มาลงอีกตอน ของคืนนี้
ขอบคุณทุกรี ที่มาอ่าน
รุมดัดสันดานหลังจากพวกผมพาร่างสะบักซะบอมกลับไปตึกนอน คืนนั้นก็นอนกันด้วยความทรมานร่างกายมากๆเลยว่ะ เพราะว่าแม่งตอนแรกๆก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่นะ พอตกดึกๆแค่นั้นแหละ แผลที่ได้รับมาจากตอนที่ซัดกับไอ้เชี่ยม.3 พวกนั้นอ่ะ แม่งเริ่มแสดงอาการแล้ว และที่สำคัญยาวิเศษที่อีป้าดำ ละเลงเอาไว้ให้เริ่มหมดสรรพคุณไปแระ ไม่รู้ว่ายามันดีจริงหรือว่าแค่ความแผดร้อนของยาทำให้หมดความรู้สึกเจ็บปวดไปในตอนนั้น
“ โอยยยย.......สัดเอ๊ยกูแม่งยอกไปทั้งตัวเลยว่ะ” เสียงไอ้เชี่ยแสบครวญครางเวลาที่มันพลิกตัวจะเปลี่ยนท่านอน
ส่วนผมเองก็คงไม่ต่างไปจากพวกมันเท่าไหร่เพราะว่ายอกและระบมไปทั้งตัวเหมือนกัน แล้วแผลที่ได้รับมาบางที่ก็ยังเลือดออกซิบๆไม่หาย แล้วมันก็ยังปวดตุบๆตามจังหวะหัวใจเต้นซะด้วยอ่ะดิ
“ไหวมั้ยวะไอ้เก่ง กูว่าสงสัยต้องหายามาแดกแล้วว่ะ งั้นเดี๋ยวกูไปเอาให้นะ” เสียงไอ้แสบพูดจบทำท่าจะลุกขึ้นไปหายามาให้ ด้วยความไม่เจียมสังขารของมัน
“มึงไม่ต้องเสือกเลย ส้นตีนแระทำเก่งนะมึง กูเห็นแม่งโดนหนักกว่าใครเค้าเลย แล้วเสือกจะมาเป็นห่วงคนอื่นเค้า ตัวมึงเองเอาให้รอดก่อนเหอะ” ผมพูดด้วยความไม่พอใจที่มันทำตัวเป็นหน่วยพยาบาลทั้งๆที่ตัวเองก็หาความพร้อมไม่ได้ซักนิด
“อีหวานมึงไปบอกน้ามึงที ว่าเอายาแก้ปวดมาแดกแก้ทรมานก่อนดิวะ แล้วถ้าจะให้ดีนะ เอายาแก้อักเสบมาด้วยจะดีมากๆ” ผมบอกอีหวาน ซึ่งมันก็รีบทำตามอย่างไม่รีรอ คืนนั้นพวกผมก็หลับไปสนิทเพราะฤทธิ์ยาและด้วยความเพลียอย่างสาหัส
“ปรี๊ดดดดดดดดดสสสสสสสส” จนถึงเวลานี้มันก็ยังจะเป่านกหวีดนะ....เชื่อแม่งจริงๆ
“เฮ้ย....กูลุกไม่ไหวว่ะสัดเอ๊ย ปวดหัวชิบหาย” เสียงไอ้บิดนอนอยู่บนเตียงหลับตาพูดมือสองข้างกดอยู่ที่ขมับ ผมลืมตาขึ้นมามองก็เห็นไอ้แสบยังนอนหลับตาห่มผ้าขึ้นมาถึงคอ ตัวผมเองก็ปวดตัวทุกครั้งที่ขยับตัวเหมือนกัน
“ไอ้แสบเป็นไงมั่งวะ” ผมทนฝืนสังขารลุกขึ้นไปเรียกมันด้วยความเป็นห่วง และแปลกใจที่มันยังไม่ตื่น เพราะส่วนมากมันมักเป็นคนปลุกผมมากกว่า
“อือๆๆๆ” มันตอบผมเสียงอยู่ในลำคอ แม้แต่มันจะลืมตามองหน้าผมมันก็ยังไม่ทำ
“เป็นเชี่ยไรของมึงไม่ยอมตื่นวะ เดี๋ยวพ่อมึงก็เดินเอาน้ำมาสาดหรอกสัด” ผมพูดขู่มันอยากให้มันตื่น
“อือๆๆ แป๊บนึงเดี๋ยวกูลุกเอง” มันตอบในสภาพแบบเดิม
“ลุกเลยมึง อย่ามัวช้าเว้ย เดี๋ยวอาบน้ำไม่ทัน” ผมพูดไปมือก็กระชากเอาผ้าห่มมันออกแล้วเอามือข้างนึงดึงแขนมัน อีกข้างนึกก็ช้อนไปใต้คอมันเพื่อจะดึงให้มันลุกขึ้นทั้งๆที่ตัวผมเองก็ปวดจะแย่
“เฮ้ย.....ไอ้เชี่ยแสบแม่งตัวร้อนจี๋เลยหว่ะ” ผมพูดไปด้วยความตกใจแล้วก็มองหน้าเพื่อนๆผมที่เหลือ
ทุกคนก็เดินมาจับตัวมันซึ่งก็เห็นว่าร้อนมากจริงๆ หน้าที่ทุกอย่างจึงตกไปอยู่ที่อีหวาน ที่ต้องไปรายงานมาสเตอร์ศุภชาติน้าสุดที่รักของมันให้ออกใบส่งตัวให้พวกผมสามคนไปนอนที่เรือนแฟร์ตามระเบียบของนักเรียนประจำ เช้านี้ผมจึงนอนต่อที่ตึกนอนได้จนสายๆแล้วค่อยไปนอนต่อที่เรือนแฟร์ ไปกันทั้งหมดสามคนนี่แหละ
เพราะว่าพวกผมสามคนอยุ่ในช่วงอันตรายจึงอยู่ห่างสายตากันมากไม่ได้ ส่วนอีหวานไอ้ลูกชิ้นและไอ้กระรอก ไม่ต้องไปห่วงมัน อย่างน้อยก็คงยังไม่มีใครกล้าแกล้งมัน เพราะไอ้เชี่ยสี่ตัวนั้นก็คงเจ็บไม่น้อยไปกว่าพวกผมสามคน แต่ต้องเข้าใจนะม.1กับม.3ตีกันพวกผมมันมวยรองอยู่แล้ว ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งเอาเรื่อง
“สัดกูแม่งยังแค้นไม่หายเลยว่ะ” ผมสบถหลังจากที่นอนพอแล้วและรู้สึกดีขึ้นเพราะฤทธิ์ยา
“กูก็เหมือนกันว่ะ เชี่ยเอ๊ยแม่งน่าจะเอาให้หนักกว่านี้” ไอ้แสบพูดเสียงแหบๆเพราะว่าแม่งนอนนานมากน้ำลายเลยเหนียวหนึบ
“หนักกว่านี้นี่หมายถึงมึงโดนมันกระทืบให้หนักกว่านี้ใช่มั้ยวะไอ้เชี่ย...” ผมขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจที่แม่งไม่รู้จักห่วงสภาพตัวเองมั่ง
“แต่กูว่านะแค่นี้แม่งก็ไม่กล้าแล้วเชื่อกูดิ...สัดเอ๊ยมีที่ไหนม.3ตีกับม.1แล้วแม่งยับขนาดนั้นอ่ะ เป็นกูกูไม่เล่าให้ใครฟังหรอก กูอายเค้าว่ะ” ไอ้บิดพูดไปส่ายหัวไป ซึ่งก็จริงของมัน
“หายดีกันแล้วเหรอไงคะถึงได้ลุกขึ้นมานั่งคุยกันแบบนั้นน่ะ” เสียงอีแฟร์หน้าแม่มดแม่งทำปากยาวยื่นหน้ามาถาม พวกผมก็เลยล้มตัวลงนอนต่อ ไม่อยากไปต่อปากต่อคำกับมันเพราะพลังงานเหลือน้อยเต็มที แล้วอีกอย่างกลัวแม่งเอายาพิษให้แดก พักนี้ยิ่งศัตรูเยอะอยู่
“เราเอาอีดำทำเรื่องมาฝาก” เสียงไอ้สามตัวเพื่อนผมถืออาหารหลักเอามาฝากพวกผมที่เรือนแฟร์
“แม่งยังจะตามมารังควานกูอีกนะอีป้าดำเนี่ย” ไอ้บิดพูดติดตลกอย่างอารมณ์ดี อยากให้เพื่อนขำ
“ป้าดำบอกว่า.....เนี่ยพิเศษสุดสำหรับพวกนายสามคนเลย” ไอ้ลูกชิ้นเสนอพลางเอาจานใส่อีดำทำเรื่องส่งให้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เหมือนมันไปเยี่ยมพ่อมันที่เพิ่งหายป่วยอยู่โรงบาล
“แล้วมึงแห่มากันทำไมวะเนี่ย พวกกูยังไม่ตายห่ากันง่ายๆหรอก” ผมพูดทำหน้ากวนตีนความหมายของคำพูดคือไม่อยากให้พวกมันมา แต่ในใจก็แอบชื่นใจที่พวกมันยังห่วงผม
“ก็เราอยากมาอยากให้พวกนายหายเร็วๆ นี่พอพักเที่ยงเราก็รีบมานี่ก่อนเลย” อีหวานพูดเอาหน้า
แหม....อีดองถอง (ผวนกลับเอาเองนะ) แม่งคงอยากมาเยี่ยมผัวมันมากกว่ามั้ง..ผมนึกในใจนะ
“แต่กูว่าแม่งกลัวโดนคนอื่นแกล้งแม่ง แล้วไม่มีคนช่วยมากกว่า” ไอ้บิดพูดไปมือก็บีบนมอีหวานที่นั่งกระแซะไอ้บิดอยู่บนเตียงด้วยความออเซาะของมัน
“บ้าเหรอเดี่ยวนี้เราก็สู้คนนะ” เสียงอีหวานพูดอวดตัวท่าที่อายๆ
“เออ....แล้วที่อีป้าดำมันว่าพิเศษน่ะมันเป็นยังไงวะ” ไอ้แสบลุกขึ้นพูดบ้างด้วยสีหน้าที่ยังไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
“อ๋อ ป้าดำบอกว่าเมื่อคืนลุกชายเค้ากินไข่นกกระทาเหลือไว้เลยเอามาผัดใส่เพิ่มเข้าไปให้พวกนายกินนี่ไง แล้วไม่คิดตังค์เพิ่มด้วยนะ” ไอ้ลุกชิ้นพูดไปเหมือนมันคิดว่าพวกผมจะดีใจ
“นี่มันตั้งใจคิดทำผัดส้นตีนนี่ให้พวกกูแดกตั้งแต่อยู่ที่บ้านเลยเหรอวะ” ผมพูดทำหน้าตะลึง
“ดีนะที่ลูกชายแม่งไม่ขี้ใส่ถุงไว้แล้วให้แม่มันเก็บมาผัดให้พวกกูแดกเนี่ย” ไอ้บิดพูดจบทุกคนก็หัวเราะกันครืน
“ว่าแต่ลูกชายมันกินเหลือนี่หมายความว่าไงวะ อย่าบอกนะว่าแดกเข้าไปแล้วคายออกมาอ่ะ” ไอ้แสบพูดโดยมีไข่นกกระทาที่ยังไม่ได้เคี้ยวคาอยู่ในปาก ตาก็เหลือกมองไอ้กระรอก
“สัดแดกๆเข้าไปเหอะไหนๆก็ไหนๆแล้ว มึงยังไม่ชินอีป้าดำหรือไงวะ นมหมดอายุแม่งยังให้แดกเลย แดกๆเหอะกูว่าไม่ตายหรอก” ไอ้บิดพูดจบก็ยัดๆเข้าปากเหมือนเดิม
“อีหวานแล้วมึงได้ข่าวไอ้พวกเชี่ยนั่นป่าววะ กูไม่เห็นมันมานอนที่แฟร์เลยนี่หว่า มันก็น่าจะเจ็บเยอะเหมือนกันนะ กูเห็นมึงเอาขาหมูมึงร็อคคิกมันขนาดนั้นอ่ะ” ผมพูดติดตลกถามอีหวาน
“เห็นเค้าว่ากันว่ามันไปนอนโรงพยาบาลที่นอกโรงเรียนอ่ะ ก็ไม่น่าจะเป็นหนักขนาดต้องนอนโรงพยาบาลหรอกนะ แต่ว่ามันคงไม่อยากเจอหน้ากับพวกนายอีกมากกว่า” อีหวานแสดงความเห็น
“เออ....งั้นมึงคอยสืบให้ละเอียดดูความเคลื่อนไหวของมันให้ดีนะอีหวานแล้วคอยมาบอกพวกกูด้วยล่ะ” ผมสั่งมัน
“ได้ๆๆ” มันตอบโดยมีไอ้กระรอกกับไอ้ลุกชิ้นยืนพยักหน้าอยู่ข้างๆ แล้วพวกมันก็กลับไปเรียนภาคบ่ายต่อ ปล่อยผมและเพื่อนนอนพักผ่อนเพื่อเอาแรงเตรียมไว้เผชิญกับเรื่องต่างๆที่ต้องเจอต่อไป
“นักเรียนคะเย็นแล้วค่ะ นักเรียนจะนอนที่นี่ต่อหรือว่าจะกลับไปนอนตึกเรียนคะเนี่ย” เสียงอีแม่มดทำท่าเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน เพื่อเปลี่ยนเวรทำงานและถามผมว่าจะทำยังไงต่อไป
“กูว่ากลับไปนอนตึกดีกว่า เดี๋ยวคนแม่งจะหาว่าพวกเราเป็นหนักจนหมดสภาพอ่ะ” ไอ้บิดแสดงความเห็น
“แหมไอ้สัด...คงไม่รู้หรอกมั้งมึง เบ้าตาเขียวปั้ดขนาดนี้อ่ะนะ” ไอ้แสบพูดพลางเอานิ้วชี้เบ้าตาตัวเอง
“แล้วมึงไหวเหรอวะไอ้แสบ กูว่ามึงยังแย่ๆอยู่เลยนะ กว่ามึงจะแบกสังขารเดินกลับไปตึกแล้วต้องไปเผชิญคำถามสารพัดจากเพื่อนคนอื่นๆอีก กูว่าไข้แดกหนักกว่าเก่าอีกแน่ๆมึง” ผมพูดไม่อยากให้มันฝืนสังขารตัวเอง
“กุบอกว่าไหวก็ไหวดิ แล้วที่สำคัญกูอยากกลับไปนอนกะน้องหวานที่รักกู” มันทำเป็นพูดขำๆทำหน้าลามกเพื่อกลบเกลื่อนสังขารที่หมดสภาพของมัน แต่ก็ในเมื่อเจ้าตัวมันยืนยันว่าไหวก็อย่าไปขัดศรัทธาแม่งเลย
กว่าจะตั้งหลักเตรียมตัวกลับกันได้ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ความมืดก็เริ่มๆเข้ามาเยือน พวกผมสามตัวก็เดินทางกำลังจะกลับไปตึกนอนโดยเดินไปตามทางลัดที่จะไปโผล่ด้านหลังของตึก และทางนี้ก็เป็นทางที่พวกผมผ่านกันเป็นประจำ
“เฮ้ย...ไอ้เก่งมึงดูดินั่นใครวะ” ไอ้บิดพูดพลางมองนำทางให้ผมมองตามมันไปในความมืดสลัว มันเป็นเงาใต้ต้นไม้ที่ช่วยเพิ่มให้ความมืด ปกคลุมบริเวณนั้นมากขึ้นไปอีก ยากแก่การมองเห็น และก็ยังเป็นสถานที่เดียวกันกับที่พวกผมใช้เป็นสนามต่อยตีกับไอ้พวกม.3เชี่ยๆสามสี่ตัวนั่น
“เออว่ะ....ใครแม่งมาทำเชี่ยไรกันตรงนั้นวะ” ผมเองก็สงสัยไปไม่น้อยไปกว่ามัน เนื่องจากเวลานี้นักเรียนส่วนมากก็จะเข้าตึกกันไปหมดแล้ว ส่วนไอ้พวกที่เหลือๆยังเดินเพ่นพล่านอยู่ก็แสดงว่าจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“มันคุ้นๆหว่ะ” ไอ้แสบพูดพลางมันก็โน้มคอลงเพ่งมองไปที่เงาใต้ต้นไม้ เห็นคนยืนอยู่เกือบสิบคนซึ่งดูเหมือนคนที่พวกผมรู้จัก พวกผมสงสัยกันอย่างมาก ถึงมากที่สุดแต่ปราศจากซึ่งความหวาดระแวง เพราะว่าหลังจากเสร็จศึกใหม่ๆ ตามปกติแล้วศึกต่อๆมาก็ไม่ควรตามมาติดๆ
“มึงจะมัวสงสัยกันทำเชี่ยไรวะ เข้าไปดูซะก็สิ้นเรื่อง” ผมพูดจบก็เดินนำหน้าพวกมันไปก่อนเลย
...........
.....
..และมันก็เป็นคนที่พวกผมรู้จักกันเป็นอย่างดีจริงๆ
ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก สงสัยในภาพที่มองเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่เข้าใจถึงที่มาที่ไป และนึกถึงเหตุผลไม่ออกว่าคนพวกนี้มายืนอยู่ที่ตรงนี้ด้วยเหตุผลอะไร และทำเพื่ออะไร
“เก่ง” เสียงหลุดออกมาจากปากอีหวานเพียงคำเดียวสั้นๆ แต่มีความหมายมากมายเหลือเกิน ในแววตาของมันบอกทุกคำตอบอยู่ในนั้น ถึงแม้มันจะเป็นคำตอบที่ผมเองก็ยากที่จะรับรู้ แต่มันก็คือคำตอบ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ผมเห็นไอ้กระรอก อีหวาน ไอ้ลูกชิ้นยืนด้วยสีหน้าที่ปริ่มด้วยน้ำตาโดยมีพี่ม.6ยืนประกบมันอยู่ทุกคน จับแขนของพวกมันไว้แน่นจนผมเองก็รับรู้ได้จากแววตาของพวกมันว่ามันแน่นมากจนพวกมันเจ็บ เห็นไอ้เชี่ยปิยะยืนอยู่มีผ้าก๊อตปิดอยู่ที่ดวงตาของมันข้างหนึ่งและตามร่างกายอีกสองสามแห่ง แล้วที่น่าตกใจที่สุดคือเห็นพี่ม.6อีสองคน คนหนึ่งเป็นประธานตึก อีกคนหนึ่งเป็นรองประธานตึก ยืนกอดอกมองหน้าผมอยู่เหมือนมีคำถามมากมายบนใบหน้านั้น รอคำตอบจากผมเพียงคนเดียว
“มึงเด็กใหม่ไม่ใช่เหรอวะ” ไอ้จิ้นคนที่มันเป็นประธานตึกแม่งถามผมด้วยเสียงตึงเครียดสุด
“ใช่..ทำไมเหรอพี่” ผมตอบแบบไม่กลัวแต่ในใจก็นึกหวั่นๆว่าพวกมันมาเกี่ยวเชี่ยอะไรด้วย
“กูจะไปทำอะไรมึงได้วะ......ก็พวกมึงเก่งกันซะขนาดนี้” มันพูดเยาะเย้ยพวกผมอยู่คนเดียวโดยไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจของไอ้หน้าไหนซักตัว
ผมไม่อยากต่อปากต่อคำ หันหน้าออกไปมองทางอื่นแล้วก็เห็นเพื่อนผมที่เหลือสีหน้าไม่ดีเอามากๆ ในแววตาของพวกมันเหมือนอยากให้ผมยอมอ่อนข้อ และเหมือนกับประเมินแล้วว่าคราวนี้แพ้ตั้งแต่คิดจะสู้แล้ว แต่ในใจผมคิด........กูไม่ได้ผิดอะไร
“มึงรู้จักความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องมั้ยวะ” ไอ้จิ้นแม่งถามสีหน้าโกรธเหมือนผมเคยไปตบหน้าแม่มัน
“รู้” ผมตอบคำเดียวสั้นๆ แล้วใช้แววตาของผมนี่แหละมองหน้ามันแล้วถามกลับด้วยแววตาว่า “รู้แล้วมึงจะทำไม” อะไรทำนองนั้น.....แต่ก็ผมไม่ได้กวนตีนนะ
“แล้วมึงเคยให้ความเคารพในระบบซีเนียร์มั้ยวะไอ้ระยำ” มันพูดด่าผมเสียงเชี่ยมแล้วเดินเข้ามาประชิดตัว ใช้ตามันจ้องผมห่างออกไปไม่ถึงคืบ แน่นอนมันต้องมองต่ำลงมาอยู่แล้วเพราะตัวมันใหญ่กว่าผมเยอะ
“แล้วไงวะพี่” ผมตอบมันเหมือนวอนให้มันช่วยแนะนำการแสดงความเคารพในแบบที่พวกมันต้องการซักหน่อย แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบจากมันผมก็วูบล้มลงไปกับพื้น แล้วพยายามลุกขึ้นมามองหาสาเหตุที่ทำให้ผมเป็นแบบนั้น เวลานั้นได้ยินเสียงไอ้แสบเรียกชื่อผมแว่วๆ แต่มันไม่ชัดเจนและเบาเหลือเกิน เพราะหูของผมตอนนี้อื้อไปหมดแล้ว พอตั้งสติได้ผมก็ยืนมองหน้ามันด้วยความแค้น สองมือกำหมัดไว้แน่น
“ทำไมไอ้สัด...มึงจะทำไมกู” มันคงของขึ้นที่เห็นผมทำท่าจะสู้ มือมันก็ขยำคอเสื้อผมดึงยกขึ้น
ผมไม่ตอบพยายามอดกลั้นสูดหายใจลึกๆให้เต็มปอด แล้วถอนลมหายใจนั้นออกมาหวังให้มันช่วยผ่อนความแค้นในใจผมลงไปได้บ้าง...แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“พี่ครับอย่าทำอะไรพวกผมเลย พวกผมยังไม่ได้ทำอะไรให้พวกพี่เลยนะ” ไอ้แสบพูดเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้
“มึงรู้มั้ยไอ้ปิยะมันน้องกู พวกมึงกล้าทำมันขนาดนี้มันหมายความว่าไงวะ” มันตอบโดยนัยว่าขอร้องไปก็เท่านั้น
“ผมจะฟ้องมาสเตอร์” เสียงอีหวานพูดแทรกขึ้นมาหวังจะให้มันหยุดพฤติกรรมที่ทำอยู่และเหมือนจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกผมแล้วในตอนนี้
“ไอ้สัดมึงกล้าฟ้องเหรอ...ผัวะ” มันตบเข้าบ้องหูอีหวานที่โดนจับแขนยืนอยู่เข้าอย่างจัง
“เฮ้ยอะไรวะ...แม่งทำเชี่ยไรเนี่ย” เสียงไอ้บิดทำท่าเข้ามาจะช่วยอีหวานที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำด้วยความแค้นจ้องตาไอ้จิ้นอยู่ แต่ไอ้จิ้นก็เอามือชี้หน้ามันจนทำให้มันต้องชะงัก
“มึงคิดจะทำเชี่ยอะไร” แค่มันพูดจบไอ้บิดก็โดนมันตบบ้องหูอีกคนไอ้บิดก็ทำท่าจะสวนทันควัน แต่ไอ้ม.6อีกคนไวกว่าจับตัวไอ้บิดล็อคไว้
“ผัวะ....ผัวะ” ผมมัวแต่ยืนมองไอ้บิดอย่างมึนงงก้าวขาไม่ออกว่าจะช่วยมันอย่างไงดี หันไปก็เห็นไอ้กระรอกกับไอ้ลูกชิ้นล้มนอนอยู่กับพื้น เอามือกำบ้องหูก้มหน้าไม่สบตาผมน้ำตาไหลพรากทั้งสองคน
“ไหนดูซิเก่งๆอย่างมึงจะมีปัญญาทำอะไรพวกกูได้” มันพูดเหมือนผมเป็นคนไร้ค่า ไม่เคยแม้จะอยู่ในสายตาของมันด้วยซ้ำ
“เฮ้ยมันไม่มากไปหน่อยเหรอวะไอ้เชี่ยนี่” ไอ้บิดพูดขณะที่มันพยายามดิ้นให้หลุดจากการพันธนาการของได้ระยำม.6คนนั้น เพื่อมาช่วยเพื่อนของมัน
ส่วนผมเองก็ได้แต่ยืนมึนอย่างเดียวด้วยความแค้นนึกก็นึกไม่ออกว่าจะช่วยเพื่อนที่เหลือยังไง มันเกินความสามารถและเรื่องมันรุนแรงเกินกว่าที่ผมเคยจะคิดไว้
“พี่จะเอาไง” ผมถามมันเพื่อหาคำตอบว่าที่มันต้องทำร้ายคนที่ไม่มีทางที่จะสู้มันได้ ด้วยความรุนแรงมากขนาดนี้เพื่อเชี่ยอะไรของมัน
“ไอ้สัดนี่ฉลาดนี่มึง” มันเดินปรี่มาที่ผม
“เฮ้ยเก่งมึงจะทำอะไร” เสียงไอ้บิดดุใส่ผม
“มึงขอโทษไอ้ปิยะเดี๋ยวนี้เลยมึง...กราบตีนงามๆเลยไอ้ระยำ” ผมอึ้ง.....เพิ่งรู้ว่าที่มันทำอะไรต่ออะไรมากมายขนาดนี้ก็แค่อยากให้มีคนมากราบตีนคนชั้นต่ำแบบพวกมันแค่นี้เองเหรอวะ
“ไม่ทำ....ผมไม่ได้ผิดอะไร” ผมยืนยันและทรนงตัวอยู่ตลอดว่าไม่มีความจำเป็นใดๆที่ผมจะต้องทำแบบนั้น ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆผม ที่คิดเหมือนกันว่าถึงเจ็บจนตายก็อย่าได้ก้มหัวให้ไอ้สวะพวกนี้เลย
“ไอ้สัดนี่แม่งวอน” มันพูดเงื้อมือทำท่าจะตบผม ผมหันไปจ้องหน้ามันเหมือนจะบอกว่าถ้ามึงตบกูอีก คราวนี้กูจะสวนแม่งแล้ว....ถึงกูสู้ไม่ได้กูก็จะสู้ แล้วมันก็ลดมือลงไม่ตบผม แต่........
“ผัวะ...ผัวะ....ผัวะ” กลับกลายเป็นไอ้สามตัวเด็กเนิร์ดเพื่อนผมโดนมันตบบ้องหูอย่างแรง แรงมากจนไม่คิดว่ามันจะทำได้ลงคอ
“เฮ้ยไอ้เชี่ยมึงทำแบบนี้ทำเชี่ยอะไรวะ” เสียงไอ้แสบสั่นเครือเหมือนประหนึ่งว่าอยากจะฆ่ามัน...แต่ทำไม่ได้
“อั้ก.....อั้ก....อั้ก กูอยากจะรู้นักว่ามึงเก่งกันนักไม่ใช่เหรอ จะมีปัญญาช่วยเพื่อนมึงมั้ย” แล้วไอ้สามคนก็นอนตัวงอเป็นกุ้งด้วยความจุกที่โดนไอ้หน้าตัวเมียสามคนเตะเข้าที่ลำตัว มันเลวมากว่ะ เลวจนไม่เคยคิดว่าโรงเรียนใหญ่โตแห่งนี้จะมีคนที่จิตใจเลวทรามแบบนี้แฝงอยู่ที่นี่ด้วย
“เฮ้ยๆๆๆๆ กูว่าพวกมึงชักจะเลยเถิดแล้วว่ะ” เสียงใครไม่รู้แม่งเดินมาเสียงเข้มโคตรๆเลย ไม่รู้ว่าแม่งจะเป็นโจรหรือว่าเป็นอัศวินม้าขาวกันแน่อ่ะดิ.
............................................
เดียวไม่แน่จะลงอีก สองตอนนะ คืนนี้จะลงซัก 5 ตอน ฮาๆๆ