ตอนที่ 14วันเสาร์ผมปลุกไอ้เปี๊ยกตั้งแต่เช้าตรู่ มันขยี้ตางัวเงียพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ตายังบวมแดงอย่างกับนกกระปูดอยู่เลยครับ
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่จัดเสื้อผ้าให้” ผมปัดผมหน้ายุ่งๆ ทัดหูให้มัน
“ไปไหน?” อ้าวไอ้นี่ เมื่อคืนยังตอบอืมๆอยู่เลย ตกลงตอนผมถามมันนี่มันตื่นอยู่รึเปล่าวะ
“ไปเที่ยว” ผมว่าพลางปลดกระดุมเสื้อนอนออกให้มันทีละเม็ด...หลับป๊อกไปอีกแล้วครับ ไอ้เด็กนี่นี่ระดับการตื่นง่ายของมันแปรผันตรงกับความเหนื่อยก่อนหลับจริงๆ
“ต้า...ตื่นๆๆ” เขกหัวมันอีกเล็กน้อยก็ยังไม่มีท่าจะตื่น พอถอดเสื้อนอนออกมาได้มันนั่งตัวสั่นนิดหน่อย แล้วก็ล้มตัวซุกลงไปในผ้าห่ม
ผมเลิกผ้าห่มออก “ไปอาบน้ำไป๊ เดี๋ยวออกสายรถจะติด”
ไอ้เปี๊ยกหลับตาคว้าผ้าห่มหมุบหมับ แต่ก็หาไม่เจอเพราะผมโยนไปไกลแล้ว มันเลยปรือตาขึ้นมานิดหน่อยแล้วคว้าเอวผมเอาไว้แทน
“อือ~หนาว ขอนอนต่ออีกหน่อย” มีการเอาแก้มมาถูไถด้วยครับ ระดับที่ผมยืนอยู่กับที่มันนั่งเอนๆตัว หน้ามันอยู่ตรงเป้าผมพอดี อย่างนี้จะทนไหวได้ยังไง
ผมปล่อยให้มันซุกๆอย่างไม่รู้ตัวไปพักหนึ่ง พอมันเริ่มนิ่งก็นั่งลงบนขอบเตียง ไล้ใบหูมันมันก็หันหน้าหนีงุดๆ “ต้า...” ผมกระซิบใส่หูมัน มันก็ครางในคอเบาๆ
กลิ่นหอมอ่อนๆกับแก้มนิ่มๆจูบยังไงก็ไม่เบื่อ แผ่นหลังเปล่าเปลือยของมันก็น่าลูบเล่นไม่ใช่น้อย ผมพรมจูบลงบนหน้าอกของมัน ไล้เลียยอดอกสีชมพูสวยจนไอ้เปี๊ยกบิดไปมา อีกมือก็เลื้อยลงต่ำมุดเข้าใต้ขอบยางยืดกางเกงนอน
ไอ้เปี๊ยกคงจะเริ่มตื่นเต็มตาแล้ว มันดิ้นขลุกขลักเหมือนปลาขาดน้ำ ตะโกนเสียงดัง “ตื่นแล้วๆๆๆ ลุ๊งง พอแล้ว จะไปอาบน้ำ!! อ๊า!”
ผมถอยออกมาเลียริมฝีปากแล้วก้มลงไปจัดการไอ้น้องชายที่ ‘ตื่นแล้ว’ ของมัน
“ลุง...อา...ฮ้า...พอแล...” ผมฟังเสียงมันอย่างเพลิน มือหนึ่งช่วยขยับขึ้นลง อีกมือก็ลูบแผ่นอกมัน ใช้เวลาไม่นานมันก็ปลดปล่อยออกมา
ไอ้เปี๊ยกหอบแฮ่กๆ ถลึงตามองผมอย่างเคืองๆ
“ไปอาบน้ำไ...อั้ก!!” ยังพูดไม่จบเลยครับ เข่าน้อยๆก็ประเคนลงหน้าท้องพอดิบพอดี เล่นซะไอ้ของผมที่ตื่นเต็มตาสลบเหมือดคาที่...ดีนะมันไม่เข่าต่ำกว่านี้ ไม่งั้นคงมีเฮ
เงยหน้าขึ้นมาอีกที ไอ้ตัวต้นเหตุก็หายเข้าห้องน้ำไปแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++
พอไอ้เปี๊ยกอาบน้ำเสร็จผมก็อัญเชิญมันขึ้นรถ ขับลิ่วๆออกจากกรุงเทพทันที ระหว่างทางก็แวะซื้ออาหารเช้าตามปั๊มน้ำมันกินกันไป พอถึงเที่ยงค่อยแวะกินมื้อใหญ่ทีเดียว
ร้านเสต็กชื่อดังถูกใจไอ้เปี๊ยกน่าดู มันสั่งกินทีสองจานแล้วยังมีไอติมแถมอีกหนึ่งถ้วย พอจะขึ้นรถต่อมันก็ยื้อแขนเสื้อผมเอาไว้ จะขึ้นรถชมฟาร์มให้ได้ ทนแรงอ้อนมันไม่ไหวก็เลยต้องยอมครับ เพราะยังไงที่พักที่ผมกะจะพามันไปก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ไปถึงก็คงไม่ได้เที่ยวอะไรมาก
กว่าจะถึงที่พักก็เย็นพอดี จากที่นั่งรถชมวิวเล่นตอนเที่ยงทำให้เหงื่อชุ่มตัวไปหมด ถึงขึ้นรถแล้วจะแห้ง แต่ก็ยังรู้สึกเหนียวตัวอยู่ดี
“ต้า ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปกินข้าว” ผมวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้สาน เดินไปตรงระเบียงห้องเปิดหน้าต่างบานใหญ่ออก อากาศไม่ถือว่าเย็นมากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ร้อนครับ มีลมโชยอ่อนๆ ด้านนอกเป็นภูเขาปลุกดอกไม้ไว้เต็มดูแล้วสบายตาดี...ถือว่าโชคดีครับที่ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ที่พักก็เลยไม่เต็ม มาแบบกะทันหันก็ยังได้บ้านทำเลดีอยู่
หันกลับไปมองไอ้เปี๊ยกนอนแผ่บนเตียงไปแล้ว...บ้านพักที่ได้เป็นแบบเตียงเดี่ยวสองเตียงครับ เพราะห้องเตียงคู่เต็ม สงสัยคืนนี้ผมจะต้องนอนทับมันทั้งคืนซะแล้ว
“ลุงไปอาบก่อน ขอไปเดินเล่นแป๊บนึง” มันว่าทั้งๆที่ยังนอนหลับตาอยู่...มันจะไปเดินเล่นในสวนหิมพานต์หรอวะ
“เรานั่นแหละ ไปอาบซะ ตัวเหนียวๆไปนอนบนเตียงได้ยังไง สกปรก” ผมว่ามันแต่มันไม่ฟังครับ มีการนอนกลิ้งเกลือกโชว์อีกต่างหาก
“ต้า...” ผมทำเสียงเครียดให้มันรู้ว่าจริงจัง มันลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วแลบลิ้น
“ไปก็ได้วะ” ได้ยินมันพูดเบาๆ ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนถอดเสื้อแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมมองตามแผ่นหลังขาวๆของมันน้ำลายไหลย้อย
ประตูห้องน้ำปิด...แล้วก็เปิดใหม่ มันโผล่หน้าออกมา “ลุง”
ผมที่นั่งหันหลังกำลังรื้อกระเป๋าเดินทางอยู่ ถามมันส่งๆโดยไม่ได้หันกลับไปมอง “ลืมอะไรหรือไง?”
“เปล่า...มีอ่างน้ำด้วย”
“เออ...อยากแช่ก็เชิญ แต่อย่านานนักล่ะ เดี๋ยวอดชิมไวน์” รีสอร์ทที่ผมมาพักมีช่วงให้ชิมไวน์ก่อนมื้อเย็นด้วยครับ
“อาบด้วยกันมั้ย?”
เสียงของมันทำให้ผมชะงักกึก หัวใจเต้นถี่รัว...แค่นึกถึงภาพผมกับมันกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ในอ่างน้ำ...เห็นมันกำลังกดสะโพกลงมา ปากแดงๆเผยอน้อยๆกับไรผมที่เปียกน้ำแนบใบหน้า...
“ล้อเล่น” ตามด้วยเสียงหัวเราะฮ่าๆกับประตูปิดดังปัง...เท่านั้นก็ทำผมค้าง...ไอ้ตัวแสบ คืนนี้เอ็งโดนแน่
...
...
ผมเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ คุ้ยกระเป๋าหาเสื้อบางๆใส่เตรียมไปกินข้าวเย็นก็เห็นไอ้เปี๊ยกกำลังยืนอยู่ที่ระเบียง ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกแล้วครับ ระเบียงบ้านหันไปทางทิศตะวันออกเลยเห็นแค่ท้องฟ้าเป็นริ้วสีม่วงแดงเท่านั้น
ผมกำลังจะเดินไปเรียกมัน ขาก็ชะงักอยู่กับที่เสียก่อน...ไอ้เปี๊ยกกำลัง...คุยโทรศัพท์
ประตูกระจกระเบียงที่ผมเปิดเมื่อกี้ปิดอยู่ เลยไม่ได้ยินว่ามันคุยอะไรกับใคร...
...มัน...ปิดประตูทำไม?...
ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็น เดินไปเปิดทีวีนั่งดูแทน
ผ่านไปไม่นานมันก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง มันชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งดูทีวีอยู่
“อาบเสร็จนานแล้วเหรอ?”
“อือ” ผมหันไปมองมันนิดหนึ่ง ตอบมันแค่นั้น มันก็ยืนนิ่งไม่ขยับ
ไม่มีเสียงมัน ไม่มีเสียงผม มีแค่เสียงผู้รายงานข่าวในทีวีสอดแทรกระหว่างเราสองคน
ผมหันกลับไปมองมัน “ต้า...”
“...” มันไม่ตอบแต่เดินเข้ามาซุกหัวลงกับต้นแขนผม ผมลูบหัวมันเบาๆ
“พี่ธี...จูบ...หน่อย” ผมก้มลงไปมองมัน มันไม่สบตาผมแต่ดวงตามันไหวระริก
...มันให้ผมจูบเพราะอะไร?...เป็นคำถามที่ผมอดคิดไม่ได้
ผมแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของมัน แล้วก็ลุกขึ้นจับมือมันจูงออกนอกห้อง “ไปกินข้าวเย็นกัน”
ระหว่างทางที่เราเดินไปห้องอาหาร ไม่มีเสียงคุยเกิดขึ้น ไอ้เปี๊ยกปล่อยให้ผมจูงมืออยู่อย่างนั้น เดินตามมาแต่โดยดี เมื่อใกล้ถึงที่หมาย เริ่มมีคนเดินไปมา ผมก็ปล่อยมือมัน และผม...ก็ไม่ได้มองหน้ามันตรงๆอีกเลย
ระหว่างมื้ออาหาร ผมสั่งไวน์ขวดใหญ่มานั่งดื่มด้วย แต่มีแค่ผมคนเดียวที่ดื่ม ไอ้เปี๊ยกไม่ยอมแตะ
“ลองดูสิ” ผมคะยั้นคะยอมัน “กินเป็นไม่ใช่เหรอ?”
ผมจำได้ วันแรกที่เจอกันมันบอกว่าเหล้าขม กินแล้วไม่อร่อย แต่จากที่ฟังไอ้ต้อยเล่ามา ตอนที่มันยังเรียนม.ปลาย มันก็ดื่มเป็นโอกาสบ้างเหมือนกัน เพียงแต่เมาง่าย...ก็เท่านั้น
“เป็น...แต่สัญญา...” ไอ้เปี๊ยกยั้งปากไว้แค่นั้นเหมือนเผลอพูดออกมา มันคว้าแก้วน้ำดื่มอึกหนึ่งแล้วตอบใหม่ “ก็...ไม่ชอบกิน มัน...ขม”
...สัญญา...
...กับใคร?...
ผมกระดกแก้วในมือรวดเดียวหมด ปล่อยให้ความร้อนแรงไหลผ่านคอลงไป พอหมดหนึ่งแก้วก็รินแก้วต่อไป กระดกหมดใหม่อีกครั้ง ทำอย่างนี้ต่อกันสามสี่ครั้งไอ้เปี๊ยกก็ยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้
“พอแล้ว...”
“ห่วงเหรอ?” ผมยิ้มให้มันเล็กน้อย “พี่ไม่เมาง่ายๆหรอก ก็แค่ไวน์” ก็แค่มึนเล็กน้อยครับ ตอนนี้อยากได้เหล้าดีกรีแรงกว่านี้มากกว่า แต่ที่นี่คงไม่มีให้
“...แต่...” ไอ้เปี๊ยกอึกอัก จะพูดก็ไม่พูด ทำท่าอย่างกับกลัวว่าผมจะว่าอะไรมัน
ผมรินไวน์ลงในแก้วมันจนเต็มแล้วยื่นให้ “กินสิ...”
ไอ้เปี๊ยกมองหน้าผมพักใหญ่
“ไม่คิดจะกินเป็นเพื่อนพี่เลยเหรอ? สัญญากับใครไว้ล่ะ ถึงไม่ยอมทำตามที่พี่ขอน่ะ?” ท่ามกลางแสงไฟสลัวกับแสงเทียนสีส้มที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมเห็นน้ำคลอหน่วยในตามัน แต่วินาทีนี้...ผมต้องการรู้จริงๆ ว่ามันจะเชื่อผม...หรือว่าเชื่อใครคนนั้นที่อยู่ในความทรงจำของมัน
ไอ้เปี๊ยกเม้มปากแน่น มันสบตาผมนิ่งแล้วหยิบแก้วขึ้น ดื่มทีเดียวหมด คิ้วของมันขมวดมุ่นยามที่ของเหลวสีเข้มผ่านคอมันไปเรื่อยๆ จนหมดแก้วมันก็ละปากออกแล้วไอต่อๆกันเสียงดัง
มันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมอีกครั้ง น้ำตาหยดหนึ่งไหลกลิ้งจากดวงตากลมโต ละไปตามพวงแก้ม ก่อนจะหยดหายไป
ผมไม่กล้ามองหน้ามันอีกต่อไป หันหน้าออกไปมองนอกห้องอาหาร ท้องฟ้ามืดสนิทมีเพียงไฟตามทางเป็นดวงๆเปิดไว้
ผมลุกขึ้นยืน “กลับบ้านกัน”
ขากลับ เราเดินกันเงียบๆเหมือนเดิม ผมเดินนำ มันเดินตาม...จะต่างกับขามาก็เพียงแต่...ผมไม่ได้จูงมือมัน...
พอเข้ามาถึงห้องพัก ไอ้เปี๊ยกก็นั่งนิ่งลงบนเตียง ผมเดินเข้านั่งข้างหลังมัน โอบบ่ามันเอาไว้
“ต้า...”
ตัวมันสั่นหน่อยๆ ได้ยินเสียงมันกลั้นสะอื้นเบาๆ
“พี่ธี...ต้า...ขอโทษ...”
ขอโทษอีกแล้ว...ผมเกลียดคำขอโทษของมัน...เพราะผมไม่รู้จริงๆว่ามันขอโทษเรื่องอะไร
“ต้า...รักพี่รึเปล่า?” ผมถามมัน มันพยักหน้า...รัก...จริงๆใช่มั้ย?
“รัก...ที่สุด...มั้ย” จบคำถามมันไม่ตอบแต่กลับยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม มันสะอื้นฮั่กจนตัวโยน
มันไม่ตอบ...แต่ผมก็พอจะรู้คำตอบแล้ว ผมกอดมันเอาไว้แน่น
“จะ...ยังอยู่กับพี่...ต่อไปมั้ย?” มันพยักหน้าทีหนึ่ง
...ต่อไปของมัน...นานแค่ไหน...พรุ่งนี้...มะรืนนี้...หรือทันทีที่มันเจอเพื่อนมันอีกครั้ง...
ผมจับหน้ามันให้หันกลับมา จูบซับน้ำตาให้มัน ไล้ไปตามตัวมัน เสื้อผ้าของเราหลุดออกไปทีละชิ้นอย่างอ้อยอิ่ง
ไอ้เปี๊ยกนอนคว่ำมือกอดหมอนไว้แน่น สะดุ้งทุกครั้งที่ผมประทับจูบลงไปบนแผ่นหลัง
เนื้อตัวมันแดงไปหมด ปฏิกิริยามันไม่เหมือนทุกครั้ง...อาจจะเป็นเพราะไวน์ที่มันกินเข้าไปก็ได้...หรือเพราะว่า...คนที่อยู่ในใจมัน...ไม่ใช่ผม...
ผมจับมันนอนหงาย ไล้เลียผิวกายจนเปียกชุ่ม สอดนิ้วกระตุ้นให้ต้องแอ่นหลังเกร็ง มันกอดคอผมเอาไว้แน่น
“ต้า...แยกขาออกกว้างๆ” ผมหอบเล็กน้อยยามที่สั่งมัน มันมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ
“แยกขาออก” ผมสั่งมันอีกครั้ง มันถึงค่อยยอมแยกออกเล็กน้อย ใบหน้ามันหันหนีไปด้านข้าง ตามันหลับปี๋
ผมกัดต้นคอมันจนเป็นรอยฟัน มันร้องออกมาแล้วก็กัดปากล่างพยายามกลั้นเสียงเอาไว้
การสอดใส่ค่อนข้างทุลักทุเลเพราะไอ้เปี๊ยกเอาแต่เกร็ง กว่าจะพยายามดันเข้าไปได้ก็เจ็บหนึบไปหมด ไอ้เปี๊ยกหน้าแดงจัด มันยกแขนขึ้นปิดหน้าตัวเอง กัดริมฝีปากไว้แน่นจนแดงไปหมด
ผมจับแขนทั้งสองข้างของมันกดกับพื้นเตียง เพื่อจะได้เห็นหน้ามันให้ชัด...มันก็ยัง...หลับตาอยู่ดี
“ต้า...ลืมตา...” ผมบอกมัน...ในเวลานี้ ผมอยากให้มันรู้ว่า...ผม...กำลังอยู่ในตัวมัน...ผม...เป็นคนที่อยู่กับมัน...
มันไม่ลืมตา กลับมีน้ำตาไหลรินออกมาแทน
ทุกอย่างปะเดประดังเข้ามา...ทั้งความมึนเมา ความขัดใจ น้อยใจ...และหึงหวง...ผมตะคอกใส่มัน “ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”
มันยิ่งสะอื้นมากกว่าเดิม แต่...ก็ยังไม่ยอมลืมตาอยู่ดี
ทำไมมันไม่ลืมตา...มันกำลังกลัวอะไร...มันกลัวความจริงที่มันกำลังอยู่กับผมหรือไง...
ผมกดร่างกายตัวเองเข้าไปจนสุดความยาว ดึงออกมาแล้วกระแทกกลับเข้าไปใหม่ ได้ยินเสียงกรีดร้องของมัน รับรู้ถึงแรงต่อต้านของสองแขน รับรู้ถึงแรงผลักใสของร่างกายท่อนล่าง แต่ผมก็ไม่ยอมเลิกรา
“ลืมตา!” ผมเฝ้าบอกกับมันซ้ำๆ เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็กระแทกกระทั้นเข้าไปด้วยความโมโห แขนที่มันยกขึ้นมาดันหน้าอกผมไม่ได้รับการสนใจ ขาที่พยายามหุบเข้ามาถูกอุ้งมือของผมจับแยกออกกว้าง น้ำกามไหลรินตามเรียวขาพร้อมๆกับเลือดและน้ำตาที่หลั่งไม่ขาดสาย...แต่จนสุดท้าย...มัน...ก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองผมเลย...
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ไอ้เปี๊ยกกรีดร้องเสียงดัง สะอื้นฮักตัวโยน แล้วก็หมดสติไป ผมถอนกายออกจากตัวมัน หาผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้ ใส่เสื้อนอน ห่มผ้า แล้วก็เดินไปนอนอีกเตียงที่อยู่ข้างๆกัน...เตียงที่มีโต๊ะตัวเล็กๆขั้นกลาง เตียงที่ยังไม่ได้ใช้...เตียงที่ไร้ไออุ่น
ผมรักมัน...รักมาก...มันบอกว่ามันก็รักผม...
ผมเคยบอกมันว่าผมรอได้ แต่จริงๆมันไม่ใช่...ผมไม่อยากให้มันคิดถึงใคร ผมไม่อยากให้มันรักใครมากกว่าผม...ผมอยากให้มันมองผมคนเดียว
...ผมกลัว...
...กลัวว่ามันจะจากผมไป กลัวว่ามันจะรักใครมากกว่าผม กลัวว่ามันจะไม่มองผมอีกต่อไป...
...และกลัวว่า...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...ผมคงจะทำร้ายมัน...เหมือนอย่างในคืนนี้แน่นอน
++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC
ปล.หวังว่าตอนนี้อ่านแล้วจะยังไม่เกลียดลุงธีนะคะ ลูกหมูสร้างลุงธีขึ้นมาให้เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ย่อมมีเวลาเสียจริตบ้าง...อย่าเพิ่งเกลียดลุงนะ
