บทที่ ๒๗. คิดถึงไม่สมมติ
2566
2023
“โรยใบโหระพาตบท้าย ก็ปิดเตาไฟ ยกหม้อลงได้” ตฤณพูดพร้อมกับขยับแกงเขียวหวานเนื้อหม้อใหญ่นั้น ให้ขยับไปวางอยู่บนแผ่นรองความร้อน “หอมมาก” เสียงของเจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์ที่ยืนอยู่ข้าง ดังขึ้น “ผมหิวข้าวมาก” ทั้งสายตาและรอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าของนฤเบศ บ่งบอกถึงความดีใจ ที่ตฤณมาทำอาหารให้เขากินในวันนี้
นฤเบศขับรถไปรับตฤณที่คอนโดตั้งแต่เช้า เพราะอีกฝ่ายบอกว่า ถ้าจะกินแกงเขียวหวานแบบรสชาติเด็ดขาดสูตรโบราณ ก็ต้องออกไปเลือกซื้อของเองที่ตลาดสด ทั้งเนื้อวัว ทั้งพริกแกง ทั้งผักสด รวมถึงหัวหางกะทิที่คราวนี้ จะไม่พึ่งพากะทิกล่อง เพราะตฤณบอกว่า จะทำแกงแตกมันได้ยาก และไม่หอมเท่ากะทิที่คั้นน้ำจากมะพร้าวขูดสด ๆ จากร้าน
“ผมคิดถึงอาหารไทยสุด ๆ” นฤเบศสารภาพไปตามความจริง “อะไรกัน” ตฤณที่กำลังเก็บล้างภาชนะที่ใช้ประกอบอาหารท้วงขึ้น “มีร้านอาหารไทยอยู่ทั่วยุโรปแล้วนะ” นฤเบศได้ยินตฤณพูดแบบนั้น ก็เดินเข้าไปยืนแนบด้านหลังของอีกฝ่าย “แต่ยุโรปขาดฝีมือทำกับข้าวของคุณนี่นา” พูดจบหนุ่มใหญ่ก็ก้มลงหอมแก้มตฤณฟอดใหญ่
“อะไรเนี่ย” ตฤณถาม หัวเราะนิด ๆ ขณะหยิบผ้าเช็ดมือจากตะขอแขวนเหนืออ่างล้างจาน “แทนคำขอบคุณ” นฤเบศยิ้มกว้าง ตฤณส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ “คุณไปเมืองนอกแค่สองสัปดาห์เองนะครับ” ตฤณบอกกับอีกฝ่าย มือหยิบแก้วกาแฟที่ชงเอาไว้ตั้งแต่กลับมาจากตลาดขึ้นจิบ มันเย็นชืดแล้วก็จริง แต่ตฤณคิดว่ารสชาติมันไม่ได้แย่อะไรสักนิด
“ซึ่งโคตรน่าเบื่อเลย” นฤเบศพูดก่อนเดินนำไปบริเวณพื้นที่นั่งเล่น “มิลานออกจะสวย” ตฤณเถียง เดินตามหนุ่มใหญ่เจ้าของเพ้นท์เฮ้าส์แพงระยับนี้ ไปหย่อนตัวลงนั่งที่ฝั่งตรงข้ามกัน “ก็คิดว่าจะมีเพื่อนร่วมทริป” เสียงของนฤเบศฟังดูตัดพ้ออยู่ในที ตฤณหลบตาวูบ ไม่ได้ต่อคำอะไรกับประโยคนี้ของอีกฝ่าย
“มิลานมันก็ดี แต่มันไม่ดีตรงที่เราไม่ได้ไปด้วยกัน ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว” จริงอย่างที่นฤเบศพูด “ดีตรงไหน แทบจะไม่ได้ออกจากห้องที่โรงแรมไปไหนกับเขาเลย” ตฤณนึกย้อนกลับไปเมื่อทริปยุโรปครั้งที่แล้ว ที่เขาไปกับนฤเบศ “มันดีตรงนั้นแหละ” ทั้งสองคนสบตากัน ต่างรู้ดีว่าเหตุใดทั้งคู่ทำอะไรกันในห้องทั้งวันทั้งคืน ถึงแทบไม่ได้ออกไปเดินเที่ยวชมเมืองที่ไหน
“อุตส่าห์บินไปตั้งไกล” ตฤณนึกถึงครั้งนั้น ที่ต่างก็นึกบ้าอะไรขึ้นมา วีซ่ายังไม่หมดอายุ จองตั๋วเครื่องบินแบบปุบปับที่แพงแสนแพง จองโรงแรมด้วยราคาที่อาจจะทำให้ใครบางคนต้องล้มละลาย จัดกระเป๋าเดินทางเพียงไม่นาน รู้ตัวอีกที ทั้งสองคนก็อยู่บนเครื่องบินที่ทะยานจากสนามบินสุวรรณภูมิ ขึ้นไปอยู่บนฟ้า มุ่งหน้าสู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลีแล้ว
“สนุกดีนะ” นฤเบศพูดขึ้น เขาเองก็คิดว่าปีใหม่ที่ผ่านมา จะได้ไปทำเรื่องสนุก ๆ กับตฤณแบบนั้นอีก “ผมอยู่มิลานได้สองสามวันก็เบื่อ เลยไปต่อที่เมืองนีซ” ชื่อเมืองที่หลุดออกมาจากปากหนุ่มใหญ่ ทำให้ตฤณถึงกับตาโต “เสียดายเลยทีนี้” ตฤณพูดพลางทำท่าทางเสียอกเสียใจ นฤเบศเองก็เสียดายเช่นกัน ที่แผนทั้งหมดของเขานั้นล่มลง
“ผมรู้ว่าคุณอยากไปเมืองนี้มาก ก็กะว่าจะทำเซอร์ไพรซ์ให้สักหน่อย ผิดแผนไปหมด คุณดันไม่รับโทรศัพท์ผมเลย” ตฤณสบตากับนฤเบศ เข้าใจเลยว่า หนุ่มใหญ่กำลังกึ่งบ่น กึ่งตำหนิ กึ่งพูดใส่หน้า ว่านี่คือความผิดของตฤณ “อยากรับผิดชอบอะไรขึ้นมาบ้างไหมล่ะ” นฤเบศยิงคำถามออกไป ก่อนจะเห็นแววตาที่รู้ทันฉายอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย
“ก็มาทำแกงเขียวหวานแสนอร่อยนี่ให้กินวันนี้แล้วไง” ตฤณรีบพูดออกไป กลั้วหัวเราะทำกลบเกลื่อนความผิด “โห มันน้อยไปมั้ยครับ รับผิดชอบกับใจดวงน้อย ๆ ของผมแค่นี้เองหรือ” ตฤณนึกหมั่นไส้อยู่เสมอ เวลาเห็นนฤเบศอ้อนแบบนี้ หนุ่มใหญ่หน้าตาหล่อเหลาเอาการ รูปร่างเฟิร์มกล้ามท้องแน่น มาทำตาหวานใส่ พูดจาออดอ้อนด้วย มันก็ทำให้ใจสั่นไม่น้อย
“แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะครับ” ตฤณพูดออกไป ก็ทำให้นึกได้ทีหลังว่า การพูดถามอีกฝ่ายปลายเปิดแบบนั้น อาจจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก เพราะมันมักจะจะกลายเป็นสิ่งที่มัดตัวเขาภายหลังเสมอ ๆ “เสร็จผมล่ะ” ทันทีที่ได้ยินตฤณเปิดโอกาสแบบนั้น นฤเบศก็ไม่พลาดที่จะแสดงออกมาอย่างเปิดเผย กับสิ่งที่เขาต้องการจากอีกฝ่าย
“คืนนี้อยู่กับผมทั้งคืนนะครับ คนดี” ตฤณได้ยินอีกฝ่ายพูด ก่อนจะเห็นนฤเบศลุกจากโซฟาหรูตัวยางนั้น เดินตรงมาหาเขา “คิดถึงเป็นบ้าเลย” ก่อนที่ตฤณจะรู้สึกถึงจูบที่แผ่วเบา แต่หวานละมุนนั้นบนหน้าผากของเขา “ข้าวสุกพอดี” ตฤณพูดขึ้น รู้สึกเหมือนระฆังจะช่วยเขาเอาไว้ได้พอดี เมื่อเสียงตัดของหม้อหุงข้าวดังขึ้น
“ก็คุณบอกเองว่าหิวข้าวมาก” ตฤณที่ลุกขึ้นยืนขึ้น โดยที่ความสูงของเขาเสมอเพียงแค่คางของหนุ่มใหญ่ ที่ตอนนี้รู้สึกว่า ตัวเองโดนแก้เกมได้โดยง่ายอีกแล้ว “ฝากไว้ก่อนเถอะ” หนุ่มใหญ่ทำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตฤณหัวเราะเสียงใสออกมา แววตาของนฤเบศแสดงออกอย่างเปิดเผยว่า เขาดีใจและมีความสุขมากแค่ไหน ที่ตฤณมาอยู่กับเขาในวันนี้
“เดี๋ยวผมทำไข่เจียวเพิ่ม แนมกับเขียวหวานเนื้อ อร่อยเหาะเชียวแหละ” ไม่พูดเปล่า ตฤณเดินกลับเข้าไปในส่วนครัว นฤเบศเดินตามไปเท้าข้อศอกมองจากไอส์แลนด์ครัวแบบฝรั่ง ดูตฤณทำโน่นทำนี่ ฟังเสียงของอีกฝ่ายบรรยายว่า ตัวเองกำลังทำอะไร ปรุงอะไร ทำอาหารแบบไหน นฤเบศมองเห็นภาพในอนาคตของเขา ที่เขาตื่นขึ้นมา มีตฤณอยู่ในทุกวันของชีวิตแบบนี้
“คุณจะกินแบบเป็นกับข้าว หรือว่าจะลูกทุ่ง ๆ แบบเป็นข้าวราดแกงโปะไข่เจียวไปเลย ดีครับ” ตฤณที่ตักข้าวใส่จาน หันมาถามนฤเบศเสียงใส “ราดข้าวมาเลยครับผม” นฤเบศตอบกลับไปแบบไม่ลังเล ก่อนจะชี้ไปที่ถ้วยที่วางอยู่ไม่ไกลกันนั้น “ขอน้ำปลาพริกให้ผมเยอะ ๆ เลยครับ แหม คิดถึงสมัยยังเด็กจริง ๆ พับผ่าสิ” ตฤณที่จัดให้ตามคำขอของอีกฝ่าย หัวเราะตามไปกับหนุ่มใหญ่ด้วย
ตฤณยื่นจานข้าวที่พูนไปด้วยแกงเขียวหวานร้อนกรุ่น ไข่เจียวหอม ๆ และน้ำปลาพริกขี้หนูแดงเขียว ก่อนจะนึกตามคำพูดของนฤเบศ จริงสินะ สมัยยังเด็ก ที่ความทรงจำในช่วงนั้น มันกลับมาส่งผลกับความรู้สึกของตฤณมากอยู่เช่นกันในตอนนี้ กับใครบางคน เมนูบางเมนู ที่เขาเองก็ตั้งใจลองผิดลองถูก ตั้งใจทำ เพื่อใครคนนั้นเช่นกัน
ตฤณรับรู้ถึงสัมผัสที่เริ่มต้นอย่างแผ่วเบานั้น ก่อนจะเริ่มหนักหน่วงขึ้น จากการขบด้วยริมฝีปากที่ติ่งหูของเขา จนการซุกไซ้ไรหนวดเขียวนั้นไปตามซอกคอ แผ่นหลัง และไล่ลงไปจนถึงร่องหลืบที่อีกฝ่าย ใช้เวลาอยู่นาน กับการลิ้มชิมรสและเพิ่มความซ่านกระสันให้กับตฤณ ที่เขาไม่อาจจะปฏิเสธที่จะแยกขาออกจนกว้าง เพื่อรับรู้ความอุ่นนุ่มแต่ดุดัน ที่แทรกซุกเข้าหามันได้เช่นกัน
“ผมขอนะ” ตฤณดิ้นนฤเบศถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กระเส่าอยู่ในที ท่ามกลางแสงไฟสลัว ตฤณพยักหน้ารับ อนุญาตให้อีกฝ่ายใช้นิ้วป้ายเจลเย็น ๆ นั้นลงไปยังที่หมาย ตฤณครางออกมาเมื่อนิ้วของนฤเบศล่วงล้ำพาเจลลื่นนั้นเข้าไปในช่องทาง หนุ่มใหญ่มองดูตฤณ จากที่ดึงตัวหนีนิ้วของเขา จนอีกฝ่ายขยับตัวเข้าหานิ้วของเขาเอง โดยที่เขาไม่ต้องบังคับใด ๆ
นฤเบศสวมเครื่องป้องกันลงบนความแข็งขันของตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นไปประกบแผ่นหลังของตฤณ หนุ่มใหญ่ดึงบั้นท้ายของตฤณให้ยกสูงขึ้น ก่อนจะดันส่วนที่ชูชันนั้น ค่อย ๆ แทรกผ่านความหนั่นแน่น ฝังส่วนกลางลำตัวแห่งความเป็นชายของตน เข้าไปจนสุดความยาว
“เจ็บมั้ย” นฤเบศรับรู้คำตอบจากตฤณด้วยการที่อีกฝ่ายบีบมือของเขาเอาไว้จนแน่น ถึงแม้ว่าตฤณกับเขาจะมีอะไรกันมาหลายครั้ง แต่ตฤณก็ยังไม่ชินกับความเขื่องที่แทรกผ่านเข้ามาในตัว “เดี๋ยวก่อนครับ อย่าเพิ่งขยับ” ตฤณสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อเรียบของเขาคลายความเจ็บลง นฤเบศก้มลงจูบเบา ๆ ที่แผ่นหลังของตฤณ โดยที่หนุ่มใหญ่รอให้อีกฝ่ายส่งจังหวะเหมาะให้กับเขา
“ตฤณ คุณคับแน่นจังเลย” นฤเบศกระซิบบอกตฤณเบา ๆ ที่ข้างหู และเมื่อตฤณพยักหน้าเป็นสัญญาณ นฤเบศก็เริ่มขยับเอวเข้าออกช้า ๆ โดยมีเสียงร้องครางของตฤณดังออกมา ให้เขารู้ว่า เขาสามารถเพิ่มความถี่และความแรงในการขยับตัว และเมื่อตฤณยอมเอี้ยวตัวหันมาจูบปากแลกลิ้นกับเขา นั่นก็ทำให้นฤเบศสามารถกระหน่ำย้ำสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ได้อย่างหนักหน่วง และพลิกแพลงท่วงท่าได้ตามใจต้องการ
แม้ว่าเครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนจะเย็นฉ่ำ แต่ทั้งตฤณและนฤเบศก็เหงื่อท่วมตัว หนุ่มใหญ่ฟุบตัวซุกหน้าลงที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย จูบเบา ๆ ลงไปตรงนั้น ก่อนจะเลื่อนตัวไปหอมแก้มบอกขอบคุณ แล้วจึงค่อย ๆ ถอนตัวออกจากช่องทางของตฤณ ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ปีหน้าเห็นได้ข่าวว่า จะมีสลีปเปอร์เทรนเชื่อมระหว่างซูริคกับบาร์เซโลน่า” นฤเบศที่ลุกขึ้นไปยืนอยู่ที่ปลายเตียงพูดขึ้น “คุณไปกับผมนะ ไปเริ่มต้นที่สวิส แล้วก็ไปให้ทั่วสเปนเลย” อีกมือก็ดึงเครื่องป้องกันที่มีน้ำสีขาวขุ่นขังตัวอยู่ในนั้นออกจากความแข็งเขื่อง ตฤณมองตามนฤเบศที่เดินไปโยนยางบางเฉียบนั้นลงไปในถังขยะที่มุมห้อง
“ถ้าว่างนะครับ” ตฤณไม่รู้จะตอบแบบไหนออกไป เลยกึ่งรับกึ่งออกตัวไปแบบนั้น ก่อนจะเห็นหนุ่มใหญ่ยิ้มกว้างแล้วเดินมาหา “ผมจะทำให้มั่นใจว่า คุณว่างไปกับผม ตฤณ” ก่อนจะประทับจูบหนัก ๆ ลงบนริมฝีปากของตฤณที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียงใหญ่หนานุ่มนั้น ตฤณสบตากับนฤเบศแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในหัวยังไม่ได้มีคำตอบที่ชัดเจนกับคำชวนนี้ของนฤเบศ
ตฤณกลับมาถึงที่คอนโดก็เกือบจะเจ็ดโมงเช้าแล้ว เขาบอกกับหนุ่มใหญ่ว่า มีงานค้างอยู่ต้องกลับไปสะสาง ตฤณเดินเข้ามาในส่วนรับรองของตึกคอนโด ก็เห็นวินนั่งรออยู่ที่โซฟา ตรงส่วนต้อนรับ เด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งมองตรงมาที่ตฤณที่เพิ่งเดินเข้ามาในตัวอาคาร ตฤณมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินตรงมาหาเด็กหนุ่ม
“มาทำอะไรแต่เช้า” ตฤณยิงคำถามออกไป เห็นเด็กหนุ่มยักไหล่ ทำยิ้ม ๆ “ก็อยากมาหา อยากเจอตฤณ ก็เลยมาที่นี่เลย ทำไมล่ะ มาไม่ได้แล้วหรือ” น้ำเสียงของวินไม่ได้แสดงอาการตัดพ้ออะไร ถามออกมาเรียบ ๆ แบบชวนคุยเสียมากกว่า “เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” ตฤณตอบกลับไป ในใจแอบกังวลเล็กน้อย ว่าวินจะถามอะไรเพิ่มหรือไม่ ที่เห็นเขากลับเข้าคอนโดมาในตอนเช้าแบบนี้
“ก็มาได้ แต่ถ้าผมไม่อยู่ คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งรอนาน ๆ ไง เสียเวลาออก” ตฤณบอกเด็กหนุ่มออกไปแบบนั้น วินเดินเข้ามา แล้วก็ยิ้มให้ ส่ายหน้าเป็นเชิงว่ามันไม่ได้อะไรนักสำหรับเขา “คิดถึงจัง” วินโน้มใบหน้าลงมาจนเกือบจะถึงใบหน้าของตฤณ ซึ่งสิ่งที่วินทำต่อจากนั้น ก็ทำให้ตฤณรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ขอกอดหน่อยนะ” ตฤณถูกรวบเข้าไปในอ้อมกอดของเด็กหนุ่ม วินกอดตฤณเอาไว้จนแน่น กลิ่นบางอย่างที่วินรู้ว่า ไม่ใช่กลิ่นประจำตัวของตฤณ โชยออกมาให้เขาได้รับรู้ “อะไรเนี่ย” ตฤณถามออกไป ความอุ่นจากกายของเด็กหนุ่มที่ส่งผ่านออกมาจากถึงตัวของเขา ทำให้ตฤณรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ
วิน เด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังกอดตฤณไว้ในอ้อมแขนนั้น ส่งสายตามองผ่านกระจกบานใหญ่ของอาคารออกไป ที่ตรงนั้น มีหนุ่มใหญ่ดูภูมิฐานคนหนึ่ง ยืนมองพวกเขาสองคนอยู่ วินจ้องไปที่ใบหน้าของนฤเบศอย่างตาไม่กะพริบ เปิดเผยเช่นกันว่า เขาไม่กลัวหากว่าสิ่งที่เขาจะต้องทำต่อจากนี้ คือการทำทุกวิถีทาง ที่จะให้ตฤณเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
****************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย KADUMPA
https://www.youtube.com/watch? v=LTtlD37_bD8
ฉันฝันเห็นอยู่เสมอ ชีวิตที่เธอได้เลือกฉัน
I always dream of a life that you do pick me
ฝันว่าโลกไม่มีเขา สมมติว่าเราได้รักกัน
Dreaming that he doesn’t exist in this world, supposedly we’re so in love
ฉันเข้าใจหมดทุกอย่าง ไม่ว่าเธอเลือกทางไหน
I totally get it – all of it, no matter what you’ re gonna choose
จะไปคาดหวังอะไรได้ คนจะไปก็ต้องไป
What can be expected if one wants to leave?
แต่ตอนนี้ มันยังมีเวลา ไม่ต้องคิดถึงหน้าใคร
There’s still time, no need to ever care about anyone
และเราก็อยู่ด้วยกัน
And we’re now here together
ก่อนเดินจากกันไป ลองหลับตาแล้วนึกดูได้ไหม
Before we would say goodbye, close your eyes and think one minute
จับมือฉันไว้สักครั้ง
Hold my hand tight just once
ฉันฝันเห็นอยู่เสมอ ชีวิตที่เธอได้เลือกฉัน
I always dream of this life that you literally choose me
ฝันว่าโลกไม่มีเขา สมมติว่าเราได้รักกัน
Picturing a world without him, supposedly we fall in love
เราจะได้ มีคืนวัน ที่ดีดี ไม่ห่าง
We will have ourselves days and nights full of good stuff
มีเธอยิ้ม มีเธอยืน มีเธอเดินข้างข้าง
You smile, stand by me and walk along with
อยากให้ลองคิดถึงฉันไม่ใช่เขา
Think of me please – not him
สมมติว่าเราได้คบกัน
Supposedly, we’re seeing each other
สมมติว่าเราได้รักกัน
Supposedly, we fall head over heels
สมมติฉันไม่ยอมแพ้ แล้วเรื่องจริงจะเปลี่ยนไหม
I suppose I never quit; will all of this alter all the facts?
สมมติฉันไม่ยอมรับ และขอร้องเธอไม่ให้ไป
I suppose I never accept it, on my knees asking you not to leave me
หากสองเราได้ย้อนเวลา มีโอกาสได้แก้ไข
If we could turn back time, we’d get a chance to make it right
เราจะยอมให้ทุกทุกอย่าง เป็นไปตามนี้หรือไม่
We’ll do whatever it takes, will it be as we really want?
แต่ตอนนี้ เวลามันยังมี ตรงนี้ไม่มีผู้ใด
Now there’s still time and no one is around
เราอยู่ลำพังอีกหน
We are here together just the two of us
ก่อนเดินจากกันไป ลองหลับตาแล้วนึกดูได้ไหม
Before we say we’d part ways, close your eyes and picture it once again
โลกที่มีเราสองคน
The world of our own, you and me
ฉันฝันเห็นอยู่เสมอ ชีวิตที่เธอได้เลือกฉัน
I always dream of this life that you literally choose me
ฝันว่าโลกไม่มีเขา สมมติว่าเราได้รักกัน
Picturing a world without him, supposedly we fall in love
เราจะได้ มีคืนวัน ที่ดีดี ไม่ห่าง
We will have ourselves days and nights full of good stuff
มีเธอยิ้ม มีเธอยืน มีเธอเดินข้างข้าง
You smile, stand by me and walk along with
อยากให้ลองคิดถึงฉันไม่ใช่เขา
Think of me please – not him
สมมติว่าเราได้คบกัน
Supposedly, we’re seeing each other
สมมติว่าเราได้รักกัน
Supposedly, we fall head over heels
เราจะได้ มีคืนวัน ที่ดีดี ไม่ห่าง
What we’re gonna have is the delights every single day
มีเธอยิ้ม มีเธอยืน มีเธอเดินข้างข้าง
Your smile, your stay and us walk hand in hand
เพียงแต่เราคิดถึงฉันหรือว่าเขา
Just one thing, we; refers to him or me?
สมมติว่าเราได้คบกัน
Supposedly, we are now dating
สมมติว่าเราได้รักกัน
Supposedly, we are now madly in love