☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 35164 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เรื่องราวเริ่มกระจ่างที่ละเล็กละน้อย

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๐ (ครึ่งหลัง)


นับร้อยปีที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่คบหรือรู้จักใครเกิน 3 เดือน ทำตัวให้ระมัดระวังที่สุดเพื่อปกปิดตัวตน เรื่องโกหกที่สร้างขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าถูกร้อยเป็นเรื่องราวราวกับละครเรื่องหนึ่ง โดยมีเขาเป็นตัวละครดำเนินเรื่องเองทั้งหมด

ความเหงาที่เกาะกุมใจจนด้านชา ไม่มีคนคอยให้คำปรึกษาหรือคอยรับฟังความทุกข์ที่เคยมี เวลาผ่านมาเนิ่นนานจนลืมนับไปแล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่เขามีเพื่อนนั้นมันเมื่อไหร่กัน

“นั่นมึงเหรอ...ไอ้มั่น”

เขากลั้นใจถามออกไปเมื่อได้กลับมาอยู่บ้านของตัวเองแล้ว บ้านเดี่ยวขนาดกลางที่มีพื้นที่บริเวณ ถึงแม้จะมีเงินอยู่มากจนเกินจะนับแต่ไอ้หาญเลือกที่จะทำตัวให้เป็นคนธรรมดาไม่อวดร่ำอวดรวย เพราะในสังคมนี้คนมีเงินมักจะดึงดูดใครหลายคนให้เข้าหา เขาจึงทำตัวเป็นคุณหมอผู้มัธยัสถ์ ทรัพย์สมบัติมีเพียงบ้านหนึ่งหลังกับรถอีกหนึ่งคันก็พอ ส่วนเงินทองที่เหลือก็แบ่งไปซื้อพวกที่ดินไม่ก็พวกอสังหาริมทรัพย์

เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมาก็ทำเขาเศร้าใจ อาการหูแว่วมันกลับมาอีกแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงของเพื่อนเกลอ เพื่อนเพียงคนเดียวในชีวิต เขาถอนหายใจสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมนอน แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเพียงสองทุ่มเศษก็ตาม

‘ไอ้หาญ’

อนันต์ชะงักไป มือที่หยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมจะเข้าห้องน้ำหยุดนิ่ง ขนบนกายลุกชันทุกอณูเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่ออีกครั้ง

‘มึงได้ยินกูหรือไม่’

‘เห้อ...หากกูปรากฏตัวได้อย่างใจต้องการก็คงดี มึงจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่แบบนี้’

‘มึงเจอคุณปราณแล้วคงมีความสุขแล้วสินะ มึงเฝ้ารอคุณเขามานานเหลือเกิน หึ...จะว่าแต่มึงก็ไม่ได้เพราะกูก็เช่นเดียวกันที่ต้องติดอยู่เช่นนี้’

เสียงพูดที่ไม่ได้ยินแค่เสียงแว่วแต่มันกลับชัดขึ้นเรื่อยๆ เป็นประโยคยาวๆ ที่เหมือนว่าคนพูดกำลังสนทนากับคนฟังอย่างเป็นจริงเป็นจัง น้ำใสๆ ที่เอ่อคลอเต็มหน่วยตาล้นออกมาจนไหลอาบแก้มในที่สุด เสียงนี้ไม่ผิดแน่... เสียงนี้ที่เขาไม่ได้ยินมานาน เสียงนี้ที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครั้ง

ไอ้หาญไม่ได้ตอบอีกฝ่ายไปในทันที เพราะตอนนี้มันกำลังภาวนาว่าอย่าให้ตนเองเป็นบ้าหรือโชคชะตาเล่นตลก หรือทำให้มันคิดไปเองว่าได้ยินเสียงไอ้มั่นเลย

‘ร้องไห้อีกแล้วรึ กูไม่ได้เห็นน้ำตามึงมานานเสียด้วยสิ จะปลอบใจอย่างไรดีวะ เห้อ’ ไอ้มั่นที่มีแค่เสียงถอนหายใจที่เห็นเพื่อนรักตนเสียน้ำตาอีกครั้ง แม้ครั้งนี้จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่ก็อดสงสารไม่ได้

‘วันนี้กูเห็นป้าที่อยู่เรือนติดกันเขาชะโงกหน้ามาดูเรือนของมึง คงสงสัยว่าไยมึงจึงอยู่คนเดียวกระมัง’ ไอ้มั่นยังคงพูดต่อตามประสาคนช่างพูด อนันต์มองไปรอบๆ แม้ไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายแต่เพียงแค่เสียงแค่นี้เขาก็ใจชื้นแล้ว

‘อยู่คนเดียวมันดีแล้ว กูไม่อยากให้ใครมารู้จักกูเพิ่ม’ ไอ้หาญตอบกลับเพื่อนเกลอทำเอาไอ้มั่นเงียบไปในทันที ก่อนจะโพล่งขึ้นอีกครั้งว่า

‘มึงได้ยินเสียงกูรึ! ไอ้หาญ! มึง...มึงตอบกูรึ!’

‘มึงพูดอยู่กับใครล่ะ ถ้าไม่ใช่กูตอบมึงแล้วจะให้กูตอบผีที่ไหน’

‘โอ้พระกอด! มึงได้ยินเสียงกู! ไอ้หาญได้ยินเสียงกูแล้วโว้ย!’ แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่าเจ้าตัวดีใจมากแค่ไหน ซึ่งนั่นก็เป็นความรู้สึกเดียวกับอนันต์เช่นกัน

‘โอ้พระกอดคืออะไรของมึง’

‘ก็ที่พวกฝรั่งเขาพูดกันอย่างไรเล่า กูตามมึงไปทุกที่นะไอ้หาญ พวกคำฝรั่งกูก็จำมาบ้าง’

ได้ทีไอ้มั่นอวดใหญ่ แม้มันจะเขียนไม่ได้แต่ก็พอจะอ่านได้บ้าง เพราะตามติดไอ้เพื่อนรักไปทุกที่จึงได้ซึมซับการเรียนมาด้วย

‘ฝรั่งเขาอุทานว่า Oh my god ไม่ใช่โอ้พระกอดอย่างที่มึงพูด’ อนันต์ตอบพลางหัวเราะขำ เขาเดินเข้าห้องน้ำไปเตรียมตัวอาบน้ำ แต่ก็ยังพูดคุยโต้ตอบกับไอ้เพื่อนเกลอในใจไปด้วย

‘กระนั้นรึ ภาษาปะกิดยากเสียจริง มึงเรียนไปได้อย่างไร’

‘ถ้ามึงต้องมาเป็นแบบกู มึงก็ต้องทำแบบนี้แหละเลือกได้เสียที่ไหน จะให้กูงอมืองอเท้ารอคุณปราณอย่างนั้นหรือ ไม่ได้หรอก ว่าแต่มึงเถอะ คิดยังไงถึงพูดกับกูได้ กูคิดว่ามึงไปเกิดใหม่เป็นลูกเจ้าลูกนายแล้วเสียอีก’

เขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ถึงได้ยินเสียงไอ้มั่นได้ ทั้งที่ใช้ชีวิตมาเป็นร้อยปีไม่มีทีท่าว่าจะได้ยิน ได้กลิ่น หรือได้เห็นเงาอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาคิดว่ามันไปเกิดเสียแล้วด้วยซ้ำ

‘หึ... กูจะไปเกิดได้อย่างไร ก็ในเมื่อกูให้คำสัตย์สาบานก่อนตายว่าจะช่วยให้มึงกับคุณปราณรักกันให้จงได้ ดวงวิญญาณกูเลยต้องผูกกับมึงและคุณปราณอยู่เช่นนี้’

ไอ้หาญฟังมาถึงตรงนี้แล้วใจเจ็บแปลบ น้ำตาที่แห้งเหือดหายไปแล้วรื้นขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกผิดจับใจที่ทำให้เพื่อนต้องมาทุกข์ทรมานกับตนเอง อีกทั้งยังทำให้เพื่อนถึงแก่ชีวิตในชาติก่อนด้วย

‘มึงอย่าได้โทษตัวเองเลยไอ้เกลอเอ๋ย กูเลือกแบบนี้เองมึงหาได้ผิดอันใดไม่ ไม่ดีรึ ได้เจอกูแบบนี้โดยไม่ต้องตามหาเหมือนหาคุณปราณ อย่างน้อยๆ ก็ประหยัดเงินของมึงที่จะเอาไปสู่ขอคุณปราณได้อีกหลายบาท’

ไอ้มั่นพูดติดตลกเพราะรู้ดีว่าไอ้หาญเงียบไปแบบนี้คงคิดโทษตัวเองอยู่เป็นแน่ แต่มันเลือกแล้วว่าจะทำเช่นนี้เลยไม่คิดเสียใจเลยที่ต้องติดอยู่ในแบบวิญญาณเร่ร่อน อย่างน้อยๆ ก็ได้เห็นความเป็นไปของไอ้หาญ และจะได้ช่วยให้มันหลุดพ้นจากคำสาปของท่านออกญาฯ เสียที

‘กูดีใจนะที่ได้คุยกับมึงอีกครั้ง เหมือนเราได้กลับมาอยู่ด้วยกันเลยว่ะ แต่กูสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ถึงคุยกับมึงได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณอะไรเลย’

‘กูคิดว่าเพราะคุณปราณ’

‘ยังไง’

‘ก็มึงได้คุยกับกูในเวลาเดียวกับช่วงที่เจอคุณปราณ ทั้งที่กูตามมึงมาตั้งนานแต่มึงไม่ยักรู้ กูส่งสัญญาณไปอย่างไรมึงก็ไม่รู้สึก แต่เมื่อเจอคุณปราณแล้วกูกลับพูดกับมึงได้ อีกทั้งกลุ่มเงาของร่างกูก็ชัดขึ้นด้วย’

อนันต์คิดตามก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะวันนี้เขาได้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่มุมห้องจัดเลี้ยงตอนเรียนดนตรีกับคุณชายปราณ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเลย เพราฉะนั้นการที่ไอ้มั่นปรากฏตัวก็คงเป็นผลสืบเนื่องมาจากคำสาบานที่ให้ไว้ก่อนตายก็เป็นได้

อนันต์อาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย ไอ้มั่นเงียบไปแล้ว ก่อนเงียบไปมันบอกว่าขอไปดูคุณปราณสักหน่อย จากที่จะเข้านอนเลยเมื่อได้คุยกับเพื่อนรักเขาจึงนั่งทำงานต่อ จวบจนเวลาเข้า 4 ทุ่มแล้วไอ้มั่นจึงจะส่งเสียงกลับมาอีกครั้ง

‘คุณปราณเข้านอนแล้ว และดูท่าน้องสาวคุณปราณชาตินี้เขาจะรู้ว่ามึงรักคุณปราณนะ’

‘คงจะอย่างนั้น คุณหญิงรตีเป็นคนฉลาด เธอรู้ทันตั้งแต่กูไปส่งคุณปราณที่วังตอนแรกๆ’

‘ท่าทีคุณหญิงรตีเป็นเช่นไรล่ะ รังเกียจมึงหรือไม่’

‘ตอนนี้ไม่ แต่กูไม่รู้ว่าหากกูทำตัวชัดเจนกว่านี้ทางบ้านของคุณปราณเขาจะรู้สึกอย่างไร แต่ต่อให้รู้สึกอย่างไรกูก็ไม่หวั่น เพราะคนที่กูต้องการรักมีแค่คุณปราณเท่านั้น’

อนันต์พูดพลางอมยิ้มยามนึกถึงช่วงเวลาที่เขาทั้งสองได้อยู่ด้วยกันหน้าเปียโน แม้จะเป็นความใกล้ชิดที่มีเวลาเพียงเสี้ยวหนึ่งจากการเฝ้ารอ แต่มันก็ทำให้เขายิ้มได้ไปหลายวัน คุณชายปราณไม่มีท่าทีรังเกียจอะไร หนำซ้ำเมื่อเขาพูดอะไรไปอีกฝ่ายก็จะเขินหน้าแดงราวลูกตำลึงสุก ซึ่งนั่นแสดงว่าคำสาปใกล้จะสลายไปในไม่ช้านี้แล้ว

‘กูรอคอยคุณปราณมานานเหลือเกินแล้วไอ้มั่น ชาตินี้แหละที่กูคิดว่าความทรมานกูกำลังจะสิ้นสุดลง คำสาปที่ใครได้ลั่นวาจาไว้จะต้องสลายหายไป และมึงจะได้ไปผุดไปเกิดอย่างที่ควรจะเป็นเสียที’

ไอ้มั่นยิ้มให้กับเพื่อนเกลอที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน และกำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในค่ำคืนนี้มีดาวอยู่น้อยนิดแต่พระจันทร์เสี้ยวฉายชัดบนท้องนภา ไอ้หาญดูมีความสุขกว่าทุกวันที่เคยผ่านมาคงเพราะได้เพื่อนกลับมาอีกครั้ง

‘กูดีใจที่ได้คุยกับมึงอีกครั้งนะไอ้มั่น อย่างน้อยตอนนี้มึงก็ทำให้กูรู้สึกว่ากูก็คือคนเหมือนกัน ไม่ใช่ตัวประหลาดที่ใครบางคนสาปไว้ แล้วมึงรู้หรือไม่ว่าเขาตายตอนไหน ตายอย่างไร’

‘มันเป็นดังคำพูดของมึงที่ให้ไว้นั่นแหละ ออกญาศรีรัตนกรตายอย่างทรมานและโดดเดี่ยวอยู่ในเรือน...ไอ้หาญ! มึงเป็นกระไรรึ!’

ไอ้มั่นถามเสียงร้อนรนเพราะอยู่ๆ เพื่อนมันก็ดูทุรนทุรายเหมือนคนกำลังเจ็บปวดสาหัส มือของมันทาบไว้บนหลัง ก่อนจะเห็นเลือดซึมออกมาตามผิวหนังที่เป็นรอยแผลเป็นจากการโดนเฆี่ยนตี ไอ้มั่นที่เป็นเพียงวิญญาณไม่มีอำนาจใดหรือสามารถจับต้องอะไรได้มองเพื่อนตนด้วยความร้อนใจ

อนันต์กัดฟันกรอดจนสันกรามขึ้นชัด เขาไม่เคยรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขนาดนี้มาก่อน มันรู้สึกราวกับแผลที่หลังที่เคยหายไปนานถูกไฟเผาและโดนชำแหละอีกครั้ง ความทรมานในครั้งนี้ทำคุณหมอหนุ่มหายใจหอบฟุบลงกับโต๊ะ ก่อนความเจ็บปวดจะหายไปในเวลาต่อมา ทิ้งรอยเลือดไว้ประปรายบ่งบอกว่าความเจ็บเมื่อครู่เกิดขึ้นจริง

‘เหตุใดหลังมึงจึงเป็นเช่นนี้ มึงไม่เจ็บไม่ป่วยมิใช่หรือ’ ไอ้มั่นถามเสียงสั่น ตอนนี้ไอ้หาญเพียงแค่นั่งหอบหายใจ ไม่มีอาการเจ็บปวดหรือสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเหมือนเมื่อครู่แล้ว

‘หากกูเดาไม่ผิด การเอ่ยถึงชื่อของชายผู้นั้นจะทำให้แผลที่เคยถูกลงหวายจะกำเริบและมีอาการเช่นนี้’

‘ชื่อท่าน... เอ่อ...คนที่สาปแช่งมึงจะเกี่ยวโยงกันได้เยี่ยงไร’

‘คำสาปออกจากปากผู้ใด ย่อมผูกโยงอยู่กับตัวคนผู้นั้น มิเช่นนั้นมึงลองพูดชื่อเขาอีกสิ’

‘แน่รึ’

‘กูต้องพิสูจน์ เพราะกูไม่แน่ใจว่านี่คือสัญญาณว่าคำสาปกำลังจะหลุดพ้น หรือว่ามันคือตราบาปอีกหนึ่งอย่างที่กูเพิ่งค้นพบ’ ที่เขาคิดไว้มีอยู่สองทางนี้จริงๆ เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยบาดเจ็บเลยมากสุดก็แค่รอยช้ำเท่านั้น หากนี้จะเป็นการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคำสาปนี้อีกครั้งเขาก็อยากรู้ให้แน่ชัด

‘อะ...ออก...ออกญาศรีรัตนกร’

‘อ๊ากกก!’

สิ้นคำเรียกชื่ออนันต์ก็กัดฟันร้องลั่นห้องด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บแรกบรรเทาไปไม่เท่าไหร่ พอซ้ำครั้งที่สองแบบนี้ร่างกำยำของชายหนุ่มจึงทรุดลงไปกองกับพื้นห้องในทันที เลือดที่ซึมออกมาตามรอยแผลในตอนแรก ตอนนี้กำลังไหลออกมาจนหยดลงพื้นเป็นจุด

ไอ้มั่นยืนมองไอ้เกลอรักที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ไม่ได้พบพานมานาน มันเป็นวิญญาณหนำซ้ำตอนนี้ยังไม่มีร่างแน่ชัด เป็นเพียงกลุ่มเงามืดทะมึนเท่านั้นทำได้แค่ยืนมอง ไอ้หาญหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกหอบหายใจหน้าแดงก่ำเส้นเอ็นที่คอปูด

‘หวังว่า...นี่...จะเป็นผลพวงจากคำสาปสิ่งสุดท้าย...ที่กูควรรู้นะ’ ไอ้หาญพูดพร้อมแรงหอบหน่อยๆ หลังจากความเจ็บปวดเริ่มหายไป รอยยิ้มหยันผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะที่ฟังดูแล้วไม่ได้มีความสุขเลยให้ได้ยิน

เสียงหัวเราะที่มีแต่ความสมเพชตัวเอง มีแต่ความเหงา ความทรมาน แต่ไม่มีความสิ้นหวัง เพราะความหวังของไอ้หาญกำลังจะเป็นจริงในไม่ช้านี้ คำสาปต้องหมดไปในชาตินี้เพราะมันทรมานเขามานานเกินพอแล้ว





--##--##--##--##--##--##--





ณิชทรุดกายลงนั่งบนเตียงของจีรัชญ์ที่ตอนนี้เจ้าของเตียงกำลังหลับสนิท ยิ่งได้ฟังเรื่องราวต่างๆ ยิ่งทำให้ความเจ็บปวดบาดลึกในใจ แม้สิ่งที่ได้ฟังจะรับรู้ได้ไม่ทั้งหมด แต่เขาก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้หาญถึงได้ปฏิเสธเขาในชาตินี้ เพราะหวังเอาไว้แต่ท้ายสุดเขาดันมาตายอีก คงเกินจะรับไหวพอสมควร

หนุ่มเมืองกรุงกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องนอนตัวเอง ก่อนจะถือวิสาสะหอบหมอนมานอนห้องของจีรัชญ์ ไอ้มั่นบอกว่าจีรัชญ์นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว คืนนี้คงได้พักผ่อนเต็มๆ เสียที

“ฝันดีนะครับ”

ณิชกระซิบบอกคนที่ขยับตัวสะลึมสะลือเมื่อรู้สึกถึงแรงยวบของเตียง จีรัชญ์ครางงึมงำไม่ได้ศัพท์ราวเด็กน้อยที่กำลังฝันอยู่ เขาจึงจูบไปบนหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วนอนลงข้างกัน กอดร่างสูงใหญ่ไว้เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ว่ายังไงเขาก็จะอยู่ตรงนี้ คุณปราณของไอ้หาญจะอยู่เคียงข้างไม่มีวันทิ้งไปอย่างแน่นอน

::::::::::::

วันรุ่งขึ้นจีรัชญ์ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกได้ว่ามีคนนอนอยู่ข้างๆ จึงหันไปมอง เขาพบกับณิชที่ไม่รู้เข้ามานอนที่ห้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ท่านอนคุดคู้กอดแขนเขาไว้เหมือนกอดหมอนข้างนั้นน่าเอ็นดูไม่น้อย เขาลองขยับนอนตะแคงให้เบาที่สุดเพื่อจะได้ไม่รบกวนการนอนของอีกฝ่าย แกะมือของณิชออกจากแขนได้แต่กลับโดนณิชกุมมือไว้มั่นแม้จะยังไม่ตื่นก็ตาม

“ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัว”

เสียงละเมอเบาๆ ของคนที่หลับอยู่พร้อมแรงกอดกระชับที่มือทำไอ้หาญยิ้ม เขาเข้าใจในความมุ่งมั่นของอีกฝ่ายดี แต่เขาก็ยอมรับว่ากลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

นิ้วเรียวของไอ้บ่าวซื่อยกขึ้นเกลี่ยปอยผมที่กรอบหน้าของณิช ไล้ไปตามสันกรามก่อนจะมาทักทายที่จมูกโด่งดูจิ้มลิ้มรับกับใบหน้าหวาน เปลือกตาที่ปิดสนิทกำลังปกปิดความสวยของดวงตาไว้ พวงแก้มใสมีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดี ริมฝีปากกระจับอมชมพูดูน่าจูบ

เขาอดใจไม่ไหวโน้มตัวลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายรับความหวานของเช้านี้ ก่อนจะเลื่อนไปจูบที่หน้าผาก แก้มนิ่ม ปลายจมูก และปลายคาง และมาหยุดที่จูบแรกอีกครั้งด้วยความโหยหา

“ขี้โกงนี่ คุณแอบจูบผม” ณิชลืมตาขึ้นมองคนที่ขโมยจูบตนไปแล้ว ตอนแรกก็หลับดีอยู่หรอก แต่เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมาแตะๆ หน้าเลยรู้สึกตัว มาตื่นเต็มตาก็ตอนที่จีรัญช์ถอนจูบออกไปแล้วนั่นแหละ

“ผมขอโทษ” คนที่โดนจับได้เอ่ยขอโทษเบาๆ ทำท่าจะลุกจากเตียงแต่ณิชกลับรั้งไว้ให้นอนด้วยกันก่อน

“ทำไมต้องขอโทษ จะขโมย จะแอบ จะขอเลยก็ได้ทั้งนั้น ผมให้คุณทำแค่คนเดียวเต็มที่เลย” ณิชพูดพร้อมยิ้มให้ คนที่โดนเขากดให้นอนลงข้างกันหันมองเพียงแวบเดียวก็หันไปอื่น ด้วยความหมั่นไส้ในความท่ามากเขาเลยหอมแก้มสากไปฟอดใหญ่

“ผมจะรอดูว่าคุณจะทนไปได้อีกกี่น้ำ ไปล่ะ...แล้วเจอกันข้างล่างนะครับ”

จีรัชญ์ตกใจกับการกระทำของณิชไม่น้อย มองคนที่ออกจากห้องนอนเข้าไปแล้วทิ้งไว้เพียงความอบอุ่นบนที่นอน จนเขาต้องแอบยิ้มออกมาขำกับความไม่ยอมแพ้นั้น

ณิชอาบน้ำแต่งตัวด้วยความไวแสง เขาลงมาข้างล่างเพื่อไปยังโรงครัวโดยมีไอ้มั่นตามไปไม่ห่าง เมื่อมาถึงที่หมายก็เห็นป้าแจ่มกำลังง่วนทำมื้อเช้าง่ายๆ อยู่กับพี่หวี

“ป้าแจ่มครับ มื้อเช้าวันนี้มีอะไรบ้างครับ”

“อ้าว! คุณณิชลงมาทำไมคะหรือว่าหิวแล้ว วันนี้ป้าทำมื้อเช้าแบบฝรั่งค่ะ คุณตรีเธอชอบ Egg Benedict”

“โห...ป้าแจ่มทำเมนูนี้เป็นด้วย เก่งนะครับเนี่ย งั้นสอนผมบ้างสิครับผมอยากทำ”

ณิชถลกแขนเสื้อยืดแบบแขนยาวขึ้นให้มากองอยู่ตรงแถวข้อพับแขน ท่าทางเอาจริงเอาจังจนป้าแจ่มถึงกับอมยิ้ม ดูท่าคุณณิชจะชอบคุณตรีมากถึงขนาดอยากทำให้ทานแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว

เธอเห็นประจำเวลาจีรัชญ์แอบมองณิช เหมือนคนทั้งคู่จะไม่รู้ตัวเวลามองซึ่งกันและกัน เพราะเมื่อจีรัชญ์มองณิช ตัวของณิชเองก็ไม่ได้มองอยู่ แต่เมื่อณิชหันไปมองจีรัชญ์ ฝ่ายนั้นก็หันสายตาไปอื่นเสียแล้ว เพราะอยู่กับโลกนี้มานานเธอจึงจับความรู้สึกระหว่างคนทั้งสองได้ว่าไม่ได้เป็นแค่คนที่ต้องทำงานร่วมกันประหนึ่งผู้ว่าจ้างกับสถาปนิก แต่มันมีอะไรมากกว่านั้น และเธอคิดว่าคนทั้งสองก็คงรู้แก่ใจตัวเองดี

ณิชลองทำอาหารตามที่ป้าแจ่มสอน แต่ด้วยความที่ทำอาหารไม่เป็นและไม่เคยทำเมนูนี้มาก่อน ไข่ที่ควรจะกลมสวยและไหลเยิ้มเหมือนลาวาจึงเละตั้งแต่อยู่ในหม้อต้ม หัดทำไข่ดาวน้ำอยู่นานเสียไปก็หลายฟองจนไอ้มั่นถอดใจว่าเจ้านายตนคงทำไม่ได้แน่ๆ แต่ณิชไม่ละความพยายาม จนในที่สุดก็ได้ไข่ดาวน้ำที่ไข่ขาวสุกหุ้มไข่แดงที่ยังเยิ้มอยู่มาหนึ่งฟองถ้วน

“ขั้นตอนที่ยากที่สุดผ่านไปแล้วค่ะ เหลือแค่ทำน้ำซอสและผัดหน่อไม้ฝรั่งกับเนยแค่นี้ก็เสร็จแล้วค่ะ ส่วนพวกแฮมและขนมปังป้าทำไว้เสร็จแล้ว” ป้าแจ่มพูดให้ณิชฟัง คนที่อาสาจะทำมื้อเช้าให้จีรัชญ์ปาดเหงื่อเล็กน้อย ขนาดเมนูที่ดูเหมือนง่ายไม่มีอะไรยุ่งยากเขายังทำเละขนาดนี้ ถ้าเกิดจีรัชญ์อยากกินอะไรที่ยากกว่านี้เขาไม่ทำครัวระเบิดไปเลยเหรอ

แต่จะทำอย่างไรได้ เขาอยากทำให้ไอ้หาญรู้ว่าเขาอยากชดเชยเวลาทั้งหมดที่อีกฝ่ายอยู่รอ ต่อให้เขาต้องเข้าคอร์สกับป้าแจ่มเป็นปีเขาก็ยินดีทำ

มื้อเช้าขึ้นโต๊ะในเวลาต่อมา มิ้งมารออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว เธอได้ข่าวจากพี่มั่นว่ารุ่นพี่เธอเข้าครัวทำมื้อเช้าให้จีรัชญ์ด้วยตัวเอง ซึ่งดูท่างานนี้รุ่นพี่เธอสู้ไม่ถอยจริงๆ แต่พอเห็นหน้าตาของมื้อเช้าในจานตรงหน้าของจีรัชญ์ที่จัดมาอย่างสวยงาม แตกต่างจากของเธอโดยสิ้นเชิงก็อดน้อยใจไม่ได้

“โอ้โห ของคุณตรีจัดจานอย่างกับเสิร์ฟในโรงแรม แล้วดูของหนูสิ... แล้วนี่ทำไมไข่ของคุณตรีดูไม่ค่อยสวยเลย”

หญิงสาวหนึ่งเดียวบนโต๊ะมองเปรียบเทียบอาหารระหว่างจานของเธอกับของจีรัชญ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองณิชเพื่อขอคำตอบ รุ่นพี่เธอกลับเงียบจนป้าแจ่มเป็นคนให้คำตอบเอง

“ของคุณมิ้งนั่นป้าทำให้ค่ะ ส่วนจานของคุณตรีนั้นคุณณิชทำเองทั้งหมดเลยค่ะ จัดจานเองด้วยนะคะ”

ทั้งโต๊ะอาหารเงียบกริบเมื่อป้าแจ่มพูดจบ มิ้งอมยิ้มมองหน้าณิชที่ตอนนี้แดงจัดจนลามไปถึงหู รุ่นพี่เธอทำอะไรไม่ถูกเอาแต่จิ้มผักสลัดกินไม่หยุดจนสำลัก จีรัชญ์ที่นั่งเงียบมาตลอดเอื้อมมือไปจับข้อมือของณิชไว้และส่งแก้วที่มีน้ำอยู่ให้ ณิชรับไปดื่มให้คอโล่งก่อนจะได้ยินจีรัชญ์พูดออกมา

“ขอบคุณมาก มันดูน่าทานมากครับ”







โปรดติดตามตอนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นและการติดตามค่ะ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
หาญกับปราญและมั่น ต้องพ้นคำสาปในชาตินี้ให้ได้นะ

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คำสาป ต้องถูกลบล้างในชาตินี้

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ว้อออยยเขิน  :-[ คึคึ คุณตรีหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วละ ก็ณิชตั้งหน้าตั้งตากับชาตินี้มาก เอ็นดูณิชสุดๆไปเลย 555 เดี๊ยวรอดดูว่างานเสร็จจะมีอุปสรรคไรอีก แต่ตอนนี้คือสร้างรักกันใหม่แน่นแฟ้นก่อน  :กอด1: ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รออ่านอยู่ รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
มั่นน่ารักขอให้มั่นพ้นทุกข์ในชาตินี้ :hao5:

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ตรีกับณิชหายไปไหน

รออยู่นะครับ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๑ (ครึ่งแรก)



แค่เพียงคำขอบคุณก็ทำเอาใจเขาเต้นรัวได้ จีรัชญ์นั่งกินมื้อเช้าที่เขาเป็นคนทำให้ไปเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นอีก โดยมีสายตาวับวาวของมิ้งที่ล้อเขาส่งข้ามโต๊ะมาให้

“เอ่อ...รสชาติเป็นไงบ้างคุณ พอกินได้ไหม” ณิชถามออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกินไปโดยไม่วิจารณ์อะไรเลย เขาไม่รู้ว่ามันอร่อยถูกปากจีรัชญ์ไหมเพราะป้าแจ่มเคยบอกว่าจีรัชญ์กินยาก เกิดไม่ถูกปากขึ้นมาเขาจะได้แก้ไขรสมือตัวเอง เพื่อจีรัชญ์จะได้ทานอาหารมื้อที่อร่อยโดนใจ

“กินได้ แต่ครั้งหน้าลดน้ำส้มสายชูตอนทำสักหน่อยก็ดีนะ” จีรัชญ์ตอบและยังคงทานต่อไป แต่ณิชนั้นกลับชะงักก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้

“ขอผมชิมหน่อยสิ” พูดจบก็ไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต เขาใช้ส้อมแตะๆ จิ้มๆ ไข่ดาวน้ำขึ้นมากินก่อนจะทำหน้าเหยเกเพราะรสชาติแปลกประหลาดจนยากจะกลืน

“อี๋! โคตรเปรี้ยวไม่อร่อยเลย คุณไม่ต้องกินแล้ว อย่ากินเลย ให้ป้าแจ่มทำให้คุณใหม่ดีกว่า กินแบบนี้ไปท้องเสียแน่ๆ” เขารีบร้องห้ามทำท่าจะดึงจานไม่ให้จีรัชญ์ทานต่อ แต่เจ้าของจานกลับยื้อไว้ ตีมืออีกฝ่ายไปเบาๆ เป็นการปราม

“คนเขากินอยู่จะมาแย่งไปแบบนี้ได้ยังไง”

“ก็มันไม่อร่อย”

“แต่ผมกินได้”

จีรัชญ์ยืนกรานก่อนจะดึงจานกลับมาที่ตน ณิชมองคนทานอาหารมื้อเช้าที่รสชาติไม่ดีนักด้วยใบหน้านิ่งเฉยไม่ได้ฝืนกินแต่อย่างใด เขาแอบยิ้มก่อนจะลงมือทานของตัวเองบ้าง หัวใจพองฟูที่อย่างน้อยไอ้หาญก็ไม่ผลักไสเหมือนอย่างที่แล้วมา

‘มึงง้อคุณณิช’

‘หุบปากมึงไป’

‘มึงรักคุณเขามาก’

‘เงียบไปไอ้มั่น’

‘เจ้านายกูเอาใจผัวเก่งขนาดนี้ ถ้ามึงใจร้ายต่อก็เกินไปแล้ว’

ไอ้มั่นพูดจบก็หัวเราะลั่น ไอ้หาญนั่งหน้าดำหน้าแดงที่โดนเพื่อนรักแซวแบบนี้ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวบนโต๊ะอาหารไม่ได้ยินว่าไอ้มั่นพูดอะไร แต่คนทั้งสามที่ชะตาผูกพันกันกลับได้ยินทั่วถึง ทำให้ณิชในตอนนี้หน้าเห่อร้อนราวโดนเหล็กร้อนนาบ

มื้อเช้าผ่านไปแล้ว ณิชกับมิ้งทำงานตามปกติส่วนจีรัชญ์เข้าสวนไปกับนายพลี ณิชทำงานได้มากกว่าเดิมเมื่ออารมณ์ดีขึ้น เขาใช้เวลาอยู่กับช่างจรูญพักใหญ่ก่อนเหลือบไปมองเปียโนหลังใหญ่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเปียโนที่เคยเล่นเมื่อชาติก่อนหรือไม่

สองขาเรียวก้าวเข้าไปหาเครื่องดนตรีชิ้นใหญ่ที่วางอยู่ตรงมุมห้อง เขาเล่นดนตรีไม่เป็นแต่ก็หลงใหลในเสียงของมันเหมือนคนอื่นๆ ลองกดลงไปก็ได้ยินเสียงของตัวโน้ต มิ้งหันมามองด้วยความตกใจที่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีที่มุมห้อง แต่พอเห็นว่าณิชอยู่ตรงนั้นกับมั่นจึงหันกลับไปทำงานต่อ ส่วนไอ้มั่นก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเจ้านายของมันอยู่ใกล้เครื่องดนตรีที่เคยชอบ

‘ลองเล่นไหมขอรับ’

‘เล่นไม่เป็นน่ะสิ ชาตินี้ผมถนัดวาดภาพออกแบบมากกว่า ของพวกนี้ห่างไกลเกินกว่าจะเคยจับต้อง’ ณิชตอบในใจพลางทำหน้าเสียดาย ถ้าเขาเล่นเจ้าเครื่องดนตรีนี้เป็นจะเล่นจีบจีรัชญ์ทุกวันเลย

‘แต่ไอ้หาญเล่นเป็น ประเดี๋ยวบ่าวไปตามให้ขอรับ’

ไม่ทันที่ณิชจะร้องห้ามทาสผู้ชื่อสัตย์ที่ตามมาจากอดีตก็หายตัวไปแล้ว เขาถอนหายใจขำกับการกระทำของมั่นที่พยายามทำให้เขาสมหวังในชาตินี้อีกครั้งเพื่อจะได้หลุดพ้นจากคำสาป มั่นทำทุกอย่างดั่งเช่นคำสาบานที่ให้ไว้ก่อนตายจริงๆ

“คุณณิชครับ เรื่องกระเบื้องเหลือลงกาวยาแนวก็จะเสร็จแล้วครับ ถ้างั้นเดี๋ยวพวกผมขอไปพักเที่ยงก่อนแล้วจะกลับมาเก็บงานให้เรียบร้อยนะครับ” ช่างจรูญพูดข้ามห้องมาเขาจึงพยักหน้าอนุญาตให้ไปพักได้ จะว่าไปเขาก็ชักรู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน เพราะมื้อเช้าแบบฝรั่งไม่ได้ทำให้อยู่ท้องเท่าไหร่นัก อย่างเขาต้องมื้อหนักๆ ไปเลยถึงจะดี

ทีมช่างออกไปหมดแล้ว มิ้งขอตัวลงไปหาป้าแจ่มที่ครัวก่อนส่วนเขาอยู่เก็บของของตัวเองอีกนิดหน่อยก็คิดว่าจะตามไปเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้องก็ได้ยินเสียงคนวิ่งตึงตังมาพร้อมเสียงตะโกนดังลั่นวัง

“เกิดอะไรขึ้น! คุณณิชเป็นอะไร!”

จีรัชญ์โผล่หน้าเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง เนื้อตัวมอมแมมสภาพดูไม่จืดในชุดทำสวนยืนหอบหน่อยๆ สื่อให้รู้ว่าเจ้าตัวรีบวิ่งมา ฝ่ายนั้นมองมาที่เขาก่อนจะเดินเข้ามาหาด้วยใบหน้าเครียดขรึม จีรัชญ์จับตัวณิชตรวจดู ทั้งชีพจรและอาการภายนอกอื่นๆ

“คุณเป็นอะไร เจ็บตรงไหน ไปหาหมอดีไหม”

คำถามของจีรัชญ์ทำณิชงงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางด้านหลังของชายหนุ่มที่มีไอ้มั่นยืนยิ้มโชว์ฟันขาว เจ้าตัวดูราวกับภูมิใจที่พาไอ้หาญมาหาคุณปราณได้เร็วทันใจแบบนี้ก่อนจะรีบหายตัวไป ฝ่ายณิชที่พอเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้างจึงยิ้มให้จีรัชญ์

“ไอ้มั่นบอกว่าอาการคุณไม่สู้ดีเลย”

ก่อนหน้านี้เขาทำงานอยู่ในสวน แต่ไอ้มั่นไปบอกว่าณิชเหมือนจะไม่สบาย ตอนแรกเขาไม่คิดอะไร เพราะเห็นณิชในตอนเช้ายังปกติดีอยู่จึงคิดว่าไอ้เกลอคงคิดมากไปเอง ไอ้มั่นหายไปสักพักก็กลับมาบอกอีกว่าอาการณิชไม่สู้ดีนัก ท่าทางของมันดูร้อนรนจนเขาต้องรีบทิ้งงานแล้วขับรถกระบะออกจากสวนมาเพื่อมาดูว่าณิชเป็นอะไร

“เอ่อ...ผม...อ่า...ผมไม่เป็นอะไรครับ แค่มึนหัวนิดหน่อยแค่นั้นเอง” ณิชตอบไปแบบกว้างๆ เอาอาการปกติที่คนคนหนึ่งสามารถเป็นได้แบบไม่ร้ายแรง เพื่อให้จีรัชญ์คลายความกังวลและไอ้มั่นจะได้ไม่โดนเพื่อนตัวเองโกรธที่โดนหลอก

นี่แหละผีหลอกของจริง หลอกจนเขาต้องใช้ไหวพริบที่มีอยู่น้อยนิดหาทางออกเอง

จีรัชญ์ได้ฟังคำบอกเล่ายิ่งกังวล เขาไม่อยากให้อะไรๆ มันซ้ำรอยเดิม แต่ดูเหมือนยิ่งต่อต้านทุกอย่างมันยิ่งกลับเข้ารูปแบบเดิมอยู่ร่ำไป

“ไปหาหมอกับผม รีบไปตรวจเผื่ออาการบาดเจ็บที่สมองจากการตกบันไดมันเพิ่งแสดงออก ไปครับ เดี๋ยวผมพาไป” จีรัชญ์รวบข้อมืออีกฝ่ายไว้แล้วดึงให้เดินตาม ณิชรีบยื้อตัวไว้ก่อนที่อะไรๆ มันจะบานปลาย ท่าทางจีรัชญ์ดูเครียดมากจนเข้าต้องรีบแย้ง

“ผมไม่ได้เป็นอะไรเลยครับคงเพราะหิวข้าวน่ะ ตอนนี้พักเที่ยงแล้วคุณยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม งั้นไปกินข้าวกันเถอะครับ”

“แต่คุณ...”

“ผมแค่หิวครับ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว แค่เห็นหน้าคุณก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาแล้ว” ณิชหยอดคำหวานไปสักหน่อยแต่จีรัชญ์ก็ยังคงตีหน้าขรึม เขายังไม่วางใจเพราะกลัวว่าณิชจะเป็นอะไรหนักอย่างที่ไอ้มั่นว่า

“ต่อไปถ้าคุณมีอาการอีกต้องให้ไอ้มั่นรีบไปบอกผมทันที จะแค่เล็กน้อยก็ต้องบอก ผมไม่อยากให้คุณแขไขหาว่าผมใช้งานลูกน้องของเธอหนักจนต้องล้มป่วยบ่อยๆ” คำพูดแรกฟังแล้วมีแต่ความห่วงใยทำณิชถึงกับอมยิ้ม แต่เมื่อฟังจนจบรอยยิ้มที่เคยมีก็หุบลงทันที

“เมื่อไหร่คุณจะยอมรับตัวเองว่าเป็นห่วงผมสักทีนะคุณจีรัชญ์ ปากแข็งมากๆ เดี๋ยวก็โดนผมทุบหรอก” หนุ่มเมืองกรุงที่ตัวเล็กกว่าเจ้าของวังกำหมัดขึ้นทำท่าขู่ จีรัชญ์มองท่าทางเหมือนเด็กนั้นก่อนจะเมินไปอื่นเสีย เพราะในใจมันกำลังร้องบอกว่าณิชในอิริยาบถนั้นน่ารักไม่เบา

ทั้งคู่มาถึงห้องทานอาหารก็เห็นมิ้งเดินเข้ามาพร้อมป้าแจ่ม อาหารถูกจัดขึ้นโต๊ะเหมือนอย่างเคย เมนูวันนี้มีต้มกระดูกหมูใบชะมวง รสชาติของมันจะออกรสเปรี้ยวนำแต่กลมกล่อม ณิชยกซดมื้อนี้แทบหมดถ้วย กระดูกหมูที่ถูกต้มจนเปื่อยทำให้ทานง่ายคนฟันดีแทะเล่นได้สบาย

“ไข่ชะอมอร่อยไหมคะคุณตรี หนูทำเองค่ะ” มิ้งรีบถามเมื่อเห็นว่าเจ้าของวังตักอาหารที่เธอทำเข้าปากพร้อมน้ำพริกกะปิรสชาติจัดจ้าน

“รสชาติดีครับ”

“อ่า...แต่คงไม่ดีเท่าไข่ดาวน้ำเมื่อเช้าใช่มั้ยคะ โอ๊ย!” หญิงสาวร้องเพราะโดนมะเขือเปราะลูกเล็กจากณิชปาใส่โดนหัวเต็ม

“กินข้าวอยู่ อย่าเอาอาหารมาเล่นเหมือนเด็ก”

คนโดนเอ็ดยอมนั่งกินข้าวต่อไปแต่โดยดี เมื่อครู่นี้เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะทำแบบนั้นแต่มือมันไปเอง เพราะความเขินอายจากเมื่อเช้ายังมีหลงเหลืออยู่เขาเลยห้ามมือตัวเองไม่ทัน

ทีมช่างกลับมาทำงานแล้ว ณิชเห็นว่างานที่เหลือไม่ได้มีอะไรมากมายจึงปล่อยให้ช่างจรูญคุมงานลูกน้องตัวเองไป ส่วนเขากับมิ้งมานั่งรับลมที่สระบัวแทน โดยมีทับทิมกรอบเป็นของหวานชื่นใจจากป้าแจ่ม

“ป้าแจ่มครับ พื้นที่ตรงข้างหลังตรงนี้ไปอีกไกลไหมครับที่เป็นของวังปริพัตร” ณิชถามเมื่อมองเข้าไปในป่าด้านหลังสระบัว มันไม่ได้รกแต่ก็ดูไม่น่าเข้าไปเดินสักเท่าไหร่

“พอสมควรค่ะ คุณตรีเคยเดินหายเข้าไปพักหนึ่งก็กลับออกมา ได้หมูป่ามาตัวนึงแหนะ”

“ห้ะ! มีหมูป่าด้วยเหรอคะ” มิ้งถามพร้อมตาที่เบิกโตด้วยความทึ่ง

“ใช่ค่ะ ที่ดินมันอยู่ติดเขาเลยมีสัตว์ป่า แต่คุณตรีทำรั้วอาณาเขตไว้ชัดเจนนะคะ ใครแอบเข้ามาไม่ได้แน่นอน วันไหนว่างๆ ถ้าคุณณิชกับคุณมิ้งอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินป่าก็ลองชวนคุณตรีดูนะคะ ที่นี่ไม่อันตรายหรอกค่ะแค่ต้องไปกับเจ้าถิ่น เพราะคุณตรีเธอรู้ที่ทางดีค่ะจะได้ไม่หลง” ป้าแจ่มแนะนำแขกของวังที่มาอยู่จนสนิทราวกับเป็นลูกหลานที่รู้จักกันมานาน

เธอเอ็นดูคนทั้งสองที่พยายามปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนที่นี่ อีกทั้งวังปริพัตรที่เคยเงียบเหงาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก มีเสียงหัวเราะเสียงพูดคุยทำให้ที่นี่ไม่ไร้ชีวิตเหมือนอย่างเคย

ป้าแจ่มปล่อยให้คนทั้งสองได้นั่งทานของว่างอร่อยๆ ต่อไป พี่หวีแม่บ้านอีกคนแอบเมียงๆ มองๆ คนทั้งคู่ก่อนจะยิ้มเมื่อป้าแจ่มเดินมาหาเธอ

“คุณณิชกับคุณมิ้งน่ารักนะป้า ฉันว่าคุณตรีควรจ้างให้คนทั้งคู่อยู่ทำงานที่นี่ถาวรไปเลยดีกว่าวังจะได้ไม่เงียบ”

“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีน่ะสิ คุณณิชเธอก็คงไม่อยากกลับนักหรอก ดูจะติดคุณตรีของเราเข้าเสียแล้ว”

“นั่นสิ ฉันเห็นนะว่าถึงคุณตรีจะดูเครียดๆ แต่ก็ดูมีความสุขอยู่นะ เผลอๆ อาจจะมีความสุขมากกว่าตอนที่คุณแขไขมาหาก็ได้มั้ง”

“จุ๊ๆๆ หยุดพูดได้แล้วแม่หวี ไปทำงานๆ” ป้าแจ่มตัดบทเมื่อเห็นว่าเรื่องที่พูดกันกำลังจะไปไกล

จวบจนเวลาเข้าช่วงค่ำหลังทานมื้อเย็นและณิชก็ขึ้นห้องแล้ว โดยก่อนหน้านี้แวะไปหาจีรัชญ์ที่ห้องทำงานมาแต่ฝ่ายนั้นไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นได้ เห็นว่าคุยงานอะไรกับอาจารย์ท่านอื่นนั่นแหละเขาจึงไม่กวนต่อ แต่เมื่อเข้ามาในห้องตัวเองโทรศัพท์จากทางไกลก็ดังขึ้น เขาจึงรับสายพี่โอ๋หัวหน้างานผู้น่ารักที่มักถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ที่นี่เสมอๆ

“ว่าไงพี่โอ๋”

[เออ ไอ้ณิช หายหัวไปเลยนะมึง ไม่มีโทรมาหากันบ้าง] หัวหน้าบ่นอุบเมื่อเห็นว่าลูกน้องมือดีของตนเงียบหายไปเลย

“มันยุ่งๆ น่ะพี่” เขาตอบไปแค่นั้นก่อนจะต่อในใจว่าไม่ได้ยุ่งเรื่องงานแต่ยุ่งเรื่องส่วนตัว เพราะหลังๆ มานี้เขาทุ่มให้กับเรื่องของจีรัชญ์เสียส่วนใหญ่ ส่วนงานแทบจะโยนให้มิ้งทำคนเดียว ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ผิดและเขาได้ขอโทษรุ่นน้องไปแล้ว แต่มิ้งกลับบอกว่าดีเสียอีกที่เธอได้เรียนรู้งานเต็มที่

[ยุ่งจริงเหรอวะ ไม่ใช่ไปตกบันไดตกน้ำตกท่าที่ไหนอีกนะ]

“โถ่ ยุ่งจริงๆ ไม่เชื่อถามมิ้งเลย”

[พอเถอะ ไอ้มิ้งมันเห็นกูเป็นหัวหน้ารึเปล่ายังไม่รู้เลย วันๆ กูเห็นเอาแต่เดินตามตูดมึงต้อยๆ ทำตัวเหมือนมึงคืออาจารย์ส่วนมันฝากตัวเป็นศิษย์] ณิชหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของหัวหน้างาน ซึ่งในข้อนี้เขาไม่เถียงเพราะมิ้งทำงานกับเขาบ่อยมาก และไม่ค่อยจะชอบเข้าหน้ากับพี่โอ๋สักเท่าไหร่นัก

[นี่ไอ้ณิช อีกประมาณวันสองวันกูจะลงไปหามึงนะ กูไม่ได้จะก้าวก่ายงานของมึงนะเว้ย แต่คุณแขไขเขาฝากมาให้ลงไปดูงานหน่อย] โอ๋พูดถึงจุดประสงค์หลักที่เขาโทรมาหาณิชในวันนี้ เจ้านายเขายังอยู่ต่างประเทศแต่โทรมาบอกว่าให้ตามงานจากณิชด้วย และถ้าหากเธอกลับมาทันก็จะลงมาดูงานด้วยตัวเอง

“อืม ได้เลยพี่ ผมเข้าใจ มาดูได้เลยครับ”

[งั้นแค่นี้แหละ ไว้เจอกัน]

“ครับ”

ณิชรับคำก่อนวางสายพร้อมความรู้สึกที่หนักอึ้ง ในชีวิตนี้ไม่คิดเลยว่าต้องมารักผู้ชายคนเดียวกับเจ้านาย ต่อให้โชคชะตาบอกว่าเขากับไอ้หาญต้องคู่กัน แต่ท้ายสุดคนที่จะเลือกทางเดินในชีวิตก็คือไอ้หาญเอง ยิ่งตอนนี้รายนั้นกล้าๆ กลัวๆ เขาด้วยแล้วยิ่งคิดหนัก เขาจะแข่งกับคุณแขไขได้ไหมยังไม่รู้เลย

ก๊อกๆๆ

“พี่ณิช หนูเข้าไปหน่อยได้ไหม” มิ้งเคาะประตูยืนเรียกอยู่หน้าห้องเขาเลยบอกให้อีกฝ่ายเข้ามา

“พี่ณิชไปเซเว่นกับหนูหน่อยสิ หนูเพิ่งเห็นว่าเขามีเมนูใหม่ออกขายอ่ะ นะๆ ไปกับหนูหน่อย หนูอยากกิน”

“ได้ พรุ่งนี้นะ” ณิชรับคำรุ่นน้องที่ตอนนี้สนิทกันจนแทบจะแยกไม่ออกว่าคือรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันหรือน้องสาวที่คลานตามกันมา

“ไม่ได้พี่ ต้องตอนนี้เลย”

“ทำไมไม่รอให้พรุ่งนี้ก่อนวะ”

“ก็มันหมดเขตวันนี้ หนูเพิ่งเห็นที่เพื่อนแชร์ในเฟซบุ๊กอ่ะ มัวแต่ทำงานเลยไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กเลย นะพี่นะ ตอนนี้ยังไม่ค่ำมากแค่ทุ่มนึงเองไปกันสองคนคุณตรีไม่ว่าหรอก”

มิ้งคะยั้นคะยอณิชพลางทำตาปริบๆ เพื่อออดอ้อน รุ่นพี่หนุ่มจึงใจอ่อนยอมตกลงไปด้วยเพราะส่วนหนึ่งที่มิ้งแทบไม่มีเวลาก็เพราะตัวเขาเองด้วยที่ทำให้รุ่นน้องคนนี้ยุ่งหัวหมุนอยู่คนเดียว เขาคว้ากุญแจรถได้ก็เดินตามหญิงสาวที่กระโดดโลดเต้นดีใจที่ตนจะได้เข้าร้านสะดวกซื้อหลังจากที่ไม่ได้เข้ามานานเสียที

“จะไปไหน”

เสียงเจ้าของวังเอ่ยถามดุๆ เมื่อเห็นว่าแขกทั้งสองกำลังจะเดินออกจากตัวคฤหาสน์ไป เขาอยู่ในห้องทำงานได้ยินเสียงมิ้งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนบอกว่าจะออกไปเซเว่นตอนนี้ จึงอดออกมาดูด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“จะพามิ้งไปเซเว่นน่ะ คุณจะเอาอะไรไหม”

“ค่อยไปพรุ่งนี้ตอนเช้าไม่ดีกว่าเหรอ” จีรัชญ์บอกเสียงเข้ม มิ้งเขยิบเข้าไปใกล้ณิชเหมือนหาเกราะป้องกัน มือเรียวกำชายเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่นเพราะกลัวว่าจะโดนจีรัชญ์ดุ

“ผมไปแป๊บเดียว พอดีมิ้งต้องซื้อของใช้จำเป็นน่ะ เรื่องของผู้หญิงคุณก็รู้ว่ามันรอไม่ได้” ณิชโกหกไปว่าอีกฝ่ายมีประจำเดือนเพื่อการออกไปในครั้งนี้จะได้ดูมีน้ำหนัก ชายหนุ่มเจ้าของวังที่ยืนอยู่ที่ชั้นบนมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเรียบนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะบอกออกไป

“เดี๋ยวผมไปด้วย” พูดจบก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องน้ำงาน ปิดประตูล็อกกุญแจให้เรียบร้อยก็เดินลงมา เขาแบมือขอกุญแจรถจากณิชแล้วเดินไปที่รถของเจ้าตัว เพื่อจะได้พาคนทั้งคู่ไปร้านสะดวกซื้อ

มิ้งยิ้มกว้างที่จีรัชญ์ยังใจดีพาออกมาซื้อของ ไม่ลืมกระซิบขอบคุณณิชที่ช่วยโกหกให้เธอ จนเมื่อนั่งรถมาถึงส่วนของตลาดที่มีคนพลุกพล่านเพราะยังอยู่ในช่วงหัวค่ำ จีรัชญ์จอดรถไว้ที่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้วลงไปกับคนทั้งสอง เขาอยากได้กาแฟเย็นของที่นี่สักแก้วเพราะมันตื่นดี

“ขนมน่าทานมาก คุณจะเอาพวกพายไปกินไหม” ณิชถามเมื่อมาหยุดอยู่หน้าตู้โชว์ขนมแบบอุ่นร้อน ในตู้กระจกใสมีขนมหลากหลายชนิดวางเรียงรายให้เลือก กลิ่นหอมของมันยั่วยวนยามมีลูกค้าเปิดออกเพื่อหยิบขนมทำเขาน้ำลายสอ

“คุณชอบแบบไหนก็เลือกมาสิ เอามาสักสองชิ้นก็พอ ตอนกลางคืนไม่ต้องกินพวกแป้งเยอะนักหรอกเดี๋ยวจะอ้วนเอา” คำพูดเรียบๆ แต่ทำให้ณิชรู้สึกอบอุ่นหัวใจ จีรัชญ์เก๊กขรึมแทบตายแต่ท้ายสุดก็คอยห่วงใยเขา

“งั้นเอาพายแอปเปิ้ลกับพายไก่นะ”

จีรัชญ์ไม่ตอบแต่พยักหน้าและเดินไปทางมุมเครื่องดื่มแทน ณิชจึงคีบขนมใส่ถุงกระดาษมาสองชิ้นแล้วเดินตามจีรัชญ์ไป

“คุณดื่มกาแฟตอนนี้จะได้นอนตอนไหนเนี่ย” เขาถามเมื่อเห็นว่าจีรัชญ์กำลังยืนพินิจพิจารณากาแฟหลากชนิดตรงหน้าอยู่

“มันไม่ทำให้ผมตาค้างทั้งคืนหรอก พรุ่งนี้ไม่มีสอนผมจะตื่นสักสิบโมงก็ยังได้”

“คุณไม่อยากตื่นมากินมื้อเช้าที่ผมทำให้เหรอ”

ณิชแสร้งทำเสียงเศร้าหน้าตาที่เคยยิ้มแย้มดูสลดลง จีรัชญ์เงียบไปอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านไปทางตู้แช่แล้วหยิบนมพร่องมันเนยมาหนึ่งขวดแทนกาแฟที่ตั้งใจจะซื้อดื่มในตอนแรก ไม่ลืมคว้าถุงขนมจากมือณิชมาแล้วตรงไปยังเคาร์เตอร์เพื่อให้พนักงานคิดเงิน โดยมีณิชเดินยิ้มตามหลังกับความใจดีของไอ้หาญนี้





โปรดติดตามส่วนต่อไป



ไม่ได้หาย ไม่ได้เท ไม่ได้ทิ้งนะคะ คอมผอบมีปัญหาค่ะเลยไม่ได้มาอัปเลย
ขอโทษคนอ่านที่ทำให้ต้องรอนะคะ
ตอนนี้คอมยังเอ๋อๆ อ๋องๆ อยู่ แต่ผอบแวบมาลงนิยายให้ก่อน
ขอบคุณคนอ่านที่ยังแวะเวียนเข้ามานะคะ ^^

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
แขไขจะมาด้วยรึเปล่า จะเป็นยังไงต่อ

รออ่านตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สมใจกับที่รอ มาหลายวัน

คุณผอบ รักษาสุขภาพตัวเอง (และคอมฯ)ด้วยนะ

ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยคงเส้นคงวา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๑ (ครึ่งหลัง)


จีรัชญ์ไปนั่งรอในรถ ส่วนณิชเดินไปหามิ้งที่กำลังอยู่ตรงโซนเครื่องสำอาง สาวเจ้ากำลังเลือกเครื่องสำอางแบบซองที่ออกใหม่อยู่เสมอๆ จนได้มาหลายชิ้น

“จะซื้อไปทำไมเยอะแยะ”

“หนูไม่รู้จะว่างออกมาอีกตอนไหนนี่พี่ ซื้อไปตุนๆ ไว้ พี่ณิชดูนี่ๆ พี่ว่าลิปสีนี้กับสีนี้สีไหนเหมาะกับหนูมากกว่า”

มิ้งหยิบลิปสติกมาสองแท่ง รูปตัวอย่างที่เขาเห็นบนกล่องก็ดูคล้ายกัน แต่อย่างนั้นมันก็ทำให้รู้สึกต่างกันได้เมื่ออยู่บนริมฝีปากของผู้หญิงที่ชอบแต่งตัว

“ด้านขวาสวยกว่า ดูหวานๆ ดี”

‘สีก็เหมือนกัน จะเลือกไปไย’ เสียงไอ้มั่นดังขึ้นระหว่างที่มิ้งยังคงลังเลว่าจะเอาลิปสติกตามที่ณิชแนะนำดีไหม คนที่มีเพียงวิญาณขมวดคิ้วมุ่นมองของประทินโฉมละลานตาตรงหน้า ทำเอาตาลายไปหมดจนต้องเบ้หน้า

‘สิ่งนี้เจ้ามีแล้ว ข้าจำได้ว่าวันก่อนเจ้าซื้อมา’ มันชี้ไปที่ครีมลอกสิวเสี้ยน

‘เดี๋ยวก็หมด ใช้ไปไม่ถึงสองอาทิตย์ก็หมดแล้ว’

‘อันนี้เจ้าก็มีแล้ว’ ไอ้มั่นชี้ไปในตะกร้าสีส้มซึ่งมีครีมแว็กซ์ขนนอนอยู่ในนั้น

‘เดี๋ยวขนมันก็งอกอีก หนูต้องซื้อไปเผื่อจะได้ไม่ต้องออกมาซื้ออีกไงพี่มั่น’

มิ้งตอบในใจพลางถอนหายใจ ณิชขำคนทั้งคู่ที่กลายเป็นคู่หูกันไปแล้วก่อนจะบอกมิ้งว่าจะออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้มิ้งใช้เวลาอยู่ในนี้ได้เต็มที่โดยไม่ลืมกำชับว่าให้ซื้อผ้าอนามัยไปด้วย เพราะตอนแรกโกหกจีรัชญ์ไว้แบบนั้น

ณิชออกมาจากร้านสะดวกซื้อ เขาได้กลิ่นหมึกย่างบดแต่ถ้าเดินตามกลิ่นไปก็กลัวคนที่รออยู่จะเป็นห่วงเลยเดินไปที่รถก่อน เขาเห็นจีรัชญ์กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่จึงเคาะกระจกฝั่งคนขับเบาๆ จีรัชญ์กดเลื่อนกระจกลงแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“คุณ...ผมจะไปซื้อหมึกบดหน่อย เอาด้วยไหม”

“ไม่เอา” ณิชพยักหน้าทำท่าจะผละออกไปแต่เสียงคนในรถเรียกไว้เสียก่อน

“คุณจะไปซื้อที่ไหน”

“ตรงนั้นครับ” ณิชชี้จีรัชญ์จึงมองตามมือก็เห็นว่าใกล้ๆ เขาพยักหน้าเชิงอนุญาต หนุ่มเมืองกรุงเลยเดินไปซื้อของที่ว่าทันที

รถเข็นของพ่อค้าจอดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งที่มีคนอยู่หนาตา หมึกแห้งหลายขนาดถูกหนีบไว้กับที่หนีบให้เลือกได้ตามใจชอบ เขาไม่รอช้าเดินเข้าไปหยิบแถวบนมาสามตัวทันที เพราะนานๆ จะได้เจอของแบบนี้สักที

“นี่ๆ พ่อหนุ่ม”

ขณะที่เขากำลังยืนรอคิวของหมึกบดอยู่นั้นก็มีคุณยายแก่ๆ เดินเข้ามาทัก รอยยิ้มหวานถูกส่งมาพร้อมฟันปลอมที่ใส่อยู่เต็มปาก

“สนใจดูดวงไหม ยายดูให้ฟรีไม่คิดสตางค์”

“เอ่อ...”

“รู้ไหม เรามีเจ้ากรรมนายเววรติดตามตัวอยู่นะ” คำพูดของหญิงชราทำณิชชะงักไปเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทักกันเรื่องนี้เลย จากที่ลังเลว่าจะยอมให้อีกฝ่ายดูดวงให้ไหมกลายเป็นตอนนี้เขารอคำต่อมาใจจดจ่อ

“ดวงของเราน่ะอาภัพนะ จะรักใครคนนั้นก็มีอันเป็นไป”

อ่า...เริ่มไม่ใช่แล้ว เพราะคนที่มีอันเป็นไปในทุกชาติคือเขา ส่วนคนที่เขารักยังนั่งเป็นอมตะรออยู่ในรถอยู่เลย

“แล้วชาตินี้ผมจะได้เจอเนื้อคู่ไหมครับ” เขาลองถามตามน้ำไป

“ได้เจอสิ แต่อาจต้องพรากจากกันเพราะยังไม่ถึงเวลาต้องคู่กัน”

ณิชถึงกับไปไม่เป็นเมื่อได้ฟัง พยายามบอกว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงคุณยายแก่ๆ ที่ดูดวงไม่แม่นหรอก แต่ก็อดใจหายไม่ได้ว่าหากสิ่งที่คุณยายพูดเป็นความจริงเขาจะทำเช่นไร จะขอโทษไอ้หาญในชาติต่อไปยังไงดี จะปลอบใจอีกฝ่ายที่ต้องทนทรมานเพื่อรอเขาทั้งที่เขาพูดเองว่าชาตินี้จะไม่จากกันอีกแล้ว

“แล้วผมจะเจอเขาเมื่อไหร่ครับ”

“ณิช”

เสียงเรียกชื่อที่คุ้นหูดังขึ้นเขาจึงหันไปหาคนพูด เขายิ้มให้ก่อนจะหันมาหาคุณยายแล้วให้เงินไปสองร้อย

“ไม่ต้องให้ยายหรอกยายบอกแล้วว่าดูให้ฟรี ส่วนที่ว่าจะเจอเขาเมื่อไหร่...ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก” พูดจบคุณยายก็หันไปยิ้มให้หนุ่มตัวสูงที่เดินมาหาณิช ก่อนจะเดินจากไปพร้อมคำทำนายที่ทำเอาคนฟังกลัว

“มีอะไร” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ มองตามหลังหญิงชราที่เดินผ่านหน้าไปเมื่อครู่แล้วหันมารอคำตอบจากคนตัวเล็ก ประจวบกับหมึกย่างบดที่ณิชสั่งไว้ได้พอดีเขาจึงจ่ายเงินให้ เพราะดูเหมือนณิชใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่นัก

แม้กระทั่งกลับมาถึงวังปริพัตรแล้วณิชก็ยังคงมีสีหน้าคิดไม่ตก เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่คุณยายพูด แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็ตรงและบางสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นก็ทำเขาหวั่นใจว่ามันอาจจะจริงก็ได้ หากชาตินี้เขากับไอ้หาญต้องแยกจากกันอีกครั้งล่ะเขาจะทำยังไง ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าชาตินี้ไอ้หาญต้องหลุดพ้นคำสาป แต่ถ้าหาก...

“คุณณิช”

“คะ...ครับ?”

หนุ่มเมืองกรุงสะดุ้งเมื่อรู้สึกโดนแตะที่แขน จีรัชญ์ที่ยังไม่ได้รับคำตอบตั้งแต่ตอนซื้อของเสร็จจึงตามอีกฝ่ายขึ้นมาที่ห้อง ไม่ลืมถือถุงหมึกย่างบดที่ณิชอยากกินขึ้นมาให้ด้วย ส่วนมิ้งยังนั่งทานมื้อดึกที่เพิ่งไปซื้อมาโดยมีไอ้มั่นอยู่เป็นเพื่อน เห็นมิ้งบอกว่าจะจุดธูปให้ไอ้มั่นกินด้วยกัน

“คุณเป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาคุณดูเครียดๆ หรือบาดเจ็บตรงไหนอีก”

จีรัชญ์ยังคงห่วงว่าอีกฝ่ายจะล้มป่วย กลัวเสียเหลือเกินจนต้องถามไถ่เมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของณิช เขาไม่อยากให้อะไรๆ มันเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยที่ตัวเขารู้แล้วแต่ป้องกันไม่ได้ ชาตินี้เขาจะป้องกันทุกทางเพื่อที่ตนเองจะได้ไม่เจ็บมากไปกว่านี้

“คือผม...”

ณิชชะงักไป เขามองใบหน้าคมเข้มของคนที่ยืนตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้มให้ พร้อมกับรับถุงหมึกย่างบดมาถือไว้เอง

“ไม่มีอะไรครับ แค่คิดอะไรเกี่ยวกับงานนิดหน่อย”

“ถ้าคุณป่วยหรือรู้สึกไม่สบายต้องบอกผม” จีรัชญ์ย้ำเสียงเข้ม

“ครับ ผมจะบอกแน่นอน”

ดูเหมือนว่าการโกหกของไอ้มั่นจะทำให้เพื่อนรักอย่างไอ้หาญคิดเป็นจริงเป็นจัง ไอ้มั่นไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะทำให้เพื่อนเป็นทุกข์ขนาดนี้ เพราะแค่อยากหาโอกาสให้เจ้านายตนได้ใกล้ชิดคนที่รักก็เท่านั้น แต่กับไอ้หาญแล้วคำว่าป่วยของคุณปราณทำให้มันกลัวเสมอ

กลัว...แม้ใจจะบอกว่าทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ยังกลัว…





--##--##--##--##--##--##--





คุณชายปราณรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ ทั้งที่ปกติก็ตื่นในเวลานี้อยู่เป็นประจำแต่กลับรู้สึกหนาวสั่น ดูท่าหวัดกำลังจะเล่นงานเขาเสียแล้วกระมังเขาจึงห่อตัวกอดตัวเอง และเลือกเสื้อคลุมไหมพรมที่พับเก็บเข้าตู้เมื่อนานมาแล้วออกมาใช้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย

“ทำไมต้องห่อตัวหนาแบบนั้นล่ะชายปราณ ไม่สบายเหรอลูก” คุณหญิงช่อทิพย์ถามลูกชายด้วยความเป็นห่วงขณะนั่งรอลูกๆ ลงมาทานมื้อเช้าอยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร

“ครับ รู้สึกหนาวๆ คุณหญิงแม่ไม่หนาวเหรอครับ”

“อากาศมันเริ่มชื้นๆ เพราะเข้าช่วงปลายปีก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จก็ไปอยู่ที่อุ่นๆ หน่อย ไม่ต้องออกไปหรอกข้างนอกน่ะ”

คุณหญิงช่อทิพย์ยกแก้วชาจากฝรั่งเศสขึ้นจิบ ภาคใต้มีฝนตกชุกจะบอกว่าหนาวก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ส่วนใหญ่จะมีอากาศเย็นและชื้นจากฝนเสียมากกว่า นี่ฝนก็ตกติดต่อกันมาสองสามวันเพราะข่าวว่าพายุเข้า แพลนที่ว่าจะไปเที่ยวช่วงปลายปีจึงต้องชะลอไว้เสียก่อน แต่หากพายุผ่านไปเธอคงได้ไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนฝูงและลูกๆ อย่างแน่นอน

รายได้หลักของคุณหญิงช่อทิพย์มาจากมรดกที่หม่อมเจ้าจุลปรีชาทิ้งไว้ให้ มีทั้งหุ้นและที่ดินต่างๆ ที่ซื้อไว้เก็งกำไรบ้าง ปล่อยเช่าบ้าง พวกอาคารพาณิชย์ในเมืองต่างๆ ที่เปิดให้เช่าเป็นสำนักงานบ้าง มันมากมายชนิดที่ว่าสามารถจุนเจือวังแห่งนี้ได้สบาย และส่งลูกๆ ได้เรียนจบมีงานทำกันทุกคน

หญิงรตีกำลังจะดำเนินกิจการของตัวเอง โดยจะใช้เงินทุนของตัวเองที่สะสมมาเป็นทุนในการเปิดร้านตัดเสื้อ ตอนนี้เลยวิ่งวุ่นหาทำเลและคงจะไปเปิดที่กรุงเทพฯ เพราะต่างจังหวัดลูกค้ามีไม่เยอะเท่าที่ควร ทำให้ช่วงนี้ลูกสาวคนเล็กต้องวิ่งขึ้นลงกรุงเทพฯ กับที่บ้านอยู่แทบทุกอาทิตย์ อย่างตอนนี้ก็อยู่ใต้ก่อนอีกสักเดือนหน้าก็ต้องขึ้นกรุงเทพฯ ไปดูงานที่จ้างช่างให้ทำร้านให้ว่าจะออกมาตรงใจรึเปล่า

ส่วนชายปราณก็ยังคงเป็นครูสอนดนตรีเช่นเดิม ลูกศิษย์เพิ่มมากขึ้นแต่เจ้าตัวไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยซ้ำยังรู้สึกสนุกกับงาน ไม่รู้เพราะลูกศิษย์คนโปรดอย่างหมออนันต์เอาใจเก่งรึเปล่า เพราะเธอเห็นคนทั้งสองมักออกไปหาอะไรทานด้วยกันบ่อยๆ

“พี่ชายใหญ่ไปทำงานแล้วเหรอครับ” ชายปราณถามหาพี่ชายเมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะลงมาทานมื้อเช้าด้วยกันแต่อย่างใด ทั้งที่ตอนนี้ก็แปดโมงแล้ว

“ไปตั้งแต่ตีห้าแล้วล่ะ เห็นบอกว่ามีเคสผ่าตัดด่วนเข้ามา”

“สวัสดีค่ะคุณหญิงแม่ พี่ชายกลาง” หญิงรตีเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้าพอสมควร ทันได้ยินคุณหญิงแม่ตอบพี่ชายกลางเรื่องพี่ชายใหญ่ด้วย

“พี่ชายใหญ่คงกำลังจะได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแน่ๆ ขยันขนาดนี้คงไม่พ้นตำแหน่งนี้ไปได้” เมื่อหญิงสาวร่างบางระหงนั่งลงตรงข้ามพี่ชายก็เอ่ยแซวคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะด้วย คุณหญิงช่อทิพย์จึงเอื้อมมือไปตีแขนลูกสาวเบาๆ

“ไปแซวพี่เขา เดี๋ยวเถอะ”

“หญิงพูดจริงนี่คะ จะหาคุณหมอที่ขยันเท่าพี่ชายใหญ่ได้ที่ไหน อ้อ...เว้นคุณหมออนันต์ไว้สักคน เพราะรายนั้นก็ขยันมาขายขนมจีบครูสอนดนตรีเสียเหลือเกิน”

หญิงรตีเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นคนตรงหน้า สาวเจ้าพูดจบก็หัวเราะขำกับใบหน้าที่แดงระเรื่อของพี่ชาย คุณหญิงช่อทิพย์ที่รู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้างถอนหายใจอยากจะบิดเนื้อลูกสาวให้เขียวเสียจริงๆ

ในตอนแรกเธอไม่ใครชอบใจนักที่หมออนันต์พยายามตีสนิทลูกชายทั้งสองของเธอ แต่นานวันเข้าฝ่ายนั้นไม่ได้มาเรียนเปียโนอย่างที่ปากพูดไว้อย่างเดียว ยังหอบหิ้วของมาเยี่ยมเยียนและมักหอบหิ้วของฝากมาเสมอ อีกทั้งยังช่วยเหลือยามคนงานที่บ้านไม่อยู่ทำงานให้เธอได้ดั่งใจก็ชักจะใจอ่อน คุณหมอที่วันๆ มือจับแต่ปากกาและกระดาษรายงานอาการป่วยของคนไข้ ดูจะจับจอบจับเสียมได้ทะมัดทะแมงจนเธออึ้งไปหลายครั้ง จนตอนนี้กลายเป็นการไปมาหาสู่ของหมออนันต์กับชายปราณดูเป็นเรื่องปกติของวังปริพัตรไปแล้ว

เธอไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งที่หมออนันต์ทำนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะสายตาของหมออนันต์ยามมองชายปราณดูลึกซึ้งหวานหยดจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเสียหลายครั้ง ทำเป็นไม่เห็นว่าลูกชายตนเองมีท่าทีเคอะเขินกับสายตานั้นบ้าง ทำเป็นไม่สนใจยามชายปราณชะเง้อคอมองหาอนันต์เมื่อฝ่ายนั้นมาหาตนช้าบ้าง เพราะเหตุนี้จึงพอเข้าใจได้ว่าลูกคนกลางของเธอกับหมอหนุ่มดูจะมีอะไรในใจกันโดยที่เธอรู้ได้แบบที่ไม่ต้องเอ่ยความ

คุณหญิงช่อทิพย์ไม่ใช่คนหัวโบราณ แต่ก็ไม่ได้สมัยใหม่จนคิดว่าเรื่องรักชอบเพศเดียวกันคือเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ยอมรับได้ ตอนนี้จึงปรามๆ ไม่ให้ลูกชายและหมอหนุ่มคนนั้นออกหน้าออกตาเกินไปนัก หากอยู่ในวังหรือที่มิดชิดก็ย่อมได้ แต่หากไปข้างนอกก็ต้องวางตัวให้ดีให้สมเกียรติท่านชายที่เป็นบิดาด้วย

ชายปราณเหลือบมองคุณหญิงแม่ของตนที่ตอนนี้นั่งทานข้าวต้มกุ้งต่อไปถึงแม้หญิงรตีจะพูดเย้าแหย่เขาแบบนั้นก็ตาม ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับหมออนันต์พัฒนาขึ้นจากในช่วงแรกไม่น้อย ความรู้สึกค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นจนกลายเป็นใจตรงกันในที่สุด อีกทั้งคุณหญิงแม่ก็ไม่ปริปากบ่นหรือซักไซ้ไล่เลียงอะไร เพียงแค่ปรามๆ ยามที่เขากับคุณอนันต์ใกล้ชิดกันเกินไปเท่านั้น

วันนี้ก็เหมือนดังเช่นวันก่อนๆ ที่อนันต์มักแวะมาหาเขาหลังเลิกงาน ใช้คำว่าลูกศิษย์เข้าหาคุณครูสอนเปียโนจนชายปุณยังออกปากแซวอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อหญิงรตีที่ไปกระซิบบอกชายปุณว่าเพื่อนของเจ้าตัวกำลังสร้างต้นรักกับพี่ชายกลางก็ทำเอาชายปุณถึงกับอึ้งไปหลายวัน สังเกตอาการเพื่อนกับน้องชายตัวเองไปด้วยก็ถึงกับเข้าใจในทันที กลายเป็นว่าตอนนี้คนในวังปริพัตรต่างรับรู้โดยทั่วกันว่าคุณชายปราณมีคนที่หมายปองอยู่ในใจแล้ว

“รอนานไหมครับ”

อนันต์เอ่ยถามคนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนรอรับเขาอยู่ที่หน้ามุขของคฤหาสน์ ชายปราณทำเพียงยิ้มให้แล้วเดินนำเข้าด้านใน เหล่าสาวใช้ก็จัดเตรียมของว่างเข้าไปไว้ในห้องดนตรีเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหลบออกมาและปิดประตูห้องให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้านาย

“พี่ชายใหญ่บอกว่าคุณอนันต์ติดคนไข้อยู่ผมเลยทำอย่างอื่นรอ”

“อย่างเช่นวาดรูปน่ะเหรอครับ” อนันต์ถามพร้อมยิ้มหวานให้ชายปราณ

เขาเดินเข้าไปใกล้ขาตั้งที่กางรับกระดานวาดรูปซึ่งมีกระดาษหนีบอยู่ ตอนแรกผ้าถูกปิดไว้เขาจึงเปิดออก ชายปราณห้ามไม่ทันเพราะสิ่งที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้นมันห่างไกลคำว่าสวยงามจนทำเขาอาย อนันต์มองภาพให้ถ้วนทั่ว ภาพที่เห็นยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นัก แต่ที่ชัดสุดเห็นทีจะเป็นขาที่ใหญ่ไม่เท่ากันของตัวเปียโนที่คล้ายกับตัวที่ตั้งอยู่ในห้องนี้

“ครับ อยากลองหางานอดิเรกทำคลายเครียดเลยขุดวิชาวาดภาพเมื่อตอนเรียนมหา’ ลัยมาวาดดู แต่ก็อย่างที่เห็นมันค่อนข้างแย่” ชายปราณตอบอย่างเสียดาย ทำท่าจะดึงผ้าปิดเช่นเดิมแต่อนันต์กลับยื้อไว้

“เช่นนั้น... วันนี้ไม่ต้องเล่นเปียโนแต่ผมจะสอนคุณชายวาดรูปเองนะครับ”

“คุณวาดรูปเป็นด้วยเหรอครับ”

“ก็พอได้นิดหน่อย แต่...สวยกว่ารูปนี้แน่นอนครับ”

เพียงเท่านี้กำปั้นเล็กก็ทุบเข้าที่แขนเขาเบาๆ เพราะคนพูดดันไปทำให้คุณชายปราณอายเข้าเสียแล้ว

ไอ้หาญยิ้มเมื่อเห็นแก้มแดงระเรื่อของคนช่างเขิน เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ช่างน่ามอง รอยยิ้มอ่อนๆ พร้อมริมฝีปากที่เม้มไว้เพราะข่มอาการเขินอายทำมันอยากหอมสักฟอด ในเรื่องดนตรีมันอาจสู้คุณปราณในชาตินี้ไม่ได้ แต่เรื่องวาดรูปมันไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน เพราะไอ้หาญฝึกปรืองานอดิเรกที่คนชอบกันมาหลายอย่างแล้ว แต่ดูเหมือนการวาดภาพจะเป็นสิ่งที่มันถนัดที่สุด

ความสนใจในค่ำวันนี้เปลี่ยนจากเปียโนหลังใหญ่มาเป็นกระดานวาดภาพแทน ชายปราณนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้โดยมีอนันต์นั่งประกบไม่ห่าง ความใกล้ชิดและมือจับซ้อนทับกันบนดินสอร่างภาพ ทำให้หัวใจสองดวงเต้นอย่างหนักหน่วงไปพร้อมกัน ใบหน้าคมคายของชายหนุ่มร่างสูงโน้มเข้าหาคนตัวเล็กจนปลายจมูกเกือบได้ชิดแก้มใส

ความหอมอ่อนๆ ที่โชยเข้าจมูกอยู่เรื่อยๆ ยามลมจากภายนอกพัดเข้าห้องมา ผสมกับกลิ่นของดอกพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกอยู่รอบวังทำให้ไอ้หาญชื่นใจ เผลอก้มลงสูดดมซอกคอหอมใกล้ๆ ด้วยความหลงใหล ก่อนจะกดจูบไปบนแก้มเนียนโดยไม่ทันตั้งตัว

“อ๊ะ!”

คุณชายปราณสะดุ้งเพราะนี่คือสัมผัสที่ใกล้ชิดที่สุดสัมผัสแรกระหว่างพวกเขาสองคน แต่เขากลับไม่รู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด ซ้ำยังเอียงแก้มหลบด้วยความเขินอายทำทีเป็นไม่รู้สึกอะไร แต่ยิ่งทำแบบนั้นเหมือนอีกฝ่ายจะได้ใจ กดปลายจมูกโด่งเข้าหาแก้มเขาอีกครั้งจนครั้งนี้รู้สึกได้ชัดเจน

“หอมเหลือเกิน”







โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คำทำนายของยายคืออะไร ต้องรอไปอีกชาติหรอ

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมือนทุกอย่างเป็นใจ

แต่...............



ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตามอ่านทันแล้ว สนุกมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๒ (ครึ่งแรก)



กลิ่นหอมของดอกพุดน้ำบุษย์หรือจะสู้ความหอมจากแก้มนิ่มของคุณปราณได้ ไอ้หาญดีใจเป็นที่สุดที่การกระทำอุกอาจของมันในครั้งนี้ไม่โดนอีกฝ่ายผลักไส มันอดใจไม่ไหวต้องหอมแก้มคุณปราณย้ำไปอีกครั้งทำเอามือที่ถือดินสออยู่ถึงกับทำดินสอหลุดมือ

“คุณอนันต์”

เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาราวกระซิบ ดวงตาสวยเหลือบมองสบกับตาคมที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว ความใกล้ชิดทำให้เขาเห็นเงาตัวเองในตาของอีกฝ่ายชัดเจน กลีบปากนิ่มเม้มกัดข่มความเขินอายไว้ก่อนจะหลุบตาต่ำ

“หากคุณชายไม่พอใจผมต้องขออภัยด้วย การหักห้ามใจของผมมันยากมากเมื่ออยู่ใกล้กับคนที่หัวใจหลงรัก”

คำหวานที่เอื้อนเอ่ยออกมาทำคุณชายปราณถึงกับลอบยิ้ม เอ็นดูในคำพูดคำจาของอีกฝ่ายที่พยายามโอ้โลมเขาเหลือเกิน ที่พูดมานี้ไม่รู้หอบน้ำตาลทั้งโรงงานมาหมดรึยัง เพราะถ้ามีอีกหัวใจเขาคงรับไม่ไหวแน่ๆ มันคงเต้นตุบตับสะเทือนไปทั่วอก

“ถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้คงไม่มีสมาธิสักเท่าไหร่ ถอยออกห่างหน่อยเป็นไรผมจะได้ลองวาดภาพให้คุณดูได้”

คุณชายปราณเอ่ยถามเสียงนุ่ม อนันต์ถึงกับยิ้มกริ่มที่นอกจากอีกฝ่ายจะไม่โกรธหรือต่อว่าที่โดนตนขโมยหอมแก้มแล้ว ยังพูดด้วยน้ำเสียงปกติราวกับเรื่องเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดแต่อย่างใด

“ผมขอพักเรื่องวาดรูปไว้ก่อนได้ไหมครับ เพราะตอนนี้ผมอยากรู้เรื่องหัวใจของคุณชายมากกว่า”

“จะรู้ไปทำไมครับ” คุณชายปราณหันหน้ามามองอีกฝ่ายตรงๆ เอี้ยวตัวมาอีกเล็กน้อยเพื่อจะได้มองหน้าอีกฝ่ายให้ถนัด

“คนเราปลูกต้นไม้ก็ต้องการรอดูผลของมัน ผมก็เช่นกัน...ปลูกต้นรักก็อยากรู้ว่าต้นที่ปลูกไว้มันออกดอกแล้วหรือยัง” แววตาหวานของคนพูดทอดมองอีกฝ่ายเพื่อสื่อให้รู้สิ่งที่หัวใจรู้สึกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า

วาจาคมคายของเจ้าหนุ่มทำไอ้มั่นที่แอบมองอยู่ยิ้มขำ ดูเหมือนชาตินี้เพื่อนมันจะรุกคุณปราณแรงเสียจริงหย่อนคำหวานไว้ไม่มีตกเลย คุณปราณหรือก็เหนียมอายแต่ยังไว้ท่าทีของชายสูงศักดิ์ ไม่ได้เขินจนเกินงามราวแม่หญิงวัยสาว

“คุณหมั่นรดน้ำพรวนดินมีหรือมันจะไม่ออกดอกให้ได้ชม”

คุณชายปราณตอบเสียงเรียบแต่มุมปากยกยิ้มบาง ถ้อยคำที่เอ่ยออกไปก็มีความหมายอยู่ในที ความเป็นหม่อมราชวงศ์เด่นชัดในสายเลือดจึงดูมีท่าทีราวไม่สนใจคำโอ้โลมนั้น แต่หากแท้จริงแล้วหัวใจสั่นไหวแทบหลุดจากอกยามอนันต์ขยับเข้ามาใกล้

“แล้วถ้าหากผมจะเด็ดดอกรักมาชมสักครั้งจะได้ไหมครับ”

คำพูดของคนทั้งสองที่ไม่ได้สื่อถึงเรื่องต้นไม้สักนิดแต่คนก็เข้าใจในจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ ชายปราณไม่ได้ตอบแต่หันหน้ากลับมาสนใจกระดาษวาดรูปตรงหน้าแทน อนันต์ยิ้มขำกับการตัดบทเสียดื้อๆ ของเจ้าตัว

มือใหญ่จับปลายคางคนที่หลบหน้าตนไว้เพื่อให้หันมามองกันดีๆ กลีบปากอิ่มดูเย้ายวนจนอยากจะบดเบียดให้ช้ำเสียเดี๋ยวนี้ ไอ้หาญมองริมฝีปากของคุณปราณไม่วางตา ส่งสายตาไปชัดเจนว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร จนกระทั่งใบหน้าของมันเคลื่อนเข้าหาสิ่งที่ยั่วเย้าความต้องการอยู่ตรงหน้า คุณปราณไม่คิดหลบมันแม่แต่น้อย มีแต่ดวงตาคู่สวยไหวระริกราวกับไม่มั่นใจก่อนจะหลับตาเป็นการตอบรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประทับประกบกันในที่สุด ไม่มีการขัดขืนหรือฝืนใจแต่อย่างใด มือไม้ของคุณชายปราณที่ไม่รู้จะวางที่ได้จับชายเสื้อของหมออนันต์ไว้แน่นจนยับยู่ องศาหน้าที่เอียงรับรสจูบที่แสนหวานพร้อมตาสวยที่หลับพริ้มเพื่อรับรู้สัมผัสที่แน่ชัด มันสื่อว่าเจ้าตัวพึงพอใจกับการกระทำของอีกฝ่ายในครั้งนี้

อนันต์ขยับปากขบเม้มริมฝีปากนิ่มเบาๆ หยอกล้อลิ้นร้อนยามที่คุณชายปราณเปิดปาก ความอ่อนหวานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโหยหา จูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เก็บกักมานานนับร้อยปีทำให้คนตัวเล็กถึงกับอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอด

อนันต์อุ้มร่างเล็กของคุณชายขึ้นแนบออก และวางอีกฝ่ายลงบนโต๊ะที่ติดกับผนังอีกฝั่งของห้อง เก้าอี้ตัวเล็กหรือจะสู้โต๊ะตัวยาวได้ อารมณ์ที่เริ่มเตลิดไปไกลทำให้คุณชายปราณยอมให้อนันต์ลูบไล้มือไปตามผิวเนียนที่อยู่ใต้เสื้อ กระดุมเสื้อถูกปลดออกทีละเม็ดจนมันเผยผิวขาวเนียนให้ได้เห็น ไฟที่เคยเปิดสว่างทั่วทั้งห้องถูกหรี่ลงให้เหลือเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้น และความสลัวของมันยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ความต้องการให้เพิ่มสูงขึ้น

คุณชายปราณหอบหายใจหนักๆ ราวกับคนวิ่งมาหลายสิบกิโล แก้มแดงซ่าจากความเขินอายและอารมณ์หวามไหว เขามองชายหนุ่มที่แทรกกายอยู่กลางหว่างขาตน อีกฝ่ายจงใจบดเบียดร่างเข้าหาเพื่อให้บางส่วนที่มันตื่นตัวเสียดสี มือเรียวประคองใบหน้าคมสันของอนันต์ไว้ก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อนบ้าง

ไอ้หาญแทบอดรนทนไม่ไหว เมียรักที่มันเฝ้ารักเฝ้าคิดถึงมานับร้อยปีอยู่ตรงหน้า ท่าทางที่ดูไม่ประสากับเรื่องอย่างว่าเท่าไหร่ดูน่าเอ็นดู คุณปราณสะดุ้งเล็กน้อยยามที่มันปลดกางเกงลงเผยให้เห็นส่วนกลางกายที่ใหญ่โตผงาดพร้อมรบ กายบางสั่นจนมันต้องกอดไว้เพื่อปลอบประโลม

“ระ...เรา...เราทำแบบนี้มันจะดีเหรอครับ”

ชายปราณถามเสียงสั่น อนันต์มีเพียงแค่เสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมทุกเม็ดบนกาย ส่วนกางเกงแสลคเนื้อดีก็ร่นลงไปกองอยู่ที่ต้นขาซึ่งดูอีกฝ่ายไม่ได้อายอะไรกับสิ่งที่ทำอยู่เลย แต่เขากลับไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่นี้เท่าไหร่นัก

“หากคุณชายไม่ต้องการผมจะหยุด หยุดแค่ตรงนี้และจะไม่ทำแบบนี้อีกจนกว่าคุณชายจะพร้อม” อนันต์พูดเสียงน้ำเสียงจริงจัง สื่อให้รู้ว่าเขาพร้อมรับทุกการตัดสินใจของอีกฝ่าย แม้ตอนนี้ตนเองจะปวดหนึบที่ส่วนนั้นจะแย่แล้วก็ตาม

“เราไปที่ห้องผมไม่ดีกว่าเหรอครับ ห้องนี้มัน...”

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะครับ” อนันต์หอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่เมื่อได้ยินเสียงสั่นๆ ของอีกฝ่ายพูดพร้อมใบหน้าที่แดงจัดสื่อให้รู้ว่าเขินมาก

อนันต์เก็บอาวุธของตัวเองเข้ากางเกงให้เรียบร้อย คุณชายปราณติดกระดุมเสื้อและจัดผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง อนันต์จูงมืออีกฝ่ายออกจากห้องดนตรี เขามองซ้ายแลขวาเมื่อไม่เห็นคนของวังปริพัตรอยู่แถวนี้จึงดึงคุณชายปราณให้ออกมาจากห้องดนตรี แสงสว่างหน้าห้องชัดเจนจนเห็นแก้มสีระเรื่อของคนที่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย

คุณชายปราณเดินนำขึ้นบันไดไปยังชั้นบนตรงไปยังห้องนอนของตนทันที เมื่อเปิดประตูเข้ามาอนันต์ก็พบกับความสวยงามในการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ ทุกอย่างในห้องนี้ทำจากไม้ทั้งสิ้น มันถูกทาสารเคลือบเงาจนวาววับและแทบไม่มีฝุ่นเลย อีกทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ หอมในห้องสื่อให้รู้ว่าเจ้าของห้องเป็นคนรักสะอาดเพียงใด

แต่ที่สะดุดตาเห็นทีจะเป็นเตียงสี่เสา ม่านขาวบางพลิ้วถูกมัดรวบไว้ตามต้นเสาทั้งสี่ ลมเย็นๆ พัดเข้าห้องผ่านบานประตูที่ถูกติดมุ้งลวดไว้ ส่วนพัดลมเพดานก็ถูกเปิดใช้งานเพื่อคลายความร้อนยามค่ำคืนได้

“เอ่อ...”

มาถึงตอนนี้คุณชายปราณมีท่าทีอึกอักเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อดี เขายอมรับว่าเมื่อครู่อารมณ์เตลิดไปไกลจนอยากลองในสิ่งที่ไม่เคยลอง แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนอนตัวเองและอนันต์ยืนอยู่ตรงหน้า โดยที่ส่วนนั้นยังโป่งนูนขึ้นลำเด่นชัดก็ขัดเขินจนทำอะไรไม่ถูก

อนันต์ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเข้าประชิดตัวคนตัวเล็กทันทีอย่างไม่คิดรีรอ ปลายจมูกโด่งกดลงที่หน้าผากมนก่อนจะไล่เรื่อยลงมาตามแก้มเนียน ซอกคอที่หอมอ่อนๆ เพราะน้ำหอมราคาแพงทำให้เขาสูดดมความหอมอยู่นาน ร่างกายคนทั้งสองกอดเกี่ยวกันราวกับอารมณ์ที่ถูกหยุดไว้เมื่อครู่จุดติดขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแค่ปลายมือสัมผัสจากอนันต์ก็ทำให้ชายปราณอ่อนระทวยได้ ความเขินอายยังมีอยู่มาก แต่เพราะความต้องการที่อยากลองและอยากมอบร่างกายให้คนที่ตนเองหมายปองก็ไม่อาจห้ามได้ เขาจึงเอนกายนอนราบไปบนที่นอนปล่อยให้อนันต์ขึ้นคร่อมโดยที่เสื้อผ้าหลุดจากกายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบได้

ร่างกายกำยำของไอ้บ่าวซื่อคร่อมร่างบอบบางของคนรักไว้ หัวใจกระหน่ำเต้นรัวอยู่ในอกเพราะรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ครอบครองคุณปราณอีกครั้ง มือหยาบกร้านของมันไล้ไปตามผิวเนียนด้วยความหลงใหล สายตาที่แสดงออกมาไม่ปกปิดความรู้สึกใดไว้เลยจนคุณชายปราณถึงกับต้องหลบสายตา

ร่างกายเปลือยเปล่าของคนทั้งสองเบียดเสียดสีจนความกำหนัดในกายร้อนรุ่มไปหมด ขาเรียวถูกดันให้อ้าออกกว้าง พวงแฝดและแท่งลึงค์สีสวยเด่นอยู่ตรงหน้า มันกำลังตื่นขึ้นเพราะการปลุกปั่นของคนตัวใหญ่ คุณชายปราณเอามือมากุมปิดแต่อนันต์กลับรั้งมือนั้นออก เขาก้มลงจูบที่ส่วนนั้นเบาๆ ด้วยความทะนุถนอม

“อ๊ะ! คุณอนันต์” ชายปราณสะดุ้งเฮือกตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย อนันต์ทำเพียงแค่จุ๊ปากเลยเงยหน้าขึ้นมองผ่านหว่างขาเรียวสวย เขากดจูบที่ต้นขาด้านในทั้งสองข้างและเริ่มบรรเลงบทรักของตนในทันที

ช่องทางสีสวยมีจีบปิดสนิทอย่างที่ไม่เคยมีใครได้รุกล้ำขมิบตอดนิ้วที่กำลังแทรกผ่านเข้าไปเพื่อเปิดทางให้คุ้นชิน เสียงครางแผ่วเบาของคุณชายปราณมีมาเป็นระยะๆ ความเจ็บปวดเกิดขึ้นแต่เขาก็พอทนได้ สิ่งเดียวที่ช่วยให้เขาไม่เจ็บมากคือน้ำลายที่อนันต์ช่วยลดความฝืดเคืองลง

“อ๊ะ! อ๊า...” ชายปราณหลุดเสียงครางลั่นออกมาเมื่อรู้สึกว่านิ้วที่ขยับเข้าออกถึงสองนิ้วแตะโดนบางจุดที่ทำให้เขาเกือบปลดปล่อย ยิ่งนิ้วโป้งย้ำส่วนที่อยู่ระหว่างพวงแฝดทั้งสองกับช่องทางรักมันยิ่งกระตุ้นให้เขารู้สึกจนต้องบิดกายเร่าๆ

อนันต์ยืดกายขึ้นมาหอมขมับที่ชื้นเหงื่อของคนตัวเล็ก เขาใช้อีกมือรูดรั้งส่วนนั้นให้คุณชายปราณเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ทรมานมากนัก โดยที่มืออีกข้างก็ยังขยับนิ้วเข้าออกช่องทางรักไม่หยุดจนในที่สุดคุณชายปราณก็ปลดปล่อยออกมา

“อ๊า! แฮ่ก...แฮ่ก...”

หน้าหวานบี้ไปบนหมอนเมื่อถึงจุดสุดยอดไปแล้วหนึ่งครั้ง ร่างกายเกร็งกระตุกจนน้ำออกมาหมดทุกหยาดหยดถึงจะนิ่งสงบ เหลือเพียงแรงหอบหายใจบางเบาเท่านั้น

“เก่งมากครับ” อนันต์ชมเปาะที่อีกฝ่ายไม่ขัดขืน อาจมีเขินอายบ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดกับปัดป้องไม่ให้เขาทำให้

อนันต์กวาดน้ำรักที่เลอะหน้าท้องและมือเขาเพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการสอดใส่ ชายปราณปรือตามองคนที่กำลังทำอะไรบางอย่างกับช่องทางหลังของเขา ก่อนจะรู้สึกได้ว่าส่วนที่กำลังจะเข้ามาเติมเต็มไม่ใช่นิ้วอีกต่อไป

ส่วนปลายของอาวุธกลางกายของอนันต์จ่อที่ทางเข้า น้ำเหนียวเยิ้มซึมออกมาเพื่อสื่อถึงความกำหนัดที่ไม่อาจมีสิ่งใดมาขวางกั้นได้อีกแล้ว เขาค่อยๆ แทรกกายเข้าไปในร่างของคุณชายปราณทีละน้อย แต่คนใต้ร่างกลับกัดฟันกรอดเกร็งไปทั้งตัวเพราะความเจ็บ

“ไม่ไหว...ไม่ไหวครับ มันเจ็บมากครับคุณอนันต์”

ชายปราณร้องบอกเสียงสั่นน้ำตาคลอ ไอ้หาญเห็นยอดดวงใจของมันเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกผิดจนต้องหยุดทุกอย่างไว้ก่อน ส่วนปลายของมันเข้าไปได้แค่หน่อยเดียวก็แช่ค้างไว้รอให้อีกฝ่ายพร้อม

อนันต์จูบปลอบคนตัวเล็กในอ้อมกอดไปเรื่อยๆ ลองขยับเอวเบาๆ เพื่อลองเชิงดูว่าช่องทางรักสีสวยรับตัวตนของมันได้อีกไหม เมื่อเห็นว่าเริ่มขยับได้ก็เพิ่มความลึกเข้าไปอีกจนในที่สุดก็เข้าไปมิดลำ ซึ่งแลกมากับเสียงหวีดเบาๆ ด้วยความเจ็บของคุณชาย และรอยจิกเล็กที่กลางหลัง

แรงโยกกายขยับสะโพกเปลี่ยนจากเนิบนาบเชื่องช้ามาเป็นเร็วขึ้น เสียงครางเครือและหยาดน้ำตาจากความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นเสียงครางอย่างสุขสมยามจุดเสียวกระสันโดนกระแทก ม่านถูกปลดลงเพื่อปกปิดกิจกรรมที่แสนเร่าร้อนนี้ให้มีเพียงแค่เขาสองคนที่ถูกโอบล้อมด้วยความรักอยู่บนเตียงหลังกว้าง

อ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดคนรักไว้ราวกับจะกลืนกินอีกฝ่ายเข้าไปทั้งตัวไม่ปล่อยห่าง ช่วงล่างยังทำหน้าที่เติมเต็มความต้องการของกันและกันไม่มีหยุด แรงตอดรัดจากภายในทำให้อนันต์กัดฟันกรอด กดจูบไปทั่วหน้าหวานและดูดกลืนยอดออกเม็ดเล็กที่ล่อตาล่อใจเพื่อคลายความเสียวซ่าน

คุณชายปราณแอ่นอกรับความอุ่นชื้นจากปากหยักที่ครอบลงมา เสียงครวญครางแผ่วเบายามใกล้ถึงฝั่งฝันอีกครั้ง เขาสาวรูดส่วนนั้นของตัวเองพร้อมกับแรงกระแทกกายของอนันต์ที่ตอกเข้าหาไม่หยุด สะโพกสอบไม่เว้นจังหวะให้เขาได้พักเลย ช่องทางรักยังรับแก่นกายที่สอดใส่เข้ามาจนไร้ความเจ็บปวดใดๆ อีกแล้ว

“อ๊ะ...อ๊ะ...ผมจะเสร็จแล้วครับ”

“งั้นเสร็จพร้อมกันนะครับ”

อนันต์กระซิบบอก พยายามเร่งเครื่องไปให้ทันคุณชายปราณที่ใกล้ปลดปล่อยเต็มทน ก่อนคนทั้งคู่จะฉีดพ่นน้ำรักออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

ระยะเวลาการรอคอยที่ยาวนานวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ไอ้หาญซ่อนความดีใจไว้ไม่มิดเมื่อมันได้ครอบครองร่างนี้อีกครั้ง และเพียงแค่ครั้งเดียวคงไม่สามารถทดแทนเวลาที่มันใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ มันจึงตักตวงจากร่างบอบบางนี้ไปอีกหลายครั้งจนคุณปราณต้องร้องขอเสียงแหบแห้งว่าให้พอ

“ผมไม่เคยรู้ว่าคุณจะมีความต้องการมากขนาดนี้”

ชายปราณพูดขึ้นขณะที่นอนพิงแผ่นอกกว้าง อนันต์หัวเราะกับคำพูดนั้นก่อนจะรั้งคุณชายปราณมาจูบซับที่ซอกคอด้วยความหวงแหน ร่างเปลือยของคนทั้งสองคลอเคลียกกกอดกันอยู่บนเตียงหลังกว้าง ภายใต้ผ้าห่มผืนบางที่เนื้อแนบเนื้อให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกัน แต่แล้วหางตาของชายปราณก็ไปสะดุดกับเงาที่อยู่ตรงระเบียงห้อง

“นั่นใครน่ะ!”







โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
คุณชายเห็นมิ่งแล้วววว

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
“คุณหมั่นรดน้ำพรวนดินมีหรือมันจะไม่ออกดอกให้ได้ชม” 

ชอบอ่ะ

แล้วใครกันที่....แอบ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
นั่นนะสิ “นั่นใครน่ะ!” มาแอบส่อง คุณปรานแซ่บทุกชาติ  :impress2:  :-[

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อิจฉาไอ้มั่นที่อยู่ข้างเตียง :ling1:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
“หากคุณชายไม่พอใจผมต้องขออภัยด้วย การหักห้ามใจของผมมันยากมากเมื่ออยู่ใกล้กับคนที่หัวใจหลงรัก”  เขินประโยคนี้
แหม หายไปพีกนึงมาพร้อมกับnc ฟินมาก55555 คิดถึงทั้งสองคนนนนนนน

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๒๒ (ครึ่งหลัง)



เขาสะดุ้งเพราะเมื่อหันไปดูเต็มๆ ตาก็เห็นว่ามีเงาของคนยืนมองเข้ามาในห้องจริงๆ จึงรีบตวาดถามออกไป ซึ่งห้องเขาอยู่ชั้นสองและเป็นส่วนด้านหลัง หากมีคนลอบปีนขึ้นมาก็ย่อมได้ และมันคงไม่ดีนักหากจะมีใครมาเห็นว่าเขากำลังมีเวลาส่วนตัวกับอนันต์แบบนี้

หมออนันต์ลุกขึ้นนั่งมองตามสายตาของคุณชายปราณผ่านม่านผืนขาวบางออกไป ด้วยความที่ตอนนี้เป็นช่วงค่ำไร้แสงสว่างอย่างตอนกลางวันทำให้เขาเห็นไม่ชัดนัก ไฟในห้องที่เปิดไว้ก็สลัวๆ ไม่ได้เปิดสว่างจ้าอย่างที่ควรจะเป็นเพราะอยากสร้างบรรยากาศกับกิจกรรมเมื่อครู่ คุณชายปราณแหวกม่านคว้าเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาสวมแล้วจากเตียงลงไปดู แม้จะเดินไม่ถนัดนักเพราะเพิ่งผ่านการร่วมรักครั้งแรกมาแต่ก็ฝืนเดินไปจนได้ เขาเข้าไปใกล้เงาตะคุ่มที่หลบอยู่หลังบานประตูระเบียง

“คุ...ณ...คุณเป็นใคร”

ชายปราณถามออกไปเมื่อเห็นว่าเงาที่ตนเคยเห็นก่อนหน้านี้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นกระหน่ำรัวในอกด้วยเพราะจำได้ว่าเคยเห็นหน้าคนคนนี้มาก่อน ยิ่งเครื่องแต่งกายที่แปลกตาในผ้านุ่งโจงกระเบนเขายิ่งจำได้ ผิวคล้ำกร้านแดดและใบหน้าที่ดูคุ้นตาอย่างประหลาด

แต่ก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบอะไรก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที ปวดหัวจี๊ดจนต้องนิ่วหน้า อนันต์เข้ามาประคองคนที่กำลังเซจะล้ม เขาหันไปมองไอ้มั่นที่รีบลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายตนกำลังจะล้มลง

“อะ...โอ๊ย! ...โอ๊ย!! ปะ...ปวดหัว ผมปวดหัว”

ชายปราณบอกเสียงสั่นมือกุมหัวที่กำลังปวดตุบๆ แทบระเบิด เขาหลับตาปิดสนิทเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมันทำให้เขาทรมาน ภาพบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวเหมือนกับเขากำลังฝัน มันวูบวาบจนเวียนหัวและรู้สึกคลื่นไส้เป็นที่สุด

“อึก...ปวดหัว...ฮึก...เจ็บ...โอ๊ย!”

อนันต์เห็นท่าไม่ดีตวัดร่างบางของอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อพาไปที่เตียง สีหน้าของคุณชายปราณไม่ดีเลย มือทั้งสองข้างกุมหัวดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง น้ำตาซึมที่หางตาจนรู้สึกสงสาร

‘คุณปราณเป็นกระไรรึ ไอ้หาญ! กูทำให้คุณเขาเป็นอย่างนั้นรึ’

ไอ้มั่นถามเสียงร้อนรน ตอนแรกมันเองคิดว่าคุณปราณคงไม่เห็นมันดังเช่นที่แล้วมาหรอก มันแอบอยู่ตรงประตูไม่ได้แอบมองตอนคุณปราณกับไอ้หาญทำรักกันหรอกนะ เพียงแต่นั่งชมจันทร์อยู่ที่ระเบียงนั่นแหละ แต่ก็ไม่คิดว่าคุณปราณจะเห็นมันเข้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะเห็นมันแต่อย่างใดแต่วันนี้กลับเจอจังๆ

คุณชายปราณดิ้นอยู่สักพักก่อนจะผ่อนแรงลง เสียงหายใจเหนื่อยหอบยังคงอยู่พร้อมเหงื่อผุดซึมตามกรอบหน้า สีหน้าดูอ่อนเพลียตาปรือปรอยหางตามีน้ำตาซึมออกมาก่อนจะโดนนิ้วเรียวของหมออนันต์เกลี่ยเช็ดให้

“คุณเป็นยังไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหม”

คุณชายปราณส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงและหลับไปอย่างรวดเร็ว ไอ้หาญหันไปมองหน้าไอ้มั่นด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไร เหตุใดคุณปราณจึงเห็นไอ้มั่นได้ หรือว่าคำสาปกำลังแสดงผลว่าเขากับคุณปราณอาจจะหลุดพ้นคำสาปได้เมื่อคุณปราณเห็นไอ้มั่น

ตอนนี้เขาคิดกังวลไปต่างๆ นานาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเพราะอะไร คิดหาเหตุผลร้อยแปดแต่ก็คิดไม่ออก คงต้องรอให้คุณปราณฟื้นถึงจะได้รู้คำตอบแน่ชัดว่าเป็นเช่นไร

:::::::::::::

“คุณหมอยังไม่กลับเหรอแม่สาย” คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยถามแม่บ้านของตัวเอง เพราะเห็นรถของอนันต์ยังคงจอดอยู่

“ยังเลยค่ะ ไม่ทราบไปไหนกับคุณชายปราณเพราะที่ห้องดนตรีก็ไม่มีคนทั้งคู่อยู่ค่ะ”

“แปลกจริง”

คุณหญิงช่อทิพย์ว่าก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนไป บางทีลูกชายเธออาจจะพาหมออนันต์ไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นบนก็เป็นได้ เพราะก่อนหน้านี้มักจะมานั่งกันบ่อยๆ แต่ก่อนที่จะได้ไปยังห้องนั่งเล่นเธอเห็นอนันต์เดินออกมาจากห้องนอนของชายปราณ

“คุณหมอ...ทำไมถึงออกมาจากห้องชายปราณได้ล่ะคะ แล้วชายปราณล่ะ”

“คุณชายหลับอยู่ครับ เห็นบ่นว่าปวดหัวผมเลยพาขึ้นมาพักบนห้อง” อนันต์ตอบความจริงไปเพียงเสี้ยวเดียว คุณหญิงช่อทิพย์ได้ฟังดังนั้นก็เปิดประตูเข้าไปดูลูกชายตัวเองทันที หนุ่มร่างบางหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงสี่เสาหลังกว้าง เธอนั่งลงที่ริมเตียงและแตะหน้าผากดู

“ช่วงนี้ชายปราณป่วยบ่อย ยิ่งเข้าหน้าฝนยิ่งป่วยง่าย ถ้ายังไงคงต้องฝากคุณหมอกำชับเรื่องดูแลสุขภาพสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ” หญิงสูงวัยหันมาพูดกับอนันต์

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอตัวกลับก่อน คุณหญิงจะได้พักด้วย”

เพราะหากอยู่ต่อก็ไม่รู้จะขออนุญาตหญิงสูงวัยตรงหน้าอย่างไรดี ถึงแม้จะได้ลูกชายเขาไปแล้วแต่มันก็เรื่องในมุ้งผู้ใหญ่คงจะไม่อภิรมย์นักหากได้ฟัง เขาจึงคิดว่าค่อยกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ รอให้คุณชายปราณนอนให้เต็มที่แล้วค่อยคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะดีกว่า

“ค่ะ ขับรถกลับดีๆ นะคะ” คุณหญิงช่อทิพย์อวยพรพร้อมรับไหว้จากชายหนุ่ม

ไอ้หาญกลับมาถึงบ้านของตนเองก็มองหาไอ้มั่นทันที ไอ้เพื่อนเกลอที่คอยท่าอยู่แล้วปรากฏตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ตอนแรกที่มึงเห็นกูว่าตกใจแล้ว นี่คุณปราณเห็นกูด้วยแบบนี้กูคิดว่าคำสาปมันคงกำลังออกฤทธิ์แน่ๆ” ไอ้มั่นพูดเสียงเครียด เมื่ออยู่กันเพียงสองคนมันไม่จำเป็นต้องสื่อสารทางจิตกันอีกแล้ว ไอ้หาญทรุดกายนั่งลงที่โซฟาก่อนจะพูดเสียงเครียดไม่แพ้กัน

“กูก็คิดเหมือนมึง”

ในคำสาปบอกไว้เพียงว่า การจะแก้คำสาปได้เขากับคุณปราณต้องเกิดมาคู่กันในชาติภพที่ถูกที่ควร โชคชะตาที่ผูกพันกันแข็งแกร่งกว่าคำสาปเท่านั้นถึงจะทำให้มนต์มลายหายไป ถ้าอย่างนั้นนี่ก็แสดงว่าใกล้ถึงเวลาแล้วหรือเปล่า พอคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมก็ค่อยๆ มีรอยยิ้มขึ้น

“กูอดใจที่จะคุยกับคุณปราณไม่ได้แล้วว่ะไอ้มั่น”

ไอ้หาญยิ้มกริ่มถึงสิ่งที่มันคิดและคาดหวัง หัวใจเต้นรัวกระหน่ำในอกเมื่อคิดไปว่าตนกำลังจะหลุดพ้นจากคำสาปนี้สักที หากพรุ่งนี้คุณปราณบอกว่าจำทุกอย่างได้ มันคงดีใจเป็นที่สุด ดีใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

::::::::::::

ร่างบอบบางที่ใบหน้าซีดเซียวตื่นขึ้นในช่วงสายของวัน ไม่รู้เพราะการตื่นผิดเวลาหรือเพราะอ่อนเพลียจากการเจ็บป่วยเมื่อคืน ทำให้เขารู้สึกราวกับโลกเหวี่ยงไปมาจนต้องนอนลงอีกครั้ง ชายปุณกับหญิงรตีเข้ามาดูอาการของชายปราณหลังจากได้ยินจากมารดาว่าชายปราณป่วย ส่วนคุณหญิงนั้นออกไปธุระในเมืองตั้งแต่เช้าแล้ว

“เป็นอย่างไรบ้าง อาการปวดหัวยังมีอยู่ไหม” ชายปุณแทบจะขนอุปกรณ์การตรวจเบื้องต้นมาตรวจน้องชาย แต่ชายปราณกลับยกมือห้ามไว้

“ยังมึนๆ อยู่ครับแต่ไม่เท่ากับเมื่อคืนแล้ว” ชายปราณตอบก่อนจะสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ห้องว่าชายโบราณคนนั้นยังอยู่หรือไม่ เพราะเขามั่นใจว่าเมื่อคืนไม่ได้ตาฝาด เขาเห็นคนผู้นั้นจริงๆ

“มองหาใครคะพี่ชายกลาง หมออนันต์รึเปล่า” หญิงรตีถามพลางยิ้มล้อ เรียกสีระเรื่อบนแก้มพี่ชายไปหนึ่งครั้งก่อนจะพูดต่อ “รายนั้นมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ แต่พี่ชายกลางยังไม่ตื่นเลยกลับไปแล้วเพราะต้องไปดูคนไข้ แต่บอกว่าจะกลับมาใหม่เมื่อเสร็จงานแล้ว”

“ถ้าเราไม่เป็นอะไรมากแล้วงั้นพี่ขอตัวไปโรงพยาบาลก่อนนะ หญิงรตีพี่ฝากชายกลางด้วยล่ะ”

“ค่ะ พี่ชายใหญ่ไปทำงานเถอะ ป่านนี้คนไข้รอแย่แล้ว”

คุณชายปุณออกจากห้องไปประจวบกับแม่สายยกมื้อเช้ามาให้คุณชายปราณพอดี หญิงรตีจึงประคองพี่ชายตัวเองไปทางห้องน้ำเพื่อจะได้ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย ชายปราณที่รู้สึกเหนียวตัวตั้งแต่เมื่อคืนเพราะบทรักของอนันต์จึงถือโอกาสอาบน้ำเสียเลย

เมื่อออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวเสร็จแล้วเขาก็ไม่เห็นหญิงตรีแล้ว เพราะรายนั้นตะโกนบอกตอนอยู่ในห้องน้ำว่าขอไปคุยโทรศัพท์กับสถาปนิกที่ทำร้านสักหน่อย

เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันคืออะไร แต่ภาพความทรงจำบางอย่างที่เขาไม่เคยคิดว่ามันเกิดขึ้นกับชีวิตเขาหลั่งไหลเข้ามาเต็มหัว รวมไปถึงภาพชายโบราณคนนั้นด้วย

ไอ้มั่นแอบมาดูเจ้านายของมันอยู่ตรงระเบียงอีกครั้ง เห็นคุณปราณกำลังนั่งทานมื้อเช้าในช่วงสายของวันแล้ว ท่าทางดูอิดโรยหน่อยๆ แต่ก็ไม่แย่เท่าเมื่อคืน ด้วยใจที่เป็นห่วงทำให้มันมาอยู่ดูคุณปราณที่นี่ แต่จะไปปรากฏกายตรงหน้าให้อีกฝ่ายตกใจอย่างเมื่อคืนก็คงไม่ได้

ชายปราณนั่งละเลียดทานข้าวไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อน เขาครุ่นคิดไม่หยุดแม้แต่นาทีเดียวว่าตนเองเป็นอะไร หรือเขากำลังหลอน หรือไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเข้ารึเปล่าถึงได้เป็นแบบนี้ ความเจ็บปวดเมื่อคืนมันเกินจะเรียกว่าฝันได้ เพราะเขารู้สึกถึงอาการปวดตุบๆ ในสมองชัดเจน

ไอ้หาญ คุณปราณ และไอ้มั่น ชื่อของคนสามคนที่วนเวียนอยู่ในหัว หน้าตาที่แสนคุ้นเคยเพราะมันคือหมออนันต์ เขา และชายโบราณคนนั้น เขาลองไล่นึกภาพที่เกิดขึ้นในหัวเพื่อร้อยเรื่องราวราวกับมันคือละครเรื่องหนึ่ง

ก๊อกๆๆ

“คุณชายคะ แม่สายให้ยกของว่างมาให้ทานค่ะ”

เสียงสาวใช้พูดอยู่หน้าประตู เจ้าของห้องเอ่ยอนุญาตอีกฝ่ายจึงเปิดประตูเข้ามาวางถาดอาหารว่างอย่างพวกขนมให้ที่โต๊ะ ชายปราณก้มลงดมกลิ่นหอมของขนมกลีบลำดวนที่อบควันเทียนจนหอมกรุ่น จากที่เครียดๆ เมื่อได้กลิ่นหอมของขนมรอยยิ้มสวยก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น

แต่แล้วหางตาเขาก็เห็นว่ามีใครอีกคนยืนมองเขาอยู่ มันสะท้อนเงาในกระจกว่าอีกฝ่ายยืนแอบอยู่นอกระเบียง และใช่คนเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อคืนอย่างแน่นอน ใจดวงน้อยเต้นรัวอยู่ในอกด้วยความกลัวและตกใจ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนร้ายหรือคนบ้าที่ไหนรึเปล่า แต่เห็นว่าไม่มีอาวุธติดกายจึงลองสั่งให้สาวใช้ออกไปที่ระเบียง

“สมร...ออกไปเก็บแก้วกาแฟที่ระเบียงห้องของฉันด้วย”

ชายปราณสั่งออกไป เขาไม่ได้มองเงาสะท้อนนั้นแล้วแต่ทำทีเป็นหยิบขนมขึ้นมาทาน ฝ่ายสาวใช้เดินออกไปที่ระเบียงผ่านชายผู้นั้น แต่ที่น่าแปลกคือสมรไม่ได้แสดงท่าทีว่าเห็นคนแปลกหน้าแต่อย่างใด

“ไม่มีนะคะคุณชาย” สมรเดินกลับเข้ามาก่อนจะตอบ

แน่ล่ะ...จะมีได้ยังไงในเมื่อเขาไม่ได้ดื่มกาแฟเลยสักแก้ว และเขายังไม่ได้ออกไปที่ระเบียงห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่เพ้อเจ้อก็ก้ำกึ่งคล้ายเป็นประสาทแล้ว

แต่ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้คุกคามเขาก็ยังวางใจ คิดไปในอีกแง่หนึ่งชายผู้นั้นอาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรเขาก็เป็นได้

ชายปราณเก็บตัวอยู่ในห้องจวบจนเผลอหลับไปอีกครั้ง เขาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ช่วงบ่ายคล้อยแล้ว เห็นอนันต์ยืนอยู่นอกระเบียงสีหน้าดูเคร่งเครียดและกำลังจดจ่อกับอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้เรียกอีกฝ่ายแต่ลุกเดินไปหา และสิ่งที่ได้เห็นก็ทำเอาเขาตกใจอีกครั้งเพราะชายโบราณคนนั้นยืนอยู่กับหมออนันต์

ขนลุกชันไปทั่วทั้งกายบางตกใจจนมือไม้ชาไปหมด อนันต์เห็นชายคนนั้นเหมือนที่เขาเห็น ซึ่งมันทำให้เขาเชื่อเลยว่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน

“คุณอนันต์”

ชายปราณเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่ว คนถูกเรียกหันมามองและเห็นว่าชายปราณกำลังมองไอ้มั่นอยู่ เขาตกใจตัวชาวาบแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะเขาก็อยากพิสูจน์เรื่องราวทั้งหมดเช่นเดียวกัน

“นี่...นี่มันอะไรกันครับ” คุณชายถามเสียงสั่นเครือ อนันต์เห็นอีกฝ่ายหน้าซีดจึงพยุงให้ไปนั่งที่เตียงโดยที่ไอ้มั่นยังยืนอยู่ข้างนอก

“เขาคือใคร คุณเห็นเขาเหรอ เห็นใช่ไหม ผมไม่ได้ตาฝาดไม่ได้คิดไปเองคนเดียว คุณเห็นเขาใช่ไหม ผมไม่เข้าใจ แล้ว...แล้วภาพอะไรก็ไม่รู้แล่นเข้ามาในหัวผมเหมือนมันไม่ใช่ความทรงจำของผมเลย” ชายปราณเขย่าตัวอนันต์ มือเรียวเย็นเฉียบจับแขนอนันต์ไว้มั่นเพื่อถามหาความจริง

“คุณชายใจเย็นๆ ก่อนครับ”

“ผม...ผม...”

“ผมจะอธิบายทุกอย่างให้คุณฟัง เพียงแต่ว่าคุณต้องใจเย็นๆ และตั้งสติให้ดีๆ เพราะสิ่งที่ผมจะถามคุณต่อไปนี้มันก็คือสิ่งที่ผมอยากรู้พอๆ กับที่คุณอยากรู้เหมือนกัน”

คำพูดของหมออนันต์ทำชายปราณนิ่งไป เพราะเขาไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้ากำลังพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงพูดเหมือนรู้ว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะอะไรอย่างนั้นแหละ

“คนที่คุณเห็นเป็นผู้ชายตัวสูงประมาณผมนุ่งผ้าโจงกระเบน สีผิวคล้ำกร้านแดดใช่ไหม”

อนันต์ถามออกไปในที่สุด ไม่คิดรีรอหรือยื้อเวลาออกไปอีกหน่อยเพื่อให้คุณชายปราณได้เตรียมใจ เพราะตอนนี้เขาอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบโดยไวที่สุด เขาไม่อยากทรมานเพราะคำสาปนี้อีกต่อไปแล้ว

“ชะ...ใช่” ชายปราณตอบเสียงแผ่ว เขามองหมออนันต์อย่างไม่เชื่อสายตาว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ได้ อีกทั้งยังบอกรูปพรรณสัณฐานของคนที่เขาเห็นได้ชัดเจนแบบนี้

“ถ้าเช่นนั้นคุณตอบผมมาอีกสักข้อ”

“..........”

“หากผมไม่ได้ชื่ออนันต์...คุณคิดว่าผมชื่ออะไร”

คำถามนี้ทำให้ชายปราณแทบหยุดหายใจ แววตาที่มองมาหาเขาจริงจังจนไม่สามารถหลบสายตาได้ ก่อนที่คำพูดต่อมาจะทำให้เขาถึงกับผงะไป

“ถ้าผมบอกว่าผมชื่อหาญคุณจะรู้สึกยังไง”

ชายปราณลุกขึ้นถอยห่างออกจากอนันต์ในทันทีทันใดด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปหาชายโบราณที่ยังคงยืนอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน หน้าตาของอีกฝ่ายไม่ได้น่ากลัว เพียงแต่ไม่มีกายหยาบให้ได้สัมผัสเท่านั้น

“ผมไม่เข้าใจ อึก...คุณ...ผม...”

อาการปวดหัวเริ่มกลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้มันไม่ได้รุนแรงเท่าครั้งก่อน ภาพต่างๆ ไหลย้อนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ ครั้งนี้แจ่มชัดขึ้นมาก จนท้ายที่สุดหนุ่มร่างบอบบางก็ทรุดนั่งลงกับพื้น ลมหายใจหอบหนักเพราะกำลังต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ไอ้หาญปล่อยให้วงล้อโชคชะตาทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุด เพราะที่ผ่านมากว่ามันจะผ่านอะไรมาได้ก็ต้องใช้วิธีการรับรู้ที่ทรมานแบบนี้แหละ อย่างชื่อออกญาศรีรัตนกรที่เมื่อได้ยินทีไรเป็นต้องมีเลือดทุกทีนั่นไง

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปหลายนาทีโดยมีเพียงเสียงนาฬิกาที่เดินอยู่เพียงเท่านั้น หม่อมราชวงศ์ปราณันต์นั่งพับเพียบหมดแรงอยู่ข้างเตียง อาการหอบยังมีให้เห็นเพียงแต่ไม่หนักแล้ว ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอและดูเหม่อลอย ก่อนเจ้าตัวจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตาชายหนุ่มหุ่นกำยำที่มองตนด้วยสายตารักใคร่อย่างปิดไม่มิด

“คุณคือหาญเหรอ”

คำถามแรกและคำถามเดียวที่ไอ้บ่าวซื่อรอฟังมานานนับร้อยปี ชื่อของมันที่เอื้อนเอ่ยออกจากปากของคนที่มันรักสุดหัวใจ แม้ไม่ใช่การเรียกชื่ออย่างปกติแต่อย่างน้อยๆ คุณปราณก็ถามว่ามันใช่ไอ้หาญหรือไม่

“ครับ ผมเอง”

เพียงเท่านี้คุณชายปราณก็ปล่อยโฮออกมาทันทีอย่างไม่คิดอาย เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจพร้อมกับแรงโถมตัวเข้ากอดคนตรงหน้าเต็มรัก อารมณ์และความรู้สึกทุกอย่างถาโถมจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ สิ่งเดียวในตอนนี้ที่เขารับรู้ได้เลยว่าตัวเองนั้นชั่วช้ามากเพียงใดที่ทิ้งคนที่รักไว้เบื้องหลัง

ไอ้มั่นถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไอ้ทาสผู้ซื่อสัตย์ทรุดกายลงนั่งคุกเข่าร่ำไห้ไปพร้อมกับนายของมัน สุดดีใจที่ความหวังของไอ้หาญใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความทรมานของพวกมันกำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้านี้แล้ว

“ผมไม่รู้ว่านี่มันคืออะไร แต่...เราเคยเจอกันมาก่อนแล้วใช่ไหมครับ”

“ใช่ครับ ผมรอคอยคุณมานานกว่าจะได้เจอ ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่มองหายอดดวงใจของไอ้หาญคนนี้”

อนันต์กอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด จูบบนหน้าผากเนียนอย่างทะนุถนอม แรงสะอื้นของชายปราณยังมีอยู่บ้าง เขารอให้อีกฝ่ายสงบลงกว่านี้ก่อนจะเริ่มพูดเรื่องของพวกเขาเองอย่างจริงจัง

“แสดงว่าคนนี้คือมั่น... ไอ้มั่นนะเหรอ” ชายปราณหันไปทางไอ้มั่นที่ตอนนี้นั่งยิ้มฟันขาวให้เห็น ชายปราณเดินไปหยุดตรงหน้าก่อนจะเอามือกวาดไปมา “ผีจริงๆ ด้วย”

ไอ้มั่นหัวเราะกับหน้าตาเหลอหลาของเจ้านายของมัน คุณปราณในชาตินี้ดูช่างสงสัยน่าเอ็นดูเสียจริง ยิ่งตอนนั่งฟังไอ้หาญเล่าเรื่องราวต่างๆ ตาแป๋วยิ่งน่ารักไม่หยอก

“ภาพในหัวผมบอกแค่ว่าคุณคือใคร ไอ้มั่นคือใคร และผมคือใครแค่นั้นเอง ส่วนเรื่องที่คุณเล่ามาทั้งหมดนั้นผมไม่รู้เลย”

“ถ้าคุณสงสัยอะไรก็ถามผมได้เลย ผมยินดีจะเล่าให้ฟังทั้งหมด ขอเพียงแค่ไม่หาว่าผมบ้าก็พอ” ปลายนิ้วเรียวแตะไปบนปลายจมูกรั้นที่แดงเนื่องจากเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหยอกล้อ ชายปราณหัวเราะเบาๆ

“หากคุณบ้าผมก็คงบ้าด้วย เพราะผมเข้าใจที่คุณพูดทุกอย่าง และเชื่อในสิ่งที่คุณเล่าทั้งหมดด้วย”

เขาถอนหายใจเมื่อนึกถึงว่าตัวเขานั้นในชาติก่อนทิ้งคนรักไว้ให้ต่อสู้กับความเจ็บปวดเพียงลำพัง แต่ยังโชคดีที่ได้มาเจอกันในชาตินี้ ไอ้หาญยิ้มเมื่อเห็นว่าคุณปราณเข้าใจอะไรๆ ง่ายกว่าที่คิด ก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไปเมื่อหันมาหาไอ้เกลอรัก

‘มึงไม่ได้บอกคุณปราณเรื่องคำสาป’

‘ไม่จำเป็นหรอก เพราะคำสาปกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว’


ไอ้หาญตอบเพื่อนมันด้วยน้ำเสียงมั่นใจ โดยไม่รู้เลยว่าความสุขนั้นจะอยู่กับมันเพียงแค่ไม่นาน







โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด