ครั้งแรก ครั้งสุดท้าย และ จากไปตลอดกาล...
-----13 -----
ปิดเทอมครั้งนี้ เราสองคนไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก
เพราะผมกับออยตกลงกันไว้แล้วว่าเราจะแยกกันอ่านหนังสือ
จะเจอกันก็ตอนไปเรียนติว หลังจากนั้นก็บ้านใครบ้านมัน มีไปนอนค้างที่หอออยบ้างครับ เวลาเบื่อๆ
จนเปิดเทอม พวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเรียนในห้องกันแล้วครับ เอาแต่ฝึกทำข้อสอบกันมากกว่า
ยังไงเรียนในห้องน่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ผมให้เวลากับตัวเอง และเพื่อนในห้องมากขึ้น เพราะว่าพวกมันติวให้ผมได้ครับ ว่าที่หมอกันทั้งนั้น
ออยมันติวให้ผมไม่ได้นี่นา แต่ยังไงผมก็ยังไปกินข้าวกลางวันกับมันทุกวันแหละครับ
เปิดเทอมสองแล้ว ครั้งนี้ ทางโรงเรียนจัดห้องใหม่ครับ
คัดนักเรียนที่เลือกสายหมอ วิทยา วิศวะ ไปไว้ที่ ห้อง ม.6/1 ส่วนที่เหลือก็คละๆกันไป
เหมือนเดิมครับ พวกผมย้ายไปห้อง ม.6/1 กันเกือบยกห้อง
ครูบอกว่าจะได้ติวกันได้สะดวก ก็เลยทำให้ผมติวหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
ออยก็เหมือนกันครับ ย้ายห้องใหม่ ติวหนักเหมือนกัน
แต่ก็เป็นผลดีครับ ยอมเหนื่อยครั้งนี้ ครั้งเดียว คุ้มครับ
ใกล้สอบเข้ามาทุกทีแล้ว อุปสรรคสำคัญของเราก็คือ...
การเข้าค่าย ร.ด. ครับ สมัยนั้น ร.ด. ปี3 ต้องเข้าค่าย 7 วันนะครับ
ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ หนังสือก็ต้องอ่าน แล้วก็ต้องไปฝึกอีก
แต่พวกเราก็ไม่ท้อครับ ไปเข้าค่าย เราก็ขนเอาหนังสือไปอ่านกันด้วยครับ
ฝึกตอนกลางวัน ดึกๆก็มาอ่านหนังสือ
หนาวก็หนาว แต่ก็ต้องอ่าน ยันเช้าแหละครับ ครูฝึกก็อนุญาติครับ เค้าเข้าใจ
...
อีกไม่ถึงสัปดาห์ ผมก็ต้องเข้าสอบแล้วครับ
มาถึงตอนนี้ ผมมีเรื่องกังวลใจอยู่เรื่องเดียว คือพ่อผมที่ป่วยเป็นอัมพาตน่ะครับ
ช่วงเดือนที่ผ่านมา แกป่วยบ่อยๆ เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยมี และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผมออกไปไหนมาไหนกับออยได้
ไม่บ่อยเหมือนก่อน เพราะที่บ้านผมตอนนี้ ผมเป็นลูกชายคนเดียวนี่ครับ
บางครั้ง ออยก็มาอยู่ที่บ้านผม ทำให้ผมอุ่นใจได้เยอะ และแล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
....
เมื่อพ่อผม อยู่ดีๆก็กินอะไรไม่ได้ ไม่มีแรงขึ้นมาเฉยๆ ตาเหม่อลอย จนผมกับแม่ ต้องพาส่งโรงพยาบาล
หมอพาพ่อผมเข้าห้อง I.C.U ทันทีเลยครับ
“พ่อจะเป็นไรมั้ย....แม่” น้ำตาผมนองหน้า พ่อผมอายุมากแล้ว ผมสงสารแกเหลือเกิน
“................ กลับไปอ่านหนังสือไป ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวที่นี่แม่ดูแลเอง”
แม่บอกผมเสียงเครือ แล้วหันหน้าไปทางอื่น
“ไม่ไปหรอกแม่ ... แม่จะอยู่คนเดียวได้ยังไง สองมันก็ไปเรียน” สองคือน้องสาวของผมเองครับ
“ไปเถอะน่า ... เดี๋ยวพี่แกก็มาแล้ว เย็นๆค่อยมาใหม่ อยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไปเถอะ”
“เดี๋ยว...ถ้ามีอะไรแล้ว...แม่จะไปตาม” แม่ผมเม้มริมฝีปากแน่น เหมือนจะข่มอะไรเอาไว้ในใจ
“มีอะไร.....นี่แม่หมายถึงอะไร” ผมซักแม่ แม่ผมพูดอะไรก็ไม่รู้ ใจคอไม่ดีเลย
ผมยอมกลับบ้านไปอ่านหนังสือ แต่จะอ่านรู้เรื่องเหรอครับ พ่อผมป่วยทั้งคน ผมเลยแวะหาออยที่หอก่อน
“ออย....พ่อหนึ่งเป็นหนักเลยอ่ะ”ผมกอดมัน ผมร้องไห้ไม่อายมันเลย มันคงตกใจน่าดู
ออยลูบหลังเป็นการปลอบผม แล้วพามานั่งที่เตียง
“หมอบอกว่ายังไงบ้างล่ะ”
“ไม่รู้ หมอคุยแต่กับแม่ แม่ไม่บอกอะไรเราเลย บอกแต่ให้เรากลับบ้านมาอ่านหนังสือ”
“ใช่ หนึ่ง....แม่หนึ่งพูดถูกแล้ว เรื่องพ่อปล่อยให้เป็นหน้าที่หมอนะ.....อีก3วันก็จะสอบแล้ว”
“ออย...หนึ่งกลัว......” ออยมองหน้าผม ลูบหัวผมเบาๆ แล้วมันก็ร้องไห้ไปกับผมด้วย
ตอนเย็น แม่ผมกลับมาที่บ้าน หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย
แต่ก็ยังกำชับให้ผมกับน้องสาวกินข้าว แล้วไปอ่านหนังสือ
ส่วนแม่นั่งคุยอยู่กับป้าข้างบ้าน และมีรอยยิ้มบนใบหน้าบ้างทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
ผมกับออยไปเยี่ยมพ่อบ่อยๆ ถึงจะไม่ได้เข้าไปข้างใน ก็นั่งอ่านหนังสือกันอยู่หน้าห้องก็ยังดี
อาการพ่อดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังน่าเป็นห่วง แม่ผมก็ไม่ยอมบอกอะไรผมเลย
พรุ่งนี้ก็เป็นวันสอบแล้ว ผมตื่นมาสายๆ ก็เจอป้า กับน้าสาวผมที่มาจากกรุงเทพฯ คงจะไปเยี่ยมพ่อกัน
ผมจึงไปอาบน้ำแต่งตัว พอดีกับที่แม่เรียกผมลงมาคุยที่ห้องรับแขก
“หนึ่ง....พ่อเหนื่อยมากแล้วนะลูก” แม่ผมพูดขึ้นมาก่อน
ผมมองตาแม่เพื่อหาคำตอบ แต่แม่หลบตาผม ทุกคนหลบตาผม...นี่มันอะไรกัน
“หนึ่งตอนนี้ทุกคนเห็นตรงกันนะลูก ว่าเราจะปล่อยให้พ่อไปสบายได้แล้ว” ป้าบอกผม
เมื่อเห็นว่าแม่ผมคงยังไม่พร้อมที่จะพูด
“หนึ่งไม่เข้าใจครับ”
“หมอบอกว่า ตอนนี้ พ่ออยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น......” แม่ผมพูดได้เท่านี้ก็ร้องไห้อีก
“หนึ่งเข้าใจใช่มั้ยลูก...หนึ่งเก่ง...เข้าใจอะไรง่ายนะ...ตอนนี้เหลือหนึ่งคนเดียวเท่านั้น ....ว่าไงลูก”
“หนึ่งไม่เข้าใจ...นี่อะไรครับ...พ่อหนึ่งยังดีๆอยู่เลย เมื่อวานหนึ่งยังไปหาพ่ออยู่เลย”
“เราต้องถอดเครื่องช่วยหายใจ .... ไม่ช้า ก็เร็ว” ป้าผมย้ำ
“ทำไมทุกคนใจร้ายอย่างนี้อ่ะครับ ไม่มีการถอดอะไรทั้งนั้น ผมจะไปหาพ่อ จะไปดูพ่อเอง”
ผมร้องไห้โฮวิ่งออกนอกห้องไป ผมตั้งใจจะไปหาพ่อ ไปดูให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจอะไรผิดไปกันหมด
“ออยอยู่ไหน...ฮือๆๆๆๆๆ.....ทุกคนใจร้ายมากเลย
นี่น้องสาวผมก็เป็นไปกับเค้าด้วย.....ทำอย่างนี้กันได้ยังไง”
ผมร้องไห้ไปตลอดทาง จนถึงโรงพยาบาล
...
พ่อผมนอนนิ่ง....นิ่งมาก....อยู่ในห้อง I.C.U ผมอยากเข้าไปหาพ่อจังเลย
ผมยืนเกาะกระจกหน้าห้อง ร้องไห้อยู่อย่างนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ จนได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผม
“หนึ่ง...เห็นพ่อแล้วใช่มั้ยลูก...เห็นแล้วใช่มั้ยว่าพ่อเหนื่อยมากแล้วจริงๆ”
แม่ผมนั่นเอง ทุกคนตามผมมาที่โรงพยาบาล
“ผมพยักหน้าเบาๆ” ผมเริ่มเข้าใจแล้วล่ะครับ
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำให้พ่อ...ทรมาน...ไปมากกว่านี้
ผมเห็นออยยืนอยู่หลังน้องสาวผม มันไม่เข้ามาพูดอะไรกับผมซักคำ
ทั้งที่ตอนนี้ ผมต้องการกำลังจากมันมากที่สุด
“เราเข้าไปลาพ่อกันเถอะนะ” แม่ผมยกมือปิดหน้าร้องไห้
แล้วเดินนำ พวกเราไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่ห้อง I.C.U
……………………………………………………………………………………......................................................
“พ่อตื่นขึ้นมาสิครับ” ผมยังไม่อยากเชื่อตัวเอง กับภาพตรงหน้าผมตอนนี้
ผมกอดพ่อร้องไห้อยู่นาน จนแม่เรียก
“กราบพ่อซะลูก แล้วกลับบ้านกัน”
ผมกราบพ่อที่เท้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมทำอย่างนี้ เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งสุดท้าย
ตอนที่พ่อยังอยู่ เราไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องดีๆแบบนี้กันเลย
“ถ้าหนึ่งจะเป็นทหาร พ่อจะตื่นมั้ย....หนึ่งจะสอบทหารนะพ่อนะ พ่อตื่นขึ้นมานะ...ฮือๆๆๆๆ”
ผมพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บไว้ออกมา
พ่อผมอยากให้ผมเป็นทหาร อยาก ให้สอบนายร้อยให้ได้ แต่มันไม่เคยอยู่ในหัวผมเลยซักนิด
แต่ถ้าครั้งนี้ มันจะทำให้พ่อผมตื่นขึ้นมา รับรู้ความตั้งใจของผม ผมก็จะทำ
“ตื่นขึ้นมาสิพ่อ ..... ตื่นขึ้นมาสิ....” เสียงผมค่อยๆหายไป พร้อมกับที่ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง
ทุกคนร้องไห้กับการกระทำของผม
“พอแล้วลูก...พ่อเค้ารู้แล้วล่ะ ตั้งใจเรียนในสิ่งที่เราอยากเรียนนะ แค่นี้พ่อเค้าก็ดีใจแล้ว” แม่กอดผมไว้
น้องสาวผมก้มลงกราบที่เท้าพ่อ ผมอยากจะอยู่ตรงนี้นานๆ นานที่สุด เพื่อที่จะจำภาพพ่อของผมเอาไว้
...
“กริ้งงงงงงงงงงงงง...............” เสียงโทรศัพท์ข้างบ้านดังขึ้น
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงดีใจน่าดู นั่งลุ้นว่าจะใช่ออยโทรมาหรือเปล่า แต่วันนี้ มันตรงกันข้ามกันเลยครับ
“ขอบคุณค่ะ” เสียงแม่ผมพูดโทรศัพท์ตอบต้นสายที่โทรมา แล้วก็วางสายไป
น้ำตาแม่ผมไหลอาบแก้ม แต่ไม่มีเสียงสะอื้นของแม่ แม่ปาดน้ำตา แล้วบอกกับพวกเรา
“เจ้าหนึ่งพ่อไปสบายแล้ว”
สิ้นเสียงแม่ ผมกับน้องสาวกอดกันร้องไห้ เราร้องไห้มากที่สุดเท่าที่เราเคยร้องมาตลอดชีวิต
ออยเดินมาจับมือผม ตามันแดงก่ำ จริงๆผมไม่อยากให้มันมารับรู้
ความเศร้าโศกของบ้านผมเลย ผมบีบมือมัน
“ออยกลับหอเถอะนะ......ไปอ่านหนังสือซะ.......พรุ่งนี้สอบ.............หนึ่งขอบใจมากนะ”
“งั้น ออยไปก่อนนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก.....แล้ว......หนึ่งก็ต้องอ่านหนังสือด้วยเหมือนกันนะ”
“อ่านหนังสือเหรอ....ไปสอบพรุ่งนี้น่ะเหรอ....” ผมคิดในใจ
“พรุ่งนี้เจอกันนะ....เดี๋ยวออยมารับ”
“...........................................”

=======================================================
อ่านแล้วแบบว่า

อะนะ ไม่รู้จะว่าไง ถึงจะไม่ใช่เศร้าแบบเลิกราของคนรักก็ตาม
ยังไงๆก็ ขอบคุณที่เข้ามาเม้นนะคราบ ไว้พรุ่งนี้จะมาโพสต์ต่อเวลาเดิมๆ อิๆ