ตอน ความรู้สึกเก่า ๆ
"มีอะไร" ถามออกไปอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ แบบไม่อยากจะคุย มือหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกมือถือช้อนเอาไว้และยังตักข้าวเข้าปากต่อไปไม่มีหยุด
บอกได้คำเดียวว่าหิว หิวข้าวมาก สงสัยเมื่อคืนกินเข้าไปเยอะ ตอนเช้าถึงได้ย่อยเร็ว พออาหารมันย่อยเร็ว เวลาหิวมันก็เลยหิวมากกว่าปกติ
ใช้ข้ออ้างนี้ประจำ ทั้งที่อาหารจะย่อยเร็วหรือย่อยช้า ยังไงก็กินได้ไม่มีหยุดอยู่แล้ว แต่ข้ออ้างที่ใช้ก็เพื่อเอาไว้เวลาที่ถูกถามจะได้ตอบได้ดูมีสาระและน่าเชื่อถือเท่านั้น
จากกินแบบรวดเร็ว ในเวลานี้ต้องค่อย ๆ เคี้ยว และกินให้ช้าลงก็เพราะว่า ไอ้พี่เวย์มันบอกว่าพูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง ฟังไม่ชัด ให้หยุดกินได้แล้ว
คนกำลังหิว เสือกมาขัดจังหวะการกิน
เป็นคนอื่นคงด่าไปแล้ว หรือไม่ก็ไม่รับสายมันซะ แต่พอเห็นโทรศัพท์มันสั่นแล้วสั่นอีก ก็เลยต้องคว้ามาดูซะหน่อย
ไม่ได้อยากรับหรอก ก็แค่มอง ๆ แล้วก็กำลังจะกินข้าวต่อ
ที่จริงไม่ได้กะจะรับเลยสักนิด แต่กว่าจะคิดได้.............มือมันก็...........อ่า.........ก็.....กดรับไปซะแล้วแค่นั้นเอง
"พี่มีอะไรเนี่ย ผมกินข้าวอยู่ โทรมาทำไมวะ ตอนคนกินข้าว" แกล้งทำเป็นหงุดหงิดไปงั้น ทั้งที่หิวแทบตายแต่ก็ต้องกินให้ช้าลง เพราะกลัวคนที่บ่นว่าฟังไม่รู้เรื่องจะยิ่งบ่นไปกันใหญ่
"ไม่ได้มีอะไร แค่นี้นะ"
อ้าว............ไอ้พี่เวย์ โทรมาขัดจังหวะการกิน แล้วมันก็หาเรื่องจะวางไปซะงั้น หมายความว่าไง ว่างเหรอ ไม่มีอะไรทำเหรอ
ถึงได้ขยันหามาแต่ละเรื่อง แบบว่าพี่ครับ ชอบผม พูดกับผมดี ๆ ก็ได้ ไม่ต้องทำเป็นเก็กขนาดนั้นหรอก พูดกับผมดี ๆ ทำแค่นี้มันจะตายหรือไงวะ
ไม่ได้หลงตัวเองนะ ไม่ได้หลงตัวเอง
แต่ว่าคนเราเนี่ยถ่อมาหาทำไมดึก ๆ ดื่น ๆ แถมยังมาเลี้ยงข้าวกันซะขนาดนั้น ถ้าไม่ชอบมันจะเป็นอะไรไปได้วะ ฮ่า ฮ่า ทึ่งในความน่าประทับใจของตัวเองจริงๆ เลยเว้ยเฮ้ย
พี่เขินล่ะเซ่ ที่จริงอยากพูดกับผมดี ๆ แต่ทำไม่เป็นใช่มั้ยล่ะ แหมแค่นี้ไม่ต้องอายหรอกน่า ผมเข้าใจ
"คิดถึงผมเหรอ" กล้าพูดไปได้ พูดไปแล้วช้อนในมือก็แทบจะหล่นจากมือจนต้องรีบคว้าเอาไว้แทบไม่ทัน แถมพอพูดไปแล้วก็จะสำลักข้าวอีกต่างหาก มันกะอักกะอ่วนใจมาก
กับพฤติกรรมสุดกู่ของตัวเอง โธ่เว้ย ไม่น่าเลยมึง.....ป่านนี้ไอ้พี่เวย์มันอ้วกแตกตายห่าไปแล้ว หลงตัวเองก็ได้อยู่ แต่ไม่ควรพูดออกมาเป็นคำพูด อะไรดลใจให้ทำแบบนี้วะเนี่ย
กรูอยากจาบร้าาาาาาาาาาาาาา ให้ตายเหอะวะ โคตรอายเลย นี่ถ้าไอ้พี่เวย์มันอยู่ต่อหน้ามันจะทำหน้ายังไง มันคงจะมองแบบ.......
"บ้าเหรอ ถามอะไรแบบนี้ แค่นี้นะ"
อ่า...........
อ่า...........
อ่า...........
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเขิน อาย ๆ เขิน ๆ กับความน่ารักน่าชังของตัวเอง แต่อารมณ์เขินกลายเป็นอารมณ์โลกถล่ม อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าของตัวเองคงซีดเป็นไก่ต้มไปแล้วในเวลานี้
ช้อนในมือที่กำเอาไว้แน่นเพราะกลัวเผลอทำหล่น ตอนนี้หล่นลงจากมือไปอยู่ในจานข้าวเรียบร้อยแล้ว
แถมอาการที่ตามมาติด ๆ ก็คืออาการ หัวใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่ขำเลยสักนิด แต่กลายเป็นคนโรคจิตปัญญาอ่อนไปแล้ว
เพิ่งรู้ ปกติก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองมันปัญญาอ่อนในเรื่องบางเรื่อง แต่ก็ไม่คิดว่าจะปัญญาอ่อนกับเรื่องแบบนี้
นอกจากปัญญาอ่อนแล้ว ยังบ้าอีกต่างหาก เออ ยอมรับว่าเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ บางครั้งก็ทำเรื่องบ้า ๆ ลงไปโดยไม่ทันคิด
เช่นแกล้งอีก็อด หรือไม่ก็ทำเรื่องเพี้ยน ๆ บ้า ๆ ไม่ควรทำก็ทำมาแล้ว อะไรก็ทำมาหมด แต่ว่าไม่เคยทำอะไรสิ้นคิดเหมือนครั้งนี้มาก่อนเลย
เพิ่งรู้ว่าตัวเองบ้า แล้วก็ปัญญาอ่อน แถมยังสิ้นคิดแบบน่ากระโดดถีบยอดหน้าตัวเองสุด ๆ ก็วันนี้แหละวะ
กำลังกินข้าวเพราะหิว กลายเป็นต้องมาเสียจริต นั่งคอตก และมองโทรศัพท์ในมือที่ถูกกดตัดสายไปแบบดื้อ ๆ
ถ้าไม่อยากโทรมาขนาดนั้น ก็บอกมาว่าโทรผิด บอกมาเลยก็ได้ว่าโทรผิด จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาคุยกับคนบ้าแถมปัญญาอ่อนด้วย
ที่สำคัญ กูจะได้ไม่พูดคำพูดบ้า ๆ แบบนั้นออกไป เพราะในเวลานี้มันรู้สึกว่าตัวเอง โง่เง่าสิ้นดี ที่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้น
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่พูดคำพูดบ้า ๆ บอ ๆ นี้ออกไปเลยจริง ๆ
สายใจนั่งมองข้าวในจานข้าวที่เป็นข้าวชนิดพิเศษ แถมข้าวจนพูนจานพร้อมกับไก่ทอดที่โปะมาจนแทบจะล้น
หิวแทบตาย แต่รู้สึกว่าไม่อยากกินอะไรก็ตอนนี้นี่เอง อิ่มทิพย์ขึ้นมากะทันหัน
ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะเป็น ก็ได้รู้สึกขึ้นมาในวันนี้ อาการไม่อยากกินอะไรมันเป็นแบบนี้นี่เอง กูเพิ่งจะเคยเป็นก็วันนี้แหละวะ
เสียดายก็เสียดาย ไปขอห่อใส่ถุงกลับบ้านดีกว่า อย่างน้อยเวลากลับบ้านแล้วหายจิตตก จะได้เอามาอุ่นกินได้ แม่บอกว่าห้ามกินทิ้งกินขว้าง
ข้าวตั้งเยอะ กินไม่หมดเสียดายแย่ ถ้ากินไม่หมด เอาให้อีก็อดกินก็ยังได้ ประหยัดไปอีกหลายต่อ จะฉลาดไปไหนของกูวะเนี่ย
สายใจผู้จิตตก แต่มีความคิดที่เฉียบแหลม ยกจานข้าวขึ้นและมุ่งมั่นจะไปขอถุงพลาสติกมาห่อข้าวกลับไปกินที่บ้าน
ถึงแม้จะเสียจริต แต่เรื่องกินอยู่แบบประหยัดพอเพียงก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ถือจานข้าวไปถามแม่ค้า และได้เห็นว่าตัวเองกลายเป็นตัวประหลาด แม่ค้าไม่ได้ถามอะไรมาก แต่ก็ยอมเอาข้าวไปใส่ถุงพลาสติกให้อย่างดี
"ป้า ผมจะเอาไปให้หมาที่บ้าน เสียดายครับ อ่อ ป้าครับไก่ทอดนั่น อย่าลืมแยกน้ำจิ้มด้วยนะครับ"
ได้เห็นสายตาแปลก ๆ ของแม่ค้าแล้วก็คิดไม่ออกว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน
ยืนคิดอยู่ตั้งนาน แล้วสุดท้ายก็เพิ่งคิดได้
อ่า............ลืม
หมาที่ไหนกินไก่แบบแยกน้ำจิ้มวะ ถ้าไม่ใช่ไอ้หมาสาย เฮ่อ กูหนอกู เรื่องแค่นี้ยังโง่เลย สมควรแล้วที่โดนด่า
สมควรแล้วที่ไอ้พี่เวย์มันด่าเอาว่าบ้าแล้วก็ปัญญาอ่อน ที่จริงมันก็ด่าได้ถูกจุดนะเนี่ย สงสัยจะเคยเป็นบ่อย
อย่าโทรมาหากูอีกแล้วกัน หึ หึ หึ
พูดไม่ทันขาดคำนั่นไงล่ะ.........มันมาอีกแล้ว โทรศัพท์แบบกระหน่ำหลังการพูดจาถากถาง สั่นเป็นเจ้าเข้าเชียวนะ นึกหรือไงว่าจะอยากคุยด้วย
สายใจใกล้บ้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือและแสยะยิ้ม ทำหน้าเหมือนคนร้ายโรคจิต แล้วก็รีบกดปิดโทรศัพท์ โดยไม่ได้สนสายตาของแม่ค้าที่มองมา
อย่างมีข้อสงสัย
หึ หึ หึ ว่ากูดีนัก แล้วก็อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย คราวหน้าถ้าด่ากูอีกนะ กูจะ.........กูจะ....จะเอายังไงดีวะ เอายังไงดี
คิดไม่ออก จนสายตาเหลือบมองที่ข้อมือของตัวเองแล้วถึงได้ยิ้มออก และจ้องนิ่งไปที่นาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง
อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ งั้นไปเข้าโรงรับจำนำแล้วเอาเงินที่ได้ไปซื้อเครื่องสำอางค์ให้เหมียวใช้ดีกว่า คอยดูสิวะ แม่ง
ทำร้ายจิตใจกันดีนักใช่มั้ย งั้นเอามั่ง เดี๋ยวคอยดูกูไว้ให้ดีเหอะวะ
จากซึมเศร้ากลายเป็นอยากแก้แค้น
รับถุงข้าวที่อ้างว่าเอาไปให้หมาที่บ้านแบบแยกไก่กับน้ำจิ้มมาถือเอาไว้ และยัดเข้าไปในกระเป๋าเป้ของตัวเอง มือหนึ่งยังคงกำโทรศัพท์เอาไว้
และยืนยิ้มอย่างสะใจกับความคิดที่แสนจะบรรเจิดของตัวเอง
ไอ้พี่เวย์ ว่ามาได้หาว่าบ้า กูจะเอานาฬิกาไปจำนำเดี๋ยวนี้แหละโว้ยยยยยย
อยากจะโกรธก็โกรธไป อยากโมโหก็โมโหให้ตายไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า เรื่องอะไรจะมานั่งเสียใจซึมเศร้าอยู่คนเดียว
ทำร้ายจิตใจอันบอบบางอ่อนแอของกูดีนัก งั้น จะเอาเงินค่าจำนำไปซื้ออาหารหมาให้อีก็อดกินด้วย อยากแกล้งหมากู คราวนี้กูจะแก้แค้นให้มึงเอง กูทำเพื่อมึงเว้ย
คราวนี้แหละจะได้สะใจ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
สายใจบ้าและปัญญาอ่อนของแท้
อึ้งจากการโดนด่า 30 วินาที เสียใจ 10 วินาที ซึมเศร้า 10 วินาที อีกหลายนาทีหลายชั่วโมงที่เหลือ เอาไว้สนุกสนานกับการแก้แค้นแบบบ้าๆ บอ ๆ ล้วน ๆ
ช่างเป็นความคิดที่บรรเจิดและเหมาะสมกับคนอย่างสายใจดีแท้
สายใจมุ่งมั่นไปที่โรงรับจำนำ แต่เวนิชกำลังทำหน้าเครียดอยู่ในหน้าห้องทำงานของตัวเอง หลังจากที่รีบกดวางสาย
เพราะตกใจเมื่อเห็นคนที่เข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ แบบไม่ทันให้ตั้งตัว
"อยู่ที่นี่เอง ไอหาตั้งนาน ไอจะมาคอนเฟิร์มว่าเย็นนี้เราจะไปดินเนอร์กันที่เดิมที่ยูเคยพาไปคราวก่อนที่ไอมาเมืองไทยใช่มั้ย"
เอเลน่า
ตอบอะไรออกไปไม่ถูก และกลายเป็นคนเสียความมั่นใจในตัวเองไปในทันที
เย็นนี้ มีนัด แบบไม่ได้นัด แต่ก็คิดว่าควรไปตามนัดแบบไม่ต้องนัดกับ...................ไอ้เด็กบ้าที่พูดไม่รู้เรื่องนั่น
แต่ว่านัดที่แท้จริงที่นัดแล้วก็ต้องไปก็มี เช่นการนัดกันไปเลี้ยงลูกค้าครั้งนี้ที่ถึงแม้จะไปกันหลายคนแต่ก็มีเอเลน่า......ไปด้วย
"เวย์ ยูสบายดีใช่มั้ย ตั้งแต่ไอมายูไม่เคยพูดคุยกับไอจริง ๆ จัง ๆ เลยนะ ยังโกรธกันอยู่หรือไง"
จะบอกว่าใช่ ก็ใช่ จะบอกว่าไม่โกรธแล้ว ก็ไม่ใช่ ถึงแม้จะพยายามลบข้อมูลเก่า ๆ ที่ยังฝังอยู่ในหัวเพื่อจะเป็นคนใหม่ที่จะมีแรงก้าวเดินไปข้างหน้าและทิ้งเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเอาไว้เบื้องหลัง
แต่พอได้ยืนประจันหน้ากันแบบนี้ กลับรู้สึกถึงอาการเจ็บร้าวที่กำลังค่อย ๆ ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
"ไอ เลือกเอง และทำให้ยูต้องเลือก เรื่องนี้คือเรื่องที่ไอเสียใจมาตลอด จนไม่กล้าพบหน้ายูเลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา"
นัยน์ตาสีฟ้าที่จ้องนิ่งมองมา
ชวนให้สะท้านในอก และทำให้คิดถึงเรื่องเก่า ๆ ที่เกิดขึ้น เรื่องที่เคยได้ใช้เวลาร่วมกัน เรื่องที่เคยคิดและวางแผนเอาไว้ด้วยกันแค่เพียงสองคน
ไม่เคยคิดแยกจากไปไหน จนวันหนึ่งที่ต้องต่างคนต่างไป เพราะเหตุผลที่ไม่สามารถเดินด้วยกันได้ ถึงได้รับรู้ถึงความเสียใจว่ามันเป็นยังไง
เอเลน่า....ไอไม่เคยโกรธหรือเกลียดยูเลย ไอพยายามแล้ว แต่ไม่เคยทำได้สักวัน
ดวงตาจ้องมองคน ๆ หนึ่ง....ที่ในวันนี้ก็ยังรัก....และไม่เคยรักน้อยกว่าวันก่อน ๆ
ถึงแม้ในวันนี้ก็ยังคงรัก
ยังรักมากไม่เคยน้อยกว่าวันก่อน ๆ เพียงแค่ความเสียใจจากการที่ต้องแยกจากกันมันเจือจางลงแล้ว และได้เรียนรู้ว่าถึงแม้ต้องแยกจากกันแต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
"ยูสบายดีใช่มั้ย........."
ได้แต่พยักหน้ารับกับคำพูดที่ได้ยิน และมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น....ที่กำลังจ้องมองมา
อยากจะรั้งร่างของคนที่อยู่ตรงหน้ามากอดเอาไว้ อยากจะทำอย่างที่ใจอยากทำ ทำแบบเดียวกับที่เคยทำกับใครอีกคน ในเวลาไม่นานแค่เพียงค่ำคืนก่อนที่ผ่านมา
ยังคงจำได้กับท่าทางมึนงง และใบหน้าที่บ่งบอกว่าไม่รู้จะทำยังไงต่อไปของสายใจ ท่าทางยืนนิ่งงันเหมือนกำลังตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ดูตลกมากในความรู้สึก แต่ก็ทำให้ยิ้มได้ ทุกครั้งที่ได้จ้องมอง
ก่อนที่จะถูกฉุดรั้งจากนัยน์ตาสีฟ้าเศร้าสร้อยของคนที่เคยรักมาก ใบหน้าท่าทางแปลก ๆ ของเด็กบ้า ๆ อีกคนกลับปรากฎชัดเจนขึ้นมาในสมอง
"วันนี้ไอสบายดีแล้วนะเอเลน่า....วันก่อน ๆ อาจจะแย่ แต่วันนี้ดีแล้ว...ไอไม่เป็นไรแล้ว"
ยิ้มตอบกลับไปและก้มหน้านิ่ง ๆ เหมือนไม่รู้ว่าควรตอบอะไรออกไปให้มากกว่านี้ ยังเจ็บอยู่ แต่ก็พอทำใจได้แล้ว และกล้าที่จะเผชิญหน้ากันได้มากกว่าที่ตัวเองคิด
"ไอดีใจ.............งั้นเย็นนี้ยูสัญญานะว่าต้องไป....งานเลี้ยง"
ได้ยินชัด
และพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ
ทั้งที่ไม่อยากไปเลยสักนิด
ไม่อยากไปอีกแล้ว และไม่อยากต้องเจอะเจอกันอีก แต่จะให้เลี่ยงหรือปฏิเสธได้ยังไง
"เจอกันเย็นนี้นะเวย์"
เอเลน่าเดินผละจากไปแล้ว แต่คนที่เหมือนไม่มีแรงจะยืนอย่างเวนิช กำลังพยายามทำเรื่องบางอย่าง ที่โง่แสนโง่ยิ่งกว่าตอนที่ว่าสายใจและหาว่าสายใจบ้า
เรื่องที่ทำมันช่างแสนบ้าบอ แต่ก็ยังทำทั้งที่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
ไอ้เด็กบ้าสาย
ช่วยรับโทรศัพท์ด้วย
ตอนนี้พี่คิดว่าตัวเองคิดถึงสายใจมาก พี่กำลังคิดถึงสายมาก ๆ อย่างที่สายถาม เพราะฉะนั้นช่วยรับโทรศัพท์ด้วย
ช่วยรับโทรศัพท์พี่ด้วย ขอร้องล่ะ
ช่วยรับ.........
ก่อนที่พี่จะไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกดโทรศัพท์โทรหาเรา
TBC.....