทอดสายตาลงต่ำก็ยังปรากฏให้เขาเห็นทางหางตาอยู่นั่นเอง

“ยังง่วงอยู่หรือเปล่า? จะนอนต่อก็ได้นะ”

เชษฐ์เอ่ยพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของภัทรเบาๆ คำถามนั้นทำให้เขารู้สึกตัวว่าคงเผลอแสดงอาการเซื่องซึมออกมาชัดเจนเกินไป จึงส่ายหน้าแล้วหันไปฝืนยิ้มให้คนถาม

“ไม่ง่วงหรอกครับ เดี๋ยวกลับไปถึงบ้านผมค่อยนอนก็ได้”

ภัทรอาจเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง... 'เคย' เก็บความรู้สึกเก่งก่อนจะมาคบกับเขา แต่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเจ้าตัวจะพยายามแสร้งทำท่าทางตรงข้ามกับความในใจเพียงใดก็ไม่หลุดพ้นการสังเกตของเชษฐ์ไปได้ คนที่กำลังขับรถจึงเหลียวมาสบตากับคนที่ยิ้มให้แวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองด้านหน้า

ร่างสูงใหญ่ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดต่อจากนั้น เขาเพียงแต่ยื่นมือมากุมมือของภัทรเอาไว้โดยไม่สนใจว่าบิดามารดาที่นั่งอยู่ด้านหลังจะมองมาเห็น

ในรถมีเพียงเสียงดนตรีจากแผ่นซีดีที่เปิดคลอบรรยากาศ นอกจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยสุ้มเสียงใดเพื่อชวนใครคุยอีก แม้แต่ภัทรก็ไม่ท้วงติงคนข้างตัวหรือชักมือหนี จะผิดอะไรถ้าเขาอยากซึมซับความอบอุ่นในช่วงเวลานี้ไว้ ในเมื่อไม่รู้ว่าจะมีโอกาสรื่นรมย์กับสิ่งเหล่านี้ได้อีกนานแค่ไหนหากคุณเชษฐ์ตัดสินใจไปต่างประเทศจริงๆ

ในที่สุดทั้งสี่ก็มาถึงสนามบิน เมื่อจอดรถแล้วเชษฐ์กับภัทรก็ช่วยกันลากกระเป๋าเดินทางของผู้สูงวัยไปยังอาคารผู้โดยสารขาออก หลังจากต่อแถวเช็คอินเพื่อโหลดสัมภาระและได้เลขที่นั่งกันเรียบร้อย คุณชาญกับคุณเพียงมาศก็เดินมาบอกลาเชษฐ์กับภัทรที่ยังยืนรอส่งอยู่ด้านหน้า

"ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่ไปก่อนล่ะนะ เช้าๆ อย่างนี้คิว ต.ม. คงจะยาว ถ้าไม่รีบเดี๋ยวแม่เขาไม่มีเวลาเดินดูดิวตี้ฟรี" พูดจบคุณชาญก็โดนภรรยาตีแขนพร้อมกับค้อนให้อีกที

"อย่าลืมที่แม่บอกนะจ๊ะ ถ้ามีเวลาก็มาเยี่ยมกันบ้าง เชษฐ์เองก็อย่าเพิ่งรีบหักโหมกลับไปทำงานนะลูก คุณปรีชาอุตส่าห์ให้พักได้ทั้งเดือนก็ต้องพักผ่อนเยอะๆ รู้มั้ย แม่ไม่อยากใจหายใจคว่ำแบบคราวนี้อีกแล้วนะ"

คุณเพียงมาศหันมาเอ่ยกับบุตรชายคนเล็กหลังจากรั้งร่างสูงใหญ่เข้าไปกอด ความเป็นห่วงเป็นใยถูกแสดงออกมาอย่างแจ่มชัดทั้งในน้ำเสียงและแววตา นับตั้งแต่วันที่ได้เจอกันที่โรงพยาบาล ไม่มีใครหันมากล่าวโทษภัทรแม้แต่หนึ่งคำเกี่ยวกับการบาดเจ็บของคนที่ยืนอยู่ข้างเขาในยามนี้ กระนั้นภัทรก็ยังอดสะท้อนในอกไม่ได้ว่าต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนต้องวุ่นวายเช่นนี้ก็คือตัวเขาเอง

"ครับแม่ ไว้ผมจะหาเวลาไปเยี่ยม"

"ภัทรก็มาด้วยกันนะจ๊ะ"

ท้ายประโยคคุณเพียงมาศหันมาหาภัทรและบีบมือเบาๆ เขาจึงพยายามปั้นยิ้มให้เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจแล้วพยักหน้ารับ

"ครับ"

"เดินทางปลอดภัยนะครับ ถ้าหากถึงที่โน่นแล้วโทรมาบอกผมด้วย"

เชษฐ์เอ่ยหลังจากทั้งเขาและภัทรยกมือไหว้ลาผู้สูงวัยทั้งสอง จากนั้นก็ลดมือหนึ่งลงกุมมือคนข้างตัวเอาไว้จนเจ้าของนัยน์ตาเรียวเหลือบขึ้นมองด้วยแววตาไม่ค่อยเข้าใจ ทว่าคุณชาญกลับรับรู้ความตั้งใจเบื้องหลังการแสดงออกเล็กน้อยเพียงเท่านั้นได้ทันที ชายสูงวัยจึงเพียงยกมือตบบ่าบุตรชายแล้วเอ่ยทิ้งท้ายอย่างกำกวม

"เรื่องที่คุยกันเมื่อคืนนี้ ถ้าคิดได้แล้วว่าจะเอายังไงก็บอกพ่อด้วยแล้วกันนะ"

คุณเพียงมาศเลิกคิ้วด้วยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าเมื่อคืนสามีกับลูกชายพูดคุยกันเรื่องอะไร แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้เมื่ออีกฝ่ายหันมาโอบเอวแล้วพาเดินไปยังด้านในอาคารผู้โดยสารด้วยกัน หลังจากยืนนิ่งมองทั้งคู่เดินหายไปจนลับสายตา เชษฐ์ก็หันกลับมาถามภัทรที่ยืนเงียบอยู่ข้างตัว

"หิวมั้ย? หรือว่าอยากกลับบ้านมากกว่า?"

"กลับบ้านกันดีกว่าครับ"

ภัทรยิ้มตอบโดยแทบไม่ต้องคิด อาจเพราะต้องฝืนปั้นยิ้มหลายครั้งในเช้าวันนี้ คราวนี้เขาจึงรู้สึกว่ามุมปากของตนไม่แข็งจนฝืดฝืนนักยามยกยิ้มให้อีกฝ่าย เชษฐ์จึงพยักหน้าก่อนจะออกเดินโดยไม่ปล่อยมือที่กุมมือเขาเอาไว้

"เอ่อ..."

"หืม?"

ร่างสูงใหญ่เหลียวกลับมามองเมื่อภัทรยังไม่ยอมก้าวจากจุดที่ยืนอยู่ นัยน์ตาคมเหลือบลงตามสายตาของภัทรที่กำลังมองหน้าเขาสลับกับมือของทั้งคู่เหมือนจะเตือนกลายๆ ว่าลืมไปหรือไม่ว่าอยู่ข้างนอก ทว่าเชษฐ์กลับยิ้มจนเห็นประกายซุกซนในแววตาผ่านเลนส์แว่น

"ไม่อยากกลับบ้านแล้วหรือไง? ฉันจะได้พาเดินเล่นในนี้ก่อน"

คำพูดและท่าทางที่บ่งบอกว่าไม่แยแสสักนิดหากคนอื่นมองมาทำให้ภัทรไม่คิดจะโต้แย้งอีก เขาเพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ ขณะปล่อยให้อีกฝ่ายจูงมือเพื่อเดินกลับไปที่รถ น่าแปลกที่ตอนนี้เขาไม่สนใจสักนิดว่าจะมีสายตาของใครจับจ้องมาหรือไม่ กระนั้นก็ยังจงใจทิ้งระยะจากคนข้างหน้าไว้ก้าวหนึ่งเพื่อให้ตัวเองเดินเยื้องไปข้างหลัง เพราะเขารู้สึกว่าตนไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเดินเคียงข้างอีกฝ่ายในยามนี้ได้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสินะที่เขาได้แต่มองแผ่นหลังของคุณเชษฐ์ แต่ว่า...แม้แต่โอกาสที่จะได้มองและสัมผัสกันในระยะใกล้แบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ยืนยาวเอาเสียเลย ถ้าหากถึงเวลาที่ต้องกลับไปอยู่คนเดียวจริงๆ เขาจะทนรับความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวตามลำพังไหวหรือเปล่า...

ระยะทางกลับไปสู่อาคารจอดรถยาวเพียงไม่เกินสองร้อยเมตร แต่ภัทรกลับรู้สึกว่าเท้าแต่ละข้างหนักราวกับมีตุ้มถ่วงจนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ช้าเหลือใจ กว่าจะไปถึงรถและเชษฐ์ขับออกมาจากบริเวณสนามบิน ริ้วสีแสดจางของพระอาทิตย์ยามเช้าก็เริ่มผลุบขึ้นให้เห็นรางๆ บนขอบฟ้าแล้ว

"นอนพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วฉันจะปลุก"

เชษฐ์เอ่ยเมื่อเห็นคนข้างตัวเริ่มออกอาการสะโหลสะเหลมากขึ้น ภัทรซึ่งเพิ่งถูกความเหน็ดเหนื่อยรุมเร้าเพราะได้หลับไปเพียงชั่วโมงเดียวจึงพยักหน้าแต่โดยดี เชษฐ์จึงขับรถเบี่ยงเข้าข้างทางแล้วเอื้อมมือมาช่วยกดปรับเก้าอี้ของเขาให้เอนลง จากนั้นก็เอี้ยวตัวไปหยิบผ้าห่มผืนเล็กที่พับสอดไว้หลังเบาะมาคลี่ออกคลุมบนร่างให้

ภัทรกระพริบตาเมื่ออีกฝ่ายยกมือขึ้นลูบผมให้เขาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาสองคู่สบประสานกันท่ามกลางความสลัวของยามเช้ามืด ก่อนที่เชษฐ์จะกระซิบเสียงเบาราวเกรงว่าน้ำหนักเสียงที่ดังเกินไปจะรบกวนการพักผ่อนของเขา

"วันนี้อยากไปไหนบ้างหรือเปล่า? หลังตื่นนอนแล้วฉันจะได้พาไป ต้องมาอุดอู้อยู่ที่โรงพยาบาลทั้งอาทิตย์เธอคงเบื่อ"

การแสดงความใส่ใจอันแสนจะอ่อนโยนนั้นทำให้ภัทรน้ำตารื้น เขาอยากจะตอบตรงกับความในใจเหลือเกินว่าไม่ใช่เลย การคอยเฝ้าดูแลอีกฝ่ายแค่นั้นยังชดเชยกับทุกสิ่งที่คุณเชษฐ์เคยทำให้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่ก็ทำได้มากที่สุดเพียงฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้าเพื่อเก็บด้านที่อ่อนไหวจนตัวเองยังหงุดหงิดเอาไว้เพียงลำพัง

"ผมไม่อยากไปไหนหรอกครับ แค่ได้อยู่กับคุณเชษฐ์ก็พอแล้ว"

คำตอบนั้นทำให้คนฟังยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เชษฐ์แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนทีหนึ่งก่อนจะดึงสายเข็มขัดนิรภัยของเขามาคาดให้ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้จนถึงคาง

"งั้นก็หลับพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวถึงเมื่อไหร่แล้วฉันจะปลุก"

ภัทรพยักหน้าแล้วหลับตาลง หลังจากเชษฐ์ออกรถได้ไม่นานเขาก็หรี่ตาขึ้นอีกครั้งแล้วลอบมองอีกฝ่ายจากด้านข้าง ใจอยากเหลือเกินที่จะยื่นมือออกไปลูบไล้เสี้ยวหน้าคร้ามเข้มและกุมมือใหญ่เอาไว้เพื่อขับไล่ไอหนาวที่เกาะกุมจิตใจ แต่ในไม่ช้าก็พ่ายแพ้ให้แก่ความเหน็ดเหนื่อยที่แผ่ซ่านไปตามกล้ามเนื้อทั่วร่างจนไม่อาจทนฝืน ในที่สุดนัยน์ตาเรียวก็ต้องยอมปิดลงอย่างจำใจ และปล่อยตัวเองให้หลับไหลในห้วงนิทรารมณ์อย่างแท้จริง

 

++---TBC---++
 

A/N: เป็นครึ่งหลังที่ต่อจากครึ่งแรก (เอ่อ...มันก็ต้องอย่างนั้นสิ) เนื้อหาของตอนนี้อาจไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้นหรือตื่นเต้นมากนะคะ แต่ก็แอบแฝงรายละเอียดสำคัญที่จะโยงไปยังตอนต่อไป ที่คนเขียนก็ลุ้นมากว่าจะเป็นตอนจบของเรื่องหรือไม่อยู่เหมือนกัน ตอนที่แล้วทิ้งปมชงมาม่าไว้จนคนอ่านตัดพ้อกันหลายคน ตอนนี้คงจะไม่มากเท่าตอนก่อนแล้วเนาะ? แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้าด้วยค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 21-03-2013 10:50:42
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 21-03-2013 11:06:33
อย่าคิดมากดิภัทร เห้ยๆๆๆๆ
ไม่เอา ไม่งั้นเด๋วคิดเองเออเอง แล้วคุณเชษฐ์จะเสียใจ
มีไรต้องคุยกันนนนนน
นะๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: j_world ที่ 21-03-2013 11:30:01
ภัทรจ๋า..ถ้าคิดจะใช้ชีวิตด้วยกัน มีอะไรก็ต้องคุยกัน ไม่งั้นจะไม่เข้าใจกัน..มีอะไรก็คุยกัน
การคิดมากอยู่คนเดียว มีแต่จะสร้างความทุกข์ให้ตัวเรา..และคนข้างกายด้วย
หยุดโทษตัวเอง..แล้วคุยกับคุณชษฐ์ดีกว่าจ้ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 21-03-2013 12:25:25
ไมมาแค่นี่อ่ะ ยังไม่คืบหน้าไปไหนเลย
ถ้าให้เดาใจ คุณเชษฐ์เลือกภัทรแน่นอน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 21-03-2013 13:18:47
เชซฐ์ ก็พาภัทรไปอยู่ด้วยกันเลยสิ สร้างครอบครัวใหม่ อิอิ
สงสารภัทรอ่ะ คงเหงาแน่ ถ้าเชษฐ์ต้องกลับไปเวียดนามอีก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-03-2013 14:22:12
คุณเชษฐ์เจทเทอร์แมนจะตายเลือกภัทรอยู่แล้ว!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: krenr ที่ 21-03-2013 17:01:30
คุณเชษฐ์พาภัทรไปอยู่ด้วยเลยย สร้างครอบครัวกันที่นู่นเลยจ้า
ภัทร หนูอย่าคิดมากนะคะลูก มีอะไรก็คุยๆกับพี่เค้าหน่อย อย่าเก็บมาคิดมาซึมอยู่คนเดียว
ติดตามจ้า สนุกมากกกก  o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 21-03-2013 19:30:09
คุณริน อย่าใจร้ายนะ ไม่ชอบกินมาม่า
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Aini_es ที่ 21-03-2013 19:45:11
ภัทรอย่าคิดมากเลยน้าาา

นักเขัยนสู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 21-03-2013 19:50:10
ขนาดว่าใกล้จะจบแล้ว น้องภัทรยังดราม่ากันสุดติ่ง 
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-03-2013 01:28:16
เพิ่งอ่านจบค่ะ อ่านยาวรวดจนดึกดื่นไปเลย สนุกมากค่ะ อยากมีแฟนแบบคุณเชษฐ์อ่า จะเอาๆ 555
ภัทรโชคดีมากเลยนะได้เจอคุณเชษฐ์เนี่ย พระเอกเราเป็นสุภาพบุรุษสุด ๆ รักและเข้าใจในตัวภัทรมาก
ซึ่งภัทรเองก็ต้องอาศัยความเข้าใจมากเพราะเป็นคนคิดอะไรเยอะสุด ๆ หนักใจกับความคิดภัทรเหมือนกันนะ
เพราะเรื่องในอดีตที่ทำให้ฝังใจมาก ดีที่คุณเชษฐ์เป็นผู้ใหญ่ก็เลยเข้าอกเข้าใจ มาม่ามาเป็นระยะ ๆ
ช่วงแรกก็มาม่ากับใจนายเอกเราว่าจะไปกันรอดมั้ยเนี่ย เกรงใจเก่งเหลือเกิน ช่วงสองก็มาม่ากับอดีตแฟนอีก
อีนี่เลวเนอะเลวแบบสุด ๆ ตอนนั้นภัทรน่าสงสารมากอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุดแล้ว คุณเชษฐ์มาเจ็บเยอะีอีก
โอยลุ้นกับใจหายใจคว่ำ พอหายก็ดูโอเคเพราะพ่อแม่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรภัทร มีความสุขได้แป้บ
มาม่าชามที่สามมันก็มา ฮือออออออออ แต่เข้าใจพ่อแม่คุณเชษฐ์นะว่าต้องอยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี
เพราะเป็นคนเก่งและมีศักยภาพ แต่สำหรับภัทร ปมในใจลึกๆ ตั้งแต่แรกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับคุณเชษฐ์
อยู่แล้วมันก็ต้องกลับมาเป็นธรรมดา เหมือนเป็นตัวถ่วงเค้าอีก ตอนนี้กลัวใจภัทรมากว่าจะไม่พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา
แบบตัดรอนกับคุณเชษฐ์ไปอะไรอย่างงี้ ซึ่งถ้าพูดออกมาตรง ๆ นะ คุณเชษฐ์มีทางออกสำหรับเรื่องนี้อยู่แล้ว
เปิดบริษัทเองรู้แล้วรู้รอดไปเลยเนอะคุณเชษฐ์ สามารถอยู่แล้วเก่งจะตาย เชื่อว่าคุณเชษฐ์จะสามารถ
พาเรื่องหัวใจกับเรื่องงานไปข้างหน้าพร้อม ๆ กันได้ มั่นใจในตัวพระเอกฝุด ๆ ค่ะ  o13

ขอบคุณนะคะ อ่านแล้วก็ติด มาต่อเร็ว ๆนะค้า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 23-03-2013 09:43:43
รอลุ้นช่วงนี้ มาต่อไวไวน่ะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-03-2013 13:57:01
ภัทรอย่าคิดมากน้า :laugh:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 23-03-2013 14:04:40
ถ้าหนุ่มแว่นทำหนูภัทรเราเสียใจ  :dont2:  เราจะโป้งจริงๆ ด้วยนะ ชิๆๆๆ   :ซูโม่:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Anonymus ที่ 23-03-2013 16:13:16
อ่านรวดเดียวเลย และได้ข้อสรุปว่า...ตอนนี้ยังไม่ใช่มาม่า...มันแค่ "หน่วง" เท่าน้านนนน

หวังว่าคงไม่ต้องต้มน้ำร้อน เพราะท่าทางคุณเชษฐ์แกเป็นพระเอกหนังฝรั่ง คือฉลาด ละเอียดอ่อน และเท่ห์

ไม่ใช่พระเอกละครน้ำเน่าที่ต้องง้าวสุดตรีน ถึงจะเป็นพระเอกได้ เพราะงั้น รอลุ้นช็อตหวานๆดีฝ่า อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: rabbit-orange ที่ 23-03-2013 19:30:19
มาม่าห้อใหย่่ๆๆๆๆๆๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 23 ครึ่งหลัง P.22 [21/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: eaey ที่ 24-03-2013 20:27:51
เข้ามารอ เพราะว่าเห็นว่าจะจบแล้ว ไม่อยากกินมาม่านะคะ ชีวิตรันทดพอแล่ว :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-03-2013 09:44:06
ตอนที่ 24 (ตอนจบนะจ๊ะ)

เนื่องจากเมื่อคืนภัทรนอนไปเพียงชั่วโมงเดียว เมื่อรวมกับความอ่อนเพลียที่สะสมมาตั้งแต่เฝ้าดูแลคนเจ็บที่โรงพยาบาล เขาจึงหลับสนิทโดยไม่รู้สึกตัวตื่นเลยตลอดเวลาที่เชษฐ์ขับรถ แม้กระทั่งตอนที่รับรู้ว่ารถเลี้ยวเข้าจอดที่ใดสักแห่งและได้ยินเสียงทุ้มลอยมาเข้าหูแว่วๆ ว่า “เต็มถัง” เขาก็ยังสะลึมสะลือจนลืมตาไม่ขึ้น และผล็อยหลับต่อในไม่ช้าเมื่อรถเคลื่อนตัวในไม่กี่นาทีให้หลัง

ภัทรรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็เมื่อรับรู้ว่ารถจอดนิ่งกับที่โดยไม่ติดเครื่อง นัยน์ตาเรียวปรือขึ้นอย่างเชื่องช้าเพื่อปรับม่านตาเข้ากับแสงสว่างยามเช้า อากาศภายในรถไม่ได้เย็นจัดเพราะเครื่องปรับอากาศอีกต่อไป แต่เป็นความเย็นจากลมธรรมชาติที่พัดโชยเข้ามาทางหน้าต่างซึ่งช่วยให้ไม่รู้สึกร้อนหรืออึดอัด

“...เอ๊ะ?”

ภัทรเหลียวไปมองที่นั่งข้างตัวขณะค่อยๆ เลิกผ้าห่มออกด้วยความรู้สึกผิดปกติ พลันความง่วงงุนก็ปลิวหายเมื่อพบว่าตนอยู่ในรถเพียงลำพัง

ซ่า.......

เสียงแผ่วๆ ที่ลอยมาเข้าหูนั้นจะว่าคุ้นเคยก็ไม่ใช่ จะว่าแปลกหูก็ไม่เชิงเสียทีเดียว เมื่อลองหันกลับไปมองนอกหน้าต่างฝั่งตัวเอง ภัทรก็ต้องยกมือขึ้นป้องแสงสะท้อนของเปลวแดดที่วิบไหวอยู่บนผืนทะเลซึ่งกำลังซัดเข้าหาหาดทรายตรงหน้า

“คุณเชษฐ์?”

ภัทรกะพริบตาอย่างงุนงง กลิ่นทะเลเจือจางที่ลอยมาตามลมทำให้รู้ว่าเขาอยู่ริมหาดที่ใดสักแห่ง ความแปลกใจกับสถานที่ทำให้ไม่สามารถรวบรวมความคิดอันสับสนได้ในทันที แต่เมื่อกวาดสายตาไปเห็นร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังยืนรับลมอยู่หน้าหาดอันปราศจากผู้คน เขาก็รีบลงจากรถแล้วเดินผ่านแนวต้นสนสูงที่เรียงรายเลียบถนนลงไปหา

แสงอาทิตย์สีทองอาบไล้ร่างที่กำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพลางทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้า ชายเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวที่ไม่ได้ยัดเข้าในกางเกงยีนส์ปลิวตามลมน้อยๆ ยามที่เชษฐ์หันมาเพราะได้ยินเสียงฝีเท้า

“ตื่นแล้วเหรอ? พอดีฉันเห็นเธอกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก นอนอิ่มหรือยัง?”

เชษฐ์ยิ้มเมื่อภัทรเดินเข้าไปใกล้ ร่างเพรียวจึงพยักหน้าพลางปรายตามองไปยังทิวทัศน์ที่ทอดตัวอยู่ไม่ห่าง ลมที่โชยมาทำให้ผมของเขาลงมาปรกตาจนต้องยกมือเสยขึ้นแล้วจับไว้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองนอนจนเกินอิ่มไปมากแล้วด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นจะโดนพาออกมานอกเมืองไกลขนาดนี้โดยไม่รู้ตัวสักนิดได้อย่างไร

ถึงแม้จะใส่รองเท้าผ้าใบมิดชิด แต่ภัทรก็รับรู้ได้ว่าผืนทรายสีส้มอิฐใต้ฝ่าเท้านั้นนุ่มละเอียด คลื่นน้ำทะเลที่ม้วนตัวสู่ฝั่งก่อนจะกลืนหายไปกับผืนทรายอ่อนเบาเหมือนกับลมที่โชยพัด พระอาทิตย์ลอยสูงเหนือผิวน้ำซึ่งใสจนเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง แดดที่ส่องเป็นมุมทะแยงลงมาโดยมีเมฆช่วยกรองความจัดจ้าทำให้ภัทรรู้ว่าคงยังเป็นเวลาสาย ความงุนงงกับสิ่งแวดล้อมตรงหน้าทำให้อดจะออกปากถามเพื่อขอคำยืนยันไม่ได้

“คุณเชษฐ์ครับ ที่นี่...”

“บ้านเธอที่เมืองจันทน์ไง ตั้งแต่ตอนไประยองก็กะจะพามาหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีเวลาสักที ไหนๆ วันนี้ว่างก็เลยขับรถพามากินลมเล่นซะเลย”

เชษฐ์หันมองตามสายตาของภัทรพลางอธิบาย ภัทรจึงเบนสายตากลับมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนพูด ในใจพลันบังเกิดความรู้สึกอันหลากหลายจนยากจะบรรยายขึ้นมา

หรือเพราะคุณรู้ว่าพวกเราอาจมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกไม่นาน ถึงได้ตั้งใจพาผมมาถึงที่นี่...

ภัทรถามโดยไม่เปล่งเสียง เขาเพียงแต่ขยับเข้าไปใกล้และยกมือหนึ่งขึ้นกำแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้ เชษฐ์จึงเบนสายตากลับมา จากนั้นคิ้วดกหนาก็มุ่นขึ้นเมื่อเห็นแววตาที่กำลังมองตัวเอง

"ไม่ชอบที่พามานี่เหรอ?"

"เปล่าครับ ไม่ใช่"

ภัทรส่ายหน้าและพยายามยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาจะไม่ชอบได้อย่างไร ในเมื่อตอนเช้ามืดก็บอกไปแล้วว่าขอแค่ได้ใช้เวลากับอีกฝ่ายก็เพียงพอ ดังนั้นต่อให้ถูกพาไปไหนเขาก็ไม่ขัดทั้งนั้น

เชษฐ์ไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเพียงแต่มองสบตาคนตัวเล็กกว่านิ่งๆ ขณะยกมือขึ้นลูบผมให้ สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่าภัทรกำลังมีบางสิ่งรบกวนจิตใจ และรู้ดีด้วยว่าเจ้าตัวจะไม่พูดออกมาหากกำลังพยายามปกปิดอยู่เช่นนี้

"ไปเดินเล่นกันมั้ย?"

เชษฐ์ถามขณะลดมือลงกุมมือของภัทรเอาไว้ ภัทรจึงยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้และแบมือยื่นออกไป

"ขอกุญแจรถก่อนครับ"

เชษฐ์เลิกคิ้ว แต่ก็ล้วงกระเป๋าส่งพวงกุญแจให้แต่โดยดี ภัทรรีบเดินกลับไปที่รถแล้วปิดกระจกหน้าต่างทุกบานให้เรียบร้อย จากนั้นก็เปิดช่องเก็บของหน้ารถเพื่อหาของที่ต้องการ เมื่อได้แล้วจึงล็อคประตูแล้วเดินกลับไปหาคนที่กำลังยืนรอ

"หมวกครับคุณเชษฐ์ ตอนนี้แดดยังอ่อนอยู่ก็จริง แต่ถ้าสายกว่านี้เดี๋ยวจะร้อน"

ภัทรส่งหมวกที่เชษฐ์สวมตอนออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันก่อนให้ ร่างสูงใหญ่จึงรับไปสวมพลางหัวเราะในคอ เขารับกุญแจรถกลับมาใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าและม้วนขากางเกงขึ้น ภัทรจึงทำตามบ้าง

"วันนี้อากาศดีนะ"

ภัทรพยักหน้าขณะส่งมือไปกุมมือใหญ่ที่ยื่นออกมารอ จากนั้นทั้งสองก็เดินช้าๆ เลียบหาดทรายด้วยกัน สัมผัสเย็นฉ่ำจากน้ำทะเลและผืนทรายที่ยวบตัวยามเท้าเปลือยเปล่าย่ำลงไปช่วยให้เขารู้สึกว่าสมองแจ่มใสมากขึ้น

หาดทรายที่ทอดตัวยาวเป็นเส้นโค้งในช่วงเช้าไร้นักท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นวันธรรมดา และจุดที่เชษฐ์จอดรถก็ไม่ใช่บริเวณที่มีร้านอาหารหรือรีสอร์ทตั้งอยู่ อีกด้านของถนนที่เลยขึ้นไปจากชายหาดเป็นเชิงเขาเตี้ยๆ และนอกจากเรือประมงที่จอดเรียงรายเป็นจุดอยู่ในระยะไกล ภัทรก็ไม่เห็นใครในบริเวณใกล้เคียงอีก

ความปลอดโปร่งจากทิวทัศน์และอากาศบริสุทธิ์ทำให้ภัทรรู้สึกผ่อนคลายจากความวิตกกังวลที่กัดกร่อนจิตใจมาตั้งแต่เมื่อคืนก่อน เขาหยีตามองผิวน้ำที่สะท้อนแสงยามเช้าระยิบระยับจนเหมือนมีผงทองโรยอยู่บนเกลียวคลื่น แล้วก็ให้นึกถึงเมื่อครั้งที่เขากับเชษฐ์ไปเดินเล่นดูดาวริมทะเลที่ระยองด้วยกัน ตอนนั้นเขาก็เคยคิดอยากให้ช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้ใช้ร่วมกันสองคนยืนยาวตลอดไปเหมือนในยามนี้เช่นกัน

ทั้งที่นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน แต่เพราะนับจากนั้นก็มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน ความทรงจำอันสวยงามจากการไปเที่ยวด้วยกันเพียงครั้งเดียวจึงติดตรึงราวกับเป็นภาพอดีตที่ผ่านมาเนิ่นนาน และทำให้ภัทรรู้สึกราวกับชั่วชีวิตนี้ไม่เคยมอบหัวใจให้ใครมาก่อนเลยนอกจากคนที่กำลังกุมมือเขาในเวลานี้

เสียงหัวเราะเบาๆ ของคนที่กำลังเดินเคียงข้างเรียกให้ภัทรเงยหน้าขึ้นพลางเลิกคิ้วอย่างมีคำถาม เชษฐ์เหลือบตาลงสบตากับเขาแล้วก็บุ้ยคางไปทางผืนทะเลที่กำลังบ่มแสงแดดจนเป็นสีเงินวาว

"นึกถึงเมื่อตอนที่เราว่ายน้ำแข่งกัน จำได้มั้ยว่าตอนนั้นเธอลงน้ำไปได้ยังไง?"

ภัทรหน้าร้อนซู่เมื่อโดนเตือนความจำ เขาจะลืมเรื่องน่าอายแบบนั้นได้อย่างไร ในเมื่อคุณเชษฐ์เองที่เป็นคนบังคับอุ้มเขาลงน้ำแล้วยังมาใช้เงื่อนไขให้ต้องว่ายน้ำแข่งกันอีก แถมหลังการแข่งยังเกิดเรื่องที่น่าอายกว่าแค่ไหน

แต่ถ้ามานึกทบทวนให้ดีแล้ว...นับตั้งแต่กลับจากไปเที่ยวทะเลด้วยกันคราวนั้น คุณเชษฐ์ก็ไม่เคยทวงถามถึงรางวัลที่ควรจะได้สักครั้งเลยนี่นา...

"คุณเชษฐ์ครับ?"

"หืม?"

เชษฐ์ส่งเสียงถามในคอทั้งที่ยังยิ้ม นัยน์ตาคมเป็นประกายคู่นั้นดึงดูดให้ภัทรจ้องมองอย่างเผลอไผล เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตอนแรกที่เริ่มคบกัน ตนจึงมัวแต่อิดออดนักหนากว่าจะเปิดใจรับอีกฝ่ายเข้ามาในหัวใจ

ทั้งที่คุณมอบความรักและเข้าใจให้ผมมากมายมาตลอดถึงขนาดนี้

"คุณเชษฐ์ จำได้ใช่มั้ยครับว่าคนที่แข่งชนะตอนนั้นมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้จากคนที่แพ้หนึ่งข้อ?"

เขาจำรายละเอียดไม่ได้ชัดเจนว่าคนที่ชนะมีสิทธิ์ออกคำสั่ง หรือว่าคนแพ้ต้องยอมทำอะไรก็ได้ตามที่ถูกขอกันแน่ แต่ในเมื่อสุดท้ายแล้วรางวัลก็คือสิ่งเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะพูดจากมุมมองของใครก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ

เชษฐ์มองสบตาคนถามนิ่ง นัยน์ตาหวานโศกที่มองกลับมาไม่มีร่องรอยของความอิดโรยเหมือนเมื่อสักครู่นี้อีกแล้ว ทว่าความสงบนิ่งในแววตาที่ราวกับได้ทำใจยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างกลับสะกิดใจเขามากขึ้นกว่าเดิม

"จำได้สิ ฉันเป็นคนออกเงื่อนไขเองนี่"

ร่างสูงใหญ่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองเมื่อภัทรปล่อยมือของทั้งสองที่เกาะกุมกันไว้ก่อนจะก้าวเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเพื่อให้เชษฐ์มองเห็นเขาชัดๆ

"ตอนนี้ คุณเชษฐ์ควรทวงของรางวัลได้แล้วนะครับ"

ภัทรทิ้งรองเท้าที่ถือมาลงบนผืนทรายพลางเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้คนตรงหน้า เขาตัดสินใจแล้วว่าขอเพียงทั้งสองได้ใช้เวลาที่มีร่วมกันในตอนนี้อย่างมีความสุขก็พอแล้ว ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายจะเลือกไปทำงานที่ต่างประเทศจนทำให้ต้องอยู่ห่างกันหรือไม่...เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่าย และจะไม่ทัดทานเด็ดขาดหากนั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวต้องการ

เพราะเช่นเดียวกับคุณชาญที่ต้องการเห็นบุตรชายไปได้ดีในหน้าที่การงานที่มีความถนัด ภัทรเองก็ไม่อยากเป็นอุปสรรคที่คอยถ่วงแข้งถ่วงขาให้อีกฝ่ายต้องคอยพะวงหลัง

นัยน์ตาสีนิลวาวหลังเลนส์แว่นหรี่ลงจับจ้องคนตรงหน้า ร่างเพรียวในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาวที่โดนลมทะเลไล้จนปลายผมปลิวและเสื้อแนบลู่กับตัวนั้นดูเหมือนเครื่องบรรณาการที่พร้อมจะมอบทั้งตัวและหัวใจให้แก่ผู้ที่ประกาศความเป็นเจ้าของ และเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพที่เห็นส่งอิทธิพลให้อยากกระชากร่างของภัทรเข้ามากอดรัดในอ้อมแขน ใช้ริมฝีปากบดขยี้กลีบปากนุ่มที่ระยะนี้ชอบเอ่ยถ้อยคำหวานแสดงความเอาใจ และใช้กำลังเรียกร้องให้อีกฝ่ายหอบครวญครางแต่ชื่อของเขาราวกับคนไม่รู้จักพอสักเพียงไหน

แต่เขารู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ภัทรต้องการอย่างแท้จริงในยามนี้ และไม่ใช่สิ่งที่เขาเองก็ต้องการเช่นกัน ถ้าหากยังไม่สามารถกำจัดม่านหมอกอันพร่าเลือนที่คลี่บังอยู่รอบจิตใจของอีกฝ่ายได้ ต่อให้ได้รางวัลที่ทวงขอ เขาก็จะไม่ได้รับความอิ่มเอมใจอย่างที่ปรารถนาได้เต็มที่เลย

ภัทรมองร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาใกล้ นัยน์ตาเรียวค่อยๆ เหลือบขึ้นตามความสูงเมื่อร่างทั้งสองประชิดกันในระยะห่างเพียงมีสายลมพัดผ่าน เขาหลับตาลงเมื่อมืออุ่นจัดข้างหนึ่งวางทาบลงบนแก้ม ทว่าแทนที่จะได้รับสัมผัสบนริมฝีปาก เขากลับรู้สึกได้ถึงริมฝีปากหยุ่นที่แตะแต้มลงบนหน้าผากเพียงแผ่วเบา

ร่างสูงเพรียวปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อสัมผัสอันอบอุ่นนั้นผละไป แต่ฝ่ามือที่แนบแก้มยังคงวางอยู่ที่เดิม

"คุณเชษฐ์?"

ภัทรเอ่ยเรียกอย่างไม่เข้าใจ เพราะนัยน์ตาที่ทอดมองเขาตอนนี้เร่าร้อนดั่งเพลิงสุมไม่ต่างจากเมื่อคืนที่ทั้งคู่อยู่ในห้องน้ำก่อนจะถูกขัดจังหวะ ทว่าหลังความเร่าร้อนนั้นมีประกายของความครุ่นคิดอย่างที่ภัทรยากจะตีความหมายแทรกแซมอยู่ด้วย

"ฉันจะขอทวงของรางวัล แต่มันอาจไม่ใช่ในรูปแบบที่เธอคิด ภัทร...ฉันหวังว่าต่อไปคงจะไม่ต้องพูดคำนี้อีก แต่ถ้าหากมีอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจอยู่ก็พูดออกมาเถอะ ทุกเรื่องทั้งตอนนี้และหลังจากนี้ไป ฉันไม่ชอบเห็นเธอคิดอะไรแล้วก็เก็บไว้ทรมานใจคนเดียว"

ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงจากผิวแก้มมาหยุดบนริมฝีปากนุ่ม แต่เชษฐ์ไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้น นัยน์ตาคมกริบที่ราวกับมองทะลุได้ถึงทุกความรู้สึกจ้องตรงแน่วนิ่งเข้าไปในดวงตาที่กำลังมีหยาดน้ำเอ่อคลอของภัทร

คุณเชษฐ์ดูออกด้วยหรือ...ทั้งที่เขาพยายามปกปิดความหวั่นไหวในใจเอาไว้ถึงขนาดนี้

"ผม..."

ภัทรรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งติดอยู่ในลำคอจนทำให้เสียงที่หลุดออกมาสั่นสะท้าน เขากลืนน้ำลายและพยายามบังคับน้ำตาที่ขังคลอให้ไหลกลับลงไป ไม่เช่นนั้นถ้าเขาฟูมฟายก็จะไม่ต่างอะไรกับการเป็นเด็กหนุ่มที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่ต่างจากตัวตนอันอ่อนแอในอดีตที่เคยตั้งใจว่าจะละทิ้งและกลบฝังไว้เบื้องหลัง

ร่างสูงใหญ่ไม่ได้เร่งเร้า เพียงแต่ช่วยใช้นิ้วโป้งกดซับหยดน้ำส่วนที่ทำท่าจะปริ่มออกจากขอบตาให้ กิริยาอันนุ่มนวลและเปี่ยมด้วยความเข้าใจโดยไม่กดดันทำให้ภัทรยอมแพ้ และสลายม่านหมอกที่ปกคลุมหัวใจตัวเองออกในที่สุด

"ผมได้ยินที่คุณเชษฐ์คุยกับคุณพ่อเมื่อคืนนี้เรื่องเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ ผมรู้ว่าไม่ควรไปแอบฟัง...แต่มันอดอยากรู้ไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษครับ...คุณเชษฐ์"
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-03-2013 09:50:22
น้ำเสียงท้ายประโยคสั่นเครือเมื่อเขาเอ่ยคำว่าขอโทษ ภัทรอับอายเหลือเกินกับนิสัยชอบคิดมากของตัวเอง เขาเคยคิดว่าได้เติบโตขึ้นจากอดีตมากพอที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอนของอนาคตได้แล้ว ทว่าเมื่อมันเกี่ยวพันอย่างลึกซึ้งกับคนเพียงคนเดียวที่เขาอุทิศหัวใจให้ เรื่องที่อาจเป็นเพียงเรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปในบัดดล เพราะเขาไม่รู้ว่าอนาคตที่เชษฐ์เลือกจะมีที่ว่างพอสำหรับตัวเขาหรือเปล่า

เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังขึ้นเหนือศีรษะเมื่อร่างสูงใหญ่รั้งเขาเข้าไปกอด ภัทรเองก็ไม่ได้ขืนตัวและโน้มร่างเข้าหาตามแรงโอบแต่โดยดี ชายหนุ่มเอียงหน้าลงฟังเสียงจากแผ่นอกอันแข็งแกร่ง ในเวลาที่หัวใจเขาเองอ่อนล้าเหลือเกินกับความไม่แน่นอนที่จับต้องไม่ได้ เสียงหัวใจที่เต้นอย่างแข็งแรงสม่ำเสมอซึ่งส่งผ่านออกมาช่วยเหนี่ยวรั้งภัทรให้อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น

ทั้งคู่ต่างไม่เอื้อนเอ่ยคำใดอยู่เนิ่นนาน มีเพียงเสียงคลื่นเซาะหาดทรายและความเย็นจากน้ำที่ไล้มากระทบฝ่าเท้าซึ่งเป็นสัญญาณของเวลาที่ล่วงผ่าน

"...เมื่อคืนได้ฟังจนถึงตอนไหน?"

น้ำเสียงของเชษฐ์ไม่ได้คาดคั้น ร่างสูงใหญ่เพียงกระซิบถามข้างหูโดยที่ไม่ได้ปล่อยภัทรออกจากอ้อมแขน ฝ่ามือที่ลูบหลังขึ้นลงอย่างปลอบโยนส่งผ่านความอบอุ่นเข้ามาในใจ และทำให้ภัทรรู้สึกว่าเขาสามารถเล่าทุกเรื่องได้โดยไม่ต้องกลัวจะถูกตำหนิ

"ถึงตอนที่คุณเชษฐ์บอกว่าจะเก็บไปคิดดูครับ พอคุณแม่ของคุณเชษฐ์เดินออกมาตาม ผมก็เลยกลับขึ้นไปบนห้อง"

"อ้อ"

เชษฐ์ตอบรับในคอโดยไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ครู่ใหญ่กว่าร่างสูงจะดันคนในอ้อมแขนออกแล้วมองตาภัทรตรงๆ อีกครั้ง

"เธออยากให้ฉันไปหรือเปล่า?"

น้ำตาที่แห้งไปแล้วทำท่าจะรื้นขึ้นมาใหม่ แต่ภัทรก็เพียงหลุบตาลงเพื่อเลี่ยงการสบตาคนถาม

"มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของคุณเชษฐ์ครับ แม้แต่คุณปรีชายังเคยบอกคุณเชษฐ์ว่าอย่าทิ้งโอกาสที่มีคนยื่นให้ เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าคนอื่นในบริษัทจะมีโอกาสบ่อยๆ เหมือนกัน แม้แต่ผมเอง..."

ภัทรพูดต่อไม่ออกว่า "....ก็ไม่อยากให้คุณเชษฐ์เสียโอกาสแบบนี้ไป" ทั้งที่มันเป็นประโยคที่ควรพูด แต่เมื่อมันหมายถึงการที่ทั้งสองจะต้องอยู่ห่างกัน เขาก็เค้นคำพูดนั้นออกจากคอไม่ได้

เสียงหัวเราะเบาๆ จากเหนือศีรษะทำให้ภัทรมุ่นคิ้วแล้วเหลือบตาขึ้น แววตาอ่อนโยนบนใบหน้าที่กำลังมองเขานั้นสะท้อนความรักใคร่ที่มีให้อย่างเต็มเปี่ยม และยิ่งทำให้ภัทรลำคอตีบตันมากขึ้นไปอีก

"ไม่อยากให้ฉันไปใช่ไหม?"

เชษฐ์ถามยิ้มๆ เหมือนอ่านใจภัทรได้ทะลุปรุโปร่ง ดูเหมือนไม่ว่าเขาจะพยายามปกปิดความในใจด้วยคำพูดสวยหรูเพียงใดก็หลอกลวงอีกฝ่ายไม่ได้เลย ภัทรจึงได้แต่สูดน้ำมูกแล้วเบนสายตาหนีอีกครั้ง

"ผมไม่กล้าพูดแบบนั้นหรอกครับ"

"ทำไมล่ะ? ทั้งที่ฉันอยากได้ยินจากปากเธอน่ะเหรอ?"

ภัทรเม้มปาก นัยน์ตาเรียวยังคงไม่ยอมช้อนขึ้นสบตาคนที่จับต้นแขนทั้งสองข้างของตนไว้แน่น เขาไม่อยากโดนคุณเชษฐ์ล้อเล่นในเรื่องสำคัญแบบนี้ ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้ดีว่านี่คือโอกาสสร้างความก้าวหน้าซึ่งคนอื่นคงไม่ลังเลที่จะคว้าไว้

"ภัทร ฟังนะ"

น้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานขึ้นเรียกให้ภัทรต้องยอมเหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจ และพบว่าแม้นัยน์ตาที่มองมาจะยังทอประกายแย้มยิ้ม แต่ลึกลงในนั้นก็มีความจริงจังแฝงอยู่

"จริงอยู่ที่โอกาสที่จะได้ไปทำงานที่สำนักงานใหญ่ไม่ได้มีกันบ่อยๆ แต่ว่านะ ฉันไม่เคยคิดจะไปตั้งแต่แรกแล้ว” 

"เอ๊ะ? แต่ว่า..." ภัทรหยุดพูดเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าเป็นเชิงว่ายังพูดไม่จบ

"ฉันคงไม่เคยเล่าให้ฟังว่าก่อนที่บริษัทของเราจะเข้าร่วมกับบริษัทที่ต่างประเทศแล้วเปลี่ยนชื่อ มันเคยเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ที่พ่อของฉันกับคุณปรีชาช่วยกันบุกเบิกขึ้นมา แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่ามันจะเป็นที่ยอมรับอย่างทุกวันนี้ นั่นเป็นเรื่องที่ฉันรับรู้และเห็นมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก”

ภัทรมุ่นคิ้วด้วยไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ตั้งใจฟังโดยไม่เอ่ยขัด

"ตั้งแต่มาทำงานกับคุณปรีชา ฉันก็รู้ว่าบริษัทของเรายังโตได้อีกมาก ตอนไปเทรนนิ่งที่สำนักงานใหญ่ทำให้ฉันยิ่งรู้ว่าไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่นั่นก็พิสูจน์ความสามารถได้ แค่พัฒนาโครงการที่คิดไว้ให้สำเร็จจนสำนักงานใหญ่ต้องขอโมเดลไปทำตามก็พอแล้ว นี่คือข้อตกลงที่ฉันบอกคุณปรีชาตอนที่ปฏิเสธเรื่องไปคุมออฟฟิศที่เวียดนาม เพียงแต่ฉันไม่ได้บอกพ่อเรื่องนี้”

ภัทรกะพริบตาปริบ สิ่งที่เพิ่งได้รับฟังช่างมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายจนเขาไม่สามารถย่อยข้อมูลทุกอย่างได้ในชั่ววินาที กระนั้นคลื่นความอบอุ่นที่มองไม่เห็นก็ค่อยๆ หลอมละลายความหนาวเย็นที่ห่อหุ้มจิตใจนับตั้งแต่ได้ยินคำว่า 'ฉันไม่จำเป็นต้องไปอยู่ที่นั่น'

"คุณเชษฐ์หมายความว่า...จะไม่ไปอยู่ที่สำนักงานใหญ่?"

แม้จะตีความได้เช่นนั้นแล้ว แต่ภัทรก็ยังอยากได้คำตอบที่ชัดเจนเพื่อความมั่นใจ เขาอยากรู้ว่าการที่อีกฝ่ายเลือกจะไม่ไปนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตในหน้าที่การงานจริงๆ

"ไม่ไปหรอก จริงอยู่ที่คุณปรีชาเคยสอนฉันว่าเราไม่ควรทิ้งโอกาสที่มีคนหยิบยื่นให้ แต่แทนที่จะเอาแต่รอโอกาสจากคนอื่น เราก็ชิงสร้างโอกาสให้ตัวเองก่อนก็ได้นี่ จริงไหม?”

เชษฐ์ยิ้มขณะมองสีหน้าของภัทรที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากหมองเศร้าเป็นเปล่งปลั่งเพราะความดีใจ จริงอยู่ว่าเมื่อคืนนี้เขาตะลึงนิดหน่อยที่ได้รู้ว่าทางสำนักงานใหญ่สนใจในตัวเขา แต่เรื่องโครงการที่เขาอยากทำเพื่อพัฒนาออฟฟิศที่เมืองไทยเป็นสิ่งที่ถูกคิดเพื่อเตรียมนำเสนอคุณปรีชามานานแล้ว และเชษฐ์ไม่ต้องการเห็นแผนงานที่ตนริเริ่มไว้ถูกละทิ้งหรือเปลี่ยนมือให้คนอื่นมารับผิดชอบกลางคัน

คำพูดที่ว่าเราควรสร้างโอกาสให้ตนเองแทนที่จะรอคนอื่น ความจริงแล้วเป็นคำพูดที่พ่อของเขาเคยกล่าวให้ฟังตอนที่แยกไปทำธุรกิจของตัวเองเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่อาจเพราะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานจึงทำให้เจ้าตัวหลงลืมคำพูดนั้นไป รวมทั้งความดื้อรั้นของลูกชายหัวแข็งคนนี้ด้วยก็เป็นได้

"แล้วทำไมเมื่อคืนคุณเชษฐ์ถึงบอกคุณพ่อว่าจะคิดดูล่ะครับ?"

ภัทรถามคำถามสุดท้าย เพราะถ้าหากเมื่อคืนได้ยินอีกฝ่ายตอบเช่นนี้ตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่เก็บเอาเรื่องที่ได้ยินมาคิดมากจนทำให้ตัวเองต้องปวดใจถึงขนาดนี้

คำถามของเขาเรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง เชษฐ์ก้มลงแนบริมฝีปากบนผิวแก้มของภัทรก่อนจะใช้นิ้วโป้งลูบตามด้วยความเอ็นดู สัมผัสอันอ่อนโยนทำให้ภัทรรู้สึกว่าผิวแก้มที่โดนแตะต้องอุ่นวาบ

"ตอนนั้นฉันไม่อยากให้พ่อเสียน้ำใจที่อุตส่าห์บินมาเยี่ยมจากต่างประเทศ แล้วพอจะบอกข่าวดีกับลูกชายก็โดนปฏิเสธเสียอีก ทางที่ดีที่สุดก็คือให้คำตอบไปแบบนั้น ฉันตั้งใจว่าพอเวลาผ่านไปสักพักจนโครงการใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วถึงค่อยบอกพ่อว่าตัดสินใจแบบนี้ ถึงตอนนั้นต่อให้อยากสนับสนุนฉันไปสำนักงานใหญ่แค่ไหนก็คงต้องยอมรับว่าฉันอยู่ที่นี่ดีกว่า แล้วอีกอย่างนะ...ภัทร"

ภัทรมองใบหน้าที่ก้มลงมาหา ระยะที่ใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจบนปลายจมูกของกันและกันทำให้เขามองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในแววตาหลังเลนส์ใส ใบหน้าคมคายยิ้มอบอุ่นก่อนจะก้มลงแนบริมฝีปากบนกลีบปากสีชมพูอ่อน

"ต่อให้เลือกจะไม่อยู่ที่นี่ ฉันก็ไม่มีวันทิ้งเธอไว้คนเดียวหรอก เลิกคิดมากเรื่องนั้นได้เลย"

จุมพิตที่แนบลงบนริมฝีปากนั้นนุ่มนวลแต่ก็หนักแน่น เช่นเดียวกับอ้อมแขนที่รั้งตัวภัทรเข้าไปกอดไว้แนบอก เขารู้สึกราวกับความหนักอึ้งดุจหินที่กดทับจิตใจตั้งแต่คืนก่อนค่อยๆ กร่อนสลาย เวลานี้ความเต็มแน่นในอกหาได้มาจากความอึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออกอีกต่อไป แต่เป็นความพองฟูจากความยินดีจนทำให้ในหัวว่างเปล่าจากเรื่องไม่สบายใจทั้งหมด

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงไม่กี่นาทีก่อน ภัทรยังรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่บนปากเหวแห่งความทดท้อที่พร้อมจะดึงดูดให้ร่วงหล่นลงไปทุกเสี้ยววินาที แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก

"ทำไมยังร้องไห้อีกล่ะ? ไม่ดีใจเหรอที่ฉันไม่ไป?"

เชษฐ์ถามยิ้มๆ หลังถอนริมฝีปากออก ภัทรจึงได้แต่หัวเราะทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าคนถามย่อมเข้าใจว่าน้ำตาครั้งนี้ถูกกลั่นมาจากความรู้สึกแบบไหนแท้ๆ

"ผมรักคุณเชษฐ์ที่สุดเลยครับ"

ภัทรยิ้มให้กับเจ้าของอ้อมแขนอุ่นที่โอบตัวเองไว้ ตอนนี้เขายินดีมอบพันธนาการทั้งตัวและหัวใจให้แก่คนตรงหน้าโดยไร้ซึ่งความคลางแคลงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจากนี้หรือตลอดไป ภัทรก็มั่นใจว่าคนคนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้เขาต้องอยู่อย่างอ้างว้างโดดเดี่ยวอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับที่เขาก็จะไม่มีวันปล่อยหัวใจให้อ่อนแอจากการระแวงสงสัยในความมั่นคงของอีกฝ่ายอีกเช่นกัน

เชษฐ์ยิ้มพลางใช้ปลายนิ้วกรีดหยาดน้ำจากหางตาของภัทรอย่างทะนุถนอม ภาพรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาช่างพร่าพรายจับตาจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แม้ไม่อาจให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้คนที่ความนึกคิดละเอียดอ่อนเหลือเกินคนนี้ต้องเสียน้ำตาอีกในอนาคต แต่เชษฐ์ก็ให้คำมั่นกับตัวเองได้ว่าอย่างน้อยที่สุด เขาจะทำให้น้ำตาเหล่านั้นเป็นน้ำตาที่หลั่งออกมาจากความยินดีเฉกเช่นในครานี้เท่านั้น

สายตาสองคู่สบประสานโดยไม่ปล่อยมือที่โอบกอดกันและกัน ในแววตามีเพียงภาพสะท้อนของคนตรงหน้าโดยไม่นำพากับสายลมแผ่วพลิ้วที่โอบล้อม แสงอรุณที่ทอลงมาบนร่างผ่านปุยเมฆสีขาวดุจใยสำลี หรือเกลียวคลื่นที่ส่งละอองความเย็นมาให้ทุกครั้งที่ซัดสาดขึ้นบนผืนทราย สิ่งเดียวที่ต่างก็รับรู้ได้ในยามนี้คือความอ่อนหวานอันแสนลึกซึ้งที่ต่างพร้อมจะมอบให้คนในอ้อมแขนเพียงคนเดียว

ไม่จำเป็นต้องขอคำมั่น หรือเอ่ยคำสาบานใดๆ เพื่อยืนยันความในใจอีกแล้ว

เพียงแค่มองเข้าไปในแววตา ก็รับรู้ได้แล้วว่าความสุขชั่วชีวิตที่เคยค้นหา ยืนอยู่ตรงหน้านี้เอง...

 

++---End---++
 

A/N: นับเป็นการเดินทางอันยาวนานมากจริงๆ สำหรับคุณเชษฐ์กับน้องภัทรกว่าจะมาถึงจุดนี้ เชื่อว่าหลายคนคงโล่งใจไปด้วยที่ในที่สุดน้องภัทรก็ก้าวข้ามความไม่มั่นใจต่างๆ นานาไปได้เสียที และหลังจากนี้คงมีแต่เรื่องหวานๆ รออยู่ คิดว่าหลายคนคงแอบหวังให้มีอะไรอิ๊อ๊ะกว่านี้สักหน่อย (ตามประสา Bellbomb ... เอ๊ะยังไง) แต่สำหรับตอนนี้ เราว่านี่เป็นบทสรุปที่เหมาะสมของคู่นี้แล้วค่ะ ส่วนอะไรที่อยากอ่านกันซึ่งมากกว่านี้...ก็เอาไว้หลังจากนี้ไปก็แล้วกันเนาะ

ความจริงมีอะไรหลายอย่างอยากพูดเกี่ยวกับตอนจบ แต่ก็พร่ำรำพันไปเยอะพอสมควรแล้วในเฟสบุ๊คจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก เอาเป็นว่าจะพยายามเขียนทอล์คยาวๆ หลังจากตอนส่งท้ายที่จะมาแปะให้อ่านหลังจากนี้ก็แล้วกันค่ะ เพียงแต่อาจไม่ได้ตามมาอย่างรวดเร็วนัก ยังไงก็รอติดตามคุณเชษฐ์กับน้องภัทรต่อกันอีกหน่อยนะคะ รักคนอ่าน + ตาหวานใส่ทุกคนที่คอมเม้นต์ให้ค่า :)

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 26-03-2013 10:02:40
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด รักหนุ่มแว่นที่สุดเลยอะ

แต่เกลียดคำว่า THE END จัง เรื่องจบแต่อารมณ์คนอ่านยังไม่จบอะ มันยังขาดๆๆ อะไรก็ไม่รู้ เหมือนมันยังไม่เต็มที่ยังไงก็ไม่รู้ :katai1:  :ling1:

คุงรินกลับมารับผิดชอบเลยนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 26-03-2013 10:32:48
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:  อยากอ่านอีกอ่ะ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: pjny_tem ที่ 26-03-2013 11:38:24
ได้โปรดมาต่อตอนพิเศษนะค่ะ :sad4:อยากอ่านฉาก Nc ของคุณเชษฐ์และภัทร :impress2:(ไม่ค่อยหื่นเลยเรา)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 26-03-2013 12:02:41
เชษฐ์ไม่ไปเพราะภัทร หวังว่าพ่อของเชษฐ์จะเข้าใจลูกนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-03-2013 12:03:51
รอตอนพิเศษ  หุ หุ แอบกดดันคนอ่านนิดหน่อยว่าต้องมีนะ
จบแบบไม่ค้างคา  แต่ยังไม่อิ่มใจอ่ะ  ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: A-J.seiya* ที่ 26-03-2013 12:06:32
จบแล้วอ่ะ
เหยยยยยยย
ตกใจ ยังสนุกอยู่เลย
,, แต่ก็เป็นความรักที่ แค่สบตาก็รู้ว่ารัก จริงๆอ่ะ
ฮืออออ ชอบ!!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 26-03-2013 12:27:13
 :mew1: จบแล้ววว ยาวนานเหลือเกิน รอรวมเล่มแล้วกลับมาอ่านใหม่อีกรอบแล้วกันนะคะ
ขอบคุณค่ะ o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Sorso ที่ 26-03-2013 15:55:42
จบ...

จบแล้วจริงๆอะ!!!!! โฮกกกกกกกกกกกกกกกก

ยังไม่อยากให้จบเลย TT^TT
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 26-03-2013 16:10:40
แอบโล่งอกแทนภัทร
ในที่สุดก็จะได้มีความสุขแบบยาวๆกับคุณเชษฐ์ซะทีนะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 26-03-2013 17:12:42
รออ่านบทส่งท้ายค่ะ เหมือนมันยังไม่จบดี 555
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-03-2013 19:15:06
พระเอกไม่เคยทำให้เราผิดหวัง เชื่อใจได้ที่สุดว่าจะไม่ทิ้งน้องภัทรแน่ ๆ แค่อยากให้น้องภัทรเปิดใจพูดออกมาให้หมดแค่นั้นแหละ
คิดไปเยอะแยะไปหมด พี่เชษฐ์เค้าเป็นห่วงรู้มั้ย และแล้วก็มีความสุข ฟินค่า รออ่านตอนพิเศษนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 26-03-2013 19:56:10
ฮืออออออจบแล้ว ตอนจบน่ารักมากๆ
ชอบที่ภัทรพูดอย่างดีใจว่ารักคุณเชษฐ์ที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 26-03-2013 20:07:58
 :pig4: :L1: :L2: :mew1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 26-03-2013 20:16:37
อ่านด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 26-03-2013 21:15:47
รวมเล่มนะคร่าาาาาาาาาาาา จะได้เอาไว้คู่กันกับต้นและไผ่ พรีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :sad4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 26-03-2013 21:20:30
 :katai1: :katai1: :katai1:

หลาน bellbomb จ้า

ขอจานพิเศษหน่อยซิ  :katai4: :katai4: :katai4:

คนแก่อยากได้อ่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-03-2013 21:45:13
รวมเล่มนะคร่าาาาาาาาาาาา จะได้เอาไว้คู่กันกับต้นและไผ่ พรีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส  :sad4:

เรื่องนี้จะรวมเล่มแน่นอนค่า แต่คงไม่เปิดจองในเร็ววันนี้ ถ้าอยากคอยติดตามขอให้กดไลค์แฟนเพจที่ www.facebook.com/BellbombNovels นะคะ เพราะพอเรื่องนี้จบคงถูกย้ายไปห้องนิยายจบแล้ว เวลาโพสต์ข่าวสารอาจไม่เห็นได้ค่า  o13
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: NumPing ที่ 26-03-2013 21:54:44
ไชโย๊ ดีใจกับภัทรจริง ๆ ที่ได้เจอกับความรักที่แสนดี ที่นำพาความสุขมาตลอดกาล

รอตอนพิเศษด้วยใจจดจ่อต่อไปนะคะ :katai2-1:

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-03-2013 23:07:06
ยังอ่านไม่ทันขอรับ

แปะไว้ก่อน

แต่คุณเชษฐ์อบอุ่นดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 27-03-2013 02:20:16
จบแล้ววววววววววววววววววววววววววววววว
เชษฐ์กับภัทรผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก
ดีใจที่แฮปปี้ๆสักทีนะ
คุณเชษฐ์โคตรสมาร์ทเลยอะ ดูแลดี แล้วแบบแคร์ภัทรมาก
ภัทรก็น่ารักอะอ้อนๆไงไม่รู้ เข้ากันดีเว่อ

รอตอนพิเศษค่า
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 29-03-2013 00:44:48
กลายเป็นว่าตอนนี้น้องภัทรได้ยอมตายถวายตัวให้คุณเชษฐ์แล้ว รอแต่คุณ bellbomb ล่ะนะคะว่าจะให้ถวายกันเืมื่อไหร่ :katai3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 29-03-2013 09:54:13
จบแล้วหรอเนี่ย!!
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 29-03-2013 20:30:12
จบซะแล้ว
ดีใจจังได้อยุ่ด้วยกัน

รอตอนพิเศษ มันยังมีอะไรที่ค้างๆๆๆน่ะ ลืมอ่ะเป่า อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 30-03-2013 01:55:19
ชอบเรื่องนี้มากเลยนะคะ,  อ่านเพลินเลย...จริงๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 01-04-2013 04:56:49
จบแล้วหราเนี้ย ในที่สุดภัทรกะสมหวังคุณเชษฐ์ก้อไม่ได้ไปไหน
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 02-04-2013 10:23:23
ในที่สุดก็เข้าใจกันเนอะ เชษฐ์เป็นผู้ชายอบอุ่นมากกกก  ปลื้ม ค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 02-04-2013 18:00:00
  :กอด1::L2:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอน 24 (ตอนจบ) P.23 [26/03/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 04-04-2013 23:18:59
สนุกมากๆๆๆๆค้าซึ้งน้ำตาไหลเลยทีเดียวเชียว หลงรักเรื่องนี้สุดๆเลยยยยย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-04-2013 11:23:03
บทส่งท้าย

เมื่อแสงแดดเริ่มทวีความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ที่ลอยสูง เชษฐ์ก็ขับรถพาภัทรไปทานมื้อเช้าควบมื้อกลางวันที่ร้านอาหารริมหาดแห่งหนึ่ง เมื่ออิ่มแล้วจึงค่อยขับรถเข้าไปในตัวเมืองขณะที่ภัทรโทรหาญาติผู้ใหญ่ไปด้วย

"เหรอครับ ถ้างั้นบ่ายๆ ภัทรอาจไปรอที่บ้านก่อนก็แล้วกัน ...ยังมีกุญแจอยู่ครับ คืนนี้เจอกันครับน้าบรรณ"

ภัทรกดวางสายหลังเสร็จสิ้นการสนทนา จากนั้นก็หันไปหาคนที่กำลังขับรถ

"น้าผมบอกว่าคืนนี้อาจกลับค่ำเพราะต้องไปงานเลี้ยงเกษียนอายุของเพื่อนน่ะครับ แต่ถ้าพวกเราสะดวกก็ไปรอที่บ้านเลยก็ได้ เพราะว่าผมมีกุญแจบ้านอยู่แล้ว"

เชษฐ์พยักหน้ารับรู้ "ถ้าอย่างนั้นจะไปที่บ้านกันเลยไหมล่ะ หรือว่าเธอยากไปที่ไหนก่อน?"

ภัทรเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลบนแผงหน้าปัด เลขนาทีเพิ่งจะผ่านเลยเวลาเที่ยงตรงมาไม่นานนัก แม้จะเข้าไปที่บ้านตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรให้ทำนอกจากนั่งๆ นอนๆ แต่ที่เขาเป็นห่วงมากกว่าคือคนข้างตัวที่อาจจะเพลียเพราะขับรถมาหลายชั่วโมง

"คุณเชษฐ์เหนื่อยหรือเปล่าครับ? เมื่อเช้าก็ตื่นตั้งแต่ตีสาม ถ้าหากอยากนอนพักก่อนเราก็ตรงไปที่บ้านเลยก็ได้"

ชายหนุ่มยื่นแขนไปบีบต้นแขนแข็งแรงเบาๆ เชษฐ์จึงเหลือบตาลงมองบริเวณที่มือของภัทรวางทาบก่อนจะยิ้มให้

"ไม่เหนื่อยหรอก คงเพราะได้เปลี่ยนสถานที่ด้วยล่ะมั้ง ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็ไปเที่ยวกันไหม ฉันเคยมาจันทบุรีแค่ครั้งสองครั้ง ถ้าหากรีบเข้าบ้านกันตั้งแต่หัววันก็น่าเสียดาย"

ภัทรฟังแล้วก็ยิ้มรับ ใบหน้าสดใสของคนพูดบอกให้รู้ว่าไม่ได้เหน็ดเหนื่อยจริงๆ และเพียงแค่ได้เห็นคุณเชษฐ์กระปรี้กระเปร่าเช่นนี้เขาก็ดีใจแล้ว

"ตกลงครับ งั้นเดี๋ยวผมพาเที่ยวเอง"

ความคุ้นเคยกับบ้านเกิดทำให้ภัทรจำได้ว่าสถานที่สำคัญในจังหวัดมีที่ใดบ้าง เขาคอยแนะนำเส้นทางโดยพยายามเลือกจากสถานที่ที่ไกลบ้านก่อนแล้วค่อยตระเวณเที่ยวตามรายทาง เริ่มจากโบสถ์แคทอลิคซึ่งมีความสวยงามเป็นที่ขึ้นชื่อของจังหวัด แล้วไปเดินเล่นต่อในย่านชุมชนริมน้ำที่อยู่ไม่ห่างจากโบสถ์ จากนั้นก็แวะไหว้อัฐิของพ่อและแม่ของภัทรซึ่งเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็กที่วัดซึ่งอยู่ใกล้บ้านเก่า ก่อนจะแวะน้ำตกที่อยู่ออกนอกตัวเมืองไปพอสมควรเป็นที่สุดท้าย เนื่องจากอยู่ในเส้นทางผ่านไปยังบ้านของน้าซึ่งเป็นที่หมายของการเดินทางในวันนี้

ทั้งสองใช้เวลาในยามบ่ายเที่ยวชมตัวเมืองกันอย่างไม่รีบร้อน วันธรรมดาในจังหวัดที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยพลุกพล่านช่วยให้พวกเขาสามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างเป็นส่วนตัว หลายครั้งที่เชษฐ์เดินจูงมือภัทรขณะเดินไปตามสถานที่ต่างๆ ราวกับเป็นเรื่องที่ทั้งคู่ทำเป็นปกติ และถึงแม้จะยังเขินอายด้วยไม่คุ้นเคย แต่ในเมื่อคุณเชษฐ์ไม่สนใจ ภัทรก็ไม่เอ่ยปากทักท้วงว่าการแสดงความสนิทสนมของทั้งคู่อาจดึงดูดสายตาผู้คนได้

กว่าการตระเวนเที่ยวจะสิ้นสุดลง แสงจากดวงสุริยาสีส้มแดงที่แผดจ้ามาตั้งแต่เช้าก็ถูกขอบฟ้ากลืนกินไปเกือบจะครึ่งดวง ร้านค้าหลายแห่งเริ่มเก็บแผงและปิดไฟ ยิ่งเชษฐ์ขับรถออกนอกตัวเมืองมากเท่าไหร่ แสงสว่างตามข้างทางก็ยิ่งถูกจำกัดอยู่เพียงแสงจากไฟหน้ารถและเสาไฟข้างถนนเท่านั้น

เมื่อมาถึงที่หมายซึ่งก็คือบ้านของน้าจินและน้าบรรณ แสงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปเกือบหมดแล้ว ทั้งสองลงจากรถที่จอดไว้ด้านหน้าแล้วผลักประตูรั้วไม้เตี้ยๆ เข้าไปด้านใน โชคดีว่าโคมไฟบนรั้วบ้านถูกเปิดเอาไว้จึงทำให้ไม่วังเวงเกินไปนัก เชษฐ์เงยหน้าขึ้นมองบ้านไม้ทรงไทยสองชั้นที่ภัทรเคยอาศัยเป็นเวลาหลายปีแล้วก็เอ่ยชม

"บ้านหลังใหญ่ดีนะ เดี๋ยวนี้หาบ้านทรงไทยแท้ที่ไม่ใช่ของสร้างใหม่แบบนี้ไม่ค่อยได้แล้ว"

ภัทรยิ้มขณะเดินขึ้นบันไดไม้เพื่อนำไปยังห้องนอนบนชั้นสอง "มรดกจากคุณปู่คุณย่าของน้าบรรณน่ะครับ เคยมีคนมาขอซื้อต่อเหมือนกัน แต่น้าผมอยากเก็บไว้ก็เลยไม่ได้ขาย"

ถึงแม้ตัวบ้านจะเป็นไม้สักแท้และยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้ ทว่าชั้นสองก็มีการปรับปรุงห้องหับต่างๆ ตามกาลเวลา เมื่อขึ้นมาถึงทางเดินตรงกลางชานบ้าน ภัทรก็เปิดไฟแล้วชี้ไปที่มุมหนึ่งพลางอธิบาย

"ฟากนั้นจะเป็นห้องนอนของน้าจินกับน้าบรรณครับ ส่วนห้องผมกับพี่แพนอยู่ฝั่งนี้ แต่พี่แพนไม่ค่อยกลับบ้านตั้งแต่ไปเรียนมหา'ลัย ส่วนมากเลยเอาห้องนั้นไว้ให้แขกพักมากกว่า"

ภัทรเดินไปเปิดประตูห้องที่เคยเป็นของพี่สาวให้ดู การตกแต่งภายในเรียบง่ายแต่ก็สะอาด ไม่มีรูปถ่ายหรือเครื่องประดับตกแต่งใดเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากผ้าม่านลูกไม้และกระถางดอกไม้ประดิษฐ์ บ่งบอกชัดว่าเป็นห้องที่ไม่ค่อยถูกใช้งานโดยแท้

"แล้วห้องของเธอล่ะ?"

หลังได้เห็นภายในแล้วเชษฐ์ก็เอ่ยถาม ภัทรจึงเดินไปผลักประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามซึ่งมีขนาดเท่ากันออกและเปิดสวิทช์ไฟ ด้านในห้องนี้นับได้ว่าตกแต่งเรียบง่ายไม่แพ้กัน เพียงแต่มีเครื่องเรือนและของตกแต่งที่แสดงความมีชีวิตชีวาของผู้ที่เคยอาศัยมากกว่า บนโต๊ะหน้ากระจกด้านหนึ่งมีกรอบรูปและใบประกาศนียบัตรสมัยเรียนของภัทรวางเคียงกัน ถัดเข้าไปเป็นตู้เสื้อผ้าไม้ที่น่าจะผ่านการใช้งานมาหลายปี ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะญี่ปุ่นและฟูกนอนหนานุ่มที่วางอยู่บนเสื่อจันทบูรผืนใหญ่ ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเชษฐ์จนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ คือภาพวาดสีน้ำใส่กรอบที่แขวนเรียงกันอยู่บนผนัง

"เธอวาดสีน้ำเป็นด้วยเหรอ?"

เชษฐ์หันมาถามยิ้มๆ หลังจากเห็นว่าทุกภาพมีลายเซ็นของภัทรอยู่ที่มุมขวาล่างพร้อมวันที่กำกับ ภัทรจึงย่นจมูกพลางเดินเข้าไปใกล้และกวาดสายตามองภาพเหล่านั้น

"ไม่เชิงวาดเป็นหรอกครับ ความจริงผมไม่มีหัวทางศิลปะเลยด้วยซ้ำ แต่พอดีตอนกลับมาอยู่บ้านเมื่อสองปีก่อนไม่มีอะไรทำ ก็เลยลองซื้อตำราสอนวาดภาพสีน้ำมาลองวาดตามดู"

ชายหนุ่มยื่นปลายนิ้วออกแตะกรอบรูปที่มีภาพวาดฝีมือตนอยู่ด้านใน แผ่นกระจกที่ทับบนรูปใสสะอาด แม้แต่ขอบไม้ด้านบนก็ไร้รอยฝุ่นจับให้เห็น บ่งบอกให้รู้ว่าน้าจินคงเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้ให้เป็นประจำ ถึงแม้ภาพเหล่านี้จะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นผลงานของมือสมัครเล่น ทว่าทุกฝีพู่กันก็เปรียบได้กับการบันทึกความทรงจำของช่วงเวลาที่ภัทรต้องทนทรมานจิตใจเพื่อข้ามผ่านความอ้างว้างจากการถูกคนรักเก่าทิ้ง

"มีที่วาดเอาไว้แค่สามรูปนี้เหรอ?"

คนข้างกายถามขึ้นราวกับอ่านความรู้สึกของภัทรได้ เจ้าของนัยน์ตาเรียวจึงเหลือบไปทางคนถามแล้วคลี่ยิ้มบาง

"มีอีกครับ ตอนนั้นผมวาดใส่สมุดไว้เป็นเล่มเลย แต่ที่เอามาใส่กรอบแค่สามภาพนี้เพราะภาพอื่นมันไม่ค่อยสวย คุณเชษฐ์อยากดูไหมล่ะครับ?"

ร่างสูงยิ้มตอบพลางพยักหน้า ภัทรจึงผายมือไปทางฟูกนอนเป็นเชิงบอกให้นั่งรอขณะที่เขาเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่ที่เก็บไว้ เมื่อเจอแล้วก็หยิบออกมาแล้วเดินไปทรุดตัวนั่งลงข้างคนที่รออยู่

ทั้งสองนั่งเอนหลังเคียงกันโดยตั้งหมอนขึ้นพิงฝา จากนั้นภัทรก็เปิดสมุดวาดเขียนที่เก็บผลงานไว้ให้เชษฐ์ดูทีละภาพพร้อมกับอธิบาย

"นอกจากภาพสีน้ำผมก็ลองหัดวาดภาพลายเส้นด้วยเหมือนกัน ตอนเริ่มวาดแรกๆ ก็เบี้ยวๆ หน่อย แต่ผมเก็บไว้ดูจะได้รู้ว่าตัวเองมีพัฒนาการบ้างหรือเปล่า"

ภัทรเอ่ยเคล้าเสียงหัวเราะเมื่อเปิดไปถึงหน้าที่เป็นภาพร่างเส้นด้วยดินสอ ตอนนั้นเขาใช้ขวดน้ำกับโอ่งในบ้านเป็นแบบแล้ววาดตามวิธีในหนังสือ ทว่าผลงานที่ออกมากลับผิดรูปทรงจนเขาต้องฮึดวาดแก้มืออยู่หลายครั้งจนกระทั่งพอใจ

"ส่วนภาพนี้ผมลองให้น้าจินนั่งเป็นแบบ น้าจินเห็นแล้วก็บอกว่าผมคงไม่มีหัวด้านรับจ้างวาดภาพเหมือนแน่ๆ"

ชายหนุ่มอธิบายไปพลางรำลึกถึงที่มาของแต่ละภาพอย่างมีสีสัน เวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ประกอบกับอดีตที่ถูกลบล้างจนไม่เหลือความทรงจำที่คาใจทำให้เขาไม่เจ็บปวดยามนึกถึงเรื่องราวในหนหลังอีก ตอนนี้ความคิดเดียวที่อยู่ในหัวก็คือความรู้สึกอยากแบ่งปันความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาเคยทำให้คนข้างกายได้รับรู้

เจ้าของร่างสูงเพรียวหาได้รู้ตัวว่ายิ่งเปิดหน้าสมุดวาดเขียนไปหลายหน้า เขาก็ยิ่งเอนตัวเข้าหาคนข้างๆ มากขึ้นจนตัวแทบจะเกยกัน ใบหน้าชวนมองเอนลงพิงไหล่หนาราวเคยชินกับการนั่งในท่านี้มาตลอดขณะชี้ชวนให้ดูภาพที่ตนผสมสีพลาดจนออกมาเลอะเทอะ ยามที่เขาหัวเราะ แรงสั่นไหวจากไหล่จะส่งผ่านไปยังแผ่นอกที่นั่งพิงโดยไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกอย่างไร

เสียงของภัทรขาดหายเมื่อเริ่มตระหนักว่าไม่ได้ยินเสียงโต้ตอบจากคนข้างกายได้พักใหญ่ วูบแรกเขาคิดว่าเชษฐ์คงเพลียจากการไปโน่นมานี่ทั้งวันจนผล็อยหลับ ทว่าเมื่อเขาถอยตัวออกห่างเพื่อจะเงยหน้าขึ้นมอง ฝ่ามือแข็งแรงที่วางอยู่บนไหล่กลับโอบภัทรเข้าหาตัวมากขึ้น และแสงในห้องก็ราวกับจะมืดไปชั่วขณะเมื่อเชษฐ์ก้มลงบังสายตาเขาไว้และฉกชิงลมหายใจจากริมฝีปาก

ชายหนุ่มกะพริบตาปริบอย่างตั้งตัวไม่ถูกในอึดใจแรก แต่เมื่อปลายลิ้นอุ่นจัดแลบออกมากรีดไล้ริมฝีปาก ภัทรก็ถูกรสสัมผัสอันอ่อนหวานชักจูงให้เผยอกลีบปากจากกันแต่โดยดี ลมหายใจของเขากระชั้นถี่ขึ้นเมื่อคุณผู้จัดการเอาแต่ขบริมฝีปากและแตะแต้มปลายลิ้นลงมาอย่างยั่วเย้าโดยไม่รุกล้ำเข้าภายใน ความจั๊กจี้กระตุ้นเร้าภัทรจนเคลิบเคลิ้มมึนงง เรียวลิ้นอุ่นหวานจึงยื่นออกมาเกี่ยวกระหวัดตอบ ต้อนรับการท้าทายของอีกฝ่ายด้วยตัวเองในที่สุด

“...รูปที่เหลือไว้ค่อยดูทีหลังนะ”

ลมหายใจที่พวยจากปลายจมูกโด่งระลงเหนือริมฝีปากของภัทร จากนั้นปลายลิ้นของทั้งสองก็เคล้าเคลียกันอย่างไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง ภัทรปล่อยสมุดวาดเขียนออกจากมือเมื่อโดนดึงโดยไม่ยื้อไว้ ก่อนจะปรือตาขึ้นมองร่างสูงใหญ่ที่ยอมผละจากเขาเป็นเวลาสั้นๆ เพื่อถอดแว่นออกวางบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย ก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะรวบตัวเขาขึ้นไปนั่งบนตัก

เสียงครางแผ่วที่ชวนให้จินตนาการเตลิดหลุดจากลำคอของภัทรเมื่อฝ่ามือข้างที่ไม่ได้รั้งเอวของเขาได้เลื่อนเข้าไปฟอนเฟ้นแผ่นอกเรียบลื่น ไหล่ผอมกระตุกเมื่อยอดอกถูกขยี้ด้วยแรงที่ไม่หนักหรือเบาจากป้านนิ้วหนา ใบหน้าชวนพิศซับสีเลือดจนแดงก่ำเมื่อร่างสูงใหญ่ใช้มือเดียวปลดกระดุมเสื้อสามเม็ดบนของเขาออก จากนั้นก็แหวกคอเสื้อลงจนพ้นหัวไหล่ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นแผงอกเปลือยด้านเดียวกับไหล่ข้างนั้นโดยมีตุ่มเนื้อสีชมพูดุจดอกกุหลาบตูมเป็นจุดรวมสายตา

"ฮะ...คุณเชษฐ์..."

ภัทรกำเสื้อเชิ้ตบนไหล่กว้างจนยับยู่และแหงนเงยใบหน้าไปด้านหลังเมื่อเจ้าของชื่อก้มลงใช้ริมฝีปากร้อนผ่าวลิ้มรสกุหลาบตูมดอกนั้น ปลายลิ้นที่เย้าหยอกราวกับอยากกระตุ้นให้ดอกตูมเผยสีสันมากขึ้นส่งคลื่นความรัญจวนให้แล่นปราดจนภัทรต้องจิกปลายเท้าลงบนฟูก นัยน์ตาที่ปกติแจ่มใสพร่ามัวด้วยความหวามซ่าน ชายหนุ่มหอบหายใจรุนแรงเหมือนสูดอ็อกซิเจนเข้าปอดไม่ทัน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อยอดกุหลาบตูมถูกฟันขบอย่างแผ่วเบาก่อนที่ปลายลิ้นอุ่นจะเลียไล้จนชุ่มฉ่ำ

ทุกสัมผัสจากร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับรสกายของเขาส่งกระแสไฟอ่อนๆ ให้วิ่งไปทั่วร่าง ภัทรไม่อาจควบคุมร่างกายให้หยุดสั่นระริก เช่นเดียวกับที่ไม่สามารถควบคุมความต้องการที่รวมตัวกัน ณ ส่วนอ่อนไหวของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

"น้าเธอจะกลับมากี่โมง?"

น้ำเสียงแหบทุ้มกระซิบถามโดยไม่หยุดมือที่เปลื้องเสื้อผ้าที่เหลือ ภัทรกะพริบตาถี่ขณะพยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจายเพื่อตอบคำถาม กระนั้นสองหูก็ราวกับได้ยินแต่เสียงหัวใจที่เต้นระทึกจนแทบไม่ได้ยินเสียงอันแผ่วหวิวของตัวเอง

"น้าบรรณบอกว่า...ค่ำๆ ...ครับ...แต่ไม่ได้บอกว่า...อ๊ะ...กี่...โมง..."

คำตอบของภัทรขาดห้วงเมื่อถูกดันร่างที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดให้นอนลงบนฟูก ไหล่ผอมสั่นเมื่อถูกนัยน์ตาคมกริบสำรวจไปทั่วทุกส่วนด้วยสายตาชื่นชมเหมือนกำลังมองของสูงค่า เขาถูกนัยน์ตาคู่นั้นดึงดูดโดยสิ้นเชิงจนไม่อาจละสายตาไปทางอื่นแม้เมื่อเชษฐ์ยกมือขึ้นปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง

"ถ้างั้นก็ขอให้งานเลี้ยงเลิกดึกหน่อยก็แล้วกันนะ"

น้ำเสียงกระเซ้านั้นมาพร้อมนัยน์ตาเป็นประกายระยับ ภัทรจึงพยายามข่มความอายขณะยื่นมือออกไปช่วยอีกฝ่ายปลดกระดุมกางเกงโดยไม่ต้องให้ขอ ท่าทางกระตือรือร้นของเขาเรียกรอยยิ้มบนมุมปากของผู้สูงวัยกว่าให้ยิ่งหยักลึกมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็จุดเพลิงปรารถนาอันร้อนเร่าให้คุโชนยิ่งขึ้นไปตามกัน

ภายนอกบ้านทรงไทยหลังใหญ่ดังระงมด้วยเสียงหรีดหริ่งเรไรอันเป็นสัญญาณว่าสนธยาได้แปรเปลี่ยนเป็นราตรี ทว่าเสียงนั้นดูเหมือนจะดังไปไม่ถึงหูคนทั้งสองในห้องนอนที่เปิดไฟสว่างแม้แต่น้อย

"ภัทร..."

เสียงเรียกชื่ออันอ่อนโยนมีฤทธิ์ไม่ต่างจากยากระตุ้นสัญชาตญาณดิบในกาย ภัทรยกสะโพกขึ้นเมื่อมือแกร่งแยกเรียวขาของเขาให้วางคร่อมบนตัก ท่วงท่าอันแสนน่าอายนั้นเปิดสิ้นทุกส่วนสัดให้อีกฝ่ายได้เชยชมภายใต้แสงสว่างสีขาว แต่เขาก็พยายามเตือนตัวเองให้หยุดอายและปล่อยให้อีกฝ่ายได้จับจ้องโดยไม่ทัดทาน

เพราะถึงอย่างไรเสีย ก็คงไม่มีใครอื่นที่ภัทรจะกล้าทอดกายให้เชยชมอย่างสนิทสนมเช่นนี้อีกแล้ว

อุณหภูมิผ่าวร้อนจากร่างที่ทาบทับราวกับตีตราความเป็นเจ้าของบนผิวกายเปลือยเปล่า ร่างผอมเพรียวบิดเร่าอีกครั้งเมื่อเชษฐ์ก้มลงใช้ริมฝีปากปรนเปรอดอกตูมบนแผ่นอกอีกข้างเช่นเดียวกับที่ทำไปก่อนหน้านี้

"คุณเชษฐ์ครับ...อื้อ..."

น้ำเสียงของภัทรแผ่วโหย ปลายลิ้นอุ่นชื้นที่ไล้เลียและดูดดุนผิวกาย รวมไปถึงฝ่ามือแกร่งที่โลมเล้าอย่างช่ำชองคือหลักฐานว่าอีกฝ่ายได้เจนจบจนหมดสิ้นว่าควรปลุกเร้าด้วยท่วงทำนองแบบใดจึงจะรีดเค้นความหฤหรรษ์ให้เขาได้อย่างถึงที่สุด ปลายนิ้วชุ่มชื้นที่สอดแทรกเข้ามาในช่องทางร้อนรุ่มขณะที่ภัทรมัวเมาจากการถูกโลมไล้แก่นกายได้จุดชนวนเสน่หาให้ขมวดแน่นดุจเงื่อนที่ขันจนตึง ก่อนที่ความเสียวซ่านซึ่งรุมเร้าเกินกว่าที่เขาจะรับไหวจะแตกระเบิดประดุจพลุไฟ

เชษฐ์คำรามในคอกับภาพอันแสนยั่วยวนตรงหน้า แม้กระทั่งเมื่อภัทรปลดปล่อยในมือของเขาแล้วก็ยังไม่ยอมถอนนิ้วออกจากช่องทางเล็กที่บีบรัด นัยน์ตาคมเข้มจับจ้องริมฝีปากบางที่เผยอหอบขณะภัทรเกลือกหน้าไปมาบนหมอนจากความสุขสมที่ได้กลั่นตัวออกมาจนหมดสิ้น เขาพยายามยับยั้งกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างไม่ให้ก้มลงจูบกลีบปากแดงอันเชิญชวนเพื่อจะได้รื่นรมย์กับเสียงหวานหูและความเปล่งปลั่งของผิวกายเรื่อสีเลือดฝาดได้กระจ่างตา แม้จะตระหนักดีว่ากำลังจะทนควบคุมความต้องการที่จะเข้าครอบครองร่างตรงหน้าอย่างถือสิทธิ์ขาดไม่ไหว

เขาอาจไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่ได้เห็นภัทรยามถูกความสุขสมครอบงำจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เชษฐ์ก็รู้นับตั้งแต่ได้มองสบนัยน์ตาเรียวคู่นี้ครั้งแรก ว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเป็นผู้ชายคนเดียวและคนสุดท้ายในสายตาของภัทรตลอดไป

ร่างเพรียวส่งเสียงครางคล้ายเสียงสะอื้นเมื่อปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกในร่างได้เพิ่มจำนวนจากหนึ่งเป็นสอง สะโพกสอบส่ายไหวเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามสร้างความคุ้นเคยให้กับช่องทางนุ่มที่จะต้องรองรับความก้าวร้าวดุดันที่เคยได้สัมผัสด้วยมือและริมฝีปากมาก่อน มือใหญ่อีกข้างลูบต้นขาตึงแน่นขึ้นลงด้วยกิริยาเหมือนพรานป่าที่พยายามจะปลอบโยนเนื้อทราย ขณะเดียวกันร่างสูงก็โน้มตัวลงใช้ริมฝีปากจูบซับเสียงครางราวกำลังลิ้มลองอาหารเลิศรส

ภัทรสั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อใบหน้าคมคายถอนริมฝีปากออกไป นัยน์ตาวาววับราวนักล่าของเชษฐ์อยู่ห่างจากเขาเพียงคืบ ทว่าความแกร่งกำยำที่ส่งผ่านอุณหภูมิอันร้อนผ่าวมายังปากทางเข้าอันเล็กแคบก็ทำให้ภัทรแทบลืมหายใจ

"ภัทร ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลั้นหายใจ"

ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยกขึ้นลูบผมของเขาให้พ้นหน้าผาก เมื่อถูกสัมผัสโดยฝ่ามือชื้นเหงื่อ ภัทรจึงได้ตระหนักว่าตอนนี้ร่างของทั้งสองต่างก็ถูกหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นฉาบจนลื่น เขาพยายามบังคับร่างกายให้ผ่อนคลายจากอาการเกร็งเพราะความตื่นเต้นตามที่ถูกแนะนำ กระนั้นเมื่อรับรู้ได้ถึงความดุดันที่เริ่มชำแรกเข้ามา หัวใจของเขาก็เต้นรัวจนอึดอัดไปทั้งหน้าอก

ความแนบแน่นนี้หาใช่เพียงความฝันในค่ำคืนที่เฝ้ารออีกฝ่ายอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว

"อืม...."

เชษฐ์คำรามเสียงต่ำเหมือนราชสีห์ที่กำลังอดกลั้นต่อความบาดเจ็บ แต่ภัทรรู้ดีว่านั่นหาใช่ความเจ็บปวดจากบาดแผล หาไม่แล้วอีกฝ่ายคงไม่พยายามดึงดันที่จะรั้งสะโพกเขาเข้าหาตัว แต่แม้จะตระหนักว่าเสียงคำรามนั้นมาจากสาเหตุใด เขาก็ไม่สามารถห้ามร่างกายไม่ให้บีบรัดความดุดันที่ต่างขนาดเหลือเกินกับช่องทางอันอ่อนนุ่มของตนเองได้

"คุณเชษฐ์....คุณเชษฐ์....คุณเชษฐ์"

ภัทรได้แต่ส่งเสียงพร่าเรียกหาคนเบื้องบน ความรู้สึกอิ่มเต็มจากการถูกครอบครองทำให้สติสัมปชัญญะของเขาเลอะเลือน ที่ใดที่หนึ่งในร่างราวกำลังกรีดร้องด้วยความปรีดิ์เปรม ขณะเดียวกันความทรมานจากการต้องรองรับความแข็งแกร่งซึ่งแม้จะเป็นของคนที่เขารัก แต่ก็ยังสร้างความรวดร้าวจนทำให้ไม่อาจเชื่อมโยงความรู้สึกทางกายกับความยินดีในใจได้อย่างทันทีทันใด

ร่างสูงใหญ่รับรู้ถึงความไม่สบายตัวของคนในอ้อมแขนจากแรงบีบรัดที่เหมือนจะทั้งผลักไสและดูดกลืนเขาไปพร้อมกัน นัยน์ตาสีนิลปิดลงอย่างพยายามจะควบคุมตนเอง ก่อนที่จะเปิดอีกครั้งเพื่อสบตากับคนที่กำลังมองเขาด้วยนัยน์ตาเชื่อมปรอย เรียวคิ้วของภัทรขมวดมุ่นและมีหยาดเหงื่อเกาะพราวเต็มหน้าผาก ทว่าประกายในแววตาก็บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ต้องการให้สิ่งที่กำลังดำเนินต้องหยุดลงเพียงตรงนี้

ริมฝีปากของทั้งสองบดขยี้กันราวกับมีแรงดึงดูด เชษฐ์ใช้มือใหญ่ฟอนเฟ้นสะโพกตึงแน่นเพื่อปลอบประโลมภัทรให้ผ่อนคลายขณะที่เขาพยายามเคลื่อนตัวเพิ่มขึ้นทีละน้อย การให้ความใส่ใจอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำให้ภัทรเต็มตื้นในอก เขาจึงเลื่อนมือทั้งสองข้างที่กำทึ้งผ้าปูที่นอนแล้วยกขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรง ขณะเดียวกันก็พยายามยกสะโพกให้สูงขึ้นเพื่อบอกเป็นนัยว่ายินดีให้เชษฐ์เพิ่มความลึกล้ำให้แก่การแนบชิดของทั้งคู่

หลายอึดใจผ่านไปกว่าภัทรจะรู้สึกได้ว่าร่างเบื้องบนหยุดเคลื่อนไหว ขณะเดียวกันหน้าท้องแกร่งที่แนบทับลงมาบนส่วนไวสัมผัสก็สื่อให้รู้โดยไม่ต้องเอ่ยว่าตนได้รับส่วนหนึ่งของอีกฝ่ายเข้ามาโดยสมบูรณ์แล้ว ขอบตาของเขาฉ่ำชื้นด้วยคลื่นอารมณ์อันยากจะบรรยายจากสัมผัสอันแสนแนบแน่นนั้น ผู้สูงวัยกว่าระบายลมหายใจหนักหน่วงก่อนจะแกะมือข้างหนึ่งที่โอบรอบคอแล้วดึงมาจูบอย่างแสนรัก

"เธอเป็นของฉันแล้วนะ"
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 05-04-2013 11:38:36
น้ำเสียงทุ้มพร่านั้นอ่อนโยนทว่าก็เอาแต่ใจ หางเสียงที่บ่งบอกว่าจะไม่รับฟังคำโต้แย้งทำให้ภัทรหัวเราะ หยดน้ำใสกลิ้งลงจากหางตาด้วยความยินดีจากหัวใจที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะไม่เปิดรับใครเข้ามาอีกแล้ว

"ผมเป็นของคุณเชษฐ์มาตั้งนานแล้วครับ"

ริมฝีปากของร่างสูงหยักยิ้มกับคำตอบเอาใจที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาลอ้อย เชษฐ์ค่อยๆ ใช้แขนโอบช้อนเอวของภัทรให้ลุกขึ้นนั่งบนตัก การเคลื่อนไหวนั้นทำให้ช่องทางอ่อนไหวยิ่งโอบกระชับความร้อนรุ่มที่เสียดสีอยู่ในกายมากกว่าเดิม และทำให้แก่นกลางร่างกายของภัทรเบียดแน่นกับหน้าท้องแกร่งยามอีกฝ่ายกอดรัดเขาไว้แนบอก

"อ๊ะ..."

ภัทรหลุดเสียงครางหวิวหวานออกมาอีกครั้งเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นพรมจูบทั่วซอกคอ ฝ่ามือแข็งแกร่งที่บีบเคล้นบนสะโพกสื่อให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้ทำอะไร ภัทรรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นบนผิวหน้าและตามร่างกายที่ถูกสัมผัส ทว่าก็เพียงแต่เลื่อนมือลงเกาะกุมไหล่หนาเอาไว้ขณะเหนี่ยวรั้งร่างให้ขยับโยกตามที่อีกฝ่ายปรารถนาแต่โดยดี

พัดลมบนเพดานยังคงทำงานเป็นปกติ ลมกลางคืนยังคงโชยเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างจนชายผ้าม่านลูกไม้เนื้อบางปลิวไหว ทว่ากลับไม่ช่วยลดความรุมร้อนของผิวกายที่ถ่ายทอดความเสน่หาให้กันและกัน ความคุ้นชินในร่างของอีกฝ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้การแสดงความรักเริ่มร้อนแรงดุจพายุที่บ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ และภัทรก็รู้ตัวว่ากำลังจะทนรับความหฤหรรษ์ที่กำลังกำซาบไปตามเส้นประสาททุกเส้นในกายได้อีกไม่นานเมื่อเชษฐ์เลื่อนมือลงรูดรั้งส่วนที่กำลังตื่นตัวของเขาอย่างเร่งเร้า

นัยน์ตาเรียวปิดแน่นขณะทั่วร่างสั่นสะท้านเพราะความสุขสมดุจเกลียวคลื่นที่แตกฟองยามโถมเข้าซัดฝั่ง ชายหนุ่มเกี่ยวกระหวัดแขนรอบลำคอแกร่งเป็นหลักยึดโดยไม่หยุดร่างกายที่เคลื่อนไหว ช่องทางที่บีบรัดอย่างรุนแรงทว่ายังคงบดเบียดความแข็งแกร่งในกายทำให้เชษฐ์คำรามเสียงต่ำขณะกดร่างของภัทรให้นอนลงบนฟูก จากนั้นก็ทาบตัวตามลงเติมฟืนให้เพลิงสวาทที่กำลังลุกโหมด้วยการโจนจ้วงสู่ร่างผอมเพรียวที่ยังคงกรีดร้องชื่อเขาไม่ขาดเสียง

สัมผัสอุ่นวาบที่หลั่งมาจากร่างที่เกร็งกระตุกโดยไม่หยุดเคลื่อนกายเข้าออกทำให้ภัทรส่งเสียงหอบครวญอย่างลืมสิ้นซึ่งการยับยั้งใจกาย ร่างผอมเพรียวยกขาขึ้นเกาะเกี่ยวเอวสอบขณะที่แขนทั้งสองข้างโน้มคอของร่างเบื้องบนลงจูบ ความรู้สึกในเวลานี้ช่างเหมือนกับครั้งแรกที่เขากระจ่างในใจว่าตนยินดีที่จะมอบทุกอย่างให้อีกฝ่ายจนหมดสิ้น แต่สิ่งที่แตกต่างคือคุณเชษฐ์ของเขาอยู่ตรงนี้ในตอนนี้เพื่อตอบรับทุกสิ่งที่ภัทรมอบให้ด้วยตัวเองจริงๆ

"...ฉันรักเธอ"

เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูจากคนที่ทิ้งกายลงซุกซบบนตัวเขาทำให้ภัทรน้ำตารื้น ชายหนุ่มยกมือที่อ่อนแรงขึ้นลูบไล้แผ่นหลังแกร่งซึ่งลื่นไปด้วยเหงื่อ เรียวขาทั้งสองข้างกระชับเอวอีกฝ่ายแนบแน่นแทนคำบอกว่ายังไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงขณะหันไปแนบริมฝีปากบนปลายคาง

"ผมก็รักคุณเชษฐ์ครับ"

เสียงหอบหายใจแรงดังแข่งกับเสียงพัดลมเพดานในห้องที่เงียบสนิท ภัทรหลับตาและดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่ร่างกายแนบชิดโดยมีร่างสูงใหญ่ไล้ริมฝีปากไปตามผิวแก้มชื้นเหงื่อให้ การได้สัมผัสร่างกายเปลือยเปล่าของกันและกันขณะรอให้คลื่นอารมณ์อันปั่นป่วนสงบลงช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่น่าใฝ่ฝัน แต่แล้วความรื่นรมย์ก็มีอันหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ

นัยน์ตาสองคู่กะพริบขณะสบตากันและกัน เชษฐ์ยันตัวขึ้นบนศอกพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ภัทรจึงยิ้มให้พลางยกมือขึ้นลูบหัวไหล่แข็งแรง

"น้าผมคงจะโทรมาน่ะครับ"

ภัทรเอ่ยพลางค่อยๆ คลายเรียวขาที่เหนี่ยวรั้งสะโพกแกร่ง และแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตั้งใจยั่วยวน ทว่ารอยยิ้มและฝ่ามือที่อ้อยอิ่งอยู่บนไหล่ก็ทำให้เชษฐ์แทบอยากจะครอบครองร่างตรงหน้าเสียอีกครั้งในนาทีนี้

"...ช่วยไม่ได้นะ"

ร่างสูงเอ่ยอย่างจำใจขณะยันแขนขึ้นและค่อยๆ ถอยตัวออกอย่างเชื่องช้า ภัทรส่งเสียงครางหวิวขณะรับรู้ถึงความแข็งแกร่งซึ่งกำลังอ่อนตัวและผละจากช่องทางอ่อนไหว ร่างเพรียวนอนนิ่งอย่างอ่อนแรงเมื่อน้ำหนักที่กดทับลุกไปจากร่างเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่งให้ เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอเป็นของน้าสาวจริงๆ เขาจึงรีบกดรับ

"ครับ น้าจิน"

"ตอนนี้น้าจินกับน้าบรรณกำลังออกจากงานเลี้ยงนะจ๊ะ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้าน ภัทรกับคุณเชษฐ์หิวกันหรือเปล่าลูก? น้าจะได้แวะซื้อกับข้าวเข้าไปให้เพราะที่บ้านไม่มีอะไรเลย"

ภัทรเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นอนตะแคงเท้าศอกอยู่ข้างๆ พลางเสยผมออกจากหน้าผากให้เขาไปด้วย ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนจะตอบน้าสาว

"แล้วแต่น้าจินเลยครับ พวกผมยังไงก็ได้ แล้วเจอกันครับ"

ชายหนุ่มวางสายก่อนจะพยายามดันตัวขึ้นนั่ง คนที่นอนอยู่ข้างๆ จึงลุกตาม

"น้าของเธอว่าไงบ้าง?"

"น้าจินบอกว่ากำลังออกจากงานเลี้ยงแล้วครับ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงมาถึง ระหว่างนี้เรารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนดีกว่า"

ภัทรตอบพลางพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่แข้งขากลับอ่อนแรงเสียจนคนตัวใหญ่กว่าต้องช่วยประคอง ใบหน้าคมคายยิ้มเมื่อเห็นผิวหน้าเนียนเริ่มซับสีแดงเรื่อ

"ลุกไม่ไหวก็นอนพักต่ออีกหน่อยก็ได้ ยังพอมีเวลาไม่ใช่เหรอ?"

แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเย้าเพราะห่วงใย แต่ภัทรก็อดย่นจมูกไม่ได้ ผิวแก้มที่เรื่อสีเลือดฝาดอยู่แล้วดูจะยิ่งแดงมากขึ้นเมื่อเขาก้มหน้าตอบเสียงอุบอิบ

"ผมไม่อยากนอนแล้วล่ะครับ ไปอาบน้ำเลยดีกว่า"

ภัทรไม่ยอมขยายความว่าที่ไม่นอนพักต่อเพราะไม่อยากให้ฟูกเลอะเทอะมากไปกว่านี้ แต่หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายเห็นหยาดรักที่ตกต้องลงบนผ้าปูที่นอนจากช่องทางอ่อนนุ่มตั้งแต่ตอนที่ลุกไปหยิบโทรศัพท์มาให้ แล้วก็รู้อีกด้วยว่าถ้าหากบอกไปภัทรคงจะเขิน จึงไม่ได้เซ้าซี้และเพียงแต่ก้มลงช้อนคนตัวเล็กกว่าขึ้นอุ้ม

"คุณเชษฐ์! ผมเดินเองได้นะครับ! ห้องน้ำอยู่ข้างๆ นี่เอง"

ภัทรรีบบอกเมื่อถูกพาเดินออกจากห้อง แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดมากพอแล้วที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้คนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลทำตามที่ต้องการทั้งที่ควรจะพักผ่อน แล้วยังจะให้เขารบกวนต่ออีกได้อย่างไร

"ไม่เป็นไรน่า ถ้าไม่ไหวฉันก็ไม่ทำหรอก อีกอย่างแค่บริการเจ้าของวันเกิดน่ะแค่นี้ยังน้อยไป"

ประโยคสุดท้ายทำให้คำพูดทัดทานของภัทรติดค้างอยู่ในลำคอ ริมฝีปากบางเผยออย่างประหลาดใจแม้เมื่อเชษฐ์อุ้มเขาออกมาพ้นขอบประตูห้องและยืนอยู่บนชานบ้านแล้ว แสงจันทร์นวลที่ส่องลงมาบนใบหน้างุงงของภัทรทำให้เชษฐ์หัวเราะก่อนจะก้มลงฉวยจุมพิตบนกลีบปากสีสดอย่างมันเขี้ยว

"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?"

"คุณเชษฐ์...จำวันเกิดของผมได้..."

"...ดังนั้น...ขอร้องล่ะ ตื่นขึ้นมาก่อนจะถึงวันเกิดผมเถอะนะครับ..."

ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในห้องพักผู้ป่วยเมื่อสัปดาห์ก่อนหวนกลับมาอีกครั้ง เขาค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าตอนนั้นคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัว เพราะไม่ว่าเขาจะชวนคุยหรือบีบมือสักเท่าไหร่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง เชษฐ์มองแววตาที่สะท้อนถึงความแปลกใจของภัทร แล้วนัยน์ตาเฉียบคมก็ทอประกายอ่อนโยนลง

“ตกลงตอนนั้นเธอพูดจริงๆ สินะ หลังจากฟื้นแล้วฉันจำได้ว่าระหว่างที่ยังหลับจะได้ยินเสียงใครบางคนดังอยู่ข้างหูตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าฝันไปหรือเปล่าก็เลยไม่เคยพูดถึง แต่เรื่องวันเกิดของเธอน่ะฉันจำได้อยู่แล้ว”

คำตอบนั้นช่วยย้ำความมั่นใจให้กับภัทร เท่ากับว่าเสียงของเขาสื่อไปถึงอีกฝ่ายช่วงที่ยังไม่ได้สติจริงๆ ความประหลาดใจในวูบแรกค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความตื้นตัน ช่วงที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้นจิตใจของเขาตกต่ำถึงขีดสุดเพราะต้องคอยเฝ้ามองคนที่รักซึ่งไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว และภัทรเพียงแต่ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวเพื่อหล่อเลี้ยงความหวังว่าคุณเชษฐ์จะต้องปลอดภัยเอาไว้ ทว่าหลังเจ้าตัวหายดีแล้วก็มีเรื่องราวสารพัดมาให้ขบคิดไม่หยุดหย่อน เขาจึงลืมคำพูดที่ตนพลั้งปากออกไปในคืนนั้น รวมทั้งเรื่องที่วันนี้คือวันเกิดของตัวเองเสียสนิท

ในอกของภัทรหดเกร็งจากความตื้นตันที่ไหลบ่าจนล้นท่วมไปทั้งใจ และความรู้สึกนั้นก็สะท้อนออกมาในหน่วยตาที่เริ่มชื้นไปด้วยไอน้ำอุ่นซึ่งเอ่อคลอ ร่างสูงมองคนในอ้อมแขนที่เอาแต่มองเขาราวกับไม่รู้จะสรรหาคำพูดสำหรับโอกาสนี้อย่างไรแล้วก็ยิ้ม

"เอาไว้พรุ่งนี้กลับถึงกรุงเทพฯ แล้วเราค่อยไปหาร้านฉลองแบบเป็นเรื่องเป็นราวอีกทีก็แล้วกัน สุขสันต์วันเกิดนะ ภัทร"

คนพูดจบประโยคด้วยการแนบประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเขา และภัทรก็พบว่าต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกลั้นหยาดน้ำที่ปริ่มขอบตาไม่ให้หลั่งล้นลงมาบนแก้ม เขาทำได้เพียงพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นกอดลำคอแข็งแรงไว้ แม้แสงโดยรอบจะค่อนข้างสลัวเนื่องจากชานบ้านตรงนี้ไม่ได้เปิดไฟ แต่เขาก็เห็นได้ว่านัยน์ตาที่ทอดมองตรงมานั้นช่างอ่อนโยนจนไม่น่าเชื่อว่ามีไว้เพื่อมอบให้เขาเพียงคนเดียว

การได้เจอคุณ ได้รักคุณ และได้รับความรักโดยไม่มีเงื่อนไขจากคุณคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของผม

"ขอบคุณครับ คุณเชษฐ์"

ภายใต้แสงจันทร์นวลกระจ่างในคืนข้างขึ้น ดอกโมกริมรั้วถูกสายลมหอบกลิ่นหอมรื่นให้โชยเข้าไปในบ้านริมทุ่งและโอบล้อมร่างของชายหนุ่มทั้งสองไว้ แววตาสองคู่สบประสานกันราวกับไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งอื่นรอบตัว และแม้ไม่ต้องให้ดวงดาวบนฟากฟ้าชี้ทำนายอนาคตอันยาวไกล พวกเขาก็รู้ว่าความในใจที่มีให้แก่กันจะไม่มีวันเปลี่ยนผันเป็นอื่น ต่อให้กาลเวลาจะไหลผ่านไปอีกนานเพียงใดก็ตาม

บทพิสูจน์ความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ของทั้งคู่ผ่านไปแล้ว และบทเรียนที่ได้รับก็คือความมั่นใจในกันและกันที่จะไม่มีวันสั่นคลอน แม้นว่าอาจจะมีบทพิสูจน์อื่นที่ไม่ได้คาดคิดรอพวกเขาอยู่ข้างหน้า

ตราบใดที่ใจสองดวงเชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้นด้วยความรักและเชื่อใจ อนาคตก็เป็นเพียงก้าวหนึ่งที่พวกเขาจะจูงมือข้ามผ่านไปด้วยกัน เฉกเช่นทุกครั้งที่เคยทำร่วมกันมา

อย่างน้อยที่สุด...นั่นก็คือคำสัญญาที่สะท้อนอยู่ในแววตาซึ่งเปี่ยมด้วยความรักแล้ว...


++---End---++


A/N: พอพิมพ์คำว่า End อีกครั้งก็รู้สึกทะแม่งๆ เหมือนกันนะคะ เหมือนจริงๆ แล้วตอนนี้น่าจะเป็นตอนจบบริบูรณ์มากกว่าตอนที่แล้วยังไงบอกไม่ถูก ซึ่งตอนที่แล้วก็นับว่าจบไปแล้วล่ะ อันนี้เหมือนเพิ่มมาให้คนอ่านวางใจว่าที่คุณเชษฐ์แกทนๆ มาตลอดเนี่ย ในที่สุดคุณเขาก็ได้รางวัลคุ้มค่ากับที่อดทนแล้วละ สารภาพว่าเป็นตอนที่เขียนแล้วฝืดม้ากมากเพราะไม่ได้เขียนแบบนี้มานาน ทั้งอ่านแล้วอ่านอีก แก้แล้วแก้อีก ทวนแล้วทวนเล่าจนเข้าขั้นโรคจิตอ่อนๆ (เว่อร์) ก็ได้แต่หวังว่าจะคุ้มค่าสมการรอคอยของแฟนๆ นักอ่านทุกคนนะคะ และแน่นอนว่าตามธรรมเนียมที่เมื่อเขียนเรื่องใดจบเราก็จะรวมเล่ม สำหรับเรื่องนี้ก็มีโครงการจะทำแน่นอนเพราะว่าภาพปกเสร็จแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้จะไม่เปิดจองทันทีเหมือนเรื่องก่อนๆ เพราะอยากเขียนตอนพิเศษให้ครบก่อน แต่ก็จะคอยอัพเดทความคืบหน้าให้เป็นระยะ คาดว่าปลายเมษาหรือต้นพฤษภาน่าจะเห็นรูปร่างของหนังสือมากพอที่จะประกาศจองได้ ระหว่างนั้นก็จะพยายามเขียนอะไรมาให้อ่านเพื่อไม่ให้แฟนๆ ที่รอซื้อเซ็งกันไปเสียก่อน และขอแจ้งว่าตอนนี้ที่เพจของเราเปิดให้เล่นเกมส่งคำโปรยมาชิงนิยายฟรีเมื่อพิมพ์เสร็จอยู่ ยังคงรอผู้ร่วมสนุกอยู่เสมอถึง 19 เมษาตามรายละเอียดในภาพเลย

(http://sphotos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/6793_356614911126224_1250930136_n.jpg)

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาไม่ว่าจะตั้งแต่แรกหรือไม่ ทุกกำลังใจคือแรงผลักดันให้เราทุ่มเทเต็มที่สำหรับคุณเชษฐ์และน้องภัทรที่ทุกคนรักค่ะ ^___^

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่จะมีให้ล่วงหน้านะค้า รักคนอ่านทุกคนเลยค่ะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 05-04-2013 12:22:38
รู้มั้ยว่าชอบอะไรที่สุดในเรื่องนี้
ชอบที่คุณเชษฐ์เรียกแทนตังภัทรว่าเธอนี่แหละ
พอเป็นผู้ชายพูดแล้วฟังดูอบอุ่น เหมือนคุณเชษฐ์เห็นภัทรเป็นผู้หญิงเลย
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 05-04-2013 13:59:51
คุณเชษฐ์เป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากเหมาะกับภัทรมาก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 05-04-2013 14:27:57
ขอบคุณค่ะ อบอุ่นละมุนละไมมาก ชอบความรักวัยทำงาน และชอบเนื้อหาของเรื่องที่ไม่แบนราบจนเกินไป
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 05-04-2013 15:18:31
 :o8: :mew3:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 05-04-2013 15:29:22
 ขอบคุณสำหรับความหวาน :L2:
+1
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 05-04-2013 17:02:31
 :L1: :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 05-04-2013 17:40:02
อิ่มเอมไปกับความรัก ความอบอุ่นของคนทั้งคู่
อิจฉาภัทรจังที่คุณเชษฐ์รักภัทรได้มากกกกกขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-04-2013 20:31:02
หวานม้ากกกกกกกกก ดีใจที่ภัทรสดใสขึ้น จากตอนต้นเรื่องเนอะมีอะไรก็เก็บเอาไว้ในใจเยอะมาก
นี่กลับมาเล่าเรื่องโน้นนี่เรื่องวาดรูปเจื้อยแจ้วให้คุณเชษฐ์ฟัง น่ารักดี
คุณเชษฐ์อ่อนโยนมาก อยากได้แบบนี้ซักคนจริง ๆ จ้า อิจฉาภัทรจังเลย กว่าจะมาถึงตรงนี้ก็ผ่านอะไรกันมาเยอะเนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-04-2013 09:30:07
ในที่สุด เชษฐ์ก็สมหวัง หึๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 06-04-2013 16:19:55
...ร่วมกิจกรรม ส่งคำโปรย ในอีเมลล์แล้วนะครับ  :n1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 06-04-2013 17:50:50
...ร่วมกิจกรรม ส่งคำโปรย ในอีเมลล์แล้วนะครับ  :n1:

ขอบคุณมากที่ร่วมสนุกค่า ได้รับอีเมล์แล้วน้า :)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 10-04-2013 20:58:31
ฮ้า คุณเชษฐไม่ทนแว้ว อิอิ หวานอะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 10-04-2013 22:00:38
เป็นตอนส่งท้ายที่ช่วยให้รู้สึกว่าจบบริบูรณ์จริงๆค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 11-04-2013 20:18:12
ดันๆ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก บทส่งท้าย P.24 [05/04/13]
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 13-04-2013 00:06:05
เรื่องนี้น่ารักเวอร์ๆๆๆ อ๊ายยย อยากได้แบบคุณเชษฐ์เก็บไว้ที่บ้านซักคน  :o8:

ชอบมากๆๆ ดีใจกับภัทรด้วย มีความสุขแล้วนะ ภัทรเศร้าทำเอาเราเศร้าตาม แต่มีคุณเชษฐ์อยู่ด้วยแล้ว ไม่เศร้าแล้วนะ :กอด1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศผลเกมชิงนิยาย P.24 [23/04/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 23-04-2013 10:07:24
ประกาศผลที่เพจอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ แต่ขอมาแชร์ที่เล้าด้วย เพื่อยืนยันว่าเกมของเรานั้นเล่นจริง แจกจริงนะจ๊ะ สำหรับเกม “ขอ-คำ-โปรย” ที่ให้นักอ่านส่งคำโปรยที่คิดว่าโดนสุดๆ สำหรับปกเรื่อง แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก หลังเปิดรับคำตอบราวๆ สามสัปดาห์ก็ได้ผู้ชนะแล้วดังนี้ค่า

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/21293_366614790126236_1947358041_n.jpg)

เกมครั้งนี้มีคำโปรยร่วมสนุกทั้งสิ้น 15 ชุดจาก 13 ท่าน เพราะอนุญาตให้หนึ่งคนส่งมากกว่าหนึ่งชุดได้ ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ทำให้เป็นเกมที่คึกคักกว่าที่คิด ส่วนเรื่องการเปิดจองรวมเล่มก็ขอให้คอยติดตามข่าวสารกันได้เรื่อยๆ ทางแฟนเพจค่า ^__^

ปล. เผื่อใครสนใจว่าคำโปรยทั้ง 15 ชุดเป็นอย่างไรบ้าง คลิกไปอ่านกันได้ที่นี่นะคะ >>  http://on.fb.me/12Bejgb (http://on.fb.me/12Bejgb)

หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศผลเกมชิงนิยาย P.25 [23/04/56]
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 27-04-2013 22:46:02
หวานมากกก จบได้ชวนละลายมากเลยค่ะ

อ่านแบบรวดเดียวจบ ชอบผู้ชายอบอุ่นแบบเชษฐ์มากๆเลย แบบนี้ภัทรคงมีความสุขได้แล้วล่ะนะ รอตอนพิเศษ อยากอ่านอีกจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศผลเกมชิงนิยาย P.25 [23/04/56]
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-04-2013 22:47:29
ยินดีกับผู้ชนะด้วยนะคะ เก่งจัง :L2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศผลเกมชิงนิยาย P.25 [23/04/56]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 16-05-2013 16:41:04
เปิดจองรวมเล่ม แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก
และรีปรินท์เรื่องอื่นๆ ถึง 31 กค. 56


ปกเล่ม 1

(http://www.bloggang.com/data/b/bellbomb/picture/1368642549.jpg)


ปกเล่ม 2

(http://www.bloggang.com/data/b/bellbomb/picture/1368642583.jpg)


คำโปรยหลังปก: บทเรียนจากรักแรกซึ่งจบลงด้วยความผิดหวัง ได้ทิ้งรอยแผลที่ทำให้ภัทรกรยากจะมอบหัวใจให้ใครเป็นครั้งที่สอง แต่ทำไมกัน...ผู้ชายตาดุ มาดนิ่ง มีสถานะเป็นผู้จัดการที่บริษัทเดียวกันคนนี้จึงสามารถทำให้เขาหวั่นไหว จะผิดหรือเปล่า...ถ้าเขาจะลองเปิดใจรับใครอีกสักครั้ง? สำหรับเชษฐ์

ภาพของชายหนุ่มที่ดูเอาการเอางานนั้นช่างขัดกับแววตาเหงาๆ ยามที่ภัทรกรคิดว่าไม่มีใครเห็น และทำให้เขาอยากเข้าไปปัดเป่าความเจ็บปวดที่เจ้าตัวกกกอดให้จางหาย แต่ทว่า...เขาควรจะทำอย่างไร...เจ้าของหัวใจดวงนี้จึงจะยอมก้าวออกจากกำแพงที่เจ้าตัวสร้างไว้?

“ถ้าหากฉันอยากจะทำลายกำแพงนั่นให้ได้ ถ้าไม่ใช่อดทนทำให้เธอค่อยๆ เชื่อใจ ก็มีแต่จะต้องทำให้เข้าใจกันด้วยร่างกายเท่านั้น” 

ข้อมูลหนังสือ:
• สองเล่มจบ (ไม่ขายแยก)
• ราคาช่วงเปิดจอง 630 บาท + ค่าส่งลงทะเบียน 50 รวมเป็นชุดละ 680 บาท
• ไซส์ A5 พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา
• ตอนพิเศษเฉพาะในหนังสือ
• ของแถม 1: ที่คั่นหนังสือ 2 แบบ
• ของแถม 2: ปกพลาสติก ปั๊มทองลายเซ็นต์ของ Bellbomb ตอนนี้เหลือค่อนข้างน้อยจึงจะแจกตามจำนวนนิยายที่สั่งซื้อเท่านั้น และถ้าหมดแล้วก็หมดเลยนะคะ

Special Note:
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใช้เวลาเขียนตั้งแต่วาเลนไทน์ปี 09 และเพิ่งจะมาจบได้ตอนราวๆ เมษา 13 เท่ากับใช้เวลาทั้งสิ้นมากกว่าสี่ปี ถือว่าทุบสถิติทุกเรื่องที่เราเขียนมา และเป็นเรื่องที่มีคนทวงถามหามากที่สุด หวังว่าแฟนๆBellbomb ที่มีเรื่องอื่นอยู่แล้วจะรับเรื่องนี้ไปสะสมอีกเล่ม หลังจากที่คุณเชษฐ์กับภัทรเคยแวะไปสร้างความคุ้นเคยให้ก่อนในตอนพิเศษของบริบทแห่งรักและแม้นมั่นคำสัญญามาแล้วนะคะ :) 

**วิธีการสั่งซื้อ**
1. เปิดจองตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กค. ทั้งนี้ถ้าหนังสือเสร็จก่อนก็จะทยอยส่งให้ผู้ที่จองเข้ามาก่อนตามลำดับ
2. เวลาส่งอีเมล์มาที่ bellbomb[at]hotmail.com ขอให้ใช้หัวข้อว่า "จองนิยาย" และพิมพ์รายละเอียดตามนี้ค่ะ (โอนค่าหนังสือพร้อมค่าส่งมาได้เลย และแจ้งข้อมูลมาทีเดียว) 

ข้อมูลหนังสือที่จอง

จองเรื่อง แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก (680 บาท)

จำนวน: ................. ชุด

ข้อมูลผู้จอง

ชื่อ + ที่อยู่ (ขอชื่อ-นามสกุลเต็ม): .............................

Email: .............................

บัญชีที่เลือกโอน (พิมพ์ X ในช่องว่าง)

[ ] ธ.กรุงเทพ สาขาสะพานพระปิ่นเกล้า บัญชีสะสมทรัพย์ 162-413857-2 ชื่อ SIRIN SIRIMONTRI

[ ] ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า บัญชีออมทรัพย์ 183-239347-1 ชื่อ SIRIN SIRIMONTRI

วัน/เวลาที่โอนเงิน: .............................

ยอดที่โอน (ขอให้โอนแบบมีจุดทศนิยม เช่น 680.01 บาท): .............................

และสั่งจองรีปรินท์นิยายต่อไปนี้ (ในกรณีที่สั่ง แค่สบตาฯ เรื่องเดียว ไม่ต้องก็อปข้อมูลส่วนนี้)

• ลำนำรักสีรุ้ง 300 บาท จำนวน ....... เล่ม
• บริบทแห่งรัก 260 บาท จำนวน ....... เล่ม
• เมื่อหัวใจเราใกล้กัน 400 บาท จำนวน ....... เล่ม
• แม้นมั่นคำสัญญา 700 บาท จำนวน ....... ชุด
• ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก 360 บาท จำนวน ....... เล่ม

*วิธีคำนวนค่าส่ง*

• หากสั่งรีปรินท์เรื่องอื่นนอกเหนือจากแค่สบตาฯ คิดค่าส่งเล่มละ 10 บาท
• ถ้าหากน้ำหนักหนังสือรวมกันเกิน 2 กิโลกรัม จะส่งเป็นพัสดุ


**เกี่ยวกับนิยายที่รีปรินท์**
เนื่องจากต้นทุนค่ากระดาษที่สูงขึ้นมาโดยตลอดนับจากวันที่เราพิมพ์เรื่องแรกๆ ทำให้การรีปรินท์ครั้งนี้ต้องปรับราคาบางเรื่องขึ้นเพราะตั้งใจว่าจะพิมพ์ให้เกินจำนวนคนจองเพียงนิดหน่อย (จำนวนสั่งพิมพ์ดิจิตอลยิ่งน้อย ค่าพิมพ์ยิ่งสูง) และคาดว่าจะไม่รีปรินท์เรื่องเก่าๆ อีกนานจนกว่าจะออกเรื่องใหม่ค่ะ หากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามได้ทางอีเมล์ หรือที่แฟนเพจ www.facebook.com/BellbombNovels (http://"http://www.facebook.com/BellbombNovels") เสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 22-05-2013 12:17:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-05-2013 21:11:03
ปกสวยค่ะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 25-05-2013 17:04:30
มาแอบดู เผื่อคุณรินใจดีอัพตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 25-05-2013 21:17:43
รอน้องภัทรกับคุณเชษฐมาอยู่ในอ้อมอก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 26-05-2013 20:17:02
เอาตัวอย่าง cut scene ที่จะอยู่ในตอนพิเศษสำหรับรวมเล่มเท่านั้นมาให้อ่านกันค่ะ ขณะนี้เขียนตอนพิเศษนอกจากในบอร์ดได้สี่ตอนแล้ว
และจะพยายามเขียนเพิ่มอีกถ้ามีไอเดียใหม่ๆ ไม่แน่ว่าหลังนิยายรวมเล่มเสร็จแล้ว อาจเอาตอนพิเศษแบบเต็มมาลงในบอร์ดให้หนึ่งตอนค่า :)


*******************

ภัทรรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอน กลิ่นหอมของน้ำมันกระเทียมเจียวกับพริกไทยโชยมาแตะจมูก เมื่อปรือตาขึ้นก็พบว่าคุณผู้จัดการโปรเจ็กต์ในชุดที่พร้อมจะออกไปทำงานกำลังวางถาดข้าวต้มลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง

"อ๊ะ...คุณเชษฐ์ เดี๋ยวผมไปกินข้างล่างดีกว่าครับ..."

ภัทรเอ่ยพลางพยายามดันตัวขึ้นนั่ง เพราะเขารู้ดีว่าเชษฐ์ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องการใช้ห้องต่างๆ ในบ้านเพียงไร อีกอย่างแค่ไข้ขึ้นแค่นี้เขายังเดินลงไปกินข้าวที่ชั้นล่างไหว

"จะลงไปได้ยังไง แค่จะลุกนั่งยังไม่ไหวเลยดูสิ"

น้ำเสียงนั้นฟังกึ่งเอ็ดกึ่งอ่อนใจ ภัทรจึงได้แต่กะพริบตาปริบๆ เมื่อพบว่าตนถูกแขนแข็งแรงข้างหนึ่งประคองหลังเอาไว้ เขาจึงได้รู้ตัวว่าที่จู่ๆ เมื่อครู่ก็รู้สึกวูบนั่นเป็นเพราะฝืนลุกนั่งเร็วเกินไปนี่เอง

"แต่เดี๋ยวกลิ่นข้าวต้มจะติดในห้อง..."

ภัทรยังแย้งเสียงแผ่วอย่างดื้อรั้น เชษฐ์มองคนที่นัยน์ตาโรย หน้าแดงเพราะพิษไข้แล้วก็ส่ายหน้า

"ติดก็เดี๋ยวหาอะไรมาดับกลิ่นได้ ตอนนี้กินข้าวกินยาซะก่อนค่อยนอนต่อ"

ภัทรไม่รู้จะแย้งอย่างไรอีกเมื่อถูกจับให้นั่งเอนพิงหมอน ส่วนอีกฝ่ายดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วถอดแว่นออก จากนั้นก็ยกถ้วยข้าวต้มมาถือและตักคำหนึ่งขึ้นเป่า เมื่อคิดว่าเย็นลงบ้างแล้วค่อยยื่นส่งให้ถึงปากคนป่วย

ภัทรอ้าปากรับข้าวต้มด้วยอาการเบลอราวกับฟันเฟืองในสมองถูกสนิมเกาะ เขาเคี้ยวข้าวต้มอย่างช้าๆ แล้วกลืนลงคอ เมื่อมีข้าวต้มคำต่อไปยื่นมาให้ก็อ้าปากรับอีกเหมือนเด็กทารกที่ถูกป้อนข้าว กระทั่งอาหารอุ่นๆ ลงท้องหลายคำมากขึ้นจนพอมีเรี่ยวแรง และสมองก็เริ่มไม่ตื้อตันมากเท่าเมื่อครู่ก่อน เขาจึงเริ่มกระดากขึ้นมา

"คุณเชษฐ์ครับ...ไม่ต้องป้อนแล้วครับ ผมกินเองไหว..."

แม้จะรู้สึกว่าร่างกายช่างขยับได้เชื่องช้าเหมือนมีหินถ่วง แต่ภัทรก็ดึงข้าวต้มในมือใหญ่มาวางบนตักตัวเองได้สำเร็จ เขาหลบตาคนที่กำลังจ้องมองขณะพยายามตักข้าวต้มขึ้นทาน แต่เมื่อรับรู้ได้ว่านัยน์ตาคมกริบไม่ยอมเบนไปทางอื่นเสียที เขาจึงเหลือบตาขึ้นมองพลางมุ่นคิ้วน้อยๆ

"ไม่ไปทำงานเหรอครับคุณเชษฐ์ เดี๋ยวสายนะ"

"ก็ว่าจะรอดูคนป่วยกินข้าวให้หมดก่อนค่อยไปนี่แหละ ยังไงเช้านี้ก็ไม่มีประชุมอยู่แล้ว ฉันเข้าสายได้"

คนพูดเท้าแขนลงกับโต๊ะข้างเตียงพลางจ้องคนป่วยยิ้มๆ คราวนี้ภัทรเลยรู้สึกเหมือนความร้อนบนหน้าเพิ่มขึ้น และสาเหตุน่าจะไม่ได้มาจากพิษไข้

"คุณเชษฐ์จ้องอย่างนี้ผมจะกินลงได้ยังไงล่ะครับ..."


*******************


ใครสนใจเป็นเจ้าของรวมเล่ม อ่านรายละเอียดด้านบน หรือติดต่อสอบถามมาทางพีเอ็มหรืออีเมล์ bellbomb[at]hotmail dot com ได้ถึง 31 กค. นะคะ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 29-05-2013 17:59:47
 :a5: ไม่ได้   ต้องได้มาไว้เป็นของตัวเองแน่นอน   :hao7:

แต่   :angry2: รอเงินเดือนออกก่อน   :hao5: ใจเย็น ๆ  ๆ ๆ ๆ ๆ   :serius2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 29-05-2013 22:01:24
ขอบคุณครับสนุกมากเลย บวกเป็ดให้แล้วครับ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 30-05-2013 08:45:47
ตามมาอ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบ  สนุกมากเลย  อิอิ

ดีแล้วที่ภัทรได้มาเจอคุณเชษฐ์นะ  ผู้ชายอบอุ่น  จริงใจ ขี้แกล้งนิดหน่อย  คิกคิก
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 30-05-2013 11:07:34
มาอ่านอีกรอบ รอหนังสือมานอนกอด หุหุ

ป.ล. เราชื่อฝนนะ คุณริน ไม่ใช่เกดค่ะ (คาดว่าคุณรินต้องจำสลับกับใครบางคนแน่เลย อิอิ)
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 31-05-2013 10:05:24
มาอ่านอีกรอบ รอหนังสือมานอนกอด หุหุ

ป.ล. เราชื่อฝนนะ คุณริน ไม่ใช่เกดค่ะ (คาดว่าคุณรินต้องจำสลับกับใครบางคนแน่เลย อิอิ)

กรี๊ดดดดด ปกติไม่ค่อยจำชื่อคนอ่านพลาดนะ ขอโทษค่า อายจังเลย คราวหน้าไม่ลืมละค่าคุณฝน >\\\\<
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 10-06-2013 02:16:52
หวานซะ จนเลือดจะพุ่งแล้วครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 11-06-2013 20:29:56
จะคิดซะว่า ตัวเองคือ "ภัทร"   :impress2:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: PhInNoI ที่ 11-06-2013 23:43:37
 :hao7:
รอๆๆๆ หนังสือ

 :hao6:
หัวข้อ: Re: Immaculate Confession – แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ประกาศข่าวสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25!!!
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 12-06-2013 21:25:49
:hao7:
รอๆๆๆ หนังสือ

 :hao6:

กำลังปั่นตอนพิเศษ + จัดเตรียมรูปเล่มให้สมบูรณ์ที่สุดค่า รออีกหน่อยนะค้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - อัพเดทสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25 [15.8.13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 15-08-2013 20:01:18
สวัสดีค่า
 
Bellbomb ขอแจ้งความคืบหน้าของรวมเล่ม “แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก” ค่ะ (15.8.13)
 
ล่าสุดโรงพิมพ์บอกว่าถ้าไม่มีเหตุขัดข้องก็น่าจะนำหนังสือมาส่งให้ได้ในวันเสาร์นี้ ซึ่งก็คงจะได้เริ่มทยอยแพ็คส่งล็อตแรกภายในวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม ทั้งนี้เนื่องจากคนจองเข้ามาค่อนข้างเยอะ และแรงงานแพ็คมีคนเดียว (ซึ่งก็คือคนเขียนที่กำลังโดนไข้หวัดกิน) ดังนั้นถ้านำส่งได้แค่ไหนก็จะทำให้ได้มากที่สุด ส่วนที่เหลือคงต้องทยอยส่งภายในสัปดาห์ถัดไปเพราะวันธรรมดาเราจะแพ็คได้แค่ช่วงกลางคืน ดังนั้นอาจจะต้องเรียงไปตามลำดับคนที่โอนเข้ามาก่อนนะคะ
 
เรื่องที่จะขอความร่วมมือจากคนที่จองนิยายมาแล้ว:
 
1. ขอให้ตรวจสอบชื่อที่อยู่ที่เคยส่งมาว่าต้องการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดหรือไม่ หรือให้ข้อมูลมาครบหรือเปล่า วันนี้เพิ่งพบว่ามีบางท่านลืมให้รหัสไปรษณีย์มา ซึ่งก็ได้แจ้งไปขอข้อมูลเพิ่มแล้ว แต่เพื่อความชัวร์ ขอให้ทุกท่านเช็คอีเมล์ที่เคยส่งมาหาเราด้วยจะดีที่สุด ถ้าต้องการเปลี่ยนที่อยู่สำหรับจัดส่ง ขอให้แจ้งมาภายในวันเสาร์ที่ 17 สิงหานี้นะคะ (เพื่อความรวดเร็วในการแก้ไขข้อมูล โปรดแจ้งชื่อที่อยู่ใหม่พร้อมกับระบุอีเมล์ที่เคยใช้ส่งหาเราไว้ด้วยค่ะ)

2. ลายเซ็น อันนี้มีบางท่านที่ระบุมาตอนจองแล้วว่าขอให้เซ็นหนังสือให้ แต่ถ้าหากใครไม่ได้ขอไว้และอยากได้ ขอให้แจ้งมาวันเสาร์ที่ 17 สิงหาเช่นกัน ถ้าหากแจ้งมาช้ากว่านั้นและเราแพ็คเสร็จไปแล้ว ขออนุญาตไม่แกะห่อออกมาเซ็นให้นะคะ เพราะเวลาห่อเราจะปิดเทปกาวค่อนข้างแน่นหนา การจะแกะออกมาแพ็คใหม่จะค่อนข้างยุ่งยากค่ะ ><”

3.  การขอเปลี่ยนหนังสือ กรณีนี้เราจะตรวจสภาพหนังสือให้ก่อนแพ็คส่งอยู่แล้ว แต่ถ้าหากใครพบว่าหนังสือที่ได้มีเลขหน้าสลับกัน เจอหน้าขาวๆ ไม่มีตัวหนังสือหรือหน้าหายไป กรณีนี้สามารถถ่ายรูปมาให้เราพิจารณาเพื่อขอเปลี่ยนได้ (ภายในสามวันหลังได้รับหนังสือ) แต่ถ้าหากเป็นความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ เช่นมีหยดหมึกแต้มนิดๆ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการอ่าน ขอบหนังสือเจียนไม่เสมอกันนิดหน่อย หรือหน้ากระดาษติดกันที่สามารถใช้คัตเตอร์กรีดแยกหน้าเองได้ กรณีนี้จะไม่รับเปลี่ยน หรือถ้าหากเกิดความเสียหายจากการขนส่งโดยไปรษณีย์ไทย เช่นนี้ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับเปลี่ยนเช่นกัน เพราะเราจะห่อหนังสือให้ทุกคนแบบค่อนข้างแน่นหนาอยู่แล้ว ความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากไปรษณีย์คงต้องขอให้ไปเคลมจากพี่ไปรฯ เท่านั้นค่ะ
 
ทั้งนี้เราจะส่งหนังสือด้วยวิธีลงทะเบียนเพื่อให้มีรหัสที่แทร็คกิ้งออนไลน์ได้ เว้นท่านที่สั่งมาหลายเรื่องและน้ำหนักหนังสือรวมกันเกินสองกิโลกรัม กรณีนี้จะจัดส่งเป็นพัสดุธรรมดา แต่ท่านที่ส่งวิธีนี้จะได้รับรหัสพัสดุที่โทรเช็คกับไปรษณีย์ปลายทางได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้รับหนังสือ (ถ้าเราส่งเมล์แจ้งว่าจัดส่งแล้ว) ดังนั้นขอให้ใจเย็นกันหน่อยนะคะ แรงงานมีคนเดียวเลยอาจจะทำอะไรได้ช้าหน่อย แต่รับรองว่าจะจัดส่งให้ครบทุกท่านที่สั่งจองกันเข้ามาแน่นอนค่ะ

*ปล.ท่านใดที่ไม่ได้จองนิยายไว้แต่สนใจก็ยังสั่งเข้ามาได้ แต่จะได้ของแถมไม่ครบตามที่ระบุไว้ตอนเริ่มเปิดจอง และจะจัดส่งให้ต่อเมื่อเสร็จจากการจัดส่งให้ท่านที่จองเข้ามาภายใน 31 กค.เท่านั้นค่ะ*

*ปล.สอง ติดต่อได้ทางอีเมล์ bellbomb[at]hotmail.com หรือแฟนเพจ www.facebook.com/BellbombNovels เนื่องจากหากส่งพีเอ็มในบอร์ดอาจไม่ได้เข้ามาเช็คค่ะ*
 
ขอจบการอัพเดทวันนี้ไว้เพียงเท่านี้ค่า ^^
 
Bellbomb
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - อัพเดทสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25 [15.8.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Pam_ban ที่ 16-08-2013 08:55:18
รับทราบเจ้าค่ะ  :hao7:


ตอนนี้รออย่างใจจดใจจ่อกันเลยทีเดียว  :กอด1: สู้ ๆ นะคะ เชื่อว่าคนอ่านทุกคนเข้าใจดีว่าทีมงานมีจำนวนจำกัด   :hao5:  คงรอกันได้  o13


จะนึกถึงวันที่ได้รับหนังสือ มาเมื่อไหร่จะอ่านให้ตาแฉะไปเลย  :laugh:

หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - อัพเดทสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25 [15.8.13]
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 27-10-2013 14:10:54
สนุกมาก ๆ เลยค่ะ
คุณเชษฐ์กับภัทรน่ารักมากก
อ่านแล้วอบอุ่นจัง ขอบคุณนะคะ~^^
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - อัพเดทสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25 [15.8.13]
เริ่มหัวข้อโดย: WednesdayAugust ที่ 27-10-2013 16:14:25
รักคุณเชษฐ์ที่สุดเลย เป็นผู้ชายดีๆ ที่มีแต่ในนิยาย
ผู้ชายในโลกความจริงนี่มีแต่แบบธราธร 55555
ขอบคุณมากเลยค่ะ อ่านแล้วมีความสุขมาก พระเอกแสนดี อบอุ่น อ่อนโยน
ในชีวิตจริงก็สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ในนิยายสมัยนี้ยังหายากเลย
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - อัพเดทสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25 [15.8.13]
เริ่มหัวข้อโดย: maxiyorka ที่ 06-11-2013 19:15:33
ชอบพระเอกอบอุ่นจังค่ะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - อัพเดทสำคัญเกี่ยวกับนิยาย P.25 [15.8.13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 18-11-2013 09:51:52
แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก ตอนพิเศษ คำอธิษฐานในคืนวันลอยกระทง

คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสวยจัง...

ภัทรคิดขณะยืนเงยหน้ามองดวงจันทร์อยู่หน้าบ้าน เมื่อครู่เขาเพิ่งเดินเอาถุงขยะออกไปทิ้งที่หน้ารั้ว ตอนเดินกลับเข้ามาก็เพียงมองขึ้นไปบนฟ้าโดยไม่ตั้งใจจึงได้เห็นจันทร์เพ็ญลอยเด่น พลันแสงจากพลุซึ่งสว่างวาบบนขอบฟ้าจากที่ไกลๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มส่งเสียงอุทาน

"ภัทร ทำอะไรอยู่น่ะ?"

เชษฐ์เห็นคนร่วมบ้านหายออกมานานผิดสังเกตจึงเดินออกมาดู และพบว่าอีกฝ่ายกำลังยืนนิ่งมองอะไรบางอย่างที่ขอบฟ้าด้วยใบหน้าตื่นเต้น

"อ๋อ ดูพลุครับคุณเชษฐ์ ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดกันอยู่ที่ไหน แต่ผมเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้วันลอยกระทง"

ผู้สูงวัยกว่าเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่หันกลับไปมองแสงไฟหลากสีบนฟ้าซึ่งเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปตบบ่าเบาๆ

"ถ้างั้นวันนี้ออกไปลอยกระทงกันมั้ย?"

"เอ๊ะ?"

ภัทรหันไปมองคนถามอย่างแปลกใจ แต่นัยน์ตามีประกายตื่นเต้นดีใจอย่างปิดไม่มิด เชษฐ์จึงยิ้มแล้วเดินกลับเข้าไปหยิบกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์ในบ้านก่อนจะเดินกลับออกมา

"ว่าแต่...เราจะไปลอยกระทงกันที่ไหนครับคุณเชษฐ์?"

"อืม...ฉันก็ไม่ได้ไปลอยมาหลายปีแล้วด้วยสิ งั้นขับรถไปเรื่อยๆ เจอที่ไหนน่าสนใจก็ไปลอยกับเขาก็แล้วกัน"

ภัทรยิ้มแล้วพยักหน้า สำหรับเขาแล้วจะเป็นที่ไหนก็ได้ ขอแค่ไปกับคุณเชษฐ์ก็พอแล้ว เพราะเขาก็ไม่ได้ลอยกระทงมาหลายปีแล้วเหมือนกัน

ทั้งสองออกมาจากหมู่บ้านด้วยกันโดยที่เชษฐ์ขับรถเลียบทางริมแม่น้ำ จนกระทั่งใกล้ถึงทางเข้าวัดแห่งหนึ่งซึ่งมีผู้คนเดินถือกระทงหลากสีต่างขนาดพากันเดินหลั่งไหลเข้าไป เชษฐ์จึงหาที่จอดรถแล้วก็พาภัทรเดินไปตามเส้นทางนั้น

"คุณเชษฐ์ชอบกระทงแบบไหนครับ?"

ภัทรหันไปถามเมื่อเห็นแม่ค้าตั้งโต๊ะขายกระทงเรียงรายกันอยู่ข้างทาง บางเจ้าก็นั่งเย็บใบตองกันตรงนั้น แบบที่ทำจากกระดาษและขนมปังก็มี เชษฐ์จึงยิ้มพลางหยิบธนบัตรสีแดงสองใบส่งให้

"เอาแบบที่เธอชอบนั่นแหละ แบบไหนก็ได้"

ภัทรรับเงินแล้วก็เดินไปยังแผงขายกระทงของเจ้าต่างๆ นัยน์ตาของเขากวาดมองกระทงหลากแบบพลางเม้มริมฝีปากเหมือนตัดสินใจไม่ถูก แต่แล้วชายหนุ่มก็ทำให้คนที่มาด้วยแปลกใจเมื่อเลือกซื้อกระทงที่ทำจากขนมปังขนาดกลางมาสองใบ

ทั้งสองเดินตามคนอื่นๆ ที่มาลอยกระทงไปจนถึงท่าน้ำ เชษฐ์ซึ่งพอจะมองเห็นว่าบริเวณไหนคนไม่ออกันมากนักรีบดึงภัทรไปทางมุมนั้น จากนั้นก็ใช้ไฟแช็กที่พกติดตัวมาจุดธูปเทียน ชายหนุ่มทั้งสองย่อตัวลงนั่งยองๆ เพื่ออธิษฐานก่อนจะลอยกระทงไปพร้อมกัน กระทงทั้งสองใบลอยเคียงคู่กันออกจากตลิ่งก่อนจะไหลตามกระแสน้ำไปรวมกับกระทงแบบสวยงามของคนอื่นๆ แสงเทียนวอบแวมที่รวมกลุ่มกันทำให้ท่าน้ำบริเวณวัดดูสว่างไสว

เนื่องจากกระแสของผู้คนที่หลั่งไหลมาลอยกระทงไม่ขาดสาย ทั้งสองจึงไม่ได้อยู่รอดูกระทงของตนนานนักเพราะจะได้เปิดทางให้คนอื่นได้มีที่ริมน้ำบ้าง หลังจากเดินฝ่าผู้คนจนออกมาถึงบริเวณที่ไม่ค่อยแออัด เชษฐ์ก็หันไปทักคนข้างกายอย่างแปลกใจ

"ไม่นึกว่าเธอจะซื้อกระทงขนมปัง ตอนแรกฉันนึกว่าเธอจะซื้อพวกกระทงใบตองหรือกาบพลับพลึงทำนองนั้นซะอีก"

ภัทรยิ้มพลางย่นจมูกนิดๆ "ตอนแรกผมก็เกือบซื้อกระทงแบบนั้นแหละครับ แต่ว่า...ไม่รู้สิ ผมกลับเห็นกระทงพวกนั้นแล้วนึกถึงสมัยเด็กๆ ที่เคยช่วยแม่กับพี่แพนเย็บกระทงกันเอง แล้วก็เลยรู้สึกว่าความรู้สึกตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ผมแค่อยากลอยกระทงกับคุณเชษฐ์ ดังนั้นลอยกระทงขนมปังที่เป็นอาหารปลาได้แล้วก็ย่อยสลายง่ายๆ ดีกว่า จะได้ไม่เป็นขยะให้แม่น้ำต่อไปด้วย ผมคิดแค่นี้แหละครับ"

"อืม...งั้นเมื่อกี้อธิษฐานว่าอะไรไปล่ะ?"

เชษฐ์ถามพลางช่วยเกลี่ยผมด้านหน้าของภัทรที่ลงมาปรกตาให้ ชายหนุ่มจึงยิ้มอย่างเขินๆ

"ความลับครับ"

ผู้สูงวัยกว่าเลิกคิ้ว แต่ภัทรเหลือบมองไปยังรถเข็นขายขนม อาหาร เครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งจอดเรียงขนาบทางเข้าวัดเป็นทางยาว จากนั้นก็ยื่นมือไปกระตุกมือของร่างสูงใหญ่ข้างตัว

"ผมยังไม่อยากกลับบ้านเลยครับคุณเชษฐ์ เดินเล่นกันก่อนได้มั้ยครับ?"

ภัทรถามเสียงอ้อน แต่ความจริงต่อให้เขาใช้น้ำเสียงปกติก็ไม่มีทางที่เชษฐ์จะปฏิเสธ นัยน์ตาของผู้สูงวัยกว่าที่จับจ้องคนตรงหน้าทอประกายเอ็นดู

"เอาสิ"

ทั้งสองเดินดูร้านรถเข็นต่างๆ รวมทั้งซุ้มที่เปิดให้เล่นเกมด้วยความสนใจ จนกระทั่งได้เวลาดึกพอสมควร เชษฐ์จึงชวนกลับเพราะวันรุ่งขึ้นพวกเขายังต้องไปทำงานอีก

"ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์ที่วันนี้พาออกมาลอยกระทง"

"แปลว่าคืนนี้ฉันจะได้รางวัลรึเปล่า?"
 
เชษฐ์เอ่ยถามยิ้มๆ ขณะขับรถกลับบ้านด้วยกัน ภัทรจึงหัวเราะก่อนจะดึงมือใหญ่ข้างหนึ่งขึ้นมาแตะริมฝีปาก นัยน์ตาเรียวรีมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมในใจ

"ถึงไม่พาออกมาลอยกระทง ผมก็เต็มใจให้รางวัลคุณเชษฐ์อยู่แล้วครับ"

"พอได้ยินอย่างนี้แล้วไม่อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์เลยนะ"

คนขับรถเอ่ยพลางกระชับมือของเขาแน่นเข้า ภัทรจึงยิ้มพลางเอนศีรษะลงพิงไหล่หนา ตั้งแต่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาเกือบครบปี ชายหนุ่มกล้าที่จะแสดงออกถึงความสนิทสนมของทั้งคู่มากขึ้นยามที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง เพราะเขารู้ดีว่าการทำให้อีกฝ่ายตระหนักถึงความรู้สึกที่เขามีให้เป็นเรื่องสำคัญแค่ไหน

ส่วนคำอธิษฐานของเขาที่ว่า "ขอให้คุณเชษฐ์สุขภาพแข็งแรง และชีวิตคู่ของพวกเขาราบรื่น" ภัทรคิดว่าไม่จำเป็นต้องบอกออกไปก็ได้ ในเมื่อนั่นคือสิ่งที่ทั้งสองจะร่วมกันทำให้เป็นจริงอยู่แล้ว เพียงแต่ใต้แสงจันทร์เต็มดวงที่ส่องกระจ่างในเดือนสิบสองซึ่งมีเพียงปีละครั้ง เขาจึงอยากถือโอกาสขอพรเพื่อให้เป็นสิริมงคลสำหรับทั้งคู่เพิ่มขึ้นบ้าง...ก็เท่านั้นเอง


++---END---++


A/N: เนื้อหาเกี่ยวกับเทศกาลลอยกระทง แต่มาลงช้าไปวันนึงเพราะว่าตัวเองไป ตจว.แล้วก็นึกว่าคงไม่มีเวลาเขียน แต่ไปๆ มาๆ เกิดไอเดียเอาตอนดึกดื่นแล้วเลยเพิ่งจะได้โพสต์ตอนเช้านี่ล่ะค่ะ ฟีลก็หวานแหววประสาคู่นี้เขาล่ะ คงทำให้แฟนๆ คุณเชษฐ์กับน้องภัทรหายคิดถึงกันบ้างนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: schneesturm_fubuki ที่ 18-11-2013 10:02:35
 :-[ :-[ :-[ อูยยยยยย โชคดี ที่มารือคลันิยายจบแล้วอ่าน เลยได้มาเจอตอนพิเศษ อิอิ

คู่นี้หวานแบบอบอุ่น เหมือนเดิมเลยนะคะ อ่านแล้วอมยิ้ม
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 18-11-2013 10:14:56
หวานเจี๊ยบ ~~

ขอบคุณมากนะคะสำหรับตอนพิเศษ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 18-11-2013 16:29:17
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-11-2013 17:10:59
หวานเจี๊ยบเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 18-11-2013 17:22:37
คู่หวานมาลอยกระทง อร๊ายยย ^^
น้องภัทรน่ารักมากค่ะ คุณเชษฐ์ก็แสนดี
อ่านแล้วมีความสุข ขอบคุณมากค่ะคุณริน
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 18-11-2013 19:56:59
หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ภัทรขี้อ้อนนะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 18-11-2013 21:29:56
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษมากๆ นะ
+1
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkasaa ที่ 20-11-2013 13:33:58
 :mew1:
พึ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้  น่ารักมาก
หลงรักคู่นี้เข้าอย่างจัง บรรยากาศอบอุ่น ๆ ลอยฟุ้ง
คุณ bellbomb บรรยายได้ดีมากค่ะ
สนุกมาก ขอบคุณมากค่ะที่มอบเรื่องน่ารัก ๆ แบบนี้มาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 20-11-2013 20:32:50
หวานเจี๊ยบ  เบาหวานพุ่งปรี๊ดเลยแฮะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-11-2013 22:07:51
หลงรักคุณเชษฐ์ 55555
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 22-11-2013 19:30:35
หวานกันจัง. อิจฉาๆๆๆ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 18-01-2014 22:20:49
ลุ้นแทบตายตอนคุณเชษฟื้นแล้วยังจำอะไรไม่ได้
พลังแห่งรักแท้ งื้อออทำให้นายฟื้นขึ้นมา
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 10-02-2014 13:31:35
 :m3: สนุกมากค่ะ เพิ่งได้อ่าน
คุณเชษฐ์ผู้ชายอบอุ่น มั่นคง พึ่งพาได้ เข้าใจแม้ไม่ต้องเอ่ยคำ  :impress3: หนูภัทรขี้อาย คิดมาก แต่น่าดูแล
เรารู้สึกว่าจุดจบของธรเบาไปหน่อย มันน่าจะเป็นอะไรที่เจ็บที่ใจมากกว่านี้ เราว่าธรยังไม่ได้รับบทเรียนในการกระทำของตัวเองเลย  :m16:
 ขอบคุณสำหรับเรื่องค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 13-02-2014 00:43:30
แปะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 14-02-2014 01:51:10
พระเอกเรื่องนี้น่ารักแสนดีมากๆเลย อยากได้กลับบ้านบ้างจัง  :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 17-02-2014 00:42:08
คุณเชษฐ์นี่เป็นผู้ชายในฝันเลย อบอุ่น สุภาพบุรุษ เข้มแข็ง ปกป้องคนรักอย่างดีเยี่ยม
ส่วนภัทรนี่ก็ดูน่าทะนุถนอมจัง
เรื่องสนุกดีค่ะ มีลุ้น มีหวานให้ได้ยิ้ม
บวกๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 09-03-2014 19:17:28
ตามมาอ่านเรื่องนี้มีความสุขมากๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 01-05-2014 20:47:45
ตามมาอ่านจากเรื่อง เลห์ลวงใจ และก็ ยินดีที่ได้รู้จัก รัก
เรื่องนี้แบบ โอ้ยยยยย ชอบผู้ชายเหมือนคุณเชษฐ์มากกก  :ling1:
ดีงามไปหมดอ่ะค่ะคนเขียนขาา
นี่อิจฉาน้องภัทรตลอดเวลาที่อ่านเลยยย อยากได้คนแบบนี้มาก
แต่พออ่านไปแล้วก็เทียบกับคุณกฤตนี่ คนละเรื่องเลย 5555
คนนี้เขารอได้ ไม่เร่งรีบ แต่คุณกฤตคือไม่ เดินหน้าพุ่งชนอย่างเดียว 555
จะติดตามทุกๆเรื่องของคนเขียนเลยนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: ckk ที่ 05-06-2014 21:28:21
สนุกมากเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 12-07-2014 17:24:21
ภัทรมองคุณเชษฐ์ด้วยสายยังไงกันเน้อ :impress2:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 12-07-2014 23:00:23
ผู้ชายอย่างคุณเชษฐ์มีขายที่ไหนจะสั่งใส่ถุงกลับบ้าน กรี๊ดด อยากได้ผู้ชายแบบนี้  :ling1: ขอบคุณสำหรับนิยายอบอุ่นแบบนี้นะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-07-2014 00:02:41
โอ๊ยยยย คู่นี้หวานเจี๊ยบเลยให้ตายสิ ชอบคุณเชษฐ์มากๆ อบอุ่นสุดๆ
ภัทรก็น่ารักน่าทะนุถนอม แต่พอดราม่าทีนี่น้ำตาร่วงเลยอ่ะ
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: automaton ที่ 26-08-2014 21:19:00
ชอบเรื่องที่ตัวเอกอายุต่างกัน มันรู้สึกมีหลากหลายมุมมอง ความคิด ความรู้สึก
ยิ่งนิสัยของภัทรที่อ่อนโยน แม้จะเป็นคนรักกันแล้ว และทั้งรู้ว่าคุณผู้จัดการรักตัวเองมาก
ยอมปกป้องตัวเองด้วยสัญชาตญาณจนตัวเจ็บก็ยอม แต่ภัทรก็ยังแสดงความเคารพ เกรงใจ
ไม่เอาแต่ใจ แล้วนิสัยอย่างนี้จะไม่รักน้องภัทรที่สุดได้ไง  :-[
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: ไนติงเกล ที่ 21-12-2014 13:29:03
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ค่ะ
 :o8:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 26-12-2014 05:57:29
หวานจริงไรจริง อิจฉาภัทรจัง :o8:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 12-01-2015 22:05:55
ภัทรเป็นคนที่คิดมากจริงๆ ค่ะ ไม่รู้สินะอาจจะเพราะเคยมีปมให้ต้องคิดด้วยเลยยิ่งคิดเยอะเข้าไปอีก เราว่าคนแบบภัทรนี่คงไม่แคล้วกับสไตล์คุณเชษฐ์เนี่ยแหละ เป็นผู้ใหญ่ที่ใจเย็นกว่า มีมุมขี้เล่นแต่ก็อบอุ่น ดีแล้วที่เลิกกับธรไปจนได้มาเจอคุณเชษฐ์ แม้จะมีช่วงลำบากที่ต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกันแต่ก็สามารถผ่านมันไปได้ด้วยดี แม้จะเกือบแล้ว ตอนนั้นนอนปาดน้ำตาอ่านเลยกว่าจะผ่านไปได้ ถือว่าคุ้ม

ขอบคุณนะคะที่แบ่งปันนิยายสนุกๆ ให้เราอ่าน ^_^
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 28-02-2015 20:55:54
ชอบเรื่องนี้จังเลยค่ะ คงช้าไปมากๆ จองหนังสื่ออะไรยังไงก็ไม่ทัน (สมไหมละ พึ่งมาอ่าน ฮื้อๆ)

เรื่องนี้ทำให้ยิ้ม และร้องไห้ได้ง่ายๆเลยค่ะ(ทั้งที่ไม่ชอบมาม่านะ แต่พระเอกอ่อนโยนและรักเดียวใจเดียวมาก ทำเอาเราเขินเลย) สุดยอด ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 04-03-2015 01:03:11
 o13
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 05-03-2015 22:38:48
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากค่ะ  อ่านแล้วรู้สึกคุณเชษฐ์เป็นผู้ชายที่อบอุ่น  อ่อนโยนมาก  ภัทรก็ซื่อๆ น่ารักมากๆ
ถึงเรื่องนี้จะมีม่าบ้างแต่ก็พอดีไม่มากไปถือเป็นบทพิสูจน์ความรักของทั้งคู่หล่ะกันเนอะ
  :pig4:   ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆ มาให้อ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Mouse2U ที่ 15-03-2015 20:31:08
อิ่มเอมค่ะ :-[ ความรักที่ค่อยๆก่อตัว ไม่หวือหวาแบบนี้สิคะ ที่เรียกว่าความรักที่มั่นคง งื้อ~  อย่างคุณเชษฐ์หาได้ที่ไหนบ้างคะเนี่ย :hao5:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 18-03-2015 21:40:54
 :mew6: ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ แรกๆยอมรับหงิดนิสัยนายเอกบ่อยๆ55
แต่พระเอกอดทนมากใช้ความรักเข้าทำลายกำแพงใจ
โอ้ยฟินนนนน รักเลยค่ะขอบคุณนะคะเป็นนิยายที่เลอค่าอีกหนึ่งเรื่อง
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 07-04-2015 16:31:25
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ ย้่งเวลาสองคนแแสดงความรักต่อกันน่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: choinudee ที่ 08-04-2015 22:49:35
บอกได้แค่ว่า  ปลื้มปริ่มมากกกกกกก

ทำเอาใจหายใจคว่ำว่าจะก่อดราม่าน้ำตาตกซะแล้ว

น่ารักมากเลย คุณเชษฐเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากๆ

ฮืออออ อยากได้คุณเชษฐ์!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 11-04-2015 00:24:08
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ อ่านจบวันเดียว ตาแฉะกันไปข้าง ชอบคุณเชษฐ์มาก จะมีคนที่ดีแบบนี้สักกี่คนที่ให้เกียรติคนที่รักพร้อมเข้าใจและเดินไปด้วยกันแบบนี้ เนื้อเรื่องน่าติดตามจนหยุดอ่านไม่ได้ ขอบคุณนักเขียนนะคะที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-04-2015 05:46:16
ขอบคุณค่ะ
หลังรักคุณเชษฐ์เลย ^^
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 13-06-2015 18:02:11
เรื่องนี้ดีงามมากอ่ะ
หวานฟรุ้งฟริ้งมาก
ชอบผช.แบบคุณเชษฐ อิออ :-[
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 16-06-2015 07:01:51
 :pig4: :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: แ ฝ ง. ที่ 24-06-2015 16:53:45
พึ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ
ประทับใจมาก ความอบอุ่นอบอวลมากค่ะ
แอบร้องไห้ไปกับภัทรด้วยค่ะ  :hao5: :hao5:

ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 01-09-2015 17:33:56
วัยทำงานแบบนี้น่ารักจุง
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 03-09-2015 07:15:26
ภัทรขี้แย ร้องไห้ตลอด  :mew2: :mew2: หนุ่มน้อยช่างอ่อนไหน
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 06-09-2015 23:21:44
พึ่งได้มาอ่านอ่ะ น่ารักมากเลย
เสียดายจัง อยากได้แบบรวมเล่มบ้าง ยังเหลือมั้ยคะ?? :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: bellbomb ที่ 19-09-2015 08:46:26
พึ่งได้มาอ่านอ่ะ น่ารักมากเลย
เสียดายจัง อยากได้แบบรวมเล่มบ้าง ยังเหลือมั้ยคะ?? :mew2: :mew2:

คุณ arij-iris ขอโทษค่า ไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คห้องนิยายที่จบแล้ว แถมเวลามีคอมเม้นต์ใหม่ก็ไม่มีแจ้งเลยไม่ทราบ ถ้าหากสนใจฉบับรวมเล่ม เรายังมีค่ะ หรือจะซื้อแบบอีบุ๊คทาง meb ก็ได้นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 22-12-2015 20:32:38
ชอบอ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา :ling1: :z3:
ขอตอนพิเศษเยอะๆได้มั้ยคะ :hao7: :mew1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 23-12-2015 20:43:35
อบอุ่นมากค่าาา คุณเชษฐ์ กับ ภัทร เหมาะกันมาก อยากได้แบบคุณเชษฐ์มาอยู่ในชีวิตจริงจังเลยยย ><
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 24-12-2015 21:37:18
น่ารักมากเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 19-01-2016 07:02:15
เข้ามาอ่านอีกรอบ ยังประทับใจเหมือนเดิม
ผู้ชายอย่างคุณเชษฐ์ คงจะมีแต่ในนิยายซินะ (T_T)
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 18-03-2016 23:10:56
รักคุณเชษฐ์ อยากบูชายัญค่าาา   :-[ :o8: เป็นผู้ชายที่ช่างอดทนอดกลั้นจริงๆ
ชอบตอนที่บรรยายเรื่องการใส่แว่นและถอดแว่น ของคุณเชษฐ์ ไม่รู้จะมีใครเป็นเหมือนเรามั้ย
เราแพ้ผู้ชายหนุ่มแว่น ฮ่าาาาา ชอบค่ะ
ตัวน้องภัทรเองก็น่ารักนะคะ แต่ว่าเราหมายปองผู้ชายคนเดียวกัน ฮ่าา (น้องภัทรโบก  :z6:)
ชอบการเดินเรื่องค่ะ เห็นว่าเรื่องนี้กว่าจะจบหลายปี ถ้าเรามาอ่านช่วงนั้น คงลงแดงแน่ๆ เลย
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: TuiLoveKhaKing ที่ 19-03-2016 21:01:57
กลับมาอ่านอีกรอบบ อ่านหลายรอบมากเรื่องนี้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 20-03-2016 10:19:34
ขอบคุณนะคะ เรื่องนี้น่ารักมาก คุณเชษฐ์ก็น่าเลิฟ นานๆจะเจอพระเอกอบอุ่นแบบนี้ คุยกันด้วยเหตุผล  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 21-03-2016 01:34:30
เพิ่งได้มาตามอ่านค่ะ
รักของทั้งคู่ละมุนละไมและอบอุ่นมากเลย
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 28-03-2016 18:42:10
เป็นนักเขียนที่เราด้อมๆ มองๆ ในเพจมานานค่ะ เพราะมีพี่ที่รู้จักแนะนำ แต่ว่าพึ่งจะมีโอกาสมาอ่านเอาก็ตอนนี้ ไม่ผิดหวังกับ สำนวน นิสัยตัวละคร ปมเรื่อง หรือความสมจริงในเนื้อเรื่องจริงๆ ค่ะ ตอนอ่านนี่ก็คิดแล้วว่าคงจะมีคนนิสัยอย่างนี้อยู่จริงบ้างล่ะน้าาา ถือว่าประทับใจมากเลยค่ะ สมกับเป็นนักเขียนในดวงใจของหลายๆ คน :)
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 25-04-2016 13:25:13
 :sad4: น้ำตาท่วมจออออ นิยายสุดยอดมากค่าาาา
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-04-2016 21:54:13
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: God ที่ 11-05-2016 14:01:24
เคยอ่านจบไปแล้วรอบนึง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สมัครสมาชิกเลย นี่ก็เพิ่งสมัครได้ไม่นานเลยกลับมาอ่านอีกรอบ  :m1: เรื่องนี้เป็นอะไรที่ไม่ขนาดถึงกับจิกหมอน แต่ว่ามันหวานละมุนมากๆเลย แอร๊ยยยยย :m3:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 11-05-2016 18:51:08
อ่านกี่ครั้งก็ยังชอบ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 26-08-2016 15:49:08
 o13 o13 o13

 เราชอบความเป็นตัวละครแต่ละคนค่ะ คนเรามีสาเหตุ มีเหตุผลที่ทำให้เป็นปัจจุบัน

ภาษาสวยมาก ลื่นไหล อ่านไม่สะดุดเลย

ดีงามค่ะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 09-11-2016 07:11:45
ขอบคุณค่ะ
เข้ามาอ่านอีกรอบ
อ่านทีไรก็อยากได้คุณเชษฐ์มาครอบครอง ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 21-02-2017 12:15:27
อร๊าย พึงเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 01-05-2017 01:06:07
 :o8:   เราเพิ่งเข้ามาอ่านเช่นกัน ทั้งหวาน ทั้งฟิน ดราม่า ครบ     :mew1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 06-10-2017 19:31:10
 :mew1: :mew2: :mew3:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 10-10-2017 18:06:12
ตอนพิเศษนี่หวานเชียว
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 21-10-2017 07:09:26
ซื้อ e book แล้วนะคร้าาา ชอบเรื่องนี้มากกกก อ่านแล้วอบอุ่นใจ^^
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 30-11-2017 12:32:22
 :hao5: จบแล้วววววว มันดีต่อใจ อยากได้ผู้ชายปบบเชษฏ์  :hao6:

เดี๋ยวไปตามอ่านเรื่องอื่นต่อไป  :z2:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 03-05-2018 16:13:27
ขอพระเอกแบบนี้ในชีวิตจริงสักคนได้มั้ยค่ะ
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 06-05-2018 10:01:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 08-05-2018 21:19:49
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-08-2018 14:37:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 08-08-2018 11:40:59
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันที่สุด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 26-09-2018 00:55:46
 :mew1:  หวานละมุน คุณเชษฐ์ดีเวอร์ (^o^)/
โชคดีมี่คนคิดมาก มาเจอคนใส่ใจ และเอาใจใส่
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-12-2018 11:42:28
น่ารักมาก  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: vloveu.vr ที่ 02-08-2019 08:25:35
เราเพิ่งได้มาอ่าน ชอบมากค่ะะะ น่ารักมากเลยย ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-09-2019 17:13:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 26-09-2019 18:32:52
คุณเชษฐ์คนดีเป็นผู้ใหญ่
น้องภัทรมีแต่ความเป็นเด็ก
เป็นส่วนผสมที่พอจะเอามารวมกันได้
ขอบคุณนักเขียนจากใจ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 26-03-2020 21:18:31
จบหน้าแปดละ คุ้นๆเหมือนเคยอ่านแต่จำไม่ได้แล้วงะTT

บรรยากาศของภัทรแอบอึดอัดงะ ถ้าเราเป็นคุณเชษฐ์เรายอมแพ้5555 มูฟออนได้แล้วน้องภัทร คนอื่นเค้าไปดาวเสาร์หมดแล้ว ภัทรจะตกอยู่บนโลกคนเดียวไม่ได้น้า อ่านต่อแปป



Edit///อ่านจบแล้ว ดีใจกับน้องภัทรที่เจอคนที่ใช่ในวันที่ใช่สักที ส่วนอิธรกับคุณเชมก็เหมาะสมกันดี เขมนี่มีเงินแต่ไร้รสนิยม คิดตะเซ้งของคนอื่นแต่ดันได้เกรดห่วยมา คนเราทำไรก็ได้งั้นแหละเนอะ

ส่วนพิเชษฐ์เกรดพรีเมี่ยม อ่านแล้วแอบหลงรัก ผชแบบนี้ก็มีแต่ในนิยายแหละ งื้ออ

ขอบคุณนะคะ นิยายสนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Ben33 ที่ 18-09-2020 23:10:01
 :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-01-2021 14:45:38
 :-[
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 17-01-2021 19:30:24
 :z13:
หัวข้อ: Re: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
เริ่มหัวข้อโดย: Mitnai ที่ 18-01-2021 10:14:12
ประโยคนี้ทัชใจมากกก
ไม่มีใครทำร้ายเราได้ ถ้าเราไม่ยอมเสียอย่าง
จริงที่สุดดด