☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 37441 ครั้ง)

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารหาญ

กี่ภพชาติ ถึงจะพ้นคำสาป

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
อนันต์กับมั่นคงต้องผิดหวังไปก่อน เพราะคำสาปยังจะคงอยู่

หวังว่าณิชจะช่วยทำลายคำสาปได้นะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๓ (ครึ่งแรก)



“แน่ใจนะชายปราณที่จะไม่ไปกับแม่ด้วยน่ะ”

คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยถามขึ้นในช่วงเช้าตรู่ วันนี้เธอกับลูกอีกสองคนจะเดินทางขึ้นกรุงเทพฯ โดยมีชายปุณเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ เนื่องจากร้านเสื้อของหญิงรตีเสร็จแล้ว และจะเปิดไม่กี่วันข้างหน้าจึงต้องเอารถของสาวเจ้าขับขึ้นไปให้เพื่อจะได้มีรถยนต์ใช้ได้สะดวกๆ

“แน่ใจครับ ผมติดสอนเลื่อนไม่ได้ไว้ถ้าผมสอนเสร็จจะรีบตามขึ้นไปอย่างแน่นอนครับ”

คุณชายปราณยืนยันพร้อมยิ้มหวาน มารดาที่ใจห่วงลูกชายเพราะใจมันคอยพะวงว่าลูกรักอยู่วังคนเดียวจึงห่วงไปหมด ต่อให้มีคนรับใช้อยู่เต็มวังก็ตามแต่ก็ไม่วางใจเท่าลูกอยู่ในสายตาอยู่ดี

“ยังไงก็ให้หมออนันต์เขามาอยู่เป็นเพื่อนนะลูก อยู่วังคนเดียวแม่เป็นห่วง”

“คุณหญิงแม่ไม่ต้องห่วงไปหรอกค่ะ รายนั้นเขามาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นยังไงก็ต้องมา พี่ชายกลางได้คนดูแลดีขนาดนี้คุณหญิงแม่วางใจได้เลย” หญิงรตีจีบปากจีบคอพูดจึงโดนพี่ชายตีไหล่ให้เบาๆ

“เดี๋ยวเถอะ ชอบแซวพี่ ตัวเองหนีไปอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวระวังจะคิดถึงบ้านร้องไห้ขี้มูกโป่ง” ชายปราณเอ่ยแซวกลับบ้างทำเอาหญิงรตีถึงกับยู่ปาก

“นั่นสิคะ หญิงก็กลัวตัวเองเหงาเหมือนกัน”

“มาๆ น้องพี่อย่าได้กลัวไป เดี๋ยวถ้าพี่ว่างจะพาคุณหญิงแม่ไปเยี่ยมบ่อยๆ ไม่ต้องเศร้าไปหรอก” ชายปุณกอดน้องสาวคนเล็กแล้วลูบหัวปลอบเมื่อบรรยากาศพาโศกเศร้าเกินไปแล้ว

พี่น้องทั้งสามกอดลากันก่อนจะหันมากอดล้อมมารดาเอาไว้ ไปครั้งนี้คุณหญิงช่อทิพย์กะว่าจะไปอยู่จนกว่าลูกสาวจะเปิดร้านเลย ส่วนชายปุณจะอยู่เพียงแค่สองสามวันและกลับมาก่อน แล้วค่อยขึ้นไปอีกทีพร้อมชายปราณตอนใกล้วันเปิดร้านอีกที

รถยนต์ยุโรปมีสัมภาระเสื้อผ้าของคนทั้งสามจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือหญิงรตีบอกว่าค่อยฝากให้ชายปราณเอาไปให้ตอนจะไป เมื่อตรวจของเสร็จสรรพว่าครบทุกอย่างแล้วคนทั้งสามก็ขึ้นรถโดยมีคุณหญิงช่อทิพย์นั่งข้างหลัง

การเดินทางที่กินเวลาหลายชั่วโมงแต่พวกเขาไม่หวั่น เพราะคิดจะจอดแวะตามรายทางอยู่แล้วด้วย ถือโอกาสเที่ยวไปด้วยในตัวเพราะไหนๆ ชายปุณว่างทั้งทีก็ต้องเอาให้คุ้ม นี่ถึงขนาดลางานไว้ล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำ

หลังจากส่งคนทั้งสามออกจากรั้ววังปริพัตรแล้ว ชายปราณก็เดินขึ้นห้องมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปสอน วันนี้เขามีสอนลูกศิษย์ที่อยู่เรียนกันมาได้ราวเกือบปี พัฒนาการทางฝีมือการเล่นเปียโนถึงขั้นประกวดได้แล้ว เขาพยายามผลักดันให้นักเรียนของตัวเองเข้าประกวดอยู่เหมือนกันจึงได้ลงชื่อสมัครไปให้ลูกศิษย์เรียบร้อย ตอนนี้เลยเป็นช่วงซ้อมหนักที่เขาอยากจะทุ่มเทให้กับลูกศิษย์ให้เต็มที่

“อ้าว! คุณอนันต์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

เมื่อเห็นแขกประจำของวังยืนคุยอยู่กับสาวใช้ที่โถงทางเดิน ชายปราณในชุดพร้อมออกไปสอนเอ่ยถาม ในมือของอีกฝ่ายมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมถืออยู่ด้วย

“เพิ่งมาเลยครับ คุณชายกำลังจะออกไปสอนใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่งนะ”

อนันต์เดินเข้ามาใกล้ หันมองซ้ายแลขวาไม่เห็นแม่บ้านอยู่ตรงนี้จึงขโมยหอมแก้มนิ่มอย่างรวดเร็ว จึงโดนคนตัวเล็กตีเข้าให้พร้อมตาสวยที่เบิกโตด้วยความตกใจ

“แล้วนี่คุณหญิงช่อทิพย์ออกเดินทางแล้วเหรอครับ”

เขารู้จากคุณชายปุณเรื่องการเดินทางไปส่งน้องสาวที่กรุงเทพฯ แล้ว เพราะฝ่ายนั้นฝากฝังให้ดูแลน้องชายตอนที่ตนเองไม่อยู่วังด้วย

“ไปตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นดีเลยครับ แล้วนี่คุณอนันต์มาหาผมแต่เช้ามีอะไรรึเปล่า คงไม่ได้จะมารับผมอย่างเดียวหรอกใช่ไหมครับ” ชายปราณเอ่ยถามคนรักอย่างรู้ทัน

“ก็แวะเอาเสื้อผ้ามาเก็บครับ เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนใครบางคนที่ตอนนี้ต้องอยู่วังคนเดียว” อนันต์แซวกลับทำเอาชายปราณถึงกับยิ้มขำ

นี่อาจเป็นครั้งแรกที่คุณชายปราณต้องอยู่วังปริพัตรเพียงคนเดียว แต่เขากลับไม่เหงาเลยเพราะมีอนันต์อยู่ด้วย ตื่นเช้าไปทำงานตอนเย็นก็มีคุณหมอไปรับที่สอนเปียโน เรียกได้ว่าสบายเสียยิ่งกว่าตอนอยู่กับครอบครัวเสียอีก

“ผมอยากกินเป็ดย่าง เราแวะทานเป็ดย่างแล้วค่อยกลับวังกันดีไหมครับ”

ชายปราณเอ่ยถามขึ้นขณะนั่งอยู่ในรถในเย็นวันหนึ่ง อนันต์ที่ทำหน้าที่เป็นสารถีเช่นเดิมหันมายิ้มให้กับคนที่ช่างสรรหาเมนูที่อยากกิน เขาตอบตกลงก่อนจะคว้ามือนิ่มมาหอม ในลำคอก็ฮัมเพลงเบาๆ ตามวิทยุที่กำลังเปิดเพลงไปด้วย

ตอนนี้ไอ้หาญมีความสุขจนแทบล้นอก ในทุกๆ วันที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอคุณปราณนอนอยู่ข้างๆ มันคือเรื่องที่ไอ้หาญฝันไว้มาตลอด แม้โชคชะตาจะขัดขวางในชาติก่อน แต่ชาตินี้กลับได้ทุกอย่างสมการรอคอย

พวกเขาแวะทานมื้อเย็นกันที่ภัตตาคารร้านในเมือง เป็ดย่างจานใหญ่ถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมอาหารเมนูอื่นๆ ที่สั่งพ่วงไปด้วย อนันต์แอบเซอร์ไพรส์ชายปราณด้วยดอกกุหลาบที่แอบไปซื้อมาตอนขอตัวไปเข้าห้องน้ำ คุณชายอมยิ้มเขินจนหูแดงเถือก เขินจนไม่รู้จะเอาสายตามองไปที่ไหนดีเพราะคนที่นั่งตรงข้ามกันมองตนเสียหวานหยด

“ผมรักคุณ รักมาตลอด และไม่เคยคิดจะเลิกรักเลย”

คำสารภาพจากใจของไอ้บ่าวซื่อสั่นหัวใจดวงน้อยของคนฟัง มือเรียวรับดอกไม้หอมมาดม กลีบปากอิ่มคลี่ยิ้มบางก่อนจะจูบลงบนกลีบดอกสีแดงสวย ไอ้มั่นที่แอบยืนมองคนทั้งคู่เพราะอยากให้เวลาสวีตหวานยืนปาดน้ำตา มันดีใจเหลือเกินที่เพื่อนรักมีความสุขแบบนี้

“ผมขอโทษที่เคยทิ้งคุณไป ผมเห็นแก่ตัวจริงๆ ขอโทษนะครับ”

“มันคือเรื่องอดีต ลืมมันไปเถอะครับ”

อนันต์จับมือเรียวขึ้นมาประทับจูบเบาๆ เขาไม่อยากให้คุณชายปราณต้องมาคิดมาก เพราะทุกครั้งที่พูดถึงอีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะจำเรื่องราวได้ทั้งหมด

คนทั้งสองอยู่ทานอาหารมื้อพิเศษที่ภัตตาคารอาหารจีนจนเสร็จก็เดินทางกลับวังปริพัตร แม่บ้านออกมาต้อนรับส่วนคนขับรถก็ขับรถอนันต์ไปจอดที่โรงจอดเหมือนอย่างเคย เพราะสองวันที่ผ่านมาอนันต์อยู่ที่นี่ตลอดราวกับเป็นเจ้าของวังอีกคนไปแล้ว

อนันต์ปล่อยให้คุณชายปราณไปอาบน้ำแต่งตัวชำระคราบเหงื่อไคลต่างๆ ให้เรียบร้อย ส่วนตัวเองนั้นออกมานั่งรับลมอยู่ที่ระเบียงกับไอ้มั่น ไอ้เกลอรักที่ตามติดไปด้วยทุกที่เพียงแต่จะปรากฏกายขึ้นเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เจ้าตัวต้องการเท่านั้น

“กูเห็นมึงมีความสุขเช่นนี้แล้วก็หายห่วง แล้วนี่มึงรู้สึกมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่วะ”

“เหมือนเดิมว่ะ กูไม่ได้รู้สึกว่าตัวกูจะแตกต่างจากตอนที่เป็นไอ้หาญก่อนหน้านี้”

อนันต์ตอบด้วยเสียงเรียบๆ แต่ในน้ำเสียงเจือเสียงหัวเราะเนื่องจากตนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เขารู้สึกแค่ว่าตัวเองมีความสุขมากแค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนคำสาปมันจะหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ก็ปล่อยให้เวลามันดำเนินไป

“มึงคิดไหมว่าถ้ามึงกับคุณปราณอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ไม่มีลูกหลานสืบสกุลจะเป็นเช่นไร”

“ก็ไม่เป็นอะไร กูขอแค่กูมีคุณปราณแค่นี้ก็พอแล้ว ไอ้มั่น...หากชีวิตนี้กูไม่ได้คู่กับคุณปราณ มึงคงแยกกูกับซากศพไม่ออกแน่ๆ สภาพกูตอนนั้นคงเหมือนผีที่ยังมีกายหยาบเพียงแต่ไร้วิญญาณแล้ว พูดเลยนะ...กูไม่อยากอยู่รอเขาอีกต่อไปแม้แต่เสี้ยวนาทีเดียวเลย”

“หึ! ก็ไม่ต้องรอแล้วนี่อย่างไรเล่า กูกับมึงกำลังจะหลุดพ้นแล้ว ว่าแต่...ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่ากูจะได้ไปเกิดใหม่แล้วสิวะ อ่ะ! กูจะขอกับยมบาลว่าให้เกิดเป็นลูกเจ้าคนนายคนสักครั้งล่ะโว้ย คราวนี้แหละไอ้มั่นจะได้ร่ำรวย มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ ไม่ต้องเดินเท้าเปล่าให้ตีนแตก”

เสียงหัวเราะของสองเพื่อนรักประสานกัน หนึ่งมนุษย์ที่ไม่รู้วันจุดจบของตัวเองกับอีกหนึ่งวิญญาณที่ตามติดกันมาเพราะคำสาบานที่ให้ไว้

“ขำอะไรกันครับ เสียงดังไปถึงข้างในเลย”

ชายปราณเดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กในมือที่กำลังซับผมของตนอยู่ เพราะไปทานอาหารข้างนอกมากลิ่นอาหารจึงติดผมจนทนไม่ไหว ต้องสระผมตอนกลางคืนและเช็ดให้แห้งก่อนนอน

“บ่าวคิดว่าถ้าได้ไปเกิดจะไปขอกับยมบาลว่าให้ส่งไปเกิดเป็นลูกคนรวยขอรับ คุณปราณเห็นด้วยไหมขอรับ”

“ผมว่าคงได้นะเพราะมั่นทำความดีช่วยผมกับคุณอนันต์ไว้เยอะเลย ผมจะสวดมนต์อธิษฐานให้มั่นทุกคืนดีไหม ชาติหน้ามั่นจะได้เกิดมามีฐานะสมใจไง” ชายปราณบอกพลางยิ้มกว้าง ก่อนหน้าหวานจะเปลี่ยนเป็นคิ้วขมวดสงสัย

“แต่มั่นจะรีบไปไหนเราเพิ่งได้เจอกันเอง ผมคิดว่าเราจะต้องไปพร้อมกันเสียอีก”

สองเกลอลอบมองหน้ากันก่อนจะไอ้มั่นจะทรุดกายลงนั่งหมอบบนพื้น ปล่อยให้คุณปราณนั่งบนเก้าอี้แทนที่ที่มันเคยนั่ง สองมือของไอ้ทาสซื่อสัตย์แตะที่ปลายเท้าของเจ้านายไว้ ไอ้มั่นเงยหน้าขึ้นมายิ้มทั้งน้ำตา เพราะถ้อยคำถามที่คุณปราณเอ่ยเมื่อครู่ยิ่งตอกย้ำว่ามันคิดไม่ผิดที่ได้ตามรับใช้คนผู้นี้

“ชีวิตของคุณปราณกับไอ้หาญคงต้องเป็นไปดั่งเช่นมนุษย์ทั่วไป แต่บ่าวหาใช่มนุษย์ไม่ หากถึงเวลาบ่าวก็คงต้องไปขอรับ”

ชายปราณมองคนที่หมอบอยู่แทบเท้าด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เขาจับต้องตัวของมั่นไม่ได้อย่างต้องการเพราะอีกฝ่ายเป็นเพียงวิญญาณ แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความจริงใจและความซื่อสัตย์ที่อีกฝ่ายมีให้เสมอมา

“เรื่องนั้นไว้เป็นเรื่องของอนาคตเถอะ ตอนนี้เราต้องตักตวงความสุขที่หายไปกลับมา ลุกขึ้นๆ มันหมดยุคหมอบกราบกันแล้ว ขึ้นมานั่งด้วยกันบนเก้าอี้นี่แหละ” คุณชายปราณบอกก่อนจะตบบนเก้าอี้เบาๆ เขาไม่อยากพูดเรื่องอะไรพวกนี้ให้เสียบรรยากาศ ไหนๆ ก็เพิ่งจะได้มีความสุขร่วมกันก็ขอตักตวงสักหน่อยเถอะ

“เอ้อ! จริงสิ คุณอนันต์จำบ้านเรือนไทยของผมได้ใช่ไหมครับ คุณวาดให้หน่อยได้ไหม ผมอยากได้มาแขวนไว้ที่นี่ เอาใหญ่ๆ เลยนะครับ”

“คุณชายลองวาดเองไหมครับ ไหนๆ ผมก็สอนให้แล้ว”

“ถ้าผมวาดเองเกรงว่าจะโดนคุณหญิงแม่สั่งให้แม่สายเอารูปไปเผาน่ะสิครับ คุณอนันต์วาดให้น่ะดีแล้ว” ชายปราณหันไปใช้สายตาออดอ้อนคนที่นั่งข้างกัน ไอ้มั่นที่เห็นดังนั้นจะรีบหายตัวออกไปจากห้อง เพราะไอ้เกลอจะได้มีเวลากับยอดดวงใจของมันเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา

::::::::::::

วันรุ่งขึ้นอนันต์ต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า ส่วนชายปราณมีสอนช่วงสายๆ วันนี้จึงไม่มีสารถีขับรถไปรับไปส่งเหมือนเช่นเคย เจ้าแดงรถคันโปรดถูกนำมาใช้ เขาขับไปบ้านของลูกศิษย์ใช้เวลาสอนราวสองชั่วโมงก็ขับรถไปบ้านเพื่อนที่อยู่แถวในเมืองต่อ มีร้านขนมเปิดใหม่จึงแวะนั่งชิมของหวานสักพัก แต่ไปๆ มาๆ ดันติดลมจนเวลาล่วงเลยเข้าบ่ายคล้อย

“คุณชายปราณคะ มีโทรศัพท์ถึงคุณชายค่ะ เป็นข่าวของคุณท่านทั้งสาม"

แม่สายหัวหน้าแม่บ้านพูดเสียงสั่น เธอรอเจ้านายของตนเองอยู่แล้วรีบกุลีกุจอออกมาบอกเมื่อเจ้าแดงจอดลง ชายปราณลงจากรถด้วยสีหน้าฉงนสงสัยเพราะสีหน้าแม่สายดูไม่ดีนัก

“มีอะไรเหรอ พี่ชายใหญ่จะกลับวันพรุ่งนี้นี่ หรือจะโทรมาเลื่อนวันกลับ”

“ไม่ใช่ค่ะ แต่...” เสียงแม่สายหยุดไปก่อนน้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วเอ่อคลอและไหลลงอาบแก้ม

“เกิดอะไรขึ้นแม่สาย มีอะไร” ชายปราณเร่งคำตอบเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายค่อยๆ หลุดเสียงสะอื้น ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นแม่สายร้องไห้แบบนี้เลย ครั้งนี้มันคงเรื่องร้ายแรงจริงๆ จนทำเขาใจคอไม่ดีไปด้วย

“ฮึก...ทางโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ โทรมาบอกว่า...อึก...ฮืออ...คุณ...คุณท่านทั้งสามเสียชีวิต...เพราะ...เพราะอุบัติเหตุค่ะคุณชาย”

ราวฟ้าผ่าลงที่ตัวจนชาไปทั้งร่าง คำว่าโลกถล่มลงตรงหน้าเขาเข้าใจในวันนี้นี่เอง





--##--##--##--##--##--##--





ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูห้องนอนในเวลาใกล้เที่ยงคืน ชายหนุ่มที่กำลังจะล้มตัวลงนอนหันไปมองที่ประตูก่อนจะเดินไปเปิด และเห็นหนุ่มเมืองกรุงยืนกอดหมอนหนุนอยู่หน้าห้องในชุดนอน

“มีอะไรเหรอครับ”

“เอ่อ...ขอผมนอนด้วยได้ไหม”

ณิชเอ่ยถามออกไปน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก เพราะตั้งแต่เจอคุณยายคนนั้นเขาก็ใจไม่สู้ดีเลย อยากอยู่ใกล้จีรัชญ์ตลอดเวลา ใจหนึ่งนั้นกลัวคำทำนายของคุณยายจะเป็นจริง อีกใจก็อยากทำให้จีรัชญ์วางในใจตัวเขาเสียที

จีรัชญ์ต้องเป็นคู่แท้ของเขา ต่อให้ไม่ใช่จริงๆ เขาก็จะทำให้เป็นให้ได้ ในเมื่อปักใจรักและรู้สึกดีด้วยมาขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้

ชายหนุ่มเจ้าของห้องมองคนตัวเล็กกว่าด้วยสายตาประเมินราวอาจารย์มองลูกศิษย์ สายตาจับผิดหรี่มองว่าณิชจะมาไม้ไหน ตอนแรกที่เห็นเงียบๆ นิ่งๆ ไปหลังจากกลับจากซื้อของก็คิดว่าอีกฝ่ายคงเครียดเรื่องงาน แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าณิชคิดอะไรอยู่ หรือเจ้าโชคชะตาจะอยากเล่นตลกอะไรกับเขาอีก

“ห้องผมมันร้อนน่ะ ผมนอนไม่หลับเลย” ณิชรีบพูดต่อเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์ยังไม่ตอบตกลงง่ายๆ อีกทั้งไม่ยอมเปิดทางให้เขาเข้าไปในห้องด้วย

“พัดลมเสียเหรอ ให้ผมไปดูให้ไหม”

“ไม่ๆ คือ...ผมแค่...ผม...”

รู้สึกปากหนักขึ้นมาดื้อๆ ยิ่งสายตาของจีรัชญ์ที่มองมามันยิ่งทำให้เขารู้สึกตัวเองเล็กลงจนเหมือนเด็ก เด็กที่กำลังขอร้องผู้ใหญ่ให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการ

“เข้ามาสิครับ”

จีรัชญ์ยอมให้ณิชเข้ามาในที่สุด เขาสงสารในสายตาเว้าวอนคู่นั้นที่มองมา ไม่รู้ไปหัดเรียนการช้อนสายตามองมาจากไหน จึงทำให้ใจที่แข็งดั่งหินผาอ่อนยวบไปหมดได้

ณิชเดินเข้าห้องกอดหมอนที่เอามาด้วยไว้แนบอก เขาตรงไปยังเตียงนอนสี่เสาแล้วกระโดดขึ้นเตียงเลือกฝั่งนอนทันที จีรัชญ์ลอบถอนหายใจกับท่าทางคล้ายเด็กน้อยนั้น ก่อนจะปิดไฟอีกครั้งแล้วขึ้นไปนอนข้างกัน

เมื่อทุกอย่างมืดและสงบลงจนรู้สึกว่าจีรัชญ์หลับไปแล้ว ณิชก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาคนที่นอนข้างกัน จากที่นอนชิดเกือบติดริมเตียงเขาขยับเข้าไปใกล้จนรู้สึกถึงไออุ่นจากร่างใหญ่ เขาซุกหน้าเข้าไปใกล้กับแขนอีกฝ่าย พาดแขนกอดร่างคนที่หลับไปแล้วไว้จากนั้นก็ทิ้งความฟุ้งซ่านที่มีในหัว เข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกับหัวใจที่เริ่มสงบลง

“คุณมันดื้อ”

เสียงทุ้มของคนที่ทำทีว่าหลับไปแล้วดังขึ้นเบาๆ เขาหันมองคนที่นอนกอดตนอยู่ จีรัชญ์ไม่ได้ยกแขนณิชออกแต่อย่างใด อากาศห้องของณิชอาจจะร้อนจนเจ้าตัวนอนไม่ได้ แต่ห้องเขากลับหนาวจนต้องกอดก่ายกันจนฟ้าสาง







โปรดติดตามส่วนต่อไป

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
วิธีอ่อยแบบเนียนๆแต่ไม่เนียน 5555  :กอด1:  :-[

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึง คนึงหา

รอตอนต่อไป ด้วยใจจดจ่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
รอๆ

หน้าหนาวแล้วรักษาาสุขภาพด้วยนะคะ :3123:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๓ (ครึ่งหลัง)





ณิชตื่นขึ้นมาก็ไม่พบว่าเจ้าของห้องนอนอยู่ข้างกันแล้ว ที่นอนไร้ความอุ่นแสดงว่าอีกฝ่ายคงลุกจากเตียงไปสักพักใหญ่ เขาบิดขี้เกียจก่อนจะเปิดม่านแล้วผูกกับเสาเตียงให้เรียบร้อย เมื่อคืนเขารู้สึกหลับสบายราวกับก่อนนอนไม่มีเรื่องอะไรคิดให้ปวดหัว อีกทั้งรู้สึกได้ว่าจีรัชญ์กอดเขาด้วยแต่นั่นก็คงรู้สึกไปเอง

เขาเดินกลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัว พอลงมาข้างล่างได้ยินเสียงเจ้าของวังคนปัจจุบันกำลังสั่งงานนายพลีอยู่คาดว่าคงจะเข้าสวนกัน เขาไม่รู้ว่าจีรัชญ์ซื้อพื้นที่ไปกี่สิบไร่และปลูกอะไรไว้บ้าง แต่ผลไม้ที่อีกฝ่ายเก็บไปขายสร้างเงินให้ได้ทั้งปี ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมมหา’ ลัย อาจารย์จีรัชญ์เลยอยู่วังยาวๆ ซึ่งสำหรับณิชแล้วถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะเขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับจีรัชญ์ให้มากขึ้น

‘คุณปราณไม่ไปรับประทานมื้อเช้าหรือขอรับ’

เสียงทักของไอ้มั่นทำณิชสะดุ้งจากความคิด เขาหันไปเห็นทาสผู้ซื่อสัตย์ถือชาเย็นถุงเล็กจิ๋ว ขนาดความสูงของถุงไม่เกินปลายนิ้วมือ จำได้ว่าป้าแจ่มทำแช่ใส่ช่องฟรีซไว้หลายสิบถุงเพื่อเอาออกมากินเล่นได้

‘ทำไมกินน้ำแข็งแต่เช้า’

‘เจ้ามิ่งอยากกินขอรับเลยให้บ่าวกินเป็นเพื่อน’

พอได้ฟังก็อดขำไม่ได้ ตอนนี้มั่นกับมิ้งสนิทกันราวฝาแฝดที่คลานตามกันมา ตอนแรกๆ มิ้งกลัวมั่นก็จริงแต่ตอนนี้พูดคุยแทบจะเล่นหัวกันได้แล้ว

“พี่ณิช! มายืนทำอะไรตรงนี้ไม่ไปกินข้าวล่ะ คนอื่นเขากินกันเสร็จแล้วนะ”

“พี่ลงมาช้าไปเหรอ”

“แน่นอน ดูนาฬิกาก่อนตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วนั่นคุณตรีเขาจะไปเก็บทุเรียนเหรอ หนูอยากกินทุเรียนอ่ะ” มิ้งที่สนใจแต่ของกินวิ่งปรี่เข้าไปหาจีรัชญ์เพื่อทำการขอซื้อทุเรียนสักลูกสองลูกถ้าหากอีกฝ่ายเก็บมาแล้ว ณิชปล่อยให้คนทั้งคู่คุยกันไปส่วนเขาเรียกให้มั่นตามเข้าข้างในก่อนจะเดินทะลุคฤหาสน์ไปทางสระบัว

“มั่น... เล่าเรื่องชาติก่อนให้ผมฟังอีกสิ ผมอยากรู้อีก” เมื่ออยู่กันสองคนและไม่มีใครตามมาดูเขาจึงพูดออกไป

“บ่าวบอกหมดไม่ได้หรอกขอรับ ทุกอย่างคุณปราณต้องรับรู้เอง”

“แต่ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชาติก่อนจริงๆ นะ ไม่มีความฝันบอกเหมือนเรื่องราวในชาติแรกเลย นี่ถ้าผมทำงานเป็นนักสืบผมคงสืบ...” ณิชเงียบไปราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปมองมั่นที่ยืนมองตนอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหวานดูเครียดขรึมก่อนเจ้าตัวจะสาวเท้าไวๆ ออกจากศาลาไป

“คุณปราณจะไปไหนขอรับ”

ไอ้มั่นร้องถามคนที่วิ่งขึ้นชั้นบนตรงไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อหยิบกุญแจรถ จากนั้นณิชก็สาวเท้าเร็วๆ ลงมาข้างล่าง ตอนนี้เขายังไม่มีแผนอะไรที่ดีกว่านี้หรือวิธีไหนที่จะทำให้เขารู้ความจริงเร็วที่สุด ขนาดไปสืบหาจากสุทินเขาก็ไม่ได้รู้อะไรมาเลย

“ในเมื่อคุณไม่พูดผมก็จะไปหาความจริงเอง”

ชาตินี้หากต้องรับบทเป็นนักสืบสืบเรื่องราวความเป็นมาของวังนี้เองเขาก็ต้องทำ จะให้มานั่งรอเวลาให้โชคชะตานำพาไปอย่างที่จีรัชญ์พูดเสมอๆ คงไม่ได้

“จะไปที่ใดขอรับ ไอ้หาญไม่ทิ้งหลักฐานใดไว้หรอกขอรับ ไม่งั้นมันคงไม่อยู่ได้มาเป็นร้อยปีเช่นนี้”

“ไม่มีใครไร้ตัวตนเสมอไปถ้าไม่ใช่ผี และผมขอสั่งในฐานะที่เคยเป็นเจ้านายของคุณ ห้ามคุณบอกเรื่องที่ผมจะออกไปสืบเรื่องราวต่างๆ กับคุณจีรัชญ์เด็ดขาด ไม่งั้นผมโกรธคุณจริงๆ ด้วย”

น้ำเสียงจริงจังของเจ้านายทำไอ้มั่นกลืนน้ำลายลงคอ ดูท่างานนี้คุณปราณจะเอาจริง ชาตินี้ไอ้หาญคงไม่ได้แค่อยู่รอวันจากกันกับคุณปราณเฉยๆ ได้อย่างใจคิดแน่

“งั้นบ่าวขอไปด้วยขอรับ” ไอ้มั่นหายวับไปโผล่อีกทีก็อยู่ในรถยนต์ของณิชแล้ว หนุ่มเมืองกรุงถอนหายใจส่ายหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

“คุณจะไปไหน” จีรัชญ์เดินมาถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะออกจากวังไม่บอกไม่กล่าว ไอ้มั่นนั่งยิ้มหน้าตาพิลึกส่งให้ดูน่าสงสัยจนอดถามไม่ได้

“จะไปก่อเรื่องอะไรอีก”

“ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ แค่จะออกไปเปิดหูเปิดตาเท่านั้นแหละ”

จีรัชญ์หรี่ตามองคนพูดก่อนจะมองเลยไปยังเพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ข้างคนขับราวกับคนมีชีวิต หากแท้จริงเป็นเพียงแค่วิญญาณล่องลอยตามเจ้านาย

“พี่ณิชจะไปไหน! หนูไปด้วยยยย” มิ้งไม่ปล่อยให้รุ่นพี่หนุ่มทิ้งเธอไว้ที่วังคนเดียว รีบวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าและกระโดดขึ้นรถอย่างไว

“อย่ากลับหลังพระอาทิตย์ตกดินล่ะ”

จีรัชญ์ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะปล่อยอีกฝ่ายไป ในเมื่อมีไอ้มั่นอยู่ด้วยเขาก็เบาใจว่าหากณิชเกิดเหตุอะไรขึ้น ไอ้เพื่อนเกลอคงรีบแจ้นมาบอกอย่างแน่นอน

“พี่จะไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน ทะเลเหรอ หนูอยากไปทะเล”

ไหนๆ ก็วันหยุดทั้งทีถ้าได้ไปเที่ยวนอกจากในเมืองก็คงดี แต่ณิชกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“พี่จะไปหาความจริงที่คนแถวนี้เขาไม่ยอมบอกพี่สักที” ณิชเหลือบสายตาไปทางไอ้มั่น มิ้งจึงชะโงกหน้าจากเบาะหลังมาดูหน้าไอ้มั่นใกล้ๆ

“เออ! ทำไมพี่ไม่ยอมพูดออกมาให้มันจบๆ ไปเลยว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง พี่ไม่อึดอัดเหรอพี่มั่น”

“อึดอัดสิวะ แต่หากข้าทำเช่นนั้นเจ้าไม่คิดหรือว่าทุกอย่างมันอาจจะผิดเพี้ยนไปอีก โชคชะตาของคนเราไม่ใช่ตัวเราเป็นคนกำหนด ข้าแค่บอกว่าจะอยู่ช่วยคุณปราณกับไอ้หาญ แต่ใช่ว่าข้าจะทำทุกอย่างได้อย่างต้องการนะ”

“เห้อ! ท่านออกญาฯ นี่ก็บ้าจริงๆ ทำคนอื่นเขาปั่นป่วนไปหมดเพราะทิฐิตัวเองคนเดียว ป่านนี้ไม่รู้ไปเกิดเป็นอะไรแล้วหรือจะกลายเป็นผีเปรตรอส่วนบุญ”

“เจ้ามิ่ง! จะพูดกระไรก็ควรระวังปากไว้เสียบ้าง ใช่ว่าสักแต่จะพูด” ไอ้มั่นหันมาดุหญิงสาวปากไวที่รู้สึกร่วมไปกับวิบากกรรมของคนทั้งสามด้วย จนเจ้าตัวเผลอพูดอะไรที่ไม่งามออกไป เพราะอยากน้อยๆ ท่านออกญาฯ ก็เคยเป็นบิดาของคุณปราณ

“ขอโทษค่ะ ก็มันอดไม่ได้นี่” มิ้งกล่าวขอโทษเสียงอ่อนพร้อมยกมือไหว้

“พอเถอะทั้งสองคน เอาเป็นว่าในเมื่อมั่นเล่าเรื่องอดีตทั้งหมดไม่ได้ งั้นตอบเรื่องปัจจุบันได้ใช่ไหม งั้นบอกมาว่าจีรัชญ์ปลูกผลไม้ขายแบบนี้นานรึยัง”

ณิชปรามทั้งสองก่อนจะเริ่มเข้าคำถาม เขาไม่ได้ถือโทษโกรธมิ้งที่พูดถึงอดีตบิดาของเขาที่สร้างเรื่องราวพวกนี้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือเรื่องราวของชาติที่แล้วมากกว่า

“นานแล้วขอรับ ก็ตั้งแต่มันเข้ามาอยู่ในวังมันก็ค่อยๆ ปลูก ค่อยๆ ดูแลไปเรื่อยๆ ขอรับ ก่อนหน้านี้มีคนสวนอีกคนคอยช่วยชื่อลุงสมาน แต่แกเสียไปนานหลายปีแล้วขอรับเลยได้ไอ้พลีมาช่วย” ไอ้มั่นตอบทั้งหมดแม้จะไม่เข้าใจนักว่าเจ้านายมันจะอยากรู้เรื่องพวกนี้ไปทำไม

“แล้วปกติใครเป็นคนเอาผลไม้ไปขาย”

“ป้าแจ่มไม่ก็ไอ้พลีขอรับ บางครั้งไอ้หาญก็ไปเองขอรับ”

“แล้วร้านที่รับซื้อนี่ร้านไหนเหรอ”

“ไอ้หาญเรียกว่าเฮียจูขอรับ เขาใจดีไม่กดราคา ขอแค่ผลไม้สุกดีไม่เสียหายก็พอขอรับ”

ณิชขับรถเข้ามาในตัวเมืองโดยมีไอ้มั่นบอกทางมาร้านเฮียจู มันเคยตามไอ้หาญมาขายผลไม้ด้วยจึงจำทางได้

ร้านผลไม้ร้านใหญ่มีเถ้าแก่เป็นชายชาวจีนอายุราว 50 ปีกว่าๆ แต่อีกฝ่ายยังแข็งแรงทำงานคล่อง ผลไม้ที่มาส่งเป็นรถบรรทุกสื่อว่าเจ้านี้เป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้แล้ว เขาจอดรถไว้ริมถนนก่อนจะเดินข้ามฝั่งมากับมิ้ง ไอ้มั่นมองตามเจ้านายของมันที่พยายามหาความจริงในทุกทางว่าชาติก่อนเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ถอนหายใจ

ถ้าคุณปราณรู้ว่าชาติที่แล้วตัวเองประสบเคราะห์กรรมอะไรจะเสียใจมากไหมนะ

“สวัสดีครับ เฮียจูใช่ไหมครับ” ณิชทักทายชายสูงวัยที่ยืนคุมลูกน้องชายราว 5-6 คนที่กำลังขนลังผลไม้ลงจากรถบรรทุก อีกฝ่ายหันมามองเขาพร้อมยิ้มกว้างให้

“ใช่ครับ สนใจผลไม้แบบไหนถามได้นะครับ องุ่นไร้เมล็ดเพิ่งลงพอดี ลองชิมดูก่อนได้นะครับ” มาถึงก็รีบขายสมกับเป็นพ่อค้าตัวจริง มิ้งตาเป็นประกายเมื่อเห็นผลไม้ละลานตาอยู่ตรงหน้า

“พอดีภรรยาผมอยากกินทุเรียนน่ะครับ มีคนบอกมาว่าทุเรียนของเฮียอร่อยผมเลยอยากซื้อให้คนท้องกินสักหน่อย”

ณิชเข้าเรื่องทันทีไม่รอช้า ดึงมิ้งมาเป็นภรรยาสมมติโดยไม่บอกกล่าวอีกฝ่ายล่วงหน้า หญิงสาวเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนจะยิ้มบางๆ ให้เฮียจูเมื่อฝ่ายนั้นมองมา เธอยอมเออออไปกับรุ่นพี่หนุ่มไปด้วยทั้งที่ตอนนี้งงหนักว่าทำไมณิชต้องมาเริ่มสืบจากร้านผลไม้นี้

“ถ้าอยากได้ทุเรียนคงต้องรอหน่อยครับ พอดีจะมีของเจ้าที่มาส่งประจำอยู่เจ้านึง เจ้านี้อร่อยนะครับ ของสวนสายลมผลไม้เขาจำนวนไม่เยอะแต่ได้คุณภาพมากๆ เอามาขายทีไรหมดตลอดเลย”

จากที่เขาเข้าใจจีรัชญ์น่าจะตั้งชื่อสวนผลไม้ตัวเองเป็น ‘สวนสายลม’ ไม่ได้ตั้งตามชื่อวังเพื่อกันให้ความสนใจ อีกทั้งยังเป็นสวนเล็กๆ ไม่ได้ใหญ่โตปลูกผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณมาก อาศัยปลูกผสมไปเพื่อใช้หาเงินได้ทั้งปี ถือว่าอีกฝ่ายปกปิดข้อมูลของตัวเองได้ดีพอสมควรเหมือนอย่างที่ไอ้มั่นบอกจริงๆ

“งั้นหนูขอดูผลไม้ชนิดอื่นก่อนนะคะ” มิ้งพูดแทรกเมื่อเห็นว่าณิชเงียบไปและกลัวจะผิดสังเกต เฮียจูยิ้มให้ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องผู้หญิงมารับหน้าที่ดูแลลูกค้าต่อจากตน ส่วนตัวเองก็ไปคุมลูกน้องขนลังผลไม้ลงจากรถบรรทุกต่อ

“สวนสายลมตั้งมาจากชื่อพี่แน่นอน เฮียจูก็ดูจะคุ้นเคยกับสวนนี้แต่เราจะถามต่อไม่ให้เขาสงสัยยังไงดีอ่ะพี่” มิ้งหันมากระซิบถามมือก็เลือกแอปเปิ้ลเขียวใส่ถุง ก่อนจะส่งให้ลูกน้องเฮียจูเอาไปคิดเงิน

“ไม่รู้ว่ะ” ณิชตอบเสียงเครียด

“แล้วนี่ทำไมพี่จะต้องมาเริ่มสืบจากที่นี่อ่ะ” เธอถามสิ่งที่สงสัยมาตั้งแต่นั่งอยู่ในรถแต่ยังไม่ได้คำตอบ

“การขายผลไม้คือสิ่งเดียวที่ทำให้คุณจีรัชญ์ติดต่อกับคนภายนอกนอกเหนือจากคุณสุทิน ในเมื่อคุณสุทินอยู่ฝ่ายซุกซ่อนข้อมูลเรื่องการซื้อขายวังของคุณจีรัชญ์ เราก็ต้องมาถามหาเอาจากคนที่ทำการค้ากับคุณจีรัชญ์นี่แหละ”

ตัวอำเภอนี้ไม่ได้ใหญ่จนถึงขนาดจะสืบเสาะหาเรื่องราวไม่ได้ อีกทั้งการขายผลไม้ของจีรัชญ์เหมือนจะเป็นงานหลักที่อีกฝ่ายใช้หาเงินเพื่อจ่ายแม่บ้านและนายพลี

ในสายตาคนอื่นอย่างเช่นป้าแจ่ม คงมองว่าการใช้ชีวิตของจีรัชญ์คือชีวิตของคนรวยที่ไม่ต้องขวนขวายหาเงินเยอะเพราะมีสมบัติเลี้ยงตัว งานที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการสอนหนังสือหรือการทำสวน ล้วนแต่เป็นงานที่สบายๆ หากจะไม่ทำก็ยังได้ ที่ทำอยู่นี้ก็เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และความชอบส่วนตัวก็เท่านั้น

“เออ แกช่วยเลือกผลไม้ไปหลายๆ อย่างหน่อยนะมิ้ง พี่จ่ายให้เอง”

“พี่จะซื้อไปทำไม” มิ้งถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง แม้จะได้รับความกระจ่างในคำถามแรกแล้วก็ตาม

“เขาจะได้ไม่สงสัยในตัวเราไง ซื้อๆ เลือกๆ ไปให้เหมือนคนที่สนใจอยากซื้อผลไม้ไปฝากคนอื่นน่ะ”

“อ๋อ...ได้ๆ” มิ้งรับคำก่อนจะเดินไปหยิบถุงมาอีกโดยมีพนักงานของร้านคอยช่วย

“เอ่อ...เฮียจูครับ แล้วทุเรียนสวนสายลมจะเข้ามาเมื่อไหร่เหรอครับ วันนี้รึเปล่า” ณิชแยกกับมิ้งไปถามเฮียจูอีกครั้ง ฝ่ายพ่อค้าผลไม้หันมาก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะตอบ

“ล็อตแรกอาจจะเข้ามาวันนี้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่ากี่โมงนะ คุณจะรอไหมล่ะ”

“อ่า...ผมต้องรีบกลับกรุงเทพฯ แล้วสิ ถ้างั้นผมขอแผนที่ทางไปสวนได้ไหมครับ จะได้ไปซื้อที่สวนเลย” ณิชทำทีเป็นเสียดายพลางก้มดูนาฬิกาข้อมือว่าตนคงรอนานไม่ได้

“ผมไม่เคยไปสวนเขาหรอกครับ แต่เห็นเขาบอกว่าอยู่ทางนอกเมือง ยังไงคุณลองถามคนแถวนั้นดูนะครับ” เฮียจูส่งแผนที่ที่วาดคร่าวๆ มาให้ ณิชยิ้มรับพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ ผลไม้ที่มิ้งในบทคนท้องเลือกมาก็เยอะพอสมควร มีทั้งส้ม แอปเปิ้ล องุ่น มะม่วง

คนทั้งสองเดินกลับมาที่รถ เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มมากกว่าเดิมมีแต่ผลไม้ที่หอบหิ้วมาเต็มสองมือ ครั้งนี้ณิชหมดเงินไปพันกว่าบาทแลกกับความจริงที่ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มจากเดิมมากนัก

“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ไอ้มั่นที่ย้ายไปนั่งเบาะหลังชะโงกหน้ามาถาม

“ไม่ได้อะไรเลยน่ะสิแถมชื่อสวนผลไม้ที่เขาแนะนำมาก็ไม่ใช่ชื่อวังอีก แผนที่ที่ให้มาก็ไม่ใช่ทางไปวังด้วย เพื่อนคุณนี่ปกปิดตัวตนโคตรเก่งเลย” เขาเซ็งจนถอนหายใจอยู่หลายครั้ง

“พี่มั่น...ถามจริงนะพี่ พี่ไม่สงสารคุณปราณของพี่เหรอที่ต้องมาหัวหมุนหาความจริงอะไรแบบนี้ด้วยตัวเอง ไม่คิดจะบอกกล่าวอะไรให้มากกว่านี้เหรอ” มิ้งหันไปถามไอ้ทาสที่นั่งทำหน้าหนักใจอยู่เบาะหลัง

รถทั้งคันเงียบกริบ มิ้งถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดที่ช่วยอะไรรุ่นพี่ไม่ได้ดั่งใจ นึกโกรธพี่มั่นด้วยที่ไม่ยอมปริปากพูดอะไรสักที

“ไม่ต้องเครียดๆ แวะกินข้าวก่อนเถอะค่อยคิดหาทางต่อ ตอนนี้พี่หิวมาก”

คนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าจนตอนนี้เกือบเที่ยงแล้วแวะร้านอาหารตามสั่ง ร้านที่เขาเคยเห็นว่ามีคนซื้อเยอะเมื่อคืนนั่นแหละ แต่เหมือนว่าร้านเพิ่งได้เวลาเปิดคนเลยยังไม่เยอะเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังไม่ใช่ช่วงพักเที่ยงด้วยคนทำงานจึงยังไม่เข้าร้านกัน

“มาเที่ยวเหรอคะคุณ” แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งเอ่ยทักอย่างเป็นมิตรเพราะไม่คุ้นหน้าลูกค้าสองคนนี้ อาหารสองจานที่ลูกค้าต่างถิ่นสั่งมาเธอรีบทำให้ทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนาน

“ครับ พอดีแวะมาซื้อผลไม้ที่ร้านเฮียจูน่ะครับ”

“ร้านนั้นผลไม้คุณภาพค่ะ ราคาสูงสักหน่อยแต่อร่อย มะม่วงถ้าอยากได้หวานก็หวานบาดคอจริงๆ นี่หน้าทุเรียนออกแล้วต้องรอของสวนสายลมอร่อยมาก”

คนทั้งสองพยักหน้าตามก่อนจะมองหน้ากัน แสดงว่าสวนสายลมที่ว่านี่มีชื่อเสียงเรื่องผลไม้จริงๆ แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครรู้ที่ตั้งของสวนจริงๆ รึเปล่า

“แล้วป้ารู้จักสวนสายลมไหมคะ มันอยู่ที่ไหนเหรอคะ” มิ้งถามตาเป็นประกายเมื่อคิดว่าเธออาจจะได้คำตอบที่ดีกว่าก่อนหน้านี้

“ไม่รู้จักค่ะ ทำไมเหรอคะ”

“อ๋อ พอดีหนูอยากซื้อทุเรียนน่ะค่ะ ไปถามร้านเฮียจูมาแล้วเขาบอกของยังไม่เข้า พวกหนูจะรีบกลับกรุงเทพฯ เลยว่าจะไปซื้อที่สวนเลย”

แม่ค้าร้านอาหารตามสั่งยิ้มให้เพราะเธอช่วยอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ต่อให้เปิดร้านมานานนับ 30 ปีแต่ก็ไม่รู้ว่าสวนสายลมนั้นตั้งอยู่ที่ใด เคยได้ยินแต่ชื่อและคนบอกว่าอยู่นอกเมืองก็แค่นั้น

ณิชกับมิ้งทานอาหารจนเสร็จก็เรียกเก็บเงิน อาหารอร่อยถูกปากไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงเข้าร้านนี้เยอะ เขาคิดว่าเดี๋ยวคงจะกลับแล้วและค่อยไปหาทางสืบเสาะหาความจริงใหม่ แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

“ป้าแมว รู้ข่าวที่ไอ้พวกเด็กเวรมันไปป่วนถนนนอกเมืองแถววังนั่นรึเปล่า เดือนก่อนมันก่อเรื่องแล้วเขาจับไม่ได้ไปทีนึงแล้ว ครั้งนี้มันทำอีกท้าทายตำรวจจริงๆ”

“ก็วังมันอยู่ในป่า ที่ทางแถวนั้นก็เปลี่ยวไอ้พวกเด็กเปรตมันก็ไปเสพยากันแถวนั้นแหละ น่ากลัวจะตาย”

เจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่เขาเพิ่งรู้ว่าชื่อป้าแมวตอบกลับ ลูกค้ากลุ่มนั้นสั่งอาหารเสร็จก็ไม่ได้สนใจที่จะพูดเรื่องนี้ต่อ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่พบเจอได้เสมอ ถ้าตำรวจไม่จับจริงๆ จังๆ ไอ้พวกเด็กติดยามันก็ป่วนไปทั่วเหมือนอย่างที่แล้วมานั่นแหละ

“วังไหนเหรอครับป้า” ณิชหันไปถามทันที จากที่กำลังจะเดินออกจากร้านเขาจึงย้อนกลับมาใหม่ มิ้งก็เดินตามมาด้วยเพราะสิ่งที่ป้าแมวพูดนั้นน่าสนใจกว่าเรื่องเด็กติดยาเป็นไหนๆ

“ก็วังปริพัตรน่ะสิคะ คุณรู้จักเหรอ”

“อ่า...ไม่ครับ ผมแค่ไม่คิดว่าจังหวัดนี้จะมีวังอยู่ด้วยน่ะครับ แล้วตอนนี้มีราชนิกุลมาอยู่เหรอครับ”

“ไม่มีหรอกคุณ วังนั้นมีคนซื้อไปเมื่อหลายสิบปีก่อนโน้นตั้งแต่สมัยป้ายังสาวๆ น่ะ เขาว่าวังนั้นอาถรรพ์ตายกันยกบ้าน แต่มีเศรษฐีที่ไหนไม่รู้มาซื้อไปเพราะไม่อยากให้ที่มันรกร้าง แถมยังกว้านซื้อที่แถวนั้นปลูกสวนยางเป็นสิบๆ ไร่ ถ้าใครผ่านไปผ่านมาไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอกว่ามีวังอยู่แถวนั้นน่ะ”

“แล้วเจ้าของปัจจุบันคือใครเหรอครับ”

“เขาบอกว่าเป็นลูกหลานของเศรษฐีที่มาซื้อนั่นแหละ เพราะเศรษฐีคนนั้นตายหลังจากซื้อวังได้ไม่นาน อุ๊ย! พูดแล้วก็ขนลุก ของเก่าๆ มันมักมาพร้อมเจ้าของที่หวงของเสมอแหละคุณ”

“แล้วทำไมเขาถึงเสียชีวิตกันทั้งหมดเหรอครับ โดนฆาตกรรมเหรอครับ” ณิชไม่สามารถปกปิดความอยากรู้อยากเห็นได้มิด ป้าแมวแทบจะวางตะหลิวมาเล่าเรื่องราวที่เธอรู้มาให้อีกฝ่ายฟังตามประสาแม่ค้าขาเม้าท์

“ตอนนั้นป้ายังเด็กไม่รู้อะไรมากหรอก จำได้แค่ว่าที่นอกเมืองมีวังของหม่อมอะไรสักอย่างนี่แหละอยู่ แต่อยู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทำให้เสียชีวิตกันทั้งครอบครัว เหลือก็แต่ลูกชายหนึ่งคนที่อยู่ต่อมาได้อีกไม่นานก็ตายตามคนอื่นๆ ไป”

ข่าวใหม่ที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำให้ณิชอึ้งไปไม่น้อย อย่างแรกที่เขาได้ข้อมูลมาวันนี้คืคนภายนอกไม่ได้เห็นว่าวังปริพัตรเป็นสถานที่ปกติ ติดจะเป็นสถานที่ถูกลืมด้วยซ้ำเพราะความห่างจากตัวเมือง อย่างที่สองคือครอบครัวของเขาเมื่อชาติที่แล้วเสียชีวิตทั้งหมด

“แล้วป้าเคยเห็นหน้าเจ้าของวังไหมครับ”

“เคยค่ะ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นลูกหลานของเศรษฐีคนที่มาซื้อวัง ป้าจะคิดว่าผีหลอกเพราะหน้าตาเหมือนบรรพบุรุษอย่างกับแกะ”







โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นและกำลังใจค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
มีอะไรให้ติดตามตลอด

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เอาแล้วววว สืบเองเลย ไม่ทันใจใช่ไหมณิช คราวนี้แหละคงได้รู้เรื่องจริงๆซะที 55555 ตามกันต่อไป จีรัชญ์ก็จีรัชญ์เถอะ ถ้าดื้อเงียบอย่างณิชจะสืบเองซะอย่าง รู้เรื่อง!!! 55555   :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ไอ้หาญสร้างเรื่องได้เนียนมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
[b]บทที่ ๒๔ (ครึ่งแรก)[/b]



“งั้นแสดงว่าต่อให้คุณตรีปกปิดตัวตนยังไงมันก็ยังมีคนสังเกตได้อยู่ดี แต่แค่ไม่ระแคะระคายเท่านั้น” มิ้งกระซิบบอกรุ่นพี่ตัวเองที่ตอนนี้นิ่งไปแล้ว

ป้าแมวยังพูดอีกว่าวังหลังนั้นแทบจะเป็นสถานที่ที่ถูกลืมไปแล้วด้วยซ้ำ มีเจ้าหน้าที่ของทางการมาหาต้องการจะเก็บไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ดันมาไม่ทันเศรษฐีคนนั้นที่ได้ซื้อตัดหน้าไปด้วยจำนวนเงินที่มากอยู่ไม่น้อย แต่ที่น่าสงสัยคือใครเป็นคนขายให้เพราะเจ้าของวังเสียชีวิตกันหมด คนจึงลือกันว่าเศรษฐีคนนั้นคงติดสินบนเจ้าหน้าที่แน่นอน และยังหวงพื้นที่วังไม่ให้คนนอกได้เข้ามา อีกทั้งยังซื้อที่โดยรอบไปหลายสิบไร่จนคิดว่าพื้นที่ของวังคงกว้างสุดลูกหูลูกตา

แต่จนตอนนี้เจ้าของวังคนปัจจุบันก็ไม่มีใครได้เห็นหน้าบ่อยนัก จนคนแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าวังปริพัตรตั้งอยู่ในจังหวัดนี้

ณิชขับรถกลับวังพร้อมความคิดที่พยายามผูกเรื่องราวทั้งหมดให้ตัวเองเข้าใจ เรื่องเงินทองของไอ้หาญเขาไม่ติดขัดเพราะรายนั้นคงสร้างเนื้อสร้างตัวจนรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ไม่ยาก แต่การซื้อวังมาดูแลต่อนี่สิทำไปทำไม อีกทั้งเรื่องที่เจ้าของวังคนก่อนเสียชีวิตทั้งครอบครัวอีก ในตอนนั้นไอ้หาญคงเคว้งคว้างมากเลยทีเดียว

เมื่อกลับมาถึงวังปริพัตรมิ้งกับณิชก็หอบหิ้วผลไม้ที่ซื้อมาเต็มสองมือไปฝากคนในครัว โดนป้าแจ่มบ่นยกใหญ่เพราะที่วังก็มีผลไม้กินกันแทบไม่หวาดไม่ไหว ณิชจึงให้เหตุผลว่าผลไม้ที่ซื้อมามีของต่างประเทศด้วย ในสวนของที่นี่ไม่มีตนอยากกินจึงซื้อมาไว้

มิ้งอยู่ในครัวต่อเพราะได้กลิ่นของกินหอมๆ ที่ป้าแจ่มกำลังทำอยู่ เขาจึงปล่อยให้รุ่นน้องอยู่ในครัวต่อไป ส่วนตัวเองก็เดินตามหาเจ้าของวังที่ตอนนี้ไม่รู้ไปขลุกตัวอยู่ที่ใด

“ป้าแจ่มครับ ผมขอยืมจักรยานหน่อยได้ไหม” เขาเดินกลับมาที่เรือนครัวอีกครั้ง ป้าแจ่มเงยหน้าจากซึ้งที่กำลังนึ่งสาคูไส้หมูอยู่ก่อนจะพยักหน้าตอบ

“ได้สิคะ คุณณิชจะไปไหนเหรอคะ”

“บริเวณวังนี่แหละครับ พอดีเดินแล้วเมื่อยปั่นจักรยานออกกำลังไปในตัวน่าจะดีกว่า” ณิชตอบพลางเปิดตู้เย็นหยิบชาเย็นแช่แข็งในถุงเล็กๆ ออกมาแกะกิน

“งั้นตามสบายค่ะ มันเก่าสักหน่อยแต่ยังใช้การได้ แม่หวีชอบใช้ปั่นไปตามไอ้พลีในสวนประจำค่ะ”

ณิชจูงจักรยานออกมาก็จะปั่นไปทางสวนผลไม้ เขาลัดเลาะไปตามทางเดิมที่เคยไป คาดว่าจีรัชญ์คงอยู่ในสวนกับนายพลีตามเคยจึงปั่นไปเรื่อยๆ รอยล้อรถยนต์บนพื้นทำให้เขาตามรอยของจีรัชญ์ได้ไม่ยาก จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่เกือบสุดริมรั้ววังที่อยู่ทางด้านข้าง ซึ่งมีต้นทุเรียนอยู่หลายสิบต้น

เขาเพิ่งสังเกตว่ารั้ววังปริพัตรทอดยาวจากประตูด้านหน้ามาไกลถึงขนาดนี้ อีกทั้งตรงนี้ยังมีประตูบานใหญ่อีกบานอยู่ด้วย ด้านนอกเป็นทางรถผ่านที่พอให้รถกระบะผ่านได้เท่านั้น นอกรั้วออกไปเป็นสวนยางที่มีต้นไม้ขึ้นรกสักหน่อย น่าจะเป็นสวนของจีรัชญ์ด้วยเพราะมันยาวมาจากสวนยางที่อยู่ด้านหน้าของวัง

บริเวณนี้มีบ้านปลูกอยู่หลังหนึ่ง เขาเพิ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่านายพลีอยู่เฝ้าสวนตรงนี้ จีรัชญ์สั่งปลูกบ้านให้คนสวนของตัวเอง อีกทั้งยังวางรั้วที่สามารถช็อตไฟฟ้าได้กันคนนอกบุกรกพื้นที่ เรียกได้ว่ามีคนเฝ้าสวนน้อยเพราะระบบการป้องกันที่แน่นหนานั่นเอง

แต่ที่ทำให้เขาใจเต้นตึกตักแทบหลุดจากอกคือป้ายที่เขียนว่า ‘สวนสายลม’

แสดงว่าจีรัชญ์ตั้งชื่อสวนตามชื่อเขาจริงๆ ด้วย เพราะเหตุนี้เฮียจูจึงวาดแผนที่ให้เขาเป็นอีกทาง เป็นทางที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาสวนทางด้านหลังได้ และจะไม่เห็นตัววังทางด้านหน้าอีกด้วย

คิดมาถึงตรงนี้อาการจุกตื้อในอกก็กลับมาอีกครั้ง ไอ้หาญต้องปกปิดตัวตนของตัวเองไว้นานมาก หลบซ่อนตัวไว้เหมือนเงาลึกลับเพื่อมีชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆ รอวันที่คำสาปจะหายไป น้ำตาเขารื้นขึ้นมาเต็มขอบตาก่อนจะกะพริบไล่มันไป ไอ้หาญมีแต่คำว่าสูญเสีย ส่วนตัวเขาก็เป็นฝ่ายทิ้งไอ้หาญไปทุกครั้งจนไม่น่าให้อภัย เพราะแบบนี้ชาตินี้จีรัชญ์จึงพยายามหลีกหนีเขาตลอดเวลาเพื่อว่าทุกอย่างจะได้ไม่วนมาลูปเดิม ส่วนเขาก็ต้องวิ่งตามหาความจริงต่อไปเพื่อชดใช้กรรมที่ก่อไว้

ณิชจอดจักรยานทิ้งไว้ก่อนจะเดินไปที่รถกระบะ ซึ่งตอนนี้มีทุเรียนที่เก็บแล้วอยู่เกือบเต็มหลังรถ จีรัชญ์ยืนสั่งการลูกน้องอยู่ไม่ไกล มีคนมาช่วยตัดทุเรียนซึ่งคาดว่าจ้างมากำลังปีนต้นทุเรียนอยู่ เขามองการทำงานของคนทั้งหมดด้วยอารมณ์เพลินๆ ก่อนจะโดนทักขึ้น

“อ้าว! คุณณิช” นายพลีเรียกเมื่อมองลงมาเห็นณิชยืนอยู่ที่ท้ายรถกระบะ จีรัชญ์หันมองทันทีเพราะไม่คิดว่าจะเจอคนชอบซุกซนที่นี่

จีรัชญ์มองเลยไปด้านหลังของณิชเห็นรถจักรยานของหวีจอดอยู่ ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายคงไปยืมจักรยานปั่นมาที่นี่ ตาคมดุตำหนิอีกฝ่ายที่มาโดยพลการ ถ้าเจองูอย่างเช่นวันก่อนจะเป็นอย่างไร

“ผมแค่มาดูคุณเก็บทุเรียนเฉยๆ ไม่ได้รึไง” ณิชรีบพูดเสียก่อนเพราะอ่านสายตาของจีรัชญ์ได้ แม้หน้าตาจะเรียบนิ่งแต่สายตานั้นดูเอาเรื่องทีเดียว

จีรัชญ์ไม่ตอบแต่เดินเข้ามาหา สายตามองณิชเหมือนสำรวจหาอะไรบางอย่างจนณิชต้องหลบสายตา

“ไอ้มั่นบอกว่าวันนี้คุณไปซื้อผลไม้มา”

ณิชถึงกับหันกลับมามองคนพูดด้วยสีหน้าที่เก็บอาการตกใจไม่มิดที่อีกฝ่ายรู้ นึกเคืองมั่นในใจที่ฝ่ายนั้นบอกจีรัชญ์ว่าเขาไปไหนมา

“ผมแค่ขับผ่านร้านเลยแวะซื้อ”

“ที่บ้านมีเยอะแยะจะซื้อทำไมอีก เท่าที่มีก็กินจะไม่หมดอยู่แล้ว”

แม้คำพูดของจีรัชญ์กับป้าแจ่มจะคล้ายกันแต่เขากลับรู้สึกคนละอย่าง อย่างป้าแจ่มพูดเขารู้สึกแค่ป้าเอ็นดูแต่ก็ไม่ได้ถือเป็นอารมณ์อะไร แค่เป็นห่วงว่าซื้อมาเยอะเกรงจะเปลืองเงิน แต่จีรัชญ์ดุให้อารมณ์เหมือนโดนพ่อด่ายังไงก็ไม่รู้

“ก็มันซื้อไปแล้วจะให้ทำไง ให้เอาไปคืนเขาเหรอครับ”

จีรัชญ์ส่ายหน้าให้กับคนที่เถียงคำไม่ตกฟาก

“อยู่แถวนี้อย่าไปเล่นซนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวเจองูเงี้ยวเขี้ยวขอขึ้นมาแล้วจะแย่”

“ต่อให้เจอคุณก็ไปช่วยผมทันอยู่ดี” ณิชยิ้มอย่างเป็นต่อ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็มีผู้พิทักษ์ประจำตัวอย่างมั่น รายนั้นไม่มีทางปล่อยให้เขาตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ส่วนจีรัชญ์ก็แทบจะวิ่งโร่มาหาเขาทุกครั้งที่รู้ว่าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับเขา

“แล้วถ้าไม่ทันล่ะ” น้ำเสียงที่ใช้ถามเรียบนิ่งและเยียบเย็นจนทำให้รอยยิ้มบนหน้าณิชเจื่อนลงไป

“ขอโทษครับ ผมจะอยู่แถวนี้ไม่ไปไหนเลย คุณทำงานต่อเถอะ”

แค่อยากอยู่ใกล้ๆ แค่อยากเห็นอีกฝ่ายในสายตา แค่อยาก...ขอบคุณ ขอบคุณที่ยังเก็บวังเก่าของเขาไว้ ถึงแม้จะมีเพียงสถานที่แต่จีรัชญ์ก็ยังทำทุกอย่างราวกับเขาในชาติก่อนไม่ได้จากไปไหน

ณิชรอจนจีรัชญ์คุมคนงานเก็บทุเรียนเสร็จก็เข้าบ่ายคล้อยแล้ว ล็อตนี้จะเอาไปส่งให้กับเฮียจูก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาตัดทุเรียนส่วนที่เหลือใหม่ โดยคนที่เอาไปขายก็คือนายพลีเหมือนเดิม

“ผมไม่เคยรู้ว่าวังปริพัตรมีประตูตรงนี้ด้วย คุณจะขึ้นรถไปกับนายพลีออกทางนี้เลยใช่ไหม งั้นไปเถอะเดี๋ยวผมปั่นกลับทางเก่าเอง”

“พลีไปคนเดียวได้ เดี๋ยวผมจะไปกับคุณ”

“ไม่เป็นไรๆ ผมปั่นเองได้ ตอนมาผมยังปั่นได้เลย คุณรีบไปเถอะเดี๋ยวเฮียจูก็รอหรอก”

“รู้จักเฮียจูด้วยเหรอ”

ณิชปิดปากฉับเมื่อเขาหลุดพูดชื่อพ่อค้าผลไม้ออกไป ท่าทางมีพิรุธของอีกฝ่ายทำจีรัชญ์หรี่ตามองด้วยความสงสัย ถ้าบอกว่าไปซื้อผลไม้ในเมืองและไปเจอร้านเฮียจูเขาก็ไม่คิดอะไรหรอก เพราะใครๆ ก็ต้องรู้จักร้านผลไม้เจ้าดังในเมืองอยู่แล้ว แต่ท่าทางของณิชต่างหากที่ดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ

“ก็...วันนี้ผมไปซื้อผลไม้ที่ร้านเขาไง”

“แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะเอาไปขายให้ร้านนั้น”

“อ๋อ ป้าแจ่มเคยบอกเมื่อนานมาแล้วน่ะครับ” ณิชตอบพร้อมยิ้มกว้างกลบเกลื่อนอย่างน้อยมันก็คือเสี้ยวความจริงที่เขาสามารถบอกได้ จีรัชญ์พยักหน้าอย่างหายสงสัย แต่ก็ยังงงอยู่ดีว่าณิชจะมีท่าทีแปลกๆ ไปทำไม

นายพลีขับรถกระบะที่บรรทุกทุเรียนเต็มหลังรถไปทางประตูสวน โดยมีคนงานขับรถมอเตอร์ไซค์ตามกลับออกไปด้วย ประตูวังถูกปิดล็อกอย่างดี จีรัชญ์เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจึงขึ้นคร่อมจักรยานเตรียมปั่นออกไปจากสวน ณิชจึงถือโอกาสนั่งซ้อนท้ายเสียเลย เจ้าของเอวสอบที่เขาจับไว้ไม่ได้ขัดขืนหรือต่อว่าแต่อย่างใด

จักรยานคันเก่าที่ยังใช้งานได้ดีและแข็งแรงจึงรับน้ำหนักคนทั้งสอง ลมอ่อนๆ พัดมาปะทะหน้าเบาๆ ระหว่างนั่งผ่านสวนผลไม้ที่ปลูกอยู่หลายชนิด ที่ทางก็โล่งเตียนขึ้นกว่าตอนที่เข้ามาครั้งล่าสุดแล้วเจองู เพราะจีรัชญ์สั่งให้นายพลีมาถางทางให้เตียนสักหน่อย เพราะห่วงกลัวว่าใครบางคนจะมาเล่นซุกซนในสวนแห่งนี้อีก

“คุณปลูกผลไม้พวกนี้กี่ปีกว่าจะได้เยอะขนาดนี้ คุณทำสวนคนเดียวเลยเหรอ แล้วคิดยังไงถึงทำ ทำไมไม่เลือกทำงานอื่นที่มันสบายกว่านี้ แล้ว...”

“ถามเยอะแบบนี้จะให้ผมตอบคำถามไหนก่อน”

จีรัชญ์ตัดบทคนนั่งซ้อนท้ายที่ถามเสียงเจื้อยแจ้ว เขาหันกลับไปมองก็เห็นว่าเจ้าตัวดูมีความสุขกับการนั่งจักรยานชมนกชมไม้ไปเรื่อย คงเพราะในเมืองกรุงไม่มีอะไรแบบนี้ให้ดู

“อ่า...คุณทำสวนผลไม้มากี่ปีแล้วครับ” ณิชเริ่มคำถามแรกจะบอกว่าเก็บข้อมูลก็ได้เพราะเขาต้องการผูกเรื่องราวให้ได้เร็วที่สุด

“นานแล้ว เป็นสิบๆ ปีแล้วล่ะมั้งผมไม่ได้นับ”

“คุณทำทั้งหมดนี่คนเดียวเหรอครับ”

“ใช่ แต่ตอนหลังก็ได้นายพลีมาช่วย”

“คุณชอบผลไม้ชนิดไหนที่สุด ผมเห็นว่าสวนคุณมีทั้งกล้วย มังคุด ลองกอง มะม่วง ทุเรียน ผมชอบมะม่วงแหละ”

รอยยิ้มตรงมุมปากของคนหน้าดุกระตุกขึ้นมาหน่อย คุณปราณชอบมะม่วงเป็นที่สุด ไม่ว่าจะกี่ชาติที่เจอกันมะม่วงก็ยังคงเป็นผลไม้ที่อีกฝ่ายชอบเสมอ

“ไม่มีผลไม้ที่ชอบเป็นพิเศษ ผมกินได้หมด”

แล้วคำถามต่อๆ มาของณิชก็ทำให้บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองไม่เงียบอีกต่อไป ณิชยังคงถามสิ่งที่ตนสงสัยไปเรื่อย แต่มีจังหวะหนึ่งที่รถกระเทือนเพราะสะดุดก้อนหินทำให้ณิชต้องกำชายเสื้อของหนุ่มคนปั่นไว้แน่น

หมับ!

“กอดดีๆ เดี๋ยวตกกลิ้งหล่นน้ำแล้วจะแย่เอา” น้ำเสียงดุๆ พร้อมมือใหญ่ที่จับมือณิชให้มากอดเอวตัวเองไว้ คนถูกดุถึงกับลอบยิ้มที่วันนี้อีกฝ่ายใจดีกับเขา

“ทางนั้นไปไหนเหรอครับ” ณิชชี้ไปที่ทางแยกที่สามารถขับรถผ่านเข้าไปได้

“ตรงนั้นเป็นส่วนของท้ายวัง เป็นพื้นที่ไกลสุดของที่นี่เลยออกจากรั้วไปก็เป็นป่าแล้ว”

“ป่านี้รึเปล่าครับที่มีหมูป่า ป้าแจ่มเคยเล่าให้ฟังว่าเคยเจอหมูป่าด้วย”

“ใช่ ข้างบนเป็นภูเขาทอดยาวกินพื้นที่เยอะพอสมควร”

“ผมอยากไปดู คุณพาไปหน่อยได้ไหม”

“มันเย็นแล้ว กว่าจะออกมาก็มืดพอดีมันอันตราย”

“เพิ่งจะสี่โมงกว่าเอง ไปเถอะครับผมอยากไป” ณิชกอดกระชับเอวจีรัชญ์ขึ้นอีกเล็กน้อย ชะโงกหน้ามาทำตาปริบๆ เหมือนออดอ้อนจนเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันใจอ่อน ยอมปั่นจักรยานพาณิชไปชมสวนด้านหลัง

“คุณซื้อที่ดินไว้เยอะขนาดไหนเนี่ย กินพื้นที่ไปครึ่งจังหวัดแล้วมั้ง”

ณิชเอ่ยแซวพลางมองย้อนไปทางด้านหลังที่พวกเขามาไกลจากทางแยกเมื่อครู่พอสมควร ส่วนด้านหน้าก็เป็นต้นกระท้อนสองต้นใหญ่ๆ ที่อยู่สองข้างทาง ลึกเข้าไปก็เป็นป่าและมองเห็นรั้วของวังปริพัตรบ่งบอกอาณาเขตอยู่ไม่ไกล จีรัชญ์หยุดปั่นจักรยานแล้วเขาไม่อยากเข้าไปไกลกว่านี้เพราะกลัวตอนกลับฟ้าจะมืดเสียก่อน

ณิชลงจากรถก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ ด้านหลังวังออกจะรกสักหน่อยดูไม่ค่อยได้รับการดูแลเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ถึงกับรกเป็นป่าทึบขนาดนั้น ต้นกระท้อนมีให้เห็นประปรายแสดงว่าผลไม้อีกชนิดที่จีรัชญ์ปลูกก็คือเจ้ากระท้อนนี่แหละ

“สดชื่นจัง” ณิชบิดขี้เกียจสูดหายใจเข้าเต็มๆ ปอด ความร่มรื่นของที่นี่บวกกับลมที่พัดอ่อนๆ รอบตัวทำให้เขารู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก

วันนี้จีรัชญ์ใจดีเป็นพิเศษเพราะปั่นจักรยานพาณิชไปเที่ยวสวนผลไม้รอบวัง อากาศที่เคยร้อนแต่เมื่อเข้าสู่ช่วงเย็นก็มีลมพัดให้ เขาดีใจที่อย่างน้อยๆ กำแพงที่จีรัชญ์สร้างขึ้นก็ไม่ได้สูงถึงขนาดกับปีนข้ามไม่ได้ แค่ต้องใช้เวลาในการเข้าหาก็เท่านั้น

ถึงแม้เขาจะเคยมีอะไรลึกซึ้งกับจีรัชญ์แล้ว แต่มันก็เป็นเพียงแค่ครั้งเดียวที่อีกฝ่ายอ่อนให้ หลังจากนั้นก็กลับมาสร้างกำแพงหนากั้นเขาไว้อีก ไม่รู้จะต้องใช้มุกเข้าหาอีกสักเท่าไหร่จีรัชญ์ถึงจะยอมเปิดใจรับเขาอีกครั้ง

“ตกลงคุณบอกผมได้รึยังว่าวันนี้ไปไหนมา” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ เหงื่อบนใบหน้าผุดซึมเพราะเขาต้องออกแรงปั่นจักรยานแต่เจ้าตัวไม้สน ส่วนคนโดนถามไม่ทันตั้งตัวถึงกับหลบสายตาเมื่อโดนอาจารย์จีรัชญ์จ้องมองมา

“ก็แค่ไปหาซื้อของกิน”

“คุณจะบอกผมตรงๆ หรือต้องให้ผมเค้นคำตอบเอง”

จีรัชญ์ถามย้ำพร้อมร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ ไอ้มั่นทำตัวน่าสงสัยเพราะพอเขาถามว่าณิชไปไหนมาบ้างมันก็อึกอัก และบอกเพียงว่าพูดไม่ได้ ต่อให้เขาถามอย่างไรไอ้เพื่อนเกลอก็ไม่ยอมตอบ

ณิชหนีไปไหนไม่ได้แล้วเพราะเดินถอยหลังจนติดกับต้นกระท้อน จีรัชญ์รั้งร่างที่บอบบางกว่าให้ออกห่างจากต้นไม้ใหญ่ ซึ่งมีมดแดงไต่ไปมาอยู่จึงกลัวณิชจะโดนกัดเอา แต่เพราะแบบนั้นทำให้ตอนนี้ณิชโดนจีรัชญ์โอบเอวไว้จนความใกล้ชิดสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”

เสียงพูดที่ดังกว่าเสียงกระซิบเพียงเล็กน้อยเพราะความใกล้นี้ทำให้ณิชลมหายใจสะดุด เขาเผลอเม้มปากตัวเองแน่นส่วนมือก็จิกต้นขาตัวเองไว้ รูปร่างกำยำของจีรัชญ์แทบโอบตัวเขามิด เสน่ห์ของอีกฝ่ายกำลังสั่นใจเขาจนมันเต้นรัวอยู่ในอก

ปลายจมูกค่อยๆ จรดลงมาใกล้ มือใหญ่ประคองใบหน้าเรียวหวานไว้เพียงมือเดียวก่อนจะดันให้เจ้าของหน้าเงยขึ้น ดวงตาคมสวยจ้องมองลึกเข้าไปในตาเรียวราวตากวางเพื่อหาคำตอบ ทั้งที่พูดก็แล้วแสดงออกก็แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรชาตินี้เขากับณิชก็คงไม่ได้มาบรรจบกัน แต่ณิชก็ยังคงพยายามเข้าหาเขาทุกทาง ทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนกำลังวางแผนทำอะไรสักอย่างจนเขาไม่ไว้ใจ เพราะกลัวว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำมันจะเหนือจากการคาดการณ์ของเขาไว้

หากณิชมองเขาให้ทะลุปรุโปร่งก็คงเห็นว่าเขามีแต่ความกลัว กลัวว่าการตั้งรับของเขาในชาตินี้ยังไม่ดีพอ กลัวว่าการเตรียมใจรับความเจ็บปวดจะไม่มากพอที่จะรับผลที่เกิดขึ้นได้

“คุณจะเอาอะไรมาแลกกับคำตอบผม”

ณิชถามพลางมองหน้าคมสันโดยไม่หลบสายตาอีกต่อไป แม้ใจจะสั่นไหวเพราะความใกล้ชิดนี้แต่เขาก็ยังทำใจดีสู้เสือ เขาบอกจีรัชญ์ไม่ได้เด็ดขาดว่าสืบเรื่องของอีกฝ่ายอยู่ เพราะไม่งั้นจากที่ได้ใกล้ชิดแค่บางทีอาจจะกลายเป็นห่างเหินกันไปเลย ยิ่งตอนนี้งานใกล้เสร็จเข้ามาทุกวันเขายิ่งมีเหตุผลให้ได้อยู่ใกล้กับอีกฝ่ายน้อยลง

“คุณอยากได้อะไรล่ะ” จีรัชญ์ถามกลับ คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีเหมือนกำลังสนุกที่ไล่ต้อนเขา

“คืนนี้ผมขอไปนอนที่ห้องคุณอีก” ณิชพูดออกไปตามตรง







โปรดติดตามส่วนต่อไป


ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ณิชจะไปปล้ำตรีหรอออออ 555

รอตอนต่อไปครับ


ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โว้วๆณิช เบาได้เบา มันต้องอย่างนี้ 5555555 รุกเล้ย รอไอ้หาญเวอร์คุณจีรัชน์ไม่ทันใจ 5555  :-[ :-[ ขอบคุณนะคะที่มาต่อยาวๆเลย รอคลายคำสาปต่อไป  :pig4: :pig4: ดูแลตัวเองด้วยนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Khing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกก ตามอ่าน2วัน เต็มๆ ชอบมากๆเลย สนุกมากๆ เข้มข้น  ทำเราน้ำตาไหลด้วยยย :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด