ขอบคุณครับ
HAPPY VALENTINE's DAY ขอให้แฟนคลับทุกคนมีความสุขเช่นกัน ตอนนี้พี่หมอเป็นเอง(ไข้หวัด) อุตสาห์ป้องกันซะดิบดี แต่ก็พลาดจนได้

20(ราชการลับ...ลับที่ใจ)
แว่วเสียงจักจั่นเรไร กรีดร้องท่ามกลางเวลาแดดอัสดง แสงของดวงอาทิตพาดผ่านหมู่แมกไม้พอร่ำไร บุคคลหลายคนกำลังหาบค่อนสิ่งของลงมาจากดอย เข้าสู่ตัวใหม่
“ปัง ๆๆๆๆๆๆ” เสียง พญามัจจุราชแผดมาแต่ไกล ทำให้คนที่ได้ยินหยุดหันไปดูที่มาของเสียง
“ผมกลัวแล้วครับ อย่าทำผมเลย ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ” ผู้ที่ถูกมัดมือมัดเท้าร้องขอชีวิต
“มึงยังมีหน้ามาขอชีวิตอยู่อีกหรอ” คนที่ตัวใหญ่ยังกะตึกพูดขึ้น
“ปัง ๆๆ” แต่ยังไม่ได้ทันที่จะพูดอะไรมาก ร่างนั้นก็ทรุดฮวบลงก่อนแล้ว
“พี่กะยอ” เสียงเด็กสาว ร้องมาแต่ไกล วิ่งถลามาหาร่างพี่ชายตน ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“เฮ้ย ไปได้แล้ว” คนตัวโตสุด ดึงคนที่ถือปืนอยู่ออกห่างจากจุดวิสามัญ
“พวกมึงดูไว้ ถ้าใครคิดทรยศกู มันจะตายแบบนี้” ก่อนจะออกไป คนในหมู่บ้านหลายคน หวาดกลัว ต่างก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“ปัง ๆๆๆๆๆๆ ฮาฮาฮาฮาฮา” เสียงหัวเราะ ดังกึกก้องไพร
“ยูซอ หักห้ามใจเถอะ พี่แกมันฝ่าฝืนเขา” หญิงกลางคนเข้ามาปลอบหญิงสาวที่ยังกอดศพพี่ชายตัวเองร้องไห้ ปานใจจะขาด
“พวกเราจะช่วยฝังศพมันเอง มันก็เพื่อนเราเหมือนกัน” ชายหนุ่มหลายคนเข้ามาเอาศพออกไป
“มันฆ่าพี่เฮาแล้วเฮาจะอยู่กับใคร” ยูซอเอย มองหน้าคนที่เข้ามาล้อมรอบ
“ก็อยู่กับพวกเรานี้ละ จะไปไหนได้ พวกเรามันเป็นคนของเขาแล้ว” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูด
“แล้วนั้น เองพาใครมา” ผู้เฒ่าอีกคนหันมาทางชายหนุ่มที่ยืนหอบหิ้วของพะรุงพะรัง
“เขา....เขา....ช่วยฉันไว้จากพวกไอ้ผีห่าซาตานนั้น ฮือ ๆๆๆๆๆ” เสียงร่ำไห้ยิ่งดังขึ้นอีก
“พวกมันจะทำถึงขนาดนั้นเลยหรอ”
“ใช่จ๊ะพ่อเฒ่า ถ้าไม่ได้พี่เขา ฉันก็คงเป็นผีเฝ้าป่าแถบนั้นแน่” ยูซอกล่าวทั้งน้ำตา
“อย่างนี้ ข้าอดทนไม่ไหวแล้วนะพ่อเฒ่า” เด็กหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นพูด
“เองอย่าพูดดังไป อยากเป็นเหมือนไอ้กะยอหรอ” ผู้เฒ่าห้าม กลุ่มคนเริ่มเอาศพกะยอและอีกคนหนึ่งไปทำพิธี แล้วพ่อเฒ่าแม่เฒ่าในหมู่บ้านก็คุยกัน
“พ่อหนุ่มมานี้” หญิงวัยกลางคนเรียก ชายหนุ่มเดินเข้าไปวางสัมภาระที่เด็กสาวทิ้งตอนวิ่งเข้ามาดูพี่ชาย แล้วเดินมาทางกลุ่มคน
“ชื่ออะไรเองนะ” ผู้เฒ่าสุดในที่นั้นถาม
“กิมคับ” สำเนียงออกเหนอ ๆ หน่อย
“กิมอะไร เป็นคนที่ไหน ข้าไม่เคยเห็น” ผู้เฒ่าอีกคนซัก
“กิมเฉย ๆ คับ ผมเป็นคนฝั่งโน้นคับ มาทำงานฝั่งไทย แล้วจะกลับบ้านคับ” กิมอธิบาย
“ไปยังไงมายังไง ถึงมาถึงฝั่งนี้ได้” หญิงวัยกลางคนถามบ้าง
“ผมหลงคับ ตอนขึ้นเรือหลับ แล้วหลงมาฝั่งนี้คับ กะว่าจะกลับ ก็เจอน้องสาวคนนี้ถูกเขากำลังข่มเหงน้ำใจ”
“อือ ดีแท้ น้ำใจงาม” หญิงกลางคนกล่าว
“พ่อเฒ่าพวกเราทนไม่ไหวแล้วนะ อีกหน่อยมันก็จะมาข่มเหงพวกฉันเหมือนที่จะทำกะยูซอ” หญิงสาวอีกคนเอยขึ้น
“ใช่ ๆ มันทำกับพวกเรามากเกินไปแล้วนะ เราก็เป็นคนเหมือนมัน” เด็กหนุ่มฮึดขึ้น
“เดี๋ยวไอ้นี้ไม่เจียม สายตาพวกมันยิ่งกว่าสับปะรด” ผู้เฒ่าปรามอีก
“แล้วนี้จะพักที่ไหนละ กลับก็กลับไม่ได้แล้ว มันมืดค่ำแล้ว” ผู้เฒ่าหันมากล่าวกับกิม
“ไม่เป็นไรครับ ขอที่พักได้หลับนอนก็ดีได้ครับ” กิมกล่าวอย่างนอบน้อม
“เออ อย่างนั้น ไอ้ขะย่า เองเอาเจ้าหนุ่มคนนี้ไปพักด้วยก็แล้วกัน” ผู้เฒ่ากล่าว
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ขะย่าเอย
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันก่อนเถอะมันก็มืดก็ค่ำแล้ว ยูซอก็อย่าเสียใจมากเลย มันกลับมาไม่ได้แล้ว” ผู้เฒ่ากล่าว แต่ในใจยูซอนั้น จะเอากลับคืนพวกมันอย่างสาสม ที่ทำให้ครอบครัวของเธอพัง ทุกคนเริ่มแยกย้าย กิมเดินตามหลังขะย่า ออกมา ขะข่าชายหนุ่มหน้าตาซื่อ ๆ ตาชั้นเดียวจมูกหน่อย ชอบสะพายเป้ใบเก่า ๆ และหน้าไม้ กิมหิวกระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่ที่ถือมาด้วย ความตั้งใจจะกลับไปฝั่งลาว แต่ดันต้องมาฝั่งพม่า
“อีกไกลไหมคับ” กิมเอยถาม ขณะเดินตามหลัง
“ไม่ไกลหรอก บ้านเราอยู่ติดป่าฝั่งโน้น” ขะย่าชี้ออกไป
“ทำไมอยู่ไกลจากหมู่บ้านนี้คับ” กิมตั้งข้อสังเกต
“ไม่มีอะไรหรอก ก็พอดีพ่อแม่ขะย่าออกมาอยู่นอกหมู่บ้าน”
“แล้วไม่กลัวหรอจะเหมือน พี่ของยูซอ” กิมเอยต่อ
“ไม่หรอก ขะย่าไม่ทำอย่างนั้นหรอก มันไม่ดี แล้วนี้นายกินอะไรมาหรือยัง” ขะย่าถามด้วยความหวงใย
“ยังคับ ก็หิว ๆ เหมือนกัน” กิมตอบ พลางลูบที่ท้อง
“งั้นกิมไปที่บ้านก่อนนะ เห็นหลังคาบ้านขะย่าไหม นั้นตรงนั้น เดี๋ยวขะย่าไปหาไก่ป่ามาทำให้กิน”
“อาว ๆ แล้ว....” ยังไม่ได้ถามอะไรเลยขะย่าก็หายไปในความมืด
‘อาวแล้วเราจะไปยังไง ในบ้านจะเจอใครไหมเนี้ย แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วมันก็ต้องเดินวะ’ เดินเล็งลังคาบ้านไว้ รีบเดินเพราะมันมืดค่ำแล้ว เมื่อมาถึงบ้าน ที่สร้างจากปีกไม้แบบหยาบ ๆ บนบ้านมืดสักหน่อย กิมเพ็งมองหาคบไฟ ก่อนจะจุดขึ้นภายในบ้านก็สว่างขึ้น ก็ทำให้เห็นอะไรลาง ๆ ขึ้นมา แต่บรรยากาศรอบนอกมันกำลังมืดลง กิมนั่งลงตรงประตูหน้าบ้าน กอดกระเป๋าใบเล็ก ๆ นั้น
“มาแล้ว” ขะย่าชูไก่ตัวเขืองขึ้น กิมค่อยชื่นใจขึ้น
“เดี๋ยว เราจะทำไก่ย่างให้กิน” ขะย่าเกินผ่านไป กิมเดินตาม
“ให้เราช่วย” กิมอาสาช่วย และแล้วสองหนุ่มก็ช่วยกันทำไก่ย่าง จนเสร็จ และมานั่งทานกัน
“แล้วนายจะกลับบ้านตอนไหน” ขย่าเอยขึ้น
“ก็ยังไม่รู้ ทำไมหรอ” กิมถามคืน ไก่ยังคาปากอยู่เลย
“ไม่มีอะไรก็ถามดู กลัวจะได้รับอันตรายด้วย” ขะย่ากล่าว
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นหรอ” กิมถามต่อ
“อย่ารู้เลย นายเป็นคนนอก” พลางล้างมือแล้วออกไปนั่งที่ระเบียงบ้าน
“เล่าเรื่องของกิมดีกว่า เป็นไงบ้างไปทำงานหาเงินที่ฝั่งโน้น” ขะย่าเอยต่อ
“ก็....ไม่มีอะไรมาก ก็ออกจากบ้านมาทำงานที่ตั้งแต่เล็ก ๆ ตามพ่อแม่ไปทำงาน พอพ่อแม่เสีย ก็เลยจะกลับบ้าน เกิด แต่ดันหลงมาอยู่ที่นี้”
“เราต้องขอบใจนายแทนยูซออีกครั้ง คนในหมู่บ้านก็คงอยากขอบคุณนายเช่นกัน” ขะย่ากล่าว
“ไม่เป็นไร แต่ไอ้พวกนั้นมันเป็นใคร” กิมสงสัย
“ถ้าฟังตามที่ยูซอว่า พวกมันก็ไอ้พวกทหารของนายพลมูเต”
“นายพลมูเต ไม่เคยได้ยิน”
“โอ้ย....อย่ารู้เลย รู้ไปเดี๋ยวก็เหมือนได้กะยอ”
“แล้วกะยอ เขาไปทำอะไร เขาถึงถูกยิง” กิมลองถามดู
“มันขนยา” ขะย่าเอยแล้วเดินเข้าบ้าน กิมรีบกินแล้วรีบเก็บของ เดินตามเข้าภายในบ้าน
“นายนอนตรงนี้นะ บ้านเรานี้ไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ก็เลยไม่มีสิ่งของเหมือนบ้านอื่นเขา”
“อือได้ ไม่มีปัญหา อยู่ได้” กิมหยิบเอาผ้าห่มสีขี้ม้า แล้วไปนอนที่ ๆ ขะย่าจัดให้
“ขะย่า เราพักกับขะย่าได้ไหม” กิมกล่าว ขะย่ามองหน้า
“ได้ซิทำไมหรอ เราก็อยู่คนเดียวมานานแล้ว” ขะย่ากล่าว
“เราก็ไม่มีพ่อแม่ เราก็แค่อยากกลับบ้านเกิดไปหาญาติ ๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าพวกเราเหล่านั้นจะจำเราได้อยู่อีกหรือเปล่า” กิมล้มตัวนอน
“นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” ว่าแล้วขะย่าก็ดับไฟ ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทนที่ กิมมองดูเงาแสงจันทร์ที่ลอดเข้ามาภายในบ้าน
“แม่ครับ คอนเขาไม่บอกอะไรเลยหรอ” มาโปรดนั่งลงคุยกับแม่
“คอนเขาไม่ได้บอกอะไรแม่สักคำ แม่สังเกตนะว่าคอนกลับมาคราวนี้ คอนไม่ค่อยจะสดใส ซึ่งแม่ก็คิดว่าเขาคงเป็นผู้ใหญ่ หรือว่าเราสองคนมีเรื่องอะไรกัน” แม่ตั้งข้อสังเกต
“ผมจะตามไปครับแม่”
“ตามไป ปานนี้พี่คอนไปถึงไหนแล้ว พี่โปรดจะตามทันหรอ” ส้มเช้งกล่าว มาโปรดได้แต่นั่งนิ่ง แม่และส้มเช้งจึงปล่อยให้มาโปรดใช้ความคิด
“แม่ครับ ผมจะตามคอนไปครับ แต่ตอนนี้ผมต้องกลับไปที่กองพันก่อน แล้วผมจะกลับขึ้นมาใหม่” มาโปรดเอยขึ้น
“สุดแล้วแต่โปรดเถอะ จะให้แม่ช่วยอะไร” แม่หันมายิ้มให้
“ผมจะรีบไปรีบกลับครับ ผมจะกลับเครื่องบินครับ แล้วจะรีบกลับมา” ว่าแล้วมาโปรดก็ลงจากบ้าน
“ไอ้ทัก มาดูนี้” เกรียงสิทธิ์ เรียกเพื่อนมาดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ พิทักษ์ตัดสินใจว่าจะมาเที่ยวบ้านเกียงสิทธิ์ก่อนแล้วค่อยกลับบ้านตัวเอง
“อะไร มีอะไรตื่นเต้นวะ” พิทักษ์ผละออกจากแม็กกาซีน
“เห็นจุดแดงนี้ไหม” เกรียงสิทธิ์ชี้จุดแดงกระพริบ แล้วซูมเข้าไป
“เฮ้ย นี้มันไม่ใช่ประเทศไทยนี้หว่า” พิทักษ์อุทาน
“ใช่ แล้วคอนมันไปทำอะไรถึงนี้วะ” เกรียงสิทธิ์พึมพร่ำ
“ดูพิกัดซิวะ ไอ้เกรียง” เกรียงสิทธิ์ดูพิกัดและทำการซูมเข้าไป
“สามเหลี่ยมทองคำ ฝั่งพม่า” เกรียงสิทธิ์กล่าว
“มันไปทำอะไรวะ ติดต่อมันได้ไหมนี้” พิทักษ์กล่าว
“เดี๋ยวกันจะลองดู” เกรียงสิทธิ์ลองส่งสัญญาณ สัญญาณฝั่งตรงข้ามตอบรับ แต่ไม่มีการตอบกลับ
“เฮ้ย มันไม่ตอบกลับ” เกรียงสิทธิ์กล่าว
“หรือว่ามันไปเที่ยวที่นั้นวะ”พิทักษ์ออกความเห็น
“ดูก่อนซิได้ทัก จุดที่เจอคอนมันกลางป่ากลางเขานะ” เกรียงสิทธิ์ชี้ให้ดู
“อาวแล้วมันไปทำอะไรวะ แล้วผู้กองอัศวินไปด้วยหรือเปล่า” พิทักษ์เอยอย่างสงสัย
“ทักกันว่า ทันชักยังไง ๆ อยู่นะ” เกรียงสิทธิ์เอยมองหน้าเพื่อน
“ยังไง คืออะไร” พิทักษ์เกาศีรษะ
“ก็คอนมาฝึกกับพวกเราแบบพิเศษ แล้วช่วงหลัง ๆ ก็มีสิทธิ์ในการฝึกที่โรงยิม แกไม่สังเกตหรอวะ”
“อาวก็หลานผู้กอง มันก็มีอภิสิทธิ์หลาย ๆ อย่าง” เกรียงสิทธิ์ส่ายศีรษะ
“กันว่า คอนมันอาจจะเป็นสาย” เกรียงกล่าวแล้วหันไปมองจุดแดงบนหน้าจอ
“เฮ้ยจริงหรอวะ” พิทักษ์แย้ง