26 (ความทรงจำที่เหลือไว้)
สายลมพัดผ่าน หอบเอาสายลมแห่งความรักและความคิดถึง กลับมาหาคนที่ยังรอคอยความหวัง แว่วเสียงนกร้องคลอเคลีย ดังขึ้นที่ริมหน้าต่างห้อง ชายหนุ่มตัวเล็กนั่งมองออกไปภายนอก ดูความวุ่นวายของโลกภายนอก
“ตื่นแล้วหรอลูกแม่” หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหาร คนที่นั่งอยู่ในห้องมองหน้าหญิงที่เรียกตัวเองว่าแม่อย่างสงสัย
“ตื่นนานหรือยัง เดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้นะ” หญิงคนนั้นยังคงถามต่อ เอาถาดอาหารวางลงข้าง ๆ เตียง หาผ้าเช็ดตัวผืนขนาดกลาง ชุบน้ำอุ่น ๆ มาเช็ดตัวให้ ชายหนุ่มนั่งให้คนที่เรียกตัวเองว่าแม่เช็ดตัวให้อย่างทะนุถนอม สักพักประตูห้องเปิดออกอีกครั้ง
“เอ้า ตื่นนานหรือยังครับแม่” ชายตัวสูงก้าวเข้ามานั่งข้างหลังชายตัวเล็ก
“แม่ก็เพิ่งเข้ามา เห็นนั่งมองออกไปที่หน้าต่างโน้น”
“มาให้ผมทำให้ดีกว่าครับ แม่ลำบากมากแล้ว” ชายตัวใหญ่รับผ้ามาเช็ดตัวให้
“เดี๋ยวเช็ดตัวกินข้าวเสร็จพี่จะพาไปเดินเล่นนะ เพื่อน ๆ เขารออยู่” ชายหนุ่มชวนคุย
“จับถอดเลยดีไหมนี้ ไหนแก้เลยดีกว่าพี่เช็ดไม่ค่อยถนัด” ว่าแล้วก็มองหน้าผู้เป็นแม่ ซึ่งนางก็เข้าใจ โดยการเดินออกจากห้องพักไป
“เพื่อน ๆ เอาอยากพบ ยิ่งเจ้าเกรียงยิ่งมาหาทุกเย็น” ปากว่ามือก็เช็ดตัวให้คนตัวเล็กต่อไป
“เมื่อวานคริตก็โทรมา อยากมาเยี่ยม เราก็นอนหลับอยู่นั้น ก็เลยไม่กล้าปลุก” คนที่ถูกเช็ดตัวยังคงนั่งนิ่งดวงตาเหม่อลอย ไม่รับรู้และตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง
“วันนี้ใส่ชุดไหนดี วันก่อนส้มเช้งส่งชุดใหม่มาให้ ยังไม่ใส่เลย เดี๋ยวพี่ไปดูให้นะ” ว่าแล้วก็ปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งอยู่คนเดียว ออกไปค้นดูเสื้อผ้าจากตู้ข้างนอก
“เสร็จแล้วหรอโปรด” เสียงแม่ถามขึ้น
“ครับแม่ กำลังหาเสื้อผ้า ที่เช้งส่งมาให้ไปลองใส่ดู” คนตัวโตตอบ พลางค้นดูตู้เสื้อผ้า
“โปรด แม่เกรงใจโปรดนะ” แม่ตัดสินใจเอยขึ้น ยิ่งเมื่อเห็นว่าที่ลูกเขยเอาใจใส่ดูแลลูกชายตัวเองไม่ขาดตกบกพร่อง
“ทำไมครับแม่ ทำไมแม่ต้องพูดอย่างนี้ด้วย” มาโปรดหันไปมองหน้าผู้เป็นมารดาของคนรัก
“แม่ไม่อยากให้ โปรดต้องมา ทนอยู่กับคนที่ไม่รับรู้อะไรเลย คนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้” แม่พูดพร้อมน้ำตาที่ไหลร่วงลงมาอาบสองแก้ม
“แม่ครับ ผมรักลูกแม่ครับ รักมากด้วย ผมรักในตัวตนของเขา แม่ครับตอนที่เขาโดดเขามารับกระสุนแทนผม มันทำให้ผมรู้สึกเสียใจอย่างมาก แค่นี้มันคงยังไม่เท่ากับสิ่งที่คอนยอมสละชีวิตเพื่อผม” มาโปรดเอย พร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ไหลรินออกมา
“นี้ก็สามเดือนกว่าแล้วนะลูก ที่ออกจากโรงพยาบาลมา แล้วน้องไม่รับรู้อะไรอีกเลย” แม่ทุกข์ใจหนักเข้าอีก
“จะนานกี่เดือนกี่ปีผมก็จะรอ รอให้น้องกลับมาครับแม่ กลับมาเป็นคนเดิม หรือไม่เดิมก็ขอให้รับรู้ว่าผมรักเขา” มาโปรดกลับเข้าห้องพร้อมชุดใหม่อีกครั้ง แม่ตามเข้ามาช่วยป้อนข้าว
“แม่ครับ” มาโปรดตะลึงกับภาพที่เห็น หันไปมองแม่ที่เดินตามหลังเข้ามา ภาพที่ปรากฏตรงหน้า เป็นภาพชายหนุ่มร่างเล็กร่างเปลือยเปล่า กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ติดหน้าต่าง มองออกไปข้างนอกห้อง ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง สามเดือนที่คนที่นอนในห้องนี้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน นอนอยู่เฉพาะที่เตียงนอน แต่วันนี้กลับเห็นมานั่งที่ริมหน้าต่าง
“คอนลูกแม่” แม่ดีใจน้ำตาไหลริน กำลังจะวิ่งไปกอดลูกชาย
“อย่าเพิ่งครับแม่ ให้น้องอยู่แบบนั้นก่อนครับ ผมอยากให้น้องมีความสุข” มาโปรดพูดเบาๆ แล้วค่อย ๆ เดินไปที่คนที่นั่งริมหน้าต่าง
“โอ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่า ๆ ทำ ขะย่าๆๆๆ” ชายหนุ่มร่างเปลือยเปล่าคุ้ดคู่เอามือกุมศีรษะ ล้มตัวลงนอนกับพื้น
“คอน ๆ พี่อยู่นี้ครับพี่อยู่นี้” มาโปรดถลาเข้าไปกอดร่างที่ร้องโอยควาญนั้นไว้
“โปรดน้องเป็นอะไรลูก” แม่ถามจากอีกฝั่งเตียง มองดูลูกชายที่ร้องอย่างเจ็บปวดเวทนา ยิ่งทำให้ใจตัวเองไม่ดีขึ้น
“ไม่ทราบครับแม่” ชายหนุ่มตอบพร้อมอุ้มร่างที่นอนนิ่งนั้นไปที่เตียงนอน ค่อย ๆ ว่างลง เอาผ้าห่มมาห่มคลุมกาย แม่เข้ามานั่งอีกข้าง
“โธ่ ลูกแม่ เป็นอะไรหรือเปล่า บอกแม่บ้าง” แม่ก้มลงหอมที่หน้าผากและแก้มของคนที่นอนนิ่งนั้น มาโปรดเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปสำรวจสิ่งรอบ ๆ ที่ทำให้คนป่วยสามารถเดินจากเตียงนอนไปหาได้ และแล้วสายตาก็พลันไปเห็นนกกินปลีอกเหลืองสองตัวที่กำลังกินน้ำหวานแล้วร้องเรียกกันอยู่ที่ต้นไม้ เสียงร้องจะเป็นเสียงแหลมเสียงสูงบ้าง ต่ำบ้าง
“แม่ครับผมลืมเสียสนิทเลย” มาโปรดหันมาคุยกับมารดาคนรัก
“มีอะไรลูก” แม่ตั้งใจฟัง มาโปรดกลับออกไปสักครู่ก่อนกลับเข้ามา พร้อมด้วยเครื่องเล่นตัวเล็ก ๆ แล้วเปิดเสียงเพลงบรรเลงเบา ๆ
“ผมลืมคนตรีบำบัดครับแม่” มาโปรดขึ้นมานั่งบนเตียงอีกคน แม่จึงลุกขึ้นไปดูอาหารและนั่งอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้คนรักกันปฏิบัติดูแลกันเอง คนที่นอนแน่นิ่งค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น มองหน้าคนที่นั่งจ้องอยู่แล้ว คนที่นั่งอยู่ส่งยิ้มให้
“ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเลย อายคุณแม่บ้างชิ” พลางชูชุดใหม่ที่เตรียมมาให้
“ชอบไหม” คนที่นอนนิ่งจ้องหน้าคนพูด
“เปล่า พี่หมายถึงเพลง” ว่าแล้วก็จับที่สันจมูกบีบเบา ๆ
“ไหนลุกมาใส่เสื้อผ้าก่อน เดียวจะได้กินข้าว เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะมาเยี่ยมนะ” ว่าแล้วก็อุ้มคนตัวเล็กขึ้นแล้วจับใส่ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ ตามด้วยเสื้อผ้า จนเสร็จ แม่จึงเข้ามาป้อนข้าวลูกชายตัวเอง
“โปรดไปทานข้าวได้แล้วลูก จะได้ไปทำงาน เดี๋ยวตรงนี้แม่จัดการเองไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไปทำงานเถอะ” แม่ไล่ออกจากห้อง
“ครับ เดี๋ยวผมไปทำงาน เที่ยง ๆ ผมจะมาดูอีกครั้งครับ ทานข้าวนะตัวเล็ก จะได้หายไว ๆ” ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมาให้ มันยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกทุกข์ไปกับลูก
“คนไข้ขาดออกซิเจนไปนานกว่า 10 นาทีครับ อาการตอนนี้โดยรวมปลอดภัยแล้วครับ แต่ต้องรอดูผลที่จะตามมา” หมอเข้ามาบอก ให้กับทุกคนรับรู้ ว่าตอนที่มีการเคลื่อนย้ายคนเจ็บนั้น คนเจ็บได้หมดสติไปอีกครั้ง หมอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา
“ผลที่จะเกิดเป็นยังไงบ้างคะหมอ” ส้มเช้งพยายามถาม
“ก็อาจจะไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ เพราะทางเราตรวจพบสิ่งเสพติดอยู่ในร่างกายคนป่วยมากเกิน ซึ่งมันมีผลต่อระบบประสาทด้วย ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับคนป่วยเองว่าจะฟื้นฟูความรู้สึกนึกคิดได้แค่ไหน” หมอกล่าว
“หมายความว่ายังไงคะหมอ” ส้มเช้งไม่เข้าใจ
“เออ คือเราตรวจพบปริมาณสิ่งเสพติดมากเกินปริมาณที่ร่างกายคนเรารับได้อยู่ในร่างกายคนป่วย แล้วมันส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้คนป่วยฟื้นขึ้นมานั้นอาการไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แล้วอย่างนี้จะมีโอกาสหายใช่ไหมคะหมอ” แม่รีบรุกต่อ
“ครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจชักทีเดียว บางทีการผ่าตัดอาจช่วยได้ แต่ต้องรอให้คนป่วยพร้อมกว่านี้ก่อนครับ ผมขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นก่อนนะครับ” หมอออกจากห้องพักผู้ป่วย บรรดาญาติพี่น้องทุกคนมาล้อมรอบเตียงนอนของคนป่วยที่ตอนนี้มีสายอะไรต่อมิอะไรโยงไปหมด
“อย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้พี่คอนกลับมาครับแม่” ชัยมงคลเข้ามาปลอดผู้เป็นมารดา
“แต่แม่ไม่อยากเห็นพี่เราต้องเจ็บปวด” แม่ว่าพร้อมน้ำตาที่ไหลริน
“หมอว่าอย่างไรบ้างครับ” คริตเข้ามา
“หัวหน้าครับ หมอบอกว่า พี่คอนเสพยา” ชัยรีบรายงาน
“จากความบังเอิญมากกว่า” คริตกล่าวหน้าตาตึงเครียด
“หมายความว่าไงครับบังเอิญ” ภูมิถามบ้าง
“จากสายที่รายงาน นายพลตูเมจะให้คนงานดื่มน้ำที่ผสมยาลงไป เพื่อที่จะไม่ให้ลูกน้องหนี ทุกคนต้องกลับมาดื่มน้ำนี้ตลอดไป จนกว่าร่างกายจะรับไม่ไหว ผมคิดว่าคอนก็คงจะได้รับผลจากการดื่มน้ำเข้าไป”
“ลูกพ่อ ต้องไม่เป็นอะไรนะ ต้องเข้มแข็งไว้” พ่อเข้ากอดร่างลูกชาย
“พวกเราเอาใจช่วยให้พี่คอนของเราดีขึ้นเถอะคะพ่อ”ส้มเช้งไปกอดพ่อบ้าง
“แล้วมาโปรดละ หัวหน้า ตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นเลย” แม่ได้สติเอยหาคนที่ตามช่วยลูกชาย
“ตอนนี้ผมส่งทีมช่วยเหลือออกไปแล้วครับ” คริตกล่าว แต่ก็ถูกมองจากทุกคนที่อยู่ในห้อง
“คือย่างนี้ครับ ผู้กองอัศวินนั้นเข้าไปช่วยคอนออกมาก่อน แล้วต้องกลับไปช่วยลูกน้องอีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ทางรัฐบาลฝั่งโน้นเขาไล่เราออกมาก่อน เราจึงไม่สามารถรับตัวผู้กองและลูกทีมที่บาดเจ็บออกมาได้ ตอนนี้ทางเราก็เลยส่งคนลงพื้นที่และเข้าไปรับออกมาอีกครั้ง”
“ผู้กองจะได้ออกมาไหมครับ” ชัยมงคล อยากถามความแน่ใจ
“อันนี้ยังไม่รู้ครับ แต่ผมว่าผู้กองคงต้องออกมาได้” คริตตอบ
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” แม่เริ่มอ่อนใจ สงสารลูกก็สงสาร สงสารคนที่ยังอยู่ในป่าก็สงสาร เกิดมารับรู้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้จะทำอย่างไร
“หัวหน้าครับ เราได้รับการติดต่อครับ” ลูกน้องเข้ามารายงาน
“จากใคร” คริตรีบถามกลับไป
“ไม่แน่ใจครับ แต่เป็นสัญญาณเดียวกันกับที่แจ๊กเคยมีครับ”
“ลูกทีมติดต่อกับมา ให้ได้อย่างนี้ซิ จับพิกัดได้ไหม” พร้อมออกจากห้อง
“ผู้กองครับ เราเข้าไปตรงใต้น้ำตกนั้นดีไหมครับ” เกรียงสิทธิ์ชี้เข้าไป
“ดีเหมือนกัน จะได้หลบพวกที่ติดตามเราได้” มาโปรดจับคนที่ไร้สติให้มั่นคงแล้วรีบเข้าไปหลังม่านน้ำตก แล้วค่อย ๆ วางร่างลงจากบ่า ให้นอนลงตรงที่ราบ
“ทัก แกอย่าเป็นอะไรนะเว้ย” เกรียงสิทธิ์เอาน้ำมาลูบที่ใบหน้าเพื่อน
“อือ ดีแล้ว จะได้สดชื่นขึ้น” มาโปรดกล่าว พร้อมกับเดินไปที่น้ำตก กวักเอาน้ำขึ้นมาใส่หน้าให้ความสดชื่นและเรียกกำลังขึ้นมา
“เป็นไงฟื้นไหม” มาโปรดถามเกรียงสิทธิ์
“ครับกำลังฟื้นครับ” เกรียงสิทธิ์กล่าวแล้วหันไปดูแลเพื่อนต่อ
“ติดต่อศูนย์ได้ไหม” มาโปรดถามอีกครั้ง
“ผมให้ที่อยู่ครั้งสุดท้ายตอนที่เรากำลังปีนเขาขึ้นไป หลังจากนั้นแบตเตอรี่เราก็หมดครับ” เกรียงสิทธิ์รายงาน
“สงสัยเราต้องออกไปทางแม่น้ำนี้เสียแล้ว” มาโปรดพึมพำ เกรียงสิทธิ์ ยกนาฬิกาขึ้นดู
“ผู้กองครับ เราอาจโชคดีก็ได้ครับ” พลางชูนาฬิกาของตัวเองขึ้น
“ผมติดตั้งเครื่องติดตามไว้ที่เครื่องของคอน ทัก และก็ผม ระบบแมนแฟรมของผมยังออนไลน์ผมอยู่ที่บ้าน ถ้าเครื่องคอมชุดนี้ใช้ไม่ได้มันจะออนไลน์แทนครับ ตอนนี้ภาวนาให้ศูนย์ของคริตเห็นด้วยเถอะ ตอนที่ผมแก้ไขระบบของศูนย์ผมฝังระบบตัวนี้เข้าไปด้วย เป็นเครื่องสำรอง ผมจะลองส่งนะครับ” เกรียงสิทธิ์รีบออกมาหาที่แจ้ง กดตัวส่งสัญญาณที่ข้างตัวเรือนนาฬิกา พยายามกดย้ำ ๆ
“ขอให้ได้รับด้วยเถอะ ขอให้ได้ด้วยเถอะ” เกรียงสิทธิ์กล่าวเบาๆ
“ปัง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ห่ากระสุนแหกอากาศเข้ามา
“เร็วเกรียง มันตามมาทันแล้ว” มาโปรดมาดึงเกรียงสิทธิ์เข้าที่หลบ
“ผู้กองครับ ผม....ผม...คง...ไม่รอด...ผู้กองงหนีไปก่อนครับ” เกรียงสิทธิ์ค่อย ๆ พูด มาโปรดมองดูที่ร่างของเกรียงสิทธิ์ที่ตอนนี้เลือดแดงฉานกำลังไหลออกมา
“พวกนายจะไม่ต้องเป็นอะไร ผู้กองให้สัญญา” มาโปรดดึงร่างของเกรียงสิทธิ์ลุกขึ้นหิ้วปีก
“ผมไม่ไหวครับผู้กอง” เกรียงสิทธิ์พยายามแข็งใจ
“ไปเราต้องไปด้วยกัน” มาโปรดไปฉุดร่างของพิทักษ์อีกคนแล้วดึงลงสูงแม่น้ำ
“ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ร่างทั้งสามจมหายลงสู่ก้นแม่น้ำ