รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียน(พี่ต้นXพี่หมอภีม)ผมรักคุณหมอภีม  (อ่าน 40532 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อัพพร้อมกันไปอีก555 น้องไปแล้ว พี่เขม

       แบบว่ารออ่านของคุณLambosasha และอัพไปพร้อมกันด้วย เรื่องนี้แต่งเอาไว้ก่อนแล้วมีแก้ไขด้วย  :pig4:

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      
EP พิเศษ เมื่อหมอภีมภพเจอเอิร์ธครั้งแรกแต่เขายังไม่รู้ว่านี้ลูกของต้นตระการ
             
                        ผมหมอภีมปภพ ขณะที่ผมกำลังรอตรวจคนไข้อยู่ในห้องตรวจโรค แผนกภูมิแพ้ ผมเป็นหมอแผนกโรคภูมิแพ้ประจำอยู่โรงพบาบาลเอกชนของพ่อผม โรงพยาบาลนี่เป็นสาขาที่สามและเพิ่งจะเปิดมาได้ไม่ถึงสองปี  และผมเพิ่งจะกลับมาทำหน้าที่หมอประจำที่คลินิกภูมิแพ้ให้พ่อผมได้เกือบสองเดือน ผมหนีไปเป็นหมอที่เขาใหญ่เพื่อตามหาต้นตระการ แต่ว่ามันสายไป เขาย้ายไปประจำการที่อื่นกับเกศรินทร์ เหมือนจะโชคดีของผมผมบังเอิญเจอน้องชายของต้นตระการ  ที่ชื่อเขมชาติเขาไปเป็นครูที่นั้น แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถที่จะบอกผมได้ว่าพี่ชายเขาอยู่ที่ไหน เพราะว่าต้นไม่ต้องการให้ผมตามหาเขา

       ทำไมนะต้นทำไมเราไม่หันหน้ามาคุยกัน ทั้งที่ผมรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว หมอดาวิกาก็สารภาพกับผมแล้ว และผมก็ถอนหมั้นเขาไปแล้วด้วย เหลือแค่ ต้น อย่าบอกนะว่าคุณเปลี่ยนไปแล้วและมีความสุขกับการที่คุณมีครอบครัวที่เหมือนเช่นคนปกติเขาทำกันจริงๆ 

      “สวัสดีค่ะคุณหมอ นี้น้องนินิวค่ะ ภูมิแพ้กำเริบอีกแล้วค่ะ “ ผมหันเจอคนไข้ประจำของผมเด็กผู้หญิงอายุสี่ขวบ ป่วยเป็นเฮย์ฟีเวอร์ มีอาการคันหู คันตา ไอจาม น้ำหูน้ำตาไหล น้องไม่ได้เป็นมากแค่ทานยาก็ดีขึ้นแต่คุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายายพากันจิตตกเป็นนิดเดียวก็พามาหาหมอหล่ออย่างผมทันที โดยไม่ห่วงค่าลงตรวจของหมออย่างผมที่ว่าแพงก็ยังขยันมา 

      “ผมดูจากอาการแล้ว น้องคงแพ้เกสรดอกไม้เหมือนเดิม รอให้น้องอายุครบห้าขวบผมจะแนะนำให้น้องฉีดวัคซีนภูมิแพ้นะครับ วันนี้รับยาภูมิแพ้ไปทานเหมือนเดิม ตัวเดิมนะครับ “ ผมพูดบอกคุณแม่ของเด็ก
 

      “คุณหมอภีมค่ะ มีสายเข้าจากคุณนครินทร์ที่เป็นหลานคุณหมอนะคะ ต้องการพูดสายกับคุณหมอด่วนค่ะ” ผมกำลังตรวจคนไข้เด็กอยู่แม้ว่าจะเป็นเคสสุดท้ายแล้วก็ตาม  ผมก็พยักหน้า ผมก็เขียนใบสั่งยาให้ทันที ถ้ามาด่วนแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องแน่ๆ ผมส่งกระดาษให้พยาบาลเข้าไปคีย์ยาที่ผมสั่งเข้าระบบสั่งยา

      “เดี๋ยวรบกวนรอใบสั่งยากับน้องพยาบาลนะครับ “ ผมบอกคนไข้พยาบาลเดินตรงเข้ามาพาคนไข้ออกไปอย่างงงๆ ผมรีบหันไปกดรับสายนอกจากหลานชายของผมทันที  หลานคนโตลูกชายพี่สาวคนโต ที่อายุห่างจากผมรอบหนึ่ง หลานชายผมคนนี้เป็นเป็นทหารที่สามจังหวัดในพื้นที่มีความเสียงมากทางใต้ ไม่รู้ประชดอะไรพ่อเขาซิ ตัดสินใจไปโดยที่ใครก็ห้ามไม่อยู่
 

   “ว่าไงรินทร์” ผมกดรับสาย

   “อาภีม  ฮือๆ “ เสียงที่กรอกสาย พร้อมเสียงสะอื้นร้องไห้ ทำเอาผมผู้เป็นอาตกใจมากเช่นกัน

   “รินเป็นอะไรนะ ร้องไห้ทำไม” ผมถามคนปลายสายด้วยท่าทีร้อนรน

   “ อาภีม แฟนผมโดนยิงอ่ะ ผมจะย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลอาภีม แฟนผมโดนยิง อาภีมต้องช่วยแฟนผมนะอาภีม ฮือๆ” ผมอึ่งไปหมด แฟนคนไหนว่ะ ผมรู้แค่ว่ามีผู้หญิงที่มันต้องแต่งงานด้วย แค่นั้น

   “รินทร์ พูดให้อาเข้าใจซิ พูดไปร้องไห้ไปด้วยอาฟังนายไม่รู้เรื่อง รินทร์! ” ผมพูดกลับหลานชายผม เสียงดังจากภายนอก ฟังแล้วน่าจะอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ด้วยซ้ำ  ผมถึงกับกุมขมับตัวเอง

   “ว่าไงรินทร์!” ผมถามหลานชายผมอีกครั้ง

   “แฟนผมที่เป็นนายทหารอ่ะครับอาหมอ “

   “ นายมีแฟนที่ไม่ใช่คนที่จะแต่งงานเหรอรินทร์และเป็นนายทหารอีก” ผมถามรินทร์ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากแถมเป็นผู้ชายอีกต่างหาก งานเข้าผมละซิ พี่เขยอาจจะมองว่าผมคือตัวอย่างให้ลูกชายเขาอีกแม้ว่าเขาจะไม่ได้รังเกียจผมก็ตาม 

   “ใช่ครับอา ผมให้เขารีเฟอร์ไปที่โรงพยาบาลอาตอนนี้เลยนะ ผมเชื่อว่าอาช่วยเขาได้ เขาปกป้องผมนะอา ฮือๆ”

    “ตอนนี้ เฮลิคอปเตอร์กำลังจะไปลงที่ลานจอดที่โรงพยาบาลแล้วครับอา” นครินทร์บอก
ผม ให้มันได้อย่างนี้ซิหลานชายผม อย่างนี่พี่เขยผมคงได้ด่าผมอีกแน่ๆ ผมรู้จากแม่ผมมาว่านครินทร์ดูแล้วจะมีความเสียงมานานแล้ว  ก็มันเล่นไม่จีบใครเลยจนกระทั้งได้บรรจุเป็นทหารและนครินทร์ก็ถูกจับคุมถุงชนให้แต่งงานเช่นกัน

   “ผมขอร้องนะอา ผมไม่เคยขอะไรอาเลย  ช่วยแฟนผมนะอาหมอ ” น้ำเสียงที่บ่งบองว่าเขาเป็นห่วงคนรักของเขามากแค่ไหน

   “โอเคอาจะช่วยให้ถึงที่สุด เดี๋ยวเจอกันรินทร์” ผมพูดและกดวางสาย และผมก็กดเบอร์โทรที่ห้องฉุกเฉิน ผมคิวด่าเขาน่าจะได้ข้อมูลบ้างละที่จะมีคนไข้รีเฟอร์มาทางเฮลิคอบเตอร์ 

   “สวัสดีครับ ผมหมอภีมปภพ ไม่ทราบว่าทางห้องอีอาร์ได้รับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคนไข้ที่ถูกยิงอาการสาหัสมาใหม่ครับ น่าจะเป็นนายทหาร” ผมถามพยาบาลที่รับสาย

   “เพิ่งจะได้รับข้อมูลทางแฟล็กซ์ว่าจะมีคนไข้รีเฟอร์มาด่วนค่ะคุณหมอ คนไข้เป็นทหารชื่อก้องภพค่ะ โดนยิ่ง ทั้งหมด  7 นัดค่ะ มีเข้าจุดสำคัญสองนัดค่ะ คนไข้ต้องได้รับการผ่าตัดด่วนค่ะ แต่เราต้องหาเลือดสำรองก่อนนะคะ คุณหมอ”

   “แล้วทีมแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดละครับ”

   “กำลังประสานงานกับห้องผ่าตัดอยู่นะคะ ว่ามีแพทย์คนไหนลงค่ะคุณหมอ”

   “เอาใหม่ เรียกแพทย์เฉพาะทางลงให้ผมหน่อย บอกว่าผมสั่ง เพราะว่าคนไข้คนนี้อยู่ในการดูแลของผม ผมต้องการทีมแพทย์ระดับอาจารย์ ตามให้ผมด่วน” ผมพูดออกคำสั่ง

   “ได้ค่ะคุณหมอ” ผมก็รีบวางสายทันที
   
   “คุณอ้อม ผมจะไม่เข้าห้องตรวจแล้วนะ ถ้ามีคนไข้ที่มาใหม่ ไม่ได้นัดไว้ก่อน รบกวนส่งไปห้องหมอไทม์ให้ผมเลยนะครับ” ผมพูดบอกพยาบาลหน้าห้องตรวจและผมก็รีบเดินไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที ผมคิดว่าคนไข้น่าจะมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ไม่รู้ว่าโดนยิงมาจากไหนถึงได้นั่งเฮลิคอปเตอร์มาลงที่นี้เลย

   “อาภีม” นครินทร์ที่วิ่งมาหาผม เขามาพร้อมกับชุดทหารที่ดูแล้วเลอะเทอะเลือดมือไม้ก็เปื้อนเลือดไปหมดเช่นกัน


   “อาภีมช่วยเขาด้วยนะ เขาช่วยผมอ่ะ เขาเอาตัวบังกระสุนให้ผมอ่ะ  ฮือๆ” ผมพยักหน้าว่าได้ ผมก็รีบเดินตรงเข้าไปยังห้องฉุกเฉินทันที 

   “แม่ รินทร์ขอโทษครับ แม่ รินเป็นต้นเหตุให้ก้องถูกยิง ฮือๆ ” ผมได้ยินเสียงนครินทร์เรียกใครสักคนว่าแม่ แต่ประตูห้องฉุกเฉินปิดลงซะก่อน ดูในห้องฉุกเฉินตอนนี้ยุ่งมาก ทุกคนวิ่งกันจ้าละหวั่นไปหมด ไม่บ่อยเลยที่จะมีเคสถูกยิงมาและมาแบบสาหัสสะด้วย ผมก็เดินไปหาพยาบาลและสวมถุงมือทันที ผมเปิดผ้าม่านเข้าไป พบว่าเป็นนายทหาร ดูท่าจะเสียเลือดมาก มีแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินรุมอยู่สามคน เจ้าหน้าที่พยาบาลพากันหยิบนั้นยิบนี่เพื่อช่วยหมอ  ตอนนี้มีการเตรียมที่จะสอดใส่ท่อช่วยหายใจคนไข้น่าจะมีเลือดคั้งข้างในเริ่มหายใจไม่ลำบาก มีหมอประจำที่ห้องฉุกเฉินกำลังพยายามห้ามเลือดคนไข้ก่อน

      “ผมต้องระบายเลือดที่คั้งออกก่อน” ผมพยักหน้า

      “และผมคิดว่าเขาควรจะได้รับการผ่าตัดคืนนี้เลยครับคุณหมอภีมแต่เราต้องสำรองเลือดให้พอก่อน คนไข้เลือดกรุ๊ป โอครับ ตอนนี้เรากำลังทำเรื่องขอเลือดจากสภากาชาดไป เลือดจะเดินทางมาถึงประมาณ สี่โมงเย็นครับ เพราะว่ารอว่าจะมีคนบริจากเพิ่มใหม่นะครับ คนไข้ต้องใช้หลายถุง นี้เราก็เติมให้ไปก่อนแล้วหนึ่งถุงนะครับ”  ผมพยักหน้ากับนายพยาบาลที่เป็นคนอยู่เวรวันนี้ ว่าให้เขาดำเนินการได้เลย

      “ผมคิวว่าเราควรจะผ่ากระสุนที่ไม่สำคัญออกก่อนส่วนจุดที่สำคัญ ทีมแพทย์เฉพาะทางผมกำลังเดินทาง เขาเป็นระดับอาจารย์กัน “ผมพูดขึ้น ดูแล้วมีสองนัดที่น่าจะสำคับที่ช่องท้องกับใต้ไหปลาร้าลงมา

      “ถ้าอย่างนั้นเคลื่อนย้ายคนไข้ขึ้นห้องผ่าตัดเลยนะครับ” หมอกันแพทย์รุ่นร้องผมอีกทีที่มาทำหน้าที่แพทย์พาร์ทไทม์ให้ผมวันนี้ หันมาบอกผมและเจ้าหน้าที่  ผมเหลือบไปเห็นว่าคนไข้ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขามองผมและและขยับมือเหมือนจะบอกอะไรบ้างอย่าง จะว่าไปผมว่าใบหน้าของเขาคุ้นๆนะ แต่ว่าตอนนี้มั้นปกคลุมไปด้วยหน้ากากกับท่อที่ต่อกับลูกบอลลูนสีเขียวเพื่อช่วยคนไข้หายใจ ผมหันไปเพื่อจะแฟ้มคนไข้ขึ้นมาดูว่านายทหารคนนี้ชื่อนามสกุลอะไร ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ผมจำเสียงนั้นได้ดี พี่เขยผมเอง นายทหารชั้นผู้ใหญ่

      “กลับบ้านเดี๋ยวนี้นะรินทร์ แกต้องแต่งงาน ฉันไม่สนว่ามันช่วยแกไหมแต่แกต้องแต่งงาน” ผมรีบวางแฟ้มคนไข้ก่อนและวิ่งออกไปที่หน้าห้องฉุกเฉินทันที  ผู้ชายร่างสูงใหญ่กำลังยืนชี้หน้าหลานชายผมด้วยความเกลี้ยวกาด นั้นคือพ่อของนครินทร์ที่เป็นพี่เขยของผม  พ่อของนครินทร์พยาบามดึงรั้งลูกชายให้ออกไปจากตรงนี้แต่นครินทร์ก็ทำท่าไม่ยอมไป

      “อาหมอ “ นครินทร์เรียกผม ผมเดินเข้าไปและยกมือไหว้พี่เขยทันที

      “พี่ทินครับ พี่ใจเย็นๆก่อนนะครับ มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะครับ”

      “เย็นอะไร ดูซิ นี้มันจะทำแบบแกแล้วเห็นไหมไอ้ภีม มีใครที่ไหนเขารักกับผู้ชาย มึงมันทำแบบอย่างให้หลานมึงดูไง” 

      “ของแบบนี้ไม่มีใครเลียนแบบได้หรอกพี่ ผมเองก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด และผมก็ไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้ใคร  ส่วนนครินทร์ เขาก็เป็นของเขามานานแล้ว พี่นะควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเรา และคนคนนี้มันก็ลูกของพี่เอง “

      “และการที่จะไปบังคับให้เขาพยายามไม่เป็นตัวเองของตัวเอง คนที่อึดอัดก็ไม่ใช่ใคร ลูกพี่เอง และตัวพี่เอง ที่ไม่มีความสุข ทำไมไม่ปล่อยเขามีความสุขในแบบที่เขาเป็นละ” ผมพูดกับพี่เขย เขามองหน้าผมด้วยความโกรธที่ผมไม่ยอมเข้าข้างเพื่อจะเกลี่ยกล่อมหลานชายผมให้กลับไปใช่ชีวิตปกติ โดยการแต่งงานมีครอบครัวที่เขาต้องการ 

      “กูไม่สน มันต้องไปแต่งงาน ไปเดี๋ยวนี้”

      “ฮือๆ คุณย่า เอิร์ธกลัว” ผมได้ยินเสียงเด็กผู้ชายร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที คงตกใจเสียงพี่ชายผม ผมหันไปมอง ผมก็ต้องนิ่งและเพ็งมองอีกที ทำไมพอผมเห็นใบหน้าเขาแล้วผมกลับเห็นใบหน้าของใครสักคนลอยมา

      “ไปแล้วลูก อาก้องมาแล้ว”

      “คุณแม่คนไข้ใช่ไหมค่ะ เราจะพาคนไข้ขึ้นไปห้องผ่าตัดตอนนี้เลยนะคะ”

      “ได้ค่ะ งั้นแม่ตามขึ้นไปด้วยนะคะ “ ตอนนี้คนไข้กำลังถูกเคลื่อนย้ายขึ้นไปและนครินทร์ทำท่าจะขึ้นไปด้วยแต่โดนดึงรั้งเอาไว้จากผู้เป็นพ่อซะก่อน

      “ฉาด!” เสียงฝามือกระทบใบหน้าของนครินทร์ ผมหันกลับไปมองนี่พี่เขยผมเขาทำร้ายลูกชายตัวเองเลยเหรอ ผมก็คงทนดูไม่ได้เช่นกัน

      “อย่าภีม แม่จัดการเอง แม่ขอนะ อย่าทำให้เป็นเรื่องเป็นราวมากไปกว่านี้เลย พี่สาวเรากำลังขับรถมาคงพอหยุดได้บ้าง “ แม่ผมรีบเข้ามาห้ามปรามผม เพราะรู้ว่าผมนะเป็นคนยังไง ผมเองก็มองนครินทร์และเดินหันหลังออกซะก่อนที่ผมเองก็อาจจะทนไม่ได้ขึ้นมา เรื่องอาจจะไปกันใหญ่จริงๆอย่างที่แม่ผมพูดดังนั้นจึงควรรอให้พี่สาวคนโตผมมาจัดการเอง 

       ผมรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เพื่อตามขึ้นไปดูคนที่นครินทร์ฝากให้ผมดูแลที่เขาบอกว่าเป็นแฟนเขาและเป็นคนที่เอาตัวเข้าปกป้องเขา ถ้าไม่ใช่คนที่รักเขาจะทำแบบนี้เหรอ ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับพ่อของนครินทร์ที่เห็นแก่หน้าตาทางสังคมจนมองข้ามความรู้สึกของลูกตัวเอง    ผมนี้รู้สึกสงสารนครินทร์หลานชายผมมาก ที่พ่อแม่ไม่เคยเข้าใจเขาเลย ถึงพ่อแม่ผมจะไม่เข้าใจผมก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เหมือนพ่อแม่ผมก็พยายามปรับจูนจนท่านเริ่มยอมรับสิ่งที่ผมเป็น แม้ว่ามันจะสายไปก็ตาม

       ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ผมก็รีบสับเท้าออกอย่างรวดเร็วและตรงดิ่งไปยังห้องผ่าตัดโดยไม่ได้มองคนที่นั่งอยู่ด้านนอก ผมเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ก็ทราบว่า นายแพทย์กีรติเป็นแพทย์ประจำห้องผ่าตัดวันนี้และเป็นแพทย์ที่ชำราญการมีประสบการณ์ในการผ่าตัดมาเยอะพอสมควร ผมก็โล่งใจไปอีกเปาะหนึ่ง

      “คุณหมอแจ้งว่าคนไข้อาจจะต้องผ้าตัดรอบสองกับหมอเฉพาะทางค่ะ” ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมคงต้องรอคุยกับหมอเฉพาะทางซะก่อน
   
      //อาหมอ ผมฝากแฟนผมด้วยนะครับ // ข้อความจากนครินทร์หลานชายคนโตของผม

      //อาจะดูแลให้รินทร์ ไม่ต้องเป็นห่วง กลับบ้านไปก่อนนะ อาจะคอยส่งข่าวให้เป็นระยะ แฟนเราต้องไม่เป็นอะไร เชื่อใจอานะ “ ผมส่งข้อความตอบกลับและเดินออกมาที่หน้าห้อง ผมเห็นมีผู้หญิงเลยวัยกลางคนนั่งอยู่กับเด็กที่ผมรู้สึกคุ้นๆหน้า  เด็กน้อยกำลังงอแง

      “ฮึกๆ “ ร้องไห้สะอึกสะอื้นน่าดู

      “ไม่เอาอย่าร้องซิ เดี๋ยวพ่อก็มาแล้วเอิร์ธและนี่อาก็กำลังขับรถมา ถ้าอามาถึงย่าให้อามารับเราก่อนนะลูก “

      “สวัสดีครับ เป็นคุณแม่ของคนไข้ที่ถูกยิงใช่ไหมครับ”ผมถามคุณป้า

      “ใช่ค่ะ ลูกชายดิฉันเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ ช่วยลูกดิฉันด้วยนะคะ” คุณแม่ของคนไข้พูดไปน้ำตาก็ไหลไปด้วย

      “ผมจะช่วยให้สุดความสามารถครับ ตอนนี้เราผ่าตัดเฉพาะที่ผ่าตัดได้ไปก่อนนะครับ และเราก็ต้องรอทีมแพทย์เฉพาะทางมาทำการผ่าตัดอีกทีนะครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ผมพูด และมองเด็กน้อยไปด้วย ผมก็เป็นคนรักเด็กปกติ แต่เด็กคนนี้ทำไมมีบางสิ่งที่ผมรู้สึกละสายตาจากเขาไม่ได้เลยจริงๆ อยากมองเขาบ่อยๆ

      “ขอโทษทีนะคะ หลานชายนะคะ พ่อแม่เขาเลิกกัน ก็เลยต้องพามาด้วยค่ะคุณหมอ “ ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ ผมส่งยิ้มอ่อนๆให้กับเด็กน้อยที่เอาแต่กอดย่าร้องไห้งอแง

      “น้องดูท่าจะหิวหรือเปล่าครับ” ผมถามผู้เป็นย่ากลับ

      “น่าจะหิวค่ะ แต่ แม่เป็นห่วง….”แม่แฟนของนครินทร์พูด และพยักเพยอไปในห้องผ่าตัด ผมก็พยักหน้าว่าเข้าใจแน่ละใครจะมีอารมณ์เดินไปหาของทานกันละตอนนี้ 

      “นี่รอพ่อเขามาค่ะเห็นบอกว่าใกลจะถึงแล้วค่ะ อีกหนึ่งชั่วโมงได้ค่ะ”

      “เออ คือ ผมว่าจะลงไปหาอะไรทานอยู่แล้ว  ผมพาน้องไปหาอะไรทานก่อนไหมครับ เพราะว่าถ้าให้รอหนี่งชั่วโมงนี้คงจะหิวแย่แน่ๆครับคุณแม่”

      “คุณแม่ไว้ใจผมได้ครับ ผมเป็นหมอลูกเจ้าของโรงพยาบาลนี้ ผมไม่ขโมยหลานคุณแม่หรอกครับ เพราะว่าผมเองก็เลี้ยงเด็กไม่ค่อยเป็น” ผมพูดปนขำกับผู้หญิงตรงหน้า

      “ไปหาอะไรทานกับคุณหมอก่อนนะลูก ย่าต้องอยู่ตรงนี้ดูอาก้องเรา และเดี๋ยวพ่อเราก็มาแล้ว”ย่าของเด็กบอกเด็กน้อยว่าพ่อของเขาจะมาแล้ว เด็กน้อยเงยนหน้ามองผมและผมก็ยื่นมือไปขอจูงมือเด็กน้อยทันที ผมรู้สึกแปลกใจว่าทำไมผมเห็นใบหน้าใครสักคนซ้อนเข้ามาตลอดเวลาทุกครั้งที่เขาแหงนหน้าขึ้นมามองผมเป็นระยะๆ

      “เดี๋ยวผมพามาส่งคืนให้นะครับ  เออผมได้ระบุห้องพิเศษเอาไว้ให้นะครับ เพื่อว่าคุณแม่จะได้พาหลานเข้าไปพัก เพราะว่ายังไงกึคงใช้เวลานานแน่ๆ และคนไข้อาจจะต้องพักฟื้นในห้องไอซียู หลังจากทำการผ่าตัดใหญ่นะครับ” ผมพูด สีหน้าผู้เป็นแม่ก็ดูเศร้าลงในทันที

      “แต่ผมเชื่อว่าทีมแพทย์ผมจะทำการช่วยเหลือคนไข้อย่างสุดความสามารถครับ” ผมพูดบอกผู้เป็นแม่ และผมก็จูงเด็กน้อยที่เงยหน้ามองผมตาแป้ว เดินจับมือผมแน่น ผมพาเข้ามาในลิฟท์ และพาเดินมาหยุดที่ร้านกาแฟแบรนด์ดังที่มาตั้งอยู่ในโรงพยาบาลของพ่อผม

      “ทานอะไรดีครับ”ผมย่อตัวลงถามเด็กน้อย เด็กน้อยมองผมและทำท่าคิด ท่าทางของเขามันทำให้ผมเห็นภาพต้นคระการได้ชัดเจน

      “น้องเอิร์ธอยากกินเค้กได้อะเปล่า” เด็กน้อยถามผม ผมก็ลืมถามชื่อจากคุณย่า อ้อนี้เขาชื่อเอิร์ธเหรอ ทำไมมันช่างประจวบเหมาะจริงๆ เพราะว่าผมเคยคุยกับต้นตระการว่า ผมอยากมีลูกและผมจะมีแฝดเป็นลูกผมหนึ่งคนลูกต้นหนึ่งคน ในตอนนั้นมันเหมือนฝันกลางวันและ ต้นเขาบอกว่าเขาชอบชื่อเอิร์ธ ถ้ามีลูกเขาจะให้ใช้ชื่อนี้

      “ได้ซิครับ ว่าแต่ทำไมถามอาหมออย่างนั้นละ “ ผมย่อตัวลงถามเอิร์ธ เอิร์ธหลุบตาลงเหมือนทำความผิดมายังไงก็ไม่รู้

      “อาหมอไม่ดุหรอกครับ แค่อยากรู้ว่าทำไม “ ผมถามน้องเอิร์ธ

      “พ่อบอกว่าไม่ให้เอิร์ธกิน เพราะว่าเอิร์ธอาจจะปวดฟัน “ เด็กน้อยบอกถึงเหตุผล ผมก็พยักหน้าเบาๆว่าเข้าใจ

      “ทานได้แต่ต้องแปรงฟันนะครับ แล้วเอาเบบี๋ชิโน่ไหม อร่อยนะ ทานกับเค้กด้วย” ผมพูด เอิร์ธเขาก็ยิ้มตาหยีให้ผม รอยยิ้มนี้มันใช่มาก นี้ผมฟุ้งซ้านมากไปหรือเปล่า  สงสัยต้องกาแฟเข้มๆสักแก้วเพื่อว่าผมอาจจะง่วงนอนช่วงบ่ายแบบนี้ 

      “สวัสดีค่ะคุณหมอ อุ้ย หลานเหรอคะ” พนักงานในร้านกาแฟนถามผมและก้มมองดูเอิร์ธ

      “ครับ” ผมตอบและก้มมองเด็กน้อยที่กำลังมองไปรอบๆ  แบบไม่คุ้นเคยกับสถานที่ และเขาก็เข้ามากอดขาผมเอาไว้ ผมก็ใช้แขนผมหนีบเขาเอาไว้เช่นกันและใช้มือลูบหัวเบาๆอย่างเอ็นดู 

      “เอาเป็นเบบี๋ชิโน่และชิฟฟอนเค้กช๊อกโกแชตให้เด็กนะครับ ส่วนผมขอเป็นเอสเปสโซ่ร้อน สกิมมิลค์” ผมบอกพนักงานที่รับออเดอร์หน้าเคาเตอร์ ขณะที่ผมกำลังจะชำระเงิน ผมเห็นเอิร์ธวิ่งไปที่ตู้เค้กและสิ่งที่เอิร์ธมองคือมาการอง มันสิ่งที่ผมไม่เคยซื้อมาทานเลยตั้งแต่ผมไม่มีต้น เพราะว่าต้นเขาชอบมากและมันทำให้ผมนึกถึงเขาทุกครั้ง

      “เอิร์ธชอบอันนี้เหรอครับ”

      “คุณพ่อชอบและเอิร์ธก็ชอบ แต่ …. พ่ออาจจะว่า” ผมก็ขมวดคิ้วว่าทำไม

      “พ่อบอกว่ามันหวานเอิร์ธอาจจะฟันผุ” ผมต้องขมวดคิ้วทันที พ่อนี้ใจร้ายจริงๆ ห้ามไปหมดแต่ผมก็แอบขำไปพร้อมๆกัน

      “ทานได้แต่เอิร์ธต้องแปรงฟัน ถ้าอย่างนั้นอาหมอสั่งให้หนึ่งกล่อง” ผมพูดและลุกขึ้นก

      “น้องครับ พี่เอามาการองหนี่งกล่องนะครับ กลับบ้านครับ”ผมบอกพนักงาน ผมชำระเงินเรียบร้อยก็พาเอิร์ธมานั่งที่โต๊ะ เขานั่งตรงข้ามผม แววตาใสซื่อคู่นั้น

      “ได้แล้วค่ะขนมกับกาแฟน และเบบี๋คาปูชิโน่ค่ะ” พนักงานนำมาเสริฟให้ที่โต๊ะ ดูเอิร์ธตื่นเต้นน่าดู ผมก็เอามือลูบหัวเบาๆ   ผมไม่ลืมที่จะเป่าให้ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ร้อนเกินไป เอิร์ธทานอย่างเอร็ดอร่อย ดูแล้วน่าจะหิวด้วย และยกแก้วเบบี๋ชิโนดื่มจนริมฝีปากเลอะฟองนม ทำให้ผมอดขำไม่ได้อีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู้มาเช็ดปากให้เขาทันที

      “พี่หมอภีมค่ะ”เสียงที่ทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง นี้ผมไม่ได้ยินมาเกือบสองเดือนเช่นกัน ผมก็นึกว่าเขาคงไม่มาตอแยผมแล้วซะอีก คนนั้นคือคุณหมอดาวิกา อดีตคู่หมั้นของผม ผมได้ถอนหมั้นเธอไปแล้วหลังจากที่ต้นตระการแต่งงานไปได้ปีกว่าๆและผมก็ทำท่าจะไม่กลับมาไทยจะเป็นหมอที่อังกฤษเลย พ่อแม่ผมเลยต้องไปคุยกับเพื่อนของเขาและขอถอนหมั้นและนั้นก็ทำให้พ่อผมกับพ่อของหมอดาวิกาตัดขาดจากการเป็นเพื่อนกันไปในทันที  แต่ทวาหมอดาวิกาเธอก็ยังคงวนเวียนมาหาครอบครัวผมเหมือนเช่นก่อนที่จะถอนหมั้น นี้ทำให้ผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะหันไปมองหน้าคุณหมอดาวิกา 

      “พี่ภีมพาใครมาเหรอคะ เด็กนี้” หมอดาวิกาถามผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ และมองไปที่เอิร์ธ ที่กำลังเอร็ดอร่อยกับขนมเค้กที่ใกล้จะหมด เอิร์ธก็หันไปมองหมอดาวิกาเช่นกันพร้อมกับทำตาปริบๆ

      “เออ เด็กคนนี้เขามากับแม่ของคนไข้ ตอนนี้คนไข้เขาอยู่ในห้องผ่าตัดนะ เขาถูกยิงมา เขาเป็นนายทหารนะครับ หมอด้าและเป็นเพื่อนของนครินทร์หลายชายผม “ ผมบอกกับหมอดาวิกา หมอดาวิกาเธอมองเอิร์ธ

      “ดาเห็นพี่ดูแลเขาดีจัง มันทำให้ดาคิดนะคะว่าถ้าพี่มีลูกพี่คงรักเขามาก ดาเองก็อยาก….”

      “คุณหมอค่ะ มาการองที่สั่งไว้ค่ะ “ พอดีจังหวะที่เด็กในร้านถือขนมมาให้ผมพอดี ผมก็เห็นว่าเอิร์ธทานเสร็จแล้วด้วย ผมคิดว่าผมควรจะรีบลุกขึ้นและเดินออกไปก่อนจะดีกว่าเพราะว่าผมเองก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับหมอดาวิกาอีกทั้งที่เธอก็รู้ว่าผมไม่ไม่ต้องการแบบนั้นกับเธอ ต่อให้เราเคยหมั้นหมายกันก็ตาม  และหมอดาวิกาเธอก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่ต้องการใครนอกจากต้นตระการ  ต่อให้ผมจะยังหาเขาไม่เจอก็ตาม ผมก็จะรอเขาหรือไม่ก็อยู่คนเดียวแบบนี้

      “พี่ต้องพาน้องกลับไปหาคุณย่าของน้องเขาแล้วค่ะหมอดาวิกา พี่ขอตัวนะคะ” ผมพูดและลุกขึ้น ผมก็เดินอ้อมไปพยักหน้ากับเอิร์ธ

      “พี่หมอภีมค่ะ ดา…”

      “ดา พี่ขอตัวนะคะ และถ้าดามาเพื่อจะคุยกับพ่อแม่ของพี่ ในฐานะคุณลุงคุณป้า ท่านอยู่ห้องฝ่ายบริหารค่ะ พี่ไปนะคะ”  เอิร์ธกระโดดลงมาและหันไปมองหมอดาวิกาเหมือนเขาจะมีคำถามแต่ผมก็จูงมือเอิร์ธรีบเดินออกมาซะก่อน

      “ทำไมพี่ภีมไม่คิดจะให้โอกาสดาบ้าง ดาก็จะรอพี่อยู่แบบนี้ เหมือนกัน” หมอดาเธอก็เดินตามผมออกมาเช่นกัน ผมหยุดก่อนจะหันไปมองหน้าเธอ สีหน้าที่บ่งบอกว่าเธอเสียใจแต่ว่าผมคงพูดได้แค่

      “ตามใจดานะ พี่พูดแล้ว พี่ไม่อยากพูดซ้ำอีก พี่ไม่เคยรักใครนอกจากต้นตระการ พี่ก็บอกกับดาตั้งแต่ตอนที่ผู้ใหญ่จะให้เราหมั้นกันแล้วว่า พี่รักดาไม่ได้แต่พี่จำเป็นถ้ามันคือทางเดียวที่พี่จะปกป้องต้น”ผมพูด      หมอดาวิกามองหน้าผมนิ่งๆ

      “ แต่ว่าตอนนั้นพี่คิดผิด ที่ให้ดาช่วย แต่ดาเองกลับเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นมาพรากต้นไปจากพี่ ” ผมพูดไม่ดังมันเบาแต่ดาวิกาได้ยินชัดเจน ผมรีบจูงมือเอิร์ธเพื่อเดินออกจากตรงนั้นทันที และจู่ๆเอิร์ธก็หยุดเดินเอาดื้อๆ

      “อาหมอไม่น่ารักเลย อาหมอทำคุณน้าคนสวยเสียใจ พ่อบอกเอิร์ธว่าอย่าทำให้ผู้หญิงเสียใจมันไม่ดี ไม่น่ารัก” น้องเอิร์ธพูด ผมก็มองหน้าเอิร์ธ

      “ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็เหมือนกันครับไม่ควรจะทำให้ใครเสียใจเช่นกัน แต่อาหมอไปปลอบเขาไม่ได้หรอกนะครับ เพราะว่าเขาไม่ใช่แฟนอาหมอ อาหมอมีผู้ชายที่อาหมอรักแล้ว “ ผมพูด เอิร์ธทำตาโตและทำท่าคิด

      “เหมือนคุณอาของเอิร์ธอะเปล่า มีแฟนเป็นผู้ชาย แม่ชอบบอกว่าน่าเกลียดแต่เอิร์ธก็รักอานะอาหมอ” เด็กน้อยพูด ผมก็ต้องถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม นี้แม่เขาทำไมสอนลูกเขาแบบนี้ละ


      “เอิร์ธครับ ผู้หญิงหรือผู้ชายทุกคนมีสิทธิ์มีความรัก ดังนั้นผู้ชายก็มีสิทธิ์ที่จะรักกันได้ครับ ไม่ผิด ไม่น่าเกลียด” ผมบอกเด็กน้อยที่เงยหน้ามองผมด้วยท่าที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ

      “ผู้ชายด้วยกันนะเหรอครับ”

      “ใช่ครับ ผู้ชายด้วยกันก็รักกันได้ ผู้หญิงด้วยกันยังรักกันได้เลย เพราะว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรักกันครับเอิร์ธ”ผมบอกเด็กน้อย เขาก็ยังทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ ผมถึงกับต้องใช้ฝ่ามือผมหยีหัวน้อยๆนั้นเบาๆ

      “ตอนนี้เอิร์ธยังเด็ก เอาไว้เอิร์ธโต เอิร์ธจะเข้าใจว่าโลกนี้มีความรักอยู่หลากหลายไม่ใช่แค่ชายหญิง แต่มันมีไว้สำหรับทุกคน ทุกเพศ และทุกวัย เช่นตอนนี้ อาหมอก็ตกหลุมรักเราซะแล้ว เอิร์ธ” ผมพูดและมองหนุ่มน้อยของผมที่เดินตามการจูงของผมไปจนเกือบจะถึงลิฟต์

   “ไปครับ  เอิร์ธลิฟต์มาแล้ว อาหมอจะได้พาไปส่งคืนย่าเรา ป่านนี้ย่าเป็นห่วงแล้ว” ผมพูดบอกเอิร์ธและส่งกล่องขนมมาการองให้ เพราะเด็กน้อยเอาแต่จ้องกล่องขนมอยู่ ผมจูงเอิร์ธเข้าไปในลิฟท์ทันที หลังจากที่คนด้านในเดินออกมากันจนหมด ขณะที่ผมกำลังจะกดปิด จู่ๆเอิร์ธวิ่งแทรกลิฟท์ออกไป ผมก็ใช้มือกันไว้และวิ่งไปคว้าแขนเอิร์ธไว้ได้ทัน ผมเกือบได้ทำลูกใช้เขาเองแล้วไหมละ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากตอนพิเศษของพี่ต้นและหมอภีมด้วยนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0


 หมอภีมปภพ


ต้นตระการ 
Credit เจ้าของภาพด้วยนะคะ
 EP.พิเศษ หมอภีมปภพกับพี่ต้นตระการเจอกันแล้ว

       ผมชื่อต้นตระการ ผมเป็นพี่ชายคนโตของครูเขมชาติ ตอนนี้เป็นปลัดอำเภออยู่อำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ แถมตอนนี้ได้เป็นพ่อลูกอ่อน มีลูกติดหนี่งคนชื่อน้องเอิร์ธ และผมเพิ่งจะหย่าขาดจากเกศรินทร์  ผู้หญิงที่ผมเคยคิดจะคบเป็นแฟนแต่จู่ๆเธอก็ขาดการติดต่อไปจากผมและไปกับแฟนใหม่ ต่อผมาก็ได้เจอหมอภีมปภพและนั้นก็ทำให้ผมค้นพบว่าจริงๆแล้วผมเป็นแบบไหน แต่ความรักของผมกับหมอภีมก็ต้องแยกจากกันเพราะว่าเกศรินทร์เธอกลับมาและเธอก็ทำให้ผมต้องจำใจรับบผิดชอบเธอด้วยการแต่งงาน แต่ผมเชื่อว่าเอิร์ธคือลูกที่มาจากเลือดเนื้อของผม ดังนั้นต่อให้ผมเลิกกับเขาแล้วผมก็ยังคงเลือกที่จะอยู่กับลูกของผม

            ช่วงนี้ผมยุ่งๆก็เลยส่งเอิร์ธมาอยู่กับแม่ของผมที่กรุงเทพได้สองอาทิตย์แล้ว เพราะว่าไม่มีใครช่วยดู เอิร์ธไม่ยอมเอาเกศรินทร์เลยและเกศรินทร์ก็กำลังปลูกต้นนักกับนัการเมืองท้องถิ่น ผมก็ยินดีด้วยถ้าเขาจะเจอรักใหม่ เพราะเรื่องของผมกับเขามันจบลงไปแล้วแม้จะจบแบบไม่สวยก็ตาม

            ขณะที่ผมกำลังจะเตรียมตัวไปทำงาน จู่ๆผมก็ได้รับสายจากหัวหน้าหน่วยที่ทำงานกับก้องภพโทรมาบอกผมว่าน้องชายผมถูกยิงขณะที่ปฏิบัติหน้าที่และกำลังถูกนำส่งมายังโรงพยาบาลที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของอาของนครินทร์  ผมก็ไม่รอช้ารีบไปจองตั๋วบินมากรุงเทพทันที และโชคดีที่ได้ตั๋วที่มีคนขอยกเลิกการเดินทาง ผมทั้งกังวลและเป็นห่วงก้องภพน้องชายผมมาก ผมเคยบอกเขาแล้วว่าไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องไปอยู่ที่พื้นที่เสียงอันตรายแบบนั้น แต่ก้องเขาเคยเสียเพื่อนรักเขาไปจากการที่ถูกจับให้ลงที่นั้น เขาเลยต้องไป ผมว่ารอบนี้ผมต้องบังคับเขาแล้วแหละให้อยู่ที่อื่นที่ไม่พื้นที่เสียงแบบนั้นให้ได้ ในฐานะพี่ชายคนโต   

            “ครับแม่ ผมมาถึงแล้วครับ ห้องผ่าตัดเหรอครับ ก้องต้องผ่าตัดสองรอบเลยเหรอครับแม่ “ ผมถามแม่รดา เพราะว่าตอนนี้ผมบินตรงมาตากเชียงใหม่ด่วน น้องชายคนที่สองผมโดนยิงอาการค้อนข้างสาหัส แม่ผมบอกว่าน้องผมโดนไปเจ็ดนัด ผมนี้เข่าทรุดเลย ผมไม่อยากให้ก้องไปอยู่ที่เสียงแบบนั้นอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้ก้องจะฟังผมบ้างไหม

            “ขึ้นมาคุยกันข้างบนนะต้น “ แม่บอกผม ผมก็กดวางสายและสายตาผมก็เหลือบไปเห็นลิฟท์แต่ว่ามันกำลังเลื่อนปิด คงวิ่งไปไม่ทัน

            “พ่อต้น!!” ผมได้ยินเสียงลูกชายของผมเอิร์ธ และเขาก็วิ่งออกมาจากลิฟท์ ผมก็ตกใจ วิ่งไปหาลูกทันที ผมวิ่งไปก็คว้ามข้อมือเอิร์ธเอาไว้ได้ แต่ว่าแขนอีกข้างของเอิร์ธมีใครคนหนึ่งจับไว้เช่นกัน ผมก็เงยหน้าขึ้นมอง สายตาคู่นั้น ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาสี่ปีกว่าแล้วก็ตาม แต่ผมก็จำได้ดี

            “ ภีม”  “ต้น” เสียงที่เรียกชื่อออกมาพร้อมกัน มันเป็นภาพที่หยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งหยุดนิ่งทั้งทีผู้คนรอบด้านก็ยังคงเคลื่อนไหวแต่ผมกับเขากับมองตากันแบบไม่ละสายตา ผมไม่คิดว่าผมจะเจอเขาอีกในโลกที่ขว้างใหญ่แบบนี้

            “เอิร์ธ ทำไมไม่อยู่กับย่า” ทันทีที่ผมได้สติ ผมก็รีบถามเอิร์ธด้วยน้ำเสียงที่ดุ เอิร์ธทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

            “ ผมพาเขาลงมาเอง เพราะว่าเขาหิวเขาร้องไห้งอแงและคุณย่าเขาก็เป็นห่วงลูกชายที่ถูกยิงอยู่ในห้องผ่าตัดด้วย” หมอภีมปภพบอกผม

            “ นี้ลูกต้นเหรอ” หมอภีมปภพถามผม ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ยังจำเขาได้ดี แต่ผมกลับเป็นฝ่ายไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ 

            “ต้น” หมอภีมปภพเรียกผมอีกครั้ง

            “หมับ”เขาจับแขนผมและอุ้มเอิร์ธตัวลอยขึ้นด้วยมือข้างเดียว และรีบดึงผมเข้าไปในลิฟท์ พร้อมกับกดปิดลิฟท์รัวๆ จนประตูลิฟท์เลื่อนเข้าหากันปิดสนิท ผมยืนผิงผนังโดยมีเอิร์ธยืนอยู่ระหว่างผมกับหมอภีมปภพ เขาจะรู้ไหมนะว่าผมบอกกับเขมชาติว่าให้ปิดเรื่องของผม เขมชาติเจอภีมปภพตอนที่เขาไปทำแผลที่โรงพยาบาลเขาใหญ่

            “ต้น คุณหนีผมทำไม “ หมอภีมปภพหันหน้ามาถามผม เขาเลื่อนตัวเข้าหาผม

            “ผมไม่ได้หนี “ ผมตอบเบาๆ โดยไม่ได้มองหน้าหรือกล้าสบตาเขาเลย เพราะใจผมเองที่ยังรักเขา ผมยอมรับว่าผมยังรักเขาอยู่ เพราะว่าความสุขช่วงที่ผมคบกับเขามันมีมากจนกผมตัดใจจากเขาไม่ได้แต่ว่าตอนนี้ผมต้องเลือกลูก

            “ต้น ทำไมเราไม่คุยกัน ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดต้นเลยนะ “

            “ มันแค่ ช่างมันเถอะ ผมว่าเรา” ผมกำลังจะหันมาบอกว่า เราไม่ควรเจอกันแต่ภีมเขาเบียดเข้ามาหาผมจนริมฝีปากเขาอยู่ห่างจากผมแค่ไม่กี่เซนต์

            “ผมจะไม่ยอมให้คุณไปไหนอีก ต้น “
   
            “อย่าภีม” ผมดันเขาออกเพราะว่าเขากำลังจะจูบผมทั้งที่มีเอิร์ธอยู่ระหว่างผมกับเขานี้นะ

            “หงึกๆ” ผมรู้สึกว่าเอิร์ธดึงแขนเสื้อผมและแขนเสื้อหมอภีมปภพ

            “ เอิร์ธคิดว่าพ่อต้น กับอาหมออาจจะยังไม่รู้ว่าเอิร์ธอยู่ตรงนี้ ทำไมเราต้องยืนเบียดกันด้วยอ่ะ “ เอิร์ธถามผมกับหมอภีมปภพ

            “เพราะว่าอาหมอชอบความอบอุ่น” หมอภีมปภพเป็นฝ่ายตอบคำถามเอิร์ธแทน แต่ว่าสายตาเขามองผมแบบมีเลศนัย ไม่นานลิฟท์ก็เปิดออกที่ชั้นห้องผ่าตัด พอประตูเปิดออก ผมก็คิดว่าผมควรจะรีบพาเอิร์ธออกไปจากตรงนี้ซะก่อน ผมอาจจะต้องทำเรื่องย้ายก้องภพไปอยู่โรงพยาบาลอื่นด้วยซ้ำ

            “หมับ” แขนผมถูกจับไว้โดยหมอภีมปภพ

            “น้องเอิร์ธครับ อาหมอมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพ่อต้นได้ไหมครับ” หมอภีมปภพถามเอิร์ธ ผมส่ายหัวให้เอิร์ธว่าไม่ให้

            “แล้วอาหมอจะคุยกับพ่อต้นเรื่องเอิร์ธกินขนมเค้กอะเปล่า”

            “ไม่ใช่ครับ แต่อาหมอจะขอพ่อต้นให้ว่าเอิร์ธจะแปรงฟันดังนั้นเอิร์ธจะทานเค้กได้ครับ “

            “ถ้าอย่างนั้น ก็ได้ “ เอิร์ธตอบ ผมหันมามองหมอภีมและส่ายหัวว่าผมไม่มีอะไรจะคุยแต่สายตาหมอภีมและเท้าที่ก้าวเข้ามาหาผม จนผมเองก็ต้องถอย

            “ ต้น จะไปคุยกับผมดีดีหรือ ว่าจะให้ผมจูบคุณโชว์กล่องวงจนปิด ผมยินดีที่จะเป็นข่าวฉาวในโรงพยาบาลตัวเอง แถมยังเป็นข่าวฉาวกับญาติคนไข้ ที่เป็นคุณปลัดพ่อลูกอ่อน” ผมก็ต้องอ้าปากค้าง และมองหน้าเอิร์ธที่ทำตาปริบๆ

            “ว่าไงครับ คุณปลัด”

            “ หึ?”

            “ฟู่!!!” ผมต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะหันไปมองเอิร์ธ ที่ยืนมองผม แล้วผมจะมีตัวเลือกอะไรได้อีก

            “เอิร์ธพ่อจะคุยธุรกับอาหมอก่อนนะครับ เอิร์ธไปหาย่าก่อนได้ไหม เดี๋ยวพ่อตามเข้าไปนะครับ “ ผมจำใจบอกเอิร์ธ และหันมามองหมอเจ้าเล่ห์ภีมปภพ

            “ได้ครับ แต่ เอิร์ธทานขนมรอได้อะเปล่า” เอิร์ธถามผมและโชว์ถุงขนมมาการองที่ผมชอบ ไม่ซิชอบมาก และมักจะไปนั่งทานกับคนข้างๆผมประจำ เรียกว่ามาหาผมที่หอพักต้องซื้อติดไม้ติดมือมาให้ตลอด เขาก็มองผมและยิ้ม

            “ไม่ได้เอิร์ธ “

        “ได้ครับเอิร์ธ”แต่คนข้างๆผมกลับบอกว่าได้ ผมหันไปมอง ผมนี้พ่อเขานะ

            “แล้วเอิร์ธควรจะเชื่อพ่อหรือคุณหมอดีนะ “เอิร์ธทำท่าคิด

            “เชื่อพ่อ” “ เชื่อคุณหมอครับ แต่เอิร์ธต้องแปรงฟัน ส่วนคุณพ่อนี้เดี๋ยวอาหมอคุยให้เองนะครับ รับรองว่าพ่อไม่กล้าโกรธเอิร์ธแน่นอน ตอนนี้ไปหาคุณย่านะครับ “ขณะที่ผมกำลับบอกเอิร์ธให้เชื่อผม  หมอภีมปภพก็รีบพูดบอกเอิร์ธเช่นกัน  ดูซิรีบวิ่งไปหาแม่รดาของผมทันที ทิ้งพ่อเลย เอิร์ธนะเอิร์ธ  ผมหันมามองหมอภีมปภพ เขาจับแขนผมและลากผมไปตรงบันไดหนีไฟ และดันผมเข้าไปพร้อมกับปิดประตูลง

            “หมับ” หมอภีมปภพใช้แขนตันผมเอาไว้  เขาดันผมติดไว้จนหลังชิดกำแพง ทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอ แม้จะผ่านไปหลายปีแต่ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขายังไม่เคยหายไปจากใจผมสักนิด หมอภีมไม่รอช้าเขาประกบปากผม ส่วนผมก็ไวใช้มือดันหน้าอกเขาไว้แต่มันไม่เป็นผล มือภีมปภพก็จับมือผมที่ใช้ดันหน้าอกเขาไว้และค่อยๆเลื่อนขึ้นไปไว้บนหัวไหล่ของเขา ในหัวผมก็คิดว่าผมไม่ควรทำแต่ปากผมก็เผยอรับลิ้นนั้นที่สอดแทรกเข้ามาควานหาความหวานในปากผม ผมรู้สึกว่าแขนอีกข้างของภีมปภพโอบเอวของผมเข้าหาลำตัวเขา ผมรู้สึกเสียวซ่านมากขึ้นเมื่อหมอภีมถอนริมฝีปากออกจากปากผมและฝังมันลงที่ศอกคอของผม


            “ภีม… ภีม …อย่า… พะ…พอ….. ได้โปรด…. ภีม … ผม …ไม่ควรทำแบบนี้… ภีม …ผมบอกให้หยุด!”ผมพูดห้ามปรามภีมอยู่หลายนาที จนกระทั้งผมตะเบ่งเสียงเฮือกสุดท้าย

            “ต้นผมคิดถึงคุณนะ ผมคิดถึงคุณทุกลมหายใจเข้าออกของผม คุณรู้ไหมต้น” หมอภีมปภพพูด สายตาเขาจ้องมองผม และทำท่าจะจูบผมอีกแต่ผมรีบดันไว้อีกครั้ง

            “อย่าภีม ผมขอละ อย่า เราทำแบบนี้ไม่ได้ภีม” ผมพูดและมองหน้าเขา สายตาเขาบ่งบอกได้ว่าเขากำลังเสียใจแต่ผมก็เสียใจไมแพ้กัน

            “ มีอะไรเหรอต้น หรือว่าเป็นเรื่องที่ต้นไปมีอะไรกับเกศรินทร์ ต้น ผมรู้แล้วว่าเขาทำอะไรกับคุณ ผมรู้แม้กระทั้งว่าทำไมเขาถึงได้ท้องและคุณต้องรับผิดขอบเขาต้น และที่ผมรู้อีกอย่างคือ เขาแย่งคุณไปจากผม “ หมอภีมปภพพูด ผมก็มองหน้าเขา มันจะมีประโยชน์อะไรในตอนนี้

            “ใช่ผมยอมรับว่าเขาแย่งผมไปจากคุณ แต่ มันสายเกินไปทีผมจะกลับไปหาคุณภีม” ผมพูด และดันเขาออก

            “ทำไมละต้น”
   
            “ก็ผมแต่งานและมีครอบครัวแล้ว ภีมก็เห็น ผมกลับไปไมได้”

            “คุณไม่มีครอบครัว เพราะว่าคุณลิกกันแล้วต้น” หมอภีมปภพพูดผมหันไปมองหน้าเขา เขารู้ได้ยังไง

            “คุณยังจะโกหกผมอีกเหรอต้น ในเมื่อคุณย่าเด็กที่ผมพาลงไปกับผมเพิ่งจะบอกผมว่าพ่อแม่เด็กเขาเลิกกันถึงได้ต้องพามาด้วยแบบนี้ “ หมอภีมปภพพูด

            “และเด็กคนนั้นก็คือลูกชายของคุณและนั้นก็แปลว่าคุณเลิกกับเกศรินร์แล้วต้น” หมอภีมปภพพูดเขาก็ขยับเข้ามาหาผมอีก

            “แต่ผมก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ภีม ผมมีลูก ผมต้องดูแลลูก ผมต้องทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ แล้วถ้าผมกับคุณกลับไปเป็นแบบเดิม เขาจะเป็นยังไงละภีม ” ผมพูดและมองหน้าหมอภีมปภพ

            “ต้นรู้ไหมว่าผมนะคิดถึงอนาคตของเราเอาไว้ไกลแค่ไหน ผมคิดว่าผมจะเปิดโรงพยาบาลอีกสาขาและผมตั้งใจจะแต่งงานกับคุณ และเราจะมีลูกสักคนสองคนด้วยกันโดยใช้การแพทย์เข้ามาช่วย “ หมอภีมปภพพูด ผมหันหน้าหนีเพราะว่ารู้ว่าเขาต้องการทำอะไรกับอนาคตของผมมาตั้งนานแล้ว แต่มันก็พังลงเพราะว่าผมไปมีอะไรกับเกศรินทร์

            “ถึงยังไงผมก็กลับไปไม่ได้ภีม ลูกผมยังไม่เคยรู้เรื่องที่ผมกับคุณและผมเองก็ไม่รู้ว่าลูกผมจะรับเรื่องของคุณกับผมได้มั้ย ภีม! “

            “แม้กระทั้งน้องชายของคุณ ครูเขมชาติเขาก็ไม่เคยรู้ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วต้น” หมอภีมปภพบอกผมว่าเขมรู้แล้ว ผมก็รู้แล้วเช่นกัน
 
             “ใช้น้องผมรู้แล้วเรื่องของผมกับคุณ แต่”

            “ต้น ผม รัก คุณ เหตุผลแค่นี้มันยังไม่เพียงพออีกหรือต้น และผมก็ถอนหมั้นหมอดาวิกาไปแล้วต้น ผมขอโทษ ที่ผมดึงเธอเข้ามาและมันก็ทำให้เรื่องของเราแย่ลง “ หมอภีมปภพพูดผมก็เงยหน้ามองเขา ผมยังไม่เคยบอกเขาว่าหมอดาวิกาไปหาผมร้องไห้ขอเขาคืนจากผม หมอดาเธอบอกว่าเธอมาก่อนผม แต่เท่าที่ผมรู้จากปากหมอภีมปภพ หมอดาวิการู้จักกับหมอภีมตั้งแต่เด็ก หมอภีมก็รักหมอดาเหมือนพี่น้องเพราะว่าพ่อแม่เขาสนิทกันมาก

            “ผมบอกพ่อว่าผมจะรอแค่คุณคนเดียวถ้าไม่ ผมก็จะอยู่คนเดียวไปตลอด คุณรู้มั้ยต้น” หมอภีมปภพพูด และทำท่าจะจูบผมอีกแต่ผมดันเขาเอาไว้รอบนี้ผมยันเขาเอาไว้ได้


            /// รบกวนคุณหมอภีมปภพ ติดต่อห้องฉุกเฉินด่วนค่ะ // เสียงประกาศของโรงพยาบาลเรียกชื่อหมอภีมปภพ เป็นเหมือนระฆังช่วยผมแท้ๆ หมอภีมปภพชักสีหน้าอย่างหัวเสีย ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก

               “อะไรนะ เขาบอกว่าต้องเป็นผมคนเดียว ผมรู้ว่าเด็กนะคนไข้ของผมแต่นี้ ถ้ามาห้องฉุกเฉินก็ควรให้หมอที่ห้องฉุกเฉินดูอาการก่อน โอเคผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ได้ครับ “หมอภีมปภพกดวางสายก่อนจะหันมามองหน้าผม

                “หมับ” เขายังเอาแขนมากั้นผมไว้และมองหน้าผม

                     “ผมจะขึ้นมาใหม่ เพราะว่ายังไงน้องชายคุณ ชื่อก้องภพใช่ไหม ทำไมผมคุ้นชื่อนี้จัง น้องคุณคนนี้ที่เคยเจอกับผมและคุณที่โรงหนังนิ” หมอภีมปภพทำท่านึกและเขาก็จำก้องภพได้

                     “เอาเป็นว่าผมจะขึ้นมาใหม่ และถ้าคุณหนีผมอีกต้น ผมจะถามแม่คุณว่า บ้านคุณอยู่ไหน คราวนี้ ผมไม่ต้องถามว่าคุณจะยอมผมไหม ผมจะปลั้มคุณทันที คุณพ่อลูกอ่อน” หมอภีมปภพพูดและยังมาขู่ผมอีกนะ ผมก็ต้องเดินตามหมอภีมปภพออกมาแต่จังหวะที่ผมสองคนกำลังเปิดประตูก็มีผู้ช่วยพยาบาลเปิดส่วนออกมาพอดี พวกเขาถึงกับตกใจที่จู่ๆก็มาเจอคุณหมอกับผมอยู่ที่บันไดหนีไฟด้วยกันแบบนี้

                     “เออ พอดีผมต้องคุณแบบส่วนตัวมากๆ กับญาติคนไช้นะครับ “ หมอภีมปภพพูด เขาก็พากันพยักหน้าไม่รู้จำใจเข้าใจหรือเปล่าแต่ก็ยิ้มมาให้ผม ผมรีบเดินออกก่อนและหมอภีมปภพก็ตามผมเข้ามาติดๆ

                     “หมับ“ หมอภีมปภพจับต้นแขนผมเอาไว้ “ต้นอย่าลืมนะ ผมจะขึ้นมาหาอย่าหนีผมไปนะ ผมว่าคุณรู้ว่าผมนะทำจริง” หมอภีมปภพกระซิบที่หูผม ผมหันมามองและเขาก็ปล่อยแขนผมให้เป็นอิสระก่อนจะเดินไปหาแม่ผมและลูกชายผม

                     “อ้าว! ต้นไปไหนมานะ เอิร์ธบอกว่าเราไปคุยกับอาหมอ อาหมอไหนละลูก” แม่รดาถามผม ผมก็หันมามองลูกชายผมที่กำลังถือกล่องขนมกอดเอาไว้อยู่ ยังไม่ได้เปิดทาน

                     “ผมไปสอบถามถึงการรักษาของก้องนะครับแม่ แล้วนี้ได้ข่าวอะไรบ้างครับ” ผมถามแม่ผม แม่มีสีหน้าที่กังวลเป็นห่วงก้อง

                     “ยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่เลย นี่แม่เห็นทีมแพทย์เดินเข้าไปอีกชุด ต้น” แม่รดาพูดผมทรุดลงนั่งและกุมมือแม่ผมเอาไว้

                     “ผมเชื่อว่าน้องต้องไม่เป็นอะไรครับแม่” ผมพูด น้ำใสๆไหลริน เอิร์ธเห็นคุณย่าร้องไห้ก็ลงมากอดแม่ผมเช่นกัน

                     “ แม่เชื่ออย่างนั้นลูก แม่เชื่อว่าพ่อเขาจะคุ้มครองก้องลูก” แม่ผมพูด

                     “เขมโทรมาบอกแม่ว่าใกล้ถึงแล้วนะ”

                     “ถ้าอย่างนั้น แม่กลับไปพร้อมกับเขมก่อนไหมครับ ผมจะรอสักพักก่อน ผมไม่อยากให้แม่อยุ่แบบนี้แม่จะเครียดเอา” ผมบอกแม่ผม แม่มองหน้าผม

                     “และแม่ก็ค่อยกลับมาที่โรงพยาบาลอีกทีดีกว่าไหมครับ “ ผมพูด

                     “อันที่จริงเรานะ ควรจะพาลูกกลับไปพักก่อนดีกว่ามั้ยละต้น เพราะเมื่อเช้างอแงมากเลย”แม่รดาเอ่ยถามผม ผมก็มองเอิร์ธ ดูท่าจะง่วง แต่ผมโดนหมอภีมปภพขู่เอาไว้


                     “แม่กลับไปก่อนดีกว่าครับ และพาเอิร์ธไปด้วยแล้วกันครับแม่” ผมบอกแม่


                     “ไม่เอา จะอยู่พ่อ “ เอิร์ธเข้ามากอดผม

                 
                     “นั้นไงเขมมาแล้ว “ แม่ผมหันไปชี้คนที่รีบเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีไม่ต่างจากผมตอนแรก ผมรู้ว่าก้องนะสนิทกับเขมที่สุด ผมลุกขึ้นยืน เขมตรงเข้ามากอดผม ผมรู้สึกได้ว่าเขมร้องไห้

                     “เขม ไม่เอานะ พี่เชื่อว่าก้องจะปลอดภัย” ผมพูดและลูบหัวน้องชายคนเล็ก

                     “พี่ก้องอยู่ไหนอ่ะพี่ต้น” เขมถามผม เขาพยายามปรับน้ำเสียงให้ปกติที่สุด เพราะว่าเอิร์ธก็แหงนหน้ามองพวกผมอยู่

                     “อยู่ในห้องผ่าตัดนะ แม่บอกว่าก้องต้องผ่าตัดสองรอบ จุดอันตรายสองจุด พี่ว่าจะให้เขมพาแม่ไปพักก่อนนะ พี่จะอยู่ที่นี้ก่อน แล้วเขมก็ค่อยมากับแม่อีกที” ผมบอกเขมน้องชายของผม จังหวะนั้นหมอภีมปภพเดินมาพอดี เขมชาติหันไปเจอเขาก็ตกใจ ใช่เหมือนผมเช่นกัน

                     “พี่หมอภีมหวัดดีครับ” เขมชาติยกมือไหว้

                     “อ้าวรู้จักกันเหรอคะ” แม่ผมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

                     “สวัสดีครับคุณแม่ ผมรู้จักกับต้นนะครับ เราเป็น…”ผมหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ

                     “เพื่อนกันนะครับ และผมก็เป็นอาของนครินทร์ แฟนของก้อง” หมอภีมปภพูด ผมหันไปมองเข้าอย่างจังพร้อมกับเขมอีกเช่นกัน เขาก็มองผมยิ้มๆ นี้มันอะไรกัน ผมคิดในใจ ก้องรู้เรื่องนี้มั้ย ผมว่าไม่ ถ้าก้องรู้ก้องก็ต้องบอกผมซิ ขนาดเรื่องของหมอดาวิกาที่ก้องสืบให้ เขายังบอกผมทุกเรื่องเลย

                     “แม่กลับไปบ้านกับเขมก่อนดีกว่านะครับ ผมว่าอีกหลายชั่วโมงเลยนะครับแม่” ผมย่อตัวลงบอกแม่รดา

                     “ใช่ครับ คุณแม่กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ ผมเพิ่งจะโทรคุยกับทีมแพทย์ระดับอาจารย์แพทย์ เขาบอกว่า จุดที่โดยยิงไม่ได้น่ากลัวแต่ ก้องเขาแค่เสียเลือดมาก ผมได้ทำเรื่องขอเลือดเพิ่มเอาไว้ให้นะครับ คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมช่วยเต็มที่” หมอภีมปภพบอกแม่ของผม

                     “แต่เอิร์ธอยู่พ่อ” เอิร์ธเข้ามากอดขาผมแน่น

                     “ถ้าอย่างนั้นแม่กลับไปอาบน้ำและจะเตรียมของมา คืนนี้แม่อยู่เฝ้าได้ไหมคะ คุณหมอ”แม่ผมถามหมอภีมปภพ

                     “เรียกผมว่าหมอภีมก็ได้ครับคุณหมอ เหมือนที่ต้นเขาเรียกผม” หมอภีมปภพพูด เขมพยักเพยอไปทางหมอภีม และเลิกคิ้วมองผม
   
                     “เดี๋ยวพี่อธิบายทีหลังนะ”ผมกระซิบกับเขมชาติ

                             “ถ้าอย่างนั้นแม่กลับบ้านก่อนนะต้น แม่จะทำกับข้าวเอาไว้ให้นะต้น และนี่เอิร์ธจะอยู่กับพ่อเราเหรอ เดี๋ยวก็งอแงกับพ่ออีก “ แม่ผมพูดพร้อมกับแตะที่ตัวเอิร์ธ

                        “ไม่เป็นไรครับผมมีห้องพักเอาไว้ให้ญาตินั่งรอด้านโน้น มีทีวี โซฟา น้องน่าจะนอนพักที่นั้นได้ นะครับ” หมอภีมปภพพูด

                     “เขมพาแม่ไปก่อนเถอะและเขมค่อยมาอยู่กับแม่แล้วกันนะ “ ผมบอกน้องชายของผม เขมก็พยักหน้าเบาๆ แม่ผมลุกขึ้น
   
                     “ขอบคุณนะคะ หมอภีม “

                     “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมเต็มใจ “ แม่ผมเดินออกไปพร้อมกับเขม ผมหันมามองหน้าหมอภีมปภพ

                     “คุณรู้เรื่องนครินทร์กับก้อง”ผมหันไปถามหมอภีมปภพทันที

                     “ผมเพิ่งจะรู้วันนี้ต้น ตอนที่รินทร์เขาโทรหาผมเขาบอกว่าแฟนเขาถูกยิงและกำลังจะรีเฟอร์มาที่นี้ให้ผมดูแลต้น ผมสาบานได้จริงๆ “ หมอภีมปภพบอกผม


                     “แต่ผมควรจะรู้ก่อนหน้านี้ ถ้าเช่นกันผมคงหาคุณเจอ” หมอภีมปภพพูด ผมเห็นเอิร์ธเอานิ้วหัวแม่โป้งใส่ปากนั้นแปลว่าเขาง่วงนอนแล้ว

                     “ลูกผมง่วงแล้ว” ผมพูด

                     “ไปรอที่ห้องรับรองก่อนซิต้น แล้วนี่น้องจะต้องทานนมไหมต้น” หมอภีมปภพถามผมและก้มลงเอามือลูปหัวเอิร์ธ อย่างเอ็นดู

                     “อ้าว อาหมอซื้อให้แล้วไม่ทานเหรอครับ มาการองนะ” หมอภีมย่อตัวลงถามเอิร์ธ


                     “คุณย่าบอกให้เอิร์ธรอพ่อก่อน เดี๋ยวพ่อเสียใจ “ เอิร์ธพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาง่วง

                     “เอิร์ธเขาทานนมอะไรอยู่ละต้นตอนนี้” หมอภีมปภพถามผม เขาผายมือให้ผมเดินไปที่ห้องพักรับรองที่เขาบอกผม

                     “นมสดรสจืดนะ ปกติทานของโฟร์โมด กล่องสีส้ม” ผมบอกหมอภีมปภพ เขาก็พยักหน้า

                     “คุณหมอภีมค่ะ อาจารย์ประเวชต้องการคุยกับคุณหมอตอนนี้ค่ะ” พยาบาลที่อยุ่ในห้องผ่าตัดเปิดประตูมาเรียกหมอภีมปภพ ผมหันไปมองเขาพยักหน้าผมเดินไปกับเอิร์ธได้

                     “ได้ครับ ผมรบกวนโทรขอนมสดรสจืดที่ห้องอาหารและเอามาให้คุณต้นให้ผมหน่อยนะครับ “ หมอภีมปภพหันไปสั่งพยาบาลให้ผม เขาก็พยักหน้าและหมอภีมก็รีบเดินเข้าห้องผ่าตัดไป ผมเริ่มใจคอไม่ดี น้องชายผมเป็นอย่างไรบ้าง และนี้แพทย์ที่ทำการรักษาเขาเรียกหมอภีมเข้าไปคุยอีก

                     “พ่ออุ้ม” เอิร์ธสะกิดเรียกผมว่าให้ผมอุ้มเขาที คงง่วงมาก ผมเดินมานั่งรอที่ห้องรับรอง มีโซฟา ทีวี ตู้เย็นและมีน้ำดื่มเอาไว้สำหรับญาติคนไข้ โรงพยาบาลของหมอภีมเขาเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่เขาก็มีหลายสาขา ผมไม่คิดว่าจะมาเจอเขาที่นี้ด้วยซ้ำ  ที่นี้น่าจะเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงสองปี

                     “ขออนุญาตค่ะคุณต้นใชไหมค่ะ คุณหมอภีมให้เอานมมาให้น้องนะคะ “ ผมหันไปรับ

                     “ขอบคุณนะครับ” ผมกล่าวขอบคุณพยาบาลคนดังกล่าว “ แฟนกันแน่เลยอ่ะ “ เขาคงมาพร้อมกับอีกคนผมได้ยินเสียงกระซิบกันก่อนที่ประตูจะปิดลง

                     “เอิร์ธ ทานจากกล่องนะ เอิร์ธโตแล้ว ไม่ใช้ขวดแล้ว นะครับ” ผมบอกลูกชายผม ผมก็เจาะกล่องนมให้เขานั่งดื่มข้างๆผม

                     “พ่อ อาก้องละ “ เอิร์ธถามผม

                     “อาก้องเขาต้องไม่เป็นอะไรครับ อาก้องต้องมาเล่นกับน้องเอิร์ธอีก เอิร์ธคิดถึงอาก้องใช่ไหมครับ” ผมถามเอิร์ธ เอิร์ธพยักหน้าเบาๆ ตาก็เริ่มปรี ง่วงเต็มทีลูกชายผมและเขาก็ลุกมานั่งกับผม กอดผมเอาคางเกยไว้ที่ไหล่ผม ผมก็นั่งเอนตัวเล็กน้อย

                     “เอิร์ธรักอาก้อง เอิร์ธเห็นอาก้อง อาก้องไม่สบาย” น้ำตาผมซึมเลยทันที “พ่อช่วยก้องด้วยยนะพ่อ” ผมพูดเบาๆ ผมกับนึกถึงพ่อตอนนี้ ผมนั่งอยู่แบบนั้นสักพักตอนนี้เอิร์ธหลับแล้ว หลับอยู่บนตัวผม และกอดผมเอาไว้แน่น ผมคงวางไม่ได้แน่ๆ ถ้าวางนี้คงร้องไห้จ้าแน่ๆ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากตอนพิเศษของพี่หมอภีมกับพี่ต้นตระการด้วยนะคะ เงียบๆ ไม่รู้ว่าถูกใจคนอ่านบ้างไหมคะ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2020 19:44:53 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      
รักนี้เกิดขึ้นที่ในรั้วโรงเรียนEP.(หมอภีมXพี่ต้น) คุณนี้ดื้อที่สุดเลยนะต้น

            Partต้นตระการ   ผมเลยต้องอุ้มเอาไว้แบบนั้นก่อน จนกระทั้งประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยหมอภีมปภพ เขามองผมและอมยิ้มมากให้ผม  เขาเดินลงไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ผม และวางลง ผมก็มองยังจำได้เหรอว่าผมชอบ มิกซ์เบอรีสปาร์คกลิ้งและสลัดไก่รมควัน


      “จำได้ตลอดว่าคุณชอบดื่มและทานอาหารแบบนี้และผมคิดคุณคงรีบจนไม่ได้ทานอะไรมาเลยต้น  “ หมอภีมนั่งลงข้างๆผม และกางแขนมาให้ผม ผมมองว่าทำไม


      “เอามาผมอุ้มบ้าง นี่แสดงว่าน้องไม่ยอมนอนลงใช่ไหมต้น” หมอภีมบอกผม


      “ต้น ! “หมอภีมเรียกผมอีกครั้ง ผมก็ต้องส่งเอิร์ธให้เขาเอาไปอุ้มแทนผม และผมก็ยกเครื่องดื่มที่เขาเอามาให้ผมกระดกขึ้นดื่ม


      “ทานอะไรก่อนนะต้น น้องคุณเขายังรักษาตัวอยู่ ดังนั้นคุณต้องดูแลตัวเองด้วยต้น ทานซะ” หมอภีมปภพบอกผม


      “น้องผมเป็นไงบ้างภีม” ผมหันไปถามหมอภีม


      “น้องคุณรู้สึกตัวแล้ว แต่เขาก็ยังต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ทรวงอกจากกระสุนฝังในตอนนี้หมอทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแต่ที่ผมไม่ได้เรียกคุณเข้าไปดูเพราะว่าเขายังอ่อนเพลียเกินไปนะต้น ” หมอภีมปภพบอกผม


      “ตกลงเขา”

      “เขาปลอดภัยเชื่อผม ร่างกายเขาแข็งแรงดีทีเดียว “ หมอภีมบอกผม

      “คุณเชื่อใจผมไหมต้น” หมอภีมปภพถามผม ผมหันมามองสายตาที่มุ่งมั่นคู่นั้น ผมพยักหน้าว่าเชื่อ เขาก็กุมมือผม สิ่งที่ทำให้ผมหยุดมอง นิ้วมือข้างซ้ายของเขายังมีแหวนที่เขาซื้อให้ในวันครบครอบหนึ่งปีก่อนที่จะเกิดเรื่องของผมกับเกศรินทร์ เขาสวมมันไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายนั้น

      “ผมสวมมันตลอด “หมอภีมปภพพูด ผมเองก็ไม่ได้สวมแต่มันก็


      “หมับ” เขาจับที่สร้อยคอผม  “ผมเห็นแล้วแต่ผมไม่ได้ถามคุณหรอกนะ ผมคิดว่ามันก็ให้ความหมายเดียวกับผมว่าคุณยังรักผมอยู่ต้น” หมอภีมปภพพูด 


      ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูห้อง พร้อมกับผู้หญิงเลยวัยกลางคนอายุราวๆหกสิบกว่าแต่หน้าตาและผิวพรรณ์ ดูยังไงก็ไม่น่านะถึงไม่น่าจะเกินห้าสิบซะด้วยซ้ำ  เขาเป็นแม่ของหมอภีมปภพ ผมจำท่านได้ วันนั้นที่พ่อของหมอภีมเรียกผมเข้าไปคุยและเขาก็อยู่ด้วยแต่แม่ของหมอภีมเขาเดินมาจับไหล่ผม ผมรู้ว่าเขาก็ลำบากใจแต่ในฐานะภรรยาเขาคงคัดสามีไม่ได้

      “สวัสดีครับคุณหญิง”

      “เรียกแม่ก็ได้ต้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ส่วนเรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันแล้วไปนะต้น” ผมยอมรับว่าภีมเคยพาผมไปพบครอครัวเขาแต่ผมซิกลับไม่กล้าและตอนนั้นพ่อผมยังทำงานอยู่ต่างประเทศด้วยผมเลยไม่มีโอกาส

      “พยาบาลเขาบอกแม่ว่าเราอยู่ที่นี้แม่เลยเดินมาดูนะ ตกลงภีมเราไม่ไปทานอาหารเย็นที่บ้านพี่สาวเราวันนี้ด้วยกันใช่ไหม”

      “ไม่ได้ครับแม่ผมต้องดูแลน้องชายของต้นเขาและแฟนของรินทร์อีก เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีซะก่อนนะครับ ถ้ามันดึกมากผมจะนอนค้างที่ห้องพักแพทย์ พรุ่งนี้แม่ให้คนเอาชุดทำงานมาให้ผมแล้วกันนะครับ” หมอภีมปภพพูด

      “ตารินทร์นี้ก็อีกคน ไม่เคยบอกพ่อแม่เลยว่าจะมีแฟนเป็นผู้ชาย อาหลานนี้เขาดื้อเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะต้นแม่ละปวดหัวจริงๆ  ถ้าอย่างนั้นแม่ไปก่อนนะ เออ อีกอย่างนะ เราเจอหนูดาวิกามั้ย แม่บอกว่าเราอยู่ห้องผ่าตัด แต่แม่ไม่ได้บอกหรอกนะว่าแฟนตารินทร์เขาอยู่นี้แม่กลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่โต” แม่ของหมอภีมพูด ผมหันมามองหน้าหมอภีมเขากับคุณดาวิกา

      “ผมเจอเขาตอนพาลูกชายของต้นลงไปหาอะไรทานแค่นั้นนะครับแม่ ” หมอภีมปภพพูด ผมสะบัดหน้าไปมองนี่เขารู้หรือเปล่าว่าเอิร์ธนะลูกชายผมนะ แต่ผมยังไม่ได้ถามหมอภีม

      “คงลงมาแล้วไม่เจอนะ เขาแค่จะแวะมาหาภีมในฐานะพี่ชายนะต้น ถึงจะถอนหมั้นกันไปแล้วแต่อย่างน้อย หมอดาเขาก็นับถือหมอภีมเป็นพี่ชาย ใช่ไหมภีม” แม่ของหมอภีมพูด

      “ผมก็ขอให้เป็นแบบนั้นครับแม่ และตอนนี้ผมกับต้นก็เข้าใจกันแล้ว ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับผมและต้นอีก “หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกครั้ง

      “แม่จะพยายามคุยกับหมอดาให้นะ แต่ขนาดพ่อแม่เขาตัดขาดเราไปแล้ว หนูดายังไม่ยอมเลยภีมแต่เอาเถอะ บางที่ผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า”

      “ถ้าอย่างนั้น แม่ขอให้น้องชายเราปลอดภัยนะ จะว่าไปต้องขอบคุณซิ ที่ช่วยปกป้องตารินทร์หลานแม่ นะต้น  แต่พ่อของรินทร์เขาก็เป็นเหมือนพ่อตาภีม  แต่ไม่ใช่ว่าแบบที่เราสองคนเป็นมันไม่ดีนะ ของแบบนี้ มันพูดยากจริงๆ และตอนนี้พ่อเขานะเบาลงแล้ว ว่างๆก็ไปทานข้าวกันนะต้นนะ” แม่ของหมอภีมพูดผมก็พยักหน้าแค่นั้น

      “นี่ลูกชายเราเหรอ ต้น”

      “ครับผมลูกชายผม” ผมพูดบอกกับแม่ของหมอภีม หมอภีมเปลี่ยนให้มานอนที่ตักเขาแทน ทำให้เห็นใบหน้าเอิร์ธได้อย่างชัดเจน

      “เหมือนต้นมากจริงๆ เหมือนราวกับพิมพ์เดียวกันเลยนะต้นนะ น่ารักน่าเอ็นดูเชียว ผิวพรรณก็ดี โชคดีมากนะต้น “ แม่ของหมอภีมชมเอิร์ธ

      “งั้นแม่ไปละ แม่ต้องรีบไปเตรียมตัวและจะได้ไปหาพี่สาวเรา ไม่รู้ป่านนี้พ่อลูกบ้านนั้นตีกันไปหรือยัง” แม่ของหมอภีมพูดก่อนจะเดินออกไป ผมก็ยกมือไหว้ท่านก่อน ผมหันมามองหน้าหมอภีม

      “คุณให้ผมอุ้มดีกว่า” ผมพูดและจะหันไปแย้งเอิร์ธมาอุ้ม แต่หมอภีมไม่ให้ผม


      “ ทำไมละต้น ผมอุ้มให้ คุณอุ้มตั้งนานแล้วเมื่อย” หมอภีมปภพพูด ผมหันหน้าหนี ผมยังคิดเรื่องหมอดาวิกา

      “ต้น คุณคิดเรื่องหมอดาวิกาเหรอ ผมกับดาเราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว และดาเธอก็รู้ว่าผมไม่มีทางมองเธอเช่นคนรักได้ และยิ่งเขาเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องคุณกับเกศรินทร์ผมยิ่งบอกว่าผมรับไม่ได้เธอก็รู้ดี” หมอภีมปภพพูดบอกผม ผมกลับหันหน้าไปมองทางอื่นแทน


      “ ต้น…. ดาวิกาเธอไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก และที่เธอยังคงวนเวียนกับผมคงเป็นเพราว่าผมกับเขาสนิทกันในฐานะพี่ชายน้องสาว ดาวิกาเธอเป็นลูกสาวคนเดียวเธอไม่มีพี่น้องเหมือนผม” หมอภีมปภพพูด

      “คุณพาลูกผมไปหมอดาเขารู้ไหมว่าเอิร์ธเป็นลูกของผม” ผมถามหมอภีมปภพ

      “ต้นผมเองยังไม่รู้เลยในตอนนั้นแต่ผมนะหลงรักเขาไปแล้ว ส่วนหมอดาเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน มีอะไรหรือเปล่าต้น” หมอภีมปภพถามพูด ผมก็ค่อยโล่งอก

      “คือ…”ผมกำลังจะเอ่ยปากขอร้องเขาว่าอย่าแนะนำเอิร์ธให้หมอดารู้จัก แต่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตูห้อง

      “ก๊อกๆ “ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมพยาบาลประจำห้องผ่าตัด ผู้ที่เปิดประตูเข้ามา

      “คุณหมอภีมค่ะ อาจารย์ปรมินทร์ขอคุยกับคุณหมอภีมค่ะ”

      “หมอปรมินทร์เป็นคุณอาจารย์หมอเฉพาะทางเกี่ยวกับปอดนะ น้องคุณโดนจุดที่ใกล้กับปอดมาก เดี๋ยวผมกลับมานะต้น และผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”  เขาหันมาออกคำสั่งผมก่อนจะส่งตาเอิร์ธมาให้ผม เอิร์ธก็ตื่นพอดี เขาก็โผ่มาหาผมทันที่เช่นกัน
      
   -------------------------------------------------------------------------------   
     หมอภีมปภพ ผมเข้าไปคุยกับหมอปรมินทร์ หมอบอกว่าคนไข้โชคดีที่กระสุนไม่เข้าปอดแต่มีภาวะเลือดออกค่อนข้างมากต้องระบายเลือดที่คั้งออก อาจารย์หมอบอกว่าร่างกายเขาตอบสนองได้ดี แต่คงต้องอยู่ในห้องไอซีสักพัก ตอนนี้เหลือการผ่าตัดที่ช่องท้องซึ้งต้องลัดลำไส้ออกแต่ไม่เยอะมากเพราะว่ากระสุนทะลุลำไส้  จากรรายงานที่แพทย์เวรเขียนส่งเวรเอาไว้  เขาโชคดีที่อวัยวะภายในไม่ได้รับความเสียหายมาก และได้รับการปฐมพยาบาลจากทีมแพทย์ทหารที่มีความชำนาญในการช่วยคนถูกยิง
ผมก็กำลังจะเดินมาบอกข่าวดีกับต้นตระการทันที ว่าน้องเขาจะเข้าผ่าตัดคืนนี้ตอนตอนสามทุ่มอีกทีแค่นั้น

      “คุณแม่สวัสดีครับ “ผมเดินไปที่ห้องรับรองสำหรับญาติคนใคร ผมก็เห็นแม่ของต้นตระการนั่งอยู่แต่ไม่มีต้นและเอิร์ธ นี้หนีผมกลับไปอีกแล้วเหรอ

      “สวัสดีค่ะหมอภีม” แม่ของต้นยกมือรับไหว้ผม

      “ คุณแม่ครับ ต้นละครับ” ผมรีบถามทันที

      “ต้นเขาพึ่งจะลงไปข้างล่างเห็นว่าจะพาเอิร์ธกลับบ้าน ต้นว่าจะนั่งแทกซี่กลับนะคะ นี้เขมเขาก็เพิ่งจะเดินลงไปส่ง” แม่ของต้นบอกกับผม

      “เดี๋ยวผมจะขึ้นมาแจ้งรายละเอียดการรักษาของลูกชายคุณแม่นะครับ” ผมพูดและรีบเดินออกทันที ผมตรงไปที่ลิฟต์  แอบคิดในใจต้นนะต้น ทำไมชอบหนีผมอยู่เรื่อยเลย ทำไมเราไม่หันมาปรับความเข้าใจและคุยกันก่อน ทันที่ลิฟต์เปิดออก ผมก็รีบเดินออกมา ผมเกือบจะสวนกับเขมน้องชายของต้น

      “เขม “ผมเรียกเขาเอาไว้ก่อน

      “พี่หมอภีม ว่าไงครับ”

      “ต้นละครับ”

      “พี่ต้นกำลังกลับบ้านนะครับ นี้เพิ่งจะเดินออกไป พี่ต้นเขาจะไปแท็กซี่นะครับเขาไม่อยากให้พี่ต้องลำบาก…” เขมพูดบอกผม แต่ผมไม่ทันได้รอฟังให้จบ ผมวิ่งไปจุดที่สำรับเรียกแทกซี่ ผมวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ผมไปถึง ผมเห็นว่าต้นกำลังอุ้มเอิร์ธเดินข้ามไปยังจุดทึ่จัดเอาไว้ให้รถแท๊กซี่จอดรอรับผู้โดยสาร


      “ต้น!! “ ผมตะโกนเรียกชื่อเขา ต้นหันมามองผม จังหวะนั้นจู่ๆก็มีรถเก๋งขับและตรงมาหาต้น ทั้งที่ต้นอยู่เกือบริมถนน

      “ต้นระวัง!!” ผมตะโกนเพื่อให้ต้นหยุดก่อนไม่เดินออกไปมากกว่านั้น

      “เอี้ยด!!” เสียงรถเบรกแต่ผมไม่ได้ยินเสียงชนนะผมก็วิ่งไปให้ถึงต้นให้เร็วที่สุด

      “ต้น!!” ผมตะโกน ผมรีบวิ่งไป ผมเห็นต้นล้มอยู่ที่พื้นฟุตบาตแต่ไม่ได้ถูกชนเพราะว่ามีพลเมืองดีใกล้ๆกระฉากเขาให้ออกจากจุดนั้นได้ทัน ผมรีบตรงเข้าไปหาต้นทันที

      “เอิร์ธ เอิร์ธ” ต้นร้องถามลูกชายเขาก่อน ผมเห็นพลเมืองที่ล้มลงไปด้วยเช่นกัน

      “ขอบคุณนะครับพี่” ผมขอบคุณคนที่ช่วยต้น

      “แงๆๆๆ” เสียงเอิร์ธร้องไห้จ้าเพราะว่าตกใจ  ผมนะไปดูคนที่ช่วยต้นไว้ก่อน เขาก็ยกมือว่าเขาโอเค

      “วอหนึ่งเรียกวอสอง ติดตามรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาสด้าสีดำ ขับเฉียวคาดว่าอาจจะอยู่ในอาการเมา ขับตรงไปยังเส้นXXXX”

      “รับทราบ” เขาคนนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบนั้นเอง

      “ต้น เป็นไงบ้าง” ผมถามต้นตระการ ต้นเขาก็มองหน้าผม เขายังคงกอดลูกชายเขาเอาไว้ แน่ละคงเสียขวัญทั้งคู่ ผมแบมือขอรับลูกชายเขา ตอนนี้เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินวิ่งมายังจุดที่เกิดเหตู ผู้เห็นเหตุการณ์คงแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลให้ทันทีเหมือนกัน

      “ เป็นยังไงบ้างครับ”คุณตำรวจตรงเข้ามาถามต้นตระการ ต้นมองหน้าเขาก่อนจะส่ายหัวเป็นคำตอบ
      
      “ตอนนี้ผมแจ้งให้ตำรวจท้องที่สกัดจับรถคันดังกล่าวแล้วนะครับ ผมภาวนะว่าให้หาเจอแต่เสียดายที่รถไม่ได้บิดแผ่นป้ายทะเบียน” คุณตำรวจนอกเครื่องแบบสอบถามผมและต้น

      “ขอบคุณนะครับ “ ผมพูดขอบคุณ ตอนนี้พยาบาลขอต้นดูแผลที่แขน น่าจะเกิดจากตอนที่เขาล้มลงที่พื้นฟุตบาทแถมต้นยังเอาตัวลงเพื่อปกป้องเอิร์ธอีกด้วย

      “ฮือๆๆ ฮึกๆ ฮือๆ พ่อ… พ่อ”

      “เอิร์ธ ไม่ร้องลูก”ผมปลอบเอิร์ธ

      “พาคุณต้นเข้าไปทำแผลให้ผมหน่อย เขาเป็นแฟนผม” ผมพูดกับเจ้าหน้าที่พยาบาลดูจากชุดเครื่องแบบ เป็นทีมที่พร้อมออกปฏิบัติหน้าที่รถฉุกเฉิน พวกเขาหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าตกใจก่อนจะหันไปมองต้นและหันกลับมามองผมที่อุ้มเด็กไว้อีก

      “เอา! รีบพาคุณต้นไปทำแผลซิครับ” ผมพูดขึ้นเสียง

      “ไม่ต้องครับ ผมจะกลับบ้าน ผมไปทำแผลที่บ้านดีกว่า โอ้ยย!!”  ต้นพูดและพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็เจ็บที่แขน

      “ต้น ทำไมคุณดื้อแบบนี้ละ นี้เอิร์ธก็เสียขวัญนะคุณ ทำแผลก่อนและผมจะไปส่งคุณเองต้น” ผมพูดบอกต้น

      “ผมรบกวนโทรขอรถให้ผมหน่อยผมจะไปส่งแฟนผมที่บ้านครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลของผมเขาก็วิ่งกลับเข้าไป

      “ต้นเข้าไปทำแผลก่อน ผมจะไปส่งคุณ” ผมบอกต้นตระการอีกครั้ง โดยมีสายตานายตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ เขาก็มองผมกับต้นสลับกันไปมา

      “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยนะครับ แล้วนี่คุณจะให้แฟนไปลงบันทึกประจำวันไหมครับ ไปลงพรุ่งนี้ก็ได้นะครับ ผมผู้กองธงชัย ผมประจำการอยู่สน.XXXX “นายตำรวจหนุ่มหันมาบอกผมกับต้นผมพยักหน้าแค่นั้นก่อนจะรีบลุกขึ้น ผมยังอุ้มเอิร์ธที่กอดผมตัวสั่นด้วยอาการตกใจ เจ้าหน้าที่ก็พาต้นตระการเพื่อเข้าไปทำแผลในห้องฉุกเฉินก่อน พาเอิร์ธไปและพาไปหาที่นั่ง ผมก็ตรวจเช็ดดูตามร่างกายเขาแต่ไม่กล้าพาเข้าห้องทแผล ผมกลัวว่าถ้าเขาเห็นเจ็บอาจจะร้องไห้งอแงหนักกว่าเดิม

   “ปลาๆ อาหมอดูปลา “ ผมพาเขาไปนั่งบ่อปลาแทน โรงพยาลาลผมมีสระเลี้ยงปลาอยู่ตรงใจกลางแต่มีกระจกกันเพื่อให้เกิดอันตรายกับเด็กๆที่มาใช้บริการ 

   “พ่อต้น!” น้องเอิร์ธร้องเรียกทันที่เห็นเจ้าหน้าที่พาต้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ผมรีบอุ้มเอิร์ธเดินตรงเข้าไปหาต้นทันที ผ้าพันแผลที่พันแขนด้านซ้ายตั้งแต่ข้อศอกไปถึงท่อนแขนล่าง

   “คุณภีมค่ะคุณต้นมีประกันกลุ่มด้วยนะคะ “ ต้นหันไปมองหน้าเขาด้วยสีหน้ากังวล

   “ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โตนะภีม ผมจ่ายเองได้ไหม” ต้นหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าได้แต่

   “ไม่เป็นไรครับ ผมขอรับผิดชอบเอง เข้าบัญชีผมเพราะว่าถ้าใช้ประกันของคุณต้นผมคิดว่าอาจจะยุ่งยากกว่าและก็ยังไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายคุณต้นเขาทำด้วยเหตุผลอะไร ” ผมหันไปบอกเจ้าหน้าที่การเงิน

      “ผมจะจ่ายเองครับ ” ต้นยังคงดื้อกับผมอีก

      “ไม่ต้น “ผมหันไปเอ็ดต้น  “รบกวนทำตามที่ผมบอกนะครับคุณนัฐรีย์”ผมพูดและหันไปจับแขนข้างที่ไม่เจ็บของต้น

      “คุณณัฐรีย์ครับ ผมรบกวนประสานงานเรื่องรถที่จะไปส่งผมกับแฟนผมที่บ้านเขาทีนะครับ หลังจากที่คุณต้นรับยาแล้ว” ผมหันไปบอกคุณณัฐรีย์อีกครั้ง เขาก็หันมาพงกศีรษะรับทราบ

      “คุณต้นนั่งรอที่นี้ก็ได้ค่ะ คุณหมอเนตรนภาสั่งยาเอาไว้ให้ เดี๋ยวพี่ให้น้องเนิร์ดเอดไปเอามาให้ได้ค่ะ ไม่ต้องเดินไปเองค่ะ” พยาบาลห้องที่ทำแผลให้ต้นเมื่อสักครูบอกกับต้น เอิร์ธทำท่าจะไปหาต้นเพ่อให้ต้นอุ้มเขา

      “อาหมออุ้มดีกว่าเอิร์ธ พ่อต้นเขาเจ็บแขนเห็นไหมครับ” ผมบอกน้องเอิร์ธ

      “ภีม อย่าบอกเรื่องเมื่อสักครูให้แม่กับเขมฟังนะ ผมขอละ” ต้นตระการหันมาบอกผม ผมหันไปมองหน้าเขาว่าทำไมละ แต่ผมก็ต้องพยักหน้าตอบไป

      “ผมจะให้คนเช็กกล้องวงจนปิดให้พรุ่งนี้และตามล่าว่าใครทำแบบนั้นกับคุณ ถ้าเป็นคนเมาอย่างที่นายตำรวจคนนั้นว่า ผมก็ต้องเอาผิดนะ คุณอุ้มลูกและถ้าคนที่เจ็บเป็นลูกคุณด้วยละต้น “ ผมบอกต้นตระการสีหน้าเขาดูกังวลขึ้นมาทันที ผมแตะที่แขนเขาเบาๆ

      “ให้ผมไปส่งนะต้น เพราะว่าผมจะได้แน่ใจว่าคุณและเอิร์ธกับถึงบ้านปลอดภัย ส่วนน้องคุณนะจะรอผ่าตัดอีกครั้งเดียวตอนสามทุ่ม ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เขาใกล้จะพ้นขีดอันตรายแล้วต้น” ผมบอกต้นตระการ ต้นเขาพยักหน้าให้ผม ก่อนจะหันไปรับยาจากพยาบาลมาถือเอาไว้

      “คุณหมอภีมค่ะ รถที่คณหมอขอเอาไว้ รออยู่ด้านหน้าห้องฉุกเฉินแล้วค่ะ” พี่อุ่น พยาบาลเวรตรวจการวันนี้ เดินเข้ามาบอกผม ผมพยักหน้าเป็นการขอบคุณ และพากันเดินไปขึ้นเพื่อนพาต้นและเอิร์ธกลับบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว ดูท่าเอิร์ธจะง่วงนอนแล้วด้วย

      “เอิร์ธเขาเข้านอนเร็วนะภีม” ต้นหันมาบอกผม ผมพยักหน้าว่าโอเค ผมเปิดประตูให้ต้นเข้าไปก่อนและผมก็ตามเข้าไปโดยอุ้มเอิร์ธไว้

      “รบกวนไปส่งหมู่บ้านXXXX” ต้นเป็นคนบอกทาง ผมหันไปมองต้น

      “มีอะไรเหรอภีม” ต้นถามผม

      “คุณนี้อยู่แค่ตรงปลายจมูกผมแท้นะต้นแต่เหมือนกรรมบัง  ผมมาพักอยู่ใกล้กับที่โรงพยาบาลนี้ตั้งแต่ผมย้ายมาจากเขาใหญ่ แต่อย่างว่าและ ผมไม่เคยเจอครอบครัวคุณเลยต้น”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ

      “ผมขอโทษนะภีม ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากให้คุณเจอครอบครัวผม ก็เพราะว่าผมไม่อยากให้พ่อผมเสียใจ ถ้าลูกชายสองคนของพ่อผมจะเป็นเกย์แต่ตอนนี้ก็สามคนแล้วซิ “ ต้นตระการพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ผมก็แตะแขนต้นเอาไว้ ไม่นานรถเก๋งประจำตำแหน่งของผมก็มาส่งที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้นรูปทรงทันสมัยแม้จะไม่แพงเป็นร้อยล้านแต่ก็ดูสวยและน่าจะปลูกไม่นาน

      “บ้านหลังนี้พ่อผมปลูกเองท่านกะว่าจะมาพักหลังจากเกษียณอายุราชการพร้อมกับแม่แต่พ่อมาเสียชีวิตลงซะก่อน ผมเองก็ไม่ได้บอกคุณภีมเรื่องพ่อผม “ ต้นหันมาบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ

      “ถ้าผมจะกลับผมจะโทรบอกอีกทีนะครับ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณต้นก่อน” ผมหันไปบอกคนขับรถ เขาก็พยักหน้าแต่ต้นหันมามองหน้าผม ผมก็อุ้มเอิร์ธลงมา

      “คุณแขนเจ็บ ผมช่วยดูแลเอิร์ธและดูแลคุณ ให้ผมทำนะต้น เป็นการชดเชยที่ผมปล่อยให้คุณเผชิญกับสิ่งที่ผมเองก็มีส่วนผิด   อยู่คนเดียว” ผมพูดต้นก็พยักหน้าแบบจำใจ ผมเดินเข้าไปในบ้าน สิ่งแรกที่ผมเห็นคือรูปครอบครัวต้นสวมชุดราชการและก้อง และเขมก็สวมเสื้อครุยถ่ายรูปกับพ่อแม่

      “เอิร์ธหิวไหม ย่าทำอาหารเอาไว้ให้นะ” ต้นหันไปมาถามน้องเอิร์ธ

      “ผมว่าพาเอิร์ธอาบน้ำก่อนจะดีกว่า เพราะว่าในโรงพยาบาลเชื่อโรคค่อนข้างเยอะ ต่อให้โรงพยาบาลของผมจะสะอาดปลอดภัยก็ตามและคนไข้ไม่ได้จนแออัดเหมือนโรงพยาบาลรัฐก็เถอะ แต่เพื่อความปลอดภัย “ ผมพูดบอกต้นตระการ ต้นเขาก็พยักหน้า

      “ห้องน้ำอยู่ไหนครับต้น ผมจะอาบให้เขาเอง แขนคุณนะเป็นแผลและยังไม่สมควรจะโดนน้ำนะต้น “ผมบอกกับต้น ต้นเขามองหน้าผมก่อจะเดินนำไป ผมก้มลงมองหน้าเอิร์ธ เขาก็ยิ้มตาหยีให้ผม ทำไมผมถึงได้รู้สึกถูกชะตาเด็กคนนี้ตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเจอเขา เพราะว่ามันมีใบหน้าของต้นตระการซ้อนขึ้นมาทุกครั้งที่ผมมองเขา

      “ห้องนอนผมเองแต่ผมกลับมาได้แค่ปีละสองครั้ง บางครั้งผมก็แอบคิดนะว่าทำไมผมต้องไปอยู่ที่ไกลๆ ที่ต้องอยู่ห่างจากแม่และน้องๆแบบนี้ “ ต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดอีกครั้ง

      “ใจผมก็ไม่อยากให้คุณเป็นปลัดแต่ผมเห็นความตั้งใจของคุณแล้ว ผมเลยไม่กล้าค้านคุณตั้งแต่แรกหรอกนะต้น ”  ผมพูดกับต้นขณะที่ต้นกำลังเปิดน้ำในอ่างอาบน้ำ ผมก็ถอดเสื้อผ้าเอิร์ธรอ ผมสังเกตุเอิร์ธไม่พูดอะไรเลยได้แต่มองผมกับต้น

      “อาหมออาบน้ำให้นะครับ วันนี้พ่อต้นแขนเจ็บ “ผมก้มลงบอกเอิร์ธ เอิร์ธหันไปมองต้น

      “อาหมอเป็นเพื่อนพ่อนะ ให้อาหมออาบน้ำให้ก่อนนะเอิร์ธ วันนี้พ่อต้นแขนเจ็บ นะครับ” ต้นก้มลงบอกเอิร์ธ เอิร์ธก็พยักหน้าเบาๆ

      “ทำไมผู้หญิงคนนั้นจะชนพ่อ” เอิร์ธพูดขึ้น ผมก็สะบัดหน้าไปมองเอิร์ธ ต้นก็ก้มลงมองเอิร์ธเช่นกัน

      “ เอิร์ธพูดเรื่องอะไรลูก “ต้นถามเอิร์ธ

      “ผู้หญิงคนนั้นในรถคันนั้น” ผมเงยหน้ามองต้น

      “เอิร์ธเห็นคนขับรถ คุณไม่เห็นคนขับรถเหรอต้น” ผมถามต้นตระการ เขาก็ส่ายหน้าว่าไม่เห็น

      “เอิร์ธ เห็นเหรอครับว่าใครเป็นคนขับรถคันนั้นนะ” ผมถามเอิร์ธ แต่ดูเอิร์ธเงยหน้ามองต้นและน้ำใสๆเริ่มไหล เขาคงยังตกใจกลัวอยู่แน่ๆ

      “ช่างมันเถอะเอิร์ธ มันแค่อุบัติเหตุเขาคงไม่ตั้งใจหรอกเอิร์ธ” ต้นตระการย่อตัวลงเอาแขนข้างที่ไม่เจ็บกอดเอิร์ธ

      “แม่ก็ชอบตีพ่อ เอิร์ธไม่ชอบผู้หญิงเลย ฮือๆ” ผมหันไปมองต้นจริงเหรอ ต้นส่ายหัวให้ผมแต่ผมเชื่อว่าเด็กไม่โหก

      “ไม่มีอะไรหรอกเอิร์ธ อาบน้ำเถอะและจะได้ลงไปทานอาหารกัน วันนี้ย่าทำไข่พะโล้ที่เอิร์ธขอบนะ เดี๋ยวพ่อไปเอาชุดนอนให้เอิร์ธก่อนนะครับ หมีพูร์ดีไหม” ต้นตระการพูดและเขาก็ลุกออกไป ผมว่าต้นคงเจอมาหนักพอสมควร ร่วมทั้งเอิร์ธ  ผมเองก็เคยช่วยแม่ผมดูแลหลาน ลูกพี่สาวคนที่สองของผมแต่ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่แฟนที่อังกฤษแล้ว ไปเป็นหมอที่นั้น ดังนั้นผมเลยหลอกล้อเอิร์ธให้อาบน้ำกับผมได้

      “เอิร์ธครับ เดี๋ยวอาหมอเช็ดผมให้ก่อนนะครับ ถ้าผมเปียกเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ” ผมบอกเอิร์ธ ผมก็ค่อยบรรจงใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวเด็กน้อย ผมเขานิ่มเหมือนผมของต้นตระการ

      “เอิร์ธครับ แม่เกศรินทร์ชอบทำร้ายพ่อต้นเหรอครับ” ผมถามน้องเอิร์ธ

      “เวลาแม่โกรธพ่อ แม่ก็ตบหน้าพ่อ เอิร์ธไม่ชอบเลย ฮึกๆ ”

      “โอ๋ๆ อาขอโทษนะที่ถามเอิร์ธ ไม่ร้องนะครับ “ผมพูดและกอดน้องเอิร์ธเอาไว้

      “แต่พ่อบอกว่าไม่ให้เอิร์ธแกล้งผู้หญิงมันไม่ดี เป็นเด็กไม่ดีด้วย” เด็กน้อยพูดพร้อมกับเงยหน้ามองผม ยิ่งผมมองเขาใกล้ๆแบบนี้ มันทำให้ผมเห็นใบหน้าต้นตระการซ้อนเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นตาที่คมกริบ จมูกที่โด่งเรียว ปากรูปกระจับ ใบหน้าเรียว ทุกอย่างมันถูกสร้างมาด้วยความตั้งใจแม้ว่าเขาจะทำไปโดยไม่รู้ตัวเพราะฤทธิ์ยาก็ตาม

      “เอิร์ธลงไปทานข้าวกันดีกว่านะครับ พ่อต้นรออยู่” ผมบอกเอิร์ธ เอิร์ธเขาก็หันมามองหน้าผมและยิ้มให้ผม จังหวะนั้นต้นขึ้นมาพอดีเลย

      “เอิร์ธทานข้าวนะครับ มันจะได้เวลาเอิร์ธเข้านอนแล้วนะ และพรุ่งนี้เราจะได้ไปหาอาก้องกันแต่เช้า” ต้นตระการบอกกับเอิร์ธ

      “คุณละ ทานด้วยกันซิ แม่ผมทำอาหารเอาไว้หลายอย่าง” ต้นตระการหันมาถามผม

      “แม้ผมก็คิดว่าคุณต้นจะปล่อยให้ผมหิวซะอีก” ผมหันไปถามต้น

      “หรือจะไม่ทานก็ตามใจนะ “ ต้นพูดก่อนจะหันหลังเดินจากห้องทันที

      “อาหมอทำพ่อต้นโกรธอะเปล่า” เอิร์ธลุกขึ้นยืนและแหงนหน้าขึ้นมองผม

      “สงสัยอยู่นะแต่ไม่เป็นไร อันนี้อาหมอไปงอ้ได้ “ผมบอกเอิร์ธก่อนจะใช้ฝ่ามือหยีหัวเล็กนั้นและพากันเดินลงไปที่ชั้นล่าง เอิร์ธเป็นคนนำผมไปยังห้องทานอาหาร อาหารทุกอย่างถูกจัดไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

      “อันที่จริงคุณน่าจะรอให้ผมลงมาช่วยนะต้น “

      “ไม่เป็นไรหรอกภีมนั่งซิ  ว่าแต่คุณจะกลับยังไง เพราะว่านี้ก็เกือบจะสองทุ่มครึ้งแล้ว “ต้นตระการถามผม ผมก็เหล่ตาไปมอง นี้ไล่กันเหรอ
      
      “ผมไม่ได้บอกว่าผมจะไล่คุณกลับแต่ คุณต้องหน้าที่คุณหมอพรุ่งนี้ด้วยไม่ใช่เหรอครับ คุณหมอภีม” ต้นตระการพูดก่อนละเบียงสายมามองผมแว๊ปหนึ่งและหันไปตักอาหารให้เอิร์ธ

      “อาหมอ อาหมอทำพ่อโกรธ อาหมอง้อพ่อต้นหรือยัง” จู่เอิร์ธก็ถามผมขึ้นมา ต้นตระการสะบัดหน้ามามองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้

      “เดี๋ยวอาหมอจะง้อหลังอาหารเย็นนะครับ น้องเอิร์ธ” ผมพูดต้นก็มองหน้าผม และหันไปเหล่ตามองเอิร์ธ ก่อนจะหันกลับมามองผมอีกที

      “คุณบอกอะไรลูกผม” ต้นตระการถามผมขณะที่เอิร์ธกำลังสาระวนตักอาหารทานอยู่

      “เด็กสมัยนี้ไวกว่า4จีอีกนะ ผมว่าเขาน่าจะดูผมกับคุณออก” ผมพูด

      “อย่า….” ต้นทำท่าจะห้ามปรามผม

      “หึ?”

      “อย่าเพิ่งบอกเอิร์ธตอนนี้ ผมขอ” ต้นตระการพูดกับผม เอิร์ธเงยหน้าขึ้นมามองผมกับต้นสลับกันไปมา

      “พ่อกับอาหมอทะเลาะกันอีกแล้วเหรอครับ” เอิร์ธเอ่ยปากถามผมสองคนและมองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา แสดงว่าเขาไม่ชอบให้คนทะเลาะกันแน่ๆ เพราะดูจากสีหน้า เหมือนทำท่าจะร้องไห้

      “ไม่ … ไม่เลย ไม่ได้ทะเลาะกันครับ ดูซิ นี่อาหมอยังตักอาหารให้พ่อต้นเลยเห็นไหมครับ” ผมพูดบอกเอิร์ธและตักอาหารใส่จานให้ต้น อันที่จริงผมก็ทำกับเขาแบบนี้ทุกครั้งที่เราไปทานอาหารด้วยกัน ดังนั้นผมจะรู้ว่าเขาทานอะไรไม่ทานอะไร และผมก็หันไปจะตักอาหารให้เอิร์ธแต่ผมยังไม่รู้เลยว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร 

      “เอิร์ธเขาทานแค่น้ำพะโล้และไข่แดงนะภีมเขาไม่ค่อยชอบทานเนื้อหมู” ต้นตระการบอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น ผมคงต้องค่อยเรียนรู้ไปที่ละเล็กทีละน้อย แต่แค่ผมก็รู้สึกรักเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดจากผู้หญิงที่แย้งของรักผมไปครองก็ตาม สีหน้าและแววตาที่ใสซื่อคู่นี้แต่มันแฝงไว้ซึ่งบางสิ่งที่ทำให้เขาไม่หวาดกลัวอยู่ลึกๆและเหตุการณ์วันนี้อีก ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันทีทำแบบนั้น  กับคนที่ผมรักและของที่เขารักดังดวงใจแบบนี้ 
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้าหมอภีมกับพี่ต้นเขาจะรีือฟื้นความหลังกัน จะมีท่านผู้ชมมาปูเสื่อรอไหมนะ   :o8:

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
       EP.(หมอภีมXพี่ต้น)  คุณคือหัวใจของผม NC18+

          Part ต้นตระการ     ขณะที่ผมกำลังเก็บล้างภาชนะอยู่ในครัวส่วนหมอภีมก็อาสาพาเอิร์ธขึ้นไปนอนแทนผม ผมคิดว่าจะบอกให้เขากลับได้แล้วเพราะว่ามันก็ดึกแล้วด้วย จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้โทรหาเขมชาติน้องชายผมเลย ไม่รู้ว่าก้องเป็นยังไงบ้าง หมอภีมบอกว่าจะเข้ารับการผ่าตัดอีกรอบตอนสามทุ่ม

   “กึก” ผมเดาได้ว่าเสียงของหมอภีมแน่นอน

   “เอิร์ธหลับแล้วเหรอภีม คุณควรจะโทรบอกให้รถที่โรงพยาบาลคุณมารับได้แล้วภีมเพราะว่ามันดึกแล้วนะ” ผมพูดและถามหมอภีมแต่ว่าเขากลับไม่ตอบผม ผมเลยหันหลังกลับ และผมก็ต้องชนกับคนที่มายืนประชิดอยู่ด้านหลังผม พอผมหันไปประจัญหน้ากับเขา เขาก็เข้าประกบตัวผมพร้อมกับจูบผมอย่างเร้าร้อน

      “อย่าภีม” ผมพยายามร้องห้ามแต่ภีมก็ไล่จูบผมมือเขาก็พยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผมและอีกมือก็กอดรั้งผมเอาไว้ ผมก็พยายามดันภีมออกแต่ไม่เป็นผล เพราะว่าแขนอีกข้างผมก็เจ็บอยู่

      “ต้น ผมรักคุณ ผมคิดถึงคุณ ผมคงไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆอีกครั้ง คุณรู้มั้ยว่าผมทรมารแค่ไหน ผมพยายามแล้วตั้งแต่ที่เห็นคุณสวมชุดเจ้าบ่าวยืนอยู่บนเวทีนั้นกับผู้หญิงคนนั้น “

      “คุณไป” ผมถามภีมปภพด้วยสีหน้าที่แปลกใจ แต่ผมไม่ได้ส่งการ์ดเชิญให้เขาแล้วเขาไปถูกได้ยังไง ผมแถบจะไม่บอกใครเลยนอกจากคนในครอบครัวผม

      “หมอดาเขาได้การ์ดมาจากเกศรินทร์” หมอภีมปภพบอกผม ผมจัดงานแต่งงานที่โรงแรมที่เขาใหญ่ ลุงของเกศรินทร์เขามีรีสอร์ทที่นั้น

      “วันนั้นผมไป  แต่ผมไม่กล้าเข้าไปหาคุณ ผมกลัวว่าผมจะทนไม่ได้และพาคุณวิ่งหนีออกมาจากงานแต่งบ้าบอนั้น ” หมอภีมปภพูด 

      “ผมรักคุณต้น รักคุณมาก อืมม” หมอภีมปภพจูบผมอย่างเร้าร้อนอีกครั้งและครั้งนี้มันกับทำให้ผมจูบเขากลับเหมือนเช่นที่ผมกับเขาเคยทำด้วยกันมาก่อน

      “อ่าห์  ภีม  อืมม  อื้มมม”ภีมดันผมขึ้นไปนั่งบนซิงค์ และซุกไซซอกคอผมพร้อมกับสอดมือเข้าไปบี้ยอดประถุมถันของผมที่อยู่ภายในเสื้อเชิ้ต

      “ภีม ผมกลัวลูกตื่น” ผมกระซิบกับภีม

      “ขึ้นห้องซิ คุณยังไม่ได้อาบบน้ำไม่ใช่เหรอ ผมก็ยัง เราอาบพร้อมกันนะครับต้น “ หมอภีมปภพพูดบอกผม

      “แล้วคุณไม่”

      “ผมบอกแล้วไงว่าผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีก คุณคือหัวใจของผม ผมอยากอยู่กับคุณตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้น” หมอภีมปภพพูด ผมก็คงต้องยอมผู้ชายคนนี้อีกครั้งแล้วซินะ

      “คุณนี้มันร้ายจริงๆนะภีม”


      “ก็คุณเป็นแฟนที่ดื้อไงผมถึงต้องทำแบบนี้  แต่ผมรักคุณนะต้น“ หมอภีมปภพพูด ผมดันตัวเองลงจากซิงค์ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบน ผมเห็นเอิร์ธนอนอยู่บนเตียงนอน หมอภีมใช้หมอนกั้นเอาไว้รอบๆกลัวลูกผมดิ้นลงมาตกเตียง  ผมหันมามองหน้าเขาผมรู้สึกแปลกใจเพราะว่าเกศรินทร์ยังพาเอิร์ธเข้านอนเองไม่ได้เลย นอกจากผมและพี่เลี้ยงที่คุ้นเคยกับเขาเท่านั้น
   
      “คุณเข้าห้องน้ำไปก่อนนะภีมผมจะหาเสื้อผ้าให้คุณใส่ก่อน” ผมพูดบอกหมอภีมปภพ เขาหันมายิ้มอ่อนๆให้ผมก่อนจะพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็หันไปจัดการเลือกชุดนอนบางๆให้เขาเพราะว่าหมอภีมเป็นคนขี้ร้อน  และผมเองก็ไม่กล้าเปิดแอร์เย็นเกินไปกลัวเอิร์ธจะไม่สบาย

        จังหวะที่ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เห็นหมอภีมถอนเสื้อผ้าตัวเองหมดแล้ว
เขากเปิดน้ำจากเอาไว้แล้วในตู้อาบน้ำ  หมอภีมอยู่ในสภาพที่มีผ้าขนหนูพันตัวแบบหมิ่นๆ

   ผมยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้วยแขนข้างที่ไม่เจ็บ หมอภีมปภพเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยผม ผมหันไปมองหน้าเขา ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเขา  จมูกที่โด้งจนเป็นสันนั้นอยู่ใกล้กับปลายจมูกของผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร มันทำให้ผมต้องเม้มริมฝีปากตัวเองเข้าหากัน

      “โอ้ย!” ผมร้องด้วยความเจ็บขณะที่หมอภีมกำลังรูดเสื้อเชิ้ตออกไปจากแขนข้างที่เจ็บ ผมรู้ว่าเขาก็ทำอย่างเบามือที่สุดแล้ว


      “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมช่วยคุณอาบน้ำอย่างเดียวพอต้น” หมอภีมกระซิบกับผม

      “จริงเหรอ” ผมเงยหน้ามองพร้อมกระตุ๊กยิ้มที่มุมปาก

      “อันที่จริงก็อยากจะทำอยู่นะ แต่ว่าคุณเจ็บอ่ะต้น ผมรอได้ ผมอุตสารอมาตั้งห้าปีแล้ว รออีกสักสองสามวันทำไมจะรอไม่ได้”หมอภัมปภพพูด และพร้อมกับปลดกางเกงแสลคของผมและรุดลงไปพร้อมกันกับกางเกงยางยืดและเขาก็ย่อตัวลงไปเพื่อดึงมันออกไปจากปลายเท้าของผม แต่จะว่าไปหุ่นหมอภีมดูล้ำขึ้นกล้ามอกชัดเจน ซิกแพ็คก็ชัดขึ้นด้วย นี่แสดงว่าช่วงเวลาที่หายไปเขาไปฟิตหุ่นฟิตกล้ามมา มันทำให้ผมเริ่มมีอารมณ์  ผมยอมรับว่าผมก็ต้องหาที่ระบายในเวลาที่ลูกหลับ แต่แปลกนะผมกลับไม่เคยคิดอยากจะร่วมรักกับเกศรินทร์เลย แม้จะนอนเตียงเดียวกันก็ตามจนกระทั้งนางทนไม่ไหวเลยให้ผมแยกห้องไปนอนห้องอื่นแทนและเอิร์ธก็ตามไปนอนกับผมทุกคืนเช่นกัน

      “อุ๊บ  อืมมมมม  ต้น “ หลังจากที่หมอภีมปภพลุกขึ้นมายืนตรงหน้าผม ผมก็ดึงหมอภีมเข้าจูบปากทันทีโดยที่หมอภีมไม่ทันได้ตั้งตัวแต่เขาก็จูบผมตอบอย่างเร้าร้อน

      “นี่คือการเชื่อเชิญผมนะต้น” หลังจากที่ริมฝีปากผละออกจากกัน หมอภีมปภพกระตุกยิ้มที่มุมปาก

      “หรือไม่อยากละ” ผมถามคนตรงหน้า

      “ไม่…. ปฏิเสธ “ หมอภีมปภพรีบตอบทันที

      “ภีม คุณเดินไปเอาเจลกับถุงยางในห้องนอนน้องชายผมให้หน่อย ผมไม่มีเพราะว่าปกติผมก็ไม่ได้ใช้ “ ผมพูดบอกหมอภีม เขาหันมายิ้มให้ผม

      “ผมคิดว่าน้องผมน่าจะมีอยู่ในลิ้นชักในห้องน้ำเขานะ อยู่ถัดจากห้องนอนผมไปนะภีม  “ ผมบอกภีมปภพ เขาก็พยักหน้า ทำไมผมให้เขาไปเอาที่นั้น  เพราะว่าผมจะได้มีเวลาที่เรียกว่าทำความสะอาดช่องทางรักของตัวเอง เขาเรียกว่าการทำแท้งซะก่อนจะออกรบ ผมคิดว่าภีมคงใช้เวลาในการหาอยู่สักสิบนาทีได้

      “หมับ”มีคนเดินมากอดผมจากด้านหลังผมอยู่ภายใต้ฝักบัวที่มีสายน้ำราดรดตัวผมอยู่


      “เตรียมความพร้อมเหรอต้น อืมม  “ หมอภีมจูบผมจากด้านหลัง มือก็อ้อมมาลูบไล้ที่หน้าท้องแม้จะไม่มีซิกแพ็คแต่ก็แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อจากการวิดพื้นเป็นประจำ มือของภีมของก็เริ่มเลื่อนขึ้นจากหน้าท้องไล่ขึ้นมาที่แผ่นอกมาตราฐานชายไทย มันปลุกไฟราคะที่มันถูกซ้อนเอาไว้ในกายผมให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ผมพยายามเก็บซ้อนมันเอาไว้หลายปีด้วยหน้าที่การงานและผมก็มีลูก  สายน้ำที่ราดรดตัวผมไม่ได้ช่วยให้เย็นลงมีแต่เพิ่มความเร้าร้อน และยิ่งถูกเร้าโรมจากจนที่ยืนอยู่เบื้องหลังผมแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันราดลงบนกองเพลิง

      “ปืด” เสียงฝ่ามือของผมที่รูดกระจกเป็นทางยาว

      “อ้าห์ อะ อ้าห์ ภีม อื้มมมมม  “ ผมครางออมาแบบพยายามไม่ให้ดังถึงแม้จะมีเสียงน้ำจากฝักบัวช่วยกลบเกลื่อนได้บ้างแต่ผมก็ไม่อยากให้เอิร์ธตื่นขึ้นมาและเห็นผมในสภาพแบบนี้ 

      “ภีมเดี๋ยวเอิร์ธตื่น ผมกลัวลูกผมเขา….”ผมเหลียวไปพูดกับหมอภีมที่เร้าโรมกายผมอยู่

      “จะเห็นเหรอ ว่าผมกับคุณ ”

      “อืมม ผมยังไม่พร้อมจะอธิบายให้เขาฟังตอนนี้ “ ผมหันไปบอกภีม ภีมก็แยกขาผมออกห่างจากกกัน ผมรู้สึกได้ว่าแกนกายเขาจ่ออยู่ที่ช่องทางรักของผมที่เพิ่งสวนล้างอย่างเร่งด่วน

      “โอ้วว  โอ๊ะ  โอ๊ย” ผมร้องออกมาเบาๆ เพราะว่าช่องทางรักของผมยังไม่คุ้นเคยกันดีกับของภีม ระยะเวลาห้าปีมันห่างกันไปหน่อย หมอภีมยืนโดยใช้แขนข้างหนึ่งดันตู้กระจกอาบน้ำไว้แบบกระหนาบข้างลำตัวของผม และอีกข้างก็กอดรัดรอบเอวผมเพื่อล๊อกไม่ให้ลำตัวเลื่อนออก

      “ซี้ดดดดด  “เสียงครางลากยาวจากปากภีมปภพขณะที่เขากำลังสอดใส่สิ่งนั้นเข้ามาในกายผมแบบต่อเนื่องจนมิดหมดด้าม

      “อ้าห์ อื้ม  ต้น ซี้ด มันฟิตอ่ะ อืมมม” หมอภีมพูดและโยกจนร่างผมเด้งไปตามแรง ผมเองก็ทำได้แต่พ่นลมหายใจออกมาเป็นจังหวะ ผมรู้สึกว่าสิ่งนั้นถูกถอดออกไปจากช่องทางรักของผมพร้อมกับร่างผมที่ถูกจับให้พลิกหันไปหาหมอภีม

      “กอดคอผมซิต้น ท่าประจำของผมกับคุณ “ หมอภีมปภพบอกผม ใช้กิจกรรมรักของผมกับเขาส่วนมากจะเริ่มจากในห้องน้ำก่อนเสมอ ผมก็ทำตามที่หมอภีมบอกและเขาก็ยกเอวผมลอยขั้น ผมก็ต้องใช้ขาหนีบเอวหมอภีมเอาไว้ ผมรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นสอดกับเข้าไปอีกครั้งแบบไม่ลำบากเหมือนตอนแรก

      “อ้าห์ ภีม โอ้ววว อืมมมม” ผมก็ต้องกัดปากตัวเองแต่ก็ไม่วายจะมีเสียงครางเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ

      “ปึกๆ” เสียงเนื้ออ่อนกระทบเนื้ออ่อนของผมสองคนดังสะนั่นในห้องน้ำ ไม่นานก็หมอภีมก็เรียบร้อยแต่ว่าเกมส์รักของผมยังไม่จบแค่นั้น หลังจากที่หมอภีมเสร็จเขาต้องทำให้ผมด้วยเป็นอันดับสุดท้ายทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน
   
       หมอภีมปล่อยให้ผมลงมายืนหมอภีมย่อตัวลงและใช้ปากกับสิ่งนั้นของผม ฝ่ามือผมกุมหัวหมอภีมพร้อมกับแอ่นแกนกายของผมให้หมอภีมจัดการ

      “อะ อ้าห์ อะ  อะ  อ้าห์  ภีม อ้าห์   อ้าส์!!!” เสียงผมครางพร้อมมือที่กุมผมที่หนานุ่ม ไม่แรงมาก และเวลาผ่านไปไม่นานร่างกายผมก็เกร็งกระตุ๊กผมรับรู้ได้ว่าน้ำสีขาวขุ่นน่าจะพวยพุ้งออกมาแล้ว

      “ฟู่!”เสียงถอนหายใจของผมเอง

      “เยอะไปนะ “ หมอภีมบ่นผมและถึงกับต้องบ้วนทิ้งทันที ผมก็ต้องรีบเข้าไปอยู่ใต้ฝักบัวเพื่อรีบชำระล้างตัว ผมกลัวว่าเอิร์ธตื่นมาแล้วไม่เจอผมเขาจะตกใจ ภีมก็เข้ามาช่วยผมถูสบู่ ผมมองตามฝ่ามือนั้นที่ลูบไล้ฟองสบู่บนกายผม

      “ผมรีบนะภีมกลัวลูกตื่น” ผมพูดก่อนจะรีบล้างตัวและออกมาเช็ดตัวให้แห้ง ภีมก็ตามผมออกมาเช่นกัน

      “ภีม ผมมีแปรงสีฟันที่ยังไม่ได้ใช้นะอยู่ในตู้นะคุณ” ผมบอกภีมปภพก่อนจะรีบแต่งตัวและเดินไปเช็คเอิร์ธก่อน เขาก็ยังคงนอนหลับอยู่ ก่อนที่จะเดินกลับมาเพื่อแปรงฟันเช่นกัน ภีมนะบีบยาสีฟันใส่แปรงเอาไว้ให้ผมแล้ว แต่ก่อนเขาก็ทำให้ผมจนเป็นเรื่องปกติ

      “ลูกยังหลับอยู่เหรอต้น” หมอภีมหันมาถามผมแต่เรียกว่าลูกไม่ได้เรียกชื่อ มันกับทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าเอิร์ธนี้เป็นลูกของผมกับเขาจริงๆ อย่างที่ผมสองคนเคยตั้งใจเอาไว้

      “เดี๋ยวผมไปอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้วกันนะ คุณจะได้ทำธุระของคุณก่อนต้น ” หมอภีมพูดและรีบเดินออกไป ผมพยักหน้าเบาๆ ผมยืนส่องกระจก ผมใช้มือแตะที่สร้อยคอของผม เป็นสร้อยคอทองคำขาวที่ภีมซื้อให้ผมเป็นของขวัญวันวาเลนไทม์  แต่ว่าเขามาเซอไพรส์ซื้อแหวนให้ผมด้วย เขาซื้อมาสองวง “ผมอยากตัวตนของผมว่าผมมีคนรักแล้วไงต้น และต้นคือคนเดียวที่เป็นเจ้าของผมจริงๆ ” นี้คือเหตุผลที่เขาซื้อให้ และผมก็ต้องถอดมาสวมไว้ที่สร้อยคอแทนหลังจากที่ผมแต่งงานกับเกศรินทร์ จะว่าไป ตอนนี้นิ้วผมก็ไม่มีแหวนแต่งงานของผมกับเกศรินทร์อยู่แล้ว ผมควรจะนำมันกลับมาสวมใหม่อีกครั้งซินะ ผมถอนสร้อยคอออกมาและรุดนำแหวนมาสวมกลับเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม

      “ภีม” ผมเดินเข้ามาในห้องที่มีไฟสลัวจากหัวเตียง สิ่งที่ผมเห็นคือเอิร์ธเขาลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆห้อง ผมก็ต้องตกใจ รีบเดินอ้อมไปหาเขาเขาในทันที

      “เขาร้องไห้หรือเปล่าภีม”ผมถามหมอภีมที่นั่งอยู่ข้างๆอิร์ธ

      “ตอนผมเข้ามาเขาก็ลุกขึ้นนั่งแบบนี้ ผมก็เลยมานั่งข้างๆเขา เขาก็ไม่ได้ตกใจอะไรแค่ถามว่า เสียงอะไรดังอยู่ในห้องน้ำนะ หึกๆ “หมอภีมปภพพูด ผมสะบัดหน้าไปมอง อย่ายอกนะว่า ตอนที่ผมกับภีมในห้องน้ำลูกผมได้ยินนะ

      “เอิร์ธนอนต่อนะลูก “ผมกอดเข้าเอาไว้และพยายามจัดให้เขาลงไปนอนต่อ

      “ ทำไมอาหมอนอนกับเราอะพ่อ”

      “อาหมอเขากลับบ้านไม่ได้ครับ เลยต้องนอนกับเราคืนนี้และ…..”

      “ถ้าให้อาหมอไปนอนคนเดียวอาหมอกลัวครับ  อาหมอเลยขอนอนเตียงเดียวกับเอิร์ธและพ่อต้นได้มั้ยครับ” หมอภีมปภพพูดขอลูกชายผมนอนเตียงเดียวกันด้วยนะ

      “ หงึกๆ”เอิร์ธพยักหน้าด้วยตอบด้วยอาการสลืมสลือ

      เอิร์ธนอนตรงกลางนะลูก” ผมพูดและจับเอิร์ธให้นอนลง

      Rrrrrrr  จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของหมอภีมก็ดังขึ้น เขาวางเอาไว้จนโต๊ะทำงานของผม หมอภีมรีบเดินไปหยิบก่อนจะเปิดประตูออกไปเพื่อหลบไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก ผมก็เอามือลูบหัวเอิร์ธและกอดเอิร์ธเอาไว้ จนเขาหลับสนิท


      ผมก้มลงมองลูกชายของผมและเอามือลูบหัวเขาเบาๆ เหตุการณ์เมื่อตอนเย็นทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงเขามากขึ้น ผมไม่รู้ว่าลูกผมตาฝาดไปหรือเปล่าที่เขาบอกกับผมว่าเขาเห็นผู้หญิงคนที่ขับรถจะชนผมกับเขา แต่ผมหวังว่าจะไม่ใช่หมอดาวิกา ผมเองก็ไม่อยากมานั่งทำสงครามกับผู้หญิงอีก แค่เกศรินทร์ที่ผ่านมาผมก็จะเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว แต่เกศรินทร์นะเธอไม่มีพิษสงค์อะไรเท่ากับหมอดาวิกา ที่สวยแต่เธอมีสิ่งที่น่ากลัวซ้อนอยู่  ผมเองก็ไม่อยากทำให้หมอภีมต้องหนักใจ   ผมเลยเลือกที่ไม่พูดและมันได้ไม่คุ้มเสีย ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้หญิง และผมก็ผู้ชาย ยังไงผมก็เสียเปรียบและถูกมองไม่ดีอีกต่างหาก


      “กึก” เสียงคนหมุดลูกบิดประตูห้องนอนผม หมอภีมคงกลับเข้ามาแล้ว แต่ไม่ใช่แค่หมอภีมคนเดียว เขมชาติด้วยเขาก็เข้ามาในห้องนอนของผม เขมมองหน้าผมพร้อมร้อยยิ้มๆ

      “ผมเอาเอิร์ธไปนอนกับผมดีกว่าพี่ต้น “ เขมบอกผม

      “พี่หมอบอกผมแล้วแหละว่าทำไมพี่เขาถึงมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ นี้แม่ก็เข้าห้องพระไปสวดมนต์ให้พี่ก้องอีก และพรุ่งนี้แม่จะไปทำบุญถวายอาหารพระด้วยนะพี่ต้น “ เขมบอกผมก่อนจะค่อยๆอุ้มเอิร์ธไป

      “ขอบคุณนะครับพี่หมอที่ดูแลพี่ต้นกับเอิร์ธ “ เขมบอกหมอภีมและเดินหายออกไปทันที ผมหันมามองหมอภีมปภพกำลังปิดประตูห้องนอนผมลงเบาๆ ผมเหลือบไปมองเวลาที่หัวเตียง ตอนนี้เป็นเวลา สามทุ่มกว่าเกือบจะสี่ทุ่ม


      “ น้องชายคุณเขากำลังอยู่ในห้องผ่าตัดและเขาต้องการขอเลือดเพิ่มเพื่อว่าน้องคุณเขาต้องใช้นะครับต้น” หมอภีมบอกมก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างๆผม หมอภีมพลิกมานอนตะแคงเอามือยันศีรษะไว้ และค่อยๆโอบเอวผมให้ไปนอนข้างๆเขา

      “นานแล้วนะที่เราไม่ได้นอนคุยกันแบบนี้ต้น ” หมอภีมพูด ผมก็ยิ้มอ่อนๆให้เขา ฝ่ามือของหมอภีมแตะที่ใบหน้าผมอย่างทะนุทะนอม

      “ต่อให้ผมกับคุณจะเคยทะเลาะกัน งอนกัน ไม่เข้าใจกัน หรือแม้กระทั้งผมหึงคุณ ผมก็ยังไม่เคยลงไม้ลงมือกับคุณเลยนะ ทำไมคุณให้ผู้หญิงคนนั้น ทำร้ายคุณได้ต้น “ หมอภีมปภพพูดขึ้น ผมก็ต้องหลุบตาลง


      “มันจะดีกว่าถ้าเขาลงกับผมโดยไม่ลงกับลูกไงภีม “ ผมพูด ก่อนจะกลับมามองหน้าเขาเอีกครั้ง

      “ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีวันได้แตะต้องคุณอีกต้น”

      “คงไม่แล้วแหละภีมเขามีความรักครั้งใหม่กับนักการเมืองท้องถิ่นไปแล้ว และเขาก็ไม่มีวันกลับมาหาผมหรอก เขารังเกียจน้องชายผม คนแรกก็เขม ตอนนี้ก็คงเป็นก้องด้วยอีกคน เรื่องที่เขาทั้งคู่เป็นเกย์ ทั้งที่เขาก็รู้ว่าผมเป็นเหมือนกัน” ผมพูดกับหมอภีม

      “และผมขอไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับเกศรนิทร์นะภีมถึงยังไงเขาก็เป็นแม่ของเอิร์ธผมมไม่อยากป้อนสิ่งไม่ดีใส่ไว้ในหัวเขาภีม” ผมหันไปบอกหมอภีม


      “ผมคิดถึงคุณนะต้น คิดถึงมากที่สุดและตอนนี้ผมก็คิดว่าผมกำลังตกหลุมรักหนุ่มน้อยของคุณเช่นกัน น้องเอิร์ธ ชื่อนี้ผมจำได้นะว่าคุณอยากตั้งให้ลูกของเราด้วยนะต้น”


      “ใช่ และพอผมรู้ว่าผมจะมีเขา ชื่อนี้แหละที่ผมต้องการและยิ่งผมได้รู้ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายด้วย ผมดีใจมากแค่ไหนที่ผมจะมีลูกภีม ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดมากจากความรักขอผงมกับเกศรินทร์ก็ตาม” ผมพูดกับหมอภีม

      “ผมขอโทษนะที่ผมดึงดาวิกาเขามาทำให้ความรักของผมกับมีแต่เรื่อง ตอนแรกผมคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจผมเพราะว่าเธอเหมือนน้องสาวผมนะต้นแต่นี้ “


      “พอเถอะภีม ผมเข้าใจเธอนะ เธอคงมองว่าคุณนะเป็นของเขามาตั้งนานก่อนผม “ ผมหันไปบอกหมอภีม

      “นอนเถอะ พรุ่งนี้คุณต้องไปโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ผมเองก็อยากจะไปดูน้องชายผม ผมไม่อยากให้เขาไปอยู่ในพื้นที่เสียงแบบนั้นเลย ผมอยากให้เขาย้ายกลับแต่ก้องภพ เขาตั้งใจไว้แบบนั้น เขาบอกว่าเขาเป็นทหารแล้ว ต้องไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ผมไม่อยากได้เกรียติยศหรือคำสรรเสิญที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตน้องผมนะภีม “ผมพูด หมอภีมก็ดึงโอบไหล่ผมและบีบกระชับเข้า

      “ผมไม่อยากสูญเสียใครไปอีกแล้วภีม ตั้งผมเสียพ่อผมไปกะทันหันแบบนั้นตั้งแต่ยังไม่มีเอิร์ธ ผมกลัวการสูบเสียขึ้นทุกวัน “ 


      “เพราะแบบนี้ไงผมไม่อยากเสียคุณไปอีกต้น อยู่กับผมนะ ผมจะดูแลคุณและลูกคุณ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้คุณมาอยู่กับผม เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน อย่างที่เราเคยคุยกันไว้ต้น ผมพร้อมแล้วที่เปิดเผยเรื่องของเรา ผมไม่จำเป็นต้องแคร์หน้าตาของสังคม ผมแคร์แค่หัวใจของผมและความรู้สึกของคุณ เพราะว่าคุณคือหัวใจของผมต้น” หมอภีมพูดบอกผม  ผมลูบมือข้างที่เขาสวมแหวนนั้นเอาไว้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณเม้นเป็นกำลังใจนะคะ มีเม้นก็มีกำลังใจสู้ๆ ให้กำลังใจนักแต่งท่านอื่นๆด้วยคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2020 18:07:45 โดย Tanthai23 »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
     
พิเศษ (หมอภีมXพี่ต้น)เอิร์ธเหมือนโซ่ทองของผมและภีม

                  Part's ต้นตระการ หลังจากที่เขมชาติน้องชายผม เขาเข้ามาเอาเอิร์ธไปนอนด้วย ผมกับภีมก็นอนคุยกันถึงเรื่องเก่าๆไม่ต้องมีรูปภาพใดๆมาประกอบเหตการณ์ระหว่างผมกับเขาเราจำมันได้ดี ยิ่งตอนไปเที่ยวที่อิตาลี่ ทริปนั้นเป็นทริปที่หวานและมีความสุขที่สุดเป็นทริปก่อนที่จะผมจะเข้ารายงานตัวเป็นปลัดอำเภอแต่ผมยังไม่ได้รับปริญญาโท ตัวผมเองเป็นพี่ที่โชคดีที่ได้เรียนต่อปริญญาโททันทีหลังจากเรียนจบปริญญาตรี แต่ผมดันไปมีเรื่องให้ต้องออกไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ได้รักและต้องมารับผิดชอบไปเป็นลูกเขยบ้านที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายอีก แต่ยังถือว่าผมโชคดี ที่ผมหลุดออกมาได้ซะก่อนแม้จะต้องกลายเป็นพ่อหม้ายลูกติดก็ตาม

       
            Rrrrrr เสียงโทรศัพท์หมอภีมดังขึ้นผมค่อยๆลืมตาขึ้น ผมนอนหลับหนุนไหล่หมอภีมเกือบจะทั้งคืนและถามว่าหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เพราะว่ามัวแต่คุยกันเพลินจนผลอยหลับไปเอง

                         “ภีมโทรศัพท์คุณนะ”ผมเรียกหมอภีมปภพ คนที่นอนข้างๆผมและนี้ถอดเสื้อยืดออกไปตอนไหนก็ไม่รู้และนั้นก็แปลว่าผมนอนหนุนอกแน่นๆนั้นเกือบทั้งคืนเช่นกัน

                     “รับให้ผมหน่อยซิต้น” เสียงหมอภีมปภพอ่อนให้ผมลุกไปรับสายให้เขา


                     “จะดีเหรอภีม”ผมถามหมอภีม

                     “ก็คุณเป็นแฟนผมอ่ะทำไมจะรับไม่ได้ นะรับให้ผมหน่อยที่รัก” หมอภีมพูดทั้งที่ยังไม่ลืมตาผมก็ต้องค่อยๆลุกขึ้นไปหยิบมือถือของเขามากดรับสายที่โทรเข้าหน้าจอโชว์แต่เบอร์ไม่ได้บอกว่าใคร

                    “สวัสดีครับ


                    “สวัสดีครับคุณหมอภีมปภพใช่ไหมครับ” คนปลายสายถาม

                    “ไม่ใช่ครับผม”

                    “เป็นแฟนหมอบอกไปซิต้น”หมอภีมปภพพูด ผมหันไปมอง พูดมาดังขนาดนี้ผมคงไม่ต้องบอกแล้วมั้ง
         
                    “ผมเอาเสื้อผ้าของคุณหมอมาให้นะครับตอนนี้อยู่ที่หน้าบ้านที่ผมมาส่งเมื่อคืนแล้วครับ”ผมก็ลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่านเห็นมีรถเบนซ์สีดำมาจอดอยู่

                     “ถ้าอย่างนั้นผมจะลงไปนะครับพี่”ผมพูดบอกคนปลายสาย

                     “ต้นบอกว่าให้เขากลับไปก่อนนะครับบอกว่าผมจะโทรบอกเขาอีกทีว่าให้มารับตอนไหน แล้วนี่คุณจะไปพร้อมผมเลยไหมครับต้น” หมอภีมกระดกหัวขึ้นมาบอกผมและถามผม

                     “ผมดูก่อนนะว่าเอิร์ธตื่นหรือยังภีม”ผมพูดก่อนจะเปิดประตูออกไปผมยังไม่เห็นเขมขาติออกมาจากห้องนอนเขาแสดงว่าอาหลานยังหลับอยู่แน่ๆตอนนี้เป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าเองด้วย

                     “อ้าวต้นตื่นแล้วเหรอลูก นี้แม่ทำข้าวต้มกุ้งเอาไว้ ให้หมอภีมมาทานด้วยละ”แม่รดาเดินออกมาจากห้องครัวพอดี แม่บอกผมให้เรียกหมอภีมมาทานด้วย แสดงว่าแม่รู้

                     “แม่รู้เหรอครับว่าหมอภีม”

                  “แม่รู้ต้นอะไรที่ต้นทำแล้วมีความสุขก็ทำเถอะลูก เพราะว่าต้นก็เจอเรื่องแย่ๆมาเยอะแล้วแม่เชื่อว่าถ้าพ่ออยู่พ่อก็จะพูดอย่างที่แม่พูดต้น “ผม่รดาบอกผม ผมก็กอดแม่

                  “นี่จะไปไหนละเรานะ”แม่รดาถามผมเพราะว่าเห็นผมกำลังจะเดินออกไปข้างนอก

                  “ไปเอาเสื้อผ้าให้หมอภีมครับแม่เขาให้คนเอามาให้นะครับ “ ผมบอกแม่รดา แม่รดาพยักหน้าแค่นั้นผมเดินออกไปก็มีชายวัยเกือบจะสี่สิบ เขาบอกว่ามาส่งหมอภีมกับผมเมื่อคืนผมเองก็ไม่ได้สังเกตเพราะว่าอยากพาลูกกลับบ้าน
             
  “สวัสดีครับพี่” ผมยกมือไหว้คนที่มายืน

                   “สวัสดีครับคุณต้น ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ”พี่เขาเรียกชื่อผมด้วยและยื่นถุงพาสติกที่ใช้คลุมเสื้อผ้า มาให้ผม
                 
                    "นี่ครับเสื้อผ้าคุณหมอภีมครับคุณต้น”
               
                    “ครับ....เออพี่ครับ คุณหมอภีมบอกว่าเตรียมตัวเสร็จแล้วจะโทรไปบอกให้มารับอีกทีนะครับ”ผมบอกพี่คนขับรถของหมอภีม

                  “ได้ครับคุณต้น“ พี่เขาพูดแค่นั้นก็เดินออกไปขึ้นรถทันทีผมรีบเดินเข้าบ้านก่อนจะได้ให้หมอภีมเตรียมตัวระหว่างที่ผมเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ทำให้ผมยืนมองโดยไม่กล้าส่งเสียงใดๆผมปิดประตูแบบให้เบาที่สุดผมยืนกอดอกมองสอหนุ่มเขาคุยกัน หมอภีมนอนตะแครงโดยมีเอิร์ธนั่งผิงเขาอยู่เอิร์ธเขาเปิดดูการ์ตูน เจ้าขุนทอง เป็นรายการโปรดของเขาเลย

                         “อันนี้พี่ฉงนอันนี้พี่ฉงาย  พี่ขอนลอย บร้าๆ”ผมว่าหมอภีมเขาคงไม่มีเวลาดูรายการพวกนี้แน่ๆ แต่นี้ผมเคยดูตอนเด็กๆ ตอนที่รายการเจ้าขุนทองออกอากาศใหม่ๆ

                  “ไหนสอนอาหมอร้องเพลงก่อน“

                  “เจ้าขุนทองเพื่อนเจ้าเจรจา…” ผมก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นเอิร์ธเขาสอนหมอภีมร้องเพลง

                  “พ่อต้น!”เอิร์ธหันมาเห็นผมเข้าพอดี หมอถีมก็หันมามองผมและยิ้มให้ผมเช่นกัน

                  “ผมไม่เคยมีเวลาดูรายการพวกนี้เลยนะ“ หมอภีมหันมามองบอกผมก่อนจะค่อยดันตัวเองลุกขึ้น ผมไม่รู้ว่าเขาถอดเสื้อนอนส่งสัยจะร้อนมันทำให้ผมเห็นกล้ามอกชัดเจนกว่าเมื่อคืนที่เปิดไฟสลัวๆ

                  “ตื่นมาแต่เช้าเลยเอิร์ธแปรงฟันหรือยังครับ” ผมถามลูกชาย

                  “ไปแปรงฟันกับอาหมอไหม“ หมอถีมรีบถามเอิร์ธทันที

                  “อาหมอยังไม่แปรงฟัน….ยี้” เอิร์ธพูดและทำท่าบีบจมูก

                  “อะไรกันเมื่อกี้ยังนั่งคุยกันอยู่เลย…ว่าอาหมอเหรอ…. “หมอภีมพูดและจับเอิร์ธนอนลง ก่อนจะจั๊กจี๋เอิร์ธ “ฮาๆ เอิ้กๆ ฮาๆ  “ เอิร์ธดิ้นและหัวเราะใหญ่เลย “พ่อต้นช่วยเอิร์ธด้วยฮาๆ ” น้องเอิร์ธพูดขอให้ผมช่วย

                  “ให้พ่อช่วยใช่ไหม“ ผมถามเอิร์ธ เขาก็พยักหน้า

                  “ฮาๆไม่ใช่ ไม่ใช่ ฮาๆ “ ผมช่วยหมอภีมจั๊กจี๋ เอิร์ธแทน ดูหัวเราะและดิ้นหนีทันที

                  ก๊อกๆเสียงเคราะประตูดังขึ้น ทำให้ผมหยุดและเดินออกไปเปิดประตูคนที่เดินมาเคาะประตูคือเขม เขมก็ชะเง้อมองเข้าไปในห้องนอนของผมเห็นเอิร์ธกำลังนอนเล่นหัวเราะหัวไคร่กับหมอภีมอยู่ เขาก็แอบยิ้ม

                  “เขมจะขับรถพาแม่เอาอาหารไปถวายหลวงลุงนะพี่ต้นถ้าพี่ต้นจะไปโรงพยาบาลกับพี่หมอผมจะได้พาเอิร์ธไปด้วยเพราะว่าเดี๋ยวเอิร์ธจะงอแงและผมจะพาแม่กับเอิร์ธตามไปทีหลัง” เขมชาติบอกผม ผมพยักหน้าว่าตามนั้นก็ได้

                 “เอิร์ธไปล้างหน้าได้แล้วครับจะไปดูปลากับอาเขมไม่ใช่เหรอเรา” ผมถามเอิร์ธ และเขมก็ยักไหล่พร้อมกับเดินออกไปนั้นแปลว่าจะไปรอด้านล่างนั้นเองหมอภีมเขารีบลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับจูงมือเอิร์ธหายเข้าไปในห้องน้ำกันสองคนผมก็จัดการเตรียมเสื้อผ้าเอิร์ธ แต่ว่าทั้งคู่หายเข้าไปนานไม่ออกมาสักทีทำอะไรกันนะ ผมแอบเปิดประตูเข้าไปก็เห็นทั้งคู่เขาอยู่ในตู้อาบน้ำแก้ผ้าอาบน้ำกันสองคนภายใต้ฝักบัว

                  “คิกๆ”เอิร์ธก็หัวเราะให้คนที่กำลังถูสบู่ให้ ผมรีบเดินไปเปิดประตูตู้อาบน้ำและมองสองหนุ่มที่ยืนแก้ผ้าอาบน้ำคนเล็กนี้เฉยๆแต่คนตัวโตนี้เล่นเอาผมรู้สึกร้อนผาวที่ใบหน้าและเขายังหันมายิ้มให้ผมแบบไม่อายกันบ้างเลยและก็คงเป็นผมที่เป็นฝ่ายยอมหันหลังเดินออกแทน

                  “ภีมคุณทำอะไรนะ”ผมถามหมอภีม

                  “อาบน้ำไงอาบน้ำตอนเช้าๆ มันช่วยให้เรามีสมาธิดีนะต้น “ หมอภีมหันมาบอกผม

                  “ผมไม่ได้หมายถึงห้ามอาบน้ำแต่ผมถามว่าทำไมคุณถึงได้เออ อาบน้ำกับลูกผมแบบนี้ละ”ผมถามหมอภีมปภพความหมายผมคือทำไมเขาแก้ผ้าอาบน้ำกับลูกผมแบบนี้

                  “ทำไมละก็ผู้ชายเหมือนกัน ใช่ไหมครับเอิร์ธ“ หมอภีมพูดและก้มลงถามเอิร์ธ  :hao3: ที่รีบพยักหน้าหงึกๆทันทีผมก็แอบส่ายหัวและก็ต้องปล่อยให้เขาสองเล่นน้ำกันไปอยู่พักหนึ่งผมยืนกอดอกรอจนเสร็จเรียบร้อยและทั้งคู่ก็ออกมาหยิบผ้าไปเช็ดตัว

                  “อาหมอเช็ดให้ครับ”หมอภีมอาสาเช็ดตัวให้เอิร์ธก่อนที่เขาจะเดินมาหาผม

                  “พ่อต้นน้องเอิร์ธหอมหรือยัง” เอิร์ธถามผม ผมย่อตัวลงทำท่าดม “ฟื้ด!” 

                  “หอมแล้วครับไปแต่งตัวดีกว่าจะได้ไปดูปลากับอาเขมนะครับ”ผมพูดและลุกขึ้นยืนมองคนที่เดินเช็ดหัวมาหาผม

                  “แล้วไม่ดมผมบ้างเหรอว่าผมหอมหรือยังถ้ายังจะได้อาบกับคุณพ่อลูกอ่อนอีกรอบ” หมอภีมปภพพูด ผมยืนกอดอกมองหมอภีมปภพ

                  “ถึงโตแล้วก็มีความรู้สึกนะอยากได้บ้างอ่ะ ” หมอภีมปภพพูดและหลุบตามองน้องเอิร์ธ “คิกๆ” ที่ยืนขำหมอภีมปภพ 

                  “คุณอาบน้ำเลยก็ได้นะต้นผมจะออกไปแต่งตัวให้เอิร์ธเอง“ หมอภึมปภพพูด ผมก็พยักหน้าว่าเอาอย่างนั้นก็ได้เอิร์ธเดินไปกับหมอภีมอย่างว่าง่าย ปกตินอกจากคนในบ้านผมแล้วเอิร์ธจะไม่เอาคนอื่นเลย มีก็ครูแป้งที่อยู่คอนโดของผมผมต้องฝากเขาเลี้ยงน้องเอิร์ธถ้าวันไหนผมกลับเย็นมากแต่ไม่บ่อยหรือว่ามีเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนเขตที่ผมดูแลผมก็ต้องติดตามนายอำเภอไปด้วยก็ต้องฝากเขาแต่ส่วนใหญ่แม่ผมจะไปช่วยดูแลเอิร์ธซะมากกว่า ผมเองก็เกรงใจครูแป้งเหมือนกันเพราะว่ายิ่งช่วยผมดูเอิร์ธก็มีแต่คนคิดว่าผมกับครูแป้งมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแต่จริงๆไม่ใช่ ผมเคยช่วยครูแป้งเรียกร้องสิทธิ์ที่โดนนายทุนพยายามโกงและสุดท้ายครูแป้งและครอบครัวก็รอดพ้นน้ำมือพวกหากินบนความทุกข์ของคนอื่น

    ตอนนี้ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันกายเสื้อผ้าผมอยู่ข้างนอกผมเห็นหมอภีมสวมเสื้อเชิ้ตเรียบร้อยแล้วส่วนเอิร์ธไม่ได้อยู่ในห้อง ผมก็มองหาเขาหมอภีมหันมาเห็นผมเข้า

                  “แม่เดินมาเรียกเอิร์ธไปทานข้าวนะคุณและแม่บอกให้ผมกับคุณลงไปทานอาหารเช้าด้วย เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อนนะต้น”หมอภีมบอกผมก่อนจะส่งเสื้อผ้าที่ผมเตรียมเอาไว้แล้วเสื้อเชิ้ตสีเทาพับแขนสีกรมพอใส่แล้วขับกับผิวที่ขาวของผมและกางเกงยีนส์ผมเป็นคนที่ขาวที่สุด ก้องก็จะออกสีแทน เขมนี้ผิวสองสีแถมเสื้อผ้าผมส่วนใหญ่จะพอดีตัวเรียกว่าแนบเนื้อหุ่นที่ไม่ล้ำบึกไม่ผอมไม่อ้วนแน่นอน

                  “ทำไมใส่เสื้อแขนยาวละต้น”หมอภีมหันมาถามผมขณะที่กำลังช่วยผมสวมเสื้อให้และช่วยผมพับแขนขึ้นไปคลุมแค่ข้อศอกของผมอันที่จริงผมก็สวมเองได้แล้วแหละแต่เขาก็ยพยามจะช่วยผมอยู่ดี

                  “ผมไม่อยากให้แม่เห็นแผลผมนะภีมผมกลัวว่าแม่จะกังวล”ผมบอกหมอภีมหมอภีมพยักหน้าให้ผมก่อนจะเข้ามายืนประกบผมและช่วยนำชายเสื้อผมเข้าในกางเกงยืนส์ให้เรียบร้อย

                  “โอ๊ย!”คนที่ร้องนี้หมอภีมเพราะว่าไม่หยัดเปล่าพอวนมาด้านหน้ายังแอบจับน้องหนูผมอีกนะในกางเกงนะผมเลยบิดที่อกแน่นๆนั้นเข้าไปหนึ่งที่แต่พอดีมีสายเข้ามือถือหมอภีมเขาก็รีบหันไปรับสาย ผมเห็นว่าเขาพาดเน็กไท้เอาไว้ยังไม่ได้ผูกให้เรียบร้อยผมเลยต้องเดินไปและภีมก็ชี้ให้ผมผูกให้หน่อยพร้อมกับคุยโทรศัพท์ไปด้วย

                  “ไม่เป็นไรครับผมจัดการเองเรื่องเอกสารสำคัญ และเรื่องค่าใช้จ่ายของคุณก้องภพเช่นกันสั่งได้เลยครับ อุปกรณ์อันไหนที่จำเป็นสั่งได้เลยครับผม ครับผมทราบดีครับว่าเหตุการณ์แบบนี้ประกันไม่จ่าย เขาช่วยหลานผมครับ อันนี้ผมรับผิดชอบได้ครับพอดีผมมีประชุมตอนบ่ายนะครับ ครับขอบคุณครับ”พอเขาพูดสายจบผมก็ผูกเน้กไทให้เขาเสร็จพอดี

                  “ตามไปผูกให้ที่บ้านด้วยนะผูกสวยแบบนี้ “ หมอภีมปภพพูด

                  “คุณไม่ได้เพิ่งจะใส่เน้กไท้วันนี้สักหน่อยแล้วที่ผ่านมาละ”อันนี้แอบหรอกถามดูเพื่อจะหลุดปากบอกว่าใครผูกให้

                  “ผูกเองแต่ไม่สวยแม่บ่นผมประจำแต่อันนี้รับรองแม่บอกผ่าน และผมจะบอกว่าลูกสะใภ้แม่ผูกให้”หมอภีมปภพพูด

                  “น้องผมเป็นไงบ้างภีม”ผมหันไปหยิบนาฬิกาข้อมือมาสวม นาฬิกาเรือนนี้ผมไม่ได้ใส่มันนานแล้ว

                  “การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดีต้นร่างกายเขาก็ตอบสนองได้ดี แต่ว่ายังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาหายใจเองได้ร้อยเปอร์เซนต์แต่ผมคิดว่าคงไม่เกินอาทิตย์หนึ่งเขาน่าจะย้ายไปพักฟื้นที่ห้องพักพิเศษได้นะต้น” หมอภีมปภพพูดพร้อมกับเดินมาหาผม

                  “ยังเก็บไว้อีกเหรอนาฬิกาเรือนนี้นะมันเก่ามากแล้วนะต้น” หมอถีมเดินไปมาช่วยผมสวมใส่มัน ใช่เขาเป็นคนซื้อให้ผมเองตอนที่ผมเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ แต่ว่าผมไม่ได้ใส่ผมเก็บเอาไว้ในกล่องอย่างดีมีของแค่ไม่กี่อย่างที่หมอภีมปภพซื้อให้ผมและผมเก็บเอาไว้ได้เพราะว่าเกศรินทร์โยนทิ้งไปหมดเรือนนี้ผมเก็บเอาไว้โดยที่เกศรินทร์เขาเองไม่รู้เขาแทบจะไม่เคยมานอนที่ห้องนี้เลยมีแค่ช่วงที่เขาตั้งครรภ์ตอนนั้นผมกับเกศก็ดูแลกันดีเหมือนคู่รักทั่วไปแต่มันก็ไม่ได้หวานชื้นเหมือนคนรักจริงๆแต่อยู่ๆไปมันก็เริ่มขมขื่น ที่ไม่ใช่แค่ผมเกศรินทร์ก็เช่นกันแต่ว่าตอนนี้มันจบไปแล้ว เขาก็คงได้ข้อคิดอะไรหลายอย่างว่าความรักมันไม่ใช่แค่คนเดียวมันต้องเกิดจากคนสองคนถึงจะถูก

                  “ไปเถอะภีมเดี๋ยวคุณจะสาย”ผมพูดบอกเขา ก่อนจะพากันเดินลงมาที่ชั้นล่างและตรงไปยังห้องอาหาร

                  “แม่สวัสดีครับ”หมอภีมยกมือไหว้แม่รดา แม่รดาหันมาส่งยิ้มให้หมอภีมปภพ

                  “นอนหลับสบายดีไหมลูก”แม่ผมถามหมอภีมเขาก็หันมามองหน้าผมคงแปลกใจที่แม่ผมเรียกว่าลูก

                  “นอนหลับสบายดีครับแม่แต่ผมต้องขอโทษด้วยนะครับแม่ที่ผมไม่ได้ขออนุญาตคุณแม่ก่อนที่จะมาค้างนะครับ”หมอภีมบอกแม่ผม แม่หันมามองผม

                  “ไม่เป็นไรหรอกมั้งค่ะเพราะว่า ลูกชายแม่ก็สามสิบเข้าไปแล้ว จะพาใครมานอนเห็นทีคงไม่ต้องขอแล้วแหละ”แม่ผมพูดปนหัวเราะ ผมก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลงหันมามองอาหลานเขากำลังนั่งทานอาหารเช้ากัน

                  “ข้าวต้มกุ้งนะทานเยอะๆนะคะ “ แม่ผมตักข้าวต้มส่งมาให้หมอภีมและผม

                  “แม่คุณนี้น่ารักจังคุณน่าจะพาผมมาไหว้ตั้งนานแล้วนะต้น” หมอภีมปภพพูดกระซิบกับผม

                  “อร่อยด้วยทำอร่อยกว่าแม่บ้านผมอีก” หมอภีมปภพพูดชมแม่ผม

                  “แม่ผมนะเป็นครูสอนคหกรรมเชียวนะคุณ”ผมกระซิบกลับหมอภีมปภพทำตาโตและพยักหน้าให้ผม

                  “ต้นภีม แม่กับเขมไปกันก่อนเลยนะ ไปกันได้แล้วเอิร์ธ จะได้ไปไหว้หลวงตาลูก”แม่ผมก็ชวนเขมลุกออกไป ผมหันมามองหมอภีมที่นั่งทานข้าวต้มฝีมือแม่ของผม ดูท่าจะชอบทานซะหมดเกลี้ยงเลย

                  “ถ้าอย่างนั้นแม่ตามไปที่โรงพยาบาลหลังจากถวายอาหารเพลหลวงลุงเราก่อนแล้วกันนะต้นส่วนเอิร์ธไปกับย่าและอาเขมเขา เพราะว่าเรานะคงงอแงถ้าไปอยู่นานๆ แบบนั้นไม่มีที่วิ่งเล่น “ แม่รดาหันมาบอกผมสองคนผมพยักหน้าและหันไปเอามือลูบหัวลูกชายผมเบาๆ เขาเงยหน้ามองผมผมกับหมอภีมนั่งทานอาหารเช้ากัน ห้าปีแล้วนะที่เราไม่ได้ทำแบบนี้ด้วยกัน

                  Rrrrrโทรศัพท์มือถือหมอภีมดังขึ้น “ ครับพี่ อ้อครับมาแล้วนะครับได้ครับผมสองคนจะเดินออกไปเดี๋ยวนี้ ครับขอบคุณครับ”หมอภีมกดวางสายก่อนจะหันมา “ต้นรถมารอแล้วนะครับ เราไปกันเลยนะครับ”หมอภีมปภพบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้ ผมเดินไปเก็บทุกอย่างใส่ไว้ในเครื่องล้างจานที่ผมซื้อเอาไว้ให้แม่ผม ไว้ใช่ ผมไม่อยากให้แม่ทำงานบ้านเยอะแต่ผมท่านก็ไม่ค่อยอยากใช้ แม่บอกเปลื้องน้ำ

                  “สวัสดีครับคุณหมอภีมสวัสดีครับคุณต้น”พี่คนขับรถประจำที่โรงพยาบาลของหมอภีมเดินมาเปิดประตูรถและทักทายผมสองคน

                  “ขอบคุณครับพี่”ผมพูดขอบคุณก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งรถคันหรูนั้นหมอภีมเดินเข้าไปนั่งอีกฝั่งข้างๆผม

                  Rrrrrหมอภีมรีบกดรับสายทันที // สวัสดีครับแม่ครับผมไม่ได้นอนที่ห้องพักแพทย์โรงพยาบาลครับแม่ ผมนอนที่บ้านภรรยาผมซิครับกำลังจะไปครับแม่ ผมมีประชุมครับ ทราบครับหญิงแม่//
(แม่บอกว่าทานข้าวเที่ยงกัน) หมอภีมคุยกับแม่และยังหันมาบอกผมว่าแม่เขาชวนทานข้าวเที่ยงด้วย
 //ได้ครับแม่อยากมีหลานก็มีแล้วไง ลูกต้นก็เหมือนลูกผม เขาน่ารักครับ ไม่ดื้อเลยครับใครบอกต้นนะดื้อเงียบครับแม่ ฮาๆ โอเคครับแม่ ผมจะเข้าโรงพยาบาลแล้วและจะขึ้นไปดูน้องชายของต้นก่อนครับได้ครับแม่ เจอกันครับ//
หมอภีมปภพกดวางสายและตอนนี่รถที่ผมสองคนนั่งมาก็ได้เข้ามาจอดที่ด้านในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วคนขับรถรีบลงมาเปิดประตูฝั่งผมก่อนอีกแล้ว
ผมเองอยากจะบอกไม่ต้องก็ได้ผมไม่ใช่นายหญิง อายคนเดินผ่านไปมาส่วนหมอภีมนะเขาเปิดออกมาเอง  “ทำไมละต้นคนขับรถยังดูออกเลยว่าคุณนะเป็นอะไรกับผม”หมอภีมปภพคงดูสีหน้าของผมออกเลยแอบแซวผมทันที
                 
                  “ขอบคุณนะครับพี่วินัย“ หมอภีมหันไปขอบคุณคนขับรถ ผมก็พยักหน้ายิ้มให้เป็นการขอบคุณเช่นกัน

                  “เราขึ้นไปดูก้องภพก่อนแล้วกันนะต้น“หมอภีมปภพบอกผม ผมก็พยักหน้า “เดี๋ยวลงมาหาอะไรทานกัน กาแฟนะ”
หมอภีมหันมาบอกผมอีก ผมเลือบมองเวลาเกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว

                  “วันนี้คุณไม่มีลงตรวจคนไข้เหรอครับ”ผมถามหมอภีมปภพ

                  “ไม่ครับวันนี้ผมแจ้งเขาเอาไว้แล้วว่าผมไม่ลงและปกติผมไม่มีคนไข้นัดช่วงเช้าจะมีนัดช่วงบ่ายและเย็นเพราะว่าผู้ปกครองมักจะมาตอนหลังเลิกเรียนและตอนเย็นๆ “ หมอภีมปภพบอกผมอีกทีนี่เขาเดินใกล้ชิดกับผมจนไหล่ติดกับผมเลย

                  “สวัสดีค่ะคุณหมอภีม” พยาบาลที่เดินผ่านผมสองคนก็ยกมือไหว้หมอภีมและพอหันมาเจอผมก็ส่งยิ้มให้ผม

                  “คนนี้ไงที่เมื่อวานห้องฉุกเฉินบอกว่าเป็นแฟนคุณหมอภีมตัวจริงอ่ะแกไม่ใช่หมอดาวิกาซะหน่อย” ผมได้ยินเขาคุยกันตามหลังผมทันที

                  “จริงดิ”

                  “ก็คุณหมอเขาประกาศเมื่อวานแกว่านี้แฟนเขา”

                  “แล้วหมอดาวิกาไม่ปรี้ดแตกเหรอ”นั้นไงทำให้ผมเสียวสันหลังวาปขึ้นมาทันที

                  “สวัสดีค่ะคุณหมอ…ภีม”มีผู้หญิงที่สวมชุดพนักงานดูจากยูนิฟอร์มน่านะทำงานในออฟฟิตของโรงพยาบาล

                  “สวัสดีครับพี่เมย์“ พี่เขามองมาที่ผม

                  “นี่แฟนผมครับคุณต้นตระการ“หมอภีมแนะนำผมให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้วยแววตาที่ฉงนแต่ตอนนี่คลี่คลายลงแล้วหลังจากที่หมอภีมแนะนำตัวผมให้รู้จักผมก็ยกมือไหว้

                  “คุณพ่อกับคุณแม่ผมมาถึงหรือยังครับพี่เมย์”

                  “ท่านมาถึงเมื่อสักครู่ค่ะตอนนี้อยู่ห้องผู้บริหารค่ะ“

                  “ขอบคุณครับ”หมอภีมพยักหน้า ก่อนจะดึงแขนผมให้เดินตามไปผมก็หยุดรั้งเขาเอาไว้ก่อนว่าจะพาผมไปไหนก่อน

                  “ไปหาคุณพ่อคุณแม่ผมก่อนดีกว่าตอนนี้แพทย์และพยาบาลเวรดึกเขากำลังส่งเวรคนไข้อยู่นะต้น ถึงยังไงก็ยังเข้าไปไม่ได้อยู่ดี นะครับ”หมอภีมปภพบอกผม จังหวะนั้นผมหันไปเจอผู้หญิงที่ผมจำได้ดีแม้จะไม่เจอกันนานพอพอกับหมอภีมปภพ คนนั้นคือหมอดาวิกา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้าพี่ต้นเราจะปะทะหมอดาวิกาอย่าพึ่งทิ้งไรท์ไปไหนนะ ถ้าพี่ต้นกับพี่หมอภีมจะมีมาม่ามาเสริฟกันบ้าง
แต่จะมีความน่ารักของน้องเอิร์ธมาทดแทน(พอได้เนอะ) ขอบคุณยอดวิวและยอดไลค์นะคะ
มีเม้นมาให้กำลังใจคนแต่งก็มีแรงจะลงต่อไปค่ะ


ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 :fire: พี่ี่ต้นจะเจอนั่งดาวิกาเหรอ เราเดาว่าดาวิกาคือคนขับรถชนพี่ต้นนนนนน

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 

                พิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)พี่ต้นปะทะหมอดาวิกา

                  Part ต้นตระการ ขณะที่ผมกับหมอภีมกำลังยืนอยู่ หมอภีมอบกว่าจะชวนผมไปเจอพ่อแม่เขา ผมไม่รู้ว่าเขารู้หรือไม่ว่าผมเจอท่านแล้ว ท่านเรียกผมเข้าไปคุยเรื่องหมอภีมปภพ ท่านอยากให้ผมถอยออกไป เพราะว่าหมอภีมรับหมั้นหมอดาวิกาแล้ว ผมรู้ว่าคนที่นำเรื่องของผมไปบอกท่านคือหมอดาวิกา และท่านก็ไม่อยากผิดใจกับเพื่อนของท่านในตอนนั้น ตอนแรกผมก็ทำท่าจะไม่ยอม เพราะว่าหมอภีมเขายืนยันว่าจะถอนหมั้นกับหมอดาวิกา แต่สุดท้ายผมก็ต้องแยกจากเขาเพราะความสงสารเกศรินทร์ในคืนนั้น ขณะที่ผมยืนใช้ความคิดอยู่ จังหวะนั้นผมหันไปเจอผู้หญิงที่ผมจำได้ดี แม้จะไม่เจอกันนานๆพอพอกับหมอภีมปภพ คนนั้นคือหมอดาวิกา

                  “พี่หมอภีมค่ะ”หมอดาวิกาเธอเข้ามาทักทายหมอภีมปภพก่อนและหันมามองผม ทำเหมือนเธอจำผมไม่ได้แต่ผมรู้ว่าเธอจำผมได้ดี

                  “อ้าวหมอดาวิกา ทำไมมาแต่เช้าเลยคะ” หมอภีมปภพทักทายหมอดาวิกาก่อนจะหันมามองหน้าผม

                  “นี่ต้นตระการไงดา อย่าบอกนะว่าจำต้นไม่ได้นะ” หมอภีมปภพหันไปถามหมอดาวิกา เธอยืนเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์พร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากเอียงคอมองผมเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม “หมับ” เธอจับเข้าที่ต้นแขนผมแต่ว่าเธอจับตรงที่ผมมีบาดแผลพอดี

                  “ซี้ด! “ผมถึงกับร้องออกมาเบาๆและเบี่ยงแขนออกส่วนหมอภีมก็รีบจับมือหมอดาวิกาออกเช่นกัน
                 
                  “หมอดาระวังด้วยครับ ต้นเขาเจ็บแขนนะครับ “ หมอภีมปภพพูด แต่แปลกนะเธอไม่มีที่ท่าว่าจะตกใจเลยสักนิด
                           
                  “ต้นเป็นอะไรไปหรือคะ ดาขอโทษนะคะ ดาแค่จะถามว่าต้นเป็นยังไงบ้างสบายดีไหมคะ” หมอดาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจแต่สายตาเธอมันขัดกับที่เธอแสดงออกตอนนี้

                  “พอดีว่าผมซุ้มซามนะครับเดินหกขล้มเอง” ผมหันไปตอบเธอ

                  “อ้าวเหรอค่ะ แม้นึกว่าโดนอะไรร้ายแรงมา เจ็บแค่นี้เองเหรอคะ ไม่มากเนอะ” หมอดาวิกาพูดสายตาเธอมองที่ผม ผมรู้ความหมายของมันดีแต่หมอภีมปภพที่มองผมกัหมอดาสลับกันไปมาจน
                 
                  “ผมว่าไปล้างแผลก่อนไหมต้น แล้วเดี๋ยวค่อยขึ้นไปหาพ่อกับแม่กัน ” หมอภีมปภพพูดและจับแขนข้างที่ไม่เจ็บแทน

                  “เดี๋ยวนะคะ นี้พี่จะพาต้นไปเปิดตัวอีกแล้วเหรอคะ” หมอดาวิการ้องทักหมอภีมปภพทันที

                  “แม่ของพี่เขาเจอต้นแล้วและท่านก็ชวนต้นทานอาหารกลางวันกันวันนี้นะหมอดา นั้นแปลว่า ท่านยอมรับผมกับต้นเรียบร้อยแล้วครับ” หมอภีมปภพเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดแทน

                  “ไปทำแผลก่อนดีกว่าต้น เจ็บมากไหม ผมก็ลืมไป และผมจะได้ดูแผลคุณด้วย” หมอภีมปภพูดก็แค่ส่งยิ้มให้หมอภีมก่อนจะหันมายิ้มให้หมอดาวิกาเช่นกัน  เธอยืนมองผมด้วยสีหน้าที่นิ่งมากจนยากจะเดาความคิดของเธอได้ แต่ภายในกระเป๋าเสื้อกาวน์นั้น เธอกำลังกำหมัดแน่น หมอภีมพยักหน้าให้ผมเดินย้อนกลับไปที่ห้องฉุกเฉิน เพื่อทำการเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ผมใหม่ 
                  ขณะที่ผมนั่งรอหมอภีมปภพเขาเดินไปบอกพยาบาลว่าเขาจะทำแผลให้ผมเอง ผมเหลือบไปเห็น ผู้ชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อเชิ้ตมีหมวกแก๊ปจากช่องเล็กช่วงรอยต่อของผ้าม่าน เขากำลังจะเดินผ่านห้องฉุกเฉินไป ผมจำได้ดีว่านั้นคือผู้กองนครินทร์แฟนก้องภพ

                  “ ต้น “ผมก็สะดุ้งที่มีคนมาแตะแขนผมข้างที่ไม่เจ็บ ผมก็แปลกใจทำไมหมอดาถึงได้ตรงมาแตะแขนผมข้างที่เจ็บทันทีในตอนนั้นเช่นกัน 

                  “เดี๋ยวผมมานะ ผมมีคนไข้ประจำของผม และเขาจะให้ผมสั่งยาให้ลูกเขานะต้นที่แผนกภูมิแพ้ และผมจะรีบกลับมานะครับมาทำแผลให้คุณก่อนที่เราจะได้ขึ้นไปดูก้องภพด้วยกัน ส่วนพ่อกับแม่ลงไปหาทานตอนทานอาหารเที่ยงเลยแล้วกัน เราจะได้พาเอิร์ธไปหาท่านด้วย ผมอยากให้พ่อกับแม่เจอเอิร์ธด้วย นะครับ” หมอภีมปภพบอกผม ผมพยักหน้าแค่นั้น ผมก็นั่งรอเขาอยู่เตียงคนไข้ มีผ้าม้านปิดเอาไว้โดยรอบ

                  “แฟนคุณหมอภีมภพแก คนนี้ตัวจริงเสียงจริงๆไม่ใช่แฟนมโนอย่างคุณหมอ….”เสียงคนกำลังคุยกันเรื่องของผมกับหมอภีมปภพแต่ว่าตอนนี้หยุดชะงักจนน่าสงสัย บรรยากาศภายรอบตัวผมดูเงียบสนิทอย่างน่าวังเวง จากที่เคยมีเสียงคุยเจาะแจ๊ะจอแจก็หายไป

                  “พรึบ” เสียงผ้าม่านถูกเปิดเพราะว่ามีผู้มาเยือน ไม่ใช่ใครอื่นและไม่ใช่หมอภีมปภพซะด้วย ผมก็เงยหน้ามองหมอดาวิกาที่เข้ามายืนกอดอกมองผม พร้อมรอยยิ้มที่ต่างตากเมื่อสักครู่

                  “คุณยังกล้ากลับมาอีกเหรอต้น” หมอดาวิกาถามผมแม้จะถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและเยือกเย็น

                  “หมอภีมเขาต่างหากละครับที่พยายามไปตามผมกลับมา”ผมบอกหมอดาวิกา

                  “แต่จริงๆแล้วผมเองก็ไม่ได้หายไปในจากเขาเลยนะคุณดา เพราะใจผมนะอยู่กับเขาตลอดคุณรู้ดีหมอดาวิกา” ผมพูด

                  ผมว่าสี่ปีกว่ามานี้คุณน่าจะได้คำตอบว่า เขาไม่เคยรักคุณอย่างคนรัก ทั้งที่คุณเองก็บอกว่าคุณมาก่อนผม แต่สุดท้ายเขาให้คุณได้แค่น้องสาว ส่วนผมเองที่มาที่หลัง เขาให้หัวใจกับผม”ผมพูดทำให้หมอดาวิกาเปลี่ยนมาเป็นท่ากอดอกและหันมามองผม

                  “หึๆ” หมอดาวิกาหัวเราะในลำคอ

                  “อันที่จริงคุณน่าจะกลับไปใช้ชีวิตที่ฉันอุตสามองให้ ชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่นๆเขาทำกัน มีภรรยา มีลูก ทำไมไม่ไปอยู่แบบนั้นละคะต้น” หมอดาวิกาพูดผมหันมามองหน้าเขา

                  “ที่แท้เรื่องทุกอย่างคุณก็คือคนที่อยู่เบื้องหลัง” ผมหันไปพูดกับหมอดาวิกา

                  “ฉันอุตสาไปพาผู้หญิงที่หัวอ่อนมาเป็นภรรยาให้แล้วและคุณน่าจะขอบคุณฉันนะต้น ที่ทำให้คุณสมหวังมีลูกอย่างที่คุณตั้งใจกับหมอภีม” หมอดาวิกาพูด

                  “แต่ไม่ใช่ลูกของหมอภีมและกับคุณ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คู่เกย์อยากจะมีครอบครัวเหมือนคนอื่นเขานะ ” หมอดาวิกาพูด 

                  “คุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำกับผมและหมอภีมมันคือสิ่งที่น่ายินดีอย่างนั้นเหรอครับคุณหมอดาวิกา” ผมหันไปถามเธอ เธอได้แต่เอียงคอมองและอมยิ้มแค่นั้น

                  “และนี่ผมจำเป็นต้องขอบคุณทุกเรื่องที่คุณทำให้ผม รวมทั้งพวงรีดที่คุณส่งไปให้ผมด้วยไหมครับหมอดาวิกา” ผมถามหมอดาวิกา เธอไม่ได้รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด มีแค่รอยยิ้มที่กระขึ้นที่มุมปากเธอแค่นั้น

                  “คุณรู้เหรอคะว่าฉันส่งไป” หมอดาวิกากอดอกมองผม

                  “ผมรู้แต่ผมไม่บอกหมอภีมหรอกนะครับ  ผมรู้ตั้งแต่ผมเห็นสก๊อตเทปที่ติดกระดาษที่ถูกปริ้นซ์แนบไป มันเป็นสก๊อตเทปที่ใช่กันในโรงพยาบาลหรือสภานพยาบาลเท่านั้น”ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าหมอดาวิกาจังๆ

                  “และผมก็เชื่อว่าผมไม่มีเรื่องกับใครนอกจากคุณที่เป็นหมอ” ผมพูด

                  “ฉลาดดีนะต้น แต่น่าจะฉลาดเพิ่มกว่านี้อีกหน่อย นั้นคือไม่ควรกลับมา แต่ถ้าคุณยังด้านจะอยู่ตรงนี้ก็ดีฉันจะแบ่งพื้นที่ให้ แต่เราคงอยู่กันแบบนี้สามคนต่อไปอีก ถ้าคุณทนได้” หมอดาวิกาพูด

                  “คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าที่ตรงนี้ มีที่ให้คุณยืนผมเห็นมีแค่ผมกับภีมเท่าที่ผมรู้สึก” ผมพูดและลุกขึ้นยืน
                  “แล้วคุณจะยืนตรงไหน ตรงกลางระหว่างผมก็ไม่มี ด้านข้างเหรอแบบไหน น้องสาวนะใช่เพราะเท่าที่ผมทราบหมอภีมเขาให้สถานะคุณแค่น้องสาวมาตั้งนานแล้วหมอดา สาวนผมนะคนรักที่เขาให้” ผมพูดพร้อมกับพยายามสูดลมหายใจเพื่อลดระดับความโมโหในกายของผม ถึงยังไงเธอก็เป็นหมอและเป็นผู้หญิง

                  “ต้น!!!” เธอขึ้นเสียงเรียกชื่อผม มันคงจี่จุดใจดำเธอไม่มากก็น้อย

                  “พรึบ”เสียงผ้าม่านถูกเปิดออก โดยหมอภีมปภพ เขามองหน้าผมสองคนสลับกันไปมา

                  “หมอดามาหาต้นทำไมครับ”  หมอภีมถามหมอดาก่อนจะเข้ามาแตะแขนผม เหมือนจะถามผมว่ามีเรื่องอะไรกัน

                  “พอดีว่าเมื่อสักครูดาแค่ตกใจที่เห็นต้นอยู่ที่นี้เลยไม่ได้ถามไถ่เกี่ยวกับภรรยาและลูกเขานะคะพี่หมอภีม” หมอดาวิกาพูดสายตาเขายังคงจับจ้องที่ใบหน้าของผม

                  “ต้นเขาเลิกกันแล้วกับเกศรินทร์แล้วครับน้องดา และตอนนี้เขาก็คือแฟนของพี่ค่ะ” หมอภีมปภพเป็นคนตอบแทนผม

                  “เลิกกันแล้วเหรอคะ ไม่สงสารเด็กเหรอคะ ดาเห็นบางครอบครัวเขารักลูกจนขนาดต้องทนอยู่เพื่อลูกได้เลยนะคะ ทำไมไม่ลองปรับความเข้าใจภรรยาแบบว่าทำเพื่อลูกนะคะต้น” หมอดาวิกาพูด หมอภีมหันไปมองหน้าหมอดาผมก็หันมาเหล่มองหมอภีมแวปหนึ่ง

                  “ต้น เดี๋ยวค่อยลงมาทำแผลแล้วกันนะ ไปหาก้องก่อนจะดีกว่า”หมอภีมปภพเป็นฝ่ายดึงแขนผมให้ออกก่อน เขาคงไม่อยากให้หมอดาพูดอะไรกับผมมากไปกว่านี้และผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันผมคิดว่ามันไม่คุ้มกันเลยที่ผมจะมางัดกับคนที่สวมเสื้อกาวน์แบบนี้เช่นกัน

                  “ลูกชายน่ารักดีนะคะ หน้าเหมือนต้นมาก เหมือนแบบนี้เขาเรียกว่าตั้งใจทำ” หมอดาวิกาพูด อันนี้คนที่หันไปมองกลับเป็นหมอภีมปภพ

                  “น้องดาเห็นลูกชายของต้นได้ยังไงครับ ในเมื่อดาเพิ่งจะเจอต้นตอนนี้เอง”ผมหันมามองหมอภีมอีกที ถ้าหมอภีมอีกที หมอภีมส่ายหัวว่าเขายังไม่ได้พาเอิร์ธไปหาใคร ผมหันมามองเธอด้วยสาวตาที่บ่งบอกว่า อย่าแตะต้องลูกผม

                  “ดา เออ ดา “ สีหน้าเธอเหมือนคนกำลังจนมุม

                  “ดามีเครสคนไข้รออยู่ค่ะ ขอตัวนะคะ” หมอดาเป็นฝ่ายเดินออกไปเองทันที ผมหันมามองหมอภีมก่อนจะรีบเดินออกไปอีกทางเช่นกันแต่เดาได้ว่าผมเดินไปคนละทางกับหมอดาวิกา ผมออกไปยืนสูดอากาศเข้าปอดเพื่อระงับตัวเอง ผมกำหมัดแน่น

                  “ต้น” หมอภีมปภพรีบคว้าแขนผมเอาไว้

                  “ผมเริ่มจะคิดที่ลูกผมพูดนะภีม ว่าเขาเห็นผู้หญิงที่กำลังจะขับรถขนผมทั้งที่ผมอุ้มเขาอยู่ “ ผมหันมาพูดกับหมอภีมปภพ

                  “พาผมไปหาก้องได้แล้วหมอภีม ผมขอละและผมคิดว่าเรื่องของคุณกับผมไม่น่าจะดำเนินต่อได้ ผมเหนื่อยที่จะเล่นสงครามประสาทกับเธอ” ผมพูดแต่หมอภีมก็จับแขนผมเอาไว้

                  “ต้น ผมก็ไม่ได้…..”หมอภีมทำท่าจะพูดแต่เขาก็เปลี่ยนเป็นยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแทน

                  “ ผมหยุดเธอไม่ได้แต่ผมก็กันตัวเองออกมาจากเธอแล้วต้น ผมขอนะต้น อย่าทำแบบนี้ ผมรักคุณและผมก็รักลูกของคุณ เหมือนลูกของผม “ ผมภีมปภพพูด

                  “มันมาที่นี้ไง บอกว่าอย่าให้มันออกมาจนกว่าจะถึงวันงานทำไมไม่มีใครเชื่อคำสั่งผม” เสียงที่ทำให้ผมสองคนต้องหันไปมอง มีนายทหารติดยศสูงสุดเดินมาด้วยท่าที่เกรี้ยวกราด สีหน้าเขาดูเหมือนจะโกรธจัดมาก

                  “พ่อของนครินทร์” หมอภีมปภพบอกผม และรีบเดินจั้มอ้าวตามไปแต่ทว่าผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปในลิฟท์กับผู้หญิงคนหนึ่งซะก่อน ผมกับหมอภีมตามเข้าไปไม่ทัน

                  “ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสียีนและหมวกแก็ป ผมจำได้ว่านั้นคือผู้กองนครินทร”" ผมพูดบอกกับหมอภีมภพ หมอภีมปภพทำสีหน้าตกใจมาก และเขาก็กำลังเร่งฝีเท้าไปที่ลิฟต์ก่อนจะรีบกดเรียกลิฟต์ให้ลงมา

                  “ผมกล้วว่าพี่ทินจะทำอะไรเกินกว่าเหตุกับนครินทร์นะต้น” หมอภีมปภพพูด

                  Rrrrrจังหวะนั้นเขมชาติโทรหาผมพดี ผมเห็นสีหน้าหมอภีมที่ดูเคร่งเครียดพอสมควร ผมหันไปแตะแขนเขา ผมพยักหน้าก่อนที่ลิฟต์จะเปิดออก หมอภีมเดินออกไปอย่างเร็วที่สุด

                  //เขมว่าไง//
                  //พี่ต้นผมอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วพี่ พี่ต้นละ”//
                  // อย่าเพิ่งพาแม่กับเอิร์ธขึ้นมานะเขม//
                  // พี่ต้นมีอะไรหรือเปล่า พี่ก้องเป็นอะไรพี่ต้น//” น้ำเสียงที่ตกใจของเขมน้องชายของผม
                  //ไม่ใช่ก้องหรอกเขม แต่ผู้กองนครินทร์นะ พ่อเขามาตามพี่กลัวจะมีเรื่อง อย่าเพิ่งขึ้นมานะ พี่ไม่อยากให้แม่และลูกพี่เห็น//ผมบอกกับเขม
                  // แค่นี้ก่อนนะเขม///

ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยผมรีบเดินเข้าไปผมก็เห็นพ่อของผู้กองนครินทรกำลังฉุดกระฉากเขาให้ออก นี้เขาพยายามมาหาก้องทั้งที่พ่อเขาก็พยายามกีดกันอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนว่าพ่อเขาไม่สนับสนุนให้เขาเป็นแบบนี้ให้เขารักกันกับก้องภพน้องชายของผม

                  “กูบอกให้มึงกลับและไปแต่งงาน กับคนที่กูเลือก” พ่อของนครินทร์พูดเสียงดังทำให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่พากันตกใจรวมถึงญาติคนไข้ ส่วนหมอภีมปภพที่ยืนอยู่เหมือนพยายามจะเข้าไปห้ามแต่

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
สาวๆ เรื่องนี้มีแต่รว้ายๆ อ่ะ พ่อรินก็ดูไม่โอเคเลย ท่าจะดุ

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      
พิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)ผมต้องเลือกลูก
           
                ผมได้ยินเสียงเอะอะโวยผมรีบเดินเข้าไปผมก็เห็นพ่อของผู้กองนครินทรกำลังฉุดกระฉากเขาให้ออก นี้เขาพยายามมาหาก้องทั้งที่พ่อเขาก็พยายามกีดกันอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนว่าพ่อเขาไม่สนับสนุนให้เขาเป็นแบบนี้ให้เขารักกันกับก้องภพน้องชายของผม

      “กูบอกให้มึงกลับและไปแต่งงาน กับคนที่กูเลือก” พ่อของนครินทร์พูดเสียงดังทำให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่พากันตกใจรวมถึงญาติคนไข้ ส่วนหมอภีมปภพที่ยืนอยู่เหมือนพยายามจะเข้าไปห้ามแต่

      “มึงอยู่เฉยๆไอ้ภีม เพราะมึงตัวเดียว ลูกกูถึงได้เป็นแบบนี้” ผมเห็นแบบนั้นก็เดินเข้าไปและดึงแขนภีมออก เพราะว่าสีหน้าของภีมดูเดือดไม่แพ้กับคนตรงหน้าเช่นกัน

      “ภีม” ผมเรียกภีมเขาก็หันมาแตะมือผม

      “พี่เคยรักลูกพี่ไหมพี่ทิน การที่ลูกพี่มันเป็นแบบนี้ มันก็แย่พออยู่แล้วและนี่อะไรพี่จะให้มันแต่งงานทั้งมันไม่ได้รักเขานี่นะ พี่จะให้มันไปใช้ชีวิตที่ทุกข์ระทมทำไม พ่อแม่ภาษาอะไรไม่คิดถึงลูกตัวเองก่อน “ หมอภีมปภพพูดและจะเข้าไปแต่ผมดึงแขนเขาเอาไว้

      “กูไม่สน กูสนแค่มันต้องมีเมียและใช้ชีวิตเหมือนที่คนปกติเขาทำกัน ไม่ใช่คนผิดปกติอย่างมึงทำกัน”

      “พี่ทิน!!” ผมยิ่งดึงแขนเขาไว้แบบต้องออกแรงมากขึ้น

      “ภีม!!” ผมพยายามห้ามเขา ผมมองเห็นผู้กองนครินทร์ที่พยายามให้พ่อของเขาปล่อยแขนเขาเช่นกัน ผมเห็นแบบนี้แล้วผมสงสารเขาไม่แพ้หมอภีมแต่นี้เรื่องนี้มันเกินกว่าที่ผมหรือภีมจะเข้าไปจัดการได้

      “ภีม พอก่อน”ผมที่ดึงและกอดเขาเอาไว้ เพราะภีมจะเข้าไปดึงผู้กองนครินทร์จากพ่อของเขา หมอภีมหันมามองหน้าผม

      “ปึก” ผู้กองนครินทร์สะบัดมือออกจากผู้เป็นพ่อของเขาได้และเขาก็หยุดยืนมองน้ำตาไหลริน

      “ทำไมผมถึงมีชิวิตของผมเองไม่ได้ ทำไมผมเลือกคนที่ผมรักเองไม่ได้ คุณเป็นคนให้ชีวิตแต่ไม่ใช่เจ้าชีวิตผม!!”ผู้กองนครินทร์พูด

      “ก็ดูมึงเลือกซิ เลือกจะรักกับผู้ชาย กูไม่ให้!!”

      “ก็ได้ ถ้าพ่อไม่ให้ผมรักกับก้อง ผมก็จะไม่อยู่เพื่อให้พ่อมาบังคับชีวิตผมได้อีก” ผู้กองนครินทร์พูดและเขาก็หยิบบางสิ่งออมาจากเป้ของเขา มันคือปืน!!!!

      “หมับ” ผู้กองนครินทรจ่อปืนที่หัวตัวเอง

      “กรี้ด!!” เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของคนรอบข้าง ผมและหมอภีมตกใจไม่แพ้กัน

      “อย่านะรินทร!!! อย่าลูก อย่าทำแบบนี้ “ ผู้หญิงที่วิ่งออกเข้ามาก็ร้องตกใจไม่แพ้กัน เขาทรุดลงนั่ง ร้องไห้ ผมเดาได้ว่นี้คือแม่ของนครรินทร์ 


      “ผมจะไม่ไปไหน ผมจะอยู่ตรงนี้และตายตรงนี้” ผู้กองนครินทร์พูด ผมเตรียมพร้อมจะลั่นไกทุกเมื่อ

      “อย่ารินทร์ !! ส่งปืนให้อาเดี๋ยวนี้!! “หมอภีมปภพร้องห้ามผู้กองนครินทร์ ส่วนผมก็ไม่รู้ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ผมเห็นแม่ของหมอภีมและอีกคนผมจำได้ดี ผมเคยคุยกับเขาแค่ครั้งเดียว นันคือพ่อของหมอภีมปภพ

      “รินทร์ ไม่เอาลูก อย่าทำแบบนั้นนะลูก” แม่ของหมอภีมปภพพูดขอร้องผู้กองนครินทร์เช่นกัน

      “รินทร์ ใจเย็นๆ ทุกปัญหามีทางออก พี่ว่ารินทร์ใจเย็นๆและเรามาคุยกันดีดี ดีกว่าไหม เพื่อจะได้หาทางออกร่วมกันนะรินทร์ พี่เชื่อว่าถ้ารินทร์ทำแบบนี้ก้องเขาจะเสียใจที่สุด วางปืนลงเถอะรินทร์ พี่ว่าก้องเขาต้องการให้รินทร์อยู่ตอนที่เขาฟื้นขึ้น “ ผมเลยเป็นฝ่ายก้าวเท้าออกไปและพูดกับผู้กองนครินทร์ เขาก็มองหน้าผม 

      “พี่ต้น ผมรักเขา เขาปกป้องผม เขาช่วยผม ให้ผมยังมีลมหายใจ แต่นี้เขาเจ็บหนักผมกับมาอยู่กับเขาไม่ได้และถ้าผมไม่อยู่กับเขาผมจะมีชิวิตไปทำไมอีก ฮือๆ ผมไม่มีทางออกอื่นแล้วในเมื่อคนที่ให้ชิวิตผมเองเขายังไม่เคยเข้าใจผมเลย พี่ต้น ฮือๆ” ผู้กองนครินทร์พูด  พ่อของผู้กองนครินทรหันมามองหน้าผม เขาจะเข้ามาหาผมแต่หมอภีมรีบเข้ามาขวาง

      “หยุดนะพี่ทิน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับต้น ต่อให้ต้นเป็นพี่ชายแฟนของรินทร์ก็ตาม “หมอภีมปภพพูดและเขาก็ดันผมไว้ด้านหลังของเขา สายตาเขาประสานกันกับคนที่เขาบอกว่าเป็นพี่เขยอย่างไม่ลดละ จนพี่เขยของเขาเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง

      “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่ต้น มันเกี่ยวกับผมเองที่รักเขา “ผู้กองนครินทร์พูด

      “ทำไมผมต้องพยายามใช้ชีวิตที่ผมไม่ต้องการละพ่อ ทำไมผมต้องทิ้งความสุขตัวเองไปอยู่กับใครที่ผมไม่เคยรัก ไม่เคยอยากจะใช้ชีวิตด้วย ทำไมผมต้องเอาชีวิตที่เหลือของผมไปจมอยู่ความทุกข์กับคนที่พ่อแค่ต้องการให้มาเป็นสะใภ้ของพ่อทั้งที่ผมไม่เคยรักเขา”

      “ผมทนไม่ได้หรอกนะพ่อ”

      “พี่ต้น บอกก้องด้วยว่าผมรักเขา ผมก็จะเป็นของเขาแค่คนเดียว”

      “อย่ารินทร์!!!!”เสียงตะโกนดังไปทั่วชั้นเพื่อร้องห้ามรินทร์ แต่เขาจ่อปืนที่ขมับของรินทร์

      “เปี๊ยะ”  เสียงไกปืนลั่นแต่ว่ามันไม่ดัง ผมหลับตาปรีแต่ก็ต้องรีบลืมตาขึ้น ผู้กองนครินทร์พยายามจะยิงแต่มันยิงไม่ออก

      “หมับ…ปึก….ปัก “ มีคนเข้ามาทางด้านหลังผู้กองนครินทร์และรีบแย้งปืนพร้อมกับสะบัดปืนกระเด็นไป หมอภีมรีบวิ่งไปคว้ามปืนเอาไว้เพราะกลัวว่านครินทร์หลุดมาได้จะคว้ามปืนไปทำอีก

      “รินทร์!!!”  แม่ของผู้กองนครินทร์ตรงเข้าไปกอดผู้กอง ร้องไห้ ผมเห็นสีหน้าพ่อของเขาผมว่าเขาก็ตกใจมิใช่น้อยที่ผู้กองนตรินทร์กำลังตัดสินใจปริดชีพตัวเองแบบนั้น

      “คุณมันเห็นแกตัว!! ได้ถ้าอีแค่ลูกไปรักกับผู้ชายและมันทำให้หน้าตาทางสังคมของคุณมันแปดเปื้อนนักละก็ คุณกับฉันก็หย่าขาดกันไปเลย ฉันเลือกลูกชายฉัน พอกันทีกับพวกเห็นแกตัวอย่างคุณ ทินกร” แม่ของนครินทร์ประกาศขอแยกทางกับพ่อของผู้กองนครินทร์ทันที

      “ทิน พอเถอะ เมื่อก่อนพ่อก็เป็นเหมือนเรานะ ทำเหมือนเรานี่แหละ แต่ใครละที่ทุกข์ถ้าไม่ใช่ลูกตัวเองและตัวเรานะทิน “ พ่อของหมอภีมปภพออกมาพูด ผมหันไปมองหน้าท่านก่อนจะยกมือไหว้อย่างเป็นทางการ

      “ ลูกนะเลี้ยงได้แค่ตัว หัวใจนะเราเลี้ยงเขาไม่ได้หรอกทิน”

      “ตกลงมึงจะไม่แต่งใช่ไหมไอ้รินทร์!!!!!” พ่อของผู้กองนครินทร์ตะเบงเสียงถามลูกชาย

      “ผมบอกพ่อแล้วว่าผมไม่ได้รักและจะให้ผมไปทนอยู่แบบนั้นผมทนไม่ได้ สู้ให้ผมตายซะดีกว่าเพราะว่ามันก็ไม่ต่างกันกับตายทั้งเป็น” ผู้กองนครินทร์พูด  พ่อของผู้กองนครินทร์ไม่ได้พูดอะไรเขาเดินออกไปในทันที เหลือแค่แม่ของเขาที่กอดเขาอยู่ 

      “เฮ้อ!! “ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของทุกคนแม้กระทั้งผมเอง หมอภีมยืนมองผมเขายิ้มให้ผมแปลกๆ เพราว่าผมยังคมจับข้อมือของเขาเอาไว้อยู่ ผมเลยต้องค่อยๆปล่อยมือของเขา

      “ขอบคุณนะที่คุณห้ามผมขนาดนี้ นี้กลัวผมเข้าไปมีเรื่องกับเขาเหรอต้น”

      “แล้วคุณคิดว่าคุณจะสู้พ่อนครินทร์ได้เหรอ “ผมถามและกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแม่กับเขมชาติ

      “ต้น” แม่ของหมอภีมปภพเดินเข้ามาหาผมกับหมอภีมและพ่อของเขาเช่นกัน

      “พ่อเขาอยากจะคุยด้วยนะ”พ่อของหมอภีมปภพหันมามองหน้าผม หมอภีมจับมือผมไว้

      “พ่อผม” หมอภีม

      “ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะทักทาย ว่าไงเราสบายดีไหมต้น พ่อขอโทษนะเรื่องที่พ่อเคยเรียกเรามาคุยคราวก่อน อะไรที่มันแล้วไปแล้วก็ลืมมันไปซะนะต้นนะ”พ่อของหมอภีมพูด เขาก็ส่งยิ้มด้วยความเมตตาส่งมาให้ผม

      “ต้นนี้แขนไปโดนอะไรมาละลูก” แม่ของหมอภีมปภพชี้ที่ต้นแขนข้างซ้ายของผม เพราะว่ามันถลกขึ้น จนเห็นว่าผมมีแผลที่ข้อศอก

      “เมื่อวานนะครับแม่มีคนขับรถเฉียวต้น ผมว่าจะไปขอดูกล้องวงจนปิดซะหน่อย เพราะว่าขับเหมือนตั้งใจเลยครับแม่” หมอภีมปภพพูด

      “อ้าวเหรอ ใครกันนะ ดูมาแล้วกันจะได้รู้ว่าตัวว่าใครทำต้นเขานะ และนี่ลูกชายเราละไปไหนซะแล้ว “ แม่ของหมอภีมปภพพูดและถามถึงลุกชายของผม

      “อยู่กับน้องชายผมด้านล่างนะครับ “ ผมพูดบอกท่าน

      “มีลูกชายด้วยรึ ไหนพามาให้ดูหน่อยซิ แม่เขาอยากมีหลานเพิ่มนะ ที่มีก็โตกันไปหมดแล้ว” พ่อของหมอภีมปภพพูด ตอนนี้ผู้กองนครินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับแม่ของเขา

      “รินทร์ ที่หลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ดีนะที่ปืนของนายนะกระสุนมันด้าน คุ้มแล้วเหรอรินทร์” หมอภีมปภพพูดต่อว่าผู้กองนครินทร์ทันที ผู้กองนครินทร์โผ่เข้ามากอดหมอภีมทันที

      “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปหาเขมก่อนนะภีม “ ผมพูดบอกภีม

      “ผมขอตัวไปหาลูกชายกับน้องชายผมก่อนนะครับ” ผมบอกทุกคนและรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ ผมก็เห็นหมอดาวิกายืนกอดอกอยู่ที่ตรงมุมทางเดิน เขายืนดูเหตุการณ์โดยที่ไม่เข้าไปด้านใน

      “เห็นปัญหาไหมคะต้น ไม่มีพ่อแม่คนไหนเขาอยากให้ลูกเขาเจอสภาพแบบนี้กันทั้งนั้นแหละต้น ทำไมคุณอยากให้หมอภีมถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนที่ทำให้หลานชายเขาเป็นแบบที่พวกคุณเป็นละคะ” หมอดาวิกาพูดพร้อมกับกอดอกมองผม

      “ของแบบนี้ไม่มีใครเลีอนแบบใครได้หรอกครับหมอดา “ผมพูดและทำท่าจะเดินออกผมต้องรีบลงไปดูเอิร์ธก่อน

      “แล้วคุณทนดูลูกคุณเจ็บปวดได้เหรอต้น” คำพูดนี้ทำให้ผมต้องหันมามองหน้าหมอดาวิกา

      “อย่ายุ่งกับลูกผม” ผมหันขวับมามองหน้าเธอ แต่เธอกับยิ้มได้เหมือนคนเลือดเย็นจนผมนี่เองที่รู้สึกกลัว

      “อย่าทำให้ฉันต้องทำก็แล้วกัน” หมอดาวิกาพูด สายตาของเขากับผมประสานกัน

      “ลูกดา” แม่ของหมอภีมปภพเข้ามาพอดี ผมหันไปส่งยิ้มให้แม่ของหมอภีมและรีบก้าวเท้าเดินต่อเพื่อเข้าไปในลิฟท์ มือผมสั่นไปหมด ผมกลัวว่าเขาจะทำอะไรลูกผมเหลือเกิน หมอดาวิกา ความคิดของผมแว้บขึ้นมา ผมต้องพากเอิร์ธกลับบ้านซะก่อนตอนนี้ เอิร์ธคือทุกอย่างขอผม เขายังเด็กเกินไปที่จะมารับรู้เรื่องราวแบบนี้ ผมขอโทษนะภีมที่ผมต้องเลือก ลูก!!!! 

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
   

     พิเศษ(หมอภีมXพี่ต้น)คุณทิ้งผมไปอีกแล้วต้น

          Part หมอภีมปภพ หลังจากที่ต้นบอกว่าจะลงไปดูเอิร์ธ ผมก็แยกกับแม่ผม พี่สาวผม ส่วนนครินทร์หลานผมที่วันนี้ทำเรื่องเอาปืนมาขู่พี่เขยผมให้ยกเลิกการแต่งงาน อันที่จริงฝ่ายผู้หญิงที่มาทานอาหารเย็นด้วยตั้งแต่เมื่อวานเขาก็โทรมาหาพี่สาวกับพี่เขยผมแล้ว เขาเห็นว่า นครินทร์ไม่อยากแต่งงาน เพราะที่ผ่านมานครินทร์ไม่โต้ตอบอะไรเขาเลย เขาเลยคิดว่าหลานผมก็คงอยากแต่งแต่นี้เมื่อวานอาละวาดจนพี่ทินต้องจับขังเอาไว้ในห้อง และนั้นก็ทำให้พ่อแม่ผู้หญิงไม่อยากให้ลูกสาวเขาต้องมาเจออะไรที่อาจจะแย่ไปกว่าเมื่อวานหลังแต่งเลยขอยกเลิกเอง ส่วนสินสอดทองหมั้นก็ไม่ต้องมีแค่ค่าเสียหายกับของที่จัดเตรียมเอาไว้เท่านั้น พี่สาวของผมบอกมาแค่นี้

   “สวัสดีครับคุณหมอ มีอะไรให้ผมช่วยครับ” ผมเดินเข้าไปในห้องควบคุมของฝ่ายไอทีแผนกนี้จะดูแลกล้องวงจรปิดและระบบคอมพิวเตอร์ในโรงพยาบาล ผมตรงเข้าไปเพื่อจะขอดูกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล ผมอยากจะรู้ว่าใครกันที่ขับรถจะชนต้นตระการ ผมหวังว่าจะไม่ใช่หมอดาวิกา ถ้าเธอทำได้ขนาดนั้น ผมคงมาให้อภัยเธอเด็ดขาด

   “ผมรบกวนขอเช็คกล้องวงจรปิดด้านหน้าโรงพยาบาลหน่อยครับ ตรงจุดที่จะข้ามไปเรียกรถแท็กซี่นะครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ พี่ศรเทพ เขาเป็นหัวหน้าแผนก

   “ได้ครับคุณหมอ ว่าแต่ช่วงประมาณกี่โมงครับ “พี่ศรเทพถามผม

   “น่าจะประมาณ ทุ่มครึ้งได้นะครับของเมื่อวาน”

   “นี่คุณหมอมาดูให้คุณหมอดาวิกาหรือเปล่าครับ เพราะว่าน้องที่นั่งอยู่นี้เขาบอกว่าคุณหมอดาวิกามาขอดูกล้องวงจรปิด จุดเดียวกันและเวลาเดียวกันเลยครับ” ผมหันไปมองพี่ศรเทพ

   “ตอนไหนครับที่คุณหมอดาวิกาเข้ามาขอดู”

   “ตอนเช้าครับน่าจะประมาณเก้าโมงกว่าๆ ได้แล้วนะครับ”

   “แล้วคุณหมอแจ้งไหมครับว่ามาขอดูทำไมนะครับพี่ศร” ผมถามพี่หัวหน้าแผนกไอที

   “เปิ้ล คุณหมอดาวิกามาบอกไหมว่าขอดูกล้องวงจรปิดทำไม”

   “คุณหมอบอกว่าจอดรถไว้ตรงนั้นและมีคนมาเฉี่ยวรถของคุณหมอเป็นรอยคะ แต่เปิ้ลไม่รู้ว่าคุณหมอดูอย่างเดียวหรือเปล่านะคะ จังหวะนั้นแผนกเด็กนะคะเขาโทรมาให้เปิ้ลไปเช็ตระบบให้หน่อยค่ะ

   “เปิ้ลเลยปล่อยให้คุณหมอเขานั้งดูไปก่อนนะคะ แต่พอเปิ้ลกลับมาก็ไม่เห็นคุณหมอดาอยู่แล้วค่ะ เธอออกไปก่อนแล้วค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้นผมรบคุณศรเปิดดูให้ผมดูหน่อยตอนนี้ครับ “ผมบอกคุณศรเทพ พี่เขาก็ตรงเข้าไปเลือกหาไฟว์ข้อมูลและสิ่งที่ปรากฏคือ

   “ไฟว์ถูกลบแล้วครับคุณหมอ” ผมก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ และหันไปมองหน้าทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่บอกว่าหมอดามาขอดูกล้องวงจรปิดคนนั้น

   “นี้หมอดาเขาลบข้อมูลไปเหรอเปิ้ล!!” พี่ศรเทพหันไปถามลูกน้องด้วยสีหน้าที่ตกใจพอสมควร

   “เปิ้ลไม่รู้ค่ะ พี่ศร เปิ้ลขอโทษนะคะ เพราะว่าเปิ้ลเห็นว่าเป็น เออ เขาบอกว่าเป็นแฟนคุณหมอภีมนะคะ ถ้าเปิ้ลไม่ให้เขาดูเขาจะไล่เปิ้ลออกนะคะคุณหมอ” เด็กผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้ขอโทษผม

   “เขาไม่ใช่แฟนผมโอเคนะ และคราวหน้าไม่ว่าใครก็ตาม ให้เขียนรายงานลงลายลักษณ์อักษรก่อนที่จะให้ใครดูไฟว์สำคัญพวกนี้ อันนี้ผมยกให้แค่ครั้งเดียว ต่อไปทำอะไรก็ระวังด้วยเพราะว่านี้คือความลับของโรงพยาบาล” ผมพูดแค่นั้นก็รีบเดินสาวเท้าออกมาทันที ผมเดินตรงไปยังแผนกไอซียู ผมคิดว่าต้นน่าจะอยู่ที่นั่นแต่เปล่าเลย ผมลงไปกับไม่เจอต้นมีแต่เขมชาติและคุณแม่ของเขาที่ยืนอยู่ และไม่มีเอิร์ธด้วย

   “สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับเขม” ผมยกมือไหว้แม่ของต้น แม่เขาก็หันมามองหน้าผมเหมือนจะมีคำถาม ผมเองก็มีคำถามเพราะว่าผมสอดสายตาไปรอบไม่มีต้นหรือว่าจะพาลูกไปหาอะไรทานกันนะ แต่สายตาครูเขมนะซิ มองผมแบบแปลกๆ

   “เชิญค่ะ” ผมเห็นพยาบาลเดินออกมาพร้อมกับชุดสีเขียวที่จะให้คนเยี่ยมสวมใส่ก่อนจะเข้าไปเยี่ยมคนไข้ และผมก็เห็นนครินทร์เดินออกมาพร้อมกับคราบน้ำตานี้เขาเข้าไปดูก้องมาแล้วเหรอ แม่ของก้องเขาก็หันมามองผมก่อนจะเดินตามพยาบาลเข้าไป

   “เขม ต้นละ” ผมถามเขมชาติ

   “พี่ต้นเขา …” เขมก้มหน้าลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

   “พี่ต้นกลับไปแล้วครับ พี่ต้นมีงานด่วนต้องไปครับ ไปพร้อมกับเอิร์ธนะครับพี่หมอ” ผมแทบทรุดเลย แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ ทำไมจู่ๆ ต้นก็กลับไปโดยไม่บอกผม

   “ต้นอยู่ที่ไหนเขมบอกพี่ได้ไหมพี่ขอร้อง”

   “ผมบอกไม่ได้ครับ พี่ต้นบอกผมเอาไว้ว่า ไม่ให้บอกพี่ ผมขอโทษนะครับ” เขมชาติพูดก่อนจะเดินแทรกนครินทร์เข้าไปเพื่อไปเยี่ยมพี่ชายของเขาเช่นกัน นครินทร์มองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับอา” นครินทร์ถามผม ใช่นครินทร์ไม่ไม่เคยรู้เรื่องผมกับต้นมาก่อน เพราะว่าตอนนั้นเขาก็ถูกส่งไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารและนานๆ จะกลับมาบ้านสักที

   “รินทร์ ต้นพี่ชายของก้องภพนะเขาเป็นแฟนพี่มาก่อน ไม่ซิ ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่ “ผมพูดบอกนครินทร์ สีหน้าเขาตกใจมาก

   “เป็นไปได้ยังไงอ่ะ พี่ต้นเขามีภรรยาแล้วนะอาหมอ”

   “อาเป็นแฟนเขาก่อนที่เขาจะแต่งงานนะรินทร์และต้นเขาก็ไม่ได้แต่งงานเพราะว่ารักเกศรินทร์แต่เขาแต่งเพราะว่าเกศรินทร์ท้อง และ เกศรินทร์ก็ทำให้ต้นต้องจำใจแต่งงานกับเขา ผู้หญิงคนนั้นแย่งต้นไปจากอารินทร์” ผมพูดนครินทร์มองหน้าผม พร้อมกับเอามือกุมขมับตัวเอง

   “ทำไมอาไม่บอกผมก่อนอะ”

   “แล้วทำไมเราไม่พูดให้อาฟังเรื่องแฟนเราบ้างละ ถ้าอารู้เร็วกว่านี้อาคงหาเขาเจอเร็วกว่านี้” ผมพูดแต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่ความผิดของนครินทร์เขาหรอก

   “อาขอโทษ แต่ตอนนี้อาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต้นหนีอาไปอีกแล้ว และนี้เขาก็สั่งห้ามน้องชายเขาบอกอาอีกว่าเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน”

   “แล้วก้องกับเขมเขารู้เรื่องนี้ไหมครับอา”

   “เขมนะเขาเพิ่งจะรู้แต่ว่าก้องเขารู้นานแล้วและก้องเขาก็เป็นคนบอกให้อาหยุดทำร้ายพี่ชายเขา เพราะว่า” ผมพูด

   “อาดันรับหมั้นหมอดาวิกาตามที่ปู่เรากับพ่อของหมอดาต้องการ แค่เพราะว่าพี่ไม่อยากเสียต้นไปในตอนนั้น แต่อาไม่ได้อยากแต่งงานกับหมอดานะรินทร์” ผมพูดบอกนรรินทร์หลายชายของผม เขายิ่งมีสีหน้าที่ตกใจเข้าไปใหญ่

   “และตอนนั้นหมอดาเขาก็เหมือนจะเข้าใจความรักของพี่กับต้น เขาเลยจะช่วยแค่ให้เรื่องหมั้นหมายผ่านไปวะก่อน แต่อาคิดผิด” ผมพูดก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่น ผมเองก็มีส่วนที่ทำให้มันแย่ลงถ้าผมไม่ดึงเธอเข้ามา

   “อาไม่คิดว่ามันจะแย่ลงแบบนี้ และอาก็ต้องมาเสียต้นไปเพราะผู้หญิงคนนั้น คนที่เป็นแม่ของลูกต้นนั้นแหละรินทร์” ผมหันไปบอกนคริทร์

   “โอ๊ยอาภีม! แล้วนี่ถ้าก้องฟื้นขึ้นมา เขาต้องโกรธผมแน่ๆ เลย” นครินทร์พูดและทรุดลงนั่งที่เก้าอี้

   “แล้วอาหมอก็ถอนหมั้นหมอดาด้วยเหตุผลนี้หรือเปล่าครับ”

   “ใช่ด้วยแต่อากับพี่ต้นนะรักกันมาก่อนหมอดาเขาก็รู้เรื่องอากับพี่ต้นดี ตอนแรกอาก็หาทางออกไม่ได้ เหมือนเรานั้นแหละ ปู่เราเขาไม่ยอมให้อาไงในตอนแรก”

   “แต่ตอนนี้ยอมแล้วใช่ไหมละ” นครินทร์พูด

   “แต่รินทร์ก็ยังเห็นหมอดาเขาทำเหมือนยังเป็นคู่หมั้นอาอยู่นิครับ ผมว่าปัญหาของอานั้นนะคือหมอดาวิกา อาควรจะจบมันแบบเรียกว่าถอนรากถอนโคนไปเลยอา “นครินทร์พูดผมหันไปมองหน้าให้ผมทำขนาดนั้นเลยเหรอ

   “ผมในฐานะถ้าผมเป็นพี่ต้นนะอา อาควรจะไปจัดการเรื่องหมอดาซะก่อนจะดีกว่า ผมว่าบางที่หมอดาอาจจะทำอะไรกับพี่ต้นแบบที่อาไม่คาดคิดก็ได้นะ “นครินทร์พูด

   “หมอดานี้นะ” ผมถามนครินทร์ด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจ นครินทร์พยักหน้า

   “ถ้าอาอยากรู้ว่าพี่ต้นอยู่ที่ไหน ผมว่าอาต้องรอก้องแล้วแหละ ก้องเขาคุยกับพี่ต้นได้ เขมนะเขาห่างกับพี่ต้นมากเขาก็ยังเกรงใจและเคารพการตัดสินใจของพี่ต้นพอพอกับคำสั่งของพ่อประมาณนั้น” นครินทร์พูด ผมก็ต้องเอามือกุมขมับตัวเอง

   “แล้วนี่เรา”

   “ผมจะเฝ้าก้องเขาผมอยากอยู่ใกล้ๆ เขานะพี่หมอ”

   “กลางคืนเฝ้าไม่ได้นะแต่กลางวันนะพอได้แต่ตลอดเวลาคงจะไม่ได้เช่นกันและดูแล้วยังไม่เกินจากอาทิตย์นี้ก้องเขาก็น่าจะย้ายไปอยู่คนไข่พิเศษได้”

   “ถ้าเขาฟื้นในวันนี้หรือพรุ่งนี้” ผมพูดผมเข้าไปดูอาการเขาก่อนหน้าที่จะแยกไปดูกล้องวงจรปิดแล้วแต่นี่ต้นซิยังไม่เห็นน้องชายเลยนะ ผมคงต้องรอให้ก้องฟื้นก่อนใช่ไหม แต่ผมซิจะขาดใจตายซะก่อน เมียดันมาหนีแถบหอบลูกหนีไปอีก แม้จะไม่ใช่ลูกตัวเองแต่ผมเริ่มหลงรักเหมือนลูกผมไปแล้วนะซิ

   “นครินทร์ นี้กุญแจห้องพักแพทย์ของพี่นะ ขึ้นไปพักได้” ผมส่งกุญแจให้นครินทร์ เขาก็รับไป
-------------------------------------------------------------------------------------
   Part ต้นตระการ ผมยอมรับว่าผมกลัวหมอดาวิกาจะทำร้ายลูกผม ผมเห็นสายตาของเขา ผมเลยพาเอิร์ธกลับเชียงใหม่ทันที ผมแอบเสียใจที่ยังไม่ได้เข้าไปดูก้องภพน้องชายผมเลย ผมรู้แค่ว่าผลการผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีและร่างกายเขาก็ตอบสนองดี หมอภีมเขาบอกผมว่าไม่น่าจะเกินจากอาทิตย์นี้ก้องภพจะได้ย้ายไปพักห้องคนไข้พิเศษ ผมแอบเสียใจในเวลาที่น้องชายที่ผมรักกำลังเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลผมเองที่เป็นพี่ชายคนโต้กลับอยู่ใกล้ๆ เขาไม่ได้

   “ก้องพี่ขอโทษนะ แต่พี่กลัวเขาจะทำอะไรลูกชายพี่” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับเปิดดูหน้าจอมือถือ ภาพที่เราถ่ายด้วยกันสามพี่น้องและเอิร์ธตอนที่เพิ่งจะเกิด

   “พ่อต้น ทำไมเรากลับบ้านแร็วจัง” น้องเอิร์ธกระตุกมือผมหงึกๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววที่ยังไม่ค่อยเข้าใจตามประสาเด็ก

   “เอิร์ธยังไม่เจออาก้องเลยนะพ่อต้น” เอิร์ธเงยหน้าถามผม ขณะที่ผมกำลังเดินออกมาจากสนามบินเพื่อจะไปยังลานจอดรถของผม ผมหันมามองน้องเอิร์ธ

   “พ่อต้องทำงานนะครับเอิร์ธ “ผมก้มลงพูดกับเอิร์ธ ผมจองตั๋วเครืองบิน เพื่อบินกลับเชียงใหม่ด่วน ทั้งผมยังไม่ได้เข้าไปดูน้องชายคนที่สองของผมเลยด้วยซ้ำ เอิร์ธเดินภอดตุ๊กตากระต่ายที่เขมซื้อให้เขาใหม่ เอิร์ธหลับมาตลอดทาง

   “พ่อโกรธอาหมออีกอะเปล่า” น้องเอิร์ธถามผม ผมหันไปมองเอิร์ธ

   “พ่อไม่ชอบอาหมออีกแล้วเหรอ” มันเป็นคำถามที่จุกในอกคนที่ถูกถาม ผมอยากจะบอกลูกว่าผมไม่เคยไม่ชอบอาหมอของเขาหรอกนะ แต่ผมต้องทำแบบนี้เพราะเอิร์ธคือคนที่ผมต้องปกป้อง ผมคิดว่ากันไว้ก่อนดีกว่ามาแก้ที่หลัง

   “แล้วเอิร์ธละ” ผมย่อตัวลงถามเอิร์ธลูกชายของผม “เอิร์ธมองหน้าผมและทำท่าคิด

   “เอิร์ธก็ชอบอาหมอ และเอิร์ธก็ชอบอยู่กับอาหมอมากกว่าอาน่านฟ้า” ผมก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปมทันทีว่าไปเกี่ยวอะไรกับน่านฟ้าละ

   “อาน่านฟ้านะเขาเป็นเพื่อนพ่อ เรานี้จริงๆ เลย “ผมพูดและยื่นมือไปจูงมือเอิร์ธเพื่อที่จะเดินไปที่ผมจอดรถเอาไว้ ไม่รู้ว่าเขมได้เขาไปหาก้องหรือยัง ก่อนที่ผมจะตัดสินใจกลับมาเชียงใหม่ผมได้บอกกับเขมว่าอย่าให้ข้อมูลอะไรของผมกับหมอภีมปภพเด็ดขาดและให้เขมบอกแม่ด้วย ผมเองก็ไม่กล้าบอกแม่เอง ผมกลัวว่าแม่จะถามจนผมจนมุมและบอกเรื่องหมอดาวิกา นี่แหละที่แม่ผมจะกังวล แค่เรื่องก้องก็มากพออยู่แล้ว

   “เอิร์ธทานเคเอฟซีไหมวันนี้ พ่อว่าพ่อคงทำอะไรให้เราทานไม่ทัน” ผมหันไปบอกเอิร์ธที่เดินทำหน้าเหมือนผิดหวัง

   “ทำไมเราทำหน้าอย่างนั้นละเอิร์ธ” ผมถามเอิร์ธ

   “เอิร์ธยังไม่ได้บอกอาหมอเลยว่าเอิร์ธกลับแล้วอ่ะพ่อต้น”

   “เอาไว้พ่อต้นโทรบอกอาหมอแทนแล้วกันนะ “ผมบอกเอิร์ธแต่ผมคงไม่กล้าโทร ถึงผมจะมีเบอร์เขาก็ตาม ผมเชื่อว่าเขายังใช้เบอร์เดิม ส่วนผมนะผมเปลี่ยนเบอร์ไปตั้งแต่ย้ายมาจากเขาใหญ่แล้ว

   “อาหมอบอกว่าจะพาเอิร์ธไปหาคุณปู่ เอิร์ธอยากมีคุณปู่ “เอิร์ธพูดผมหันไปมองหน้าเอิร์ธ ใช่พ่อผมเสียไปก่อนที่เขาจะเกิดเขาเลยไม่มีคุณปู่

   “เอิร์ธมีแต่คุณปู่อยู่บนสวรรดิ์ลูก” ผมบอกลูกแบบนั้น

   “เรารีบเดินกันเถอะลูกนี่พ่อต้องขับรถพาเราไปซื้อไก่เคเอฟซีอีกนะเอิร์ธ” ผมบอกลูกขายขณะที่ผมกำลังจะเดินไปถึงรถฟอร์จูนเนอร์ ที่ผมจอดเอาไว้ และผมก็ต้องเอามือกุมขมับ ทันทีก็เพราะว่ายางรถของผมมันแบนจนวิ่งต่อไปไม่ได้

   “พ่อยางแบนอ่ะ” น้องเอิร์ธมองหน้าผม ผมพยักหน้าว่าใช่ แล้วผมจะทำยังไงละ ยางอะไหล่ก็ไม่มีตอนนี้ ตอนนี้ผมกับนึกถึงน่านฟ้า


//สวัสดีครับคุณต้น///
// คุณน้านฟ้า คุณยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ//
// คุยได้ครับคุณต้น มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ//
// น่านฟ้า รถผมยางแบนนะครับ ผมอยู่สนามบิน ผมเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพกับเอิร์ธนะครับ// ผมบอกคนปลายสายไป
// ผมอยู่ไม่ไกลครับผมพาแฟนมาทำธุระในเมือง เดี๋ยวผมไปหาเลยนะคุณต้น//
//ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับคุณน่านฟ้า//
//คุณต้น ถ้าคุณต้องการให้ใครสักคนช่วยก็บอกผมเถอะต้น เราเพื่อนกันนะ และเลิกเกรงใจผมได้แล้ว ผมกำลังขับรถไปนะครับ รอผมไม่เกิน สิบนาที//
//ขอบคุณนะครับน่านฟ้า” ผมพูดแค่นั้น ผมก็ย่อตัวลงมองเอิร์ธ


   “เอิร์ธชอบอาหมอภีมหรือไง “ผมถามเอิร์ธ

   “อาหมอบอกว่าเรารักกันได้ ถึงเอิร์จะเป็นผู้ชาย มันไม่น่าเกลียดเหมือนที่แม่บอกเอิร์ธ ใช่หรือเปล่าพ่อต้น” เอิร์ธถามผม ผมก็ยิ้มให้เอิร์ธ ตอนนี้รถของน้านฟ้าเข้ามาจอดข้างๆ ผมแล้วแสดงว่าเขาวนหาผมอยู่ และคนที่ลงมาก็คือน้านฟ้าและแฟนของเขา ติณณภพ ผมกับน่านฟ้าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลังจากที่ผมบอกเขาว่าผมมีคนที่ผมารักแล้วและเขาคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของผม น่านฟ้าเขาบอกว่าเขาดูผมออกว่าผมเป็นเกย์ ผมก็ยอมรับนะและน่านฟ้าเขาก็บอกว่าเขาเป็นแต่แค่ต้องเก็บเอาไว้ ก็น้องชายเขาเป็นไปแล้วแต่สุดท้าย เขาก็กล้าที่เปิดเผยมันและยังได้แต่งงานออกหน้าออกตากับผู้ชายที่เขารัก ผมก็ยินดีด้วย

   “สวัสดีครับคุณต้น” ติณณภพเดินมาทักทายผมและย่อตัวลงมองเอิร์ธ

   “นี่คุณจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับต้น ยางคุณถึงได้แบนขนาดนี้” น่านฟ้าถามผม

   “เมื่อวานครับตอนเช้าผมคงรีบมากจนไม่ได้รู้ว่าแบนตั้งแต่เมื่อไหร่นะครับน่าน “ผมพูดบอกน่านฟ้า เขาก็พยักหน้าพร้อมกับก้มลงดูล้อรถของผม

   “คุณมีอะไหล่ไหมน่านฟ้า” ติณณภพหันไปถามน่านฟ้า

   “มีครับ เอาของผมไปเปลี่ยนก่อนนะต้น “คุณน่านฟ้าพูดผมพยักหน้าคงต้องตามนั้น

   “งั้นผมพาเอิร์ธไปนั่งบนรถผมก่อนครับคุณต้น เพราะว่าตรงนี้ร้อน สงสารน้องนะครับ” ติณณภพพูด ก่อนจะแบมือขอมือเอิร์ธ

   “เอิร์ธไปอยู่บนรถกับอาติณก่อนนะ พ่อจะช่วยอาน่านฟ้าเขาเปลี่ยนยางรถ เราจะได้กลับบ้านกัน” ผมบอกลูกชายผม เขาก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

   “ไปครับ นี้อาติณไปซื้อไอศกรีมมาจากแม๊คโดนัลด้วย ไปครับไปทานกัน ทานของอาน่านฟ้านะ” ติณณภพพูด

   “อ้าว! ทำไมให้ทานของผมละ คุณนี้ร้ายจริงๆ “น่านฟ้าหันไปแอบต่อว่าแฟนเขา แต่ผมว่าเขาแค่แกล้งนั่นแหละ ผมก็ถลกแขนเสื้อเพื่อช่วยน่านฟ้าเปลี่ยนยางรถให้ผม น่านฟ้าก็เริ่มยกเอาแม่แรงที่ดันเพื่อยกรถยึ้นจะได้เปลี่ยนล้อรถให้ผมก่อน

   “คุณไปไหนมาเหรอครับต้น” น่านฟ้าถามผม

   “ผมไปดูน้องชายผมมานะครับ คนที่เป็นทหาร เขาถูกยิงนะครับ และแฟนเขาก็รีเฟอร์มานอนที่โรงพยาบาลที่กรุงเทพ” ผมบอกน่านฟ้าและคอยส่งเครื่องมือให้เขา

   “จริงซิครับ แล้วเป็นยังไงบ้างครับ “น่านฟ้าหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมเองก็ยังไม่ได้เห็นน้องชายผมเลยด้วยซ้ำ

   “เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดและยังดูอาการอยู่ในห้องไอซียูนะครับน่านฟ้า “ผมพูด น่านฟ้าก็มองผมคงคิดว่าทำไมผมรีบกลับมาละทั้งน้องชายยังไม่พ้นขีดอันตรายเลยนะ

   “คือว่าผมมีเรื่องด่วนต้องกลับนะครับน่านฟ้า และนี่เขาเพิ่งจะออกจากห้องผ่าตัดยังต้องพักที่ห้องไอซียูนะครับน่าน ผมรู้สึกผิดที่ผมต้องมาอยู่ไกลแบบนี้” ผมพูดก่อนจะย่อตัวลง

   “โรงพยาบาลอะไรครับต้น เพราะว่าผมกับแฟนจะกรุงเทพกันวันศุกร์นี้ “น่านฟ้าถามผม

   “ผมจะได้ไปเยี่ยมยังไงก็น้องของคุณ “น่านฟ้าพูด ผมพยักหน้า

   “โรงพยาบาลxxxxxxx “ผมบอกชื่อโรงพยาบาลไป ผมนึกแปลกใจทำไมเขาไม่ใช่ชื่อเดียวกับโรงพยาบาลที่เป็นนามสกุลของพ่อเขานะภีมปภพ

   “คุณต้น โรงพยาบาลนี่ที่น้องผมเคยไปแอทมิทไงครับและผมก็เจอคุณหมออะไรนะ จำชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่าน่ากลัวน้องผมยังกลัวเลยขอออกก่อนกำหนด “น่านฟ้าหันมาบอกผม ใช่เขาเคยบอกผมแล้ว

   “แต่ถึงยังไงผมก็จะไปเยี่ยมน้องชายคุณนะต้น “น่านฟ้าพูด ขณะที่กำลังถอดเปลี่ยนล้อรถให้ผม ผมก็เอื้อมไปช่วยส่งเครื่องมือให้

   “คุณคืนดีกับแฟนคุณแล้วเหรอต้น” น่านฟ้าถามผม ผมก็หันมไปมอง เขามองมาที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม

   “คุณเจอแฟนคุณอีกครั้งแล้วเหรอต้น “น่านฟ้าถามผม ผมก็พยักหน้าว่าใช่

   “แต่ผม…” ผมอีกอักใจที่จะพูดว่าผมกับหมอภีมคงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ ทั้งที่พ่อแม่เขาก็เปิดไฟเขียวให้ผมแล้วนะ

   “ผมรู้ว่าคุณแบกมาเยอะนะต้น และคุณก็ทนมาเยอะแล้วตั้งแต่คุณเข้าไปเป็นลูกเขยบ้านนั้น ผมว่าตอนนี้คุณน่าจะทำอะไรเพื่อตัวคุณเพื่อนหัวใจของคุณบ้าง ผมคิดว่าเอิร์ธนะไม่น่าจะมีปัญหาผมเชื่อว่าเขาจะเข้าใจคุณ เพราะว่าเขารักคุณมากเช่นกันต้น “น่านฟ้าพูดก่อนจะดันล้อรถเข้าไปและจัดการใส่น๊อตทั้งหมดกับเข้าไปเหมือนเดิม

   “เฮ้อ!! “เสียงถอนหายใจของผมทำเอาน่านฟ้าหันมามองหน้าผมและแอบอมยิ้มให้ผม

   “และผมก็เชื่อว่าคุณรักเขามากพอที่จะปฏิเสธผมวันนั้นนะต้น” น่านฟ้าพูดผมเงยหน้ามองหน้าเขา ตอนนั้นผมยังมีเกศรินทร์และน่านฟ้าก็มีคนที่ครอบครัวให้เขาทำความรู้จักเพื่อจะแต่งงานด้วยเป็นผู้หญิงแต่ทั้งสองประเด็นไม่ใช่เหตุผลที่ผมปฏิเสธเขาประเด็นที่สำคัญคือหมอภีมปภพที่ผมไม่เคยลืมเขา ถึงแม้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปหาเขาได้อีกหรือไม่

   “ผมก็เชื่อว่าเอิร์ธนะเข้ากับเขาได้ดี ดูจากที่เขาเข้ากับพวกผมและทุกคน “น่านฟ้าพูดอีกก็ถูกอีก ผมหันไปเห็นเอิร์ธเขานั่งเล่นกับติณณภพอยู่ในรถ อย่างสนิทสนมแต่แปลกเขากับไม่ค่อยเข้าหาผู้หญิงเลยสักคน อาจจะเป็นเพราะว่าทุกครั้งที่เกศรินทร์โกรธหรือโมโหผมกับไปลงที่เขาทุกครั้ง

   “ขอบคุณนะครับ น่านฟ้า “ผมพูดก่อนจะเดินตามน่านฟ้าไปเปิดประตูรถและกางแขนให้เอิร์ธ

   “เสร็จแล้วเหรอครับ” ติณณภพถามผม ผมพยักหน้า ผมก็มองเอิร์ธที่นั่งทานไอศกรีมจนหมดถ้วยเลย

   “อาน่านฟ้าควรจะทำโทษใครดี น้องเอิร์ธหรือว่าอาติณดีที่กินไอศกรีมอาหมดเลยเนี๊ยะ” น่านฟ้าถามเอิร์ธ

   “อาติณให้กิน” ติณสะบัดหน้าไปมองลูกชายผมทันที

   “อ้าว! งั้นอาติณทำโทษเราเองดีกว่าเราเป็นคนกิน”

   “คิก คิก คิก” คนโดนไล่จั๊กจี๋ก็พยายามเบี่ยงตัวหนีและลุกพล้วดมาหาผมในทันที

   “ขอบคุณอาติณหรือยังครับเอิร์ธ” ผมถามลูกชาย

   “ขอบคุณครับอาติณ”

   “ไม่เป็นไรครับ อย่าดื้อกับพ่อนะรู้ไหม อาติณไปกรุงเทพแล้วจะซื้อของเล่นมาฝากนะครับ แต่อาติณก็ไม่รู้ว่าเด็กเขาเล่นอะไรกัน ต้องรอให้อาน่านฟ้าไปช่วยอาเลือกนะครับ” ติณณภพพูด

   “ต้น มีอะไรโทรบอกผม ถ้าผมไม่อยู่ คนในไร่ผมก็ได้ ผมให้เขามาช่วยด้วยนะต้น “น่านฟ้าพูด ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป และผมก็อุ้มเอิร์ธไปใส่ไว่ในรถของผม

   “คราวนี้เราคงกลับบ้านกันได้แล้วนะ เอิร์ธ” ผมพูดบอกเอิร์ธ

   “อาน่านฟ้ากับอาติณเขาเป็นคนรักกันใช่อะเปล่าพ่อต้น” เอิร์ธถามผม

   “ใช่ครับ อย่างที่อาหมอเคยบอกเอิร์ธนั่นแหละ ว่าทุกคนมีความรักได้ ไม่ผิดครับ” ผมพูดกับเอิร์ธ

   “อาเขมก็รักกับพี่คริส ก็ไม่ผิดใช่อะเปล่า” เอิร์ธพูดผมก็เงยหน้ามองเขาพร้อมกับพยักหน้าเช่นกัน
   
   “แล้วอาหมอละรักพ่อหรือเปล่า” ทำต้องมองหน้าเอิร์ธอีกครั้ง

   “เราไปหาอาหมออีกได้อะเปล่า พ่อต้น” เอิร์ธถามผม ผมก็ต้องก้มหน้าลง เป็นคำตอบที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมควรจะไปกลับไปหาเขาอีกไหมนั้นซิ ผมใช่ฝ่ามือลูกใบหน้าเด็กน้อย ผมพาเอิร์ธไปซื้อเคเอฟซี่ ไก่นุ่มไม่เผ็ดที่เขาชอบ ระหว่างที่รอผมก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเขมทันที

   //เขม เข้าไปดูก้องมาหรือยังเป็นยังไงบ้าง//
   //ครับพี่ต้น พี่ก้องก็ยังหลับอยู่เลยครับและยังมีเครื่องช่วยหายใจอยู่นะครับพี่ต้น และหมอที่ดูแลพี่ก้องก็บอกว่าถ้าพี่ก้องฟื้นเร็วนี้ก็จะเอาเครื่องช่วยหายใจออกครับ///
   // พี่ต้นอยู่ไหนแล้วครับ นี้พี่หมอภีมเขามาถามหาพี่กับเอิร์ธ เขาดูตกใจและเสียใจที่พี่//

   //พี่รู้เขม อย่างที่พี่บอกนะ ลูกพี่สำคัญที่สุดในตอนนี้//

   //ถ้าพี่ก้องฟื้นเมื่อไหร่ผมจะโทรบอกพี่นะพี่ต้น //

   //ขอบใจมากนะเขม พี่ขอโทษนะ ที่พี่ต้องกลับมาก่อน ดูแลแม่ด้วยนะเขมและพี่ฝากก้องด้วยนะ //

   //ไม่เป็นไรพี่ต้น ยังไงพี่ก้องก็พี่ชายผม และพี่ต้นดูแลตัวเองด้วยนะพี่ต้น ดูแลเอิร์ธด้วยนะครับ ผมหวังว่าเรื่องทุกอย่างมันจะดีขึ้นพี่ต้น //

   //แค่นี้ก่อนนะเขมพี่เขาเรียกพี่แล้ว มีอะไรโทรหาพี่ทันที // ผมพูดและกดวางสาย ก่อนจะก้มลงมองลูกชายที่กอดขาผม เขาหันไปมองครอบครัวอื่นที่มีทั้งพ่อแม่ปู่ย่านั่งทานอาหารด้วยกันและผมก็เข้าไปรับอาหารและพาเอิร์ธออก ผมคิดว่าผมคงต้องพาเอิร์ธไปนั่งที่ทำงานด้วยก่อนและค่อยให้ไปโรงเรียนแล้วกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝากตอนพิเศษพี่หมอภีมกับพี่ต้นด้วยนะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ผิดมั้ยที่ฟินคู่น่านกับติณ 5555 ติณเคะๆๆๆ ใช่มั้ยๆๆๆ น่านฟ้าดูแมนมากอ่ะ

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

ออฟไลน์ Witachatt1993

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
สงสารน้องเอิร์ธ คุณหมอรีบไปหาเอิร์ธ :ling1:

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
พิเศษ พี่ก้อง ถ้าพี่หมอไม่เคลียร์เรื่องหมอดาวิกาผมก็ไม่บอกว่าพี่กับหลานผมอยู่ไหน P1

    Part's พี่ก้องภพ ผม เป็นน้องชายของพี่ต้นและเป็นพี่ชายของเขมชาติ ผมเป็นทหารติดยศผู้กอง และเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษเพราะว่าผมผ่านการฝึกมาหลายหลักสูตร ณ ตอนนี้ผมได้ลงปฏิบัติหน้าที่ในฐานปฏิบัติพิเศษเขตพื้นที่ความเสี่ยง  ผมตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนผมได้คัดเลือกเข้าไปฝึกแล้ว ถ้าผมเป็นทหารผมลงไปเพื่อทำหน้าที่ผู้ปกป้องแผ่นดิน ต่อให้เสียงอันตรายแค่ไหนผมจะไปเพื่อสู้รบกับผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง และนั้นก็ทำให้ผมได้เจอคนที่ผมรักแต่ว่าเขากับต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ทางบ้านเลือกให้เพียงเพราะว่าเขามีพฤติกรรมชายรักชาย และนครินทร์คือรักแรกของผมที่เป็นรักแบบเพศทางเลือก เพราะว่าผมก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ส่วนผู้ชายนี้ไม่เชิงว่าแฟน

      //รินทร์ คุณกลับไปแต่งงานนะ ผมจะได้เป็นผู้ชายคนเดียวอย่างที่คุณบอกผม กลับไปใช้ชีวิตที่ปกติอย่างที่ทุกคนพึงกระทำกัน  คุณจะอยู่ในหัวใจผมตลอดไป รินทร์ ผมรักคุณ/// นั้นคือคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนที่สติสัมปชัญญะของผมจะหลุดลอยไป ร่างกายเผมเริ่มเข้าสู่ภาวะช๊อกเนื่องจากเสียเลือดมาก

      “ก้อง คุณฟื้นขึ้นมาซิ ผมรักคุณ ผมไม่ยอมแต่งงานเพื่อจะอยู่กับคุณ ผมยอมผิดใจกับพ่อผม เพื่อคุณนะก้อง อย่าทิ้งผมไปซิ ผมรักคุณ คุณคือผู้ชายคนเดียวของผมนะก้อง” เสียงที่หงุงหงิงอยู่ข้างๆผม ผมเองก็พยายามที่จะลืมตาที่หนังอึง ผมรู้ว่าผมมีบางสิ่งแปะอยู่ที่รอบๆริมฝีปากผม จะตะโกนก็ไม่ได้ จะพูดก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่ จะกลืนก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งคำอยู่ในลำคอของผม สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือขยับมือผม

      “ก้อง!!!”เสียงคนข้างๆผมสงเสียงเรียกชื่อผม ผมค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง และเพ้งมองภาพท่เบอๆจนกว่าจะชัดขั้น และใบหน้าคนคนนั้นที่ผมพูดเป็นประโยคสุดท้าย ก็ปรากฏขึ้น ผู้กองนครินทร์

      “ก้อง คุณฟื้นมาหาผมแล้วใช่ไหมก้อง” นครินทร์พูดผมก็พยายามจะโต้ตอบแต่ว่าผมเองก็ทำไม่ได้มาก และเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาลุมล้อมผมตรวจเช็คทุกอย่าง ส่วนนครินนทร์ถูกดันออกไปก่อนเหลือแค่ผมกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ช่วยกันถอดอุปกรณ์นั้นนี้ออกจากตัวผม    ผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี้นานแค่ไหน

      “รอคุณหมอมาดูอาการอีกทีนะคะ และถ้าคุณหมอให้ย้ายได้จะได้ย้ายขึ้นไปพักที่ผู้ป่วยพิเศษได้เลยค่ะ” ผมพยักหน้าตามนั้นแต่ยังคงเจ็บในลำคอ เพราะว่ามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ช่วยให้ผมหายใจได้ จนตอนนี้ผมหายใจเองได้ร้อยเปอร์เซนต์แล้วแต่ยังมีเจ็บแป๊ปๆที่ตรงอก ผมจำได้ว่าโดนไปหนึ่งนัดแถวๆนี้แหละ ผมไม่ได้สวมเสื้อเกาะกันกระสุน เพราะว่าผมไม่คาดคิดว่าจะปะทะกันคนร้ายกะทันหันแบบนั้น

      “ขอแฟ้มคนไข้ด้วยค่ะ คนนี้เป็นคนไข้ของคุณหมอภีมปภพใช่ไหมคะ รายงานคุณหมอหรือยังคะว่าคนไข้รู้สึกตัวแล้วและทางเราได้ถอนท่อช่วยหายใจคนไข้ออกแล้ว “

      “แจ้งแล้วค่ะ คุณหมอจะรีบลงมาดูคนไข้หลังจากเสร็จการประชุมค่ะ “ผมได้ยินแค่นั้น ตอนนี้ผ้าม้านก็ถูกปิดลง ตอนนี้ผมกำลังถูกจับถอดนั้นถอดนี้ออกไปจากร่างกายผม  แต่ยังขยับมากไม่ได้เรพาะว่าแผลที่ช่องอกก็ยังเจ็บอยู่

      “เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวจะทำการเคลื่อนย้ายคนไข้ขึ้นพักที่ห้องพิเศษได้เลยนะคะ และคนไข้จะมีอาการเสียบแหบแห้งอยู่วันหรือสองวันนะคะ “คุณหมอที่ตรวจเช็คร่างกายผมหลังตากถอดเครื่องช่วยหายใจ ผมถึงได้หายใจเองได้ มันโล่งอย่างบอกไม่ถูก

      “โอ๊ย” ผมค่อยขยับตัวแต่โดนหมอที่ดูแลใช้ฝามือกดผมเอาไว้
   
      “อย่าเพิ่งกระดกตัวขึ้นมาซิค่ะ คุณมีแผลผ่าตัดที่ช่องอกนะคะแม่จะไม่ใช่แผลใหญ่ก็เถอะ “คุณหมอบอกผม แต่ผมยกมือว่าผมไหว ผมค่อยขยับขึ้นนั่ง ผมหันไปมองรอบๆ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถูกยิง มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ของผมแต่ครั้งแรกตรงที่ผมถูกยิงถึงเจ็ดนัดแค่นั้น

      “คนไข้ค่ะ คุณยังลุกไม่ได้ค่ะ” คุณหมอรีบร้องห้ามปรามผมทันที แต่ผมก็พยายามจะลุก จนมีคนเดินข้ามา

      “คุณก้อง “คนที่เรียกผมนั้นคือนครินทร์แฟนผมนั้นเอง

      “ดื้อมากเลยค่ะ หมอบอกว่าไม่ให้ลุกก็จะลุกค่ะ “ ผู้กองนครินทร์เดินเข้ามาหาผม และมองหน้าผม ตอนนี้ผมยังเจ็บในลำคออยู่ ก็เลยต้องส่งสัญญาณมือคุยกับเอา ว่าผมโอเค

      “อย่าดื้อซิครับก้อง  นอนลงไปก่อนนะครับ “ นครินทร์บอกผม ผมยอมรับว่าสายตาเขาดุ จนผมต้องยอมนอนลงแต่โดยดี และเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาเพื่อทำการย้ายผมไปยังห้องพิเศษตามที่คุณหมอได้คุยกันเอาไว้  ผมไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกับผมอีก ผมรู้สึกหนังตาหนักอึ้งอีกครั้ง

      “หมอฉีดยาให้เขาได้ผ่อนคลายนะคะไม่ต้องกังวล…..” และนั้นทุกอย่างก็ดับมืดไปอีกครั้งผมไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมหลับไปอีก ผมค่อยๆลืมตาขึ้น ตอนี้ผมอยู่ในห้องพักที่ไมได้มีเครื่อมืออะเยอะแยะเหมื่อนเมื่อสักครู  ผมรู้สึกว่ามีคนกุมมือผมไว้ตลอด

      “ฟื้นแล้วเหรอครับ คุณผู้กอง คุณนี้นะ “ผู้กองนครินทร์ ลุกขึ้นมองหน้าผม ผมก็ทำท่าจะ ยันตัวลุกขึ้นแต่ผู้กองนครินทร์ทำนิ้วห้ามผม เขาก็เดินไปปรับตรงหัวเตียงให้สูงขึ้นและหมุนที่จับมาให้ผม ผมยอมรับว่าเจ็บแต่ผมเป็นทหารแค่นี้ต้อวอดทนได้

      “นี้ผมหลับไปกี่วันคุณรินทร์ “ ผมถามรินทร์ รินทร์เขาก็มองหน้าผมและท่านึก

      “ตั้งแต่วันที่คุณถูกยิง จนย้ายมาที่นี้ และพี่ต้นมาหาคุณ “ผู้กองนครินทร์พูด

      “พี่ต้นมาเหรอรินทร์  …โอ๊ย!!” ผมรีบถามด้วยความตกใจ จังหวะที่ผมขยับมันเลยสะเทือนจนเจ็บจี้ด

      “พี่ต้นกลับไปแล้วคุณก้อง กลับไปในวันรุ่งขึ้นเลยเพราะว่ามีเรื่องด่วน ผมรู้แค่นี้ก้อง และนี้คุณก็ฟื้นขึ้นมา รวมแล้วก็ห้าวันพอดีเลย “ นครินทร์พูด

      “รินทร์เพิ่งจะโทรบอกแม่กับเขมนะก้องและท่านก็กำลังจะมา แม่คุณนะเพิ่งจะกลับไปได้สักพัก ท่านเป็นห่วงคุณมาเลยนะก้อง” นครินทร์พูดผมหันมามองคนที่เกาะมือผม

      “แล้วคุณละ”

      “แทบขาดใจเลย คุณไม่น่าจะมาทำแบบนี้เลย คุณรู้ไหม ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะมองหน้าแม่คุณได้ยังไง” นครินทร์ถามผม

      “ก็ผมรักคุณรินทร์ “ ผมบอกคนที่กุมมือผมไว้

      “นี้ผมอยู่ที่ไหนรินทร์” ผมถามนครินทร์

      “โรงพยาบาลของปู่ผมครับก้อง” นครินทร์บอกผม

      ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องพักของผม นครินทร์ลุกขึ้นไปเปิดประตูดู ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมก็เลิกคิ้วมองว่ามีอะไรหรือ

      “ใครเหรอรินทร์” ผมถามนครินทร์

      “คุณสัญญากับผมก่อนได้ไหมว่าคุณจะฟังเหตุผลก่อนที่จะโกรธผม” ผู้กองนครินทร์หันมาถามผม ผมก็เลิกคิ้วมอง มีอะไรแน่ๆ แต่ว่าผมควรจะโกรธคนที่ผมรักลงเหรอ

      “ครับคุณ “ผมตอบเขาไป ประตูห้องพักคนไข้ถูกผลักให้เปิดเข้ามา หนุ่มที่สวมเสื้อกาวน์เดินเข้ามา ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปเขาก็ยังเหมือนเดิม ผมจำเขาได้ดี คุณหมอภีมปภพ

      “เฮ้ย!! …โอ้ย!”ผมสะดุ้งเลยเผลอยันเพื่อจะลุกขึ้นนั่งแต่ผู้กองนครินทร์วิ่งเข้ามาจับตัวผมเอาไว้ซะก่อน ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆผม เขาเพิ่งจะบอกผมว่านี้โรงพยาบาลปู่ของเขา แล้วคนนี้

      “พี่มาได้ยังไง” ผมหันไปถามหมอภีมปภพ หมอภีมปภพหันมามองหน้านครินทร์ ตอนนี้เขาก้มหน้าลง และหันมามองหน้าผม

      “คุณสัญญาแล้วนะว่าจะไม่โกรธผมและจะฟังเหตุผลก่อนนะก้อง “ ผู้กองนครินทร์พูด

      “ก้องเรื่องนี้รินทร์เขาไม่รู้เรื่อง “หมอภีมปภพพูด

      “ตกลงยังไงกันคุณรินทร์ “ ผมหันมาถามผู้กองนครินทร์แทน

      “นี่คืออาของรินทร์ครับก้อง อาหมอภีมเขาเป็นน้องคนเล็กของแม่รินทร์” ผมก็ต้องผงะ และหันมามองหน้ารินทร์อีกครั้งพร้อมกับหันไปมองหมอภีมปภพ ผมทำท่าจะสะบัดแขนรินทร์ออก

      “ก้อง รินทร์ขอโทษ รินทร์ไม่รู้จริงๆ ก้องอย่าโกรธรินทร์แบบนี้ซิก้อง” ผู้กองนครินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เหมือนจะร้องไห้

      “ก้อง เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับรินทร์นะ รินทร์เขาไม่รู้เรื่องระหว่างพี่กับต้นมาก่อน ก้อง”

      “และนี่รินทร์เขาก็เป็นห่วงเรามาก รักเรามากขนาดยอมทะเลาะกับพ่อเขาเพื่อจะไม่แต่งงานและเพื่อจะอยู่ใกล้ๆนายนะก้อง” หมอภีมปภพพูดผมหันมามองหน้านครินทร์ แล้วผมควรจะโกรธเขาลงหรือไง
 
      “ผมต้องการย้ายโรงพยาบาลครับรินทร์” ผมหันไปบอกนครินทร์

      “ก้อง ให้พี่รับผิดชอบเถอะ ในฐานะอาของนครินทร์เขา เรื่องค่าใช้จ่าย พ่อแม่พี่เขาจะจัดการเอง รินทร์เขาเป็นหลานพ่อกับแม่ของพี่นะก้อง” พี่หมอภีมปภพพูด

      “ก้อง พี่รู้ว่าก้องโกรธพี่เรื่องต้น แต่พี่ พี่ยอมรับผิดที่พี่คิดผิด…. “

      “ที่พี่ดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาทำร้ายพี่ผม ถ้าพี่ตัดสินใจบอกไม่รับหมั้นเธอตั้งแต่แรก เรื่องก็ไม่แย่แบบนี้” ผมหันไปพูด

      “พี่กับหมอดาวิกาเราถอนหมั้นกันแล้วก้อง” พี่หมอภีมปภพพูด

      “แต่พี่หมอดาวิกาก็ยังไม่ปล่อยพี่กับพี่ต้นอยู่ดี เขายังตามติดชีวิตพี่ต้นแถมยังลามมายังน้องชายผมครูเขมอีกนะพี่ภีม”ผมพูด พี่หมอภีมนั่งลงด้วยสีหน้าที่ตกใจ

      “เขาตามถ่ายรูปพี่กับพี่ต้นทุกทีที่พี่ไปกันและตอนที่พี่ไปคุยกับเขมน้องชายผมเขาก็ยังตามไปถ่ายรูป พี่คิดว่าเขายอมให้พี่กับพี่ต้นแน่แล้วเหรอพี่หมอ”ผมถามพี่หมอภีม

      “เมื่อไหร่” พี่หมอภีมถามผม

      “นี่หมอดาเขาไปหาเขม เอารูปถ่ายทั้งหมดที่เขาถ่ายเองหรือเขาจ้างคนถ่ายผมก็ไม่รู้นะพี่หมอ แต่เขาเอาไว้ไปให้น้องชายผม เหมือนเขาจงใจแสดงว่าเขานะรู้ทุกอย่าง “ ผมพูด ผมหันมามองหน้าพี่หมอภีม

      “พี่ยังไม่เคลียร์เรื่องหมอดาวิกาเลย แล้วพี่จะดูแลพี่ผมได้ยังไงยิ่งตอนนี้พี่ผมก็มีลูก ที่เกิดมาเพราะหมอดาวิกาอีก ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าพี่เกศรินทร์คนเดียวจะทำเรื่องพวกนี้ได้ ถ้าไม่มีคนจัดการทุกอย่างให้เขา ” ผมพูด นครินทร์หันมามองหน้าผม และหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ นั้นแสดงว่าเขาเองก็ไม่เคยรุ้เรื่องนี้มาก่อนเช่นกัน

      “จริงเหรอพี่หมอ พี่หมอดาทำขนาดแบบนั้นจริงๆเหรอ” ผู้กองนครินทร์ถามหมอภีมปภพ ใช้เข้าพยักหน้า

      “ก้องพี่ขอร้อง พี่ขอโอกาส บอกพี่ได้ไหมว่าต้นอยู่ไหน พี่ต้องการเขากลับมา พี่รักต้น พี่รักลูกของต้น “หมอภีมปภพพูด ผมหันไปมองหน้าเขา

      “อันที่จริงเราเจอกันแล้วและเหมือนจะเข้าใจกันแล้วแต่จู่ๆ เขาก็บินกลับไปเชียงใหม่ทันทีโดยที่ไม่บอกพี่สักคำ “ พีหมอภีมปภพพูด ส่วนนครินทร์ก็จับแขนผมเหมือนเป็นเชิงขอร้อง
   
      “คุณรู้ไหมก้อง พี่หมอนะก็พูดขอร้องเรื่องของผมกับพ่อให้นะก้อง “ ผู้กองนครินทร์พูดบอกผม

      “ฟู่!!” เสียงลมหายใจที่พรุออกมาด้วยความหนักใจของผม

      “คุณโทรหาเขมให้ผมหน่อยได้ไหม รินทร์” ผมหันไปบอกผู้กองนครินทร์ เขาก็หยิบมือถือมากสายโทรออกหาน้องชายผม

      “เขม มีคนอยากจะคุยด้วยนะครับ ครับ” ผู้กองนครินทร์พูดสายก่อนจะส่งมาให้ผม

      // เขม พี่ก้องนะ//
      //พี่ก้อง ฮึกๆ //
      // เฮ้ย อะไรเป่าปี่ทันทีวะเขม เออ เขมจะออกมาหรือยัง// ผมถามเขมชาติน้องชายของผม
      //กำลังจะไปหานี่ไง แม่กำลังทำอาหารโปรดของพี่ไปด้วย//
      // เขม เอาซองที่หมอดาวิกาถ่ายรูปพี่ต้นนะมาให้หมอภีมปภพเขาด้วยนะ//
      // พี่ก้อง เจอพี่หมอภีมแล้วเหรอ//
      // พี่เจอแล้ว  แค่นี้นะ อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้ละ //
      // ได้พี่ก้อง เดี๋ยวเจอกันนะ ผมรักพี่ก้องนะ//
      // เออ กลับมาค่อยคุยกัน แค่นี้นะ//
ผมกดวางสายจากเขมชาติ ก่อนจะหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ

      “พี่ไปเคลียร์เรื่องหมอดาวิกามาก่อน นั้นแหละผมถึงจะบอกว่าพี่ต้นอยู่ไหน ผมต้องมั่นใจว่าหมอดาวิกาจะไม่ตามไปทำอะไรพี่ผมครับพี่ภีม” ผมยืนคำขาด นครินทร์ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่หันไปพยักหน้ากับพี่หมอภีมปภพ  แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกเจ็บแผล สงสัยใส่อารมณ์กับพี่หมอภีมมากไปหน่อย

      “ถ้าพี่ต้นจะโต้ตอบหมอดาพี่ต้นก็ทำได้แต่พี่ชายผมนะลูกผู้ชายพอที่จะไม่ทำร้ายผู้หญิงดังนั้นพี่ควรจะบอกให้เขาหยุด “ ผมพูดผมยื่นคำขาดกับพี่หมอภีม

      “ถ้าไม่พี่ก็อย่าหวังว่าจะได้เจอพี่ต้นอีก”ผมพูดก่อนจะหันไปมองหน้าหมอภีมปภพ

      “ซี้ด!”ผมต้องซี้ดปากลากยาวเพราะว่าผมเริ่มเจ็บที่ตรงหน้าอก

      “พอก่อนเถอะนะก้อง คุณเจ็บแผลแล้วนะก้อง “ นครินทร์ บกผม จังหวะนั้นประตูห้องพักผมก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเขมชาติ และแม่ของผม หมอภีมปภพยกมือไหว้แม่รดา
ต่อด้างล่างค่ะ

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
      
      พิเศษ(พี่ก้องXนครินทร์)เคลียร์เรื่องหมอดาวิกา P2

              “พี่ก้อง” เขมตรงดิ่งเข้ามาถึงก็มาหาผมทันที และโน้มตัวมากอดผม ผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ไหล่ผม 

      “เขมไม่เอานะ พี่ยังไม่ตายสักหน่อยนายจะร้องไห้ทำไมว่ะ”ผมพูด

      “พี่ก้องอย่าพูดอย่างนี่ดิ” เขมชาติรีบห้ามปรามผมทันที

      “คุณแม่ครับสวัสดีครับ” พี่หมอภีมยกมือไหว้แม่ผม พร้อมกับนครินทร์อีกคน

      “สวัสดีค่ะคุณหมอ “ แม่ผมหันไปรับไหว้พี่หมอภีมและหันมาส่งยิ้มให้นครินทร์อย่างเอ็นดูเหมือนเคย

      “เออ คุณแม่ครับผมขอตัวก่อนนะครับ ผมมีคนไข้รอผมอยู่    ก้องเขมพี่ไปก่อนนะ รินทร์อาไปก่อนนะ  “พี่หมอภีมพูดก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง

      “เขม” ผมเรียกเขม 

      “พี่หมอครับ “ เขมเรียกพี่หมอภีมไว้และเดินออกไปนอกห้องกับพี่หมอเพื่อจะเอาซองเอกสารไปให้ ส่วนแม่ผมตรงเข้ามาเอามือลูบหัวผมเบาๆ ผมรู้ว่าแม่น้ำซึมที่เห็นผมเจ็บแบบนี้ แต่แม่ไม่ร้องไห้

      “แม่ครับ ผมขอโทษนะครับ” เสียงนครินทร์พูดขอโทษแม่ของผม ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ผมหันไปมองดันกลายเป็นคนข้างๆผมเองที่ร้องไห้ แม่ผมเอามือลูบหัวนครินทร์เบาๆ

      “หมดเคราะห์กันซะทีนะ ก้อง รินทร์ “แม่ผมพูด

      “เราก็ทำเอาแม่ใจหายเลยก้อง อย่าทำแบบนี้อีกนะ “ แม่ผมหันมาเอ็ดผมด้วยความรักและห่วงใย แม่ก้มลงหอมที่หัวผมเบาๆ ผมเองก็แอบน้ำตาซึมเหมือนกันที่ผมเองทำให้แม่ผมเป็นห่วงผมมากขนาดนี้ มึงมันจะเป็นหน้าที่ของทหารที่พึงกระทำก็ตาม นาทีนั้นต่อให้ไม่ใช่นครินทร์ ผมก็ทำในฐานะผู้ปกป้องแผ่นดิน

      “นี่ป้าวิไลเขาซื้อเงาะมาฝาก ก้องเขาชอบทานนะรินทร์ “ แม่ผมพูดก่อนจะหยิบผลไม้ขั้นมาและทำการคว้านปลอกให้ผมทาน แม่ผมคว้านเมล็ดออกให้ด้วยอย่างชำนาญ

      “ดูไว้เลยคุณ ดูแม่ผมทำให้นิ ไม่ใช่ปลอกแค่เปลือกและส่งให้กิน”ผมหันไปบอกนครินทร์ที่ยู่ปากใส่ผม แม่ผมนะคว้านหันเปลือกและเมล็ดออกให้ด้วย 

      “แม่ผมนี้เหมือนแม่หญิงการะเกศเลยนะคุณ” ผมพูดชมแม่ผม

      “แม้ที่อย่างนี้ละชมแม่เชียวนะเรานะ กลัวไม่ได้กินก็พูดมาเถอะ “แม่ผมเอง

      “แม่นี่รู้ทันอีกแหละ “ ผมพูด

      “รินทร์แล้วโทรศัพท์ผมละครับ” ผมหันไปถามรินทร์   

      “โทรศัพท์คุณนะพังไปแล้วไงก้อง โชคดีที่คุณเอาโทรศัพท์ใส่ไว้ที่กระเป๋าตรงอกคุณ กระสุนเลยเจาะโทรศัพท์และไม่ทะลุไปถึงปอดของคุณแต่หัวกระสุนก็เขาไปในเนื้ออยู่” ผู้กองนครินทร์พูด ผมก็ต้องพยักหน้า ตอนนั้นผมกำลังยืนโทรศัพท์อยู่แต่จู่ผมก็ได้ยินเสียงปืน ผมหันไปหานครินทร์ที่ยืนอยู่ และผมก็คว้าตัวเขาเข้ามากอดและนั้นผมก็โดนไปเต็มๆ

      “เขม “เขมชาติเดินเข้ามา เขากำลังโทรคุยกับใครสักคนอยู่ แต่ดูแล้วน่าจะเฟสไทม์

      “พี่ก้อง พี่ต้นนะ” เขมส่งโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็หยิบมา พี่ต้นนั้นเอง พี่ชายคนโตของผม

      “ก้อง พี่ขอโทษนะที่พี่ต้องกลับมาก่อน” ผมมองหน้าพี่ต้น ผมรู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องแน่ๆ พี่ต้นถึงได้กลับ ผมกับพี่ต้นนะอายุห่างกันแค่สามปีแต่ผมกับเข้าใจพี่ต้นโดยที่ไม่ต้องพูดกันมาก

      “ไม่เป็นไรพี่ แล้วนี้เอิร์ธละพี่ต้น”

      “พี่ให้เขาไปเรียนนะ รอให้พี่ไปรับเขากลับก่อนนะก้องพี่จะเฟสไทม์ไป ว่าแต่ตื่นมานี้ซ่าเลยหรือไงก้อง”

      “อยากจะลุกไปเลยแต่เกรงใจเมียห้ามอยู่” ผมพูดและหันไปเหล่มองนครินทร์ ที่นั่งปากขมุบขมิบ

      “อยากให้เห็นพ่อตานายจริงๆ จะกล้าพูดคำนี่ไหม ก้อง” พี่ต้นพูด  ผมหันไปมองนครินทร์

      “รู้แล้ว นี่เลยยังไม่กล้าไปขอเขาไง กลัวโดนคอมแบท” ผมพูดขำๆ

      “พี่ต้น ดูแลเอิร์ธดีดีนะ มีอะไรโทรหาก้องนะพี่ต้น ผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายพี่ชายผมกับหลานผม”ผมพูดบอกพี่ต้น พี่ต้นเงียบ ผมว่ามีเรื่องแน่ๆ ผมหันไปมองเขม เขมก็หลุบตาลงไม่กล้าสบตาผม เพราะว่าทั้งคู่รู้ว่าผมลุยแล้วลุยแหลกเลย 

      “พี่โอเคนะก้อง พักผ่อนและอย่าซ่า อีกสักอาทิตย์พี่จะลงไป ตอนนี้พี่ต้องเตรียมพร้อมรับภัยแล้งก่อน พี่รักนายนะก้อง “ พี่ต้นพูด ผมพยักหน้าแค่นั้น

      “แค่นี้ก่อนนะ พี่จะไปประชุมก่อน แล้วพี่จะโทรหานายอีกที “ พี่ต้นพูดและกดวางสายไป ผมก็หันไปมองหน้าเขมแต่ผมรู้ว่าเขมพูดไม่ได้แม่ผมนั่งอยู่ พวกผมคุยกันทุกเรื่องแต่ แต่ถ้าเรื่องที่จะทำให้แม่ไม่สบายใจผมจะไม่บอกแม่ผมกันแต่จะหันมาคุยกันแค่พี่น้อง 

      “ได้แล้ว” แม่ผมหันมาส่งจานให้ ผมหันไปมองนครินทร์ พยักเพย้อ ให้ป้อนให้ที

      “ลืม นึกว่าทานเองได้” นครินทร์พูด และหันไปหยิบจานผลไม้มาจากแม่ผม แม่ผมก็แอบขำผมสองคน

      “เดี๋ยวลงไปซื้ออะไรมากินก่อนนะ พี่รินทร์เอาอะไรไหมครับ ผมจะลงไปที่ชั้นล่างนะครับ” เขมชาติเป็นฝ่ายขอตัวลงไปแทน

      “อิจฉาเหรอ แฟนไปอยู่ไกลอะดิ ไม่มีคนป้อน” ผมแซวน้องชายผม หันมายู่ปากใส่ผมทันที นครินทร์หันมามองหน้าผม

      “เดี๋ยวแม่มานะ ขอไปโทรหาป้าวิไลก่อน “แม่ผมพูด ผมหันมาอ้าปากให้คนข้างๆป้อน

      “ดูเขมซึมๆนะ มีอะไรหรือเปล่าคุณก้อง” นครินทร์ถามผม
   
      “อ้อแฟนเขาไปเรียนต่อเมืองนอกนะ พ่อเขามารับไป และพ่อเขาให้ลูกเขาทบทวนความรู้สึกตัวเองก่อน โดยไม่ให้เขมติดต่อเป็นเวลาหกเดือนนะรินทร์” ผมพูดรินทร์ก็ทำสีหน้าตกใจ

      “บางทีก็ไม่เข้าใจนะ พ่อแม่ ควรจะเข้าใจลูกตัวเองดีที่สุดแต่ทำไมกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย  เช่นผมนะก้อง” นครินทร์พูด ผมก็เอามือลูบที่ต้นแขนนครินทร์

      “แล้วคุณไปทำอีท่าไหนให้พ่อคุณไม่ยอมให้คุณแต่งงานละรินทร์ ” ผมถามนครินทร์ เขาก็หันมามองหน้าผม ผมก็เลิกคิ้วมองแสดงว่าไม่ดีแน่ๆ

      “รินทร์บอกผมมาเถอะ”ผมพูด

      “มันตั้งแต่วันที่คุณโดนยิงแล้ว และพ่อก็ขังผมไว้ในห้องไม่ให้ออกมาจนกระทั้งครอบครัวของน้องที่เขาจะมาแต่งงานกับผมมาทานข้าว ผมยังจำชื่อน้องเขาไม่ได้เลย คิดดูก็แล้วกันว่าผมอยากแต่งไหมแต่น้องเขากลับไม่ขัดพ่อเขาสักนิด แปลกมากนะก้อง” นครินทร์พูด

      “และผมก็โวยวาย เป็นครั้งแรกที่ผมระเบิดมันออกมาก้อง ผมเองคือนิ่งมาตลอดไงคุณก็รู้แต่วันนั้นผมพูดทุกอย่างและนั้นพ่อของน้องเขาถึงได้รู้ว่าผมไม่อยากแต่งเขาเลยยอมยกเลิก แต่พ่อผมก็ยังไม่ยอมนะ ให้เลื่อนก่อน จนกว่าผมจะพร้อม” นครินทร์พูดผมก็เลิกคิ้วมองตรงลงเลื่อนหรือยกเลิก

      “จนกระทั้ง วันรุ่งขึ้น หลังจากที่คุณออกมาจากห้องผ่าตัด ผมเสียใจที่สุดที่ไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆคุณ ผมเลยแอบปืนหน้าต่างหนีออกมาและผมก็ตรงมาหาคุณที่นี้ พ่อผมก็ตามผมมาติดๆ “ นครินทร์พูดและเขาก็หยุดนิ่ง

      “รินทร์!!” เหมือนเขาไม่อยากจะเล่าให้ผมฟังต่อ

      “ ผมมีปากเสียงกับพ่อผม พี่ต้นก็อยู่ พ่อเกือบจะเข้าไปหาเรื่องพี่ต้น แต่พี่หมอภีมกันไว้และนั้นผมเลย หยิบปืนขึ้นมาผมกะว่าผมยอมตายตรงนี้ต่อหน้าพ่อผม” ผมถึงกับสะบัดหน้าไปมองนครินทร์

      “ผมลั่นไกปืนแล้วก้อง แต่กระสุนมันด้าน” นครินทร์พูด ผมส่ายหัวทันที

      “ทำไมคุณทำแบบนี้!!!” ผมถามนครินทร์

      “ก็ผมไม่มีทางเลือกก้อง “

      “อย่าทำอีก เข้าใจไหมรินทร์” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ซีเรียสมาก เขามองหน้าผมทำตาปริบๆ ผมก็ดึงเขาเข้ามากอด ผมไม่คิดว่าเขาจะลงทุนทำอะไรแบบนี้ นี้ผมแค่ได้ยินผมยังกลัวที่จะเสียเขาไปเลย  ผมกอดเขาไว้ ร่างนั้นสั่นเล็กผมว่าเขาร้องไห้ ผมเอามือลูบหัวเขาเบาๆ แม่ผมเปิดประตูเข้ามาพอดี รินทร์ก็แอบปาดน้ำตาแม่ผมก็มองผม

      “แกล้งลูกสะใภ้แม่ร้องไห้เล่นนะแม่”ผมพูด แม่ผมทำท่าจะตีผมทันที และเขมชาติก็เดินเข้ามา พร้อมกับกล่องมือถือ ผมหันไปมอง

      “เครื่องใหม่ พี่รินทร์บอกเขมว่ามือถือพี่พัง “ เขมชาติพูด ผมก็หันไปมอง ผมแอบเห็นสองคนส่งสัญญาณอะไรกันแปลกๆตั้งแต่ก่อนที่เขมจะขอลงไปซื้อของแล้ว ผมว่าคนที่ซื้อให้ผมนะนครินทร์มากกว่า ร้ายจริงๆ ระหว่างที่ผมนั่งเอนตัวอยู่ดูนครินทร์เขาตั้งค่ามือถือให้ผม นครินทร์เขาเก่งพวกไอที

      “เดี๋ยวแม่กลับเลยแล้วกันนะก้อง แม่ว่าจะแวะไปดูป้าวิไลหน่อยเห็นบ่นว่าไม่ค่อยสบายอีกแล้ว เวียนหัวเป็นประจำรายนี้” แม่รดาบอกผม

      “เขมกลับเลยนะ ผมต้องไปทำคะแนนสอบเด็กก่อนจะได้ส่งเกรดทัน “เขมชาติพูด ผมพยักหน้า

      “ทนดูคนสวีทกันไม่ได้ก็พูดมา” ผมแอบแซวน้องชายคนเล็ก นครินทร์เงยหน้าขึ้นมาได้ทำท่าจะตีผม

      “นี้คุณ แผลผมยังสดอยู่เลยนะ “ ผมรีบห้ามดีที่แค่ง่างมือไว้

      “แม่ดูลูกสะใภ้แม่ซิ จะทำร้ายลูกชายแม่”ผมรีบอ่อนแม่รดาทันที

      “ก็เรานี้ เล่นแซวน้องเราแบบนั้นมันน่าจริงๆ”แม่ผมพูด

      ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขั้น พร้อมกับมีผู้หญิงที่อายุราวๆสี่สิบกว่าๆ เปิดประตูเข้ามา เขาสวมชุดคลุมก็รู้ว่าเป็นหมอ

      “แม่” นครินทร์เรียกเขาว่าแม่ ผมก็ยกมือไหว้แทบจะไม่ทัน

      “สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของนครินทร์เขานะคะ” แม่ของนครินทร์พูดและหันมาส่งยิ้มให้แม่ผม

      “สวัสดีครับ นี้แม่รดาของผมและนั้นน้องชายผมครับชื่อเขมชาติเขาเป็นครูอยู่ครับตอนนี้” ผมพูดแนะนำครอบครัวผม

      “สวัสดีอีกครั้งนะคะ ขอโทษจริงๆที่เพิ่งจะมีโอกาสมาเยี่ยมก้องเขานะคะ “ แม่ของนครินทร์พูดก่อนจะหันมามองผม พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ๆ

      “เป็นยังไงบ้างเรา ดีขึ้นไหม แม่ต้องขอบใจนะที่เราปกป้องรินทร์ลูกชายของแม่ ไม่อย่างนั้นแม่คงเสียเขาไปแล้ว รินทร์เขาบอกแม่แบบนั้นนะ” ผมก็พยักหน้าว่าผมเต็มใจ นครินทร์เขากุมมือผมเอาไว้

      “แม่ไม่ว่าหรอกนะถ้าจะรักกันนะ “แม่ของนครินทร์พูดและหันไปส่งยิ้มให้แม่รดาของผม

      “แต่พ่อไม่ยังไม่ยอมใช่ไหมครับแม่” นครินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจ

      “รินทร์ พ่อเขาไม่ได้ใจร้ายอย่างที่รินทร์เข้าใจหรอกนะ แต่รินทร์คือลูกชายคนโตที่เขาหวังเอาไว้มาก แต่แม่ก็เชื่อว่าพ่อเขาจะเข้าใจเรามากขึ้นสักวัน “ แม่ของนครินทร์พูด

      “เห็นหมอภีม  อาของรินทร์เขานะ  พูดว่าเราอยากจะย้ายโรงพยาบาลเหรอ อย่าย้ายเลยนะ  อยู่ที่นี้ แม่กับคุณปู่คุณย่าของรินทร์รับผิดชอบเถอะนะ ยังไงเราก็แฟนรินทร์ “แม่ของนครินทร์พูด

      “ขอบคุณนะคะ มันจะรบกวนไปหรือเปล่าคะ” แม่รดาพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจเป็นอย่างมากผมเองก็เกรงใจเช่นกัน

      “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ทางเรายินดี “แม่ของนครินทร์พูด

      “นี้พ่อเราก็บ่นนะ เขาคงคิดถึงเรานะรินทร์ พ่อเรานะปากกับใจไม่ค่อยตรงกันหรอก “แม่ของนครินทร์พูด ผมหันไปแตะมือเขาเบาๆ

      “รินทร์ อย่าไปถือโทษโกรธพ่อเลยนะลูก กลับไปขอโทษพ่อเขานะ ทำในวันที่รินทร์ยังมีโอกาส “ แม่รดาพูด ผมก็พยักหน้า ผมเองก็เรียนและฝึกหนัก ส่วนพ่อผมก็ทำงานที่ต่างประเทศ ผมเองไม่ค่อยได้ไปหาพ่อผมเหมือนเขม ขนาดวันที่ผมเก็บตัวอยู่พ่อผมป่วยยังมาหาไม่ได้จนกระทั้งพ่อเสีย นั้นแหละผมนี้ไม่อยากจะกลับไปฝึกต่อเลยผมกลัวการสูญเสียโดยที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายที่สุด

      “รินทร์รอไปพร้อมก้องได้ไหมครับแม่ “

      “ได้ซิ พ่อเขาก็บอกมานะว่า ก้องหายแล้วก็เข้าไปหาเขาหน่อยนะ พ่อเขาไม่ว่าอะไรแล้วแหละแม่ว่านะ “ แม่ของนครินทร์พูดก่อนจะส่งกระเช้ามีพวกผลไม้มาให้รินทร์รับไป

      “นี่พ่อเขาสั่งให้เอามาให้นะ ขอบคุณที่ช่วยลูกชายเขาไว้ คนปากกับใจไม่ตรงกันก็แบบนี้แหละ “

      “ถ้าอย่างนั้นพักผ่อนนะลูก รินทร์ก็ดูแลก้องเขาดีดีละ”

      “แม่แล้วบ้านโน้นละครับเขาว่าไงเรื่องที่เรายกเลิกการแต่งงาน” แม่ของรินทร์หันมามองหน้าผมสองคน

      “อาเราไม่ได้บอกอะไรเลยเหรอรินทร์ ว่าลูกสาวเขาก็ไม่อยากแต่ง ลูกสาวเขามีแฟนแล้ว แต่เป็นทอม” 
      “อู้ย!!” ผมร้องออกมาเบาๆ นครินทร์หันขวับมามองหน้าผม

      “เกือบโดยเลสเบี้ยนงาบแล้วไหมละคุณ” ผมกระซิบแต่โชคดีที่ผมเจ็บอยู่รินทร์เลยไม่กล้าตีผม

      “ถ้าอย่างนั้นแม่กลับก่อนนะลูก เอาไว้ว่างๆจะแวะมาเยี่ยมใหม่แล้วกัน ไม่รู้ว่าพ่อเราเขาจะมาได้ไหม จะลองชวนดูนะ “ แม่ของนครินทร์พูดก่อนจะหันไปยกมือไหว้แม่ของผม ถึงยังไงแม่ผมก็อายุเยอะกว่า ผมก็หันไปมองผู้กองนครินทร์ที่นั่งกุมมือผมเอาไว้

        แม่รดากับเขมชาติกำลังลุกขึ้น แม่คงกลับไปพักผ่อนเพราะว่าไหนไหนผมก็มีนครินทร์ดูแลอยู่แล้ว และในเตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับนครินทร์ ผมมองหน้าเขา ในบรรดาแฟนที่ผมคบมา แม้กระทั้งโบว์ผู้หญิงที่ผมคิดว่าจะลงเอยและแต่งงาน ด้วยหน้าที่การงานของโบว์ เพราะว่าเขาได้งานธนาคาร ส่วนผมก็เป็นติดยศผู้กองอาชีพก็มั่นคงแต่มีความเสี่ยงสูงเพราะว่าผมเล่นไปประจำการที่ห่างไกล แต่ว่าตอนนี้คนที่ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยคือนครินทร์คนเดียว

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
รอลุ้นเรื่องรินต่อไป คิดถึงคริสเหมือนกันนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด