[นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***  (อ่าน 78933 ครั้ง)

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 13

นักศึกษาแพทย์อย่างแคนไม่คิดจะสนใจอะไรอีก มีหน้าที่เรียนก็คือต้องเรียน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เฝ้าแต่มุ่งมั่นอยากจะสานฝันของตัวเองให้เป็นจริง
ในวันหนึ่งเขาจะกลับมาเป็นแพทย์ชนบท จะกลับมาเป็นหมอของตำบล อยู่กับครอบครัว และไม่สนใจว่าใคร ๆ จะมองยังไง

เมื่อวันก่อน ความรู้สึกโง่เง่า ถาโถมเข้ามาในจิตใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้
สองวันของการค้นหาข้อมูลในหนังสือ และเพียรพยายามถามแม้กระทั่งโทรไปถามอาจารย์ที่สอนเขา
ถึงการวิเคราะห์สภาวะร่างกายและอารมณ์ของมนุษย์ที่มีผลสืบเนื่องมาจากจิตใจ

สุดท้ายคำตอบที่ได้ ................

."เธอกำลังมีความรักหรือเปล่า....ถามตัวเองดูก่อนสิ...ว่ากำลังเป็นอะไร เพราะถ้าแม้แต่ตัวเองยังวินิจฉัยโรคไม่ได้ แล้วจะเป็นหมอได้ยังไง"

เรื่องตลก เกิดขึ้นกับชีวิตเขาแล้ว

ความรักงั้นเหรอ

เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ

รู้แต่ทฤษฎีเต็มไปหมด ว่ามันมีผลกับอารมณ์ของมนุษย์ และผลักดันไปสู่ระบบการทำงานของร่างกายด้วย
จะทำให้ร่างกายหลังสาร อะดีนลีน และ.................

ข้อมูลมีอีกเป็นหน้า ๆ แต่เรื่องที่น่าตกใจก็คือ ว่าที่คุณหมอเลือกวิธีรักษาง่าย ๆ ด้วยการ

วินิจฉัยโรค ว่า...เมื่อเป็นโรครัก ก็ใช้วิธีหักใจไม่ให้รักซะก็หมดเรื่อง
เท่านี้โรครัก ก็ไม่มีผลกระทบอะไรอีก ก็แค่นั้น เพราะมันไม่ใช่โรคที่เกิดจากร่างกาย แต่เป็นโรคเกี่ยวกับจิตใจ

เฮ่อ...กลุ้มใจมานาน เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เอง

แคนผิดปกติแน่ ๆ คิดอยากจะเลิกรัก ก็คิดว่ามันจะเลิกได้ง่าย ๆ

หลังจากนั้นอีกสองวัน ว่าที่คุณหมอก็กินข้าว นอนหลับได้อย่างสงบสุข

และในวันที่สามเสื้อผ้าสองสามชุดก็ถูกเก็บลงกระเป๋า ร่างโปร่งบางก้มกราบแม่ของตัวเอง ก่อนจะสะพายกระเป๋า
ออกเดิน เพื่อจะโบกรถให้ไปส่งในตัวจังหวัด และตีรถกลับยังกรุงเทพ

แต่แม่ของเขากลับเรียกเอาไว้

"แคนเดี๋ยวลูก....พอดีนายช่างเขาบอกแม่ว่าจะเข้ากรุงเทพวันนี้....แม่เลยฝากแคนติดรถนายช่างเขาไปด้วย..."

ร่างโปร่งหันหลังกลับมามองหน้าของแม่ด้วยความมึนงง

แม่ครับ....ลูกแม่กำลังอยู่ในช่วงหักใจ ตัดใจจากความรักนะครับ ทำไมแม่ถึงได้ส่งลูกให้กับ เจ้าเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า เลิฟ ได้ล่ะแม่

"ไม่เอานะแม่...แคนกลับเองได้ แคนไม่ไปกับไอ้กระชายหรอกนะ"

และสงครามระหว่างแม่ลูกก็เริ่มต้นขึ้น สุดท้าย เจ้าของร่างโปร่งบางนั้นก็พ่ายแพ้ไปตามระเบียบ
พร้อมกับในเวลาไม่นาน ก็มีรถเข้ามาจอดในรั้วบ้าน พร้อมกับร่างสูง ผิวคล้ำนั้น เดินลงมาช่วยว่าที่คุณหมอหิ้วกระเป๋า

"ฝากด้วยนะนายช่าง...ถ้าทำตัวไม่ดี...ก็ตีได้เลยจ่ะ"

ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกและดันหลังลูกชายให้ขึ้นไปนั่งบนรถได้อย่างเรียบร้อย

ร่างสูงนั้นพนมมือไหว้ แม่ของคนที่เขารัก โดยที่ว่าที่คุณหมอเข้าไปนั่งหน้างอหงิกรออยู่ในรถ
ร่างสูงเดินตามเข้ามานั่งที่นั่งคนขับ และออกรถในทันที

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความเงียบระหว่างคนสองคน ดูน่าอึดอัด แต่สำหรับว่าที่คุณหมอที่เอาแต่อ่านหนังสือไปตลอดทาง ปัญหาเรื่องความน่าอึดอัดใจไม่ใช่
เรื่องที่จะสามารถมาก่อกวนใจได้เลยสักนิด

"เปลี่ยนไปนั่งข้างหลังมั้ย....มีหมอนนะแคน...เผื่อง่วงจะได้หลับเลย...มีชมพู่ในตระกร้าด้วย...ถ้าแคนหิวมีกับข้าว
ใส่ปิ่นโตมาให้ด้วยนะ...ถ้าหิวน้ำก็ในกระติกนะแคน"

นายช่างสมชายเหลือบสายตามองคนข้าง ๆ อยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีวี่แวว ที่ว่าที่คุณหมอจะหันมาสนใจเขาเลยสักนิด
แคน...เกลียดเขา....แคนเกลียดคนที่เข้ามาวุ่นวายด้วย เกลียดจนถึงขนาดร้องไห้
แต่เขาก็ยังมาวุ่นวายกับแคนอีกจนได้ แม้จะพยายามออกห่างแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็กลับมาเป็นคนน่ารำคาญสำหรับแคนเหมือนเดิม

แม้เขาจะพูดอีกร้อยอีกพันประโยค นอกจากความเงียบแล้ว....ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิด
เขาก็เลยจำใจต้องเงียบ และมองภาพถนนเบื้องหน้า...สนใจอยู่กับการพาแคนไปส่งยังที่หมายให้ปลอดภัยเท่านั้น

ว่าที่คุณหมอ นั่งเงียบ ทั้งที่หัวใจเริ่มสั่น...ตั้งแต่ออกเดินทาง
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ไม่รู้จะคุยอะไร ได้แต่เงียบ ก้มมองหนังสือเล่มหนา หลายครั้งที่เผลอเหลือบสายตาขึ้นไปมองร่างที่สนใจกับการเดินทาง
และหยุดหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกับเขาไปแล้ว จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาเอาแต่เงียบเอง ปากกำลังจะพูด แต่สุดท้าย มันก็กลับหุบเงียบเหมือนเดิม
จนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี.....สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจพูดออกมา ไม่มีอะไรต้องหวาดหวั่นในเมื่อเขาเหนือกว่าคนที่นั่งอยู่เคียงข้างในทุก ๆ ทาง
แล้วทำไมจะต้องเกรงใจกันด้วยล่ะ ไม่มีทางซะหรอก

"กระชาย....เอ็ง....กินชมพู่มั้ย..."

เสียงที่ไม่ได้ยินมาตลอดสามวันของคนที่นั่งเคียงข้าง เอ่ยถามคนขับ

ร่างสูงหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ แคนยอมพูดกับเขาแล้วเหรอ

แคนวางหนังสือลงและพยายามจะหันหลังกลับไปมองเบาะรถด้านหลังที่มีของหลายอย่างวางอยู่ รวมทั้ง ชมพู่ในตระกร้าสานด้วย
มือเรียวยาวสองข้างพยายาม ดึงตระกร้าที่มีชมพู่บรรจุอยู่หลายผลและยกมาวางไว้บนตัก
ก่อนจะหันหน้าไปถามร่างสูงที่หันกลับมามองเป็นระยะ ระยะ

"ชมพู่ล้างหรือยัง....."

แคนเอ่ยถาม และร่างสูงเคียงข้างก็พยักหน้ารับ

"กินมั้ย.....ชมพู่....เนี่ย" ผลชมพู่แดงสดถูกยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากของร่างที่กำลังงุนงง ว่าแคนจะเล่นอะไรกับเขากันแน่

นายช่างสมชาย ขบฟันลงที่ผลชมพู่ ในขณะที่สายตาต้องจ้องมองกับถนนลาดยางเบื้องหน้า

"กินข้าวมั้ย....เดี๋ยวข้า...ตักให้"

คำพูดที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ยิน...จู่ ๆ แคนกลับมาพูดกับเขาแบบนี้ ทั้งที่หลายวันก่อน ทำเหมือนโกรธเกลียดเขาขนาดนั้น
แคนมีอะไรในใจหรือเปล่า
"เอ็งมีอะไรก็บอกมาดีกว่าแคน...อย่าทำดีกับข้าทั้งที่เกลียดขี้หน้ากันเลย..มันน่าอึดอัดจะตายไปนะ..ฝืนใจทำแบบนี้น่ะ"

เขาคงทนไม่ได้ ถ้าจะทำให้แคนต้องรู้สึกไม่ดี หรือเกรงใจเขา แคนเป็นอย่างที่แคนเป็น เขารับได้
โมโหใส่ หงุดหงิดใส่มากแค่ไหน เขาก็รับได้ แต่อย่าแกล้งทำดีกับเขาแบบนี้

"เอ็งนึกว่าข้าป้อนชมพู่เอ็งเนี่ย....ข้าทำเพราะแกล้งหรือไง...ข้าสงสารหรอกนะที่เอ็งขับรถแล้วก็หิวด้วย
เอ็งนี่ยังไงวะกระชาย......ข้าอุตส่าห์ทำดีด้วย...มาหาว่าข้าทำดีหวังผลหรือไงวะ...งั้นก็อย่ากินเลยดีกว่า...ข้ากินคนเดียวก็ได้"

ในครั้งแรกนายช่างสมชายคิดว่าแคนจะเงียบอีก แต่แล้ว เขาก็ยิ้มออกมาได้ในทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของคนที่เขารัก

แคนเป็นแบบนี้.........แคนที่พูดอะไรเอาแต่ใจแบบนี้....ถึงเป็นแคนตัวจริง
ความขุ่นเคืองใจเมื่อหลายวันก่อน มลายหายไปกับตา
.แคนก็คือแคน....ถึงจะโกรธเขาและต่อว่าเขาต่าง ๆ นา ๆ แต่ก็ไม่เคยมีวันไหนที่ความน่ารักลดน้อยลงสักนิด
ร่างสูงยิ้มกริ่ม และหัวเราะเสียงเบา
รอมานาน รักมานาน ถ้าจะให้รอต่อไป ก็ไม่แปลก เขารอแคนได้เสมอ

"ท่าจะบ้า...ไม่ได้กินชมพู่เลยหัวเราะ...เอ็งบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลยไอ้กระชาย...แล้วตกลงเอ็งจะกินมั้ย...ข้าอุตส่าห์ป้อนนะ"

มือนั้น ยังเอื้อมเข้ามาและพยายามจะยัดเยียดชมพู่สีสดใส่ปากของเขาให้ได้ แถมยังทำหน้างอโมโหเขาซะอีก

"แคนยัดเข้าไปแบบนี้ก็สำลักตาย...ป้อนดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง...."

ร่างสูงนั้นเอ่ยบอก และก็เหมือนเดิม แคนยังพยายามยัดชมพู่ใส่ปากของเขาทั้งผลเหมือนเดิม จนนายช่างสมชายทนไม่ไหว ต้องเลี้ยวรถเข้าจอดที่ข้างทาง

และดึง มือเล็ก ๆ ที่ถือชมพู่นั้นเข้าหาตัว ดึงผลชมพู่ออกและตีเบา ๆ ที่มือของว่าที่คุณหมอ เพราะความหมั่นไส้ ในนิสัยที่ยิ่งว่า ก็เหมือนยิ่งยุ

"จะตีให้มือหักเลยนะ...ทำไมทำแบบนี้...ขับรถอยู่ เดี๋ยวก็ได้ตายกันทั้งสองคนหรอกรู้มั้ย" ถึงจะเอ็ดไปแล้ว แต่เจ้าของมือกลับยังพยายามที่จะยื้อยุดมือออกห่าง
และดึงเอาผลชมพู่อีกผลหนึ่ง เพื่อจะเอายัดเข้าปากของคนสั่งสอนทันที

"เอ๊ะ...แคน...ทำไมทำอย่างนี้...บอกไม่เชื่อเลยหรือไง...ทำไมเป็นคนแบบ นี้...พูดอะไรไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วจะเป็นหมอได้ยังไงเนี่ย...โอ้ยแคน..พอ แล้ว..เสื้อเปื้อนหมดแล้ว"

ร่างสูงนั้นต้องถอยหนี เพราะว่าที่คุณหมอไม่ยอมลดลาวาศอกเลยสักนิด

"ก็แล้วเอ็งจะทำไม...ทำได้แค่ตีมือ...ข้ากลัวจะตายอยู่แล้วกระชายเอ้ย ....โธ่...กิน ๆ เข้าไปเล้ย...เร็ว..กินเดี๋ยวนี้ไอ้กระชาย กิน กิน กิน"

คนตัวเล็กกว่า เห็นเป็นเรื่องสนุก ที่ได้แกล้งเอาคืนบ้าง และไม่ได้มีทีท่าจะเลิกเลยสักนิด

"ท้าจังเลยนะ....คิดว่าจะทำอะไรไม่ได้หรือไง...เอ็งทำได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกันนะแคน....อยากกินชมพู่เหมือนกันใช่มั้ย...งั้นกินเลยแคน
กินเดี๋ยวนี้เลย....กิน กิน กิน..เร็ว..อ้าปาก..กินเดี๋ยวนี้เลย"

การเอาคืน ไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่ทำให้ยิ่งสนุก คนตัวเล็กกว่าเบี่ยงตัวหลบ และไม่ยอมแพ้ด้วยการ พยายามจะเอาผลชมพู่ในมือใส่เข้าปากของอีกคนให้ได้

"ไอ้กระชาย...หยุดนะเว้ย....เอ็งแหละกิน...ข้าไม่กินเว้ย..."

ร่างโปร่งบาง ตะโกนร้องลั่น หนีออกห่าง แต่ก็โดนดึงให้เขาหา สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ จนต้องหัวเราะออกมาในที่สุด

"งั้นผลัดกัน...คนละคำ....ตกลงมั้ย...."

ร่างสูง ยื่นคำขาด....และคนที่ไม่สมควรเรียนแพทย์ ก็ยอมทำตาม แต่ไม่โดยดี..
เพราะเมื่อเวลาที่ถูกป้อน แคนก็แค่กัดเบา ๆทีผลชมพู่ กัดแค่พอดีคำเท่านั้น ส่วนเวลาป้อนกลับ ก็กระแทกมือเข้าไปเต็ม ๆ จนใบหน้าคมนั้น หงายไปข้างหลัง

"โอ้ย...นี่จะไม่ยอมลดให้สักนิดเลยใช่มั้ยเนี่ย...."

นายช่างสมชายบ่นเสียงเบา แต่ก็ยิ้มได้....เมื่อสบตากับดวงตากลมโตที่ทอดมองมาอย่างนึกสนุก และยิ้มจนตาหยีเช่นกัน
ยิ้มให้กันแบบนั้นเป็นนานโดยที่ไม่รู้ตัวว่านานแค่ไหน ดวงตาคมสบตากับดวงตากลมโต สื่อความหมายความรู้สึกบางอย่างให้ได้เห็นอย่างชัดเจน
จนร่างโปร่งบางต้องขยับกลับมานั่งที่ของตัวเองให้เรียบร้อย และหรุบสายตามองที่ตระกร้าสานใส่ผลไม้ที่วางอยู่บนตัก

"สนุกมั้ย...." ร่างสูงเอ่ยถามและยิ้มเพียงเล็กน้อย ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ และขับกลับเข้าไปบนถนนอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหมดเวลาเล่นสนุกแล้ว

"ก็ดี......." ร่างโปร่งบางเอ่ยตอบ กอดตระกร้าผลไม้ไว้แน่น และไม่ได้หันกลับไปสบตากับร่างสูงนั้นอีก เพราะรู้สึกว่า ใบหน้าของตัวเองชักจะหุบยิ้มไม่อยู่

อารมณ์ขุ่นมัว เจือจางลงไปมาก...ตั้งแต่เมื่อครู่....

มือเล็ก ๆ หยิบผลชมพู่ขึ้นมาก่อนจะแบ่งเป็นสองซีก ซีกแรก ป้อนเข้าปากตัวเอง
ส่วนอีกซีก ส่งให้กับริมฝีปากของคนขับรถ

และอมยิ้มนิด ๆ เมื่อรู้สึกว่า หัวใจที่เคยสั่นไหว ไม่ได้ไหววูบจนน่ากลัวเหมือนครั้งก่อน
แต่อยู่ในสภาวะปกติ ไม่ได้มีความเครียดสะสมด้วย แต่ รู้สึกเหมือนกำลังมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

ผลชมพู่ถูกบิส่งให้กับนายช่างสมชายอีกหลายชิ้น พร้อมกับที่ดวงตาคมไหวระริกทุกครั้ง ที่มองมือเล็ก ๆ ที่ส่งผลไม้เข้าปากของเขา

แบบนี้.....มันดีแน่แล้วหรือเปล่า เขาก็ไม่รู้

แต่อย่างน้อย เขาก็รู้สึกว่า ก้าวเดินตามเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่วิ่งนำหน้าเขาไปเสมอ อีก หนึ่งก้าวแล้ว

TBC....

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 14

“กระชาย....วันนี้วันศุกร์แล้วนะ....ข้าเรียนหนักจะตาย...เครียดจะแย่แล้ว.....มาหาด้วยนะเว้ย”

เสียงใครถ้าไม่ใช่เสียงของแคนที่กรอกลงไปในโทรศัพท์โดยไม่เคยคิดจะรอคำ ตอบเลยสักนิดแล้วก็กดวางไปเฉย ๆ พร้อมกับที่เดินออกมานั่งรอที่ศาลาหน้ามหาวิทยาลัย
เครียด......
เหนื่อย.....
อยากพัก....ถ้าไม่พักคงทำอะไรไม่ได้อีกแน่ ๆ เพราะดูเหมือนว่าพลังงานชีวิตลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่กลับมาจากบ้าน อะไรก็ดูสดชื่นไปหมด เสียอย่างเดียว เป็นโรคเหงา
แล้วก็คิดถึงแต่ไอ้กระชายตัวดำทุกวัน ไม่รู้ว่าทำไม
แต่คนที่ด้อยกว่าเขาต้องออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ ไปนั่นไปนี่ แล้วก็เอาผลไม้จากภาคต่าง ๆ มาฝากเขาอยู่เสมอ ๆ เอามาเอามาทีละเยอะ ๆ เป็นเข่ง ๆ แจกเพื่อนนักศึกษาแพทย์หอเดียวกัน ได้ทั้งตึก

และวันนี้คนที่เคยสอบได้ที่โหล่บอกว่าจะกลับมาหลังจากไม่ได้พบหน้ากันนานเกือบเดือนตั้งแต่กลับมาจากที่บ้าน
แล้วก็สัญญาว่าจะเอาผลไม้จากทางเหนือมาให้อีกต่างหาก มีหรือว่าที่คุณหมอจะไม่ดีใจ
นั่งรอเป็นเวลานาน แล้วก็ได้เห็นรถเข้ามาจอด ไม่ใช่ใคร นายช่างสมชายนั่นเอง
กระจกรถเลื่อนลงช้า ๆ พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคย

“แคนขึ้นมาเร็ว...เดี๋ยวเอาสตอเบอรี่ไปลงให้ที่หอ”

แล้วร่างโปร่งบางนั้นก็วิ่งมาจากศาลา ขึ้นมานั่งที่นั่งประจำเรียบร้อย

“เป็นไงมั่ง....ช่วงนี้เรียนหนักเหรอ....ปี 5 แล้วนี่นะ....ไม่เจอแป๊บเดียว หน้าซีดจังเลยนะ อดนอนหรือไง”

ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้น หันหน้ามาถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หนังสือหลายเล่มถูกโยนไปไว้ที่เบาะหลังรถพร้อมกับที่ร่างโปร่งบางนั้น ดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกง และเอาหน้าไปจ่อที่ช่องแอร์เพื่อรับอากาศเย็นให้มากที่สุด

“ร้อนชะมัดเลย....ปล่อยให้นั่งรอตั้งนาน...ไปทำอะไรที่ไหนมา....คราวหน้ามาช้า ข้าไม่รอเอ็งแล้วร้อนก็ร้อน หิวก็หิว ง่วงอีกต่างหาก”

ร่างสูงหัวเราะกับท่าทางของร่างโปร่งบางนั้น ท่าทางจะร้อนจริง ๆ หน้าแทบจะชิดติดอยู่กับช่องแอร์แล้ว

“แคนจะเป็นผีช่องแอร์เหรอ....เอาหน้าไปจ่อซะใกล้เลย....บ้านเรากลางวันร้อนกว่านี้ยังเห็นนอนได้เลย”

คำหยอกเย้าทำให้แคนเงยหน้าขึ้นมองคนที่ไม่ได้พบเจอกันมา หลายสัปดาห์

“ก็อันนั้นมันหลับ....เอ็งก็รู้ถ้าข้าหลับแล้ว....หลับยาว...อยู่ในเตา อบข้าก็หลับได้....แล้วเอาอะไรมาล่ะงวดนี้.....สตอร์เบอรี่หรือเปล่า....ข้า สั่งสตอร์เบอรี่ไปนะ....ถ้าไม่ใช่ข้าไม่เอาหรอก...”

บทสนทนาราบเรียบไม่มีอะไรแปลกใหม่.....แต่ความสัมพันธ์ที่เคยห่างไกล ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาอีกนิด

“อือ..อยู่หลังรถแน่ะ..เหงื่อออกเยอะเลย.....กระดาษทิชชู่อยู่เบาะหลัง ....จะกลับหอไปอาบน้ำเลยหรือเปล่า...หรือจะไปดูหนังก่อน.....ช่วงนี้เรื่อง อะไรเข้าล่ะ....”

ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้กลับมาอยู่ที่กรุงเทพ เพราะต้องไปราชการที่นั่นที่นี่บ่อย ๆ แต่ละครั้งไปเป็นระยะเวลานานบ้าง เร็วบ้างจนบางครั้ง แทบจะลืมกันไปเลย ดีที่ยังมีโทรศัพท์ที่พอจะเอาไว้ใช้ติดต่อกันได้ แต่ถ้าเข้าไปในป่าในเขาสัญญาณก็ขาดหายได้เหมือนกัน
ทำให้ยากแก่การติดต่อ แต่เขาก็ไม่สามารถจะหนีหายไปไหนได้หรอก ในเมื่อคนที่ต้องกลับมาหา
คนที่ทำให้ทุกวันมีค่า และทำให้เขาอยากจะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา กำลังรอผลไม้จากเขาอยู่

ถึงจะแค่ผลไม้.....
เทียบกับเมื่อก่อนที่แม้แต่หน้าของเขาแคนก็ไม่เคยมองสักนิด ชื่อของเขาแคนก็ไม่เคยคิดจะจำ
ตอนนี้มันต่างกันเยอะ อะไร อะไร ดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ได้คุยกัน ไปไหนด้วยกัน
บางครั้งก็ได้หยอกล้อกันบ้าง สงบสุขเรียบเรื่อย ไปตามอัฒภาพ
“กลับไปอาบน้ำที่หอก่อนได้มั้ย มันร้อนอ่ะ....แล้วเดี๋ยวค่อยไปดูหนัง.....แล้วเอ็งจะอาบด้วยเลยหรือเปล่ากระชาย.......”

ว่าที่คุณหมอพูดไปเรื่อยเปื่อย และหยิบกระดาษทิชชู่จากเบาะหลังรถมาซับเหงื่อที่ใบหน้าของตัวเอง
มองไปมองมาก็เห็นว่าคนขับ คงจะร้อนเหมือนกัน เพราะเขาแย่งแอร์ไปซะหมด เห็นเหงื่อหยดเป็นทางยาว เลยใช้กระดาษทิชชู่ซับไปที่ต้นคอของอีกคน เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว

“แค่นี้ทำเป็นร้อน....ทีไปซ่อมเขื่อนไม่ร้อนตายเหรอวะกระชาย...... อ๊ะ...อ๊ะ..เอ็งเงียบไปเลยถ้าจะว่าข้า....เพราะไม่เหมือนกัน....เอ็งน่าจะทน ได้มากกว่า ส่วนข้าทนไม่ได้ก็ไม่เห็นแปลก....เพราะยังไง
ข้าก็ต้องเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลไม่ได้ตากแดดเหมือนเอ็งซะหน่อย...เพราะว่าข้าไม่ชินกับแดดเหมือนเอ็ง....”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน พูดแบบนี้จะต่างอะไรกับการดูถูก แต่ก็ช่างเถอะ....บอกแล้วว่าให้เอาแต่ใจมากแค่ไหนก็ได้ จะงี่เง่างอแงมากแค่ไหนก็ยอม เพราะรู้ว่าแค่เรียนหนัก แล้วก็เหนื่อยพออยู่แล้ว
ต่อไปถ้าต้องเป็นคุณหมอแสนดีต่อหน้าคนไข้ตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องสนุกนักหรอก แต่เขารู้ว่า แคนสามารถทำหน้าที่นั้นได้ เพราะฉะนั้น ในเวลาแบบนี้ให้แคนแสดงนิสัยที่แท้จริงดีกว่า แค่เวลาปกติ ที่ต้องทำตัวเป็นคนแสนดี ก็คงจะเบื่อแย่แล้ว...เพราะฉะนั้นกับเขาแล้ว แคนจะเป็นยังไงก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ให้แคนเป็นแคนแบบนี้ก็พอ...

“เงียบอีกแล้ว....ข้าเบื่อเอ็งจริง ๆ ...เออกระชาย....ข้าไม่รู้ว่าจะได้ไปฝึกที่ไหนล่ะ.....เป็นแพทย์ฝึกหัดเนี่ย คงจะสนุกดีพิลึกเลย....ข้าจะได้ไปตรวจคนไข้จริง ๆ แล้วนะ....ข้าเก่งกว่าเอ็งช่ายม้าย เนอะกระชายเนอะ.....อันที่จริงคนเก่งนะกระชาย ยังไงก็เป็นคนเก่งอยู่วันยังค่ำแหละ...ใช่มั้ยวะ”

แล้วแคนก็หัวเราะชอบใจ.....นั่งกอดอกอมยิ้มไปตลอดทาง
จนร่างสูงที่นั่งเคียงข้างนึกขำ....ไม่อยากจะเถียงด้วยหรอก....เถียงคน เก่ง ยังไงก็แพ้อยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าทำตัวไม่ดีก็ต้องมีบอกมีเตือนกันบ้าง

“รู้แล้วว่าเก่ง.....โดนหอมแก้มกี่ครั้งก็เฉย ๆ ไม่โวยวายเลยสักนิด....”

คำพูดลอย ๆ แต่กระทบใจคนฟังอย่างจัง นี่อุตส่าห์ลืมไปแล้วนะ ยังมากวนให้นึกขึ้นมาได้อีกเหรอเนี่ย

“อะไรวะ ...หอมเหิมอะไร...ไม่มีหรอก.....โธ่เอ้ย...แค่กอดแค่หอม....มากกว่านี้ก็เคย ทำ...ผ่าศพก็ผ่ามาแล้ว เห็นอะไรตั้งเยอะมากกว่าเอ็งเห็นด้วยแหละกระชาย......เอ็งเงียบไปเลยไป๊”

ถ้าเถียงแพ้ให้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
แล้วจะได้เห็นว่าคุณหมอจะลุกลี้ลุกลนผิดปกติ มือไม้ที่เคยอยู่ในที่ปกติ เริ่มพันกันไปมา
และใบหน้าเนียน ๆ ขาว ๆ ก็จะเริ่มแดงเรื่อ อย่างน่าแปลกใจ
นายช่างสมชายไม่เคยสังเกต เลยไม่เคยได้รู้ แต่พักหลัง ๆ แกล้งพูดเล่น ๆ ลอย ๆ แคนจะเกิดอาการแปลก ๆ แบบนี้ทุกที ยิ่งดูก็ยิ่งแปลก ดูแล้วก็ยิ่งเห็นว่าน่ารักไปอีกแบบ
แคนที่พูดอะไรติด ๆ ขัด ๆ และชอบหยิบหนังสือขึ้นมาบังหน้าแบบกระทันหัน หรือไม่ก็เอาแต่มองไปข้างนอก ไม่ยอมพูดนั่นพูดนี่อีกเลย ดูน่ารักดีจริง ๆ

“ก็จริงนี่....หอมนิดหอมหน่อย...ทำเป็นโกรธ....ทำเหมือนสาว ๆ ไปได้ พูดทีไรเห็นอ๊าย อาย บิดไปม้วนมาเป็นกุ้ง....แล้วจะให้คิดยังไงล่ะ…จะให้คิดว่าเก่งได้ยังไงแบบ นี้”

ตามองถนนแต่คำพูดที่ยิ่งพูดไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้คนที่หันกลับไปหยิบหนังสือที่เบาะหลังรถ เอามาปิดหน้าไว้ พาลจะทำอะไรไม่ถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ
น่ารักมั้ยล่ะแบบนั้น จะให้คิดยังไง ถ้าไม่ใช่.....เพราะว่าความเขินอาย

“แคนถึงแล้ว.....จอดรถข้างหอได้หรือเปล่า.....”

รถถูกเลี้ยวเข้ามาจอดไว้ข้างตึกโดยมีร่างสูงเดินลงมาจากรถ และยกตระกร้าใส่สตอเบอรี่ลงจากกระบะหลัง โดยมีว่าที่คุณหมอหยิบหนังสือสองสามเล่ม เดินตามลงมาและผู้ไม่ได้พักอาศัยในหอพัก แต่กลับเดินอย่างคล่องแคล่ว นำหน้าขึ้นไปบนหอพักแล้ว

“แคนเดินเร็ว ๆ......อยากเข้าหอกับแคนเต็มทีแล้ว”

นายช่างสมชาย เอ่ยล้อเลียนคนที่เดินตามมาอย่างเชื่องช้า และในเวลาไม่นาน กุญแจห้องก็ถูกไขเปิดออก พร้อมกับที่สองร่างเข้ามาอยู่ในห้องเป็นที่เรียบร้อย

“เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะกระชาย.....ข้าฟังไม่ถนัด...ไหนพูดอีกทีซิ....”

แคนวางหนังสือไว้บนเตียงและหยิบผ้าขนหนูมาถือไว้
“ไม่ได้พูดอะไรเลย......”

ถาดสตอเบอรี่ถูกเอามาวางไว้ที่ข้างตู้เย็น และฝ่ามือแกร่งก็เปิดตู้เย็นหาน้ำมารินดื่มเพื่อคลายความกระหาย

“แต่ข้าได้ยินเอ็งพูด.....”

แคนยังไม่เลิกคาดคั้น....แล้วก็ได้คำตอบเหมือนเดิม

“ไม่ได้พูด.....แต่ถ้าอยากให้พูดก็ได้..เอามั้ย”

ร่างโปร่งบางมายืนอยู่ตรงหน้าคนที่กำลังดื่มน้ำและสะบัดผ้าขนหนูเล่น

“ทำไม...จะพูดอะไร”
ยังคงปากกล้าไม่เลิก.....ถ้าแคนได้รู้ความคิดของคนตรงหน้าคงอายจนไม่รู้จะหนีไปไหนได้แน่ ๆ

“พูดแล้วไม่โกรธ....แล้วจะพูดสัญญาหรือเปล่า”

ร่างสูงเอ่ยขอคำสัญญา จากร่างโปร่งบางที่พันผ้าขนหนูเล่น และเดินไปหยิบผลสตอเบอรี่ในถาด มาแบ่งใส่จานเพื่อจะนำไปล้าง

“เออ....พูดมาซะที” มือเล็ก ๆ ถือจานไว้ในมือและเตรียมเดินเข้าห้องน้ำ แต่หยุดยืนรอฟังคำพูดของอีกคนก่อน

“ก็.....อือ.....เมื่อกี้นี้พูดว่า......คือจะบอกว่า ....ว่าที่คุณหมอแคนเนี่ย.....น่าหอมแก้มจังเลยนะ...น่าจูบด้วย... น่ากอดด้วย.....เป็นผู้ชายจริง ๆ หรือเปล่า อยากพิสูจน์จริง ๆ “

ก็รู้ว่าหาเรื่องใส่ตัว แต่ก็ยังกล้าพูดออกมา คำพูดนั้น ทำให้ร่างโปร่งบาง ปล่อยจานในมือหลุดลงแตกกระจายทันที

“ไอ้กระชาย......เอ็งเป็นบ้าไปแล้ว.....หุบปากไปเลย....ข้าไม่อยากฟังสักนิด”

เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีใครพูดอะไรอย่างนี้ด้วย แค่โดนพูดอะไรแปลก ๆ ด้วยนิดเดียว ก็พาลจะทำอะไรไม่ถูกแล้วนี่เล่นรัวคำพูดออกมาเป็นชุด มีหรือจะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ได้
ร่างนั้น ทำท่าจะเลี่ยงเดินหนีเข้าห้องน้ำไป โดยมีใครคนหนึ่งมองตามพร้อมรอยยิ้ม

แคนชอบหนี......

ไหนล่ะเก่ง.......

นี่เก่งไม่จริงแล้วนะ.....ขนาดไม่ได้แตะสักนิด ยังเขินขนาดนี้ แล้วถ้าลองแตะดูนิด ๆ หน่อย ๆ
จะน่ารักได้ขนาดไหนนะ
ความคิดไปไกล แต่มือไปเร็วกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน...เอื้อมมือเพียงนิดเดียวก็ดึงข้อมือของอีกคน ให้มาเผชิญหน้าได้ไม่ยาก

เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ แก้มใส ๆ ยิ่งแดงเรื่อกว่าปกติ
ดวงตากลมโตไหวระริกหวาดหวั่น และเหมือนไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนเวลาปกติ
มือเล็ก ๆ พยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม

โดยไม่รู้ว่าคนที่จับแขนของตัวเองเอาไว้ มีความรู้สึกอย่างไรในเวลานี้
เหมือนกับว่าบางสิ่งบางอย่างที่เคยถูกเก็บไว้นานแสนนาน
ประทุขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ตั้งแต่ที่ได้เห็นใบหน้าน่ารัก ที่พยายามเมินหลบไปทางอื่น
หัวใจเหมือนล่องลอยหลุดการควบคุมไปแล้ว

“แคน....น่ารักจริง ๆ นะ.....ไม่ได้ล้อเลียนหรือพูดเล่น”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่นัยน์ตาคมที่เคยเปล่งประกายกลับดูเหม่อลอย ต่างจากทุกทีและแค่เพียงออกแรงนิดเดียวก็ดึงให้ร่างโปร่งบางเข้ามาซุกซบอยู่ ในอ้อมกอดได้อย่างง่ายดาย แม้ร่างโปร่งบางจะดิ้นรนอยู่บ้างในคราวแรก แต่แค่ระยะเวลาไม่นาน ก็กลับนิ่งสงบได้อย่างน่าประหลาด เหมือนกับจิตใจบังคับร่างกายให้เป็นอย่างที่คิดไม่ได้เลยสักนิดเดียว

TBC…

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักตัองใช้ใจศึกษา 15

"ถ้าแคนต้องไปฝึกงาน...แล้วถ้าเราต้องห่างกันนาน ๆ แคนจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ย"

เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วอยู่ที่ข้างหู ของร่างโปร่งบางที่กำลังตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ อ้อมแขนนั้นยิ่งกระชับร่างโปร่งบางเข้าหาตัวมากขึ้น
กอดรัดแนบแน่นบอกให้รู้ว่าช่วงเวลาที่ห่างกันนั้น ร่างสูงมีความรู้สึกแบบไหน

ไม่มีเสียงตอบจากร่างที่ซุกซบอยู่ในอกกว้างแต่แสนอุ่นนั้น นอกจากเสียงถอนหายใจยาวของคนที่กำลังโอบกอดร่างที่แสนคิดถึงไว้ในอ้อมแขน
นายช่างสมชาย ปล่อยให้ร่างเล็กเป็นอิสระ และส่งยิ้มเศร้า ๆ มาให้

"โทษทีเหอะ...ข้าคิดถึงเอ็งว่ะ...โกรธป่าวเนี่ย...ข้าไม่ได้คิดอะไรลามปามนะเว้ย...เพื่อนกันน่ะเพื่อนกัน"

เพราะแคนเอาแต่นิ่งและจ้องมองใบหน้าคมด้วยความมึนงง แถมซ้ำยังกระพริบตาปริบ ๆ เหมือนกับว่าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขาก็ยิ่งคิดในทางไม่ดีหรือว่ากำลังโกรธกันน่ะ

"กอด....แบบเพื่อนเหรอ.." น้ำเสียงหวานแผ่วพริ้ว ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ในครั้งแรกที่ถูกดึงเข้าไปหา มีความรู้สึกว่าตกใจ
จนทำอะไรไม่ถูก กลัว...อยากผลักให้ออกห่าง แต่พอได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนั้นแล้ว ความตกใจ และหวาดกลัว
กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยน ที่ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นถ่ายเทมาให้ ฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังอย่างทะนุถนอม
นั่นยิ่งทำให้อยากซุกซบอยู่อ้อมกอดนี้ไปนาน ๆ ไม่อยากที่จะต้องห่างออกไป เพราะคิดถึง...อยากเจอ...ไม่รู้เหตุผลว่าคืออะไร
พอถูกกอดแบบนี้กลับรู้สึกดี อย่างน่าประหลาด

แต่ประโยคที่ว่า............กอดแบบเพื่อน............

กลับทำให้ว่าที่คุณหมอ ที่อยู่ในสภาวะจิตใจไม่ปกติ
ขมวดคิ้วมุ่น กัดริมฝีปากตัวเองจนขึ้นห้อเลือด ความรู้สึกหลังจากนั้น คือความหงุดหงิด โมโห

"รำคาญว่ะ...รำคาญจริง ๆ ด้วย...คราวหน้าอย่ามากอดข้าอีกนะ...ขยะแขยงชะมัด"

ปากพูด แต่ไม่ใช่ตามความคิด เพราะโมโห เพราะรู้สึกหัวเสียถึงได้พูดแบบนั้นออกไป
ทั้งที่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองสั่นไหว และใบหน้าแดงซ่าน ด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่จู่ ๆ อาการเขิน ๆ อาย ๆ
ที่เป็น ๆ หาย ๆ เวลาได้อยู่ใกล้กันกลับกลายเป็นความรู้สึกแย่ ๆ ที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจ
"เออลืมไป...เอ็งคงไม่ชอบหรอกเนอะ...มาให้ข้ากอด ๆ หอม ๆ แบบนี้...ไม่ใช่ผู้หญิงนี่หว่า...ใช่ป่าว..."

ความรู้สึกไหววูบและเจ็บแปลบในอก ทำให้นายช่างสมชาย ต้องรีบหักห้ามความรู้สึกของตัวเอง ที่มันชักจะอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว
ยังไงซะ....แคนก็คงไม่ชอบให้คนสอบได้ที่โหล่อย่างเขา เข้ามาใกล้มากนักหรอก เดี๋ยวก็ไล่ เดี๋ยวก็บอกว่ารำคาญ

เขานี่มันยังไงนะ....เคยลั่นวาจาไปแล้วว่าจะไม่มาวุ่นวายตอแยด้วยอีก
สุดท้ายกลับทำไม่ได้ตามที่พูด...แล้วก็มาวุ่นวายให้แคนต้องรู้สึกแย่ ๆ ตลอดเวลาอีก

ทำดีให้ตาย...ถ้าไม่ได้ครอบครอง ก็แค่ขอดูอยู่ห่าง ๆ ก็ได้ แค่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขก็พอแล้ว
นี่เขาจะทำร้ายตัวเองไปถึงไหนกัน ไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกปวดบ้างเลยหรือยังไง

"ไอ้กระชาย...ข้าเบื่อเอ็ง...ข้ารำคาญ...ข้าเบื่อมากด้วย....เมื่อไหร่เอ็งจะไปห่าง ๆ ข้าซะที"

ว่าที่คุณหมอที่เอาแต่ใจ และแสนเย่อหยิ่ง ครั้งหนึ่งเคยพูดประโยคนี้แล้วไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด
แต่วันนี้...ประโยคที่พูดกลับทำให้คุณหมอรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
มันรู้สึกแปลก รู้สึกแย่ รู้สึกไม่อยากพูด แต่ปากก็พูดออกไปแล้ว พูดแล้วก็คิดอยากจะตบปากตัวเอง
อยากกลับไปแก้ไขคำพูดที่พูดออกไป

"งั้นเหรอ....เออเนอะ...ข้ามันโง่ก็งี้แหละวะแคน...พวกบัวใต้น้ำ...ต้องให้พูดซ้ำพูดซาก ไล่กี่ครั้งก็ยังไม่เข้าใจ
หน้ามันหนา...หน้าด้านจริง ๆ เลยนะข้าเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ พูดอะไรไปก็ไม่เคยรู้เรื่องเลย
ไม่เคยสำนึกด้วยว่าเอ็งรำคาญข้าจะแย่แล้ว...ข้า....มันแย่จริง ๆ นั่นแหละแคน "

ร่างโปร่งบางยืนมองคนที่พูดจาว่าร้ายตัวเอง แล้วอยากจะร้องไห้ ใบหน้าคมนั้น หม่นหมองลง
อย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกแบบไหน สุดท้าย กลับนิ่งเงียบไปเฉย ๆ

นั่นยิ่งเพิ่มความรู้สึกผิดให้กับร่างโปร่งบางเข้าไปอีก

"กระชาย.....ข้า...อาบน้ำแป๊บเดียวได้มั้ย....ข้าอยากไปดูหนัง.....กับ...เอ็งนะ...วันนี้ข้าไม่รำคาญเอ็งก็ได้นะ"

แคนเดินไปหยิบผ้าขนหนู และหันมามองหน้าอีกคนที่ส่งยิ้มจืดชืดไร้ซึ่งความรู้สึกต่าง ๆ มาให้
"รอได้...นานแค่ไหนก็รอได้..."

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วงึมงำในลำคอ

ร่างโปร่งบางหยุดชะงักทันที หลังคำพูดนั้น

"สิบปีรอไหวมั้ย....ถ้าถึงสิบปี...จะรอไหวมั้ยวะกระชาย..."
แคนเอาผ้าขนหนูพาดไว้บนบ่ายืนเอียงคอมองคนที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง แล้วเอ่ยถาม

ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งบางที่จ้องหน้าเขาตาไม่กระพริบ จริงจังกว่าทุกครั้ง ไม่เหมือนปกติ
หรือว่า .... หรือว่าเขาจะคิดไปเอง

"รอมา 11 ปีแล้ว...รออีก 10 ปี คงไม่เป็นอะไรถึงรู้ว่าอาจจะต้องรอไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เป็นไร"

นายช่างสมชายจ้องกลับไปที่ดวงตากลมโต เป็นครั้งแรกที่เขาพูดบางสิ่งออกมา...ทั้งที่เคยเก็บมันไว้จนลึกสุดหัวใจ
เขาไม่รู้ว่าเป็นแค่มุกตลกของแคนหรือเปล่า แต่เขาก็พูดมันออกไปแล้ว แคนคงจะหัวเราะเยาะ แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขานักหรอก
แต่สิ่งที่เห็นหลังจากนั้นก็คือ

ใบหน้าขาวเนียน ถูกย้อมไปด้วยสีแดงสด ดวงตากลมโตหรุบลงต่ำ ก่อนที่เจ้าของร่างโปร่งบางจะหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป

"เออ....รอให้แน่...ถ้าไม่รอขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็....จะหาว่าข้าร้ายไม่ได้นะ..กระชาย"

แคนเดินเข้าไปอาบน้ำแล้ว ทิ้งให้นายช่างสมชาย นั่งนิ่ง ๆ คนเดียวในห้อง ด้วยหัวใจที่ร้าวราน แต่เพียงชั่วครู่
เมื่อทบทวนถึงคำพูดของแคน.....ถึงค่อยยิ้มออกมาได้...ถ้าเขาไม่โง่จนเกินไป..ถ้าเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว

เขาหัวไม่ค่อยดี...พูดอะไรครั้งเดียวก็จำไม่ค่อยได้...
ได้แต่ใช้ความรู้สึกที่มีต่อแคนเป็นที่ตั้ง บอกให้ตัวเองหนักแน่นเอาไว้ และไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะยึดมั่นกับการรอคอยเสมอ

"กระชาย....เอ็งต้องรอนะ.....ถ้าแอบหนีกลับไปก่อนไม่รอข้าอาบน้ำเสร็จล่ะก็....จะหาว่าข้าไม่เตือนไม่ได้นะเว้ย"

เสียงโวยวายที่ดังลั่นมาจากในห้องน้ำทำให้เขาต้องรีบตอบกลับ

"เออน่ะ...หมออะไร...ต้องให้พูดซ้ำพูดซาก..บอกว่ารอก็คือรอ...ไหนบอกว่าหัวดีไง...บอกครั้งเดียวจำไม่ได้แล้วเหรอ"

ร่างสูงอมยิ้ม และตะโกนบอกไป นั่นกลับยิ่งทำให้เสียงของว่าที่คุณหมอยิ่งโวยวาย พูดอะไรไปอีกตั้งมากมาย
แต่เขาจับใจความไม่ได้มากนักหรอก เพราะทั้งเสียงน้ำ และเสียงบ่น ดังก้องผสมปนเปกันไปหมด

แต่ว่า....คุณหมอเขาหัวดี

ถ้าอาบน้ำเสร็จแล้ว ให้พูดอีกที เขาก็คงทำได้
แต่จะดีมาก ถ้า.....วันหนึ่ง

แคนจะมาพูดกับเขาที่ข้างหู เบา ๆ ว่า

"รัก" ไอ้กระชายตัวดำที่เคยสอบได้ที่โหล่สมัย ม. ต้น และเอาแต่เฝ้าเพียรพยายามปีนขึ้นไปบนต้นมะม่วง
เพื่อเก็บผลมะม่วงมาให้คุณหมอเขา แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้ให้สักที จนโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว

ถ้าตอนนี้เปลี่ยนจากมะม่วง เป็นใจของเขา แคนจะอยากได้บ้างหรือเปล่านะ

TBC...

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มคนโพสซะเลย อิอิ :z2:

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0

94 + 1 = 95
ขอบคุณนะคะ คุณ kamui1972


ขอบคุณมากครับสำหรับคะแนนที่มาให้อย่างสม่ำเสมอ แบ่งไปให้ท่านอื่นบ้างก็ได้ครับ จะได้ทั่วถึง  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้แต้ม และหวังว่าจะสนุกกับการอ่านนะครับ

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
 :impress2:นายช่างน่าร๊ากกกกกกกกกกก

นายช่างใจดี  นายช่างอดทน  นายช่างใจเย็น

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด

three

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจริงๆชอบอ่ะ :กอด1:

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

สนุกดี เป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบคุณและจะติดตามครับ

Kipper

  • บุคคลทั่วไป
 o13คุณเท็นแต่งเรื่องได้สุดยอด
บรยายความรู้สึกของตัวละครได้เหมือนกะว่าคุณเท็นเป็นตัวละครตัวนั้นเองเลยอ่ะ นับถือจริง ๆ


 :pig4: ครับ kamui1972

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
อ่านเรื่องของคุณเทนเรื่องไหนก็โดนใจ มันจึกๆๆๆ
ขอบคุณคามุยค่ะ  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
หมอแคนน่ารัก

เป็นกำลังใจให้คนลง

mantdash

  • บุคคลทั่วไป
ขยันอีกตามเคยนะครับคุณคามุย อิอิ

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
 :impress3:

ชอบนายช่างอะ

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 16

“กินน้ำมั้ย......” นายช่างสมชายแทบจะเอามือปิดตา เพราะหนังผีที่ดู มันน่ากลัวเกินกว่าที่จะรับได้
แต่ว่าที่คุณหมอนั่งดูตาแป๋ว ไม่ได้หวั่นเกรงเลยสักนิด ว่าหนังที่ดูมันทั้งสยองทั้งน่ากลัวขนาดไหน แถมมีการหันหน้ามามองร่างสูงผิวคล้ำที่เอามือปิดตาและหันหน้าหนีไปอีกทาง ด้วยความกลัว

อันที่จริงเขาอยากตามใจแคน ด้วยการพามาดูหนัง ด้วยกัน แต่จำใจต้องดูหนังที่แคนเลือก ตอนแรกเขาแทบเป็นลมเมื่อเห็นฉากเปิดตัว ใครจะรู้ว่า นายช่างหนุ่ม เสียฟอร์มเป็นแต่ก็ต้องมานั่งอยู่ในโรงหนังเย็นเฉียบ บรรยากาศยิ่งน่ากลัวไปกันใหญ่

“เฮ้ยกระชาย....กินข้าวโพดมั้ย...เอ็งกลัวเหรอวะเนี่ย....ขำว่ะ”

เอาเลยนะ เอาเลย เยาะเย้ยเลย ถากถางกันให้พอเลยนะ กลัวแสนกลัวแต่ไม่รู้จะทำยังไง จำใจต้องทำหน้านิ่ง ๆ ทั้งที่เหงื่อออกจนเต็มหลัง แถมมือยังเย็นเฉียบอีกต่างหาก
ท่าทางลุกลี้ลุกลนกระสับกระส่ายนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอยู่ในสภาวะแบบไหน แม้แต่แคนก็สัมผัสได้

“กระชาย ..... เอ็งดูสิ....มันน่ากลัวตรงไหนกันวะ...เฮ้ย”

แคนกระซิบบอกคนที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นบางทีก็ยกมือขึ้นมาปิดตา

“อือ ไม่น่ากลัวหรอก...เอ็งดูไปเหอะแคน....ข้าไม่เป็นไร” แม้น้ำเสียงจะสั่น ๆ ไปบ้างแต่รอยยิ้มจืดชืด นั้น ก็ทำให้แคนอดเป็นห่วงไม่ได้

มือเล็ก ๆ เอื้อมมือมาแตะที่ฝ่ามือเย็นเฉียบที่เกร็งแน่นอยู่ ที่หัวเข่า แล้วก็ดึงมากุมไว้

“เย็นชะมัดเลย.....กลัวจริง ๆ เหรอวะ...ออกก็ได้นะ....ข้าไม่ดูก็ได้...”

เสียงกระซิบเบา ๆ เอ่ยบอกคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง และก็ได้คำตอบเป็นการปฎิเสธ ด้วยการส่ายหน้า
สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงดี

มือเล็ก ๆ นั้นเลยดึงคอของเพื่อนสมัยเรียน ม. ต้นที่สอบตกแล้วตกอีก ให้มาซบอยู่ที่ไหล่ของตัวเอง
และดึงมือของนายช่างสมชายมากุมไว้จนความเย็นคลายลงบ้าง ใบหน้าสวยหวานหันกลับไปดูที่หน้าจอที่มีเสียงระทึกขวัญสั่นประสาทเหมือนเดิม

“นอนหลับไปก็ได้วะ.....เดี๋ยวจบแล้วข้าจะปลุกนะ.....”
ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างสูงที่ซบอยู่ที่ไหล่

เหลือเชื่อจริง ๆ

มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่แคนมากุมมือเขา และมิหนำซ้ำยังให้เขาซบอยู่ตรงไหล่อีกต่างหาก

ความกลัวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอีกอย่าง
เขาเริ่มได้รับความใส่ใจจากว่าที่คุณหมอแล้วหรือนี่

เรื่องที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝัน

ใบหน้าคม ระบายรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก ความรู้สึกเป็นสุข แค่เพียงเล็กน้อย ที่มาช่วยต่อเติมชีวิตของเขาให้สดชื่นขึ้นบ้าง

เขารู้

แคนไม่คิดอะไรกับเขาเลยสักนิด

เขารู้

ว่าสิ่งที่แคนทำให้เขานั้นก็เพียงเพื่อให้เขาสงบลงบ้าง และคงเพราะอยากจะดูหนังต่อให้จบ

แต่แค่ได้กุมมือเล็ก ๆ นี้เอาไว้
แค่ได้อิงซบที่ไหล่แค่เพียงนิดเดียว เขาก็เป็นสุขแล้ว

นายช่างสมชายหยุดความสนใจจากภาพที่แสนน่ากลัว แล้วหลับตาลง เขาจะเก็บความทรงจำดี ๆ นี้เอาไว้ ตลอดไป จะไม่มีวันลืมเลยสักนิด

ร่างสูงสงบนิ่งซบอยู่กับไหล่ของว่าที่คุณหมอไปแล้ว

เหลือเพียงแต่แคนที่ แอบลอบมองใบหน้าคมใกล้ ๆ และเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางด้วยความเขิน

ก็ไม่ยอมลวนลามเองนี่หว่า นั่งเอามือไปวางที่พนักก็ไม่ยอมจับ เอาแต่กลัวหนังที่ดูอยู่ได้
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ

ใจคอจะเอาแต่รอจนถึงสิบปีเลยหรือไง ตอนที่บอกว่ารอมา 11 ปีแล้วเขาถึงกับอึ้งไปเลย แล้วนี่ถ้าขืนจะให้ต่อไปนานขนาดนั้น เขาก็คงแก่กันพอดี

ท่ามกลางบรรยากาศหนังสยองขวัญน่ากลัว ที่มีเสียงกรีดร้องลั่นโรงหนัง

แต่ดูเหมือนว่าหนังผีที่ฉาย จะกลายเป็นหนังรักสำหรับทั้งว่าที่คุณหมอและนายช่างสมชายไปซะแล้ว

TBC…..

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 17

“แคนหลับหรือยัง....หลับหรือเปล่า”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง แล้วก็ลุกขึ้นนั่งในกลางดึก เขาเป็นบ้าหรือเปล่า ทั้งที่กลับไปนอนที่คอนโดก็สบายดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาผ้ามาปูนอนที่พื้นในหอพักนักศึกษาแพทย์ด้วย ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ

แต่แค่ได้เห็น ร่างในโปงผ้าห่ม ขดตัวหลับสบายอยู่บนเตียง เขาก็ดีใจแล้ว หลังจากดูหนังและกินข้าวกันแล้วก็กลับมาที่หอพัก นั่งกินสตอเบอรี่กับแคนสองคน แล้วก็เลยดึกจนได้ ตอนแรกว่าจะขับรถกลับเลย
เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปจังหวัดทางภาคอีสาน เพื่อเป็นที่ปรึกษาโครงการให้กับการซ่อมแซมเขื่อน

แต่วันนี้ อยากอยู่กับว่าที่คุณหมอให้นาน ๆ ดีใจที่ได้รับไออุ่น

ถึงแคนจะไม่คิดอะไรก็ตาม

ฝ่ามืออุ่น ๆ ทำท่าจะแตะไปที่แผ่นหลังของร่างที่หลับใหล และหันหลังให้ไม่สนใจนายช่างสมชายเลยสักนิด แล้วก็ต้องผละมือออก เมื่อคิดได้ว่า เขาไม่ควรทำแบบนี้ ก่อนจะลงไปนอนที่พื้นเหมือนเดิม แล้วก็ลืมตาโพลงอยู่ในความมืด

นอนจ้องแผ่นหลังเล็กบางนั้น พร้อมกับครุ่นคิดไปต่าง ๆ นา ๆ
เขามาไกลเกินกว่าจะกลับไปยืนอยู่จุดเดิม ที่ทำได้แค่ รอฟังข่าวคราวของร่างที่นอนหันหลังให้

วันหนึ่งไม่เคยคิดว่าจะ ได้อยู่ใกล้ชิด
ไม่เคยคิดว่าจะได้พูดคุยมากขนาดนี้

แต่ก็ได้คุย
ได้อยู่ใกล้ ๆ

ร่างสูงผิวคล้ำ ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก จะว่าดีใจ ก็ใช่ จะว่าเสียใจก็ไม่ถูก
มันแยกไม่ออกว่าความรู้สึกเป็นแบบนี้

กลัวว่าวันหนึ่ง จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่แล้ว ๆ มาไม่ได้อีก

ถ้าเกิดวันนั้นมาถึงจริง ๆ เขาจะทำใจได้อย่างไรกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไอ้กระชายบ้า
เอ็งจะให้ข้าทำยังไงกะเอ็งดีเนี่ย
เอื้อมมือมาแล้วก็ไม่แตะ ทำไมวะ ทำไมถึงได้ถอดใจขนาดนั้น เอ็งจะกลัวอะไรข้านักหนาวะ

ว่าที่คุณหมอ ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง แล้วก็ลงไปนอนต่อ หันหน้าไปมองร่างที่หลับใหล ในความมืดที่พอมองเห็นได้บ้าง

ก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ไปที่ร่างนั้น และเอื้อมมือลงไปสัมผัสที่ไรผมที่ปรกหน้าผากของร่างสูงนั้นเล่น

“กระชาย....กระชาย....นอนพื้นระวังผีหลอกนะ....ผีมาแล้ว...กาชายยยยยยยยย หึ หึ หึ ผีมาแล้ววววววววว”

เล่นเป็นเด็ก ๆ แล้วก็ได้ผล เมื่อร่างสูงนั้นสะดุ้งตื่นทันที และก็ได้ยินเสียงที่ว่าที่คุณหมอพูด

“หึ หึ หึ เอ็งรู้ม้าย กาชาย บนพื้นห้องมันมีตำนาน....ระวังน๊า...ผีจะมาหลอกเอ็ง หึ หึ หึ กาชายยยยยยผีมาแล้ว หึ หึ หึ กลัวม้ายยยยยยยยยยย”

ไม่น่าเชื่อว่าแคนจะเป็นคนแบบนี้ อาการกลัวผีกำเริบหนัก ร่างสูงนั้นผุดลุกขึ้นนั่ง และดึงแขนของคนที่แกล้งหลอกผีเอาไว้

“แกล้งจริงนะ...ก็รู้ว่ากลัวผี....ทำไมขยันหาเรื่องแกล้ง....ถือว่าเป็นหมอจะแกล้งยังไงก็ได้นะ....”

ถึงจะกลัว แต่นายช่างสมชาย กลับหยอกล้อว่าที่คุณหมอด้วย การดึงแขนเอาไว้ และตีที่มือให้ซะหนึ่งครั้ง

“โอ้ยยยยยยยยย ข้าเจ็บนะ....เอ็งทำบ้าอะไรวะ...เจ็บนะโว้ยยยยยยยยย นอนไปเลยไป๊....ข้าเบื่อเอ็งแล้วไอ้กระชาย”

และเมื่อว่าที่คุณหมอช่างแกล้งงอน ก็หันหลังกลับไปนอน ที่เดิมและทำเหมือนโกรธกันจริง ๆ

นายช่างสมชายลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ของร่างที่นอนหันหลังให้

“นอนพื้นไปเลย....ข้าเบื่อเอ็งแล้ว...เอ็งชอบตีข้า...ข้าเจ็บมือจะตายอยู่แล้ว แต่เอ็งก็ยังตี....ระวังผีจะมาหลอกเอ็ง..ไปเลยไป๊”

น้ำเสียงงอน ๆ เอ่ยบอกแล้วก็ถอยหนีออกห่าง คนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ

“ผีน่ะกลัวนะ....แต่ตอนนี้ชักอยากเป็นผีซะแล้ว”

แคนหันขวับมามองคนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ บอกให้รู้ว่าไม่เข้าใจคำพูดนั้นเลยสักนิด
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือของตัวเองที่โดนตีเมื่อสักครู่ ถูกดึงขึ้นจรดที่ริมฝีปาก คนข้าง ๆ พร้อมทั้งยกขึ้นเป่าให้

“เพี้ยง ๆ หายแล้วนะ..หายเจ็บแล้ว....หมอรักษาโรค ทำไมไม่รู้จักรักษาตัวเองนะ...ขอโทษนะโกรธจริง ๆ หรือเปล่า”

ใบหน้าเนียนขาว ช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เป่ามือให้ อย่างไม่เข้าใจ ไอ้กระชายมันทำอะไร เป่าแล้วจะหายได้ยังไงเป็นบ้าหรือเปล่า

“มองหน้าอีกนะ.....เดี๋ยวก็แปลงร่างเป็นผีจริง ๆ หรอก.....ข้าน่ะกลัวผีนะ....แต่มีผีอยู่อย่างเดียวตอนนี้ที่ข้าชักอยากเป็น แล้วก็เป็นเอ็งนั่นแหละ แคน...ที่ต้องกลัวผี....รู้มั้ย”

ท่าทางจริงจัง และน้ำเสียงสงบนิ่งไม่มีการหยอกล้อยิ่งเพิ่มความไม่เข้าใจให้ว่าที่คุณหมอมากขึ้น

“ข้าไม่กลัวหรอก...เอ็งสิกลัว....เหอะ...ข้าเป็นหมอไม่มีทางกลัวผีหรอก....จะเล่นผีอะไรข้าก็ไม่กลัวหรอก....เหอะ
เอ็งดิกลัว....ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

แคนหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ก่อนจะต้องหน้าซีดเผือด....และล้มตัวลงนอนทันที เมื่อจู่ ๆ ผ้าห่มก็ถูกสะบัดและคลุมร่างเอาไว้

พร้อมกับร่างสูงผิวคล้ำแดด ที่ทาบทับร่างกายลงมาอย่างรวดเร็ว

“งั้นเล่นผีผ้าห่มกันดีมั้ย.....คราวนี้เอ็งจะกลัวมั้ยแคน”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามร่างเล็กเบื้องล่าง ที่ดิ้นรนขัดขืน และตะโกนร้องเสียงดัง

“ไอ้กระชาย....กลัวแล้ว....ข้ากลัวแล้ว...ไม่เอาแล้ว อือ...”

ร่างโปร่งบางร้องเสียงดังก่อนจะสงบนิ่งลง เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ริมฝีปากอุ่นร้อน ๆ ที่ทาบทับลงมาหาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ผีผ้าห่ม............น่ากลัว.

กลัวแล้ว
กลัวแล้ว
ต่อไปไม่กล้าล้อเล่นอีกแล้วจริง ๆ

TBC…..

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 18

ไม่รู้ว่าการจูบจะทำให้คนเราหัวปั่น และทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ร่างกายลอยละล่องไปไกลแสนไกล
ครั้งก่อนนั้น ก็แค่เหตุบังเอิญ แต่ครั้งนี้ การถ่ายทอดความรู้สึก อบอุ่น อ่อนโยน มาให้กลับค่อย ๆ
แทรกซึมเข้ามาภายในหัวใจอย่างช้า ๆ พร้อมกับการกดแนบริมฝีปากลงมาของร่างสูง ที่ค่อย ๆ ระเรื่อยแผ่ว ๆ กับริมฝีปากบางนั้น อย่างอ่อนโยนไม่จาบจ้วงเอาแต่ใจเลยสักนิด ยิ่งทำให้หัวใจของร่างบางเต้นรัว จนแทบจะหลุดออกมาจากอก แต่ก็รับรู้ถึงความนุ่มนวลแผ่วเบาที่ทำเหมือนกับว่าเป็นการปลอบขวัญไม่ให้ รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในที จนทำให้ร่างกายที่คิดจะดิ้นรนขัดขืนเคลิบเคลิ้มตาม เมื่อปล่อยใจให้สัมผัสไปกับความรู้สึกแสนหวานนั้น

ปลายนิ้วเรียวอุ่นร้อน สอดนิ้วเข้าหาฝ่ามือเล็ก ๆ เย็นชื้น ก่อนที่ใบหน้าจะผละจากรมฝีปากนุ่มและจะยกให้มือเล็ก ๆ นั้นแตะที่ปลายจมูก เพื่อประทับความรู้สึกลงไปให้

ดวงตากลมโตภายใต้ความมืดมิด....หรี่ปรือขึ้น และได้เห็นใบหน้าของคนที่เล่นบทผีและกลั่นแกล้งให้เขาต้องโมโห....ทอดมองลง มาอย่างหวานซึ้ง
แม้จะมืด แต่แสงสว่างภายนอกก็สว่างพอที่จะทำให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้

ทั้งมือเล็ก ๆ ของว่าที่คุณหมอและ มือของคนที่แตะต้อง
ถูกยกขึ้นทาบไว้แนบอกของนายช่างสมชาย ก่อนที่ฝ่ามืออุ่น ๆ อีกข้างจะเกลี่ยเส้นผมนิ่ม ชื้นเหงื่อที่หล่นลงมาปรกใบหน้าสวยหวานออกจากหน้าผากมน และไล้ปลายนิ้วไปตามสันจมูกเล็ก ๆ เชิดรั้นนั้นอย่างหลงใหล

ไม่มีคำพูดคำใดส่งผ่านจากรมฝีปากของทั้งคู่สักคำ นอกจากสายตา ที่ส่งผ่านความรู้สึกถึงกัน

“กลัวหรือเปล่า....บอกแล้วว่าผีผ้าห่มดุมาก...คราวนี้แคนจะเชื่อหรือยัง...”

คำขู่ พร้อมเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ทำให้ว่าที่คุณหมอต้องหันหน้าหนีด้วยความอาย
เพราะไม่คิดว่าจะถูกรุกไล่เร็วขนาดนี้

“ขอนอนบนเตียงด้วยคนได้มั้ย...นอนข้างล่างแล้วกลัวผีจังเลย....สัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรให้แคนไม่ชอบ....
คนสอบได้ที่โหล่ของห้องไม่กล้าทำอะไรไม่ดีกับคนที่สอบได้ที่หนึ่งหรอกนะ....ได้มั้ยแคน.”

คำพูดของร่างสูงที่ยังไม่เลิกจับจ้องใบหน้าของว่าที่คุณหมอ ยิ่งทำให้ร่างโปร่งบางอยากจะแทรกแผ่นดินหนีหน้าด้วยความอาย ดึงมือออกจากมือของอุ่น ๆ นั้นแล้วก็หันหลังให้เหมือนเป็นคำอนุญาตอยู่ในที

อากาศเย็น ในยามดึก ค่อยอบอุ่นขึ้นเมื่อร่างกายอุ่นร้อนของร่างเบื้องหลัง แนบชิดกับร่างโปร่งบางนั้นมากขึ้น
เรียวแขนแกร่ง โอบรัดเอวบางไว้แน่น ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเนียนใสนั้นอย่างอดใจไม่อยู่

น่าแปลกที่ครั้งนี้...ว่าที่คุณหมอเพียงแต่นอนนิ่ง ๆ ไม่ดิ้นรนขัดขืน หรือว่ากล่าวอะไรให้อีกฝ่ายต้องขุ่นใจ นอกจากความเงียบแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด

ฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้ไปที่เส้นผมนิ่ม อย่างทะนุถนอม

อดจะแปลกใจตัวเองไม่ได้ ที่จู่ ๆ ทำไมถึงได้กล้าทำอะไรมากมายขนาดนี้ แต่ที่ยิ่งแปลกใจกว่าก็คือแคน
ทำไมถึงไม่โกรธเขาเลยสักนิด แถมซ้ำยังให้เขาแตะต้องได้ง่าย ๆ
น่าแปลกที่แคนเกิดใจดีขึ้นมา ตั้งแต่ดูหนังที่โรงหนังแล้ว
ถ้าเป็นเวลาปกติคงได้โดนด่า และแคนคงพูดจาเหยียดหยามน้ำใจเขา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้
และแคนก็ไม่ได้ทำท่ารังเกียจเลยสักนิด

จะบอกว่า .... ผลของการรอคอยมา 11 ปี เพิ่งสัมฤทธิ์ผลหรือเปล่านะ อันนี้เขาก็ไม่แน่ใจ

ร่างสูงทอดกายลงนอนเคียงข้างร่างโปร่ง บาง ที่กอดกระชับเอาไว้ในอ้อมแขน กุมมือเล็ก ๆ นั้นเอาไว้อย่างทะนุถนอมพร้อมกับหลับตาลงอย่างเป็นสุขที่สุดในชีวิต

นี่เขากำลังฝันหรือเปล่านะ เพราะเมื่อขยับพลิกกายและค่อย ๆ ดึงร่างเล็ก ๆ ที่นอนหันหลังให้เขาอยู่นั้น
ให้หันหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา แคนก็ไม่ขัดขืนเลยสักนิด แถมซ้ำยังนอนซุกอยู่กับอกของเขาอย่างเงียบ ๆ ซะอีก หรือว่านี่จะเป็นฝันจริง ๆ ถ้าใช่มันคงเป็นฝันที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาเลยทีเดียว

“พรุ่งนี้จะไปหลายวันเลย....กว่าจะได้กลับมาเห็นหน้าก็คงเป็นกลางเดือนถัดไป.....ถ้าไปแล้ว....คนที่เรากอดอยู่นี่
จะคิดถึงเราสักนิดหรือเปล่านะ.....”

คำถามลอย ๆ ขอความมั่นใจในตัวเองสักนิด แม้ไม่ได้คาดหวังไว้สูง แต่ถ้าเป็นอย่างที่ใจคิด ก็คงจะดีไม่น้อย

เรียวแขนเล็กบาง ที่แนบอยู่ข้างตัว ยกขึ้นและวางพาดไว้ที่แผ่นอกกว้าง และหลับตาลงอย่างช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเจือจาง

“นอนเถอะ......ไหนว่าต้องออกแต่เช้า......ถ้ามัวพูดพล่ามอยู่แบบนี้คง ได้ตื่นสายแน่ ๆ แล้วใครจะปลุกข้าไปเรียนล่ะแบบนี้ข้ายิ่งนอนไม่ค่อยอยากจะตื่นอยู่”

คำตอบไม่ได้ตรงคำถามเลยด้วยซ้ำ เป็นอย่างที่นายช่างสมชายคิดไว้จริง ๆ
คำว่าคิดถึงคงยังอีกยาวไกล แค่ตอนนี้ยอมให้แตะต้องกอดจูบบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ก็เหนือกว่าที่คาดหวังเอาไว้มากโขแล้ว ดวงตาคมหรี่ปรือลงพร้อมกับที่กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
เอาเถอะนะ ได้แค่นี้ แค่ไม่รังเกียจกันสักนิด ก็เกินจะพอแล้ว
อย่างน้อย กลางเดือนหน้าไม่รู้ว่าแคนจะอารมณ์ดี อยู่นิ่ง ๆ ให้เขากอดแบบนี้หรือเปล่า แถมซ้ำยังอารมณ์ดีขนาดหนัก ให้เขาหอมแก้มโดยไม่ด่าว่าให้เสียใจอีก แบบนี้ต่อให้ต้องไปทำงานที่ไหนไกล ๆ และแม้ว่างานจะหนักหนาแค่ไหนก็ทำให้มีกำลังใจไปทำงานได้แล้ว

“ถ้าไม่รีบกลับ....ข้าคงคิดถึง..........................เอ็งมากเลยนะ.....”

กว่าจะบอกว่าคำว่าคิดถึง ว่าที่คุณหมอก็ลากเสียงซะยาว
เป็นครั้งแรกที่พูดอะไรแบบนี้ เลยไม่แน่ใจว่า ถ้าพูดแบบนี้จะดีหรือเปล่า

ร่างโปร่งบาง หุบปากเงียบเสียง รอฟังคำพูดต่อมา
แต่รอเป็นนานก็ไม่มีเสียงตอบ

“หลับแล้วสินะ..........อุตส่าห์พูด...ดันมาหลับซะนี่
งั้นคราวหน้าก็ฝันไปเหอะว่าจะพูดอีกครั้งให้ได้ยิน....นอนหลับมันซะอย่างนี้เลยแหละ”

เพราะไอ้กระชายตัวอุ่น
ยิ่งกอดยิ่งอบอุ่น
และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะติดอกติดใจความหวานในรสจูบของคนที่กอดเอาไว้มากขนาดนี้
ดวงตากลมโตหรี่ปรือลง พร้อมกับซุกหน้าเข้ากับไหล่กว้างให้แนบชิดขึ้น
ก็จะไปซะนาน ขืน ไม่กอดแน่น ๆ คงคิดถึงตายกันพอดี ไปทีไปซะนาน ไปจนแทบจะลืมกันไปเลย
ร่างเล็กบ่นงึมงำกับตัวเองเสียงเบา
และเริ่มเข้าสู่ภวังค์

ไม่ได้รับรู้เลย ว่าคนที่คิดว่าหลับ ปรือตาตื่นขึ้น และรับฟังทุกคำพูดเอาไว้หมด
แต่ไม่กล้าตอบ
เพราะดีใจจนคิดคำพูดไม่ทัน ได้แต่นอนนิ่งด้วยความปลื้มใจ

กระชายเป็นแค่คนที่สอบได้ที่โหล่ของห้อง จะคิดเร็วพูดเร็ว ปุบปับ เหมือนคนสอบได้ที่หนึ่งได้ยังไง
เขาก็คงทำได้แต่นอนยิ้มอย่างมีความสุขเงียบ ๆ คนเดียวทั้งคืนแค่นั้นเอง

TBC….

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ


น่าร้ากไม่ไหวแล้ว

ไม่ต้องรอแล้วมั้ยนายช่าง  นานเกิ้นนนนน

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
น่ารักจริงๆๆๆ ชอบบบบบบบบบบบบ :-[

Koa-ka

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีครับ

โอ้ .... นอนกอดกันแล้วววว :z1: ผีผ้าห่มน่ากลัวๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณและจะติดตามครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






three

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอ่ะ น่ารักสุดๆเลย

Kipper

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: ตอนนี้หวานสุด ๆ

 :pig4:ครับ kamui1972 และ ขอบคุณคุณเท็น ด้วย

ออฟไลน์ HaLF333

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
กิสสสสสสสสสสสสส...  :-[
คุณหมอน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก...

อมยิ้มมีความสุขไปกับนายช่างด้วย...
คุณหมอนี่น่าจับกดจริงๆ..
 :man1:


ขอบคุณคามุยค่ะ..

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา19

ไม่รู้ว่าตอนที่มาส่งไอ้กระชายที่หน้าหอ ว่าที่คุณหมอทำหน้ายังไง

รู้แต่ว่าเหงา

เหงามาก ไม่อยากให้ไป ตอนที่ไอ้กระชายมันก้าวขึ้นรถ ทำไมถึงได้อยากร้องไห้อย่างนี้นะ
ก็เมื่อคืนยังให้ความอบอุ่นกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ จะจากไปตั้งหลายวัน เหงาตายแน่ ๆ เลยแบบนี้

แคนนั่งอ่านหนังสือที่ต้องเตรียมสอบในสัปดาห์หน้าแล้วก็ถอนใจยาว ผ่านไปหลายวันแล้ว
ไม่เคยมีโทรศัพท์จากไอ้กระชายตัวดำที่จะคิดโทรหากันเลยสักครั้ง

เป็นแบบนี้มานานแล้ว ถ้าหากว่ากระชายกลับมา ก็จะโทรมาบอกเอง ว่าเอาอะไรมาฝากบ้าง
แต่ตอนนี้ ผ่านมากี่วันแล้วนะ

ปฏิทินตั้งโต๊ะ ถูกขีดเมื่อหมดหนึ่งวัน พร้อมกับที่ว่าที่คุณหมอเร่งคืนเร่งวันให้ได้กากบาทลงไปที่ตารางระบุวันที่ นั้นออก เพื่อจะได้ให้ถึงวันที่นัดหมายเร็ว ๆ

แคนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเรียนอย่างเหงา ๆ และเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 1 ทุ่มตรงแล้ว
ร่างนั้นก้มหน้าก้มตาลงอ่านหนังสือ ทำใจให้สงบให้มีสมาธิ แต่สุดท้ายเหมือนไม่ทันรู้สึกตัว

เพราะพบว่า เมื่อเปิดอ่านหน้าถัดไปหนังสือที่อ่าน มีหยดน้ำหยดลงมาจนเปียกชื้นไปหมดทั้งหน้ากระดาษ
ก่อนจะค่อย ๆ หยดซ้ำลงมาอีกหลายหยด
จนเมื่อยกมือขึ้นแตะที่ใบหน้าถึงรู้ว่าเป็นน้ำตาของตัวเอง

หยาดน้ำใสหลั่งรินเหมือนสุดจะกลั้นได้ต่อ คราวนี้คุณหมอถึงกลับกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่

นั่งสะอื้นไห้จนตัวโยนเงียบ ๆ คนเดียว

ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นดูและค้นหาชื่อของคนที่เคยโทรเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
แค่ชื่อและวันเวลาที่โทรมา

กลับเป็นเหมือนตัวแทนของความรู้สึก

หัวใจของว่าที่คุณหมอลอยละล่องติดตามไปกับคนที่เดินทางไปทำงานในที่ทุรกันดาร ที่เหลืออยู่ก็แค่ร่างกายเท่านั้น

"กระชาย..เอ็งจะไปอีกนานมั้ย..เมื่อไหร่จะกลับมาสักที...ข้าเหงาจะตายอยู่แล้วนะ"

ความเหงาที่เกาะกินอยู่ภายในใจ บั่นทอนกำลังใจของแคนมากที่สุด....สุดท้ายมือหยุดไม่อยู่
เป็นครั้งแรกที่กดโทรหาคนที่สอบได้ที่โหล่ของห้องสมัยเรียน ม. ต้น

ปลายสายถูกรับ โดยมีเสียงของคนที่คิดถึงกรอกเสียงมาตามสาย

"แคนเหรอ...เป็นอะไรหรือเปล่า"

น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่แสนจะคิดถึง

ในที่สุดก็ได้ฟังแล้ว แค่ได้ยินเสียงก็เหมือนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มือเล็ก ๆ ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่น
ปรับลมหายใจให้เข้าที่ก่อนจะกรอกเสียงลงไป

"ไม่มีไรว่ะ...ข้าแค่ลองโทรศัพท์..แค่นี้นะ"

ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ก็คราวก่อนบอกว่าคิดถึงแต่ไอ้กระชายดันมาหลับซะได้
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ จะให้บอกว่าคิดถึงอีก ไอ้กระชายตัวดำคงหัวเราะจนฟันหักแน่ ๆ มือเล็ก ๆ กดวางสายไป
และนั่งมองโทรศัพท์ในมือ

แคนเหรอ..เป็นอะไรหรือเปล่า

เสียงที่จดจำได้ไม่มีวันลืมยังดังก้องไปก้องมาอยู่ในหัว ซ้ำ ๆ เหมือนกับเทปเพลง ที่กรอซ้ำ ๆ

นาฬิกาบอกเวลา 1 ทุ่ม 5 นาที พร้อมกับที่น้ำตาของว่าที่คุณหมอไม่ยอมหยุดไหล
ทำได้แค่เพียง ใช้หลังมือปาดซ้ำ ๆ และสุดท้าย จำใจต้องเดินลงไปล้มตัวลงนอนบนเตียง

ปิดเปลือกตาลงอย่างช้า ๆ
พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้

"ข้าคิดถึงเอ็งจะตายอยู่แล้วกระชาย.....เอ็งอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่เอ็งจะกลับมาซะที"

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไฟกลางห้องยังสว่างโร่ พร้อมกับที่แคนต้องลุกขึ้นขยี้ตาตัวเองซ้ำ ๆ

กี่โมงแล้วนะ

ตีสามเหรอ

นี่ตีสามแล้วเหรอ....ทำไมเวลาผ่านไปเร็วแบบนี้

ก็ดีแล้ว จะได้เจอกับไอ้กระชายเร็ว ๆ

ร่างโปร่งบางสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเดินไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ

เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังลั่นในยามดึก

พร้อมกับที่เมื่อมองเห็นชื่อที่โทรเข้ามาคือใคร...ก็ทำให้แคนยิ่งร้องไห้มากกว่าเก่า

ตัดสินใจที่จะไม่รับโทรศัพท์และปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไว้อย่างนั้น

เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง

พร้อมกับที่แคนทรุดนั่งลงกับพื้น หยดน้ำตามากมาย หลั่งรินไหล รดอาบหน้า

"เอ็งจะโทรมาทำไมวะไอ้กระชาย..อยากเห็นข้าร้องไห้มากนักหรือไง..."

เสียงโทรศัพท์หยุดดังไปแล้ว พร้อมกับที่เมื่อแคนกดดูเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วร้องไห้ไม่หยุด

เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่แค่มองเบอร์โทรศัพท์แล้วก็เอาแต่ร้องไห้แบบนี้

โทรศัพท์ถูกยกขึ้นแนบอยู่ข้างแก้มเนียนใส พร้อมกับที่ความเหงาถาโถมเข้ามาในจิตใจเหมือนคลื่นลมรุนแรงที่ซัดกระหน่ำ

อยากจะร้องไห้ให้พอ

อยากจะเห็นหน้า

อยากจะกอด

อยากได้รับความอบอุ่น ทำไมถึงได้ปล่อยให้เหงาขนาดนี้ ไอ้กระชายบ้า ข้าเกลียดเอ็ง ข้าเกลียดเอ็งจริง ๆ

เรื่อนร่างโปร่งบาง เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง พร้อมกับที่ประตูห้องถูกเคาะซ้ำ ๆ ในยามดึก

จะมีใครได้ ถ้าไม่ใช่พวกรุ่นน้องที่เดินมาขอน้ำร้อนเพื่อต้มน้ำชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเมื่ออ่านหนังสือดึก ๆ แบบนี้แล้วเกิดหิวขั้นมา

มือเล็ก ๆ ปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าและค่อยเปิดประตูให้คนที่มาเคาะห้อง เดินเข้ามาได้

"คิดถึงจะตายอยู่แล้วแคน...ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เลย...คิดถึงจะตายแล้วรู้มั้ย...รู้บ้างมั้ยว่าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว"

ร่างสูงที่โผเข้ามากอดรัดเอาไว้แน่น ทำให้คุณหมอถึงกับยืนนิ่งค้าง ทำอะไรไม่ถูก

"กระชาย....เอ็งเป็นบ้า...ข้าเกลียดเอ็ง...เอ็งปล่อยให้ข้าร้องไห้...ข้ารำคาญเอ็งแล้ว"

เรียวแขนเล็กบางยกขึ้นโอบรัดร่างที่แสนคิดถึงนั้น ไม่เคยกอดใครแน่นขนาดนี้ ไม่เคยเลยจริง ๆ

ไม่เคยคิดว่าจะคิดถึงใครจนร้องไห้ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างนี้ได้
หยดน้ำตาที่หยุดรินไหล
หลั่งทะลักออกมามากมายอีกครั้ง

เรื่อนร่างโปร่งบางสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น ซุกแนบแน่นอยู่กับแผ่นอกกว้างอบอุ่น

ความคิดถึง

ทำไมถึงมีอานุภาพรุนแรงขนาดนี้

ถึงขนาด ทำให้คน ๆ หนึ่งลืมทุก ๆ สิ่ง ถึงขนาดทำให้จิตใจที่เคยสงบนิ่ง ต้องสั่นไหว

ความคิดถึง........และความเหงา

ช่างทำร้ายใจคนให้รู้สึกทุรนทุราย
จนแทบจะไม่สามารถก้าวเดินหรือทำอะไรอย่างที่คิดได้จริง ๆ


TBC....

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 20

"ออกมาตอน 1 ทุ่มล่ะ..ไม่นึกว่าจะมาถึงดึกป่านนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็ต้องตีรถกลับอีก..รบกวนหรือเปล่าเนี่ย
แต่มันทนไม่ไหวจริง ๆ น่ะ เห็นแคนโทรเข้ามาแล้วเสียงก็แปลก ๆ ด้วย ไม่รู้ว่าแคนเป็นอะไรหรือปล่า"

ร่างโปร่งบางก้มมองชุดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ ที่คนที่มาหาในเวลาตีสาม สวมใส่มา
ขับรถมาจาก ขอนแก่น ความเร็วเท่าไหร่กันนะ ถึงมาถึงได้ตอนตี 3 แล้วแถมซ้ำพรุ่งนี้ยังต้องกลับแต่เช้าอีก
จะบ้าไปถึงไหน ไอ้กระชาย ทำไมมันถึงทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้กันนะ

ใบหน้าเนียนใส เกลี่ยหยดน้ำตาออกจาdใบหน้าจนหมด ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตา และชงโอวัลตินอุ่น ๆ มาให้กับคนที่นั่งอยู่บนเตียง
ร่างสูงนั้นรับมาดื่มก่อนจะวางแก้วลงที่ข้างเตียง
นี่คือน้ำใจของแคนสินะ ลุกขึ้นมารับเขาตอนเกือบเช้าแบบนี้
แถมซ้ำยังชงอะไรอุ่น ๆ ให้เขาดื่มอีก

ร่างโปร่งบางถูกดึงให้นั่งลงข้าง ๆ และฝ่ามืออุ่น ๆ ก็เกลี่ยไล้ไปทั่วใบหน้าของเจ้าของใบหน้าเนียนใสที่ต้องทนคิดถึง ทุกคืนวันอย่างแสนรัก

"เป็นอะไรมากมั้ย...มากวนหรือเปล่า..แต่คิดถึงจริง ๆ ถ้าขืนรอต่อไป..อีกนานกว่าจะได้มาเห็นหน้า..ทำยังไงดีนะ...วัน ๆ เอาแต่คิดถึงหน้าแคนตลอดเลย
แคนคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า..."

ใบหน้าคม ส่งยิ้มสดใสมาให้ ก่อนจะรีบ ดึงมือกลับ เมื่อสำนึกได้ว่า มือของตัวเองหยาบกร้านขนาดนี้ แถมยังไปแตะต้องใบหน้าเนียนใสนั้นอีก
แคนทำหน้าเหมือนไม่พอใจยังไงยังงั้น มือของเขามันหยาบกร้านจริง ๆ สินะ

"ขอโทษทีที่แตะตัวเอาตามใจชอบ...มือก็หยาบแบบนี้...ข้ายังจะไปจับแก้มเอ็งให้เอ็งเจ็บอีกนะ...."

แม้จะคิดถึงมาก แต่ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นก็สำนึกตัวเองได้ ว่าไม่คู่ควรเลยสักนิด ไม่น่าแตะ ไม่น่าถือวิสาสะเข้ามาในยามวิกาล ไม่น่าทำอะไรตามใจตัวเอง
จนทำให้แคนต้องลำบากลุกขึ้นมารับเขาในเวลาเกือบเช้าแบบนี้
ว่าที่คุณหมอเขาคงกำลังอ่านหนังสืออยู่ และก็คงเป็นการรบกวนมาก ๆ ...
เขานี่มันแย่จริง ๆ เลยนะทำอะไรตามแต่ใจตัวเองไม่เคยคิดถึงคนรอบข้างบ้างเลย แต่ทำยังไงได้ ก็มันคิดถึง คิดถึงจริง ๆ

แค่มาเห็นหน้าแค่นี้ ก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ แต่ไม่รู้ว่าแคนจะคิดเหมือนกันสักนิดบ้างหรือเปล่า

"เอ็งไม่นึกถึงข้าเลยใช่มั้ยกระชาย.....ข้าร้องไห้เอ็งก็ไม่สนใจข้าใช่มั้ย....เอ็งแย่มากเลย...ข้าเบื่อเอ็งจริง ๆ
ทำไมวะมือหยาบแล้วเป็นไง...มือข้ามันก็ไม่ได้นิ่มนวลอะไรนักนี่ จะบอกว่าข้าสำออย ทำนั่นทำนี่ไม่เป็นหรือไงกัน"

ฝ่ามือนุ่มนิ่ม แตะสัมผัสและลูบไล้ไปมาที่มือหยาบกร้าน ก่อนจะยกขึ้นแตะที่แก้มของตัวเอง และหลับตาลงอย่างช้า ๆ

"อุ่นนะ...ข้าชอบที่เอ็งอุ่น...แต่ขับรถมาดึก ๆ แบบนี้ข้าไม่ชอบเลย...มันอันตราย..แค่โทรมาก็ได้นี่..ทำไมต้องมาหาด้วยล่ะ
แถมพรุ่งนี้ยังต้องขับกลับอีก....เอ็งรีบนอนเลย...นอนเดี๋ยวนี้เลยนะ...เอ็งมันสอบได้ที่โหล่..หัดคำนวณซะบ้างสิว่ามันเสียเวลามาก...
จะให้ข้าต้องพูดต้องบอกหรือไงกันวะ"

แม้เสียงจะบ่นงึมงำ...แต่ร่างโปร่งบางก็กดให้ร่างสูงผิวคล้ำแดดนอนลง และดึงผ้าห่มมาคลุมให้
ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟ และเดินมาล้มตัวลงข้าง ๆ
ฝ่ามือเล็ก ๆ ลูบไล้เส้นผมของร่างที่เหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง อย่างแสนคิดถึง

มาแค่นิดเดียวเอง

เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว

แค่คิดก็เหงาขึ้นมา

ทำไมต้องอยู่ห่างกันอย่างนี้ตลอดด้วยนะ

"เดี๋ยวแคนสอบเสร็จ...จะมารับกลับบ้านนะ....อยากพาไปดูดาวที่กระท่อม...กลางคืนดาวที่บ้านเราสวยมากเลยรู้มั้ย....
แล้วก็จะพาไปเก็บชมพู่กับขนุนที่ท้ายไร่ด้วย....อีกอย่างนะ..แตงโมก็คงกินได้แล้วล่ะป่านนี้..."

ความง่วงงุนเข้าครอบคลุม ร่างสูงผิวคล้ำแดดพูดเสียงงึมงำ ก่อนจะค่อยหรี่ตาหลับลง ทั้งที่พยายามจะคุยให้สมกับที่คิดถึง
แต่ความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางก็มีมากกว่า เมื่อล้มตัวลงนอนก็เผลอหลับจนได้

ร่างโปร่งบางดึงศรีษะของคนที่หลับใหลให้แนบอยู่กับอก ลูบไล้เส้นผมที่ปรกหน้าของอีกฝ่ายไปมา

"ไปดูดาวกันนะ....ถ้ากลับไปบ้าน...แล้วเอ็งอย่าลืมสัญญาที่จะพาข้าไปดูดาวนะ"

ใบหน้าสวยหวานส่งยิ้มอย่างหงอยเหงา
แค่ไม่กี่ชั่วโมงอยากโอบกอดเอาไว้ ให้หายคิดถึง

แค่ให้มันบรรเทาบ้าง

แค่ให้ความเหงามันเจือจาง

ทำไมถึงได้รักไอ้กระชายตัวดำสอบได้ที่โหล่ได้นะ.....
แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยคิด

ใบหน้าสวยหวานหัวเราะเสียงเบา อย่างนึกขันตัวเอง

ก็เพราะว่า.........รักล่ะมั้ง.....
เรื่องรักที่ไม่มีในตำราเรียน

อาการมันแก้ยาก....สงสัยต้องให้ไอ้กระชายช่วยรักษาคนเดียวแล้วล่ะแบบนี้

TBC....

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 21

"กาชายยยยยยยยข้าอยากกินแตงโมนะ อยากกินจริง ๆ เอ็งต้องพาไปนะวันเสาร์ต้องมารับจริง ๆ นะเว้ย"

เสียงของว่าที่คุณหมอลากยาว ในขณะที่มือกำลังใช้ปากกาขีดในส่วนสำคัญของข้อความในหนังสือ
ถ้าไม่อัจฉริยะจริง ๆ คงไม่สามารถแยกสมองได้ขนาดนี้
คุยโทรศัพท์ และอ่านหนังสือไปในเวลาเดียวกัน
แต่คนที่กำลังทำอย่างนี้อยู่คือว่าที่คุณหมอ อะไร อะไร ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายไปหมด

"เข้าใจแล้ว.......วันเสาร์น่ะ...แต่ตอนนี้อยากกอด..คิดทึ้งคิดถึง..นอนคนเดียวไม่มีใครกอด"

เสียงที่ดังมาจากปลายสายทำให้แคนหยุดมือที่เขียนและอมยิ้มชอบใจ
อ้อนเป็นด้วยนะ..นึกว่าทำแบบนี้ไม่เป็น เดี๋ยวเหอะ จะเอาให้อ้อนไม่ออกเลยเอ็ง

"รำคาญว่ะ...นอนกอดอะไร..ข้ารำค้าญรำคาญ มากกกกกกกกกกด้วย นอนเกะกะน่าเบื่อหน่าย"

เสียงที่พูดกับใบหน้าไปกันคนละทาง หน้ายิ้มแต่ปากก็ยังพูดประชดเหน็บแนมไปด้วย

"จริงเหรอ...งั้น..เดี๋ยวขับรถกลับไปหาเดี๋ยวนี้ดีมั้ยนะ....ขอนแก่น.กรุงเทพ..ใกล้จะตายขับไปแป๊บเดียวก็ถึง"

เสียงทุ้มนุ่มที่ดังมาจากปลายสาย ทำให้แคนต้องรีบร้องห้ามเพราะรู้ว่าคนที่คุยด้วย ทำแบบนั้นได้จริง ๆ
และถ้าไม่รีบห้ามก็คงมาแน่ ๆ อันตราย กลางคืน ขับรถมาแบบนั้น ไม่ดีแน่

"ไม่ต้องมาเลยนะ...ดึก ๆ มาได้ยังไง...ถ้าจะมาก็มาวันเสาร์..แล้วจะได้เตรียมเสื้อผ้าไว้เลย.."

ร่างโปร่งบางพลิกร่าง นอนหงายมองเพดาน และมองดาวเรืองแสงที่แปะเอาไว้ที่เพดาน ที่บ้านดาวสวยกว่านี้อีกนะ
ดาวของปลอมจะสวยกว่าดาวของจริงได้ยังไงกัน

"เป็นห่วงเหรอ"

นายช่างสมชาย นั่งมองท้องฟ้า ที่ ๆ นั่งอยู่ สามารถมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจน จะดีแค่ไหนนะ
ถ้าตอนนี้มีคนมานั่งดูดาวด้วย แล้วจะดีมากแค่ไหนนะ ถ้าคน ๆ นั้นคือคนที่กำลังทำเสียงงอแงใส่อยู่ตอนนี้

เสียงที่เงียบหายไป ทำให้นายช่างหนุ่มต้องถอนใจยาว

เร็วไปอีกแล้ว.....เดินเข้าไปใกล้ เร็วเกินไปอีกแล้วสินะ
แคนคงไม่พอใจมากนักหรอก ที่เข้าไปพัวพันมากมายขนาดนี้ ได้โทรหากันบ้างอย่างนี้
แค่ได้ยินเสียงก็พอให้ชื่นใจได้บ้างแล้ว


"เป็นห่วง...ไม่อยากให้เดินทางตอนกลางคืน...กลัวจะเป็นอะไรไป"

น้ำเสียงที่ดังมาจากปลายสาย ทำให้ร่างสูงผิวคล้ำแดด นั่งนิ่ง เมื่อได้ฟัง...ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
และยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด ตอนนี้ใบหน้าคม ฉีกยิ้มกว้าง กว้างซะจน ไม่รู้ว่ายิ้มได้ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

"แล้ว.......คิดถึงมั้ย..."

ชั่งใจอยู่นานกว่าจะเอ่ยถาม ถ้าคำตอบ เป็นการโมโหใส่...ก็เป็นเรื่องปกติ...แต่ถ้าหากคำตอบเป็นอย่างที่อยากได้
มันจะดีมากแค่ไหน

"แล้วอยากให้ตอบว่ายังไงล่ะ....." ว่าที่คุณหมอนอนอมยิ้ม ดวงตากลมโตจ้องมองดวงดาวที่เพดาน และนึกถึงใบหน้าของคนไกล อยากไปดูดาวด้วยกัน อยากไปดูดาวกับไอ้กระชายจริง ๆ

"ก็ต้องบอกว่าคิดถึงสิ"

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก ในใจคาดหวัง แต่ก็กลัวผิดหวัง มากพอ ๆ กัน

"งั้นคงพูดตามที่ต้องการไม่ได้นะ" น้ำเสียงที่จริงจัง และดูเหมือนกับว่าเป็นการเอ็ดอยู่ในที ทำให้ใบหน้าคมของร่างสูงผิวคล้ำแดดของนายช่างสมชาย ซีดเผือดลง หัวใจที่เคยฟูฟ่อง ห่อเหี่ยวลงในทันใด

โกรธสินะ.....ที่วิ่งเข้าหาเร็วขนาดนี้

"ข้าง่วงแล้ว...ข้าจะนอน..แค่นี้นะกระชาย...เอ้อ..ข้าน่ะพูดคำว่าคิดถึงอย่างเดียวไม่ได้หรอกว่ะ
เพราะตอนนี้ข้าคิดถึงไอ้กระชายสอบได้ที่โหล่สมัย ม. ต้น มากกกกกกกกกกกกเลย...
แล้วก็คืนนี้นะ...ถ้าไอ้กระชายมันนอนหลับฝันดีก็คงดีมากเลย.........ฮ้า...ข้าง่วงแล้ว...แค่นี้แหละว่ะ"

คำพูดของคนที่กดสายวางไปแล้ว ทำให้นายช่างสมชายต้องมองที่โทรศัพท์ในมือและขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนจะยิ้มออกมาได้อีกครั้ง.....

คิดถึงเหมือนกันเหรอ.....คิดถึง...จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ

ใบหน้าคมนั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น มองท้องฟ้าที่มีแสงดาวสุกสดใสเต็มท้องฟ้า เหมือนกับตอนนี้ที่หัวใจของเขาก็เป็นสุขไม่ต่างกัน เมื่อคิดถึงคนที่กำลังจะกลับไปหา

ร่างโปร่งบางของว่าที่คุณหมอ เดินไปปิดไฟ และมาล้มตัวลงนอน มองดาวที่แปะไว้บนเพดาน

อยากไปดูดาวกับไอ้กระชายเร็ว ๆ
คิดถึงจังเลย

เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์สักทีนะ
เพียงแค่คิดเพียงแค่นึกถึงก็ทำให้มีความสุข
ใบหน้าเนียนขาวนอนอมยิ้ม อยากเร่งคืนเร่งวันให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ จะได้เจอกันซะที
ตอนนี้ไอ้กระชายเป็นยังไงบ้างน๊า นอนหรือยัง หรือว่ากำลังทำอะไรอยู่

เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาทำให้ต้องเอื้อมมือคว้าและกดดูข้อความที่ส่งมาให้

.........หลับฝันดีเหมือนกันนะแคน..........

ข้อความจากคนที่อยู่ห่างไกล
ข้อความที่ทำให้ว่าที่คุณหมอต้องนอนยิ้มตลอดทั้งคืน

"ฝันดีเหมือนกันนะ...กระชาย"


TBC....

ออฟไลน์ kamui1972

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-0
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 22

“หนาวจะตายแล้วโว้ยยยยยยยยย หิวข้าวด้วย ง่วงด้วย ซิ่งหน่อยสิ....อะไรวะ ขี่อย่างกะเต่าคลาน”

ว่าที่คุณหมอบ่นงึมงำ เล่นเอาคนขับต้อง หัวเราะออกมาด้วยความขำ
ความผิดใครเนี่ย

เมื่อวาน อุตส่าห์ขับรถมารับแต่เช้า แต่แคนดันไม่ยอมตื่น ทั้งลากทั้งดึง ทั้งอะไรสารพัดก็ไม่ยอมตื่น แล้วใครกันที่บอกว่าให้มารับเร็ว ๆ พอมาถึง ยังต้องพับผ้าใส่กระเป๋าให้อีก กว่าจะได้ออกเดินทาง ปาเข้าไปเกือบเที่ยง

แล้วแคนก็เอาแต่หลับมาตลอดทาง

รู้บ้างมั้ยว่าต้องขับรถกี่ชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้าน
เดี๋ยวก็หิว
เดี๋ยวก็ปวดฉี่

เดี๋ยวก็จะแวะซื้อขนมข้างทาง

มันน่านัก.....มาถึงช้านี่เพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าที่คุณหมอเขาเพลิดเพลินกับการ แวะที่นั่นแวะที่นี่

เอาเถอะนะ......อยากเอาแต่ใจยังไงก็ได้ ก็รู้ว่าเรียนหนัก อยู่ด้วยกันก็อยากให้สบายใจไม่ต้องอึดอัดใจ

กว่าจะกลับมาถึงบ้าน ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ส่งแคนเสร็จแล้วก็ต้องกลับบ้าน เพื่อนอนพักผ่อนเหมือนกัน

ยังไม่ทันเช้าเลย แคนก็โทรมาบอกว่าจะไปเล่นน้ำตก......แล้วไงล่ะ ก็ต้องขับมอเตอร์ไซด์พาไป

เล่นจนตัวซีด ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง

แล้วดูตอนนี้สิ ตัวเปียกปากสั่นหมดแล้ว แล้วก็บ่นว่าหนาว ๆ แล้วเสื้อก็ไม่เอามาเปลี่ยน

ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วเนี่ย

“ให้คนเอาข้าวมาส่งที่กระท่อมแล้ว...มีปลาสลิดกับแกงส้ม....อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วนอนกลางวันสักตื่น
บ่าย ๆ ค่อยไปสอยมะม่วงกันนะ”

นายช่างสมชายเอ่ยบอก และเร่งความเร็วของมอร์เตอร์ไซด์ให้เร็วขึ้น เพราะเสียงขบฟันดังกึก กึก ของว่าที่คุณหมอดังจนได้ยินชัดเจน สงสัยจะหนาวจัดจริง ๆ

ก็สมควรหรอก ฝ่าลมขนาดนี้ ตัวเปียกอีกต่างหาก หนาวขนาดนี้สงสัยต้องนอนกอดแล้วมั้ง ถึงจะหายหนาว

“กาชายยยยยยยย ขับเร็ว ๆ ดิ ข้าหิวข้าวจะตายแล้ว โธ่เว้ย”

เคยเห็นคนโมโหหิวมั้ย อย่างแคนนี่แหละ ใช่เลย

โมโหอย่างเดียวไม่พอ ยังกำหมัดกระแทกหลังนายช่างสมชาย เสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ

ไม่เจ็บหรอก แต่ ขำมากกว่า ยิ่งขำก็ยิ่งโดนทุบ เอ้า ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย

“เจ็บแล้วคุณชายแคน.............โอ้ย เจ็บ เจ็บ “

นายช่างสมชายแกล้งพูด เหมือนกับว่าเจ็บมาก จนแคนต้องละมือออก

และแตะมือเบา ๆ ที่ลาดไหล่กว้าง

ก่อนจะซบหน้าลงที่แผ่นหลังของคนขับ และออดอ้อนเสียงเบา

“ขอโทษ น๊า....แต่หิวข้าวจริง ๆ หิวจะตายอยู่แล้ว.....เอ็งก็ซิ่ง ๆ หน่อยสิกาชายยยยยยย ถ้าเอ็งขับช้าข้าหิวจนเป็นลมตาย.....เอ็งจะไม่มีคนให้จีบน๊า.....รู้มั้ยวะ ......กาชายยยยยยยย รู้มั้ย รู้มั้ย”

นิ้วเล็ก ๆ จิ้ม เบา ๆ ที่กลางหลังของคนขับ แล้วก็เอ่ยบอกเสียงหวาน

ทำให้นายช่างสมชายต้องหัวเราะอย่างพอใจ

ก็รู้แล้วนี่นะ ว่ามาจีบ........งั้นก็จีบต่อ.............แบบนี้จีบติดหรือเปล่าหนอ หรือว่าจะยังไม่ติดนะ

แค่คิดก็ขำ อือ ขำจริง ๆ นะ แคนออกจะหยิ่งขนาดนั้น แรก ๆ แทบไม่ต้องคุยเลย
พอได้รู้จักจริง ๆ แคนน่ารักขนาดนี้เลยนะ บทจะอ้อนก็อ้อนซะจนทำให้ใจอ่อนยวบ

บทจะไม่ยอมขึ้นมา ก็เถียงแล้วเถียงอีก ดื้อมาก ยิ่งห้ามก็ยิ่งจะทำ เถียงด้วยแล้วอยากตีให้ตาย

แต่พอเห็นดวงตากลมโต ที่ทอดมองมา ดวงตากลมโตวาวโรจน์ นัยน์ตาขุ่น ๆ ก็อยากแกล้งอยู่หรอกนะ

แต่อารมณ์โมโหก็ต่างคนต่างไม่ยอมกันอีก

ครั้งก่อนนั่นไง ที่บอกให้ขึ้นจากน้ำ แล้วแคนไม่ยอมเชื่อ.....แล้วก็เลยต่างคนต่างโมโหกัน

คิดแล้วก็มีแต่เรื่องตลก ๆ เยอะแยะมากมาย

ตอนแรกไม่กล้าคุยด้วยเลย แต่ตอนนี้ก็มาสนิทกันได้ขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ

รถมอเตอร์ไซด์ มาจอดอยู่ที่หน้ากระท่อม และว่าที่คุณหมอ ก็รีบวิ่ง ไปคว้าผ้าข้าวม้า มาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
ก่อนจะเดินไปที่ตุ่มน้ำข้าง กระท่อม และใช้ขันตักน้ำที่ตากแดดจนอุ่น ตักน้ำอาบ โดยไม่สนใจสายตาของนายช่างสมชายที่ยืนตะลึงงันอยู่อย่างนั้น

แคนนะแคน

เอาอีกแล้ว

คราวก่อนก็อย่างนี้

คราวนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก

น้ำถูกตักอาบ พร้อมกับที่ ว่าที่คุณหมอเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังจะก้าวขึ้นกระท่อม

น้ำในขันถูกสาดให้โดนร่างสูงผิวคล้ำแดดจนเปียกปอนไปทั้งตัว

แล้วแคนก็เลยหัวเราะชอบใจ

“ทำอะไรเนี่ย............ตัวเปียกแล้วนะ” ถึงจะบอกไป แต่น้ำจากขันที่สอง กลับถูกสาด เข้ามาอีก

เสื้อที่เปียกชื้น ยิ่งเปียกเละเทะยิ่งกว่าเดิม

“ข้าอาบน้ำให้เอ็งงายยยยยยยยยยยยยยย เอ็งนี่ไม่สำนึกบุญคุณเล้ย.....หมออุตส่าห์ช่วยอาบให้เชียวนะ”

ไม่ได้รู้เลย ว่าจะทำให้นายช่างสมชายนึกหมั่นไส้....ขึ้นมา ยิ่งเห็นใบหน้าขรึม ๆนั้น ยิ่งอยากแกล้ง

“งั้นเดี๋ยวข้าอาบให้เอ็งด้วยดีกว่า........อาบทั้งตัวเลย............ดีมั้ย.....”

ร่างสูงผิวคล้ำแดด ก้าวไม่กี่ก้าว ก็ดึงขันออกจากมือของว่าที่แคนได้ และแกล้งตักน้ำมาเทราดใส่ผมของคนช่างแกล้ง จนแคนต้องวิ่งหนี แต่ก็ยังไม่วาย หัวเราะ ด้วยความสนุก ที่แกล้งให้อีกฝ่ายโมโหได้

น้ำในขันถูกตักสาด ใส่ร่างโปร่งบาง ที่มีเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียวติดตัว แต่ก็ยังวิ่งหนี แล้วยังหัวเราะอย่างสนุกสนานอีก จนนายช่างสมชายอ่อนใจ

“ไม่เล่นแล้ว.........มาอาบน้ำเร็ว.....เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี.....เป็นหมออะไรไม่รู้จักดูแลตัวเอง”

ร่างโปร่งบาง ผิวขาวเนียนละเอียด ยังไม่ยอมหยุดเล่น ทำหน้าเหมือนไม่ได้ยินเสียงพูด แถมซ้ำยังยกมือปิดหูอีก......จนร่างสูงชักทนไม่ไหว

นี่ไงล่ะ นิสัยดื้อรั้นอย่างนี้ไงล่ะ บอกอะไรก็ไม่เคยเชื่อ มันน่ามั้ยล่ะแบบนี้

ขายาว ๆ ก้าวเข้าไปจับแขนคนที่ทำท่าจะผละหนี แล้วก็ลากให้มายืนที่ตุ่มน้ำ จัดการตักน้ำเทราดใส่ทั้งตัวของแคนและใช้มือขัดผิว ที่แผ่นหลังเนียนขาวนั้นอย่างนึกโมโห

ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวเป็นหวัด เดี๋ยวเป็นหวัด ก็ยังจะเล่นอีก.........คราวนี้โมโหจริง ๆ แล้ว

และก็พอกับแคนที่ยืนนิ่ง ๆ ให้คนตัวสูงกว่า ตักน้ำรดใส่ตัวและขัดผิวให้

ตอนนี้โกรธ............

งอนด้วย...............

เล่นนิดเดียวก็ไม่ได้........ชอบทำท่าจริงจัง.....เรียนก็เครียดพอแล้ว ยังมาถูกโมโหใส่อีก

“กำลังโกรธอยู่ใช่มั้ยล่ะ.......ผมก็โกรธคุณเหมือนกันนะ หมอ......ทำไมถึงไม่ค่อยห่วงตัวเองเลย
ห่างหูห่างตาไปจะให้ทำยังไง.......จะไม่ให้เป็นห่วงเหรอ....ขนาดอยู่ด้วยกัน.....ยังไม่ห่วงตัวเองเลยแบบนี้
นี่ตอนอยู่คนเดียวคงจะ....ไม่เคยใส่ใจตัวเองเลยสินะเนี่ย........หัดรู้ตัวบ้างเถอะ....ว่าเวลาผมไปไหนไกล ๆ
ผมเป็นห่วงหมอมาก..........แต่พอเห็นหมอไม่เป็นห่วงตัวเองแบบนี้.....ผมชักน้อยใจ.....ไม่รู้ว่าผมจะห่วงทำไม
ในเมื่อหมอไม่เคยห่วงตัวเองเลย............”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มราบเรียบ พยายามปรับให้เป็นปกติ......ไม่อยากเอ็ดให้คนที่ยืนนิ่งเสียใจ แต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ

ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะไหล่เล็กบางให้หันมาเผชิญหน้ากัน หลังจากตักน้ำขัดสุดท้าย ราดรดบนร่างเนียนขาวนั้นเรียบร้อยคิดเอาไว้ว่าคงเจอกับใบหน้างอหงิก และทำปั้นปึงใส่

แต่ผิดถนัด......ครั้งนี้แคนกลับยิ้มกว้าง และหัวเราะออกมา
ก่อนจะเอ่ยบอกคำที่ทำให้นายช่างสมชาย ต้องหน้าร้อนวาบ ถึงขนาดต้องยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก
จนแทบอยากจะก้าวเดินหนี แต่ขากลับไม่ยอมก้าว ทั้งเขินทั้งอาย.....อย่างไม่อยากเชื่อตัวเอง

“อ๋อ.....ก็ที่เอ็งห่วงข้ามันก็เพราะว่าเอ็งรักข้าไงกระชาย......ต่อไป ข้าก็จะห่วงตัวเองเหมือนกันน๊า....เพราะว่าข้าไม่อยากให้คนที่ข้ารักไม่สบาย ใจ.....เนอะกระชายเนอะ”

TBC….

Kipper

  • บุคคลทั่วไป
 วิ้ว ๆ ว้าว ๆ รักกัน ๆ บอกรักกันแล้วววว

 :pig4: ขอบคุณครับ kamui1972
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2008 17:15:53 โดย Kipper »

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
น่ารักได้อีกแล้วววว :-[

ISACBTMN

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักได้อีก
แหมกว่าจะหวานได้นะแคน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด