(รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ดิวขอให้เดี่ยวช่วย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ดิวขอให้เดี่ยวช่วย  (อ่าน 5744 ครั้ง)

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยค่ะ ผู้แต่งอาจจะมาลงไม่ทุกวัน แต่จะพยายามมาลงจนจบค่ะ เรื่องนี้เป็นการเขียนใหม่อีกครั้ง หากมีคำติชม คำแนะนำยินดีอย่างยิ่งค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   คำเตือน

   นิยายเรื่องนี้แต่ขึ้นจากจินตราการของผู้แต่ง ไม่มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

   เนื้อเรื่องเหมาะกับผู้มีอายุ 18 ขึ้นไป

   เนื้อหามีความรุนแรงทางเพศ มีคำศัพท์วัยรุ่นและคำหยาบค่อนข้างเยอะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

   

   เนื้อเรื่องมีการบิดเบือนจากความจริง เรื่องนี้แนวท้องได้ มีตัวเอกนายเอกหลายคน และมีหลายภาค คนแต่งจะแยกตามภาคให้นะคะ ฝากไว้ในอ้อมกอดซักหนี่งเรื่องนะคะ ขอกำลังใจให้ด้วยนะคะ แต่ถ้านักอ่านท่านใดอ่านแล้วไม่พึงปรารถนาไหรือไม่ชอบ สามารถกดออกได้เลยนะคะ ถ้าเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจิตนาการของคนแต่งล้วนๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวใหญ่มากกกกก ที่มาจากตระกูลใหญ่ตั้งแต่รุ่นพ่อ ทั้งหมด 7 ตระกูล มีอำนวจในอิทธิพลมืด และพวกเขามีบทบาททางการทหารด้วย  แต่ละครอบครัวก็มีทายาทที่ได้มากจากการจ้างท้องและเมื่อพวกเขาต้องการใครสักคนเพื่ื่อสืบสายทายาทที่บริสุทํธิ์ เขาจึกเลือกมาหนึ่งคน แต่ดันมีอีกหนึี่งคนที่ เขากับได้มาโดยวิธีแอบแฝง ทำให้ตั้งครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน

ปล.เรื่องนี้อาจจะซับซ้อนและีหลายคู่หลายภาค และตัวละครค่อนข้างเยอะมาก คนแต่งจะพยายามทำให้ไม่งงนะคะ ฝากไว้ในอ้อมกอดสักเรื่องนะคะ เขียนดีหรือไม่ดียังไง หรือต้องปรับปรุงยังไง บอกได้เลยนะคะ (อย่าด่าแรงเด้อ) 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2020 18:47:27 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
            นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณาญาณในการรับชม สภานที่ต่างๆและเนื้อเรื่องเป็นเพียงการสมมุติขึ้น มิได้เกิดขึ้นจริงแต่ประการใด นิยายเรื่องนี้เป็นแนวชายรักชาย เนื้อหาถูกแต่งให้นอกเนื้อธรรมชาติเป็นแนวผู้ชายท้องได้ หากท่านใดไม่ชอบสามารถเลื่อนผ่านได้เลยค่ะ ยินดีรับคำแนะนำ เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุงค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

                       แจ็ค เด็กหนุ่มหัวร้อนที่สุดแต่เขามีความเป็นอัลฟ่ามากที่สุด หน้าตาที่หล่อเหลา ไปทางไทยปนแขกขาว จมูกที่โด่งเป็นสันเรียวแหลมรับกับใบหน้าเรียวยาวได้รูป สมกับเจ้าชายแห่งแดนทะเลทราย น้องคนสุดท้องของบ้านตะกูล จ.จาน บ้านนักธุรกิจมีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นๆล้านดอลล่าร์

 

                       บอย หนุ่มหน้าหวานที่มีนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นและรอยิ้มที่อ่อนละมุนดูอบอุ่น มีเมตตา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความพิเศษแต่ในความพิเศษนั้นมันกลับทำร้ายเขา หากเขาเลือกได้เขาก็ไม่อยากได้สิทธิพิเศษอะไรแบบนี้แน่นอน แต่ที่เขาได้มาก็เพราะว่าเขาคือคนที่ถูกเลือก ให้เป็นอัลฟ่าขององค์กร เลือกให้เป็นคนสำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

                       ดิว หนุ่มที่มีความหล่อเข้ม หุ่นที่ล่ำเพราะเป็นคนชอบเล่นกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล เป็นกีฬาที่เขาเรียกว่ามีพรสวรรค์ และเขาคืออนาคตหมอทหารตนต่อไป เพราะว่าบ้าน ดอเด็กนั้นเป็นหมอทั้งบ้านแน่นอนดิวก็ไม่ทิ้งที่จะเป็นหมอตามพี่ๆ และพ่อของเขา

 

                       แอ้ ชื่อน่ารักดูบอบบาง แต่ดีกรีไม่ธรรมดาเขาเป็นหนุ่มน้อยร่างบางสูงโปร่ง เห็นร่างบางๆแบบนี้ เขาได้ฟาดฟันมาจนได้คาราเต้สายดำและเขายังเป็นครูสอนคาราเต้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบห้า เขาเป็นหนุ่มน้อยจากบ้าน อ อ่าง บ้านนี้เครื่องแบบทหารทั้งบ้าน และเป็นบ้านที่มีสมาชิกมากที่สุดก็ว่าได้ บ้าน อ อ่างขึ้นชื่อเรื่องพ่อปลาไหล่ที่สุด เจ้าชู้ไก่แจ้จนสื่อในสังคมไฮโซต้องขึ้นชื่อไว้ แอ้นั้นเป็นอีกคนที่ไม่ได้ถูกเลือกแต่เขาก็จำเป็นต้องได้มาแถมยังเป็นแม่ลูกดกของพระเอกด้วยนะ

 

                       ติ๊ก สมาชิกคนเล็กของบ้าน ต เต่า เป็นบ้านโปรไฟล์ไฮโซ พ่อเป็นเจ้าของโรงแรมหรูและมีชื่อเสียงมากและยังเปิดโรงเรียนมัธยมมากมายหลายสาขา ติ๊กยังเป็นซุปเปอร์สตาร์ มีผลงานมากหมายทั้งในและต่างประเทศแต่มันก็พ่วงมากับที่ว่าเขาเป็นดาราขาหวีน เรื่องมาก จนทำให้เขาต้องตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ในเรื่องการวีนใส่นักข่าว ช่างทำผมแต่งหน้า หลายคนที่ทำงานร่วมกับเขา ติ๊กเป็นหนุ่มที่แอบรักแต่บอกไม่ได้เพราะว่ามันมีบางสิ่งที่ปิดกันเขากับคนที่เขาแอบรักอยู่

 

                       พาย สมาชิดบ้าน พ.พาน หนุ่มตัวเล็กอ่อนแอน บอบบางน่าถนอมของบ้านพอพาน ด้วยความที่พายค่อนข้างแสดงออกเต็มที่ว่าเขาคือคนข้ามเพศ แสดงเห็นชัดเจนจากการที่เขานั้นชอบสีมพู ไม่ชอบความโลดโพน ชอบชีวิตที่สะดวกและสบาย ไม่ชอบอากาศร้อน พายเป็นคู่ขาและคู่กัดของติ๊ก ด้วยฝีปากที่จิกกัดกั้นจนทำให้เพื่อนๆถึงกับสายหัว

 

                       พวกเขาทั้งหมดเกิดมาด้วยความตั้งใจแต่ไม่ได้เกิดมาแบบธรรมชาติของคู่รักชายหญิงทั่วไป พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาจากเด็กหลอดแก้วและมีผู้อุ้มบุญให้และจบหน้าที่ ณ วันที่พวกเขาลืมตาดูโลก เพราะส่วนใหญ่จ้างมาทั้งนั้น 

 

                       ถึงแม้ว่าพวกเขาจะโตมามีแค่พ่อเท่านั้นและคนที่ทำหน้าที่ดูแลเป็นแม่นมในช่วงแรกเกิด ไม่ใช่แค่พวกเขาพี่ๆเขาก็เช่นกัน  แน่นอนเขาต้องผ่านสายตาที่มองว่าเขาเป็นครอบครัวผิดเพศเพราะพ่อของเขาเป็นกลุ่มชายรักชายแม้จะไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณชนอย่างโจ่งแจ้ง และการที่มีบุตรโดยไม่ได้แต่งงานมันก็มีตวามแปลกอยู่แล้ว   แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ เพราะเขามีสิ่งที่ทำให้หลายๆคนมองข้ามตรงจุดนั้น ความไฮโซ โก้หรู มีฐาน เพราะพ่อรวย จนบางครั้งทำให้ไปเตะตาใครต่อใคร จนเกิดความหมั่นไส้และเกิดเรื่องขึ้นทุกวัน และเด็กๆชุดนี้ค่อนข้างหัวแข็งมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความต้องการอิสระทางความคิดและทางความประพฤติ มันจึงเหมือนพวกเขากำลังต่อต้าน คนที่อยู่เบื้องหลังครอบครัวเขาทั้งหมด เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อครอบครัวของเขามาตั้งแต่รุ่นพ่อของพวกเขา  ซึ่งพวกเขาเรียกว่าผู้เผด็จการ นั้นคือลุงหนึ่ง ผู้มียศเป็นผู้บัญชาการหน่วยทหาร จนทำให้ลุงหนึ่งนั้นต้องการให้บรรดาพ่อๆของพวกเขาปรับเปลี่ยนนิสัยพวกเขาซะก่อนที่จะส่งให้ไปเรียนตามสายอาชีพที่เขาได้วางแปลน ไว้ให้ตั้งแต่พวกเขาเกิด เมื่อคำสั่งออกมาพ่อๆของพวกเขาไม่สามารถที่จะคัดค้านได้และด้วยความที่อยากเปลี่ยนพฤติกรรมบรรดาลูกหัวโจ้ด้วย เลยตกลงที่จะส่งเขากลับไปเรียนมัธยมใหม่ทั้งที่่พวกเขาเพิ่งจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาหมาดๆ โดยให้ระยะเวลา 1 ปี ในการทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียน ที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนของพ่อของติ๊ก และเป็นโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าเด็กเกเรมากที่สุด มีตีกัน จนเกือบถูกสั่งปิด คุณครูที่ย้ายมาก็อยู่ไม่นานขอย้ายด่วน ลาออกบ้างและก็บางคนหายไปซะเฉยๆเลยไม่กล้ามาสอนต่อ เรามาดูกันซิว่าพวกเขาจะทำภารกิจนี้ได้มั้ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2020 21:21:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
      Part ดิว

           ดิวหันไปมอง คนขับรถหนุ่มรูปหล่อคุณหมอทหารของบ้านดอเด็ก พี่ดิม ที่ผู้ทำหน้าที่ขับรถพาน้องชายมาส่ง ดิวคือน้องคนรองสุดท้องยังมีเล็กกว่าอีกคน ห่างจากเขาหลายปีอยู่ บ้านดอเด็กมีใครค่อยมาแนะนำที่หลังนะครับ



          รถเบนซ์คันหรูได้ขับมาจอดตรงหน้ารั่วบ้านหลังหนึ่ง ประตูยังคงปิดอยู่นี้แสดงว่ายังไม่มีใครมาถึง พวกเขาเป็นกลุ่มแรกรึที่มาถึง ระยะทางการขับรถออกมาจากบ้านที่ค่ายฯ ทหารก็ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงได้แต่ถ้าจากกรุงเทพฯเกือบเจ็ดชั่วโมง ก่อนเข้ามาก็จะผ่านโรงเรียนที่ผมต้องไปเรียนเป็นโรงเรียนมัธยมเอกชนของอาภาษณ์ พ่อของบ้าน ต.เต่า บ้านหลังนี้อยู่ห่างไกลจากโรงเรียนเกือบตั้งเกือบห้าสิบกิโลได้ หากจะต้องไปโรงเรียนต้องตื่นมาตั้งแต่ไก่โห่เลยมั้งครับ 



          ทันทีที่ประตูอัลลอยด์เลื่อนเปิดออก รถเบนซ์ก็ค่อยๆขับเข้าไปจอดด้านใน สิ่งแรกที่ดิวเห็นคือตัวบ้านสไตล์โมเดิน หลังใหญ่พอสมควร แต่ถ้าเทียบกับบ้านเขา บ้านเขาหลังใหญ่กว่าเยอะ เพราะว่ามีสมาชิกจำนวนเยอะบ้านก็ใหญ่ตามแต่นี้เขาต้องมาอยู่กัน 6 คนก็เหลือเฝือ

           ดิวออกมานยืดเส้นยืดสาย สายตาเหลือบมองไปรอบๆ บรรยากาศร่มรื่น มีไม้ดอกไม้ประดับมากมายแสดงว่ามีคนมาดูแลตลอด แต่เป็นบ้านของใครผมก็ไม่ทราบ ตามออกมาด้วยพี่ชายชองเขาและพ่อบังเกิดเกล้า 

 

           “ไงดิว พอได้มั้ย”พ่อภาณุเดข ศาสตราจารย์ ดร นพ.ภานุเดชตำแหน่งยศสูงสุดของทางการทหารและเป็น ผู้ดูแลโรงพยาบาลและค่ายทหารแห่งหนึ่ง 

 

           “ดีนะพ่อสำหรับผม พื้นที่กว้างมาก ส่วนบ้านผมว่าโอเคนะพ่อ เพราะบ้านเราใช้ชีวิตแบบบ้านๆในค่ายฯจนชินซะแล้วครับพ่อ”ดิวตอบผู้เป็นพ่อ พร้อมหยักคิ้วให้พี่ชาย แต่สำหรับคนอื่นๆ ยกเว้นแอ้ที่เหมือนกับผมแทบจะทุกอย่างเว้นแค่บ้างเรื่องเท่านั้น คนอื่นที่ว่า ก็คือ แจ็ค ติ๊ก และพาย พวกนี้มันติดหรูอยู่สบายจนชิน ส่วนบอยผมว่าเขาก็ชิวๆ เหมือนกัน

 

           “ได้อิวมรึงจะบอกว่าค่ายทหารพ่อกรูกันดารเหรอวะ” พี่ดิมพูด ดิวสะบัดหน้าไปพร้อมๆกับพ่อ 

 

           “พี่ดิมพูดเองต่างหาก พี่นะอยากให้พ่อเอาผับมาลงอะดิ ห้างสรรพสินค้าด้วยเลยไหมละ”ผมหันไปถามพี่ชาย



           “แม้รู้ใจพี่ ...มันน่าโบกไหม..”พี่ดิมพูด ไม่พูดเปล่าง่างมือจะโบกผมอีกนะ แต่พ่อหันมามองพอดี เปลี่ยนเป็นลูบหัวแทน รักน้อง   

 

           “ฟันไปเถอะที่มรึงจะเห็นโคโยตี้  ดูฟาร์มโคนมในทุ่งหญ้าไปก่อนละกัน  ไม่มีผับมีแต่ไร่นาสวนผสม “พ่อหันมาพูด พี่ดิมหยักไหล่

 

                  ทันใดนั้นก็มีรถเลี้ยวเข้ามาอย่างรวดเร็ว รู้ได้เลยใครขับ พี่อ้นแน่ๆ และนั้นทำให้ผมหันไปจดจ้องมองคนที่จะก้าวเท้าลงมา เขาคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นตลอดเวลา หนุ่มน้อยหน้าหวาน ริมฝีปากบางเฉีบบ เสียอย่างเดียวทำหน้านิ่งตลอดเวลาน่าจะยิ้มแฉ่งแบบผมจะได้ยิ่งน่ารัก แต่เอ๊ะ ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากให้ยิ้มมากเดี๋ยวคนอื่นใจละลาย 

 

           “โป๊ก” วัตถุบางอย่างมันมากระทบหัวผมเข้า โดยพี่ชายผมที่เขารู้อยู่แล้วว่าทำจดจ้องอะไรและผมคิดอะไรอยู่

 

           “ทำเป็นเล็ง เป็นพวกชอบฝันกลาววัน” พี่ดิมพูดยิ้มเยอะ ผมไม่สนใจยังคงจับจ้องมองคนที่จะก้าวเท้าลงมา และประตูก็ถูกเปิด คนนั้นคือ ...... อาภีมปภพ น้องชายพ่อผม น้องไม่แท้เท่าที่ทราบ โตมาด้วยกันกับพ่อผมและตอนนี้คิดว่าน่าจะเลื่อนเป็นพี่น้องท้องติดกันด้วย ผมน่ะรู้ว่าพ่อกับอาภีมกำลังคบหาดูใจกันอยู่ แม้ไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณชนมาก สำหรับพวกผมไฟเขียวอยู่แล้ว

 

           “สวัดดีครับ อาถีม” พี่ดิมยกมือไหว้อาภีม ส่วนผมได้แต่ชะเง้ออีกฝั่ง ไหนละหนุ่มน้อยของผม 

 

           “อืม..... หวัดดีดิม ดิว“ อาภีมปภพยกมือรับไหว้ผมสองคน  หนุ่มในดวงใจของพ่อผมตั้งแต่ผมจำความได้ นั้นไงพ่อผมเดินปรี่ไปเลย ผมได้แต่ชะเง้อทำไมไม่ลงมาซักทีนะ   

 

           “ใจเย็นไอ้น้อง นี้จะชะเง้อให้คอยาวเลื่อยข้ามไปอีกฝั่งของรถเลยไหมละ เดี๋ยวแม่ของลูกมึงก็ลงมา“พี่ดิมยังคงแซวผมแม้เรียก และคนที่ผมรอก็ลงมาอีกฝั่ง พร้อมกับพี่ชายคนโต พี่อ้น หนุ่มโหดสายฮา เรียกว่าคู่หูคู่ฮากับพี่ดิม แต่สำหรับผม ผมง้อครับ นั้นไงหนุ่มน้อยผมเดินหน้างอมากับพี่ชาย 

 

           “ไงวะ ...รถใหม่แรงไปนะมึง” พี่ดิมแซวพี่อ้น พี่อ้นก็หยักคิ้วตอบ ผมมองรถนำเข้ายี่ห้อ Holden 

 

           “แรงม้ามันน้อยกว่ากูเยอะไอ้ดิม “ พี่อ้น

 

           “จริงมั้ยวะไอ้เแอ้ “พี่อ้นถามแอ้ แต่สิ่งที่ได้คือ........ความเงียบ 

 

           “แอ้! นี้มึงตื่นหรือยัง “ พี่อ้นก้มลงถามคนที่สภาพครึ้งหลับครึ้งตื่น และหันไปโบกหัวแอ้เบาๆ 

 

           “ตื่นแล้วพี่อ้น อย่าตบหัวแบบนี้ดิ” แอ้รีบยกมือขึ้นปกป้องทรงผมยุ่งๆของมัน

 

           “ทำไม!” พี่อ้นถามเสียงสูง 

 

           “ผมยุ่ง” แอ้พูดพร้อมกับจัดส่งให้ฟุ้งๆเหมือนเดิม

 

           “นี้มึงแน่ใจนะว่ามึงเซทผมมึงแล้วนะแอ้  กูว่ารังนกดูดีกว่าหัวมรึงอีก“ พี่อ้น

 

           “มันติ่งเกาหลีพี่ “ผมตอบแทน แต่ทำให้หนุ่มน้อยของผมค้อนกลับทันที พี่อ้นพี่ดิมก็ทักทายกันด้วยกำปั้นชนกันเบาๆตามประสาเด็กแร๊พโย๊ะ ส่วนผมก็กำลังจะเข้าสวมกอด อยากกอดใจจะขาดแล้วแต่แอ้เอาฝ่ามือดันหน้าผมไว้

 

           “จะดันทำไมพี่เขากอดกันอยู่ไม่เห็นหรอกน่ะ “ ผมกัดฟัดพูดแต่คนฟังทะลึงตาใส่ผมซะนิ

 

           “อย่า! มึงจะทำกรูซวย” แอ้พูดให้เสียงลอดไรฟันออกมาและมองไปทางพี่อ้นพี่ดิม   

 

 

           “อะไรกัน มึงสองคนนินทากูระยะเผาขนเลยรึ” พี่อ้นหันมาถามทันที  ผมก็ต้องแก้เกล้อด้วยกันเสยผมตัวเอง เลยไม่ได้กอดเลย

 

           “เปล่าครับพี่อ้น ผมไม่กล้าครับ” ผมพูด (แอบคิดในใจไม่กล้ากับพี่เมียแน่นอน อิอิ)

 

           “ดีแล้วที่มึงไม่กล้า เพราะว่าพี่นี้...”

 

           “ใหญ่เหรอ ตรงไหนวะ กูเห็นเล็กไปหมด ฮาๆ” พี่ดิม แน่นอนคู่กันปากตอบย่อมสูสีกันเป็นธรรมดา

 

           ผมหันไปมองหาพ่อ เห็นพาอาภีมเดินไปด้างข้างตัวบ้าน ผมรู้สึกแปลกใจ บ้านหลังนี้ มาตั้งอยู่ห่างไกลจากในเมืองแต่สภาพบ้านดูใหม่ ไม่ทรุดโทรมเลย ถ้าจะบอกบ้านพักตากอากาศของพ่อหรือของลุงกับอา ไม่น่าจะใช้เพราะเขาคงไม่พักที่ห่างไกลแบบนี้หรอก

 

           “ยังไม่มีใครมาอีกเหรอวะดิว”แอ้ถามผม ผมพยักหน้ากำลังเช็คมือถือ เห็นไอ้ติ๊กมันโพสเฟสบุ๊ค เหมือนกับว่าชีวิตนี้มันกำลังจะหลุดจากโลกไปสู่นอกโลกยังไงยังงั้น

 

 

           “เดี๋ยวติ๊กคงจะถึง”ผมพูดยิ้มๆ

 

              ยังไม่ทันขาดคำนั้นไง เมอร์เซเดส- เบนซ์ รุ่นใหม่ล่าสุดก็เลี้ยวเข้ามาไม่ต้องบอกว่าใครขับมา เห็นชัดมาแต่ไกลพี่ตุ๊นั้นเอง ผมหันไปเหล่มองพี่อ้นกับพี่ดิมที่ยืนเก็กท่ากอดอกมองกระซิบกระซาบนินทากันสองคน ผมไม่ทราบโดยตรงว่าพี่เขามีปัญหาอะไรกันแต่ก่อนตอนพวกผมยังเด็กพี่ๆจะพาพวกผมไปเที่ยวโดยมีพี่ใหญ่ พี่ดิม พี่อ้น พี่ตุ๊ คอยดูแล พวกผมพี่ๆด้วย เรียกว่าพี่เขาสนิทกันมาก มีพี่โจพี่ไอ้แจ็คไอ้พระเอกของเราอีกคนด้วย แต่พอพวกผมมีกิจกรรมจากโรงเรียนมากขึ้น เรียนพิเศษ เรียนกรวดวิชา เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย และพี่ๆก็เรียนกันหนักขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ผมคิดว่านั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พี่ตุ๊ พี่ดิมพี่อ้นไม่สังสรรกันอีกเลย เหมือนจะเข้าหน้ากันไม่ค่อยติดด้วยซ้ำ

 

           “พี่ตุ๊ หวัดดีครับ” ผมยกมือไว้พี่ตุ๊กัน พี่ตุ๊พยักหน้าและลุงภาษญ์ พ่อของไอ้ติ๊กก็ก้าวเท้าลงมาจากรถ ลุงภาษญ์เป็นน้องพ่อผมแต่เป็นพี่ของพ่อภีมปภพของแอ้

           

           “สวัดดีครับอาภาษญ์”ผมกับพี่ดิม

 

           “สวัสดีครับลุงภาษญ์” แอ้กับพี่อ้น

 

           “สวัสดี แล้วนี้พ่อๆพวกเราไปไหนกันละ “ อาภาษญ์ถาม ท่านคงหมายถึงพ่อภาณุเดชของผมกับอาภีมปภพ 

 

           “พ่อผมกับลุง ไปดูใบครับ” พี่อ้นตอบแทน ทำเอาพวกผมสะบัดหน้าไปมองหน้าพี่อ้น แน่นอนทำเอาอาภาษญ์ถึงกับสะบัดหน้ามามองเช่นกันและหันไปมองพี่ตุ๊ที่ยืนยักไหล่

 

 

           “ไปดูไบ! ไปตอนไหนวะ ไปทำไม ไม่เห็นบอกกันเลย ล่าสุดที่เจอกันก็ไม่เห็นจะบอกว่าจะไปต่างประเทศ “ และปกติไม่ค่อยบินไปไหนไกลๆนิหว่า” อาภาษญ์พูดยาวเลย

 

           “ไม่ได้ไปนอกประเทศหรอกครับลุง แต่พากันไปยืนดูใบไม้ตรงมุมบ้านโน้นนะครับ” พี่อ้นพูด ทำเอาอาภาษญ์หันไปพยักหน้ากับพี่ตุ๊

 

           “จัดเลยไหมพ่อ? แบบนี้ที่บ้านเราเรียกกวนตีน!” พี่ตุ๊พูด และหันมามองพี่อ้นกับพี่ดิม



           “อู้ย! แรงนะนะครับคุณครู!” พี่อ้นพูด ก็พี่ตุ๊เขาเป็นผู้บริหารโรงเรียนแทนอาภาษญ์เต็มตัวแล้ว แต่ก็แอบกลัวเหมือนกันว่าพี่ตุ๊จะมาโรงเรียนนี้ไหม เพราะว่าปกติพี่ตุ๊จะดูแลโรงเรียนที่กรุงเทพมากกว่า



           “สมน้ำหน้ามึง เล่นไม่ดูหน้าคนเลย” พี่ดิมก็ขาซ้ำซิครับรออะไร

 

           “ถ้าอย่างนั้น ขอไปดูใบด้วยแล้ว พวกมึงลากไอ้ตัวดีออกจากรถด้วย “ อาภาษญ์พูดและเดินไปทางที่พ่อผมกับอาภีมไปทันที และไอ้ที่ที่ต้องลากนั้นคือไอ้ติ๊กเหรอครับ

 

 

           “ลงมาได้แล้วติ๊ก “ พี่ตุ๊ เปิดประรอแต่ไม่มีใครก้าวเท้าลงมาเลย แอ้พยักหน้าผมและเดินตรงไปที่รถ ไอ้ติ๊กมันกอดเบาะคนเขับแน่นเลยไม่ยอมลง ดูสภาพมันซิ

 

           “ติ๊ก ทำไมมึงไม่ลงละว่ะ “แอ้ถามเดินไปถามคนที่นั่งไม่ยอมลงจากรถ

 

           “กูไม่อยากอยู่ที่นี้ จะกลับบ้านนนนน” ติ๊กพูดและไม่ยอมลง

 

           “น้องมึงนี้ สำนึกรักบ้านน่าดูว่ะ ไอ้ตุ๊ครับ” พี่อ้นพูดพี่ตุ๊หันไปมอง ถึงกับต้องรีบหลบหลังพี่ดิมาทันที  แต่พี่ดิมก็ใช่ย่อย เบี่ยงออกไม่ให้หลบ ดังนั้นพี่อ้นเลยไม่อาจจะหลีกหนีสายตาพี่ตุ๊ได้

 

           “อู้ย! งั้นพวกกรูไปรอข้างในนะ มึงสองคนก็ลากเพื่อนมึงออกมาแล้วกันวะ” พี่อ้นพูดและพี่ดิมรีบชิ้งเลย

 

 

           “ติ๊ก พี่บอกให้ลงจากรถ!!” พี่ตุ๊เริ่มขึ้นเสียง

 

           “ไม่ลง!!....จ้างให้ก็ไม่ลง!!!.. ไม่อยากอยู่ที่นี้!!!!” ติ๊ก ผมหันไปมองแอ้ได้แต่ส่ายหัว นี้มันกี่ขวบแล้วสิบหกจะสิบเจ็ดแล้วนะ

 

           “แอ้ไปเถอะ”ผมพูดเบาๆ

 

 

           “ไปได้ไงติ๊กยังไม่ลงเลยดิว” แอ้หันมาบอกผม ผมก็ขยิบตาว่าให้ไปเถอะ

 

           “แอ้ไปเถอะ ปล่อยมัน อายุขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวยังกับเด็ก ไม่ไหววะ” ผมพูด

 

           “เด็กโข่ง!”  ผมพูดอันนี้ดังหน่อย

 

           “อะไรนะนี้มึงว่ากูเหรอ...ไอ้ดิว!!!” นั้นไง มันรีบออกมาจากรถยืนเอามือเท้าสะเอว มองหน้าผม และนั้นคือแผนของผม สำหรับดาราหัวร้อน และประตูรถก็ถูกปิด พร้อมกดล๊อกทันที จากพี่ตุ๊

 

           “แป๊ะ”ผมกับพี่แตะมือกัน ทำเอาคนที่หลงกลถึงกับทะลึงตาขึ้น

 

 

           “ไอ้ดิววววว มรึงเชี้ยมากกกกก” ไอ้ติ๊ก ผมได้แต่หยักไหล่และเดินเข้าบ้านไป แอ้หันไปเดินกับติ๊ก ประคับประคองกัน ผมไม่ชอบเลยที่แอ้ต้องยอมติ๊กตลอด แต่นี้ผมไม่ชอบหรือผมหึงกันแน่ แอ้มันก็เดินคู่มากับติ๊ก ผมเดินเข้ามาในตัวบ้าน ดูบ้านสะอาดสะอ้านมาก บ้านสองชั้นหลังใหญ่มากทีเดียว พื้นที่ใช่ส่อยเยอะมาก มีทุกอย่างโฮมเทียเตอร์ มีห้องนั่งเล่นกว้างมาก แต่ดูแล้วมีแต่ทีวีเท่านั้น

 

           “แอ้ไปห้องน้ำกับกูหน่อยดิ กูไม่กล้าเข้าไปคนเดียว กูกลัว” ติ๊กพูดพร้อมกับลากแขนแอ้ให้ลุกขึ้น ผมก็เงยหน้ามองมัน

 

           “มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่าน้องอีกเหรอครับ” พี่อ้นก็ดันยิงคำถามไปซะก่อน ใจตรงกันเลยคำถามที่ผมคิดไว้

 

           “พี่อ้นอ่ะ ........พี่ตุ๊!” ติ๊กมันเรียกพี่มันช่วยทันที

 

           “แค่นี้ฟ้องพี่” พี่อ้นพูด

 

           “ไม่ได้ฟ้องแค่เรียกเฉยๆ” ติ๊ก พูดและพากันลากแขนแอ้ไป แอ้หันมามองหน้าผม ใช่ครับผมแอบงอน เวลามีติ๊กมาอยู่ด้วยนี้ผมกับแอ้แถบจะไม่ได้ใกล้กันเลย ผมได้แต่มองทำอะไรไม่ได้มาก แสดงออกก็ไม่ได้ เหมือนรักต้องห้ามยังไงก็ไม่รู้  ทั้งที่ผมนะ เป็นสามีที่ถูกต้องตามพฤตินัย

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 11:47:12 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
Part ดิว

        ผมเห็นพี่ตุ๊ กางโน๊ตบุคเครื่องบางเฉียบออกมานั่งทำงาน พี่ตุ๊นะเรียนจบปริญญามาหลายใบเท่าที่ผมทราบ พี่ตุ๊เรียนจบจากอังกฤษและลงเรียนที่สองใบปริญญาแถมยังไปเรียนมหาวิทยาลัยก่อนพวกพี่ๆของผมซะอีก 



                       “คนหน้าตาดีเขาไม่ต้องทำงานหรอกวะ...ว่าไหมวะ ให้คนขี่เหล่ทำงานไปวะ” พี่อ้นกระซิบกับพี่ดิม และกอดอกหัวเราะอีกด้วย พี่ตุ๊หันมาเหล่พี่อ้นทั้งคู่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ 



                       “ไอ้โจมันทำไมไม่มาอีกวะ “พี่อ้นพูดกับพี่ดิม ผมก็ชะเงอมองไปทำไมสองคนนั้นเข้าห้องน้ำนานกันหนักวะ ผมเริ่มเบื่อเลยลุกขึ้น คิดว่าจะเดินไปแอบดูดีไหมนะแต่ก็ แอ้บอกว่าไม่อยากให้แสดงอาการอะไรมากเพราะไม่อยากให้ติ๊กมันจับได้ เอาวะรอข้างนอกนี้ก็ได้วะ 



            ผมเดินสำรวจไปรอบๆแทน ผมเดินไปจนถึงที่หน้าต่าง ผมก็มองออกไปเห็นทางเดิน ผมเห็นพ่อผม อาภีมและอาภาษญ์กำลังเดินเข้ามาคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และมักจะเป็นทุกครั้งที่เขารวมตัวกัน ผมเห็นประจำแต่ไม่เคยถามพ่อ 



           “มีอะไรดิว”พี่ดิมกระซิบถามผมจากด้านหลัง 



           “พ่อมีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่”ผมหันมาถามพี่ดิม



           “ทำไมละ “ พี่ดิมถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูขรึมขึ้นมาทันที



           “คือ...ผมเห็นพ่อทำสีหน้าเหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่างทุกครั้งที่พ่อๆเขาคุยกัน อะพี่ดิม” ผมพูดขึ้น และหันไปมองหน้าพี่ดิม พี่ดิมเองก็พยักหน้าว่าใช่



           “ทุกคนแหละก็ต้องมีปัญหา แต่พี่เชื่อว่ามันมีทางอก เพราะปัญหามันมีทางเข้าได้มันก็ต้องมีทางออกได้เหมือนกันดิว ” พี่ดิมพูดเหมือนจะง่าย ขนาดปัญหาของผมกับแอ้ผมยังไม่มีทางออกเลย 



           “น้องอยากช่วยพ่อ?” พี่ดิมเลิกคิ้วขึ้นสูงถามผม ผมพยักหน้าตอบเบาๆ 



           “งั้นก็จบภารกิจนี้ซะ นี้คือการพิสูจน์ว่าน้องๆ มีสักยภาพพอจะดูแลงานชิ้นใหญ่ในอนาคต แค่นี้พอ ช่วยพ่อได้แล้ว เรื่องอื่นๆ พี่ๆ กับพ่อจัดการเอง” พี่ดิมพูดพร้อมตบบ่าผมเบาๆ และพ่อเดินเข้ามาพอดี พ่อปรับสีหน้าสู่โหมดปกติมาก เหมือนเขาแค่คุยเรื่องจิปาถะ แต่ผมเดาว่ามันมีอะไรที่พ่อไม่บอกพวกผมแน่ๆ 



           “พายกำลังมา พอดีพีชมันเลี้ยวผิดไฟแดงไปสี่ห้าไฟแดงได้..หึ หึ” พ่อผมพูดแบบขำ ๆ 





           “โธ่ เอ๋ย น้องแพทไม่มาเหรอเนี๊ยะ” ผมได้ยินเสียงนอยด์ๆจากพี่ดิมทันที 



           “ทำไม มรึงรอเจอน้องเขาเหรอ” พี่อ้นยื่นหน้าเข้ามาถามพี่ดิม



           “ใช่อะดิ ตั้งแต่เจอกันวันก่อน มันตราตรึง ฝั่งอยู่ในใจเลย” พี่ดิม ผมนี้ทำท่าจะคะย้อนออกมาเลย เลี่ยนได้อีกพี่ผม 



           “มึงได้คุยกับน้องเขาอีกไหม ได้สอบถามความจริงจากน้องเขาไหม”พี่อ้น ถามพี่ดิม ผมหันไปมองพี่ดิม อะไรนะพี่ดิมจะจีบพี่แพทเหรอ พ่อเคยเตื่อนพวกพี่ๆผมแล้วว่าถ้าเล่นๆอย่า เอาคนใกล้ตัวเช่นลูกพี่ลูกน้องถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดตรงก็เถอะ พี่ดิมทำนิ้วจุ๊ปากผม



           “ไม่ได้อะดิ น้องไม่ยอมให้เบอร์” พี่ดิมหันไปบอกพี่อ้น



           “เขาอาจจะสยดสยองขนลุกขนพอง นอนไม่หลับกระซับกระซาย จดต้องไปพบหมอจิตแพทย์ หลังจากเจอและสัมผัสกับมรึงอ่ะ “ พี่อ้นพูด ผมแอบขำแต่พี่ดิมชี้หน้าผม ห้ามขำพี่



                       “โอ้ย! พี่พีช ที่หลังนะ เช็ครถก่อนนะ ร้อนมาก ทำไมต้องเอาไอ้วินเทจอะไรนี้ของพี่ขับมาด้วย “ เสียงแหล่มแสบแก้วหูนี้มีคนเดียวพาย เดินพ่นพี่พีชเข้ามาจนถึงข้างในบ้านและ ทันทีที่พายเจอผมคนแรกก็วิ่งปรี่มาเลย 





           “หยุด!” ผมรีบเบรคไว้ก่อน คือทำท่าจะเข้ามากอดหรือจะเข้ามาฟัด 



           “แม้! กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้ ห่วงเหรอ” มีหน้ามาถามอีก



           “เออ ห่วงมาก ห่วงตัวกรูเองนี้แหละ “ผมพูด อย่าว่าแต่ผมเลยพี่ๆยังลุกหนีเลยพายเอ้ย 



           “แล้วพวกอีติ๊กและแอ้ละดิว” พายถามผม หันไปยิ้มตาหยีให้พี่ดิมกับพี่อ้น พี่ๆเขาก็ยิ้มกลับแต่ไม่กล้าเข้าใกล้



           “พี่ดิม พี่อ้น หวัดดีครับ” พายหันไปยกมือไหว้



           “แม้พี่ดิม พี่อ้น พายไม่ใช่ขี้นะครับพี่ๆ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น” ที่ใครต่อใครกลัวก็เพราะเวลามันกอดมือมันชอบคล้ำเขาไปทั่ว ผมเองก็กลัว ถ้าเป็นแอ้นี้ให้คล้ำแบบไม่ต่อต้านเลยจริงๆ



           “พี่ไม่ได้กลัว!!!” พี่อ้นพูดขึ้นเสียงสูงมาก



           “พี่โกหก เสียงพี่สูง”



           “สูงเหรอ!!!!!” นั้นยังสูงได้อีก

 

           “มากครับ” พายพูดทำหน้า 





           “พี่ดิม พี่อ้น พี่ตุ๊ สวัสดีครับ” พี่พีช พวกผมก็ยกมือไหว้กัน มันเป็นทำเนียบปฏิบัติทีต้องทำทุกครั้งที่เจอกัน ไม่ว่าจะเจอกันที่ไทยหรือต่างประเทศ



           “พี่ดิมทำไมทำหน้าเหมือนพีผิดหวัง” พี่พีชพูดขำ ๆ



           “มาก!!!”



           “อ้าว!” พอพี่พีชได้ยินแบบนั้นก็ไม่วายต้องหน้างงหนักเข้าไปอีก



           “มันหวังมากไปเลยเป็นแบบนี้วjะ ไอ้พีช ว่าแต่มรึงเถอะสบายดีไหม ......ฝึกไปหมดหรือยัง เพราะว่าไอ้แพทพี่ชายเรามันฝึกหมดแล้วนี่” ผมก็หันมานั่งข้างพายๆ ปล่อยให้พวกพี่ๆเขาคุยกัน พายก็คงมองหา ติ๊ก แอ้ และแจ็คแน่ๆ



           “แอ้กับติ๊กไปเข้าห้องน้ำนะ แต่นานมาก”ผมพูดบอกพาย พายหันมาเหล่มองผมและยิ้ม



           “หึงเหรอ ทำไมไม่ตามเข้าไปละ จะได้รวบสองคนพร้อมกันไปเลย” พายพูด ผมหันมามอง



           “ไม่เอาอะ” ผมพูดทำท่าขนรุก ผมไม่นิยม 3P ฮาๆ



           “ส่วนไอ้แจ็คยังไม่เห็นหัวมันเลย “ผมหันมาบอกกับพาย



            “ไอ้แจ็คน่ะ เมื่อคืนมันหนัก...ก็ไม่แปลกถ้ามันจะมาช้า..ที่สุด” พายพูด ผมหันมามองหน้าพาย



           “ไม่รู้มันจะกลับมาเฮิร์ทอะไรอีกทั้งที่มันก็จะได้เจอบอยอีกครั้งแล้วนะ ” พายหันมาพูดกับผม ผมได้แต่ยักไหล่ไม่รู้มันเหมือนกัน



           “ถ้าอย่างนั่น ก็แสดงว่าพายมาพักที่กรุงเทพฯก่อนแล้วใช่มั้ย” ผมถามพาย ถ้าพากันไปเที่ยวนี้แสดงว่ากันล่วงหน้าแล้วแน่ๆ



           “ใช่ พอดีพ่อมาพร้อมกับลุงสี่น่ะ และไอ้แจ็คมันมาพร้อมกับพี่โจก่อน ติ๊กมันก็เลยชวนไปแรดนะ” พายพูด ผมพยักหน้าเบาๆ



           “แอ้ไปปะ” ผมถามเพราะแอ้ไม่ได้บอกเรื่องนี้ และแอ้มันก็มาจากกรุงเทพฯด้วยเช่นกัน



           “อ้าว ไม่คุยกันเหรอ แอ้มัน ปวดท้อง มันเลยไม่ไป น่าเสียดาย” พายพูด ผมยิ้มออกเลยทันที นึกว่าแอ้ไปด้วยแต่แอ้ไม่เห็นบอกผมเรื่องนี้ แต่ว่าผมแค่ได้ยินว่าแอ้ไม่ไปก็พอแล้ว



           “ยิ้มๆ มีอะไร” พายพูด



           “เปล่า!!!” ผมพูด



           “เสียงสูง” พายเหล่ตามองผมจนผมต้องหันหน้าหนีแอบยิ้มอีก ทำไมรู้เห็วตัวเองผ่านกระจด ฮาๆ ก็มันดีใจ



            “จริง!!” ผมพูดย้ำ  จังหวะที่ผมหันไปเห็นสองคนนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ผมเห็นติ๊กเอามือลูบปัดผมแอ้เพื่อจัดทรงให้ ปกติผมเป็นคนชอบทำให้ เห็นคนอื่นทำให้แล้วมันนอยด์ขึ้นมานิดๆ 



            “พอแล้วติ๊ก ผมกูมันเหยิ้มไปหมดแล้ว” แอ้ปัดมือติีกออก



           “อ้าว นางพาย มาถึงแล้วเหรอ กูเห็นขับตามอยู่ คาดสายตาแป็ปเดี่ยวหาไม่เจอเลย” ติ๊กพูด



           “ก็อีพี่พีชนะซิ มัวดูอะไรก็ไม่รู้ ไม่ยอมเลี้ยวตรงไฟแดงแรก แถมยังขับเลยมาอีกหลายไฟแดงเลย และรถก็ร้อนโคตรๆเลย” พายบ่นพี่พีช ที่นั่งคุยกับพี่ๆผมอยู่



           “แจ็คละวะ มึงโทรหาไอ้แจ็คมันหรือยังวะดิว” ติ๊กถามผม ผมส่ายหัว แอ้เดินมาจะนั่งข้างผม ผมก็รีบถึงเก้าอี้ให้เข้ามาใกล้ๆ



           “แอ้ นั่งข้างหลังกูดิ จะได้เกาหลังให้ด้วย คันหลังวะ เหงื่อออก” นั้นไง แอ้ก็เดินถอยออกให้ติ๊กนั่งก่อน ผมเงยหน้ามองแอ้แอบส่ายหัวเบาๆ ก็ส่ายหน้าให้ผมหยุด



           “พายมึงโทรหาแจ็คดิ” ติ๊กหันไปสั่งพาย พายมันก็พยักหน้าและกดมือถือขึ้นมาเพื่อโทรหา ผมพยายามจะหันไปดึงเก้าอี้ให้ขยับเข้ามาทางผม มากกว่าติ๊ก แต่แอ้ขืนไว้





           “เฮ้ยมันบอกว่าถึงแล้วอยู่ข้างนอกว่ะ “ พายวางสายและหันมาบอกพวกผม นี่ไม่ได้ยินเสียงรถเลยแสดงว่าเครื่องเงียบมาก

   --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   Part แจ็ค 

                          ผมเดินทางมากจากอีกซีกโลกเพื่อกลับมาเป็นเด็กนักเรียนมัธยมอีกครั้งตามคำสั่งลุงหนึ่ง ผมรู้ว่าลุงหนึ่งคือคนที่ดูแลบรรดาพ่อๆผมมาแต่นี้จะมาเป็นเจ้าชีวิตทุกคนเลยไม่ได้ ผมก็ไม่เข้าใจว่าลุงเขาใช้ตรรกะอะไรของเขาคิดกันแน่นะถึงได้สั่งทำโทษพวกผมแบบนี้ ปากบอกว่าพวกผมยังไม่มีสักยภาพมากพอแล้วจะมอบหน้าที่ที่พวกผมไม่ได้อยากเลือกมาทำไม ผมไม่เข้าใจ แน่นอนผมเป็นคนหัวแข็งแต่เฉพาะกับลุงหนึ่ง เพราะหลายๆแนวคิดที่ผมไม่เห็นด้วยและผมอยากจะล้างมันซะด้วยซ้ำ



                          และนี้แหละคือเหตุผลที่ลุงหนึ่งไม่ชอบหน้าผมเท่าไหร่ แถมยังคอยกีดกัน ผมแม้กระทั้งเรื่องหัวใจของผม แต่ว่าผมได้ยินมาอีกอย่างหนีง นั้นคือลุงหนึ่งกับพ่อผม เป็นคู่อริหัวใจกันอยู่ โดยมีลุงกฤษณะเป็นคนกลาง ลุงณะก็เคยเป็นว่าที่พ่อตาผมอีกด้วย ซับซ้อนดีใช่ไหมครับ  พวกผมนะรู้กันหมดแล้วว่าพ่อภูมิกับลุงกฤษณะนะ ไม่ใช่แค่พี่น้องกันธรรมดา เป็นมากกว่านั้น ถึงพ่อผมกับลุงณะ จะไม่เคยพากันมาทำอะไรที่บ้านให้ลูกเห็นแต่ก็รู้ว่า พากันไปที่โรงแรมหรูทุกครั้งที่ไปออกงานและนัดเจอกัน แต่ว่าช่วงหลังจากที่บอยหายไป พ่อผมก็ไม่ค่อยได้เจอลุงณะเลยด้วยซ้ำ พี่โจบอกผมมา

   

              ย้อนไปเมื่เกือบ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งจะอายุ 14 ปี

   

              “แจ๊ค นี่บอย ดูแลเขาดีดีด้วยนะ บอยเป็นลูกของลุงณะ” พ่อผมพูด ผมได้แต่จดจ้องมองใบหน้าเรียว สวยและดูหวานราวกับตัวการ์ตูนมาจากหนังสือ แววตาใสๆ ผมจ้องมองจนเห็นว่าตาของเขาเป็นสีฟ้าครามสวยงามที่สุด รอยยิ้มหวานๆ หญิงสาวคนไหนก็ยิ้มไม่สวยได้เท่ากับเขาคนนี้ แต่ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายนิ 

   

              “หวัดดี เราชื่อบอย” ชื่อก็บอกชัดเจนอีก แต่ทำไมหน้าหวานจังหวะ ผมคิดในใจ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของความรักทีผมได้มอบให้เขาหมดหัวใจ ผมดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดกันมากจริงๆ ตัวติดกันตลอดและหึงตลอดที่มีคนพยายามมาทำเป็นคนคอยปกป้องเขา ผมต้องการเป็นคนทำหน้าที่นั้นเองแต่ผู้เดียว ผมรู้ว่าเขาอ่อนแอ่นจนใครๆก็อยากดูแล ก็คนมันหน้ารักหน้าหวานป่านกับตุ๊กตาเลยก็ว่าได้ และไอ้... ไอ้ศัตรูตัวร้ายในใจผม มันก็ทำให้ผมกลัวตรงที่ว่า ผมได้ยินมาว่า มันคือคนที่ลุงหนึ่งเลือกให้คู่กับบอย จะเหตุผลอะไรผมไม่ไปสนใจหรอกถ้ามันออกมาจากปากลุงหนึ่ง ผมอคติและพยายามต่อต้าน ผมนี้อยากแสดงให้ลุงหนึ่งรู้ไปเลยว่าผมกับบอยรับคบกันแล้วในตอนนั้น แต่พ่อผมกลับห้ามไว้ พ่อบอกยังไม่ใช่เวลาของผม จนสุดท้าย เขาก็ไปจากผม เขาก็มาหายไปจากผม



               เพราะเหตุการณ์วันนั้นที่เขาป่วยมาก ลุงณะดูโกรธพ่อผมมากที่ดูแลบอยไม่ดีพอ ผมยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าบ่อยป่วยเป็นอะไรแค่ไหน ผมเห็นแค่ว่าบอยเป็นลมบ่อย ผอืดผอมทุกครั้งที่ทานอาหารทำให้บอยกินอะไรไม่ค่อยได้ ผมนี้สงสารเขาจับใจ พอลุงภาณุเดชพ่อของดิวทราบ เขามาตรวจอาการบอยที่บ้านและสั่งให้พาบอยไปโรงพยายาบด่วนเพื่อตรวจเลือดตรวจทุกอย่าง ดูสีหน้าลุงภาเป็นกังวล จนผมพยายามจะหยุดเรียนวันนั้น แต่พ่อบอกผมหยุดไม่ได้เพราะว่าี่ผมต้องไปสอบมันสำคัญ ถ้าผมเลือกที่จะหยุดผมคงรู้เหตุผลว่าทำไมบอยถึงต้องไปจากผม และพอผมกลับมาบ้านผมถึงได้รู้ว่าบอยบินกลับไปกับลุงกฤษณะ เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย 

   

                     ผมได้แต่เฝ้ารอการติดต่อจากเขาและลุงกฤษณะแต่ก็ไม่มีวี่แววใดๆ ผมก็ไม่เห็นลุงณะติดต่อหาพ่อผมอีกเลยเช่นกัน ทั้งที่ทั้งคู่มักจะไปเรื่องงานด้วยกันอยู่เสมอ ผมเองก็ไม่กล้าถามเรื่องนี้ เพราะว่าสถาณะของพ่อกับลุงกฤษณะ ดูยังคลุมเคลือจนพวกผมไม่กล้าฟันธงว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน   

                    ผมรู่ว่าเขาจะมาเรียนกับพวกผมด้วย ผมไม่รู้ว่าทำไมเพราะอันทีจริงเขาไม่ต้องมาก็ได้ เขาไม่ได้ทำให้ลุงหนึ่งโกรธซักหน่อย มีแต่พวกผม พวกผมมันขาโจ๋ไงเลยมีคู่อริเยอะ เอาจริงๆน่ะ ผมเองยังไม่รู้ว่าทำไมพวกผมถึงมีแต่คนอยากมีเรื่องด้วย หน้าตากวนตีนไหม บอกไม่ได้ รู้แต่ว่าหน้าตาดี ฮาๆ ไม่หลงตัวเองเท่าไหร่   

   

                 วันนี้ผมออกเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวมาลงที่สนามบินใกล้เคียงจึงประหยัดเวลาในการขับรถไปเหลือแค่ หนึ่งชั่วโมงแต่ก็นานอยู่ดีสำหรับผม 

   

   

              อันที่จริง ผมเดินทางมากับพี่โจก่อนและพ่อผมตามมาที่หลังและมาปลุกผม ผมยังหลับไม่ตื่น พอผมมาถึงกรุงเทพ ติ๊กมันก็จัดเลยพาไปเข้าผับเลย อายุยังไม่ถึง เขาจะจัดให้นั่งในห้องพิเศษที่จะมีแค่พวกผม และผมก็เมาปลิ้นครับ ตื่นเอาเที่ยงพ่อมาถึงรีบให้พี่โจลากผมไปอาบน้ำแต่งตัว ทำให้สภาพผมครึ้งหลับครึ้งตื่นไม่ต่างกับซอมบี้

   

`” I think I'm losing my mind

Trying to stay inside the lines

It's like I'm running in place

How you keep staying the same?

Baby, I, I guess I'm something different

And I'm okay with that

I can't fake no more smiles

That shit gon' drive me mad

I'm focused on the future

Don't care 'bout nothin' else........

   

                         “ Do you like this song?” พี่ชายผมพี่โจ้ หันมาถามผม 

   

                         “I think so” ผมตอบพี่โจเบาๆ พี่โจเข้าใจผมดีทุกอย่างทั้งที่ผมไม่ได้พูดหรือบอกความจริงในใจผมทุกอย่าง และพี่โจ และพี่ๆ พ่อผมด้วยที่เห็นว่าผมหนักแค่ไหนตอนที่บอยไปจากผม เขาช่วยฟื้นฟูผมจนผมเริ่มกลับมาสู่โหดมปกติแต่นี้ผมกำลังจะเขวอีกแล้ว

   

                         “ Me too” พี่โจตอบผมและยิ้มๆ ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจ พี่มีความรู้สึกแบบนี้ด้วยเหรอ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย

   

                         “What to do when your mild is mess up?” ผมถามถามพี่ชายของผม 

   

                         “Stop taking so much notice of how you feel and relax. That’s it.”

   

                         “It gonna be ok my bro. พี่โจหันมาพูดกับผม ผมหันไปใปมองหาพ่อผม ผมเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างขรึมของพ่อ แต่เฉพาะในเวลางานเท่านั้น พ่อก้มหน้าก้มตาอยู่กับไอแพตเครื่องจิ่วแต่แจ๋ว มันทำอะไรได้สารพัด ราคาแสนแพงกว่าไอแพตเครื่องโตๆซะอีก พ่องานยุ่งตลอดเลย 

   

                         คุณโจครับผมว่าน่าจะมีคนมาถึงก่อนหน้าเราแล้ว ผมเห็นรถจอดอยู่ สี่คันครับ” พี่คนขับรถประจำบ้านของผมหันบอกพี่โจ คงเป็นดิว แอ้ ติ๊ก อีกคันผมไม่แน่ใจจะใช่เขาไหมนะ มันบีบหัวใจผมเหลือเกิน 

   

                         “ยังไม่มาหรอก พี่จำได้รถคันแรกนะรถลุงภา คนที่สองนะรถไอ้อ้นลูกชายคนโตอาภีม และคันที่สาม รถของอาเปรมแต่ใครขับมาพี่ไม่แน่ใจนะ “ พี่โจบอกผม ทำเอาผมถอนใจหายโล่งอกยังไงบอกไม่ถูก ผมอยากให้เขามาไหม อยากครับแต่มัน บอกไม่ถูกเหมือนมีอะไรบินวนไปมามวนอยู่ในท้องผม 

   

                         “ไปครับลงจากรถกัน “ พี่โจเปิดประตูก้าวขาออกและพ่อผมก็วางไอแพตลง

   

                         “ไปเถอะลูก นี้คือสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวลูกว่าลูกของพร้อมแล้ว อย่าลืมนะว่าพวกเรานะมีภาระหน้าที่รอกันอยู่ มันใหญ่กว่าภารกิจนี้เยอะแจ็ค “ พ่อหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจหนัก พ่อก้าวลงจากรถก่อนผม และตามด้วยพี่โจ และพ่อก็หันไปสั่งอะไรพี่โจสักอย่างและผมก็ก้าวเท้าลงไปตามพี่โจ 

   

                         “ไปครับเข้าบ้านกัน” พี่โจพูด ผมสองคนก็เดินตามหลังพ่อผม ใจผมก็กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจไม่มาซะอีก แต่ใจก็กลัวหากเจอหน้ากันจะทำอย่างไร 

   

                         “สวัสดีครับ อาภูมิ “ “สวัสดีครับลุงภูมิ “ มีคนกล่าวทักพ่อผม และยกมือไว้ ผมหันไปเกือบยื่นมือไปเช็คแฮนด์ซะแล้วตามความเคยชิน



                         “แจ็ค!” พ่อเรียกผมไว้ทัน ผมก็รีบยกมือไหว้ลุงๆและอาๆทันที แต่ลุงๆกับ อาๆ ก็ได้แต่ขำผมกัน ผมก็รีบแยกตัวออกมาหาพวกตัวแสบที่นั่งคุยกัน ส่วนพี่โจยังคุยกับลุงและอาอยู่ 

   

                         “ดีวะแจ็ค” ไอ้ดิว ไอ้แอ้แค่พยักหน้า 

   

                         “คิดถึงมึงวะ “ ไอัติ๊กมันทำท่าจะเข้ามากอดผมแต่ผมเอาฝามือดันหน้ามันไว้ก่อน

   

                         “อะไร กูพึ่งห่างจากมรึงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย สาด!” ผมหันบอกติ๊ก ก่อนจะนั่งลงแบบเหนื่อยเต็มทีกับการเดินทาง

   

                         “แม้ดีนะที่จำได้ เพราะดูสภาพที่เมายิ่งกว่าหมาคืนก่อน “ ปากดีต้องยกให้น้องพาย 

   

                         “นั้นไงมันมาแล้ว มึงถามมันเองดิ” พี่ดิมเดินออกมาจากห้องอีกห้องกับพี่อ้น พี่เขาสองคนยืนจดจ้องมองพี่ชายผม ผมรู้สึกตะหงิดกับสายตาพี่อ้นยังไงก็ไม่รู้ที่มองพี่โจ แต่พี่โจก็บอกเเพื่อนกัน ผมหวังเช่นนั้น ผมอยากให้บ้านจ จานเป็นฟันครับไม่ใช่สายถูกฟัน 555

   

              “กูอยากรู้จริงๆ นี้มันได้ค่าตัวจาก หลุยส์ ติ๋งต๋องเท่าไหร่วะ” พี่อ้นพูด ผมหันไปมอง พี่ผมสวมใส่ยี่ห้อหลุยส์ทั้งตัวแบบนั้นข

   

              “มันได้ด้วยเหรอวะ” พี่ดิม

   

              “ดูดิมันใส่มาแบบ ฟูลออฟชั่นขนาดนี้ ป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ชัดๆ “พี่อ้นพูด 

   

              “สาดพูดไป! “ พี่ดิม

   

              “เจอกันกี่ครั้งก็ใส่อยู่ยี่ห้อเดียว ทั้งตัวด้วย แม้กระทั้งกางเกงในนะมึง” ผมและทุกคนสะบัดหน้ามามองพี่อ้น ทำไมรู่วะ 

   

              “มึงรู้ได้ไง” พี่ดิม

   

              “เออ!!” พี่อ้นพูดและเงียบไป ผมก็มองพี่อ้นรู้ได้ไง

   

               “ทำไมมึงพึ่งมาวะ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผม   

   

              “พึ่งจะลุกขึ้นมาได้ เมื่อคืนหนักวะ” ผมตอบไอ้ดิวและหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่มีน้ำรินไว้แล้ว กระดกลงคอไป 

   

                         “บ้านไม่โอเคเลยวะ” ติ๊กพูด มันทำให้ผมหันไปมองรอบๆ ดูเป็นบ้านธรรมดามาก สำหรับผม พวกผมอยู่นะเป็นสมาร์ทโฮม และมีคนคอยดูแลรับใช้ ยิ่งบ้านที่ดูไบนะไม่ต้องพูดถึงเลย เหมือนคฤหาสก็ว่าได้ ผมก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยิ่งคิดยิ่งโมโหลุงหนึ่ง

   

                          “ก็โอเคนะ แค่ไม่มี...” พายพูดเบาๆ  และหันไปมองรอบๆ แต่ละคนก็คงคิดเหมือนที่ผมคิด บ้านพวกมันก็ทันสมัยไม่ต่างจากบ้านผมเหมือนกัน พายไปอยู่ที่ค่ายทหารที่หนึ่งกับอาเปรมดิ์และลุงสี่ บ้านระดับผู้บัญชาการแล้ว ก็ต้องหลังใหญ่อยู่แล้ว

   

                          “ไม่มีเกมส์ ยังดีมีอินเตอร์เน็ต ของใช้ก็บ้านๆ ไม่ไฮเทคเท่าที่เราเป็นอยู่ แบบนี้โอได้ไง “ ติ๊กพูด อย่างหัวเสีย ผมก็ได้แต่ใช่นิ้วเขี่ยปากแก้ว ตอนนี้หัวผมตีกันยุ่งไปหมด   

   

                          “ทำไมวะ เราต้องทำตามตรรกะบ้าๆของลุงหนึ่ง เขาไม่ใช่เจ้าชีวิตเรา” ผมหันมาพูดกับทุกคน 

   

                          “เขาไม่ใช่แต่ เขาจะทำให้พ่อพวกเราเดือดร้อน แค่นี้พวกมึงทำให้พ่อไม่ได้กันเหระวะ” ไอ้ดิวมันพูด มันหันมามองหน้าพวกผม พูดแบบนี้ไงผมถึงต้องยอมมา เพราะว่าพ่อออกหน้ารับให้ผมมาเยอะแล้วไงแต่ผมก็ยังค้านหัวชนฝาว่าผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลุงหนึ่งต้องการอยู่ดี 

   

                          “ให้เวลาหนึ่งปี ให้กลับมาเรียนมัธยมที่ไทยอีก และเครื่องแบบก็ต้องใส่ ผมก็ต้องตัดตามระเบียบ สีผมก็ทำไม่ได้ ...โอ้ย จะบ้า!” พายพูดและทำหน้าเสียอารมย์

   

                          “บอยยังไม่มาเหรอวะดิว” ผมหันไปถามไอ้ดิว เพราะผมคิดว่ามันน่าจะรู้เรื่องบอย มากกว่าผมตอนนี้ ผมได้ยินว่ามัน บินไปหาบอยมาสองสามครั้ง ใช่ซิ มันคือคนที่ถูกเลือก ไม่ใช่ผม คิดแล้วเริ่มนอยด์   

   

                          “กูไม่รู้วะ”ไอ้ดิวตอบผมและมันก็หันมองหน้าผม ผมหันไปยิ้มทางอื่น คิดในใจ ตอแหลแล้วมึง

   

                          “กูไม่รู้จริงๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นดิไอ้แจ็ค ”ไอ้ดิว

   

                          “ก็มึงรู้...”

   

                          “ก็รู้แค่บางเรื่องและกูก็บอกมึงหมดแล้ว โอเคนะ “ดิวมันพูดก่อนที่มันลุกไป 

   

                          “มึงจะไปนอยด์ดิวทำไมวะ มันก็อยู่กะพวกกูตลอด มันก็รู้แค่พวกกูกับมึงรู้” ไอ้ติ๊กพูด 

   

                          “เออ มันก็เอาแต่ซ้อมฟุตบอลและอ่านหนังสือจะสอบ “แอ้พูดขึ้นมันละสายตาจากหนังสือการ์ตูนของมันได้ 

   

                          “กูลืมไปเลยว่ามึงนั่งอยู่นี้วะแอ้” พายพูดแซว ห้องน้ำอยู่ไหนวะ “ ผมถามพวกมัน 

   

                          “เดินตรงไปด้านหลังว่ะ “ ไอ้ติ๊กบอกผม ผมลุกขึ้นไป ผมเห็นไอ้ดิวมันกำลังกดโทรศัพท์เหมือนแอบคุยกับใคร นั้นไงจะไม่ให้กรูคิดได้ไง ผมเดินไปที่ห้องน้ำ รู้สึกยังไม่ซาง ขอน้ำล้างหน้าหน่อย ระหว่างที่ผมจะเปิดประตูเข้าไป 

   

                          “อะไรของมึงอ้น” เสียงพี่โจ แต่เรียกชื่อพี่อ้นในห้องน้ำนี่นะ ผมก็ต้องชะงักไม่กล้าจับลูกบิด นั้นพี่ผมไปทำอะไรกับพี่อ้นในห้องน้ำสองต่อสอง

   

              “ก็ไปคืนนี้” ผมรีบเอาหูแหนบประตูห้องน้ำทันที 

   

              “ไปทำไม กูมีงานพรุ่งนี้นะอ้น”

   

              “งานกี่โมง งานกาลาดินเนอร์เขาเริ่มเย็นเลยและเครื่องบินส่วนตัวมรึงบินแป็ปเดียวถึง” พี่อ้น 

   

              “กูขอพ่อก่อน” แปลกใจปกติพี่โจไม่ต้องขอพ่อนิ 

   

              “โจ “

   

              “อะไร”             

   

              “ถ้ามึงไมไปคืนนี้กับพวกกู.. กูจะ...” ผมยิ่งต้องเอาหูแหนบประตูเข้าไปอีก กูจะอะไรละพี่อ้น ผมรอฟังอยู่!!

   

              “สาด! ขู่อยู่ได้ “

   

              “ไปไหม”

   

              “เออ” นั้นไงทำให้ผมคิดพี่อ้นขู่อะไรพี่โจวะ 

   

              “มึงเคยเป็นหมาหรือไงวะขู่อยู่ได้” 

   

              ปึก!เสียงประตูถูกดึงเข้าเพื่อคนด้านในจะได้ออกมา ผมก็ไม่ทันตั้งตัวยืนแบบเหมือนจะพยายามยามฟัง พอเงยหน้าขึ้นมาก็ 

   

              “เฮ้ย!!” พี่โจ พี่อ้นและ ผมก็ตกใจซิครับรออะไร

   

              “พี่อ้น พี่โจ เข้าไปทำอะไรด้วยกัน ”ผมรีบยิงถามทันทีเพื่อกลบเกลือนว่าผมแอบฟัง มันเป็นการเสียมารยาทที่สุดและเป็นกฏที่บ้านผมลงมติกันว่าห้ามทำ ผมมองหน้าพี่สองคนสลับไปมา

   

              “เข้ามาล้าง......” พี่โจตอบ “เข้ามาล้าง....อุ๊บ!” พี่อ้นก็ เหมือนจะพร้อมกันแต่พี่อ้นจะมีต่อว่าล้างอะไร ยังไม่ทันเอ่ยพี่โจเอามือปิดปากซะก่อน เลยอดรู้รู้เลยผม 



              “ล้างมือ”พี่โจ้พร้อมหันไปมองพี่อ้น

   

              “ล้างมือ ด้วยกันสองคนนี้นะ” ผมก็ยังคิดว่าไม่น่าจะใช้อยู่ดี

   

              “ก็แค่ล้างมือแจ็ค “พี่โจพูด ทำหน้าดุใส่ผมอีกนะ ก็พี่ชายคนโตก็เลยต้องพยักหน้า

   

              “ประหยัดน้ำครับ ลดโลกร้อน ไม่เคยเรียนละซิ “ พี่อ้นพูด พี่โจหันไปเหล่พี่อ้นเลยเอามือปิดปาก  อันนี้แหละที่ผมจะไม่เชื่อว่าแค่ล้างมือเพราะว่าพี่อ้นนี้แหละ

   

              “แค่ล้างมือ และคุยกันนิดหน่อย เราละ” พี่โจถามผม

   

              “ผมจะล้างหน้าครับ “ ผมพูดเบาๆ 

   

              “ดี จะได้ตื่นๆ หนักนะมรึงอ่ะเมื่อคืนนะ รีบเข้าไปเลยดูสภาพเหมือนซอมบี้มาก ” พี่โจพูดและลากพี่อ้นออกไปทันที ผมก็เข้าไปล้างหน้าล้างตา มองที่กระจก หน้าตาอย่างผม หล่อเหลาขนาดนี้ มีเงิน มีทองมากองแต่ผมกับนั่งจมทุกข์ เพราะเขาคนเดียวเลย 

   

              “บอย ดูดีขึ้นนะ ไม่เจอกันแค่ 3 ปีเองทำไมดูมีน้ำมีนวลขึ้น จะว่าอ้วนขึ้นไม่เลย แต่ผิวนี้ดีขึ้นมาก” ผมกำลังเดินออกมาแต่ดันได้ยินชื่นี้ นี้เขามาถึงแล้วเหรอ ผมได้ยินเสียงเล็กๆแบบนี้พายแน่นอนชมว่าเขาผิวสวยขึ้น แต่เดิมผิวสวยอยู่แล้วน่ะ ผมรีบสาวเท้าเดินออกมาอย่างไว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 11:48:42 โดย PFlove »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   “แจ็ค มาดิบอยพึ่งจะมาถึง” ติ๊กมันเรียกผม และคนที่ยืนหันหลังอยู่ ผมจำเขาได้จากด้านหลังแม้จะสูงขึ้นจนผิดตาแต่ก็ยังเตี้ยกว่าผมหน่อย เขาค่อยๆหันหน้ามา มันก็ไม่ได้ช้าแต่ภาพในหัวผมทำไมมันกับสโลโมชั้นโหมดแบบนั้นนะ และผมก็เห็นใบหน้าเขาแบบจังๆ เขายิ้มให้ผมเหมือนเช่นเคย นี้เขาไม่รู้สึกผิดอะไรเลยหรือยังไง 

   

   “แล้วไงใครแคร์” พูดและเดินผ่านไปเลย ปล่อยให้คนที่ยิ้มให้ผมเกล้อไป ใจก็เจ็บปวดนะ แต่ดูแล้วเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยด้วยซ้ำไอ้แจ็ค มรึงมันบ้าไปคนเดียว เดินผ่านไปหาที่นั่งไกลออกไป 

   

   “ทำเป็นเก็ก อย่าไปสนใจมันเลย เด็กมีปัญหา” เสียงรอดมาก็ไม่พ้นไอ้ติ๊กปากหมาของผม ผมก็หันไปโชว์นิ้วกลาวให้มัน ผมเห็นพี่โจ พี่ดิมและพี่อ้น คงพยายามแจกขนมจีบให้พี่บีมอยู่ เจ้าชายน้ำแข็ง พี่บีมก็ไม่ชอบขี้หน้าผมเช่นกัน ผมเห็นพี่ตุ๊ นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดที่มา และพี่พีชที่นั่งนอนดูซีรีย์อะไรสักอย่าง เวลาผ่านไป 10 นาที ทำไมนานเหมือนหนึ่งชั่วโมง ผมได้แต่มองกลุ่มนั้นคุยกัน ดูหัวเราะหัวไคร่กันใหญ่ โดยเฉพาะกับไอ้ดิว ยิ่งเห็นยิ่งหึง 

   

   “อ้าวเด็กๆ พวกพี่จะกลับแล้ววะ” พี่ดิมพูดพร้อมเรียกมพวกผมว่าเด็กๆ 

   

   “เด็กที่ไหน “

   

   “เด็กมัธยมก็ยังคงเป็นเด็ก ฮาๆ” พี่อ้นอีกคน 

   

   “แจ็ค พี่กลับแล้วนะ ดูแลตัวเองและดูแลบอยด้วยละ เราเคยทำอยู่แล้ว” พี่โจเดินมาพูดกับผม 

   

   “ผมคงไม่ต้องมั้งครับ เพราะว่าดูซิ เขามีคนอยากดูแลและเทคแคร์มากกว่าผมอีก”ผมพูดกับพี่โจ ตอนนี้โคตรอยากกลับบ้าน อยากบอกลุงหนึ่งผมไม่เอาด้วยกับภารกิจนี้ 

   

   “เฮ้ย ทำไมพูดแบบน้ั้นละ หึงเหรอฟ่ะ” พี่โจพูด ผมเหลือกตามอง 

   

   “หึงทำไม ผมนะหล่อเลือกได้” 

   

   “งั้นก็ทำให้เขาเห็นซิวะ ว่ามรึงหล่อเลือกได้ มีดีให้เขาเลือก “ พี่โจพูด 

   

   “ผมนะไม่ใช่คนที่ถูกเลือกแบบไอ้ดิวนิ”

   

   “ใครบอกมรึง “ พี่ถามผมกลับ

   

   “ผมรู้ ผมได้ยินพ่อกับลุงคุยกัน” 

   

   “ไม่มีใครถูกเลือก เราเลือกเองได้ เชื่อพี่ แต่บางอย่างเราต้องให้คนที่เขารู้ดีกว่าแนะแนวทางเท่านั้น “ พี่โจพูด

   

   “เอานะพี่กับพ่อจะกลับไป กทม ก่อนเพราะว่าพี่”

   

   “จะไปปาร์ตี้กันกับพี่อ้น” ผมพูดแทรกขึ้นมา

   

   “อืม แต่ก็รีบกลับตอนเช้า และพ่อเขาจะไปปรับความเข้าใจกับลุงณะอยู่แล้ว” พี่โจพูด ทำเป็นยกประเด็นนี้ขึ้นมา

   

   “โอเค วันหยุดมารับด้วยนะอยากกลับบ้าน”

   

   “อะไรวะ พ่อบอกโน้นเลย หนึ่งเดือนไปแล้วค่อยกลับ” 

   

   “ฮะ ไม่จริงอ่ะ “ ผมรีบเสียงสูงใส อะไรหนึ่งเดือนตายแน่ๆ ผม 

   

   “อะไรกัน แจ็ค โจ” พ่อผมได้ยินเลยถามผม

   

   “พ่อ ผมจะกลับบ้านวันหยุดนี้” ผมหันไปอ้อนพ่อผม 

   

   “ไม่ได้ กฎ คือ กฎ หนึ่งเดือนค่อยกลับบ้านกันอยู่ที่นี้ไปก่อน “ พ่อพูดเสียงแข็ง 

   

   “โห หนึ่งเดือนเลยเหรอครับ พวกผมก็อยากกลับ” ไอ้ติ๊กตามมาเลย

   

   “ได้ผมจะหาวิธีได้กลับก่อนหนึ่งเดือนแน่ๆ พ่อ” ผมพูด 

   

   “ลองดู มรึงเทพ”พ่อพูดก่อนจะเดินหันหลังออก ผมได้แต่ยืนมองพี่และบรรดาลุงกับอาล่ำลาทุกคนก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน ผมหันมาเจอบอย ผมก็ไมได้พูดอะไรแค่เดินเลี่ยงหลบไปเพื่อขึ้นไปชั้นสองจัดการเสื้อผ้าตัวเอง หาอะไรทำ แค่นี้ก็เริ่มเบื่อแล้วซิ ผมเดินขึ้นไปบนตัวบ้านชั้นสอง ข้าวของเครื่องใช้พวกผมถูกส่งมาก่อนหน้าแล้ว แบบว่ามัดมือชกยังไงก็ต้องมา เห็นพ่อบอกว่าห้องหนึ่งนอนได้สองคน ผมเปิดประตูเช้าไป ก็เห็นมีสองเตียง สภาพห้องของเครื่องใช้เหมือนเด็กห่อมาก แม้จะไม่เคยอยู่แต่ก็รู้ว่าเป็ฯยังไง ผมเห็นโต๊ะที่มีรูปผมตั้งอยู่พวกหนังสือเกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำ แน่นอนของผมแน่ๆ ผมเป็นตัวเต็งในการแข็งว่ายน้ำด้วย ผมว่ายน้ำได้เร็วและทำลายสถิติมาหลายเวทีแล้ว แต่ผมถูกตัดสิทธิ์ไปต่อในการแข็งขันระดับซีเกมส์เพราะว่าความในร้อนของผม ผมดันไปต่อยหน้าคนที่มาเก็บตัวเพื่อแข็งขันคัดตัว มันเรียกผมไอ้แขกขาว ผมหน้าไปทางนั้นมาก็จริงแต่ผมไม่ชอบให้ใครเรียกมผมแบบนั้นมันขึ้น 

   

   “ขอเข้าไปได้มั้ยครับ” เสียงนุ่มนวลเยือกเย็นแต่ฟังแล้วสุขใจ แม้จะ 3ปีที่ไม่ได้ยินแต่ผมก็จำได้แม่นยำ ผมหันไปมองเขาแบบพยายามไม่แยแส 

   

   “เชิญ” ผมพูดและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อลงไปด้านล่าง ผมเห็นสระว่ายน้ำจากด้านบน มันอยู่ด้านหลังตัวบ้านพอดี ดูร่มรื่นมาก นี้คือสิ่งเดียวที่จะดับไฟในตัวผมลงไปได้ ไฟความคิดที่กำลังเผาหัวใจผมให้ละลายอ่อนไปกับเขาอีกครั้ง ผมเดินลงมาก็ไม่เห็นใครนั่งอยู่ด้านล่างแล้ว ทุกคนคงขึ้นไปจัดข้าวของตัวเอง ห้องหนึ่งนอนสองคน มีสองห้องที่ว่าง แต่ถูกล๊อกไว้ นี้พวกพ่อๆเขาคิดอะไรนะถึงให้ผมกับบอยมาอยู่ห้องเดียวกันอีก 

   ผมไม่พูดมากถอดทุกอย่างออก เพราะว่าผมใส่กางเกงว่ายน้ำไว้แล้วก็ โยนทุกอย่างไว้ที่เก้าอี้ชายหาดที่ทอดยาวอยู่ขอบสระว่ายน้ำ ผมก็โดดลงไปเลย ในน้ำที่ค่อนข้างลึกและลงไปนั่งยังก้นสระ ผมถูกฝึกมาอย่างดีกับครูนักว่ายน้ำดีกรีเหรียญทองโอลิมปิคหลายสมัย เขาเป็นโค้ชชาวต่างชาติ ผมกำลังนั่งสงบสติ พยายามปัดมันออกไปแต่ทำไม ภาพมันกับวนกลับมาซ้ำๆ 

   

   “บอย..”

   

   “ว่าไงแจ็ค” 

   

   “เราเป็นแฟนกันนะ”

   

   “แจ็ค อย่าพูดดังไปซิ เพื่อใครได้ยินไปบอกว่า” 

   

   “ทำไมละ”

   

   “บอย...ไม่ใช่เด็กผู้หญิงนิ “

   

   “เราไม่แคร์ว่าบอยเป็นใคร เรารู้แต่ว่าบอยคือคนที่กุมหัวใจเราตั้งแต่นาทีแรกที่เราเห็น..บอย” คำพูดเลี่ยนๆแบบนั้นผมพูดไปได้ยังไงวะ

   

   “พอแล้วเราจะขึ้นไปอาบน้ำ”

   

   “นายเอาหมาตัวนี้ไปเช็ดขนให้แห้งนะ “ และนั้นแหละคือการที่ผมกับเขาได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าผมเอาหมาไปไว้ในห้องนอนพี่ชายผมและผมก็ขึ้นตามบอยไปยังห้องนอนและผมก็ตามไปที่ห้องอาบน้ำ บอยลืมล๊อกประตู ผมก็ ....

   

   ผมเงยหน้าขึ้นเห็นเงาอยู่ตรงขอบสระว่ายน้ำ ผมก็เลยหยุดและดีดตัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ผมแตะขอบสระผมก็เกือบจะสัมผัสกับใบหน้าใครบางคนที่นอนคว้ำเอามือยันพื้นไว้ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมาจนเกือบแตะพื้นผิวน้ำและผมก็โผ้ขึ้นมาตรงนั้นพอดี ใบหน้าเราห่างกันชนิดที่หายใจรดกันเลยทีเดียว ทำตลึงไปหลายวินาทีระหว่างนั้นเหมือนริมฝีปากมันจะเผยอตาม แต่ผมก็ถอนมันออกเพราะว่าผมได้สติพอดี ผมเลยว่ายถอยออกไปและไปขึ้นตรงบรรไดก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวไว้ 

   

   “มีอะไรเหรอ”ผมถามเขาอย่างเย็นชา

   

   “ก็แค่ลงมาดูมานายยังคงดำน้ำลงไปหาที่สงบอยู่มั้ย” บอยถามผม

   

   “ก็แค่ฝึกควบคุมมัน ใครจะไปเย็นชาเหมือนนาย” ผมพูด

   

   “เวลานายโกรธนี้ดู”

   

   “ดูเหมือนอะไรเหรอ”

   

   “ไม่พูดดีกว่า บอยแค่จะลงมาถามว่าแจ็คจะนอนฝั่งไหน”บอยเอียงตัวหันมาถามผม 

   

   “ฝั่งไหนก็ได้ แต่ถ้าเลือกได้มากกว่านี้” ผมหันไปประจันหน้ากับเขา

   

   “คือ”

   

   “ขอนอนคนเดียว” ผมพูดและคว้าเอาเสื้อผ้าติดมือจะเดินขึ้นไป ผมรู้ว่าเขาเสียใจแน่นอน แต่ผมเสียใจมามากกว่าเขาอีก ผมเหลือบมองเขาจากกระจกประตู เห็นสีหน้าที่ดูรู้ว่าเสียใจมาก และเขากำลังจะหันหลังกลับแต่จุดที่เขายืนนะมันริมสระน้ำแล้วนะ 

   

   “บอย! อย่าหัน!” ผมจะหันไปเตือนเขาแต่ว่ามาแต่ช้าไป ร่างนั้นค่อยล่วงลงไปอย่างช้าในสายตาผม แต่ว่ามันเร็วกว่าที่ผมจะเข้าไปคว้าร่างนั้นไว้ได้ทัน 

   

   “โคล้ม” เสียงน้ำกระจ่าย 

   ผมรู้ว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น ผมก็รีบโยนทุกอย่างลงพื้นและกระโดดตามลงไปเพื่อพาร่างเขาขึ้นมา ถึงบอยจะตัวเล็กแต่มันก็ยากลำบากสำหรับผมอยู่เหมือนกัน ผมพยายามดันเขาขึ้น จู่ๆก็มีคนมาดึงเขาขึ้นไป ผมปืนกลับขึ้นมาได้ก็เห็นว่าคนนั้นคือดิว 

   

   “บอย!” เสียงดิวที่เรียกบอยที่หมดสติ คงตกใจเพราะว่าผมกระโดดลงไปคว้าร่างเขาเร็ว ไม่น่าจะสำลักน้ำจนหมดสติ 

   

   “แอ้ ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย” ดิวหันไปบอกแอ่้ มีแค่แอ้ที่เป็นผู้ช่วยดิว เพราะทุกคนยืนอึ้งกันไปหมด

   

   “จะยืนอึ้งกันทำวะ ช่วยกันดิ ถ้าบอยไม่ฟื้นจะได้โทรตามรถโรงพยายาบ เฮ้ย” ดิวมันพูดและขึ้นเสียงใสสองร่างบางๆ ติ๊กกับพายที่ยืนตกใจทำอะไรไม่ถูก

   

   “ตายแน่เลยอ่ะพวกเรา บอยพึ่งจะมาถึงไม่”

   

   “เป็นไงบ้างวะ”ผมถามดิว ดิวมีพื้นฐานปฐมพยาบาลพี้นฐานมา 

   

   “ดูการหายใจปกติ น่าจะตกใจมากกว่า แล้ว บอยตกไปได้ไง “ ดิวพูดและเงยหน้าขึ้นถามผมสีหน้าจริงจังมาก

   

   “ดิว ผ้าขนหนูวะ” แอ้วิ่งเอาผ้าขนหนูมาสองสามผืน

   

   “นั้นดิ มรึงทำไรเขา” ไอ้ติ๊กหันมาถามผม

   

   “กรูจะทำอะไร กรูแค่เดินหันหลังและเขาก็ “

   

   “ก็อะไร เดินหันไปและโดดลงไปเหรอ มรึงตอแหล” พายเสริมอีกคน

   

   “เห็นด้วย กะอีพาย มรึงทำอะไรบอยบอกความจริงมา “ ไอ้ติ๊ก ผมเห็นไอ้ดิวมันเอาผ้าขนหนูห่อตัวบอย เหมือนทำท่าจะอุ้ม 

   

   “กูว่าคงต้องโทรไปโรงพยาบาลและต้องบอกลุงณะว่า” ดิวพูด

   

   “ดิว” เสียงเรียกอันแผ่วเบา บอยได้สติแล้ว 

   

   “บอย”ทุกคนเรียกบอยเป็นเสียงเดียวกัน และกู่กันเข้าไป หาบอย ผมคงไม่จำเป็นที่จะเข้าไปอยู่ข้างๆเขา มีไอ้ดิวซะขนาดนั้น ผมนี้กำหมัดแน่น 

   

   “แจ็คไม่ได้ทำอะไรบอยหรอก คือบอยหันไม่ดูเอง และบอยคิดว่าบอยไม่เป็นไร อย่าโทรหาพ่อบอยเลยนะ “ ผมหยุดฟัง แต่ผมไม่ชอบอธิบายเพราะผมไม่แคร์ ผมเดินออกจากตรงนั้นทันทีไม่สนใจ ผมกลับขึ้นไปบนห้อง อายน้ำชำระร่างกายและเปลี่ยนชุด นี้มันเย็นแล้วอาหารคงมาส่งไม่นาน ผมจะทนนั่งกินข้าวและมองหน้าเขาได้เหรอ ไหนไอ้ดิวอีก นีมันงคงนั่งเอาอกเอาใจ เป็นฮีโรอยู่ข้างๆ ผมควรยอมแพ้ 

   

   “ริงๆๆๆ” เสียงมือถือไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ผมดังขึ้น ไม่ใข่ใครอื่นพี่โจ พี่ชายของผม ผมรีบกดรับสายทันที

   

   “ Hollo my broW 

   

   “What’s up”

   

   “What’s wrong my bro?” พี่โจรีบถามผมกลับทันที เพราะน้ำเสียงของผมมันแสดงออกได้ชัดเจนมากว่าผมกำลังนอยด์อยู่

   

   “เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” พี่โจ ภาษาไทยมาเลย ปกติพวกผมจะพูดกันภาษาอังกฤษเวลาอยู่บ้านที่ต่างประเทศ พอจะบอกเสมอว่าให้พูดไทยกันเวลาอยู่ประเทศไทย

   

   “ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอ่ะพี่โจ มันยิ่งทำให้ผมอ่อนแอ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าผมไม่อยากไปต่อแล้ว

   

   “แจ็ค.....เฮ้อ!”พีโจเรียกชื่อผมพร้อมกับภอนหายใจยาวๆ

   

   “ผมขอโทษครับพีโจ ผมไม่ไหวจริง “

   

   “พี่จะคุยกับพ่อให้นะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะถอย ถ้าคราวนี้นายถอยคือนายจะไม่มีโอกาสอีกนะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะปล่อยหัวใจนายไป”

   

   “ ผมจะปล่อยเขาไปทั้งที่นายก็รอเขาอยู่ แจ็ค”พี่โจถามผม



   "ผมแน่ใจแล้วพี่โจ ว่าผมควรจะปล่อยเขาไป " แต่ผมพูดได้แค่นั้นจริง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 11:50:22 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ก๊อก” เสียงเคาะประตูทำเอาผมตื่นทันที ผมอยู่ในความฝัน ภาพวันวานที่ผมกับเขาได้สวีทหวานกัน โดยที่พ่อผมและพ่อของแจ็คไม่ทราบตรงนี้ ว่าผมกับเขาเราแอบรักกันและเหตุการณ์วันนั้นที่ทำให้ผมกับเขาเผลอมีอะไรกันก่อนวัยอันควรและนั้นก็ทำให้ผมได้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวผมว่า ผมคือคนที่ถูกเลือกให้สามารถตั้งท้อง  และผมก็ได้แจ็คพ๊อก ผมท้องลูกของเขาแต่ผมไม่อาจที่จะบอกเขาได้และพ่อก็พาตัวผมกลับนับไป นับแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยได้เจอเขาอีกเลย ไม่ว่าจะไปออกงานทีไหนปกติผมจะต้องไปด้วยกันกับเขาแต่นี้ตารางการออกงานของผมถูกจัดให้ไม่ตรงกับแจ็คเลยสักครั้ง พ่อให้เหตุผลว่าแจ็คไม่ใช่คนที่ลุงหนึ่งเลือกแต่พ่อไม่ได้กีดกันผมกับแจ็คนะ พ่อแค่ขอเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าแจ็คเขาพร้อมที่จะดูแลผมและลูกจริงๆ แล้วเขาจะพร้อมได้ไหม

 

                       “บอย อยู่ในนั้นใช่มั้ย” เสียงแอ้ ผมจำได้ดี น้ำเสียงของเขานุ่มละมุลสมกับชื่อ

 

 

                       “ใช่ครับแอ้”    ผมทำการหมุนปิดน้ำราดลงมาที่ตัวผมซะก่อนจะตอบแอ้ไป

 

 

                       “ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วครับ”   แอ้บอกผม

 

 

 

                       “บอยจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับแอ้” ผมตอบแอ้ ผมออกมาก็จัดการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเปิดประตูออกมาก็เห็นแอ้ กับติ๊ก นั่งรอผมอยู่   

 

 

                       “เดี๋ยวมานะ กรูลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องวะแอ้” ติ๊กพูดก่อนจะรีบเดินออกไป   

 

 

                       “อาหารเย็นมาส่งแล้ว ลงไปหาอะไรทานก่อนบอย” แอ้พูด 

 

 

                       “ชอบใจนะ” ผมพูดและหันไปหยิบนาฬิกาบนโต๊ะมาสวมใส่ ด้วยความเคยชิน

 

                       “แก๊ก” เสียงของหล่นจากโต๊ะ มันเป็นแผงยาที่ผมต้องทานประจำ เป็นยาฮอร์โมนพิเศษ ผมเอื่อมมือจะหยิบแต่ทว่าแอ้ก็โน้มตัวลงจะหยิบมันซะก่อนที่จะส่งมาให้ผม แอ้เพ่งมองแพงยาและเงยหน้ามองผมเหมือนเขามีคำถามเกิดขึ้น   

 

                       “บอย...ทาน...ยาตัวนี้ด้วยเหรอ” แอ้ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ผมหวังว่าเขาจะไม่รู้นะว่ามันคือยาอะไร ผมยังไม่เคยบอกทุกคนเลยว่าผมเป็นอะไรยังไง ผมไม่กล้า ถึงผมจะรู้มาว่าผมคือคนที่ถูกเลือกก็ตาม   

 

                       “มันแค่ยา...ยาแก้ปวดนะแอ้  บอยปวดหัวบ่อย” ผมบอกแอ้ก่อนจะหยิบห่อยานั้นเก็บเข้าลิ้นชักทันที

 

 

 

                       “อืม”  แอ้พยักหน้าเบาๆ   

 

 

 

                       “ไปทานข้าวกัน ” ติ๊กเข้ามาเปิดประตู ผมก็ลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมๆกับแอ้และติ๊กที่อยู่หน้าห้อง   



 

                       “แอ้กับติ๊กนี้ยังตัวติดกันเหมือนเดิมเลยนะและดิวด้วยเนอะ” ผมพูดขึ้น ผมเห็นเขาสามคนตัวติดกันตลอด ไปไหนก็ไปกันสามคน   

 

 

                       “ติดยิ่งกว่าเห็บหมาซะอีก” แอ้พูดปนหัวเราะ 

 

 

                       “แม้ไอ้แอ้มรึงว่ากรูนี้เป็นเห็บเหรอว่ะ” ติ๊กพูด ผมเดินตามแอ้และติ๊กลงไปถึงห้องอาหาร ทุกคนนั่งอยู่บนโต๊ะ ผมเห็นแจ็คนั่งติดกับพายดูพูดหยอกล้อกันน่ารักเชียว แต่ผมกับรู้สึกแปลกๆเพราะปกติเขาจะมีแค่ผมนั่งใกล้ผม หยอกล้อแค่ผมหรือว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว   

 

                       

                       “แม้อิพาย “ ติ๊กเรียกพาย พายกันมามอง ผมและติ๊ก ดูเหมือนทั้งคู่จะส่งซิกอะไรกันสักอย่าง พายก็รีบลุกขึ้นทันทีและหันมายิ้มให้ผมแทน   

 

 

                       “นั่งซิบอย” พายบอกผม  ผมเห็นสีหน้าแจ็คดูจะผิดหวังมากถ้าผมจะนั่งข้างๆเขา   



 

                       “ไหนบอกจะนั่งข้างแจ็คไงจ๊ะพาย” แจ็คพูดพร้อมกับเหล่ตามมองพาย 

 

 

 

                       “อิพายมานิ” ติ๊กก็เรียกพายให้รีบออกมา 

 

 

 

                       “ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบของร้อน นั่งตรงโน้นดีกว่า” พายพูดและรีบเดินออกไป 

 

 

                       “ไม่อยากให้เรานั่ง เราก็จะ”  ผมพูดเบาๆ โดยที่เขาไม่เงยหน้ามองผมเลยด้วยซ้ำ

 

                       

                       “อยากนั่งก็นั่ง” แจ็คพูดและหันไปนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ   

 

 

                       “บอยลงมาแล้วเหรอ “ ดิวเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับผม   

 

                       “เรานั่งข้างบอยนะ” แอ้หันไปบอกดิว ดิวเงยหน้ามองแอ้ เหมือนจะมีคำถามแต่ดิวก็ไม่ถามได้แต่พยักหน้าเบาๆแบบจำใจยังไงก็ไม่รู้ และมันทำให้ผมคิดแล้วใครจะนั่งฝังนั้นเพราะเหมือนติ๊กก็จะนั่งฝั่งนี้กับแอ้เหมือนกัน เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

 

 

 

                       “แอ้ไปนั่งข้างดิวก็ได้นะ “ ผมหันไปบอกแอ้ อยากบอกว่าบรรยากาศตอนนี้ตึงมาเลย   

 

 

                       “ ดิว....ให้บอยไปนั่งข้างมึงแล้วกัน” แอ้พูดกับดิว ดิวหันไปมองแจ็คที่นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม ดิวก็พยักหน้าให้ผมไปนั่งกับเขา   

 

   

 

                       “โอ้ย! จะนั่งตรงไหนก็นั่ง.... คนรอกิน...หิวจะตาย จะอะไรกันหนักหน้าแค่ที่นั่ง ” แจ็คขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ผมเลยต้องลุกไปนั่งข้างดิวจะได้ไม่ทำให้เขายิ่งโมโหมากไปกว่านี้ และคนที่มานั่งแทนผมกับเป็นติ๊ก ดูแจ็ค ติ๊กและพายและแอ้จะคุยกันสนุกน่าดู   

               

                               “แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้ไปอีกวะ เซ็งวะ ...บร้าๆ “การสนทนาระหว่างพวกเขายกเว้นผมกับดิว ดิวมองหน้าผมและมองหน้าแจ็ค พร้อมกับส่ายหัวผมรู้ว่าเขารู้จักแจ็คดี

 

                       

                       “มันงี่เง่าระดับตัวพ่อ” ดิวพูดและชี้ให้ผมดู ผมก็อดขำไม่ได้



 

                       “เป็นไงบ้างบอย “ ดิวหันหน้ามาถามผม ผมก็หันไปมองดิว

 



                       “เออ” ผมก็มองหน้าดิว ว่าหมายความว่ายังไงเหรอ   

 

 

                       “มีอาการอื่นไหม เวียนหัว คลื้นไส้อยากอาเจียนอะไรแบบนี้ หลังจากที่บอยตกลงไปในน้ำนะ มีอาการอื่นไหม ถ้ามี ดิวจะได้โทรบอกพ่อให้มา...“ ดิวถามผม    ผมหันไปมองแจ็ค ใช่ซิ เขากลับไม่เอ่ยปากถามอาการผมสักคำเลยนะแจ็คนะ

 

 

 

                       “ไม่อ่ะดิว ไม่เป็นไรแล้วละดิว บอยโอเค ไม่ต้องให้อาภามาหรอกนะเกรงใจ” ผมหันไปตอบดิวทันที ผมรู้ว่าอาภาเหมือนหมอประจำตัวผมมาตั้งแต่แรกเกิดก็ว่าได้ และที่ผมมีสิ่งพิเศษนั้นก็อาภาจัดการให้ตามข้อตกลงของทุกคน   

 

 

 

 

                       “อืม..มีอะไรบอกดิวแล้วกันนะ เพราะว่าพ่อก็...ให้ดิวคอยดูบอยเหมือนกัน “ ดิวพูดและตัดอาหารให้ผม เขาตักที่เป็นผักให้ผม เขารู้ว่าผมไม่ทานเนื้อสัตว์ ผมเป็นมังสวิรัส แต่รู้ได้อย่างไร เพราะว่าผมเริ่มไม่ทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่ผมมีปัญหา เขาไม่เคยรู้หรอกว่าผมต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างและมันกระทบกับผมแค่ไหน   

 

 

                       “อาหารเลี่ยนว่ะ สั่งจากไหนมาวะ”เสียงแจ็คพูดขึ้นคอนข้างเสียงดัง ผมก็รู้ว่าเขาพูดประชดกับดิว   

 

 

                       “อาหารบางจานแม่งเผ็ดมาก.... กินดีดีนะมึงมันจะกระแทกจนปากเจ็บ” ดิวพูดขึ้นบ้าง   

 

                       

                       “แกร้ง! “ เสียงช้อนและซ้อม ถูกวางง ผมเงยหน้ามองแจ็คที่ลุงขึ้นยืน สายตาเขามองมาที่ดิว และทุกคนก็หยุดทานพร้อมกับเงยหน้ามองแจ็คและดิวสลับกันไปมา ผมนี้นั่งตัวลีบ ผมไม่อยากเห็นเขาต่อยกันเลย 

 

                       

                       “มีปัญหาอะไรแจ็ค” ดิวถามแจ็คแบบนิ่มๆ 

 

 

                       “เมื่อกี่มรึงพูด หมายถึงกูใช่ไหมวะ”แจ็คถามดิว   สีหน้าเขาจริงจังมากจนผมกลัวเลย

 

 

                       “ใช่ “ ดิวพูดทำท่าจะลุกแต่ผมจับแขนเขาไว้  ขยิบตาไม่อยากให้เขาทะเลาะกันเพราะผมเลย และถ้าแจ็คจะต่อยกับดิว แพ้อยู่ดีนะผมว่า

 

 

                       “อย่าเลยดิว ถ้าอย่างนั้น บอยขึ้นห้องดีกว่า เพราะว่าบอยไม่ค่อยหิว “



 

                       “ไม่ต้องบอย....นั่งทานเถอะ ถึงไม่ค่อยหิว ก็ทานหน่อยดีกว่า ” ดิวพูดพร้อมกับลุกขึ้นประชันหน้ากับแจ็ค 



 

                       “ได้ ถ้ามึงอยากจะไขว้กับกู” แจ็คพูดขึ้น ผมหันไปมองแจ็คและดิว

 

 

                       “หยุดๆ พวกมึงอะไรกันจะทะเลาะกันทำไมวะและยังบนโต๊ะอาหารอีก บอยก็รอทานอยู่ เห็นไหมว่ะ “ ติ๊กเป็นฝ่ายลุกขึ้นและพยายามดึงแจ็คให้นั่งลงแทน แอ้เงยหน้ามองดิวขยิบตาดิวถึงได้นั่งลงด้วยเช่นกัน



 

                       “ก็มึงว่าประชดที่กูตักอาหารให้บอย ทำไมวะ อิจฉาเหรอ” ดิวพูดขึ้น 

 

                       “ครื้ด!!” เสีวงเสียงเก้าอี้ถูกดันออก 

 

 

                       “แจ็ค ๆ เย็นลูก.... เย็นลูก...นั่งลง “ติ๊กที่พยายามห้ามแจ็ค และดึงแขนแจ็คให้นั่งลงด้วย

 

                                   

                                   “ไอ้ดิว มึงอย่าไปทำให้มันขึ้นดิว่ะ พวกกูจะได้กินกันและแยกย้ายไปห้องใครห้องมัน  “ ติ๊กพูดกับดิว

 

                                   

                                   “มันขึ้นมันเอง ความบ้ามันอะ กูไม่ได้ทำ!” ดิวพูด

 

 

                                   “แจ็ค นั่งลงกินข้าว อาหารดีดีทั้งนั้นกินเถอะวะ เดื่ยวกูมีของดีปลอบมึง” ติ๊กพูด

 

 

                                   “กูไม่กินแล้ว กินไม่ลง “ แจ็คพูดและเดินออกไปทันที ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ติ๊กก็หันมามองหน้าผมและยิ้มเหยๆให้ผม 



 

                                   “อย่าไปสนใจมันเลยบอย  ปญอ” ดิวหันมาบอกมผม ผมได้แต่มองตามคนที่เดินออกไป เขายังไม่ได้ทานอะไรมากเลย ผมนี้รู้สึกผิด ผมได้แต่มอง ผมก็ทานไปโดยไม่รับรู้รสอาหารเลยจนกระทั้งทุกคนทานกันอิ่ม แต่ก็ไม่เห็นมีใครตักอะไรใส่จานไว้ให้แจ็คเลย ผมรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ผมค่อยแบ่งใส่จานเอาไว้

 

 

                                   “เฮ้ย...กูต้องรีบไปโทรหาพ่อกูก่อนว่ะ “ ติ๊กพูดก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องอาหาร 

 

                                   

                                   “ยังไม่อิ่มเหรอบอย” แอ้ถามผม 



 

                                   “นั้นดิ ตักไว้ด้วย กินเก่งเนอะ” พายอีกคน   

 

                                   “บอยกลัวว่าแจ็คจะหิว บอยเลย “ ผมหันพูดบอกแอ้และพาย เขาสองคนก็พยักหน้า ถึงยังไงผมก็อดเป็นห่วงเขาไมได้อยู่ดี

           

 

                                   “ไว้ให้มันเหรอบอย ไอ้แจ็คนะ” ดิวถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ 

 

                                   “พาย บอกว่าตักไว้ให้มันแล้วกัน ถ้าบอกว่าบอย... มันไม่ยอมแดกแน่ๆ ” ดิวพูดขึ้น ผมสะบัดหน้าไปมอง







                                   “ปั๊ก”เสียงมีของมากระทบที่หัวดิว

 

                                   

                                   “โอ้ย!!!” เสียงร้อง ไม่รู้เจ็บจริงหรือแกล้งเจ็บ





                                               “ปาหัวดิวทำไมเนี๊ยะ! แอ้” ดิวถามแอ้กลับทันที



 

                                   “ปากหมา” แอ้พูดไม่ดังแต่ผมรับรู้ได้ 



 

                                   “มาๆ เดี๋ยวพายจัดการเองบอย ไอ้นี้มันต้องคบด้วยความเข้าใจอย่างเดียวเลย ตั้งแต่บอยอ่ะทิ้งมันไป” พายพูด ผมนี้กลืนน้ำลายลงคอเลย 



                                   

                                   “เฮ้ย!” เสียงร้องออกมาพร้อมกัน แอ้และดิวทั้งคู่หันไปมองพายที่ทำหน้าเจื่อนๆ คงลืมไป

 

                                   “บอย..เออ... พายขอโทษ “ พายพูดขอโทษผมทันที ผมได้แต่ยิ้มๆ เพราะมันเรื่องจริง นี้คือผลจากที่ผมหายไปเกือบสองปีแต่มันนานมากสำหรับผมและเหมือนผมเองจะไม่พยายามติดต่อเขาทั้งที่ผมพยายามแต่ไม่มีจดหมายฉบับใดเล็ดลอดออกมาได้เลยโดยสะกัดไว้หมด



 

                                   “ไม่เป็นไรพาย มันคือเรื่องจริง บอยทิ้งเขาไป และเขาก็เข้าใจแบบนั้นตลอด” ผมพูด

 

 

                                   “บอยขอตัวนะ บอยต้องโทรหาพ่อด้วยเหมือนกัน “ ผมพูดและลุกขึ้น ผมเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ไม่รู้จะเจอแจ็คไหมนะ พอผมเปิดประตูเข้าไปห้องไม่ได้ล๊อก เขาไม่อยู่หรือเขาไม่อยากล๊อกประตู 

 

                      ภายในห้องไม่มีแสงไฟ แสดงว่าเขาไม่อยู่ ผมเปิดไฟขึ้นก็ไม่เห็นวี่แววของเขา เขาไม่ได้ขึ้นมาบนห้อง แล้วเขาไปไหน ผมหันไปเห็นแลปท๊อปของผมวางอยู่ ผมหยิบขึ้นมาเปิดดู เห็นกล่องข้อความ พี่บรูคส์โทรหาผม พี่ชายคนโตของผมพี่บรู๊คส์ ผมรีบกดวีดิโอคอลกลับไปทันที ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ผมเป็นห่วงแค่ เขาคนเดียว 

 

 

                                   “บอย” พี่บรู๊คทักทายผมทันที

 

                                   “พี่บรู๊คมีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นว่าพี่โทรหาผม”

 

                                   “มีซิครับ “ พี่บรู๊คพูดและหันกล้องไปหาใครคนหนึ่งที่นั่งหน้ามุ้ย ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นหน้าเขา

 

                                   “บอย” เขาไม่เคยเรียกผมว่าพ่อเลย เรียกแต่ชื่อผมมาตลอด หนุ่มน้อยของผม ดวงตาเรียวยาว จมูกเป็นสันแหลม ริมฝีปากบางเฉียบ อันนี้ได้ผมไป ส่วนอื่นๆ ไม่ต้องบอกว่าได้จากใครกัน  แล้วอย่างนี้จะให้ผมลืมเขาไปได้ยังไง

 

                                   “แบงค์ “ ผมเรียกชื่อเขาและเอามือลูบที่หน้าจอใบหน้าหวานๆปนความหล่อคมคายที่เขาได้ปนๆกันมาของพ่อและ(แม่มั้ง) แต่ดูแล้วไปทางพ่อมากกว่าเยอะ จมูกที่เรียวแหลมขนาดนั้น น้องแบงค์กำลังหัดพูดเพราะได้หนึ่งขวบพอดีก่อนผมจะมาได้ฉลองวันเกิดให้เขาเรียบร้อยแล้ว แบงค์เกิดวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา



 

                       “คัมๆ” เขาเรียกให้ผมไปหาเขา น้องแบงค์





                       “บอยอยากไปนะแต่บอยมาทำงาน” ผมบอกกับแบงค์ เขาทำหน้าจะเบ้ปากร้องอีกแล้ว โธ่!ใจพ่อจะขาด เขาคือลูกทีเกิดกับผมและเขาคนนั้นแหละ 



 

                       “โน่!”  แบงค์พูดว่าไม่ คำนี้เป็นคำที่ฮิทติดปากมาก ณะ ตอนนี้ ผมก็ยิ้มน้ำตาซึมเพราะคิดถึงสุดๆ อยากกอดอยากหอม อยากคุยด้วย เพราะกำลังช่างคุยแม้จะได้แค่คำสองคำ

 

                       

                       “ก็บอยไปทำงานไงครับ ตอนนี้น้องแบงค์ต้องทานอาหารเช้าก่อน “ พี่บรู๊คหันไปบอกน้องแบงค์ เวลามันต่างกันหลายชั่วโมงมาก ที่นี้กลางคืนแต่ที่นั้นเช้า ดูชุดก็รู้ว่าเพิ่งตื่นนอนมาและทำไมยังไม่ยอมเปลี่ยนนะ  ปกติผมจะเปลี่ยนตั้งแต่ในห้องนอนเลย นี้แสดงว่าแผลงฤทธิ์น่าดูละซิท่าจนไม่มีใครกล้าเปลี่ยนให้

 

                       

                       “ไม่ยอมทานอาหารเช้าครับน้องพี่ นี่ตื่นมาก็ร้องงอแงหาแต่บอย “ พี่บรู๊คพูด ทำเอาผมใจจะขาดอีกแล้ว

 



                       “ไม่กี่วันบอยจะกลับแล้วครับ...หยุดร้องก่อนนะครับแบงค์ ” ผมบอกกับแบงค์ ถ้าผมทำให้เขาอึดอัดผมก็ไม่ควรจะอยู่เช่นกัน 

 



                       “บอย ไหนบอกว่าจะ” พี่บรู๊ครีบถามผม เพราะว่า พ่อบอกว่าอยากให้อยู่ในกฏเหมือนคนอื่นคือ1 เดือนค่อยกลับ แต่นี้ห่างมาแค่ไม่กี่วันก็จะแย่แล้วผม

 



                       “เออ เอาไว้ผมอธิบายให้พี่บรู๊คฟังอีกทีนะครับ และบอยคิดถึงลูก” ผมพูดกับพี่บรู๊ค น้ำตาผมจะไหล ทั้งที่ผมพยายามจะมาช่วยให้เขาผ่านจุดนี้ไปได้ เพื่อเขาจะได้แสดงให้พ่อผมเห็นว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูท่าทางแล้วเขาไม่อยากมีผมอยู่ในชีวิตเขาแล้วมั้ง และผมก็คงต้องเก็บความลับนี้ต่อไป 

 



                       “บอยเกิดอะไรขึ้น ไอ้แจ็คมันทำอะไรน้องพี่อีก” พี่บรู๊คหันกล้องกลับมาพร้อมหน้าตาที่ขรึงขรัง 

 

                       

                       “เปล่าครับพี่บรู๊ค ผมคิดว่าผมคงทนอยู่ห่างจากแบงค์ไม่ได้” 

 

                       “ผมคิดถึงเขามาก “

 

                       “ผมอยากกลับแล้ว” ผมพูด

 

                       

                       “พี่ไปรับเลยไหมครับ”พี่บรูคส์ถามผม 

 

 

                       “รอให้ผมคุยกับพ่อก่อนดีกว่าพี่บรู๊ค” ผมพูด 

 

                       “แกร็ก”เสียงลูกบิด 

 

                       “พี่บรู๊ก ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ “

 

                       “ได้ครับ บอยมีอะไรโทรหาพี่ทันทีนะครับ” 

 

 

                       “ครับพี่บรู๊ค พี่ด้วยโทรหาผมทันทีนะครับถ้าแบงค์ร้องไห้มาก และผมขอโทษนะครับพี่บรู๊ค งานหนักเลย” ผมพูดเบาๆ ผมนี้ไม่เคยห่างจากแบงค์เลยสักนาที 

 

                       “เอานะ น้องยังเล็ก และปกติไม่ห่างกันก็งอแง แต่เดียวก็ดีขึ้นเชื่อพี่” พี่บรู๊คพูด ผมก็ยิ้มทั้งน้ำตาปริ่ม 

 

                       “แบงค์ ทานอาหารเช้านะครับ แบงค์อยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร ต้องทานอาหารเช้า บอยจะโทรหาอีกทีนะครับ บอยต้องไปแล้ว “



                       “บอยรักแบงค์มากนะครับ รักมากจริงๆ “ ผมพูดและตัดใจกดวางพร้อมกับปาดน้ำตาให้หมดไป ผมหันไปมองลูกบิดที่ขยับช้าๆก่อนจะถูกเปิดออกเบาๆ คนที่เปิดคือแจ็ค ผมไม่รู้ว่าเขาไปไหนมา ดูสภาพเหงือที่ท่วมตัวเขา 

 

                       “แค่มาเอาเสื้อผ้าจะไปนอนอีกห้อง “ แจ็คพูด ผมก็ได้แต่นั่งอ้าปากหวอ 

 

                       “จะได้มีเวลาจ๊ะจ้า กับ...” แจ็คพูด

 

 

                       “กับใคร” ผมถามเขากลับ แสดงว่าเขาได้ยินแต่คงไม่ทั้งหมดแน่ๆ ผมภาวนาแบบนั้น

 

                       “ก็”  แจ็คพูดและทำท่าคิด



                       “ไม่รู้ซิ บังเอิญได้ยิน ไม่ได้แอบฟังนะ แค่ได้ยิน”



                       “ จ๊ะจ๋ากันน่าดู “ แจ็คพูดโดยไม่ได้หันมามองผมสักนิด

 

                       “บอยคุยกับพี่บรู๊ค “ ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมมองแจ็คที่หยิบเสื้อผ้าและกระเป๋าของใช้ส่วนตัวเขากำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง 

 

                        “แจ็คนี้นายรังเกียจเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามแจ็คด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ” 

 

                       “........” เขาได้แต่เงียบนิ่งไม่ตอบผม 

 

                       “ถ้าการมาของบอยทำให้แจ็คลำบากใจ บอยจะกลับ” ผมพูด

 

                       “ก็อยากกลับไม่ใช่เหรอ ไปซิ! “



                       “ ไปหาไอ้...อะไรที่คุยว่าคิดถึงหนักหนา “ แจ็คหันมาพูด

 

                       “และไม่ต้องห่วงไอ้ภาระกิจบ้าๆนี้หรอก ไปนั่งให้สบาย บอยไม่ต้องมาทำอะไรพวกนี้หรอก พวกแจ็คทำกันได้” แจ็คพูด

 

                       “บอยไม่ได้มาเพื่อภาระกิจอะไรพวกนี้ แต่บอยมา” ผมพูดและมองหน้าเขาสายตาเราประสานกันแต่เหมือนผมจะสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้รับรู้ความรู้สึกอะไรจากผมเลยผ่านดวงตาคู่สีฟ้าของผม ที่เขาชอบชมหนักชมหนา

 

                       “มาเพื่อะไร!” แจ็คถามผม 

 

                       “เพื่อหาคนที่เคยอยู่ข้างเรา” 

 

                       “แล้วก่อนหน้านี้ละ นายอยู่ข้างเราไหม!”  แจ็คถามผมเสียงดังขึ้น มันทำให้ผมจุกในอก จนถึงคอหอย จะกลืนน้ำลายยังกลืนได้ไม่ลงเลย

 

                       “ก็”  ผมได้พูดเสียงอ่อยๆ ไม่มีคำตอบใดที่ผมจะให้เขาได้เพราะว่าผมสัญญากับพ่อผมไว้แล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนั้นจนกว่าจะถึงเวลาที่ควรบอก แต่จะเมื่อไหร่มันบอกไม่ได้เลย

 

                       “ก็อะไรละบอย..... บอยหายไป..... ไม่มีการติดต่อ.... ไม่บอกเหตุผล” ผมถึงกับต้องเป็นคนถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว



                       “ แจ็ครู้แค่ว่าบอยป่วยแต่ มันไม่น่าจะใช้เหตุผลที่บอยจะหายไปเลย เหมือนกับว่าแจ็คนี้ทำผิด” แจ็คพูดกับผม 

 

                       “บอย..เออ...บอย” ผมได้แต่อึ่งพูดอะไรไม่ออก (“อย่าพึ่งบอกแจ็คนะบอย เพราะว่าอันนี้มันสำคัญมากและพ่อยังไม่รู้ว่าเขาพร้อมจะดูแลแบงค์หรือยัง ให้พ่อเห็นก่อน “ คำพูดของพ่อผม ผมหันไปมองหน้าเขา )





                       “ว่าไง...บอกไม่ได้ “



                       “ 2 ปีกว่าเลยนะที่บอยหายไป แจ็คเป็นไง บอยเคยรู้ไหม “ แจ็คพูดสายตาเขาบอกได้ว่าเขาเสียใจกับมันมากแต่ผมนี้เจ็บมากกว่าเขาหลายเท่าเขาจะรู้ไหม

 

                       “วันนี้เราบอกเหตุผลนั้นกับแจ็คไม่ได้ แต่สักวันเราจะบอก “ ผมพูดขณะที่แจ็คกำลังหันหลังเดินออกจากห้องนอนไป และเขาก็หยุด

 

                       “งั้นก็เก็บเหตุผลนั้นไว้เถอะ แจ็คไม่อยากรู้แล้ว” แจ็คพูดและเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูลง ผมได้แต่นั่งลง น้ำตาไหลเลยมันกั้นไม่อยู่จริงๆ ผมเสียเขาไปแล้วจริงๆหรือ  ผมได้แต่นั่งน้ำตาไหล ผมเริ่มอ่อนแอจริงๆ ผมรู้ว่าผมจะต้องยอมรับสิ่งที่ผมจะได้เจอ ใช่ว่าผมไม่รู้เรื่องเขาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา รับรู้แต่ทำอะไรไม่ได้  ผมรู้ว่าเขาหนักพอสมควร และนี้คือผลที่ผมได้ทำไว้ใช่มั้ย และมันก็เป็นผลมาจากวันนั้นที่ผมไม่ยอมใจแข็งให้เขาจนเราเผลอมีอะไรกัน และมันอาจจะส่งผลกระทบถึงภายหน้าอีกด้วย ผมยังไม่รู้ว่าผมจะบอกแบงค์ยังไงว่า แจ็คคือใคร

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 11:53:15 โดย PFlove »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
Part ดิว

                               ผมนั่งคุยกับพายและแอ้ เพื่อรอให้อาหารย่อย ตอนนี้ผมถูกไอ้แจ็คมองว่าผมกำลังจะแย่งบอยไปจากมัน และมันก็ดันมาทำเป็นพ่อพระเอกงี่เง่าเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบอยแต่ผมก็พูดไม่ได้เพราะว่า ผมก็สัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับแจ็ค เอาจริงๆผมก็ไม่ควรจะเป็นคนบอกหรอก คนที่ควรบอกคือบอย ผมนั่งทำหน้าเซ็ง และมองแอ้ที่นั่งเงียบๆ



                               พ่อบอกผมไว้ว่าบอยคือคนที่เขาเลือกให้ตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ตอนผสมเทียมแล้ว นั้นคือเขาเลือกเอาไว้ตั้งแต่พวกผมจะเกิด ส่วนแอ้คือคนที่พ่อต้องช่วยชีวิตไว้ แอ้ป่วยมากและพ่อก็ต้องนำสิ่งที่ปลูกถ่ายจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้แอ้ และมันก็ต้องพ่วงไปด้วยกับมดลูก และนั้นคือการทำผิดกับสัญญาที่ให้ไว้ว่า มีแค่คนเดียวที่จะตั้งท้องได้ เรื่องของผมกับแอ้เลยไม่อาจจะเปิดเผยได้  หลังจากที่พ่อช่วยชีวิตแอ้ หนังสือก็ถูกส่งมาให้โครงการนี้ยกเลิก โครงการที่จะทำให้ผู้ชายตั้งท้องได้ถูกยกเลิกทันที และเรื่องของผมกับแอ้มันจึงต้องถูกเก็บเป็นความลับ



                               “สงสารบอยวะ แม่งไอ้แจ็ค มันจะบ้าอะไรขนาดนี้วะ “ พายพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ



                               “ไม่บ้าธรรมดา..บ้ามากด้วย บอยก็มีเหตุผลของเขา และแจ็คมันก็...” ผมพูดและหันมามองแอ้กับดิว แอ้มองผมเหมือนเขาคิดอะไรอยู่ในใจ อย่าบอกนะว่าหึงผมกับบอยนะ แค่แจ็คผมก็แย่แล้วนะ



                               “ดูหนังมากไปไอ้นี้ ดูแล้วไม่จบ”  ผมพูดขั้นทำเอาพายและแอ้หันทามองผม



                              “ดูเรื่องไรวะถึงได้บ้าได้ขนาดนี้” พายถามผมขึ้น



                               “สงสัยจำเลยรัก” ผมพูด



                               “ฮ่าๆ”ทั้งสองหนุ่มของผมหลุดขำออกมาทันที



                               “หัวเราะอะไรกันวะ “ ตัวดี เรียกได้ว่ากางขวางคอตัวพ่อผมเลย ติ๊ก มันลงมาพอดี มันคงโทรหาพ่อมันเสร็จแล้ว และมานั่งแทรกตรงกลางระหว่างผมกับแอ้อีกด้วย พายก็เหล่มอง



                               “มารยาทนิดนึ่ง” พายพูดลากเสียงสูงนิดๆ



                               “มารยาทอะไรของมรึง..พาย” ติ๊กพูดและหย่อนก้นนั่งลง ใช่ผมต้องเป็นฝ่ายขยับออก



                               “มีใครเขามาถึงนั่งแทรกกลางแบบนี้วะ ติ๊ก” พายพูดแอ้ก็พยักเพย้อให้พาย



                               “อ้าว...ที่ประจำของกรู กรูคือคนกลางตลอดที่หล่อมาก” ติ๊กพูดและทำเครื่องหมายถูกยืนยันที่ใบหน้าที่หล่อของมันจริงๆ



                               “ว่าแต่พวกมรึงคุยอะไรกัน หัวเราะสนุกสนานมากเลยวะ....แอ้” ติ๊กหันไปถามแอ้



                               “เปล่าก็แค่คุยเรื่องแจ็คกับบอยนะ และดิวมันบอกว่าแจ็คมันคงดูหนังแล้วไม่จบ พวกกรูเลยถามดูเรื่องอะไร ดิวมันบอกจำเลยรัก” แอ้พูด



                               “อ้อเหรอ” ติ๊กพูดลากเสียงแบบไม่เชื่อเต็มที



                               “งั้นกรูขอตัวไปยิมก่อนนะ ไปดูว่ามีอะไรในห้องบ้าง แอ้ละจะขึ้นไปอาบน้ำเลยไหม” ผมลุกขึ้นและถามแอ้



                               “เออ ..” แอ้หันไปมองหน้าติ๊กก่อน ผมก็เลิกคิ้วสูงรอคำตอบจากแอ้



                               “แอ้ อาบน้ำกับกูนะ จะให้แต้มสิวที่หลังให้ เมื่อวันก่อนไปถ่ายปกหนังสือเล่มใหม่ แม่งถ่ายในสระว่ายน้ำโรงแรมอะไรก็ไม่รู้ คันหลังมากสงสัยน้ำไม่สะอาด” ติ๊กพูดขึ้นผมนี้หันหน้าไปทางอื่นแอ้คง



                               “ก็ได้ ติ๊ก ..ดิวมึงก็ขึ้นไปอาบน้ำด้วยละ “ แอ้พูด ผมอยากให้แอ้ขัดใจมันบางจัง ไม่ใช่เออออห่อหมกไปหมดแบบนี้ ติ๊กมันหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็เดินออกเพื่อตรงไปห้องยิม ผมยังไม่ได้ไปใช่แต่ขอเข้าไปดูว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่น่าใช่ พอผมเปิดเข้ามาก็ต้องเจอไอ้ตัวดี มันนอนยกเวทขึ้นลง ข้าวไม่กินมา มาปั่นกล้ามอกนี้เอง



                               “ไงวะ” ผมเดินเข้าไปนั่งมานั่งข้างๆ ม้านั่งใช่เล่นกับดรัมเบล แจ็ควางเวทลงและหันมามองหน้าผม อย่าบอกนะว่ามันไม่จบมันจะต่อ และถ้าได้ต่อยกันใครจะห้ามวะเนี๊ยะ



                               “แจ็ค มึงเป็นบ้าอะไรของมึง” ผมถามมันกลับ



                               “กูไม่ใช่คนที่เขาเลือก” ไอ้แจ็คมันพูด



                               “แล้วมึงถามกูยัง ว่ากูอยากให้เขาเลือกกูไหม” ผมถามมันกลับแจ็คมันเงียบไม่มีคำพูดใด แจ็คลุกขึ้นนั่ง



                               “กูกับมึง ทุกคนโตมาด้วยกัน เกิดก็วันเดียวกัน กินนอนด้วยกัน จนโตหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว มึงยังไม่รู้จักกูดีพออีกเหรอวะ” ผมถามแจ็ค



                               “ก็..กู”



                               “มึงแม่งหึงไม่ดูห่าอะไรแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย!!” ผมพูดต่อว่าไอ้แจ็ค มันเงียบนิ่ง 



                               “กูควรทำยังไงวะ มันกดดันกูหลายอย่าง “ แจ็คพูดออกมา



                               “มึงรอเขาอยู่ไม่ใช่เหรอแจ็ค และตอนนี้เขาก็มาแล้ว มึงจะปรับความเข้าใจกับเขาซิ และถ้าเขาอยากจะหนีหายไปจากชีวิตมึง เขาจะกลับมาที่นี้ทำไมวะ คิดดิวะ” ผมพูดบ่นมัน ไอ้แจ็คมันเงยหน้ามองผม



                               “กรูกลัววะ กลัววะจะเป็นเหมือนเดิม “ แจ็คพูด



                               “มึงได้ลองหรือยัง “ ผมถามไอ้แจ็ค มันก็สายหัวเบาๆ



                               “มึงลองก่อนและถ้ามันยังเหมือนเดิม มึงถึงจะเริ่มกลัวได้แล้ว แต่ตอนนี้ลองก่อน” ผมพูดแจ็คเงยหน้ามองผม



                               “และ...เลิกมองว่ากูคือศัตรูหัวใจของมึงซะที ที่กูดูแลบอยเพราะบอยคือคนสำคัญของเรา เขาคือคนที่ต้องดูแลองค์กรของเราแจ็ค  ดังนั้นเราต้องดูแลเขา เราทุกคนต้องดูแลเขาไม่ใช่แค่กูแจ็ค” ผมพูด มันหันมาเหล่มองผม แบบไม่เชื่อร้อยเปอร์เซน



                               “เลิกหึงกู เพราะกูไม่ได้คิดอะไรกับบอย” ผมพูด ยังมองผมอีก



                               “ใช่ เขาพยายามจับคู่กูกับบอยแต่ทุกครั้งที่เขานัดกูและบอย กูไม่เคยไปเลยสักครั้ง จนลุงหนึ่งด่ากูมากับพ่อหลายครั้งแล้วแต่กูไม่พูดเอง” ผมพูด



                               “ทำไมวะ” แจ็คมันถามผม



                               “อะไรนะ” ผมถามมันกลับ แทนทีมันจะดีใจที่ได้ยินที่ผมบอกแต่ดันถามผมว่าทำไม



                               “ถ้ามึงได้บอย มรึงจะเป็นอัลฟ่าขององค์กร ทำไม มรึงไม่รับข้อเสนอนี้วะ ดิว “ แจ็คมันมองหน้าผมและถามคำถามนี้กับผม



                               “กูบอกมึงไม่ได้แต่กูไม่ได้อยากได้ตำแหน่งนั้น กูมีคนที่กูอยากดูแลอยู่แล้วและเขาก็สำคัญกับกูมาก เขามีค่ากับกูมากจริงๆ “ ผมพูด ผมลุกขึ้น



                               “กูรู้ว่ามึงอาจจะเริ่มเหนื่อยที่มึงต้องต่อสู่เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า มึงคู่ควรกับเขาเพราะว่ามึงต้องดูแลเขาซึ่งภาระหน้าที่มันหนักกว่าได้แฟนเป็นคนธรรดาคนหนึ่งหลายร้อยเทา แต่กูเชื่อว่ามึงทำได้วะแจ็ค” ผมพูดกับมัน



                               “กูเองก็ต้องทำไม่ต่างกับมึงแจ็ค ทำเพื่อให้ได้คนที่รักมาอยู่ด้วย “ ผมพูดบอกมัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจผมากแค่ไหน ผมเองก็ต้องสู้เพื่อแอ้และลูกๆผมเหมือนกัน



                               “ไปไหนวะ” แจ็คมันถามผม



                               “ไปอาบน้ำดิ เพื่อว่าพ่อกูโทรมาจะได้คุยกับพ่อกูด้วย มึงก็ไปนอนได้แล้วมั้ง พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า อย่าลืมว่าที่นี้เข้าเรียน 7.45 นะโว้ย ไม่ได้เข้า 9 โมงเช้าแบบโรงเรียนที่มึงเคยเรียนอยู่ที่เมืองนอก” ผมหันไปบอกมัน มันก็โบกมือให้ผมไป ผมเดินออกมาจากห้องยิมเดินผ่านห้องนั่งเล่น ก็ไม่เห็นแอ้ ติ๊กและพายแล้ว ทั้งหมดคงขึ้นๆข้างบนกันหมดแล้วและคืนนี้ผมคงนอนคนเดียวแน่ๆ



                               “แกร๊ก” เสียงสวิตไฟที่ถูกกดเปิด ผมมองไปรอบๆ ไม่เห็นแอ้ ลองไปเปิดห้องอาบน้ำก็ไม่เห็น ผมหยิบเอาแล็ปท๊อปมาเปิดดูก่อนเพื่อว่าแอ้จะกลับมาทันอายน้ำพร้อมกัน จะว่าไปว่างก็โทรหาพี่ชายผมดีกว่าพี่ดรีมพี่คนที่สองของบ้านดอเด็ก เพิ่งได้เป็นหมอเด็กแบบเต็มขั้น พี่ดรีมเป็นหมอเด็กที่เก่ง คนไข้ติดตั้งแต่เป็นหมอเอ็กเทิร์นแล้ว จนตอนนี้คุณหมอเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว



                               “ว่าไงดิว” พี่ดรีมกดรับสายผมพร้อมกับกระเตงเด็กน้อยร้องงอแงไว้ด้วย น้องมิ้นครับ เพิ่งจะ หกเดือนเอง (มิ้นคือลูกชายผมครับ ไม่ใช่ลูกคนแรกมีดีกว่านั้นอีกผมนะ อิอิ)





                               “อ้าวพี่ดรีม มิ้นร้องไห้ทำไมละ”



                               “สงสัยฟันอยากออกมาดูโลก” พี่ดรีมพูด ผมก็เกาหัวนี้หมอเขาอธิบายคนไข้กันแบบนี้เหรอครับ



                               “มาอีกแล้วเหรอ “ ผมถามพี่ดรีมตอนนี้มิ้นหกเดือนกว่าแล้วคงจะซี่ล่างแน่ๆ ที่จะมา



                               “ใช่ซี่สามและสี่ คิดว่าห้าและหกก็กำลังจะโผ่มาเร็วๆนี้” พี่ดรีมพูด และก้มมองลูกชายคนเล็กผมตอนนี้



                               “นมก็ไม่ยอมกิน เอาแต่ร้อง ร้องแม่งอยู่เพลงเดียวด้วย แหง๋ๆ “ พี่ดรีมพูด มิ้นเงยหน้าคงเข้าใจว่าพี่ดรีมว่าเขาแน่ๆ



                               “พ่อยังไม่ถึงบ้านเลยเนี๊ยะ ไอ้ด้าก็มีงานพี่ไม่อยากกวน” พี่ดรีมพูด



                               “แล้วแฝดผมไปไหนละพี่” ผมถามนี้ละตัวชูโรงของผม



                               “อาบน้ำอยู่กับได้เดียร์” พี่ดรีมพูด ไอ้เดียร์คือน้องชายผมลูกคนสุดท้องของบ้านดอเด็ก เดียร์มันห่างจากผม 3 ปีได้



                               “แล้วมีนละครับ “ น้องมีนลูกผมอีกคน อายุหนึ่งขวบพอดีเลย



                               “รายนั้นไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้วเจอกันอีกที 7โมงเช้าโน้น “ พี่ดรีมบอกผม น้องมีนเลี้ยงง่ายมากๆ



                               “พ่อแอ้” มิ้นหันมาน้ำตาไหลเหยิ้มเรียกหาแอ้



                               “พ่อแอ้...เออ..เข้าห้องน้ำ” ผมพูดแก้ต่างไป แอ้เป็นพ่อ(จริงๆแล้วเป็นแม่ของลูกๆผม เหตุผลนั้นคืออะไรยังไงจะมาในตอนพิเศษ) ผมอยากจะวิ่งไปเรียกแอ้ แต่ก็กลัวว่าพวกติ๊กกับพายจะวิ่งมาด้วย ความลับจะแตกเอา และทุกคนคงรู้ และเรื่องนี้มันจะทำให้พ่อผมถูกตรวจสอบและนี้แหละที่แอ้พยายามห้ามผมไม่ให้บอกใคร แม้กระทั้งเพื่อนที่โตมาด้วยกัน)



                               “ยุง...พ่อมายัง” เสียงเล็กดังแทรกเข้ามาแฝดสามของผมนั้นเอง ไอ,ไอซ์และโอ้ พี่ดรีมปรับกล้องลงไปที่สามแฝดลูกชายของผม



                               “เฮ้ย!” ถึงกับร้องตกใจเลยผม ลูกผมตัวขาวโผนเหลือแต่ลูกตา



                               “นี้ไอ้เดียร์มันจะชุปแป้งลูกมึงและลงทอดใช่ไหมเนี๊ยะ ขาวโผนเชียวที่ที่มีลูกตาโต้ โต โผ่มา ไม่อย่างนั้นนะ จูออนดีดีนี้เอง เล่นกรูตกใจทุกทีที่ได้หันไปเจอ  ” พี่ดรีมปรับกล้องกลับมาและพูดกับผม



                               “แฮๆ” ลูกๆผมยิ้มแหยๆกันทั้งหมด



                               “ไอ้เดียร์ ....บอกมันผมกลับไปจะเตะมัน”ผมพูด และส่ายหัว ไอ้เดียร์คือน้องชายคนเล็กของบ้านดอเด็ก มันเป็นอาที่อายุน้อยที่สุด ฮาๆ



                               “พ่อดิวววว คิดถึง “ ลูกชายผมมาริโอ้ หรือน้องโอ้



                               “พ่อเพิ่งจะไปเมือเช้าเองนะ ยังไม่นานเลย” ไอพูดขึ้นผมก็อดยิ้มไม่ได้ สาบานได้ว่านี้เด็กสามขวบ ทำไมลูกผมพูดเก่ง เพราะว่าลูกผมเข้าศูนย์รับเลี้ยงตั้งแต่เล็กไปแบบเช้าเย็นกลับ มีพี่เลี้ยงคอยดูแลประคบประหงม ศูนย์นี้พ่อผมตั้งเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ไม่มีใครดูแลลูกยามที่พ่อแม่ต้องทำงานในค่ายทหารของพ่อผมและโรงพยาบาลในค่ายทหารของพ่อผมเช่นกัน เลยทำให้น้องเก่งขึ้น



                               “พ่อดิว..พ่อแอ้ละ..น้องไอซ์อยากกอดพ่อแอ้” น้องไอซ์ที่ติดแอ้มาก ถามหาแอ้อีกคนแล้ว



                               “พ่อแอ้...ทำงานอยู่” ผมบอกไอซ์แต่มิ้นสะบัดหน้ามามองผม และหันไปมองไอซ์



                               “ขรี้” ผมลืมบอกไปว่าผมบอกลูกชายคนเล็กผมว่าแอ้เข้าห้องน้ำ แม้มาศัพท์เฉพาะเลยน่ะ



                               “พ่อแอ้เข้าห้องน้ำอยู่” ผมพูด



                               “ตรงลงพ่อแอ้ไปทำงานในห้องน้ำเหรอ” น้องมาริโอ้ของผม



                               “และพ่อก็ขรี้ไปด้วยใช่อ่ะเปล่า” นั้นมาริโอ้พูดปะติดปะต่อเก่งไปไหมครับลูก ผมเลยเกาหัวเลย



                               “พ่อแอ้...ติดธุระแล้วกันนะ ไว้พ่อแอ้ออกมาแล้วค่อยคุยกัน” ผมพูดปลอบใจลูก



                               “คงรอไม่ได้นะเพราะว่าต้องพากันไปเข้าห้องนอนแล้วว่ะดิว “ พี่ดรีมพูด ผมรู้ว่าพี่ดรีมต้องทำงานเอกสารต่อด้วย นี่แค่ให้ดูลูกให้ผม ผมก็เกรงใจพี่ดรีมมากแล้ว



                               “โอเคพี่ งั้นแค่นี้ก็ได้ วันนี้แอ้คง..” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ปนความน้อยใจ



                               “ทำไมละ แอ้ไปไหนละ ไม่ได้นอนห้องเดียวกันเหรอ หรือว่างอนกันละ” พี่ดรีมพูดยิ้มๆ



                               “ไม่ได้งอนกัน แต่มีกางชิ้นใหญ่มาก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงประชด



                               “กางอะไรของมึงวะ” พี่ดรีมหันกล้องมาเพื่อคุยกับผม



                               “ก้างชิ้นเดิม”ผมพูด พี่ดรีมนะน่าจะรู้ดี



                               “เจริญ...เอาทำเมียอีกคนไปเลยดิว” พี่ดรีมพูดขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วยนะ



                               “พี่ดรีม ผมรักเมียที่เป็นแม่ของลูกผมคนเดียว เนี๊ยะ ดิวเบื่อมากที่ต้องปกปิดความจริง “ผมพูด พี่ดรีมก็ปรับสีหน้ามาเป็นตรึงเครียดทันทีเหมือนกัน



                               “ดิว ...คนที่จะเดือดร้อนคือพ่อเราวะ มันสำคัญแค่ไหน พ่อยังไม่เคยบอกอาภีมเลยนะมึง” พี่ดรีมพูดผมก็ยกมือขึ้นเลยหัวตัวเอง ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก แอ้นั้นเอง แอ้มองผม ผมพยักหน้าว่าผมคุยกับลูกอยู่



                               “แต่วันหนึ่งก็ต้องรู้” ผมพูดขึ้น



                               “ก็รอให้อะไรมันพร้อมซะก่อน และไอ้วันหนึ่งก็ต้องรู้ นะเพราะว่ามึงจะทำลูกมาเพิ่มนี้แหละ พอแค่นี้ก่อนให้พ่อกูแก้ปัญหาได้ก่อนไอ้ดิว”พี่ดรีมบอกผม



                               “แป๊ป” แอ้พูดให้ผมอ่านปาก



                               “ติ๊ก กรูปวดขรี้วะ กรูเข้าห้องน้ำนะ” นั้นไงตะโกนไปนะเกรงใจหน่อยได้ไหมมันเข้ามาในไมร์โคโฟน และแอ้ก็ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย และรีบกระโดนขึ้นมาที่เตียง



                               “พ่อแอ้ๆ!!!!” ผมก็ต้องเอานิ้วอุดหูตัวเอง หลังจากที่ผมได้ดึงหูฟังออก และประสานพร้อมกันของแฝดก็ดังออกมาแต่เคราะห์ที่ไม่เล็ดลอดออกไปนอกห้อง



                               “ไง..เด็กๆ ดื้อหรือเปล่า” แอ้ถามพร้อมกับรอยยิ้มที่บอกได้ว่ามีความสุขที่สุด นี้แหละคือรอยยิ้มที่ผมเห็นว่าเขายิ้มออกมาจากข้างในจริงๆ



                               “พ่อแอ้ไปขรี้มาเหรอ พ่อดิวบอก” มาริโอ้ถามแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม คงอยากเอาเท้ามาประทับหน้าผมแน่ๆ แอ้ไม่อยากให้ลูกพูดไม่สุภาพ



                               “พ่อไปห้องน้ำครับ นัมเบอร์ทูครับ อย่าพูดว่าขรี้ไม่สุภาพครับ” แอ้พูดกับมาริโอ้



                               “พี่ดรีม น้องมิ้นเป็นอะไรอ่ะครับ”



                               “ร้องเพลงเดิมครับแอ้ ฟันจะขึ้น เอายาทาให้แล้ว เดี๋ยงคงสงบ” พี่ดรีมพูด



                               “พี่ดรีม ลองโยเกิร์ตผลไม้ที่ที่แอ้ทำไว้ แอ้แช่ช่องฟิตเอาไว้นะครับให้เขาลองทานดู มันเย็นๆครับ ผมเห็นเขาชอบ”แอ้พูด ผมหันมามอง ทำไมละผมจะไม่รักแม่ของลูกผมคนนี้



                               “เอาเหรอ พี่ไม่รู้ ว่าแอ้ทำไว เพราะพี่เพิ่งกลับมา พอมาถึงไอ้เดียร์มันก็ถีบมาไว้กับพี่เลย” พี่ดรีมพูด



                               “ติมๆ” มิ้นพูด เพราะคงได้ยินที่แอ้คุยกับพี่ดรีม



                               “งั้นเดี๋ยวลุงพาไปหาของเย็นกระแทรกฟันเล่นแล้วกัน จะได้สงบขึ้น” พี่ดรีมพูด



                               “แอ้ ดิว พ่อมาแล้ววะ พี่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาแล้ว “ พี่ดรีมพูด



                               “งั้นก็แค่นี้แล้วกันพี่ “ ผมพูด ผมเอาแขนไปโอบเอวแอ้ให้เข้ามาชิดจนติดหน้าอกผม



                               “เอาละเด็กๆ บายพ่อแม่ซะจะได้ไปเข้านอน ลุงขอร้อง พรุ่งนี้ลุงขึ้นเวรเช้าครับผม” พี่ดรีมหันไปบอกลูกๆผม ทุกคนทำหน้าหงอยกันหมดเลย



                               “พี่ดรีม ผมไม่ใช่แม่นะ “แอ้พูดขำๆ



                               “อยากคุยต่อ” เด็กๆพากันงอแงไม่อยากว่างเลบ



                               “เอานะ วันนี้ดึกแล้วลูก ไปนอนกัน พ่อแอ้กับพ่อดิวจะทำน้องเพิ่ม” ผมพูดแอ้หันขวับมามองผมทันที



                               “ช่างกล้าพูด ...นี้ที่อุ้มนี้ ยังหาคนเลี้ยงยากเลย ตอนนี้คนทำงานในสถานรับเลี้ยงไม่พอนะมึง” พี่ดรีมพูด และแอ้ก็แอบหยิกผมที่อกเน่นๆด้วยกล้ามเนื้อ



                               “ไม่เอาแล้วอ่ะ โอ้ไม่อยากได้แบบไอ้มิ้นอ่ะ “ โอ้พูด คงเพราะมิ้นกำลังหมันเคี้ยว ฟันที่เพิ่งขึ้นมาได้สี่ซี่และกำลังตามมาอีกติดๆ แต่ก็กัดได้เจ็บเหมือนกัน



                               “เข้านอนกันได้แล้วนะเด็กๆ อย่าอยู่ดึกนะ ลุงต้องไปทำงานพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ตื่นมากินข้าวต้มที่พ่อแอ้ทำไว้ให้ด้วยนะและไปโรงเรียน ไปเล่นกับเพื่อนๆ “ แอ้ตัดบทบอกให้ลูกๆไปเข้านอน และผมไม่แปลกใจที่ลูกๆจะเชื่อแอ้มากกว่าผมซะอีก



                               “คร๊าบพ่อแอ้” ทุกคนพูดพร้อมกัน



                               “มาส่งจูปคนละทีและส่งไปราตรีสวัสดิ์คุณปู่”พีดรีมบอกลูกๆผม แต่ละคนก็ขึ้นมานั่งตักพี่ดรีมที่ละคนและจูบที่หน้าจอคนละที ผมเห็นแววตาแอ้ มันฉ่ำๆแสดงว่ากลั้นไว้ แอ้จะร้องไห้ ผมบีบแขนแอ้เบาๆ



                               “แค่นี้นะ อ้อ...พักอู่ไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งปั่ม ปั้ม ทำลูกตอนนี้ รอให้ไอ้โดม กับ ไอ้เดฟมันกลับมาจากฝึกภาคสนามก่อน ค่อยทำกัน”



                               “พี่ดรีม...อย่าไปเชื่อไอ้ดิวมัน “ แอ้พูดและคงอายด้วยแหละ



                               “พี่มันกั้นไม่ได้อะดิ “ ผมพูด



                               “ยางรัดไว้ไอ้น้อง ฮาๆ “ พี่ดรีมพูด



                               “นี้คือวิธีคุมกำเนิดที่พี่แนะนำคนไข้เหรอ ฮาๆ “



                               “มึงนี่แหละคนแรกที่กรูแนะนำ แค่นี้นะ พ่อมาแล้ว จะเอาลงไปป่วนพ่อกรูบ้าง บาย...ตรูดๆๆ” พี่ดรีมพูดและกดวางสายไปทันที ผมยังคงรอดร่างบางๆนั้นไว้ให้ชิดกับอกผม แอ้หันมามองหน้าผม คือว่าตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้นั่งติดกันเลย



                               “อาบน้ำกัน” ผมกระซิบเบาๆ



                               “เออ...”



                               “นะ..ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้..” ผมพูดยังไม่ขาดคำ



                               “ปังๆ แอ้! มึงไปขี้ถึงบางกอกหรือไงสาด นานชิป” ผมก็ต้องพ่นลมหายใจ มารของผม



                               “ดิว..”



                               “ดิวไม่รู้จะอดทนได้แค่ไหนนะแอ้ ทำไมอะ มันต้อง”



                               “สักวันมรึงจะรู้ว่าทำไมแอ้ถึงต้องทำแบบนี้” แอ้พูดและลุกขึ้น



                               “หรือว่าดิวควรจะบอกมันไปตรงๆเลยว่าเรา”



                               “คุ้มแล้วเหรอที่จะทำดิว คิดให้ดี ว่าใครจะเดือดร้อนที่สุด ไม่ใช่พ่อมึงเหรอดิวและลุงกูด้วย และผลสุดท้ายมึงกับกูอาจจะแยกกันไปเลย ที่กูทำแบบนี้ที่ไม่บอกใครเพราะว่ากูยังได้อยู่กับมึงและลูก “ แอ้พูดก่อนจะเดินไปเปิดประตูและไอ้ติ๊กที่ยืนจังก้า หน้ามันก็คุมไว้ด้วยมาร์คหน้าเด้ง ของมัน เดินมายืนท้าวซะเอว



                               “ก็กูท้องไม่ดี เมื่อกลางวันแวะกินอาหารร้านแกงใต้กับพี่อ้น มันคงเผ็ดไป”



                               “มึงอาบน้ำยัง”



                               “ยัง”แอ้ตอบ



                               “ไอ้ดิวอะ”ไอ้ติ๊กถามผม พร้อมกับแทรกตัวเข้ามามองผม



                               “ยัง ทำไมจะเรียกกรูไปอาบด้วยหรือไง” ผมถามแบบประชด



                               “ไม่ละ ห้องน้ำเต็ม เพราะกรู อิพายและแอ้ ก็เต็มแล้ว”



                               “ตรงลงจะอาบน้ำพร้อมกันสามคน จะบ้าเปล่า ห้องน้ำมีตั้งหลายห้อง “ ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ แอ้หันมขยิบตาใส่ผม



                               “ทำไม เขาไม่ได้ติดป้ายเอาไว้ว่าห้ามอาบน้ำเกิน 3 คนนิสาด “



                               “เออ ...เรื่องของมึง กรูจะไปอาบน้ำแล้ว” ผมพูดและลุกจากเตียง ดึงผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดไหล่และเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตูลง



                               “แอ้ ไอ้คนที่นั่งกินเหล้าโต๊ะข้างๆ พวกเราอาทิตย์ก่อนอ่ะ แม่งมันอยู่ในไลน์กลุ่มดาราพวกกรูวะ แม่งไฮโซแน่ๆ และมันถามหามรึงวะ “ ผมนี้จี้ดขึ้นมาเลย ไม่ต้องเชื่อใจ ต้องเชื่อใจจจจจจจ อยากตะโกนดังๆ ผมอยากบอกให้ติ๊กมันเลิกชวนแอ้ไปเที่ยวผับซะที ผมไปด้วยไม่ได้เพราะว่าต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสื่อผมต้องสอบเข้าแพทย์ แต่พ่อให้ผมเลือกว่าผมควรจะไปเป็นแพทย์บ้านหรือแพทย์ทหารดี และที่ผมไม่อาจจะไปกับพวกมันได้ก็เพราะว่าผมค่อนข้างใจร้อน ผมทนเห็นพวกที่มาวอแวกับแอ้ มันทำให้ผมมีเรื่องกับพวกนั้นและยิ่งผมไปเรียนต่อยมวยมาด้วย ผมก็ตะบันหน้าสลบไปหลายคน  และตอนนี้พ่อผมเลยสั่งห้ามผมเข้าผับเป็นอันขาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 11:55:14 โดย PFlove »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
แจ็ค x บอย
                        ผมเล่นเครื่องเล่นในห้องออกกำลังกายสักพักให้พอได้เหงือ ปกติผมจะออกแบบมีเทรนเนอร์ เพราะผมต้องให้เขาแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้องและไม่บาดเจ็บในช่วงที่ผมเก็บตัวเพื่อแข่งขันว่ายน้ำ



                    หลังจากที่ผมได้คุยกับไอ้ดิวบวกกับใจผมเริ่มนิ่งขึ้น และไอ้ดิวมันก็ยืนยันว่ามันไม่ได้หาบอย และอีกอย่างผมกำลังคิดว่าผมเปิดศึกผิดคนไหม เพราะผมได้ยิน ไอ้แบงค์นะมันใครกัน และไหนพี่โจจะคอยส่งข้อความเชียร์ให้ผมพยายาลองไม่ให้ผมหนีอีก ผมก็เหมือนจะได้ข้อสรุปว่าผมควรจะลองอีกสักตั้งแต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะผม ดันเล่นตัวไว้ซะเยอะเลย



                  “แจ็ค” ผมสะดุ้งเพราะมีคนเรียกผมอยู่ในเงามืดๆ ผมนี้ยืนกุมหัวใจผมเลย เกือบหัวใจวายตายแล้วผม



                       “โธ่!  พาย เล่นอะไรของพายเนี๊ยะ ” ผมต่อว่าพายนิดหน่อย คนยิ่งขี้กลัวเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย



                       “แฮๆ ตกใจอะดิ” พายถามผม ก็ดันเรียกซะเสียงนี้เหยือกเย็นมาก



                       “มีอะไรครับ” ผมถามพาย



                       “อ่ะ เราตักไว้ให้ “ ผมก็มองจานอาหาร และเหล่มองว่าแน่เหรอ แต่ที่ตักนี้ของชอบผมทั้งนั้นเลยนะ ไม่มีของที่ผมไม่ชอบเลย ผมว่าน่าจะบอยมากกว่า



                       “เล็งอะไรละไม่หิวหรือไง” พายถามผม ผมก็มองแต่จะว่าไปท้องก็ร้องอยู่นะ



                       “ไม่หิวใช่ไหม..ดี ของดีดีพวกนี้จะได้ลงไปอยู่ในถังขยะ” พายพูดและดึงจานกลับแต่ผมรีบยึดไว้อย่างเร็ว



                       “กินซิครับพาย “ ผมรีบอ้อนพายและดึงจานกลับมาอย่างไว



                       “ไปหาที่นั่งทานเลย เดี๋ยวดูน้ำให้” พายพูดและเดินไปกลับเข้าไปในห้องอาหาร



                       “อืม..ขอบใจ” ผมรับจานมาจากพายและเดินเข้าไปในห้องอาหาร เพื่อหาที่นั่งทานอาหาร พายเดินตามมาและก็รินน้ำใส่แก้วมาให้ผม



                       “ขอบใจนะพาย แล้วนี้ติ๊ก มันทำอะไรอยู่”



                       “ก็นั่งตัวติดไอ้แอ้ไง “ พายพูดยิ้มๆ



                       “อืมม แต่มันก็ติดอยู่แล้วนิ แล้วไอ้ดิวละ” ผมพูด เพราะว่าผมก็เห็อเป็นเรื่องปกติ

 

 

                       “ดิวมันก็อาบน้ำอยู่ในห้องมันแหละ” พายพูด



                       “แล้ว...” ผมกำลังจะอ้าปากถามถึงอีกคน แต่ผมก็เงียบไป



                       “จะถามถึงบอยก็ถามดิ “พายพูดกับผม



                       “บอยก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกมา พายคิดว่าบอยคงเหนื่อยเดินทางนะเลยไม่ได้เคาะประตูถาม “ พายพูด ผมพยักหน้า พร้อมกับวางจานอาหารที่ว่างเปล่า



                       “กินหมดเลยเนอะหิวละซิ” พายถามผม ผมก็ยิ้มๆ



                       “เอาจริงๆนะ พายไม่ได้ตักไว้ให้หรอก บอยเขาตักไว้ให้” พายพูด ผมพยักหน้าพร้อมกระดกน้ำลงคอผมไป



                       “รู้แล้วละ” ผมตอบพาย คนตรงหน้าผมทำหน้าปากตัวโอ ตามสไตล์เขาละ ติ้งเกาหลี



                       “ทำไมรู้ละ” พายถามผมกลับ



                       “พายรู้เหรอว่าแจ็คชอบอะไรไมชอบอะไร” ผมถามพายกลับ พายก็ส่ายหัว



                       “รู้อย่างเดียว...ชอบเหล้า ฮาๆ “ พายพูดและหัวเราะ ผมละส่ายหัว ในความน่ารักใสๆของพาย 



                       “เอาละ ถ้าอย่างนั้นพายขึ้นห้องดีกว่าจะได้อาบน้ำนอน ง่วงแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องแหกขี้ตาไปแต่เช้าอีก” พายพูด ผมพยักหน้า ว่าแต่ผมควรจะไปนอนที่ห้องเหรอ แต่ผมบอกเขาว่าจะไปนอนห้องอื่นนิ



                       “เออแจ็ค” พายเรียกชื่อผม ผมก็หันไปมองพาย



                       “ พายเห็นแจ็คออกมาจากห้องข้างๆอ่ะ จะไปนอนห้องนั้นเหรอ” พายถามผม



                       “อืม..อยากนอน..คนเดียวนะ”ผมบอกกับพาย พายก็พยักหน้า พายเปิดประตูมาเจอผมตั้งแต่ก่อนที่จะลงไปทานข้าวแล้วและผมก็เดินลงมาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับพายนั้นแหละ 



                       “แจ็ค” พายชื่อผมอีก ผมเงยหน้ามองว่ามีอะไรอีก ดูสีหน้าพายซีเรียมขึ้นมากระทันหัน 



                       “เมื่อสักครึ้งชั่วโมงที่ผ่านมา แจ็คกลับเข้ามาในห้องข้างๆ ห้องติ๊กกับพายป่ะ” พายถามผม ผมก็ทำท่าแปลกใจว่าพายถามผมทำไม



                       “ห้องที่แจ็คบอกจะไปนอนอ่ะ” พายพูด ผมก็งงซิครับเพราะว่าผมเพิ่งจะออกมาจากห้องสำหรับออกกำลัง



                       “ทำไมอ่ะ” ผมถามพายกลับทันที



                       “พายได้ยินเสียงกุ๊กๆกักๆอ่ะ มาจากห้องนั้นอ่ะ ติ๊กและแอ้ก็ได้ยินนะแต่พายบอกพวกมันไปว่าแจ็คจะไปนอนห้องนั้นนะ ดูพวกนั้นตกใจใหญ่เลย แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรพาย..” พายพูด



                      “เฮ้ย!..แจ็คก็ยังอยู่ในห้องออกกำลังกายเพิ่งเลิกเนี๊ยะ ดูนาฬิกาดิ ออกไปได้ หนึ่งชั่วโมงพอดี “ ผมพูดและมองหน้าพายและโชว์ นาฬิกาดิจิตอลรุ่นใหม่ของไอโฟน



                  “จริงดิ...แล้วถ้าไม่ใช่แจ็ค จะใครละ เพราะว่าไอ้ดิวมันอาบน้ำอยู่นะแอ้บอก”



                  “พายว่าไม่น่าจะใช่บอยหรอก เพราะเราก็ไม่ได้ยินเสียงบอยเปิดประตูออกมาเลย” พายพูด ผมนี้ขนลุกเลย ผมเพิ่งขนเสื้อผ้าไปไว้ในห้องนอนนั้นด้วย เวรเลย



                  “พายอย่าพูดเล่นแบบนี้ดิ มันน่ากลัววะ” ผมพูดและหันมองหน้ากันเลิกลั่ก หันซ้ายหันขวา บรรยากาศวังเวงขึ้นมาทันทีเลย



                  “พายว่า...เราไปขึ้นห้องดีกว่าไหมอ่ะ “พายค่อยๆลุกขึ้น ผมก็ลุกเช่นกัน รออะไรละครับ



                  “จะรออะไรวะพาย วิ่งดิ” ผมพูดและพากันวิ่งขึ้นไปชั้นสอง เสียงฝีเท้าพวกผมทำเอาทุกคนเปิดประตูออกมาดูว่ามีอะไรกันแม้กระทั้งบอย ที่สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ไอ้ดิวก็ออกมาด้วยผ้าชนหนูคาดเอวแบบหมินเหม่ ไอ้ดิวและแอ้ออกมาได้วยชุดนอนและเหมือนแอ้กำลังเช็ดผมให้ติ๊กด้วย



                  “มึงสองคนเล่นอะไรกันวะ ดึกดื่นขนาดนี้ เล่นไล่จับเหรอ” ไอ้ติ๊กถามผม ไอ้ดิวก็กอดอกมองผม



                       “หรือเล่นหนังอินเดียกันครับคุณมึงสองคน แบบว่าวิ่งจีบกันในพื้นที่ 100 ไร่อ่ะ ” ไอ้ติ๊กพูด ผมยกนิ้วกลางให้มันทันที มันก็ตอบกลับซิครับรออะไร



                       “ก็ ...ไอ้พายมันบอกว่ามันได้ยินเสียงจากห้อง...นั้นอ่ะ”ผมพูดและชี้ไปที่ห้องนอนข้างห้องไอ้ติ๊กและพาย แต่เหมือนว่าแอ้คงต้องนอนห้องนี้ด้วย



                       “เหรอวะ” ติ๊กพูด



                       “พายได้ยิน ติ๊กก็ได้ยินนะ เสียงแบบมีคนอยู่ในห้องอ่ะ แต่แจ็คบอกว่าเขาอยู่ห้องออกกำลังกายตลอดเลย” พายพูดแต่อันหลังเสียงสูง ผมหันไปมองหน้าพาย ล้อเล่นหรือเปล่า



                       “เออ..เออ ..จริง เสียงมึป่งะละ” ไอ้ติ๊ก มันดูมีพิรุธนะผมว่า



                       “แอ้มรึงได้ยินไหมวะ”



                       “เออ..ได้ยินวะ”แอ้ก็พูด ผมว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วตรงไอ้แอ้นี่แหละ



                       “คือมึงจะนอนห้องนั้นเหรอ... เหมือนบ้านนี้จะมีประวัติวะ ห้องนอนสุดทางด้านซ้ายอ่ะ พ่อกูเคยบอกไว้ เขาเลยไม่จัดให้ใครนอนวะ”ไอ้ดิวอีกคน ชิบหายแล้วผม ขนลุกขึ้นมาทันที เรื่องแบบนี้แจ็ค ทนไม่ได้ครับ



                       “จะนอนใช่มั้ยละ ฝันดี “ ไอ้ดิว มันทำท่าจะปิดประตู



                       “ห้องกูของยังเต็มวะ ไม่รับแขก” ไอ้ดิวมันพูดตัดบทและรีบปิดประตูทันที ผมหันมามองไอ้สามตัวที่กำลังจะเข้าห้องนอน



                       “ไม่ต้องบอกว่าห้องกูมีที่ไหม ดูเอา 3 คนเข้าไปแล้ว โชคดีนะมึ”ไงอ้ติ๊ก ผมจะอ้าปากด่า



                       “ มีคู่นอนดีดีเสลอไปนอนคนเดียว” ไอ้ติ๊ก ไอ้สาดเอ๋ย ผมมองคนที่ยืนอยู่ที่ประตู



                       “บอยควรจะบอกราตรีสวัสดิ์ใช่ไหม”บอยถามผม ผมก็สะบัดไปหน้าไปมอง ต่อให้ผมโกรธแค่ไหนแต่ถ้าห้องนั้นมีสิ่งลี้ลับจริงผมก็



                       “หมับ” ผมจับประตูเอาไว้



                       “พ่อบอกให้นอนห้องนี้ก็จะนอนห้องนี้ “ ผมพูดกับบอยแต่ในใจโคตรเสียหน้าเลย ไอ้แจ็คเอ๋ย อุตสาห์เดินออกจากห้องอย่างแมนๆ ว่าจะไปนอนห้องอื่น



                       “ก็แจ็คบอกบอยเองว่าจะ”



                       “พูดไปงั้น นี้กลับมานอนเพราะว่าไม่อยากให้พ่อเสียใจ” ผมพูดและแทรกตัวเข้าห้องทันที ไม่พูดไม่จากรับคว้าผ้าเช็ดตัวและตรงเข้าห้องน้ำทันที อาบน้ำ เพราะไม่กล้าสู้หน้าบอย



                       ผมรีบอาบน้ำแต่ดันได้ยินเสียงหมาหอนครับ เฮ้ย มาจากไหนวะ มองซ้ายมองคว้า ไม่ต้องถูมันแล้วละสบู่ รีบเปิดน้ำชำระล้างตัวและรีบออกมาสวมชุดนอน และเพ่นออกจากห้องน้ำทันที ผมออกมาก็เห็นบอยหลับไปแล้วพร้อมมือถือและมีหูฟังเสียบหูไว้อยู่



                       “หลับแบบนี้มันดีที่ไหนนะ “ ผมพูดเบาๆ ผมค่อยดึงหูฟังเขาออกเบาๆ เพราะกลัวคนหลับจะตื่นและเขาก็จะรู้ว่าผมนะ อ่อนให้เขาตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้ว ระหว่างที่ผมดึงหูฟังเขาออก ผมก็ได้ยินเสียงเพลงเบาๆ มาจากหูฟังคู่นั้น เลยลองเอามาใส่หูผมดู ผมก็ต้องยิ้มตามชื่อเพลง เพลงอมยิ้ม นี้เป็นเพลงที่ผมชอบร้องให้เขาฟังเพราะตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเห็นหน้าเขาก็นึกถึงเพลงนี้ทันทีเลย



                       “บอย นายกลับมาหาเราจริงๆ เหรอ “ผมถามคนที่หลับสนิท



                       “นายจะไม่ทิ้งเราไปอีกเหรอ “ ผมพูดเบาๆ ผมก้มลงมองใบหน้าที่เรียวได้รูป ใบหน้าของบอยสวยหวาน เรียกได้ว่าสาวๆเห็นยังอิจฉาเลย ริมฝีปากที่เรียวบางโค้งสวย มันทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่ก้มลง ใจก็บอกตัวเองให้หยุด หยุดแจ็ค หยุดแต่



                       “หมับ” ผมประทับริมฝีปากที่ไม่บางไม่หน้าจนเกินงามประกบริมฝีปากบางๆ คู่นั้นซะแล้ว ดูเหมือนว่าริมฝีปากคู่นั้นก็เผยอรับริมฝีปากผมเช่นกัน



                       “ปึก” เสียงมือถือหลุดจากมือผมลงสู้พื้น ผมไม่สนใจอะไรแล้วเพราะว่า จิตผมได้หลุดลอยไปกับความหวานที่ผมกำลังดูดดื่มจากริมฝีปากคู่นั้น



                          ผมรู้สึกว่ามีมือแตะที่แผ่นหลังส่วนล่างของผม และค่อยๆไต่ขึ้นมาจนถึงแผ่นหลังสวนบน นั้นก็แสดงว่าคนเบื้องล่างที่ผมค่อมอยู่คงตื่นแล้ว ผมลืมตามองคนที่ผมกำลังจูบอยู่เขามองผมแบบงง นิดหน่อย มือที่เรียวสวยนั้น แตะที่แผ่นอกของผมเบาๆ ผมยอมว่าบอยเป็นคนที่เพอเฟคมาก ตาก็สวย ใบหน้าก็เรียวยาวได้รูป ริมฝีปากที่เล็กบากเป็นกระจั๊บ ขนตาก็งอนสวย สมุกที่เรียวเล็กและโด่ง โดยไม่ต้องไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี แล้วแบบนี้ผมจะไม่หลงรักตั้งแต่แรกพบได้ยังไง



                       “เออ” ผมถอนริมฝีปากผมออกและเอามือเกาหัวแก้เกล้อ



                       “เห็นนอนหลับแล้วมีหูฟังอยู่...แจ็คเลยจะดึงออกให้” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะค่อยลุกเพื่อจะกลับไปยังเตียงนอนตรงข้าม



                       “แจ็ค”  “บอย” ผมสองคนกับเรียกชื่อพร้อมกัน ผมหันกลับมามองเขา



                       “บอยกลับมาเพื่อหัวใจตัวเองจริงๆ นะแจ็ค” บอยพูด มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดไอ้ดิวที่มันพูดกับผม มันบอกว่าผมรอคอยบอยแล้วทำไมตอนนี้ผมถึงจะวิ่งหนีมันละ บางครั้งความรักก็ไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมายไปกว่าหัวใจตัวเองใช่ไหม ผมนะคิดถึงเขามาก มากจริง



                       “หมับ” ผมหันกลับมาและโผ่เข้ากอดเขา บอยกอดผมกลับแบบแนบแน่น ผมก็กอดเขากลับเช่นกันเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอีก



                       “บอยคิดถึงแจ็คนะ คิดถึงมากด้วย” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ



                       “แจ็คคิดถึงบอยมากเช่นกัน มากจนไม่รู้จะพูดยังไง มันมากเหลือเกิน แจ็คขอโทษที่แจ็คงี่เง่า แต่เพราะว่าแจ๊ค” ผมพูด บอยดันผมออก



                       “บอยจะไม่ทิ้งแจ็คไปไหน “ บอยพูด ผมพ่นลมหายใจออกมา



                       “แจ็คจะยังไม่เชื่อบอยตอนนี้ก็ไม่ว่านะ”บอยพูด



                       “เชื่อแล้ว...อย่าไปไหนอีกนะ ...”ผมพูดและเอามือลูบหน้าบอยเบาๆ



                       “ครับ “บอยตอบผม



                       “ราตรีสวัสดิ์ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ “ บอยบอกผมและมองไปยังเตียงนอนของผม



                       “ไม่อยากนอนเตียงนั้นแล้วอ่ะ อยากนอนเตียงนี้นะ “ ผมพูด บอยเบ้ปากหนีผม



                       “ไหนบอกถ้าเลือกได้”



                       “ตอนนี้เลือกได้แล้วไง เลือกที่จะไม่วิ่งหนีอีก แต่จะวิ่งเข้าใส่” ผมพูดและ



                       “แจ็ค” บอยทำท่าจะดันผมออก แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ดันผมออกจริงๆหรอก



                       “นะนะ นอนกอดก็ยังดี” ผมพูดเบาๆ



                       “แค่กอดนะ “



                       “ก็ใช่ไง จะให้ทำมากกว่ากอดเหรอ” ผมถามบอย



                       “ไม่ ไม่...ไม่เอาอ่ะ เพราะว่า” บอยพูดผมก็เลิกคิ้วว่าบอยจะพูดว่าอะไรต่อแต่บอยก็ไม่พูดต่อ



                       “เพราะว่าอะไรละ “



                       “คือ” บอย



                       “ครั้งนั้น มัน...”



                       “แจ็ครู้ แจ็คไม่เคยลืมครั้งแรกของเราสองคนนะ มันเป็นครั้งแรกจริงๆ แต่เป็นครั้งแรกที่สวยงามแต่บอยก็ร้องเสียงหลงเลยนะ แจ็คนี้ตรงใจ เป็นห่วงด้วย” ผมพูด



                       “พอแล้ว” บอยพูดห้ามผม



                       “ทำไมละ”



                       “อาย” บอยพูดกับผมเบาๆ ก้มหน้าหนีด้วยแสดงว่าอายจริงๆ และบอยก็ขยับเพื่อให้ผมได้มีที่นอน ผมเอนตัวลงนอนและกอดเอวบางๆนั้นอย่างเบามือ ผมทำแบบนี้บ่อย แต่เฉพาะที่บ้านผมนะ ถ้าพี่ชายของเขามาก็จะไม่กล้าเข้าใกล้มาก ตอนนั้นผมยังกลัวว่าถ้าทุกคนรู้ความจริงเขาจะแยกเราออกจากกันหรือเปล่า จนกระทั้งบอยหายไป ผมเสียใจอย่างหนัก ทำให้พ่อถามผม เพราะนี้คงไม่ใช่อาการของคนที่คิดกันแค่เพื่อนแน่ๆ ใช่ผมบอกพ่อตรงๆว่าผมรักบอย และบอยก็รักผม เราสองคนรักกัน



                       “แจ็ครักบอยนะ แต่แจ็คกลัวเพราะเขาไม่เลือกแจ็ค” ผมพูดกับบอย



                       “แต่บอยเลือกแจ็คนิ บอยถึงเลือกที่จะกลับมา “บอยหันมามองผม



                       “บอยอยากให้แจ็คทำให้ทุกคนรู้ว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน “ บอยพูดกับผม



                       “แจ็คจะทำให้ลุงหนึ่งเห็นว่าแจ็คคู่ควรกับบอยมากกว่าไอ้ดิว” ผมพูดบอยเอาแขนเท้ายกลำตัวให้สูงขึ้นและหันมองหน้าผม ว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้น



                       “ก็แจ็คได้ยินลุงๆคุยกันกับพ่อของแจ็คอ่ะ และช่วงที่บอยหายไปนะ เหมือนเขาจะให้บอยกับดิวออกงานหรือออกเดทกันด้วยอ่ะ “ ผมพูด



                       “ใช่...” บอยพูดผมนี้กำลังจะขึ้น แต่



                       “แต่ดิวไม่เคยไปเลย และบอยก็ไม่ได้อะไรนะ เพราะว่า บอยไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับดิวต่อให้เขาเลือกดิวให้กับบอยก็ตาม”



                       “แจ็คไม่เข้าใจ ทำไมเขาใช่เหตุผลอะไรมาตัดสินว่าดิวต้องคู่กับบอย ทั้งที่พวกเราก็เติบโตมาด้วยกัน ทั้งหมด บอยรู้ไหมอ่ะ ว่าเพราะอะไร” ผมถามบอย ดูบอยจะตกใจเล็กน้อย



                       “เออ..บอย ไม่รู้อ่ะแจ็ค” บอยพูด



                       “อืม..ช่างมันเถอะ ต่อไปนี้คนที่จะดูแลบอยคือแจ็คนะ เข้าใจไหมครับ”



                       “น้ำเสียงแบบนี้ ..นี้คือข้อห้ามเข้าใกล้ดิวใช่ไหมครับ” บอยรู้ทันผมอีกแล้ว เกาหัวแก้เขิน



                       “ทุกคนเลย แจ็คหึง” ผมพูดทำให้คนที่ผมกอดเขาไว้จากด้านหลังหันหน้าหนีเพราะเขินอายละซิ ผมก็ซบจมูกเรียวแหลมลงที่ตรงซอกคอขาวนวลของบอย ผิวที่หอมมากโดยไม่ต้องใส่น้ำหอม ผิวพรรณที่นุ่มราวกับผิวเด็กแรกเกิด แต่รอบนี้รู้สึกมีน้ำมีนวลขึ้นจนผิดหูผิดตา หรือว่าไปกินพวกไวตามินมาก็ไม่รู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 11:57:36 โดย PFlove »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
แอ้ x ดิว (NC) 

 

                       ผมชื่อแอ้ เป็นสามชิกบ้านอ.อ่าง แต่ผมไม่ได้เหมือนพี่ผมเลย หน้าตาก็ไม่กวน มีแต่ความหวานและผมก็เลยต้องแมนกลบเกลื่อนไว้เพื่อไม่ให้ดิวมันมองว่ามันต้องปกป้องผมตลอด เพราะอะไรเพราะผมมีความลับบางอย่างของอีกคน ที่เขาไม่ต้องการให้ผมบอก และผมสองคนก็มีความลับที่บอกเขาไม่ได้เช่นกัน ผมเลยกลายเป็นคนกลางที่ต้องรับศึกหนักอยู่คนเดียว 

 

                       “แอ้” ผมนอนพลิกไปพลิกมาอย่างไม่ค่อยสบายหนักจนมีคนเรียกชื่อผม คนนั้นคือพาย และอีกคนที่หลับปุ๋ยไปแล้ว ติ๊ก คนที่ไม่ยอมให้ผมไปนอนกับดิว 

 

                       “แอ้ มรึงนอนไม่สบาย กลับไปนอนห้องมรึงเถอะวะ “ พายบอกผม ผมหันไปมองติ๊ก

 

                       “ไปเถอะ ไอ้นี้หลับแล้วหลับเลย ถ้าตื่นมางี่เง่ากรูจัดการเอง” พายพูด ผมพยักหน้าและค่อยๆลุกขึ้นเพราะกลัวมันตื่น ผมหันมายิ้มให้พาย และเดินออกมาช้าๆ พร้อมกับปิดประตูลงอย่างเบาๆที่สุด 

 

                       ผมกลับเข้ามาในห้องนอนที่ผมควรจะนอนกับดิวแม้เตียงจะแยกกันไปคนจะฝั่งก็ตาม ผมเดินไปมองคนที่หลับคาหนังสือ ที่เขาต้องอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบแพทย์ ดิวคือความหวังแพทย์ แต่ผมไม่รู้ว่าดิวจะเลือกแพทย์บ้านหรือแพทย์ทหารกันแน่ ถ้าให้ผมเดาดิวต้องการเป็นแพทย์ทหารเหมือนพี่ดิม แม้จะฝึกหนักแต่ดิวก็ชอบแบบนั้น 

 

                       “หมับ” มือดิวคว้ามมือผมไว้ ผมคิดว่าเขาหลับซะอีก ผมกำลังจะดึงหนังสืออกและจัดท่านอนให้มันใหม่เชียว 

 

                       “ตุบ “ ร่างผมถูกดึงให้ลงไปนอนกับเขาซะด้วย 

 

                       “ดิว กูนึกว่ามรึงหลับ” 

 

                       “หลับได้ไงอ่ะ รออยู่ รู้ว่าต้องกลับมานอน เพราะ” ดิวพูดและยิ้มเจ้าเหล่

 

                       “เพราะอะไร” ผมถามกลับ

 

                       “คิดถึง”

 

                       “เหรอ” ผมทำท่าจะลุกขึ้นแต่เขาขืนกอดผมไว้แน่น

 

                       “ไม่ปล่อยให้ไปแล้ว นอนนี้เลย” ดิวพูด

 

                       “ก็จะนอนไงแต่จะ”

 

                       “ไม่ให้ไป เห็นไหมมีกระเป๋าวางอยู่ “ ดิวพูด และผมก็มองอีกเตียง จริงด้วย มันจะวางไว้ทำไม

 

                       “เจ้าเหล่วะ” 

 

                       “มีหัวคิด นอนนี้เลย อยากกอด “

 

                       “เมื่อคืนมรึงก็กอดดูทั้งคืนแล้ว” 

 

                       “จะกี่คืนก็อยากกอด “ ดิวพูด 

 

                       “ยอมไหม” ดิวถามผม

 

                       “ยอม” ผมพูดและก็เอนร่างผมลงนอน ดิวกอดผมจากด้านหลังและซุกจมูกลงที่ศอกคอผม มันทำให้ขนผมลุกซู่ขึ้นมาทันที ทำไมเรื่องแบบนี้ผมไว้จังก็ไม่รู้ ติ๊กทำผมยังไม่รู้สึกอะไรเลยแปลกมาก แต่กับดิวไม่ได้เลย มันไวไปทุกส่วนแม้กระทั้ง ตรงนั้น 

 

                       “อุ้ย! สู้ด้วย”ใช่ไอ้ดิวมันคลำของสงวนของผม  จับมือมันออกทันที

 

                       “ไอ้ดิว มรึงจะนอนไหม”

 

                       “คิดว่าจะนอนไหมละ ถ้าไม่ทำให้สงบเพราะอ้นนี้ก็สู้” ดิวกระซิบกับหูผมเบาๆ จริงครับ ของก็มันดันหลังผมอยู่ 

 

                       “ไอ้หื่น “ ผมหันไปต่อว่ามัน ยังมาทำหน้าตาเซ็กซี่ใส่ผมอีกนะ คิดในใจคงไม่รอดอ่ะผม และดิวก็ดันร่างผมให้นอนลงโดยที่ดิวจะเปลี่ยนมาค่อมผมแทน

 

                       “เดี๋ยว!...ดิวพ่อบอกไว้ว่าไง” ผมถามดิว

 

                      “มีถุง “ดิวพูดและเอื่อมไปหยิบมันซ้อนไว้ในหนังสือที่มันอ่าน ออกมาแกะและดิวมันก็จัดการดึงกางเกงชุดนอนมันลงไปถึงหัวเข่า ผมเห็นเต็มๆสองตาเลยว่ามันพร้อมมากที่จะรบกับผมแล้ว 

 

                       “ไม่ต้องกลัว เห็นแบบนี้น้องสุภาพนะ” ดิวพูดผมก็หยิกไปที่ไหล่ดิว ดิวสวมเกาะปล่องกันเรียบร้อยก็จัดการของผมบ้าง 

 

                       “ให้เล้าโลมก่อนไหมหรือขึ้นชกเลยดีจ๊ะเมียจร๊า” ดิวถามผม

 

                       “ถ้าเปลี่ยนมาเป็นกรู เสียบมึงเลยมึงจะเอาไหม” ผมถามมันกลับ 

 

                       “แค่อยากได้ผลโหวต “ดิวพูดและค่อยไล่ลิ้นที่ซอกคอผมก่อน มันทำให้ผมนี้อ่อนหยวบเลย



                       “นี้ขนาดทำท่าจะไม่ยอม ดูซิ แอ่นสู้ศึกขนาดนี้ ..อืมม...”ดิวพูด ก็มันลงลิ้นไปตามแผ่นอกแบนราบของผมและเลี่ยยอดประทุมถันของผมซะขนาดนั้นใครจะไปนอนแข็งทื่ออยู่ได้



                       “โอ้ววว...อืมมม..ดิว...ซี้ด” ผมร้องครางแต่ไม่ดังมากเพราะว่าดิวเริ่มไล่จูบลงไปจนต่ำกว่าท้องนอนผมแล้วและทุกอย่างก็ดำเนินการไปตามที่ควรจะเป็น มันไม่ใช่ครั้งแรกของผมและดิว แต่ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่เราสองคนได้เสียและครั้งนั้นทำให้ความลับในตัวของผมเผยออกมาด้วย 

 

ย้อนไปเมื่อ สีปี่ก่อนหน้านี้ 

                       ผมเพิ่งจะย่าง 14 ปี หมาดๆพร้อมกับดิว ตอนนั้นติ๊กจะห่างๆพวกผมหน่อยเพราะว่า ติ๊กเริ่มเข้าวงการบรรเทิง เริ่มเล่นหนัง เล่นละครและถ่ายแบบ แต่ก่อนหน้านี้ผมสามคนตัวติดกันมาก ผมนะพยายามจะไม่ให้ติ๊กรู้ว่าผมกับดิว เราสองคนมีความรู้สึกอะไรพิเศษต่อกัน เพราะผมก็รู้สึกว่าติ๊กมันก็มีแต่ดิวนะเขาแสดงกับผมย่างชัดเจน จนผมนี้ต้องคอยปรามไว้เสนอม 

 

                       “ดิวแอ้ เดี๋ยวพ่อพี่ดิมมานะ อยู่บ้านกันดีดีนะ และดิว อย่าเล่นเกมส์มากนะ เราควรจะอ่านหนังสือบ้างใกล้สอบแล้ว” พ่อภาณุเดชบอกผมสองคน วันนั้น ผมไปอยู่บ้านลุงภา แต่ก็เหมือนเช่นทุกครั้งที่พ่อผมไปราชการและได้ฝากผมไว้กับลุงภาในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ลุงภาดูแลค่ายและโรงพยาบาลที่นัั้น ตอนนั้นพี่ดิมกำลังเป็นหมอเอ็กเทิร์นปีแรก ก็จะติดตามพ่อบ่อยเพราะพี่ดิมนะเป็นทั้งหมดและทหารเช่นกัน 

 

                       “ครับพ่อ “ ดิวหันไปตอบพ่อ และหันมาหยักคิ้วกับผมอย่างมีเลศนัยอะไรบางอย่าง ผมยังคงอิโนเซ้นท์ที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆ หลังจากที่พ่อออกไปผมก็ลุกไปหยิบพวกน้ำอัดลม ขนมมานั่งดูไอ้ดิวเล่นเกมส์และกะว่าจะอ่านกาตูนแสลมดั้งที่ผมชอบ ผมชอบตัวเองมันเหมือนดิวแต่ต่างกันที่ดิวนะมันเก่งฟุตบอลไม่ใช่บาสเกตบอลแต่ก็ลูกบอลเหมือนกัน 

 

                       “โอ๊ะ โอ๊ะ...โอ้ว “เสียงที่ดูแล้วทำให้ผมขนลุกดังมาจากในห้องที่ผมนั่งดูดิวเล่นเกมส์ เสียงเกมส์อะไรของมันนะ ผมคิดในใจ พอผมเดินเขาไปก็ต้องยืนตลึง เป็นวิดิโอโป้ที่คนกำลังมีเซ็กส์กันบนจอทีวีจอใหญ่ มันเห็นชัดมาก ไอ้ดิวที่นั่งดูก็หันมามองผม

 

                       “แอ้มาดิ “  ดิวมันหันมาเรียกผม ที่ยืนอึ้ง

 

                       “ไอ้ดิวมึงบ้าเปล่า นี้มรึงยังไม่ควรดูหนังแบบนี้นะ” ผมต่อว่ามัน



                       “แต่ถ้ามึงจะดู กูไปละ” ผมพูดและทำท่าจะหันหลังหนีแต่ มีคนวิ่งมาคว้าตัวผมไว้ซะก่อน 

 

                       “รีบไปไหน ทำไมอะ ทนดูไม่ได้เหรอ “ ดิวถามผม 

 

                       “มึงคิดว่าเราควรแบบนี้เหรอวะ กูไม่น่ามาอยู่กับมึงเลย” ผมพูด ไอ้ดิวมันกลับยิ้มกริ่มชอบใจยังไงชอบกล 

 

                       “ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าดูจะมีความรู้สึกยังไงตามคลิปไหม “ ดิวถามผม

 

                       “ก็เห็นบอกว่าไม่ได้ชอบ กูเพราะกูเป็นผู้ชาย งั้นลองนั่งดูด้วยกัน ถ้าไม่ได้ชอบจริงๆ มันก็จะเฉยๆไม่รู้สึกอะไร “ ดิวพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ยังไง 

 

                       “ถ้าไม่อยู่ดูแสดงว่ารู้สึกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาแล้วเลย”ไอ้ดิวมันดูถูกผมนิ

 

                       “เออ ดูก็ก้ได้” ผมพูดและเดินไปนั่งข้างๆมัน ใจก็กลัวๆกล้าๆ ไม่ใช่เพราะวิดิโอแต่เป็นเพราะมันนี้แหละที่ผมคิดมาตลอด แต่ผมก็มีเหตุผลที่ผมปฎิเสธมันตลอด เอาวะทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ 

                        ผมนั่งดูหนังโป้ที่ไอ้ดิวมันเปิดไปได้สักสิบนาที ผมเริ่มรู้สึกว่าเริ่มมีมือไต่มาที่ต้นขาผม มันค่อยเลื่อยขึ้นมา ขึ้นมาจนเกือบจะถึงเป้าผม ผมรีบคว้ามือมันไว้ ผมก็สวมกางเกงกีฬาซะด้วยขามันก็บานๆ ผมไม่ได้ชอบบาสเก็ตบอลแต่ผมชอบพระเอกไงเลยใส่ ผมหันควับมาที่ไอ้ดิว



                       “ดิว มรึงจะทำอะไร”



                       “ก็รู้อยู่ “ดิวพูดสายตามันเหยิ้มมากเลย



                       “ไม่เอา กูไม่ดูแล้ว” ผมพูดแต่ช้าไปที่ผมจะลุกขึ้นดิวมันดันผมลงไปนอนและมันก็รวบแขนผมไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง และมันก็ขึ้นค่อมผมไว้พร้อมกับไซ้ผมที่ศอกคออย่างหืนกระหาย



                       “อย่านะไอ้ดิว “ ผมร้องห้ามมันแต่ไม่เป็นผล มันก็ยิ่งกระทำ



                       “แอ้ กูรักมึง กูรักมึงมาก..แอ้ “



                       “รักห่าอะไรเขาทำแบบนี้ กูยังไม่พร้อมดิว”



                       “กูอยากให้มึงเป็นของกู คนเดียว พร้อมหรือไม่ค่อยว่ากัน แอ้..นะ..ดิว.รักแอ้ “ ดิวพูด ผมผงกหัวมองมัน นี้มันคิดบ้าอะไรเนียะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่ามีคนมาจีบผม เขาเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขา เขาเฝ้าตามจีบผมและติ๊กก็เหมือนจะสนับสนุนเขาอีก



                       “อุ๊บ “ ปากผมถูกปิดด้วยริมฝีปากที่หนานุ่ม ที่กดลงที่ริมฝีปากบางๆอ่อนนุ่มของผม อย่างหนักหน่วงแต่มันกลับทำให้ผมนี้เคลิ้มจนลืมต่อต้านมือที่ดันอกก็กลับไปกุมมืออีกคนอย่างแน่น เราสองคนกอดรัดฟัดกันอยู่พักหนึ่ง ดิวหยุดนิ่งและร่างผมที่นอนหายใจหอบกับการดูดดื่มที่ยาวนาน เพราะนี้คือครั้งแรกกของผม สายตาดิวที่มองผม มันไม่ใช่สายตาหื่นกามแบบในหนัง และดิวก็ถอดเสื้อกีฬาตัวเก่งมันออก เผยให้เห็นแผ่นอกที่แน่นไปด้วยมวลของมัดกล้ามแบบนักกีฬา นี้มันอายุแค่ 14ปี เองนะ ถ้ามันเล่นกีฬาแบบนี้ไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ หุ่นมันจะแซ่บขนาดไหน มัวแต่คิดเรื่องหุ่นดิว ผมมารู้สึกอีกทีชายเสื้อผมกำลังถูกเลิกขึ้น ผมกำลังจะขืนไว้



                       “ดิว”



                       “ทำตามความรู้สึกตัวเอง รักดิวไหม” ดิวถามผม



                       “ดิว..”



                       “ดิวรู้ว่าแอ้คิดยังไงกับดิว ดิวขอนะ “ ดิวพูดกล่อมผมแล้วผมจะปฏิเสธเหรอ ผมก็ยอมให้เสื้อกีฬาตัวนั้นถูกเลิกขึ้นและถอดออกไปจากเรือนร่างของผม และดิวก็ก้มลงพรมจูบไปทั่วเรื่อนร่างที่ปราศจากเสื้อมาปกปิด นี้คงเรียกว่าสัญชาติญาณซินะ ทั้งที่ไม่เคยให้ใครทำแบบนี้มาก่อน หนังโป้ หนังเอ็กซ์อะไรก็ไม่เคยดู แต่ภาพคนแสดงในทีวีที่ถูกกระทำเหมือนผมหรือผมถูกกระทำเหมือนในทีวีก็ไม่รู้มันเหมือนกันแถบทุกกิริยาบท มันเร้าร้อน มันรู้สึกโหยหา ร่างกายผมไม่ต่อต้านการกระทำของดิวอีกต่อไป มันสมยอมไปกับการเล้าโล้มนั้น จนกระทั้งผมรู้สึกเย็นวาบที่ช่วงล่าง ดิวดึงกางเกงผมหลุดไปพร้อมกันทั้งชั้นในชั้นนอก และของดิวก็ไม่อะไรปกปิดเช่นกัน นี้แหละที่พีคมาก มันทำให้ผมตาโตเมื่อเห็นเจ้าโลกอันมหึมา ใหญ่เกินตัวไปไหม ไอ้ดิว ผมถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอ ดิวก็ทำการจับขาผมตั้งและแยกออก ผมมัวแต่ตกใจขนาดแต่ก็ยังพอมีสติ



                       “ดิว ..แอ้กลัว” ผมพูดขึ้น



                       “กลัวเจ็บเหรอ” ดิวกระซิบถามผม 



                       “เออ” ผมตอบไป



                      “นี้มีตัวช่วย แอบเอามาจากห้องพี่ดิม “ ไอ้ดิวพูดและมันก็หยิบ เควายเจลขึ้นมาและบีบใส่มือ มันก็ป้ายที่ก้นผม เย็นวาปเลยและมันก็ทางที่น้องมันแบบชะโลมเลยก็ว่าได้



                       “มาถึงขั้นนี้แล้วอย่าห้ามเลยนะ เพราะดิวหยุดไม่ได้แล้ว “ ดิวพูดและผมก็คงต้องปล่อยให้ไปตามเกมส์ของมันเหมือนกันเพราะผมก็หยุดไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ผมรีบรู้การสัมผัสช่องทางแคบผมของสิ่งนั้นที่เรียกว่าเจ้าโลก



                       “อึบ” ผมเองที่ร้องและหลับตา



                       “นิดเดียวแอ้ “ ดิวพูดและมันก็ออกแรงดันเข้าไปอีก



                       “โอ้ย..ดิว...เจ็บ” ผมร้องเพิ่มระดับความดังขึ้น



                       “อีกนิดเดียวแอ้ ตอนนี้ดิวเสียวมาก” ดิวพูดและดันเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ผมนี้กัดปากตัวเองแน่น เพราะรู้ว่าห้ามไปตอนนี้มันก็ไม่หยุดต้องอดทนให้มีนไหลลื่นเข้าไป แต่มันเหมือนนานเหลือเกิน



                       “โอ้ย!!! “พร้อมร้องออกมาสุดเสียงที่มี ดิวก้มลงกอดผมไว้และมันก็ยังคงดันต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าสุดและมันก็หยุด ผมรู้สึกได้ว่าน้ำตาผมไหลเลยมันเจ็บมากจริงๆ ดิวแช่ไว้แบบนั้น จนสักพักมันรู้สึกความเจ็บค่อยๆเบาลงและดิวก็ค่อยขยับช้าและเร็วขึ้น ดิวดันลำตัวขึ้นและมองหน้าผม ผมหลับตาพริ้ม มันเคลิ้มไปกับจังหวะที่ดิวมอบให้ เคลิ้มจน ถึงจุดพีค คือดิวเริ่มเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนผมหายใจแถบไม่ทันและ

 

                       “อ้า” เสียงร้องของดิวเหมือนได้ปลดปล่อยและดิวมันก็หยุดนิ่ง ดิวมันเกร็งส่วนที่ผ่านเข้าไปในร่างกายผม ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ฉีดพ่นเข้าไปในร่างกายผม และดิวก็หมอบลงทับร่างผมแบบไมได้ทิ้งทำหนักทั้งตัว เนื้อตัวของดิวเปียกโชกไปด้วยเหงือ ดูเหมือนกับไปวิ่งรอบสนามมาซักสองสามรอบได้ ผมสองคนยังไม่ได้พูดอะไรกัน เพราะความเหนื่อยและมันสุขแบบแปลกๆ



                       “ดิว” คำแรกที่ออกจากปากผม



                       “ครับที่รัก” ดิวเรียกผมว่าที่รัก ดิวกำลังจะก้มลงจูบผม



                       “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิด และคนที่เข้ามายืนก็อึ้งไปกับสิ่งที่พวกเขา คนที่เขามานั้นก็คือ พี่ดิมและพ่อ ต่างพากันอ้าปากค้างไปพร้อมกัน



                       “พ่อ!!” ดิวเรียกลุงภาเสียงหลง



                       “ดิว นั้นทำอะไรนะ” พ่อทำดิว ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก



                       “คือดิว” ไอ้ดิวมันถอนส่วนนั้นของมันออก ผมก็ตกในรับหันไปคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือมาปกปิดส่วนสงวนไว้ก่อน ผมได้แต่ก้มหน้าด้วยความอาย



                       “พ่อ ดิว ขอโทษ” ดิวพูดขอโทษก่อนที่จะดึงสิ่งนันออกจากร่างผมไป  ผมรีบหันไปดึงสิ่งที่พอหาได้มาปกปิดร่างกายตัวเอง เพราะความอาย ปกติผมไม่เคยเปิดเผยส่วนสงวนให้ใครได้เห็น นี้พี่ดิมด้วยแถมเป็นเพื่อนพี่อ้นอีกต่างหาก



                       “ดิว..นี้” พ่อถามดิวและเดินตรงเข้ามาหาผมสองคน พ่อมองหน้าผมสองคนสลับไปมา



                       “ใช่ครับพ่อ ผมมีอะไรกับแอ้” ดิวตอบลุงภา



                       “แต่ดิวรักแอ้พ่อ ดิวรักแอ้และดิวเชื่อว่าแอ้รักดิว เราสองคน”



                       “รักกันแต่ดิวไม่ควรทำแบบนี้เพราะว่า “พ่อพูดขึ้นเสียงกับดิว ผมก็เลยคิดว่าคงเพราะว่าเราเปรียบเสมือนญาติพี่น้องกันแน่ๆ



                       “และถ้าลุงภีมรู้เข้า เขาจะว่ายังไง และเราก็เด็กกันทั้งคู่ ทำแบบนี้จะรู้ไหมว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงดิว” พ่อภาถามดิว เท่านั้นแหละน้ำตาผมไหลพรูออกมาเลย



                       “แอ้ พ่อ ไม่ได้ว่าเรานะแอ้”



                       “พ่ออย่าว่าแอ้เลย ผมเองที่ขอเขา เพราะผม ...ผม...”



                       “ผมอะไรดิว” พ่อถามไอ้ดิว



                       “ผมหึง..ที่มีคนมาจีบแอ้ ผมอยากได้แอ้เป็นของผ ผมรับรองว่าผมจะดูแลแอ้และรักเขาแค่คนเดียว” ดิวพูด



                       “มันไม่ใช่แค่นั้นดิว แอ้มีสิ่งที่มากกว่านั้น ดิวอาจจะต้องดูแลสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา” พ่อพูดผมก็เงยหน้ามองพ่อ ว่ามันคืออะไรผมไม่เข้าใจ



                       “เอาละ ...ใส่เสื้อผ้าซะ แอ้ไปชำระร่างหายก่อนแล้วทั้งคู่ออกไปหาพ่อข้างนอกนะ “ พ่อพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ดิมให้ออกไปจากห้องนี้ก่อน



                       “พ่อแล้ว”



                       “ยังไม่รู้ตอนนี้ดิม ต้องรอดูว่าจะเกิดขึ้นไหม พ่อผิดเองที่ไม่บอกดิว” ผมได้ยินพ่อคุยกับพี่ดิม ผมไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พ่อกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับผมกันแน่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มเจ็บระบบที่ก้นผมมาก ดิวสวมเสื้อผ้าให้ตัวเองและเข้ามาช่วยผมแต่งตัว และพาผมเข้าห้องน้ำเราสองคนชำระร่างกาย สวมเสื้อผ้าและรีบแต่งตัวออกไป พ่อนั่งอยู่ที่โซฟา ผมและดิวเข้าไปนั่ง พ่อหันมามองหน้าผม และดิวสลับกันไปมา



                       “ดิม พ่อขอคุยกับน้องเราก่อนนะ” พ่อพูดกับพี่ดิม พี่ดิมที่กำลังทำเอกสารให้พ่อ พี่ดิมก็พยักหน้าพร้อมหอบเอกสารพ่อออกไปด้วย ผมได้แต่นั่งก้มหน้า ผมรู้สึกผิดที่ไม่ห้ามไอ้ดิว



                       “พ่อเสียใจสิ่งทีเกิดขึ้นวันนี้นะดิว “ พ่อพูด ทำเอาผมน้ำตาไหลอีกครั้ง ผมทำให้พ่อภา ซึ้งผมเคารพรักเหมือนพ่อผมอีกคนผิดหวัง



                       “พ่อแต่ผมรักแอ้ ผมก็เคยบอกพ่อไปแล้ว”



                       “พ่อไม่ได้ห้ามไม่ให้รักกันแต่ ผิดหวังที่เราสองคนมีอะไรกันเร็วเกินไป” พ่อพูด



                       “ได้ป้องกันไหม” พ่อถามผมสองคน ผมสองคนได้แต่ส่ายหัว เพราะยังไม่รู้จักวิธีป้องกันเลยด้วยซ้ำ



                       “เห็นไหม เราสองคนยังไม่รู้เลยอะไรคือเซ็กส์ และมันมีความเสียงอะไรบ้าง ป้องกันยังไงบ้าง “ พ่อพูดขึ้น เรื่องจริงมาก ผมสองคนหันมามองหน้ากัน



                       “ฟู้!” พ่อพ่นลมหายใจออกมา



                       “ถ้าภีมรู้เรื่องนี้” พ่อภาพูดผมเงยหน้ามองพ่อภา ผมไม่อยากให้พ่อภีมผิดหวังในตัวผม



                       “พ่อภา อย่าบอกพ่อภีมเลยนะ แอ้ขอร้อง แอ้สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แต่ลุงภาอย่าบอกพ่อเลยนะแอ้ขอร้อง” ผมขอร้องลุงภา พ่อภาทำสีหน้าหนักใจ



                       “พ่อดิวขอรับผิดชอบแอ้ ดิวรู้ว่ามันเร็วไปและผมอายุยังน้อย ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง จะให้ผมไปขอกับอาภีมด้วยตัวผมเองผมก็ยอมพ่อ เพราะว่าผมรักแอ้ ผมรักเขามาก”ดิวพูด



                       “สิ่งที่พ่อกลัวและกังวลมาก ไม่รู้มันจะเกิดขึ้นไหม “ พ่อพูด ผมสองคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจพ่อภาหมายถึงอะไร



                       “ดิว แอ้นะไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายทั่วไป”



                       “เออ ..พ่อหมายถึงอะไรอ่ะ ดิวไม่เข้าใจ”



                       “แอ้นะ มีส่วนที่เป็นของผู้หญิงอยู่ในร่างกาย เขาเรียกว่ามดลูก” พ่อพูด ผมสองคนยิ่งงงกันไปใหญ่



                       “แอ้มีโอกาสท้องได้เหมือนผู้หญิงทั่วไป “ เท่านั้นแหละผมตกใจ อึ้งไปพักใหญ่ ผมนี้นะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย



                       “พ่อพูดจริงๆเหรอ “ ดิวถามพ่อภา



                       “ใช่แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันจะ พร้อมทำหน้าที่นั้นไหม คงต้องรอลุ้น ถ้าไม่ก็โชคดีไป แต่ถ้ามาละ เราสองคนจะทำยังไง ยังเรียนกันอยู่เลย “ พ่อภาพูด ผมหันมมองหน้าดิว อันนี้ผมตันไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลย



                       “ผมพร้อมจะเลี้ยงถ้าแอ้จะตั้งครรภ์และมีลูก ผมพร้อมจะเป็นพ่อ “ ดิวพูดแต่ผมซิ พร้อมไหม และจะเป็นอะไร



                       “เอาละ ไปพักเถอะ ส่วนแอ้ เดี๋ยวให้พี่ดิมดูยาให้ทานนะ คงระบบและอาจจะอักเสบได้ ทานยาแก้ปวด ลดอาการอักเสบกันไว้ก่อนนะ ลุงจะบอกพ่อเรานะให้เราอยู่ที่นี้สักพักไม่ต้องกลับกรุงเทพ พรุ่งนี้ เพราะตอนนี้ภีมก็ยังคงอยู่กับลุงหนึ่ง มีงานด่วนที่ต้องทำให้เสร็จ” พ่อภาพูดและเดินออกไป พ่อภาหยิบมือถืออกไปด้วยคงออกไปโทรหาพ่อภีมปภพตามที่ลุงบอก



                       “ดิม ไปดูยาแก้ปวดให้แอ้นะ และดูยาแก้อักเสปที่คนท้องสามารถทานได้ไม่เป็นอันตรายให้แอ้ทานไปก่อนนะ “ พ่อภาบอกพี่ดิม ให้ไปหายามาให้ผมทานก่อน



                       “แอ้..ดิวขอโทษนะที่ทำให้แอ้เจ็บ “ ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันอยากหาอะไรปาใส่หน้ามันมากแต่ก็ไม่มีอะไรเลยที่อยู่ใกล้มือ



                       “แล้วกรูจะบอกเพื่อนว่ายังไง “



                       “ก็บอกไปซิว่าเราสองคนคบกันรักกัน “



                       “ติ๊กมันจะเสียใจไหม เพราะเราสามคน”



                       “แอ้ดิวไม่ได้รักติ๊ก และไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ ว่าแต่แอ้เถอะ แอ้คิดอะไรกับติ๊กหรือเปล่าถึงได้กลัวไอ้ติ๊ก” ดิวพูดและมาพร้อมโหมดหึง



                       “แอ้..ไม่ได้” ผมรีบพูดเร็วไปกว่าความคิด



                       “ดีแล้ว ...”



                       “แต่เราสองคนจะบอกเรื่องนี้กับติ๊กไม่ได้ แอ้ขอ ขอให้พร้อมก่อนได้ไหม “



                       “ทำไมอะ”ดิวมันเริ่มทำหน้างอนผมอีกแล้ว



                       “กรูขอละ นะดิว” ผมพูดออดอ้อนมันและมันก็ได้ผล มันก็พยักหน้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เต็มใจหนักแต่ก็ยอมให้ผม และวันนั้นดิวก็คอยดูแลผมอย่างดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 11:59:45 โดย PFlove »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
            จนกระทั้งเวลาผ่านไป สิบวัน ผมเริ่มรู้สึกผอืดผอม ปันปวนในท้อง อยากกินก็กินเข้าไปได้นิดหน่อย เริ่มอาเจียน เวียนหัวตอนเช้า มันทรมารมาก แต่ลุงภาได้พาผมไปตรวจเลือดไว้ก่อนแล้วลุงภาบอกว่าตรวจเลือดให้ผมที่รวดเร็วกว่า และวันที่ผมไปรอฟังผล ผมก็ตรวจเลือดอีกครั้ง สิ่งที่ผมได้รับคำตอบหลังผลตรวจเลือดออก คือ ผมตั้งครรภ์ ไม่ใช่การตั้งครรภ์ธรรมดา ผมตั้งครรภ์แฝด 3 คนเลย ผมแทบจะเป็นลมทั้งยืน

           

                       “พ่อภา ผมท้องไม่ได้นะพ่อ ผมท้องไม่ได้ ไหนจะพ่อภีมและพี่ผมละ “ผมปล่อยโห่ ทันที



                       “พ่อ ตรวจดีแล้วเหรอ “ ดิวถามพ่อแลกุมมือผมไว้



                       “ดิวพ่อเคยบอกแล้วไงว่าแอ้นะเขามีสิ่งที่จะทำให้เขาตั้งครรถ์ได้” พ่อภาพูด



                       “แอ้ นั้นลูกเรานะแอ้ “ ดิวบอกผม ผมก็รู้ว่าลูกเราแต่ผมกับมองไปเห็นปัญหามากมาย ภาพของปัญหามันเหมือนมีเครื่องฉายสไลด์ขึ้นมาในหัวของผม แค่คิดน้ำตาผมก็จะไหล ไหนพ่อภีมจะเสียใจ และถ้าต่อไปลูกเกิดมาก ปัญหาในสังคมอีก พวกผมก็เจอกันมาบ่อย โดนคนที่ต่อต้านก็บ่อย และถ้าปัญหามันทำให้ทางออกคือผมกับดิวต้องแยกกันละ



                       “ใช่แล้วกูละ กูควรจะอุ้มท้องในร่างผู้ชายเหรอดิว!!” ผมหันไปถามดิว อันนี่ผมก็ไม่อยากจะคิดเลยภาพผมต้องท้องโต ในวัยเรียนแบบนี้ด้วย



                       “แอ้ นั้นลูกเรา ลูกของเรา เขาไม่รู้เรื่อง” ดิวพูด ผมหันไปมองหน้าพ่อภา ผมบอกอะไรไม่ได้ตอนนี้ เพราะในหัวผมมันตันไปหมดทุกทาง



                       “เอาอย่างนี้ โชคดีที่อายุครรภ์ยังน้อย พ่อหาคนอุ้มท้องให้แล้ว ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสุขภาพ เพราะต้องตรวจละเอียดพอพอกับคนท้องปกตินะ “พ่อภาบอกผม ดิวยิ่งบีบมือผมไว้แน่นกว่าเดิม

                       “เอาเด็กไว้ แต่พ่อต้องถามเราสองคนก่อนว่าพร้อมที่จะเป็นพ่อของเขาไหม” พ่อภาพูด ผมยังงงๆ แต่ดิวมันพยักหน้ารับ



                       “ผมจะเป็นพ่อของเขาให้ดีเท่ากับพ่อเลยครับ”ดิวตอบพ่อ



                       “แอ้ละ”



                       “ผม..เออ..”ผมยังคงงงกับสิ่งที่เกิดกับผมอยู่



                       “แต่พ่อจะบอกก่อนนะว่า แอ้นะเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้และพอมีลูกขึ้นมา พ่อไม่อาจจะการันตีได้ว่าถ้าลูกที่เกิดมาเขารู้เรื่องนี้และจะรับมันได้เหมือนเป็นเรื่องปกติไหม “ พ่อพูดและมองหน้าผมสองคนแบบจริงจัง



                       “ถ้าดูแล้วเขาไม่อาจจะรับตรงนี้คงต้องมีใครสักคนที่ต้องถอยและสถานะจะไม่ใช่พ่อหรือแม่เขา”พ่อพูด ดิวหันมามองหน้าผม



                       “ผมเชื่อว่าเขาตั้งใจมาเกิดกับผมสองคนแล้วและดังนั้นเขาก็จะรักผมสองคนเหมือนที่ผมสองคนจะรักเขาเช่นกันพ่อ” ดิวพูด และกุมมือผมไว้



                       “ได้..พรุ่งนี้พ่อจะทำการดูดตัวอ่อนออกมาและนำใส่ไว้กับคนที่รับอุ้มบุญให้นะ “ พ่อภาพูด



                       “วันนี้พ่อให้ทนายเขามาคุยกับคนอุ้มบุญเพื่อทำข้อตกลงสัญญาเพื่อความปลอดภัย” พ่อภาพูดกับผมสองคน ดิวพยักหน้าตลอด ผมเห็นดิวมันมีสีหน้าดีใจจนผมเองก็โกรธมันไม่ลงจริงๆ



                       “พ่อจะต้องเปิดห้องทดทองที่เคยถูกสั่งปิด เพราะห้องนั้นมีเครื่องมือในการทำเกี่ยวกับสิ่งนี้ “พ่อภาพูดและมองผมสองคน



                       “อันนี้จะต้องเป็นความลับ”



                       “พ่อภา ผมขอร้องอะไรอย่างได้ไหมครับ” ผมพูดขอร้องพ่อภา พ่อพยักหน้าให้ผม ดิวก็มองหน้าผมแบบกังวลว่าผมจะขออะไร



                       “ว่ามาซิแอ้” พ่อภา



                       “ผมยังไม่พร้อมจะบอกพ่อภีม ผมขอเก็บไว้ก่อนได้ไหมครับ” ผมพูด เพราะผมไม่อยากทำให้พ่อผมเสียใจอยู่ดี ที่ผมใจแตกตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแบบนี้



                       “อืมม พ่อก็ว่ายังไม่ควรบอก เพราะภีมหวังไว้มากกับเราแอ้” พ่อภาพูดและเอามือลูบหัวผมเบาๆ



                       “พ่อจะดูแลเราเหมือนลูกพ่อคนหนึ่ง “พ่อภาพูด



                       “พ่อนะดูแลผมดีเหมือนลูกพ่ออยู่แล้ว ผมขอโทษนะครับพ่อภาที่ผมทำให้พ่อเดือดร้อน” ผมพูดน้ำตารินไหล



                       “พ่อดิวก็ขอโทษครับที่ดิวทำไปไม่ทันคิด” 



                       “เอานะ พ่อก็เคยเป็น “ พ่อภาพูด ผมสองคนค่อยคลานเข่าเข้าไปกราบขอโทษพ่อภาพร้อมกัน พ่อเอามือลูปหัวผมสองคนและพี่ดิม กับพี่ดรีมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพ่อที่ในโรงพยาบาล



                       “พ่อจะให้แอ้แอ็ดมิทคืนนี้เลยใช่ไหมครับพ่อ” พี่ดิมถามพ่อ ผมหันไปมองหน้าพ่อ



                       “ใช่ เราต้องตรวจทุกอย่างของแอ้ก่อนและอัลตราซาวล์ดูขนาดของตัวอ่อน “พ่อภาพูด ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมากหนัก



                       “ได้ครับพ่อ ผมจะได้ไปจัดห้องพักให้” พี่ดิมพูด



                       “พ่อผมขอผมอยู่กับแอ้นะครับพ่อ ถ้าให้ผมกลับผมอกแตกตายแน่ๆ”ดิวพูดขึ้นพ่อหันมามองไอ้ดิว



                       “แน่ใจนะว่าแค่อกแตกตายอย่างเดียว อยู่ได้แต่ห้ามซ่าในโรงพยาบาลนะ”



                       “ช่าย เขาห้ามปั้มปั้มกันในโรงพยาบาล” พี่ดรีมพูด ไอ้ดิวมันสะบัดหน้าไปมองพี่ดรีม ผมก็ก้มหน้าอายเลย



                       “มึงนี้นะ ตรงไปไหม” พี่ดิมหันเอ็ดพี่ดรีม



                       หลังจากที่ผมถูกพามาพักที่ห้องพัก ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดคนไข้และดิวก็อยู่ในห้องกับผมตลอด ผมถูกสวนสายน้ำเกลือเอาไว้ อยากบอกว่าอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ ลุกนั่งก็ไม่สะดวกเลยแต่ดีที่มีคนดูแลตลอด พอลุกทีมันก็ดีดตัวมาหาผม ผมนั่งนอนกินข้าวตามเวลาที่เขาเอามาให้และไม่นานผมก็เผลอหลับไป จนกระทั้งมีคนสะกิดไหล่ผมเบาๆ



                       “พร้อมหรือยังแอ้ “ พี่ดิมมาสะกิดผม



                       “เออ พี่ดิม”



                       “พ่อจะมาพาเราไปทำการนำตัวอ่อนออกและจะนำใส่ให้คนที่รับอุ้มบุญให้” พี่ดิมพูด ผมหันไปมองไอ้ดิวที่หลับอยู่



                       “ยังไงดิวก็เข้าไปกับเราไม่ได้และแอ้ต้องถูกวางยาก่อนด้วยเพราะมันจะเจ็บมากแม้จะไม่ได้ผ่าตัดก็เถอะ”พี่ดิมพูดบอกผม  สักพักประตูห้องพักของผมก็ถูกเปิดออก มีพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมเครื่องที่เรียกว่าอัลตราซาวด์ ถูกเข็นมาไว้ข้างๆผม พ่อภาเดินเข้ามาพร้อมพี่ดรีม พี่ดิมเรียนจบแพทย์ทหารแล้วปีที่หก ตอนนี้พี่ดิมฝึกปฏิบัติงานจริงอยู่ที่โรงพยาบาลในค่ายทหารและพี่ดรีมเป็นแพทย์ เอ็กเทิร์น เห็นดิวบอกว่าจะไปต่อสาขากุมารเวชศาสตร์ พี่โดมก็เข้ามาด้วย พี่โดมเป็นแพทย์ทหารปีที่ห้า ตอนนี้ฝึกจริงกับคนไข้ที่โรงพยาบาลและมีฝึกทหารบ้างช่วง พี่โดมมองผมและยิ้มให้ และอีกคนที่เข้ามาก็คือพี่หมอด้า พี่หมอด้าแพทย์อยู่ปี4 และก็มีผู้หญิงเข้ามาอีกสองคน



           “แอ้พ่อจะอัลตราซาวด์ดูตัวอ่อนนะ และนี้ให้พี่ๆเขาดูเป็นเครสตัวอย่างนะ วันนี้มีหมอวิสัญญี เข้ามาร่วมด้วย” พ่อภาบอกผม ผมก็พยักหน้า พ่อภาหันไปพยักหน้ากับพี่ดิม พี่ดิมสวมถุงมือเรียบร้อยแล้วและเข็นเครื่องอัลตราซาวด์เข้ามาใกล้ๆผม  พ่อภาเดินเข้ามาจัดเสื้อผ้าผมให้อยู่ในระดับที่สามารถมองเห็นพุงน้อยๆของผม ที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่ามีสามชีวิตอยู่ในนั้น



                       “เย็นหน่อยนะแอ้” พี่ดิมบอกผม พี่ดิมเขาบีบเจลสีฟ้าๆ ไว้บนเครื่องมือที่ผมคุ้นเคยเพราะว่าอัลตราซาวด์ไปแล้วรอบหนี่ง และพี่ดิมก็นำสิ่งนั้นมาจ่อที่พุงของผม มันเย็นวาปจนผมสะดุ้ง ดิวก็นั่งบับมืออีกข้างของผมไว้ และภาพก็ปรากฎบนหน้าจอที่วีจอแบบ



                       “อันนี้คือตัวอ่อน เอ และนี่ตัวอ่อน บี และเออ..”



                       “ดิมเลื่อนลงไปหน่อยพ่อไม่เห็นตัวอ่อนอีกตัว” พ่อภาบอกพี่ดิม มันทำให้ผมใจหายเลย ตัวอ่อนผมหายไปหนึ่งตัวเหรอ



                       “อ่ะ พอแล้วดิม เจอแล้ว อันนี้ตัวอ่อนซี...บร้าๆๆๆ “ พ่ออธิบายให้ทุกคนในห้องฟังและเขาก็จดกันหยิกๆ เลย ผมไม่รู้ว่าที่พ่อพูดคืออะไรบ้าง ผมรู้สึกอีกทีก็มีนิ้วมาปาดน้ำตาผมที่ไหลโดยไม่รู้ตัว ก็ผมเห็นตัวอ่อนที่จะมาเป็นลูกผมอยู่ในท้องของผม แม้จะเล็กมากๆก็ตาม



                       “เอาละ ผมขอความร่วมมือนะครับทุกคน เรื่องนี้คือความลับ เรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปสู่บุคคลภายนอกไม่ได้เป็นอันเด็ดขาด เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะมีบุคคลที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้นผมขอนะครับ” พ่อผมบอกทุกคนที่เข้ามาฟังและหันมาส่งยิ้มให้ผม พี่ดิมก็จัดการเก็บเครื่องมือ พี่ดิมส่งกระดาษให้ดิว ดิวมันก็รับมาและเช็ดทำความสะอาดที่หน้าท้องของผม



                       “เจอกันในห้องผ่าตัดนะแอ้ ไม่ต้องกังวล ทำใจให้สบายรู้ไหมแอ้ พ่อขอเราให้เชื่อใจพ่อนะแอ้” พ่อหันมาแตะที่ไหล่ผมและบอกผม ผมก็พยักหน้าให้พ่อ และทุกคนก็ออกจากห้องไป ตอนนี้ดิวหันมากุมมือผมไว้ สายตาของเขาเป็นห่วงผมมากแค่ไหนผมรู้ดี



                       ไม่น่านเจ้าหน้าที่เข็นรถก็เข้ามาพาเตียงคนไข้และตัวผมออกจากห้องไปและตรงไปยังห้องไหนก็ไม่รู้เพราะผมเห็นแค่หลอดไฟตลอดการเข็นไปและพอเข้าไปก็มีคนมามุงทำนั้นทำนี้ และมีคนเอาท่ออะไรสักอย่างมาครอบผมไว้



                       “ไม่ต้องกลัวนะค่ะ นึกถึงสิ่งที่ทำให้มีความสุขเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเองค่ะ” เป็นผู้หญิงที่สวมผ้าปิดจมูกและหมวกสีเขียวเขาบอกกับผมไม่นานผมก็หลับไป ใช่สิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายร่างสูงใหญ่ ในชุดเครื่องแบบทหาร แต่รูปร่างแบบนี้มันไม่ใช่พ่อภีมปภพพ่อของผมเลย เขาคุกเข่าและกางแขนผมเองที่ตัวกะเปียดเล็กมากเหมือนเพิ่งหัดเดิน ยังเดินเป๋ๆอยู่เลย



                       “ปะป๊า” เสียงที่เรียกชื่อนั้น



                       “แอ้...มาหาพ่อซิ”  ในภาพผมรีบก้าวเท้าเพื่อไปหาแต่ทว่าผู้ชายคนนั้นกับห่างออกไปเรื่อยๆ ผมก็รีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น แต่มันก็ยังช้าจนกระทั้งภาพนั้นหายไป ผมก็ล้มลงทำได้แค่ร้องไห้ พยายามกางแขนให้เขากลับมา “พ่ออยู่ดูแลเราไม่ได้ ในฐานะพ่อ “ นั้นคือคำพูดที่ผมได้ยิน

-

-

-



                       “แอ้ แอ้ แอ้” เสียงที่ทำให้ผมตื่น ผมหายใจเฮือกใหญ่ นี้ผมฝันไปจริงเหรอ ผมหันไปมองรอบๆ เป็นห้องสีเหลี่ยม



                       “แอ้ เรียกหาอาภีมเหรอ” ดิวนั้นเองที่ประครองผม



                       “พ่อภีม พ่อมาเหรอ” ผมถามดิว



                       “ไม่มา ดูซิเหงือออกเต็มไปหมดเลย” ดิวพูดและผมก็มองไปรอบๆ นี้ผมกลับมาห้องพักแล้วเหรอ และผมก็รู้สึกหน่วงๆที่ท้องน้อยยังไงก็ไม่รู้



                       “พ่อบอกว่าสำเร็จแล้ว ลูกๆตัวอ่อนของเรากลับเข้าสู้คนที่รับอุ้มบุญให้เราแล้วแอ้ เราจะเป็น่พ่อคนแล้วนะ ดิวดีใจที่สุดเลย” ดิวพูดผมได้แค่มองดิว แต่ทำไมน้ำตาผลไหล เพราะภาพความฝันที่ผมฝันไง ถ้าถึงวันนั้นที่ผมไม่อาจจะอยู่กับพวกเขาได้ละ อย่างที่พ่อภาบอกว่าอาจจะต้องมีคนใดคนหนึ่งต้องถอยผมจะทำยังไง



                       “ดิว กรู ไม่พร้อมวะ”  ผมพูดบอกดิวโดยที่ไม่กล้ามองหน้าดิว



                       “แอ้นั้นลูกเรานะ “ดิวพูดบอกผม



                       “แต่กรู ... ไม่รู้วะ กรู ..ไม่พร้อม” ผมพูด ตอนนี้ผมสับสนและหวาดกลัว



                       “แอ้ไม่เอานะ อย่าพูดแบบนี้ดิ” ดิวเริ่มตะคอกใส่ผม



                       “ก็กรูบอกว่า..โอ้ยย” ผมขืนตัวขึ้นนั่ง นี้แหละที่ให้ผมรู้สึกเจ็บมาก จนตัวงอเลย ดิวเห็นเข้าก็ตกใจมันวิ่งไปที่หัวเตียงคนไข้และกดรีโมททันที



                       “แอ้ เจ็บมากไหม”



                       “เจ็บซิไอ้สัส”ผมปวดมากเลยเผลอด่าไอ้ดิวมันไป ไม่นานก็มีคนวิ่งมา เขาเป็นพยาบาลหวอดนั้นเอง แสดงว่าดิวมันกดเรียกพยาบาลให้ผม



                       “มีอะไรค่ะคุณดิว” พยาบาลร้องถามดิวทันที



                       “พี่ครับเรียกพ่อผมให้หน่อยครับ แอ้ปวดแผลนะครับ” ดิวพูด ผมก็กุมท้องน้อยน้ำตาก็ไหล



                       “ได้ค่ะ “พยาบาลพูดและวิ่งไป ผมค่อยๆเอนกายลงนอนช้าๆ ดิวที่ค่อยประครองผม ผมนอนรอพ่อเกือบสิบนาที พ่อภาก็มาถึงพร้อมพี่ดรีม พี่ดรีมเข้ามาดึงตัวดิวออกไปก่อนและพ่อภาก็ให้พยาบาลปิดผ้าม่าน  พ่อภาเข้ามาดูผม



                       “พ่อจะขอดูแผลนะ ทำไมเจ็บมากเลยเหรอแอ้”พ่อภาถามผม



                       “คือ แอ้...ลุกเร็วไปมั้งครับพ่อ “ผมพูด พ่อก็ยิ้มๆ



                       “แต่ตอนที่ผมเอนตัวนอนรอพ่อมันก็ค่อยๆดีขึ้น แต่ก็ยังเจ็บอยู่” ผมพูดเบาๆ



                       “เอาละ ช่วงนี้ต้องค่อยๆขยับหน่อยนะ อย่าเพิ่งเด้งตัวเหมือนเมื่อก่อน ค่อยๆลุก ไม่นานก็หายดี” พ่อพูดและให้พยาบาลปิดผ้าพันแผลกลับไป ผมไม่กล้าดูว่ามันเล็กใหญ่แค่ไหน



                       ผมนอนโรงพยาบาลแค่วันกับคืนแค่นั้นก็กลับบ้าน พอมาถึงก็พักฟื้นที่บ้านพ่อภาไม่นานพ่อภีมก็มาและมารับผมกลับกรุงเทพ ผมก็ยังคงแค่เสียวๆ ที่แผล แต่แผลไม่ใหญ่เลย เล็กมาก ผมเลยทำชีวิตผมเหมือนปกติ ส่วนดิวก็ต้องไปเข้าค่ายชมรมฟุตบอลและผมก็ต้องไปฝึกคาราเต้เพราะผมกำลังจะเข้าแข็งขันชิงสาย แม้บางท่าจะทำให้ผมเจ็บมากแต่ผมก็ต้องอดกลั้นมันไว้ จนกระทั้งเวลาผ่านไปเกือบสิบเดือน พ่อภีมต้องไปงานอีกแล้ว พ่อภาก็อาสาดูแลผมและพาผมกับดิวไปที่ค่ายทหาร



                       “เอาละ พ่อจะบอกว่า ลูกๆเราคลอดได้อาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ตอนนี้พยายาลเขาดูแลอยู่” พ่อพูด ผมนี้ขนลุกขึ้นมาซะอย่างนั้นแต่ไอ้ดิวซิมันดีใจจนบอกไม่ถูก



                       “พ่อจะให้พยาบาลเขาดูไปก่อน เราก็คอยหมั่นไปดูลูกในช่วงกลางวันนะ ไปทำหน้าที่ป้อนน้ำป้อนนม” พ่อภาพูด ผมเงยหน้ามองพ่อ จะทำได้ไงอ่ะ



                       “แอ้ พยาบาลจะสอนให้” พ่อพูด ผมหันมามองหน้าดิว มันพยักหน้ากับผม และผมสองคนก็เดินตามพ่อขึ้นไปชั้น เนสเซอรี่เด็กแรกเกิด ผมเดินผ่านห้องกระจกที่มีเด็กแรกเกิดนอนเรียงราย ถึงเป็นลูกพยาบาลในค่ายทหารแต่ก็มีประชาชนมาใช้บริการเยอะมาก โรงพยาบาลกึ่งเอกชน และมีคนที่ดูแลและสนับพร้อมให้งบประมาณก็จะเป็นใครไปไม่ได้ บรรดาลุงๆและพี่กับน้องของพ่อและองค์กรที่พ่อเป็นส่วนหนึ่งของเขา ส่วนรายได้หลักๆ พ่อมีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง



                       “แอ้” ดิวเรียกชื่อผม เพราะผมหยุดและมองเด็กที่นอนในตู้กระจก เป็นที่นอนเด็กแรกเกิด ผมยืนอึ้งมองอยู่แบบนั้น ทำไมผมรู้สึกตัวเบาๆ ยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก และไม่นานผมก็ไม่รู้อีกเลย เหมือนมีคนมาปิดไฟใส่หน้าผม โลกมันมืดไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั้ง



                       “แอ้” ผมรู้สึกว่ามีมือมาบีบมือผมตลอด ผมลืมตาในห้องพักอีกแล้ว ห้องพักคนไข้แบบวีไอพี ผมก็ดีดตัวขึ้น นี้ผมเป็นลมหรือ



                       “แอ้ เป็นไงบ้าง “ ดิวถามผม ผมก็มองหน้าดิว



                       “อุแหวๆ ๆ”เสียงแหลมเล็กของเด็กอ่อนร้องข้างๆ ผมหันไปก็เจอ เตียงหลอดแก้วมีเด็กหน้าตาเหมือนกันหมดเลยนอนเรียงกันในเตียงเด็กที่เป็นตู้กระจก 3 เตียง ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ทำอะไรไม่ถูก



                       “ลูกเราแอ้ “ ดิวพูด ผมก็ชี้ไปทั้งสาม



                       “ใช่ลูก เราทั้งสามคนเลย “ ดิวพูดและเดินอ้อมไปดันให้เข้ามาใกล้กับผมมากที่สุด ผมก้มมองแต่ละคน ใจคอมันสั่นไปหมด



                       “นมมาแล้วครับ ใครนะร้องดัง สงสัยบ้านเราจะได้นักร้องแน่ๆเลย” พี่ดรีมครับที่หอบเอาขวดนมมาทั้งหมดสามขวด



                       “ได้เวลาทานนมแล้วครับ ใครจะป้อนเอ้ย” พี่ดรีมถามผม ผมก็หันไปมองหน้าดิวและรีบส่ายหัวทันทีผมไม่เคย



                       “แอ้ลองซิ ดิวนะป้อนไปแล้ว “ ดิวพูด ผมก็ยังส่ายหัวและหดขาหนี



                       “แอ้ลองนะ ลองแล้วแอ้จะรักเขามากเลย เชื่อดิวนะแอ้” ดิวพูดกับผม พีดรีมก็พยักหน้าและส่งขวดนมให้ผม พี่ดรีมเดินไปประครองอุ้มเด็กน้อยที่ร้องไห้ขึ้นมาก่อน อย่างเบามือและตรงมาจะส่งให้ผม ผมนี้ทำท่าจะหายใจไม่ทั่วท้องอีกแล้ว



                       “แอ้นั่งเอาหมอนหนุนหลังหนึ่งใบและเอาหมอนที่เหมือนตัวซีนี้วางไว้ที่ตรงท้องนะพี่จะได้เอาน้องวางลง” พี่ดรีมพูด ผมนะไม่ได้ทำอะไรซักอย่างมีแต่ไอ้ดิวที่จัดการให้ผมหมดและพี่ดรีมก็วางเด็กคนหนึ่งลง ปากก็ร้องตาก็หลับแถมยังอ้าปากหาอีกด้วย



                       “แอ้ประครองน้องโดยให้หัวร้องอยู่ที่ตรงข้อพับและเอาแขนโอบตัวน้องไว้นะครับ อุ้มอย่าให้ราบจนเกินไปน้องอาจจะสำลัก อุ้มให้ยกหัวหน้องขึ้นหน่อย อย่างนั้นครับ ดีมากครับ” พี่ดรีมพูดและจัดท่าให้ผมหมด ผมเองยังคงอึ้งแต่ก็มองเด็กน้อยที่ดูดนิ้วตัวเองแทนแล้วแต่ก็ยังคงร้องไห้อยู่ดี



                       “แอ้ น้องหิวแล้วป้อนนมน้องนะครับ” พี่ดรีมบอกผม ผมเงยหน้ามองพี่ดรีมและดิว เขาก็พยักหน้าให้ผมอีกคน ผมก็ค่อยลดขวดลงและบรรจงให้จุกนมนั้นจ่อไปที่ปากเล็กนั้น ทันทีที่ขวดนมสัมผัสริมฝีปากเล็กน่ารัก เขาก็หงับแบบหิวจัดมาและดูดอย่างเร็วและแรง มันเป็นสิ่งทีมหัศจรรย์มากคือผมรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาผมไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ความกลัวที่ผมมีตลอดเวลาเกือบสิบเดือนมันหายไปหมด เหลือไว้แค่ความรักและเอ็นดู ผมหันไปมองอีกสองคน อ้าวทำไมเขานอนหันไปทางเดียวกันนะ



                       “แปลกใจใช่ไหม เขาหันเข้าหากันตลอดเลย ไม่รู้ว่าเขาผูกผันกันตั้งแต่ก่อนเกิดหรือเปล่า “ดิวพูด ผมก็ยิ้มๆ และก้มมองคนที่ผมอุ้มอยู่



                       “คนนี้ชื่อมาริโอ้ ไม่รู้ซิ ดิวนึกชื่อนี้ออกสำหรับคนนี้เลย ร้องเก่งมาก กินก็เก่งมาก”ดิวพูด  ผมก็พยักหน้า ผมว่ามันชอบชื่อนี้เพราะว่าตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นเกมส์มาริโอ้หรือเปล่า



                       “แล้ว” ผมถามถึงอีกสองคน



                       “ไอ และ ไอซ์ “ ดิวพูด ผมก็มองว่าทำไมละ



                       “พอดิวเห็นไอ แล้วมันนึกถึงคำว่าไอเลิฟยู และพอดิวไอ้อุ้มไอซ์ ดิวรู้สึกถึงความเย็นที่ตอนเวลาที่ดิวโมโหใครสักคนจนอยากตะบันหน้ามันให้เละและแอ้เท่านั้นที่แตะแขนดิวและทำให้ดิวเย็นลง “ ดิวพูดและมอง และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็ยิ้ม



                       “ทั้งสามชื่อนี้ดิวนึกถึงแอ้ทั้งหมด” ดิวพูด ผมเงยหน้ามองดิว น้ำตาไหลอีกแล้ว ดิวกอดผมไว้แน่น



                       “เราจะเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบในแบบที่เราเป็น ต่อให้ต้องเป็นพ่อสองคน เราก็จะเป็น เพราะดิวเชื่อว่าลูกจะรักเราสองคนไม่แพ้พ่อแม่คนอื่นๆ ดิวเลือกแล้วเพราะดิวเชื่ออีกว่ามันจะทำให้แอ้อยู่กับดิว” ดิวพูด ผมนี้อึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก



                       “แอ้..ดิว..รักแอ้ “ คำนี้ที่ผมได้ยินมาตลอด จนทุกวันนี้ เขาก็พร้ำบอกผมตลอด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 12:01:21 โดย PFlove »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
Part แอ้
            ปังๆๆๆ เสียงเคาะประตูที่ดังสนั่นปานว่าจะเคาะให้มันพังไปเลย ผมก็สะดุ้งตื่น ผมนอนเอาหัวหนุ่นไหล่ดิวไว้ ผมเหลือบมองเวลาตีห้า ก็แค่ตีห้าแต่ ผมทบทวนว่าผมอยู่ทีไหนตอนนี้ บ้านพักที่ผมต้องมาเป็นนักเรียนและ



                       “ไอ้แอ้ ไอ้ดิว” เสียงนั้นไอ้ติ๊ก ตายละซิถ้ามันเห็นผมตอนกับไอ้ดิว นี้ผมตายแน่ๆ



                       “ดิว ดิว ลุก “ ผมเรียกได้ดิว



                       “ลุกทำไมยังไม่สว่างเลยนะแอ้ ถ้าจะชวนไปวิ่งไม่ไหวละแอ้ ดิววิ่งไปหลายรอบก่อนนอนแล้ว “ไอ้ดิวมันหลับหูหลับตาตอบผม



                       “ดิวตื่นเดี๋ยวนี้ “ผมดึงแขนมันจน



                       “ตุ๊บ”มันตกจากเตียงนอนเลย



                       “ไอ้ดิว....ไอ้ติ๊กมันเคาะประตูจนประตูจะพังแล้ว และถ้ามันเห็นว่ากรูกับมรึงนอนเตียงเดียวกันนี้กรูตาย” ผมพูดกับไอ้ดิว



                       “ก็..แล้วไง ก็กอดกันอยู่จริง”ดิวมันคืบคลานขึ้นมาทำหน้าไม่สนใจโลกเลยไอ้นี้



                       “มึงพูดง่าย มึงไม่ใช่กรู” ผมพูด



                       “ก็ได้...แอ้ก็ไปนอนเตียงนั้นและดิวจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าแอ้มานอนตอนไหนแล้วกัน”ดิวพูดและหันไปช่วยผมเอากระเป๋าของใช้ พวกหนังสือกีฬาต่างของมันนั้นแหละลงและผมก็กระโดดขึ้นไปนอน เอาผ้าคลุมหัวคลุมโปง ผมหวังว่าไอ้ดิวมันจะแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นนะไม่ใช่แย่ลง



                       “ไอ้ดิวววว ไอ้แอ้)))))))” ไอ้ดิวคงเปิดประตูแล้วผมยังคงคลุมโปงอยู่



                       “เป็นบ้าอะไรเนี๊ยะฮะ! “ ไอ้ดิวตะคอกใส่ไอ้ติ๊ก



                       “ก็กูเคาะประตูจนมือกูนี้จะแหลกหมดแล้ว พวกมึงสองคนทำอะไรกันละ” ผมได้ยินเสียงไอ้ติ๊กมันถามไอ้ดิว 



                       “ทำบ้าอะไร ก็แอ้มันนอนกับมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้ดิวถามติ๊ก



                       “มันกลับมาแล้ว..ตอนไหนก็ไม่รู้ มึงอย่าบอกนะว่ามรึงไม่รู้เห็น มึงไปเรียกมันกลับมาใช่ไหม” ไอ้ติ๊ก



                       “กูไม่ได้ไปเรียกใครทั้งนั้น เพราะว่ากูหลับ “ ดิวมันตอบเสียงแข็ง



                       “ให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย “ ผมได้ยิน แต่เสียงและ



                       “นี้ไงมันนอนคุม..โปงอยู่”เสียงติ๊ก และผมก็รับรู้ได้ว่ามันมายืนที่เตียงนอนของผม



                       “อ้าว! เห็นไหมมันกลับมาเมื่อไหร่กูยังไม่รู้ กูไปเรียกมันกลับเหรอ มึงนี้มันบ้า” ไอ้ดิวพูดและผ้าก็ถูกถลกจากใครคนหนึ้ง ผมก็แกล้งทำเป็นสลึมสลือ มองและขยี่ตา ผมก็เห็นไอ้ติ๊ก และไอ้ดิวที่มันยืนอยู่พร้อมผ้าขนหนูพันกายแบบหมินเหม่



                       “อ้าว ติ๊ก ตื่นแล้วเหรอ”ผมถามติ๊ก



                       “มึงกลับมายังไง” ติ๊กถามผม



                       “ก็เดินมาดิ จะให้กูนอนเบียดมรึงทำไมอ่ะ เตียงมันเล็กนิดเดียว” ผมพูดและมองไอ้ดิว ผมจำได้ว่ามันยังมีชุดนอนอยู่แล้วนี้มันทำไมเหลือแค่ผ้าเช็ดตัวเหมือนกับว่ามันแก้ผ้านอน



                       “แล้วทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าวะดิว”ไอ้ติ๊กหันไปถามไอ้ดิว ผมหันไปเห็นแล้วก็นึกอยากจะโบกกระบาลมันจริงๆ นี่มันคิดว่ามันจะช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลง



                       “นึกว่านอนคนเดียวเลยแก้ผ้านอน สบายดี” ไอ้ดิวพูด



                       “คนบ้าอะไรแก้ผ้านอน ดีนะแอ้ที่มึงไม่แก้ผ้าไปด้วย ไม่งั้นนะ..” ไอ้ติ๊กมันพูดและสะบัดหน้ามามองผม



                       “ไม่งั้นอะไร” ไอ้ดิวมันถามไอ้ติ๊กด้วยเสียงแข็ง



                       “แต่จะว่าไปก็ดีนะ จะได้เห็นแอ้มันนอนแก้ผ้าบ้าง” ไอ้ดิวมันหันมามองผม ทำหน้าหื่นกาม ผมก็แอบทำนิ้วเฉือดคอ มันก็หันกลับไปทำหน้าปกติ



                       “ใครจะกล้าแก้ กรูไม่เคยทำซะหน่อย “ ผมพูดและลุกขึ้นนั่ง



                       “ไปอาบน้ำแต่งตัวห้องกูนะ” ติ๊กพูด



                       “กูด้วยไหม พร้อมมาก “ ไอ้ดิวถามไอ้ติ๊ก



                       “มึงอาบน้ำนี้แหละ “ไอ้ติ๊กพูดและเดินออกไป ไอ้ดิวเดินไปปิดประตู



                       “ตุ๊บ “ผมปาหมอนใส่ไอ้ดิว



                       “ปาทำไมเนี๊ยะ” ดิวมันถามผม ยังมีหน้ามาถามกรูอีก



                       “มึงแก้ผ้าไปรับมันแบบนี้นะ กูนี้คิดผิดมากที่จะให้มึงทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่เปล่าเลย ไอ้..ไอ้...ไอ้บ้า!” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะไปเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนักเรียนที่เขามาแขวนเตรียมไหว้ให้ทุกคนในตู้



                       “นี้ยังดีที่เอาผ้าขนหนูพันไว้ อยากออกไปให้เห็นเลยว่า เพิ่งทำอะไรกันมา ดิวเบื่อมากเลยนะ มันจะมาเป็นผู้กำกับชีวิตคนอื่นอะไรหนักหนาและอีกอย่าง มันควรจะรู้จักขอบเขตบ้าง”ดิวพูด ผมกำลังเดินออก



                       “แล้วที่ผ่านมาก่อนที่กูกับมึงจะค่อยๆหายไปจากมันละ เราทำอะไรกัน เราอยู่ด้วยกันกินนอนด้วยกัน มาตอนนี้มึงจะเขี่ยมันออกเหรอ มึงทำได้ไง ดิว” ผมหันไปถามไอ้ดิว



                       “แต่เราจะมีกันสามคนไปตลอดชีวิตไมได้แอ้!!”



                       “ถ้ามันจำเป็นต้องทำหรือไม่ก็ต้องเลือก...กูเลือกที่จะไม่ทิ้งมันแน่นอน ” ผมหันมาพูดและเดินกลับเข้าห้องติ๊กไป ผมเดินเข้าไปก็เห็นมันนั่งบนเตียงหน้าบอกบุญไม่รับเลย และพายก็คงเข้าไปอาบน้ำแล้วเช่นกัน



                       “มึงไปทำอะไรกันใช่ไหมแอ้” ติ๊กมันลุกขึ้นมาได้ก็บีบต้นแขนผมจนผมรู้สึกเจ็บเพราะเล็บมันจิกเข้าที่เนื้อ



                       “ติ๊ก กู ไม่ได้ทำอะไรกัน” ผมพูด



                       “มึงหนีกลับไปนอนกับมันใช่ไหมแอ้!!!”



                       “กูบอกแล้วว่าที่นอนมันแคบกูเลยไม่อยากให้มึงนอนไม่สบาย” ผมพูด และพยายามแกะมือติ๊กออก



                       “กูไม่เชื่อ “



                       “กูบอกให้มันกลับไปนอนห้องมันเอง” เสียงพายพูดขณะที่พายเปิดประตูห้องน้ำออกมา พายเดินมามองหน้าติ๊ก และมองที่มือที่มันบีบต้นแขนผมไว้ว่าให้ปล่อย



                       “ถ้ามึงยังทำร้ายแอ้กูจะเรียกดิวเดี๋ยวนี่ กูนะจะไม่เข้าข้างมึงอีกเพราะมึงงี่เง่า” พายพูด ติ๊กก็ปล่อยแขนผม



                       “ที่จริงแอ้มันสู้มึงได้สบายนะแต่มันไม่ทำ ทำไมมึงถึงทำมันวะ”พายพูด



                       “ มึงเคยคิดป่ะ ว่าแอ้มันคือเพื่อนมรึง ..มึงเคยเข้าใจคำนี้มั้ย” พายพูด



                       “ก็”ติ๊กที่เถียงไม่ออก



                       “นี่อะไร...มันมีห้องนอนของมันและเขาจัดให้แล้วว่าควรนอนหรืออยู่ที่ไหน ก็ควรยอมรับตามที่เขาจัดให้ “พายพูดสีหน้าจริงจัง ทำเอาติ๊กไม่กล้าเถียงกลับเลย



                       “ที่มึงทำแบบนี้นะ มึงแค่รักตัวเองส่วนที่แอ้มันทำ มันยอมเพราะว่ามันรักมึงและแคร์มึง “ พายพูด



                       “ให้มันกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องมัน “พายพูดและ ติ๊กก็หันมามองหน้าผม ติ๊กไม่ตอบอะไรคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดนักเรียนตรงเข้าห้องน้ำไป จริงๆที่ติ๊กบอกดิวนะว่าผมกับเขาอาบน้ำด้วยกันน่ะมันไม่จริงเลย



                       “แอ้ กลับไปห้องเถอะ ปล่อยมันไปบ้าง มึงควรแค่อีกคนมากกว่ามันวะ “ พายพูด ผมได้แต่มองคนที่เข้าไปในห้องน้ำแล้ว



                       “กูดูออกนะว่าอะไรเป็นอะไร “ พายพูด ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวและเดินกลับห้องตัวเอง ผมได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ดิวคงกำลังอาบน้ำอยู่ ผมถลกแขนเสื้อขึ้นดู ปรากฏว่ามันเป็นรอยแดงจั้มตามจำนวนนิ้วของติ๊กที่กดจิกผม ดังนั้นผมจะเข้าไปอาบน้ำกับดิวทั้งแบบนี้ไม่ได้ มันจะต้องรู้และเห็นไอ้ดิวแบบนี้มันหัวร้อนมากเช่นกัน





                       “อ้าวแอ้ “ ดิวออกมาจากห้องน้ำ ยังคงอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันเอวแบบหมินๆ ทำไมมันไม่แต่งตัวในห้องน้ำนะ



                       “เสร็จแล้วเหรอ กูได้อาบน้ำบ้าง” ผมพูด



                       “ก็ไหนบอกจะไปอาบกับติ๊กไง”ดิวมันถามผม



                       “ก็..เออ..”ผมควรจะบอกมันว่าไงดีวะ



                       “ทำไมติ๊กมันงอนเหรอ เลยไล่แอ้กลับมา”ดิวถามผมกลับ ผมก็ลุกขั้นหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำรีบอาบน้ำดีกว่าไม่อยากตอบคำถามเยอะ มันจะทำให้ดิวมันจำพิรุธของผมสองคนได้



                       “ก๊อกๆเสียงเคาะประตู ผมสองคนหันไปมองว่าใคร อย่าบอกนะว่าไอ้ติ๊กมันมาเรียกผมไปห้องมันอีก



                       “ไอ้ตัวดีอีกมั้ยละ” ดิวพูดและเดินไปเปิดประตู มันก็ยังคงอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันเอว



                       “อะไรวะ มึงนี้ไม่รู้จักใส่เสื้อผ้าหรือไงวะดิว” ติ๊ก มันบ่นไอ้ดิว



                       “กูว่าจะแก้ผ้าอยู่นะ” ไอ้ดิวพูดและทำท่าจะดึงผ้าลง



                       “ไม่อยากดูของมึง “ ไอ้ติ๊กพูด



                       “แล้วนี้มาเพื่อ” ดิวถาม



                       “แอ้อาบน้ำแต่งตัวเร็วๆ นะ ลงไปกรูจะชงโปรตีนให้มึงกิน” ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ



                       “มึงก็ควรจะสวมเสื้อผ้าได้แล้วดิว อุบาศ” ติ๊กพูดและเดินออกไป ผมก็รีบเลี่ยงเข้าห้องน้ำทันที รีบอาบน้ำแบบเร็ว ที่แขนก็ยังเจ็บ ผมควรทำยังไงดีไม่ให้มันเห็น ผมไปมองประตูตู้กระจกอาบน้ำ อันนี้แหละวะ ผมก็ทำเหมือนให้มันหนีบผม ไม่ใช่แค่เหมือนให้หนีบจริงๆ



                       “โอ๊ย!” ผมร้องออกมาเสียงหลงและดันเผลอดังไปหน่อย



                       “แอ้ ..เป็นไรนะ แอ้เปิดประตู “ไอ้ดิวผมก็เดินไปเปิด



                       “แอ้เป็นอะไร” ดิวถามผมด้วยอาการตกใจ



                       “คือ เออ กรูรีบปิดประตูตู้อาบน้ำนะมันเลยหนีบแขนกรูนะ” ผมค่อยเปิดมือให้มันดู มันได้ผล รอยประตูหนีบมันทับรอยนิ้วแทนแต่เจ็บมากกว่าหลายเท่าเลยผมทีนี้



                       “โธ่แอ้! จะรีบทำไม “ดิวทำสีหน้ากังวล ผมคิดในใจ กรูขอโทษวะดิว กรูไม่อยากให้มรึงทำให้ติ๊กมันรู้สึกว่ามรึงปกป้องกรูเกินไป ถ้ามรึงรู้ว่าความจริง



                       “อาบน้ำยัง”ดิวถามผม



                       “ยังอ่ะ จะเข้าไปอาบแล้ว” ผมพูด



                       “ให้อาบด้วยไหม” ดิวถามผมปนขำ



                       “ไม่ต้อง มึงสวมชุดแล้ว”



                       “สวมได้ก็ถอดได้ “ ดิวรีบตอบผมทันที ผมเงยหน้ามองมัน อยากจะหันไปหาอะไรปามันจริงๆ แต่ไม่มีมันไกลมือเกินไป



                       “ไม่เอากูรีบดิว!” ผมพูดและหันกลับเข้าไป หันมามองไอ้ดิวให้ออกไปผมจะอาบน้ำ



                       “อย่าเพิ่งสวมเสื้อผ้านะจะเอายาทาให้”ดิวพูดผมพยักหน้า ผมรีบเข้าไปอาบน้ำอย่างเร็วก่อนที่ไอ้ดิวจะกลับเข้ามา พอผมอาบเสร็จไอ้ดิวก็เปิดเข้ามาพอดีและเอาหลอดยา มาทาให้ผม



                       “ทำไมลอยมันแปลกๆวะ บางลอยเหมือนโดนกด เหมือนนิ้วมือเลยเนี๊ยะแอ้ “ดิวพูด มันจะเป็นโคนันอะไรตอนนี้วะผมคิดในใจ



                       “ แน่ใจนะว่านี้คือรอยประตูหนีบนะแอ้” ดิวเริ่มทำเสียงดุใส่ผม ผมก็มองหน้ามันต้องไม่หลุดแอ้ บอกกับตัวเอง



                       “แอ้” ดิวขึ้นเสียงถามผม



                       “ประตูหนีบ ก็เห็นอยู่ดิว มากูทาเอง” ผมแกล้งทำเสียงหงุดหงิดใส่และดึงหลอดยามาจะทาเองแต่ดิวดึงหลอดยากลับไปทาให้ผม



           “พอแล้ว ขอบใจนะดิว” ผมพูดและหันไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างไว ดิวก็พยักหน้าและเดินออกไป ผมก็แต่งกายให้เรียบร้อยและเดินออกมา แต่ไม่เห็นไอ้ดิวแล้ว มันลงไปแล้วมั้ง จะว่าไปยังเหลือเวลาอยู่เลย ผมรีบคว้าทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้และลงไปข้างล่างระหว่างที่ผมกำลังเดินลงบันไดไป เห็นดิวมันคุยกับติ๊ก ผมรีบหลบ



                       “มึงทำอะไรแอ้” ดิวลงมาก่อนเพื่อถามติ๊ก



                       “มึงพูดเรื่องอะไรของมรึง ดิว” ติ๊ก



                       “กูถามว่ามึงทำอะไรแอ้ มึงโมโหที่มันกลับมานอนห้อง มันเหรอวะ ติ๊ก ”



                       “กูไม่ได้ทำอะไร” ติ๊กพูด ผมก็เลยต้องรีบออกมาจากที่ผมแอบ



                       “ดิว อะไรอีก กูบอกว่าประตูตู้ที่อาบน้ำมันหนีบแขนกู มึงไม่เชื่อก็เรื่องของมึง” ผมพูด และมองหน้าไอ้ดิวและหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊กมันก็มองหน้าผม



                       “อ้าว! แล้วมึงไปทำท่าไหนวะมันหนีบเอา ไหนดูดิว ทายายัง” ติ๊กขอดูแขนผมและถามผมเรื่องทายา



                       “กูทาให้แล้ว” ดิวรีบตอบ ติ๊กหันไปมอง



                       “เออ ก็ดีแล้ว มากินผงโปตีนชงกันก่อน หวังว่าไอ้แจ็คมันคงจะตื่นเร็วๆนี้น่ะ “ ติ๊กพูด ผมหันไปมองหน้าดิว ผมรู้ว่ามันไม่พอใจ



                       “ดิว..ถ้ามึงไม่เชื่อกู ต่อไป”



                       “เชื่อก็ได้แต่ดิวแค่ไม่ไว้ใจไอ้ติ๊ก และแอ้ก็เลิกยอมมันได้แล้ว มันเอาแต่ใจเกินไปแล้ว “ดิวพูดและหันไปนั่งที่โต๊ะ ติ๊กมันก็เอาแก้วที่ชงพวกเครื่องดื่มโปรตีนมาให้คนละแก้ว ผมก็รับไปดื่มเช่นกันพายลงมาพอดี พวกผมก็ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บอกตรงๆผมนี้โคตรอึดอัดเลย ดิวมันก็เปิดดูฟุตบอลผ่านมือถือมันโดยไม่ได้พูดอะไร พายมองผม สายตาเบียงไปมาระหว่างดิวกับติ๊ก ก็มันเงียบทั้งคู่ ผมก็ยักไหล่ไม่รู้ และพายก็นั่งลงเงียบๆ และยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับ



                       “มันรู้ใช่ไหมวะไอ้ดิวนะ”จังหวะที่ติ๊กมันหันเอาพวกแก้วไปใส่ไว้ในเครื่องล้าง และดิวมันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดูฟุตบอลของโปรดมัน พายก็กระเทิบมากระซิบถามผม



                       “อืม”ผมตอบโดยไม่มองหน้าพาย



                       “อึดอัดโคตรเลยดิมึงอ่ะ” พายถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน ติ๊กมันหันกลับมาพอดี พายก็กระเทิบออกและเปิดมือถือดูTiKTok ต่อ



                       “ทำไมแจ็คกับบอยยังไม่ลงมาอีกวะ เมื่อคืนเป็นไงบ้างวะ เงียบสนิท มันตีกันไหมวะ”ติ๊กมันถามขึ้น



                       “ถ้าเป็นไอ้แจ็คกับมึงอาจจะใช่ แต่บอยไม่ใช่หรอก” ดิวมันพูดขึ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2020 12:04:43 โดย PFlove »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เหมือนของแอ้กับดิวจะดราม่ายังไงก็ไม่รู้ กะซิ กะซิก

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
Part พ่อกฤษณะ_VS พ่อภูมิ
            ผมกฤษณะ ผมเป็นพี่ชายคนโตสุด พวกผมมาจาก 7 ตระกูลดัง คนที่สองก็คือภาณุเดช ตอนนี้เป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ เป็นหมอทหารที่มีตำแหน่งสูงสุดและทำหน้าที่ดูแลค่ายทหารแห่งหนึ่งและมีโรงพยาบาลในค่ายทหาร ทั้งยังมีอีกหลายสาขาทั่วประเทศ
 
            คนที่ สาม ภูมิ คนนี้พิเศษที่สุดของผม เขาเป็นมากกว่าน้องชายของผม ตอนแรกพี่หนึ่งไม่เห็นด้วยเพราะว่าภูมิเป็นน้องของผมมันดูไม่เหมาะสมแต่ว่าหัวใจมันเลือกไม่ได้และผมกับภูมิก็แอบคบกันจนปัจจุบัน
 
           คนที่สี่ภาษญ์ คนนี้เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมและโรงเรียนสามภาษา มีสาขามากมายทั่วประเทศและต่างประเทศ
 
                      คนทีห้า ภีมปภพ คนนี้เป็นนายทหารตำแหน่งสูงสุดเช่นเดียวกัน ภีมปภพก็เหมือนกับผม ภีมปภพก็แอบคบภาณุเดช ที่ต้องแอบคบเพราะว่าผมทราบมาว่าพี่หนึ่งรักภีมมากกว่าคนที่เขาดูแล แต่ว่าภีมมันเลือกภาและภาก็สู้รบปรบมือมากับพี่หนี่งพอสมควร แม้ว่าทั้งคู่จะยังเปิดเผยสภานะที่ชัดเจนไมได้เหมือนเช่นกับผมก็ตาม
 
                        คนที่หกเปรมดิ์ คนนี้ตอนนี้เป็นพลตรี เปรมดิ์ คนนี้ยังไม่ใช่น้องคนสุดท้อง พวกผมมีน้องคนสุดท้องอีกคนอายุห้างจากเปรมดิ์หลายปี ห่างจากผมหนึ่งรอบได้ คือเป้ คือลูกของคนที่เป็นการ์ดดูแลพวกผม วันนั้นเกิดเหตุการณ์รอบยิ่งเพื่อสังหารเก็บพวกผมและเขาก็เอาชีวิตเพื่อปกป้องพวกผมไว้ และนั้นผมถึงได้เอาเป้มาดูแล
                        ครอบครัวพวกผมเป็นกลุ่มอิทธิพลมืดที่มีบทบาทและมีส่วนสนับสนุนกองกำลังทหาร แต่ว่าพ่อแม่พวกผมโดนสังหารและคนที่เข้ามาดูแลพวกผมนั้นคือพี่หนึ่ง ดังนั้นพี่หนึ่งจึงค่อนข้างมีบทบาทกับพวกผมและลุกพวกผมอย่างเต็มที่ และพอพวกผมโตขั้นมาก็ประสบความสำเร็จ ขึ้นเป็นนักธุรกิจแนวหน้าและตำแหน่งงานดีดีกันทุกคน แน่นอน พวกผมก็ต้องมีทายาทแต่ทายาทของพวกผมก็ได้มาจากการจ้างผู้หญิงตั้งครรภ์ จนมาถึงรุ่นของแจ็คลูกชายผม ก็จะมี บอย ดิว แอ้ ติ๊ก และพาย พวกผมคุยกันว่าจะเลือกออกมาหนึ่งคน เพื่อจะได้รักษาตระกูลของพวกผมไว้ได้ ภาณุเดชเป็นแพทย์ที่มีความสามารถเรื่องการผสมเทียมและเขาได้ค้นคว้าวิจัยเรื่องการเพิ่มเซลล์ให้ผู้ชายตั้งท้องได้ พวกผมจึงตกลงกันให้ บอยคือคนที่ถูกเลือก บอยได้สิทธิ์นั้นตั้งแต่เกิด และอีกคนที่พี่หนี่งเลือกให้คู่กับบอยกับไม่ใช่คนที่บอยรัก นั้นคือดิวลูกภาณุเดช แต่เหตุการณ์ก็ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก่อนที่จะถึงเวลาอันควร บอยตั้งครรภ์กับแจ็ค มันทำให้ผมโกรธมากจน ผมไม่ติดต่อภูมิ เจอกันที่งานก็แค่คุยทักกัน เพราะ ใจผมก็รักเขา แต่สุดท้ายผมก็ใจอ่อน กลับมาหาเขาในวันนี้
 
                       “ถ้าคุณภูมิขึ้นมาให้เข้าไปในห้องพักฉันนะ”ผมหันไปบอกการ์ดที่ดูผมและเดินตรงเข้าห้องพักของผมทันที  ผมมาส่งบอย ตามที่เขาจะมาช่วยเพื่อนๆ เนื่องจากพวกแจ็ค ดิว แอ้ ติ๊กและพาย ทำให้พี่หนึ่งโกรธมาก จึงได้ส่งไปทำโทษ ให้ไปเป็นนักเรียนมัธยมปลายอีกครั้ง เพื่อช่วยภาษญ์แก้ไขปัญหาโรงเรียนแห่งหนี่งที่มีแต่เด็กเกเร ผมรู้ว่าบอยรักแจ็คมากแต่เขายังไมพ่ร้อมที่จะทำหน้าที่ดูแลองค์กร เพราะคนที่จะแต่งงานกับบอยต้องเข้ามามีบทบาทตรงนี้ และไหนจะมีแบงค์อีกคน ผมเลยขอให้บอยอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับแจ็ค ผมจะรอดูก่อน บอยก็รับปากผม
 
                       ตอนนี้ผมเข้าอยู่ในห้องพัก โรงแรมของภาษญ์ ผมบอกลูกๆว่าจะกลับพรุ่งนี้ ภูมิบอกผมอยากจะคุยกับผม ผมเลยบอกให้มาโรงแรมของภาษญ์แล้วกัน  ทุกครั้งที่ผมมาพักชั้นที่ผมพักจะถูกล๊อกเอาไว้และมีแค่การ์ดของผมเท่านั้นที่จะยืนดูแลตั้งแต่ด้านหน้าประตูลิฟท์ ดังนั้นคนที่จะเข้ามาหาผมได้ก็จะต้องผ่านความเห็นของผมก่อน
 
                       “ภูมิ พี่ก็ไม่อยากปิดเรานะแต่ลูกชายเราเขายังไมพร้อมที่จะดูแลสิ่งนั้น ไม่ว่าจะบอยหรือแบงค์ก็ตาม พี่จะรอให้เขาทำให้พี่เห็นซะก่อนนะ” ผมพูดกับตัวเอง
 
                       “ตืด” เสียงมีคนใช้การ์ดรูดแตะประตู และประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ผมไม่ต้องหันไปมองว่าใคร ผมก็เดาได้ว่าเป็นภูมิ ทั้งที่ผมยืนหันหลังให้อยู่ ผมไม่จำเป็นต้องหันไปมอง ผมกำลังถอดพวกนาฬิกาข้อมือของผมออก นาฬิกาที่ภูมิซื้อให้ผม นานมากแล้ว ราคาไม่แพงในตอนนั้นแต่มันมีค่าสำหรับผม ผมจึงสวมใส่ไว้ตลอด
 
                       “หมับ” น้องชายที่ผมรัก ผมรักเขาเกินกว่าพี่น้อง
 
                       “อืมม” มาถึงก็กอดและซุกจมูกลที่ต้นคอขาวๆของผม
 
                       “ทำไมพี่ใจร้ายกับผมจังพี่ณะ..อืมมม” ภูมิพูดและผมก็หันกลับไปมองคนที่กอดผมจากด้านหลัง
 
                       “เราก็ยุ่งไม่ใช่เหรอ พี่..”ผมพูดและมองหน้าภูมิ จะว่าไปแจ็คนี้มันก็ได้ภูมิมาเหมือนกันนะ
 
                       “โจกลับไปแล้วเหรอภูมิ “ ผมถามถึงลูกชายคนโตของภูมิ
 
                       “เห็นบอกว่าจะไปกับอ้นและดิมนะ และพรุ่งนี้ผมก็จะบินกลับไปดูไบ “ ภูมิพูด ผมพยักหน้าแค่นั้น
 
                       “มีอะไรจะคุยกับพี่ละ” ผมถามภูมิ เอียงคอมองคนตรงหน้าดูซิว่าจะเจ้าเหล่อะไรอีก
 
                       “นอนคุยได้ไหมครับ” ภูมิพูดและมือเขาก็กำลัถลกเสื้อสูทของผม ผมก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไรนอนคุยกันได้ไหม ไม่นานเสื้อสูทก็กระเด็นไป และ
 
                       “อืมม...อืมมม.”ผมสองคนก็จูบกันอย่างเร้าร้อน มือทั้งคู่ก็ช่วยกันปลดกระดุมเสื้อผ้าของกันและโดยที่ปากยังไม่หลุดจากกัน ผมกำลังถูกดันให้ถอยหลัง ผมเหลียงหลังมองแวปหนึ่ง ภูมิกำลังดันผมให้ไปห้องนอน และไม่นานผมก็ชนเข้ากับของเตียงราคาแพงของโรงแรมและภูมิก็ดันผมให้นอนลง พร้อมกับขึ้นมาค่อมร่างผมไว้
 
                       “อ้าห์..ภูมิ ..”ผมกำลังโดนริมฝีปากนั้นฝังรอยจูบไว้ทั่วทุกอณูของร่างกาย ตอนนี้ภูมิปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมหมดแล้วเหลือแต่ถึงมันออกไปก็เท่านั้น มือของภูมิก็ปลดกางเกงแสลคเข้ารูปของผมและเขาก็ดึงมันออกไป ผมกระดกหัวมองภูมิ คนที่ยืนอยู่ที่ปลายเท้าของผม ภูมิกำลังถอดเสื้อผ้าตัวเอง ภูมิเป็นคนที่ดูแลตัวเองดี เล่นฟิตเน็ตมาตั้งแต่หนุ่มทำให้เขามีหุ่นที่เรียกได้ว่าเอาไว้ทมารใจสาวๆได้ทุกเพศทุกวัย ทำให้เขาขึ้นแทนพ่อหม้ายนักธุรกิจที่เป็นที่หมายตาของบรรดาสาว แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ฉายตามองใครแน่ๆนอกจากผม
 
                       “ มองแบบนี้ ยั่วผมเหรอพี่ณะ”ผมกำลังดันตัวเองขั้นกึ่งนั่งกึ่งนอนมองคนที่กำลังถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกไปและผมก็มองของผมเช่นกัน ภูมิคืบคลานเข้ามาหาผมและเขาก็ใช้มือถึงปราการชิ้นสุดท้ายออกไปที่ปลายเท้าเช่นกัน
 
                       “ทีเวลาภูมิถ่ายรูปลงปกซีอีโอ ละ ทำหน้าตาเซ็กซี่ จนสาวๆทั้วโลกอยากได้พี่ยังไม่พูดเลยนะ “ ผมพูดและคนที่ขั้นมาทาบทับผมก็ยิ้มให้ผมเหมือนช่นหน้าปกที่ผมบอกเขา และภูมิก็ก้มลงจูบผมมือไม้ก็ลูบไล้ไปทั่วเรื่อนร่างของผผม
 
                       “พี่ณะ ภูมิพร้อมแล้วนะ เมื่อไหร่พี่จะให้ผม..อืมมมดูแล พี่ซะทีละพี่ณะ..อืมมม..” ภูมิพูดและซุกไซ้ไปตามลำคอของผมและเลื่อนลงไปตามแผ่นอกและไล่ลงมาตามหน้าท้องของผม มันทำให้ต้องเกร็งท้องรอ
 
                       “ภูมิทำให้พี่ก่อนนะ “ ภูมิกระดกศรีษะขึ้นบอกผม เพราะว่าเขากำลังจะถึงจุดสำคัญของผมแล้วและภูมิก็ครอบปากลงไป
 
                       “อืมม”ผมถึงกับครางออมาและมือผมก็กดหัวภูมิเอาไว้ ให้เขาจัดการมันให้เรียบร้อยก่อน
 
                       “อะ..อ้าห์ ..ภูมิ..อืมม..พี่..เสียว..” ผมครางออกมาไม่ดังมาก ภูมิก็ยิ่งได้ใจใช้ปากดูดอย่างไม่ปราณีว่าผมจะดิ้นร้นต้านแรงกระเซ่าที่เขามองให้ผมมากแค่ไหน
 
                       “อ้าห์...อืมม..โอ้ว..อืมมมมม” และนั้นคือเสียงคราวลากยาวจากผม เพราะว่าผมได้ถึงฝังฝันไปแล้ว ผมรับรู้ได้จากร่างที่เกร็งจนกระตุกและพ่นน้ำรักออกมา และภูมิดีดตัวขึ้นมาหาผม
 
                       “ถึงเวลาของผมแล้วนะครับ พี่ณะ “ ภูมิพูดผมก็ยิ้มให้เขา ภูมิจัดการใช่แขนทั้งสองข้างช้อนเข้าที่ต้นขาของผมและยกมันขึ้น ผมก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่เรียกว่าความเป็นชายวัยสี่สิบส่วนผมนะห่างจากภูมิ ห้าปี ดังนั้นผมก็สี่สิบห้า
                       
                       “โอ้วว..อืมม..ภูมิ..ซี้ดดด” ผมส่งเสียงเมื่อภูมิได้สอดใส่แกนกายของเขาเข้าในร่างกายผมผ่านช่องทางรักพิเศษของเราสองคน และร่างกายผมก็เริ่มขยับขั้นลงไปมา ภูมิโน้มตัวเองเพื่อจูบปากผม และผมก็จูบเขากลับ เราสองแลกรสจูบที่เร้าร้อนไปตามประสบการณ์และอายุ มันเซ็กส์รุ่นใหญ่
 
                       “โอ้วว...พี่ณะ... โอ้วว..ซี้ดดดด ผมใกล้แล้วพี่ณะ “ แต่ขอ้เสียของรุ่นใหญ่นั้นคือหลั่งเร็วกว่ารุ่นหนุ่ม ไม่นานภูมิก็ปลดปล่อยความอุ่นของน้ำรักเข้าสู่กายผมจนหมด
 
                       “หมับ” คนที่สำเร็จความใคร่ก็หมอบตัวลงที่แผ่นอกของผมก่อนจะถอนสิ่งนั้นออกและพลิกตัวไปนอนด้านข้างของผม
 
                       “พี่ยังไม่ให้คำตอบผมเลยพี่ณะ “ ภูมิพลิกตัวเองมาเป็นนอนตะแครงและใช้แขนเท้ายันศรีษะตัวเองเอาไว้ เขามองผมเหมือนเขาต้องการคำตอบ
 
                       “ภูมิก็รู้ว่าพี่ยังไม่พร้อม “ ผมพูดและค่อยดันตัวเองให้ลุกขึ้น ผมหันไปมองภูมิ เขาทำหน้าเสียใจ เขาอยากดูแลผมในแบบที่ต้องการเปิดเผยให้สาธารณะรับรู้และคนที่เขาต้องการให้รับรู้เรื่องนี้มากที่สุดก็คือพี่หนึ่ง
 
                       “ภูมิ”ผมเรียกภูมิ ภูมิลุกขึ้นนั่ง และเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหยิบเอาเสื้อคุมมาสวมและส่งมาให้ผมหนึ่ง ผมก็รับมาและลุกขั้นสวมใส่เพื่อปกปิดร่างกายของผม
 
                       “ภูมิอย่าทำหน้าแบบนี้ซิ พี่ยังไม่พร้อมในตอนนี้ ลูกพี่ก็ยังเรียนไม่จบกันทุกคน และที่สำคัญที่สุดคือบอย “ ผมพูดกับภูมิ
 
                       “ก็ให้ผมช่วยดูแลไง และแจ็คก็ดูแลบอยได้ พี่ณะ”
 
                       “พี่ขอเวลาได้ไหม “ผมพูดกับภูมิ
 
                       “พี่หนึ่งเขายังไม่ไว้ใจแจ็คมากพอใช่ไหมพี่ณะ” ภูมิถามผม ผมก็มองหน้าภูมิ
 
                       “ก็ทำให้พี่หนึ่งเขาเห็นซิภูมิ บอกแจ็คให้เขาพยายามให้มากกว่านี้ และนี้ก็พากันเกเร พี่อยากเห็นเขามีความรับผิดชอบมากกว่านี้ภูมิ พี่เชื่อเขาทำได้ “ ผมพูดและมองหน้าภูมิ ภูมิพยักหน้าเบาๆ
 
                       “รีบกลับไหมละ อยู่กับพี่ซักคืนซิพี่กลับพรุ่งนี้ และนี้พี่เห็นภากับภีม มาพักที่นี้จะได้ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน เราไมได้ทานอาหารด้วยกันนานแล้วนะ “ผมพูด ทำให้คนที่ยืนตรงหน้าหันมาอบยิ้มให้ผม
 
                       “ถ้าผมอยู่แล้วพี่จะให้ผม..เบิ้นหรือเปล่าเพราะว่าชดเชยที่พี่ชอบวิ่งหนีผม “ ภูมิพูด ผมก็กอดอกมอง นายนี้ได้คืบแล้วจะเอาศอกจริงๆเลย แต่ผมยอมรับว่าวิ่งหนีเขาจริงๆ เพราะว่ากลัวตัวเองใจอ่อน ก็ลูกชายคนตรงหน้าผมดันทำลูกชายผมท้องแต่ผมก็ต้องเลือกปิดเอาไว้ เพราะว่าแจ็คไม่ใช่คนที่ถูกเลือกและบอยก็รักแจ็คมาก และถ้าเรื่องนี้ถึงหูพี่หนึ่ง เขาคงเลือกทำอะไรสักอย่างและนั้นบอยกับแจ็คคงไมได้กลับมาเจอกันอีก และอีกเหตุผลหนึ่ง ผมอยากให้เขาพิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะดูแลบอยได้ เพราะถ้าเขาได้บอย นั้นคือหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ก็รอเขาอยู่เช่นกัน
 
                       “ถ้านายทำให้พี่เห็นว่าควรจะให้ ...ก็ดูก่อนนะ”ผมพูดและเดินหันหลังเข้าห้องน้ำไปแน่นอนคนที่ยืนอยู่ไม่รอช้าและตามผมเข้าห้องไปเช่นเดียว ไม่ต้องถามนะว่ามีเบิ้นไหมไม่เหลือ
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
         Part  พ่อภีมปภพVS พ่อภาณุเดช
                       หลังจากส่งลูกไปอยู่บ้านพักเพื่อจะได้ไปเป็นนักเรียนโรงเรียนของภาษญ์อีกครั้งตามคำสั่งของพี่หนึ่ง แม้ว่าผมเองก็เคยดื้อและต่อต้านในบางสิ่งที่มันควรจะเปลี่ยนมาตั่งแต่วัยหนุ่มและสิ่งที่ผมสู้รบปรบมือมาจนกระทั้งทุกวันนี้ก็คือแย้งคนที่ผมรักกลับคืนมา นั้นคือภีมปภพ เพราะว่าพี่หนึ่งรักภีมมาก รักในฐานะคนรักไม่ใช่คนที่ทำหน้าที่ดูแล แต่ก็ต้องขอบคุณในความรักที่มั่นคงของผมกับภีม มันทำให้ผมได้เขาคืนมา และมันกลับไม่จบแค่นั้น ความรักของดิวรุ่นลูกผม ก็กำลังจะเหมือนกับผมเช่นกัน เขาต้องสู้รบปรบมือเพื่อให้ได้คนที่เขารักที่สุดมา และไหนดิวจะเป็นคนที่พี่หนึ่งเลือกให้แต่งงานกับบอย เด็กๆเหล่านี้ถูกวางหมากไว้ตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเกิดแล้วด้วยซ้ำ แต่เอาเข้าจริงๆ แต่ละคนกลับต่อต้าน รวมถึงลูกชายตัวดีของผมด้วย ดิว  ดังนั้นผมจึงจะต้องทำให้เขาเข็มแข็งและมีความสมารถพอเหมือนๆกับผมเช่นกัน
 
                       “หมับ”ผมเข้าไปกอดภีมปภพ น้องชายที่ห่างจากผมแค่สามปี ภีมปภพเป็นมากกว่าน้องชายที่ผมรัก เขาเป็นคนที่ผมรักสุดหัวใจ ผมกับภีมแอบคบกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ดังนั้นไม่ต้องถามว่าดิวมันซ่าเหมือนใครก็พ่อมันนี้แหละ
 
                       “อืมม..พี่ภา..ไม่..อาบน้ำ...ก่อนหรือไง “ภีมพยายามดันผมออก เพราะว่าผมกำลังซุกไซ้ฝังริมฝีปากไปตามต้นคอ ผมรู้ว่าเขาไมได้ห้ามผมจริงหรอก
 
                       “พี่ดูก็รู้ว่าอยากเล่นจั้มจี้กันก่อนค่อยอาบน้ำ..อืมม” พี่ไม่ได้กอดธรรดา มือก็เอื้อมไปปลดตะขอกางเกงแสลคและรูดซิบลง ผมหมุนร่างนั้นหันมาหาพร้อมกับประกบปากจูบภีมปภพทันที ภีมก็ปลดกระดุมเสื้อผมไปด้วย แถมยังปลดกางเกงผมไปพร้อมๆกัน แบบนี้เรียกได้ว่าอยากได้ก่อนอาบน้ำแน่ๆ
 
                       “พี่ภา!” ผมก็รู้เลยต้องทำยังไง อุ้มเลยแล้วกันไปห้องนอน ภีมเรียกชื่อผมเสียงหลง
 
                       “วางเลย แก่แล้วยังซ่าอีกเดี๋ยวก็ปวดหลัง วางภีมลงเดี๋ยวนี้!” เป็นห่วงอีกกลัวโยกไม่ไหวอีก เอาวางก็ได้
 
                       “เดินเอง ซ่าหนัก!” มาต่อว่าอีกนะ และผมสองคนก็พากันเดินเข้าห้องนอนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้คงกระโจนขึ้นเตียง ตอนนี้สี่สิบสี่แล้ว ค่อยๆขึ้นแล้วกัน และผมก็ขึ้นไปค่อมร่างเล็กบางกว่าผม แม้ว่าความสุงจะพอกัน
 
                       “อืมม..พี่..ภา..” ผมมอบรสจูบที่ดูดดื่มให้กับคนเบื่องล่าง เล่นเอาส่ายไปมาแม้ว่ามันจะไม่ค่อยซู่ซ่าเหมือนรักวัยรุ่นก็ตาม ผมกับภีมเราแอบคบกันแอบได้เสียกันตั้งแต่ภีมยังอยู่มัธยมต้นอยู่เลย (ไม่ต้องถามเลยว่าดิวมันได้ใครมา)
 
                       “โอ้ว..พี่ภา...ซี้ด..อืมมม...”เห็นอายุขนาดนี้ ลีลาก็ไม่ได้ไปตามอายุ ยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม(เรียกว่ายังเตะปี๊ปดังอยู่) เพราะดูจากคนที่เบื้องล่างของผม ดิ้นส่ายไม่อยู่นิ่งขนาดนี้
 
                       “อืมมม...”ผมเริ่มใช้ปากฝังรสจูบไปจนถึงหน้าท้องที่แบนราบและค่อยๆลงต่ำไปเรื่อยจนถึงความเป็นชาย ไม่รอดแน่นอน ผมก็ใช้ปากจัดการมันซะแต่โดยดี ทำเอาคนที่นอนราบหายใจไม่เป็นจังหวะ ผมคิดว่าสักพักคงต้องขึ้นไปผายปอดต่อ
 
                       “อืมม..ซี้ด..อืมม” ภีมกดหัวผมไว้ไม่ยอมให้เงยเลย จนผมต้องจับมือและปล่อยสิ่งนั้นให้เป็นอิสระก่อน
 
                       “ภีมพี่รู้ว่าพี่ทำเก่งนะ แต่ว่าอย่ากดแน่นขนาดนี้ซิภีม พี่จะตายคาของรักของภีมซะก่อน” ผมพูดภีมก็กระดกหัวขึ้นมอง และขำผมด้วยนะ และผมก็กลับไปจัดการที่ชี้หน้ารอการกำราบจากคุณหมอที่เชี้ยวชาญเรื่องสูตินารีเวชและไม่ได้ชำนาญแค่ของผู้หญิงนะ ของผู้ชายผมก็ชำนาญ ชำนาญมากกว่าด้วย
 
                       “พี่ภา..อืมม...ไม่ไหวแล้ว..อ้าห์”ไม่ชำนาญได้ไง ไม่ทันไรชิ่งไปซะแล้ว
 
                       “ถึงคิวพี่บ้างแล้วนะ” ผมพูดและภีมก็คงรู้ดี เขาก็กระดกตัวขึ้น กึ่งนั่งกึ่งนอน ก่อนจะปฏิบัติกันภีมหันไปหยิบหมอนมาหนุนสะโพกและผมก็จัดการเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงช่องทางรักของภีม ก่อนจะปฏิบัติรักก็ต้องเอาเจลมาทาให้มันหล่อลื้นซะก่อนและจัดการนำสิ่งนั้นสอดใส่เข้าไปทันที
 
                       “อืมม..ห่างหายไปหลายเดือนนะ..รู้สึกว่า..ฟิตไปนะ ..อืม” ผมพูดภีมเหล่ตามองผมและเงยหน้าหนีหลับตาพริ้ม ผมเองก็โยกเบาๆ และหนักขั้นเมื่อภีมเริ่มจับไหล่ผมบีบแรงขั้น แรงขั้น แรงโยกก็แรงตาม ไม่นานก็ไปถึงสวรรดิ์ชั้นเจ็ด
 
                       “จ๊วบ!!” ผมจูบคนที่นอนราบที่บนที่นอน ตาก็มองสายตาคู่นั้น
 
                       “พี่ภา..พี่มีอะไรปิดผมหรือเปล่า”ภีมถามผม
 
                       “แล้วภีมคิดว่าพี่มีอะไรจะปิดภีมละ” ผมเอาแขนตั้งรับศรีษะไว้ ขณะที่นอนตะแครงคุยกับภีมปภพ     
 
                       “ภีมไปได้ยินอะไรมาเหรอ..บอกพี่ซิ” ผมถามคนที่หันมามองผม แววตาคู่นั้น มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ภีมยังอยู่ม.ต้น และผมก็อยู่ม.ปลาย แม้ว่าเราจะห่างกัน 4 ปีก็ตาม
 
                       “ก็...ไม่มีนิ แค่ลองถามพี่ดูเพื่อว่าพี่มีอะไรจะบอกภีม” ภีมปภพพูด และหันหน้าหนี
                       
                      “แน่ใจเหรอภีมว่าแค่ลองถามพี่ ภีมเองยังไม่กล้าถามพี่ตรงๆเลยนะ “ ผมพูดภีมหันมามองหน้าผม
 
                       “ว่าแต่ มีต่อไหม พี่คิดถึงอ่ะ ไม่ได้...มาหลายเดือนเลยครั้งปีดีกว่าที่ไม่ได้เจอภีม “ผมถามที่เอาแขนดันเองไว้
 
                       “ปึก” หันไปหยิบหมอนมาปาใส่ผมแบบนี้ เดายากเลยครับ ว่าโอหรือไม่โอ
 
                       “ชวนพี่ณะกับพี่ภูมิไปหาอะไรทานกันดีกว่าเราไมได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยนะพี่ภา” ภีมปภพ พูด ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ผมก็ลุกขึ้นและหันไปยื่นมือ นั้นคือคำชวน จะได้ไปอาบน้ำกัน และก่อนจะไปอาบน้ำก็หยิบมือถือขั้นมาโทรหาพี่ชายซะก่อน
 
                       “พี่ณะ ลงไปหาอะไรทานกันไหมพี่ ผมจะได้ให้เขาจัดห้องอาหารรอ” ผมโทรหาพี่ชายคนโตอายุห่างจากผมสองปี
 
                       “พี่ก็เพิ่งจะคุยกับภูมิอยู่นะว่าจะชวนเราสองคนอยู่พอดีเลย ถ้าอย่างนั้นพี่บอกคนของพี่แล้วกันว่าจะให้ลงไปจัดห้องอาหารไว้สำหรับเราสี่คน ส่วนภาษญ์นะกลับกรุงเทพนะ เพราะว่าพี่สามมาหามันที่กรุงเพท” พี่ณะพูดบอกผม ผมไปพยักหน้ากับภีม และยักไหล่ให้ไปรอในห้องน้ำเลยเดี๋ยวตามเข้าไป และไม่ต้องถามว่ามีต่อไหม มีแน่นอน โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อย เพราะว่าอายลูกเหมือนกันถ้าจะสวีทเหมือนพวกลูกๆทำ

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
       ผมชื่อภาษญ์ เป็นพ่อของบ้านตอเต่า วันนี้ผมไปส่งลูกชายตัวแสบ ติ๊ก ให้ไปช่วยแก้ปัญหาที่โรงเรียนขอบผม ซึ่งลูกบุญธรรมของผมที่ชื่อพัฒน์ถูกส่งไปก่อนแล้ว พัฒน์เขาอาสาไป แม้ผมจะบอกว่าไม่ต้องก็ตาม พัฒน์พยายามจะทำให้เหมือนว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่พิเศษไปกว่าคนอื่น พัฒน์คือลูกชายของการ์ดคนหนึ่งของผมและเขาได้เอาชีวิตเพื่อช่วยผมตอนที่ผมถูกปองร้าย และเขาก็เสียชีวิตลง ตอนนั้นพัฒน์เพิ่งจะไม่กี่เดือนเองและภรรยาของเขาก็ไม่มีกำลังทรัพย์พอจะเลี้ยงดูเขาอยากจะไปแต่งงานใหม่ ผมก็เลยเลี้ยงพัฒน์มาพร้อมๆกับต้าร์ รักเหมือนลูกแท้ๆของผมเช่นกัน

      “ตุ๊ ...จะไปช่วยพัฒน์เมื่อไหร่ละ” ผมถามตุ๊ ลูกชายคนโต ตุ๊เงยหน้ามองผมผ่านกระจกมองหลัง วันนี้ตุ๊ทำหน้าที่คนชับรถให้ผมเองพาน้องชายไปส่ง

      “ผมว่าจะรอสักอาทิตย์สองอาทิตย์นะครับพ่อ และรอดูว่าน้องๆจะทำอะไรได้บ้างหลังจากที่เข้าไปเป็นนักเรียนแล้วนะพ่อ “ ตุ๊พูด ผมก็ยิ้มๆ ผมรู้ว่าตุ๊มันคิดยังไงกับพัฒน์แต่มันคงติดที่ว่าพัฒน์คือลูกบุญธรรมผมด้วย

      “อย่าทิ้งให้พัฒน์แก้ปัญหาคนเดียวละ เข้าใจไหมตุ๊” ผมพูดบอกตุ๊

      “ครับพ่อ ผมจะเคลียร์งานที่กรุงเทพ และรีบไปหาพัฒน์ด่วนที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้พ่อ “ ตุ๊พูด ผมพยักหน้าว่าดี และรถคันหรูของผมก็ขับมาจอดที่ชั้นของผู้บริหารโรงแรมหรูในกรุงเทพ ผมมาเพราะ คนพิเศษผมเขาจะมาทำธุร เลยอยากให้ผมมาหาเขา ผมยอมรับว่าผมกับเขาพิเศษต่อกันจริงๆ แต่ผมยังไม่กล้าพาเข้าบ้าน ทั้งทีลูกๆก็รู้กันหมดแล้วว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน

      “ตุ๊ พ่อไม่กลับบ้านนะ ดูแลน้องๆด้วย”ผมบอกตุ๊และเดินลงจากรถ การ์ดที่ดูแลคนของเขาก็เดินมาและผมก็เดินเข้าไปด้านใน

      “คุณสามละ” ผมถามการ์ดพี่สาม

      “อยู่ด้านในแล้วครับท่าน”

      “ขอบคุณ” ผมพูดและเดินไปขึ้นลิฟท์ ที่เอาไว้สำหรับวีไอพี จะไม่มีคนอื่นมาใช้ปะปนเป็นอันเด็ดขาด ผมเข้าไปในลิฟท์และกดไปชั้นประจำที่พี่สามมาพักเรียกว่าชั้นประจำของผมกับเขาก็ว่าได้ ตอนแรกก็ว่าจะอยู่กับพวกพี่ๆผมซักหน่อย

      “ตื้ด” ผมใช่คีย์การ์ดประจำตัวเข้าไปในห้อง ก็เห็นหนุ่มในเครื่องแบบทหารยศสูงสุดกำลังนั่งคุยกับลุกชายคนเล็ก ชื่อสรจักร

      “ได้ครับป๊า “

      “และอย่าซ่าให้มาก พวกเพื่อนมึงด้วยจักร เบาๆหน่อย อย่าทำให้เขาเห็นว่าพ่อมึงใหญ่แล้วมึงจะซ่าไปทั่วไปโดยไม่โดนทำโทษนะมึง ถ้ามึงโดนมากูจัดมึงหนักนะจักรนะ”พี่สามกำลังเอ็ดลูกชายคนเล็ก

      “อ้าวมาแล้วเหรอ ภาษญ์” พี่สามหันมามองผมและส่งยิ้มมาให้

      “หวัดดีครับอา” สรจักรยกมือไหว้ผม เขาเรียกผมว่าอา ผมก็ยกมือรับไหว้ทันที

      “ไปได้แล้วจักร “

      “ทำไมอะพ่อ พ่อจะ...”

      “ทะลึ้งไป!” พี่สามไล่สรจักรให้ลุกไปทันที

      “ผมไปก่อนนะครับอา ดูท่าพ่อผมจะ..”

      “อะไร” ผมถามลูกชายตัวดีพี่สาม

      “ปึก” หมอนอิงจากที่นั่งลอยมาปะทะหัวลูกชายคนเล็กของพี่สาม
   
      “ป๊า ปาทำไมเนี๊ยะ” สรจักร

      “ไปได้แล้ว!! โทรหาพี่มึงด้วยไอ้อธิคมนะ” พี่สามพูดและผมก็เดินมานั่ง

      “อธิคมมาด้วยเหรอพี่สาม”

      “มาพาเป้ไปนอนบ้านเขาไง “ พี่สามพูด ผมพยักหน้า เป้คือน้องชายผมและเป็นแฟนอธิคม  เป็นเพราะว่าเป้มันเกเรหนักมากและมีปัญหาเรื่องชู้สาว ก็เลยส่งไปอยู่กับพี่สามสักพักและได้เรื่องเลย

      “ไม่เอานะ อธิคมมันก็ดูแลน้องชายเราดี ไว้ใจมันเถอะนะ ถึงแม้จะเจ้าชู้ตัวพ่อแต่ตอนนี้มันเชื่องยิ่งกว่าลูกแมว”

      “เหมือนพ่อเขาใช่ไหมละ” ผมนั่งไขว่ห้างมองพี่สาม

      “จะให้เชื่องก็ต้องมีอาหารมาล่อนะ “พี่สามกระเทิบเข้าใกล้ผม และเอานิ้วมือมาไต่ที่แขนผม แก่แต่ยังหื่นไม่ลดละบ้างเลย

      “เปรมดิ์อยู่ไหนเนี๊ยะ” พี่สามถามผมพร้อมกับกระเทิบเข้ามากอดเอวผมและเอาจมูกมาซุกไซ้ที่ต้นคอของผม ผมหันไปมองหน้าพี่สามว่าถามถึงเปรมดิ์มีอะไร

      “มีอะไรพี่สาม” ผมถามพี่สาม

      “ไอ้สี่มันบอกว่าเปรมดิ์มีเรื่องผิดใจกับมัน มันเลยตามพี่มาง้อเมียมัน”พี่สามบอกผม ผมหันไปมองเพราะว่าเปรมดิ์ก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเรื่องนี้ แต่ก็ยังว่าแหละนี่แสดงว่าพี่สี่ไปหาเรื่องอะไรมาน้องชายผมอีกแล้วแน่ะๆ พี่สี่ค่อนข้างเจ้าชู้ ตอนแรกผมคัดค้านกัน แต่พี่สี่ก็ตามตื้อจนมันใจอ่อนนั้นแหละ

      “ก็อยู่ห้อง...”ผมพูดและมองหน้า

      “พี่ว่าไอ้สี่มันน่าจะหาเองได้อยู่นะ ว่าแต่...เรามาหาอะไรทำกันดีกว่าไหม จ๊วบ” พี่สามรวบด้วยแขนข้างเดียวและอีกข้างก็จับใบหน้าผมพร้อมกับจูบปากผม ผมก็พลิกหันไปหาเขา เราสองคนจูบกัน อย่างเร้าร้อน ผมยอมรับว่าเรื่องบนเตียงพี่สามเหมือนกับวัวหนุ่ม ทีดู่คึกและมันก็เร้าใจ ผมพลิกไปนั่งค่อมปากก็ยังจูบกันอยู่แบบนั้น

      “เอาตรงนี้เลยเหรอ ไม่กลัวลูกเผลอเปิดประตูมาเจอหรือไง” พี่สามถามผม  ผมก็พยักเพย้อว่าไปที่ห้องดีกว่า  และผมก็ลุกขึ้นและพี่สามก็ลุกตาม ผมสองคนกอดรัดกันไปมาจนไปถึงเตียงนอน และร่างผมก็ถูกดันให้ลงที่เตียง พี่สามก็ขึ้นมาค่อมผม มือไม้พี่สามก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าผมและผมก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าพี่สาม ไม่นานเสื้อผ้าของผมทั้งคู่ก็หลุดออกไปจนหมด

      “ใช้ปากเล่นกับของเล่นพี่ไหมครับ “ พี่สามกระซิบ ผมเข้าใจดีว่ามันหมายถึงอะไร ผมก็พลิกตัวเองและพี่สามก็ กระเทิบเข้าไปกึงนั่งกึ่งนอน ผมก็ก้มมองแกนกายของพี่สามที่มันชูชันรอรับการหยอกเย้าจากผม  ปากผมก็คอบสิ่งนั้นไว้ ไซ้ใหญ่เกินมาตราฐานนั้นเข้าไป ผมใช้ลิ้นดุลวนไปอย่างคุ้นเค้ย พี่สามก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขกับการปรนเปรอของผม  อันที่จริงพี่สามไม่ใช่ผู้ชายที่ผมหลงรักแต่คนที่ผมหลงรักคือพี่ชายคนที่สองของผม และพอผมอกหัก ผมก็ไปอยู่พักรักษาใจ ที่ค่ายของพี่หนึ่ง และนั้นก็ทำให้ผมกับพี่สามได้รู้จักกันมาขึ้นและเราก็มีอะไรกัน จนมาถึงปัจจุบัน

      “โอ้วว ..พี่สาม..เบาหน่อยซิ ..โอ้ววว” ตอนนี้ผมกำลังถูกพี่สามรุกล้ำช่องทางรักแบบกระหน่ำไม่ยั้งไม่นานพี่สามก็สุขสมอารมณ์หมาย และพี่สามก็พลิกตัวลงไปนอนแผ

      “หมับ” พี่สามดึงผมเข้าไปกอด

      “นี้ไปส่งเด็กๆมา เป็นไงกันบ้างละภาษญ์” พี่สามถามผม

      “ก็งอแง โดยเฉพาะติ๊ก พี่ก็รู้ว่าเด็กรุ่นนี้เริ่มไม่ต้องการให้ใครมาบ่งการเขามากแล้วนะพี่สาม ถึงแม้ว่าพี่หนึ่งจะบอกพวกผมแล้วก่อนที่จะมีพวกเขาว่าเขาต้องการเด็กรุ่นนี้ และเขาได้วางหมากไว้หมดแล้วก็ตามว่าใครทำอะไร ยังไง” ผมพูด พี่สามก็บีบต้นแขนผม

      “ แต่ว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นขัดใจพี่หนึ่งที่สุดใช่ไหม หึๆ”  พี่สามพูดและยังขำเลย

      “อย่าว่าแต่รุ่นลูกภาษญ์เลย ไอ้จักรมันก็ดื้อพอกันนะ” พี่สามพูด ผมก็พยักหน้า

      “ผมเองก็ไม่เคยบังคับลูกมาก่อนพี่สามพี่ก็รู้” ผมพูด

      “เอานะ พี่เชื่อว่าที่พี่หนึ่งต้องการมันจะดีสำหรับพวกเขา เอาไว้เขาโตขึ้นมา เป็นเหมือนรุ่นๆพวกเรา เขาจะเข้าใจ ภาษญ์พูดไปตอนนี้ก็ไม่เข้าใจหรอกเด็กรุ่นนี้ค่อนข้างที่จะมีความคิดเป็นของตัวเองเยอะกว่าทุกรุ่นนะพี่ว่าและ ยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ด้วยนะภาษญ์ พวกเราก็ทำได้คือค่อยดู แต่พี่เชื่อว่าพวกเขาจะดูแลองค์ของเราได้” พี่สามพูด ผมก็พยักหน้าว่าคงต้องตามนั้นแหละ ผมก็จัดการเข้าห้องน้ำอาบน้ำ พี่สามก็ตามไปแบบโทงๆเลยนะ ใครกันแน่ที่ไม่อายเลยและถ้าลุงเข้ามเห็นละ ผมหันไปมองหุ่นพี่สามไม่เหมือสนคนที่อายุจะขึ้นหลักห้าเลยนะ สี่สิบหกแล้ว ยังมีซีกแพ็คเหมือนรุ่นๆอยู่เลย ยิ่งสวมชุดเครื่องแบบยิ่งดีสมาร์ทมาก จนสาวๆรุ่นใหญ่แอบชายตาไม่รู้กี่คน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   
เปรมดิ์ VS  พี่สี่
   ผมเป็นพ่อของบ้านพ.พาน บ้านผมก็มีลูกทั้งหมด 6 คน  คนโตแพท คนนี้เพิ่งจะจบนายร้อยและได้ไปฝึกมาแล้วทุกหน่วยเช่นกัน ตอนนี้ติดยศ ร้อยเอก  และคนที่ สองพีช พีชอ่อนกว่าแพทไม่ถึงปี เพราะว่าเป็นลูกหัวปีท้ายปี พีชเพิ่งจะจบและกำลังจะไปฝึกแรงเจอร์  คนที่ สามพันญ์ ตอนนี้พั้นญ์กำลังเรียนแพทย์ปี 4  คนที่ สี่ พ๊อช คนนี้กำลังเรียนคุรุศาสตร์ ปี 3 และคนที่ห้า พอล กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เภสัชกร และคนเล็กสุด พาย คนนี้คือความหวังของพี่หนึ่ง เขาต้องการให้พายเป็นหมอ และหมอเกี่ยวกับโรคหัวใจ เพราะว่าพายเรียนเก่งมาก ผม มีลูกเหมือนที่พี่ๆผมทำ มีคนอุ้มบุญให้ แถมผมยังมีแฟนเป็นพี่ชายที่เคยช่วยพี่หนึ่งดูแลผมตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย นั้นคือพี่สี่ ตอนแรกผมก็ไม่อยากได้ผู้ชายคนนี้หรอก เพราะว่าเจ้าชู้ที่สุด รักๆเลิกๆมากไม่รู้กี่ครั้ง และล่าสุดนี้ก็เอาอีกแล้ว จากที่หายไปหลายปีนึกว่าจะเลิกแล้วเชียว

      “พ่อ...เรากลับเมื่อไหร่อะพ่อ” ผมตามพี่ชายมาพักที่โรงแรมหรูของพี่ภาษญ์ กับพีช ก็วันนี้ผมไปส่งพาย ไปเรียนมัธยมใหม่อีกครั้ง ก็เพราะว่าดันหลวมตัวไปซ่ากับพกวแจ็ค จนได้เรื่อง ตอนแรกผมก็คัดค้านนะเพราะผมอยากให้พายไปเรียนมหาวิทยาลัยเลย แต่พี่หนึ่งบอกว่ายังไงพายก็ต้องไป  บางทีผมก็รู้สึกเหมือนพายไม่เป็นตัวของตัวเอง พายต้องเรียนพิเศษมากมาย เพราะว่าเขาถูกเลือกให้เป็นหมอและอยากให้เป็นหมอโรคหัวใจ มันทำให้เขาต้องเสียเวลาส่วนตัวไปกับติวเตอร์

      “พีช  พ่อว่าเก็บของเลย กลับเลยดีกว่า” ผมหันไปบอกลูกชายคนที่สอง ผมรู้สึกเป็นหวงลูกชายอีกสองคนที่บ้านยังไงก็ไม่รู้ พอลนะขอไปพักทีใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนซึ้งมันอยู่คนจังหวัดกับที่ผมอยู่ แต่ที่อยากรีบกลับเพราะว่าผมกำลังโกรธใครสักคนอยู่

      “กลับเลยเหรอพ่อ” พีชหันมาถามผม

      “กลับเลยพีช เดี๋ยวพ่อไปเก็บของในห้องก่อนนะ” ผมพูดและเดินไปเข้าห้องนอนอีกห้อง ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า ผมเดินทางมาด้วยเครื่องบินส่วนตัว ดังนั้นจะกลับตอนไหนก็ได้ ขณะที่ผมกำลังยืนจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ ผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินย่องๆเข้ามาด้านหลังผม ผมว่าไม่ใช่ลูกผมแน่  ผมก็ยังคงยืนจัดกระเป๋าตัวเองต่อไปแต่ค่อยๆย่องไปใกล้ๆกับโคมไฟ

      “ฟั๊บ” ผมคว้ามเอาโคมไฟจะฟาดคนที่มาเยือนด้านหลังผม แต่ว่าเขากับรับไว้ได้ทัน ซะก่อน และคนนั้นก็เป็นพี่สี่

      “พี่สี่” ผมหันมาเจอหน้า

      “ใช่ ..พี่บอกว่าให้รอพี่ไง ..และนี่จะจัดกระเป๋ากลับเลยเหรอเปรมดิ์

      “ใช่..เปรมดิ์จะกลับเลย ..และพี่จะมาทำไม เปรมดิ์บอกว่าเราเลิกกัน พอแล้ว..เปรมดิ์พอแล้ว เปรมดิ์เบื่อ” ผมพูดและพี่สี่ก็ดึงคว้าโคมไฟออกไปจากมือผม

      “เปรมดิ์ พี่ไมได้มีอะไรกับ..เขา ...พี่บอกพี่หยุดแล้วก็คือหยุด “ พี่สี่พูด ผมหันไปมองว่าผมไม่เชื่อ
      “ผมจะกลับแล้วพี่สี่” ผมพูดบอกพี่สี่

      “จะรีบไปไหนละ อยู่กับพี่ก่อน มาให้พี่ง้อเลย “ พี่สี่พูด และเข้ามาขวางผม

      “ไม่เอา ลูกผมอยู่”

      “ไม่อยู่แล้ว พี่บอกขอเวลาง้อพ่อมันหน่อย มันเพ่นเลย มันบอกไม่อยากได้ยินเสียงรุ่นใหญ่เขา
อิบๆกัน” พี่สี่พูดผมหันหน้ามามองนี้ให้พีชมันออกไปเหรอและลูกตัวดีก็ทำตามพี่สี่ผมอีกนะ ผมถึงกับต้องวางกระเป๋าเดินทางลง พี่สี่เข้ามากอดผม

   “เชื่อพี่ซิ พี่ไม่เหลวไหลแล้ว ยอมรับว่าที่ผ่านมา แต่ ตอนนี้ไฟมอดหมดแล้ว เมื่อวันก่อนที่เห็นนะ เขาแค่มาคุยเรื่องลูกๆ กับพี่และพี่กับเขาก็จบกันไปนานแล้วนะเปรมดิ์ ตอนนี้ทำหน้าที่แค่พ่อกับแม่ “ พี่เปรมดิ์พูดบอกผม ผมหันไปเหล่มอง ผมก็ต้องถอนหายใจ ผมยอมพี่สี่อีกแล้วใช่ไหม  พี่สี่มีภรรยาสองคน คนแรกมีลูกแค่คนเดียวคนนี้ไปซ่ามาและทำเขาท้องตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่มเรียนไม่จบ ชื่ออู๋ และภรรยาอีกคนคนนี้แต่งงงานกันทั้งที่ยังมีผมเช่นกัน ตอนนั้นผมก็จำใจยอมให้เขา และเขาก็มีลูกกัน ทั้งหมดหกคน ทิค แทค ราฟ  ไทม์  ริวและฐา เป็นคนสุดท้อง คนโตแก่กว่าแพท สองปีและคนที่สองก็แก่กว่าปีกว่า เพราะว่าทิคกับแทคเป็นลูกหัวปีท้ายปี  ราฟ รุ่นเดียวกับแพทและพีช ส่วนไทม์นี้เป็นรุ่นเดียวกับพั้นญ์ และริวก็รุ่นเดียวกับพ๊อช ส่วนฐานี้รุ่นเดียวกับพาย แต่ก่อนผมกับพี่สี่ก็แอบคบกัน ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมก็ไม่พร้อมจะเปิด พี่สี่เพิ่งจะมาเปิดเผยเรื่องของผมกับเขาไม่นานมานี้แต่พี่สี่เขาแยกทางกับภรรยาเขาหลายสิบปีแล้ว เขาแค่ต้องการมีลูกและภรรยาเขาก็ไปแต่งงานใหม่เรียบร้อยแล้ว เท่าที่ผมทราบ ส่วนลูกๆเขาก็ไปๆมาๆและตอนนี้ก็อยู่กับพี่สี่ทั้งหมดแล้ว ส่วนครอบครัวผมกับพี่สี่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน โดยเฉพาะเด็กๆ แต่ลูกพี่สี่ก็ทราบเรื่องของผมกับพี่สี่มาได้พักใหญ่แล้ว น่าแปลกที่พี่สี่เข้ากับลูกๆผมได้ดี ยกเว้นแพท แพทเขาเห็นพฤติกรรมพี่สี่มานานก็คงจะยากสำหรับเขาหน่อยส่วนคนอื่นก็เรียกพี่สี่ว่าป๊ากันหมด  แต่แพทนี้ผมคิดว่าต้องใช้เวลาพอสมควร

   “พี่สี่  พายทำท่าจะไม่อยากเรียนหมอนะพี่ “ ผมพูด ผมลุกขึ้นจากเตียงเพื่อสวมเสื้มคลุม ผมกับพี่สี่เราเพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจบนเตียง  ผมหันไปมองพี่สี่ที่ยังคงนอนดูข่าวเหตุบ้านการเมืองบนเตียงนอน สวมแค่เสื้อคุมหันมามองผมเช่นกัน

   “ถ้าไม่อยากเรียนพี่จะลองคุยกับพี่หนึ่งให้แล้วกันนะ พี่ว่าถ้าเขาไม่อยากก็น่าจะบังคับ พี่สงสารพาย พี่ก็รักพายเหมือนลูกพี่นะเปรมดิ์” พี่สี่พูด ผมหันมามองพี่สี่ พี่สี่เป็นน้องชายแท้ๆของพี่หนึ่งก็จริง และผมเองก็ไม่อยากให้พี่สี่ทะเลาะกับพี่หนึ่งเพราะผมเลย มันดูไม่ดี

   “ขอเปรมดิ์ถามพายดูอีกทีแล้วกันพี่สี่ “

   “มานั่งใกล้ๆพี่ซิ ไม่ได้เจอกันตั้งเดือนกว่าๆ ไม่คิดถึงพี่หรือไง” พี่สี่ถามผม พี่สี่พูด ผมก็นั่งลงบนที่นอนข้างๆ พี่สี่โอบผมเข้าไป

   “เปรมดิ์    จดทะเบียนสมรสกับพี่ไหม” พี่สี่ถามผมขึ้นดื้อ ผมหันไปมอง

   “ก็พี่หย่ากับคุณมลฤดีนานแล้ว พี่ว่าพี่ควรจะให้สิทธิ์กับเปรมดิ์ เพราะความจริงเปรมดิ์มาก่อนเขาซะด้วยซ้ำและตอนนี้เขาก็กฏหมายก็ยอมรับให้เราจดทะเบียนกันได้แล้ว “ พี่สี่บอกผม

   “ไม่เอาดีกว่าพี่สี่ พี่ๆผมยังไม่จดกันเลยนะ”

   “ทำไมละ ไอ้ครั้นจะให้ไปขอแต่งงานก็คง”

   “ไม่เอาแน่นอน พี่จะให้ผมไปเข้าพิธีแต่งงานกับพี่ตอนนี้นี้นะ แก่เกินไปแล้ว อยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนิ “ ผมพูดพี่สี่มองหน้าผมยิ้มๆ
   
   “ก็อยากให้สิทธิ์เมีย และจะได้เลิกน้อยใจพี่ ตอนนี้พี่แก่แล้ว ง้อไม่ค่อยไหวเหมือนเมื่อก่อนนิเปรมดิ์ ถ้าเมื่อก่อนนะ ยิ่งงอนยิ่งง้อ พี่ชอบ” พี่สี่พี่จอมหื่นของผม

   “นะ จดทะเบียนกันและเพื่อว่าพี่เป็นอะไรไป อย่างน้อย พี่จะได้แน่ใจว่าเปรมดิ์และลูกๆ ของพี่และเปรมดิ์มีคนดูแล “ พี่สี่พดผมหันไปปิดปากแทบจะไม่ทัน ต่อให้พี่สี่เจ้าชู้แค่ไหนผมก็คงทำใจไม่ได้

   “อย่าพูดอีก ผมขอ” ผมพูดพี่สี่หันมายิ้มให้ผม

   “แล้วนี้ไม่กลับแล้วใช่ไหม อยู่กับพี่ พรุ่งนี้กลับพร้อมกัน “ พี่สี่พูดผมก็คงต้องยอมตามนั้นแหละ

   “พี่สามอยู่กับภาษญ์นะ “ พี่สี่พูด ผมหันไปมองหน้า

   “พี่ภาษญ์รู้ว่าพี่มาและพี่ก็บอกไม่ให้บอกผมใช่ไหมพี่สี่”

   “ถ้าบอกนี้ก็จะหนีพี่ใช่ไหมละ มุขนี้ใช้ประจำ แต่พี่ก็ง้อทันประจำ ไม่ใช่เหรอ”

   “เบื่อจริงๆ คนรู้ทันตลอด สงสัยผมต้องเปลี่ยนมุขอื่นดูบ้างถ้าพี่ทำอีก” ผมหันพูด

   “และผมอยากให้พี่เลิกเจ้าชู้จริงๆ เพราะว่า แพท ผมอยากให้แพทเขาเชื่อใจในตัวพี่มากกว่านี้พี่สี่” ผมหันไปพูดกับพี่สี่ พี่สี่ยิ้มให้ผม

   “รอให้แพทไปประจำการที่ฐานพี่ก่อนนะ พี่จะคุยกับเขาเอง “ พี่สี่พูด ผมพยักหน้าแค่นั้น  เมื่อก่อนความรักผมไมได้หวานชื้นหรอกนะ มีรักมีเลิก ไม่ได้มีหลายคนหรอกครับ มีแค่พี่สี่นี้แหละ พอทะเลาะกันก็เลิก และก็มาดีกันอยู่แบบนี้ตั้งแต่ผมยังไม่มีลูก จนผมตัดสินมีลูกเหมือนที่พี่ๆผมทำกัน ผมอยากมีทายาท ส่วนพี่สี่นะเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งแต่ก็ยังคงคบผมอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเราสองคนจะต่างคนต่างอยู่ก็ตาม แฟนของพี่สี่เขาก็ดี เขาไม่มาก่าวกายอะไรกับผม และผมก็ไม่ก่าวกายเธอเช่นกัน จนสุดท้ายพี่สี่บอกว่า คุณมลฤดีขอหย่าขาดแต่ยังคงทำหน้าที่พ่อแม่แค่นั้น ผมเองยังเคยไปทานอาหารกับคุณมลฤดีบ้างในฐานะแฟนของพี่สี่ แต่มันก็ไม่ได้สนิทใจจนถึงขั้นปรองดองกันซะทีเดียว

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP1 
 
Part แจ็ค
        ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ และปกติผมจะต้องออกกำลังกาย บอดี้เวทเบาๆ แต่ว่าวันนี้ไม่อยากลุกเลยอยากกอดเขาแบบนี้นานๆ เพราะผมมไม่รู้จะมีอะไรมาพลากเขาไปจากผมอีกไหม เด็กผู้ชายที่ผมเคยสวมกอดเขาทุกวันก่อนที่เขาจะหายไป และตอนนี้เขาก็กลับมาหาผมแล้ว การหายไปมันทำให้ผมรู้สึกกลัว
 
                       “แจ็ค ตื่นได้แล้วเราต้องเครียมตัวไปแล้วนะครับ” คนที่ผมกอดเขาไว้จากด้านหลัง ผมไม่อยากปล่อยเขาไปเลย
 
                       
                       “แจ็ค” บอยขึ้นเสียงกับผมนิดหน่อย แต่เสียงก็ยังหวานน่าฟังอยู่ดี
 
                       “ก็บอยอยากกอดไว้แบบนี้นานๆนี่ครับ” ผมพูดและ หรี่ตามองบอย ดูซิ คนอะไร เพื่งตื่นนอนยังดูดีขนาดนี้ถ้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะดูดีขึ้นขนาดไหน 
 
                       “ตื่นได้แล้ว” บอยพูดและลุกขึ้น พร้อมกับคว้าเช็ดตัวเพื่อเข้าห้องน้ำ ผมก็จะรออะไรครับ รีบคว้าตามเข้าไปทันที
 
                       “แจ็ค! เข้ามาทำไม แจ็คควรจะรอ”
 
                       “ไม่รอละไปต่อกันเลย “ 
 
                       “ปัง” เสียงประตูห้องน้ำปิดลง ไม่ต้องบอกว่าทำอะไรกันในห้องน้ำ เช้าไปรู้แต่ไม่แคร์ ฮาๆ เสียงสายน้ำจากฝักบัวและคนสองคนที่อาบน้ำด้วยกัน ร่างกายที่เปลือยเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรกันหรอกครับ แค่กอดกันอยู่ใต้ฝักบัว นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ทำแบบนี้ ได้สัมผัสกับผิวสวยๆของบอย 
 
 
                       “เสร็จยังครับแจ็ค ไปแต่งตัวเถอะ เพื่อนๆ จะรอ” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้า ผมและบอยออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัว ผมเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบ ชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมไม่ได้สวมใสมานานแล้วตั้งแต่ยายไปเรียนที่อเมริกา มันก็จะรู้สึกแปลก แต่สักพักคงจะชิน ผมหยิบออกมาและหันไปเจอบอยที่สวมชุดเรียบร้อยแล้ว ถึงกับตลึงเลยผม และที่สำคัญ น้องลุกด้วย เพราะว่าดูน่ารักมากกว่าคลิปยาโยอิ ใส่ชุดนักเรียนซะอีก 
 
                       “ปึก”หมอนครับ ที่ลอยมาปะทะใบหน้าผม ก็บอยนั้นแหละจะใคร
 
                       “รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอยพูด
 
                       “รู้ได้ไงอะ” ผมถามบอยกลับและเอาหมอนไปวางไว้บนที่นอนเหมือนเดิม
 
                       “ก็ดูที่เป้าดิ ตุงเชียว” บอยพูดผมก็ก้มมองจริงด้วย 
 
                       “ก็นะ เห็นใส่ชุดนักเรียนแบบนี้เซ็กซี่กว่าใส่ชุดชั้นในอีก” ผมพูด
 
                       “บ้า! “บอยหันมาค้อนใส่ผม ผมก็สวมกางเกงนักเรียนและเสื้อนักเรียน ติดกระดุมเสื้อ
 
                       “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม ผมหันไปก็ปะทะกับบอยที่ยืนอยู่ด้านหลังของผม เขาเข้ามาจัดคอเสื้อผมและชายเสื้อให้ผม ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยผม 
 
                       “หล่อแล้วครับ”บอยพูด ผมก็มองเขา 
 
                       “คนนี้ก็น่ารักที่สุดในโลกแล้วครับ”
 
                       “งั้นเราลงไปข้างล่างเลยนะ แจ็ค” บอยพูดและทำท่าจะหันหลังออก แต่ผมคว้าข้อมือไว้ได้
 
                       “ห้ามยิ้มให้หนุ่มไหนเด็ดขาดวันนี้ ถ้าเห็นนะ คืนนี้โดน ทำโทษ” ผมพูด 
 
                       “ถ้าอยากโดนทำโทษละ” 
 
                       “ว้าว! ไปหัดที่ไหนมา”
 
                       “หึๆ” บอยหัวเราะผม ผมสองคนเดินลงมาด้างล่าง ผมไม่ได้ยินเสียงจากในห้องพวกนั้นแล้วแสดงว่าลงไปข้างล่างกันหมดแล้ว ตอนนี้ 6.45 รถคงมาจอดรอแล้วมั้ง บอกตรงๆนะไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้เลยจริงๆ ปกติโน้นเกือบเที่ยง 
 
 
                       “มึงเห็นสีหน้าไอ้แจ็คป่ะ ตอนที่บอกมันว่าห้องที่มันจะไปนอนอ่ะ มีเสียงใครก็ไม่รู้” เสียงพาย 
 
                       “ไอ้เนี๊ยะมันป๊อดไง “
 
                       “ป่านนี้มันคงนอนคุดอยู่กับบอยแหละว่าป่ะวะ” 
 
                       “จะเหลือเหรอ”ไอ้ดิว 
 
                       “ทำไมอะ”
 
                       “มันก็แกล้งเล่นตัวไปอย่างนั้นแหละไอ้นี้นะ “ไอ้ดิว 
 
                       “นี้พวกมึงแกล้งกูกันเหรอวะ เรื่องเมื่อคืนห้องนั้นนะ “ ผมลงมาได้ใส่พวกมันเลย มันหาได้สำนึกอะไรไม่ แค่หันมาหยักไหล่ให้ผม
 
                       “เมื่อคืนมันนอนที่ไหนอะบอย” ติ๊กหันมาถามบอย บอยก็ยิ้มและหันมามองหน้าผม ผมนี้แทบจะเอาหน้าซุกพรมหนี 
 
                       “ถุย! ไอ้ปากดี จะนอนห้องนั้นคนเดียว” พายอีกคน 
 
                       “ไปกันยังรถรอแล้ว” ดิวพูด ทุกคนก็ลุกขึ้น บอยก็เดินออกไปพร้อมกับดิวแอ้และพาย เหมือนกับสาวๆเขาคุยกันยังไงก็ไม่รู้ 
 
                       “เป็นไง มึง”ดิวถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน
 
                       “เออ..กรูจะลองสักตั้งหนึ่ง “ ผมพูดกับดิว 
 
                       “รักษาให้ดีนะมึง มีได้แค่รักษานะไม่ง่ายวะ “ ไอ้ดิวพูด พวกผมเดินออกมาที่หน้าบ้าน มีรถมาจอด เป็นรถเก็งสามคัน นั่งคันละสองคน คนขับรถก็หล่อเข็มมาก สวมแว่นตาและสูตรสีดำ มีหูฟังสวมสมกับการ์ด
 
                       “เชิญครับคุณหนู “พี่เขาเปิดประตูรถให้พวกผม ทุกคนกำลังจะเดินไปขึ้นรถ ไอ้ติ๊กรีบดึงแขนแอ้ไว้จะให้นั่งกับมัน และพายก็คงนั่งกับไอ้ดิว ผมเห็นสีหน้าที่บอกว่ามันค่อนข้างผิดหวัง 
 
                       “เออ เดี๋ยวนะ แล้วพวกมึงรู้ยังวะ งานชิ้นแรก ทำอะไร” ผมเบรคพวกมันไว้ ทุกคนหันมามองหน้าผม 
 
                       “อ้าว!  ก็เขาบอกว่าให้ไปโรงเรียนไง แค่นั้น ไปเป็นเด็กนักเรียน แค่นั้น!! “ ไอ้ติ๊พูด
 
                       “ง่ายไปมั้งที่ลุงหนึ่งจะให้ไปนั่งๆนอนๆ ที่โรงเรียนนะ “  ผมพูดขั้น พวกมันหันหน้ามามองหน้ากัน ผมเดาว่าต้องมีอะไรที่มากกว่าการไปเป็นนักเรียน
 
                       “มึงคิดว่าลุงหนึ่งจะให้พวกเราไปถางหญ้า ในโรงเรียนหรือไงละ” ไอ้พาย
 
                       “เออวะ แต่เอาเถอะ ไปถึงก็รู้เอง” ไอ้ดิว พูด ผมหันมามองหน้าบอย บอยพยักหน้าว่าให้ผมเข้าไปในรถได้แล้ว ผมก็พยักหน้าตามนั้นก็ได้วะ ผมเข้าไปนั่งกัน ในรถคันหรูดูดีมีทีวี ไวไฟให้ใช้
 
                       ระหว่างที่รถกำลังแล่น ผมก็กุมมือบอยไว้ตลอด จะดึงขึ้นมาหอมแต่บอยขืนไว้ไม่ยอม ขยิบตาให้ผม บอกว่าอายคนขับรถ ผมพูดให้บอยอ่านปากว่าเขาไม่เห็นหรอก บอยก็ไม่เชื่อ 
 
                       “คุณหนูครับ มีประชุมสายครับ “ พี่คนขับพูดและหน้าจอข้างหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นวีดิโอคอลขึ้นมาทันที พ่อผมกับลุงกฤษณะ ใช่บอยรีบสะบัดมือผมออกอย่างไว 
 
                       “ไงแจ็ค บอย เป็นไงบ้าง หลับสบายดีไหม” พ่อผมถามผม ลุงกฤษณะ อยู่กับพ่อผมได้ไง เป็นคำถามแต่ไม่กล้าถาม 
 
                       “สวัสดีครับลุงณะ” ผมยกมือไว้ว่าที่พ่อตาของผม 
 
                       “หวัดดีแจ็ค “ ลุงกฤษณะรับไหว้ผม 
 
                       “เตรียมพร้อมหรือยังเราสองคน” พ่อถามผม
 
                       “พร้อมเนอะบอย” ผมหันมาถามบอย 
 
                       “ครับพ่อ ครับอา” บอยตอบ
 
                       “ดีแล้ว จำไว้นะ นี้คือสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพวเรามีประสิทธิภาพพอที่จะปกครองคนอีกมากในอนาคต องค์กรของเราเป็นองค์กรที่ค้อนข้างใหญ่ ระดับโลก “ พ่อผมพูด
 
                       “ตกลงผมไปเป็นนักเรียนหรือไปเป็น ผอ โรงเรียนกันแน่อะครับ” ผมถามผม 
 
                       “เพี๊ยะ“บอยตีเข้าที่แขนผมเบาๆ
 
                       “ลูกเรานี้มันกวนเหมือนกัน ภูมิ” ลุงณะหันไปต่อว่าผม พ่อผมหันมาขยิบตาใส่ผมทันที
 
                       “เอาละ พ่อแค่จะเช็คว่าเราสองคนเป็นไงบ้าง แต่ดูแล้วก็สบายดี อ้อ อีกอย่างนะ พ่อๆ คุยกันว่าถ้าอาทิตย์นี้ทำผลงานดีจะได้กลับบ้านนะแจ็ค” พ่อพูดผมหันมายิ้มเลยจะพาบอย
 
 
                       “ครับ” ผมตอบลุงกฤษณะไปแบบเบาๆ แต่มันยังคาใจอยู่เลย 
 
                       “ตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ไปด้วยในตัวนะ ถือซะว่าได้ลิ้มรสการเป็นนักเรียนอีกครั้ง อยู่ในกฏทุกอย่างนะ เพราะว่าถ้าพวกนายแหกกฏ ทุกคนก็จะทำ โดยเฉพาะพวกนายเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน มันจะทำให้เสียไปถึงอาภาษญ์ เข้าใจนะ“ พ่อผมพูด
 
                       “ครับ” ผมสองคนรับคำแต่ผมนะไม่ค่อยเต็มคำเท่าไหร่  พอกดวางสายจากพ่อ ไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ผมต้องมาเรียนกัน อยู่ในตัวเมืองแต่ทำไมพวกผมต้องออกไปอยู่นอกตัวเมืองด้วยก็ไม่รู้
 
                       “ถึงแล้วครับคุณหนู” พี่คนขับรถจอดรถเพื่อให้ผมลง
 
                       “คุณหนูครับ คุณหนูต้องเดินเข้าไปนะครับ ผมเข้าไปส่งด้านในไม่ได้ครับเพราะว่านี้คือกฏของโรงเรียนครับ เขาให้รับส่งตามจุดครับและแค่หน้าประตูเท่านั้น” พี่คนขับรถพูดผมก็พยักหน้า ก็ไม่ไกลมากนะ ผมกับบอยก็ก้าวเท้าลงจากรถ ผมเห็นรถคันอื่นๆ มาจอดแล้วเช่นกัน ผมเห็นดิวกับพายลงมาจากรถ ไอ้ติ๊กมันก็ลงมากับแอ้
 
                       “ พร้อมยังวะ ที่จะเดินเข้าไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง” ผมถามทุกคน บางคนก็หยักไหล่ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตู ซึ่งมีครูผู้หญิงยื่นอยู่
 
                       “เขามายืนหน้าประตูทำไมอะ” พายหันมาถาม พายมันเรียนโรงเรียนพิเศษที่อังกฤษเลยไม่เคยเจอแบบนี้
 
                       “เขาเป็นครูที่นี้นะพายและจะมายืนตรวจความเรียบร้อยก่อนที่นักเรียนจะเข้าไปในโรงเรียนนะ                       
                       “ แอ้พูด พายก็พยักหน้า ระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้า ครูผู้หญิงที่ยืนอยู่ก็หันมามองพวกผม
 
                       “ขอโทษค่ะ นี้ใช่นักเรียนที่จะมาเรียนใหม่ที่นี้ไหมคะ” คุณครุถามพวกผม พวกผมก็พยักหน้าพร้อมกัน
 
                       “ที่ว่าเป็นหลานๆ ของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนใช่ไหมคะ”คุณครูถามพวกผม
 
                       “ใช่ครับ” ไอ้ติ๊กตอบเสียงดังมาก ทำให้คนในระแวกนั้นหันมามองกันหมด แถมมาด้วยสายที่แปลกขึ้นมาทันทีทันใด
 
                       “งั้นเชิญเลยค่ะ เข้าไปด้านในจะมีบอร์ดแผนผังของโรงเรียนค่ะ “ คุณครูบอกผมให้เข้าไปโดยที่ไม่ตรวจพวกผมเลยสักนิดเหมือนคนอื่น เลยยิ่งทำให้มีสายตามองพวกผมแปลกๆมากขึ้น
 
                       “ทำไมเขามองพวกเราเหมือนกิ้งกือไส้เดือนยังไงก็ไม่รู้อ่ะ .....ตั้งคุณครูนั้นพูดแจงสถานะว่าพวกเราเป็นใครมาจากไหน “ พายหันมากระซิบกระซาบกับพวกผม
 
                       “เอาละก่อนอื่น ต้องไปหาของกินก่อนวะ หิววะ “ไอ้ดิวพูดหันมาดึงแขนแอ้ให้ไปเดินใกล้ๆมัน พวกผมก็เดินคุยกันมาเรื่อยๆจะจะผ่านตึกแรก แต่จู่ๆ
 
                       “อ้ายยย!!!!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดดังขึ้นมา และสิ่งเร้นลับที่หลยซ้อนที่ตรงมุมตึกก็ออกมาปรากฎ เก้ง กวาง บ่าง ชะนี มากันครบหมด เล่นเอาพวกผมหยุดเอามือกุมหน้าอก
 
                       “เฮ้ย!!!” พวกผมร้องกันเสียงหลงเหมือนกันตกใจครับ
 
                       “หล่อมากเลยค่ะ!!! “กระเทยไทยใจกล้านั้นเอง หน้าใสพร้อมกับเด็กผมสั้นวัยใสๆ คงมัธยมต้นๆนี้เอง
 
                       “โธ่ เล่นซะกรูตกใจหมด กรี้ดทำไม!!” ผมเองครับ เพราะอยู่ใกล้สุด
 
                       “นี้ที่รัก  จะกรี้ดกันมันต้องแบบนี้ “ ติ๊ก พูดและก้าวขาออกไป
 
                       “อะ..อ้ายย ...อ้ายยย!” เป็นจังหวะและเต้นเวฟก้นให้ดูด้วย พวกนั้นถึงกับอึ้งและก้าวขาถอยไปข้างหลังทั้งกลุ่ม แต่พวกผมนี้กุมขมับ อยากให้พ่อมันเห็นจริงๆ
 
                       “แบบนี้มันไม่ได้อารมณ์โว้ย!!” ติ๊ก
 
 
                       “ไปเถอะว่ะ กูว่าไม่น่ารอด..สงสัยเก้ง กว้าง ทั้งหมดแหละ ยี้” อ้าวสาวน้อยหันหลังกันไปหมด
 
                       “จ๊ะแม่ชะนีวัยกระเตาะ” ติ๊ก ยืนเอามือเท้าซะเอวมองและหันมามองพวกผม ที่ยืนสายหัวกันเป็นแถว ผมว่างานนี้จะพังก็มันนี้แหละ
 
                       “ติ๊ก..มึงนี้ เราเพิ่งมาเสือกหาเรื่องให้รองเท้านันยางลอยมาปะทะปาก แต่จะไม่ใช่แค่ปากมึงมันจะรวมถึงพวกกูด้วย ” แอ้ห้ามปามติ๊กให้หยุด
 
                       “นี้เพิ่งจะคอซองเอง จะรีบสิบเอ็ดรอดอไปไหน” ไอ้ติ๊กมันยังหันไปต่อปากต่อคำกับเขาอีกน่ะ ผมส่ายหัวในความปากไวของมัน
 
 
                       “นี้ห้องอาหาร เดินตรงไปเลี้ยวขวาและเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย และเดินตรงไปอีก “ ไอ้ดิวพูด
 
                       “ทำไมห้องอาหารมันอยู่ลึกจังหวะ”ไอ้ติ๊กเอ่ยถามขึ้น
 
                       “ไปเถอะว่ะ” ผมบอกทุกคนก่อนจะดันบอยให้เดินไปกับผมแบบใกล้ๆ พวกผมเดินผ่านสายที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรไมตรีกับพวกผมมากมาย บางคนก็ยิ้มๆให้แบบไมตรีก็มี
 
 
                       “มันทำให้รู้ว่า เป็นลูกท่านหลานเธอนี้ไม่ได้ช่วยให้ใครต่อใครรักมากขึ้นเลยวะ ว่าแต่พวกเราไปทำอะไรให้วะ” พายพูดขึ้นผมก็พากันส่ายหัว ยักไหล่
 
                       “ตุ๊ดมาแล้วเหรอ” มีคนตะโกนไล่หลังพวกด้วย ผมหันไปเจอมีพวกนั่งกันเป็นแก้งเลย แต่งตัวไม่ได้ถูกระเบียบสักนิดว่าแต่รอดมาได้ไงก็ไม่รู้
 
                       “ติ๊ก” ไอ้ดิวมันเอามือปิดปากติ๊กไว้ได้ทัน ไอ้ติ๊กมันกำลังจะหันไปต่อปากต่อคำแน่ๆ
 
                       “อะไรวะดิว ดูมันว่าพวกเรา มึงกลัวเหรอ” ไอ้ติ๊กหันมาต่อว่าไอ้ดิว
 
                       “กลัว..กลัวว่าจะได้อยู่ยาวเลยมึงคราวนี้ไม่ใช่แค่ปีเดียวถ้ามึงหาเรื่องเพิ่มมาอีก” ไอ้ดิวพูด ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันกลัว มันน่าคนจริงแต่ที่มันห้ามติ๊กเพราะว่าถ้ามีเรื่องขึ้นมาคนที่จะจัดพวกมันหมอบก็คือไอ้ดิว เรื่องล่าสุด ไอ้คนที่มันด่าพ่อพวกผมกันตอนแรกไอ้ดิวจะไม่แต่สุดท้ายไอ้ดิวสัดพวกมันหมอบไปหมดเลยและหมัดมันนี้น๊อกเอาท์คู่กรณีหมอบไปหลายคนเลย
 
                                   “และถ้ามึงเงยหน้าดูดีดี ...มันมีหลายตีนสาด และกูไม่อยากเอาใบหน้ากูไปให้มันวางเท้า มรึงเข้าใจไหม “ดิวพูดและหันไปดึงแอ้ให้ออกเดินไป
 
 
                                   “แปลกเหมือนกันเนอะแจ็ค แต่ละคนที่มองพวกเราอ่ะ”บอยกระซิบข้างหูผม ผมก็พยักหน้า
 
                                   “เย็นไว้มึง เพราะมึงนี้แหละจะพาพวกกูไม่ได้อยู่รอดจนถึง หนึ่งปี” ผมได้ยินพายมันพูดกับติ๊ก
 
                                   พวกผมเดินมาหยุดที่ตรงบันไดตึกที่พวกผมเห็นตามแผนผังคือห้องธุรการ ผมคิดว่าพวกผมควรจะต้องขึ้นไปสอบถามเจ้าหน้าที่หรือครูที่ดูแลก่อนว่าพวกผมจะได้เรียนที่ห้องไหนกัน 
 
                                   “ขึ้นไปถามเขาก่อนที่จะไปทานข้าวดีกว่าวะ จะได้รู้ว่าเรียนห้องไหน” ไอ้ดิวพูดพวกผมพยักหน้า และผมก็พากัเนดินเข้าไป มาหยุดที่หน้าห้อง เขามีช่องให้ติดต่อ
 
                                   “มึงสองคนไปถามแล้วกันพวกกรูยืนตรงนี้ ช่องนิดเดียวแออัดวะ”ติ๊กพูด ผมกับดิวก็เข้าไปติดต่อ 
 
                                   “ขอโทษนะครับผมมาติดต่อเรื่องห้องเรียนครับ” ผมเห็นมีครูผู้หญิงนั่งอยู่ เขาก็เดินเข้ามาหาผม 
 
 
                                   “ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
 
                                   “ผมเพิ่งจะย้ายมาใหม่ครับ “ผมพูด
 
                                  “ย้ายมาใหม่เหรอคะ เอ๊ะ  ขอบัตรนักเรียนด้วยค่ะ มีไหมคะ” คุณครูมารศรี ผมดูจากป้ายชื่อ
 
                                   “พวกผมเป็นหลานของ คุณภาษญ์ ครับที่เป็น ผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ครับ” ผมพูด
 
                                   “อ้อ....ขอโทษทีค่ะ รอสักครู่ค่ะ จะดูให้ค่ะ”  ครูมารศรีพูดและพวกผมก็ยืนรอ ไม่นานครูมารศรีก็เดินกลับมาที่หน้าเคาเตอร์
 
                                   “ในเอกสาร แจ้งว่าเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ค่ะ เรียนห้อง 5 /8 “ พวกผมก็พยักหน้า 
 
                                   “ครูคิดว่าหนังสือและตารางเรียนทุกคนน่าจะได้รับกันหมดแล้ว” ครูมารศรีพูด
 
                                   “ใช่ครับ “ ผมตอบแทนทุกคน 
 
                                   “เวลายังเหลือเยอะเลยค่ะ ไปหาอะไรทานก่อนแล้วกันนะ ไปห้องอาหารถูกไหมคะ” 
 
                                   “ครับ พอดีผมแวะดูแผนผังมา” 
 
                                   “ดีค่ะ ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนนี้เก่งและหน้าตาดีจังเลยนะคะ ” ครูมารศรีพูด ผมก็ยิ้มๆ  นึกในใจถ้าไม่ใช่ลูกหลานอาภาษญ์เขาจะบริการแบบนี้ไหมนะ 
 
                                   “ไปวะ พวกเราเรียน มัธยมปีที่ 5 ห้องที่ 8 “ผมบอกทุกคน 
 
                                   “ไปหาอะไรทานเถอะวะ หิวมาก” ติ๊กพูดทุกคนพยักหน้า 
 
                                   “จะว่าไป โรงเรียนพ่อมึงก็ใหญ่ดีวะติ๊กโรงเรียนนี้นะ แต่นักเรียนกับโรงเรียนไม่ค่อยสมดุลกันเลยว่ะ “ ผมพูด และหันไปมองนักเรียนที่เดินผ่านไปมา 

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP2
 
   ผมยืนจนกระทั้งเสร็จพิธีหน้าเสาธง ก็มีครูใหญ่ขึ้นไปพูดบนเวลาที กล่าวว่าจะมีกิจกรรมนั้นนี้ แต่หาได้มีคนสนใจฟังไม่ ครูก็คุยนักเรียนก็คุย เอาเข้าไป พวกผมไอ้แต่มองจนกระทั้งครูใหญ่บอกให้พากันขึ้นห้องเรียนได้
 
      “ตุ๊ด” มีเสียงดังเล็ดลอดออกมาแต่ไม่รู้มาจากไหน
 
      “พวกกรูไม่ใช่ตุ๊ด พวกกรูเป็นเกย์และเต๊ะปากได้แม่นด้วย” ติ๊กพูดขึ้นไม่ดังมากแต่ก็ดังพอสมควร ทำให้การแย้งพูดกับคุณครูที่พูดอยู่บนเวลาทีเงียบลง
 
      “หวัดดี พวกนายเป็นนักเรียนใหม่กันเหรอ” ไอ้แว่นมันทักทายพวกผม
 
      “ใช่วะ เออว่าแต่ห้องนี้มันห้อง” ไอ้ดิวถามไอ้แว่นื
 
      “5/ 8” ไอ้แว่นหนาตอบ
 
      “แล้วทำไม มีนายคนเดียวห้องนี้ “ พายรีบถามไอ้แว่นหนา
 
      “มีอีก แต่พวกนั้นนะไม่เคยเข้าแถวหรอก” ไอ้แว่นหนาพูด
 
      “มีอย่างนี้ด้วยเหรอว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “มีอีกเยอะ ห้องนี้นะ”ไอ้แว่นพูดและหยักคิ้ว พอดีถึงคิวที่แถวพวกผมต้องเดิน ผมก็เดินตามๆพวกนั้นไป
 
      “ห้องเรียนอยู่ไหนวะ “ ไอ้ดิวพูดขึ้น
 
      “ขึ้นไปตึกหน้านี้เลยนะ และไปชั้นที่3 อยู่ห้อง 311 ถัดจากห้องที่ติดบรรไดไปอ่ะ” ไอ้แว่นมันอธิบาย
 
      “เฮ้ยแล้วนายไปไหนอะ” ผมหันไปถามเพราะเห็นว่ามันไม่ขึ้นห้องไปกับพวกผม ตรงลงมันเรียนห้องเดียวกับพวกผมหรือเปล่า
 
      “เราจะไปเอาสมุดการบ้านก่อนนะ พวกนายขึ้นไปก่อนได้เลย เห็นว่าวันนี้ครูประจำชั้นขึ้นห้อง” ไอ้แว่นหนาพูดและมันก็เดินไป พวกผมหันมามองหน้ากันและพากันเดินขึ้นไปชั้นที่ไอ้แว่นหนาบอก
 
      “ ปวดฉี่วะ ขอเข้าห้องน้ำครูนี้แหละวะ” ไอ้ติ๊กพูด และรีบวิ่งเข้าไปเลย ผมเห็นแต่ละห้องชะเง้อมองพวกผมกัน
 
      “เราเดินขึ้นไปก่อนไหมวะ” ผมบอกไอ้ดิว
 
      “ไปก่อนก็ได้แอ้รอไอ้ติ๊กเอง” แอ้พูด พวกผมพยักหน้า ไอ้ดิวก็เดินไปพร้อมๆพวกผมและพายก็เดินตามเช่นกัน แต่นางเอาแต่ถ่ายเซลฟี่
 
       “เห้ย เจอแล้วห้อง308 “ ไอ้ดิวพูด ระหว่างที่พวกผมยืนที่หน้าห้องก็มีนักเรียนห้องอื่นออมายืนมองพวกผมก็มี เล่นเอาขนนี้ลุกหมดเลย จู่        ๆ พายก็หยิบมือถือขึ้นและ พายก็กดถ่ายเหมือนจะเป็นวิดิโอ
 
      “ไฮ ตอนที่อัดคลิปนี้ก็นี้จะ 9 โมงเช้าแล้ว ถ่ายหน้าห้องเรียนเลยเธอ.... เห็นเสาธงป่ะ “ อีพายมันเล่นถ่ายคลิปไปลงtiktok แน่ ผมยืนเกาหัวเลย แต่ถึงยังไงพวกผมก็ต้องรอไอ้ติ๊กและไอ้แอ้ และพวกผมสังเกตุว่าทุกห้องออกมายืนมองพวกผมกันใหญ่เลย และมองพายที่ยืนถ่ายวิดิโอ
 
      “ไฮ ..ดูยูวอนทูคัมทูเอ็นจอยด์มายวิดิโอ....คลิป!” ยังหันไปถามพวกที่ออกมายืนมองอีกนะ
 
       “เซย์ฮัลโลเพื่อนข้างห้องนะ...ถามว่าไม่อายเหรอ .....หึ...ไม่อายหรอก” พายพูด ใช่พายไม่แต่พวกผมนะอาย
 
      “อีพาย มึงทำอะไรนะ คนยืนมองมึงกันหมดแล้ว อีบ้า” ติ๊กเดินขึ้นถึงก็ถามพาย พายก็ลดมือถือลง
 
      “มองกันเยอะขนาดนี้เก็บค่าดูเลยดีไหม” พายพูดแต่ละคนก็ส่งนิ้วกลางมาให้
 
      “เข้าห้องเถอะวะ ยืนนานเดียวโดนตรีน” ไอ้ดิวพูด
 
      “ยูดอนไลฟ์มี ...หึ..ไอดอนแคร์” พายหันไปพูด
 
      “ไป อีพาย ยังหันไปปากดีกับเขาอีก เอาเข้าจริงๆ มรึงก็หัวหด เหลือแต่พวกกรู” ติ๊กพูดผมก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด บอยมองหน้าผม และก็เป็นผมที่เดินเข้าไปคนแรก ผมเห็นที่นั่งแล้วและกะจะเดินตรงไป
 
      “มีที่นั่งว่างตรงมุมนั้น ติดหน้าต่างเลย ดีนะบอยไปนั่งกัน” ผมหันไปบอกบอยและก้าวขาเดินตรงไปเลยแต่
 
      “ปึก” มีคนดึงเสื้อผมไว้ ผมก็ชะงัก และคนที่ดึงก็คือไอ้ดิวครับ
 
      “ดึงทำไม” ผมหันมาถาม ไอ้ดิวไม่พูดส่งซิกให้ผมหันไปมอง
 
      “อะไรวะ” ผมพูดและพอหันไป ก็ต้องสตันไปเลย คือมีคนนั่ง ไม่นั่งธรรมดา มันนั่งกระดิกเท้ากัน หน้าตาแต่ละคนบอกได้ว่า ไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกผมเลยสักนิด
 
      “ปึก” เสียงมีคนเดินชนไอ้ดิว
 
      “โอ้ย หยุดทำไมละไม่เดินไปที่นั่งละ” ไอ้ติ๊กพูด ไอ้ดิวพยักหน้าให้ไอ้ติ๊กหันไปมองเหมือนผม และมันก็
 
      “อู้ยย! ...มีคนอยู่เหรอวะ” ไอ้ติ๊กพูดขึ้น   
 
      “ใช่..พวกกูอยู่และรอต้อนรับพวกมึงไง” นั้นไงพูดมาขนาดนี้ก็แปลกว่าไม่ยินดีชัดๆ
 
      “อู้ยย  เพื่อนใหม่” พายพูด พวกผมหันไปขยิบตา อย่าไปเล่นกับพวกมัน
 
      “กูยังไม่อยากได้เพื่อนใหม่วะ อยากมีแค่พวกกูที่เป็นเพื่อนเก่าเท่านั้น” คนที่นั่งด้านหลังมันพูด และทำหน้าตาไม่ต่างกับหมาบ้าที่รอขยับพวกผม
 
      “แจ็ค...ผู้จัดการส่วนตัวกูนะ เคยบอกกูว่า ถ้าเข้าไปห้องพักห้องไหนแล้วรู้สึกเย็นๆ อึดอัด ให้รีบออกวะ “ ไอ้ติ๊กพูด
 
      “แล้วมันเกี่ยวเหี้ยอะไรตอนนี้วะ ติ๊ก” ผมหันไปถามมัน
 
      “ก็ตอนนี้กูรู้สึกว่าห้องนี้ใช่วะ พวกเราถอยออกไปเถอะวะ เจ้าที่แรง” ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าเบาๆ ใช่เลย จะว่าไปก็ใช่เลย
 
      “ถอยเถอะวะ กรูว่าผิดห้องว่ะ” ผมหันไปบอกพวกมันและพวกผมก็พากันออกมาที่หน้าห้อง พร้อมได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาอย่างซะใจที่สุด
 
      “ห้องก็ถูกนะแจ็ค”บอยพูด ผมรู้ว่าห้องนะถูก 5/8 แต่ผมคิดว่าคุณครูคงลงชื่อพวกผมผิดห้อง “

      “ห้องนะถูกบอยแต่เพื่อนในห้องเรานะมันผิด ดูหน้าแต่ละคนไม่น่าจะใช้เพื่อนร่วมชั้นกับพวกเราหรอก มันโหดเกินไป “ ผมหันมาบอกบอย
 
      “ไปหาเจ้าหน้าที่ห้องธุรการก่อนวะ ให้เขาหาห้องเด็กเนิ้ดให้พวกเราดีกว่าวะ “ ไอ้ติ๊กพูด ผมรีบพากันเดินหันหลังแต่
 
      “อ้าวอยู่นี้เอง จะไปไหนกัน” เสียงนี้พวกผมจำได้ดี ถึงจะไม่ได้ยินบ่อย ก็จำได้ดี พี่พัฒน์ ที่อยู่บ้านไอ้ติ๊ก เป็นลูกบุญธรรมพ่อของติ๊กและผมคิดว่าน่าจะหวานใจพี่ตุ๊ด้วยแหละ
 
      “พี่พัฒน์ สวัสดีครับ” พวกผมทักทายพี่พัฒน์
 
      “ต้องเรียกครูพัฒน์ดิ” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “พ่อกรูสั่งไว้” ติ๊กพูดอีก เออจริง
 
      “ครูพัฒน์ “
 
      “จะไปไหนกัน ไม่เข้าห้องเรียนกันละ” ครูพัฒน์ถามพวกผม
 
      “พวกผมจะลงไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการนะครับ ผมคิดว่าเขาให้ผมเข้าผิดห้องครับ” ผมหันไปบอกพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็ทำหน้างง
 
      “ ไม่ผิดหรอกถูกแล้วนะ นี้ดูรายชื่อพวกเราซิ “ พี่พัฒน์พูดและโชว์กระดาษให้ผมดู มีรายชื่พวกผมจริงๆ ด้วย หันมามองหน้ากัน
        
      “เข้าห้องเรียนกัน ..ป่ะ” ครูพัฒน์พูดแต่พวกผมยังไม่อยากเข้าเลยเมื่อกี่ก็รู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้
 
 
      “อ้าว..ยืนกันทำไมละ เข้าห้องซิครับ” ครูพัฒน์พูด
 
      “พี่พัฒน์ พวกนั้นมันดูแล้วไม่เป็นมิตรเลย “ไอ้ติ๊กพูด
 
      “เอาน่ะ รู้ไหมว่าทำไมได้ห้องนี้” พี่พัฒน์ถามพวกผม แน่นอพวกผมส่ายหน้ากันหมด
 
      “เพราะนี้แหละคือภารกิจแรก “ครูพัฒน์พูด
 
      “อะไรนะครับครูพัฒน์ ..ให้พวกผมไปทนเรียนกับ ...อันธพาลพวกนี้เหรอครับ พี่ เอ้ย...ครูพัฒน์ แถมนี้ยังเป็นภารกิจของพวกผมเหรอครับ” ผมถามครูพัฒน์กลับ
 
      “ใช่...ภารกิจนี้คือ ทำยังไงให้พวกเขากลับมาตั้งใจเรียน “
 
      “shit! งานนี้ควรเป็นผู้ปกครองพวกมันจะดีกว่าไหมครับ พี่พัฒน์ “ ไอ้ติ๊กพูด
 
      “ลองมาหลายวิธีแล้วไม่สำเร็จ และไม่รู้จะให้ไปเรียนทีไหนก็ไม่รับ เอานะ โรงเรียนนี้มีปัญหาเยอะแต่ถ้าแก้จากจุดนี้ทุกอย่างก็จะง่ายที่จะแก้ กลับเข้าห้องกันเถอะ” ครูพัฒน์พูด
 
      “นี้พี่ก็เพิ่งจะมาเป็นครูที่ปรึกษา” ครูพัฒน์พูด
        
      “ยังไงอ่ะพี่พัฒน์”ติ๊กถามพี่พัฒน์กลับ
 
      “ก็คือมีครูที่ปรึกษาอยู่แล้วแต่ครูเขา...เออ...ซึมเซ้า เครียด เลยไม่สามารถจะมาสอนได้ และเป็นครูที่ปรึกษาคนที่ 50แล้วที่เราเปลี่ยนมา “ ครูพัฒน์พูด
 
      “Holy shit!!!!! “ ไอ้แจ็คมันสะบดออกมา
 
      “เอานะไปเข้าห้องกัน บางทีวัยใกล้กันอาจจะคุยกันเข้าใจ” พี่พัฒน์พูด และพวกผมก็ต้องหันหลังกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง
 
      “อ้าว เฮ้ย กลับมาทำไมอ่ะ”
 
      “เขาไม่ให้ไป เขาให้กลับมีปัญหาป่ะ “ ไอ้ติ๊กพูด
 
      “ถ้ามีแล้วไง” มันยังถามกลับมาอีก
 
      “มีก็ไปถามกับพ่อแม่มึงโน้น” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “ติ๊ก” แอ้ที่ห้ามปรามติ๊ก
 
      “กวนตีนวะ “ พวกมันพูดขึ้น
 
      “พวกกูไม่รู้จักกวนตีน รู้จักแต่มะมวงกวนว่ะ แต่เอ๊ะ กวนตีนนี้ของว่างพวกมึงเหรอ” ไอ้พายอีกคน
 
      “ปากน่าวางเท้าวะ “
 
       “รองเท้าเบอร์ไรอะ” พาย
 
      “อยากลอง”นั้นไงมันลุกแล้ว
 
      “หยุด!” ผมเอง
 
      “พวกกรูแค่เข้ามาเรียน โอเคนะ แค่นั้น พวกมึงไม่ชอบหน้าพวกกู กูก็ไม่ขอให้พวกมึงเปลี่ยนมาชอบพวกกูหรอก เพราะพวกกูไม่รู้ว่าไปทำห่าอะไรให้ แค่นั่งเรียน ต่างคนต่างเรียน” ผมพูด พวกมันมองหน้ากัน
           
       “ติ๊กพาย ไปหาที่นั่ง “ผมหันมาเอ็ดไอ้ติ๊กและพายด้วย
 
      “ครูอยู่หน้าห้อง หัดให้เกรียติคนอื่นหน่อยว่ะ” ผมพูดและพยักหน้าให้พากันเข้าห้อง ที่นั่งที่ได้จัดไว้คนละฝังกับพวกนั้น
 
      “สวัสดีครับนักเรียน” ครูพัฒน์เข้ามาก็ทักทายเขาจัดโต๊ะไว้สองตัวติดกัน นั้นแปลว่าให้นั่งสองคน ผมก็นั่งกับบอย ไอ้ดิวมันดันแอ้เข้าไปนั่งก่อนที่ไอ้ติ๊กจะเรียกและพายก็นั่งกับติ๊กทันที เหมือนไอ้ดิวกันพายมันเตรี้ยมกันมายังไงยังงั้น แต่ช่างเถอะ ผมไม่เห็นความแตกต่าง
 
      “ห้องนี้มีหัวหน้ากันแล้วใช่ไหม ...นายภาคิน” ครูพัฒน์ถามคนที่นั่งอยู่โต๊ะติดประตู มันนั่งกับอีกคน ดูน่ารักหน้าหวานแต่ยังไงก็น้อยกว่าแฟนผม ไอ้นั้นมันพยักหน้า ไอ้คนนี้ดีหน่อยดูจะให้เกียรติพี่พัฒน์มากกว่าคนอื่น
 
      “ใครวะหัวหน้าห้อง “ ไอ้ติ๊กมันกระซิบขึ้น
 
      “กูว่าไอ้ที่นั่งทำหน้าขรึมนะ ที่ครูพัฒน์เรียกว่าไอ้ภาคิน ” ไอ้ดิวหันมากระซิบ
 
      “กูว่าไอ้ที่นั่งหลังไอ้ภาคินวะ เพราะว่าดูท่าจะทนมือทนตีนดี พวกนี้มักจะเลือกคนประเภทนี้เป็นหัวหน้าแก้งด้วย กรูว่ามันอาจจะควบสองตำแหน่งวะ” ผมหันไปมองพายมันใช้หลักการอะไรคิดวะ
 
      “เท่าที่ดูก็น่าจะมีแค่สองคนนี้วะ คนอื่นก็ไม่น่าจะเป็นได้วะ “ ไอ้แอ้อีกคน
 
      “ใจแอ้ ที่มีส่วนร่วมปกติมรึงจะเงียบตลอด” ผมพูดแซวมัน พวกผมรอดูว่าใครคือหัวหน้าห้อง ระหว่างที่ครูพัฒน์กำลังหยิบเอกสารขึ้นมา

      “ขออนุญาติครับ” เสียงนี้พวกผมจำได้แว่นนั้นเอง
 
      “ส่วนไอ้แว่นนี้กูว่าเบ้ๆชัด นี้พวกมันคงใช้หน้าดู ดูซิลงไปแบกหนังสือมาด้วย” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “เข้ามาได้” ครูพัฒน์อนุญาติ ไอ้แว่นมันเอาสมุดการบ้านที่มันบอก ไปวางไว้บนโต๊ะ และเดินมานั่งแถวกลาง แถวหน้าสุดด้วยอย่างไม่เกรงใจไอ้ที่นั่งหน้าเข้ม
 
      “หัวหน้าห้องเชิญ” พี่พัฒน์พูด
 
      “นักเรียนทำความเคารพ” ไอ้แว่นพูด
 
      “พรี้ด!” แขนที่ผมใช้เท้าไถลไปทันทีกับพื้นโต๊ะนักเรียน ไอ้แว่นนี้นะเหรอหัวหน้าห้อง
 
      “Oh my goodness! ไอ้แว่นเป็นหัวหน้า” ผมพูดเองหันมามองบอยที่ยิ้มๆให้ผม
 
      “สวัสดีครับคุณครู “ มีแต่เสียงไอ้แว่นคนเดียวเลย พวกนั้นมันก็แค่ยืน ส่วนพวกผมยังอึ้งไม่หายครับ
 
      “คุณครูตุ๊ด” มีคนตะโกนมาจากพวกของไอ้หน้าโหดทั้งหลาย ดิวทำท่าจะลุกแต่ครูพัฒน์หันมาทำนิ้วจุปากว่าอย่า ผมละเชื่อเลยว่าทำไมพี่พัฒน์ทนได้นะ
 
                      “ตืดๆ” เสียงมือถือครูพัฒน์ดังขึ้น
 
         “แป๊ป หนึ่งนะครับพอดีครูจะลงไปห้องธุรการด้านล่าง เห็นว่ามีนักเรียนย้านมาเพิ่มอีกสองคน” ครูพัฒน์พูด พวกผมพยักหน้าแต่ไอ้พวกนั้นมันห่าได้สนใจอะไรไม่  พอครูพัฒน์เดินออกไป
 
         “ไอ้แว่น” ผมเรียกไอ้แว่น ผมว่ามันเจ๋งอ่ะที่เป็นหัวหน้าห้องได้
 
         “นายรู้จักชื่อเราได้ไงอ่ะ” ไอ้แว่นหนา
 
         “คุณมึงใส่แว่นชัดเจนขนาดนี้ครับ “ ไอ้ดิวพูด
 
         “แฮๆ” มันหัวเราะและเกาหัว  ผมก็ค่อยขยับเก้าอี้ไปใกล้ๆมัน พวกด้านหลังผมก็เอียงหูฟัง
 
         “มึงเจ๋งวะ พวกมันเลือกมรึงเป็นหัวหน้าห้องเลยเหรอวะ” ผมถามไอ้แว่น มันก็หันมามองหน้าผม และมองไปทางพวกนั้น
 
         “อย่ามองมันดิวะ เดี๋ยวมันรู้พวกกูกำลังเอ่ยถึงพวกมันไอ้แว่น” ผมหันหัวมันกลับ
 
         “เอาจริงๆนะ “  ไอ้แว่นหันมาพูดกับผม
 
         “พวกเขาไม่ได้เลือกผมหรอกครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็ทำหน้างงกันใหญ่
 
         “แล้วมึงเป็นได้ไงมีของดี” ไอ้ติ๊กถาม
 
         “คือวันที่เปิดเรียนวันแรกนะครับ ไม่มีใครมามีแค่ผม และอาจารย์บอกว่าต้องมีหัวหน้าห้อง เพราะอาจารย์จะให้ติดต่อเรื่องงานอะไรพวกนี้นะครับ และผมก็รอแล้วก็ยังไม่มี่ใครมา ผมเลยบอกขอเป็นเองครับ” ผมได้ฟังก็ถึงบ้างอ้อทันที มันยังยิ้มแท่ๆให้พวกผมอีกนะ ทุกคนกลับไปนั่งที่เดิมทันทีรวมถึงผมด้วย
 
         “อ้าว “ ไอ้แว่น
 
         “มึงแต่งตั้งตัวเอง ถุ้ย! กูนึกว่ามึงแน่ ไว้แว่นไอ้เนิ้ดเอ้ย” ไอ้ติ๊กพูด ผมนี่ส่ายหัวเลย
 
         “เฮ้ย...ไอ้ต้นข้าวมาวะ มันมาเรียนที่นี้จริงๆด้วย” ผมไอ้ยินหนึ่งในพวกของพวกนั้นไม่เชิงตะโกนบอกพวกมันหลังจากที่มันชะโงกหน้าออกไปนอกห้อง ทำให้พวกผมสนใจอย่างมากคือสีหน้าพวกมันดูตกใจมาก
 
         “มันตกใจอะไรกันวะ” พวกผมหันมากระซิบกัน จนกระทั้งครูพัฒน์มาถึงและเข้ามายืนที่หน้าห้อง
 
         “ครูมีเพื่อนมาใหม่อีกสองคนนะ ชื่อนายวัลลพ และนายปกรณ์” ครูพัฒน์พูดพร้อมกับควักมือเรียก พวกผมก็จ้องมองว่ามันคือใครหน้ามันคงต้องโหดมาก แต่มันสองคนเข้ามา หุ่นมันบอบบางร่างน้อย ดูธรรมดาไม่ได้โหดอะไรเลย

         “แน่ใจนะวะว่ามันทำหน้าตกใจเพราะไอ้สองคนนี้ “ไอ้ติ๊กพูด
 
         “เออ..ว่ะ กรูว่าไม่เห็นมีสวนไหนที่แสดงให้เห็นว่ามันน่ากลัวเลยวะ” ไอ้พายพูด
 
         “เอาละ ฝากเพื่อนใหม่เพิ่มด้วยนะ เราสองคนไปหาที่นั่งเลย” ครูพัฒน์พูด
 
         “เอานะ เอาไว้ก่อนเพื่อมันมีดีแอบ” ผมพูดและรีบยกมือขึ้น ครูพัฒน์ก็พยักหน้าผม
 
         “ขอให้เพื่อนใหม่นั่งใกล้ๆพวกผมนะครับ “ ผมรีบพูด ครูพัฒน์มองผมและเพื่อนใหม่ที่มันทำหน้างงๆกัน
 
         “ไปแถวข้างที่นายแจ็คบอกก็ได้นะ “ ครูพัฒน์พูด ไอ้สองคนนั้นก็เดินมาแบบยังงง จนมาถึงแถวที่ไอ้แว่นนั่ง
 
         “นั่งด้านหลังไอ้แว่นเลยนาย ...ไอ้แว่นมีผ้าไหม” ผมถามไอ้แว่น
 
         “เอาไปทำไมอ่ะ”
 
         “เช็ดโต๊ะ” ผมพูด และไอ้แว่นมันทำหน้างง แต่มันก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดโต๊ะให้อย่างว่าง่าย แม้ว่าสีหน้ามันจะมีคำถามว่าเช็ดให้มันสองคนทำไมก็ตาม
 
         “นั่งเลยนาย” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปยิ้มให้อย่างไมตรี ไอ้คนที่มาด้วย ยิ้มตาหยีกลับมาทันที
 
         “แจ็ค..มรึงแน่ใจแล้วเหรอวะ ว่าไอ้สองคนนี้ถูกแล้วที่เราจะเอามาเป็นกำลังเสริม หรือมาเป็นภาระวะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปดันหน้ามันออก
 
         “หวัดดี” ผมคนแรก ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งมากหันมามองพวกผม
 
         “พวกมึงเป็นใครอะ แล้วเรียกกูสองคนมานั่งนี้ทำไมวะ” ไอ้คนที่หน้าหวานมันถามผมแต่อีกคนนะหน้าตราคิกขุจะดีกว่า มันถามแบบนี้เล่นเอาพวกผมหันมามองหน้ากัน สงสัยไอ้นี้จะมีดี
 
         “อ้าว! ไม่รู้จักกันมาก่อนเหรอ “ไอ้แว่นหันมาถามพวกผม
 
         “ไม่อ่ะ” ไอ้คนที่ตอบแบบขวานผ่าซาก ทำเอาพวกผมยิ้มหน้าเจื่อนกันเป็นผมแถว
 
         “ต้นข้าวอ่ะ เขาอุตเฟรนด์ลี่ด้วย เราควรจะเฟรนด์ลี่กลับซิ” อีกคนผมยกมือให้ “แม้ไอ้บลู มึงนี้นะ”อีกคนก็ชื่อไอ้บลูซิท่า ผมพยักหน้าให้มันสองคนหันไปมองครูพัฒน์กำลังจะกล่าวบางสิ่ง
 
         “เอาละ ครูจะมาเป็นที่ปรึกษาพวกเธอ จนกว่า ที่ปรึกษาตัวจริงจะมา” ครูพัฒน์พูด
 
         “แล้วครูหนุ่ยไปไหน” มีคนถามครูพัฒน์แต่มันหาได้ถามอย่างสุภาพไม่
 
         “ที่บ้านไม่มีใครสอนเหรอว่าให้มีสัมมาคาราวะ ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์” ไอ้ดิวพูดขึ้นเสียงดึงแบบลอยๆไม่ได้ระบุแต่ไอ้คนที่ถามก็ถึงกับสะบัดหน้ามามองไอ้ดิวตาเขมงเหมือนกัน
 
         “อะไรวะ ทำไมครูตุ๊ดนี้มาเป็นที่ปรึกษาเราวะ เดี๋ยวจับทำเมียเลย” ผมได้ยินก็อันนี้ขึ้นครับ แต่ไม่ทันเพราะดิวไวกว่า มันตรงไปกระฉากคอเสื้อไอ้คนนั้นทำท่าจะตะบันหน้ามันแต่
 
         “หยุดนะดิว อย่านะ “ พี่พัฒน์ขึ้นเสียงห้ามไอ้ดิว ใช้มันก็ยกหมัดค้างไว้ ไอ้ที่จะโดนต่อยมันหาได้กลัวไม่
 
         “มึงถอนคำพูดเดียวนี้” ไอ้ดิวตะคอกใส่
 
         “ดิว ...หยุด กลับไปนั่งที่ซะ “ครูพัฒน์บอกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันจำใจต้องปล่อยคอไอ้คนนั้นและเกินกลับมานั่งทีเดิม พวกผมที่หันไปมองด้วยอาการลุ้นว่า น่าจะจัดมันสักมัดสองมัดนะปากดีแบบนี้ และมันก็จะรู้ว่ารสหมัดไอ้ดิวเป็นยังไง ใครโดนไปนี้ไม่กล้ากลับมาขอโดนใหม่แน่นอน น่าเสียดาย ไอ้ดิวจำใจเดินกลับมาซะก่อน เสียดายจริงๆพวกผม
 
         “ และนายโซ่ นั่งลงเดี๋ยวนี้ และถ้านายยังลามปรามครู ครูคงต้องเรียกผู้ปกครองเธอนะ เธอคงลืมไปนะว่า เธอทำผิดได้อีกแค่ครั้งเดียว เธอจะถูกพักการเรียน” ครูพัฒน์พูดไอ้คนที่ชื่อโซ่นั่งลง
 
          “ผมขอโทษครับครูพัฒน์ ผมแค่ไม่อยากให้มันปากเปาะกับคนที่มาทำหน้าที่ครูผู้สอนหนังสือให้พวกมัน” ดิวลุกขึ้นพูด
 
         “ช่างเถอะดิว นั่งลงซะ” ครูพัฒน์พูดและไอ้ดิวมันก็นั่งลง
 
         “ครูหนุ่ย เขาขอพักการสอน ครูหนุ่ยมีปัญหาสุขภาพนะ” ครูพัฒน์พูด
 
         “เอาละ ครูพยายามเข้ามาพบทุกเช้านะ และครูขอความร่วมมือ เข้าแถวหน้าเสาธงหน่อย เพราะว่าผู้ใหญ่เขาติงมา ห้องนี้ไม่เคยเข้าแถวเลย ครูขอนะ หัวหน้าห้อง” ครูพัฒน์พูดและหันมายิ้มให้พวกผม เหมือนบอกเป็นนัยๆว่าจะคุยกับพวกผมทีหลัง
 
         “นักเรียนทำความเคารพ “
 
         “สวัสดีครับคุณครู” แค่พวกผมและไอ้เด็กใหม่สองคนแค่นั้นที่พูด ทันทีที่ครูพัฒน์เดินออกไป
 
         “ครื้ดดด” เสียงเกาอี้และมีคนกำลังจะพุ้งมาหาไอ้ดิว ไอ้คนเดิมที่ไอ้ดิวมันด่าไปครับ
 
         “ไอ้โซ่! กรูบอกให้หยุด! “ ไอ้ภาคินมันขึ้นเสียง ส่วนไอ้ดิวมันนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ไม่กลัวเลยว่างั้นแต่ ไอ้เด็กใหม่สองคนมันหันมากอดกันกลมตกใจ มองหน้ากันเลิกลักขนาดนี้
 
         “ฝากไว้ก่อนนะมึง ดีนะ ตอนนี้พวกกรูรีบ” นั้นไงมุขเดิมๆ และพวกมันก็พากันออกไป ไปไหน ไม่มีใครทราบได้ แต่พวกผมมองไอ้สองคนที่กอดกันตั้งแต่ไอ้ดิวลุกไปทำท่าจะต่อยไอ้ที่ชื่อโซ่แล้ว
 
         “กูว่ามึงชวนคนเข้าแก้งผิดแล้วห่า ดูไม่น่าจะมีอะไรที่น่าจะทำให้พวกเราดูเกรงขามขึ้นมาได้เลยวะ ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าว่าเอานะ เอาปริมาณก่อนแล้วกันตอนนี้
 
         “นี้นายชื่อไร” ผมถามชื่อมันสองคน
 
         “เราเหรอ” มีชี้ตัวเองอีกด้วย
                       
         “ใช่ครับ มึงสองคนแหละคราบ ชื่อไร” ไอ้ติ๊กหันไปพูดด้วย
 
         “ถ้าจะขึ้นมึงแบบนี้ไม่ต้องครับก็ได้มั้งวะ ” ไอ้คนที่เพื่อนมันเรียกว่าต้นข้าว มันทำท่าจะไขว้กับไอ้ติ๊กอีก ไอ้นี้ก็ตั้งท่าเหมือนกันไอ้แอ้มันรีบดึงไว้
 
         “ไอ้ต้นข้าวอย่าซ่า เดี๋ยวหมอบ”
 
         “ใครวะที่หมอบ” พายถาม
 
         “ไอ้นี้แหละ โดนตีนคนอื่นหมอบตลอดยังไม่เข็ด” ไอ้คนชื่อบลูพูดและอีกคนรีบหันไปตบหัวคนไอ้คนที่ชื่อบลูเบาๆ
 
         “กูแจ็ค และนี้บอย “ ผมเลยแนะนำตัวเองก่อน
 
         “กูดิววะ และนี้แอ้” ไอ้ดิวมันแนะนำตัวมันและแอ้ที่หันไปยิ้มให้
 
          “กูชื่อติ๊ก “
 
         “หน้าเหมือนดาราเลยอ่ะ แต่คงไม่ใช่” ไอ้บลูพูด แต่พอไอ้ติ๊กมันได้ยินคำว่าคงไม่ใช่ ไอ้ติ๊กก็ถึงกับลุกพล้วดเลย เหมือนจะเข้าไปกัดหูเขา
 
         “ติ๊ก เย็นมึง” ไอ้แอ้รีบลุกมาดึงห้ามไอ้ติ๊ก  ไอ้ดาราหัวร้อยเอ๊ย!
 
         “เอ๊ย” ไอ้บลูมันทำท่าจะกระโดดหนี
 
         “กูนี้แหละ ดารา ทำไมหน้ากรูไม่ตรงปกหรือไง”ไอ้ติ๊กพูด
 
         “ตรงแต่ไม่คิดว่าจะมา” อีกคนถึงกับพูดเสียงอ่อยๆ ก่อนจะยิ้มแหยๆส่งไปให้ไอ้ติ๊กมัน ผมพยักเพยอไม่เอานะแค่มันจำมึงไม่ได้แค่นี้เอง
 
         “เรียนที่นี้ กูก็ไม่อยากมาวะ แต่พ่อบังคับพวกกูมา “ ไอ้ติ๊กมันพูด
 
         “แล้ว” ไอ้ต้นข้าวหันไปทางพาย
 
          “แล้วคนนั้นละ น่ารักโน๊ะ” บลูถามอีกคนคือพาย
 
         “เราชื่อพาย” พายมันแนะนำตัว
 
         “ไม้พายเหรอ” บลูพูดผมก็สะบัดหน้าไปมอง ขึ้นอีกคนแล้วซิ ผมว่าไอ้นี้ปากหาเรื่องให้กลุ่มผมแน่ๆ ไอ้บลูอะไรนี้นะ พวกผมเพิ่งจะห้ามไอ้ติ๊กนี้พายอีกคน ลุกไปคว้ามันแถบไม่ทัน มันทำท่าจะไปกัดหูอีกคน
 
         “เคยกินพวก เออ แอปเปิ้ลพาย อะไรพวกนี้ไหม แม้หน้าเอาเท้าไปวางที่หน้านะมึงนะ” พวกผมกลั้นหัวเราะพาย
 
         “เขาขอโทษ” บลูพูด
 
         “ตกลงมึงสองคนชื่ออะไรกันครับ “ ผมถามมัน
 
         “กูชื่อต้นข้าวและไอ้นี้ชื่อบลู”ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งตลอดมันแนะนำ
 
         “ยินดีที่ได้รวมแก้งเดียวกัน” ผมหันไปยื่นมือเพื่อจะทำการดีลกันเลย มันสองคนมองผมแบบงงมากขึ้น ผมก็พยักเพยอให้จับมือดิวะ มันก็ยืนมือมาจับมือ
 
         “อะไรว่ะ มาถึงได้เข้าแก้งเลยกู” ไอ้คนที่ชื่อต้นข้าวหันไปพูดกับไอ้บลู
 
         “พวกกูนี้รับคนเข้าแก้งยากมากนะมึง” ไอ้ดิวพูดและหันเหล่มองผม คือมันประชด  ผมก็ไม่รอช้ารีบส่งนิ้วกลางให้ไอ้ดิวไป
 
         “แล้วผมละครับ” ไอ้แว่นหันมาถามพวกผม
 
         “ไม่ละตอนนี้เต็ม” ผมหันไปบอก
 
         “อะไรอ่ะ “ไอ้แว่นพูด
 
         “มึงนั่งเป็นหัวหน้าห้องนี้แหละดีแล้ว อย่าเอาหน้าหล่อๆของมึงเสียงบาทากับพวกกูเลยวะ ไอ้แว่น”ไอ้ดิวมันหันไปบอกไอ้แว่นหัวหน้าห้อง
 
         “เออ ไอ้แว่นแล้วใครจะมาสอนชั่วโมงนี้วะ “ ผมหันไปถาม
 
         “ปกติเป็นวิชาสังคมศึกษา แต่ตอนนี้คงต้องใช่ โซเชียลศึกษาไปก่อน” ไอ้แว่นพูด
 
         “ไอ้แว่นเอาดีดี บาทาพวกกูไม่หวานเหมือนหน้าวะ “ ไอ้ดิวพูดและขยับเท้าโชว์ไอ้แว่นหนา
 
         “ที่บอกว่าโซเชียวคือ เล่นโทรศัพท์ไปก่อนเลยเพราะครูคงไม่มา เห็นบอกว่าเมื่อวาน คู่อริพวกนี้มันไล่ยิ่งกันขณะที่ครูเขาขับผ่านเฉียดแขนเสื้อครูไปนิดเดียวไม่งั้น โดนจังๆที่อกด้านซ้ายแน่ๆ  ครูแกเลยยังตกใจไม่หายและน่าจะหายไปนานเลยคราวนี้”ไอ้แว่นหนาบอกผม  พวกผมถึงกับพยักหน้า และหันมามองหน้ากัน ใครจัดสรรมาห้องนี่ว่ะ

         “เป็นกูก็ไม่อยู่แล้ว สัส” ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าเบาก็คงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่ง แต่ดีที่ผมหันไปเอนหลังผิงสุดที่รักของผม บอย ผมเห็นไอ้ต้นข้าวไอ้บลูติ๊กพาย ดิวและแอ้ดูท่าจะคุยกันถูกคอ และพวกผมนั่งๆนอนๆ และลงไปหาน้ำผลไม้ปั่นกินบ้าง หาขนมจุกจิกกินบ้านจนเบื่อเลย ไม่มีอะไรทำจนกระทั้งเที่ยง นี้ให้มาเรียนหรือแค่มาเปลี่ยนที่ทานขนมกันนะ
 
         “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” พายพูดและพวกผมก็ลุกขึ้น พวกผมกำลังจะเดินออกจากห้องก็ต้องตกครับ เจอเลยมารอที่หน้าประตู มันมองหน้าผมและทุกคน
 
         “ต้นข้าว พี่ขอคุยด้วยหน่อยซิ” มันมาหาต้นข้าวนี้เอง ผมไม่รู้ว่าว่ามันชื่ออะไรแต่เหมือนอยู่ในแก้งที่หน้าห้องน้ำเมื่อเช้า ไอ้ต้นข้าวพยักหน้า และหลบไปหาที่คุยกัน พวกผมก็ชะเง้อ
             “อยากรู้ละซิเขาคุยอะไรกัน” มีคนที่หน้าตาค้อนข้างเอาเรื่องพูดขึ้นและมองพวกผม
 
         “ใคร ไม่มี” ไอ้ติ๊กพูด
 
         “มึงยืนเอียงไปขนาดนี้ไม่เข้าไปยืนฟังกับไอ้ต้นข้าวมันเลยละ “ไอ้คนที่ว่าผมพูดผมก็มองตัวเองจริงๆ และทุกคนเลย

         “ไอ้เหรอวะ “นั้นไงพวกผมพูดและทำท่ะจเข้าไป

         “พวกกูประชด!!!” พวกนี้มันพูด ก็ทำให้พวกผมชักเท้ากลับมายืนที่เดิม หันมาก็เจอหน้าโหดๆของพวกมันเข้าเต็ม
 
         “ก็แค่เป็นห่วงเพื่อน “ผมพูดเบาๆ พวกผมยืนมองจนต้นข้าวคุยเสร็จและเดินกลับมาหาพวกผม ไอ้คนที่คุยมันก็พยักหน้าเรียกพวกมันและไปลงอีกทางของตึก ไอ้ต้นข้าวก็เดินมามันทำสีหน้าไม่ค่อยดีเลย พวกผมถึงจะเพิ่งรู้จักก็เริ่มเป็นห่วง
 
         “มีอะไรว่ะต้นข้าว” ไอ้ดิวมันถามต้นข้าว ต้นข้าวมันมองไอ้บลู พวกผมก็มองมันสองคน
 
         “ถึงพวกกูจะพึ่งรู้จักมึงสองคน แต่ตอนนี้มึงสองคนคือเพื่อนพวกกูแล้ววะ เพื่อว่าพวกกูช่วยได้” ไอ้ดิวพูดและดูเหมือนแอ้และดิวมันสนิทกับต้นข้าวและบลูเร็วนะ
 
         “บอกไปเถอะต้นข้าว เพราะมึงก็บอกใครไม่ได้อยู่แล้วแม้กระทั้งพ่อแม่มึงเอง” ไอ้บลูพูด
 
         “ที่กูย้ายมาเรียนที่นี้เพราะพี่ชายกูวะ พี่กูชื่อข้าวปั้น พี่กูถ้าไม่โดนไล่ออกก็จะอยู่มัธยมปีที่หก ปีเดียวกับคนที่มาคุยกับพวกกรูอ่ะ “ไอ้ต้นข้าวพูด
 
         “แล้วตอนนี้พี่มึงไปไหนอ่ะ”ผมถามต้นข้าว
 
         “พี่กูอยู่สถานเยวชนวะ ข้อหามีอาวธปืนในครองครองและมียาเสพติดหลายเม็ดเลย “ ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้า
 
         “พี่กูนะเป็นหัวหน้าแก้งพวกนี้แหละไอ้ที่อยู่ในห้องด้วยก็ลูกน้องพวกพี่กูทั้งหมด” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้าแต่
 
         “เฮ้ย!!!” ร้องออกมาเกือบทั้งหมด
 
         “ฉิบหายแล้ว!!! กรูว่าแล้วมึงดึงมาผิดคน” ไอ้ติ๊กพูดขึ้นทันที นั้นไงโบ้ยมาที่ผมทันที ผมก็ว่าทำไมพวกมันถึงได้ตกใจมากถึงมากที่สุด


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
 ต่อ กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP3

         “นี้มึงชักศึกเข้าบ้านแท้ๆ”ไอ้ติ๊กพูดพร้อมแสดงอาการตกใจพวกผมก็เช่นกัน
 
         “เฮ้ยเดี๋ยวดิ ฟังให้จบก่อนพวกมึงจะกลัวกรูทำไมวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด เพราะว่าพวกผมเตรียมหันหลังออก
 
         “ก็มึงพึ่งบอกกูอยู่ว่าพี่มึงนะเป็นหัวหน้าพวกที่มันจะเล่นพวกกูอยู่ “ ผมพูด บอยก็แตะแขนผมให้สงบลงหน่อย
 
         “พี่กูนะถูกพวกมันนี้แหละหักหลังแต่กูไม่รู้ว่าใคร กูเลยขอพ่อแม่กูมาเรียนและไอ้พี่ที่มาขอคุยน่ะ เขาเข้ามาขอโทษเรื่องพี่กูและขอให้กูกลับไปเรียนที่เดิม พร้อมกับให้พวกกูอย่าคบพวกมึง” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็มองหน้ากัน ห้ามคบพวกผมนี้น่ะ  หน้าตาดีโปรไฟว์ดีขนาดนี้ มันสั่งห้ามคบ  ถึงกับงงกันเป็นแถบเลยและหันมามองหน้ากัน
 
         “พี่กูนะไม่ใช่พวกโหดสาดแบบในหนังนะ เช่นพวกยากูซ่าอะไรพวกนี้”ไอ้ต้นข้าวพูด
 
         “พ่อแม่และกูยังไม่เคยรู้เลยว่าพี่กูเป็นหัวหน้าแก้ง เป็นมาหลายปีแล้วด้วยแต่มารู้ตอนที่พี่กูถูกตำรวจจับนั้นแหละ กูนี้เจ็บใจเลยมาหาคำตอบ พวกมึงช่วยกูได้ไหมว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็เกาหัวทันที
 
         “ต้นข้าว พวกกกูนี้ก็มึดแปดด้านเลยว่ะ “ ไอ้ดิวพูด
 
         “เอาวะ ไหนไหนก็ลงเรือรำเดียวกันแล้ว พวกกูจะช่วยวะ “ผมบอกไอ้ต้นข้าว พอมันได้ยินก็ยิ้มหลังจากที่ทำหน้าเศร้า
 
         “พี่ พี่ ครูพัฒน์บอกว่าตอนเที่ยงให้ไปหาที่ห้องครับ” มีเด็กตัวเล็ก กว่าพวกผมเยอะเลยวิ่งมาทำตาหยี บอกว่าพวกผมว่าพัฒน์เรียกหา 
 
         “เออ ใจว่ะ แต่ห้องครูพัฒน์อยู่ไหนเรา” ไอ้ดิวหันไปถาม
 
         “อยู่ชั้นนี้แหละครับ เดินลงไปชั้นล่างครับ จะมีป้ายบอกว่าห้องพักครูครับ” ไอ้เด็กคนนันพูด ผมพยักหน้าและเด็กคนนั้นก็วิ่งไป
 
         “เอาวะต้นข้าว ไหนไหนก็ตกที่นั่งเดียวกัน พวกกรูจะช่วยมึงว่ะ” ผมพูดกับไอ้ต้นข้าวและมองพวกผมก็พยักหน้า
 
         “ไปหาครูพัฒน์ก่อนดีกว่าวะ” ผมหันไปบอกทุกคน ระหว่างที่ผมเดินก็มีคนที่เดินส่วนไปมา แน่นอนต้องไม่ลืมที่นินทาพวกผมระหว่างเดินสวนกัน ผมคงต้องเริ่มทำใจได้แล้วใช่ไหมครับ ผมเดินมาถึงห้องพักครูก็เดินตรงเข้าไปด้านใน พวกผมเห็นครูพัฒน์นั่งอยู่มีสมุดหลายกองเลยที่วางไว้รอบโต๊ะของครูพัฒน์ ดูท่าพี่พัฒน์จะยุ่งมากเลย


      “อ้าวพวกเธอมาแล้วเหรอ พี่ขอคุยแป็บหนึ่งนะ หิวกันหรือยัง” ครูพัฒน์ถามพวกผม ผมเหลือบมองนาฬิกา ยังไงก็ยังเร็วเพราะผมกะจะลงมาก่อนเวลากัน

      “คุยได้ครับพี่พัฒน์ “ ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปคว้าหยิบเก้าอี้มานั่งล้อมรอบโต๊ะครูพัฒน์

      “ไงวันแรกเป็นไงกันบ้าง บอกพี่มาซิ” พี่พัฒน์ถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน

      “ไม่น่า” ผมตอบ

      “ไม่น่ายากจนเกินความสามารถใช่ไหม” ครูพัฒน์ถามพวกผม

      “พวกผมนะครับพี่พัฒน์ ไม่น่าจะรอดไปถึงหนึ่งปีหรอกครับพี่พัฒน์”ไอ้ติ๊กพูดผมผมก็พยักหน้าพร้อมกัน ที่ไม่รอดคือไม่ตายก็อาจจะได้มีเรื่องจนโรงเรียนโดนสั่งปิดแทนเพราะว่าพวกผมนี่แหละ

      “ตั้งแต่พวกผมเข้าโรงเรียนมานะ มีคนว่า เรียกตุ๊ดบ้าง เกย์บ้าง โอ้ยสารพัดอย่างเลยครับ” พายพูดและทำหน้าเซ็งไม่แพ้พวกผม

      “นี้ก็คือบททดสองความอดทน ที่ผ่านมาพวกเราอยู่แต่ในสังคมที่ยกย่อง แต่พอมาเจอสังคมต่อต้านก็เป็นแบบนี้แหละ เราต้องเข้มแข็งกันนะ เพราะว่าต่อไปพวกเราอาจจะเจออะไรที่หนักกว่านี้ก็ได้นะ “ พี่พัฒน์พูดปลอบพวกผม

      “อ่ะ “พี่พัฒน์ส่งสมุดเล่มหนึ่งให้ผมดู เป็นสมุดการบ้านใครก็ไม่รู้และครูพัฒน์ก็เปิดไปหน้าหลังให้พวกผมดู เป็นภาพวาดถึงจะแบบลวกๆก็พอแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร มันวาดเป็นผู้ชายสองคนกำลังมีความสัมพันธุ์ทางประตูหลัง และมันได้ลงชื่อคนที่อยู่ด้านล่างว่าครูพัฒน์

      “เฮ้ยย! พี่พัฒน์แบบนี้พี่ควรจะบอกพ่อนะ”ติ๊กรีบโวยวายขึ้นมาทันที

      “ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหรอก พี่ยังต้องใช้ความอดทนเลยนะพวกเรา” พี่พัฒน์พูด พวกผมมองหน้าพี่พัฒน์เอาจริงดิก็พยักหน้าเบาๆ

      “ครับพวกผมจะพยายามพี่พัฒน์”  พากันตอบพี่พัฒน์แต่น้ำเสียงเบามาก

      “ดีมาก ขอให้ทุกอย่างราบรื้นนะ” พี่พัฒน์พูด พวกผมยกมือรับพรเลยสาธุ

      “ไปทานข้าวกันเถอะ” พี่พัฒน์พูดบอกพวกผม

      “เออ ตอนแรกพี่ว่าจะไปทำอาหารให้พวกเราทานวันหยุดนี้แต่พี่ตุ๊เขาจะให้พี่เข้าไปช่วยเรื่องเอกสาร เพราะพี่ตุ๊จะเคลียร์งานและ”พี่พัฒน์พูด ทำเอาไอ้ติ๊กตาโต ไอ้ติ๊กมันเกรงพี่ตุ๊มากกว่าพ่อมันซะอีก

      “พี่พัฒน์อย่าบอกนะว่าพี่ตุ๊จะมานี้” ติ๊กมันสะบัดหน้ามาถามพี่พัฒน์ แต่ถ้าเป็นจริงจะดีมากเพราะพี่ตุ๊คนเดียวที่หยุดมันได้

      “พี่ไม่ได้บอกนิติ๊ก พี่ตุ๊เขามีงานเพิ่ม ตอนนี้โรงแรมก็กำลังขยายตัวหลายที่เลย “ พี่พัฒน์พูด ที่จริงถ้าพี่ตุ๊มานี้ไอ้ติ๊กมันคงสงบเสงียมขึ้นเยอะเพราะมันนี้แหละที่เป็นตัวรับงานให้พวกผมตลอด

      “เอาละไปทานข้าวกันเถอะ “ครูพัฒน์พูดพวกผมก็เดินไปห้องอาหารพร้อมกันด้วยท่าทางไม่กระชุมกระชวยเอาซะเลย เบื่อๆเลย ไปนจะนักเรียนที่มองผมกันแปลกและนินทาตามหลังกันและไหนจะเพื่อนร่วมห้องที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย

      “ป๊อด เอาอาหารมาเสริฟเลย” ไอ้ดิวมันหันไปบอกป๊อด

      “เอออ ป๊อด พี่มีเพื่อนมาสองคนนะ”ผมบอกไอ้ป๊อด เพราะว่าผมชวนต้นข้าวและบลูมานั่งทานกันด้วย ไม่นานอาหารก็มาวาง เขาจัดให้พวกผมแบบในโรงแรม ผมก็เห็นมีแต่คนมองเข้า

      “พวกเราตักอาหารและออกไปนั่งทานข้างนอกไหมวะ เพราะแบบนี้ไหมวะมันดูแตกต่าง ดังนั้นเราจึงควรไม่ทำตัวให้เราดูแปลกแยกจนเกินไปว่ะ“ ไอ้ดิวพูด ผมก็คิดว่าเห็นด้วย

      “จะดีเหรอวะดิว “ ไอ้แอ้หันไปถามไอ้ดิว ผมก็คิดว่าดีนะ เพราะว่ายังไงก็ถอยหลังไม่ได้ต้องเดินหน้าอย่างเดียว เอาวะ

      “เอาวะ พวกเราตักอาหารใส่จานและออกไปนั่งด้านนอก “ ผมพูด ผมพยักหน้าให้บอยและเดินไปตักอาหารใส่จานปกติและพากันเดินออกไปนั่งนอกห้องที่ไอ้ป๊อดมันกั้นไว้  ใช่ครับทุกคนหันมามองกันหมดจนพวกผมนั่งได้โต๊ะนั่งกัน

      “ออกมานั่งข้างนอกกันทำไมวะ ไอ้ลูกคุณหนูนี้นะ” ผมได้ยินมันพูดกัน

      “อย่าแจ็ค “บอยกับเป็นคนห้ามผมและบอยก็ดึงมือผมให้ไปหาที่นั่งๆ ผมหันไปมองไอ้คนที่ปากดี แต่บอยได้ห้ามผมไว้ ผมเลยต้องพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้หัวร้อน

      “จะได้สักกี่น้ำวะ”ผมได้ยินแต่ไม่อยากต่อปากมากไปกว่านี้พวกผมก็นั่งกันไป แม้จะมีเสียงเป่าปากแซวพวกผมก็ตาม แต่พวกผมก็ต้องท่อง ขันติ ขันติ ไม่ขันแตก

       วันนี้ทั้งวันแถบจะไม่มีอะไรมาก ได้เรียนสองวิชาเอง วิชาคณิตศาสน์และวิชาอังกฤษ โดยครูพัฒน์ทั้งสองวิชาเลย ทำไมครูที่นี้น้อยหนักหรือไงนะ ผมนั่งๆนอนๆ คือแถบจะไม่มีครูเข้ามาสอนเท่าไหร่ เลยเรียนไม่หนักมากจนอ๊อดเลิกเรียน

      “ บอย แจ็ครู้สึกเหมือนเรากลับมาเป็น 14 อีกครั้งป่ะแจ็ค” บอยหันมาพูดกับผม

      “อืม ..ก็ดีนะเราสองคนพลาดช่วงเวลานั้นไปแต่นี้เรากลับมาใหม่ กลับมาเริ่มเป็นที่รักของเราใหม่ รักแบบวัยใสๆ “ ผมกระซิบบอกบอย ขณะที่เรากำลังจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างที่พวกผมกำลังเดินลง ก็เห็นนักเรียนวิ่งส่วนกันขึ้นมา

      “อ้าว ไม่กลับบ้านกันหรือไงวะ” ไอ้ดิวมันพูด

      “เออว่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูดขึ้นและมองหน้าพวกผม พวกผมก็หยักไหล่

      “เออ ต้นข้าว บลู พรุ่งนี้มาแล้วไปทานอาหารในห้องอาหารกับพวกกูนะ” ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู

      “ห้องอาหารที่เขากั้นไว้ป่ะวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้า

      “กูได้ยินพวกนั้นมันด่ามึงกันว่ามาก็แยกแยะที่กินที่อยู่” นั้นไอ้ต้นข้าวพูด ผมหันหน้ามามอง ผมเองไม่ได้แยกแต่ไอ้ป๊อดมันบอกว่าผมอาจะทานกันไม่ลงถ้านั่งให้พวกมันจ้องมองขนาดนั้น

      “ต้นข้าว” ไอ้บลูมันเรียกไอ้ต้นข้าวและขยิบตา

      “เฮ้ยขอโทษวะ “ ไอ้ต้นข้าวรีบขอโทษพวกผม

      “เออ วะ มันก็พูดถูกวะ กูว่าให้ไอ้ป๊อดมันยกมาทานเหมือนพวกคนอื่นดีกว่าวะ พวกมันก็จะได้ไม่ว่าเรา”ไอ้ดิวหันมาพูด

      “บอยก็เห็นด้วยนะ” ผมหันมามองบอย

      “แต่กูกลัวว่าจะเจอแบบตอนเช้าวะ” ผมพูดเพราะผมห่วงบอย

      “เอานะ ไม่น่าเกิดหรอกวะ พรุ่งนี้ทานด้านนอกดูดิว่าจะเป็นยังไง “ไอ้ดิวพูด ทุกคนก็หยักไหล่

      “งั้นวันนี้หลังอาหารเย็นกูจะคุยกับไอ้ป๊อดเองวะ “ ไอ้ติ๊กพูดผมพยักหน้า

      “ไอ้ต้นข้าว พวกมึงสองคนกลับกันยังไงวะ” ผมหันมาถามไอต้นข้าวและไอ้บลู

      “พ่อกูมารับวะ และกรูกะไอ้บลูว่าจะไปกินไอ้ติมกันก่อนะวะ “ไอ้ต้นข้าวพูด แต่พวกผมว่าจะรีบกลับบ้านดีกว่าไปวางแผนการกัน

      “ร้านนี้ร้านโปรดไอ้ต้นข้าวมัน เพราะว่ามีแต่สาวๆจากเด็กคอนแวนด์มานั่งทานกัน”ไอ้บลูพูด ไอ้ต้นข้าวทำท่าจะหันไล่เตะไอ้บลูโชว์พวกผม

      “ไปเถอะวะ พวกกู ไม่ถนัดแบบนี้” ผมพูดและหันไปมองบอย

      “กูถามอย่างหนึ่งดิ “ ไอ้ต้นข้าวมันทำท่าจะถามพวกผม

      “พวกมึงไม่ได้ชอบผู้หญิงกันใช่ไหมวะ”ไอ้ต้นข้าวถามและมองหน้าพวกผม พวกผมมองหน้ากัน

      “แล้วมึงจะรังเกียจพวกกรูเหมือน” ผมถามไอ้ต้นข้าว

      “ไม่วะ กูแยกแยะ”ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าให้ไอ้ต้นข้าว พอดีพวกผมเดินลงมาถึงชั้นล่างพอดี มันว่างมากไม่มีใครเลยทั้งทีโรงเรียนเพิ่งจะเลิกกัน จะมีก็พวกที่วิ่งสวนผมขึ้นไป

      “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมไม่มีนักเรียนเลย เขากลับกันไปหมดแล้วเหรอวะ “ ไอ้ดิวพูด

      “เออวะ กูว่ามันแปลกวะ”ไอ้แอ้พูดมันลดหนังสือการ์ตูนลง

      “รู้สึกว่าเริ่มจะวังเวงวะ”ไอ้ติ๊กอีกคน

      “กูโทรหาพี่คนขับรถดีกว่าว่าพี่เขามารอหรือยัง”ไอ้ติ๊กพูดผมพยักหน้าและมันก็ก้มหน้าก้มตากดมือถือ ผมก็มองกันไปรอบๆ

      “กูไปก่อนนะ แยกกันตรงนี้วะ”ไอ้ต้นข้าวพูดและไอ้บลูอีกคน

      “มาแล้วเหรอ กูรอเจอพวกมึงอยู่วะ”เสียงใครสักคนพูดผมก็หันไปตามเสียง มากันเป็นแพเลย ทำเอาพวกผมถอยหลังออกมามองด้วยความตกใจ มันมากันแบบอาวุธครบมือ แม้จะไม่ใช่ปืนหรือมีด แต่นั้นมันไม้ที เอามาทำไมว่ะนั้น มาวัดสวนสูงพวกผมหรือไง

      “ดูท่าพวกมึงจะงานเข้าวะ” ไอ้ต้นข้าว

      “ไม่ต้องดูท่าหรอก กูว่าเข้าวะงานนี้” ไอ้บลูอีกคน ผมหันไปขอบใจมันมากด้วยนิ้วกลาง มันยิ้มแหยะๆ

      “บอยหลบหลังแจ็ค” ผมพูดและดันตัวบอยไว้ด้านหลัง ไอ้ดิวมันออกมายืนเสนอกับผม และมองไอ้พวกที่ยืนเอาไม้ทีเคาะที่มือ มันมายังไง จะมองหาคนช่วยก็ไม่มี เพราะเวลานี้ไม่ต่างจากโรงเรียนล้างเลยครับ ผมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอกัน

      “มึงมารอพวกกูทำไมอ่ะ ขอลายเซนต์เหรอ” ไอ้ติ๊ก มันตะโกนถาม ผมหันไปขยิบตา ถ้ามรึงเงียบได้จะดีกว่าไอ้ปากเสีย

      “กูจะเอาไปทำไมลายเซนต์ แต่พวกกูอยากได้มาเป็นเมียวะ”

      “ชิบหายแล้ว!!!” ผมสะบดออกมา

      “เอาไงดีวะดิว” ผมถามไอ้ดิว มันก็มองผม

      “มึงพร้อมไหม” ไอ้ดิวมันถามผม

      “แลกเลยเหรอวะ “ ผมถามไอ้ดิวกลับ

      “แลกพองมึงดิ พร้อมไหม คือพร้อมวิ่งไหม ถ้าพร้อมก็หันหลังและใส่ตรีนหมา” ไอ้ดิวพูดและมันก็หันครับ ออกวิ่ง มันดึงแขนแอ้ และไอ้ติ๊กก็ลากพายไปด้วย ผมก็ลากครับและออกวิ่ง

      “แจ็ค” เสียงนี้มันไม่ใช่บอย ผมหันมามอง อ้าว ผมดึงไอ้บลูมาแทน และบอยนะกำลังวิ่งตามมากับไอ้ต้นข้าว และหลังจากนั้นก็ไอ้พวกที่มีมาหาเรื่องผม ผมวิ่งกลับไป

      “ไอ้ต้นข้าวเอาเพื่อนมึงคืนไปและเอาที่รักกรูคืนมา” ผมเอาไอ้บลูไปคืนไอ้ข้าวและจูงบอยมาแทน ผมวิ่งแบบไม่มีจุดหมาย นะตอนนี้ทำไมโรงเรียนเหมือนเขาวงกตเลย มันวิ่งวนไปมา

      “ไปไหนดีละวะ” ไอ้ดิวหันมาถาม แล้วผมจะรู้ไหมครับ

      “เฮ้ย กูรู้ว่าไปทางไหนดี” ไอ้ต้นข้าวพูด

      “วิ่งตามกูมา” ไอ้ต้นข้าวบอกและออกวิ่งไปเหมือนไปทางด้านหลังห้องน้ำที่พวกผมเจอไอ้พวกรุ่นพี่เมื่อเช้าแต่มันตันแล้วนิ แต่พวกผมก็เชื่อว่ามันคือความหวังสุดท้าย ผมก็วิ่งตามมันไป จนถึง ช๊อปร้างและนั้นมันเหมือนทางตันนะผมว่า

      “ทางตันไอ้ข้าว”ไอ้ดิวพูด

      “มานี้กูมีทางหนี” ไอ้ต้นข้าวพูดผมก็มองพวกมัน มันยังคงโวยวายพยายามหาพวกผมกันอยู่

      ผมเห็นไอ้ต้นข้าวมันตรงไปที่ประตูและมันก็เอาลูกกุญแจออกมาพร้อมกับรีบไขกุญแจ มันมีกุญแจได้ไงแต่ใครจะสน พวกผมก็รีบหมุดตามมันทันที ทุกคนออกไปได้ไอ้ต้นข้าวก็ปิดปะตูลงและทำการล๊อกกุญแจจากด้านนอก

      “วิ่งตรงไปเลย” ไอ้ต้นข้าวบอกพวกผม พวกผมก็วิ่งครับวิ่งหนีสุดชีวิต ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ให้ผ่านไปให้ได้จนกระทั้งออกมาทะลุปากซอย เล่นเอาหายใจทางเหงือกกันเลยทีเดียว
      
      “แฮกๆ” เสียงหอยเหนื่อยของพวกผม

      “เวรฉิบหายเลย ใครว่ะ เชี้ยเอ้ย” ไอ้ดิวสะบดด่าออกมาด้วยขณะที่นั่งหอบกันอยู่ตรงขอบฟุตบาท และแอบมองให้แน่ใจว่าพวกมันไม่ตามมา แต่มันจะมาได้ยังไงเพราะว่าไอ้ต้นข้าวมันใส่กุญแจล๊อกไปแล้วนี้

      “ไม่ตามมาแล้วแหละว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดไปด้วยหอบไปด้วย

      “พวกมรึงไปทำอะไรให้พวกนี้ว่ะ” ไอ้บลูถามขึ้น
            
      “เป็นคำถามที่ดีมากบลู  พวกกรูไม่รู้ว่ะ “ ผมหันไปบอกไอ้บลู

      “ไหน ไหนก็มาแล้วไปนั่งหาไอติมกินกันก่อนไหมวะ “ ไอ้ต้นข้าวพูด และพยักเพยอไปที่ร้านไอติมนมสด เพราะว่าเหนื่อยขนาดนี้ให้เดินกลับไปรอรถไม่ไหว

      “ก็คงต้องแบบนั้นวะ วิ่งมาเหนื่อยขนาดนี้ใครจะเดินกลับไปขึ้นรถที่หน้าโรงเรียนเลยว่ะ “ ผมพูดและมองหน้าทุกคน มันก็พยักหน้าว่าตามนั้น
      ผมพากันเดินข้ามถนนมาจนถึงร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ มีแต่นักเรียน ส่วนมากเป็นนักเรียนหญิงมีทั้งคอซองและมัธยมปลาย น่ารักกันทุกคนแต่ไม่ใช่สเป็กผมและพวกเพื่อนๆผมแน่ แต่ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูผมไม่รู้ ขณะที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปในร้าน

      “แก ดูซิ หน้าตาหล่อวะ “

      “ใช่แก งานดีมากเลย “ มีเด็กผู้หญิงและเด็กไม่ใช่ผู้ชายแน่ๆ สะดิ้งซะขนาดนี้ กระซิบกระซาบกันและมองผม ทุกโต๊ะเลยก็ว่าได้ พวกผมก็ยิ้มให้จนกระทั้ง

      “เชิญค่ะ มาหลายคนน้าเอาโต๊ะติดกันให้ไหมค่ะ “ ผู้หญิงดูน่าจะไม่เกิน 40 ปี แต่งตัววัยรุ่นกางเกงยืนขาสั้นเสื้อรัดรูป เพราะว่าเขาหุ่นดีเดินมาถามพวกผม

      “ครับขอบคุณครับ “ ผมตอบกลับไป ผมเดินตามไปยังโต๊ะที่เขาหยุดและจัดให้พวกผมนั่ง ผมก็นั่งลง ยังมีทั้งสายตาที่ยิ้มกริ่มส่งมาให้ผม ทำเอาพวกผมนี้เขินเลยครับ

      “สั่งอะไรกันดีค่ะ “ คุณน้าคนที่พาผมเข้ามานั่ง ถามพวกผม
            
      “ส่วนเราสองคนนะ  น้าจำได้ กินประจำเลย ช๊อกโกแลตซันเดย์ และอีกคนนี้ ราสเบอรี่เชอเบด “ ผู้หญิงคนนั้นหันมาเจอต้นข้าวกับไอ้บลู มันมากันประจำจริง มันหยักคิ้วให้พวกผม

      “งั้นพวกเราดูออเดอร์กันไปก่อนนะ เดี๋ยวน้ามา ขอไปเสริฟก่อน ไม่นานจ๊ะ” คุณน้าพูดพวกผมก็พยักหน้า และเปิดดูเมนูจะทานอะไรกันดี เขินก็เขินมีแต่สายตายั่วยวนมองมาที่พวกผม

      “อย่าไปส่งสายตาให้พวกนั้นเลยสาวๆ มันเอาแต่ตูด “ ผมหันไปมองต้นเสียง อะไรของมันว่ะเนี๊ยะ ขอพวกกูกินไอติมก่อนได้ไหมว่ะ ผมก็ทำหน้าเซ็ง

      “อะไรอีกวะ”ไอ้ดิวมันพูดขึ้น ผมก็ส่ายหัว และหันกลับมาดูบอยและก็ก้มหน้าลงเลือกไอศรีมกันต่อไม่อยากมีเรื่องอีก

      “ชอบกินแบบเป็นแท่งๆ หรือเปล่า พี่มีนะ ฮาๆ” ผมทำเป็นไม่สนใจไอ้พวกปากดี ก้มหน้าดูเมนูกัน

      “บอยกินไรดีอะ” ผมถามบอย

      “บอยไม่รู้ซิ ปกติ ไม่ค่อยได้ทานไอศรีมเลยอ่ะแจ็ค”บอยหันมาพูดกับผม

      “มาทานของพี่ไหม” มีคนพูดข้างพวกผมและมันมาด้านหลังมันกำลังจะคว้าข้อมือไอ้แอ้ ใช่มันคิดผิดมากไอ้แอ้ไวเกินคาดมันก็พลิกแขนไอ้คนนั้นได้มันก็บิดเหมือนในหนังไม่มีผิด

      “โอ้ยย สาด!” มันสะบดและด่าไอ้แอ้ด้วยความเจ็บปวด เสียงเก้าอี้ทำให้ทุกคนแตกตื่นและลุกขึ้น พวกผมลุกและหันไปมองไอ้คนที่แอ้มันบิดแขนไว้

      “มึงอยากได้ตีนไหมละ “ ไอ้ดิวก้มลงไปถาม พวกเพื่อนมันกำลังวิ่งเข้ามาใส่เลย ไอ้ดิว ปล่อยหมัดตรงไปทันทีที่ใบหน้าถึงกับกระเด็นสวนไปเลย และคงจะมึนงงไปพักหนึ่งไอ้ดิวมันเป็นคนหมัดหนัก และไอ้ดิวก็ถีบไอ้คนที่แอ้บิดแขนไว้กระเด็นไปสมทบอีกคน

      “พวกมึงเป็นอะไรกัน “ผมถามไอ้พวกที่มันรอเข้ามาใส่พวกผม

      “อะไรกันค่ะ นี้อย่ามามีเรื่องในร้านนะ ไม่งั้นน้าจะแจ้งตำรวจ” ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่หยิบมือถือมาด้วย ทำท่าจะกดสายถึงตำรวจ ผมจะหันไปอธิบายแต่เขายกมือห้ามผมไว้

      “น้าเห็นว่าเราไม่ได้เป็นคนเริ่ม “ คุณน้าคนนั้นพูด เข้าข้างพวกผม

      “เดี๋ยวได้เห็นดี!” พวกนั้นมันมาพยุงเพื่อนมันขึ้น มันมากันห้าหกคนได้แต่ตอนนี้เดี้ยงไปสองคนแล้ว และมันก็เดินออกมาไปจากร้าน พวกผู้หญิงที่มองพวกผมอย่างตกใจ

      “แก ..ใช่ที่เขาบอกว่าพวกคุณหนูลูกหลานเจ้าของโรงรียนบดินทร์ทรเทพวิทยามั้ยวะ “ ผมได้ยินเสียงคนกระซิบกัน ใช่เลยนามสกุลพ่อไอ้ติ๊กมัน

      “ใช่วะ แก ออกเถอะวะ เดี๋ยวเกิดมีมาอีกพวกเราซวย” นั้นไงแต่ละคนพากันลุก ผมหันไปมองเจ้าของร้าน ผมไม่น่าทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วยเลย

      “ซวยเลยว่ะ” ผมพูดและผมคงต้องจ่ายค่าเสียหายและค่าที่ทำให้ลูกค้าหายอีกด้วย

      “พวกผมขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าเสียหายให้” ผมพูดและบัตรเครดิตขึ้นมา

      “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณน้าเจ้าของร้านพูด

      “งั้นพวกเรารีบกลับไปที่โรงเรียนเถอะจะได้ขึ้นรถกลับบ้านกัน “ บอยหันมาบอกผม
และทุกคน

      “ งั้นก็แยกกันข้างหน้านี้นะ กูจะไปโทรหาพ่อว่ามารับตรงไหน” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมกำลังจะเดินออกจากร้าน ที่ตอนนี้ไม่มีคนแล้วทุกคนไปกันหมด จนออกมาถึงหน้าร้าน ผมก็เห็น แต่ไกลๆมีพวกยกโขย่งกันมาเยอะมาก

      “ไม่จริงนะ อะไรว่ะ” ไอ้ติ๊ก ผมหันไปหันมาจะไปไหนดี แต่ที่แน่ๆ ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูวิ่งไปแล้วครับ มันรู้ว่าไปทางไหน

      “พวกนายทางนี้ “ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเรียกผม ให้เข้าไปทางช่องแคบของทางร้าน และพวกผมก็ไม่มีทางเลือกครับ วิ่งตามไอ้คนนั้นไป มันพาไปเหมือนห้องใต้บรรไดลงไปและมันก็ปิดประตู พวกผมอยู่ในนั้นในความเงียบมาก เวลาผ่านไปสัก 20 นาทีแต่นานมากสำหรับพวกผม จนกระทั้งไอ้คนนั้นมันเดินมาเปิดประตูให้พวกผม

      “พวกมันถอยออกไปแล้วแต่เราไม่แน่ใจนะว่ามันจะไปดักรอที่ไหน ที่หน้าโรงเรียนไหม” ไอ้คนที่ช่วยผมบอก

      “เอาไงดี จะกลับบ้านไงว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด

      “นั้นดิ “ พาย

      “พวกนายโทรบอกคนขับรถให้ขับมาที่ร้าน บ้านไอติม “ คนที่ช่วยผมบอก

      “เฮ้ย! เกรงใจน้าเขาเมื่อกี้พวกเราเหมือนไล่ลูกค้าเขาเลยวะ”ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้า

      “ไม่เป็นไร นั้นพ่อแม่เรา” ไอ้คนที่ช่วยเราไว้พูด

      “เออ...”พวกผมก็งง มากขึ้นไม่ใช่อะไรทำไมตั้งใจช่วยพวกผมทั้งครอบครัวแต่ก็เอาเถอะ บอยแตะมือผมเบา ผมก็พยักหน้ารับ

      “เร็วดิ ก่อนที่พวกมันจะกลับมาและคราวนี้จะยากนะ” ไอ้คนที่ช่วยผมบอกพวกผม ผมพยักหน้าบอกไอ้ติ๊ก มันก็โทรหาคนขับรถและคุยกับเขาว่าให้มารับตรงไหน แต่มันอธิบายไม่ถูก คนที่ช่วยผมเลยอธิบายไปแทน

      “พี่เขาจะมาถึงในห้านาที นั้นนะ ทางออกพอรถมาวิ่งไปขึ้นรถเลยนะ” คนช่วยพวกผมบอก

      “นายเป็นใครทำไมช่วยพวกเราอะ” แอ้หันไปถาม

      “เอานะเราอยากช่วย “

      “นายชื่อไรวะ” ผมถามชื่อ

      “เราชื่ออธิป” คนนั้นบอกชื่อพวกผม และผมจะจำไว้ว่าใครช่วยผม ผมยื่นมือไปเชคแฮนด์ทำความรู้จักสไตล์ฝรั่งมันก็เชคแฮนด์ผมกลับ

      “เฮ้ยรถมาแล้ววะ” ผมกำลังจะพากันเดินออกแต่ก็ไม่ลืมมองซ้ายมองขวาก่อน

      “เออ ...ปลอดภัยแล้ววะจักร รถมารับแล้ววะ “ ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้แต่ชื่อคุ้นๆ ไม่น่าจะใช้คนที่ผมรู้จักหรอก เพราะว่ามันคงไม่น่าจะมาดังไกลถึงนี้ ไอ้คนที่ผมว่านั้นเป็นลูกคนเล็กของลุงสามน้องชายลุงหนึ่งเขา แต่ผมก็วิ่งมาจนขึ้นรถ ผมเข้ามานั่งในรถ มีติ๊ก มันคงเข้าไปแย้งนั่งติดกับไอ้แอ้และไอ้ดิวไม่ทัน แต่นาทีนี้ใคราก็รักชีวิต

      “มาทานไอศรีมกันเหรอครับคุณหนู อร่อยไหมครับร้านนี้” พี่คนขับถามแต่พวกผมมองรอดไปข้างนอกรถ

      “ไม่อร่อยครับ เพราะยังไม่ทันได้กินครับ “ ไอ้ติ๊กบอก

      “อ้าวทำไมละครับ ไม่ต้องรีบ ผมรอได้ คุณหนูจะลงไปทานกันก่อนไหมครับ” พี่คนขับรถบอกพวกผม

      “ไม่ดีกว่าพี่ออกรถเถอะ เพราะผมจะไม่ได้ทานแค่ไอศรีมแต่ะจะเป็นอะไรที่มันแข็งเหมือนตีนนครับพี่ และมันรออยู่เป็นร้อยตีนเลยพี่”ผมรีบบอกพี่คนขับรถ

      “ออกรถเลยพี่ก่อนที่พวกนั้นจะมา” ไอ้ติ๊กและผมเห็นว่ารถที่ไอ้ติวแอ้และพายขึ้นไปวิ่งออกไปแล้ว

      “งั้นก็ไม่รอละครับ กลับบ้านนะครับ”

      “คร๊าบ” ทุกคน

      “พลีส!!!” ผมเอง และรถก็แล่นออกไป นายคนที่ช่วยผมยังยืนโบกมือให้ผมอีกด้วย ผมนั่งกันแบบเซ็งมาก ไม่เคยเจออะไรหนักแบบนี้เลยจริงๆ

      “วันนี้เรียนหนักกันเหรอครับ ดูเหนื่อยๆกันน่าดู “ พี่คนขับรถถามพวกผม

      “มากครับแต่ไม่ได้เรียนครับ วันนี้เรียนจริง แค่สองวิชาที่เหลือนั่งๆนอนๆแต่ที่สภาพดูเหนื่อยก็วิ่งหนีตรีนมานี้แหละครับ จากโรงเรียนมาถึงร้านบ้านไอติม” ไอ้ติ๊กพูด ผมกันไปกุมมือบอย บอยไม่น่ามาซวยกับพวกผมเลยจริงๆ บอยพยักหน้าว่าบอยโอเค


      “พวกผมไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกนั้นมันเลยนะพี่ พวกอันตพาล พ่อแม่ไม่รักหรือไงไม่รู้ มันจะรู้ไหมเนี๊ยะว่ามันคือภาระสังคม”ไอ้ติ๊กมันพูด ติ๊กมันเป็นคนค้อนข้างไปทางปากร้าย ไม่แปลกใจเล่นนั่งคู่กับนางเองคนไหน มันต้องมีกัดจิกกันตลอดจนบางทีนางเอกขอถอนตัวไม่เล่นต่อ นี้เลยต้องมาเล่นคู่กับพระเอกแทน

      “อย่างนี้แหละครับชีวิตวัยรุ่น” พี่เขาพูดและหัวเราะไปด้วย

      “ผมก็ผ่านมาแบบนี้ครับ เมื่อก่อนผมก็ไล่ตีรันฟันแทงเขาไปทั่ว คิดว่าเท่มาก “พี่คนขับรถเขาพูดขึ้นพวกผมก็แปลกใจแต่ก็ฟัง

      “ผมเป็นพวกอันตพาลที่ไปที่ไหนต้องมีเรื่องกับพวกเขาไปทั่ว ไม่เหยียบตีนก็มองหน้า ไม่มองหน้าก็หลี่ผู้หญิงคนเดียวกัน หรือไม่ก็ได้ยินมาว่าไอ้นี้ยังงั้นยังงี้ ต้องเล่นมัน เยอะแยะ “

      “ผมนะโดนคนตราหน้าว่าเป็นพวกไม่มีอนาคต และผมก็ถูกส่งไปสถานกักกันตั้งแต่อายุไม่ถึง15 และคุกเยาวชนก็ไปมา และพอออกมาได้ก็หางานทำไม่ได้อีก เพราะประวัติ จนต้องไปทำงานรับจ้างไปทั่ว มีทั้งถูกกฏหมายและผิดกฏหมาย “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า ถามว่าพอเริ่มบรรลุนิติภาวะ ผมก็อยากมีงานดีดี มีอะไรที่มั่นคงแต่มันยากจนกระทั้ง”

      “วันหนึ่งผมขับรถผ่านไปเส้นทางหนึ่งเพื่อจะไปหางานใหม่จากที่โดนนายจ้างโกงค่าแรง ไม่จ่ายแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมเห็นรถคันหนึ่ง เป็นรถราคาแพงผมดูก็รู้จอดอยู่ และมีรถประกบอยู่ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดี ผมเลยจอดรถมอเตอร์ไซด์”

      “พี่เคยช่วยพี่ตุ๊กับพ่อผมไว้” ติ๊กพูดขึ้นผมมองหน้าจริงเหรอ

      “ใช่ครับ เห็นว่าประวัติผมไม่ดีแต่ผมก็มีความกล้าที่จะช่วยคนที่ลำบาก ตอนนั้นมีคนต้องการจะทำร้ายท่านและคุณตุ๊ ผมก็เลยเข้าไปลุยกับมัน จนกระทั้งมีรถสายตรวจผ่านมานั้นแหละครับ “

      “และนั้นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของผมครับคุณหนู แม้ว่าวันนั้นผมจะได้มีดปักพุงมาหนึ่งเล่มก็ตาม” พี่เขายังพูดขำๆ

      “คนที่เขามองว่าเป็นอันตพาลบางครั้งก็ทำอะไรไปแบบไร้เหตุผลแต่ เขาอาจจะอยากได้โอกาสจากสังคม และเมื่อเขาได้ เขาจะกลายเป็นคนดีและซื่อสัตย์กับคนที่มอบโอกาสให้อย่างผม ท่านเสนองานขับรถให้ผมและยังสนับสนุนให้ผมได้เรียนต่อจบผมจบปริญญาตรี และตอนนี้ ผมมีบ้าน มีรถ และมี่ครอบครัวที่ดี บุญคุณนี้พี่ไม่มีวันลืมครับ  “ พี่เขาเล่าประวัติพี่เขาให้ฟังพวกผมก็ฟังเพลินจนถึงบ้านพัก แต่มันก็ทำให้พวกผมได้ข้อคิด

      “ถึงบ้านแล้วครับคุณหนู เข้าบ้านอาบน้ำพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ผมมารับครับ” พี่เขาพูด

      “ขอบคุณครับพี่”พวกผมไม่ลืมที่จะขอบคุณถึงเขาจะเป็นคนขับรถก็ตามแต่พ่อผมสอนเสมอว่าการให้เกียรติคนไม่ว่าจะผู้น้อยผู้มาก มันจะนำมาซึ้งสิ่งที่ดีตอบแทนกลับมาเสมอ ผมพากันเดินเข้าไปบ้านด้วยความอ่อนล้า นี้แค่วันแรกนะ และพวกผมต้องอยู่ให้ได้หนึ่งปี นั้นคือ 365วัน สภาพพวกผมจะเป็นยังไงไม่อยากจะคิด
 


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
           สมาชิกใหม่ของบ้าน

          Part แจ็คหลังจากที่พวกผมต้องพจนภัยเกือบไม่ได้กลับมาบ้าน และผมก็คิดว่าพวกผมควรวางแผนการกันใหม่ วันนี้ก็คิดว่าพวกผมจะได้สมาชิกเพิ่มมาช่วย แต่มันหน้าหวานเกินไปและดูอ่อนแอ่น ถึงแม้ว่าพี่ชายมันจะเคยเป็นหัวหน้าแก้งมาก่อนก็ตาม แต่ทำยังไงได้มันลงเรือรำเดียวกับพวกผมแล้วไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู

ขณะที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปในบ้านของพวกผม  และผมก็สังเกตุเห็นว่าไฟถูกเปิดที่ชั้นสองของตัวบ้าน นี้ยังไม่มืดดีแค่สลัวๆ แต่ก็ยังเร็วสำหรับผมอยู่ดีที่เคยอาศัยอยู่เมืองไหญ่ที่ไม่เคยหลับไหล บรรยากาศที่นี่สองทุ่มเหมือนตีสองกรุงเทพฯ เงียบจนวังเวง





“ริงๆ” เสียงมือถือทั้งสองเครื่องดังขึ้น มือถือของบอยและไอ้ติ๊ก ผมหันไปมองทั้งคู่





“พ่อโทรมานะ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกันเลย แต่ของผมเงียบพ่อไม่คิดจะโทรมาถามผมบ้างหรือไงกันว่าผมเจออะไรกันบ้างวันนี้ แต่ถึงยังไงพวกผมก็ยังกลับไม่ได้อยู่ดี ผมพยักหน้าให้ทั้งคู่และทั้งคู่ก็เดินแยกกันไปคนละทาง ผมก็เดินตรงเข้าบ้าน ผมว่าจะคุยปรึกษาอะไรกับไอ้ดิวสักหน่อยดีกว่า ก่อนที่อาหารเย็นจะมาถึง





“มาถึงนานแล้วเหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว ไอ้แอ้และพาย มันสามคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ความเย็นของแอร์ดูท่าจะเข้ามาถึงนานแล้ว





“เพิ่งมาถึงเนี๊ยะ ก่อนหน้าไม่ถึงสิบนาที” พายพูด ผมเลิกคิ้วมองและเงยหน้ามองที่เครื่องปรับอากาศ





“มีคนเปิดทิ้งไว้แน่ๆ เย็นเจี๊ยบเลยแต่ดี เพราะว่าวิ่งหนีตีนมาทำเอาร้อนตับจะแตก “พายพูดแอ้หันไปยิ้มให้พายแบบขำๆ





“และกรูเห็นไฟเปิดจากบนบ้านว่ะ” ผมพูด





“ไอ้ติ๊กคงลืมปิดไฟ เพราะกรูนะปิดในห้องนอนกรูก่อนออกแล้ว” ไอ้แอ้พูด ผมก็พยักหน้าแต่ไม่สน เพราะผมไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าไฟบรรดาพ่อพวกผมครับ





“ดีนะ ดีที่รอดมาได้ไม่ตายคาเท้าพวกมันซะก่อน “ไอ้ดิวพูด มันละสายตาขึ้นจากมือถือมันและมองหน้าผม ผมนั่งเอนหลังผิงพร้อมยกขาขึ้นไขว้ห้าง





“อันที่จริงมึงก็น่าจะเอาอยู่นะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้ดิว





“เอาอยู่….บ้านพองมึงซิ ห่า มากันเป็นสิบเกือบครึ้งร้อยได้ โดนไปนี่น่วมเลยนะมึง” ไอ้ดิวพูด ผมหันไปมองเหมือนมีเสียงใครสักคนเดินออกมาจากห้องครัว ผมหันมามองหน้ากัน จะว่าบอยกับติ๊กไม่ใช่แน่ๆ เพราะทั้งคู่คุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก





“ใครอยู่ในครัวว่ะ” ไอ้แอ้พูดกับไอ้ดิว ผมก็สงสัยเหมือนกัน ผมหันมาพยักหน้ากับมัน และก็ลุกขึ้น พวกผมเดินย่องๆ เข้าไปในห้องครัว ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผมนี้แหละ ยืนหันหลังอยู่ แถมยังอุดหูด้วยหูฟัง โยกแบบนี้เพลงมันคงดังสนั่นในรูหูเป็นแน่ ผมหันมามองหน้ากันแบบมีคำถามว่ามันคือใคร แต่ละคนพากันส่ายหัวไปมาว่าไม่มีใครรู้ว่าหมอนี้มันมายังไง และคนที่น่าจะรู้ก็ยังไม่เข้ามาอีก นั้นคือติ๊ก





“สงสัยคนใช้ที่ไอ้ติ๊กขอพ่อมันไว้หรือเปล่า พายเห็นมันพูดอยู่ว่าอยากได้คนมาคอยรับใช้ เพราะชีวิตมันติดคนรับใช้ทำอะไรเองไม่เป็น” พายพูดผมก็พยักไหล่ อาจจริง





“นาย” ผมเรียก มันก็ยังฟังเพลงอยู่





“นาย!!” ดังขึ้นมันก็ยังคงก้มหน้าก้มตาฟังเพลง ผมเข้าไปใกล้ เพลงมันดังมากเลยทีเดียว มันฟังเพลงดังขนาดนี้แก้วหูมันแตกหรือไง





“เฮ้ย!!!” มันร้องเสียงหลงเมื่อผมดึงไอพอตมันออกและมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผมกลับ ผมสังเกตได้ว่ามันตาชั้นเดียวเรียกได้ว่าไอ้ตี๋เลยดีกว่า ยืนเคี้ยวหมากฝรั่ง





“นายเป็นคนที่พ่อของติ๊กส่งมาให้ดูแลพวกเราใช่ป่ะ” พายถามและส่งยิ้มให้ แต่มันยังคงทำหน้างง แต่ก็หยักไหล่





“เออ ดี งั้น ช่วยเอาเบียร์ เย็นๆ มาให้หน่อย วันนี้หนีบาทามาเหนื่อย” ผมหันไปบอกไอ้หน้าตี๋นั้น และพากันเดินหันหลังออก





“ของเราบาคาดี้นะ ไม่ดื่มเบียร์” พายพูดและเดินตามพวกผมออกมานั่งที่โซฟา ไอ้ดิวเปิดทีวีดู





“พวกเราจะเอาไงดีวะ ถ้าเจอแบบนี้ทุกวันท่าจะแย่ว่ะะ” ผมพูด พวกมันก็หยักไหล่ประมาณว่าคงทำอะไรไม่ได้มาก ไม่นานไอ้คนที่พวกผมใช้ก็ถือแก้ว ออกมาสามแก้ว น่าจะเบียร์ ฟองเยอะดีเหมือนกันเห็นแล้วก็กระหายเลย





“อ่ะ เบียร์พวกมึงอ่ะ” มันวางลงและเหล่ตามองพวกผมทุกคน ก่อนจะหันหลังเดินออก พวกผมหันมามองหน้ากัน





“ไอ้นี่มันแน่มากวะ เข้าขั้นติสเลยว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด มันก็คงได้ยินเหมือนที่ผมได้ยินนั่นแหละ





“นายชื่อไร” ไอ้ดิวถาม ผมเงยหน้ามอง แต่มันไม่ตอบ มันหันไปมองหน้าไอ้ดิว





“ไม่จำเป็นต้องรู้มั้ง” อ้าวมันกวนนี้หว่า





“อ้าวเห้ย! อันนี้กวนตีนว่ะ” ผมพูด





“เรื่องของมึงไม่อยากบอกก็เรื่องมึง” ไอ้ดิวพูดและมันห้ามผมไว้ด้วย มันก็ทำท่าจะเดินออก ผมก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาใกล้จมูก อยากบอกว่าฉุนมาก ไม่น่าจะใช้เบียร์เลย





“เดี๋ยว!” ผมเรียกมันไว้





“มีอะไรว่ะแจ็ค” ไอ้ดิวมันถามผม





“ทำไมเบียร์มันกลิ่นแปลกๆ ว่า กลิ่นแม่งเหมือนฉี่เลยวะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้คนที่หันมาช้าๆ





“แต่ความซ่าแม่งแซงหน้าเบียร์เชื่อกู “มันพูด ผมก็ไม่เข้าใจที่มันพูดหรอก ไอ้ดิวก็ยกขึ้นมาและมันก็เบือนหน้าหนีเช่นกัน แอ้ก็เช่นกัน พายนี้รีบวางลงเลย





“น้ำอะไรของมึงเนี๊ยะ! “ผมลุกขึ้น คนยิ่งหัวเสียมาเจอไอ้นี่อีกคนผมก็คงหมดความอดทนที่ไอ้นี่แหละครับ ผมก็เดินไปหามัน และส่งแก้วให้มันดู มันก็เอียงคอมองผม





“น้ำอะไร!!!” ผมตะคอกเสียงดังถาม มันก็ยืนปั่นหน้าได้นิ่งมาก





“น้ำปัสสาวะกูเองว่ะ มันน่าจะซ่ากว่าเบียร์วะ “มันพูด ทุกคนวางแก้วลงอย่างเร็ว





“มึง...มันจะมากไปเปล่าวะ กูว่าต้องให้ไอ้ติ๊กโทรบอกพ่อมันวะ”





“พวกมึงคิดว่ามีพ่อใหญ่แล้วจะขมใครก็ได้เหรอยว่ะ “ผมหันมามองหน้ามัน  และมันก้าวย่างเข้าหาผมแบบไม่กลัวทั้งที่ผมมีกันสามคนอยู่ตรงนี้แต่มันลุยเดี่ยวถ้าจะแลกกับผม





“แล้วมึงใหญ่กว่าพ่อพวกกูป่ะละ” ผมถามมันกลับ ตายังคงจ้องหน้ามันอยู่





“อาจจะ” มันพูดและมองหน้าผม มันเดินเข้ามาและประชันหน้ากับผมแบบไม่กลัว

อะไร สายตามันแน่มาก ผมชักอยากรู้แล้วซิว่ามันคือใคร





“มึงเป็นใคร” ผมถามสายตายังคงจดจ้องไปที่ไอ้คนนั้นแบบไม่ละสายตาเช่นกัน จนกระทั่ง





“แจ็ค” บอยเรียกชื่อผมเปิดประตูเข้ามา ผมหันไปมองบอย บอยก็ทำหน้าเหมือนตกใจ





“บอย เห็นไอ้ติ๊กไหม” ผมหันไปถามและรีบจะเดินไปหาบอยแต่ถูกไอ้คนข้างหน้ามันดึงผมกระเด็นไป ผมไม่รอให้เสียหลังผมรีบดันตัวขึ้นมาเห็นมันกำลังตรงไปหาบอย ผมรีบดึงแขนมันและปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของไอ้หน้าตี๋นั้น





“แจ็ค อย่า!” บอยร้องห้ามผม และไอ้คนที่ผมตะบันหน้าก็ล้มลง ผมเลยเดินไปหาบอยเพื่ออธิบายว่าทำไมและไอ้นี่มันกวนพวกผมแค่ไหน





“บอย คือแจ็ค” ผมกำลังจะอธิบายแต่บอยมองหาไอ้คนที่ต่อยลงไป ยังไม่ทันไร มันก็วิ่งปรีมาหาผมและกระฉากคอเสื้อผม ผมก็กระฉากคอเสื้อมันเช่นกัน





“เฮ้ย!” ทุกคนร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะว่าที่พุงผมมีแก้วที่มันแตกจ่ออยู่ มันกะจะกระสวกพุงผมทันที แต่ผมหาได้กลัวไม่ ผมยังมองหน้ามันเป็นเชิงท้าทายด้วยซ้ำ





“มึงอย่านะโว้ย “ไอ้ดิวรีบร้องห้ามไอ้คนที่จ่อของแหล่มที่พุงผมอยู่





“หลุยส์ อย่า! “บอยรู้จักมันรึนี่ แต่ผมไม่สน ผมก็ประสานสายตามองจ้องมัน





“มึงกล้าหรือเปล่าละ” ผมถามมันด้วยสายตาที่ท้าทาย



“อย่าไอ้แจ็คมึงอย่าไปยุมันดิว่ะ” พายรีบห้ามปรามผม



“แต่มึงคงได้หมอบคาเท้าเพื่อนกูแน่” ผมพูด ไอ้ดิวก็พร้อมใส่เหมือนกัน ไอ้หลุยส์มันหันไปมองไอ้ดิว และหันมามองหน้าผม



“ใครหน้าไหนกูก็ไม่กลัว.... ยกเว้น.....” มันพูดและมันหันมามองบอย





“หลุยส์ พอเถอะ นี้แจ็ค เพื่อนเรานะ อย่าทำแบบนี้เลยนะ “บอยพูดบอกไอ้ตี๋นั้น ดูมันทำหน้าตาหวานซึ้งชวนผมอยากจะเตะมันให้กระเด็นออกไป





“บอยรู้จักไอ้หน้าตี๋นี้ด้วยเหรอ” ผมหันไปถามบอย





“เขาชื่อหลุยส์ เขาจะ” ขณะที่บอยกำลังจะพูด ไอ้ติ๊กมันก็โผ่หัวเข้ามาพอดี





“เฮ้ย! พวกมึง พ่อกูโทรมาบอกว่าเราจะมีสมาชิกใหม่ว่า มันชื่อ..หลุยส์ แต่ไม่วิคตอง มาอยู่กับ...เรา” ไอ้ติ๊กเดินเข้ามามันก็ทำหน้าตกใจที่เห็นว่ามีคนดึงคอเสื้อผมไว้และที่พุงมีอะไรรอแท่งผมอยู่เช่นกัน



“เว้ย!!!” ไอ้ติ๊กมันร้องตกใจและกลืนน้ำลายลงคอ มันหันไปส่งนิ้วถามพวกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็ชี้มาที่หน้าตี๋นี้





“มึงชื่อหลุยส์ใช่ปะว่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้หน้าตี๋ และบอยก็เรียกมันว่าไอ้หลุยส์ด้วย ผมว่า





“ใช่กรูนี้แหละ ไอ้หลุยส์” ทุกคนถึงกับพยักหน้า มันคือไอ้หลุยส์ และคำถามต่อไปแล้วมันเป็นใครละไอ้หลุยส์เนี๊ยะ เกิดมาพวกผมก็เจอกันแค่นี้





“เปิดตัวแรงวะ.เออ..” ไอ้ติ๊กมันทำหน้าตกใจแต่มันก็หันไปหาพวกไอ้ดิว





“เกิดอะไรขึ้นว่ะ และนี่กูพล้าดอะไรไปว่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามพวกนั้น ผมก็ยังคงจ้องหน้ากับไอ้หน้าตี๋นี้





“มึงทำไมไม่บอกพวกกูให้เร็วกว่านี้วะ กูนึกว่าคนใช้มึง!!!” ไอ้ดิวหันไปกระซิบกระซาบกับไอ้ติ๊ก ผมยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เลยได้ยินอยู่ ไอ้ติ๊กมันส่ายหัวและหันไปกระซิบกระซาบอะไรกับพวกไอ้ดิว





“หลุยส์ เอาเป็นว่าพวกกูขอโทษว่ะ ที่เข้าใจผิด” ไอ้ดิวมันพูดขอโทษไอ้หน้าตี๋ ไอ้หลุยส์หันไปมองหน้าไอ้ดิว





“ไอ้แจ็คมันก็ไม่รู้ มันคิดว่ามึงคือคนใช้ที่ไอ้ติ๊กมันขอพี่มันไว้” ไอ้ดิวพูด และค่อยเดินเข้ามามันแบมือขอแก้วที่แตก ไอ้หลุยส์มองหน้าบอยที่พยักหน้าว่าให้เขาหยุด มันก็ปล่อยผม และส่งของแหลมนั้นให้ดิวไป





“เฮ้อ!” ทุกคนพากันถอนลมหายใจ ที่ลุ้นอยู่ว่าผมจะโดนไหมพุงผมเนี๊ยะ รวมทั้งบอยด้วย





“บอย “มันปรี่จะเข้าไปหาบอยอีก ผมก็ดึงมันกลับเพราะนั้นมันแฟนผม



“โอ้ยย!” มันลงไปนอนและกุมท้องมันเอง ผมแค่ดึงมันกลับไม่ได้ชกท้องมันซะหน่อย และมันก็ร้องโอดครวญ เหมือนผมต่อยมันแรงมาก ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นโหดไม่กลัวห่าอะไรทั้งนั้น พอบอยมานี้ทำเป็นคนเจ้าสำออยขึ้นมาทันที





“ไอ้แจ็ค “ไอ้ติ๊กพูดและกะวิ่งมาประคองไอ้นี่ขึ้นแต่มั้นสะบัด และมองตากะปริบๆ มาที่บอย





“แจ็ค ไปต่อยหลุยส์อีกทำไม “บอยพูดและเขาก็เดินผ่านผมไปลงไปประคองไอ้หน้าตี๋นั้น ผมหันมองทุกคนที่อึ้ง ไม่มีใครพูดอะไร





“บอย แจ็คไม่ได้ต่อยมันนะครับ” ผมพูด บอยมองหน้าผม





“อู้ยย! “ไอ้หน้าตี๋มันยังคงร้องและกุมท้องมันไว้ มีเหล่ตามองผมมันแอบยิ้มที่มุมปากแต่ไม่มีใครเห็น





“ไอ้” ผมทำท่าจะต่อยมันจริงๆ แต่บอยหันขวับมามองผม “หมับ” ไอ้ดิวมันคว้าแขนผมดึงไว้ มันส่ายหัว ไม่ให้ผมเข้าไป





“แจ็ค! “บอยเรียกผม และประคองไอ้ตี๋นั้นขึ้นมา





“ไปไหนบอย” ผมถามบอย





“จะพาหลุยส์ไปใส่ยา” บอยพูดเสียงแข็งใส่ผม บอยโกรธผมหรือนี่





“บอย ...ไอ้”





“ใจเย็นเป็นไหมแจ็ค!” บอยหันมาถามผม ผมรู้ว่าผมเป็นคนหัวร้อนใจร้อน และสายตาบอยมันบอกว่าเขาเสียใจมาก ผมก็ได้แต่ก้มหน้าลง และไอ้ดิวมันก็เอื้อมมือมาแตะแขนผมไว้ ผมได้แต่มองบอยที่พาไอ้สำออยนั้นออกไป ดูมันผมนี้อยากจะอัดกำแพงแต่คำพูดบอย ที่ถามผม ใจเย็นเป็นไหม





“เฮ้ย! นี่มันเชี้ยอะไรวะ” ผมสะบดออกมาแต่ละคนมองหน้าผม





“ไอ้นี้มันจบสถาบันการแสดงที่ไหนมาว่า แม่งเล่นเนียนกว่ากูอีก” ไอ้ติ๊ก พูด แสดงว่ามันก็เห็นว่าผมไม่ได้ต่อยมัน





“นั่งลงก่อนแจ็ค เดี๋ยวกูเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาให้วะ” พายพูด ผมพยักหน้าผมนั่งลงบนเก้าอี้น่วม ด้วยความผิดหวัง นี้ไอ้หน้าตี๋นั้นคงไปออดอ้อนบอยน่าดูว่าเจ็บอย่างนั้นอย่างนี้



“ใจเย็นว่ะ มันก็คงแค่เพื่อนบอย” ไอ้ดิวพูด พายก็เดินเอาผ้าขนหนูหอน้ำแข็งมาให้ผมแปะที่มุมปากที่โดนมันชกไปเต็มๆ



“และนี้ติ๊กมันบอกว่าพ่อมันให้ดูแลไอ้นี่ดีดี นั้นแสดงว่าคงเป็นอะไรที่สำคัญพอๆ กับพวกเราวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้ามามอง ให้พวกเราดูแลไอ้นี่นี้นะ ผมส่ายหัว ผมไม่เอาด้วยคน ไม่มีทาง มาถึงก็กวนตีนขนาดนี้และถ้าต้องอยู่ร่วมด้วยมันจะกวนตีนผมขนาดไหนคิดดู





“มึงนี้แม่งโคตรซวยเลยวะ กำลังไปได้ดีกับบอย เพิ่งจะดีกันเมื่อเช้าตอนเย็นโดนหมาคาบไปแดงซะงั้น” ไอ้ติ๊กพูด หันมามองหน้ามันนี้มึงซ้ำกูใช่ไหม





“มึงก็ปาก ไอ้ติ๊ก” ไอ้แอ้หันไปต่อว่าไอ้ติ๊กทันที





“รู้จักคำว่าเชื่อใจไหมวะ” ไอ้ดิวพูด ผมหันมองหน้ามัน เห็นแบบนี้เชื่อใจไหวไหม ผมก็เงียบพูดไม่พูดอะไรต่อ





“พวกกูขึ้นไปอาบน้ำดีกว่าวะ จะได้ลงมาทานอาหารเย็น วันนี้กูบอกไอ้ป๊อดว่ากรูจะกินลอปเตอร์อบมอสสาเรลล่าชีส” ไอ้ติ๊กมันพูด พวกผมเงยหน้ามองมัน





“อิมพอสซิเบิล!!!!” พายพูดขึ้นมาทันที





“มึงคิดว่าเขาจะไปหากุ้งลอบเตอร์ที่ไหนวะ ที่นี้มีแต่กุ้งแม่น้ำ” ไอ้ดิวพูด





“ไม่รู้แหละ กูบอกมันว่ากูจะกิน” ไอ้ติ๊กพูดและหันมามองไอ้แอ้ มันกำลังจะอ้าปากชวนแอ้แน่ๆ





“แอ้ไปอาบน้ำกัน” ไอ้ติ๊กพูด





“มึงควรจะชวนกูวะ เพราะกูอยู่ห้องเดียวกับมึง” ไอ้พายหันไปบอกไอ้ติ๊ก ผมหันมามองไอ้ดิว มันก็ยักไหล่ ให้ทำไง ผมคิดในใจ นี้ยังตีกันเรื่องอาบน้ำอีกหรือไง





“ก็ไปดิ” ไอ้ติ๊กหันมาบอกพาย





“ตอแหล กูเห็นแอ้มันนั่งรออาบเป็นคนสุดท้ายทุกที ให้มันไปอาบน้ำที่ห้องมันดิ “ไอ้พายพูด ไอ้ดิวสะบัดหน้าไปมองแอ้ เหมือนมันจะยิ้มๆ ผมนะสังเกตุมันมาพักหนึ่งแล้วนะ ระหว่างมันกับไอ้แอ้เนี๊ยะ มันจะปิดพวกผมทำไมกันหรือแม้กระทั่งติ๊กมันก็ปิด อันนี้เริ่มมีข้อน่าสงสัย ผมหันมามองไอ้ดิว หยักคิ้วให้มัน ยังไงของมัน มันก็หลบสายตาผม





“ก็..เออ รอบนี้กรูกับมันจะอาบน้ำด้วยกัน” มันยังแถได้อีกและดึงแขนแอ้ให้ลุกขึ้น





“ไปดิพาย มึงจะไปอาบน้ำไม่ใช่เหรอ” ติ๊กพูดและดึงแขนพาย ผมว่าพายมันรู้อะไรดีดีมาแน่ๆ เอาไว้ผมต้องถามพายดีกว่า พอสามคนนั้นเดินออกไปด้านบน ผมก็หันมามองไอ้ดิว





“มึงยังไงดิว “ผมถามไอ้ดิว มันมองหน้าผม





“อะไร ไม่มี!” มันตอบผมเสียงสูง





“มึงกับแอ้นะ กูรู้สึกเหมือนมึงสองคนมีอะไรปิดบังพวกกูกันว่ะ คบกันป่ะ” ผมถามไอ้ดิวและยิ่งคำถามตรงไปเลย แบบปล่อยหมัดฮุกไปเลย





“เออ ...ไม่ ..นิ “มันตะกุกตุกัก



“มึงคบกันก็บอกดิว่ะ มันแปลกเหรอว่ะ ถ้าจะรักกันเอง ก็แค่บอกพวกกู ดิว” ผมหันไปพูดกับมัน มันเงียบทันที





“แล้วระหว่างพวกมึงกับไอ้ติ๊กละ “ผมถามไอ้ดิวมันก็สะบัดหน้ามามองผมทันที



“ก็ไม่มีอ่ะ “ไอ้ดิวมันรีบปฏิเสธทันที แสดงว่าไอ้ติ๊กไม่ใช่นั้นก็ไอ้แอ้แน่นอน ผมหันมามองหน้ามันแบบจริงจัง





“บอกพวกกรูดิวะดิว มีอะไรพวกกูได้ช่วยกันได้ “ผมพูดเพราะเริ่มนอยด์กับมันแล้ว





“ไม่มี ถ้ากูมีกูจะบอก” มันพูดและลุกไปขึ้นไปทันที ที่บ้านเรียกชิ้ง มันคงไปเข้าห้องยิมก่อนอาบน้ำซิท่าตอนแรกผมก็ว่าจะออกกำลังกายสักหน่อย เพราะถ้าเขาเรียกคัดตัวขึ้นมาร่างกายไม่พร้อมอีก แต่เจอไอ้หน้าตี๋ไปผมหมดอารมณ์เลย



ผมเดินส่ายหัวและเข้าห้องครัวไป ผมกะจะไปหาน้ำดื่มสักหน่อย ผมเห็นบอยยืนอยู่แต่ไม่เห็นไอ้หน้าตี๋นั้นและดูจากกล่องยานี้ก็คงทำแผลให้กันแล้วซินะ





“ทำแผลหรือยัง” บอยหันมาถามผม ผมได้แต่ยืนมอง





“ก็”





“หันมา” บอยเดินตรงมาหาผม หยิบชุดทำแผลมาด้วย เขาเอาสำลีแตะน้ำยาและเอามาแตะที่มุมปากผมเบาๆ





“แจ็ค บอยขอร้องได้ไหม อย่าใจร้อน”





“บอยก็ไอ้นั่น”





“หลุยส์ เขาชื่อหลุยส์” บอยค้อนผมขวับเลย





“เออ ไอ้หลุยส์อะไรนี้นะ มัน... โอ๊ย!” ผมเผลอร้องสุดเสียงเพราะเจ็บแต่บอยกลับยิ้มที่มุมปาก





“หึๆ” บอยขำผมในลำคอ





“บอย แจ็คหึงอ่ะ” ผมบอกบอยและมองหน้าบอย





“เขาเป็นเพื่อนบอยนะ และเขาก็เป็นคนสำคัญขององค์กรเหมือนกัน “บอยพูดและทำท่าจะทายาเพิ่ม ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมแคร์เหรอ



“ไอ้หน้าตี๋นี้อะคนสำคัญ แจ็คไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย แจ็คคิดว่ามีแค่พวกเรา” ผมพูด บอยเงยหน้ามองผม



“เรื่องมันยาว เอาไว้บอยค่อยอธิบายก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ แจ็คควรจะเป็นเพื่อนกับหลุยส์ “บอยบอกผมเหมือนออกคำสั่งมากกว่า



“แล้วบอยละ ดูบอยสนิทกับไอ้หน้า ….ไอ้หลุยส์” ผมพูดจะเรียกไอ้หน้าตี๋แต่บอยแอบเงยหน้ามองผม แม้เวลาดุนี้แจ็คก็ง้อเลยเหมือนกันนะ





“บอยบอกแล้วไงว่าเขาคือเพื่อนบอย” บอยพูดและเงยหน้ามองหน้าผม ผมรู้สายตาเขาจริงจังและผมก็ควรจะเชื่อใจ





“แค่เพื่อนจริงๆนะ “ผมจับมือบอยไว้และถามบอยเพื่อความมั่นใจ บอยพยักหน้าให้ผม





“เชื่อใจทำได้ไหมครับ และบอยอยากให้แจ็คเป็นคนใจเย็นลง เพราะการเป็นคนใจร้อนจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับ..” บอยพูดบอกผม ผมก็เหล่ตามองใครเหรอที่ผมควรจะเป็นแบบอย่างที่ดี แต่บอยก็มองผมค้างไว้





“ช่างเถอะ แต่บอยขอนะ “บอยพูดและก้มลงเก็บของในกล่องยา





“สัญญาซิ “บอยถามผมย้ำเขาเงยหน้ามองผมอีกครั้งเพื่อต้องการคำตอบจากปากผม





“สัญญาครับ “ผมพูด บอยยิ้มให้ผมและแตะสำลีที่ใส่ยาเพิ่มลงที่มุมปากผมแอบกดซะแรงเชียว





“อู้ย” ผมร้องคร้างเบาๆ





“ทำเป็นร้อง ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่ง” บอยเงยหน้าแอบค้อนผมอีกแล้ว ผมก็มองใบหน้างามๆ ที่สวยยิ่งกว่ายิ่งสาว ดวงตาที่หวานประกอบกับตาสีฟ้าที่ดูละมุลคู่นั้น ไล่ลงมาที่ริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มเรียวสวย จนยากที่จะอดใจห้ามไม่ให้จุมพิศแต่มันไวไปกว่าความคิดของผม





“อืมม” ผมประกบริมฝีปากสวยนั้น บอยไม่ได้ห้ามปรามผม บอยเขย่งเท้าให้เสมอผมให้มากที่สุด ผมก็เลยยกตัวบอยให้นั่งบนโต๊ะตัวยาวในห้องครัว ผมกับบอยจูบกันอย่างดูดดื่ม รสจูบนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อวานวันนี้ บอยปฏิบัติตามผมเหมือนเขาเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ขาคู่เรียวของบอยถูกแยกออกให้ตัวผมนี้แทรกเข้าไประหว่างกลาง มือผมไล่เข้าไปในเสื้อนักเรียนไต่ไปตามหน้าท้องและขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดประทุมถัน





“อะ..แจ็ค..อย่า..ไม่เอา” เสียงบอยเล็ดลอดออกมาเพื่อห้ามปรามผม แต่ผมก็ยังคงเร้าโรมไม่ยอมหยุด





“ในนี้เหรอ ไม่มีใครแล้ว คนอื่นขึ้นไปอาบน้ำกันหมด อืมมม ที่รัก” ผมพูดและไม่ลดละยังคงซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่ไปเรื่อยผมพยายามจะปลดกระดุมเสื้อบอยแต่บอยพยายามห้ามปรามผมตลอดจน





“บอยครับ” ไอ้หน้าตี๋มันเข้ามาขัดจังหวะผมกับบอย บอยก็รีบดันผมออกและจัดการแต่งตัวแต่ ผมซิหันไปมองหน้ามันแบบเสียอารมณ์แต่คิดอีกทีนี้คือการแสดงตัวตนว่าเป็นเจ้าของที่ชัดเจนที่สุดนะผมว่า ผมหันไปมองหน้ามันว่ามีอะไร





“บอย..ห้องของหลุยส์อะ น้ำมันไม่ไหล และไฟก็ไม่ค่อยติดอ่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมามองหน้าบอย





“เมื่อวานกูกะจะนอนห้องนั้นนะและทุกอย่างมันใช้ได้นะ “ผมพูด





“อ้าวก็ลองขึ้นไปดูดิ” ไอ้หลุยส์พูด บอยหันมามองหน้าผม





“อีกห้องก็ไม่มีเฟอร์นิเจอด้วย” มันยังคงเรียกคะแนนความสงสารจากบอยอีก





“ถ้าอย่างนั้นก็ ให้หลุยส์นอนห้องเราหนึ่งคืนนะแจ็ค เพราะว่า”





“อะไรนะบอย” ผมหันมาอ้อนบอยบ้างแต่บอยทำหน้าขอร้องผมไว้ ผมนะไม่อยากจะทำร้ายความรู้สึกคนที่ผมรักเลย ผมหันมองหน้ามันดูมัน





“แล้วมันจะนอนตรงไหนอ่ะ “ผมถามบอย





“นอนเตียงเดียวกับบอยได้มั้ย” นั้นผมหันไปอยากจะต่อยหน้ามันอีกแต่ผมสัญญากับบอยไปเมื่อกี้





“นอนเตียงบอยไม่ได้โว้ย แต่นอนเตียงกูได้ เอาไหม ถ้าไม่ก็ไปนอนห้องไม่มีเฟอร์นิเจอ” ผมยื่นขอเสนอใหม่ ผมหันมามองบอยว่าให้สิทธิผมบ้างนะ บอยไม่ได้พูดอะไร ไอ้หน้าตี๋มันทำหน้าเหวอไป





“ไม่รับขอเสนอนี้ก็ตามใจ บอยไปอาบน้ำกันดีกว่า” ผมหันมาพูดกับบอย





“เออ ก็ได้ “มันตอบกลับแบบเสียไม่ได้ ผมก็หยักคิ้วให้มัน





“โอ้ยย บอย ตรงนี้ก็เจ็บทายาให้หน่อยนะครับ” ผมร้อง ที่จริงตรงนั้นไม่โดนอะไรหรอก





“Bullshit” ไอ้หน้าตี๋ มันพูดและเบ้ปาก ผมหันไปหยักคิ้วให้





“งั้นเราขึ้นไปอาบน้ำกันดีกว่า” บอยพูดแต่ไอ้หน้าตี๋มันชิ้งตอบ





“ดี” ผมและไอ้หน้าตี๋พูดพร้อมกันแต่ มันจะมาดีด้วยได้ยังไง





“ไอ้ตี๋! “ผมหันไปเรียกมันแต่





“หลุยส์ แจ็คเขาชื่อหลุยส์ “บอยกอดอกมองผม





“ไอ้..หลุยส์ มึงจะมาบอกว่าดีได้ไง” ผมหันไปถามและจ้องหน้ามันทันที มันแค่ยืนกอดอกหาได้สนใจไหม





“ก็บอยชวนอาบน้ำ” มันหันมาตอบผมได้หน้าตาเฉย





“เขาชวนกูคนเดียว มึงนะคนนอก” ผมหันไปชี้หน้ามัน





“กูไม่ใช่คนนอก” ไอ้หน้าตี๋พูดกระแทกเสียงใส่ผม





“เอาละ ตกลงจะขึ้นไปอาบน้ำกันไหม “บอยถามด้วยความเหนื่อยใจ และลุกเดินหนีผมสองคนขึ้นไป ผมก็วิ่งแต่ไอ้ตี๋ซิวิ่งแซงผม ผมก็ดึงเสื้อมันเพื่อพยายามไปถึงก่อน





“เฮ้ย ไอ้หน้าแขก “ “ไอ้หน้าตี๋” ผมสองคน วิ่งมถึงหน้าห้องนอนผมกับบอย บอยน่ะเข้าไปแล้วเหลือแค่ผมที่แย่งกันจะเข้า ก็ประตูมันแคบผมเลยแย้งกัน มันจะเข้าผมก็ดึงมันและผลักมันไว้ข้างหลัง มันก็ดึงผมไว้ไม่ให้เข้าเช่นกัน





“เฮ้ย! มึงสองคนนะ ยังจะกัดกันอีกเหรอว่ะ “ไอ้ดิวครับมันเปิดประตูมาด้วยผ้าเช็ดตัวคาดเอวแบบหมิ่นอีกแล้วและ





“เออ เสียงดังฉิบหายเลย เป็นบ้าอะไรเนี๊ยะ!” ไอ้ติ๊กอีกคนที่ออกมาด้วยผ้าโผกหัวเหมือนผู้หญิงเลย ไอ้แอ้และพายก็ออกมายืนดู





“ถ้ามึงยังตีกันกูจะโยนมึงสองคนไปอยู่นอกบ้านโน้น ไปนั่งตากยุงเล่นสักพัก เอาไหม! “ไอ้ดิวพูดด้วยสีหน้าขึงขัง ผมเลยต้องหยุดและไอ้ตี๋มันก็วิ่งพรวดเข้าห้องไปก่อนผมทันที





“โธ่โว้ย! กูพลาดเลย” ผมหันมาเม้งพวกมัน





“ขอให้สามพีกันให้สนุกนะ “ไอ้ติ๊ก ผมหันไปยกนิ้วกลางให้ พอผมเข้ามาก็ไม่เห็นบอยแล้วแสดงว่าบอยเข้าห้องน้ำไปแล้ว ล๊อกประตูด้วย ผมก็เลยต้องนั่งรอและมองหน้าไอ้ตี๋ไปด้วย

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    แจ็คX บอย Xหลุยส์  ผมควรจะอยู่ต่อดีไหม
       
         Part หลุยส์ ผมชื่อหลุยส์ ผมเป็นใคร ผมเป็นลูกผู้มีอิทธิพลและเป็นคนออกแบบและคิดค้นพวกอุปกรณ์ไฮเทคทีใช่ในการทำสงครามและนี้คือธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาลให้ครอบครัวผม แต่ในความโชคดีของผมก็มี่ความโชคร้ายเมื่อพ่อแม่ผมถูกรอบสังหารและผมก็ยังเป็นเด็กน้อยแม้จะอายุสิบปีแล้วก็ตามทีต้องมากำพร้าพ่อแม่ และได้ผู้มีอิทธิรับผมมาดูแล และกิจการก็ยังดำเนินไปภายใต้การดูแลของเขาคนนั้น และที่ผมมานี้เพื่อเขาคนเดยวเลย

       บอย คือหนุ่มตาสีฟ้า ผู้ซึ่งทำให้ผมหลงรักจนปลักหัวใจ หลังจากทีพ่อแม่ผมโดนสังหารผมเก็บตัวไม่ออกไปไหน ไม่ไปโรงเรียน ไม่ติดต่อใคร แต่เขาคนนั้นได้ส่งคุณครูมาสอนผมที่บ้าน จากกระทั้งเขาแนะนำให้ผมไปเรียนพิเศษทั้งที่ผมไม่อยากเพราะว่าผมจำเป็นต้องจบมัธยมปลาย และนั้นคือจุดที่ทำให้ชีวิตผมีสีสันขึ้นมาทันที
   
                  แต่สีสันก็มามีรอยทะลอกเพราว่าไอ้หน้าแขกนี้ไง มันบอกว่ามันเป็นแฟนบอย ทั้งที่อาณะ บอกบอยยังไม่มีแฟนแต่มีคนที่คู่ควร ผมนั้นไม่สนผมหลงรักบอยผมก็เฝ้าตามดูแลและจีบนั้นแหละ จนพอผมทราบว่าบอยจะมาเรียนมัธยมปลายกับเพื่อนอีก เพราะ ผมก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจว่าบอยจะกลับมาเรียนอีกทำไม ผมทราบมาอีกอย่างว่าบอยนะ ไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนแต่ใช่เป็นโฮมสกูล มาปีกว่าก่อนจะไปเรียนติวเตอร์และบอยก็เรียนปริญญาตรีออนไลน์ไว้ด้วย บอยเป็นคนเก่งและเขานั้นเป็นคนที่สำคัญมาก ดูจากที่เวลาไปไหนมาไหนจะมีการ์ดดูแลอย่างเคร่งครัด เรียกว่าใครก็เข้าถึงตัวยาก
      ปังๆๆๆๆ ผมกำลังเพลิดเพลิน กับใบหน้านายในฝันของผมเพลิน ก็อดนึกถึงใบหน้าบอยเมื่อครั้งแรกผมไม่ได้ แม้ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันก็ตาม แต่ดันมีมารมาผจน ไอ้หน้าแขกแน่ๆที่เคาะแบบนี้ ผมทำเป็นไม่สนใจ ขัดสีฉวีวรรณต่อไป

      ปังๆๆๆๆๆๆๆ นั้นหนักกว่าเดิมจนผมต้องปิดน้ำและออกมาหยิบผ้าขนหนูคาดเอวไว้แบบหมิ่นๆ ผมสูง 178 เซ็นติเมตร เตี่ยกว่าไอ้หน้าแขกหน่อย

      “What was wrong with you ? You are an idiot .” เปิดประตูแง้มและมองหน้าจมูกแหลมของมัน

      “Are you crazy? Why are you take to long time in a shower for ? Get out ! I wanna shower.” ไอ้หน้าแขกมันพูดและมันก็ดันประตูให้กว้างขึ้นและดึงผมออกมา กระเด็นออกมาเลย ผมมองหาตัวช่วย คือบอย

      “He’s not here. “ ไอ้หน้าแขกมันหันบอกผม ผมก็รีบแต่งตัวครับ จะได้ลงไปออดอ้อนบอยก่อนมัน

      “He is my boy  “ ไอ้หน้าแขกมันบอกผม ผมหันแสยะยิ้ม

      “I don’t belive you. As far as I know he never ever  have boyfriend .” ไอ้หน้าแขกมันชัดสีหน้าโกรธที่ผมพูด เกือบหนึ่งปีมานี้ผมก็ไม่เห็นบอยพูดถึงมันหรือจะพูดถึงแฟนสักคน

      “by the way, you can’t stop me” ผมพูดและรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสักชุดเพื่อแต่งตัว ไอ้หน้าแขกมันปิดประตูมันคงรีบอาบน้ำแต่ช้าไปแล้วผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาชั้นล่าง ผมเห็นบอยกำลังคุยหัวเราะมีความสุข เหมือนเขาคุ้นเคยกันมาก่อนยังไงก็ไม่รู้

      “ดีวะ” ไอ้คนที่มันจะต่อยผมเพราะผมกำลังจะเสียบพุงไอ้หน้าแขก ผมเห็นสายที่ดุดันผมว่าไอ้นี้น่าสนใจมากสำหรับผม ผมคุ้นๆหน้ามันนะ

      “ดีวะ นาย”

      “ดิว” มันแนะนำตัว

      “เราจำนายได้แล้วะ” ไอ้ดิวมันพูดผมก็ทำหน้างง ว่ามันพูดถึงอะไร

      “เราเคยเจอนายแต่น่าจะครั้งเดียว นานมากแล้วเพิ่งจะสิบขวบได้มั้ง ตอนนั้นงานอะไรสักงาน” ไอ้ดิวพูดผม ผมพยักหน้า จริงผมเคยเจอพวกมัน นานมากและหลังจากวันนั้นสองสามวันพ่อแม่ผมก็ถูกสังหาร


      “อาหารมาแล้วเข้าห้องครัวกันเถอะวะ กรูอยากทานลอปเตอร์แย่แล้ว”อีกคนน่าจะลูกชายอาภาษญ์


      “ดีวะหลุยส์ “ อีกคนหน้าหวานๆแต่มีความแข็งซ้อนอยู่


      “มันชื่อแอ้ เป็น..”ไอ้ดิวมันหันไปแนะนำแต่มันก็หยุดแค่ เป็น ผมเลิกคิ้วมอง

      “เพื่อน” ไอ้แอ้พูดต่อ ผมพยักหน้า ผมว่ามันสองคนมีอะไรแปลกแต่ใครจะสน ผมรีบเดินไปหาบอยที่คุยกับคนตัวเล็กบอบบาง

      “แม้บอย ...คิกๆ “ เขาหัวเราะอะไรกันก็ไม่รู้ ผมเดินเข้าไปพอดี
      
      “คุยกันสนุกน่าดู” ผมพูดและมองบอย ผมมองชุดที่เขาสวมใส่ มันสบายแต่ดูน่ารักมากในสายตาผม บอยหันมายิ้มให้ผม

      “เราทานข้าวกันเนอะ “ บอยพูดผมก็พยักหน้า

      “เออ ..หลุยส์นี้พายน่ะ ว่าที่คุณหมอในอนาคตเลยนะ” บอยแนะนำผมก็หันไปพยักหน้าทักทาย พายยืนมือมาจะเช็คแฮนด์ ผมก็เลยยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบ ตอนนี้อาหารก็มาวางบนโต๊ะแล้ว อาหารไทยทั้งนั้น ผมนะจะไปทานอาหารไทยเฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น

      “บอยครับ” ผมรีบเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้บอยทันทีอย่างสุภาพบุรุษ

      “อู้ยย! น่าร๊ากอ่ะ โรแมนเชียว” พายพูดและยืนมองผม ผมก็พยักหน้ายิ้มให้และผมก็นั่งลงข้างๆบอยทันที

      “นี่ ไม่เลื่อนให้เราบ้างเหรอ” พายสะกิดไหล่ผม ผมก็มองว่าทำไมอ่ะ

      “เก้าอี้” พายพูดและชี้ไปที่เก้าอี้ ผมก็ชี้ตัวผมเองด้วยเช่นกัน พายก็พยักหน้า

      “โธ่! อีพาย มึงเลื่อนเองดิวะ มีมือไหม” คนชื่อติ๊กพูด คนตัวเล็กทำหน้างอทันที

      “นั่งลงกูหิว” ติ๊กพูด

      “สองมาตรฐาน….ชิส์!”พูดและนั่งลงอย่างเสียไม่ได้

      “แล้ว”ผมถามบอยว่าที่อีกฝังใครนั่งเหรอ อย่าบอกนะว่า

      “กู....จะทำไม..ไอ้... “ไอ้หน้าแขกมันลงมาแบบจัดเต็มมาก เสื้อผ้าหน้าผม และมันกำลังจะเรียกผมว่าไอ้หน้าตี๋แต่มันชะงักเพราะบอยมองหน้ามัน

      “ไอ้หลุยส์” มันเรียกชื่อผม

      “แป๊ก!” ทุกคนทำช้อนหลุดมือกันหมดและมองไปที่ไอ้หน้าแขก นี้มันแต่งตัวอยู่บ้านของมันเหรอ เสื้อยืดมีแจ็คเก็ตสวมทับ กางเกงขายาว ผมนี้ลงแว๊กมาแบบเงาวั๊บ

      “แจ็ค มรึงจะไปไหนลูก ที่นี้ไม่มีผับ” ไอ้ติ๊กมันพูด

      “เออ ไปไหนของมึงเนี๊ยะ” ไอ้ดิว

      “กินข้าว “ มันบอกทุกคนแต่การแต่งตัวนี้เหมือนจะไปออกงาน

      “หล่อมากแจ็ค...นั่งข้างพายไหม คืนนี้ว่าง” พายพูด

      “อีนี้นิ เขามีเจ้าของแล้ว” ติ๊กกระซิบ มันคงหมายถึงบอย

      “เออ..นั่งลงซิแจ็ค “ บอยหันไปบอกไอ้หน้าแขกนั้น ไอ้หน้าแขกหันมาทำนิ้วเฉือดคอโชว์ผมด้วย ผมก็แอบส่งนิ้วกลางให้มัน เอาซิ

      “เอา พร้อมองค์ประชุม ป๊อด เปิดอาหาร เอาจานกรูก่อนลอปเตอร์อบชีส” ไอ้ติ๊กมันพูด และมีเด็กหนุ่มยังดูเด็กๆอยู่เลยเดินมาและเปิดฝาที่ครอบอาหารอยู่

      “เออ...ป๊อด กุ้งลอปเตอร์ มันต้องตัวใหญ่และส่วนใหญ่จะแค่ตัวเดียว นี้มันแม่น้ำไอ้ป๊อด” ติ๊กมันแถบจะควันออกหู

      “คือแม้ผมบอกว่าหามาได้นี้ใหญ่ที่สุดในตลาดแล้วมั้ง คุณติ๊ก”

      “อะไรที่นี้ไม่มีลอปเตอร์เหรอว่ะไอ้ป๊อด!” ไอ้ติ๊ก

      “ติ๊ก มึงจะบ้าเหรอ มีกุ้งแม่น้ำก็ดีถมไปแล้ว” ไอ้ดิว

      “ก็กูอยาก.... ”ไอ้ติ๊ก

      “เอาเดี๋ยวกูมา”ไอ้ดิวมันเดินหายออกไป ผมไม่รู้ว่าไปไหน

      “ป๊อด เปิดอันอื่นเลย คนอื่นจะได้ทาน “ไอ้แอ้พูดและไอ้เด็กที่ชื่อป๊อดมันก็ไล่เปิดฝาอาหารรอยโต๊ะ แต่ละอย่างนี้ผมไม่รู้จักเลยครับ

      “หลุยส์ทานได้ไหม” บอยหันหน้ามาถามผม

      “ทำไมทานไม่ได้ ” ไอ้หน้าแขกมันพูดผมหันไปมองหน้ามัน

      “หรือว่ากินได้แค่แบบจืดๆ เด็กน้อยเอ่ย!” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นเด็กน้อย อยากจะขึ้นแต่เกรงใจบอย ที่มองผมและหันไปมองไอ้แจ็คเหมือนจะดุมันให้หยุด

      “ไอ้ตาชั้นเดียวเฮ้ยย” นั้นมันด่าผมอีก อย่าคิดว่ากรูฟังไม่รู้นะโว้ย

      “หลุยส์ทานได้บอย “ ผมบอกบอยและยิ้มๆ ทุกคนหันมามองผม

      “หลุยส์เขาไม่เคยทานของเผ็ดนะทุกคน” บอยหันไปบอกทุกคนคงรวมไอ้หน้าแขกด้วย นี้เป็นการแสดงว่าบอยแคร์ผมแค่ไหน คิดเอาไอ้หน้าแขก ผมคิดในใจ

      “มาแล้วติ๊ก” ไอ้ดิวมันเดินกลับเข้ามาพร้อมกระดาษ มันไปปริ้นมาและส่งให้ติ๊ก มันคือรูปลอปเตอร์

      “มึงดูรูปและกินกุ้งแม้น้ำนั้นซะ เหมือนกันและอย่าได้พูดมากเดี๋ยวมึงได้ไปนั่งกินมาม่าแทน” ไอ้ดิวพูด มันแก้ปัญหาได้ดี ไอ้ติ๊กเงียบไปเลย และก้มหน้าก้มตาทานอาหาร บอยก็ตักอาหารให้ผม

      “บอย บอยชอบอันนี้นิ มันชื่ออะไรนะ หลุยส์เห็นบอยสั่งบ่อย “ ผมหันไปถามบอยและยิ้มตาหยีให้บอย

      “ปลาช่อนลุยสวนนะ เผ็ดได้ใจเลยแหละ ซีดเลย” คนที่ตอบผมคือพาย ผมหันมามอง

      “บอยไม่กินเผ็ดวะ ไอ้ตี๋” ไอ้แจ็ค ผมนี้ต้องระงับความโกรธ

      “บอยเคยทานนะ แต่ส่วนใหญ่แม่ครัวที่บ้านทำให้เขาจะไม่ใส่พริกนะหลุยส์ อันนี้คงเผ็ดไปสำหรับบอย และหลุยส์คงทานไม่ได้เช่นกัน” นั้นอันนี้โดน

      “ใช่เลย เรากินอะไรที่เหมือนกันมาก”

      “เหรอ” ทุกเสียง ผมหันไปมอง มันมองเหมือนผมนี้ตอแหลมาก

      “เก่งนะมึงนะ”มีคนชมผมไอ้ติ๊ก มันพูดขึ้นลอยๆ 

      “เดาใจเก่ง” ผมพูดและยิ้มเองเออเอง

      “แถ!!” ไอ้ติ๊ก

      “บอยอันนี้เลยบอยชอบมาก เมื่อก่อนให้แม่บ้านที่บ้านแจ็คทำให้กินทุกวัน จำได้ป่ะ” มันตักอีกจานออกจืดๆนะ

      “ใช่บอยชอบ ร้องขอทุกวันเลย แกงจืดเต้าหู้ไข่ “ ไอ้แอ้มันพูด ผมไม่เคยเห็นบอยสั่งอันนี้เลย

      “ไม่จริงมั้ง บอยไม่เคย”

      “เต้าหู้ไข่แม่บ้านบอยทำเองเลยนะ ทำให้ทานประจำ บอยเลยไม่ค่อยสั่งเวลาออกไปทานนอกบ้าน ” บอยหันมาบอกผมและเลื่อนจานไปรับที่ไอ้หน้าแขกตักมาให้ คะแนนหายไปหวบเลบครับผม ดูมีส่งยิ้มให้ด้วย

      “เดี๋ยวนะ หลุยส์ เห็นเหมือนอะไรในจานนั้นไม่รู้บอย หลุยส์ว่าอย่าพึ่งทาน “ ผมรีบคว้าจานที่บอยชอบไว้ไม่ให้ไอ้หน้าแขกตัก ทุกคนถึงกับทำหน้าเหวอ

      “มุขไหนของมันเนี๊ยะ” มีสียงกระซิบข้างๆผม แต่ผมไม่สนใจ

      “ไอ้หน้าตี๋ มึงจะดึงทำไม นี้ขอโปรดของ  บอย” ไอ้หน้าแขกมันดึงชามกลับ

      “กูเห็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจกูก็จะสะกัด”

      “สกัดพองมึงดิ ปล่อย”

      “เออ..หลุยส์ แจ็ค “ บอยก็พยายามห้ามแต่ผมก็พยายามยื้อมาที่ผม ไอ้หน้าแขกมันก็ยื้อกลับและผลสุดท้าย อาหารถ้วยนั้นคว้ำครับ

      “เว้ยย! เต้าหู้ไข่ “ทุกคนลุกพรวดและมองอาหารที่หกบนโต๊ะ
                 
      “อู้ยย! ไม่เป็นไรครับ ผมเช็ดให้พี่” ไอ้หนุ่มที่ยืนรอบริการรีบวิ่งหายเข้าไปในครัว

      “เป็นไงไอ้ตี๋ บอยจะกินอะไร” แจ็ค

      “ไม่เป็นไร มีอาหารเยอะอยู่นะ  บอยทานได้ครับ “บอยพูดและหันมามองหน้าผมแบบไม่ได้รู้สึกโกรธมันเลยทำให้ผมรู้สึกผิดกับบอย และผมก็เลยทำหน้าเศร้ามากกลบเกลือนให้บอยเห็นใจผมมากขึ้นแอบหันไปเหล่ไอ้หน้าแขกมันคงอิจฉาผมอยู่ใช่จริงๆด้วยมันปักซ้อมลงด้วยความแค้น

      “ไปแล้วหนึ่งจาน ไว้อาลัยให้แก่แกงจืดเต้าหู้” พายพูดและทุกคนก็หันมากำลังจะทานต่อ

      “งั้นข้าวผัดเนอะข้าวผัดไหมบอยไม่เผ็ด “ผมรีบหันไปคว้าจานข้าวผัดมาจากตรงหน้าใครไม่รู้ไม่ได้ดู

      “บอยแจ็คตักให้นะ” ไอ้แจ็คมันทำท่าจะแย้งจานข้าวผัดไปจากผม ผมก็ไม่ยอม ชุดกระฉากยื้อกันอยู่สุดท้ายจานข้าวผัดพลิกผ่านหน้าผมไป ไปไหน ละ แน่นอนผมหันไปมองทางที่ข้าวผัดควรจะไปและ ผมก็เห็นชัดมากว่าใครได้ไป คนผู้โชคดีคนนั้นก็คือน้องพาย หน้าน้องมีแต่ข้าวผัดตั้งแต่หัวลงมาเลย

      “เว้ย !” ผมครับตกใจมาก หันไปเจอน้องพายสภาพแบบนี้

      “นิ...จะตักให้พายทั้งที รบกวนตักใส่จานเล็กๆมาก็ได้”

      “ไม่ต้องฟาดมาทั้งถาดแบบนี้! “ พายพูดพร้อมกับใช่มือปาดข้าวผัดที่อยู่ที่ใบหน้าออก

      “โธ่! พายนี้มึงไม่กินธรรมดา ทาเลยเหรอวะ ฮาๆ ”ไอ้ติ๊กมันพูดและขำพายใหญ่เลย แต่คนอื่นพากันส่ายหัวไปตามๆกัน

      “ไปล้างหน้าก่อนนะ เดี๋ยวสิวขึ้น ต่อไปจะเลิกสั่งข้าวผัดหรือเลิกนั่งข้างมึงดีวะ ไอ้หลุยส์ ....ชิส์”พายพูดก่อนจะลุกขึ้นไป ทุกคนเริ่มหันมามองผมสองคน สลับกันไปมากับไอ้หน้าแขกนั้น  บอยหันมามองผมสองคน

      “แจ็คไม่ผิดนะ ไอ้หลุยส์ต่างหาก”ดูมันกระซิบกับบอย ผมแอบส่งนิ้วกลางให้มัน แต่ผมหันไปเจอบอยที่มองผมอยู่ สะดุ้งครับ

      “บอยทานอะไรดี “

      “บอยทานอันนั้นไหมครับ ของโปรดแจ็คเลยครับ บอยต้องชอบเหมือนแจ็คแน่เลย“ ดูมันพูดเข้า

      “บอยนะเขาไม่ทานเนื้อ”ผมพูดและเหล่ตามองบอย เป็นเรื่องจริงซะด้วย บอยหันมายิ้ม เพราะว่าอันนี้ผมรู้ดี แต่ไอ้หน้าแขกมันมองบอยแบบไม่เชื่อที่ผมพูด

      “บอยทานอันนี้ไหมครับ” ผมถามและหยิบมาจะตักให้บอย

      “กูตักเอง มึงตักไม่เป็นหรอก ใช้เป็นแต่ตะเกียบ” ไอ้หน้าแขก ผมลุกขึ้นเลยครับและพยายามจะแยงอาหารมากตักให้บอยแต่มันก็ยื้อแย้ง

      “ปล่อยไอ้แขก “ “มึงนะปล่อยไอ้ตี๋”

      “เว้ยย!” ไอ้ติ๊กและไอ้หน้าหวานแอ้มันร้องออกมาพร้อมเพราะว่าอาหารลอยจากมือผมไปตกที่ตรงหน้ามัน

      “ครืดดดด”เสียงเก้าอี้เลื่อนโดยไอ้ดิว

      “หมับ ...หมับ” มันเดินตรงมากระฉากคอเสื้อผมจากด้านหลังและมันก็ลากผมสองคน

      “อะไรของมึงดิว” ไอ้แจ็คมันถามแต่ไอ้ดิวไม่หลุด แรงมันดีมาก ลากผมสองคนมาถึงหน้าประตูและ มันก็โยนผมสองคนออกไปนอกประตู

      “มึงสองคนไปหาที่นั่งสงบๆ นะ และถ้ายังกัดกันไม่เลิก กูจะให้ไปกัดกันข้างนอก...นอกบ้านโน้นเลย เอาไหม ”ไอ้ดิว

      “พวกกรูจะกินข้าวกัน “ ไอ้ดิวพูดขึ้นเสียงใส่ผมสองคน

      “ถ้าพวกมึงไม่สามัคคีกันเดินเข้าไปก็หย่าวังว่าจะได้กิน”ไอ้ดิวมันพูดทิ้งท้าย

      “ปัง!” เสียงประตูปิดลงอย่างดัง ผมหันมามองไอ้แขก และก็ต้องถอยหลังออกเพราะว่าไอ้ดิวนี้เวลามันเอาจริงน่ากลัวเหมือนกัน และผมก็ ไม่อยากออกไปให้ยุงกัดเล่น ผมก็ได้แต่นั่งชะเง้อมองไปด้านใน และไอ้หน้าแขกอีกคน

      “coz you been silly” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นตัวต้นเหตุเหรอ ผมนั่งอยู่สักพัก คนละมุมจนกระทั้งเวลาผ่านไป 10 นาที เสียงประตูถูกเปิดออก คนที่มาเปิดก็คือไอ้ดิว

      “มึงจะสามัคคีกันได้หรือยัง” ไอ้ดิวถามผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน ผมหันไปมองหน้ามัน และไอ้หน้าแขกมันก็มองหน้าผมเช่นกัน แต่เอาวะ แกล้งดีกับมันก่อน เดี๋ยวค่อยเอาคืนและผมจะได้กลับไปนั่งชิดกับบอยอีก

      “ไอ้แขก เอ๊ย! ไอ้แจ็ค เราไปกินข้าวกันดีกว่าวะ “ ผมเดินไปยื่นมือให้มัน กัดฟันเลยจะดีกว่า แต่ก็ต้องยอม ไอ้หน้าแขกมันก็ทำหน้าตาเหวอ

      “เร็ว” ผมกัดฟันบอกมันและหันไปยิ้มให้ไอ้ดิว

      “เร็วนะอาหารจะหมดโต๊ะแล้ว เพราะว่ามีน้อยและพวกมรึงเล่นตีกันจนหกไปครึ้งหนึ่งได้” ไอ้ดิวพูด ผมสองคนก็เดินตามเข้าไปแต่ก็ยังหันมาแอบแยกเขี้ยวใส่กันอยู่หลังไอ้ดิว จนกระทั้งผมเดินเข้าไปก็รีบนั่งที่เดิมข้างบอยและมีไอ้หน้าแขกมานั่งประกบข้างเช่นกัน ผมสองคนยิ้มให้พวกที่นี้ด้วยความหวาดระแวงพากันเอามือปกป้องจานตัวเอง

      “ทานซิ หลุยส์ แจ็ค บอยตักไว้ให้ในจานแล้ว “ บอยพูดผมก็ยิ้มตาหยีให้เพราะตาชั้นเดียว  ผมจำใจต้องนั่งทานอาหารไปแต่ก็แอบจิกกัดไอ้หน้าแขกไปด้วย จนกระทั้งมืออาหารก็จบลง

      “ป๊อด! อาหารอร่อยมา คราวหน้าทำมาเพื่อไอ้สองคนนี้มันตีกันบนโต๊ะด้วยนะ พวกกรูจะได้มีสำรอง” ไอ้ติ๊กมันพูดและเหล่มองผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน และทุกคนก็พากันลุก ผมก็จะช้าทำไมรีบลุกไปเลื่อนเก้าอี้ออกแต่ มีคนแย้งซีนผมจากนั้นไอ้แจ็ค มันประครองบอยออกไปซะงั้น

      “Too slow” มันอ่านปากผม ผมนี้เจ็บใจหนัก แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามไปติดๆ

      “บอย” ผมเรียกบอยและเข้าไปเดินประกบอีกข้างหนึ่ง บอยหันมามองหน้าผมและจังหวะที่จะเดินผ่านช่องประตูแน่นอนมันพอสำหรับสามคนหรอก ผมก็ได้จังหวะที่มันพยายามแอบฟังผมทำท่าจะคุยกับบอยผมรีบผลักไอ้แขกให้หลุดออกไป เหลือแค่ผมกับบอยเดินผ่านประตูออกมา และผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

      “ว่าไงหลุยส์” บอยถามผม

      “บ้านนี้บรรยากาศดีนะครับ ว่าแต่บอยจะขึ้นห้องนอนเลยไหมครับ แต่หลุยส์ว่าเราหาที่นั่งคุยกันไหม ไม่ได้เจอกันนาน.....”ผมกำลังจะชวนบอยหาที่นั่งคุยกะว่าคุยแบบสวนตัวนะ แต่จู่ๆ ร่างผมก็เหมือนโดนผลักให้กระเด็นออกไป ใช่มันนั้นเองไอ้แจ็ค ผมของขึ้นอีก

      “ไอ้แจ็ค”

      “จะกัดอีกเหรอครับ” ไอ้หน้าโหด ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าสะเอวมองผมสองคนมันทำท่าจะโยนพวกผมออกไปข้างนอกแน่ๆ บอยก็มองผมสองคนสลับไปมาว่าจะเอายังไงกัน

      “หลุยส์ หยอกเล่น” ไอ้แจ็คมันพูดและยื่นมือมาทำท่าจะดึงผมให้ลุกขึ้น ผมก็จำใจ

      “เหรอ!!!!” เสียงสูง คือผมไม่เชื่อว่ามันหยอกผมหรอก แต่ก็ไม่อยากออกไปนอนข้างนอกบ้านนี่ครับ เลยจำใจผมก็ลุกขึ้น

      “บอยจะขึ้นห้องพักเลยนะ หลุยส์กับแจ็ค” บอยพูดขึ้นและมองผมสองคนเหมือนเป็นคำถามยังไงก็ไม่รู้

      “แจ็คก็จะขึ้นไปกับบอยเลย” แจ็คมันรีบแย้งพูด

      “งั้นก็ขึ้นพร้อมกันเพราะว่าหลุยส์ต้องนอนกับเราคืนนี้ ขึ้นไปจัดที่แล้วกัน หลุยส์นอนกับแจ็คนุ เพราะดูแล้วเตียงก็ไม่เล็กมาก”บอยพูด ผมก็แอบเสียดายมากแต่ก็ต้องจำใจ

      “หวังว่าจะไม่ได้ยินเสียงพวกมึงนะเพราะว่าห้องกูอยู่ข้างๆเลย กูเป็นประเภทที่ชอบหลับแบบสงบ “ ไอ้ดิวพูดพร้อมกับกอดอกมองผมสองคน ผมสองคนยิ้มและหันมามองหน้ากัน

      “รักกัน คืนนี้นอนด้วยกันนะ...” ไอ้แจ็คมันพูดแบบกัดฟัน” ผมสองคนก็รีบเดินตามบอยทันทีโดยมีไอ้ดิวเดินอยู่ข้างหลังกำกับไปจนถึงห้องพักเลยไม่กล้าทะเลาะกันเลยจนกระทั้งเข้าห้อง
ผมสองคนเข้ามาก็ไม่เห็นบอยแล้วบอยตรงตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุรสาวนตัวและจะได้เข้านอน ผมหันมาส่งสายตาฟาดฟันกับไอ้หน้าแขกเสียงดังเปรี้ยงปร้างเลย จนกระทั้ง

      “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิดออก ผมก็รีบวิ่งครับและไอ้หน้าแขกก็เช่นกันทั้งที่บอยยังไม่ทันได้ก้าวขาออกมาเลย บอยก็ทำท่าตกใจ

      “หลุยส์ แจ็ค “ บอยส่งเสียงทักผมสองคน

      “ไอ้ตี๋ มึงเป็นคนมาอาศัยต้องรอให้เจ้าของห้องก่อนดิวะ” ไอ้หน้าแขก         

      “มึงรู้จักมารยาทไหม แขกควรได้อภิสิทธิ์ก่อน” ผมหันไปบอกมัน บอยก็มองหน้าผมสองคนสลับไปมาก

      “ริงๆ “เสียงมือถือดังขึ้น ผมหันไปมองมันเป็นของไอ้หน้าแขกครับ

      “มือถือมึงดังอ่ะ”

      “อะไรวะ”ไอ้หน้าแขกมันเดินออกไปดู ผมก็ยิ้มให้บอย บอยก็หลบทางให้ผมรีบเดินเข้าห้องจะได้ออกมาสวีทกับบอยทำคะแนนนำหน้ามันไงครับผม

      “ไอ้ตี๋ “ไอ้แจ็คเรียกผมแต่ผมไม่แคร์ พอสักพักผมออกมาก็จะว่าจะสวีทกับบอยระหว่างที่ไอ้หน้าแขกไปอาบน้ำซะหน่อย แต่ดันเจอไอ้หน้าแขกมันใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้วมันนั่งเนียนบนเตียงกับบอย

      “ไอ้แขก..เอ้ย ไอ้แจ็ค มึง……” ผมถามมัน

      “กูไปใช้ห้องน้ำเพื่อนกูมาโว้ย  ไอ้ดิวอ่ะ” ไอ้หน้าแขกมันพูด มันไวกว่าผมอีกไอ้นี้ ผมนี้ควันออกหูเลยที่แพลนกันผมที่คิดไว้ในหัว อดหมดกัน
ผมก็มานั่งที่บนเตียงนอนมองไอ้หน้าแขกมันนั่งดูนั้นดูนี้บนแลปท๊อปของมันกับบอยสองคน ผมทำท่าจะหาวเพราะว่าวันนี้เดินทางมาเหนื่อยเต็มทีแต่ต้องถ่างตาดู ไม่ซจับตาดูจะดีกว่า

      “แจ็ค หลุยส์คงอยากนอนแล้วนะ หลุยส์เดินทางมาทั้งวันแล้ว” ผมได้ยินบอยพูด ผมทำเป็นแกล้งหลับดีกว่าในท่านอนเพื่อว่าบอยจะบอกให้มันรู้สึกผิด

      “แต่ว่า”

      “แจ็ค พรุ่งนี้เราก็ต้องตื่นแต่เช้าเหมือนกัน บอยก็เริ่มง่วงแล้วด้วย “บอยบอกไอ้หน้าแขกมัน ไอ้นั้นมันก็ลุกมาที่เตียงและมาสะกิดผม

      “ลง”มันบอกให้ผมลงจากเตียง มันชี้ไปที่พื้น มันจะให้ผมนอนที่พื้นหรือไง่ ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน

      “ลงไปดิไอ้ตี๋ กูจะได้นอนและมึงจะได้นอนที่กว้างมาก คือที่พื้นนั้น ” ไอ้หน้าแขกมันพูด ผมก็ทำท่าจะหยิบหมอนลงไปนอนแต่บอยออกจากห้องน้ำมาเจอผมซะก่อน

      “แจ็ค อย่าบอกนะว่าจะให้หลุยส์นอนที่พื้นนะ ไม่น่ารักเลยน่ะแจ็ค” บอยต่อว่าไอ้หน้าแขก ดูมันทำหน้าและผมก็ได้คะแนนแน่ๆ

      “บอยคือว่า...เออ...เตียงมัน...แคบนะครับ “ไอ้หน้าแขกมันพูด

      “แจ็คก็คิดว่าหลุยส์อยากได้ที่กว้างๆ “ ไอ้หน้าแขกมันแถ

      “งั้นหลุยส์มานอนกับบอย”

      “ไม่นะ หลุยส์กรูล้อเล่นครับ มาครับทีเยอะแยะ มานอน...เบียดกัน ...อุ่นดี” ไอ้แจ็คมันลงมาแลกผมขึ้นและกัดฟันพูดด้วยนะ ผมก็ขึ้นไปบนเตียง ผมสองคนมองหน้ากันประสานสายตาฟาดฟันกันแค่นั้น พอบอยหันมองมองผมก็กอดกัด แอบจิกกัดกัน
 
      “ พอบอยปิดไฟ ผมก็รีบทิ้งตัวลงนอนพยามนอนกินที่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และได้แจ็คมันก็พยายามดันผมให้เหลือที่ให้น้อยกว่ามันแต่ผมก็ใช้ขาก่ายมันเลย

      “ไอ้ตี๋ มึงนอนดีดีได้มั้ย...นี้มันเตียงกู” ไอ้แจ็คพูดกระซิบที่หูผม

      “ตอนนี้มันก็เป็นของกูด้วย กูก็มีสิทธิ์...จะนอนยังไงก็ได้ “ ผมบอกไอ้หน้าแขกมันไป ผมกับมันเล่นสงครามประสามกันบนเตียงแต่ก็แอบกลัวที่จะทำให้บอยตื่นเหมือนกัน ผมดิ้นกันไปดิ้นกันมาไอ้หน้าแขนกตกเตียงไปหลายรอบ และมั้นก็คงรำคาญมันก็ไม่ปืนกลับขึ้นบนเตียงอีก
      
      ผมหลับตาทันทีทำเหมือนกับว่าผมสลับสนิทพร้อมขาที่ก่ายเลยไปครึ้งเตียงได้ แต่ทว่าไอ้หน้าแขกมันเงียบไปเลบ ผมหันไปมอง มันหายไปเฉยเลย ผมเห็นประตูปิดลงแสดงว่าผมชนะมันออกไปนอนที่อื่นแทน ผมหันไปเห็นบอยที่หลับสนิทผมกระดกหัว

      “นอนหลับฝันดีครับบอย หลุยส์จะเอาชนะไอ้หน้าแขกให้ได้ “ ผมพูดและก็นอนลง ผมค่อยหลับตาลง คงได้หลับซะทีซินะ ผมเหมือนจะเคลิ้มๆแต่ผมก็ได้ยินเสียงประตูค่อยๆปิดลง หรือว่าไอ้แขกมันกลับมา ผมกระดกหัวขึ้น ไม่มีใครมานิ แต่เตียงบอยว่างเปล่า ผมเห็นเนื่องจากพอจะมีแสงจากภายนอกเข้ามาด้านใน ผมลุกขึ้นไปเปิดไฟดู บอยไม่อยู่ในห้องนิ บอยไปไหนละ หรือว่าเข้าห้องน้ำ แต่ผมเห็นว่าประตูปิดลง ผมนั่งนิ่งบนเตียงรอสักพักและผมก็เดินไปค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำ ในห้องน้ำว่างเปล่า นั้นแสดงว่าบอยออไปข้างนอก ผมก็ค่อยเปิดประตูออกไปเช่นกัน ผมเดินอยู่ในความมืด ก็เลยเอามือถือมาเปิดไฟฉาย ผมเดินไปเรื่อยจนถึงบันได ผมค่อยก้าวลงช้าๆ

      “แจ็คอ่ะ หลุยส์เขาก็มีดีนะ ถ้าแจ็คลองเปิดใจ” ผมได้ยินเสียงบอยคุยกับไอ้หน้าแขก ผมลงมาหยุดที่บรรไดขั้นสุดท้ายแต่ผมยังคงแอบอยู่

      “บอย...”ไอ้แจ็ค

      “ว่าไงแจ็ค”

      “แจ็คคิดถึงตอนที่เราไปเชียงใหม่ด้วยกัน เราไปนอนพักบ้านตากอากาศของพ่อภูมิที่เชียงใหม่”

      “บอยก็คิดถึงนะ อยากไปอีก” บอยพูด มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี้ดเลยนี้เขามีความหลังที่ลึกซึ้งกันด้วยเหรอ

      “แจ็คจำได้ ว่าอากาศหนาวมากน่าจะติดลบและแจ็คก็กอดบอยจากด้านหลัง เรายังเด็กแต่พี่ๆอยากให้เราอกไปดูทะเลหมอกด้วยกัน จำได้ไหมครับ” ไอ้แจ็ค

      “จำได้ซิแจ็ค บอยยังมีรูปอยู่เลยนะ แต่บอยเก็บไว้อ่ะ ไม่กล้ากลัวพ่อเห็น” บอยพูด

      “เราไปกันอีกนะ”

      “อืมม” ผมพ่นลมหายใจออกมาเบามากๆ เพราะกลัวเขาทั้งคู่จะได้ยินและรู้ว่าผมแอบฟังเขาอยู่

      “เมื่อไหร่ลุงณะจะใจอ้อนให้แจ็คซะที เราสองคนจะได้ไม่ต้องหลบๆซ้อนๆแบบนี้ แจ็ค อยากเปิดเผยมันอ่ะ ไม่ใช่แค่เพื่อนๆรับรู้”

      “บอยเชื่อว่าแจ็คจะทำให้ทุกคนยอมรับได้แน่นอน บอยเชื่อใจแจ็คและเชื่อมาตลอด”

“บอยมาเพื่อแจ็คนะ “

      “ขอบคุณครับ ที่รักของผม” แจ็คมันพูด ผมไม่อยากจะเห็นภาพนั้นเลยเขาสองคนกำลังจูบกันทามกลางแสงจันทร์ที่สอดส่องเข้ามา ผมถึงกับหลับตาหนีและผมก็หันหลังเดินคอตกขึ้นไป ผมเหลือบมองว่าผมควรจะอยู่ที่ตรงไหนดี และผมก็เลือกแล้วผมกลับไปนอนห้องที่เขาเตรียมไว้ให้ผมจะดีกว่า

           ผมทิ้งตัวลงนอน ผมเคยคิดว่าถ้าผมเสียบอยไปผมคงเสียใจมากที่ที่สุดอีกครั้งและครั้งนี้ผมคงแย่กว่าทุกครั้งที่ผมเสียสิ่งๆดีดีไป เช่นตอนที่ผมเสียพ่อแม่ และต่อมาผมก็เสียคนรักหลังจากนั้นและตอนนี้บอยอีกคนแล้วใช่ไหม ที่ผ่านมาผมนี้คือคนที่คิดไปคนเดียวเลยใช่ไหม ผมควรจะอยู่ต่อหรือไม่ ถ้ากลับไปผมคงแย่กว่าเดิม


ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
แจ้คXบอย ไอ้หลุยส์มันแค่เรียกร้องความสนใจ
[แจ็ค]

                  เมื่อวานจะเรียกว่าวันซวยของผมก็ว่าได้ นอกจากจะต้องมาเจออุปสรรคที่โรงเรียนแล้วยังมาเจอไอ้หน้าตี๋ที่ไหนก็ไม่รู้พยายามจะมาแย้งบอยจากอกผมอีก ต่อให้บอยจะบอกผมว่าไม่มีอะไรแต่ผมไม่ไว้ใจไอ้หลุยส์อะไรนี้ ผมดูแล้วมันมีพลังงานบางอย่างที่เรียกว่าอัลฟ่าออกมา ผมว่าไม่ไช่แค่เด็กหนุ่มธรรมดา มันต้องมีดี ถึงขนาดที่ว่า พ่อของติ๊กบอกว่าให้ดูแลมันดีดีด้วย   
 

  และเมื่อคืนผมก็ต้องลงไปนอนชั้นล่างแทนเพราะว่าไอ้หน้าตี๋มันทั้งดินทั้งถีบผมเลย ผมเลยต้องยกเตียงนอนให้มันไป ถามว่าไว้ใจมันไหม บอกว่าไม่เลยที่จะปล่อยให้มันอยู่กับบอย แต่ใจก็อยากจะพิสูจน์บางอย่าง และผมก็ได้คำตอบ บอยเดินตามผมลงไป เรานั่งคุยกันหลานเรื่อง ส่วนใหญ่ก็เรื่องความรักครั้งแรกของผมกับบอย มันยิ่งทำให้ผมรักบอยมากขึ้นและผมจะไม่ยอมเสียเขาไปอีก   
 

“บอย.....ไอ้หน้าตี๋ฮิทมันไปไหนแล้วละครับ” ผมออกมาจากห้องน้ำก็ถามบอย ที่ยืนแต่งตัวที่หน้ากระจก บอยหันมาค้อนผม   


“ก็บอกว่าเขาชื่อหลุยส์ไงแจ็ค” บอยหันมาเอ็ดผม   
 

“ก็ได้ ไอ้หลุยส์น่ะ” ผมถามบอย เพราะตั้งแต่เข้ามาในห้องตอนเช้าผมไม่เห็นมันเลย   


“ไม่รู้เหมือนกัน เพราะหลังจากที่บอยกลับขึ้นมานอนก็ไม่เห็นหลุยส์” บอยพูดผมทำสีหน้าแปลกใจ 


“บอยเห็นว่าแจ็คนะหลับไปแล้วเลยไม่ได้ลงไปตามและบอยก็คิดว่าหลุยส์จะกลับมาเช่นกัน “บอยพูดผมพยักหน้าเบาๆ แต่ใครจะสน ผมเข้าไปกอดบอยจากด้านหลัง กำลังซุกจมูกที่ซอกคอขาวๆนั้น 


“Rrrrrr” อยู่ดีดีสายเข้ามาในมือถือบอย ผมเดาได้ว่าลุงกฤษณะแน่นอน บอยทำมือให้ผมอย่าสงเสียง ผมพยักหน้าเบาๆ   


“ครับพ่อ”บอยรับสายจากลุงกฤษณะ   


“เออ” บอยหันมามองหน้าผมเหมือนมีเรื่องอะไรแน่ สีหน้าเขากังวลและเงียบเพื่อฟังอย่างเดียว   


“ครับพ่อ ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ครับพ่อ เออ เมื่อคืนหลุยส์เขานอนในห้องผมกับแจ็คครับ ก็ห้องนอนอีกห้อง ไฟไม่ติด ห้องน้ำใช่ไม่ได้นะครับ ครับพ่อ ครับ จะไปแล้วครับ ครับ รักพ่อครับ” บอยวางสายด้วยสีหน้ากังวล ผมก็เริ่มกังวลเช่นกัน 


“มีอะไรเหรอบอย” ผมถามบอย 

 
“คือ พ่อรู้ว่าบอยลงไปอยู่กับแจ็คสองคนในห้องนั่งเล่นตอนกลางคืนนะ”บอยพูด 

 
“จะรู้ได้ไงละ ทุกคนนอนกันหมดแล้ว “ ผมพูด บอยส่ายหน้า 

   
“ไอ้..”ผมนึกขึ้นได้ต้องเป็นไอ้หลุยส์แน่ นี้มันเล่นแบบนี้เลยรึ   

 
“แจ็ค “บอยห้ามปรามผม 

 
“แจ็คว่าไอ้หลุยส์แน่ๆ “ ผมพูดขึ้น   

 
“พ่อว่าจะให้บอยไปนอนอีกห้องและให้หลุยส์มานอนห้องนี้ “ บอยพูด ทำเอาผมต้องพ่นลมหายใจออกมา บอยเข้ามาจับแขนผม 


“รอให้บอยมีโอกาสคุยกับพ่อก่อนได้ไหมแจ็ค “ บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าคงต้องตามนั้น   


“แล้ว...” ผมถามกลับ ผมคิดว่าบอยน่าจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร 


“ใช่หลุยส์จะมานอนห้องนี้กับแจ็ค” บอยพูด ผมพยักหน้าให้มันได้อย่างนี้ซิ ก็ดีผมคงจะหาวิธีแกล้งให้มันกลับไปไม่ทันเลย 
 

“ก๊อกๆ “ เสียงเคาะประตู ผมสองคนมองหน้ากัน บอยเป็นคนเดินไปเปิดประตูแทน ใช่ไอ้ตัวแสบ ไอ้หลุยส์นั้นเอง ดูมันทำตีหน้าเศร้า 


“หลุยส์ เมื่อคืนไปนอนไหนเหรอ บอยกลับขึ้นมาแล้วไม่เจอ” บอยถามหลุยส์ ผมยืนกอดอกมองหน้ามัน มันก็ยังทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จอีก 


“คือหลุยส์ ไปนอนห้องนั้นนะครับ “ หลุยส์พูดว่ามันไปนอนห้องนอนมัน   
 

“อาบน้ำยังไงละหลุยส์ไหนบอกว่าห้องน้ำ...” บอยถามไอ้หน้าตี๋ 

 

“คือ...” 

 

“มันไม่ได้เสียมรึงแค่โกหก” ผมพูดขึ้น 

 

“แจ็ค” บอยหันมาเอ็ดผมทันที 
 

“ใช่..กรูโกหก...ก็ ...เพราะ” ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะพูดมันมองหน้าผม ผมก็มองหน้ามันกลับแต่ความรู้ของผมสัมผัสได้ว่าไม่เหมือนคนเมื่อวานที่มีแต่ความกล้า   

 

“ช่างมันเถอะ...เออ..บอย พ่อของบอยโทรหาหลุยส์ เขาต้องการให้”   

 

“หลุยส์มานอนกับแจ็ค พ่อบอกบอยแล้วละ” บอยพูด ผมก็กอดอกเดินเข้ามาใกล้ๆ มองหน้ามันอีกว่าทำไมมันช่างเป็นคนช่างขี้ฟ้อง 

 

“คนขี้ขลาด เขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกวะ สู้ก็สู้กันซึ้งๆหน้าดิ” ผมพูด และบอยก็หันมาดันอกผมพยายามห้ามผมไม่ให้มีเรื่องกับไอ้หลุยส์ แต่แปลกมคราวนี้มันไม่ขึ้น มันกับนิ่งมาก 

 

“ ถ้าอย่างนั้นหลุยส์ลงไปรอด้านล่างนะครับ “ ไอ้หลุยส์มันได้โต้ตอบอะไรมันแปลกมาก หลุยส์พูดจบมันก็เดินออกไปเลย   

   

“แจ็ค บอยขอละ หลุยส์เขา” บอยพูดกับผม 

 

“มันทำไมอะบอย หรือว่าลุงณะก็” 

 

“แจ็ค..พ่อไม่ใช่คนอย่างนั้นนะ” บอยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเสียที่ผมพลั้งปากพูดเหมือนไม่ให้เกียรติพ่อของบอย บอยทำท่าจะหันออก ผมนี้อยากตบปากตัวเองจริงๆ   

 

“หมับ”ผมรีบกอดเขาไว้จากด้านหลัง 

 

“บอยแจ็คขอโทษ แจ็คปากไว้ไป แจ็คจะไม่พูดอีกสัญญา” ผมรีบพูดกับบอก บอยหยุดนิ่ง   

 

“เลิกมองเราเหมือนสิ่งของจะได้ไหมแจ็ค” บอยหันมามองหน้าผม 

 
 

“ที่ใครจะยกเราจะชอบให้ใครก็ได้..ได้ไหมแจ็ค เรามีหัวใจนะ ..” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมนี้อยากตบปากตัวเองขึ้นมาจริงๆซะแล้วซิ 

 

“ก็แจ็คอยากเป็นคนเดียวของบอย แต่นี้พ่อตาไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ และเหมือนมีคู่แข่งเยอะ มันก็มีแอบน้อยใจอะบอย” ผมรีบพูดอธิบาย ผมหันร่างบอยมาตรงหน้าผม ผมมองเข้าไปในแววตาสีฟ้านั้น   

 

“แจ็คขอโทษ แจ็คจะไม่พูดเรื่องนี้อีก “   

 

“อืมม..แต่งตัวเร็วๆซิ เราจะได้รีบลงไปข้างล่างกัน เพื่อนๆ รอ” บอยพูด ผมพยักหน้าและรีบแต่งตัวอย่างว่องไว   

   

                 ผมสองคนเดินลงมาชั้นล่าง ผมก็เห็นไอ้ดิวมีนนั่งคุยกับไอ้หลุยส์ พอผมสองคนลงมาทุกคนก็มองหน้าผมและบอยยกเว้นไอ้หลุยส์ ผมเริ่มสัมผัสถึงความแปลกแล้ว ไอ้หน้าตี๋นี้มันเป็นอะไรของมันนะ หรือว่ามันท้องผูกก็ไม่รู้ 

 

“ไปเรียนกันเถอะว่า เป็นอีกวันและไม่รู้ว่าวันนี้จะเจออะไรบ้างวะ “ ไอ้ดิวพูดและมันก็ลุกขึ้นทุกคนก็ลุกขึ้น แต่ละคนบอกว่าไม่ได้ชอบไปเรียนกันเลย ผมก็รู้สึกเช่นกันแต่ผมมีบอยอยู่เคียง ผมจับมือบอยไว้ก่อนจะพากัน ก้าวเดินออกจากบ้านพักและพากันไปขึ้นรถ   

 

“แจ็ค เรียกหลุยส์มานั่งด้วยกัน” บอยกระซิบบอกผม ผมหันมามองบอยว่าทำไม ถ้ามันจะเลือกนั่งรถคันอื่นก็ดีนะซิ   

 

“นะแจ็ค...บอยคิดว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติไป “ บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าแบบจำใจ ผมเดินไปที่ไอ้หน้าตี๋ที่มันยืนเอา หูฟังไร้สายเสียบหูมันไว้   

 

“นาย” ผมสะกิดไอ้หลุยส์ มันหันมามองหน้าผมว่ามีอะไรและทำท่าจะไม่สนใจแต่... 

 

“บอยให้มาบอกให้นายนะไปนั่งรถคันเดียวกันกบพวกกูวะ” ผมกลั้นใจพูดชวนไอ้หลุยส์ แต่ไอ้หลุยส์มันเงยหน้ามองผม และมันทำท่าจะลุกออก   

 

“ไอ้หลุยส์ นี่มึงเป็นบ้าอะไร ผีเขาหรือไง” ผมถามมัน ไอ้หลุยส์ หยุดอชะงัก   

 

“ใช่กรูเป็นบ้า กูมันบ้าไปเอง ที่รักเขาข้างเดียว” ไอ้หลุยส์มันมาพูดใส่หน้าผม 

 

“ปกติกูเป็นคนที่ได้เลือกเท่านั้นทุกอย่าง” 

 

“แต่นี้กูกับไม่ใช่คนที่เขาเลือก” 

 

“กูไม่เข้าใจว่าทำไม บอยไม่เลือกคนทีเหมาะสมวะ” 

 

“อ้าวไอ้เชี้ยนิ กูไม่เหมาะสมตรงไหนวะ” ผมถามไอ้หลุยส์ 

 

“มึงรู้ดี ว่าบอยจะเป็นอะไรและดูมึงดิ มึงนี้นะจะมาดูแลองค์กรที่มีคนจำนวนมากได้  “ ไอ้หลุยส์มันพูดและมันก็รีบเดินไปขึ้นรถที่เข้ามาจอด ผมหันไปมองบอยที่กำลังคุยกับแอ้และติ๊กและพาย บอยหันมามองหน้าผม ก่อนที่จะเดินเข้ามา   

 

“แจ็ค ว่าไง ไม่ได้บอกหลุยส์เหรอว่า”   

 

“บอกแต่มันไม่เป็นบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ “ ผมพูดแบบหัวเสีย ผมยังคงคิดคำพูดที่มันพูดกับผม ใช่ผมเหมือนจะไม่คู่ควร มันไม่ใช่ฐานะหรืออะไรนะ แต่ที่ผมไม่คู่ควรเพราะสายตาผู้ใหญ่ต่างหาก   

 

“บอยไปขึ้นรถเถอะ “ ผมพูดและดันร่างบอยให้ไปขึ้นรถอีกคัน ผมไม่รู้ว่าใครจะได้นั่งไปกับไอ้หลุยส์มัน แต่ผมดันร่างบอยและเข้าไปนั่งในรถ   

 

ผมนั่งเงียบจนรถแล่นออกมาได้สักพัก บอยคงเห็นว่าผมเงียบผิดปกติเลยจับมือผมบีบเบาๆ ผมหันมามองหน้าบอย 

 

“เห็นเงียบๆ มีอะไรหรือเปล่า” บอยถามผม   

 

“บอยคิดว่าแจ็คไม่คู่กับบอยไหม” ผมถามบอย 

 

“ทำไมถามบอยแบบนั้นละแจ็ค” บอยถามผมกลับ   

 

“คือแจ็ครู้สึกว่าหลายคนก็มองแจ็คแบบนั้นโดยเฉพาะลุงหนึ่งและลุงณะ พ่อของบอย”ผมพูดขึ้น   

 

“แจ็ค ...บอยว่าแจ็คคิดมากนะ ไม่มีใครมองแจ็คแบบนั้นสักหน่อน พวกเขาแค่ ยัง..”บอย 

 

“ไม่ไว้ใจแจ็ค ....แจ็คไม่เข้าใจว่าแจ็คควรทำตัวยังไงให้ทุกคนไว้วางใจแจ็ค และเขาจะไม่ขัดขวางแจ็คกับบอย” ผมพูดเหมือนคนหมดหาทาง 

 

“บอยเชื่อว่าสักวันแจ็คที่ทุกคนจะเปลี่ยนความคิด ตอนนี้แจ็คก็แค่ทำหน้าที่ที่เขามอบหมายให้มันสำเร็จ แค่นั้นนะครับ” บอยพูดบอกผม 

 

“บอยรู้จักไอ้หลุยส์มานานแล้วเหรอครับ “ผมถามบอย 

 

“ก็ตั้งแต่ตอนที่บอยกลับไปนั้นแหละ บอย เออ...” บอยพูดแต่บอยนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง 

 

“หลุยส์เขาเป็นคนสำคัญเช่นกันและที่สำคัญ หลุยส์เขาน่าสงสารนะ เขาเจอเรื่องร้ายแรงมา ร้ายแรงมาก มันทำร้ายจิตใจของเขามากนะแจ็ค “ บอยพูดกับผม 

 

“บอยอยากให้แจ็คและหลุยส์เป็นเพื่อนกัน หลุยส์เขามีดีนะ “ บอยพูด ผมนี้ยิ้มที่มุมปาก ผมว่ายากที่จะเป็นไปได้ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย 

 

“แจ็คนะลองดู....ลองเปิดใจดู บอยเชื่อว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของแจ็คแน่ๆ “บอยพูด ผมก็พยักหน้าตามแบบขอไปที เพราะผมเห็นสีหน้าบอยที่ขอร้องผม รถก็แล่นมาจนถึงหน้าโรงเรียน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันเดินคุยกับไอ้ดิวต่อ เหมือนมีเรื่องอะไรที่คุยกันถูกคอ แต่มันแปลกสำหรับผม เพราะว่าไอ้ดิวจะคุยถูกคอก็คือเรื่องฟุตบอลเท่านั้น   

 

“แท่นแท้น” พวกผมก็ถึงกับตกใจ จะมีใครก็ไอ้คนที่ผมเรียกเข้ามาร่วมแก้งกับผมไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลู นี้ถ้าผมเห็นแบบนี้ก่อนคงไม่เอาละครับ 

   

“อะไรของมึงสองคนเนี๊ยะ!  เมื่อเช้ามึงลืมเขย่าขวดยาก่อนเทใส่ปากหรือไง กระโดดออกมาได้…..และอายุเท่าไหร่แล้วเนี๊ยะ” ไอ้ติ๊กมันใส่เป็นชุดเลยครับ   

   

“แม้ก็แค่อยากให้หายเครียด เห็นเมื่อวานเครียด นี้พวกเราก็ลุ้นนะว่า” ไอ้บลูพูด ผมหันไปมองว่าลุ้น อะไร   

 

“ว่าพวกนายยังมีชีวิตอยู่ไหม”   

 

“ถ้าพวกกูรุมกระทืบมึงตอนนี้มรึงคิดว่ามึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไหมดีกว่า....นั้นปากพวกมึงเหรอนั้น” พายพูด 

 

“เขาล้อเล่นนะ ขนมพาย” ไอ้บลูรีบเปลี่ยนเชียวนะมรึง หลบไปแอบข้างหลังไอ้ต้นข้าว 

 

“กูสองคนโคตรเป็นห่วงพวกมึงเลยวะ แต่กูสองคนก็ต้องรีบเพ่นวะ กลัวพ่อจับได้ว่ากูมีเรื่องและกูสองคนคงได้ย้ายกลับไปโรงเรียนเดิมแบบถาวร กูขอโทษนะโว้ยที่ไม่ได้อยู่กับพวกนาย” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมก็ยกมือว่าชั่งมันเถอะ 

 

“เออ แล้วคนนี้ใครอ่ะ เมื่อวานไม่เห็นอะ” ไอ้บลูหันไปถามและชี้ไปที่ไอ้หลุยส์   

 

“เขาชื่อหลุยส์เขาเป็นเพื่อนพวกเรา..เขามาใหม่ครับ” บอยพูดยิ้มๆให้หลุยส์ ผมนี้แอบหมันไส้   

 

“ยินดีที่รู้จัก” บลูพูดและยื่นมือจะไปเช็คแฮนด์แต่ไอ้หลุยส์มันได้แค่มองเลยทำเอาไอ้บลูเขินชักมือกลับแทบไม่ทัน 

   

“เอาละไปหาที่กินข้าวกันดีกว่าวะ วันนี้จะมีตรีนใครมามอบให้ถึงที่อีกไหมวะ ไอ้ดิวพูด   

 

                พวกผมเดินเข้าไปแบบไม่สนใจเสียงนกเสียงกา แต่ละคงพูดให้กำลังใจพวกผมมาก บ้างก็นินทาแบบดังมากว่า พวกผมรอดมาได้ไง นึกว่าพวกผมคงไปนอนโรงพยาบาลกันแล้ว บร้าๆ จนกระทั้งพวกผมเดินผ่านโต๊ะม้านั่งหินอ่อน ผมเห็นคนที่อยู่ในห้องเรียนกับพวกผมคนนี้มันนั่งข้างไอ้ภาคินตลอด   

 

“บอยจำได้ไหมว่าคนนี้อ่ะชื่ออะไร มันนั่งข้างไอ้ภาคิที่ดูเหมือนจะเป็นตัวพ่อของกลุ่มมัน” ผมกระซิบถามบอย บอยหันมามองหน้าผมและส่ายหัวเบาๆ พวกผมหยุดก่อนจะเดินเข้าไป ผมเห็นว่าเป็นกองสมุดหลายเล็มเลย เท่าที่พวกผมยืนดู คือไอ้คนนี้นั่งทำการบ้านและคงไม่ใช่ของมันคนเดียวแน่ๆ   

   

“นาย จำพวกเราได้ป่ะ เราเรียนห้องเดียวกับนายนะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้น คนที่เงยหน้าขึ้นมา ดูขอบตาคล้ำ คงอดนอนมาด้วย 

 

“เออ...จำได้..” เขาตอบแบบลังเล เหมือนจะมองไปรอบๆ   

 

“เห้ย!  พวกเรามาดี นายชื่อไรอ่ะ” ไอ้แอ้พูดขึ้น พวกผมก็พยักหน้า ยกเว้นไอ้หน้าตี๋มันยังไม่รู้เรื่อง แถมเดินเหมือนซอมบี้เชียว บอยเลยเดินไปเหมือจจะคุยอะไรกับไอ้หลุยส์   

 

“เราชื่อ ว่าน “ คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นตอบพวกผม 

 

“นายทำการบ้านให้เพื่อนด้วยเหรอ “ พายถามว่าน   

 

“เออ...เราขอตัวนะ เราต้องรีบไป “ ว่านพูดด้วยหน้าตาตื่นและรีบคว้ากองสมุดติดตัวเดินออกไป พวกผมได้แค่มอง   

 
 

“อ้าว..นาย..เราแค่ถามว่าจะช่วยทำให้” ผมตะโกนตามหลังแต่ว่ายมันรีบเดินหายไปเลย ทุกคนก็หยักไหล่ บอยแตะแขนผมว่าไปกันดีกว่า 

 

“นี้พวกมันไม่ทำการบ้านเองเหรอวะ เจริญเนอะ “ไอ้ติ๊ก   

 

“กรูว่าต้องมีอะไรแน่ๆเลยวะ ไอ้ดิว” ผมหันไปกระซิบกับไอ้ดิว มันก็พยักหน้าแต่พวกผมคงเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้   

 

“ไปห้องอาหารเถอะว่ะ” ผมหันไปบอกไอ้ดิว ผมมองบอยที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอ้หลุยส์หลังจากที่ออกไปคุยกันทั้งคู่   

 

“ไปทานอาหารกันดีกว่าครับบอย”   

 

“แจ็ค” บอยเอ่ยชื่อผมและส่งซิกให้ผมไปทางไอ้หลุยส์ 

 

“ไปทานข้าวกันวะ ไอ้...ตี๋” ผมพูด มันเหมือนจะยิ้มแต่มันก็หุบยิ้มทันที ผมก็แอบขำ ดูมันทำหน้าเหมือนจะโกรธนะ พวกผมพากันเดินเข้าไปหาที่นั่งทานปกติเหมือนคนอื่นทามกลางสายตาเหมือนเดิมที่มองพวกผมแต่วันนี้ก็แค่มอง บางคนก็ไม่สนใจทำหน้าที่ตัวเองไป ผมไม่เห็นไอ้ป๊อดแต่เห็นมีหนุ่มตัวเล็กๆมาจัดพวกอาหารเช้าไว้ให้พวกผมเลือกทานกันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้มๆให้พวกผมก็ยิ้มตอบกลับแค่นั้น ระหว่างที่นั่งทานอาหารผมเห็นไอ้หน้าตี๋มันเงียบมาก 

 

“ไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์มันเป็นอะไรวะ เมื่อวานวันยังซ่ากับมึงอยู่เลยนะ มึงเสกอะไรใส่มันหรือเปล่าวะ “ ไอ้ติ๊กมันกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน 

 
 

“นี้มึงเล่นของใส่มันเลยเหรอวะแจ็ค”พายอีกคน ผมหันไปดึงจมูกเล็กๆน่ารักของมัน

 

“มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ได้ทำอหะไรมันเลยนะ มันคงเรียกร้องความสนใจบอยมั้งวะ”ผมพูดแอบหมันไส้เพราะบอยหันไปคอยถามคอยเอาใจใส่มันอีก จนผมต้องแอบงอลบ้างแล้วมั้ง   

 

“ไปห้องน้ำนะ” ผมพูดและลุกพรวดเลย เดินออกไปทันที 

 

“อะไรของมันวะ บทมันจะไปก็ไปเลย ไอ้นี้ ทำยังกะงอลใครซะงั้นแหละ” เสียงไอ้ติ๊กพูดไล่หลังผมออกมา ผมเดินไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ตรงห้องน้ำเลย ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ได้อยากมาเข้าแค่อยากให้บอยรู้ว่าผมงอนแค่นั้น   

 

“แจ็ค” เสียงบอยเรียกชื่อผม 

 

“เป็นอะไรนะ “ บอยถามผม บอยเดินเข้ามาใกล้ๆผมที่อ่างล้างมือ 

 

“ก็...” 

 

“งอนบอยเหรอ” 

 

“ก็เห็นเอาใจแต่ไอ้” 

 

“แจ็ค บอยคิดว่าแจ็คจะเข้าใจที่บอยพูดแล้วนะ หลุยส์เขา”   

 

              “น่าสงสาร แต่ดูยังไงก็คิดว่ามันน่ะแค่เรียกร้องความสนใจ จนบอยลืมแจ็คไปแล้ว” ผมพูด   

 

“ลืมที่ไหนละ บอย ก็กำลังจะถามอยู่แต่แจ็คเดินออกมาซะก่อน “ บอยพูด

 

“แจ็ค “ บอยเรียกชื่อผม   

 

“มันทำให้แจ็คเขว่ คิดไปว่า “ ผมพูดแต่ผมเหลือบมองเห็นว่ามีคนแอบฟังผม ผมดูก็รู้ว่าไอ้หลุยส์แน่นอน แต่ผมไม่แสดงให้บอยรู้หรอกว่าไอ้หลุยส์ยืนอยู่ 

 

“บอยก็บอกแจ็คแล้วว่า เราต้องดูแลเขาและหลุยส์น่ะเขาผ่านเรื่องที่แย่ๆมา บอยไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนเลยนะแจ็ค “ บอยพูด   

 

“จริงนะ” 

 

“อืม เลิกงอนได้แล้ว”   

 

“แจ็ครักบอยมากนะ” 

 

“บอยก็รักแจ็คไงถึงได้...”   

 

“แกร็ก” เสียงของหล่น ผมนี้อยากจะหันไปด่า บอยก็ตกใจผมสองคนเดินออกมาก็ไม่มีใคร ทำให้ผมนึกในใจไอ้นี้นี่มันใส่ตรีนหมาวิ่งไว้เหมือนกันนะ   

 

“คงเป็นเด็กที่มาเข้าห้องน้ำนะบอย” ผมหันมาบอกบอย ผมสองคนพากันเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินกลับมาที่ห้องอาหารแต่ไม่เห็นไอ้หลุยส์อยู่กับพวกไอ้ดิว   

   

“ไปเข้าแถวกันเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด   

 

“แล้วหลุยส์ละ” บอยถามทุกคน 

 

“อ้าว ไม่เจอกันเหรอ มันเดินตามบอยไปติดๆเลยนะ” พายพูดขึ้น   

   

“บอยมองหน้าผม “ 

   

“แสดงว่าแจ็ครู้ว่าหลุยส์อยู่หน้าห้องน้ำใช่มั้ย” บอยหันมาถาม ด้วยสีหน้าที่บอกได้ว่าบอยรู้สึกเสียใจ 

 

“ก็แจ็คอยากให้มันเลิกหวังไง” 

   

“แจ็คไม่รู้หรอก แจ็คไม่เคยเห็นอกเห็นใจใครเลย บอยผิดหวัง” บอยพูดและเดินออกไปทันที 

 

“บอย “   

 

“ไม่ต้องตามบอยมาบอยจะไปหาหลุยส์” บอยพูด ผมนี้อยากจะตะโกนดังๆ ก็อายคนมนห้องอาหาร พวกไอ้ดิวมองหน้าผมแบบงง ว่าเกิดอะไรขึ้น   

 

“มึงนี้นะมึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบแบบนี้ มึงก็ทำวะ ” แอ้มันหันมาพูดกับผม 

   

“เกิดอะไรขึ้นวะแจ็ค งงโคตรๆ” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามผม 

 

“ก็กูคุยกับบอย แต่ไอ้หลุยส์มันยื่นอยู่หน้าห้องน้ำ กูแค่อยากให้บอยพูดตรงๆว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับไอ้หลุยส์ คือกรูอยากให้มันเลิกหวังเลยตั้งใจให้มันได้ยิน” ผมพูดทุกยืนเอามือเท้าซะเอวมองหน้าผม   

   

“มึงนี้นะ ไอ้หลุยส์มันก็มีแค่บอยเป็นเพื่อนนะตอนนี้ มึงไปทำแบบนี้วะ “ไอ้ดิวมันยืนเอามือล้วงกางเกงเท่ๆมองผมได้กวนตรีนมาก

   

“นี้ถ้ามันกลับไปนะ พ่อกูรู้เข้า มรึงอยู่นี้ไปเถอะไอ้เวร” ไอ้ติ๊กมันด่าผมอีกคน   

   

“มึงหล่อแต่ภายนอกจริง ใจมรึงเชี้ยมาก” ไอ้พายพูด   

 

“อะไรวะ พวกมึงลองมาเป็นกูดิวะ “  เพราะว่าพวกมันกันเดินออกและทิ้งผมให้ยืนงงในดงลาเวนเดอร์

   

“กูเป็นมึงก็ไม่ทำวะ”ไอ้ดิวมันตะโกนกับมา ผมพ่นลมหายใจออกและเดินตามพวกมันไป เพื่อไปเข้าแถวหน้าเสาธง แต่ผมยังไม่เห็นบอยกับไอ้หลุยส์เลย ผมก็มองหาจนกระทั้งทั้งคู่เดินเข้ามาและมาต่อที่ท้ายแถว แต่ผมดันอยู่กลางแถว   

 

“อิจฉาตาร้อน เกลียดคนที่ยืนข้างๆเธอ” เสียงเพลงที่ร้องจิกกัดผมได้เจ็บจี้ดเลย พายนั้น 

 

“พาย” ผมเรียกชื่อพาย ยังมาหัวเราะผมอีกนะ ผมทนจนจบพิธีเข้าแถวหน้าเสารธง ผมแอบคิดทำไมมันนานจังนะวันนี้จนกระทัั้งเขาปล่อยให้เดินขึ้นห้อง ผมเดินไปกระฉากแขนบอยไว้ 

 

“บอย” ผมเรียกบอย

 

“เฮ๊ย! เอามือมึงออก “ ไอ้หลุยส์พูด บอยไอ้แต่มองหน้าผม 

 

“กรูไม่เอาออก ….. นี้มัน” บอยยิ่งหันมามองผมใหญ่ และมองไปรอบๆ ทุกสายตาที่มองผมขณะที่กำลังจะเดินผ่านพวกผมขึ้นห้อง 

 

“แกรักสามเศร้าแน่เลย อยากโดนแย้งแบบนั้นนะ”มีเด็กผู้หญิงแอบแซวพวกผมกัน ผมก็ต้องปล่อยมือบอย 

 

“ขึ้นห้องเถอะครับบอย” ไอ้หลุยส์มันบอกกับบอย บอยพยักหน้าและทั้งสองคนก็เดินไปจากผม   

 

“หมาหัวเนาเลยมึง ปากมึงแท้ๆ มรึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบให้มรึงทำร้ายใครด้วยคำพูดหรือทำร้ายจิตใจใคร โง่จริงๆเลยมรึงเนี๊ยะ แดกแห้วไปเถอะ” ไอ้ติ๊ก ผมนี้อยากจะ 

 

“อะไรวะ เหมือนจะดี แต่ดันแย่ลง เพราะไอ้เชี้ยนี้” ผมพูดสะบดออกมา และจำต้องเดินตามพวกนั้นขึ้นไป ไอ้ต้นข้าวและไอ้บลูคงงง เพราะมันไม่อยู่ตรงนั้นตอนที่บอยงอนผม มันได้แต่มองและยิ้มๆ ผมก็พยักหน้าว่าผมโอเค พอผมเดินเข้าไปในห้องบอยก็เลือกไปนั่งข้างหลังสุดกับไอ้หลุยส์ ดูมันมองผมยิ้มๆ   

 

“บอยไม่นั่ง” 

 

“บอยจะนั่งกับหลุยส์” บอยพูดแค่นั้น ผมก็พยักหน้า และนั่งคนเดียว หันมาเจอไอ้แว่น มันมานั่งลงและยิ้มให้ผม 

 

“เหงาเหรอ เราไป” 

 

“มึงนั่งนั้นแหละไอ้แว่น “ ผมพูดแค่นั้นมันก็รีบก้มหน้าก้มตา หยิบนั้นหยิบนี้ขึ้นมา วันนี้ไม่มีพวกไอ้ภาคินอยู่ในห้องเลยแม้กระทั่งไอ้คนที่ชื่อว่านที่พวกผมเจอที่ม้าหินอ่อน   

 

“แว่น พวกนั้นมันมาเข้าเรียนกันเหรอวะวันนี้”   

 

              “เข้าครับแต่เขาพรางตัวครับ พวกคุณเลยมองไม่เห็น”ไอ้แว่น 

 

“แว่น มึงขาดโปรตีนใช่มั้ย เดี๋ยวกูให้ เป็นคู่ๆไปเลย” ไอ้ติ๊กพูด 

 

 “ล้อเล่นครับ “ ไอ้แว่นพูดและยกมือไหว้ไอ้ติ๊ก   

 

“ผมก็ไม่ทราบนะครับเพราะว่าไม่มีข่าวอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อวาน...เงียบมาก”   

 

“แต่การที่พวกเขาเข้าหรือไม่เข้ามันก็ปกติอยู่แล้วครับ แว่นนะชิ้นแล้วครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็พยักหน้า ผมหันไปมองบอยที่เหมือนกำลังสอนการบ้านไอ้หลุยส์ ยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่   

 

              “เอานะ ไอ้แจ็ค รอคุยกับบอยตอนพักเที่ยงก็แล้วกัน “ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้าคงต้องตามนั้น สักพักคุณครูประจำวิชาก็เข้ามาทำการสอน ผมได้แต่สอนไปอย่างเงียบๆ  ผมเห็นบอยคุยกับไอ้หน้าตี๋ และดูมันมีความสุขน่าดู 

 

 

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด