ตอนที่ 17 ไม่อยากเป็นคนเลว“พี่ต้อยๆ ซื้อสาหร่ายไปด้วยดีมั้ยคะ”
เสียงหวานๆกับกลิ่นหอมๆข้างกายเรียกร้องความสนใจผมออกจากของในมือ น้องฝนตาโตตัวเล็ก...แต่หน้าอกหน้าใจโคตรใหญ่ ยืนก้มหน้าลงมาหาผมที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าชั้นวางสินค้า พลางยื่นห่อสาหร่ายทอดมาให้ผมดู
“อืม...ก็ดีนะ เผื่อเอาไว้กินกับข้าวต้ม” ผมตอบไปอย่างเอาใจเจ้าหล่อน น้องฝนอมยิ้มน่ารักแล้วก็โยนห่อขนมลงในรถเข็นที่เริ่มพูนๆอย่างมีความสุข แล้วเจ้าหล่อนก็หันกลับมายิ้มโชว์เขี้ยวซุกซน
“อันนั้นพี่ต้อยไม่ต้องซื้อหรอกค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฝนเอามาให้เอง พี่ต้อยต้องกินให้หมดด้วยนะ”
เหลือบมองของในมือ...เป็นช็อคโกแล็ตแบบหลอกเด็ก...ไม่ใช่ช็อคโกแล็ตดีเด่อะไร เป็นแค่ขนมโกโก้ผสมนมรสค่อนข้างหวาน ห่อในกระดาษสีชมพูสะท้อนแสง...
สาเหตุที่รู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไงน่ะเหรอครับ?...
...ก็เพราะธีชอบกินยังไงล่ะ...
ผมยิ้มพลางวางห่อช็อคโกแล็ตกลับลงไปบนชั้นขายสินค้า ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปแย่งน้องฝนเข็นรถเข็น
...พรุ่งนี้แล้วสินะ...วันวาเลนไทน์...
ไม่รู้เป็นธรรมเนียมอะไร ที่คู่รักใหม่มหาลัยผมมันต้องไปค่ายทอดสะพาน...เอ๊ย! ค่ายสร้างสะพานวันวาเลนไทน์กันเรื่อย...ก็ค่ายคล้ายๆกับที่ไอ้พี่ต้ากับน้องแพรเคยไปด้วยกันนั่นแหละครับ แต่ค่ายนั้นมันจัดตอนปิดเทอม ไม่ใช่ช่วงต้นปีใกล้สอบอย่างตอนนี้
เกริ่นซะยาว พูดง่ายๆคือ พรุ่งนี้ผมจะเดินทางไปค่ายสร้างสะพานกับน้องฝนครับ...ตอนนี้ก็เลยชวนกันมาช้อปปิ้งซื้อข้าวปลาอาหารเผื่อต้องไปตกระกำลำบาก...แต่ดูจากขนมทั้งหลายที่น้องฝนโยนลงรถเข็นอย่างเมามันแล้ว...ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะยัดลงกระเป๋าเดินทางไปทั้งหมดได้ยังไง
หลังจากจ่ายเงินเสร็จ นั่งแท็กซี่ไปส่งน้องฝนที่บ้าน ท้องฟ้าก็เริ่มโพล้เพล้พอดี
ช่วงวันวาเลนไทน์...ที่ไหนๆก็เต็มไปด้วยดอกไม้กับช็อคโกแล็ต...
ผมเดินผ่านร้านขายขนมเล็กๆข้างทาง หยิบช็อคโกแล็ตยี่ห้อเดิมเมื่อกี้ขึ้นมา แล้วก็ควักกระเป๋าจ่ายตังค์ไป
ระหว่างที่กลับไปเอามอเตอร์ไซค์ที่มหาลัย โทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี
พี่ต้าโทรมาครับ
“งาย ทั่นพี่” ผมตอบรับแบบแกนๆ พอเห็นชื่อพี่ต้าก็อดนึกถึงไอ้บัตรท่องเรือสำราญสองใบในกระเป๋านั่นไม่ได้
“ต้อย อยู่ไหนวะ เสียงดังฉิบ” ทักเหมือนๆกันทุกวัน ไม่เบื่อหรอวะ...แต่จะว่าไปก็ดังจริงๆล่ะครับ ก็เดินอยู่ข้างถนนแถมยังช่วงเวลาที่รถหนาแน่นอีกต่างหาก
“อยู่แถวๆมอ.น่ะ มีไร”
ปลายสายเงียบไปอึดใจ เสียงพี่ต้าแบบประหม่าๆก็ดังออกมา “ต้อย...พรุ่งนี้ไปไหนรึเปล่า”
ผมเลิกคิ้ว เดินเข้าประตูรั้วมหาลัย เสียงรถราถึงได้ค่อยๆเงียบลงหน่อย “ทำไมล่ะ แล้วพี่ต้าไปไหนป่าว”
“ก็...ว่าจะ...ชวนไปเที่ยวด้วยกัน” เห?....อย่าบอกนะว่า
“นั่งเรือเล่นหรือไง?” ผมถามทะลุกลางปล้อง
ไอ้พี่ต้าคงงงเต้กไป มันเงียบไปอีกพักใหญ่ พอตั้งตัวได้ก็ตะโกนซะจนต้องยกมือถือห่างจากหู “แกรู้ได้ไงวะ!!”
ผมหัวเราะ “เอาน่า รู้ได้ไงก็ช่างเหอะ...ว่าแต่....พี่ต้าตั้งใจชวนต้อยไปจริงง่ะ?...ไม่ใช่หรอกม้างงง”
ผมว่าถ้าผมอยู่ต่อหน้าไอ้พี่ต้า ต้องเห็นหน้าขาวๆนั่นแดงเป็นลูกมะเขือเทศแหงๆ
ปลายสายอ้ำๆอึ้งๆ ดีนะที่ผมไม่ได้ขับรถอยู่...ขืนพูดไปเล่นเนื้อเล่นตัวไปขับมอไซค์ไป มีหวังซี้ม่องอยู่กลางถนนแหงม
เงียบไปนาน...นานจนผมเดินไปถึงมอ’ไซค์แล้ว เอากุญแจใส่รู แล้วขึ้นคร่อมเรียบร้อย เสียก็แต่ยังไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค เพราะยังคุยโทรศัพท์ติดพันอยู่ ....แต่เงียบนานขนาดนี้ สายหลุดป่าววะ? “โหลๆ พี่ต้า”
“ก...” มีเสียงตอบจากสวรรค์แล้วครับ “ก็ไม่กล้าชวนนี่หว่า”
พี่ชายของผมล่ะครับ ขี้อายซะไม่มี ต่างกับน้องชายที่แสนหน้าด้านราวฟ้ากับเหว
ผมหัวเราะใส่โทรศัพท์มือถือ เรียกเสียงสบถด่าซะชุดใหญ่
“ต้อยมีนัดแล้ว พี่ต้าไปชวนคนที่ควรชวนเหอะ...ใช้เวลาทำใจนานหน่อย แต่อย่าให้เกินวันนี้ล่ะ เสียดายค่าบัตร” ว่าแล้วผมก็ตัดบท วางสายก่อนที่ไอ้พี่ต้าจะเวิ่นต่อ แล้วก็ใส่หมวกกันน็อค บิดมอ’ไซค์ออกจากมอ.ไป
...แต่ทางที่ไปมันไม่ใช่หอที่ผมอยู่หรอกครับ...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โฮ่งๆๆ!!!
เสียงหมาคุ้นหูเห่ากราดตั้งแต่ที่ผมดับเครื่องยนต์ ไอ้เป้ง...หมาตัวจ้อยมันคงจำเสียงรถผมได้ เลยออกมาต้อนรับซะอบอุ่น...ถ้าคราวนี้มึงงับตูดกูอีกนะ...จะไปหาหมาเกย์มาตุ๋ยให้...
ผมมองมันอย่างเคียดแค้น พลางยกมือไหว้คุณแม่
“อ้าว! ต้อย วันนี้ว่างเหรอลูก กินอะไรมารึยัง มาๆ แม่ทำข้าวคลุกกะปิไว้ให้” คุณแม่สั่งให้คนใช้ลากไอ้เป้งไปมัดไว้กับเสา เรียกสายตาขวางๆของมันได้ดีชะงัด...สะใจว่ะ
ด้วยความที่ผมเข้าตามตรอกออกตามประตูมานาน(โดยที่คุณแม่ไม่รู้เลยว่าบางทีผมก็แอบเข้าประตูหลังบ้าง) ใช้เวลาไม่นานก็มานั่งซดแกงตุ๋นไก่กับข้าวคลุกกะปิเป็นเพื่อนคุณแม่เป็นที่เรียบร้อย
กินจนหมดเกลี้ยง ซดน้ำเย็นชื่นใจอีกแก้วใหญ่ ค่อยเงยหน้าขึ้นถามคุณแม่ “พี่ธียังไม่กลับเหรอครับ”
คุณแม่ยกมือปิดปาก “ตายแล้ว แม่นึกว่าต้อยรู้อยู่แล้วซะอีก...วันนี้ตาธีไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ ก็เลยหยุดงาน...นึกว่าตาธีโทรไปบอกให้มาเยี่ยมซะอีก”
อ้าว....เป็นงั้นไป...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากกินข้าว นั่งดูข่าวเป็นเพื่อนแม่ เม้าท์กับแม่เสร็จเป็นที่เรียบร้อย (ไม่นานหรอกครับ ก็แค่ยี่สิบนาทีเอง) คุณแม่ก็ขอตัวไปซื้อของที่ห้าง ทิ้งผมไว้กับพี่คนรับใช้หนึ่งคน หมาตาขวางหนึ่งตัว แล้วก็คนป่วยๆอีกหนึ่งคน
ผมเดินขึ้นบันได เดินเลี้ยวอย่างคุ้นทาง ไปยังห้องนอนของธีอย่างถือวิสาสะ
...ทำไมถึงมาที่บ้านนี้เหรอครับ...
...ยิ่งเห็นหน้า ก็ยิ่งเจ็บ...ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงด้วยซ้ำ...
...แต่พอรู้ว่าหลังจากพรุ่งนี้ไปแล้ว...สถานะของธีกับพี่ต้าจะเปลี่ยนไป...มันก็อดทำให้ผมบึ่งมาหาคนใจร้ายคนนี้ไม่ได้...
บิดลูกบิดอย่างเบามือ เปิดเข้ายังห้องที่ปิดไฟซะมืดตื๋อ แต่เปิดแอร์เย็นเฉียบ กำลังจะอ้าปากด่าไอ้เจ้าของห้องอยู่ ว่าไม่สบายอะไรของมันเปิดแอร์เย็นขนาดนี้วะ แต่พอเห็นเงาร่างที่ตะคุ่มอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ก็อดหุบปากสนิท เดินย่องลงปลายเท้าเข้าไปหาไม่ได้
แสงไฟจากหน้าต่าง ส่งแสงสลัวจากฟ้าที่ไกล้จะมืดเต็มทีเข้ามา...ให้เห็นใบหน้าที่แสนจะคิดถึงเหลือเกิน
...ธี...
ผมนั่งยองๆอยู่ข้างเตียง เอาแขนวางบนหัวเข่า แล้วเกยคางมองใบหน้ายามหลับสนิทของมัน
สองเดือนที่ผ่านมา...ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด...
ขนตายังยาวสวยเหมือนเดิม จมูกโด่งแบบลูกครึ่ง กับริมฝีปากบางที่ชอบเม้มเวลาคิดอะไรอยู่ในใจนั่นอีกล่ะ....
อดจะยกนิ้วขึ้นปัดปอยผมที่ตกลงมาเคลียหน้าผากไม่ได้
กว่าจะรู้ตัว ริมฝีปากก็สัมผัสกับหน้าผากของมันดัง ‘จุ๊บ’ ซะแล้ว...เอาน่า...เลยตามเลยละกัน แค่นี้ไม่สึกหรอ...จวบจนจุ๊บลงไปบนเปลือกตาเป็นครั้งที่สาม ขนตาหนาๆนั่นก็กระพริบ ก่อนที่ดวงตาสีเขียวข้างในจะฉายแสงหม่นๆออกมา
ท่าทางธีจะยังตื่นไม่เต็มที่ มันถึงได้ยิ้มหวานซะขนาดนี้
“ต้อย...”
ผมคลอเคลียปลายจมูกเข้ากับปลายจมูกมันเบาๆ แล้วก็เอาฟันงับริมฝีปากมันเล่นอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
...รู้ตัวรึเปล่า...ว่าทำอะไรอยู่...
...ธีคงยังไม่รู้ตัวหรอกครับ...แต่ผมนี่สิ...มีสติเต็มร้อย...
...ไม่ได้อยากเป็นคนเลวเลย...ให้ตายสิ!...
“ธี...” ผมกระซิบชื่อของมันเข้ากับใบหูที่ตะแคงอยู่ เลียลิ้นแหย่เย้าเล็กน้อย...นี่น่ะ จุดอ่อนของธีเชียวล่ะ อย่าบอกใครนะครับ มันร้องอือๆพลางพยายามหันหน้าหนี ติดอยู่แค่มือผมที่จับคางมันเอาไว้นี่แหละครับ
“...ต้อย” ไอ้คนขี้เซาคงเริ่มรู้สึกว่าทะแม่งๆแล้ว เสียงที่เรียกชื่อผมถึงได้เปลี่ยนไป หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียง “เฮ้ย!!!” ดังกรอกซะจนผมหูอื้อเลยครับ อูยย
ผมล้มจ้ำเบ้า เอามือปิดหูที่ปวดจี๊ด หลังจากนั้นก็เปลี่ยนท่าเป็นนั่งพับเพียบ เงยหน้ามองคนที่ยืนจังก้าอยู่อย่างตัดพ้อ
ไอ้ธีดูจะไม่สนใจอารมณ์กระแดะของผม ถึงได้คว้าหมอนข้างฟาดผมซะป้าบใหญ่
“เล่นบ้าไรวะ!” ขี้อายจริงๆ ว่าที่แฟนพี่ผม
“เปล่าซะหน่อย! แม่ว่าธีไม่สบาย เราเลยขึ้นมาเยี่ยม ใครจะรู้ว่าอยู่ๆจะโดนฟาดใส่แบบนี้” ผมว่า ทำท่าราวกับลูกสะใภ้ที่โดนแม่ผัวกลั่นแกล้ง
“แล้วที่ทำเมื่อกี้...” ยังครับ มันยังไม่หยุด มันยังคงตะโกนอยู่
ผมเลยเงยหน้าสบตามัน ด้วยสายตาใสซื่อบริสุทธิ์สุดๆ “ทำอะไร?”
“ก็...ที่ทำเมื่อกี้” เสียงมันเริ่มอ่อนลง คงจะเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะครับ ว่ามันเรื่องจริงหรือฝันไป อิอิ
“เรายังไม่ทันได้ทำอะไรซะหน่อย กำลังจะปลุก ก็โดนฟาดแบนติดพื้นแล้วเนี่ย ไม่รู้ฝันถึงอะไรเนาะ...ฝันว่าเราทำอะไรธีอยู่ล่ะ” หึๆๆ เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับไอ้ต้อย ศิษย์นาธาน
ธีหน้าแดงแจ๊ด ไม่พูดอะไร แล้วก็รีบๆก้าวเดินไปเปิดไฟปิดแอร์
ผมเดินตามมันไป เอาหลังมือแตะหน้าผากมันเบาๆ รับรู้ถึงอาการเกร็งยามที่ผมโดนตัวมัน...ทำไมตอนหลับกับตอนตื่นมันต่างกันขนาดนี้วะ
“ไม่ร้อนแล้วนี่นา” ดีแล้วครับ เห็นมันป่วยแล้วผมทรมานแทน
มันเอามือแตะหน้าผากตัวเองเทสต์ๆ “เออ จริงด้วย นอนทั้งวัน คงดีขึ้นแล้วล่ะ”
“หิวรึเปล่า แม่ทำข้าวไว้ให้ข้างล่าง ถ้าหิวจะได้...” ยังพูดไม่ทันจบ ธีก็ร้องขึ้นมาก่อน
“ทุ่มนึงแล้วเหรอเนี่ย!!” ท่าจะหลับสนิทจริงครับ ลืมวันลืมคืนอย่างนี้...ว่าแต่ทุ่มนึงมันมีอะไรหว่า...
ผมมองหน้ามันเชิงถาม พอมันนึกได้ว่าผมยังอยู่ ก็ทำท่ากระอักกระอ่วน ก็เลยพอจะเดาได้...จะเรื่องอะไรอีกล่ะครับ...ไอ้พี่ผมกับแฟนพี่ผมเนี่ย มันหน้าบางปากหนักพอๆกันแหละ แล้วเมื่อไหร่จะก้าวหน้าล่ะเนี่ย
“จะโทรชวนพี่ต้าไปเที่ยวพรุ่งนี้ใช่เปล่า” ถามทำไมวะกู ถามให้ตัวเองเสียดใจเล่นทำไมก็ไม่รู้
ธีก้มหน้า แต่กิริยากัดปากอย่างนี้ก็แปลว่ามันไม่ปฏิเสธล่ะครับ
“ก็โทรไปดิ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ไอ้ธีเงยหน้าขึ้นมอง พอเราสบตากันก็รีบเบนสายตาหลบ “รีบโทรไปดิ เดี๋ยวพี่ต้ามันก็ไปนัดคนอื่นก่อนหรอก” ผมเลยรีบกระตุ้นอีกดอก พลางยื่นมือถือที่วางบนหัวเตียงให้มัน
ธีมองมือถือนิ่ง เม้มปากกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ “จะคุยไงดีล่ะ”
“ก็พูดไปตรงๆดิ เพื่อนกูรักมึงว่ะ แล้วก็ชวนไปเดทซะ” อันนี้ยุเล่นนะครับ ไม่สนับสนุนให้ใครทำกิริยากากเยี่ยงนี้
ธีเอามือถือเรือนหมื่นโบกหัวผมอย่างเอ็นดู แล้วก็เม้มปากคิดหนักต่อ จนสักพักถึงคิดได้ มันเงยหน้ามองผมตาขวาง “แล้วจะรอฟังทำไมฟะ นี่มันเรื่องส่วนตัวมั้ย?” บ๊ะ!...ให้คิดเรื่องพี่ต้า...ไม่ได้ให้คิดเรื่องกู(แอบฟัง)
ผมยิ้มยิงฟัน “ถ้าไม่ยืนฟัง เดี๋ยวธีก็ไม่ยอมโทรไปน่ะดิ แล้วที่เราให้โอกาสธีไปมันก็เสียเปล่าหมด”
มันนิ่ง
“เอางี้ ในฐานะที่รู้จักไอ้พี่ต้าดี ท่านต้อยคนนี้จะให้คำแนะนำดีๆอย่างนึง” ผมกอดอก ตั้งท่าเป็นกุนซือ มั่นซะจนไอ้ธีเงยหน้ามอง “พี่ต้าน่ะนะ มันพวกความรู้สึกช้า ไม่บอกไปจนตายมันก็ไม่มีวันรู้”
“แล้วไง” ธีขมวดคิ้วมุ่น...เฮ้อ...ไม่ไหวครับ หัวช้าพอกัน
“ได้ข่าวว่ามีคนรอต่อคิวมันวันวาเลนไทน์เพียบ ขืนไม่บอกมีหวังชวดนะ”
“แต่จะบอกได้ไง ไอ้ต้ามันเคยบอกว่าเกลียดเกย์” อ้าว...มันรู้ขนาดนี้แล้วจะหวังทำเพื่อ? กลับมาหากรูเห๊อะ! กรูไม่รังเกียจเกย์...
“ธีนี่ไม่รู้จักพี่ต้าหรือไง มันปากกับใจไม่ตรงกันขนาดไหนน่าจะรู้ดีนี่นา” พยายามครับ ฮึบ! เชียร์มันเข้าไป
ดูท่าธีจะเริ่มคล้อยตาม มันพยักหน้าหงึกหงัก มองมือถือที่กำแน่นในมือ หลังจากนั้นก็มองผมเชิงไล่ “ลงไปรอข้างล่างก่อน เดี๋ยวคุยเสร็จจะลงไปกินข้าวด้วย”
ผมยกมือ ทำท่ายอมแพ้ แล้วก็ยอมถอยทัพออกจากห้องไปอย่างละมุนละม่อม
เดินลงบันไดมาจนถึงชั้นล่าง ลืมบอกมันไปเลยว่ากินข้าวไปแล้ว...ผมก็เลยบอกพี่คนใช้ให้ตั้งโต๊ะรอให้แทน ส่วนตัวเองก็...ส่งแมสเซจลามันคร่าวๆ แล้วขี่มอ’ไซค์กลับหอไป
ช็อคโกแล็ตราคาถูกในกระเป๋ายังอยู่ที่เดิม...ผมล้วงมันออกมา แกะห่อออกแล้วก็กินเองซะเลย...แหวะ...หวานเป็นบ้า ชอบลงไปได้ไงวะ! ไอ้ผู้ชายคนนี้...
โชคดีนะ ที่ผมมีนัดไปค่ายกับน้องฝนแล้ว จะได้ไม่ต้องมาอยู่รอดูข่าวแถวๆนี้ ระหว่างนี้ช่วงห้าวันคงเพียงพอสำหรับการทำใจล่ะนะ...ก็ทำใจมาตั้งหลายเดือนแล้วนี่นา...
ทำไมผมถึงยุยงให้สองคนนี้รีบโทรหากันน่ะเหรอครับ? ผมไม่ได้เป็นคนดีขนาดเป็นพ่อสื่อให้พี่ชายกับคนที่ผมรักหรอก
แต่เพราะผมเกลียดการรอคอยน่ะสิ...ผมเกลียดการรอคอยที่ไม่รู้ว่าจะสมหวังรึเปล่า...มันทรมานจนแทบบ้า
...พรุ่งนี้....ความสัมพันธ์ของพี่ต้ากับธี...จะต้องได้บทสรุป...ผมไม่อยากจะรออีกต่อไปแล้ว...
ส่วนหนึ่งของใจ หวังให้สองคนนั้นลงเอยกันด้วยดี...แต่ส่วนลึกๆอีกส่วนหนี่ง ก็หวังว่าอะไรๆมันคงจะไม่ออกมาสวยงามอย่างที่ธีหรือพี่ต้าวาดหวังไว้
...ถึงจะรู้ว่าผิด...แต่มันก็อดหวังไม่ได้จริงๆ...
...
...
แค่คิด...คงไม่ได้เลวเกินไปหรอกนะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC
อันนี้เป็นเวอร์ชั่นรีไรท์ใหม่ค่ะ เพราะทำใจให้น้องต้อยเป็นผู้ร้ายไม่ได้
@คุณ New yearzz - ลุงธีน่ะ อีกไม่นานหรอกค่ะ มีบทโผล่มาฮาแน่นอน
ขอบคุณทุกคนสำหรับคอมเม้นท์นะคะ