รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม  (อ่าน 40371 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 :pigha2:***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
สารบัญ
1. EP.1 เปิดตัวครูเขมชาติ
2. EP.2 เขมชาติ X ณัฐกานต์  NC เบา ๆ ก่อนณัฐการต์จะกลับ
3 .EP.3 วันแรกของการเป็นครู 1
4. . EP.3.1 วันแรกของการเป็นครู2
5. . EP.3.2เดทแรกของครูเขมกับนายคริส
6. EP.4 ผมหวังว่าจะได้เห็นเขาเข้าเรียนกับผมนะ
7. EP.4.1  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งแรก)
8. EP.4.2  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งหลัง)
9. ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ EP.5  เขาทำให้ผมเริ่มสับสน
10.ครูเขมชาติXณัฐกานต์ EP.5.1 ปัญหาที่สะสมและความไว้ใจที่ลดลง
11. EP.5.2 เขมชาติ  พี่ก้องพยายามบอกอะไรเขมชาติ
 12. EP.5.3  ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์ทะเลาะกัน
13. EP.6 (ครูเขมXคริสโตเฟอร์)ผู้หญิงที่พ่อผมเคยช่วยเหลือเพื่อนเขาไว้
14. EP.6.1 ผมควรจะเลือกทางไหนความรัก 4 ปี หรือว่าจะไปเร่ิมต้นใหม่
15. EP 7 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์   เมื่อคริสโตเฟอร์งานเข้า
16. EP.7.1 ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+ ครึ้งแรก
17. EP.7.2ครููเขมงอนแล้วนะคริสตามง้อ ปล.18+ ครึ้งหลัง
18.EP. 8 (เขมชาติXคริสโตเฟอร์ )  เรื่องธรรมชาติเรามาช่วยกันครับครู NC 18+
 

19.(ครูเขม X คริส) EP.9 ความสุขเล็กๆของผมสองคน  1
20. EP.9.1 ความสุขเล็กๆของผมสองคน  2
21.EP.9.3เขมชาติXคริสโตเฟอร์ เมื่อครูเขมจับได้ว่านายคริสหลอกครูอีกแล้ว
22.(ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์) EP.10 ก้าวแรกของปัญหาเริ่มมา
23. EP.10.1  (เขมXคริส) อยากแนะนำพี่ให้เพื่อนๆผมรู้จัก
24. EP.10.2สุดท้ายความรักของผมก็จบแบบไม่สวย
25. EP.11 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองก่อน 1
26. EP.11.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ทำไมพี่ไม่ฟังหัวใจตัวเองก่อน2
27. EP.11.2 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุก NC 18+(ครึ้งแรก)
28.EP.11.3 เขมชาติXคริสโตเฟอร์ รุกเจอรุก NC 18+(ครึ้งหลัง)
29. (ครูเขมXคริส ) EP.12 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 1
30.(ครูเขมXคริส ) EP.12.1 นี้คือบททดสอบของผมและเขา 2
31.EP.12.2 ครูเขมXคริส เมื่อครูลินดาขอให้ผมช่วย
32.( ครูเขมXคริส) EP.13 เซอร์ไพรส์มากปันปัน
33. EP.13.1 แก้มมีสิ่งที่ทำให้ผมต้องยอมทำตามที่เธอขอ
34.EP.13.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เมื่อครูงอนผมคริสต้องง้อ NC 18+

35. EP.14ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  ใครกันที่มาช่วยคริสไว้
36. EP.14.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  จริงๆแล้วโป้งไม่ได้ทิ้งผมไปไหน
37. EP.15 ครููเขมชาติXคริสโตเฟอร์  ผมจำเป็นต้องทำแต่ใจก็หวงคริสโตเฟอร์
38.EP.15.1ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  แฟนจำเป็นหรือว่าจะเป็นแฟนจริงๆ
39. EP.15.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เมื่อคริสทำพี่เขมค้างหนักมาก  NC 18+
40. EP.15.3 ครูเขมXคริส  คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วัน
41. EP.15.4 ครูเขมXคริส คริสโดนครูเขมทำโทษ 3 วัน  2
42. EP.16 เขมX คริส  ผู้ชายคนนี้ของผมแล้วห้ามมาเอาคืน
43. EP.17 ครูเขมX คริส เมื่ิิอผมกายเป็นครูผู้อกหักในสายตาทุกคน P1
44. EP.17 ครูเขมX คริส เมื่ิิอผมกายเป็นครูผู้อกหักในสายตาทุกคน P2
45. EP.18ครูขม X คริส เมื่อความลับถูกเปิดเผย
46. EP.18.1 ครูเขมX คริส เมื่อสถานะถูกเปิดเผย ก็ตอ้งแยกกันสักพักครึ้งแรก
47.EP.18.2 ครูเขมX คริส เมื่อสถานะถูกเปิดเผย ก็ตอ้งแยกกันสักพักครึ้งหลัง
48. EP.19 ครูเขมชาติXคริสโตฟอร์ สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือการถูกทิ้งจากคนที่ผมไว้ใจ
49. EP.19.1 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้งแรก
50. EP.19.2 ความลับที่โป้งเก็บไว้ตลอดห้าปีครึ้งหลัง
51.พิเศษ ปันปัน X โป้ง  ใช้เวลานานไปไหมอ่ะโป้ง NC 18+
52.พิเศษ โป้ง VS ปันปัน    เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งแรก
53.พิเศษ โป้ง VS ปันปัน    เพื่อนกันต้องช่วยกันครึ้งหลัง
54. EP. 20 ครูเขมXคริส  ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งแรก
55. EP. 20.1 ครูเขมXคริส  ครูเขมชาติพบทางออกครึ้งหลัง
56. EP.21ทำให้ผมไม่กล้าทิ้งนักเรียนไปจริงๆ
57. EP.26 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  พี่เชื่อว่าพรุ่งนี้มันจะดีขึ้นคริส  NC18+
58.พิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก 1
59.พิเศษ อาร์ท VS โจ เหตุเกิดจากความรัก 2
60.EP.22 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED
61.EP.22 .1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เรื่องเตรียมตัวเพื่อไปสอบGED 2
62. EP.23 ครูเขมXคริส  ครูเขมตั้งใจจะตามหาครูมิ้งกับแชมป์
63. EP.23.1 ครูเขมชาติ ครูอยากให้เธอเข้าเรียนกับครูนะแก้ม
64. EP.24 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์   การสนทนาระหว่างแม่ของคริส 1
65. (ครูเขมxคริส) EP.24.1การสนทนาระหว่างแม่ของคริส 2
66. EP.25 ครูเขม Xคริส  งานเข้าคริสโตเฟอร์อีกแล้ว 1
67.EP.25.1 ครูเขม Xคริสแก้มช่วยผมอีกครั้งแต่ผมก็รักเธอแบบที่เธอต้องการไม่ได้
68.EP.26 ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิง(ครึ้งแรก)
69.EP.26 ครูเขมXคริส วันแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบชิง(ครึ้งหลัง)
70.พิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 1
71.พิเศษ อาร์ทVS โจ เซอไพรส์วันเกิดอาร์ท 2
72.พิเศษ อาร์ทVS โจเซอไพรส์วันเกิดอาร์ท - (เอาคืนกี้) NC เบาๆ
73.พิเศษของโป้งVSปันปัน ขอแค่โป้งจะไม่ปล่อยมือปันปัน
74.พิเศษ โป้งVSปันปัน ขอแค่เราจะไม่ปล่อยมือกัน 2 NC 18+
75. EP.27 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย 1
76. EP.27.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ ลูกศิษย์ผมยังไงก็ต้องช่วย 2
77.EP.28 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  เมื่อแก้มเปลี่ยนไปในทางที่ดี
78.EP.28.1 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  เหตุผลอะไรที่นายกายต้องการให้คริสออกจากโรงเรียน
79. EP.28.2 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์   เขาคือใครกัน คุณหมอภีมปภพ
80. EP.29 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  โป้งและปันปันถูกใส่ความ
81.EP.29.1ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  หน้าที่ครูที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว(ครึ้งแรก)
82. EP.29.2 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  หน้าที่ครูที่คอยปกป้องนักเรียนดีดีอีกแล้ว(ครึ้งหลัง)
83. EP.30 ครูเขมชาติX คริสโตเฟอร์  หมอภีมนัดครูเขม
84. EP.30.1 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  เมื่อคริสทำให้ครูเขมหึง
85. EP.30.2 ครูเขมชาติให้รางวัลและความจริงจากพี่ก้องเรื่องพี่ต้น NC18+
86.EP.31 สวีทกันเบาๆสามคู่ชูชื่น 1
87. EP.31.1 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 2
88.[url https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049191#msg4049191=] EP.31.3 สวีทกันสามคู่ชูชื่น 3   (ครูเขมหึงนะ) [/url]
89. EP.32 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เพื่อนผมโดนทำร้ายผมก็ต้องเอาคืน
90.EP.32.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  การเข้าใจผิดของผมกับคริสครึ้งแรก
91. EP.32./ ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  การเข้าใจผิดของผมกับคริสครึ้งหลัง





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2021 20:21:33 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ต่อสารบัญ
92.[urlhttps://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72173.msg4049253#msg4049253=] EP.33 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  ผมรู่วาพี่เขมต้องห้ามผมแน่ๆ [/url]
93. EP.33.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ นี้เขากำลังจะทำอะไรคริส
94.EP.34 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ หลักฐานเอาผิดกาย
95. EP.34.1 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ง้อที่รักบนเตียง
96. EP.35 ครูเขมชาติ X คริสโตเฟอร์  งานเข้าวันเกิดคริส เชอรี่แน่ๆ
97.EP.35.1 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ เซอไพรส์วันเกิดคริส NC 18+
98. EP.36 ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ผมยินดีที่จะลาออกจากการเป็นครูหากกายไม่ใช่คนผิด
99. EP.36 .1ครูเขมชาติ Xคริสโตเฟอร์ ข่าวดี
100. EP.37 ครูเขมชาติxคริสโตเฟอร์ EP.37 ในเมื่อกายมันให้เชอรี่ทำให้่ผมก็ให้แก้มช่วย
101. EP.38 ครูเชมชาติXคริสโตเฟอร์  พี่เขมผมคิดว่ามันคงจบลงแล้วพี่
102. EP.39 ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์  เรื่องร้ายก็ผ่านไปซะที
103. EP.40 ครูเขมXคริส  ฟ้าหลังฝนก็ต้องมีเรื่องดีดีเข้ามา

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ครูเขมชาติ


                      ผมชื่อเขมชาติหรือเรียกสั้นๆว่าเขมครับ ผมนั้นจบคุรุศาสตร์บันฑิตจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากการสอบเอ็นทรานส์ติด ผมจบมาได้ปีกว่าแล้วแต่ผมไม่ได้เข้าสอบบรรจุครูทั้นที ผมเข้าไปเป็นครูติวเตอร์ที่ศูนย์ติวเตอร์แห่งหนึ่ง เพื่อนๆผมก็ไปเป็นติวเตอร์ที่นั้น เพราะว่าเงินก็ดีและไม่ต้องมานั่งทำเอกสารและเจ้าของติวเตอร์ก็เป็นอาจารย์ของพวกผมเองด้วย



          และด้วยคำเล่าลืมมาจากรุ่นพี่หลายๆคนของพวกผมที่ได้บรรจุเป็นครู โดยเฉพาะภาครัฐ เขาบอกว่าไม่ได้สอนเหนื่อยอย่างเดียวนะ งานเอกสารก็เยอะ ประเมินนั้นประเมินนี้เยอะแยะไปหมด แต่ทว่าความฝันของผมก็คือการได้รับราชการและเป็นครูเต็มตัว  ผมก็เลยตัดสินใจไปสอบ กพ และว่าผมได้รับจดหมายให้มาเป็นครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนกินนอนและไปกลับเท่าที่ผมทราบคราวๆ และค้อนข้างไกลจากกรุงเทพฯไปหน่อย ขับรถเกือบสี่ชั่วโมงได้



           “เมื่อไหร่ะถึงซะทีละเขม นั่งเมื่อยแล้วเนี๊ยะ!” นัฐกานต์ คนนี้คือแฟนของผม นัฐกานต์จบบัญชีและเขาก็เข้าทำงานที่ธนาคารทันทีที่เรียนจบ ก็เพราะว่าครอบครัวเขาเป็นนักธุรกิจ ประเภทรีสอร์ททำให้มีเงินเข้าหมุนเวียนเยอะ เขาก็เลยได้สิทธิ์ตรงนี้ไปด้วยตั้งแต่ฝึกงานแล้ว



           “ใกล้แล้วครับกานต์ ถ้ากานต์ง่วงหลับก่อนไหมครับ เพื่อว่าจะดีขึ้น” ผมหันไปแตะต้นแขนนัฐกานต์เพราะว่าเขาดูหงุดหงิดนะตอนนี้ อันที่จริงก็ปกตินะ นัฐกานต์จะหงุดหงิดง่ายมากและนี้ดันอดนอนเมื่อคืนเพราะว่าไปเที่ยวกับเพื่อนกลับมาตีสองกว่าๆ ทั้งที่ผมบอกว่าผมจะมาโรงเรียนใหม่แล้วนะ



           “ใครจะไปนอนลง มันนอนสบายที่ไหนละเขมในรถนะ” นัฐกานต์หันมาหัวเสียใส่ผม ผมหันไปมอง



           “อันที่จริงกานต์ไม่ต้องมาส่งเขมก็ได้นิ ถ้า..กานต์เหนื่อยและง่วงมาก”ผมพูดและหันไปมองทางอื่นแทน  ผมนะพยายามจะไม่ชวนณัฐกานต์ทะเลาะ แต่ก็ไม่วายต้องทะเลาะกันบ่อยๆ จนบางทีผมรู้สึกว่าเหมือนเราจะไปกันไม่รอดแต่ผมก็พยายามยื้อ เพราะว่าผมไม่อยากให้ใครมองว่าความรักแบบผมนะเป็นรักที่



           “นี้จะมาชวนทะเลาะเพราะว่ากานต์ไปเที่ยวกับเพื่อนและกลับมาตีสองอีกเหรอเขม” ณัฐกานต์พูดขึ้น หมันไปมองหน้าณัฐกานต์



           “กานต์เครียดนี้….ดันมีหัวหน้าก็คอยจับผิด มีแฟนก็มานั่งห้ามนั้นห้ามนี้ น่าเบื่อนะเขม” ณัฐกานต์พูดอย่างหัวเสีย ผมก็พ่นลมหายใจยาวๆไป พยายามที่จะไม่โกรธเขา เพราะว่าผมก็รักเขาแม้ว่าเพื่อนๆผมจะพากันยุว่าให้ผมเลิกกับเขาได้แล้ว ไม่มีอะไรขึ้นและณัฐกานต์ก็ไม่เคยเข้ากับเพื่อนผมได้เลย เรียกได้ว่าพอณัฐกานต์ลงมาหาผมทุกคนต้องพากันขอตัวไปกันหมด เพราะความขี้วีนของเขานี้แหละ



           “ก็เวลากานต์ไปกินเหล้านะ มันหมดไปกี่บาท ไหนเราจะสร้างครอบครัวกันไงครับ “ ผมพูดหันบอกณัฐกานต์และหันมามองถนนหนทางต่อ



           “ยิ่งพ่อแม่ของกานต์  พวกท่านก็พูดอยู่ว่าความรักของเรามันไม่มีวันไปได้ไกลและมันดูไม่มีอานาคต ดังนั้นเราควรจะทำมันให้ทุกคนเห็นซิกานต์ “ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์ ที่นั่งกอดอก



           “เราต้องช่วยกันเก็บหอมรอมริบ นี้เขมก็อยากมีความมั่นคง เขมเลยเลือกที่จะมาเป็นครูเต็มตัวเพราะมันทำให้เขมดูมีอนาคตที่แน่นอน” ผมบอกณัฐกานต์ ดูท่าเขาจะไม่ได้อยากจะฟังผมเท่าไหร่



           “อนาคตจะไปไกลได้ยังไง ทำไมถึงเลือกมาเป็นครูซะไกลขนาดนี้ กันดาร  ทำไมไม่เป็นครูที่กรุงเทพละ”ณัฐกานต์ถามผม เขาคิดแค่ว่าถ้าได้อยู่ในที่เจริญเท่านั้นชีวิตถึงจะดี



           “ และถ้าเขมได้บรรจุที่นี้ กานต์ไม่ย้ายมาอยู่ด้วยหรอกนะ ไกลและห่างเพื่อนกานต์แบบนี้ ไม่เอาด้วยหรอก” ณัฐกานต์พูด ผมก็เหลือบมองแผนที่บนกูเกิล ที่บอกผมว่าใกล้จะถึงแล้วและเมื่อผมขับไปได้สักพัก็เห็นป้ายชื่อโรงเรียน



           “ถึงแล้วกานต์” ผมบอกคนที่นั่งกอดอกหน้างอ ณัฐกานต์ก็พยักหน้าแบบขอไปที ผมเลี้ยวรถเข้าไปทันที ก่อนจะผ่าน รปภ ของโรงเรียน



           “สวัสดีครับ ผมเป็นครูคนใหม่ครับ” ผมบอกรปภ เขาก็พยักหน้าและออกมาเปิดประตูให้รถผมแล่นเข้าไปได้



           “รบกวนเซนต์ชื่อในสมุดด้วยครับ” รปภ แจ้งกับผมและยื่นสมุดมาให้ผมเซนต์ชื่อในรถ ผมก็ส่งกลับคืนให้เขา



           “ขอบคุณครับ” ผมพูด และขับรถเข้าไปด้านในทันที



           “จะขอบคุณเขาทำไม ก็มันหน้าที่เขาเขม” ณัฐกานต์ อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของการดูถูกคนของณัฐกานต์ ผมหันไปมองและส่ายหัวเพราะไม่อยากชวนทะเลาะกันมากไปกว่านี้ ผมเข้ามาจอดในที่จอดรถที่ร่มๆหน่อยรถจะได้ไม่ร้อน รถคันนี้เป็นรถของพ่อผมที่ผมรักมาก ไม่อยากซื้อใหม่ แม้ว่าณัฐกานต์จะขยั้นขยอผมก็ตาม



           “นี้เหรอโรงเรียน มีแค่ตึกเดียวและเออ เหมือนจะเป็นโรงอาหาร นักเรียนกี่ร้อยคนเนี๊ยะ” ณัฐกานต์ก้าวเท้าลงมาได้ก็บ่นถึงสภาพโรงเรียนทันที



           “630 คน และเป็นเด็กกินนอนที่นี้ก็ประมาณ 350 คน เขามีตึกเดียวก็จริงแต่เขามีบ้านพักให้เด็กๆอยู่ด้านหลังโน้นนะกานต์” ผมบอกณัฐกานต์ เขาก็พยักหน้าแต่ผมดูก็รู้ว่ามันไม่พอสำหรับณัฐกานต์ เขาเชื่อว่าโรงเรียนใหญ่ๆและมีนีกเรียนเยอะๆนั้นจะบ่งบอกว่าผมจะได้ตำแหน่งดีดี และเงินที่ดีตามมาด้วย



           “แล้วนี้จะไปไหนต่อ” ณัฐกานต์ถามผม



           “จะขึ้นไปห้องธุรการก่อนครับ “ ผมบอกณัฐกานต์



           “ถ้าอย่างนั้นรอข้างล่างนี้นะ ไม่อยากขึ้นไปนั่ง มันอืดอัดที่จะเห็นชะนีมอง...เหมือนเป็นตัวประหลาด” ณัฐกานต์พูดพร้อมกับหันหลังออก ผมก็ทำได้แค่พ่นลมหายออกและเดินหันหลังไปขึ้นตึก ก่อนจะเดินขึ้นไปขอจัดปกเสื้อซะหน่อย ดูดีหรือยังก็ไม่รู ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแบบเต็มและเดินหน้าขึ้นไปทันทีแต่ทวะผมกลับได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเหมือนจะลงมาทางผม



           “ตึงๆ” เสียงน้ำหนักเท้าบอกได้ว่าคงจะเป็นเด็กโตแน่ๆ เพราะนี้มันโรงเรียนมัธยมแล้วนะ จังหวะนั้นผมก็เงยหน้าขึ้น ผมเดินขึ้นมาได้ครั้งทางแล้วและผมก็ต้องผงะเพราะว่ามีเด็กผู้ชายวิ่งส่วนลงมาตรงกับผมพอดี ผมถึงกับทำท่าจะหงายหลัง



           “หมับ” มันช่างเหมือนในหนังหรือซีรี่ย์เกาหลีไม่มีผิดเพี้ยนพระเอกคว้ามือนางเอกไว้ได้ก่อนที่จะหงายหลังตกบรรไดไป มันเป็นภาพสโลโมชั่นมาก และมันทำให้สายตาผมจับภาพใบหน้าหนุ่มคนนั้นได้หมด ติ้วที่ดูรกแต่มีเสน่ต์ และนัยต์ตาคู่นั้น นัยต์ตาสีฟ้าไม่น่าจะใช้คนไทยแน่นอน สีผมที่ไม่ดำและไม่แดง เหมือนคนโกรกสีผมที่มีประกายแดงเวลาออกแดด จมูกที่โด่งบอกได้ว่านี้ไม่ใช่มาตราฐานชายไทยแน่น้อย หุ่นที่สูงและดูก็รู้ว่านักกีฬาแน่ๆ แต่ทำไมผมถึงได้พิจารณาเขาได้ละเอียดแบบนี้ เหมือนวิดิโอที่กดค้างไว้



           “เปี๊ยะ” เสียงดีดนิ้วเรียกสติผม ผมกรีบยืนทรงตัวให้ได้ทันที



           “เกือบแล้ว เกือบได้ทำศัลยกรรมแล้วไหมละ ถ้าตกไป ถึงจะแค่ห้าหกขึ้นก็ตาม” เด็กคนนั้นพูดแซวผม ผมมองที่มือของเขาที่จับคว้าแขนของผมเอาไว้ เขาก็ปล่อยและยิ้มให้ผม พร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ชายเสื้อที่หลุดห้อยออกมา ขณะที่ผมก้มมอง



           “หึ” มีเลิกคิ้วมองผม



           “Thank you so much” ผมพูดบอกขอบคุณเขาเป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่าหน้าเขามันบอกได้ว่าไม่ใช่คนไทยแน่นอน



           “พูดไทยก็ได้มั้งครับ ที่นี้ประเทศไทย” เพล้ง! หน้าผมครับ



           “ขอบคุณครับ” ผมพูดและพยักหน้า นี้ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ครูเลยเจอแล้วไงไอ้เขมเอ้ย



           “ไอ้คริสสสส ทำไมมึงไม่รอกูวะ มึงจะรีบไปตามควายที่ไหน” เสียงที่ดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึง ผมก็เงบหน้ามองคนที่มายืนอยู่ชั้นบน



           “ก็มึงช้านี้หว่า ลงมาดิจะได้ไป..เยี่ยว” เด็กคนนี้นพูดและหันมาเน้นคำนั้นตรงหน้าผมก่อนจะฉีกยิ้มให้ผมแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะเท่มากก็เถอะแต่ทำไมสายตาผมมันลดลงมามองตรงเป้าหว่า หรือว่าเพราะผมจินตนาการต่ำไป เงยหน้าขึ้นมามองหน้าตากวนๆนั้น แต่จัวหวะนั้นก็มีเสียงที่ทำให้การจินตนาการของผมหยุดชะงัก



           “นายคริส!” เอาฉายเสื้อใส่ในกางเกงเดี๋ยวนี้นะ อยู่ในเขตโรงเรียนและนี้มันเป็นเวลาเรียน ! “



           “ซวยแล้ววว วิ่งดิ” เสียงครูตะโกนลงมา ผมหันไปมองตาม ดูซิวิ่งซะ ผมก็หันกลับไปมองครูที่ยืนอยู่ที่ชั้นบน ครูเขาก็ตกใจที่เห็นผมเช่นกัน



           “อุ้ย!” ครูสาวตกใจยกมือขึ้นทาบอกทันที ผมก็ส่งยิ้มให้



           “สวัสดีค่ะ มาหาใครคะ” คุณครูรีบถามผม ผมหันไปมองสองคนนั้นที่วิ่งหายไป และหันกลับมาตอบครูที่ยืนอยู่ด้านบน



           “ผมมารายงานตัวที่จะเป็นครูบรรจุที่นี้ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมบอกครูที่ยืนอยู่ด้านบนและก้าวเดินเพื่อขึ้น



           “อ้อ ครูเขมชาติใช่ไหมคะ เชิญคะ ท่านผู้อำนวยการรออยู่คะ มาเร็วนะชับรถจากกรุงเทพเลย”



           “ดิฉันชื่อครูสมพิศคะ เป็นครูที่นี้และเป็นเลขาท่านผู้อำนวยการด้วยคะ” ครูสมพิศบอกผม ผมพยักหน้ารับทราบ



           “เดินทางมาคนเดียวเหรอคะ เก่งจังคะ”



           “ผมมากับ..เพื่อนครับ “ ผมบอกครูสมพิศ



           “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญครูเขมด้านในห้องผู้อำนวยการเลยคะ เพราะว่าท่านจะรีบไปประชุมต่อค่ะ” ครูสมพิศบอกผม ผมพยักหน้าและเดินไปตามที่ครูสมพิศผายมือบอกผม หน้าห้องผู้อำนวยการ ผมเดินเข้าไปในห้อง ผมเห็นผู้อำนวนการที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พร้อมกับกำลังคุยโทรศัพท์ไปด้วย ท่านดูไม่แก่จนเกินไป วัยกลางคนอายุก็ราวๆ 50 ปีเห็นจะได้ ผมยกมือไหว้ท่าน



           “เชิญครับ “ ท่านพูดให้ผมอ่านปากและผายมือให้ผมนั่งลงตรงข้ามกับท่าน ผมก็นั่งลงและไม่นานท่านก็กดวางสายที่ท่านคุยอยู่ทันที



           “ผมมารายตัวที่จะเป็นครูที่นี้ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมบอกผู้อำนวนการ ท่านก็หยิบแฟ้มหนึ่งข้างๆท่านออกมาเปิดและมองผมพร้อมกับมองลงไปเอกสาร น่าจะรูปที่ติดแปะไว้



           “แม้โชคดีจัง ตัวจริงดูดีกว่ารูปแต่ก็ยังหล่ออยู่ดีนั้นแหละครับ “ ผู้อำนวนการพูด ผมก็ยิ้มๆ ให้ท่าน



           “คุณเชมชาติใช่ไหมครับ จบจากคณะครุศาสตร์บัณฑิตมาถูกต้องไหมครับ” ผมพยักหน้า



           “ครับ” ผมตอบแค่นั้น



           “ประสบการณ์ เป็นครูที่ศูนย์ติวเตอร์ไม่เคยเป็นครูในโรงเรียนมาก่อน ถูกต้องไหมครับ” ท่านถามผมก็พยักหน้าเบาๆว่าใช่



           “ลูกหลานผมก็เรียนติวเตอร์กันหมด นี้คือสาเหตุที่ผมเลือกรับครูเข้ามา คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร” ผู้อำนวยการถามผม ผมก็ส่ายหัวทันทีว่าไม่รู้



           “เพราะว่าครูติวเตอร์นี้เอ็นเตอเทรนเก่งนะ เด็กตั้งใจเรียนน่าดู เลยลองเอาครูติวเตอร์มาเป็นครูโรงเรียนบ้างท่าจะดี” ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ยิ้มๆแก้เขิน



           “เด็กๆที่นี้อ่อนภาษาอังกฤษกันมีเก่งไม่กี่คน ผมหวังว่าครูจะทำให้นักเรียนของเราเก่งภาษาอังกฤษกันขึ้นนะครับ เพราะว่า AEC เข้ามาภาษาอังกฤษก็จะต้องเข้ามามีบทบาทมากขึ้น “ ผู้อำนวนการพูด ผมก็ได้แค่ยิ้ม



           “ครูแต่งงานหรือยังครับ” ผู้อำนวยการถามผม



           “เออ..ยังครับ” ผมตอบ



           “มีแพลนไหม” ผมก็ทำหน้างง



           “คือเออ... ผมว่ายังครับ” ผมพูดและทำท่าคิด ผมว่าณัฐกานต์คงไม่คิดเรื่องนั้นตอนนี้แน่นอนเขายังรักสนุกอยู่เลยและทางครอบครัวเขาก็คงไม่ได้คิดให้ผมแต่งกันแน่ๆ



           “ที่ผมถามคือว่า ถ้าแพลนแต่งก็อาจจะอยู่ไม่นานก็ย้ายตามกันไป อยากได้ครูที่อยู่กับเรานานๆสักหน่อย อย่างน้อยห้าปีนะ “ ผู้อำนวยการพูด



           “คือจะ....ให้ผมโสดจนถึงห้าปีเลยเหรอครับ” ผมถามท่านผู้อำนวนการ ท่านเงยหน้ามองผม



           “ผมล้อเล่นนะครับแต่อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆหน่อย อย่าเพิ่งรีบย้ายไปไหนเลย นะครูนะ” ผู้อำนวนการตอบผมแอบขำผมด้วย



           “แต่ผมอยากเป็นครู ผมว่าถ้าให้ผมอยู่สิบปีก็ได้ครับ เพราะว่าผมรักในอาชีพครูและผมไม่คิดจะทิ้งนักเรียนผมไปไหนแน่นอน” ผมบอกผู้อำนวนการ ท่านก็พยักหน้า



           “ครูเข้ามาตอนนี้ก็คือมาแทนครูมิ้งนะครับ อันนี้ไม่ได้แต่งงานกับใครหรอกแต่หายไปกับนักเรียนซะงั้น มาอยู่เป็นครูได้สามเดือน พานักเรียนผมไปด้วยไปสอนกันที่ไหนก็ไม่รู้ ไปแล้วไปเลย  “ ผู้อำนวยการบอกผม ผมก็ทำสีหน้าตกใจ แต่ท่านนะพูดไปขำไป



           “เออ ถ้าอย่างนั้นผมคงจะให้ครูสมพิศจัดการทุกอย่างให้ก่อนนครับ ผมต้องรีบไปประชุมที่เขตนะครับ วันนี้ครูก็พักผ่อน จัดบ้านก่อนแล้วกันนะครับ วันจันทร์ก็เข้าสอนตามปกติได้เลย ครูสมพิศจะแจกตาราการสอนให้นะครับ ครูเขม “ ผู้อำนวยการพูด



           “อีกเรื่องหนึ่งคือ ทางโรงเรียนนี้ จะมีนักเรียนกินนอนกับเราดังนั้นเราจะมีการสอนพิเศษให้เด็กๆ หลังจากทานอาหารเย็นแต่ก็มีเด็กที่ไม่ได้กินนอนเข้าเรียนด้วย แต่ก็ไม่เยอะมากเพราะว่าพ่อแม่พากันไปหาที่เรียนพิเศษแพงๆดีกว่าเขาว่างั้น” ผู้อำนวยการพูดผมก็พยักหน้า



           “แต่ครูก็คงสักอาทิตย์หน้าค่อยสอนพิเศษเด็กแล้วกันนะครับ” ผู้อำนวยกันหันมาบอกผมก่อนจะหันไปหยิบเสื้อแจ็คเก็ตประจำโรงเรียนมาสวมใส่



           “มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดนะครับ พรุ่งนี้จะมีเรียนพิเศษดังนั้นห้องอาหารจะเปิดทั้งวันครับครู ที่นี้มีแม่ค้าและแม่ครัวทำอาหารให้ทานตลอดไม่ต้องกลัวผอมครับครู”ผู้อำนวยการพูด ผมก็ยิ้มให้ท่าน ผมว่าดูท่านจะกันเองดีจนผมรู้สึกดูขึ้นจากที่เกร็งๆ ในตอนแรกว่าจะสำภาษญ์ยังไง



           “สวัสดีครับท่าน ขอบคุณนะครับ” ผมยกมือไหว้ท่านและเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการ ผมเดินกลับไปยังห้องธุรการทันที ผมเห็นครูที่พาผมไปหาท่าน ครูสมพิศนั้นเอง



           “คุยเสร็จแล้วหรือค่ะ “



           “ครับผม”



           “อันนี้แฟ้มเอกสารประกอบการสอนนะคะ และบัตรประจำตัวของครูค่ะ “ ครูสมพิศยื่นแฟ้มใสๆให้ผม ผมก็รับมาถือไว้



           “และนี้นะคะ กุลแจบ้านพักครูของครูเขมอยู่หลังที่สามค่ะ หลังเดียวกับครูมิ้งเลยค่ะ โชคดีนะคะ “ ครูสมพิศบอกผม ขณะที่ส่งกุลแจบ้านพักให้ผม ผมก็หันไปมองว่ามันหมายความว่ายังไงโชคดีนะคะ



           “คือ บ้านหลังนี้ ครูที่ย้ายมาอยู่ไม่นานซักคน ล่าสุดครูมิ้งก็แค่สามเดือนค่ะ “ ผมพยักหน้า ผมคงต้องไปตามหาว่าใครคือครูมิ้งและเขาหายไปกับนักเรียนดังที่ผู้อำนวนการพูดจริงหรือไม่



           “และหายไปกับนักเรียน” ครูสมพิศพูดขึ้นแต่ก็ทำหน้าตกใจซะเองพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะหันซ้ายและขวา ผมก็ว่าไม่น่าจะมีใครแล้วนอกจากผมกับครู



           “แถมยังมีคนบอกครูมิ้งเอานักเรียนที่เรียนที่นี้ค่ะ ไปนอนที่บ้านนั้นด้วยค่ะ ทั้งที่เด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย” ครูสมพิศขึ้น



           “อุ้ย! ครูพูดเยอะไปขอโทษนะคะ ขอโทษนะคะ ถ้ายังไงดิฉันมีสอนขอตัวก่อนนะคะ”



           “ครับครู ผมก็ขอตัวเช่นกันครับ ขอบคุณครูสมพิศมากนะครับ “ ผมพูดและก้าวขาเดินออกทันที นี้ผมมาเป็นครูต่อเพราะว่ามีครูที่หายไป พร้อมกับลูกศิษย์อย่างนั้นรึ แถมครูสมพิศยังอบกอีกว่าบ้านที่ผมจะเข้าพักส่วนใหญ๋ครูที่มาจะอยู่ไม่นานอีก เหมือนเป็นลางเลย ผมเดินลงมาก็เห็นณัฐกานต์ที่กำลังแชทคุยกับใครสักคนยิ้มนอ้ยยิ้มใหญ่เชียว



           “กานต์” ผมเรียกชื่อเขา และมันก็ทำให้ณัฐกานต์ตกใจจนทำมือถือหลนลงไปที่พื้น ณัฐกานต์เงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่บอกได้ว่าไม่สบอารมณ์ที่ผมทำแบบนั้น เรียกชื่อของเขาแบบนั้นจนทำให้เขาตกใจ



           “เขมขอโทษ ก็เขมเห็นกำลังคุยดูมีความสุขน่าดูนิครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



           “แล้วจะตะโกนใส่ทำไหมละเขม เรียกธรรมดาก็ได้นิ “ ณัฐกานต์พูด ก่อนจะลุกขึ้นและเก็บมือถือที่ตกลงพื้นขั้นมาด้ว ผมก็รีบหยิบมาเพื่อจะเช็ดให้แต่ณัฐกานต์สะบัดมือผมออก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธผมมากขนาดนี้นะ



           “ร้อนอ่ะ ขอไปล้างมือก่อนนะ มือเหนียวไปหมดแล้ว” ณัฐกานต์พูดและเดินนำหน้าผมไปทันที ผมก็เดินตามไป มีอ่างที่เป็นลางน้ำถอดยาวและมีเด็กๆมาเปิดล้างมือกัน ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงเปลียนคราบเรียน



           “แกดูซิ ครูใหม่หรือเปล่าอ่ะ หล่อจังเลยอ่ะ ชอให้สอนห้องเรานะ อยากได้แบบนี้” นักเรียนหญิงสองสามคนกระซิบและหันมามองผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ผมก็ยิ้มตอบกลับไป



           “อะแฮ้ม...ตั้งใจเรียนก่อนจะดีกว่าไหม แล้วค่อยตั่งตาหาผัว ” ณัฐกานต์พูด ทำเอาสาวๆเงยหน้าขึ้นมามองผมผมและคนที่ก้มหน้าก้มตาล้างมือนั้นคือณัฐกานต์



           “เมียหรือเปล่าวะ” นักเรียนต่างพากันกระซิบและรีบเดินออกไปทันที



           “ณัฐกานต์ ทำไมพูดจาแบบนั้นละ เขาไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” ผมถามณัฐกานต์ และณัฐกานต์ก็หันมามองผม



           “เด็กแก่แดดไง หรือว่าอยากเปลี่ยน..รสนิยมละ” ณัฐกานต์พูดและมองหน้าผม



           “นี้เราคบกันมาจะห้าปีแล้วนะกานต์” ผมพูด



           “แล้วไง ดูซิ ดูเด็กนี้ อ่อยน่าดู ระวังนะจะตะบะแตก”



           “กานต์” ผมเรียกชื่อเขา ผมพยายามระงับตัวเองไม่ให้โกรธ



           “ไปห้องพักเถอะ และนั่งพักสักครู่ค่อยชับรถกลับนะ หรือจะค้างด้วยกันก็ได้นะ “ ผมบอกณัฐกานต์ ณัฐกานต์มองหน้าผม ยิ้มที่มุมปาก



           “เดี๋ยวเขมเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ “



           “ไปรอที่รถนะ ร้อนเหงือออกทั้งตัวแล้วเนี๊ยะ “ ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า เขามีกุลแจรถคงเข้าไปสตาร์ทรถรอได้ ผมก็เดินเข้าไปในห้องน้ำชาย ห้องน้ำก็ดูสะอาดดี ผมจัดการธุรตัวเองให้เรียบร้อยและออกมาล้างมือ



           “เฮ้ย” ผมนี้ตกใจเพราะว่าตอนก่อนที่ผมจะก้มลงล้างมือที่อ่างผมไม่เห็นใครแต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็มีหนุ่มในตาสีฟ้านั้นมายืนกอดอกอยู่ด้านหลังผม ผมหันไปมองเขาก็ยิ้มที่มุมปาก

           

           “แฟนเหรอ ดุดีเนอะ พันธุ์อะไรอะจะได้หามาไว้บ้าง” เด็กคนนั้นพูด ผมก็ไม่อยากต่อปากต่อคำให้มากไปกว่านี้ ผมก็ทำท่าจะเดินออก



           “จะมาเป็นครูที่นี้ คิดดีแล้วเหรอ “



           “ฉันเรียนจบด้านนี้มาเพื่อจะมาเป็นครู คงไม่ต้องไปนั่งคิดให้มันมากหรอกก่อนที่จะไปทำหน้าที่ครูที่ไหนๆ”



           “เพราะว่าทุกที่ต้องการครู ว่าแต่นาย อยูชั้นไหนละ” ผมหันมาถามเด็กที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่ เขาสูงเท่าๆกับผมเลย ดูท่าจะสูงขึ้นไปอีกนะนายคนนี้



           “จะเอาชื่อไปตัดคะแนนความประพฤติเหรอครับครู “



           “ฉันไม่ใช่คนที่จะเอาแต่หักคะแนนเด็กเล่นไปวันๆ มันต้องมีเหตุผลที่สมควร “ผมหันมากอดอกมอง



           “อยากรู้ว่าอยู่ชั้นไหน หาเอาดิครับ คุณครู เขมชาติ “ เด็กคนนั้นพูดและเอ่ยชื่อผม ผมก็ทำหน้าฉงนแปลกใจว่าทำไมเด็กนั้นรู้ชื่อผมได้ ผมเหลือบมองอ้อ ในแฟ้มเอกสารที่ครูสมพิศมอบให้ผมเป็นตารางการสอนและบัตรประจำตัวครู มันมีชื่ออยู่ เด็กคนนั้นก็หันหลังจะเดินเข้าห้องน้ำแต่เขากลับหันมาหาผมอีก



           “หรือจะตามมาคุยกับผมในห้องน้ำก็ได้นะครับ ผมจะได้ไม่ล๊อก” หันมาเชิญผมไปคุยกับเขาในห้องน้ำนี้นะ และยังพงกหัวเพื่อเชื่อเชิญผมด้วย



           “ไม่ละ ฉันรีบ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที ผมจะหน้าแดงทำไมวะ แค่เด็กมันเชื่อเชิญ  ผมรีบเดินผ่านสายตาเด็กผู้หญิงโต๊ะหนึ่ง ผมจำได้ว่าเมื่อกี่ณัญกานต์ได้พูดจาต่อว่าไป ผมส่งยิ้มให้เป็นการขอโทษแทน



           “แกจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหมวะ เสียดายตายเลยแก” เด็กๆพูดกับถึงครูที่ครูผู้อำนวนการบอกผม แสดงว่าคงเป็นที่ทอล์คออฟเดอะทาวน์ประจำของในโรงเรียนแน่ๆ เลย และถ้าทุกคนรู้ว่าผมก็ชอบผู้ชายนี้คงได้จับจ้องมองว่าผมจะทำเหมือนครูมิ้งอีกคนไหมแน่ๆ แต่เอาวะ ผมเลือกมาเป็นครูที่นี้แล้วต้องทำให้ดีที่สุด 
 ผมเดินกลับยังที่รถที่ผมจอดไว้ เครื่องยนต์ก็ถูกสตาร์ทไว้เรียบร้อยแล้วโดยณัฐกานต์ ทันทีที่ผมเปิดประตูก็ได้ยินเสียงเพลงดังสนั่นหวั่นไหว ผมก็ต้องรีบเอื่อมมือเข้าไปกดปิดทันที คนที่นั่งโยกหัวถึงกับเงยหน้ามองผม เพราะว่าผมกำลังขัดจังหวะในการฟังเพลงมันๆของเขา

               “ปิดทำไมเนี๊ยะ! คนกำลังฟังเพลงเขม” ณัฐกานต์เงยขึ้นถามผมอย่างอารมณ์เสีย

               “ก็มันดังมากไปนะครับกานต์ และที่นี้มันก็สถานศึกษาเกรงใจคนอื่นบ้างซิกานต์” ผมพูดและเดินเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ ผมขับรถไปยังบ้านพักของครู ซึ้งอยู่คนละโซนกับบ้านพักของนักเรียนแต่ก็ไม่ไกลกันมาก ขณะที่ผมกำลังขับรถไปทำไมในหัวผมถึงมีใบหน้าหมอนั้นนะ หน้าที่กวนๆ ใบหน้าที่บ่งบอกว่าไม่ใช่คนไทยแบบนั้น สีตาออกฟ้ามันดูสวยสะดุดตาผมจนถึงตอนนี้...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2020 12:57:20 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 :hao6: เคมีนี้ใช่เลยครูเขมแต่ครูเขมเป็นรุกไม่ใช่หาร!!!!!
ณัฐกานต์ละวีนได้แบบนี้เลิกเถอะค่ะ :katai1:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คิดถึงคุมครูเขมมากมาต่อให้จบจริงๆนะคะ  :sad4:

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คิดถึงคุมครูเขมมากมาต่อให้จบจริงๆนะคะ  :sad4:

ขอบคุณค่ะ ที่จำครูเขมได้ คนแต่งอาจจะแก้ไขนิดหน่อยเพื่อให้ไหลรื้นขึ้นมาหน่อยนะคะ เป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ จะลงให้จบแน่นอนคะ  :katai4:

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
            EP.2 เขมชาติ X ณัฐกานต์  NC เบา ๆ ก่อนณัฐการต์จะกลับ

               “บ้านหลังที่เท่าไหร่เนี๊ยะเขม” ประโยคคำถามที่ทำให้ผมต้องหยุดความคิดนั้นและหันมาตอบณัฐกานต์คนที่นั่งข้างๆผมในฐานะแฟน

               “หลังที่3 ไงครับ” ผมบอกณัฐกานต์

               “นี้เขมขับเลยมาหลังที่หกแล้วนะ” ณัฐกานต์บอกผม

               “เอี้ยด!” ผมเบรคทันทีและค่อยๆเลื่อนกระจกลง ผมก็มองไปมีบ้านพักที่มีข้าวของมากมายอยู่ในบ้าน มีรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆจอดอยู่ และมีหมายเลขบ้านที่ตรงหน้าบ้านว่าหลังที่หก ผมหันมามองหน้าคนที่หน้างอหนักเข้าไปอีก นั่งกอดอกมองผม

               “ใจลอยไปไหนเนี๊ยะเขม!” ได้ผลมันทำให้คนข้างๆผมหัวเสียขึ้นมาทันที

               “ทำไม?  หรือว่าสาวๆที่โรงเรียนใส่ยาเสน่ห์ให้หรือไงเขม” ณัฐกานต์พูด พร้อมเบ้ปาก ผมส่ายหัวและค่อยถอยหลังเพื่อนหาที่กลับรถ ผมขับรถย้อนกลับมายังบ้านพักหมายเลขที่3 เป็นบ้านน๊อกดาวน์หลังตาเพิงหมาแหงน ยกพื้นขึ้นสูงและมีที่จอดรถด้านข้างผมว่ามันน่าอยู่มาก ผมก้าวเท้าออกมามองไปรอบๆ บรรยากาศร่มรื่น เห็นแต่ต้นไม้ ไม่มีตึกสูงเหมือนในกรุงเทพฯ
               
               “บ้านอะไรหลังนิดเดียวดูซิ และรอบๆนี้ซิ “

               “ก็ไม่เล็กนะณัฐกานต์ อยู่สองคนก็ยังได้เลย” ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์ คนที่ยืนเบ้ปาก ทำเอาผมนี่หุบยิ้มแทบไม่ทัน

               “นี้คือบ้านในฝันของเขมเลยนะ เขมอยากมีบ้านแบบนี้ และอยากมีไร่นาสวนผสมเพิ่มด้วยซ้ำ “ ผมหันไปพูดกับณัฐกานต์แต่ว่าณัฐกานต์กลับเบินหน้าหนีทันที

               “ไม่เอาอ่ะ ยังไงถึงตอนนั้นเขมต้องย้ายกลับกรุงเทพและหางานที่กรุงเทพทำซื้อบ้านที่กรุงเทพ กานต์ไม่อยู่ในที่แบบนี้ ให้ตายยังไงก็ไม่อยู่” ณัฐกานต์หันมากอดอกและพูดกับผม ผมพ่นลมหายใจยาวๆออกมา

               “แต่..เขมอยากมีบ้านที่ต่างจังหวัดและเขมก็มีที่ของแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด เขมเคยคิดว่าจะไปปลูกบ้านที่นั้นด้วยกัน “ผมพูดกับณัฐกานต์

               “ก็เลือกเอาถ้าอยากไปอยู่บ้านนั้นก็หาคนอื่นได้เลย กานต์ไม่ไป” ณัฐกานต์ยื่นคำขาดกับผม

               “ขึ้นบ้านได้หรือยังร้อนจะตาย” ณัฐกานต์ถามผม ผมพยักหน้าเพราะว่าผมก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับณัฐกานต์ไปมากไปกว่านี้ ผมได้แต่คิดว่าทำไมช่วงนี้ผมกับเขาทะเลาะกันบ่อยหนักนะ ผมหยิบพวกกระเป๋าเสื้อผ้าจากท้ายรถ ผมไม่ได้ขนอะไรมาเลยเพราะว่าวันหยุดณัฐกานต์จะมารับผมกลับ และผมต้องการจะรู้ว่าผมต้องการอะไรเพิ่มบ้าง

               “แอร์ก็ไม่ค่อยเย็น ไม่ซิไม่เย็นเอาวะเลย “ผมเดินขึ้นมาเสียงบ่นของณัฐกานต์

               “นี้ห้องครัวเหรอ มีเตาแก็สเก่าๆ ดูตู้เย็นซิ...สภาพแบบนี้เอาไปร้านขายของเก่าเขายังไม่รับเลยนะเขม” ณัฐกานต์เดินไปรอบๆในตัวบ้านพักผมพร้อมตินั้นตินี้ไปทั่วเลย

               “ร้อนแบบนี้จะอยู่ยังไงนิ” ณัฐกานต์หันมาถามผม

               “มีพัดลมนิเปิดพัดลมก็ได้นะกานต์ แต่จะว่าไป เขมว่าไม่ร้อนเลยนะ “ ผมพูดและวางกระเป๋าลง

               “ไม่ร้อนแต่ก็ไม่เย็นพอสำหรับกานต์” ณัฐกานต์พูด ผมก็ยืนมองณัฐกานต์ ที่ยืนกอดอก ดูท่าอะไรก็ไม่ถูกใจเขาไปซะทุกอย่าง

               “ไม่ค้างด้วยหรอกนะ บ้านแบบนี้” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า

               “หมับ” ผมเข้าไปกอดณัฐกานต์ เขาก็มองหน้าผม ผมค่อยใช่มือผมประครองใบหน้าณัฐกานต์อย่างถนอม

               “เขมไม่รู้ว่ากานต์เป็นอะไร ทำไมช่วงนี้เราดูทะเลาะกันบ่อยจัง” ผมถามณัฐกานต์ เขาก็หันหน้าหนีผม ผมใช้นิ้วเรียวๆของผมแตะที่ริมฝีปากเรียวสวยนั้นเบาๆ แต่ณัฐกานต์ยังคงหันหน้าหนีผม ผมก็เลยผลักให้เขาหันมาหาผมและผมก็บดขยี่ริมฝีปากนั้นณัฐกานต์ ณัฐกานต์เปลี่ยนมาเป็นโอบรอบคอผมและตอบสนองผมด้วยกันจูบผมกลับ มือณัฐกานต์ก็ปลอดกนะดุมเสื้อเชิ้ตของผมไปด้ว รวมถึงปลดเข็มขัดของผมและตะขอกางเกงแสลปผม รูดซิบกางเกงผมลง ผมก็รีบดันณัฐกานต์เข้าห้องนอน มีเตียงแต่ยังไม่มีผ้าปูที่นอน แต่ทว่าที่นอนนะดูใหม่แกะกล่องเลยทีเดียว

               “เอาน่าที่นอนใหม่ ฉลองกันหน่อยนะครับ” ผมบอกคนที่หันไปมองด้วยสีหน้ากังวลแต่นาทีนี้อะไรก็คงหยุดผมสองคนไม่อยู่

               “แม้ทำเป็นหน้าบึ่งตึงอยากให้จัดให้ก็น่าจะบอกกันดีดี ..อืมม” ผมพูดและไซ้ซอกคอณัฐกานต์ ณัฐกานต์ก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าตัวเองอย่างรีบร้อนและผมก็ช่วยถอดกางเกงเข้ารูปและโยนมันออกไป ไม่นานร่างกายของผมสองคนก็ไม่มีอะไรมาปิดบัง ผมสองคนก็กระโจนขึ้นไปบนเตียงและถาโถมใส่กัน เห็นว่าเขมชาติดูนิ่งๆ แต่เรื่องบนเตียงผมไม่เป็นรองใคร

               “อ๊าห์” เสียงของผมและณัฐกานต์

               “อืมมม..เขม..ซี้ด “

               “อ๊าห์” และเสียงที่ลากยาวบ่งบอกว่าสำเร็จถึงสวรรดิ์ชั้นเจ็ดไปพร้อมๆกัน ผมถึงกับหอบเหนื่อย มองคนที่นอนราบบนที่นอน ดูท่าจะดีขึ้นแล้วมั้ง

               “จ๊วบ” ผมจูบณัฐกานต์

               “เขมรู่ไหม ว่าสิ่งที่ทำให้ณัฐกานต์ไม่อยากเลิกกับเขมก็เพราะ...” ณัฐกานต์ค่อยๆดันตัวเองขึ้น

               “เรื่องบนเตียงไง “ ณัฐกานต์พูดและผมก็ลุกขึ้น ผมสองคนเหงือท้วมตัวกันทั้งคู่

               “ไปอาบน้ำก่อนไหมและตกลงจะกลับเลยเหรอกานต์” ผมพูดและหันไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวในกระเป๋าออกมาผมเอามาหลายผืนกะว่าเผื่อณัฐกานต์จะค้างกับผมด้วย

               “ไม่ละ เออ ...คืนนี้วันเกิดอีแม็กซี่มันอ่ะ “ ณัฐกานต์พูดเสียงอ่อยๆ ผมก็พยักหน้า

               “ก็วันเกิด ยังไงมันก็เพื่อนซี่ของกานต์นะเขม” ณัฐกานต์พูดและลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูที่ผมเอาออกมาวางไว้พันตัว

               “จะดื่มกันหนักอีกไหม เพราะว่าเมื่อคืนกานต์ก็ดื่มเยอะแล้วนะ” ผมพูดเพราะว่าผมเป็นห่วงเขา กลัวเขาเมาแล้วยังขับรถกลับอีก

               “ เขมไม่อยากให้กานต์ขับรถในขณะที่เมา เขมเป็นหวง” ผมบอกณัฐกานต์

               “ให้เพื่อนไปส่ง เพื่อนกานต์มันไม่กล้าดื่มเยอะหรอกถ้ารู้ว่าต้องขับรถนะ แต่กานต์ขอนะ เพราะเพื่อนรักวันเกิดทั้งที่ และพรุ่งนี้วันหยุดด้วย “ณัฐกานต์พูดและเดินเข้ามาหาผมเพื่อออดอ้อน

               “นะเขมนะ อย่างอนซิ “ ณัฐกานต์อ้อนผม ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นเพราะยังไงคนอย่างนัฐกานต์ก็หามยากอยู่แล้ว

               “อย่าหนักมากนะ เพราะถ้าหนักมากวันจันทร์ได้ไปทำงานสายหรืออาจจะไม่ได้ไปเลยและเขมไม่อยู่ คงไม่มีคนช่วยปลุกให้กานต์ตื่น “ ผมบอกณัฐกานต์ ณัฐกานต์กอดผมไว้

               “โทรปลุกซิ” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า

               “ถ้าอย่างนั้นเราอาบน้ำพร้อมกันและกานต์จะกลับเลยนะ เดี๋ญวถึงเย็นมาก” ณัฐกานต์พูด ณัฐกานต์เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อน ผมก็หันไปหยิบกระเป๋าที่ใส่พวกของใช้ในห้องน้ำออกมา

               “อี้” ณัฐกานต์วิ่งออกมาและทำหน้าตาเหมือนเจอของขยะแขยงยังไงก็ไม่รู้ ผมหันไปมองเขา

               “มีอะไรเหรอกานต์”

               “ดูห้องน้ำซิ อาบไม่ลงอ่ะ “ ผมก็ลุกขึ้นมองหน้าณัฐกานต์ ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำสิ่งที่ผมเห็นคือฝักบัวเหมือนห้องน้ำปกติทั่วไปแต่มันอาจจะดูไม่ดีเท่ากับคอนโดมิเนียมของผม ก็ห้องน้ำแบบบ้านๆ แต่ผมคิดว่ามันโอเคนะ ปูพื้นกระเบื้อง

               “นี่ก็ห้องน้ำปกติ มีฝักบัวอาบน้ำปกติ นิกานต์ “ ผมหันไปถามณัฐกานต์ที่ยืนขนลุกซู่

               “ทำไมไม่มีตู้อาบน้ำ อะไรพวกนี้ ดูพื้นซิ ขยะแขยงเท้า” ณัฐกานต์พูดและยืนเขย่งเท้าไม่กล้ายืนแบบเต็มเท้า 

               “ไม่อาบอ่ะ เอากระดาษเปียกมาเช็ดเอา อาบไม่ไหวอ่ะ น้ำอุ่นก็ไม่มี และน้ำนี้มาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีกลิ่นคลอรีนเลย” ณัฐกานต์พูด

               “ก็คงเป็นน้ำ อบตนะ เพราะว่าที่นี้การปะปาอาจจะยังเข้าไม่ถึง” ผมพูดและลองเปิดน้ำดู มันก็ไสสะอาดดีนะ แต่ถ้าจะเอาไปต้มนี้คงต้องไปซื้อน้ำแบบถังมาแทน

               “ไม่เอาอ่ะ “ ณัฐกานต์พูดและเดินออกไปหยิบห่อกระดาษทิชชูเปียกมาและเช็ดทำความสะอาดส่วนที่เลอะเทอะจากการร่วมรักของผมสองคนและณัฐกานต์ก็ออกไป เหลือไว้แค่ผมที่เปิดอาบน้ำชำระร่างกายปกติ เพราะว่าผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ผมออกมาก็เห็นณัฐกานต์แต่งตัวพร้อมแล้ว ฉีดน้ำหอมซะหึ่งไปหมดทั้งห้องผมเลย ผมคิดในใจนี้ฉีดหรืออาบกันเนี๊ยะ

               “ตกลงจะให้มารับวันศุกร์หรือวันเสาร์กันแน่ เพราะถ้ามามาคือกลับเลยนะ”ณัฐกานต์ถามผม

               “วันศุกร์ตอนเย็นก็ได้ครับ เราจะได้ไปทานอาหารที่บ้านกัน กานต์ไม่ได้ไปที่บ้านเขมนานแล้วนะ แม่บ่นถึง” ผมพูด

               “ก็ไปครั้งล่าสุด เกือบจะได้ตบปากชะนีพี่สะใภ้เขมไง จำได้ไหม “ ณัฐกานต์พูด ผมก็เกาหัวแกร๊กๆเลยและหันไปแต่งตัวแบบสบายๆ สวมกางเกงวอมที่ไม่หนาและเสื้อยืดเข้ารูป

               “แล้วอาทิตย์นี้มีอะไรพิเศษไหมละ” ณัฐกานต์คงเห็นสีหน้าผมที่รู้สึกไม่ดีเลยถามผมเสียงอ่อนลง

               “จะไปทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตพ่อนะ พี่ต้นคงจะมาแต่พี่ดาวจะมาหรือเปล่า เขมไม่รู้” ผมบอกณัฐกานต์ ผมมีพี่น้องทั้งหมดสามคน คนโตคือพี่ต้น พี่ต้นห่างจากผมสิบปี พี่ต้นตอนนี้เป็นปลัดอำเภอที่เชียงใหม่ บ้านเกิดพี่เกศรินทร์ พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์มีลูกด้วยกันหนึ่งคน ชื่อน้องเอิร์ธ และพี่ต้นที่ห่างจากผมหกปี พี่คนที่สองพี่ก้องเป็นทหารอยู่สามจัวหวัดชายแดนภาคใต้ พี่ก้องอาสาไปเอง ตอนนี้พี่ก้องได้เป็นพันโทเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าพี่เขาได้ไปประจำการในหน่วยงานที่เสียงและผ่านการฝึกมามากมาย ไม่ว่าจะรีคอน แรงเจอร์ และล่าสุดหน่วยซีล 

               “เอาไว้คุยกันอีกทีนะ เพราะว่า ถ้ายายพี่สะใภ้ของเขมมา กานต์ก็ไม่ไป เพราะว่าไม่อยากตบชะนีนั้นต่อหน้าแม่เขมเหมือนกัน เห็นกานต์แบบนี้ก็รู้นะว่าควรหรือไม่ควรทำ” ณัฐกานต์หันมามองหน้าผม

               “แต่...กานต์ไม่มีความอดทนพอที่จะฟังคำจิกกัดจากชะนีสถุนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าพี่ต้นเอาชะนีแบบทำเมียและแม่ของลูกได้ยังไง “ ณัฐกานต์พูด

               “ปากก็ขยะแขย้งเกย์ ตุ๊ด เขมทนได้ยังไง ว่าเขมและกานต์เสียๆหายๆแบบนั้น เหมือน..พวกโรคจิต” ณัฐกานต์พูด

               “เอาละ กานต์กลับแล้ว อยู่ดีดีละ จะเอาอะไรเพิ่มก็บอกนะ “ ณัฐกานต์พูดและเดินเข้ามาหาผม เขาโอบรอบคอผมไว้ผมก็จูบณัฐกานต์

               “กานต์ก็รักเขมนะ แต่ กานต์ก็อายเพื่อนอ่ะ ดูซิมาเป็นครูบ้านๆ ถ้ารักกานต์รีบหาโรงเรียนใหม่ที่ใหญ่และดีกว่านี้นะเขม กานต์ขอร้อง” ณัฐกานต์หันมาบอกผม

               “อืมม”ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นแหละ ณัฐกานต์หยิบกระเป๋าหลุยส์ ใบนี้เขาซื้อมาเมื่อเดือนทีแล้ว ราคาก็เกือบแสนได้ถึงแม้จะเป็นเงินเดือนของเขาก็ตามแต่มันก็น่าเสียดาย แต่ผมก็พูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ผมสองคนเดินลงมาที่รถผมจอดไว้

               “คราวหน้าเขมก็เอารถมาใช้เลยแล้วกันเพราะว่ารถใหม่ป้ายแดงของกานต์นะ จะได้วันเสาร์นี้แล้ว “ ณัฐกานต์พูดบอกผม ผมพยักหน้า อีนนี้ก็อีก แต่รถนี้แม่ของณัฐกานต์ซื้อให้เพราะว่าลูกได้งานธนาคาร เป็นหน้าเป็นตาให้แก่ครอบครัวทั้งที่ครอบครัวณัฐกานต์เขามีรีสอร์ท ผมลืมบอกไปว่าณัฐกานต์ เป็นหนุ่มใต้ มีพี่สาวทั้งหมด เขาเป็นลูกชายคนเล็กคนเดียว ทางบ้านนะสีผิวคล้ำกันหมดแต่ณัฐกานต์ขาวโผนอยู่คนเดียว ที่จริงก็ไม่ได้ขาวมากนะแต่ก็ขาวที่สุดในบรรดาพี่ๆทั้งหมดห้าคน ณัฐกานต์ค่อนข้างดูแลตัวเองอย่างหนัก กินและฉีดพวกกรูต้าไธโอน และไหนจะฉีดไวตามินซีเข้ากระแสเลือดเพราะอยากให้ผิวขาวใส ครอสหน้าใส่ตัวไหนออกมาเขามีหมดแถมบางทีก็ไปฉีดฟิลเลอร์และนี้เพิ่งจะไปร้อยเข็มมาอีก ผมไม่เข้าใจว่าเขายังไม่สามสิบเลยนะ ผมกับณัฐกานต์เพิ่งจะ ยี่สอบสามย่างยี่สิบสี่กันเท่านั้นเอง

               “ขับรถดีดีนะกานต์ ที่จริงน่าจะพักก่อนหรือไม่ก็นอนสักชั่วโมงไหม “ ผมถามณัฐกานต์ เขาก็ส่ายหัวว่าไม่ ณัฐกานต์กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งคนชับ ผมก็เดินออกมายืนมองณัฐกานต์ด้วยความเป็นหวง ถึงแม้ว่าเขาจะนั่งมาแต่ผมขับมาตลอดทางก็ตามแต่ก็ไม่ได้นอน คือนั่งบ่นผมมาตลอดทางเหนื่อยว่างั้น

               “ปึก!”เสียงเหมือนมีบางสิ่งกระเด็นมาและดังมากผมหันหลังกลับไปมองณัฐกานต์และวิ่งเข้าไปดูณัฐกานต์ ที่ยืนค้างด้วยอาการตกใจอย่างมากที่สุด สิ่งที่ผมเห็นมันคือลูกฟุตบอลแต่ว่ามันมาจากไหนกัน  เพราะสนามฟุตบอลมันก็ค้อนข้างไกลอยู่นะ ณัฐกานต์นิ่งเงียบยังไม่พูดอะไร คงช๊อกที่ลูกฟุตบอลนั้นได้เฉียดผ่านใบหน้าของเขาไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปดไม่อย่างนั้นก็คงโดนเข้าที่จมูกคมสันนั้นแน่ๆ และเขมก็คงงานเข้าต้องพาไปทำใหม่จากที่พึ่งไปทำมารอบที่สาม 

               “กานต์” ผมจับไหล่เขา ณัฐกานต์กลืนน้ำลายลงคอ

               “เห็นไหมว่ามันผ่านจมูกกานต์ไปนิดเดียว นี้ถ้ามันโดนขึ้นมา กานต์ต้องไปทำจมูกใหม่!” ณัฐกานต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โมโหสุดๆ เขาหวงจมูกของเขามาก

               “ไม่เอานะ ไม่โดน ยังดีอยู่  “ผมพูดปลอบโยน

               “อะแฮ้ม....” เสียงคนกะแอมดังมาใกล้ๆ ผมหันไปมอง คนนั้นก็คือนายตัวแสบตาสีฟ้าอีกแล้ว ที่วิ่งมาหยุดมองผมสองคน เขาสวมชุดนักกีฬาคงเป็นนักกีฬาของโรงเรียนซินะ แต่นี้มันจะสามโมงจะครึ้งแล้วผมคิดว่าวันศุกร์โรงเรียนน่าจะเลิกเร็วนะ

               “ขอผมเข้าไปเก็บลูกฟุตบอลได้ไหมครับ ผมรับรองจะรีบไปและปล่อยให้คุณสองคนพลอดรักกันต่อ”

               “และสาบ่านได้จะไม่ถายคลิปไปโพสในเว็ป ว่าแอบมีเซ็กซ์กันที่บ้านพักครูแน่ๆ” ผมก็หันไปมองและณัฐกานต์หันขวับไปมองด้วยความโกรธเพราะว่าจมูกนี้เขาหวงมากห้ามแตะต้องแต่ผมนี่ยืนเอามือเท้าซะเอวเพราะว่าเด็กนี้ช่างแก่แดดเหลือเกิน

               “นิ! ไอ้เด็กบ้า! แกเตะฟุตบอลมาไกลจากไหนแม่งก็ไม่รู้แต่ที่ฉันรู้นะ มันก็เกือบจะโดนเข้าที่หน้าฉัน”ณัฐกานต์พูดและเขาก็พยายามสะบัดแขนผมที่จับต้นแขนเขาไว้ให้หลุด

               “ แกรู้ไหมว่าจมูกฉันทำมาทำมาเท่าไหร่ อายุขนาดนี้ไม่มีปัญญามาทำให้ฉันไหมหรอก “ ณัฐกานต์พูด เด็กหนุ่มก็ยืนทำเป็นหูทวนลมและยังผิวปากอีกต่างหาก

               “จะบอกว่าถ้าโดนลูกบอลเข้าไปดั้งแหนบเลยว่างั้น เกิดมาไม่มีดั้ง “

               “มีแต่มันไม่สูง” ณัฐกานต์พูด

               “แต่อันนี้นะมันแหลมไปนะ ยังกะแม่มด ไปทำใหม่เถอะ “ ดูปากนายนั้น ผมหันไปกอดอกมองนี้จะเติมเชื้อให้ณัฐกานต์ทำไม

               “ไอ้...”ผมก็รีบห้ามณัฐกานต์โดนการรวบเอวเข้าไว้ ณัฐกานต์หันไปชี้หน้าและจะเข้าไปใส่นายคนนั้นและนายนั้นก็หาได้เกรงกลัวอะไรไหม

               “เข้าไปเอาลูกบอลนายซะ “ผมบอกเชิงออกคำสั่งบอกเด็กหนุ่มคนนั้น เขาก็มองหน้าผมและเดินผ่านณัฐกานต์ไป ผมก็กอดรัดณัฐกานต์เอาไว้เพราะผมรู้ดีว่าณัฐกานต์ค้อนข้างไว อาจจะได้มีเรื่องกันแน่ๆ

               “กานต์”ผมกัดฟันร้องห้าม

               “มีมารยาทไหม มึงไม่คิดจะขอโทษสักคำหรือไง ไอ้เด็กนรก..ไอ้..ไอ้..”

               “กานต์!”ผมก็ขึ้นเสียง

               “มีนะมายาทนะ ตอนแรกก็ว่าจะพูด แต่พอเห็นแบบนี้ไม่เอาดีกว่า มันมีค่ามากเกินไปที่จะพูดกับหมาบ้าแบบ..คุณ” เด็กนั้นลอยหน้าลอยตาพูด

               “ไอ้เชี้ย)))” ณัฐกานต์ผมก็ยิ่งกอดรัดเขาห้ามเขา และเด็กคนนั้กน็หันมาหยักไหลและเดินไปอย่างไม่ไยดีกับสิ่งที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ ณัฐกานต์โหโมจนสั่นเลยก็ว่าได้

               “เป็นไง นักเรียนกับโรงเรียนบ้านนอก มันก็พอกันเลย ถ้าเขมไม่ย้ายภายในปีนี้เราเลิกกัน” ณัฐกานต์พูดและเข้าไปในรถอย่าไวและถอยรถแบบไม่สนใจว่าจะชนอะไรด้วยซ้ำ แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรไปวางไว้ ผมยืนมองจนณัฐกานต์ขับออกไปแบบฝุ่นตลบอบอวนไปหมด

                ผมนั่งจัดห้องและจัดที่สำหรับห้องครัวผมว่าจะเอาไมโครเวฟมาด้วยอาทิตย์หน้าและคงหม้อหุงข้าว ตู้เย็นทีนี้มีแล้วแม้จะไม่ใหม่ก็ตามขัดล้างซะหน่อยก็สะอาดดี หม้อกะทะก็มีและดูแล้วน่าจะเพิ่งเปลี่ยนใหม่ไม่นาน และไม่ค่อยได้ใช้ซะด้วซ้ำ จานชามก็มีแต่ถึงยังไงผมก็ต้องพึ่งอาหารที่ห้องอาหารไปก่อน ผมก็เห็นว่ามีร้านค้าถัดไปหน่อยและมีร้านขายอาหารตามสั่งอีก ออกไปหน่อยก็มีวินรถมอเตอร์ไซด์ก็น่าจะพอออกไปได้ ผมไม่รุ้ว่าผมใช้เวลาในการจัดช้าวของและทำความสะอาดกี่ชั่วโมงแต่ตอนนี้ผมรู้สึกหิวแล้วด้วย ผมหันไปมองเวลาเกือบจะหกโมงเย็นแล้วนิ ไปหาอะไรทานดีกว่า ผมก็ลุกขึ้น จะว่าไปณัฐกานต์ไม่ส่งข้อความหาผมเลย ผมก็ไม่รู้ว่าเขาถึงไหนแล้วลองโทรหาดีกว่าแต่ทว่า สายไม่ว่าง คงเม้ากับเพื่อนแน่ๆ

               “กานต์ อย่าคุยโทรศัพท์ขณะขับรถซิครับ” ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์

               “คุยธุระกับแม่อยู่ อย่าทำตัวเป็นคนร่างทรงได้ไหมที่รู้ไปหมด น่าเบื่อเขม” นั้นไงคนอุตสาห์เป็นหวงผมเลยเอาโทรศัพท์เก็บเขาไปในกระเป๋ากางเกงวอร์มทันที และเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของผม ผมเดินออกมา ผมล๊อกประตูบ้าน ผมเดินออกไปเพื่อจะไปห้องอาหาร

               “ปื้นๆ” เสียงแตรรถมอเตอร์ไซด์ ทำให้ผมต้องหันหลังกลับไปมองว่าใครกัน และผมก็เห็นว่าเป็นผู้ชายวัยไม่น่าจะแก่ไปกว่าผมเท่าไหร่ และรถมอเตอร์ไซด์คันเก่าๆ

               “สวัสดีครับ นี้ใช่ครูมาใหม่หรือเปล่าครับ” คนขับรถคันนั้นจอดถามผม ผมก็พยักหน้า

               “ผมชื่อโจ้ครับ ผมเป็นครูช่างที่นี้ครับ สาระพัดช่างครับ ไม่ว่า ไฟฟ้าประปา น้ำไม่ไหล ไฟดับ แอร์เสียบ้านพัง ประตูหน้าต่าง ผมผ่านมาหมด “ บรรยายสรรพคุณให้ผมฟัง ผมก็ยกมือขึ้นลูบผมแบบงง

               “ยินดีที่รู้จักครับคุณ...”

               “เขมครับ ผมเขมชาติครับ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ”

               “โอ้ว! มายก๊อซ!” ภาษาอังกฤษมาชัดมาก

               “ฮาวฮาร์ยู” ครูโจ้ถามผมและยืนมือมาขอเช็คแฮนด์ ผมก็มองและก็เช็คแฮนด์กลับ

               “พูดไทยก็ได้ครับผม ผมสบายดีครับ “ ผมตอบครูโจ้

               “ว่าแต่ครูจะไปไหนเหรอครับ” ครูโจ้ถามผม

               “ผมว่าจะไปทานข้าวครับที่ห้องอาหารครับ  “ ผมบอกครูโจ้

               “งั้นกระโดดขึ้นมาเลยครับ ผมจะไปหา เมีย เอ้ย! ภรรยาครับ ภรรยาผมเป็นแม้ค้าขายข้าวที่โรงเรียนครับ ไปครับผมพาไปส่งให้ถึงหน้าร้านเมียผมเลยครับ “ ครูโจ้พูดผมก็ยิ้มและครูโจ้ยังตีเบาะให้ผมขึ้นไปนั่งอีก

               “จะได้ถือโอกาสสั่งข้าวร้านเมียผมเลย อิๆ” นั้นไงแผนสูงมาก ผมก็ขึ้นไปนั่ง รถมันเก่าและเล็กเบาะก็เล็ก

               “กอดได้เลยนะครับครู ผมไม่ถือ เมียผมก็ไม่ถือถ้าเป็นผู้ชาย แต่ถ้าผู้หญิงมันถือครับ” ครูโจ้หันมาคุยกับผม ผมก็ชี้มองทางเถอะครับ

               “ถือมีดรอเลยครับ” ครูโจ้พูด ผมก็แอบขำครูโจ้ จะว่าไปครูโจ้นี้เป็นคนตลกน่าดู

               “มาจากไหนครับครูเขม”ครูโจ้เอ่ยถามผม

               “กรุงเทพครับ” ผมบอกครูโจ้

               “ไกลนะครับ แล้วทำไมไม่เอารถมาครับ เพราะว่าแต่ละที่นี้ก็ไกล เอารถมาไว้ใช่สะดวกกว่านะครับครูเขม” ครูโจ้ถามผม

               “ผมให้แฟนเอากลับไปนะครับ เพราะว่าแฟนผมเขาไม่มีรถใช้นะครับและรถคันใหม่เขาจะได้อาทิตย์หน้านี้ครับ นั้นแหละครับผมถึงจะเอารถมา” ผมบอกครูโจ้

               “รักแฟน เหมือนผมคับ รักแฟน มีอะไรให้แฟนก่อน เราทีมเดียวกัน วี้ดวิว” ครูโจ้พูด

               “แฟนครูโจ้เป็น..”

               “เป็นแม่ครัวครับ” ครูโจ้พูด

               “เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ” ผมถาม

               “อ้าว!  ถามผมอย่างนี้ ผู้หญิงซิครับ ผมไม่เค้ย ไม่เคย เอาผู้ชายครับ กลัวฟ้าฝ่า” ผมก็กลืนน้ำลายลงคอ แม้แล้วบอกว่าทีมเดียวกัน ผมเลยเปลี่ยนเป็นยิ้มกลบเกลื่อน ไม่นานรถครูโจ้ก็มาจอดที่หน้าโรงอาหาร ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป แต่ดูแล้วนักเรียนใช้บริการเยอะอยู่นะ

               “นักเรียนเยอะหน่อยนะครับ เพราะส่วนใหญ่จะกลับบ้านกันพรุ่งนี้ ไม่ค่อยกลับวันศุกร์กันหรอก ติดเพื่อนแต่ไม่ติดบ้าน” ครูโจ้พูดและผมก็พยักหน้า

               “ขอบคุณนะครับครูโจ้ “ ผมพูดกับครูโจ้

               “นั้นครับเมียผมคนสวยๆท้องโตๆนั้นนะครับ อุดหนุนได้ครับ ผมไม่หึง” ครูโจ้พูดผมก็ยิ้มให้ คือนี้ไม่น่าจะใช้คำแนะนำให้ไปอุดหนุนน่าจะเป็นการบอกว่าควรจะอุดหนุนดีกว่า

               “ท้องโตขนาดนี้ไม่ต้องหึงผมหรอกครับ ผมมีสติพอ” ผมตอบครูโจ้ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน แต่ละคนก็นั่งทานอาหารและคุยกันเป็นกลุ่มๆ เลย ผมเห็นมีแต่นักเรียนทั้งนันไม่ค่อยมีครูเท่าไหร่ ผมก็เดินไปร้านแฟนครูโจ้ก่อน ผมเห็นว่ามีพวก บะหมี่เกี๋ยวน้ำวันนี้ อันที่จริงก็ไม่ค่อยชอบแต่หันไปเห็นครูโจ้ที่ทำมือให้เข้าไปเลย ก็เอาวะ

               “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีค่ะ”

               “บะหมี่เกี้ยวน้ำครับ ไม่ใส่กระเทียมเจียวนะครับ พริกไทยไม่เอาครับและ ไม่ใส่ผงชูรสด้วยครับ” ผมพูดแบบเกรงใจ

               “ร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรสอยู่แล้วคะครู”

               “ดีเลยครับ “ ผมตอบและแฟนครูโจ้ก็หันไปจัดการบะหมี่ที่ผมสั่งให้ ผมหันไปเห็นมีกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาด้วยกัน ผมจำได้ดี นายคนนั้นตาสีฟ้าที่เดินมากับผู้หญิงคนหนึ้ง น่าตาน่ารักชุดนี้น่าจะมัธยมปลายแล้วและมีเด็กหนุ่มหน้าตามาตราฐานชายไทย หล่อเข้มเดินมากับหนุ่มหน้าตาตี๋ๆหน่อย พวกเขากำลังจะเดินผ่านผมไป เพราะว่าเขาไมได้สังเกตุผม

               “พี่หวานจะทานอะไรดีครับ “

               “แล้วคริสว่าวันนี้เรากินอะไรกันดี พี่ตามใจคริสนะ”ผมบังเอิญได้ยิน รุ่นพี่นี้เอง นายนี้ร้ายจริงๆ

               “พี่คริสส” เสียงที่ทำให้ทุกคนหันไปมอง เด็กผู้หญิงที่สวมชุดนักเรียนคอซองนั้นคือมัธยมต้น ทื่ยืนกำมัดมองมาที่นายคนนั้น นายนี้ชื่อคริสเหรอ ผมหันไปมองตัวต้นเหตุ ดูท่าจะสับร่างไม่เว้นแต่ละวันละซิท่า

               “ชิบหายแล้วอีแก้มนี้หว่า” เพื่อนของนายที่ชื่อคริสพูดขึ้น

               “เขาเป็นแฟนคริสเหรอ”เด็กผู้หญิงคนนั้นถามขึ้นผมหันไปมอง และจังหวะนี้เขาก็เห็นผมเข้า ผมก็ส่งยิ้มที่มุมปากให้ว่าเป็นไงละ หล่อซะจนงานเข้าเลย

               “พี่คริส พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง และอีพี่หวานมรึงมายุ่งกะแฟนกรูทำไม” ผมก็มองและทำปากอู้วว แฟนเลยเหรอ

               “แก้ม พี่ไม่ใช่แฟนเรานะ”

               “แฟน แก้มบอกว่าแฟน ก็คือแฟน อีพี่หวานไปเลยนะ ถ้าไม่อยากหน้าเสียโฉม”

               “อะไรกันนะคริส” เด็กผู้หญิงอีกคนที่ยืนเกาะแขนนายนั้นที่ชื่อคริสอยู่ และสองสาวก็ประสานสายตากัน

               “ครูคะได้แล้วคะบะหมี่เกี้ยวน้ำ เจี๊ยบว่าครูไปหาที่นั่งก่อนดีกว่าไหมคะ เพราะดูท่าแล้วคงจะจบยาก รักในวัยเรียนก็แบบนี้แหละค่ะ เจี๊ยบผ่านมาเยอะ คิกๆ “ แฟนครูโจ้ ผมก็ยิ้มให้และรับชามบะหมี่ไป เพื่อไปหาที่นั่ง มิหน้าละถึงได้เป็นแฟนคุณโจ้ ตลกเหมือนกันเลย

                    ผมก็หันไปมองนายนั้นที่กำลังแยกสองสาวที่กำลังจะตบกัน ผมส่ายหัวเลย ดูท่านายนี้จะฮอทมากในหมูสาวของโรงเรียนนี้และคงเป็นแบบนี้ทุกวันแน่ๆ คนหล่อและลูกครึ่งใครๆก็อยากได้เป็นแฟน เอ๊ะ! แล้วผมจะไปคิดทำไมว่าใครก็อยากได้เป็นแฟน ไม่ซิ ผมไม่ใช่แบบนี้

                               ผมสะบัดสิ่งที่อยู่ในหัวผมออก ไม่น่ะเขมเราเป็นฝ่ายรุกจะไม่ยอมเป็นรับ และยังไงผมก็รักณัฐกานต์อยากให้คนที่เป็นคู่ชีวิตผมคือณัฐกานต์ เพราะว่าเราผ่านอะไรๆมาด้วยกันเยอะอยู่นะ จะผ่านไปอีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป ถึงตอนนั้นณัฐกานต์อาจจะเปลี่ยนอะไรได้ เพราะว่าผมเสียดายเวลาที่คบกันมาก็ห้าปีกว่าแล้วนะ ผมไม่อยากให้ใครที่ดูถูกความรักแบบของผมและณัฐกานต์ที่ว่ามันไม่มีอยู่จริงและรักประเภทนี้ก็มักจะเปลี่ยนคู่บ่อย  ดังนั้นผมจึงพยายามให้ณัฐกานต์คือรักสุดท้ายของผม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 13:21:30 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
EP.3 วันแรกของการเป็นครู 1

                     วันนี้เป็นวันแรกของการทำหน้าที่ครู เป็นครูเต็มตัวแล้วครับผม ผมสวมชุดเครื่องแบบเสื้อเชิ้ตตารางสีเหลืองไข่ไก่อ่อนๆสลับขาว และกางเกงสแล็คร้องเท้าหนังหัวตัดสีน้ำตาล สวมเน็กไท้ลายจุดสีน้ำตาล จัดแต่งทรงผมให้ดูเรียบร้อยและไม่ลืมที่จะฉีดน้ำหอมที่ณัฐกานต์ซื้อให้ผมเช่นกัน ทั้งหมดนี้ณัฐกานต์เป็นคนออกแบบให้ผม นาฬิกาข้อมือที่พี่ชายคนโตของผมซื้อให้ในวันรับปริญญา แม้ว่าพี่เกศรินจะโกรธพี่ต้นเพราะว่ามันค้อนข้างแพง แต่ผมว่าเขาไมได้โกรธที่ราคาหรอกเขาแค่ไม่อยากให้พี่ต้นซื้ออะไรผมเลยจะดีกว่า



                                ผมเหลือบมองเวลานี้เพิ่งจะ7 โมงเองแต่เดินไปเรื่อยๆและหาข้าวเช้าทานก่อน ผมเดินก้าวเท้าลงจากบรรไดบ้าน ดีที่ออกแต่เช้า เพราะว่าอากาศเมืองไทยรอดมากขนาดนี้เดินไม่ต้องถึงกิโลก็เหงือแตกผลักๆแล้วครับ



                       “ปี้นๆ” เสียงแตรรถดังมาจอดที่หน้าบ้านของผม ผมหันไปมองหลังจากที่ใส่กุลแจล๊อกประตูหน้าบ้าน ผมก็พบว่าเป็นครูโจ้นั้นเองครับ



                       “สวัสดีครับครูโจ้” ผมทักทายครูโจ้



                       “สวัสดีครับครูเขม นี้โจ้กะว่าครูต้องออกเวลานี้แน่ๆนอน ผมเดาเก่งไหมครับ” ครูโจ้พูด ผมเดินลงมายืนด้านล่าง และพยักหน้า



                       “เก่งครับ น่าจะให้ไปเดาว่างวดหน้านี่จะออกเลขอะไรด้วยดีไหมครับคุณโจ้” ผมแซว



                       “ไม่จริงหรอกครับ ...ผมนะขับผ่านมาสามรอบแล้วแหละครับครูเขม  “ ครูโจ้พูด ผมก็ส่ายหัวอันหลังนี้แหละ



                       “ไปครับผมไปส่ง ...ที่เดิมนะครับ” ครูโจ้พูด ผมก็เลิกคิ้วมองว่าที่เดิมนะที่ไหน



                       “ทานอาหารก่อนนะครับ ด้วยความเป็นห่วง เช้านี้เมียผมขายโจ๊กครับ “ ผมก็พยักหน้า เป็นห่วงกลัวผมไม่ได้ทานอะไรก่อน อืม...



                       “ได้ครับแต่ผมขอขึ้นไปห้องธุรการก่อนนะครับและจะรีบลงไปซื้อโจ๊กเลยครับ” ผมพูดและยิ้มๆ



                       “ดีครับ ไปครับ “ครูโจ้พูดแต่ยังไม่ออกตัว



                       “กอดแน่นๆนะครับรถแรงมาก” ครูโจ้พูด ผมก็พยักหน้า



                       “บรื้นๆๆ...” ทำเอาผมนี้แถมหงายหลังเลยครับ



                       “ผมไปแก้ให้สำหรับครูเลยนะครับ เมื่อวานมันช้าไปหน่อยเครื่องไม่แรง แต่วันนี้แรงดีไหมครับ ครูเขม”



                       “ครับครูโจ้ “ ผมตอบครูโจ้ ผมนี้ก็เป็นห่วงทรงผมของผมนี้แหละครับ อุตสาห์หวีมาอย่างดี ไม่นานรถครูโจ้ก็มาจอดที่หน้าตึกที่ผมมาเจอวันก่อน



                       “ขอบคุณนะครับครูโจ้” ผมเอ่ยปากขอบคุณครูโจ้และก้าวเท้าลงจากรถมอเตอร์ไซด์



                       “อย่าลืมนะครับ อาหารเช้าสำคัญมาก โจ๊กครับโจ๊ก” ครูโจ้ตอกย้ำกับผมก่อนจะชับรถมอเตอร์ไซด์ออกไป ผมก็ยืนโบกมือให้และรีบเดินขึ้นไปที่ห้องธุรการที่ผมเจอครูสมพิศเมื่อวานทันที



                       “สวัสดีค่ะครูเขม มาแต่เช้าเลยนะคะ อันที่จริงมมาสัก7โมงครึ้งก็ได้ค่ะ” ครูสมพิศที่เดินตามผมหลังผมขึ้นมา ผมเองก็ไม่ทันได้สังเกตุ



                       “สวัสดีครับครูสมพิศ “ ผมยกมือไหว้



                       “ผมว่าจะเอาแฟ้มไปเก็บที่โต๊ะก่อนนะครับและจะลงไปทานอาหารครับ” ผมตอบครูสมพิศและมองไปรอบๆว่า โต๊ะไหนของผมละครับ



                       “อุ้ยตาย!  พี่นี่ลืมบอกครูเขมไปว่านั่งโต๊ะไหน ก็คงต้องโต๊ะครูมิ้งแหละและพวกหนังสือการเรียนการสอนก็อยู่ที่โต๊ะนั้นหมดค่ะ พี่จัดตารางตามเดิมของครูมิ้งเลยนะคะ แต่ถ้าครูจะให้ปรับเปลี่ยนห้องที่จะสอนยังไง รอคุยกับครูสมชายและครูลิมาค่ะ เขาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนกันค่ะ “ ครูสมพิศบอกผม ผมก็พยักหน้า



                       “นั้นค่ะครูโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าต่างเลยคะ” ครูสมพิศบอกผม ผมก็พยักหน้า



                       “ก่อนอื่นลงชื่อด้วยนะคะที่สมุดและลงเวลาที่เข้าค่ะ และเวลาออกก็มาลงอีกทีนะคะ” ครูสมพิศชี้ไปที่สุดเล็มหนึ่ง ผมก็พยักหน้าและเดินไปเปิดเขียนวันที่และลงชื่อตามตารางที่เขาตีไว้แล้ว ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน โต๊ะที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย



                       “ครูมิ้งเขาเป็นคนที่ระเบียบเรียบร้อยคะ นี้พวกพี่ก็ไม่ได้แตะต้องอะไรเลยนะคะ หลังจากที่ครูหายไป “ ครูสมพิศพูด



                       “ตายแล้วพี่ลืมคะ เดี๋ยวพี่ไปเอาเอกสารที่ห้องท่านผู้อำนวนการก่อนนะคะ ต้องส่งแฟล็กซ์แต่เช้า” พี่สมพิศพูดและรีบเดินออกไปทันที



                       “ตืดดดด” ผมกดสายหาณัฐกานต์ก่อน เพื่อจะได้แน่ใจว่าเขาตื่นไปทำงานทันเวลา แต่ทว่ายังคงรอสายจนตัดไปอีกแล้ว นี้ผมกดโทรหาเขาเกือบสิบสายได้แล้วมั้ง



                       “กานต์ ตื่นหรือยังครับ เดี๋ยวไปทำงานสายนะครับ” ผมส่งข้อความกลับไปแต่ก็ไม่มีการตอบรับกับมาแต่อย่างใด ว่าณัฐกานต์ตื่นแล้วหรือยังนอนขี้เซาอยู่นะ



                       “จริงซิคะพี่ถาวร แม้รู้อย่างนี้ลินดาไปด้วยก็ดีนะคะ แต่แม่ซิชวนลินด้าไปบ้านป้าอีกแล้ว “ เสียงผู้หญิงคุยกันเดินเข้ามาในห้องธุรการและห้องพักครู หญิงสาวร่างเล็กบางทั้งคู่ อีกคนมวยผมเหมือนโดนัทและอีกคนก็ปล่อยผมสลวยสวยยาวจนถึงกลางหลัง



                       “พี่ถาวรลงไปทานอาหารเลยไหมคะ” เขาสองคนก็ชวนคุยกันไปมา จนกระทั้งคนที่ปล่อยผมยาวก็เงยหน้าขึ้นมาเจอผมนั่งอยู่ผมก็ยิ้มให้ทันที



                       “อุ้ย! ไม่ทราบว่ามีคนอยู่ในห้องคะ ขอโทษทีนะคะ คุยกันเสียงดังเลย”



                       “ไม่เป็นไรครับ สวัสดีตอนเช้าครับผม “ ผมทักทายสองสาว คนที่ปล่อยผมส่งยิ้มหวานมาให้ผม



                       “ครูมาใหม่ใช่ไหมคะ ดิฉันชื่อถาวรคะ ยินดีที่รู้จักค่ะ” ครูคนที่มวยผมเป็นโดนัทเอ่ยทักทายผมและแนะนำตัวกับผม



                       “ผมเขมชาติครับ  ผมมาเป็นครูวันนี้วันแรกครับ ฝากด้วยนะครับ” ผมพูดแนะนำตัวบ้าง และอีกคนที่หันไปมองครูถาวรก็หันมายิ้มให้ผมอีกที



                       “ดิฉันลินดาคะ ยินดีที่รู้จักคะครูเขมชาติ”



                       “เรียกผมว่าเขมก็ได้ครับ สั้นๆ “ ผมพูด



                       “มาแต่เช้าเลยนะคะ ว่าแต่ทานอาหารเช้ามาหรือยังคะ ถ้ายังไปทานพร้อมกันเลยไหมคะ “ ครูลินดาถามผม ผมก็ส่ายหัวและครูลินดาก็เอ่นปากชวนผมไปทานอาหารด้วยกันเลย



                       “ไปซิคะ พวกเรากำลังจะลงไปอยู่พอดีเลยค่ะ”ครูถาวรเอ่ยถามผมอีกคน ผมพยักหน้าตอบรับและก่อนที่ลุกขึ้นผมก็เหลือบมองมือถือแต่ยังไม่การตอบรับใดๆกลับมาจากณัฐกานต์ ถ้าอย่างนั้นผมว่าไปทานอาหารก่อนดีกว่า ผมก็ไม่อยากพกไปด้วยเลยเก็บมือถือใส่ลิ้นชักเอาไว้



                          “มาสอนภาษาอังกฤษแทนครูมิ้งเหรอคะ” ครูลินดาถามผม ผมก็พยักหน้า อันที่จริงก็ไม่รู้เรื่องอะไรของครูมิ้งเลยก็ว่าได้ แต่ครูสมพิศบอกผมว่าให้ผมมาแทนก็คือแทน ผมคิดในใจและส่งยิ้มให้ครูสาวๆแทน



                         “น่าเสียดายครูมิ้งมากๆนะคะ ครูมิ้งนะนักเรียนทุกคนบอกครูสอนเก่งและครูเขาน่าจะไปเรียนครอสสั้นๆภาษาอังกฤษต่างประเทศมาด้วยเพราะสำเนียงเป๊ะมากค่ะ “ ครูลินดาพูด ครูถาวรก็พยักหน้ารับอีกคน



                          “แล้วครูสองคนสอนวิชาอะไรกันครับ” ผมหันไปถามครูลินดาและครูถาวร



                         “ลินดาสอนนาฏศิลป์ค่ะ ส่วนครูถาวรสอนคณิตศาสตร์ค่ะ” ผมพยักหน้า



                       “ เก่งทั้งคู่เลยนะครับ” ผมกล่าวชม

และผมสามคนก็เดินลงมาถึงห้องอาหาร มีนักเรียนมานั่งทานกันแต่เช้าเลยดูแล้วนักเรียนหญิงมากกว่านักเรียนชายนะโรงเรียนนี้



                    “สวัสดีค่ะครู” นักเรียนกล่าวทักทายผมสามคน ผมก็ยกมือรับไหว้กัน



                        “สวัสดีครับครู “และคนอื่นที่เดินผ่านพวกผมสามคน ผมรู้ภูมิใจในตัวเองที่วันนี้ผมได้เป็นครูอย่างที่ผมตั้งใจไว้



                 คุณแม่ผมเป็นครูสอนคหกรรมแต่ตอนนี้ท่านรีไทแล้ว แม่รีไทก่อนจะเกษียนญ์ราชการได้ห้าปีแล้วครับ ตั้งแต่พ่อผมป่วยแม่คิดว่าคงจะอยู่ดูแลท่านนอีกนานแต่ไม่ใช่อย่างนั้นพ่อผมล้มป่วยแค่ไม่กี่เดือนก็เสียชีวิตลง ทำให้พวกผมตั้งตัวกันไม่ทัน โดยเฉพาะผมที่เพิ่งเข้าเรียนได้ปีหนึ่งเองเพราะว่าผมตั้งใจอยากใส่ชุดครุยถ่ายรูปกับคุณพ่อของผม



                 “ครูเขมจะทานอะไรดีคะ” ครูลินดาสะกิดถามผม ผมหันมามอง



                  “ผมขอเดินดูก่อนดีกว่าครับ ผมว่าจะทานข้าวร้านแฟนครูโจ้นะครับ” ผมบอกครูลินดา



                  “ได้ค่ะ แต่วันนี้ลินดาคงไปดูอย่างอื่นทานค่ะ “ครูลินดาพูด



                  “เพราะว่านี้ก็ทานโจ๊กมาทั้งอาทิตย์แล้วค่ะ ครูโจ้แกก็เชียร์เหลือเกิน แต่จะให้ไปทานตลอดก็เบื่อเหมือนกันนะคะ” ครูลินดากระซิบกระซาบกับผม ผมก็หลุดขำ ผมอาจจะเป็นเหมือนครูลินดาบ้างแหละ



                 “ถ้าอย่างนั้นไปเจอกันที่โต๊ะตรงโน้นนะคะ” ครูถาวรอบกผมและครูสาวสองคนก็เดินออกไป ผมเดินตรงไปที่ร้านของแฟนครูโจ้ทันที



                    “สวัสดีคะ ครูเขม” แฟนครูโจ้ทักทายผม



                    “ผมว่าจะสั่งโจ๊กนะครับ” ผมบอกแฟนครูโจ้ แต่ดูท่าผมจะอดเพราะแฟนครูโจ้เก็บของลงหมดแล้ว



                     “ครูเขมขอโทษจริงๆค่ะ เจี๊ยบเก็บไปหมดแล้วคะ เพราะว่าเจี๊ยบต้องไปหาหมอนัดคะวันนี้” แฟนครูโจ้พูด



                  “ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะครับ” ผมบอกแฟนครูโจ้ เขาก็ส่งยิ้มแบบเกรงใจมาให้ผม ผมเหลือบไปมองเห็นข้าวราดแกงและเห็นว่ามีไข่ลูกเขย ผมชอบทานมากแม่ผมทำให้ผมทานบ่อยมาก ผมก็เลยเดินเลียบๆเคียงๆไปและชะเง้อมองว่าทานอะไรดีนะ อีกย่างผัดผักรวมแล้วกัน



                   “ป้าครับ ผมขอ ไข่ลูกเขยครับ” ผมพูดและส่งยิ้มให้แม่ค้าที่ยืนตักอาหารให้เด็กอยู่ เขาก็หันมามองผมและยิ้มให้ผม



                “ป้า! ผมขอไข่ลูกเขยครับ” มีคนพูดเกือบจะเหมือนผมแต่ต่างกันตรงที่ตอนเรียกป้าเขาไม่มีหางเสียงแบบผมนี้ซิ  และเสียงมันก็ดังมาจากด้านข้างของผมซะด้วยซิ  ผมก็เลยหันกลับไปมองและก็ต้องผงะเป็นฝายถอยเอง เพราะใบหน้าที่ดูกวนๆและนัยต์ตาสีฟ้านั้น มันเกือบวางผาดไว้บนไหล่ผมได้เลย ตัวสูงเท่ากับผมเลยนะนายนี้ 



                     “รอก่อนเลยตักให้ครูเขาก่อน “ ป้าคนขายข้าวหันไปบอกนายนั้น ผมก็หันไปหยักคิ้วให้”



                     “เอาอะไรเพิ่มไหมค่ะครู”ป้าหันมาถามผม



                     “ผมขอเป็น “ผมก็ทำท่าคิด



                        “จะได้ทานวันนี้ไหมเนี๊ยะ” คนที่ยืนใกล้ผมจนไหล่ติดกับผมพูดขึ้นเบาๆ ผมหันไปมอง นี้เรียกว่าเร่งผมใช่ไหมเนี๊ยะ



                       “ผมขอเป็นผัดผักรวมครับป้า”ผมบอกป้าคนขาย เขาก็เดินไปตักให้ผมทันที



                       “ทำไมต้องทานผักด้วยวะ เหม็นเขียว” ผมได้ยินเสียงคนข้างๆผมบ่น ผมก็หันไปมองมันกงการอะไรของเขาถ้าผมจะกินผัก



                      “ป้า ผมเอา ผัดผักด้วยนะป้า แต่ผักไม่ต้องเยอะนะป้าเน้น..หมูป้า” นายนั้นสั่งผัดผักเหมือนผม ทำให้ผมหันไปมองเพราะว่า เพิ่งจะบ่นอยู่เมื่อตะกี้เลยว่าเหม็นเขียวแล้วจะมาสั่งตามผมทำไม ใช่มันสั่งเหมือนผมเลย



                      “อ้าว! มองผมซะขนาดนี้ มองแล้วมันจะทำให้ครูเจริญอาหารขึ้นเหรอครับ” ดูทำท่าพูดเข้าซิ



                        “ครูเขมคะ “ ผมหันไปตามเสียงเรียกของครูลินดา และชี้ว่านั่งโต๊ะไหน



                     “ร้ายไม่เบานะ มาถึงก็หยอดครูสาวสวยประจำโรงเรียนเลย ไม่กลัวเมียเหรอ” ผมหันมามองแต่คิดอีกไม่ดีกว่า และจังหวะที่ป้าส่งจานข้าวมาให้ผมพอดีเลย ผมก็จ่านเงินค่าอาหารให้ป้าและเดินออกมาทันทื



                   “ครูครับ” เสียงนายนั้นเรียกผม ผมก็หันมามองว่าทำไมอีก



                     “ครูหยิบจานผมไปทำไมครับ ของผมนะผักน้อยๆ นี้ครับของครูผักเยอะๆ” นายนั้นพูด ผมก็เหลือบมองจานของผม



                   “นายทานจานนั้นไปนั้นแหละ กินผักเยอะๆบ้าง” ผมหันไปบอกและเดินตรงไปที่โต๊ะที่ครูลินดาและครูถาวรนั่งอยู่ ทั้งคู่กำลังคุยกันและนั่งลงตตรงข้ามสาวๆทันที 



                      “ทานอะไรคะครู อุ้ย ไข่ลูกเขย” ครูถาวรพูดเหมือนแซวผม



                     “ครับผม แม่ผมทำทานบ่อยมากครับและผมก็ชอบ” ผมพูดและสามคนก็ทานอาหารไปคุยกันไป ผมถึงได้ทราบว่าครูลินดาเป็นใต้และดูยังไงก็ไม่ค่อยเหมือนเฉพาะเรื่องสีผิวที่ขาวแต่หน้าตาคมคายใช้เลย และครูถาวรเป็นคนกรุงเทพเหมือนผมเช่นกันครูถาวรสอบติดมหาวิทยลัยชื่อดังในกรุงเทพและที่เดียวกับครูลินดาแต่คนละคณะกัน



                 “เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีค่ะครูเขม เราต้องไปยืนคุมนักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธงกันค่ะ”ครูลินดาบอกผม



                “ถ้าอย่างนั้นผมขอไปทำธุระส่วนตัวก่อนครับเพราะว่าหลังทำพิธีหน้าเสาธงผมต้องเข้าสอนเลยครับคาบแรก” ผมบอกครูลินดา ผมลุกขึ้นและเอาจานไปเก็บยังจุดที่เขาเตรียมภาชนะไว้ไส่ และเดินขึ้นห้องพักครูก่อน ผมว่าจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟันหลังอาหารซะก่อน



              “อ้าวครูเขม ไปไหนมาคะ” ครูสมพิศเดินออกมาจากห้องพักครู



            “ผมไปทานข้าวกับครูลินดาและครูถาวรมาครับ” ผมบอกครูสมพิศ



            “แม้มาถึงได้ควงครูสาวสวยประจำโรงเรียนนี้เลยนะคะครูเขม” ครูสมพิศแซวผม ผมก็ยิ้มๆ



            “เออ ขอโทษครับครูสมพิศครับ ไม่ทราบว่าชั้นนี้มีห้องน้ำครูไหมครับ” ผมถามครูสมพิศ ครูก็ชะเง้อมองไปทางขึ้นบรรได



           “นั้นห้องน้ำครูผู้ชายคะ “ ครูสมพิศบอกผม ผมก็เข้าไปในห้องของใช้ส่วนตัวว่าจะไปห้องน้ำ ผมเดินไปก็เปิดประตูเข้าไปทันทีแต่สิ่งที่เห็นคือ เด็กนักเรียนชายสามคนกำลังบี้บุหรี ทิ้งและหันมามองผม



          “พวกเธอมาทำอะไรในห้องน้ำครู” ผมถามเขาสามคน



          “ก็มาเข้าห้องน้ำ ทำไมอะ “ คนที่ยืนทำหน้าตากวนๆ ถามผม



        “ไปเถอะวะกาย”เด็กผู้ชายอีกคนทีดูล่ำๆน่าจะเป็นนักกีฬาแต่ผมเดาว่านักมวยแน่ๆ



        “ครูใหม่ละซิ อยากให้ผมสามคนต้อนรับครูใหม่หรือไง”คนที่ชื่อกายพูด ผมก็มองหน้าทั้งสามคน และคนที่เป็นหัวโจกทำท่าจะเดินเข้าหาผมแบบไม่เกรงกลัวว่าผมนะเป็นครู



       “พวกเธอทำอะไรนะ! “ เสียงคนที่ดูมีอำนาจ ดังมาจากด้านหลังของผม



      “เปล่าครับ “ คนที่ชื่อกายพูด



     “ไปเตรียมเข้าแถว และนี้เข้ามาทำอะไรในห้องน้ำครู ฉันบอกพวกเธอกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาใช้ห้องน้ำครู “



        “ครับ ผมแค่มาล้างมือกันนะครับครู และจะไปเข้าแถวแล้ว ใช่ไหมครับ ครูคนใหม่” นายนั้นโกหกและหันมาถามผม



        “เออ ครูคนใหม่ใช่ไหมครับ”



      “ใช่ครับ ผมชื่อเขมชาติครับ” ผมหันไปบอก



       “ไปได้แล้วพวกเธอสามคน และอย่าให้ฉันเห็นอีกนะ จะแค่ล้างมือก็ไม่ได้เพราะนี้มันห้องน้ำสำหรับครูใช้เท่านั้น พวกเธอต้องไปใช้ห้องน้ำของนักเรียน เข้าใจไหม กาย อั๋น และเอก “ ครูคนนั้นดุพวกสามคนนั้นหันมามองผม และพวกก็เดินออกไป



              “ผมชื่อครูอครชัยครับ ผมเป็นครูอยู่ฝ่ายปกครองนี้ “ ครูอครชัยบอกผม ผมก็ยกมือไหว้



             “สามคนนี้ ตัวแสบของโรงเรียนเลย ระวังไว้หน่อยนะครับครู นายกายนี้พ่อเป็นนายทหาร เกเรที่สุด ไม่มีที่ไหนอยากรับไปเข้าเรียน เลยต้องอยู่ที่นี้ จะไล่ออกก็ไม่ได้ “ ครูอครชัยพูด ผมพยักหน้า



             “สงสัยสามคนนั้นสูบบุหรีที่ในห้องน้ำครูอีกแล้ว เดี๋ยวผมตามแม่บ้านมาทำความสะอาดดีกว่าครับครู” ครูอครชัยบอกผม



          “ผมแค่เออ ล้างมือครับ “ ผมบอกครูและเดินเข้าห้องน้ำ กลิ่นบุหรีนี้แรงมาก แต่ผมก็ต้องกลั้นหายใจ เพราะว่าผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เอาวะเลย ผมจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็รีบออก ผมเห็นว่าน่าจะได้เวลานักเรียนเข้าแถวหน้าเสาธงกันแล้วผมเลยเดินลมาชั้นล่าง และเห็นครูหลายๆคนยืนอยู่



           “นี่ไงคะผอ. ครูเขมชาติ” ครูสมพิศ ชี้ให้ท่าน ผู้อำนวยการดูและท่านก็ควักมือเรียกผมเข้าไป



         “เดี๋ยวหลังจากเคารพธงชาติเสร็จผมจะกล่าวแนะนำครูใหม่นั้นคือครูเขมชาติกับนักเรียนของเรานะครับครู” ผมพยักหน้า



          “ครูเขมชาติ นี้คือคุณครูของโรงเรียนเราค่ะ” ครูสมพิศ แนะนำผมกับคุณครูทุกท่านที่โรงเรียน ผมดูแล้วน่าจะเป็นผม ครูลินดาและครูถาวรที่เด็กที่สุด แต่ละท่านนี้ก็หลักสี่กันแล้วมั้งครับ อ้มีครูโจ้อีกคนที่น่าจะแก่กว่าผม ปีสองปี



            “สวัสดีครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ผมกล่าวกับครูทุกคน



          “ เดี๋ยวเราไปยืนตรวจแถวนักเรียนกันค่ะครู ก็ไม่ต้องทำอะไรมากค่ะ แค่ยืนให้เด็กเข้าแถวอย่างเรียบร้อยค่ะ พอร้อนๆหน่อยก็เขาที่ร่มต้นไม้อะไรอย่างนี้นะคะ “ ครูสมพิศบอกผม ผมหันไปยิ้มให้ครูลินดา และพวกผมก็ย้านกันเดินออกไป ผมเดินไปรอบๆ ที่นี้เขาแยกเข้าแถวกันระหว่างชายหญิง จะแบ่งเป็นชั้นๆ ชั้นหนึ่งก็  ผมเห็นครูผู้ชายก็มักจะยืนที่แถวนักเรียนชาย



          “ครูเขม” ครูโจ้โบกมือเรียกผม ผมก็ไปยืนกับครูโจ้ทันที่ จะได้ไม่วังเวงหากยืนอยู่ในที่โล่งๆคนเดียว



          “อ้าวแล้วครูโจ้ไม่ไปกับแฟนเหรอครับเห็นว่าหมอนัด”



               “อ้อ! ผมให้ พี่ชายเขาพาไปนะครับ “ ครูโจ้พูด ผมพยักหน้า และหันไปยิ้มให้ครูอีกคนที่ท่าทางกระตุ้งกระติ้งหน่อยจะว่าเรียบร้อยมากก็ว่าได้หรือว่าจะมองว่าไม่แมนก็ได้ ผมเลยไม่กล้าตัดสินดีกว่า



            “สวัสดีครับ ผมครูสมชายครับ ยินดีที่รู้จักนะครับ ผมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่นี้เหมือนันกัน” ผมพยักหน้าและยื่นมือไปเช็คแฮนด์ ระหว่างที่กำลังพิธีร้องเพลงชาติ ผมเหลือบไปเห็นนายคนนั้นหนุ่มลูกครึ้งตาสีฟ้าของผม แต่ว่าวันนี้มันดูไม่ใช่สีฟ้านิ หรือว่าวันก่อนเขาใส่คอนแทคเลนส์ทำให้ตาเป็นสีฟ้ากันแน่  แต่ว่าตอนนี้เขาหันมามองผมและหยักคิ้วให้ผมด้วย ผมก็ทำนิ้วจุปากเพราะเวลานี้ควรจะสำรวม ไม่นานเวลาพิธีหน้าเสาธงเสร็จเรีบยร้อย





                  “นักเรียนทำความเคารพ” พอท่านผู้อำนวนการขึ้นไปยืนก็มีนักเรียนคนหนึ่งที่ทำหน้าที่นำสวน ร้องเพลงชาติลุกขึ้นและบอกให้นักเรียนทุกคนทำความเคารพ



            “สวัสดีครับ นักเรียนที่น่ารักทุกคน อะนั่งลงได้ วันนี้ครูมีเรื่องมพูดไม่นานเพราะว่าดูท่าทางจะร้อนกันแล้ว ” ผู้อำนวนการบอกให้นักเรียนทั้งหมดนั่งลง พอนักเรียนนั่งคุณครูก็ยังคงยื่นอยู่







         “วันนี้ก็เป็นการเปิดภาคเรียนมาได้หนึ่งอาทิตย์กว่าแล้วนะ เทอมที่แล้วใครติดศูนย์ ติดรอแก้ไขให้เรียบร้อยนะ เวลาปิดภาคเรียนใหญ่ได้ไม่ต้องกลับมาแก้อีกและจะได้ไปเที่ยวกันได้สนุกสนาน “ผู้อำนวนการพูด



       “เอาละ ที่ครูขึ้นมาวันนี้ ก็เพื่อที่จะแนะนำคุณครูคนใหม่ ซึ้งเป็นครูหนุ่มใหม่ไฟแรง หล่อด้วย ที่มาเป็นครูสอนพวกเรา” ท่านผอพูดทำเอาผมนี้เขินเลยครับ



      “เชิญครับครูเขมชาติ” พอท่านผุ้อำนวนการเอ่ยชื่อผมและเชิญผมขึ้นไป นักเรียนหันมามองผมกันหมด



      “หล่อด้วยอะแก”ผมได้ยินเสียงนักเรียนสาวๆ แซวผมกันใหญ่เลย และผมก็เห็นนายตาสีฟ้านั้นมองผม ตั้งแต่ผมกำลังเดินไปจนขึ้นเวที



    “แนะนำตัวหน่อยครับครูเขมชาติ” ท่านผู้อำนวนการบอกผมและส่งไมโครโฟนมาให้ผม



     “สวัสดีครับท่านผู้อำนวนการ คุณครูทุกท่าน และนักเรียนทุกคน กะผม นายเชมชาติ จะมาเป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษที่นี้ครับ ผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาเป็นผู้ประสาทวิชาความรู้ให้แก่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนนี้และผมจะตั้งใจมอบความรู้ที่ผมได้เรียนมาแก่นักเรียนทุกคนอย่างเต็มความสามารถครับ” ผมพูดและเสียงปรบมือดังขึ้นแต่สายตาผมกับเห็นหนุ่มตาสีฟ้านั้นมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขามองหันไปทางอื่น



             “ขอบคุณนะครับครู ขอให้สมดังที่ครูตั้งใจที่จะมอบความรู้ต่างๆให้แก่นักเรียนที่นี้ และครูขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียนกับครูเขมชาติกันนะครับ รักและเคารพคุณครู เหมือนเช่นคุณครูท่านอื่นๆ วันนี้ก็คงพอแค่นี้ เชิญแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียน” ท่านผู้อำนวนการพูด และนักเรียนก็พากันลุกขึ้นและเดินแถวแยกย้ายเข้าห้องเรียนกัน ผมก็ดันไม่ได้สังเกตุว่านายหนุ่มตาสีฟ้านันเรียนห้องไหนกัน และปีไหนด้วยเพราะมัวแต่คุยกับครูโจ้



          “ครูเขมคะ” ผมหันไปยังเสียงที่เรียกชื่อผม



       “สวัสดีครับ “ ผมทักทายคุณครูผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เดินมาทักผม



              “ดิฉันชื่อครูลิมาค่ะ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษเหมือนกันค่ะ ดีใจนะคะที่ได้ครูคนใหม่ไฟแรงมาช่วยเรา ถ้ามีเวลายังไงเราน่าจะนัดประชุมกันนะคะ เราจะมีการแข่งขันภาษาอังกฤษกันนะคะ “ ครูลิมาบอกผม ผมพยักหน้าดีเลย



            “ตอนนี้ลิมาต้องชึ้นสอนก่อน แล้วครูละคะ ชึ้นสอนเลยไหมคะคาบนี้”



            “ใช่ครับผมจะขึ้นสอน นักเรียนชั้นม.4ครับ ห้อง4/1 ครับ” ผมบอกครูลิมา แต่ดูครูลิมาจะทำหน้าตกใจ



            “4/1 เป็นเด็กเรียนเก่งกันทั้งหมดสบายครูไปนะคะ แต่จะมีหนึ่งคนที่ไม่เข้าเรียนเลย อย่าไปอะไรมากเพราะบังคับยังไงก็ไม่เข้าคะ เทอมที่แล้วติดศูนย์ของลิมายังไม่แก้เลยค่ะ เห็นท่านผู้อำนวนการจะเรียกผู้ปกครองมาคุยอยู่ค่ะ “ ครูลิมาบอกผม ผมก็ยิ้ม นี้ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนักเรียนเลยก็เหมือนจะเจอปัญหาซะแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 13:24:10 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เห็นชื่อเรื่อง
“รั่วโรงเรียน “ คนเขียน เขียนผิดหรือตั้งใจเขียนเพื่อต้องการดึงดูดให้คนอ่านสนใจ
แต่การเขียนหนังสือคนอ่านอยากให้คนเขียนสะกดคำให้ถูกมากกว่าค่ะ
“ รั้วโรงเรียน “
ส่วนเนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เห็นชื่อเรื่อง
“รั่วโรงเรียน “ คนเขียน เขียนผิดหรือตั้งใจเขียนเพื่อต้องการดึงดูดให้คนอ่านสนใจ
แต่การเขียนหนังสือคนอ่านอยากให้คนเขียนสะกดคำให้ถูกมากกว่าค่ะ
“ รั้วโรงเรียน “
ส่วนเนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ
ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ไม่ได้สังเกตุเลยจริงๆค่ะ จะพยายามไม่ให้มีคำผิดเลยค่ะ จะพยายามแก้ไขปรับปรุงนะคะ ถ้ายังไงฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
             
      EP.3.1  วันแรกของการเป็นครู 2   
         ส่วนผมก็รีบเดินขึ้นไปบนห้องพักครูทันที ผมต้องเข้าไปหยิบหนังสือที่จะใช้สอนนักเรียนชั้นมัธยมปีที่4 ผมเองก็คุ้นเคยกับการติวเตอร์มาแล้วเท่านั้น แม้มันจะค้อนข้างแตกต่างจากในชั้นเรียนบ้างก็เพราะว่าติวเตอร์จะเน้นทำข้อสอบและสนุกสนานกันเหมือนเพื่อนกัน แต่ทะว่าการเป็นครู ผมต้องสอนและพัฒนาตัวนักเรียน และการสอนต้องสอนให้ให้นักเรียนเข้าใจอย่างแท้จริง ผ่านกิจกรรม การพิสูจน์ การทดลอง เพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาได้เอง



                      แต่ตอนที่ผมเป็นติวเตอร์ การสอนเวลามันจำกัด ดังนั้นผมต้องสอนแบบ สูตรลัด ตัดช้อยส์ เทคนิคการเดาต่างๆ และจุดประสงค์หลักของนักเรียนที่มาเรียนติวเตอร์คือต้องการทำข้อสอบได้เท่านั้นจริงๆ ทำเอาผมยืนสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เอาวะเขมนายต้องทำได้ แต่ก่อนจะขึ้นไปที่ห้องของนักเรียนผมก็หยิบมือถือมาดู ณัฐกานต์ยังไม่ตอบข้อความของผมเลย ผมก็ไม่อยากถือไปด้วยเลย



              ณัฐกานต์ =  เขมจะขึ้นห้องสอนเด็กแล้วนะ ตอนเที่ยงเขมโทรหานะครับ เป็นห่วงนะครับ รักครับ

       

                  ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์และโยนมือถือใส่ในลิ้นชักก่อนจะหยิบหนังภาษาอังกฤษระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ขึ้นมา ผมคงต้องถามนักเรียนเอาว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมามีครูสอนถึงไหนและผมจะได้ปะติดปะต่อถูก ผมเดินขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ของตัวอาคาร แม้จะมีตึกเดียวแต่ก็ดูเหมือนสองตึกมากกว่าและมีทางเชื่อมกันระหว่างตึกด้วย  มีจำนวนห้องเรียนมากมาย แต่ก็ไม่ได้เป็นเฉพาะห้องเรียนทั่งหมด



               ผมเดินไปจนถึงห้องนักเรียนชั้นปีที่ 4/1  ก่อนเข้าก็สูดลมหายใจเข้าปอดอีกที คิดในใจสู้โว้ย และผมก็ก้าวเท้าเข้าห้องไป



              “นักเรียนทำความเคารพ” หัวหน้าห้องรีบบอกนักเรียนในห้องทั้งหมดทำความรพผมทันที



“Good morning Teacher “



                 “Good morning everyone. How are you today?. ผมถามนักเรียนในห้อง นี้เป็นการเจอกันครั้งแรก



                “I’m fine Thank you, and you ?”



               “I ‘m very well Thank you” ผมตอบ



              “โห้! สำเนียงเป๊ะมากอะแก “ นักเรียนหญิงที่อยู่แถวหน้าหันไปกระซิบกับเพื่อน



             “Sit down please” ผมบอกนักเรียนทุกคน และนักเรียนทุกคนก็นั่งลง



             “Thank you Teacher”



                “My name is Khemmachat. I’m glad to meet everyone in my class today.



             “ เอาละ ครูจะขอเช็คชื่อพวกเธอก่อนนะ แล้วก่อนที่ครูจะเริ่มสอนเราตามบทเรียน ครูจะให้เราตั้งคำถาม ถามครูได้คนละคำถาม แต่เป็นภาษาอังกฤษ” ผมบอกทุกคน ทุกคนหันไปยิ้มๆกันโดยเฉพาะ นักเรียนหญิง ผมก็หยิบแฟ้มรายชื่อนักเรียนในห้องเรียนที่ครูสมพิศให้ผมมาออกมาเปิดและขานชื่อแต่ละคน ส่วนใหญ่ก็ตอบว่ามากันหมดจนมาถึงชื่อหนึ่ง



             “คริสโตเฟอร์” ผมเรียกชื่อนี้โดยยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่มันได้ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ ผมก็ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ทุกคนนิ่งเงียบกันหมด



          “คริสโตเฟอร์!”



      “where is Chritopher?



      “เขาไม่อยู่คะครู”มีคนตอบผมและมองไปที่โต๊ะนักเรียนด้านหลังสุดติดกับหน้าต่าง



       “เออ.. ใช่คนที่เป็นลูกครึ้งหรือเปล่า ” ผมถามนักเรียนในห้อง



       “ใช่ค่ะ” “ใช่ครับ” ทุกคนตอบพร้อมกันหมด



       “แล้วเขาไปไหน ครูว่าครูเห็นเขานะ เขาเข้าแถวเมื่อตอนเช้าอยู่เลย” ผมพูดขึ้นและมองไปรอบและชะเง้อมองไปด่านนอกห้องเพื่อว่าเขากำลังเดินขึ้นมา อาจจะไปห้องน้ำ



             “ครูเขมชาติคะ เขาไม่มาหรอกค่ะ เขาไม่เคยเข้าเรียนวิชานี้เลยค่ะ วิชาอื่นก็เข้านะคะแต่วิชานี้เขาไม่ยอมเข้าค่ะ”

                                                                                           

         “เนอะพวกเรา”



          “ใช่” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันทำให้ผมตกใจและมันก็ตรงกับที่ครูลิมาพูดด้วย



            “มีใครเห็นเขาบ้าง บอกครูทีซิ” ผมถามนักเรียนในห้อง มีแต่คนส่ายหัวว่าไม่เห็นแต่ก็มีหนึ่งคนที่ยกมือขึ้น



         “ผมเห็นครับ ตอนที่ผมเดินที่รถมอเตอร์ไซด์ที่ผมจอดไว้ ผมเห็นเขานั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่ศาลากลางน้ำครับ” นักเรียนชายคนหนึ่งลุกขึ้นตอบผม ผมก็ว่างแฟ้มลง คิดในใจนี้มันใช่เวลาไปนั่งเล่นกีตาร์ไหม ผมไม่แน่ใจว่าใช่นายไหมนะ นายตาสีฟ้า



        “เอาละเดี๋ยวครูมา พวกเธอเตรียมคำถามไว้ถามครู ขอเป็นภาษาอังกฤษนะ ถูกผิดไม่ว่ากัน “ ผมพูดและทำท่าจะเดินออกจากห้อง



        “ครูจะไปตามเขาเหรอคะ อย่าไปเลยคะ เขาไม่มาหรอกคะ” เด็กนักเรียนหญิงที่นั่งด้านหน้าสุด ร้องทักผม ผมหันไปมองว่าทำไม



        “ใช่ครูอย่าไปเลยคะ คริสโตเฟอร์ เคยต่อยครูสมชายมาแล้วนะคะ ครูสอนภาษาอังกฤษนะคะ เขาเลยไม่ยอมมาสอนห้องที่นายคริสเรียนเด็ดขาด” นักเรียนอีกคนพูด ผมคิดว่าคนเดียวกันแล้วแหละ เพราะเขาเรียกว่านายคริส



      “งั้นเดี๋ยวครูมา” ผมพูดแค่นั้นและเดินลงไปชั้นล่าง ผมรู้ว่าศาลากลางน้ำอยู่ตรงไหน จะเลยที่จอดรถไปหน่อย มีบ่อน้ำและมีศาสาที่ตั้งอยู่ไปทางกลางน้ำ ผมเดินจั้มอ้าวลงไปอย่างไม่ได้สนใจใครจนกระทั้งผมไปหยุดที่ทางเดินเข้าไปศาลากลางน้ำ



         ทันทีที่ผมเดินมาถึงศาลากลางน้ำที่ทุกคนพูดถึง ผมก็เห็นมีนักเรียนนั่งอยู่ มือดีดกีตาร์อยู่ ดูจากรูปร่างใช่แน่นอนนายคริสโตเฟอร์ ผมรีบเดินเข้าไปหาเขา เขายังคงนั่งเล่นกีตาร์หันหลังให้ผม เพลงที่เขาเล่นน่ะเป็นเพลงที่ผมชอบซะด้วย All of me  แต่ นี้มันไม่ใช่เวลามาเล่นกีตาร์ เขาควรจะอยู่ในห้องเรียนกับผม



          “คริสโตเฟอร์ “ ผมเรียกชื่อเขา คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผมด้วยอาการตกใจ



        “คุณ เอ้ย ครู” คริสโตเฟอร์



      “นายเล่นกีตาร์และร้องเพลงได้เพราะมากนะและครูเองก็ชอบเพลงนี้มาก แต่จะให้ดีควรจะไปเข้าห้องเรียนหรือถ้าอยากร้องมาก ไปร้องให้เพื่อนฟังดีกว่าไหม”ผมถามนายคริสโตเฟอร์ นายนั้นก็วางกีตาร์ลงและหันมามองผม เหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็ไม่เขาได้หยิบกีตาร์และลุกขึ้นเดินแทรกผมไปทันที ผมก็เดินจามเขา



            “นายคริสโตเฟอร์ หยุดนะ! “ ผมเรียกชื่อเขาและบอกให้เขาหยุดเพราะผมเห็นว่าเขาไม่ได้เดินไปเพื่อไปขึ้นตึกแต่เหมือนจะเดินไปทางบ้านพักนักเรียนมากกว่า



           “นายคริสโตเฟอร์!!” ผมเรียกชื่อเขาเสียงดังมาก



          “ไม่ต้องเสียเวลามาตามผมหรอกครับครู ผมไม่เคยขึ้นเรียนวิชานี้ ใครก็รู้ ไม่ลองถามเพื่อนๆในห้องผมดูละครับคุณครู เขมชาติ” คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม และเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเมื่อวานที่เขาเรียกชื่อผม



           “ทำไม นี้มันวิชาตามแผนบังคับการเรียนของนายนะ นายต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษและนายต้องเข้าเรียนกับครู ตอนนี้ “ผมพูดเขายังคงมองหน้าผม



                 “เพื่อนๆรอนายอยู่ไป อย่าให้เพื่อนเสียเวลารอนายคนเดียว”ผมพูดและเดินไปจับข้อมือของนายคริสโตเฟอร์และพยายามจูงให้เขาตามผมไป



                “ผมไม่ขึ้น และผมจะไม่มีวันขึ้น ปล่อนผมนะครู”เขาพยายามสะบัดมือผมให้หลุด





                 “ทำไม!  นายมีเหตุผลไหม ถ้ามันคือเหตุผลที่สมควร ครูก็จะไม่ยังคับนาย” ผมถามนายคริสโตเฟอร์ ขณะที่เขากำลังจะหันและเดินหนีผม



                   “ผมมีเหตุผลของผม “นายคริสโตเฟอร์พูดแต่ผมยังไม่ยอมปล่อยข้อมือของเขา



                    “นายต้องขึ้นห้องเรียนกับครูตอนนี้และเดี๋ยวนี้ “ ผมพูด นายคริสโตเฟอร์ มองมือผมและสะบัดมือผมอย่างแรงและผมก็เสียหลักกระเด็นออกไป นายคริสโตเฟอร์หันมามองผมด้วยความตกใจ



                    “อะไรกันนะ” เสียงครูผู้หญิงร้องทักดังมาและครูคนนั้นก็รีบเดินเข้ามา ผมก็รีบลุกขึ้นสะบัดเศษหญ้าออก



                    “นายคริสโตเฟอร์ นี้นายมีเรื่องกับครูอาจารย์อีกแล้วเหรอ และนี้นายผลักครูเลยเหรอ ครูว่าเธอควรจะไปหาผู้อำนวยการเดี๋ยวนี้” ครูผู้หญิงที่เดินมาหาผม ผมคิดว่าถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องใหญ่แน่ๆ



                    “ครูครับผมไม่เป็นไรครับ และนายคริสเขา..ก็ไม่ได้ผลักผมครับ....ผม..แค่ ลื้นล้มไปเองครับ และมันจังหวะที่นายคริสกำลังเดินกลับไปห้องพักเขา เขาปวดท้องนะครับ” ผมพูด นายคริสโตเฟอร์มองหน้าผม และครูผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าผมสลับกับนายคริสโตเฟอร์เช่นกัน



                       “จริงเหรอนายคริส” ครูที่เดินเข้ามาหันไปถามคริสโตเฟอร์



                      “เออ...ผม..”นานคริสโตเฟอร์ทำท่าอึกอักแต่ผมขยิบตา



                     “ครับครู” นายคริสโตเฟอร์พูดแบบไม่เต็มคำ



                     “นายไปพักเถอะและอย่าลืมทานยาละ พรุ่งนี้ค่อยมาเรียนนะ” ผมพูดและนายคริสโตเฟอร์ก็คว้ากีตาร์และเดินออกไปอย่างเร็ว ผมหันมาเจอครูท่านนั้นที่ยืนมองผม



                     “ครูช่วยเด็ก” ครูผู้หญิงนั้นหันมาพูดกับผม



                           “ครูครับ ผมว่าถ้าให้เขาไปหาผู้อำนวยการมันจะยิ่งแย่ เราควรที่จะรู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไรครับ และแก้ไข ไม่ใช่ผลักเขาออก” ผมพูด ครูผู้หญิงตรงหน้าผมก็มองมาที่ผมและถอนหายใจออกมา



                            “ผมขอโทษครับครู”ผมก็กล่าวขอโทษทันทีเพราะยังไงผมก็เพิ่งจะมาใหม่



                        “แล้วนี้ครูเป็นอะไรไหมคะ”ครูผู้หญิงถามผม



                       “ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับครู ผมขอโทษนะครับ ที่ผม”



                      “ค่ะ ดิฉันเห็นแก่ว่าคุณเป็นครูใหม่ ว่าแต่คุณชื่อครูเขมชาติใช่ไหมคะ”



                      “ครับผม”



                      “ดิฉันครูสิรินาฏค่ะ เป็นครูแนะแนวที่นี้ค่ะ”



                      “ยินดีที่รู้จักนะครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ นักเรียนในห้องรอผมอยู่นะครับ” ผมพูดและขอตัวเดินออกทันที ผมพ่นลมหายใจออกมา ผมเห็นสายตาที่เขามองผมตอนที่ผมล้มลงไปแล้วผมรับรู้ได้ว่าเขารู้สึกผิด ถ้าเขารู้สึกผิดนั้นแปละว่าเขาไม่ใช่คนไม่ได้ ไม่ใช่เด็กเกเรจนยากจะเยียวยาแต่เขาต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างที่ผมควรจะเข้าไปแก้ไข ผมปล่อยเขาแบบนี้ไม่ได้หรอก ผมเดินกลับขึ้นไปบนห้องโดยไม่มีเขาตามกลับขึ้นไป นักเรียนทุกคนก็มองผมและหันไปกระซิบกระซาบกัน ผมก็ปรับสีหน้าให้กลับมาสู่ปกติ



                       “เห็นไหมแกฉันบอกแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่ขึ้นมาหรอก” นักเรียนหญิงที่ร้องห้ามผมไม่ให้ลงไปคามคริสโตเฟอร์หันไปกระซิบกับเพื่อนๆของเธอ



                        “เอาละ เรามาเริ่มเรียนกันได้เลยครับ ส่วนคำถามเอาไว้คาบหน้านะครับเพราะว่ามันเกินเวลาไปเยอะ ครูขอโทษนะครับทุกคน” ผมพูดและเปิดหนังสือทำการสอน ในหัวผมนี้คิดฟุ้งซ้านไปหมดเลยวันนี้ 

***************************************************************

[คริสโตเฟอร์ ]



                             ผมนายคริสโตเฟอร์ ผมไม่ได้ขึ้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษ และเป็นวิชาเดียวที่ผมไม่เคยขึ้นเรียนจนครูปล่อยผมติดศูนย์ตลอดและวันนี้ก็เช่นกันแต่ว่าวันนี้มีครูคนใหม่มา ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถูกชะตากับเขาตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ตรงบรรได ผมคว้าแขนเขาไว้หรือว่านี้เขาเรียกว่ารักแรกผม บ้าน่านั้นมันครูผู้ชายนะโว้ยไอ้คริส ถามว่าผมเคยมีแฟนไหม เคยมีและตอนนี้ก็ไม่มีแบบเป็นตัวเป็นตน คบๆไปบางทีก็แค่คุยแก้เหง่า เพราะตั้งแต่เชอรี่ถูกส่งไปเรียนเมืองนอกก็เพราะว่าเขามาคบกับผมเชอรี่เป็นลูกสาวคนเดียวของผู้มีตำแหน่งทางการเมือง และเชอรี่คือจุดที่ทำให้ผมกับพี่กายมีเรื่องบาดหมางกันจนมองหน้ากันไม่ติดถึงทุกวันนี้ด้วยเช่นกัน



                                  “อ้าวไอ้คริส มรึงเลิกเร็วเหรอวะวันนี้ มึงเลยมานั่งรอพวกกู”ไอ้โป้งเพื่อนรักของผมแต่อยู่คนละห้อง ไอ้โป้งมันอยู่ ม.5แล้ว ผมนะโดนพักการเรียนไปหนึ่งเทอม เลยช้าไปกว่ามัน



                              “กูไม่ได้ขึ้นเรียนวะโป้ง” ผมบอกไอ้โป้ง



                                   “อะไรอีกวะ ทำไมมึงไม่ขึ้นเรียนวะ เดี๋ยวก็โดนเรียกผู้ปกครองหรอกมึง”ไอ้อาร์ท พูดขึ้นและไอ้โจก็พยักหน้าเห็นด้วย



                                 “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะมึง” ไอ้ปันปันอีกคน



                                “กูไม่ได้เข้าเรียนภาษาอังกฤษ และครูเขาลงมาตามกู แต่กูไม่ยอมขึ้น เลยมีการยื้อกันจนครูเขา...ล้มลง เหมือนกูผลักเขา” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด



                                 “และครูสิรินาฏก็มาเห็นตอนแรกเขาจะให้กูไปหาผู้อำนวนการให้ได้วะ แต่ครูเขาโกหกว่ากูไม่ได้ผลัก” ผมพูดอย่างคนรู้สึกผิด



                                   “เออ น่า มันไม่ใช่ครั้งแรกของมึงนิหว่า เพราะว่า มึงก็เกือบจะต่อยครูสมชายไปแล้ว”ไอ้โจมันพูด



                                  “ก็น่าถูกต่อยหรอกนะ ดูมันว่าไอ้คริสดิ เป็นกู กูก็ต่อยวะ เสือกเรียกไอ้คริสว่าฝรั่งขี้นก “ ปันปันพูด ใช่ผมนะโมโหเขามากพยายามจะอดกลั้นแล้วแต่ก็ทนไม่ไหวต่อยเขาไปหนึ่งที



                                “เอานะ ดูแล้วมึงไม่ตั้งใจก็รอไปขอโทษเขาแล้วกันวะ” ไอ้โป้งพูด



                                 “หาอะไรทานกันดีกว่าวะ” ไอ้โป้งบอกทุกคน ผมก็ลุก และเดินไปจะไปดูว่าจะทานอะไรดี เมื่อเช้าเดินไปสั่งอาหารให้เหมือนเขาแต่ดันได้จานที่มีผักเยอะแยะ พูดแล้วยังเหม็นเขียวในปากอยู่เลย ผมไม่ค่อยชอบทานผัก



                                    “กรูไปสั่งก๋วยเตี๋ยวนะ มึงเอาไหมวะคริส” ไอ้ปันปันมันถามผม ผมเหลือบไปเห็นครูเขมเดินไปสั่งร้านข้าวพอดี



                                       “ไม่เอาวะ กูไปซื้อข้าวนะ “ ผมพูดและรีบแทรกนักเรียนที่ทยอยเดินลงมาทานข้าวและผมก็แทรกเดินไปจนถึงครูเขมชาติ ผมรู้จักชื่อเพราะว่าวันนั้นผมสังเกตุจากแฟ้มที่ครูถือผมเห็นจากบัตรประจำตัวของครู  ผมไปยืนใกล้ชิดแต่เขายังไม่รู้สึกว่าเป็นผม จนกระทั้งไหล่ผมชนเข้ากับเขา



                                     “ครู” ผมเรียกเขา เขาก็หันมามองผม สายตาเขาเหมือนผิดหวังและหันกลับ



                                    “ครู ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจผลักครู”



                                    “ครูรู้ว่าเราไม่ตั้งใจ แต่ครูยังไม่รับคำขอโทษนะ” ผมก็ตกใจ



                                     “ถ้านายจะให้ครูรับคำขอโทษของนาย นายก็ต้องเข้าเรียนกับครูพรุ่งนี้ ครูมีสอนภาษาอังกฤษ คาบบ่ายที่ห้องเรา “ ครูเขมชาติหันมามองผม สายตาที่จริงจัง แต่ผมนี้ยืนกลืนน้ำลายลงคอ



                                     “แต่ว่า..”



                                 “ลองเข้าเรียนก่อน ถ้าไม่ชอบ ครูจะไม่ตอแยเราอีก และอันที่จริง ถ้าเรามีปัญหาอะไร คุยกับครูได้นะ ครูพร้อมรับฟัง” ครูเขมชาติพูดกับผม ผมก็มองครูเขมชาติ สายตาของเขามันทำให้ผมหยุดทุกสิ่งในหัว ผมรู้สึกเหมือนเรายืนอยู่ตรงนี้กันแค่สองคน



                               “คริส” ผมสะดุ้งได้สติ จนมีคนมาเรียกผม ไอ้ปันปันนั้นเอง



                               “ครูเขมคะ เสร็จหรือยังคะ เราไปนั่งโต๊ะตัวยาวดีกว่าคะเพราะว่าครูอีกสองสามคนจะลงมาทานด้วยกันคะ” ครูลินดาเดินมาจับแขนครูเขมชาติและครูเขมก็หันมามองผมก่อนจะเดินตามครูลินดาออกไป



                                “มึงเสร็จยังจะได้ไปนั่งกินได้แล้วไอ้นี่นิ ทำเป็นหึงครูลินดา “ไอ้ปันปันมันพูด ผมหันมามองมันและเดินออกทันที ผมยังไม่ได้สั่งอาหารร้านนั้นเลย ผมคงเลือกทานอย่างที่ผมชอบดีกว่า ก๋วยเตียวไก่มะระแทน แต่ระหว่างที่ผมยืนรอผมก็มองครูเขมชาติที่นั่งคุยกับครูลินดาอย่างกับคู่รัก หรือว่าครูเขมชาติเขาอยากเปลี่ยน หรือจริงๆเขาไม่ได้ชอบผู้ชายจริงๆนะ แล้วผมจะไปคิดมากทำไมวะ แต่ที่ควรจะคิดมากนะตอนนี้คือ ผมควรจะเข้าเรียนภาษาอังกฤษดีไหมวะพรุ่งนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 13:27:15 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

EP.3.2เดทแรกของครูเขมกับนายคริส
[ครูเขมชาติ]

                        หลังจากเลิกสอนผมก็เดินกลับไปที่บ้านพักเพราะว่าครูโจ้พาแฟนไปซื้อของเตรียมขายพรุ่งนี้ แต่บ้านพักก็ไม่ได้ห่างไกลจากโรงเรียนมาก และผมต้องเดินผ่านสนามบาสเก็ตบอล ผมเหลือบไปเห็นนายคริสโตเฟอร์ที่กำลังเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆอยู่ ผมแอบยืนดูเขาอยู่พักหนึ่ง ดูเขามีความสุขมากและเพื่อนๆพวกนี้ไม่ใช้เด็กที่เรียนในห้องเรียนเดียวกับเขาเลย และก่อนที่เขาจะหันมาเห็นว่าผมแอบดูเขาผมก็ต้องรีบหันหลังเดินออกก่อนทันที เขินครับคุณครูหล่ออย่างผมแอบส่องนักเรียน ผมรีบเดินกลับบ้านพักครูเพื่อไปอาบน้ำและ ผมจะได้ออกมาทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร



                “ริง” มือถือผมดังขึ้น ผมก็กดรับสายทันที เพราะว่าณัฐกานต์โทรหาผม ผมพยายามโทรหาและส่งข้อความแต่ณัฐกานต์ก็ไม่ตอบจนตอนนี้



              “กานต์ เป็นอะไรนะ วันนี้ไม่รับสายเขมเลย” ผมถามณัฐกานต์



              “เป็นวันซวยไง “ ณัฐกานต์พูดกรอกสายมาด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าเขาหัวเสียอย่างมาก



             “เกิดอะไรขึ้นอีกละกานต์” ผมถามณัฐกานต์



            “ไม่อยากพูด เบื่อ เบื่อมาก อยากเปลี่ยนสาขา “ ณัฐกานต์พูดว่าไม่อยากทำสาขาที่เขาทำอยู่



           “เมื่อเช้าไปสายหรือไง เขมก็บอกแล้วนะว่า...”



         “โอ้ยย! เขมจะบ่นอะไรหนักหนา นี้ก็โดนเจ้านายบ่นมาพอแล้ว แถววันนี้เครื่องนับตังดันลวน นับตังพวกผู้รากมากดีรวยนะ  แต่แค่เงินหายไปพันเดียวทำเป็นโวยวายยังกับหายร้อยล้าน” ณัฐกานต์เริ่มพลานและหัวเสียใจผมอีกแล้ว



             “เขมไม่ได้บ่นเขมแค่”



              “ถ้าจะบ่นแค่นี้ได้ปะ กานต์ง่วงด้วยจะนอนก่อน ถ้าอารมณ์ดีจะโทรหานะ ...ตรูดดด” ณัฐกานต์พูดและกดตัดสายผมทันที ผมก็มองมือถือ ผมก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำให้ตัวเองเย็นลงเช่นกัน ไม่นานผมก็ออกมาจากห้องน้ำและตรงไปหยิบมือถือ



               “กานต์ เขมไม่ได้บ่นนะครับ เขมแค่เป็นห่วง ถ้ากานต์คิดว่าสาขานั้นไม่ดีลองไปสมัครสาขาอื่นไหมครับ “ผมส่งข้อความไปหากานต์ ผมหวังว่าถ้าเขาตื่นมาจะอ่าน ผมเหลือบมองเวลาก็เหลือเวลานี้เพิ่งจะห้าโมงกว่าๆ ผมกะว่าสักหกโมงค่อยออกไป



      ผมเลยหยิบเอาหนังสือที่ใช้สอนเด็กแต่เป็นของครูมิ้งที่หายไปออกมาเปิดดู ผมเห็นเขามาร์คเอาไว้ จากที่ดูแล้วเขาสอนเก่งมากและสอนเน้นๆให้นักเรียนได้อ่านและเรียนรู้เข้าใจง่าย เห็นแบบนี้ผมนี้เสียดายแทนนักเรียนที่นี้เลย ผมนั่งเปิดไปอ่านไปจนเวลาล่วงเลยไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมก็ลุกขึ้นเตรียมออกไปหาอะไรทานที่ห้องอาหาร เพราะว่าห้องอาหารจะปิดตอนสองทุ่มพอดี

    ระหว่างทางที่ผมเดินผมก็เห็นว่ามีไฟสว่างตลอดทางดูแล้วก็ไม่น่ากลัวถ้าจะเดินกลับ ถึงผมจะเอารถมาก็กะว่าจะใช้แบบจำเป็นจริงๆ

                      ผมเดินจนใกล้จะถึงห้องอาหารและผมก็ต้องผ่านโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ด้านข้างห้องอาหาร ผมเห็นนายคริสโตเฟอร์และเพื่อนๆนั่งอยู่ มีรถมอเตอร์ไซค์ Bigbikeจอดอยู่สองคัน เขากำลังคุยกับเพื่อนๆ  ผมว่าจะคุยกับเขาอีกแต่คงไม่ดีกว่า  ตอนกลางวันผมก็ได้คุยกับเขาแค่นิดเดียว ผมอยากรู้ปัญหาของเขาจริงๆ เพื่อจะได้ช่วยเขาได้



                     “ปื้นๆ”เสียงแตรดังมาจากด้านหลังผม ผมคิดว่าครูโจ้แน่ๆ ผมกำลังจะถึงอยู่แล้ว ผมหันไปก็มีรถคันใหญ่แทรงขึ้นมาและจอดข้างกับผม รถคันนั้นเป็นรถBig bike ประเภท sport bike คนขับรถสวมหมวกกันน๊อคแบบคลุมทั้งหัวและเขาก็เอาขาตั้งลงก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ พร้อมกับถอดหมวกกันน๊อคนั้นออก ผมถึงได้เห็นชัดๆว่าเป็นนายคริสโตเฟอร์



                   “ครูจะไปทานข้าวหรือเปล่า” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้าว่าใช่



                  “ไปทานข้างนอกกันครู”



                  “ไม่เอาอะ ครูว่า”



                     “เอานะ ไปทานข้างนอกกัน ถือว่าผมพาไปเลี้ยงที่ครูช่วยผมวันนี้ไม่ให้โดนส่งตัวไปห้องผู้อำนวยการ” นายคริสโตเฟอร์พูด



                 “ไม่ละนายไปเถอะ”ผมพูดปฏิเสธเพราะว่าผมไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แบบนี้



                 “ทำไมอะครู กลัวรถผมเหรอครับ” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้าและจะเดินออก แต่นายคริสโตเฟอร์จับแขนผมไว้



            “ครู! สาวๆโรงเรียนนี้อยากนั่งรถผมกันทุกคนนะ “ นายคริสโตเฟอร์พูดผมก็มองหน้ามา



        “ก็พาพวกเขาไปแทนซิ และปล่อยครูไปทานข้าว” ผมพูดและบอกให้นายนั้นปล่อยแขนผม



         “พี่คริสสสส!!!” เสียงที่ดังมาจากด้านหลัง เด็กผู้หญิงที่ประกาศว่าเป็นแฟนนายคริสวันก่อน



           “แฟนนายนั้น “ ผมพูดและชี้ไปที่ผู้หญิงที่กำลังแหวกผู้คนวิ่งตรงมาทางนี้ ผมเองก็จะเดินออกอีกแต่นายคริสดึงแขนผมไว้



            “ไม่ใช่! เขาไม่ใช่แฟนผม  เร็วครูขึ้นรถ! “นายคริสดึงแขนผม ผมก็มองและนายนั้นก็ส่งหมวกกันน๊อคให้ผม ไม่ส่งเปล่ามันสวมใส่ให้ผมทันที





                 “พี่คริสจะไปไหน รอแก้มเดี๋ยวนี้)))))”



            “ขึ้นรถซิครับครู “นายคริสพูดเสียงดังและจับแขนผมกระตุ๊ก มันก็อัตโนมัติ ผมขึ้นไปนั่งค่อมรถบิ๊กไบค์คันนั้น นายคริสโตเฟอร์สวมหมวกกันน๊อคอย่างชำนาญและออกตัวทันที เล่นเอาผมแทบหงายหลังและนั้นก็ทำให้ผมกอดเขาอย่างเต็มมือ จะว่าไปนี้หุ่นเด็กมัธยมเหรอ ทำไมเต็มไม้เต็มมือแบบนี้นะ เอ๊ะนี้ผมคิดอะไรกับเขา ไม่ได้นะ นี้มันลูกศิษย์ผม ผมกอดเขามาตลอดทางจน



                    “ครูครับ ถึงแล้วครับ เลิกกอดผมก่อนได้ไหมครับ เราจะได้ลงไปทานข้าวกัน” ผมมัวแต่เอาหน้าซุกหลังนายคริสโตเฟอร์ไม่ได้มองทางเลย ก็เพราะว่านายนี้ขับแบบแทรงซ้ายแทรงขวา และรถบิ๊กไบค์มันก็เอียงไปมายังไงก็ไม่รู้สำหรับผม ผมค่อยผงกหัวมองจริงด้วยเขาจอดรถแล้วและผมก็ค่อยลงมายืนที่พื้น ขณะที่ผมกำลังจะปลดหมวกกันน๊อคออก ก็มีมือมาช่วยผมปลด พอหมวกกันน๊อคถูกถอดออกไปผมก็เห็นว่านายคริสโตเฟอร์ยืนส่งยิ้มให้ผม และผมก็มองไปรอบๆ ตรงนี้น่าจะเป็นเหมือนตลาดที่มีอาหารขายและใกล้กับที่ว่าการอำเภอด้วย



           “ที่นี้มีของกินเยอะกว่าที่โรงเรียนและหลากหลายกว่า” นายคริสโตเฟอร์พูด เขาก็ล๊อกหมวกกันน๊อคไว้ที่รถมอเตอไซค์ของเขา จะว่าไปนายนี้เวลาสวมชุดนอกที่ไม่ใช่ชุดนักเรียนนี้ดูเท่เหมือนกันนะ และเพราะว่าหน้าตาเขาไปทางฝรั่งด้วย และหุ่นที่สูง ไม่ได้ผอมก็หุ้นนักกีฬา



              “ทำไมอะ ผมหล่อเหรอ”ผมมองเพลินไปหน่อย ก็เลยต้องรีบเดินหนีแต่เขาดึงแขนผมไว้ ผมหันมามองว่าทำไม เขาก็พยักหน้า ผมหันไปก็เจอเลย รถเข็นปลาหมึกกำลังจะชนผม



          “เกือบเหมารถปลาหมึกเขาแล้วไหมละ” นายคริสโตเฟอร์กระซิบกับผม และพาผมเดินอ้อมไป ผมเดินไปหาดูว่าจะทานอะไรดี



          “ทานอะไรดีอ่ะครู “ คริสโตเฟอร์กระซิบถามผม



          “คริสโตเฟอร์จะกินอะไรละ” ผมถามเขากลับ เขาก็เลิกคิ้วมองหน้าผม



         “เรียกผมว่าคริสก็พอครับ แต่จะว่าไป ผมไม่อยากเรียกครูถ้าออกมาแบบนี้ “ นายคริสพูด



         “ก็เรียกพี่แล้วกัน  พี่เขม” ผมพูด เขาก็ยิ้มๆให้ผม



           “ราดหน้าไหมอ่ะพี่เขม  ราดหน้าเจ้านี้อร่อยดี หมูหมักด้วย” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้า ผมเดินไปหาที่นั่งก่อน



              “ผมไปสั่งให้พี่เขม พี่กินเส้นอะไร ผมว่าจะเอาเส้นหมี่กรอบ พี่ละ”นายคริสโตเฟอร์บอกผมและถามผมด้วย



               “พี่เอาเส้นใหญ่ดีกว่า “ ผมบอกนายคริส เขาก็พยักหน้าและเขาก็เดินหายไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับ เครื่องดื่ม มีน้ำเปล่าและน้ำอัดลม



             “ผมไม่รู้ว่าพี่จะเอาน้ำอะไรเลยซื้อมาทั้งน้ำเปล่าและน้ำอัดลมเลย” คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็พยักหน้าและรินน้ำเปล่าแทน



                 “เอาละ ไหนๆพี่ก็มาทานกับเราแล้ว ให้พี่ตั้งคำถามได้ไหม พี่อยากรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับนาย” ผมถามคริส เขาก็มองหน้าผม



            “พี่อยากรู้จริง ๆเพราะว่าพี่ต้องรับผิดชอบการเรียนนายไปจนจบเทอมนะ “ ผมพูด นายคริสก็มองหน้าผมก่อนจะพยักหน้า



               “ถ้าอันไหนตอบพี่ได้ก็ตอบอันไหนตอบไม่ได้ก็ไม่เป็นไร “ ผมบอกเขา คริสก็พยักหน้าอีก



            “นายเป็นลูกครึ้งใช่ไหม” ผมถามคริส



             “ใช่ผมเป็นลูกครึ้ง แม่ผมเป็นคนไทยและพ่อผมเป็นคนออสเตรเลีย” นายคริสโตเฟอร์บอกผม สีหน้าเขากังวลที่จะเอ่ยว่าพ่อของเขาเป็นคนออสเตรเลีย



               “แต่ผมได้พ่อมากกว่าแม่ ผมเลยดูแล้วไม่มีเค้าว่าเป็นคนไทยสักเท่าไหร่ถ้าไม่ได้ฟังผมพูดไทย” นายคริสเงยหน้าขึ้นบอกผม



              “ดูนายไม่ค่อยมีความสุขที่ตัวเอง..”



             “เป็นลูกครึ้ง ผมตอบว่าใช่พี่เขม ก็ทุกคนมองผมแปลก และบางคนก็เรียกผมไอ้ลูกผสม ไอ้เลือดผลสมอะไรบ้างอ่ะ มันฟังแล้วผมโคตรจะโมโหเลยพี่เขม” นายคริสพูด ผมหันไปมองคนที่เอาอาหารมาเสริฟผมเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก และเขาก็ส่งยิ้มให้คริสก่อนเลย



            “ขอบคุณครับ” คริสโตเฟอร์พูด ทำเอาคนที่มาเสริฟทำหน้าตกใจ



             “หว่านึกว่าฝรั่ง” น้องเขาพูดเบาๆก่อนจะเดินออกไป ผมก็รับเอาจานของผมมาปรุงรส



              “ตอนนี้นายอยู่กับพ่อและแม่หรือว่าอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง” ผมถามคริส



                 “ผมอยู่กับแม่ แม่ผมมีสปาร์อยู่ที่ภูเก็ต แม่ผมแต่งงานใหม่กับคนเยอรมัน “ นายคริสพูด



                 “ผมไปอยู่กับพ่อผมนะที่ออสเตรเลียตั้งแต่ตอนที่ผมอายุได้เกือบสองขวบ ผมนะเกิดที่ไทยและอยู่บ้านแม่ที่อุดรธานี จนกระทั้งพ่อมารับผมกับแม่ไปอยู่ที่ออสเตรเลียด้วยกันและผมก็เรียนที่นั้นจนอายุได้ 9ขวบ “ คริสเล่าให้ผมฟัง



               “ดังนั้นภาษอังกฤษนายน่าจะได้และดีกว่าคนอื่นๆ ผมพูด



                “ผมยอมรับแต่...”



               “ทำไมนายไม่ขึ้นเรียนภาษาอังกฤษ” ผมเหล่ตามองเขา ดูสีหน้าเขากังวลที่จะตอบผม



             “ก็ผม ..เออ..ผม..”



           “หึ!” ผมเลิกคิ้วมองเขา ผมวางช้อนลง



                “มันทำให้ผมคิดถึงพ่อ พ่อหายไปไม่ติดต่อผมตั้งแต่ผมกลับมาจากออสเตรเลียกับแม่ และนั้นก็เริ่มทำให้ผมเกลียดภาษาอังกฤษ” นายคริสโตเฟอร์พูด แววตาของเขาดูเสียใจมาก



      “นายขาดการติดต่อกับพ่อนายอย่างนั้นหรือคริส”



      “พ่อบอกว่าจะบินมาหาผมและรับผมกลับ..แต่เขาไม่มาและแม่ก็พาผมย้ายไปอยู่ที่ภูเก็ต แม่ต้องไปหางานทำ เพราะว่าพ่อไม่ติดต่อมาและไม่ส่งเงินมาช่วยแม่



         “แม่ต้องไปทำงานดูแลรีสอร์ทให้เพื่อนของแม่  จนแม่พบรักกับ ฟิลิปส์ เขาเป็นคนเยอรมันที่เกษียณอายุแล้วนะครับพี่เขม” นายคริสเล่าต่อ ผมก็พยักหน้า



          “พี่ว่าไม่ใช่เหตุผลที่สมควรที่เธอจะบอกว่าเธอเกลียดภาษาอังกฤษเลยนะ” ผมพูด



             “มันทำให้ทุกครั้งที่ผมได้ยินมันผมคิดถึงพ่อผมทั้งๆที่เขาทิ้งผม ไม่เหลียวแลผมด้วยซ้ำว่าผมอยู่ยังไง เขาไม่เคยติดต่อหาผมเลย แม้กระทั้งทุกวันนี้” นายคริสโตเฟอร์พูด



              “เขาอาจจะมีเหตุผล”



              “เหตุผลอะไรที่สำคัญไปกว่าลูกอีกเหรอพี่เขม”นายคริสโตเฟอร์พูด และรวบช้อนไว้ด้วยกัน



               “ครู  เอ้ย พี่ว่าเราควรกลับเข้าโรงเรียนเถอะนี้มันจะสองทุ่มแล้วนะ” ผมพูดเปลี่ยนเรื่อง



          “พี่เขม ผมถามพี่อย่างซิ “นายคริสถามผม



          “ว่ามาซิ”



          “ตกลงพี่เป็นเกย์หรือเปล่า หรือว่าพี่เป็นไบค์ ที่เอาได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายนะ” นายคริสโตเฟอร์ถามผม ผมหันมามองหน้านายคริส ที่เปลี่ยนมาเป็นโหมดกวนๆใส่ผม เร็วจริงๆ



            “พี่เป็นรับหรือรุกอ่ะ” นายคริสยังคงถามผม



            “นายยังไม่สมควรคุยเรื่องพวกนี้ ไปกลับเข้าโรงเรียน”



             “อะไรกัน ผมนะคุยได้แล้ว เพราะว่าผมก็มีอะไรกับผู้หญิงมาบ้างแล้วนะ เหลือแต่” ผมไปมองว่าเหลือแต่อะไร



               “ผู้ชาย”



            “นายนี้มันทะลึงจริงๆ ไปกลับได้แล้ว” ผมบอกเขาขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้น



            “พี่คริส “ เสียงเด็กผู้หญิงเดินมาที่โต๊ะผม เขามองหน้าคริสโตเฟอร์และมองหน้าผม



             “พี่ปล่อยให้แก้มวิ่งตาม พี่หนีมากินข้าวได้ไงอ่ะ “



         “อ้าว! แก้มพีไม่ได้บอกนิว่าจะให้เธอวิ่งตามและพี่ก็ไม่ได้บอกว่าจะพาเธอมากินข้าว” คริสพูดแก้มหันมามองหน้าผม



            “แล้วนี้ใครอะ”แก้มชี้มาที่ผม



            “ครูที่โรงเรียนไง พี่กับครูจะกลับแล้วกินเสร็จแล้ว”



             “ครูคะ หนูขอแฟนคืน” เด็กผู้หญิงที่คริสเรียกว่าแก้มบอกผม ผมก็มองคริส



              “ก็ได้ เดี๋ยวครูนั่งมอเตอร์ไซค์วินกลับ” ผมพูด



            “ไม่ได้ พี่กลับกับผมและแก้มเธอนะกลับบ้าน เดี๋ยวแม่เธอก็มา” คริสพูดและหยุดชะงัก ผมได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์จอดดับเครื่อง ผู้หญิงที่ไม่น่าจะเกิน 40 หรือ 40 ประมาณนั้นรีบเดินลงมาเปิดหมวกกันน๊อคแค่ด้านหน้าขึ้น



              “นางแก้ม! นี่ฉันเห็นแกวิ่งอยู่ กูเรียกก็ไม่หัน นี้มึงทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง”



                  “ก็มาหาอะไรกินนะแม่”



                  “แล้วมาหากับใคร อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้คนนี้นะ “



                “ก็ใช่ไง พี่คริสของแก้ม”



               “นังแก้ม!” ผู้หญิงคนนั้นก็ดึงแขนแก้ม เรียกว่ากระฉากดีกว่า ส่วนนายคริสก็ขยิบตาให้ผม ให้พากันเดินออก



            “พี่คริส อยู่กับแก้มก่อน แม่แก้มจะให้พี่คริสไปส่ง” แก้มที่พยายามจะเข้ามาถึงแขนคริสโตเฟอร์แต่แม่ของเธอดึงแขนแบบกระฉากเธอกลับ



                  “กูนี้สอนมึง และกูก็ส่งมึงไปเรียน หวังจะให้มึงฉลาดหาผัว ไม่ใช่โง่ไปหาไอ้เด็กฝรังขี้นกนี้” ผมถึงกับหันมามองเขาเรียกนายคริสว่าฝรั่งขี้นก ผมเห็นนายคริสหันไปมองเหมือนกันและเขาก็กำลังกำหมัด ผมก็ส่ายหัวอย่านะคริส  พอเขาเห็นผม เขาก็คลายหมัดนั้น



                   “ทำไมมองหน้า มึงมันแค่ฝรั่งขี้นก ที่ไม่มีที่ไป และก็อยู่แค่นี้ที่ประเทศไท อาศัยประเทศไทย “



                  “แม่ ไปว่าพี่คริสทำไมอีก “



                   “กูจะว่า ก็มันเสือกมายุ่งกับมึงนิ”



                     “ป้าครับ ผมไม่ได้ยุ่งอะไรกับลูกสาวป้านะครับ”คริสโตเฟอร์พูด



                    “ใครป้ามึ กูไม่ใช่พี่สาวแม่มึงซักหน่อย ไม่ต้องมาเรียกกูว่าป้า”



                    “ขอโทษนะครับ ผมว่าเราคุยกันดีดี จะดีกว่าไหมครับ” ผมเลยออกตัวเพื่อไม่ให้มันแย่ไปกว่านี้เพราะว่ามีคนมองมาที่โต๊ะพวกผมกันหมดแล้ว



                   “แล้วนี่คุณเป็นใคร” แม่ของแก้มหันมาถามผม



                    “ผมเป็นครูครับ ผมเป็นครูมาใหม่ นายคริสเลยชวนผมมาทานอาหารด้วยกัน และแก้มก็แค่เดินมาทักทายนายคริสนะครับ”ผมบอกแม่ของแก้ม



                 “ก็ดีคะ คุณครูช่วยอบรมนักเรียนคนนี้ของครูหน่อยนะคะว่าให้ตั่งใจเรียนไม่ใช่มาจอแจกับลูกสาวฉัน และพยายามอยู่ห่างแก้มมันด้วย ฉันไม่อยากได้ลูกเขยที่เป็นฝรั่งขี้นกแบบนี้”



                 “เอ๊ะป้านี้” นายคริส



                  “อย่าคริส” ผมหันไปห้ามปรามและหันมายิ้มให้แม่ของแก้ม



                “ไปกลับบ้าน จะมีผัวนะกูไม่ว่าหาดีดีกว่านี้ “และแม่ของแก้มก็ลากแขนแก้มไป พร้อมกับบ่นและด่าท่อคริสต่างๆนาๆ ทำเอาคนที่นั่งมองกันใหญ่ เพราะไม่ได้ด่าเบาๆ ด่าซะดังลั่นไปทั่วเลย ผมหันมามองนายคริสที่เดินจั้มอ้าวออกไป ผมก็รีบเดินตามเขา จนใกล้จะถึงและผมก็คว้าแขนเขาไหว้



                  “ครูเห็นไหม ว่าเขาเรียกผมว่าอะไร! ไอ้ฝรั่งขี้นก หาว่าผมมาเกาะแผ่นดินนี้อยู่ ทั้งที่แม่ผมเป็นคนไทย” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็ได้แต่มองด้วยความเจ็บปวดแทนแต่ผมก็คงทำอะไรไมได้มากไปกว่านี้



                   “แต่พ่อผมไม่ใช่แค่นั้น” คริสโตเฟอร์พูดเสียงอ่อยๆ



                 “ครูเข้าใจเธอนะ แต่ว่าเราไปห้ามความคิดเขาไมได้คริส”ผมพูด



               “ก็นั้นไงผมถึงเกลียดสิ่งที่ผมเป็น”



                “I really hate my self so that’s why I don’t want to go to study English as well. I don’t want it!!! ” นายคริสพูดภาษาอังกฤษกับผมทั้งที่เขาบอกว่าเขาเกลียดมัน ผมก็ได้แต่ยืนมองเขา



              “You should to proud of yourself and proud of everything your mum and dad gave to you! “ผมพูดเขาก็มองหน้าผม นั้นแปลว่าเขาเข้าใจที่ผมพูด



                “ Your reckon ? “เขาถามผมกลับว่าผมคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ



                       “I’m look like idiot for them. Did you see that ?” นายคริสบอกผมด้วยอารมณ์โกรธและถามผมกลับ เขากันไปพ่นลมหายจากออกมาทางปาก



                “No,you not” ผมบอกเขา คริสพยายามสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง



                 “Yes,I am!!” คริสขึ้นเสียงใส่ผม



                “Just calm down Christ” ผมพูดและทำมือให้เขาเย็นลง



               “ฟู่!!!” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆจากคริสโตเฟอร์ เขาคงพยายามเย็นอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าเขาคือวัยรุ่น มันอาจจะควบคุมยากซักหน่อย



              “We should back to school right now “ผมบอกเขา เขาก็นิ่งๆไปและพยักหน้า และหันไปไขกุลแจหยิบหมวกกันน๊อคส่งมาให้ผมสวมและเขาก็สวมมัน ผมขึ้นไปซ้อนท้ายและนายคริสก็ออกรถทันที แอบกลัวเหมือนกันว่าจะขับแบบขาดสติ แต่ไม่เขาก็ขับได้ปกติ จนมาถึงบ้านพักของผมและเขาก็จอดรถ



                  “ผมขอโทษครับครู” คริสโจเฟอร์บอกผม ผมก็ส่งหมวกกันน๊อคคืนเขาไปและมองหน้าคริสโตเฟอร์ผ่านแสงไฟที่ผมเปิดไว้ที่หน้าบ้านพัก



                    “ครูรู้ว่าเธอเสียใจ แต่บางอย่างก็ต้องเลือกที่จะปล่อยผ่านไป”ผมบอกเขา



                    “ เหมือนกับครู ครูก็เสียใจเพราะว่าครู..เป็นแบบที่สังคมยังไม่ยอมรับ นั้นคือครูชอบผู้ชายและบ่อยครั้งที่ถูกคนที่ไม่ได้เห็นด้วยเขาเห็นต่าง เขายังไม่เปิดใจยอมรับและต่อว่าครู รังเกียจครู “ ผมบอกคริส เขาก็มองหน้าผม



                      “ครูอยากให้เธอทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุด ตั้งใจเรียน และครูเชื่อว่าพ่อเธอไม่ได้ทิ้งเธอไปแต่เขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง และถ้านายอยากรู้นายก็ตามหาเขาได้นะ ครูจะช่วย” ผมพูดกับคริส



                            “ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาทิ้งผมแค่นั้น แต่นั้นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมไม่อยากรู้แล้วเพราะว่ามันนานเกินไปแล้วครับครู “คริสโตเฟอร์บอกผม และก้าวขึ้นรถมอเตอไซค์คันใหญ่ของเขาก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถ



                            “ครูอยากเห็นเธอในห้องเรียนกับครูนะคริส ครูขอ” ผมบอกเขา ดูคริสทำสีหน้าลำบากใจอย่างมาก



                           “ผมจะพยายาม” นายคริสพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ



                   “ไม่ซิ! เธอต้องทำ ไม่ใช่พยายามคริส อย่าทำให้ครูผิดหวัง แต่ครูก็ดีใจนะทีได้คุยกับเธอหลายเรื่อง ครูอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ “ผมพูดนายคริสหันมามองหน้าผม



                             “ดังนั้นเข้าเรียนภาษาอังกฤษกับครู แต่ถ้าเธอไม่เข้า เธอก็ไม่ต้องมาหาครูอีก นั้นแปลว่าเราจะไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีก นายเข้าใจไหมคริส” ผมพูดและหันหลังออกทันที ผมเดินกลับเข้าบ้านพักทันทีและปิดประตูลง ผมยืนอยู่สักพักจนเสียงรถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทและออกไป ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงได้ เจ็บปวดแทนเขาที่เห็นเขาเกลียดตัวเองแบบนี้ ผมหวังว่าจะเจอเข้าในห้องเรียนกับผมนะคริสโตเฟอร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 13:32:10 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
สงสารคริสโตเฟอร์ ครูเขมเลิกกับณัฐดาต์ทีเถอะ เพี้ยงงงง!

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

EP.4 ผมหวังว่าจะได้เห็นเขาเข้าเรียนกับผมนะ

*********************************

ครูเขมชาติ

      ตั้งแต่เช้ามานี้ผมยังไม่เจอนายคริสโตเฟอร์เลย ผมเริ่มใจคอไม่ดี ผมกลัวว่าเขาจะไม่ยอมเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับผม อย่างน้อยมันก็คือวิชาภาคบังคับที่เขาจำเป็นต้องเรียนและถ้าเขาไม่เรียนเขาก็จะต้องติดศูนย์หรือไม่ก็ติดรอ ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดงหงิดได้ถึงเพียงนี้นะ



“ริงๆ “ ผมสะดุ้ง เมื่อเสียงมือถือของผมดังขึ้น ผมเหลือบไปมองณัฐากานต์นั้นเอง มันทำให้ความคิดของผมผุดเข้ามาในหัวผมทันที ผมจะไปนึกถึงนายคริสทำไม เพราะว่าผมมีแฟนแล้ว เขมชาติ ถึงแม้จะคุยกันทะเลาะกันบ่อย แต่ความรักของผมและณัฐกานต์ก็ดำเนินมาจนเกือบห้าปีแล้วนะ 



“เขม “ณัฐกานต์เรียกชื่อผมผ่านมือถือ



“ว่าไงครับกานต์”ผมฟังน้ำเสียงของเขาวันนี้น่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย



“ทำไมไม่โทรหากานต์ “ ณัฐกานต์ถามผม



“เขมไม่อยากทำให้กานต์โกรธนิ เลยคิดว่ารอให้กานต์โทรหาดีกว่านั้นแปลว่ากานต์พร้อมจะคุยกับเขมโดยที่ไม่ต้องมาหงุดหงิดใส่เขมยังไงละครับ “ผมบอกณัฐกานต์



“เขม กานต์ขอโทษนะ ก็ช่วงนี้โดนหัวหน้าด่าบ่อยอ่ะ “ ณัฐกานต์ทำเสียงออดอ่อนใส่ผม



“เออเขม....กานต์ไปเจอคอนโดโครงการใหม่ใกล้กับรัชดา” ณัฐกานต์บอกผม



“แล้วยังไงครับกานต์”ผมถามกานต์กลับ



“คือว่ามันสวยและใกล้กับย่านธุรกิจด้วย เราซือคอนโดใหม่กันไหม” ผมถึงกับกุมขมับเลย อันเก่านี้ก็เพิ่งจะผ่อนหมด นี้จะให้ผ่อนคอนโดใหม่อีก ทั้งที่ผมกับณัฐกานต์เพิ่งจะเข้าอยู่กันได้ไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ



“กานต์แล้วคอนโดเก่าเราละ เราเพิ่งจะผ่อนหมดนะ และมันก็ไม่ได้เก่านิมันยังดีอยู่และก็ใกล้แหล่งชอบปิ้งอยู่นะ แม้จะไกลจากรัชาดที่กานต์ชอบเที่ยวก็เถอะ” ผมพูด



“ที่นี้นะเหรอ ใกล้ตลาดสด เดินผ่านก็เหม็นพวกของคราว กลิ่นปลา และมีอะไรเซเว่นอีเลฟเว่น จะเรียกแท็กซี่ก็ต้องเดินออกไปห้าร้อยเมตร มันสะดวกไหมเขม” นั้นไงณัฐกานต์คนเดิม



“ไม่รู้ละ กานต์อยากอยู่คอนโดใหม่ ไม่ใช่ซอมซ่อแบบนี้ “ ณัฐกานต์พูด



“กานต์ มันยังไม่เก่าเลยนะ และนี้ก็โครงการใหม่นะตอนที่เราซื้อนะ และกานต์ก็คะยั้นคะยอให้เขมซื้อมัน ทั้งที่เราทั้งคู่ยังเรียนไม่จบเขมก็เลยต้องไปทำงานร้านกาแฟเพื่อเอาเงินมาผ่อนคอนโดนี้นะกานต์ เพราะว่าที่จริงเขมอยากได้บ้านมากกว่าด้วยซ้ำ “ ผมพูดตัดพอณัฐกานต์ ผมยืนเอามือเท้าซะเอว



“บ้านเหรอ อีกกี่สิบปีจะได้อ่ะเขม และบ้านที่เขมอยากได้ส่วนใหญ่ก็อยู่ต่างจังหวัด กานต์อยากอยู่ในกรุงเทพในตัวเมือง “ ณัฐกานต์พูด



“และตอนนั้นเขมบอกว่าจะเข้าไปอยู่บ้านกับแม่ของเขมอ่ะ  กาต์ไม่อยากไปอยู่บ้านกับแม่กับเขมนิ มันไม่สวนตัวอ่ะ “



“และที่กานต์ให้เขมซื้อคอนโดนี้ก็เพราะตอนนั้นคิดแค่แค่นั้น แถมห้องที่เราซื้อก็เป็นห้องมือสองไม่ใช่ใหม่สักหน่อย เพราะเราซื้อต่อเขามาอีกทีไม่ใช่เหรอเขม “ ณัฐกานต์พูด



“ทำไมอะ เขมไม่เป็นหวงกานต์บ้างเลยเหรอที่อยู่คนเดียว ที่นี้ก็น่ากลัวนะเวลาเดินทางกลับกลางคืนนะ ยิ่งตีสองยิ่งน่ากลัว” ณัฐกานต์พูด



“ใช่ซิ เขมนะไม่เคยหวงกานต์เลยสักนิด จะเป็นยังไงก็ช่าง ไหนบอกว่า..”



“เอาละกานต์ ....ให้เขมคิดดูก่อนนะกานต์” ผมพูดตัดบททันที ก่อนที่จะไปไกลกว่านี้อีก



“วันเสาร์เราไปดูด้วยกันนะ กานต์จะได้โทรนัดเจ้าของโครงการ และเขาน่ารักมากเลยนะ” อันนี้ทำให้ผมขมวดคิ้วไปรู้จักเจ้าของโครงการด้วยเหรือ



“รู้จักเขาดีเหรอกานต์”



“พอดีเขามาทำธุรกรรมที่ธนาคารนะเขม ก็เลยคุยกัน อย่าหึงซิ ไม่มีอะไรแค่ลูกค้า” ณัฐกานต์พูด ผมพยักหน้า



“ แค่นี้ก่อนนะหัวหน้าแม่งมาแหละ ตายยากชิบหาย “ณัฐกานต์พูดก่อนจะรีบตัดสายผมทันที ผมก็ต้องพ่นลมออกมายาวๆ



“ติ้ง” และณัฐกานต์ก็ส่งลิงค์คอนโดที่เขาชอบมาในมือถอสมาร์ทโฟนรุ่นไม่ได้ใหม่แบบปัจจุบันซะทีเดียว



“ครุเขมค่ะ”ผมหันไปมองต้นเสียง นั้นคือครูลินดาเหมือนเดิม ครุลินดาเดินเข้ามาพร้อมกีบส่งยิ้มหวานๆมาให้ผม และถือกล่องหลายกล่องมาด้วย



“ไปทานอาหารกันคะ นี้อาหารใต้ค่ะ วันนี้ลินดาเอาให้ทานค่ะ” ครูลินดาถามผม



“ไปด้วยกันนะคะ เพราะว่าครูเขมบอกว่าชอบอาหารใต้ไม่ใช่เหรอคะ” ครูลินดาถามผม ผมพยักหน้าก็แฟนผมณัฐกานต์เป็นคนใต้นี่ครับ ผมเก็บทุกอย่างใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานและเดินลงไปพร้อมกับครูลินดา



“วันนี้ลินดามีขนมลาด้วยนะคะครูเขม พอดีว่าคุณป้าเขามาหาแม่ของลินดาจากใต้คะ เลยเอามาฝากคะครูเขม”ครุลินดาพูด ผมก็ก้มมองในถุง



“น่าทานดีนะครับครูลินดา” ผมพูด ขณะที่กำลังเดินผ่านนักเรียน



“แกครูเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่าอ่ะ อกหักเลยพวกเรา” นักเรียนต่างพากันซุบซิบกัน ว่าผมกับครูลินดาเป็นแฟนกันไหม ผมก็คิดว่าคงใกล้ชิดครูลินดาเกินไป ค่อย่หางออกนิดหน่อย และผมสองคนก็เดินคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปจนเดินไปหาโต๊ะนั่งทาน มีครูนั่งอยู่แล้ว ครูถาวรที่ส่งยิ้มมาให้ผมก่อน



“แม้มาพร้อมกันเลยนะคะครูเขมครูลินดา” ครูสมพิศแซวผมกับครูลินดาและครูลินดาที่ยิ้มเอียงอายเป็นคำตอบ ผมก็ยิ้มๆให้ ผมเองไม่ได้อะไรแต่ผมกลัวว่าถ้าเกิดการเข้าใจผิดกันไปแบบนี้ จนณัฐกานต์มาได้ยินเข้าผมจะเป็นเรื่องใหญ่ และไม่ใช่ใครครูลินดาจะซวยไปกับผมด้วยนะซิ เพราะว่าณัฐกานต์ไม่ธรรดา บรรดาเพื่อนๆผมยังกลัวกันเลย ไม่ค่อยกล้ายุ่งกับผมกันถ้าณัฐกานต์อยู่ด้วย



“ครูลินดาผมไปซื้อน้ำก่อนนะครับ ครูจะเอาน้ำอะไรดีครับ” ผมถามครูลินดา



“น้ำเปล่าดีกว่าคะ ครูเขม “ครุลินดาตอบผม



“และครูท่านอื่นละครับ” ผมถามเช่นกัน



“ไม่ละคะชอบคุณคะครูเขม ดูแลครูลินดาเถอะค่ะ “ ครูวงเดือนเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย ก็ยิ้มให้ผม ผมพยักหน้าและผมคิดว่าควรจะคุยกับครูลินดาแบบสองต่อสองเรื่องของผมและเขา ผมเดินผ่านนักเรียนก็มีแต่คนซุบซิบเรื่องของผมกับครูลินดา



“รับน้ำอะไรดีคะครู” คนขายน้ำประจำโรงเรียนเอ่ยถามผม



“ขอน้ำเปล่าให้ผมสองขวดครับ” ผมตอบไป



“มึงเห็นไอ้คริสไหมวะ มันไปไหนวะ” เพราะชื่อคริสนี้แหละทำให้ผมหันไปตามเสียงนั้น คนนั้นผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนของคริสแต่ชื่ออะไรผมไม่รู้



“มันหายไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้ววะ แต่ไม่แปลกหรอกเพราะว่าชั่วโมงภาษาอังกฤษของมันตอนบ่ายนี้และมันก็คงหาเรื่องชิ้งโดดไปเลย เหมือนทุกที ”ผมได้ยินที่เขาคุยกันระหว่างรอซื้อน้ำ ผมนี้ต้องระงับความโกรธของผมเอง นี้ตกลงนายไม่เขาวิชาฉันใช่ไหม ผมบ่นกับตัวเองในใจ แต่ก็อย่างว่าและจะเอาอะไรกับเด็ก  ผมเดินกลับมาที่โต๊ะที่นั่งกับครูหลายๆคน ผมเห็นว่าครูลินดาได้จัดจานอาหารไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว



“แม้ดูแลดีขนาดนี้ ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้นะคะน้องลินดา” พี่สมพิศยังคงแซวผมสองคน ผมนั่งลงทานและมีคุยกันไปบ้างเขาก็ถามถึงครอบครัวของผมมีใครอะไรยังไงคุยกันไปจน



“ตายแล้ว พี่ต้องรีบไปก่อนนะ ผู้อำนวยการให้พี่ไปประชุมอำเภอกับท่านด้วยนะคะ” พี่สมพิศพูด



“พี่ก็ต้องรีบขึ้นไปเพราะว่ามีนัดติวเด็กที่จะไปสอบเอ็นทรานจ๊ะ “ครูถาวรและก็เหลือแค่ผมกับครูลินดาสองคน ผมก็มองครูลินดา เขาก็ยิ้มให้ผม



“ไม่อร่อยเหรอคะครูเขม” ครูลินดาถามผม



“คือเออ ครูลินดาครับผม” ผมก็กำลังจะบอกครูลินดา



“ครูลินดาค่ะ” มีนักเรียนหญิงเดินเข้ามาสองสามคนผมก็ไม่ได้บอกอยู่ดี



“ว่าไงเปรี้ยว”



“ครูลินดาคะ วันนี้มีซ้อมรำไหมคะ “ เด็กผู้หญิงคนนั้นถามครูลินดา



“มีค่ะ เพราะว่าใกล้วันงานเต็มทีแล้ว “ ครูลินดาพูดกับเด็กๆ



“งานอะไรเหรอครับครู”ผมก็เลยขัดจังหวะถามครูลินดา



“งานวันแข็งขันบาสเก็ตบอลประเพณีคะ โรงเรียนเรานี้เป็นแชมป์มาทุกสมัยนะคะ ปีนี้ท่านผอ อยากให้เรามีรำไทยโชว์ก่อนด้วยค่ะครูเขม” ครูลินดาพูดและครูลินดาก็หันไปคุยงานกับเด็กๆ ผมก็นั่งทานอาหารและมองไปด้วย จะหาโอกาสคุยยังไงนะ



“อุ้ย! ครูเขมคะ  จะได้เวลานักเรียนเข้าแถวแล้วคะ และขึ้นสอนตอนบ่ายคะ ครูมีวิชาสอนไหมคะ” ครูลินดาถามผม ผมทานเสร็จพอดีเลย



“มีครับ ผมคาบแรกของตอนบ่ายเลยครับ” ผมตอบครุลินดา



“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นห้องเตรียมตัวก่อนดีกว่าไหมคะ” ครูลินดาพูดและผมก็พยักหน้า ครูลินดาเก็บภาชนะทั้งหมดใส่กระเป๋าและลุกขึ้นพร้อมกับผม ผมก็จะช่วยแต่ครูลินดาร้องห้ามผมไว้ และเด็กๆก็พากันเดินตามครูลินดาขึ้นไปเช่นกัน ผมก็มีโอกาสได้คุยอีกแล้ว ผมเข้าไปในห้องและเตรียมตัวเพื่อทำการสอน แปรงฟันให้เรียบร้อย ผมก็มองตัวเองในกระจก



“จะเอาอะไรกับเด็กอย่างนายได้ละ นายคริสโตเฟอร์ “ ผมพึมพำอยู่ที่หน้ากระจก และผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นว่านักเรียนเตรียมตัวเดินเข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว และผมก็หยิบหนังสือเตรียมสอนห้องม.4/1 ผมเดินขึ้นไปยังห้องเรียนทำไมผมรู้สึก ผิดหวังแบบนี้นะ นายคริส นะนายคริส ผมเดินเข้าไปในห้องเรียน



“Good afternoon Teacher “



“Good afternoon everyone “ผมทักทายนักเรียนทุกคน



“How are you today? ผมถามเด็กๆ ผมไม่ต้องมองโต๊ะที่เมื่อวันก่อนมันว่างเปล่าเพราะว่าวันนี้ก็ว่างเปล่าเช่นกัน



“I’m good Thank you and you?”



“’ I’m good Thank you”



“sit down please “ ผมบอกทุกคนให้นั่งลงและผมก็เงยหน้ามองนักเรียนแต่ละคนและผมก็เช็คชื่อนักเรียนทุกคน ยกเว้นคริสโตเฟอร์ เขาก็คงไม่เข้าเรียนและผมก็ต้องติ๊กตามคุณครูท่านอื่นๆที่สอนไว้ว่าไม่มา?



“เอาละวันนี้เราจะเริ่มเรียน” ผมกำลังจะพูด



“Excuse me Sir ! “ เสียงมีคนขออนุญาติผม ผมหันไปมองก็ต้องวางช๊อกลง เพราะว่าคนนั้นก็คือนายคริสโตเฟอร์นั้นเอง



“May I come in please!”เขาขอผมเข้าห้องเรียน



“เฮ้ยย พี่เขาเข้าเรียนวะ”คนในห้องพากันซุบซิบกันใหญ๋เลยแต่ผมไม่ได้นใจ ผมยิ้มให้เขา



“of course, come in please” ผมตอบนายคริสไปและนายคริสก็เดินเข้ามาแต่



“What is your name ?” ผมถามคนที่เดินเข้าและเขาก็หยุด



               “My name is Christopher “

               “Well come to my class, Christopher.” ผมพูดเขาก็ส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ผม



           “Christ, I want you to come over here and introduce about yourself to your friends.” ผมบอกนายคริสและชี้ให้เขาเข้ามายืนข้างๆผมตรงหน้าห้องเรียน เขาก็มองหน้าผม ผมรู้ว่าเขาไม่มั่นใจที่ยืนตรงหน้าเพื่อนๆของเขา แต่ผมพยักหน้าให้เขาว่าเขาต้องทำได้ และเขาก็หยุดยืนไม่ใกล้ไม่ไกลจากผม



“เอาละเพื่อน ๆ วันนี้เรามีเพื่อนเรียนด้วย อาจจะไม่ใหม่สำหรับวิชาอื่นแต่ดูแล้วใหม่สำหรับครูแน่นอน และครูคิดว่านักเรียนทุกคนยังไม่รู้จักนายคริสกันเท่าไหร่จริงไหม” ผมพูดและถามทุกคน มีแต่คนเงียบ



“แต่ผมเรียนมาหนึ่งเทอมแล้วนะครับครู” นายคริสหันมาพูดกับผม



“เอาละใครรู้จักชื่อกลางของนายคริสบ้าง” ผมถามทุกคน แต่ไม่มีใครยกมือขึ้นมาเลย ผมหันไปถามคริสโตเฟอร์ ผมหันมาเหล่นายคริสว่านี้ไงทุกคนยังไม่รู้จักชื่อกลางนายเลย



“What is your middle name, Christ? “ ผมหันไปถามคริส เขาก็มองหน้าผมและ



“Anthony ” นายคริสโตเฟอร์ตอบผม



“แต่เวลาเขียนเขาจะเขียนย่อว่า Christopher A Rizzo “ ผมหันไปเขียนไว้บนกระดานดำ ให้เพื่อนๆนักเรียนดู



“ I want you to talk about yourself to everyone in my class. ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองผม ผมพยักหน้า ผมเชื่อว่าเขาต้องทำได้แน่นอน และนายคริสก็เริ่ม ผมก็หยิบเครื่องบันทึกมากดบันทึกเสียงเขาไว้



“Hi everyone, My name is Christopher Anthony Rizzi. I’m 16 years old. I’m a mix- race person. My mum is a Thai and my dad is a Australian. ”และก็บร้าๆ เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่องมากจนเพื่อนๆฟังกันเพลินเลย เขาบอกวาเขานั้นเป็นลูกครึ้ง แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นคนออสเตรเลียและแต่อันที่จริงครอบครัวทางพ่อของเขาเป็นคนอิตาลีและได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ออสเตรเลียนานมากแล้วตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่าของเขายังเด็กๆ



“ไม่น่าเชื่อเลยวะแกว่าพี่เขาพูดอังกฤษได้เก่งมาก นี้ขนาดไม่ได้เข้าเรียนนะแก” เด็กผู้หญิงที่อยู่แถวหน้าสุด



“Have you ever been to Austalia, Christopher?



“Yes, I have. I had been to Australia when I was two-years-old.



“Have anyone ever been to Australia? ผมหันไปถามนักเรียนทุกคน และทุกคนก็ส่ายหัวกันหมดว่าไม่เคย



“ครูอยากให้เธอฟังเรื่องราวที่นายคริสจะเล่านะ เพราะว่าประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศที่นักเรียนไทยหลายคนไปศึกษาที่นั้นเยอะนะ เพื่อจะเป็นช่องทางการติดสินใจหากต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ” ผมบอกนักเรียนในห้อง



“Where do you live in Australia?



“I lived in Melbourne”



“Can you tell everyone about Melbourne please?”



“Yes, I can. I lived with my dad and my Mum in Melbourne but My grandma lives in Perth. “ I went to daycare while my mum goes to work.



“Daycare ก็คือสถานที่รับดูแลเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ขวบ สำหรับครอบครัวที่ไม่สามารถที่จะดูแลน้องได้ เพราะว่าต้องทำงาน ไปเช้าเย็นกลับ และอาชีพเดย์แคร์นี้ มีคนไทยที่ย้ายถิ่นฐานไปทำงานที่นั้นกันค้อนข้างเยอะนะ และรายได้ดี เพื่อใครสนใจรักเด็กนะ “ ผมอธิบายให้นักเรียนในห้องฟัง



“Keep going please” ผมหันไปบอกคริส



“and then I went to kindergarten until I can go to primary school .



“kindergarten หรือ ‘kindy ก็คือ โรงเรียนเด็กก่อนวียเรียน แต่ส่วนใหญ่เขาจะเรียกว่า Preschool “ ผมก็จะอธิบายในบางคำศัพท์ให้เพื่อนในห้องได้เข้าใจตามไปด้วย





“What is your favourite hobby  you like to do  with your dad, Chris?





“My dad likes to go to the beach and my dad really good to do surfing . My dad taugh me to do surfing when I was 4 years old. I love it. I always go with him every weekend...บร้า....” และเขาก็เล่าว่าพ่อเขาชอบไปทะเลเพื่อ ไปเล่นเสิร์ฟบอร์ด และเขาก็จะไปกับพ่อเขาทุกวันหยุด และชอบไปตกปลา พาไปเล่นสกีตอนหน้าหนาว พ่อเขาจะพาไปที่หิมะตก แต่จะว่าไปเขาก็จำภาพดีดีของเขาและพ่อของเขาได้ดี ผมให้เขาพูดเป็นภาษาอังกฤษและถ้าคำไหนที่เพื่อนไม่เข้าใจผมก็จะแปลและอธิบายให้เขาฟัง พอนายคริสพูดจบ



“แปะๆ”ทุกคนในห้องปรบมือกันหมด



“Thank you so much, Christ. now you can go to have a seat “ ผมบอกนายคริสก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ของเขาได้



“ครูเขมค่ะ หนูอยากพูดเก่งได้เหมือนพี่คริสจังเลยคะ”



“ถ้าอยากพูดเก่งเราต้องฝึกฝนและขยันพูด ดังนั้น พอเวลาเข้าเรียนในคลาสกับครู เราจะสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษกัน ครูเองก็ไปที่ออสเตรเลียเพื่อไปเรียนครอสระยะสั้นๆ ครูไปเรียนที่TAFE” ผมพูดและหันไปเขียนบนกระดานดำ



“เพราะว่าพ่อของครูเป็นนักการทูตประจำที่ออสเตรเลีย ครูไปเยี่ยมพ่อทุกช่วงปิดภาคเรียน “ ผมบอกนักเรียน



“แต่ก่อนที่เราจะเข้าเรียนในบทเรียน ครูมี่คำหนึ่งอยากบอกทุกคน แต่ครูถามเราก่อนนะว่า ถ้าเราพูดถึงลูกครึ้งเราจะนึกถึงคำไหน” ผมถามเด็ๆในห้องเรียนของผม



“ยกเว้นนายคริส ให้เพื่อนตอบ” ผมหันไปชี้นายคริสโจเฟอร์ ผมว่าเขาน่าจะรู้เพราะว่าเขาได้ใช้คำนี้อย่างถูกต้องตอนแนะนำตัว



“มัด บลัด ครับผม”



“Mud- blood คำนี้ใช่ไหมที่เธอบอกครู อนุพงษ์” ผมเขียนบทกระดานดำ



“สงสัยนายจะแฟนคลับแฮร์รี่พอร์ตเตอร์” ผมพูดและเพื่อนๆในห้องพากันหัวเราะ



“ไม่ได้ครับ ผิดและไม่มีฝรังคนไหนเข้าใจ “



“ฮาร์ฟบลัดละคะครู”



“Half-Blood “ผมเขียนบนกระดานดำอีกเช่นกัน



“คำนี้ไม่สุภาพนะ ไม่ควรใช้จะดีที่สุดครับนักเรียน”



“Half-human “ มีตะโกนมากผมก็เขียนให้ดูบนกระดานดำ



“คำนี้อาจจะโดนต่อยกลับมาได้ ใช่ไม่ได้นะครับนักเรียน และมันไม่มีครับ ครึ้งมนุษย์ ไม่มีใครหรือฝรั่งเข้าใจแน่ๆ ”



“คำที่ควรใช้ได้คือ mix- race ตามที่นายคริสโตเฟอร์ใช้ในการแนะนำตัว หรือจะบอกว่า เป็นครึ้งไทย ครึ้งออสเตรเลีย อะไรแบบนี้ บร้าๆ “ ผมก็สอนไป



“เอาละ คราวนี้พวกเธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าควรเรียกเพื่อนที่เป็นลูกครึ้งให้ถูกต้องยังไง เอาละเรามาเข้าบทเรียนกันได้แล้วนะ ทุกคนเปิดหนังสือ” ผมพูด



“โห่ครู อยากเรียนนอกบทเรียนเยอะๆอ่ะ ครู”



“เอาไว้คราวหน้า ครูจะหานอกบทเรียนมาสอนพวกเธอกันนะ ตอนนี้กลับมาเรียนตามหนังสือก่อนและวันนี้ครูจะไม่ให้การบ้านเธอนะ แต่วันศุกร์ครูจะให้” ผมหันไปบอกทุกคน



“เย้ๆ ดีจังเลยครู เพราะว่าวันนี้ก็โดนคณิตศาสตร์ไปแล้วค่ะ “ ผมหันไปยิ้มให้นักเรียนและผมก็สอนตามตำรา ผมหันไปมองนาคริสโตเฟอร์ดูเขาตั้งใจเรียนอยู่นะ ผมแอบดีใจ ทำไมผมถึงรู้สึกดีแบบนี้นะ ผมสอนไปจนจบคาบภาษาอังกฤษ และก็ปล่อยให้นักเรียนไปเข้าห้องน้ำก่อนจะเรียนวิชาอื่นต่อ



“หมับ” ผมก็ต้องสะดุ้งเพราะว่านายคริสที่ยืนที่มุมตึกจับแขนผมไว้ ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่าน



“ขอบคุณนะครับ ครูเขม” เขาขอบคุณผม ผมก็ยิ้มให้เขา



“วันนี้ครูอัดเสียงเราตอนที่แนะนำตัว ครูว่าจะเอาไปให้ครูลิมาดูและอาจจะเอาตัวนี้มาแก้ศูนย์ของเธอที่ติดไว้เทอมที่แล้ว คริส” ผมบอกคริสโตเฟรอ์



“ขอบคุณครับครู “เขาบอกผมอีกครั้ง



“วันนี้ครูไปทานข้าวกับผมอีกไหม”คริสโตเฟอร์ถามผม ผมก็พยักหน้า



“ผมไปรับครูที่บ้านพักนะครับเย็นนี้” นายคริสบอกผม ผมก็พยักหน้าและเขาก็ยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินลงไป ผมก็กำลังจะเดินหันไป เข้าห้องอื่นก่อน ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้องเรียนชั้นม.2/4 ผมเห็นมีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ และคนที่หันมาก็คือเด็กผู้หญิงที่ชื่อแก้ม เขาหันมามองผมและชักสีหน้า



“ครูเขามาสอนห้องเราแก เข้าเรียนกันกันดีกว่า” เด็กผู้หญิงคนอื่นพูดและพากันเดินเข้าห้องเรียน ส่วนแก้มก็ค่อยเดินเยื่องย่างเข้าไปในห้องเรียน ผมก็เข้าไปทักทายนักเรียนตามปกติและระหว่างที่ผมขานชื่อนักเรียน ก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เดินมาขออนุญาติผมเข้าห้องเรียน เสื้อผ้าที่ดูเก่าๆ รองเท้าที่ดูขาดจนเป็นรู ที่ผมสังเกตุเพราะว่าเขาเดินมาขออนุญาติเข้าห้องเรียนที่หน้าชั้นกับผม ผมพยักหน้าและผานมือให้เขาไปนั่ง และผมก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ อนุชิต และผมทำการสอนตามตำรามีเอามาเสริมบ้างและก็ให้งานกลุ่มทำ แต่ละคนจับกลุ่มกันยกเว้นสมคิดที่ได้แต่นั่งมองเพื่อนจัดกลุ่มกัน



“ทำไมเธอไม่ไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนละอนุชิต”ผมลุกขึ้นไปถาม



“คือ..ผม..เออ ..ไม่มีกลุ่มครับ”อนุชิตตอบผม



“ทุกคนมีใครที่สมาชิกในกลุ่มยังไม่ครบบ้าง เพราะเท่าที่ครูดูจากจำนวนมันจะหารลงตัวกันนะ”ผมถามทุกคน



“มีกลุ่มหนึ่งยกมือแบบไม่ค่อยเต็มใจหนัก”



“ทำไมไม่เรียกเพื่อนไปละครับ”



“ก็ได้ค่ะครู”น้ำเสียงที่บ่งบอกวาไม่ค่อยอยากได้ ทำให้ผมมองหน้าเด็กคนนี้



“ทำไมเธอไม่อยากได้เพื่อน บอกเหตุผลครูหน่อย ถ้าเหตุผลที่สมควรครูจะให้เขาทำงานคนเดียวและได้คะแนนเต็มๆ ส่วนพวกเธอคะแนนกลุ่มต้องหารกัน” ผมถามทุกคน แต่ละคนเงียบ



“เขาไม่ค่อยซักเสื้อผ้า มันเหม็นอะครู”



“แค่นี้เหรอ” ผมถามเขากลับ



“ระหว่างสกปรกภายนอกกับใจที่สกปรก เธอเลือกอันไหน” ผมถามทุกคนกลับ



“ตอบครูซิ” ผมถามทุกคนอีกครั้ง                                                   



“อนุชิตมาอยู่กลุ่มเราก็ได้ เราครบแล้วแต่พวกเราเต็มใจที่จะหารคะแนน” อีกคนที่เรียกเขาเข้าไปอย่างเต็มใจ ผมพยักหน้าให้เขาไปหากลุ่มที่พร้อมจะรับเขาจะดีกว่า ส่วนอีกกลุ่มนั้นก็กลุ่มที่มีแก้มอยู่ด้วย และผมก็เดินดูทุกคนทำงานกลุ่มจนหมดคาบเรียน

---------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝากนิยานเรื่องแรกนี้ด้วยนะคะ แม้จะไม่ได้ลงที่นี้ที่แรกแต่ก็ได้นำมาแก้ไข และปรับปรุง จนคิดว่าน่าจะลงตัวแล้ว ถ้ามีข้อผิดพล้าดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ (ปล.เจอคำผิดบอกด้วยนะคะ ) 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 13:57:26 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
EP.4.1  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งแรก)
                   หลังจากหมดชั่วโมงสอนของผม ผมก็ต้องเข้าห้องประชุมต่อทันที  เพราะว่าวันนี้ท่านผู้อำนวนการโรงเรียนจะแนะนำตัวผมกับครูอาจารย์ท่านอื่นๆอย่างเป็นทางการ

      โรงเรียนที่ผมมาทำการสอนนี้มีนักเรียน 630 คน ทั้งหมด 22 ห้องเรียน มีครูบรรจุ 20 คนและครูอัตราจ้าง 6 คน ผมเป็นครูอัตราจ้างหนึ่งในหกคนนั้น ที่นี้มีครูสอนภาษาอังกฤษแค่ 3 คน นั้นคือครูสมชาย ที่ดูธรรมะธรรมโมมาก และครูลิมา เป็นครูที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษแต่ครลิมาค้อนข้างที่มั่นใจตัวเองเกินไปหน่อยเลยจะไม่ค่อยรับฟังเท่าไหร่เวลานักเรียนเสนอแนะผมแอบได้ยินนักเรียนในห้องที่ผมเข้าไปสอนคุยกันนะครับ  และเดือนหน้าผมคงต้องสอนยาวทั้งอาทิตย์ และเมื่อประชุมเสร็จทุกคนก็แยกย้าย บางคนก็ทิ้งให้นักเรียนทำงานในห้องเรียนก็ต้องรีบกลับไปดูก่อนจะปล่อยให้เข้าแถวกลับบ้าน ผมก็เดินออกมาจากห้องประชุม

           “ครูเขมครับ ยินดีที่รู้จักอีกครั้งนะครับ มีอะไรปรึกษาผมได้นะครับครู” ครูสมชายเดินมาทักทายผมอย่างเป็นทางการ

           “เราคงต้องคุยกันเรื่องงานวิชาการแข่งขันภาษาอังกฤษกันค่ะ “ ครูลิมาบอกผมสองคน

           “ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าดีไหมครับ ตอนนี้ผมขอตัวไปดูนักเรียนที่ห้องก่อนนะครับ “ครูสมชายพูด

           “เออ ครูเขมคะ พรุ่งนี้ลิมามีห้อง ม.3/1 ค่ะ ห้องนี้ครูมิ้งเขาสอนเอาไว้ค่ะ ถ้ายังไงครูรับช่วงเลยได้ไหมคะ ตอนนี้คาบสอนของลิมาแน่นมากเลยค่ะ “ ครูลิมาหันมาถามผม

           “ขอบคุณนะคะครูเขม เออ ห้องนี้มีคาบเรียนพรุ่งนี้นะคะตอนบ่ายครูมีคาบสอนไหมคะครู”ครูลิมาถามผม

           “มีตอนเช้าครับครูลิมา”

           “คงไม่เยอะเกินไปนะคะ 4 คาบเลย” ครูลิมาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจผมมาก

           “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจครับว่าช่วงนี้ครูไม่พอ เห็นผู้อำนวนการบอกว่ากำลังมองหาครูอัตราจ้างมาบรรจุเพิ่มนี้ครับ ไม่น่านทุกอย่างก็จะดีขึ้น”ผมพูดปลอบใจครูลิมา ครูลิมายิ้มและทำท่าจะเดินออกไปผม

           “ครูเขมคะ ครูสอนห้องคริสโตเฟอร์ใช่ไหมคะ เห็นมีนักเรียนบอกว่า เขาเข้าห้องเรียนกับครูวันนี้ ครูทำได้ยังไงคะ” ครูลิมาหันขวับมาถามผม ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวเล็กๆ


           “ ผมได้อัดเสียงเขาไว้ด้วยนะครับ ผมให้เขาแนะนำตัวและพูดเรื่องราวของเขาเป็นภาษาอังกฤษและเขาก็ทำได้ดีทีเดียวครับครู ผมว่าจะให้ครูลิมาดูเพื่อจะช่วยเขาได้ทีเขาติดศูนย์กับครูลิมา” ผมพูด

           “ได้ค่ะแต่เรื่องเวลาเรียนไม่พอนะคะ ถ้ายังไงให้เขาเรียนพิเศษกับครูซิค่ะ วันจะชั่วโมงก็พอคะ “ ครูลิมาแนะนำ ผมพยักหน้าว่าดีเลย

           “ขอบคุณนะครับ ผมจะบอกเขาให้เย็นนี้”

           “เขาโชคดีนะคะที่มีครูที่เอาใจใสเขา ลิมาคิดว่าครูผู้ชายด้วยกันอาจจะเข้าใจเขาได้มากกว่าลิมาค่ะ เพราะลิมาก็พย้าม พยามแล้ว  ไม่ได้ผล ชื่นชมครูนะคะ ครูเก่งมากค่ะ “ครูลิมาพูดและเดินหันหลังออกไป ผมก็เดินกลับห้องพักครู เพราะว่าผมหมดคาบสอนแล้ววันนี้

              ผมนั่งตรวจการบ้านเพราะว่าพรุ่งนี้ผมมีสอน4 คาบจากเดิม 3 คาบ ก็เพิ่มมาอีกหนึ่งคาบ และพรุ่งนี้ผมต้องกลับกรุงเทพ ก็ผมบอกณัฐกานต์เอาไว้ว่าจะไปดูคอนโดใหม่กัน

           “ตึง” เสียงมือถือผมดังขึ้นมีข้อความเข้ามา ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นณัฐกานต์ พอผมยิบขึ้นมาดู

           My boy = อย่าลืมนัดเดทของผมนะครับพี่เขม แต่ดูท่าพี่จะติดใจผมแน่ๆถึงได้ไม่ปฏิเสธผม

ข้อความที่เข้ามาในไลน์ผมผมถึงกับงง เพราะว่าใครเนี๊ยะที่มาขึ้นว่า My boy

           My love = คุณคือใคร ผมคิดว่าคุณน่าจะส่งผิด

               ผมส่งข้อความกลับไปแต่ทำไมมันขึ้นว่าMy loveในไอจีไลน์ของผม เหมือนตั้งนิคเนมเอาไว้  เฮ้ย! ผมไปเป็น มายด์เลิฟให้ใครตอนไหนวะเนี๊ยะ แต่ไม่มีใครแตะต้องมือถือผมอยู่แล้ว

           My boy = อะไรกันพี่เขมจำผมไม่ได้เหรอครับ คนที่พาพี่ไปออกเดทเมื่อว่านไงครับพี่เขม

นั้นไงทำให้ผมนึกออกนายคริสโตเฟอร์

           My love = นายคริสโตเฟอร์))))

           My love = นายได้เบอร์พี่ไปได้ยังไง และใครใช้ให้นายมาตั้งว่าMy Love and My boy แบบนี้ เดี๋ยวแฟนพี่ก็เห็น นี้พี่ไม่ขำด้วยนะคริส

           My boy = ผมลืมไปว่าพี่มีแฟนแล้ว

           My boy = พี่อย่าลืมนัดนะ ผมจะเข้าไปรับพี่ทานเข้าวที่บ้านพัก

           Khem = อืมม เจอกันนะ 6โมงครึ้งนะคริส

ระหว่างที่รอนายคริสพิมพ์ข้อความผมก็ตรงเข้าไปแก้ไขชื่อกลับมาทันที

           Christo= ผมอยากให้เวลาเดินเร็วจังเลยอ่ะพี่เขม ผมตื่นเต้นจะได้ไปกินครู

           “พล้วด!”เพราะว่าผมกำลังกระดกขวดน้ำดื่มและก็ต้องพ่นมันออกมาหลังจากที่อ่านข้อความที่นายคริสโตเฟอร์ส่งมาให้ผม มันจะกินผมครับที่เป็นครู

           Khem= นายคริส)))))

           Christ = ผมพิมพ์ตกไปนะครับพี่เขม ผมตื่นเต้นจะได้ไปกินข้าวกับครูเขมครับ

           Khem= ตอนนี้นายไม่ควรจะใช้มือถือคุยนะ เพราะว่ายังไม่หมดเวลาเรียน

           Christ = ไม่เป็นไรครับพี่เขม ถ้าครูอรวรรณถาม ผมก็จะบอกว่าผมกำลังแชทคุยกับกูรูที่รอบรู้วิชาของครูอยู่ครับ โดยทีไม่ต้องไปเสริซหาที่อากู๋อีกที

               นายคริสบอกผม แล้วนี้หมอนี้เรียนวิชาออะไรอยู่ ถึงได้เรียกผมว่ากูรู

           Khem= แล้วตอนนี้นายเรียนวิชาอะไรอยู่

           Christ= เพศศึกษาครับครูเขม

           Khem= นายคริส)))

           Christ= ถ้าวิชานี้เป็นครูเขมสอนนะ ผมจะขอข้ามทฤษฏีไปภาคปฏิบัติเลยครับ

ผมถึงกับต้องกุมขมับ ผมคิดไว้แล้วว่าต้องเจอนักเรียนเกรียนและต้องรับมือให้ได้แต่เจอนักเรียนหื่นแซงหน้าผมแบบนี้ จะรับมือกับมันยังไงวะนี้ ผมคิดในใจ

           Khem= พอเลยนายคริส นายนี้มันทะลึงมาก กลับไปตั้งใจเรียนได้แล้วและพี่กำลังจะตรวจการบ้านจะได้กลับไปเตรียมตัว

           Christ= อาบน้ำปะแป้งรอผมเหรอ

           Khem = “................” สรรหาคำพูดมาต่อกรไม่ถูกเลยผม

           Christ =เขินเลยอะดิพี่เขม  และถ้าพี่หน้าแดงแสดงว่าพี่เขินเพราะว่าพี่คิดกับผมอยู่ ฮาๆ

           Khem= แค่นี้นะพี่จะตรวจการบ้าน

           Off line  จบบทสนทนาซะดีกว่าผมคิดว่า

     ผมพิมพ์ข้อความและกดออกจากแชทที่คุยกับนายคริสทันที และผมก็หันไปมองกระจก ที่โต๊ะครูผู้หญิงพอดีว่ามันอยู่ตรงข้ามกับผมพอดี ผมก็เห็นได้ว่าหน้าผมแดงจริงๆด้วย เสียฟอร์มหมดเลยเขมชาติ อายได้ยังไง ก็แค่เด็กมันหยอดเอาเขมเอ้ย



           “ตึงงง” เสียงข้อความเข้ามาในมือถือผม อย่าบอกนะว่านายเร่งฉันนะคริส



           “เขม..กานต์จะไปทานอาหารญี่ปุ่นกับเพื่อนๆที่ทำงานนะ กลับถึงห้องแล้วจะโทรหานะ “ ณัฐกานต์นั้นเอง



           “ครับกานต์ อย่ากลับดึกนะครับ และอย่าดื่มเยอะนะ เขมเป็นห่วง รักกานต์นะครับ ” ผมส่งข้อความบอกณัฐกานต์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินลงบรรไดมา ต้องผ่านห้องน้ำครูผู้หญิง ผมเหลือบไปเห็นครูลินดากับครูถาวร คุยกันอยู่แต่เหมือนทั้งคู่จะคุยกันด้วยซีหน้าเครียดๆ



           “พี่ถาพี่ก็รู้ว่าลินดาทำไปเพราอะไร “



           “ลินดาชอบเขาเหรอคะ ครูเขมนะ “



           “คือว่า “ ครูลินดา ชอบผมอย่างนั้นเหรอ



           “อ้าว ครูเขม ยังไม่กลับบ้านเหรอครับครู ไปครับกลับพร้อมโจ้เลย โจ้กำลังจะกลับไปบ้านพอดีครับ “ ครูโจ้ดันเรียกผมซะดัง และครูถาวรกับครูลินดาก็ออกมาจากห้องน้ำหญิง และมองมาที่ผมทั้งคู่



           “ขอบคุณครับครูโจ้”



           “ไปเลยครับ อ้าวครูถาวร ครูลินดา ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ แม้จะชวนไปด้วยก็เกรงว่าจะไม่หมด” ครูโจ้พูด ผมก็มองหน้าจะหมดได้ยังไง รถครูโจ้เป็นรถมอเตอร์ไซด์



           “ไม่ดีกว่าคะ ลินดาเอารถมอเตอร์ไซด์มาค่ะ รุ่นใหม่กวาของพี่โจ้อีก ลินดาไปก่อนนะคะครูเขม และพรุ่งนี้ลินดามีอาหารใต้มาฝากนะคะ อย่าลืมนะคะครูเขม” ครูลินดาพูด ผมก็ยิ้มๆให้และครูถาวรก็ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปอีกทาง ผมหันมายิ้มให้ครูโจ้ ว่าเราไปกันได้หรือยัง



           "กานต์ครับเขมออกไปทานข้าวเย็นก่อนนะกลับมาแล้วเขมจะโทรหานะครับ รักกานต์นะครับ" ผมส่งข้อความหาณัฐกานต์ก่อนยังไงก็แฟน ส่วนคริสโตเฟอร์ผมว่าคงแค่อยากมีเพื่อนแต่ข้ามรุ่นไปหน่อยเล่นซะรุ่นอาจารย์เลยแต่ก็ดี ผมจะได้มีเพื่อนต่างวัยกับเขาบ้าง



           "ครูเขมครับผมมารับแล้วครับ" คริสโตเฟอร์ขับรถมารับผมที่หน้าบ้านพกเพื่อจะได้ออกไปทานข้าวกัน คริสโตเฟอร์ขับบิ๊กไบค์มารับผม พอผมเดินลงมาก็หยุดมอง ไปคันนี้อีกแล้วเหรอ คนเคยนั่งแต่รถเก๋งไม่ค่อยหรือแถบจะไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซด์เลยหากไม่จำเป็น



           "เพื่อครู....ผมยอมลงทุนให้ลูกรักเปื่อนฝุ่นบ้างอะไรบ้าง น่ารักไหมครับ ถ้าชอบกดไลน์ถ้าใช้ให้จับกด!! ฟาวสสสส์ " คริสโตเฟอร์พูดทำเอาผม หันหลังจะเดินกลับเข้าบ้านพัก เพื่อไปต้มมาม่ากินดีกว่า (ก็มันเล่นบอกว่าถ้าใช่ให้จับกด) มันน่าไหมละ และยังไงบ้านพักผมก็มีกาต้มน้ำและมาม่าห่อที่ผมหอบมาด้วยเพื่อยามฉุกเฉิน

    “หมับ” คนที่นั่งค่อมรถมอเตอร์รีบคว้าแขนผมไว้ทันที



           “ไม่เอาน่าพี่เขม ผมล้อเล่น เร็วๆ ลูกรักผมรอพี่นั่งอยู่นะ “ ผมหันมามองนายนั้นอีกเขาก็ยื่นหมวกกันน๊อกให้ผมแต่ไม่ใช่อันนเมื่อวาน



           “อันนี้ของผม ผมซื้อไว้เพื่อว่าจะให้คนรักของผมซ้อน อยากบอกว่าใหม่แกะกล่องเลยนะพี่ เพราะที่ผ่านมาผมยังไม่เจอคนที่ใช่ ก็เลยยังไม่เคยเอาออกมาใช่ “ นายคริสโตเฟอร์พูดและหลิกคิ้วให้ผม ผมก็ชี้ตัวเอง แล้วนี้ให้ผมสวมนี่นะ นั้นก็คือ ผมคือคนที่ใช่สำหรับนายคริส



           “เฮ้ยย ไม่น่าจะใช่พี่นะที่ควรจะสวมมัน” ผมรับส่งหมวกกันน๊อคคืน



           “ผมล้อเล่นนะ สวมเถอะแต่เพิ่งซื้อมาใหม่น่ะจริงและรถนี้เอามาไม่ค่อยได้ขับไปไหนหรอก หวงรถ” นายคริสพูดและพยักหน้าให้ผมขึ้นรถซะที ผมก็ก้าวเหยียบที่สำหรับวางเท้าและขึ้นไปนั่งค่อมรถมอเตอร์ไซด์ที่ใครก็บอกเท่หนัก ล้อใหญ่ๆ



         ขณะที่ผมกำลังคลำหาที่ติดใต้ค้างคริสก็เอี้ยวตัวลงใช้มือเขาติดที่ยึดหมวกกันน๊อกให้ผม ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมีโมเม้นแบบนี้ด้วยซึ้งปกติจะเห็นแต่ผู้ชายเขาทำให้ผู้หญิงมันน่ารักดีนะครับแต่นี้ผมผู้ชายครับ ผมก็บอกว่าผมจะติดเองแต่ส่ายหน้าว่าเขาจะติดให้ผม ผมก็เลยต้องนั่งเฉยๆให้ติดให้แทน

       

           คริสก็ค่อยๆออกตัวขับออกไป ผมก็ไม่รู้ วันนี้เขาจะพาผมไปทานที่ไหน ว่าจะถามก็ลืมจะถามตอนนี้ก็คงไม่ได้ยินซะแล้ว เพราะว่าเขาปิดหน้ากากลง คริสขับมาจนเกือบจะพ้นออกประตูโรงเรียนและจู่ๆ ก็มีเด็กผู้หญิง กระโดดออกมาขวางถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้กระชั้นชิดมากแต่ก็มีความเสียงที่จะชนมากด้วยเช่นกัน และโชคดีที่คริสขับมาไม่เร็วเลยเบรคเอาไว้ได้ทัน เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ยืนกางแขนกั้นไว้เพื่อไม่ให้ผ่านไปได้ ผมได้กลิ่นยางไหม้ลอยมามาแตะจมูกผมด้วย  ทันที่ที่นายคริสโตเฟอร์ถีบขาตั้งลงแตะพื้น ผมก็รีบลงมายืนด้วยอาการตกใจ เหตุผลนี้แหละที่ผมไม่ค่อยชอบมอเตอร์ไซค์เพราะว่าเนื้อหุ้มเหล็กไม่ใช่เหล็กหุ้มเนื้อแบบนั่งขับอยู่ในรถ



         “คริส ...ถามน้องเขาซิเป็นอะไรไหม ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” ทันทีที่ผมดันกระจกหน้ากากขึ้น ก็หันไปบอกนายคริส



         “ดูแล้วไม่เป็นอะไรหรอกพี่เขมแค่เป็น..บ้า!” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าเขาหัวเสียแค่ไหน



           "เป็นบ้าอะไรของเธอ..แก้ม!" คริสโตเฟอร์ถอดหมวกกันน๊อคออกก่อนจะหันไปตวาดเสียงดังใส่เด็กผู้หญิงคนนั้น



           "พี่เอาใครซ้อนรถพี่อีกแล้ว" แก้มยืนเอามือเท้าซะเอว ผมก็ถอดหมวกกันน๊อคออกก่อน แก้มหันมามองผมอ้าปากค้างด้วยอาการตกใจ



           "ครูเขม!!"



           "ใช่ครูเขมจะทำไมอะแก้ม ครูเขาไม่มีรถพี่จะพาครูไปกินข้าว มีปัญหาอะไรไหมแก้ม" คริสโตเฟอร์ถามแก้ม



           "เออ...ครู..เขม..เองเหรอ..แก้มก็นึกว่าเด็กผู้หญิงที่ไหน"เสียงเธอเบาลงอย่างรู้สึกผิด



           "ตัวครูเขาก็ออกจะใหญ่..และถ้าพี่จะเอาผู้หญิงหรือใครที่ไหนซ้อนนี้มันก็เรื่องของพี่นะแก้มเธอควรจะหยุดและเลิกยุ่งกับพี่ได้แล้ว แม่เธอนะด่าพี่อยู่ เมื่อวานก็ทีหนึ่งแล้วนะ ถ้าแม่เธอไม่ปลื้ม เธอก็ควรจะอยู่ห่างๆพี่" คริสโตเฟอร์พูดและสวมหมวกกันน๊อคกลับไปพร้อมหันมาพยักหน้าให้ผมทำตามเช่นกัน



           "ถอยออกไปได้แล้วและที่หลังอย่าทำแบบนี้อีกถ้าชนเธอขึ้นมาพี่ก็ผิดและถ้าพี่ล้มไปครูก็เจ็บตัว เธอทำอะไรคิดหน่อยได้ไหมแก้ม" คริสโตเฟอร์ แก้มยืนคริสน้ำตาปริเธอคงเสียใจและเธอก็วิ่งแจ่นออกไปคงร้องไห้แน่ๆ



           "คริส..แรงไปนะ"ผมพูดก่อนจะสวมหมวกกันน๊อคกลับไปและคริสโตเฟอร์ก็ติดใต้ค้างให้ผมเหมือนเดิม ผมยังคงติดเองไม่ได้อยู่ดี



           "ครู....ถ้าผมเบรคไม่ทันผมชนเลยนะและถ้าผมทรงตัวไม่ได้ก็ล้มทั้งคู่อีก...ผมเป็นห่วงครู" คริสโตเฟอร์หันมาพูดผมพยักหน้า และคริสโตเฟอร์ก็สตาร์ทรถออกไป ผมไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนั้นจะคิดอะไรไหมที่เห็นผมกับคริสโตเฟอร์ออกไปกันสองคนแบบนี้ เริ่มจะไม่สบายใจขึ้นมาทันที ก็วันนี้ครูลินดาพูดว่าผมนะก็เป็นหวงคริสมากกว่า ลำพังตัวผมเองนะไม่เท่าไหร่หรอก คริสโตเฟอร์ก็ขับพาผมมาทานกันที่ร้านอาหารตามสั่งไม่ไกลจากโรงเรียนมากหนัก



              ผมนั่งทานข้าวกระเพราหมู วันนี้ผมทานแบบเงียบๆไม่ได้ชวนคริสโตเฟอร์คุยนั้นคุยนี้เหมือนเช่นเมื่อวาน ตอนนี้ผมกำลังสับสนว่าผมกำลังทำเกินหน้าที่ครูอยู่หรือเปล่า



           "พี่เขมเป็นอะไรทำไมเงียบจังอะวันนี้" คริสโตเฟอร์ถามผม



           "คือ...เออ. ไม่มีอะไรนะคริส" ผมตอบปฏิเสธเขาไปก่อนจะฉีกยิ้มให้ว่าไม่มีอะไรจริงๆ



           "พี่เขมมีอะไรบอกผมได้นะ ถึงผมจะเด็กแต่ผมก็จะสิบเจ็ดแล้วนะพี่เขมและปีหน้าผมก็จะสิบแปดเข้าผับได้แบบไม่ต้องหลบออกด้านหลังแล้วด้วย” พูดอย่างภาคภูมิใจเสียจริงๆ



           “และถึงผมจะเด็กกว่าช่วยพี่แก้ปัญหาไม่ได้แต่ผมก็ช่วยรับฟังได้นะพี่เขม ผมไม่อยากเห็นพี่เขมทำหน้ากังวลแบบนี้เลย " ผมเงยหน้ามองเขา บางมุมเขาก็เหมือนผู้ใหญ่เกินอายุนะ



           "หรือว่าพี่เขมหึงผมเรื่องแก้ม...พี่หึงผมจริงๆเหรอ .." คริสโตเฟอร์พูดและยังยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหน้าผมมากด้วย ผมต้องเบนตัวออกก่อนเพราะว่านี้มันในร้านข้าวทำอะไรไม่เกรงใจสายตาประชาชนเลย 



           “เห้ย! ไม่ใช่จะหึงทำไม ไม่ได้เป็น..แฟนกัน” ผมพูดต่ำไมแอบหลบสายตามันนะ ทำทีหันไปทางอื่นและก็หันไปเจอสาวๆ ออฟฟิตที่หันมาส่งยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับ มีโบกมือด้วย แต่พอผมหันมาก็เห็นว่านายคริสโตเฟอร์กำลังโบกมือนั้นเอง และนั้นมันก็แปลว่าเขาโบกให้ไอ้คริสครับ ผมหันกลับมา พ่อลูกครึ้ง



           “ครูว่าจะบอกเธอว่า เธอควรจะเรียนเพิ่มกับพี่สักวันละหนึ่งชั่วโมงนะ เพราะครูลิมาบอกพี่มาว่าที่เธอติดศูนย์เทอมที่แล้วนะ เวลาเรียนเธอไม่พอ “ ผมบอกนายคริส เขามองหน้าผมและพยักหน้าอย่างไว



           “ห้ามเบี้ยวเลยนะ “ ผมบอกเขา



           “ไม่เบี้ยวแน่นอนเพราะว่า ผมจะได้...” คริสโตเฟอร์พูดและทำนิ้วไต่หลังมือผม



           “เพี๊ยะ!”



         “อิ้ววว!” ผมจัดการตีมือไม้ที่ดูซุกซนกับผมตลอดเวลาที่เขามีโอกาส และดันร้องซะดั้งลั่นเลย ทำให้สาวๆออฟฟิตโต๊ะถัดไปที่ยิ้มให้ผมก่อนที่ผมสองคนจะนั่งลง แต่ตอนนี้เขาหันมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปทันที



         "เป็นเกย์อะแก!" ผมได้ยินเขากระซิบกันทำให้รู้ว่าเครื่องแสกนเร่ิมทำงานแล้วและประมวณผลเสร็จสรรพว่าผมถูกจัดให้อยู่ในประเภทไหน  และพอผมหันไปยิ้มให้ก็หันหลังกลับพร้อมกันหมดเลยทีนี้



         “ถ้าอย่างนั้นเราเริ่มกันวันนี้เลยนะคริส “ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือผม และมันทำให้ผมคิดถึงณัฐกานต์ ผมก็คล้ำหามือถือ



         “หาอะไรเหรอพี่เขม” นายคริสถามผม



         “พี่ลืมมือถือแต่ เอาไว้สอนนายก่อนแล้วกัน” ผมพูดและผมสองคนก็พากันลุกและนายคริสโตเฟอร์กำลังจะหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ของเขา ผมก็รีบเรียกเขาไว้ทันที



         "คริสไม่เอา...กลับมาเอาตังพี่ไปจ่าย"ผมเรียกคริสโตเฟอร์ให้กลับมาหาผม



         "ไม่เป็นไรครับพี่เขม..ผมอยากจ่ายให้พี่เพราะว่าพี่ก็เลี้ยงผมตั้งแต่เมื่อวานและเมื่อเช้าอีกอะ ผมไม่อยากเอาเปรียบพี่เขม ไม่อยากให้พี่เห็นว่าผมอายุน้อยกว่าต้องให้คนอายุมากกว่าดูแลทุกเรื่องนะและอีกอย่างผมอยากให้พี่เห็นว่าผม..ก็ดูแลพี่ได้" คริสโตเฟอร์พูด และหันไปจ่ายเงินแทนผม ผมกับคริสโตเฟอร์ก็รีบกลับไปที่โรงเรียนผมเหลือบมองเวลายังพอมีเวลาเหลืออยู่ ผมหันมามองหน้าเขา ทำไมเขาพูดแบบนั้นละ ว่าอยากให้ผมรู้ว่าเขาจะดูแลผมได้ ว่าแต่หมอนี่มันคิดอะไรกับผมหรือเปล่า



           “มีอะไรเหรอพี่เขม หรือว่าพี่รู้สึกเสียหน้าที่ผมออกค่าข้าวให้” นายคริสถามผม



           "คริสที่พี่ต้องการจะออกให้ก่อนได้เพราะว่าเธอยังไม่มีงานทำไง" ผมพูดตอนที่ถอนหมวกกันน๊อคออก ผมไม่ได้ดูถูกว่าเด็กไม่มีเงินนะ



           "พี่รู้ได้ยังไง ผมนะมีงานพิเศษทำนะ ตอนที่ไปช่วยแม่ที่ภูเก็ตช่วงที่ผมถูกพักการเรียนนะผมได้ติปตั้งเยอะได้เงินจากแม่อีกด้วย" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าว่าผมรู้



           “ถ้าอย่างนั้น ขึ้นไปเรียนที่ห้องพักครูนะ เพราะว่ามันน่าจะดูไม่น่าเกลียด ถ้าขึ้นไปเรียนที่บ้านพักครู ซึ้งมีแค่พี่และนายสองคน คนอื่นจะมองไม่ดี”ผมหันไปบอกนายคริสโตเฟอร์



           “แล้วพี่เขมไม่ขึ้นไปเอามือถือเหรอ” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่ละ



           “หนังสือการสอนพี่อยู่ข้างบนห้องพักครู ไปเราขึ้นไปเรียนการที่ห้องพักครูแล้วกันนะ “ ผมบอกนายคริสโตเฟอร์ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปบนตึก ผมเห็นว่าห้องพักครูมีไฟเปิดไว้อยู่แล้ว น่าจะมีครูนั่งทำงานอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 13:58:51 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
       
EP.4.2  เมื่อเขาไว้ใจผม (ครึ้งหลัง)
           “คริส!!!” มีคนเรียกนายคริส ผมสองหันไปตามเสียงเรียกพร้อมกัน ผมก็เห็นเด็กผู้ชายสองคน ที่ขับรถเก๋ง รถแต่งโหลดอีกต่างหากมาจอดและเลื่อนกระจกลง



           “มึงไปไหนมาวะ ไอ้โป้งมันตามหามึงอยู่นะ มันจะชวนมึงออกไปแว้นแก้เซ็งวะ มันนอยด์ เพราะมันตกวิชาคณิตของครูสมพิณ “ เพื่อนนายคริสตะโกนมาบอกคริส



         “ไอ้นี้มันไอ้อาร์ทและไอ้โจครับพี่เขม” คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม ผมพยักหน้า



         “หวัดดีครับครู “ นั้นถึงได้ยกมือไหว้ผมทันที ผมยกมือไหว้รับไหว้



         “เดี๋ยวกูส่งข้อความหามันเอง ตอนนี้กูต้องขึ้นไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มกับครูเขมสองต่อสองวะ” นายคริสบอกผมก็พยักหน้าแต่สองต่อสองนี้ ทำให้ผมสะบัดหน้ามามองนายคริส ไม่ต้องบอกเขาแบบนั้นก็ได้มั้ง นายนี่..มันน่าหนัก



“.......” ทำเอาสองคนนั้นมองผมกับคริสโตเฟอร์ ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าพวกเขากำลังจะคิด



“เออ...แค่สอนพิเศษ จริงๆ ไม่มีอะไร “ ผมรีบยกมือขึ้นห้ามทันที ไม่ต้องคิดนาน



            “อ๋อ!!!! “สองคนร้องออกมาพร้อมกัน



               “เฮอๆ...... ผมสองคนคิดเยอะนะครับครู ถ้าอย่างนั้นไปก่อนนะครับครู เด็กพวกผมรออยู่ ชวนออกกำลังกายครับครูและออกแบบสองต่อสองด้วยครับครู เสื้อผ้าไม่เกี่ยว “ คนที่เป็นคนขับตะโกนบอกผมสองคน แม้จะไปออกกำลังกายในร่มละซิ สองต่อสองเนี๊ยะ ผมหันมามองพ่อตัวดี มิน่าจะแก้งเดียวกันได้ สายหื่น ไม่ใช่สายศิลย์แล้วละครับผมว่า และคนที่ขับรถก็เลื่อนกระจกปิดพร้อมขับออกไป ผมหันมามองพ่อตัวดีอีกที  นี่ก็ขยันหางานให้ผมแก้นะ พูดไปได้ยังไงสองต่อสอง



         ผมสองคนเดินขึ้นบรรไดไปบรรไดไป โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ยกพื้นสูงและผมก็ตรงไปที่ห้องพักครู ผมเห็นมีไฟเปิดไว้ ผมเดินเข้าไปก็พบครูดวงเดือน เป็นครูสอนวิชาภาษาไทย เขาเงยหน้ามองผม



           “ขอโทษนะครับ คือผมจะสอนหนังสือนายคริสเพิ่มนะครับ เพราะว่าเขา”



           “ไม่ได้เข้าเรียนก่อนหน้านี้เหรอคะ เรานะส่งการบ้านครูหรือยังคริส” ครูวงเดือนพูดและถามถึงการบ้านทันที



           “ส่งแล้วครับครู ผมส่งคนแรกเลย”



           “จริงเหรอ เดี๋ยวครูจะตรวจดูนะว่ามีชื่อเธอไหม” ผมหันมาน้องนายตัวดี เขาหันมาแยกเขี้ยวให้ผม ผมเพิ่งจะเห็นว่าเขามีเคี้ยวด้วย และนั้นคงเพราะว่าผมพาเขาขึ้นมางานเข้าทันที



           “อืม เจอแล้ว โชคดีนะเธอเนี๊ยะ”ครูดวงเดือนขยับแว่นและมองนายคริสก่อนจะก้มหน้าก้มตาตรวจการบ้าน ผมก็พยักหน้าให้เขาเข้มานั่งที่โต๊ะตรงข้ามกับผม



           “ครูยังไม่มีสอนพิเศษช่วงหลังเลิกเรียนใช่ไหมคะครูเขม” ครูดวงเดือนถามผม



           “ผมเริ่มอาทิตย์หน้าครับครูวงเดือน”



           “อ้อค่ะ เออ พี่ต้องไปก่อนนะคะ พอดี พี่มีธุระต้องทำ ครูเขมจะอยู่ต่อก็ได้นะคะ แต่รบกวนปิดไฟและแอร์ให้พี่ที และนายคริส ตั้งใจเรียนหน่อยนะ เพราะว่ามีครูไม่กี่คนหรอกนะที่อยากจะเขี้ยวเข็นนายนะ” ครูวงเดือนพูด ผมก็ยิ้มๆให้และขยิบตาให้นายคริส



           “ครับครู “ นายคริส และเมื่อครูดวงเดือน เดินออกจากห้องไป ผมก็เปิดหนังสือถึงบทเรียนที่นายคริสต้องเรียนชดเชยทันที เริ่มที่บทแรกเลย



           "คริส" ผมเรียกคริสโตเฟอร์พยักหน้าให้เขาลุกมานั่งฝั่งเดียวกับผม ซึ้งผมจะได้อธิบายและมอบหมายงานให้เขาทำและนายคริสก็รีบลุกมาพร้อมเก้าอี้



           “พี่จะอธิบายก่อนนะ นี้จะเป็นโครงสร้างของประโยคที่เกิดขึ้นในอดีต..บร้าๆๆๆ “ ผมบอกเขาและอธิบายว่าเขาต้องเขียนยังไง และอะไรคืออะไร มีที่มาที่ไปยังไง อย่างละเอียด และนายคริสก็หัวไวอยู่แล้วเขาเข้าใจง่าย ผมรู้ว่าฝรั่งเขาไม่รู้จักกิริยาสามช่องแต่เขารู้ว่าเขาควรใช้คำไหนสำหรับ อดีตและปัจุบัน



           "และนี้นายลองเขียนเรื่องที่ประทับใจในอดีตให้ครูดูหน่อย ครูจะดูว่าเธอเข้าใจการแต่งประโยคบอกเล่าเหตุการณ์แบบ Past tense แค่ไหน" ผมบอกคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์มองผมทำท่าคิดเหมือนเขาจะหนักใจที่จะบรรจงปลายปากกาเขียนเรื่องราวเหล่า



           "คริสคนเราต้องมีเรื่องประทับใจบ้างและครูก็เชื่อว่าเธอต้องมีคริส" ผมแตะหลังมือของคริสโตเฟอร์เบาๆ



           "ต้องเยอะแค่ไหนหรอครู "



           "ตามใจเธอซิ" คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้วเป็นปมทันที ผมอยากจะขำเขานะ



           "อืม..สักสี่ห้าบรรทัดก่อนก็ได้" ผมพูด



           "ผมประทับใจครูอะ" ผมก็ต้องอึ้ง คริสโตเฟอร์มองหน้าผมสีหน้าเขาไม่ได้ล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง



           "เร็วไปไหมคริส" ผมเงยหน้าถามคริส



           "ไม่นะผมรู้สึกอยู่กับครูแล้วผมสบายใจเหมือนบางสิ่งที่มันหายไปมันกลับคืนมานะครู ..ผมคิดถึงพ่อนะครู ..แต่ผมก็เฝ้าบอกว่าผมเกลียดเขาแต่ผมก็คิดถึงเขาไปพร้อมๆกัน" คริสโตเฟอร์พูด



           "ผมเคยคิดว่าไม่อยากเจอเขาอีกตลอดชีวิตของผม"



           "ครูเชื่อว่าเขามีเหตุผลมากพอที่จะยังกลับมาหาเธอไม่ได้ในตอนนี้คริสโตเฟอร์"



           "เธอยังมีเรื่องราวที่น่าประทับใจระหว่างเธอกับพ่อไหม..เธอยังพ่อจำได้บ้างไหม"ผมถามคริสโตเฟอร์



           "จำได้นะ แต่ผม ..”



           “บางทีการได้เขียนระบายออกมามันอาจจะทำให้นายรู้สึกดีก็ได้นะ ครูดูเธอออก ว่าเธอจำทุกอย่างของพ่อเธอได้แต่เธอแค่ไม่อยากจะรื้อฟื้นมัน” ผมพูด นายคริสมองหน้าผม



           “ทำไมละ ในเมื่อมันคือความทรงจำที่สวยงาม เขียนมันออกมาเถอะ” ผมบอกเขา เขาก็มองหน้าผมและพยักหน้าก่อนจะจรดปลายปากกาลงเพื่อเขียน



           “พ่อเคยสอนผมขี่รถ RTV คันเล็กๆและนั้นคือของขวัญวันคริสมาสที่พ่อให้ผม " นานคริสโตเฟอร์พูด แต่เหมือนเขาจะหยุดนิ่งแค่นั้น



           "ครูอยากให้เธอเขียนมันครูอยากอ่าน" ผมพูดบอกนายคริสโตเฟอร์พยักหน้าและเริ่มเขียนต่อ



               ก่อนที่เขาจะก้มลงเขียนบรรยายสิ่งนั้นออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้ผมได้รับรู้ และผมก็เชื่อภาพวันวานมันจะทำให้เขาลบบาดแผลในใจเขาระหว่างพ่อของเขาได้ไม่มากก็น้อย



           "คริส..ครูถามหน่อยได้ไหม..ทำไมเราไม่ค่อยเข้ากับเพื่อนในห้องละ"



           "พวกนี้รุ่นน้องของผมนะครู..ผมนะต้องเรียนรุ่นเดียวกับโป้ง ตอนนี้ก็อยู่ ม.5 แต่ผมโดนพักการเรียน  เพราะว่าผม..."คริสโตเฟอร์พูดเขาคงรู้สึกผิด



           "ผมโดนพักไปหนึ่งเทอมนี้ สาเหตุที่ผมโดนพักการเรียนก็ว่าผม..ต่อยลูกชายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ผมต่อยจนมันสลบ เพราะว่ามันเรียกผมว่าไอ้ฝรั่งขี้นกไอ้พ่อไม่รักไอ้เด็กพ่อทิ้ง ผมทนไม่ได้ครู"



           "เอานะ..เธอไม่ใช่อย่างที่เขาพูดก็แล้วกันแต่ต่อไปนี้เธอควรจะอดทนกับมันให้มากขึ้นเพราะนั้นจะแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นผู้ใหญ่รู้ไหม"



           "ผอ.บอกว่าถ้าผมมีเรื่องอีกครั้งผมจะไม่มีสิทธิ์เรียนที่นี้ครู"



           "ก่อนจะทำอะไรให้นึกถึงแม่เธอนะคริส"



           "นึกถึงครูได้ไหม" ผมก็ขมวดคิ้ว



           "มานึกถึงครูทำไมละ" -_?



           "ครูเหมือนพ่อ" ^_^



           "ฉันนี่นะคริส" -_?



         "พ่อทูนหัว" " ^_^



         "คริสโตเฟอร์!!!" :o



         "รีบเขียนและจะได้กลับไปนอนพรุ่งนี้ตื่นมาแต่เช้า..ทะลึ่งตลอดเวลาเลยนะเรานะ"



         "ผมไม่ได้ทะลึงกับทุกคนนะครู มีครูคนเดียวนี้แหละ" ผมควรจะดีใจดีไหมละที่ได้สิทธิ์นั้นนะ



                ผมก็นั่งก้มลงมองที่เขาเขียนอันไหนใช้ผิดผมก็แนะนำเขาให้เขาเขียนให้ถูกๆ แต่ทว่ามันน้อยมากที่เขาจะเขียนผิด จังหวะที่ผมก้มลงมองผมไม่ได้มองแค่กระดาษเท่านั้นผมมองไปถึงใบหน้าหล่อๆนั้นด้วย คริสเป็นเด็กผู้ชายที่หล่อจริงๆ อันนี้ผมยอมรับเลย และไม่แปลกทำไมสาวๆถึงจะตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชายคนนี้ แค่ลูกครึ้งก็กินขาดแล้วนะผมว่า แต่ว่าผมนะสะดุดตรงคิ้วเขานี้แหละมันหนาและโค้งได้รูปขนตาก็ยาวถ้ามีนัยต์ตาสีฟ้าด้วยคงจะเพอเฟคมากแต่เขากลับมีสีดำธรรมชาติออกจะโตนิดหน่อย แต่ว่าวันแรกผมเห็นว่ามันเป็นสีฟ้านะ หรือว่าตอนนั้นผมมองผิดไปเอง ผมก็จ้องมองอีกที่ที่นัยต์ตาของคริสจน



           "ครูครับผมควรจะใช้ had หรือว่า have ดี...." มองนานไปหน่อยไม่ทันระวัง พอคริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของผมกับใบหน้าของคริสมันหางกันแค่ไม่กี่เซนติเมตร ผมควรจะถอยออก ก่อนที่สิ่งที่ไม่ควรจะเกิดมันอาจจะเกิดขึ้น



           "หมับ" มือของคริสโตเฟอร์จับเข้าที่เสื้อผมตรงหน้าอกเอาไว้เพื่อไม่ให้ผมถอยหลังหนีเขา นี้ขนาดผมแค่คิดนะนายนี้ยังเดาผมออกทันทีและมือไม้นี้ก็ไว้มาก



                คริสโตเฟอร์เขาก็ค่อยลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ของเขาและเลื่อนตัวเองมานั่งเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกับผม สายตาผมก็มองที่ริมฝีของคริสโตเฟอร์มันเริ่มจะขยับเหมือนเหมือนเขากำลังจะ... ใจผมก็ยิ่งเต้นรัวเหมือนมีกลองมากระหน่ำตีอยู่ข้างในนั้น มันดังมากอยู่ภายในและคงจะมีแค่ผมคนเดียวที่จะได้ยินมัน

         

         คริสค่อยๆขยับตัวเข้าหาผมมันเหมือนเป็นภาพสโลและผมเองก็เหมือนทำอะไรไม่ถูกผมได้แต่นั่งนิ่งผมก็นั่งเก้าอี้ตัวในสุดซะด้วย ซึ้งผมก็ไม่อาจจะหนีไปไหนได้ ผมถูกขังอยู่ในลืบเลยก็ว่าได้ ผมได้แต่มองเขาโดยไม่ได้ขยับเขยื่อนออกแต่อย่างใด มันเหมือนกับว่ามีใครมาตรึงผมไว้เช่นกัน



           "อืมม"ริมฝีปากคริสแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ มือที่กุมเสื้อผมก็เปลี่ยนมาเป็นช้อนที่ใบหน้าของผมไว้แทน



           "ไอ้คริส!!!.."

 

           "คลื้น!!!" เสียงเรียกชื่อคริสโตเฟอร์และมันก็ทำให้ผมและเขารีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว และนายคริสเองก็ลุกพล้วดขึ้นอย่างเร็วเช่นกีน   ผมดีดตัวลุกขึ้นยืนทันทีเช่นกัน นายคริสโตเฟอร์ที่มองผม ผมไม่กล้าหันไปมองหน้านายคริส ก็เพราะว่าผมรู้สึกผิดที่ผมกำลังจะจูบลูกศิษย์ตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นดูดดื่มแต่ถ้าไม่มีคนมาเรียกมันคงไปไกลกว่านั้นแน่ๆ



           "พวกกูพร้อมแล้วเราออกไปแว้นกันได้หรือยัง ..เออ...ครูเขม!!!" โป้งนั้นเองที่มาเรียกคริสโตเฟอร์



           "ครูว่าเราเอาไว้เรียนวันพรุ่งนี้ต่อแล้วกันนะคริส ครูต้องรีบกลับบ้านพักและนี้น่าจะเกินเวลาสอนแล้ว ครูจะลงในสมุดบันทึกไว้นะว่าเราเรียนวันนี้หนึ่งคาบเรียน " ผมพูดและก็รีบเก็บหนังสือทั้งหมด นายคริสที่มองผมโดยไม่ได้พูดอะไร ผมก็แทรกตัวเดินออกมาทันที นี้ผมทำอะไรลงไปวะ ผมพูดกับตัวเอง นั้นผมกำลังจะจูบกับเด็กนักเรียนตัวเอง



      โป้งยืนมองผมกับคริสโตเฟอร์สลับกันผมรีบเดินแทรกโป้งออกมาจากห้องเรียน ผมหวังว่าเขาคงจะไม่เห็นอะไรหรอกนะ ผมนี่รีบเดินจั้มอ้าวกลับบ้านพักทันที ผมไปกำจัดความรู้สึกที่มันกรุ่นๆในตัวผม ขนาดแค่ริมฝีปากผมสัมผัสกันเบา ผมยังรู้สึกไปไกลได้ขนาดนี้ ผมไม่สมควรทำแบบนี้ เพราะเขาคือลูกศิษย์ของผมซึ้งมันผิด



           "ครูเขม!! ครู...ครู..รอผมก่อน ....ครู!” ผมไม่ได้สนใจเลยว่ามีคนวิ่งตามผมมาติด ผมเดินลงมาจนเดินเลยห้องอาหารเรียบร้อยแล้ว แสงไฟสลัวๆที่สาดส่องทางเดินนั้น ผมหันมามองคนที่คว้าแขนผมไว้ นายคริสโตเฟอร์



           “ครู..ผมไปส่ง " นายคริสโตเฟอร์พูด ผมก็ยังรู้สึกผิดที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมันไม่สมควรเลย



           “พี่กลับเองดีกว่าคริส เราไปกับเพื่อนเถอะแต่ใจพี่ก็ไม่อยากให้เราไปขับรถกลางคืนแบบนั้นเลยนะ “ ผมหันไปพูดบอกกับเขาแต่ก็ต้องหันหน้าหนี เพราะสายตาเขามันทำให้ผมหวันไหวขึ้นทุกที



           “พี่เป็นอะไรอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะ พี่โกรธผมเหรอที่ผม ทำท่าจะจูบพี่” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมเงยหน้ามองเขา



           “ฟู่” ผมพ่นลมหายใจออกมา



           “มันไม่สมควรเกิดขึ้นคริส ระหว่างครู...กับนายซึ้งเป็นลูกศิษย์” ผมหันไปพูดกับคริสและแกะแขนเขาออกผมจะเดินกลับแต่เขาก็ยังคงคว้าแขนผมไว้



           "พี่เขม..ผมขอโทษ ผมไม่ตั้งใจ..พี่เขม ..พี่เขมอย่าโกรธผมเลยนะพี่..ผมไม่ตั้งใจทำแบบนั้น..และผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำอีก..นะ..พี่เขม "คริสโตเฟอร์พร่ำบอกผม ผมหันไปมองหน้าเขา ผมก็ต้องอึ้งและผมกลับใจแข็งกับเขาไม่ได้



           “และอีกอย่างพี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว มันก็ผิดอีกนะคริส” ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์ เขาก็พยักหน้า และ



           “พี่รอผมตรงนี้นะ ผมจะไปเอารถ อย่าไปไหนนะ ผมไปส่ง “ นายคริสบอกผม และผมก็มองไปเพราะว่ามันก็ไม่ไกลเท่าไหร่แล้วนะ

           “ระยะทางไม่ไกลก็จริงแต่มันมืด เพื่อมีงู” คริสโตเฟอร์พูด ผมก็พยักหน้าจะว่าไปก็น่ากลัวเหมือนกันนะ ผมยืนรอจนเขาขับรถบิ๊กไบท์มาที่ผมยืนและผมก็ขึ้นไปซ้อนท้ายรถเขา คริสโตเฟอร์ขับไปส่งผมจนถึงบ้านพัก และนายคริสก็ดับเครื่องลง ผมก้าวขาลงจากรถบิ๊กไบท์





           "พี่เขม ผมถามไอ้โป้ง มันก็บอกว่าไม่เห็นอะไรนี้ “ นายคริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้า แต่แอบคิดว่าผมต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เวลาที่ต้องใกล้ชิดเขา



           "ผมจะไม่ทำอีก..." คริสโตเฟอ์พูดอีกครั้งและโผ่เข้ามากอดผมแน่น 



           "ถ้าไม่จำเป็น" ผมตาโตถ้าไม่จำเป็นงั้นรึ ผมดันพ่อตัวดีออกและหันหลังกลับทันทีเช่นกัน นึกว่าจะสำนึกผิดขึ้นมาบ้างไม่มีเลยนายคนนี้



           "พี่เขมอะงอนเป็นสาวๆเลย" คริสโตเฟอร์ ผมหันกลับมามองเขาอีกครั้ง เขายืนเอามือล่วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างเดินเข้ามาหาผม ก็จริงผมวิ่งออกมายังกับตัวเองเป็นนายเอกละครเลย ทำไปได้ยังไงวะ!!



           "พี่เป็นผู้ชาย" ผมกอดอกมองคนที่ยืนตรงหน้าผม



           "ผมรู้นะ ผมแยกแยะออก หน้าอกแบนขนาดนี้" ไม่พูดเปล่าเหล่สายตาลงมาที่อกแบนๆของผม



           "กลับไปนอนพักได้แล้วอย่าไปเถลไถลที่ไหนนะคริส" ผมบอกคริสโตเฟอร์ ก็ผมได้ยินโป้งชวนไปแว้น ผมรู้ความหมายมันหรอกว่าไปขับรถซิ้งอีกแน่ๆ



           "ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมไปผมก็ไม่ไปครับพี่เขม..พรุ่งนี้เช้าผมมารับนะพี่นะ..ผมพูดจริงๆ” นายคริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ยังแปลกใจทำไมเคาถึงได้รู้สึกผูกผันกับผมมาก เหมือนที่ผมรู้สึกเช่นกัน



           “นะครับพี่ ผมอยากมารับ มาส่ง ผมอยากมาคุยกับ..” คริสโตเฟอร์พูดและมองหน้าผม



           “พี่เขม” คริสโตเฟอร์บอกว่าอยากคุยกับผม



           “ ผมคุยกับพี่แล้วผมรู้สึกดี เพราะว่าผมรู้สึกไว้ใจ..พี่เขม “ นายคริสโตเฟอร์บอกผม มันทำให้ผมนี้เหมือนต้องมนต์สะกด นี้เขาไว้ใจผมที่เพิ่งจะเข้ามาเป็นครูได้เกือบอาทิตย์และสอนห้องเขาแค่สามวันเองนะ



           “ผมไว้ใจครูเขม แต่ขอ ครูอย่าหนีหายจากผมไปนะ ผมไม่เคยไว้ใจใครได้แบบนี้มาก่อน นอกจาก พ่อแต่เขาก็ไม่กลับมาหาผม..ผมกลัว..” นายคริสโตเฟอร์พูด ผมพยักหน้าเบาๆ เหมือนเป็นการตอบรับว่าผมจะไม่ทิ้งเข้าไป แต่ว่า หลังจากที่นายคริสโตเฟอร์สตาร์ทเครื่องและขับออกไป เขาหันมามองผมแว็ปหนึ่ง ผมก็ยืนมองจนเขาขับพ้นออกไปจริงๆ


           "แต่ครูไม่ไว้ใจตัวเองนะซิคริส!!" ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเดินขึ้นบ้าน เดินไปกดเปิดเช็คมือถือที่ผมทิ้งไว้บ้านพัก มีสายจากแม่ผมสองสาย และสายจากณัฐกานต์ 200 สาย ผมถึงกับพ่นลมออกมาโทรไปนี้คงไฟแล๊ปแน่ๆ ขอเลือกโทรหาแม่คุยกับแม่ให้สบายใจดีกว่า พอหลังจากโทรคุยกับแม่เสร็จแล้วผมก็กดโทรหากานต์ แต่ติดต่อไม่ได้



           "กานต์ครับ เขมมีติวหนังสือให้เด็กนักเรียนนะและก็ไม่ได้เอามือถือไป ..เขมขอโทษนะครับ"ผมส่งข้อความสั้นๆแค่นั้น ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดนอนเพื่อว่าณัฐกานต์จะโทรหาผมแต่ไม่มี ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน

       

          ผมยังคิดถึงริมฝีปากที่แตะริมฝีปากผมแม้จะแค่ไม่กี่วินาทีแต่มันนานมากสำหรับผมเหมือนกดปุ่มค้างเอาไว้และตามด้วยรีเพล์ มันติดตาและความรู้สึกของผม นิ้วเรียวยาวของผมยกขึ้นลูบริมฝีปากไม่บางและไม่หนามากไปมา ไม่ได้นะเขมนั้นมันลูกศิษย์



           "ฟู่!!" เสียงพ่นลมหายใจออกมาดังๆ ผมรู้ว่ามันผิดมากถ้าครูกับนักเรียนจะรักกันแต่ถ้าเขาไม่ได้เรียนหรือผมเป็นครูโรงเรียนอื่น มันก็คงจะดีกว่านี้ แต่นี่เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน ถ้าผมย้ายผมก็ต้องย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพ อันนี้แปลว่าผมก็ต้องทิ้งเขา



           "ครูผมไว้ใจครู" ไม่ได้เขาไว้ใจผมแล้ว ผมจะทิ้งเขาอย่างนั้นเหรอและนี้แค่ไม่ถึงสัปดาห์เลยนะ ม้นแปลกไปไหมที่เรารู้สึกกับเด็กคนนี้เร็วมาก


               ตึง!! ข้อความทางไลน์ ส่งเข้ามาหาผม


           "นอนหลับฝันดีนะครับครู..ขอบคุณนะครับ..ที่ให้ผมได้นึกถึงสิ่งดีดีของพ่อผม มันทำให้ผมเกลียดเขาไม่ลงจริงๆ..แต่ผมก็ยังไม่อยากจะเจอเขา..ในตอนนี้ แต่ผมคิดว่าอนาคตผมอาจจะพร้อมกว่านี้ ผม..รัก..และ..เคารพ..ครูเสมอ ปล.ขอโทษนะครับที่ผมทะลึ้งกับครูบ่อย ผมชอบเวลาครูทำหน้าเขินผม o//o " ผมยิ้มดีใจที่ผมทำให้คริสโตเฟอร์เขาหันกลับมานึกถึงสิ่งดีดีของเขาและพ่อ ผมจะช่วยให้เขาตามหาพ่อของเขาให้ได้และเขาจะได้แก้ปมที่อยู่ในใจว่าทำไมพ่อไม่กลับมาหาเขา ก็เพราะแบบนี้ไงผมถึงทิ้งเขาไม่ได้  ประโยคบอกรักนี้ทำเอาผมหายใจไม่เป็นจังหวะแต่ต้องตกม้าตาย มันบอก รักและเคารพ ..จบเลยเขมชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 14:02:33 โดย Tanthai23 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      ครูเขมชาติXคริสโตเฟอร์ EP.5  เขาทำให้ผมเริ่มสับสน


           วันนี้เป็นวันศุกร์ ที่ผมจะได้กลับบ้านไปหาแม่รดาของผม แม่บอกว่าพี่ๆจะมาด้วย ส่วนพี่ต้นผมไม่แน่ใจว่าจะพาเอิร์ทกับพี่เกศรินทร์ไปพักที่ไหนก่อนหรือเปล่า เพราะว่าถ้าพี่เกศรินทร์เขารู้ว่าผมจะไปบ้านด้วยเขามักจะไม่อยากมาอยู่ที่บ้านเดียวกับผม แต่ผมก็มีคอนโดดังนั้นผมเลยคิดว่าจะไปนอนกับณัฐกานต์และค่อยไปหาแม่ตอนเช้าเพื่อไปทำบุญให้พ่อพิทักษ์ของผม จะว่าไปก็คิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อจากไปและทิ้งไว้ซึ้งทำสอนมากมายที่ผมสามคนจะนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต

     ผมกำลังจะลุกชึ้นเพื่อไปทำหน้าที่ครูสอนห้องสุดท้ายของวันนี้ ห้องนี้ผมจะได้เข้าสอนวันแรก เป็นห้องม.3/1 ผมก็เอื้อมไปหยิบหนังสือคู่มือการสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3   หน้าปากเขียนไว้ว่าครูมิ้ง

           “ครูเขม มีสอนอีกเหรอคะ “ ครูสมพิศเอ่ยถามผมทันที ที่เห็นว่าผมกำลังเตรียมออกจากห้องพักครู

           “ครับ ผมมีสอนห้อง ม.3/1 ครับ ครูลิมาเพิ่งจะบอกผมเมื่อวานและห้องนี้..” ผมกำลังจะพูด

           “เป็นห้องที่ครูมิ้งเคยสอนอยู่ค่ะ” ครูสมพิศเอ่ยพร้อมด้วยสีหน้าที่กังวล ผมก็ทำสีหน้าฉงนไปด้วย ว่าจะมีอะไรอีกเหรอครับ

           “ห้องนี้เป็นห้องที่นักเรียนที่ชื่อแชมป์เรียนอยู่ค่ะ “ ครูสมพิศพูด ผมก็พยักหน้าแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม

           “นายแชมป์คือเด็กที่หายไปพร้อมกับครูมิ้งคะ”ผมพยักหน้าอีกทีอันนี้พอเข้าใจมาบ้าง

           “ขอให้ครูโชคดีนะคะ เออ..พี่ไปก่อนนะคะ พอดีว่า พี่ต้องไปรับลูกก่อนเวลาคะวันนี้เพราะว่าครูเขามีประชุมตอนเย็นกันคะ โรงเรียนลูกสาวพี่ โรงเรียนประถมนะคะ “ ครูสมพิศพูด ผมก็พยักหน้าและเดินออก ผมเดินส่วนนักเรียนหลายคนก็ยกมือไหว้ผมและตามมาด้วยคำชมว่าผมหล่อ แต่จะมีตามมาอีกด้วยว่า ผมจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหม ตลอดจนผมอยากจะรู้เรื่องครูมิ้งขึ้นมาแล้วซิ

            ขณะที่ผมเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนช้นม.3/1 ผมก็รู้สึกว่าบางสิ่งที่อยู่ในหนังสือคู่มือการสอน มันหลุดล่วงออกมา และผมก็ก้มลงมองและเก็บขึ้นมา มันคือรูปถ่าย มีคนที่ดูน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมได้แต่ดูอ่อนแอ่นกว่าผมเยอะ และอีกคนเป็นเด็กผู้ชาย ดูหน้าจะราวๆ สิบสี่สิบห้าได้ เด็กคนนั้น นั่งโดนมีแขนครูมิ้งที่โอบกอดเอวน้อยๆนั้นไว้ สายตาทั้งคู่ดูมีความสุขมาก

           “ครูเขมมาสอนห้องเรา” เสียงที่ทำให้ผมได้สติ ผมก็มองนักเรียนที่ออกมายืนที่ประตู ทันทีที่เขาเห็นผมก็หันไปบอกเพื่อนๆในห้องเรียนทันที ผมก็เอารูปถ่ายนั้นใส่กลับเข้าในหนังสือ ผมเห็นแววตาครูมิ้ง เขาดูรักเด็กคนนั้นมาก มันจึงทำให้ผมเชื่อว่าเด็กยังปลอดภัยดีแน่นอน

           “Good morning Teacher “เด็กๆก็ทักทายผมถามปกติ

           “สวัสดีครับทุกคน นับจากวันนี้เป็นต้นไปครูจะมาสอนแทนครูลิมา” ผมบอกทุกคนในห้องเรียน

           “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มเปิดหนังสือหน้าที่ที่ครูลิมาสอนค้างไว้กันนะครับ” ผมบอก และหันไปเขียนหัวข้อบนกระดาน

           “แกว่าครูเขมจะเป็นเหมือนครูมิ้งไหมวะ” ผมได้ยินเสียงนักเรีนยซุบซิบกัน

           “ไม่หรอก ใครก็พูดกันว่าครูเขมนะกำลังจีบครูลินดา ครูสอนนาฏศิลย์อยู่ “ มีคนพูดขึ้นมา

           “แต่มีคนบอกว่าเมียครูดุอ่ะ มีคนโดนด่าวันแรกที่เจอครูและเป็นผู้ชายแก”

           “จริงดิ ดูไม่ออกเลยครูมิ้งนะดูออกมากกว่าแก” และผมก็ทำหน้าที่ครูสอนไปจนจบคาบชั่วโมง คำถามมากมาย ใครคือครูมิ้งและใครคือแชมป์ และเขาสองคนรักกันได้ยังไง แถมหายไปโดยไม่มีใครรู้เห็นมันต้องมีที่มาที่ไป และนั้นมันทำให้ผมย้อนกับไปดูสมุดเช็คชื่อ มีหนึ่งชื่อที่ถูกขีดยาวไปเลย

           “เอาละครูให้การบ้านไปทำวันเสาร์อาทิตย์นะครับและวันจันทร์ จะให้ออกมาใช้บทสนทนา จับคู่กันนะครับ ที่หน้าห้อง” ผมบอกนักเรียนทุกคน

           “เออ ครูถามหน่อยซิ นักเรีนที่ชื่อ เด็กชายกรวิทย์ เขาคือใครและเห็นว่ามีการขีดยาวเลย เขาลาออกไปแล้วเหรอครับ” ผมถามทุกคนและนี้กับเป็นคำถามที่ทำให้ทุกคนเงียบกันไปหมด

           “ว่าไงครับทุกคน” ผมถามอีกครั้ง

           “ครูค่ะ คนนี้คือแชมป์ค่ะ ที่หายไปพร้อมกับครูมิ้งคะ” ผมได้ฟังก็นิ่งอึ้งไปนะ ยังเด็กอยู่เลยแต่ผมก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นครูที่พานักเรียนหายไปเฉยๆ มันต้องมีที่มาที่ไปซิ หรือว่าทั้งคู่ถูกกดดัน 

           “ครูมิ้งเคยสอนห้องนี้ ครูสอนดีไหมครับ” ผมถามทุกคนอีกครั้ง

           “สอนดีนะคะ สอนเก่งด้วยและมักจะหาแนวข้อสอบมาให้ลองทำด้วยค่ะ แต่ว่าครูเขาเป็นเกย์ค่ะ เขาชอบผู้ชาย” นักเรียนหญิงอีกคนพูดขึ้น ผมพยักหน้าให้คนที่ยืนตอบคำถามแรกผมนั่งลง และผมก็ออกมายืนที่หน้าห้องมองทุกคน

           “เพราะว่าครูเขาชอบเพศเดียวกันนะเหรอครับ “ผมพูด

           “ในโลกนี้ ณะ ปัจจุบันนี้มันมีความหลากหลาย ของคำว่าเพศนะเท่าที่ครูรู้”

           “  LGBTQ เป็นคำที่หมายถึงกลุ่มเพศทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล ทรานเจนเดอร์ เควียร์  บร้าๆๆๆ” ผมก็อธิบายให้เด็กฟังคราวๆ ถึงมันจะไม่เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนแต่ผมคิดว่าเด็กๆก็ควรจะได้รู้เอาไว้บ้าง เพราะว่าต่อไปเขาจะต้องพบเจอเรื่องราวต่างๆรอบตัวเขาอีกมากมาย

           “ครูมองว่ามันคือความหลากหลายทางเพศ ซึ้งในประเทศไทยเรายังไม่เปิดใจรับตรงนี้ ครูจึงเข้าใจที่ทำไมพวกเราถึงได้รู้สึกมันเป็นเรื่องแปลกและพิศดาร “

           “ แต่ก็มีหลายประเทศที่ยอมให้มีการจดทะเบียนสมรสสำหรับเพศเดียวกัน 30 ประเทศแล้วนะ แต่ครูก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนต้องเห็นด้วย หรือหลอกเลียน เพราะว่าพฤติกรรมแบบนี้มันลอกเลียนกันไม่ได้อยู่แล้ว “

           “ของแบบนี้มันขึ้นอยู่ที่จิตใจของคนคนนั้น “ ผมพูดกับทุกคน

           “แต่สำหรับเรื่องของครูมิ้งและแชมป์นั้น เรื่องที่เขาทั้งคู่หายไปด้วยกันครูไม่ขอพูดถึงเพราะว่าครูไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้ แต่ก็รู้สึกเสียดายนะ ที่ห้องนี้เพื่อนเราหายไปหนึ่งคน”

           “ และครูก็เชื่อว่าเขาสองคนจะกลับมาเมื่อเขาพร้อม ดังนั้น ณ ตอนนี้ ทุกคนก็ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะคนหาสิ่งที่ตัวเองชอบและไปตามสิ่งที่ตัวเองฝันกัน ดังนั้นควรตั้งใจเรียนเพื่อพ่อแม่และคนที่พวกเธอรัก ครูพอแค่นี้ หัวหน้าเชิญครับ ” ผมพูดเพียงแค่นี้ และหัวหน้าห้องก็บอกนักเรียนทำความเคารพผมกัน ผมเดินออกมาจากห้อง ผมหันไปดูหมายเลขห้อง

                ผมเปิดหนังสือหน้าที่ผมสอดรูปถ่ายเขาสองคนเอาไว้ ผมหยิบรูปนั้นขึ้นมาดูขณะที่กำลังจะเดินลงไปชั้นล่าง เพราะว่าผมต้องไปเตรียมตัวกลับแล้ว ผมพลิกรูปไปที่ด้านหลัง มีลายมือที่เขียนเอาไว้ ห้องม3/1 พร้อมรูปหัวใจสีแดง และลงชื่อไว้บรรทัดล่างว่า มิ้งรักแชมป์ ผมเข้าใจความรักทั้งคู่แต่มันผิดที่เป็นครูไปรักนักเรียน ถามว่าผิดมากไหม ก็ไม่ได้ถึงขั้นคอคาดบาดตายแต่ว่ามันต้องอยู่ในกฏเกณฑ์และการวางตัว ถ้าเลือกได้ก็ไม่ควรที่จะอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แต่ถ้ามันเลือกไม่ได้ละ จะทำยังไง นี่ผมคิดไปเพื่อใครหรือเปล่านะ

           “ติ้ง” เสียงข้อความในมือถือผม วันนี้ผมต้องพกมือถือติดตัวตลอดเพราะว่าณัฐกานต์บอกว่าจะมารับผม และถ้ามาแล้วติดต่อผมไม่ได้นี้ละงานจะเข้าและก็ใช้จริงๆด้วย ข้อความจากณัฐกานต์

           “เขม..กานต์มาถึงแล้วนะครับ รอที่ลานจอดรถนะเขม ลงมาเร็วๆนะ กานต์คิดถึงอ่ะ “
ผมอ่านข้อความแล้วก็ต้องแปลกใจตรงคำว่าคิดถึงอ่ะ ปกติไม่ค่อยพูดมานานแล้ว มีพูดช่วงแรกๆที่เราคบกัน ณัฐกานต์พร่ำบอกผมตลอดว่าคิดถึงแต่พอเริ่มย้ายไปอยู่ด้วยกันคำนั้นเลย ไม่ค่อยมี แต่ผมคิดอีกทีน่าจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยมั้งช่วงนี้ มันเลยรู้จักคำนี้ขึ้นมาทันที

                ผมเดินอมยิ้มและรีบลงไปจากตึกแต่จังหวะที่ผมกำลังจะเดินลง ผมก็เจอคริสโตเฟอร์ที่ยืนอยู่ที่ตรงราวบรรไดก่อนจะลงไปชั้นล่างสุด มันดูเหมือนเขารอผมหรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่รู้

           “คริส” ผมเรียกชื่อเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขาดีใจ

           “พี่เขม “ เขาเรียกชื่อผมแต่ว่าพี่นะซิ  ผมรีบขยิบตา เพราะว่านี้มันโรงเรียน

           “เออ ..ครูเขมครับ”

           “ว่าไงเรานายคริส” ผมทำน้ำเสียงให้ดูว่าเป็นการสนทนากันระหว่างนักเรียนและครู จะว่าไปผมก็เริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของครูมิ้งนะ กับการที่ต้องถูกทุกสายตามองเรื่องของความไม่ถูกต้องของครูและนักเรียนที่มีความสัมพันธ์กันทางคู่รัก

           “เดินลงไปคุยกันไปได้ไหมครับครู” คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าว่าได้ซิ และนายคริสก็มาเดินตีคู่กับผมทันที

           “ครูจะกลับเลยเหรอครับ “ นายคริสถามผมด้วยน้ำเสียงแปลกๆ

           “ใช่ เพราะว่า ..แฟนครูมารับแล้ว” ผมบอกนายคริสไป เขาหันมามองผมด้วยสายที่แปลกไปไม่เหมือนทุกวัน แต่ทะว่าสายตาแบบนี้มันทำให้ใจผมรู้สึกเจ็บจี้ดๆ อย่างบอกไม่ถูก นี้ผมกำลังสับสนอะไรบางอย่างใช่หรือไม่

           "แฟนครูมารอรับแล้วเหรอครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าตอบ ดูสีหน้าคริสโตเฟอร์เศร้าลงไปอีก และมันก็ทำให้ผมเองก็ลำบากใจนะแต่ที่แน่ๆที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่เหมาะสมระหว่างผมกับเขานี้แหละ

           "เป็นอะไรละเรา ทำไมทำหน้าแบบนั้น เดี๋ยวพอไปถึงไปสนุกกับเพื่อนเธอก็ลืมครูแต่อย่าลืมการบ้านครู นะคริส " ผมถามคนตรงหน้าพอผมเห็นเขาทำหน้าแบบนี้ใจไม่ดีเลยจริงๆ

           "ครูจะกลับมาวันอาทิตย์เลยหรือเปล่าครับครู" นายคริสโตเฟอร์ถามผม

           "เออ...ยังไม่แน่ใจแต่ครูคงขับรถมาเองและเอารถมาไว้ใช้ด้วย" ผมบอกเขา

           "ครูก็คงไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วใช่ไหมครู"

           "คริส..เออ ...ครู...มีแฟนแล้วนะครูไม่อยากทำให้แฟนครูเสียใจนะคริส” ผมพูดคริสโตเฟอร์เงยหน้ามองผม เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

           “และนายก็ไม่ได้ชอบ..อะไรแบบครูไม่ใช่เหรอ" และผมก็ถามเขา เราเดินลงมาที่ชั้นล่างของอาคารและไม่มีคนเดินผ่านไปมาในข่วงนั้นพอดี

           "น่าจะใช่ เพราะว่าผมก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้กับ...ใครที่เป็นผู้ชายเลยมีแต่ผู้หญิง” นายคริสพูด ทำให้ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ

           “ แต่ผมก็อยากไปกินข้าวกับครูนะ" นายคริสบอกผมแบบนี้แล้วจะให้ผมพูดยังไงต่อ มันจุกเลยไปไม่ถูก และมีคำถามในใจผมว่า ผมจะไปกับเขาโดยที่ผมจะไม่คิดอะไรกับเขาได้ไหมผมกลัวใจผมเองนี้แหละที่จะทำไม่ได้

           "เพื่อนนายมาแล้ว..อย่าไปซ่าที่ไหนหนักละครู.." ผมเลยพูดเปลี่ยนเรื่องทันที ที่ผมหันไปเห็นเพื่อนๆนายคริสเดินลงพร้อมกัน ผมจำได้ดี แม้จะยังไม่รู้จักชื่อทุกคนก็ตาม แต่นายคริสโตเฟอร์ยังคงมองหน้าผมเหมือนเขากำลังคาดคั้นสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไป

           "เป็นห่วง..นักเรียนของครู " ผมพูดออกมาได้แค่นั้นจริงๆ ว่าผมแค่เป็นห่วงเขา คริสโตเฟอร์พยักหน้าเบาก่อนจะส่งยิ้มจางๆกลับมาให้ผม นั้นคงเพราะผมลงท้ายว่านักเรียนของผม ผมไม่ได้เป็นห่วงเขาในฐานะคนพิเศษอะไร รอยยิ้มที่ดูจะผิดหวังหน่อยๆ

           "ครับครู" คริสโตเฟอร์ก็เดินไปหาเพื่อนที่ชื่อโป้งที่เขาบอกผม ที่บ้านอยู่ถัดไปไม่กี่สิบกิโล โป้งขับรถกะบะมาเองมาจอดไว้ที่โรงเรียน ผมยืนมองจนทั้งหมดเดินหายไปทางเดินที่จะเข้าบ้านพัก และผมก็เดินตรงไปยังรถเก๋งที่ณัฐกานต์ขับมารับผม เป็นรถของผมเอง  แต่ผมนึกขึ้นได้ว่าผมต้องเอาการบ้านเด็กไปตรวจด้วยนะซิ ผมถือกระเป๋าที่ผมใส่พวกโน๊ตบุ๊คไปไว้ในรถณัฐกานต์ก่อนดีกว่า

           "ไงครับที่รัก..เหนื่อยไหมคับ" ผมแถบจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจณัฐกานต์ถามผมว่าผมเหนื่อยไหม!

           "ทำไมทำหน้าแปลกใจแบบนั้นละ..พอกานต์ไม่ถามเขมก็หาว่ากานต์ไม่ใส่ใจ...น่าน้อยใจเนอะ" ณัฐกานต์พูด หรือว่าที่ผมไม่โทรหาเขาสองวันมันทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองได้ ผมยิ้มดีใจนะ

           "ดีใจต่างหาก ..เขมอยากให้กานต์เข้าใจเขมบ้างก็แค่นั้น...เดี๋ยวขากลับเขมขับเองนะครับที่รัก...เออ.เขมลืมเอาสมุดการบ้านเด็กนะกานต์ ยังไงขอเขมขึ้นไปเอาสมุดก่อนนะครับ" ผมพูดณัฐกานต์เดินออกมาเพื่อเปลี่ยนมาเป็นคนนั่ง ส่วนผมก็รีบวิ่งกลับขึ้นไปห้องพักครูทันที

           "ครูเขมค่ะ" เสียงที่คุ้นหูผมเรียกผมแบบนี้ทุกวัน เสียงหวานๆ ของสาวร่างบาง ครูลินดา ผมหันไปมอง ครูลินดาเดินเข้ามาหาผมในมือถือห่ออะไรสักอย่างไว้

           "ครูเขมค่ะเมื่อวานแม่ของลินดาทำขนมลานะคะ เป็นขนมขึ้นชื่อมากทางภาคใต้ค่ะลินดาเลยเอามาให้ครูเขมลองดูทานค่ะ ฝากไปให้คุณแม่ของครูด้วยนะคะ" ครูลินดาส่งให้ผมก็รับมาถือไว้

           "แม่ผมรุู้จักครับ เพื่อนของแม่ของผมเคยนำมาให้แม่ผมทานแม่ผมก็ชอบซะด้วยซิ ..ขอบคุณนะครับ"

           "เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาของก่อนนะครับ..เจอกันวันจันทร์นะครับครูลินดา" ผมพูดก่อนจะรับวิ่งขึ้นไปบนห้องเพราะกลัวณัฐกานต์จะรอนานยิ่งเขาไม่เหวี่ยงผมแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากไปสะกิดมันให้กลับมาอีกเพราะมันจะส่งผลกลับการเดินทางกลับบ้านของผมด้วย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 14:53:33 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ครูเขมชาติXณัฐกานต์ EP.5.1 ปัญหาที่สะสมและความไว้ใจที่ลดลง
 ผมจัดการรวบรวมสมุดของเด็กๆที่ผมต้องตรวจและแผ่นงานที่ให้เด็กๆเขียน เพื่อเป็นการฝึกและคัดหาคนที่เก่งด้านภาษาอังกฤษเข้าร่วมแข่งขันในสัปดาห์ภาษาอังกฤษเดือนหน้านี้ ผมคิดว่าผมจะทำให้คริสเข้าร่วมให้ได้ ขณะที่ผมกำลังรีบเดินลงสิ่งที่ทำให้ผมอึ้งคือ ณัฐกานต์เขาออกมาจากมาคุยอะไรกับครูลินดาก็ไม่รู้แต่ดูท่าจะไม่ดีแน่เพราะว่าครูลินดายืนทำท่าจะร้องไห้ ครูลินดาหันมามองหน้าผมและวิ่งออกไปทันที

              ผมเดินมามองหน้าณัฐกานต์ที่ยืนกอดอกมองอย่างผู้มีชัยชนะก่อนจะหันมาเอียงคอมองผมและทำท่าจะเดินนำเพื่อกลับไปขึ้นรถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

           "กานต์ทำอะไรนะ" ผมคว้าแขนณัฐกานต์เอาไว้

           "ก็แค่บอกให้นางชะนีนี้รู้ตัวหน่อยว่าเขมนะมีแฟนแล้วนะ ..กานต์ไม่ได้โง่นะที่จะดูไม่ออกว่านางชะนีนี้อ่อยเขมนะ" ผมมองหน้าณัฐกานต์

           “นั้นเขาเป็นเพื่อนครูที่สอนที่นี้นะกานต์ และครูลินดาเขาก็ไม่ได้ทำอย่างที่กานต์พูดด้วย อ่อยเอ่ยอะไรกัน “ ผมพูดบอกณัฐกานต์ที่ยืนกอดอกทำทีหันไปมองทางอื่นเหมือนไม่ได้สนใจฟังที่ผมพูด

           “และกานต์ก็ไม่ควรจะไปพูดจาว่าครูลินดาแบบนั้น...มันไม่ควรเลยนะกานต์ไม่ควรที่จะพูดจาทำร้ายจิตใจโดยที่กานต์ยังไม่รู้จริงๆด้วยซ้ำไปว่าเขามีเจตนาอย่างไร เพราะอาจจะไม่ใช่อย่างที่กานต์คิดไม่ดีกับเขา” ผมบอกณัฐกานต์

           "เอ๊ะ! นั้นอะไรนะเขม หรือว่านางคนนั้นเอามาให้ใช่ไหม ส่งมานะจะเอาไปทิ้ง" ณัฐกานต์พยายามยื้อแย้งของในมือผม

           "กานต์หยุด!!” ผมรู้ว่าเขาจะเอาไปปาลงถังขยะ ผมจึงยื้อแย้งไว้และหันมาชี้หน้าณัฐกานต์

           "นี้กานต์ผิดเหรอที่หวงแฟนตัวเองจะให้กานต์ใจเย็นรอมันมา..นอนกับเขมก่อนหรือไง"

           "เขมคิดว่ากานต์จะดีขึ้นแล้วนะที่เขมไม่โทรหากานต์เลยสองวันแต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย" ผมพูดก่อนจะรีบนำของทุกอย่างไปใส่ไว้ที่หลังรถ ผมยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

           "เขม..นี้แหละที่กานต์อยากจะรู้ทำไมเขมไม่โทรหากานต์เลยสองวันเต็มๆมีแค่ข้อความที่ส่งมาขอโทษล่าสุดและไม่มีสายเข้ามาเลยจากเขม เพราะ...ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหมเขม"

           "เขมบอกกานต์มาซิ..ว่านางชะนีนี้ใช่ไหม..ทำไมไหนบอกไม่เอาชะนีไงแล้วนี้อะไร" ณัฐกานต์พูดแชะชี้ไปทางที่ครูลินดาวิ่งออกไป

           "ไม่ใช่!.ไม่ใช่ใครทั้งนั้นกานต์"ผมหันมาตะคอกใส่กานต์

           "ที่เขมไม่โทรเพราะว่าเขมเบื่อจะทะเลาะกับกานต์ไงและเขมก็ยุ่งเขมต้องเตรียมติวเด็กๆเพื่อเตรียมความพร้อมเอนทรานซ์สอบเข้ามหาวิทยาลัยและเขมต้องสอนคริสโตเฟอร์นักเรียนของเขมเขาปัญหาเรื่องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ! " ผมพูดออกมาด้วยความโมโห ที่ณัฐกานต์ไม่เคยเข้าใจผมเลยแต่เหตุผลหลักๆของผมคือผมยุ่งกับนายคริสจนไม่โทรหาเขานั้นเอง ผมแอบรู้สึกผิดในใจเหมือนกัน

           “เขมเป็นครูซึ่งมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเขมควรจะเสียสละเวลาเพื่อพวกเขาแม้กระทั้งเวลาส่วนตัวเขมก็ต้องทำ” ผมพูดผมไม่เคยคิดจะขึ้นเสียงใส่ณัฐกานต์เลย ต่อให้โกรธมากแค่ไหนผมก็จะยืนระงับมันก่อนที่จะหันไปคุยกันเพราะคนอย่างณัฐกานต์มักจะใช้อารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ผมควรที่จะเย็นแม่เคยสอนผมไว้แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเย็นไม่ได้ และเหมือนกับว่าผมกำลังจะระเบิดทุกอย่างที่ผมเก็บออกมาด้วย

           "ส่วนกานต์ไม่เคยเข้าใจเขม เขมก็ไม่ว่าหรอกนะแต่อย่าทำให้งานของเขมต้องมีปัญหาไปด้วยเพราะ...ตัวกานต์เอง"

           “ที่ไม่เคยเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก่อนจะทำอะไรคิดก่อนได้ไหม ว่าที่ทำไปนะ มันส่งผลกระทบต่อใครบ้าง ก่อนที่กานต์จะวีนหรือเวียง” ผมพูดเพราะว่าตอนนี้เราทั้งคู่เดินมาที่ลานจอดรถที่ไม่มีรถคันไหนและคนอื่นๆ

           "เขมไม่เคยไปก้าวก่ายงานของกานต์สักนิดเขมเคารพและให้สิทธิ์ส่วนตัวกานต์มาโดยตลอดดังนั้นกานต์ควรจะให้เขมบ้าง!" ผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่กานต์เท่าวันนี้เลย ณัฐกานต์ยืนอึ่งมองผม ผมไม่เคยขึ้นเสียงหรือต่อว่าณัฐกานต์เยอะขนาดนี้มาก่อนเลย นี้เรียกว่าครั้งแรกจริงๆ

         "ขึ้นรถซะกานต์!" ผมหันหลังบอกณัฐกานต์ให้ไปขึ้นรถ ส่วนผมก็ยืนระงับอารมณ์โกรธที่ผมมีต่อกานต์เพื่อให้มันเย็นลง ผมพยายามทำตามที่แม่บอกผมนะ นึกถึงวันแรกที่เรารักกัน

            จนกระทั้งผมคิดว่าเริ่มดีขึ้นมานิดนึงและกลับเข้าไปขับรถออกทันที่เช่นกัน ผมเงียบไปเกือบตลอดทางณัฐกานต์ก็เงียบเช่นกัน เราต่างคนคงต่างใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น นิสัยอย่างเขาใครก็บอกผมว่าผมควรจะทิ้งเขาไปและไปหาคนใหม่

           แต่ผมก็ไม่ทำเพราะว่าผมคิดว่าณัฐกานต์จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ให้กลับมาเป็นณัฐกานต์ที่น่ารักเหมือนตอนแรกที่ผมรู้สึกอยากจีบเขา แต่ทะว่า เขากลับไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงมันให้ดีขึ้นมาเลยสักนิดมีแต่จะแย่ลง

         "เขม" มือของณัฐกานต์เอื้อมมาแตะหลังมือผมที่กุมเกียร์ไว้ตลอดแม้จะเป็นเกียร์ออโต้ก็ตาม ผมหันมามองหน้ากานต์ ผมก็เย็นลงมามากแล้วด้วย ณัฐกานต์เรียกผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

         "กานต์ขอโทษ...กานต์กลัว..ว่าเขมเจอคนอื่นเขมจะทิ้งกานต์ไป" ผมหันมาหน้าณัฐกานต์ ผมโอบไหล่กานต์เข้ามาด้วยแขนข้างเดียว

         “เขมขอโทษ ที่ขึ้นเสียงกับกานต์ “ ผมพูดขอโทษเขา เพราะสีหน้าและแววตาของณัฐกานต์ดูตกใจและกลัวผมอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

         "เขมเคยบอกกานต์ว่ายังไงเขมอยากมีแฟนแค่คนเดียวและอยากจะสร้างครอบครัว สิ่งที่เขมทำนี้ก็เพื่อครอบครัวนะกานต์ และงานของเขมก็ต้องประสานงานกับเพื่อนๆครูทุกคน " ผมพูดบอกณัฐกานต์ และเขาก็เอนตัวมาผิงไหล่ผม

         “แค่เพื่อนครูจริงๆนะ ยาย..เออ ผู้หญิงคนนั้น” ณัฐกานต์พูดและมองหน้าผม ผมก็พยักหน้าให้เขาขณะทีผมกำลังขับรถอยู่

         "ว่าแต่ทำไมเขมต้องสอนพิเศษเด็กที่ชื่อคริสทุกวันด้วยละสอนเพิ่มแบบนี้เขาจ่ายเงินให้หรือเปล่า" ณัฐกานต์แหงนหน้าถามผม

         "บอกตรงๆ ว่าไม่.... เพราะว่าน้องเขา..ขาดชั่วโมงเรียนกับครูคนเก่าไปหลายคาบนะครับ เขมเป็นครูก็ต้องช่วย..." ผมพูดและหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง

         “เขาหาทางออก” ผมบอกณัฐกานต์ ใบหน้าของคริสและสายตาเขาที่มองผมตอนที่เขาถามผมว่า แฟนมารับเหรอ มันยังคงติดตาผมอยู่

         "อะไรนะไปนั้งสอนฟรีอย่างนั้นเหรอเขม...สู้เอาเวลามาโทรหาแฟนดีกว่าไหม" ณัฐกานต์ดีดตัวไปนั่งตรงหันมามองหน้าผมเพราะว่าผมบอกเขาไปผมสอนให้คริสฟรีอันนี้ไม่เกี่ยวกับทางโรงเรียน

         "กานต์..เขาต้องการใครสักคนช่วยเขามีปัญหาเรื่องส่วนตัวนะ" ผมพูดกับกานต์

         "ช่างมันเถอะ..แต่เขมเคยบอกว่าไม่ชอบเด็กกว่าอยู่แล้ว" ณัฐกานต์พูดผมหันไปมองถนนเหมือนเดิม

         "วันนี้ไปนอนที่คอนโดนะ วันนี้ต้องไปวันเกิดพุดดิ้ง ตอนนี้อันโก๊ะและป๊อป มันรออยู่ที่ห้องแล้วไม่ซินอนตายรอตั้งแต่เมื่อคืน"

         "กานต์ไปเที่ยวมาเหรอ" ผมหันไปถามณัฐกานต์ เท่านั้นแหละณัฐกานต์ทำหน้าซี้ดเพราะว่าผมเคยบอกให้ไปได้แค่ศุกร์เสาร์และวันอาทิตย์ไม่ควรไปวันจันทร์ต้องทำงานแต่นี้ไปวันพฤหัสบดี และเขาก็บอกกับผมว่าไปทานซูชิกัน และตอนนั้นผมก็คิดว่าน่าจะเบียร์สักคนละขวดสองขวดแต่ถ้าไปแบบว่าสภาพนอนตายแบบนี้แสดงว่าผับเลิกก็ยังไม่กลับ เผอๆก็กลับมาตอนเช้าเลยอีก

         "เขมอะ....ก็แค่ไปกินกันนิดหน่อยในผับอ่ะ และมันก็หลังเลิกงานด้วยก็มันจะวันศุกร์และวันนี้เวรหยุดกานต์ด้วย เขมเลิกทำหน้าตาแบบนั้นได้ไหม " ผมหันไปมองนอกรถแทน คุยกันดีดีไม่ได้ถึงห้านาทีจริงๆ 

        ถ้ากานต์ยังกินยังดื่มยังเที่ยวแบบนี้ก็คงไม่มีละความฝันของผมกับเขานะ ผมใช้เวลาเกือบสี่ชั่่วโมงขับรถเข้ากรุงเทพฯและตรงไปที่คอนโดพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับบ้านไปหาแม่ดีกว่า อยู่กับแม่สักสองวันตอนเช้ามืดขับรถไปโรงเรียน เพราะว่าไม่ได้ไกลมากแค่สี่ชั่วโมง ผมออกแต่เช้ามืดก็น่าจะทันคาบแรก แต่ทำไมผมกลับหวนคิดถึงคริส เขาถามผมว่าผมจะกลับวันอาทิตย์ไหม

         "เขม"ผมสะดุ้งจนเกือบควบคุมรถไม่ได้ ผมหันไปมองณัฐกานต์

         "ใจลอยไปไหนนะเขม ซอยหน้าก็ถึงคอนโดเราแล้วนะ..หรือว่าเขมกำลังคิดถึงใครอยู่อย่าบอกนะว่าคิดถึง"

         "กานต์ถ้าเขมชอบผู้หญิงเขมจะจีบกานต์ทำไมละ " ผมห้นไปต่อว่าณัฐกานต์ ผมเลี้ยวรถเข้าจอดในลานจอดรถของคอนโด ณัฐกานต์เข้ามาช่วยผมถือสมุดขึ้นห้องพักปากก็บ่นไปด้วยว่าทำไมผมต้องหอบงานมาทำอีกเวลาพักก็ควรจะพัก

         "พรุ่งนี้ไปหาแม่นะถ้าเป็นไปได้ค้างกับแม่สักคืนนะกานต์" ผมพูดณัฐกานต์หันมามองหน้าผมทันที แม่ผมชอบชวนพวกผมไปวัดไปทำบุญผมก็ตามใจแม่กันนะ เพราะอะไรที่แม่ทำแล้วมีความสุขพวกผมควรจะให้ยิ่งตั้งแต่เสียคุณพ่อไปพวกผมจะไม่ทิ้งแม่โดยเฉพาะผมที่เป็นลูกชายคนเล็กของแม่

         "หวังว่าจะไม่ลากไปเที่ยววัดอีกนะไปอะไรเกือบทุกอาทิตย์เลย กานต์อยากเดินห้าง ดูหนัง หาร้านอร่อยเช๊คอิน เบื่อต้องเข้าไปเดินในวัด กานต์รู้ว่าคนไทยต้องเข้าวัดเข้าวานะ แต่ไม่ใช่เข้าพร่ำเพรื่อแบบนี้เขม" ณัฐกานต์พูดผมกำลังจะอ้าปากต่อว่าณัฐกานต์แต่ คำพูดของแม่ก็ผุดขึ้นมาทันทีเช่นกัน

          "อะไรยอมได้ก็ยอมกันนะลูก ยอมให้คนที่รักไม่เสียศักศรีหรอกนะเขม ในเมื่อเขาตกลงใจจะคบเขาจะรักเขาแล้วก็ดูแลถนอมน้ำใจเขาหน่อยนะ คนเราจะรักกันจะอยู่ได้กันบางอย่างก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้างนั้นแหละถึงจะอยู่กันได้นาน" แม่รดาได้พูดเอาไว้

              และผมสองคนก็เดินหอบสัมภาระขึ้นมาบนคอนโดของผม เพื่อนบ้านที่เคยเห็นหน้ากันก็ยิ้มทักทายให้ผม โดยเฉพาะพนักงานที่ทำหน้าที่อยู่ฝ่ายกลางเขาก็ยิ้มทักทายผมเหมือนเช่นทุกทีแต่ณัฐกานต์ซิ กลับเบ้ปากใส่เขาทุกรอบไป จนเขาไปไม่อยากทักผมถ้าผมอยู่กับณัฐกานต์

         "หวัดดีจ๊าเขม..มาให้อันโก๊ะหอมทีซิ ไม่ได้เจอเลย" ทันทีที่ณัฐกานต์เปิดประตูห้องผมเดินเข้าไปก็เจอเพื่อนณัฐกานต์ เพื่อนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนั้นก็แอบแมนแต่ตอนนี้ไปหมดแล้วแต่งตัวแบบเต็มทีที่เขาชอบ ทำสีผม ดัดผม ผมก็ยิ้มๆแต่ไม่กล้าให้กอดแอบดันออกหน่อยๆ

         "นางอันโก๊ะ ของกู หรือพูดเพราะๆนะ ผัวกู" ณัฐกานต์พูดอันโก๊ะถึงกับต้องถอยหลังแค่ยืนส่งยิ้มให้ผมแค่นั้น

         "เสร็จหรือยังละแก จะได้กินและออกไปเร็วหน่อย ดูท่าจะเยอะนะวันนี้ " อันโก๊ะพูดขึ้นพรอ้มหันไปพยักเพยอกับเพื่อนๆคนอื่นๆอีกสองคน นั้นคือ ป๊อป และลี่ เพื่อนสาวของณัฐกานต์ ชะนีนางเดียวเลยก็ว่าได้

         "คนเที่ยวผับนะเหรอที่จะเยอะ " ผมหันไปถามณัฐกานต์ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

         "อู้ยย บรรยากาศคุสาด" อันโก๊ะพูดและเดินข้างไปยืนข้างป๊อปแทนที่กำลังสาระวนวุ่นวายกับการทำอาหารคลีนทานกันดูแลสุขภาพกัน แต่หน้าตาทุกคนที่ได้มาก็ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม โบท๊อกซ์และเสริมนั้นเสริมนี้

         "เขม!" ณัฐกานต์เรียกชื่อผมและหันมามองหน้าผม 

         "ขอเขมอาบน้ำก่อนนะรู้สึกเหนียวตัว เพลียด้วยวันนี้เขมสอนมาทั้งวันแล้ว" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เอื่อมระอ้าที่สุด ผมคิดว่าผมควรจะกลับมาเจอห้องที่มีแค่ผมกับเขา ผมเดินหันหลังเข้าห้องนอนไป

         Rrrrrr โทรศัพท์ผมดังขึ้นพอดีเลย แม่ผมโทรมาหาผม ผมรีบกดรับสายก่อน

         "แม่ครับ เขมอยู่คอนโดแล้วครับแม่"

         "ดีเลยลูกนี่พี่ก้องเขาเพิ่งจะถึงบ้านนะ พาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วย แล้วเราละจะมาวันนี้หรือว่าพรุ่งนี้ละ ถ้าพรุ่งนี้แม่จะชวนนำข้าวไปถวายหลวงพ่อซักหน่อย ไหนๆพี่ชายตัวดีเราเขาก็กลับมาบ้านทั้งที" แม่บอกผม ผมก็เชื่อว่าพี่จะต้องมาแน่นอนเพราะว่ามันเป็นวันครบครอบวันที่พ่อผมจากไป 6 ปีแล้ว

         "วันนี้ผมจะออกไปธุระกับกานต์เขาซะหน่อยนะครับแม่ แต่พรุ่งนี้เขมจะเข้าไปหาแม่แน่นอนครับ เขมคิดถึงแม่อยากกอดแม่ใจจะขาดแล้ว"ผมพูดจาออดอ้อนแม่รดาของผม

         "ได้ซิลูก งั้นก็ไปกับกานต์เขาก่อนก็เราเล่นไปทำงานไกลกันเขาคงคิดถึงเรานะ แม่ฝากบอกกานต์ด้วยนะแม่คิดถึง และถ้ากานต์เขามาแม่จะทำของโปรดไว้ให้และน่าจะพรุ่งนี้นะพี่ต้นเขาจะพาเกศกับตาเอิร์ธมาเที่ยวบ้านด้วยนะเขม"แม่พูดฟังน้ำเสียงแม่ผมมีความสุขที่จะได้เห็นหน้าหลานชายคนแรกของบ้าน ตาเอิร์ธคงเกือบสามขวบกว่า ส่วนเกศก็คือ  เกศรินทร์ภรรยาของพี่ชายคนโตผมเอง

         "ได้ครับแม่ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะชวนกานต์ไปแต่เช้าเลยนะแม่ ..สวีสดีครับแม่ เขมรักแม่นะครับ" ผมกดวางสาย นี่กานต์เพิ่งจะบ่นผมเรื่องที่แม่ขอบชวนไปทำบุญอยู่เลยแถมเกศพี่สะใภ้ที่ชอบว่าเหน็บผมกับณัฐกานต์เรื่องที่เราสองเป็นเกย์ และกานต์ก็ปะทะคารมกับพี่เกศมาแล้วด้วย ทำให้พี่เกศไม่มาเที่ยวที่บ้านแม่ผมเป็นเดือนๆ จนแม่ต้องบินไปหาเองเพราะคิดถึงหลาน

             ผมรู้ว่าพี่ต้นหนักใจมากแค่ไหน ผมเดินเข้าห้องน้ำเตรียมจะอาบน้ำแต่สิ่งที่ผมต้องขมวดคิวมันวางอยุู่ตรงอ่างผมจำได้ว่ามันไม่ใช่ของผมแน่นอนและก็ไม่ใช่ของสาวแต๋วแตกอย่างอันโก๊ะและป๊อปจะสวมใส่มันแน่ๆและยิ่งผมฝันไปเถอะที่จะทุ่มเงินซื้อของแพงๆพวกนี้

         "เขมทานอะไรก่อนไหมแล้วค่อยอาบน้ำ หรือไม่ก็อาบด้วยกัน คิดถึงอะอยากอาบกับที่รัก" เสียงณัฐกานต์พูดอยู่ในห้องนอน ผมเงียบไม่ได้ตอบออกไป

         "เขม.." ณัฐกานต์เดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมหันไปมองพร้อมกับโชว์สิ่งที่ผมเห็นนาฬิกาเรือนนี้ไม่ใช่ของผม ผมไม่ใช้ของแพงแบบนี้แน่ๆ โรเล็กซ์ ดูณัฐกานต์ตกใจจนหน้าซี้ด

         "ของใครกานต์" ผมโชว์นาฬิกาโรเล็กซ์ให้ณัฐกานต์ดู

         "เขมถามว่าของใคร! " ผมขึ้นเสียงดับถามณัฐกานต์อีกครั้ง

         "ทุกเรื่องเขมรับได้ นิสัยขี้วีนขีเหวี่ยง...เขมก็ยังพอรับได้ .... จะไปเที่ยวกินเหล้ากับเพื่อนเมามาเขมก็รับได้"ผมพูดด้วยความโกรธ ผมขบกรามขนขึ้นสันนูนเลยมั้งตอนนี้ผมรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อใบหน้าผมมันปวดร้าวไปหมด

         "แต่เรื่องเดียวที่เขมรับไม่ได้คือ..การนอกกายโดยการไปมีอะไรกับคนอื่น" ผมคงไม่นึกถึงคำพูดอะไรต่างที่แม่พร่ำบอกผมแล้วตอนที่ขอคบกันเปิดตัวกันกับพ่อแม่ เพราะเรื่องนี้ผมทนไม่ได้แน่ๆ

         "เขม...นั้นมันนาฬิกาแฟนอันโก๊ะ” ณัฐกานต์พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ออกจะสั่นๆด้วยซ้ำไป

         “เขาแค่ขอมาเข้าห้องน้ำ"ณัฐกานต์บอกผมด้วยน้ำเสียงที่เบามากๆ แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน 

         "ห้องน้ำของเรามีสองห้องกานต์ ในห้องนอนนี้ห้องน้ำสวนตัว ส่วนห้องน้ำด้านนอกคือห้องน้ำสำหรับแขก กานต์"ผมพูดและชี้นิ้วไป

         "ก็เข้าพร้อมกัน..กานต์เลยให้เขาเข้ามาใช้แค่นั้นเองอะเขม"

         "ทำไมเหรอจะหาเรื่องเลิกกันใช่ไหมเขม แสดงว่าอีผู้หญิงนั้นแน่ละซิ " ณัฐกานต์ถึงกับดึงครูลินดาเข้ามาเกี่ยวทั้งที่ไม่ควรเลยด้วยซ้ำ ผมยืนเอามือเท้าซะเอวตัวเอง และพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

         "เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับใครอย่าดึงคนที่ไม่รู้เรื่องเข้ามากานต์" ผมพูด

         " ได้กานต์จะไปลากอันโก๊ะเข้ามานี้ของแฟนมัน" ณัฐกานต์เดินออกไปจากห้องนอน ผมยืนพยายาคุมสติตัวเองเรื่องเดียวที่ผมรับไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี

             ตื้ดๆๆ มือถือณัฐกานต์สั่นอยู่บนเตียงนอน ผมรีบเดินออกไปดู ผมก็เห็นว่ามี ข้อความส่งเข้ามาและมันเป็นชื่อ Maxxie 

         "เก็บนาฬิกาไว้ให้แม๊คด้วยนะครับ...หรือว่าจะให้ไปเอาคืนคืนนี้ก็ได้นะครับแม๊คว่าง....ขอบคุณสำหรับเมื่อคืนมีความสุขมาก อ้ออีกอย่างถุงยางที่กานต์มีนะแม๊คไม่ชอบอะแม๊คจะซื้อเข้าไปใหม่นะถือว่าเป็งของขวัญจะซื้อไปให้นะเอากลิ่น Peach ดีไหมครับ” ผมอ่านข้อความ คงไม่บอกให้ละเอียดหรอกนะว่ามันคืออะไร ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้าสวมใส่ทันที ไม่อาบน้ำแล้ว ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็ว

         "ก็ไอ้แม๊คมันลืมไว้นะซิ" ณัฐกานต์เดินเข้ามาในห้องนอน

         “แล้วไปทำอีท่าไหนให้มันลืมซากนั้นซากนี้ไว้ได้ละ” เสียงถกเถียงกันของสองคนขณะเดินเข้ามาในห้อง

         "เขมแต่งตัวทำไมละ ไม่อาบน้ำเหรอ" ณัฐกานต์ตีหน้านิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และถามผม

         "เขมจะกลับบ้าน" ผมพูดเบาๆ โดยไม่หันไปมองหน้าณัฐกานต์

         "คุสาด!!" เสียงอันโก๊ะพูดขึ้นแม้จะไม่ดังจนกเกินไป
 
         "เขมเป็นอะไร นี้แฟนอีอันโก๊ะมันและไหนบอกจะไปงานวันเกิดอีพุดดิ้งตามที่ตกลงกันไงแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหาแม่ของเขมด้วยกันไง  เราคุยกันไว้แบบนี้ไม่ใช่เหรอเขม" ณัฐกานต์พูดผมหันไปมองหน้าอันโก๊ะ หน้าผมนะเวลาดุเหมือนพ่อมาก ผมรู้ อันโก๊ะหันไปมองณัฐกานต์ เหงือก็แตกไปด้วย

         "เขม!! อันโก๊ะขอโทษนะ ที่แฟนอันโก๊ะทิ้งหลักฐานเอ้ย..ลืมนาฬิกาไว้.." อันโก๊ะรีบเดินไปหยิบนาฬิกาที่ที่ผมวางไว้บนที่นอน

         "ซวยกรูอีกแล้ว " พร้อมกับหันหลังแอบพูด นี่คงออกไปเตรี้ยมกันละซิ

         "เขม..ไม่เอานะ..กานต์นะมีเขมคนเดียวนะ..ถ้านอกใจคงไม่อยู่มาได้สี่ปีแบบนี้หรอก"ณัฐกานต์พูดเขายืนมองผมสายตาอ้อนวอน แต่ผมคิดว่านี้คือความผิดที่ยากจะยอมได้

         "ไปอ่านข้อความดูนะกานต์ ..เราแยกกันสักพักและพรุ่งนี้เขมไปกับแม่และพี่ชายเขม พี่ต้นกับพี่ก้อง เราจะไปทำบุญที่วัดกัน พรุ่งนี้พี่เกศรินทร์เขาก็มาด้วย กานต์คงไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก ถ้าอย่างนั้นก็ไปเมากันให้เต็มที ตามสบาย" ผมพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊กเดินออก

              ณัฐกานต์เดินตรงไปหยิบมือถือผมเดินผ่านเพื่อนของกานต์ออกไปเงียบๆ  มันเจ็บจนจุกใช่ไหม ผมเดินออกมากดลิฟท์ ผมคงเรียกแท๊กซีไปส่ง

         "เขม..." ณัฐกานต์เรียกผม

         "ก็เขมไม่อยู่กานต์เหงาอะและ..เขมก็ไม่โทรหากานต์ กานต์เครียด แม๊คก็คือเพื่อนที่ทำงานก็แค่นั้นและมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะเขม" ผมไม่อยากหันกลับไปมองณัฐกานต์ตอนนี้เลย

         "แต่เขมไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว.ตลอดสี่ปีที่เราคบกัน..เขมซื่อสัตย์กับกานต์..ใช่เขมยอมรับมีบ้างที่หวันไหวเพราะนิสัยของกานต์แต่เขมก็ไม่เคยทำ...แบบที่กานต์ทำ!" ผมหันมาพูดสีหน้าผมบอกได้ว่าผมโกรธมาก

         "หมับ" ณัฐกานต์เข้ามากอดผม

         "ฮือๆ ..กานต์ขอโทษเขมกานต์ขอโทษ..อย่าทิ้งกานต์ไปนะเขม..ฮือๆ"

         "กานต์จะไม่ทำอีกสัญญา" ณัฐกานต์พูด ผมจ้องมองที่ใบหน้านั้นของหน้ากานต์ เขาที่ปาดน้ำตาร้องไห้ไม่ต่างกับเด็กเล็ก ผมเห็นแล้วก็รู้สึกใจอ่อนแต่..ผมก็คงจะอยู่ตรงนี้กับเขาไม่ได้ในวันนี้

         "ฟู่" ผมพ่นลมออกมายาวๆ

         "เราคบกันมาสี่ปีนะเขม..และเส้นทางความรักของเราก็เดินไปได้ครึ้งทางแล้วนะเขม..คิดถึงวันแรกที่เขมขอกานต์เป็นแฟนซิ" ณัฐกานต์พูด มันทำให้ผมหยุดคิดคำพูดของแม่รดาขึ้นมาทันที ให้นึกถึงวันแรกที่เรารักกัน และนี้ก็ทำให้ผมใจอ่อนใช่ไหม ผมก้มลงมองหน้าณัฐกานต์ทีใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา ผมว่างทุกอย่างที่ผมถือลงไปที่พื้น ก่อนจะกอดณัฐกานต์ตอบ ผมหุนคิดขึ้นมาได้ อย่างที่ใครก็พูดกัน ทำงานคนละที ห่างไกลกัน ไม่มีเวลาให้กัน ก็มักจะเสียคนรักได้เสมอ นั้นคือผมก็ผิดด้วยเช่นกัน

         "อืมมม..แต่เขมไปกับกานต์ไม่ได้นะ..พี่ชายเขมกลับมาเที่ยวบ้านกันทั้งคู่  เขมอยากเจอพี่อยากอยู่กับพี่กับแม่เขมให้เวลากับกานต์มาเยอะแล้วนะที่ออกมาอยู่คอนโดแบบนี้ แม่เขมก็สำคัญนะกานต์" ผมบอกณัฐกานต์เขาก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจ

         "รวมถึงนางชะนีปากหมาเน่าก็ไปด้วยใช่ไหม..เขม"

         "ยังไงเขาก็เป็นพี่สะใภ้เขมนะกานต์" ผมพูด

         "ก็ได้...แล้วเขมจะมาหากานต์ได้ไหม"

         "หลังจากพาแม่ทำบุญแล้วเขมโทรหาอีกทีนะกานต์" ผมบอกณัฐกานต์ เขากอดเอวผมไว้ เอาหน้าซุกที่แผ่นอกของผม

         "กานต์อย่าทำอีกนะเขมขอร้องเรื่องนี้ที่เขมรับไม่ได้จริงๆ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวและมันก็เป็นความผิดที่เขมไม่โทรหากานต์ปล่อยให้การเครียดแต่อย่าทำอีกเป็นอันเด็ดขาด..วันนี้ก็ไปเที่ยวกับอันโก๊ะและป๊อป ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์พุดดิ้งด้วยนะ ฝากขอโทษที่ไปไม่ได้ นะครับ "ผมพูดและใช้มือลูปใบหน้าของกานต์เบาๆ

        ก่อนที่จะก้มลงหยิบกระเป๋าและเดินเข้าไปในลิฟท์ ผมยอมใจอ่อนให้ณัฐกานต์อีกครั้งแต่ความไว้ใจคงลดลงไปเกือบครึ้งหนึ่งได้ และผมก็โบกรถแท๊กซีเพื่อไปบ้านแม่ ไปหาผู้หญิงที่รักผมไม่เคยคิดทำร้ายผมไม่ว่าต่อหน้าหรือว่าลับหลัง ผู้หญิงที่เสียสละให้ผมตั้งแต่ผมได้ลืมตาดูโลก ผู้หญิงที่มีแต่ให้กับให้


Chris-to =
 
ส่งข้อความภาพหาผม ว่าคิดถึงจะแย่แล้ว มันทำให้ผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

Khem..Ruk..Kan= ทำมาเป็นปากดีว่าคิดถึงครู ไม่รู้ว่าอยู่กับสาวที่ไหน[/color][/i ผมส่งข้อความออกไปคือใจก็อยากรู้ว่าทำอะไรอยุู่และอยู่กับใครหรือเปล่า

"Christo = ส่งรูปที่เขานอนอยู่บนเตียงเสื้อกล้าม ว่าเขาอยู่คนเดียว

"Christo = ผมว่าจะกลับไปบ้านพักพรุ่งนี้ครับครู                       
Khem..Ruk..Kan= ทำไมละไม่อยู่กับโป้งก่อนละคริสแล้วค่อยกลับวันอาทิตย์                 
Christo = ไม่ละครู แฟนไอ้โป้งมันกลับมาเที่ยวบ้านแฟนมันไปเรียนพยาบาลและแฟนมันก็เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนด้วยนะครับพี่เขม ผมคิดว่าเขาก็อยากจะอยุู่ด้วยกันสองคน ส่วนผมนะคือส่วนเกินกลับไปนอนรอครูที่บ้านพักดีกว่า ดูหนังฟังเพลงร้องเพลงยังดีซะกว่าอีก       
                       
Khem..Ruk..Kan= ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะครูคงกลับไปตอนเช้ามืดวันจันทร์เลย                       
Christ-to =เจอกันวันจันทร์เลยนะครับครู และครูคงไม่ไปทานข้าวกับผมแล้วใช่ไหมครับเพราะว่าครูเอารถมาใช้แล้วนิ                             

                  ผมนิ่งเงียบใช้ความคิดที่ผมไม่ไปทานข้าวกับเขา ก็เพราะผมเป็นหวงเขานี่แหละและอีกอย่างผมเองก็มีแฟน
Khem..Ruk..Kan= ทานที่โรงเรียนด้วยกันก็ได้มั้ง
Christ-to = ไม่จริงอะ..เดี๋ยวครูลินดาก็มานั่งกับครู ผมจะบอกครูหลายครั้งแล้วผมคิดว่าครูลินดาชอบครู                               
Khem..Ruk..Kan=ไม่จริงหรอกนะคริสและวันจันทร์เขาคงไม่ลงมากินกับครูแล้วแหละ                       
Christ-to = ทำไมละครู                       
Khem..Ruk..Kan= ไม่มีอะไรหรอกครูแค่คิดว่าเขาคงไม่ลงมาทานกับครูแค่นั้นแหละ คริสครูถึงบ้านแล้ว ขอครูเข้าบ้านก่อนนะและคงจะอาบน้ำนอนเลย ครูรู้สึกเหนื่อยๆนะ" ผมบอกคริส                           
Christ-to = ได้ครับครู..นอนหลับฝันดีนะครับ ฝันถึงผมได้นะผมยินดี แต่ในฝันผมอาจจะเซ็กซี่หน่อยนะครูเพราะผมจะแก้ผ้านอนมันร้อนมาก ฮาๆ "                       
   Khem..Ruk..Kan= นายนี้ทะลึ่งตลอดเวลาเลยนะ . นอนหลับฝันดีเช่นกันนะคริส"                 
       ผมบอกนายคริสแต่มันยังไม่มืดเลยนะ แคสลัวๆ และถึงยังไงผมคงยุ่งกับการใช้เวลาคุยกับครอบครัวมากกว่าเลยบอกฝันดีไปซะตอนนี้เลยแล้วกัน

         ผมเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง แต่ก็มีแวปหนึ่งนะที่คิดถึงภาพนายคริสแก้ผ้าจริงๆ ไม่นาะผมสะบัดหัวไล่ความคิดแบบนี้ให้ออกไป ไม่เอาไม่คิดเขม!!!

           "พี่ครับซ้ายมือด้านหน้านะครับ"

           "นี่ครับค่าโดยสาร" ผมพูดและส่งเงินค่าโดยสารให้ ผมก้าวขาลงจากรถ ตอนนี้ เกือบหกโมงพอดีเลย ผมเห็นรถโฟวิวของพี่ชายคนที่สองพี่ก้องจอดอยุู่หน้าบ้าน

               ผมรีบเดินเข้าไปในบ้าน ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาจากในห้องครัว รู้ได้ทันทีว่า แกงส้มไข่ชะอมทอดของโปรดผม ค่อยๆเดินเข้าไปด้านในเห็นแม่ยืนคุยโทรศัพท์มือถือพี่ต้นแน่ๆเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 15:09:14 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
              EP.6.2 เขมชาติ  พี่ก้องพยายามบอกอะไรเขมชาติ     
ผมรีบเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหวังจะได้กอดคุณแม่รดาให้ชื้นใจ ผู้หญิงคนนี้ที่รักผมด้วยความจริงใจ เป็นผู้หญิงคนเดียวที่รักผมโดยไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดใดกลับไป และจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด

                ผมยืนสูดกลิ่นหอมๆ ที่ลอยมาจากในห้องครัว รู้ได้ทันทีว่า แกงส้มไข่ชะอมทอดของโปรดของผม นี่ขนาดว่าผมบอกกับแม่รดาแล้วนะว่า ผมกับณัฐกานต์จะมากันพรุ่งนี้นะ ผมค่อยๆเดินย่องๆเข้าไปด้านในผมเห็นแม่ยืนคุยโทรศัพท์มือถือต้องเป็นพี่ต้นแน่ๆเลย

                  "ได้ลูกถ้าอย่างนั้นแม่จัดโต๊ะรอเลยแล้วกันนะต้น ขับรถดีดีนะลูก แม่รักลูกนะ อ้อเหรอ!ย่ารักหนูลูกเอิร์ธ " แม่ผมกดวางสายมือถือ พอแม่เงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจยกมือขึ้นทาบอกก็ผมเล่นย่องเข้ามาเงียบๆแบบนี้

                       "เขม!!" แม่เรียกผม

                  หมับ!!!! ผมตรงเข้าไปกอดแม่ของผมทันที อ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด อ้อมกอดที่ต้องไปเรียกร้องหรือร้องขอจากใครเพราะว่าคนคนนี้พร้อมที่จะให้ผมได้เสมอและตลอดไป

                  "อะไรกันเนี๊ยะเขมไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้ไงลูก  และนี่เป็นยังไงมาถึงได้มากอดแม่ซะแน่นเชียว" แม่ถามผมเอามือลูบหัวผมไปด้วยเหมือนผมเป็นเด็กๆผมเงยหน้าขึ้นมองแม่รดา

                  "กานต์ละลูก" แม่ถามหาณัฐกานต์ทันที โดยปกติแล้วก็จะเข้ามาพร้อมกัน ข้อดีของณัฐกานต์ก็คือการเข้าหาผู้ใหญ่ได้เก่งเขาจะตรงเข้ามากอดแม่ผมเหมือนที่ผมทำนี้แหละ
             
                       และนี้ก็คือสาเหตุที่ทำให้ผมเลือกเขามาเป็นแฟน ผมอยากให้คนที่ผมรัก รักแม่ของผมด้วยเช่นกัน ผมไม่ค่อยอยากคบเด็กเพราะผมรู้ว่าเด็กๆจะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ยากกว่า

                  "เขาไปธุระกับเพื่อนนะครับแม่และพรุุ่งนี้กานต์ก็ต้องไปทำงานครับ" ผมโกหกเพื่อให้แม่ไม่ต้องมาคิดมากเรื่องผมกับณัฐกานต์ แม่จะกังวลเพราะว่าแม่ไม่อยากให้ผมทะเลาะกัน แม่อยากให้คบใครก็คบกันไปนานๆ เหมือนเช่นพ่อกับแม่
 
                  "ตายจริง! งานธนาคารก็ยุ่งและน่าปวดหัวทุกวันอยู่แล้ว นี้ก็ยังทำงานวันเสาร์อีกเหรอวันหยุดไม่ใช่หรือลูก "แม่รดาถามด้วยความหวงใย

                  แต่ที่ณัฐกานต์พูดวันนี้ซิบอกว่าเบื่อที่แม่ชอบชวนเข้าวัดทำบุญโดยเฉพาะวัดที่หลวงลุงพี่ชายของพ่อผมบวชจนเป็นเจ้าอาวาสและวัดนี้ค่อนข้างสงบเงียบมากด้วย ผมก็ได้แต่มองแม่รดา

                  "ถ้าเจอกันอีกทีลูกสะใภ้แม่ไม่ผอมเหลือแต่กระดูกหรือไง...เขม" แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยณัฐกานต์ และแม่ผมก็ถือคติลูกรักแม่ก็รักด้วย แม้กระทั้งพี่สะใภ้ผม ไม่ว่าจะร้ายกับผมแค่ไหนแม่ก็ยังรัก แม่ผมนี้เรียกได้ว่าประเสริฐที่สุด ถ้าใครได้เป็นลูกสะใภ้นะผมคิดว่า โชคดีที่สุด

                  "แค่ครึ้งวันนะครับแม่ไม่หนักมากขนาดนั้นและกานต์เขาก็ไม่ได้ผอมลงไปยังเหมือนเดิมครับแม่"ผมตอบแม่ แม่พยักหน้า
                 
                       ผมขอโทษนะครับแม่ที่ผมเลือกที่จะโกหกทั้งที่จริงณัฐกานต์เลือกที่จะไปเที่ยวงานวันเกิดเพื่อนมากกว่ามาทานอาหารกับครอบครัวของผมและเหตุผลของเขามันก็สมควรอยู่แล้วที่จะไม่มาเพราะว่าณัฐกานต์ไม่สามารถอดพี่เกศรินทร์ได้เหมือนผม และมันก็จะดีกว่าถ้ามาแล้วทะเลาะกันคนที่หนักใจคือผมกับพี่ต้น เนื่องจากสงครามน้ำลายระหว่างณัฐกานต์ผู้ไม่ยอมใครและพี่เกศรินทร์ที่ต้องการเอาชนะอีกคน ก็จะได้ไม่เกิดขึ้น ก็คงจะมีแค่ผมที่จะต้องอดทนฟังพี่เกศรินทร์เหน็บแหนมบ้างอะไรบ้าง  แต่ผมอดทนได้เพื่อพี่ต้นและหลานชายผมและก็แม่รดาอีกคน

                  "เมื่อไหร่จะแต่งงานกันละคบมาสี่ปีแล้วนะ...เรียนจบแล้ว..หรือว่า..ไม่ได้คิดถึงขั้นอยู่กันจริงๆละเขม" แม่รดาถามผม ผมก้มหน้าลง ผมก็เคยคิดนะผมคิดว่าณัฐกานต์เขาอาจจะไม่อยากอยู่กับผมไปตลอดชีวิตเขาก็ได้แต่ผมก็ฝืนที่จะยิ้มให้แม่

                  "เขมอยากซื้อบ้านก่อนแม่และเขมก็เพิ่งจะไปเป็นครูได้ไม่กี่วันเองรอสักปีก่อนและเขมจะย้ายกลับมาอยู่กับแม่และ...กานต์" ผมพูดแม่ แม่ก็ยิ้มด้วยความดีใจ

                  "ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เอาแกงส้มไข่ชะอมไปฝากกานต์ด้วยนะเขม ตอนเช้าแม่จะทำให้ใหม่อีกชุดและนี้พี่ต้นเราเขาก็เปลี่ยนใจเดินทางมากันวันนี้เหมือนกัน และคงใกล้จะถึงแล้วด้วย" แม่บอกผม วันนี้เรียกได้ว่าพร้อมหน้าพร้อมตากันสามคนพี่น้อง

                  "ฟ๊อด!!" ผมหอมแก้มคุณแม่รดาคนสวยของผม

                  "ที่อย่างนี้นะมาหอมแก้มแม่ พอแฟนมาก็ไปหอมแก้มแฟน"

                  "แม่หึงผมเหรอ"

                  "ดูพูดเข้าซิลูกคนนี้นิ " แม่รดาหันมาใช้นิ้วบี๋ปลายจมูกผมเหมือนผมเป็นเด็กๆ

                  "พี่ก้องละครับแม่" ผมถามแม่ถึงพี่ชายคนที่สอง

                  "คงอยุู่ในห้องเขานะเขาพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านด้วยนะ แหละคงจะไปดูหนังกันเห็นเขาซื้อหนังใหม่ด้วย " แม่ผมพูด ผมพยักหน้า ผมห่างจากพี่ก้อง สามปี ห่างจากพี่ต้น หกปี ผมจึงสนิทกับพี่ก้องมากกว่าเรียกว่ามีเรื่องอะไรมักจะปรึกษาพี่ก้องก่อนเสมอ

                 ผมเดินขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้าน ไปหยุดที่หน้าห้องนอนของพี่ก้อง ความทรงจำเก่าๆผมเป็นคนที่กลัวผีมากผมมักจะนอนห้องเดียวกับพี่ก้องตั้งแต่เด็กจนกระทั้งพี่ก้องสอบติดโรงเรียนนายร้อยผมก็ต้องหัดที่จะนอนคนเดียวอยู่ดีดีผมก็นึกถึงวันเก่าๆขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ จะเคาะดีไหมนะ เซอไพรส์ดีกว่าเพราะแม่คงบอกพี่ก้องว่าผมต้องไปหาณัฐกานต์ก่อนและจะมาพรุ่งนี้ค่อยมา ผมเลยถือโอกาสนี้ 

                            "พี่ก้อง!!" ผมรีบหมุดลูกบิดอย่างเร็วและรีบเปิดประตูเข้าไปด้านใน ผมก็ต้องตกใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผม  ผู้ชายสองคนอยู่บนเตียงเดียวกัน และคงไม่ต้องบอกนะว่าทำอะไร อีกคนนั่งทับร่างคนที่นอนอยู่เบื่องล่างอยู่แบบนั้น

                           ปึก!!! เสียงประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรของผมหรอกนะเพราะว่าผมกับณัฐกานต์เราก็ทำกันแบบนี้บ่อย แต่ไม่น่าจะใช้กับพี่ก้อง  ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ก้องชอบรสนิยมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน เรียกได้ว่าผมช๊อกก็ว่าได้

                           ที่ผ่านมาพี่ก้องเขาก็มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอดและแฟนคนล่าสุดก่อนจะเรียนจบเขาคบกันตั้งแต่สอบติดโรงเรียนนายร้อยใหม่ๆพามาเที่ยวบ้านคบกันอยู่สี่ปี มีแผนการว่าจะแต่งงานกันทันทีหลังจากพี่ก้องรับกระบี่แต่พี่ก้องก็ถูกคัดเลือกให้ไปฝึกรีคอนต่อและพอพี่ก้องกลับมาพี่ก้องก็บอกกับทุกคนในบ้านว่าพี่ก้องกับพี่โบว์เลิกกันแล้ว ทุกคนตกใจมากแม้กระทั้งครอบครัวของพี่โบว์เพราะว่าเขาชอบพี่ก้อง กำลังจะได้รับราชการเป็นทหารติดยศ แต่มันก็เป็นไปแล้ว พี่ก้องเสียใจอย่างหนักกินเหล้านี้ต่างน้ำอยู่พักหนึ่ง และนั้นหรือเปล่าคือสาเหตุให้พี่ก้องขอไปประจำที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมคิดเอานะแต่ไม่เคยกล้าถามพี่ชายผม

                  "เขม!" พี่ก้องเปิดประตูออกมาแต่ผมไม่กล้าหันไปมองเขาหรอก ผมยืนหลังข้างหนีต้องโป้ออกมาแน่ๆเลย จนพี่ก้องสะกิดที่ไหล่ผม

                  "เขม..พี่เองหันหน้าหนีพี่ทำไม"

                  "พี่โป้หรือเปล่าละ..เขมไม่อยากดูพี่ก้องโป้นะ..ถึงตอนเด็กๆจะเห็นบ่อยก็เถอะแต่ตอนนี้ไม่อยากเห็น"ผมยืนหันหลังพูด

                  "โป้บ้าอะไรพี่ใส่กางเกงอยู่ แกจะให้พี่ออกมาโย้นโทงเทงเหมือนตอนอายุ 3ขวบ สี่ขวบหรือไง " พี่ก้องยืนกอดอกอยู่ ผมหันกลับมามองจริงด้วย พี่ก้องยืนกอดอกผิงฝาผนังหน้าห้องนอนพี่ก้อง มองมาที่ผม พี่ก้องสวมแค่กางเกงแต่ไม่ได้สวมเสื้อโชว์กล้ามใหญ่ๆ หุ่นพี่ก้องนี้ไม่ต่างกับทหารอเมริกันกล้ามแขนใหญ่มาก

                  "เขมขอโทษพี่ก้องคือเขมไม่คิดว่าพี่จะ...เออ..จะ.” ผมพูดและก็เขินที่จู่ๆก็เปิดประตูพล้วดพล้าดเข้าไปแบบนั้น คิดว่าจะเซอไพรส์ พี่ชายแต่ดันได้เซอไพรส์กลับมาแทน

                  “ทำแบบนายเหรอ..เห้ย!..พี่มีน้ำยานะและไม่ได้ตายด้านเรื่องอย่างว่าซะหน่อยเพลอๆจะแซงหน้าเราด้วย” พี่ก้องพูดและมาหยักคิ้วให้ผมด้วยน่ะ 

                  "เข้าไปคุยกันในห้องซิเขม" พี่ก้องพูดพร้อมกัยหยักไหล่ พอผมเข้าไปในห้องก็เจอเพื่อนของพี่ก้องสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

                  "นี่ผู้กองนครินทร์ เขาเพิ่งจะมาประจำการที่ฐานที่พี่ไปอยู่นะ เป็นผู้กองคนใหม่ไฟแรง " พี่ก้องแนะนำพี่เขาให้ผมได้รู้จักก่อนที่ผมจะยกมือไหว้

                       “สวัสดีครับพี่นครินทร์”

                  "เรียกพี่ว่าพี่รินทร์ก็ได้ครับ" พี่เขาหันมาบอกผมและยิ้มให้แบบกันเอง

                  "น้องชายเหรอครับก้อง" พี่นครินทร์หันไปถามพี่ก้องที่นั่งขึ้นไปกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง และพี่รินทร์เขาเขานั่งอยู่ใกล้ๆกัน ผมก็นั่งลงที่ปลายเตียงพี่ก้องแทน

                            "ครับน้องชายที่ก้องเล่าให้ฟัง เขาเพิ่งจะไปรับหน้าที่เป็นคุณครูอยู่ต่างจังหวัด"พี่ก้องพูดพี่นครินทร์พยักหน้าตาม

                            "อ้อ..รินทร์จำได้แล้วครับ..ดูหน้าเขาหวานกว่าคุณก้องนะครับ" พี่นครินทร์ชมผมแบบนี้ควรจะดีใจใช่ไหมครับ เล่นชมว่าผมหน้าหวานกว่าหน้าโหดๆของพี่ก้องอีก ผมเหลือบไปมองจริงด้วย เพราะเหตุนี้ไง พี่ชายผมพี่ก้องถึงได้ฉายา ผู้กองบ้าระห่ำมาแล้ว

                            "ตอนแรกนึกว่าจะได้น้องสาวไง" พี่ก้องหันมาพูดแซวผม

                            "พี่ก้อง..ขนาดนี้พี่ยังแซวผมเป็นน้องสาวอีกเหรอหุ่นก็ใหญ่โตขนาดนี้” ผมพูดกับพี่ก้อง น้องแอบงอลน่ะ

                            "เออๆ มันมีเมียแล้วนะคุณรินทร์ ผมลืมบอกคุณไป เห็นแบบนี้มันรุกนะ” พี่ก้องเงยหน้าบอกพี่นครินทร์

                            "หึ?" พี่รินทร์ทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที ทำไมเหรอครับหุ่นผมแค่ไม่ล่ำแบบพี่ก้องหรือมีซีกแพค หุ่นผมแค่ สูงโปร่งก็มาตราฐานชายไทยเท่านั้นเอง

                            "มีเมียเป็นผู้ชาย" พี่ก้องหันไปบอกนครินทร์

                            "เหรอครับ .."พี่นคิรนทร์ทำน้ำเสียงแปลกใจและหันกลับมามองผมใหม่อีกครั้งนี้พี่เขาไม่เชื่อผมจริงๆเหรอ ผมก็อดที่จะขำสายตาที่ดูจะแปลกใจอยู่มิใช่น้อย

                            "เหมือนพี่มันแหละก็กำลังจะมีเมียเป็นผู้ชาย" พี่ก้องพูดหันไปกัดปากใส่พี่นครินทร์ พี่รินทร์หันทำท่าจะตี พี่นครินทร์นะเขาดูเรียบร้อยมาก ดูนิ่มนวล ดูสุขุมด้วยและดูอบอุ่น ส่วนพี่ก้องคนละขั้วกันเลยดูแข็งกร้าว ไม่ใช่ผู้ชายนิ่มนวลชวนฝันแน่นอน
 
                            "คุณก้อง" พี่รินทร์เขาหันมาตีแขนพี่ก้อง ดูท่าทางเขาจะสนิดกันมากเลย ผมมองพี่ก้องผมดีใจนะที่พี่ก้องจะมีความรักอีกครั้งเพราะตั้งแต่พี่ก้องเลิกกับพี่โบว์พี่ก้องไม่คบใครมีแต่เพื่อนและเพื่อนรุ่นพี่ก้องก็แต่งงานกันไปหลายคนแล้วด้วย

                            "ไหนแม่บอกว่าเขมไปอยู่กับกานต์ไง ทำไมกลับมาบ้านละทะเลาะกันมาอีกหรือไง" พี่ก้องหันถามผม พี่ก้องนะรู้เรื่องของผมกับณัฐกานต์ดีที่สุด ผมต้องลมออกมาก่อนจะหันไปพยักหน้าตอบว่าใช่

                            "เดี๋ยวผมอาบน้ำก่อนนะคุณก้องและพอทานข้าวเสร็จผมจะได้กลับบ้าน" พี่นครินทร์พูดก่อนละลุกไปเข้าห้องน้ำในห้องนอนของพี่ก้อง ผมคิดว่าเขาคงอยากให้พี่น้องคุยกัน พี่ก้องกระเทิบเข้ามาหาผมพร้อมกับโอบไหล่ผม บ้านผมนะพี่น้องกอดกันเป็นเรื่องปกติ

                            "ไหวไหมวะเขม..ความรักไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวเขม..ถ้าไม่ไหวไม่ต้องยื้อ..เจ็บปวดเปล่าๆ..พี่ไม่ได้ว่าเพราะพี่ไม่อยากซ้ำเติมน้องชายพี่" นี้ขนาดผมยังไม่ได้เอ่ยอะไรเลยนะพี่ก้องก็เปิดบทก่อนเลย คงเพราะดูจากสีหน้าของผม และที่แม่บอกว่าผมจะมาพรุ่งนี้ไม่ใช่วันนี้แต่นี้ผมเปลี่ยนใจนั้นแปลว่ามีเรื่องมาแน่ๆ และมันก็คงไม่ใช่เรื่องดี

                            "ดูกานต์เขาเปลี่ยนไปมากนะไม่เหมือนแต่ก่อนที่เขมพาเขาเข้ามาให้ที่บ้านรู้จัก..เขามีคนอื่นหรือเปล่า" พี่ก้องหันมาพูดผมนั่งก้มหน้าอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมคิดอะไรไม่อยากจะคิดถึงมันเลยผมผิดหวังไหมผิดหวังมากผมรักณัฐกานต์ไหมผมก็รักมากเช่นกัน

                            "ผมพยายามทำให้ความรักของผมและกานต์มั่นคงเหมือนเช่นความรักของคนทั่วไปพี่ก้องก็รู้" ผมพูด

                            "นี่ผมก็เปิดบัญชีร่วมกันผมอยากจะซื้อบ้านสักหลัง เขมอยากมีบ้าน ส่วนณัฐกานต์นะเขาก็อยากมีบ้านแต่บ้านของเขากับของเขมมันไม่เหมือนกัน ผมอยากมีบ้านที่ชนบทแต่ณัฐกานต์อยากมีบ้านที่อยู่ใจกลางเมืองและย่านธุรกิจอ่ะพี่ก้อง" ผมพูด พี่ก้องเหล่มองผมและบีบไหล่ผมเบาๆ

                            “และตอนนี้เขาก็เบื่อคอนโดที่เขมซื้ออีกแล้ว เพราะมันไกลจากแหล่งที่เขาชอบเที่ยวกับเพื่อนๆ “ผมหันมาบอกพี่ก้อง พี่ก้องก็พยักหน้า ผมรู้ความหมายมันดี นั้นไม่ได้เข้าใจพี่ก้องเข้าใจแต่หมายถึงอาการ ระอ้าณัฐกานต์

                            "พี่ก้องก็เห็นว่าผมรับสอนพิเศษตั้งแต่ผมยังเรียนไม่จบ"

                            "รักเขามากเหรอ...มากกว่าตัวเองไปหรือเปล่าเขม" พี่ก้องแตะหัวผมยีหัวผมเหมือนเช่นตอนเด็กๆ

                            "ผมถามพี่ก้องหน่อยได้ไหม" พี่ก้องสบตาผมกระพริบตาแปลว่าผมถามเขาได้ คำถามที่ผมไม่กล้าถามเขาในวันนั้นเพราะมันจะยิ่งตอกและย้ำแต่ผมคิดว่าพี่ก้องพร้อมจะตอบผมแล้วในวันที่เขาเข้มแข็งพอ

                            "ทำไมพี่เลิกกับพี่โบว์ละพี่ก้องทั้งที่พี่กับพี่โบว์จะแต่งงานกันอยู่แล้วเหลือแค่กลับมาคุยกันเรื่องสินสอดแค่นั้นเอง” ผมเงยหน้าขึ้นมาถามพี่ก้อง

                            “และนี้แม่รู้เรื่องหรือยังเรื่องที่พี่เปลี่ยนสไตล์ไปแบบนั้นเลยอะเพราะที่ผ่านมาพี่คบแต่ผู้หญิงนะ" ผมถามพี่ก้อง พี่ก้องพยักหน้าแสดงว่าพี่ก้องบอกแม่เรียบร้อยแล้ว

                            “พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกนาย เพราะกะว่าจะเซอร์ไพร์นายนะ” พี่ก้องพูด ผมมองเหล่พี่ชายว่าจริงเหรอ พี่ก้องพยักหน้าว่าจริง 
                            "แล้วนี้นายอยากรู้เรื่องพี่กับโบว์จริงๆเหรอเขม" พี่ก้องหันมาถามผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ มันต้องร้ายแรงพอกับผมมั้ง พี่ก้องก็คบกับพี่โบว์มานานมากตั้งแต่ก่อนที่พี่ก้องจะสอบติดโรงเรียนนายร้อยและยิ่งเพลนว่าจะแต่งงานกันหลังเรียนจบทันทีแต่จู่ๆพี่ก้องก็มาบอกกับแม่ว่าพี่ก้องกับพี่โบว์เลิกกันแบบสายฟ้าแลบแบบนั้นอีก

                  " ก็วันที่พี่กลับมาจากฝึกรีคอน พี่กลับไปหาโบว์ก่อนด้วยความคิดถึงและก็ไม่ได้โทรบอกล่วงหน้าเพราะพี่คิดว่าพี่จะขอเขาแต่งงานวันนั้นเลย"พี่ก้องพูด ผมเอื้มมมือไปกุมมือพี่ก้องไว้

                               “ เขาอยากมีโมเม้นถูกขอแต่งงานเหมือนเพื่อนๆเขาใน โบว์เขาทำงานธนาคาร เขาก็อยากจะเอาไปอวดเพื่อนๆบ้าง ตอนแรกพี่ก็คิดว่าไม่จำเป็นหรอกมั้งเพราะว่าแม่กับพ่อแม่โบว์ก็คุยกันเรื่องจะแต่งงานกันเหลือแค่สินสอดที่เรายังตกลงกันไม่ได้"พี่ก้องพูดและมองหน้าผม ผมเองก็อยากมีโมเม้นขอใครสักคนแต่งงานเหมือนกันนะ ผมคิดในใจ

                  "เขม รู้ไหมว่าพี่เจออะไร"พี่ก้องพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

                  "โบว์เขานอนกับผู้ชายคนอื่นอยู่บนเตียง พี่รักโบว์มาก มากจริงๆ จนพี่อยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์อยากมีลูกด้วยกันพี่คิดว่าพี่จะขายทีที่พ่อยกให้คนละสิบไร่เพื่อเอามาเป็นสินสอดทองหมั้นแต่งงานกับโบว์" พี่ก้องพูด

                  "พี่ถามเขาว่าทำไมทำแบบนี้ เขาบอกว่าเขาไม่อยากฝากชีวิตของเขาไว้กับพี่เพราะชีวิตพี่มันก็อยู่บนเส้นดายจะขาดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เขม" พี่ก้องพูด แต่มันแปลกที่สีหน้าพี่ก้องไม่ได้บอกเลยว่าเขาเสียใจอาจจะเป็นเพราะว่า เรื่องมันผ่านมาได้หลายปีแล้ว น่าจะสามปีได้แล้วนะที่พี่ก้องเลิกกับพี่โบว์

                  "และสิ่งที่สำคัญมากที่สุดของเขาคือพี่ไม่ได้มีเวลาอยู่กับเขาทุกวัน เขาอยากได้แบบนั้นแบบที่กลับมาบ้านแล้วเจอกันนอนเตียงเดียวกันทุกวันทุกคืน " พี่ก้องพูด ก็อาชีพของพี่ก้อง ต้องออกไปนอนกลางดินกินกลางทรายจะได้กลับก็เดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง บางทีกลับมาแต่มีงานด่วนพี่ก้องก็ต้องกลับเลยก็มี พี่ก้องอยู่หน่วยรบพิเศษนิ

                  "โบว์เขารู้ก่อนอยู่แล้วว่าพี่จะสมัครใจไปประจำการที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาต่อว่าพี่หนักหนาแต่พี่เลือกจะเป็นทหารนะเขมและมันคงเป็นจังหวะที่มีคนเข้ามาจีบเขาด้วยช่วงที่พี่ไปฝึกรีคอน พี่ฝึกหนักไม่ได้ติดต่อโบว์เลย...เขาก็เหงา" พี่ก้องพูดผมทำได้มองพี่ชายทำไมพี่ชายผมเจอเรื่องแบบนี้แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้แม้จะเสียใจแต่ก็ไม่นาน ผมผ่านไปในแววตาที่ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับสิ่งที่ผ่านมาเลย

                  "พี่เลยยินดีที่จะปล่อยเขาไป..หาคนที่เขาต้องการเพราะคนอย่างพี่ไม่ใช่อย่างที่เขาต้องการ" พี่ก้องหันมาพูด มันทำให้ผมคิดเช่นกันผมใช่คนที่ณัฐกานต์เขาต้องการไหม

                  "พี่คิดว่าจะไม่คบใครทั้งนั้นเพราะไม่อยากให้ใครมานั่งเป็นทุกข์อยู่ข้างหลัง มานั่งเสียใจถ้าพี่เกิดเป็นอะไรไป พี่เลือกแล้วที่พี่จะทำอาชีพแบบนี้"

                  "จนกระทั้งคุณรินทร์เข้ามาประจำการแต่..รินทร์กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางบ้านเลือกให้" พอผมได้ฟังผมกอดพี่ชายผมเลย

                  “หึ?"  น้ำเสียงที่สงสัยและแปลกใจของผมเพราะว่าผมคิดว่ายังมีอีกเหรอยุคต์ที่เรียกว่าคลุมถุงชนนะ

                  "ใช่ยุคต์นี้ยังมีอีกเหรอการคุมถุงชน..แต่มันก็ยังมี..แค่อยากให้ลูกมีภรรยามีลูกมีหลานให้เพราะว่านครินทร์เขาไม่จีบใคร เขาไม่มีแฟนเลยสักคน " พี่ก้องพูดผมพยักหน้าเบาๆ

                  “พี่โอเควะเขม...เพราะว่านั้นคือชีวิตจริงและเราสองคนก็มีความสุขกันดีแม้ว่าความสุขนี้มันใกล้จะหมดเต็มทีอีกแค่ไม่กี่เดือนเพราะว่านครินทร์ก็แต่งงานและครอบครัวทางผู้หญิงก็อยากให้เขาย้ายไปประจำการที่อืนที่ไม่ใช่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้"  พี่ก้องพูด ผมมองหน้าพี่ก้องพี่ทนได้ไง

                       “พ่อของนครินทร์เขาเป็ณนายทหารระดับท่านนายพล ถ้าเขารู้ พี่คงโดนหนักวะเขม” พี่ก้องพูด ผมก็ต้องมีเรื่องกุมขมับของพี่ชายผมเพิ่มอีกคนแล้วใช่ไหมเนี๊ยะ

                      “อย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ พี่คงไม่ถึงขั้นโดนเก็บหรอกมึง” พี่ก้องพูด ผมหันมาเหล่มอง มันน่าไหมเนี๊ยะ
                       
                       “แล้งนี่พี่จะทำยังไงต่อไปพี่ก้อง” ผมถามพี่ก้อง พี่ก้องหันมามองผม

                    "ตอนนี้เหรอ ไม่อยากคิดวะ เพราะว่าพี่กับรินทร์ก็มีความสุขกันดี แค่ใช่เวลาที่เหลือให้คุ้มค่า" พี่ก้องหันมาบอกผม แค่นั้นเหรอผมคิด ผมนะคบใครคบแบบต้องไปให้ถึงจุดหมายเลย เช่นผมคบกับณัฐกานต์ เส้นทางชีวิตมันเลยค่อนข้างตึงเกินไป 

                  "เขม พี่ขออย่างดิ อย่าบอกแม่เรื่องนครินทร์จะแต่งงานกับแม่นะ พี่กลัวแม่จะไม่สบายใจวะ" พี่ก้องหันมาขอร้องผม ผมพยักหน้าว่าผมคงไม่บอกหรอก

                  “เสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านแล้วนะพี่ก้อง พี่ต้นคงมาถึงแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมลงไปหาหลานก่อนนะคิดถึงเจ้าเอิร์ธ " ผมพูดก่อนจะรีบลุกขึ้น และพี่รินทร์เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดีเลย ผมสิ่งยิ้มให้พี่รินทร์ ผมคิดว่าเขาทั้งคู่คงเพิ่งจะพบความสุขแต่ว่ามันกลับเป็นการพบกันที่สายไป

                   ผมเดินลงมาถึงก็เห็นเด็กน้อยวิ่งมากอดแม่ของผมและพี่ชายคนโต ก็คือพี่ต้น พี่ต้นเดินตรงเข้ามากอดแม่ของผมด้วยความคิดถึงเช่นกัน หลายเดือนแล้วที่พี่ต้นไม่ได้กลับมาบ้านเพราะว่าพี่ต้นเพิ่งจะย้ายไปเป็นปลัดที่ใหม่ที่เชียงใหม่ได้สามปีและมันก็ไกลมากด้วยตอนแรกแค่เขาใหญ่ แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ พี่เกศรินทร์ให้พี่ต้นทำเรื่องขอย้ายไปทั้งที่พี่ต้นเพิ่งจะได้เป็นปลัดที่เขาใหญ่ยังไม่ถึงปีเลย พี่ต้นสอบบรรจุปลัดหลังจากที่พี่ต้นจบปริญญาโท  และโรงเรียนที่ผมเป็นครูสอนก็อยู่ที่เข่าใหญ่ซะด้วยซิ ไม่อย่างนั้นก็คงได้อยู่ใกล้กัน

                  "พี่้ต้น" ผมเรียกพี่ต้น พี่ต้นผละออกมาจากแม่ผม ผมเข้าไปกอดพี่ชายคนโต ตั้งแต่พ่อเสียก็มีพี่ต้นนี้แหละที่เป็นเสาหลักของครอบครัวและตอนนั้นพี่ต้นเพิ่งเข้ารับราชการใหม่ๆ

                  "ไงเขม เป็นคุณครูเต็มตัวแล้วนะน้องพี่" พี่ต้นดันตัวผมออกและจับไหล่ผมพร้อมกับสายตาที่ยินดีกับผมด้วยที่ผมได้เป็นครูสมดังที่ผมตั้งใจ และผมก็หันไปยกมือไหว้พี่เกศรินทร์ พี่เขาก็แค่ยกมือรับไหว้แบบขอไปทีแถมยังหันหน้าเบือนนี้ผมในทันทีเช่นกัน  และนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะว่ามันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง พี่เกศรินทร์เขาไม่ชอบผม ไม่ซิเขารังเกียจผมอย่างชัดเจนที่ผมเป็นเกย์มีแฟนเป็นผู้ชาย รักเพศเดียวกัน
 
                  "อาเข็ม" หลานชายของผม อายุจะสามขวบแล้วแต่นี้ดันเรียกชื่ออาผิดตลอดเลย ผมก็ย่อตัวลงและ

                  "อาเขมไม่ใช่อาเข็ม" ผมบอกหลานผม เอิร์ธ กางแขนให้ผม

                  "เอิร์ธ..ตัวหนักขึ้นนะเรากินเยอะละซิท่า" ผมอุ้มตาเอิร์ธขึ้นมากอดและหอมแก้ม เอิร์ธหัวเราะใส่ผมใหญ่เลยคงจะจั๊กจี้

                  "อี้!" เสียงสะบดออกมาพร้อมท่าทีว่ารังเกียจที่ผมเล่นกับเอิร์ธ

                    "คุณเกศ" พี่ต้นหันไปหาภรรยาของเขา ผมก็ต้องวาง เอิร์ธลง เอิร์ธได้แต่ยืนมองหน้าผมงงๆ เพราะเขาก็คงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าเขายังเล็กมาหนัก ผมได้แต่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ มองพี่ต้น ผมรู้ว่าพี่ต้นหนักใจแค่ไหน 

                   "ฉันเข้าห้องน้ำก่อนนะ ..คุณเปลี่ยนแพมเพิร์สลูกด้วยนะมันหลายชั่วโมงแล้ว "เสียงออกคำสั่งของพี่เกศหันมาบอกพี่ต้น

                  "ทำไมตอนแวะปั้มคุณไม่รุู้จักเปลี่ยนให้ลูก..เกศ และนี้คุณปล่อยให้ลูกใส่นานเกินไป คุณเป็นแม่ยังไงฮะเกศ " พี่ต้นหันไปต่อว่าพี่เกศรินทร์ทันที

                            "นี้อย่ามาว่าฉันนะ! ...และก็คราวหน้าช่วยเอาคนใช้ติดรถมาสักคนซิคุณจะได้มีคนทำให้ นั่งรถมาก็ไกลเหนื่อยก็เหนื่อยจะมาอะไรหนักหนาถ้าคิดถึงกันมากย้ายไปหมดทั้งครอบครัวเลยซิ แต่ฉันจะไม่มีวันอยู่บ้านเดียวกับพวกวิกลจริตหรอกนะ" พี่เกศรินทร์พูดก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
    ผมยืนมองพี่ต้น ผมรู้ว่าพี่ต้นก็ลำบากใจแค่ไหนกับเรื่องระหว่างผมกับพี่เกศรินทร์  ผมยื่นมือไปแตะที่ต้นแขนของพี่ต้นพี่ชายคนโตของผม ผมก็โอบกอดตาเอิร์ธที่ทำท่าจะร้องไห้ด้วยความตกใจ ผมพยักหน้าว่าผมโอเคนะพี่ต้น
               
                 "แม่เปลี่ยนให้เองนะลูก” แม่รดาเดินมาบอกพี่ต้นและคว้าเอาตัวเอิร์ทออกไปจากผม
               
                 “เอิร์ธมาหาย่านะลูกเราไปเปลี่ยนชุดกันดีกว่า ไปดูซิมีเป็ดอยู่ห้องน้ำหรือเปล่า"
               
                "เป็ด..เป็ด..กับ กับ"เอิร์ทเดินร้องเพลงไปตามแม่ผมอย่างไร้เดียงสา แม่ผมจูงมือตาเอิร์ธเข้าไปด้านในไปทางห้องนอนของแม่ ผมหันมามองพี่ชายคนโต สีหน้าพี่ต้นเครียดกว่าทุกครั้งเลยคราวนี้

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 17:42:23 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
  EP.5.3  ผมรู้สึกผิดที่เหมือนกับว่าผมคือต้นเหตุให้พี่ต้นกับพี่เกศรินทร์ทะเลาะกัน            
     "พี่มีปัญหากันและต้นเหตุเป็นเพราะเขมหรือเปล่าพี่..ถ้าเพราะเขมพี่เลือกครอบครัวเถอะนะพี่ต้น เขมสงสารตาเอิร์ธ" ผมพูดกับพี่ต้น
                  "ปัญหาหลายเรื่องนะเขม...แต่ช่างมันเถอะนะ ยังไงพี่ก็ต้องเลือกน้องชายพี่ซิ " พี่ต้นหันหน้ามาพูดกับผมพร้อมกับยกแขนขึ้นโอบไหล่ของผมและบีบเบา จังหวะพี่ก้องกำลังเดินลงมากับพี่นครินทร์พอดีเลยพี่ต้นเงยหน้ามองพี่ก้องก่อนจะหันมาเลิกคิ้วสูงมองหน้าผมเป็นคำถาม ผมหยักไหล่เป็นเชิงว่าให้พี่ก้องเป็นคนพูดเองจะดีกว่า
                 "พี่ต้น..หวัดดีครับพี่" พี่ก้องเดินมายกมือไหว้พี่ต้นก่อนจะเข้าไปสวมกอดเหมือนปกติของพี่น้อง พี่ต้นเหล่มองคนที่เดินตาพี่ก้องลงมา ความแปลกใจ
                  "แฟนนผมครับพี่ต้น ชื่อนครินทร์ เขาเป็นผู้กองคนใหม่เพิ่งเข้ามาประจำการที่ฐานเดียวกันกับผม” พี่ก้องแนะนำพี่นครินทร์ให้พี่ต้นรู้จักในฐานะแฟน ผมแอบยกนิ้งโป้งให้
                 “รินทร์ครับนี้พี่ต้นพี่ชายคนโตของก้อง " พี่ต้นพยักหน้าพร้อมรับไหว้จากพี่นครินทร์ โดยที่ไม่ได้พูดหรือทักทวงอะไรเลยสักครับ ผมคิดว่าพี่ต้นคงจะเอาไว้ถามทีหลังมากกว่า พี่ต้นนะค้อนข้างวางตัวได้ดีเหมือนกับพ่อผมไม่มีผิด
                 "แล้วเอิร์ธหลานชายผมละพี่"พี่ก้องทำท่ามองไปรอบๆ และหันไปถามพี่ต้น
                "แม่พาเข้าไปเปลี่ยนแพมเพิร์สนะเดี๋ยวก็ออกมา นี้พอพี่บอกจะพามาหาอาๆ เอิร์ธทำท่าตื่นเต้นใหญ่ถามตลอดทางถึงหรือยัง ถึงหรือยัง " พี่ต้นพูดและขำลูกชายไปด้วย และพี่เกศรินทร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดีเลย
                 "สวัสดีค่ะน้องก้องสุดหล่อ...เออ..?" พี่เกศรินทร์เดินฉีกยิ้มออกมาตรงเข้ามาทักทายพี่ก้อง เขาจะเป็นมิตรกับพี่ก้อง
                แต่ยกเว้นกับผมที่มักจะแสดงสีหน้ารังเกียจผมและยิ่งวันไหนผมพาณัฐกานต์มาด้วยนะ สงครามน้ำลายนี้มักจะเกิดขึ้นจนพี่ต้นต้องขอตัวพาภรรยาและลูกกลับก่อนเสมอแม่ผมเองก็ลำบากใจอีกไหนอีกคนก็ลูกสะใภ้และอีกคนก็แฟนลูกชายคนเล็ก

                 "สวัสดีครับพี่เกศรินทร์ เออ..นี้นครินทร์ครับพี่เกศ" พี่ก้องแนะนำเพื่อนให้พี่เกศรินทร์รู้จัก พี่เขายิ้มเจื่อนก่อนนะ หันไปมองพี่นครินทร์

                  "เพื่อนเหรอค่ะ " พี่เกศรินทร์ถามและหันไปยิ้มให้พี่นครินทร์

                   "แฟนผมครับ" พี่ก้องตอบ ผมหันหน้าไปมองพี่ก้องไหนบอกว่าจะไม่เปิดตัวไง พี่ก้องขยิบตาให้ผมและหันไปโอบไหล่นครินทร์ว่าแฟนกันแน่ชัดแล้ว

                      "แฟน..เอ๊ะ! น้องก้องไม่เคยมีรสนิยมแบบนี้ไม่ใช่เหรอค่ะ " พี่เกศรินทร์หันไปถามพร้อมทำสีหน้าเหยียดๆทันที มีท่าทีรังเกียจขึ้นมากระทันหันที่ได้ยินว่าพี่นครินทร์เป็นแฟนพี่ก้อง เขาเป็นผู้หญิงที่ต่อต้านเรื่องพวกนี้อย่างรุนแรง ผมเคยเห็นเขาโพสลงในเฟสบุ๊กมัน แรงมาก เขาดูถูกเหยียดหยามด่ากลุ่มคนที่รักร่วมเพศจนผมเองต้องบล๊อคพี่เกศรินทร์ไป
                       "เกศรินทร์ ..เขาไปช่วยแม่เปลี่ยนผ้าอ้อมลูกซะ นั้นลูกชายเธอนะเธอจะให้แม่ฉันทำอยู่คนเดียวหรือไง " พี่ต้นหันไปบอกเพื่อให้พี่เกศรินทร์ให้ไปทางอื่นแทน และพี่นครินทร์หันมามองพี่ก้อง
                       "อีกไม่นานผัวกรูคงได้เป็นไปได้วยนี้มันโรคติดต่อหรือไงเนี๊ยะ น่าขยะแขยง!" เสียงจากพี่เกศรินทร์พูดเพื่อจงใจให้พวกผมทั้งหมดได้ยิน พี่นครินทร์ก็มองหน้าพี่ก้องโดยไม่ได้พูดอะไร พี่นครินทร์แค่บีบมือพี่ก้องแค่นั้น ผมเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน ผมสงสารพี่ต้นที่สุด
                       "พี่ขอโทษแทนภรรยาพี่ด้วยนะครับ น้องรินทร์" พี่ต้นพูด
                       "ไม่เป็นไรครับพี่ต้น เพราะว่าผมนะทำใจได้แล้วว่าเป็นแบบนี้ผมจะเจออะไรบ้าง "พี่นครินทร์พูดปนขำเล็กน้อย
                       "เอานะมันจะดีขึ้นเชื่อพี่..ไปนั่งดื่มกันหน่อยไหมละ แฟนน้องชายคนที่สอง..ก้อง แกนี่ร้าย
ไม่เบานะ" พี่ต้นพูดพร้อมกับยกแขนตบไหล่พี่ก้องเบาๆ
                       "ผมดื่มไม่ได้นะครับเพราะว่าเดี๋ยวผมต้องขับรถกลับ..พ่อแม่ผมท่านเข้มงวดเรื่องพวกนี้มาก" พี่นครินทร์บอกพี่ต้นและหันไปยิ้มให้พี่ก้อง
                       “น้ำผลไม้ไหม ผมไปแวะซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตปากซอย” พี่ก้องถามพี่นครินทร์และโอบเอวพี่นครินทร์ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น ผมก็แอบยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้เพราะว่ามันน่ารักมากสำหรับผม
         ผมสี่คนเดินเข้าไปในห้องครัวแม่จัดโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วพวกเรานั่งคุยกันไม่ได้เจอกันหลายเดือนก็มีเรื่องคุยกันมากมาย งานพี่ต้นก็เยอะขึ้น ส่วนพี่ก้องก็ต้องเพิ่มเวลาเดิน ลาดตะเวนมากขึ้นและเพิ่มการคุ้มกันครูและนักเรียนผมอยากจะย้ายไปที่นั้นนะแต่พี่ก้องขอร้องไม่ให้ผมไปเขาบอกว่าแค่เขาคนเดียวก็เสี่ยงพอแล้วไม่อยากให้แม่เป็นกังวลเรื่องของผมอีกคน
                       "เอาละพ่อกับอาๆเขาหิวแล้วลูกมากินข้าวกันดีกว่า ..วันนี้ย่าทำอะไรให้เรานะดูซิ ไก่หวานของเราไงเอิร์ธ...หนูชอบไม่ใช่เหรอลูก" แม่ผมอุ้มตาเอิร์ธมาวางลงที่เก้าอี้ ตาเอิร์ธนั่งลงข้างๆกับผมแววตาใสซื่อคู่นั้นแต่มันแปลกนะตาเอิร์ธกับเลือกที่จะสุงสิงอยู่กับผมทุกครั้งที่มาเที่ยวบ้านทั้งที่พี่เกศรินทร์ตั้งแง่รังเกียจผมออกขนาดนั้นแต่ผมก็รักหลานชายคนนี้มากเช่นกันผมจึงทำเป็นไม่สนใจคำพูดของพี่เกศรินทร์เรียกได้ว่าพยายามจะอดทนให้ถึงที่สุดเหมือนกัน
                       "คุณมานั่งข้างลูก!" เกศรินทร์บอกพี่ต้นให้มานั่งข้างลูกแทนเธอไม่อยากจะนั่งใกล้กับผมสักเท่าไหร่ แม่ผมหันมองหน้าผมผมพยักหน้าว่าผมโอเค
                       "อาเข็ม..ตักไก่เอิร์ธหน่อย" เอิร์ธบอกผมพร้อมกับชี้ไปที่จานไก่หวานที่แม่ผมทำให้หลานรักของพวกผม
                       "เวลาพูดมีครับด้วยซิเอิร์ธครับน้องเอิร์ธ" ผมเลิกคิ้วมองเอิร์ธและยิ้มให้
                       "อาเข็มตักไก่เอิร์ธหน่อยกั๊บ" หลานชายพูดจาไพเราะผมก็ยิ้มดีใจ พี่ต้นก็เช่นกันแม่ผมก็ด้วยมองหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดูแต่มีแค่พี่เกศรินทร์ที่เบือนหน้าหนีหันไปมองทางอื่นแทน 
                       "วันนี้แฟนไม่มาเหรอปกติก็เห็นตัวติดกันจนจะเกยกันอยู่แล้วหรือเรียกว่าจะขี่กันก็ได้นะ”พี่เกศรินทร์พูดถึงแม้จะไม่ได้เจาะจงแต่มันก็ลงผมเต็มๆผมรู้ดี เพราะว่าถ้าพี่เกศรินทร์มา ณัฐกานต์เขาจะยิ่งแสดงออกเพื่อยั่วพี่เกศเพราะว่าเขารู้ดีว่าพี่เกศรินทร์ออกตัวต่อต้านมากแค่ไหน ณัฐกานต์ก็ยิ่งจะทำให้เขาเห็นมากแค่นั้นและมันก็เหมือนการเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ ผมจึงคิดว่าเป็นการดีถ้าหากณัฐกานต์ไม่มาเติมเชื้อเพิ่มอีกขึ้น
                       "คุณเกศตอนนี้เป็นเวลาทานข้าวนะ ผมขอ!" พี่ต้นหันไปพูดกับพี่เกศรินทร์ สายตาประสานกันและพี่เกศก็หันไปทางอื่นทำเป็นไม่สนใจ
       ผมรู้สึกได้ว่าบรรยากาศเริ่มอึมครึม นี้ผมไม่น่าจะมาใช่ไหม ผมรู้สึกผิดที่ผมตัดสินใจ เดินออกจากห้องณัฐกานต์มาเพื่อมาทานอาหารกับแม่และพี่ๆและก็หลานผม
                       "ทานกันดีกว่าค่ะ ลุูกรินทร์ทานเลยนะลูก แม่ก็ทำอาหารพื้นๆนะ ไม่ได้พิเศษอะไร ทานได้ใช่ไหมลูก" แม่ผมหันไปถามพี่นครินทร์ พี่เขามองพีเกศรินทร์ด้วยสีหน้าค้อนข้างกังวลก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้แม่
                       "ใครบอกละครับ อร่อยมากต่างหากผมชิมไปหน่อยหนึ่งแล้วก้องเขาให้ผมชิมนะครับ" พี่นครินทร์ชมฝีมือการทำอาหารแม่ของผมตั้งแต่คำแรกที่พี่ก้องตักให้แล้ว
                       "ปึก" เสียงแก้วน้ำกระแทกลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจของพี่เกศิรนทร์
                       "อาเขม...เป่าๆ" ตาเอิร์ธกำลังพยายามตักไก่ทานแต่คงร้อนนะเลยชูขึ้นมาให้ผมช่วยเป่าให้มันให้หน่อย
                       "คุณ..เป่าไก่ให้ลูกเองซิ" พี่เกศรินทร์ถลึงตาใส่พี่ต้นเขาไม่อยากให้ผมทำให้ลูกชายเขา
                       "ก็เขมเขาทำให้อยู่...คุณไม่เห็นเหรอเกศ" พี่ต้นพูดตอบโต้กลับทันที 
                       "ตาต้น" แม่ผมรีบส่งเสียงปรามพี่ชายคนโตของผม พี่นครินทร์ก็มองหน้าพี่ก้องด้วยความรู้สึกอึดอัดเหมือนที่พวกผมเป็นอยู่ในตอนนี้แน่ๆ
                       "เอิร์ธ...มาย่าเป่าให้นะลูก..อาเขมจะได้กินข้าวมัวแต่มาเป่าให้เรานะไม่ได้กินกันพอดี..อาเขมยิ่งผอมๆอยู่" แม่ผมจึงเอื้อมมือมาขอส้อมที่จิ้มไก่ไว้จากตาเอิร์ธไปเป่าให้แทน เด็กอย่างเอิร์ธก็ยังคงใสซื่อเพราะเขาคือผ้าขาวบาง เอิร์ธเงยหน้ามองผมยิ้มตาหยี่
                       "ก้องครับ...รินทร์กลับก่อนดีกว่านะครับพอดีว่ามันได้เวลาที่พ่อกับแม่รินทร์นัดรินทร์แล้วนะครับเดี๋ยวจะไปไม่ทัน ..คุณแม่ครับรินทร์ขอโทษนะครับเอาไว้วันหลังรินทร์จะมาทานด้วยอีกนะครับ แต่วันนี้คุณพ่อคุณแม่ท่านนัดผมทานข้าวกับ..เพื่อนพ่อนะครับ" พี่นครินทร์พูด พี่ก้องลุกเดินออกไปส่ง พอสองคนนั้นออกไปบรรยากาศกลับยิ่งดูอึมครึมหนักขึ้นกว่าเดิม
                    ปึก!!!! เสียงช้อนและซ้อมถูกวางลงด้านข้างโดยพี่ต้น
                       "คุณเป็นบ้าอะไรของคุณนะเกศ!...ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ย! ว่าให้คุณสงบปากสงบคำคุณไว้หน่อย เพราะอย่างน้อยนี้มันก็บ้านของผมและต่อหน้าแม่ของผมและนี้ก็น้องชายผม" พี่ต้นพูดเสียงดังใส่พี่เกศรินทร์แบบนั้น แน่นอนทำให้เอิร์ธหลายชายของผมตกใจดีดตัวขึ้นมากอดผมตัวนี้สั่นไปหมด ผมก็ต้องกอดประคองเอิร์ธไว้เช่นกัน
                       "คุณรู้จักคำว่ามารยาทไหม..คุณควรจะรักษามารยาทหน่อยในการพูดการจาและยิ่งมีแขกแบบนี้ด้วย..คุณยิ่งไม่ควรจะพูด!!!" พี่ต้นหันไปพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามอดกลั้นจนมือไม้พี่ต้นนี่สั่นไปหมดเช่นกันพี่ต้นกำหมัดไว้แน่น
                       “ต้น ไม่เอานะลูก” แม่ผมเองก็ใจคอไม่ดี ไม่ต่างจากผมกับเอิร์ทตอนนี้ ผมมองพี่ต้น ผมส่ายหน้าเบาๆว่าพอเถอะ
                       “ไม่ได้หรอกครับแม่ ลูกสะใภ้มารยาทยอดแย่แบบนี้แม่จะให้ผมเก็บไว้ทำไม “ พี่ต้นหันมาบอกกับแม่ แม่ผมก็ได้แต่สายหัว
                       "ทำไมเหรอคะคุณต้นตระการ คุณอายเหรอคะ..และนี้มันคือความจริง..และฉันก็จะพูดมันเรื่องของฉัน..ฉันจะพูดมันทุกทีที่ฉันไป " เกศรินทร์เงยหน้าขึ้นตอบพี่ต้นโดยไม่เกรงกลัวสายตาที่ดุดันของพี่ต้นเลยสักนิด
                       "ผมว่าคุณแม่คุณท่านก็ออกงานบ่อยนะท่านน่าจะบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้บ้างนะเกศรินทร์" พี่ต้นหันไปพูดไม่จะไม่ได้ขึ้นเสียงแต่ทุกคำพูดของพี่ต้นเน้นน้ำเสียงได้เจ็บที่สุดนะผมว่า มันเจ็บกว่าการด่าท่อซะอีก
                       "นี่คุณ!! คุณกล้าว่าถึงแม่ฉันเลยเหรอ" พี่เกศรินทร์ถลึงตาใส่พี่ต้นอย่างเดือดดานที่ถูกพาดพิงถึงพ่อแม่ ผมคิดว่าพี่ต้นคงเหลืออดแล้วเหมือนกันเพราะว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกและไม่ได้ทำให้ผมรูสึกดีขึ้นมาเลย ก็ผมคือตัวต้นเหตุปัญหาครอบครัวของพี่ต้น
                         "ตาต้น! .ใจเย็นๆลูก หนูเกศด้วยลูก ดูซิตาเอิร์ทตกใจกลัวจนตัวสั่นแล้วนะลูก" แม่ผมก็ร้องเรียกพี่ต้น สีหน้าพี่ต้นบอกได้ว่าโกรธมาก พี่ต้นขบกรามจนขึ้นสันนูนขนาดนั้น
                          "ฉันอยากจะมาด้วยตายละ ดูซิ ผิดปกติขนาดนี้ ไม่ต้องมากอดมาจับต้องลูกฉันนะ เดี๋ยวลูกฉันจะได้ติดไปด้วย" พี่เกศรินทร์หันขวับมาทางผม ผมก็ต้องวางมือจากเอิร์ท เอิร์ทหันไปมองเกศรินทร์ทำท่าร้องไห้ สายตานี้ไม่จะใช้สายตาของคนเป็นแม่แน่ๆ ก่อนที่พี่เกศนะสบัดสายตากลับไปหาพี่ต้นเหมือนเดิม
                "ไอ้โรคตุ๊ดโรคเกย์เนี๊ยะ" ใบหน้าผมชาขึ้นทันทีราวกับถูกตบ
                "เธอว่ายังไงนะ..เกศรินทร์.....ขอโทษน้องฉันเดียวนี้!!!" พี่ต้นแผดเสียงดังใส่พี่เกศรินทร์ตาเอิร์ธก็ยิ่งกอดผมแน่นขึ้นดีดตัวไปด้วยเหมือนอยากจะให้ผมพาเขาออกไปจากตรงนี้
                 "พอแล้วต้น..พอแล้วลูก..ไม่เอานะลููกอย่ามาทะเลาะกันแบบนี้ซิลูก" แม่ผมก็พยายามจะห้ามทั้งคู่
                 "ไม่..ฉันไม่ขอโทษใครทั้งนั้น"พี่เกศรินทร์ตะคอกเสียงดังพร้อมลุกขึ้นยืนสายตาจิกมองมาที่พี่ต้น
                  "ได้...ผมเองก็เหลืออดแล้วเหมือนกัน”
                 “พอผมบอกจะมาหาครอบครัวตัวเองแต่ละทีมีปัญหานั้นปัญหานี้..คุณมันเห็นแกตัวนะรู้ไหม..เกศรินทร์!"พี่ต้นพูดและชี้นิ้วไปที่พี่เกศรินทร์ สายนี้นี้จิ๊กลงไปพร้อมกัน มันไม่เหมือนวันแรกที่แต่งงานกันเลยสายตาทีแพรวพราวแต่วันนี้มันแข็งกร่านจนน่ากลัว
                "ถ้าอยู่กันไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ ในเมื่อคุณรับสิ่งที่น้องผมเป็นไม่ได้ ก็หย่ากันไปเลย..นี้มันครอบครัวของผม ..ผมเลือกครอบครัวผมเหมือนที่คุณเลือกเอาแต่ครอบครัวคุณนั้นแหละ" พี่ต้นลุกพร้วดขึ้นเช่นกัน พี่เกศรินทร์ดูจะโกรธพี่ต้นเอามากทีเดียวกำมือแน่นเช่นกัน
                "พวกผู้ดีจอมปลอม..กับเงินสกปรกที่คุณกินใช้อย่างสำราญมันมาจากการทำนาบนหลังคนทั้งนั้น..ผมนี่คงภูมิใจตายเลยนะที่ได้ภรรยารวยแต่รวยมากับสิ่งผิดกฏหมาย" พี่ต้นแผดเสียงใส่พี่เกศรินทร์
                 "แหง๋ๆ ...ไม่เอา..ไม่เอา" ตาเอิร์ธยิ่งดีดตัวขึ้นกอดคอผมแน่นขึ้น ผมก็อุ้มตาเอิร์ทลุกขึ้นก่อน ผมสงสารตาเอิร์ธเหลือเกินนี่เขากลัวจนกอดคอผมแน่น ผมนี้แถบจะหายใจไม่ออก
                "ตาต้นใจเย็นๆลูก หนูเกศใจเย็นๆ ดูซิตาเอิร์ธตกใจกลัวใหญ่แล้วนะลูก..แม้ขอละลูก"
                "เขมเอาเอิร์ธมาให้แม่ลูกมา..มาหาย่านะลูกนะ" แม่ผมเดินมารับเอิร์ธไปอุ้มแทนผม
                "พอเถอะคุณแม่เกศเบื่อ หย่าก็ดีจะได้ไปหาผัวที่มันฉลาดๆหน่อยและที่ไม่ต้องมาอับอายสังคม หนูรับลูกคุณแม่ไม่ได้หรอกนะค่ะ หนูไม่ใช่พวกโลกสวยยอมรับพวกผิดเพศพวกวิกลจริตได้หรอกค่ะคุณแม่"
                "ถ้าหนูรู้ก่อนหน้าที่หนูจะแต่งหนูก็คงไม่เลือกแต่งกับลูกชายของแม่หรอกนะคะ..แถมกว่าจะรู้ได้ลูกจะโผ่หัวออกมาอยู่แล้ว" เกศรินทร์พูดสายตาเขาเบี่ยงมามองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อใช่แต่ก่อนผมก็ไม่ได้เปิดเผยแค่บอกว่าณัฐกานต์เป็นเพื่อนสนิทและตอนนั้นพี่เกศรินทร์เขาก็เป็นคนน่ารักแต่พอเขารู้เรื่องของผมกับณัฐกานค์ ทุกอย่างเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้าทันที จากที่เคยอยู่กันอย่างมีความสุขก็หายไป ผมเงยหน้ามองพี่ต้นอย่างรู้สึกผิด ผมควรจะเดินออกไปจากตรงนี้หรือเปล่า ผมทำท่าจะลุกแต่พี่ต้นหันมาและทำมือให้ผมนั่งลง อย่าไปไหน พี่ต้นหันไปมองหน้าพี่เกศรินทร์ 
                “คุณนะคงไม่รู้สึกอะไรหรอกใช่ไหมน้องเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ รักชอบเพศเดียวกันแต่ฉันอาย..บ้านฉันมีเชื้อมีตระกูลดีเป็นที่นับหน้าถือตาแต่จะให้ฉันมายอมรับพวกวิกลจริตฉันทำไม่ได้หรอกนะ"
                 "แหง๋ๆๆๆๆ" เอิร์ธก็ยิ่งร้องไห้ดังขึ้น พี่ต้นก็หันมามองผมอีกครั้ง ผมก็มองพี่ต้นว่าพี่ควรจะเลือกครอบครัวพี่เถอะ เพราะว่าผมสงสารหลาน พี่ต้นพยักหน้าและพี่ต้นก็ลุกขึ้นเทียบเท่ากับพี่เกศรินทร์
                 "วันจันทร์เจอกันที่อำเภอ..ไปหย่ากันผมเบื่อและพอจบเรื่องพวกนี้เราก็แยกบ้านกันไป " สิ่งที่พี่ต้นพูดออกมาทำให้แม่มองพี่ต้นและกอดตาเอิร์ธไว้แน่น ผมเองก็ตกใจกับสิ่งที่พี่ต้นตัดสินใจในวันนี้
                  "ผมจะย้ายออกเองส่วนลูกผมจะเลี้ยงเองคุณเลี้ยงลูกไม่ได้หรอกเกศ...คุณรู้ตัวดี.."
                  "และผมก็รู้ว่าคุณทำอะไรกับเอิร์ธบ้าง แม่บ้านบอกผมหมดแล้ว ว่าเวลาที่คุณโมโหผมคุณก็ลงกับลูก!"
                 "คุณดูซิลูกตัวสั่นกลัวที่จะอยู่กับคุณแค่ไหน" พี่ต้นพูดชี้ไปที่เอิร์ธที่ร้องไห้กอดแม่ผมแน่น ผมอยากจะเข้าไปกอดหลานแต่ผมก็ไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้เลยทำได้แค่ยืนดูเฉยๆ น้ำตาปริมๆ แต่ผมต้องไม่ร้องไห้ ผมได้แต่กลั่นมันเอาไว้
                  "อย่าท้าฉันนะ...ฉันไปแน่..และจำใส่หัวคุณไว้ด้วยนะว่าพ่อฉันก็ช่วยคุณไว้ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ได้นั่งเก้าอี้และงานสบายแบบนี้หรอกนะ "
                  “แต่ที่คุณต้องการนะมันไม่ใช่ให้ผมงานสบายหรอกเกศ คุณแค่อยากให้ผมทำให้งานพ่อคุณมันง่ายต่างหากแต่คุณคิดผิด ผมไม่ทำให้งานคนที่ผิดกฏหมายมันได้ลอยอยู่ได้ ต่อให้เขาคนนั้นเป็นพ่อคุณก็ตาม” พี่ต้นพูด พี่เกศรินทร์ที่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนน้ำเดือดในหม้อ
                 "ตาเอิร์ธไปกับแม่"พี่เกศรินทร์จะหันไปอุ้มเอิร์ทออกจากแม่ของผม
                  "ไม่เอา..อยู่ย่า..ฮือๆ...อยู่ย่า" ตาเอิร์ธดิ้นและยิ่งกอดแม่ผมหนักขึ้นไม่ยอมที่จะปล่อยมือคือเขาไม่ยอมไปกับพี่เกศรินทร์
                 "อย่ามาแตะลูกผมคุณไม่เคยเลี้ยงดูมีแต่คนใช้..ถ้าจะไปก็ไปแต่ตัว...คุณมีเงินไม่ใช่เหรอบินกลับเองได้แต่เงินนะมันหาความสุขใส่ตัวคุณได้แค่ภายนอก ผมนะสะอิดสะเอียนกับผู้หญิงหน้าเงินอย่างคุณแย่แล้วไปจากชีวิตผมซะก็ดีนะ”
                 “ พอกันที่ ผมทนมามากพอแล้ว 4 ปีที่ผ่านมามันเกินพอสำหรับผมแล้วเกศรินทร์" พี่ต้นพูด ก่อนจะเดินมาอุ้มตาเอิร์ธออกไปจากห้องอาหาร ส่วนพี่เกศรินทร์ก็เดินกระแทกส้นเท้าออกไปเช่นกัน ผมทรุดตัวลงนั่ง ผมมองใบหน้าที่กังวลของแม่
                  "แม่ครับเขมขอโทษครับแม่" ผมเดินเข้าไปกอดแม่น้ำตาผมไหล ผมทำครอบครัวพี่ชายพังใชไหมครับแม่
                  "ไม่ใช่ความผิดของเขมหรอกลูก”แม่พูดปลอบผม ผมก็ค่อยปาดน้ำตาลูกชาย ผมไม่อยากหันไปหากเจอว่าหลานยืนอยู่และจะเห็นว่าอาของเขานั้นอ่อนแอ
                 “เฮ้อ!! ..แม่สงสารตาเอิร์ธ..กินข้าวต่อนะลูกนะแม่จะไปดูหลานกับพี่ต้นเขาซะหน่อย "  ผมพยักหน้าและเดินกลับมานั้งลงที่เดิม แม่ผมลุกขึ้น และตอนนี้ผมจะกินลงได้ยังไงอีกละ พี่ก้องเดินกลับเข้ามาพี่ก้องมองหน้าผม พร้อมกับเดินเข้ามากอดผมทันที
                  "พี่ก้องผมรู้สึกผิดอ่ะ เพราะผมใช่ไหมอะพี่ ที่ทำให้พี่ต้นเขา.."
                 "ไม่ผิดหรอกเขม ..นายไม่เคยผิดสำหรับพี่วะเขม..ใครไม่รักน้องพี่แต่พี่รักโอเคนะเขม"  พี่ก้องพูดปลอบผม
                 "มีลูกก็ไม่ได้อย่างใจ มีผัวก็เฮงซวย มีคนเอาเงินมาให้ก็ยังโง่ แถมมีครอบครัวก็เป็นตุ๊ดเป็นเกย์ แต่งด้วยก็คิดว่าจะได้หน้าได้ตาอุตสาเป็นถึงปลัดอำเภอแต่ปกครองน้องมรึงยังไม่ได้เลย" เสียงพี่เกศรินทร์ที่ยังคงเอ๊ะอะโวยวายอยู่ที่ห้องรับแขก เขาตะโกนเพื่อให้พี่ต้นได้ยิน
                  "ออกไปจากบ้านฉันซะ..ออกไป!" เสียงพี่ต้น แสดงว่าพี่ต้นเอาตาเอิร์ธให้แม่ผมดู และพี่ต้นก็คงเดินออกไปหาพี่เกศรินทร์อีกแล้วแน่ๆ ทำให้ผมสองคนลุกพร้วดพากันออกไปก่อนที่จะเกิดความรุนแรงมันไม่เหมาะสมกับพี่ต้น พี่ต้นจะดูไม่ดี
                  ผมเห็นพี่ต้นถลกแขนเสื้อแต่ผมสองคนเชื่อว่าพี่ต้นไม่ทำร้ายพี่เกศรินทร์แน่นอน พี่ก้องเดินไปจับแขนพี่ต้นไว้กาอน พี่ต้นยืนเอามือเท้าซะเอว พร้อมกับพ่นลมหายใจแรงๆออกมาเหมือนกำลังระงับความโกรธที่ดูแล้วน่าจะสะสมมานานพอดู และพี่เกศรินทร์ลากกระเป๋าเดินทางออกไป และเสียงตาเอิร์ธร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ผมในบ้าน พี่ต้นยืนมองพี่เกศรินทร์จนเดินพ้นประตูรั่วบ้านออกไป
                 "พี่ต้น...เขมขอโทษนะพี่" ผมเดินไปหาพี่ต้น พี่ต้นหันมามองผมสองคน
                 "หมับ" เราสามคนยืนกอดกัน
                  "เรามีกันสามคนนะอย่าลืมซิ พี่ต้องเลือกน้องแต่ปัญหาวันนี้มันสะสมมานานแล้วไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น มันแค่ช่วยผลักให้มันพังเร็วขึ้นก็แค่นั้น ..แต่พี่โอเค" พี่ต้นพูดพี่ต้นพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะที่หัวผมสองคน แม่ยืนมองผมสามคนกอดกัน
                 “เขม..นายไม่ใช่ต้นเหตุ พี่มีมากกว่านั้น ไม่ต้องคิดมาก” พี่ต้นพูดกับผมก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปดูลูกชายของพี่ต้น คือหลานของพวกผม พี่ก้องก็หยักไหล่ให้ผมกลับเข้าบ้านไป พี่ก้องคงเดินไปปิดล๊อกประตูบ้านแน่ๆ
                 และการที่เราสามคนรักกันมากขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะว่าพ่อกับแม่สอนผมให้รักใคร่ปรองดองกันโดยเฉพาะ ให้รักกันในวันแย่ที่สุดมันจะช่วยให้เราผ่านทุกสิ่งไปได้ ผมยังจำได้ภาพวันที่ผมสามคนกอดกันในวันที่พ่อพวกผมเสีย ผมสามคนกอดกันร้องไห้แบบนี้และนั้นคือน้ำตาลูกผู้ชายสามคนต่อหน้าคนที่พวกผมรักที่สุดจากไปแบบไม่มีวันกลับ 
                 ผมสามคนนั่งอยู่ในห้องครัว ผมเก็บทำความสะอาดทุกอย่างแทนแม่ เพราะว่าแม่ต้องไปดูแลเอิร์ธหลานชายผม พี่ต้นเล่าว่าเอิร์ธไม่ค่อยเข้าหาพี่เกศเลยเพราะว่าเวลาโกรธกันพี่เกศรินทร์มักจะลงที่เอิร์ธก่อนเสมอ เวลาที่พี่ต้นไปทำงานคนใช้ที่บ้านเล่าให้พี่ต้นฟังจนเอิร์ธกลัวแม่ของเขายิ่งกว่ากลัวคนแปลกหน้าซะอีก
            และเวลาที่ทะเลาะกันพี่ต้นมักจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ความโกรธลดลงก่อนกลับเข้าบ้าน พี่เกศรินทร์ก็มักจะทุบตีเอิร์ธบ่อยครั้งและคนใช้ต้องเข้าไปห้ามปรามเพราะสงสารเด็กจนเป็นเรื่องเป็นราวทำให้ต้องเปลี่ยนคนใช้ไม่รู้กี่คน ช่วงหลังๆ พี่ต้นจึงไม่กล้าปล่อยลูกชายอยู่กับพี่เกศรินทร์ตามลำพังอีก
           “อะพี่” พี่ก้องขับรถออกไปซื้อเบียร์มาให้พี่ต้นนั่งดื่ม เราสามคนนั่งคุยกันดื่มเบียร์กันไปพูดถึงเรื่องราวเก่า ว่าเราสามคนสนิทกันมากแค่ไหนรักกันมากแค่ไหน
           “เราไม่ค่อยมีเวลาแบบนี้กันบ่อยๆเลยเนอะพี่ต้น พี่ก็งานเยอะแถมอยู่ไกลส่วนผมก็ไกลเข้าไปใหญ่และเขมอีกคน สงสารแม่นะพี่ต้องอยู่คนเดียว” พี่ก้องพูดพร้อมกับกระดกเบียร์ขวดสีเขียวดื่ม
           “พี่ก็รอว่าสักวันพี่อาจจะได้ย้ายกลับมาอยู่กับแม่ เพราะว่าไม่มีใครรักและหวังดีกับเราเท่ากับแม่หรอกจริงไหมวะ” พี่ต้นพูด ผมกับพี่ก้องก็พยักหน้าพร้อมกัน 
           “และได้อยู่กับน้องๆของพี่เหมือนเช่นตอนยังเด็กๆ คิดแล้วไม่น่าโตขึ้นเลยวะ ปัญหาเยอะมากมาย ไหนจะหน้าที่การงาน ไหนจะต้องมารับมือกับเมียประสาทแดก ทั้งที่..” พี่ต้นพูดแต่พี่ต้นก็เงียบไป
           ผมก็เห็นตั้งแต่ตอนที่พี่ต้นแต่งงานแล้วเหมือนพี่ต้นไม่มีความสุขเลย พี่ต้นแต่งานเพราะว่าพี่เกศรินทร์ตั้งครรภ์ในตอนนั้น ตอนนั้นพี่ต้นเพิ่งจะจบปริญญาโทใหม่ๆและพี่ต้นก็สอบติดปลัดได้แต่ได้ที่อำเภอหนึ่งที่เขาใหญ่ แต่ไม่นานพี่เกศรินทร์ก็ให้พี่ต้นทำเรื่องย้ายไปเชียงใหม่ เพราะว่าพ่อของเขาค้อนข้างเป็นผู้มีอิทธิพลที่เชียงใหม่ ผมรู้แค่นั้น
           “ตกลงปัญหาของพี่กับเกศพี่เลือกจะจบมันแบบนี้เหรอ พ่อแม่เขาไม่โกรธพี่เอาเหรอ” พี่ก้องหันไปถามพี่ต้น พี่ต้นพยักหน้าเบาๆ
           "ยังไงเขาก็เป็นแม่ของเอิร์ธนะพี่" ผมพูดผมแตะลงที่หลังมือพี่ชาย
           “ก็คงจะโกรธ หรืออาจจะดีใจก็ได้นะเขาอยากให้พี่เลิกกับลูกสาวเขาจะตายไป ตอนนี้พี่ไปขัดผลประโยชน์กับเขาอยู่ เรื่องการเปิดโรงเลื่อยไม้ผิดกฏหมาย เขาลงทุนกับเพื่อนเขาและเรื่องนี้ด้วยแหละที่ทำให้พี่กับเกศเริ่มทะเลาะกันหนักขึ้น"
           “แต่เรื่องผมก็มีส่วนพี่ต้น เขมขอโทษนะพี่ต้น” ผมพูดขอโทษพี่ต้นอีกแล้ว พี่ต้นหันมาโอบกอดไหล่ผมกับพี่ก้อง
           "เลิกโทษตัวเองเขม..มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น..และพี่ก็เลือกครอบครัวของเรา..เรามีกันแค่สามคนพี่น้องนะ พี่สัญญากับพ่อว่าพี่จะไม่ทิ้งน้องๆของพี่" พี่ต้นพูดผมดีใจไหมก็ดีใจนะแต่มันก็รู้สึกผิดในใจอยู่ดี พี่ต้นนั่งคุยกับพี่ก้องส่วนผมผมก็นั่งพลิกมือถือของผมไปมา
           ผมไม่ใช่คอนักดื่มนิ ผมควรจะโทรหาณัฐกานต์ดีไหมนะ ปานนี้คงเมากับเพื่อนๆ ยิ่งวันเกิดพุดดิ้งคงจัดกันจนเมาเละนางทำแบบนี้ทุกปีอยู่แล้ว
     ผมกดมือถือผมไปเรื่อยๆจนกระทั้งหยุดที่แอพพลิเคชั่นสีเขียวและผมก็กดเปิดอ่านข้อความของคริสโตเฟอร์อีกครั้ง อ่านแล้วมันก็ให้ความรู้สึกดีนะขึ้นมาทันที  ผมอ่านไปยิ้มไปด้วย


   
                "ตาต้น!!..มาเอาลูกไปนอนที่ห้องได้แล้วลูก..เอิร์ธหลับไปได้สักพักแล้วลูก..นี้ก็นอนผวาและร้องหาแต่พ่อตลอด..แม่จะเอานอนด้วยแต่คิดว่านอนกับต้นจะดีกว่า ตอนนี้เขาต้องการพ่อนะ" แม่เดินออกเข้ามาบอกพี่ต้น พี่ต้นพยักหน้า พี่ก้องก็ยักไหล่ว่าจะไปนอนแล้วเข่นกัน
             “ผมก็จะไปนอนแล้วเหมือนกัน” ผมพูดก่อนที่จะผมจะขึ้นบ้านตามไป ผมก็ต้องเก็บทำทุกอย่างแม่จะได้ไม่ต้องตื่นมาทำตอนเช้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-09-2020 18:16:02 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 :z6: สำหรับเกศริน ส่งสารพี่ต้น น้องเอิร์ธ สงสารเขมด้วย :mew6:

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด