Boss's Secret #ความลับของบอส ตอนที่ 22 25 ก.ย 64 p.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Boss's Secret #ความลับของบอส ตอนที่ 22 25 ก.ย 64 p.4  (อ่าน 12820 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Austin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องราวน่าติดตาม จะรอนะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 6

   
“..บอสครับ ถึงแล้วนะครับ”
   
ผมพูดกับบอสที่หลับอยู่เบาะหลังด้วยความเกรงใจ เพราะหลังจากที่บอสไปหาพ่อแล้วกลับมาคือเหมือนถูกกระชากวิญญาณออกไป ถึงแม้ท่าทางของบอสจะดูปกติแต่ผมก็ที่เป็นหมาที่ดีของบอสย่อมรู้อยู่แล้วว่าอารมณ์บอสไม่เหมือนเดิม!
   
บอสน่ะ ถึงจะดูเย็นชาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูไร้อารมณ์ขนาดนี้หรอกนะ
   
ผมมองบอสที่ยังคงหลับอยู่ด้วยความหม่นหมอง
   
ผมไม่รู้ว่าบอสรู้ตัวไหม แต่ตอนบอสกลับมานั่งบนรถ แววตาของบอสแทบไม่เหลือประกายด้วยซ้ำ ราวกับว่าอารมณ์ความรู้สึกของบอสได้ถูกพ่อบอสบดขยี้จนมันสูญสลายไปหมดภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง
   
ผมที่เห็นบอสเป็นแบบนั้นเลยตัดสินใจอาสาขับกลับให้ทันทีซึ่งบอสก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ยอมให้ผมขับอย่างว่าง่ายและนอนเอาผ้าห่มคลุมตัวอยู่เบาะหลังราวกับพยายามจะหนีจากทุกปัญหาที่กำลังไล่ล่าตัวเองอยู่
   
“บอสครับ”
   
ผมเอื้อมมือไปแตะตัวมือบอสที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มเบาๆ
   
มือของบอสเล็กมากเลย..
   
ผมหลุบตามองมือตัวเองที่เหมือนมือยักษ์เมื่อเทียบกับมือของบอส
   
“บอส”
   
ผมเรียกเสียงกระซิบ ความรู้สึกผิดมหันต์ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งเพราะบอสตอนที่หลับนั้นดูสูงส่งมาก และผมก็ยังไม่ลืมด้วยว่าบอสเป็นคนที่หลับลึกมาก
   
หงิง
   
อีกแล้วสินะ เจ้าหมาอย่างผมต้องตัดสินใจในเรื่องที่ยิ่งใหญ่อีกแล้วเหรอ
   
ผมมองบอสพร้อมกับชั่งใจไปด้วยว่าจะเอายังไงดี ชั่วพริบตานั้นเหมือนในหัวผมก็มีหมาป่าสีขาวกับสีดำยืนประจันหน้ากันและถกเถียงกันเพื่อหาข้อสรุปให้กับคราม
   
‘ปลุกไปเลย ยังไงบอสก็ไม่ว่าหรอก!’
   
เจ้าโบ้สีขาวพูดด้วยท่าทีน่าเชื่อถือ
   
‘จะปลุกเลยเนี่ยนะ ไม่เห็นรึไงว่าบอสต้องการพักผ่อน!’
   
โบ้สีดำเถียงเสียงดังพร้อมกับทำเสียงขู่ไปด้วย
   
‘..แต่’
   
เจ้าโบ้สีขาวเริ่มคล้อยตามเพราะเถียงไม่ออก สภาพของบอสตอนนี้ดูไม่จืดจริงๆ
   
‘ไม่มีแต่ บอสของเราต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เชื่อฉันสิ ถ้าบอสได้นอนเยอะๆ แล้วตื่นเอง บอสต้องอารมณ์ดีขึ้นแน่!’
   
โบ้สีดำพูดไปกระดิกหางไปพร้อมกับทำหน้าดีอกดีใจไปด้วย
   
‘โอเค รอบนี้แกชนะ! ตามนั้นแหละ คราม!’
   
“ขออนุญาตนะครับ บอส”
   
หลังจากที่ตัดสินใจได้ผมก็ลงจากรถและเปิดประตูด้านหลังเพื่อหาทางพาบอสไปนอนที่เตียงให้ได้ ผมหยิบผ้าห่มที่ห่มตัวบอสอยู่มาพับลวกๆ มาพาดไว้บนไหล่เพื่อที่จะเอาไปซักให้บอส
   
“...บอส”
   
ผมทำหน้าไม่ถูกตอนที่บอสคว้าผ้าห่มของตัวเองเอาไว้ สีหน้าที่ดูเศร้าอยู่ตอนนี้ยิ่งดูเศร้ากว่าเดิมตอนที่ต้องสูญเสียผ้าห่มไป ซึ่งสีหน้าบอสก็น่าสงสารมากจนผมทนแทบไม่ไหวแต่ถ้าผมคืนผ้าห่มให้บอส ผมก็อุ้มบอสยากอ่ะ ไหนจะต้องไขกุญแจเข้าบ้านอีก กว่าจะถึงตอนนั้นผมว่าผมคงทำบอสหลุดมือแน่ๆ
   
“ขอโทษนะครับ”
   
ขอโทษนะครับ บอส  ผมขอโทษจริงๆ
   
;w;
   
สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งแกะมือบอสออกจากผ้าห่มอย่างเบามือและต้องประหลาดใจอีกรอบตอนที่มือเย็นเฉียบของบอสจับมือผมแทน
   
“...”
   
ผมมองเสี้ยวหน้าของบอสด้วยความรู้สึกเจ็บปวดนิดๆ
   
ภายใต้ความสุขุมละเยือกเย็นของบอสซ่อนความรู้สึกหรือความลับอะไรไว้บ้างนะ แล้วความลับพวกนั้นบอสบอกกับผมได้รึเปล่า ถ้าบอกได้ผมก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาความรู้สึกหนักหนาจากความลับพวกนั้นเหมือนกัน
   
ผมแกะมือบอสออกรอบที่สองแล้วค่อยๆ ช้อนตัวบอสขึ้นอุ้ม ซึ่งการอุ้มครั้งนี้ก็ทำให้ผมได้รู้ความจริงว่าบอสตัวเบากว่าที่ผมคิดมาก (หรือผมแรงเยอะเกินไปเพราะเป็นอัลฟ่าโบราณ?)
   
ผมจัดท่าทางบอสให้แขนบอสโอบคอผมแล้วแน่ใจแน่ๆ ว่าบอสจะไม่หล่นระหว่างทาง ผมถึงพาบอสเข้าบ้านไปถึงห้องนอนได้ไม่ยากเย็นนัก
   
ผมวางบอสบนเตียงอย่างเบามือโดยไม่ลืมที่จะถอดรองเท้ากับเก็บแว่นให้บอสด้วย
   
“มีอะไรเรียกผมได้เลยนะครับ”
   
ผมบอกทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าบอสได้ยินไหม แต่ผมก็อยากพูดอะไรสักอย่างหลังจากห่มผ้าห่มให้บอสเสร็จอ่ะ ผมนิ่วหน้าตอนที่แอร์เย็นเฉียบเป่าใส่หลังแล้วออกจากห้องไปจัดของที่บอสซื้อให้ผม
   
แน่นอนว่าตอนซื้อก็ว่าเยอะแล้วพอมานั่งจัดก็เยอะกว่าที่ผมคิดอีก
   
ผมจัดการเอาพวกเสื้อผ้าทั้งหมดไปซักแล้วถึงค่อยออกมานั่งในห้องนั่งเล่นกับถุงจากร้านสำหรับสัตว์เลี้ยง ผมร้องหงิงๆ พราะอยากเล่นพวกลูกบอลที่บอสซื้อมาให้จะแย่แล้ว แต่เจ้าโบ้สองตัวในหัวผมก็สั่งให้ผมกลับไปเฝ้าบอสตามหน้าที่หมาที่ดีเดี๋ยวนี้!
   
แง่งง
   
ผมที่เศร้าจนเผลอทำหูโผล่แล้วลู่ลงหงอยๆ
   
อยากเล่นอ่ะ บอลเชียวนะ! บอลของผมเองเกือบสิบลูกแน่ะ!!! เยอะกว่าที่ไอ้พะโล้ในซอยมีอีก! ถ้ามันรู้ว่าผมมีเป็นของตัวเองแล้วเยอะกว่ามันด้วย มันต้องอิจฉาผมมากแน่ๆ!!!
   
‘เออ รู้แล้วว่าอยากเล่น จะเล่นก็ไปเล่นตรงข้างเตียงบอสนู่น!’
   
เจ้าโบ้ดำบ่นแต่มันก็ตัวสั่นริกๆ อยากเล่นลูกบอลเหมือนกัน
   
‘ใช่ เจ้านายไม่มีความสุข เราจะกล้ามีความสุขได้ไง!’
   
โห มาขนาดนี้ผมหงอยลงกว่าเดิมอีก
   
ผมมองเจ้าลูกบอลในถุงด้วยสายอาลัยอาวรณ์แล้วตัดสินใจหยิบติดมาลูกนึง ถึงค่อยกลับเข้าไปหาบอสในห้องเพื่อรอบอสตื่น ถึงผมจะไม่รู้ก็เถอะว่าผมจะช่วยอะไรบอสได้ไหม แต่ถ้าบอสตื่นมาเจอใครสักคนก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีนั่นแหละ
   
พอเข้ามาในห้องได้ผมก็ถอดชุดออกเพื่อคืนร่างเป็นหมาป่าเพราะแอร์ในห้องหนาวมาก ผมเหลือบมองบอสเป็นพักๆ กลัวว่าบอสจะตื่นมาเห็นตอนที่ผมถอดชุดพอดี
   
ถึงบอสจะเคยเห็นตอนผมเปลือยแล้วก็เถอะ แต่ผมก็ยังอายอยู่ดีนี่นา
   
“..ฮึก”
   
ตัวผมชาวาบตอนที่ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ของบอส
   
“..บอส”
   
ผมพึมพำหงอยๆ แล้วรีบคืนร่างเป็นเจ้าหมาป่าขนฟูไปให้กำลังใจบอสอีกรอบ ผมทิ้งลูกบอลแล้วไปเกาะขอบเตียงเพื่อเอาหัวมุดไปอยู่ใต้มือของบอส พยายามไถหัวกับมือบอสให้มือเล็กๆ นั่นอุ่นขึ้นสักนิดนึงก็ยังดี
   
ผมกระดิกหางตอนที่บอสขยับตัวมากอดหัวผมจนหน้าผมจมไปกับอกของบอส
   
“...”
   
เมื่อยอ่ะ
   
ผมอยากจะร้องหงิงออกมาก็กลัวจะรบกวนบอส แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะขึ้นไปนอนบนเตียงกับบอสอ่ะ ผมยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอที่จะนอนร่วมเตียงกับบอสแต่กล้ามเนื้อร่างกายผมก็เริ่มประท้วงแล้ว
   
‘ขึ้นไปเลย บอสไม่โกรธหรอกน่า’
   
เจ้าโบ้ดำแนะนำผม
   
‘แต่บอสอาจจะถือก็ได้นะ ใครจะไปรู้ บอสอาจจะไม่ชอบให้หมานอนบนเตียงด้วยก็ได้’
   
โบ้ขาวมองผมด้วยความสงสารเพราะมันก็เข้าใจดีว่าผมกังวลอะไร
   
‘แต่ครึ่งล่างนายจะไม่ไหวแล้วนะ คราม นายจะตายท่านี้ไม่ได้ มันไม่สมศักดิ์ศรีชาวอัลฟ่าโบราณอย่างเรา!’
   
‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อยหรอก!! ดำอย่าไร้สาระดิ้!’
   
‘พูดงี้ก็สวยเด้! มาสิ มา!!’
   
ผมสลัดหัวไล่โบ้สองตัวที่เริ่มกัดกันเองออกจากหัวเพราะเริ่มไร้สาระแล้ว ให้ตายเถอะ พอต้องตัดสินใจเองแบบนี้ผมก็กลัวอ่ะ ถึงบอสจะใจดีมากๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีอภิสิทธิ์มากพอที่จะทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่างหรอกนะ
   
หมาที่ถูกเก็บมาเลี้ยงอย่างผมน่ะ ต้องรู้สถานะของตัวเองให้มากๆ
   
ผมก็รู้แหละว่าตัวเองไม่เหมือนคนทั่วไป แล้วเจ้าสัญชาตญาณในตัวผมมันก็ไม่ค่อยคงที่ด้วย บางทีถ้าผมใกล้ชิดบอสมากไปแล้วเกิดคุมสติตัวเองไม่ได้ขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไม่มีทางรู้เลยจริงๆ
   
ที่พวกรัฐบาลพยายามจับพวกผมไปก็อาจจะมีเหตุผลก็ได้ แต่มันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดีที่คนที่โดนจับไปไม่เคยมีใครได้กลับมาเลย แบบนั้นก็เหมือนตายไปแล้วอ่ะ
   
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าแม่ผมยังมีชีวิตอยู่ไหม ผมไม่กล้าแม้แต่จะเผื่อใจด้วยซ้ำ การยอมรับว่าท่านตายไปแล้วน่าจะเป็นอะไรที่ทำใจได้ง่ายกว่าเพราะผมคงทนใจสลายหลายๆ รอบไม่ได้
   
หงิง
   
สุดท้ายผมก็ร้องออกมาเพราะผมเมื่อยมาก

ผมแทบไม่รู้สึกถึงขาผมแล้วอ่ะ

“..ขึ้นมาสิ”

“!”

ผมสะดุ้งตอนที่อยู่ๆ ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูผม

“เมื่อยไม่ใช่เหรอ”

แน่นอนว่าผมตะกายขึ้นทันทีแบบไม่รออะไรอีก

เจ้านายอนุญาตแล้ว!

ผมขยับตัวไปให้บอสซุกตัวได้ง่ายกว่าเดิม

ผมน่ะ ภูมิใจในขนตัวเองมากเลยนะเพราะมันนุ่มมากแถมตัวผมใหญ่มาก บอสกอดผมทั้งตัวได้สบายๆ เลย ซึ่งผมก็เผลอหูลู่ลงนิดๆ เพราะพอผมขึ้นมาเตียงก็ยวบเลยแถมเตียงก็ดูเล็กลงมากด้วย

“..ขอผมนอนต่ออีกหน่อยนะ”

บอสพึมพำเสียงเบาแล้วซุกบนตัวผม

“...”

ห้ามกระดิกหางเด็ดขาด! คราม! ห้ามกระดิกหางเด็ดขาด!!!

ผมรู้สึกใจฟูมากที่บอสยอมกอดผม คือบางทีผมก็กลัวว่าบอสกลัวร่างหมาป่าผมไง ถึงผมจะทำตัวเหมือนลูกหมาแค่ไหนก็เถอะแต่ขนาดตัวผมก็หมาป่าโตเต็มวัยดีๆ นี่เอง แค่แยกเขี้ยวพวกหมาแถวบ้านก็วิ่งหนีแล้ว
กลิ่นบอสหอมจัง

ผมเอาหน้าซุกข้างหัวบอสแล้วรู้สึกมีความสุขมากๆ เพราะมันเป็นกลิ่นฟีโรโมนของบอสที่ทำให้รู้สึกสงบและปลอดภัย แถมตอนนี้ก็ยังมีกลิ่นที่ชวนให้ประหม่าแปลกๆ ด้วย!

ผมหลับตาพริ้มแล้วหลับบ้าง

ถ้าเพื่อบอสไลม์แล้วจะให้ผมนอนอีกกี่ชั่วโมงผมก็ยอมอยู่แล้ว



“คราม”

ฮื่ออ

ผมขู่ในลำคอตอนที่ถูกเขย่าตัวเบาๆ

“ตื่นได้แล้ว”

กรรซ!

ชั่วพริบตาก่อนที่ผมจะคิดอะไรออก ร่างกายของผมก็ตะครุบ ‘อะไรสักอย่าง’ ที่มารบกวนเวลานอน ผมกางกรงเล็บตะปบบนไหล่ทั้งสองของมันบนพื้นและส่งเสียงขู่ออกมาดังกว่าเดิม

“คราม”

กรรซ

สัญชาตญาณในสายเลือดผมร้อนฉ่า ความหวาดระแวงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้จิตสำนึกกระตุ้นให้ผมออกแรงกดมากกว่าเดิมและพร้อมจะ ‘ฆ่า’ สิ่งที่อาจจะทำร้ายผม

“...”

ผมหอบหายใจเสียงดังก้มมองศัตรูที่อยู่ใต้อุ้งเท้าของผมพร้อมกับปล่อยฟีโรโมนอัลฟ่าโบราณออกมา

กลิ่นอันทรงพลังที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตหน้าไหนสามารถต่อกรได้ทั้งนั้น และทำได้เพียงหมอบราบด้วยความหวาดกลัวเพื่ออ้อนวอนขอชีวิตกับพวกเรา

“..โบ้”

ผมหรี่ตามองมันและอดแปลกใจไม่ได้ที่มันไม่ได้กลัวผมอย่างที่ผมต้องการ หนำซ้ำนัยน์ตาสีฟ้าหลังแว่นตานั่นยังดูว่างเปล่าระคนยินดีที่อาจจะถูกผมฆ่าได้ทุกเมื่อ

โบ้?

ผมกระดิกหูงุนงง รู้สึกคุ้นเคยกับชื่อนี้อย่างน่าประหลาด แต่ก็ไม่กล้าไว้วางใจมันและกดเล็บกับไหล่มันจนเลือดซึมออกมาเชิงข่มขู่

กรรซ

ผมคำรามในลำคอ

ที่นี่ที่ไหน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

ผมต้องฆ่ามันไหม?

“...เด็กดี”

ทำไมมันถึงยังพยายามคุยกับผมล่ะ

ผมก้มลงและแยกเขี้ยวใส่มันเพราะมันพยายามปล่อยกลิ่นอัลฟ่าออกมาเหมือนกัน แต่กลิ่นอัลฟ่าของมันกลับไม่ได้ต่อต้านผมสักนิดหนำซ้ำกลิ่นนั้นมันยังทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้นด้วย

“จำผมไม่ได้เหรอ”

“...”

จำ?

ผมเลียเขี้ยวด้วยความงุ่นง่านใจเพราะเหมือนผมจะรู้จักกับมันแต่ผมกลับจำอะไรไม่ได้สักนิด
   
“โบ้”
   
อีกแล้ว ชื่อนี้อีกแล้ว ทำไมชื่อนี้ถึงทำให้ผมรู้สึกดีนะ
   
ผมมองมันด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแต่มันก็ยังคงแสดงท่าทีจำยอมต่อผมจนผมเผลอผ่อนแรงกดมันโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่มันจะพยายามยกมือขึ้นมาลูบหัวผม
   
กรรซ
   
ผมขู่มือเล็กๆ นั่นที่พยายามจะแตะตัวผม
   
ทำไมมันถึงไม่กลัวผมเหมือนคนอื่นๆ ล่ะ
   
“...”
   
ผมนิ่งค้างตอนที่ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะแก้มผม
   
มันไม่กลัวผมเลยสักนิด?
   
ผมหรี่ตามองมันและพยายามคิดทบทวนในหัวว่าตัวเองรู้จักมันไหม แต่ถ้าถามว่าคุ้นไหมก็รู้สึกคุ้นๆ กลิ่นบ้างแถมร่างกายผมก็เหมือนจะชินกับสัมผัสของมันด้วย
   
“..ใคร”
   
ผมถามมันเสียงพร่า
   
แน่นอนว่ามันฟังยากเพราะผมยังอยู่ในร่างหมาป่า แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาของผม ถ้าเกิดมันไม่สามารถทำให้ผมจำได้หรือไว้ใจได้ ผมก็อาจจะต้องฆ่ามันเพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง
   
เพราะพวกอัลฟ่าโบราณอย่างพวกเราไม่ถูกนับว่าเป็นมนุษย์
   
เป็นเพียงเดรัจฉานสมควรตาย
   
และพี่น้องของเราก็ถูกพวกมันฆ่ามามากเกินพอแล้ว
   
“ไลม์”
   
มันยิ้มละมุนให้ผม
   
“เจ้านายของคุณ”
   
“…”
   
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีมนุษย์ทั่วไปยิ้มให้กับผม
   
เป็นไปได้จริงๆ เหรอที่จะมีมนุษย์ที่ไม่กลัวพวกเรา ไม่อยากฆ่า ไม่อยากทำร้ายพวกเรา
   
มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอ
   
ผมสบตากับนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนนั้นอีกครั้ง
   
นัยน์ตาที่สวยจนราวกับว่าช่วงชิงสีของท้องฟ้าในช่วงเวลาที่สวยที่สุดมาเป็นของตัวเอง
   
“..ไลม์”
   
ผมพึมพำชื่อของเขาเสียงแผ่ว
   
เจ้านายของผมงั้นเหรอ
   
“หิวรึยัง”
   
มือเล็กๆ นั่นลูบแก้มผมอย่างไม่นึกหวาดกลัว
   
“…”
   
ผมพ่นลมหายใจหนักๆ พยายามเค้นสมองอย่างหนักว่าตัวเองเป็นใครกันแน่
   
“คราม”
   
“..คราม”
   
ผมพึมพำตามอยู่สักพักก่อนจะสะดุ้งสุดตัวจนเกือบจะร้องเอ๋งออกมา
   
“ขอโทษครับ บอส ขอโทษ หงิงงง ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”
   
ผมรีบกระโดดจากตัวบอสแล้ววิ่งไปซุกมุมห้องด้วยความรู้สึกผิด
   
ผมเกือบจะกัดบอสแล้ว!!!
   
;w;
   
มีหมาที่ไหนที่เขากัดเจ้าของกัน!!
   
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกผิด ผมเอาหน้าซุกเท้าแล้วร้องหงิงๆๆ ออกมาไม่หยุดเพราะไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปสู้หน้าบอส ให้ตายเหอะ ผมรู้แล้วว่าทำไมแม่ถึงได้กำชับผมนักหนาว่าก่อนนอนให้ล็อคห้องด้วยกุญแจหลายๆ ชั้น
   
เพราะผมควบคุมเจ้าสัญชาตญาณในตัวได้ไม่ดีพอไง!
   
แล้วผมก็เพิ่งรู้ตัวเป็นครั้งแรกด้วยว่าเจ้าสัญชาตญาณในตัวผมมันดุร้ายขนาดนี้ นี่อาจจะเป็นเหตุผลด้วยมั้งที่ทำให้อยู่รอดมาได้นานขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียวอ่ะ
   
แถมผมยังทำบอสเลือดออกอีก
   
“ขอโทษจริงๆ ครับ ขอโทษจริงๆ”
   
ผมพึมพำขอโทษไม่หยุดเพราะรู้สึกว่าขอโทษยังไงมันก็ไม่พอสักที
   
“เพิ่งรู้ว่าพูดในร่างนี้ได้ด้วย”
   
เจ้านายที่แสนดีของผมก็ไม่โกรธผมเลยสักนิดตามมาลูบหัวปลอบผมที่รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว
   
“..พูดได้ครับ แต่มันฟังยาก ผมเลยไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่”
   
และผมก็ทำให้มันฟังยากกว่าเดิมด้วยการมุดหน้าเข้ากับอุ้งเท้ามากกว่าเดิม
   
“คุณจะรู้สึกผิดทำไม ผมไม่ได้โกรธซะหน่อย”
   
หงิง
   
ผมหู่ลู่ลงหงอยๆ หมดมาดหมาป่าดุร้ายเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง
   
“..แต่ผมทำบอสเจ็บ”
   
เสื้อสีขาวของบอสยังมีเลือดซึมอยู่เลย
   
“แผลแค่นี้เอง”
   
“..แต่มันก็เป็นแผลนะครับ”
   
สุดท้ายบอสก็เหมือนจะทนฟังผมร้องหงิงๆ ต่อไปไม่ไหว ก็ดึงหน้าผมที่ซุกอยู่ให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับบอส ผมหูลู่ลงและสั่นไปด้วยตอนที่เห็นสีหน้าจริงจังของบอส
   
“งั้นคุณรับผิดชอบแผลของคุณสิ”
   
“?”
   
ผมทำหน้างงใส่บอสและตกใจจนหางฟูกับประโยคต่อไป
   
“ปกติหมาอย่างคุณก็เลียแผลกันไม่ใช่เหรอ”
   
---------------   

 :z13:   


ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
บอสสสสสส ทำไมรักษาแบบนี้ อู้ววว

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
โอ้...บอสคะ มันจะดีนะ  :pigha2:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 7


“ปกติหมาอย่างคุณก็เลียแผลกันไม่ใช่เหรอ”

!!!!

“บอส บอสจะ จะให้ผมเลียแผลให้บอสจริงๆ เหรอครับ”

ผมถามบอสเสียงสั่น จะถอยหนีบอสอีกก็ไม่ได้เพราะบอสจับตัวผมไว้อยู่ ผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากประหม่าจนหางฟูไม่กล้าขยับตัว

“ผมจะโกหกคุณทำไม”

บอสพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ยอมปล่อยมือจากผมแต่ก็ไปปลดกระดุมตัวเองแทน

“บอส!!”

ผมร้องลั่นจนเกือบจะร้องเอ๋งออกมา

“ตกใจอะไร ทำเหมือนกับคุณไม่เคยเห็นผมเปลือย”

บอสหัวเราะเบาๆ แล้วเลิกเสื้อตัวเองลง ซึ่งพอผมเห็นแผลบอส มันก็ทำให้ผมโล่งใจไปเปราะนึงเพราะมันไม่ค่อยลึก บอสไม่น่าเจ็บมาก แต่ก็ยังเป็นรอยเล็บที่น่ากลัวอยู่ดี

“มองเฉยๆ ทำไม เลียสิ”

“!!”

ผมหูลู่ลงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบเดียวกับที่แม่ชอบด่าผมว่าโตแล้วอย่าทำหน้าแบบนี้

;w;

“คุณทำผมเจ็บนะ คราม”

“แต่มันสกปรกนะครับ”

ผมหมอบกับพื้น หมอบจนไม่รู้จะหมอบยังไงให้บอสรับรู้สักทีว่าผมยอมแพ้แล้ว อย่าแกล้งผมอีกเลย ผมก็เป็นแค่หมาที่บอสบังเอิญเก็บมาเลี้ยงเท่านั้นเอง  อย่าคาดหวังอะไรจากผมเลยนอกจากขนฟูไปวันๆ

“คราม”

บอสเรียกผมเสียงดุ

หงิงง

ให้ตายเถอะ ทำไมช่วงนี้มีแต่สถานการณ์ยากๆ ให้ผมต้องตัดสินใจกันนะ แล้วผมก็ไม่อยากพึ่งเจ้าโบ้สองตัวในหัวด้วยเพราะมันไม่น่าทัน นี่น่ะเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉุกเฉินแบบสุดๆ

“คราม”

เอาก็เอาวะ! ทำแล้วก็ต้องกล้ารับ แค่เลียแผลเอง ไม่ยากสักเท่าไหร่หรอก

ผมยืนขึ้นและขยับตัวไปหาบอสอีกรอบโดยที่พยายามไม่ให้ตัวเองขาสั่น ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้เลยว่าทำไมพวกคนธรรมดาถึงได้กลัวอัลฟ่าหมาป่ากันนัก

ผมตัวใหญ่มากจริงๆ แต่ขนาดตัวของผมก็ดูจะไม่ได้ทำให้บอสกลัวเท่าไหร่ หนำซ้ำยังทำให้บอสดูจะพอใจมากขึ้นด้วยซ้ำที่ผมตัวใหญ่ขนาดนี้

“จะกลัวอะไรผมนัก”

บอสยกมือลูบคอผม นัยน์ตาสีฟ้าหลังเลนส์นั้นมองผมนิ่ง

“ผมสิต้องกลัวคุณ”

“…”

ผมสะบัดหูด้วยความงุ่นง่านใจเพราะยิ่งพอมองบอสใกล้ๆ มันก็ยิ่งทำให้ผมเขินจนทำอะไรไม่ถูก แล้วผมก็อยู่ในร่างหมาป่าด้วย ทำให้ประสาทการรับกลิ่นของผมมันได้กลิ่นฟีโรโมนของบอสอย่างชัดเจน

และแน่ล่ะ บอสเป็นพวกอัลฟ่าพิเศษ กลิ่นที่ปล่อยออกมานอกจากจะไม่ต่อต้านผมสักนิดแล้วมันยังชวนให้ผมรู้สึกอยากเข้าใกล้บอสมากยิ่งขึ้นด้วย

บอสตั้งใจปั่นหัวผมรึเปล่านะ?

แต่จะว่าไป กลิ่นแปลกๆ ที่ชวนให้ตื่นเต้นนั่นหายไปอีกแล้ว

มันคือกลิ่นอะไรกัน แล้วบอสสามารถควบคุมกลิ่นฟีโรโมนของตัวเองได้ขนาดไหน เชี่ยวชาญมากพอที่จะทำให้ผมตายเพื่อบอสได้รึเปล่า

“บอสแน่ใจแล้วใช่ไหมครับ”

ผมมองแผลบอสอีกรอบเพราะนี่มันผิดหลักสุขอนามัยสุดๆ ไปเลย แบบถ้าเป็นแผลผมเอง บางทีผมก็เลียแบบไม่คิดมากแหละ ไม่ก็ปล่อยให้มันหายเอง

“คุณกล้าไหมล่ะ”

มาถึงขั้นนี้แล้วผมก็ต้องทำแล้วอ่ะ

“..ก่อนจะผมจะเลีย ผมขอถามอะไรบอสได้ไหมครับ”

ผมมองรอยบวมจางๆ ใต้ตาของบอสที่ถ้าไม่อยู่ใกล้ขนาดนี้ก็คงไม่สังเกตเห็น

“อืม”

บอสพยักหน้าแต่มือก็ยังขยำขนของผมอยู่ซึ่งมันก็ขัดกับสีหน้าจริงจังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของบอสมาก

“บอกผมได้ไหมว่าบอสร้องไห้ทำไม”

“...”

และมันก็เป็นครั้งแรกที่บอสหลบตาผม

“เพราะเรื่องนี้รึเปล่าที่ทำให้บอสไม่อยากตื่นขึ้นมา”

สำหรับคนที่เหมือนจะเป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์อย่างบอส ผมว่าการเป็นคนตื่นยากไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญเท่าไหร่ ไม่น่าจะเป็นนิสัยด้วยซ้ำเพราะคงไม่มีใครตื่นมาร้องไห้แบบบอสหรอก

นอกเสียจากว่าจะมีเรื่องบางอย่างในใจที่กวนใจ คอยกระซิบกระซาบตำหนิตอกย้ำถึงความผิดพลาดล้มเหลวหรือบางสิ่งที่บอสไม่สามารถทำให้มันสำเร็จตามที่ต้องการได้

“บอสบอกผมได้นะ”

อย่างน้อยถ้าจะให้ผมเลียแผลก็ขอให้ผมได้เลียแผลอีกแผลของบอสด้วยเถอะ
หมาอย่างผมเห็นเจ้านายเศร้านานๆ ไม่ไหวหรอกนะ

“..ผมยังไม่พร้อม”

บอสพูดกับผมเสียงเบา

“ถ้ามันเป็นความลับของบอส บอสก็ไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ ผมเข้าใจ”

ซึ่งดูเหมือนความลับนี้จะกวนใจบอสมากจนเผลอปล่อยมือจากตัวผมไปเลย สีหน้าของบอสจากปกติที่ดูเย็นชาอยู่แล้วตอนนี้ดูไร้อารมณ์มากกว่าเดิมอีก

“สำหรับคนอื่นมันเป็นความลับก็จริง แต่สำหรับหมาอย่างคุณ มันไม่ใช่ความลับหรอก”

“!”

ผมเผลอตัวแข็งไปเลยตอนที่อยู่ๆ ก็บอสยิ้มให้ผม

ให้ตายเหอะ บอสน่ารักชะมัด ถึงบอสจะหล่อมากแต่ก็น่ารักมากเลย

“ดีใจขนาดนั้นเชียว”

บอสหลุดหัวเราะเบาๆ เพราะหางเจ้ากรรมของผมกระดิกไปมาแรงมาก ซึ่งมันก็เป็นอีกครั้งที่เกลียดความตรงไปตรงมาของร่างหมาของตัวเอง คือมันแทบปกปิดอารมณ์อะไรไม่ได้เลย

อยู่ในร่างนี้ถ้ายืนเฉยๆ มันก็เท่แหละ แต่พอผมคิดอะไรสักอย่างก็หมดความเท่เลย

“แต่มีความลับนึงที่ผมจะไม่บอกคุณ”
   
“?”
   
ผมเอียงคอด้วยความอยากรู้
   
จะเกี่ยวกับกลิ่นแปลกๆ ของบอสรึเปล่านะ
   
“เดี๋ยวสักวันคุณจะรู้เอง”
   
หงิง
   
แล้วถ้าเกิดว่ามันไม่มีวันนั้นผมก็ไม่มีวันได้รู้สิ
   
ผมหงอยอยู่สักพักแล้วก็ถูกบอสรั้งคอลงมาให้ผมสนใจกับสิ่งที่ผมทำเอาไว้
   
“จัดการสิ ผลงานคุณไม่ใช่เหรอ”
   
บอสกระซิบข้างหูผมซึ่งมันก็ทำให้ผมโคตรจะประหม่าเลย ขนาดมือบอสผมยังไม่กล้าเลีย นับประสาอะไรกับแผลบอสล่ะ ผมจ้องแผลตรงไหล่บอสที่เลือดหยุดไหลไปแล้วแต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะเลียไม่ได้สักที
   
ถ้าผมเลียแล้วแผลติดเชื้อล่ะ
   
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจทำตามคำสั่งบอสไม่ได้เลยพยายามถอยห่างออกจากบอสแล้วทำหน้าน่าสงสารแทน ซึ่งท่าทางของผมมันก็คงดูน่าสมเพชมากจนบอสหลุดหัวเราะออกมาอีก
   
“ตอนนี้คุณอยู่ในร่างหมาป่าคุณก็ต้องเป็นหมาของผมสิ”
   
ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้บอสดูพูดเยอะกว่าปกติ แต่บอสก็ดูอารมณ์ดีที่ได้แกล้งผม
   
“ไม่อยากเป็นเด็กดีเหรอ”
   
“…”
   
งั้นหมายความว่าถ้าผมคืนร่างมนุษย์ผมก็ไม่ต้องทำตามคำสั่งบอสสินะ!
   
พอผมคิดผมก็รีบคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ปกติทันทีโดยที่ลืมไปว่าผมกับบอสอยู่ใกล้กันมาก ทำให้พอคืนร่างเสร็จผมก็ยังถูกบอสรั้งตัวไว้อยู่ แถมตรงนี้ก็ไม่มีผ้าหรือชุดอะไรให้ผมมาปิดตัวด้วย!!!
   
;w;
   
หงิง
   
อีกแล้วเหรอ ผมตัดสินใจพลาดอีกแล้วสินะ
   
ผมหลับตาหยีถือคติที่ว่าถ้าผมไม่เห็นบอส บอสก็ไม่เห็นผมเหมือนกัน
   
“โอเคๆ ผมไม่แกล้งแล้ว”
   
บอสที่ดูเหมือนจะจนใจกับผมแล้วหยิบผ้าอะไรไม่รู้มาคลุมให้ผม ผมถึงยอมลืมตาและเห็นว่าบอสก็ยังนั่งข้างๆ ผมและมองผมอยู่
   
“เรื่องที่ผมร้องไห้ เดี๋ยวถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง”
   
ผมนั่งจ๋องมองบอส เริ่มรู้สึกว่าอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้
   
“ถ้าบอสมีเรื่องไม่สบายใจอะไรระบายให้ผมฟังได้เลยนะครับ หรืออยากให้ผมทำอะไรก็บอกผมได้เลย”
   
ผมไม่อยากเห็นบอสร้องไห้อีกแล้ว
   
“..ผมขอกอดคุณอีกได้ไหม”
   
“ได้ครับ”
   
แน่นอนว่าผมไม่มีทางปฏิเสธบอสอยู่แล้ว ถึงจะแอบเขินๆ ก็เถอะ แต่ผมก็เป็นคนเสนอตัวให้บอสเองนี่นา แล้วผมก็อยากให้บอสกอดด้วย ถ้าการกอดของผมมันจะทำให้บอสรู้สึกดีขึ้น
   
“..ขอโทษที่รบกวนนะ”
   
บอสพึมพำบอกผมแล้วขยับตัวมากอดผมซึ่งผมก็กอดบอสกลับและลูบหลังบอสไปด้วย
   
ให้ตายเถอะ ตัวบอสก็แค่นี้เองทำไมโลกถึงได้ใจร้ายกับบอสนักนะ
   
บอสฝังหน้ากับไหล่ผม ไม่ได้ร้องไห้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหลับตาปล่อยให้ผมกอด
   
“...”
   
ผมหน้าแดงเพราะรู้สึกว่ากลิ่นของบอสหอมขึ้น
   
“บอสชอบโดนกอดเหรอครับ”
   
ผมถามบอสเสียงเบา
   
“ไม่มีคนกอดผมนานแล้ว”
   
บอสตอบผมเสียงอู้อี้ไม่ยอมผละออกจากตัวผม ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้ว่าบอสน่าจะโหยหาการสัมผัสจากกอดมาก ผมพยายามลูบแผ่นหลังของบอสให้คลายความกังวลลง พยายามทำให้บอสรู้สึกดีขึ้นจากเรื่องราวแย่ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
   
ผ่านไปสักพักใหญ่กว่าบอสจะปล่อยมือจากตัวผมและกลับไปนั่งข้างๆ ผมอีกครั้ง สีหน้าบอสดูผ่อนคลายขึ้นและเริ่มต้นพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
   
“ผมเคยมีพี่ชายไม่เอาไหนอยู่คนนึง”
   
“...”
   
ผมไม่รู้ว่าเพราะกอดของผมรึเปล่าที่ทำให้บอสพร้อมที่จะเล่าความลับของตัวเองไวขนาดนี้ แต่ให้ตายเถอะ ถึงบอสจะพยายามทำตัวเหมือนปกติแต่ผมก็มองออกอยู่ดีว่าอารมณ์ข้างในบอสปั่นป่วนเป็นอย่างมาก
   
มันแสดงออกชัดทางแววตาและกลิ่นที่เปลี่ยนไป
   
“พี่ผมทำอะไรไม่เก่งสักอย่าง บริหารอะไรก็ไม่เป็นจนเกือบทำบริษัทล้มละลาย ที่ดีก็คงมีแต่เรื่องคุยฟุ้งกับใช้เงิน”
   
บอสยกข้อมือขึ้นและชี้ให้ผมดูรอยแผลเป็นทางยาวจางๆ ที่ผมไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน
   
“แผลนี้ผมได้จากตอนที่พี่ผมเมามาก”
   
บอสเหยียดยิ้ม
   
“แต่มันไม่ใช่ฝีมือพี่ผมหรอก คราม มันฝีมือพ่อผม พ่อเกลียดผม”
   
น้ำเสียงของบอสแข็งกร้าวขึ้นจนผมอยากร้องไห้
   
“ผมไม่รู้ว่าพ่อรักอะไรพี่ผมนัก ทั้งๆ พี่ผมแม่งทำห่าอะไรไม่เป็นเลย มีแต่เรื่องผิดพลาดที่ผมต้องตามไปเช็ดไปล้าง แต่ผมก็บ้ายิ่งกว่าที่ทำตามคำสั่งพ่อทุกอย่าง ขนาดตอนนี้พ่อผมนอนเป็นอัมพาตบนเตียง ผมยังไม่กล้าขัดคำสั่งเขาเลยคราม”
   
บอสหัวเราะ
   
“ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงอ่อนแอนัก ในสายตาทุกคนผมก็คงเป็นอัลฟ่าที่ประสบความสำเร็จ แต่ความเป็นจริงคือคนที่ประสบความสำเร็จคือพ่อผมต่างหาก เขาเก่งนะที่เลี้ยงผมขึ้นมาให้ผมกลายเป็นแบบนี้ได้”
   
“บอส”
   
ผมเรียกบอสเสียงเบาเพราะแววตาของบอสตอนนี้ดูเจ็บปวดมาก
   
“..จริงๆ ผมก็ทั้งเกลียดทั้งอิจฉาพี่ชายผมนะ ที่เขาได้รับความรักจากพ่อไปมากมายขนาดนั้น พ่อไม่เคยด่าพี่ผม ไม่เคยโทษพี่ผมอะไรสักอย่าง มีแต่ผมที่ทำผิดตลอด ผมผิดทุกอย่างนั่นแหละ แต่ผมก็เกลียดไม่ลงเพราะพี่ใจดีกับผม”
   
สุดท้ายบอสก็กลั้นน้ำตาไม่ไหวจนมันไหลออกมาช้าๆ บนสีหน้าว่างเปล่า
   
“ผมเคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าไม่มีพี่ ชีวิตผมอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ พ่ออาจจะรักผมมากกว่านี้ แต่มันไม่ใช่เลย คราม พอพี่ตายทุกอย่างมันแย่ลงกว่าเดิมอีก พอไม่มีพี่พ่อก็บ้ายิ่งกว่าเดิม หาว่าพี่ตายเพราะผมขับไม่ดี ทั้งๆ พ่อนั่นแหละที่เป็นคนขับ พ่อทำพี่ตายไม่พอยังทำหมาผมตายอีก มันเกินไปรึเปล่า ผม ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”
   
บอสสะอื้นจนตัวโยน
   
“พ่อผมอยากได้ทุกอย่างไปหมดเลย อยากได้ทั้งๆ ที่ผมไม่มีปัญญาจะหาเงินขนาดนั้นให้พ่อด้วยซ้ำ ผมเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว คราม ผมเหนื่อยมากจริงๆ ”
   
ผมขยับตัวเข้าไปกอดบอสอีกครั้ง พยายามประคับประคองตัวตนที่จวนเจียนที่ใกล้แตกสลายเต็มทีของบอสไม่ให้มันสูญสลายไปซะก่อน ผมไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ว่าบอสไม่เจอผม บอสจะต้องทนกับเรื่องเจ็บปวดนี้คนเดียวไปอีกนานเท่าไหร่กัน
   
“ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากเกิดมาด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าตัวเองทนใช้ชีวิตในครอบครัวบ้าๆ นี้มาถึงตอนนี้ได้ยังไง ยอมให้พ่อมาบงการชีวิตผมตั้งแต่เกิดได้ยังไง! ผมอยากจะอ้วกทุกครั้งที่เห็นพ่อพูดสโลแกนของสูท สูทแห่งอิสรภาพบ้าบออะไร”
   
บอสหัวเราะเสียงขืน
   
“ตัวตนผมตอนนี้ ผมก็ไม่รู้ว่ามันใช่ผมจริงๆ ไหมหรือมันเป็นแค่สิ่งที่พ่อสร้างขึ้นมา ผมชอบทำเสื้อสูทพวกนี้จริงๆ ใช่ไหม ผมชอบมันจริงๆ ใช่ไหม แต่ถ้าผมไม่ทำ ผมก็ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้ว ผมทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย ผมจะทำยังไงดี คราม ผมไม่ไหวแล้ว ทำไมคนที่ตายวันนั้นถึงไม่ใช่--”
   
ผมยกมือขึ้นปิดปากบอสไม่ให้พูดต่อเพราะรู้ดีว่าบอสจะพูดคำว่าอะไร
   
ผมหลุบตามองบอส
   
“สำหรับผมแค่บอสมีชีวิตอยู่ ผมก็มีความสุขแล้ว ผมดีใจนะครับที่ได้เจอคนใจดีอย่างบอส”
   
ผมพยายามพูดช้าๆ ระมัดระวังคำพูดเพื่อไม่ให้เป็นผมเองที่ไปทำลายฟางเส้นสุดท้ายของบอสเข้า
   
ผมไม่อยากเสียบอสไป
   
แค่แม่คนเดียวมันก็มากเกินพอแล้วสำหรับผม
   
“ถึงผมจะรู้จักบอสได้แค่ไม่กี่วัน แต่ผมก็อยากให้บอสรู้นะครับว่ายังมีคนที่เชื่อมั่นในตัวบอสอยู่”
   
ผมสบตากับนัยน์ตาของบอสที่ยังคงสั่นระริก ก่อนจะดึงมือบอสที่จิกตัวเองแน่นมากุมเพื่อให้มือที่เย็นเฉียบของบอสอุ่นขึ้น เอาเข้าจริงผมอยากจะจูบมือบอสด้วยซ้ำแต่ผมก็ไม่กล้าพอ
   
“..คุณชอบผมขนาดนั้นเลย?”
   
“ชอบครับ”
   
สีหน้าของบอสดูว่างเปล่าจนผมปวดใจ
   
“ผมมีดีขนาดนั้นเลยเหรอ”
   
“ครับ”
   
“คุณก็แค่คิดไปเอง คราม คุณชอบผมเพราะผมบังเอิญเก็บคุณมาได้ ถ้าคนอื่นเก็บคุณไป คุณก็จะชอบเขาเหมือนกัน”
   
ผมพยายามมากที่จะไม่หน้าบึ้ง
   
ให้ตายเถอะ เห็นแบบนี้ผมก็เลือกเจ้าของนะ
   
“ไม่จริงสักหน่อย ไม่มีใครเขาเก็บหมาป่ามาเลี้ยงสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนบอสหรอกนะครับ”
   
“แค่หมาตัวเดียว ให้อาหารให้น้ำแค่นั้นมันก็ไม่ตายแล้ว”
   
ปากร้ายชะมัดเลย แต่ผมก็เข้าใจเพราะบอสตอนนี้เหมือนจะหลุดการควบคุมไปแล้ว ตัวสั่นจนถ้าผมต้องกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิม
   
“ไม่ตายแต่ก็ยังต้องการความรักจากเจ้าของนะครับ”
   
“คุณไปหาจากคนอื่นเถอะ อย่ามาหาจากผมเลย”
   
บอสก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม ไม่เหลือเค้าบอสที่สุขุมเยือกเย็นในเวลาปกติเลยแม้แต่น้อย
   
“ไม่ครับ ผมจะอยู่กับบอส”
   
ผมพูดช้าลง พยายามทำให้บอสใจเย็น
   
“ต่อให้บอสไม่เก่ง ไม่เข้มแข็ง ไม่รักผมแล้ว ผมก็จะอยู่กับบอส”
   
“…”
   
ผมดึงมือบอสขึ้นมาแนบแก้มพยายามซุกๆ ให้เจ้านายกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม
   
“..คุณจะไม่ทิ้งผมจริงๆ ใช่ไหม”
   
“ครับ”
   
ผมสิต้องกลัวบอสเอาไปทิ้งมากกว่า คือถ้าไม่มีบอสผมก็ไม่มีที่ไปแล้ว
   
“!”
   
กลิ่นของบอสเปลี่ยนไปอีกแล้ว
   
ผมหน้าแดงด้วยความประหม่าเพราะนอกจากกลิ่นบอสจะเปลี่ยนไปบอสก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ใบหน้าน่ามองนั้นไม่ได้ร้องไห้แล้วแต่กลับมองผมแปลกๆ
   
ผมไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผมถึงรู้สึกเขินมากกว่าเดิม
   
บรรยากาศตอนนี้มันประหลาด ประหลาดเอามากๆ แต่ผมก็เลิกมองบอสไม่ได้
 
ให้ตายเถอะ
   
บอสตอนนี้น่าจูบชะมัด และแน่นอนผมไม่มีความกล้ามากพอที่จะพูดเหมือนเดิม
   
“อยากจูบผมเหรอ”
   
“!!!!!”
   
จากที่ผมคิดว่าตัวเองน่าจะหน้าแดงได้แค่นี้ตอนนี้ผมหน้าร้อนไปทั้งหน้า แถมยังตกใจจนหูกับหางโผล่อีก
   
“เอาสิ”
   
บอสหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้ม
   
“ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับเด็กดีอย่างคุณ”

------
 :call:
   
   



 



   
   





ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ยังไงต่อ?

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รอจ้า

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
บอสจะปล่อยตัวตอนอ่อนแอไม่ได้นะ

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 8

   
“ไม่ ไม่ครับ ไม่ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยจริงๆ นะครับ”
   
ผมตกใจจนแทบจะร้องไห้ตอนที่บอสอ่านใจผมได้อีกแล้ว
   
สีหน้าผมชัดขนาดเลยเหรอ แต่ไม่เอาหรอก ถึงผมจะอยากจูบบอสก็จริง แต่ผมก็ไม่คิดจะฉวยโอกาสบอสตอนที่บอสอ่อนแอหรอกนะ
   
“จริงเหรอ?”
   
“..จริงครับ”
   
ผมหูลู่ตอบบอสเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง
   
“แล้วถ้าผมอยากจูบคุณล่ะ”
   
“…”
   
ให้ตายเถอะ ใครก็ได้บอกผมทีว่านี่คือบอสคนเดียวกับที่ร้องไห้เหมือนกี้ แต่ก็ดีแล้วแหละที่บอสกลับมาควบคุมสติตัวเองได้ แต่ทำไมพอควบคุมได้ทีไร บอสถึงชอบแกล้งผมทุกทีเลย!
   
;w;
   
ผมสบตากับบอสหงอยๆ
   
“..บอสไม่ได้แกล้งผมใช่ไหมครับ”
   
นัยน์ตาสีฟ้านั่นกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ดูสุขุมเยือกเย็นควบคุมได้ทุกอย่างบนโลก และที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้แววตาของบอสดูสนุกอย่างเห็นได้ชัด
   
แต่ทำไมบอสถึงต้องสนุกที่ได้แกล้งผมล่ะ!
   
“ผมอยากจูบคุณไม่ได้เหรอ คราม”
   
“…”
   
จากที่ผมเป็นฝ่ายดึงมือบอสมาซุก ตอนนี้บอสดึงมือผมไปแนบแก้มตัวเองบ้าง บอสซุกกับมือผมแล้วช้อนตามองผมนิ่งๆ เหมือนตำหนิผมที่ไปขัดใจบอส
   

   
บอสโคตรน่ารักเลย
   
ผมหน้าแดงเพราะหางผมมันกระดิกเองอีกแล้ว แต่บอสก็น่ารักมากเลย สารภาพเลยว่าผมจำบอสสุดเท่วันแรกที่เจอกันแทบไม่ได้แล้ว
   
“..ผม ผมจูบไม่เป็นนะครับ”
   
ผมก้มหน้างุด เกิดมาผมยังไม่เคยมีแฟนเลย ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยสนิทกับใครเป็นพิเศษ บอสเป็นคนแรกเลยที่ผมได้ใกล้ชิดด้วยขนาดนี้
   
“ผมก็เหมือนกัน”
   
ผมเผลอกลั้นหายใจไปสักพักตอนที่บอสขยับเข้ามาหาผม กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพวกอัลฟ่าพิเศษที่ผมเคยได้ยินมาว่าหอมมากพอได้เผชิญด้วยตัวเองแล้วผมว่ามันมากกว่านั้นอีก
   
กลิ่นของพวกโอเมก้าเวลาฮีทอาจจะทำให้พวกอัลฟ่าบ้าคลั่ง
   
แต่กลิ่นของอัลฟ่าจิ้งจอกพวกนี้มันกลับทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและยังควบคุมสติตัวเองได้ ผมนั่งนิ่งๆ สบตากับเจ้าของกลิ่นอันเย้ายวนที่ยังทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
   
ให้ตายเถอะ ทำไมบอสถึงไม่เขินบ้างเลยนะ
   
ผมกระวีกระวายนิดๆ ตอนที่บอสใช้แขนข้างนึงรั้งคอผมลงมา ใบหน้าที่ผมหลงใหลมองผมในระยะประชิดผ่านแว่นกราบบางที่ผมเริ่มจะรู้สึกว่ามันเกะกะจนอดไม่ได้ที่จะถอดมันออกให้บอส
   
“..ผมจูบคุณได้ใช่ไหม”
   
บอสกระซิบถามผม
   
“ครับ”
   
ผมสบตากับบอสที่ดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด
   
“...”
   
ผมตื่นเต้นชะมัดเลย ช่วยด้วย ดีที่บอสเป็นคนเริ่มเพราะถ้าเป็นผม ผมคงนั่งตัวแข็งไม่กล้าทำอะไรบอสแน่ๆ ขนาดตอนนี้ผมยังไม่กล้าขยับตัวเลย
   
“!”
   
ผมหลับตาหยีตอนที่ถูกบอสจูบ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจผมแทบจะหยุดเต้นด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแต่พอตั้งสติได้มันก็เต้นแรงกว่าเดิมเพราะบอสรั้งคอให้ผมให้จูบมันดูดดื่มยิ่งขึ้น
   
ผมหน้าร้อนไปทั้งหน้าแต่ก็พยายามจูบบอสตอบ ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าริมฝีปากบางเฉียบของบอสจะนุ่มขนาดนี้ ไม่สิ สิ่งที่ผมไม่คิดมาก่อนคือผมจะได้มีโอกาสจูบบอสต่างหาก!
   
“หึ”
   
บอสหัวเราะเบาๆ ในลำคอตอนที่ผมเป็นฝ่ายที่รุกบอสบ้าง ผมลืมตาขึ้นมามองบอสเพราะอยากเห็นสีหน้าบอสว่าเป็นแบบไหนตอนที่ถูกผมจูบ
   
บอสจะชอบรึเปล่านะ?
   
แน่นอนว่ามันเป็นจูบครั้งแรกของผม ผมเลยยังจูบไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ พยายามละเลียดริมฝีปากของบอสอย่างทะนุถนอมและประคองแผ่นหลังของบอสเอาไว้
   
ผมชอบบอส ชอบที่สุดเลย
   
ผมปรือตามองบอสที่หน้าแดงขึ้นมานิดๆ ด้วยความเทิดทูน อารมณ์ที่พุ่งสูงทำให้ผมควบคุมฟีโรโมนของตัวเองไว้ไม่อยู่ กลิ่นฟีโรโมนของพวกอัลฟ่าหมาป่านั้นรุนแรงจนทำบอสตัวสั่นตามสัญชาตญาณ
   
“ขอโทษครับ ขอโทษ”
   
ผมหูลู่ลงแต่ก็ยังไม่เลิกจูบบอส มัวเมากับรสหวานจางๆ ที่ติดปลายลิ้นและกลิ่นเฉพาะตัวของบอส ทั้งๆ ที่สามารถควบคุมให้ต่อต้านผมได้แต่บอสกลับไม่ทำและปล่อยให้ผมรุกล้ำเอาชนะอย่างง่ายดาย
   
ผมเคยได้ยินว่าถ้าอัลฟ่ากับอัลฟ่าจับคู่กันก็คงเหมือนน้ำกับไฟ
   
ถ้าไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยินยอมก็คงจะแผดเผากันไปข้าง
   
“บอสชอบไหมครับ”
   
ผมถามบอสเสียงเบาหลังจากจูบไปนานมากแต่สีหน้าบอสก็ยังไม่เปลี่ยนไปสักนิด นัยน์ตาที่มองผมยังดูสุขุมและหวานกว่าปกตินิดหน่อยเท่านั้นเอง
   
“อืม”
   
บอสพยักหน้าเบาๆ แล้วขยับมือไปจับหูของผมที่เลิกลู่ลงแล้ว
   
“ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกรัฐบาลถึงกลัวพวกคุณนัก”
   
หงิง
   
ผมร้องในลำคอประท้วงเพราะอยู่ๆ ก็ถูกบอสขยำหู
   
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมชินกับพวกแรงกดดันน่ากลัวพวกนี้ ผมคงจะร้องไห้ไม่ให้คุณจูบไปแล้ว คราม”
   
“..แล้วบอสชอบที่ผมจูบไหมครับ”
   
ผมยังไม่ได้คำตอบชัดๆ เลยว่าบอสชอบไหม แต่ผมน่ะชอบที่บอสจูบผมที่สุดเลย ไม่สิ จะกอดหรืออะไรถ้าเป็นเกี่ยวกับบอสผมก็ชอบทั้งนั้น
   
“บอสครับ”
   
ผมเรียกบอสซ้ำเพื่อเร่งรัดเอาคำตอบ เพราะบอสไม่ยอมพูดอะไรแถมยังเบือนหน้าหนีผมอีก
   
“ผมจูบเก่งไหม”
   
ผมกระซิบถามและเป็นฝ่ายที่ขยับเข้าไปหาบอสบ้าง หางผมกระดิกแรงขึ้นตอนที่ผมได้กลิ่นฟีโรโมนของบอสจากบริเวณซอกคอซึ่งมันก็หอมมากจนผมอดไม่ได้ที่จะจูบลงบนคอบอส
   
“…”
   
ผมเผลอหลุดยิ้มออกมาเพราะทุกครั้งที่ผมประทับจูบ บอสจะสูดหายใจเบาๆ เหมือนพยายามไม่ให้ผมรู้
   
“จะไม่บอกผมจริงๆ เหรอครับ”
   
ผมทิ้งหัวซบบนคอบอสออดอ้อนราวกับเป็นลูกหมา ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงเป็นหมาป่าตัวเขื่องที่สามารถทับเจ้านายให้แบนได้
   
“บอสครับ”
   
ผมพ่นลมหายใจใส่คอบอสเฝ้ารอคำชมจากเจ้านายอย่างใจจดใจจ่อ ช้อนตามองเสี้ยวหน้าบอสที่ยังนิ่งสุขุมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่
   
ผมยิ้มออกมาเพราะถึงแม้บอสจะไม่ได้พูดอะไร แต่กลิ่นฟีโรโมนของบอสตอนนี้มันกลับบอกทุกอย่างของบอสอย่างชัดเจน แถมหมาป่าอย่างพวกผมก็แทบจะสามารถจับอารมณ์จากกลิ่นได้ด้วยซ้ำ
   
“..บอส”
   
กลิ่นของบอสตอนนี้หอมมาก เหมือนกับกลิ่นดอกไม้อะไรสักอย่างที่ให้ความรู้สึกดีมาก ผมรู้ว่าบอสพอใจกับจูบของผม แต่สิ่งที่ผมต้องการคืออยากได้คำชมจากบอส
   
นิสัยหมาๆ อย่างผมยังไงสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือคำชมของเจ้านายอยู่แล้ว
   
และเพราะบอสไม่ยอมพูดอะไรสักที ผมจึงอดไม่ได้ที่จะกระตุ้นบอสอีกเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาลูกหมาที่ชิมทุกอย่างไปทั่ว
   
“!!!”
   
บอสสะดุ้งสุดตัวตอนที่ผมเลียคอจุดที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นจุดอ่อนไหวที่สุดของบอส
   
“อย่าเลีย”
   
บอสเอ็ดผมเสียงเบา
   
“ก็บอสไม่ยอมบอกผมสักที”
   
“ก็ดี” บอสพูดส่งๆ หน้าแดงขึ้นมาทันที “พอใจคุณรึยัง”
   
“พอใจแล้วครับ”
   
ผมกระดิกหางดีใจที่เห็นบอสแสดงอารมณ์มากขึ้น
   
“งั้นผมขอจูบอีกได้ไหมครับ”
   
“...”
   
ผมทำหน้าเศร้าขอความเห็นใจเพราะผมยังอยากจูบบอสอยู่เลย
   
“พอแล้ว”
   
บอสขมวดคิ้วแล้วทำหน้าดุใส่ผม
   
หงิง
   
“แล้วก็เลิกหงิงใส่ผมสักที ผมไม่ใจอ่อนหรอกนะ”
   
“ครับ”
   
ผมยอมผละออกอย่างว่าง่ายแต่ก็หงอยมาก ผมกระชับผ้าที่บอสให้มาคลุมตัวแล้วลุกขึ้นยืน พยายามไม่สนใจกลิ่นฟีโรโมนของบอสที่ยังอวลอยู่ในอากาศ ซึ่งมันก็แปลกตรงที่ผมรู้สึกว่ากลิ่นมันแรงขึ้นจนผมแทบจะไม่กล้าหายใจแรงๆ
   
ผมเลียริมฝีปากตัวเองที่ยังคิดถึงริมฝีปากนุ่มๆ เมื่อกี้อยู่
   
ผมอยากจูบบอสอีกจัง
   
;w;
   
ผมสะบัดหัวพยายามสลัดความคิดออก เพราะบอสบอกแล้วว่าพอแล้ว หมาที่ดีอย่างผมก็ต้องพอ
   
“ผมให้แค่รอบเดียวนะ”
   
“!”
   
ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆ คนที่บอกว่าจะไม่ให้ผมจูบแล้วกลับเป็นคนที่รั้งคอผมลงไปจูบซะเอง ผมโอบเอวบอสเอาไว้หลวมๆ และเพลิดเพลินกับจูบของบอสอีกครั้ง
   
ซึ่งครั้งนี้ก็ต่างออกไปตรงที่บอสเป็นคนที่เป็นฝ่ายต้องการผมอย่างเห็นได้ชัด
   
กลิ่นฟีโรโมนของบอสเปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่ใช่กลิ่นหอมที่คล้ายดอกไม้แล้วแต่กลับเป็นที่คล้ายกับเหล้ารสแรง ที่จิบเพียงจิบเดียวก็สามารถทำให้คนที่จิบลืมไปว่าเป็นใคร
   
และใช่
   
ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าผมต้องทำตัวเป็นหมาเชื่องๆ
   
เสียงจูบที่ฟังดูลามกอยู่แล้วยิ่งดูลามกกว่าเดิมเพราะทั้งผมทั้งบอสก็ต่างโถมใส่กัน ผมปรือตามองก็เห็นบอสที่ขมวดคิ้วมุ่นเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ที่ไม่ได้เป็นคนควบคุมการจูบครั้งนี้
   
“...”
   
และเพราะกำลังจูบอยู่ผมถึงยิ้มออกมาไม่ได้
   
เมื่อกี้บอสยอมให้จูบอาจจะเพราะรู้ว่าถ้าตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนคงจะเผลอทำนิสัยเผด็จการออกมา เพราะปกติชีวิตปกติของบอสคงจะเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างเอาไว้
   
เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ที่ต้องทำทุกอย่างให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้ล้มเหลวได้ เป็นเสาหลักเดียวของบ้านที่ต้องพยายามประคับประคองทุกอย่างไว้ด้วยตัวคนเดียว
   
เอาเข้าจริง ถ้าผมไม่มีโอกาสรู้จักกับบอสส่วนตัวแบบนี้ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าเบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทนั้นต้องแลกกับความเจ็บปวดของบอสไปมากขนาดไหน
   
“!”
   
ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆ บอสก็กัดปากล่างผม แต่พอผมเห็นสีหน้าบอสก็ถึงรู้ได้รู้ว่าบอสไม่ค่อยพอใจที่สุดท้ายแล้วบอสก็ไม่สามารถเอาชนะผมได้
   
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนที่ปกติจะดูสุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอตอนนี้ดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
   
น่ารัก
   
น่ารักชะมัดเลย
   
แน่นอนว่าผมไม่โกรธที่ถูกกัดปากแถมยังแกล้งยอมแพ้บอส ปล่อยให้เป็นคนที่จูบผมต่อไปเพราะยังไงแค่ได้จูบบอส ผมก็ดีใจมากๆๆ แล้ว

ไม่สำคัญหรอกว่าผมจะเป็นคนจูบบอสหรือบอสเป็นคนจูบผม ในเมื่อผลลัพธ์ก็เหมือนกัน
   
ผมปล่อยให้บอสจูบผมต่ออีกสักพัก พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำมากกว่าโอบเอวบอสเอาไว้หลวมๆ เพราะกลิ่นฟีโรโมนของบอสรอบนี้มันแรงมากจนผมแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
   
ร่างกายของผมร้อนผ่าวไปทั้งตัว มึนเมาไปกับเหล้ารสหวานจากริมฝีปากบอส เพราะยิ่งจูบบอสนานเท่าไหร่ผมก็รู้สึกร้อนมากขึ้นเท่านั้น
   
ผมต้องการมากกว่านี้
   
“!!”
   
บอสสะดุ้งเฮือกตอนที่ผมกดสติตัวเองเอาไว้ไม่อยู่และใช้มือทั้งสองข้างขยำสะโพกของบอสเต็มแรง
   
ถึงแม้จะเป็นกางเกงแสลคกั้นอยู่แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มเต่งตึงของมัน เจ้าโบ้สองตัวในหัวพยายามเรียกสติผมคืนมาแต่ผมก็ผมยังห้ามตัวเองไม่ให้ขยำมันต่อไปไม่ได้
   
“..คราม”
   
เป็นบอสที่ยอมผละออกจากผมก่อนและจับมือผมเอาไว้
   
“...”
   
ผมรู้ว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พลังมหาศาลของพวกอัลฟ่าหมาป่าในตัวผมช่วงนี้ก็ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ทำให้ร่างกายของผมต้องการที่จะปลดปล่อยมากเป็นพิเศษ แถมสัญชาตญาณของอัลฟ่าหมาป่าก็ยังเป็นการวิ่งออกไปฟัดกับอัลฟ่าตัวอื่นอีก
   
ผมเลียเขี้ยวในปากพยายามกดความงุ่นง่านของตัวเองลง มองหน้าบอสที่ตอนนี้ยังไม่เลิกแดง
   
“..ไลม์”
   
ผมพึมพำออกมาเสียงต่ำซึ่งมันก็ทำหน้าบอสแดงยิ่งกว่าเดิมอีก
   
“..ออกจากห้องไปได้ไหม”
   
ผมเจ็บนิดๆ ตอนที่เห็นภาพตัวเองที่สะท้อนในแววตาของบอสคล้ายกับปีศาจ
   
ตาสีน้ำตาลของผมเปลี่ยนเป็นสีแดงเรืองรอง ใบหน้าผมกลายเป็นหมาป่าทั้งหมด มือของผมเปลี่ยนเป็นกรงเล็บไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะกลัวว่าจะเห็นสีหน้าหวาดกลัวของบอส
   
น่าเกลียดชะมัดเลย
   
ผมก้มหน้างุดพยายามซ่อนกรงเล็บของตัวเองไว้ข้างหลังไม่ให้บอสเห็น เอาเข้าจริงผมอยากจะหายไปจากตรงนี้ด้วยซ้ำ ดีที่ผมไม่คืนร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเต็มตัวไม่งั้นคงจะน่าเกลียดกว่านี้
   
ให้ตายเถอะ ใครจะไปรู้ว่าร่างมนุษย์หมาป่าที่ผมกดเอาไว้ได้หลายปีแล้วมันถึงมาโผล่เอาตอนนี้ล่ะ มันเป็นร่างที่ผมทนมองตัวเองในกระจกไม่ได้ด้วยซ้ำ
   
ขืนบอสอยู่ในห้องผมนานกว่านี้คงต้องโดนผมฟัดแน่ๆ แล้วคงจะไม่ใช่ฟัดแบบปกติที่ผมเคยไปไล่กัดพวกที่มาหาเรื่องผมด้วย
   
“..ไลม์ ออกจากห้อง”
   
ผมพยายามพูดอย่างยากลำบากระงับความต้องการของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ใจจริงผมอยากตะครุบบอสมาก สัญชาตญาณในตัวผมกู่ร้องอย่างจะเอาชนะบอส อยากจะกำราบอัลฟ่าตัวอื่นที่กล้าเข้ามาในอาณาเขตของตัวเอง
   
“นี่ห้องผม ไม่ใช่ห้องคุณ”
   
ทั้งๆ ที่ฟีโรโมนของบอสตอนนี้แทบจะโดนกลิ่นของผมกลบหมดแล้ว แต่บอสก็ยังทำเหมือนไม่มีเกิดขึ้นจนผมรู้สึกกระสับกระส่ายอยากจะเอาชนะมากกว่าเดิม

กลิ่นของผมตอนนี้ทำเอาพวกอัลฟ่าที่เป็นถึงบอดี้การ์ดของพวกคนใหญ่คนโตกลัวจนขาสั่นเลยนะ แปลว่าพวกอัลฟ่าจิ้งจอกอย่างบอสก็น่าจะมีอะไรที่พิเศษพอที่พวกรัฐบาลถึงต้องการตัวเหมือนกัน

“..ไลม์ ผมจะไม่ไหวแล้ว”

ร่างกายผมยังคงร้อนผ่าวจากฟีโรโมนของบอส ผมตัวสั่นจนแทบจะควบคุมสติไม่อยู่แต่ก็พยายามกัดฟันกดสัญชาตญาณตัวเองไม่ให้เผลอทำร้ายบอส

“ผมจะช่วยคุณเอง”

บอสหัวเราะเบาๆ ก่อนที่ผมจะสะดุ้งกับเสียงโซ่จนต้องหันไปมองว่าบอสหยิบอะไรติดมือมาด้วย

“!!”

ผมกลืนน้ำลายเอือกเพราะไม่คิดว่าของที่เพิ่งไปซื้อมาจะได้ใช้ไวขนาดนี้ ไม่สิ ไม่คิดว่าจะได้ใช้ล่ามผมในร่างนี้ด้วย!

“...”

ทำไมโซ่ที่ผมรู้สึกว่าวันนั้นมันเล็กแต่วันนี้มันถึงใหญ่นักล่ะ ไม่สิ นั่นไม่ใช่ประเด็นแต่ประเด็นคือบอสจะช่วยผมยังไงต่างหาก บอสจะยอมให้ผมฟัดจริงๆ เหรอ

ผมเลียเขี้ยวด้วยความประหม่า ถ้าผมยังเป็นร่างมนุษย์ทั่วไปตอนนี้คงหน้าแดงไปถึงคอ ผมมองบอสที่เข้ามาใกล้ผมด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะพาผมไปเดินเล่นมากกว่า

ผมก้มหน้างุดอายๆ เพราะผ้าคลุมตัวผมมันหลุดไปตั้งนานแล้ว ส่วนที่ร้อนผ่าวที่สุดในร่างกายผมมันก็แข็งขืนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจนผมไม่รู้จะปกปิดมันยังไง

“ผมจะใช้ปากให้คุณ”

บอสพูดเสียงเรียบพร้อมๆ กับเอาโซ่มาพันธนาการมือของผมทั้งสองข้างให้ติดกัน แน่นอนว่าผมยอมแต่โดยดีเพราะผมก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอทำร้ายบอสโดยไม่รู้ตัว

แต่เดี๋ยวก่อนนะ บอสจะ จะใช้ปากให้ผมเหรอ!!!

ผมตกใจจนหูหางฟู ลืมความต้องการของตัวเองไปชั่วคราว

“..บอสแน่ใจแล้วใช่ไหมครับ”

ผมถามเสียงสั่นตอนที่ถูกบอสดันให้ผมไปนั่งลงบนเตียง หูผมตั้งขึ้นตอนที่เห็นบอสล่ามโซ่ไว้กับหัวเตียง จับจ้องเสื้อเชิ้ตขาวที่แนบไปบนแผ่นหลังของบอสไม่วางตา

...ให้ตาย

ผมหลับตาเลียเขี้ยวอีกด้วยความงุ่นง่าน หอบหายใจแรงขึ้นเมื่อได้กลิ่นบอสเข้ามาใกล้อีกครั้ง

“เปลี่ยนใจยังทันนะครับ”

ผมพูดเสียงเบาตอนที่ลืมตาขึ้นมามองแล้วเห็นบอสนั่งคุกเข่าตรงหน้าผมแล้ว

“เลิกพูดสักที”

“!!”

ผมตัวแข็งทื่อเมื่อถูกมือเย็นเฉียบของบอสแตะส่วนนั้น หูผมขยับไปมาเพราะรู้สึกกระสับกระส่ายผสมกับอาย ความรู้สึกเสียวซ่านจากส่วนที่อ่อนไหวที่สุดทำเอาผมครางแผ่วในลำคออย่างห้ามไม่ได้

“คุณเป็นแบบนี้ก็เพราะผมส่วนหนึ่ง คราม”

“...”

ตอนนี้หัวของผมแทบจะว่างเปล่า ผมคิดอะไรไม่ออกสักนิดนอกจากมองคนตรงหน้าที่ยังดูสุขุมและทำเหมือนกับว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นอีกกิจวัตรหนึ่งที่ปกติเอามากๆ

“..ผมสิต้องถามคุณ”

สีหน้าที่ดูสุขุมมาตลอดถึงได้แดงขึ้นมาบ้าง

“คุณจะยอมให้ผมช่วยไหม”

แน่นอนว่าผมพยักหน้าแบบไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ผมหอบหายใจดังกว่าเดิมตอนที่บอสใช้มือกำของผมด้วยสีหน้ากังวล

“..ทำไมมันใหญ่ขึ้นล่ะ”

บอสพูดพึมพำกับตัวเองเสียงเบาแต่ผมกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ผมเลียเขี้ยวอีกครั้ง ร่างกายสั่นเทาอยากจะพังโซ่ทิ้งแล้วตะครุบตัวบอสเพื่อทำรักมาก แต่ผมก็รู้ว่าถ้าผมทำมันจริงบอสต้องเจ็บมากแน่

ผมเกลียดร่างนี้มากเพราะถ้าเผลอหลุดแล้ว ผมจะขาดสติไปเลย ครั้งก่อนผมเผลอปล่อยร่างนี้ออกมาตอนที่กำลังจะถูกรุมทำร้ายและมันก็ช่วยพาผมรอดออกมาถึงห้องได้โดยที่ผมจำอะไรไม่ได้สักนิด รู้แต่ว่าพอตื่นมาอาบน้ำถึงรู้ว่าทั้งตัวของผมเต็มไปด้วยเลือดของพวกมัน

ดีหน่อยที่หลังจากนั้นไม่มีข่าวพวกบอดี้การ์ดหรือใครตาย ผมเลยสบายใจขึ้นที่ไม่ได้เผลอพลั้งมือฆ่าใครเข้า ถึงแม้ว่าผมจะเกลียดพวกอัลฟ่าพวกนั้นมากก็ตาม

“..ไลม์”

ผมพึมพำเรียกบอสที่เอามันไปแนบกับแก้มตัวเองแล้วช้อนตามองผม ดูไม่กลัวผมในร่างมนุษย์หมาป่าสักนิด

“ผมไม่เคยทำให้ใครมาก่อน อาจจะไม่เก่งเท่าไหร่นะ”

พูดจบบอสก็อ้าปากและลองใช้ลิ้นแตะมัน

ผมหอบหายใจแรงกว่าเดิม ตาของผมร้อนผ่าว ผมเกร็งและกระตุกเป็นพักๆ ตอนที่บอสเลีย ช่วงไหนที่ผมหลุดครางออกมาบอสจะจงใจดูดและเลียส่วนนั้นเป็นพิเศษ

แกร๊ง!!

“อย่าใจร้อนสิ”

บอสขมวดคิ้วเอ็ดผมที่เผลอกระทุ้งตัวใส่ปากบอส

“ขอโทษครับ”

ผมพูดทั้งๆ ที่ทนแทบไม่ไหวแล้ว ขาของผมสั่นไม่หยุด

“ของคุณมันใหญ่ ถ้าไม่ระวังมันจะโดนฟันผม”

ในระหว่างที่พูดบอสก็เปลี่ยนจากเป็นมือมารูดให้ผมแทน

“แล้วผมก็ไม่อยากสำลักด้วย”

“..ครับ”

สุดท้ายแล้วผมก็ยังแพ้ทางให้กับบอสอยู่ดีและปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่บอสทำให้ มันทำให้ผมรู้สึกดีกว่าทำด้วยตัวเองอีก ผมจ้องบอสนิ่ง หายใจช้าๆ พยายามไม่ให้ตัวเองเผลอทำตามใจอีก

ท่าทางของผมอาจจะดูน่าสงสารมาก บอสถึงได้ยอมเอามันเข้าไปในปากมากขึ้น

“...”

ผมกลืนน้ำลายเอือกเพราะบอสหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่มันดันกระพุ้งแก้มจนเป็นทรง ซึ่งพอผมกระพริบตาสีหน้าบอสก็กลับมาปกติแล้ว บอสกลืนเข้าไปลึกขึ้นจนผมรู้สึกเสียววูบในท้อง

“ไลม์”

ผมครางชื่อบอสออกมาตอนที่บอสขยับเร็วขึ้นแถมยังแกล้งดูดแรงๆ จนเกิดเป็นเสียงที่ฟังดูลามกจนผมอยากจะเอามือปิดหน้าตัวเอง แต่ติดที่ว่ามือผมโดนล่ามแล้วเลยได้แต่มองบอสที่ยังใช้ปากทำให้ผมอย่างกระตือรือร้น

ผ่านไปสักพักใหญ่จนเปียกชุ่มไปทั้งลำแต่ผมก็ยังไม่แตกอยู่ดีจนบอสยอมผละออก

“..ผมเมื่อยแล้วนะ”

บอสขมวดคิ้วแล้วใช้หลังมือเช็ดน้ำลายที่ยืดออกมาจากปาก

“ขอโทษครับ”

ผมก้มหน้างุด

“คุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหม ผมจะได้ทำ”

“...กลืนลึกๆ ครับ”

ผมตอบเสียงเบาอายๆ แต่ก็แอบเหลือบมองบอสเพราะอยากรู้ว่าท่าทีตอบรับของบอส

“...”

บอสหน้าแดงอีกแล้ว!

น่ารักชะมัดเลย

บอสขมวดคิ้วเหมือนจะไม่พอใจที่หน้าตัวเองไม่เลิกแดงสักที ก่อนจะรับมันเข้าไปในปากอีกครั้งทั้งๆ ที่หน้ายังแดงอยู่

“—แค่ก”
   
ครั้งนี้บอสเหมือนจะกะจังหวะผิดแล้วมันเข้าไปลึกเกินจนสำลักออกมา บอสขมวดคิ้วมากกว่าเดิมและพยายามกลืนต่อให้หมดเพราะเมื่อกี้รับเข้าไปแค่ครึ่งเดียว
   
ผมอยากจะบอกบอสว่าถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องก็ได้นะครับแต่ก็พูดไม่ออก
   
“..ฮื่อ”
   
ผมคำรามในลำคอขบกรามแน่น เกร็งไปทั้งตัวเพราะใกล้จะปลดปล่อยเต็มทน
   
ไม่ไหว ผมจะไม่ไหวแล้ว
   
“ไลม์ ผม—จะ—แตกแล้ว”
   
ถ้ามือของผมไม่ถูกล่ามอยู่ ผมคงจะดึงบอสออกแล้ว ผมไม่อยากให้บอสกลืนมันลงไป เลยได้แต่พยายามพูดทีละคำอย่างยากลำบาก
   
“ไลม์!!”
   
ทำไมบอสถึงไม่ยอมปล่อยสักที!
   
สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวพยายามพังโซ่แต่ก็ทำไม่ได้เพราะบอสมัดไว้หลายทบมาก ผมเขย่าขาทนจนแทบจะทนไม่ไหวแล้วแต่เจ้าของชื่อก็ดูจะไม่สนใจผมสักนิด อมเข้าไปจนมิดลำด้วยสีหน้าหน้าปกติ
   
ผมทนต่อได้ไม่นานเท่าไหร่ก็แตกจริงๆ
   
“...”
   
ผมมองบอสที่กลืนมันลงไปทั้งหมดโดยไม่สำลักอึ้งๆ หนำซ้ำพอมั่นใจว่ากลืนหมดแล้วบอสก็ยอมปล่อยมันออกแล้วใช้หลังมือเช็ดปากตัวเองที่เลอะคราบสีขาวด้วย
   
“ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เอาออกเหรอ”
   
บอสถามผมเสียงเรียบแล้วเลียคราบที่เหลือบนหลังมือ
   
“..ครับ”
   
ผมพึมพำตอบเสียงเบา รู้สึกเขินบอสจนอยากจะสลบหนีความจริงให้รู้แล้วรู้รอด ดีหน่อยที่บอสไม่ได้ถามอะไรผมอีกและช่วยเอาโซ่ที่ล่ามมือผมไว้ออก
   
“พรุ่งนี้ผมจะเข้าออฟฟิศ คุณอยากไปด้วยไหม”
   
“อยากไปครับ”
   
ผมยกมือลูบหน้าตัวเองที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วหลังจากที่ปลดปล่อยไป รู้สึกดีมากที่ผมไม่ดูเป็นปีศาจแล้วเพราะผมไม่อยากให้บอสรู้จักผมในร่างนั้นเท่าไหร่
   
“อืม”
   
บอสพยักหน้าเชิงรับรู้แล้วกอดอกยืนจ้องหน้าผมที่ยังนั่งจ๋องอยู่บนเตียงเหมือนเดิม
   
“?”
   
ผมกระพริบตาปริบงุนงงเริ่มรู้สึกประหม่า
   
“ร่างเมื่อกี้ก็เท่ดี”
   
บอสยิ้มบางให้ผม
   
“แต่ไม่ว่าจะร่างไหน ผมก็จะชอบทั้งนั้นแหละ คราม”


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
บอสอยากก้อบอก คือแซบมาก

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
หายไปนาน ติดตามอยู่นะครับ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
บอสแซ่บเว่อร์ นี่แค่ชิมนะ 5555  :impress2: โอ้ยยเอ็นดูเจ้าหมาครามไม่ไหวแล้ว ตอนที่เจอกันครั้งแรกสภาพซะน่าสงสารเชียว พอเอามาอยู่บ้านก็กลัวเขาจะรำคาญ บอกให้ปล่อยข้างถนน โถน่าเอ็นดูไปไหน ร้องหงิงๆ 555 บอสเป็นพวกกดดันและเก็บกดสินะถึงได้เย็นชาแบบนี้ นอกจากนี้ยังต้องซ่อนความเป็นตัวเองไว้อีก สิ่งที่บอสแสดงออกมากับครามนี่ละคือตัวตนบอส แอบยั่วเยเบาๆ 5555 ต่อไปเจ้าหมาต้องได้ปกป้องบอสของเราแล้ว  :-[ เจ้าหมาครามดูซื่อๆแต่แอบซ่อนความร้ายในตัวสูงนะเนี้ย หลอกล่อเก่ง 5555 เฮ้ยย!!สนุกดีค่ะ ลองเข้าอ่านเล่นๆแต่ดันเพลินมาก อ่านง่าย ไม่ค่อยมีคำผิดดีด้วย รอตอนต่อไปเลย จะเป็นไงตอนไปทำงาน ขอบคุณนะคะที่แต่งมาให้อ่าน  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ฮอตมากเวอร์ค่ะ เป็นเอ็นดูคราม ข่มตัวเองสุดๆ
ไลม์น่าสงสารนะคะ เข้าใจที่ไลม์บอกเลย ถึงโตแล้วก็ยังกลัว

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
บอสแค่อยากช่วยหรืออยากลองคะ. ครั้งแรกก็ทำเหมือนเชี่ยวเลยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หรือว่าบอสจะเป็นโอเมก้ากันนะ?

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
  ตอนที่ 9

“อีกสิบห้านาทีลูกค้าผมจะมา คุณรออยู่ในห้องนี้นะ”
   
“ครับ”
   
ผมตอบบอสแล้วนั่งลงบนโซฟาซึ่งบนโซฟามีทั้งหมอนและผ้าห่ม ถ้าให้ผมเดาโซฟานี้น่าจะเป็นที่นอนประจำของบอสเวลาที่ค้างออฟฟิศ
   
“ไม่น่าเกินสองชั่วโมง ผมจะกลับมา ถ้าเบื่อก็หาอะไรในห้องเล่นก็ได้”    
   
บอสพูดไปเช็คความเรียบร้อยของตัวในกระจกไป ทั้งๆ ที่ผมก็รู้สึกว่าบอสตอนนี้ก็ดูดีมากๆ แล้ว ไม่สิ ใช้คำว่าสมบูรณ์แบบมากน่าจะถูกกว่า เพราะวันนี้ทั้งชุดสูทกระดุมสองแถวสีดำของบอสและทรงผมที่บอสเซ็ตมันไม่เหมือนที่ผมเคยเห็นมาสองสามวันนี้
   
ตอนบอสออกจากห้องน้ำเล่นเอาผมหน้าแดงเลย
   
จากที่ผมคิดว่าบอสดูสมบูรณ์แบบอยู่แล้วตอนนี้บอสดูสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมอีก ดูเป็นอัลฟ่าที่ยิ่งใหญ่จนสามารถครองโลกได้ ผมไม่แปลกใจเลยทำไมบริษัทสูทของบอสถึงกลับมาเป็นผู้นำในวงการ
   
แต่ให้ตายเถอะ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบอสตอนนี้หล่อมาก แถมกลิ่นอัลฟ่าของบอสวันนี้ก็เป็นกลิ่นแบบที่ผมเจอบอสครั้งแรกอีก ถึงจะมีกลิ่นน้ำหอมกลบก็เถอะแต่ผมก็ยังสามารถได้กลิ่นฟีโรโมนของบอสอย่างชัดเจน
   
ผมไม่รู้ว่าเพราะบอสเครียดรึเปล่า กลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกปลอดภัยนั่นถึงได้ดูจางลงมากแต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือมันเหมือนซุกซ่อนอะไรไว้อีกแล้ว
   
ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมกลิ่นที่ดูลึกลับนี่ถึงมีเป็นช่วงๆ เมื่อวานผมอยู่กับบอสทั้งวันก็ไม่เห็นจะได้กลิ่นแบบนี้เลย มีแต่กลิ่นฟีโรโมนของบอสที่ทำให้ผมเกือบจะขาดสติแบบเพียวๆ
   
“...”
   
ผมหน้าแดงเมื่อเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาอีกแล้ว
   
“หน้าแดงทำไม”
   
บอสที่ดูเหมือนจะสำเร็จตัวเองจนพอใจแล้วเดินมายืนมองผมงงๆ
   
“ไม่มีอะไรครับ”
   
ผมไม่กล้าพูดเรื่องเมื่อวานหรอกนะ มันน่าอายจะตาย ถึงบอสจะมองว่ามันเป็นเรื่องปกติก็เถอะ แต่ผมก็อายนี่นาที่ปล่อยในปากบอสมากขนาดนั้นแถมยังทำตามใจตัวเองอีก
   
ผมมองริมฝีปากบางของบอสที่ดูปกติ ดีที่มันไม่บวมหรือเป็นอะไร ไม่งั้นผมคงจะรู้สึกผิดมาก
   
“อยากจูบผมเหรอ”
   
“..เปล่าครับ”
   
ผมหน้าแดงกว่าเดิมเพราะพอบอสถาม ผมก็ดันอยากจูบขึ้นมาจริงๆ
   
“แต่ต่อให้คุณอยากจูบ ผมก็ให้คุณจูบไม่ได้หรอก คราม”
   
บอสหัวเราะเบาๆ ดูผ่อนคลายลงนิดหน่อยหลังจากที่ดูเครียดตั้งแต่เช้า
   
“ผมปล่อยให้ตัวเองมีกลิ่นอัลฟ่าคนอื่นติดตัวไม่ได้”
   
ผมพยักหน้าหงึกหงักเชิงเข้าใจเพราะบอสกับผมก็ไม่ได้เป็นอะไรกันถึงขั้นนั้น จะปล่อยให้มีกลิ่นผมบนตัวบอสก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ แถมบอสยังต้องไปเจอลูกค้าอีก
   
“ถึงบ้านเมื่อไหร่ ถ้าผมอารมณ์ดีผมจะยอมให้จูบนะ”
   
“ครับ”
   
ให้ตายเถอะ ผมอยากกระดิกหางชะมัดเลย แต่ผมก็ต้องอดทนเอาไว้เพราะอยู่ข้างนอก
   
“ตั้งใจเฝ้าห้องล่ะ”   
   
“ครับ!”
   
ผมรับคำขึงขัง ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้บอส แต่ไปๆ มาๆ ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสัตว์เลี้ยงที่เจ้านายเอามาทำงานด้วยมากกว่า แต่เอาเถอะ แค่ได้ทำประโยชน์ให้กับบอสบ้างผมก็รู้สึกดีแล้วล่ะนะ
   
ผมมองตามหลังบอสจนกระทั่งประตูปิดลงแล้วก็นิ่งไปสักพักเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ เอาจริง นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยมั้งที่ผมมีเวลาว่างจนนั่งไร้สาระได้แบบนี้
   
ปกติผมตอนนี้ถ้าไม่หางานใหม่อยู่ก็คงทำงานอะไรสักอย่างอยู่ แบบถ้าหางานยามไม่ได้ก็ต้องไปรับงานรับจ้างทั่วไปที่พอได้เงินมาประทังชีวิตอ่ะ ยอมรับเลยว่าพอได้มาอยู่กับบอสแล้วชีวิตผมก็ดีขึ้นมากจริงๆ
   
ผมไม่ต้องกลัวว่าจะต้องหิวหรือไม่มีที่อยู่อีกต่อไปแล้ว
   
ผมน้ำตารื้นขึ้นมานิดหน่อยด้วยความซาบซึ้ง สาบานได้เลยว่าที่ผมเคยคิดว่าจะยอมตายเพื่อบอส ผมว่าผมทำมันได้จริงๆ จะตายหรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าเพื่อบอสแล้วผมจะยอมทำทุกอย่างเลย!
   
แต่ผมก็รู้อีกแหละว่าบอสก็ใจดีเกินกว่าจะให้ผมไปทำอะไรเสี่ยงๆ เพื่อตัวเอง แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างชีวิตตัวเองกับชีวิตบอสผมก็ต้องเลือกชีวิตบอสอยู่แล้ว ถึงจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันก็เถอะ
   
ช่วยไม่ได้ ก็ผมไม่เจอคนที่ดีกับผมขนาดนี้มานานแล้วนี่นา
   
ผมเดินสำรวจห้องทำงานบอสอีกครั้งด้วยความชื่นชมเพราะมันสวยและดูเป็นระเบียบมาก แบบมันเป็นห้องทำงานที่น่าจะมีครบทุกอย่างที่บอสจะใช้ในการทำงาน บนชั้นหนังสือเต็มไปด้วยนิตยสารแฟชั่นและหนังสือ ส่วนบนผนังมีภาพที่บอสได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์แห่งปีเมื่อสองปีที่แล้ว
   
“...”
   
ผมมองรูปบอสที่ยิ้มรับรางวัลนั้นสักพัก
   
บอสในรูปก็ยังดูสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม แววตาสีฟ้าของบอสไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรมากมายนักแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าที่ซ่อนไว้หลังแววตานั้น
   
ภายใต้ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สิ่งที่บอสต้องแลกก็คือชีวิตของตัวเอง ทุ่มเททุกอย่างให้มันด้วยตัวคนเดียวโดยไม่มีโอกาสที่จะผิดพลาด เพราะถ้าบอสผิดพลาดก็คงจะไม่มีใครสามารถกอบกู้สถานที่เลวร้ายของแบรนด์ขึ้นมาได้อีกแล้ว
   
ทุกความเจ็บปวดและน้ำตาของบอสจึงถูกเก็บเป็นความลับ ซ่อนเอาไว้เบื้องหลังรอยยิ้มและความสำเร็จที่ทำให้ผู้คนต่างอิจฉาตาร้อน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมันคือการขายวิญญาณของบอส
   
ผมไม่รู้ว่าบอสต้องลงทุนลงแรงไปมากขนาดไหนกับการรีแบรนด์ เพราะผมจำได้ว่าเมื่อก่อนมันเป็นแบรนด์สูทราคาปานกลางที่มีร้านอยู่แทบจะอยู่ทุกจุดที่มีคนพลุกพล่าน อีกทั้งยังมีทรงของสูทที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แต่ก็ค่อนข้างเรียบ เป็นสูทที่คนนึกถึงเป็นชื่อแรกๆ ถ้าจะหาสูทไม่แพงมากสักชุดไว้ใส่ไปทำงาน
   
แน่นอนว่ามันผิดกับตอนนี้ลิบลับ การรีแบรนด์ครั้งนี้ทำให้ชื่อมาเวอร์ริกกลายเป็นแบรนด์สูทระดับบนที่มีเพียงคนหยิบมือเดียวสามารถเอื้อมถึงเท่านั้น
   
จากสูทแห่งอิสรภาพที่ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถสวมได้กลับกลายเป็นสูทที่มีเพียงอัลฟ่าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของได้ ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็เข้ากับสโลแกนของแบรนด์ดี
   
‘มาเวอร์ริก สูทแห่งอิสรภาพที่จะทำให้ผู้สวมใส่กลายเป็นผู้ที่มีเกียรติเหนือใคร’
   
ตลกร้ายที่แบรนด์ก็ยังใช้สโลแกนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ที่จะทำให้สโลแกนของสูทนั้นเป็นความจริงได้มากกว่าแต่ก่อน
   
เพราะความจริงของโลกใบนี้คือมีเพียงอัลฟ่าเท่านั้นที่ครอบครองอิสรภาพมากกว่าใคร และบอสก็เก่งพอที่จะเอาคนกลุ่มนี้มาเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตัวเอง
   
ผมไม่รู้ว่าบอสทำงานหนักมานานขนาดไหนแล้ว อาจจะหนึ่งปี สองปี หรือมากกว่านั้น ถ้าเป็นผม ผมก็คงจะเป็นแบบบอสที่กลายเป็นคนตื่นยากเพราะไม่อยากตื่นมาทำงานหนักที่ไม่ใช่เพื่อตัวเองทุกวัน
   
น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ตัวเจ้าของแบรนด์อย่างบอสเองก็ยังไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ ต้องขาดอิสรภาพเพราะแบรนด์ของตัวเองซะเอง
   
ผมเดินดูนั่นนี่อยู่สักพักแล้วก็กลับไปนอนบนโซฟาเบื่อๆ
   
ให้ตายเถอะ หรือนี่จะเป็นความรู้สึกของพวกหมาเวลาที่ต้องรอเจ้าของกลับบ้านกัน บอสเพิ่งออกจากห้องไปแค่เกือบครึ่งชั่วโมงเองแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันนานมาก
   
ไม่มีไรทำเลยอ่ะ แล้วผมก็ไม่ใช่คนชอบเล่นโทรศัพท์ด้วย
   
ผมหาวง่วงๆ เตรียมจะนอนรอแต่ก็ดันไปเจออะไรแข็งๆ ที่บอสวางไว้ใต้หมอนที่ผมกำลังจะหนุนซะก่อน ผมเลยหยิบขึ้นมาดูและพบว่าเป็นนิตยสารแฟชั่นฉบับเดือนที่แล้วซึ่งคนที่ขึ้นเป็นหน้าปกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
   
บอส!
   
ผมตาโตเพราะภาพบนปกนั้นบอสดูเท่และเซ็กซี่มาก บอสไม่ได้ใส่แว่นและเซ็ตผมแถมยังใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมบนลงสองสามเม็ดเผยให้เห็นแผ่นอกวับๆ แวบๆ บนไหล่ซ้ายพาดด้วยสูทตัวนอกสีขาวเข้ากันดีกับกางกางสีเดียวกัน แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคืออีกาที่เกาะอยู่บนแขนขวาของบอสและกำลังตีปีก ขนสีดำของมันฟุ้งกระจายราวกับป่าวประกาศถึงอิสรภาพอันยิ่งใหญ่ของมัน

ผมอดตะลึงนิดๆ ไม่ได้เพราะอีกาเป็นตราสัญลักษณ์ของแบรนด์มาเวอร์ริก การเอาอีกาจริงๆ มาร่วมเฟรมถ่ายรูปนั้นทำให้ภาพออกมาทรงพลังมาก ถึงแม้เจ้าอีกาจะดึงสายตาไปบ้างแต่นัยน์ตาสีฟ้าของบอสก็ดูมุ่งมั่นและสื่ออารมณ์ปรารถนาถึงอะไรบางอย่างอย่างเห็นได้ชัด
   
“...”
   
ผมลูบหน้าตัวเองที่ร้อนขึ้นมาอีกแล้ว
   
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนๆ นี้จะเป็นคนเดียวกับบอสที่ผมรู้จัก ให้ตายเถอะ เจ้าหมาอย่างผมชักจะโชคดีเกินไปแล้ว ผมคิดไร้สาระอยู่สักพักแล้วเปิดเนื้อหาดูต่อ ซึ่งแน่นอนว่าผมเปิดอ่านเฉพาะช่วงที่เป็นสัมภาษณ์ของบอส เนื้อหาอื่นๆ ที่เป็นภาพนายแบบนางแบบอัลฟ่าผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
   
รูปนี้บอสน่ารักชะมัดเลย
   
รูปเต็มหน้านิตยสารฝั่งซ้ายเป็นรูปบอสในชุดสูททักซิโด้สีเหลืองอ่อนที่หอบตะกร้าที่เต็มไปด้วยเลม่อนสีเหลืองแต่มีไลม์สีเขียวลูกหนึ่งปะปนอยู่ในตะกร้า บอสยิ้มมุมปากนิดๆ ดูผ่อนคลายกว่ารูปที่รับรางวัล
   
ผมตามอ่านข้อความที่บอสถูกสัมภาษณ์อย่างกระตือรือร้น อาจจะด้วยความที่เป็นนิตยสารแฟชั่นด้วยเนื้อหาสัมภาษณ์เลยไม่ค่อยเป็นทางการหรือจริงจังเท่าไหร่ ซึ่งคำถามมีตั้งแต่เรื่องทั่วไป ธุรกิจเป็นยังไง ชอบอะไรเป็นพิเศษ มีงานอดิเรกอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าคือภาพประกอบที่เป็นบอสในชุดสูทแบบต่างๆ ซึ่งสูทที่บอสใส่ทั้งหมดนั้นก็ถูกออกแบบโดยตัวบอสเอง
เพราะจุดขายของแบรนด์มาเวอร์ริกตอนนี้คือการตัดสูทตามออเดอร์ จะมีการเปิดให้จองคิวเป็นช่วงและมีเพียงลูกค้าบางคนเท่านั้นที่จะได้รับบริการจากทางแบรนด์ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ก็จะมีเป็นสามกลุ่มคือ นักธุรกิจ นักการเมือง และดารา
แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้มาเวอร์ริกพิเศษกว่าแบรนด์อื่นๆ นั้นคือการตัดสูทเสริมบุคลิกของผู้ที่สวมใส่และมีการออกแบบที่ค่อนข้างสะดุดตา ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ได้สูทแบรนด์มาเวอร์ริกไปใส่จึงค่อนข้างเป็นที่สนใจเป็นพิเศษ

ซึ่งในฐานะของเจ้าของแบรนด์ ผมว่าการที่บอสมาให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแฟชั่นรอบนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากเพราะรูปบอสแต่ละรูปโคตรดึงดูดสายตาเลย แบบต่อให้ผมไม่รู้จักบอส ผมก็คงเลือกที่จะซื้อนิตยสารเล่มนี้แบบไม่ลังเลแน่นอน

“!”

ผมตาโตกับรูปประกอบสุดท้ายที่เป็นรูปที่บอสนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้เบาะหนังสีแดงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับสายรั้งกางเกงสีดำ บอสนั่งเท้าคางด้วยรอยยิ้มมุมปากท่ามกลางขนนกอีกาที่ปลิวว่อน นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนแว่นกรอบบางนั้นเปล่งประกายระยับราวกับกำลังเชิญชวนให้มาเสพอิสรภาพร่วมกัน

ให้ตาย

ผมลูบหน้าตัวเองที่เห่อร้อนขึ้นมาอีกแล้ว

รูปนี้ดีกว่ารูปหน้าปกอีก

ผมมองรูปต่ออีกสักพักแล้วก็ตัดสินใจปิดเล่มแล้วยัดในตู้ใกล้ๆ เพราะผมรู้สึกเขินมาก คือพอเห็นหน้าบอสผมก็ชอบนึกถึงเรื่องเมื่อวานไง ถึงหลังจากที่บอสทำผมเสร็จบอสจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เถอะ แต่ผมก็อายบอสมากอยู่ดี

มันเป็นครั้งแรกของผมเลยนะ

;w;

แต่เอาจริงสิ่งที่ผมสงสัยมากกว่า ว่ามันคือครั้งแรกของบอสจริงเหรอเพราะบอสดูชำนาญมาก แล้วถ้ามันเป็นครั้งแรกของบอสจริง แปลว่ามันก็เป็นพรสวรรค์ของบอสเหรอ

ไม่สิ ผมจะมาสงสัยเรื่องนี้ตอนนี้ทำไมเนี่ย

ผมสะบัดหัวพยายามสลัดความคิดไร้สาระออกไปแล้วทิ้งตัวนอนบนโซฟาที่เต็มไปด้วยกลิ่นของบอส ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกสงบลงมาบ้าง

ผมคิดถึงบอสชะมัดเลย

ผมมุดหัวใส่หมอนบอสหงอยๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณหมาป่าหรืออะไรที่ทำให้ผมรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตอนผมอยู่ว่างๆ ในวันหยุดก็ไม่ได้รู้สึกเหงาหรืออะไรขนาดนี้

‘ชอบบอสขนาดนั้นเลยเหรอ’

เจ้าโบ้ดำเพื่อนคู่คิดคนสนิทถามผมที่นอนไม่ขยับตัวไปไหนมาสักพักใหญ่แล้ว

ชอบสิ ชอบมากด้วย

ผมมุดใส่หมอนมากกว่าเดิม ถ้าอยู่ในร่างหมาป่าคงไม่วายหูลู่หางตกซุกใส่อุ้งเท้าตัวเอง

‘แกจะยึดติดกับบอสขนาดนั้นไม่ได้นะ คราม!’

โบ้ขาวที่รับบทเป็นหมาที่มีสติมาตลอดสั่งสอนผมด้วยท่าทางน่าเชื่อถือ

หงิง

ผมร้องออกมาเพราะรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ ผมอาจจะตกหลุมรักบอสตั้งแต่เจอกันครั้งแรกไปแล้วด้วยซ้ำ ผมไปไหนไม่ได้แล้ว ผมกลับไปเป็นหมาป่าเดียวดายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันเหงาและน่าหดหู่เกินไป

ผมไม่อยากอยู่คนเดียวแล้ว
   
‘แกจะยอมเสี่ยงจริงๆ เหรอ’
   
โบ้ขาวถามผมต่อเสียงเครียดเพราะที่ผ่านมาผมเลี่ยงที่จะรู้จักคนมาตลอด ผมแทบไม่ปฏิสัมพันธ์กับใครเลยตั้งแต่ที่แม่ตายไป แบบใครทักก็ไม่คุย พยายามตัดบทตลอด ทั้งๆ ที่ผมน่ะอยากเป็นเพื่อนกับทุกคนเลย
   
ถ้าไม่ติดว่าวันนั้นผมสิ้นหวังมากๆ ผมก็คงไม่ยอมไปกับบอสหรอก ผมคงทนใช้ชีวิตหมาป่าเดียวดายต่อไปเพราะการรู้จักคนเยอะๆ มันไม่ส่งผลดีต่อตัวผมเลยสักนิด
   
แต่บอสน่ะเป็นข้อยกเว้น!
   
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ผมก็รับได้ทั้งนั้นแหละ
   
‘เอาน่า อย่างน้อยบอสก็ให้อาหารครบสามมื้อนะ!’
   
เจ้าโบ้ดำที่ปกติเป็นสายเสี้ยมให้ผมทำนู่นทำนี่ตลอด คราวนี้เป็นคนช่วยเกลี้ยกล่อมให้โบ้ขาวยอมรับการตัดสินใจของผม
   
‘อาหารสามมื้อ มีที่นอนให้ แถมซื้อของเล่นให้อีก บอสไม่ดีตรงไหน’
   
‘ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดี แค่อยากให้เผื่อใจไว้บ้างไง’
   
โบ้ขาวถอนหายใจ
   
‘ไม่เคยเห็นข่าวรึไง พวกเจ้านายที่พอหมาไม่น่ารักแล้วก็เอาไปทิ้งอ่ะ บอสอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นพวกเจ้านายอารมณ์ร้าย เวลามีเรื่องหงุดหงิดก็อาจจะมาลงที่แกก็ได้!’
   
‘ไม่จริงหรอก! บอสเป็นคนดีจะตาย!’
   
เจ้าโบ้ดำที่เห็นว่าผมชอบบอสมากก็พยายามเถียงให้สุดฤทธิ์
   
‘ดีอะไร แกเพิ่งรู้จักเขาไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ!’
   
โบ้ขาวขู่แง่ง
   
‘ดีก็คือดีไหมวะ! แง่ง!’
   
และก่อนที่โบ้ทั้งสองตัวในหัวผมจะตีกันรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ คนที่ตกเป็นหัวข้อของบทสนทนาก็กลับเข้ามาในห้องซะก่อน ผมเด้งตัวกลับมานั่งทันทีตอนที่ได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมกับได้กลิ่นของบอส
   
“...”
   
ผมเผลอขมวดคิ้วเพราะพอดมดีๆ กลับไม่ได้แค่กลิ่นฟีโรโมนของบอส

มันมีของอัลฟ่าตัวอื่นด้วย
   
ฟึ่บ!
   
ผมสะดุ้งสุดตัวตอนที่บอสถอดชุดสูทสุดตัวนอกของตัวเองออกแล้วขว้างใส่พื้นเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ สีหน้าที่มักจะสุขุมของบอสเต็มไปด้วยความเดือดดาล นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยของบอสแทบจะเป็นสีแดงก่ำจากความโกรธ
   
แน่นอนว่าผมนึกถึงสิ่งที่โบ้ขาวบอกเมื่อกี้ทันที ตอนนี้ผมเลยไม่กล้าพูดอะไรนั่งหดคอเจี๋ยมเจี๊ยมเงียบๆ มองตามหลังบอสที่น่าจะโกรธจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีผมอยู่ในห้อง
   
“แม่ง!”
   
บอสสบถดังลั่นแล้วปลดกระดุมตัวเองสองเม็ดเหมือนเพื่อระบายความร้อน ก่อนจะยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดจนดูราวกับเป็นคนละคนที่ผมรู้จักหลายวันมานี้
   
;w;
   
ผมรู้สึกเหมือนจะร้องไห้เพราะเสียงสบถของบอสเมื่อกี้เล่นเอาผมตกใจจนเผลอปล่อยหูกับหางออกมา ผมมองตามบอสที่ยังสบถคำหยาบไม่หยุดกลัวๆ
   
บอสในสายตาของผมนั้นเป็นคนที่เพอร์เฟ็คมาตลอด

เป็นอัลฟ่าที่ดูดีจนน่าอิจฉา เป็นคนที่ทำงานเก่งจนกอบกู้บริษัทให้กลับมาเป็นผู้นำในวงการได้ 

บอสเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดและวันนี้ก็คงเป็นครั้งแรกที่ความคิดของผมถูกสั่นคลอน 

ผมตัวสั่นงึกๆ ระหว่างที่มองแผ่นหลังของบอสที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ บอสยังคงสบถออกไม่หยุด ก่อนที่จะมีสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือรอยตะขอเสื้อสีแดงของบราที่เป็นรอยนูนขึ้นมาจางๆ 

“?”

ไม่จริงหรอก ตาฝาด ตาฝาดแน่ๆ

ผมขยี้ๆๆ ตาตัวเอง แต่ลืมตาขึ้นมาอีกก็เจออีก ก็เลยขยี้ใหม่อีกรอบ

"เป็นอะไร"

ในที่สุดบอสก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของผม บอสพูดกับผมเสียงเย็น แววตาเดือดดาลภายใต้แว่นบางเฉียบสะท้อนภาพผมที่ประหม่าจนหูกับหางโผล่ออกมาและลู่ลงจนแววตาที่บอสมองผมดูสมเพชมากกว่าเดิม 

"เปล่า..ครั-"

ผมกำลังจะตอบบอสแต่พอสายตาผมก็ไปหยุดตรงที่กระดุมตรงอกบอสที่เลิกออกจนทำให้เห็นข้างใน 

สีแดง บราสีแดง บอสใส่บราสีแดง!!!

ผมอ้าปากค้างตกใจหูตั้งหางฟู ไร้ซึ่งความน่าเกรงขามของอัลฟ่าหมาป่าสายพันธุ์โบราณที่เหลืออยู่น้อยนิดบนโลกโดยสิ้นเชิง

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้ความลับของบอส...
   
----------

 :katai4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
555555555555 เจ้าหมาช็อค อึ้งตะลึงไปเลย ไงละบราแดง 555555 น่าเอ็นดูเจ้าหมาครามจริงๆ ฮ่าๆ  :-[ ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนต่อไปเลย สนุก ชอบๆ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
บอสเซ็กซี่มาก~

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ลงโทษบอสหน่อยสิจ๊ะ 55

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ตอนที่ 10

   
“ตกใจอะไร”
   
บอสถามผมเสียงดุจนผมหูผมลู่ลงกลัวๆ แต่ผมก็ยังรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเพราะบอสไม่ถามเฉยๆ แถมยังเดินเข้ามาหาผมด้วย
   
“เปล่าครับ”
   
ผมพูดได้จริงเหรอ ถ้าผมพูดแล้วบอสจะไม่โกรธมากขึ้นใช่ไหม
   
;w;
   
“อย่าโกหกผม” บอสขมวดคิ้ว “แค่นี้ผมก็หงุดหงิดมากเกินพอแล้ว”
   
“ถ้าผมพูดแล้วบอสอย่าโกรธผมนะครับ”
   
ผมชิงดักก่อนเลยเพราะแค่นี้ผมก็หงอยจะแย่แล้ว ขืนโดนบอสตะคอกใส่ ผมคงต้องเผลอคืนร่างหมาป่าแล้วไปซุกตรงมุมห้องประท้วงแน่นอน
   
“พูดมาเถอะ”
   
“..บอสใส่บราเหรอครับ”
   
ผมถามบอสเสียงเบา ทั้งๆ ที่มันก็เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่าบอสใส่
   
“…”
   
พอผมถามบอสก็ก้มบอสเสื้อตัวเอง พอรู้ตัวว่ากระดุมมันเปิดจนเห็นบราชัดเจนบอสก็หน้าแดงแล้วถามผมเสียงเรียบ
   
“แล้วมันแปลกรึไง”
   
“ก็ไม่แปลกหรอกหรอกครับ”
   
ถามว่ามันแปลกไหมก็ไม่แปลกหรอก แต่ผมก็ไม่ค่อยเห็นผู้ชายใส่อ่ะ พอรู้ว่าบอสใส่มันก็ทำให้ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ผมก็ยอมรับแหละว่าตกใจที่เห็นบอสใส่เป็นสีแดงเลย
   
ผมกลืนน้ำลายเอือก

เพราะนอกจากบอสจะปลดกระดุมตัวเองเพิ่มแล้ว ยังถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออกโยนไปรวมกองชุดสูทที่อยู่บนพื้นอีก
   
“...”
   
ผมหน้าแดงแจ๋ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น กลัวว่าพูดอะไรออกไปแล้วบอสจะหงุดหงิดกว่าเดิม
   
“วันนี้งานใหญ่ไง ผมเลยต้องใส่สีแดง”
   
บอสก็ยังหน้าแดงอยู่แต่ก็ไม่ได้ถอดบราออก
   
“ปกติผมก็ใส่ลายน่ารักๆ แต่ถ้ามันเป็นงานจริงจังหรืองานที่ทำให้ผมเครียด ผมก็จะใส่สีเจ็บๆ แบบนี้แหละ มันช่วยให้ผมรู้สึกสงบขึ้น”
   
ผมพยักหน้าหงึกหงักเชิงรับรู้ ก่อนจะตาโตเพราะบอสมาหยุดยืนตรงหน้าผมแล้วยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากบางเฉียบนั่น
   
“อย่าบอกใครล่ะ”
   
นัยน์ตาสีฟ้าหลังแว่นกรอบดูเป็นประกายขึ้นหลังจากที่เห็นท่าที่ประหม่าของผม
   
“มันเป็นความลับของผม”
   
“...”
   
สารภาพตามตรงว่าผมอยากจูบบอสมาก บอสตอนนี้โคตรน่ารักเลย
   
แน่นอนว่าพอผมเริ่มรู้สึกดี หูกับหางผมก็แสดงออกชัดมาก หูผมตั้งขึ้นส่วนหางผมก็กระดิกไม่หยุด
   
“หมาอย่างคุณไม่หงุดหงิดหน่อยเหรอ”
   
“?”
   
ผมเอียงคองงๆ
   
“ผมมีกลิ่นคนอื่นติดตัวนะ” บอสยิ้มพราย “กลิ่นอัลฟ่าตัวอื่นที่ไม่ใช่คุณ”
   
หูผมลู่ลงทันทีเพราะพอบอสพูดผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ แต่เมื่อกี้ผมก็ไม่กล้าหงุดหงิดไง บอสเข้าห้องมาน่ากลัวขนาดนั้น แค่ผมไม่เผลอร้องหงิงๆๆ ออกมาก็ดีแค่ไหนแล้ว
   
ผมเลียเขี้ยวตัวเองด้วยความงุ่นง่าน เริ่มอยากจะตะครุบตัวบอสแล้วทำให้ทั้งตัวบอสเต็มไปด้วยกลิ่นของผม มันอาจจะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีด้วยที่ทำให้ผมรู้สึกยอมไม่ได้ขนาดนี้
   
แต่ก็นะ ผมคิดในใจอะไรมากมายแต่สุดท้ายก็นั่งตัวแข็งมองบอสอยู่ดี เพราะถ้าบอสไม่อนุญาต ผมก็ไม่กล้าทำอะไรหรอก
   
“เด็กดี”
   
ผมหน้าแดงเพราะอยู่ๆ บอสก็ลูบหัวผมแล้วชมเสียงนุ่ม
   
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
   
ไม่ว่าเปล่าบอสก็ยังเป็นคนเริ่มก่อน บอสดันตัวผมให้ไปชิดกับพนักโซฟาแล้วนั่งบนตักผม ก่อนที่บอสจะรูดเนกไทสีดำที่เหลือออกแล้วโยนไปรวมกับกองเสื้อผ้าที่ถอดเอาไว้บนพื้น
   
“...”
   
ผมหน้าร้อนไปถึงคอ ไม่สิ ทั้งตัวเลยน่าจะถูกกว่า
   
“เร็วเข้าสิ ผมหงุดหงิดกลิ่นอัลฟ่าเวรนั่นจะแย่แล้ว”
   
บอสเอ็ดผมไม่จริงจังนัก แล้วดึงมือขวาของผมไปสัมผัสร่างกายตัวเอง
   
“!!”
   
หางผมตั้งขึ้นทันทีเพราะบอสเอามือผมสอดเข้าไปใต้บราสีแดงนั่น บังคับให้ผมนวดคลึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้บรา สิ่งที่ผมอยากสัมผัสและลองชิมดูตั้งแต่วันที่อาบน้ำด้วยกัน
   
แน่นอนว่าพอบอสอนุญาต ผมก็เริ่มใจกล้ามากขึ้น ผมมองบอสพร้อมๆ กับนวดคลึงตุ่มไตเล็กๆ น่ารักนั่นจนบอสเปลี่ยนสีหน้าและหลุดครางออกมาเบาๆ
   
ผมจูบไหล่เปลือยของของบอสและกระซิบถามข้างหูที่แดงจนน่าสงสาร
   
“ผมขอทำมากกว่านี้ได้ไหมครับ”
   
บอสไม่ตอบผมแต่ก็ยอมพยักหน้าเชิงอนุญาต ซึ่งมือของบอสบีบไหล่ของผมแน่นตอนที่ผมเปลี่ยนไปบีบสะโพกบอสแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว
   
ให้ตายเถอะ ผมแข็งอีกแล้ว
   
ผมเลียเขี้ยวพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองใจร้อนเกินไป ผมพรมจูบบนคอบอสซ้ำๆ เพราะรู้ว่ามันคือจุดอ่อนของบอส ซึ่งทุกครั้งที่ผมแกล้งจะกัด บอสก็จะขยำไหล่ผมแน่นและครางออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
   
“มันจับตรงไหน”
   
ผมถามบอสด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด รู้ตัวดีว่าเสียงตัวแข็งกร้าวไม่น่าฟังเลยสักนิด แต่ผมก็หงุดหงิดมาก ถึงจะเหลือเป็นแค่กลิ่นจางๆ บนตัว แต่ผมก็ยังไม่พอใจมากๆ อยู่ดี แบบพอผมจูบแล้วสูดกลิ่นของบอสก็จะได้กลิ่นแปลกปลอมที่กระตุ้นให้ผมรู้สึกโมโห
   
ไลม์น่ะเป็นของผม!
   
“หาไม่เจอเหรอ” บอสหัวเราะแล้วยื่นมือให้ผม “ไม่ต้องฝืนตัวเองหรอก ปล่อยกลิ่นของคุณออกมาให้เต็มที่เถอะ มันไม่ทำให้ผมกลัวหรอก”
   
“...”
   
ผมหูลู่ลงนิดๆ ลังเลเพราะอีกใจนึงก็ไม่อยากให้กลิ่นฟีโรโมนของตัวเองกลบกลิ่นหอมๆ ของบอส ซึ่งตอนนี้มันก็หอมมากกว่าวันก่อนอีก ไม่รู้ว่าเพราะบอสชอบที่ผมทำด้วยรึเปล่า กลิ่นมันถึงได้หวานกว่าปกติ
   
“ถ้ากลัวบอกผมนะ”
   
ผมจูบมือบอสแล้วปล่อยกลิ่นตัวเองออกมา ผมลอบสังเกตสีหน้าของบอสซึ่งก็พบว่าสีหน้าของบอสไม่เปลี่ยนสักนิด ดูปกติแถมยังดึงมือตัวเองกลับเพื่อที่ลูบหัวผมอีกรอบด้วย
   
“หมาอย่างคุณน่ารักกว่าอัลฟ่าน่ารำคาญพวกนั้นเยอะเลย”
   
บอสพูดไปขยำหูผมไปจนผมร้องหงิงออกมา
   
“ถ้าไม่ติดว่าพวกนั้นเป็นบ่อเงินบ่อทองของผม ผมก็ไม่ปล่อยให้มันมายุ่มย่ามกับตัวเองหรอก”
   
ผมจ๋อยลงนิดหน่อยเพราะถ้าเป็นไปได้ ผมก็ไม่อยากให้บอสไปยุ่งกับพวกอัลฟ่าพวกนั้นเลย พวกอัลฟ่าที่รวยมากๆ หรือมีอำนาจใหญ่โตมีแต่นิสัยแปลกๆ และน่ารำคาญกันทั้งนั้น
   
“ทนเหม็นหน่อยแล้วกัน ผมยังต้องเจอพวกนี้อีกหลายคนเลย”
   
บอสหัวเราะเบาๆ ตอนที่เห็นสีหน้าจ๋อยกว่าเดิมของผม
   
“ผมต้องหาเงินเยอะๆ นะ คราม พ่อผมก็นอนโรงพยาบาล หมาอย่างคุณผมก็ต้องเลี้ยงด้วยอาหารดีๆ ไหนจะบราแพงๆ ของผมอีก อะไรก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ถ้าผมไม่ไปหาเงินจากอัลฟ่ารวยๆ พวกนี้ จะหาเงินจากไหนได้อีกล่ะ”
   
“แต่พวกมันไม่ได้ทำอะไรบอสใช่ไหมครับ”
   
บอสยิ้มพรายซึ่งมันก็ทำให้บอสดูเจ้าเล่ห์กว่าเดิม

“คุณอาจจะไม่รู้ว่าอัลฟ่าพิเศษอย่าผมทำอะไรได้บ้าง แต่ไม่ต้องห่วงผมหรอก ถ้าไม่ใช่อัลฟ่าหมาป่าแบบคุณ ไม่ว่าอัลฟ่าหรือโอเมก้าผมก็รับมือได้ทั้งนั้น”
   
ได้ยินแบบนี้ผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นนิดหน่อย
   
“แต่ผมก็หงุดหงิดมากอยู่ดีเวลาที่พวกนั้นอยากจะข่มหรือบังคับผม พยายามใช้กลิ่นฟีโรโมนโง่ๆ นั่นควบคุมผมเพราะผมไม่ยอมเลือกพวกมัน”
   
ผมกระพริบตาปริบเพราะอยู่ๆ บอสก็ดึงมือผมไปแนบกับแก้มตัวเอง
   
“ดีใจด้วยที่คุณเป็นคนแรกที่ผมชอบกลิ่น”
   
“!”
   
พอบอสพูดจบหางผมก็กระดิกแรงมาก ไม่เท่เลยสักนิด แต่ให้ตายเถอะ บอสชอบผมล่ะ! ถึงจะแค่กลิ่นหรืออะไรก็เถอะ แต่แค่บอสชอบอะไรสักอย่างของผม ผมก็ดีใจมากๆ แล้ว
   
“จะทำอะไรก็ทำสักที ถ้าผมยังไม่พร้อมเดี๋ยวผมบอกคุณเอง”
   
นัยน์ตาสีฟ้าที่ดูกระจ่างใสและอารมณ์ดีมาตลอดกลับมาขุ่นมัวอีกครั้ง
   
“ไม่งั้นผมจะเป็นคนทำเอง”
   
หงิง
   
ผมหูลู่ลงนิดๆ เสียใจที่โดนดุแต่ผมก็กลัวบอสเจ็บนี่นา เกิดผมขยำเต็มแรงจนเป็นรอยไปทั้งตัว บอสจะไม่โกรธผมเอาเหรอ
   
แน่นอนว่าผมก็เริ่มจากสิ่งที่ผมที่อยากทำที่สุดทันที
   
ผมรั้งคอบอสลงมาจูบ ชิมริมฝีปากหวานที่ผมหลงใหลไปพร้อมๆ กับการขยำก้นของบอสแบบไม่ออมแรง
   
ฮื่อ
   
ผมคำรามในลำคอเพราะบอสเหมือนจะจงใจขยับมานั่งเสียดสีตรงเป้าของผมเป็นการเอาคืน
   
“อยากอีกแล้วเหรอ”
   
พอผมจูบจนพอใจและยอมผละออกก่อน บอสก็ถามผมยิ้มๆ
   
“...”
   
ผมไม่ตอบเพราะมันก็เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่าผมต้องการบอส อยากทำให้บอสเป็นของผมคนเดียวและให้อัลฟ่าตัวอื่นรู้ว่าอัลฟ่าคนนี้เป็นของผม
   
สัญชาตญาณอยากเอาชนะลึกๆ กระตุ้นให้ผมเป็นฝ่ายรังแกบอสบ้าง ผมกลับไปวนเวียนกับบราสีแดงของบอสอีกครั้ง ซึ่งพอได้มองใกล้ๆ ผมถึงได้รู้ว่ามันมีลูกไม้เล็กๆ ที่ดูทั้งน่ารักและยั่วยวนประดับอยู่
   
ทั้งๆ ที่อยากเป็นฝ่ายรังแกจนบอสร้องไห้ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกทรมานกว่าเดิมอีก
   
“ชอบเหรอ”

บอสถามผมกลั้วหัวเราะ

“มันแข็งกว่าเดิมอีก”

ผมขมวดคิ้วแล้วเอื้อมมือไปปลดบราของบอสออกแล้วเลิกขึ้นมันขึ้นเพื่อชิมในสิ่งที่ผมอยากจะชิมมานาน ซึ่งผมชิมได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกบอสขยำผมแน่น ตัวของบอสสั่นระริก

มันก็เป็นจุดอ่อนของบอสเหรอ?

พอรู้ผมก็แกล้งดูดแรงๆ จนบอสร้องประท้วงออกมา

“เสียวเหรอครับ”

ผมมองผิวขาวจัดคือบอสที่ตอนนี้แทบจะแดงไปทั้งตัว โดยเฉพาะบริเวณที่โดนผมไปสัมผัสไปแล้ว บอสน้ำตารื้นปรือตามองผม ดูไม่สุขุมเหมือนอย่างเคยเท่าไหร่

“พูดมาก”

บอสเอ็ดผมเสียงเบา ดูกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าหมาที่ภักดีอย่างผมอดใจที่จะช่วยบอสไม่ได้อยู่แล้ว ผมยิ้มบางให้บอสแล้วเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดของบอสออก ผมลอบสังเกตสีหน้าของบอสเป็นพักๆ เพื่อดูสีหน้าบอสว่าบอสอยากให้ผมหยุดไหม

ผมถอดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปราการด่านสุดท้ายของบอส กางเกงชั้นในสีดำแนบเนื้อยี่ห้อดังที่ตอนนี้นูนขึ้นมา แค่ผมแกล้งลูบมันเบาๆ บอสก็สะดุ้งเฮือก

“อยากให้ผมช่วยบอสบ้างไหมครับ”

ผมถามบอสเสียงพร่า

“..ไม่”

บอสส่ายหน้ายิกแล้วดึงมือผมออก หน้าบอสแดงมาก แดงจนผมเริ่มรู้สึกผิดที่รังแกบอส

แต่บอสตอนเขินก็น่ารักชะมัดเลย

“ให้ผมทำให้คุณดีกว่า”

บอสดูไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ถูกหมาอย่างผมต้อนให้จนมุม เลยให้ผมเปลี่ยนท่าไปนอนราบบนโซฟาแทน ผมยอมถอดเสื้อเชิ้ตสีดำตัวเองออกตามคำสั่งของบอสที่ยังคงนั่งคร่อมอยู่ตรงส่วนสำคัญของผม

“...”

ผมมองบอสที่รอบนี้โยนบราของตัวเองไปกองรวมเสื้อแล้วเหลือแค่ท่อนบนเปลือยเปล่า สรีระครึ่งบนที่ผมเห็นวับๆ แวมๆ เมื่อกี้ในนิตยสารตอนนี้ปรากฏตรงหน้าผม แถมนายแบบที่ว่าสภาพตอนนี้ก็ยังดูน่ารังแกเป็นพิเศษด้วย ผมสีดำที่เซ็ตเมื่อเช้ายุ่งเหยิง นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่ายที่เคยดูทรงอำนาจจนเหมือนจะครองโลกได้ตอนนี้ไม่แม้แต่จะมองผมตรงๆ ด้วยซ้ำ

ให้ตายเหอะ บอสโคตรน่าเอาเลย

ผมยกมือปิดหน้าเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองคิดไม่ดีกับบอส แต่ผมก็แอบมองบอสผ่านช่องระหว่างนิ้วอยู่ดี

“..เป็นอะไรอีก”

บอสบ่นผมไม่จริงจังนักแล้วเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองขึ้น ก่อนที่จะล้วงอะไรบางอย่างออกจากกางเกงตัวเอง

“!”

ผมไม่รู้ว่าตัวเองตกใจไปกี่รอบแล้ว แต่ผมก็จะตกใจอีกเพราะที่บอสหยิบออกมาฉีกคือถุงยางและตอนนี้บอสก็ช่วยปลดกางเกงผมออกเพื่อที่จะสวมมันให้ผม

;w;

“..บอสรู้ขนาดผมด้วยเหรอครับ”

แต่ที่ผมตกใจกว่าคือบอสพกมันติดตัวไว้ด้วย หรือบอสเดาได้อยู่แล้วว่าผมเป็นหมาลามก ที่กระตุ้นนิดๆ หน่อยก็มีปฏิกิริยาแล้ว
“อย่าถามมากได้ไหม” บอสขมวดคิ้ว “ผมก็กะๆ เอาจากวันก่อนนั่นแหละ”

พูดแบบนี้ผมก็ยิ่งเขินกว่าเดิมอีก

ผมมองบอสที่ชะงักหลังจากที่รั้งกางเกงในผมลงแล้วไอ้ส่วนสำคัญของผมมันก็ชี้หน้าบอส จนผมอยากจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด

“..วันนี้แค่ข้างนอกนะ”

บอสพึมพำบอกผมเสียงเบา

“ครับ”

ผมพยักหน้าหงึกๆ แค่บอสทำให้ ผมก็ดีใจแล้ว ซึ่งพอบอสใส่ให้ผมเสร็จก็ใส่ให้ตัวเองบ้าง

แน่นอนว่าผมจ้องท่าทางประหม่าของบอสไม่วางตา ผมไม่รู้ว่าบอสเคยนอนกับใครมาก่อนรึเปล่า แต่บอสก็ดูเขินมากตอนที่เอามันออกมาใส่ให้ผมเห็น

แม่ง ผมอยากเอาบอสว่ะ

ผมเลียเขี้ยวตัวเองอย่างอดสู เพราะความต้องการลึกๆ ของผมคืออยากจะเป็นฝ่ายที่จับบอสนอนคว่ำและเอามันซะตอนนี้ อยากจะทำให้บอสเป็นของผมคนเดียว ให้ทั้งตัวเต็มไปด้วยน้ำรักและกลิ่นของผม

แต่ผมไม่ทำหรอก ถ้าวันนี้บอสยังไม่พร้อมผมก็จะไม่ทำ

ผมคำรามในลำคอตอนที่บอสเริ่มชักให้ผม

“..แล้วบอสล่ะ”

หูผมลู่ลงเพราะไม่อยากรู้สึกดีคนเดียวเหมือนครั้งก่อน ครั้งที่แล้วบอสก็ช่วยผมจนเสร็จแต่บอสที่มีอารมณ์ขึ้นมาเหมือนกันกลับไปจัดการตัวเองในห้องน้ำคนเดียวโดยไม่ยอมให้ผมช่วยสักนิด

“ไม่ต้อง”

บอสปฏิเสธแทบจะทันที

“ขอโทษนะครับ บอส”

แน่นอนว่าคราวนี้ผมก็ปฏิเสธคำสั่งบอส ผมไม่ยอมเป็นฝ่ายที่รู้สึกดีคนเดียวอีกแน่

ผมลุกขึ้นมานั่งอีกครั้งแล้วกอดบอสแน่นจนทุกส่วนแทบจะแนบสนิทกัน ผมจูบคอบอสอีกครั้งและเอื้อมมือไปขยำก้นของบอสเต็มแรงจนบอสครางออกมา

“ผมช่วยแค่ตรงที่บอสอนุญาตให้จับก็ได้ครับ”

“...”

บอสซุกหน้ากับไหล่ผม ไม่ยอมพูดอะไรแต่ตัวกลับแดงไปทั้งตัวและยังร้อนเอามากๆ ด้วย ซึ่งมันก็ทำให้ผมอดใจที่จะไม่จูบใบหูเล็กๆ ของบอสไม่ได้

“ให้ผมช่วยนะ”

ผมกระซิบแล้วเลียใบหูของบอส

“อืม”

บอสตอบผมด้วยเสียงในลำคอ

แน่นอนว่าผมกระดิกหางทันทีที่ได้รับการอนุญาต ผมก้มลงไปชิมจุดอ่อนไหวของบอสอีกครั้ง ยอมรับตามตรงเลยว่าแค่ชิมเมื่อกี้มันยังทำให้ผมไม่หนำใจเท่าไหร่ ผมจัดการชิมอีกข้างอย่างตะกละตะกลามจนบอสจิกหลังผมแน่นและแอ่นให้ผมชิมได้ถนัดกว่าเดิม

“..ขอผมกัดได้ไหม”

ผมถามบอสเสียงกระเส่า สายเลือดหมาป่าในตัวทำให้ผมรู้สึกต้องการแสดงความเป็นเจ้าของมากกว่าปกติ จริงๆ ผมอยากจะทำรอยบนตัวบอสทั้งตัวด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องกดความต้องการป่าเถื่อนนั้นเอาไว้เพราะมันคงจะไม่ส่งผลดีต่อบอสเท่าไหร่
ผมไม่อยากให้บอสเจ็บ

“อือ”
บอสตอบผมเสียงเบา แต่มือที่จับส่วนสำคัญของผมกลับไม่ปราณีปราศรัยสักนิด เหมือนกับว่าเป็นการเอาคืนผมทางอ้อมที่ผมตะกละเกินไป

“!!”

ซึ่งทันทีที่ผมกัดบอสก็ส่งเสียงครางสะอื้นออกมาแล้วซุกหัวกับตัวผมเหมือนหมดแรง

“เสร็จแล้วเหรอครับ”

ผมดึงตัวบอสออกมาแล้วใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่คลอเบ้าของบอส แน่นอนว่ามันก็ลำบากนิดหน่อยเพราะติดแว่น แต่ถ้าผมถอดแว่นบอสออก บอสก็จะไม่เห็นหน้าผม ผมเลยไม่ถอด

“อือ”

บอสพยักหน้าน้อยๆ ไม่ยอมสบตาผม แล้วก้มมองหน้าอกตัวเองซึ่งบอสก็ขมวดคิ้วแทบจะทันทีเพราะมันเป็นรอยกัดอย่างชัดเจนและมันก็แดงก่ำทั้งสองข้างด้วย

“ผมยังไม่เสร็จเลย”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ แล้วดึงมือทั้งสองข้างของบอสมาจับท่อนลำแข็งร้อนของผม

“อยากให้ผมใช้ปากให้ไหม”

บอสถามผมเสียงเบาแต่ยังไม่ทันตอบก็มีเสียงโทรศัพท์ของบอสดังขัดจังหวะขึ้นมา แน่นอนว่าด้วยนิสัยเอาการเอางานของบอส บอสเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้และรับทันทีด้วยสีหน้าสุขุม

“ว่า”

บอสถามสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงปกติแต่มืออีกข้างที่ว่างของบอสกลับมาง่วนกับส่วนสำคัญของผมอีกครั้ง

“...”

ผมกัดฟันกรอดมองบอสที่ซนและจงใจแกล้งผมระหว่างที่รับโทรศัพท์อยู่ ซึ่งบอสก็เปิดลำโพงให้ผมฟังไปด้วยว่าคุยอะไรกัน

[ งานประมูลเพื่อการกุศลประจำปีที่จะจัดมะรืนนี้ บอสไปไหมครับ ]

นัยน์ตาสีฟ้ามองผมด้วยสายตาหยอกเย้า จนผมรู้สึกตื่นเต้นและเสียวมากกว่าเดิม

“ไปสิ”

[ ต้องการผู้ติดตามไหมครับ ถ้าบอสต้องการผมจะได้เตรียมตัว ]

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมให้ครามไปกับผม”

ผมหอบหายใจพยายามไม่ให้เสียงเล็ดรอดเข้าไปในโทรศัพท์ แทบจะประคองสติไม่อยู่ด้วยซ้ำตอนที่บอสชักเร็วๆ จนผมต้องคู้ตัว

[ รับทราบครับ ผมขออนุญาตวางสายนะครับ ]

“อืม”

พอวางสายไป ผมก็ไม่กลั้นเสียงอีกต่อไปครางเสียงต่ำออกมาตอนที่เสร็จคามือบอส

“วันนี้ก็เยอะนะ”

บอสแซวผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“...ครับ”

ผมรับคำเสียงเบาหน้าแดงแจ๋

ก็บอสน่ารักนี่นา

;w;


---

ตอนหน้าน่าจะได้เขียนมุมมองบอสค่ะ   :z13:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โอ้โห แซ่บมากค่า บอสขาาา

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ต้องยกให้บอสเป็นราชินีเคะ แซ่บ :impress2: เจ้าหมาครามทำเป็นเอียงๆอายๆแต่ที่จริงคือดุมาก 555555 HNY2021 ka :L2: :3123:  :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด