แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แค่สบตา ก็รู้ว่ารัก - ตอนพิเศษ P.25 [18.11.13]  (อ่าน 371211 ครั้ง)

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อยากให้คุณเชษฐ์กลับมาไวๆ จัง ภัทรจะได้ไม่เหงา

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เห็นด้วยกะรีบน

Superstar

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงเรื่องนี้ก็เลยแวะเข้ามาอ่านอีกรอบ
รออยู่นะคะ ^^

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนที่ 16.


เสียงน้ำที่เพิ่งหยุดไหลในครัวเป็นสัญญาณว่าพี่สาวของเขาล้างจานเสร็จแล้ว ภัทรจึงหยิบกระเป๋าสะพายใบเก่งขึ้นพาดบ่า จากนั้นก็หันไปจับมือเล็กๆ ของมายูมิที่รีบเดินมาหาเมื่อเห็นน้าชายเตรียมจะออกจากบ้าน

“งั้นเดี๋ยวภัทรไปทำงานแล้วนะพี่แพน”

ภัทรร้องบอกพลางเดินไปเปิดประตูบ้าน แพนซึ่งเพิ่งเดินออกมาจากในครัวจึงถามขึ้น

“อื้ม แน่ใจนะว่าจะไม่ให้พี่ขับรถไปส่ง?”

“อย่าดีกว่า แค่เดินออกไปหน่อยก็ถึงรถไฟฟ้าแล้ว พี่แพนจะได้ไม่ต้องออกไปเจอรถติดด้วย”

คุณน้ายังหนุ่มเอ่ยก่อนจะย่อตัวลงแล้วเขย่ามือมายูมิเบาๆ “เดี๋ยวน้าภัทรไปทำงานก่อน แล้ววันหลังเราค่อยไปเที่ยวกันใหม่นะคะ”

มายูมิดูไม่ค่อยอยากปล่อยมือนัก ริมฝีปากเล็กยื่นขึ้นนิดๆ ส่วนนัยน์ตาก็มีน้ำตาคลอ “แล้ววันเสาร์น้าภัทรจะมานอนกับมิมิอีกไหมคะ? แม่บอกว่าอาทิตย์นี้พ่อก็ยังไม่กลับ”

ภัทรมองหน้าหลานแล้วก็สงสาร เพราะจากที่ตอนแรกเขากะว่าจะมาค้างด้วยแค่ช่วงสุดสัปดาห์เดียว ไปๆ มาๆ แพนก็ชวนมาค้างที่บ้านด้วยเกือบครบเดือนแล้ว เพราะครั้งนี้สามีต้องไปญี่ปุ่นนาน ทั้งบ้านจึงมีกันเพียงสองคนแม่ลูก ช่วงนี้หลานสาวจึงติดเขาแจ

“ไว้ถ้ามาได้น้าภัทรจะบอกนะ ไหนมาให้น้าภัทรหอมก่อนไปทำงานหน่อยเร็ว”

แม่หนูน้อยค่อยหน้าตาแจ่มใสขึ้น ร่างเล็กโผเข้ากอดคอน้าชายแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ ภัทรเลยหอมแก้มยุ้ยๆ คืนก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วลูบผมหลานสาวเบาๆ

“งั้นเราค่อยคุยกันใหม่นะ บ๊ายบายจ้ามิมิ”

“บ๊ายบายค่าน้าภัทร”

เด็กหญิงร้องเสียงสดใสพลางยกมือโบกให้เขาสุดแขน ฝ่ายแพนเองก็โบกมือให้ยิ้มๆ ภัทรมองภาพคนที่ยืนส่งอยู่หลังรั้วแล้วก็เดินจากมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในใจ

น่าอิจฉาพี่เขยของเขาจริงๆ ที่มีครอบครัวอบอุ่นแบบนี้...

ภัทรแวะซื้อของกินง่ายๆที่ตลาดหน้าหมู่บ้านก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ถึงแม้การมาค้างแรมที่บ้านพี่สาวจะทำให้เสียเวลาส่วนตัวไปบ้างเพราะต้องช่วยเลี้ยงหลาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งคู่ช่วยให้เขาคลายเหงาจากความคิดถึงคุณเชษฐ์ไปได้มากทีเดียว

ช่วงเช้าภัทรช่วยรุ่นพี่เตรียมงานเอกสารที่จำเป็นเพราะใกล้ช่วงจัดงานของบริษัทเข้ามาทุกที เขาสั่งพิมพ์รายงานแล้วนำไปส่งให้นินนาทที่ห้องประจำตำแหน่ง เมื่อกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง ภัทรก็เลิกคิ้วเมื่อเห็นว่ามีกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ เสียบคั่นอยู่ในสมุดจดของเขา พอหยิบออกมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากป๋วย

'เที่ยงนี้พี่ขอแยกไปกินข้าวกับคุณนินนะจ๊ะ'

ภัทรอ่านข้อความในกระดาษโน้ตแล้วก็ยิ้ม เพราะปกติทั้งคู่มักไปทานมื้อกลางวันด้วยกันพร้อมกับเพื่อนๆ ในทีม แต่เนื่องจากตอนนี้นินนาทไม่ใช่ชายที่มีพันธะอีกต่อไปเพราะหย่าขาดจากภรรยาแล้ว ดังนั้นเจ้านายกับรุ่นพี่ของเขาจึงสามารถสานความสัมพันธ์ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะถูกครหาอีก

ถึงแม้จะอายุเท่าไหร่หรือมีตำแหน่งสูงแค่ไหน แต่ถ้าคนเรามีความรัก...มันก็ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นแหละนะ...

ภัทรคิดระหว่างนั่งรอให้เพื่อนๆ ในออฟฟิศลงไปพักเที่ยงกันก่อน พอเห็นว่าคนเริ่มซาแล้วจึงค่อยลงไปชั้นล่างบ้าง เพราะเขาไม่อยากไปแย่งโต๊ะทานข้าวหรือต่อคิวยาวๆ ในศูนย์อาหารสักเท่าไหร่

เที่ยงครึ่ง...ป่านนี้คนอื่นก็คงกินข้าวกันเกือบเสร็จแล้วล่ะมั้ง...

ภัทรคิดในใจขณะเดินออกจากลิฟต์ แต่เมื่อสายตาปะทะเข้ากับใครคนนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงล็อบบี้ชั้นล่าง เขาก็ชะงักและทำท่าจะหมุนตัวกลับไปที่ลิฟต์ทันที

โชคร้ายที่ยังช้ากว่าคนคนนั้นที่สาวเท้ายาวๆ มายืนขวางตรงหน้า

“เดี๋ยวสิภัทร จะออกไปกินข้าวไม่ใช่หรือไง? ธรมานั่งรอตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วนะ”

เสียงนั้นดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะของภัทรที่ก้มอยู่ ชายหนุ่มจึงได้แต่พยายามข่มใจให้เยือกเย็นแล้วถึงค่อยเงยหน้าขึ้น

“มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?”

ภัทรพยายามปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบ เหตุการณ์ในห้องประชุมเมื่อเกือบหนึ่งเดือนก่อนวาบขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง ทั้งที่นึกว่าอีกฝ่ายคงล้มเลิกความคิดที่จะมาตอแยเแล้วหลังจากถูกเขาใช้คำพูดเย็นชาใส่ แต่กลับกลายเป็นว่าธราธรยังมาหาเขาเองถึงที่

ร่างสูงใหญ่เพียงแต่เอามือล้วงกระเป๋าแล้วยกมุมปากขึ้น ทว่ารอยยิ้มที่เห็นทำให้ภัทรกระวนกระวาย เพราะถึงแม้จะเลิกติดต่อกันมาสองปี แต่ความทรงจำของวันคืนเก่าๆ ก็ไม่ได้เลือนหาย ดังนั้นเขาจึงจำได้ว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่ภัทรจะได้เห็นเวลาธราธรมั่นใจว่าถึงอย่างไรก็ง้อเขาได้ ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือที่จะบีบหรือคลายก็ได้ตามใจชอบ

ตอนนั้นเขาหลงรักผู้ชายคนนี้ได้อย่างไรกัน...

“ภัทรเปลี่ยนไปนะ”

คนพูดเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงสบายๆ เหมือนกำลังชวนเพื่อนเก่าคุย แต่ภัทรกลับยิ่งขมวดคิ้วมุ่นอย่างระแวง เพราะแววตาที่จับจ้องมาฉายประกายระยับ ซึ่งเป็นแววตาเดียวกับที่ภัทรจำได้ว่ามักได้เห็นยามธราธรเจอสิ่งที่ทำให้รู้สึกถูกใจหรือท้าทาย แต่เขาไม่ต้องการเป็นเป้าหมายของความท้าทายนั้น จากวันที่ธราธรยุติความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เวลาก็ผ่านมานานเกินกว่าที่เขาจะอยากกลับไปเล่นเกมนั้นอีก

“ขอบคุณ ถ้าหากคุณไม่มีธุระอะไรอีก ผมจะกลับขึ้นไปที่ออฟฟิศ”

“ไม่เอาน่าภัทร ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แค่ไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าไม่ได้รึไง?”

ภัทรส่ายหน้าและทำท่าจะเบี่ยงตัวหนี “ไม่จำเป็น...นี่!!”

ชายหนุ่มร้องอย่างตกใจด้วยไม่คาดว่าจะถูกดึงข้อมือไปทางประตู และเสียงเมื่อครู่ก็เริ่มจะดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่บริเวณล็อบบี้ ธราธรดูเหมือนจะอ่านความคิดของเขาออกจึงหันกลับมาหา

“จะไปด้วยกันดีๆ ได้หรือยัง? หรือว่าต้องให้จูงไป?”

ร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงกระซิบโดยไม่ผ่อนแรงบีบบนข้อมือแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาดูนุ่มนวล แต่น้ำเสียงและแววตาที่ไม่ต่างจากคำว่า 'ข่มขู่' ก็ทำให้ภัทรเย็นเยือกไปถึงสันหลัง

อย่างน้อยสมัยที่ยังคบกัน ต่อให้เขาทำตัวไม่ถูกใจบ้างก็ไม่เคยถูกใช้กำลังด้วยแบบนี้

“ไปก็ได้ แต่ช่วยปล่อยมือผมก่อน แล้วก็ให้ผมเลือกร้านเองด้วย”

ภัทรพยายามบังคับเสียงให้หนักแน่นขณะจ้องตากลับ เขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอก็จริง แต่ก็รู้ตัวดีว่าสู้แรงธราธรไม่ไหว ท่าทางที่ได้เห็นตอนนี้ทำให้เขานึกหวั่นว่าถ้าถูกทำให้ไม่พอใจมากๆ เข้า อีกฝ่ายอาจจะทำอะไรที่แย่ยิ่งกว่านี้ก็เป็นได้

ธราธรหรี่ตาลง แววตายังแสดงออกว่าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่เมื่อเห็นว่าภัทรไม่ได้แสดงท่าทางจะหนีอีก จึงค่อยผ่อนแรงที่มือลงและยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

“ว่าง่ายๆ ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง”

ทันทีที่มือเป็นอิสระ ภัทรก็รีบเบี่ยงตัวออกห่างทันที เขาเม้มปากแน่นขณะเดินนำไปที่หน้าอาคารและผลักประตูออก แต่กลับเลี้ยวไปยังทิศทางตรงข้ามกับศูนย์อาหารที่ตั้งใจจะไปตอนแรก 

ชายหนุ่มตั้งใจเดินเร็วๆ เพื่อสร้างระยะห่าง แต่ช่วงขาที่ต่างกันทำให้คนที่เดินตามหลังไม่มีปัญหากับการเดินตามให้ทัน ภัทรเห็นท่าทางสบายๆ ของคนข้างตัวจากหางตา แล้วก็ได้แต่พยายามควบคุมตัวเองให้สงบสติอารมณ์เอาไว้

ธรตั้งใจจะทำอะไรกันนะ...

ภัทรได้แต่คิดอย่างว้าวุ่น ท่าทีของธราธรเมื่อครู่ทำให้เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย ทำไมคนที่ลาจากกันอย่างไม่ทิ้งเยื่อใยในคราวนั้นจะต้องกลับเข้ามาในชีวิตเขาอีก แล้วยัง....คนที่อีกฝ่ายควรจะใส่ใจที่สุดในเวลานี้อีกล่ะ...

“ภรรยาคุณสบายดีเหรอ?”

ภัทรเอ่ยคำถามนั้นออกไป และทันใดก็เห็นไหล่ของธราธรเกร็งขึ้นทันที ความกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงใหญ่จนภัทรแทบหยุดหายใจเมื่อถูกปรายตาเยียบเย็นมามอง

“ไม่จำเป็นต้องสนใจผู้หญิงคนนั้นหรอก”


++------++


ภัทรกลับมาทำงานช่วงบ่ายอย่างไม่สดชื่นนัก ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นเพราะมื้อกลางวันอันแสนจะชวนให้อึดอัดนั่นเอง

เป็นเพราะท่าทางมุทะลุของอีกฝ่ายเมื่อตอนที่บังคับให้ไปทานข้าวด้วย ภัทรจึงตั้งใจพาไปร้านอาหารที่อยู่ค่อนข้างไกลบริษัท เนื่องจากไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานมาเห็นหรือได้ยินหากธราธรพูดถึงเรื่องในอดีตของทั้งคู่อีก แต่แล้วเขาก็ถูกทำให้แปลกใจซ้ำ เพราะนอกจากธราธรจะเพียงแค่นั่งทานอาหารไปเงียบๆ โดยไม่ชวนคุยสักคำแล้ว บางครั้งเจ้าตัวก็จะมองเขาด้วยแววตาครุ่นคิด แต่บ่อยครั้งกว่าก็จะมองไปไกลๆ อย่างยากจะคาดเดาว่ากำลังมองอะไรกันแน่

ภัทรเกือบจะวางใจได้แล้วว่าธราธรคงแค่มาทำธุระแถวนี้จริงๆ และที่มารอเขาทานข้าวด้วยเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่หลังจากจบมื้ออาหารลง เขาก็ถูกทำให้หนักใจอีกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า 'แล้วเจอกันใหม่'

ภัทรพยายามไม่คิดว่าธราธรตั้งใจจะมาชวนเขาไปทานข้าวอีก เพราะเป็นไปได้ว่าที่พูดอย่างนั้นเนื่องจากบริษัทของลุงต้องทำงานร่วมกับบริษัทของเขา ทว่าสีหน้าท่าทางใจลอยของเจ้าตัวระหว่างทานข้าวด้วยกันก็ทำให้ภัทรไม่สบายใจ อาจเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่นึกกลัวใจคนเคยรู้จักกันมากขนาดนี้

ชายหนุ่มพยายามปัดความคิดอันรกสมองทิ้ง เขาตัดสินใจว่าตอนเย็นจะโทรหาเชษฐ์แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ถึงแม้จะรู้ว่านั่นคงไม่ช่วยเร่งให้คุณผู้จัดการกลับจากเวียดนามเร็วขึ้น แต่ถ้าหากได้เล่าเรื่องอันคับข้องใจนี้ให้รู้ บางทีเขาอาจสบายใจขึ้นว่าตนไม่ได้ปิดบังเรื่องอะไรจากอีกฝ่ายก็เป็นได้

เวลาล่วงไปจนบ่ายคล้อย ภัทรลุกขึ้นจากโต๊ะโดยหยิบถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วเพื่อไปชงเพิ่ม แต่พอกำลังจะเดินเข้าไปใกล้ครัว ร่างสูงเพรียวก็ชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินบทสนทนาจากด้านใน

"อะไรนะ! แกแน่ใจเหรอ? ท่านประธานจะให้คุณเชษฐ์ประจำที่เวียดนามไปเลยจริงๆ น่ะ!?"

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวชาไปทั้งร่าง ขณะเดียวกันมือที่จับถ้วยกาแฟอยู่ก็อ่อนเปลี้ยขึ้นมาดื้อๆ จนเกือบจะปล่อยหูจับให้หล่นลงกับพื้น แต่ยังดีที่เขาควบคุมสติไว้ได้ทัน กระนั้นสิ่งที่เพิ่งได้ยินก็ทำให้ภัทรขาแข็งจนก้าวจากตรงนั้นไปไหนไม่ได้

"ชู่ว!! เบาๆ หน่อยไอ้เปิ้ล!! ฉันแค่ได้ยินคุณปรีชาปรึกษากับคุณนินเฉยๆ เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เวียดนามก็เซ็นสัญญาเพราะคุณเชษฐ์มากกว่าคุณอั๋น พวกท่านๆ ก็เลยกะเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ทางสำนักงานใหญ่พิจารณาล่ะมั้ง"

"ตายๆๆ แล้วงานทางนี้จะทำไงล่ะ นี่ก็มีคอนแทรคต์ตั้งหลายตัวที่รอคุณเชษฐ์กลับมาเซ็นนะ ถ้าแกไปประจำที่เวียดนามแล้วทางนี้จะโปรโมทใครขึ้นแทน?"

"จะยากอะไรเล่า ระหว่างนั้นก็ให้คุณนินหรือคุณอั๋นช่วยดูโปรเจ็คต์ของคุณเชษฐ์ไปก่อนสิ แต่แกอย่าเพิ่งไปปูดให้คนอื่นฟังล่ะ รอให้เขาประกาศเป็นทางการก่อน"

ภัทรยิ่งฟังก็ยิ่งหน้าซีดเผือดลงทุกที มือที่พยายามจับหูถ้วยกาแฟไว้แน่นอ่อนแรงจนเผลอปล่อยให้หล่นกระทบพื้นแตกเป็นเสี่ยงในที่สุด

"ว้าย!!"

สองสาวในห้องครัวและคนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นส่งเสียงอย่างตกใจพลางรีบก้าวออกมาดู ทำให้ได้เห็นภัทรกำลังนั่งคุกเข่าและพยายามใช้มือเปล่าๆ เก็บกวาดเศษกระเบื้องอย่างลนลาน ถ้วยกระเบื้องเนื้อหนาเมื่อแตกออกก็มีทั้งส่วนที่เป็นเศษชิ้นใหญ่และเล็กกระจัดกระจาย ป๋วยซึ่งเพิ่งออกจากห้องน้ำก็รีบเดินมาดูเหมือนกัน เมื่อเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างของรุ่นน้องมีเลือดไหลเพราะโดนเศษกระเบื้องบาด แต่เจ้าตัวก็ยังจะทู่ซี้เก็บกวาดเศษเสี้ยวที่แตกมากองรวมกันเหมือนไม่รู้สึกตัว เธอก็ทำตาโตและรีบเข้าไปยื้อมือภัทรไว้ทันที

"ภัทร! หยุดเก็บได้แล้ว! ไม่เห็นรึไงว่านิ้วเหวอะไปหมดแล้วน่ะ!!"

น้ำเสียงของป๋วยกระตุ้นภัทรที่กำลังใจลอยให้รู้สึกตัว ชายหนุ่มค่อยๆ หงายมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วมองรอยเลือดสีแดงบนมืออย่างงุนงง ความจริงแล้วคำว่าเหวอะนั้นค่อนข้างจะเกินความจริงไปหน่อย แต่ร่องรอยที่โดนกระเบื้องขูดจนเลือดซึมเลอะไปทั่วก็ยังชวนให้คนที่เห็นขนลุก

"แม่บ้าน! ใครตามแม่บ้านมากวาดเศษแก้วตรงนี้เร็ว!"

หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่มุงอยู่รีบร้องเรียกแม่บ้านเมื่อตั้งตัวได้ ส่วนป๋วยรีบรั้งแขนภัทรขึ้นยืนแล้วหันไปบอกคนอื่นๆ

"ใครช่วยไปหยิบกระเป๋าของพี่กับของภัทรให้ที พี่จะพาภัทรไปโรงพยาบาล"

"พี่ป๋วย...ไม่ต้อง...."

ภัทรพยายามแย้งเพราะไม่อยากให้ทุกคนทำราวกับการที่เขาโดนเศษกระเบื้องบาดมือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่พอเห็นรุ่นพี่สาวหันมาถลึงตาดุใส่ก็ได้แต่เงียบ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมีน้ำใจช่วยถือกระเป๋าของทั้งคู่ตามลงไปส่งถึงที่รถของป๋วยซึ่งจอดอยู่ชั้นใต้ดิน พอภัทรขึ้นรถเรียบร้อย หญิงสาวก็รีบขับรถพาไปโรงพยาบาลทันที

แผนกฉุกเฉินในช่วงบ่ายของโรงพยาบาลมีคนไข้ไม่มากนัก พอภัทรไปถึงแล้วนางพยาบาลจึงรีบพาเขาเข้าไปทำแผล และทั้งๆ ที่ตอนโดนบาดนั้นภัทรไม่ค่อยรู้สึกเจ็บสักเท่าไหร่ พอโดนทำความสะอาดและใส่ยาให้ เขาถึงเพิ่งรู้สึกว่าเจ็บจนน้ำตาแทบไหล

"ขอโทษทีนะครับ ยามันจะแสบหน่อยนึง"

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
คุณหมอเอ่ยเมื่อเห็นภัทรน้ำตาซึมขณะที่ใช้ผ้าก๊อซพันแผลให้ แต่ชายหนุ่มกลับหลับตาแน่นแล้วส่ายหน้า เขาไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่ตนกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะบังคับให้ไหลกลับลงไปนั้นมาจากความเจ็บแผลหรือว่าความปวดร้าวในอกเพราะสิ่งที่ได้ยินเมื่อตอนบ่ายกันแน่

"...ท่านประธานจะให้คุณเชษฐ์ประจำที่เวียดนามไปเลยจริงๆ น่ะ!?"

"....เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่เวียดนามก็เซ็นสัญญาเพราะคุณเชษฐ์กัน ทางผู้ใหญ่ก็เลยอยากเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ทางสำนักงานใหญ่พิจารณาล่ะมั้ง"
 
"ตายๆๆ แล้วงานทางนี้จะทำไงล่ะ"

ใช่...แล้วทางนี้จะทำยังไงล่ะ เขาไม่ต้องถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว แล้วนานๆ ครั้งถึงค่อยเจอคุณเชษฐ์สักทีหรอกเหรอ?

"คนไข้หน้าซีดจังค่ะ ดมแอมโมเนียหน่อยไหมคะ?"

นางพยาบาลสาวข้างๆ คุณหมอถามอย่างใส่ใจ เธอคงคิดว่าภัทรเป็นพวกกลัวเลือดก็เลยตกใจกับแผลบนมือตัวเอง แต่เขาส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่านั่นไม่ใช่สาเหตุที่ในอกรู้สึกเบาโหวงเช่นนี้

"ไม่เป็นไรครับ ขอผมนั่งพักสักแป๊บ เดี๋ยวก็คงไม่เป็นไรแล้วครับ"

เขาพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้ทั้งคุณหมอและคุณพยาบาลสบายใจ ทั้งคู่จึงผละจากเขาไปดูแลคนไข้คนอื่นต่อ ภัทรพยายามนั่งสูดหายใจเข้าออกยาวๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น จึงค่อยแจ้งนางพยาบาลเพื่อเดินออกมาหาป๋วยที่นั่งรอและไปรับยา

"ห้าโมงกว่าแล้วสิ เดี๋ยวพี่ไปส่งเธอกลับคอนโดเลยดีกว่า"

ป๋วยหันมาบอกขณะที่ทั้งคู่เดินกลับไปที่รถ ภัทรจึงเงยหน้าเซียวๆ ขึ้นมองคนข้างตัว และเห็นว่านัยน์ตาของรุ่นพี่สาวจับจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยความเป็นกังวล

"ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ นะพี่ป๋วย ผมกลับไปทำงานต่อได้"

"นี่! เธออยากให้พี่โมโหรึไง! กว่าจะกลับไปถึงออฟฟิศก็เลิกงานพอดี อีกอย่างมือแบบนี้ขืนรีบกลับไปใช้งานทันทีเดี๋ยวก็ได้ต้องเย็บหรอก พี่บอกให้กลับก็กลับเถอะน่ะ!"

น้ำเสียงเฉียบขาดกับแววตาเอาเรื่องเพราะความเป็นห่วงทำให้ภัทรไม่กล้าแย้งอีก เขาเพียงแต่ยอมขึ้นรถให้พากลับคอนโดแต่โดยดี โดยป๋วยแวะซื้อข้าวกล่องจากร้านในซอยและช่วยเขาถือขึ้นไปส่งที่ห้องด้วย

"เดี๋ยวกินข้าวเย็นเสร็จแล้วก็กินยานอนซะนะ แล้วถ้าพรุ่งนี้ยังใช้มือไม่ไหวก็ลาหยุดก็ได้ เดี๋ยวพี่บอกคุณนินให้เอง"

"ครับ ขอบคุณนะครับพี่ป๋วย"

ภัทรเอ่ยขณะเดินไปส่งรุ่นพี่สาวที่หน้าประตูห้อง เพราะอีกฝ่ายดึงดันจะขอเข้ามาด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะดูแลตัวเองได้เรียบร้อยดี ป๋วยจึงกระชับสายสะพายกระเป๋าแล้วก็ยิ้มอ่อนๆ

"จริงๆ เลยน้า เวลาทำงานเธอก็ดูเหมือนคนที่ไม่น่าจะทำอะไรผิดพลาดได้หรอก แต่บทจะป้ำเป๋อขึ้นมาก็ทำเอาคนอื่นอกสั่นขวัญหายหมด พี่ละนึกไม่ออกเลยว่าถ้าเมื่อกี้คุณเชษฐ์อยู่ด้วยจะตกใจแค่ไหน"

ภัทรเม้มปาก เพราะว่าสาเหตุที่ทำให้เขาสะเทือนใจจนปล่อยถ้วยกาแฟหล่นและทำกระเบื้องบาดมือตั้งแต่แรกก็เพราะคุณเชษฐ์ เป็นเพราะเขาไปได้ยินข่าวลือที่คุณเชษฐ์จะถูกส่งให้ไปประจำที่เวียดนาม แล้วก็เพราะคุณเชษฐ์ไม่อยู่ด้วย เขาถึงได้รู้สึกอ่อนแอและไม่ปลอดภัยเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับธราธรตามลำพังเช่นในวันนี้

ถ้าเพียงแต่...คุณเชษฐ์จะไม่ต้องไปทำงานที่ไหนไกลๆ แบบนี้อีก....

"...คุณเชษฐ์ติดงานนี่พี่ป๋วย เขาไม่รู้ว่าผมซุ่มซ่ามจนทำตัวเองเจ็บตัวก็ดีแล้วล่ะ ยังไงขอบคุณพี่ป๋วยมากครับที่มาส่ง"    

ภัทรพยายามฝืนยิ้มให้รุ่นพี่สาวก่อนจะปิดประตูลง จากนั้นก็เข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดทำงานเป็นชุดอยู่บ้าน ก่อนจะค่อยออกมานั่งทานข้าวกล่องที่ป๋วยซื้อมาให้อีกที เขาไม่ได้ถ่ายอาหารใส่จานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเก็บล้างเนื่องจากมือยังโดนน้ำไม่ได้

ความจริงแล้วข้าวราดแกงในกล่องนั้นมาจากร้านอร่อยที่เขาก็เป็นลูกค้าประจำ แต่วันนี้ข้าวแต่ละคำที่ตักเข้าปากช่างฝืดคอจนภัทรไม่รับรู้รสชาติ หลังจากกินไปได้เพียงไม่กี่คำ เขาจึงปิดฝากล่องแล้วก็ทิ้งใส่ถุงขยะก่อนจะกินยาและดื่มน้ำตาม จากนั้นก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง

ภัทรรู้สึกราวกับเพดานห้องหมุนติ้วจนต้องกะพริบตาครู่ใหญ่ เมื่ออยู่คนเดียว ความหวาดหวั่นก็กลุ้มรุมเข้ามาจู่โจมหัวใจอีกครั้ง เขาไม่ชอบความรู้สึกที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นความเหงาและคิดถึงคุณเชษฐ์จนแทบจะทนไม่ไหว ความหวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายต้องไปประจำที่เวียดนามจะเป็นความจริง และความอึดอัดไม่สบายใจจากการที่ธราธรดูจะพยายามพาตัวเองเข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง ภัทรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมข่าวร้ายๆ จึงพร้อมใจกันประดังประเดเข้ามาหาเขาในตอนนี้

ความเหน็ดเหนื่อยรวมกับฤทธิ์ยาแก้ปวดส่งผลให้สมองของภัทรเริ่มมึนชา และเขาก็รู้สึกราวกับเรื่องราวอันเครียดเคร่งค่อยๆ ลอยห่างออกไปทุกที ไม่นานชายหนุ่มก็พลิกตัวตะแคงโดยโอบกอดตัวเองไว้แล้วปล่อยให้นิทรารมณ์เข้าครอบคลุม กระนั้นบนใบหน้าหวานโศกก็ยังคงมีร่องรอยของความกังวลใจฝังอยู่บนหว่างคิ้วตลอดเวลา

ภัทรหลับไปหลายชั่วโมงก่อนจะถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางบนโต๊ะ ชายหนุ่มกะพริบตาปริบๆ อย่างงัวเงีย ความเวียนหัว¬ทำให้ต้องค่อยๆ พยายามยันตัวขึ้นนั่งตรง พลันความเจ็บที่แล่นขึ้นมาทันทีที่เอามือยันเบาะก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าตนมีแผล ชายหนุ่มยกฝ่ามือทั้งสองข้างที่พันผ้าก๊อซไว้ขึ้นมามองด้วยแววตาว่างเปล่าครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พยายามประคองโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครโทรมา

คุณเชษฐ์...

ความดีใจพุ่งโลดขึ้นในอกวาบหนึ่ง ก่อนที่ความหนึบหน่วงซึ่งบรรยายไม่ได้จะค่อยๆ คืบคลานตามมาและส่งฤทธิ์ราวกับยาชาสู่ความดีใจนั้น ชายหนุ่มขมวดคิ้วขณะพยายามจะกดรับสาย แต่เพราะความเจ็บมือทำให้แค่จะหยิบมือถือมาวางในมือข้างหนึ่งให้ถนัดยังลำบาก และแล้วกว่าจะกดปุ่มรับสายได้ คนที่โทรมาก็วางสายไปก่อนเสียแล้ว

"อ๊ะ"

ภัทรส่งเสียงอย่างตกใจ เขาพยายามขยับนิ้วเพื่อจะกดโทรกลับ แล้วก็ได้แต่นึกบ่นตัวเองที่ไม่เปลี่ยนมือถือมาใช้แบบหน้าจอสัมผัสแทนแบบปุ่มที่มีอยู่ จะได้กดรับได้ง่ายกว่าเวลานิ้วเจ็บเช่นนี้

คุณเชษฐ์ อย่าเพิ่งวางสาย ผมอยากได้ยินเสียงคุณเชษฐ์...

จู่ๆ ภัทรก็รู้สึกว่าขอบตากับโพรงจมูกร้อนผ่าวขึ้นมา ความรำคาญอาการบาดเจ็บบวกกับบทสนทนาของเพื่อนร่วมงานที่ได้ยินเมื่อบ่ายทำให้นึกรำคาญความปวกเปียกของตัวเองเหลือกำลัง เขายกมือหนึ่งขึ้นปาดขอบตาเมื่อรู้สึกถึงไอชื้นที่ผุดซึม พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ภัทรพยายามข่มความเจ็บรีบกดรับทันที

"ครับคุณเชษฐ์"

"...ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ?"

ภัทรกะพริบตาเมื่อได้ยินคำถาม เขารีบคว้าทิชชู่จากกล่องกระดาษบนโต๊ะมาเช็ดน้ำมูก เพราะรู้ตัวว่าเมื่อครู่คงเสียงขึ้นจมูกตอนที่รับสายแน่ๆ

"ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเผลอหลับไปแล้วเพิ่งตื่นน่ะครับ"

คราวนี้เสียงคู่สนทนาเข้มขึ้นด้วยความเป็นห่วง "นี่เพิ่งสองทุ่มเองนี่ ไม่สบายหรือเปล่า?"

น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความห่วงใยทำให้ภัทรรู้สึกดีขึ้น ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพยายามยิ้มและตอบด้วยเสียงที่ปกติที่สุด

"ช่วงนี้ใกล้จะถึงช่วงจัดงานแล้วเลยต้องทำหลายอย่างน่ะครับ ยังดีที่วันนี้ได้กลับเร็ว ผมก็เลยผล็อยหลับไป"

ภัทรหวังว่าคำตอบของตนคงไม่มีพิรุธให้คนฟังไม่สบายใจ สิ่งสุดท้ายที่เขาอยากเป็นก็คือสร้างภาระทางจิตใจให้คุณเชษฐ์ต้องเป็นกังวลจนเสียสมาธิกับงาน

"ถ้างั้นก็แล้วไป ฉันรู้ว่ายิ่งใกล้งานเธอคงยิ่งต้องกลับดึกกว่านี้ ถ้าช่วงนี้พักผ่อนได้ก็ควรฉวยโอกาสไว้น่ะดีแล้ว"

คราวนี้รอยยิ้มของภัทรทอประกายจากในแววตาอย่างแท้จริง ถึงแม้คำแนะนำของอีกฝ่ายจะเป็นคำพูดทั่วๆ ไปที่ใครก็แนะนำได้ แต่เขารู้ได้จากน้ำเสียงว่าคนพูดอยากให้เขาทำตามนั้นจริงๆ

"ครับ ว่าแต่งานของคุณเชษฐ์เป็นยังไงบ้างครับ นี่ก็ไปได้เกือบเดือนแล้วนี่นา?"

ภัทรพยายามถามถึงความคืบหน้าของอีกฝ่ายบ้าง เพราะเขาเองก็ร้อนใจอยากให้คุณเชษฐ์ได้กลับมาเร็วๆ ช่วงเวลาที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาหนึ่งเดือนช่างยาวนานราวกับเป็นปีก็ไม่ปาน

"ก็ได้ลูกค้ารายใหม่ๆ เกินเป้าที่คุณปรีชาเคยขอไว้เหมือนกัน แต่เห็นว่าทางสำนักงานใหญ่อาจมีเรื่องคุยเพื่อขอปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง ฉันก็ยังไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่"

ทางสำนักงานใหญ่อาจมีเรื่องคุยงั้นหรือ...จะใช่เรื่องเดียวกับที่เขาได้ยินมาหรือเปล่า...

ภัทรรู้สึกเหมือนจู่ๆ สองมือก็อ่อนแรงจนแทบประคองโทรศัพท์ไม่อยู่ ขณะที่ในหัวตื้อจนไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรต่อ ปลายสายก็ส่งเสียงในคออย่างแปลกใจ

"อื๋อ? ภัทร คุณปรีชาโทรมาน่ะ ถือสายรอก่อนนะ"

"อะ...ครับ"

ภัทรตอบไปตามสัญชาตญาณ ทว่าในหัวสับสนว้าวุ่นเข้าไปอีกว่าทำไมท่านประธานถึงได้โทรหาคุณเชษฐ์ตอนค่ำเช่นนี้ เป็นไปได้ว่ามีเรื่องด่วนที่จำเป็นต้องรีบบอกให้รู้ ก็เลยรอถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวหรือเปล่า...

ชายหนุ่มได้แต่นั่งรออย่างกระวนกระวาย อยากจะกำมือแน่นๆ เพื่อช่วยระบายความกังวลก็ทำไม่ได้เพราะติดผ้าพันแผลทั้งสองข้าง ครู่หนึ่งเขาจึงได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังมาตามสายอีกครั้ง

"ขอโทษนะภัทร ท่าทางฉันคงต้องคุยกับคุณปรีชายาว เดี๋ยวดึกๆ ฉันค่อยโทรหาใหม่ได้มั้ย?"

ภัทรเม้มปาก เขารู้ดีว่าไม่ควรน้อยใจกับเรื่องนี้ จึงได้แต่พยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด

"ไม่เป็นไรครับคุณเชษฐ์ เดี๋ยวผมจะนอนแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้ก็ได้ครับ"

เขาตัดสินใจไม่เล่าทั้งเรื่องธราธรหรือเรื่องแผลที่มือ ความรู้สึกอยากปลดเปลื้องความหนักหน่วงในอกมลายไปสิ้นนับตั้งแต่ที่ได้ยินมาว่าคนที่รักอาจต้องไปทำงานต่างเมืองเป็นเวลานานๆ แล้ว

คู่สนทนาเงียบไปราวกำลังลังเล ฝ่ายภัทรได้แต่กลืนน้ำลายและพยายามไม่ให้เสียงสูดน้ำมูกหลุดเข้าไปในสาย ครู่หนึ่งน้ำเสียงทุ้มหนักแน่นจึงเอ่ยอย่างปลอบโยน

"ถ้างั้นค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ พักผ่อนให้เยอะๆ ล่ะ จำที่ฉันบอกก่อนมาว่าห้ามไม่สบายได้ใช่มั้ย?"

"จำได้ครับ"

ภัทรพยายามฝืนทำเสียงสดใส แต่แทบจะทันทีที่สายถูกตัด ชายหนุ่มก็ปล่อยให้โทรศัพท์ในมือร่วงลงบนโซฟา จากนั้นก็ชันเข่าขึ้นกอดและซบหน้าลง ไม่มีเสียงสะอื้นใดๆ หลุดออกมาภายในห้องอันเงียบสงัด มีเพียงน้ำตาที่ไหลหยดบนกางเกงผ้าจนชุ่มเป็นวง ควบกับความเศร้าหมองซึ่งบรรยายไม่ได้ที่แผ่ซ่านจนเจ็บหน่วงไปทั้งอก

ทำไมกัน...หรือว่าเขาเป็นคนที่เกิดมาอาภัพด้านความรักหรือไง...



++---tbc---++



A/N:  ในที่สุดก็ได้พาคุณเชษฐ์กลับมา (ด้วยเสียงก่อน ตัวยังไม่มา) ตอนที่กลับมาเริ่มเขียนเรื่องนี้ต่อ แอบรู้สึก amazing ตัวเองเล็กน้อย เพราะตอนแรกนึกว่าจะต้องทิ้งช่วงไปนานกว่านี้เสียแล้ว เพราะปีนี้เรายุ่งทั้งปีเลย แต่โชคดีว่าเข้ากลางพฤศจิกามาแล้วเริ่มหายใจหายคอได้บ้าง พอเอาเรื่องนี้มาอ่านทวน + ดำเนินเรื่องต่อจากจุดที่ค้าง เลยพิมพ์ได้เร็วกว่าที่คิด แต่เพราะรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะมากซึ่งเราอยากให้มันถูกต้องที่สุด ดังนั้นตอนต่อๆ ไปก็อาจจะใช้เวลานิดนึงแต่ไม่นานเป็นเดือนๆ แล้วล่ะค่ะเพราะเขียนสต็อกไว้บ้างแล้ว ต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่สนับสนุน คอยทวงถามถึงคุณเชษฐ์กับน้องภัทรอย่างสม่ำเสมอตลอดมา ก็ขอให้ช่วยกันติดตามต่อไปจนกว่าจะจบด้วยนะคะ และเช่นเคย ยินดีต้อนรับทุกคอมเม้นต์จากทุกคนเสมอค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2012 23:43:18 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
โหลแตกคราวนี้ กลิ่นหึ่งเชียว

สงสารน้องภัทรจริงๆ คิดไปล่วงหน้าถึงไหนแล้วนี่

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
สงสารภัทรจัง งืออออ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อ่านตอนนี้แล้ว ห่อเหี่ยวเป็นที่สุดอะ เราไม่เอาบรรยากาศแบบนี้ได้มั้ย ฮื่อออออออออออออออออออออออ

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
สิ้นสุดการรอคอย 8 เดือนนนนนนนนนนน

แต่ตอนนี้ยังคงหน่วงเหมือนเดิม เมื่อไหร่คุณเชษฐ์จะกลับมากอดภัทรเสียที ฮื่อออออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ธรมาแบบเลว ๆ ยังงัยไม่รู้แฮะ 

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6

pjny_tem

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
สงสารหนูภัทร คุณเชษฐ์รีบกลับมาเร็ว ๆ หน่อยยยยยยยยยยยย  :z3:  :z3:  :z3:

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
น่าสงสารภัทรจัง TT^TT

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ภัทรน่าสงสารอ่ะ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ
คุณเชษฐ์ กลับมาเร็วๆสิ

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
กลับมาพร้อมน้องน้ำ
+1

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
...คุณเชษฐ์อบอุ่นมากกกก เคลิ้ม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :sad4: สงสารภัทรจัง  :z3: :z3:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนที่ 17.


ภัทรตื่นนอนในเช้าวันถัดมาอย่างไม่ค่อยสบายตัว ความอ่อนเพลียจากคืนก่อนทำให้ลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เมื่อตื่นขึ้นมาจึงพบว่าเกินเวลาเข้างานของที่บริษัทไปมากแล้ว

ร่างสูงเพรียวใช้ข้อศอกยันตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างทุลักทุเล จากนั้นก็ค่อยๆ ลองขยับมือทั้งสองข้าง โชคดีว่ารอยถลอกเล็กน้อยตามปลายนิ้วเริ่มสมานตัวและไม่ค่อยเจ็บเท่าเมื่อวาน แต่ส่วนกลางฝ่ามือที่พันผ้าก๊อซไว้ยังแสบตึงเพราะรอยบาดค่อนข้างใหญ่

พี่ป๋วยบอกว่าถ้ามือเจ็บยังไม่ต้องไปทำงานก็ได้ แต่ถ้าอยู่คนเดียวทั้งวันคงฟุ้งซ่านกว่านี้แน่ๆ...

สุดท้ายภัทรก็ติดสินใจว่าจะไปทำงาน จึงเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเชื่องช้าเพราะมือเจ็บ กว่าจะแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย กระเพาะของเขาก็ส่งเสียงประท้วงที่ยังไม่มีอาหารตกลงไปให้ย่อยเสียที

ชายหนุ่มแวะทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหารทานแถวๆ ที่พัก จนเมื่อใกล้จะบ่ายโมงจึงค่อยขึ้นรถไฟฟ้าไปบริษัท ตอนที่ไปถึงนั้นทุกคนกลับมาจากพักเที่ยงหมดแล้ว และต่างก็ตกใจที่เห็นภัทรเดินมาทำงานโดยมีผ้าพันฝ่ามือทั้งสองข้าง

“ตายแล้ว! พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าวันนี้ไม่ต้องเข้ามา! เมื่อวานเธอได้ฟังพี่รึเปล่าเนี่ย!?”

ป๋วยรีบลุกจากโต๊ะเข้ามาหาขณะที่ภัทรกำลังยกสายกระเป๋าสะพายออกจากบ่าด้วยท่วงท่าเก้ๆ กังๆ ชายหนุ่มรู้ดีว่ารุ่นพี่กำลังโมโหเพราะความเป็นห่วง จึงพยายามยิ้มเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น

“เจ็บที่มือนิดเดียวเองพี่ป๋วย อีกอย่างมันใกล้งานแล้ว ภัทรไม่อยากให้งานช้าแล้วเป็นภาระคนอื่น”

“เจ็บที่มือนิดเดียวงั้นเหรอ เธอนี่มัน...โอ๊ย ฉันอยากจะบ้า!”

ป๋วยยกสองมือประคองศีรษะอย่างจนคำพูด ขนาดเธอไม่ใช่คนที่โดนกระเบื้องบาดเอง แต่รอยแผลบนฝ่ามือทั้งสองที่ได้เห็นตอนพาภัทรไปโรงพยาบาลเมื่อวานก็ทำให้รู้ว่าไม่ใช่ ‘แผลนิดเดียว’ อย่างที่เจ้าตัวบอกสักนิด

“เอาล่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ถ้ายังยืนยันว่าจะไม่ทำตัวเป็นภาระล่ะก็ พี่ขอสั่งห้ามเธอยกของหนัก แล้วห้ามพิมพ์อะไรยาวๆ ทำแค่งานเบาๆ อย่างโทรศัพท์ตามลูกค้าไปก็พอ ถ้าพี่หันมาเห็นเธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อไหร่จะให้เมสเซนเจอร์ขับรถไปส่งถึงคอนโดทันที เข้าใจมั้ย!?”

“ได้ครับพี่ป๋วย ขอบคุณมาก”

รุ่นพี่สาวมองรอยยิ้มของเขาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็เดินกลับไปนั่งทำงานต่อ เนื่องจากการจัดนิทรรศการที่บริษัทของเขาเป็นเจ้าภาพกำลังกระชั้นเข้ามาจริงๆ และงานของทุกคนก็ล้นมือจนแทบจะช่วยกันไม่ไหว

ภัทรนั่งลงและเริ่มทำงานบ้าง ถึงแม้จะฝืนมาบริษัททั้งที่ไม่ควร แต่เขาก็ยังรู้จักประมาณร่างกายตัวเอง จึงเพียงโทรศัพท์ตามรายละเอียดบูธจากลูกค้าตามที่ป๋วยบอก ซึ่งแค่นั้นก็ทำไม่เสร็จในวันเดียวอยู่แล้ว

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ภัทรก็ต้องหยุดโทรหาลูกค้าเพราะส่วนมากกลับบ้านกันไปแล้ว เขาจึงนั่งคีย์ความคืบหน้าลงในไฟล์เอ็กเซลเพื่อรายงานให้สมาชิกในทีมได้รู้ จากนั้นก็สั่งพิมพ์ออกมาชุดหนึ่งและเดินเอาไปให้นินนาทที่ห้อง

ถึงแม้จะเลยหนึ่งทุ่มไปแล้ว แต่ภัทรก็มั่นใจว่านินนาทน่าจะยังอยู่ เพราะว่าบานประตูของห้องประจำตำแหน่งยังเปิดแง้มและเห็นแสงไฟลอดออกมา เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งมั่นใจเพราะได้ยินเสียงคนคุยกันดังแว่วๆ แต่ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นเคาะเพื่อขออนุญาตเข้าไปด้านใน บทสนทนาที่เล็ดลอดออกมาก็ทำให้ภัทรยกมือค้าง

“เอ๋? คุณเชษฐ์จะโดนส่งให้ไปประจำที่เวียดนาม? นี่คอนเฟิร์มแล้วเหรอคะคุณนิน?”

“อืม...คุณปรีชาเรียกผมไปปรึกษาน่ะ ยังไงก็คงต้องนำเสนอสำนักงานใหญ่ก่อน แต่ดูเหมือนทางนั้นเขาก็ค่อนข้างพอใจคุณเชษฐ์ตั้งแต่ตอนที่ถูกส่งไปเทรนนิ่งแล้ว แต่กับคุณอั๋นนี่ทางนั้นยังไม่ค่อยได้เจอตัว ถ้าเสนอให้เลือกระหว่างสองคนนี้ คุณเชษฐ์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะถูกเลือกมากกว่า”

“...ป๋วยเคยได้ยินมาว่าจริงๆ แล้วคุณเชษฐ์เป็นญาติห่างๆ ของท่านประธานใช่ไหมคะ?”

“ไม่เอาน่าป๋วย คุณปรีชาไม่ใช่คนที่จะดันใครแค่เพราะเป็นญาติหรอก ป๋วยก็รู้นี่ว่าคุณเชษฐ์ก็มีความสามารถจริงๆ”

“เรื่องนั้นป๋วยรู้ค่ะ แต่ว่า...ถ้าหากคุณเชษฐ์ไปประจำที่เวียดนามจริงๆ ล่ะก็…”

น้ำเสียงของรุ่นพี่สาวฉายเค้ารอยของความกังวล พลันทั้งสองคนในห้องก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียง ‘พั่บ’ เหมือนมีปึกกระดาษบางๆ หล่นที่หน้าประตูห้อง เมื่อป๋วยหันกลับมาก็เบิกตากว้างที่เห็นภัทรกำลังย่อตัวลงเก็บรายงานปึกนั้น

“ภัทร! มาทำอะไรตรงนี้!? ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก?”

ภัทรค่อยๆ ยืดตัวขึ้นสบตาคนถาม นัยน์ตาคู่สวยฟ้องชัดว่าเป็นห่วงเขา อาจเพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เขาได้ยินอะไรบ้างก็เป็นได้

แต่ว่า...ใช่...เขาได้ยินทั้งหมด

ภัทรไม่แน่ใจว่าสีหน้าตัวเองเป็นอย่างไร แต่ก็พยายามฝืนยิ้มขณะยื่นรายงานส่งให้

“ผมเอารีพอร์ตงานวันนี้มาส่งให้คุณนิน แต่เมื่อกี้ก็ส่งอีเมล์หาทุกคนในทีมด้วยแล้วล่ะ ยังไงวันนี้ผมกลับก่อนก็แล้วกัน ขอตัวนะครับคุณนิน”

“ขอบใจมากภัทร แล้วมือไม่เป็นไรแล้วหรือ?”

“ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”

ภัทรตอบพลางยกมือสองข้างขึ้นไหว้หัวหน้า นินนาทยิ้มอ่อนๆ และพยักหน้าให้ ถึงแม้ในแววตายังมีร่องรอยของความประหลาดใจต่อกิริยาท่าทางของภัทรและป๋วยเมื่อครู่ ซึ่งภัทรเดาว่าคงเป็นเพราะรุ่นพี่ยังไม่ได้เล่าเรื่องของเขากับเชษฐ์ให้รู้นั่นเอง

“งั้นเดี๋ยวป๋วยขอเดินไปส่งภัทรแป๊บนึงนะคะคุณนิน”

พอเดินออกมาพ้นห้อง หญิงสาวก็เหลือบมองคนข้างกายอย่างเป็นห่วง แต่ภัทรเพียงแต่ทำหน้านิ่งจนยากจะอ่านความรู้สึกขณะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะ

“ภัทร เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

ไม่เป็นไรใช่มั้ย....ช่างเป็นคำถามที่แสนง่าย แต่ว่าตอบยากเหลือเกินในวินาทีนี้ เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อขับไล่ก้อนแข็งๆ ที่จุกอยู่ในคอ จากนั้นจึงค่อยหันไปหาคนถาม

“ผมไม่เป็นไร พี่ป๋วย”

เสียงนั้นเข้มจนแม้แต่ตัวเองยังตกใจ ภัทรเห็นรุ่นพี่สาวผงะไปนิดหนึ่งจึงรีบปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลลง

“ผมไม่เป็นไรจริงๆ พี่ป๋วย ไม่ต้องเป็นห่วง”

“เมื่อกี้เธอได้ยินที่พี่คุยกับคุณนินใช่มั้ย? อย่าเพิ่งคิดมากนะภัทร ข่าวนี้ยังไม่คอนเฟิร์มสักหน่อย”

“แต่ก็มีแนวโน้มสูงไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมรู้ว่าคุณเชษฐ์เป็นญาติของท่านประธาน ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

คุณเชษฐ์ไม่เคยบอกเรื่องนี้สักคำ...ทำไมล่ะ...มันเป็นความลับที่ให้เขารู้ไม่ได้งั้นหรือ...

ป๋วยทำสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็รีบสาวเท้าตามเมื่อภัทรก้าวเดินไปยังด้านหน้าบริษัท

“ใจเย็นก่อนนะภัทร คุณปรีชายังไม่ได้ทำเรื่องเสนอชื่อไปทางสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้....”

เสียงของหญิงสาวขาดหายเมื่อคนข้างตัวหยุดฝีเท้ากะทันหัน เมื่อมองตามสายตาของภัทรที่จ้องไปยังโซฟารับแขกด้านหน้าบริษัทก็พบกับชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคุ้นตา

“เอ๋? คุณธราธร?”

มาที่นี่ทำไมกัน...

นั่นเป็นคำถามที่ผุดขึ้นในใจของทั้งภัทรและป๋วย แต่ด้วยเหตุผลต่างกัน ร่างสูงใหญ่กระตุกยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาทั้งคู่ ทว่ายิ่งย่างก้าวอันฮึกเหิมนั้นใกล้เข้ามาเท่าไหร่ ภัทรก็ยิ่งอยากถอยกลับเข้าไปในบริษัทมากขึ้นเท่านั้น

“มารอตั้งนาน จะกลับแล้วสินะภัทร?”

ป๋วยกะพริบตาปริบก่อนจะชำเลืองมองคนข้างตัว และพบว่าสีหน้าของภัทรดูแย่ยิ่งกว่าตอนที่ยืนอยู่หน้าห้องของนินนาทเมื่อครู่เสียอีก

“สวัสดีค่ะคุณธราธร นัดภัทรไว้เหรอคะ?”

ความเอะใจทำให้ป๋วยลองถามเพื่อหยั่งเชิง คนที่ใส่สูททับเสื้อเชิ้ตแบะกระดุมจึงเอาสองมือล้วงกระเป๋าด้วยท่วงท่าสบายๆ

“ไม่ได้นัดไว้หรอกครับ พอดีผมมาทำธุระแถวนี้ ก็เลยกะว่าถ้าภัทรยังอยู่จะพาไปกินข้าวด้วยกัน”

น้ำเสียงรื่นหูชวนให้คนฟังคล้อยตามในความมีน้ำจิตน้ำใจได้ไม่ยาก ทว่าหากใครที่ช่างสังเกตก็จะจับได้เช่นกันว่าคนพูดไม่เปิดทางให้ปฏิเสธ

“ขอบคุณ ผมไม่หิว”

ภัทรพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้สะท้อนอารมณ์ใดๆ ออกมา หลังจากเรื่องราวที่เกิดตั้งแต่เมื่อวานมาจนบัดนี้ ธราธรเป็นคนสุดท้ายในโลกที่เขาอยากจะอยู่ใกล้ๆ

ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ เพราะรอยยิ้มนุ่มนวลบนริมฝีปากของธราธรยังอยู่ แต่นัยน์ตาหรี่ลงอย่างคุกคาม

“ถ้าไม่หิว งั้นเดี๋ยวขับรถไปส่งก็ได้ ยังไงบ้านเราก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้วนี่”

ไปทางเดียวกันเสียที่ไหน.... ภัทรอยากจะตอบอย่างนั้น แต่ก็รู้ว่าถ้าพูดไปแล้วป๋วยจะต้องเอะใจเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่ๆ ว่าไม่ใช่แค่ ‘เพื่อนเก่า’ ธรรมดา จึงตัดสินใจใช้วิธีตัดรอนอย่างเฉียบขาด

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ แฟนผมมารอรับอยู่ข้างล่าง”

คราวนี้ป๋วยอ้าปากค้าง เพราะเธอไม่เห็นรู้มาก่อนว่าคุณเชษฐ์กลับมาแล้ว แต่เมื่อเห็นใบหน้าของรุ่นน้องที่เครียดเกร็งจนแทบจะแผ่รังสีออกมา เธอก็เริ่มเอะใจแล้วว่านี่ต้องไม่ใช่สัญญาณที่ดีอย่างแน่นอน

คำตอบของภัทรทำให้ธราธรเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ทว่าความประหลาดใจในแววตาก็ถูกประกายเยียบเย็นเข้ามาฉาบทับอย่างรวดเร็ว

“แฟนงั้นเหรอ ถ้างั้นก็ดีเลย พาไปให้รู้จักหน่อยสิ จะได้ขอแนะนำตัวเสียหน่อยในฐานะ ‘เพื่อนเก่า’”

ธราธรเดินตรงเข้ามาโอบไหล่ภัทรแล้วก็รั้งให้เดินไปทางประตูด้วยกันท่ามกลางความตกใจของทั้งภัทรและป๋วย ตอนนี้หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าไม่ว่า ‘เพื่อนเก่า’ สองคนนี้จะเคยมีความสัมพันธ์เช่นไร ตอนนี้ธราธรอันตรายเกินกว่าจะปล่อยรุ่นน้องของเธอให้กลับไปด้วย

ภัทรสู้แรงธราธรไม่ไหว และหากพยายามดิ้นหนีก็อาจเรียกความสนใจคนอื่นที่ยังนั่งทำงานอยู่ให้ออกมาดูก็ได้ จึงทำได้เพียงเหลือบมองป๋วยอย่างเป็นกังวลก่อนจะโดนคนตัวใหญ่กว่ารั้งตัวให้เดินออกไปนอกบริษัทด้วยกัน

“ตายแล้ว! คุณเชษฐ์ก็ยังไม่กลับมาสักหน่อย! แล้วนี่พี่จะช่วยเธอยังไงฮึภัทร!?”

สัญชาตญาณของเพศหญิงมักเฉียบคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประสบการณ์ด้านความรัก และตอนนี้ป๋วยก็นึกเป็นห่วงรุ่นน้องจับใจ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจรีบเดินกลับไปปรึกษานินนาทที่ยังนั่งอยู่ในห้อง โดยไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับแววตาประหลาดใจเช่นกัน


++------++


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ติ๊ง...

เสียงสัญญาณลิฟต์ดังเบาๆ หลังประตูปิดลง ภัทรรีบขืนกายออกห่างธราธรทันทีเมื่อทั้งสองอยู่ในลิฟต์เพียงลำพัง ความใกล้ชิดทำให้เขามั่นใจว่าได้กลิ่นแอลกอฮอลล์จางๆ จากลมหายใจของคนข้างตัว

“อะไรจะหวงตัวขนาดนั้น กลัวแฟนใหม่จะมาเห็นเข้าหรือไง?”

เมื่อพ้นสายตาของบุคคลที่สาม น้ำเสียงของธราธรก็มีกังวานของการประชดประเทียดทันที ภัทรขมวดคิ้วแน่นแต่ก็ไม่ยอมสบตากลับ

“มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”

ธราธรพ่นหัวเราะทางจมูก นัยน์ตาคมเหลือบต่ำลงและเพิ่งสังเกตเห็นฝ่ามือทั้งสองข้างของภัทรที่พันผ้าก๊อซเอาไว้ น้ำเสียงเข้มจึงค่อยถามขึ้น

“มือไปโดนอะไรมา?”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ...โอ๊ย!”

ภัทรร้องเสียงดังเมื่อถูกดึงมือข้างหนึ่งอย่างแรง ความเจ็บแปลบแล่นผ่านมาถึงสมองเพราะแผลที่ยังไม่สมานตัวถูกรั้งจากมือใหญ่ที่จับนิ้วของเขากางออกเหมือนไม่ค่อยเชื่อ กระทั่งเห็นใบหน้าเหยเกของภัทรที่มีเหงื่อหยดเล็กๆ ผุดซึมบนหน้าผาก และเรียวนิ้วที่สั่นระริกเพราะความเจ็บ เขาจึงค่อยปล่อยมือ

“ซุ่มซ่ามจริงๆ นะ แฟนใหม่เขาไม่ค่อยดูแลหรือไง?”

“คุณเชษฐ์ไม่เกี่ยว!”

ถึงแม้จะเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงดูแคลนพาดพิงถึงคนที่สำคัญที่สุด ภัทรก็รีบสวนกลับเสียงแข็งทันที และดูเหมือนปฏิกิริยาของเขาจะกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวของธราธรให้ลุกโชนขึ้น

“...ชื่อคุณเชษฐ์งั้นเหรอ ยิ่งอยากเห็นหน้าเข้าไปใหญ่ซะแล้วสิ คนที่ทำให้ภัทรต้องรีบออกหน้าปกป้องถึงขนาดนี้น่ะ”

ปลายนิ้วใหญ่บีบคางของภัทรและบังคับให้เงยหน้าขึ้นสบตากับตัวเอง และคราวนี้ไหล่ของภัทรสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขาก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่แววตาของธราธรตอนนี้เต็มไปด้วยความมาดร้ายจนเขายิ่งรู้สึกเหมือนคนที่กำลังต้อนให้จนมุม

และที่สำคัญ...ตอนนี้คุณเชษฐ์ก็ไม่ได้อยู่ในระยะที่จะเข้ามาคุ้มครองเขาได้ ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกและทั้งสองเดินออกไปยังล็อบบี้ ธราธรต้องรู้แน่นอนว่าภัทรโกหกเรื่องที่คุณเชษฐ์มารอรับ

“ธร...ถ้าหากยังเห็นแก่อดีตของพวกเราจริงๆ ล่ะก็...ขอร้องเถอะ เลิกทำแบบนี้”

นัยน์ตาของภัทรฉายแววปวดร้าว แต่หาใช่เพราะความหวั่นไหวที่คนรักเก่ากลับเข้ามาในชีวิต หากเป็นความขัดใจในความอ่อนแอของตัวเองที่มัวแต่นึกอยากพึ่งพิงคุณเชษฐ์ทั้งที่ควรจะจัดการให้เด็ดขาดด้วยตัวเอง ยิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในตัวของธราธร เขาก็ยิ่งอยากอยู่ให้ห่างอดีตคนรักมากเข้าไปอีก

ทว่าแววตาของคนที่จ้องกลับมามีเพียงความเยียบเย็นจนชวนให้ใจหาย

“แย่หน่อยนะ ธรกำลังสนุกซะด้วยสิ”

ลิฟต์ส่งเสียงอีกครั้งก่อนจะเปิดออกที่ชั้นหนึ่ง และภัทรก็ถูกดึงแขนออกจากลิฟต์อย่างไม่ปรานีปราศัย ทั้งที่ธราธรก็รู้ดีว่าเขาบาดเจ็บที่มือจริงๆ ภัทรได้แต่ขบกรามแน่นเพื่อกลั้นเสียงอุทานจากความเจ็บขณะที่อีกฝ่ายพาเขามาถึงล็อบบี้ที่ไร้ผู้คน

“ไหนล่ะ? แฟนที่มารอรับ?”

ภัทรลืมตาขึ้นมา ทำให้รู้ว่าเมื่อครู่ตนปิดตาแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาจากความเจ็บจนไม่ทันได้มองรอบตัว และเมื่อเห็นแต่ความว่างโล่งในบริเวณล็อบบี้เพราะแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ไม่ได้ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ ความอ้างว้างก็พุ่งลิ่วขึ้นในอกจนจุก

“ไหนล่ะคุณเชษฐ์? ภัทรคงไม่ได้จนตรอกจนถึงกับต้องแต่งเรื่องโกหกหรอกนะ?”

“ไม่ใช่นะ! คุณเชษฐ์แค่...คุณเชษฐ์แค่...อาจจะรถติดอยู่...หรือไม่ก็...แค่ลืมมารับ”

ลืมงั้นหรือ...จริงสิ หรือว่าเขาถูกลืมแล้ว เมื่อวานคุณเชษฐ์ยังบอกอยู่เลยว่า “แล้วค่อยคุยกันพรุ่งนี้” แล้วทำไมถึงไม่โทรมาเลยทั้งวันล่ะ...

ความน้อยใจค่อยๆ ไหลเอ่อจากส่วนลึกในใจที่เก็บกดไว้ เขาเข้าใจดีว่าคุณเชษฐ์มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และในเวลาเช่นนี้ การอยากร้องขอให้อีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆ คงจะผิดที่ผิดทางเกินไป...

“ลืมมารับ? อย่าพูดให้ขำน่ะภัทร คนเป็นแฟนกันเขาไม่ลืมเรื่องพรรค์นี้ง่ายๆ หรอก สรุปนี่แต่งเรื่องมาหลอกธรจริงๆ สินะ”

น้ำเสียงของธราธรเริ่มกรุ่นด้วยความโมโห ขณะที่ภัทรมุ่นหัวคิ้วแน่น

“ไม่ใช่นะ! อย่ามองว่าคนอื่นจะปลิ้นปล้อนเหมือนตัวเองได้ไหม!”

ภัทรระเบิดออกมาในที่สุด ทว่านั่นกลับไม่ต่างจากการสะกิดแก้วที่มีน้ำล้นปริ่มให้ร่วงหล่นและสาดน้ำกระจายไปทั่ว เพราะรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทุกขุมขนของธราธรจนใบหน้าเขียวคล้ำ
 
“อ้อ...ที่แท้แค่อยากหลอกด่าสินะ ทำเป็นเล่นแง่อย่างโน้นอย่างนี้ ที่แท้ก็ยังน้อยใจที่โดนบอกเลิกอยู่ล่ะสิ ไม่บอกกันแต่แรกล่ะ จะได้รีบช่วยสนองให้ไวๆ”

ถ้อยคำหยาบคายอย่างไม่ถนอมน้ำใจทำให้ภัทรเลือดขึ้นหน้า “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะธร! มันเจ็บนะ!!”

ภัทรได้แต่พยายามขืนตัวเองไว้อย่างไร้ผล ไม่นึกว่าประโยคที่หลุดปากไปเมื่อครู่จะเป็นดั่งชนวนระเบิด เพราะตอนนี้ธราธรถูกความโกรธเกรี้ยวครอบงำจนไม่สนใจอีกแล้วว่าฝ่ามือเขาบาดเจ็บ นิ้วมือใหญ่รวบกำมือเรียวแน่นขณะจูงออกจากตึก และภัทรก็มั่นใจว่าเลือดกำลังไหลซึมออกจากแผลที่ปริแตก

“ธร! บอกว่าให้ปล่อย!”

ภัทรพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามบิดมือออกจากอุ้งมือใหญ่ ทว่าธราธรจิกเล็บลงกลางฝ่ามือที่เป็นแผลจนมือข้างนั้นเปลี้ยไปในฉับพลันเหมือนโดนเข็มแทงยาชาเจาะ

“ไม่ต้องเล่นตัวนักหรอกภัทร ของมันเคยกันอยู่ แค่ต้องเสียเวลารื้อฟื้นความทรงจำนิดหน่อยน่ะธรไม่ถือหรอก”

ความไม่อยากเชื่อหูว่าได้ยินอะไร ผสานมากับความตกใจเมื่อจู่ๆ ใบหน้าถึงทึงของธราธรก็กลายเป็นภาพเบลอทันทีที่เสียง ‘พลั่ก!!’ ดังมาเข้าหู และก่อนที่ภัทรจะล้มตามคนที่เพิ่งโดนซัดลงไปกองกับพื้นเพราะถูกจับมือไว้ บั้นเอวก็ถูกแขนแข็งแรงดึงเข้าไปหาได้ทันเวลา

สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ รวดเร็วจนภัทรตาลาย กว่าจะตั้งตัวได้อีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เปลี่ยนเป็นแผงไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตกับสูทสีดำ สัมผัสอันหนักแน่นจากฝ่ามือที่วางลงบนเอวอย่างปกป้องทำให้เขาแทบไม่กล้าหายใจ

กลิ่นนี้...

ลมหายใจกระชั้นถี่กับเสียงหัวใจที่เต้นรัวซึ่งส่งผ่านมายังภัทรทำให้เขาไม่กล้าเงยหน้ามองเจ้าของอ้อมแขน ไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อสายตากับสัมผัสว่าตอนนี้ตนกำลังถูกใครคนหนึ่งกอดอยู่จริงๆ

“…ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”

น้ำเสียงเข้มหนักที่อวลด้วยอารมณ์อันคุกรุ่น กระนั้นก็ยังอาบชุ่มไปด้วยความอ่อนโยนและเป็นห่วงอย่างเต็มเปี่ยมซึมซ่านเข้าในใจของภัทร ร่างเพรียวสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ และแทบไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อพบกับแววตาหลังเลนส์แว่นที่กำลังจับจ้องตัวเองอยู่

“คุณเชษฐ์...ทำไม...”

คำพูดต่อจากนั้นราวถูกกลืนกลับลงในคอ ความยินดีและโล่งใจไหลบ่าเข้าท่วมอกจนภัทรพูดอะไรไม่ออก ประสาทการรับรู้ทั้งหมดราวกับถูกนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นตรึงให้จดจ่ออยู่กับเจ้าตัวเพียงคนเดียว กระทั่งความเจ็บจากแผลบนมือก็ถูกลืมเลือนไปสนิทใจ

“...เมื่อวานหลังโทรคุยกับคุณปรีชาแล้วฉันก็ขอบินกลับมาวันนี้เลย แต่คุณปรีชาขอให้จัดการงานทางโน้นให้เรียบร้อยก่อน ถึงได้เพิ่งจะบินออกมาเมื่อเย็นนี้”

เรื่องที่ทำให้ต้องบินกลับมาด่วน...ดูเหมือนเรื่องที่จะเสนอชื่อคุณเชษฐ์ให้ไปประจำที่เวียดนามจะมีแนวโน้มสูงสินะ...

ความจริงที่ได้ตระหนักทำให้นัยน์ตาเรียวหม่นแสง ภัทรหลุบตาลงเพื่อปิดบังความผิดหวังไม่ให้ถูกจับได้ แล้วก็เผลอหลุดเสียงอุทานเมื่อฝ่ามือแข็งแรงช้อนมือที่พันผ้าก๊อซของเขาขึ้นดูใกล้ๆ

เชษฐ์ไม่ได้ใช้วิธีจับหรือดึงมือขึ้นมา แต่ใช้ฝ่ามือรองไว้ใต้หลังมือของเขาแล้วช้อนขึ้นเพื่อให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด

“ไปโดนอะไรมา? เจ็บมากหรือเปล่า?”

น้ำเสียงซึ่งแม้จะฟังเผินๆ เหมือนสงบนิ่ง ทว่าก็มีความร้อนรนแฝงอยู่ช่วยปลอบประโลมหัวใจอันอ่อนล้าของภัทรได้บ้าง เขาจึงพยายามฝืนยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

“ผมซุ่มซ่ามก็เลยทำแก้วบาดมือน่ะครับ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”

“ไม่ได้เป็นอะไรที่ไหนกัน เดี๋ยวฉันจะโทรบอกคุณปรีชาว่านัดกินข้าวเย็นวันนี้ขอเลื่อนไปก่อน ฉันจะพาเธอไปหาหมอแล้วทำแผลใหม่”

เชษฐ์เอ่ยพลางมุ่นคิ้วเข้มหนาเข้าหากัน แต่ทั้งที่ใบหน้านั้นแสดงออกถึงความไม่พอใจ ภัทรกลับไม่นึกกลัวเพราะรู้ว่านั่นเป็นเพราะความเป็นห่วงที่มีต่อร่างกายของเขานั่นเอง

“...อ้อ...นี่สินะคุณเชษฐ์”

เสียงแหบทุ้มจากคนที่ถูกลืมไปชั่วขณะดังขึ้น และนั่นดึงสายตาของภัทรกับเชษฐ์ให้หันไปหาต้นเสียงพร้อมกัน ภัทรมองธราธรที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นพลางใช้หลังมือปาดเลือดกำเดา จากนั้นก็เบนสายตากลับมาหาคนข้างตัวอย่างไม่สบายใจ ขณะที่ผู้สูงวัยกว่าเพิ่มแรงกระชับเอวเขาแน่นขึ้น

“...ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่นึกว่าจะมีตัวตนจริงๆ ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ภัทรมีรสนิยมชอบคนอารมณ์ร้อนแบบนี้”

ภัทรรีบขยับริมฝีปากเพื่อจะตอบโต้แทนเชษฐ์ ทว่าถูกตัดหน้าเสียก่อน

“มีหลายเรื่องที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับภัทร แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้อีกแล้วล่ะ ไหนๆ แต่งงานแล้วก็กลับไปดูแลภรรยาของตัวเองเป็นไง?”

คำพูดสั่งสอนนั้นทำให้ธราธรหรี่ตาลงอย่างเย็นชา ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลลงเปรอะใต้จมูกอีกครั้งและยกมือขึ้นดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเหลือบตาที่เปล่งประกายวาวโรจน์ขึ้นและขยับตัวอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ!”

ภัทรส่งเสียงเมื่อถูกเชษฐ์ผลักออกห่างก่อนเจ้าตัวจะหันไปเผชิญหน้ากับธราธร ร่างสูงใหญ่เบี่ยงตัวหลบหมัดที่พุ่งเข้าหาหน้าตัวเองได้ทัน และอาศัยช่องว่างนั้นอัดกำปั้นลุ่นๆ เข้าไปยังช่องท้องที่เปิดโล่งของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงข้อต่อกระทบเนื้อที่ดังเสียดหู

“อ่อก!!!”

ธราธรที่ถูกหมัดขวาเข้าชายโครงเต็มรักหงายหลังกลิ้งกับพื้นด้วยความจุก ฝ่ายเชษฐ์ยืนนิ่งมองอีกฝ่ายจากมุมสูงกว่าด้วยนัยน์ตาที่ราวกับฉาบไว้ด้วยน้ำแข็ง ความรู้สึกอันกดดันแผ่ซ่านออกมาจากร่างสูงใหญ่จนแม้แต่ภัทรก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ในนาทีนี้

“ฉันจะพูดอีกครั้งเดียว อย่ามาให้ภัทรหรือฉันเห็นหน้านายอีกเป็นอันขาด”

สรรพนามและน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปบ่งบอกว่าคนพูดกำลังพยายามควบคุมอารมณ์อย่างยิ่งยวด ทว่าภัทรกลับรู้สึกได้ถึงเค้าลางที่ชวนให้นึกถึงทำนบเขื่อนที่กำลังจะแตกออกเพราะกระแสน้ำเชี่ยวกรากอันรุนแรง

“แค่กๆ....หึๆ...ไม่น่าเชื่อว่าท่าทางแบบนี้จะหมัดหนักไม่ใช่เล่น คุณนี่ดูแล้วก็น่าจะเป็นพวกรสนิยมดี ไม่น่ามาจมปลักกับของเหลือของคนอื่นเลยนะ อ้อ...สงสัยจะติดใจลีลาของภัทรเข้าแล้วล่ะสิ ก็ช่วยไม่ได้...ขนาดผมเลิกไปตั้งสองปีแล้วยังลืมไม่ลงเลยนี่นา”

ภัทรหน้าซีด ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดที่ระคายหูถึงขนาดนี้จากคนที่เคยคบกันได้ ทำไมกัน...ทั้งๆ ที่ฝ่ายนั้นต่างหากที่เป็นคนทิ้งเขาไป ปล่อยให้เขาต้องทนรับความปวดร้าวอย่างไม่ไยดี  แต่ทำไมตอนนี้กลับต้องหาเรื่องเหยียบย่ำความรู้สึกให้ภัทรต้องอับอายต่อหน้าคนที่รักอีก

“อั้ก!!”

ธราธรร้องออกมาอีกเมื่อถูกร่างสูงใหญ่กระทืบเท้าลงบนท้องอย่างไม่ปรานี ท่าทางอันโหดเหี้ยมจนไม่น่าเชื่อว่านั่นคือคุณเชษฐ์ที่เขารู้จักทำให้ภัทรเบิกตากว้าง สองขาราวกับถูกภาพที่เห็นตรึงอยู่กับที่

“นายไม่มีสิทธิ์มาเรียกใครว่าของเหลือ ถ้าหากจะมีใครเหมาะกับคำพูดนั้นที่สุดก็นายนั่นแหละ ไอ้คนเหลือขอ!”

ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงคร่อมร่างที่ยังนอนจุกอยู่กับพื้น จากนั้นกำปั้นลุ่นๆ ก็กระหน่ำต่อยลงบนใบหน้าของธราธรอย่างไม่นับ แม้คนถูกต่อยจะพยายามปัดป้องก็ไม่เป็นผล กระทั่งเสียงครวญครางของอีกฝ่ายแผ่วลงและเลือดกระเซ็นเปื้อนกำปั้นกับเสื้อสูท เชษฐ์ก็ยังไม่หยุด


“คุณเชษฐ์...พอ...”


ภัทรเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความหวาดหวั่นกับพายุอารมณ์ของคนตรงหน้า แต่ดูเหมือนเสียงนั้นจะไปไม่ถึงคนที่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตร ทว่าหยาดหยดสีแดงที่เปรอะเปื้อนมือของอีกฝ่ายมากขึ้นทุกทีก็กระตุ้นขาของเขาให้เคลื่อนไหวในที่สุด

“คุณเชษฐ์! พอแล้วครับ! พอได้แล้ว!!”

ร่างสูงเพรียวถลาเข้าไปรั้งแขนแข็งแรงที่กล้ามเนื้อทุกมัดอัดแน่นด้วยความเกรี้ยวกราดเอาไว้ ถึงแม้จะเวทนาธราธรที่โดนต่อยจนตาบวมปูดและจมูกหัก แต่ตอนนี้สิ่งที่กลัวยิ่งกว่าคือเชษฐ์จะขาดสติจนต่อยอีกฝ่ายตายคามือ

ร่างสูงใหญ่หอบหายใจแรงขณะพยายามระงับอารมณ์ที่เดือดพล่าน ใบหน้าคมคายเบนมาสบสายตากับภัทรช้าๆ และดูเหมือนประกายวิงวอนในแววตาหวานโศกจะช่วยให้เพลิงอารมณ์ที่กำลังลุกโชนมอดลงได้บ้าง ชายหนุ่มหันกลับไปใช้มืออีกข้างกระชากปกเสื้อของธราธรที่โดนต่อยจนเลือดกบหน้าแล้วเอ่ยเสียงเย็นทิ้งท้าย

“ทีหลังอย่าดูถูกคนอื่นให้มากนัก และอย่าได้มาเข้าใกล้ภัทรอีก”

เสียงฮื่อออ...ต่ำๆ ดังผ่านจมูกของคนที่ถูกต่อยจนปากแตก ยากที่จะรู้ว่านั่นเป็นเสียงครางด้วยความเจ็บหรือเสียงรับรู้ว่าจะทำตามกันแน่ แต่ร่างสูงใหญ่ก็เพียงแต่หยัดตัวขึ้นยืนแล้วหันมาทางภัทร

“เราก็ไปกันเถอะ”

ภัทรมองฝ่ามือที่ถูกยื่นออกมาหา ร่างสูงใหญ่บัดนี้เต็มไปด้วยเหงื่อและรอยเลือดที่กระเซ็นอยู่บนแว่นและเสื้อสูทซึ่งใส่ทับเชิ้ตที่ไม่ได้ผูกไท ดูแล้วต่างจากภาพลักษณ์สุขุมและสง่าที่ชินตาอย่างสิ้นเชิง กลิ่นอายของความโกรธเกรี้ยวที่เพิ่งพัดผ่านยังอ้อยอิ่งอยู่รอบตัว กระนั้นในแววตาที่ทอดมองมาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่มีให้กับเขา ไม่มีร่องรอยหวั่นไหวใดๆ จากคำพูดเหยียดหยามของธราธรแฝงอยู่แม้เพียงเศษเสี้ยว

โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ภัทรยื่นมือออกวางบนฝ่ามือใหญ่ที่รอรับทันที ชายหนุ่มปรายตามองธราธรที่นอนนิ่งบนพื้นเพียงนิดเดียวก็รีบเบือนหน้าหนี เชษฐ์จึงรั้งไหล่เขาเข้าใกล้ตัวแล้วแนบริมฝีปากลงบนกระหม่อม

“เดี๋ยวเราเรียกรถพยาบาลมาให้หมอนี่ก็แล้วกัน”

“ครับ...”

ถึงแม้จะยังกำมือได้ไม่ถนัด แต่ภัทรก็วางทาบมือทั้งสองลงบนแผ่นหลังกว้างพลางระบายลมหายใจยาวอย่างโล่งใจ นาทีนี้เขาไม่ต้องการจะนึกถึงเรื่องใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเรื่องที่เชษฐ์อาจต้องไปประจำที่เวียดนาม หรือว่าสาเหตุที่ทำให้ธราธรมาหาเขาในวันนี้ ร่างสูงเพรียวเอียงหน้าลงแนบแก้มบนบ่ากว้างและซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมแขนที่กระชับเข้าหาให้มากที่สุด

“จริงสิ ต้องพาเธอไปทำแผลที่โรงพยาบาล ยังเจ็บมากไหม?”

เชษฐ์เอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ มือแข็งแรงจับไหล่ภัทรให้ถอยออกเพื่อจะได้มองหน้าถนัด ความกังวลทั้งในน้ำเสียงและแววตาทำให้ภัทรแทบจะลืมเรื่องที่เพิ่งผ่านพ้นไปจนหมด

“นิดหน่อยครับ แต่ไปทำแผลใหม่ก็ดีเหมือนกัน”

รอยยิ้มของเขาค่อยทำให้หัวคิ้วที่มุ่นกันแน่นบนใบหน้าของคนถามคลายลงได้ เชษฐ์ค่อยยกมุมปากขึ้นบ้างก่อนจะโอบไหล่เขาเพื่อเดินเข้าไปในตึก

“ก่อนมาถึงฉันพยายามโทรหาเธอแต่ไม่ติด แต่โทรบอกคุณนินไว้แล้วว่ากำลังจะกลับมาเพราะคุณปรีชานัดทานข้าวเย็น เดี๋ยวขอฉันขึ้นไปเอาของบนออฟฟิศแป๊บนึงก็แล้วกัน จะได้โทรแคนเซิลคุณปรีชาก่อนด้วย”

ภัทรพยักหน้าและยิ้มให้ แต่แล้วเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านหลังก็ทำให้ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเดินชะงัก เมื่อเหลียวหลังไปมองก็ทำให้พบกับภาพที่จุดความกลัวให้ตื่นขึ้นจนมือไม้อ่อนเอาดื้อๆ

ธราธรที่ถูกต่อยจนเลือดอาบหน้านั้นมีบางส่วนไหลเลอะคอเสื้อปนกับเหงื่อ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาบูดเบี้ยวเพราะฤทธิ์หมัดดูราวกับผีร้ายจากโลกอื่นกำลังเดินตรงมาที่พวกเขาสองคน และในมือหนึ่งกำต้นไม้ที่รากยึดติดกับกระถางดินเผาใบใหญ่มาด้วย

“อย่าคิดว่าตัวเองจะมีความสุขคนเดียวเลย ภัทร!”

“คุณเชษฐ์! ระวัง!!”

เสียงของทั้งสองดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน แต่กว่าเชษฐ์จะหันกลับไปนั้นธราธรก็เดินมาถึงตัวแล้ว ร่างสูงใหญ่จึงตัดสินใจในเสี้ยววินาที ดึงภัทรให้หลบอยู่หลังตัวเองก่อนจะหันหน้ากลับไป

เสียงกระถางดินเผาที่กระแทกเข้ากับศีรษะของคนที่เอาตัวกันเขาไว้ดังก้องเต็มสองหู ภัทรรู้สึกราวกับภาพที่เห็นน่าจะเกิดแค่ในละคร แต่นี่ไม่ใช่เลย ภาพของธราธรที่เงื้อกระถางขึ้นฟาดลงบนศีรษะของเชษฐ์จนเจ้าตัวล้มกระเด็น มันช่างแจ่มชัดราวกับใครฝังกล้องความไวสูงลงมาในตาของเขาจนทำให้ลบออกไม่ได้ เช่นเดียวกับเลือดสีแดงฉานบนพื้นซึ่งเริ่มไหลเป็นทางออกมาจากรอยแผลที่ปริแตกเพราะการกระแทกเมื่อครู่

เศษกระถางดินเผาและแว่นกรอบเงินซึ่งแตกกระจัดกระจายบนพื้น ดูแล้วราวกับหัวใจของเขาที่ถูกควักออกมาบีบให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ภัทรกรีดร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายสุดเสียงด้วยอาการไม่ต่างจากคนที่หัวใจแหลกสลาย

“คุณเชษฐ์!!!!!”



++---tbc---++

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
A/N: เป็นตอนที่ค่อนข้างยาวและแก้แล้วแก้อีก แต่ในที่สุด...ก็พาคุณเชษฐ์กลับมาหาน้องภัทรได้แล้วนะคะ แอบสังหรณ์เล็กน้อยว่าพอโพสต์ตอนนี้ไปเมื่อไหร่จะโดนคนอ่านงอนอีกแหงมๆ เลยแฮะ...  :beat:

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
น้ำตาซึมต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว เพราะอะไรบอกไม่ถูกค่ะ อาจเป็นเพราะบรรยากาศสีเทาในเรื่อง หรือความอ่อนไหวของตัวเอง ก็ไม่รู้...
แต่ว่า เศร้าจัง แค่ห่างจากคนที่รักก็ว่าแย่แล้ว แต่พอกลับมาได้คุยกันไม่เท่าไหร่ก็เกิดเรื่อง
 คุณเชษฐ์โหด กว่าที่คิดไว้เยอะเลยแฮะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เข้ามากรี๊ดดดดดดดด ก่อน 
เย้ ๆๆ  คุณเชษฐ์กลับมาแล้ว
Congratulation  นะน้องภัทร  เย้  คุณเชษฐ์กลับมาแล้ว
ขอบคุณนะคะ  ที่มาลงให้เร็วมาก  +เป็ด จ้า

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
การกลับมาของคุณเชษฐ์ทำไมถึงเป็นอย่างนี้  คุณเชษฐ์จะไม่เป็นไรใช่มั้ย
น่าจะกระทืบมันให้ตายไปเลยไอ้ธราธรคนเลว

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คู้นนนนนนนนนนนรินนนนนนน ทำไมเป็นแบบนี้
เลือดนองบริษัท คุณเชษฐ์กับภัทรของเรายังไม่ทันได้แสดงความคิดถึงกันเลย
ต้องไปเดี้ยงนอนโรงพยาบาลแล้วอ่ะ :z3:

ว่าแต่ไม่คิดว่าธราธรจะเลวได้บัดซบเยี่ยงนี้

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
ฮื่อออออออออออ น้ำตาคลอเบ้า คุณเชษฐ์กลับมากอดภัทรแล้ววววววววววววว

แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ฮื่อออออออออออ คุณเชษฐ์ของเค้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

Cacao

  • บุคคลทั่วไป
ม่ายยยยยยยยยยยยย T_______________T เกลียดธรจริงๆ อีผู้ชายปลวก ไปตายให้หนอนแดกไป๊ !!
ตัวเองทิ้งเค้าเองแท้ๆ พอแต่งงานมีแมียไป พอไม่มีความสุขกลับมาหาภัทร เห็นเค้าอยู่ดีมีสุขก็ไม่ได้อีก
จะต้องมาทำให้เค้าทุกข์เหมือนตัวเอง หอยยยยยยย !! นี่อินท์มากเลยนะ ฮ่าาาาาาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด