รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณนี้ดื้อที่สุดเลยนะต้น Partต้นตระการ ผมเลยต้องอุ้มเอาไว้แบบนั้นก่อน จนกระทั้งประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยหมอภีมปภพ เขามองผมและอมยิ้มมากให้ผม เขาเดินลงไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ผม และวางลง ผมก็มองยังจำได้เหรอว่าผมชอบ มิกซ์เบอรีสปาร์คกลิ้งและสลัดไก่รมควัน
“จำได้ตลอดว่าคุณชอบดื่มและทานอาหารแบบนี้และผมคิดคุณคงรีบจนไม่ได้ทานอะไรมาเลยต้น “ หมอภีมนั่งลงข้างๆผม และกางแขนมาให้ผม ผมมองว่าทำไม
“เอามาผมอุ้มบ้าง นี่แสดงว่าน้องไม่ยอมนอนลงใช่ไหมต้น” หมอภีมบอกผม
“ต้น ! “หมอภีมเรียกผมอีกครั้ง ผมก็ต้องส่งเอิร์ธให้เขาเอาไปอุ้มแทนผม และผมก็ยกเครื่องดื่มที่เขาเอามาให้ผมกระดกขึ้นดื่ม
“ทานอะไรก่อนนะต้น น้องคุณเขายังรักษาตัวอยู่ ดังนั้นคุณต้องดูแลตัวเองด้วยต้น ทานซะ” หมอภีมปภพบอกผม
“น้องผมเป็นไงบ้างภีม” ผมหันไปถามหมอภีม
“น้องคุณรู้สึกตัวแล้ว แต่เขาก็ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ทรวงอกจากกระสุนฝังในตอนนี้หมอทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่ที่ผมไม่ได้เรียกคุณเข้าไปดูเพราะว่าเขายังอ่อนเพลียเกินไปนะต้น ” หมอภีมปภพบอกผม
“ตกลงเขา”
“เขาปลอดภัยเชื่อผม ร่างกายเขาแข็งแรงดีทีเดียว “ หมอภีมบอกผม
“คุณเชื่อใจผมไหมต้น” หมอภีมปภพถามผม ผมหันมามองสายตาที่มุ่งมั่นคู่นั้น ผมพยักหน้าว่าเชื่อ เขาก็กุมมือผม สิ่งที่ทำให้ผมหยุดมอง นิ้วมือข้างซ้ายของเขายังมีแหวนที่เขาซื้อให้ในวันครบครอบหนึ่งปีก่อนที่จะเกิดเรื่องของผมกับเกศรินทร์ เขาสวมมันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายนั้น
“ผมสวมมันตลอด “หมอภีมปภพพูด ผมเองก็ไม่ได้สวมแต่มันก็
“หมับ” เขาจับที่สร้อยคอผม “ผมเห็นแล้วแต่ผมไม่ได้ถามคุณหรอกนะ ผมคิดว่ามันก็ให้ความหมายเดียวกับผมว่าคุณยังรักผมอยู่ต้น” หมอภีมปภพพูด
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้อง พร้อมกับผู้หญิงเลยวัยกลางคนอายุราวๆหกสิบกว่าแต่หน้าตาและผิวพรรณ์ ดูยังไงก็ไม่น่านะถึงไม่น่าจะเกินห้าสิบซะด้วยซ้ำ เขาเป็นแม่ของหมอภีมปภพ ผมจำท่านได้ วันนั้นที่พ่อของหมอภีมเรียกผมเข้าไปคุยและเขาก็อยู่ด้วยแต่แม่ของหมอภีมเขาเดินมาจับไหล่ผม ผมรู้ว่าเขาก็ลำบากใจแต่ในฐานะภรรยาเขาคงคัดสามีไม่ได้
“สวัสดีครับคุณหญิง”
“เรียกแม่ก็ได้ต้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ส่วนเรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วไปนะต้น” ผมยอมรับว่าภีมเคยพาผมไปพบครอครัวเขาแต่ผมซิกลับไม่กล้าและตอนนั้นพ่อผมยังทำงานอยู่ต่างประเทศด้วยผมเลยไม่มีโอกาส
“พยาบาลเขาบอกแม่ว่าเราอยู่ที่นี้แม่เลยเดินมาดูนะ ตกลงภีมเราไม่ไปทานอาหารเย็นที่บ้านพี่สาวเราวันนี้ด้วยกันใช่ไหม”
“ไม่ได้ครับแม่ผมต้องดูแลน้องชายของต้นเขาและแฟนของรินทร์อีก เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีซะก่อนนะครับ ถ้ามันดึกมากผมจะนอนค้างที่ห้องพักแพทย์ พรุ่งนี้แม่ให้คนเอาชุดทำงานมาให้ผมแล้วกันนะครับ” หมอภีมปภพพูด
“ตารินทร์นี้ก็อีกคน ไม่เคยบอกพ่อแม่เลยว่าจะมีแฟนเป็นผู้ชาย อาหลานนี้เขาดื้อเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะต้นแม่ละปวดหัวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นแม่ไปก่อนนะ เออ อีกอย่างนะ เราเจอหนูดาวิกามั้ย แม่บอกว่าเราอยู่ห้องผ่าตัด แต่แม่ไม่ได้บอกหรอกนะว่าแฟนตารินทร์เขาอยู่นี้แม่กลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่โต” แม่ของหมอภีมพูด ผมหันมามองหน้าหมอภีมเขากับคุณดาวิกา
“ผมเจอเขาตอนพาลูกชายของต้นลงไปหาอะไรทานแค่นั้นนะครับแม่ ” หมอภีมปภพพูด ผมสะบัดหน้าไปมองนี่เขารู้หรือเปล่าว่าเอิร์ธนะลูกชายผมนะ แต่ผมยังไม่ได้ถามหมอภีม
“คงลงมาแล้วไม่เจอนะ เขาแค่จะแวะมาหาภีมในฐานะพี่ชายนะต้น ถึงจะถอนหมั้นกันไปแล้วแต่อย่างน้อย หมอดาเขาก็นับถือหมอภีมเป็นพี่ชาย ใช่ไหมภีม” แม่ของหมอภีมพูด
“ผมก็ขอให้เป็นแบบนั้นครับแม่ และตอนนี้ผมกับต้นก็เข้าใจกันแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับผมและต้นอีก “หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกครั้ง
“แม่จะพยายามคุยกับหมอดาให้นะ แต่ขนาดพ่อแม่เขาตัดขาดเราไปแล้ว หนูดายังไม่ยอมเลยภีมแต่เอาเถอะ บางที่ผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า”
“ถ้าอย่างนั้น แม่ขอให้น้องชายเราปลอดภัยนะ จะว่าไปต้องขอบคุณซิ ที่ช่วยปกป้องตารินทร์หลานแม่ นะต้น แต่พ่อของรินทร์เขาก็เป็นเหมือนพ่อตาภีม แต่ไม่ใช่ว่าแบบที่เราสองคนเป็นมันไม่ดีนะ ของแบบนี้ มันพูดยากจริงๆ และตอนนี้พ่อเขานะเบาลงแล้ว ว่างๆก็ไปทานข้าวกันนะต้นนะ” แม่ของหมอภีมพูดผมก็พยักหน้าแค่นั้น
“นี่ลูกชายเราเหรอ ต้น”
“ครับผมลูกชายผม” ผมพูดบอกกับแม่ของหมอภีม หมอภีมเปลี่ยนให้มานอนที่ตักเขาแทน ทำให้เห็นใบหน้าเอิร์ธได้อย่างชัดเจน
“เหมือนต้นมากจริงๆ เหมือนราวกับพิมพ์เดียวกันเลยนะต้นนะ น่ารักน่าเอ็นดูเชียว ผิวพรรณก็ดี โชคดีมากนะต้น “ แม่ของหมอภีมชมเอิร์ธ
“งั้นแม่ไปละ แม่ต้องรีบไปเตรียมตัวและจะได้ไปหาพี่สาวเรา ไม่รู้ป่านนี้พ่อลูกบ้านนั้นตีกันไปหรือยัง” แม่ของหมอภีมพูดก่อนจะเดินออกไป ผมก็ยกมือไหว้ท่านก่อน ผมหันมามองหน้าหมอภีม
“คุณให้ผมอุ้มดีกว่า” ผมพูดและจะหันไปแย้งเอิร์ธมาอุ้ม แต่หมอภีมไม่ให้ผม
“ ทำไมละต้น ผมอุ้มให้ คุณอุ้มตั้งนานแล้วเมื่อย” หมอภีมปภพพูด ผมหันหน้าหนี ผมยังคิดเรื่องหมอดาวิกา
“ต้น คุณคิดเรื่องหมอดาวิกาเหรอ ผมกับดาเราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว และดาเธอก็รู้ว่าผมไม่มีทางมองเธอเช่นคนรักได้ และยิ่งเขาเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องคุณกับเกศรินทร์ผมยิ่งบอกว่าผมรับไม่ได้เธอก็รู้ดี” หมอภีมปภพพูดบอกผม ผมกลับหันหน้าไปมองทางอื่นแทน
“ ต้น…. ดาวิกาเธอไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก และที่เธอยังคงวนเวียนกับผมคงเป็นเพราว่าผมกับเขาสนิทกันในฐานะพี่ชายน้องสาว ดาวิกาเธอเป็นลูกสาวคนเดียวเธอไม่มีพี่น้องเหมือนผม” หมอภีมปภพพูด
“คุณพาลูกผมไปหมอดาเขารู้ไหมว่าเอิร์ธเป็นลูกของผม” ผมถามหมอภีมปภพ
“ต้นผมเองยังไม่รู้เลยในตอนนั้นแต่ผมนะหลงรักเขาไปแล้ว ส่วนหมอดาเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน มีอะไรหรือเปล่าต้น” หมอภีมปภพถามพูด ผมก็ค่อยโล่งอก
“คือ…”ผมกำลังจะเอ่ยปากขอร้องเขาว่าอย่าแนะนำเอิร์ธให้หมอดารู้จัก แต่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตูห้อง
“ก๊อกๆ “ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมพยาบาลประจำห้องผ่าตัด ผู้ที่เปิดประตูเข้ามา
“คุณหมอภีมค่ะ อาจารย์ปรมินทร์ขอคุยกับคุณหมอภีมค่ะ”
“หมอปรมินทร์เป็นคุณอาจารย์หมอเฉพาะทางเกี่ยวกับปอดนะ น้องคุณโดนจุดที่ใกล้กับปอดมาก เดี๋ยวผมกลับมานะต้น และผมจะไปส่งคุณที่บ้าน” เขาหันมาออกคำสั่งผมก่อนจะส่งตาเอิร์ธมาให้ผม เอิร์ธก็ตื่นพอดี เขาก็โผ่มาหาผมทันที่เช่นกัน
-------------------------------------------------------------------------------
หมอภีมปภพ ผมเข้าไปคุยกับหมอปรมินทร์ หมอบอกว่าคนไข้โชคดีที่กระสุนไม่เข้าปอดแต่มีภาวะเลือดออกค่อนข้างมากต้องระบายเลือดที่คั้งออก อาจารย์หมอบอกว่าร่างกายเขาตอบสนองได้ดี แต่คงต้องอยู่ในห้องไอซีสักพัก ตอนนี้เหลือการผ่าตัดที่ช่องท้องซึ้งต้องลัดลำไส้ออกแต่ไม่เยอะมากเพราะว่ากระสุนทะลุลำไส้ จากรรายงานที่แพทย์เวรเขียนส่งเวรเอาไว้ เขาโชคดีที่อวัยวะภายในไม่ได้รับความเสียหายมาก และได้รับการปฐมพยาบาลจากทีมแพทย์ทหารที่มีความชำนาญในการช่วยคนถูกยิง
ผมก็กำลังจะเดินมาบอกข่าวดีกับต้นตระการทันที ว่าน้องเขาจะเข้าผ่าตัดคืนนี้ตอนตอนสามทุ่มอีกทีแค่นั้น
“คุณแม่สวัสดีครับ “ผมเดินไปที่ห้องรับรองสำหรับญาติคนใคร ผมก็เห็นแม่ของต้นตระการนั่งอยู่แต่ไม่มีต้นและเอิร์ธ นี้หนีผมกลับไปอีกแล้วเหรอ
“สวัสดีค่ะหมอภีม” แม่ของต้นยกมือรับไหว้ผม
“ คุณแม่ครับ ต้นละครับ” ผมรีบถามทันที
“ต้นเขาพึ่งจะลงไปข้างล่างเห็นว่าจะพาเอิร์ธกลับบ้าน ต้นว่าจะนั่งแทกซี่กลับนะคะ นี้เขมเขาก็เพิ่งจะเดินลงไปส่ง” แม่ของต้นบอกกับผม
“เดี๋ยวผมจะขึ้นมาแจ้งรายละเอียดการรักษาของลูกชายคุณแม่นะครับ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที ผมตรงไปที่ลิฟต์ แอบคิดในใจต้นนะต้น ทำไมชอบหนีผมอยู่เรื่อยเลย ทำไมเราไม่หันมาปรับความเข้าใจและคุยกันก่อน ทันที่ลิฟต์เปิดออก ผมก็รีบเดินออกมา ผมเกือบจะสวนกับเขมน้องชายของต้น
“เขม “ผมเรียกเขาเอาไว้ก่อน
“พี่หมอภีม ว่าไงครับ”
“ต้นละครับ”
“พี่ต้นกำลังกลับบ้านนะครับ นี้เพิ่งจะเดินออกไป พี่ต้นเขาจะไปแท็กซี่นะครับเขาไม่อยากให้พี่ต้องลำบาก…” เขมพูดบอกผม แต่ผมไม่ทันได้รอฟังให้จบ ผมวิ่งไปจุดที่สำรับเรียกแทกซี่ ผมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ผมไปถึง ผมเห็นว่าต้นกำลังอุ้มเอิร์ธเดินข้ามไปยังจุดทึ่จัดเอาไว้ให้รถแท๊กซี่จอดรอรับผู้โดยสาร
“ต้น!! “ ผมตะโกนเรียกชื่อเขา ต้นหันมามองผม จังหวะนั้นจู่ๆก็มีรถเก๋งขับและตรงมาหาต้น ทั้งที่ต้นอยู่เกือบริมถนน
“ต้นระวัง!!” ผมตะโกนเพื่อให้ต้นหยุดก่อนไม่เดินออกไปมากกว่านั้น
“เอี้ยด!!” เสียงรถเบรกแต่ผมไม่ได้ยินเสียงชนนะผมก็วิ่งไปให้ถึงต้นให้เร็วที่สุด
“ต้น!!” ผมตะโกน ผมรีบวิ่งไป ผมเห็นต้นล้มอยู่ที่พื้นฟุตบาตแต่ไม่ได้ถูกชนเพราะว่ามีพลเมืองดีใกล้ๆกระฉากเขาให้ออกจากจุดนั้นได้ทัน ผมรีบตรงเข้าไปหาต้นทันที
“เอิร์ธ เอิร์ธ” ต้นร้องถามลูกชายเขาก่อน ผมเห็นพลเมืองที่ล้มลงไปด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณนะครับพี่” ผมขอบคุณคนที่ช่วยต้น
“แงๆๆๆ” เสียงเอิร์ธร้องไห้จ้าเพราะว่าตกใจ ผมนะไปดูคนที่ช่วยต้นไว้ก่อน เขาก็ยกมือว่าเขาโอเค
“วอหนึ่งเรียกวอสอง ติดตามรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาสด้าสีดำ ขับเฉียวคาดว่าอาจจะอยู่ในอาการเมา ขับตรงไปยังเส้นXXXX”
“รับทราบ” เขาคนนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบนั้นเอง
“ต้น เป็นไงบ้าง” ผมถามต้นตระการ ต้นเขาก็มองหน้าผม เขายังคงกอดลูกชายเขาเอาไว้ แน่ละคงเสียขวัญทั้งคู่ ผมแบมือขอรับลูกชายเขา ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินวิ่งมายังจุดที่เกิดเหตู ผู้เห็นเหตุการณ์คงแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลให้ทันทีเหมือนกัน
“ เป็นยังไงบ้างครับ”คุณตำรวจตรงเข้ามาถามต้นตระการ ต้นมองหน้าเขาก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบ
“ตอนนี้ผมแจ้งให้ตำรวจท้องที่สกัดจับรถคันดังกล่าวแล้วนะครับ ผมภาวนะว่าให้หาเจอแต่เสียดายที่รถไม่ได้บิดแผ่นป้ายทะเบียน” คุณตำรวจนอกเครื่องแบบสอบถามผมและต้น
“ขอบคุณนะครับ “ ผมพูดขอบคุณ ตอนนี้พยาบาลขอต้นดูแผลที่แขน น่าจะเกิดจากตอนที่เขาล้มลงที่พื้นฟุตบาทแถมต้นยังเอาตัวลงเพื่อปกป้องเอิร์ธอีกด้วย
“ฮือๆๆ ฮึกๆ ฮือๆ พ่อ… พ่อ”
“เอิร์ธ ไม่ร้องลูก”ผมปลอบเอิร์ธ
“พาคุณต้นเข้าไปทำแผลให้ผมหน่อย เขาเป็นแฟนผม” ผมพูดกับเจ้าหน้าที่พยาบาลดูจากชุดเครื่องแบบ เป็นทีมที่พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่รถฉุกเฉิน พวกเขาหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าตกใจก่อนจะหันไปมองต้นและหันกลับมามองผมที่อุ้มเด็กไว้อีก
“เอา! รีบพาคุณต้นไปทำแผลซิครับ” ผมพูดขึ้นเสียง
“ไม่ต้องครับ ผมจะกลับบ้าน ผมไปทำแผลที่บ้านดีกว่า โอ้ยย!!” ต้นพูดและพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็เจ็บที่แขน
“ต้น ทำไมคุณดื้อแบบนี้ละ นี้เอิร์ธก็เสียขวัญนะคุณ ทำแผลก่อนและผมจะไปส่งคุณเองต้น” ผมพูดบอกต้น
“ผมรบกวนโทรขอรถให้ผมหน่อยผมจะไปส่งแฟนผมที่บ้านครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลของผมเขาก็วิ่งกลับเข้าไป
“ต้นเข้าไปทำแผลก่อน ผมจะไปส่งคุณ” ผมบอกต้นตระการอีกครั้ง โดยมีสายตานายตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ เขาก็มองผมกับต้นสลับกันไปมา
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยนะครับ แล้วนี่คุณจะให้แฟนไปลงบันทึกประจำวันไหมครับ ไปลงพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ ผมผู้กองธงชัย ผมประจำการอยู่สน.XXXX “นายตำรวจหนุ่มหันมาบอกผมกับต้นผมพยักหน้าแค่นั้นก่อนจะรีบลุกขึ้น ผมยังอุ้มเอิร์ธที่กอดผมตัวสั่นด้วยอาการตกใจ เจ้าหน้าที่ก็พาต้นตระการเพื่อเข้าไปทำแผลในห้องฉุกเฉินก่อน พาเอิร์ธไปและพาไปหาที่นั่ง ผมก็ตรวจเช็ดดูตามร่างกายเขาแต่ไม่กล้าพาเข้าห้องทแผล ผมกลัวว่าถ้าเขาเห็นเจ็บอาจจะร้องไห้งอแงหนักกว่าเดิม
“ปลาๆ อาหมอดูปลา “ ผมพาเขาไปนั่งบ่อปลาแทน โรงพยาลาลผมมีสระเลี้ยงปลาอยู่ตรงใจกลางแต่มีกระจกกันเพื่อให้เกิดอันตรายกับเด็กๆที่มาใช้บริการ
“พ่อต้น!” น้องเอิร์ธร้องเรียกทันที่เห็นเจ้าหน้าที่พาต้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ผมรีบอุ้มเอิร์ธเดินตรงเข้าไปหาต้นทันที ผ้าพันแผลที่พันแขนด้านซ้ายตั้งแต่ข้อศอกไปถึงท่อนแขนล่าง
“คุณภีมค่ะคุณต้นมีประกันกลุ่มด้วยนะคะ “ ต้นหันไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้ากังวล
“ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตนะภีม ผมจ่ายเองได้ไหม” ต้นหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าได้แต่
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอรับผิดชอบเอง เข้าบัญชีผมเพราะว่าถ้าใช้ประกันของคุณต้นผมคิดว่าอาจจะยุ่งยากกว่าและก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายคุณต้นเขาทำด้วยเหตุผลอะไร ” ผมหันไปบอกเจ้าหน้าที่การเงิน
“ผมจะจ่ายเองครับ ” ต้นยังคงดื้อกับผมอีก
“ไม่ต้น “ผมหันไปเอ็ดต้น “รบกวนทำตามที่ผมบอกนะครับคุณนัฐรีย์”ผมพูดและหันไปจับแขนข้างที่ไม่เจ็บของต้น
“คุณณัฐรีย์ครับ ผมรบกวนประสานงานเรื่องรถที่จะไปส่งผมกับแฟนผมที่บ้านเขาทีนะครับ หลังจากที่คุณต้นรับยาแล้ว” ผมหันไปบอกคุณณัฐรีย์อีกครั้ง เขาก็หันมาพงกศีรษะรับทราบ
“คุณต้นนั่งรอที่นี้ก็ได้ค่ะ คุณหมอเนตรนภาสั่งยาเอาไว้ให้ เดี๋ยวพี่ให้น้องเนิร์ดเอดไปเอามาให้ได้ค่ะ ไม่ต้องเดินไปเองค่ะ” พยาบาลห้องที่ทำแผลให้ต้นเมื่อสักครูบอกกับต้น เอิร์ธทำท่าจะไปหาต้นเพ่อให้ต้นอุ้มเขา
“อาหมออุ้มดีกว่าเอิร์ธ พ่อต้นเขาเจ็บแขนเห็นไหมครับ” ผมบอกน้องเอิร์ธ
“ภีม อย่าบอกเรื่องเมื่อสักครูให้แม่กับเขมฟังนะ ผมขอละ” ต้นตระการหันมาบอกผม ผมหันไปมองหน้าเขาว่าทำไมละ แต่ผมก็ต้องพยักหน้าตอบไป
“ผมจะให้คนเช็กกล้องวงจนปิดให้พรุ่งนี้และตามล่าว่าใครทำแบบนั้นกับคุณ ถ้าเป็นคนเมาอย่างที่นายตำรวจคนนั้นว่า ผมก็ต้องเอาผิดนะ คุณอุ้มลูกและถ้าคนที่เจ็บเป็นลูกคุณด้วยละต้น “ ผมบอกต้นตระการสีหน้าเขาดูกังวลขึ้นมาทันที ผมแตะที่แขนเขาเบาๆ
“ให้ผมไปส่งนะต้น เพราะว่าผมจะได้แน่ใจว่าคุณและเอิร์ธกับถึงบ้านปลอดภัย ส่วนน้องคุณนะจะรอผ่าตัดอีกครั้งเดียวตอนสามทุ่ม ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เขาใกล้จะพ้นขีดอันตรายแล้วต้น” ผมบอกต้นตระการ ต้นเขาพยักหน้าให้ผม ก่อนจะหันไปรับยาจากพยาบาลมาถือเอาไว้
“คุณหมอภีมค่ะ รถที่คณหมอขอเอาไว้ รออยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ” พี่อุ่น พยาบาลเวรตรวจการวันนี้ เดินเข้ามาบอกผม ผมพยักหน้าเป็นการขอบคุณ และพากันเดินไปขึ้นเพื่อนพาต้นและเอิร์ธกลับบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ดูท่าเอิร์ธจะง่วงนอนแล้วด้วย
“เอิร์ธเขาเข้านอนเร็วนะภีม” ต้นหันมาบอกผม ผมพยักหน้าว่าโอเค ผมเปิดประตูให้ต้นเข้าไปก่อนและผมก็ตามเข้าไปโดยอุ้มเอิร์ธไว้
“รบกวนไปส่งหมู่บ้านXXXX” ต้นเป็นคนบอกทาง ผมหันไปมองต้น
“มีอะไรเหรอภีม” ต้นถามผม
“คุณนี้อยู่แค่ตรงปลายจมูกผมแท้นะต้นแต่เหมือนกรรมบัง ผมมาพักอยู่ใกล้กับที่โรงพยาบาลนี้ตั้งแต่ผมย้ายมาจากเขาใหญ่ แต่อย่างว่าและ ผมไม่เคยเจอครอบครัวคุณเลยต้น”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ
“ผมขอโทษนะภีม ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้คุณเจอครอบครัวผม ก็เพราะว่าผมไม่อยากให้พ่อผมเสียใจ ถ้าลูกชายสองคนของพ่อผมจะเป็นเกย์แต่ตอนนี้ก็สามคนแล้วซิ “ ต้นตระการพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ผมก็แตะแขนต้นเอาไว้ ไม่นานรถเก๋งประจำตำแหน่งของผมก็มาส่งที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้นรูปทรงทันสมัยแม้จะไม่แพงเป็นร้อยล้านแต่ก็ดูสวยและน่าจะปลูกไม่นาน
“บ้านหลังนี้พ่อผมปลูกเองท่านกะว่าจะมาพักหลังจากเกษียณอายุราชการพร้อมกับแม่แต่พ่อมาเสียชีวิตลงซะก่อน ผมเองก็ไม่ได้บอกคุณภีมเรื่องพ่อผม “ ต้นหันมาบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ
“ถ้าผมจะกลับผมจะโทรบอกอีกทีนะครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณต้นก่อน” ผมหันไปบอกคนขับรถ เขาก็พยักหน้าแต่ต้นหันมามองหน้าผม ผมก็อุ้มเอิร์ธลงมา
“คุณแขนเจ็บ ผมช่วยดูแลเอิร์ธและดูแลคุณ ให้ผมทำนะต้น เป็นการชดเชยที่ผมปล่อยให้คุณเผชิญกับสิ่งที่ผมเองก็มีส่วนผิด อยู่คนเดียว” ผมพูดต้นก็พยักหน้าแบบจำใจ ผมเดินเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่ผมเห็นคือรูปครอบครัวต้นสวมชุดราชการและก้อง และเขมก็สวมเสื้อครุยถ่ายรูปกับพ่อแม่
“เอิร์ธหิวไหม ย่าทำอาหารเอาไว้ให้นะ” ต้นหันไปมาถามน้องเอิร์ธ
“ผมว่าพาเอิร์ธอาบน้ำก่อนจะดีกว่า เพราะว่าในโรงพยาบาลเชื่อโรคค่อนข้างเยอะ ต่อให้โรงพยาบาลของผมจะสะอาดปลอดภัยก็ตามและคนไข้ไม่ได้จนแออัดเหมือนโรงพยาบาลรัฐก็เถอะ แต่เพื่อความปลอดภัย “ ผมพูดบอกต้นตระการ ต้นเขาก็พยักหน้า
“ห้องน้ำอยู่ไหนครับต้น ผมจะอาบให้เขาเอง แขนคุณนะเป็นแผลและยังไม่สมควรจะโดนน้ำนะต้น “ผมบอกกับต้น ต้นเขามองหน้าผมก่อจะเดินนำไป ผมก้มลงมองหน้าเอิร์ธ เขาก็ยิ้มตาหยีให้ผม ทำไมผมถึงได้รู้สึกถูกชะตาเด็กคนนี้ตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเจอเขา เพราะว่ามันมีใบหน้าของต้นตระการซ้อนขึ้นมาทุกครั้งที่ผมมองเขา
“ห้องนอนผมเองแต่ผมกลับมาได้แค่ปีละสองครั้ง บางครั้งผมก็แอบคิดนะว่าทำไมผมต้องไปอยู่ที่ไกลๆ ที่ต้องอยู่ห่างจากแม่และน้องๆแบบนี้ “ ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดอีกครั้ง
“ใจผมก็ไม่อยากให้คุณเป็นปลัดแต่ผมเห็นความตั้งใจของคุณแล้ว ผมเลยไม่กล้าค้านคุณตั้งแต่แรกหรอกนะต้น ” ผมพูดกับต้นขณะที่ต้นกำลังเปิดน้ำในอ่างอาบน้ำ ผมก็ถอดเสื้อผ้าเอิร์ธรอ ผมสังเกตุเอิร์ธไม่พูดอะไรเลยได้แต่มองผมกับต้น
“อาหมออาบน้ำให้นะครับ วันนี้พ่อต้นแขนเจ็บ “ผมก้มลงบอกเอิร์ธ เอิร์ธหันไปมองต้น
“อาหมอเป็นเพื่อนพ่อนะ ให้อาหมออาบน้ำให้ก่อนนะเอิร์ธ วันนี้พ่อต้นแขนเจ็บ นะครับ” ต้นก้มลงบอกเอิร์ธ เอิร์ธก็พยักหน้าเบาๆ
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นจะชนพ่อ” เอิร์ธพูดขึ้น ผมก็สะบัดหน้าไปมองเอิร์ธ ต้นก็ก้มลงมองเอิร์ธเช่นกัน
“ เอิร์ธพูดเรื่องอะไรลูก “ต้นถามเอิร์ธ
“ผู้หญิงคนนั้นในรถคันนั้น” ผมเงยหน้ามองต้น
“เอิร์ธเห็นคนขับรถ คุณไม่เห็นคนขับรถเหรอต้น” ผมถามต้นตระการ เขาก็ส่ายหน้าว่าไม่เห็น
“เอิร์ธ เห็นเหรอครับว่าใครเป็นคนขับรถคันนั้นนะ” ผมถามเอิร์ธ แต่ดูเอิร์ธเงยหน้ามองต้นและน้ำใสๆเริ่มไหล เขาคงยังตกใจกลัวอยู่แน่ๆ
“ช่างมันเถอะเอิร์ธ มันแค่อุบัติเหตุเขาคงไม่ตั้งใจหรอกเอิร์ธ” ต้นตระการย่อตัวลงเอาแขนข้างที่ไม่เจ็บกอดเอิร์ธ
“แม่ก็ชอบตีพ่อ เอิร์ธไม่ชอบผู้หญิงเลย ฮือๆ” ผมหันไปมองต้นจริงเหรอ ต้นส่ายหัวให้ผมแต่ผมเชื่อว่าเด็กไม่โหก
“ไม่มีอะไรหรอกเอิร์ธ อาบน้ำเถอะและจะได้ลงไปทานอาหารกัน วันนี้ย่าทำไข่พะโล้ที่เอิร์ธขอบนะ เดี๋ยวพ่อไปเอาชุดนอนให้เอิร์ธก่อนนะครับ หมีพูร์ดีไหม” ต้นตระการพูดและเขาก็ลุกออกไป ผมว่าต้นคงเจอมาหนักพอสมควร ร่วมทั้งเอิร์ธ ผมเองก็เคยช่วยแม่ผมดูแลหลาน ลูกพี่สาวคนที่สองของผมแต่ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่แฟนที่อังกฤษแล้ว ไปเป็นหมอที่นั้น ดังนั้นผมเลยหลอกล้อเอิร์ธให้อาบน้ำกับผมได้
“เอิร์ธครับ เดี๋ยวอาหมอเช็ดผมให้ก่อนนะครับ ถ้าผมเปียกเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ” ผมบอกเอิร์ธ ผมก็ค่อยบรรจงใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวเด็กน้อย ผมเขานิ่มเหมือนผมของต้นตระการ
“เอิร์ธครับ แม่เกศรินทร์ชอบทำร้ายพ่อต้นเหรอครับ” ผมถามน้องเอิร์ธ
“เวลาแม่โกรธพ่อ แม่ก็ตบหน้าพ่อ เอิร์ธไม่ชอบเลย ฮึกๆ ”
“โอ๋ๆ อาขอโทษนะที่ถามเอิร์ธ ไม่ร้องนะครับ “ผมพูดและกอดน้องเอิร์ธเอาไว้
“แต่พ่อบอกว่าไม่ให้เอิร์ธแกล้งผู้หญิงมันไม่ดี เป็นเด็กไม่ดีด้วย” เด็กน้อยพูดพร้อมกับเงยหน้ามองผม ยิ่งผมมองเขาใกล้ๆแบบนี้ มันทำให้ผมเห็นใบหน้าต้นตระการซ้อนเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นตาที่คมกริบ จมูกที่โด่งเรียว ปากรูปกระจับ ใบหน้าเรียว ทุกอย่างมันถูกสร้างมาด้วยความตั้งใจแม้ว่าเขาจะทำไปโดยไม่รู้ตัวเพราะฤทธิ์ยาก็ตาม
“เอิร์ธลงไปทานข้าวกันดีกว่านะครับ พ่อต้นรออยู่” ผมบอกเอิร์ธ เอิร์ธเขาก็หันมามองหน้าผมและยิ้มให้ผม จังหวะนั้นต้นขึ้นมาพอดีเลย
“เอิร์ธทานข้าวนะครับ มันจะได้เวลาเอิร์ธเข้านอนแล้วนะ และพรุ่งนี้เราจะได้ไปหาอาก้องกันแต่เช้า” ต้นตระการบอกกับเอิร์ธ
“คุณละ ทานด้วยกันซิ แม่ผมทำอาหารเอาไว้หลายอย่าง” ต้นตระการหันมาถามผม
“แม้ผมก็คิดว่าคุณต้นจะปล่อยให้ผมหิวซะอีก” ผมหันไปถามต้น
“หรือจะไม่ทานก็ตามใจนะ “ ต้นพูดก่อนจะหันหลังเดินจากห้องทันที
“อาหมอทำพ่อต้นโกรธอะเปล่า” เอิร์ธลุกขึ้นยืนและแหงนหน้าขึ้นมองผม
“สงสัยอยู่นะแต่ไม่เป็นไร อันนี้อาหมอไปงอ้ได้ “ผมบอกเอิร์ธก่อนจะใช้ฝ่ามือหยีหัวเล็กนั้นและพากันเดินลงไปที่ชั้นล่าง เอิร์ธเป็นคนนำผมไปยังห้องทานอาหาร อาหารทุกอย่างถูกจัดไว้บนโต๊ะเรียบร้อย
“อันที่จริงคุณน่าจะรอให้ผมลงมาช่วยนะต้น “
“ไม่เป็นไรหรอกภีมนั่งซิ ว่าแต่คุณจะกลับยังไง เพราะว่านี้ก็เกือบจะสองทุ่มครึ้งแล้ว “ต้นตระการถามผม ผมก็เหล่ตาไปมอง นี้ไล่กันเหรอ
“ผมไม่ได้บอกว่าผมจะไล่คุณกลับแต่ คุณต้องหน้าที่คุณหมอพรุ่งนี้ด้วยไม่ใช่เหรอครับ คุณหมอภีม” ต้นตระการพูดก่อนละเบียงสายมามองผมแว๊ปหนึ่งและหันไปตักอาหารให้เอิร์ธ
“อาหมอ อาหมอทำพ่อโกรธ อาหมอง้อพ่อต้นหรือยัง” จู่เอิร์ธก็ถามผมขึ้นมา ต้นตระการสะบัดหน้ามามองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้
“เดี๋ยวอาหมอจะง้อหลังอาหารเย็นนะครับ น้องเอิร์ธ” ผมพูดต้นก็มองหน้าผม และหันไปเหล่ตามองเอิร์ธ ก่อนจะหันกลับมามองผมอีกที
“คุณบอกอะไรลูกผม” ต้นตระการถามผมขณะที่เอิร์ธกำลังสาระวนตักอาหารทานอยู่
“เด็กสมัยนี้ไวกว่า4จีอีกนะ ผมว่าเขาน่าจะดูผมกับคุณออก” ผมพูด
“อย่า….” ต้นทำท่าจะห้ามปรามผม
“หึ?”
“อย่าเพิ่งบอกเอิร์ธตอนนี้ ผมขอ” ต้นตระการพูดกับผม เอิร์ธเงยหน้าขึ้นมามองผมกับต้นสลับกันไปมา
“พ่อกับอาหมอทะเลาะกันอีกแล้วเหรอครับ” เอิร์ธเอ่ยปากถามผมสองคนและมองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา แสดงว่าเขาไม่ชอบให้คนทะเลาะกันแน่ๆ เพราะดูจากสีหน้า เหมือนทำท่าจะร้องไห้
“ไม่ … ไม่เลย ไม่ได้ทะเลาะกันครับ ดูซิ นี่อาหมอยังตักอาหารให้พ่อต้นเลยเห็นไหมครับ” ผมพูดบอกเอิร์ธและตักอาหารใส่จานให้ต้น อันที่จริงผมก็ทำกับเขาแบบนี้ทุกครั้งที่เราไปทานอาหารด้วยกัน ดังนั้นผมจะรู้ว่าเขาทานอะไรไม่ทานอะไร และผมก็หันไปจะตักอาหารให้เอิร์ธแต่ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร
“เอิร์ธเขาทานแค่น้ำพะโล้และไข่แดงนะภีมเขาไม่ค่อยชอบทานเนื้อหมู” ต้นตระการบอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น ผมคงต้องค่อยเรียนรู้ไปที่ละเล็กทีละน้อย แต่แค่ผมก็รู้สึกรักเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดจากผู้หญิงที่แย้งของรักผมไปครองก็ตาม สีหน้าและแววตาที่ใสซื่อคู่นี้แต่มันแฝงไว้ซึ่งบางสิ่งที่ทำให้เขาไม่หวาดกลัวอยู่ลึกๆและเหตุการณ์วันนี้อีก ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันทีทำแบบนั้น กับคนที่ผมรักและของที่เขารักดังดวงใจแบบนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้าหมอภีมกับพี่ต้นเขาจะรีือฟื้นความหลังกัน จะมีท่านผู้ชมมาปูเสื่อรอไหมนะ