บทที่ ๒๕. คิดถึงเมื่อครั้งคุยกัน
2537
1994
กั้งเดินกลับเข้าบ้านด้วยท่าทางโหลเหล ดวงตาที่ใกล้จะปิดบ่งบอกถึงการอดนอนมาทั้งคืน แต่มันเป็นทั้งคืนที่กั้งรู้สึกมีความสุขมากถึงมากที่สุด มันมากในระดับที่กั้งไม่คิดว่า ตัวเองเคยได้รับความสุขถึงขั้นนี้มาก่อน และความรู้สึกที่ว่านี้ กั้งได้รับมันมาจากการที่ไปช่วยเจ้หวีที่ร้าน ช่วยหยิบนั่นเสิร์ฟนี่ พร้อมกับค่าแรงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นอนอุ่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ที่เจ้หวีให้ไว้เพื่อเป็นค่าขนม
“ไง เดี๋ยวนี้ถึงกับกลับเช้าเลยหรือ” ทันทีที่กั้งเปิดประตูเดินเข้าบ้าน เสียงทักของกุ้ง พี่สาวของเขา ก็ดังทักขึ้น แต่มันไม่ใช่น้ำเสียงหรือสิ่งที่กั้งอยากพบเจอในยามเช้า โดยเฉพาะในวันที่เขากำลังง่วงนอนอย่างถึงที่สุด ลำไม่ต้องการอะไรมากไปกว่ายามเช้าที่เงียบสงบ และการได้ล้มตัวลงนอนบนหมอนนุ่ม ๆ และหลับเพื่อพักเอาแรง
“แรก ๆ ก็ทำเนียนว่ากลับเข้าบ้านดึก และรีบตื่นเช้า ทำทีว่าไม่ได้หายหัวไปทั้งคืน เพื่อให้แม่ตายใจ” กุ้งไม่พูดเปล่า เดินไปหยุดยืนขวางหน้ากั้งเอาไว้ ไม่ให้น้องชายของเธอเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน “แต่ผ่านไปสองสามสัปดาห์นี่ก็เก่งกล้ามากขึ้นทันตาเห็น กลับเช้ามันเสียเลย ไง คงจะเปรมปรีดิ์มาเลยสิท่า” กั้งมองเห็นสีหน้าและแววตาของกุ้งที่เย้ยหยันอยู่ในที
“หลบไป กั้งง่วงนอนมากเลยตอนนี้” กั้งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เขาไม่อยากที่จะต้องมาต่อร้องต่อเถียงอะไรกับพี่สาวในตอนนี้ “โอ๊ย นี่อย่าบอกนะ ว่าที่ฉันคิดเอาไว้ ฉันคิดไม่ผิด” กุ้งพูดกลั้วหัวเราะ เชื่อแล้วว่าที่เธอคิดเกี่ยวกับน้องชายมันเป็นความจริงตามนั้น
“คิดอะไร เปรมปรีดิ์อะไร ถ้าไม่รู้เรื่องอะไร ไม่ต้องพูดก็ได้นะ” กั้งบอกพี่สาวของเขาออกไปแบบนั้น พยายามดันตัวของกุ้งให้พ้นทาง แต่กั้งผู้เป็นพี่สาว ยังไม่ยอมหลีกให้ง่าย ๆ “โดยพวกวิปริตมันรุมยำจนสมใจยังไงล่ะ แหม่ ยังจะต้องให้ฉันเสียปากพูดให้ฟังอีกหรือไง แค่นี้นั่งส้วมก็ไม่ต้องเบ่งเองแล้วมั้ง” กุ้งหัวเราะชอบใจกับคำพูดของตัวเอง ที่คิดว่ามันทิ่มแทงน้องชายของเธอได้อย่างสุดลิ่ม
“หายไปทั้งคืนแบบนี้ และหายไปแบบนี้ ทำแบบนี้มาสองสามอาทิตย์แล้ว เป็นใครก็ต้องดูออก ก็ต้องบอกได้แหละ ว่าหายไปไหน ไปทำอะไรมา” กุ้งทำหน้าตาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า เธอได้อยู่เหนือน้องชายของเธอ “ที่พูดนี่ เอามาจากอะไร เทียบกับเรื่องไหน หรือเทียบกับสิ่งที่ตัวเองทำกันแน่” กั้งชักจะเริ่มอดรนทนไม่ไหว ที่พี่สาวของเขา วอแวกับเขาไม่เลิก
“แกก็รู้ดีก็ว่าแกไปทำตัวเหลวแหลกอะไรมา แกเห็นว่าทางปลอด แม่ต้องนอนค้างใกล้ที่ทำงานสุดสัปดาห์ เพราะต้องทำโอทีเพิ่ม สบโอกาสเลยล่ะสิ ถึงได้ร่านออกไปหาพวกผิดเพศให้มันเอาตูดถึงที่” กุ้งที่รู้สึกโกรธที่ถูกน้องชายพูดตอบโต้กลับมา พูดเสียงสั่นเพื่อต้องการจะกลบการกระด้างกระเดื่องจากกั้งให้มิด
“ที่พูดนี่ ได้เห็นมันกับตามั้ย ว่ากั้งทำแบบนั้นจริง ๆ” กั้งนึกเสียใจไม่น้อย ถึงแม้ว่าภายในใจ เขาจะคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ แต่ความน้อยใจในตัวพี่สาว ที่เขาถูกพูดจาดูถูกเหยียดหยัน มันพุ่งขึ้นมาในความรู้สึกที่มีอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้มีหลักฐานอะไรว่ากั้งทำแบบนั้น แล้วพี่กุ้งพูดออกมาได้ยังไง ทำไมถึงหน้าด้านพูดแบบนั้นอยู่ได้” แม้จะพยายามควบคุมตัวเอง และบอกว่าคนตรงหน้านี้ นี่คือพี่สาวของเขาเอง แต่กั้งก็อดไม่ได้
“มึงกล้าดียังไงมาด่ากูว่าหน้าด้าน” กุ้งกึ่งหวีดกึ่งแหวออกมา ทันทีที่ได้ยินน้องชายตำหนิเธอว่า เธอเป็นคนหน้าด้าน “คนผิดเพศ ผิดธรรมชาอย่างพวกมึง ในหัววัน ๆ จะมีอะไรไปได้ นอกจากเรื่องอุบาทว์ ๆ โสโครก น่าสะอิดสะเอียนอย่างว่า เพราะไม่อย่างนั้น พวกแกคงไม่เกิดมาพร้อมกับความต้องการที่จมอยู่กับสิ่งสกปรก วุ่นวายอยู่กับรูที่คนเขาเอาไว้ขับถ่ายแบบนั้นหรอก” กุ้งในตอนนี้ คิดอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ว่าคำพูดไหนที่จะทำให้กั้งรู้สึกเจ็บแสบที่สุด
“กั้งน่ะหรือ ที่วัน ๆ คิดถึงแต่เรื่องอย่างว่านี่” กั้งเริ่มออกอาการไม่พอใจขึ้นมาเช่นกัน เมื่อถูกพี่สาวพูดจี้เรื่อง ที่เป็นจุดเปราะบางทางความรู้สึกอยู่แล้ว “มันน่าจะเป็นพี่กั้งมากกว่านะ ที่แลดูหมกมุ่นอยู่แต่กับว่า คนอื่นเขาจะเอากันแบบไหน จะทำกันยังไง” กั้งไม่คิดว่า เขาเองนั้นคิดถึงเรื่องพรรค์อย่างว่าอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับที่กำลังโดนกุ้งกล่าวหา
“พี่กุ้งนั่นแหละ ให้แฟนเอามากี่รอบแล้ว อ้อ เดี๋ยว ต้องพูดให้เคลียร์ ต้องถามว่า พี่กุ้งน่ะตั้งแต่แฟนคนแรกยันคนปัจจุบันนี่ ไม่ทราบว่าพรุนไปแค่ไหนแล้ว แฟนคนแรก หนแรกนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ตอนม.สามเลยใช่มั้ย พอขนขึ้นเต็มก็เริ่มเลยไม่ใช่หรือไง เธอน่ะ อย่าคิดว่าเรื่องของตัวเองจำไม่มีใครรู้สิ เถียงสิ” จากที่ตอนแรก กั้งคิดว่าเขาแค่อยากจะขอขึ้นไปนอน ไม่เปิดศึกใด ๆ มาถึงตอนนี้ กั้งลืมสิ่งที่ได้บอกตัวเองไว้ก่อนหน้าไปหมดสิ้นแล้ว
“อีกั้ง อีตุ๊ดโสโครก มึงอย่ามาพูดเหี้ย ๆ ใส่กูนะ อีสันดาน” กุ้งตะโกนด่าน้องชายอย่างเหลืออด “เอาสิ หยาบอีก กุ้ง เธอยังหยาบคาย ออกอาการสถุนได้อีก เธอไม่คิดว่าฉันเป็นน้องเธออยู่แล้วนี่ เธอไม่สนว่าฉันจะรู้สึกแบบไหนยังไงทั้งนั้น งั้นเอาเลย แสดงธาตุแท้ของเธอออกมาให้เต็มที่ มันจะต้องแคร์อะไรกันอีก ต่อให้ฉันจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันกับเธอ จริงมั้ย” พูดออกมาแบบนั้น กั้งรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในใจทันที
“คนผิดเพศอย่างพวกมึง พวกอีตุ๊ดอย่างพวกมึง ไม่มีทางที่จะได้ดีไปกว่านี้หรอก” กุ้งที่กำลังโกรธคำพูดของกั้ง ตะโกนด่าออกมา อย่างไม่กลัวว่าใครคนไหน บ้านติดกัน หรือไกลออกไป จะได้ยินว่าเธอกับน้องชายกำลังด่าทอกันเรื่องอะไร “เรามาลองดูกันมั้ยล่ะ” กั้งพูด ก่อนจะก้าวเท้าช้า ๆ เดินเข้าหากุ้ง
“นี่มึงจะทำอะไร” กุ้งก้าวเท้าถอยหลังไปสองสามก้าว “จะทำอะไรดีล่ะ” กั้งยักไหล่ เดินเข้าหา “ในเมื่อมันไม่ต้องแคร์กันแล้ว ว่าเราสามารถทำร้ายกันได้มากขนาดไหน ถ้าอย่างนั้น เราก็อย่ารอช้าเลยดีกว่า เริ่มมันเสียตอนนี้ ตรงนี้เลยแล้วกัน” กุ้งกรีดร้องออกมา เพราะคิดว่ากั้งจะเข้ามาทำร้ายร่างกายเธอ แต่กุ้งกลับเห็นกั้งวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน แต่เขาไม่ได้ไปที่ห้องของตัวเอง กลับตรงไปที่ห้องของกุ้งพี่สาว
“อีกั้ง นั่นมึงจะทำอะไร นั่นมันห้องกูนะ อย่าเข้าไป อีกั้ง” กุ้งร้องตะโกนห้าม เมื่อตั้งสติได้ ก่อนจะรีบวิ่งตามน้องชายขึ้นไปชั้นบนของบ้าน กั้งหมุนลูกบิดประตูห้องนอนของพี่สาว ก่อนจะรี่เข้าไปด้านใน กั้งที่ยืนอยู่กลางห้อง หันซ้ายหันขวาเหมือนพยายามนึกให้ออกว่า อะไรอยู่ตรงไหนในห้องนี้
“อีกั้ง อย่ายุ่งกับของของกู” กุ้งที่วิ่งตามเข้ามาในห้อง ก่อนจะเห็นกั้งยืนอยู่ที่หน้าชั้นวางของ “อีกั้ง อีเหี้ย มึงจะทำอะไร หยุดนะ” กั้งเขย่งเท้าเอื้อมแขนขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของชั้นวางของ ก่อนจะหยิบปึกอะไรบางอย่างที่ถูกดันให้เข้าไปด้านในลงมา “ดูไปกี่เรื่อง เก็บไว้ครบทุกเรื่องมั้ย” กั้งมองกระดาษปึกหนาในมือ สลับกับมองไปที่กุ้ง
“เอาเงินมาจากไหน ไปดูหนังมากมายขนาดนี้ อ้อ แล้วนี่เลี้ยงผู้ชายด้วยสินะ สันดานยังไงกันล่ะเนี่ย” กั้งไม่พูดเปล่า แกะเชือกที่ใช้ผูกรวมหางตั๋วโรงภาพยนตร์นั้นให้คลายออก “เอามานี่นะ มึงมีสิทธิ์อะไรมาเสือกเรื่องของกู” กุ้งตรงเข้ากระชากของที่อยู่ในมือของกั้ง ตั๋วหนังเหล่านั้น ตกกระจายจนเต็มพื้นห้อง
“แล้วถ้าเป็นพวกนี้ล่ะ มีสิทธิ์มั้ย” กั้งกระโดดขึ้นไปบนเตียงนอนของกุ้ง ก่อนจะยกมุมฟูกด้านในบนหัวนอนขึ้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของกุ้ง “อีกั้ง อีตุ๊ด นี่มึงเข้ามาแอบดู รื้อของในห้องกูใช่มั้ย” ในมือของกั้งคือรูปถ่ายของกุ้งกับผู้ชาย รวมถึงสติ๊กเกอร์ที่กุ้งไปถ่ายจากตู้อัตโนมัติที่ตั้งอยู่ตามห้างสรรพสินค้า
“นี่ขว้างงูไม่พ้นคอเลยนะ” กั้งบอกกับพี่สาว กุ้งพยายามจะแย่งรูปถ่ายเหล่านั้นไปจากมือกั้ง แต่น้องชายของเธอไวกว่า ดึงมือหลบแล้วเดินออกไปที่ทางเดินหน้าห้อง “ที่บอกแม่ว่าไปติวหนังสือ ไปค้างหอกับเพื่อนผู้หญิง จะพูดได้มั้ย ว่าตอแหลมาตลอด” กั้งพูด ไม่หันมามองกุ้ง แล้วโยนรูปถ่ายพวกนั้นลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน มันตกกระจายไปทุกซอกทุกมุมที่ด้านล่างนั่น กุ้งที่วิ่งออกมาห้ามกั้งไม่ทัน ใจตกลงไปถึงตาตุ่ม เมื่อคิดว่า ถ้าเก็บมันไม่ทันและแม่ของเธอมาเห็นเข้าละก็
“อีกั้ง อีสัตว์ อีเหี้ย” กุ้งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน มองกั้งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ “เจ็บเป็นด้วยหรือ ไม่สิ เวลาโดนกระทำบ้าง มันต้องทนให้ได้สิ เหมือนกับที่ฉันทนเธอมาตลอด ตั้งแต่จำความได้” กุ้งพูดด้วยความเจ็บแค้นในใจ แต่ใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องนอนของกุ้งอีกครั้ง กุ้งตามกั้งเข้าไป ทั้งที่ในใจอยากจะลงไปเก็บรูปพวกนั้นเสียก่อน
“ฉันมันไม่มีอะไรจะเสีย แต่เธอมี ลูกรักอย่างเธอ ที่ฉันถูกแม่เปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลา” กั้งก้มลงไปที่ใต้เตียงนอนของกุ้ง เจ้าของเตียงเห็นแบบนั้น ก็รีบตรงรี่เข้ามาผลักน้องชายของตัวเอง “อย่านะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้” กั้งไม่สนคำด่าพวกนั้นของกุ้ง ดันตัวขึ้น ก่อนจะรวบแขนของกุ้งที่พยายามทั้งผลักทั้งดันเขาออกไป พอรวบได้ กั้งก็คว้ากล่องไม้ขนาดย่อม ๆ กล่องหนึ่งออกมาจากใต้เตียง
“โอ้โห พัฒนาแล้วนี่ ตอนแรกก็มีแต่จดหมายรัก จดหมายสองแง่สองง่าม สื่อแต่เรื่องลามกจกเปรตเท่านั้น แต่ตอนนี้ มีถุงยางด้วย โห ไซส์ใหญ่ซะด้วย หลากหลายขนาดอีกต่างหาก ฟาดพร้อม ๆ กันกี่คนกันแน่ไม่ทราบ แม่คุณ” ด้านในกล่องใบนั้น กั้งบรรยายสิ่งของที่เขาเห็น กุ้งหน้าถอดสี เมื่อกล่องใบนั้น ไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” เสียงถามนั้น ทำให้กุ้งหน้ายิ่งหดเหลือสองนิ้ว “ทั้งสองคน ไหนบอกแม่มาซิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกันเรื่องอะไร” กั้งสบตากับกุ้งด้วยท่าทีเรียบเฉย หากว่าเป็นเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้า กุ้งคงพูดเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ฉวัดเฉวียนเรื่องที่น้องของเขามีท่าทางกระเดียดไปทางผู้หญิงต่อหน้าแม่ แต่ในวันนี้ แค่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า กุ้งก็รับมือได้ยากแล้ว
“ก็กุ้งเรียนเกี่ยวกับการแพทย์ มันเป็นอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน” กั้งโพล่งออกไปแบบนั้น แม่มองไปที่กล่องในมือของกั้ง “แม่เชื่อด้วยงั้นหรือ” กั้งเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ที่ข้าง ๆ แม่ ก่อนจะยื่นกล่องใบนั้นให้ “กลับไปที่ห้องของแกก่อน กั้ง” แม่พูดขึ้น เมื่อกั้งยัดกล่องใบนั้นใส่มือของแม่จนสำเร็จ กุ้งใบหน้าบอกบุญไม่รับในทันที
“อย่าบอกนะ ว่าแม่เชื่อด้วยว่ามันเป็นเรื่องจริง” กั้งถามย้ำซ้ำมันอีกครั้ง เขามองหน้าแม่ที่หลบสายตาจากลูกชาย “เข้าห้องของแกไป แล้วจะไปทำอะไรก็ไป” แม่บอกปัดกั้ง ทำให้เขาแค่นหัวเราะออกมา “แกจะไปไหน” แม่คว้าแขนของกั้งเอาไว้ แต่กั้งสะบัดแขนของเขาจนหลุดออก “กั้งจะไปไหน กลับมาเข้าห้องของแกเดี๋ยวนี้ กั้ง กลับมาเดี๋ยวนี้นะ กั้ง” เสียงประตูบ้านปิดกระแทกลงพร้อม ๆ กับที่แม่เห็นกั้งผลุนผลันออกจากบ้านไป
กั้งกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนมาถึงป้ายรถเมล์ เขาถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา รู้สึกตื้อตันไปหมด เหมือนคิดอะไรไม่ออก มองซ้ายมองขวาเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะ จึงตรงดิ่งเข้าไป กั้งยกหูโทรศัพท์ หยอดเหรียญที่มีอยู่ไม่กี่เหรียญลงไปในช่องรับเหรียญจนหมด ก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์ที่เขาท่องจนจำได้ขึ้นใจ
“คุณทิวไม่อยู่บ้านค่ะ ออกไปทำธุระข้างนอกกับคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงตั้งแต่เช้าแล้ว” เสียงจากอีกฝั่งตอบกลับมา “เขาไปไหนครับ” กั้งถามกลับไปที่ปลายสายอีกด้านหนึ่ง “ไม่ทราบค่ะ เป็นเรื่องของเจ้านายค่ะ” กั้งเลยพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น “ถ้าอย่างนั้น ฝากบอกเขาด้วยได้มั้ยครับตอนเขากลับมา ว่ากั้ง เพื่อนที่โรงเรียนโทรมาหา” กั้งพูดจบก็กล่าวขอบคุณออกไป ก่อนจะวางสายลง
“ตื๊อมากเลยค่ะ เสียงพูดแปลก ๆ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้ชาย ก็นึกว่าแฟนโทรมาตามหึงนะคะเนี่ย” สาวใช้ที่รับโทรศัพท์พูดขึ้นพลางหัวเราะไปกับคำพูดนั้นของตัวเอง “เขาบอกว่าชื่อกั้งค่ะ เสียงฟังดูแปลก ๆ ยังไงพิกล เหมือนผู้หญิงกำลังโทรตามแฟน” ทิวพยายามปั้นหน้าให้นิ่ง รับฟังที่สาวรับใช้บอกกับเขา นึกในใจว่าโชคดีอยู่บ้าง ที่พ่อกับแม่ของเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“ไปกันได้แล้วมั้งทิว เดี๋ยวบ้านโน้นเขาจะรอนาน” พ่อของทิวที่เพิ่งเดินเข้ามา ร้องบอกลูกชาย “ลูกสาวบ้านนั้นเขาเก่งมากเลยนะคะ ดีใจที่ลูกทิวจะได้รู้จักมักจี่กับหนูจุ๋มมากขึ้น” แม่ของทิวที่เดินเข้ามาสมทบพูดขึ้น “ไปกันเถอะคุณ เดี๋ยวจะถึงหัวหินสายเกิน สุดสัปดาห์แบบนี้ ผมกลัวรถมันจะเยอะ” พ่อกับแม่ของทิวเดินไปรอขึ้นรถ ทิวมองไปที่เครื่องโทรศัพท์ คิดถึงคนที่เพิ่งจะโทรมาหาเขา แล้วเขาเลือกที่จะให้คนรับใช้โกหกแทน ว่าเขาไม่อยู่บ้าน ทั้ง ๆ ที่เขากำลังจะออกไปเที่ยวกับครอบครัวของเด็กผู้หญิงอีกคน กับทริปหรรษาสุดสัปดาห์นี้
**************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA
https://www.youtube.com/watch? v=z_4X5e9rlR8
พูดค่อยค่อยก็ได้ ถ้าพูดไม่ได้ก็ค่อยค่อยพูด
Softly speaking if you can’t then gradually say it
เรื่องที่พูดไม่ยาก ไม่ต้องให้มากก็น่าจะได้
Something’s so simple, no need to make it difficult
พูดประนีประนอม ค่อยค่อยตะล่อมก็ไม่มีเรื่อง
Compromising, that’s how you keep things at peace
เรื่องที่ไม่ได้เรื่อง จะให้ได้เรื่องก็ได้ก็ได้
Something’s not so fine; if you ask for it then you’ll get it
อะไรก็ฟังอยู่แล้ว มีอะไรก็ฟังอยู่แล้ว
I’m all ears, ready to listen what you have to say
ได้ยินได้ยินอยู่แล้ว ยังจะซัดซะเกินทน
I can hear you good, still you slam your voice at me
ก็คนได้ยินอยู่แล้ว ยังตะโกนให้มันหนวกหู
I’m listening to you, cut the shouts to give me noise pollution
ตะโกนอะไรไม่รู้ ทำให้หูฉันหมองหม่น
Stop yelling, you’re making my ears bleed
พูดค่อยค่อยก็ได้ ถ้าพูดไม่ได้ก็ค่อยค่อยพูด
Softly speaking if you can’t then gradually say it
เรื่องที่พูดไม่ยาก ไม่ต้องให้มากก็น่าจะได้
Something’s so simple, no need to make it difficult
พูดประนีประนอม ค่อยค่อยตะล่อมก็ไม่มีเรื่อง
Compromising, that’s how you keep things at peace
เรื่องที่ไม่ได้เรื่อง จะให้ได้เรื่องก็ได้ก็ได้
Something’s not so fine; if you ask for it then you’ll get it
จะพูดกับเพื่อนกับฝูง พูดกับแฟนกับลูกกับหลาน
Talking to friends, lovers, and all loved ones
ถ้าเอาแต่โวยอย่างนั้น ก็ประเดี๋ยวหัวใจวาย
If you keep the yelling up, risks of the cardiac arrest
กับคนที่ยังไม่รู้ พูดดีดีสักคำก็รู้
With someone who isn’t quite following, easy explanation will do
ตะโกนให้มันหนวกหูทำไม
Why you keep screaming like this?
โกรธอะไร ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
Why so angry? Take it easy, say it nicely
ก็บอกออกไป ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
Gradually let it out, take it easy, say it nicely
ตะโกนทำไม ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
What’s to yell? Take it easy, say it nicely
ก็บอกออกไปด้วยเสียงที่นุ่มนวล
Say it with manners that are with decency
จะพูดกับเพื่อนกับฝูง พูดกับแฟนกับลูกกับหลาน
Talking to friends, lovers, and all loved ones
ถ้าเอาแต่โวยอย่างนั้น ก็ประเดี๋ยวหัวใจวาย
If you keep the yelling up, risks of the cardiac arrest
กับคนที่ยังไม่รู้ พูดดีดีสักคำก็รู้
With someone who isn’t quite following, easy explanation will do
ตะโกนให้มันหนวกหูทำไม
Why you keep screaming like this?
โกรธอะไร ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
Why so angry? Take it easy, say it nicely
ก็บอกออกไป ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
Gradually let it out, take it easy, say it nicely
ตะโกนทำไม ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
What’s to yell? Take it easy, say it nicely
ก็บอกออกไปด้วยเสียงที่นุ่มนวล
Say it with manners that are with decency
โกรธอะไร ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
Why you’re so pissed? Stay calm, collect yourself
ก็บอกออกไป ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
Start with politeness, take it slowly and somehow chilling
ตะโกนทำไม ค่อยค่อยพูด ค่อยค่อยพูด
What’s with the yells? Gently let it out, say it casually
ก็บอกออกไปด้วยเสียงที่นุ่มนวล
Use the voice that won’t make dogs howl
พูดค่อยค่อยก็ได้ ถ้าพูดไม่ได้ก็ค่อยค่อยพูด
Softly speaking if you can’t then gradually say it
เรื่องที่พูดไม่ยาก ไม่ต้องให้มากก็น่าจะได้
Something’s so simple, no need to make it difficult
พูดประนีประนอม ค่อยค่อยตะล่อมก็ไม่มีเรื่อง
Compromising, that’s how you keep things at peace
เรื่องที่ไม่ได้เรื่อง จะให้ได้เรื่องก็ได้ก็ได้
Something’s not so fine; if you ask for it then you’ll get it