ขอโทษครับ ที่ทิ้งไป 4 วัน เฮ้อ กลับบ้านครับ ไปฉลองครอบครัวใหญ่กัน
ก็เลยไม่ได้ เข้ามาลงให้
29(ก้าวใหม่ของคิงส์)
เวลาผันผ่านไป เมื่ออยู่ด้วยกันสักระยะหนึ่ง แม่พยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง สิ่งที่ทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ คอยช่วยแนะนำ คอยให้กำลังใจ และอีกคนที่คอยอดทนกับสิ่งที่นครทำและปฏิบัติ จนต้องเรียนรู้กันใหม่ศึกษาใหม่ บางครั้งความคิดจะเหมือนสีดำกับสีขาว แต่ผู้ใหญ่กว่าก็จะทำให้เป็นสีเทา จนเป็นที่ยอมรับกันทั้งสองคน
ถึงแม้จะนอนห้องเดียวกันก็ตาม นครก็ยังไม่มาโปรดเข้าใกล้อยู่ดี มาโปรดก็คอยแตะเล็กแตะน้อยบ้าง พอเป็นกษัย ก็แฟนกันต้องอยู่ใกล้ ๆ กันไว้ คอยดูแลคอยให้กำลังใจ มาโปรดกลับบ้านช้าก็ต้องคอย กลับมาเร็วก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนคนที่บ้าน
“แม่ต้องกลับก่อน ถ้าพ่อไม่เป็นอะไรมากแม่จะลงมาใหม่” แม่เอย ขณะที่กำลังจะขึ้นรถประจำทางเดินทางกลับเหนือ
“แล้วผมจะต้องอยู่กับ” หันหน้าไปมองผู้ชายตัวใหญ่ที่กำลังหอบหิ้วของฝากจากอีสานไปเหนือ ขึ้นรถประจำทาง
“ต้องรักษาน้ำใจพี่เขาด้วย” แม่ถือโอกาสสอน
“ผมจะพยายาม ติดต่อคริตจะลงไปใต้” นครกล่าวเบา ๆ กับแม่
“ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น” อีกคนเดินเฉียดมากล่าวพร้อม
“เรื่องอะไร ผมไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ย” หาเรื่องชวนทะเลา
“อะไร คอน พูดอยู่เมื่อตะกี้” แม่ตีเบา ๆ ที่แขน อีกคนเห็นว่าผู้ใหญ่เข้าข้างก็ยิ้มใหญ่ ยักคิ้วให้
“คอยดู ไม่ต้องมาทำ หนีไปจริง ๆ จะรู้สึก” นครยื่นคำขาด ทำให้อีกฝ่ายหุบรอยยิ้ม
“ไปละ แม่ไปละ ขี้เกียจแยก” แม่เดินขึ้นรถประจำทาง
“แม่ เดี๋ยวผมจะตามไปนะครับ” นครโบกมือ
“จะไปไหนต้องมีพี่ไปด้วย” มากระซิบพูดที่ข้างหู ใบหน้ายิ้มระรื่นส่งไปให้มารดาคนตัวเล็กนั้น
“เรื่อง ผมก็ว่าผมแข็งแรงแล้วนะ จะลองติดต่อคริตดู ว่ามีงานแบบนี้อีกไหม”
“หยุดเลย ไม่ต้องเลย พี่ให้คริตหยุดแล้ว” คนตัวใหญ่ลากคนตัวเล็กกลับรถ
“อาวได้ไง นั้นมันงานผมนะครับ ผู้กอง” นครหยุดมองคนดึง
“พี่ส่งเจ้าเพื่อนเกลอสองคนนั้นไปทำแล้ว”
“ระวังส่งลูกเขาตายทำไง” นครแย้ง
“มันคือหน้าที่ครับ” มาโปรดยืนตัวตรงเหมือนทำความเคารพ นครมั่นเขี้ยว จึงเดินไปชกเข้าที่ท้องน้อย
“อุ๊บ เจ็บนะ หลังจากหายเจ็บนี้ อะไร ๆ ก็เปลี่ยนมากเลยนะ” มีตัดพ้อ
“แน่นอน มันต้องป้องกันตัวให้มากขึ้น” นครชูหมัดอีกข้าง แต่มาโปรดจับไว้ทันก็เลยรวบเอาทั้งตัว ไว้จับยัดเข้าไปในรถ แล้ววิ่งกลับมาทำหน้าที่คนขับ
“กลับไปนี้จะไปรื้อฟื้นความจำให้หนัก” คนพูดมองหน้าหมายมาด
“อะไร แม่ผมไม่อยู่จะทำอะไรผม” นครระวังตัวจะโดดลงจากรถ ดีที่เป็นระบบล๊อกแบบไฟฟ้า มาโปรดผิวปากขับรถกลับ ทำหน้าหื่นบ้าง ทำหน้ายิ้มยั่วบ้าง
“อย่ามาทำเหมือนผมเป็นอีตัวนะ ไม่งั้นโดน” ว่าไม่ทันขาดคำ ปลายเท้าคนตัวเล็กก็เข้าไปที่ชายโครงคนตัวโตกว่า จนจุก
“อะไร ชอบแบบนี้แล้วหรอ มาเลยมานี้เลย” คนขับชะลอรถลงข้างทาง หันมาจัดการกับคนข้าง ๆ เมื่อจับตัวได้แล้ว ก็ดึงข้ามมานั่งที่ตัก ประทับรอยจูบลงที่ต้นคอ จนคนที่นั่งอยู่บนต้องเอี้ยวตัว ยิ่งดิ้นยิ่งแน่ อวัยวะบางส่วนเบื้องล่างก็กำลังยกมือประท้วง
“ขอโทษครับ ผมขอโทษ” นครสิ้นฤทธิ์ แต่มาโปรดไม่ เอามือจับคางแล้วบีบเบา ๆ จนคนถูกจับเผยอปากออกนิดหนึ่งแล้วประทับรอยจูบลงไป คนที่ถูกจูบดิ้นอีกครั้ง แต่ก็สู้แรงไม่ไหว รอรับรอยจูบความหอมหวานที่กำลังตามมา จากที่ดิ้นก็อ่อนระทวยภายในอ้อมกอด จูบนี้เนินนานมากกว่าที่จะละออกมา คนถูกจูบเผลอตามริมฝีปากมาอีก จนคนที่กอดร่างประทับลงอีกครั้ง กว่าจะตั้งสติได้ ก็ปล่อยให้เขาจูบไปตั้งสองที นครผลักมาโปรดติดเบาะ
“ปล่อยได้แล้ว” นครร้องเสียงดัง
“ปล่อยทำไม ใครน่าที่ขอจูบอีกครั้ง” เมื่อโดนยุคนที่อยู่บนตักก็เอานิ้วจับพุงปลามันบิดเอาเต็มแรง
“โอ้ย ไม่สิ้นฤทธิ์แฮะ เอาอีกไหม” ก้มลงอีกครั้ง และดันที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาให้คนที่นั่งทับรับรู้ คนที่นั่งทับร่างใหญ่รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ภายในนั้น หน้าแดงซ่านด้วยความอาย
“อายก็เป็นด้วยหรอ” ยังแซวต่ออีก จนคนที่นั่งทับกำลังจะลุก
“จะไปไหน นั่งอยู่นี้แหละ” ขโมยหอมแก้ม โดยที่อีกคนยังไม่ตั้งหลัก
“ไม่เอา โดนรังแกมากเสียเหลือเกิน” ว่าแล้วก็ถองอีกที จนคนตัวใหญ่จุก จึงปล่อยให้กลับมานั่งข้าง ๆ ตามเดิม
“พี่ว่าเรากลับบ้านดีกว่า” ว่าแล้วก็จะออกรถ
“ไม่ ผมไม่กลับ ผมจะไป โน้น” ชี้นิ้วไปด้านข้างรถ
“ไหน ตรงไหน กระท่อมนั้นหรอ น่าสนในแฮะ” เข้าทางอีก
“ไม่ไปแล้ว ไปตรงโน้นดีกว่า” ชี้ไปด้านหน้า
“กลับบ้าน อะดิ กลับ ๆ พี่พร้อมแล้ว” ว่าแล้วก็ออกรถ
“ไม่ไป ผมจะไปห้าง ไปซื้อของใช้” หัวสมองกำลังคิดหาทางออก
“อะไร เมื่อวานก็ไปทีหนึ่งกับแม่แล้วไม่ใช่หรอ” มาดปรดรู้ทัน
“ผมหิวข้าว อยากกินไรอร่อย ๆ” นครหันมาทำทีออดอ้อน ยิ่งทำให้คนขับใจสั่นระริก
“ไม่ไป ไปกินข้าวบ้าน อยากกินฝีมือเรานานแล้วนะ” ว่าแล้วก็ไม่สนใจอีก ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านพัก อย่างรวดเร็ว จนคนที่นั่งข้าง ๆ คิดหาทางออกไม่ได้
“โอ้ย ๆๆๆ ปวดหัวจัง” เอามือกุมขมับ มาโปรดตกใจชะลอรถลงอีกครั้ง ปลดสายรัดหันมาสนใจที่กำลังร้องเจ็บ
“ไหน เจ็บตรงไหน หลับตาลงแล้ว นอนนิ่ง ๆ ” มาโปรดค่อย ๆปรับเอนเบาะลงให้คนเจ็บนอนสบาย ๆ
“เดี๋ยวพี่จะพาไปหาหมอ” เอยกล่าวเมื่อเห็นคนเจ็บนิ่ง ๆ
“ไม่ต้องก็ได้ครับตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว” เอยเบา ๆ มาโปรดรู้เลย นี้คือลูกเล่น ก็เลยเล่นตามเกมส์
“หลับตา ไม่งั้น โดนจูบ” ว่าแล้วก็ก้มลงอีกครั้ง
“เออ ไม่ครับ ผมจะนอนนิ่ง ๆ แต่ตอนนี้ผมไม่เป็นไรจริง ๆ ครับหายปวดแล้ว”
“ไม่เป็นไร เกิดเป็นอะไรมา พ่อกับแม่เอาตาย เอาลูกเขามาเลี้ยงแล้วเลี้ยงไม่ได้” มาโปรดกล่าวไป แล้วค่อย ๆ ออกรถ
“ผมไม่ไปโรงพยาบาลนะ” นครคงกล่าวต่อโดยที่ไม่รู้ว่า คนที่ขับก็ขับรถกลับบ้าน
“มาถึงแล้ว เป็นไงบ้าง ยังปวดไหม หลับตาไว้นะ” มาโปรดโกหกเดินมาอีกฝั่ง ปิดประตูออก
“ไหนโรงพยาบาล” นครลืมตาเมื่อประตูรถถูกเปิดออก เพราะมันคือบ้าน แผนนี้ไม่สำเร็จ
“ก็ยั่วพี่ดีนัก มาเลยเร็ว” จัดการอุ้มคนตัวเล็กลงจากรถ
“เฮ้ย ผมไม่เล่นด้วย พี่โปรดผมไม่เล่นด้วย” พยายามขัดขืน
“ไม่เล่น พี่ไม่เล่น พี่เอาจริง” มาโปรดย้ำ พร้อมกับระดมจูบทั่วใบหน้า
“ครับ” เสียงสองหนุ่มทำให้มาโปรดต้องชะงัก จึงหันไปดู สองหนุ่มทำความเคารพ
“เกรียง ๆ ช่วยด้วยเกรียง” คนที่อยู่ในอ้อมกอด ดิ้นสุดฤทธิ์ จนต้องใช้เท้าถีบเข้าที่ท้องน้อย แล้ววิ่งไปหลังเกรียงสิทธิ์
“ช่วยด้วยทักช่วยเราด้วย” สองหนุ่มทำใบหน้านิ่ง แต่รู้ภายในทั้งอดกลั้นเสียงหัวเราะ อดกลั้นกลัวโดนทำโทษ
“ว่าไงได้ข่าวไหม” มาดปรดแก้เก้อโดยการกล่าวเรื่องงานบังหน้า
“ครับ ได้ครับ มีข่าวว่าจะมีการขนของล็อดใหญ่เดือนหน้าครับ แต่จะเป็นกองทับมด” เกรียงสิทธิ์รายงาน เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังวุ่นกับงาน ก็เลยวิ่งเข้าบ้าน
“รายงานศูนย์หรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ จึงรอรายงานผู้กอง”
“พักได้ เดี๋ยวขอไปจัดการเพื่อนเราก่อน ดื้อมาก” ว่าแล้วก็เดินเข้าบ้าน
“เกรียง อย่าให้เข้ามานะ เกรียง” คนในบ้านตะโกนออกมา พยายามปิดประตูบ้าน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ร่างใหญ่ กระทบประตูมีหรือประตูจะทนทานได้ คนในบ้านจึงวิ่งวุ่น
“เกิดอะไรขึ้นวะ” พิทักษ์เกาศีรษะ
“ตกลงจะช่วยเพื่อนหรือ จนปล่อย” เกรียงสิทธิ์ถาม
“ก็ต้องช่วยซิ เพื่อนเรานะโว้ยมึง” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าเพื่อนเข้าไปในบ้าน
“เกิดผู้กองไม่พอใจละ โดนเลยนะนั้น” เกรียงสิทธิ์แย้ง แต่ก็เดินตามเพื่อนเข้าไปในบ้าน แต่เสียงเงียบ เหมือนไม่มีใครอยู่
“อาว เมื่อกี้ยังร้องโวกเวกอยู่เลยไปไหนแล้ววะ” พิทักษ์สงสัย
“หาที่หลังบ้านซิ ไปหลบที่นั้นหรือเปล่า ผู้กองก็หาย” เกรียงสิทธิ์กล่าว จึงเดินออกมาหลังบ้าน พอดีกับหน้าต่างห้องนอนหลังบ้านเปิดแง้มไว้อยู่ ทำให้เกรียงสิทธิ์สนใจ จึงเข้าไปดู ภาพที่เห็นก็คือชีเปลือยสองตัวกำลังกอดรัดฟัดกัน เกรียงสิทธิ์ตัวแข็ง
“อะไรเจอหรอยัง” เพื่อนเกลอตามออกมา เห็นยืนอยู่
“ดูอะไร ไหน” จะเข้าไปดูด้วย
“ออ เออ ไม่มีไร เรากลับกันดีกว่า” เกรียงสิทธิ์เอยชวน
“ไหนมันมีอะไร” มองเขาไปก็เจอภาพเดียวกัน
“เรากลับกันเถอะ” เกรียงสิทธิ์จับมือพิทักษ์ดึงกลับ พิทักษ์เดินถอยหลังออกมา
“ถึงว่า กูเคลือบแคลงพฤติกรรมผู้กองกับไอ้คอนเพื่อนเราตั้งแต่ต้น” พิทักษ์เอย
“อือ ปล่อยเขาไปเถอะ กลับได้แล้ว” เกรียงสิทธิ์รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบ แต่ก่อนก็เคยแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน แม้แต่ไอ้คนข้าง ๆ นี้ก็เคยทำมาแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอรูปการนี้เข้า
“กูไม่กลับ กูจะทำเหมือนที่ผู้กองทำ” คนที่ยืนข้างหลังเข้าจูโจมก่อนจะตั้งหลักได้ จนต้องเซลงไปที่โซฟารับแขก
“ไอ้ทักจะทำอะไร” สำลักคำพูด
“ก็ทำแบบที่ผู้กองทำไง ที่รัก” ว่าแล้วก็ระดมจูบใบหน้าเพื่อน กายสัมผัสกายแม้ว่าจะมีปราการขวางกั้น
“โอ้โห ไอ้นี้ มีอารมณ์มากเลยหรือวะ โด่ออกมาขนาดนี้” เพื่อนพูดแบบไม่เกรงใจ
“ทัก เราไม่ชอบนะเว้ย เราไม่ใช่” เกรียงสิทธิ์พยายามดันพิทักษ์ที่ตัวถึกกว่า
“แต่กูคิดว่า กูใช่ เพราะมึงนี้แหละ” จูบปากเพื่อนตอนที่เพื่อนอ้าปากค้าง
เมื่อพายุอารมณ์พัดผ่านไป ฟ้าสดใสก็ตามมา แม้ว่าจะมีเมฆครึ้ม ๆ อยู่บ้าง แต่ก็เป็นเพียงริ้วบาง ๆ ร่างสองร่างกอดซุกในอกของกันและกัน มีผ้าห่มผื่นใหญ่ ที่ห่อหุ้ม
“ออกได้แล้ว ออกไปได้แล้ว” คนที่อยู่ด้านล่างในอ้อมกอดพูดเสียงเครือ ๆ
“ออกไปไหน” คนตัวใหญ่กอดกระชับกล่าวอย่างอ่อนโยน
“หนัก” กล่าวสั้น ๆ พยายามขยับกาย
“ทีเมื่อกี้ไม่เห็นหนักนี้” กล่าวพร้อมกับจูบที่ริมฝีปากบางนั้น
“อือ” เสียงประท้วงแค่ลอดไรฟันออกมา
“ฮืม มีอะไร” คนตัวโตจ้องมองใบหน้าคนที่นอนอยู่ภายใต้อ้อมกอด จนคนข้างล่างต้องหลบหน้า
“จะไปอาบน้ำ ลุกผมจะไปอาบน้ำมันเหนียวตัวไปหมด” ตัวเล็กกล่าวเบา ๆ
“ไม่เอา อีกนิดหนึ่ง เดี๋ยวอาบให้” ยังต่อรอง
“หึ ไม่เอา” ผลักคนตัวใหญ่ออกไป จะลุกขึ้นก็ยังเป็นชีเปลือย ก็เลยเอาผ้าห่มมาพันรอบตัว ทำให้คนที่ยังนอนอยู่ กลายเป็นหุ่นรูปปั้นโรมัน ยิ่งทำให้คนที่ลุกก่อนอาย รีบออกจากห้อง
“ในที่สุดมึงก็เป็นของกู แต่มึงได้กูไปแล้วมึงอย่าทิ้งกูหน่า” พิทักษ์อ้อน ที่จริงต้องบอกว่ามันได้เขาแต่กลัวเขาจะทิ้งมันไปมีคนใหม่
“พูดอะไร ไม่เข้าใจ กูน่าจะเป็นคนพูด” เกรียงสิทธิ์หันมามองเพื่อน
“แฮะ ๆ ก็กูชอบมึงนี้หว่า กูรักมึง ตั้งแต่ครั้งที่กูโดนยิงคราวนั้น ก็คิดว่าชีวิตเราสั้นนัก อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำ”
“โดยที่มาทำกับเพื่อนมึงนี้นะไอ้ทัก” เกรียงสิทธิ์บ่น
“หรือไม่ดีวะ กูทำแล้วเป็นไง” พิทักษ์ลุกขึ้นนั่ง
“ก็งั้น ๆ สู้คนอื่นไม่ได้” เกรียงสิทธิ์ยั่วเพื่อน
“อะไรนะ มึงมีหลายคนแล้วหรอ แต่กูว่าไม่ใช่ มึงดูหลักฐาน” ชี้ลงที่พื้นที่นอน
“เอ้ย ทัก ผ้าปูที่นอนแม่นะ” เกรียงสิทธิ์กล่าวอย่างตกใจ ก็เลือดที่ซึมแดงติดที่นอน
“เออ ก็กูไม่ทันคิดนี้หว่า มาต่อดีกว่า กูลุกอีกแล้ว” โหมตัวเข้าหาเพื่อน
“ก๊อก ๆๆๆๆ แม่หรอครับ” เสียงจากข้างนอกทำให้ทั้งสองหยุดชะงักกิจกรรมเข้าจังหวะ
“แม่ไม่ได้กลับบ้านแล้วหรอครับ” ตามด้วยเสียงบิดลูกบิด พิทักษ์รีบกระโจนลงจากที่นอนลงไปที่ประตู โดยลืมนึกว่าตัวเองก็เป็นชีเปลือย ประตูถูกเปิดออกมา
“เฮ้ย” เสียงอุทานจากคนข้างนอก
“อะไร ได้คอน” ก้มมองลงตามสายตาเพื่อน
“เฮ้ย กูขอโทษ ลืม แต่มึงก็เคยเห็นแล้วนี้หว่า” สมัยที่เข้าฝึกด้วยกัน นครมองเข้าไปภายในห้อง ก็เจออีกคนที่ผ้าห่มพันกายเหลือแต่คอ ไม่ต่างอะไรกับตัวเอง