❤️:::: ลูกพลับสีหม่น(Mpreg)::::❤️#12 ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ [Up : 19-12-2022]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️:::: ลูกพลับสีหม่น(Mpreg)::::❤️#12 ความรู้สึกของคนเป็นพ่อ [Up : 19-12-2022]  (อ่าน 4714 ครั้ง)

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-12-2022 19:17:29 โดย ไมเลอร์ »

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
คำโปรย...

ความผิดพลาดในค่ำคืนแห่งความอัปยศอดสู ทำให้ลูกพลับซึ่งกำลังจะมีอนาคตที่สดใส กลับกลายมาเป็นคุณแม่มือใหม่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือผู้ชายคนนั้นไม่ยอมรับลูกในท้อง ไม่ยอมรับว่าเขาเป็นเมีย ไม่ยอมรับการมีตัวตนของเขาและลูก เสียทุกอย่างได้แต่จะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี เขาจะต้องทำให้ผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดและทรมานอย่างแสนสาหัสที่สุด




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ลูกพลับสีหม่น



บทนำ


ในค่ำคืนที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เสียงฟ้าร้องคำรามดังอยู่เนือง ๆ เตือนให้ทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้ผืนฟ้ารีบทำภารกิจให้เสร็จเรียบร้อยและเข้าสู่เคหสถานของตนเอง ในขณะนั้นรถยนต์คันหรูก็เคลื่อนล้อเข้ามาจอดที่โรงจอดรถ ก่อนที่ร่างสูงซึ่งสวมใส่ชุดไปรเวทเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนเนื้อดีจะเปิดประตูรถลงมา แทนที่จะมุ่งหน้าไปยังเรือนหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเหมือนเช่นทุกครั้ง หากทว่าวันนี้เขาตั้งใจจะไปทำภารกิจบางอย่าง หลังจากได้วางแผนเอาไว้มานานหลายวันก่อนหน้านี้

ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ “แทนไท” เดินโซเซไม่สามารถทรงตัวให้ตรงได้เหมือนเช่นทุกครั้ง การเพิ่มดีกรีเข้าสู่กระแสเลือดทำให้เขามีความกล้า นั่นคือการเข้าไปพรากพรหมจรรย์ของ “นับดาว” หญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของ “ไททัน” ซึ่งเป็นพี่ชายตนเอง

แสงแฟลชจากท้องฟ้าอันมืดมิดสะท้อนลงมาตกกระทบบนดวงหน้าหล่อ ทำให้เห็นว่าตอนนี้ดวงตาคมคู่นั้นกำลังลุกโชนไปด้วยไฟแห่งกามารมณ์ ความต้องการที่กำลังปะทุในอกทำให้เจ้าตัวเร่งฝีเท้าตรงไปยังบ้านพักของคนรับใช้ สายตาอันพร่ามัวกำลังจับจ้องไปยังบานประตู เขาสะบัดใบหน้าไปมาเพื่อเรียกสติ ให้มั่นใจว่าเข้าไปไม่ผิดห้อง ก่อนจะล้วงเอาลูกกุญแจที่เตรียมมาด้วยพยายามไขเข้าไปข้างในจนสำเร็จ

“กลับมาแล้วเหรอครับพี่ดาว”

“ลูกพลับ” เอ่ยพึมพำเบา ๆ ในขณะยังคงหลับตานอนอยู่บนเตียงในท่าสบาย เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องบวกกับฝนพรำ ๆ ทำให้วันนี้เขาเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างง่ายดาย ไม่มีความรู้สึกเอะใจว่าตอนนี้คนที่เข้ามาในห้องไม่ใช่พี่สาวของตน

ท่ามกลางความมืดมิดยังคงมีแสงสว่างสาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เห็นว่าตอนนี้ชายหนุ่มร่างกำยำสมส่วน กำลังยืนปลดเปลื้องอาภรณ์ออกอย่างใจเย็น แววตาอันเย็นยะเยือกจับจ้องมองไปยังร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียง มุมปากถูกยกขึ้นฉายรอยยิ้มแห่งมัจจุราช ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านับดาวจะต้องกลายเป็นเมียเขาอย่างแน่นอน

แทนไททิ้งตัวลงบนเตียงแล้วนอนซ้อนหลัง กอดร่างบอบบางนั้นเอาไว้แน่น ยื่นใบหน้าคมเข้าไปเกยคางบนไหล่จนได้กลิ่นกายอันหอมเป็นเอกลักษณ์ สูดดมความหอมที่แก้มขาวเนียนฟอดใหญ่

ฟอดดด!!!

กลิ่นแอลกอฮอล์โชยเข้าจมูกทำให้คนที่โดนกอดขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตา ปกติพี่สาวเขาไม่เคยกอดเช่นนี้แม้จะนอนด้วยกันทุกวัน และที่สำคัญเธอไม่ดื่มแอลกอฮอล์ นั่นทำให้มั่นใจว่าไม่น่าจะใช่พี่สาวของตน จึงลืมตาขึ้นพยายามแกะมือที่กอดรัดร่างให้พ้นตัว ทว่าเขากลับยิ่งกอดแน่นยิ่งขึ้น

“อย่าดื้อกับฉัน วันนี้ฉันจะยัดเยียดความเป็นผัวให้เธออย่างหนำใจเชียวล่ะ หึ ๆ”

“คะ...คุณแทน อื้อ...”

กำลังจะส่งเสียงร้องทว่ากลับถูกมือหนาปิดปากเอาไว้ เขาจำเสียงนี้ได้แม่น เป็นคุณแทนไทลูกชายคนเล็กของคุณท่านแน่นอน ลูกพลับพยายามขัดขืนอย่างสุดแรง ทว่าเรี่ยวแรงของคนตัวเล็ก ๆ อย่างเขามีหรือจะสู้ร่างสูงที่เป็นถึงนักฟุตบอลมหาวิทยาลัย อยากจะเปล่งเสียงบอกว่าตนเองไม่ใช่พี่สาว แต่กลับไม่มีโอกาสได้เอื้อนเอ่ย เพราะตอนนี้เขากำลังเล้าโลมด้วยวิธีอันป่าเถื่อนและเร่าร้อนจนแทบไม่มีแรงฮึดสู้

ลูกพลับได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะหยุดการกระทำอันน่ารังเกียจนี้ หากรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เข้าใจ แต่หากมันไม่เป็นอย่างที่คิดอย่างน้อยเขาก็ไม่เสียใจ เพราะมันยังดีกว่าต้องให้พี่สาวของเขาต้องมาโดนกระทำย่ำยีเช่นนี้




ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
Chapter 1

ข้อตกลง



เข้าวันใหม่ที่สดใสของหลาย ๆ คนทว่าร่างเล็กที่เพิ่งจะเริ่มรู้สึกตัวกลับกลายเป็นเพียงหมอนข้างให้แทนไทกอดมาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นก็พบว่าตนเองถูกร่างหนาสวมกอดไว้แน่น ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง โดยเฉพาะส่วนล่างที่เจ็บปวดกว่าส่วนใดจนน้ำตาซึมออกมา

“มันไม่ใช่แค่ฝันร้ายสินะ ฮึก...”

เมื่อรู้ว่ามันคือเรื่องจริงก็พยายามแกะมือเขาออก นั่นทำให้อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัวเช่นเดียวกัน ตอนนี้ทั้งสองร่างไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดเรือนกาย ลูกพลับต้องดึงผ้าห่มมาคลุมร่างตัวเองไว้ ก่อนที่เขาจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาเสียก่อน

“อือ...ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้เนี่ยยยย” คนที่เพิ่งจะตื่นบ่นเสียงแหบพร่า ยกมือขึ้นมากุมขมับตนเองไปพลาง พยุงตัวลุกขึ้นจากที่นอนราคาถูก เอนหลังบนผนังห้อง

“ออกไปได้แล้วครับ”

ได้ยินเสียงหวานที่แฝงไปด้วยความโกรธเกลียด ก็ทำให้แทนไทหันไปมองยังต้นเสียง ภาพแรกที่เห็นทำเอาเจ้าตัวถึงกับเบิกตาด้วยความตกใจ นั่นลูกพลับนี่นา เมื่อคืนเขาจำได้ว่าตั้งใจจะเข้ามาปล้ำนับดาว แต่ไหงกลับกลายเป็นอย่างนี้ไปได้

“นับดาวอยู่ไหน! ทำไมเป็นมึง อีตุ๊ด!”

“ดีแล้วที่เป็นผม คุณมันเลวเกินกว่าจะเป็นคน หากเมื่อคืนพี่ดาวนอนอยู่ในห้องนี้คงโดนคุณปู้ยี่ปู้ยำจนไม่เหลือศักดิ์ศรีแล้ว ฮึก...คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน ทั้งที่รู้ว่าพี่ดาวเป็นแฟนกับคุณไททันซี่งเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของคุณ” ลูกพลับกล่าวทั้งน้ำตา เขาไม่ได้เสียใจที่ตนเองถูกรังแก แต่เจ็บใจที่แทนไทกล้าทำเรื่องเลวทรามอย่างนี้

“แฟนที่พ่อกับแม่กูไม่ยอมรับน่ะเหรอ ต่อให้รักกันมากแค่ไหนพี่สาวมึงก็ไม่มีวันได้ขึ้นเป็นสะใภ้ภิรมย์การันแน่ เพราะพ่อกับแม่กูหาผู้หญิงไว้ให้ไอ้ไททันแล้วรู้ไว้ซะ”

“ถึงจะยังไงก็ช่าง แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้”

“ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อมึงกับพี่สาวของมึงเป็นคนของบ้านหลังนี้ เป็นหนี้บุญคุณพ่อกับแม่กูที่อุตส่าห์ส่งเสียให้เรียน พี่สาวมึงจบพยาบาล ส่วนมึงก็กำลังเรียนเภสัช ค่าเทอมไม่ใช่ถูก ๆ มหา’ ลัยหรูขนาดนี้ แค่นี้ถือเป็นการตอบแทนนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป” แทนไทแค่นยิ้มออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะส่งสายตามองไปยังเสื้อผ้าของตนที่วางเกลื่อนบนพื้น เมื่อคืนเขาเมามากจนกล้าทำเรื่องอย่างนี้จนได้ แต่เสียดายที่ไม่สำเร็จกลับกลายเป็นไอ้นี่แทน ไม่งั้นเขาคงจะได้นับดาวมาเป็นเมียสมใจอยากแล้ว

“ถึงจะอยู่ในตระกูลที่สูงส่งแค่ไหน แต่กลับไม่ทำให้นิสัยของคุณสูงส่งไปด้วย ทำตัวต่ำกว่าทุกคนในบ้าน จริง ๆ แล้วคุณอาจจะเป็นลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยงก็เป็นได้นะ” ลูกพลับเองก็แค่นยิ้มออกมาเช่นกัน เขารู้ว่าแทนไทเป็นคนอย่างไร

“ปากดีนักนะ! อยากเจ็บตัวนักหรือไง” คนพูดลุกขึ้นมาจับที่ต้นแขนเรียวบีบแน่น ๆ จนลูกพลับต้องทำหน้าเหยเกยด้วยความเจ็บปวด

“ปล่อย! ผมเจ็บนะ”

“เจ็บจะได้จำว่าอย่ามาพูดอย่างนี้กับกูอีก”

“ทำไมจะพูดไม่ได้ ในเมื่อคุณมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นี่”

ได้ยินเช่นนั้นแทนไทก็จ้องเขม็งมองด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ง้างมือขึ้นจะฟาดไปที่ใบหน้าขาวนั้น

“เอาเลย! ตบเลย! ผมจะได้บอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ คนอย่างคุณจะทนได้เหรอที่ต้องมามีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน เกลียดตุ๊ดอย่างผมไม่ใช่เหรอ รังเกียจไม่ใช่เหรอ แต่ท้ายที่สุดคุณก็มาเอาผมจนได้ มันน่าขำนะ”

มือที่ค้างอยู่บนอากาศถูกลดลงมาเรื่อย ๆ อย่างจำใจ เขาอยากจะกำราบให้ไอ้เด็กคนนี้มันหลาบจำ แต่เขาก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับมันอีก แค่นี้ก็ขยะแขยงเต็มทนแล้ว

“มึงกล้าขู่กูเหรอ อย่าคิดว่าเรื่องแค่นี้จะหยุดกูได้”

“กล้าก็เอาเลย ผมไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่ ผมมันก็แค่หลานคนใช้ ไม่มีชื่อเสียงอะไร ไม่เหมือนคุณที่มีแฟนคลับสาว ๆ ในมหา’ ลัยคอยตามเอาขนมนมเนยมาป้อน หากคนพวกนั้นรู้จะเกิดอะไรขึ้น ภาพลักษณ์ที่คุณสร้างมามันจะพังลงในพริบตาหากผมบอกเรื่องนี้ไป อย่าคิดว่าผมไม่กล้า”

“กูจะให้เงินก้อนนึงแล้วหุบปากซะ ทำเหมือนวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“ผมไม่ต้องการเงินของคุณ”

“แล้วมึงต้องการอะไรวะ!” เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับข้อเสนอจึงตะเบ็งเสียงดังเพื่อข่มขวัญ

“อย่ามายุ่งกับพี่สาวผมอีก ไม่ว่าจะยุ่งแบบไหนก็ตาม”

“แล้วทำไมกูจะต้องทำตามคำขู่ของมึง”

“ก็แล้วแต่ จะเอาอย่างนั้นก็ได้ เชิญออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้ ไม่กลัวใครจะมาเห็นหรือไง” คนพูดผายมือเชิญให้เขาออกไป แทนไทจ้องเขม็งมองอย่างเดือดดาล กำมือแน่นจนสั่น ก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ

“มึงกล้ามากที่มาขู่กู ก็ได้! กูจะไม่มายุ่งกับพี่สาวมึงอีก แต่ถ้าเรื่องนี้มีคนรู้แม้แต่คนเดียวรับรองว่าชีวิตมึงได้พังไม่เป็นท่าแน่”

แทนไทชี้หน้าขู่ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วลูกพลับก็ทรุดตัวลงนั่งพร้อมทั้งหลั่งน้ำตาแห่งความเสียใจออกมา มันช่างเป็นฝันร้ายที่เจ็บปวดเหลือเกิน ไม่นึกฝันว่าเขาจะต้องมาเสียพรหมจรรย์ให้กับคนที่ไม่ได้รักอย่างนี้

“ฮือ ๆ แม่ครับ ผมคิดถึงแม่เหลือเกิน”



แทนไทเดินออกมาจากเรือนคนใช้อย่างระแวดระวัง เมื่อมาถึงหน้าบ้านก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อเห็นพี่ชายตนเองกำลังจะออกไปทำงาน

“อ้าว! มึงกลับเช้าเลยเหรอวะ”

“อือ”

ตอบสั้น ๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินเบียดไหล่กลับเข้าไปในบ้าน ไททันได้แต่มองตามหลังแล้วถอนหายใจเสียงดัง ไม่รู้ทำไมน้องชายถึงได้ตั้งแง่กับเขาอย่างนี้ เป็นมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาแกล้งให้น้องชายจมน้ำจนเกือบจะตาย มันเป็นความผิดพลาดครั้งเดียวที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเปลี่ยนไป

เมื่อเข้ามาในห้องแล้วแทนไทก็ทิ้งตัวลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ วางสายตาไว้ที่โคมไฟหรูซึ่ง

ห้อยระย้าลงมาจากเพดานห้อง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ จนกระทั่งก่อนหน้าที่มีปากมีเสียงกับไอ้เด็กนั่น พอรู้ว่าตัวเองมีอะไรกับผู้ชายก็รู้สึกขยะแขยงตัวเอง รู้สึกคลื่นไส้จะอาเจียนจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สำรอกเอาของเหลวในท้องออกมาจนหมด

“อ้วก!! มึงมันน่ารังเกียจ อีตุ๊ด! กูไม่น่าพลาดไปเอามึงเลย”

กล่าวจบแล้วก็รีบบ้วนปากและล้างหน้าจนรู้สึกดีขึ้น จากนั้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปในห้องอาบน้ำ เพื่อชำระล้างคราบดีเอ็นเอของไอ้เด็กนั้นออกไปให้หมด

*-*-*-*-*-*-*



เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง วันนี้ลูกพลับออกมาช่วยป้าปิ่นซึ่งเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของแม่เขา ส่วนนับดาวไม่ใช่พี่สาวแท้ ๆ แต่เป็นลูกสาวของป้าปิ่นนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต่างจากพี่สาวที่คลานตามกันมาเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก

นับดาวเพิ่งจะเรียนจบพยาบาลมาหมาด ๆ และโชคดีได้ทำงานทันทีนั่นเพราะฝีมือของไททันที่ช่วยฝากงานให้ เธอพักอยู่หอพักของทางโรงพยาบาลนานทีจะกลับมาที่บ้านหลังนี้ และอีกไม่นานก็จะซื้อบ้านเพื่อจะได้พาแม่และน้องชายออกไปอยู่ด้วยกัน ทว่าปิ่นวดีผู้เป็นแม่ไม่ยอมย้ายออกไป เพราะให้เหตุผลว่าคุณท่านและคุณนายเป็นผู้มีพระคุณกับครอบครัว จึงอยากจะรับใช้จนกว่าจะทำงานไม่ไหว อีกอย่างถึงไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่แต่ก็คงเหงาเพราะไม่รู้จะทำอะไรนั่นเอง อยู่ที่นี่ยังมีงานบ้านให้ทำและมีเพื่อนคุยอยู่บ้าง

“ป้าปิ่นผมไปเรียนแล้วนะครับ”

“ตั้งใจเรียนนะพลับ อย่าเถลไถลเด็ดขาดรู้ไหม” คนเป็นป้าชี้หน้าขู่เล่น ๆ เธอไม่เคยเป็นห่วงเรื่องนี้เลย เพราะลูกพลับเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด

“ก็อยากจะลองดูสักครั้งเหมือนกัน อยากรู้ว่าป้าจะทำยังไงกับผม” เขาตอบกลับขำ ๆ

“อยากเจ็บตัวก็ลองดูสิไอ้หลานคนนี้”

“เอ้อป้าครับ ทำไมเมื่อคืนพี่ดาวไม่กลับมาล่ะครับ ปกติเห็นมาทุกวันอาทิตย์นี่นา”

“อ้อ เมื่อคืนมีเคสด่วนน่ะเลยมาไม่ได้ มันโทรฯ บอกป้าอยู่ แต่เห็นว่าเอ็งหลับไปแล้วเลยไม่ไปกวน”

“อ๋อครับ งั้นผมไปแล้วนะ”

“เดี๋ยว ๆ ทำไมวันนี้ตาเอ็งมันแดง ๆ วะ”

เมื่อโดนทักท้วงเจ้าตัวก็รีบหลบตาทันที มันคือร่องรอยของการร้องไห้มาอย่างหนักตลอดทั้งคืน

“เอ่อ...เมื่อคืนผมอ่านหนังสือดึกไปหน่อยครับป้า”

“อย่าหักโหมล่ะ ตอนนี้ก็สอบติดจนได้เรียนสิ่งที่ชอบแล้ว อย่ากดดันตัวเองให้มากเข้าใจไหม ป้าเป็นห่วง”

“ครับผม”

ลูกพลับเดินเข้าไปสวมกอดผู้เป็นป้าก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาฟอดใหญ่ แล้วสะพายกระเป๋าสีดำใบขนาดกลาง ๆ เดินตรงไปยังประตูทางออก บ้านหลังนี้มีพื้นที่ใหญ่โตสมกับเป็นบ้านของมหาเศรษฐี ทว่ากลับไม่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขเลยสักนิด ยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดหากได้เผชิญหน้ากับเขาคนนั้น

ปี๊บ ๆ

เสียงบีบแตรรถดังมาจากด้านหลัง กำลังจะหันไปมองทว่าต้องรีบเบี่ยงตัวหนี ทำเอาหัวใจแทบจะวาย นั่นเพราะรถคันหรูขับมาใกล้จนเกือบจะเฉี่ยวตัวเขาเต็มที ทำเอาลูกพลับเสียหลักล้มลงบนพื้นคอนกรีตอย่างจัง

“โอ๊ย! ขับรถบ้าอะไรเนี่ย ไม่มีตาหรือไง” ที่กล้าพูดอย่างนี้เพราะรู้ว่าเป็นรถของใคร

“มี! แต่อยากขับอย่างนี้มีปัญหาอะไรวะอีตุ๊ด! เดินเอ้อระเหอลอยชาย นึกว่าถนนบ้านกูเป็นรันเวย์หรือไงวะ”

“เอาอะไรทำตา ก็ผมเดินมาดี ๆ คุณนั่นล่ะตั้งใจขับมาแกล้งผม”

“เออ กูตั้งใจแกล้งแล้วจะทำไมวะ”

“ไม่ทำไม่ เพราะไม่อยากจะเสวนาด้วยให้เสียเวลา”

ลูกพลับตอบกลับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะหันมาสนใจมองที่ข้อเท้าตัวเอง เพราะตอนนี้รู้สึกเจ็บเข้าให้แล้ว พยายามจะยันตัวลุกขึ้นแต่กลับล้มลงไม่เป็นท่า

“ถ้าไม่ไหวก็นอนตายอยู่ที่บ้านนี้ล่ะ กูไปล่ะ”

คนที่อยู่ในรถชะโงกหน้าออกมาเยาะเย้ยพร้อมกับรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ จากนั้นก็บึ่งรถออกไปจากรั้วบ้าน ทิ้งให้ลูกพลับนั่งชันเข่าข้างหนึ่งมองตามหลังไปอย่างอาฆาตแค้น

“ขอให้รถคว่ำตายเถอะสาธุ! โอ๊ะ โอ๊ย! ทำไมมันปวดอย่างนี้เนี่ย”

เจ้าตัวพยายามนวดที่ข้อเท้าสักพักจนรู้สึกดีขึ้น จากนั้นจึงเดินเขย่งเท้าออกไปจากรั้วบ้านแล้วเรียกวินมอเตอร์ไซต์ตามหลังไป ในระหว่างนั่งวินอยู่นั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง เพราะไม่อยากจะเอาเรื่องเครียดไปมหาวิทยาลัยด้วย กลัวว่าจะเรียนไม่เข้าใจนั่นเอง


++++++++++++++

ฝากน้องพลับกับพี่แทนไทไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับทุกคน

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
Chapter 2

ขอเอาคืน



ลูกพลับมีเพื่อนสนิทอยู่หนึ่งคนนามว่า ‘ฮ่องเต้’ เขาเป็นคนตัวเล็ก ๆ นิสัยดี น่ารัก โอบอ้อมอารี ด้วยคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างนี้ทำให้มีคนอยากเข้ามาเป็นเจ้าของหัวใจมากมาย ทว่าคนที่มาเหนือกว่านั่นคือ ‘กาย’ นักศึกษาแพทย์หนุ่มหล่อชั้นปีที่สี่

วันที่กายขอฮ่องเต้เป็นแฟนกลายเป็นไวรัลไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย เหตุเกิดหน้าตึกคณะเภสัชศาสตร์ นักศึกษาต่างก็มุงดูร้องกรี๊ดบิดตัวไปมาด้วยความฟินและหนึ่งในนั้นก็คือลูกพลับ เห็นเพื่อนมีความสุขเขาก็ดีใจด้วย ส่วนเจ้าตัวยังโสดไร้คนรู้ใจ แม้จะมีคนมาจีบบ้างทว่าเขารู้ตัวว่าต้นทุนไม่เหมือนคนอื่น จึงตั้งใจเรียนอย่างเดียวเพื่ออนาคตเสียก่อน

“วันนี้พี่กายมารับแกไหม”

“อื้ม มาดิ วันนี้จะไปกินข้าวเย็นกัน”

“อ้อ งั้นแยกกันตรงนี้เลยป่ะ”

“แกมีธุระที่ไหนหรือเปล่าล่ะ”

“ก็ไม่มีนะ”

“งั้นไปกินข้าวกัน”

“ไม่เอา! ใครจะอยากไปเป็นกอขอคอล่ะ ไปเถอะ”

“กอขอคอที่ไหนกัน วันนี้พี่กายจะพาลูกพี่ลูกน้องมากินข้าวด้วย เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากอเมริกาด้วยล่ะ”

“มันจะดีเหรอแก”

“ดีสิ มีฉันไปด้วยจะกลัวอะไร”

“ฉันไม่ได้กลัว แค่เกรงใจอ่ะ”

“เกรงใจอะไรคนกันเอง ทำอย่างกับแกไม่เคยรู้จักพี่กายอย่างนั้นล่ะ”

“โอเคไปก็ไปวะ”

ในที่สุดเขาก็ต้องยอมลูกตื๊อของเพื่อนรัก ทั้งคู่เดินไปรอกายที่หน้าคณะได้ไม่นานรถคันหรูก็ขับมาจอดเทียบริมฟุตบาท พานักศึกษาเภสัชศาสตร์ทั้งสองหนุ่มมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารสุดหรู



ร้านอาหารที่กายพามาหรูหราสมกับฐานะทางบ้าน กายเป็นผู้ชายที่ใครได้อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น มีความเป็นสุภาพบุรุษ เอาอกเอาใจฮ่องเต้เก่งจนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามถึงกับตาร้อน

“ช่วงนี้แฟนพี่มีใครมาจีบบ้างไหมพลับ”

“ก็มีบ้างครับพี่กาย หล่อ ๆ ทั้งนั้นเลย”

ได้ยินอย่างนั้นฮ่องเต้ก็หันขวับมามองเพื่อน

“ให้โอกาสพูดใหม่เดี๋ยวนี้เลย”

“ทำไมต้องไปถลึงตามองเพื่อนอย่างนั้นด้วยครับฮ่องเต้ ไม่ดีไม่เอานะครับ”

“ก็ลูกพลับแกล้งผมนี่ครับพี่กาย”

“แกล้งที่ไหนฉันพูดจริง”

“สรุปว่ามีคนมาจีบเราจริงไหมล่ะ” กายหันไปถามแฟนตัวเองด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ไม่จริง ไม่มีสักหน่อย เปิดตัวแรงซะขนาดนั้นใครจะกล้ามาจีบล่ะ” เจ้าตัวทำหน้างอน ลูกพลับรู้ว่าถึงยังไงกายก็ต้องง้อจึงไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด

“โอ๋ ๆ อย่างงอนนะครับคนดีของพี่ พี่ไม่เชื่อพลับเลยสักนิด เพราะพี่รู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับคนของพี่แน่นอน” ว่าพร้อมเอื้อมไปจับมือคนรักมาจุมพิตอย่างละมุนละไม

“จะหวานกันไปถึงไหนครับสองคนนี้ เกรงใจคนไร้คู่อย่างผมบ้าง”

“อ้อ พี่กายครับแล้วไหนลูกพี่ลูกน้องของพี่ละ”

“อีกหน่อยคงจะถึงแล้วล่ะ อ้อ! มาโน่นแล้ว” กายโบกมือให้กับผู้มาใหม่ เห็นอย่างนั้นลูกพลับจึงหันกลับไปมอง เห็นชายร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อตี๋ตามฉบับลูกคนจีน โอ้วแม่เจ้า คนอะไรจะหล่ออย่างนี้ ชุดที่สวมใส่เป็นชุดลำลองแบรนด์เนมทั้งตัว ดูท่าทางคงจะรวยมากแน่ ๆ

“ว่าไงไอ้น้อง โทษทีที่มาสาย”

“หวัดดีครับเฮีย เชิญนั่ง ๆ”

ลูกพลับกับฮ่องเต้ยกมือไหว้ตามมารยาท ‘เจตน์’ ยกมือรับไหว้แล้วนั่งลงเก้าอี้ข้างคนไร้คู่อย่างลูกพลับ นั่นเพราะมีที่ว่างเพียงที่เดียวนั่นเอง นั่นทำให้เขารู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูก แทบไม่กล้ามองหน้าผู้มาใหม่เลยสักนิด

“คนไหนแฟนมึงวะไอ้กาย”

คนพูดหันมามองหน้าลูกพลับกับฮ่องเต้สลับกันไปมา

“คนนี้สิครับเฮีย นี่ฮ่องเต้แฟนผม ส่วนคนที่นั่งข้างเฮียเป็นเพื่อนของฮ่องเต้ชื่อลูกพลับ”

เมื่อถูกแนะนำจังหันไปยิ้มน้อย ๆ ทักทาย หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้อยู่ใกล้ใครอย่างนี้มาก่อนเลย

“เฮียชื่อเจตน์นะครับ ตอนนี้โสด เพิ่งเลิกกับแฟนมาได้สองวัน” เขาทักทายด้วยรอยยิ้มหล่อกระชากใจ ยักคิ้วกวน ๆ ให้อีกต่างหาก

ลูกพลับได้แต่ยิ้มตอบกลับแบบงุนงง นี่เขามาไม้ไหนกันแน่ หากไม่เข้าข้างตัวเองคงคิดว่ากำลังโดนจีบอยู่แน่ ๆ

“อ่อครับพี่”

“เรียกเฮียสิเราจะได้ดูสนิทสนมกันไง”

“อ่อครับเฮีย”

เขายิ้มแหย ๆ ทำหน้าไม่ถูก เหลือบตาไปมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามราวกับกำลังตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“เฮียก็ ทำเอาน้องพลับไปไม่เป็นเลย ลูกพลับอย่าถือสาเฮียเจตน์เลยนะครับ เฮียก็หน้าหม้ออย่างนี้ไปเรื่อยไม่เคยจริงจังกับใครหรอก”

“ใครบอกว่าเฮียหน้าหม้อไปเรื่อย ถ้าเจอคนถูกใจรับรองไม่ไปเรื่อยแน่นอน” เขาว่าพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มมา ลูกพลับทำหน้าไม่ถูก ไม่ใช่อึดอัดหรือกลัวแต่เขินมากกว่า เกิดมาเคยมีใครจีบต่อหน้าอย่างนี้ซะที่ไหนกัน

“อะแฮ่ม เฮียครับน้องเขากลัวจนอยากจะลุกหนีแล้วนั่น”

“อ้าวลืมตัวไป อย่าถือสาเฮียเลยนะครับ เวลาเจอใครถูกใจก็จะรุกหนักอย่างนี้ล่ะ แต่ไม่ได้คิดไม่ดีเลยนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ไม่ชินสักเท่าไหร่” ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ก็แหงล่ะออกจะหล่อและรวยขนาดนี้ใครจะกล้าวีนใส่ล่ะ

“ใช่ครับเฮียเจตน์ พลับมันไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีใครจีบเลยยังไม่ชิน ถ้าเฮียชอบมันจริง ๆ ผมสนับสนุนเต็มที่” ฮ่องเต้รีบเลือกข้างทันที เพื่อนรักจึงเหยียบที่เท้าเพื่อเป็นการสั่งห้ามไม่ให้พูดต่อ เจ้าตัวได้แต่ยักคิ้วให้สื่อว่ากูไม่หยุดอะไรเทือกนั้น

“งั้นดีเลย เฮียขอจีบเรานะ จีบจริงไม่ได้จีบเล่น”

“เอ่อ...ผมว่าเรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันดีกว่า ตอนนี้เรามาทานข้าวกันดีกว่าไหม เริ่มหิวแล้วครับ”

“อ้อ เอางั้นก็ได้ สงสัยเฮียจะเร่งรัดเราจนเกินไป” เจตน์ยกมือขึ้นเกาหลังคอก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ! งั้นขอเบอร์เราไว้ก่อนได้ไหมเดี๋ยวลืม”

“อ่อ ได้ครับ”

เจตน์ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้จากนั้นลูกพลับจึงพิมพ์เบอร์โทร.แล้วยื่นคืนให้ เจตน์ยิงเบอร์มาแล้วก็ยกขึ้นให้ดูพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“เรียบร้อยแล้วนะ โทร.ไปให้รับสายเฮียด้วย”

“ครับ”

“แหม ๆ เฮียครับ ผมนัดมาเพื่อฉลองที่เฮียกลับมาจากอเมริกา ไม่ใช่นัดมาเพื่อให้เฮียขายขนมจีบนะครับ โปรดให้เกียรติเพื่อนแฟนผมด้วย”

“เฮียไม่ให้เกียรติตรงไหน แถมยังให้ใจอีกด้วยต่างหาก”

ลูกพลับได้แต่ยิ้มเพราะไม่รู้จะตอบกลับด้วยถ้อยคำไหนดี จะว่าชอบไหมที่มีคนมาจีบก็โอเคนะ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่อยากมีแฟนอยู่ดี เพราะเขาขอโฟกัสเรื่องเรียนก่อนเป็นอันดับแรก

ในระหว่างทานข้าวกันอยู่นั้นลูกพลับก็สังเกตเห็นใครบางคนที่คุ้นตา นั่งอยู่อีกมุมของร้านอาหาร เป็นแทนไทนั่นเองที่พาหญิงมานั่งดินเนอร์ เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกหมั่นไส้ ภาพที่อีกฝ่ายขับรถเฉี่ยวจนขาแพลงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหายยังติดตา วันนี้ล่ะเขาจะหาทางเอาคืนให้สาสมที่สุด

ในระหว่างนั้นก็เอาแต่ส่งสายตามองแทนไทเพื่อรอจังหวะให้ลุกไปเข้าห้องน้ำ ฮ่องเต้เห็นท่าทางแปลก ๆ จึงขมวดคิ้วแล้วจ้องมองมาเชิงตั้งคำถามว่ามีอะไร เจ้าตัวส่ายหน้าเบา ๆ แล้วทำเป็นเบ้ปากปฏิเสธไป

“ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

เขากล่าวแล้วรีบลุกขึ้นพรวดพราด ไม่รอให้ผู้ร่วมโต๊ะตอบรับใด ๆ เพราะต้องรีบตามหลังแทนไทไปให้ทันการ

ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันของเขาเพราะในห้องน้ำไม่มีใครเลยสักคน และมีเพียงห้องเดียวเท่านั้นที่ถูกใช้งาน เจ้าตัวมองซ้ายแลขวาแล้วยกถึงขยะมากั้นประตูห้องนั้นไว้ ลงมือคุ้ยขยะจนเจอแก้วกาแฟที่ถูกทิ้งไว้จึงยกยิ้มมุมปาก หยิบมันออกมาเดินเข้าไปห้องข้าง ๆ

“วันนี้ขอเอาคืนบ้างเถอะ”

ว่าแล้วก็ใช้แก้วกาแฟตักน้ำในชักโครกแล้วสาดไปยังห้องข้าง ๆ ทำให้เร็วที่สุดด้วยกลัวว่าเขาจะจับได้

“เฮ๊ย! ใครสาดน้ำเหี้ยอะไรใส่กูวะ หยุดเดี๋ยวนี้เลย! หยุดดิวะ”

เมื่อพอใจแล้วก็รีบเปิดประตูออกมา ส่วนแทนไทก็รีบเปิดประตูออกมาเช่นกัน ทว่าชนถังขยะจนล้มไม่เป็นท่า

ลูกพลับออกมาถึงหน้าห้องน้ำแล้วก็ทำตัวให้เป็นปกติ เดินกลับโต๊ะราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ภายในใจเต้นรัว ตื่นเต้นแต่ก็สะใจเป็นบ้า

“ทำไมแกหน้าตาตื่นมาอย่างนั้นล่ะ”

เมื่อหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้แล้วฮ่องเต้ก็ยิงคำถามมาทันที

“เอ่อ...ก็ปกติดีนี่ไม่มีอะไร”

“แต่สีหน้าแกมันบอกว่ามีอะไร”

“ก็บอกไม่มีอะไรไง”

“ก็สีหน้าแกมี”

ในขณะนั้นแทนไทก็เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาอันไม่รักดีของตัวต้นเหตุก็ชำเลืองมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฮ่องเต้หันไปมองด้วยอีกคนจนรู้ว่าเพื่อนไปก่อเหตุอะไรมา เพราะแทนไทเดินมาในสภาพตัวเปียกปอน สีหน้าขึงขังราวกับจะฆ่าคนได้เพียงแค่เสี้ยววินาที

“ฉันรู้แล้ว”

“รู้อะไรเหรอครับที่รัก” กายหันมาถามคนรัก

“ก็รู้ว่าทำไมไอ้พลับมันถึงได้หน้าตามีพิรุธอย่างนี้”

ได้ยินอย่างนั้นคนที่ถูกกล่าวถึงก็ขยิบตาให้เพื่อน เพื่อขอร้องว่าอย่าพูดเรื่องนี้

“อะไรกันครับสองคนนี้ พี่ชักอยากจะรู้ด้วยคนแล้วสิ” เจตน์ว่าพลางมองหน้าทั้งคู่สลับไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นซะเต็มประดา

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าเรารีบทานข้าวกันดีกว่านะ” เจ้าตัวรีบตัดบทก่อนที่จะสืบสาวราวเรื่องกันไปมากกว่านี้

ในระหว่างทานข้าวลูกพลับก็แอบเหล่ตามองแทนไทอยู่บ่อย ๆ จนพบว่าเขาได้เรียกผู้จัดการร้านมาคุยด้วย จากนั้นไม่นานผู้จัดการก็เปิดอะไรบางอย่างในแท็ปเล็ตให้ดู ไม่นานแทนไทก็กวาดสายตามองไปรอบร้านจนมาหยุดที่ลูกพลับจนได้

เอาแล้วไง! เจอแบบนี้มีทางเดียวที่จะเอาชีวิตรอดได้นั่นคือต้องเผ่น!

“เอ่อ...ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีว่ามีธุระด่วนมากกก” กล่าวกับชายสูงวัยกว่าทั้งสองแล้วหันไปเอ่ยกับเพื่อน “ฉันไปก่อนนะแก”

“เฮ้ย! จะรีบไปไหนวะพลับ”

ฮ่องเต้ตะโกนตามหลังไปทว่าไม่ทันเสียแล้วเพราะเพื่อนรักเร่งฝีเท้าจนพ้นประตูร้านออกไปเรียบร้อยแล้ว แม้จะเกิดความสงสัยแต่ก็ไม่คิดจะตามไป เพราะรู้ว่าเพื่อนคงต้องมีเหตุจำเป็นแน่นอน

“น้องพลับเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย” เจตน์เอ่ยแต่สายตายังคงจับจ้องมองตามหลังไป รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้นั่งคุยกันนาน ๆ อย่างที่คิด

“มันไม่เป็นไรหรอกครับเฮีย นิสัยมันก็อย่างนี้ล่ะอยากจะไปก็ไปอยากจะมาก็มา เรามาทานข้าวกันต่อดีกว่าครับ”

“แต่เฮียเป็นห่วงที่นา”

“งั้นเอาไว้เฮียค่อยโทร.ถามข่าวมันก็ได้ มีเบอร์แล้วไม่ใช่เหรอครับ”

ได้ยินอย่างนั้นเจตน์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองมีเบอร์เด็กคนนั้นแล้ว ค่อยโทร.ถามอีกทีก็ไม่เห็นจะเป็นไร



เมื่อออกจากร้านมาแล้วลูกพลับก็ขึ้นรถเมล์เพื่อเดินทางกลับบ้าน ต้องไปถึงก่อนแล้วเก็บตัวอยู่ในห้อง ให้ป้าปิ่นช่วยโกหกว่าตนยังไม่กลับเข้าบ้าน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับแทนไทไปได้สักระยะ

ทว่าวันนี้โชคกลับไม่เข้าข้างเขาเสียเลย เพราะรถดันติดซะแถวยาวเหยียด นั่นคงทำให้กลับถึงบ้านช้า จึงเปลี่ยนแผนโทร.หาพี่สาวสุดที่รักเพื่อจะขอไปค้างคืนด้วย

“ฮัลโหลครับพี่ดาว”

(ว่าไงพลับ แกมีอะไรหรือเปล่าโทร.มาช่วงนี้)

“คืนนี้ผมขอไปนอนค้างกับพี่ได้ไหมครับ”

(ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับแกหรือเปล่า เสียงไม่ค่อยดีเลย)

“คือ...ผมคิดถึงพี่ดาวน่ะครับเลยอยากไปค้างด้วย รอบที่แล้วก็ไม่ยอมกลับบ้านนี่นา”

(นึกว่าอะไร ได้สิตอนนี้พี่อยู่โรงพยาบาลมาเอากุญแจที่นี่ ถึงแล้วโทร.บอกด้วยนะพี่จะเอากุญแจลงไปให้)

“ครับพี่ดาว งั้นแค่นี้นะ”

(จ้า)

เมื่อจัดการปัญหาของตัวเองได้แล้วก็ถอนหายใจอย่างรู้สึกโล่ง อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับนายนั่นแล้ว

“แล้วทำไมเราต้องกลัวขนาดนั้นด้วยนะ ในเมื่อเราแค่เอาคืน ไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนสักหน่อย” เจ้าตัวเอ่ยกับตัวเองแล้วโทร.บอกป้าปิ่นเพื่อไม่ให้ท่านต้องเป็นห่วง



เกือบครึ่งชั่วที่นั่งรถเมล์ตอนนี้ลูกพลับได้มาถึงหน้าโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทร.หาพี่สาว ทว่ากลับถูกมือใครบางคนแย่งมันไปต่อหน้าต่อตา พอเงยขึ้นมาก็ต้องเบิกตาด้วยความตกใจ

“คุณแทนไท! มาได้ไงเนี่ย”

“ก็ตามมึงมายังไงล่ะ คิดเหรอว่าจะหนีกูพ้น มึงแน่มากที่เอาน้ำในชักโครกมาสาดใส่หัวกู” แววตาวาวโรจน์บ่งบอกว่ากำลังโกรธแค้นมากเพียงใด ทว่าลูกพลับไม่ได้หวั่นกลัวเลยสักนิดเพราะตอนนี้ไม่ได้มีแค่เพียงเขาอยู่ตรงนี้ ยังมีอีกหลายชีวิตที่ยืนรอรถอยู่ และกำลังหันมามองอย่างสนใจ

“ผมแค่เอาคืน ถือว่าเราเจ๊ากันแล้ว เอามือถือผมคืนมาไม่งั้นผมจะร้องให้คนช่วยแน่”

“มึงคิดว่าใครจะมาสนใจงั้นเหรอ เอาเลย เอาสิ” แทนไทแสยะยิ้มยืนท้าทายอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย! ผู้ชายคนนี้ขโมยมือถือผมไป”

“โทษทีครับ พอดีว่าเมียผมมันงอน มาตามง้อก็ไม่ยอมคืนดี ไม่มีอะไรครับ”

ว่าแล้วแทนไทก็คว้าข้อมือน้อย ๆ ให้เดินตามมาที่รถซึ่งจอดรออยู่ ลูกพลับพยายามบิดข้อมือตัวเองเพื่อเรียกร้องหาอิสรภาพแต่มิอาจสู้แรงอันมหาศาลของเขาได้เลย

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
= 3 =

แค่อยากลองอีกครั้ง



หนุ่มน้อยร่างเล็กนั่งตัวเกร็งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้แทนไทมาเรื่อย ๆ โดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง เจ้าตัวปรายตามองคนขับอยู่บ่อยครั้ง เห็นเขายิ้มมุมปากราวกับมีแผนการร้ายในใจ ระหว่างนั่งครุ่นคิดอะไรไปต่าง ๆ นานา เสียงริงโทนจากมือถือก็ปลุกให้หลุดจากภวังค์ ลูกพลับรีบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าสะพาย ยกมันขึ้นมาดูว่าใครกันที่โทร.มาได้ถูกเวลา

“พี่ดาว”

“บอกไปว่ามึงกำลังจะกลับบ้าน ไม่งั้นวันนี้กูไม่รับรองความปลอดภัยของมึง” แทนไทส่งเสียงขู่มาก่อนอีกฝ่ายจะกดรับสายไปเสียก่อน

ลูกพลับได้แต่ถอนหายใจ เหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วกดรับสายพี่สาว

“ครับพี่ดาว”

(แกอยู่ไหนพลับ ฉันออกมาหาที่หน้าโรงพยาบาลก็ไม่เจอ)

“ขอโทษครับพี่ดาว ผมกำลังจะกลับบ้าน พอดีว่าลืมของไว้ที่นั่นเลยต้องกลับไปเอา แล้วก็คิดว่าจะค้างที่บ้านเลย”

(แล้วทำไมไม่โทร.บอกพี่ล่ะจะได้ไม่ต้องลงมา แกเป็นอะไรหรือเปล่า ปกติไม่เห็นลืมอะไรง่าย ๆ แบบนี้)

“เปล่าครับพี่ดาวผมสบายดี งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เอาไว้ผมจะโทร.หาใหม่”

(โอเค ๆ แค่นี้นะ ฝากความคิดถึงไปหาแม่ด้วยนะ)

“ครับ”

วางสายแล้วลูกพลับก็นั่งเงียบ ปรายตามองคนขับก็พบว่าเขายังคงนั่งทำหน้ามึนเช่นเดิม เห็นหน้าทีไรทำให้นึกถึงวันนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นเมียคนอย่างนี้ไปได้ คิดแล้วมันก็น่าโมโหตรงที่แทนไทตั้งใจจะไปปล้ำพี่สาวเขา

“คุณจะพาผมไปไหน”

“ไปที่ไหนก็เรื่องของกู มึงลืมเรื่องที่ทำกับกูไว้หรือยังล่ะ”

“ทำอะไร ผมไม่เข้าใจ” ลูกพลับทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“หรือต้องให้กูเอาหลักฐานให้มึงดูถึงจะยอมรับผิด”

“ก็ผมบอกไปแล้วว่าเราเจ๊ากัน คุณจะอะไรนักหนา”

“ก็มึงมันตัวขัดลาภกูยังไงล่ะ วันนั้นถ้าไม่ใช่มึงกูคงจะได้ดาวเป็นเมียไปแล้ว ส่วนวันนี้ถ้าไม่มีมึงกูก็คงได้อึ๊บน้องคนนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นมึงจะต้องรับผิดชอบ”

“ผมไม่รู้จะพูดคำไหนกับคุณแล้ว ยิ่งกว่าเลว คิดจะปล้ำแฟนพี่ชายตัวเองเนี่ยนะ คุณมันไม่ใช่คน”

“แล้วมึงคิดว่ากูเป็นอะไรล่ะถ้าไม่ใช่คน”

“เป็นควาย!”

“ถ้าอย่างนั้นมึงก็เป็นเมียควายอย่างกูไปแล้ว สมสู่กับควายเป็นยังไงล่ะ ถึงใจดีไหม” ว่าแล้วก็ยกยิ้มมุมปากแล้วหันกลับไปมองทาง

“ไม่นับว่าเป็นเมีย เพราะผมไม่ได้สมยอม ถือซะว่าทำทานให้สัตว์เดียรัจฉาน เผื่อผลบุญจะทำให้เกิดชาติหน้าไม่ต้องพบเจอคนอย่างนี้อีก”

“ปากเก่งจังนะมึงอ่ะ หรือจะเอาอีก”

“เอาอะไร”

ลูกพลับทำหน้าเลิ่กลั่กเพราะรู้ว่า ‘เอา’ ของเขาหมายถึงอะไร อีกฝ่ายไม่ยอมตอบได้แต่ตั้งใจขับรถมุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงสู่เขตแดนภาคตะวันออก ลูกพลับได้แต่นั่งนิ่งไม่อยากจะเสวนา เขาจะทำอะไรก็ตามใจขออย่างเดียวแค่อย่าฆ่ากันให้ตายก็พอ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ลูกพลับรู้สึกตัวอีกครั้งเพราะเสียงปลุกจากใครบางคน เมื่อเริ่มรู้สึกตัวเปลือกตาสวยก็เปิดขึ้นช้า ๆ ด้วยอาการงัวเงีย หันไปมองก็พบว่าตอนนี้แทนไทกำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว

“ถึงแล้วเหรอ”

“เออ ถึงแล้ว รีบลงไป” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นราวกับโกรธอะไรนักหนาเสียอย่างนั้น

เมื่อลงจากรถแล้วลูกพลับก็พบว่าตอนนี้รถจอดอยู่ริมฟุตบาทติดกับชายฝั่งทะเล ช่วงพลบค่ำไม่มีคนลงเล่นน้ำเหมือนช่วงกลางวัน แต่เริ่มมีการจับกลุ่มกันนั่งปูเสื่อริมหาด สังสรรค์ร้องเพลงตามประสาคนที่เพิ่งจะเลิกงาน ไม่อยากเชื่อเลยว่าแทนไทจะพาเขามาถึงที่นี่ ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ แล้วพามาเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ เมื่อเกิดคำถามจึงหันไปมองคนที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่อง

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม”

“ชอบเล่นน้ำไม่ใช่เหรอเลยพามา”

“คุณจะแกล้งอะไรผมอีก มีแผนอะไรแน่ ๆ”

“ก็รู้ดีนี่ กูว่าจะพามึงมาล้างซวยสักหน่อย กลับไปจะได้ไม่ต้องเป็นตัวซวยอีก” แทนไทกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังน่ากลัว สัมพันธ์กับดวงตาคมคู่นั้นที่จ้องมองมา ราวกับกำลังจะกระชากวิญญาณเขาออกจากร่างซะอย่างนั้น

“ผมจะกลับ!”

เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอกับอะไร ลูกพลับก็รีบสาวเท้าหนีไปจากตรงนั้น ทว่าข้อมือน้อย ๆ กลับถูกรั้งไว้แล้วดึงเข้าหาตัว ร่างเล็กปะทะร่างกำยำเข้าอย่างจึง มือหนาทั้งสองประทับบนแผ่นหลังบางเพื่อรั้งตัวไว้ จนลูกพลับต้องเงยขึ้นมองหน้าเขา

“ปล่อยผม”

“ไม่ปล่อย! จนกว่าจะได้เอาคืนมึงให้สาสม”

ว่าแล้วก็อุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวอย่างง่ายดาย นั่นเพราะลูกพลับตัวเล็กกว่าแทนไทมาก

“คุณจะทำบ้าอะไร! ผมอายคนอื่นนะ”

“ไม่มีคนรู้จักเราสักหน่อยมึงจะอายอะไร เห็นอย่างนี้คงคิดว่าเป็นแฟนกัน ไม่มีใครสนใจหรอก หึ ๆ”

แทนไทอุ้มร่างเล็กเดินตรงไปยังริมหาด ถอดรองเท้าเดินลงไปจนตอนนี้ท่อนขามีมวลน้ำทะเลล้อมรอบเสียแล้ว ลูกพลับรีบเลื้อยมือขึ้นไปคล้องคอเขาไว้เพราะกลัวว่าจะถูกโยนลงไปในน้ำทะเล นั่นเพราะเขาว่ายน้ำไม่เป็นกลัวว่าจะมาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

“มึงชอบเล่นน้ำกูเลยพามาไง ลงเลยไหม” เขาถามเสียงเบาใกล้ ๆ กับใบหน้า จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ลูกพลับทำหน้าหวาดกลัว กอดร่างหนาไว้แน่นยิ่งขึ้น ไม่มีทางยอมปล่อยเขาเด็ดขาดเพราะรู้ว่าจะต้องโดนอะไร

“พาผมขึ้นไปเถอะนะครับ ผมว่ายน้ำไม่เป็น ผมกลัวจริง ๆ”

“กูรู้ไงว่ามึงว่ายน้ำไม่เป็นเลยพามาที่นี่ ถึงจะสะใจกู” คนพูดก้าวขาลงไปในน้ำเรื่อย ๆ จนตอนนี้น้ำถึงระดับอกแทนไท ทว่ามันกลับถึงคอคนถูกอุ้มไปเสียแล้ว

“คุณแทนผมขอร้องล่ะ ฮึก ผมกลัวจริง ๆ ผมขอโทษถ้าทำให้คุณไม่พอใจ”

“ไม่มีการยกโทษให้ทั้งนั้น ปล่อยมือจากคอกูเดี๋ยวนี้”

“ไม่ปล่อย ผมไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด ฮือ ๆ ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย” เมื่อรู้ว่ากำลังจะโดนอะไรลูกพลับก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดัง มือน้อย ๆ พยายามโอบรัดต้นคอเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แม้ว่าตอนนี้แทนไทจะพยายามแกะมือออกก็ตาม

“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ” คนพูดแสยะยิ้มอย่างพอใจ

“ใช่ผมกลัว”

“งั้นมึงต้องยอมกูแล้วล่ะ”

“ให้ทำอะไรก็ได้ผมยอมทั้งนั้น ขอแค่คุณพาผมขึ้นไปบนฝั่งทีเถอะนะ”

“มึงพูดแล้วนะห้ามกลับคำเด็ดขาด”

ด้วยความกลัวลูกพลับได้แต่กอดร่างหนาร้องไห้ พยักหน้ารับเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อใจ เขากลัวน้ำเป็นที่สุด เพราะเมื่อสมัยยังเป็นเด็กเคยหัดว่ายน้ำแต่จมน้ำเกือบตาย จากนั้นจึงไม่คิดจะลองหัดว่ายน้ำอีกเลย

ในที่สุดแทนไทก็ยอมรักษาคำพูดพาร่างเล็กขึ้นมาจากน้ำทะเล เมื่อขึ้นฝั่งแล้วลูกพลับก็รีบคล้ายอ้อมกอด ผละจากตัวเขาราวกับรังเกียจซะเต็มประดา พยายามควบคุมตัวเองให้หยุดร้องไห้ แทนไทได้แต่ยืนกอดอกจ้องมองร่างเล็กที่ตอนนี้อยู่ในสภาพล่อตาล่อใจ เสื้อนักศึกษาสีขาวเมื่อเปียกน้ำจึงทำให้เห็นเนื้อหนังมังสาส่วนบนอย่างชัดเจน เมื่อรู้ตัวลูกพลับจึงรีบกอดอกแล้วหันหลังให้

“มองอะไร?”

“ตากู จะมองอะไรก็เป็นสิทธิ์ของกู”

“ผมเองก็มีสิทธิ์จะไม่ให้ใครมองเหมือนกัน” ลูกพลับว่าทั้งที่ยังหันหลังให้ ทว่าเจ้าตัวกลับต้องสะดุ้งโหยงเมื่อมีคนมากอดจากด้านหลัง ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหูแล้วกระซิบว่า…

“จะอายอะไรในเมื่อกูเห็นมาหมดแล้ว สัมผัสมาหมดทุกสัดส่วนแล้ว”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ นั่นเพราะคุณรังแกผม”

“ในเมื่อวันนี้มึงทำให้กูพลาดของสำคัญไป มึงจะต้องชดใช้คืนให้กู”

“คุณกำลังบังคับผม”

“กูไม่ได้บังคับ มึงต่างหากที่สัญญากับกูเองว่าจะยอมทุกอย่าง นี่ไง! กูกำลังทวงสัญญาจากมึง”

“ก็คุณจะปล่อยผมลงทะเลใครไม่ยอมก็บ้าแล้ว”

“แล้วมึงพูดเองใช่ไหมว่าจะยอม”

ได้ยินประโยคนั้นลูกพลับก็นิ่งงัน มันเรื่องจริงที่เขารับปากไปแล้ว อีกอย่างสถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีทางหนีไปไหนได้ เขาวางกับดักไว้ทุกทางไม่ยอมให้มีโอกาสกระดิกตัวได้ พามาที่แสนไกลจากบ้านเช่นนี้ช่างเจ้าเล่ห์เหลือเกิน

แทนไทยิ้มมุมปากเมื่ออีกฝ่ายยืนนิ่งเหมือนกำลังคิดตัดสินใจ เขาพลิกร่างเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากัน มองดูดี ๆ แล้วไอ้เด็กนี่ก็หน้าตาดีใช้ได้ แถมผิวพรรณยังขาวนวลเนียนราวกับผู้หญิง อย่างน้อยผู้ชายคนแรกในชีวิตก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร งานดีอย่างนี้ทำให้ความรังเกียจในช่วงแรก ๆ ลดลง บัดนี้เกิดความอยากรู้อยากลองมากขึ้น อยากจะพิสูจน์ว่าเวลามีอะไรกับผู้ชายในยามไม่มีแอลกอฮอล์ในเลือด มันจะรู้สึกเหมือนมีอะไรกับผู้หญิงไหม

“สรุปว่าจะยอมไหม” คนพูดเชยคางเรียวขึ้นให้สบตากัน

“ผมมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยเหรอ”

แม้จะตอบรับไปทว่าสีหน้ากลับไร้ซึ่งความสุนทรีย์ ลูกพลับยังคงหลบสายตาคมคู่นั้น หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะถูกเขารุกรานอีกครั้ง ได้แต่ยอมรับในโชคชะตาและไม่รู้สึกเสียใจอะไร เพราะเขาเป็นผู้ชายถึงอย่างไรก็ไม่เสียหายอยู่แล้ว

“ดีมาก ขึ้นรถ กูจะพาไปขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด”

แทนไทยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ จูงมือร่างเล็กตรงไปที่รถ จากนั้นก็ขับพาไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุด

โรงแรมที่แทนไทพามาเป็นสไตล์รีสอร์ต ถูกสร้างเป็นหลังแยกจากกันทำให้มีความเป็นส่วนตัว แถมยังมีที่จอดรถอยู่ข้าง ๆ อีกด้วย หลังจากเช็กอินแล้วก็ได้รับกุญแจ แทนไทสั่งเครื่องดื่มจากพนักงาน แล้วพาคนที่มาด้วยเข้าไปข้างใน

ลูกพลับได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ มองดูภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ดูหรูหรากว่าโรงแรมม่านรูดทั่วไป ทว่ามันกลับดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก เนื้อตัวเปียกปอนจึงเกิดอาการหนาวสั่นเมื่อสัมผัสกับแอร์เย็น ๆ จนต้องกอดตัวเอง เห็นอย่างนั้นแทนไทจึงโยนผ้าเช็ดตัวให้

“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวจะหนาวตายก่อนจะโดนกูเอา”

ลูกพลับมองค้อนด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เดินถือผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างว่าง่าย เขาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้เผื่อว่าจะถ่วงเวลาได้ ทว่ากลับมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

ปัง ๆ ๆ

“มึงทำเหี้ยอะไรนานจังวะ”

“คือผม...”

“ถ้าไม่ออกมากูพังประตูจริง ๆ ด้วย”

“ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

ลูกพลับตะโกนออกไป รีบนำผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวก่อนจะปลดกลอนประตูอย่างช้า ๆ กำลังจะหมุนลูกบิดประตูทว่าคนที่อยู่ข้างนอกดันเข้ามาเสียก่อน

“คุณแทน!”

“มึงคิดจะถ่วงเวลางั้นเหรอ”

ปะ...เปล่าสักหน่อย ผมแค่เป็นคนอาบน้ำนาน”

คนพูดเดินเบี่ยงตัวออกไปจากห้องน้ำ พยายามไม่มองเรือนกายกำยำตรงหน้า นั่นเพราะตอนนี้แทนไทสวมเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเช่นกัน เรือนกายที่เต็มแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ หน้าท้องมีลอนซิกแพคเรียงตัวสวยงามชวนสัมผัส สร้างความประหม่าให้ร่างเล็กเหลือเกิน

แทนไทยิ้มมุมปากแล้วเดินตามหลังมาติด ๆ เมื่อถึงตัวแล้วก็เข้าไปซ้อนหลัง เลื้อยมือมาวางหมับบนเนินอกทั้งสอง ซุกใบหน้าลงมาคลอเคลียที่ซอกคอขาว จนได้กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ปลุกอารมณ์สวาทให้เขาได้เป็นอย่างดี

“คะ...คุณแทน”

“ทำไม? ตื่นเต้นเหรอที่จะได้เป็นเมียกูอีก”

“เปล่าครับ ผมแค่จะบอกว่าให้รีบทำจะได้รีบกลับ”

“เก่งนี่ อย่างอื่นให้มันเก่งเหมือนปากนะ” คนพูดเริ่มขยับมืออย่างช้า ๆ มาหยุดที่ยอดอกสีงาม ก่อนใช้นิ้วเขี่ยที่ติ่งน้อย ๆ ไม่หยุด เมื่อถูกเล้าโลมด้วยวิธีนี้มีหรือที่ลูกพลับจะห้ามความรู้สึกได้ สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง แข้งขาอ่อนแรงเกือบจะทรุดตัวลง เจ้าตัวขบริมฝีปากไว้แน่นเพื่อต่อสู้กับความช่ำชองของเขา

“นะ...ไหนคุณบอกว่ารังเกียจผมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม”

“ใช่! กูรังเกียจ แต่คิด ๆ ดูแล้วมึงมันก็ไม่เหมือนผู้ชายสักเท่าไหร่ หุ่นบอบบางอย่างกับผู้หญิง ดูผิวพรรณสิขาวสะอาดสะอ้าน แถมเอายังไงก็ไม่มีทางท้อง มึงว่ามันดีไหมล่ะ”

“ผมไม่ยอมให้คุณสดกับผมแน่ ไม่รู้ไปติดโรคมาจากไหนหรือเปล่า”

“มึงไม่มีสิทธิ์มาระแวงกูเข้าใจไหม นับจากนี้กูจะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพี่สาวมึงตลอดชีวิต แต่มึงต้องยอมเป็นเมียลับ ๆ ของกู เรียกใช้งานตอนไหนต้องรีบมาเข้าใจไหม” แทนไทกล่าวเสียงกระเส่า มือหนายังคงสาละวนอยู่ที่ยอดอกคู่งาม ทำเอาร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมอกสั่นเทิ้มจนแทบจะทรุดตัวลงนั่งเสียให้ได้

“ผมจะแฉคุณ! อ๊ะ!”

“มึงไม่กล้าหรอกเชื่อกู หึ ๆ”

แทนไทยิ้มเหี้ยม เลื่อนมือลงไปกระตุกผ้าเช็ดตัวร่างบางจนร่วงหล่นลงพื้น อุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวยืนอยู่กลางห้องโดยทั้งสองอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ลูกพลับอายจนไม่กล้ามองหน้าเขา ได้แต่วางสายตาไว้ที่แผงอกกำยำ อุ่นไอแห่งความเสน่หาแผ่ซ่านมาจนสัมผัสได้ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเช่นนี้ โดยเฉพาะใบหน้าเรียวรูปไข่ที่ขึ้นสีแดงเรื่อตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว

ร่างสูงทิ้งร่างเล็กลงบนเตียงก่อนขึ้นไปคร่อมตัวไว้ ตรึงข้อมือน้อย ๆ ไว้เหนือศีรษะ ส่งใบหน้าลงไปจ้องดวงตาคู่สวยเพื่อเตือนให้รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรเมื่ออยู่บนเตียงนี้ ความเสน่หาถูกส่งผ่านแววตาคมคู่นั้นมา มันช่างมีอานุภาพร้ายแรง ทำให้คนที่เป็นเหยื่อยอมนอนนิ่งไร้ซึ่งการขัดขืนแต่อย่างใด

“วันนี้กูมีสติสัมปชัญญะเต็มร้อย กูอยากจะพิสูจน์ว่าระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงแบบไหนมันเร้าใจกว่ากัน หวังว่ามึงจะทำให้กูประทับใจและเลิกรังเกียจตุ๊ดอย่างมึงได้”

“ไม่จำเป็น! จะเกลียดก็เกลียดไปผมไม่สนใจอยู่แล้ว” รันตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“ได้ งั้นกูจะพูดใหม่ กูจะทำให้มึงได้รู้ว่าคนอย่างกูหากได้เอาใครเป็นเมียแล้ว ไม่มีทางจบอยู่ที่รอบเดียวแน่ หึ ๆ”

คนพูดยิ้มมุมปาก โน้มใบหน้าลงไปประกบริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม ไม่ยอมให้มีโอกาสผละริมฝีปากออกไป เมื่อลูกพลับเผยอริมฝีปากเขาจึงส่งปลายลิ้นเข้าไปชอนไชอย่างถือวิสาสะ สำรวจภายในโพรงปากน้อย ๆ จนทั่วทุกซอกมุม ลิ้นเรียวเล็กมิอาจปฏิเสธการรุกรานได้ มันจึงทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีคอยต้อนรับตวัดพันเกี่ยวอย่างเสียมิได้

รสจูบอันเร่าร้อนส่งผลให้ลูกพลับอ่อนระทวยไปทั้งร่าง แทนไทพรมจูบตามซอกคอขาวลงมาถึงยอดอกน้อย ๆ เขาอ้าปากครอบครองมันโดยเร็วไม่ยอมปล่อยให้ขาดช่วง

“อ๊ะ อือ...”

เมื่อยอดอกถูกปรนเปรอด้วยปากเสียงรัญจวนก็ดังขึ้น คนที่อยู่ใต้ร่างหลับตาพริ้มอย่างสุขสม มือน้อย ๆ เลื้อยขึ้นมาวางที่ท้ายทอย สอดนิ้วเรียวเข้าไปชอนไชเรือนผมของเขาจนแทบไม่เป็นทรง ได้ยินเสียงครางแทนไทยิ่งตวัดปลายลิ้นระรัว จนลูกพลับต้องแอ่นอกรับความซ่านเสียวนั้นไปด้วย

“อมให้กู”

คำสั่งนั้นปลุกให้ร่างเล็กตื่นจากห้วงแห่งความรัญจวนใจ ลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อตอนนี้แทนไทนั่งคร่อมใบหน้าเขาอยู่แล้ว ความเป็นชายขนาดเกินมาตรฐานชายไทยสร้างความตื่นตาให้เป็นอย่างยิ่ง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรเขาก็ดันมันเข้ามาในโพรงปาก ความยาวนั้นส่งผลให้เจ้าตัวแทบจะสำลักออกมา แทนไทขยับสะโพกระรัว ส่งเสียงครวญครางออกมาไม่หยุด ราวกับมันคือช่วงเวลาสุขสมที่สุดในชีวิต

“อ่าห์ แม่งปากมึงโคตรดีเลยว่ะ”

คนพูดกระแทกกระทั้นเข้าไปไม่หยุด ราวกับอีกฝ่ายเป็นเพียงตุ๊กตายางไร้ชีวิต ถาโถมแรงสวาทเข้าไปอย่างบ้าคลั่งราวกับห่างจากเรื่องอย่างว่ามานาน เมื่อสุขสมอารมณ์หมายแล้วจึงเลื่อนตัวลงมาอีกครั้งจนมานั่งตรงหว่างขา

“พร้อมแล้วใช่ไหม”

เขาถามพลางขยับขึ้นมาคร่อมตัวไว้ จ้องมองดวงตาคู่สวยด้วยความเสน่หาเหมือนเช่นทุกครั้งที่มีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น ทำไมวันนี้เขาถึงได้เกิดอารมณ์กับไอ้เด็กคนนี้มากมายนัก จนห้ามความคิดแปลก ๆ พวกนี้ไม่ได้ ต้องระบายมันออกมาด้วยวิธีนี้

แรงดึงดูดทางสายตาส่งผลให้แทนไทโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบอีกครั้ง ก่อนผละออกมาแล้วนั่งเข่า ยกขาเรียวของลูกพลับขึ้นมาวางพาดบ่าหนาทั้งสองข้าง ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยส่งความใหญ่โตเข้าไป

“อ๊ะ! จะ...เจ็บ”

เมื่อถูกรุกรานความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ลูกพลับทำหน้าบิดเบี้ยวอย่างสุดแสนทรมาน เห็นอย่างนั้นแทนไทยิ่งชอบใจ ส่งความซ่านเสียวเข้าไปไม่หยุด สีหน้าอันทรมานนั้นสร้างความกระสันให้เขาได้เป็นอย่างดี

“ซี๊ด...อ่าห์”

คนที่ส่งเสียงออกมาเป็นแทนไท นั่นเพราะร่างกำยำเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานแล้ว เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามรูขุมขนทั่วร่างจนมันเลื่อม ใบหน้าคมเปียกชุ่มจนต้องยกมือขึ้นปาดมันออก ความออดอ้อนของคนที่อยู่ใต้ร่างกระตุ้นให้เขาต้องเร่งจังหวะรักให้เร็วขึ้น

ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางไปเสียก่อน แทนไทจึงพลิกร่างเล็กให้ขึ้นนั่งบนตัวทั้งที่ร่างกายยังคงเชื่อมต่อกัน ลูกพลับส่ายหน้าปฏิเสธที่จะทำอะไรอันน่าอายนี้ ทว่าสายตาคมที่จ้องมองมาดุดันเกินกว่าจะปฏิเสธได้ อีกทั้งเขาเองก็มีอารมณ์ร่วมถึงขนาดนี้แล้ว คงมิอาจหยุดกลางคันได้เป็นแน่ คนตัวโตกว่าวางมือหมับบนเอวคอดเพื่อช่วยส่งอีกแรง

“ขยับสิ”

คนที่นอนอยู่ส่งเสียงกระเส่าออกคำสั่ง ลูกพลับจึงต้องยกสะโพกขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ยอมให้ส่วนที่เชื่อมต่อแยกจากกัน จากนั้นทิ้งสะโพกลงมาอย่างช้า ๆ จนแก้มก้นสัมผัสที่หน้าขาอีกฝ่าย

“อย่างนั้นล่ะ เร็วกว่านี้อีก อ่าห์”

เมื่อรู้วิธีแล้วลูกพลับจึงเร่งจังหวะตามคำสั่ง ยิ่งขยับยิ่งรู้สึกดี เสียงร้องประสานดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน แทนไทรู้ตัวว่าอีกไม่นานก็จะปลดปล่อยแล้ว จึงรีบพลิกร่างเล็กลงไปด้านล่างเพื่อเป็นฝ่ายส่งแรงกระแทกนั้นเข้าไปเสียเอง จังหวะรักอันร้อนแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ คนทั้งสองจ้องตากันแทบไม่กะพริบ มือน้อย ๆ ของลูกพลับจับส่วนกลางกายรูดขึ้นลงถี่ ๆ ไปพร้อมกับจังหวะรักที่ใกล้ถึงจุดหมายปลายทางเต็มทีแล้ว

“อื้อ ไม่ไหวแล้ว”

“กูปล่อยแล้วนะ ปล่อยเข้าไปในตัวมึงแล้วนะ โอ๊ย! เชี่ยยย”

เสียงคนทั้งสองร้องประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร น้ำรักพุ่งกระฉูดเข้าไปในตัวลูกพลับจนรู้สึกได้ ก่อนร่างสูงจะฟุบลงทับทาบ เอียงแก้มซบตรงอก ส่งเสียงหายใจเหนื่อยหอบอยู่อย่างนั้น ลูกพลับเองก็นอนหมดแรง รู้สึกราวกับได้ล่องลอยอยู่ในอากาศไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วง เขายอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสมมากเหลือเกิน เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเซ็กซ์มันเป็นเรื่องปกติของชีวิตมนุษย์เรา เขาเองก็ต้องการเฉกเช่นคนทั่วไป ทว่ามันคงจะดีกว่านี้หากไม่ใช่กับผู้ชายที่ออกปากว่าเกลียดตุ๊ดอย่างแทนไท

“ไม่นึกเลยว่ามึงจะทำให้กูติดใจได้ถึงขนาดนี้” คนพูดเลื้อยมือไปประสานนิ้วเรียวขึ้นมาดอมดมให้ชื่นใจ โดยลืมความบาดหมางที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเสียสนิท

“แต่คุณไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกติดใจอะไรเลย ลุกขึ้นผมจะไปอาบน้ำล้างตัว”

“ไม่ลุก! กูบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่ใช่แค่รอบเดียวแน่ ๆ” แทนไทเลื้อยตัวขึ้นไปนอนเท้าศีรษะ ส่งมืออีกข้างมารั้งเอวคอดดึงตัวเข้าไปจนเนื้อสัมผัสเนื้ออีกครั้ง

ลูกพลับพยายามดันตัวเขาออกแต่ไม่สำเร็จ จึงทำได้เพียงเงยขึ้นไปมองค้อนใส่อย่างไม่พอใจ

“มองหน้ากูอย่างนี้อยากโดนเอาอีกหรือไง ไม่คิดจะพักเลยเหรอ”

“ใครจะคิดอย่างนั้น ผมแค่ไม่พอใจ”

“ไม่พอใจเรื่องอะไร เรื่องที่กูสั่งให้นั่งอย่างนั้นเหรอ” คนพูดยิ้มมุมปากเยาะเย้ย

ได้ยินอย่างนั้นเจ้าตัวก็หน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เขาไม่รู้ว่าทำไปได้ยังไง เกิดมาไม่เคยทำอย่างนี้ให้ใครมาก่อน จากนี้ไปคงจะโดนผู้ชายคนนี้ล้อทุกครั้งที่เจอหน้าสินะ ในเมื่อไม่สามารถหลุดพ้นจากวงแขนแกร่งนี้ได้จึงซุกใบหน้าลงที่แผงอกแกร่งเพื่อซ่อนความอายที่แสดงออกทางสีหน้า

แทนไทเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ทำไมจึงรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไอ้เด็กนี้มันทำตัวน่ารักน่าทะนุถนอม ทำตัวออดอ้อนในอ้อมอกเขาได้อย่างไรกัน รู้หรือไม่ว่านี่มันคือการอ่อยอย่างหนึ่ง รู้สึกอยากจะปกป้องและเก็บรักษาไว้ใช้งานเพียงแต่ผู้เดียว ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกฉงนกับความรู้สึกของตัวเอง เขาไม่ควรจะคิดอย่างนี้กับผู้ชายด้วยกัน แค่อยากลองไม่ใช่หรือ มันต้องเป็นแค่นั้น!

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
= 4 =

เรื่องที่ทำให้เจ็บปวดอีกครั้ง



หลังจากวันนั้นแทนไทก็ไม่แยแสลูกพลับอีกเลย

เพราะเขาเกลียดความรู้สึกของตัวเองที่มองเด็กคนนั้นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป จากเคยเกลียดตุ๊ดกลับเป็นรู้สึกเฉย ๆ ออกจะชอบสัมผัสตัวด้วยซ้ำ เขาพยายามทำเป็นไม่สนใจเวลาที่พบเจอกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตหนุ่มโสดสุดฮอตเหมือนแต่ก่อน ควงหญิงเข้าโรงแรมม่านรูดไม่ซ้ำหน้าเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบ้า ๆ พวกนั้นออกจากหัว

แต่นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับลูกพลับ เพราะไม่ต้องมีคนมาก่อกวนให้รู้สึกรำคาญ แม้จะรู้สึกแปลกใจที่จู่ ๆ แทนไทก็ไม่มาตามรังควานเหมือนก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะคำสัญญาที่เคยให้ไว้ในวันแรกที่เกิดเรื่อง อีกฝ่ายคงกลัวว่าความลับจะผูกเปิดเผย กลัวว่าสาว ๆ แฟนคลับทั้งหลายจะเลิกชื่นชอบสินะ คิดแล้วก็ส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดไร้สาระพวกนี้ออกจากหัว

ในช่วงที่แทนไทไม่มาก่อกวน กลับมีใครบางคนเข้ามาขายขนมจีบอย่างไม่หยุดหย่อน คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจตน์ หลังจากทานข้าวด้วยกันในวันนั้นแล้วก็เร่งทำคะแนนมาเรื่อย ๆ มาหาที่มหาวิทยาลัยบ่อย ๆ ชวนไปทานข้าว ชวนไปดูหนังสองต่อสอง ตอนแรกลูกพลับก็ปฏิเสธบ้าง แต่นานเข้าก็รู้สึกคุ้นเคยกันจึงได้แต่เออออตาม มันก็ดีเหมือนกันจะได้มีกิจกรรมทำเพื่อไม่ให้คิดมากกับเรื่องไร้สาระ

วันนี้เพื่อนรักอย่างฮ่องเต้มีนัดกับแฟนหนุ่ม หลังจากเรียนคาบวิชาสุดท้ายของวันจบลงแล้ว ลูกพลับจึงเดินออกมาที่หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ทว่าในจังหวะนั้นก็เห็นรถคันหรูที่คุ้นตาเป็นอย่างดีของแทนไทขับมาจอดตรงหน้านักศึกษาสาวคนหนึ่ง ลูบพลับหยุดชะงักยืนมองอย่างไม่ได้ตั้งใจ แทนไทลงจากรถเพื่อมาเปิดประตูให้คู่ควงคนใหม่ ในจังหวะนั้นทั้งสองสบตากันอย่างบังเอิญ แทนไทชะงักเล็กน้อยราวกับเห็นเจ้ากรรมนายเวร รีบหันหน้าหนีแล้วส่งยิ้มให้เธอคนนั้น เปิดประตูรถส่งเธอเข้าไปนั่งแล้วกลับมาขึ้นรถฝั่งคนขับ

ทุกอิริยาบถของชายหนุ่มสะท้อนเข้ามาในหน่วยตาคู่สวย เหตุใดจึงรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาเกลียดนายนั่นมาก ต้องรู้สึกดีที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจตนเองแล้ว มันควรจะรู้สึกอย่างนั้นมิใช่หรือ

ปี๊บ ๆ

เสียงแตรรถทำให้ลูกพลับสะดุ้งโหยง หลุดจากห้วงความคิด หันไปมองรอบตัวก็พบว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหลัง คนขับเปิดกระจกรถแล้วโบกมือให้ แถมรอยยิ้มหล่อ ๆ มาพร้อมด้วยอีกต่างหาก

“น้องพลับทางนี้ครับ”

“เฮียเจตน์”

เมื่อรู้ว่าเป็นใครก็เดินยิ้มเข้าไปหา ปกติแล้วหากจะชวนไปไหนเจตน์มักจะแจ้งล่วงหน้าเสมอ ครั้งนี้คงบังเอิญมาพบกัน ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้

“น้องพลับจะไปไหนเหรอครับ”

“ผมจะกลับบ้านครับ แล้วเฮียเจตน์มาทำอะไรแถวนี้ครับ อย่าบอกนะว่ามาเหล่สาว ๆ แถวนี้”

“เปล่าสักหน่อย ถ้าจะเหล่ก็น้องพลับนั่นล่ะ พี่ตั้งใจมาหาน้องพลับกะว่าจะชวนไปกินข้าวด้วยกัน”

“อ้าว ทำไมวันนี้ไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย อีกอย่างถ้าชวนเร็วกว่านี้คงได้ไปพร้อมกับฮ่องเต้และพี่กายแล้ว”

“เฮียขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน ขึ้นรถเร็วค่อยว่ากันอีกที”

“ก็ได้ครับ”

ลูกพลับยอมขึ้นรถไปอย่างไม่ได้คิดอะไร ระหว่างทางเจตน์ก็ขวนคุยเหมือนเช่นเคย อีกฝ่ายรบเร้าให้ไปทานมื้อเย็นด้วยกันอยู่นานจนลูกพลับทนลูกอ้อนไม่ไหว ตัดสินใจโทรบอกป้าปิ่นว่าวันนี้อาจจะกลับดึกหน่อยเพราะมีนัดทานข้าวกับรุ่นพี่ เพื่อทำให้ท่านสบายใจ

ภัตตาคารหรูบนตึกสูงระฟ้าคือจุดหมายปลายทางของวันนี้ ลูกพลับเดินเคียงข้างหนุ่มหล่อสมาร์ตเข้าไปอย่างประหม่า สังเกตลูกค้าที่มาใช้บริการมีแต่คนในแวดวงสังคมไฮโซเท่านั้น เขาเป็นเพียงหลานของแม่บ้าน ถึงคนอื่นจะไม่รู้แต่ก็อดคิดไม่ได้

ทั้งสองนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของร้านซึ่งสามารถมองเห็นภาพมุมสูงของเมืองกรุงในช่วงพลบค่ำได้อย่างงดงาม ลูกพลับตื่นตากับภาพที่เห็น เอาแต่หันไปมองพร้อมทั้งถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย เจตน์มองดูความน่ารักอยู่อย่างนั้นไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ แค่มองดูก็ทำให้ยิ้มได้และรู้สึกเพลินตา เขาหลงเด็กคนนี้จนคิดอยากจะเป็นเจ้าของให้ได้ เหมือนที่เคยทำกับคนอื่น ๆ ที่เคยคบหา

“ที่นี่เป็นร้านโปรดของเฮียกับครอบครัวเลยนะครับ ปกติเฮียไม่เคยพาใครมาเลย”

“ใครนี่หมายถึงคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวเหรอครับ” ลูกพลับตอบหลังจากหันกลับมามองที่ต้นเสียงหล่อนั้น

“ก็ใช่น่ะสิ รู้อย่างนี้แล้วน้องพลับน่าจะเดาออกว่าตัวเองสำคัญกับเฮียมากแค่ไหน” เขาส่งรอยยิ้มหล่อมีเสน่ห์มาให้ ลูกพลับคลี่ยิ้มตอบตามมารยาท โดยไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรด้วยเลย คิดแค่ว่าเป็นพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น

“ผมไม่ยักรู้เลย เฮียคิดจะจีบผมจริง ๆ หรือครับ”

“ถามอย่างนี้เฮียเสียใจแย่เลย ชัดเจนขนาดนี้แล้วนะ ตอนนี้น้องพลับเองก็ยังไม่มีใครเปิดใจให้เฮียจะได้ไหม เฮียสัญญาว่าจะเป็นแฟนที่ดีไม่งอแงเด็ดขาด โอเคไหมครับ”

“นี่เฮียจะมัดมือชกผมงั้นเหรอครับ ผมรู้ว่าเฮียจีบผมแหละ แต่...ผมยังไม่อยากมีแฟนนี่นา อยากจะตั้งใจเรียนเพียงอย่างเดียวก่อน” เขากล่าวอย่างไม่ได้อึดอัดใจอะไร เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้จริงจังอะไรมาก คนระดับเจตน์คงมีคนมาเสนอตัวให้เยอะแยะ เขาเคยได้ยินฮ่องเต้เล่าให้ฟังบ่อย ๆ ฮ่องเต้ยังเตือนไว้อีกว่าอย่าเพิ่งหลงคารมต้องดูกันไปยาว ๆ

“เสียใจจัง เฮียจะยังพอมีหวังอยู่ไหมนะ”

“ถ้าเฮียรอจนผมเรียนจบได้ ผมจะยอมเป็นแฟนเฮียก็แล้วกัน โอเคไหมครับ”

“โห! นั่นมันอีกตั้งห้าปีเลยนะ ไม่นานไปหน่อยเหรอ”

“เคยได้ยินสำนวนที่ว่าระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คนไหมครับ ผมว่ามันยังคงใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัยเลยนะ ถ้าเฮียรักผมจริงต้องรอได้สิ”

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารครับ”

เสียงบริกรหนุ่มดังขัดจังหวะพอดี ทำให้คนที่นั่งทำหน้างองุ้มอยู่ตรงหน้านิ่งเงียบ ทว่าสายตาที่ส่งมานั้นกลับมีแต่ความน้อยใจฉายออกมาให้เห็น ลูกพลับได้แต่นั่งยิ้มมองดูความน่าเอ็นดูของเจตน์ ถึงแม้อายุจะสามสิบแล้วแต่ยังมีโหมดวัยรุ่นขี้น้อยใจให้เห็น

ทั้งสองลืมเรื่องที่สนทนากันก่อนหน้านี้ไปครู่หนึ่ง นั่งทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อย ๆ ทว่าเจตน์ยังคงหยอดคำหวานส่งให้เป็นช่วง ๆ ตามประสาหนุ่มนักรัก โดยมีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองมาอยู่ตลอดเวลา

เป็นแทนไทนั่นเองที่บังเอิญมานั่งทานที่ร้านเดียวกัน แต่อยู่กันคนละมุม เขาบังเอิญเห็นลูกพลับเมื่อตอนเดินไปเข้าห้องน้ำ จึงอดไม่ได้ที่จะหันมามองอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่พยายามห้ามตัวเองแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ ทำไมต้องรู้สึกโมโหเมื่อเห็นเด็กคนนั้นอยู่กับผู้ชายคนอื่น มือที่วางอยู่หน้าขาใต้โต๊ะกำแน่นจนสั่น คู่ควงที่นั่งฝั่งตรงข้ามถามว่าเป็นอะไร ทำไมจึงทำหน้าเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ แทนไททำได้เพียงยิ้มรับแล้วปฏิเสธไป ตีเนียนทำเป็นตักอาหารให้ แต่ก็ไม่วายชายตามองไปยังอีกมุมหนึ่ง กลับพบว่าตอนนี้เหลือเพียงโต๊ะเปล่า สองคนนั้นหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“คืนนี้เราจะไปไหนต่อกันดีคะ”

“ค้างคืนที่นี่เลยไหมล่ะ เรามีธุระที่ไหนต่อหรือเปล่า”

“ไม่มีค่ะ คืนนี้แป้งอยู่ค้างกับพี่แทนได้ทั้งคืนเลยค่ะ” เธอกล่าวด้วยโทนเสียงอ่อนหวานชวนฟัง ส่งสายตาอันหวานเยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างรู้กัน

“ถ้างั้นรีบทานเถอะ เราจะได้มีเวลาทำอย่างอื่นให้นาน ๆ”

“ค่ะพี่แทน”

เมื่อตกลงกันได้แล้วก็สนใจรับประทานอาหารต่อไป ทว่าแทนไทกลับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูบ่อย ๆ อยากจะโทรหาไอ้เด็กคนนั้นเหลือเกิน อยากรู้ว่ามันจะไปไหนกับผู้ชายคนนั้นต่อ ทำไมถึงได้เหลวไหลอย่างนี้ หรือจะโทรบอกป้ามันให้รู้ว่าตอนนี้มันมาคั่วกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ นั่งคิดอย่างนั้นสักพักคู่ขาก็เอ่ยเรียกทำให้ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป เขาจะไม่มีทางไขว้เขวกับมันอีกเด็ดขาด

...ก็แค่ไอ้ตุ๊ดหน้าตาดีที่เป็นหลานคนใช้ในบ้าน เขาจะไม่มีทางสนใจมัน

แม้ว่าผู้ชายอย่างเจตน์จะมีความหล่อระดับเทพ ทว่าคู่ควงที่ผ่านมาส่วนใหญ่ได้มาจากวิธีสกปรก เขามักจะมอมยาและมัดมือชกคนที่สนใจมาโดยตลอด ด้วยหน้าตาและฐานะที่ใคร ๆ ก็อยากจะคบหาก็ทำให้ทุกคนยอมใจอ่อน แถมยังดีใจต่างหากที่ได้ตกเป็นของเขา

และวันนี้ลูกพลับก็คือหนึ่งในเหยื่อเช่นเดียวกัน หลังจากนั่งรับประทานอาหารไปได้สักพักร่างเล็กก็รู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมจึงขอตัวกลับ ทว่ายังไม่ทันได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็ต้องหมดสติไปเสียก่อน เจตน์จึงอุ้มร่างเล็กเดินตรงไปยังห้องที่ได้จองไว้ล่วงหน้าเพื่อการนี้โดยเฉพาะ รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อหากใครได้เห็นในตอนนี้ คงรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีความเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน



เช้าวันต่อมา...

แสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามากระทบบนใบหน้าขาวใส ทำให้เปลือกตาสวยขยับและเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ลูกพลับเริ่มขยับตัวด้วยอาการงัวเงีย มือน้อย ๆ สัมผัสกับบางสิ่งที่อยู่ข้างตัวจนต้องเบิกตาตื่นขึ้นมา ดีดตัวลุกขึ้นแล้วหันไปมองก็พบว่าเจตน์ได้นอนหลับอยู่ เห็นอย่างนั้นเขาจึงสำรวจเสื้อผ้าของตัวเอง พบว่าตอนนี้ได้สวมใส่ชุดลำลองของใครก็ไม่ทราบได้ หากใครตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้คงคิดได้อย่างเดียวนั่นคือโดนมอมยา

“เฮียเจตน์! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ฮึก...” คนพูดตะโกนลั่น สะอื้นไห้ด้วยความรู้สึกเสียใจและเสียความรู้สึกกับผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน

“น้องพลับตื่นแล้วเหรอครับ” เจตน์งัวเงียตื่นขึ้นมา ขยี้ตาทั้งสองแล้วหันมาส่งยิ้มให้ราวกับเรื่องเมื่อคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เฮียทำอะไรผม! เฮียมอมยาผมเหรอ ทำไมเฮียแม่งเลวอย่างนี้ ผมไม่น่าหลงเชื่อคนอย่างเฮียเลย” ลูกพลับตะโกนอย่างสุดเสียง ร่ำไห้ใจจะขาด มองหาชุดนักศึกษาของตัวเองก่อนเดินเข้าไปคว้ามันขึ้นมาถือไว้เตรียมตัวจะออกไปจากห้อง

เจตน์รีบลุกขึ้นทั้งที่ยังสวมใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว เขาเดินตามหลังไปจนถึงประตูห้อง รั้งแขนเรียวไว้ได้ทันเวลา ทว่าลูกพลับหันกลับมาง้างมือฟาดใบหน้าสุดแรง

“เลวที่สุด! ต่อไปนี้ไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก”

“น้องพลับฟังเฮียก่อน เฮียรักน้องพลับนะยังไงเราก็มีอะไรกันแล้ว ยอมเป็นแฟนกับเฮียเถอะนะ”

“ไปตายซะ!”

ลูกพลับผลักอกสุดแรงแล้วเปิดประตูออกไป แต่เจตน์ยังไม่ยอมละความพยายาม เดินตามหลังไปคว้าแขนเรียวที่หน้าประตูห้องอีกครั้ง แถมยังสวมกอดจากด้านหลัง ลูกพลับพยายามดิ้นรนเพื่อเรียกร้องหาอิสรภาพแต่ไม่สำเร็จ

“ปล่อยผมนะ”

“ไม่ปล่อย จนกว่าน้องพลับจะยอมเป็นแฟนกับเฮีย ยังไงเราก็ได้กันแล้วจะเล่นตัวไปทำไมกันครับ”

“อย่าพูดคำนี้ให้ผมได้ยินอีก ไม่งั้นผมเอาคุณตายแน่”

กำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้น ก็มีใครบางคนเปิดประตูออกมาเห็นเข้าพอดี เป็นแทนไทนั่นเองที่ออกมาพร้อมกับคู่ขา เห็นภาพนั้นเข้าพอดีถึงกับหน้าขึ้นสี ดูจากสภาพแล้วคงจะจัดหนักกันมาทั้งคืน ไอ้เด็กนั่นสวมใส่ชุดลำลองแถมยังหอบชุดนักศึกษาพะรุงพะรัง อีกคนที่กำลังกอดอยู่สวมเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว

...ช่างหน้าไม่อาย!

เมื่อเห็นว่าเป็นใครลูกพลับก็หน้าถอดสี ทั้งสองประสานสายตากันเข้าอย่างจัง แววตาของลูกพลับมีแต่ความตื่นตกใจ แต่แววตาเขามีเพียงความเดือดดาล ลูกพลับออกแรงเฮือกสุดท้ายผลักร่างของเจตน์จนหลุดพ้น รีบวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่นไม่มีทีท่าจะหยุด มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเขา เหตุใดมันจึงบังเอิญเช่นนี้ เขาไปทำเวรทำกรรมอะไรกับคนพวกนี้เอาไว้นะ

คิดไปน้ำตาก็ไหล สองเท้าน้อย ๆ ย่ำลงบนพื้นถี่ ๆ จนสะดุดล้ม ขาแพลงจนลุกขึ้นไม่ไหว จึงนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่หน้าโรงแรม ไม่นานก็รู้สึกว่ามีใครบางคนดึงแขนให้ลุกขึ้น จะว่ากระชากก็ย่อมได้เพราะมันรู้สึกเจ็บไม่น้อย

“ร่าน! กลับบ้าน!”

ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน แต่เป็นเสียงของแทนไท เขาถลึงตามองแล้วกระชากให้เดินตามหลังไป แต่ด้วยที่เจ็บข้อเท้าทำให้ลูกพลับไม่สามารถลุกขึ้นได้ อีกฝ่ายจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ ตัดสินใจช้อนร่างเล็กขึ้นในท่าเจ้าสาว พาเดินไปที่รถอย่างอารมณ์ฉุนเฉียว ลูกพลับไม่ยอมพูดอะไร ไม่ยอมมองหน้าเขา ทำได้เพียงซบหน้าบนแผงอกแกร่งร้องไห้ แม้รู้ว่าแทนไทคงไม่เต็มใจจะให้ใช้อ้อมอกนี้เพื่อระบายความเจ็บปวดก็ตาม

ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถนั้นมีเพียงเสียงสะอื้นไห้ของลูกพลับดังอยู่ตลอดทาง แม้ว่าแทนไทจะตะโกนสั่งให้หยุดหลายต่อหลายครั้งแต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถห้ามเสียงสะอื้นได้ ใครไม่ใช่เขาคงไม่รู้ว่ามันเจ็บมากแค่ไหน ที่ต้องโดนผู้ชายสองคนปล้ำในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างนี้ อยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอด

รถคันหรูเคลื่อนล้อเข้ามาในรั้วบ้านแล้วขับไปหยุดที่โรงจอดรถ แทนไทพยายามควบคุมสติให้มากที่สุดเพื่อจะกล่าวอะไรบางอย่าง

“ร้องไห้อย่างกับโดนปล้ำ เล่นละครตบตากูไปเพื่ออะไร มึงแสร้งทำเป็นร้องไห้ไปเพื่ออะไร มึงมันร่าน กูไม่น่าไปสมสู่กับคนอย่างมึงเลย” แทนไทหันไปตวาดลั่นใส่หน้า จนอีกฝ่ายสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ผมมันไม่ดีในสายตาคุณอยู่แล้วนี่ จะทำอะไร จะเป็นยังไงมันก็เรื่องของผม ขอบคุณที่เคยมาสมสู่กับคนอย่างผม ขอบคุณที่อุตส่าห์ให้ติดรถกลับมาด้วย”

กล่าวอย่างไม่ใส่ใจแล้วเปิดประตูรถ แม้จะยังคงเจ็บข้อเท้าอยู่แต่ก็พยายามฝืนตัวเองลงไปให้ได้ ลูกพลับล้มลงบนพื้นพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ แทนไทนั่งมองดูจากในรถด้วยความสมน้ำหน้า เขาแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าร่างเล็กล้มลงไม่เป็นท่าครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่ากลับมีเสียงเรียกร้องให้ออกไปช่วยอุ้มพาส่งกลับห้องพัก รอยยิ้มที่เย้ยหยันจางลงเรื่อย ๆ กำลังจะเปิดประตูรถลงไปช่วย ทว่ากลับได้ยินเสียงปิ่นวดีเอ่ยทักหลานชายเสียก่อน จึงต้องนั่งอยู่นิ่ง ๆ มองแม่บ้านเก่าแก่ช่วยพยุงไอ้เด็กนั่นห่างจากรถไปเรื่อย ๆ

“ถ้ามึงโดนปล้ำมาจริง ๆ กูควรจะแตะเนื้อต้องตัวมึงอีกไหมวะ”

แทนไทเอ่ยถามตัวเองอย่างเบาเสียง รู้สึกโกรธและสับสนไปพร้อมกัน โดยยังไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันคืออะไร เพราะเหตุใดเขาจึงต้องสนใจเรื่องของมันด้วย ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
= 5 =

ไม่รับผิดชอบ



ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ซุกหัวนอนลูกพลับมาตั้งแต่เด็ก ยังคงมีความเงียบงันเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ตั้งแต่นับดาวย้ายออกไปอยู่ข้างนอกห้องนี้ก็กลายเป็นของเขาไปโดยปริยาย ทว่ามันกลับเงียบเหงาไร้ซึ่งเสียงหัวเราะมานานแล้ว เมื่อตอนที่ลงมาจากรถของแทนไท ปิ่นวดีได้ไต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาทำได้เพียงร้องไห้ไม่ยอมบอกอะไร ผู้เป็นป้าจึงพาเข้ามาในห้องเพื่อพักผ่อนให้รู้สึกดีขึ้น ตั้งแต่นั้นก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย

ลูกพลับนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอน ส่องสายตามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเจ็บปวดเหลือคณา นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมน้ำตายิ่งไหลลงมาไม่หยุด มันเป็นเวรกรรมอะไรนักหนาเขาถึงต้องโดนคนอื่นย่ำยีทั้งกายและใจไม่หยุดหย่อนเช่นนี้

“พลับให้ป้าเข้าไปได้ไหม”

“ครับป้า”

เจ้าของห้องรีบปาดน้ำตาออกจากพวงแก้ม เปลี่ยนอิริยาบถนั่งในท่าสบาย ๆ หันไปส่งยิ้มให้ผู้เป็นป้า ปิ่นวดีนั่งลงข้างหลานชายแล้วคว้ามือน้อย ๆ ไปกุมไว้ ส่งรอยยิ้มอบอุ่นไห้เหมือนเช่นทุกครั้ง ตั้งแต่มารดาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งก็มีป้านี่ล่ะที่คอยให้กำลังใจเขาเสมอมา เปรียบเสมือนแม่คนที่สอง

“เอ็งดีขึ้นหรือยัง”

“ดีขึ้นแล้วครับป้า ป้าไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ”

“จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงก็เอ็งเป็นหลานป้าทั้งคน แล้วจะเล่าให้ฟังได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงได้กลับมาในสภาพนั้น”

“คือ...ผม ไม่มีอะไรครับ” เจ้าตัวทำท่าอึกอัก ซึ่งใครก็ดูออกว่ามีเรื่องไม่สบายใจ ป้าปิ่นวางมือบนบ่าน้อย ๆ เพื่อปลอบประโลม และให้วางใจว่าป้าคนนี้คือที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว จะไม่มีวันทรยศหักหลังอย่างแน่นอน

“เล่ามาเถอะ ป้าไม่ว่าอะไรเอ็งหรอก หากมีอะไรที่ทำให้เอ็งรู้สึกไม่ดีป้าจะได้ช่วยเหลือไงล่ะ”

“ป้าครับเราย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ไหม ผมอยากย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ที่ไม่มีคนหาเราเจอ”

“มันเกิดอะไรขึ้นบอกป้ามา เอ็งจะให้ป้าย้ายมันต้องมีเหตุผลมากพอสิ”

“ผม...ไม่อยากเจอหน้าคุณแทนไทอีกแล้ว เมื่อเดือนที่แล้ว...เขาเข้ามาปล้ำผมถึงในห้องนอน ผมกลัวครับป้า กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีก ฮือ ๆ” กล่าวจบแล้วเจ้าตัวก็โผเข้ากอดผู้เป็นป้า ปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วง

ปิ่นวดีได้ยินก็เบิกตาด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าลูกพลับไม่เหมือนคนอื่น เด็กคนนี้สามารถตั้งครรภ์ได้ เธอไม่เคยบอกเพราะอยากให้หลานชายใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป โดยลืมคิดไปว่าสภาพร่างกายของลูกพลับนั้นเหมือนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ใบหน้าก็สวยหวาน ตัวก็เล็ก เป็นอะไรที่สะดุดตาพวกผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

“แล้วได้ป้องกันไหม”

“ไม่ได้ป้องกันครับป้า”

“คุณพระ! แล้วทำไมไม่ยอมบอกป้าให้เร็วกว่านี้ ป้าจะได้บอกให้เรารีบกินยาคุมฉุกเฉิน ผ่านมาเป็นเดือนแล้วหากท้องขึ้นมาจะทำยังไง”

ได้ยินอย่างนั้นลูกพลับก็พยายามหยุดร้องไห้ ผละตัวออกมาแล้วเงยขึ้นมองหน้าป้าปิ่นด้วยความสงสัย เหตุใดป้าจึงกล่าวเช่นนี้ ทั้งที่เขาเป็นผู้ชาย

“ท้อง? หมายความว่ายังไงครับป้า”

“ป้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเอ็ง เอ็งไม่เหมือนใครตั้งแต่เกิดแล้ว เอ็งสามารถตั้งท้องได้หากมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน ป้าไม่บอกเพราะอยากให้เอ็งใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป มีแฟนเป็นผู้หญิง แต่ป้าก็ลืมนึกไปว่าสภาพร่างกายเอ็งมันเหมือนผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย รีบไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงพยาบาลกับป้า”

“ไปทำไมครับป้า”

“ไปตรวจว่าท้องไหม ถ้าไม่ท้องจะได้สบายใจไงล่ะ แต่ถ้าท้องเราค่อยมาว่ากันอีกที”

“แล้วถ้าผมท้องขึ้นมาจะทำยังไงครับป้า ฮึก ผมไม่อยากมีลูกกับคนแบบนั้น อีกอย่างถึงเขารู้ว่าผมท้องก็คงไม่ยอมรับอยู่ดี เพราะผม...” พูดยังไม่ทันจบก็ก้มหน้าลง ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาไม่หยุด เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นาน

“เพราะอะไร เกิดอะไรขึ้นกับเอ็งกันแน่บอกป้ามา”

“ผม...เพิ่งโดนผู้ชายอีกคนปล้ำมาครับ ตอนนั้นคุณแทนไทเข้ามาเห็นพอดีจึงพาผมกลับมาด้วยอย่างที่ป้าเห็น ผมเป็นเด็กร่านในสายตาเขาไปแล้ว อย่างนี้ผมจะไปเรียกร้องอะไรได้ ฮือ ๆ”

“เวรกรรมอะไรนักหนานะ ร้องออกมาให้พอป้าจะอยู่ข้าง ๆ เอ็งเอง หากอยู่ที่นี่แล้วมันจะทำให้เอ็งรู้สึกลำบากใจและไม่มีความสุข ป้าก็จะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น”

“ขอบคุณนะครับป้าที่เข้าใจผม ฮือ ๆ”

ปิ่นวดีสวมกอดหลานชายไว้แน่นด้วยความสงสารจับใจ เธอไม่เคยคิดว่าหลานชายจะต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ทั้งที่อายุยังน้อย เรื่องที่เกิดขึ้นมันหนักหนาสาหัสกับเด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้มากเหลือเกิน จนเธอไม่อาจเมินเฉยกับเสียงเรียกร้องให้ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก

หลังจากทำใจได้แล้วทั้งสองก็เดินทางไปยังโรงพยาบาล ปิ่นวดีได้โทรปรึกษาลูกสาวเรื่องนี้ และได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พอรู้เรื่องนับดาวก็โกรธแทนไทมาก ก่อนหน้านี้ทำทีมาขายขนมจีบเธอทั้งที่รู้ว่าเธอเป็นแฟนกับไททันซึ่งเป็นพี่ชาย แต่แทนไทก็ยังคงหน้าไม่อายทำเรื่องอย่างนี้กับน้องชายเธออีก เรื่องนี้จะต้องถึงคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง เธอจะไม่ยอมให้ลูกพลับต้องเสียตัวเปล่าอย่างแน่นอน

หลังจากทำการตรวจแล้วทั้งหมดก็นั่งรอฟังผลอย่างใจจดใจจ่อ ลูกพลับนั่งตัวเกร็งอยู่ท่ามกลางพี่สาวและป้าปิ่น ทั้งคู่จับมือน้อย ๆ ของคนที่นั่งตรงกลางในระหว่างรอคุณหมอเรียกให้เข้าไปพบ

“เชิญคุณลูกพลับค่ะ”

เสียงเรียกของพยาบาลทำให้คนฟังสะดุ้งโหยง ลูกพลับมองหน้าคนทั้งสองด้วยสีหน้าซีดเซียว ภาวนาในใจว่าเขาต้องไม่ท้องเด็ดขาด หากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็คงโล่งใจมาก และสัญญาว่านับจากนี้จะไม่มีทางยอมตกเป็นของผู้ชายคนไหนอีกเด็ดขาด

“สูดหายใจเข้าลึก ๆ แกต้องไม่ท้องท่องเอาไว้”

“ครับพี่ดาว ผมจะต้องไม่ท้อง”

“เข้าไปกันเถอะ”

เข้ามาแล้วก็พบคุณหมอสุดหล่อนั่งยิ้มให้ ลูกพลับนั่งลงบนเก้าอี้คนไข้ ส่วนนับดาวและปิ่นวดียืนฟังอยู่ไม่ไกล

“สวัสดีครับ พร้อมจะฟังผลหรือยัง”

“พร้อมแล้วครับ”

“ไม่ต้องตื่นเต้นนะครับ ทำใจให้สบายเข้าไว้ คุณแม่ที่เคยมาฟังผลกับหมอก็มีอาการอย่างนี้ทั้งนั้น แต่พอรู้ว่าตัวเองท้องก็ยิ้มและดีใจมาก”

“ผมคงไม่ดีใจหรอกครับเพราะผมไม่อยากท้อง คุณหมอก็รู้ว่าผมเป็นผู้ชาย หากท้องขึ้นมาคนอื่นคงมองเป็นเรื่องแปลก ผมไม่อยากเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ คุณคือคนที่พิเศษกว่าคนอื่น ๆ ต้องคิดอย่างนี้สิ ผู้ชายบางคนอยากจะท้องได้เยอะแยะแต่ก็ไม่สามารถ คุณคือคนที่หลายคนอยากจะเป็นรู้ไหม เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผลจากการตรวจอย่างละเอียดปรากฏว่าคุณลูกพลับ....ตั้งครรภ์แล้วครับ หมอขอแสดงความยินดีด้วย” คุณหมอว่าพร้อมด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดีตามหน้าที่

“ทะ...ท้องงั้นเหรอ ไม่จริง ฮึก...”

เหมือนโลกทั้งใบมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ เขาไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ชีวิตที่กำลังจะไปได้สวยในเส้นทางสายเภสัชศาสตร์ที่ตั้งใจสอบเข้าจนได้ มันจะต้องสิ้นสุดลงแค่นี้หรือ เขาท้องแล้วจะเอายังไงต่อไปดี

“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ตั้งใจให้น้องเกิดมา แต่ถึงยังไงนั่นก็ลูกของคุณนะครับ ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเด็กคนนี้คือผู้บริสุทธิ์ คุณต้องรักษาเขาไว้นะครับ มีอะไรมาปรึกษาหมอได้ตลอดเวลา” คุณหมอพอจะเข้าใจว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าเด็กคนหนึ่งจะยอมรับได้

“ใจเย็น ๆ นะพลับ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เองไม่ต้องห่วง หลานฉันจะต้องมีพ่อแน่นอน”

“ไม่เอานะพี่ดาว ผมไม่อยากให้ใครรู้ ผมอายเหลือเกิน อายที่จะต้องบอกใครว่าผมท้อง และท้องเพราะสาเหตุอะไร ฮือ ๆ” ลูกพลับสวมกอดพี่สาวไว้แน่น นับดาวได้แต่มองหน้ามารดาอย่างเหนื่อยใจ มือเรียวลูบบนเรือนผมน้องชายอย่างรู้สึกสงสาร

หลังจากทราบผลแล้วทั้งหมดก็เดินทางกลับ นับดาวขอลางานครึ่งวันเพื่อสะสางปัญหาให้มันจบภายในวันนี้ เธอจะไม่มีทางให้น้องชายต้องท้องโดยไม่มีพ่อ ลูกพลับต้องมารับกรรมแทนเธอ หากไม่ใช่ลูกพลับป่านนี้คงเป็นเธอที่ต้องเป็นคนร้องไห้เจ็บปวดในตอนนี้

เมื่อกลับมาถึงบ้านภิรมย์การันแล้ว นับดาวก็พาน้องชายและมารดาเข้าไปพบคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงของบ้าน เรื่องนี้แฟนหนุ่มยังไม่ทราบเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานเขา เธอจะจัดการมันด้วยตัวเองโดยไม่ยอมให้ไททันต้องมาออกรับแทน เพราะรู้ดีว่าผู้ใหญ่ทั้งสองท่านไม่ชอบใจที่เธอและลูกชายคนโตคบหากัน แม้ว่าจะส่งเสียให้เรียนจนจบแต่เรื่องสะใภ้ใหญ่นั้นต้องมีหน้ามีตาและเชิดชูวงตระกูลได้ ซึ่งเธอไม่ใช่อย่างที่ท่านทั้งสองหวังเอาไว้

เป็นเรื่องโชคดีเมื่อคนที่อยากพบอยู่กันครบทุกคน ทีปกรกำลังนั่งจิบชาพลางอ่านบทความทางธุรกิจในแท็บเล็ต ส่วนศรัยฉัตรกำลังนั่งคุยสายกับเพื่อนในแวดวงสังคมไฮโซ แทนไทเพิ่งจะลงมาจากชั้นบนเพื่อหาอะไรทาน เมื่อเห็นคนทั้งสามเดินเข้ามาต่างก็เกิดความประหลาดใจ โดยเฉพาะแทนไทที่จ้องมองร่างเล็กตาแทบไม่กะพริบ เด็กคนนั้นตาบวมราวกับร้องไห้มาอย่างหนัก แถมยังหลบตาเขาอีกต่างหาก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“มีอะไรกันหรือถึงได้ยกโขยงกันมาทั้งบ้านเลย” ทีปกรเอ่ยถามผู้มาใหม่ทั้งสาม

ศรัยฉัตรรีบวางสายแล้วหันมาสนใจคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า สายตาที่มุ่งมั่นของนับดาว เสียงสะอื้นไห้ของลูกพลับ สีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของแม่บ้านคนเก่าคนแก่ ทำให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านเกิดความสงสัยและอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“หนูมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกพลับค่ะ”

“พี่ดาว ผมว่าอย่าเลยนะ” ลูกพลับจับมือพี่สาวพร้อมทั้งส่งสายตาเว้าวอนขอร้องให้หยุด แต่มีหรือที่นับดาวจะหยุด เธอต้องจัดการให้มันเด็ดขาด รู้กันไปเลยว่าจะเอายังไงต่อไป เงยขึ้นไปถลึงตามองแทนไทด้วยแววตาแข็งกร้าว เพราะผู้ชายคนนี้เป็นตัวต้นเหตุทำให้น้องชายของตนต้องมาเจอกับอะไรอย่างนี้

“พี่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้พลับเอง อย่างน้อยทุกคนควรได้รู้ว่าคุณแทนไททำอะไรเลว ๆ กับแกไว้”

“หมายความว่ายังไงนับดาว มันเกิดอะไรขึ้นฉันงงไปหมดแล้ว” ทีปกรวางแท็บเล็ตในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าแล้วตั้งใจมอง ไม่ต่างจากภรรยาที่นั่งอยู่ข้างกัน แทนไทเองเริ่มพอจะรู้แล้วว่าวันนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่นึกเลยว่าลูกพลับจะกล้าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพี่สาวและป้า

“ฉันทำอะไรไว้อย่างนั้นเหรอ ไหนลองพูดมาสิ” แทนไทยืนกอดอกมองหน้าอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้ลูกพลับเอาแต่ก้มหน้า เขารู้ว่าแทนไทไม่มีทางรับผิดชอบ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วควรจะพูดให้หมดทุกเรื่อง เพราะถึงอย่างไรป้าปิ่นของเขาก็สัญญาแล้วว่าจะย้ายออกไปจากที่นี่ จึงไม่มีเหตุจำเป็นจะต้องพบเจอกับแทนไทอีกแล้ว

“คุณเข้าไปปล้ำพลับถึงในห้องรู้ไหมว่าพลับมัน...”

“ฉันตั้งใจจะไปปล้ำเธอต่างหาก แต่ไอ้นี่มันเสือกอยู่ในห้องเองช่วยไม่ได้”

ไททันเดินเข้ามาได้ยินพอดีก็โกรธจนหน้าสั่น รีบเดินเข้ามาซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าน้องชายโดยไม่ทันตั้งตัว ความชุลมุนจึงเกิดขึ้นทันที

“อย่าค่ะคุณไททัน” นับดาวรีบลุกขึ้นไปรั้งแขนแฟนหนุ่มเอาไว้ แยกตัวออกมาก่อนจะมีเรื่องไปมากกว่านี้ ทางฝั่งน้องชายก็ได้ผู้เป็นมารดารั้งตัวไว้เช่นเดียวกัน

“มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ พวกแกเป็นพี่น้องกันนะ”

“มันคิดอย่างนี้กับแฟนผมจะให้ใจเย็นได้ยังไงกันครับคุณแม่”

“แล้วไง ในเมื่อดาวยังไม่ได้เป็นเมียมึงตามกฎหมาย เพราะงั้นกูก็ยังมีสิทธิ์” แทนไทแสยะยิ้มมุมปากต่อหน้าพี่ชายอย่างเป็นต่อ เขาสะใจที่ทำให้พี่ชายเดือดดาลได้อย่างนี้ นับว่าประสบผลสำเร็จแล้ว แม้ว่านับต่อจากนี้ไปจะเจอกับอะไรก็ตาม

“ก็ดูมันสิครับคุณแม่จะให้ผมใจเย็นได้ยังไง มันเป็นอะไรกับผมนักหนาถึงได้อยากจะเอาชนะตั้งแต่เด็กจนโต มันคงไม่เห็นผมเป็นพี่ชายมันแล้ว”

“ก็มึงมันไม่ใช่พี่ชายที่ดียังไงล่ะ แล้วใครจะรักและเทิดทูนมึงฮะ!”

“แล้วมึงเป็นน้องชายที่ดีนักหรือไงไอ้เหี้ย!”

“ก็ใช่ไง เพราะกูไม่อยากเป็นน้องชายคนอย่างมึง”

สองพี่น้องตะโกนตอบกลับไปมาอย่างนั้น ทำให้เรื่องที่นับดาวกำลังจะมาเรียกร้องเป็นอันต้องชะงักไป ทว่าเสียงของทีปกรดังขึ้นอีกครั้งทำให้ทุกคนต้องยอมสงบนิ่ง

“หุบปากทั้งสองคน! สิ่งที่ฉันอยากรู้ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของพวกแก แต่เป็นเรื่องของลูกพลับต่างหาก ไอ้แทนแกทำอย่างที่นับดาวพูดจริง ๆ ใช่ไหม!”

“ใช่ครับ แล้วทำไมเหรอ ผมก็แค่พลาดไปมีอะไรกับผู้ชาย น่าขยะแขยงจะตาย อย่าบอกนะว่าจะมาเรียกร้องให้รับผิดชอบ ถ้าท้องได้ค่อยมาว่ากันดีกว่าไหม” แทนไทกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ แสยะยิ้ม ปรายตามองลูกพลับที่นั่งอยู่ตรงพื้น คิดจะมาเล่นงานเขาด้วยวิธีนี้มันไม่ง่ายหรอก

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างคุณไม่มีความเป็นลูกผู้ชายพอ แล้วถ้าฉันบอกว่าตอนนี้ลูกพลับกำลังท้องล่ะคุณจะเชื่อไหม คุณจะกล้ารับผิดชอบไหมล่ะ” นับดาวประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคน เป็นเธอที่แสยะยิ้มบ้าง

“ฮ่า ๆ ไอ้เด็กเนี่ยนะท้อง เป็นถึงพยาบาลกลับมาใช้วิธีนี้หลอกลวงคนอื่น เรียนจบมาได้ยังไง อย่าคิดว่าจะเอาน้องชายเธอมาจับฉันด้วยวิธีนี้ คนอย่างฉันก็แค่อยากได้เล่น ๆ เท่านั้นล่ะ คนอย่างพวกเธอมันไม่ได้มีค่าในสายตาฉันเลย”

นับดาวรู้ว่าถึงอย่างไรก็คงไม่มีใครเชื่อ เธอจึงขอใบรับรองแพทย์มาด้วย แถมยังถ่ายเอกสารมาแจกอีกต่างหาก เมื่อทุกคนได้อ่านผลการตรวจต่างก็ประหลาดใจ นั่นรวมถึงแทนไทที่เริ่มไม่สนุกแล้ว สีหน้าเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น หรี่ตามองลูกพลับอย่างชั่งใจ

“ลูกพลับเป็นผู้ชายที่พิเศษกว่าคนอื่น สามารถตั้งท้องได้ เรื่องนี้มีแค่แม่ที่รู้แต่ก็ไม่ได้บอก เพราะอยากให้ลูกพลับใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายปกติ ไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น รู้อย่างนี้แล้วจะรับผิดชอบน้องชายฉันได้หรือยังคะ”

“ถึงมันจะท้องได้แต่แม่งก็มั่ว ไปเอากับใครบ้างก็ไม่รู้ วันก่อนมันยังไปค้างแรมกับผู้ชายคนอื่นอยู่เลย แล้วอย่างนี้จะให้มั่นใจได้ยังไงว่าเป็นลูกฉัน อย่าพยายามให้เสียเวลาเพราะถึงยังไงคนอย่างพวกเธอก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน อยากได้เงินฉันจะยอมให้เพื่อเป็นค่าเสียหาย แต่จะให้ยอมรับบอกไว้เลยว่าไม่มีทาง” เขาจ้องมองไอ้เด็กนั่นตาเขม็ง สื่อให้รู้ว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีทางรับผิดชอบ และมั่นใจว่านั่นไม่ใช่ลูกของเขาอย่างแน่นอน

“พอได้แล้วพี่ดาว แค่นี้ผมก็อายมากพอแล้ว ผมไม่ได้อยากให้ใครรับผิดชอบ ถึงอยากผมก็ไม่ต้องการ ผู้ชายคนนี้จะไม่มีทางได้เป็นพ่อของลูกผมเด็ดขาด” ลูกพลับจ้องเขม็งมองเขาด้วยแววตาเศร้า ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นแม้จะยังลงน้ำหนักเท้าได้ไม่เต็มที่ก็ตาม

“ลูกพลับเดี๋ยวก่อน”

“ช่างเถอะลูก ให้มันจบแค่นี้เถอะ แค่นี้ลูกพลับมันก็เจ็บมากพอแล้ว ตามไปดูแลน้องเดี๋ยวแม่จะคุยกับคุณผู้ชายครู่หนึ่ง”

“ค่ะแม่”

นับดาวจ้องหน้าแทนไทอย่างไม่พอใจ ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วเดินตามหลังน้องชายไป ไม่สนใจแม้กระทั่งแฟนหนุ่มของตัวเอง

“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ อิฉันมีเรื่องจะแจ้ง”

“ฉันต้องขอโทษแทนไอ้แทนมันด้วยที่ทำอย่างนั้นกับลูกพลับ ถึงมันจะไม่รับผิดชอบแต่ฉันจะรับผิดชอบเอง สมัยนี้มันตรวจกันได้ว่าใช่พ่อลูกกันไหม ฉันมั่นใจว่าลูกพลับคงไม่โกหก” ทีปกรว่าอย่างเข้าใจ

“ไม่เป็นไรค่ะคุณผู้ชาย ลูกพลับมันคงไม่อยากให้ใครมารับผิดชอบ ที่มาก็เป็นเพราะดาวมันอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้น้องเท่านั้น อิฉันคิดดีแล้วว่าจะขอลาออกแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นค่ะ”

“อ้าว! ไม่เห็นจะต้องทำอย่างนี้เลยปิ่น” ศรัยฉัตรกล่าว เธอตกใจไม่น้อยเพราะปิ่นวดีทำงานที่นี่นานมากจนกลายเป็นเหมือนสมาชิกในบ้านไปแล้ว

“ตอนนี้อิฉันก็แก่ตัวมากแล้ว อีกอย่างตอนนี้ลูกพลับมีก็มีน้อง อิฉันอยากจะออกไปเลี้ยงลูกให้มัน เพราะมันยังเรียนไม่จบ ใจจริงก็อยากจะออกไปนานแล้วแต่ยังไม่มีความจำเป็นมากพอ ตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้วค่ะ แต่ถึงยังไงอิฉันก็จะไม่มีทางลืมบุญคุณคุณทั้งสองแน่นอนค่ะ หากมีโอกาสจะแวะเข้ามาเยี่ยมบ่อย ๆ”

“ฉันยอมรับว่าใจหายมาก แต่ฉันคงห้ามปิ่นไม่ได้แล้วสินะ เอาเป็นว่าฉันยอมตามใจปิ่นก็แล้วกัน เห็นแก่ที่ปิ่นทำงานมานานฉันจะมีเงินพิเศษให้ไปตั้งตัว แต่ถึงยังไงฉันก็ยืนยันว่าจะรับเด็กคนนั้นเป็นหลาน ถึงแม้ว่าพ่อมันจะไม่ยอมรับก็ตาม”

“ขอบพระคุณมากค่ะ แต่คงไม่เป็นไร การที่ไม่มีพ่ออย่างนี้มันคงจะเป็นผลดีกับเด็กมากกว่า อิฉันกราบลาค่ะ”

ปิ่นวดียกมือไหว้แล้วเงยขึ้นมองหน้าแทนไทอย่างโกรธแค้นแทนหลานชาย รีบเดินออกไปจากบ้าน แทนไทยืนนิ่งอยู่ในห้วงแห่งความคิด เขาจะเอายังไงดีกับไอ้เด็กนั่น แต่จะให้ยอมรับคงไม่มีทางแน่ หากนั่นคือลูกของเขาจริง ๆ จะเป็นยังไง ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันตีวนในหัวจนรู้สึกปวดตุบที่ขมับ

“แกมันเกิดมาทำลายชีวิตคนอื่นจริง ๆ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับแกแล้ว”

กล่าวจบทีปกรก็เดินส่ายหน้าหนีไปจากตรงนั้น ศรัยฉัตรเดินมาตบบ่าลูกชายเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ หลังจากถูกใครต่อใครเมินหน้าหนีและรังเกียจ แต่คนเป็นแม่ถึงลูกจะเลวอย่างไรก็ไม่มีทางเกลียดลงอย่างแน่นอน

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ namtarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่อเถอะค่ะ เราใจจะขาดแล้วววววว :hao5:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
= 6 =

ตามรังควาน



หลังจากเกิดเรื่องในวันนั้นนับดาวก็มองหาบ้านหลังใหม่ให้กับแม่และน้องชายได้พักอาศัย หากจะพักอยู่คอนโดด้วยกันมันก็คับแคบจนเกินไป ไททันได้รับมอบหมายจากบิดาให้มาช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัยสำหรับครอบครัวนี้ เพราะถึงอย่างไรเด็กในท้องลูกพลับก็เป็นหลาน ถึงแม้ว่าแทนไทจะไม่ยอมรับแต่ก็เชื่อว่าลูกพลับน่าจะรู้ดีที่สุดแล้วว่าใครเป็นพ่อของลูก

บ้านสวนทรงไทยแถบชานเมืองคือสถานที่ซึ่งนับดาวและไททันขับรถมาดูด้วยตัวเอง หลังจากเห็นประกาศขายในอินเทอร์เน็ต ราคาไม่แพงมากนัก ไม่อยู่ห่างจากชุมชนสักเท่าไหร่ มองไปก็มีเพื่อนบ้านอีกหลายหลัง ตบท้ายด้วยทัศนียภาพท้องทุ่งนาของชาวบ้านในละแวกให้ได้เห็นเพื่อพักผ่อนสายตา ข้างบ้านมีคลองน้ำชลประทานสำหรับทำเกษตรกรรมอีกด้วย นอกจากตัวบ้านแล้วยังมีพื้นที่พอให้ทำสวนปลูกผักเลี้ยงสัตว์ได้บ้าง เห็นแล้วนับดาวก็ยิ้มอย่างพอใจ

“โอเคไหม”

“โอเคมากค่ะ แม่กับลูกพลับคงชอบมากแน่ ๆ”

“ถ้าดาวโอเคผมจะไปคุยกับเจ้าของเรื่องสัญญาซื้อขาย จะได้รีบย้ายเข้ามาอยู่ ตอนนี้พักอยู่คอนโดคงจะอึดอัดแย่เลย ผมต้องขอโทษแทนไอ้แทนมันด้วยนะที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน”

“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว โกรธไปก็เสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ อีกอย่างนับจากนี้คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ ลูกพลับมันคงไม่อยากเจอหน้าคุณแทนไปตลอดชีวิต”

“ถึงยังไงผมก็ไม่มีทางทิ้งหลานแน่ คุณพ่อคุณแม่ท่านยังยืนยันที่จะรับผิดชอบเด็กในท้อง พวกท่านตื่นเต้นกันยกใหญ่ที่จะได้มีหลาน”

“ฉันขอบคุณแทนน้องด้วยค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีครอบครัวเราควรจะห่างกันตั้งแต่เสียตอนนี้ ต่างคนต่างอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว เพราะอีกไม่นานดาวก็คงเป็นอีกคนที่จะต้องเลิกกับคุณ”

“อ้าว! ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ผมจะไม่มีทางให้ดาวไปจากผมแน่ เรารักกัน จะไม่มีใครทำลายความรักเราได้”

“แม้แต่พ่อกับแม่คุณอย่างนั้นหรือคะ คุณก็รู้ว่าท่านไม่ปลื้มที่เราคบกัน ท่านคงหวังอยากให้คุณมีคู่ครองที่คู่ควร”

“ผมไม่ยอมซะอย่างใครจะทำไม อย่าคิดมากเรื่องนี้เลยนะ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้แต่งงานกัน”

ไททันดึงตัวแฟนสาวเข้ามาสวมกอด ยกมือหนาขึ้นลูบเรือนผมสลวยเบา ๆ เขารับรู้ตั้งแต่เริ่มต้นคบหากับนับดาวแล้วว่าบิดามารดาไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังดึงดันที่จะรักและคบหาอย่างเปิดเผย แม้ว่าจะไม่ชอบใจแต่ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ห้ามปรามถึงขนาดนั้น ยอมให้คบกันมาจนถึงตอนนี้เพราะท่านเคยบอกว่ารักครั้งนี้เป็นเพียงรักของวัยรุ่นอีกหน่อยเดี๋ยวก็เลิกกัน ไททันยังคงจำได้ดีและจะไม่มีทางให้คำสบประมาทของท่านเป็นจริง

เมื่อตัดสินใจจะซื้อแล้วแทนไทก็ติดต่อกับเจ้าของที่ เพื่อนัดหมายวันเวลาเพื่อจะทำการซื้อขายและโอนกรรมสิทธิ์ เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นชาวบ้านในละแวกที่ร้อนเงิน ประจวบเหมาะกับเรือนไทยหลังนี้สร้างไว้เพื่อพักหย่อนหย่อนใจเท่านั้นจึงตัดสินใจประกาศขาย



ผ่านเรื่องราวเจ็บปวดในวันนั้นแล้วลูกพลับก็เก็บตัวเงียบไม่ยอมออกไปพบใคร ทว่าเขาได้โทรหาฮ่องเต้เพื่อนรักเพียงหนึ่งเดียวเพื่อบอกความจริงที่เกิดขึ้น เล่าทุกอย่างให้ฟัง การได้ระบายมันออกมาทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง ฮ่องเต้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อรู้ว่าเพื่อนถูกเจตน์รังแก เขาสัญญาว่าจะไปจัดการให้ แต่ลูกพลับขอร้องว่าอย่าไปยุ่งวุ่นวายกับผู้ชายคนนั้นอีกเลย

ลูกพลับนัดเจอเพื่อนที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง หลังจากถูกรบเร้าให้มาเจออยู่นานก็ใจอ่อนจนได้ เรื่องท้องเขายังไม่ได้บอกฮ่องเต้ เพราะตั้งใจจะมาบอกเมื่อตอนพบหน้ากันที่นี่ หากเพื่อนรู้คงจะตกใจไม่น้อยเหมือนเช่นคนอื่น ๆ

“แกดูซูบไปนะพลับ” นั่นคือประโยคแรกที่ฮ่องเต้เอ่ยทักทายเพื่อน สีหน้าเขามีแต่ความเป็นห่วง กลัวว่าเพื่อนจะคิดมากจนปล่อยให้สุขภาพของตัวเองย่ำแย่

“ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอแก”

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเข้าใจแกนะ แต่แกอย่าคิดมากจนลืมดูแลสุขภาพตัวเอง ฉันบอกให้พี่กายไปจัดการพี่ชายเขาแล้วล่ะ ไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นอีกคนที่โดนเฮียเจตน์ทำอย่างนี้ ฉันไม่น่าพาแกไปทานข้าวด้วยในวันนั้นเลย ไม่งั้นคงไม่รู้จักกับผู้ชายคนนั้น”

“ช่างมันเถอะแก ฉันลืมมันไปแล้วล่ะ ถือว่าเป็นเวรกรรมของฉันก็แล้วกัน ที่ฉันมาวันนี้เพราะอยากจะบอกเรื่องสำคัญกับแกสองเรื่อง”

“เรื่องอะไรอะ สีหน้าแกมันดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ ไม่ใช่เรื่องดีใช่ไหม”

“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เรื่องแรกฉันว่าจะดรอปเรียนสักปี”

“ว่าไงนะ ดรอปเรียนเลยเหรอ แล้วอย่างนี้ฉันจะมีเพื่อนเหรอแก หยุดสักอาทิตย์ไม่ได้เหรอ นะ ๆ” ฮ่องเต้รีบจับแขนเพื่อนเขย่าอย่างลืมตัว แสดงสีหน้าราวกับเด็กน้อยที่ไม่ได้ของเล่นชิ้นถูกใจ

“ฉันก็อยากจะทำอย่างนั้นนะ แต่ฉัน...” คนพูดทำท่าอึกอัก ก้มลงมองที่มือของตนซึ่งกำลังประสานบนตัก มันยากเหลือเกินหากจะบอกใคร ๆ ว่าเขากำลังตั้งท้อง แถมพ่อของเด็กยังไม่รับผิดชอบอีกด้วย

“มีอะไร แกรีบบอกฉันมาเร็ว”

“ฉันท้อง ฉันกำลังตั้งท้อง” ในที่สุดลูกพลับก็ตัดสินใจเงยขึ้น เปล่งเสียงบอกเพื่อนรัก เขื่อนน้ำตาพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี มองเพื่อนผ่านม่านน้ำตา

“เป็นไปได้ยังไงแก แกท้องได้จริง ๆ เหรอ”

“ใช่ ฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อตอนป้าปิ่นพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ป้าปิ่นเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้แต่ไม่เคยบอก เพราะอยากให้ฉันใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไป และคงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก มิหนำซ้ำยังมาโดนเฮียเจตน์ ฮือ ๆ” เมื่อต้องเล่าน้ำตามันก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง ลูกพลับก้มหน้าร้องไห้ ยกมือขึ้นปิดใบหน้าเอาไว้ เห็นอย่างนั้นฮ่องเต้ก็รีบลุกขึ้นมาตบบ่าน้อย ๆ ของเพื่อนเพื่อปลอบใจ

“ไม่เป็นไรนะแก มันผ่านไปแล้ว จากนี้จะไม่มีใครทำอะไรแกได้อีกแล้ว ฉันจะอยู่ข้างแกเสมอนะ”

“ฉันขอโทษที่อ่อนแอเกินไป ฉันสัญญาว่าจะเข้มแข็งให้มากกว่านี้”

“ฉันเชื่อว่าแกทำได้”

ในขณะสองเพื่อนรักกำลังนั่งปลอบใจกันอยู่ภายในร้าน ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาสองคน ฮ่องเต้สังเกตเห็นก่อนจึงถลึงตามองแฟนหนุ่มเชิงออกคำสั่งให้พาเจตน์ออกไปไกล ๆ แต่ดูเหมือนว่ากายเองก็จนใจ เพราะถูกรบเร้าให้สะกดรอยตามมาจนได้

“เฮียมาขอโทษน้องพลับครับ ขอโอกาสให้เฮียได้พูดอะไรสักหน่อยได้ไหม”

เสียงของคนที่คุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกล ลูกพลับรีบผละตัวออกมาจากเพื่อน มองไปยังต้นเสียงเมื่อครู่ เจตน์ยืนทำหน้าเศร้าอยู่โดยมีกายยืนข้างกัน ลูกพลับมองหน้าเพื่อนอีกทีเชิงตำหนิว่าหลอกนัดออกมาเพื่อสิ่งนี้หรือ

“ฉันไม่ได้นัดมานะ ฉันสาบาน”

“เฮียสะกดรอยตามฮ่องเต้มาเองล่ะ”

“ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ กำลังจะเดินไปทว่าเจตน์รีบส่งเสียงห้ามไว้ ด้วยประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

“เฮียไม่ได้ทำอะไรเราเลยนะ เฮียแค่จัดฉากให้เราคิดไปเองเท่านั้น เฮียอยากได้พลับมาเป็นแฟนจนลืมนึกถึงจิตใจเรา เฮียขอโทษจากใจจริง ยกโทษให้เฮียได้ไหมครับ” เจตน์เดินมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้า เงยขึ้นมองด้วยแววตาเศร้า

ลูกพลับดูออกว่าอีกฝ่ายขอโทษจากใจจริง อีกทั้งยอมมาเฉลยความจริงให้ฟัง ตอนนี้รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่งแล้ว การจากลาโดยไม่มีอะไรค้างคาจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีสุดแล้ว เจ้าตัวสูดอากาศเข้าปอดแล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ เพื่อระงับโทสะที่กำลังเดือดพล่านในใจ

“ขอบคุณนะครับที่ยอมบอกความจริง ก่อนผมจะเป็นบ้าเพราะเครียดเรื่องที่โดนคุณปล้ำ ผมยกโทษให้และไม่ติดใจเอาความใด ๆ แล้ว แต่อย่าไปทำอย่างนี้กับใครอีกล่ะ เพราะความรักมันไม่ได้เริ่มต้นมาจากเซ็กซ์เสมอไป” ว่าแล้วก็เดินจากไป ไม่ยอมมองแม้แต่หน้าเขาคนนั้น จบไปอีกหนึ่งเรื่องทุกข์ใจ จากนี้สมองคงมีไว้เพียงคิดแค่เรื่องลูกเท่านั้น

“น้องพลับครับ! น้องพลับ!”

เจตน์ทำได้เพียงตะโกนตามหลังไป ไม่อายว่าใครจะมองอย่างไร วันนี้ตั้งใจจะมาขอโทษและขอกลับไปเป็นพี่ชายแต่คงสายเกินไปแล้ว เพราะความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้เขาคงหมดไปในวันนั้น เจตน์ทำหน้าเศร้าพลางหยัดตัวลุกขึ้นยืน

“ผมจะไม่พูดอะไรซ้ำเติมเฮีย แต่ขอให้รู้ไว้ว่าผมเสียความรู้สึกกับเฮียมาก เพราะลูกพลับเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม เอาเป็นว่านับจากนี้ไปอย่าพยายามเข้าใกล้มันอีกก็แล้วกัน ผมขอตัวก่อน” ฮ่องเต้เอ่ยตำหนิเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ปกติแล้วเขาไม่เคยโกรธใครเท่านี้มาก่อน แม้กระทั่งแฟนหนุ่มอย่างกายก็ไม่เคยทำให้รู้สึกถึงเพียงนี้ ฮ่องเต้ไม่สนใจแฟนหนุ่ม เดินฉับ ๆ ห่างออกไป

“ไม่เป็นไรนะเฮีย ทุกคนย่อมผิดพลาดกันได้ คนอย่างเฮียทำใจได้สบายอยู่แล้วผมเอาใจช่วย เจออย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้สึก แต่อย่าไปทำกับใครอีกล่ะ ผมรู้ว่าเฮียรักน้องพลับมันจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่เป็นหมาหงอยขนาดนี้หรอก” กายเดินเข้ามาโอบไหล่ปลอบใจตามประสาลูกพี่ลูกน้อง

“ยังดีที่กูห้ามตัวเองได้ ไม่ทำอะไรบ้า ๆ ลงไป ไม่งั้นน้องพลับต้องโกรธแบบไม่เผาผีกันแน่ ๆ”

“นี่ยังไม่เผาผีอีกเหรอเฮีย โชคดีของน้องมันที่ไม่โดนเฮียทำเชี่ย ๆ แบบนั้น ต่อไปนี้จะเอายังไง จะสู้หรือถอย”

“สู้สิวะ กูชอบของกู แต่คงต้องปล่อยให้น้องเขาพักใจไปยาว ๆ ก่อน รอให้เรื่องมันซาค่อยเข้าหาอีกครั้ง มึงก็ต้องช่วยกูนะ”

“ไม่โว้ย! เรื่องของเฮียผมไม่ยุ่งอีกแล้ว แค่นี้ฮ่องเต้มันก็โกรธผมจะแย่แล้วมั้ง เดินไปไม่สนใจเลยดูสิ เพราะเฮียแท้ ๆ ทำให้ผมต้องตามง้อมันเนี่ย”

“ถ้างั้นก็เรื่องของมึง กูไม่สนเหมือนกัน”

“อ้าว! ทำไมพูดจาหมา ๆ อย่างนี้ละเฮีย คนอุตส่าห์มาปลอบใจ”

“ไม่ต้องเลย กูไม่ต้องการ มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”

“รู้งี้ไม่พามาหรอก ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาป งั้นผมกลับละเฮียนั่งแท็กซี่กลับเองละกัน”

“ไอ้กายมึงจะทิ้งกูเหรอวะ! ไอ้น้องเหี้ย!”

เจตน์ตะโกนตามหลังน้องชายไปอย่างหัวเสีย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความซวยของตัวเอง วันนี้โดนใครต่อใครเมินหน้าหนี แต่ก็โทษใครไม่ได้เพราะเป็นความคิดน้อยของตัวเอง ถึงแม้จะโดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่สักวันเขาจะต้องกลับเข้าไปครอบครองหัวใจของลูกพลับให้ได้



ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาแทนไทไม่อาจสลัดเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปจากหัวได้ เขายังคงคิดถึงลูกพลับตลอดเวลาทั้งที่พยายามเที่ยวเตร่ไปวัน ๆ ออกเที่ยวสถานบันเทิงเพื่อความจรรโลงใจ ทว่าเมื่อหัวถึงหมอนและสร่างเมาแล้ว ใบหน้าของลูกพลับยังคงวนเวียนมาให้เห็นตลอด แต่เรื่องที่เจอคนตัวเล็กในโรงแรมวันนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ต้องยั้งใจไว้ เจ้าตัวไม่แน่ใจว่าคนอื่นกินเดนเขา หรือเป็นเขาเองที่กินเดนจากคนอื่น

เขาบังเอิญได้ยินพี่ชายสนทนากับบิดาเรื่องหาบ้านใหม่ให้ครอบครัวนั้น จึงได้แอบสะกดรอยตามพี่ชายไปจนได้รู้ว่าบ้านสวนที่ชานเมืองหลังนั้นคือสถานที่ซุกหัวนอนแห่งใหม่ของลูกพลับ แต่ตอนนี้ไอ้เด็กนั่นมันยังอยู่ที่คอนโดของนับดาว จึงมาวนเวียนอยู่แถวหน้าคอนโดนี้บ่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี่เพราะเหตุใดกันแน่ เป็นกระวนกระวายเมื่อไม่ได้เจอหน้ามัน ไม่ได้ยินเสียง หากไม่คิดมากไปเองคิดว่ามันต้องทำเสน่ห์ใส่เขาเป็นแน่

นั่งจิบกาแฟอยู่ร้านคาเฟ่เล็ก ๆ หน้าคอนโดก็เห็นรถคันหนึ่งมาจอดข้าง ๆ เขามองโดยไม่ได้ใส่ใจ ทว่าเมื่อเห็นคนที่กำลังลงมาจากรถก็ต้องเบิกตาด้วยความตกใจ หัวใจมันเต้นระรัวเมื่อได้เห็นหน้าไอ้เด็กนั่นเสียที ทำไมมันรู้สึกดีเป็นบ้าอย่างนี้นะ ทั้งที่หลายวันก่อนยังว่ามัน ‘ร่าน’ อยู่แท้ ๆ

หมับ!

“คะ...คุณแทนไท”

เมื่อรู้ว่าใครรั้งแขนตนลูกพลับก็หน้าถอดสี เห็นหน้าผู้ชายคนนี้แล้วมันทำให้เขาเจ็บปวดทุกครั้ง ง้างมือข้างหนึ่งขึ้นจะฟาดใบหน้า ทว่าเขาคว้าข้อมือได้ทันการ แรงอันน้อยนิดมีหรือจะขัดขืนได้ แทนไทยังคงทำหน้ายักษ์ข่มขู่เหมือนเช่นเคย

“ไปกับกู”

“ไปไหน? ผมไม่ไป”

“มึงต้องไป ท้องกับกูไม่ใช่เหรอ เด็กในท้องก็ลูกกูนี่”

“ไม่ใช่! ผมไม่ได้ท้องกับคุณ ผมท้องกับเฮียเจตน์ ที่ผมยอมไปกับพี่ดาววันนั้นก็เพราะต้องการเอาคืนคุณเท่านั้น คิดเหรอว่าคนร่าน ๆ อย่างผมจะมีแค่คุณคนเดียว หน้าโง่!” กล่าวจบก็แสยะยิ้มเยาะเย้ยอีกฝ่าย แทนไทหน้าเสียเล็กน้อย บีบรัดข้อมือน้อย ๆ แน่นยิ่งขึ้นจนลูกพลับทำหน้าเหยเกด้วยความรู้สึกเจ็บ

“อย่างน้อยมึงก็เคยเป็นเมียไอ้คนหน้าโง่อย่างกูถึงสองครั้งเชียวนะ อีกสักครั้งจะเป็นไรไป มานี่!”

“ปล่อยผมนะ ช่วยด้วยครับ มีคนจะลักพาตัวผม”

“ไม่มีใครสนใจหรอกเรื่องของผัวเมียหรอก”

“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย!”

เมื่อลูกพลับตะโกนเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ คนที่อยู่แถวนั้นก็หันมามองอย่างสนใจ นั่นทำให้แทนไทเริ่มเห็นท่าไม่ดี จึงยอมปล่อยอย่างจำยอม กลัวว่าจะมีคนบันทึกวิดีโอแล้วนำลงโซเชียว เขาไม่อยากจะเป็นขี้ปากชาวเน็ตให้รำคาญใจ อีกอย่างก็รู้แล้วว่าไอ้เด็กนี่มันพักอยู่ที่ไหน เขาจะต้องตามรังควานมันให้ถึงที่สุด ไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสไปร่านกับใครอีก

เมื่อเป็นอิสระลูกพลับก็รีบวิ่งเข้าไปยังประตูทางเข้าคอนโด ไม่หันกลับมามองแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครตามมา จึงยืนหายใจเหนื่อยหอบอยู่ข้างลิฟต์ เอื้อมมือไปกดปุ่มลูกศรชี้ขึ้น

“คุณจะตามรังควานผมไปถึงไหน ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อไม่ยอมรับว่าเป็นลูกแล้วทำไมต้องมาทำอย่างนี้ด้วยนะ”

เจ้าตัวบ่นได้ไม่นานเสียงสัญญาณเตือนจากลิฟต์ก็ดังขึ้น ร่างเล็กรีบเดินเข้าไปแล้วโดยสารขึ้นไปยังห้องชั้นบน ได้แต่คิดว่าเหตุใดแทนไทจึงไม่ยอมหยุดตามรังควานสักที เขาต้องการอะไรกันแน่ ได้แต่ภาวนาขออย่าให้ตามไปถึงบ้านสวนที่กำลังจะย้ายไปอีกเลยนะ




..........


ขอโทษที่หายไปนานนะครับ ไรท์กลับมาลงให้จบแล้วน้าา ขอบคุณที่ติดตามครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
= 7 =

บ้านหลังใหม่



หลังจากทำสัญญาซื้อขายบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลูกพลับและป้าปิ่นก็ย้ายมาที่บ้านสวนแห่งใหม่เป็นการถาวร มีบ้านหลังแรกในชีวิต โดยในระหว่างนี้ไททันคอยช่วยเหลือและดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะได้รับมอบหมายจากบิดา อีกส่วนก็เพราะต้องการช่วยเหลือครอบครัวของแฟนสาวด้วย แม้ว่าตอนนี้จะมีเรื่องขัดใจกันอยู่บ้างก็ตามที

ลูกพลับรู้สึกตื่นเต้นกับบ้านหลังใหม่ของครอบครัว แม้จะอยู่เพียงลำพังกับป้าปิ่นในพื้นที่บ้านขนาดเกินตัว แถมยังอยู่ห่างจากเมืองพอสมควร แต่คงไม่ทำให้รู้สึกเหงา เพราะท้องทุ่งนาและพื้นที่สีเขียวรอบตัวจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง เขาชอบที่นี่มาก นอกจากมีพื้นที่ใช้สอยให้ทำกิจกรรมแล้ว ยังได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และคิดว่าที่นี่เหมาะสำหรับการเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

เขาได้ถามไททันว่าใครรู้เรื่องนี้บ้าง อีกฝ่ายตอบว่ามีเพียงทีปกรและศรัยฉัตรเท่านั้นที่รู้เรื่อง ส่วนแทนไทไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วางใจในเมื่อแทนไทยังคงผูกใจเจ็บ เจ้าคิดเจ้าแค้น ทั้งที่เขาเองควรจะเป็นคนที่รู้สึกอย่างนั้น

“ถ้ามีอะไรขาดเหลือบอกผมได้เลยนะครับ ผมจะอำนวยความสะดวกให้”

“ขอบคุณคุณไททันมากค่ะ แต่คงไม่มีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติมแล้ว หากเหลืออะไรเดี๋ยวพวกเราจะจัดการกันเอง รบกวนคุณมากแล้วป้าเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ลูกในท้องลูกพลับก็หลานผม ถึงยังไงก็ตัดกันไม่ขาด เอาเป็นว่าผมจะหาเวลามาเยี่ยมบ่อย ๆ นะครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ปิ่นวดีส่งยิ้มให้ แม้รู้ว่าอีกฝ่ายชอบพลอกับลูกสาวของตน แต่เธอก็ไม่เคยคาดหวังอะไรมากมาย เพราะรู้ว่าด้วยฐานะที่แตกต่างกันมันย่อมส่งผลต่อความสัมพันธ์ อีกทั้งไททันเป็นลูกชายคนโต เป็นความหวังของวงศ์ตระกูล คงจะต้องถูกคาดหวังเอาไว้สูงเช่นกัน หากทั้งสองมีบุญวาสนาต่อกันคงจะได้แต่งงานกันในที่สุด เธอได้แต่คิดอย่างนั้น

“ผมมีเรื่องขอร้องคุณไททันครับ”

“ว่าไงลูกพลับ”

“อย่าให้คุณแทนไทรู้ว่าผมอยู่ที่นี่จะได้ไหมครับ ผมอยากตัดขาดกับเขาตลอดชีวิต ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย”

“พี่จะพยายามให้ถึงที่สุดก็แล้วกันนะ แล้วถ้ามันรู้ว่าลูกพลับอยู่ที่นี่จะทำยังไง จะย้ายไปที่อื่นหรือเปล่า”

“ไม่หรอกครับ ถ้าทำอย่างนั้นผมคงจะขี้ขลาดตาขาวมาก และคงจะหนีไปตลอดชีวิต ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวเขา แค่ไม่อยากรำคาญใจเท่านั้น”

“ถ้ามันมากวนใจเราบอกพี่ได้นะ พี่จะจัดการมันให้”

“ขอบคุณครับ”

ลูกพลับยกมือไหว้พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ หันไปหาพี่สาวซึ่งยืนอยู่ข้างไททันอีกที นับดาวยิ้มให้น้องชาย ยื่นมาคว้ามือน้อย ๆ มาจับไว้

“ดูแลตัวเองให้ดีนะ อย่าทำอะไรตามใจเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้แกมีอีกคนที่อยู่ในท้องแล้ว มีอะไรโทรหาพี่นะ”

“ครับพี่ดาว”

สองพี่น้องฉายรอยยิ้มแล้วสวมกอดกันอย่างแนบแน่น แม้จะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ ๆ ทว่าความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งกว่าคนมีสายเลือดเดียวกันเสียอีก ปิ่นวดียิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจที่เห็นเด็กทั้งสองรักใคร่กลมเกลียวกัน ดูแลกันในยามทุกข์ยากลำบากตั้งแต่เด็กจนโต

หลังจากไททันและนับดาวกลับไปแล้ว สองคนที่เหลือก็เดินชมรอบบ้าน ตอนนี้อากาศกำลังเย็นสบาย แสงแดดที่สาดส่องลงมายังไม่เข้มข้นมากพอจะทำให้รู้สึกร้อนได้ ลูกพลับสูดอากาศเข้าปอดอย่างรู้สึกผ่อนคลาย ทุกย่างก้าวไม่เร่งรีบเหมือนในเมืองกรุง การมีพื้นที่เป็นของตัวเองรู้สึกเป็นอิสระและไม่กดดัน เรื่องที่เคยทำให้เครียดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

มือเรียวเลื้อยขึ้นมาสัมผัสท้องของตัวเอง พาลให้นึกถึงใบหน้าของคนที่ทำให้เด็กคนนี้เกิดขึ้นมา เขาจะรู้บ้างไหมว่าเด็กคนนี้เป็นลูกแท้ ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมา เป็นเพียงแค่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

“เอ็งชอบที่นี่ไหมพลับ”

“ชอบครับป้า ที่นี่เงียบสงบดีไม่วุ่นวายเหมือนในเมือง เราคงจะมีความสุขกันมากแน่ ๆ ครับ”

“ป้าได้ยินอย่างนี้ก็โล่งใจ อยู่มาจนหัวหงอกยังไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่พอเอ็งมีน้องทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เอ็งต้องคิดว่าลูกในท้องคือคนที่ฟ้าประทานมาให้พร้อมกับความโชคดี เพราะฉะนั้นเอ็งอย่าคิดมาก ดูแลเขาให้ดี ๆ นะ”

“ครับป้า ผมจะดูแลลูกให้ดีที่สุด มีอะไรแนะนำผมด้วยนะครับ ตอนแรกก็รู้สึกตกใจหลังจากรู้ว่าตัวเองท้องได้ รู้สึกแย่จนไม่อยากจะเก็บลูกไว้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขามีค่าและสำคัญมากที่สุดในชีวิตผม”

“ได้ยินอย่างนี้ป้าก็ดีใจ”

“ป้าครับผมว่าพื้นที่ว่าง ๆ ข้างบ้านเราทำสวนผักดีไหม แล้วก็เอาไก่มาเลี้ยงด้วย ผมอยากเลี้ยงหมาสักตัวไว้เป็นเพื่อนเล่นป้าว่าดีไหมครับ” เมื่อเห็นพื้นที่ว่างข้างบ้านแล้วก็ทำให้ภาพกิจกรรมต่าง ๆ ผุดขึ้นในหัว อยู่ที่นี่ไม่มีห้างสรรพสินค้าให้เดิน ไม่มีร้านคาเฟ่ให้นั่งตากแอร์เย็น ๆ มีแต่ธรรมชาติและเสียงนกเสียงกาเท่านั้น สิ่งที่จะช่วยคลายความเหงาได้นั่นคือสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น

“เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำเลย ป้าสนับสนุนเต็มที่ แล้วหมาที่อยากจะเลี้ยงเป็นพันธุ์อะไร จะได้ให้ดาวมันหามาให้”

“เอาหมาพันธุ์ไทยธรรมดานี่ล่ะครับ จะได้ช่วยเฝ้าบ้านด้วย”

“ก็จริงนะ เผื่อกลางค่ำกลางคืนมีโจรมีขโมย”

“แถวนี้มีหรือครับป้า”

“ป้าก็พูดไว้ก่อนไง ที่ไหนก็มีทั้งนั้นล่ะโจร ขึ้นอยู่กับว่าเราจะซวยวันไหน ป้องกันไว้ก่อนเป็นดี ถ้าอย่างนั้นเอ็งก็เดินเล่นดูอะไรไปก่อนนะ ป้าจะเข้าไปจัดการในบ้าน”

“ครับป้า เดี๋ยวผมจะตามเข้าไปช่วยนะ”

“ไม่เป็นไร เดินเล่นให้สบายใจ ป้าทำคนเดียวได้ บ้านเราหลังไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นหรอกน่า”

ปิ่นวดียิ้มให้หลานชายแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน เมื่ออยู่คนเดียวแล้วลูกพลับจึงตัดสินใจเดินไปดูรอบ ๆ บริเวณบ้าน มีรั้วไม้กั้นแบ่งเขตแดนกับเพื่อนบ้านไว้ไม่สูงมากนัก ข้างบ้านทางฝั่งซ้ายมือมีบ้านหลังหนึ่งดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมีคนอยู่ เพราะมีหญ้าขึ้นปกคลุมรกชัฏ ลูกพลับชะเง้อมองได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซต์ขับผ่านหน้าบ้าน หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงหมาร้องเสียงดัง จึงรีบเดินตามต้นเสียงไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบว่ามีหมาน้อยสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่งถูกรถชน เจ้าตัวจึงรีบวิ่งเข้าไปดู หมายใจจะด่าคนที่ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือแต่อีกฝ่ายขับรถหนีไปเสียก่อน

“น่าสงสารจัง คงจะเจ็บน่าดู”

เจ้าตัวเอ่ยแต่ยังไม่กล้าจับตัว เพราะเจ้าหมาน้อยมีอาการตื่นกลัวคนแปลกหน้า จึงทำได้เพียงนั่งสังเกตอาการ เจ้าหมาน้อยพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับล้มลง แค่นี้ก็พอจะเดาออกว่าน่าจะขาหัก เขาจึงกลับไปที่บ้านแล้วนำผ้าผืนหนึ่งติดมือมาด้วย แถมยังมีไก่ย่างชิ้นหนึ่งที่ขอป้าปิ่นออกมาให้เจ้าหมาน้อยกิน ใช้ความพยายามไม่นานก็สามารถจับเนื้อต้องตัวเจ้าหมาน้อยผู้โชคร้ายตัวนั้นได้ เขาจึงอุ้มกลับไปที่บ้านเพื่อช่วยปฐมพยาบาล

“ป้าครับมาแล้ว”

“ไหนดูซิ”

“สงสัยขาจะหักครับ ผมจะช่วยปฐมพยาบาลให้ แล้วค่อยพาไปหาหมอ”

“โถ น่าสงสารจริง ๆ แล้วมีเจ้าของไหมล่ะนั่น”

“ผมก็ไม่รู้ครับ ตอนเห็นครั้งแรกก็อยู่ตัวเดียว ไม่มีปลอกคอคงไม่มีเจ้าของมั้งครับ”

“เดี๋ยวป้าช่วย ว่าแต่แถวนี้มีคลินิกรักษาสัตว์หรือเปล่านะ”

“ไม่รู้เหมือนกันครับ สงสัยคงต้องค้นหาในเน็ตเอา”

“ถ้างั้นค่อยว่ากันอีกทีช่วยมันก่อนเร็ว”

สองป้าหลานช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้น้องหมาตัวนั้น ในขณะที่มันก็ส่งเสียงร้องตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด แม้จะรู้สึกสงสารแต่ก็ต้องฝืนเข้าเฝือกจำเป็นเพื่อไม่ให้กลายเป็นหมาพิการก่อนจะโต

รถมอเตอร์ไซต์คันใหม่ที่เพิ่งจะซื้อมา คือพาหนะพาน้องหมาออกไปพบคุณหมอที่คลินิก โชคดีที่มีคลินิกรักษาสัตว์อยู่ไม่ไกลมาก ขับรถไปประมาณสิบห้านาทีก็ถึง คุณหมอหนุ่มผู้แสนใจดีช่วยเข้าเฝือกให้น้องหมาจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนมายังช่วยจัดยาให้อีกต่างหาก ส่วนค่ารักษาคิดไม่แพงมากหลังจากรู้ว่าลูกพลับคือพลเมืองดีที่ช่วยเหลือชีวิตลูกหมาน้อยเอาไว้

ในเมื่อน้องหมาไม่มีเจ้าของ ประจวบเหมาะว่าตนเองอยากจะได้หมามาเลี้ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงปรึกษากับป้าปิ่นว่าจะเลี้ยงดูเจ้ามาตัวนี้เอาไว้เสียเอง อีกฝ่ายยินดีและเห็นด้วยจึงนั่งคิดช่วยกันตั้งชื่อ ในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่าจะตั้งชื่อให้เจ้าหมาน้อยผู้โชคร้ายนั้นว่า เจ้าโชคดี มันโชคดีที่ได้มาเจอกับเขาและป้าปิ่น ไม่อย่างนั้นคงจะกลายเป็นหมาพิการหรือไม่ก็ตายไปแล้วโดยไม่มีใครสนใจ



*-*-*-*-*-*-*-*



หลายวันก่อนแทนไทตัดสินใจขายรถราคาหลายล้านบาท ซึ่งรถหรูคันนี้บิดาเคยซื้อให้เพื่อเป็นรางวัลหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สำเร็จ บัดนี้เหลือไว้เพียงรถบิ๊กไบค์คันโปรดที่เคยขับไปออกทริปกับเพื่อน ๆ ไว้ขับขี่ไปไหนมาไหนเท่านั้น หลายคนอาจจะสงสัยว่าเขานำเงินที่ขายรถไปทำอะไร คำตอบก็คือไปซื้อบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่แถวชานเมือง เป็นบ้านสวนห่างไกลจากความวุ่นวาย ต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายนาทีกว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัย เขาก็เลือกจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นในช่วงวันหยุด เพื่อจะได้อยู่ใกล้กับใครบางคนเพื่อจับตาดูพฤติกรรม ไม่ให้ใครเข้าใกล้และไม่ให้มีโอกาสไปอ่อยใครอีก โดยเขาเองก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ทำอย่างนี้คืออะไรกันแน่

แทนไทขับบิ๊กไบค์คันโปรดมาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนถอดหมวกกันน๊อควางไว้บนถังน้ำมันหน้ารถแล้วจัดทรงผมให้ดูดี ลงมาจากรถก็เห็นพี่ชายกำลังยืนกอดอกมองดูก่อนแล้ว เขาทำเป็นเมินเมื่อเห็นหน้าพี่ชายแสนชังคนนั้น กำลังจะเดินผ่านแต่ก็มีเสียงอันไม่พึงประสงค์ทักทาย

“มึงขายรถทำไม มึงก็รู้ว่ารถคันนั้นพ่อซื้อให้เป็นของขวัญตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้”

“แล้วไง มันเป็นรถกูแล้วจะขายหรือไม่ขายก็เป็นสิทธิ์ของกู มึงไม่ต้องมายุ่ง”

“มึงเอาเงินไปทำอะไรตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่มาขอคุณพ่อดี ๆ หรือไปเล่นพนันจนเป็นหนี้เป็นสิน”

“ถึงกูจะเลวก็ไม่คิดสั้นอย่างนั้นหรอก อย่ามาเสือกเรื่องของกู” ว่าใส่หน้าพี่ชายแล้วเดินเบียดไหล่ไป ทว่าไททันรั้งต้นแขนน้องชายเอาไว้เสียก่อน

“กูจะบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อถ้ามึงไม่ยอมบอกว่าเอาเงินไปทำอะไร”

“บอกก็บอกสิ เพราะถึงยังไงคุณพ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว” ถลึงตามองแล้วสลัดแขนจนหลุด เดินไปได้เพียงสองสามก้าวก็ต้องชะงัก

“มึงเป็นพ่อคนแล้วไม่ใช่เด็ก ๆ ที่จะทำตามอำเภอใจเหมือนเมื่อก่อน หากยังมีความเป็นคนอยู่บ้างควรยอมรับและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับลูกพลับ ก่อนจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูกมึงไปตลอดชีวิต”

แทนไทถอนหายใจเสียงดังแล้วหันหน้าซังกะตายมากล่าวกับพี่ชาย

“เอาเวลาเสือกเรื่องของชาวบ้านไปดูแลแฟนมึงเถอะ ไม่งั้นอาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวที่แล้ว”

“ไอ้แทนมึง!”

ผัวะ!

ไททันโกรธจัดเมื่อรู้ว่าน้องชายยังคงมีความคิดนั้นอยู่ หากเขายังมีชีวิตอยู่จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องบ้าอย่างนั้นกับนับดาวแน่ ถึงจะเป็นน้องชายก็เถอะจะไม่มีทางยอมเด็ดขาด

“โกรธขนาดนั้นเชียว ถ้านับดาวโดนขึ้นมาจริง ๆ คงจะฆ่ากูให้ตายเลยสินะ หึ ๆ รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ามายุ่งเรื่องของกูอีก”

“ไอ้เหี้ย! ถ้ามึงทำอะไรดาวกูไม่เอามึงไว้แน่”

ไททันตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน ยืนถลึงตามองตามหลังน้องชาย มือที่วางอยู่ข้างตัวกำแน่นจนสั่นเทา เขาไม่เคยโกรธใครเท่านี้มาก่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรน้องชายตัวดีจึงจะยอมพูดจากันดี ๆ เขาเองก็จนปัญญา พยายามอดทนอดกลั้นมาตลอด แต่หากวันใดมันเกินจะทนแล้วเขาก็จะไม่ยอมเหมือนกัน

ขึ้นมาถึงห้องแล้วแทนไทก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอน วางสายตาไว้บนเพดานห้อง นึกถึงภาพที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ช่วงที่กำลังขับรถบิ๊กไบค์คันโปรดไปดูบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งจะตกลงซื้อ เขามัวแต่สนใจมองบรรยากาศรอบตัวจนทำให้ขับรถชนหมาน้อยตัวหนึ่งเข้าอย่างจัง โชคดีที่ไม่ทับร่างของมันจนตาย กำลังจะลงไปช่วยแต่ลูกพลับได้วิ่งเข้ามาเสียก่อน ทำให้เขาต้องขับรถหนีไปด้วยกลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผย เขายังไม่อยากให้ลูกพลับรู้ว่าเขามาซื้อบ้านหลังข้างกัน

“ถึงจะไม่มั่นใจว่าใช่ลูกกูหรือเปล่า แต่กูจะไม่ยอมให้มึงไปคั่วกับผู้ชายคนไหนอีก กูจะจับตาดูมึงไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะคลอด หลังจากนั้นกูจะ...”

แทนไทไปต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ไม่รู้ว่าทำไปทำไม ในเมื่อเขาไม่ได้รักไอ้เด็กนั่น แค่อยากจะครอบครองเท่านั้น แต่ที่เขาทำทั้งหมดมันเกินกว่าคนที่รักเขาทำกันเสียอีก

“โธ่โว้ย! กูทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย กูจะทำไปหาหอกอะไรในเมื่อไม่ได้รักมัน แต่พอจะตัดใจไม่ไยดีกลับทำไม่ได้ กูอยู่ไม่สุข สมองมันวุ่นวายไปหมด ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร กูเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย!”

แทนไทตะโกนลั่นห้อง ใช้กำปั้นหนาทุบเข้าที่หมอนข้างระบายความอัดอั้นภายในใจ ความรู้สึกบ้าพวกนี้มันเกิดขึ้นโดยไร้คำอธิบายที่ชัดเจน เขาเคยรักผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาก็หลายคน มันเหมือนกัน แต่แตกต่างตรงที่ไอ้เด็กคนนั้นมันเป็นผู้ชาย และเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน หรือเซ็กซ์ในวันนั้นได้ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ



*-*-*-*-*-*-*



หลายวันต่อมา...

บัดนี้บริเวณรอบ ๆ บ้านเรือนไทยได้ถูกเคลียร์พื้นที่ให้โล่ง ต้นหญ้าที่เคยปกคลุมได้ถูกถางออกไปจนหมดแล้วจากฝีมือป้าและหลานชาย ส่วนมากจะเป็นฝีมือของปิ่นวดีเสียมากกว่า เพราะเธอไม่อยากให้ลูกพลับออกแรงสักเท่าไหร่ ใต้ต้นมะยมที่อยู่ติดกำแพงรั้วบ้านหลังติดกันคือที่สิงสถิตของลูกพลับในตอนนี้ เขาได้นำเสื่อไปปูนั่ง นำถ้วยพริกเกลือไปวางไว้พร้อมกับขวดน้ำดื่มเย็น ๆ นั่งมองดูผลงานของตัวเองและป้าปิ่น ส่วนไอ้โชคดีตอนนี้เข้าเฝือกนั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน มองดูอยู่อีกฝั่ง โชคดีที่มันไม่ดุและเชื่องเกินกว่าที่คิด จึงไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก

หลายวันที่ผ่านมีคนมาตัดหญ้าทำความสะอาดพื้นที่บ้านหลังข้างกัน มีช่างมาทำการปรับปรุงบ้านบังกะโลหลังเก่าให้ดูดีขึ้น ทำให้ลูกพลับเข้าใจว่าคงจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่ในเร็ววันนี้เป็นแน่ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว มีเพื่อนบ้านให้พูดคุยบ้างก็คงจะดีไม่น้อย คิดแล้วก็อยากจะเห็นหน้าเพื่อนบ้านเร็ว ๆ

“เอ็งมองอะไรอยู่วะ” ปิ่นวดีถามหลังจากหย่อนก้นนั่งลงข้างกัน เอื้อมมือไปหยิบลูกมะยมจิ้มพริกเกลือแล้วยัดเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยแต่ก็เปรี้ยวจนตาหยี

“ข้างบ้านน่ะป้า เห็นเคลียร์พื้นที่ไว้หลายวันแล้วแต่ไม่เห็นจะย้ายเข้ามาอยู่เลย”

“ดูท่าทาทางเอ็งจะตื่นเต้นเหลือเกินนะ บางทีเค้าอาจจะไม่อยากสุงสิงกับเราก็เป็นได้”

“ก็ไม่ได้หวังขนาดนั้นหรอกครับป้า ทักทายกันแค่นั้นก็ดีใจแล้ว เพราะถึงยังไงก็เป็นเพื่อนบ้านกัน แถวนี้มีบ้านเยอะซะที่ไหน ข้างหลังก็เป็นคลองน้ำชลประทาน ฝั่งหน้าก็เป็นทุ่งนาของชาวบ้าน ถ้าเกิดมีเหตุฉุกเฉินจะได้ช่วยกันได้ไงป้า”

“จริง ๆ เราไม่น่าจะมาอยู่ไกลผู้ไกลคนอย่างนี้เลยนะ ป้าเป็นห่วงเอ็งน่ะสิ ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย”

“ป้าไม่ต้องห่วงผมหรอก อยู่ที่นี่สบายจะตาย ไม่ต้องมีใครมาวุ่นวายด้วย”

“ถ้าคลอดแล้วจะให้ใครเป็นพ่อล่ะ ในใบแจ้งเกิดต้องมีคนเซ็นรับรองนะ”

ได้ยินอย่างนั้นลูกพลับก็แสดงสีหน้าคิดหนักขึ้นมาทันที เขาไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ การเลี้ยงดูลูกไม่จำเป็นจะต้องมีพ่อก็ได้ แต่ในใบแจ้งเกิดจะให้ใครเป็นพ่อเด็กล่ะ หากจะให้อ้อนวอนขอร้องเขาคนนั้นไม่มีทางเด็ดขาด

“เรื่องนั้นยังไม่ได้คิดเลยครับป้า อีกตั้งหลายเดือนกว่าจะคลอด เมื่อถึงตอนนั้นก็คงหาใครสักคนมาเป็นพ่อของลูกได้เองล่ะ แค่มีชื่อในเอกสารเท่านั้นจริงไหม” เขายิ้มให้ป้าปิ่นเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

“ในเมื่อพ่อของเด็กไม่รับผิดชอบ ก็ให้คุณไททันเป็นพ่อเด็กแทนไหมล่ะ ป้าว่าน่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วนะ เรื่องนี้อย่าไปรบกวนคนอื่นเลย”

“เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะครับป้า เรามากินมะยมกันต่อดีกว่า เสร็จแล้วผมจะได้ไปดูไอ้โชคดีมัน ดูเหมือนมันอยากจะเดินมาหาเราแล้ว” ว่าพร้อมส่งสายตามองไอ้โชคดีที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน จ้องมองเจ้าของคนใหม่อยู่ตลอดเวลา

“ยังดีนะที่เจ้าของบ้านคนก่อนไม่ตัดต้นมะยมทิ้ง ไม่งั้นเราคงไม่ได้นั่งกินอย่างนี้ เอ็งยิ่งกำลังท้องกำลังไส้ได้กินของเปรี้ยวคงจะชอบใจล่ะสิ”

“สุด ๆ เลยล่ะครับป้า”

“รู้สึกว่าเพื่อนบ้านใหม่เราจะมาแล้วมั้ง โน่น”

ปิ่นวดีเอ่ยเมื่อได้ยินเสียงรถดังมาจากทางฝั่งหน้าบ้าน ลูกพลับรีบนำมะยมที่อยู่ในมือยัดเข้าปากแล้วหันไปมองยังต้นเสียง อยากรู้จังว่าเพื่อนบ้านคนใหม่จะมีหน้าตายังไง

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
= 8 =

น่ารักเกินไปแล้ว



ลูกพลับอดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองข้ามรั้วไม้เตี้ย ๆ เข้าไปยังพื้นที่บ้านอีกหลัง พบว่ามีรถมอเตอร์ไซค์คันเก่า ๆ จอดอยู่ คนที่เพิ่งจะลงมายืนอยู่ข้างตัวรถเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำสมส่วน ดูคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เมื่อมองไปที่ใบหน้าก็มิอาจทราบได้ว่าเป็นใคร เพราะเขานำผ้ามาพันรอบปกปิดเอาไว้ ราวกับกลัวว่าใครจะเห็นใบหน้าเสียอย่างนั้น นอกจากนั้นยังเดินกะเผลกเหมือนคนพิการอีกต่างหาก

ความสงสัยภายในใจหายไปในทันที เมื่อเห็นท่าทางการเดินของเขา ลูกพลับหันไปมองหน้าป้าปิ่นแล้วเอ่ยว่า

“ตอนแรกคิดว่าเหมือนคุณแทนไท แต่คงไม่ใช่แล้วล่ะครับ”

“ป้าก็คิดเหมือนเอ็ง รูปร่าง ส่วนสูงเหมือนคุณแทนไทเป๊ะเลย แต่เห็นเดินอย่างนั้นคงไม่ใช่แล้วล่ะ แต่ดูเหมือนจะเป็นคนลึกลับยังไงก็ไม่รู้ อย่าเพิ่งไว้ใจให้มากนักล่ะ”

“ครับป้า”

“งั้นกลับเข้าบ้านกันเถอะ ไปเตรียมทำมื้อเย็นกัน”

“วันนี้มีเพื่อนบ้านใหม่ทั้งที ผมว่าทำเผื่อเขาด้วยดีไหมครับ อย่างน้อยก็เป็นการทำความรู้จักกัน ผูกมิตรไว้ย่อมดีกว่า”

“ก็แล้วแต่เอ็งละกัน แต่ถ้าเห็นท่าไม่ดีอย่าได้เข้าใกล้เชียวนะ”

“ครับป้า”

สองป้าหลานช่วยกันเก็บสื่อและถ้วยพริกเกลือเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนขึ้นเรือนลูกพลับแวะเข้าไปเล่นกับไอ้เจ้าโชคดีที่ใต้ถุนสักพัก ในระหว่างนั้นเขาเห็นเพื่อนบ้านคนใหม่เดินออกมายืนที่หน้าบ้าน กำลังหันหน้ามามอง เมื่อเห็นว่าลูกพลับรู้ตัวอีกฝ่ายก็รีบหันไปมองทางอื่น ลูกพลับทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร หันกลับมามองเจ้าโชคดีต่อ

ช่วงเย็นวันนั้น...

เมื่อทำกับข้าวเสร็จแล้วลูกพลับก็แบ่งใส่ปิ่นโตเพื่อนำไปให้เพื่อนบ้าน เมนูเย็นนี้มีแกงส้มชะอมไข่ น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด ผักลวกที่ลูกพลับลงทุนออกไปเก็บที่คลองชลประทานแถวบ้าน มีทั้งผักบุ้ง ผักตำลึง ผักโขม ดอกแค เป็นผักที่หาได้ง่ายเพราะมีเยอะในบริเวณพื้นที่นี้

ไฟฉายเล็ก ๆ ถูกเปิดใช้งานส่องตามทางไปจนถึงหน้ารั้วบ้านหลังติดกัน ยืนชะเง้อมองเข้าไปในบ้านบังกะโลหลังเล็ก ๆ ที่มีแสงสีส้มลอดผ่านออกมาจากช่องลมและหน้าต่าง

“สวัสดีครับ”

กล่าวสั้น ๆ แล้วยืนรอ ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกมา ผู้เป็นเจ้าของบ้านส่งใบหน้าออกมาชะเง้อมอง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คือว่าผมเอากับข้าวเย็นมาฝากครับ”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรผมไม่หิว”

“เก็บไว้กินตอนหิวก็ได้ครับ ผมอุตส่าห์เอามาส่งแล้วไม่อยากเสียเที่ยว อีกอย่างถึงเอากลับไปก็คงไม่มีใครกินอยู่ดี เพราะพวกเราทานข้าวเย็นกันแล้ว” ลูกพลับไม่มีทางยอมหรอก เขาจะต้องตีสนิทกับเพื่อนบ้านคนใหม่ให้ได้

“ถ้างั้นก็เข้ามาได้เลย”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตื้อจนน่ารำคาญแทนไทก็ยอมแต่โดยดี ที่ไม่อยากให้เข้ามาเพราะกลัวว่าความจะแตก เขากลัวว่าจะเตรียมตัวไม่ดีพอจนอีกฝ่ายจับพิรุธได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่แล้ว ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหลาย ยิ่งรู้ว่าไอ้เด็กนี่อ่อยไปทั่วยิ่งไม่พอใจ ขนาดไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน มันยังตามมาอ่อยถึงที่ จะไม่ให้เขาเป็นห่วงได้อย่างไรกัน

เมื่อมาถึงแล้วลูกพลับก็สังเกตใบหน้าเขาเป็นสิ่งแรก ใบหน้าของชายผู้นี้มีผ้าสีขาวพันรอบเหลือไว้เพียงดวงตา จมูกและริมฝีปากเท่านั้น นั่นทำให้เกิดความสงสัยว่าเขาไปโดนอะไรมาถึงได้เป็นอย่างนี้ แต่เจ้าตัวก็ยังยิ้มแย้มเป็นปกติพร้อมทั้งยื่นปิ่นโตให้

“นี่ครับ”

“ขอบคุณ”

“ผมลูกพลับนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...”

“โต”

“อ่อคุณโต ย้ายมาอยู่คนเดียวเหรอครับ”

“ใช่ มีอะไรสงสัยอีกไหม” น้ำเสียงห้วนสั้นและไม่เป็นมิตรทำให้ลูกพลับหน้าเสียนิดหน่อย แต่ก็ยังฝืนยิ้มให้ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาไม่โกรธเพราะคิดว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีปมบางอย่างจึงได้ย้ายมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ก็เหมือนกับเขาที่ย้ายมาก็เพราะต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและปัญหาชีวิต

“เปล่าครับ งั้นผมไม่รบกวนแล้วนะครับ ผมอยู่กับป้าสองคน ถ้าคุณโตมีอะไรให้ช่วยเรียกหาผมได้นะครับ ผมยินดีช่วยเหลือถ้าช่วยได้ เพราะถึงยังไงแถวนี้ก็มีบ้านแค่สองหลังติดกัน ช่วยกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี”

“ขอบคุณ ผมเข้าไปล่ะ อ้อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเอาถิ่นโตไปคืนละกัน”

“ครับผม งั้นผมไปแล้วนะ”

ลูกพลับโบกมือร่ำลาแล้วก็เดินกลับ แทนไทยืนมองตามหลังไปด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เขาโกรธจนหน้าสั่น ที่ไอ้เด็กนั่นมีอัธยาศัยดีกับคนอื่นไปทั่ว หากไม่ใช่เขาล่ะจะเกิดอะไรขึ้น คนคงจะหลงรักมันเป็นพรวนแน่ ๆ

เมื่อเข้ามาในบ้านแล้วแทนไทก็ดึงผ้าที่ปิดใบหน้าออกด้วยความรู้สึกโล่ง เขาลงทุนปิดมันไว้ตลอดเวลาเมื่อออกไปอยู่นอกบ้านเพื่อไม่ให้ลูกพลับผิดสังเกต แสร้งทำเป็นคนพิการก็เพื่อให้วางใจว่าไม่ใช่เขาแน่นอน ทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างดีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เขาจะจับตาดูลูกพลับไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว

“มึงแม่งอ่อยคนอื่นไปทั่วอย่างนี้สินะ ใคร ๆ ถึงได้อยากจะเอามึง กูจะไม่ยอมให้ใครได้ใกล้มึงอีก”

ว่าแล้วก็เดินไปหยิบกล้องส่องทางไกล เดินไปยังหน้าต่างแล้วแหวกม่านเพื่อส่องดูพฤติกรรมของคนในบ้านหลังนั้น จนเห็นว่าตอนนี้ลูกพลับกำลังเดินลงมาที่ใต้ถุนเพื่อให้อาหารเจ้าโชคดี นั่งดูแลอย่างใกล้ชิดราวกับเจ้าสุนัขตัวนั้นเป็นคนสำคัญ เห็นอย่างนั้นแทนไทก็ยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ทำดีกับคนอื่นไปทั่วยกเว้นเขาคนเดียวสินะ

ชายหนุ่มเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วกดโทรหาเพื่อนบ้านเพื่อกวนประสาท อีกอย่างเพื่อให้ลูกพลับได้วางใจว่าตอนนี้ตนอยู่ที่คอนโด รอสายอยู่นานแต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับสาย จากนั้นก็ตัดสายทิ้ง แต่แทนไทส่งข้อความไปหาเพื่อข่มขู่



‘ถ้ามึงไม่รับสายกู รับรองว่าพี่สาวมึงอยู่ไม่สุขแน่ มึงก็รู้ว่ากูทำได้ทุกอย่าง’



ได้อ่านข้อความนั้นลูกพลับก็จำใจยอมรับสายแต่โดยดี เขากำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ ๆ แต่กลับต้องมาอารมณ์เสียเพราะแทนไทอีกครั้งจนได้ ทำไมไม่ยอมปล่อยเขาไป ทั้งที่ก็ไม่ได้รักกัน ไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรเลยสักนิด

“ว่าไง”

(พูดกับผัวให้มันมีหางเสียงหน่อยสิหึ ๆ)

“ทำไมผมต้องมีมารยาทกับคุณด้วย อีกอย่างผมก็มีผัวหลายคน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคุณคือหนึ่งในนั้น ทำไม? อยากเป็นผัวผมเหรอ เสียดายหรือไง”

(ทำไมกูต้องเสียดายคนร่าน ๆ อย่างมึงด้วย ท้องไม่มีพ่อ ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูกแล้วมาขี้ตู่ว่าเป็นลูกกู)

“แล้วจะมายุ่งวุ่นวายกับผมทำไม ต่างคนต่างอยู่สิ ให้คนร่าน ๆ อย่างผมอยู่ในที่ของตัวเอง ส่วนคุณก็ไปมีความสุขกับชีวิตอันไร้สาระของคุณ”

(ไม่เอา ได้แกล้งมึงแล้วมีความสุขดี กูบอกตรง ๆ ว่ายังสนใจมึง อยากจะเอามึงเหมือนตอนนั้นอีก แต่ขอให้มึงคลอดก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้ก็ให้สาว ๆ แวะเวียนมาหาที่คอนโดไปก่อน หวังว่ามึงจะไม่หึงหวงกูนะ) ว่าพร้อมแค่นยิ้มอย่างพอใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย เขาอยากจะเห็นหน้าลูกพลับว่าตอนนี้จะเดือดดาลมากแค่ไหน

“คุณไม่เคยอยู่ในสายตาผม แต่ผมคิดว่าคุณนั่นล่ะกำลังหวงผม ไม่งั้นคงไม่โทรหาทั้งที่ปากก็บอกว่าเกลียด ไม่ชอบขี้หน้า ไม่ยอมรับลูกในท้องผม พฤติกรรมกับคำพูดมันไม่ไปด้วยกันเลยนะครับ ถ้าคุณเสียดายหรืออยากรับผิดชอบลูกในท้องก็บอกผมได้ตลอดเวลานะ บางทีผมอาจจะยอมใจอ่อนลดตัวลงไปให้คุณรับผิดชอบก็ได้” ลูกพลับแสยะยิ้มเมื่อกล่าวจบ อย่างน้อยก็ให้เขารับรู้ว่าตอนนี้ไม่ได้มีอิทธิพลใด ๆ กับชีวิตแล้ว

(อย่าหลงตัวเองเกินไป)

“ผมไม่ได้หลงแต่คุณนั่นล่ะทำให้ผมคิด ถ้าไม่มีอะไรที่เป็นสาระก็แค่นี้ ผมจะนอนแล้ว ลูกของเรากำลังต้องการพักผ่อนแล้ว”

(ถ้าโทรไปให้รับด้วย กูไม่ได้แค่ขู่ จะตามราวีชีวิตพี่สาวมึงจนไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตเลยคอยดู)

“ทำไมถึงได้เลวอย่างนี้นะ อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับพี่ดาวเด็ดขาด ผมยอมให้คุณเข้ามาเสือกกับชีวิตดีกว่าไปยุ่งกับพี่ดาว ผมจะรับสายคุณทุกครั้ง แค่นี้นะ”

วางสายแล้วลูกพลับก็ทิ้งมือถือลงบนที่นอน ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับพฤติกรรมของแทนไท ในเมื่อไม่ยอมรับแล้วทำไมต้องมายุ่งวุ่นวาย เขาจะหนีนายคนนี้ไม่พ้นจริง ๆ หรือ

“ไอ้บ้าเอ้ย! จะตามจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหนนะ ถึงแม้ว่าในอนาคตคุณจะเปลี่ยนใจมารับผิดชอบผมก็จะไม่มีทางยอม ลูกจะต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น”

กล่าวจบแล้วก็ทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มถึงระดับอก ปิดเปลือกตาลงแล้วนอนพลิกตัวไปมาอยู่นานกว่าจะข่มตาให้หลับได้



เช้าวันต่อมา...

เช้าวันนี้ลูกพลับและป้าปิ่นตื่นขึ้นมาใส่บาตรเหมือนเช่นทุกวัน ตอนแรกถนนลูกรังเส้นนี้ไม่ใช่เส้นทางที่พระสงฆ์ต้องเดินมาบิณฑบาต ลูกพลับและป้าต้องเดินออกไปที่ต้นซอยซึ่งไกลพอสมควร เมื่อพระท่านรู้ว่ามีคนย้ายเข้ามาใหม่ก็เลยแวะเวียนมาที่นี่ทุกเช้า ทำให้ทั้งสองไม่ต้องเดินออกไปไกล ๆ

คำอธิษฐานในทุกเช้าของลูกพลับคือให้ลูกในท้องแข็งแรงสมบูรณ์ คลอดออกมาอย่างปลอดภัย มันคือความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้ เมื่อรู้ว่าจะเป็นแม่คนแล้วก็ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยน จากที่เคยนึกถึงแต่ตัวเองตอนนี้ต้องนึกถึงลูกในท้องมาก่อนเสมอ

“วันนี้อากาศดีจึงครับป้า เราจะทำอะไรกันดีนะ”

“ป้าว่าเรามาช่วยกันทำข้าวต้มมัดดีไหม ป้าเองก็เบื่อ ๆ เหมือนกัน อยากหาอะไรทำจะได้ไม่เหงา นอกจากทำสวนแล้วก็อยากจะทำกับข้าวขายด้วยเอ็งว่าดีไหม”

“ดีครับป้า อาหารฝีมือป้าปิ่นยอดเยี่ยมอยู่แล้วทั้งคาวทั้งหวาน แต่เราเพิ่งมาอยู่แถวนี้น่ะสิ ยังรู้จักคนไม่มากกลัวว่ามันจะขายไม่ได้”

“ไม่เป็นไร เราก็ทำไปแจกก่อนไง หากคนติดใจฝีมือก็ค่อยว่ากันอีกที”

“ผมมีไอเดียดี ๆ แล้วป้า ในเมื่อเรามีเวลาว่างก็ช่วยกันเปิดร้านอาหารออนไลน์กันไหม เปิดเพจเฟชบุ๊กแล้วส่งแบบเดริเวอรี่”

“ส่งแบบอะไรรี่ ๆ นะ”

“เดริเวอรี่ ส่งให้ถึงที่บ้านเหมือนพวกไปรษณีย์น่ะป้า”

“อ๋อ แบบนั้นเอง แต่ใครจะไปส่งล่ะ เอ็งกำลังท้องกำลังไส้อยู่นะ ขับรถบ่อย ๆ มันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”

“ไม่เป็นไรครับป้า ท้องนะไม่ใช่คนป่วย ถ้าเอาแต่กลัวก็ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี แค่เราระวังให้มากก็น่าจะโอเคแล้ว”

“เอางั้นก็ได้ ป้าเองก็จะได้หายเบื่อด้วยล่ะ”

“ผมก็เหมือนกันครับป้า เดี๋ยววันไหนว่าง ๆ ผมจะชวนฮ่องเต้มาเที่ยวเล่นที่นี่บ้าง”

“ดีเหมือนกันบ้านเราจะได้ครึกครื้นบ้าง เอ้อ ว่าแต่เมื่อคืนเป็นยังไงบ้างไปส่งปิ่นโตบ้านโน้น” ปิ่นวดีถามพลางโบ้ยหน้าไปบ้านอีกหลัง

“ก็เหมือนอย่างที่เราเห็นนั่นล่ะป้า เขาเอาผ้าปิดหน้าไว้เหมือนไม่อยากให้ใครเห็น ไม่แน่ใจว่าเป็นแผลเป็นหรือเปล่า ส่วนขาน่าจะเคยเกิดอุบัติเหตุมา แถมยังพูดจาไม่เป็นมิตรอีกด้วย”

“ป้าว่าอย่าเข้าใกล้อีกเลย กลัวจะเป็นพวกคนร้ายหนีคดีอะไรแบบนั้น น่ากลัวออก”

“คงไม่ใช่หรอกครับป้า เขาคงไม่ชอบให้คนมายุ่งวุ่นวายด้วยมั้ง คุยกันบ่อย ๆ เดี๋ยวก็สนิทกันเองล่ะ บางทีเขาอาจจะยังไม่ชินกับการมีคนมาเข้าหาอย่างนี้ก็ได้”

“เอ็งก็มองโลกในแง่ดีเกินไป”

“มองโลกในแง่ร้ายก็ปวดสมองน่ะสิครับป้า”

“งั้นก็แล้วแต่เอ็งเถอะ เอ๊ะ นั่นเพื่อนบ้านใหม่กำลังเดินมาที่รั้วทำไมกัน มองมาทางนี้ด้วย”

ได้ยินอย่างนั้นลูกพลับก็หันไปมอง เห็นแทนไทเดินถือปิ่นโตตรงมาที่รั้วที่กั้นระหว่างทั้งสองบ้าน

“อ้อ สังสัยเอาปิ่นโตมาคืนครับป้า งั้นผมไปคุยกับเขาก่อนนะ”

“เดี๋ยวป้าไปด้วย จะได้ทักทายทำความรู้จักกัน”

“ครับ”

สองป้าหลานเดินตรงไปที่รั้วบ้าน เมื่อทั้งสองฝั่งมายืนประจันหน้ากันแล้ว แทนไทก็ยื่นปิ่นโตคืนให้ ก่อนจะหันมาทักทายหญิงสูงวัยที่ลูกพลับเคยบอกว่าเป็นป้า

“สวัสดีครับป้า”

“สวัสดีจ้ะพ่อหนุ่ม ย้ายมาอยู่คนเดียวเหรอจ๊ะ”

“คนเดียวครับ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ผมชื่อโตเป็นคนกรุงเทพฯ พอดีมีเรื่องกับที่บ้านเลยขอย้ายออกมาอยู่ที่นี่คนเดียวครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ้ะ ป้าชื่อปิ่นนะ เอ่อ ป้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”

“ได้สิครับ”

“หน้าพ่อหนุ่มเป็นอะไรเหรอถึงได้พันผ้าเอาไว้” แม้รู้ว่าเสียมารยาทแต่หล่อนก็อยากจะถามให้รู้เพื่อความสบายใจ

“ป้าถามอะไรเนี่ย” ลูกพลับเอ็ดผู้เป็นป้า เพราะเกรงว่าอาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

“ไม่เป็นไรครับผมไม่ได้ซีเรียสอะไร ผมเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ โดนไฟคลอกจนหน้ามีแผลเป็นน่ากลัว เลยตัดสินใจเอาผ้าปิดไว้เพื่อความสบายใจของตัวเองครับ ส่วนเรื่องขาก็เป็นผลพวงมาจากอุบัติเหตุครั้งนั้น” เจ้าตัวตอบด้วยสีหน้าเป็นปกติ เห็นแล้วลูกพลับก็รู้สึกสงสัยว่าเหตุใดจึงแตกต่างจากเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง

“โถพ่อคุณ ถือว่ายังมีบุญที่เอาชีวิตรอดมาได้ ยังไงก็อย่าคิดมากนะ รูปลักษณ์ภายนอกมันเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืนเหมือนความดีภายในใจหรอก”

“ครับป้า”

“งั้นป้าเข้าไปข้างในก่อนนะคุยกันต่อเถอะ”

ป้าปิ่นคว้าเอาปิ่นโตในมือลูกพลับแล้วเดินกลับเข้าไปในเรือน เมื่ออยู่กันเพียงลำพังแล้วลูกพลับก็ส่งยิ้มให้เขา เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนายังไงดี

“ยิ้มแบบนี้ให้คนอื่นบ่อยเหรอครับ”

“ครับ?” ลูกพลับทำหน้าเหวอนิดหน่อยแล้วหุบยิ้ม ทำหน้าเหมือนคนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง

“ไม่เคยมีใครยิ้มให้ผมอย่างนี้เลย เพราะผมมันเป็นคนอัปลักษณ์และน่ากลัวอย่างนี้ไงครับ” คนพูดก้มหน้าเศร้า แสดงละครได้อย่างสมบทบาท

เมื่อได้ยินอย่างนั้นลูกพลับก็ฉายรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกสงสารและเห็นใจผู้ชายคนนี้เป็นที่สุด คงจะหนีจากสังคมอันวุ่นวาย หลบหน้าผู้คนมาอยู่ที่นี่ คงกลัวว่าคนจะมองด้วยแววตาที่รังเกียจ

“อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งที่ไม่ได้มองคนที่รูปลักษณ์ภายนอก ผมจะเป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ ๆ อย่าเก็บเอาคำพูดและสายตาคนอื่นมาคิดมากเลย เพราะคนพวกนั้นไม่ได้หาให้เรากิน เราอยู่ได้เพราะตัวเราเองไม่ใช่คนอื่นสักหน่อย จริงไหมครับ”

“ก็จริงนะ นายนี่เป็นคนมองโลกในแง่ดีจังเลยนะ คนคงจะชอบเยอะเลยใช่ไหมครับ”

“ไม่หรอกครับ คนเราย่อมมีทั้งคนรักและเกลียดเป็นเรื่องธรรมดา ถึงผมจะเป็นคนดีมากแค่ไหน แต่คนที่เกลียดย่อมเกลียดวันยังค่ำ ผมเองก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้เกลียดผมขนาดนั้น” พูดไปก็นึกถึงใบหน้าของแทนไทไปด้วย พลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ

แทนไทรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงตนเอง เขารู้สึกจุกที่อกอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่ตั้งคำถามว่าเขาเกลียดได้เด็กคนนี้เพราะสาเหตุใด เพราะมันเป็นตุ๊ด มันเป็นผู้ชายคนแรกของเขา หรือเป็นเพราะเขาติดใจจนไม่อยากจะให้มันไปมีความสุขกับคนอื่นกันแน่

“ใครที่ว่าหมายถึงใครเหรอครับ” คนพูดจ้องหน้ารอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยชื่อตนออกมาไหม

“เปล่าครับ ผมก็พูดไปเรื่อยไม่ได้เจาะจงใคร เป็นยังไงบ้างครับกับข้าวพอทานได้ไหม”

“อร่อยมาก ๆ ใครทำเหรอ”

“ป้าปิ่นครับ ผมช่วยเป็นลูกมือเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง วันหลังผมจะทำไปส่งอีกนะครับ”

“เกรงใจจัง”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เราก็มีกันแค่นี้นี่นา มีอะไรก็ช่วยเหลือกันไป ถ้าไม่รังเกียจผมขอเรียกว่าพี่โตได้ไหมครับ เพราะดูแล้วผมน่าจะอายุน้อยกว่า”

“ได้สิ” แทนไทยิ้มเขินทำตัวไม่ถูก จู่ ๆ ลูกพลับก็จะเรียกตนว่าพี่ รู้สึกไม่คุ้นหูเลย แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีเช่นกัน แต่จะให้เขาเรียกอีกฝ่ายว่าน้องไม่มีทางหรอก แค่นี้ก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว

“ดีจัง ตอนนี้เราสนิทกันแล้วนะครับพี่โต ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรให้น้องคนนี้ช่วยก็ว่ามาได้เลย ผมยินดี ถ้างั้นผมขอตัวกลับเข้าบ้านก่อนนะครับ”

ลูกพลับกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มน่ารัก โบกมือร่ำลาเพื่อนบ้านอย่างเป็นมิตร ทำเอาแทนไทถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ทำไมไอ้เด็กคนนี้ถึงได้ทำตัวน่ารักอย่างนี้ น่ารักเกินไปแล้ว จนรู้สึกอิจฉาไอ้โตที่มีโอกาสได้รับรอยยิ้มและฟังเสียงอันไพเราะนี้จากลูกพลับ ซึ่งหากเป็นแทนไทคงไม่มีทางเป็นไปได้เลย

“ทำไมมึงต้องใจสั่นด้วยวะไอ้แทน มึงต้องไม่ใจอ่อนให้มันเป็นอันขาด มันกำลังอ่อยผู้ชายคนอื่นไปทั่ว ไอ้โตไม่ใช่มึงสักหน่อย”

คนพูดได้แต่ยกกำปั้นทุบอกด้านซ้ายซ้ำ ๆ เพื่อกำราบให้มันจำและเต้นเป็นปกติ เขาจะไม่มีทางยอมเสียเหลี่ยมเสียรู้ให้ลูกพลับเด็ดขาด ร่านก็คือร่าน มั่วก็คือมั่ว แม้จะน่ารักแค่ไหนแต่เขาจะไม่มีวันเอามันมาเป็นคนสำคัญของหัวใจโดยเด็ดขาด

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อีแทนเป็นไบโพล่าร์

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
= 9 =

ยอมรับตัวเอง



ในช่วงที่ย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่ชีวิตของลูกพลับได้พบปะกับใครเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นอกจากป้าปิ่นและเจ้าโชคดีก็มีเพื่อนบ้านที่ชื่อโตนี่ล่ะ ที่คอยเป็นเพื่อนคุยคลายความเงียบเหงา การได้พูดคุยกันมากขึ้นทำให้แทนไทลดทิฐิ สามารถพูดจาหยอกล้อกับลูกพลับได้อย่างไม่เคอะเขินเหมือนช่วงแรก เขามักจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของร่างเล็กตลอดเวลาก็ว่าได้ รู้สึกเป็นห่วงในทุกฝีก้าวกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง ทั้งที่ปากบอกว่าไม่ยอมรับ แต่ภายในใจรู้สึกเป็นห่วงยิ่งกว่าสิ่งใด

ส่วนธุรกิจขายอาหารออนไลน์ของลูกพลับได้ผลตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้วัน ๆ ต้องเร่งมือเตรียมวัตถุดิบและผลิตอาหารตามสั่งของลูกค้า มีทั้งอาหารคาวและหวาน ส่วนมากที่ขายดีก็จะเป็นพวกอาหารทานเล่นเช่นเปาะเปี๊ยะ เกี๊ยวและอาหารอื่น ๆ ที่กินกับน้ำจิ้มรสเด็ด เสน่ห์ปลายจวักของป้าปิ่นยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอ

แทนไทแอบสังเกตการณ์มาหลายวันก็พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงหลังมานี้ลูกพลับไม่มีเวลามาทักทายเหมือนก่อน เขาจึงแบกสังขารแสร้งเดินขาเป๋มาหาถึงที่บ้าน ช่วงแรกก็แอบลืมตัวไปเดินปกติบ้างแต่หลัง ๆ มาเริ่มจะชินไปแล้ว แกล้งทำอย่างนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังกลัวว่าสักวันจะพิการเข้าให้จริง ๆ เมื่อมาถึงที่หมายแล้วก็เห็นไอ้โชคดีนอนใส่เฝือกอยู่ที่เสาบ้านจึงเดินตรงเข้าไปหา เพราะเขาเองที่ทำให้มันต้องอยู่ในสภาพนี้

“มึงเป็นยังไงบ้างวะไอ้โชคดี โชคดีสมชื่อนะมึงอ่ะ ถ้ากูเบรกไม่ทันป่านนี้คงตายคาล้อรถกูไปแล้ว”

คนพูดยิ้มพลางลูบหัวเจ้าหมาน้อยอย่างเอ็นดู ไม่รู้จะไถ่โทษด้วยวิธีไหนได้ คงทำได้เพียงส่งกำลังใจให้มันหายป่วยไว ๆ เท่านั้นเอง

ในขณะนั้นลูกพลับเดินถือของพะรุงพะรังเดินออกมาจากบ้านพอดี เขาเตรียมตัวจะไปส่งของให้ลูกค้า เมื่อเห็นแทนไทอยู่กับไอ้โชคดีก็ยืนยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ แม้อีกฝ่ายจะพิการและมีรูปลักษณ์ภายนอกจะไม่เหมือนคนอื่น แต่ก็เป็นคนรักสัตว์เหมือนกัน

“อ้าวพี่โต มาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”

“มาเมื่อครู่นี่เอง เลยมาทักทายไอ้โชคดีมันก่อน”

“หมอบอกอีกนานกว่ามันจะเดินได้ปกติ ไม่รู้ว่าโดนไอ้คนไร้จิตสำนึกที่ไหนขับรถชน ถ้าเจอหน้าอีกครั้งอีกรับรองว่าผมจะชกมันให้หนำใจเชียวล่ะ”

“บางทีเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้ ใครจะอยากไปมีเรื่องกับหมาล่ะ” แทนไทรีบแก้ตัวแทน แต่ไม่ยักจะมองหน้าอีกฝ่าย สายตาอันเลิ่กลั่กมองไปที่ไอ้โชคดีแทน

“ไม่มีเจตนาแต่ก็ไม่ลงมาดูดำดูดี ขับรถหนีซะงั้น ใจร้ายใจดำ สาธุ! ขอให้เป็นหมันทีเถอะหรือไม่ก็เมียไม่รัก ว่าแต่พี่โตมาถึงที่บ้านมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“นายจะไปไหนน่ะ ทำไมถือของเยอะแยะอย่างนี้”

“ผมจะไปส่งอาหารให้ลูกค้าครับ วันนี้สั่งเยอะเลย”

“จะขับมอ’ ไซต์ไปเองเหรอ”

“ใช่ครับ ถ้าผมไม่ไปส่งเองใครจะไปส่งให้ล่ะ ว่าแต่พี่โตมีอะไรครับ”

“เปล่า แค่มาทักทาย เห็นนายเงียบไป ไปส่งคนเดียวไหวแน่นะ”

“ไหวสิครับ งั้นผมไปส่งของแล้วนะ เดี๋ยวกลับมาคุยด้วย”

ลูกพลับยิ้มแล้วเดินถือของไปที่รถมอเตอร์ไซต์ที่จอดอยู่ โชคดีที่มีตะแกรงหน้าทำให้มีที่วางของ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ล้นอยู่ดี จึงไปแขวนไว้ที่แฮนด์รถอีกจำนวนหนึ่ง แทนไทรู้สึกเป็นห่วงจึงเดินไปคว้าแขนเรียวไว้ก่อนที่ลูกพลับจะขึ้นรถเสียก่อน

“มีอะไรครับพี่โต”

“เดี๋ยวขับให้เอง”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่รบกวนดีกว่า”

“หรือรังเกียจที่พี่เป็นคนพิการ กลัวจะพานายล้มหรือไง”

“เปล่านะครับ ผมแค่ไม่อยากรบกวน”

“นายกำลังเอ่อ...” เกือบหลุดปากว่าท้องแล้วเชียว โชคดีที่แทนไทยั้งปากไว้ทัน เจ้าตัวทำหน้าเลิ่กลั่ก หลบสายตา นั่นทำให้ลูกพลับเกิดความสงสัย

“ผมกำลังอะไรหรือครับ”

“เอากุญแจรถมาเดี๋ยวขับให้เอง ถึงขาจะไม่ดีแต่รับรองพานายขับไปส่งของอย่างปลอดภัยแน่นอน” คนพูดคว้าเอากุญแจรถจากมือน้อย ๆ ก่อนขึ้นควบรถแล้วทำการสตาร์ตเครื่องรอ

“พี่ไหวแน่นะครับ”

“แค่พิการไม่ได้ป่วยสักหน่อย ไว้ใจได้ รีบขึ้นรถเร็ว”

“ครับพี่โต”

ลูกพลับยืนยิ้มแล้วก้าวขาขึ้นคร่อมรถอย่างระมัดระวัง เมื่อนั่งได้ท่าถนัดแล้วจึงเอื้อมมือจะไปจับที่เอวคนขับ ทว่ากลับเปลี่ยนมาจับที่หน้าขาตัวเองแทน

“กอดเอวพี่ก็ได้นะ”

“ครับผม”

แม้ปากจะเอ่ยตอบรับแต่มือยังคงอยู่ที่เดิม เห็นอย่างนั้นแทนไทจึงรู้สึกหงุดหงิดที่อีกฝ่ายชักช้าอยู่ได้ คว้ามือน้อย ๆ มาวางหมับที่หน้าท้อง เมื่อสัมผัสได้ถึงลอนซิกแพคแน่น ๆ ก็ทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงด้วยความตกใจ แปลกใจว่าคนที่พิการอย่างโตเอาเวลาไหนไปเล่นฟิตเนสจนมีซิกแพคแน่นขนาดนี้

“พร้อมหรือยัง”

“เอ่อ พร้อมแล้วครับ”

เมื่อได้รับเสียงตอบรับจากคนซ้อนแล้ว คนขับก็ขึ้นเกียร์แล้วบิดคันเร่งออกไปจากหน้าเรือนไทยหลังนี้ มุ่งหน้าเข้าสู่ยังชุมชนที่แออัดกว่า ที่นั่นเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่จึงทำให้มีผู้คนอาศัยเป็นจำนวนมาก ประจวบเหมาะกับยุคสมัยที่ใช้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอมือถือ ก็ได้สิ่งของที่ต้องการมาบริการถึงบ้าน จึงทำให้เกิดช่องทางสร้างรายได้ขึ้นเยอะแยะมากมาย

แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลสักเท่าไหร่ แต่ทุกวินาทีที่ได้นั่งกอดเอวซ้อนท้ายก็ทำให้ลูกพลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ทำไมนะ ทำไมรู้สึกอบอุ่นเมื่อมีใครบางคนยื่นมือมาช่วยเหลือ แม้โตจะไม่สมประกอบโดนคนอื่นดูถูกและรังเกียจ แต่เขาจะไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนคนพวกนั้นเด็ดขาด อยากจะเป็นหนึ่งคนที่คอยสร้างกำลังใจให้รู้สึกเข้มแข็งและก้าวผ่านห้วงเวลาที่เจ็บปวดนั้นไปได้

รถมอเตอร์ไซต์คันโปรดของลูกพลับถูกขับไปส่งของที่บ้านหลังแล้วหลังเล่า จนในที่สุดก็มาถึงบ้านหลังสุดท้าย แทนไทจอดรถไว้ที่หน้ารั้วบ้านหลังหนึ่ง ลูกพลับลงไปหยิบถุงเปาะเปี๊ยะทอดที่หน้าตะแกรงรถก่อนเงยขึ้นยิ้มให้คนขับ

“หลังสุดท้ายแล้วครับ เราจะได้กลับกันสักที เกรงใจพี่โตจะแย่แล้ว”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ได้มาอย่างนี้ก็สนุกดีนะ ดีกว่าอยู่บ้านไปวัน ๆ”

“เดี๋ยวผมเอาของไปส่งก่อนนะ”

“อื้ม”

แทนไทยิ้มแล้วมองตามหลังไป ลูกพลับกดกริ่งแล้วยืนถือถุงรอ ช่วงเวลานั้นแทนไทบังเอิญเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งเดินเตาะแตะออกมาจากบ้านหลังถัดไป เขามองแล้วยิ้มตามจู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งกำลังแล่นมาไม่มีทีท่าจะผ่อนความเร็ว ทั้งที่เด็กน้อยคนนั้นอยู่ริมถนน เห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยอุ้มเด็กคนนั้นออกมาจากเขตพื้นที่ถนนก่อนจะถูกรถเฉี่ยวไปเสียก่อน

“แง ๆ”

“โอ๋เอ๋ ไม่ร้องนะครับ น้าไม่ทำอะไรเราหรอก”

เมื่อเห็นใบหน้าที่ถูกพันรอบไปด้วยผ้าดูน่ากลัวก็ทำให้เจ้าเด็กน้อยร้องไห้งอแง จนคนเป็นแม่ที่อยู่ในบ้านรีบวิ่งหน้าตาตื่นออกมา เมื่อเห็นว่าลูกชายถูกคนแปลกหน้าอุ้มก็ตกใจจึงรีบแย่งตัวมา จ้องหน้าอย่างดูหมิ่นดูแคลนราวกับเป็นโจรผู้ร้ายซะอย่างนั้น

“คุณเป็นใคร มาอุ้มลูกฉันทำไม”

“แล้วคุณเป็นแม่ประสาอะไรปล่อยให้ลูกออกมานอกบ้านเพียงลำพัง จะโดน...”

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

เมื่อไม่เห็นแทนไทอยู่ที่รถ จึงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนเห็นยืนอยู่บ้านหลังข้างกัน กำลังยืนสนทนากับใครบางคนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดจึงเดินเร็วเข้ามาหา

“ก็ไอ้อัปลักษณ์ขาเป๋เนี่ยมันจะลักพาตัวลูกฉัน คุณรู้จักมันใช่ไหม รีบพาไปเลยก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจ” เจ้าของบ้านชี้หน้าด่าเสียงดังไม่อายใคร

ลูกพลับมองหน้าแทนไททันทีเมื่อโดนกล่าวหา อีกฝ่ายพยักหน้าปฏิเสธ

“ผมน่าจะปล่อยให้ลูกชายคุณโดนรถชนให้รู้แล้วรู้รอด แทนที่จะได้รับคำขอบคุณแต่กลับโดนด่า แล้วอย่างนี้ใครจะอยากทำความดีกัน ถ้าคุณคิดอย่างนั้นก็ตามใจ กลับกันเถอะ” แทนไทอธิบายแค่นั้นก่อนคว้าแขนลูกพลับเพื่อเดินกลับไปที่รถ ทว่าในจังหวะนั้นเจ้าของบ้านหลังตรงข้ามได้เดินเข้ามาพูดอะไรบางอย่าง

“พ่อหนุ่มอย่าเพิ่งไป”

“ครับคุณป้า” แทนไทว่า มองหน้าสตรีสูงวัยอย่างงุนงง

“ป้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เห็นพลเมืองดีอย่างพ่อหนุ่มโดนกล่าวหาป้าทนไม่ได้หรอก ฉันยืนอยู่หน้าบ้านพอดี ลูกชายคุณเดินออกมาจนถึงถนนถ้าไม่ได้พ่อหนุ่มคนนี้ช่วยไว้คงจะโดนรถชนไปแล้ว คุณมัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงได้ปล่อยให้ลูกออกมาเดินเพ่นพานคนเดียวอย่างนี้” ป้าคนนั้นต่อว่าแม่ของเด็กชาย เธอหน้าถอดสีอย่างรู้สึกเสียหน้า ไม่กล้าแม้จะมองหน้าแทนไท

“ขอบคุณป้ามากนะครับที่ช่วยอธิบายให้คนบางคนเข้าใจ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ป้าทนเห็นคนโดนกล่าวหาไม่ได้หรอก จงทำดีต่อไปนะจ๊ะพ่อหนุ่ม”

“ครับป้า”

“งั้นป้าไปล่ะ”

ป้าผู้ใจดีคนนั้นเดินกลับไปบ้านของตน แทนไทมองหน้าคนที่กล่าวหาอย่างผู้ชนะแล้วดึงแขนลูกลพับให้เดินกลับไป ทว่าอีกฝ่ายยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หันไปเอ่ยอะไรบางอย่างกับแม่ของเด็กชาย

“ถึงแม้ว่าพี่โตจะมีใบหน้าอัปลักษณ์หรือขาที่พิการ แต่ผมว่าจิตใจเขาดีกว่าคุณเยอะเลย ถ้าจะตัดสินคนที่ภายนอกอย่างนี้ผมแนะนำว่าอย่าออกไปเจอกับใครเลย อยู่แต่กับตัวเองในบ้านนี่ล่ะ เพราะถึงออกไปก็สร้างปัญหาให้สังคมอยู่ดี”

พูดจบก็คว้ามือแทนไทเดินออกมา คนที่โดนปกป้องอึ้งเล็กน้อย แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าลูกพลับจะออกโรงปกป้องตนถึงเพียงนี้ เจ้าตัวยิ้มด้วยความดีใจเป็นที่สุด มีความสุขเหลือเกินเมื่อได้อยู่ใกล้ไอ้เด็กนี่ มันก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ

“พี่โตโอเคใช่ไหมครับ”

“อื้มโอเค พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก ชินแล้วล่ะ”

“คราวหลังถ้ามีใครพูดให้พี่อย่างนี้อีกบอกผมได้นะครับ ผมจะไปจัดการให้ เกลียดนักพวกชอบว่าคนอื่นทั้งที่ไม่ดูตัวเองเลย” คนพูดทำหน้าจริงจังราวกับเป็นฝ่ายโดนกระทำเสียเอง ยิ่งทำให้แทนไทประทับใจเข้าไปใหญ่

“ถ้ามีคราวหน้าพี่จะให้นายไปจัดการให้แน่นอน แต่ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยล่ะ ในเมื่อพี่เองก็ไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด”

“ผมไม่ชอบให้คนอื่นว่าพี่นี่นา เพราะผมรู้ว่าพี่คงจะเสียใจมากแต่ทำเป็นเข้มแข็งไปงั้นล่ะ”

“เป็นห่วงพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“ดีใจจังที่นายเป็นห่วง อย่างน้อยในชีวิตพี่ก็มีนายคนหนึ่งที่เป็นห่วง กลับบ้านกันเถอะป้าปิ่นคงรอนานแล้ว”

“ครับ”

เมื่อขึ้นรถแล้วก็ขับมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านสวน แทนไทขับไปพร้อมกับรอยยิ้ม พยายามขับช้า ๆ เพื่อให้มีเวลาได้อยู่กับร่างเล็กนาน ๆ ยิ่งได้ใกล้ชิดยิ่งได้เห็นมุมดี ๆ ของเด็กคนนี้ หัวใจพองโตทุกครั้งเมื่อได้อยู่ใกล้ ได้เห็นหน้า ได้สนทนา ความสับสนที่เกิดขึ้นภายในใจตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บัดนี้มันคงจะถึงเวลาต้องชัดเจนแล้วสินะ คำตอบที่ได้คงเป็นเพราะ...เขาหลงรักมันเข้าให้แล้ว ไอ้หลานคนใช้ในบ้านที่เขาไม่เคยชายตาแลเลยสักนิด เพียงคืนเดียวที่ได้สัมผัสและครอบครอง กลับติดตราตรึงใจไม่รู้ลืม อยากจะลิ้มลองอีกครั้ง อยากจะเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเพียงเพื่อความสนุก แต่แล้วก็ตกหลุมพรางจนได้สินะไอ้แทนไท



หลายวันต่อมา...

บัดนี้ความสัมพันธ์ของลูกพลับและโตเริ่มแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ช่วงเวลาว่างแทนไทมักจะมานั่งเล่นที่ใต้ถุนบ้านเรือนไทย ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างแทนไทจะยิ้มและหัวเราะได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ เจ้าตัวเริ่มงงกับตัวเองเหมือนกัน เพราะเพียงช่วงระยะเวลาไม่นานลูกพลับทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้

ลูกพลับเองก็เริ่มประทับใจในสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้ แม้จะพิการแต่ก็ช่วยเหลืองานที่ต้องใช้แรงเสมอ เมื่อเห็นเขายกของหนักก็ดุให้แล้วทำมันเสียเอง ทุกการกระทำของโตทำให้อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเรื่องที่ตนตั้งท้อง ทั้งที่เรื่องนี้ลูกพลับยังไม่ได้เอ่ยปากบอกไป ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่เขาใช้ชีวิตมีความสุขไปวัน ๆ จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

และแล้ววันนี้ลูกพลับก็ตัดสินใจบอกความจริงไป ทั้งสองนั่งเปิดอกคุยถึงเรื่องราวชีวิตของกันและกันให้ฟัง เรื่องของลูกพลับมันมาจากประสบการณ์ชีวิตจริงทุกเรื่อง แต่สำหรับแทนไทนั้นมันคือเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมา แม้จะรู้สึกผิดที่สร้างเรื่องโกหก แต่หากไม่ทำอย่างนี้คงไม่มีโอกาสได้ดูแลลูกพลับอย่างใกล้ชิดเป็นแน่

“พี่โตคิดยังไงเรื่อง...ที่ผมท้องไม่มีพ่อ” ลูกพลับก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกเศร้าเมื่อต้องเล่าถึงเรื่องนี้ให้ใครฟัง แม้จะทำใจได้บ้างแล้วแต่พอนึกถึงใบหน้าแทนไทก็ทำให้รู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งจนได้

“นายเป็นคนที่เข้มแข็งมากที่สุดเท่าพี่ที่เคยเห็นมา หากไม่รังเกียจพี่จะขอเป็นพ่อของเด็กได้ไหม อย่างน้อยเด็กที่เกิดมาต้องมีพ่อตามกฎหมายนะ”

“ผม...ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้เลยครับ ป้าปิ่นแนะนำให้พี่ชายของผู้ชายคนนั้นเป็นคนเซ็นรับรองเป็นพ่อให้ เพราะถึงยังไงก็มีศักดิ์เป็นลุง”

“ไม่ได้เด็ดขาดนะ!” เมื่อได้ยินอย่างนั้นแทนไทก็รีบเอ่ยแย้งทันที ลืมตัวไปว่าตอนนี้ตนเองคือนายโต

“ทำไมพี่โตต้องจริงจังขนาดนั้นด้วยครับ”

“โทษที พี่แค่ไม่เห็นด้วย ใจจริงพี่อยากให้ลองเปิดอกคุยกับพ่อของเด็กก่อน บางทีเขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดก็ได้นะ ไม่มีพ่อคนไหนไม่รักลูกหรอกจริงไหม”

“จริงครับ แต่ไม่ใช่คนเลว ๆ อย่างนั้น ชาตินี้ผมไม่มีทางญาติดีด้วยหรอก ผมเกลียดเขาที่สุดในโลก”

ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าของคนที่นั่งตรงข้ามก็เจื่อนลงทันที จะทำอย่างไรดีให้ลูกพลับยอมใจอ่อน โกรธเกลียดกันขนาดนี้คงไม่เผาผีแน่ ๆ ยิ่งคิดยิ่งเครียดเหลือเกิน

“ถ้างั้นให้พี่เป็นพ่อของลูกเถอะนะ ในชีวิตคนอย่างพี่คงไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อคนแล้วล่ะ นายช่วยทำให้พี่สมหวังในชีวิตสักครั้งได้ไหม” เจ้าตัวทำหน้าเศร้าเพื่อเรียกคะแนนสงสาร คลุกคลีอยู่นานจนรู้ว่าลูกพลับเป็นคนขี้ใจอ่อน ยิ่งตนอยู่ในสภาพนี้ยิ่งน่าจะทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนได้ง่าย

“งั้น...ก็ได้ครับ ผมจะให้พี่เซ็นรับรองเป็นพ่อของลูก อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปรบกวนคนบ้านนั้น”

“จริงนะ พี่ดีใจมากเลยรู้ไหม”

“ทำไมต้องดีใจขนาดนั้นด้วยล่ะครับ ทำอย่างกับเป็นลูกตัวเองแท้ ๆ อย่างนั้นล่ะ” ลูกพลับเองก็ยิ้มตามไปด้วย

ทั้งสองประสานสายตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทว่ากลับมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้ไม่อาจละสายตา ยังคงค้างไว้อย่างนั้น แทนไทเอื้อมมือไปสัมผัสที่พวงกแก้มขาวอย่างลืมตัว โดยที่อีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ปัดป้องและปฏิเสธใด ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปอย่างช้า ๆ เล็งสายตาไว้ที่ริมฝีปากทว่าแทนไทเปลี่ยนไปจุมพิตที่พวงแก้มขาวแทน เมื่อได้สติลูกพลับก็รีบผละใบหน้าออกมา ทำไมเขารู้สึกเหมือนโดนมนตร์สะกดให้อยู่นิ่ง ๆ อย่างนี้นะ

“เอ่อ...”

“พี่ขอโทษที่ล่วงเกินนาย พี่รู้ตัวว่าคนอย่างพี่มันคงไม่เหมาะสมกับนายหรอก”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คือ...ผมว่ามันเร็วเกินไปไหม เราเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน อีกอย่างผมกำลังท้องอยู่มันคงไม่ดี ลูกยังไม่ทันเกิดก็คิดจะหาพ่อใหม่ให้ลูกแล้ว ผมไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้าน”

“พี่เข้าใจ พี่จะระวังตัวก็แล้วกัน จะพยายามคิดกับนายแค่พี่น้องเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะยากก็ตาม บางทีหากนายยอมเปิดอกคุยกับพ่อของเด็กอีกครั้ง...”

“ไม่มีทางหรอกครับ ผมคือคนร่านในสายตาเขาไปแล้ว ทำไมจะต้องกลับไปหาคนที่ดูถูกเหยียดหยามตัวเองด้วยล่ะ”

“เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอก บางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่ตอนนี้อาจจะรู้ใจแล้วก็ได้นะ”

“คนอย่างนั้นจะไปรู้สำนึกอะไร วัน ๆ เอาแต่ทำตัวหล่อหม้อสาวก็เท่านั้น หาสาระอะไรไม่ได้เลย”

“บางทีเขาอาจจะเลิกแล้วก็ได้ คนเราย่อมมีผิดพลาดกันบ้าง พอมีลูกมีเมียแล้วอาจจะเปลี่ยนนิสัยกันได้”

“ไม่มีทางเปลี่ยนได้หรอก”

“ทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้ล่ะ ตอนนี้ก็เปลี่ยนแล้ว”

“เปลี่ยนแล้ว…หมายความว่ายังไงครับพี่โต พี่รู้จักเขาเหรอถึงได้ออกรับแทนขนาดนี้” ลูกพลับรู้สึกหงุดหงิด ส่งสายตามองคนที่นั่งตรงหน้าด้วยความหวาดระแวง

“เอ่อ...พี่แค่อยากให้นายคิดให้ดีอีกครั้งเท่านั้นเอง พี่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่อยากให้ลูกของนายเกิดมาต้องรู้สึกแบบเดียวกันก็เท่านั้น นายเข้าใจพี่ใช่ไหม” แทนไทพยายามหาเหตุผลมาอ้างเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้ และดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเมื่อสายตาของลูกพลับเริ่มอ่อนโยนลงแล้ว

“ผมขอโทษที่โมโหใส่พี่ครับ พูดเรื่องนี้ทีไรมันเครียด”

“เอาเป็นว่าจากนี้ไปพี่จะไม่พูดเรื่องนี้อีก โอเคไหม” คนพูดยกนิ้วก้อยขึ้นมารอ ส่งสายตาอันอบอุ่นจ้องมองดวงหน้าหวาน

“โอเคครับ”

ในที่สุดก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลูกพลับ เขายอมเกี่ยวก้อยจนได้ ทุกครั้งที่ได้มองตาผู้ชายคนนี้ก็อดคิดถึงเขาคนนั้นไม่ได้ แต่มันคงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก แววตาของคนเรามันอาจจะเหมือนกันได้ ในเมื่อคลุกคลีกันมาขนาดนี้แล้วมั่นใจว่าโตอัปลักษณ์จริงและมีขาที่พิการจริง หากจะเป็นคนเดียวกับแทนไทมันคงเกิดขึ้นเฉพาะในละครหรือความฝันเท่านั้น คิดแล้วก็รู้สึกโล่งใจที่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับเขาคนนั้น

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มาง้อลูกเรา

ออฟไลน์ Revvino

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะกลับมาลงเอยกันได้ไหมเนี่ยไม่เห็นทางเลยการกระทำแทนไทมันไม่น่าอภัยเลยอะ :katai4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด