พิมพ์หน้านี้ - [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 05:58:31

หัวข้อ: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 05:58:31
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวป ไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

*************************************************************************************************

เอาเรื่องใหม่มาลงให้อ่านกันครับ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องนี้ยังไม่จบนะครับ ท่าทางคุณเท็นยังไม่ได้ประทับร่างทรงนะครับ เลยยังเขียนอะไรต่อไม่ได้ ทราบแต่ว่าคุณเท็นจะเขียนเรื่องอะไรได้นั้น มันขึ้นกับอารมณ์อย่างมากครับ และคงยังไม่มีอะไร build อารมณ์หรือชักจูงได้เท่านั้นเอง ยังไงก็คงต้องรอต่อไปถ้ายังรักที่จะอ่านนิยายของคุณเท็นนะครับ ถึงแม้มันจะยังไม่จบอย่างสมบูรณ์ แต่เรื่องที่ลงไว้มันก็ไม่ได้ค้างคาจนไม่สามารถรอได้นะครับ อีกอย่างคือเห็นว่าเรื่องมันน่ารักดี อ่านสนุก เลยอยากให้คนอื่นๆมาลองอ่านบ้างเท่านั้น ใครที่เคยอ่านเรื่องนี้แล้วคงทราบว่าเรื่องนี้น่ารักจริงๆ นะ

ขอบคุณคุณ aoikyosuke หรือคุณเท็นสำหรับเรื่องดีๆที่อนุญาตให้เอามาลงในเวปนี้ครับ ความดีความชอบทั้งหลายที่จะได้รับมาของยกให้เจ้าของเรื่องทั้งหมดครับ  สนุกกับการอ่านนะครับ


*************************************************************************************************

เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 1

แคนครับ…ผมชื่อว่าแคน
และขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่ท้ายรถมอเตอร์ไซด์เพื่อนสมัยมัธยมต้น

เขามีชื่อว่า สมชาย หรือ กระชายของเพื่อน ๆ
ปัจจุบันเขาคือนั่งซิ่งมอร์เตอร์ไซด์มือหนึ่งของตำบล
จะเรียกให้ถูกก็คือ คุณกระชายเป็นคนขับมอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง สาเหตุก็อันเนื่องมาจาก
คุณกระชายผู้มีอันจะกิน ไม่ยอมเรียนต่อในชั้นมัธยมปลาย และไม่ยอมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลอันแสนเท่ห์ว่า

ขี้เกียจเรียน และใฝ่ฝันจะขับมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างมาตั้งแต่เด็ก
หลังจากจบ มัธยมต้น นายกระชายจึงมาขับวินมอร์เตอร์ไซด์แบบเต็มตัว

ส่วนกระผม วัฒนา หรือ ไอ้แคนของเพื่อน ๆ ปัจจุบันนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมีชื่อ
ไม่ได้มุ่งมั่นจะเป็นมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างเช่นคุณกระชายเขาแต่อย่างใด
ในรุ่นก็มีผมนี่ล่ะครับ ที่เรียนสูงที่สุด นอกนั้นเขาก็มีลูกมีเมียกันไปหมดแล้วล่ะครับ
เห็นทีจะเหลือไม่กี่คนที่ยังเป็นโสดกัน รวมทั้งกระชายเพื่อนรักนี้ด้วย

หลังจากที่พลัดพรากจากกันมานานแสนนาน แบบว่าลืมกันไปเลย กระผมนายแคนก็มีอันต้องกลับบ้านในช่วงปิดเทอม และในวันนี้ก็เป็นวันดีที่ได้พบเจอกับกระชายเพื่อนเก่า ที่ตัวดำแทบเป็นถ่าน ส่วนที่ขาวที่สุดเห็นทีจะเป็นลูกกะตาขาว และฟันของกระชายเพื่อนรักนั่นเอง

อันที่จริงผมกับไอ้กระชายก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันหรอก สมัยเรียนน่ะ

เพราะผมมันเป็นเด็กเรียน เรียนอยู่หน้าห้อง นั่งฟังอาจารย์ สอบได้ที่ 1 ตลอด ส่วนคุณกระชายที่โหล่ของห้อง
สาเหตุอันเนื่องมาจาก คุณกระชาย ไม่เคยสนใจเรียนหนังสือหนังหา ยามว่างไปปีนต้นมะม่วงขโมยมะม่วงชาวบ้านเขาซะงั้น...อ่านหนังสือออกได้ก็นับ ว่าบุญโขแล้ว เรามิได้มีปฏิสัมพันธ์กันแต่อย่างใด
อยู่กันคนละสุดขั้วโลก เลยก็ว่าได้

แต่ ณ วันนี้ กระชายเพื่อนเก่า มันจำผมได้ครับ

และมันก็ส่งยิ้มฟันขาวมาแต่ไกล ก่อนจะทักทายผมที่หน้าปากซอยว่า

“เฮ้ย....นี่มันไอ้ปัญญาชนนี่หว่า..รับปริญญาหรือยังละเนี่ยเป็นเกียรติกับตำบลของเราจริง ๆ เลยเอ็งเอ้ย..”

พูดได้เพียงเท่านั้น กระชายเพื่อนรักก็พากระผมนายแคน ซ้อนมอร์เตอร์ด้วยลีลาผาดโผนมาส่งผมจนถึงบ้านได้
และก่อนจากไปกระชายเพื่อนรักก็บอกกับผมว่า
“เดี๋ยวเย็น ๆ จะมารับไปดักปลานะเอ็ง...ไอ้ปัญญาชน”

ผมยืนสะพายเป้ ในชุดนักศึกษา พร้อมกับหมาที่บ้านหลายตัวตามมากระโดดเลียแข้งเลียขาด้วยความคิดถึง
อย่างเหลือล้น กระผมนายแคนยังมิได้ กล่าวขอบคุณและบอกลา กระชายเพื่อนรักแต่ชาติปางก่อนแต่อย่างใด
มันก็ขับมอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพสำหรับทำมาหากินของมันขับไปโลดแล้ว

ผมยังคงยืนเกาหัวด้วยความงุน งง

เอ่อ...เย็นนี้จะมารับไปดักปลา...แล้วกระผมนายแคนผู้เป็นปัญญาชนเกิดมา หม่อมพ่อหม่อมแม่ ไม่เคยให้ต้องไปทำอะไรที่ใช้แรงงานเลย จะไปดักปลากับกระชายอย่างนั้นหรือ

มาก็ไม่ไปหรอก...สนิทกันหรือก็เปล่า
แค่เคยเรียนด้วยกันแค่นั้น เหนื่อยจะตายห่าจะให้ไปดักปลา
ฝันไปเถอะเอ็งไอ้กระชาย ข้าขึ้นบ้านอาบน้ำนอนดีกว่า

ใครเขาฝันอยากเป็นมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างกันล่ะวะ ใฝ่สูงเหลือเกิน

แล้วอย่างข้า นายแคนผู้เป็นปัญญาชนคนนี้น่ะหรือ จะไปคลุกคลีกับเอ็งไอ้กระชาย

ไอ้ชนชั้นใช้แรงงาน

TBC


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 05:59:44
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 2

"แม่...หวัดดี.." กระผมนายแคนลูกชายที่น่ารักและเป็นหน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูล
เดินขึ้นบ้านมานอนแผ่หราอยู่กลางเรือน และไหว้คุณแม่บังเกิดเกล้า ก่อนจะเอาหัวไปหนุน
เคล้าคลออยู่บนตักของเสด็จแม่ อ้าว.. ก็คนมันติดแม่ล่ะค้าบ คุณ ยอมรับครับยอมรับ
แม่ผมนี่ครับ..แม่ที่ส่งเงินให้กินให้ใช้ ให้เที่ยวเตร่ได้อย่างมีความสุข
แม่ผมนี่ล่ะครับ สปอร์ตจริง ๆ ให้ตายเถอะ บอกให้ลูกชายเที่ยวเตร่กินเหล้าได้
แต่ต้องรู้จักขอบเขตไม่งั้นเสด็จแม่จะตามไปตบกบาล และบ้องหูผมด้วยความรักและห่วงใยทันที
ปิดเทอมแล้ว ก็ต้องกลับมานอนเล่นอยู่บ้านสบาย ๆ สักพัก หนุนตักแม่สักหน่อย
ผมนี่มันเป็นลูกชายที่น่ารักจริง ๆ หนอ แหม น่ายกย่องมอบโล่ลูกกตัญญูให้จริง ๆ

"อาบน้ำหรือยังแคน..ตัวเหนียวเหนอะหนะ..ไปอาบน้ำสิแล้วมากินข้าว..อ้อนแม่มาก ๆ ถามจริง
แคนอ้อนสาว ๆ อย่างนี้หรือเปล่าเนี่ย"

แม่ครับ แม่ สาว ๆ เหรอครับที่ยอดชายนายแคนคนนี้จะไปตามอ้อน ไม่มีล่ะครับ
มีแม่คนเดียวนี่แหละที่ผมจะอ้อน แม่นี่ดูท่าจะน้อยใจนะเนี่ย
ผมก็ได้แต่หัวเราะกับคำพูดของแม่ ก่อนจะลุกขึ้นโยนเป้ไว้ในห้องของตัวเอง
และเดินไปขุดเสื้อผ้าที่เสด็จแม่จัดเตรียมไว้รอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้สวมใส่หลังอาบน้ำ
ว่าก็ว่าเถอะนะ ที่ไหน ๆ มันจะสุขเท่าที่บ้านเห็นทีจะไม่มีอีกแล้วล่ะนะ คุณ ๆ ว่าอย่างนั้นมั้ยล่ะ

"อาบน้ำเสร็จมากินข้าวนะแคน" หม่อมแม่ยังคงตะโกนเรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต่อไป
และกระผมก็มีอันต้องตอบรับกลับไปด้วยน้ำเสียงอันนอบน้อม ก่อนจะพาสังขารตัวเอง
อันเหนื่อยล้าจากการนั่งรถไฟ เป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อกลับมาบ้านนั่นเอง ไปอาบน้ำอาบท่าในทันที

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ง่วงนะครับคุณ คนเดินทางมาเหนื่อยแสนเหนื่อย ลมก็เย็นสบายขนาดนี้ หนังสือการ์ตูนก็มีอยู่หลายเล่มที่ซื้อติดมาตอนขึ้นรถไฟ
เอามาอ่านสิครับคุณ จะเก็บไว้เผาขยะเหรอ เปลที่ผูกไว้ใต้ถุนเรือน จะปล่อยทิ้งร้างหรืออย่างไร เห็นจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ
เสร็จครับ...เสร็จบุคคลดีเด่นประจำตำบลอย่างผมล่ะครับ ผมก็นอนแกว่งเปลของผมไปเรื่อย นังทองเปลวหมาไทยหลังอานของแท้
นอนมองผมตาแป๋ว ก่อนจะพยายามเข้ามาแสดงความรักต่อเจ้าของอย่างผมจนผมอดจะต้องแสดงความรักความมีเมตตากับนังทองเปลวไม่ได้
คนดีมีเมตตาอย่างผมก็ยกเท้าขึ้นเตะป๊าบอัดเข้าช่วงตัวหมาสุดที่รักเต็ม แรง มันก็เลยวิ่งร้องเอ๋ง ๆ ขอบคุณผมไปซะไกล โอ้ มันคงจะรักเจ้าของมันมากขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย

คราวนี้ทางก็สะดวกล่ะครับ ผมก็นอนเย็นสบายอยู่บนเปลญวณ แกว่งเปลไปเรื่อย ๆ นอนอ่านการ์ตูนอย่างมีความสุขขีสุขโข
ก่อนจะเผลอหลับไป ด้วยความเพลียและเหนื่อย ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีตอนที่มีอะไรมาแตะที่ข้างแก้ม พร้อมกับแรงเขย่าที่แขนหลายครั้ง

"ไอ้แคนไปดักปลากัน..ไอ้แคนตื่นเถอะเย็นแล้วไปดักปลากัน" เสียงสวรรค์ของใครกันวะมาปลุกเอาตอนหลับสบาย แม่งเดี๋ยวก็ลุกขึ้นเสยปลายคาง
ไปสักทีสองทีหรอก กระผมนายแคนปรือตาขึ้นช้า ๆ และเมื่อเห็นเป็นหน้าดำ ๆ เหมือนเปาบุ้นจิ้น โห่ ไม่ยักกะมีพระจันทร์เสี้ยวที่กลางหน้าผากแฮะ
ไอ้กระชายนี่หว่า อย่างนี้ต้องใช้แผนสองแกล้งหลับไม่ยอมตื่นดีกว่า ปลุกบ้าอะไรตอนนี้วะไม่รู้จักเวล่ำเวลา

"ไอ้แคนอย่าแกล้งหลับสิวะ..ไปดักปลากันเร็ว ... ไอ้แคนตื่น ๆ "

โธ่เว้ย..มันจะเซ้าซี้ไปถึงไหนวะเนี่ย คนจะหลับจะนอน จะให้ไปดักปลาบ้าบออะไรของมันวะ
ผมปรือตาขึ้นและทำหน้าหงุดหงิดสุดชีวิตให้มันรู้ว่า ผมรำคาญมัน ผมไม่ได้รำคาญมันแบบธรรมดา แต่ผมรำคาญไอ้กระชายแบบสุด ๆ
แม้แต่แม่ผมยังไม่อยากจะปลุกผมเวลานอนเลย แล้วไอ้กระชายมันเป็นใคร แน่มาจากไหนถึงมาปลุกผมไปทำเรื่องบ้า ๆ รบกวนเวลาหลับนอนของผมอย่างนี้

"ข้าจะนอน..อยากไปเอ็งก็ไปคนเดียวสิ จะนอนโว้ย จะนอน" คนหงุดหงิดบ้านอนน่ะคุณ ๆ รู้จักมั้ย เคยเป็นมั้ยอาการแบบนี้น่ะ ผมตวาดมันไป
สองสามคำมันก็หยุดเขย่า หยุดเรียก อาาาาาาาาาาา สวรรค์ครับ สวรรค์จริง ๆ สวรรค์กลับมาแล้ว ผมหลับตานอนได้อย่างมีความสุขต่อ
แต่เหมือนได้ยินเสียงพูดเบา ๆ ของไอ้กระชาย

"ไม่เป็นไรข้านั่งรอจนกว่าเอ็งจะตื่นไปดักปลากับข้าก็ได้"

เหอ เหอ เหอ ผมคงหูแว่วไป โดนด่าขนาดนี้ ใครจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ล่ะครับ ผมคงง่วงจัดจนได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของคุณกระชาย
มอร์เตอร์ไซด์วินรับจ้าง ความรู้แค่ ม. 3 เมื่อสาย ๆ ยอมซ้อนท้ายมากับมัน ก็นับว่าเป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูลมันนักหนาแล้ว
แล้วก็อย่าหวังว่า กระผมนายแคนคนนี้จะสานสัมพันธไมตรีกับเพื่อนสมัย ม. ต้น ที่เรียนได้ที่โหล่ของห้องต่อไป
ผมยังคงนอนหลับตาอย่างมีความสุขที่สุดในโลก นอน นอน นอน หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขเมื่อไม่มีมารผจญมาปลุกให้หงุดหงิดหัวใจ

"แคน...ข้ารอให้เอ็งตื่นก่อนก็ได้..แล้วเราสองคนไปดักปลากันนะ"

โธ่ ผมคงจะได้ยินเสียงแว่วมากไปจริง ๆ นะแหละ ผมไม่ได้ลืมตามาสนใจคำพูดงึมงำของไอ้กระชายเลยสักคำ แต่ได้ยินเสียงมันแว่ว ๆ เท่านั้น
รอไปเถอะนะ ไอ้กระชายเอ้ย ข้าคือนักนอนเอาสถิติโลกว่ะ ถึงเอ็งรอได้ ข้าก็ไม่ไปกับเอ็งหรอก อย่าฝันไปหน่อยเลยเอ็ง ไอ้กระชาย

TBC
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 06:00:53
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 3

กระผมนายแคนกำลังคิดว่าตัวเองไปออกค่ายอาสาอยู่หรือเปล่าเนี่ย
หลังจากตื่นนอนในเวลาเกือบเย็น ผมผู้นอนทำสถิติโลกก็ตื่นมาพบกับไอ้คุณกระชายที่นั่งเท้าคางมองผมอยู่บนแคร่ ไม้ไม่ห่างจากเปลที่ผมนอนสักเท่าไหร่ จะแกล้งหลับตามันก็กระแอมกระไอเสียงดัง ให้รู้ว่าข้ารู้นะว่าเอ็งจะแกล้งหลับอีกรอบ แหมไอ้กระชายเอ้ย ความรู้แค่ ม. 3 ดันเกิดจะฉลาดเกินหน้าที่การงานวินมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างขึ้นมาอีก

“ไปเหอะแคน...ไปเหอะนะ..ลุกเถอะ...ข้ารอตั้งแต่บ่ายแล้ว..ขืนเอ็งแกล้ง หลับต่อข้าคงต้องเอาหมอนมุ้งมานอนรอแน่เลยแคน...ไปเหอะนะแคนนะ..ข้าขอร้อง ล่ะ”

ดูเอาเถอะ พอผมหรี่ตามองมันหน่อย ๆ มันเสือกตีหน้าโศกอารัมภบทต่าง ๆ นา ๆ ไปเรื่อยเปื่อย คนดี ๆ อย่างผมกลายเป็นคนเลว ๆ ของไอ้กระชายไปเสียฉิบ แล้วทำเสียงเข้า ญาติเอ็งเสียหรือไงวะ ทำเสียงซะโศก มีเพลงธรณีกรรแสงประกอบซะอีกเออนั่น เอาเข้าไป ทำหน้าเศร้าซึมเข้าไป โธ่เว้ย น่าเบื่อจริง ๆ ไปก็ได้วะ ตัดความรำคาญมันจะได้ไม่มาตามเซ้าซี้ผมอีก

กระผมนายแคนก็เลยต้องลุกพรวดพรวดยืนขึ้น สาง ๆ ผมเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น
แล้วก็มายืนเท้าเอวมองไอ้กระชาย เพื่อนสมัย ม. ต้น ที่มีความฝันอยากเป็นวินมอร์เตอร์ไซด์ตั้งแต่เด็ก ๆ

“ไปครั้งเดียว .. แล้วคราวหน้าอย่ามาเซ้าซี้ข้าอีก..เข้าใจ๋..อยากบอกให้เอ็งรู้ไว้ว่ากะอีแค่ มาส่งข้าเมื่อตอนสายอย่ามาถือเป็นบุญคุณเอากับข้า แค่ขับมาส่งแค่นั้น จะสักกี่ตังค์กันเชียว”

แล้วไงล่ะ ผมก็พูดไปตามที่ใจคิดไง ผมเป็นคนอย่างนี้อ่ะ ปากก็เป็นแบบนี้ ใครจะทำไม ไม่พอใจก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งโมโหหงุดหงิดรำคาญอีก

นายกระชายเงยหน้ามองหน้าผมแล้วก็ทำหน้าแบบอึ้งสุดขีด ผมล่ะโคตรจะสะใจเลย คุณ ๆ เอ๋ย มันอ้าปากค้างเลยดูสินั่น แล้วมันก็ยืนขึ้น คว้าเสื้อวินมาใส่ แล้วก็บอกกับผมเสียงเรียบ ๆ แต่เชือดเข้าไปถึงหัวใจ

“เอ็งนะไอ้แคน....เคยดูถูกคนยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย...ถ้าเป็นการรบกวน เอ็งมากขนาดนั้นเอ็งอย่าไปเลยดีกว่า..ข้าแค่คิดว่าเอ็งอาจจะเบื่ออยู่บ้านคน เดียว เลยอยากพาไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี้ช่วงปิดเทอม....ไม่นึกว่าเอ็งจะคิดอย่างนี้
เอ็งไม่เคยเปลี่ยนจริง ๆ การศึกษามันไม่ช่วยให้นิสัยดูถูกคนของเอ็งลดลงบ้างเลยเนอะ”

อึ้งสิครับงานนี้ เป็นใครจะไม่อึ้งบ้างล่ะ เกิดมาไม่เคยโดนใครด่าตรง ๆ ขนาดนี้ ผมกำลังจะอ้าปากด่าไอ้กระชายกลับแต่มันหันมามองหน้าผมอีกครั้งด้วยใบหน้า เรียบเฉย ก่อนจะเดินไปสตาร์ทรถมอร์เตอร์ไซด์ ขับออกไปโดยไม่หันมามองหน้าผมอีกเลย แม่ง ไอ้กระชายเอ็งมันก็แค่ไอ้มอร์เตอร์ไซด์รับจ้างกระจอก กระจอก ยังมีหน้ามาด่าคนเรียนสูง ๆ อย่างข้าเหรอวะ เจอกันอีกที จะด่าให้เละเลย
ผมยืนหงุดหงิดหัวเสียกับไอ้กระชายอยู่อย่างนั้น แล้วก็เดินกระแทกเท้าปึงปังขึ้นบ้านจนแม่ของผมต้องหันหน้ามาถาม

“เป็นอะไรอีกแคน....นายช่างเขามาหาตั้งนานสองนานเห็นนั่งรอแคนเป็นชั่วโมงเขากลับไปแล้วเหรอ นายช่างน่ะ”

แม่ของผมหมายถึงใครกัน นายช่าง อย่าบอกนะว่าไอ้กระชายตัวดำนั่นน่ะ

“ใครอ่ะแม่..นายช่าง ไอ้บ้านั่นมันเป็นมอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง นายช่งนายช่างอะไรกันล่ะแม่ ไอ้ชายไงแม่ที่แคนเคยเล่าให้ฟังที่มันสอบได้ที่โหล่ตอน ม. ต้นอ่ะ แม่จำมันไม่ได้เหรอ...”

กระผมนายแคนต้องรีบทบทวนความจำให้เสด็จแม่ซะหน่อย ก็ไอ้กระชายนี่ไงที่เล่าให้แม่ฟังอยู่บ่อย ๆ สมัยเรียน ประถม สมัยเรียน มัธยม แล้วไงล่ะ แม่ผมคงจะลืมแน่ ๆ ผมยังไม่เห็นลืมเลยไอ้กระชาย ไอ้วินมอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง

“แม่ไม่ได้ความจำเสื่อมนะแคน ก็นายช่างนี่ไง เขามาดูเรื่องการซ่อมแซมเขื่อน แคนไม่รู้หรือไง นายช่างเขาก็ดีนะ ไม่เคยลืมท้องถิ่นเลย ได้ดิบได้ดีขนาดนั้น แกยังกลับมาพัฒนาหมู่บ้าน แคนก็ต้องทำให้ได้แบบนายช่างนะ ใคร ๆ เขาก็รักนายช่างกันทั้งนั้นแหละ ไม่เคยถือตัวเล้ย...บางทีเห็นแกไปขับมอร์เตอร์ไซด์ส่งคนแก่ไปวัด
ให้สตางค์แก แกก็ไม่เอา บอกว่าชอบขี่มอร์เตอร์ไซด์ เออ นายช่างนี่ก็แปลกดี แคนนี่โชคดีจริง ๆ มีเพื่อนอย่างนี้
ตอนที่แคนไม่อยู่ นายช่างยังมาส่งแม่ที่บ้านเลย ตอนแม่ไปวัดน่ะ ว่าง ๆ แคนชวนนายช่างมากินข้าวสิ “

เอ่อ....ปัจจุบันกระผมนายแคน ยืนเอ๋อเหมือนถูกอะไรตีเข้าที่กบาลหนัก ๆ หลายที ด้วยความมึนจนเห็นดาวหลายดวง

ไอ้กระชาย ผมไม่เคยสนใจมัน เพราะมันสอบได้ที่โหล่ของห้อง เพราะเอาแต่ไปปีนเก็บมะม่วง
ปัจจุบันมันเป็นนายช่าง มาพัฒนาหมู่บ้าน แม่บอกว่า มันเรียน มหาวิทยาลัยแค่สองปีครึ่ง เรียน ม. ปลาย
กศน. หนึ่งปี แล้วก็ไปสอบชิงทุนตอนจบ มหาวิทยาลัย ได้ไปเมืองนอก กลับมาใช้ทุนโดยเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตร และปัจจุบัน มันกลับมาพัฒนาหมู่บ้าน และ....

กระผมนายแคน ลงไปนอนหงายแอ้งแม้งอยู่กับพื้น และแทบจะน้ำลายฟูมปากตายด้วยความโมโห
ในขณะที่ผมยังต้องเรียนแพทย์อีกหลายปี ไอ้กระชายดันไปเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรเรียบร้อยแล้ว

ผมอยากจะบ้าตาย

TBC
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 06:03:05
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 4

แคนไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ เรียนหมอเนี่ย ต้องรู้สึกเห็นใจและห่วงใยผู้ป่วย ใจเย็น ๆ แล้วก็มีเมตตาไม่ใช่หรือ แต่แคน ก็ยังเป็นแคนเหมือนเดิม เคยดูถูกเขายังไงแคนก็ยังดูถูกอยู่อย่างนั้น สมัยเรียน อยากไปเล่นกับแคนบ้าง เพราะแคนน่ารักกว่าเด็กผู้หญิงในห้อง แต่แคนเรียนเก่ง และแคนไม่เคยสุงสิงกับใครเลย วัน ๆ เห็นอ่านแต่หนังสือ แล้วแคนก็เรียนได้ที่ 1 มาตลอด ชนิดที่คนได้ที่สองคะแนนห่างกันลิบลิ่ว

ส่วนเขานายสมชาย หรือกระชายของเพื่อน ๆ อยากจะไปเล่นกับแคนบ้าง แต่ก็เขิน ๆ อาย ๆ มาตลอด
เพราะแคนไม่ชอบเขา เคยได้ยินว่าแคนอยากกินมะม่วง ก็ไปเก็บมะม่วงมาให้ทุกวัน แต่ไม่เคยเอาไปให้แคน เพราะไม่รู้จะให้ยังไงดี แคนเป็นคนเรียนเก่ง แต่เขามีความฝันแค่อยากเป็นคนขับมอร์เตอร์ไซด์ และอยากจะพาแคนไปเที่ยวทุก ๆ ที่ ที่แคนอยากจะไป แคนไปเรียน ต่อ ม. ปลาย ในขณะที่เขาขับวินมอร์เตอร์ไซด์ไปเรื่อย ๆ

เหงาที่สุดที่แคนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แอบขับผ่านหน้าบ้านแคนบ่อย ๆ เหมือนที่คนเขาว่า ไม่เห็นหน้า เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี นายกระชายคนนี้ก็เคยทำมาแล้ว แคนกลับมาบ้านแค่ช่วงปิดเทอม และไม่เคยไปสุงสิงกับใคร
กลับมาทีไรก็เห็นอยู่แต่บ้านทุกที ไม่เห็นจะเคยออกไปไหน นั่นยิ่งทำให้เขาพบแคนได้น้อยลงไปอีก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ค่อยได้พบหน้ากับแคนอีกเลย เพราะหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำคือต้องไปให้ไกลให้เดินตามหลังแคนได้อย่าง ไม่อายใคร เรื่องราวของแคนเขาพอรู้อยู่บ้างจากการสอบถามจากคนรู้จักหลาย ๆ คน

เคยแม้กระทั่งไปหาแคนที่หน้ามหาวิทยาลัยก่อนจะไปเรียนที่ต่างประเทศ เพราะโชคดีสอบชิงทุนได้ อยากจะบอกแคน แต่ก็ไม่รู้จะบอกยังไง เลยไปเรียนต่อทั้ง ๆ ที่ไม่ได้บอกกันสักคำอย่างนั้น กลับมาอีกทีก็โชคดีได้งานทำตรงกับสายที่เรียนมาแต่ต้องมาใช้ทุนก่อน เขาก็เลยขอมาพัฒนาหมู่บ้านของตัวเอง ตามที่ได้รับมอบหมายมา

รู้ว่าแคนจะกลับมา ก็ไปรอรับ รอด้วยความตื่นเต้นว่าวันนี้จะได้พูดคุยกับแคนสักที หลังจากพยายามมาหลายปี
ตอนที่แคนยอมซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซด์ก็ดีใจมาก ตื่นเต้นจนพูดผิดพูดถูก ไม่รู้จะทักทายแคนยังไง

หวังว่าแคนจะพอจำกันได้บ้าง แล้วแคนก็จำกันได้จริง ๆ
แคน......แคนคนที่อยากเก็บมะม่วงให้กินตั้งแต่สมัย ม. ต้น แคนที่ไม่คิดฝันว่าจะก้าวมายืนข้างหลังและได้คุยกับแคนในวันหนึ่ง

แต่ให้ตายไปอีกสิบชาติ แคนก็ไม่เคยเลิกดูถูกเขาสักที
แล้วเขาเองก็ไปพูดกับแคนอย่างนั้น แคนคงจะโกรธมาก ป่านนี้แม้แต่หน้าเขาแคนก็คงไม่อยากมองแล้วล่ะมั้ง
สำหรับแคนเขาก็ยังเป็นได้แค่ไอ้บ้าเก็บมะม่วง สอบได้ที่โหล่ของห้องอยู่ดี

นายช่างสมชาย ผู้กุมหัวใจคนทั้งตำบล ขับมอร์เตอร์ไซด์ฝ่าลมไปเรื่อย ๆ และมาหยุดอยู่ที่กระท่อมที่ทำไว้เพื่อนอนพักเวลาเหนื่อย ๆ และเครียดจากการทำงาน

ข้าวหุงเสร็จแล้ว คิดว่าจะไปดักปลากับแคนแล้วก็จะได้นำมาทอดกิน เตรียมทำน้ำพริกทำอะไรไว้รอด้วยความตื่นเต้น ทำแกงส้มไว้ เพราะเคยถามจากแม่ของแคนว่าแคนชอบกินอะไร ก็เลยอยากให้แคนประทับใจบ้าง

ร่างสูงผิวคล้ามแดด ยืนมองกับข้าวและข้าวที่หุงไว้รอ ก่อนจะยิ้มเหยียดหยามตัวเอง ทอดกายลงนอนบนแคร่ไม้ไผ่หน้ากระท่อม นอนมองท้องฟ้าที่ค่อยเปลี่ยนรูปร่าง ตามที่จินตนาการ

พยายามแล้วที่จะมีความภาคภูมิเพื่อจะได้ไปยืนข้างหลัง หรือบางทีอาจมีหวังได้ยืนข้าง ๆ
ถึงแคนจดจำเขาได้แค่เป็นเพื่อนสมัย ม. ต้นก็ยังดี แต่สุดท้าย ไอ้กระชายคนนี้ ก็ยังเป็นแค่ไอ้กระชายเก็บมะม่วง สอบได้ที่โหล่ของห้องในความคิดของแคนอยู่ดี

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“นายช่าง ...แคนมันเอาแต่ใจ นายช่างอย่าไปถือสามันเลย..เห็นมันเรียนอย่างนั้น แต่ก็ยังเป็นเด็ก ๆ คิดอะไรเป็นเด็ก ๆ อยู่วันยังค่ำ ยังไงนายช่างก็ปราม ๆ แคนหน่อยเถอะค่ะ “

เสียงของผู้สูงวัยกว่าที่เอ่ยบอก หลังจากหิ้วปิ่นโตลงจากวัดแล้ว และขณะนี้นายช่างหนุ่มกำลังสตาร์ทรถรอจะไปส่งแม่ของคนที่แอบรักแอบชอบมานาน หลายปี

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ...แคนเขาโตแล้ว คิดอะไรได้มากมายกว่าผมตั้งเยอะ ... ผมมันแค่นายช่างคุมงานต๊อกต๋อยเทียบกับแคนไม่ได้หรอกครับ”
คำพูดที่แสนเกรงอกเกรงใจ กับท่าทางนอบน้อม ต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้มารดาของนายแคนจอมหยิ่ง
อดจะชื่นชมในตัวของเพื่อนลูกชายคนนี้ไม่ได้ นายช่างดูเป็นผู้ใหญ่ จิตใจดี ชอบช่วยเหลือคน
แต่เจ้าแคน เรียนเก่งอย่างเดียว เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง แล้วก็ยังเป็นเด็ก ๆ เข้ากับคนไม่ค่อยได้ไม่เหมือนนายช่างเพื่อนรุ่นเดียวกันคนนี้เลย ที่ไม่ว่าไปทางไหนก็มีแต่คนรักคนเอ็นดูทั้งนั้น

“นายช่างก็พูดเกินไป ...อย่างเจ้าแคนน่ะ ... เอาแต่ใจตัวเองเป็นอย่างเดียวแหละค่ะ...ไม่มีใครปรามอยู่แล้วเดี๋ยวนี้
นับวันจะยิ่งดื้อไปใหญ่”

ผู้ใหญ่กว่าเดินขึ้นมาซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซด์ของนายช่างหนุ่มเรียบร้อย แล้ว และร่างสูงผิวคล้ำแดด ก็พาผู้สูงวัยกว่าไปส่งจนถึงบ้าน และคงได้ถือโอกาสแอบมองหน้าลูกชายของเจ้าของบ้านสักหน่อยให้หายคิดถึง
แต่ดูเหมือนแคนที่ยื่นหน้ามาทางระเบียงว่ามีใครมา ก็รีบสะบัดหน้าหนีทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

ก่อนจะลงมาช่วยมารดาหิ้วปิ่นโต โดยไม่เอ่ยทักทาย คนขับมาส่งเลยสักคำ

“ขอบคุณค่ะนายช่างที่มาส่งคนแก่....ยังไงขึ้นมากินน้ำกินท่าบนเรือนก่อนเถอะค่ะ...”
คำชวนแบบนี้ มีคำตอบเดียวคือห้ามปฏิเสธ มันถือเป็นธรรมเนียมไปแล้ว ร่างสูงส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับมารดาของเพื่อนสมัย ม. ต้น โดยที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าของคนที่ยืนหน้างออยู่เลยสักนิด เรื่องร่างสูงโปร่ง เดินลิ่วนำขึ้นบ้านแล้วยังกระแทกเท้าปึงปังจนคนเป็นมารดาต้องเอ็ดลูกชายไว้ นั่นแหละ นายแคนถึงได้สงบลงได้หน่อย
ก่อนจะไปยกขันน้ำลอยดอกมะลิ มายื่นให้คนที่เดินขึ้นมานั่งอยู่บนเฉลียงของเรือนทรงไทย แบบไม่เต็มใจนัก

“แคน....เสียมารยาท...นายช่างเขาอุตส่าห์มาส่งแม่นะ....แคนทำไมทำนิสัยอย่างนี้....นายช่างอย่าไปถือสาเลยนะคะ
เด็กคนนี้เอาแต่ใจเป็นอย่างเดียวแหละค่ะ...”

ดูสิ แม่อ่ะ ทำไมมาเผาลูกชายผู้เป็นตำนานของวงศ์ตระกูลอย่างนี้ล่ะ
กระผมนายแคน หน้างอหงิกเพราะถูกเสด็จแม่ต่อว่าต่อหน้าไอ้กระชาย นายช่างใหญ่
โธ่เอ้ย .... ก็แค่ดีกว่ามอร์เตอร์ไซด์รับจ้างหน่อยเดียวเอง อย่ามาทำเป็นกร่างหน่อยเลย

“คุยกันก่อนนะคะ....เดี๋ยวขอตัวไปเตรียมสำรับกับข้าวก่อนค่ะ นายช่างอยู่ทานข้าวด้วยกันนะคะ”

คุณแม่เดินไปแล้ว พร้อมกับที่ไอ้กระชายทำเหมือนเกรงอกเกรงใจพูดว่าอย่ารบกวนเลย อย่ารบกวนเลย
อยู่หลายครั้ง จนเสด็จแม่ต้องถามว่า

“นายช่างรังเกียจเหรอคะ” แค่นั้นแหละเห็นมั้ยล่ะไอ้กระชายนั่งอ้าปากพะงาบ พะงาบเลย
โธ่เอ้ย อยากกินข้าวบ้านข้าก็บอกมาเหอะ แม่ข้าทำกับข้าวอร่อยที่สุดในตำบลไม่อยากจะคุย กินแล้วเอ็งติดใจแน่ ๆ แล้วก็ต้องอยากกินอีก แต่เอ็งจะไปหาซื้อที่ไหนไม่ได้หรอกไอ้กระชายเอ้ย

เรือนร่างเล็กบางนั่งหน้างอหงิกไม่ได้พูดอะไรสักคำ มองต้นไม้ มองระเบียงไปเรื่อยเปื่อย
ไม่สนใจจะทักทายหรือพูดคุยกับคนตรงหน้าเลยสักคำ ก็ไม่มีอะไร เปล่าโกรธ ป่าวงอน ขอโทษก่อนสิ แล้วจะหายโกรธ

“หายโกรธหรือยังว่าที่คุณหมอ...เมื่อวานผมปากพล่อยไปหน่อย คุณหมอใจดีหายโกรธหรือยัง”

คำถามของคนมาง้อ ทำให้เรือนร่างบอบบางน่ารัก แต่นิสัยไม่น่ารัก ต้องหันมามองหน้า แถมยังทำตาขวางเข้าให้อีก ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ไม่อยากจะใส่ใจ ทำกิริยาแง่งอนเหมือนอย่างกับสาว ๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลย ว่าไอ้ท่าทางแบบนั้นไปเรียกรอยยิ้มให้กับร่างสูงผิวคล้ำแดดได้ทันที

“นักศึกษาแพทย์นี่เขางอนกันเป็นด้วยเนอะ...ข้าก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ...แต่ก็ดูน่ารักดีนะ”

ดูมันพูดสิ ดูไอ้กระชายมันพูดสิ มันหาว่าผมเป็นนักศึกษาแพทย์ขี้งอนอ่ะ แง่ง แง่ง หงุดหงิดเว้ย
แล้วมันยังพูดไปยิ้มไปอีกอ่ะ ไอ้กระชาย เอ็ง เดี๋ยวเอ็งกับข้าได้เห็นดีกันแน่

“หุบปากเอ็งไปเลย....มาบ้านเขาแล้วยังมาพูดกระแหนะกระแหนเขาอีก.... รีบ ๆ กลับไปซะทีไป๊”
ผมด่ามันไปแล้ว หึ หึ หึ ด่าแบบผู้ดีนะครับ ไม่รู้ไอ้บ้ากระชายจะรู้หรือเปล่า คิดว่ามาส่งแม่ผมแล้วจะมาทวงบุญคุณหรือไงกัน นี่ถ้าไม่เพราะแม่บังคับให้ต้องนั่งคุยกับมันรอกินข้าวนะ ผมจะไปนอนเล่นที่เปลแล้วก็ทิ้งไอ้กระชายไว้นี่แหละ โดยไม่สนใจมันเลย แต่ที่ต้องทนนั่งคุยกับมัน เอ่อ จะเรียกให้ถูกคือด่าไอ้กระชายมากกว่า
อะไรก็ช่างเถอะ แต่เอาเป็นว่าไอ้กระชายมันขวางหูขวางตาผมก็เท่านั้นแหละ

“ไล่มาก ๆ แบบนี้แหละดี...เดี๋ยวมาหาทุกวันเลย…มาทุกวันให้คุณหมอเป็นบ้าตายไปเลย...ดู ซิคุณหมอจะจัดการคนไข้โรคจิตแบบผมยังไง...ระวังนะคุณหมอ คนไข้แบบนี้มีเยอะ....คุณหมอยิ่งสวย ๆ อยู่...เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือนนะ....”

ห๊า...ดูไอ้กระชายมันพูดสิ...ปากไอ้กระชาย ทำไมมันถึงได้ปากหมาแบบนี้...โอ้ยยยยยยยยยยย หงุดหงิด ผมยิ่งหงุดหงิด ยิ่งกว่าเก่า ขยับจะด่ามันอีกสักรอบ แล้วมันยังมาว่าผมสวยอีก ผมหล่อนะ ผมหล่อ ผมไม่ได้สวย
ไอ้พวกบ้า ข้าเกลียดเอ็งจริง ๆ ไอ้กระชาย ไอ้กระชายบ้า

“มาสิ...ข้าจะเอาอะไรขว้างหัวเอ็งทุกวันเลย....ให้หัวแตกตายไปเลย...ดูซิยังจะหน้าด้านมาอีกมั้ย”

มาเลยเรื่องทะเลาะน่ะ ข้าไอ้แคนคนนี้ไม่เคยแพ้ใครหรอก...โดยเฉพาะไอ้คนสอบได้ที่โหล่ของห้องอย่างเอ็งน่ะข้าไม่มีวันแพ้แน่ ๆ เลย...

“โห..คุณหมอทำไมดุจัง...เวลาไปรักษาสงสัยต้องฆ่าคนไข้ตายแน่ ๆ เลย...แบบนี้น่ากลัวจริง ๆ เลย ขนลุก”

โว้ยยยยยยยยย โมโห ทนไม่ไหวแล้ว ไอ้กระชาย ไอ้กระชาย เอ็งอย่าอยู่เลย ไอ้กระชายบ้า
ผมทำท่าเงื้อมือจะอัดเข้ากลางหลังไอ้กระชายด้วยความโมโหจนหยุดไม่อยู่ แต่ว่า...แต่ว่าไอ้กระชายมัน...มัน

“ทำไมขี้โมโหจัง โดนยั่วโมโหแค่นี้ก็โกรธแล้ว โมโหแบบนี้จะเป็นหมอได้ยังไง....หัดใจเย็นนับหนึ่งถึง สิบบ้างเป็นมั้ย”

งือ....ช่วยด้วยอ่ะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที ไอ้กระชายตัวดำมันล็อคแขนล็อคเอวผมไว้แน่นเลยอ่ะ ตอนที่ผมจะทุบมันอ่ะ แถมมันยังมาสั่งสอนผมเหมือนผมเป็นเด็กอีก เรื่องแค่นั้นใครก็รู้ ทำไมต้องมาสอนกันด้วย
ผมดิ้นสุดแรง เท่าที่แรงตัวเองจะดิ้นได้ แต่ไอ้กระชายไม่ยอมปล่อยเลย ฮือออออออออ ผมเจ็บแขนแล้วนะ
ไอ้กระชายบ้า ไอ้กระชายตัวดำ ผมเกลียดมันอ่ะ แงงงงงงงงงงงง

“ไอ้บ้าไอ้กระชาย....ข้าเกลียดเอ็ง...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะโว้ย...ปล่อยข้า”

ปากผมก็ร้องด่ามันไป ดิ้นก็ดิ้น แต่ตอนนี้ยิ่งดิ้นไอ้บ้ากระชายมันก็ล็อคผมมานั่งบนตักมันแล้วอ่ะ แง แง
ผมจะฆ่ามัน ผมจะฆ่าไอ้กระชายให้ตายเลย ถ้าผมหลุดไปได้นะ ฮือออออออออ

“อารมณ์เย็นลงแล้วจะปล่อย....อารมณ์เย็นหรือยังล่ะ......ว่าไงคุณหมอ”

ไอ้บ้ากระชาย ไอ้บ้ากระชาย มันมาพูดอยู่ข้างหูผมอ่ะ....ผมเกลียดที่สุดเลย มาพูดข้างหูเนี่ย
เพราะว่ามันทำให้ผมไม่มีแรงน่ะสิ....แย่แล้ว ไอ้กระชายมันจะรู้หรือเปล่าเนี่ย มือไม่มีแรงอีกแล้ว แขนขาอ่อนเลย ทำไงดี นี่หล่ะสาเหตุที่ผมเรียนหมอ เพราะผมจะได้มารักษาโรคถูกพูดตรงหลังหูแล้วไม่มีแรงยังไงล่ะ อาการกำเริบแล้วจะด่ายังไม่มีแรงเลย ขนลุกทั้งตัวอีกต่างหาก ทำงายดีอ๊า ผมจาเป็นลม

“แคน...อารมณ์เย็นแล้วสิเนี่ย...”

ผมไม่ได้หูฝาดหรอก ไอ้กระชายมันพูดกับผมแล้วก็ทำท่าจะปล่อยผมแล้วจริง ๆ นั่นไงล่ะ โอกาสมาถึงแล้ว
คราวนี้ล่ะ ตาผมแล้ว จะต่อยหน้าไอ้กระชายตัวดำให้ดูเป็นขวัญตาเดี๋ยวนี้แหละ

ผมกำลังจะหันหน้าไปชกปากไอ้กระชาย แต่ช้ากว่ามัน พอมันคว้าแขนผมกลับได้ มันก็ใช้อุบายเล่ห์เหลี่ยมของมัน หอมแก้มผมทันที

และขณะนี้ผมและไอ้กระชายกำลัง

..........


.........


.........


ผมกำลังงง ว่าโดนไอ้กระชายทำอะไร และมันก็คงงงกว่าผม เพราะมันไปอยู่อีกมุมของหน้าเฉลียงบ้านผม
ก่อนจะมองหน้าผมแบบตะลึง ตะลึง ตะลึง ตึง ตึง ตึง ตะลึง ตึงตึง

ผมรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากหน้าเฉลียงบ้านทันที พร้อมกับที่ กุมแก้มข้างที่ถูกไอ้กระชายบ้าลวนลาม เดินออกไปทั้งน้ำตาเลยก็ว่าได้ ทิ้งไอ้บ้ากระชายไว้แบบนั้น ก่อนจะตะโกนบอกแม่ที่ทำกับข้าวอยู่

“แม่...แคนปวดหัวจะตายอยู่แล้ว....แคนไปนอนก่อนนะแม่”

แม่ตอบว่าอะไรผมไม่รู้...แต่ที่รู้คือผมเข้ามาอยู่ในห้องตัวเองและปิดประตูลงกลอนล็อคอย่างแน่นหนา

สิ่งที่ผมรับรู้ในทันทีคือ ผม นายวัฒนา หรือ แคน ถูกไอ้สมชาย เพื่อนที่เรียนได้ที่โหล่สมัย ม. ต้น
และผมก็ไม่ชอบมันมาก ๆ แต่วันนี้ แม้แต่แรงหนีจะเอาตัวรอดยังไม่มี อย่าว่าแต่ด่าทะเลาะกับมันเลย
แค่แรงจะต่อยหน้าแก้แค้นไอ้กระชายผมยังไม่มีเลย ผมได้แต่เดินหนีมานั่งร้องไห้ แง แง อยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ ทิ้งไอ้บ้ากระชายตัวดำ ให้นั่งอยู่ที่หน้าเฉลียงบ้าน ผมไม่สนหรอกว่าไอ้กระชายจะเป็นยังไง
แต่ตอนนี้ ผมไม่อยากเจอหน้ามันอีกเลย เนี่ยเหรอ คนดีของชาวบ้าน สิ่งที่ผมรู้ก็คือไอ้กระชายที่ผมเกลียดมันแกล้งผม ผมเกลียดไอ้กระชายตัวดำ ผมเกลียดมัน ผมเกลียดมัน

TBC
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 17-12-2008 06:38:37
 :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 17-12-2008 08:59:03

86 + 1 = 87
ขอบคุณนะคะ คุณ kamui1972
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 17-12-2008 09:22:02
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบๆ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Koa-ka ที่ 17-12-2008 10:09:55
สวัสดีครับ

เรื่องหมอๆอีกละ เรื่องหมอๆมันเยอะเนาะนี่ช่วงนี้ ท่าทางหมอจะท๊อปฮิตช่วงนี้  หุหุ

จะติดตามต่อเสมอครับ ให้กำลังใจครับผม
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 17-12-2008 10:20:05
เคยอ่านแล้วแต่ยังชอบอยู่ มาเชียร์คามุยค่ะ :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: christiyaturnm ที่ 17-12-2008 11:11:57
 :z1:มาและ เข้าทำนอง พี่ขับน้องขี่...

เหอๆไม่เคยจะชายตาและมอไซดเลยนะ เจอแต่คนน่ากลัวๆทั้งนั้น :sad4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 17-12-2008 12:52:45
ชอบอ่ะแนวๆพ่อแง่แม่งอนอ่ะครับชอบอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-12-2008 15:13:31

นิยายท่านเท็นอีกแล้ว

 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 17-12-2008 15:29:04
เรื่องราวน่าสนุกมากค่ะ

ยังไงก็ขอขอบคุณทั้งคนเขียน

และคนเอามาโพสต์ให้อ่านนะคะ

ยังไงก็อย่าลืมมาต่อเร็วๆ นะคะ คนอ่านรออยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 17:28:01
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 5

“อร่อยสิ...แตงโมสดน่ะ .. จะบอกให้แคนกลับบ้านบ่อย ๆ ก็ไม่ไหว เหนื่อยแย่ ไหนจะเรื่องเรียนอีก อะไรอีก”

หม่อมแม่บ่นนั่นนี่อีกแล้ว บ่นไปเรื่อย แต่ก็ชอบนะ มีความสุขที่สุดเลย
วันนี้ผมนอนเล่นที่เปล มีหนังสือสองสามเล่ม วางอยู่พอเอื้อมได้ถึง เสด็จแม่คนดี เลยถือจานแตงโมลงมาให้พร้อมกับมานั่งเย็บเสื้ออยู่ข้าง ๆ คุยนั่นคุยนี่ไปเรื่อยเปื่อยเลยเสด็จแม่ของผม ก็คิดถึงบ้านอยู่หรอกนะ แต่ว่าเรื่องเรียนก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว ทั้งตำรา ทั้งท่อง ทั้งฝึกงาน แล้วก็อะไรอีกหลาย ๆ อย่างทำให้วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไรอยู่แต่กับกองหนังสือแล้วก็ต้องทบทวนวิชาที่เรียน จนแทบจะอยากอ้วกออกมาเป็นวิชาที่เรียนอยู่แล้ว เครียดจนทนไม่ไหว ปิดเทอมคราวนี้เลยต้องกลับบ้านมาสักที มาอยู่ในที่ ที่สบายใจที่สุด มีความสุขที่สุดแล้วค่อยไปผจญกับการเรียนต่อ
เฮ่อ ชีวิตนักศึกษาแพทย์มันก็งี้แหละ เพื่อน ๆ ผมหลายคนบางทีมันเครียดมาก ๆ ไปยืนตะโกนอยู่กลางสนามฟุตบอลกันก็เคยมาแล้ว ส่วนผมน่ะเหรอ ต้องไปตีปิงปองบ้าง ตีให้มันหายบ้า
แล้วก็กลับมานั่งบ้ากันต่อ พวกผมน่ะไม่ได้เก็กขรึมตลอดเวลาเหมือนที่คุณ ๆ คิดกันหรอกน่ะ ติดจะติงต๊องกันด้วยซ้ำ สงสัยเรียนมากไปเลยเพี้ยนขนาดนี้ อยู่บ้านก็เลยอยากเอาแต่ใจตัวเอง อยากหงุดหงิด อยากโมโหอะไรเสด็จแม่ก็แสนจะเข้าใจบอกว่า ทำ ๆ ไปเถอะ แม่รับได้ ทุกอย่าง ต่อให้ลูกเล่นงิ้วแค่ไหน แม่ก็เข้าใจ เอาโล่ไปครับ คุณแม่ดีเด่น

ผมนอนกินแตงโมอย่างมีความสุข เย็นดีจังเลย อร่อย แล้วก็หวานด้วย แตงโมสด ๆ แบบนี้แหละที่ผมชอบที่สุด

“ใครเอามาให้อ่ะแม่...มางวดนี้แตงโมหวานดี..” กระผมนายแคนพ่นเม็ดแตงโมลงพื้นดินเต็มไปหมด แล้วก็กินต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย ก็มันหวานจริง ๆ หวานฉ่ำชื่นใจ เหมาะกับน่าร้อนนี้จริง ๆ

“นายช่างเอามาให้เมื่อเช้า....มีชมพู่กับขนุนด้วยนะ...แกบอกว่าที่ บ้านออกเยอะปีนี้แกเลยเอามาฝาก...นี่แม่ก็แกะแล้วเอาไปแช่ไว้แล้ว...แคนไป กินสิ..”

กระผมนายแคน สำลักแตงโมที่กินทันที แล้วก็วางชิ้นแตงโมที่กัดค้างไว้ทิ้งไว้อย่างนั้น ก่อนจะทำหน้าเบ้ด้วยความเบื่อหน่าย ไอ้บ้ากระชายดำอีกแล้ว นี่ใจคอมันจะมาทุกวันจริง ๆ เหรอเนี่ย วันก่อนทำทุเรศมาหอมแก้มผมอีก วันก่อนโน้นนนนนนนนนน ไอ้กระชายดำมันก็เอาปลามาให้แม่ทำกับข้าว วันก่อนโน้นนนนนนนนอะไรอีกไม่รู้เอามาฝากสารพัด แล้วมันจะอะไรกับผมนักหนาเนี่ย น่าเบื่อน่ารำคาญจริง ๆ กลับบ้านคราวนี้อะไร อะไรก็ดีไปหมด เสียอย่างเดียว มีไอ้กระชายตัวดำมาก่อกวนให้ปวดหัวแค่นั้นเอง นี่ผมก็หลบหน้ามันหลายครั้งแล้วนะ ไม่ให้มันเจอ มันก็ยังอุตส่าห์มาอีกสงสัยอยากจะมาแกล้งแน่ ๆ เลย ผมยังยืนยันคำเดิมผมเกลียดไอ้กระชาย....ชัวร์ไม่มีมั่วนิ่ม

“อ้าวไม่กินแล้วเหรอแคน..เมื่อกี้เห็นบอกว่าอร่อยอยู่แท้ ๆ ลูกคนนี้นี่ยังไง เอาใจยากจริง “

เสด็จแม่ครับ เสด็จแม่บ่นอีกแล้ว ผมก็เลยนอนหัวเราะ ชอบครับชอบฟังแม่บ่น มันเพลินดี เหมือนมีใครมากล่อมให้นอนหลับอย่างสบายใจ ผมหยิบหนังสือขึ้นมาปิดหน้า เพราะความง่วงในยามบ่ายสายลมเย็น ๆ ยังพัดมาเรื่อย ๆ ให้คลายความร้อนลงบ้าง ผมอยากกลับบ้านบ่อย ๆ แบบนี้ทุกวันเลย แต่ผมก็ต้องกลับไปเรียนอีกอยู่ดี ไปจมอยู่กับตำราเล่ม หนา ๆ
ที่ผมทำก็อยากให้พ่อกับแม่ผมภูมิใจในตัวของลูกชายคนนี้ แล้วก็เพื่อจะได้รักษาโรคประหลาดของตัวเอง และได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย
สมัยเด็ก ๆ ผมเคยไปหาหมอ ผมจำได้ว่ากลัวมาก แต่คุณหมอใจดีคนนั้น ลูบหัวของผมเบา ๆ แล้วเป่าให้ก่อนรักษาบอกว่าไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บอีกเลย หลังจากคุณหมอเป่า ผมอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง เป็นคนที่ช่วยเหลือคนได้ ทำให้คนที่อยู่ร่วมโลก คลายความเจ็บปวดลง อีกไม่นานผมจะได้ออกไปรักษาคนไข้แล้วจริง ๆ
ผมดีใจจังเลย ผมนอนหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มและความฝันของตัวเอง มีความสุขจังเลยเนอะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วันนี้ การทำงานยังเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีอะไรติดขัด สั่งคนงานให้เอาหินมาลงไว้และช่วยกันกั้นเหล็กตรงแผงปูนกั้นไว้ได้แล้ว นับว่าเป็นการทำงานที่ทำได้ตามกำหนดจริง ๆ ดีแล้วที่แผนงานที่นั่งทำทั้งคืนใช้ได้ผล อย่างนี้งานก็คงเสร็จโดยไวแน่ ๆ

นายช่างสมชาย ยืนสั่งงานและบอกให้คนงานเก็บของออกก่อน เพราะความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาแล้ว
คนงานเองก็คงจะเหนื่อยต้องตากแดดทำงานกันทั้งวัน และไหนจะอยู่กันจนค่ำมืดขนาดนี้อีก

แล้วยังมีชาวบ้านมาช่วยกันขนหิน ขนทราย โดยไม่ต้องมีการว่าจ้างกัน ทุกคนมากันด้วยน้ำใจแท้ ๆ

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ....ขอบคุณมากครับ...” นายช่างสมชายของชาวบ้าน เดินมาไขกุญแจเปิดประตูรถกระบะที่จอดอยู่ และชาวบ้านก็ขึ้นมานั่งบนรถกันจนเต็มกระบะหลัง

“เบียดกันหน่อยนะครับ...รถผมมันแคบ...เขื่อนใกล้เสร็จแล้วแบบนี้พวกพี่ ๆ คงมีน้ำใช้อุดมสมบูรณ์แล้วครับคราวนี้”

ร่างสูงแกร่งหนายืนคุยกับชาวบ้านที่ยิ้มรับไปตาม ๆ กัน

“พวกเราต้องขอบคุณนายช่างแหละที่มาช่วยดูแลขนาดนี้...เป็นคนอื่นเขาก็ทำ ไปงั้น ทำแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่มีใครเขาสนใจงานกันจริง ๆ หรอก “

หนึ่งในชาวบ้านที่นั่งอยู่ท้ายรถเอ่ยบอกกับร่างสูงนั้นที่ยืนยิ้ม เหนื่อยแสนเหนื่อยก็ทนได้ เป็นลูกบ้านนี้เกิดที่นี่ โตที่นี่ ก็อยากจะให้ทุกคนรู้สึกดีไปด้วย

“ผมลูกบ้านนี้นี่ครับ....ก็ผมมันไอ้กระชายที่เคยวิ่งเล่นในหมู่บ้านน่ะ ...ได้ทำอะไรได้บ้างผมก็ดีใจครับ” ร่างสูงนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน พูดคุยอย่างเป็นกันเอง สำหรับเขาแล้ว ยังไงเขาก็เป็นไอ้กระชายคนเดิมอยู่ดี ลุงป้าน้าอาทั้งนั้นที่มาช่วยกันซ่อมเขื่อน ถึงทุกคนจะเรียกเขานายช่างอย่างนั้น นายช่างอย่างนี้ แต่เขาก็ยังเป็นไอ้กระชายอยู่ดี จะให้เขาลืมกำพืดตัวเองได้ยังไง

ร่างสูงเดินไปสตาร์ทรถและขับออกไปพร้อมกับอมยิ้ม
ได้กลับบ้านซะที อยากไปหาแคนจะแย่แล้ว ไม่ได้เจอกันหลายวัน คิดถึงจังเลย ไม่รู้จะได้กินผลไม้ที่เขาเอาไปฝากบ้างหรือเปล่า แค่นึกถึงแก้มหอม ๆ ร่างนุ่มนิ่มนั้นก็ทำให้ยิ่งคิดถึงมากขึ้นอีก
เย็นป่านนี้ จะหาข้ออ้างอะไรไปหาดีนะ....เอาแบบว่าได้พูดคุยได้เห็นหน้า แล้วคุณหมอเขาไม่หนีน่ะ
วิธีไหนดี....คุณหมอก็ต้องรักษาสิ...รักษางั้นเหรอ...ได้ข้ออ้างแล้ว...
เดี๋ยวกระชายจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละนะ...คุณหมอคนดี

ใบหน้าคม ยิ้มสดชื่น เมื่อนึกถึงจุดหมายที่จะไปในขณะนี้...คุณหมอครับ..หวังว่าจะทำให้ผมหายจาก โรคคิดถึงคุณหมอนี้ได้นะครับ คุณหมอของผม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

“แม่ใครมาอ่ะ....พ่อหรือเปล่า..ไหนพ่อบอกกลับเดือนหน้าไง ไปราชการไม่ใช่เหรอ”

กระผมนายแคน เดินมาดูว่าแม่คุยกับใครอยู่ ตรงหน้าบ้าน ก่อนที่แม่จะเดินเข้ามาโดยมีใครคนหนึ่งตามมาด้วย

“นายช่างมาหาแคนน่ะ...หาน้ำหาท่ามาให้นายช่างหน่อยสิแคน” ม่ายยยยยยยย ไอ้กระชายตัวดำ
วันนี้มันไม่ขับมอร์เตอร์ไซด์มา ถ้ามันขับมาผมจะจำเสียงรถของมันได้ แล้วก็หลบได้ทัน แต่คราวนี้มันดันเอารถกระบะมา ผมก็นึกว่าพ่อผมน่ะสิ ใครจะไปคิดว่าเป็นไอ้กระชายกันล่ะ ผมเดินกระแทกเท้าปึงปัง ไปยกขันน้ำมาวางให้ไอ้กระชาย ที่ขึ้นมานั่งหน้าดำอยู่บนบ้านของผม
เอ่อ ของพ่อแม่ผมก็ได้ ยังไงเขาก็ยกให้ลูกชายอย่างผมอยู่ดี บ้านของผมในอนาคตนั่นแหละ

แล้วดูมันสิ แหม ทำหน้าระริกระรี้จริงนะเอ็ง ผมละเบื่อมันจริง ๆ ผมเซ็งมันมากเลยนะไอ้กระชายบ้าเก็บมะม่วงนี่น่ะ

“มาคุยกับนายช่างเลยนะเราน่ะ.....เดี๋ยวเขาจะหาว่าเจ้าของบ้านนี้ไม่อยากต้อนรับเขา รู้มั้ย”

เสียงเสด็จแม่กระซิบบังคับผมให้คุยกับไอ้กระชายอีกแล้ว ผมเบื่อหน้ามันจะตาย แม่ยังให้ผมนั่งคุยกับมันอีก ไหนว่าจะตามใจยังไงล่ะ ลูกชายกำลังเครียดนะเสด็จแม่ กลับมาก่อนสิ เสด็จแม่

ดูสิ เสด็จแม่เดินเข้าครัวไปเตรียมสำรับกับข้าวอีกแล้ว ไอ้กระชายตัวดำหน้าด้าน มันต้องมากินข้าวที่บ้านผมอีกแล้วแน่ ๆ เลย แม่ผมก็เหลือเกิน เห็นเขาชมว่าทำกับข้าวอร่อย เลยเรียกไอ้กระชายให้กินข้าวด้วยประจำเลย ผมไม่อยากกินร่วมกับไอ้กระชายนี่นา เสด็จแม่ทำไมไม่เข้าใจกันมั่งเลยเนี่ย

“ข้ามาหาเอ็งเบื่อเหรอแคน” ดูคำถามมันดิ ถามมาได้ว่าเบื่อหรือเปล่า

“รู้ก็ดีว่ะ...ข้าเบื่อจริง ๆ แหละ...รู้อย่างนี้แล้วคราวหน้าจะมาอีกหรือเปล่าล่ะครับคุณกระชาย”

เป็นไงล่ะ คำตอบของผมอึ้งเลยสิไอ้กระชาย
แต่เอ๊ะ ทำไมมันยิ้มล่ะนั่น ไอ้บ้านี่มันประสาทกลับเหมือนกับสมองของมันจริง ๆ นั่นแหละ

“ดีแล้ว...เบื่อแบบนี้แหละดี...ฝึกความอดทนครับคุณหมอ เผื่อเจอคนไข้โรคจิต..ถือว่าซ้อมไว้ก่อนนะครับ”

ไอ้กระชายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ผมอยากจะเอาขันน้ำคว่ำใส่หัวมัน มันมาอีกแล้ว
มาพูดจากวนประสาทอีกแล้ว หงุดหงิดเว้ย หงุดหงิด

“ถ้าจะมาหาข้าวกินฟรีนะ..ก็หัดพูดจาให้มันดี ๆ หน่อย กวนประสาทอยู่ได้..แล้วนี่คงไม่มีธุระอะไรมั้งว่างเหลือเกินนะ นายช่างใหญ่”

เป็นไงล่ะเอ็ง กวนมาข้าก็กวนกลับแบบนี้แหละ นี่ข้าไม่น่านั่งมอร์เตอร์ไซด์เอ็งตั้งแต่วันแรกเลย
ไม่รู้นี่หว่าว่าไอ้กระชายมันจะมาตามกวนประสาทขนาดนี้ ไม่ได้อยากคุยกับมันสักหน่อย
ชอบมายุ่งวุ่นวายจริง ๆ เห็นแล้วหงุดหงิดลูกกะตา

“คิดถึงคุณหมอน่ะครับ....เลยมาหา...ว่าจะมาให้เห็นหน้าสักหน่อยอาการจะได้หาย”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย ผมแทบจะหัวทิ่ม เมื่อได้ยินคำพูดของไอ้กระชาย ล้อเล่นอะไรก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง เห็นผมเป็นตัวอะไร มาล้อเล่นอยู่ได้ ทำมาพูดจาเหมือนกับจีบสาวอย่างนี้ เดี๋ยวก็ต่อยให้หน้าหงายเลย

“พูดจาให้มันดี ๆ หน่อย พูดอะไรเกรงใจกันบ้าง...ข้าไม่ใช่คนที่เอ็งจะมาพูดจาแบบนี้เล่นได้นะ”

ก็มันจริง นี่ ผมไม่ชอบจริง ๆ เป็นผู้ชายมีคนพูดแบบนี้คุณจะรู้สึกดีหรือไง แล้วยิ่งคนที่แสนจะรำคาญและเบื่อหน่ายไม่อยากจะพบจะเจออีก เป็นคุณล่ะคุณจะทำยังไง ผมกลับมาเป็นนักศึกษาแพทย์ใจเย็นแล้วครับตอนนี้ พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ ผมไม่พอใจไอ้กระชายจริง ๆ นั่นแหละ
สงสัยจะเป็นตัวของตัวเองมากไป กลับมาเป็นนักศึกษาแพทย์แบบนี้ มันคงเกรงใจกันบ้าง

ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น ถอนหายใจยืดยาว ก็คิดถึงจริง ๆ ถึงได้มาหา แต่พอบอกว่าคิดถึง เจ้าตัวเขากลับหาว่ามาล้อเล่นซะอีก แถมซ้ำตอนนี้ดูเหมือนจะไม่พอใจมาก ๆ ซะด้วย จากที่เคยงอแงบ้าง
ทำท่าหงุดหงิดบ้าง ตอนนี้นิ่งเงียบไปแล้วจริง ๆ เผลอ ๆ คงจะโกรธมากจนไม่อยากจะพูดกับเขาแล้วมั้งเนี่ย แล้วจะให้จีบยังไงล่ะ มาหาก็แล้ว จีบก็แล้ว มีเวลาว่างนิดเดียวก็ขับรถผ่านให้เห็นหลังคาบ้านตลอด เจ้าตัวเขาก็ไม่อยากรับรู้ไม่ใส่ใจสักที
ไอ้กระชายมันดูเงียบ ๆ ไปแล้ว ดีแล้วแหละ ผมก็เบื่อพูดแล้วจริง ๆ ต่อปากต่อคำกับไอ้กระชายทีไรผมแพ้ทุกที ผมล่ะเบื่อจริง ๆ

“อาทิตย์นี้มาได้วันนี้วันเดียว เพราะต้องไปคุมงานทำสันเขื่อน คงไม่ได้มาหานานเลย แคนจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่ล่ะ...”

มาแปลกอีกแล้วไอ้กระชาย เกิดบ้าอะไรทำหน้าขรึมขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย แถมเงยหน้ามามองหน้าผมจริงจังแบบนั้นอีก จะมาไม่มาผมไม่ได้เดือดร้อนเลย ไม่มาสิดี ผมจะได้อยู่อย่างสงบ ๆ ซะที

“ต้นเดือนหน้า..หรือไม่แน่ก็จะกลับพรุ่งนี้เลย เบื่อคนแถวนี้ ชอบตามรังควาน”
เนี่ยแหละคำตอบของผม ไงล่ะไอ้กระชาย รู้หรือยังล่ะว่าข้าเบื่อเอ็งแค่ไหน รู้อย่างนี้รีบ ๆ ไปให้พ้นหน้าซะทีเถอะเบื่อจะแย่แล้ว

“คงคิดถึงแย่เลยเนอะ..”

เอ่อ....ไอ้กระชายมันทำหน้าเศร้า ๆ นะผมว่า แล้วมันก็ยิ้มแบบแห้ง ๆ ฝืน ๆ พิกล ก่อนจะก้มหน้าลงเงียบ ๆ ไปอีกพักใหญ่ เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ พอดีผมมองหน้ามันเพลินไม่ทันฟัง

“อะไรนะ...เอ็งพูดอีกทีสิ..ข้าฟังไม่ถนัด”

ผมป่าวหูตึง แต่ผมฟังไม่ถนัดจริง ๆ ก็มันพูดเสียงเบา ๆ แบบนั้น ใครจะไปได้ยินกันล่ะ
แล้วดูมันสิ ผมพูดแล้วมันยังเงียบอีก

“ไม่มีอะไรหรอก....กลับแล้วนะ..ขอโทษทีวันนี้มารบกวนซะดึกเชียว”

ไอ้กระชายมันทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นล่ะ มันลุกขึ้นเดินไปหน้าครัว แล้วก็พูดอะไรกับแม่ผมสองสามคำ เห็นมันยกมือไหว้อย่างกับจะหาเสียง แน่ะ มันเดินลงบันไดบ้านผมไปแล้ว
และขับรถของมันออกไปด้วย

ดีแล้วแหละ แบบนี้ ผมจะได้อยู่ดีมีสุข ไม่ต้องมีมันตามมาทำให้ประสาทเสื่อมทุกวัน
ในที่สุด วันแห่งความสุขของผมก็กลับมาแล้ว ดีใจที่สุดเล้ย

TBC
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 17:29:13
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 6

“แม่..ไม่มีแตงโมกินเหรอ..ผลไม้ก็หมดแล้ว..แคนอยากกินอ่ะ..ทุกวันเห็นมีวันนี้ไม่มีแล้วเหรอ”

ก็สงสัยไง ผมสงสัย ทุกวันในตู้เย็นจะต้องมีจานแตงโม ไว้ให้ แตงโมที่หวานฉ่ำชื่นใจแล้วก็ชมพู่อีก
แล้วทำไมวันนี้มันไม่มีล่ะ แม่ลืมซื้อหรือไงกัน

“นายช่างไม่ได้มาหลายวันนี่...สงสัยหมดแล้วล่ะ”

อะไรนะ ผมยืนงงอีกแล้ว ก็ไหนแม่บอกว่าซื้อมาจากตลาดไง ผมถึงได้กินทุกวันอย่างเอร็ดอร่อยน่ะ
แล้วไหงแม่มากลับคำบอกว่าเป็นของไอ้กระชายตัวดำได้ล่ะเนี่ย แม่หลอกผมเหรอเนี่ย ทำไมแม่ทำกับลูกชายที่เป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูลอย่างนี้ล่ะ

“ไหนแม่บอกว่าซื้อมาจากตลาดไงล่ะ แม่หลอกแคนเหรอ” ผมงอนแม่แล้วนะ เล่นมาโกหกเรื่องแบบนี้น่ะ

“ก็ถ้าบอกแคน แคนก็ไม่กินอีก นายช่างเขาก็ออกดี๊ดี แคนไปจงเกลียดจงชังอะไรเขานักหนากันแม่ไม่เข้าใจ
ลูกแม่เป็นคนไม่มีเหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย แล้วแบบนี้จะไปเป็นหมอได้ไง”

ไอ้กระชายอีกแล้ว เพราะไอ้กระชายคนเดียวทำให้ผมโดนแม่บ่น นี่มันไม่มาหลายวันยังมาทิ้งระเบิดไว้ให้ผมโดนแม่บ่นซะอีก ไอ้กระชายนะไอ้กระชาย ถ้าเอ็งมาบ้านข้า ข้าจะด่าเอ็งคอยดูสิ หลายวันมานี้บอกตรง ๆ
ผมโคตรมีความสุขเลย นอนกลางวันอ่านหนังสือทุกวัน แล้วก็กินแตงโม กินชมพู่ อย่างมีความสุข
เออ เออ แตงโมที่ไอ้กระชายตัวดำเอามาให้ผมกินนั่นแหละ เกลียดคนให้แต่ชอบของฝาก ไม่เห็นแปลกเลย
ตอนนี้ผมแสนจะสุขใจ แต่ชักเริ่มหงุดหงิดแล้ว เพราะอยากด่าไอ้กระชายตัวดำ โทษฐานที่มันมาทำให้ผมโดนแม่บ่น คอยดูนะ ถ้ามานะ จะต้องด่ามัน จริงสิ มันบอกว่าจะไม่มาบ้านผมสักหนึ่งอาทิตย์เพราะว่าเร่งซ่อมเขื่อนแล้วนี่มันก็ ปาเข้าไปหลายวันแล้วนะ แตงโมก็ไม่มีจะกินแล้ว มันหายไปไหนของมันกันนะ น่าแปลกจริง

หายไปไหนก็ช่างมันเถอะ แต่ผมง่วงแล้ว ขนหนังสือลงไปนอนเล่นที่เปลดีกว่า แต่ไม่มีแตงโมกิน เบื่อจังเลย
ถ้ามาแล้วไม่เอาแตงโมมาฝากนะ จะด่าให้เลย ก็แตงโมไร่ไอ้กระชายน่ะ มันหวานฉ่ำอร่อยที่สุด คราวนี้ถ้ามันมาก็ให้แม่ซื้อแตงโมจากไอ้กระชายก็ได้ เวลากินก็ไม่ต้องลำบากใจอีก ง่ายจะตายไป

ว่าแล้วผมก็ไปนอนดีกว่านะ ง่วงเต็มทีแล้ว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คิดถึงแคนจังเลย ไม่ได้ไปหาตั้งหลายวัน ป่านนี้แคนจะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า คงไม่หรอก
ก็แคนน่ะไม่เคยชอบอะไรเขาเลยนี่นะ ไปหาทีไรก็ด่าทุกที แล้วอีกไม่นานแคนก็จะกลับไปเรียนแล้ว อีกไม่นานซ่อมเขื่อนเสร็จเขาก็ต้องกลับไปกระทรวงเหมือนกัน คงทำงานยุ่งมาก จนหาเวลาว่างไปเจอแคนยาก อีกอย่างก็รู้ว่าแคนเรียนหนักต้องอ่านหนังสือมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอม แคนก็เลยได้เที่ยวเล่น
ทำตัวสบายสบายได้อย่างเต็มที่ นายช่างสมชายคนนี้คิดถึงแคนจะแย่ จะเข้าไปหาตั้งหลายวัน
แต่ไม่มีเวลาว่างเลยสักที ขนุนกับชมพู่กินได้พอดี เลยเก็บไปฝากซะเต็มถุง จะพอทำให้แคนไม่ด่าเขาได้บ้างมั้ยนะ
เอาไปฝากแล้วก็กลับ แค่นี้คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง
เดี๋ยวตอนบ่าย ๆ ก็ค่อยขับรถขึ้นไปบนเขื่อนไปทำงานต่อก็คงพอทัน
ไมไหวหรอก อุตส่าห์ได้คุยกันแล้ว ไม่ได้เห็นหน้าแบบนี้จะตายเอาให้ได้ คิดถึงมากมายจะแย่อยู่แล้ว
ไปให้แคนด่าสักนิดก็คงดี จะได้กลับไปทำงานได้อย่างมีความสุข

ร่างสูงผิวคล้ำแดด นิ่งคิดขณะขับรถไปตลอดทาง คนมันรักนะ ก็เลยคิดถึง แล้วก็อยากเห็นหน้า
แม้คนที่คิดถึงจะไม่อยากเจอเขาสักเท่าไหร่ก็ตามที

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แม่ของแคนบอกว่าแคนนอนเล่นอยู่ที่เปล เวลาแคนหลับจะหลับไม่รู้เรื่องเลย แคนเป็นพวกหลับลึก
หลับแล้วปลุกยาก หลับได้หลับดี หลับนานหลับทน

นายช่างสมชายถึงได้เดินไปหาและก็เห็นแคนนอนเปลหลับไปแล้ว โดยมีหนังสือปิดหน้าอยู่

“เอาชมพู่มาฝากนะวันนี้แล้วก็มีขนุนด้วย...” ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ เปล และก็เอ่ยกระซิบบอกคนที่นอนหลับอยู่
ก่อนจะเอื้อมหยิบหนังสือที่เจ้าตัวเอาปิดหน้า และนำมาวางไว้บนแคร่ไม้ไผ่ที่อยู่ไม่ห่างจากเปล

“คิดถึงแคนจังเลยนะ...ไม่เจอกันหลายวันแล้ว...แคนคงไม่คิดถึงไอ้กระชายคนนี้หรอกใช่มั้ย”

นายช่างสมชายเอ่ยบอกกับคนที่นอนหลับแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงเบา เมื่อคนตรงหน้ายังนอนนิ่งไม่รับรู้
อะไรเลย ขอโทษเถอะนะแคน ถ้าจะหาว่าลวนลามกัน ก็ขอโทษด้วย
ปลายจมูกโด่งแตะลงที่หน้าผากมนของคนที่นอนหลับอย่างอดใจไม่ไหว แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

“ฝันดีนะแคน....ไปทำงานแล้วนะ”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา เอ่ยบอกกับคนที่นอนอยู่และลุกเดินจากไปแล้ว

คิดว่าผมหลับเหรอ เปล่าหรอก ผมเปล่าหลับ ไอ้กระชายมันมาพูดอะไร ทำอะไรผมรู้หมดแหละ แต่ผมแกล้งหลับเพราะไม่อยากเจอหน้ามัน สัมผัสแผ่วนุ่มที่ได้รับ ทำให้ผมต้องยกมือขึ้นแตะหน้าผากของตัวเอง
โดนไอ้กระชายมันจูบหน้าผาก แต่รู้สึกว่าอบอุ่นดี และใจเต้นแบบแปลก ๆ เอ๊ะ...อย่างนี้มันเป็นผลกระทบจากอารมณ์และความรู้สึกที่จะมีส่วนเชื่อมโยง ไปถึงร่างกายนี่นา ผมต้องไปเปิดตำราดูแล้ว ว่าเราจะวิเคราะห์อาการนี้ว่าอย่างไรดี ผมหันหน้าไปมองไอ้กระชายที่เดินจากไปแล้วด้วยความไม่เข้าใจว่ามันจะมาหอมมา คิดถึงผมทำไม

แต่ที่แน่ ๆ วันนี้ผมมีผลไม้กินแล้ว เพราะไอ้กระชายตัวดำมันบอกว่ามันเอามาฝากผม ไปกินชมพู่ดีกว่า มีขนุนด้วยนี่ของชอบเลย แหมไอ้กระชายมาบ่อย ๆ ก็ดีนะ ผมจะได้มีผลไม้กินทุกวัน ถ้ามันไม่มาผมคงไม่มีผลไม้กินแน่ ๆ แล้ว....เพื่อนกันเขามีหอมหน้าผากกันด้วยเหรอ แล้วทำไมต้องมาบอกว่าคิดถึงกันด้วยล่ะ ไอ้กระชายนี่ท่าจะคบไม่ได้แล้ว ทำให้ผมต้องไปเปิดตำราหาอาการใจเต้นของตัวเองอีกต่างหาก น่าเบื่อจริง ๆ

TBC
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 17:31:31
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 7

วันนี้ไอ้กระชายไม่มาเหรอ เอ รอหลายวันแล้วนะ ไม่เห็นมาเลย เขื่อนมันต้องซ่อมกันนานขนาดนั้นเลยเหรอ
ทำไมมันไม่เห็นแวะมาหาเลยนะเดี๋ยวนี้ หายหัวไปไหนของมันหว่า ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไรครับ พักนี้กระผมนายแคนผู้สร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล ชะเง้อคอมองหารถของไอ้กระชายตัวดำบ่อย ๆ ไม่รู้สิ ผมไม่เคยรอมันนะ
ผมเบื่อมันจะตาย มันชอบมากวนประสาท หลายวันก่อน มันมาหอมหน้าผากผมแล้วก็บอกว่าคิดถึงผมอีกต่างหาก
มันทำให้ผมใจเต้นไม่ส่ำอยู่หลายวันเลย แล้วดูแม่สิ เอาแกงไปให้บ้านป้าผมตั้งนานสองนาน แม่นะแม่ไปไหนทีหายไปเป็นวัน ทิ้งลูกชายว่าที่หมอให้อยู่บ้านคนเดียว แบบนี้ ชักจะเบื่อแล้วนะ ไปวิ่งไล่เตะหมา หมามันก็วิ่งหนี ไม่เห็นสนุกเลย เอาข้าวให้มันกิน มันก็ร้องหงิง ๆ เดินหนีไปซะอีก แหม นังทองเปลว เตะไปทีสองที กลัวข้าถึงขนาดนี้เลยนะ ล้อเล่นนิดเดียวเอง ว่าแต่ไอ้กระชายมันหายไปนานนะ คิดถึงมันจะแย่แล้ว ไม่มาให้ด่าเลย
เอ่อ โทษทีผมหมายถึงว่าผมคิดถึง แตงโม ขนุน ชมพู่ แล้วก็ผลไม้ที่มันเอามาฝากต่างหากล่ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด

อ่ะ...นั่นใช่รถของไอ้กระชายหรือเปล่า มันขับรถเข้ามาแล้ว ผมวิ่งไปรอด่ามันดีกว่าเนอะ ไม่มาตั้งหลายวันแน่ะ
เอาอะไรมาฝากผมบ้างหรือเปล่านะ อยากกินขนุน อยากกินขนุน

แคนมาแปลกนะวันนี้ มองหาอะไรก็ไม่รู้ แถมเดินไปที่ท้ายรถกระบะอีกต่างหากแล้วก็ เดินกลับมาทำหน้าเหงา ๆ
แล้วก็เดินมายืนจ้องหน้าผมเป็นนานสองนาน

“เอ็งหายไปไหนมาตั้งนานสองนาน ข้าไม่มีขนุนกินแล้ว ข้าอยากไปเที่ยวด้วยเอ็งบอกว่าจะพาข้าไปเที่ยวช่วงปิดเทอม ข้าอยากไปแล้ว ไปเอาขนุนที่ไร่เอ็งด้วยนะได้มั้ย”

สงสัยผมจะอยู่บ้านนานเกินไป เลยเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ รถก็ไม่มีนี่จะไปเอาที่ไหนล่ะ พ่อขับรถไปราชการที่ไหนอีกก็ไม่รู้ กิน ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้านนาน ๆ ชักเบื่อนี่ ก็ไอ้กระชายมันบอกเองว่าจะพาไปเที่ยว เป็นเพื่อนกันแบบนี้ก็ต้องหัดมีน้ำใจกันบ้างสิ หรือว่าจะไม่พาไปกันล่ะ เมื่อก่อนยอมรับว่าไม่อยากไปเที่ยวกับมัน แต่ตอนนี้เบื่อนี่นา อยากไปเที่ยวแล้วด้วย อยู่บ้านทุกวันเซ็งจะแย่

“วันนี้ต้องไปซ่อมเขื่อนต่อ ไว้เย็น ๆ ได้มั้ย เดี๋ยวมารับนะ”

โหย ดูคำตอบของไอ้กระชายดิ ผมละเซ็งเลย

“เขื่อนก็ไป ไปด้วยสิ..นะ..อยากไป..ข้าเบื่ออยู่บ้านแล้ว” ก็เบื่อจริง ๆ นี่ครับ ผมเบื่อ เบื้อ เบื่อจะแย่ แล้วทำไมไอ้กระชายมันต้องยิ้มขนาดนั้นด้วยล่ะ ยิ้มบ้าอะไรของมันกัน เห็นแล้วหงุดหงิด

“อ้อนเป็นด้วยนะ...คุณหมอ..แบบนี้เดี๋ยวก็ใจอ่อนกันพอดี..แต่ไม่เอาหรอก แดดมันร้อน เดี๋ยวไม่สบายจะแย่
เย็น ๆ นะ เย็น ๆ จะมารับจริง ๆ วันนี้เอาแตงโมที่ไร่มาให้ด้วยเดี๋ยวไปยกขึ้นบ้านให้นะ”

อะไรของมันไอ้กระชาย มันหาว่าผมอ้อน ท่าจะบ้า แล้วดูสิ มันเดินไปหยิบถุงใบใหญ่ที่ใส่แตงโมเดินขึ้นบ้านผมไปแล้ว นี่บ้านผมนะ ไม่ใช่บ้านมัน มาซะชินหรือไง ทำตัวอย่างกับเจ้าของบ้านแน่ะ

“ขอน้ำกินหน่อยได้มั้ย..คอแห้งจังเลย.” ผมเห็นนะว่ามันนั่งปาดเหงื่อ แล้วก็ลงไปนั่งอยู่บนชานบ้าน ขอน้ำก็ให้กินได้หรอกผมไม่ได้แล้งน้ำใจนี่ มันก็อุตส่าห์อุ้มแตงโม มาให้ถึงบนบ้าน ขอน้ำกิน ก็ไม่มีปัญหาหรอก ยังไงก็เพื่อนกัน ผมไม่ได้ใจดำซะหน่อย พอผมยื่นน้ำในขันให้ไอ้กระชาย มันก็ดื่มเอา ดื่ม เอา อย่างกับคนขาดน้ำอย่างนั้นแหละ แล้วมันก็หันมาขอบคุณผมด้วย เออดีนะ รู้จักขอบคุณด้วย ถ้าไม่ขอบคุณล่ะก็คราวหน้าผมไม่เอามาให้มันแล้ว น้ำเนิ้มอะไรเนี่ยอ่ะ

“ไปแล้วแคน...เดี๋ยวเย็น ๆ จะมารับไปเที่ยวนะ....ไปนอนกลางวันเอาแรงก่อนไป๊คุณหมอ”

ไอ้บ้ากระชาย ผมรุ่นเดียวกับมันนะ เรียนเก่งกว่ามันด้วย แล้วมันเรื่องอะไรที่มันจะต้องเอามือมาลูบหัวผมด้วยล่ะไอ้นิสัยไม่ดี ผมเดินหนีมันให้มันรู้ว่าผมไม่ชอบ มันก็เลยหัวเราะไปใหญ่ แล้วก็เดินลงบ้านไปแล้ว
ผมยืนดูมันเดินไปขึ้นรถ แล้วก็ขับออกไป

คอยดูเหอะ ถ้าไม่มารับนะ น่าดู

ผมต้องไปนอนเอาแรงไว้ก่อนแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นจะได้ไปเที่ยว ให้หายเบื่อเล้ย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แคนน่า รักได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เวลาพูดดี ๆ แบบนี้ยิ่งน่ารัก แคนยังมองเขาเป็น ไอ้บ้าเก็บมะม่วงสอบได้ที่โหล่เหมือนสมัยเรียนหรือเปล่านะ หรือว่ามองนายกระชายคนนี้ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า อยากอยู่ใกล้ชิดแคนให้นาน ๆ กลัวว่าถ้าแคนกลับไปเรียนแล้ว จะยิ่งเจอกันได้น้อยลง จะเอาข้ออ้างอะไรไปหาล่ะ มาบ้านแคนแต่ละที
ก็ต้องอ้างว่าเอานั่นเอานี่มาฝาก เอามาฝากทุกวันก็กลัวแม่ของแคนจะสงสัย เพื่อนอะไรเอาของมาฝากได้ทุกวี่ทุกวัน กลัวผู้ใหญ่เขาจะมองว่าเขาคิดอะไรไม่ดีหรือเปล่า ช่างมันเถอะนะ เวลานี้ แค่ได้เห็นหน้าได้พูดคุยบ้างก็เพียงพอแล้วล่ะ สำหรับเขา แล้วเย็นนี้จะไปรับแคนไปเที่ยว จะต้องพาไปดักปลา จริงสิ พาไปนั่งเล่นที่ไร่ดีกว่า
กระท่อมที่ทำไว้ ต้องไปเก็บกวาดไว้ก่อน เผื่อแคนจะมานั่งเล่น

นายช่างสมชาย อารมณ์ดีเกินเหตุ และอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็วันนี้ หลังจากทำงานตรากตรำมานานแล้วก็มีปัญหาหัวใจที่อยากจะเอาไว้ไปทายเล่นกับว่า ที่คุณหมอ ซะหน่อย โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่า เจ้าตัวเขาไม่ได้เคยคิดอะไรกับตัวเองเลยสักนิดเดียว แค่อยากไปเที่ยวเล่นให้สนุกในช่วงปิดเทอมก็แค่นั้นเอง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เบื่อหรือยัง...” ดูเด่ะ ไอ้กระชายมันถามมาได้ว่าเบื่อหรือยัง ถามจริงเหอะ มันไม่มีลูกกะตาจะมองเหรอ ว่าผมเล่นน้ำสนุกแค่ไหน ไม่เห็นเหรอว่าผมสนุกอยู่ ไอ้บ้านี่กวนใจจริง ๆ

“มืดแล้วนะ...ขึ้นจากน้ำเถอะ...ตัวซีดหมดแล้ว”

โธ่โว้ย ได้ยินมั้ย ไอ้กระชายมันสั่งนั่นสั่งนี่อีกแล้ว นาน ๆ ทีจะได้มาเล่นน้ำตก ได้มาเที่ยวสนุก ๆ ไอ้กระชายก็ขัดจังหวะจริงเว้ย น่ารำคาญว่ะ

“อย่ายุ่งน่ะ จะกลับก็กลับไปก่อนไป๊...รำคาญว่ะ”

เป็นไงล่ะ ผมก็ด่ามันไปแล้ว ก๊า ก๊า ฮ่า ฮ่า ฮ่า หน้าจ๋อยเลยเอ็งไอ้กระชายตัวดำ นี่ถ้าเกิดว่ามืดกว่านี้สงสัยยิ่งตัวดำกว่านี้แน่ ถ้าไม่ยิงฟันสงสัยไม่เห็นหน้าไอ้กระชายแน่ ๆ เลย แค่คิดก็ขำแล้ว

“แคนขึ้นมาเดี๋ยวนี้....มืดแล้ว...อย่าให้ต้องพูดร่ำไร ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ไปได้”

เฮ้ย ไอ้กระชายมันขึ้นเสียงกับผมอ่ะ อารายเนี่ย ผมไม่ใช่ลูกมันนะ มาทำโวยวายไปได้ โมโหเป็นนะเนี่ย
อะไรของมันวะ หือเหรอ ยุ่งมากใช่มั้ย ว่ายหนีมันไปไกล ๆ เลยดีกว่า ดูสิไอ้กระชายมันจะทำยังไง

“แคน...จะว่ายไปไหน...อย่าให้ต้องลงไปลากขึ้นมาจากน้ำนะ”

หูย กลัว กลั้ว กลัว จาตายแล้ว ทำเป็นเสียงเข้ม โห่ ฝันไปเหอะ ว่าข้าจะกลัวเอ็งไอ้กระชาย แน่จริงมาจับเองดิวะ ไอ้เห่ยตัวดำเอ้ย

ผมก็ว่ายหนีมันไปเรื่อย ๆ แต่ไอ้กระชายถอดรองเท้าถอดเสื้อแล้วก็โดดตามลงมาแล้ว แถมมันยังว่ายน้ำแบบติดเทอร์โบมาหาผมซะอีก แล้วนั่นดูมันเด่ะ มันลากผมอ่ะ ไอ้กระชาย เอ็งนึกว่าแน่มาจากไหนวะ สอบก็ได้ที่โหล่
อย่ามาทำเป็นกร่างนะเว้ย ผมเปิดสงครามกับไอ้กระชายด้วยการชักดิ้นชักงออยู่ในน้ำนั่นแหละ

แล้วก็ใช้มือสะบัดน้ำใส่หน้ามัน แต่ไอ้กระชายมันเล่นลากผมเข้าฝั่งแบบไม่สนใจเลยอ่ะ ผมโกรธแล้วนะ โกรธจริง ๆ นะเนี่ย ไอ้กระชาย ผมจะต่อยมันไอ้กระชาย ไอ้บ้าเอ้ย

ผมทำท่าจะต่อยมันแต่ไอ้กระชายมัน มัน มัน มัน

“แค่ก แค่ก แค่ก ไอ้กระชายเอ็งกล้ากดน้ำข้าเหรอวะ ไอ้...แค่ก แค่ก แค่ก”

ผมสำลักน้ำจะเป็นจะตาย กว่าจะหยุดดิ้น ขึ้นมาจากน้ำได้ แม่งโหดจริงเว้ย จะฆ่าให้ตายเลยใช่มั้ยเนี่ย ไอ้บ้าเอ้ย

“สั่งสอนคนรู้มาก...พูดแค่ปากไม่พอหรอก..น้ำวนรู้มั้ยตอนกลางคืนน่ะ...ถ้าจมน้ำไปจะทำยังไง...”

โห่ สั่งยังกะพ่อแน่ะ เชื่อเอ็งก็บ้าแหละ ผมทำท่าจะกระโดดลงน้ำไปอีกรอบ แต่ไอ้บ้ากระชายมันลากแขนเอาไว้
และดึงผมไปขึ้นรถ แถมยังจับผมโยนไปไว้บนเบาะทั้งที่ทั้งมันและผมก็เปียกกันยังกะลูกหมาตกน้ำนั่นแหละ

“หัดฟังคนอื่นพูดซะบ้าง....อย่านึกว่าตัวเองรู้ไปทุกเรื่อง เก่งไปทุกเรื่อง เข้าใจมั้ย”

โอ้โห เอ็ง ไอ้กระชาย สั่งสอนข้าฉอด ๆ เลยนะนั่น จะเหลือเหรอครับแบบนี้ ด่าเท่านั้นครับ ต้องด่าไอ้กระชายให้มันตายไปข้างหนึ่งเลย

“อย่ามาขึ้นเสียงกับข้านะ....เอ็งเก่งกว่าข้าตรงไหนกัน....เรียนก็ได้ ที่โหล่ เก็บแต่มะม่วง ข้าซะอีกสอบได้ที่ 1 ทุกเทอม เอ็งสอบได้ก็แต่ที่โหล่ ข้าไม่น่ามากับเอ็งเล้ย ไอ้บ้า ไอ้กระชาย ไอ้บ้า ข้าเกลียดเอ็งเว้ย “

โวยวายเข้าไปสิแคนน่ะ ดื้อก็ดื้อ หงุดหงิดก็เก่ง ขี้งอนอีกต่างหาก นี่เรียนหมอได้ยังไงกัน ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

นายช่างสมชายแทนที่จะมีทีท่าโมโห กลับนึกขำไปกับท่าทางของอีกฝ่ายซะอีก เนี่ยเหรอคนที่ได้ที่ 1 ของห้องทุกปีทุกเทอม เหมือนเด็ก ๆ เลย อายุเท่ากับเขาจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลย

“เอ็งหัวเราะทำไมไอ้กระชาย หัวเราะหาเรื่องข้าเหรอวะ...ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้กระชาย เอ็งตายซะเถอะ”

นี่หรือคือคำพูดของว่าที่หมอในอนาคต ทำท่าจะโถมตัวเข้ากัดคอ นายช่างหนุ่ม และยังร้องแง้ว ๆ ทำท่าทางหงุดหงิด เหมือนเด็กไม่ได้ของเล่นงั้นแหละ

“คุณหมออยากรู้เหรอ...ว่าผมเหนือกว่าคุณหมอตรงไหน...” ร่างสูงพูดพร้อมกับดึงมือคนที่โถมตัวเข้าหาทำท่าจะต่อยเขาให้ได้ และก็หัวเราะเสียงเบากับท่าทาง ของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่า ว่าที่คุณหมอเขากำลังงง จังหวะที่งงนี่แหละ คนที่มันสมองน้อยกว่า แต่แรงเยอะกว่า คงต้องสั่งสอนหน่อยแล้วมั้ง ว่าเขาเหนือกว่า แคนตรงไหน

TBC…..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 17-12-2008 18:40:22
ว้าว ~!!!!    ชอบเรื่องนี้จังเลย  ....  สนุกมาก ๆ เลยอ่ะ

ขอบคุณนะครับ +1  เป็นกำลังใจให้  ...  ขยันโพสมากมาย  ^___^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 18:42:34
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 8

ไอ้กระชายมันพูดแปลก ๆ คนยิ่งโมโห หงุดหงิดที่ไม่ได้เล่นน้ำอยู่ มันดันลากขึ้นจากน้ำแล้วเอามายัดไว้ในรถแบบนี้ ทำแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนวะ

ว่าที่คุณหมอ มองหน้าแบบหาเรื่องไอ้คนร่างสูงผิวคล้ำที่ดึงร่างเล็ก ๆ เนียนขาวของว่าที่คุณหมอเข้ามากอดรัดแน่นแล้วพูดคำพูดประสาท ประสาท ออกมา

"อยากรู้รึเปล่า ....... ว่าผมเหนือกว่าตรงไหน..ไหนตอบมาซิคุณหมอ"

งือ ไอ้ปัญญาอ่อน แล้วเนี่ยมันเป็นบ้าอะไรมากอดรัดกระผมนายแคนไว้แน่นกันวะเนี่ย กะจะกัดคอมันซะหน่อย ไอ้บ้ากระชายมันดันกอดแน่นซะอีก
ตัวยิ่งเปียก ๆ อยู่ไม่อยากแตะตัวกับมันหรอก เดี๋ยวสีผิวมันจะหยดมาโดน แล้วตัวผมจะมีสีผิวกระดำกระด่าง แล้วใครจะรับผิดชอบละเว้ย

"ไอ้กระชายเอ็งปล่อยข้านะเว้ย...อยากมีเรื่องเหรอ ห๊า..อยากมีเรื่องกับข้าเหรอ..ข้าจะเล่นน้ำต่อ ทำไม..เอ็งมีปัญหามากหรือไงวะ"

ดูเอาเถิด นี่หรือว่าที่หมอ ดื้อก็เท่านั้น งอแงก็เท่านั้น อยากให้สั่งสอนจะสั่งสอน ชอบยั่วอารมณ์ด้วยท่าทางน่ารักนั้นจริง ๆ เล้ย ว่าที่คุณหมอ
ปลายนิ้วเรียวแกร่ง อมยิ้มชอบใจในท่าทางหงุดหงิดฮึดฮัดของคนในอ้อมแขน ที่ทำท่าจะก้มลงมากัดคอของเขาให้ได้

อะไร คิดได้ไง .... สู้แรงไม่ได้ เลยจะกัดคออีกฝ่าย คุณหมอนะคุณหมอ

นายช่างสมชายหัวเราะขำกับท่าทางของคนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน เนื้อตัวเนียนนิ่มผิวกายเนียนขาว ยิ่งเบียดเข้าหา ร่างกายแกร่งหนาเบื้องบนเปลือยเปล่า
โดยไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิด ว่ายิ่งเป็นการไปกระตุ้นความรู้สึกของร่างสูงนั้น
แถมซ้ำยังดิ้นรนไปมา ให้ร่างกายบดเบียดแนบเข้าหากันแน่นเข้าไปอีก

"แคน...อย่าดิ้น..." ถึงแม้จะห้ามไปแล้ว แต่คนหัวดื้อก็ยังไม่ยอมรับ คำว่ายอมแพ้ไม่เคยอยู่ในพจนานุกรม ฉบับ ว่าที่คุณหมอที่ชื่อแคน เลยสักนิด

จนร่างสูงนั้นทนไม่ไหว ต้องจับล็อคแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง และทำท่าจะแตะปลายจมูกเข้าหาข้างแก้มเนียนนิ่มนั้น

เหยยยยยยยยยยยยย ไอ้กระชายมันจะทำอะไรของมันเนี่ย เอ๋อเลย อะ.... อะ.... อะ....อะ....ราย....ว๊า

นึกว่ามันจะหอมแก้ม เลยหลับตาซะแน่น เบี่ยงหน้าหลบ ที่ไหนได้ ไอ้บ้ากระชายมัน.....มัน ... มัน

มันเอามือของมันอีกข้าง มาดึงแก้มผมอ่ะ แง ไอ้บ้ากระชาย ผมไม่ใช่เด็กนะเว้ย มาดึงแก้มทำไมว๊า

แล้วมันยังดึงซ้ำ ๆ ทำหน้าหมั่นเขี้ยวอีกอ่ะ แล้วดูเด่ะ มันดึงมือผมรวบไว้ทั้งสองข้าง แล้วมันก็ตีมือผมอ่ะ
ดูมันเด่ะ จะแกะมือออก มันก็ตีใหญ่เลยอ๊า...แง ไอ้กระชายมันแกล้งโพ้มมมมมมม ไอ้กระชาย ไอ้บ้า

ไอ้กระชายตัวดำ มันจะเล่นบทคุณครูกะผมอ่ะ ฮืออออออออ

"เด็กดื้อนี่ต้องตีมือ...ตีแบบคุณครูสมพร...ที่เคยตีสมัยเรียน ประถมไง....เด็กดื้อจะได้หลาบจำ....ได้ที่ 1 ก็ต้องรู้จักฟังบ้าง
น้ำมันวน...จะมืดอยู่แล้ว แช่น้ำนาน ๆ เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี เข้าใจมั้ยว่าเป็นห่วง ... หัดเข้าใจบ้าง
ว่าเพราะเป็นห่วงถึงได้ว่าแบบนั้น ....... รู้มั้ย "
เง่อออออ เอ่อ เอ่อ เอ่อ กระผมนายแคน ทำไมพยักหน้าหงึกหงักกับคำพูดของไอ้กระชาย ง่าย ๆ อย่างงั้นอ่ะ
มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อโดนคุณครูสอน กระผมนายแคน ผู้เป็นอัจฉริยะศึกษาจะทำการเล็คเชอร์และเก็บข้อมูลไว้ในหัว
มันจะมีการรีเพลย์กลับอีกครั้ง เมื่อมีการสอบปลายภาคนั่นเอง เฮ้ยยยยยยยย แล้วผมไปพยักหน้าทำไมล่ะเนี่ย

แล้วไอ้กระชายมันก็ปล่อยมือ...แล้วมันก็ยิ้ม ..... แล้วมันก็พูดอะไรล่ะนั่น

"เข้าใจมั้ย"

"เข้าใจครับ"

เฮ้ย แล้วกระผมนายแคนไปพยักหน้าแล้วก็ตอบคำถามของไอ้กระชายทำไมเนี่ย ผม.....ยัง งง
นั่ง งง งง ทำหน้า งง งง มองไอ้กระชายแบบ งง งง

มันออกรถแล้ว แต่ผมยังงง

"มีแกงส้มผักที่ชอบ ให้ป้าทอดปลาไว้ให้แล้ว ... เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อที่กระท่อมก่อนนะ...แล้วเดี๋ยวพาไปเก็บชมพู่..ที่ท้ายไร่
ไปมั้ย...แต่ต้องกินข้าวก่อนนะ .. ถึงจะพาไป"

เอ่อ...ไอ้กระชายมันขับรถไป แล้วก็ร่ายอะไรไปยืดยาว มันหันหน้ามามองหน้ากระผมนายแคนแล้วก็เก็กหน้าขรึมต่อ
ผมเห็น ผมเห็นจริง ๆ ไอ้กระชายมันแกล้งเก็กหน้าขรึม ก็ผมเห็นมันแอบยิ้มอ่ะ

มือผมมันไวครับ .... ตีผัวะ เข้าให้ที่ต้นแขนของไอ้กระชาย เพื่อระบายความแค้น มันทำท่าเบี่ยงหลบเล็กน้อย
ก่อนจะขับรถกระบะลงมาตามถนนลูกรัง ที่ค่อนข้างลาดชันนั้น มันไม่ได้พูดอะไรแล้ว
ยังตั้งหน้าตั้งตาขับต่อไป แล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ

หิวครับ...ผมหิวข้าวแล้ว...ไอ้กระชายบอกว่ามันทำแกงส้มผักรวมแล้วก็มีปลาทอดด้วย
แล้วมันจะพาผมไปเก็บชมพู่ที่ท้ายไร่บ้านมัน....ของฟรีครับ....
ชมพู่เป็นกระสอบจากต้นสด ๆ หวาน ๆ กรอบอร่อย รอผมอยู่

เรื่องอะไรผมจะไปทะเลาะกับมันต่อล่ะ อดกินชมพู่กันพอดี ผมเป็นว่าที่หมอนะครับ ผมฉลาด ครับ ผมเป็นคนฉลาด

ใบหน้าน่ารัก ที่เคยงอหงิกเพราะนึกโมโหสารถีที่มุ่งหน้าขับรถลงจากเขา ทำตาชวนฝัน นึกไปถึง ชมพู่ลูกสีชมพู
หวาน กรอบ แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
หัวสมองของคุณหมอ มีแต่เรื่องกิน และเรื่องเรียน อีกนานมั้ยหนอ

ความรู้สึกรักของนายช่างสมชายคนนี้จะเข้าไปแทรกในส่วนสมองและความรู้สึกของคุณหมอได้

นายช่างสมชายลอบมองใบหน้าของคนที่นั่งข้าง ๆ และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก็รู้ว่าเพราะอะไร
แค่อยากไปเที่ยว แค่อยากไปกินผลไม้

แค่นั้นเองนะ..... เขารู้ว่าแคนคิดแค่นั้น

แต่....มันก็ยังดีกว่าเมื่อก่อน ตรงที่ว่า ยังไงซะถึงแคนจะไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย
แต่เขาก็ใช้ข้ออ้างพาแคนไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ได้จนหมดปิดเทอมนี้

แล้ว...พอเปิดเทอม....แคนต้องกลับไปเรียน...
เขาจะต้องอดทน ไม่ให้คิดถึงแคนให้มากนักอีกแล้วสินะ
กลับไปเรียนแล้ว....แคนจะนึกถึงคนพาไปเที่ยวคนนี้บ้างหรือเปล่า

จะรู้บ้างมั้ย ว่าความทรงจำในช่วงปิดเทอมที่แสนน่าเบื่อของแคน
กลายเป็นความทรงจำที่แสนมีค่าของไอ้กระชายตัวดำ
สอบได้ที่โหล่ของห้อง สมัย ม. ต้น คนนี้ไปซะแล้ว

TBC...
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 18:44:18
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 9

"แคนจะกลับไปเรียนต้นเดือนใช่มั้ย...ก็เหลืออีกไม่กี่วันแล้วนะ... ระหว่างนี้อยากไปเที่ยวไหนล่ะ แต่ต้องเย็น ๆ หน่อยนะ เพราะว่าต้องเก็บงานที่เขื่อนให้เรียบร้อยก่อน"

เอ้อละเหวย ไอ้กระชายมันใจดี แปลกเนอะ ผมว่ามันแปลก ๆ ไอ้กระชายเนี่ย มันชอบตีซี้ผม สงสัยว่ามันอยากจะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนกับคนที่สอบได้ที่ 1 สมัยม. ต้นแน่ ๆ

อ่ะ นิด ๆ หน่อย ๆ ถือซะว่า มันอยากทำชื่อเสียงกับวงศ์ตระกูล ผมจะเป็นเพื่อนกับมันก็ได้ นี่ผมสงสารมันนะเนี่ย ที่ไม่มีเพื่อน ผมนายแคนซึ่งเป็นคนดี มีเมตตา และเป็นว่าที่คุณหมอคนใหม่ ต้องประพฤติปฎิบัติตนในทางดีงาม สร้างภาพหน่อยว่าเป็น คนดี ก็ได้ ก็ได้ ผมจะยอมเป็นเพื่อนเฉพาะกิจให้ไอ้กระชายก็ได้

"อยากไปถล่ม ผลไม้ที่ไร่เอ็งปลูก ข้าจะเก็บทุกวันเลย เก็บให้เตียนโล่งไปเลย ได้ป่ะ กระชาย..."

นายช่างสมชายยืนอึ้งอยู่พักใหญ่ก่อนจะลงไปนั่งขำ อยากจะชักดิ้นชักงอตายซะให้ได้ แคนนะแคน จะทำตัวให้สมกับเป็นเด็กเรียนมาดขรึมหน่อยก็ไม่ได้
นี่อาร๊าย เหมือนกับเด็ก ๆ ไม่มีผิด อ้อนก็เท่านั้น งอแงก็เท่านั้น นี่เขามองแคนผิดไปจริง ๆ นึกว่าจะทำตัวเป็นคนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ
อันที่จริงก็ไม่ได้รู้จักนิสัยใจคอที่แท้จริงของแคนมากนัก เมื่อก่อนได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ แคนไม่ค่อยยิ้ม วัน ๆ เอาแต่อ่านหนังสือ
เป็นนักเรียนที่คุณครูให้การยอมรับเรื่องความขยันเรียนและความสามารถ ไม่มีใครเทียบแคนได้ ท่าทางนิ่ง ๆ เงียบเฉย
ไม่สนใจคนรอบข้าง เข้าหาได้ยาก ไอ้ท่าทางนั้นแหละที่เขาหลงใหล และอยากจะเข้าใกล้ กลัว ๆ เกรง ๆ อยู่ตลอดเวลาที่จะเข้าไปคุย
แต่ที่ไหนได้ ผ่านมาหลายปี พอได้รู้จักแคนจริง ๆ แคนกลับกลายเป็น......เป็น.....เป็น....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เมื่อก่อนก็ว่าน่ารักแล้ว
นี่ยิ่งน่ารักเพิ่มขึ้นไปอีก แคนหนอแคน นี่รู้มั้ยเนี่ยว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน

"เฮ้ย....เอ็ง...ไอ้กระชาย เอ็งหัวเราะทำไมวะ...ลุกขึ้นมาเลยนะเว้ย ไอ้กระชาย เอ็งหัวเราะทำไม..."

ดูมันสิ ไอ้กระชายมันต้องเป็นบ้าแน่ ๆ เลย ไม่น่าหลวมตัวมากับมันเลยให้ตายสิ แค่บอกว่าจะไปเก็บผลไม้ที่ไร่ของมัน
มันถึงกับนั่งขำจนน้ำตาเล็ด เดี๋ยวเหอะ จะเตะให้คอหลุดเลยไอ้กระชาย

"ก็....ก็...มันขำ..อะไรเนี่ยคุณหมอ...อยากเก็บผลไม้ขนาดนั้นเชียว....คุณหมอนะคุณหมอ..."

เง่อ ไอ้กระชายมันยังไม่หยุดขำอะ มันขำอะไรล่ะ ผมล่ะงงกับมันจริง ๆ พวกสมองเล็กเท่าเม็ดถั่วเขียวก็งี้แหละ คิดอะไรไม่มีเหตุผล
ชอบทำท่าทางบ้า ๆ บอ ๆ ผมล่ะรับไม่ได้จริง ๆ ดีนะที่ผมเกิดมามีสมองอันชาญฉลาด ไม่อย่างนั้นคงทำอะไรเพ้อเจ้อไม่มีเหตุผลแบบไอ้กระชายแน่ ๆ

"ป่ะ...หนาวแย่แล้ว..ปากสั่นแล้วนั่น...ไปอาบน้ำก่อน...เดี๋ยวพาไปเก็บชมพู่นะแคนนะ"

เหอะ ดูไอ้กระชายสิ มันเป็นบ้าอะไรของมัน ลงไปนั่งหัวเราะอย่างกับคนบ้า แล้วก็ลุกขึ้นมาตีหน้าขรึม เดินนำหน้าไปกระท่อมมันซะงั้น
บ้าป่าวเนี่ย สงสัยมันต้องบ้าแน่ ๆ เลย เฮ่อ อยู่กับพวกมนุษย์ไร้สาระก็งี้แหละ หาอะไรที่มันน่าศึกษาให้ได้สักนิดไม่มีเลย แย่มาก

"แคน...เอาผ้าข้าวม้าไปผลัดก่อนแล้วกัน เดี๋ยวซักเสื้อให้....แล้วเดี๋ยวค่อยขึ้นไปเอาชุดไปเปลี่ยนนะ" ร่างสูงนั้นส่งผ้าลายทาง เนื้อบางให้กับคน
ที่ทำหน้าตาน่ารักใส่แบบไม่รู้ตัวเลย คนรับก็รับมาแล้วจัดแจงผลัดเปลี่ยนกางเกงขาสามส่วนที่สวมใส่ออกหมดรวมทั้ง ชั้นในที่เปียกชื้น ก็ถูกปลดออกมาด้วย

เปลี่ยนผ้าอาบน้ำต่อหน้าต่อตา คนที่ส่งผ้าให้ และนายช่างสมชายก็ยืนตะลึงค้าง ........... แคน.........จะยั่วเหรอเนี่ย....
"เฮ้ย...กระชาย..ไม่ได้เอากางเกงในมาเปลี่ยนด้วยว่ะ..แต่ไม่เป็นไร..ช่างหัวมันเถอะ..เอาเสื้อผ้าเอ็งใส่ก็แล้วกันเนอะ"

เง่อ....แคนพูดอะไรน่ะ....แคนพูดอะไรของแคนกันน่ะ

ร่างสูงผิวคล้ำของนายช่างสมชาย ยืนมองคนที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตา ผิวเนียน ๆ เรือนร่างสมส่วน ที่เผยให้เห็นตรงหน้า
แทบทำให้เขาลมจับ ว่าที่คุณหมอเดินไปที่โอ่งน้ำ และก็ลงมืออาบน้ำอาบท่าต่อหน้าต่อตาเขา
และไม่สนใจด้วย ว่าคนที่ยืนตะลึงค้างนั้น จะมองตัวเองด้วยความรู้สึกแบบไหน

"เฮ้ย น้ำอุ่นดีว่ะ...ไอ้กระชายเอ็งมาอาบด้วยกันสิ...แหม สงสัยน้ำจะตากแดดตั้งแต่กลางวันเนอะ มันก็เลยอุ่นดีชะมัด"

แคน..............ยังคงพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หัวเราะร่าเริงแจ่มใส เป็นปกติ

แต่นายช่างสมชายหรือไอ้กระชายตัวดำ ที่ว่าที่คุณหมอ ขยันเรียกนักหนา ต้องเงยหน้าขึ้นมองฟ้า แล้วก็หันหน้าหนีภาพที่อยากมองนั้น

ขอร้องเถอะแคน....อย่ายั่วกันซึ่ง ๆ หน้าอย่างนี้เลย ผมจะคลั่งเอาได้ง่าย ๆ นะแคน ขอร้องล่ะ อย่ายั่วกันอย่างนี้เลย

ว่าที่คุณหมอ ยังคงยกขันน้ำเทน้ำในตุ่มราดรดร่างกายตัวเอง และสะบัดผมเพราะน้ำเข้าตา หัวหูเปียกลู่ไปหมด
แถมยังร้องเพลงงำงัมไปเรื่อยเปื่อย อย่างมีความสุขซะอีก

ส่วนคนที่นั่งมองอยู่ก็ต้องเบือนหน้าหนีเป็นพัก ๆ จะให้หันหนีไปไหนได้ ในเมื่อกระท่อมเป็นเพิงไม้เล็ก ๆ แค่นั่ง
หันไปมองทิศไหน ก็มองเห็นคนอาบน้ำนั่นได้ง่าย ๆ แล้ว
ให้ตายเถอะแคน
อยากจะโดนปล้ำหรือไง
ถึงได้ยั่วกันแบบนี้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

"เฮ้ยกระชาย...ปลาทอดอร่อยดีว่ะ..กรอบดี แกงส้มก็ถูกใจข้าจริง ๆ นี่อยู่กรุงเทพข้าไปหากินของอร่อย ๆ แบบนี้ได้นะ
แต่บอกตรง ๆ วะ ไม่ถูกใจ กินข้าวแบบนี้ก็ดี กินบรรยากาศไปด้วย เนอะกระชายเนอะ"

อืม...แคนอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะนะ อยากพูดอะไรก็พูดไปเลย เต็มที่ไปเลยแคน
ออกนอกเรื่องไปไกล ๆ ยิ่งดี ไอ้กระชายคนนี้จะได้ไม่คิดอะไรอกุศลเลยเถิดไปอีก


แคนเคี้ยวข้าวในถาดสำรับ อย่างเอร็ดอร่อย ปากก็พูดนั่นพูดนี่ไปเรื่อย อย่างกับเด็ก ๆ

"แคน...เวลากินข้าวห้ามพูด..."

คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยบอกคนที่จ้อไม่เลิก และร่างนั้นก็หยุดเคี้ยวทันที

"ทำไมวะ...ข้าจะพูด...เอ็งนี่เป็นอะไรวะ เรื่องมากจริง ๆ ...กินข้าวก็ห้ามพูดหรือไง...บ้าป่าววะ..แค่ก แค่ก แค่ก"

นั่นไงล่ะ บอกแล้วไม่ทันขาดคำ เคยมีใครสอนแคนบ้างมั้ย ว่ากินข้าวแล้วห้ามพูดอะไรรัวเร็วแบบนี้
แล้วก็เคี้ยวข้าวเร็วชะมัด ปากก็ยังจะพูดในขณะที่มีข้าวอยู่เต็มปากอีก

"อ่ะ..น้ำ...บอกแล้วว่าอย่าพูด...เห็นมั้ย ไม่ทันขาดคำ..."

ดูไอ้กระชายเด่ะ ผมเบื่อ....มันชอบสอน..สอนอะไรก็ไม่รู้
แค่สำลักข้าวแค่นี้มันก็แค่บังเอิญ จะอะไรกันนักหนาวะ

"เป็นไง....หายหรือยัง...."

โห่ แม่งน่าเบื่ออีกแล้ว มีหน้าเอามือมาลูบหลังให้อีก อย่ามาถือเป็นบุญคุณนะ ใครอยากเป็นหนี้บุญคุณ คนสอบได้ที่โหล่ของห้องกันล่ะ

"เออ..หายแล้ว...."

แคน...ดื้อได้ใจมากเลย คนเขาบอกดี ๆ ยังจะกระชากเสียงใส่อีก แบบนี้มันน่านักนะ มันน่านัก

ถึงแม้ร่างสูงผิวคล้ำแดด จะนึกหมั่นไส้ร่างบางนั้นอยู่ในใจ แต่เพราะความน่ารักของเจ้าตัวกลับทำให้เขาหุบยิ้มไม่ลงเลย

"เฮ้ย....ไอ้กระชาย...ไหอะไรวะ....นั่นน่ะตรงเสาอ่ะ"

ตาไวจริงนะ ขนาดแอบไว้ข้างเสายังเห็นได้อีก

"สาโท....ทำไมเหรอ....พอดีชาวบ้านเขาหมักไว้ แล้วเขาเอามาให้ตอนไปซ่อมเขื่อน เขาบอกว่าได้ที่แล้ว กินได้ แต่ยังไม่ว่างกินสักที"

สาโท..........ไอ้กระชายบอกว่าสาโท....ของกินด้วย....แล้วก็หมักจากผลไม้ งั้นมันก็ต้องอร่อยน่ะสิ

"สาโทอะไร....." ผมแค่อยากรู้ว่ามันใช้อะไรหมัก ท่าทางจะอร่อยนะ เคยแอบแม่กินบ่อย ๆ มันหวาน ๆ ดี อร่อย
แต่กินมาก ๆ จะมึนหัว แต่นี่แม่ไม่อยู่....เข้าทางแหละแบบนี้
"สับปะรดน่ะ...เห็นว่าเอาสับปะรดหมัก .... " ตอบไปแล้วนายกระชายก็ค่อยมานั่งหน้าเครียด แคนยิ้มตาหวานเลย อย่าบอกนะว่าจะกินน่ะ
เป็นว่าที่หมอนะ จะกินของมึนเมาหรือไงกัน

คนตัวเล็กกว่าวางจานข้าวลงแล้ว และทำหน้ายิ้ม ๆ ใส่คนตัวสูง ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน ผิดธรรมชาติ

"กินหน่อยดิ...นะ..เมื่อก่อนแอบแม่กิน...แต่แม่ข้าไม่อยู่....เอ็งก็นะ..เราเพื่อนกันนะเว้ยกระชาย...แค่นี้..ให้เพื่อนได้ใช่มั้ย"

เห็นมั้ยว่ากระผมนายแคนเป็นคนฉลาด.... รู้จักใช้ความเป็นเพื่อนรักแสนรักให้เป็นประโยชน์ แหม ผมไม่อยากจะเชื่อเลย
ว่าตอนนี้ผมรับไอ้กระชายเป็นเพื่อนด้วยใจจริง ๆ แต่ถ้ามันไม่ให้ผมกินสาโท หึ หึ หึ ผมจะตัดเพื่อนกับมันเดี๋ยวนี้
แล้วมันจะไม่มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษของมันได้แน่ ๆ เพราะว่ามันสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงศ์ตระกูล

"กินเหรอ...จะกินเหรอ...แรงนะ...เขาหมักนานแล้ว...แคนกินไหวเหรอ"

โห่.........ไอ้กระชายดูถูกผมครับ แรงแค่ไหนกันวะ...กะอีแค่ผลไม้หมัก เป็นแอลกอฮอล์ อย่างมากก็แค่มึน ๆ
เอาน่ะ มีปัญญากลับบ้านได้หรอก

"กิน...เอามา....เอ็งอย่าขัดใจนะกระชาย...ไม่งั้นข้าเลิกคบเอ็งเป็นเพื่อนแน่ ๆ "

หึ หึ หึ มีหรือไอ้กระชายมันจะกล้าขัดใจกระผมนายแคนคนนี้ นั่นดูมันสิ มันรีบยกไหสาโทมาวางตรงหน้าผมทันที

แม่ครับ....แคนจะกินสาโท ณ บัดนี้นะแม่

อย่าด่าแคนเลย ก็แม่ห้ามแคนกินนี่นา แคนก็ต้องกินสิ ใช่มั้ยแม่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ทำไมว่าที่คุณหมอถึงนั่งเอนให้แผ่นหลังซบที่ไหล่กว้างของ ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นได้ล่ะ แถมยังร้องเพลงอะไรไม่รู้ ร้องไม่เป็นเพลงเลย
แต่เจ้าตัวก็ยังร้องไม่เลิก ก่อนจะหันหน้าไปถามคนที่นั่งเงียบ ให้พิงหลัง ได้และนิ่งฟังเพลงที่แทบไม่เป็นเพลงนั้น

"ข้าร้องเพราะมั้ย...เนอะ...เอาอีกป่ะ...ข้าจะร้องต่อ"

แคนเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว หลังจากซัดสาโทไปจนหมดไห บอกให้พอ ก็ยิ่งไม่พอ ทำหน้าตาทะเล้นใส่อีก
แล้วเป็นไงล่ะทีนี้ ชมพู่ก็ไม่ได้ไปเก็บ เมาแล้วแบบนี้ ถามว่าเมามั้ยก็บอกว่าไม่เมา

แล้วก็เลยเอนหลังพิงกับอกเขาไปซะอีก

"หนาวว่ะ...กอดหน่อยดิ....แอลกอฮอล์มันทำให้หายหนาว แต่ทำไมข้าหนาววะ....สงสัยข้าเมาแน่เลยเนอะกระชายเนอะ"

เรือนร่างเพรียวงาม ยิ่งเบียดแผ่นหลังเข้าหาไออุ่นของอกกว้าง และดึงมือของคนที่นั่งนิ่งให้มากอดรัดร่างกายตัวเองเอาไว้

ปากยังร้องเพลง หงุงหงิง หงุงหงิงไปเรื่อย และหัวเราะเป็นพัก ๆ ด้วย

หอมจังเลย....ขนาดกินเข้าไปขนาดนั้น เนื้อตัวเนียนนุ่มนั้นยังมีกลิ่นหอมที่ร่างสูงนั้นรับรู้ได้อีก หรือจะเป็นเพราะว่าเพิ่งอาบน้ำมา
ก็เลยมีกลิ่นหอม ๆ ของสบู่ ก็น่าจะเป็นไปได้

ร่างกายนี้ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้กอด ได้สัมผัส แนบชิดขนาดนี้ โดยที่เจ้าตัวเต็มใจให้เขากอดซะอีก

ทำไมแคนช่างทำให้เขารู้สึกรักแคนมากขึ้นได้ทุกวันขนาดนี้หนอ

"ขอหอมแก้มหน่อยได้มั้ยแคน"

ร่างสูงกระซิบถามเสียงเบากับร่างในอ้อมแขน หลุดปากพูดไปแล้ว หวังว่าเจ้าตัวคงจะเมาจนไม่ได้ยินอะไรนะ ถ้าเกิดถามก็จะบอกว่า
ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แบบนี้คงพอไหว

"หอมเหรอ....เอา เอา หอม หอม ข้าหอมเอ็งด้วยดิ....แม่ข้าก็หอมข้าตอนเด็ก ๆ แต่โตมาแม่ข้าไม่ค่อยหอมข้าเลย..เอา เอา มาหอมกันกระชาย
ข้าชอบ...มาเร้ว กระชาย "
อะไรน่ะ....คนตัวนุ่มนิ่มในอ้อมแขน หันหน้ามาหานายช่างสมชายที่นั่งเงียบ อึ้งไปพักใหญ่
แล้วสิ่งที่แคนทำก็คือ

เงยหน้าขึ้น แล้วแตะปลายจมูกไปมาที่ข้างแก้มทั้งซ้าย ขวา ของร่างสูงนั้น ก่อนจะประคองศรีษะ ของร่างสูงไว้ และจรดปลายจมูกลงใบหนัก ๆ
ที่หน้าผากกว้างนั้น
ผละใบหน้าออก ก่อนจะนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

"ตาเอ็งแล้วกระชาย...อ่ะ เดี๋ยวข้าหลับตา....เร็ว ๆ นะ....เอ็งชอบทำอะไรช้า ๆ น่าเบื่อ พวกได้ที่โหล่ก็งี้แหละ"

ใบหน้าเนียน หวานซึ้ง แหงนเงยใบหน้ารอรับสัมผัสของร่างสูงนั้น ปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า
รอยยิ้มแจ่มใสจุดอยู่ที่มุมปากเล็ก ๆ สีแดงสดนั้น เหมือนรอคอยให้ใครสักคน ประทับริมฝีปากลงมาหา

"แคน....."

นายช่างสมชายพูดได้เพียงเท่านั้น หัวใจสั่นสะท้านไปหมด ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีวันนี้ วันที่ได้สัมผัสเรือนร่างน่ารักนั้น
ใบหน้าคมโน้มลงมาหาคนที่หลับตาคอยอยู่ เมาก็เมา เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว ขอแค่ตอนนี้ ขอเวลาที่แสนมีความสุขนี้ให้นานเท่านานด้วยเถิด
ได้โปรดล่ะ ขอให้เวลาแห่งความสุขยืดเยื้อออกไปอีกนานแสนนานด้วย

TBC....
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Sameejaejung ที่ 17-12-2008 19:03:42
มาต่อเร็วๆ นะคะ  :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 17-12-2008 19:35:43
ว๊ากกกก กำลังมันส์ คามุยหายไปไหน มาลงต่อเร้ววว :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 17-12-2008 19:46:57
กำลังได้ที่ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 17-12-2008 20:14:03
เมาแล้วว่าง่ายวุ้ย

อ๊ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Kipper ที่ 17-12-2008 21:32:45
เอาแล้วไงว่าที่คุณหมอ.....มาวววววซะแร่ะ....

 :pig4: ครับ kamui1972
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 22:32:05
    เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 10

    "กาชายยยยยยยย มันจั๊กจี๋อ่ะ...อย่าเอาหนวดมาโดนคอข้าเด่ะ...ไอ้กาชายยยย หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า "

    ป่าวมาวน๊า ม่ายมายเจง ๆ อย่ามาหาว่ากระผมว่าที่คุณหมอเมานะ ไม่ได้เมาจริง ๆ ไม่เชื่อหรือไง
    จะนับเลขให้ดู 5 4 5 9 8 2 1 เย่ เย่ เห็นมั้ย นับเลขได้ แต่มันม่ายเรียงกันแค่น้านเอง
    แหมอัจฉริยะนับจะไปนับเหมือนคนธรรมดาด้ายงายน๊า เนอะ เนอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    "อือ...อยากกินอีกอยากกินสาโทอีก กาชาย ข้าอยากกิน อยากกิน น๊า กาชายน๊า อยากกิ๊น อยากกินแหละ"

    โอย จะตายเอานะแบบนี้ เล่นกระโดดลงมานอนทับไว้ทั้งตัวแบบนี้ แล้วยังเอาแก้มมาถูเข้ากับแผ่นอกกว้างของคนที่นอนนิ่งนั้นอีก
    แคนจะทำให้นายช่างสมชายเป็นบ้าตายหรือไง แค่คิดว่าจะหอมแก้มแค่นิดเดียว แต่พอเห็นริมฝีปากอิ่มหวานนั้นก็อดใจ
    ไม่อยู่ กำลังจะโน้มหน้าลงไปหา แคนดันลืมตาพรึ่บขึ้น แล้วหัวเราะ เล่นเอาร่างสูงนั้นทำอะไรแทบไม่ถูก
    แต่แทนที่แคนจะเข้าใจ ดันเอาแก้มมาชนกับจมูกของเขาซะได้ แล้วใครจะอดใจไหว เลยยิ่งหยอกเย้าที่ข้างแก้มเนียนใสนั้น
    อย่างหมั่นเขี้ยวในความน่ารักของร่างเพรียวบางนั้น แล้วแทนที่ว่าที่คุณหมอตัวแสบจะหยุดอยู่แค่นั้น ดันโถมตัวลงมา
    จนมานอนทับอยู่บนร่างของร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นไว้ทั้งตัวอีก แถมซ้ำยังออดอ้อน ทำท่าทางน่ารักจนร่างสูงนั้น
    ใกล้จะหมดความอดทนเต็มที ความรู้สึกหลาย ๆ อย่าง เริ่มส่อเค้าเหมือนฝนที่ตั้งเค้าดำทะมึนมาแต่ไกล

    "แคน...ลุกก่อนเร้ว...ลุกขึ้นก่อน...." ฝ่ามืออุ่นร้อนพยายามจะผลักให้ร่างนั้นลุกขึ้นนั่ง แต่เจ้าตัวกลับนอนนิ่งไปทั้งอย่างนั้น

    อะไรกัน ไหนว่าอยากกินสาโทอีก จู่ ๆ เงียบไปเฉยเลย แคนเป็นอะไรกันน่ะ

    ร่างสูงพยายามจะลุกขึ้น แล้วดันให้ร่างบนตัวเขา ลุกขึ้นตาม

    "อยากกินอีก...อือ...อยากกิน.."

    แคน....หลับเหรอเนี่ย เมาหลับไปแล้วเหรอเนี่ย ทำไมหลับง่ายหลับดายขนาดนี้น่ะ เมื่อกี้ยังร้องงอแงอยากกินอยู่เลยนี่
    แล้วนี่ทำไมมาหลับอยู่บนตัวเขาง่าย ๆ แบบนี้กันล่ะนี่ แคนนะแคน อย่าทำตัวให้น่ารักมากกว่านี้ได้มั้ยเนี่ย
    ร่างสูงนั้น ปล่อยร่างเพรียวบางให้เป็นอิสระ ทอดร่างหวานล้ำให้เอนกายลงนอน แล้วเขาก็เอนกายลงนอนเคียงข้าง
    เท้าแขนรองรับศรีษะของตัวเองไว้ข้างหนึ่ง และจับจ้องมองใบหน้าของคนนอนหลับ และยังร้องเพลงแบบไม่รู้เรื่องนั้นอีก

    "แคน....ทำไมน่ารักได้ขนาดนี้ล่ะ...หือ...ไหนลุกขึ้นมาบอกหน่อยสิ"

    มืออีกข้างของร่างสูง ดึงปลายจมูกเล็ก ๆ ของคนที่หลับตาร้องเพลงเล่นอย่างนึกเอ็นดู แล้วคนเมาก็ปัดมือเขาออกอย่างรำคาญเต็มทน
    หัวคิ้วขมวดยุ่งเข้าหากัน และเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะร้องเพลงไป หัวเราะไป ไม่ได้ปรือตาขึ้นมามองคนที่ทอดสายตามอง
    อย่างรักใคร่นั้นเลย

    "โอ้ย...อย่ามายุ่งได้มั้ย.. คนจะร้องเพลง..ไอ้บ้า"

    น้ำเสียงทุ้มหวาน เอ่ยบอกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะร้องเพลงที่ฟังไม่รู้เรื่องนั้นต่อไป

    "ง่วงหรือยัง....เดี๋ยวจะพากลับบ้านแล้ว...ลุกไหวหรือเปล่า"

    ถึงแม้ว่าอยากให้เวลาที่มีความสุขอย่างนี้ทอดยาวไปอีกแสนนาน แต่นายช่างสมชายเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า    บางทีแม่ของร่างที่เมาพับอยู่นี้คง
    จะนั่งคอยแคนด้วยความเป็นห่วงแล้วป่านนี้ ในเมื่อแคนเป็นลูกชายคนเดียว ออกมาเที่ยวเล่น    ดึกดื่นป่านนี้ คนเป็นแม่ก็คงต้องห่วงเป็นธรรมดา
    เขาคงต้องพาแคนไปส่งแล้วล่ะ ดึกป่านนี้แล้ว    แล้วก็ต้องขอโทษแม่ของแคนด้วย ที่พาเด็กดื้อหัวรั้น มากินของมึนเมา อาจจะโดนซักฟอก
    หน่อย    และคงโดนลดความน่าเชื่อถือลงไปแน่ ๆ เอาน่ะ ไม่เป็นไรหรอก แคนก็โตขนาดนี้แล้ว    เรื่องอย่างนี้ก็ไม่เสียหายอะไรมากมายนัก
    หรอกน่ะ เห็นทีคงต้องอุ้มแล้วล่ะมั้งแบบนี้ เมาพับไม่รู้เรื่องเลย

    "ม่ายอาว...อยากนอน..หือ..อยากนอน...อย่ามายุ่งนะ..โห่..โธ่เว้ย"

    อ๊ะ...ทำท่าจะช้อนร่างนั้นขึ้น ว่าที่คุณหมอเขาก็ดิ้นรนไม่ยอมให้อุ้ม แถมยังทำท่าทางเหมือนโดนขัดใจซะอีก
    แล้วก็ยังปรือตาตื่นขึ้น ทำหน้าเหมือนโกรธใครมาร้อยปีร้อยชาติด พอเขาทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แคนก็ดึงให้เขาลงไปกอด
    แถมซ้ำยังซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกกว้างนั้นอีก

    "แคนอยากนอน....ห้ามปลุกเลยนะ...นะ...อยากกินสาโทก็อยาก...แล้วก็อยากนอน..ง่วง.."

    ตายแน่แล้ว คืนนี้ นายช่างสมชายต้องตายเพราะความน่ารักของคนที่ซุกซบใบหน้าและก็ยังถูไถใบหน้าไปตามแผ่นอกของเขาเล่นอย่างนั้นแน่ ๆ
    ไอ้ท่าทางออดอ้อนออเซาะที่มันอะไรกันนะแคน ทำไมถึงทำแบบนี้เนี่ย

    "กอดหน่อย....หนาว...กาชายยยยยยยยยย กอด หน่อย กอดหน่อย ..เอาแขนมาให้หนุนหน่อยเร้วววว น๊า กาชายน๊าาาาาา"

    โธ่เอ้ย แคน....ทำไมทำตัวแบบนี้นะ มาอ้อนทำไมเนี่ย อ้อนทำไมกัน แคน อย่ามาอ้อนขนาดนี้นะ ผมจะทนไม่ไหวเอานะแคน

    แม้ว่าร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นจะพยายามช้อนร่างคนที่เหมือนได้สติเป็นพัก ๆ นั้นขึ้น เพื่อจะอุ้มได้ถนัด ๆ แต่เจ้าของร่าง
    กลับทำเสียงหงุดหงิดใส่ แล้วยังปรือตาขึ้น แล้วก็พูดจาออดอ้อนเขา อีก

    "กาชายเอ็งจายร้าย...ข้าอยากนอนอ่ะ...อยากนอนจริง ๆ นะ....ฮือออออออออ...เกลียดเอ็งแล้ว...อ้ายกาชายฮือ"

    โธ่เอ้ย แล้วร้องไห้แบบนี้ใครจะไปกล้าขัดใจกันล่ะ ร้องไม่ร้องเปล่า ยังพยายามจะกลิ้งตัวไปนอนที่ข้างเสาซะอีก
    จนนายช่างสมชายต้องดึงแขนไว้ไม่ให้กลิ้งหนีนั่นแหละ ว่าที่คุณหมอเขาถึงได้ ยอมนอนนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ได้

    "โอ๋...โอ๋...นอนก็นอนนะ...อยากนอนก็นอนนะ...คนดี..ผมไม่แกล้งแล้ว...นอนนะ..นอนซะ"

    แล้วว่าที่คุณหมอ ก็ใช้แขนของนายช่างสมชาย เป็นหมอนหนุนนอนในคืนนั้น
    และใช้ความอบอุ่นของร่างกายที่กอดรัดร่างของตัวเองเอาไว้เป็นผ้าห่มสำหรับให้ความอบอุ่น

    คนกอดก็ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนนั้น เหมือนผู้ใหญ่กล่อมเด็กให้นอนหลับ
    ใจจริงอยากทำอะไรให้เลยเถิด ยิ่งเห็นท่าทางน่ารักน่าใคร่ของคนในอ้อมกอดก็ไม่อยากหยุดตัวเอง
    แต่ในเวลานี้ เขาไม่ได้อยากครอบครองร่างกายของคน ๆ นี้เพียงอย่างเดียว สิ่งที่อยากได้ ก็คือหัวใจต่างหากล่ะ
    ทั้งที่อันที่จริง เขาจะหักหาญน้ำใจคนน่ารักในอ้อมแขนที่ไม่มีแรงต้านนี้ซะก็ได้
    แต่เขาก็ไม่คิดจะทำ

    ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้น แตะปลายจมูกที่หน้าผากมนเล็กนั้นเชื่องช้า และค่อยผละออก

    นอนด้วยกันก็ได้นะแคน คืนนี้ นอนด้วยกันกับแคนก็ได้
    แล้วจะกอดไว้ให้แคนไม่ต้องบ่นว่าหนาว ๆ อีกต่อไป
    สิ่งที่เขาไม่คิดจเเลยเถิดไปมากกว่าการนอนร่างนี้ไว้กอดน่ะเหรอ

    ไม่มีเหตุผลมากกมาย........ก็เพราะว่ารักน่ะสิ.......รักมาก......เลยอยากถนอมไว้นาน ๆ
    ไม่อยากให้เสียใจ ไม่อยากให้เกลียดกัน อยากให้เป็นแบบนี้ไปนาน ๆ
    อยากให้แคนอุ่นใจ และเชื่อใจในตัวของเขามากกว่านี้ มากจนวันหนึ่ง จะได้ก้าวข้ามผ่าน
    ความเป็นเพื่อนไป มากจนกระทั่งวันหนึ่ง แคนจะเปิดใจรับความรู้สึกเกินเพื่อนของเขาที่มีให้ได้
    ถึงแม้ว่า.........มันจะไม่มีวันนั้นเลยก็ตาม

    TBC....
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 22:39:12
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 11

เมื่อคืนหลับได้ไงวะ...เมานี่หว่า เออใช่ ๆ เมา ๆ

กระผมนายแคนผู้เป็นหน้าเป็นตาของวงศ์ตระกูล ด้วยวุฒิการศึกษากำลังจะจบปริญญาตรีในคณะแพทยศาสตร์
หึ หึ หึ ผมเก่งช่ายม้าย อิจฉาความเก่งผมล่ะสิ อย่า อย่า อย่าอิจฉาคนที่ดีเลิศประเสริฐศรีมีเมตตา เพราะผมเป็นคนดีของสังคม รุ่นน้องในคณะให้การเคารพ ที่สำคัญพ่อแม่มีความภาคภูมิใจในตัวผมอย่างล้นเหลือ หึ หึ หึ

แต่ว่า....สงสัยว่าทำไม เช้านี้พอรู้สึกตัว ผมมานอนกอดไอ้กระชายตัวดำได้ยังไง แต่อย่าตกใจไป เพราะแม้แต่ผมยังไม่ตกใจเลย ผมหนาวนี่ครับคู๊ณณณณณณณณร เช้านี้โดนกอดมันก็ต้องอุ่นน่ะสิ แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องผละออกล่ะ นอนกอดไอ้กระชายแบบนี้แหละดี ผมชอบ ตัวมันอุ๊น อุ่น อุ่นกว่าผ้าห่มอีก แถมมันยังใช้แขนรองหัวผมไว้ให้ผมหนุนหัวอีก อะไรจะโชคดีปานน้านนนนนน ผมยังคงนอนซุกไอ้กระชายเล่น ไม่มีอะไรมากสาเหตุอย่างที่บอกเพราะว่ามันอุ่นนั่นเอง และคนชอบนอนอย่างผมมีหรือจะไม่ชอบแบบนี้ แหมเพื่อนกัน กอดกันบ้าง เฉย ๆ น่ะผู้ชายเหมือนกันคิดอะไรมาก ผมไม่เห็นคิดอะไรเลย เพราะฉะนั้น เมื่อแสนจะอุ่นสบายแบบนี้ หลับต่อดีกว่า คร่อกฟี้................

“อือ....สว่างแล้วนี่...กี่โมงแล้วเนี่ย...ต้องรีบไปเก็บงานด้วยวันนี้”

นายช่างสมชายร่างใหญ่ผิวคล้ำ ปรือตาตื่นขึ้น และเหลือบไปมองร่างในอ้อมแขนที่ยังหลับตาพริ้ม และซุกซบอยู่กับอกของเขา แคน.....เพิ่งได้เห็นหน้าแคนในระยะใกล้ชิด และชัดเจนแบบนี้ ทำไมนะ....ทำไมแม้กระทั่งหลับยังดูน่ารักขนาดนี้ก็ไม่รู้ ร่างสูงค่อยขยับกายขึ้น เอียงหน้ามองร่างน่ารักที่อยู่เคียงข้าง ลูบไล้เส้นผมนิ่มไปมา ก่อนจะแตะปลายจมูกเข้าหาแก้มเนียนใสนั้นเบา ๆ แต่ไม่ทันแตะก็ถูกมือของแคนยันเอาไว้เสียก่อน

“อย่าเอาหน้าเองมาใกล้เลยเดี๋ยวหนวดทิ่ม...ข้าไม่ชอบ”

แคน....เอ่ยเสียงเบา และยังคงซุกซบอยู่กับไหล่กว้างเหมือนเดิม.....แต่ตาไม่ได้ปรือขึ้นมองสักนิด
ว่านายช่างสมชาย ทำหน้าอย่างไร และทำอะไรไปบ้าง

“เอ่อ...แล้ว..แล้ว” ถึงแม้ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นจะอยากพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกสกัดดาวรุ่งซะได้

“โอ้ย...เอ็งนี่น่ารำคาญ...ลุก ๆ ไปเลยไป๊คนจะหลับจะนอนขอซุกหน่อยก็ไม่ได้ .... น่ารำคาญว่ะ”

ว่าที่คุณหมอ เมื่อนอนต้องได้นอน เวลาอยากจะหลับต้องได้หลับ พวกปลุกยาก แบบนี้ จะไปเป็นหมอได้ยังไงแม้แต่นายช่างสมชายก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เพื่อน เขาคนนี้ เรียนแพทย์ได้อย่างไร นิสัยก็เด็กซะขนาดนี้
ทั้งดื้อทั้งรั้นห้ามอะไรก็ไม่ฟัง ต้องแสดงให้เห็นซะก่อน ต้องให้ตีต้องให้สอนถึงจะเข้าใจ และที่สำคัญ ใจเนี่ยร้อนมาก จะลดอุณหภูมิลงบ้างไม่ได้หรือยังไงกัน ถ้าเป็นหมอผ่าตัดคนไข้คงตายเพราะโดนแคนผ่าแน่ ๆ
คนขี้เซายังคงดึงชายเสื้อของนายช่างไว้แน่น แถมซ้ำยังซุกซบอย่างไม่เกรงใจใครซะอีก
แคนก็ยังเป็นแคน เอาแต่ใจอยู่เหมือนเดิม นี่เขาต้องรีบกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกันนะเนี่ย
แต่นี่ยังเช้าตรู่อยู่ ก็คงยังไม่เป็นไร ให้คนขี้เซา ซบอีกสักหน่อยแบบนี้ก็ท่าจะดีไม่น้อย

โอกาสใช่ว่าจะมาหาเขาง่าย ๆ นักหรอก

แคนนี่ก็แปลกบทจะอ้อนก็อ้อนซะจริง

บทจะงี่เง่า ทำยังไงก็งี่เง่า เล่นเอาเขาปวดหัวอยู่บ่อย ๆ ไม่รู้อะไรกันนักกันหนาสิน่า แคนเนี่ย

ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะสัมผัสไปที่เส้นผมนุ่ม และลูบไล้เล่นอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่ได้มองหน้าของอีกฝ่าย นอนยิ้มอยู่อย่างนั้น จะกระดิกตัวไปทางไหนก็ไม่ได้ เพราะแขนโดนแคนทับอยู่ จนชาไปทั้งแขน แถมขยับนิดเดียวเจ้าตัวเขาก็ทำเสียง อือ อา ในลำคอ ไม่พอใจไปซะอีก แล้วแบบนี้ เขาจะทำอะไรได้ นอกจากต้องพยายามนอนให้นิ่ง ๆ ไว้ เพื่อว่าที่คุณหมอจะได้ไม่ลุกขึ้นมาทำหน้ายุ่งเหยิง และด่าเขาด้วยความหงุดหงิดอีก

รอยยิ้มของร่างสูงช่างแสนสุขและสดชื่ในเช้าวันนี้ พร้อมกับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เพราะอยากให้ว่าที่คุณหมอได้นอนอีกสักหน่อย เป็นนาน และคงหมดเวลานอนแล้ว ถ้าเขาไม่ลุกขึ้นตอนนี้ต้องไปทำงานสายแน่ ๆ

“แคน...ตื่นเถอะ...เร็ว...เดี๋ยวต้องไปทำงานแล้ว...ตื่นเร็ว”

ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะใบหน้าของร่างในอ้อมแขนและเขย่าให้คนนอนขี้เซารู้สึกตัวตื่นขึ้น

แต่สิ่งที่นายช่างเห็นก็คือ

แคนปรือตาตื่นขึ้นแล้วทำตาโตใส่เขา ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง
ร่างสูงนั้นพยายามอีกหลายครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม แคนจะทำตาโตใส่ ก่อนที่ตา โต ๆ จะเริ่มมองเขาแบบขวาง ๆ และหลับต่อ

โธ่เอ้ย ขืนเป็นแบบนี้เขาได้ไปทำงานสายแน่ ๆ จะปล่อยให้แคนเอาแต่ใจ แล้วทำให้เขาเสียงานแบบนี้ไม่ได้หรอก แคนเองก็เหมือนกัน ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ อะไรจะขี้เซาปานนั้น

“ตื่นเร็ว...ปลุกครั้งสุดท้ายแล้วนะ”

ร่างสูงขืนตัวลุกขึ้นและถูกดึงไว้ ก่อนที่ร่างโปร่งบางจะดึงแขนเขาไว้แน่น และเริ่มงอแง
“นอนก็ไม่ได้นอน....ปลุกอยู่ได้...ปวดหัวก็ปวดหัว...ปวดจะตายอยู่แล้ว ...ก็ยังปลุกอีก...ทำไมวะปล่อยทิ้งไว้นี่ก็ได้นี่หว่า เดี๋ยวก็หาทางกลับเองแหละ...น่ารำคาญ...น่าเบื่อ....เบื่อเว้ย....เบื่อ.. เบื่อ..เบื่อ”

แคนยังบ่นเขาอีกหลายประโยค ก่อนจะหันหน้าหนี ไปอีกทาง และทำท่าจะหลับต่อไปอีก

จนนายช่างอดใจไม่ไหวกับท่าทางของคนที่จะหลับอีกแล้วจนต้องแตะปลายจมูกหนัก ๆ ไปที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายและถอนออกอย่างหมั่นเขี้ยว

มันอะไรกันนักกันหนาล่ะแคน กะอีแค่เรื่องตื่นนอนเนี่ย...ทำไมถึงได้งี่เง่าขนาดนี้กันล่ะ อยากจะรู้จริง ๆ

เพราะทำไปแล้วไม่ทันคิด มาคิดได้อีกที ก็ตอนที่คนที่นอนงัวเงียตื่นขึ้นเต็มตา และหันมาจ้องหน้าของร่างสูงที่หุบยิ้มไม่อยู่ ด้วยความตกใจ ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นแบบรวดเร็วทันใจ ชนิดไม่น่าเชื่อว่าแคนจะทำได้

“ทำ...ทำอะไรวะ....”

ประโยคคำถามลอยลมกระทบเข้าโสตประสาทของร่างสูง ก่อนที่ร่างนั้นจะนึกได้ และถึงได้ชะงักนิ่ง มองที่ดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างหวาด ๆ ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นยืนขึ้นพร้อมกันด้วยใจระทึกไม่ต่างกัน

ต่างฝ่ายต่างเงียบไม่มีคำถามอะไรอีก

นายช่างสมชายเดินลงจากระท่อม โดยมีคนที่ตื่นเต็มตาแล้วลุกขึ้นเดินตามออกมาขึ้นรถ ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างนิ่ง แม้แต่หน้ายังไม่มองกันสักนิด

“เอ่อ.....เดี๋ยวไปส่งที่บ้านแคนก่อนแล้วกันนะ”

ร่างสูงนั้นเดินนำมาขึ้นรถ ก่อนจะพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด เมื่อกี้จะหอมแก้มก็เห็นว่าผลักเขาออก ไม่ได้คิดอะไร พอหอมเข้าจริง ๆ ดันทำหน้าตกใจสุดขีดไปซะอีก ร่างสูงคิดว่าจะพูดอะไรต่อ ไม่ให้อีกฝ่ายต้องอึดอัดใจ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน

“เหรอ...งั้น...งั้น....งั้นก็ไปสิ”

ว่าที่คุณหมอเอ่ยบอกก่อนจะไปนั่งเคียงข้างคนขับ นิ่งเงียบกันไปตลอดทาง

จนถึงบ้าน และเมื่อลงจากรถได้ ไม่มีคำพูดขอบคุณสักคำจากปากของแคนเลยสักคำ ลงจากรถได้ก็รีบวิ่งขึ้นบ้าน เข้าห้องปิดประตูลงกลอนแน่น และทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แตะต้องข้างแก้มของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว และซุกหน้าเข้ากับหมอน ด้วยหัวใจที่ยังคงเต้นระทึก ตลอดทางกลับบ้าน

“บ้าเอ้ย.....อัตราการเต้นของหัวใจ....เลือดสูบฉีด...อย่างรวดเร็ว...มันอยู่ในหนังสือเล่มไหนวะคุ้น ๆ นะเนี่ย”

แม้จะพยายามคิดถึงหนังสือที่เรียน คิดถึงแตงโมลูกฉ่ำ เย็นชื่นใจ

แต่สุดท้าย ทำมั้ย ทำไม ถึงมีแต่หน้าไอ้กระชายตัวดำนั่นลอยไปลอยมาเต็มไปหมดเลยล่ะเนี่ย

“โอ้ยยยยยยยยยย กลุ้มเว้ย”

แคนตะโกนเสียงดัง ซุกหน้าลงกับหมอน พยายามจะหลับ แต่เมื่อหลับตาอีกครั้ง ใบหน้าของเพื่อนสมัยเรียนม. ต้นที่สอบได้ที่โหล่ก็ยังคงลอยไปลอยมา ไม่ยอมหายไปซะที

TBC…..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 17-12-2008 22:45:08
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 12

"แคน...กินข้าวหรือยัง"

เป็นเวลาเย็นแล้วที่นายช่างสมชายที่เสร็จงานจากการซ่อมเขื่อนและขี่จักรยานยนต์มาหาว่าที่คุณหมอถึงบ้าน พร้อมกับชมพู่ถุงใหญ่
มาถึงก็พบว่า ร่างโปร่งบางนั้น นอนอยู่บนเปลที่ใต้ถุนเรือน พร้อมกับหนังสือเรียนอีกหลายเล่ม เขาจึงเข้าไปหา และหยุดนั่งคุยด้วย

ว่าที่คุณหมอ แกล้งหันหน้าไปอีกทาง ทำทีเป็นสนใจกับการอ่านหนังสือเล่มหนา ทั้งที่ในใจเต้นระทึก และแกล้งทำเป็นไม่สนใจคนที่มาเอ่ยทักทาย
เขาในยามเย็นนั้น

"กินชมพู่มั้ย...เอามาเยอะเลยนะ" ถึงแม้ร่างสูงผิวคล้ำแดด จะพยายามหาเรื่องมาคุยด้วยแต่ดูเหมือนว่า คนที่ทำทีเป็นอ่านหนังสือไม่มีทีท่าสนใจเลยสักนิด
จนเขาต้องลุกขึ้นยืน และหอบหิ้วเอาถุงใส่ชมพู่ถุงใหญ่ ทำท่าจะหอบไปเก็บให้จนถึงในครัวนั่นแหละ แคนถึงได้พูดกับเขา

"จะไปไหนน่ะ...."

เพราะเห็นว่า อีกคนไม่ได้ตื้อที่จะคุยต่อ ร่างโปร่งบางจึงได้ทะลึ่งตัวลุกขึ้นนั่ง และเรียกนายช่างสมชายเอาไว้
ก่อนจะรีบหลบสายตาที่จ้องมองมาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน

ไม่รู้ว่าจะเรียกไว้ทำไม แต่รู้ว่าไม่อยากให้ไป แต่ก็ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร พอเขามาหาทำทีเป็นไม่อยากคุยด้วย เวลาเขาจะไปกลับฉุดรั้งไว้ด้วยคำพูดซะอีก

ร่างสูงทรุดกายลงนั่งอีกครั้ง และส่งยิ้มให้ว่าที่คุณหมอที่เขาอยากจะฝากใจไว้ให้ ช่วยรักษาดูแลไปตลอดชีวิต

"คือหมายความว่า เอ่อ ฝนตก ๆ แบบนี้ จะมาทำไม...ทำไมไม่อยู่บ้านล่ะ เดี๋ยวเป็นหวัดกันพอดี"

ไม่รู้ว่าเพราะเป็นว่าที่คุณหมอหรือเปล่า แคนถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น แล้วก็แทบจะตบปากตัวเอง เมื่อประมวลคำพูดแล้ว
มันเข้าข่ายเป็นห่วงเป็นใยร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อยากจะแก้ตัวต่าง ๆ นา ๆ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ตัวว่ายังไงดี

"ห่วงเหรอ...." นายช่างสมชายยิ้มแก้มแทบปริ แคนห่วงเขาหรอกหรือนี่ อย่างน้อยก็ห่วงล่ะ ไม่งั้นคงไม่สนใจหรอกว่าเขาจะป่วยไข้หรือเปล่า

"เปล่า...แต่ก็...ก็เป็นหมอไง...ก็ต้องคิดถึงสุขภาพของทุก ๆ คนแหละ เป็นธรรมดาแหละน่ะ...จะไปไหนก็ไปซะทีเถอะ...รำค้านนนนนนน รำคาญ"

ว่าแล้วร่างโปร่งบางก็ล้มตัวลงนอนอีก ทำทีเป็นไม่สนใจ คนที่นั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่ข้าง ๆ ทั้งที่แอบลอบมองใบหน้าของคนทีนั่งอยู่หลายครั้ง
และอยากจะมองให้นาน ๆ ไม่อยากให้หนีหายไปไหน แต่ก็ไม่ยอมที่จะรั้งไว้เลยสักนิด

บังเอิญสบตากันทีไร แคนก็แกล้งสะบัดหน้าหนี ไปสนใจกับการอ่านหนังสือเล่มหนาทันที ซึ่งหน้านั้นเปิดมานานกว่า 10 นาทีแล้วก็ไม่ได้เปิดไปหน้าไหนซะที
จะให้เปิดได้อย่างไร ในเมื่อใจของคนอ่านไม่ได้อยู่ที่ตัวอักษรบนหนังสือเลยสักนิด หลายครั้งที่ทำทีเป็นกวาดตามองตัวหนังสือ แล้วก็แอบลอบยิ้มกับตัวเอง
ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ โดยมีหนังสือเล่มหนาเป็นกำแพงกั้นความรู้สึก เอาไว้ ไม่ให้ใคร ๆ ล่วงรู้ความคิดและความรู้สึกได้

"จะกลับแล้วนะ....เดี๋ยวดึก"

ร่างสูงลุกขึ้นยืนและถือถุงชมพู่เดินขึ้นเรือนเอาไปเก็บให้ที่ครัว โดยที่มีว่าที่คุณหมอชะเง้อมองตามคอแทบจะหลุด
พอเห็นว่านายช่างสมชายเดินลงจากเรือน และสตาร์ทรถจักรยานยนต์ขับออกไปจากบริเวณบ้าน ก็ลุกขึ้นนั่งหงอยเหงา
ก่อนจะเดินขึ้นเรือนไปหยิบชมพู่ในถุงล้างน้ำ และเอามานั่งกินอยู่ตรงบันไดบ้าน ครุ่นคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่หาคำตอบไม่ได้

ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่อยากพูดด้วย
แต่ก็ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้อยู่ข้าง ๆ

ทั้งที่อีกคนก็เป็นแค่คนที่สอบได้ที่โหล่ของห้อง
คนอย่างเขาไม่ควรไปสนใจ หรือใส่ใจเลยสักนิด

แต่ก็รู้สึกเหงา เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานจะต้องกลับไปเรียนแล้ว

และจะไม่ได้เห็นหน้าของคน ๆ นั้นอีก

ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ยิ่งหาคำตอบไม่ได้ก็ยิ่งกลุ้มใจจนอยากจะตะโกนให้สุดเสียง เพื่อคลายความเครียดที่สะสมนี้ออกไปให้หมด

ดวงตากลมโตทอดมองไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน แอบหวังลึก ๆ ว่านายช่างสมชายจะลืมอะไรไว้และกลับมาเอาของที่ลืมไว้

แคนไม่ทันได้คิดเลยสักนิด

ว่าสิ่งที่ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นลืมเอาไว้ และอยากจะฝากให้เขาเก็บรักษา ก็คือหัวใจของนายช่างหนุ่มคน นั้นนั่นเอง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

"ลืมของเหรอ..." แทบจะในทันทีที่เห็นว่ามีใครโผล่พ้นเข้ามาในรั้วบ้านอีกครั้ง ร่างโปร่งบางตะโกนออกไปสุดเสียง
ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดบ้านมายืนรอคนที่เข้ามาในบริเวณบ้านและจอดรถจักรยานยนต์ไว้ ลงจากรถและมายืนอยู่เบื้องหน้าของร่างโปร่งบาง
ที่เงยหน้ามองใบหน้าคมนั้น โดยไม่รู้ตัวเองเลยว่าเผลอทำหน้ายิ้มแย้มเกินกว่าเหตุไปซะแล้ว และเรื่องอะไรที่จะต้องรีบร้อนลงมาหาขนาดนี้ด้วย

"เปล่าหรอก...คือ...จะกลับมาถามว่าพรุ่งนี้จะเอาอย่างอื่นมั้ย...จะเอาแตงโมมาให้"

เหตุผลไม่มี ก็เลยหาข้ออ้างกลับมาเห็นหน้าของว่าที่คุณหมอ ที่ไม่ได้สมเหตุสมผลเอาซะเลย แล้วก็ลุ้นคำตอบอยู่เป็นนานกว่าจะได้รับคำตอบ

"ก็ดี...มาแค่นี้ใช่มั้ย....งั้นรีบ ๆ กลับไปเลยไป๊..."

จากที่ยิ้ม...ก็หุบยิ้มกระทันหัน แคนไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองคาดหวัง จะได้ยินคำพูดอื่น ๆ จากร่างสูงที่มายืนอยู่ตรงหน้า ที่มากกว่าการบอกว่าจะเอาแตงโมมาให้

"แล้ว...หายโกรธหรือยังเรื่องที่หอมแก้มเมื่อเช้า...."

จู่ ๆ ร่างสูงนั้นก็ตัดสินใจพูดสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกผิดมาตลอดทั้งวัน พูดไปซะคงดีกว่าปล่อยให้แคนรู้สึกหงุดหงิดโมโห เขาแบบนี้
มันไม่เป็นผลดีเลยสักนิด ที่จะปล่อยให้คนที่เขารัก ต้องรู้สึกแย่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
ถึงจะเขิน ๆ อยู่บ้าง แต่คิดว่า ว่าที่คุณหมอคงจะไม่ถือสาอะไรกับคนที่ถูกหาว่าเป็นแค่คนที่สอบไอ้ที่โหล่ของห้องสมัย ม. ต้นอย่างเขา

"ห๊า..อะไรนะ...พูดอะไรเนี่ย...นาย..พะ...พูดอะไรของนายกันเนี่ย"

ร่างโปร่งบาง รีบเดินหนี ทั้งที่พยายามจะลืมไปแล้ว แต่กลับนึกขึ้นมาได้เพราะคำถามของร่างสูงตรงหน้า สัมผัสอุ่น ๆ อ่อนโยน
ทำให้รู้สึกดีแบบสุด ๆก็จริง แต่ก็ไม่อยากให้ใครมารับรู้ด้วยเลยสักนิดว่าเขารู้สึกอย่างไร และคิดอะไรอยู่

"แคน...แคนเดี๋ยวก่อน...หายโกรธหรือยัง..แคน...อย่าเอาแต่เดินหนีสิ..แคน"

นายช่างสมชายรีบเดินตามร่างโปร่งบางที่เอาแต่เดินหนี เดินกลับเข้าไปที่เปลที่ผูกไว้ที่ใต้ถุนเรือน รีบคว้าหนังสือเล่มหนาเอามาบังหน้าของตัวเองไว้

"แคน....แคน...นี่เดี๋ยวสิ...คุยกันก่อน...ทำไมล่ะ..โกรธมั้ย...โกรธก็บอกว่าโกรธสิ..อย่าเดินหนีสิแคน..."

แม้ว่าจะตามมานั่งเผชิญหน้ากัน แต่คนนั่งที่เปลรีบคว้าหนังสือเล่มหนามาบังหน้าเอาไว้ ส่วน อีกคนก็พยายามตื้อจะคุยด้วย

แต่ว่าที่คุณหมอไม่ยอมที่จะลดหนังสือเล่มหนาที่ปิดบังใบหน้ามาคุยกันเลยสักนิด แม้จะเรียกซ้ำ ๆ หลายครั้ง
แต่ก็ยังเหมือนเดิม นอกจากประโยคที่บอกให้กลับไปได้แล้ว และบอกว่ารำคาญ ให้ไปห่าง ๆ แคนก็ไม่พูดหรือตอบคำถามเขาเลยสักนิด

สุดท้าย เขาก็ได้แต่ถอนใจ ยาว เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี

คนที่หลบหน้าอยู่โดยใช้หนังสือเล่มหนาปิดบังใบหน้าไว้ แทบอยากจะร้องไห้ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้า

หมอนี่คงเบื่อ.....ที่เขาเป็นแบบนี้ ...แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง

ไม่กล้าตอบ ไม่อยากสบตา

กลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็นใบหน้าที่แดงก่ำ และความรู้สึกบ้า ๆ ที่เขาพยายามหาคำตอบว่ามันคือความรู้สึกอะไร รวมทั้งไม่อยากให้ใคร ๆ เห็นว่าเขา.....รู้สึกแย่แค่ไหน
ที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้ แทนที่จะรั้งเอาไว้ แต่กลับไล่ให้ออกห่าง

"งั้น...กลับแล้วนะ...ไม่มาก่อกวนแล้ว.....ถ้าโกรธก็จะไม่มาให้เห็นหน้าอีกแล้วล่ะ..."

นายช่างสมชายกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นหยดน้ำที่หยดลงที่ขาของคนที่เอาหนังสือปิดบังใบหน้าอยู่

เขาพยายามจะเพ่งมองให้ชัด และ ก็ได้เห็นว่ามีหยดน้ำ หล่นตามลงมาอีก

แคน...........เป็นอะไร....

ฝ่ามือแกร่ง คว้าหนังสือเล่มหนาออกจากมือเล็ก ๆ ที่เขาสังเกตเห็นว่ามันเริ่มสั่นระริก ตั้งแต่ที่เขาบอกว่าจะไม่มาก่อกวนอีก

แม้ว่า ร่างโปร่งบางจะรีบคว้าหนังสือเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันแล้ว

หัวใจของคนที่ได้เห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นหล่นวูบในทันที ความรู้สึกผิด แล่นพล่านเข้าสู่หัวใจ กัดกร่อนจนรู้สึกเจ็บปวด
จนเขาทุรนทุรายแทบคลั่ง

นี่โกรธมากขนาดนี้เลยหรือ

เกลียดจนต้องร้องไห้เลยหรือ

ร่างสูงส่งหนังสือเล่มหนาคืนให้กับร่างโปร่งบาง

เดินจากไปอย่างช้า ๆ

โดยมีสายตาของคนที่เอ่ยปากไล่เขาให้ออกห่าง มองตามไปจนสุดสายตา

"ไอ้กระชาย...จะไปไหนก็ไปเลย...อย่ามาเข้าใกล้อีกนะ...ยังไงมะรืนนี้ฉันก็จะกลับแล้ว...ไม่อยากเห็นหน้าแกสักนิด
ไอ้คนสอบได้ที่โหล่ของห้อง...."

ปากพูดในสิ่งที่ใจไม่ได้คิด....สิ่งที่ใจคิด จนทำให้ต้องร้องไห้ก็คือ

ทำไมร่างสูงผิวคล้ำแดดต้องถอนใจยาวขนาดนั้นด้วย คงจะเบื่อเขามากเลยสินะ ถึงได้ทำอย่างนั้น
คงจะไม่กลับมาหาเขาอีกแล้วสิ....

ต่างคนต่างความคิด

ต่างคนต่างเข้าใจไปว่าอีกคนกำลังโกรธ

ในเมื่อความรู้สึกที่ไม่ถูกถ่ายทอดออกมาให้รับรู้ให้เข้าใจ

ถูกเก็บไว้อยู่อย่างนั้น

แล้วเมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกจะสื่อไปถึงใจของอีกคน

TBC...
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 17-12-2008 23:26:15
ยังไม่จบไม่เป็นไร รอได้เสมอค่ะ.. (อิอิ ดีใจออกนอกหน้า ได้อ่านอีกเรื่องง เย้ๆ):mc4:
ขอบคุณคามุยที่เอามาแบ่งปันนะคะ.. :man1:


คุณหมอแคน เอาแต่ใจสุดๆ แต่ก็น่ารักสุดๆ เหมือนกัน..
แต่ละอย่าง หึหึหึ น่าให้นายช่างจับกดจริ๊งจริงงงง..
โดนเฉพาะเวลาเมาๆ เนี่ย หึหึหึหึ สักวันไม่รอดแน่...

คุณหมอเริ่มมีใจโดยไม่รู้ตัว..
นายช่างอย่าเพิ่งท้อ..
ตื้ออีกนิด ง้ออีกหน่อย..
จูบซับน้ำตาคุณหมอเลยย..
 :impress2:

ขอบคุณคุณเท็นค่ะ.. :pig4:
มิตรรักแฟนนิยายจะรอตอนต่อไป..
 :z2:

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 18-12-2008 00:35:04
+1 ต้อนรับเรื่องใหม่ครับ  อ่านรวดเดียวปวดตาเลยอ่า
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 18-12-2008 07:23:21

94 + 1 = 95
ขอบคุณนะคะ คุณ kamui1972

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 18-12-2008 08:29:42
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 13

นักศึกษาแพทย์อย่างแคนไม่คิดจะสนใจอะไรอีก มีหน้าที่เรียนก็คือต้องเรียน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เฝ้าแต่มุ่งมั่นอยากจะสานฝันของตัวเองให้เป็นจริง
ในวันหนึ่งเขาจะกลับมาเป็นแพทย์ชนบท จะกลับมาเป็นหมอของตำบล อยู่กับครอบครัว และไม่สนใจว่าใคร ๆ จะมองยังไง

เมื่อวันก่อน ความรู้สึกโง่เง่า ถาโถมเข้ามาในจิตใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้
สองวันของการค้นหาข้อมูลในหนังสือ และเพียรพยายามถามแม้กระทั่งโทรไปถามอาจารย์ที่สอนเขา
ถึงการวิเคราะห์สภาวะร่างกายและอารมณ์ของมนุษย์ที่มีผลสืบเนื่องมาจากจิตใจ

สุดท้ายคำตอบที่ได้ ................

."เธอกำลังมีความรักหรือเปล่า....ถามตัวเองดูก่อนสิ...ว่ากำลังเป็นอะไร เพราะถ้าแม้แต่ตัวเองยังวินิจฉัยโรคไม่ได้ แล้วจะเป็นหมอได้ยังไง"

เรื่องตลก เกิดขึ้นกับชีวิตเขาแล้ว

ความรักงั้นเหรอ

เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ

รู้แต่ทฤษฎีเต็มไปหมด ว่ามันมีผลกับอารมณ์ของมนุษย์ และผลักดันไปสู่ระบบการทำงานของร่างกายด้วย
จะทำให้ร่างกายหลังสาร อะดีนลีน และ.................

ข้อมูลมีอีกเป็นหน้า ๆ แต่เรื่องที่น่าตกใจก็คือ ว่าที่คุณหมอเลือกวิธีรักษาง่าย ๆ ด้วยการ

วินิจฉัยโรค ว่า...เมื่อเป็นโรครัก ก็ใช้วิธีหักใจไม่ให้รักซะก็หมดเรื่อง
เท่านี้โรครัก ก็ไม่มีผลกระทบอะไรอีก ก็แค่นั้น เพราะมันไม่ใช่โรคที่เกิดจากร่างกาย แต่เป็นโรคเกี่ยวกับจิตใจ

เฮ่อ...กลุ้มใจมานาน เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เอง

แคนผิดปกติแน่ ๆ คิดอยากจะเลิกรัก ก็คิดว่ามันจะเลิกได้ง่าย ๆ

หลังจากนั้นอีกสองวัน ว่าที่คุณหมอก็กินข้าว นอนหลับได้อย่างสงบสุข

และในวันที่สามเสื้อผ้าสองสามชุดก็ถูกเก็บลงกระเป๋า ร่างโปร่งบางก้มกราบแม่ของตัวเอง ก่อนจะสะพายกระเป๋า
ออกเดิน เพื่อจะโบกรถให้ไปส่งในตัวจังหวัด และตีรถกลับยังกรุงเทพ

แต่แม่ของเขากลับเรียกเอาไว้

"แคนเดี๋ยวลูก....พอดีนายช่างเขาบอกแม่ว่าจะเข้ากรุงเทพวันนี้....แม่เลยฝากแคนติดรถนายช่างเขาไปด้วย..."

ร่างโปร่งหันหลังกลับมามองหน้าของแม่ด้วยความมึนงง

แม่ครับ....ลูกแม่กำลังอยู่ในช่วงหักใจ ตัดใจจากความรักนะครับ ทำไมแม่ถึงได้ส่งลูกให้กับ เจ้าเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า เลิฟ ได้ล่ะแม่

"ไม่เอานะแม่...แคนกลับเองได้ แคนไม่ไปกับไอ้กระชายหรอกนะ"

และสงครามระหว่างแม่ลูกก็เริ่มต้นขึ้น สุดท้าย เจ้าของร่างโปร่งบางนั้นก็พ่ายแพ้ไปตามระเบียบ
พร้อมกับในเวลาไม่นาน ก็มีรถเข้ามาจอดในรั้วบ้าน พร้อมกับร่างสูง ผิวคล้ำนั้น เดินลงมาช่วยว่าที่คุณหมอหิ้วกระเป๋า

"ฝากด้วยนะนายช่าง...ถ้าทำตัวไม่ดี...ก็ตีได้เลยจ่ะ"

ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกและดันหลังลูกชายให้ขึ้นไปนั่งบนรถได้อย่างเรียบร้อย

ร่างสูงนั้นพนมมือไหว้ แม่ของคนที่เขารัก โดยที่ว่าที่คุณหมอเข้าไปนั่งหน้างอหงิกรออยู่ในรถ
ร่างสูงเดินตามเข้ามานั่งที่นั่งคนขับ และออกรถในทันที

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความเงียบระหว่างคนสองคน ดูน่าอึดอัด แต่สำหรับว่าที่คุณหมอที่เอาแต่อ่านหนังสือไปตลอดทาง ปัญหาเรื่องความน่าอึดอัดใจไม่ใช่
เรื่องที่จะสามารถมาก่อกวนใจได้เลยสักนิด

"เปลี่ยนไปนั่งข้างหลังมั้ย....มีหมอนนะแคน...เผื่อง่วงจะได้หลับเลย...มีชมพู่ในตระกร้าด้วย...ถ้าแคนหิวมีกับข้าว
ใส่ปิ่นโตมาให้ด้วยนะ...ถ้าหิวน้ำก็ในกระติกนะแคน"

นายช่างสมชายเหลือบสายตามองคนข้าง ๆ อยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีวี่แวว ที่ว่าที่คุณหมอจะหันมาสนใจเขาเลยสักนิด
แคน...เกลียดเขา....แคนเกลียดคนที่เข้ามาวุ่นวายด้วย เกลียดจนถึงขนาดร้องไห้
แต่เขาก็ยังมาวุ่นวายกับแคนอีกจนได้ แม้จะพยายามออกห่างแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็กลับมาเป็นคนน่ารำคาญสำหรับแคนเหมือนเดิม

แม้เขาจะพูดอีกร้อยอีกพันประโยค นอกจากความเงียบแล้ว....ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิด
เขาก็เลยจำใจต้องเงียบ และมองภาพถนนเบื้องหน้า...สนใจอยู่กับการพาแคนไปส่งยังที่หมายให้ปลอดภัยเท่านั้น

ว่าที่คุณหมอ นั่งเงียบ ทั้งที่หัวใจเริ่มสั่น...ตั้งแต่ออกเดินทาง
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ไม่รู้จะคุยอะไร ได้แต่เงียบ ก้มมองหนังสือเล่มหนา หลายครั้งที่เผลอเหลือบสายตาขึ้นไปมองร่างที่สนใจกับการเดินทาง
และหยุดหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกับเขาไปแล้ว จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาเอาแต่เงียบเอง ปากกำลังจะพูด แต่สุดท้าย มันก็กลับหุบเงียบเหมือนเดิม
จนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี.....สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจพูดออกมา ไม่มีอะไรต้องหวาดหวั่นในเมื่อเขาเหนือกว่าคนที่นั่งอยู่เคียงข้างในทุก ๆ ทาง
แล้วทำไมจะต้องเกรงใจกันด้วยล่ะ ไม่มีทางซะหรอก

"กระชาย....เอ็ง....กินชมพู่มั้ย..."

เสียงที่ไม่ได้ยินมาตลอดสามวันของคนที่นั่งเคียงข้าง เอ่ยถามคนขับ

ร่างสูงหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ แคนยอมพูดกับเขาแล้วเหรอ

แคนวางหนังสือลงและพยายามจะหันหลังกลับไปมองเบาะรถด้านหลังที่มีของหลายอย่างวางอยู่ รวมทั้ง ชมพู่ในตระกร้าสานด้วย
มือเรียวยาวสองข้างพยายาม ดึงตระกร้าที่มีชมพู่บรรจุอยู่หลายผลและยกมาวางไว้บนตัก
ก่อนจะหันหน้าไปถามร่างสูงที่หันกลับมามองเป็นระยะ ระยะ

"ชมพู่ล้างหรือยัง....."

แคนเอ่ยถาม และร่างสูงเคียงข้างก็พยักหน้ารับ

"กินมั้ย.....ชมพู่....เนี่ย" ผลชมพู่แดงสดถูกยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากของร่างที่กำลังงุนงง ว่าแคนจะเล่นอะไรกับเขากันแน่

นายช่างสมชาย ขบฟันลงที่ผลชมพู่ ในขณะที่สายตาต้องจ้องมองกับถนนลาดยางเบื้องหน้า

"กินข้าวมั้ย....เดี๋ยวข้า...ตักให้"

คำพูดที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ยิน...จู่ ๆ แคนกลับมาพูดกับเขาแบบนี้ ทั้งที่หลายวันก่อน ทำเหมือนโกรธเกลียดเขาขนาดนั้น
แคนมีอะไรในใจหรือเปล่า
"เอ็งมีอะไรก็บอกมาดีกว่าแคน...อย่าทำดีกับข้าทั้งที่เกลียดขี้หน้ากันเลย..มันน่าอึดอัดจะตายไปนะ..ฝืนใจทำแบบนี้น่ะ"

เขาคงทนไม่ได้ ถ้าจะทำให้แคนต้องรู้สึกไม่ดี หรือเกรงใจเขา แคนเป็นอย่างที่แคนเป็น เขารับได้
โมโหใส่ หงุดหงิดใส่มากแค่ไหน เขาก็รับได้ แต่อย่าแกล้งทำดีกับเขาแบบนี้

"เอ็งนึกว่าข้าป้อนชมพู่เอ็งเนี่ย....ข้าทำเพราะแกล้งหรือไง...ข้าสงสารหรอกนะที่เอ็งขับรถแล้วก็หิวด้วย
เอ็งนี่ยังไงวะกระชาย......ข้าอุตส่าห์ทำดีด้วย...มาหาว่าข้าทำดีหวังผลหรือไงวะ...งั้นก็อย่ากินเลยดีกว่า...ข้ากินคนเดียวก็ได้"

ในครั้งแรกนายช่างสมชายคิดว่าแคนจะเงียบอีก แต่แล้ว เขาก็ยิ้มออกมาได้ในทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของคนที่เขารัก

แคนเป็นแบบนี้.........แคนที่พูดอะไรเอาแต่ใจแบบนี้....ถึงเป็นแคนตัวจริง
ความขุ่นเคืองใจเมื่อหลายวันก่อน มลายหายไปกับตา
.แคนก็คือแคน....ถึงจะโกรธเขาและต่อว่าเขาต่าง ๆ นา ๆ แต่ก็ไม่เคยมีวันไหนที่ความน่ารักลดน้อยลงสักนิด
ร่างสูงยิ้มกริ่ม และหัวเราะเสียงเบา
รอมานาน รักมานาน ถ้าจะให้รอต่อไป ก็ไม่แปลก เขารอแคนได้เสมอ

"ท่าจะบ้า...ไม่ได้กินชมพู่เลยหัวเราะ...เอ็งบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลยไอ้กระชาย...แล้วตกลงเอ็งจะกินมั้ย...ข้าอุตส่าห์ป้อนนะ"

มือนั้น ยังเอื้อมเข้ามาและพยายามจะยัดเยียดชมพู่สีสดใส่ปากของเขาให้ได้ แถมยังทำหน้างอโมโหเขาซะอีก

"แคนยัดเข้าไปแบบนี้ก็สำลักตาย...ป้อนดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง...."

ร่างสูงนั้นเอ่ยบอก และก็เหมือนเดิม แคนยังพยายามยัดชมพู่ใส่ปากของเขาทั้งผลเหมือนเดิม จนนายช่างสมชายทนไม่ไหว ต้องเลี้ยวรถเข้าจอดที่ข้างทาง

และดึง มือเล็ก ๆ ที่ถือชมพู่นั้นเข้าหาตัว ดึงผลชมพู่ออกและตีเบา ๆ ที่มือของว่าที่คุณหมอ เพราะความหมั่นไส้ ในนิสัยที่ยิ่งว่า ก็เหมือนยิ่งยุ

"จะตีให้มือหักเลยนะ...ทำไมทำแบบนี้...ขับรถอยู่ เดี๋ยวก็ได้ตายกันทั้งสองคนหรอกรู้มั้ย" ถึงจะเอ็ดไปแล้ว แต่เจ้าของมือกลับยังพยายามที่จะยื้อยุดมือออกห่าง
และดึงเอาผลชมพู่อีกผลหนึ่ง เพื่อจะเอายัดเข้าปากของคนสั่งสอนทันที

"เอ๊ะ...แคน...ทำไมทำอย่างนี้...บอกไม่เชื่อเลยหรือไง...ทำไมเป็นคนแบบ นี้...พูดอะไรไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วจะเป็นหมอได้ยังไงเนี่ย...โอ้ยแคน..พอ แล้ว..เสื้อเปื้อนหมดแล้ว"

ร่างสูงนั้นต้องถอยหนี เพราะว่าที่คุณหมอไม่ยอมลดลาวาศอกเลยสักนิด

"ก็แล้วเอ็งจะทำไม...ทำได้แค่ตีมือ...ข้ากลัวจะตายอยู่แล้วกระชายเอ้ย ....โธ่...กิน ๆ เข้าไปเล้ย...เร็ว..กินเดี๋ยวนี้ไอ้กระชาย กิน กิน กิน"

คนตัวเล็กกว่า เห็นเป็นเรื่องสนุก ที่ได้แกล้งเอาคืนบ้าง และไม่ได้มีทีท่าจะเลิกเลยสักนิด

"ท้าจังเลยนะ....คิดว่าจะทำอะไรไม่ได้หรือไง...เอ็งทำได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกันนะแคน....อยากกินชมพู่เหมือนกันใช่มั้ย...งั้นกินเลยแคน
กินเดี๋ยวนี้เลย....กิน กิน กิน..เร็ว..อ้าปาก..กินเดี๋ยวนี้เลย"

การเอาคืน ไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่ทำให้ยิ่งสนุก คนตัวเล็กกว่าเบี่ยงตัวหลบ และไม่ยอมแพ้ด้วยการ พยายามจะเอาผลชมพู่ในมือใส่เข้าปากของอีกคนให้ได้

"ไอ้กระชาย...หยุดนะเว้ย....เอ็งแหละกิน...ข้าไม่กินเว้ย..."

ร่างโปร่งบาง ตะโกนร้องลั่น หนีออกห่าง แต่ก็โดนดึงให้เขาหา สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ จนต้องหัวเราะออกมาในที่สุด

"งั้นผลัดกัน...คนละคำ....ตกลงมั้ย...."

ร่างสูง ยื่นคำขาด....และคนที่ไม่สมควรเรียนแพทย์ ก็ยอมทำตาม แต่ไม่โดยดี..
เพราะเมื่อเวลาที่ถูกป้อน แคนก็แค่กัดเบา ๆทีผลชมพู่ กัดแค่พอดีคำเท่านั้น ส่วนเวลาป้อนกลับ ก็กระแทกมือเข้าไปเต็ม ๆ จนใบหน้าคมนั้น หงายไปข้างหลัง

"โอ้ย...นี่จะไม่ยอมลดให้สักนิดเลยใช่มั้ยเนี่ย...."

นายช่างสมชายบ่นเสียงเบา แต่ก็ยิ้มได้....เมื่อสบตากับดวงตากลมโตที่ทอดมองมาอย่างนึกสนุก และยิ้มจนตาหยีเช่นกัน
ยิ้มให้กันแบบนั้นเป็นนานโดยที่ไม่รู้ตัวว่านานแค่ไหน ดวงตาคมสบตากับดวงตากลมโต สื่อความหมายความรู้สึกบางอย่างให้ได้เห็นอย่างชัดเจน
จนร่างโปร่งบางต้องขยับกลับมานั่งที่ของตัวเองให้เรียบร้อย และหรุบสายตามองที่ตระกร้าสานใส่ผลไม้ที่วางอยู่บนตัก

"สนุกมั้ย...." ร่างสูงเอ่ยถามและยิ้มเพียงเล็กน้อย ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ และขับกลับเข้าไปบนถนนอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหมดเวลาเล่นสนุกแล้ว

"ก็ดี......." ร่างโปร่งบางเอ่ยตอบ กอดตระกร้าผลไม้ไว้แน่น และไม่ได้หันกลับไปสบตากับร่างสูงนั้นอีก เพราะรู้สึกว่า ใบหน้าของตัวเองชักจะหุบยิ้มไม่อยู่

อารมณ์ขุ่นมัว เจือจางลงไปมาก...ตั้งแต่เมื่อครู่....

มือเล็ก ๆ หยิบผลชมพู่ขึ้นมาก่อนจะแบ่งเป็นสองซีก ซีกแรก ป้อนเข้าปากตัวเอง
ส่วนอีกซีก ส่งให้กับริมฝีปากของคนขับรถ

และอมยิ้มนิด ๆ เมื่อรู้สึกว่า หัวใจที่เคยสั่นไหว ไม่ได้ไหววูบจนน่ากลัวเหมือนครั้งก่อน
แต่อยู่ในสภาวะปกติ ไม่ได้มีความเครียดสะสมด้วย แต่ รู้สึกเหมือนกำลังมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

ผลชมพู่ถูกบิส่งให้กับนายช่างสมชายอีกหลายชิ้น พร้อมกับที่ดวงตาคมไหวระริกทุกครั้ง ที่มองมือเล็ก ๆ ที่ส่งผลไม้เข้าปากของเขา

แบบนี้.....มันดีแน่แล้วหรือเปล่า เขาก็ไม่รู้

แต่อย่างน้อย เขาก็รู้สึกว่า ก้าวเดินตามเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่วิ่งนำหน้าเขาไปเสมอ อีก หนึ่งก้าวแล้ว

TBC....
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 18-12-2008 08:31:06
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 14

“กระชาย....วันนี้วันศุกร์แล้วนะ....ข้าเรียนหนักจะตาย...เครียดจะแย่แล้ว.....มาหาด้วยนะเว้ย”

เสียงใครถ้าไม่ใช่เสียงของแคนที่กรอกลงไปในโทรศัพท์โดยไม่เคยคิดจะรอคำ ตอบเลยสักนิดแล้วก็กดวางไปเฉย ๆ พร้อมกับที่เดินออกมานั่งรอที่ศาลาหน้ามหาวิทยาลัย
เครียด......
เหนื่อย.....
อยากพัก....ถ้าไม่พักคงทำอะไรไม่ได้อีกแน่ ๆ เพราะดูเหมือนว่าพลังงานชีวิตลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่กลับมาจากบ้าน อะไรก็ดูสดชื่นไปหมด เสียอย่างเดียว เป็นโรคเหงา
แล้วก็คิดถึงแต่ไอ้กระชายตัวดำทุกวัน ไม่รู้ว่าทำไม
แต่คนที่ด้อยกว่าเขาต้องออกต่างจังหวัดบ่อย ๆ ไปนั่นไปนี่ แล้วก็เอาผลไม้จากภาคต่าง ๆ มาฝากเขาอยู่เสมอ ๆ เอามาเอามาทีละเยอะ ๆ เป็นเข่ง ๆ แจกเพื่อนนักศึกษาแพทย์หอเดียวกัน ได้ทั้งตึก

และวันนี้คนที่เคยสอบได้ที่โหล่บอกว่าจะกลับมาหลังจากไม่ได้พบหน้ากันนานเกือบเดือนตั้งแต่กลับมาจากที่บ้าน
แล้วก็สัญญาว่าจะเอาผลไม้จากทางเหนือมาให้อีกต่างหาก มีหรือว่าที่คุณหมอจะไม่ดีใจ
นั่งรอเป็นเวลานาน แล้วก็ได้เห็นรถเข้ามาจอด ไม่ใช่ใคร นายช่างสมชายนั่นเอง
กระจกรถเลื่อนลงช้า ๆ พร้อมกับใบหน้าที่คุ้นเคย

“แคนขึ้นมาเร็ว...เดี๋ยวเอาสตอเบอรี่ไปลงให้ที่หอ”

แล้วร่างโปร่งบางนั้นก็วิ่งมาจากศาลา ขึ้นมานั่งที่นั่งประจำเรียบร้อย

“เป็นไงมั่ง....ช่วงนี้เรียนหนักเหรอ....ปี 5 แล้วนี่นะ....ไม่เจอแป๊บเดียว หน้าซีดจังเลยนะ อดนอนหรือไง”

ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้น หันหน้ามาถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หนังสือหลายเล่มถูกโยนไปไว้ที่เบาะหลังรถพร้อมกับที่ร่างโปร่งบางนั้น ดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกง และเอาหน้าไปจ่อที่ช่องแอร์เพื่อรับอากาศเย็นให้มากที่สุด

“ร้อนชะมัดเลย....ปล่อยให้นั่งรอตั้งนาน...ไปทำอะไรที่ไหนมา....คราวหน้ามาช้า ข้าไม่รอเอ็งแล้วร้อนก็ร้อน หิวก็หิว ง่วงอีกต่างหาก”

ร่างสูงหัวเราะกับท่าทางของร่างโปร่งบางนั้น ท่าทางจะร้อนจริง ๆ หน้าแทบจะชิดติดอยู่กับช่องแอร์แล้ว

“แคนจะเป็นผีช่องแอร์เหรอ....เอาหน้าไปจ่อซะใกล้เลย....บ้านเรากลางวันร้อนกว่านี้ยังเห็นนอนได้เลย”

คำหยอกเย้าทำให้แคนเงยหน้าขึ้นมองคนที่ไม่ได้พบเจอกันมา หลายสัปดาห์

“ก็อันนั้นมันหลับ....เอ็งก็รู้ถ้าข้าหลับแล้ว....หลับยาว...อยู่ในเตา อบข้าก็หลับได้....แล้วเอาอะไรมาล่ะงวดนี้.....สตอร์เบอรี่หรือเปล่า....ข้า สั่งสตอร์เบอรี่ไปนะ....ถ้าไม่ใช่ข้าไม่เอาหรอก...”

บทสนทนาราบเรียบไม่มีอะไรแปลกใหม่.....แต่ความสัมพันธ์ที่เคยห่างไกล ดูเหมือนจะใกล้เข้ามาอีกนิด

“อือ..อยู่หลังรถแน่ะ..เหงื่อออกเยอะเลย.....กระดาษทิชชู่อยู่เบาะหลัง ....จะกลับหอไปอาบน้ำเลยหรือเปล่า...หรือจะไปดูหนังก่อน.....ช่วงนี้เรื่อง อะไรเข้าล่ะ....”

ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้กลับมาอยู่ที่กรุงเทพ เพราะต้องไปราชการที่นั่นที่นี่บ่อย ๆ แต่ละครั้งไปเป็นระยะเวลานานบ้าง เร็วบ้างจนบางครั้ง แทบจะลืมกันไปเลย ดีที่ยังมีโทรศัพท์ที่พอจะเอาไว้ใช้ติดต่อกันได้ แต่ถ้าเข้าไปในป่าในเขาสัญญาณก็ขาดหายได้เหมือนกัน
ทำให้ยากแก่การติดต่อ แต่เขาก็ไม่สามารถจะหนีหายไปไหนได้หรอก ในเมื่อคนที่ต้องกลับมาหา
คนที่ทำให้ทุกวันมีค่า และทำให้เขาอยากจะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา กำลังรอผลไม้จากเขาอยู่

ถึงจะแค่ผลไม้.....
เทียบกับเมื่อก่อนที่แม้แต่หน้าของเขาแคนก็ไม่เคยมองสักนิด ชื่อของเขาแคนก็ไม่เคยคิดจะจำ
ตอนนี้มันต่างกันเยอะ อะไร อะไร ดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ได้คุยกัน ไปไหนด้วยกัน
บางครั้งก็ได้หยอกล้อกันบ้าง สงบสุขเรียบเรื่อย ไปตามอัฒภาพ
“กลับไปอาบน้ำที่หอก่อนได้มั้ย มันร้อนอ่ะ....แล้วเดี๋ยวค่อยไปดูหนัง.....แล้วเอ็งจะอาบด้วยเลยหรือเปล่ากระชาย.......”

ว่าที่คุณหมอพูดไปเรื่อยเปื่อย และหยิบกระดาษทิชชู่จากเบาะหลังรถมาซับเหงื่อที่ใบหน้าของตัวเอง
มองไปมองมาก็เห็นว่าคนขับ คงจะร้อนเหมือนกัน เพราะเขาแย่งแอร์ไปซะหมด เห็นเหงื่อหยดเป็นทางยาว เลยใช้กระดาษทิชชู่ซับไปที่ต้นคอของอีกคน เหมือนกับเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว

“แค่นี้ทำเป็นร้อน....ทีไปซ่อมเขื่อนไม่ร้อนตายเหรอวะกระชาย...... อ๊ะ...อ๊ะ..เอ็งเงียบไปเลยถ้าจะว่าข้า....เพราะไม่เหมือนกัน....เอ็งน่าจะทน ได้มากกว่า ส่วนข้าทนไม่ได้ก็ไม่เห็นแปลก....เพราะยังไง
ข้าก็ต้องเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลไม่ได้ตากแดดเหมือนเอ็งซะหน่อย...เพราะว่าข้าไม่ชินกับแดดเหมือนเอ็ง....”

ถ้าเป็นเมื่อก่อน พูดแบบนี้จะต่างอะไรกับการดูถูก แต่ก็ช่างเถอะ....บอกแล้วว่าให้เอาแต่ใจมากแค่ไหนก็ได้ จะงี่เง่างอแงมากแค่ไหนก็ยอม เพราะรู้ว่าแค่เรียนหนัก แล้วก็เหนื่อยพออยู่แล้ว
ต่อไปถ้าต้องเป็นคุณหมอแสนดีต่อหน้าคนไข้ตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องสนุกนักหรอก แต่เขารู้ว่า แคนสามารถทำหน้าที่นั้นได้ เพราะฉะนั้น ในเวลาแบบนี้ให้แคนแสดงนิสัยที่แท้จริงดีกว่า แค่เวลาปกติ ที่ต้องทำตัวเป็นคนแสนดี ก็คงจะเบื่อแย่แล้ว...เพราะฉะนั้นกับเขาแล้ว แคนจะเป็นยังไงก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ให้แคนเป็นแคนแบบนี้ก็พอ...

“เงียบอีกแล้ว....ข้าเบื่อเอ็งจริง ๆ ...เออกระชาย....ข้าไม่รู้ว่าจะได้ไปฝึกที่ไหนล่ะ.....เป็นแพทย์ฝึกหัดเนี่ย คงจะสนุกดีพิลึกเลย....ข้าจะได้ไปตรวจคนไข้จริง ๆ แล้วนะ....ข้าเก่งกว่าเอ็งช่ายม้าย เนอะกระชายเนอะ.....อันที่จริงคนเก่งนะกระชาย ยังไงก็เป็นคนเก่งอยู่วันยังค่ำแหละ...ใช่มั้ยวะ”

แล้วแคนก็หัวเราะชอบใจ.....นั่งกอดอกอมยิ้มไปตลอดทาง
จนร่างสูงที่นั่งเคียงข้างนึกขำ....ไม่อยากจะเถียงด้วยหรอก....เถียงคน เก่ง ยังไงก็แพ้อยู่วันยังค่ำ แต่ถ้าทำตัวไม่ดีก็ต้องมีบอกมีเตือนกันบ้าง

“รู้แล้วว่าเก่ง.....โดนหอมแก้มกี่ครั้งก็เฉย ๆ ไม่โวยวายเลยสักนิด....”

คำพูดลอย ๆ แต่กระทบใจคนฟังอย่างจัง นี่อุตส่าห์ลืมไปแล้วนะ ยังมากวนให้นึกขึ้นมาได้อีกเหรอเนี่ย

“อะไรวะ ...หอมเหิมอะไร...ไม่มีหรอก.....โธ่เอ้ย...แค่กอดแค่หอม....มากกว่านี้ก็เคย ทำ...ผ่าศพก็ผ่ามาแล้ว เห็นอะไรตั้งเยอะมากกว่าเอ็งเห็นด้วยแหละกระชาย......เอ็งเงียบไปเลยไป๊”

ถ้าเถียงแพ้ให้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
แล้วจะได้เห็นว่าคุณหมอจะลุกลี้ลุกลนผิดปกติ มือไม้ที่เคยอยู่ในที่ปกติ เริ่มพันกันไปมา
และใบหน้าเนียน ๆ ขาว ๆ ก็จะเริ่มแดงเรื่อ อย่างน่าแปลกใจ
นายช่างสมชายไม่เคยสังเกต เลยไม่เคยได้รู้ แต่พักหลัง ๆ แกล้งพูดเล่น ๆ ลอย ๆ แคนจะเกิดอาการแปลก ๆ แบบนี้ทุกที ยิ่งดูก็ยิ่งแปลก ดูแล้วก็ยิ่งเห็นว่าน่ารักไปอีกแบบ
แคนที่พูดอะไรติด ๆ ขัด ๆ และชอบหยิบหนังสือขึ้นมาบังหน้าแบบกระทันหัน หรือไม่ก็เอาแต่มองไปข้างนอก ไม่ยอมพูดนั่นพูดนี่อีกเลย ดูน่ารักดีจริง ๆ

“ก็จริงนี่....หอมนิดหอมหน่อย...ทำเป็นโกรธ....ทำเหมือนสาว ๆ ไปได้ พูดทีไรเห็นอ๊าย อาย บิดไปม้วนมาเป็นกุ้ง....แล้วจะให้คิดยังไงล่ะ…จะให้คิดว่าเก่งได้ยังไงแบบ นี้”

ตามองถนนแต่คำพูดที่ยิ่งพูดไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้คนที่หันกลับไปหยิบหนังสือที่เบาะหลังรถ เอามาปิดหน้าไว้ พาลจะทำอะไรไม่ถูกมากขึ้นเรื่อย ๆ
น่ารักมั้ยล่ะแบบนั้น จะให้คิดยังไง ถ้าไม่ใช่.....เพราะว่าความเขินอาย

“แคนถึงแล้ว.....จอดรถข้างหอได้หรือเปล่า.....”

รถถูกเลี้ยวเข้ามาจอดไว้ข้างตึกโดยมีร่างสูงเดินลงมาจากรถ และยกตระกร้าใส่สตอเบอรี่ลงจากกระบะหลัง โดยมีว่าที่คุณหมอหยิบหนังสือสองสามเล่ม เดินตามลงมาและผู้ไม่ได้พักอาศัยในหอพัก แต่กลับเดินอย่างคล่องแคล่ว นำหน้าขึ้นไปบนหอพักแล้ว

“แคนเดินเร็ว ๆ......อยากเข้าหอกับแคนเต็มทีแล้ว”

นายช่างสมชาย เอ่ยล้อเลียนคนที่เดินตามมาอย่างเชื่องช้า และในเวลาไม่นาน กุญแจห้องก็ถูกไขเปิดออก พร้อมกับที่สองร่างเข้ามาอยู่ในห้องเป็นที่เรียบร้อย

“เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะกระชาย.....ข้าฟังไม่ถนัด...ไหนพูดอีกทีซิ....”

แคนวางหนังสือไว้บนเตียงและหยิบผ้าขนหนูมาถือไว้
“ไม่ได้พูดอะไรเลย......”

ถาดสตอเบอรี่ถูกเอามาวางไว้ที่ข้างตู้เย็น และฝ่ามือแกร่งก็เปิดตู้เย็นหาน้ำมารินดื่มเพื่อคลายความกระหาย

“แต่ข้าได้ยินเอ็งพูด.....”

แคนยังไม่เลิกคาดคั้น....แล้วก็ได้คำตอบเหมือนเดิม

“ไม่ได้พูด.....แต่ถ้าอยากให้พูดก็ได้..เอามั้ย”

ร่างโปร่งบางมายืนอยู่ตรงหน้าคนที่กำลังดื่มน้ำและสะบัดผ้าขนหนูเล่น

“ทำไม...จะพูดอะไร”
ยังคงปากกล้าไม่เลิก.....ถ้าแคนได้รู้ความคิดของคนตรงหน้าคงอายจนไม่รู้จะหนีไปไหนได้แน่ ๆ

“พูดแล้วไม่โกรธ....แล้วจะพูดสัญญาหรือเปล่า”

ร่างสูงเอ่ยขอคำสัญญา จากร่างโปร่งบางที่พันผ้าขนหนูเล่น และเดินไปหยิบผลสตอเบอรี่ในถาด มาแบ่งใส่จานเพื่อจะนำไปล้าง

“เออ....พูดมาซะที” มือเล็ก ๆ ถือจานไว้ในมือและเตรียมเดินเข้าห้องน้ำ แต่หยุดยืนรอฟังคำพูดของอีกคนก่อน

“ก็.....อือ.....เมื่อกี้นี้พูดว่า......คือจะบอกว่า ....ว่าที่คุณหมอแคนเนี่ย.....น่าหอมแก้มจังเลยนะ...น่าจูบด้วย... น่ากอดด้วย.....เป็นผู้ชายจริง ๆ หรือเปล่า อยากพิสูจน์จริง ๆ “

ก็รู้ว่าหาเรื่องใส่ตัว แต่ก็ยังกล้าพูดออกมา คำพูดนั้น ทำให้ร่างโปร่งบาง ปล่อยจานในมือหลุดลงแตกกระจายทันที

“ไอ้กระชาย......เอ็งเป็นบ้าไปแล้ว.....หุบปากไปเลย....ข้าไม่อยากฟังสักนิด”

เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีใครพูดอะไรอย่างนี้ด้วย แค่โดนพูดอะไรแปลก ๆ ด้วยนิดเดียว ก็พาลจะทำอะไรไม่ถูกแล้วนี่เล่นรัวคำพูดออกมาเป็นชุด มีหรือจะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ ได้
ร่างนั้น ทำท่าจะเลี่ยงเดินหนีเข้าห้องน้ำไป โดยมีใครคนหนึ่งมองตามพร้อมรอยยิ้ม

แคนชอบหนี......

ไหนล่ะเก่ง.......

นี่เก่งไม่จริงแล้วนะ.....ขนาดไม่ได้แตะสักนิด ยังเขินขนาดนี้ แล้วถ้าลองแตะดูนิด ๆ หน่อย ๆ
จะน่ารักได้ขนาดไหนนะ
ความคิดไปไกล แต่มือไปเร็วกว่า เมื่อจู่ ๆ ชายหนุ่มร่างสูงก็ลุกขึ้นยืน...เอื้อมมือเพียงนิดเดียวก็ดึงข้อมือของอีกคน ให้มาเผชิญหน้าได้ไม่ยาก

เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ แก้มใส ๆ ยิ่งแดงเรื่อกว่าปกติ
ดวงตากลมโตไหวระริกหวาดหวั่น และเหมือนไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนเวลาปกติ
มือเล็ก ๆ พยายามบิดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม

โดยไม่รู้ว่าคนที่จับแขนของตัวเองเอาไว้ มีความรู้สึกอย่างไรในเวลานี้
เหมือนกับว่าบางสิ่งบางอย่างที่เคยถูกเก็บไว้นานแสนนาน
ประทุขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ตั้งแต่ที่ได้เห็นใบหน้าน่ารัก ที่พยายามเมินหลบไปทางอื่น
หัวใจเหมือนล่องลอยหลุดการควบคุมไปแล้ว

“แคน....น่ารักจริง ๆ นะ.....ไม่ได้ล้อเลียนหรือพูดเล่น”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่นัยน์ตาคมที่เคยเปล่งประกายกลับดูเหม่อลอย ต่างจากทุกทีและแค่เพียงออกแรงนิดเดียวก็ดึงให้ร่างโปร่งบางเข้ามาซุกซบอยู่ ในอ้อมกอดได้อย่างง่ายดาย แม้ร่างโปร่งบางจะดิ้นรนอยู่บ้างในคราวแรก แต่แค่ระยะเวลาไม่นาน ก็กลับนิ่งสงบได้อย่างน่าประหลาด เหมือนกับจิตใจบังคับร่างกายให้เป็นอย่างที่คิดไม่ได้เลยสักนิดเดียว

TBC…
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 18-12-2008 08:32:11
เรื่องรักตัองใช้ใจศึกษา 15

"ถ้าแคนต้องไปฝึกงาน...แล้วถ้าเราต้องห่างกันนาน ๆ แคนจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ย"

เสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่วอยู่ที่ข้างหู ของร่างโปร่งบางที่กำลังตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ อ้อมแขนนั้นยิ่งกระชับร่างโปร่งบางเข้าหาตัวมากขึ้น
กอดรัดแนบแน่นบอกให้รู้ว่าช่วงเวลาที่ห่างกันนั้น ร่างสูงมีความรู้สึกแบบไหน

ไม่มีเสียงตอบจากร่างที่ซุกซบอยู่ในอกกว้างแต่แสนอุ่นนั้น นอกจากเสียงถอนหายใจยาวของคนที่กำลังโอบกอดร่างที่แสนคิดถึงไว้ในอ้อมแขน
นายช่างสมชาย ปล่อยให้ร่างเล็กเป็นอิสระ และส่งยิ้มเศร้า ๆ มาให้

"โทษทีเหอะ...ข้าคิดถึงเอ็งว่ะ...โกรธป่าวเนี่ย...ข้าไม่ได้คิดอะไรลามปามนะเว้ย...เพื่อนกันน่ะเพื่อนกัน"

เพราะแคนเอาแต่นิ่งและจ้องมองใบหน้าคมด้วยความมึนงง แถมซ้ำยังกระพริบตาปริบ ๆ เหมือนกับว่าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขาก็ยิ่งคิดในทางไม่ดีหรือว่ากำลังโกรธกันน่ะ

"กอด....แบบเพื่อนเหรอ.." น้ำเสียงหวานแผ่วพริ้ว ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ในครั้งแรกที่ถูกดึงเข้าไปหา มีความรู้สึกว่าตกใจ
จนทำอะไรไม่ถูก กลัว...อยากผลักให้ออกห่าง แต่พอได้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นนั้นแล้ว ความตกใจ และหวาดกลัว
กลับแปรเปลี่ยนไปเป็นสัมผัสอบอุ่นอ่อนโยน ที่ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นถ่ายเทมาให้ ฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังอย่างทะนุถนอม
นั่นยิ่งทำให้อยากซุกซบอยู่อ้อมกอดนี้ไปนาน ๆ ไม่อยากที่จะต้องห่างออกไป เพราะคิดถึง...อยากเจอ...ไม่รู้เหตุผลว่าคืออะไร
พอถูกกอดแบบนี้กลับรู้สึกดี อย่างน่าประหลาด

แต่ประโยคที่ว่า............กอดแบบเพื่อน............

กลับทำให้ว่าที่คุณหมอ ที่อยู่ในสภาวะจิตใจไม่ปกติ
ขมวดคิ้วมุ่น กัดริมฝีปากตัวเองจนขึ้นห้อเลือด ความรู้สึกหลังจากนั้น คือความหงุดหงิด โมโห

"รำคาญว่ะ...รำคาญจริง ๆ ด้วย...คราวหน้าอย่ามากอดข้าอีกนะ...ขยะแขยงชะมัด"

ปากพูด แต่ไม่ใช่ตามความคิด เพราะโมโห เพราะรู้สึกหัวเสียถึงได้พูดแบบนั้นออกไป
ทั้งที่รู้สึกว่าร่างกายตัวเองสั่นไหว และใบหน้าแดงซ่าน ด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่จู่ ๆ อาการเขิน ๆ อาย ๆ
ที่เป็น ๆ หาย ๆ เวลาได้อยู่ใกล้กันกลับกลายเป็นความรู้สึกแย่ ๆ ที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจ
"เออลืมไป...เอ็งคงไม่ชอบหรอกเนอะ...มาให้ข้ากอด ๆ หอม ๆ แบบนี้...ไม่ใช่ผู้หญิงนี่หว่า...ใช่ป่าว..."

ความรู้สึกไหววูบและเจ็บแปลบในอก ทำให้นายช่างสมชาย ต้องรีบหักห้ามความรู้สึกของตัวเอง ที่มันชักจะอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว
ยังไงซะ....แคนก็คงไม่ชอบให้คนสอบได้ที่โหล่อย่างเขา เข้ามาใกล้มากนักหรอก เดี๋ยวก็ไล่ เดี๋ยวก็บอกว่ารำคาญ

เขานี่มันยังไงนะ....เคยลั่นวาจาไปแล้วว่าจะไม่มาวุ่นวายตอแยด้วยอีก
สุดท้ายกลับทำไม่ได้ตามที่พูด...แล้วก็มาวุ่นวายให้แคนต้องรู้สึกแย่ ๆ ตลอดเวลาอีก

ทำดีให้ตาย...ถ้าไม่ได้ครอบครอง ก็แค่ขอดูอยู่ห่าง ๆ ก็ได้ แค่เห็นอีกฝ่ายมีความสุขก็พอแล้ว
นี่เขาจะทำร้ายตัวเองไปถึงไหนกัน ไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกปวดบ้างเลยหรือยังไง

"ไอ้กระชาย...ข้าเบื่อเอ็ง...ข้ารำคาญ...ข้าเบื่อมากด้วย....เมื่อไหร่เอ็งจะไปห่าง ๆ ข้าซะที"

ว่าที่คุณหมอที่เอาแต่ใจ และแสนเย่อหยิ่ง ครั้งหนึ่งเคยพูดประโยคนี้แล้วไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด
แต่วันนี้...ประโยคที่พูดกลับทำให้คุณหมอรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
มันรู้สึกแปลก รู้สึกแย่ รู้สึกไม่อยากพูด แต่ปากก็พูดออกไปแล้ว พูดแล้วก็คิดอยากจะตบปากตัวเอง
อยากกลับไปแก้ไขคำพูดที่พูดออกไป

"งั้นเหรอ....เออเนอะ...ข้ามันโง่ก็งี้แหละวะแคน...พวกบัวใต้น้ำ...ต้องให้พูดซ้ำพูดซาก ไล่กี่ครั้งก็ยังไม่เข้าใจ
หน้ามันหนา...หน้าด้านจริง ๆ เลยนะข้าเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่รู้จะทำยังไงจริง ๆ พูดอะไรไปก็ไม่เคยรู้เรื่องเลย
ไม่เคยสำนึกด้วยว่าเอ็งรำคาญข้าจะแย่แล้ว...ข้า....มันแย่จริง ๆ นั่นแหละแคน "

ร่างโปร่งบางยืนมองคนที่พูดจาว่าร้ายตัวเอง แล้วอยากจะร้องไห้ ใบหน้าคมนั้น หม่นหมองลง
อย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกแบบไหน สุดท้าย กลับนิ่งเงียบไปเฉย ๆ

นั่นยิ่งเพิ่มความรู้สึกผิดให้กับร่างโปร่งบางเข้าไปอีก

"กระชาย.....ข้า...อาบน้ำแป๊บเดียวได้มั้ย....ข้าอยากไปดูหนัง.....กับ...เอ็งนะ...วันนี้ข้าไม่รำคาญเอ็งก็ได้นะ"

แคนเดินไปหยิบผ้าขนหนู และหันมามองหน้าอีกคนที่ส่งยิ้มจืดชืดไร้ซึ่งความรู้สึกต่าง ๆ มาให้
"รอได้...นานแค่ไหนก็รอได้..."

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วงึมงำในลำคอ

ร่างโปร่งบางหยุดชะงักทันที หลังคำพูดนั้น

"สิบปีรอไหวมั้ย....ถ้าถึงสิบปี...จะรอไหวมั้ยวะกระชาย..."
แคนเอาผ้าขนหนูพาดไว้บนบ่ายืนเอียงคอมองคนที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง แล้วเอ่ยถาม

ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองร่างโปร่งบางที่จ้องหน้าเขาตาไม่กระพริบ จริงจังกว่าทุกครั้ง ไม่เหมือนปกติ
หรือว่า .... หรือว่าเขาจะคิดไปเอง

"รอมา 11 ปีแล้ว...รออีก 10 ปี คงไม่เป็นอะไรถึงรู้ว่าอาจจะต้องรอไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เป็นไร"

นายช่างสมชายจ้องกลับไปที่ดวงตากลมโต เป็นครั้งแรกที่เขาพูดบางสิ่งออกมา...ทั้งที่เคยเก็บมันไว้จนลึกสุดหัวใจ
เขาไม่รู้ว่าเป็นแค่มุกตลกของแคนหรือเปล่า แต่เขาก็พูดมันออกไปแล้ว แคนคงจะหัวเราะเยาะ แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขานักหรอก
แต่สิ่งที่เห็นหลังจากนั้นก็คือ

ใบหน้าขาวเนียน ถูกย้อมไปด้วยสีแดงสด ดวงตากลมโตหรุบลงต่ำ ก่อนที่เจ้าของร่างโปร่งบางจะหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป

"เออ....รอให้แน่...ถ้าไม่รอขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็....จะหาว่าข้าร้ายไม่ได้นะ..กระชาย"

แคนเดินเข้าไปอาบน้ำแล้ว ทิ้งให้นายช่างสมชาย นั่งนิ่ง ๆ คนเดียวในห้อง ด้วยหัวใจที่ร้าวราน แต่เพียงชั่วครู่
เมื่อทบทวนถึงคำพูดของแคน.....ถึงค่อยยิ้มออกมาได้...ถ้าเขาไม่โง่จนเกินไป..ถ้าเขาไม่ได้เข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว

เขาหัวไม่ค่อยดี...พูดอะไรครั้งเดียวก็จำไม่ค่อยได้...
ได้แต่ใช้ความรู้สึกที่มีต่อแคนเป็นที่ตั้ง บอกให้ตัวเองหนักแน่นเอาไว้ และไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะยึดมั่นกับการรอคอยเสมอ

"กระชาย....เอ็งต้องรอนะ.....ถ้าแอบหนีกลับไปก่อนไม่รอข้าอาบน้ำเสร็จล่ะก็....จะหาว่าข้าไม่เตือนไม่ได้นะเว้ย"

เสียงโวยวายที่ดังลั่นมาจากในห้องน้ำทำให้เขาต้องรีบตอบกลับ

"เออน่ะ...หมออะไร...ต้องให้พูดซ้ำพูดซาก..บอกว่ารอก็คือรอ...ไหนบอกว่าหัวดีไง...บอกครั้งเดียวจำไม่ได้แล้วเหรอ"

ร่างสูงอมยิ้ม และตะโกนบอกไป นั่นกลับยิ่งทำให้เสียงของว่าที่คุณหมอยิ่งโวยวาย พูดอะไรไปอีกตั้งมากมาย
แต่เขาจับใจความไม่ได้มากนักหรอก เพราะทั้งเสียงน้ำ และเสียงบ่น ดังก้องผสมปนเปกันไปหมด

แต่ว่า....คุณหมอเขาหัวดี

ถ้าอาบน้ำเสร็จแล้ว ให้พูดอีกที เขาก็คงทำได้
แต่จะดีมาก ถ้า.....วันหนึ่ง

แคนจะมาพูดกับเขาที่ข้างหู เบา ๆ ว่า

"รัก" ไอ้กระชายตัวดำที่เคยสอบได้ที่โหล่สมัย ม. ต้น และเอาแต่เฝ้าเพียรพยายามปีนขึ้นไปบนต้นมะม่วง
เพื่อเก็บผลมะม่วงมาให้คุณหมอเขา แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้ให้สักที จนโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว

ถ้าตอนนี้เปลี่ยนจากมะม่วง เป็นใจของเขา แคนจะอยากได้บ้างหรือเปล่านะ

TBC...
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 18-12-2008 08:33:37
จิ้มคนโพสซะเลย อิอิ :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 18-12-2008 08:54:21

94 + 1 = 95
ขอบคุณนะคะ คุณ kamui1972


ขอบคุณมากครับสำหรับคะแนนที่มาให้อย่างสม่ำเสมอ แบ่งไปให้ท่านอื่นบ้างก็ได้ครับ จะได้ทั่วถึง  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้แต้ม และหวังว่าจะสนุกกับการอ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 18-12-2008 09:16:31
 :impress2:นายช่างน่าร๊ากกกกกกกกกกก

นายช่างใจดี  นายช่างอดทน  นายช่างใจเย็น

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 18-12-2008 09:31:16
น่ารักจริงๆชอบอ่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Koa-ka ที่ 18-12-2008 09:44:13
สวัสดีครับ

สนุกดี เป็นกำลังใจให้ครับ

ขอบคุณและจะติดตามครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Kipper ที่ 18-12-2008 10:14:56
 o13คุณเท็นแต่งเรื่องได้สุดยอด
บรยายความรู้สึกของตัวละครได้เหมือนกะว่าคุณเท็นเป็นตัวละครตัวนั้นเองเลยอ่ะ นับถือจริง ๆ  


 :pig4: ครับ kamui1972
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 18-12-2008 10:52:59
อ่านเรื่องของคุณเทนเรื่องไหนก็โดนใจ มันจึกๆๆๆ
ขอบคุณคามุยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 18-12-2008 21:11:13
หมอแคนน่ารัก

เป็นกำลังใจให้คนลง
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 19-12-2008 01:09:20
ขยันอีกตามเคยนะครับคุณคามุย อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 19-12-2008 03:29:12
 :impress3:

ชอบนายช่างอะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-12-2008 04:11:48
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 16

“กินน้ำมั้ย......” นายช่างสมชายแทบจะเอามือปิดตา เพราะหนังผีที่ดู มันน่ากลัวเกินกว่าที่จะรับได้
แต่ว่าที่คุณหมอนั่งดูตาแป๋ว ไม่ได้หวั่นเกรงเลยสักนิด ว่าหนังที่ดูมันทั้งสยองทั้งน่ากลัวขนาดไหน แถมมีการหันหน้ามามองร่างสูงผิวคล้ำที่เอามือปิดตาและหันหน้าหนีไปอีกทาง ด้วยความกลัว

อันที่จริงเขาอยากตามใจแคน ด้วยการพามาดูหนัง ด้วยกัน แต่จำใจต้องดูหนังที่แคนเลือก ตอนแรกเขาแทบเป็นลมเมื่อเห็นฉากเปิดตัว ใครจะรู้ว่า นายช่างหนุ่ม เสียฟอร์มเป็นแต่ก็ต้องมานั่งอยู่ในโรงหนังเย็นเฉียบ บรรยากาศยิ่งน่ากลัวไปกันใหญ่

“เฮ้ยกระชาย....กินข้าวโพดมั้ย...เอ็งกลัวเหรอวะเนี่ย....ขำว่ะ”

เอาเลยนะ เอาเลย เยาะเย้ยเลย ถากถางกันให้พอเลยนะ กลัวแสนกลัวแต่ไม่รู้จะทำยังไง จำใจต้องทำหน้านิ่ง ๆ ทั้งที่เหงื่อออกจนเต็มหลัง แถมมือยังเย็นเฉียบอีกต่างหาก
ท่าทางลุกลี้ลุกลนกระสับกระส่ายนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอยู่ในสภาวะแบบไหน แม้แต่แคนก็สัมผัสได้

“กระชาย ..... เอ็งดูสิ....มันน่ากลัวตรงไหนกันวะ...เฮ้ย”

แคนกระซิบบอกคนที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นบางทีก็ยกมือขึ้นมาปิดตา

“อือ ไม่น่ากลัวหรอก...เอ็งดูไปเหอะแคน....ข้าไม่เป็นไร” แม้น้ำเสียงจะสั่น ๆ ไปบ้างแต่รอยยิ้มจืดชืด นั้น ก็ทำให้แคนอดเป็นห่วงไม่ได้

มือเล็ก ๆ เอื้อมมือมาแตะที่ฝ่ามือเย็นเฉียบที่เกร็งแน่นอยู่ ที่หัวเข่า แล้วก็ดึงมากุมไว้

“เย็นชะมัดเลย.....กลัวจริง ๆ เหรอวะ...ออกก็ได้นะ....ข้าไม่ดูก็ได้...”

เสียงกระซิบเบา ๆ เอ่ยบอกคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง และก็ได้คำตอบเป็นการปฎิเสธ ด้วยการส่ายหน้า
สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงดี

มือเล็ก ๆ นั้นเลยดึงคอของเพื่อนสมัยเรียน ม. ต้นที่สอบตกแล้วตกอีก ให้มาซบอยู่ที่ไหล่ของตัวเอง
และดึงมือของนายช่างสมชายมากุมไว้จนความเย็นคลายลงบ้าง ใบหน้าสวยหวานหันกลับไปดูที่หน้าจอที่มีเสียงระทึกขวัญสั่นประสาทเหมือนเดิม

“นอนหลับไปก็ได้วะ.....เดี๋ยวจบแล้วข้าจะปลุกนะ.....”
ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างสูงที่ซบอยู่ที่ไหล่

เหลือเชื่อจริง ๆ

มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่แคนมากุมมือเขา และมิหนำซ้ำยังให้เขาซบอยู่ตรงไหล่อีกต่างหาก

ความกลัวเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอีกอย่าง
เขาเริ่มได้รับความใส่ใจจากว่าที่คุณหมอแล้วหรือนี่

เรื่องที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝัน

ใบหน้าคม ระบายรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก ความรู้สึกเป็นสุข แค่เพียงเล็กน้อย ที่มาช่วยต่อเติมชีวิตของเขาให้สดชื่นขึ้นบ้าง

เขารู้

แคนไม่คิดอะไรกับเขาเลยสักนิด

เขารู้

ว่าสิ่งที่แคนทำให้เขานั้นก็เพียงเพื่อให้เขาสงบลงบ้าง และคงเพราะอยากจะดูหนังต่อให้จบ

แต่แค่ได้กุมมือเล็ก ๆ นี้เอาไว้
แค่ได้อิงซบที่ไหล่แค่เพียงนิดเดียว เขาก็เป็นสุขแล้ว

นายช่างสมชายหยุดความสนใจจากภาพที่แสนน่ากลัว แล้วหลับตาลง เขาจะเก็บความทรงจำดี ๆ นี้เอาไว้ ตลอดไป จะไม่มีวันลืมเลยสักนิด

ร่างสูงสงบนิ่งซบอยู่กับไหล่ของว่าที่คุณหมอไปแล้ว

เหลือเพียงแต่แคนที่ แอบลอบมองใบหน้าคมใกล้ ๆ และเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางด้วยความเขิน

ก็ไม่ยอมลวนลามเองนี่หว่า นั่งเอามือไปวางที่พนักก็ไม่ยอมจับ เอาแต่กลัวหนังที่ดูอยู่ได้
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ

ใจคอจะเอาแต่รอจนถึงสิบปีเลยหรือไง ตอนที่บอกว่ารอมา 11 ปีแล้วเขาถึงกับอึ้งไปเลย แล้วนี่ถ้าขืนจะให้ต่อไปนานขนาดนั้น เขาก็คงแก่กันพอดี

ท่ามกลางบรรยากาศหนังสยองขวัญน่ากลัว ที่มีเสียงกรีดร้องลั่นโรงหนัง

แต่ดูเหมือนว่าหนังผีที่ฉาย จะกลายเป็นหนังรักสำหรับทั้งว่าที่คุณหมอและนายช่างสมชายไปซะแล้ว

TBC…..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-12-2008 04:14:10
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 17

“แคนหลับหรือยัง....หลับหรือเปล่า”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง แล้วก็ลุกขึ้นนั่งในกลางดึก เขาเป็นบ้าหรือเปล่า ทั้งที่กลับไปนอนที่คอนโดก็สบายดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเอาผ้ามาปูนอนที่พื้นในหอพักนักศึกษาแพทย์ด้วย ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ

แต่แค่ได้เห็น ร่างในโปงผ้าห่ม ขดตัวหลับสบายอยู่บนเตียง เขาก็ดีใจแล้ว หลังจากดูหนังและกินข้าวกันแล้วก็กลับมาที่หอพัก นั่งกินสตอเบอรี่กับแคนสองคน แล้วก็เลยดึกจนได้ ตอนแรกว่าจะขับรถกลับเลย
เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปจังหวัดทางภาคอีสาน เพื่อเป็นที่ปรึกษาโครงการให้กับการซ่อมแซมเขื่อน

แต่วันนี้ อยากอยู่กับว่าที่คุณหมอให้นาน ๆ ดีใจที่ได้รับไออุ่น

ถึงแคนจะไม่คิดอะไรก็ตาม

ฝ่ามืออุ่น ๆ ทำท่าจะแตะไปที่แผ่นหลังของร่างที่หลับใหล และหันหลังให้ไม่สนใจนายช่างสมชายเลยสักนิด แล้วก็ต้องผละมือออก เมื่อคิดได้ว่า เขาไม่ควรทำแบบนี้ ก่อนจะลงไปนอนที่พื้นเหมือนเดิม แล้วก็ลืมตาโพลงอยู่ในความมืด

นอนจ้องแผ่นหลังเล็กบางนั้น พร้อมกับครุ่นคิดไปต่าง ๆ นา ๆ
เขามาไกลเกินกว่าจะกลับไปยืนอยู่จุดเดิม ที่ทำได้แค่ รอฟังข่าวคราวของร่างที่นอนหันหลังให้

วันหนึ่งไม่เคยคิดว่าจะ ได้อยู่ใกล้ชิด
ไม่เคยคิดว่าจะได้พูดคุยมากขนาดนี้

แต่ก็ได้คุย
ได้อยู่ใกล้ ๆ

ร่างสูงผิวคล้ำ ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก จะว่าดีใจ ก็ใช่ จะว่าเสียใจก็ไม่ถูก
มันแยกไม่ออกว่าความรู้สึกเป็นแบบนี้

กลัวว่าวันหนึ่ง จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่แล้ว ๆ มาไม่ได้อีก

ถ้าเกิดวันนั้นมาถึงจริง ๆ เขาจะทำใจได้อย่างไรกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไอ้กระชายบ้า
เอ็งจะให้ข้าทำยังไงกะเอ็งดีเนี่ย
เอื้อมมือมาแล้วก็ไม่แตะ ทำไมวะ ทำไมถึงได้ถอดใจขนาดนั้น เอ็งจะกลัวอะไรข้านักหนาวะ

ว่าที่คุณหมอ ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง แล้วก็ลงไปนอนต่อ หันหน้าไปมองร่างที่หลับใหล ในความมืดที่พอมองเห็นได้บ้าง

ก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ไปที่ร่างนั้น และเอื้อมมือลงไปสัมผัสที่ไรผมที่ปรกหน้าผากของร่างสูงนั้นเล่น

“กระชาย....กระชาย....นอนพื้นระวังผีหลอกนะ....ผีมาแล้ว...กาชายยยยยยยยย หึ หึ หึ ผีมาแล้ววววววววว”

เล่นเป็นเด็ก ๆ แล้วก็ได้ผล เมื่อร่างสูงนั้นสะดุ้งตื่นทันที และก็ได้ยินเสียงที่ว่าที่คุณหมอพูด

“หึ หึ หึ เอ็งรู้ม้าย กาชาย บนพื้นห้องมันมีตำนาน....ระวังน๊า...ผีจะมาหลอกเอ็ง หึ หึ หึ กาชายยยยยยผีมาแล้ว หึ หึ หึ กลัวม้ายยยยยยยยยยย”

ไม่น่าเชื่อว่าแคนจะเป็นคนแบบนี้ อาการกลัวผีกำเริบหนัก ร่างสูงนั้นผุดลุกขึ้นนั่ง และดึงแขนของคนที่แกล้งหลอกผีเอาไว้

“แกล้งจริงนะ...ก็รู้ว่ากลัวผี....ทำไมขยันหาเรื่องแกล้ง....ถือว่าเป็นหมอจะแกล้งยังไงก็ได้นะ....”

ถึงจะกลัว แต่นายช่างสมชาย กลับหยอกล้อว่าที่คุณหมอด้วย การดึงแขนเอาไว้ และตีที่มือให้ซะหนึ่งครั้ง

“โอ้ยยยยยยยยย ข้าเจ็บนะ....เอ็งทำบ้าอะไรวะ...เจ็บนะโว้ยยยยยยยยย นอนไปเลยไป๊....ข้าเบื่อเอ็งแล้วไอ้กระชาย”

และเมื่อว่าที่คุณหมอช่างแกล้งงอน ก็หันหลังกลับไปนอน ที่เดิมและทำเหมือนโกรธกันจริง ๆ

นายช่างสมชายลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ของร่างที่นอนหันหลังให้

“นอนพื้นไปเลย....ข้าเบื่อเอ็งแล้ว...เอ็งชอบตีข้า...ข้าเจ็บมือจะตายอยู่แล้ว แต่เอ็งก็ยังตี....ระวังผีจะมาหลอกเอ็ง..ไปเลยไป๊”

น้ำเสียงงอน ๆ เอ่ยบอกแล้วก็ถอยหนีออกห่าง คนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ

“ผีน่ะกลัวนะ....แต่ตอนนี้ชักอยากเป็นผีซะแล้ว”

แคนหันขวับมามองคนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ บอกให้รู้ว่าไม่เข้าใจคำพูดนั้นเลยสักนิด
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือของตัวเองที่โดนตีเมื่อสักครู่ ถูกดึงขึ้นจรดที่ริมฝีปาก คนข้าง ๆ พร้อมทั้งยกขึ้นเป่าให้

“เพี้ยง ๆ หายแล้วนะ..หายเจ็บแล้ว....หมอรักษาโรค ทำไมไม่รู้จักรักษาตัวเองนะ...ขอโทษนะโกรธจริง ๆ หรือเปล่า”

ใบหน้าเนียนขาว ช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เป่ามือให้ อย่างไม่เข้าใจ ไอ้กระชายมันทำอะไร เป่าแล้วจะหายได้ยังไงเป็นบ้าหรือเปล่า

“มองหน้าอีกนะ.....เดี๋ยวก็แปลงร่างเป็นผีจริง ๆ หรอก.....ข้าน่ะกลัวผีนะ....แต่มีผีอยู่อย่างเดียวตอนนี้ที่ข้าชักอยากเป็น แล้วก็เป็นเอ็งนั่นแหละ แคน...ที่ต้องกลัวผี....รู้มั้ย”

ท่าทางจริงจัง และน้ำเสียงสงบนิ่งไม่มีการหยอกล้อยิ่งเพิ่มความไม่เข้าใจให้ว่าที่คุณหมอมากขึ้น

“ข้าไม่กลัวหรอก...เอ็งสิกลัว....เหอะ...ข้าเป็นหมอไม่มีทางกลัวผีหรอก....จะเล่นผีอะไรข้าก็ไม่กลัวหรอก....เหอะ
เอ็งดิกลัว....ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

แคนหัวเราะลั่นอย่างสะใจ ก่อนจะต้องหน้าซีดเผือด....และล้มตัวลงนอนทันที เมื่อจู่ ๆ ผ้าห่มก็ถูกสะบัดและคลุมร่างเอาไว้

พร้อมกับร่างสูงผิวคล้ำแดด ที่ทาบทับร่างกายลงมาอย่างรวดเร็ว

“งั้นเล่นผีผ้าห่มกันดีมั้ย.....คราวนี้เอ็งจะกลัวมั้ยแคน”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามร่างเล็กเบื้องล่าง ที่ดิ้นรนขัดขืน และตะโกนร้องเสียงดัง

“ไอ้กระชาย....กลัวแล้ว....ข้ากลัวแล้ว...ไม่เอาแล้ว อือ...”

ร่างโปร่งบางร้องเสียงดังก่อนจะสงบนิ่งลง เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ริมฝีปากอุ่นร้อน ๆ ที่ทาบทับลงมาหาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ผีผ้าห่ม............น่ากลัว.

กลัวแล้ว
กลัวแล้ว
ต่อไปไม่กล้าล้อเล่นอีกแล้วจริง ๆ

TBC…..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-12-2008 04:15:53
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 18

ไม่รู้ว่าการจูบจะทำให้คนเราหัวปั่น และทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า ร่างกายลอยละล่องไปไกลแสนไกล
ครั้งก่อนนั้น ก็แค่เหตุบังเอิญ แต่ครั้งนี้ การถ่ายทอดความรู้สึก อบอุ่น อ่อนโยน มาให้กลับค่อย ๆ
แทรกซึมเข้ามาภายในหัวใจอย่างช้า ๆ พร้อมกับการกดแนบริมฝีปากลงมาของร่างสูง ที่ค่อย ๆ ระเรื่อยแผ่ว ๆ กับริมฝีปากบางนั้น อย่างอ่อนโยนไม่จาบจ้วงเอาแต่ใจเลยสักนิด ยิ่งทำให้หัวใจของร่างบางเต้นรัว จนแทบจะหลุดออกมาจากอก แต่ก็รับรู้ถึงความนุ่มนวลแผ่วเบาที่ทำเหมือนกับว่าเป็นการปลอบขวัญไม่ให้ รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในที จนทำให้ร่างกายที่คิดจะดิ้นรนขัดขืนเคลิบเคลิ้มตาม เมื่อปล่อยใจให้สัมผัสไปกับความรู้สึกแสนหวานนั้น

ปลายนิ้วเรียวอุ่นร้อน สอดนิ้วเข้าหาฝ่ามือเล็ก ๆ เย็นชื้น ก่อนที่ใบหน้าจะผละจากรมฝีปากนุ่มและจะยกให้มือเล็ก ๆ นั้นแตะที่ปลายจมูก เพื่อประทับความรู้สึกลงไปให้

ดวงตากลมโตภายใต้ความมืดมิด....หรี่ปรือขึ้น และได้เห็นใบหน้าของคนที่เล่นบทผีและกลั่นแกล้งให้เขาต้องโมโห....ทอดมองลง มาอย่างหวานซึ้ง
แม้จะมืด แต่แสงสว่างภายนอกก็สว่างพอที่จะทำให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้

ทั้งมือเล็ก ๆ ของว่าที่คุณหมอและ มือของคนที่แตะต้อง
ถูกยกขึ้นทาบไว้แนบอกของนายช่างสมชาย ก่อนที่ฝ่ามืออุ่น ๆ อีกข้างจะเกลี่ยเส้นผมนิ่ม ชื้นเหงื่อที่หล่นลงมาปรกใบหน้าสวยหวานออกจากหน้าผากมน และไล้ปลายนิ้วไปตามสันจมูกเล็ก ๆ เชิดรั้นนั้นอย่างหลงใหล

ไม่มีคำพูดคำใดส่งผ่านจากรมฝีปากของทั้งคู่สักคำ นอกจากสายตา ที่ส่งผ่านความรู้สึกถึงกัน

“กลัวหรือเปล่า....บอกแล้วว่าผีผ้าห่มดุมาก...คราวนี้แคนจะเชื่อหรือยัง...”

คำขู่ พร้อมเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ ทำให้ว่าที่คุณหมอต้องหันหน้าหนีด้วยความอาย
เพราะไม่คิดว่าจะถูกรุกไล่เร็วขนาดนี้

“ขอนอนบนเตียงด้วยคนได้มั้ย...นอนข้างล่างแล้วกลัวผีจังเลย....สัญญานะว่าจะไม่ทำอะไรให้แคนไม่ชอบ....
คนสอบได้ที่โหล่ของห้องไม่กล้าทำอะไรไม่ดีกับคนที่สอบได้ที่หนึ่งหรอกนะ....ได้มั้ยแคน.”

คำพูดของร่างสูงที่ยังไม่เลิกจับจ้องใบหน้าของว่าที่คุณหมอ ยิ่งทำให้ร่างโปร่งบางอยากจะแทรกแผ่นดินหนีหน้าด้วยความอาย ดึงมือออกจากมือของอุ่น ๆ นั้นแล้วก็หันหลังให้เหมือนเป็นคำอนุญาตอยู่ในที

อากาศเย็น ในยามดึก ค่อยอบอุ่นขึ้นเมื่อร่างกายอุ่นร้อนของร่างเบื้องหลัง แนบชิดกับร่างโปร่งบางนั้นมากขึ้น
เรียวแขนแกร่ง โอบรัดเอวบางไว้แน่น ก่อนจะก้มลงประทับริมฝีปากที่ข้างแก้มเนียนใสนั้นอย่างอดใจไม่อยู่

น่าแปลกที่ครั้งนี้...ว่าที่คุณหมอเพียงแต่นอนนิ่ง ๆ ไม่ดิ้นรนขัดขืน หรือว่ากล่าวอะไรให้อีกฝ่ายต้องขุ่นใจ นอกจากความเงียบแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด

ฝ่ามืออุ่น ๆ ลูบไล้ไปที่เส้นผมนิ่ม อย่างทะนุถนอม

อดจะแปลกใจตัวเองไม่ได้ ที่จู่ ๆ ทำไมถึงได้กล้าทำอะไรมากมายขนาดนี้ แต่ที่ยิ่งแปลกใจกว่าก็คือแคน
ทำไมถึงไม่โกรธเขาเลยสักนิด แถมซ้ำยังให้เขาแตะต้องได้ง่าย ๆ
น่าแปลกที่แคนเกิดใจดีขึ้นมา ตั้งแต่ดูหนังที่โรงหนังแล้ว
ถ้าเป็นเวลาปกติคงได้โดนด่า และแคนคงพูดจาเหยียดหยามน้ำใจเขา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้
และแคนก็ไม่ได้ทำท่ารังเกียจเลยสักนิด

จะบอกว่า .... ผลของการรอคอยมา 11 ปี เพิ่งสัมฤทธิ์ผลหรือเปล่านะ อันนี้เขาก็ไม่แน่ใจ

ร่างสูงทอดกายลงนอนเคียงข้างร่างโปร่ง บาง ที่กอดกระชับเอาไว้ในอ้อมแขน กุมมือเล็ก ๆ นั้นเอาไว้อย่างทะนุถนอมพร้อมกับหลับตาลงอย่างเป็นสุขที่สุดในชีวิต

นี่เขากำลังฝันหรือเปล่านะ เพราะเมื่อขยับพลิกกายและค่อย ๆ ดึงร่างเล็ก ๆ ที่นอนหันหลังให้เขาอยู่นั้น
ให้หันหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา แคนก็ไม่ขัดขืนเลยสักนิด แถมซ้ำยังนอนซุกอยู่กับอกของเขาอย่างเงียบ ๆ ซะอีก หรือว่านี่จะเป็นฝันจริง ๆ ถ้าใช่มันคงเป็นฝันที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาเลยทีเดียว

“พรุ่งนี้จะไปหลายวันเลย....กว่าจะได้กลับมาเห็นหน้าก็คงเป็นกลางเดือนถัดไป.....ถ้าไปแล้ว....คนที่เรากอดอยู่นี่
จะคิดถึงเราสักนิดหรือเปล่านะ.....”

คำถามลอย ๆ ขอความมั่นใจในตัวเองสักนิด แม้ไม่ได้คาดหวังไว้สูง แต่ถ้าเป็นอย่างที่ใจคิด ก็คงจะดีไม่น้อย

เรียวแขนเล็กบาง ที่แนบอยู่ข้างตัว ยกขึ้นและวางพาดไว้ที่แผ่นอกกว้าง และหลับตาลงอย่างช้า ๆ พร้อมรอยยิ้มเจือจาง

“นอนเถอะ......ไหนว่าต้องออกแต่เช้า......ถ้ามัวพูดพล่ามอยู่แบบนี้คง ได้ตื่นสายแน่ ๆ แล้วใครจะปลุกข้าไปเรียนล่ะแบบนี้ข้ายิ่งนอนไม่ค่อยอยากจะตื่นอยู่”

คำตอบไม่ได้ตรงคำถามเลยด้วยซ้ำ เป็นอย่างที่นายช่างสมชายคิดไว้จริง ๆ
คำว่าคิดถึงคงยังอีกยาวไกล แค่ตอนนี้ยอมให้แตะต้องกอดจูบบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
ก็เหนือกว่าที่คาดหวังเอาไว้มากโขแล้ว ดวงตาคมหรี่ปรือลงพร้อมกับที่กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
เอาเถอะนะ ได้แค่นี้ แค่ไม่รังเกียจกันสักนิด ก็เกินจะพอแล้ว
อย่างน้อย กลางเดือนหน้าไม่รู้ว่าแคนจะอารมณ์ดี อยู่นิ่ง ๆ ให้เขากอดแบบนี้หรือเปล่า แถมซ้ำยังอารมณ์ดีขนาดหนัก ให้เขาหอมแก้มโดยไม่ด่าว่าให้เสียใจอีก แบบนี้ต่อให้ต้องไปทำงานที่ไหนไกล ๆ และแม้ว่างานจะหนักหนาแค่ไหนก็ทำให้มีกำลังใจไปทำงานได้แล้ว

“ถ้าไม่รีบกลับ....ข้าคงคิดถึง..........................เอ็งมากเลยนะ.....”

กว่าจะบอกว่าคำว่าคิดถึง ว่าที่คุณหมอก็ลากเสียงซะยาว
เป็นครั้งแรกที่พูดอะไรแบบนี้ เลยไม่แน่ใจว่า ถ้าพูดแบบนี้จะดีหรือเปล่า

ร่างโปร่งบาง หุบปากเงียบเสียง รอฟังคำพูดต่อมา
แต่รอเป็นนานก็ไม่มีเสียงตอบ

“หลับแล้วสินะ..........อุตส่าห์พูด...ดันมาหลับซะนี่
งั้นคราวหน้าก็ฝันไปเหอะว่าจะพูดอีกครั้งให้ได้ยิน....นอนหลับมันซะอย่างนี้เลยแหละ”

เพราะไอ้กระชายตัวอุ่น
ยิ่งกอดยิ่งอบอุ่น
และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะติดอกติดใจความหวานในรสจูบของคนที่กอดเอาไว้มากขนาดนี้
ดวงตากลมโตหรี่ปรือลง พร้อมกับซุกหน้าเข้ากับไหล่กว้างให้แนบชิดขึ้น
ก็จะไปซะนาน ขืน ไม่กอดแน่น ๆ คงคิดถึงตายกันพอดี ไปทีไปซะนาน ไปจนแทบจะลืมกันไปเลย
ร่างเล็กบ่นงึมงำกับตัวเองเสียงเบา
และเริ่มเข้าสู่ภวังค์

ไม่ได้รับรู้เลย ว่าคนที่คิดว่าหลับ ปรือตาตื่นขึ้น และรับฟังทุกคำพูดเอาไว้หมด
แต่ไม่กล้าตอบ
เพราะดีใจจนคิดคำพูดไม่ทัน ได้แต่นอนนิ่งด้วยความปลื้มใจ

กระชายเป็นแค่คนที่สอบได้ที่โหล่ของห้อง จะคิดเร็วพูดเร็ว ปุบปับ เหมือนคนสอบได้ที่หนึ่งได้ยังไง
เขาก็คงทำได้แต่นอนยิ้มอย่างมีความสุขเงียบ ๆ คนเดียวทั้งคืนแค่นั้นเอง

TBC….
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 19-12-2008 06:27:43
 :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 19-12-2008 08:13:49
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ


น่าร้ากไม่ไหวแล้ว

ไม่ต้องรอแล้วมั้ยนายช่าง  นานเกิ้นนนนน
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 19-12-2008 09:59:39
น่ารักจริงๆๆๆ ชอบบบบบบบบบบบบ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Koa-ka ที่ 19-12-2008 10:38:47
สวัสดีครับ

โอ้ .... นอนกอดกันแล้วววว :z1: ผีผ้าห่มน่ากลัวๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณและจะติดตามครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 19-12-2008 11:02:41
น่ารักอ่ะ น่ารักสุดๆเลย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Kipper ที่ 19-12-2008 15:12:38
 :o8: ตอนนี้หวานสุด ๆ

 :pig4:ครับ kamui1972 และ ขอบคุณคุณเท็น ด้วย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 19-12-2008 16:25:01
กิสสสสสสสสสสสสส...  :-[
คุณหมอน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก...

อมยิ้มมีความสุขไปกับนายช่างด้วย...
คุณหมอนี่น่าจับกดจริงๆ..
 :man1:


ขอบคุณคามุยค่ะ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-12-2008 16:35:14
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา19

ไม่รู้ว่าตอนที่มาส่งไอ้กระชายที่หน้าหอ ว่าที่คุณหมอทำหน้ายังไง

รู้แต่ว่าเหงา

เหงามาก ไม่อยากให้ไป ตอนที่ไอ้กระชายมันก้าวขึ้นรถ ทำไมถึงได้อยากร้องไห้อย่างนี้นะ
ก็เมื่อคืนยังให้ความอบอุ่นกันอยู่เลย แต่ตอนนี้ จะจากไปตั้งหลายวัน เหงาตายแน่ ๆ เลยแบบนี้

แคนนั่งอ่านหนังสือที่ต้องเตรียมสอบในสัปดาห์หน้าแล้วก็ถอนใจยาว ผ่านไปหลายวันแล้ว
ไม่เคยมีโทรศัพท์จากไอ้กระชายตัวดำที่จะคิดโทรหากันเลยสักครั้ง

เป็นแบบนี้มานานแล้ว ถ้าหากว่ากระชายกลับมา ก็จะโทรมาบอกเอง ว่าเอาอะไรมาฝากบ้าง
แต่ตอนนี้ ผ่านมากี่วันแล้วนะ

ปฏิทินตั้งโต๊ะ ถูกขีดเมื่อหมดหนึ่งวัน พร้อมกับที่ว่าที่คุณหมอเร่งคืนเร่งวันให้ได้กากบาทลงไปที่ตารางระบุวันที่ นั้นออก เพื่อจะได้ให้ถึงวันที่นัดหมายเร็ว ๆ

แคนก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเรียนอย่างเหงา ๆ และเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 1 ทุ่มตรงแล้ว
ร่างนั้นก้มหน้าก้มตาลงอ่านหนังสือ ทำใจให้สงบให้มีสมาธิ แต่สุดท้ายเหมือนไม่ทันรู้สึกตัว

เพราะพบว่า เมื่อเปิดอ่านหน้าถัดไปหนังสือที่อ่าน มีหยดน้ำหยดลงมาจนเปียกชื้นไปหมดทั้งหน้ากระดาษ
ก่อนจะค่อย ๆ หยดซ้ำลงมาอีกหลายหยด
จนเมื่อยกมือขึ้นแตะที่ใบหน้าถึงรู้ว่าเป็นน้ำตาของตัวเอง

หยาดน้ำใสหลั่งรินเหมือนสุดจะกลั้นได้ต่อ คราวนี้คุณหมอถึงกลับกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่

นั่งสะอื้นไห้จนตัวโยนเงียบ ๆ คนเดียว

ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นดูและค้นหาชื่อของคนที่เคยโทรเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
แค่ชื่อและวันเวลาที่โทรมา

กลับเป็นเหมือนตัวแทนของความรู้สึก

หัวใจของว่าที่คุณหมอลอยละล่องติดตามไปกับคนที่เดินทางไปทำงานในที่ทุรกันดาร ที่เหลืออยู่ก็แค่ร่างกายเท่านั้น

"กระชาย..เอ็งจะไปอีกนานมั้ย..เมื่อไหร่จะกลับมาสักที...ข้าเหงาจะตายอยู่แล้วนะ"

ความเหงาที่เกาะกินอยู่ภายในใจ บั่นทอนกำลังใจของแคนมากที่สุด....สุดท้ายมือหยุดไม่อยู่
เป็นครั้งแรกที่กดโทรหาคนที่สอบได้ที่โหล่ของห้องสมัยเรียน ม. ต้น

ปลายสายถูกรับ โดยมีเสียงของคนที่คิดถึงกรอกเสียงมาตามสาย

"แคนเหรอ...เป็นอะไรหรือเปล่า"

น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนที่แสนจะคิดถึง

ในที่สุดก็ได้ฟังแล้ว แค่ได้ยินเสียงก็เหมือนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มือเล็ก ๆ ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่น
ปรับลมหายใจให้เข้าที่ก่อนจะกรอกเสียงลงไป

"ไม่มีไรว่ะ...ข้าแค่ลองโทรศัพท์..แค่นี้นะ"

ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ก็คราวก่อนบอกว่าคิดถึงแต่ไอ้กระชายดันมาหลับซะได้
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ จะให้บอกว่าคิดถึงอีก ไอ้กระชายตัวดำคงหัวเราะจนฟันหักแน่ ๆ มือเล็ก ๆ กดวางสายไป
และนั่งมองโทรศัพท์ในมือ

แคนเหรอ..เป็นอะไรหรือเปล่า

เสียงที่จดจำได้ไม่มีวันลืมยังดังก้องไปก้องมาอยู่ในหัว ซ้ำ ๆ เหมือนกับเทปเพลง ที่กรอซ้ำ ๆ

นาฬิกาบอกเวลา 1 ทุ่ม 5 นาที พร้อมกับที่น้ำตาของว่าที่คุณหมอไม่ยอมหยุดไหล
ทำได้แค่เพียง ใช้หลังมือปาดซ้ำ ๆ และสุดท้าย จำใจต้องเดินลงไปล้มตัวลงนอนบนเตียง

ปิดเปลือกตาลงอย่างช้า ๆ
พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้

"ข้าคิดถึงเอ็งจะตายอยู่แล้วกระชาย.....เอ็งอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่เอ็งจะกลับมาซะที"

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไฟกลางห้องยังสว่างโร่ พร้อมกับที่แคนต้องลุกขึ้นขยี้ตาตัวเองซ้ำ ๆ

กี่โมงแล้วนะ

ตีสามเหรอ

นี่ตีสามแล้วเหรอ....ทำไมเวลาผ่านไปเร็วแบบนี้

ก็ดีแล้ว จะได้เจอกับไอ้กระชายเร็ว ๆ

ร่างโปร่งบางสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเดินไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ

เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังลั่นในยามดึก

พร้อมกับที่เมื่อมองเห็นชื่อที่โทรเข้ามาคือใคร...ก็ทำให้แคนยิ่งร้องไห้มากกว่าเก่า

ตัดสินใจที่จะไม่รับโทรศัพท์และปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไว้อย่างนั้น

เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง

พร้อมกับที่แคนทรุดนั่งลงกับพื้น หยดน้ำตามากมาย หลั่งรินไหล รดอาบหน้า

"เอ็งจะโทรมาทำไมวะไอ้กระชาย..อยากเห็นข้าร้องไห้มากนักหรือไง..."

เสียงโทรศัพท์หยุดดังไปแล้ว พร้อมกับที่เมื่อแคนกดดูเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้วร้องไห้ไม่หยุด

เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่แค่มองเบอร์โทรศัพท์แล้วก็เอาแต่ร้องไห้แบบนี้

โทรศัพท์ถูกยกขึ้นแนบอยู่ข้างแก้มเนียนใส พร้อมกับที่ความเหงาถาโถมเข้ามาในจิตใจเหมือนคลื่นลมรุนแรงที่ซัดกระหน่ำ

อยากจะร้องไห้ให้พอ

อยากจะเห็นหน้า

อยากจะกอด

อยากได้รับความอบอุ่น ทำไมถึงได้ปล่อยให้เหงาขนาดนี้ ไอ้กระชายบ้า ข้าเกลียดเอ็ง ข้าเกลียดเอ็งจริง ๆ

เรื่อนร่างโปร่งบาง เดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง พร้อมกับที่ประตูห้องถูกเคาะซ้ำ ๆ ในยามดึก

จะมีใครได้ ถ้าไม่ใช่พวกรุ่นน้องที่เดินมาขอน้ำร้อนเพื่อต้มน้ำชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเมื่ออ่านหนังสือดึก ๆ แบบนี้แล้วเกิดหิวขั้นมา

มือเล็ก ๆ ปาดหยดน้ำตาออกจากใบหน้าและค่อยเปิดประตูให้คนที่มาเคาะห้อง เดินเข้ามาได้

"คิดถึงจะตายอยู่แล้วแคน...ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์เลย...คิดถึงจะตายแล้วรู้มั้ย...รู้บ้างมั้ยว่าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว"

ร่างสูงที่โผเข้ามากอดรัดเอาไว้แน่น ทำให้คุณหมอถึงกับยืนนิ่งค้าง ทำอะไรไม่ถูก

"กระชาย....เอ็งเป็นบ้า...ข้าเกลียดเอ็ง...เอ็งปล่อยให้ข้าร้องไห้...ข้ารำคาญเอ็งแล้ว"

เรียวแขนเล็กบางยกขึ้นโอบรัดร่างที่แสนคิดถึงนั้น ไม่เคยกอดใครแน่นขนาดนี้ ไม่เคยเลยจริง ๆ

ไม่เคยคิดว่าจะคิดถึงใครจนร้องไห้ ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างนี้ได้
หยดน้ำตาที่หยุดรินไหล
หลั่งทะลักออกมามากมายอีกครั้ง

เรื่อนร่างโปร่งบางสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้น ซุกแนบแน่นอยู่กับแผ่นอกกว้างอบอุ่น

ความคิดถึง

ทำไมถึงมีอานุภาพรุนแรงขนาดนี้

ถึงขนาด ทำให้คน ๆ หนึ่งลืมทุก ๆ สิ่ง ถึงขนาดทำให้จิตใจที่เคยสงบนิ่ง ต้องสั่นไหว

ความคิดถึง........และความเหงา

ช่างทำร้ายใจคนให้รู้สึกทุรนทุราย
จนแทบจะไม่สามารถก้าวเดินหรือทำอะไรอย่างที่คิดได้จริง ๆ


TBC....
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-12-2008 16:36:41
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 20

"ออกมาตอน 1 ทุ่มล่ะ..ไม่นึกว่าจะมาถึงดึกป่านนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็ต้องตีรถกลับอีก..รบกวนหรือเปล่าเนี่ย
แต่มันทนไม่ไหวจริง ๆ น่ะ เห็นแคนโทรเข้ามาแล้วเสียงก็แปลก ๆ ด้วย ไม่รู้ว่าแคนเป็นอะไรหรือปล่า"

ร่างโปร่งบางก้มมองชุดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ ที่คนที่มาหาในเวลาตีสาม สวมใส่มา
ขับรถมาจาก ขอนแก่น ความเร็วเท่าไหร่กันนะ ถึงมาถึงได้ตอนตี 3 แล้วแถมซ้ำพรุ่งนี้ยังต้องกลับแต่เช้าอีก
จะบ้าไปถึงไหน ไอ้กระชาย ทำไมมันถึงทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้กันนะ

ใบหน้าเนียนใส เกลี่ยหยดน้ำตาออกจาdใบหน้าจนหมด ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตา และชงโอวัลตินอุ่น ๆ มาให้กับคนที่นั่งอยู่บนเตียง
ร่างสูงนั้นรับมาดื่มก่อนจะวางแก้วลงที่ข้างเตียง
นี่คือน้ำใจของแคนสินะ ลุกขึ้นมารับเขาตอนเกือบเช้าแบบนี้
แถมซ้ำยังชงอะไรอุ่น ๆ ให้เขาดื่มอีก

ร่างโปร่งบางถูกดึงให้นั่งลงข้าง ๆ และฝ่ามืออุ่น ๆ ก็เกลี่ยไล้ไปทั่วใบหน้าของเจ้าของใบหน้าเนียนใสที่ต้องทนคิดถึง ทุกคืนวันอย่างแสนรัก

"เป็นอะไรมากมั้ย...มากวนหรือเปล่า..แต่คิดถึงจริง ๆ ถ้าขืนรอต่อไป..อีกนานกว่าจะได้มาเห็นหน้า..ทำยังไงดีนะ...วัน ๆ เอาแต่คิดถึงหน้าแคนตลอดเลย
แคนคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า..."

ใบหน้าคม ส่งยิ้มสดใสมาให้ ก่อนจะรีบ ดึงมือกลับ เมื่อสำนึกได้ว่า มือของตัวเองหยาบกร้านขนาดนี้ แถมยังไปแตะต้องใบหน้าเนียนใสนั้นอีก
แคนทำหน้าเหมือนไม่พอใจยังไงยังงั้น มือของเขามันหยาบกร้านจริง ๆ สินะ

"ขอโทษทีที่แตะตัวเอาตามใจชอบ...มือก็หยาบแบบนี้...ข้ายังจะไปจับแก้มเอ็งให้เอ็งเจ็บอีกนะ...."

แม้จะคิดถึงมาก แต่ร่างสูงผิวคล้ำแดดนั้นก็สำนึกตัวเองได้ ว่าไม่คู่ควรเลยสักนิด ไม่น่าแตะ ไม่น่าถือวิสาสะเข้ามาในยามวิกาล ไม่น่าทำอะไรตามใจตัวเอง
จนทำให้แคนต้องลำบากลุกขึ้นมารับเขาในเวลาเกือบเช้าแบบนี้
ว่าที่คุณหมอเขาคงกำลังอ่านหนังสืออยู่ และก็คงเป็นการรบกวนมาก ๆ ...
เขานี่มันแย่จริง ๆ เลยนะทำอะไรตามแต่ใจตัวเองไม่เคยคิดถึงคนรอบข้างบ้างเลย แต่ทำยังไงได้ ก็มันคิดถึง คิดถึงจริง ๆ

แค่มาเห็นหน้าแค่นี้ ก็ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ แต่ไม่รู้ว่าแคนจะคิดเหมือนกันสักนิดบ้างหรือเปล่า

"เอ็งไม่นึกถึงข้าเลยใช่มั้ยกระชาย.....ข้าร้องไห้เอ็งก็ไม่สนใจข้าใช่มั้ย....เอ็งแย่มากเลย...ข้าเบื่อเอ็งจริง ๆ
ทำไมวะมือหยาบแล้วเป็นไง...มือข้ามันก็ไม่ได้นิ่มนวลอะไรนักนี่ จะบอกว่าข้าสำออย ทำนั่นทำนี่ไม่เป็นหรือไงกัน"

ฝ่ามือนุ่มนิ่ม แตะสัมผัสและลูบไล้ไปมาที่มือหยาบกร้าน ก่อนจะยกขึ้นแตะที่แก้มของตัวเอง และหลับตาลงอย่างช้า ๆ

"อุ่นนะ...ข้าชอบที่เอ็งอุ่น...แต่ขับรถมาดึก ๆ แบบนี้ข้าไม่ชอบเลย...มันอันตราย..แค่โทรมาก็ได้นี่..ทำไมต้องมาหาด้วยล่ะ
แถมพรุ่งนี้ยังต้องขับกลับอีก....เอ็งรีบนอนเลย...นอนเดี๋ยวนี้เลยนะ...เอ็งมันสอบได้ที่โหล่..หัดคำนวณซะบ้างสิว่ามันเสียเวลามาก...
จะให้ข้าต้องพูดต้องบอกหรือไงกันวะ"

แม้เสียงจะบ่นงึมงำ...แต่ร่างโปร่งบางก็กดให้ร่างสูงผิวคล้ำแดดนอนลง และดึงผ้าห่มมาคลุมให้
ก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟ และเดินมาล้มตัวลงข้าง ๆ
ฝ่ามือเล็ก ๆ ลูบไล้เส้นผมของร่างที่เหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง อย่างแสนคิดถึง

มาแค่นิดเดียวเอง

เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว

แค่คิดก็เหงาขึ้นมา

ทำไมต้องอยู่ห่างกันอย่างนี้ตลอดด้วยนะ

"เดี๋ยวแคนสอบเสร็จ...จะมารับกลับบ้านนะ....อยากพาไปดูดาวที่กระท่อม...กลางคืนดาวที่บ้านเราสวยมากเลยรู้มั้ย....
แล้วก็จะพาไปเก็บชมพู่กับขนุนที่ท้ายไร่ด้วย....อีกอย่างนะ..แตงโมก็คงกินได้แล้วล่ะป่านนี้..."

ความง่วงงุนเข้าครอบคลุม ร่างสูงผิวคล้ำแดดพูดเสียงงึมงำ ก่อนจะค่อยหรี่ตาหลับลง ทั้งที่พยายามจะคุยให้สมกับที่คิดถึง
แต่ความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทางก็มีมากกว่า เมื่อล้มตัวลงนอนก็เผลอหลับจนได้

ร่างโปร่งบางดึงศรีษะของคนที่หลับใหลให้แนบอยู่กับอก ลูบไล้เส้นผมที่ปรกหน้าของอีกฝ่ายไปมา

"ไปดูดาวกันนะ....ถ้ากลับไปบ้าน...แล้วเอ็งอย่าลืมสัญญาที่จะพาข้าไปดูดาวนะ"

ใบหน้าสวยหวานส่งยิ้มอย่างหงอยเหงา
แค่ไม่กี่ชั่วโมงอยากโอบกอดเอาไว้ ให้หายคิดถึง

แค่ให้มันบรรเทาบ้าง

แค่ให้ความเหงามันเจือจาง

ทำไมถึงได้รักไอ้กระชายตัวดำสอบได้ที่โหล่ได้นะ.....
แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยคิด

ใบหน้าสวยหวานหัวเราะเสียงเบา อย่างนึกขันตัวเอง

ก็เพราะว่า.........รักล่ะมั้ง.....
เรื่องรักที่ไม่มีในตำราเรียน

อาการมันแก้ยาก....สงสัยต้องให้ไอ้กระชายช่วยรักษาคนเดียวแล้วล่ะแบบนี้

TBC....
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-12-2008 16:37:52
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 21

"กาชายยยยยยยยข้าอยากกินแตงโมนะ อยากกินจริง ๆ เอ็งต้องพาไปนะวันเสาร์ต้องมารับจริง ๆ นะเว้ย"

เสียงของว่าที่คุณหมอลากยาว ในขณะที่มือกำลังใช้ปากกาขีดในส่วนสำคัญของข้อความในหนังสือ
ถ้าไม่อัจฉริยะจริง ๆ คงไม่สามารถแยกสมองได้ขนาดนี้
คุยโทรศัพท์ และอ่านหนังสือไปในเวลาเดียวกัน
แต่คนที่กำลังทำอย่างนี้อยู่คือว่าที่คุณหมอ อะไร อะไร ก็ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายไปหมด

"เข้าใจแล้ว.......วันเสาร์น่ะ...แต่ตอนนี้อยากกอด..คิดทึ้งคิดถึง..นอนคนเดียวไม่มีใครกอด"

เสียงที่ดังมาจากปลายสายทำให้แคนหยุดมือที่เขียนและอมยิ้มชอบใจ
อ้อนเป็นด้วยนะ..นึกว่าทำแบบนี้ไม่เป็น เดี๋ยวเหอะ จะเอาให้อ้อนไม่ออกเลยเอ็ง

"รำคาญว่ะ...นอนกอดอะไร..ข้ารำค้าญรำคาญ มากกกกกกกกกกด้วย นอนเกะกะน่าเบื่อหน่าย"

เสียงที่พูดกับใบหน้าไปกันคนละทาง หน้ายิ้มแต่ปากก็ยังพูดประชดเหน็บแนมไปด้วย

"จริงเหรอ...งั้น..เดี๋ยวขับรถกลับไปหาเดี๋ยวนี้ดีมั้ยนะ....ขอนแก่น.กรุงเทพ..ใกล้จะตายขับไปแป๊บเดียวก็ถึง"

เสียงทุ้มนุ่มที่ดังมาจากปลายสาย ทำให้แคนต้องรีบร้องห้ามเพราะรู้ว่าคนที่คุยด้วย ทำแบบนั้นได้จริง ๆ
และถ้าไม่รีบห้ามก็คงมาแน่ ๆ อันตราย กลางคืน ขับรถมาแบบนั้น ไม่ดีแน่

"ไม่ต้องมาเลยนะ...ดึก ๆ มาได้ยังไง...ถ้าจะมาก็มาวันเสาร์..แล้วจะได้เตรียมเสื้อผ้าไว้เลย.."

ร่างโปร่งบางพลิกร่าง นอนหงายมองเพดาน และมองดาวเรืองแสงที่แปะเอาไว้ที่เพดาน ที่บ้านดาวสวยกว่านี้อีกนะ
ดาวของปลอมจะสวยกว่าดาวของจริงได้ยังไงกัน

"เป็นห่วงเหรอ"

นายช่างสมชาย นั่งมองท้องฟ้า ที่ ๆ นั่งอยู่ สามารถมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจน จะดีแค่ไหนนะ
ถ้าตอนนี้มีคนมานั่งดูดาวด้วย แล้วจะดีมากแค่ไหนนะ ถ้าคน ๆ นั้นคือคนที่กำลังทำเสียงงอแงใส่อยู่ตอนนี้

เสียงที่เงียบหายไป ทำให้นายช่างหนุ่มต้องถอนใจยาว

เร็วไปอีกแล้ว.....เดินเข้าไปใกล้ เร็วเกินไปอีกแล้วสินะ
แคนคงไม่พอใจมากนักหรอก ที่เข้าไปพัวพันมากมายขนาดนี้ ได้โทรหากันบ้างอย่างนี้
แค่ได้ยินเสียงก็พอให้ชื่นใจได้บ้างแล้ว


"เป็นห่วง...ไม่อยากให้เดินทางตอนกลางคืน...กลัวจะเป็นอะไรไป"

น้ำเสียงที่ดังมาจากปลายสาย ทำให้ร่างสูงผิวคล้ำแดด นั่งนิ่ง เมื่อได้ฟัง...ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
และยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด ตอนนี้ใบหน้าคม ฉีกยิ้มกว้าง กว้างซะจน ไม่รู้ว่ายิ้มได้ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

"แล้ว.......คิดถึงมั้ย..."

ชั่งใจอยู่นานกว่าจะเอ่ยถาม ถ้าคำตอบ เป็นการโมโหใส่...ก็เป็นเรื่องปกติ...แต่ถ้าหากคำตอบเป็นอย่างที่อยากได้
มันจะดีมากแค่ไหน

"แล้วอยากให้ตอบว่ายังไงล่ะ....." ว่าที่คุณหมอนอนอมยิ้ม ดวงตากลมโตจ้องมองดวงดาวที่เพดาน และนึกถึงใบหน้าของคนไกล อยากไปดูดาวด้วยกัน อยากไปดูดาวกับไอ้กระชายจริง ๆ

"ก็ต้องบอกว่าคิดถึงสิ"

น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก ในใจคาดหวัง แต่ก็กลัวผิดหวัง มากพอ ๆ กัน

"งั้นคงพูดตามที่ต้องการไม่ได้นะ" น้ำเสียงที่จริงจัง และดูเหมือนกับว่าเป็นการเอ็ดอยู่ในที ทำให้ใบหน้าคมของร่างสูงผิวคล้ำแดดของนายช่างสมชาย ซีดเผือดลง หัวใจที่เคยฟูฟ่อง ห่อเหี่ยวลงในทันใด

โกรธสินะ.....ที่วิ่งเข้าหาเร็วขนาดนี้

"ข้าง่วงแล้ว...ข้าจะนอน..แค่นี้นะกระชาย...เอ้อ..ข้าน่ะพูดคำว่าคิดถึงอย่างเดียวไม่ได้หรอกว่ะ
เพราะตอนนี้ข้าคิดถึงไอ้กระชายสอบได้ที่โหล่สมัย ม. ต้น มากกกกกกกกกกกกเลย...
แล้วก็คืนนี้นะ...ถ้าไอ้กระชายมันนอนหลับฝันดีก็คงดีมากเลย.........ฮ้า...ข้าง่วงแล้ว...แค่นี้แหละว่ะ"

คำพูดของคนที่กดสายวางไปแล้ว ทำให้นายช่างสมชายต้องมองที่โทรศัพท์ในมือและขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนจะยิ้มออกมาได้อีกครั้ง.....

คิดถึงเหมือนกันเหรอ.....คิดถึง...จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ

ใบหน้าคมนั่งยิ้มอยู่อย่างนั้น มองท้องฟ้าที่มีแสงดาวสุกสดใสเต็มท้องฟ้า เหมือนกับตอนนี้ที่หัวใจของเขาก็เป็นสุขไม่ต่างกัน เมื่อคิดถึงคนที่กำลังจะกลับไปหา

ร่างโปร่งบางของว่าที่คุณหมอ เดินไปปิดไฟ และมาล้มตัวลงนอน มองดาวที่แปะไว้บนเพดาน

อยากไปดูดาวกับไอ้กระชายเร็ว ๆ
คิดถึงจังเลย

เมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์สักทีนะ
เพียงแค่คิดเพียงแค่นึกถึงก็ทำให้มีความสุข
ใบหน้าเนียนขาวนอนอมยิ้ม อยากเร่งคืนเร่งวันให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ จะได้เจอกันซะที
ตอนนี้ไอ้กระชายเป็นยังไงบ้างน๊า นอนหรือยัง หรือว่ากำลังทำอะไรอยู่

เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาทำให้ต้องเอื้อมมือคว้าและกดดูข้อความที่ส่งมาให้

.........หลับฝันดีเหมือนกันนะแคน..........

ข้อความจากคนที่อยู่ห่างไกล
ข้อความที่ทำให้ว่าที่คุณหมอต้องนอนยิ้มตลอดทั้งคืน

"ฝันดีเหมือนกันนะ...กระชาย"


TBC....
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-12-2008 16:39:43
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 22

“หนาวจะตายแล้วโว้ยยยยยยยยย หิวข้าวด้วย ง่วงด้วย ซิ่งหน่อยสิ....อะไรวะ ขี่อย่างกะเต่าคลาน”

ว่าที่คุณหมอบ่นงึมงำ เล่นเอาคนขับต้อง หัวเราะออกมาด้วยความขำ
ความผิดใครเนี่ย

เมื่อวาน อุตส่าห์ขับรถมารับแต่เช้า แต่แคนดันไม่ยอมตื่น ทั้งลากทั้งดึง ทั้งอะไรสารพัดก็ไม่ยอมตื่น แล้วใครกันที่บอกว่าให้มารับเร็ว ๆ พอมาถึง ยังต้องพับผ้าใส่กระเป๋าให้อีก กว่าจะได้ออกเดินทาง ปาเข้าไปเกือบเที่ยง

แล้วแคนก็เอาแต่หลับมาตลอดทาง

รู้บ้างมั้ยว่าต้องขับรถกี่ชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้าน
เดี๋ยวก็หิว
เดี๋ยวก็ปวดฉี่

เดี๋ยวก็จะแวะซื้อขนมข้างทาง

มันน่านัก.....มาถึงช้านี่เพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าที่คุณหมอเขาเพลิดเพลินกับการ แวะที่นั่นแวะที่นี่

เอาเถอะนะ......อยากเอาแต่ใจยังไงก็ได้ ก็รู้ว่าเรียนหนัก อยู่ด้วยกันก็อยากให้สบายใจไม่ต้องอึดอัดใจ

กว่าจะกลับมาถึงบ้าน ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ส่งแคนเสร็จแล้วก็ต้องกลับบ้าน เพื่อนอนพักผ่อนเหมือนกัน

ยังไม่ทันเช้าเลย แคนก็โทรมาบอกว่าจะไปเล่นน้ำตก......แล้วไงล่ะ ก็ต้องขับมอเตอร์ไซด์พาไป

เล่นจนตัวซีด ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง

แล้วดูตอนนี้สิ ตัวเปียกปากสั่นหมดแล้ว แล้วก็บ่นว่าหนาว ๆ แล้วเสื้อก็ไม่เอามาเปลี่ยน

ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วเนี่ย

“ให้คนเอาข้าวมาส่งที่กระท่อมแล้ว...มีปลาสลิดกับแกงส้ม....อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อแล้วนอนกลางวันสักตื่น
บ่าย ๆ ค่อยไปสอยมะม่วงกันนะ”

นายช่างสมชายเอ่ยบอก และเร่งความเร็วของมอร์เตอร์ไซด์ให้เร็วขึ้น เพราะเสียงขบฟันดังกึก กึก ของว่าที่คุณหมอดังจนได้ยินชัดเจน สงสัยจะหนาวจัดจริง ๆ

ก็สมควรหรอก ฝ่าลมขนาดนี้ ตัวเปียกอีกต่างหาก หนาวขนาดนี้สงสัยต้องนอนกอดแล้วมั้ง ถึงจะหายหนาว

“กาชายยยยยยยย ขับเร็ว ๆ ดิ ข้าหิวข้าวจะตายแล้ว โธ่เว้ย”

เคยเห็นคนโมโหหิวมั้ย อย่างแคนนี่แหละ ใช่เลย

โมโหอย่างเดียวไม่พอ ยังกำหมัดกระแทกหลังนายช่างสมชาย เสียงดังตุ๊บ ตุ๊บ

ไม่เจ็บหรอก แต่ ขำมากกว่า ยิ่งขำก็ยิ่งโดนทุบ เอ้า ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย

“เจ็บแล้วคุณชายแคน.............โอ้ย เจ็บ เจ็บ “

นายช่างสมชายแกล้งพูด เหมือนกับว่าเจ็บมาก จนแคนต้องละมือออก

และแตะมือเบา ๆ ที่ลาดไหล่กว้าง

ก่อนจะซบหน้าลงที่แผ่นหลังของคนขับ และออดอ้อนเสียงเบา

“ขอโทษ น๊า....แต่หิวข้าวจริง ๆ หิวจะตายอยู่แล้ว.....เอ็งก็ซิ่ง ๆ หน่อยสิกาชายยยยยยย ถ้าเอ็งขับช้าข้าหิวจนเป็นลมตาย.....เอ็งจะไม่มีคนให้จีบน๊า.....รู้มั้ยวะ ......กาชายยยยยยยย รู้มั้ย รู้มั้ย”

นิ้วเล็ก ๆ จิ้ม เบา ๆ ที่กลางหลังของคนขับ แล้วก็เอ่ยบอกเสียงหวาน

ทำให้นายช่างสมชายต้องหัวเราะอย่างพอใจ

ก็รู้แล้วนี่นะ ว่ามาจีบ........งั้นก็จีบต่อ.............แบบนี้จีบติดหรือเปล่าหนอ หรือว่าจะยังไม่ติดนะ

แค่คิดก็ขำ อือ ขำจริง ๆ นะ แคนออกจะหยิ่งขนาดนั้น แรก ๆ แทบไม่ต้องคุยเลย
พอได้รู้จักจริง ๆ แคนน่ารักขนาดนี้เลยนะ บทจะอ้อนก็อ้อนซะจนทำให้ใจอ่อนยวบ

บทจะไม่ยอมขึ้นมา ก็เถียงแล้วเถียงอีก ดื้อมาก ยิ่งห้ามก็ยิ่งจะทำ เถียงด้วยแล้วอยากตีให้ตาย

แต่พอเห็นดวงตากลมโต ที่ทอดมองมา ดวงตากลมโตวาวโรจน์ นัยน์ตาขุ่น ๆ ก็อยากแกล้งอยู่หรอกนะ

แต่อารมณ์โมโหก็ต่างคนต่างไม่ยอมกันอีก

ครั้งก่อนนั่นไง ที่บอกให้ขึ้นจากน้ำ แล้วแคนไม่ยอมเชื่อ.....แล้วก็เลยต่างคนต่างโมโหกัน

คิดแล้วก็มีแต่เรื่องตลก ๆ เยอะแยะมากมาย

ตอนแรกไม่กล้าคุยด้วยเลย แต่ตอนนี้ก็มาสนิทกันได้ขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ

รถมอเตอร์ไซด์ มาจอดอยู่ที่หน้ากระท่อม และว่าที่คุณหมอ ก็รีบวิ่ง ไปคว้าผ้าข้าวม้า มาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
ก่อนจะเดินไปที่ตุ่มน้ำข้าง กระท่อม และใช้ขันตักน้ำที่ตากแดดจนอุ่น ตักน้ำอาบ โดยไม่สนใจสายตาของนายช่างสมชายที่ยืนตะลึงงันอยู่อย่างนั้น

แคนนะแคน

เอาอีกแล้ว

คราวก่อนก็อย่างนี้

คราวนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก

น้ำถูกตักอาบ พร้อมกับที่ ว่าที่คุณหมอเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังจะก้าวขึ้นกระท่อม

น้ำในขันถูกสาดให้โดนร่างสูงผิวคล้ำแดดจนเปียกปอนไปทั้งตัว

แล้วแคนก็เลยหัวเราะชอบใจ

“ทำอะไรเนี่ย............ตัวเปียกแล้วนะ” ถึงจะบอกไป แต่น้ำจากขันที่สอง กลับถูกสาด เข้ามาอีก

เสื้อที่เปียกชื้น ยิ่งเปียกเละเทะยิ่งกว่าเดิม

“ข้าอาบน้ำให้เอ็งงายยยยยยยยยยยยยยย เอ็งนี่ไม่สำนึกบุญคุณเล้ย.....หมออุตส่าห์ช่วยอาบให้เชียวนะ”

ไม่ได้รู้เลย ว่าจะทำให้นายช่างสมชายนึกหมั่นไส้....ขึ้นมา ยิ่งเห็นใบหน้าขรึม ๆนั้น ยิ่งอยากแกล้ง

“งั้นเดี๋ยวข้าอาบให้เอ็งด้วยดีกว่า........อาบทั้งตัวเลย............ดีมั้ย.....”

ร่างสูงผิวคล้ำแดด ก้าวไม่กี่ก้าว ก็ดึงขันออกจากมือของว่าที่แคนได้ และแกล้งตักน้ำมาเทราดใส่ผมของคนช่างแกล้ง จนแคนต้องวิ่งหนี แต่ก็ยังไม่วาย หัวเราะ ด้วยความสนุก ที่แกล้งให้อีกฝ่ายโมโหได้

น้ำในขันถูกตักสาด ใส่ร่างโปร่งบาง ที่มีเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียวติดตัว แต่ก็ยังวิ่งหนี แล้วยังหัวเราะอย่างสนุกสนานอีก จนนายช่างสมชายอ่อนใจ

“ไม่เล่นแล้ว.........มาอาบน้ำเร็ว.....เดี๋ยวก็เป็นหวัดกันพอดี.....เป็นหมออะไรไม่รู้จักดูแลตัวเอง”

ร่างโปร่งบาง ผิวขาวเนียนละเอียด ยังไม่ยอมหยุดเล่น ทำหน้าเหมือนไม่ได้ยินเสียงพูด แถมซ้ำยังยกมือปิดหูอีก......จนร่างสูงชักทนไม่ไหว

นี่ไงล่ะ นิสัยดื้อรั้นอย่างนี้ไงล่ะ บอกอะไรก็ไม่เคยเชื่อ มันน่ามั้ยล่ะแบบนี้

ขายาว ๆ ก้าวเข้าไปจับแขนคนที่ทำท่าจะผละหนี แล้วก็ลากให้มายืนที่ตุ่มน้ำ จัดการตักน้ำเทราดใส่ทั้งตัวของแคนและใช้มือขัดผิว ที่แผ่นหลังเนียนขาวนั้นอย่างนึกโมโห

ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวเป็นหวัด เดี๋ยวเป็นหวัด ก็ยังจะเล่นอีก.........คราวนี้โมโหจริง ๆ แล้ว

และก็พอกับแคนที่ยืนนิ่ง ๆ ให้คนตัวสูงกว่า ตักน้ำรดใส่ตัวและขัดผิวให้

ตอนนี้โกรธ............

งอนด้วย...............

เล่นนิดเดียวก็ไม่ได้........ชอบทำท่าจริงจัง.....เรียนก็เครียดพอแล้ว ยังมาถูกโมโหใส่อีก

“กำลังโกรธอยู่ใช่มั้ยล่ะ.......ผมก็โกรธคุณเหมือนกันนะ หมอ......ทำไมถึงไม่ค่อยห่วงตัวเองเลย
ห่างหูห่างตาไปจะให้ทำยังไง.......จะไม่ให้เป็นห่วงเหรอ....ขนาดอยู่ด้วยกัน.....ยังไม่ห่วงตัวเองเลยแบบนี้
นี่ตอนอยู่คนเดียวคงจะ....ไม่เคยใส่ใจตัวเองเลยสินะเนี่ย........หัดรู้ตัวบ้างเถอะ....ว่าเวลาผมไปไหนไกล ๆ
ผมเป็นห่วงหมอมาก..........แต่พอเห็นหมอไม่เป็นห่วงตัวเองแบบนี้.....ผมชักน้อยใจ.....ไม่รู้ว่าผมจะห่วงทำไม
ในเมื่อหมอไม่เคยห่วงตัวเองเลย............”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มราบเรียบ พยายามปรับให้เป็นปกติ......ไม่อยากเอ็ดให้คนที่ยืนนิ่งเสียใจ แต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ

ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะไหล่เล็กบางให้หันมาเผชิญหน้ากัน หลังจากตักน้ำขัดสุดท้าย ราดรดบนร่างเนียนขาวนั้นเรียบร้อยคิดเอาไว้ว่าคงเจอกับใบหน้างอหงิก และทำปั้นปึงใส่

แต่ผิดถนัด......ครั้งนี้แคนกลับยิ้มกว้าง และหัวเราะออกมา
ก่อนจะเอ่ยบอกคำที่ทำให้นายช่างสมชาย ต้องหน้าร้อนวาบ ถึงขนาดต้องยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก
จนแทบอยากจะก้าวเดินหนี แต่ขากลับไม่ยอมก้าว ทั้งเขินทั้งอาย.....อย่างไม่อยากเชื่อตัวเอง

“อ๋อ.....ก็ที่เอ็งห่วงข้ามันก็เพราะว่าเอ็งรักข้าไงกระชาย......ต่อไป ข้าก็จะห่วงตัวเองเหมือนกันน๊า....เพราะว่าข้าไม่อยากให้คนที่ข้ารักไม่สบาย ใจ.....เนอะกระชายเนอะ”

TBC….
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Kipper ที่ 19-12-2008 16:48:13
 วิ้ว ๆ ว้าว ๆ รักกัน ๆ บอกรักกันแล้วววว

 :pig4: ขอบคุณครับ kamui1972
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 19-12-2008 17:03:50
น่ารักได้อีกแล้วววว :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 19-12-2008 21:11:10
น่ารักได้อีก
แหมกว่าจะหวานได้นะแคน
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 19-12-2008 22:18:27
ในที่สุดก็ตามอ่านทันได้จนครบ

น่ารักอ่ะ อ่านไปเขินไป มาต่อไว ๆ นะคร้าบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 19-12-2008 22:52:52
กิสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส...
คุณหมอหลุดปากออกมาแล้วว่ารัก...
โฮะๆๆๆๆ....
 :-[

ขอบคุณค่ะคามุย  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 19-12-2008 23:40:28
 :impress3:


แอบซึ้ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 20-12-2008 00:03:37
แอร๊ยยยยยยยย ชอบๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 20-12-2008 00:34:06
น่ารักกันดีจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 20-12-2008 05:28:16
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 23

"พูดอะไรน่ะ..." นายช่างสมชายยืนนิ่ง เขินอายจนไม่เป็นอันทำอะไร

ปล่อยขันน้ำลงในตุ่มน้ำและก้าวเดินหนี

ว่าที่คุณหมอที่ยืนหัวเราะกับท่าทางของคนที่ผละจากไปแล้ว ไม่ได้รู้ความคิดของอีกฝ่ายเลยว่ากำลังคิดอะไร


แคน....ทำกันได้...แกล้งกันเห็น ๆ เลย
ก็คนมันโง่นี่นะ.......ไม่ใช่คนเก่งเหมือนคุณหมอเขา เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง

ดูนั่น ยังยืนอาบน้ำ ไม่สนใจกันเลย ว่าตอนนี้ร่างสูงผิวคล้ำแดดจะถึงขนาดแทบเดินไม่ตรงทาง เพราะความเขิน
ก้าวขึ้นไปบนกระท่อมได้ ก็เตรียมผลัดผ้าอาบน้ำ เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมด เพราะฝีมือของแคน

"กาชายยยยยยยยยยย มาอาบด้วยกันม้ายยยยยยยยยยยย เร็ว เร็ว เลย..... กาชายจ๋าาาาาาาาา"

แคนยังไม่เลิกล้อเล่น และหัวเราะอย่างสนุกสนาน ตักน้ำอาบอย่างเพลิดเพลิน มีความสุข ที่ได้แกล้ง

เขินด้วยยยยยยยยย ไอ้กระชายมานนนนนนนเขินนนนนนนน ตลก

ขืนรอให้มันมาบอกรัก คงต้องรออีก 20 ปี
ไม่ไหว ไม่ไหว รอนานขนาดนั้น แก่ตายกันพอดี

"มาอาบด้วยกันเถอะน๊าาาาาาากระชายจ๋า.........." แคนยังยืนหัวเราะ ที่ทำให้อีกฝ่ายเขินอายจนไม่เป็นอันทำอะไรได้

ทำไมแคนเป็นคนแบบนี้ ยิ่งรู้ว่าแกล้งได้ ยิ่งแกล้ง
เก่งจริงนะ แกล้งเก่งจริงนะ ถึงจะเขิน ๆ ที่ถูกบอกรักกันตรง ๆ
แต่นายช่างสมชายก็ไม่เคยปล่อยให้อีกฝ่าย แกล้งได้เลยสักครั้ง และก็ไม่เว้นครั้งนี้ด้วย

แคนนะแคน.....ปล่อยมานานหลายครั้งแล้ว
รู้ว่ารักรู้ว่าชอบ แล้วก็มาบอกรักกันแบบนี้ก็ดี......เวลาทำอะไรก็จะได้ไม่ต้องกังวลมากเหมือนแต่ก่อน

แกล้งเองนะ แกล้งก่อนนะ ต้องเอาคืนบ้างแล้วแบบนี้

แม้จะรู้สึกเขิน ๆ อยู่บ้าง แต่เมื่อเปลี่ยนไปนุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำ ก็เดินลิ่ว ๆ มาหาคนที่ยกขันเทน้ำราดตัว
อย่างสนุกสนานนั้น

ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า......ยืนนิ่งเงียบ ทำหน้าเคร่งขรึม จนแคนตกใจจนหน้าซีด

"จะอาบจริง ๆ หรือไง.." ว่าที่คุณหมอถอยหลังหนี แต่กลับถูกดึงแขนเอาไว้ และขันน้ำถูกตัดราดรดที่ร่างกายจนเปียกปอนไปหมด

"อาบจริงสิ.....นี่ไง....อาบให้แคนด้วย...ชวนอาบใช่มั้ย...มาสิ.." ร่างโปร่งบางผิวเนียนขาวละเอียด พยายามจะถอยหนีคนที่จับแขนเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย

ไอ้กระชาย ....... มายืนแก้ผ้าอยู่ตรงหน้า ........ นุ่งแต่ผ้าขาวม้า ... จะหลุดไม่หลุดแหล่อยู่แล้ว....
แบบนี้มันแปลกนะ...จะทำหน้าไม่ถูกแล้ว..หน้ามันร้อนผ่าว..จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

มือเล็ก ๆ ถูกยกขึ้นให้แตะที่แผ่นอกกว้าง ของร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า

"อาบให้แล้ว.....หัดอาบให้บ้างสิ...หมอครับ...อาบน้ำให้ผมหน่อย..."

ใบหน้าคมลอบยิ้ม แต่พยายามตีหน้าขรึม...ก่อนจะยื่นขันน้ำให้ว่าที่คุณหมอ

มือเล็ก ๆ รับขันน้ำมาถือเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ตักน้ำมาราดรดร่างกายให้กับร่างสูงผิดคล้ำแดดที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ

โดนแกล้งกลับ....ถ้าไม่อาบให้ก็จะโดนหาว่าไม่กล้า.....ไอ้กระชาย...ไอ้กระชายตัวดำ...มันแกล้ง

มือเล็ก ๆ ยกขึ้นขัดผิวของคนที่ยืนอมยิ้ม แกล้งขัดแรง ๆ ให้เจ็บ

อยากให้อาบให้ใช่มั้ย มาาาาาาาาาาาาาาาา จะอาบให้เดี๋ยวนี้แหละ ไอ้กระชายยยยยยยยย

"หมอ....ทำงี้ได้ไง...แกล้งกันเหรอ...เจ็บนะ....ขัดผิวหมอแบบนี้บ้างเอามั้ยล่ะ"

ฝ่ามือหยาบกร้านเพราะกรำงานหนัก แกล้งแตะแรง ๆ ที่สีข้างของว่าที่คุณหมอ จนร่างโปร่งบางต้องเบะหน้าด้วยความเจ็บ

"เจ็บบบบบบบ .... มือหยาบจะตาย...เจ็บนะทำอะไรน่ะ..."

แคนหลุดคำพูดออกไปแล้ว.....โดยไม่ทันได้คิดว่าจะทำให้ร่างสูงที่กำลังหัวเราะ รู้สึกยังไง

ฝ่ามือหยาบกร้าน ผละออก

ใบหน้าคม ค่อยก้มลง ดวงตาที่เปล่งประกายหมองเศร้าลงฉับพลัน

ก็สอบได้ที่โหล่ เรียนไม่เก่ง เรียนได้ขนาดนี้ ได้ทำงานอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน ก็นับว่าเกินที่จะคาดคิดแล้ว แต่บางทีเขาคงลืมคิดไป
ว่าแคนคงไม่ชอบคนที่ทำงานใช้แรงงานแบบนี้ หมอเขาเรียนสูงกว่า เรียนก็ยากกว่า มือก็นุ่มนิ่ม
ดูมือเขาสิ ทั้งหยาบทั้งกร้าน ทำงานกลางแจ้ง ตากแดดทุกวัน...... แย่จังเลยนะแบบนี้

"กระชาย...กระชาย....ขอโทษนะ...ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้เลย...แค่รู้สึกว่า...เจ็บ....แค่นั้น..ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะ"

มือเล็ก ๆ ค่อยแตะสัมผัสที่ฝ่ามือหยาบกร้านของร่างสูง ให้มาแตะที่ข้างแก้ม...จ้องมองใบหน้าคม เพราะสำนึกผิด

"จริง ๆ นะ...เห็นมั้ย..ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีจริง ๆ นะ...เชื่อสิ" ดวงตากลมโตใสแจ๋วจ้องมองใบหน้าเครียดขรึมนั้น และส่งยิ้มอ่อนโยนให้

"กระชาย...คนดี...เดี๋ยวข้าอาบน้ำให้นะ...อย่าโกรธข้าเลยนะ..นายช่างคนดี๊ คนดี...นายช่างอย่าโกรธเลยนะ"

ขันที่มีน้ำอยู่เต็ม ถูกตักราดรดร่างกายของร่างสูงที่ยืนนิ่ง ๆ ฝ่ามือเนียนนุ่ม แตะสัมผัสร่างกายของร่างสูงอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
อายก็อาย เขินก็เขิน....แต่ต้องเอาใจ..แล้วก็ต้องไถ่โทษ ที่ปากไม่ดี..

นายช่างสมชายยืนยิ้มกริ่ม จ้องมองใบหน้าเนียนขาวด้วยความรู้สึกหลากหลาย

แคน....... เขินนี่นา ใบหน้าเนียนขาวแดงก่ำ แต่ก็ยังกล้าที่จะแตะต้องร่างกายของอีกฝ่าย

ใจกล้าจริงนะหมอ

แบบนี้น่ารักไม่ใช่เหรอ....น่ารักมากด้วยสิ

"อาบเร็ว ๆ เถอะนะ..........เดี๋ยวกลัวอยากทำอย่างอื่นมากกว่าอาบน้ำ แล้วจะยุ่ง"

คำพูดเรื่อยเปื่อยถูกเอ่ยบอก คำพูดที่ทำให้ร่างโปร่งบางถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าที่ย้อมไปด้วยสีเลือดยิ่งแดงก่ำหนักขึ้น เพราะเข้าใจความหมายของคำที่พูดทุกประการ

"แคน..ไปผลัดผ้าก่อนเถอะนะ.....มีผ้าตากอยู่หลังกระท่อมตรงราวไม้ไผ่ แล้วก็มีเสื้อกับกางเกงพับอยู่เอาเปลี่ยนได้เลย"

ร่างโปร่งบางเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะค่อยก้าวเดินไปในทิศทางที่ร่างสูงนั้นชี้บอก เดินไปที่หลังกระท่อม ทิ้งให้นายช่างสมชายยืนอาบน้ำอยู่คนเดียว

"ไปน่ะดีแล้วครับคุณหมอ...แค่นี้ก็จะทนไม่ไหวเอาแล้ว...ขืนโดนแตะนั่นแตะนี่...เดี๋ยวคุณหมอนั่นแหละจะไม่ปลอดภัยเอาได้ง่าย ๆ "

ใบหน้าคมยิ้มกริ่ม เมื่อนึกถึงคนที่เดินจากไปแล้ว

น้ำในขันถูกยกขึ้นราดรดร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า

สาเหตุไม่ใช่เพราะอยากอาบน้ำ หรือเล่นสนุกเหมือนแคน

แต่เป็นเพราะต้องการดับความร้อนภายในกาย ที่กำลังครุกรุ่น ก่อนที่จะไม่มีอะไรมาดับได้

TBC....
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 20-12-2008 05:29:58
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 24

“แคน....ขยับมานอนใกล้ ๆ กันก็ได้....ไปซะห่างเลย...กลัวหรือไง....” ร่างสูงผิวคล้ำแดด ใช้แขนต่างหมอน และนอนชันเข่าแกล้ง เอ่ยบอกกับว่าที่คุณหมอ ที่ขยับไปนอนห่างออกไป เล่นเอานายช่างสมชายนึกขำ

ตอนที่ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แกล้งกระตุกผ้าขาวม้า คุณหมอเขาไปนิดเดียว เห็นรีบตะครุบแทบไม่ทัน พอหัวเราะกลับโดนกระตุกกลับ ทำท่าว่าผ้าผ่อนจะหลุดกันจริง ๆ แคนกลับหันหน้าหนี ร้องโวยวาย

เพิ่งจะมาอายนะ ตอนชวนอาบน้ำ แถมยังวิ่งเล่นเอาน้ำมาสาดกันไม่เห็นกลัว
แค่จะทำผ้าหลุดนิดเดียว แคนถึงกับหน้าแดง
แล้วหันหลังหนี ก้มหน้าก้มตาเปลี่ยนเสื้อผ้าคนเดียวเงียบ ๆ ไม่หันมามองกันอีกเลย

แล้วตอนที่กินข้าว ก็นั่งเงียบตลอดเวลา แซวไปนิด ๆ หน่อย ๆ แคนกลับเงียบยิ่งกว่าทุกวัน ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวเลย สงสัยว่าจะหิวมาก เห็นกินไม่ยอมหยุด

แล้วนี่ ทำไมถึงถอยไปนอนซะห่างขนาดนั้นเลยล่ะ..........กลัวจริง ๆ หรือไง
ถ้าแคนไม่ยอม ก็ไม่ทำอะไรหรอกน่ะ จะกลัวอะไรกัน
โอกาสมีตั้งเท่าไหร่ยังปล่อยให้หลุดไปได้เลย ไม่คิดจะฉวยโอกาสกับคนที่รักเลยจริง ๆ อยากถนอมไว้นาน ๆ

“ไม่กล้ามานอนใกล้ ๆ กันเหรอ.....สงสัยกลัวโดนกอดแน่เลย” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอก และทำให้ว่าที่คุณหมอหน้าบึ้ง แล้วลุกขึ้นมาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ กับร่างสูงที่นอนหัวเราะ เมื่อเห็นใบหน้าของคนรักทันที

“หมอครับ......ผมแอบรักหมอมา 11 ปีแล้ว.....หมอยอมเป็นแฟนผมหรือยังครับ.....”

จู่ ๆ คำที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน กลับถูกเอ่ยบอก โดยไม่ทันตั้งตัว เป็นใคร ใครจะทันตั้งตัว แคนลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าเนียนขาว ถูกย้อมไปด้วยสีเลือด....เวลาแกล้งแกล้งได้แต่เวลาถูกบอกรักจริง ๆ จัง ๆ กลับเขินจนทำตัวไม่ถูก

“หมอครับ.....ช่วยรับรักผมหน่อยเถอะ.....ผมเป็นโรคหัวใจอ่อนแอ ถ้าหมอไม่รักษาให้ ผมคงขาดใจตายแน่ ๆ”

นายช่างสมชาย ยิ่งรุกหนักเข้าไปอีก เหมือนเก็บกดมานาน พอรุกขึ้นมาจริง ๆ เลยเกินปกติ เล่นเอาว่าที่คุณหมอแทบจะกระโดดลงจากกระท่อมด้วยความอาย

กำลังจะลุกขึ้นยืน แต่กลับถูกแตะที่ข้อมือ ก่อนที่ร่างจะเซถลา ลงมาประทะกับแผ่นอกกว้าง ของคนที่นอนมองอยู่ และนายช่างสมชายก็หัวเราะชอบใจ

“ไหนครับ คำตอบ......ถ้าไม่รักจะหอมแก้มซ้าย....ถ้ารักจะหอมแก้มขวา....หมอรักหรือไม่ รักผมกันแน่ ตอบมาเร็ว ๆ อย่าให้หนุ่มบ้านนอกอย่างผมต้องคอย คอยนาน ๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าหอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา”

เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ พร้อมกับใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มและแววตาขี้เล่น ทำให้ว่าที่คุณหมอ ต้องดิ้นรนหนี
ไม่จริงจังนัก แต่เพราะความอาย จนไม่กล้าจะมองหน้า ไอ้บ้ากระชาย เจ้าเล่ห์นัก เห็นเงียบ ๆ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

อ้อมแขนแข็งแกร่ง กอดรัดร่างบางเอาไว้ และพลิกกายให้ร่างเล็กบางเปลี่ยนไปอยู่เบื้องล่าง

“หมอครับ....รักผมหรือยังครับ”

นายช่างสมชายแกล้งพูดเสียงดังเหมือนทหาร และแกล้งทำหน้าจริงจัง แต่แคนกลับหันหน้าหนี ไม่กล้าสบตา
ป่านนี้ใบหน้าคงแดงก่ำจนไม่รู้ว่าจะแอบซ่อนไว้ตรงไหนแล้ว

“เอ็งแกล้งข้า.....” แคนเอ่ยบอกเสียงเบาในลำคอ ขบริมฝีปากแน่น ไม่ยอมหันมาสบตาคนที่รอคำตอบ
ปลายจมูก โด่งแตะที่ข้างแก้มเนียนใสอย่างสุดจะห้ามใจ และก็ถูกมือเล็ก ๆ ผลักใบหน้าออก

“ม่ายเอ้า......อื้ออออออออ แกล้งเหรอวะ”

มือเล็ก ๆ ผลักใบหน้าคมให้ผละจาก ใช้มือเล็ก ๆ ยันไว้ที่แผ่นอกกว้าง และขบริมฝีปากแน่น

“ไม่รักงั้นข้างขวา........แล้วก็ข้างซ้าย แล้วก็ข้างขวา แล้วก็ข้างซ้าย แล้วก็ข้างขวา ข้างซ้าย จะได้ยอม...อื้ออออออ”

ร่างสูงแกล้งเปลี่ยนข้างไปเรื่อย ๆ พอโดนผลักใบหน้าจากด้านไหน ก็เปลี่ยนที่หมายไปอีกด้าน

จนแคนอ่อนใจ หัวเราะเสียงดัง เพราะรู้จักจั๊กจี้ จนไม่รู้จะทำยังไงได้

เลยจำใจต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น

จนเมื่อถูกหอมแก้มซ้ำ ๆ จนหนำใจแล้ว ใบหน้าคมถึงได้ผละออก และแตะปลายจมูกที่หน้าผากมนอย่างแสนรัก

“รักยัง.......เอ็งรักข้าบ้างหรือเปล่าแคน”

สายตาที่ทอดมองมา บ่งบอกความในใจชัดเจน จนว่าที่คุณหมอต้องหรุบสายตาลงต่ำ ก่อนจะค่อยพยักหน้าอย่างช้า ๆ .........ด้วยความอาย

หัวใจของไอ้กระชายตัวดำในครั้งอดีต ที่เคยเหี่ยวแฟบ ฟูฟ่องลอยละล่อง.....จนปรากฎที่ใบหน้า รอยยิ้มกว้างอย่างไม่สามารถระงับรอยยิ้มเอาไว้ได้ ดวงตาคมฉายแววระยับ จ้องมองใบหน้าของคนรัก อย่างยินดี

มีความสุขมากที่สุด ไม่คิดว่าจะรู้สึกดีมากขนาดนี้ ตอนแรกคิดว่าแคนคงหยอกล้อเล่น แต่ตอนนี้
ภาพตรงหน้าคือความจริง

“งั้นไปกัน.....” ร่างสูงผละออกและดึงแขนให้แคนลุกตาม

“จะไปไหนกระชาย.........ง่วงนอน...อยากนอนแล้ว” ว่าที่คุณหมอเอ่ยบอกเสียงง้องแง้งเหมือนเด็ก ๆ

แต่ก็ลุกขึ้นยืนและก้าวลงจากกระท่อม โดยมีร่างสูง ค่อยรับไว้ เมื่อกระโดดลงมาทั้งตัว

“ตัวเบาจัง......ไปกันเร็วเถอะ..ไปเก็บมะม่วงกัน”

TBC…..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 20-12-2008 05:31:55
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 25

“เก็บไม่ถึง ไม่มีไม้สอยหรือไงวะ.......โธ่เอ้ย......” ว่าที่คุณหมอ เอะอะโวยวาย กระโดดหยองแหยง จะเก็บมะม่วงให้ได้ แต่ก็เอื้อมมือคว้าไม่ได้สักที

“ต้นเนี้ยต้องเอาลูกออก ต้องตัดดอกทิ้ง เพราะว่าต้นแค่นี้ มีลูกเยอะ มันจะตายเร็ว”

นายช่างสมชายกระโดดแค่นิดเดียว ก็คว้าผลมะม่วงมาได้ และยื่นให้กับแคน ที่รับแล้วโยนใส่ถุง

“ทำไมถึงพามาเก็บมะม่วง ทำไมถึงพามาที่กระท่อมรู้มั้ย......”

ฝ่ามือแกร่ง เอื้อมคว้าที่ข้อมือของแคน และดึงให้มานั่งเล่นกันที่ใต้ต้นมะม่วง

“ทำไมวะ......พาไปที่ดี ๆ หน่อยก็ไม่ได้.....จีบภาษาอะไรวะ ไม่เห็นโรแมนติกเล้ย”

แคนบ่นเสียงเบา และก็นับผลมะม่วงในถุงไปมา เหลือบสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยความแปลกใจ

“เมื่อก่อนสมัยเรียน ม. ต้น ชอบคนอยู่คนหนึ่ง เรียนเก่งมาก ได้ที่ 1 ทุกเทอม แต่ว่าข้าเองก็สอบได้แต่ที่โหล่ตลอดก็ข้าไม่คิดจะเอาความรู้ไปทำอะไรนี่ ยังไงก็ต้องทำไร่ทำสวน ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรให้มากมาย ชอบคน ๆ นั้นมากเลยนะ แต่ไม่มีของฝาก เลยไปเก็บมะม่วงมาให้ คิดว่าจะเอามาให้ แล้วก็จะคุยด้วย แต่ว่าเขาก็หยิ่งมากเลยบอกว่า ข้าเป็นไอ้กระชายตัวดำบ้างล่ะ บอกว่าสอบได้ที่โหล่บ้างล่ะ กำลังใจถดถอยเลยนะ ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเขาเลย เพราะเขาเป็นคนเก่ง พอเรียนจบ ม. ต้นแล้ว เขาก็ไปเรียนต่อในเมือง ส่วนข้าก็ขับมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างไปวัน ๆ แล้วก็มาปลูกกระท่อมทิ้งไว้ ว่าง ๆ ก็มานั่งเล่น เคยคิดว่า วันหนึ่งจะพาเขามาเที่ยว แต่ก็รู้ตัวดีว่าคงไม่มีหวังหรอก ใครจะไปกล้าล่ะนะ ตอนที่เขาไปเรียนมัธยมแล้วยิ่งต้องห่างกัน ข้าก็คิดว่า ขืนยังเดินตามหลังเขาอย่างนี้ ไม่รู้ว่าชาติไหน ถึงจะได้พูดคุยกันสักที แล้วข้าก็ความรู้น้อยขนาดนี้ เขาคงไม่มองหรอก เลยตั้งหน้าตั้งตาเรียน เขาเปิดสอบอะไรก็ไปสอบ เคยมีด้วยนะ ไปแอบยืนมองเขาที่หน้ามหาวิทยาลัย แต่ไม่กล้าเข้าไปทักหรอก เพื่อน ๆ เขาแต่ละคน ผู้ดีทั้งนั้นเลย ข้ามันเป็นแค่เด็กบ้านนอก โชคดีสอบได้ทุนไปเมืองนอกเมืองนากับเขา ก็ต้องทำงานสารพัด กว่าจะเรียนจบมาใช้ทุนเขาได้ ก็รู้หรอกนะว่ายังไม่กล้าไปเทียบชั้นกับเขา
มีอยู่วัน ได้กลับมาซ่อมเขื่อนที่บ้าน แล้วรู้ว่าเขาจะกลับมา ก็เลยไปรอรับ ตั้งนานสองนานแน่ะ กลัวเขาไม่มาจะแย่ แต่สุดท้ายพอเขามา ก็เลยดีใจจนบอกไม่ถูก ถึงเขาจะทำหน้าไม่ค่อยชอบ สักเท่าไหร่ ก็ยังหน้าด้านไปส่งเขาที่บ้านจนได้ เขาไม่เปลี่ยนไปเลย เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น โอ้โหใจแป้วเลย ใจร้ายสุด ๆ เลย แต่ว่าตอนนี้เขาใจดีมากเลยนะ แล้วก็น่ารักมากด้วย”

ดวงตาคมเหลือบมองร่างที่นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะถอนหายใจยาว

“เฮ่อ...... ตอนนี้ก็พาเขามาเก็บมะม่วงได้แล้ว...พามานั่งเล่นนอนเล่นที่กระท่อมได้แล้ว ....แต่ต้องใช้เวลาตั้ง 11 ปีแน่ะ........แล้วตอนนี้ก็อยากใช้ชีวิตด้วยกัน.....อยากอยู่ด้วยกันไปตลอด ถ้าไปขอเขากับพ่อกับแม่เขา ก็คงโดนยิงหัวออกมา เพราะพ่อเขาดุ แม่เขาก็หวงลูกชายมาก......อยากให้คนยอมรับ แต่ก็คงไม่มีใครยอมรับหรอก
ตอนนี้ก็รักเขาเหมือนเดิมทุกวัน วันหน้าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้....กลัวเขาเปลี่ยนใจ ไปแต่งงาน คงร้องไห้ตายแน่เลยนะ............แต่ถ้าวันหนึ่งจะต้องห่างกันจริง ๆ ก็ไม่เสียใจเลย เพราะตอนนี้ รักเขามากที่สุด....แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะรักข้ามากที่สุดหรือเปล่า..... พร้อมที่จะฝ่าฟันไปด้วยกันหรือเปล่านะ......”

ร่างสูงหันไปมองใบหน้าของคนรัก และส่งยิ้มให้

ร่างโปร่งบาง หัวเราะเสียงเบา ก่อนจะค่อยเอนซบที่ไหล่ของนายช่างสมชาย

“เขาคงรักเอ็งมากเหมือนกันแหละกระชาย.......ตอนนี้.....เขาออกจะรักเอ็ง มาก....ไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งเล่นที่กระท่อมกับเอ็งสองต่อสองหรอก......แต่ บางทีเขาก็คงกลัวเอ็งโดดปล้ำเหมือนกัน....เขาก็เลยทำตัวไม่ถูก
แต่จนแล้วจนรอด เอ็งก็ไม่ปล้ำเขาสักที.....อะไรจะเป็นคนดีขนาดนั้น......สงสัยเขาคงรู้แล้วแหละว่าเอ็งไม่กล้าพอ.......ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ และท้าทายอยู่ในที ทำให้นายช่างสมชาย อยากจะหัวเราะให้มากขึ้น

หมอเขาเก่งจังเลยนะ............รู้หมด รู้อะไรหมดทุกอย่าง แต่ไม่ยอมพูดออกมา

แล้วก็ปล่อยให้ไอ้บ้าคนนี้ กังวลใจไปต่าง ๆ นา ๆ แบบนี้มันน่ามั้ยล่ะ

“สงสัยตอนนี้เขาคงหน้ามืดแล้วแหละ.......แล้วหมอจะเสียใจที่มายั่วเขาก่อน”

ลำแขนแข็งแกร่งสอดเข้าที่รอบเอวบาง และจ้องมองดวงตากลมโตที่หรุบต่ำลงมองพื้นหญ้า
แถมเจ้าตัวยังตีหน้าเฉย แกล้งนับมะม่วง ในถุงซะอีก

“ไม่เห็นจะกลัวเลย..1....2....3..4..5 ตกลงมันกี่ลูกกันวะเนี่ย”

ดูนะ ยังแกล้งทำเป็นไม่สนใจอีกนะ ..... อย่างนี้มันต้อง.........

“ไอ้กระชายเอ็งทำไรเนี่ย.....” ร่างโปร่งบาง ถูกอุ้มขึ้นโดยง่ายดาย และนายช่างสมชาย ก็หัวเราะอย่างพอใจ
ก่อนจะเอ่ยบอก พร้อมกับเสียงหัวเราะ

“ไม่มีอะไร วันนี้สบโอกาสเหมาะ อยู่กันสองต่อสอง ข้าวก็กินแล้ว น้ำก็อาบแล้ว สารภาพรักเรียบร้อยแล้ว ทางสะดวกขนาดนี้.....จะปล้ำหมอซะหน่อย......นะหมอนะ....ยอมให้ผมปล้ำหมอที เถอะ”

TBC….
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 20-12-2008 05:33:40
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 26

“อุ้มแบบนี้ไม่หนักเหรอ” ว่าที่คุณหมอ ลงจากอ้อมแขนของนายช่างสมชาย และเดินขึ้นกระท่อมก่อนจะนั่งลงท้าวคางมองคนที่เดินตามขึ้นมาและทิ้งกายลง นั่งเคียงข้าง

ดวงตาคมทอดสายตามองว่าที่คุณหมอที่เอ่ยถามและหัวเราะออกมาเสียงเบา
แคน.....เล่นนั่งจ้องตาแป๋วแบบนี้ จะให้ทำอะไรได้
นอกจาก ต้องจ้องตอบไปก็เท่านั้น

และเมื่อดวงตาคมของนายช่างสมชาย จ้องกลับไปที่ดวงตากลมโตใสแจ๋วของว่าที่คุณหมอ
แคนก็เลยทำเสียงโวยวายเข้าใส่

“อ๊ะ เอ็งมองแบบนี้น่ากลัว อย่าจ้องมากสิกระชาย ข้าเขิน แล้วเอ็งจะปล้ำข้าจริงเหรอ อย่าเพิ่งนะ เดี๋ยวทำใจแป๊บนึง ยังเขิน ๆ อยู่เลย ไม่เขินบ้างหรือไง”

เขินสิ ไม่ใช่ไม่เขิน เขินเพราะแคนทักนี่แหละ ถึงได้เขิน นายช่างสมชาย หัวเราะเสียงเบา แล้วก้มหน้าก้มตามองที่พื้นไม้ ก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าของคนที่หลงรักมานาน ค่อยขยับกายเข้ามานั่งใกล้ ๆ ว่าที่คุณหมอ ที่เริ่มจะเกิดอาการเกร็ง ๆ ขึ้นมากะทันหัน เอาแน่แล้วเหรอเนี่ย แบบนี้มัน ก็ดี แต่มัน แบบว่า.......อือ....ยังไงดีล่ะ

“จูบได้มั้ย” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถาม มาพร้อมกับแววตาเว้าวอน นั่นทำให้แคนถึงกับต้องรีบหันไปมองทางอื่น อย่ารุกเร็วสิ ข้าทำตัวไม่ถูก เล่นจ้องเอาจ้องเอาแบบนี้ คนเก่งอย่างข้า ก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ ไม่ใช่ว่าข้าจะเก่งไปหมดทุกเรื่องซะหน่อย แบบนี้ ก็อายเหมือนกัน ไม่ได้มีสอนไว้หนังสือ จะให้ตอบว่ายังไงล่ะ ถ้าตอบผิดจะโดนหักคะแนนมั้ยเนี่ย
ใบหน้าเนียนขาว ก้มหน้าก้มตา นิ่งคิดอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้า แบบไม่ค่อยมั่นใจนัก จูบเลยเหรอ เริ่มแบบนี้เลย ก็ ก็ คงได้มั้ง ถ้าจูบ ก็คงได้ กลัวสอบไม่ผ่านเหมือนกันล่ะ แต่ก็.....แคนซะอย่าง...เรื่องแค่นี้ไม่เห็นกลัวเลย

ร่างที่นั่งอยู่เคียงข้าง แตะมือไปที่ไหล่ของร่างโปร่งบางที่นั่งเกร็ง แล้วประคองให้หันมาเจอหน้ากัน ดวงตากลมโตหรุบต่ำ เกิดอาการไม่กล้ามองหน้าของนายช่างสมชายขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ยังพูดได้ฉอด ๆ ไม่ยอมหยุด
แต่พอโดนจ้องแล้ว อยากจะผละหนี เพราะเหมือนกับว่าไม่ใช่ตัวของตัวเอง มันไม่มั่นใจ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาดื้อ ๆ

ใบหน้าคมที่โน้มลงมาทำให้ ว่าที่คุณหมอ ต้องปรือตาหลับลงช้า ๆ ทั้งที่อยากจะหันหน้าหนี แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ
รอรับสัมผัสแผ่วเบา นิ่มนวลที่ที่ประทับลงมาที่ริมฝีปาก

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย จูบแล้วอ่ะ จูบแล้ว อื้อ ทำยังไงดี ทำยังไงดี

ภายในสมองของว่าที่คุณหมอ กำลังประมวลความคิด ทั้งที่ร่างกายขยับไม่ได้ เหมือนถูกสะกดให้ร่างกายหยุดนิ่ง
ความรู้สึกทั้งหมด หยุดชะงักเป็นช่วง

จูบแล้ว จูบแล้ว แล้วคราวนี้ จะเป็นยังไงต่อไป ฮือ ทำตัวไม่ถูกแล้ว จะให้ทำยังไงต่อไปดี ยิ่งคิดก็ยิ่งมึนงง
ร่างโปร่งบางสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น คิดนั่นคิดนี่ จนไม่รู้จะทำยังไง กลัวก็กลัว แถมยังรู้สึกแปลก ๆ

ไม่มีการล่วงเกินให้รู้สึกตื่นตระหนก แต่เป็นเพียงการแตะริมฝีปากนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นเป็นนาน จนเมื่อปรือตาตื่นขึ้น แล้วถึงได้หน้าแดงซ่านกันทั้งคู่ แต่ดวงตายังคงสบตากันนิ่งงันอยู่อย่างนั้น

“คือว่านะ....” ร่างสูงผิวคล้ำแดด เรียบเรียงคำพูดในสมอง แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ไม่ต่างจากแคนที่ได้แต่นั่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับร่างกาย เพราะความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับ มันเต็มตื้น และอยากจะลิ้มลองอีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ทำได้แค่เพียงนิ่งงันอยู่อย่างนั้น

จริงหรือ เปล่า ที่วันนี้ไม่ใช่ความฝัน ไม่อยากจะเชื่อ เวลาที่รอคอยมาเนิ่นนาน วันนี้แน่แล้วเหรอ ที่แคนเปิดใจรับความรู้สึกกันแล้วจริง ๆ

จริงหรือเปล่าที่วันนี้ คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ตอบรับความรู้สึกแล้ว เหมือนความฝัน ฝันมานาน ฝันจะได้รับความรักที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ ฝันว่าแค่ให้แคนมองเห็น แค่เพียงนิดเดียว

แต่วันนี้ สิ่งที่ได้รับ มันยิ่งใหญ่ เกินกว่าที่หวังเอาไว้

มันทำให้หัวใจเป็นสุข เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข คุ้มค่ากับการรอคอยที่ยาวนาน

แคน.........รู้มั้ยว่าคน ๆ นี้ รักแคนมากแค่ไหน และรอคอยมานานแค่ไหน
เพราะว่ารัก ถึงได้รอ รอทั้งที่ไม่มีความหวังอะไรเลย แล้ววันหนึ่ง แคนที่แสนห่างไกล ก็หันกลับมา

ฝ่ามืออบอุ่น เลื่อนขึ้นประคองที่ใบหน้าของคนตรงหน้า อย่างทะนุถนอมอ่อนโยน อยากรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แค่อยากรู้
ว่าสิ่งที่เห็น เป็นจริง

“แคน....รักไอ้กระชายคนนี้หรือเปล่า......รู้มั้ยว่าไอ้คนที่สอบได้ที่โหล่ในห้องคนนี้ รักแคนมากแค่ไหน
แคน.....ทำให้ชื่นใจหน่อยได้มั้ย....แค่บอกว่ารัก....อยากจะฟัง อยากจะได้ยินให้ชัด อยากให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
แค่คำเดียวเท่านั้น....รักมั้ยแคน...แคนรักคน ๆ นี้มั้ย”

เพราะคำพูดแสนอ่อนโยน เพราะท่าทางร้อนรนกระวนกระวายที่อยากจะได้ยิน แค่คำ ๆ เดียว ทำให้ว่าที่คุณหมอ
อมยิ้ม ปลดมือที่ประคองใบหน้าของตัวเองออก ก่อนจะแกล้งขมวดคิ้วมุ่น และทำเหมือนครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่

นั่นทำให้หัวใจของนายช่างสมชาย ไหววูบ หรือว่าแคนจะ............

“เฮ่อ เบื่อ....” เสียงถอนหายใจ และแกล้งทำหน้าเซ็ง ของแคน ทำให้นายช่างสมชายตกใจ

ฝันสินะ นี่คงเป็นความฝันอีกแล้ว ความฝันที่ถ้าสะดุ้งตื่น คนที่แสนรักก็จะจางหายไปอีก แต่แม้มันจะเป็นความฝัน
แคนก็ยังไม่รักกันสักนิด หรือยังไง

ใบหน้าคมที่ก้มหน้าลง ยิ่งทำให้ว่าที่คุณหมอ อยากจะหัวเราะให้ดัง ๆ
กระชายเอ็งมันสอบได้ที่โหล่ จะมาตามทันข้าได้ยังไง ข้าเก่งกว่าเอ็งอยู่แล้ว จะให้มาพูดอะไรง่าย ๆ ก็ไม่ใช่ข้าน่ะสิ

“กระชาย...ข้านะซ้อมพูดว่ารักเอ็งมาเป็นพัน ๆ รอบแล้ว เนี่ยแล้วพอจะให้ข้าพูดจริง ๆ เอ็งก็จะให้ข้าพูดแค่ครั้งเดียว
แบบนี้ ข้าก็ซ้อมพูดฟรี ๆ น่ะสิ เบื่อจังเลย”

แค่เพียงคำพูดหยอกล้อของว่าที่คุณหมอ กลับทำให้ใบหน้าที่หม่นหมองต้องรีบเงยหน้าขึ้น และหัวเราะออกมาอย่างดีใจ

แคน

แคน

แคน คุณหมอนะคุณหมอ ทำให้ใจหาย แล้วยังมาหัวเราะอีก แบบนี้นี่.......มันต้อง...
ยังไม่ทันได้คิด ยังไม่ทันได้กอด แต่ร่างโปร่งบาง กลับกระหวัดเรียวแขนโอบรัดรอบลำคอแกร่งของนายช่างสมชาย
ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเบา ทั้งที่รู้สึกว่า ใบหน้าแดงซ่านและหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะคำพูดของตัวเอง

“จะให้บอกว่ารักกี่พันคำก็ได้.....แต่คืนนี้ต้องมีอะไรเป็นของตอบแทนด้วยนะ....ถ้าตอบแทนแล้วไม่พอใจ...คอยดูเถอะจะไม่พูดอะไรเลย”

TBC…
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 20-12-2008 05:42:48
สวัสดีทุกคนครับ เรื่องนี้ทางคุณเท็นลงไว้เท่านี้ครับ 26 ตอน คงต้องรอต่อไปว่าเขาจะเอามาลงเมื่อไหร่ ถ้ามีความก้าวหน้ายังไงจะมาลงแจ้งครับ ผมยังมีอีกเรื่องของคุณเท็นที่ขอไว้คือ ยุ่งนักรักซะ เรื่องนี้จบแล้วนะครับ ผมเองก็ดันพลาดที่ลง เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา ก่อน ทั้งที่ตอนแรกว่าจะลง ยุ่งนักรักซะ ก่อน เพราะมันจบสมบูรณ์แล้ว ยังไงก็ตามอ่านนะครับ ส่วนเรื่องนี้ก็ต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้รอ แล้วเจอกันครับ
 :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 20-12-2008 05:53:31

103 + 1 = 104
ขอบคุณนะคะ คุณ kamui1972

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 20-12-2008 07:11:21
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 20-12-2008 07:23:47
โหยคุณเท็นจบตอนได้ค้างมากมาย  รีบมาเขียนต่อไว ๆ นะครับ

ขอบคุณคุณคามุยมากมาย ที่นำมาให้อ่าน  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 20-12-2008 09:43:47
กำลังหวานขนาดนี้ อ่านไปเขินไป 55555+ :-[
ไม่เป็นไรค่ะรอได้เสมอ ยังไงก็จะอ่านเรื่องอื่นๆไปก่อน
ขอบคุณค่ะคามุย :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Kipper ที่ 20-12-2008 10:11:02
ถึงแม้ว่าคุณเท็นจะแต่งไว้แค่นี้

แต่ก็รู้สึกได้ว่าเรื่องราวมันก็สมบูรณ์ในตัวแล้วนะครับ

ขอบคุณครับ kamui0972
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: LEO ที่ 20-12-2008 10:23:39



+1 สำหรับคนขยันครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: TinaJunior ที่ 20-12-2008 12:36:40
รอได้คับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 20-12-2008 13:54:12
หวานชื่นนนนนนนนนนนนนน....
คนอ่านก็เขินเป็นเหมือนกันนะ..
อ่านไปเขินไป...
ดีใจไปกับความรักของทั้งคู่ด้วย..
:m1:

นานแค่ไหนก็จะรอ...
ขอบคุณคุณเท็น คุณคามุย ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: tatum1234 ที่ 20-12-2008 16:51:44
 :impress2: หุหุหุ นายช่างกะคุณหมอ น่าร๊ากกกกกกกกกกก ได้ใจ




 :L2:บวกหนึ่งเป็นกำลังใจ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆด้วยนะคร๊าฟ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 20-12-2008 17:28:52
ขอบคุณคร่า

ยังไงก็รออ่านจนจบนะคะ

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 20-12-2008 22:48:54
โอ้วขอบคุณมากครับ เรื่องนี้น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 21-12-2008 09:51:12
 :กอด1:


อบอุ่นดีจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 21-12-2008 11:42:53
อร๊ายยยยยย  ...   น่ารักจังเลย

ถึงตอนนี้รักกันแล้ว ~!!   นานแค่ไหนก็รอได้  ^__^

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 23-12-2008 21:28:05

เข้ามารอด้วยคน อิอิ  :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 24-12-2008 12:55:25
น่ารักจังเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Koa-ka ที่ 24-12-2008 13:58:00
สวัสดีครับ

โอ้...  รักกันนะๆๆๆๆๆ
รอได้ครับ ยินดีที่จะรอ

ขอบคุณและจะติดตามครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 24-12-2008 18:45:57
(http://i200.photobucket.com/albums/aa319/teerak_photos/Merry_Christmas_Glitter_Wreath.gif)
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 25-12-2008 11:53:08
(http://i367.photobucket.com/albums/oo111/taan19/DSC_5031.jpg)
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: ISACBTMN ที่ 27-12-2008 07:57:08
มารอและเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: M@nfaNG ที่ 27-12-2008 09:05:36
มาสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ ปีหน้าคงได้อ่านต่อเนอะ :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 29-12-2008 01:41:29
เข้ามาดัน


อึ๊บๆๆ


 :m18:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 29-12-2008 05:59:04
สวัสดีครับ ขอโทษด้วยที่หายไปไม่ได้เข้ามาตอบอะไรเลย ตอนนี้คุณเท็นยังไม่ได้เขียนตอนต่อเลยครับ คงต้องรอต่อไป ถ้ามีความคืบหน้ายังไงจะมาแจ้งอีกครั้งครับ

 :L1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 02-01-2009 18:30:52
จ้า

สวัสดีปีใหม่คนโพสน้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 02-01-2009 21:15:18
ขอบคุณที่เอามาโพสต์ให้นะคะ

นิยายสนุกมากเลย

รอลุ้นให้คุณคนเขียนมาต่อเร็วๆ เนอะ

อยากตามความหวานของนายช่างกับคุณหมอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: DEVIL nures ที่ 02-01-2009 21:19:18
 :t3:  รอนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 13-01-2009 22:43:01
คิดถึงหมอแคนกะนายช่าง...
.........โอม.......
ขอให้คุณเท็นองค์ลงไวๆ..
 :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: shiawase ที่ 14-01-2009 15:25:15
อะไรจะน่ารักกันขนาดนี้

แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้วววววววววววววววว  :z3: :z3:

คุณเท็นจ๋า  คุณคามุอิจ๋า

ได้โปรด  ให้องค์ประทับเร็วๆด้วยเถอะ

เค้าอยากอ่านแล้วววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 14-01-2009 19:32:44
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 19-01-2009 17:04:14
ขอมาเข้าคิวรอด้วยคนนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 19-01-2009 17:14:34
ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยครับ คุณเท็นองค์ยังไม่ลงเลย รอต่อไปเท่านั้น   :m15:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 19-01-2009 19:12:53
นานแค่ไหนก็จะรอ  :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 23-01-2009 09:30:11
น่ารักมากอุตส่าห์มาส่งข่าว
รอได้จ้า
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 23-01-2009 17:58:51
น่ารักมากคับ   :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: loveyous ที่ 27-01-2009 01:38:28
มา  :call:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 27-01-2009 04:16:41
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: R@!nY~==~N!GhT ที่ 09-02-2009 14:10:09
มาดันทู้

ไม่ต่อซักที

รอจนแก่แร้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 09-02-2009 23:13:02
:z13: มาจิ้มเจ้าของกระทู้ด้วยความคิดถึง

บายดีป่าววคามุยo(>_<)o
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: R@!nY~==~N!GhT ที่ 13-02-2009 01:54:59
^
^
^
จิ้มแนน  กะ คามุย
เมื่อไรจะมาต่ออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 15-02-2009 18:24:40
ขอโทษด้วยครับที่ไม่ค่อยได้เข้ามาตอบเท่าไหร่ ช่วงนี้วุ่นๆ ครับ ที่เข้ามาวันนี้เพราะจะมาแจ้งข่าวความคืบหน้าของนิยายที่คุณเท็นเขียนค้างๆ เอาไว้ ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีที่ว่าเราจะได้อ่านต่อในไม่ช้านี้ คุณเท็นลงไว้อย่างนี้นะครับ เอามาให้อ่านกัน

13 กุมภาพันธ์ 2552

เรื่อง เหตุผลของการไม่เขียนนิยายให้ต่อเนื่อง

เรียน ท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน

เนื่องด้วยข้าพเจ้า มีเหตุผลจำเป็นบางประการที่ทำให้ไม่สามารถเขียนนิยายได้อย่างต่อเนื่อง

ตลอดสองปีมานี้

และข้าพเจ้าได้ไตร่ตรองดูแล้วหลายตลบว่าจะใช้เหตุผลอะไรมาเป็นข้ออ้างจะได้ดูดี และถือว่ามีเหตุอันควร

และที่คิดเอาไว้ก็คือ

1. ข้าพเจ้าจะบอกว่าไปเรียนต่อภาษาเขมรที่ต่างประเทศดีหรือไม่ จะได้ดูมีสกุลรุนชาติเหมือนมีเงินมีทองไปเมืองนอกเมืองนา และเป็นเหตุผลที่ดีที่ทำให้ผู้อ่านไม่รู้สึกติดใจเอาความ เพราะคนเขียนไปเรียนภาษาเขมรจริง ๆ ไปเรียนอักขระวิชา และกฎของการเรียนภาษาเขมร คือห้ามเขียนนิยายอะไรทำนองนี้

2. อ้างว่า งานยุ่ง ยุ่งมากไม่มีเวลาทำอะไรคิดนิยายไม่ออก ทั้งที่วัน ๆ งานไม่ได้ยุ่งเลยซักนิด ถึงเวลาก็กลับบ้านนอนแล้ว คิดไปคิดมาก็เห็นว่าดีเหมือนกัน แต่แย่หน่อยที่มันจะเป็นข้ออ้างที่เป็นการเลียนแบบคนอื่นจนเกินไป มันไม่ค่อยเข้ากับคนติสแบบข้าพเจ้าซักเท่าไหร่

3. อ้างว่า ป่วย....ซึ่งไม่เคยป่วยเลย นอกจากเป็นบ้า และหมอบอกว่าหายดีแล้ว ไปใช้ชีวิตปกติเหอะ เดี๋ยวคนในโรงพยาบาลบ้าเขาจะยิ่งบ้าเพราะเอ็ง

4. คอมพิวเตอร์ติดไวรัส มีปัญหา เพราะโหลดเวปโป๊กับหนังโป๊มากเกินไป คิดไปคิดมาก็ดูเข้าท่าดีเหมือนกันทั้งที่ในความเป็นจริงไม่เคยโหลดหนังโป๊ เพราะกลัวไวรัส ให้ซื้อแผ่นก็ไม่ยอมซื้อ เปลี่ยนเป็นการขอแผ่นไรส์จากผู้มีอุปการะคุณท่านอื่น ๆ แทน เพราะเกรงว่าหน้าของดาราหนังโป๊ที่มีอยู่แล้วจะซ้ำกัน

5. มีปัญหาบางประการที่ไม่สามารถบอกให้คนทั้งโลกรับรู้ได้ แต่ชีวิตนี้ไม่เคยมีปัญหาชีวิต แล้วจะทำยังไงถึงจะเนียน

6. กลับบ้านนอก ไปเลี้ยงเป็ด บ้านนอกกันดารมาก ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต แต่มันจะเกินไปหรือเปล่า เพราะวันก่อนที่กลับบ้านไป ยังเห็นหลานทำไฮไฟว์อยู่เลย เล่นไฮไฟว์ไม่เป็น อิจฉาหลาน แบบนี้มันจะดูเหมือนที่บ้านยังไม่พัฒนาและดูเหมือนมีภูเขาอยู่หน้าบ้านจน เกินไป เสียชื่อตำบลที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนหมด

7. อ้างว่าถูกลอกผลงาน ไม่มีกำลังใจ เครียดมาก ไม่อยากเขียนอะไรอีกต่อไปแล้ว อันนี้ก็ทำไม่ได้อีก เพราะประกาศไปแล้วว่า เชิญลอกงานผมไปเลยก๊าบบบบบ จะเอาไปโพสที่ไหนก็เอาไปเหอะก๊าบบบบบ แค่อย่าเอาไปทำเป็นหนังสือก็พอ ผู้มีอุปการะคุณก็รู้เห็นกันดี แถมยังเป็นหูเป็นตาช่วยสอดส่องให้อีก

แล้วจะใช้เหตุผลอะไรดีมาเป็นข้ออ้าง สุดท้ายก็ได้ไอเดียที่ไม่เหมือนใคร และคงยังไม่มีใครใช้ นั่นก็คือ

เนื่องจากเมื่อสองปีก่อน ข้าพเจ้าเข้าใจว่าตัวเองเป็นโรคติดเน็ท และดูเหมือนจะติด

จนเข้าขั้นรุนแรง ใช้อินเตอร์เน็ตมากกว่า 16 ชั่วโมงต่อวัน โดยส่วนใหญ่ใช้ในการเขียนนิยาย

อาการที่สังเกตุได้คือข้าพเจ้ารู้สึกกระวนกระวายใจ หากไม่ได้เข้าใช้อินเตอร์เน็ตจะทำให้ข้าพเจ้ามีสภาวะเออเร่อ ผลที่ตามมาคือขาดการใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลรอบข้าง ไปไหนไม่ค่อยได้ เพราะจะห่วงและเป็นกังวล ต้องรีบกลับมาอ่านคอมเม้นท์ว่าตอนนี้มีคนด่าว่าหรือชื่นชมหรือกระแนะกระแหน หรือทวงหนี้ หรือ ทวงค่าหวยไปถึงไหนแล้ว

อันเป็นสาเหตุให้ข้าพเจ้า

รู้สึกเซ็งกับชีวิตตัวเองมาก ข้าพเจ้าจึงใช้วิธีหักดิบพยายามไม่ใช้เน็ต ซึ่งทำได้นานที่สุดสามวัน และกลับมาติดเหมือนเดิม พยายามเลิกแล้วหลายครั้ง แต่เลิกไม่ได้ซักที

แต่ผ่านมาแล้วสองปี หลังจากข้าพเจ้าลองมาหลายวิธีเช่น

1.หันไปเช่าหนังสือการ์ตูนจีนที่เป็นชุดมาอ่าน อ่านไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายสามารถอ่านติดกันได้จนจบหมดทั้งร้านที่ให้เช่าจนไม่มีอะไรจะอ่าน แล้ว

2.หันไปเช่าหนัง เช่าการ์ตูนมาดู จนปัจจุบัน ดูหนังดูการ์ตูนจนหมดร้านเช่า และคิดว่าคงถึงเวลาต้องสร้างหนังไว้ดูเองซะทีดีมั้ย

การทำอย่างนี้เป็นสิ่งที่ดี และทำให้ข้าพเจ้าเริ่มมีใจออกห่างจากอินเตอร์เน็ตได้ และสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องสนใจอินเตอร์เน็ตมากจนเกินไป

ปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้ามีสุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรงดี และรู้สึกว่าได้รักษาโรคติดเน็ตให้หายได้แล้ว

ข้าพเจ้าไม่รู้สึกกระวนกระวายใจ และสามารถเอาเวลาที่หายไป ไปใช้ทำอย่างอื่นได้แล้ว

สุดท้ายข้าพเจ้าเพิ่งสำนึกได้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ติดเน็ต แต่เป็นโรคติดนิยายที่ตัวเองเขียน

เพราะถึงแม้จะไม่ได้เขียนนิยายในเน็ต แต่ในหัวของข้าพเจ้าก็มีเรื่องราวเยอะแยะเต็มไปหมด เรื่องที่ท่านถาม ๆ กัน

บางเรื่องมันจบไปหลายรอบ หลายแบบแล้ว แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้ลงมือเขียน ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่เพราะขี้เกียจพิมพ์

และขี้เกียจเรียบเรียงเป็นคำพูดนั่นเอง

การคิดอยู่ในหัวมันดีที่ว่า เป็นภาพเป็นคำพูด เป็นความรู้สึกออกมาเลย ไม่ต้องบรรยายหรือเขียน หรือเรียบเรียงสติ

ดังนั้น หลังจากที่ข้าพเจ้าคิดว่า พอแล้วกับการไปทัศนาจร ไปทำนั่นทำโน่นทำนี่ เรื่อยเปื่อยมานาน

คงจะถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะกลับมาเขียนนิยายให้มันเป็นเรื่องเป็นราวซะที หลังจากที่หายไปนานสองนาน สามนาน

แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่อยากรับปากท่านผู้มีอุปการะคุณแต่อย่างใด เพราะไม่รู้ว่าอารมณ์ติสจะมาสิงสถิตข้าพเจ้าในเวลาใดอีก ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอเวลาไปกำจัดอารมณ์ติสประมาณหนึ่งเดือนท่าจะดี หรืออาจจะเร็วกว่านั้น อันนี้ก็แล้วแต่ว่าจะกำจัดอารมณ์ติสได้เร็วแค่ไหน ไม่ใช่ปลวกไม่ใช่แมลงสาปนะครับจะได้ใช้ยาฉีดสองสามทีแล้วหาย

แต่ระหว่างนี้ท่านก็ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ข้าพเจ้าจะมาอัพนั่นโน่นนี่เหมือนเดิม แต่จะมาเป็นพัก ๆ แค่นั้น ไม่ได้หายไปไหน ขอให้ท่านได้โปรดเข้าใจว่าข้าพเจ้ากำลังพยายามขจัดอารมณ์ติสอยู่ประมาณนั้น

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

แล้วคอยพบกันนะครับท่านผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน
คาดว่าจะแล้วเสร็จโครงการประมาณมีนาคม นี้เป็นต้นไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: โน๊อา ที่ 15-02-2009 20:10:20
เป็นเพราะได้เป็นผู้มีอุปการคุณ

คิก คิก คัก คัก เลยยังรอได้อยู่ ขอบคุณมาก ที่มาส่งข่าวให้จ้า  o13

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: PEAK ที่ 18-02-2009 21:19:22
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่คอยติดตามรายงานความคืบหน้า นะครับ  .. บวก 1 ครับ

เป็นกำลังใจให้คุณเท็นครับ  ..  ดีใจ และ ขอบคุณ นะครับที่จะกลับมาเขียนเรื่องต่อ ... อยากอ่านมากมายครับ ^__^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 19-02-2009 05:36:19
อีกไม่นานเราก็จะได้อ่านเรื่องนี้กันต่อแล้วใช่ไหม  :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: HaLF333 ที่ 10-03-2009 15:18:17
เป็นแถลงการณ์ที่อ่านแล้วชื่นใจมั๊กกกกกกกก....

ถึงจะยังตามสโตรก ตามอ่านนิยายเก่าของคุณเท็นไม่ครบ...
แต่ก็อยากอ่านเรื่องใหม่อยู่เสมอ...
ที่สำคัญเรื่องเก่าที่ค้างไว้...
ตั้งตารออ่านอยู่ตลอด..

หุหุ..
มีกำลังใจรอต่อ..
เพราะคุณเท็นยังไม่ได้ทิ้งไปไหน..
 :กอด1:

ขอบคุณคามุยจังที่มาส่งข่าวด้วยค่ะ..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 10-03-2009 22:30:50
^

^
จิ้มมัสสสสสสสสส



แล้วมา :z2:คิดถึงเจ้าของกระทู้ที่ชื่อพี่คามุย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: R@!nY~==~N!GhT ที่ 17-03-2009 02:33:18
^

^

^

จิ้มแนน

ยังไม่มา

อาเมน
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Donald~duck ที่ 26-03-2009 16:01:50
เรืื่่องน่ารักมากมายยยยย  :o8: :-[

รออ่านตอนต่อไปน้าาาา  :man1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 26-03-2009 22:43:41
ยังรออ่านอยู่เสมอ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 26-03-2009 22:46:29
วิ่งมาด้วยความเร็วสูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

มากระโดดกอดพี่คามุย

พี่คามุยหายไปไหน แนนคิดถึง






อร้ายยย แนนโดนจิ้ม จิ้มเบาๆนะคะ แนนเจ็บ อ๋อยยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 05-05-2009 00:14:38
ยังรออยู่น่ะค้าบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: runglovely3 ที่ 07-05-2009 16:20:49
มารอต่อไป :z1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 07-05-2009 20:34:08
คงต้องรอต่อไปก่อนนะครับ เพราะคุณเท็นยังไม่เขียนต่อเลย แต่คิดว่าคงไม่นานเหมือนก่อนแล้วครับ เห็นคุณเท็นกำลังพยายามลงเคลียนิยายที่เขียนไป ก็คละกันไป หวังอย่างยิ่งว่าจะวนกลับมาเจอเรื่องนี้บ้าง ยังไงถ้ามีความคืบหน้ายังไง จะมาแจ้งให้ทราบนะครับ ขอบคุณแทนคุณเท็นด้วยนะครับ ที่ตามอ่านเรื่องของคุณเท็นมาเรื่อยๆ ถ้ารักกันจริงก็ต้องทนรอกันหน่อยครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 07-05-2009 20:56:13
รอได้อยู่แล้วสำหรับเรื่องนี้คร้าบ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kittyfun ที่ 09-05-2009 00:42:48
มาร้องเพลงรอฆ่าเวลาค่ะ

คุณเท็นยังไม่มาต่อเรื่องนี้อีกเหรอคะ

เอาเถอะจะอ่านของดีก็ต้องอดทนรอ

เดี๋ยวแมวปัดฝุ่นที่เสื่อแล้วนั่งรอต่อนะคะคุณแนนขา
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: vin2526 ที่ 10-05-2009 20:56:40
ยังรออยู่เสมอครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: R@!nY~==~N!GhT ที่ 11-05-2009 00:57:34
รอคอยเธอมาแสนนาน~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 12-05-2009 21:35:28
มานอนกลิ้งไปกลิ้งมา

รอด้วยคนนะคะพี่คามุย

มาแล้วปลุกแนนด้วยน๊า :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-05-2009 15:43:27
มีที่ว่างๆ ให้รออีกสักคนไหมครับ?

คุณเท็นเขียนเรื่องไหนๆ ก็สนุก น่าติดตามเป็นที่สุดเลย

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: TOPnaKrab ที่ 23-06-2009 12:21:00
มานั่งรอด้วยคนครับ
เห็นด้วยกับรีบนครับ
คุณเท็นเขียนนิยายเรื่องไหนก็สนุกสุดๆไปเลย
^___^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: ppangg ที่ 10-07-2009 13:18:41
มองผ่านนิยายเรื่องนี้มาซะนาน
เพราะมีคนบอกว่า อย่าไปอ่านเลย
เพราะมันยังไม่จบ แล้วคุณเท็นก็ยังไม่ต่อ
แต่ไปๆ มาๆ ก็เข้ามาอ่านจนได้
แล้วก็คิดว่า น่าจะเชื่อที่เขาบอกตั้งแต่แรกอ่ะ
เพราะตอนนี้จะลงแดงตายแล้ว
เหอๆๆๆๆๆๆๆๆ

ติดนิยายเรื่องนี้มากมาย
รอคุณเท็นมาต่อนะคะ ^-^
ขอบคุณคนโพสด้วยค่ะ ^-^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: SOBANG✖ ที่ 19-11-2009 23:36:31
ไม่รู้จะพูดยังไง

แค่อยากบอกว่า

คุณมันเจ๋งจริง สุดๆ

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: harusame ที่ 23-11-2009 00:26:15
ง่าาาา มาหลอกให้อยาก(อ่าน)แล้วจากไป
จายร้ายยยจิงงจิงงงงง
รอ ร้อ รอ มาปูเสื่อรออจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 01-12-2009 07:01:43
คุณเท็นกลับมาแล้ว

หวังว่าจะได้อ่านเรื่องนี้ต่อนะคร้าบ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: aekporamai2 ที่ 20-12-2009 23:54:37
เป็นเรื่องราวที่ทำให้ต้องยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วเลครับ
ขอบคุณมากสำหรับเรื่องราวที่สนุก..อิ่มเอม..และภาษาที่บรรยาย..บอกได้ว่าสุดยอดมากๆครับสำหรับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: yayu ที่ 25-12-2009 21:49:55
ตามอ่านรวดเดียวจบ

เรื่องราวสนุก น่ารักมาก

คุณหมอก็ดื้อมากๆ ต้องให้นายช่างปราบ..
รอติดตามต่อต่อไปนะคะ    :pig4:

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 26-12-2009 00:19:36
 :z2:ก๊อก ก๊อก

พี่คามุย

แนนอยากอ่านตอนต่อไปอ่ะ



หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 26-12-2009 12:23:56
:z2:ก๊อก ก๊อก

พี่คามุย

แนนอยากอ่านตอนต่อไปอ่ะ





พี่ก็อยากอ่านต่อมากๆ เลย แนน ทำไมได้ล่ะ เรื่องของแนนยังได้ต่อแล้ว เรื่องของพี่ยังเงียบหายอยู่เลย
รอต่อไปก่อนนะจ๊ะน้องรัก ถ้าผู้เขียนยังไม่ตายเสียก่อน เราคงได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: k[1mE]:D ที่ 27-12-2009 11:21:18
ขอบคุณที่นำมาลง

เรื่องนี้น่ารักมากเรยยยย

หลงรักนายกระชายจัง 555

แคนนี้ก้อ้อนได้น่ารักจังเรยยย

รอตอนต่อไปค่ะ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 27-12-2009 12:14:49
รอด้วยคน
เป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่รออ่าน
 :z2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** ตอนพิเศษ Update
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 28-12-2009 09:10:45
เอามาต่อให้อ่านครับ อ่านตอนพิเศษไปก่อนนะครับ ตอนหลักยังไม่มาเลย

ต้องขอบคุณเท็นที่มาต่อตอนพิเศษให้นะครับ
:pig4:



เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา ภาคพิเศษ หิวข้าว

“เออแคน ถามอะไรหน่อยสิ”
อะไรของมัน อยู่ดี ๆ ทำหน้าจริงจัง นอนอยู่บนพื้นดี ๆ ดันลุกพรวดพราดขึ้นมานั่งแล้วก็ทำเหมือนอกสนใจกับสิ่งรอบตัวขึ้นมาแบบรวด เร็วทันใจ
“จะถามอะไรนักหนาวะ เอ็งมีอะไรก็ว่ามา ไม่เห็นเหรอว่าข้าต้องอ่านหนังสือ จะถามอะไรไม่รู้จักเกรงใจ”
อ่า
แล้วนายช่างสมชายหน้าคมผิวเข้มก็มีอันกลายเป็นหมาหูลู่หางตก เมื่อพบว่า ว่าที่คุณหมอหันมาเอ็ดใส่ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออย่างมุ่งมั่นไม่สนใจไยดีกันเลยสักนิด
ได้มาอาศัยนอนหลับพักแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนออกเดินทางไกล
แต่ไม่เห็นว่าที่คุณหมอจะสนใจหรือใส่ใจ ทำเป็นนิ่งเฉย แล้วก็เห็นนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด และใช้สายตาจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือไม่วางตา
แคนมันเก่ง
เรียนหนังสือเก่ง ยากขนาดนั้นยังเรียนได้ คงไม่มีทางทำได้แบบแคนหรอก
ลุกขึ้นนั่งและหยิบหมอนมากอดแล้วก็นั่งมองว่าที่คุณหมออ่านหนังสือ
ไม่กล้าจะรบกวนอีก ไม่กล้าจะถามอะไรให้มากความ
แล้วในเวลาไม่นานก็เห็นว่าที่คุณหมอหันมาจ้องหน้า แล้วก็ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง
หรือจะไม่พอใจที่มาอาศัยพักด้วย อาจเป็นได้ เพราะว่าทำให้ความเป็นส่วนตัวหายไป
แคนมันคงจะอึดอัดใจ แต่ไม่อยากพูดอะไรมากแค่นั้น
“เมื่อไหร่เอ็งจะนอน เอ็งจะนั่งมองหน้าข้าอีกนานมั้ย ไม่มีสมาธิ”
ไม่มีสมาธิ
นั่นคงเป็นเหตุผลหลัก ที่ทำให้แคนหงุดหงิดจนต้องทำเสียงฮึดฮัดเพราะไม่พอใจแน่ ๆ
นายช่างสมชายได้แต่นิ่งเงียบ กำลังใจเหลือศูนย์เข้าขั้นติดลบ นั่งเงียบและสุดท้ายคิดได้ว่าไม่ควรเป็นภาระให้อีกฝ่ายนาน ๆ ควรจะต้องทำอะไรสักอย่างได้แล้วเพื่อไม่ให้แคนต้องรำคาญไปมากกว่านี้
เอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดวางทิ้งไว้ข้างหมอนแล้วก็สวมเข้าที่แขน
เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่แคนก็ยังไม่นอน ขืนอยู่อีกหลายนาทีคงเป็นการบกวนยิ่งขึ้น
ไม่เป็นไรถ้าจะเดินทางตอนนี้ ไปถึงก็สว่างพอดี แล้วค่อยไปอาศัยหลับเอาระหว่างทางก็คงพอไหว
“เออ แคน งั้น ข้าไปนะ ขอบใจเอ็งมากที่ให้ข้าอาบน้ำ ค่อยสดชื่นขึ้นมาหน่อย”
หือ
อะไร
ไปไหน ไอ้กระชายมันจะไปไหนของมัน ดึกดื่นป่านนี้จะไปไหน
หรือว่า.....ไม่ได้การซะแล้วแบบนี้ คิดจะชิ่งไปก่อนเหรอ ฝันไปเหอะ ยาก
“ขอบใจมากแคน ข้าไปนะ”
แน่ะ ไอ้กระชาย ทำทีเป็นเดินออกจากห้องเหรอ เอ็งอย่าหวังเลยว่าจะแอบไปคนเดียว ไม่มีทางหรอก ข้ารู้ทันเอ็งหมดแล้ว
“ไปข้างนอกเหรอ เอาข้าวต้มกับผัดผักบุ้งนะ แล้วก็เอายำไข่เค็มด้วย ขอบใจมาก เอ็งไขกุญแจเข้ามาเองนะ ข้าขี้เกียจลุกขึ้นไปเปิด”
ช่างเป็น คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ นายช่างสมชายถึงกับสะอึกจนต้องหันกลับมามองว่าที่คุณหมอที่ปั้นหน้าเฉย และกำลังทำเหมือนตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือ
เข้าใจมั้ย ว่าจะไปแล้ว
แต่แคนก็มาฝากซื้อข้าวต้ม หมายความว่ายังไง จะกวนกันหรือไง
แคนนี่มันเหลือเกินจริงๆ
ไม่ได้ตอบรับและไม่ได้ปฏิเสธ
ก้าวขาเดินออกจากห้องเงียบๆ และถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม
เมื่อไหร่แคนมันจะเข้าใจอะไรบ้าง เมื่อไหร่จะหันมามองกันบ้าง
ต้องให้รออีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่จะคิดสนใจกัน
แค่นิดเดียวก็ยังดี แต่นี่ไม่มีปฎิกิริยาอะไรเลย
มีแค่ความนิ่งเฉย และว่างเปล่า
จะทนแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน หรือที่ผ่านมายังรอคอยไม่พอ
ยังต้องให้รออีกนานแค่ไหนกัน แค่ไหนถึงจะพอ แล้วแค่ไหน ว่าที่คุณหมอถึงจะเข้าใจ
เดินเงียบ ๆ จนลงมาหยุดยืนนิ่ง ๆ ข้างรถที่จอดเอาไว้ และหันกลับไปมองหอพัก ห้องที่เปิดไฟอยู่เพียงห้องเดียวเพราะว่าที่คุณหมอยังคงมุ่งมั่นเอาแต่อ่าน หนังสือไม่ยอมเลิก
ไม่เคยสนใจไยดี
ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรให้เลยสักนิด
บางครั้งก็นึกท้อจนอ่อนใจ ยิ่งระยะทางห่างไกล ยิ่งไม่รู้จะทำยังไงถึงจะทำให้ว่าที่คุณหมอรับรู้ความรู้สึกบ้าง
ไขกุญแจรถและขึ้นไปนั่งประจำที่นั่งคนขับ เตรียมจะสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่ก็ต้องรีบหยุดเมื่อพบว่าเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นจากภวังค์
“แคน”
เห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาแล้วก็ต้องรีบกดรับแทบไม่ทัน ขืนชักช้าเดี๋ยวแคนจะโมโหจนลงไปชักดิ้นชักงอเอาได้ง่าย ๆ เพราะว่ารับโทรศัพท์ช้าทำให้ไม่ถูกใจ
“กระชาย ข้าว่าเอ็งน่าจะซื้อกับข้าวมาอีกสองสามอย่างนะ แค่นั้นไม่พออิ่มหรอก แล้วเอ็งก็ซื้อของเอ็งเผื่อมาด้วยเลย ตัวเอ็งขนาดนั้น ข้าว่าเอ็งต้องกินเยอะแน่ ๆ เดี๋ยวมาแบ่งจากข้า ข้าจะไม่อิ่ม”
สั่ง สั่ง สั่ง สั่ง สั่ง
ว่าที่คุณหมอพูดจายาวเหยียดไม่เปิดโอกาสให้ตอบรับหรือปฏิเสธเลยสักนิด
จนนายช่างสมชายต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยความกลัดกลุ้ม
นี่เข้าใจหรือเปล่า บอกว่าจะไปแล้วนี่เข้าใจมั้ย
“เออ.....เอ็งกลับมาเร็ว ๆ นะ...จะได้นอนเยอะ ๆ หน่อย พรุ่งนี้เอ็งต้องตื่นแต่เช้านี่นะ
ข้าไม่อ่านหนังสือแล้วล่ะ ข้าจะนอนพร้อมเอ็งแล้วกันนะ”
พูดอะไรของเขากันนะ
แล้วก็กดวางสายไปดื้อ ๆ ไม่มีการเว้นช่องว่างให้แสดงความคิดเห็นเลยสักนิด
ไม่เข้าใจ
สรุปได้ใจความว่าไม่เข้าใจ และไม่มีทางเข้าใจ
แค่คำพูดสั้น ๆ ง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคก็ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“เฮ่ออออออ” ยืนถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความกลุ้ม แล้วก็ต้องอมยิ้มกับตัวเองเงียบๆ ในความมืด
อย่ามาพูดแบบนี้หน่อยเลย
จะพูดแบบนี้ให้ดีใจหรือไง
อยู่ดีๆ ก็มาพูดจาน่ารักแบบนี้ แล้วจะให้ทางนี้เข้าใจว่ายังไง
ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็ได้แต่ก้มหน้ารับอย่างเดียว
หันกลับไปมองที่ระเบียงหอพักอีกครั้ง และเห็นว่าที่คุณหมอยืนโบกไม้โบกมืออยู่หน้าระเบียง และเปลี่ยนเป็นโบกมือไล่ให้รีบไปเร็ว ๆ
คราวนี้ก็เลยกลายเป็นต้องขมวดคิ้วมุ่นและกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้แทบไม่อยู่
ไม่รอดอีกตามเคย
กี่ครั้งแล้วที่เป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ไม่เคยขัดใจได้
อยากตัดใจแต่ทำไม่ได้ ก็เพราะแบบนี้
ก้าวขาขึ้นไปบนรถและสตาร์ทรถ จุดหมายไม่ใช่การเดินทางไกล แต่ที่ต้องทำคือเป็นพนักงานส่งอาหารดิลิเวอรี่ให้ว่าที่คุณหมอ
คิดแล้วก็ได้แต่กลุ้ม ต้องรีบไปเพราะกลัวว่ากลับมาแล้วไม่ทันใจ
จะไม่มีผ้าห่มให้ห่มนอน ในคืนนี้ คิดแล้วก็ได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเองเงียบ ๆ และหัวเราะออกมาเพราะนึกขำตัวเองอยู่ในใจ
“คอยดูเถอะนะ สักวันจะทำให้ร้องไม่ออกพูดไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมให้ทำตามใจบ้าง สักวันเถอะ สักวันหนึ่งคอยดูก็แล้วกัน”

Fin

หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: CanonDNattari ที่ 28-12-2009 09:34:13
ขอบคุณคนโพสและคนแต่ง

กำลังคิดเมื่อไำหร่คุณกระชายมันจะรุกสักที อ่านกี่ทีมันก็ไม่ทันคุณหมอสักที
เีรียนเมืองนงเมืองนอกมาแทนที่จะเชียวกว่านี้ นี่พ่อคุณซื่อจนเกือบเซ่อเลย  :z3:

หรือมันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์หว่า  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 28-12-2009 11:36:40


ขอบคุณคนโพสและพี่เท็นคนแต่งค่ะ


---------------------

สวัสดีปีเสือค่ะ


 :L1:




หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: kunkai ที่ 28-12-2009 12:54:03
 :pig4:ค้าบ
น่ารักตามเคย :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: teenza ที่ 28-12-2009 21:33:29
มอบ+ที่142 ให้เป็นกำลังใจกับคนโพสก่อนเลย

หุหุ นึกว่าตาฝาด
มีตอนพิเศษมาให้อ่านพอหายคิดถึง
น่ารักเหมือนเดิมคู่นี้
ขอบคุณ คุณเท็นและคนโพสคับ :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-12-2009 22:45:37
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: yayu ที่ 29-12-2009 00:30:10
ขอบคุณคนโพสต์และคนแต่งสำหรับตอนพิเศษค่า.. :pig4:

แคนก็ช่างไม่รู้อะไรเลยนะ หรือรู้แล้วแต่แกล้งมึนอ่ะ 

แต่ยังไงก็น่ารักกันทั้งคู่  :really2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: nanao ที่ 29-12-2009 07:12:14
ชอบคู่นี้จังเลยเนี่ย


ขอบคุณคร้าบคุณเท็นและคุณคามุย ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: pimkihae ที่ 01-01-2010 19:44:06
อ๊ายยยยย เรื่องนี้น่ารักมากก
อ่านไปก้อยิ้มไป ตายยๆๆๆๆ น่ารักเกิ๊นน
คุณหมอก้อน่ารัก แหม๋มม มีบอกรักกันก่อนด้วย
กระชายก้อมั่นคงจริงๆ 11ปีรอมาได้
รออีกหน่อยจะเป็นไรไปนิ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษด้วยนะค่ะ
เฝ้ารอให้คุณเท็นมาต่อตอนหลักด้วย
อยากอ่านต่ออีกจัง
ขอบคุณคุณเท็นและคุณคามุยมากๆนะค่ะ :pig4:
เรื่องนี้น่ารักถูกใจมั่กๆๆๆเลย   :กอด1:

Happy New Year 2010 ค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: Cha Ris Ma ที่ 09-01-2010 19:16:25
 :m31:อ๊ากกกกก
เพิ่งเห็นว่ามีตอนพิเศษ

หมอแคนแผนสูง
นายช่างก็แพ้ทาง
 :o8:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 12-01-2010 01:05:44
 o13

อยากอ่านต่อใจจะขาดเเล้ว...

ลุ้นมากมายว่า...จะจบเเบบไหน...


เอาใจช่วยทั้งคนเเต่งและคนโพส


 :bye2: :bye2: :mc4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: Nanzari ที่ 12-01-2010 09:15:43
อยากจะอ่านตอนต่อไปใจจะขาด

แต่ขอแว่บไปอ่านตอนพิเศษก่อนแล้วกัน

 :bye2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 02-02-2010 15:24:26
รอตอนต่อไปค่ะ
มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: ppangg ที่ 07-02-2010 15:52:03
หายคิดถึงไปได้หน่อยนึง
แล้วตอนหลักมาไวๆ นะคะ ^-^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: minchy ที่ 27-03-2010 16:09:57
หนุกมากเลย


รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: ๋JEFF ที่ 27-03-2010 16:57:40
กรี๊ดด   นายช่าง กระชายยย  กะ  หมอแคน


มาลง  อีกแล้วว


แวะอ่านอีกรอบบ     ค้างจากเท็นๆมา นาน มากโขข

แคนไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย กระชาย ซักทีีีี


. ...ฮือๆๆ




แคนน่ารักกก    :กอด1:

ขอบคุณ   คนแต่ง + คนโพาา จูบๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: ptyunjae ที่ 27-03-2010 17:21:33
นิยายของคุณเท็นสนุกทุกเรื่องเลยค่ะ
ขอบคุณคนที่โพสค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: Ken Ken ที่ 19-04-2010 11:20:04
นิยายคุณเท็นสนุกจริงๆ แต่อยากให้มาต่อไวไวจังเลย
อยากอ่านต่อมากๆ
ขอบคุณคนแต่งและคนโพส
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 19-04-2010 20:01:16
ได้เข้ามาอ่านนิยายของคุรเท็นอีกเรื่อง
น่ารักมากๆเลยคะ  อ่านเรื่องของคุณเท็นทีไร
ยิ้มได้ทุกที o13 o13
สู้ๆคะ รออยุ่นะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 20-04-2010 20:43:48
กระชาย แคน

เอ็งสองคน ทำให้ข้ามีความสุจนะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: ampritise ที่ 22-04-2010 05:42:06
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
คู่นี้น่ารักจัง ให้ความรู้สึกประมาณว่า

"รักนะแต่ไม่บอก" "แสดงออกอย่างเดียว"

อะป่าวครับ?
 อิอิ


ขอบคุณครับ
วัต
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: clubza ที่ 22-04-2010 07:14:42
อ่านตอนเเรกๆ  ไม่ชอบเลยอะคนที่ชอบดูถูกคนอื่นอะ

ติดตามต่อไปละกันอิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 23-04-2010 13:42:13
คุณเท็นตัดฉับค้างเรื่องนี้ได้แบบว่า.. ค้างเติ่งมากๆ ค่ะ ตอนสำคัญพอดีด้วย  อิอิ

ไม่เป็นไรค่ะ เฝ้ารอกันต่อไป

ขอบคุณคุณเท็นและคนโพสท์ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: JanuaR ที่ 02-05-2010 01:29:18
ตัดช้าบบบบบ.....!!!

ปวดใจ รออ่าน รอจะเสียเลือดอยู่พอดี
หนุ่มกระชายตัวดำ กะคุณหมอแคนปากร้าย ก็มีอันต้องค้าง...ไปอีกเรื่อง

ขอบคุณมากนะคะที่เอามาแบ่งปัน :D
ปูเสื่อนอนคอย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: fayala ที่ 03-05-2010 17:50:01
เพิ่งดูหัวข้อกระทู้ค่ะ

โหห.. ค้างเติ่งกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

รอต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 04-05-2010 08:51:18
คิดถึงหมอแคนจัง
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 04-05-2010 14:22:02
 :serius2:เรื่องนี้กะลังมันส์เลย
เท็นทำไรอยู่มาต่อด่วน :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: Saint De Jupiter ที่ 23-05-2010 09:23:40
ขอบคุณครับ

^___^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: DeJavu~ ★ ที่ 01-08-2010 00:27:39
ขอบคุนคับ หนุกมากเมื่อไรกระชายจะเอาแคนคืนสักที....... :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 01-08-2010 04:26:04
แงแงแงแงแง....
และแล้วก็หลงมาอ่านจนได้...
ปกติจะอ่านเรื่องที่คุณเท็นเขียนจนจบแล้วเท่านั้น เพราะกลัวค้างแบบนี้อะ...
แต่มาวันนี้อะไรก็ไม่รู้ดลใจใ้ห้มาอ่าน...
แล้วแบบนี้จะทำไงดีอะคะ... T_T ...
สงสัยต้องร้องเพลงรอ(อีกแล้ว...)  :sad11:


ปล. ขอบคุณคุณคามุยมากนะคะที่นำเรื่องดีๆมาแบ่งปันกัน.... ^_^ ...
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 01-08-2010 11:53:50
อ้าว ทำไมโดนย้ายมาห้องนี้ล่ะ เรื่องยังไม่จบเลยครับ เพียงแต่รอคนเขียนนานมากแล้ว เดี๋ยวคนอ่านจะอารมณ์เสียป่าวๆ นึกว่าจบแล้ว ถ้าเป็นไปได้ขอย้ายกลับไปก่อนได้มั๊ยครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 01-08-2010 14:46:44
มาต่อเร็วๆหน่อยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: Zurruz ที่ 04-08-2010 15:47:51
อ่านมาจากบอร์ดคุณเท็น มาดูก็มาค้างอย่างเดิม ตอนเดิม

ค้างฉากอัศจรรย์เสียด้วย เฮ้อ!
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke*** Update ตอนพิเศษ 28-12-09
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 09-09-2010 21:03:25
ฮา.... นั่งอ่านเกือบไปทำงานสาย แถมทำงานไม่เป็นสุข แอบแว่บเข้ามาอ่านเป็นระยะ

นายช่างยอมหมอแคนแล้ว ก็ยอมให้ตลอด คงเส้นคงวา อย่าเปลี่ยนไปภายหลังนะครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 08-10-2010 16:59:10
หุหุ มีตอนพิเศษมาให้อ่านด้วยชื่นใจจริง
คิดถึง หมอแคน กับนายช่างสมชาย จริง
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 09-10-2010 11:48:50
จบแล้วหรอ  ยังไม่มีเอ็นซีเยย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Heater ที่ 10-10-2010 18:11:48
น่ารักกันสะ
หวานจริงๆเลย อิจฉา
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: genki ที่ 10-10-2010 19:44:54
น่ารักมากคะ คุณหมอปากร้ายใจดีน๊า นายช่างก็รุกซะทีสิ คุณหมอเขารออยู่นะ  :z1:

สนุกมากๆ เลยคะ อยากอ่านต่อมาก ค้างเหมือนกัน แต่เข้าใจแถลงการณ์ของคุณคนเขียนคะ

เอาเป็นว่าจะรอนะคะ ^^

ขอบคุณสำหรับคนแต่งที่ิแต่งนิยายสนุก ๆ  แบบนี้มาให้อ่านกัน และขอบคุณคนโพสที่
มาโพสให้อ่านกันนะคะ o13
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-10-2010 16:30:53
แง่ะ รออ่านอยู่น้า มาเร็วๆเข้าจิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: yeyong ที่ 16-10-2010 19:14:34
ก็หมอแคนให้รออีก 10 ปี
เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ หรอกนะเราว่า :z3:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: £.Ma|e¥ ที่ 18-10-2010 01:51:20
เง้อ~ นี่มันอารายก๊านนนนน
สรุปว่าจบรึยังนิ??
มันยังไม่จบไม่ใช่หรอ
แล้วทำไม ทำไม๊ ทำไม มันถึงมาอยู่ในหน้านิยายที่โพสจนจบแล้วได้
งง ไม่เข้าใจและอยา่กอ่านต่อ แงๆๆๆ อยากอ่านๆๆๆ
นิยายเรื่องนี้มันสนุกนะคะ เพราะงั้น การที่จะปล่อยให้นิยายสนุกๆแบบนี้ค้างไป มันไม่ดีเลยนะคะ
อยากอ่านนนนนนนนนนน
แต่ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณเท็นยังไม่มาต่อ ก็จะคิดซะว่าเรื่องนี้จบแบบมีความสุขแล้วกันค่ะ
ยังไงๆนายช่างกระชายก็ต้องอยู่คู่กับว่าที่หมอแคนจนชั่วนิรันดร์อยู่แว้วววว
น่ารักค่ะ

จะรอจนกว่าเรื่องนี้จะจบแบบสมบูรณ์นะคะ ^^
แคนเองก็เลิกปากไม่ตรงกับใจได้แล้วนะ เด๋วนายช่างจะหัวใจห่อเหี่ยว
55+ ชอบจริงๆเลยเรื่องนี้


................


ว่าแต่ รอฉากที่แคนจะเสียตัวให้กระชายอยู่นะคะ  :haun4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 29-11-2010 19:10:20
 :pig4:

ขอบคุณสำหรับนิยายหนุกนะค่ะ

ฝากขอบคุณคุณเท็นด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: eyerabbit ที่ 01-12-2010 12:40:42
จบแล้วจริงๆเหรอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-12-2010 16:04:47
กำลังสนุกเลยคะ

รอนะค่ะ



 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: momoko_1144 ที่ 03-12-2010 17:32:28
รอค่ะ

มาปูเสื่อด้วยคน

เห็นว่าจบแล้ว แต่ดั้น จบตอนค้างเติ่ง ง่ะ

อิอิ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: ลู่เคอOlive♥ ที่ 02-01-2011 14:06:24
มารออ่านต่อ
 :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-03-2011 16:09:42
มา รอ ร๊อ รอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: Chanta ที่ 21-03-2011 23:31:27
 :z3:
เมื่อไหร่จะมาต่อเนี่ยยยยย
จะลงเเดงเเล้วน้าาาาา
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 15-07-2011 16:46:29
เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา ภาคพิเศษ

ไอ้กระชายเป็นนักเรียนหลังห้อง เป็นเพื่อนร่วมห้องที่มองยังไงก็ไม่คู่ควรและไม่สมควรที่จะได้มานั่งหน้าห้อง เพราะไม่ว่าจะสอบกี่ครั้ง มันก็ได้ที่โหล่อยู่ดี

นั่งตัวดำอยู่หลังห้องอย่างนั้นแหละดีแล้ว บางวันก็เห็นเล่นการ์ดกระดาษกับเพื่อน บางวันก็เห็นไปปีนต้นไม้เก็บมะม่วงอยู่ข้างวัด ชาตินี้คงไปไหนไม่ได้คงได้แต่อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้แหละ

“เปรี้ยววววววววว ว่ะ เปรี้ยว ๆ เกลือ ๆ”

เปรี้ยวแล้วก็ยังกิน ประสาท ไม่มีใครกินของที่ไม่ควรกินหรอก
ใครจะไปกินของแบบนี้ได้

ว่าที่คุณหมอ กำลังคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านเลยมาเนิ่นนาน
เรื่องราวสมัยเด็ก ๆ ความทรงจำจาง ๆ เกี่ยวกับคนที่เคยคิดว่าคงจะเป็นได้แค่นักเรียนหลังห้องและสอบได้ที่โหล่อยู่อย่างนั้น

ไม่ว่ายังไงหลังจากเรียนจบไปแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะได้พบเจอกันอีก
แต่ในวันนี้กลับไม่เป็นอย่างที่เคยคิดเลย น่าแปลกที่มาถึงวันนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่า คือความพยายามที่ยาวนานของคน ๆ หนึ่ง
ที่เอาชนะความหยิ่งยโส และการมองคนแค่ด้านเดียวของว่าที่คุณหมอ

ไม่ได้สั่งสอนให้เชื่อฟัง แต่เปิดโอกาสให้คิด ให้เห็นและได้สัมผัส

จนมาถึงวันนี้ด้วยกัน วันที่ไม่ว่ามองยังไง ก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ ว่าไอ้กระชายตัวดำหลังห้องคนนั้นเมื่อเวลาผ่านไป กลับเป็นคนที่ทำให้ประหลาดใจ และทำให้หลงรักได้ในที่สุด

“หมอครับมองอะไรนักหนา”

มองอะไรงั้นเหรอ มองหน้าเอ็งแหละกระชาย มองแล้วก็นึกถึงเมื่อก่อน เรื่องสมัยเด็ก ๆ เรื่องที่ผ่านมานานแล้ว เรื่องที่ข้าไม่นึกว่าสมองจะจำได้ แต่กลับจดจำได้ดี และเพิ่งได้รู้ว่าข้าไม่เคยลืมภาพของเอ็งเลย

ว่าที่คุณหมอกระพริบตาถี่ ๆ หลายครั้ง และก้มหน้าก้มตาลง อมยิ้มคนเดียวเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
มีบางครั้งที่แอบเหลือบสายตามองคนที่แกล้งนั่งเฉยอยู่ข้าง ๆ

ไม่เห็นพูดอะไรเลยนะ

ทำเป็นนั่งนิ่งเฉย มองสายลมแสงแดดอะไรกัน นี่มันมืดแล้วไม่ต้องทำเป็นมองอะไรรอบตัวให้มากความมากนักก็ได้

“ลมเย็นเนอะ”

อือ ลมก็เย็นอยู่หรอก แต่ข้ารู้ว่าเอ็งคงไม่อยากเย็นเท่าไหร่ ก็ดูท่าทางที่เอ็งพยายามนั่งเฉยแต่ก็เผลอหลุดท่าทางแปลก ๆ ออกมานั่นสิ

ผิดจากไอ้กระชายปกติที่ข้าเคยรู้จักจริง ๆ นั่นแหละ ปกตินายช่างสมชายที่น่ายกย่องศรัทธาคนนั้น ไม่ทำท่าลุกลี้ลุกลนแบบนี้หรอก แล้วไอ้คนที่ทำท่าทางลุกลี้ลุกลนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นี่ล่ะเป็นใคร

เวลาเอ็งเสียความมั่นใจแบบนี้ ข้าก็แอบสะใจเล็ก ๆ เหมือนกัน

ว่าที่คุณหมอ เพลิดเพลินเจริญใจกับการได้เป็นฝ่ายแอบลอบมองกิริยาท่าทางของคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง และนึกขำในท่าทีของอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่

แต่ก็เพียงไม่นาน

เพราะหลังจากที่นั่งนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา คราวนี้ว่าที่คุณหมอเริ่มสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่ว ๆ ของใครบางคนที่เมื่อเริ่มรู้สึกตัว ใบหน้าคมที่อยู่ห่างออกไป ก็ ค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้และโน้มเข้ามาหาเสียแล้ว กำลังอมยิ้มเงียบ ๆ ก็มีอันต้องสะดุดกับสายตาคม ที่จ้องมองมา

สบสายตากันนิ่ง นาน ร่างนั้นขยับเข้ามาใกล้กว่าที่เคย ก่อนจะค่อย ๆ ก้มหน้าลงมาแตะริมฝีปากอุ่น ๆ เข้าที่ข้างแก้มขาว ๆ ของว่าที่คุณหมออย่างช้า ๆ แผ่วเบา และผละออกห่าง เหมือนลองใจ

“ข้ารักเอ็งมากนะแคน”

รัก

งั้นเหรอ

แค่ไหนกัน ที่บอกว่ารัก และคำว่ามาก มันมากแค่ไหน มากพอที่จะทำให้หัวใจหลอมละลายเลยหรือเปล่า มากพอที่จะทำให้หัวใจที่เคยเข้มแข็งไหวเอนไปมาได้เลยใช่มั๊ย รักมากสินะ รัก คำว่ารักคำนั้นมันส่งผ่านมาถึงหัวใจได้ แม้ไม่เคยมองเห็น แต่สัมผัสได้เสมอ แล้วมันมาก แค่ไหนกันคำว่ารักคำนี้

ว่าที่คุณหมอเงยหน้าขึ้น เพื่อฟังคำที่อยากได้ยินให้ชัด ๆ
และเมื่อฟังจนเข้าใจแล้ว คราวนี้ก็เลยรีบก้มหน้าก้มตากลับลงไปอีกครั้ง เพราะคำว่ารักที่ได้ยิน มันมีความรู้สึกร้อนแรงบางอย่างส่งผ่านมากับดวงตาคม ๆ คู่นั้นด้วย

“คืนนี้ข้าอยากอยู่กับเอ็งจนถึงเช้าได้หรือเปล่าแคน”

ถึงบอกว่าจะกลับ ก็คงไม่ให้กลับอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ที่คิดอยากจะทำอะไรตามที่ใจต้องการ ก็ทำไปเถอะ อุตส่าห์ท้าทายซะขนาดนี้แล้ว ขืนเอ็งไม่ทำอะไรข้าวันนี้ ข้าจะเป็นฝ่ายหาเรื่องให้เอ็งทำแล้วจริง ๆ นะ

“เอ่อ คือว่านะกระชาย ถ้าเอ็งรู้ใจข้า เอ็งคงไม่ถามอะไรแบบนี้อีกหรอกจริงมั๊ย”

ครับ

คงไม่ถาม เพราะไม่กล้า แต่ว่าหมอครับ แบบที่หมอพูดและทำอยู่ เขาเรียกว่ายั่วนะครับ หมอรู้ตัวมั๊ยว่ากำลังทำอะไรลงไป

ถ้ารู้ใจงั้นเหรอ ถ้าแค่รู้ใจ ก็................

ก็ ได้ เพราะว่ารู้ใจไง ถึงได้จะทำให้ได้อย่างใจอยู่นี่ไง หมอก็ท้าได้ท้าดีเนอะ

ถามจริง ๆ เถอะ ทำไมหมอห้าวจัง

Fin
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา...... by aoikyosuke***
เริ่มหัวข้อโดย: kamui1972 ที่ 15-07-2011 16:50:09
หวัดดีครับทุกคน ไม่ได้แวะมานานเลย ที่มานี่เพราะเอาตอนต่อที่รอมานานมาลงให้ครับ ทั้งตอนพิเศษ และตอนต่อปกติ คุณเท็นเพิ่งอัพ ผมก้เอามาลงให้อ่านกันเลย หวังว่าคงมีความสุขกันทุกคนนะครับหลังจากที่รอมานานมากๆ

    เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 27

“หมอครับ หมอ”

ครับ ว่าไงครับนายช่าง

“หมอใจเย็น ๆ นะ ผมไม่รุนแรง ไม่แกล้ง ไม่หาเรื่อง ไม่งี่เง่านะหมอนะ”

ครับ ครับ เอาตามนั้นเลยครับนายช่าง อยากจะพูดอะไรก็พูดมาทั้งหมดเลยครับ

“หมอครับ ไม่เจ็บนะครับหมอ ไม่เจ็บจริง ๆ นะครับ สาบานได้ถ้าเจ็บจะให้หมอต่อยหน้าสองทีติดนะหมอนะ”

ครับ ครับ ไม่เจ็บครับ เชื่อครับเชื่อ นายช่างต้องไม่แกล้งไม่รุนแรง ไม่หาเรื่องไม่งี่เง่าใส่หมอจริง ๆ นะครับนายช่าง ไม่งั้นหมอจะต่อยนายช่างให้หน้าหงายสมกับที่นายช่างปรารถนานะครับ

หายใจเข้าหายใจออก ผ่อนลมหายใจ ทำหมดทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริง
ไม่เห็นเป็นไปตามที่พูด ทำแบบนี้หมายความว่าไงวะ นี่มันยิ่งกว่าแกล้งอีกนะ
ถ้าไม่ติดที่ข้ารักเอ็ง ข้าไม่ยอมให้เอ็งขนาดนี้หรอกนะไอ้กระชายยยย
ไม่น่าเลย ไม่ควรเลยจริง ๆ คิดว่าค่อยเป็นค่อยไปเตรียมตัวมาพร้อมแล้วเชียว
แต่พอถึงเวลา ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้

“อึก”

ยิ่งกว่าน่ามอง

ว่าที่คุณหมอจิกปลายเล็บเข้าที่ข้อมือของร่างที่กำลังทาบทับและแทรกสอดบางอย่างที่ใหญ่โตคับแน่นเข้าไปภายในช่องทางด้านล่างอย่างเชื่องช้า แค่เพียงส่วนปลายแต่ก็ทำให้เจ็บปวดรวดร้าวจนต้องผ่อนลมหายใจและขบริมฝีปากแน่น

ทำไปทำไม เพื่ออะไร
ทำไมถึงได้ยอมให้ทำได้อย่างใจถึงขนาดนี้

แบบนี้มันเจ็บ ยิ่งกว่าเจ็บ แล้วเห็นบ้างมั๊ยว่าเจ็บขนาดไหน

ความคิดต่างๆ มากมายกำลังแล่นเข้าไปภายในสมองของว่าที่คุณหมอที่ทั้งเกร็งทั้งเจ็บ
และต้องผ่อนลมหายใจเป็นพัก ๆ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพให้ชินกับบางสิ่งที่สอดแทรกเข้ามา หยดเหงื่อเกาะพราวที่หน้าผาก ลมหายใจหอบหนัก เมื่อพบว่าบางอย่างที่ส่วนปลายพ้นเข้าไปครึ่งทาง และในเวลานี้ส่วนนั้นกำลังกดแทรกเข้ามามากขึ้นทีละน้อยจนแทบจะทั้งหมด

“แคน”

เสียงกระซิบแผ่ว ๆ และน้ำเสียงแตกพร่าของร่างที่กำลังจ้องนิ่งมองมา
บางอย่างที่มากกว่าความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน คือความร้อนแรง ที่ถูกส่งผ่านมาทางสายตาของดวงตาคมคู่นั้น

ปลายจมูกที่กดแนบลงมาที่หน้าผากหนัก ๆ เหมือนปลอบโยน

ฝ่ามือแกร่งลูบไล้สะโพกมนไปมาเพื่อช่วยผ่อนคลาย และเริ่มขยับกายอย่างเชื่องช้าเมื่อพบว่าร่างกายแทรกสอดเข้าไปได้จนถึงที่สุด

“โอ้ยยยยยยยย ฮื่ออออ”

เพราะเสียงร้อง และริมฝีปากที่ขบแน่นเข้าหากัน ทำให้ร่างสูงผิวคล้ำแดดต้องหยุดตัวเองเอาไว้ และประทับริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากบางสีซีดที่ยังขบเข้าหากันแน่น

แตะซ้ำ ๆ ไล้เรื่อยไปมา ก่อนจะสอดปลายลิ้นเข้าหา และกระหวัดเกี่ยวรัดปลายลิ้นอุ่นๆ ที่ยอมตอบรับการรุกรานแต่โดยดี

“อือ อึก”

เสียงครางแผ่ว ๆ ในลำคออย่างพอใจ และร่างกายที่กำลังสอดประสานกันอย่างเชื่องช้าไม่เร่งร้อน ทำให้ว่าที่คุณหมอ ต้องแยกเรียวขอออกมากขึ้น เพื่อตอบรับการรุกรานนั้น

ความเจ็บปวดเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกบางอย่าง เหมือนหัวใจสั่นไหวไปมาทุกครั้งที่ร่างกายสัมผัสกันอย่างลึกล้ำ การปฎิบัติต่อกันอย่างเชื่องช้าไม่เร่งเร้ารุนแรง
ทำให้ร่างกายผ่อนคลายและเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามแต่โดยดี

บางอย่างที่สอดแทรกเข้ามาทั้งหมด เริ่มเคลื่อนไหวไปมา
และในเวลานี้ช่องทางแสนคับแคบตึงแน่นกำลังเสียดสีไปมากับบางส่วนที่แข็งแกร่งและฝังลึกอยู่ภายในร่างกายส่วนล่าง

“หมอต้องใจเย็น ๆ นะ หมอหายใจลึก ๆ นะหมอนะ แคนเอ็งอย่าเกร็งสิ
เอ็งมองหน้าข้าสิ เอ็งหันไปทางนั้นเอ็งก็ยิ่งเกร็ง”

พูดอะไร
ฟังไม่เห็นรู้เรื่อง
ข้าหน้าด้านหน้าทนกับบางเรื่องก็จริง แต่ข้าก็ยังพอมียางอายบ้าง

เอ็งเล่นทั้งจ้อง ทั้งมอง และอะไรต่อมิอะไรที่สายตาของเอ็งมันบอกข้า
ข้าจะเป็นจะตายในเวลานี้ก็เพราะเอ็งนั่นแหละ

เหอะ ฝันไปหรือเปล่า ที่ให้หันมามองหน้า ไม่ยกมือปิดหน้าก็บุญถมเถเท่าไหร่แล้ว นี่ยังจะให้มองหน้าอีก เอ็งเป็นบ้าหรือไงกระชาย เอ็งเป็นบ้าไปแล้ว

“โอ้ย... ฮือออ อึก อือออ”

แค่จะพูดยังแทบไม่มีแรง แต่เพราะใบหน้าที่แสดงความรู้สึกเจ็บปวดให้เห็นชัด ๆ นั่นยิ่งทำให้นายช่างสมชายไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จะขยับร่างกายก็ต้องเห็นแก่คนที่ทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้เต็มที แต่ก็ยังใจแข็งไม่ยอมร้อง

“เอาออกก่อนมั๊ย”

สงสารและคิดว่าคงจะทนไม่ไหว ถ้าแคนยังทำหน้าแบบนี้ให้เห็นอีก เห็นทีคงจะฝืนต่อไปไม่ไหว ถึงแม้หน้าแบบนี้ยิ่งมองก็ยิ่งไม่อยากถอนตัวออกมา เพราะความบีบรัดและตึงแน่นที่กำลังตอดรัดอยู่ภายใน จนแทบจะทำให้ความรู้สึกทะลักทลายออกมาหลายครั้ง แต่ก็ต้องทนอดกลั้นเอาไว้

ไม่อยากฝืน อยากได้ก็อยากได้ แต่สงสารก็สงสารยิ่งเห็นว่าที่คุณหมอไม่ได้มีอารมณ์ร่วมด้วยแบบนี้ ยิ่งไปกันใหญ่

สงสาร ถึงแม้ไม่อยากสงสารแต่ถ้าไม่ไหว ก็ต้องยอมรับว่าไม่ไหว

แต่เมื่อตั้งใจจะทำบางอย่างที่คิดว่าควรจะทำ

จากใบหน้าที่หันหนีไปอีกทางและทำท่าเหมือนอยากร้องไห้คราวนี้ว่าที่คุณหมอก็หันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว

จ้องมองนิ่ง ๆ แบบเต็มตา และเริ่มเบะหน้า

หมายความว่ายังไง

ถึงกับชะงัก เพราะไม่รู้ว่า ว่าที่คุณหมออยู่ในอารมณ์ไหน พอใจหรือไม่พอใจ
ชอบหรือไม่ชอบ
แต่เมื่อเริ่มขยับร่างกายอีกครั้งคราวนี้ถึงได้รู้

“อือ”

เอ็งเป็นคนยังไงกันนะแคน
เอ็งทำให้ข้าแทบคลั่ง
เอ็งทำให้ข้าเป็นบ้า ที่ข้าเป็นกังวลได้ทั้งหมดก็เพราะเอ็ง เอ็งมันร้ายกาจนัก

ดวงตาคมยิ่งจ้องนิ่งไปที่ดวงตาหรี่ปรือของร่างเบื้องล่าง
และเมื่อใบหน้าเนียนขาว เริ่มแดงเรื่อ เตรียมจะหันหนีอีกรอบ
คราวนี้ก็เลยชักอย่างแกล้ง

ยั่วให้อยาก แล้วคิดจะไม่ยอมมองหน้ากันอีกหรือไง
ปลายจมูกกดลงมาหนัก ๆ ที่ซอกคอขาวเนียนและซุกไซร้ไปมาก่อนจะไล้เรื่อยลงมา

ริมฝีปากร้อนแตะปลายลิ้นไล้วนไปที่ยอดอกแข็งขืนที่รอรับการสัมผัส
ขบริมฝีปากลงไปเบา ๆ เน้นย้ำ และฝากร่องรอยเอาไว้

“ไม่ไหว อื้อออ เอ็งแกล้งข้ากระชาย อึก อ๊า”

ยิ่งรู้ว่ารู้สึกดี คราวนี้ก็ยิ่งแกล้งขบเม้มดูดดุนจุดสีชมพูเข้ม เน้นย้ำไปมาอยู่อย่างนั้นเป็นนานทั้งที่ร่างกายส่วนล่างยังคงเคลื่อนไหวขยับไปมา

และเริ่มกดแทรกความแข็งแกร่งเข้าไปมากขึ้น และมากขึ้น
ทุกครั้งที่การแทรกสอดเพิ่มความหนักแน่นและเร่งเร้า มักตามมาด้วยเสียงร้องครางแผ่วในลำคออย่างพึงพอใจทั้งคนที่หยิบยื่นมอบให้ และคนที่กำลังเป็นฝ่ายตอบรับ

นายช่างสมชาย หยัดร่างกายขึ้น และสบสายตากับดวงตาหรี่ปรือที่แสดงความรู้สึกออกมาทั้งหมดอีกครั้ง

“แคนมันไม่ไหวอ่ะ มันแน่นไปหมดจนจะไม่ไหวแล้ว”

เอ่ยบอกและจากดวงตาหรี่ปรือคราวนี้ว่าที่คุณหมอเริ่มพยักหน้ารับรู้ และยกสองแขนขึ้นโอบรัดรอบคอให้ร่างนั้นกลับลงมาหา

“อื้อออออ” ว่าที่คุณหมอขบริมฝีปากแน่น และรับรู้ทุกคำพูดที่มากับเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของร่างที่กระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างไม่ยอมหยุดหย่อน
กอดรัดเอาไว้แนบแน่น เหมือนอยากจะสัมผัสทุกส่วนของกันและกันให้มากกว่าที่เคย

“อ๊า ข้า โอ้ยยย แรง อีกนิดก็ได้ ไม่ ไม่ ไม่เป็นไรจริง ๆ”

น้ำเสียงแผ่ว ๆ ครางเครือในลำคอที่กระซิบตอบกลับมาที่ข้างหู
ทำให้นายช่างสมชายต้องอมยิ้มอย่างพึงใจ

ความสุขจากการร่วมรัก การแสดงความรักกับคนรักผ่านทางร่างกายและหลอมรวมจิตใจเข้าด้วยกัน มันทำให้คนเรามีความสุขได้ถึงขนาดนี้เลยใช่มั๊ย

ยิ่งได้รับคำตอบแบบนี้แถมด้วยใบหน้าที่สะบัดไปมาตามแรงอารมณ์ ดวงตาหรี่ปรือ และริมฝีปากที่ขบเข้าหากันแน่น เสียงร้องครางแผ่ว ๆ ทุกครั้งที่ร่างกายขยับไปมา และสัมผัสกันอยู่ภายในก็ทำให้แทบจะทนไม่ไหว

หยุดไม่อยู่ กดแทรกร่างกายเข้าไปอีกครั้ง และอีกครั้ง

ทุกครั้งที่กระแทกกระทั้นความแข็งแกร่งเข้าไปภายในช่องทางคับแคบที่ตอดรัดอยู่ตลอดเวลาความรู้สึกซาบซ่านแผ่วูบไปทั่วร่าง จนไม่อยากจะหยุดยั้งอะไรได้อีก

เสียงร่างกายที่กระทบกัน จุดบอบบางที่แข็งขืนและเสียดสีไปมา แทบไม่ได้แตะต้อง แต่ก็แข็งขึงขึ้นและเมื่อใช้ฝ่ามือและปลายนิ้วคลึงเคล้นหยอกเย้าไปเพียงเล็กน้อยก็เหมือนกับว่าส่วนนั้นจะทนไม่ไหวอีกต่อไป หยาดหยดถูกกลั่นกรองออกมาจากส่วนปลาย ไหลเยิ้มชุ่มโชกทั้งหมดของส่วนอ่อนไหวที่แข็งขืนขึ้น

และเมื่อลองใช้ปลายนิ้วแตะวนและใช้ฝ่ามือเกาะกุมรูดรั้งไปมาไม่กี่ครั้ง ก็เห็นได้ชัดถึงร่ายกายที่เกร็งแน่นตอบรับทุกสัมผัสที่ปรนเปรอให้

ทั้งที่ช่องทางคับแคบยังถูกสอดแทรกไปด้วยความแข็งแกร่งใหญ่โต และกำลังดำดิ่งลงลึกไปจนสุดทาง เพราะการกระแทกกระทั้นเข้าไปนับครั้งไม่ถ้วน และเน้นย้ำดิ่งลึกครั้งแล้วครั้งเล่า

อารมณ์ที่เหมือนพุ่งสูงขึ้นและหยุดลง และเหมือนจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
ก่อนจะดำดิ่งลงมา และพุ่งทะยานขึ้นไปอีกครั้ง ทำให้ลมหายใจของสองร่างหอบหนักและประสานเสียงลมหายใจเข้าด้วยกัน
ทุกจังหวะการสอดแทรก ที่ประสานตอบรับกันได้อย่างลงตัว บางครั้งเชื่องช้าเนิบนาบแต่ในบางครั้งยิ่งเร่งเร้า เร่าร้อนและรุนแรงถาโถมจนตั้งตัวแทบไม่ทัน

“แคน แคน ไม่ไหวแล้วแคน ข้ารักเอ็งนะแคน”

ใบหน้าที่ซุกซบอยู่ที่ซอกคอและพร่ำพูดทุกถ้อยคำที่เก็บกักเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อ้อมแขนที่กอดรัดเอาไว้ให้ความอบอุ่น

ความซาบซ่านจากการที่ร่างกายไม่หยุดเคลื่อนไหว และส่งมอบความรู้สึกดื่มด่ำให้แก่กันและกัน ในนาทีนั้น ยิ่งทำให้นายช่างสมชายรู้ว่านี่คือความสุขและความหวังที่รอคอยมานานแสนนาน การได้มอบความรักให้ การได้รับความรักตอบกลับ การแสดงความรักของร่างกาย กิริยา และคำพูด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อสื่อให้รู้ ว่ารู้สึกดีด้วยมากมายขนาดไหน


ว่าที่คุณหมอเกร็งร่างกายแน่น และจิกปลายเล็บลงไปหนัก ๆ ที่ลาดไหล่ของร่างแกร่งหนาที่บดเบียดร่างกายเข้าหา และมอบความอบอุ่นให้ ดวงตาหรี่ปรือ ลมหายใจหอบหนัก รับรู้ถึงแรงกระแทกผ่านร่างกาย เนิ่นนาน จนกระทั่งการสอดแทรกครั้งสุดท้ายใกล้สิ้นสุด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแผ่ว ๆ และอาการเกร็งแน่นไปทั้งร่าง

“ไม่ ไม่ ไหวแล้ว อื้อออออออ” เมื่อถึงที่สุด ว่าที่คุณหมอ ก็ไม่อาจต้านทานกับความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาได้อีก ปลดปล่อยหยาดหยดที่กลั่นกรองออกมาจากภายใน ออกมาทั้งหมด หลั่งรินรดลงมาเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งหน้าท้อง และไหลหยดลงที่ข้างตัว


ช่องทางคับแคบบีบรัดรุนแรง และรู้สึกถึงความใหญ่โตที่กำลังแทรกสอดเข้ามาในครั้งสุดท้าย หยาดหยดอุ่นร้อนพุ่งทะยานเข้าไปภายในร่าง เป็นนานกว่าทุกหยาดหยดจะกลั่นออกมาจนหมด

และเมื่อความแข็งแกร่งถูกถอนอออก ก็ทำให้ว่าที่คุณหมอเผลอร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่เคยฝังอยู่ในร่างกำลังหายไปและถูกแทนที่ด้วยความอุ่นวูบที่หลั่งทะลักออกมาจากร่างกายรินไหลออกมาจนเปรอะรดไปถึงหน้าขา

“อ๊าส์ อื้อ อืมมมม”

ว่าที่คุณหมอ หรี่ตามองภาพใบหน้าของคนที่กอดรัดเอาไว้ สิ่งที่ทำได้หลังจากนั้นคือเสียงบ่นพึมพำแผ่วเบาไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก

“กระชายเอ็งทำกับข้าขนาดนี้ได้ยังไง เอ็งไม่สงสารข้าเลยใช่มั๊ย”

เสียงบ่นของว่าที่คุณหมอ ทำให้นายช่างสมชายอมยิ้มอย่างมีความสุข
แม้หยาดเหงื่อยังเกาะพราวที่ใบหน้า แม้ลมหายใจที่หอบหนักเมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังไม่ทันปรับให้เข้าที่ แต่ความสุขสมทั้งใจกายที่ได้รับ ก็ทำให้รู้สึกดีจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ยิ่งได้เห็นใบหน้าของคนที่หลับตาแน่นอยู่ใต้ร่างและส่งเสียงครางแผ่วเบาทุกครั้งที่ร่างกายสอดแทรกเข้าหากันสัมผัสได้ถึงตัวตนของกันและกันนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งทำให้หยุดรอยยิ้มไม่ได้

หยดเหงื่อยังท่วมกายเพราะการถาโถมความรู้สึกเข้าไปไม่หยุดหย่อนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน แต่เพื่อแลกกับสิ่งที่ได้รับมาก็นับว่าคุ้ม

“แล้วเอ็งเต็มใจให้ข้าแกล้งมั๊ยล่ะ”

นายช่างสมชายหุบยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ หยอกล้อว่าที่คุณหมอ ที่เบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง และจูบประทับลงมาที่ลาดไหล่เนียนขาวอย่างพอใจ

“หมอครับ อย่างนี้แล้วยังจะต่อยผมอีกมั๊ย”

แกล้งถาม และได้ยินเสียงจิ๊จะในคอ ของคนที่ไม่ยอมหันมามองหน้ากันอีก เอาแต่เบี่ยงหน้าหนีหาเหตุไม่ยอมพูดจากันตรงๆ

อย่างนี้แล้วจะให้พูดอะไร จะให้เอ่ยอะไรได้อีก นอกจากอมยิ้มและหัวเราะออกมาเมื่อมองท่าทางของคนที่หลบเลี่ยงหลีกหนีตลอดเวลา

เอ็งทำให้ข้าคลั่ง เอ็งทำให้ข้าทุกข์ เอ็งทำให้ข้าเป็นสุข ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตข้าก็เพราะเอ็งคนเดียวเลยนะแคน

“เราไปอาบน้ำอีกรอบกันนะ”

นายช่างสมชายเตรียมจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้

ว่าที่คุณหมอที่หันหนีไปอีกทางหันกลับมามองกันอีกครั้ง และคราวนี้ก็ก้มหน้าก้มตาพูดอะไรบางอย่างเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“....................”

ได้ยินไม่ถนัด ได้ยินไม่ชัด จนต้องเอ่ยถามอีกครั้ง ว่าสิ่งที่ว่าที่คุณหมอพูดคืออะไร
และเมื่อได้ฟังชัด ๆ คราวนี้ก็ทำให้ต้องเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะถูกใจกับคำพูดที่ได้ยิน

“ข้า..ยืนไม่ไหว”

พูดเสร็จแล้ว ว่าที่คุณหมอก็หันหน้าหนีไปอีกทาง เพราะรู้สึกอายคำพูดของตัวเองที่ไม่ควรจะพูดออกมาในเวลานี้ให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะเลย

ยืนไม่ไหวงั้นเหรอ ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถ้ายืนไม่ไหว งั้นก็คงต้องใช้วิธีนี้

“ไม่ไหวงั้นข้าอุ้มเอ็งก็ได้”

พูดไม่พูดเปล่า ลุกขึ้นได้ก็จัดการช้อนร่างเปลืองเปล่าของว่าที่คุณหมอขึ้นไว้ในอ้อมแขนและก้าวขาเดินลงมาจากกระท่อมอย่างไม่สนใจว่าจะได้ยินเสียงประท้วงจากปากของฝ่ายที่ถูกอุ้มเดินลงมาแต่อย่างใด

“กระชาย เราไม่ได้นุ่งผ้า เอ็งไม่กลัวใครมาเห็นหรือไง เอ็งบ้าหรือเปล่า เอ็งบ้าไปแล้ว”

จะมีใครมาเห็นดึกดื่นป่านนี้

ถ้าเห็นก็ดี เห็นของดี ใคร ๆ ก็อยากเห็น เห็นแค่นี้จะเป็นไรไป

“ก็เอ็งน่ารัก ข้าก็อยากโชว์ อยากให้รู้กันไปเลย ว่าตอนนี้เอ็งเป็นของใคร”

เวรกรรม

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

นายช่างสมชายยิ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าที่คุณหมอเงียบกริบไม่พูดไม่จาอะไรอีกนอกจากเอนใบหน้าซบที่แผ่นอกกว้าง และยอมให้อุ้มเดินโดยไม่คิดต่อต้านเลยสักนิด

สิ่งที่พยายามมาเป็นสิบปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นผล
รัก และได้ครอบครอง และฝ่ายที่ถูกครอบครองก็มอบความรักกลับมาให้
จะมีอะไรสุขใจได้มากกว่านี้อีก คงไม่มี

“ข้าอยากตื่นมาตอนเช้าพร้อมเอ็ง อยากเห็นหน้าเอ็งทุก ๆ วัน จริงๆ นะแคน
ข้าจะพยายามให้เราได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ต่อไปเอ็งอย่าใจร้ายกับข้าเลยนะ ให้ข้าได้ตื่นมาพร้อมเอ็งทุกเช้าเถอะ ข้าขอเอ็งแค่นี้แหละ เอ็งให้ข้าได้มั๊ยแคน”

TBC..
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 15-07-2011 18:11:04
ตอนใหม่ น่ารักง่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 15-07-2011 18:17:32
ดีใจจังที่ได้อ่านตอนใหม่เรื่องนี้^^
ขอบคุณ คุณเท็นที่มาเขียนต่อ
ขอบคุณ คนโพส ที่นำเรื่องนี้มาให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: myall ที่ 15-07-2011 23:20:40
ดีจังที่ยังมีต่อ ในที่สุดว่าทีคุณหมอก็เป็นของนายกระชาย 555
ไงก็อย่าหายไปนานนะคะ เดี๋ยวคนอ่านคิดถึง
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: Maria_safe ที่ 16-07-2011 01:24:45
ตอนใหม่น่ารักมาก
ในที่สุดหมอแคนก็เสร็จกระชายสักที รอลุ้นคู่นี้มานานมาก
ขอบคุณทั้งคนโพสแล้วก็คนเขียนเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: pita ที่ 16-07-2011 22:32:51
น่ารักอ่า ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 19-07-2011 01:16:39
คุณหมอ เจ๋งอ่ะ
ขี้เเกล้งด้วย  o13 o13 o13

แอบฮา คุณกระชาย เขิน

 :o8: :o8: :o8: :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-07-2011 18:36:53
กรี๊ดดด
การรอคอยที่นานแสนนาน
เอิ๊กก พรวดด เลือดพุ่ง
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-07-2011 22:31:31
กรี๊ดดดดด
ดีใจที่มาต่อค่ะ
นายช่างของเราก็สมหวังซะที เหอๆๆ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 22-07-2011 18:28:01
หมอแคนน่ารักน่าหยิก :z2:

นายช่างคนนี้ก็หื่นเกิ๊นนน :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: wanmai ที่ 08-02-2012 19:02:03
อั๊ยยะ ในที่สุด :oni1: :oni1:

ขอบคุณที่มาต่อ เราลอยคอและรอคอยมาแสนนาน ค้างอยู่ท่าเดิมมาแรมปี จนหยากไย่แทบขึ้นนายช่างกับคุณหมอแล้ว
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 09-02-2012 23:01:28
ชอบอ่ะ อ่านแล้วมันกระชุ่มกระชวย~~~~~~~

จะมาต่ออีกไหมหนอ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: white_devil ที่ 20-02-2012 20:46:27
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: azure™ ที่ 27-02-2012 04:13:01
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆเลยครับ แอบหลงรักกระชายอ่ะ 555
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 01-03-2012 19:36:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: ppaozz ที่ 28-08-2012 23:00:53
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-11-2012 09:50:58
น่ารักอ่ะ :-[

มีตอนพิเศษเพิ่มมั้ยขอรับ

แคนน่ารัก กระชายแสนดี

ขอห่อกลับบ้านได้มัยอ่า :impress2:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 09-12-2012 20:52:41
อ่านถึงตอนนี้  :a5: :a5: :a5:

บอกได้คำเดียวว่า   :m25: :m25: :m25:

คนแก่น้ำหมากกระจาย  :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: NO.666 ที่ 04-08-2013 00:51:07
 :ruready แอบฟินตาม
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: WednesdayAugust ที่ 04-08-2013 02:18:40
อ่านที่คนแต่งเขียนแล้วฮามาก เข้าใจความรู้สึกเลย
แบบเรื่องมันจบไปในหัวนานละ แต่ไม่ได้พิมพ์ เวลาพิมพ์มันไม่สบายเหมือนตอนคิดในหัว
แต่ชอบนิยายของคนแต่งคนนี้มาก เป็นเอกลักษณ์สุด ๆ
ต่อให้มีใครมาก๊อปไป (สมมติ) ก็รู้ว่าเป็นของคนนี้

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 06-08-2013 19:49:01
HaHa คุณหมอ ยั่วก็แล้ว อ่อยก็แล้ว
กว่านางช่างจะเข้าใจ. เหนื่อยแทน

สุดท้าย เขาก็ได้กันแล้ว คิคิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 06-03-2014 13:07:08
ว้อย น่ารักเกินไปแฝ้ว~  น่าฟัดสุดๆง่ะ  หมอ :กอด1:ปากแข็งจัง   
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 22-03-2014 16:45:17
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ

อยากให้มาต่อจัง น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 24-03-2014 10:21:32
ขอบคุณนิยายดีๆ ที่แต่งมาให้อ่านงับบ ><
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 25-11-2014 08:54:34
น่ารักมาก ๆ เลยครับเรื่องนี้ หวานซะ .....

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: newyniniw ที่ 14-02-2015 01:41:12
 :-[
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 14-02-2015 03:31:36
จะมีต่อไหมคะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-02-2015 18:52:20
หลงเข้ามมาอ่านแล้ววก็ต้องรอต่อไป
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 01-03-2015 21:53:56
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง
จะหาผู้ชายดีๆ แบบกระชายได้ที่ไหน
หลงรักอ่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 21:56:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 10-02-2018 01:45:14
ตัดจบแบบนี้เลยหรอ  :z3:

ยังเห็นขึ้น TBC.อยู่เลย  :hao7:

ค้างหนักมาก  :ling1:
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: kungkung ที่ 14-02-2018 20:47:40
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวป ไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

*************************************************************************************************

เอาเรื่องใหม่มาลงให้อ่านกันครับ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องนี้ยังไม่จบนะครับ ท่าทางคุณเท็นยังไม่ได้ประทับร่างทรงนะครับ เลยยังเขียนอะไรต่อไม่ได้ ทราบแต่ว่าคุณเท็นจะเขียนเรื่องอะไรได้นั้น มันขึ้นกับอารมณ์อย่างมากครับ และคงยังไม่มีอะไร build อารมณ์หรือชักจูงได้เท่านั้นเอง ยังไงก็คงต้องรอต่อไปถ้ายังรักที่จะอ่านนิยายของคุณเท็นนะครับ ถึงแม้มันจะยังไม่จบอย่างสมบูรณ์ แต่เรื่องที่ลงไว้มันก็ไม่ได้ค้างคาจนไม่สามารถรอได้นะครับ อีกอย่างคือเห็นว่าเรื่องมันน่ารักดี อ่านสนุก เลยอยากให้คนอื่นๆมาลองอ่านบ้างเท่านั้น ใครที่เคยอ่านเรื่องนี้แล้วคงทราบว่าเรื่องนี้น่ารักจริงๆ นะ

ขอบคุณคุณ aoikyosuke หรือคุณเท็นสำหรับเรื่องดีๆที่อนุญาตให้เอามาลงในเวปนี้ครับ ความดีความชอบทั้งหลายที่จะได้รับมาของยกให้เจ้าของเรื่องทั้งหมดครับ  สนุกกับการอ่านนะครับ


*************************************************************************************************

เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 1

แคนครับ…ผมชื่อว่าแคน
และขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่ท้ายรถมอเตอร์ไซด์เพื่อนสมัยมัธยมต้น

เขามีชื่อว่า สมชาย หรือ กระชายของเพื่อน ๆ
ปัจจุบันเขาคือนั่งซิ่งมอร์เตอร์ไซด์มือหนึ่งของตำบล
จะเรียกให้ถูกก็คือ คุณกระชายเป็นคนขับมอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง สาเหตุก็อันเนื่องมาจาก
คุณกระชายผู้มีอันจะกิน ไม่ยอมเรียนต่อในชั้นมัธยมปลาย และไม่ยอมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยเหตุผลอันแสนเท่ห์ว่า

ขี้เกียจเรียน และใฝ่ฝันจะขับมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างมาตั้งแต่เด็ก
หลังจากจบ มัธยมต้น นายกระชายจึงมาขับวินมอร์เตอร์ไซด์แบบเต็มตัว

ส่วนกระผม วัฒนา หรือ ไอ้แคนของเพื่อน ๆ ปัจจุบันนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมีชื่อ
ไม่ได้มุ่งมั่นจะเป็นมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างเช่นคุณกระชายเขาแต่อย่างใด
ในรุ่นก็มีผมนี่ล่ะครับ ที่เรียนสูงที่สุด นอกนั้นเขาก็มีลูกมีเมียกันไปหมดแล้วล่ะครับ
เห็นทีจะเหลือไม่กี่คนที่ยังเป็นโสดกัน รวมทั้งกระชายเพื่อนรักนี้ด้วย

หลังจากที่พลัดพรากจากกันมานานแสนนาน แบบว่าลืมกันไปเลย กระผมนายแคนก็มีอันต้องกลับบ้านในช่วงปิดเทอม และในวันนี้ก็เป็นวันดีที่ได้พบเจอกับกระชายเพื่อนเก่า ที่ตัวดำแทบเป็นถ่าน ส่วนที่ขาวที่สุดเห็นทีจะเป็นลูกกะตาขาว และฟันของกระชายเพื่อนรักนั่นเอง

อันที่จริงผมกับไอ้กระชายก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันหรอก สมัยเรียนน่ะ

เพราะผมมันเป็นเด็กเรียน เรียนอยู่หน้าห้อง นั่งฟังอาจารย์ สอบได้ที่ 1 ตลอด ส่วนคุณกระชายที่โหล่ของห้อง
สาเหตุอันเนื่องมาจาก คุณกระชาย ไม่เคยสนใจเรียนหนังสือหนังหา ยามว่างไปปีนต้นมะม่วงขโมยมะม่วงชาวบ้านเขาซะงั้น...อ่านหนังสือออกได้ก็นับ ว่าบุญโขแล้ว เรามิได้มีปฏิสัมพันธ์กันแต่อย่างใด
อยู่กันคนละสุดขั้วโลก เลยก็ว่าได้

แต่ ณ วันนี้ กระชายเพื่อนเก่า มันจำผมได้ครับ

และมันก็ส่งยิ้มฟันขาวมาแต่ไกล ก่อนจะทักทายผมที่หน้าปากซอยว่า

“เฮ้ย....นี่มันไอ้ปัญญาชนนี่หว่า..รับปริญญาหรือยังละเนี่ยเป็นเกียรติกับตำบลของเราจริง ๆ เลยเอ็งเอ้ย..”

พูดได้เพียงเท่านั้น กระชายเพื่อนรักก็พากระผมนายแคน ซ้อนมอร์เตอร์ด้วยลีลาผาดโผนมาส่งผมจนถึงบ้านได้
และก่อนจากไปกระชายเพื่อนรักก็บอกกับผมว่า
“เดี๋ยวเย็น ๆ จะมารับไปดักปลานะเอ็ง...ไอ้ปัญญาชน”

ผมยืนสะพายเป้ ในชุดนักศึกษา พร้อมกับหมาที่บ้านหลายตัวตามมากระโดดเลียแข้งเลียขาด้วยความคิดถึง
อย่างเหลือล้น กระผมนายแคนยังมิได้ กล่าวขอบคุณและบอกลา กระชายเพื่อนรักแต่ชาติปางก่อนแต่อย่างใด
มันก็ขับมอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพสำหรับทำมาหากินของมันขับไปโลดแล้ว

ผมยังคงยืนเกาหัวด้วยความงุน งง

เอ่อ...เย็นนี้จะมารับไปดักปลา...แล้วกระผมนายแคนผู้เป็นปัญญาชนเกิดมา หม่อมพ่อหม่อมแม่ ไม่เคยให้ต้องไปทำอะไรที่ใช้แรงงานเลย จะไปดักปลากับกระชายอย่างนั้นหรือ

มาก็ไม่ไปหรอก...สนิทกันหรือก็เปล่า
แค่เคยเรียนด้วยกันแค่นั้น เหนื่อยจะตายห่าจะให้ไปดักปลา
ฝันไปเถอะเอ็งไอ้กระชาย ข้าขึ้นบ้านอาบน้ำนอนดีกว่า

ใครเขาฝันอยากเป็นมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างกันล่ะวะ ใฝ่สูงเหลือเกิน

แล้วอย่างข้า นายแคนผู้เป็นปัญญาชนคนนี้น่ะหรือ จะไปคลุกคลีกับเอ็งไอ้กระชาย

ไอ้ชนชั้นใช้แรงงาน

TBC


*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย
หัวข้อ: Re: [นิยาย]***เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา......by aoikyosuke Update 15 กค 54 ตอนใหม่***
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 12-11-2018 11:57:38
ขอบคุณมากๆค่ะ
สนุกมากๆเลยค่ะ :pig4: