A 101
“ไอ้โจอยู่กับพลอยเหรอวะ” ผมถามกลับด้วยความแปลกใจ
“ก็น่าจะอย่างนั้นนะ เพราะไอ้ป๊อปมันก็เคยเห็นพลอยแค่ในรูปอะ ใช่ปะล่ะ”
“แล้วมันได้บอกรึเปล่าว่ามันเจอไอ้โจได้ยังไงและมันอยู่กะใครอะ กูหมายถึง ตัวไอ้ป๊อปเองอะ มันได้บอกมั๊ยว่ามันอยู่กับใคร”
“เหอะ มันไม่ได้บอกว่ะว่ามันอยู่กับใครว่ะ แต่มันบอกว่ามันเจอไอ้โจแถวๆหน้าห้องน้ำก่อนรอบนึงตอนสักสิบห้านาทีที่แล้วได้มั๊ง แล้วเมื่อกี๊มันก็เจอเพิ่งไอ้โจเข้าอีกครั้งอะ แต่คราวนี้เห็นว่ากำลังเดินอยู่กับเพื่อนมึงอะนะ มันก็เล่าให้กูฟังแค่นี้แหละ ทำไมเหรอวะ”
“เอาจริงๆนะ ไอ้ยุ คือ.......” ผมอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง “คือเมื่อกี๊ไอ้โจก็เพิ่งโทรมาหากูเนี่ยอะว่ะ มันบอกว่ามันเห็นไอ้ป๊อปเดินอยู่กับผู้หญิงคนนึงเหมือนกัน”
วายุนิ่วหน้าทันที “เอาแล้วไงมึง.......” เขาพูดเสียงต่ำ “แล้วมันเล่าอย่างอื่นให้ฟังอีกรึเปล่า”
“ไม่อะ มันพูดแค่นั้นแล้วมันก็วางสายไปเลย”
“แล้วไหนไอ้ป๊อปมันบอกมันไปกับเพื่อนมันไงวะ” เขานิ่วหน้าเครียด..... หรือถ้าพูดให้ถูกคงเป็น นิ่วหน้าด้วยอย่างคนรู้สึกไม่สบอารมณ์มากกว่า
“เพื่อนมันก็เป็นผู้หญิงได้นี่หว่า”
“มึงลืมไปป่าว ไอ้นนท์ เรื่องผู้หญิงคนนั้นที่ไอ้ป๊อปมันคุยๆอยู่ที่ชื่อแอร์อะ”
เราสองคนเงียบกันไปครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะพูดขึ้น “เอางี้ดิ มึงก็ลองโทรกลับไปหามันดูดิวะ แล้วถามไปเลยว่ามันอยู่กะใคร ตอนแรกๆมึงก็ทำเป็นถามเรื่องไอ้โจดูก่อนก็ได้”
“จะดีเหรอวะ ไอ้นนท์ กูชักไม่ค่อยอยากจะรู้อะไรมากกว่านี้แล้วว่ะ กูกลัวไอ้ตี๋มันจะเสียใจหนักกว่านี้อีกอะดิ”
“เราก็อย่าเพิ่งให้ไอ้คี๋กับคนอื่นๆรู้ดิ และกูถามจริง ไอ้ยุ ถ้ามึงไม่รู้ความจริงให้ชัด นิสัยมึงอะ มึงจะสบายใจกว่าเหรอวะ”
เขาส่ายหน้า “ไม่ว่ะ........ เออๆ กูโทรกลับหามันดูก็ได้วะ”
“มึงไปคุยในห้องไป เดี๋ยวกูออกไปหาพวกมันก่อนเอง”
เขาพยักหน้ารับและเดินเข้าไปในห้องนอนของคริสก่อนจะปิดประตูตามหลังลง ส่วนผมก็เดินออกจากโถงทางเดินที่พวกเราหลบไปคุยกันอยู่ออกไปยังห้องนั่งเล่น
“มีไรวะ ไอ้นนท์” เจย์ที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาหันมาถามผม
“ป่าว ไม่มีไร ว่าแต่ทำไมมึงมานั่งคนเดียววะ ไม่ไปช่วยพวกนั้นทำเหรอ”
“ไม่อะว่ะ กูทำเหี้ยไรไม่เป็นเลย แถมตัวกูก็ใหญ่ เกะกะพวกมันเปล่าๆ” เขาตอบ
ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา สายตาของผมมองเลยเข้าไปในครัวและมองดูแผ่นหลังของนัทที่กำลังง่วงอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แต่ใจของผมนั้นกลับกำลังคิดถึงสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากวายุเมื่อครู่ ผมไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เรื่องที่ยังไม่เคลียร์ของโจกับพลอยที่ยังคงคาใจผมมาตลอดถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นโจกับพลอยต่างก็พูด “ความจริง” ออกไม่มาตรงกัน เมื่อวันก่อนนี้โจก็เพิ่งเดินไปส่งพลอยที่บ้าน และวันนี้ โจที่บอกว่าตอนแรกตั้งใจจะชวนผมไปดูหนังด้วยกันก็กลับไปเดินอยู่กับพลอย คนที่เขาบอกว่าเป็นแค่แฟนเก่าที่เขาไม่อยากจะยุ่งด้วยอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างมันชวนให้ผมสงสัยจริงๆนะว่าตกลงแล้วเขากำลังคิดอะไรยังไงของเขาอยู่กันแน่
“เฮ้ยย ไอ้นนท์” เจย์เรียกผม “เป็นไรวะมึง จู่ๆก็เหม่อซะเฉยๆ”
“เปล่าๆ กูนั่งคิดไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“ไอ้นนท์” เสียงของวายุดังขึ้นจากอีกทางหนึ่ง เขาเดินออกจากห้องมาเรียบร้อยแล้ว นี่ผมเหม่อไปนานขนาดไหนกันนะเนี่ย “.....กูคุยแล้วนะเว้ย”
“แล้วเป็นไงวะ”
เขาเดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่กับเจย์ “ก็อย่างที่กูคิดนั่นแหละว่ะ”
“อะไรของพวกมึงวะ” เจย์ถาม
“เดี๋ยวก่อน ไอ้เจย์ เอาไว้ทำกับข้าวเสร็จ แดกข้าวเสร็จ แล้วกูจะเล่าให้ฟัง” วายุตอบ “ว่าแต่มึงเหอะ ตกลงจะนอนกะพวกกูรึเปล่า เอาให้แน่ๆ”
“ก็แล้วมึงให้กูนอนปะล่ะ และที่สำคัญ พวกมึงนอนที่ไหนกันวะ”
“ที่ไหนก็ได้อะว่ะ แต่เย็นนี้พวกกูจะออกไปกินข้าวกับปู่ ย่า แล้วก็พี่ชายไอ้คริสมันอะ มึงก็ไปด้วยกันดิ”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวกูจะได้บอกไอ้แม็ทมันว่าให้มารับไอ้พวกนี้กลับไปส่งด้วย แต่กูจะนอนนี่”
ผมล่ะชื่นชมความสามารถในการเปลี่ยนเรื่องคุยของวายุจริงๆ นี่ขนาดตอนแรกเจย์ตั้งท่าสงสัยและดูเหมือนอยากจะถามเรื่องที่ผมกับวายุคุยกันเมื่อกี๊เต็มที่เลยนะเนี่ย แต่สุดท้ายเขาก็สามารถหันเหความสนใจของเจย์ไปเป็นเรื่องอื่นได้จนได้
“แล้วไอ้เคนล่ะ”
“มันบอกมันไม่นอนไม่ใช่เหรอวะ”
“ไรวะ มึงก็นอนๆกันให้หมดนั่นแหละ เดี๋ยวกูลากมันให้นอนด้วยเอง อยู่กันหลายๆคน สนุกดีออก สาดดดด”
“เอาเว้ย มึงเจ้าบ้านนี่หว่า มึงก็ลองถามมันดูแล้วกัน และไอ้นัทกะไอ้ตี๋ล่ะ” เจย์ถาม
“กูก็อยากให้ไอ้ตี๋นอนนะเว้ย สงสารมันอะว่ะ แถมยิ่ง......”
“ยิ่งอะไรวะ” เจย์สงสัย
“เปล่า ไม่มีไร กูก็แค่คิดถึงว่ายิ่งไม่อยากให้มันอยู่คนเดียวมากๆอะดิวะ” วายุเลี่ยงตอบได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็หันมาหาผม “แล้วมึงอะ ไอ้นนท์ จะนอนด้วยกันป่าว”
“เฮ้ยย ไม่ได้หรอก กูไม่ได้ขอแม่อะ” ผมตอบ แต่ในใจผมก็แอบรู้สึกสนใจอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อครั้งที่เรามานอนบ้านของวายุด้วยกันตอนนั้นมันก็สนุกมากจริงๆ “และอีกอย่าง กูมีไอ้โจอยู่บ้านอีกอะ กูจะทิ้งมันให้อยู่บ้านแต่ตัวกูไม่อยู่ได้ไงวะ”
“ภาระชิบหายเลย ไอ้ห่านั่น” เจย์ถอนหายใจเบาๆ
“และนัทก็คงไม่ได้นอนเหมือนกันใช่ปะล่ะ เพราะงั้น.......”
“ถุ๊ยยยยยยย!!” วายุยกขาขึ้นถีบผม
“สาดดดด ไอ้ควายยยยยยย!! หมั่นไว้จริงเว้ย!!” เจย์ผลักหัวผมเบาๆจนผมแทบจะตกจากโซฟา
“ไม่ใช่เว้ยยยย กูหมายถึงว่า ถ้าพวกมึงนอนกันหมด นัทก็จะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้นอนด้วยอะดิ กูก็เลยจะไม่นอนเป็นเพื่อนไง นัทจะได้ไม่เหงาอะ”
“ไม่ได้ฟังให้น่าชวนอ้วกน้อยลงเล้ยยย สาดดดดดด” วายุส่ายหัวเบาๆพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินออกไป
“เฮ้ย แล้วมึงไปไหนวะน่ะ” เจย์ถาม
“ก็ช่วยพวกมันทำกับข้าวต่อน่ะสิวะ มึงนั่งรอไปเหอะ ไอ้หมีควาย แต่มึงอะ มาช่วยพวกกูเลย ไอ้นนท์ จะได้เสร็จไวๆ ช่วยเหี้ยไรไม่ได้ก็ไปยืนให้กำลังใจแฟนมึงก็ยังดี เร็ว”
หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ พิซซ่าที่พวกเราโทรสั่งไปก็มาถึงพร้อมๆกับอาหารที่นัทเป็นหัวแรงทำเสร็จ เราสั่งพิซซ่าถาดใหญ่ไปหนึ่งถาด ไก่สิบสองชิ้น ขนมปังกระเทียม เป๊ปซี่อีกหนึ่งขวด ส่วนอาหารที่นัททำเพิ่มก็มีผัดสปาเก็ตตี้จานใหญ่ สลัดผัก แล้วก็ซุปหัวหอมอีกหนึ่งหม้อ พวกเราทุกคนจึงอิ่มอร่อยกับอาหารมื้อนี้กันอย่างสุดๆ รวมทั้งอารมณ์ของคริสกับตี๋เล็กที่ก็ดูเหมือนจะเริ่มดีขึ้นนิดหน่อยแล้วด้วยเหมือนกัน
แต่น่าเสียดายที่เวลาแห่งความสุขนั้นมักจะอยู่ได้ไม่ยาวนานจริงๆ.......
“ตกลงว่ามึงมีอะไรจะพูด ไอ้ยุ แดกกันจนเสร็จและ มึงบอกกูมาได้แล้วเว้ย” เจย์เริ่มเปิดประเด็นขึ้น
วายุหันขวับมามองหน้าผมทันที
“มีเรื่องอะไรวะ ไอ้ยุ” นัทถาม “แล้วนี่นนท์ก็รู้อยู่แล้วด้วยเหรอ”
“คือว่า.......” วายุสูดลมหายใจลึกๆก่อนครั้งหนึ่ง “จะยังไม่เล่าก็คงไม่ได้อยู่ดีสินะ เพราะถึงไงพวกเราก็ไม่เคยมีเรื่องปิดบังอะไรกันอยู่แล้วนี่หว่า”
ทุกคนนั่งเงียบรอฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดกันอย่างตั้งใจ
“คือเมื่อกี๊ตอนกำลังจะเริ่มทำสปาเก็ตตี้อะ กูกับไอ้นนท์ได้รับโทรศัพท์กันทั้งคู่ พวกมึงก็เห็นใช่ปะล่ะ เอาแบบสรุปๆเลยนะ เรื่องของเรื่องก็คือว่า ไอ้โจมันโทรมาบอกไอ้นนท์ว่ามันเห็นไอ้ป๊อปเดินอยู่กับผู้หญิงคนนึง แล้วกูก็เลยโทรไปเช็คกับมันดู ก็ปรากฎว่ามันเดินอยู่กับคนๆนั้นจริงๆ”
“แล้วไอ้คนๆนั้นนี่มึงหมายถึง.......”
“ใช่ ไอ้เคน กูหมายถึงแอร์นั่นแหละ”
พวกเราเงียบกันลงไปอีกครู่หนึ่ง และสายตาของพวกเราทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่ตี๋เล็กที่กำลังนั่งก้มหน้ามองจานเปล่าที่วางอยู่ตรงหน้าอยู่
“แล้วนี่มันบอกมึงเลยเหรอวะว่ามันไปกับแอร์อะ” เจย์ถามขึ้น
“ก็ประมาณนั้นอะว่ะ แต่กูรับปากมันไปว่ากูจะไม่บอกพวกมึงนะ มันถึงได้ยอมรับออกมาได้น่ะ เพราะงั้นพวกมึงรู้ใช่มั๊ยว่าต้องทำและต้องไม่ทำอะไรบ้างน่ะ”
“นี่ตกลงมันเป็นแฟนกันแล้วจริงๆป่าววะเนี่ย” เคนตั้งคำถาม
“ใครจะรู้วะ แต่กูว่ามันก็คงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้เป็นแบบนั้นล่ะมั๊ง”
“เฮ้ย ไอ้เจย์........” นัทปราม
“เฮ้ยยๆ ไอ้ตี๋ ขอโทษทีเว้ย กูไม่ได้ตั้งใจจะ..... คืออ......”
“ไม่เป็นไร ไอ้เจย์ กูไม่ได้คิดไรแล้วว่ะ.......” ตี๋เล็กตอบเสียงอ่อยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าพวกเราทุกคน “กูขอบใจพวกมึงจริงๆนะเว้ย กูพูดจริงๆ เพราะงั้นวันนี้กูก็ขอบอกพวกมึงเอาไว้อย่างนึงเลยก็แล้วกัน......” เขาเว้นช่วงเล็กน้อย “มันก็จริงที่กูยังทำใจไม่ได้หรอก กูเจ็บปวดว่ะ บอกตรงๆ ยิ่งพอรู้ว่ามันกำลังพยายามที่จะตีตัวออกห่างจากกูด้วยการไปมีแฟนแบบนั้น กูก็ยิ่งเจ็บ กูจะไม่โกหกพวกมึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ วันนี้ กูรู้แล้วว่าพวกมึงเป็นห่วงกูมากแค่ไหน กูเห็นพวกมึงพยายามทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อกู กูก็ดีใจมากจริงๆนะเว้ยที่มีพวกมึงเป็นเพื่อนอะ พวกมึงไม่เคยทิ้งกูเลย เพราะงั้น กูสัญญากับพวกมึงเว้ย ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กูจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้พวกมึงต้องเป็นห่วงหรือไม่สบายใจเรื่องของกูอีก กูจะพยายาม...... กูจะพยายามลืมเรื่องของมัน แล้วเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมๆกับพวกมึง........” เขาจบประโยคด้วยเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาที่เริ่มคลออยู่ที่ขอบตา
“ไอ้ตี๋เว้ยยยยย มึงอย่าคิดมากขนาดนั้นดิวะะะะะ” เจย์ที่นั่งอยู่ข้างๆตี๋เล็กดึงตัวเพื่อนของเขาเข้ามาโอบ “พวกกูไม่สบายใจเรื่องของมึงก็จริง แต่พวกกูก็พร้อมจะรอจนกว่ามึงจะพร้อมนะเว้ย พวกกูไม่มีใครเดินนำหน้ามึงไปแล้วทิ้งมึงไว้ข้างหลังหรอกน่า”
“แต่กูก็ดีใจนะเว้ย ไอ้ตี๋ ที่มึงคิดได้แบบนั้นอะ” นัทพูด
“แล้วมึงล่ะ ไอ้คริส” วายุหันไปถามคริสที่นั่งอยู่ข้างๆ
“กูก็เหมือนกัน........” คริสตอบ “บอกตรงๆว่าเรื่องเมื่อคืนมันเหมือนกูถูกตบหน้าเลยว่ะ กูรู้สึกเหมือนกูโดนความจริงหรืออะไรบางอย่างตบหน้ากูอย่างแรงจนกูชาไปหมด กูยังคงเสียใจอยู่นะเว้ย แต่กูก็แทบไม่รู้สึกถึงความรู้สึกแบบนั้นแล้วอะ จนวันนี้ที่กูได้เจอหน้าพวกมึง และอยู่กับพวกมึงนี่แหละ กูถึงได้รู้ว่าคนที่ยอมรับกูได้ และไม่เคยทิ้งกูไปไหน ก็ยังคงอยู่กับกูตลอดเวลา”
“เฮ้ยๆ มึงจะร้องไห้อีกคนมั๊ยวะเนี่ย ไอ้คริส”
คริสสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ว่ะ เคน กูไม่อยากร้องแล้ว กูร้องไห้เมื่อคืนไปจนหมดแล้ว กูเองก็ไม่อยากทำให้พวกมึงไม่สบายใจเหมือนที่ไอ้ตี๋พูดเหมือนกันนั่นแหละ”
“มันต้องแบบนี้สิวะ เพื่อนกู” วายุยิ้มกว้างพร้อมกับโอบไหล่ของคริส จากนั้นเขาก็หันมามองพวกเราทุกคน “ในชีวิตกูอะ มีเรื่องที่กูไม่เคยนึกเสียใจหรือรู้สึกผิดหวังกับมันเลยอยู่สองเรื่องนะเว้ย เรื่องแรกก็คือเรื่องครอบครัวของกู ก็เรื่องพ่อเล็กกับปะป๊านั่นแหละ ส่วนอีกเรื่อง ก็คือการที่กูโชคดีได้เจอกับพวกมึงและมีพวกมึงทุกคนเป็นเพื่อนนี่แหละ”
“มึงพูดแบบนั้นไม่ถูกนะเว้ย ไอ้นัท” เจย์แย้ง “มึงต้องพูดว่า ‘พวกเรา’ ต่างหาก ถึงจะถูก” เขาหยิบแก้วเป๊ปซี่ของเขาชูขึ้นกลางวง “จริงมั๊ยวะ”
เคนเป็นคนที่สองที่หยิบแก้วของตัวเองขึ้น และจากนั้นพวกเราทุกคนก็ทำเหมือนๆกัน
“เป๊ปซี่แก้วนี้ เพื่อคำว่า ‘เพื่อน’ ของพวกเราไม่ว่าจะจากนี้และตลอดไปเว้ย” เมื่อสิ้นเสียงของเจย์ เสียงแก้วหลายใบที่กระทบกันก็ดังไปทั่วทั้งห้อง
“แหมเว้ย วันนี้แม่งซึ้งสาดดดดดดดดด” วายุหัวเราะ “ไหนๆก็บรรยากาศดีแบบนี้แล้ว สรุปว่าวันนี้พวกมึงนอนบ้านกูกันนะเว้ย โอเค๊”
“โอเคๆ นอนก็ด้ะวะ” เคนยักไหล่
“แล้วมึงล่ะ ไอ้ตี๋ ไอ้นัท”
ตี๋เล็กทำท่าคิดครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มและพยักหน้าออกมาเบาๆ “แต่กูต้องโทรบอกแม่กูก่อนนะเว้ย”
“แล้วมึงล่ะไอ้นัท”
นัทสบตาผมแล้วยิ้ม “ถ้านนท์ขอแม่ได้ กูก็นอนเหมือนกัน”
คราวนี้ทุกคนก็หันมามองผมเป็นตาเดียวกันทันที เอาล่ะสิ.......
“เฮ้ยยย อย่ามองกูแบบนั้นดิวะ” ผมออกตัว “แบบนี้ถึงแม่กูไม่ให้ กูก็จะนอนให้ได้ล่ะวะ สาดดดดด”
พอผมพูดจบ ทุกคนก็เฮออกมาเสียงดังทันที ดูท่าทางคืนนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งคืนที่ดีและน่าจดจำสำหรับพวกเราไปอีกนานเช่นกัน ผมชักเริ่มรู้สึกตื่นเต้นซะแล้วสิ