มาต่อให้ละนะจ๊ะ
พอดีเนทบ้านไอ้วิทมันต่อได้เลยลองโพสดู จะติดมั้ยวะ...
มีสองตอนนะ ตอนพิเศษกะตอน31
เพื่อนสนิท...รึป่าวแวะ
ตอนพิเศษ แอ่วเจียงฮาย
ปิดเทอมนี้พวกผมก็ได้ไปค่ายอาสาและพัฒนาที่จังหวัดเชียงรายครับ กลับบ้านเก่าไอ้วิทมัน รวดไปเที่ยวด้วยเลย ที่ไปก็มีผม
ไอ้พา ไอ้วิท(แน่นอนก็กลับบ้านมัน)ไอ้อู้ด ไอ้ไม้ ไอ้เคน ไอ้อ้น ไอ้ดิว ประมาณนี้
เราไปอาสาพัฒนาโรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลวาวี ชื่อมันเหมือนกับร้านกาแฟเลยแฮะไม่รู้จะอันเดียวกันรึเปล่า
ก็ไปถึงไปสร้างโรงเรียนเพิ่มเติมให้เขา แล้วก็ค้างอยู่ที่โน่นประมาณสี่วัน นอนกันในเตนท์นั่นแหละครับ
เอาเตนท์ไปสามเตนท์ ผมนอนกับไอ้พาและก็วิท ที่เหลือมันก็จัดสรรค์เอง(รู้สึกเหมือนเตนท์ที่ไอ้อู้ดอยู่จะอยู่ได้แค่สองคน เหอะๆ)
อาจารย์ใหญ่ที่โน่นเขาก็ดีครับ ดูเป็นคนใจดี เด็กๆเป็นเด็กชาวเขาส่วนใหญ่ พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องอะครับ มีไอ้วิทนั่นแหละรู้สึกจะได้เรื่อง
ได้ราวสุดละ รองลงมาก็ผมเพราะพูดเมืองได้บ้าง จนไอ้คนอื่นมันแซวผมสองคนว่า
"มึงเป็นแม้วรึเปล่าวะ 555"
แม้วเหรอ ไอ้ผมอาจจะใช่(หน้าให้อยู่) แต่ไอ้วิทนี่แม้วเกาหลีรึเปล่า ดูหน้ามันก่อน เหอๆ
แต่เหมือนมันจะชอบนะ ที่โดนว่าเป็นแม้วเนี่ย แม่งหัวเราะชอบใจซะงั้น
ผม ไอ้พา ไอ้อู้ด ไอ้เคนไปช่วยเขาสร้างห้องน้ำกับอาคารเรียน ส่วนไอ้วิท อ้น ไม้ละก็ดิวอยู่เล่นกะเด็กและทำอาหาร
ยกกระสอบปูนไปกลับเนี่ยมันเล่นเอาผมแทบหลังหัก ทำงานได้ไม่นานก็โดนไอ้ที่เหลือไล่ให้ไปเปลี่ยนตัวกับไอ้ไม้มัน
"แม่งไอ้ไม้โคดจะถึก เสือกให้มันไปทำอาหารซะงั้น บ้าป่าววะ มึงไปเลยไอ้ขี้โรคไปปะ"
ไอ้พามันไล่ผม ผมเคืองมันเล็กน้อยแต่ก็ยอมไปโดยดี ก่อนจะตายก่อน
ไปถึงผมก็เรียกไอ้ไม้มันไป มันก็เปลี่ยนเวรกับผม เลยต้องมาทำอาหารแทน
ผมก็พอทำเป็นบ้างนะ ถึงจะไม่เซียนเท่าไอ้ไม้มันก็ตาม และอีกอย่างก็มีแม่ครัวมีอะไรช่วยด้วย
ในครัวทำแกงเขียวหวานไก่ กับกะเพราไก่กัน ผมก็ไปช่วยเขาทำแกงเขียวหวานไก่ ออกมาก็ดูน่ากินดี
ไม่รู้ว่าเพราะหิวแล้วด้วยรึเปล่า เหอๆ
"ไอ้ธัณอยู่ไหน?" เสียงพามันดังขึ้น ผมหันไปดู พอมันเห็นผมมันก็หัวเราะ
"ฮ่าๆ โอ้ยมึง ใส่ผ้ากันเปื้อนโคดเหมาะว่ะ ฮ่าๆ"
"เออ แน่นอน กูมันพ่อบ้านอยู่แล้วนี่ คอยเก็บกวาดบ้านทุกวัน"ผมแขวะมัน เพราะปรกติมันชอบทำห้องรกเป็นประจำ เผื่อจะสำนึกบ้าง
อะไรบ้าง
"ทำไรกินอะ" มันว่าแล้วก็มายืนค้ำหัวซ้อนหลังผม
"ไข่เจียวมั้ง?"ผมถามประชด แม่งเห็นอยู่ว่ากูยืนอยู่หน้าหม้อแกง มึงยังจะถามอีก
"บ้านมึงไข่เจียวหน้าตางี้หรอวะ กูไม่ยักกะรู้"
"กูก็ไม่ยักกะรู้ว่าบ้านมึงมีลูกง้าวง่าวแบบนี้"ผมกัดมัน พลางหัวเราะน้อยๆ
"โหๆ คนยิ่งเหนื่อยๆมากัดเอาๆ มึงนี่นะ"มันว่า แล้วก็เอานิ้วจิ้มเอวผม ผมสะดุ้ง
"ไอ้เชี่ย เดี๋ยวแม่งเอาทัพพีทุบกบาลเลยหนิ" มันหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้านก่อนจะรีบแจ้นออกไป
แม่งมันน่าโมโหชิบ...
แต่แล้วผมก็หันไปเห็นป้าคนนึงที่ทำหน้าตื่นๆ
"อ่อ ไม่มีอะไรครับ แค่เล่นกันเฉยๆ แหะๆ" ป้าแกก็หัวเราะน้อยๆ แล้วก็กลับไปทำครัวต่อ
เห้อ...มึงนะมึง ทำกูเสียเลย กูอุส่าเล่นบทเด็กดี
พออาหารเส็ด ผมกับไอ้ดิวก็ช่วยกันยกไปที่โต๊ะในโรงอาหารของเด็กๆ ไอ้วิทที่นั่งเล่นกับเด็กอยู่กับไอ้อ้นก็พาเด็กๆมานั่งประจำที่ ถึงจะซน
ไม่น้อยแต่เด็กๆก็เข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบ นี่สินะที่เขาว่า แม่งเด็กบนดอยยังมีระเบียบกว่าเด็กในเมืองอีก
แล้วเราก็ช่วยกันตักข้าว จนเด็กได้ครบ ก็โมทนาคุณค่าอาหาร เห็นแล้วนึกถึงสมัยเด็กๆเลย ตอนนั้นนี่จำได้ว่ามีครั้งนึงหิวแทบท้องกิ่วแต่ก็
ยังต้องสวดและนั่งสมาธิก่อนกินข้าว โอยย นึกแล้วสงสารตัวเองจัง
พอเด็กๆกินข้าว เราก็เลยไปนั่งพัก แล้วป้าๆเขาก็ตักส่วนของเรามาให้ที่มุมข้างๆครัว ตรงนี้แดดไม่ส่องเย็นสบาย แถมมองออกไปยังเห็น
ดอยอีกด้วย
สักพักไอ้พวกแรงงานก็กลับมากันสภาพเหงื่อโทรมกายกันหมด
"ไอ้เหี้ย กูแม่งจะตายห่ากลางแดดและกองปูน"ไอ้อู้ดบ่นทันทีที่มันทิ้งก้นหนักๆมันลงบนพื้น แล้วร้องสบถเสียงดัง
"เวร พวกกูก็เหนื่อยเหมือนกันแหละ"
"แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องตากแดดละว้า แม่ง"
"โหย เล่นบอลกะเด็กก็กลางแดดเหมือนกันละว้า แถมยังต้องดูเด็กที่มันทะเลาะกันอีก แม่งเหนื่อยชิบหาย"
"ไอ้วิทกับไอ้อ้นแม่งกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปซะละ" แล้วเราก็หัวเราะกัน
"ไอ้ธัณดิ กลายเป็นแม่ครัวไปแล้วเมื่อกี้ กูเห็นมันใส่ผ้ากันเปื้อน โคดฮา"ไอ้พาพูด แล้วไอ้ตัวที่เหลือก็หัวเราะกันใหญ่ ผมก็หัวเราะแห้งๆไป
แม่งทำไมมึงชอบเทียบกูกะเพศแม่จังวะไอ้แมว...
พอกินข้าวกินอะไรกันเส็ด เราก็แยกย้ายกลับไปทำงานตัวเองกันต่อ ผมก็ไปล้างจาน ล้างครัว กวาดถูห้อง...
แม่งกูนี่กลายเป็นพ่อบ้านไปจริงๆละ
หันไปมองก็เห็นไอ้พวกกรรมกรแบกหามจำเป็นอยู่ข้างนอก ไอ้พามันกะลังแบกถุงปูนสองสามถุง ข้างๆไอ้อู้ดที่แบกอันเดียว
แม่งจะถึกไปไหน แต่ก็สงสารมันเหมือนกันนะ ต้องตากแดดตากลม สงสัยกลับไปงานนี้ดำขึ้นแหงๆ ฮ่าๆๆ
เย็นนั้นเราทำกิจกรรมรอบกองไฟกับเด็กๆ ร้องเพลงเล่นเต้นรำกันไปตามเรื่อง ผมเล่นกีตาร์แล้วก็ร้องเพลงรอบวง เด็กๆก็หัวเราะชอบใจ
แล้วก็ปรบมือเป็นจังหวะ สนุกดี ไอ้อู้ดมันก็เอามาร์ชเมลโล่ถุงใหญ่ๆขึ้นมาด้วย(ไอ้ที่มึงใส่ถุงดำขึ้นมานั่นเอง กูก็นึกว่าอะไรแม่งโคดกินที่)
ให้เด็กๆกินกัน ดูเหมือนจะชอบใจและประหลาดใจไปในเวลาเดียวกัน เพราะไม่เคยกิน เด็กดอยอะนะ(กูก็ไม่เคยกิน)
พอให้เด็กๆเข้านอนกันแล้ว ไอ้วิทกับไอ้อ้นก็ทำหน้าที่กันไป(พี่เลี้ยงเด็ก) พวกผมก็เริ่มกางเตนท์ แล้วก็ทยอยกันไปอาบน้ำ
ไอ้พามันเอากองไม้จากกองไฟใหญ่ที่ดับไปแล้วมาสุมเป็นอันเล็กๆ หน้าเต้นท์ เหมือนพวกแคมป์กลางป่าไรงี้
แล้วก็ตามคาดครับ อีกอย่างที่อยู่ในถุงอันใหญ่ของไอ้อู้ด คือเบียร์สามลังย่อมๆนั่นเอง
แล้วพวกผมก็ก๊งกันตามเรื่อง คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะง่วงนอนแล้วก็เข้าไปนอนหลับกัน
ผมคลานเข้าไปในเต้นท์ตั้งแต่แรกๆละ เพราะคออ่อนกว่าชาวบ้านเขา พอมันเลิกกันก็ทยอยเข้ามา ไอ้วิทเข้ามาก่อนแล้วก็ไปนอนอีกมุม
เหลือที่อีกมุมทางซ้ายมือ(ผมนอนตรงกลาง)เล็กๆให้ไอ้แมวมัน โทษฐานเข้ามาช้า ฮาๆ
แล้วไอ้แมวก็เข้ามาหลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย(ผมเดาว่าอย่างงั้นเพราะได้ยินเสียงอะไรก๊องแก๊งๆข้างนอก)
"โหแม่งที่อย่างกะให้แมวนอน"
อ้าว ก็ถูกแล้วนิ ไอ้แมว
ผมไม่ตอบอะไร แค่นอนหลับตาแล้วยิ้มขำมัน
"แหน่ะมาแกล้งหลับอีก เขยิบหน่อยเดะ"มันว่าแล้วนอนเบียดผม
"นอนดีๆดิวะแม่ง" ไอ้วิทโวยเบาๆ ก่อนจะหันไปหลับต่อ
"จ้าๆ"ผมตอบกวนไป แล้วก็โดนดึงไปใกล้ไอ้พาอย่างรวดเร็ว
"มาทางนี้จะได้ไม่โดนมัน เดี๋ยวมันกัด"ไอ้พากระซิบเบาๆ ผมหัวเราะ
"ไอ้วิทมันเปลี่ยว แฟนมันไม่มาด้วย"ไอ้พานินทาต่อ ระยะเผาขนมากมึง
ไอ้วิทไม่ตอบ แค่กระฟึดกระฟาดแล้วก็หลับ
ไอ้พาก็นอนหลับ มือสองข้างกอดผม ขาข้างนึงก่าย
"กูไม่ใช่หมอนข้างนะเว้ย"
"เออน่า มันหนาว หลับๆไปเหอะแม่ง"
ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเอาหัวซบอกมันแล้วนอนหลับไป
เช้ามาก็ตื่นด้วยเสียงโวยวายของไอ้อู้ดที่มันยังไม่ชินกะภาพผมกะไอ้พา
ปีสี่แล้วนะว้อย คุ้นได้ซักกะทีสิวะแม่ง...
วันที่เหลือก็ทำนองนี้แหละ ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ยกเว้นเรื่องที่ไอ้พามันเกือบตกดอย แค่นั้นเอง ฮ่าๆๆ
เราใช้เวลาสามวันที่เหลือค้างคืนกันที่บ้านไอ้วิทมัน บ้านมันหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กมาก ข้างหน้ามีสวนเล็กๆ ข้างหลังมีสวนผักที่
แม่มันปลูกไว้ บรรยากาศบ้านสวนมันอบอุ่นไม่น้อย แม้จะอยู่บน
ทางเหนืออย่างเชียงรายก็ตาม
แม่ไอ้วิทเป็นคนที่ทำอาหารเก่งมาก อร่อยทุกอย่างเลยทีเดียว โดยเฉพาะไอ้อู้ดที่เหมือนจะหลงใหลอาหารเหนือขึ้นมาทันใด(จริงๆมึงก็
กินทุกอย่างปริมาณเกินพิกัดอยู่แล้วนี่นะ)
และพวกผมก็ได้เห็นความประหลาดอีกอย่างคือ ภาพหนุ่มน้อยหน้าเกาหลีขายข้าวแกงกับอาหารเมืองอยู่ที่ตลาด
ไอ้วิทมันกลับบ้าน เลยมาช่วยแม่มันขายของ ผมเห็นมันทำไปยิ้มไป สงสัยมันคงคิดถึงแม่มันมากแหละ นานๆจะกลับบ้านที ผมแอบอมยิ้ม
นิดๆกับภาพตรงหน้า
"ยิ้มใหญ่เชียวนะพวกแก กูเขิน"ไอ้วิทตะโกนมา
พวกผมเลยหัวเราะกันใหญ่ แม่งก็เห็นแบบนี้มันน่าเอ็นดูนิ
วันที่สองผมไปภูชี้ฟ้ากัน บรรยากาศสุดๆอะ โคดจะสวยเลย แม้จะทำให้ผมหายใจไม่ออกเป็นบางครั้งเพราะอากาศหนาวก็เหอะ... ผม
ยืนขาสั่นเลยทีเดียวแม้จะมีเสื้อหนาวใส่ไว้แล้วก็ตามที
"เอ้า" เสื้อหนาวอีกตัวคลุมที่บ่าผม ผมหันไปก็เจอไอ้หน้าแมวมันชนิดห่างกันไม่เกินสองเซน
"เอ้ย แล้วมึงจะเอาไรใส่เนี่ย"
"โอ้ย กูทนหนาวกว่ามึงเยอะ"
มันว่าแล้วก็เดินไปท้าลม แล้วก็จามออกมาเสียงดัง ผมหัวเราะลั่นแทบทันที
"แม่ง สมน้ำหน้า"
มันสูดน้ำมูกฟืด แล้วหัวเราะแห้งๆ
"มึงก็กอดกูดิจะได้อุ่น"
"สาด ฝันไปเหอะ"ผมด่ามัน
มันก็หัวเราะ แล้ววิ่งมากอดผม
"มึงไม่กอดกูกอดเอง"
ผมมองหน้ามันอ้าปากจะด่ามัน แต่ก็หุบเงียบไปอีกทีเพราะชอคพูดไม่ออก
มันยื่นหน้ามาประชิดจนลมหายใจอุ่นๆมันรดหน้าผม
"ถอยหน่อยได้มะมึง"
มันยิ้ม แล้วก็เข้ามาใกล้หนักกว่าเดิม ใกล้เรื่อยๆแล้วก็.....
"เฮ้ยไอ้ห่าสองตัว เลิกสวีทได้แล้วคนเขาจะลงดอยกันละ"ไอ้อู้ดตะโกนเสียงดัง แล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะอีกหลายคน ผมกับมันเลยรีบ
ผละออกจากกันทันที
แม่งไอ้พวกนี้ก็ดีนะ รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไรกันแต่ก็ไม่ได้ทำตัวแปลกไป เพื่อนแท้จริงๆว่ะ แม้จะชอบแขวะไปหน่อยก็ตามที
ลงมาก็ไปอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย กู่พระเจ้าเม็งราย วัดพระแก้ว วัดพระสิงห์ หลายที่จนวนทั่วเมืองเลยทีดียว
กลับมาอีกทีก็เย็นแล้ว พวกผมคุยกันว่าจะไปแม่สายกัน ไปหาเหล้ากิน ฮ่าๆๆ
ล้อเล่นนะครับ ไปหาซื้อของหลายอย่างอยู่แหละ
ตอนก่อนจะเข้าไป ที่ด่านเขาไม่ยอมให้วิทมันผ่าน เพราะไม่เชื่อว่ามันเป็นคนไทยครับ พวกผมนี่กลั้นหัวเราะกันแทบไม่อยู่ เพราะไอ้วิ
ทต้องควานหาบัตรประชาชนมาให้ดู แถมตอนเอาให้มีการโดนหาว่าบัตรปลอมอีก โอย จะขำตาย แถมนึกว่ามันจะโดนคนเดียว ที่ไหนได้
ไอ้พาก็โดนเหมือนกัน ซะงั้นไป นี่แปลว่ามีมันสองตัวที่หน้าตาอินเตอร์สินะแม่ง
แล้วตอนไปซื้อเหล้ากันนี่ขนกันแทบไม่หมด แถมไอ้อู้ดก็ต่อราคาอย่างเชี่ยวชาญ สมเป็นลูกแม่ค้าจริงๆมึง ฮ่าๆๆ
ผมได้ไฟแชคใหม่มาอันนึง ลายไฟสีบรอนซ์สวยดี แต่ไม่นานก็โดนไอ้พามันแย่งไป โดยมันอ้างว่า
"ของภรรยาก็เหมือนของสามี"
ผมเซงเลยทีเดียว -*- ตั้งแต่ยอมคบกับมันมานี่รู้สึกจะเอาใหญ่นะมึงเนี่ย
พอมันเห็นผมทำหน้าบูดมันก็หัวเราะ แล้วเอาไฟแชคมาจุดบุหรี่มัน แล้วเอาบุหรี่ที่มันสูบมาจ่อปากผม
"ดูดหน่อยปะจะได้สดชื่น" ผมเหล่ตาไปมองมัน ผมก็ดูดควันเข้าปอด แล้วพ่นใส่หน้ามัน มันหลับตาปี๋
"เอ้ย ไอ้ธัณแม่ง"
ผมหัวเราะแล้วก็วิ่งหนีมัน มันก็ไล่ตามไปเรื่อยจนเจอพวกไอ้อู้ด แล้วก็ซื้อของต่อจนเสร็จก็กลับบ้านกัน
กลับมาผมก็มานั่งเขียนตอนพิเศษนี่แหละ จริงๆเขียนตั้งแต่ตอนค้างบ้านไอ้วิทวันแรกละ แต่ไม่ได้ลงเพราะไปแอ่วกัน แล้วเลยมีเรื่องที่ไป
แม่สายเพิ่มเติมมาอีก
หลายๆคนอาจจะงงว่าผมไปคบกะมันตอนไหน ต้องรอติดตามในเรื่องเล่านะครับ ในเรื่องเล่าจะเป็นการเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนจะคบ แต่
ตอนพิเศษนี้เป็นการเขียนปัจจุบัน งงหน่อยก็ขอโทษด้วยนะครับ แหะๆ
จบไปละตอนพิเศษ อานนิของจิง(นิยาย)
ตอนที่ 31 แก้ตัว
พอไปถึงหอ ผมก็สะบัดข้อมือที่มันจับผมไว้ทิ้ง
ตอนนี้ไอ้พามันไม่ได้ฉุนเฉียวเหมือนเมื่อตอนที่อยู่บ้านเกอแลงแล้ว แต่ดูมันจะลำบากใจอะไรซักอย่าง
คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเราเนี่ยแหละแม่ง...
ผมโกรธ ที่มันทำอะไรไม่คิดตอนที่ไปพาตัวผมกลับมา โกรธมากเลยด้วย
ตอนนี้เลยไม่อยากจะพูดอะไรกับมัน เดี๋ยวจะบานปลายอีก ผมจึงเดินเลี่ยงไปที่ห้องนอน
"ไปไหนอ่ะ" มันถามผม
"อาบน้ำ"ผมตอบสั้นๆ พยายามทำน้ำเสียงให้ปกติแต่มันก็ออกจะติดแข็งๆหน่อย
สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงถอนหายใจเบาๆ ผมเดินต่อไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วก็หยิบเอาเสื้อที่จะใส่นอนออกมา
ผมรู้ว่ามันเดินเข้ามาในห้อง แล้วมันก็เดินมาข้างหลังผม
มันมองผมหงอยๆ แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมมองมันแปบนึงแล้วก็เมินมันเดินหลบออกไป
"ธัณ"
ผมปิดประตูห้องน้ำ แล้วก็อาบน้ำอาบท่าอะไรไปตามเรื่อง
ผมอาบน้ำนานผิดปกติ เพราะว่าไม่อยากจะออกไปเจอไอ้แมวยักษ์มันเท่าไหร่ อยากอยู่คนเดียวมากกว่า
มันนะ บางทีก็โมโหร้าย บางทีก็เอาแต่ใจเป็นเด็กๆ บางทีก็ขี้อ้อน คนอะไรวะมันจะรวมนิสัยทุกรูปแบบไว้ในคนเดียวเนี่ย...
ผมคิดแล้วถอนหายใจ แต่ที่ผมยังโกรธมันไม่ใช่เพราะเรื่องที่มัน...เอ่อ นั่นแหละช่างเหอะ แต่เป็นเพราะว่ามันทำตัวไร้สาระใส่คนที่เคยช่วยผมไว้หลายๆเรื่อง คนที่ตอนนี้เกือบจะกลายเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของผมแล้ว...
แต่ถ้าผมเจอมันทำหน้าหงอยเข้าบ่อยๆ เดี๋ยวกลัวว่าผมจะใจอ่อนเนี่ยดิ...
ถึงอย่างงั้นการยืนตากน้ำเย็นๆนี่ก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก...
ผมเช็ดตัวแล้วก็เช็ดผมจนแห้งก่อนจะแต่งตัวในห้องแล้วก็เดินออกมา
ไอ้พามันก็นอนหลับไปเรียบร้อยโรงเรียนแมวแล้ว
สัด แม่งน้ำก็ไม่อาบ นอนเฉยไอ้นี่
ผมลงไปนั่งข้างๆมันแล้วก็เขย่าเพื่อจะปลุก ก่อนจะนึกได้ว่ายังโกรธมันอยู่เลยเลิกไปแล้วเดินออกไปข้างนอกห้อง
ผมหยิบเอาขวดน้ำเปล่าออกมาแล้วดื่ม เวลาอาบน้ำ หรือดื่มน้ำเย็นๆนี่รู้สึกสบายดี มันเย็นไปทั้งตัวเลย ผมเลยชอบน้ำเย็นมากกว่าน้ำอุ่น
ผมอาบน้ำอุ่นมากๆแล้วผิวชอบลอก แสบ
ผมไม่อยากเข้าไปนอนในห้อง มันเสี่ยงอันตรายยังไงไม่รุ ผมเลยนอนที่โซฟาแทน ทั้งๆที่จริงๆลองคิดดีๆมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ ถ้าบทไอ้พามันจะทำอะไรง่าวๆตามประสาสมองแมวของมันอีก...
แค่อย่างน้อยก็อยากเว้นที่ว่างนิดนึง ก็ยังดี
ผมนอนอยู่ที่โซฟาจนเคลิ้มๆแล้วเริ่มจะหลับ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดัง
"ไรแวะ"ผมตอบไป
"เป็นไงมั่งวะมึง" เสียงไอ้วิทดังมาจากปลายสายอีกทาง
"เป็นไร ก็ไม่มีไร แค่มันไปลากกูกลับหอแค่นั้นแหละ"
"กูไม่ได้บอกมันนะ เพราะกูยังไม่รู้เลยว่ามึงไปไหน แต่เห็นท่าไม่ดีกูเลยเตือนมึงแค่นั้นเองอ่ะ" มันตอบ ทำไมทุกคนวันนี้แม่งทำเสียงหงอยกันหมดแวะ
"กูยังไม่ทันได้ว่ามึงเลย ก็ขอบใจอ่ะ ที่ส่งมาเตือน แต่กระชั้นชิดไปนิดนึงไม่มีเวลาให้กูได้ระวัง ฮ่าๆ" ผมตอบไปทีเล่นทีจริง
ผมก็รู้สึกขอบคุณนะที่มันห่วง แต่ขอโทษทีหลังให้เร็วกว่านี้นิดก็จะดี เหอะๆ
"แต่ไอ้ห่าพามันก็ลนมากเลยนะ ตอนที่มันมาถามหามึงกะกูอ่ะ กูว่ามันคงกลัวมึงไปนอนตายในส้วมอีกรึเปล่า อะไรทำนองนั้นกูว่า มึงก็ไม่ต้องไปถือสามันนะถ้ามันจะอาละวาด"
"กูก็ไม่ได้อะไรมากหรอก ถ้าไม่ติดว่ามันเกือบฆ่าเกอแลงที่บ้านเขาเอง"
"เออนะ แม่งกูอยู่กับไอ้พาบนรถ มันนี่หน้าตาโหดสัดๆ กูว่า มึงระวังตัวช่วงนี้หน่อยก็ดีนะ แม่งไม่รู้ไอ้พาเมนส์มาป่าว ฮ่าๆๆ"
พระเจ้า มึงเทียบแมวยักษ์กับไอ้แมวตัวเมีย...
ผมนี่กลั้นหัวเราะแทบไม่ทัน แม่งถ้าหัวเราะดังเกินเดี๋ยวมันตื่นมาเซ้าซี้อีก
"อืมนะ ก็ยังไง ขอให้โชคดีละกัน กูหวังว่ามึงจะอยู่ครบสามสิบสองนะ"
"ขอบคุณที่เป็นห่วง ไอ้เพื่อนยาก" แล้วผมก็วางสายไป
แล้วมือกับแขนหนักๆสองข้างก็มาเกาะที่หลังผม
ผมเหลือบตากลับไปมอง สายตาอีกคู่ก็จ้องกลับมา
"ไรวะ?"
มันไม่พูดอะไร แต่หลบตาผมแล้วซบหน้ามันลงกับซอกคอผม
"อะไรของมึง"ผมเสียงเขียวใส่มัน แต่ไม่ได้ขยับ
มันก็ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม แถมยังซุกหนักกว่าเดิมอีก
จริงๆผมควรจะระวังตัวหากคำนวณและไตร่ตรองจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆ
แต่ไม่รู้เพราะอะไร ผมถึงยังปล่อยให้มันทำแบบนี้...
ผมหันหน้าไปมองด้านข้าง มันเงยหน้ามาสบตาผม...
"ธัณ..."
มันพูดได้แค่นั้น ก่อนจะเงียบไปอีกรอบ
ผมจ้องตามันเอาเรื่อง มันก็จ้องตอบ
แต่คราวนี้มันหลบตาผม
"ธัณ กูไม่ได้ตั้งใจ"
ผมยังมองมันอยู่
"คือ กูแค่...ห่วงมึง เท่านั้นเอง..."
ผมยังมองมันเหมือนเดิม ไม่ได้พูดอะไร ดูซิมันจะว่าไงต่อ
"ก็..แบบว่า มัน...โอยให้ตาย กูไม่รู้จะพูดไงอ่ะ...เกอแลงมันดูดีเกินไป แปลกๆยังไงก็ไม่รู้"
ผมมองมัน ยิ้มมุมปากเยาะมันนิดๆ
"มึงก็รู้ไม่มีใครดีอย่างกะเทพบุตรได้ขนาดนั้นหรอก จริงๆนะ กูว่ามันเฟคอะ แต่กูไม่ได้อยากจะกล่าวหามันนะ แค่พูด...ตามที่คิดเฉยๆ"
ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ แต่ยังยิ้มเยาะมันอยู่
"ทำไมมึงต้องยิ้มเย้ยกูงั้นอะ กูห่วงมึงจริงๆนะเว้ย"
"ห่วงในฐานะไร"
"หะ?"
"กูถามว่าห่วงมึงในฐานะไร เพื่อนหรอ หรือเมีย?"
มันมองผมอึ้งๆ
"ถ้าในฐานะเพื่อนก็ขอบใจ แต่ในฐานะอันหลังนี่กูขอบายว่ะ" แล้วผมก็ลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินหนี
แต่มันก็รั้งผมเอาไว้
"ธัณ มึงเข้าใจกูมั้ย?"
มันถามผมเบาๆ แววตามันสั่นระริกนิดๆถ้าผมตาไม่ฝาด
ผมมองมันด้วยสายตานิ่งเฉย ทั้งห้องเงียบ ไม่มีเสียงอะไรดังแม้แต่เสียงเดียว
ผมโกรธที่มันทำร้ายเพื่อนผม
ไม่ชอบที่มันทำท่างี่เง่า
เกลียดที่มันชอบทำตัวเหี้ยแล้วก็มาขอโทษทีหลังแบบนี้
ผมแม่งอยากจะต่อยหน้าที่มันมองผมอยู่ตรงหน้าโทษฐานตามที่กล่าวข้างต้น
ทีตอนทำละไม่คิด ทีตอนนี้ทำมาเสียใจ...
แต่สิ่งที่ผมทำคือยื่นหน้าไปใกล้... มากๆ
มากจนจมูกเราแทบชนกัน หายใจแทบจะรดกัน....
ก่อนที่ผมจะถอยออกมา แล้วก็เดินหนีมันเข้าไปในห้อง
ปล่อยให้มันยืนงงอยู่อย่างงั้น...
ผมไม่ได้จงใจแกล้งนะ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำงั้นไปทำไม อย่างน้อยก็ในตอนนั้น
to be continue
ไปคราวนี้ไอ้พามันกลับมาดำเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ สะใจ
ไว้เจอกันคราวหน้านะคับ บะบาย
