เรื่องรักต้องใช้ใจศึกษา 13
นักศึกษาแพทย์อย่างแคนไม่คิดจะสนใจอะไรอีก มีหน้าที่เรียนก็คือต้องเรียน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เฝ้าแต่มุ่งมั่นอยากจะสานฝันของตัวเองให้เป็นจริง
ในวันหนึ่งเขาจะกลับมาเป็นแพทย์ชนบท จะกลับมาเป็นหมอของตำบล อยู่กับครอบครัว และไม่สนใจว่าใคร ๆ จะมองยังไง
เมื่อวันก่อน ความรู้สึกโง่เง่า ถาโถมเข้ามาในจิตใจ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่ขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้
สองวันของการค้นหาข้อมูลในหนังสือ และเพียรพยายามถามแม้กระทั่งโทรไปถามอาจารย์ที่สอนเขา
ถึงการวิเคราะห์สภาวะร่างกายและอารมณ์ของมนุษย์ที่มีผลสืบเนื่องมาจากจิตใจ
สุดท้ายคำตอบที่ได้ ................
."เธอกำลังมีความรักหรือเปล่า....ถามตัวเองดูก่อนสิ...ว่ากำลังเป็นอะไร เพราะถ้าแม้แต่ตัวเองยังวินิจฉัยโรคไม่ได้ แล้วจะเป็นหมอได้ยังไง"
เรื่องตลก เกิดขึ้นกับชีวิตเขาแล้ว
ความรักงั้นเหรอ
เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ
รู้แต่ทฤษฎีเต็มไปหมด ว่ามันมีผลกับอารมณ์ของมนุษย์ และผลักดันไปสู่ระบบการทำงานของร่างกายด้วย
จะทำให้ร่างกายหลังสาร อะดีนลีน และ.................
ข้อมูลมีอีกเป็นหน้า ๆ แต่เรื่องที่น่าตกใจก็คือ ว่าที่คุณหมอเลือกวิธีรักษาง่าย ๆ ด้วยการ
วินิจฉัยโรค ว่า...เมื่อเป็นโรครัก ก็ใช้วิธีหักใจไม่ให้รักซะก็หมดเรื่อง
เท่านี้โรครัก ก็ไม่มีผลกระทบอะไรอีก ก็แค่นั้น เพราะมันไม่ใช่โรคที่เกิดจากร่างกาย แต่เป็นโรคเกี่ยวกับจิตใจ
เฮ่อ...กลุ้มใจมานาน เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เอง
แคนผิดปกติแน่ ๆ คิดอยากจะเลิกรัก ก็คิดว่ามันจะเลิกได้ง่าย ๆ
หลังจากนั้นอีกสองวัน ว่าที่คุณหมอก็กินข้าว นอนหลับได้อย่างสงบสุข
และในวันที่สามเสื้อผ้าสองสามชุดก็ถูกเก็บลงกระเป๋า ร่างโปร่งบางก้มกราบแม่ของตัวเอง ก่อนจะสะพายกระเป๋า
ออกเดิน เพื่อจะโบกรถให้ไปส่งในตัวจังหวัด และตีรถกลับยังกรุงเทพ
แต่แม่ของเขากลับเรียกเอาไว้
"แคนเดี๋ยวลูก....พอดีนายช่างเขาบอกแม่ว่าจะเข้ากรุงเทพวันนี้....แม่เลยฝากแคนติดรถนายช่างเขาไปด้วย..."
ร่างโปร่งหันหลังกลับมามองหน้าของแม่ด้วยความมึนงง
แม่ครับ....ลูกแม่กำลังอยู่ในช่วงหักใจ ตัดใจจากความรักนะครับ ทำไมแม่ถึงได้ส่งลูกให้กับ เจ้าเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า เลิฟ ได้ล่ะแม่
"ไม่เอานะแม่...แคนกลับเองได้ แคนไม่ไปกับไอ้กระชายหรอกนะ"
และสงครามระหว่างแม่ลูกก็เริ่มต้นขึ้น สุดท้าย เจ้าของร่างโปร่งบางนั้นก็พ่ายแพ้ไปตามระเบียบ
พร้อมกับในเวลาไม่นาน ก็มีรถเข้ามาจอดในรั้วบ้าน พร้อมกับร่างสูง ผิวคล้ำนั้น เดินลงมาช่วยว่าที่คุณหมอหิ้วกระเป๋า
"ฝากด้วยนะนายช่าง...ถ้าทำตัวไม่ดี...ก็ตีได้เลยจ่ะ"
ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกและดันหลังลูกชายให้ขึ้นไปนั่งบนรถได้อย่างเรียบร้อย
ร่างสูงนั้นพนมมือไหว้ แม่ของคนที่เขารัก โดยที่ว่าที่คุณหมอเข้าไปนั่งหน้างอหงิกรออยู่ในรถ
ร่างสูงเดินตามเข้ามานั่งที่นั่งคนขับ และออกรถในทันที
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความเงียบระหว่างคนสองคน ดูน่าอึดอัด แต่สำหรับว่าที่คุณหมอที่เอาแต่อ่านหนังสือไปตลอดทาง ปัญหาเรื่องความน่าอึดอัดใจไม่ใช่
เรื่องที่จะสามารถมาก่อกวนใจได้เลยสักนิด
"เปลี่ยนไปนั่งข้างหลังมั้ย....มีหมอนนะแคน...เผื่อง่วงจะได้หลับเลย...มีชมพู่ในตระกร้าด้วย...ถ้าแคนหิวมีกับข้าว
ใส่ปิ่นโตมาให้ด้วยนะ...ถ้าหิวน้ำก็ในกระติกนะแคน"
นายช่างสมชายเหลือบสายตามองคนข้าง ๆ อยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีวี่แวว ที่ว่าที่คุณหมอจะหันมาสนใจเขาเลยสักนิด
แคน...เกลียดเขา....แคนเกลียดคนที่เข้ามาวุ่นวายด้วย เกลียดจนถึงขนาดร้องไห้
แต่เขาก็ยังมาวุ่นวายกับแคนอีกจนได้ แม้จะพยายามออกห่างแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็กลับมาเป็นคนน่ารำคาญสำหรับแคนเหมือนเดิม
แม้เขาจะพูดอีกร้อยอีกพันประโยค นอกจากความเงียบแล้ว....ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิด
เขาก็เลยจำใจต้องเงียบ และมองภาพถนนเบื้องหน้า...สนใจอยู่กับการพาแคนไปส่งยังที่หมายให้ปลอดภัยเท่านั้น
ว่าที่คุณหมอ นั่งเงียบ ทั้งที่หัวใจเริ่มสั่น...ตั้งแต่ออกเดินทาง
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ไม่รู้จะคุยอะไร ได้แต่เงียบ ก้มมองหนังสือเล่มหนา หลายครั้งที่เผลอเหลือบสายตาขึ้นไปมองร่างที่สนใจกับการเดินทาง
และหยุดหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกับเขาไปแล้ว จะโทษใครได้ ในเมื่อเขาเอาแต่เงียบเอง ปากกำลังจะพูด แต่สุดท้าย มันก็กลับหุบเงียบเหมือนเดิม
จนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี.....สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจพูดออกมา ไม่มีอะไรต้องหวาดหวั่นในเมื่อเขาเหนือกว่าคนที่นั่งอยู่เคียงข้างในทุก ๆ ทาง
แล้วทำไมจะต้องเกรงใจกันด้วยล่ะ ไม่มีทางซะหรอก
"กระชาย....เอ็ง....กินชมพู่มั้ย..."
เสียงที่ไม่ได้ยินมาตลอดสามวันของคนที่นั่งเคียงข้าง เอ่ยถามคนขับ
ร่างสูงหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ แคนยอมพูดกับเขาแล้วเหรอ
แคนวางหนังสือลงและพยายามจะหันหลังกลับไปมองเบาะรถด้านหลังที่มีของหลายอย่างวางอยู่ รวมทั้ง ชมพู่ในตระกร้าสานด้วย
มือเรียวยาวสองข้างพยายาม ดึงตระกร้าที่มีชมพู่บรรจุอยู่หลายผลและยกมาวางไว้บนตัก
ก่อนจะหันหน้าไปถามร่างสูงที่หันกลับมามองเป็นระยะ ระยะ
"ชมพู่ล้างหรือยัง....."
แคนเอ่ยถาม และร่างสูงเคียงข้างก็พยักหน้ารับ
"กินมั้ย.....ชมพู่....เนี่ย" ผลชมพู่แดงสดถูกยกขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากของร่างที่กำลังงุนงง ว่าแคนจะเล่นอะไรกับเขากันแน่
นายช่างสมชาย ขบฟันลงที่ผลชมพู่ ในขณะที่สายตาต้องจ้องมองกับถนนลาดยางเบื้องหน้า
"กินข้าวมั้ย....เดี๋ยวข้า...ตักให้"
คำพูดที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ยิน...จู่ ๆ แคนกลับมาพูดกับเขาแบบนี้ ทั้งที่หลายวันก่อน ทำเหมือนโกรธเกลียดเขาขนาดนั้น
แคนมีอะไรในใจหรือเปล่า
"เอ็งมีอะไรก็บอกมาดีกว่าแคน...อย่าทำดีกับข้าทั้งที่เกลียดขี้หน้ากันเลย..มันน่าอึดอัดจะตายไปนะ..ฝืนใจทำแบบนี้น่ะ"
เขาคงทนไม่ได้ ถ้าจะทำให้แคนต้องรู้สึกไม่ดี หรือเกรงใจเขา แคนเป็นอย่างที่แคนเป็น เขารับได้
โมโหใส่ หงุดหงิดใส่มากแค่ไหน เขาก็รับได้ แต่อย่าแกล้งทำดีกับเขาแบบนี้
"เอ็งนึกว่าข้าป้อนชมพู่เอ็งเนี่ย....ข้าทำเพราะแกล้งหรือไง...ข้าสงสารหรอกนะที่เอ็งขับรถแล้วก็หิวด้วย
เอ็งนี่ยังไงวะกระชาย......ข้าอุตส่าห์ทำดีด้วย...มาหาว่าข้าทำดีหวังผลหรือไงวะ...งั้นก็อย่ากินเลยดีกว่า...ข้ากินคนเดียวก็ได้"
ในครั้งแรกนายช่างสมชายคิดว่าแคนจะเงียบอีก แต่แล้ว เขาก็ยิ้มออกมาได้ในทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของคนที่เขารัก
แคนเป็นแบบนี้.........แคนที่พูดอะไรเอาแต่ใจแบบนี้....ถึงเป็นแคนตัวจริง
ความขุ่นเคืองใจเมื่อหลายวันก่อน มลายหายไปกับตา
.แคนก็คือแคน....ถึงจะโกรธเขาและต่อว่าเขาต่าง ๆ นา ๆ แต่ก็ไม่เคยมีวันไหนที่ความน่ารักลดน้อยลงสักนิด
ร่างสูงยิ้มกริ่ม และหัวเราะเสียงเบา
รอมานาน รักมานาน ถ้าจะให้รอต่อไป ก็ไม่แปลก เขารอแคนได้เสมอ
"ท่าจะบ้า...ไม่ได้กินชมพู่เลยหัวเราะ...เอ็งบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลยไอ้กระชาย...แล้วตกลงเอ็งจะกินมั้ย...ข้าอุตส่าห์ป้อนนะ"
มือนั้น ยังเอื้อมเข้ามาและพยายามจะยัดเยียดชมพู่สีสดใส่ปากของเขาให้ได้ แถมยังทำหน้างอโมโหเขาซะอีก
"แคนยัดเข้าไปแบบนี้ก็สำลักตาย...ป้อนดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง...."
ร่างสูงนั้นเอ่ยบอก และก็เหมือนเดิม แคนยังพยายามยัดชมพู่ใส่ปากของเขาทั้งผลเหมือนเดิม จนนายช่างสมชายทนไม่ไหว ต้องเลี้ยวรถเข้าจอดที่ข้างทาง
และดึง มือเล็ก ๆ ที่ถือชมพู่นั้นเข้าหาตัว ดึงผลชมพู่ออกและตีเบา ๆ ที่มือของว่าที่คุณหมอ เพราะความหมั่นไส้ ในนิสัยที่ยิ่งว่า ก็เหมือนยิ่งยุ
"จะตีให้มือหักเลยนะ...ทำไมทำแบบนี้...ขับรถอยู่ เดี๋ยวก็ได้ตายกันทั้งสองคนหรอกรู้มั้ย" ถึงจะเอ็ดไปแล้ว แต่เจ้าของมือกลับยังพยายามที่จะยื้อยุดมือออกห่าง
และดึงเอาผลชมพู่อีกผลหนึ่ง เพื่อจะเอายัดเข้าปากของคนสั่งสอนทันที
"เอ๊ะ...แคน...ทำไมทำอย่างนี้...บอกไม่เชื่อเลยหรือไง...ทำไมเป็นคนแบบ นี้...พูดอะไรไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วจะเป็นหมอได้ยังไงเนี่ย...โอ้ยแคน..พอ แล้ว..เสื้อเปื้อนหมดแล้ว"
ร่างสูงนั้นต้องถอยหนี เพราะว่าที่คุณหมอไม่ยอมลดลาวาศอกเลยสักนิด
"ก็แล้วเอ็งจะทำไม...ทำได้แค่ตีมือ...ข้ากลัวจะตายอยู่แล้วกระชายเอ้ย ....โธ่...กิน ๆ เข้าไปเล้ย...เร็ว..กินเดี๋ยวนี้ไอ้กระชาย กิน กิน กิน"
คนตัวเล็กกว่า เห็นเป็นเรื่องสนุก ที่ได้แกล้งเอาคืนบ้าง และไม่ได้มีทีท่าจะเลิกเลยสักนิด
"ท้าจังเลยนะ....คิดว่าจะทำอะไรไม่ได้หรือไง...เอ็งทำได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกันนะแคน....อยากกินชมพู่เหมือนกันใช่มั้ย...งั้นกินเลยแคน
กินเดี๋ยวนี้เลย....กิน กิน กิน..เร็ว..อ้าปาก..กินเดี๋ยวนี้เลย"
การเอาคืน ไม่ได้ทำให้เจ็บ แต่ทำให้ยิ่งสนุก คนตัวเล็กกว่าเบี่ยงตัวหลบ และไม่ยอมแพ้ด้วยการ พยายามจะเอาผลชมพู่ในมือใส่เข้าปากของอีกคนให้ได้
"ไอ้กระชาย...หยุดนะเว้ย....เอ็งแหละกิน...ข้าไม่กินเว้ย..."
ร่างโปร่งบาง ตะโกนร้องลั่น หนีออกห่าง แต่ก็โดนดึงให้เขาหา สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ จนต้องหัวเราะออกมาในที่สุด
"งั้นผลัดกัน...คนละคำ....ตกลงมั้ย...."
ร่างสูง ยื่นคำขาด....และคนที่ไม่สมควรเรียนแพทย์ ก็ยอมทำตาม แต่ไม่โดยดี..
เพราะเมื่อเวลาที่ถูกป้อน แคนก็แค่กัดเบา ๆทีผลชมพู่ กัดแค่พอดีคำเท่านั้น ส่วนเวลาป้อนกลับ ก็กระแทกมือเข้าไปเต็ม ๆ จนใบหน้าคมนั้น หงายไปข้างหลัง
"โอ้ย...นี่จะไม่ยอมลดให้สักนิดเลยใช่มั้ยเนี่ย...."
นายช่างสมชายบ่นเสียงเบา แต่ก็ยิ้มได้....เมื่อสบตากับดวงตากลมโตที่ทอดมองมาอย่างนึกสนุก และยิ้มจนตาหยีเช่นกัน
ยิ้มให้กันแบบนั้นเป็นนานโดยที่ไม่รู้ตัวว่านานแค่ไหน ดวงตาคมสบตากับดวงตากลมโต สื่อความหมายความรู้สึกบางอย่างให้ได้เห็นอย่างชัดเจน
จนร่างโปร่งบางต้องขยับกลับมานั่งที่ของตัวเองให้เรียบร้อย และหรุบสายตามองที่ตระกร้าสานใส่ผลไม้ที่วางอยู่บนตัก
"สนุกมั้ย...." ร่างสูงเอ่ยถามและยิ้มเพียงเล็กน้อย ก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ และขับกลับเข้าไปบนถนนอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหมดเวลาเล่นสนุกแล้ว
"ก็ดี......." ร่างโปร่งบางเอ่ยตอบ กอดตระกร้าผลไม้ไว้แน่น และไม่ได้หันกลับไปสบตากับร่างสูงนั้นอีก เพราะรู้สึกว่า ใบหน้าของตัวเองชักจะหุบยิ้มไม่อยู่
อารมณ์ขุ่นมัว เจือจางลงไปมาก...ตั้งแต่เมื่อครู่....
มือเล็ก ๆ หยิบผลชมพู่ขึ้นมาก่อนจะแบ่งเป็นสองซีก ซีกแรก ป้อนเข้าปากตัวเอง
ส่วนอีกซีก ส่งให้กับริมฝีปากของคนขับรถ
และอมยิ้มนิด ๆ เมื่อรู้สึกว่า หัวใจที่เคยสั่นไหว ไม่ได้ไหววูบจนน่ากลัวเหมือนครั้งก่อน
แต่อยู่ในสภาวะปกติ ไม่ได้มีความเครียดสะสมด้วย แต่ รู้สึกเหมือนกำลังมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ผลชมพู่ถูกบิส่งให้กับนายช่างสมชายอีกหลายชิ้น พร้อมกับที่ดวงตาคมไหวระริกทุกครั้ง ที่มองมือเล็ก ๆ ที่ส่งผลไม้เข้าปากของเขา
แบบนี้.....มันดีแน่แล้วหรือเปล่า เขาก็ไม่รู้
แต่อย่างน้อย เขาก็รู้สึกว่า ก้าวเดินตามเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่วิ่งนำหน้าเขาไปเสมอ อีก หนึ่งก้าวแล้ว
TBC....