แหม ตอนเราไม่อยู่ คุยกันจังเลยนะ
โทษทีนะครับ ช้าไปหน่อย ตอนนี้มีสองมือแต่ทำสิบอย่างเลยช้า
มาต่อบทต่อไปแล้วครับ
ขอบคุณครับ
(คฑาวุธ ชอบหญ้าอ่อนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ)
33
คืนวันเสาร์
แทนเดินตัวเบากลับที่พัก ผิวปากอย่างสบายใจ ตามองพระจันทร์สีเหลืองนวลที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า มือขวาแกว่งเป้สะพายสีดำไปมา ในใจนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่ายถึงค่ำที่เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ
ภูวนัยยอมมาส่งเขาขึ้นฝั่งตามที่เขายืนกรานว่าจะกลับมานอนบ้านให้ได้ ชายหนุ่มอิดออดแต่ก็ยอมทำตามที่เขาบอก ขากลับภูวนัยนิ่งเงียบมากกว่าปกติ แต่หันมาอมยิ้มให้อยู่บ่อยๆ จนเขาเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่า "เป็นอะไร ยิ้มอยู่ได้"
...แต่ก่อนไม่เคยยิ้ม หน้าเคร่งขรึม นิ่งเรียบ ตึงเหมือนหนังขึงหน้ากลองยาว คราวนี้เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม...
แทนไขกุญแจประตูห้องพักช้าๆ ใจเลื่อนลอย นึกถึงคนที่เพิ่งจากกันเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
แต่แล้ว...ความคิดหนึ่งก็โผล่เข้ามาซึ่งทำให้แทนต้องหยุดกึก มือที่จับลูกปิดประตูค้าง ยืนนิ่งทันใด
...ถ้า...ถ้าเพียงแต่...ภูวนัยไม่มีวิริญญา...
เช้าวันจันทร์
แทนเดินเข้ามาในสำนักงานช้าๆ ตามองไปรอบๆ ห้องเล็กๆ ที่รกไปด้วยเอกสาร สุพรรษาเลขาประจำสำนักงานยังมาไม่ถึง ปกติเขาเป็นคนแรกที่มาถึง แต่วันนี้ท่าทางคงจะมีคนมาถึงก่อน มองไปที่โต๊ะเล็กๆ กลางห้อง เห็นจานผลไม้วางอยู่
...จะมีใคร ถ้าไม่ใช่วิศกรสกินเฮด...
แทนมองผลไม้ที่อยู่บนจาน แล้วจึงหยิบองุ่นแดงขึ้นมาหนึ่งพวง
...แอปเปิ้ลก็ขยันซื้อมาจัง ชักจะเบื่อแล้ว กริชนี่ทำอะไรไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาและบุคลิกเลย ให้ตายสิ แทนที่จะเป็นสุพรรษาเป็นคนมีหน้าที่หาของกิน...
แทนนั่งลงบนเก้าอี้ โต๊ะทำงานของเขารกมากเช่นเคย กระดาษแผ่นหนึ่งแปะไว้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตัวหนังสือเล็กจิ๋วเขียนสั้นๆ ว่า
"แทนถูก เราผิด ไม่ต้องประชุมกับคุณภูวนัยแล้ว"
แทนดึงกระดาษออกจากหน้าจอ กำลังจะขย้ำโยนทิ้งถังขยะ แต่พลันสังเกตเห็นว่ามีอะไรเขียนไว้ข้างหลังกระดาษแผ่นนั้นจึงพลิกขึ้นมาอ่าน แล้วอดอมยิ้มไม่ได้
สถาปนิกส่ายหน้า เปลี่ยนใจทันใด มือเอื้อมไปเปิดลิ้นชักโต๊ะแล้วพับกระดาษแผ่นนั้นวางลงบนแฟ้มที่วางอยู่ในลิ้นชัก จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะเล็กๆ กลางห้อง หยิบแอปเปิ้ลสี่ลูกที่มีอยู่ในจานใส่เป้สะพายแล้วเดินออกจากออฟฟิส เพื่อเดินไปยังสถานที่ก่อสร้างสปา
ขณะที่เดินไปตามทางเดินลึกเข้าไปในโครงการ แทนมองซ้ายมองขวา สังเกตเห็นว่างานกำลังคืนหน้าไปได้ตามแผนงานที่วางกันไว้ คนงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ วิศวกรคุมงานก็มีประสิทธิภาพ แทนยอมรับว่ากริชทำงานได้ดี แม้จะขัดแย้งกับเขา แต่กริชก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองก็เก่งเหมือนกัน
...ดูๆ ไปก็ไม่น่าหนักใจเท่าไรนัก ทุกอย่างก็คงจะเรียบร้อยในไม่ช้า...คราวนี้ ภูวนัยจะมาทำโยกโย้กับเขาเหมือนตอนทำคอนโดปราณบุรีอีกไม่ได้เป็นเด็กขาด...
--ภูวนัยไม่กล้าโยกโยหรอก ลองดูสิ เขาจะงอนให้นานเลยทีเดียว ยิ่งมาได้เปิดเผยความรู้สึกใกล้ชิดกันแบบนั้น นายจ้างก็ต้องยอมลูกจ้าง ไม่งั้น ลูกจ้างจะงอนให้ดู
เมื่อวันอาทิตย์ ภูวนัยตามมาหาเขาที่อพาร์ทเมนต์เอาเมื่อสายๆ บอกว่าจะพาไปตีกอล์ฟ แต่แทนขอตัวไปดำน้ำดูประการังเพราะนัดกับเรือที่ตกลงว่าจ้างเอาไว้แล้ว ภูวนัยบอกว่าไปด้วยไม่ได้เพราะตอนบ่ายต้องคุยเรื่องธุรกิจกับลูกค้า จะเสร็จงานก็เย็นๆ
"บ่ายวันอาทิตย์นี่นะ ที่เมืองตากอากาศไกลถึงกระบี่ คุณยังทำงานอยู่อีก" แทนทำเสียงไม่เชื่อหูเมื่อได้ยินภูวนัยบอก
"ธุรกิจไม่ได้คุยกันในห้องทำงานที่กรุงเทพฯ ที่เดียวครับ เราตกลงเรื่องธุรกิจกันได้ดีตอนตีกอล์ฟ หรือตกปลาบนเรือยอช์ทกลางทะเล"
"อ๋อ มิน่า" แทนพนักหน้าทำเป็นเข้าใจ
"มิน่าอะไรคุณแทน" ภูวนัยถามหน้าขรึม
"เปล่า" แทนตอบสั้นๆ นึกบ่นให้ภูวนัยในใจว่า คนอะไร เมื่อครึ่งวันหลังของวันเสาร์ทำเป็นกรุ้มกริ่มได้เป็นนานสองนานราวเป็นคนละคนกับภูวนัยคนที่เคยเห็น ตอนนี้กลับมาเป็นภูวนัยคนเดิมอีกแล้ว
เย็นวันอาทิตย์ ภูวนัยมารับแทนไปทานอาหารทะเลเผา สถาปนิกหนุ่มกลายเป็นนักเก็บกวาดอาหารจนทุกอย่างบนโต๊ะเรียบหายไปกับตา ภูวนัยเสียอีกเป็นคนตัวโตแต่ไม่ได้ทานมากอย่างที่ควร แล้วก็เอาแต่นั่งมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มๆ
"แทน"
สถาปนิกหนุ่มสะดุ้ง แล้วหันไปทำหน้ามุ่ยใส่คนที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาทัก
"ถ้าเกิดช๊อคตายคาที่ ใครจะรับผิดชอบ"
"เราเอง จะจัดงานให้ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี" กริชทำหน้าจริงจัง
"ใครจะได้ขึ้นสวรรค์ก่อนยังไม่รู้เลย เผลอๆ อาจเป็นคนปากไม่ดีแถวนี้ที่จะได้ไปก่อน แล้วนี่มาทำไมแต่เช้า มีแรงลุกจากเตียงหรือไง" แทนเอียงหน้ามองคนที่น่าจะนอนซุกอยู่กับแฟนบนเตียง
"นี่จะแปดโมงแล้ว"
"ยังเช้าอยู่มากเลย สำหรับคนมีเมีย"
"พูดให้ดีๆ นะแทน"
"พูดอะไร"
"เรายังไม่ได้เป็นอะไรกับริต้า พูดแบบนี้ผู้หญิงเขาเสียหาย" กริชยกมือขึ้นเท้าสะเอว
"หัวโบราณ" แทนพึมพำเบามาก
"ว่าใครน่ะแทน"
"เปล่า" แทนยักไหล่ "เราได้ออกชื่อใครแถวนี้รึก็เปล่า" พูดเสร็จ สถาปนิกหนุ่มก็เดินต่อไปไม่สนใจวิศวกรที่ยืนทำหน้าบึ้งอยู่คนเดียว
กริชไม่ยอมหยุด เดินตามแทนมาจนทันแล้วบอกว่าเขากับริต้าเพิ่งเริ่มคบกันได้สองเดือน ยังไม่ได้มีอะไรเกินเลยอะไรถึงขั้นนั้น
"แล้วมาบอกเราทำไม ทำยังกะเป็นเรื่องสำคัญ ไม่มีก็ไม่มีสิ ใครไปคาดคั้นที่ไหน มาทำเป็นทุกข์ใจร้อนใจอยู่ได้"
"ก็ห่วงผู้หญิง"
"ก็ยืนกันอยู่แค่สองคน ใครที่ไหนจะมาได้ยิน" แทนหันซ้ายหันขวา แล้วพลันก็ขมวดคิ้ว นึกอะไรได้บางอย่าง
"อ๋อ นี่นายคิดว่าเราจะเป็นคนปากไม่ดี จะเอาเรื่องของตัวเองไปโพนทะนางั้นสิ นี่ไม่ใช่คนปากบอนนะโว้ย"
"ไม่ได้ว่านี่ เราออกชื่อหรือไง" กริชเอียงหน้าท้าทายแบบที่แทนอยากจะต่อยเข้าให้ซักหมัด
"ไม่ได้ได้ออกชื่อก็เหมือนออกชื่อล่ะ มันรู้สึกได้ สัญชาตญาณมันบอก"
"อ้าว ทีตัวเองพูดได้ แต่คนอื่นพูดไม่ได้เลยนะ"
ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มวางมวยกัน โฟร์แมนก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ และเชิญกริชไปตรวจงาน
"ยังไม่แปดโมงเลยพี่นพ จะรีบไปทำไป รอเวลาเข้างานก่อนสิ" แทนถาม แล้วอดพูดต่อไม่ได้ "หรือว่าถูกวิศวกรบังคับ ผมจะได้แจ้งเจ้าของให้รู้"
วิศวกรคนที่ถูกกล่าวหาหันขวับมามองตาขวาง เม้มปากอย่างสะกดอารมณ์ หากคำพูดต่อมาของโพร์แมนประจำโครงการทำให้กริชยิ้มเยาะๆ
"เจ้าของอยู่ข้างในครับ ยืนดูอยู่ตรงโน้น พอดีคุณภูวนัยต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ เลยแวะมาคุย"
"มาด้วยกันไหมแทน จะได้รายงานการปฏิบัติงานให้เจ้าของสปาทราบตอนนี้เลย"
แทนไม่ตอบ หันหลังเดินย้อนกลับไปทางเดิม
"แทน" กริชส่งเสียงเรียก ดังจะเรียกให้แทนเข้าไปยังไซท์งานด้วยกัน "จะไปไหน เข้าไปหาท่านด้วยกันสิ"
...ไม่ไปโว้ย...แทนร้องตอบในใจ ตอนนี้รู้สึกฉุนภูวนัย จะกลับกรุงเทพฯ ไม่บอกอะไรเขาซักคำ
...ดีแล้ว จะกลับก็กลับไป ไม่ต้องมาลาเขาเลยนะ...
แทนนั่งเขียนแบบบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด นึกพาลภูวนัยไปต่างๆ นาๆ มือที่จับดินสอเผลอกระแทกแรงๆ จนไส้ดินสอหัก เลยต้องลุกเดินไปที่โต๊ะของเลขาประจำออฟฟิสเพื่อเหลาดินสอด้วยเครื่องเหลาดินสอไฟฟ้า
สุพรรษาไม่อยู่ที่โต๊ะ แทนจึงกระแทกดินสอใส่เข้าเครื่องแรงๆ สมมุติว่ากำลังจิ้มตาของภูวนัยอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่า "ตัวเป็นๆ" ของคนที่เขากำลังฉุน มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ
"เป็นอะไรครับ สงสัยว่าคุณกำลังคิดว่าเครื่องเหลาดินสอเป็นผมกระมัง"
แทนสะดุ้ง หันขวับไปมองคนตัวที่ยืนเอามือไพล่หลังทำหน้ายิ้มๆ ให้เขาอยู่ไม่ไกล
"ผมต้องกลับตอนสิบโมง มีเวลาอยู่กับคุณต่ออีกชั่วโมงกว่าๆ" ภูวนัยพูดเสียงเบา "ทั้งที่ผมไม่อยากกลับไปเลย แต่เลขาโทรมาเร่ง บอกว่ามีงานด่วน"
...จะไปก็ไปสิ มาบอกเขาทำไม...
แทนยังยืนนิ่งอยู่ เครื่องเหลาดินสอเสร็จแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังสอดดินสอเข้าเครื่องอีกให้เครื่องปั่นอีกครั้งแล้วค่อยเงยหน้าขึ้น หันมาทางภูวนัยช้าๆ แล้วพูดว่า
"เดินทางปลอดภัยนะครับ ไม่ต้องห่วงทางนี้ รับรองว่าไม่อู้งานแน่"
"ก็ลองดูสิ ถ้าอู้งานผมจะมาคุม"
"เชิญตามสบาย" แทนเบ้ปากแล้วเดินกลับโต๊ะ ภูวนัยเดินตามมาหยุดยืนข้างๆ มองสิ่งที่อยู่บนกระดาษบนโต๊ะเขียนแบบแล้วพูดขึ้นว่า
"สงสัยสำนักงานนี้คงใช้กระดาษเปลืองแน่ๆ"
"คุณภูวนัย" แทนเรียกชื่อนายจ้างเสียงเข้ม
"เดี๋ยวผมหักค่าจ้างเสียนี่"
"เชิญตามสบาย ถ้าทำงานแล้วได้เงินไม่สมค่าแรง ผมจะลาออกไปรับงานต่อเติมบ้านพักตากอากาศของเพื่อนคุณที่หัวหิน"
ภูวนัยไม่ตอบ แต่ทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ แล้วยื่นมือมาจับต้นแขนของสถาปนิกหนุ่มขี้งอน
"ผมไม่ให้ไปทำงานที่ไหน เสร็จงานนี้ผมขอให้คุณลางานไปล่องเรือกับผม จะพาไปให้ไกลถึงเซเชลส์เลยล่ะ"
แทนอีกคนภายในร่างของแทนคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะเขียนแบบอ้าปากค้าง ตาลุกวาบ แล้วอุทานว่า "โอ้โห เซเชลส์เลยหรือ งั้นเอาให้ถึงมอริเชียสด้วยเลยสิ"
แทนตัวเป็นๆ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ภูวนัยกลับคิดว่า "...แต่อย่านึกว่าจะเอาทะลสีคราม ฟ้าใส ระลอกคลื่นสวยๆ มาหลอกล่อเขานะ ไม่มีทางล่ะ ไม่ใช่เด็กๆ นะ จะเอาขนมหวานมาล่อ..."
"ต้องขออนุญาตคุณบุริณทร์ก่อนนะครับ เจ้านายผมอาจจะไม่ยอมให้ผมลาไปเที่ยวกับคุณภูวนัย" แทนเสียงเรียบ ในใจนึกว่า บุริณทร์คงยอมปล่อยให้เขาล่องเรือไปครึ่งโลกกับภูวนัยสองต่อสองหรอก กฤษณะก็ไม่น่าจะยอม
"เรือแล่นถึงหรือครับ ลำแค่นั้น"
"ไม่ใช่ลำนี้ ลำที่ภูเก็ต ใหญ่กว่า แต่ถึงลำนี้เล็ก ก็ไปได้ถึงฮาวายเลยครับ ไปให้ถึง เฟรนช์ โพลินีเชียยังไหว" ภูวนัยยั่วต่อ
แทนคนที่ถูกขังไว้ภายใต้ร่างที่กำลังยืนอยู่ข้างภูวนัยกระโดดโลดเต้นเหมือนนักเต้นแห่งเกาะแปซิฟิกใต้ รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ท่องไปยังทะเลกว้างที่เขาเคยใฝ่ฝัน
...ถ้ายังงั้น ใครพาเขาท่องทะเลและเกาะสวยรอบโลกได้ คนนั้นก็ได้คะแนน 0.01 เปอร์เซ็นต์ไปก็แล้วกัน...
--แต่บุริณทร์ล่ะ แบบนี้ไม่แฟร์สำหรับบุริณทร์นี่ ภูวนัยรวย มีเรือยอชท์ กฤษณะก็คงไม่แพ้กัน น่าจะมีเรือเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะขับเรือเป็นหรือเปล่า พี่โจไม่ต้องพูดถึง ขับเรือไม่เป็นอยู่แล้ว พายเรือยังไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่ถึงจะพาเขาเที่ยวเกาะรอบโลกได้จริง คงต้องนั่งเครื่องบินต่อกันยี่สิบสามสิบเที่ยว นั่งรถนั่งเรืออีกจนเวียนหัวไปหมด
"รวยจังนะ มีเรืออยู่ทั้งฝั่งตะวันออกทั้งฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย" แทนประชด
"ไม่รวยจะจ้างสถาปนิกแพงๆ มาทำสปาให้ได้หรือครับ"
"คุณจ้างบริษัทคุณบุริณทร์ต่างหาก ผมทำงานเงินเดือนน้อยนิด" แทนพึมพำ
"คุณแทนครับ" ภูวนัยยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบชิดใบหน้าเนียนของสถาปนิกผู้เพียรอาบแดดแต่ไม่เคยตัวดำ "ผมต้องกลับกรุงเทพฯ จริงๆ อย่างอนเลยนะ เสร็จงานผมหาเวลาว่างแล้วจะรีบลงมาหา"
แทนนิ่งเงียบชั่วครู่ แล้วกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ภูวนัยยื่นจมูกมาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ สถาปนิกหนุ่มจึงเอียงหน้าหนี
...ทำไมรู้สึกร้อนหน้าแบบนี้ เหมือนตอนเป็นไข้ยังไงยังงั้น...
"คุณภู"
"ผมตีตราจองไว้แล้ว ห้ามนอกใจกันนะ" ภูวนัยกระซิบ แล้วหอมแก้มสถาปนิกหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง แทนเอียงหน้าแล้วยกมือผลักภูวนัยให้ออกห่างพร้อมๆ กับได้ยินเสียงประตูสำนักงานเปิดออก
"คุณภูวนัยครับ เชิญที่ด้านหน้าซักครู่ครับ" กริชส่งเสียงเชิญภูวนัย ใบหน้าของวิศวกรเรียบนิ่ง ยืนเปิดประตูคอย รอจนภูวนัยเดินใกล้ถึงตัวแล้วจึงพูดกับแทนว่า "ขอโทษด้วยนะแทน"
...ขอโทษอะไร ขอโทษที่ขัดจังหวะ ขอโทษที่เช้านี้กวนอารมณ์เขา หรือขอโทษเรื่องอะไร ไม่เข้าใจกริชเลยจริงๆ...
แทนยกมือขึ้นลูบแก้มที่ยังร้อนผ่าว รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลของภูวนัยที่ยังคงประทับอยู่บนแก้มของเขา
...โอย จะไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ทำไมหัวใจมันเต้นแรงแบบนี้ รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทัน...
แทนนั่งลงบนเก้าอี้ มองกระดาษสีขาวตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงลุกเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาสีดำตัวเดียวที่ตั้งเบียดอยู่กับโต๊ะทำงานของวิศวกรที่วิศวกรทั้งสามคนแบ่งใช้กันร่วมกัน
สุดสัปดาห์นี้เขากับภูวนัยใกล้ชิดกันมากแบบที่เขาไม่เคยคิดว่าจะให้อะไรแบบนี้เกิดขึ้น เสน่ห์ของภูวนัยนั้นเข้มข้นไม่ใช่น้อยจนเขารู้สึกยากที่จะทัดทานไหว ความรู้สึกของเขาต่อภูวนัยเริ่มรุนแรงขึ้น แต่ยิ่งความรู้สึกนี้ยิ่งเพิ่มขึ้น อีกความรู้สึกหนึ่งก็เพิ่มตาม
ภูวนัยไม่เคยบอกรักเขาสักคำ!
กฤษณะนั้นพูดและแสดงออกชัดเจนแล้ว ส่วนบุริณทร์เล่า พูดจนขี้เกียจจะฟัง ที่สำคัญ...ภูวนัยไม่ใช่คนตัวคนเดียว...
...โอย ปวดหัว...ชักจะไม่ไหวแล้วนะ ทำไมเขาต้องโชคร้าย มีคนมารุมรักตั้งสามพร้อมกันแบบนี้ด้วยนะ
โชคร้ายจริงๆ ให้ตายสิ...
******************