พิมพ์หน้านี้ - (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ดิวขอให้เดี่ยวช่วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: PFlove ที่ 28-04-2020 22:22:35

หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ดิวขอให้เดี่ยวช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-04-2020 22:22:35
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยค่ะ ผู้แต่งอาจจะมาลงไม่ทุกวัน แต่จะพยายามมาลงจนจบค่ะ เรื่องนี้เป็นการเขียนใหม่อีกครั้ง หากมีคำติชม คำแนะนำยินดีอย่างยิ่งค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   คำเตือน

   นิยายเรื่องนี้แต่ขึ้นจากจินตราการของผู้แต่ง ไม่มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

   เนื้อเรื่องเหมาะกับผู้มีอายุ 18 ขึ้นไป

   เนื้อหามีความรุนแรงทางเพศ มีคำศัพท์วัยรุ่นและคำหยาบค่อนข้างเยอะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

   

   เนื้อเรื่องมีการบิดเบือนจากความจริง เรื่องนี้แนวท้องได้ มีตัวเอกนายเอกหลายคน และมีหลายภาค คนแต่งจะแยกตามภาคให้นะคะ ฝากไว้ในอ้อมกอดซักหนี่งเรื่องนะคะ ขอกำลังใจให้ด้วยนะคะ แต่ถ้านักอ่านท่านใดอ่านแล้วไม่พึงปรารถนาไหรือไม่ชอบ สามารถกดออกได้เลยนะคะ ถ้าเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจิตนาการของคนแต่งล้วนๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวใหญ่มากกกกก ที่มาจากตระกูลใหญ่ตั้งแต่รุ่นพ่อ ทั้งหมด 7 ตระกูล มีอำนวจในอิทธิพลมืด และพวกเขามีบทบาททางการทหารด้วย  แต่ละครอบครัวก็มีทายาทที่ได้มากจากการจ้างท้องและเมื่อพวกเขาต้องการใครสักคนเพื่ื่อสืบสายทายาทที่บริสุทํธิ์ เขาจึกเลือกมาหนึ่งคน แต่ดันมีอีกหนึี่งคนที่ เขากับได้มาโดยวิธีแอบแฝง ทำให้ตั้งครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน

ปล.เรื่องนี้อาจจะซับซ้อนและีหลายคู่หลายภาค และตัวละครค่อนข้างเยอะมาก คนแต่งจะพยายามทำให้ไม่งงนะคะ ฝากไว้ในอ้อมกอดสักเรื่องนะคะ เขียนดีหรือไม่ดียังไง หรือต้องปรับปรุงยังไง บอกได้เลยนะคะ (อย่าด่าแรงเด้อ) 
หัวข้อ: Re: รีไรท์ รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน แนะนำตัวละคร
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-04-2020 22:52:28
            นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณาญาณในการรับชม สภานที่ต่างๆและเนื้อเรื่องเป็นเพียงการสมมุติขึ้น มิได้เกิดขึ้นจริงแต่ประการใด นิยายเรื่องนี้เป็นแนวชายรักชาย เนื้อหาถูกแต่งให้นอกเนื้อธรรมชาติเป็นแนวผู้ชายท้องได้ หากท่านใดไม่ชอบสามารถเลื่อนผ่านได้เลยค่ะ ยินดีรับคำแนะนำ เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุงค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

                       แจ็ค เด็กหนุ่มหัวร้อนที่สุดแต่เขามีความเป็นอัลฟ่ามากที่สุด หน้าตาที่หล่อเหลา ไปทางไทยปนแขกขาว จมูกที่โด่งเป็นสันเรียวแหลมรับกับใบหน้าเรียวยาวได้รูป สมกับเจ้าชายแห่งแดนทะเลทราย น้องคนสุดท้องของบ้านตะกูล จ.จาน บ้านนักธุรกิจมีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นๆล้านดอลล่าร์

 

                       บอย หนุ่มหน้าหวานที่มีนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นและรอยิ้มที่อ่อนละมุนดูอบอุ่น มีเมตตา เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีความพิเศษแต่ในความพิเศษนั้นมันกลับทำร้ายเขา หากเขาเลือกได้เขาก็ไม่อยากได้สิทธิพิเศษอะไรแบบนี้แน่นอน แต่ที่เขาได้มาก็เพราะว่าเขาคือคนที่ถูกเลือก ให้เป็นอัลฟ่าขององค์กร เลือกให้เป็นคนสำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

                       ดิว หนุ่มที่มีความหล่อเข้ม หุ่นที่ล่ำเพราะเป็นคนชอบเล่นกีฬาโดยเฉพาะฟุตบอล เป็นกีฬาที่เขาเรียกว่ามีพรสวรรค์ และเขาคืออนาคตหมอทหารตนต่อไป เพราะว่าบ้าน ดอเด็กนั้นเป็นหมอทั้งบ้านแน่นอนดิวก็ไม่ทิ้งที่จะเป็นหมอตามพี่ๆ และพ่อของเขา

 

                       แอ้ ชื่อน่ารักดูบอบบาง แต่ดีกรีไม่ธรรมดาเขาเป็นหนุ่มน้อยร่างบางสูงโปร่ง เห็นร่างบางๆแบบนี้ เขาได้ฟาดฟันมาจนได้คาราเต้สายดำและเขายังเป็นครูสอนคาราเต้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบห้า เขาเป็นหนุ่มน้อยจากบ้าน อ อ่าง บ้านนี้เครื่องแบบทหารทั้งบ้าน และเป็นบ้านที่มีสมาชิกมากที่สุดก็ว่าได้ บ้าน อ อ่างขึ้นชื่อเรื่องพ่อปลาไหล่ที่สุด เจ้าชู้ไก่แจ้จนสื่อในสังคมไฮโซต้องขึ้นชื่อไว้ แอ้นั้นเป็นอีกคนที่ไม่ได้ถูกเลือกแต่เขาก็จำเป็นต้องได้มาแถมยังเป็นแม่ลูกดกของพระเอกด้วยนะ

 

                       ติ๊ก สมาชิกคนเล็กของบ้าน ต เต่า เป็นบ้านโปรไฟล์ไฮโซ พ่อเป็นเจ้าของโรงแรมหรูและมีชื่อเสียงมากและยังเปิดโรงเรียนมัธยมมากมายหลายสาขา ติ๊กยังเป็นซุปเปอร์สตาร์ มีผลงานมากหมายทั้งในและต่างประเทศแต่มันก็พ่วงมากับที่ว่าเขาเป็นดาราขาหวีน เรื่องมาก จนทำให้เขาต้องตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน ในเรื่องการวีนใส่นักข่าว ช่างทำผมแต่งหน้า หลายคนที่ทำงานร่วมกับเขา ติ๊กเป็นหนุ่มที่แอบรักแต่บอกไม่ได้เพราะว่ามันมีบางสิ่งที่ปิดกันเขากับคนที่เขาแอบรักอยู่

 

                       พาย สมาชิดบ้าน พ.พาน หนุ่มตัวเล็กอ่อนแอน บอบบางน่าถนอมของบ้านพอพาน ด้วยความที่พายค่อนข้างแสดงออกเต็มที่ว่าเขาคือคนข้ามเพศ แสดงเห็นชัดเจนจากการที่เขานั้นชอบสีมพู ไม่ชอบความโลดโพน ชอบชีวิตที่สะดวกและสบาย ไม่ชอบอากาศร้อน พายเป็นคู่ขาและคู่กัดของติ๊ก ด้วยฝีปากที่จิกกัดกั้นจนทำให้เพื่อนๆถึงกับสายหัว

 

                       พวกเขาทั้งหมดเกิดมาด้วยความตั้งใจแต่ไม่ได้เกิดมาแบบธรรมชาติของคู่รักชายหญิงทั่วไป พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาจากเด็กหลอดแก้วและมีผู้อุ้มบุญให้และจบหน้าที่ ณ วันที่พวกเขาลืมตาดูโลก เพราะส่วนใหญ่จ้างมาทั้งนั้น 

 

                       ถึงแม้ว่าพวกเขาจะโตมามีแค่พ่อเท่านั้นและคนที่ทำหน้าที่ดูแลเป็นแม่นมในช่วงแรกเกิด ไม่ใช่แค่พวกเขาพี่ๆเขาก็เช่นกัน  แน่นอนเขาต้องผ่านสายตาที่มองว่าเขาเป็นครอบครัวผิดเพศเพราะพ่อของเขาเป็นกลุ่มชายรักชายแม้จะไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณชนอย่างโจ่งแจ้ง และการที่มีบุตรโดยไม่ได้แต่งงานมันก็มีตวามแปลกอยู่แล้ว   แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ เพราะเขามีสิ่งที่ทำให้หลายๆคนมองข้ามตรงจุดนั้น ความไฮโซ โก้หรู มีฐาน เพราะพ่อรวย จนบางครั้งทำให้ไปเตะตาใครต่อใคร จนเกิดความหมั่นไส้และเกิดเรื่องขึ้นทุกวัน และเด็กๆชุดนี้ค่อนข้างหัวแข็งมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความต้องการอิสระทางความคิดและทางความประพฤติ มันจึงเหมือนพวกเขากำลังต่อต้าน คนที่อยู่เบื้องหลังครอบครัวเขาทั้งหมด เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อครอบครัวของเขามาตั้งแต่รุ่นพ่อของพวกเขา  ซึ่งพวกเขาเรียกว่าผู้เผด็จการ นั้นคือลุงหนึ่ง ผู้มียศเป็นผู้บัญชาการหน่วยทหาร จนทำให้ลุงหนึ่งนั้นต้องการให้บรรดาพ่อๆของพวกเขาปรับเปลี่ยนนิสัยพวกเขาซะก่อนที่จะส่งให้ไปเรียนตามสายอาชีพที่เขาได้วางแปลน ไว้ให้ตั้งแต่พวกเขาเกิด เมื่อคำสั่งออกมาพ่อๆของพวกเขาไม่สามารถที่จะคัดค้านได้และด้วยความที่อยากเปลี่ยนพฤติกรรมบรรดาลูกหัวโจ้ด้วย เลยตกลงที่จะส่งเขากลับไปเรียนมัธยมใหม่ทั้งที่่พวกเขาเพิ่งจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาหมาดๆ โดยให้ระยะเวลา 1 ปี ในการทำประโยชน์ให้แก่โรงเรียน ที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนของพ่อของติ๊ก และเป็นโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าเด็กเกเรมากที่สุด มีตีกัน จนเกือบถูกสั่งปิด คุณครูที่ย้ายมาก็อยู่ไม่นานขอย้ายด่วน ลาออกบ้างและก็บางคนหายไปซะเฉยๆเลยไม่กล้ามาสอนต่อ เรามาดูกันซิว่าพวกเขาจะทำภารกิจนี้ได้มั้ย
หัวข้อ: ( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ตอนที 1.1 จุดเริ่มต้น (ดิว)
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-04-2020 20:22:04
      Part ดิว

           ดิวหันไปมอง คนขับรถหนุ่มรูปหล่อคุณหมอทหารของบ้านดอเด็ก พี่ดิม ที่ผู้ทำหน้าที่ขับรถพาน้องชายมาส่ง ดิวคือน้องคนรองสุดท้องยังมีเล็กกว่าอีกคน ห่างจากเขาหลายปีอยู่ บ้านดอเด็กมีใครค่อยมาแนะนำที่หลังนะครับ



          รถเบนซ์คันหรูได้ขับมาจอดตรงหน้ารั่วบ้านหลังหนึ่ง ประตูยังคงปิดอยู่นี้แสดงว่ายังไม่มีใครมาถึง พวกเขาเป็นกลุ่มแรกรึที่มาถึง ระยะทางการขับรถออกมาจากบ้านที่ค่ายฯ ทหารก็ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงได้แต่ถ้าจากกรุงเทพฯเกือบเจ็ดชั่วโมง ก่อนเข้ามาก็จะผ่านโรงเรียนที่ผมต้องไปเรียนเป็นโรงเรียนมัธยมเอกชนของอาภาษณ์ พ่อของบ้าน ต.เต่า บ้านหลังนี้อยู่ห่างไกลจากโรงเรียนเกือบตั้งเกือบห้าสิบกิโลได้ หากจะต้องไปโรงเรียนต้องตื่นมาตั้งแต่ไก่โห่เลยมั้งครับ 



          ทันทีที่ประตูอัลลอยด์เลื่อนเปิดออก รถเบนซ์ก็ค่อยๆขับเข้าไปจอดด้านใน สิ่งแรกที่ดิวเห็นคือตัวบ้านสไตล์โมเดิน หลังใหญ่พอสมควร แต่ถ้าเทียบกับบ้านเขา บ้านเขาหลังใหญ่กว่าเยอะ เพราะว่ามีสมาชิกจำนวนเยอะบ้านก็ใหญ่ตามแต่นี้เขาต้องมาอยู่กัน 6 คนก็เหลือเฝือ

           ดิวออกมานยืดเส้นยืดสาย สายตาเหลือบมองไปรอบๆ บรรยากาศร่มรื่น มีไม้ดอกไม้ประดับมากมายแสดงว่ามีคนมาดูแลตลอด แต่เป็นบ้านของใครผมก็ไม่ทราบ ตามออกมาด้วยพี่ชายชองเขาและพ่อบังเกิดเกล้า 

 

           “ไงดิว พอได้มั้ย”พ่อภาณุเดข ศาสตราจารย์ ดร นพ.ภานุเดชตำแหน่งยศสูงสุดของทางการทหารและเป็น ผู้ดูแลโรงพยาบาลและค่ายทหารแห่งหนึ่ง 

 

           “ดีนะพ่อสำหรับผม พื้นที่กว้างมาก ส่วนบ้านผมว่าโอเคนะพ่อ เพราะบ้านเราใช้ชีวิตแบบบ้านๆในค่ายฯจนชินซะแล้วครับพ่อ”ดิวตอบผู้เป็นพ่อ พร้อมหยักคิ้วให้พี่ชาย แต่สำหรับคนอื่นๆ ยกเว้นแอ้ที่เหมือนกับผมแทบจะทุกอย่างเว้นแค่บ้างเรื่องเท่านั้น คนอื่นที่ว่า ก็คือ แจ็ค ติ๊ก และพาย พวกนี้มันติดหรูอยู่สบายจนชิน ส่วนบอยผมว่าเขาก็ชิวๆ เหมือนกัน

 

           “ได้อิวมรึงจะบอกว่าค่ายทหารพ่อกรูกันดารเหรอวะ” พี่ดิมพูด ดิวสะบัดหน้าไปพร้อมๆกับพ่อ 

 

           “พี่ดิมพูดเองต่างหาก พี่นะอยากให้พ่อเอาผับมาลงอะดิ ห้างสรรพสินค้าด้วยเลยไหมละ”ผมหันไปถามพี่ชาย



           “แม้รู้ใจพี่ ...มันน่าโบกไหม..”พี่ดิมพูด ไม่พูดเปล่าง่างมือจะโบกผมอีกนะ แต่พ่อหันมามองพอดี เปลี่ยนเป็นลูบหัวแทน รักน้อง   

 

           “ฟันไปเถอะที่มรึงจะเห็นโคโยตี้  ดูฟาร์มโคนมในทุ่งหญ้าไปก่อนละกัน  ไม่มีผับมีแต่ไร่นาสวนผสม “พ่อหันมาพูด พี่ดิมหยักไหล่

 

                  ทันใดนั้นก็มีรถเลี้ยวเข้ามาอย่างรวดเร็ว รู้ได้เลยใครขับ พี่อ้นแน่ๆ และนั้นทำให้ผมหันไปจดจ้องมองคนที่จะก้าวเท้าลงมา เขาคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นตลอดเวลา หนุ่มน้อยหน้าหวาน ริมฝีปากบางเฉีบบ เสียอย่างเดียวทำหน้านิ่งตลอดเวลาน่าจะยิ้มแฉ่งแบบผมจะได้ยิ่งน่ารัก แต่เอ๊ะ ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากให้ยิ้มมากเดี๋ยวคนอื่นใจละลาย 

 

           “โป๊ก” วัตถุบางอย่างมันมากระทบหัวผมเข้า โดยพี่ชายผมที่เขารู้อยู่แล้วว่าทำจดจ้องอะไรและผมคิดอะไรอยู่

 

           “ทำเป็นเล็ง เป็นพวกชอบฝันกลาววัน” พี่ดิมพูดยิ้มเยอะ ผมไม่สนใจยังคงจับจ้องมองคนที่จะก้าวเท้าลงมา และประตูก็ถูกเปิด คนนั้นคือ ...... อาภีมปภพ น้องชายพ่อผม น้องไม่แท้เท่าที่ทราบ โตมาด้วยกันกับพ่อผมและตอนนี้คิดว่าน่าจะเลื่อนเป็นพี่น้องท้องติดกันด้วย ผมน่ะรู้ว่าพ่อกับอาภีมกำลังคบหาดูใจกันอยู่ แม้ไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณชนมาก สำหรับพวกผมไฟเขียวอยู่แล้ว

 

           “สวัดดีครับ อาถีม” พี่ดิมยกมือไหว้อาภีม ส่วนผมได้แต่ชะเง้ออีกฝั่ง ไหนละหนุ่มน้อยของผม 

 

           “อืม..... หวัดดีดิม ดิว“ อาภีมปภพยกมือรับไหว้ผมสองคน  หนุ่มในดวงใจของพ่อผมตั้งแต่ผมจำความได้ นั้นไงพ่อผมเดินปรี่ไปเลย ผมได้แต่ชะเง้อทำไมไม่ลงมาซักทีนะ   

 

           “ใจเย็นไอ้น้อง นี้จะชะเง้อให้คอยาวเลื่อยข้ามไปอีกฝั่งของรถเลยไหมละ เดี๋ยวแม่ของลูกมึงก็ลงมา“พี่ดิมยังคงแซวผมแม้เรียก และคนที่ผมรอก็ลงมาอีกฝั่ง พร้อมกับพี่ชายคนโต พี่อ้น หนุ่มโหดสายฮา เรียกว่าคู่หูคู่ฮากับพี่ดิม แต่สำหรับผม ผมง้อครับ นั้นไงหนุ่มน้อยผมเดินหน้างอมากับพี่ชาย 

 

           “ไงวะ ...รถใหม่แรงไปนะมึง” พี่ดิมแซวพี่อ้น พี่อ้นก็หยักคิ้วตอบ ผมมองรถนำเข้ายี่ห้อ Holden 

 

           “แรงม้ามันน้อยกว่ากูเยอะไอ้ดิม “ พี่อ้น

 

           “จริงมั้ยวะไอ้เแอ้ “พี่อ้นถามแอ้ แต่สิ่งที่ได้คือ........ความเงียบ 

 

           “แอ้! นี้มึงตื่นหรือยัง “ พี่อ้นก้มลงถามคนที่สภาพครึ้งหลับครึ้งตื่น และหันไปโบกหัวแอ้เบาๆ 

 

           “ตื่นแล้วพี่อ้น อย่าตบหัวแบบนี้ดิ” แอ้รีบยกมือขึ้นปกป้องทรงผมยุ่งๆของมัน

 

           “ทำไม!” พี่อ้นถามเสียงสูง 

 

           “ผมยุ่ง” แอ้พูดพร้อมกับจัดส่งให้ฟุ้งๆเหมือนเดิม

 

           “นี้มึงแน่ใจนะว่ามึงเซทผมมึงแล้วนะแอ้  กูว่ารังนกดูดีกว่าหัวมรึงอีก“ พี่อ้น

 

           “มันติ่งเกาหลีพี่ “ผมตอบแทน แต่ทำให้หนุ่มน้อยของผมค้อนกลับทันที พี่อ้นพี่ดิมก็ทักทายกันด้วยกำปั้นชนกันเบาๆตามประสาเด็กแร๊พโย๊ะ ส่วนผมก็กำลังจะเข้าสวมกอด อยากกอดใจจะขาดแล้วแต่แอ้เอาฝ่ามือดันหน้าผมไว้

 

           “จะดันทำไมพี่เขากอดกันอยู่ไม่เห็นหรอกน่ะ “ ผมกัดฟัดพูดแต่คนฟังทะลึงตาใส่ผมซะนิ

 

           “อย่า! มึงจะทำกรูซวย” แอ้พูดให้เสียงลอดไรฟันออกมาและมองไปทางพี่อ้นพี่ดิม   

 

 

           “อะไรกัน มึงสองคนนินทากูระยะเผาขนเลยรึ” พี่อ้นหันมาถามทันที  ผมก็ต้องแก้เกล้อด้วยกันเสยผมตัวเอง เลยไม่ได้กอดเลย

 

           “เปล่าครับพี่อ้น ผมไม่กล้าครับ” ผมพูด (แอบคิดในใจไม่กล้ากับพี่เมียแน่นอน อิอิ)

 

           “ดีแล้วที่มึงไม่กล้า เพราะว่าพี่นี้...”

 

           “ใหญ่เหรอ ตรงไหนวะ กูเห็นเล็กไปหมด ฮาๆ” พี่ดิม แน่นอนคู่กันปากตอบย่อมสูสีกันเป็นธรรมดา

 

           ผมหันไปมองหาพ่อ เห็นพาอาภีมเดินไปด้างข้างตัวบ้าน ผมรู้สึกแปลกใจ บ้านหลังนี้ มาตั้งอยู่ห่างไกลจากในเมืองแต่สภาพบ้านดูใหม่ ไม่ทรุดโทรมเลย ถ้าจะบอกบ้านพักตากอากาศของพ่อหรือของลุงกับอา ไม่น่าจะใช้เพราะเขาคงไม่พักที่ห่างไกลแบบนี้หรอก

 

           “ยังไม่มีใครมาอีกเหรอวะดิว”แอ้ถามผม ผมพยักหน้ากำลังเช็คมือถือ เห็นไอ้ติ๊กมันโพสเฟสบุ๊ค เหมือนกับว่าชีวิตนี้มันกำลังจะหลุดจากโลกไปสู่นอกโลกยังไงยังงั้น

 

 

           “เดี๋ยวติ๊กคงจะถึง”ผมพูดยิ้มๆ

 

              ยังไม่ทันขาดคำนั้นไง เมอร์เซเดส- เบนซ์ รุ่นใหม่ล่าสุดก็เลี้ยวเข้ามาไม่ต้องบอกว่าใครขับมา เห็นชัดมาแต่ไกลพี่ตุ๊นั้นเอง ผมหันไปเหล่มองพี่อ้นกับพี่ดิมที่ยืนเก็กท่ากอดอกมองกระซิบกระซาบนินทากันสองคน ผมไม่ทราบโดยตรงว่าพี่เขามีปัญหาอะไรกันแต่ก่อนตอนพวกผมยังเด็กพี่ๆจะพาพวกผมไปเที่ยวโดยมีพี่ใหญ่ พี่ดิม พี่อ้น พี่ตุ๊ คอยดูแล พวกผมพี่ๆด้วย เรียกว่าพี่เขาสนิทกันมาก มีพี่โจพี่ไอ้แจ็คไอ้พระเอกของเราอีกคนด้วย แต่พอพวกผมมีกิจกรรมจากโรงเรียนมากขึ้น เรียนพิเศษ เรียนกรวดวิชา เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย และพี่ๆก็เรียนกันหนักขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ผมคิดว่านั้นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พี่ตุ๊ พี่ดิมพี่อ้นไม่สังสรรกันอีกเลย เหมือนจะเข้าหน้ากันไม่ค่อยติดด้วยซ้ำ

 

           “พี่ตุ๊ หวัดดีครับ” ผมยกมือไว้พี่ตุ๊กัน พี่ตุ๊พยักหน้าและลุงภาษญ์ พ่อของไอ้ติ๊กก็ก้าวเท้าลงมาจากรถ ลุงภาษญ์เป็นน้องพ่อผมแต่เป็นพี่ของพ่อภีมปภพของแอ้

           

           “สวัดดีครับอาภาษญ์”ผมกับพี่ดิม

 

           “สวัสดีครับลุงภาษญ์” แอ้กับพี่อ้น

 

           “สวัสดี แล้วนี้พ่อๆพวกเราไปไหนกันละ “ อาภาษญ์ถาม ท่านคงหมายถึงพ่อภาณุเดชของผมกับอาภีมปภพ 

 

           “พ่อผมกับลุง ไปดูใบครับ” พี่อ้นตอบแทน ทำเอาพวกผมสะบัดหน้าไปมองหน้าพี่อ้น แน่นอนทำเอาอาภาษญ์ถึงกับสะบัดหน้ามามองเช่นกันและหันไปมองพี่ตุ๊ที่ยืนยักไหล่

 

 

           “ไปดูไบ! ไปตอนไหนวะ ไปทำไม ไม่เห็นบอกกันเลย ล่าสุดที่เจอกันก็ไม่เห็นจะบอกว่าจะไปต่างประเทศ “ และปกติไม่ค่อยบินไปไหนไกลๆนิหว่า” อาภาษญ์พูดยาวเลย

 

           “ไม่ได้ไปนอกประเทศหรอกครับลุง แต่พากันไปยืนดูใบไม้ตรงมุมบ้านโน้นนะครับ” พี่อ้นพูด ทำเอาอาภาษญ์หันไปพยักหน้ากับพี่ตุ๊

 

           “จัดเลยไหมพ่อ? แบบนี้ที่บ้านเราเรียกกวนตีน!” พี่ตุ๊พูด และหันมามองพี่อ้นกับพี่ดิม



           “อู้ย! แรงนะนะครับคุณครู!” พี่อ้นพูด ก็พี่ตุ๊เขาเป็นผู้บริหารโรงเรียนแทนอาภาษญ์เต็มตัวแล้ว แต่ก็แอบกลัวเหมือนกันว่าพี่ตุ๊จะมาโรงเรียนนี้ไหม เพราะว่าปกติพี่ตุ๊จะดูแลโรงเรียนที่กรุงเทพมากกว่า



           “สมน้ำหน้ามึง เล่นไม่ดูหน้าคนเลย” พี่ดิมก็ขาซ้ำซิครับรออะไร

 

           “ถ้าอย่างนั้น ขอไปดูใบด้วยแล้ว พวกมึงลากไอ้ตัวดีออกจากรถด้วย “ อาภาษญ์พูดและเดินไปทางที่พ่อผมกับอาภีมไปทันที และไอ้ที่ที่ต้องลากนั้นคือไอ้ติ๊กเหรอครับ

 

 

           “ลงมาได้แล้วติ๊ก “ พี่ตุ๊ เปิดประรอแต่ไม่มีใครก้าวเท้าลงมาเลย แอ้พยักหน้าผมและเดินตรงไปที่รถ ไอ้ติ๊กมันกอดเบาะคนเขับแน่นเลยไม่ยอมลง ดูสภาพมันซิ

 

           “ติ๊ก ทำไมมึงไม่ลงละว่ะ “แอ้ถามเดินไปถามคนที่นั่งไม่ยอมลงจากรถ

 

           “กูไม่อยากอยู่ที่นี้ จะกลับบ้านนนนน” ติ๊กพูดและไม่ยอมลง

 

           “น้องมึงนี้ สำนึกรักบ้านน่าดูว่ะ ไอ้ตุ๊ครับ” พี่อ้นพูดพี่ตุ๊หันไปมอง ถึงกับต้องรีบหลบหลังพี่ดิมาทันที  แต่พี่ดิมก็ใช่ย่อย เบี่ยงออกไม่ให้หลบ ดังนั้นพี่อ้นเลยไม่อาจจะหลีกหนีสายตาพี่ตุ๊ได้

 

           “อู้ย! งั้นพวกกรูไปรอข้างในนะ มึงสองคนก็ลากเพื่อนมึงออกมาแล้วกันวะ” พี่อ้นพูดและพี่ดิมรีบชิ้งเลย

 

 

           “ติ๊ก พี่บอกให้ลงจากรถ!!” พี่ตุ๊เริ่มขึ้นเสียง

 

           “ไม่ลง!!....จ้างให้ก็ไม่ลง!!!.. ไม่อยากอยู่ที่นี้!!!!” ติ๊ก ผมหันไปมองแอ้ได้แต่ส่ายหัว นี้มันกี่ขวบแล้วสิบหกจะสิบเจ็ดแล้วนะ

 

           “แอ้ไปเถอะ”ผมพูดเบาๆ

 

 

           “ไปได้ไงติ๊กยังไม่ลงเลยดิว” แอ้หันมาบอกผม ผมก็ขยิบตาว่าให้ไปเถอะ

 

           “แอ้ไปเถอะ ปล่อยมัน อายุขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวยังกับเด็ก ไม่ไหววะ” ผมพูด

 

           “เด็กโข่ง!”  ผมพูดอันนี้ดังหน่อย

 

           “อะไรนะนี้มึงว่ากูเหรอ...ไอ้ดิว!!!” นั้นไง มันรีบออกมาจากรถยืนเอามือเท้าสะเอว มองหน้าผม และนั้นคือแผนของผม สำหรับดาราหัวร้อน และประตูรถก็ถูกปิด พร้อมกดล๊อกทันที จากพี่ตุ๊

 

           “แป๊ะ”ผมกับพี่แตะมือกัน ทำเอาคนที่หลงกลถึงกับทะลึงตาขึ้น

 

 

           “ไอ้ดิววววว มรึงเชี้ยมากกกกก” ไอ้ติ๊ก ผมได้แต่หยักไหล่และเดินเข้าบ้านไป แอ้หันไปเดินกับติ๊ก ประคับประคองกัน ผมไม่ชอบเลยที่แอ้ต้องยอมติ๊กตลอด แต่นี้ผมไม่ชอบหรือผมหึงกันแน่ แอ้มันก็เดินคู่มากับติ๊ก ผมเดินเข้ามาในตัวบ้าน ดูบ้านสะอาดสะอ้านมาก บ้านสองชั้นหลังใหญ่มากทีเดียว พื้นที่ใช่ส่อยเยอะมาก มีทุกอย่างโฮมเทียเตอร์ มีห้องนั่งเล่นกว้างมาก แต่ดูแล้วมีแต่ทีวีเท่านั้น

 

           “แอ้ไปห้องน้ำกับกูหน่อยดิ กูไม่กล้าเข้าไปคนเดียว กูกลัว” ติ๊กพูดพร้อมกับลากแขนแอ้ให้ลุกขึ้น ผมก็เงยหน้ามองมัน

 

           “มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่าน้องอีกเหรอครับ” พี่อ้นก็ดันยิงคำถามไปซะก่อน ใจตรงกันเลยคำถามที่ผมคิดไว้

 

           “พี่อ้นอ่ะ ........พี่ตุ๊!” ติ๊กมันเรียกพี่มันช่วยทันที

 

           “แค่นี้ฟ้องพี่” พี่อ้นพูด

 

           “ไม่ได้ฟ้องแค่เรียกเฉยๆ” ติ๊ก พูดและพากันลากแขนแอ้ไป แอ้หันมามองหน้าผม ใช่ครับผมแอบงอน เวลามีติ๊กมาอยู่ด้วยนี้ผมกับแอ้แถบจะไม่ได้ใกล้กันเลย ผมได้แต่มองทำอะไรไม่ได้มาก แสดงออกก็ไม่ได้ เหมือนรักต้องห้ามยังไงก็ไม่รู้  ทั้งที่ผมนะ เป็นสามีที่ถูกต้องตามพฤตินัย

 
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ตอนที 1.2 จุดเริ่มต้น (ดิว) ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 02-05-2020 21:08:53
Part ดิว

        ผมเห็นพี่ตุ๊ กางโน๊ตบุคเครื่องบางเฉียบออกมานั่งทำงาน พี่ตุ๊นะเรียนจบปริญญามาหลายใบเท่าที่ผมทราบ พี่ตุ๊เรียนจบจากอังกฤษและลงเรียนที่สองใบปริญญาแถมยังไปเรียนมหาวิทยาลัยก่อนพวกพี่ๆของผมซะอีก 



                       “คนหน้าตาดีเขาไม่ต้องทำงานหรอกวะ...ว่าไหมวะ ให้คนขี่เหล่ทำงานไปวะ” พี่อ้นกระซิบกับพี่ดิม และกอดอกหัวเราะอีกด้วย พี่ตุ๊หันมาเหล่พี่อ้นทั้งคู่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ 



                       “ไอ้โจมันทำไมไม่มาอีกวะ “พี่อ้นพูดกับพี่ดิม ผมก็ชะเงอมองไปทำไมสองคนนั้นเข้าห้องน้ำนานกันหนักวะ ผมเริ่มเบื่อเลยลุกขึ้น คิดว่าจะเดินไปแอบดูดีไหมนะแต่ก็ แอ้บอกว่าไม่อยากให้แสดงอาการอะไรมากเพราะไม่อยากให้ติ๊กมันจับได้ เอาวะรอข้างนอกนี้ก็ได้วะ 



            ผมเดินสำรวจไปรอบๆแทน ผมเดินไปจนถึงที่หน้าต่าง ผมก็มองออกไปเห็นทางเดิน ผมเห็นพ่อผม อาภีมและอาภาษญ์กำลังเดินเข้ามาคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และมักจะเป็นทุกครั้งที่เขารวมตัวกัน ผมเห็นประจำแต่ไม่เคยถามพ่อ 



           “มีอะไรดิว”พี่ดิมกระซิบถามผมจากด้านหลัง 



           “พ่อมีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่”ผมหันมาถามพี่ดิม



           “ทำไมละ “ พี่ดิมถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูขรึมขึ้นมาทันที



           “คือ...ผมเห็นพ่อทำสีหน้าเหมือนมีปัญหาอะไรสักอย่างทุกครั้งที่พ่อๆเขาคุยกัน อะพี่ดิม” ผมพูดขึ้น และหันไปมองหน้าพี่ดิม พี่ดิมเองก็พยักหน้าว่าใช่



           “ทุกคนแหละก็ต้องมีปัญหา แต่พี่เชื่อว่ามันมีทางอก เพราะปัญหามันมีทางเข้าได้มันก็ต้องมีทางออกได้เหมือนกันดิว ” พี่ดิมพูดเหมือนจะง่าย ขนาดปัญหาของผมกับแอ้ผมยังไม่มีทางออกเลย 



           “น้องอยากช่วยพ่อ?” พี่ดิมเลิกคิ้วขึ้นสูงถามผม ผมพยักหน้าตอบเบาๆ 



           “งั้นก็จบภารกิจนี้ซะ นี้คือการพิสูจน์ว่าน้องๆ มีสักยภาพพอจะดูแลงานชิ้นใหญ่ในอนาคต แค่นี้พอ ช่วยพ่อได้แล้ว เรื่องอื่นๆ พี่ๆ กับพ่อจัดการเอง” พี่ดิมพูดพร้อมตบบ่าผมเบาๆ และพ่อเดินเข้ามาพอดี พ่อปรับสีหน้าสู่โหมดปกติมาก เหมือนเขาแค่คุยเรื่องจิปาถะ แต่ผมเดาว่ามันมีอะไรที่พ่อไม่บอกพวกผมแน่ๆ 



           “พายกำลังมา พอดีพีชมันเลี้ยวผิดไฟแดงไปสี่ห้าไฟแดงได้..หึ หึ” พ่อผมพูดแบบขำ ๆ 





           “โธ่ เอ๋ย น้องแพทไม่มาเหรอเนี๊ยะ” ผมได้ยินเสียงนอยด์ๆจากพี่ดิมทันที 



           “ทำไม มรึงรอเจอน้องเขาเหรอ” พี่อ้นยื่นหน้าเข้ามาถามพี่ดิม



           “ใช่อะดิ ตั้งแต่เจอกันวันก่อน มันตราตรึง ฝั่งอยู่ในใจเลย” พี่ดิม ผมนี้ทำท่าจะคะย้อนออกมาเลย เลี่ยนได้อีกพี่ผม 



           “มึงได้คุยกับน้องเขาอีกไหม ได้สอบถามความจริงจากน้องเขาไหม”พี่อ้น ถามพี่ดิม ผมหันไปมองพี่ดิม อะไรนะพี่ดิมจะจีบพี่แพทเหรอ พ่อเคยเตื่อนพวกพี่ๆผมแล้วว่าถ้าเล่นๆอย่า เอาคนใกล้ตัวเช่นลูกพี่ลูกน้องถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดตรงก็เถอะ พี่ดิมทำนิ้วจุ๊ปากผม



           “ไม่ได้อะดิ น้องไม่ยอมให้เบอร์” พี่ดิมหันไปบอกพี่อ้น



           “เขาอาจจะสยดสยองขนลุกขนพอง นอนไม่หลับกระซับกระซาย จดต้องไปพบหมอจิตแพทย์ หลังจากเจอและสัมผัสกับมรึงอ่ะ “ พี่อ้นพูด ผมแอบขำแต่พี่ดิมชี้หน้าผม ห้ามขำพี่



                       “โอ้ย! พี่พีช ที่หลังนะ เช็ครถก่อนนะ ร้อนมาก ทำไมต้องเอาไอ้วินเทจอะไรนี้ของพี่ขับมาด้วย “ เสียงแหล่มแสบแก้วหูนี้มีคนเดียวพาย เดินพ่นพี่พีชเข้ามาจนถึงข้างในบ้านและ ทันทีที่พายเจอผมคนแรกก็วิ่งปรี่มาเลย 





           “หยุด!” ผมรีบเบรคไว้ก่อน คือทำท่าจะเข้ามากอดหรือจะเข้ามาฟัด 



           “แม้! กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้ ห่วงเหรอ” มีหน้ามาถามอีก



           “เออ ห่วงมาก ห่วงตัวกรูเองนี้แหละ “ผมพูด อย่าว่าแต่ผมเลยพี่ๆยังลุกหนีเลยพายเอ้ย 



           “แล้วพวกอีติ๊กและแอ้ละดิว” พายถามผม หันไปยิ้มตาหยีให้พี่ดิมกับพี่อ้น พี่ๆเขาก็ยิ้มกลับแต่ไม่กล้าเข้าใกล้



           “พี่ดิม พี่อ้น หวัดดีครับ” พายหันไปยกมือไหว้



           “แม้พี่ดิม พี่อ้น พายไม่ใช่ขี้นะครับพี่ๆ ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น” ที่ใครต่อใครกลัวก็เพราะเวลามันกอดมือมันชอบคล้ำเขาไปทั่ว ผมเองก็กลัว ถ้าเป็นแอ้นี้ให้คล้ำแบบไม่ต่อต้านเลยจริงๆ



           “พี่ไม่ได้กลัว!!!” พี่อ้นพูดขึ้นเสียงสูงมาก



           “พี่โกหก เสียงพี่สูง”



           “สูงเหรอ!!!!!” นั้นยังสูงได้อีก

 

           “มากครับ” พายพูดทำหน้า 





           “พี่ดิม พี่อ้น พี่ตุ๊ สวัสดีครับ” พี่พีช พวกผมก็ยกมือไหว้กัน มันเป็นทำเนียบปฏิบัติทีต้องทำทุกครั้งที่เจอกัน ไม่ว่าจะเจอกันที่ไทยหรือต่างประเทศ



           “พี่ดิมทำไมทำหน้าเหมือนพีผิดหวัง” พี่พีชพูดขำ ๆ



           “มาก!!!”



           “อ้าว!” พอพี่พีชได้ยินแบบนั้นก็ไม่วายต้องหน้างงหนักเข้าไปอีก



           “มันหวังมากไปเลยเป็นแบบนี้วjะ ไอ้พีช ว่าแต่มรึงเถอะสบายดีไหม ......ฝึกไปหมดหรือยัง เพราะว่าไอ้แพทพี่ชายเรามันฝึกหมดแล้วนี่” ผมก็หันมานั่งข้างพายๆ ปล่อยให้พวกพี่ๆเขาคุยกัน พายก็คงมองหา ติ๊ก แอ้ และแจ็คแน่ๆ



           “แอ้กับติ๊กไปเข้าห้องน้ำนะ แต่นานมาก”ผมพูดบอกพาย พายหันมาเหล่มองผมและยิ้ม



           “หึงเหรอ ทำไมไม่ตามเข้าไปละ จะได้รวบสองคนพร้อมกันไปเลย” พายพูด ผมหันมามอง



           “ไม่เอาอะ” ผมพูดทำท่าขนรุก ผมไม่นิยม 3P ฮาๆ



           “ส่วนไอ้แจ็คยังไม่เห็นหัวมันเลย “ผมหันมาบอกกับพาย



            “ไอ้แจ็คน่ะ เมื่อคืนมันหนัก...ก็ไม่แปลกถ้ามันจะมาช้า..ที่สุด” พายพูด ผมหันมามองหน้าพาย



           “ไม่รู้มันจะกลับมาเฮิร์ทอะไรอีกทั้งที่มันก็จะได้เจอบอยอีกครั้งแล้วนะ ” พายหันมาพูดกับผม ผมได้แต่ยักไหล่ไม่รู้มันเหมือนกัน



           “ถ้าอย่างนั่น ก็แสดงว่าพายมาพักที่กรุงเทพฯก่อนแล้วใช่มั้ย” ผมถามพาย ถ้าพากันไปเที่ยวนี้แสดงว่ากันล่วงหน้าแล้วแน่ๆ



           “ใช่ พอดีพ่อมาพร้อมกับลุงสี่น่ะ และไอ้แจ็คมันมาพร้อมกับพี่โจก่อน ติ๊กมันก็เลยชวนไปแรดนะ” พายพูด ผมพยักหน้าเบาๆ



           “แอ้ไปปะ” ผมถามเพราะแอ้ไม่ได้บอกเรื่องนี้ และแอ้มันก็มาจากกรุงเทพฯด้วยเช่นกัน



           “อ้าว ไม่คุยกันเหรอ แอ้มัน ปวดท้อง มันเลยไม่ไป น่าเสียดาย” พายพูด ผมยิ้มออกเลยทันที นึกว่าแอ้ไปด้วยแต่แอ้ไม่เห็นบอกผมเรื่องนี้ แต่ว่าผมแค่ได้ยินว่าแอ้ไม่ไปก็พอแล้ว



           “ยิ้มๆ มีอะไร” พายพูด



           “เปล่า!!!” ผมพูด



           “เสียงสูง” พายเหล่ตามองผมจนผมต้องหันหน้าหนีแอบยิ้มอีก ทำไมรู้เห็วตัวเองผ่านกระจด ฮาๆ ก็มันดีใจ



            “จริง!!” ผมพูดย้ำ  จังหวะที่ผมหันไปเห็นสองคนนั้นเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ผมเห็นติ๊กเอามือลูบปัดผมแอ้เพื่อจัดทรงให้ ปกติผมเป็นคนชอบทำให้ เห็นคนอื่นทำให้แล้วมันนอยด์ขึ้นมานิดๆ 



            “พอแล้วติ๊ก ผมกูมันเหยิ้มไปหมดแล้ว” แอ้ปัดมือติีกออก



           “อ้าว นางพาย มาถึงแล้วเหรอ กูเห็นขับตามอยู่ คาดสายตาแป็ปเดี่ยวหาไม่เจอเลย” ติ๊กพูด



           “ก็อีพี่พีชนะซิ มัวดูอะไรก็ไม่รู้ ไม่ยอมเลี้ยวตรงไฟแดงแรก แถมยังขับเลยมาอีกหลายไฟแดงเลย และรถก็ร้อนโคตรๆเลย” พายบ่นพี่พีช ที่นั่งคุยกับพี่ๆผมอยู่



           “แจ็คละวะ มึงโทรหาไอ้แจ็คมันหรือยังวะดิว” ติ๊กถามผม ผมส่ายหัว แอ้เดินมาจะนั่งข้างผม ผมก็รีบถึงเก้าอี้ให้เข้ามาใกล้ๆ



           “แอ้ นั่งข้างหลังกูดิ จะได้เกาหลังให้ด้วย คันหลังวะ เหงื่อออก” นั้นไง แอ้ก็เดินถอยออกให้ติ๊กนั่งก่อน ผมเงยหน้ามองแอ้แอบส่ายหัวเบาๆ ก็ส่ายหน้าให้ผมหยุด



           “พายมึงโทรหาแจ็คดิ” ติ๊กหันไปสั่งพาย พายมันก็พยักหน้าและกดมือถือขึ้นมาเพื่อโทรหา ผมพยายามจะหันไปดึงเก้าอี้ให้ขยับเข้ามาทางผม มากกว่าติ๊ก แต่แอ้ขืนไว้





           “เฮ้ยมันบอกว่าถึงแล้วอยู่ข้างนอกว่ะ “ พายวางสายและหันมาบอกพวกผม นี่ไม่ได้ยินเสียงรถเลยแสดงว่าเครื่องเงียบมาก

   --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

   Part แจ็ค 

                          ผมเดินทางมากจากอีกซีกโลกเพื่อกลับมาเป็นเด็กนักเรียนมัธยมอีกครั้งตามคำสั่งลุงหนึ่ง ผมรู้ว่าลุงหนึ่งคือคนที่ดูแลบรรดาพ่อๆผมมาแต่นี้จะมาเป็นเจ้าชีวิตทุกคนเลยไม่ได้ ผมก็ไม่เข้าใจว่าลุงเขาใช้ตรรกะอะไรของเขาคิดกันแน่นะถึงได้สั่งทำโทษพวกผมแบบนี้ ปากบอกว่าพวกผมยังไม่มีสักยภาพมากพอแล้วจะมอบหน้าที่ที่พวกผมไม่ได้อยากเลือกมาทำไม ผมไม่เข้าใจ แน่นอนผมเป็นคนหัวแข็งแต่เฉพาะกับลุงหนึ่ง เพราะหลายๆแนวคิดที่ผมไม่เห็นด้วยและผมอยากจะล้างมันซะด้วยซ้ำ



                          และนี้แหละคือเหตุผลที่ลุงหนึ่งไม่ชอบหน้าผมเท่าไหร่ แถมยังคอยกีดกัน ผมแม้กระทั้งเรื่องหัวใจของผม แต่ว่าผมได้ยินมาอีกอย่างหนีง นั้นคือลุงหนึ่งกับพ่อผม เป็นคู่อริหัวใจกันอยู่ โดยมีลุงกฤษณะเป็นคนกลาง ลุงณะก็เคยเป็นว่าที่พ่อตาผมอีกด้วย ซับซ้อนดีใช่ไหมครับ  พวกผมนะรู้กันหมดแล้วว่าพ่อภูมิกับลุงกฤษณะนะ ไม่ใช่แค่พี่น้องกันธรรมดา เป็นมากกว่านั้น ถึงพ่อผมกับลุงณะ จะไม่เคยพากันมาทำอะไรที่บ้านให้ลูกเห็นแต่ก็รู้ว่า พากันไปที่โรงแรมหรูทุกครั้งที่ไปออกงานและนัดเจอกัน แต่ว่าช่วงหลังจากที่บอยหายไป พ่อผมก็ไม่ค่อยได้เจอลุงณะเลยด้วยซ้ำ พี่โจบอกผมมา

   

              ย้อนไปเมื่เกือบ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งจะอายุ 14 ปี

   

              “แจ๊ค นี่บอย ดูแลเขาดีดีด้วยนะ บอยเป็นลูกของลุงณะ” พ่อผมพูด ผมได้แต่จดจ้องมองใบหน้าเรียว สวยและดูหวานราวกับตัวการ์ตูนมาจากหนังสือ แววตาใสๆ ผมจ้องมองจนเห็นว่าตาของเขาเป็นสีฟ้าครามสวยงามที่สุด รอยยิ้มหวานๆ หญิงสาวคนไหนก็ยิ้มไม่สวยได้เท่ากับเขาคนนี้ แต่ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชายนิ 

   

              “หวัดดี เราชื่อบอย” ชื่อก็บอกชัดเจนอีก แต่ทำไมหน้าหวานจังหวะ ผมคิดในใจ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของความรักทีผมได้มอบให้เขาหมดหัวใจ ผมดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดกันมากจริงๆ ตัวติดกันตลอดและหึงตลอดที่มีคนพยายามมาทำเป็นคนคอยปกป้องเขา ผมต้องการเป็นคนทำหน้าที่นั้นเองแต่ผู้เดียว ผมรู้ว่าเขาอ่อนแอ่นจนใครๆก็อยากดูแล ก็คนมันหน้ารักหน้าหวานป่านกับตุ๊กตาเลยก็ว่าได้ และไอ้... ไอ้ศัตรูตัวร้ายในใจผม มันก็ทำให้ผมกลัวตรงที่ว่า ผมได้ยินมาว่า มันคือคนที่ลุงหนึ่งเลือกให้คู่กับบอย จะเหตุผลอะไรผมไม่ไปสนใจหรอกถ้ามันออกมาจากปากลุงหนึ่ง ผมอคติและพยายามต่อต้าน ผมนี้อยากแสดงให้ลุงหนึ่งรู้ไปเลยว่าผมกับบอยรับคบกันแล้วในตอนนั้น แต่พ่อผมกลับห้ามไว้ พ่อบอกยังไม่ใช่เวลาของผม จนสุดท้าย เขาก็ไปจากผม เขาก็มาหายไปจากผม



               เพราะเหตุการณ์วันนั้นที่เขาป่วยมาก ลุงณะดูโกรธพ่อผมมากที่ดูแลบอยไม่ดีพอ ผมยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าบ่อยป่วยเป็นอะไรแค่ไหน ผมเห็นแค่ว่าบอยเป็นลมบ่อย ผอืดผอมทุกครั้งที่ทานอาหารทำให้บอยกินอะไรไม่ค่อยได้ ผมนี้สงสารเขาจับใจ พอลุงภาณุเดชพ่อของดิวทราบ เขามาตรวจอาการบอยที่บ้านและสั่งให้พาบอยไปโรงพยายาบด่วนเพื่อตรวจเลือดตรวจทุกอย่าง ดูสีหน้าลุงภาเป็นกังวล จนผมพยายามจะหยุดเรียนวันนั้น แต่พ่อบอกผมหยุดไม่ได้เพราะว่าี่ผมต้องไปสอบมันสำคัญ ถ้าผมเลือกที่จะหยุดผมคงรู้เหตุผลว่าทำไมบอยถึงต้องไปจากผม และพอผมกลับมาบ้านผมถึงได้รู้ว่าบอยบินกลับไปกับลุงกฤษณะ เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย 

   

                     ผมได้แต่เฝ้ารอการติดต่อจากเขาและลุงกฤษณะแต่ก็ไม่มีวี่แววใดๆ ผมก็ไม่เห็นลุงณะติดต่อหาพ่อผมอีกเลยเช่นกัน ทั้งที่ทั้งคู่มักจะไปเรื่องงานด้วยกันอยู่เสมอ ผมเองก็ไม่กล้าถามเรื่องนี้ เพราะว่าสถาณะของพ่อกับลุงกฤษณะ ดูยังคลุมเคลือจนพวกผมไม่กล้าฟันธงว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน   

                    ผมรู่ว่าเขาจะมาเรียนกับพวกผมด้วย ผมไม่รู้ว่าทำไมเพราะอันทีจริงเขาไม่ต้องมาก็ได้ เขาไม่ได้ทำให้ลุงหนึ่งโกรธซักหน่อย มีแต่พวกผม พวกผมมันขาโจ๋ไงเลยมีคู่อริเยอะ เอาจริงๆน่ะ ผมเองยังไม่รู้ว่าทำไมพวกผมถึงมีแต่คนอยากมีเรื่องด้วย หน้าตากวนตีนไหม บอกไม่ได้ รู้แต่ว่าหน้าตาดี ฮาๆ ไม่หลงตัวเองเท่าไหร่   

   

                 วันนี้ผมออกเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวมาลงที่สนามบินใกล้เคียงจึงประหยัดเวลาในการขับรถไปเหลือแค่ หนึ่งชั่วโมงแต่ก็นานอยู่ดีสำหรับผม 

   

   

              อันที่จริง ผมเดินทางมากับพี่โจก่อนและพ่อผมตามมาที่หลังและมาปลุกผม ผมยังหลับไม่ตื่น พอผมมาถึงกรุงเทพ ติ๊กมันก็จัดเลยพาไปเข้าผับเลย อายุยังไม่ถึง เขาจะจัดให้นั่งในห้องพิเศษที่จะมีแค่พวกผม และผมก็เมาปลิ้นครับ ตื่นเอาเที่ยงพ่อมาถึงรีบให้พี่โจลากผมไปอาบน้ำแต่งตัว ทำให้สภาพผมครึ้งหลับครึ้งตื่นไม่ต่างกับซอมบี้

   

`” I think I'm losing my mind

Trying to stay inside the lines

It's like I'm running in place

How you keep staying the same?

Baby, I, I guess I'm something different

And I'm okay with that

I can't fake no more smiles

That shit gon' drive me mad

I'm focused on the future

Don't care 'bout nothin' else........

   

                         “ Do you like this song?” พี่ชายผมพี่โจ้ หันมาถามผม 

   

                         “I think so” ผมตอบพี่โจเบาๆ พี่โจเข้าใจผมดีทุกอย่างทั้งที่ผมไม่ได้พูดหรือบอกความจริงในใจผมทุกอย่าง และพี่โจ และพี่ๆ พ่อผมด้วยที่เห็นว่าผมหนักแค่ไหนตอนที่บอยไปจากผม เขาช่วยฟื้นฟูผมจนผมเริ่มกลับมาสู่โหดมปกติแต่นี้ผมกำลังจะเขวอีกแล้ว

   

                         “ Me too” พี่โจตอบผมและยิ้มๆ ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจ พี่มีความรู้สึกแบบนี้ด้วยเหรอ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย

   

                         “What to do when your mild is mess up?” ผมถามถามพี่ชายของผม 

   

                         “Stop taking so much notice of how you feel and relax. That’s it.”

   

                         “It gonna be ok my bro. พี่โจหันมาพูดกับผม ผมหันไปใปมองหาพ่อผม ผมเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างขรึมของพ่อ แต่เฉพาะในเวลางานเท่านั้น พ่อก้มหน้าก้มตาอยู่กับไอแพตเครื่องจิ่วแต่แจ๋ว มันทำอะไรได้สารพัด ราคาแสนแพงกว่าไอแพตเครื่องโตๆซะอีก พ่องานยุ่งตลอดเลย 

   

                         คุณโจครับผมว่าน่าจะมีคนมาถึงก่อนหน้าเราแล้ว ผมเห็นรถจอดอยู่ สี่คันครับ” พี่คนขับรถประจำบ้านของผมหันบอกพี่โจ คงเป็นดิว แอ้ ติ๊ก อีกคันผมไม่แน่ใจจะใช่เขาไหมนะ มันบีบหัวใจผมเหลือเกิน 

   

                         “ยังไม่มาหรอก พี่จำได้รถคันแรกนะรถลุงภา คนที่สองนะรถไอ้อ้นลูกชายคนโตอาภีม และคันที่สาม รถของอาเปรมแต่ใครขับมาพี่ไม่แน่ใจนะ “ พี่โจบอกผม ทำเอาผมถอนใจหายโล่งอกยังไงบอกไม่ถูก ผมอยากให้เขามาไหม อยากครับแต่มัน บอกไม่ถูกเหมือนมีอะไรบินวนไปมามวนอยู่ในท้องผม 

   

                         “ไปครับลงจากรถกัน “ พี่โจเปิดประตูก้าวขาออกและพ่อผมก็วางไอแพตลง

   

                         “ไปเถอะลูก นี้คือสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวลูกว่าลูกของพร้อมแล้ว อย่าลืมนะว่าพวกเรานะมีภาระหน้าที่รอกันอยู่ มันใหญ่กว่าภารกิจนี้เยอะแจ็ค “ พ่อหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจหนัก พ่อก้าวลงจากรถก่อนผม และตามด้วยพี่โจ และพ่อก็หันไปสั่งอะไรพี่โจสักอย่างและผมก็ก้าวเท้าลงไปตามพี่โจ 

   

                         “ไปครับเข้าบ้านกัน” พี่โจพูด ผมสองคนก็เดินตามหลังพ่อผม ใจผมก็กลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจไม่มาซะอีก แต่ใจก็กลัวหากเจอหน้ากันจะทำอย่างไร 

   

                         “สวัสดีครับ อาภูมิ “ “สวัสดีครับลุงภูมิ “ มีคนกล่าวทักพ่อผม และยกมือไว้ ผมหันไปเกือบยื่นมือไปเช็คแฮนด์ซะแล้วตามความเคยชิน



                         “แจ็ค!” พ่อเรียกผมไว้ทัน ผมก็รีบยกมือไหว้ลุงๆและอาๆทันที แต่ลุงๆกับ อาๆ ก็ได้แต่ขำผมกัน ผมก็รีบแยกตัวออกมาหาพวกตัวแสบที่นั่งคุยกัน ส่วนพี่โจยังคุยกับลุงและอาอยู่ 

   

                         “ดีวะแจ็ค” ไอ้ดิว ไอ้แอ้แค่พยักหน้า 

   

                         “คิดถึงมึงวะ “ ไอัติ๊กมันทำท่าจะเข้ามากอดผมแต่ผมเอาฝามือดันหน้ามันไว้ก่อน

   

                         “อะไร กูพึ่งห่างจากมรึงไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย สาด!” ผมหันบอกติ๊ก ก่อนจะนั่งลงแบบเหนื่อยเต็มทีกับการเดินทาง

   

                         “แม้ดีนะที่จำได้ เพราะดูสภาพที่เมายิ่งกว่าหมาคืนก่อน “ ปากดีต้องยกให้น้องพาย 

   

                         “นั้นไงมันมาแล้ว มึงถามมันเองดิ” พี่ดิมเดินออกมาจากห้องอีกห้องกับพี่อ้น พี่เขาสองคนยืนจดจ้องมองพี่ชายผม ผมรู้สึกตะหงิดกับสายตาพี่อ้นยังไงก็ไม่รู้ที่มองพี่โจ แต่พี่โจก็บอกเเพื่อนกัน ผมหวังเช่นนั้น ผมอยากให้บ้านจ จานเป็นฟันครับไม่ใช่สายถูกฟัน 555

   

              “กูอยากรู้จริงๆ นี้มันได้ค่าตัวจาก หลุยส์ ติ๋งต๋องเท่าไหร่วะ” พี่อ้นพูด ผมหันไปมอง พี่ผมสวมใส่ยี่ห้อหลุยส์ทั้งตัวแบบนั้นข

   

              “มันได้ด้วยเหรอวะ” พี่ดิม

   

              “ดูดิมันใส่มาแบบ ฟูลออฟชั่นขนาดนี้ ป้ายโฆษณาเคลื่อนที่ชัดๆ “พี่อ้นพูด 

   

              “สาดพูดไป! “ พี่ดิม

   

              “เจอกันกี่ครั้งก็ใส่อยู่ยี่ห้อเดียว ทั้งตัวด้วย แม้กระทั้งกางเกงในนะมึง” ผมและทุกคนสะบัดหน้ามามองพี่อ้น ทำไมรู่วะ 

   

              “มึงรู้ได้ไง” พี่ดิม

   

              “เออ!!” พี่อ้นพูดและเงียบไป ผมก็มองพี่อ้นรู้ได้ไง

   

               “ทำไมมึงพึ่งมาวะ” ไอ้ดิวมันหันมาถามผม   

   

              “พึ่งจะลุกขึ้นมาได้ เมื่อคืนหนักวะ” ผมตอบไอ้ดิวและหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่มีน้ำรินไว้แล้ว กระดกลงคอไป 

   

                         “บ้านไม่โอเคเลยวะ” ติ๊กพูด มันทำให้ผมหันไปมองรอบๆ ดูเป็นบ้านธรรมดามาก สำหรับผม พวกผมอยู่นะเป็นสมาร์ทโฮม และมีคนคอยดูแลรับใช้ ยิ่งบ้านที่ดูไบนะไม่ต้องพูดถึงเลย เหมือนคฤหาสก็ว่าได้ ผมก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยิ่งคิดยิ่งโมโหลุงหนึ่ง

   

                          “ก็โอเคนะ แค่ไม่มี...” พายพูดเบาๆ  และหันไปมองรอบๆ แต่ละคนก็คงคิดเหมือนที่ผมคิด บ้านพวกมันก็ทันสมัยไม่ต่างจากบ้านผมเหมือนกัน พายไปอยู่ที่ค่ายทหารที่หนึ่งกับอาเปรมดิ์และลุงสี่ บ้านระดับผู้บัญชาการแล้ว ก็ต้องหลังใหญ่อยู่แล้ว

   

                          “ไม่มีเกมส์ ยังดีมีอินเตอร์เน็ต ของใช้ก็บ้านๆ ไม่ไฮเทคเท่าที่เราเป็นอยู่ แบบนี้โอได้ไง “ ติ๊กพูด อย่างหัวเสีย ผมก็ได้แต่ใช่นิ้วเขี่ยปากแก้ว ตอนนี้หัวผมตีกันยุ่งไปหมด   

   

                          “ทำไมวะ เราต้องทำตามตรรกะบ้าๆของลุงหนึ่ง เขาไม่ใช่เจ้าชีวิตเรา” ผมหันมาพูดกับทุกคน 

   

                          “เขาไม่ใช่แต่ เขาจะทำให้พ่อพวกเราเดือดร้อน แค่นี้พวกมึงทำให้พ่อไม่ได้กันเหระวะ” ไอ้ดิวมันพูด มันหันมามองหน้าพวกผม พูดแบบนี้ไงผมถึงต้องยอมมา เพราะว่าพ่อออกหน้ารับให้ผมมาเยอะแล้วไงแต่ผมก็ยังค้านหัวชนฝาว่าผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลุงหนึ่งต้องการอยู่ดี 

   

                          “ให้เวลาหนึ่งปี ให้กลับมาเรียนมัธยมที่ไทยอีก และเครื่องแบบก็ต้องใส่ ผมก็ต้องตัดตามระเบียบ สีผมก็ทำไม่ได้ ...โอ้ย จะบ้า!” พายพูดและทำหน้าเสียอารมย์

   

                          “บอยยังไม่มาเหรอวะดิว” ผมหันไปถามไอ้ดิว เพราะผมคิดว่ามันน่าจะรู้เรื่องบอย มากกว่าผมตอนนี้ ผมได้ยินว่ามัน บินไปหาบอยมาสองสามครั้ง ใช่ซิ มันคือคนที่ถูกเลือก ไม่ใช่ผม คิดแล้วเริ่มนอยด์   

   

                          “กูไม่รู้วะ”ไอ้ดิวตอบผมและมันก็หันมองหน้าผม ผมหันไปยิ้มทางอื่น คิดในใจ ตอแหลแล้วมึง

   

                          “กูไม่รู้จริงๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นดิไอ้แจ็ค ”ไอ้ดิว

   

                          “ก็มึงรู้...”

   

                          “ก็รู้แค่บางเรื่องและกูก็บอกมึงหมดแล้ว โอเคนะ “ดิวมันพูดก่อนที่มันลุกไป 

   

                          “มึงจะไปนอยด์ดิวทำไมวะ มันก็อยู่กะพวกกูตลอด มันก็รู้แค่พวกกูกับมึงรู้” ไอ้ติ๊กพูด 

   

                          “เออ มันก็เอาแต่ซ้อมฟุตบอลและอ่านหนังสือจะสอบ “แอ้พูดขึ้นมันละสายตาจากหนังสือการ์ตูนของมันได้ 

   

                          “กูลืมไปเลยว่ามึงนั่งอยู่นี้วะแอ้” พายพูดแซว ห้องน้ำอยู่ไหนวะ “ ผมถามพวกมัน 

   

                          “เดินตรงไปด้านหลังว่ะ “ ไอ้ติ๊กบอกผม ผมลุกขึ้นไป ผมเห็นไอ้ดิวมันกำลังกดโทรศัพท์เหมือนแอบคุยกับใคร นั้นไงจะไม่ให้กรูคิดได้ไง ผมเดินไปที่ห้องน้ำ รู้สึกยังไม่ซาง ขอน้ำล้างหน้าหน่อย ระหว่างที่ผมจะเปิดประตูเข้าไป 

   

                          “อะไรของมึงอ้น” เสียงพี่โจ แต่เรียกชื่อพี่อ้นในห้องน้ำนี่นะ ผมก็ต้องชะงักไม่กล้าจับลูกบิด นั้นพี่ผมไปทำอะไรกับพี่อ้นในห้องน้ำสองต่อสอง

   

              “ก็ไปคืนนี้” ผมรีบเอาหูแหนบประตูห้องน้ำทันที 

   

              “ไปทำไม กูมีงานพรุ่งนี้นะอ้น”

   

              “งานกี่โมง งานกาลาดินเนอร์เขาเริ่มเย็นเลยและเครื่องบินส่วนตัวมรึงบินแป็ปเดียวถึง” พี่อ้น 

   

              “กูขอพ่อก่อน” แปลกใจปกติพี่โจไม่ต้องขอพ่อนิ 

   

              “โจ “

   

              “อะไร”             

   

              “ถ้ามึงไมไปคืนนี้กับพวกกู.. กูจะ...” ผมยิ่งต้องเอาหูแหนบประตูเข้าไปอีก กูจะอะไรละพี่อ้น ผมรอฟังอยู่!!

   

              “สาด! ขู่อยู่ได้ “

   

              “ไปไหม”

   

              “เออ” นั้นไงทำให้ผมคิดพี่อ้นขู่อะไรพี่โจวะ 

   

              “มึงเคยเป็นหมาหรือไงวะขู่อยู่ได้” 

   

              ปึก!เสียงประตูถูกดึงเข้าเพื่อคนด้านในจะได้ออกมา ผมก็ไม่ทันตั้งตัวยืนแบบเหมือนจะพยายามยามฟัง พอเงยหน้าขึ้นมาก็ 

   

              “เฮ้ย!!” พี่โจ พี่อ้นและ ผมก็ตกใจซิครับรออะไร

   

              “พี่อ้น พี่โจ เข้าไปทำอะไรด้วยกัน ”ผมรีบยิงถามทันทีเพื่อกลบเกลือนว่าผมแอบฟัง มันเป็นการเสียมารยาทที่สุดและเป็นกฏที่บ้านผมลงมติกันว่าห้ามทำ ผมมองหน้าพี่สองคนสลับไปมา

   

              “เข้ามาล้าง......” พี่โจตอบ “เข้ามาล้าง....อุ๊บ!” พี่อ้นก็ เหมือนจะพร้อมกันแต่พี่อ้นจะมีต่อว่าล้างอะไร ยังไม่ทันเอ่ยพี่โจเอามือปิดปากซะก่อน เลยอดรู้รู้เลยผม 



              “ล้างมือ”พี่โจ้พร้อมหันไปมองพี่อ้น

   

              “ล้างมือ ด้วยกันสองคนนี้นะ” ผมก็ยังคิดว่าไม่น่าจะใช้อยู่ดี

   

              “ก็แค่ล้างมือแจ็ค “พี่โจพูด ทำหน้าดุใส่ผมอีกนะ ก็พี่ชายคนโตก็เลยต้องพยักหน้า

   

              “ประหยัดน้ำครับ ลดโลกร้อน ไม่เคยเรียนละซิ “ พี่อ้นพูด พี่โจหันไปเหล่พี่อ้นเลยเอามือปิดปาก  อันนี้แหละที่ผมจะไม่เชื่อว่าแค่ล้างมือเพราะว่าพี่อ้นนี้แหละ

   

              “แค่ล้างมือ และคุยกันนิดหน่อย เราละ” พี่โจถามผม

   

              “ผมจะล้างหน้าครับ “ ผมพูดเบาๆ 

   

              “ดี จะได้ตื่นๆ หนักนะมรึงอ่ะเมื่อคืนนะ รีบเข้าไปเลยดูสภาพเหมือนซอมบี้มาก ” พี่โจพูดและลากพี่อ้นออกไปทันที ผมก็เข้าไปล้างหน้าล้างตา มองที่กระจก หน้าตาอย่างผม หล่อเหลาขนาดนี้ มีเงิน มีทองมากองแต่ผมกับนั่งจมทุกข์ เพราะเขาคนเดียวเลย 

   

              “บอย ดูดีขึ้นนะ ไม่เจอกันแค่ 3 ปีเองทำไมดูมีน้ำมีนวลขึ้น จะว่าอ้วนขึ้นไม่เลย แต่ผิวนี้ดีขึ้นมาก” ผมกำลังเดินออกมาแต่ดันได้ยินชื่นี้ นี้เขามาถึงแล้วเหรอ ผมได้ยินเสียงเล็กๆแบบนี้พายแน่นอนชมว่าเขาผิวสวยขึ้น แต่เดิมผิวสวยอยู่แล้วน่ะ ผมรีบสาวเท้าเดินออกมาอย่างไว 
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ตอนที 1.1 จุดเริ่มต้น (ดิว) ต่อ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 03-05-2020 13:37:30
 o13
 :3123:
หัวข้อ: ( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ตอนที 1.3 แจ็ค แน่ใจแล้วเหรอที่จะปล่อย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-05-2020 12:25:31
   “แจ็ค มาดิบอยพึ่งจะมาถึง” ติ๊กมันเรียกผม และคนที่ยืนหันหลังอยู่ ผมจำเขาได้จากด้านหลังแม้จะสูงขึ้นจนผิดตาแต่ก็ยังเตี้ยกว่าผมหน่อย เขาค่อยๆหันหน้ามา มันก็ไม่ได้ช้าแต่ภาพในหัวผมทำไมมันกับสโลโมชั้นโหมดแบบนั้นนะ และผมก็เห็นใบหน้าเขาแบบจังๆ เขายิ้มให้ผมเหมือนเช่นเคย นี้เขาไม่รู้สึกผิดอะไรเลยหรือยังไง 

   

   “แล้วไงใครแคร์” พูดและเดินผ่านไปเลย ปล่อยให้คนที่ยิ้มให้ผมเกล้อไป ใจก็เจ็บปวดนะ แต่ดูแล้วเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยด้วยซ้ำไอ้แจ็ค มรึงมันบ้าไปคนเดียว เดินผ่านไปหาที่นั่งไกลออกไป 

   

   “ทำเป็นเก็ก อย่าไปสนใจมันเลย เด็กมีปัญหา” เสียงรอดมาก็ไม่พ้นไอ้ติ๊กปากหมาของผม ผมก็หันไปโชว์นิ้วกลาวให้มัน ผมเห็นพี่โจ พี่ดิมและพี่อ้น คงพยายามแจกขนมจีบให้พี่บีมอยู่ เจ้าชายน้ำแข็ง พี่บีมก็ไม่ชอบขี้หน้าผมเช่นกัน ผมเห็นพี่ตุ๊ นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดที่มา และพี่พีชที่นั่งนอนดูซีรีย์อะไรสักอย่าง เวลาผ่านไป 10 นาที ทำไมนานเหมือนหนึ่งชั่วโมง ผมได้แต่มองกลุ่มนั้นคุยกัน ดูหัวเราะหัวไคร่กันใหญ่ โดยเฉพาะกับไอ้ดิว ยิ่งเห็นยิ่งหึง 

   

   “อ้าวเด็กๆ พวกพี่จะกลับแล้ววะ” พี่ดิมพูดพร้อมเรียกมพวกผมว่าเด็กๆ 

   

   “เด็กที่ไหน “

   

   “เด็กมัธยมก็ยังคงเป็นเด็ก ฮาๆ” พี่อ้นอีกคน 

   

   “แจ็ค พี่กลับแล้วนะ ดูแลตัวเองและดูแลบอยด้วยละ เราเคยทำอยู่แล้ว” พี่โจเดินมาพูดกับผม 

   

   “ผมคงไม่ต้องมั้งครับ เพราะว่าดูซิ เขามีคนอยากดูแลและเทคแคร์มากกว่าผมอีก”ผมพูดกับพี่โจ ตอนนี้โคตรอยากกลับบ้าน อยากบอกลุงหนึ่งผมไม่เอาด้วยกับภารกิจนี้ 

   

   “เฮ้ย ทำไมพูดแบบน้ั้นละ หึงเหรอฟ่ะ” พี่โจพูด ผมเหลือกตามอง 

   

   “หึงทำไม ผมนะหล่อเลือกได้” 

   

   “งั้นก็ทำให้เขาเห็นซิวะ ว่ามรึงหล่อเลือกได้ มีดีให้เขาเลือก “ พี่โจพูด 

   

   “ผมนะไม่ใช่คนที่ถูกเลือกแบบไอ้ดิวนิ”

   

   “ใครบอกมรึง “ พี่ถามผมกลับ

   

   “ผมรู้ ผมได้ยินพ่อกับลุงคุยกัน” 

   

   “ไม่มีใครถูกเลือก เราเลือกเองได้ เชื่อพี่ แต่บางอย่างเราต้องให้คนที่เขารู้ดีกว่าแนะแนวทางเท่านั้น “ พี่โจพูด

   

   “เอานะพี่กับพ่อจะกลับไป กทม ก่อนเพราะว่าพี่”

   

   “จะไปปาร์ตี้กันกับพี่อ้น” ผมพูดแทรกขึ้นมา

   

   “อืม แต่ก็รีบกลับตอนเช้า และพ่อเขาจะไปปรับความเข้าใจกับลุงณะอยู่แล้ว” พี่โจพูด ทำเป็นยกประเด็นนี้ขึ้นมา

   

   “โอเค วันหยุดมารับด้วยนะอยากกลับบ้าน”

   

   “อะไรวะ พ่อบอกโน้นเลย หนึ่งเดือนไปแล้วค่อยกลับ” 

   

   “ฮะ ไม่จริงอ่ะ “ ผมรีบเสียงสูงใส อะไรหนึ่งเดือนตายแน่ๆ ผม 

   

   “อะไรกัน แจ็ค โจ” พ่อผมได้ยินเลยถามผม

   

   “พ่อ ผมจะกลับบ้านวันหยุดนี้” ผมหันไปอ้อนพ่อผม 

   

   “ไม่ได้ กฎ คือ กฎ หนึ่งเดือนค่อยกลับบ้านกันอยู่ที่นี้ไปก่อน “ พ่อพูดเสียงแข็ง 

   

   “โห หนึ่งเดือนเลยเหรอครับ พวกผมก็อยากกลับ” ไอ้ติ๊กตามมาเลย

   

   “ได้ผมจะหาวิธีได้กลับก่อนหนึ่งเดือนแน่ๆ พ่อ” ผมพูด 

   

   “ลองดู มรึงเทพ”พ่อพูดก่อนจะเดินหันหลังออก ผมได้แต่ยืนมองพี่และบรรดาลุงกับอาล่ำลาทุกคนก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน ผมหันมาเจอบอย ผมก็ไมได้พูดอะไรแค่เดินเลี่ยงหลบไปเพื่อขึ้นไปชั้นสองจัดการเสื้อผ้าตัวเอง หาอะไรทำ แค่นี้ก็เริ่มเบื่อแล้วซิ ผมเดินขึ้นไปบนตัวบ้านชั้นสอง ข้าวของเครื่องใช้พวกผมถูกส่งมาก่อนหน้าแล้ว แบบว่ามัดมือชกยังไงก็ต้องมา เห็นพ่อบอกว่าห้องหนึ่งนอนได้สองคน ผมเปิดประตูเช้าไป ก็เห็นมีสองเตียง สภาพห้องของเครื่องใช้เหมือนเด็กห่อมาก แม้จะไม่เคยอยู่แต่ก็รู้ว่าเป็ฯยังไง ผมเห็นโต๊ะที่มีรูปผมตั้งอยู่พวกหนังสือเกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำ แน่นอนของผมแน่ๆ ผมเป็นตัวเต็งในการแข็งว่ายน้ำด้วย ผมว่ายน้ำได้เร็วและทำลายสถิติมาหลายเวทีแล้ว แต่ผมถูกตัดสิทธิ์ไปต่อในการแข็งขันระดับซีเกมส์เพราะว่าความในร้อนของผม ผมดันไปต่อยหน้าคนที่มาเก็บตัวเพื่อแข็งขันคัดตัว มันเรียกผมไอ้แขกขาว ผมหน้าไปทางนั้นมาก็จริงแต่ผมไม่ชอบให้ใครเรียกมผมแบบนั้นมันขึ้น 

   

   “ขอเข้าไปได้มั้ยครับ” เสียงนุ่มนวลเยือกเย็นแต่ฟังแล้วสุขใจ แม้จะ 3ปีที่ไม่ได้ยินแต่ผมก็จำได้แม่นยำ ผมหันไปมองเขาแบบพยายามไม่แยแส 

   

   “เชิญ” ผมพูดและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อลงไปด้านล่าง ผมเห็นสระว่ายน้ำจากด้านบน มันอยู่ด้านหลังตัวบ้านพอดี ดูร่มรื่นมาก นี้คือสิ่งเดียวที่จะดับไฟในตัวผมลงไปได้ ไฟความคิดที่กำลังเผาหัวใจผมให้ละลายอ่อนไปกับเขาอีกครั้ง ผมเดินลงมาก็ไม่เห็นใครนั่งอยู่ด้านล่างแล้ว ทุกคนคงขึ้นไปจัดข้าวของตัวเอง ห้องหนึ่งนอนสองคน มีสองห้องที่ว่าง แต่ถูกล๊อกไว้ นี้พวกพ่อๆเขาคิดอะไรนะถึงให้ผมกับบอยมาอยู่ห้องเดียวกันอีก 

   ผมไม่พูดมากถอดทุกอย่างออก เพราะว่าผมใส่กางเกงว่ายน้ำไว้แล้วก็ โยนทุกอย่างไว้ที่เก้าอี้ชายหาดที่ทอดยาวอยู่ขอบสระว่ายน้ำ ผมก็โดดลงไปเลย ในน้ำที่ค่อนข้างลึกและลงไปนั่งยังก้นสระ ผมถูกฝึกมาอย่างดีกับครูนักว่ายน้ำดีกรีเหรียญทองโอลิมปิคหลายสมัย เขาเป็นโค้ชชาวต่างชาติ ผมกำลังนั่งสงบสติ พยายามปัดมันออกไปแต่ทำไม ภาพมันกับวนกลับมาซ้ำๆ 

   

   “บอย..”

   

   “ว่าไงแจ็ค” 

   

   “เราเป็นแฟนกันนะ”

   

   “แจ็ค อย่าพูดดังไปซิ เพื่อใครได้ยินไปบอกว่า” 

   

   “ทำไมละ”

   

   “บอย...ไม่ใช่เด็กผู้หญิงนิ “

   

   “เราไม่แคร์ว่าบอยเป็นใคร เรารู้แต่ว่าบอยคือคนที่กุมหัวใจเราตั้งแต่นาทีแรกที่เราเห็น..บอย” คำพูดเลี่ยนๆแบบนั้นผมพูดไปได้ยังไงวะ

   

   “พอแล้วเราจะขึ้นไปอาบน้ำ”

   

   “นายเอาหมาตัวนี้ไปเช็ดขนให้แห้งนะ “ และนั้นแหละคือการที่ผมกับเขาได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะว่าผมเอาหมาไปไว้ในห้องนอนพี่ชายผมและผมก็ขึ้นตามบอยไปยังห้องนอนและผมก็ตามไปที่ห้องอาบน้ำ บอยลืมล๊อกประตู ผมก็ ....

   

   ผมเงยหน้าขึ้นเห็นเงาอยู่ตรงขอบสระว่ายน้ำ ผมก็เลยหยุดและดีดตัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ผมแตะขอบสระผมก็เกือบจะสัมผัสกับใบหน้าใครบางคนที่นอนคว้ำเอามือยันพื้นไว้ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมาจนเกือบแตะพื้นผิวน้ำและผมก็โผ้ขึ้นมาตรงนั้นพอดี ใบหน้าเราห่างกันชนิดที่หายใจรดกันเลยทีเดียว ทำตลึงไปหลายวินาทีระหว่างนั้นเหมือนริมฝีปากมันจะเผยอตาม แต่ผมก็ถอนมันออกเพราะว่าผมได้สติพอดี ผมเลยว่ายถอยออกไปและไปขึ้นตรงบรรไดก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวไว้ 

   

   “มีอะไรเหรอ”ผมถามเขาอย่างเย็นชา

   

   “ก็แค่ลงมาดูมานายยังคงดำน้ำลงไปหาที่สงบอยู่มั้ย” บอยถามผม

   

   “ก็แค่ฝึกควบคุมมัน ใครจะไปเย็นชาเหมือนนาย” ผมพูด

   

   “เวลานายโกรธนี้ดู”

   

   “ดูเหมือนอะไรเหรอ”

   

   “ไม่พูดดีกว่า บอยแค่จะลงมาถามว่าแจ็คจะนอนฝั่งไหน”บอยเอียงตัวหันมาถามผม 

   

   “ฝั่งไหนก็ได้ แต่ถ้าเลือกได้มากกว่านี้” ผมหันไปประจันหน้ากับเขา

   

   “คือ”

   

   “ขอนอนคนเดียว” ผมพูดและคว้าเอาเสื้อผ้าติดมือจะเดินขึ้นไป ผมรู้ว่าเขาเสียใจแน่นอน แต่ผมเสียใจมามากกว่าเขาอีก ผมเหลือบมองเขาจากกระจกประตู เห็นสีหน้าที่ดูรู้ว่าเสียใจมาก และเขากำลังจะหันหลังกลับแต่จุดที่เขายืนนะมันริมสระน้ำแล้วนะ 

   

   “บอย! อย่าหัน!” ผมจะหันไปเตือนเขาแต่ว่ามาแต่ช้าไป ร่างนั้นค่อยล่วงลงไปอย่างช้าในสายตาผม แต่ว่ามันเร็วกว่าที่ผมจะเข้าไปคว้าร่างนั้นไว้ได้ทัน 

   

   “โคล้ม” เสียงน้ำกระจ่าย 

   ผมรู้ว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น ผมก็รีบโยนทุกอย่างลงพื้นและกระโดดตามลงไปเพื่อพาร่างเขาขึ้นมา ถึงบอยจะตัวเล็กแต่มันก็ยากลำบากสำหรับผมอยู่เหมือนกัน ผมพยายามดันเขาขึ้น จู่ๆก็มีคนมาดึงเขาขึ้นไป ผมปืนกลับขึ้นมาได้ก็เห็นว่าคนนั้นคือดิว 

   

   “บอย!” เสียงดิวที่เรียกบอยที่หมดสติ คงตกใจเพราะว่าผมกระโดดลงไปคว้าร่างเขาเร็ว ไม่น่าจะสำลักน้ำจนหมดสติ 

   

   “แอ้ ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย” ดิวหันไปบอกแอ่้ มีแค่แอ้ที่เป็นผู้ช่วยดิว เพราะทุกคนยืนอึ้งกันไปหมด

   

   “จะยืนอึ้งกันทำวะ ช่วยกันดิ ถ้าบอยไม่ฟื้นจะได้โทรตามรถโรงพยายาบ เฮ้ย” ดิวมันพูดและขึ้นเสียงใสสองร่างบางๆ ติ๊กกับพายที่ยืนตกใจทำอะไรไม่ถูก

   

   “ตายแน่เลยอ่ะพวกเรา บอยพึ่งจะมาถึงไม่”

   

   “เป็นไงบ้างวะ”ผมถามดิว ดิวมีพื้นฐานปฐมพยาบาลพี้นฐานมา 

   

   “ดูการหายใจปกติ น่าจะตกใจมากกว่า แล้ว บอยตกไปได้ไง “ ดิวพูดและเงยหน้าขึ้นถามผมสีหน้าจริงจังมาก

   

   “ดิว ผ้าขนหนูวะ” แอ้วิ่งเอาผ้าขนหนูมาสองสามผืน

   

   “นั้นดิ มรึงทำไรเขา” ไอ้ติ๊กหันมาถามผม

   

   “กรูจะทำอะไร กรูแค่เดินหันหลังและเขาก็ “

   

   “ก็อะไร เดินหันไปและโดดลงไปเหรอ มรึงตอแหล” พายเสริมอีกคน

   

   “เห็นด้วย กะอีพาย มรึงทำอะไรบอยบอกความจริงมา “ ไอ้ติ๊ก ผมเห็นไอ้ดิวมันเอาผ้าขนหนูห่อตัวบอย เหมือนทำท่าจะอุ้ม 

   

   “กูว่าคงต้องโทรไปโรงพยาบาลและต้องบอกลุงณะว่า” ดิวพูด

   

   “ดิว” เสียงเรียกอันแผ่วเบา บอยได้สติแล้ว 

   

   “บอย”ทุกคนเรียกบอยเป็นเสียงเดียวกัน และกู่กันเข้าไป หาบอย ผมคงไม่จำเป็นที่จะเข้าไปอยู่ข้างๆเขา มีไอ้ดิวซะขนาดนั้น ผมนี้กำหมัดแน่น 

   

   “แจ็คไม่ได้ทำอะไรบอยหรอก คือบอยหันไม่ดูเอง และบอยคิดว่าบอยไม่เป็นไร อย่าโทรหาพ่อบอยเลยนะ “ ผมหยุดฟัง แต่ผมไม่ชอบอธิบายเพราะผมไม่แคร์ ผมเดินออกจากตรงนั้นทันทีไม่สนใจ ผมกลับขึ้นไปบนห้อง อายน้ำชำระร่างกายและเปลี่ยนชุด นี้มันเย็นแล้วอาหารคงมาส่งไม่นาน ผมจะทนนั่งกินข้าวและมองหน้าเขาได้เหรอ ไหนไอ้ดิวอีก นีมันงคงนั่งเอาอกเอาใจ เป็นฮีโรอยู่ข้างๆ ผมควรยอมแพ้ 

   

   “ริงๆๆๆ” เสียงมือถือไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ผมดังขึ้น ไม่ใข่ใครอื่นพี่โจ พี่ชายของผม ผมรีบกดรับสายทันที

   

   “ Hollo my broW 

   

   “What’s up”

   

   “What’s wrong my bro?” พี่โจรีบถามผมกลับทันที เพราะน้ำเสียงของผมมันแสดงออกได้ชัดเจนมากว่าผมกำลังนอยด์อยู่

   

   “เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” พี่โจ ภาษาไทยมาเลย ปกติพวกผมจะพูดกันภาษาอังกฤษเวลาอยู่บ้านที่ต่างประเทศ พอจะบอกเสมอว่าให้พูดไทยกันเวลาอยู่ประเทศไทย

   

   “ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอ่ะพี่โจ มันยิ่งทำให้ผมอ่อนแอ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่าผมไม่อยากไปต่อแล้ว

   

   “แจ็ค.....เฮ้อ!”พีโจเรียกชื่อผมพร้อมกับภอนหายใจยาวๆ

   

   “ผมขอโทษครับพีโจ ผมไม่ไหวจริง “

   

   “พี่จะคุยกับพ่อให้นะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะถอย ถ้าคราวนี้นายถอยคือนายจะไม่มีโอกาสอีกนะ นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะปล่อยหัวใจนายไป”

   

   “ ผมจะปล่อยเขาไปทั้งที่นายก็รอเขาอยู่ แจ็ค”พี่โจถามผม



   "ผมแน่ใจแล้วพี่โจ ว่าผมควรจะปล่อยเขาไป " แต่ผมพูดได้แค่นั้นจริง
หัวข้อ: ( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ตอนที 1.4 แจ็คXบอย เหตุผลที่บอกไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-05-2020 21:31:19
ก๊อก” เสียงเคาะประตูทำเอาผมตื่นทันที ผมอยู่ในความฝัน ภาพวันวานที่ผมกับเขาได้สวีทหวานกัน โดยที่พ่อผมและพ่อของแจ็คไม่ทราบตรงนี้ ว่าผมกับเขาเราแอบรักกันและเหตุการณ์วันนั้นที่ทำให้ผมกับเขาเผลอมีอะไรกันก่อนวัยอันควรและนั้นก็ทำให้ผมได้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวผมว่า ผมคือคนที่ถูกเลือกให้สามารถตั้งท้อง  และผมก็ได้แจ็คพ๊อก ผมท้องลูกของเขาแต่ผมไม่อาจที่จะบอกเขาได้และพ่อก็พาตัวผมกลับนับไป นับแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยได้เจอเขาอีกเลย ไม่ว่าจะไปออกงานทีไหนปกติผมจะต้องไปด้วยกันกับเขาแต่นี้ตารางการออกงานของผมถูกจัดให้ไม่ตรงกับแจ็คเลยสักครั้ง พ่อให้เหตุผลว่าแจ็คไม่ใช่คนที่ลุงหนึ่งเลือกแต่พ่อไม่ได้กีดกันผมกับแจ็คนะ พ่อแค่ขอเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าแจ็คเขาพร้อมที่จะดูแลผมและลูกจริงๆ แล้วเขาจะพร้อมได้ไหม

 

                       “บอย อยู่ในนั้นใช่มั้ย” เสียงแอ้ ผมจำได้ดี น้ำเสียงของเขานุ่มละมุลสมกับชื่อ

 

 

                       “ใช่ครับแอ้”    ผมทำการหมุนปิดน้ำราดลงมาที่ตัวผมซะก่อนจะตอบแอ้ไป

 

 

                       “ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วครับ”   แอ้บอกผม

 

 

 

                       “บอยจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับแอ้” ผมตอบแอ้ ผมออกมาก็จัดการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมเปิดประตูออกมาก็เห็นแอ้ กับติ๊ก นั่งรอผมอยู่   

 

 

                       “เดี๋ยวมานะ กรูลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องวะแอ้” ติ๊กพูดก่อนจะรีบเดินออกไป   

 

 

                       “อาหารเย็นมาส่งแล้ว ลงไปหาอะไรทานก่อนบอย” แอ้พูด 

 

 

                       “ชอบใจนะ” ผมพูดและหันไปหยิบนาฬิกาบนโต๊ะมาสวมใส่ ด้วยความเคยชิน

 

                       “แก๊ก” เสียงของหล่นจากโต๊ะ มันเป็นแผงยาที่ผมต้องทานประจำ เป็นยาฮอร์โมนพิเศษ ผมเอื่อมมือจะหยิบแต่ทว่าแอ้ก็โน้มตัวลงจะหยิบมันซะก่อนที่จะส่งมาให้ผม แอ้เพ่งมองแพงยาและเงยหน้ามองผมเหมือนเขามีคำถามเกิดขึ้น   

 

                       “บอย...ทาน...ยาตัวนี้ด้วยเหรอ” แอ้ถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ผมหวังว่าเขาจะไม่รู้นะว่ามันคือยาอะไร ผมยังไม่เคยบอกทุกคนเลยว่าผมเป็นอะไรยังไง ผมไม่กล้า ถึงผมจะรู้มาว่าผมคือคนที่ถูกเลือกก็ตาม   

 

                       “มันแค่ยา...ยาแก้ปวดนะแอ้  บอยปวดหัวบ่อย” ผมบอกแอ้ก่อนจะหยิบห่อยานั้นเก็บเข้าลิ้นชักทันที

 

 

 

                       “อืม”  แอ้พยักหน้าเบาๆ   

 

 

 

                       “ไปทานข้าวกัน ” ติ๊กเข้ามาเปิดประตู ผมก็ลุกขึ้นและเดินออกไปพร้อมๆกับแอ้และติ๊กที่อยู่หน้าห้อง   



 

                       “แอ้กับติ๊กนี้ยังตัวติดกันเหมือนเดิมเลยนะและดิวด้วยเนอะ” ผมพูดขึ้น ผมเห็นเขาสามคนตัวติดกันตลอด ไปไหนก็ไปกันสามคน   

 

 

                       “ติดยิ่งกว่าเห็บหมาซะอีก” แอ้พูดปนหัวเราะ 

 

 

                       “แม้ไอ้แอ้มรึงว่ากรูนี้เป็นเห็บเหรอว่ะ” ติ๊กพูด ผมเดินตามแอ้และติ๊กลงไปถึงห้องอาหาร ทุกคนนั่งอยู่บนโต๊ะ ผมเห็นแจ็คนั่งติดกับพายดูพูดหยอกล้อกันน่ารักเชียว แต่ผมกับรู้สึกแปลกๆเพราะปกติเขาจะมีแค่ผมนั่งใกล้ผม หยอกล้อแค่ผมหรือว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว   

 

                       

                       “แม้อิพาย “ ติ๊กเรียกพาย พายกันมามอง ผมและติ๊ก ดูเหมือนทั้งคู่จะส่งซิกอะไรกันสักอย่าง พายก็รีบลุกขึ้นทันทีและหันมายิ้มให้ผมแทน   

 

 

                       “นั่งซิบอย” พายบอกผม  ผมเห็นสีหน้าแจ็คดูจะผิดหวังมากถ้าผมจะนั่งข้างๆเขา   



 

                       “ไหนบอกจะนั่งข้างแจ็คไงจ๊ะพาย” แจ็คพูดพร้อมกับเหล่ตามมองพาย 

 

 

 

                       “อิพายมานิ” ติ๊กก็เรียกพายให้รีบออกมา 

 

 

 

                       “ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบของร้อน นั่งตรงโน้นดีกว่า” พายพูดและรีบเดินออกไป 

 

 

                       “ไม่อยากให้เรานั่ง เราก็จะ”  ผมพูดเบาๆ โดยที่เขาไม่เงยหน้ามองผมเลยด้วยซ้ำ

 

                       

                       “อยากนั่งก็นั่ง” แจ็คพูดและหันไปนั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ   

 

 

                       “บอยลงมาแล้วเหรอ “ ดิวเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับผม   

 

                       “เรานั่งข้างบอยนะ” แอ้หันไปบอกดิว ดิวเงยหน้ามองแอ้ เหมือนจะมีคำถามแต่ดิวก็ไม่ถามได้แต่พยักหน้าเบาๆแบบจำใจยังไงก็ไม่รู้ และมันทำให้ผมคิดแล้วใครจะนั่งฝังนั้นเพราะเหมือนติ๊กก็จะนั่งฝั่งนี้กับแอ้เหมือนกัน เล่นเอาผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

 

 

 

                       “แอ้ไปนั่งข้างดิวก็ได้นะ “ ผมหันไปบอกแอ้ อยากบอกว่าบรรยากาศตอนนี้ตึงมาเลย   

 

 

                       “ ดิว....ให้บอยไปนั่งข้างมึงแล้วกัน” แอ้พูดกับดิว ดิวหันไปมองแจ็คที่นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม ดิวก็พยักหน้าให้ผมไปนั่งกับเขา   

 

   

 

                       “โอ้ย! จะนั่งตรงไหนก็นั่ง.... คนรอกิน...หิวจะตาย จะอะไรกันหนักหน้าแค่ที่นั่ง ” แจ็คขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ผมเลยต้องลุกไปนั่งข้างดิวจะได้ไม่ทำให้เขายิ่งโมโหมากไปกว่านี้ และคนที่มานั่งแทนผมกับเป็นติ๊ก ดูแจ็ค ติ๊กและพายและแอ้จะคุยกันสนุกน่าดู   

               

                               “แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะได้ไปอีกวะ เซ็งวะ ...บร้าๆ “การสนทนาระหว่างพวกเขายกเว้นผมกับดิว ดิวมองหน้าผมและมองหน้าแจ็ค พร้อมกับส่ายหัวผมรู้ว่าเขารู้จักแจ็คดี

 

                       

                       “มันงี่เง่าระดับตัวพ่อ” ดิวพูดและชี้ให้ผมดู ผมก็อดขำไม่ได้



 

                       “เป็นไงบ้างบอย “ ดิวหันหน้ามาถามผม ผมก็หันไปมองดิว

 



                       “เออ” ผมก็มองหน้าดิว ว่าหมายความว่ายังไงเหรอ   

 

 

                       “มีอาการอื่นไหม เวียนหัว คลื้นไส้อยากอาเจียนอะไรแบบนี้ หลังจากที่บอยตกลงไปในน้ำนะ มีอาการอื่นไหม ถ้ามี ดิวจะได้โทรบอกพ่อให้มา...“ ดิวถามผม    ผมหันไปมองแจ็ค ใช่ซิ เขากลับไม่เอ่ยปากถามอาการผมสักคำเลยนะแจ็คนะ

 

 

 

                       “ไม่อ่ะดิว ไม่เป็นไรแล้วละดิว บอยโอเค ไม่ต้องให้อาภามาหรอกนะเกรงใจ” ผมหันไปตอบดิวทันที ผมรู้ว่าอาภาเหมือนหมอประจำตัวผมมาตั้งแต่แรกเกิดก็ว่าได้ และที่ผมมีสิ่งพิเศษนั้นก็อาภาจัดการให้ตามข้อตกลงของทุกคน   

 

 

 

 

                       “อืม..มีอะไรบอกดิวแล้วกันนะ เพราะว่าพ่อก็...ให้ดิวคอยดูบอยเหมือนกัน “ ดิวพูดและตัดอาหารให้ผม เขาตักที่เป็นผักให้ผม เขารู้ว่าผมไม่ทานเนื้อสัตว์ ผมเป็นมังสวิรัส แต่รู้ได้อย่างไร เพราะว่าผมเริ่มไม่ทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่ผมมีปัญหา เขาไม่เคยรู้หรอกว่าผมต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างและมันกระทบกับผมแค่ไหน   

 

 

                       “อาหารเลี่ยนว่ะ สั่งจากไหนมาวะ”เสียงแจ็คพูดขึ้นคอนข้างเสียงดัง ผมก็รู้ว่าเขาพูดประชดกับดิว   

 

 

                       “อาหารบางจานแม่งเผ็ดมาก.... กินดีดีนะมึงมันจะกระแทกจนปากเจ็บ” ดิวพูดขึ้นบ้าง   

 

                       

                       “แกร้ง! “ เสียงช้อนและซ้อม ถูกวางง ผมเงยหน้ามองแจ็คที่ลุงขึ้นยืน สายตาเขามองมาที่ดิว และทุกคนก็หยุดทานพร้อมกับเงยหน้ามองแจ็คและดิวสลับกันไปมา ผมนี้นั่งตัวลีบ ผมไม่อยากเห็นเขาต่อยกันเลย 

 

                       

                       “มีปัญหาอะไรแจ็ค” ดิวถามแจ็คแบบนิ่มๆ 

 

 

                       “เมื่อกี่มรึงพูด หมายถึงกูใช่ไหมวะ”แจ็คถามดิว   สีหน้าเขาจริงจังมากจนผมกลัวเลย

 

 

                       “ใช่ “ ดิวพูดทำท่าจะลุกแต่ผมจับแขนเขาไว้  ขยิบตาไม่อยากให้เขาทะเลาะกันเพราะผมเลย และถ้าแจ็คจะต่อยกับดิว แพ้อยู่ดีนะผมว่า

 

 

                       “อย่าเลยดิว ถ้าอย่างนั้น บอยขึ้นห้องดีกว่า เพราะว่าบอยไม่ค่อยหิว “



 

                       “ไม่ต้องบอย....นั่งทานเถอะ ถึงไม่ค่อยหิว ก็ทานหน่อยดีกว่า ” ดิวพูดพร้อมกับลุกขึ้นประชันหน้ากับแจ็ค 



 

                       “ได้ ถ้ามึงอยากจะไขว้กับกู” แจ็คพูดขึ้น ผมหันไปมองแจ็คและดิว

 

 

                       “หยุดๆ พวกมึงอะไรกันจะทะเลาะกันทำไมวะและยังบนโต๊ะอาหารอีก บอยก็รอทานอยู่ เห็นไหมว่ะ “ ติ๊กเป็นฝ่ายลุกขึ้นและพยายามดึงแจ็คให้นั่งลงแทน แอ้เงยหน้ามองดิวขยิบตาดิวถึงได้นั่งลงด้วยเช่นกัน



 

                       “ก็มึงว่าประชดที่กูตักอาหารให้บอย ทำไมวะ อิจฉาเหรอ” ดิวพูดขึ้น 

 

                       “ครื้ด!!” เสีวงเสียงเก้าอี้ถูกดันออก 

 

 

                       “แจ็ค ๆ เย็นลูก.... เย็นลูก...นั่งลง “ติ๊กที่พยายามห้ามแจ็ค และดึงแขนแจ็คให้นั่งลงด้วย

 

                                   

                                   “ไอ้ดิว มึงอย่าไปทำให้มันขึ้นดิว่ะ พวกกูจะได้กินกันและแยกย้ายไปห้องใครห้องมัน  “ ติ๊กพูดกับดิว

 

                                   

                                   “มันขึ้นมันเอง ความบ้ามันอะ กูไม่ได้ทำ!” ดิวพูด

 

 

                                   “แจ็ค นั่งลงกินข้าว อาหารดีดีทั้งนั้นกินเถอะวะ เดื่ยวกูมีของดีปลอบมึง” ติ๊กพูด

 

 

                                   “กูไม่กินแล้ว กินไม่ลง “ แจ็คพูดและเดินออกไปทันที ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ติ๊กก็หันมามองหน้าผมและยิ้มเหยๆให้ผม 



 

                                   “อย่าไปสนใจมันเลยบอย  ปญอ” ดิวหันมาบอกมผม ผมได้แต่มองตามคนที่เดินออกไป เขายังไม่ได้ทานอะไรมากเลย ผมนี้รู้สึกผิด ผมได้แต่มอง ผมก็ทานไปโดยไม่รับรู้รสอาหารเลยจนกระทั้งทุกคนทานกันอิ่ม แต่ก็ไม่เห็นมีใครตักอะไรใส่จานไว้ให้แจ็คเลย ผมรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ผมค่อยแบ่งใส่จานเอาไว้

 

 

                                   “เฮ้ย...กูต้องรีบไปโทรหาพ่อกูก่อนว่ะ “ ติ๊กพูดก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องอาหาร 

 

                                   

                                   “ยังไม่อิ่มเหรอบอย” แอ้ถามผม 



 

                                   “นั้นดิ ตักไว้ด้วย กินเก่งเนอะ” พายอีกคน   

 

                                   “บอยกลัวว่าแจ็คจะหิว บอยเลย “ ผมหันพูดบอกแอ้และพาย เขาสองคนก็พยักหน้า ถึงยังไงผมก็อดเป็นห่วงเขาไมได้อยู่ดี

           

 

                                   “ไว้ให้มันเหรอบอย ไอ้แจ็คนะ” ดิวถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ 

 

                                   “พาย บอกว่าตักไว้ให้มันแล้วกัน ถ้าบอกว่าบอย... มันไม่ยอมแดกแน่ๆ ” ดิวพูดขึ้น ผมสะบัดหน้าไปมอง







                                   “ปั๊ก”เสียงมีของมากระทบที่หัวดิว

 

                                   

                                   “โอ้ย!!!” เสียงร้อง ไม่รู้เจ็บจริงหรือแกล้งเจ็บ





                                               “ปาหัวดิวทำไมเนี๊ยะ! แอ้” ดิวถามแอ้กลับทันที



 

                                   “ปากหมา” แอ้พูดไม่ดังแต่ผมรับรู้ได้ 



 

                                   “มาๆ เดี๋ยวพายจัดการเองบอย ไอ้นี้มันต้องคบด้วยความเข้าใจอย่างเดียวเลย ตั้งแต่บอยอ่ะทิ้งมันไป” พายพูด ผมนี้กลืนน้ำลายลงคอเลย 



                                   

                                   “เฮ้ย!” เสียงร้องออกมาพร้อมกัน แอ้และดิวทั้งคู่หันไปมองพายที่ทำหน้าเจื่อนๆ คงลืมไป

 

                                   “บอย..เออ... พายขอโทษ “ พายพูดขอโทษผมทันที ผมได้แต่ยิ้มๆ เพราะมันเรื่องจริง นี้คือผลจากที่ผมหายไปเกือบสองปีแต่มันนานมากสำหรับผมและเหมือนผมเองจะไม่พยายามติดต่อเขาทั้งที่ผมพยายามแต่ไม่มีจดหมายฉบับใดเล็ดลอดออกมาได้เลยโดยสะกัดไว้หมด



 

                                   “ไม่เป็นไรพาย มันคือเรื่องจริง บอยทิ้งเขาไป และเขาก็เข้าใจแบบนั้นตลอด” ผมพูด

 

 

                                   “บอยขอตัวนะ บอยต้องโทรหาพ่อด้วยเหมือนกัน “ ผมพูดและลุกขึ้น ผมเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน ไม่รู้จะเจอแจ็คไหมนะ พอผมเปิดประตูเข้าไปห้องไม่ได้ล๊อก เขาไม่อยู่หรือเขาไม่อยากล๊อกประตู 

 

                      ภายในห้องไม่มีแสงไฟ แสดงว่าเขาไม่อยู่ ผมเปิดไฟขึ้นก็ไม่เห็นวี่แววของเขา เขาไม่ได้ขึ้นมาบนห้อง แล้วเขาไปไหน ผมหันไปเห็นแลปท๊อปของผมวางอยู่ ผมหยิบขึ้นมาเปิดดู เห็นกล่องข้อความ พี่บรูคส์โทรหาผม พี่ชายคนโตของผมพี่บรู๊คส์ ผมรีบกดวีดิโอคอลกลับไปทันที ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ผมเป็นห่วงแค่ เขาคนเดียว 

 

 

                                   “บอย” พี่บรู๊คทักทายผมทันที

 

                                   “พี่บรู๊คมีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นว่าพี่โทรหาผม”

 

                                   “มีซิครับ “ พี่บรู๊คพูดและหันกล้องไปหาใครคนหนึ่งที่นั่งหน้ามุ้ย ผมยิ้มออกมาทันทีที่เห็นหน้าเขา

 

                                   “บอย” เขาไม่เคยเรียกผมว่าพ่อเลย เรียกแต่ชื่อผมมาตลอด หนุ่มน้อยของผม ดวงตาเรียวยาว จมูกเป็นสันแหลม ริมฝีปากบางเฉียบ อันนี้ได้ผมไป ส่วนอื่นๆ ไม่ต้องบอกว่าได้จากใครกัน  แล้วอย่างนี้จะให้ผมลืมเขาไปได้ยังไง

 

                                   “แบงค์ “ ผมเรียกชื่อเขาและเอามือลูบที่หน้าจอใบหน้าหวานๆปนความหล่อคมคายที่เขาได้ปนๆกันมาของพ่อและ(แม่มั้ง) แต่ดูแล้วไปทางพ่อมากกว่าเยอะ จมูกที่เรียวแหลมขนาดนั้น น้องแบงค์กำลังหัดพูดเพราะได้หนึ่งขวบพอดีก่อนผมจะมาได้ฉลองวันเกิดให้เขาเรียบร้อยแล้ว แบงค์เกิดวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา



 

                       “คัมๆ” เขาเรียกให้ผมไปหาเขา น้องแบงค์





                       “บอยอยากไปนะแต่บอยมาทำงาน” ผมบอกกับแบงค์ เขาทำหน้าจะเบ้ปากร้องอีกแล้ว โธ่!ใจพ่อจะขาด เขาคือลูกทีเกิดกับผมและเขาคนนั้นแหละ 



 

                       “โน่!”  แบงค์พูดว่าไม่ คำนี้เป็นคำที่ฮิทติดปากมาก ณะ ตอนนี้ ผมก็ยิ้มน้ำตาซึมเพราะคิดถึงสุดๆ อยากกอดอยากหอม อยากคุยด้วย เพราะกำลังช่างคุยแม้จะได้แค่คำสองคำ

 

                       

                       “ก็บอยไปทำงานไงครับ ตอนนี้น้องแบงค์ต้องทานอาหารเช้าก่อน “ พี่บรู๊คหันไปบอกน้องแบงค์ เวลามันต่างกันหลายชั่วโมงมาก ที่นี้กลางคืนแต่ที่นั้นเช้า ดูชุดก็รู้ว่าเพิ่งตื่นนอนมาและทำไมยังไม่ยอมเปลี่ยนนะ  ปกติผมจะเปลี่ยนตั้งแต่ในห้องนอนเลย นี้แสดงว่าแผลงฤทธิ์น่าดูละซิท่าจนไม่มีใครกล้าเปลี่ยนให้

 

                       

                       “ไม่ยอมทานอาหารเช้าครับน้องพี่ นี่ตื่นมาก็ร้องงอแงหาแต่บอย “ พี่บรู๊คพูด ทำเอาผมใจจะขาดอีกแล้ว

 



                       “ไม่กี่วันบอยจะกลับแล้วครับ...หยุดร้องก่อนนะครับแบงค์ ” ผมบอกกับแบงค์ ถ้าผมทำให้เขาอึดอัดผมก็ไม่ควรจะอยู่เช่นกัน 

 



                       “บอย ไหนบอกว่าจะ” พี่บรู๊ครีบถามผม เพราะว่า พ่อบอกว่าอยากให้อยู่ในกฏเหมือนคนอื่นคือ1 เดือนค่อยกลับ แต่นี้ห่างมาแค่ไม่กี่วันก็จะแย่แล้วผม

 



                       “เออ เอาไว้ผมอธิบายให้พี่บรู๊คฟังอีกทีนะครับ และบอยคิดถึงลูก” ผมพูดกับพี่บรู๊ค น้ำตาผมจะไหล ทั้งที่ผมพยายามจะมาช่วยให้เขาผ่านจุดนี้ไปได้ เพื่อเขาจะได้แสดงให้พ่อผมเห็นว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูท่าทางแล้วเขาไม่อยากมีผมอยู่ในชีวิตเขาแล้วมั้ง และผมก็คงต้องเก็บความลับนี้ต่อไป 

 



                       “บอยเกิดอะไรขึ้น ไอ้แจ็คมันทำอะไรน้องพี่อีก” พี่บรู๊คหันกล้องกลับมาพร้อมหน้าตาที่ขรึงขรัง 

 

                       

                       “เปล่าครับพี่บรู๊ค ผมคิดว่าผมคงทนอยู่ห่างจากแบงค์ไม่ได้” 

 

                       “ผมคิดถึงเขามาก “

 

                       “ผมอยากกลับแล้ว” ผมพูด

 

                       

                       “พี่ไปรับเลยไหมครับ”พี่บรูคส์ถามผม 

 

 

                       “รอให้ผมคุยกับพ่อก่อนดีกว่าพี่บรู๊ค” ผมพูด 

 

                       “แกร็ก”เสียงลูกบิด 

 

                       “พี่บรู๊ก ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ “

 

                       “ได้ครับ บอยมีอะไรโทรหาพี่ทันทีนะครับ” 

 

 

                       “ครับพี่บรู๊ค พี่ด้วยโทรหาผมทันทีนะครับถ้าแบงค์ร้องไห้มาก และผมขอโทษนะครับพี่บรู๊ค งานหนักเลย” ผมพูดเบาๆ ผมนี้ไม่เคยห่างจากแบงค์เลยสักนาที 

 

                       “เอานะ น้องยังเล็ก และปกติไม่ห่างกันก็งอแง แต่เดียวก็ดีขึ้นเชื่อพี่” พี่บรู๊คพูด ผมก็ยิ้มทั้งน้ำตาปริ่ม 

 

                       “แบงค์ ทานอาหารเช้านะครับ แบงค์อยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร ต้องทานอาหารเช้า บอยจะโทรหาอีกทีนะครับ บอยต้องไปแล้ว “



                       “บอยรักแบงค์มากนะครับ รักมากจริงๆ “ ผมพูดและตัดใจกดวางพร้อมกับปาดน้ำตาให้หมดไป ผมหันไปมองลูกบิดที่ขยับช้าๆก่อนจะถูกเปิดออกเบาๆ คนที่เปิดคือแจ็ค ผมไม่รู้ว่าเขาไปไหนมา ดูสภาพเหงือที่ท่วมตัวเขา 

 

                       “แค่มาเอาเสื้อผ้าจะไปนอนอีกห้อง “ แจ็คพูด ผมก็ได้แต่นั่งอ้าปากหวอ 

 

                       “จะได้มีเวลาจ๊ะจ้า กับ...” แจ็คพูด

 

 

                       “กับใคร” ผมถามเขากลับ แสดงว่าเขาได้ยินแต่คงไม่ทั้งหมดแน่ๆ ผมภาวนาแบบนั้น

 

                       “ก็”  แจ็คพูดและทำท่าคิด



                       “ไม่รู้ซิ บังเอิญได้ยิน ไม่ได้แอบฟังนะ แค่ได้ยิน”



                       “ จ๊ะจ๋ากันน่าดู “ แจ็คพูดโดยไม่ได้หันมามองผมสักนิด

 

                       “บอยคุยกับพี่บรู๊ค “ ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้น ผมมองแจ็คที่หยิบเสื้อผ้าและกระเป๋าของใช้ส่วนตัวเขากำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง 

 

                        “แจ็คนี้นายรังเกียจเรามากขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามแจ็คด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ” 

 

                       “........” เขาได้แต่เงียบนิ่งไม่ตอบผม 

 

                       “ถ้าการมาของบอยทำให้แจ็คลำบากใจ บอยจะกลับ” ผมพูด

 

                       “ก็อยากกลับไม่ใช่เหรอ ไปซิ! “



                       “ ไปหาไอ้...อะไรที่คุยว่าคิดถึงหนักหนา “ แจ็คหันมาพูด

 

                       “และไม่ต้องห่วงไอ้ภาระกิจบ้าๆนี้หรอก ไปนั่งให้สบาย บอยไม่ต้องมาทำอะไรพวกนี้หรอก พวกแจ็คทำกันได้” แจ็คพูด

 

                       “บอยไม่ได้มาเพื่อภาระกิจอะไรพวกนี้ แต่บอยมา” ผมพูดและมองหน้าเขาสายตาเราประสานกันแต่เหมือนผมจะสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้รับรู้ความรู้สึกอะไรจากผมเลยผ่านดวงตาคู่สีฟ้าของผม ที่เขาชอบชมหนักชมหนา

 

                       “มาเพื่อะไร!” แจ็คถามผม 

 

                       “เพื่อหาคนที่เคยอยู่ข้างเรา” 

 

                       “แล้วก่อนหน้านี้ละ นายอยู่ข้างเราไหม!”  แจ็คถามผมเสียงดังขึ้น มันทำให้ผมจุกในอก จนถึงคอหอย จะกลืนน้ำลายยังกลืนได้ไม่ลงเลย

 

                       “ก็”  ผมได้พูดเสียงอ่อยๆ ไม่มีคำตอบใดที่ผมจะให้เขาได้เพราะว่าผมสัญญากับพ่อผมไว้แล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนั้นจนกว่าจะถึงเวลาที่ควรบอก แต่จะเมื่อไหร่มันบอกไม่ได้เลย

 

                       “ก็อะไรละบอย..... บอยหายไป..... ไม่มีการติดต่อ.... ไม่บอกเหตุผล” ผมถึงกับต้องเป็นคนถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว



                       “ แจ็ครู้แค่ว่าบอยป่วยแต่ มันไม่น่าจะใช้เหตุผลที่บอยจะหายไปเลย เหมือนกับว่าแจ็คนี้ทำผิด” แจ็คพูดกับผม 

 

                       “บอย..เออ...บอย” ผมได้แต่อึ่งพูดอะไรไม่ออก (“อย่าพึ่งบอกแจ็คนะบอย เพราะว่าอันนี้มันสำคัญมากและพ่อยังไม่รู้ว่าเขาพร้อมจะดูแลแบงค์หรือยัง ให้พ่อเห็นก่อน “ คำพูดของพ่อผม ผมหันไปมองหน้าเขา )





                       “ว่าไง...บอกไม่ได้ “



                       “ 2 ปีกว่าเลยนะที่บอยหายไป แจ็คเป็นไง บอยเคยรู้ไหม “ แจ็คพูดสายตาเขาบอกได้ว่าเขาเสียใจกับมันมากแต่ผมนี้เจ็บมากกว่าเขาหลายเท่าเขาจะรู้ไหม

 

                       “วันนี้เราบอกเหตุผลนั้นกับแจ็คไม่ได้ แต่สักวันเราจะบอก “ ผมพูดขณะที่แจ็คกำลังหันหลังเดินออกจากห้องนอนไป และเขาก็หยุด

 

                       “งั้นก็เก็บเหตุผลนั้นไว้เถอะ แจ็คไม่อยากรู้แล้ว” แจ็คพูดและเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูลง ผมได้แต่นั่งลง น้ำตาไหลเลยมันกั้นไม่อยู่จริงๆ ผมเสียเขาไปแล้วจริงๆหรือ  ผมได้แต่นั่งน้ำตาไหล ผมเริ่มอ่อนแอจริงๆ ผมรู้ว่าผมจะต้องยอมรับสิ่งที่ผมจะได้เจอ ใช่ว่าผมไม่รู้เรื่องเขาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา รับรู้แต่ทำอะไรไม่ได้  ผมรู้ว่าเขาหนักพอสมควร และนี้คือผลที่ผมได้ทำไว้ใช่มั้ย และมันก็เป็นผลมาจากวันนั้นที่ผมไม่ยอมใจแข็งให้เขาจนเราเผลอมีอะไรกัน และมันอาจจะส่งผลกระทบถึงภายหน้าอีกด้วย ผมยังไม่รู้ว่าผมจะบอกแบงค์ยังไงว่า แจ็คคือใคร

 
หัวข้อ: Re: (( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ตอนที 1.3 แจ็คXบอย การกลับมาเจอกัน
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-05-2020 16:27:22
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: (( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันภาคดิวxแอ้ ความลับที่บอกใครไมไ่ด้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 17-05-2020 20:08:22
Part ดิว

                               ผมนั่งคุยกับพายและแอ้ เพื่อรอให้อาหารย่อย ตอนนี้ผมถูกไอ้แจ็คมองว่าผมกำลังจะแย่งบอยไปจากมัน และมันก็ดันมาทำเป็นพ่อพระเอกงี่เง่าเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบอยแต่ผมก็พูดไม่ได้เพราะว่า ผมก็สัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับแจ็ค เอาจริงๆผมก็ไม่ควรจะเป็นคนบอกหรอก คนที่ควรบอกคือบอย ผมนั่งทำหน้าเซ็ง และมองแอ้ที่นั่งเงียบๆ



                               พ่อบอกผมไว้ว่าบอยคือคนที่เขาเลือกให้ตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ตอนผสมเทียมแล้ว นั้นคือเขาเลือกเอาไว้ตั้งแต่พวกผมจะเกิด ส่วนแอ้คือคนที่พ่อต้องช่วยชีวิตไว้ แอ้ป่วยมากและพ่อก็ต้องนำสิ่งที่ปลูกถ่ายจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งให้แอ้ และมันก็ต้องพ่วงไปด้วยกับมดลูก และนั้นคือการทำผิดกับสัญญาที่ให้ไว้ว่า มีแค่คนเดียวที่จะตั้งท้องได้ เรื่องของผมกับแอ้เลยไม่อาจจะเปิดเผยได้  หลังจากที่พ่อช่วยชีวิตแอ้ หนังสือก็ถูกส่งมาให้โครงการนี้ยกเลิก โครงการที่จะทำให้ผู้ชายตั้งท้องได้ถูกยกเลิกทันที และเรื่องของผมกับแอ้มันจึงต้องถูกเก็บเป็นความลับ



                               “สงสารบอยวะ แม่งไอ้แจ็ค มันจะบ้าอะไรขนาดนี้วะ “ พายพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ



                               “ไม่บ้าธรรมดา..บ้ามากด้วย บอยก็มีเหตุผลของเขา และแจ็คมันก็...” ผมพูดและหันมามองแอ้กับดิว แอ้มองผมเหมือนเขาคิดอะไรอยู่ในใจ อย่าบอกนะว่าหึงผมกับบอยนะ แค่แจ็คผมก็แย่แล้วนะ



                               “ดูหนังมากไปไอ้นี้ ดูแล้วไม่จบ”  ผมพูดขั้นทำเอาพายและแอ้หันทามองผม



                              “ดูเรื่องไรวะถึงได้บ้าได้ขนาดนี้” พายถามผมขึ้น



                               “สงสัยจำเลยรัก” ผมพูด



                               “ฮ่าๆ”ทั้งสองหนุ่มของผมหลุดขำออกมาทันที



                               “หัวเราะอะไรกันวะ “ ตัวดี เรียกได้ว่ากางขวางคอตัวพ่อผมเลย ติ๊ก มันลงมาพอดี มันคงโทรหาพ่อมันเสร็จแล้ว และมานั่งแทรกตรงกลางระหว่างผมกับแอ้อีกด้วย พายก็เหล่มอง



                               “มารยาทนิดนึ่ง” พายพูดลากเสียงสูงนิดๆ



                               “มารยาทอะไรของมรึง..พาย” ติ๊กพูดและหย่อนก้นนั่งลง ใช่ผมต้องเป็นฝ่ายขยับออก



                               “มีใครเขามาถึงนั่งแทรกกลางแบบนี้วะ ติ๊ก” พายพูดแอ้ก็พยักเพย้อให้พาย



                               “อ้าว...ที่ประจำของกรู กรูคือคนกลางตลอดที่หล่อมาก” ติ๊กพูดและทำเครื่องหมายถูกยืนยันที่ใบหน้าที่หล่อของมันจริงๆ



                               “ว่าแต่พวกมรึงคุยอะไรกัน หัวเราะสนุกสนานมากเลยวะ....แอ้” ติ๊กหันไปถามแอ้



                               “เปล่าก็แค่คุยเรื่องแจ็คกับบอยนะ และดิวมันบอกว่าแจ็คมันคงดูหนังแล้วไม่จบ พวกกรูเลยถามดูเรื่องอะไร ดิวมันบอกจำเลยรัก” แอ้พูด



                               “อ้อเหรอ” ติ๊กพูดลากเสียงแบบไม่เชื่อเต็มที



                               “งั้นกรูขอตัวไปยิมก่อนนะ ไปดูว่ามีอะไรในห้องบ้าง แอ้ละจะขึ้นไปอาบน้ำเลยไหม” ผมลุกขึ้นและถามแอ้



                               “เออ ..” แอ้หันไปมองหน้าติ๊กก่อน ผมก็เลิกคิ้วสูงรอคำตอบจากแอ้



                               “แอ้ อาบน้ำกับกูนะ จะให้แต้มสิวที่หลังให้ เมื่อวันก่อนไปถ่ายปกหนังสือเล่มใหม่ แม่งถ่ายในสระว่ายน้ำโรงแรมอะไรก็ไม่รู้ คันหลังมากสงสัยน้ำไม่สะอาด” ติ๊กพูดขึ้นผมนี้หันหน้าไปทางอื่นแอ้คง



                               “ก็ได้ ติ๊ก ..ดิวมึงก็ขึ้นไปอาบน้ำด้วยละ “ แอ้พูด ผมอยากให้แอ้ขัดใจมันบางจัง ไม่ใช่เออออห่อหมกไปหมดแบบนี้ ติ๊กมันหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็เดินออกเพื่อตรงไปห้องยิม ผมยังไม่ได้ไปใช่แต่ขอเข้าไปดูว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่น่าใช่ พอผมเปิดเข้ามาก็ต้องเจอไอ้ตัวดี มันนอนยกเวทขึ้นลง ข้าวไม่กินมา มาปั่นกล้ามอกนี้เอง



                               “ไงวะ” ผมเดินเข้าไปนั่งมานั่งข้างๆ ม้านั่งใช่เล่นกับดรัมเบล แจ็ควางเวทลงและหันมามองหน้าผม อย่าบอกนะว่ามันไม่จบมันจะต่อ และถ้าได้ต่อยกันใครจะห้ามวะเนี๊ยะ



                               “แจ็ค มึงเป็นบ้าอะไรของมึง” ผมถามมันกลับ



                               “กูไม่ใช่คนที่เขาเลือก” ไอ้แจ็คมันพูด



                               “แล้วมึงถามกูยัง ว่ากูอยากให้เขาเลือกกูไหม” ผมถามมันกลับแจ็คมันเงียบไม่มีคำพูดใด แจ็คลุกขึ้นนั่ง



                               “กูกับมึง ทุกคนโตมาด้วยกัน เกิดก็วันเดียวกัน กินนอนด้วยกัน จนโตหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว มึงยังไม่รู้จักกูดีพออีกเหรอวะ” ผมถามแจ็ค



                               “ก็..กู”



                               “มึงแม่งหึงไม่ดูห่าอะไรแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย!!” ผมพูดต่อว่าไอ้แจ็ค มันเงียบนิ่ง 



                               “กูควรทำยังไงวะ มันกดดันกูหลายอย่าง “ แจ็คพูดออกมา



                               “มึงรอเขาอยู่ไม่ใช่เหรอแจ็ค และตอนนี้เขาก็มาแล้ว มึงจะปรับความเข้าใจกับเขาซิ และถ้าเขาอยากจะหนีหายไปจากชีวิตมึง เขาจะกลับมาที่นี้ทำไมวะ คิดดิวะ” ผมพูดบ่นมัน ไอ้แจ็คมันเงยหน้ามองผม



                               “กรูกลัววะ กลัววะจะเป็นเหมือนเดิม “ แจ็คพูด



                               “มึงได้ลองหรือยัง “ ผมถามไอ้แจ็ค มันก็สายหัวเบาๆ



                               “มึงลองก่อนและถ้ามันยังเหมือนเดิม มึงถึงจะเริ่มกลัวได้แล้ว แต่ตอนนี้ลองก่อน” ผมพูดแจ็คเงยหน้ามองผม



                               “และ...เลิกมองว่ากูคือศัตรูหัวใจของมึงซะที ที่กูดูแลบอยเพราะบอยคือคนสำคัญของเรา เขาคือคนที่ต้องดูแลองค์กรของเราแจ็ค  ดังนั้นเราต้องดูแลเขา เราทุกคนต้องดูแลเขาไม่ใช่แค่กูแจ็ค” ผมพูด มันหันมาเหล่มองผม แบบไม่เชื่อร้อยเปอร์เซน



                               “เลิกหึงกู เพราะกูไม่ได้คิดอะไรกับบอย” ผมพูด ยังมองผมอีก



                               “ใช่ เขาพยายามจับคู่กูกับบอยแต่ทุกครั้งที่เขานัดกูและบอย กูไม่เคยไปเลยสักครั้ง จนลุงหนึ่งด่ากูมากับพ่อหลายครั้งแล้วแต่กูไม่พูดเอง” ผมพูด



                               “ทำไมวะ” แจ็คมันถามผม



                               “อะไรนะ” ผมถามมันกลับ แทนทีมันจะดีใจที่ได้ยินที่ผมบอกแต่ดันถามผมว่าทำไม



                               “ถ้ามึงได้บอย มรึงจะเป็นอัลฟ่าขององค์กร ทำไม มรึงไม่รับข้อเสนอนี้วะ ดิว “ แจ็คมันมองหน้าผมและถามคำถามนี้กับผม



                               “กูบอกมึงไม่ได้แต่กูไม่ได้อยากได้ตำแหน่งนั้น กูมีคนที่กูอยากดูแลอยู่แล้วและเขาก็สำคัญกับกูมาก เขามีค่ากับกูมากจริงๆ “ ผมพูด ผมลุกขึ้น



                               “กูรู้ว่ามึงอาจจะเริ่มเหนื่อยที่มึงต้องต่อสู่เพื่อให้ได้มาซึ่งคำว่า มึงคู่ควรกับเขาเพราะว่ามึงต้องดูแลเขาซึ่งภาระหน้าที่มันหนักกว่าได้แฟนเป็นคนธรรดาคนหนึ่งหลายร้อยเทา แต่กูเชื่อว่ามึงทำได้วะแจ็ค” ผมพูดกับมัน



                               “กูเองก็ต้องทำไม่ต่างกับมึงแจ็ค ทำเพื่อให้ได้คนที่รักมาอยู่ด้วย “ ผมพูดบอกมัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจผมากแค่ไหน ผมเองก็ต้องสู้เพื่อแอ้และลูกๆผมเหมือนกัน



                               “ไปไหนวะ” แจ็คมันถามผม



                               “ไปอาบน้ำดิ เพื่อว่าพ่อกูโทรมาจะได้คุยกับพ่อกูด้วย มึงก็ไปนอนได้แล้วมั้ง พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้า อย่าลืมว่าที่นี้เข้าเรียน 7.45 นะโว้ย ไม่ได้เข้า 9 โมงเช้าแบบโรงเรียนที่มึงเคยเรียนอยู่ที่เมืองนอก” ผมหันไปบอกมัน มันก็โบกมือให้ผมไป ผมเดินออกมาจากห้องยิมเดินผ่านห้องนั่งเล่น ก็ไม่เห็นแอ้ ติ๊กและพายแล้ว ทั้งหมดคงขึ้นๆข้างบนกันหมดแล้วและคืนนี้ผมคงนอนคนเดียวแน่ๆ



                               “แกร๊ก” เสียงสวิตไฟที่ถูกกดเปิด ผมมองไปรอบๆ ไม่เห็นแอ้ ลองไปเปิดห้องอาบน้ำก็ไม่เห็น ผมหยิบเอาแล็ปท๊อปมาเปิดดูก่อนเพื่อว่าแอ้จะกลับมาทันอายน้ำพร้อมกัน จะว่าไปว่างก็โทรหาพี่ชายผมดีกว่าพี่ดรีมพี่คนที่สองของบ้านดอเด็ก เพิ่งได้เป็นหมอเด็กแบบเต็มขั้น พี่ดรีมเป็นหมอเด็กที่เก่ง คนไข้ติดตั้งแต่เป็นหมอเอ็กเทิร์นแล้ว จนตอนนี้คุณหมอเต็มตัวเรียบร้อยแล้ว



                               “ว่าไงดิว” พี่ดรีมกดรับสายผมพร้อมกับกระเตงเด็กน้อยร้องงอแงไว้ด้วย น้องมิ้นครับ เพิ่งจะ หกเดือนเอง (มิ้นคือลูกชายผมครับ ไม่ใช่ลูกคนแรกมีดีกว่านั้นอีกผมนะ อิอิ)





                               “อ้าวพี่ดรีม มิ้นร้องไห้ทำไมละ”



                               “สงสัยฟันอยากออกมาดูโลก” พี่ดรีมพูด ผมก็เกาหัวนี้หมอเขาอธิบายคนไข้กันแบบนี้เหรอครับ



                               “มาอีกแล้วเหรอ “ ผมถามพี่ดรีมตอนนี้มิ้นหกเดือนกว่าแล้วคงจะซี่ล่างแน่ๆ ที่จะมา



                               “ใช่ซี่สามและสี่ คิดว่าห้าและหกก็กำลังจะโผ่มาเร็วๆนี้” พี่ดรีมพูด และก้มมองลูกชายคนเล็กผมตอนนี้



                               “นมก็ไม่ยอมกิน เอาแต่ร้อง ร้องแม่งอยู่เพลงเดียวด้วย แหง๋ๆ “ พี่ดรีมพูด มิ้นเงยหน้าคงเข้าใจว่าพี่ดรีมว่าเขาแน่ๆ



                               “พ่อยังไม่ถึงบ้านเลยเนี๊ยะ ไอ้ด้าก็มีงานพี่ไม่อยากกวน” พี่ดรีมพูด



                               “แล้วแฝดผมไปไหนละพี่” ผมถามนี้ละตัวชูโรงของผม



                               “อาบน้ำอยู่กับได้เดียร์” พี่ดรีมพูด ไอ้เดียร์คือน้องชายผมลูกคนสุดท้องของบ้านดอเด็ก เดียร์มันห่างจากผม 3 ปีได้



                               “แล้วมีนละครับ “ น้องมีนลูกผมอีกคน อายุหนึ่งขวบพอดีเลย



                               “รายนั้นไปเข้าเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้วเจอกันอีกที 7โมงเช้าโน้น “ พี่ดรีมบอกผม น้องมีนเลี้ยงง่ายมากๆ



                               “พ่อแอ้” มิ้นหันมาน้ำตาไหลเหยิ้มเรียกหาแอ้



                               “พ่อแอ้...เออ..เข้าห้องน้ำ” ผมพูดแก้ต่างไป แอ้เป็นพ่อ(จริงๆแล้วเป็นแม่ของลูกๆผม เหตุผลนั้นคืออะไรยังไงจะมาในตอนพิเศษ) ผมอยากจะวิ่งไปเรียกแอ้ แต่ก็กลัวว่าพวกติ๊กกับพายจะวิ่งมาด้วย ความลับจะแตกเอา และทุกคนคงรู้ และเรื่องนี้มันจะทำให้พ่อผมถูกตรวจสอบและนี้แหละที่แอ้พยายามห้ามผมไม่ให้บอกใคร แม้กระทั้งเพื่อนที่โตมาด้วยกัน)



                               “ยุง...พ่อมายัง” เสียงเล็กดังแทรกเข้ามาแฝดสามของผมนั้นเอง ไอ,ไอซ์และโอ้ พี่ดรีมปรับกล้องลงไปที่สามแฝดลูกชายของผม



                               “เฮ้ย!” ถึงกับร้องตกใจเลยผม ลูกผมตัวขาวโผนเหลือแต่ลูกตา



                               “นี้ไอ้เดียร์มันจะชุปแป้งลูกมึงและลงทอดใช่ไหมเนี๊ยะ ขาวโผนเชียวที่ที่มีลูกตาโต้ โต โผ่มา ไม่อย่างนั้นนะ จูออนดีดีนี้เอง เล่นกรูตกใจทุกทีที่ได้หันไปเจอ  ” พี่ดรีมปรับกล้องกลับมาและพูดกับผม



                               “แฮๆ” ลูกๆผมยิ้มแหยๆกันทั้งหมด



                               “ไอ้เดียร์ ....บอกมันผมกลับไปจะเตะมัน”ผมพูด และส่ายหัว ไอ้เดียร์คือน้องชายคนเล็กของบ้านดอเด็ก มันเป็นอาที่อายุน้อยที่สุด ฮาๆ



                               “พ่อดิวววว คิดถึง “ ลูกชายผมมาริโอ้ หรือน้องโอ้



                               “พ่อเพิ่งจะไปเมือเช้าเองนะ ยังไม่นานเลย” ไอพูดขึ้นผมก็อดยิ้มไม่ได้ สาบานได้ว่านี้เด็กสามขวบ ทำไมลูกผมพูดเก่ง เพราะว่าลูกผมเข้าศูนย์รับเลี้ยงตั้งแต่เล็กไปแบบเช้าเย็นกลับ มีพี่เลี้ยงคอยดูแลประคบประหงม ศูนย์นี้พ่อผมตั้งเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ไม่มีใครดูแลลูกยามที่พ่อแม่ต้องทำงานในค่ายทหารของพ่อผมและโรงพยาบาลในค่ายทหารของพ่อผมเช่นกัน เลยทำให้น้องเก่งขึ้น



                               “พ่อดิว..พ่อแอ้ละ..น้องไอซ์อยากกอดพ่อแอ้” น้องไอซ์ที่ติดแอ้มาก ถามหาแอ้อีกคนแล้ว



                               “พ่อแอ้...ทำงานอยู่” ผมบอกไอซ์แต่มิ้นสะบัดหน้ามามองผม และหันไปมองไอซ์



                               “ขรี้” ผมลืมบอกไปว่าผมบอกลูกชายคนเล็กผมว่าแอ้เข้าห้องน้ำ แม้มาศัพท์เฉพาะเลยน่ะ



                               “พ่อแอ้เข้าห้องน้ำอยู่” ผมพูด



                               “ตรงลงพ่อแอ้ไปทำงานในห้องน้ำเหรอ” น้องมาริโอ้ของผม



                               “และพ่อก็ขรี้ไปด้วยใช่อ่ะเปล่า” นั้นมาริโอ้พูดปะติดปะต่อเก่งไปไหมครับลูก ผมเลยเกาหัวเลย



                               “พ่อแอ้...ติดธุระแล้วกันนะ ไว้พ่อแอ้ออกมาแล้วค่อยคุยกัน” ผมพูดปลอบใจลูก



                               “คงรอไม่ได้นะเพราะว่าต้องพากันไปเข้าห้องนอนแล้วว่ะดิว “ พี่ดรีมพูด ผมรู้ว่าพี่ดรีมต้องทำงานเอกสารต่อด้วย นี่แค่ให้ดูลูกให้ผม ผมก็เกรงใจพี่ดรีมมากแล้ว



                               “โอเคพี่ งั้นแค่นี้ก็ได้ วันนี้แอ้คง..” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ปนความน้อยใจ



                               “ทำไมละ แอ้ไปไหนละ ไม่ได้นอนห้องเดียวกันเหรอ หรือว่างอนกันละ” พี่ดรีมพูดยิ้มๆ



                               “ไม่ได้งอนกัน แต่มีกางชิ้นใหญ่มาก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงประชด



                               “กางอะไรของมึงวะ” พี่ดรีมหันกล้องมาเพื่อคุยกับผม



                               “ก้างชิ้นเดิม”ผมพูด พี่ดรีมนะน่าจะรู้ดี



                               “เจริญ...เอาทำเมียอีกคนไปเลยดิว” พี่ดรีมพูดขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วยนะ



                               “พี่ดรีม ผมรักเมียที่เป็นแม่ของลูกผมคนเดียว เนี๊ยะ ดิวเบื่อมากที่ต้องปกปิดความจริง “ผมพูด พี่ดรีมก็ปรับสีหน้ามาเป็นตรึงเครียดทันทีเหมือนกัน



                               “ดิว ...คนที่จะเดือดร้อนคือพ่อเราวะ มันสำคัญแค่ไหน พ่อยังไม่เคยบอกอาภีมเลยนะมึง” พี่ดรีมพูดผมก็ยกมือขึ้นเลยหัวตัวเอง ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก แอ้นั้นเอง แอ้มองผม ผมพยักหน้าว่าผมคุยกับลูกอยู่



                               “แต่วันหนึ่งก็ต้องรู้” ผมพูดขึ้น



                               “ก็รอให้อะไรมันพร้อมซะก่อน และไอ้วันหนึ่งก็ต้องรู้ นะเพราะว่ามึงจะทำลูกมาเพิ่มนี้แหละ พอแค่นี้ก่อนให้พ่อกูแก้ปัญหาได้ก่อนไอ้ดิว”พี่ดรีมบอกผม



                               “แป๊ป” แอ้พูดให้ผมอ่านปาก



                               “ติ๊ก กรูปวดขรี้วะ กรูเข้าห้องน้ำนะ” นั้นไงตะโกนไปนะเกรงใจหน่อยได้ไหมมันเข้ามาในไมร์โคโฟน และแอ้ก็ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย และรีบกระโดนขึ้นมาที่เตียง



                               “พ่อแอ้ๆ!!!!” ผมก็ต้องเอานิ้วอุดหูตัวเอง หลังจากที่ผมได้ดึงหูฟังออก และประสานพร้อมกันของแฝดก็ดังออกมาแต่เคราะห์ที่ไม่เล็ดลอดออกไปนอกห้อง



                               “ไง..เด็กๆ ดื้อหรือเปล่า” แอ้ถามพร้อมกับรอยยิ้มที่บอกได้ว่ามีความสุขที่สุด นี้แหละคือรอยยิ้มที่ผมเห็นว่าเขายิ้มออกมาจากข้างในจริงๆ



                               “พ่อแอ้ไปขรี้มาเหรอ พ่อดิวบอก” มาริโอ้ถามแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม คงอยากเอาเท้ามาประทับหน้าผมแน่ๆ แอ้ไม่อยากให้ลูกพูดไม่สุภาพ



                               “พ่อไปห้องน้ำครับ นัมเบอร์ทูครับ อย่าพูดว่าขรี้ไม่สุภาพครับ” แอ้พูดกับมาริโอ้



                               “พี่ดรีม น้องมิ้นเป็นอะไรอ่ะครับ”



                               “ร้องเพลงเดิมครับแอ้ ฟันจะขึ้น เอายาทาให้แล้ว เดี๋ยงคงสงบ” พี่ดรีมพูด



                               “พี่ดรีม ลองโยเกิร์ตผลไม้ที่ที่แอ้ทำไว้ แอ้แช่ช่องฟิตเอาไว้นะครับให้เขาลองทานดู มันเย็นๆครับ ผมเห็นเขาชอบ”แอ้พูด ผมหันมามอง ทำไมละผมจะไม่รักแม่ของลูกผมคนนี้



                               “เอาเหรอ พี่ไม่รู้ ว่าแอ้ทำไว เพราะพี่เพิ่งกลับมา พอมาถึงไอ้เดียร์มันก็ถีบมาไว้กับพี่เลย” พี่ดรีมพูด



                               “ติมๆ” มิ้นพูด เพราะคงได้ยินที่แอ้คุยกับพี่ดรีม



                               “งั้นเดี๋ยวลุงพาไปหาของเย็นกระแทรกฟันเล่นแล้วกัน จะได้สงบขึ้น” พี่ดรีมพูด



                               “แอ้ ดิว พ่อมาแล้ววะ พี่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาแล้ว “ พี่ดรีมพูด



                               “งั้นก็แค่นี้แล้วกันพี่ “ ผมพูด ผมเอาแขนไปโอบเอวแอ้ให้เข้ามาชิดจนติดหน้าอกผม



                               “เอาละเด็กๆ บายพ่อแม่ซะจะได้ไปเข้านอน ลุงขอร้อง พรุ่งนี้ลุงขึ้นเวรเช้าครับผม” พี่ดรีมหันไปบอกลูกๆผม ทุกคนทำหน้าหงอยกันหมดเลย



                               “พี่ดรีม ผมไม่ใช่แม่นะ “แอ้พูดขำๆ



                               “อยากคุยต่อ” เด็กๆพากันงอแงไม่อยากว่างเลบ



                               “เอานะ วันนี้ดึกแล้วลูก ไปนอนกัน พ่อแอ้กับพ่อดิวจะทำน้องเพิ่ม” ผมพูดแอ้หันขวับมามองผมทันที



                               “ช่างกล้าพูด ...นี้ที่อุ้มนี้ ยังหาคนเลี้ยงยากเลย ตอนนี้คนทำงานในสถานรับเลี้ยงไม่พอนะมึง” พี่ดรีมพูด และแอ้ก็แอบหยิกผมที่อกเน่นๆด้วยกล้ามเนื้อ



                               “ไม่เอาแล้วอ่ะ โอ้ไม่อยากได้แบบไอ้มิ้นอ่ะ “ โอ้พูด คงเพราะมิ้นกำลังหมันเคี้ยว ฟันที่เพิ่งขึ้นมาได้สี่ซี่และกำลังตามมาอีกติดๆ แต่ก็กัดได้เจ็บเหมือนกัน



                               “เข้านอนกันได้แล้วนะเด็กๆ อย่าอยู่ดึกนะ ลุงต้องไปทำงานพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ตื่นมากินข้าวต้มที่พ่อแอ้ทำไว้ให้ด้วยนะและไปโรงเรียน ไปเล่นกับเพื่อนๆ “ แอ้ตัดบทบอกให้ลูกๆไปเข้านอน และผมไม่แปลกใจที่ลูกๆจะเชื่อแอ้มากกว่าผมซะอีก



                               “คร๊าบพ่อแอ้” ทุกคนพูดพร้อมกัน



                               “มาส่งจูปคนละทีและส่งไปราตรีสวัสดิ์คุณปู่”พีดรีมบอกลูกๆผม แต่ละคนก็ขึ้นมานั่งตักพี่ดรีมที่ละคนและจูบที่หน้าจอคนละที ผมเห็นแววตาแอ้ มันฉ่ำๆแสดงว่ากลั้นไว้ แอ้จะร้องไห้ ผมบีบแขนแอ้เบาๆ



                               “แค่นี้นะ อ้อ...พักอู่ไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งปั่ม ปั้ม ทำลูกตอนนี้ รอให้ไอ้โดม กับ ไอ้เดฟมันกลับมาจากฝึกภาคสนามก่อน ค่อยทำกัน”



                               “พี่ดรีม...อย่าไปเชื่อไอ้ดิวมัน “ แอ้พูดและคงอายด้วยแหละ



                               “พี่มันกั้นไม่ได้อะดิ “ ผมพูด



                               “ยางรัดไว้ไอ้น้อง ฮาๆ “ พี่ดรีมพูด



                               “นี้คือวิธีคุมกำเนิดที่พี่แนะนำคนไข้เหรอ ฮาๆ “



                               “มึงนี่แหละคนแรกที่กรูแนะนำ แค่นี้นะ พ่อมาแล้ว จะเอาลงไปป่วนพ่อกรูบ้าง บาย...ตรูดๆๆ” พี่ดรีมพูดและกดวางสายไปทันที ผมยังคงรอดร่างบางๆนั้นไว้ให้ชิดกับอกผม แอ้หันมามองหน้าผม คือว่าตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้นั่งติดกันเลย



                               “อาบน้ำกัน” ผมกระซิบเบาๆ



                               “เออ...”



                               “นะ..ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้..” ผมพูดยังไม่ขาดคำ



                               “ปังๆ แอ้! มึงไปขี้ถึงบางกอกหรือไงสาด นานชิป” ผมก็ต้องพ่นลมหายใจ มารของผม



                               “ดิว..”



                               “ดิวไม่รู้จะอดทนได้แค่ไหนนะแอ้ ทำไมอะ มันต้อง”



                               “สักวันมรึงจะรู้ว่าทำไมแอ้ถึงต้องทำแบบนี้” แอ้พูดและลุกขึ้น



                               “หรือว่าดิวควรจะบอกมันไปตรงๆเลยว่าเรา”



                               “คุ้มแล้วเหรอที่จะทำดิว คิดให้ดี ว่าใครจะเดือดร้อนที่สุด ไม่ใช่พ่อมึงเหรอดิวและลุงกูด้วย และผลสุดท้ายมึงกับกูอาจจะแยกกันไปเลย ที่กูทำแบบนี้ที่ไม่บอกใครเพราะว่ากูยังได้อยู่กับมึงและลูก “ แอ้พูดก่อนจะเดินไปเปิดประตูและไอ้ติ๊กที่ยืนจังก้า หน้ามันก็คุมไว้ด้วยมาร์คหน้าเด้ง ของมัน เดินมายืนท้าวซะเอว



                               “ก็กูท้องไม่ดี เมื่อกลางวันแวะกินอาหารร้านแกงใต้กับพี่อ้น มันคงเผ็ดไป”



                               “มึงอาบน้ำยัง”



                               “ยัง”แอ้ตอบ



                               “ไอ้ดิวอะ”ไอ้ติ๊กถามผม พร้อมกับแทรกตัวเข้ามามองผม



                               “ยัง ทำไมจะเรียกกรูไปอาบด้วยหรือไง” ผมถามแบบประชด



                               “ไม่ละ ห้องน้ำเต็ม เพราะกรู อิพายและแอ้ ก็เต็มแล้ว”



                               “ตรงลงจะอาบน้ำพร้อมกันสามคน จะบ้าเปล่า ห้องน้ำมีตั้งหลายห้อง “ ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ แอ้หันมขยิบตาใส่ผม



                               “ทำไม เขาไม่ได้ติดป้ายเอาไว้ว่าห้ามอาบน้ำเกิน 3 คนนิสาด “



                               “เออ ...เรื่องของมึง กรูจะไปอาบน้ำแล้ว” ผมพูดและลุกจากเตียง ดึงผ้าเช็ดตัวขึ้นพาดไหล่และเดินเข้าห้องน้ำก่อนจะปิดประตูลง



                               “แอ้ ไอ้คนที่นั่งกินเหล้าโต๊ะข้างๆ พวกเราอาทิตย์ก่อนอ่ะ แม่งมันอยู่ในไลน์กลุ่มดาราพวกกรูวะ แม่งไฮโซแน่ๆ และมันถามหามรึงวะ “ ผมนี้จี้ดขึ้นมาเลย ไม่ต้องเชื่อใจ ต้องเชื่อใจจจจจจจ อยากตะโกนดังๆ ผมอยากบอกให้ติ๊กมันเลิกชวนแอ้ไปเที่ยวผับซะที ผมไปด้วยไม่ได้เพราะว่าต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสื่อผมต้องสอบเข้าแพทย์ แต่พ่อให้ผมเลือกว่าผมควรจะไปเป็นแพทย์บ้านหรือแพทย์ทหารดี และที่ผมไม่อาจจะไปกับพวกมันได้ก็เพราะว่าผมค่อนข้างใจร้อน ผมทนเห็นพวกที่มาวอแวกับแอ้ มันทำให้ผมมีเรื่องกับพวกนั้นและยิ่งผมไปเรียนต่อยมวยมาด้วย ผมก็ตะบันหน้าสลบไปหลายคน  และตอนนี้พ่อผมเลยสั่งห้ามผมเข้าผับเป็นอันขาด
หัวข้อ: Re: (( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ตอนที 1.3แจ็คXบอย การกลับมาเจอกัน(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-05-2020 23:09:22
 :3123:
 :กอด1:
หัวข้อ: (รีไรท์)รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันแจ็คXบอย ตัดสินใจแล้ว่าจะไม่วิ่งหนี
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 21-05-2020 19:39:50
แจ็ค x บอย
                        ผมเล่นเครื่องเล่นในห้องออกกำลังกายสักพักให้พอได้เหงือ ปกติผมจะออกแบบมีเทรนเนอร์ เพราะผมต้องให้เขาแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้องและไม่บาดเจ็บในช่วงที่ผมเก็บตัวเพื่อแข่งขันว่ายน้ำ



                    หลังจากที่ผมได้คุยกับไอ้ดิวบวกกับใจผมเริ่มนิ่งขึ้น และไอ้ดิวมันก็ยืนยันว่ามันไม่ได้หาบอย และอีกอย่างผมกำลังคิดว่าผมเปิดศึกผิดคนไหม เพราะผมได้ยิน ไอ้แบงค์นะมันใครกัน และไหนพี่โจจะคอยส่งข้อความเชียร์ให้ผมพยายาลองไม่ให้ผมหนีอีก ผมก็เหมือนจะได้ข้อสรุปว่าผมควรจะลองอีกสักตั้งแต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะผม ดันเล่นตัวไว้ซะเยอะเลย



                  “แจ็ค” ผมสะดุ้งเพราะมีคนเรียกผมอยู่ในเงามืดๆ ผมนี้ยืนกุมหัวใจผมเลย เกือบหัวใจวายตายแล้วผม



                       “โธ่!  พาย เล่นอะไรของพายเนี๊ยะ ” ผมต่อว่าพายนิดหน่อย คนยิ่งขี้กลัวเรื่องพวกนี้อยู่ด้วย



                       “แฮๆ ตกใจอะดิ” พายถามผม ก็ดันเรียกซะเสียงนี้เหยือกเย็นมาก



                       “มีอะไรครับ” ผมถามพาย



                       “อ่ะ เราตักไว้ให้ “ ผมก็มองจานอาหาร และเหล่มองว่าแน่เหรอ แต่ที่ตักนี้ของชอบผมทั้งนั้นเลยนะ ไม่มีของที่ผมไม่ชอบเลย ผมว่าน่าจะบอยมากกว่า



                       “เล็งอะไรละไม่หิวหรือไง” พายถามผม ผมก็มองแต่จะว่าไปท้องก็ร้องอยู่นะ



                       “ไม่หิวใช่ไหม..ดี ของดีดีพวกนี้จะได้ลงไปอยู่ในถังขยะ” พายพูดและดึงจานกลับแต่ผมรีบยึดไว้อย่างเร็ว



                       “กินซิครับพาย “ ผมรีบอ้อนพายและดึงจานกลับมาอย่างไว



                       “ไปหาที่นั่งทานเลย เดี๋ยวดูน้ำให้” พายพูดและเดินไปกลับเข้าไปในห้องอาหาร



                       “อืม..ขอบใจ” ผมรับจานมาจากพายและเดินเข้าไปในห้องอาหาร เพื่อหาที่นั่งทานอาหาร พายเดินตามมาและก็รินน้ำใส่แก้วมาให้ผม



                       “ขอบใจนะพาย แล้วนี้ติ๊ก มันทำอะไรอยู่”



                       “ก็นั่งตัวติดไอ้แอ้ไง “ พายพูดยิ้มๆ



                       “อืมม แต่มันก็ติดอยู่แล้วนิ แล้วไอ้ดิวละ” ผมพูด เพราะว่าผมก็เห็อเป็นเรื่องปกติ

 

 

                       “ดิวมันก็อาบน้ำอยู่ในห้องมันแหละ” พายพูด



                       “แล้ว...” ผมกำลังจะอ้าปากถามถึงอีกคน แต่ผมก็เงียบไป



                       “จะถามถึงบอยก็ถามดิ “พายพูดกับผม



                       “บอยก็อยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกมา พายคิดว่าบอยคงเหนื่อยเดินทางนะเลยไม่ได้เคาะประตูถาม “ พายพูด ผมพยักหน้า พร้อมกับวางจานอาหารที่ว่างเปล่า



                       “กินหมดเลยเนอะหิวละซิ” พายถามผม ผมก็ยิ้มๆ



                       “เอาจริงๆนะ พายไม่ได้ตักไว้ให้หรอก บอยเขาตักไว้ให้” พายพูด ผมพยักหน้าพร้อมกระดกน้ำลงคอผมไป



                       “รู้แล้วละ” ผมตอบพาย คนตรงหน้าผมทำหน้าปากตัวโอ ตามสไตล์เขาละ ติ้งเกาหลี



                       “ทำไมรู้ละ” พายถามผมกลับ



                       “พายรู้เหรอว่าแจ็คชอบอะไรไมชอบอะไร” ผมถามพายกลับ พายก็ส่ายหัว



                       “รู้อย่างเดียว...ชอบเหล้า ฮาๆ “ พายพูดและหัวเราะ ผมละส่ายหัว ในความน่ารักใสๆของพาย 



                       “เอาละ ถ้าอย่างนั้นพายขึ้นห้องดีกว่าจะได้อาบน้ำนอน ง่วงแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องแหกขี้ตาไปแต่เช้าอีก” พายพูด ผมพยักหน้า ว่าแต่ผมควรจะไปนอนที่ห้องเหรอ แต่ผมบอกเขาว่าจะไปนอนห้องอื่นนิ



                       “เออแจ็ค” พายเรียกชื่อผม ผมก็หันไปมองพาย



                       “ พายเห็นแจ็คออกมาจากห้องข้างๆอ่ะ จะไปนอนห้องนั้นเหรอ” พายถามผม



                       “อืม..อยากนอน..คนเดียวนะ”ผมบอกกับพาย พายก็พยักหน้า พายเปิดประตูมาเจอผมตั้งแต่ก่อนที่จะลงไปทานข้าวแล้วและผมก็เดินลงมาที่โต๊ะอาหารพร้อมกับพายนั้นแหละ 



                       “แจ็ค” พายชื่อผมอีก ผมเงยหน้ามองว่ามีอะไรอีก ดูสีหน้าพายซีเรียมขึ้นมากระทันหัน 



                       “เมื่อสักครึ้งชั่วโมงที่ผ่านมา แจ็คกลับเข้ามาในห้องข้างๆ ห้องติ๊กกับพายป่ะ” พายถามผม ผมก็ทำท่าแปลกใจว่าพายถามผมทำไม



                       “ห้องที่แจ็คบอกจะไปนอนอ่ะ” พายพูด ผมก็งงซิครับเพราะว่าผมเพิ่งจะออกมาจากห้องสำหรับออกกำลัง



                       “ทำไมอ่ะ” ผมถามพายกลับทันที



                       “พายได้ยินเสียงกุ๊กๆกักๆอ่ะ มาจากห้องนั้นอ่ะ ติ๊กและแอ้ก็ได้ยินนะแต่พายบอกพวกมันไปว่าแจ็คจะไปนอนห้องนั้นนะ ดูพวกนั้นตกใจใหญ่เลย แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรพาย..” พายพูด



                      “เฮ้ย!..แจ็คก็ยังอยู่ในห้องออกกำลังกายเพิ่งเลิกเนี๊ยะ ดูนาฬิกาดิ ออกไปได้ หนึ่งชั่วโมงพอดี “ ผมพูดและมองหน้าพายและโชว์ นาฬิกาดิจิตอลรุ่นใหม่ของไอโฟน



                  “จริงดิ...แล้วถ้าไม่ใช่แจ็ค จะใครละ เพราะว่าไอ้ดิวมันอาบน้ำอยู่นะแอ้บอก”



                  “พายว่าไม่น่าจะใช่บอยหรอก เพราะเราก็ไม่ได้ยินเสียงบอยเปิดประตูออกมาเลย” พายพูด ผมนี้ขนลุกเลย ผมเพิ่งขนเสื้อผ้าไปไว้ในห้องนอนนั้นด้วย เวรเลย



                  “พายอย่าพูดเล่นแบบนี้ดิ มันน่ากลัววะ” ผมพูดและหันมองหน้ากันเลิกลั่ก หันซ้ายหันขวา บรรยากาศวังเวงขึ้นมาทันทีเลย



                  “พายว่า...เราไปขึ้นห้องดีกว่าไหมอ่ะ “พายค่อยๆลุกขึ้น ผมก็ลุกเช่นกัน รออะไรละครับ



                  “จะรออะไรวะพาย วิ่งดิ” ผมพูดและพากันวิ่งขึ้นไปชั้นสอง เสียงฝีเท้าพวกผมทำเอาทุกคนเปิดประตูออกมาดูว่ามีอะไรกันแม้กระทั้งบอย ที่สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ไอ้ดิวก็ออกมาด้วยผ้าชนหนูคาดเอวแบบหมินเหม่ ไอ้ดิวและแอ้ออกมาได้วยชุดนอนและเหมือนแอ้กำลังเช็ดผมให้ติ๊กด้วย



                  “มึงสองคนเล่นอะไรกันวะ ดึกดื่นขนาดนี้ เล่นไล่จับเหรอ” ไอ้ติ๊กถามผม ไอ้ดิวก็กอดอกมองผม



                       “หรือเล่นหนังอินเดียกันครับคุณมึงสองคน แบบว่าวิ่งจีบกันในพื้นที่ 100 ไร่อ่ะ ” ไอ้ติ๊กพูด ผมยกนิ้วกลางให้มันทันที มันก็ตอบกลับซิครับรออะไร



                       “ก็ ...ไอ้พายมันบอกว่ามันได้ยินเสียงจากห้อง...นั้นอ่ะ”ผมพูดและชี้ไปที่ห้องนอนข้างห้องไอ้ติ๊กและพาย แต่เหมือนว่าแอ้คงต้องนอนห้องนี้ด้วย



                       “เหรอวะ” ติ๊กพูด



                       “พายได้ยิน ติ๊กก็ได้ยินนะ เสียงแบบมีคนอยู่ในห้องอ่ะ แต่แจ็คบอกว่าเขาอยู่ห้องออกกำลังกายตลอดเลย” พายพูดแต่อันหลังเสียงสูง ผมหันไปมองหน้าพาย ล้อเล่นหรือเปล่า



                       “เออ..เออ ..จริง เสียงมึป่งะละ” ไอ้ติ๊ก มันดูมีพิรุธนะผมว่า



                       “แอ้มรึงได้ยินไหมวะ”



                       “เออ..ได้ยินวะ”แอ้ก็พูด ผมว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วตรงไอ้แอ้นี่แหละ



                       “คือมึงจะนอนห้องนั้นเหรอ... เหมือนบ้านนี้จะมีประวัติวะ ห้องนอนสุดทางด้านซ้ายอ่ะ พ่อกูเคยบอกไว้ เขาเลยไม่จัดให้ใครนอนวะ”ไอ้ดิวอีกคน ชิบหายแล้วผม ขนลุกขึ้นมาทันที เรื่องแบบนี้แจ็ค ทนไม่ได้ครับ



                       “จะนอนใช่มั้ยละ ฝันดี “ ไอ้ดิว มันทำท่าจะปิดประตู



                       “ห้องกูของยังเต็มวะ ไม่รับแขก” ไอ้ดิวมันพูดตัดบทและรีบปิดประตูทันที ผมหันมามองไอ้สามตัวที่กำลังจะเข้าห้องนอน



                       “ไม่ต้องบอกว่าห้องกูมีที่ไหม ดูเอา 3 คนเข้าไปแล้ว โชคดีนะมึ”ไงอ้ติ๊ก ผมจะอ้าปากด่า



                       “ มีคู่นอนดีดีเสลอไปนอนคนเดียว” ไอ้ติ๊ก ไอ้สาดเอ๋ย ผมมองคนที่ยืนอยู่ที่ประตู



                       “บอยควรจะบอกราตรีสวัสดิ์ใช่ไหม”บอยถามผม ผมก็สะบัดไปหน้าไปมอง ต่อให้ผมโกรธแค่ไหนแต่ถ้าห้องนั้นมีสิ่งลี้ลับจริงผมก็



                       “หมับ” ผมจับประตูเอาไว้



                       “พ่อบอกให้นอนห้องนี้ก็จะนอนห้องนี้ “ ผมพูดกับบอยแต่ในใจโคตรเสียหน้าเลย ไอ้แจ็คเอ๋ย อุตสาห์เดินออกจากห้องอย่างแมนๆ ว่าจะไปนอนห้องอื่น



                       “ก็แจ็คบอกบอยเองว่าจะ”



                       “พูดไปงั้น นี้กลับมานอนเพราะว่าไม่อยากให้พ่อเสียใจ” ผมพูดและแทรกตัวเข้าห้องทันที ไม่พูดไม่จากรับคว้าผ้าเช็ดตัวและตรงเข้าห้องน้ำทันที อาบน้ำ เพราะไม่กล้าสู้หน้าบอย



                       ผมรีบอาบน้ำแต่ดันได้ยินเสียงหมาหอนครับ เฮ้ย มาจากไหนวะ มองซ้ายมองคว้า ไม่ต้องถูมันแล้วละสบู่ รีบเปิดน้ำชำระล้างตัวและรีบออกมาสวมชุดนอน และเพ่นออกจากห้องน้ำทันที ผมออกมาก็เห็นบอยหลับไปแล้วพร้อมมือถือและมีหูฟังเสียบหูไว้อยู่



                       “หลับแบบนี้มันดีที่ไหนนะ “ ผมพูดเบาๆ ผมค่อยดึงหูฟังเขาออกเบาๆ เพราะกลัวคนหลับจะตื่นและเขาก็จะรู้ว่าผมนะ อ่อนให้เขาตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้ว ระหว่างที่ผมดึงหูฟังเขาออก ผมก็ได้ยินเสียงเพลงเบาๆ มาจากหูฟังคู่นั้น เลยลองเอามาใส่หูผมดู ผมก็ต้องยิ้มตามชื่อเพลง เพลงอมยิ้ม นี้เป็นเพลงที่ผมชอบร้องให้เขาฟังเพราะตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเห็นหน้าเขาก็นึกถึงเพลงนี้ทันทีเลย



                       “บอย นายกลับมาหาเราจริงๆ เหรอ “ผมถามคนที่หลับสนิท



                       “นายจะไม่ทิ้งเราไปอีกเหรอ “ ผมพูดเบาๆ ผมก้มลงมองใบหน้าที่เรียวได้รูป ใบหน้าของบอยสวยหวาน เรียกได้ว่าสาวๆเห็นยังอิจฉาเลย ริมฝีปากที่เรียวบางโค้งสวย มันทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่ก้มลง ใจก็บอกตัวเองให้หยุด หยุดแจ็ค หยุดแต่



                       “หมับ” ผมประทับริมฝีปากที่ไม่บางไม่หน้าจนเกินงามประกบริมฝีปากบางๆ คู่นั้นซะแล้ว ดูเหมือนว่าริมฝีปากคู่นั้นก็เผยอรับริมฝีปากผมเช่นกัน



                       “ปึก” เสียงมือถือหลุดจากมือผมลงสู้พื้น ผมไม่สนใจอะไรแล้วเพราะว่า จิตผมได้หลุดลอยไปกับความหวานที่ผมกำลังดูดดื่มจากริมฝีปากคู่นั้น



                          ผมรู้สึกว่ามีมือแตะที่แผ่นหลังส่วนล่างของผม และค่อยๆไต่ขึ้นมาจนถึงแผ่นหลังสวนบน นั้นก็แสดงว่าคนเบื้องล่างที่ผมค่อมอยู่คงตื่นแล้ว ผมลืมตามองคนที่ผมกำลังจูบอยู่เขามองผมแบบงง นิดหน่อย มือที่เรียวสวยนั้น แตะที่แผ่นอกของผมเบาๆ ผมยอมว่าบอยเป็นคนที่เพอเฟคมาก ตาก็สวย ใบหน้าก็เรียวยาวได้รูป ริมฝีปากที่เล็กบากเป็นกระจั๊บ ขนตาก็งอนสวย สมุกที่เรียวเล็กและโด่ง โดยไม่ต้องไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี แล้วแบบนี้ผมจะไม่หลงรักตั้งแต่แรกพบได้ยังไง



                       “เออ” ผมถอนริมฝีปากผมออกและเอามือเกาหัวแก้เกล้อ



                       “เห็นนอนหลับแล้วมีหูฟังอยู่...แจ็คเลยจะดึงออกให้” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะค่อยลุกเพื่อจะกลับไปยังเตียงนอนตรงข้าม



                       “แจ็ค”  “บอย” ผมสองคนกับเรียกชื่อพร้อมกัน ผมหันกลับมามองเขา



                       “บอยกลับมาเพื่อหัวใจตัวเองจริงๆ นะแจ็ค” บอยพูด มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดไอ้ดิวที่มันพูดกับผม มันบอกว่าผมรอคอยบอยแล้วทำไมตอนนี้ผมถึงจะวิ่งหนีมันละ บางครั้งความรักก็ไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมายไปกว่าหัวใจตัวเองใช่ไหม ผมนะคิดถึงเขามาก มากจริง



                       “หมับ” ผมหันกลับมาและโผ่เข้ากอดเขา บอยกอดผมกลับแบบแนบแน่น ผมก็กอดเขากลับเช่นกันเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอีก



                       “บอยคิดถึงแจ็คนะ คิดถึงมากด้วย” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ



                       “แจ็คคิดถึงบอยมากเช่นกัน มากจนไม่รู้จะพูดยังไง มันมากเหลือเกิน แจ็คขอโทษที่แจ็คงี่เง่า แต่เพราะว่าแจ๊ค” ผมพูด บอยดันผมออก



                       “บอยจะไม่ทิ้งแจ็คไปไหน “ บอยพูด ผมพ่นลมหายใจออกมา



                       “แจ็คจะยังไม่เชื่อบอยตอนนี้ก็ไม่ว่านะ”บอยพูด



                       “เชื่อแล้ว...อย่าไปไหนอีกนะ ...”ผมพูดและเอามือลูบหน้าบอยเบาๆ



                       “ครับ “บอยตอบผม



                       “ราตรีสวัสดิ์ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ “ บอยบอกผมและมองไปยังเตียงนอนของผม



                       “ไม่อยากนอนเตียงนั้นแล้วอ่ะ อยากนอนเตียงนี้นะ “ ผมพูด บอยเบ้ปากหนีผม



                       “ไหนบอกถ้าเลือกได้”



                       “ตอนนี้เลือกได้แล้วไง เลือกที่จะไม่วิ่งหนีอีก แต่จะวิ่งเข้าใส่” ผมพูดและ



                       “แจ็ค” บอยทำท่าจะดันผมออก แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ดันผมออกจริงๆหรอก



                       “นะนะ นอนกอดก็ยังดี” ผมพูดเบาๆ



                       “แค่กอดนะ “



                       “ก็ใช่ไง จะให้ทำมากกว่ากอดเหรอ” ผมถามบอย



                       “ไม่ ไม่...ไม่เอาอ่ะ เพราะว่า” บอยพูดผมก็เลิกคิ้วว่าบอยจะพูดว่าอะไรต่อแต่บอยก็ไม่พูดต่อ



                       “เพราะว่าอะไรละ “



                       “คือ” บอย



                       “ครั้งนั้น มัน...”



                       “แจ็ครู้ แจ็คไม่เคยลืมครั้งแรกของเราสองคนนะ มันเป็นครั้งแรกจริงๆ แต่เป็นครั้งแรกที่สวยงามแต่บอยก็ร้องเสียงหลงเลยนะ แจ็คนี้ตรงใจ เป็นห่วงด้วย” ผมพูด



                       “พอแล้ว” บอยพูดห้ามผม



                       “ทำไมละ”



                       “อาย” บอยพูดกับผมเบาๆ ก้มหน้าหนีด้วยแสดงว่าอายจริงๆ และบอยก็ขยับเพื่อให้ผมได้มีที่นอน ผมเอนตัวลงนอนและกอดเอวบางๆนั้นอย่างเบามือ ผมทำแบบนี้บ่อย แต่เฉพาะที่บ้านผมนะ ถ้าพี่ชายของเขามาก็จะไม่กล้าเข้าใกล้มาก ตอนนั้นผมยังกลัวว่าถ้าทุกคนรู้ความจริงเขาจะแยกเราออกจากกันหรือเปล่า จนกระทั้งบอยหายไป ผมเสียใจอย่างหนัก ทำให้พ่อถามผม เพราะนี้คงไม่ใช่อาการของคนที่คิดกันแค่เพื่อนแน่ๆ ใช่ผมบอกพ่อตรงๆว่าผมรักบอย และบอยก็รักผม เราสองคนรักกัน



                       “แจ็ครักบอยนะ แต่แจ็คกลัวเพราะเขาไม่เลือกแจ็ค” ผมพูดกับบอย



                       “แต่บอยเลือกแจ็คนิ บอยถึงเลือกที่จะกลับมา “บอยหันมามองผม



                       “บอยอยากให้แจ็คทำให้ทุกคนรู้ว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน “ บอยพูดกับผม



                       “แจ็คจะทำให้ลุงหนึ่งเห็นว่าแจ็คคู่ควรกับบอยมากกว่าไอ้ดิว” ผมพูดบอยเอาแขนเท้ายกลำตัวให้สูงขึ้นและหันมองหน้าผม ว่าทำไมผมถึงพูดแบบนั้น



                       “ก็แจ็คได้ยินลุงๆคุยกันกับพ่อของแจ็คอ่ะ และช่วงที่บอยหายไปนะ เหมือนเขาจะให้บอยกับดิวออกงานหรือออกเดทกันด้วยอ่ะ “ ผมพูด



                       “ใช่...” บอยพูดผมนี้กำลังจะขึ้น แต่



                       “แต่ดิวไม่เคยไปเลย และบอยก็ไม่ได้อะไรนะ เพราะว่า บอยไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับดิวต่อให้เขาเลือกดิวให้กับบอยก็ตาม”



                       “แจ็คไม่เข้าใจ ทำไมเขาใช่เหตุผลอะไรมาตัดสินว่าดิวต้องคู่กับบอย ทั้งที่พวกเราก็เติบโตมาด้วยกัน ทั้งหมด บอยรู้ไหมอ่ะ ว่าเพราะอะไร” ผมถามบอย ดูบอยจะตกใจเล็กน้อย



                       “เออ..บอย ไม่รู้อ่ะแจ็ค” บอยพูด



                       “อืม..ช่างมันเถอะ ต่อไปนี้คนที่จะดูแลบอยคือแจ็คนะ เข้าใจไหมครับ”



                       “น้ำเสียงแบบนี้ ..นี้คือข้อห้ามเข้าใกล้ดิวใช่ไหมครับ” บอยรู้ทันผมอีกแล้ว เกาหัวแก้เขิน



                       “ทุกคนเลย แจ็คหึง” ผมพูดทำให้คนที่ผมกอดเขาไว้จากด้านหลังหันหน้าหนีเพราะเขินอายละซิ ผมก็ซบจมูกเรียวแหลมลงที่ตรงซอกคอขาวนวลของบอย ผิวที่หอมมากโดยไม่ต้องใส่น้ำหอม ผิวพรรณที่นุ่มราวกับผิวเด็กแรกเกิด แต่รอบนี้รู้สึกมีน้ำมีนวลขึ้นจนผิดหูผิดตา หรือว่าไปกินพวกไวตามินมาก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันตอนที1.4 ภาคดิวx แอ้ความลับที่เปิดไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-05-2020 09:15:11
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: (รีไรท์)MPregรักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันแอ้Xดิวเมื่อผมรู้ว่าตัวเองตั้งท้องได้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 22-05-2020 19:53:21
แอ้ x ดิว (NC) 

 

                       ผมชื่อแอ้ เป็นสามชิกบ้านอ.อ่าง แต่ผมไม่ได้เหมือนพี่ผมเลย หน้าตาก็ไม่กวน มีแต่ความหวานและผมก็เลยต้องแมนกลบเกลื่อนไว้เพื่อไม่ให้ดิวมันมองว่ามันต้องปกป้องผมตลอด เพราะอะไรเพราะผมมีความลับบางอย่างของอีกคน ที่เขาไม่ต้องการให้ผมบอก และผมสองคนก็มีความลับที่บอกเขาไม่ได้เช่นกัน ผมเลยกลายเป็นคนกลางที่ต้องรับศึกหนักอยู่คนเดียว 

 

                       “แอ้” ผมนอนพลิกไปพลิกมาอย่างไม่ค่อยสบายหนักจนมีคนเรียกชื่อผม คนนั้นคือพาย และอีกคนที่หลับปุ๋ยไปแล้ว ติ๊ก คนที่ไม่ยอมให้ผมไปนอนกับดิว 

 

                       “แอ้ มรึงนอนไม่สบาย กลับไปนอนห้องมรึงเถอะวะ “ พายบอกผม ผมหันไปมองติ๊ก

 

                       “ไปเถอะ ไอ้นี้หลับแล้วหลับเลย ถ้าตื่นมางี่เง่ากรูจัดการเอง” พายพูด ผมพยักหน้าและค่อยๆลุกขึ้นเพราะกลัวมันตื่น ผมหันมายิ้มให้พาย และเดินออกมาช้าๆ พร้อมกับปิดประตูลงอย่างเบาๆที่สุด 

 

                       ผมกลับเข้ามาในห้องนอนที่ผมควรจะนอนกับดิวแม้เตียงจะแยกกันไปคนจะฝั่งก็ตาม ผมเดินไปมองคนที่หลับคาหนังสือ ที่เขาต้องอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบแพทย์ ดิวคือความหวังแพทย์ แต่ผมไม่รู้ว่าดิวจะเลือกแพทย์บ้านหรือแพทย์ทหารกันแน่ ถ้าให้ผมเดาดิวต้องการเป็นแพทย์ทหารเหมือนพี่ดิม แม้จะฝึกหนักแต่ดิวก็ชอบแบบนั้น 

 

                       “หมับ” มือดิวคว้ามมือผมไว้ ผมคิดว่าเขาหลับซะอีก ผมกำลังจะดึงหนังสืออกและจัดท่านอนให้มันใหม่เชียว 

 

                       “ตุบ “ ร่างผมถูกดึงให้ลงไปนอนกับเขาซะด้วย 

 

                       “ดิว กูนึกว่ามรึงหลับ” 

 

                       “หลับได้ไงอ่ะ รออยู่ รู้ว่าต้องกลับมานอน เพราะ” ดิวพูดและยิ้มเจ้าเหล่

 

                       “เพราะอะไร” ผมถามกลับ

 

                       “คิดถึง”

 

                       “เหรอ” ผมทำท่าจะลุกขึ้นแต่เขาขืนกอดผมไว้แน่น

 

                       “ไม่ปล่อยให้ไปแล้ว นอนนี้เลย” ดิวพูด

 

                       “ก็จะนอนไงแต่จะ”

 

                       “ไม่ให้ไป เห็นไหมมีกระเป๋าวางอยู่ “ ดิวพูด และผมก็มองอีกเตียง จริงด้วย มันจะวางไว้ทำไม

 

                       “เจ้าเหล่วะ” 

 

                       “มีหัวคิด นอนนี้เลย อยากกอด “

 

                       “เมื่อคืนมรึงก็กอดดูทั้งคืนแล้ว” 

 

                       “จะกี่คืนก็อยากกอด “ ดิวพูด 

 

                       “ยอมไหม” ดิวถามผม

 

                       “ยอม” ผมพูดและก็เอนร่างผมลงนอน ดิวกอดผมจากด้านหลังและซุกจมูกลงที่ศอกคอผม มันทำให้ขนผมลุกซู่ขึ้นมาทันที ทำไมเรื่องแบบนี้ผมไว้จังก็ไม่รู้ ติ๊กทำผมยังไม่รู้สึกอะไรเลยแปลกมาก แต่กับดิวไม่ได้เลย มันไวไปทุกส่วนแม้กระทั้ง ตรงนั้น 

 

                       “อุ้ย! สู้ด้วย”ใช่ไอ้ดิวมันคลำของสงวนของผม  จับมือมันออกทันที

 

                       “ไอ้ดิว มรึงจะนอนไหม”

 

                       “คิดว่าจะนอนไหมละ ถ้าไม่ทำให้สงบเพราะอ้นนี้ก็สู้” ดิวกระซิบกับหูผมเบาๆ จริงครับ ของก็มันดันหลังผมอยู่ 

 

                       “ไอ้หื่น “ ผมหันไปต่อว่ามัน ยังมาทำหน้าตาเซ็กซี่ใส่ผมอีกนะ คิดในใจคงไม่รอดอ่ะผม และดิวก็ดันร่างผมให้นอนลงโดยที่ดิวจะเปลี่ยนมาค่อมผมแทน

 

                       “เดี๋ยว!...ดิวพ่อบอกไว้ว่าไง” ผมถามดิว

 

                      “มีถุง “ดิวพูดและเอื่อมไปหยิบมันซ้อนไว้ในหนังสือที่มันอ่าน ออกมาแกะและดิวมันก็จัดการดึงกางเกงชุดนอนมันลงไปถึงหัวเข่า ผมเห็นเต็มๆสองตาเลยว่ามันพร้อมมากที่จะรบกับผมแล้ว 

 

                       “ไม่ต้องกลัว เห็นแบบนี้น้องสุภาพนะ” ดิวพูดผมก็หยิกไปที่ไหล่ดิว ดิวสวมเกาะปล่องกันเรียบร้อยก็จัดการของผมบ้าง 

 

                       “ให้เล้าโลมก่อนไหมหรือขึ้นชกเลยดีจ๊ะเมียจร๊า” ดิวถามผม

 

                       “ถ้าเปลี่ยนมาเป็นกรู เสียบมึงเลยมึงจะเอาไหม” ผมถามมันกลับ 

 

                       “แค่อยากได้ผลโหวต “ดิวพูดและค่อยไล่ลิ้นที่ซอกคอผมก่อน มันทำให้ผมนี้อ่อนหยวบเลย



                       “นี้ขนาดทำท่าจะไม่ยอม ดูซิ แอ่นสู้ศึกขนาดนี้ ..อืมม...”ดิวพูด ก็มันลงลิ้นไปตามแผ่นอกแบนราบของผมและเลี่ยยอดประทุมถันของผมซะขนาดนั้นใครจะไปนอนแข็งทื่ออยู่ได้



                       “โอ้ววว...อืมมม..ดิว...ซี้ด” ผมร้องครางแต่ไม่ดังมากเพราะว่าดิวเริ่มไล่จูบลงไปจนต่ำกว่าท้องนอนผมแล้วและทุกอย่างก็ดำเนินการไปตามที่ควรจะเป็น มันไม่ใช่ครั้งแรกของผมและดิว แต่ผมไม่เคยลืมครั้งแรกที่เราสองคนได้เสียและครั้งนั้นทำให้ความลับในตัวของผมเผยออกมาด้วย 

 

ย้อนไปเมื่อ สีปี่ก่อนหน้านี้ 

                       ผมเพิ่งจะย่าง 14 ปี หมาดๆพร้อมกับดิว ตอนนั้นติ๊กจะห่างๆพวกผมหน่อยเพราะว่า ติ๊กเริ่มเข้าวงการบรรเทิง เริ่มเล่นหนัง เล่นละครและถ่ายแบบ แต่ก่อนหน้านี้ผมสามคนตัวติดกันมาก ผมนะพยายามจะไม่ให้ติ๊กรู้ว่าผมกับดิว เราสองคนมีความรู้สึกอะไรพิเศษต่อกัน เพราะผมก็รู้สึกว่าติ๊กมันก็มีแต่ดิวนะเขาแสดงกับผมย่างชัดเจน จนผมนี้ต้องคอยปรามไว้เสนอม 

 

                       “ดิวแอ้ เดี๋ยวพ่อพี่ดิมมานะ อยู่บ้านกันดีดีนะ และดิว อย่าเล่นเกมส์มากนะ เราควรจะอ่านหนังสือบ้างใกล้สอบแล้ว” พ่อภาณุเดชบอกผมสองคน วันนั้น ผมไปอยู่บ้านลุงภา แต่ก็เหมือนเช่นทุกครั้งที่พ่อผมไปราชการและได้ฝากผมไว้กับลุงภาในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ลุงภาดูแลค่ายและโรงพยาบาลที่นัั้น ตอนนั้นพี่ดิมกำลังเป็นหมอเอ็กเทิร์นปีแรก ก็จะติดตามพ่อบ่อยเพราะพี่ดิมนะเป็นทั้งหมดและทหารเช่นกัน 

 

                       “ครับพ่อ “ ดิวหันไปตอบพ่อ และหันมาหยักคิ้วกับผมอย่างมีเลศนัยอะไรบางอย่าง ผมยังคงอิโนเซ้นท์ที่จะเข้าใจอะไรง่ายๆ หลังจากที่พ่อออกไปผมก็ลุกไปหยิบพวกน้ำอัดลม ขนมมานั่งดูไอ้ดิวเล่นเกมส์และกะว่าจะอ่านกาตูนแสลมดั้งที่ผมชอบ ผมชอบตัวเองมันเหมือนดิวแต่ต่างกันที่ดิวนะมันเก่งฟุตบอลไม่ใช่บาสเกตบอลแต่ก็ลูกบอลเหมือนกัน 

 

                       “โอ๊ะ โอ๊ะ...โอ้ว “เสียงที่ดูแล้วทำให้ผมขนลุกดังมาจากในห้องที่ผมนั่งดูดิวเล่นเกมส์ เสียงเกมส์อะไรของมันนะ ผมคิดในใจ พอผมเดินเขาไปก็ต้องยืนตลึง เป็นวิดิโอโป้ที่คนกำลังมีเซ็กส์กันบนจอทีวีจอใหญ่ มันเห็นชัดมาก ไอ้ดิวที่นั่งดูก็หันมามองผม

 

                       “แอ้มาดิ “  ดิวมันหันมาเรียกผม ที่ยืนอึ้ง

 

                       “ไอ้ดิวมึงบ้าเปล่า นี้มรึงยังไม่ควรดูหนังแบบนี้นะ” ผมต่อว่ามัน



                       “แต่ถ้ามึงจะดู กูไปละ” ผมพูดและทำท่าจะหันหลังหนีแต่ มีคนวิ่งมาคว้าตัวผมไว้ซะก่อน 

 

                       “รีบไปไหน ทำไมอะ ทนดูไม่ได้เหรอ “ ดิวถามผม 

 

                       “มึงคิดว่าเราควรแบบนี้เหรอวะ กูไม่น่ามาอยู่กับมึงเลย” ผมพูด ไอ้ดิวมันกลับยิ้มกริ่มชอบใจยังไงชอบกล 

 

                       “ก็แค่อยากรู้ว่าถ้าดูจะมีความรู้สึกยังไงตามคลิปไหม “ ดิวถามผม

 

                       “ก็เห็นบอกว่าไม่ได้ชอบ กูเพราะกูเป็นผู้ชาย งั้นลองนั่งดูด้วยกัน ถ้าไม่ได้ชอบจริงๆ มันก็จะเฉยๆไม่รู้สึกอะไร “ ดิวพูด ผมหันไปมองหน้ามัน ยังไง 

 

                       “ถ้าไม่อยู่ดูแสดงว่ารู้สึกตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาแล้วเลย”ไอ้ดิวมันดูถูกผมนิ

 

                       “เออ ดูก็ก้ได้” ผมพูดและเดินไปนั่งข้างๆมัน ใจก็กลัวๆกล้าๆ ไม่ใช่เพราะวิดิโอแต่เป็นเพราะมันนี้แหละที่ผมคิดมาตลอด แต่ผมก็มีเหตุผลที่ผมปฎิเสธมันตลอด เอาวะทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ 

                        ผมนั่งดูหนังโป้ที่ไอ้ดิวมันเปิดไปได้สักสิบนาที ผมเริ่มรู้สึกว่าเริ่มมีมือไต่มาที่ต้นขาผม มันค่อยเลื่อยขึ้นมา ขึ้นมาจนเกือบจะถึงเป้าผม ผมรีบคว้ามือมันไว้ ผมก็สวมกางเกงกีฬาซะด้วยขามันก็บานๆ ผมไม่ได้ชอบบาสเก็ตบอลแต่ผมชอบพระเอกไงเลยใส่ ผมหันควับมาที่ไอ้ดิว



                       “ดิว มรึงจะทำอะไร”



                       “ก็รู้อยู่ “ดิวพูดสายตามันเหยิ้มมากเลย



                       “ไม่เอา กูไม่ดูแล้ว” ผมพูดแต่ช้าไปที่ผมจะลุกขึ้นดิวมันดันผมลงไปนอนและมันก็รวบแขนผมไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง และมันก็ขึ้นค่อมผมไว้พร้อมกับไซ้ผมที่ศอกคออย่างหืนกระหาย



                       “อย่านะไอ้ดิว “ ผมร้องห้ามมันแต่ไม่เป็นผล มันก็ยิ่งกระทำ



                       “แอ้ กูรักมึง กูรักมึงมาก..แอ้ “



                       “รักห่าอะไรเขาทำแบบนี้ กูยังไม่พร้อมดิว”



                       “กูอยากให้มึงเป็นของกู คนเดียว พร้อมหรือไม่ค่อยว่ากัน แอ้..นะ..ดิว.รักแอ้ “ ดิวพูด ผมผงกหัวมองมัน นี้มันคิดบ้าอะไรเนียะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่ามีคนมาจีบผม เขาเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขา เขาเฝ้าตามจีบผมและติ๊กก็เหมือนจะสนับสนุนเขาอีก



                       “อุ๊บ “ ปากผมถูกปิดด้วยริมฝีปากที่หนานุ่ม ที่กดลงที่ริมฝีปากบางๆอ่อนนุ่มของผม อย่างหนักหน่วงแต่มันกลับทำให้ผมนี้เคลิ้มจนลืมต่อต้านมือที่ดันอกก็กลับไปกุมมืออีกคนอย่างแน่น เราสองคนกอดรัดฟัดกันอยู่พักหนึ่ง ดิวหยุดนิ่งและร่างผมที่นอนหายใจหอบกับการดูดดื่มที่ยาวนาน เพราะนี้คือครั้งแรกกของผม สายตาดิวที่มองผม มันไม่ใช่สายตาหื่นกามแบบในหนัง และดิวก็ถอดเสื้อกีฬาตัวเก่งมันออก เผยให้เห็นแผ่นอกที่แน่นไปด้วยมวลของมัดกล้ามแบบนักกีฬา นี้มันอายุแค่ 14ปี เองนะ ถ้ามันเล่นกีฬาแบบนี้ไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ หุ่นมันจะแซ่บขนาดไหน มัวแต่คิดเรื่องหุ่นดิว ผมมารู้สึกอีกทีชายเสื้อผมกำลังถูกเลิกขึ้น ผมกำลังจะขืนไว้



                       “ดิว”



                       “ทำตามความรู้สึกตัวเอง รักดิวไหม” ดิวถามผม



                       “ดิว..”



                       “ดิวรู้ว่าแอ้คิดยังไงกับดิว ดิวขอนะ “ ดิวพูดกล่อมผมแล้วผมจะปฏิเสธเหรอ ผมก็ยอมให้เสื้อกีฬาตัวนั้นถูกเลิกขึ้นและถอดออกไปจากเรือนร่างของผม และดิวก็ก้มลงพรมจูบไปทั่วเรื่อนร่างที่ปราศจากเสื้อมาปกปิด นี้คงเรียกว่าสัญชาติญาณซินะ ทั้งที่ไม่เคยให้ใครทำแบบนี้มาก่อน หนังโป้ หนังเอ็กซ์อะไรก็ไม่เคยดู แต่ภาพคนแสดงในทีวีที่ถูกกระทำเหมือนผมหรือผมถูกกระทำเหมือนในทีวีก็ไม่รู้มันเหมือนกันแถบทุกกิริยาบท มันเร้าร้อน มันรู้สึกโหยหา ร่างกายผมไม่ต่อต้านการกระทำของดิวอีกต่อไป มันสมยอมไปกับการเล้าโล้มนั้น จนกระทั้งผมรู้สึกเย็นวาบที่ช่วงล่าง ดิวดึงกางเกงผมหลุดไปพร้อมกันทั้งชั้นในชั้นนอก และของดิวก็ไม่อะไรปกปิดเช่นกัน นี้แหละที่พีคมาก มันทำให้ผมตาโตเมื่อเห็นเจ้าโลกอันมหึมา ใหญ่เกินตัวไปไหม ไอ้ดิว ผมถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอ ดิวก็ทำการจับขาผมตั้งและแยกออก ผมมัวแต่ตกใจขนาดแต่ก็ยังพอมีสติ



                       “ดิว ..แอ้กลัว” ผมพูดขึ้น



                       “กลัวเจ็บเหรอ” ดิวกระซิบถามผม 



                       “เออ” ผมตอบไป



                      “นี้มีตัวช่วย แอบเอามาจากห้องพี่ดิม “ ไอ้ดิวพูดและมันก็หยิบ เควายเจลขึ้นมาและบีบใส่มือ มันก็ป้ายที่ก้นผม เย็นวาปเลยและมันก็ทางที่น้องมันแบบชะโลมเลยก็ว่าได้



                       “มาถึงขั้นนี้แล้วอย่าห้ามเลยนะ เพราะดิวหยุดไม่ได้แล้ว “ ดิวพูดและผมก็คงต้องปล่อยให้ไปตามเกมส์ของมันเหมือนกันเพราะผมก็หยุดไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ผมรีบรู้การสัมผัสช่องทางแคบผมของสิ่งนั้นที่เรียกว่าเจ้าโลก



                       “อึบ” ผมเองที่ร้องและหลับตา



                       “นิดเดียวแอ้ “ ดิวพูดและมันก็ออกแรงดันเข้าไปอีก



                       “โอ้ย..ดิว...เจ็บ” ผมร้องเพิ่มระดับความดังขึ้น



                       “อีกนิดเดียวแอ้ ตอนนี้ดิวเสียวมาก” ดิวพูดและดันเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ผมนี้กัดปากตัวเองแน่น เพราะรู้ว่าห้ามไปตอนนี้มันก็ไม่หยุดต้องอดทนให้มีนไหลลื่นเข้าไป แต่มันเหมือนนานเหลือเกิน



                       “โอ้ย!!! “พร้อมร้องออกมาสุดเสียงที่มี ดิวก้มลงกอดผมไว้และมันก็ยังคงดันต่อเนื่องจนเรียกได้ว่าสุดและมันก็หยุด ผมรู้สึกได้ว่าน้ำตาผมไหลเลยมันเจ็บมากจริงๆ ดิวแช่ไว้แบบนั้น จนสักพักมันรู้สึกความเจ็บค่อยๆเบาลงและดิวก็ค่อยขยับช้าและเร็วขึ้น ดิวดันลำตัวขึ้นและมองหน้าผม ผมหลับตาพริ้ม มันเคลิ้มไปกับจังหวะที่ดิวมอบให้ เคลิ้มจน ถึงจุดพีค คือดิวเริ่มเร็วขึ้น เร็วขึ้นจนผมหายใจแถบไม่ทันและ

 

                       “อ้า” เสียงร้องของดิวเหมือนได้ปลดปล่อยและดิวมันก็หยุดนิ่ง ดิวมันเกร็งส่วนที่ผ่านเข้าไปในร่างกายผม ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ฉีดพ่นเข้าไปในร่างกายผม และดิวก็หมอบลงทับร่างผมแบบไมได้ทิ้งทำหนักทั้งตัว เนื้อตัวของดิวเปียกโชกไปด้วยเหงือ ดูเหมือนกับไปวิ่งรอบสนามมาซักสองสามรอบได้ ผมสองคนยังไม่ได้พูดอะไรกัน เพราะความเหนื่อยและมันสุขแบบแปลกๆ



                       “ดิว” คำแรกที่ออกจากปากผม



                       “ครับที่รัก” ดิวเรียกผมว่าที่รัก ดิวกำลังจะก้มลงจูบผม



                       “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิด และคนที่เข้ามายืนก็อึ้งไปกับสิ่งที่พวกเขา คนที่เขามานั้นก็คือ พี่ดิมและพ่อ ต่างพากันอ้าปากค้างไปพร้อมกัน



                       “พ่อ!!” ดิวเรียกลุงภาเสียงหลง



                       “ดิว นั้นทำอะไรนะ” พ่อทำดิว ด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมาก



                       “คือดิว” ไอ้ดิวมันถอนส่วนนั้นของมันออก ผมก็ตกในรับหันไปคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือมาปกปิดส่วนสงวนไว้ก่อน ผมได้แต่ก้มหน้าด้วยความอาย



                       “พ่อ ดิว ขอโทษ” ดิวพูดขอโทษก่อนที่จะดึงสิ่งนันออกจากร่างผมไป  ผมรีบหันไปดึงสิ่งที่พอหาได้มาปกปิดร่างกายตัวเอง เพราะความอาย ปกติผมไม่เคยเปิดเผยส่วนสงวนให้ใครได้เห็น นี้พี่ดิมด้วยแถมเป็นเพื่อนพี่อ้นอีกต่างหาก



                       “ดิว..นี้” พ่อถามดิวและเดินตรงเข้ามาหาผมสองคน พ่อมองหน้าผมสองคนสลับไปมา



                       “ใช่ครับพ่อ ผมมีอะไรกับแอ้” ดิวตอบลุงภา



                       “แต่ดิวรักแอ้พ่อ ดิวรักแอ้และดิวเชื่อว่าแอ้รักดิว เราสองคน”



                       “รักกันแต่ดิวไม่ควรทำแบบนี้เพราะว่า “พ่อพูดขึ้นเสียงกับดิว ผมก็เลยคิดว่าคงเพราะว่าเราเปรียบเสมือนญาติพี่น้องกันแน่ๆ



                       “และถ้าลุงภีมรู้เข้า เขาจะว่ายังไง และเราก็เด็กกันทั้งคู่ ทำแบบนี้จะรู้ไหมว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงดิว” พ่อภาถามดิว เท่านั้นแหละน้ำตาผมไหลพรูออกมาเลย



                       “แอ้ พ่อ ไม่ได้ว่าเรานะแอ้”



                       “พ่ออย่าว่าแอ้เลย ผมเองที่ขอเขา เพราะผม ...ผม...”



                       “ผมอะไรดิว” พ่อถามไอ้ดิว



                       “ผมหึง..ที่มีคนมาจีบแอ้ ผมอยากได้แอ้เป็นของผ ผมรับรองว่าผมจะดูแลแอ้และรักเขาแค่คนเดียว” ดิวพูด



                       “มันไม่ใช่แค่นั้นดิว แอ้มีสิ่งที่มากกว่านั้น ดิวอาจจะต้องดูแลสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา” พ่อพูดผมก็เงยหน้ามองพ่อ ว่ามันคืออะไรผมไม่เข้าใจ



                       “เอาละ ...ใส่เสื้อผ้าซะ แอ้ไปชำระร่างหายก่อนแล้วทั้งคู่ออกไปหาพ่อข้างนอกนะ “ พ่อพูดพร้อมกับหันไปทางพี่ดิมให้ออกไปจากห้องนี้ก่อน



                       “พ่อแล้ว”



                       “ยังไม่รู้ตอนนี้ดิม ต้องรอดูว่าจะเกิดขึ้นไหม พ่อผิดเองที่ไม่บอกดิว” ผมได้ยินพ่อคุยกับพี่ดิม ผมไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่พ่อกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับผมกันแน่ แต่ตอนนี้ผมเริ่มเจ็บระบบที่ก้นผมมาก ดิวสวมเสื้อผ้าให้ตัวเองและเข้ามาช่วยผมแต่งตัว และพาผมเข้าห้องน้ำเราสองคนชำระร่างกาย สวมเสื้อผ้าและรีบแต่งตัวออกไป พ่อนั่งอยู่ที่โซฟา ผมและดิวเข้าไปนั่ง พ่อหันมามองหน้าผม และดิวสลับกันไปมา



                       “ดิม พ่อขอคุยกับน้องเราก่อนนะ” พ่อพูดกับพี่ดิม พี่ดิมที่กำลังทำเอกสารให้พ่อ พี่ดิมก็พยักหน้าพร้อมหอบเอกสารพ่อออกไปด้วย ผมได้แต่นั่งก้มหน้า ผมรู้สึกผิดที่ไม่ห้ามไอ้ดิว



                       “พ่อเสียใจสิ่งทีเกิดขึ้นวันนี้นะดิว “ พ่อพูด ทำเอาผมน้ำตาไหลอีกครั้ง ผมทำให้พ่อภา ซึ้งผมเคารพรักเหมือนพ่อผมอีกคนผิดหวัง



                       “พ่อแต่ผมรักแอ้ ผมก็เคยบอกพ่อไปแล้ว”



                       “พ่อไม่ได้ห้ามไม่ให้รักกันแต่ ผิดหวังที่เราสองคนมีอะไรกันเร็วเกินไป” พ่อพูด



                       “ได้ป้องกันไหม” พ่อถามผมสองคน ผมสองคนได้แต่ส่ายหัว เพราะยังไม่รู้จักวิธีป้องกันเลยด้วยซ้ำ



                       “เห็นไหม เราสองคนยังไม่รู้เลยอะไรคือเซ็กส์ และมันมีความเสียงอะไรบ้าง ป้องกันยังไงบ้าง “ พ่อพูดขึ้น เรื่องจริงมาก ผมสองคนหันมามองหน้ากัน



                       “ฟู้!” พ่อพ่นลมหายใจออกมา



                       “ถ้าภีมรู้เรื่องนี้” พ่อภาพูดผมเงยหน้ามองพ่อภา ผมไม่อยากให้พ่อภีมผิดหวังในตัวผม



                       “พ่อภา อย่าบอกพ่อภีมเลยนะ แอ้ขอร้อง แอ้สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แต่ลุงภาอย่าบอกพ่อเลยนะแอ้ขอร้อง” ผมขอร้องลุงภา พ่อภาทำสีหน้าหนักใจ



                       “พ่อดิวขอรับผิดชอบแอ้ ดิวรู้ว่ามันเร็วไปและผมอายุยังน้อย ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง จะให้ผมไปขอกับอาภีมด้วยตัวผมเองผมก็ยอมพ่อ เพราะว่าผมรักแอ้ ผมรักเขามาก”ดิวพูด



                       “สิ่งที่พ่อกลัวและกังวลมาก ไม่รู้มันจะเกิดขึ้นไหม “ พ่อพูด ผมสองคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจพ่อภาหมายถึงอะไร



                       “ดิว แอ้นะไม่ใช่แค่เด็กผู้ชายทั่วไป”



                       “เออ ..พ่อหมายถึงอะไรอ่ะ ดิวไม่เข้าใจ”



                       “แอ้นะ มีส่วนที่เป็นของผู้หญิงอยู่ในร่างกาย เขาเรียกว่ามดลูก” พ่อพูด ผมสองคนยิ่งงงกันไปใหญ่



                       “แอ้มีโอกาสท้องได้เหมือนผู้หญิงทั่วไป “ เท่านั้นแหละผมตกใจ อึ้งไปพักใหญ่ ผมนี้นะ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย



                       “พ่อพูดจริงๆเหรอ “ ดิวถามพ่อภา



                       “ใช่แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันจะ พร้อมทำหน้าที่นั้นไหม คงต้องรอลุ้น ถ้าไม่ก็โชคดีไป แต่ถ้ามาละ เราสองคนจะทำยังไง ยังเรียนกันอยู่เลย “ พ่อภาพูด ผมหันมมองหน้าดิว อันนี้ผมตันไปหมดคิดอะไรไม่ออกเลย



                       “ผมพร้อมจะเลี้ยงถ้าแอ้จะตั้งครรภ์และมีลูก ผมพร้อมจะเป็นพ่อ “ ดิวพูดแต่ผมซิ พร้อมไหม และจะเป็นอะไร



                       “เอาละ ไปพักเถอะ ส่วนแอ้ เดี๋ยวให้พี่ดิมดูยาให้ทานนะ คงระบบและอาจจะอักเสบได้ ทานยาแก้ปวด ลดอาการอักเสบกันไว้ก่อนนะ ลุงจะบอกพ่อเรานะให้เราอยู่ที่นี้สักพักไม่ต้องกลับกรุงเทพ พรุ่งนี้ เพราะตอนนี้ภีมก็ยังคงอยู่กับลุงหนึ่ง มีงานด่วนที่ต้องทำให้เสร็จ” พ่อภาพูดและเดินออกไป พ่อภาหยิบมือถืออกไปด้วยคงออกไปโทรหาพ่อภีมปภพตามที่ลุงบอก



                       “ดิม ไปดูยาแก้ปวดให้แอ้นะ และดูยาแก้อักเสปที่คนท้องสามารถทานได้ไม่เป็นอันตรายให้แอ้ทานไปก่อนนะ “ พ่อภาบอกพี่ดิม ให้ไปหายามาให้ผมทานก่อน



                       “แอ้..ดิวขอโทษนะที่ทำให้แอ้เจ็บ “ ดิวพูด ผมหันมามองหน้ามันอยากหาอะไรปาใส่หน้ามันมากแต่ก็ไม่มีอะไรเลยที่อยู่ใกล้มือ



                       “แล้วกรูจะบอกเพื่อนว่ายังไง “



                       “ก็บอกไปซิว่าเราสองคนคบกันรักกัน “



                       “ติ๊กมันจะเสียใจไหม เพราะเราสามคน”



                       “แอ้ดิวไม่ได้รักติ๊ก และไม่ได้คิดอะไรกับมันนะ ว่าแต่แอ้เถอะ แอ้คิดอะไรกับติ๊กหรือเปล่าถึงได้กลัวไอ้ติ๊ก” ดิวพูดและมาพร้อมโหมดหึง



                       “แอ้..ไม่ได้” ผมรีบพูดเร็วไปกว่าความคิด



                       “ดีแล้ว ...”



                       “แต่เราสองคนจะบอกเรื่องนี้กับติ๊กไม่ได้ แอ้ขอ ขอให้พร้อมก่อนได้ไหม “



                       “ทำไมอะ”ดิวมันเริ่มทำหน้างอนผมอีกแล้ว



                       “กรูขอละ นะดิว” ผมพูดออดอ้อนมันและมันก็ได้ผล มันก็พยักหน้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่เต็มใจหนักแต่ก็ยอมให้ผม และวันนั้นดิวก็คอยดูแลผมอย่างดี
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์ )รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันตอนที1.5 ภาคแจ็คxบอย เลือกจะลองอีกสักที
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-05-2020 06:30:35
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: ( รีไรท์)MPregรักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เมื่อผมรู้ว่าผมตั้งท้องได้ 2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-05-2020 19:49:21
            จนกระทั้งเวลาผ่านไป สิบวัน ผมเริ่มรู้สึกผอืดผอม ปันปวนในท้อง อยากกินก็กินเข้าไปได้นิดหน่อย เริ่มอาเจียน เวียนหัวตอนเช้า มันทรมารมาก แต่ลุงภาได้พาผมไปตรวจเลือดไว้ก่อนแล้วลุงภาบอกว่าตรวจเลือดให้ผมที่รวดเร็วกว่า และวันที่ผมไปรอฟังผล ผมก็ตรวจเลือดอีกครั้ง สิ่งที่ผมได้รับคำตอบหลังผลตรวจเลือดออก คือ ผมตั้งครรภ์ ไม่ใช่การตั้งครรภ์ธรรมดา ผมตั้งครรภ์แฝด 3 คนเลย ผมแทบจะเป็นลมทั้งยืน

           

                       “พ่อภา ผมท้องไม่ได้นะพ่อ ผมท้องไม่ได้ ไหนจะพ่อภีมและพี่ผมละ “ผมปล่อยโห่ ทันที



                       “พ่อ ตรวจดีแล้วเหรอ “ ดิวถามพ่อแลกุมมือผมไว้



                       “ดิวพ่อเคยบอกแล้วไงว่าแอ้นะเขามีสิ่งที่จะทำให้เขาตั้งครรถ์ได้” พ่อภาพูด



                       “แอ้ นั้นลูกเรานะแอ้ “ ดิวบอกผม ผมก็รู้ว่าลูกเราแต่ผมกับมองไปเห็นปัญหามากมาย ภาพของปัญหามันเหมือนมีเครื่องฉายสไลด์ขึ้นมาในหัวของผม แค่คิดน้ำตาผมก็จะไหล ไหนพ่อภีมจะเสียใจ และถ้าต่อไปลูกเกิดมาก ปัญหาในสังคมอีก พวกผมก็เจอกันมาบ่อย โดนคนที่ต่อต้านก็บ่อย และถ้าปัญหามันทำให้ทางออกคือผมกับดิวต้องแยกกันละ



                       “ใช่แล้วกูละ กูควรจะอุ้มท้องในร่างผู้ชายเหรอดิว!!” ผมหันไปถามดิว อันนี่ผมก็ไม่อยากจะคิดเลยภาพผมต้องท้องโต ในวัยเรียนแบบนี้ด้วย



                       “แอ้ นั้นลูกเรา ลูกของเรา เขาไม่รู้เรื่อง” ดิวพูด ผมหันไปมองหน้าพ่อภา ผมบอกอะไรไม่ได้ตอนนี้ เพราะในหัวผมมันตันไปหมดทุกทาง



                       “เอาอย่างนี้ โชคดีที่อายุครรภ์ยังน้อย พ่อหาคนอุ้มท้องให้แล้ว ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสุขภาพ เพราะต้องตรวจละเอียดพอพอกับคนท้องปกตินะ “พ่อภาบอกผม ดิวยิ่งบีบมือผมไว้แน่นกว่าเดิม

                       “เอาเด็กไว้ แต่พ่อต้องถามเราสองคนก่อนว่าพร้อมที่จะเป็นพ่อของเขาไหม” พ่อภาพูด ผมยังงงๆ แต่ดิวมันพยักหน้ารับ



                       “ผมจะเป็นพ่อของเขาให้ดีเท่ากับพ่อเลยครับ”ดิวตอบพ่อ



                       “แอ้ละ”



                       “ผม..เออ..”ผมยังคงงงกับสิ่งที่เกิดกับผมอยู่



                       “แต่พ่อจะบอกก่อนนะว่า แอ้นะเป็นผู้ชายที่สามารถตั้งครรภ์ได้และพอมีลูกขึ้นมา พ่อไม่อาจจะการันตีได้ว่าถ้าลูกที่เกิดมาเขารู้เรื่องนี้และจะรับมันได้เหมือนเป็นเรื่องปกติไหม “ พ่อพูดและมองหน้าผมสองคนแบบจริงจัง



                       “ถ้าดูแล้วเขาไม่อาจจะรับตรงนี้คงต้องมีใครสักคนที่ต้องถอยและสถานะจะไม่ใช่พ่อหรือแม่เขา”พ่อพูด ดิวหันมามองหน้าผม



                       “ผมเชื่อว่าเขาตั้งใจมาเกิดกับผมสองคนแล้วและดังนั้นเขาก็จะรักผมสองคนเหมือนที่ผมสองคนจะรักเขาเช่นกันพ่อ” ดิวพูด และกุมมือผมไว้



                       “ได้..พรุ่งนี้พ่อจะทำการดูดตัวอ่อนออกมาและนำใส่ไว้กับคนที่รับอุ้มบุญให้นะ “ พ่อภาพูด



                       “วันนี้พ่อให้ทนายเขามาคุยกับคนอุ้มบุญเพื่อทำข้อตกลงสัญญาเพื่อความปลอดภัย” พ่อภาพูดกับผมสองคน ดิวพยักหน้าตลอด ผมเห็นดิวมันมีสีหน้าดีใจจนผมเองก็โกรธมันไม่ลงจริงๆ



                       “พ่อจะต้องเปิดห้องทดทองที่เคยถูกสั่งปิด เพราะห้องนั้นมีเครื่องมือในการทำเกี่ยวกับสิ่งนี้ “พ่อภาพูดและมองผมสองคน



                       “อันนี้จะต้องเป็นความลับ”



                       “พ่อภา ผมขอร้องอะไรอย่างได้ไหมครับ” ผมพูดขอร้องพ่อภา พ่อพยักหน้าให้ผม ดิวก็มองหน้าผมแบบกังวลว่าผมจะขออะไร



                       “ว่ามาซิแอ้” พ่อภา



                       “ผมยังไม่พร้อมจะบอกพ่อภีม ผมขอเก็บไว้ก่อนได้ไหมครับ” ผมพูด เพราะผมไม่อยากทำให้พ่อผมเสียใจอยู่ดี ที่ผมใจแตกตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแบบนี้



                       “อืมม พ่อก็ว่ายังไม่ควรบอก เพราะภีมหวังไว้มากกับเราแอ้” พ่อภาพูดและเอามือลูบหัวผมเบาๆ



                       “พ่อจะดูแลเราเหมือนลูกพ่อคนหนึ่ง “พ่อภาพูด



                       “พ่อนะดูแลผมดีเหมือนลูกพ่ออยู่แล้ว ผมขอโทษนะครับพ่อภาที่ผมทำให้พ่อเดือดร้อน” ผมพูดน้ำตารินไหล



                       “พ่อดิวก็ขอโทษครับที่ดิวทำไปไม่ทันคิด” 



                       “เอานะ พ่อก็เคยเป็น “ พ่อภาพูด ผมสองคนค่อยคลานเข่าเข้าไปกราบขอโทษพ่อภาพร้อมกัน พ่อเอามือลูปหัวผมสองคนและพี่ดิม กับพี่ดรีมก็เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของพ่อที่ในโรงพยาบาล



                       “พ่อจะให้แอ้แอ็ดมิทคืนนี้เลยใช่ไหมครับพ่อ” พี่ดิมถามพ่อ ผมหันไปมองหน้าพ่อ



                       “ใช่ เราต้องตรวจทุกอย่างของแอ้ก่อนและอัลตราซาวล์ดูขนาดของตัวอ่อน “พ่อภาพูด ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจมากหนัก



                       “ได้ครับพ่อ ผมจะได้ไปจัดห้องพักให้” พี่ดิมพูด



                       “พ่อผมขอผมอยู่กับแอ้นะครับพ่อ ถ้าให้ผมกลับผมอกแตกตายแน่ๆ”ดิวพูดขึ้นพ่อหันมามองไอ้ดิว



                       “แน่ใจนะว่าแค่อกแตกตายอย่างเดียว อยู่ได้แต่ห้ามซ่าในโรงพยาบาลนะ”



                       “ช่าย เขาห้ามปั้มปั้มกันในโรงพยาบาล” พี่ดรีมพูด ไอ้ดิวมันสะบัดหน้าไปมองพี่ดรีม ผมก็ก้มหน้าอายเลย



                       “มึงนี้นะ ตรงไปไหม” พี่ดิมหันเอ็ดพี่ดรีม



                       หลังจากที่ผมถูกพามาพักที่ห้องพัก ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดคนไข้และดิวก็อยู่ในห้องกับผมตลอด ผมถูกสวนสายน้ำเกลือเอาไว้ อยากบอกว่าอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ ลุกนั่งก็ไม่สะดวกเลยแต่ดีที่มีคนดูแลตลอด พอลุกทีมันก็ดีดตัวมาหาผม ผมนั่งนอนกินข้าวตามเวลาที่เขาเอามาให้และไม่นานผมก็เผลอหลับไป จนกระทั้งมีคนสะกิดไหล่ผมเบาๆ



                       “พร้อมหรือยังแอ้ “ พี่ดิมมาสะกิดผม



                       “เออ พี่ดิม”



                       “พ่อจะมาพาเราไปทำการนำตัวอ่อนออกและจะนำใส่ให้คนที่รับอุ้มบุญให้” พี่ดิมพูด ผมหันไปมองไอ้ดิวที่หลับอยู่



                       “ยังไงดิวก็เข้าไปกับเราไม่ได้และแอ้ต้องถูกวางยาก่อนด้วยเพราะมันจะเจ็บมากแม้จะไม่ได้ผ่าตัดก็เถอะ”พี่ดิมพูดบอกผม  สักพักประตูห้องพักของผมก็ถูกเปิดออก มีพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมเครื่องที่เรียกว่าอัลตราซาวด์ ถูกเข็นมาไว้ข้างๆผม พ่อภาเดินเข้ามาพร้อมพี่ดรีม พี่ดิมเรียนจบแพทย์ทหารแล้วปีที่หก ตอนนี้พี่ดิมฝึกปฏิบัติงานจริงอยู่ที่โรงพยาบาลในค่ายทหารและพี่ดรีมเป็นแพทย์ เอ็กเทิร์น เห็นดิวบอกว่าจะไปต่อสาขากุมารเวชศาสตร์ พี่โดมก็เข้ามาด้วย พี่โดมเป็นแพทย์ทหารปีที่ห้า ตอนนี้ฝึกจริงกับคนไข้ที่โรงพยาบาลและมีฝึกทหารบ้างช่วง พี่โดมมองผมและยิ้มให้ และอีกคนที่เข้ามาก็คือพี่หมอด้า พี่หมอด้าแพทย์อยู่ปี4 และก็มีผู้หญิงเข้ามาอีกสองคน



           “แอ้พ่อจะอัลตราซาวด์ดูตัวอ่อนนะ และนี้ให้พี่ๆเขาดูเป็นเครสตัวอย่างนะ วันนี้มีหมอวิสัญญี เข้ามาร่วมด้วย” พ่อภาบอกผม ผมก็พยักหน้า พ่อภาหันไปพยักหน้ากับพี่ดิม พี่ดิมสวมถุงมือเรียบร้อยแล้วและเข็นเครื่องอัลตราซาวด์เข้ามาใกล้ๆผม  พ่อภาเดินเข้ามาจัดเสื้อผ้าผมให้อยู่ในระดับที่สามารถมองเห็นพุงน้อยๆของผม ที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่ามีสามชีวิตอยู่ในนั้น



                       “เย็นหน่อยนะแอ้” พี่ดิมบอกผม พี่ดิมเขาบีบเจลสีฟ้าๆ ไว้บนเครื่องมือที่ผมคุ้นเคยเพราะว่าอัลตราซาวด์ไปแล้วรอบหนี่ง และพี่ดิมก็นำสิ่งนั้นมาจ่อที่พุงของผม มันเย็นวาปจนผมสะดุ้ง ดิวก็นั่งบับมืออีกข้างของผมไว้ และภาพก็ปรากฎบนหน้าจอที่วีจอแบบ



                       “อันนี้คือตัวอ่อน เอ และนี่ตัวอ่อน บี และเออ..”



                       “ดิมเลื่อนลงไปหน่อยพ่อไม่เห็นตัวอ่อนอีกตัว” พ่อภาบอกพี่ดิม มันทำให้ผมใจหายเลย ตัวอ่อนผมหายไปหนึ่งตัวเหรอ



                       “อ่ะ พอแล้วดิม เจอแล้ว อันนี้ตัวอ่อนซี...บร้าๆๆๆ “ พ่ออธิบายให้ทุกคนในห้องฟังและเขาก็จดกันหยิกๆ เลย ผมไม่รู้ว่าที่พ่อพูดคืออะไรบ้าง ผมรู้สึกอีกทีก็มีนิ้วมาปาดน้ำตาผมที่ไหลโดยไม่รู้ตัว ก็ผมเห็นตัวอ่อนที่จะมาเป็นลูกผมอยู่ในท้องของผม แม้จะเล็กมากๆก็ตาม



                       “เอาละ ผมขอความร่วมมือนะครับทุกคน เรื่องนี้คือความลับ เรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปสู่บุคคลภายนอกไม่ได้เป็นอันเด็ดขาด เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะมีบุคคลที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้นผมขอนะครับ” พ่อผมบอกทุกคนที่เข้ามาฟังและหันมาส่งยิ้มให้ผม พี่ดิมก็จัดการเก็บเครื่องมือ พี่ดิมส่งกระดาษให้ดิว ดิวมันก็รับมาและเช็ดทำความสะอาดที่หน้าท้องของผม



                       “เจอกันในห้องผ่าตัดนะแอ้ ไม่ต้องกังวล ทำใจให้สบายรู้ไหมแอ้ พ่อขอเราให้เชื่อใจพ่อนะแอ้” พ่อหันมาแตะที่ไหล่ผมและบอกผม ผมก็พยักหน้าให้พ่อ และทุกคนก็ออกจากห้องไป ตอนนี้ดิวหันมากุมมือผมไว้ สายตาของเขาเป็นห่วงผมมากแค่ไหนผมรู้ดี



                       ไม่น่านเจ้าหน้าที่เข็นรถก็เข้ามาพาเตียงคนไข้และตัวผมออกจากห้องไปและตรงไปยังห้องไหนก็ไม่รู้เพราะผมเห็นแค่หลอดไฟตลอดการเข็นไปและพอเข้าไปก็มีคนมามุงทำนั้นทำนี้ และมีคนเอาท่ออะไรสักอย่างมาครอบผมไว้



                       “ไม่ต้องกลัวนะค่ะ นึกถึงสิ่งที่ทำให้มีความสุขเข้าไว้ ทุกอย่างจะดีเองค่ะ” เป็นผู้หญิงที่สวมผ้าปิดจมูกและหมวกสีเขียวเขาบอกกับผมไม่นานผมก็หลับไป ใช่สิ่งที่ผมเห็นคือผู้ชายร่างสูงใหญ่ ในชุดเครื่องแบบทหาร แต่รูปร่างแบบนี้มันไม่ใช่พ่อภีมปภพพ่อของผมเลย เขาคุกเข่าและกางแขนผมเองที่ตัวกะเปียดเล็กมากเหมือนเพิ่งหัดเดิน ยังเดินเป๋ๆอยู่เลย



                       “ปะป๊า” เสียงที่เรียกชื่อนั้น



                       “แอ้...มาหาพ่อซิ”  ในภาพผมรีบก้าวเท้าเพื่อไปหาแต่ทว่าผู้ชายคนนั้นกับห่างออกไปเรื่อยๆ ผมก็รีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น แต่มันก็ยังช้าจนกระทั้งภาพนั้นหายไป ผมก็ล้มลงทำได้แค่ร้องไห้ พยายามกางแขนให้เขากลับมา “พ่ออยู่ดูแลเราไม่ได้ ในฐานะพ่อ “ นั้นคือคำพูดที่ผมได้ยิน

-

-

-



                       “แอ้ แอ้ แอ้” เสียงที่ทำให้ผมตื่น ผมหายใจเฮือกใหญ่ นี้ผมฝันไปจริงเหรอ ผมหันไปมองรอบๆ เป็นห้องสีเหลี่ยม



                       “แอ้ เรียกหาอาภีมเหรอ” ดิวนั้นเองที่ประครองผม



                       “พ่อภีม พ่อมาเหรอ” ผมถามดิว



                       “ไม่มา ดูซิเหงือออกเต็มไปหมดเลย” ดิวพูดและผมก็มองไปรอบๆ นี้ผมกลับมาห้องพักแล้วเหรอ และผมก็รู้สึกหน่วงๆที่ท้องน้อยยังไงก็ไม่รู้



                       “พ่อบอกว่าสำเร็จแล้ว ลูกๆตัวอ่อนของเรากลับเข้าสู้คนที่รับอุ้มบุญให้เราแล้วแอ้ เราจะเป็น่พ่อคนแล้วนะ ดิวดีใจที่สุดเลย” ดิวพูดผมได้แค่มองดิว แต่ทำไมน้ำตาผลไหล เพราะภาพความฝันที่ผมฝันไง ถ้าถึงวันนั้นที่ผมไม่อาจจะอยู่กับพวกเขาได้ละ อย่างที่พ่อภาบอกว่าอาจจะต้องมีคนใดคนหนึ่งต้องถอยผมจะทำยังไง



                       “ดิว กรู ไม่พร้อมวะ”  ผมพูดบอกดิวโดยที่ไม่กล้ามองหน้าดิว



                       “แอ้นั้นลูกเรานะ “ดิวพูดบอกผม



                       “แต่กรู ... ไม่รู้วะ กรู ..ไม่พร้อม” ผมพูด ตอนนี้ผมสับสนและหวาดกลัว



                       “แอ้ไม่เอานะ อย่าพูดแบบนี้ดิ” ดิวเริ่มตะคอกใส่ผม



                       “ก็กรูบอกว่า..โอ้ยย” ผมขืนตัวขึ้นนั่ง นี้แหละที่ให้ผมรู้สึกเจ็บมาก จนตัวงอเลย ดิวเห็นเข้าก็ตกใจมันวิ่งไปที่หัวเตียงคนไข้และกดรีโมททันที



                       “แอ้ เจ็บมากไหม”



                       “เจ็บซิไอ้สัส”ผมปวดมากเลยเผลอด่าไอ้ดิวมันไป ไม่นานก็มีคนวิ่งมา เขาเป็นพยาบาลหวอดนั้นเอง แสดงว่าดิวมันกดเรียกพยาบาลให้ผม



                       “มีอะไรค่ะคุณดิว” พยาบาลร้องถามดิวทันที



                       “พี่ครับเรียกพ่อผมให้หน่อยครับ แอ้ปวดแผลนะครับ” ดิวพูด ผมก็กุมท้องน้อยน้ำตาก็ไหล



                       “ได้ค่ะ “พยาบาลพูดและวิ่งไป ผมค่อยๆเอนกายลงนอนช้าๆ ดิวที่ค่อยประครองผม ผมนอนรอพ่อเกือบสิบนาที พ่อภาก็มาถึงพร้อมพี่ดรีม พี่ดรีมเข้ามาดึงตัวดิวออกไปก่อนและพ่อภาก็ให้พยาบาลปิดผ้าม่าน  พ่อภาเข้ามาดูผม



                       “พ่อจะขอดูแผลนะ ทำไมเจ็บมากเลยเหรอแอ้”พ่อภาถามผม



                       “คือ แอ้...ลุกเร็วไปมั้งครับพ่อ “ผมพูด พ่อก็ยิ้มๆ



                       “แต่ตอนที่ผมเอนตัวนอนรอพ่อมันก็ค่อยๆดีขึ้น แต่ก็ยังเจ็บอยู่” ผมพูดเบาๆ



                       “เอาละ ช่วงนี้ต้องค่อยๆขยับหน่อยนะ อย่าเพิ่งเด้งตัวเหมือนเมื่อก่อน ค่อยๆลุก ไม่นานก็หายดี” พ่อพูดและให้พยาบาลปิดผ้าพันแผลกลับไป ผมไม่กล้าดูว่ามันเล็กใหญ่แค่ไหน



                       ผมนอนโรงพยาบาลแค่วันกับคืนแค่นั้นก็กลับบ้าน พอมาถึงก็พักฟื้นที่บ้านพ่อภาไม่นานพ่อภีมก็มาและมารับผมกลับกรุงเทพ ผมก็ยังคงแค่เสียวๆ ที่แผล แต่แผลไม่ใหญ่เลย เล็กมาก ผมเลยทำชีวิตผมเหมือนปกติ ส่วนดิวก็ต้องไปเข้าค่ายชมรมฟุตบอลและผมก็ต้องไปฝึกคาราเต้เพราะผมกำลังจะเข้าแข็งขันชิงสาย แม้บางท่าจะทำให้ผมเจ็บมากแต่ผมก็ต้องอดกลั้นมันไว้ จนกระทั้งเวลาผ่านไปเกือบสิบเดือน พ่อภีมต้องไปงานอีกแล้ว พ่อภาก็อาสาดูแลผมและพาผมกับดิวไปที่ค่ายทหาร



                       “เอาละ พ่อจะบอกว่า ลูกๆเราคลอดได้อาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ตอนนี้พยายาลเขาดูแลอยู่” พ่อพูด ผมนี้ขนลุกขึ้นมาซะอย่างนั้นแต่ไอ้ดิวซิมันดีใจจนบอกไม่ถูก



                       “พ่อจะให้พยาบาลเขาดูไปก่อน เราก็คอยหมั่นไปดูลูกในช่วงกลางวันนะ ไปทำหน้าที่ป้อนน้ำป้อนนม” พ่อภาพูด ผมเงยหน้ามองพ่อ จะทำได้ไงอ่ะ



                       “แอ้ พยาบาลจะสอนให้” พ่อพูด ผมหันมามองหน้าดิว มันพยักหน้ากับผม และผมสองคนก็เดินตามพ่อขึ้นไปชั้น เนสเซอรี่เด็กแรกเกิด ผมเดินผ่านห้องกระจกที่มีเด็กแรกเกิดนอนเรียงราย ถึงเป็นลูกพยาบาลในค่ายทหารแต่ก็มีประชาชนมาใช้บริการเยอะมาก โรงพยาบาลกึ่งเอกชน และมีคนที่ดูแลและสนับพร้อมให้งบประมาณก็จะเป็นใครไปไม่ได้ บรรดาลุงๆและพี่กับน้องของพ่อและองค์กรที่พ่อเป็นส่วนหนึ่งของเขา ส่วนรายได้หลักๆ พ่อมีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง



                       “แอ้” ดิวเรียกชื่อผม เพราะผมหยุดและมองเด็กที่นอนในตู้กระจก เป็นที่นอนเด็กแรกเกิด ผมยืนอึ้งมองอยู่แบบนั้น ทำไมผมรู้สึกตัวเบาๆ ยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก และไม่นานผมก็ไม่รู้อีกเลย เหมือนมีคนมาปิดไฟใส่หน้าผม โลกมันมืดไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั้ง



                       “แอ้” ผมรู้สึกว่ามีมือมาบีบมือผมตลอด ผมลืมตาในห้องพักอีกแล้ว ห้องพักคนไข้แบบวีไอพี ผมก็ดีดตัวขึ้น นี้ผมเป็นลมหรือ



                       “แอ้ เป็นไงบ้าง “ ดิวถามผม ผมก็มองหน้าดิว



                       “อุแหวๆ ๆ”เสียงแหลมเล็กของเด็กอ่อนร้องข้างๆ ผมหันไปก็เจอ เตียงหลอดแก้วมีเด็กหน้าตาเหมือนกันหมดเลยนอนเรียงกันในเตียงเด็กที่เป็นตู้กระจก 3 เตียง ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ทำอะไรไม่ถูก



                       “ลูกเราแอ้ “ ดิวพูด ผมก็ชี้ไปทั้งสาม



                       “ใช่ลูก เราทั้งสามคนเลย “ ดิวพูดและเดินอ้อมไปดันให้เข้ามาใกล้กับผมมากที่สุด ผมก้มมองแต่ละคน ใจคอมันสั่นไปหมด



                       “นมมาแล้วครับ ใครนะร้องดัง สงสัยบ้านเราจะได้นักร้องแน่ๆเลย” พี่ดรีมครับที่หอบเอาขวดนมมาทั้งหมดสามขวด



                       “ได้เวลาทานนมแล้วครับ ใครจะป้อนเอ้ย” พี่ดรีมถามผม ผมก็หันไปมองหน้าดิวและรีบส่ายหัวทันทีผมไม่เคย



                       “แอ้ลองซิ ดิวนะป้อนไปแล้ว “ ดิวพูด ผมก็ยังส่ายหัวและหดขาหนี



                       “แอ้ลองนะ ลองแล้วแอ้จะรักเขามากเลย เชื่อดิวนะแอ้” ดิวพูดกับผม พีดรีมก็พยักหน้าและส่งขวดนมให้ผม พี่ดรีมเดินไปประครองอุ้มเด็กน้อยที่ร้องไห้ขึ้นมาก่อน อย่างเบามือและตรงมาจะส่งให้ผม ผมนี้ทำท่าจะหายใจไม่ทั่วท้องอีกแล้ว



                       “แอ้นั่งเอาหมอนหนุนหลังหนึ่งใบและเอาหมอนที่เหมือนตัวซีนี้วางไว้ที่ตรงท้องนะพี่จะได้เอาน้องวางลง” พี่ดรีมพูด ผมนะไม่ได้ทำอะไรซักอย่างมีแต่ไอ้ดิวที่จัดการให้ผมหมดและพี่ดรีมก็วางเด็กคนหนึ่งลง ปากก็ร้องตาก็หลับแถมยังอ้าปากหาอีกด้วย



                       “แอ้ประครองน้องโดยให้หัวร้องอยู่ที่ตรงข้อพับและเอาแขนโอบตัวน้องไว้นะครับ อุ้มอย่าให้ราบจนเกินไปน้องอาจจะสำลัก อุ้มให้ยกหัวหน้องขึ้นหน่อย อย่างนั้นครับ ดีมากครับ” พี่ดรีมพูดและจัดท่าให้ผมหมด ผมเองยังคงอึ้งแต่ก็มองเด็กน้อยที่ดูดนิ้วตัวเองแทนแล้วแต่ก็ยังคงร้องไห้อยู่ดี



                       “แอ้ น้องหิวแล้วป้อนนมน้องนะครับ” พี่ดรีมบอกผม ผมเงยหน้ามองพี่ดรีมและดิว เขาก็พยักหน้าให้ผมอีกคน ผมก็ค่อยลดขวดลงและบรรจงให้จุกนมนั้นจ่อไปที่ปากเล็กนั้น ทันทีที่ขวดนมสัมผัสริมฝีปากเล็กน่ารัก เขาก็หงับแบบหิวจัดมาและดูดอย่างเร็วและแรง มันเป็นสิ่งทีมหัศจรรย์มากคือผมรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาผมไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ความกลัวที่ผมมีตลอดเวลาเกือบสิบเดือนมันหายไปหมด เหลือไว้แค่ความรักและเอ็นดู ผมหันไปมองอีกสองคน อ้าวทำไมเขานอนหันไปทางเดียวกันนะ



                       “แปลกใจใช่ไหม เขาหันเข้าหากันตลอดเลย ไม่รู้ว่าเขาผูกผันกันตั้งแต่ก่อนเกิดหรือเปล่า “ดิวพูด ผมก็ยิ้มๆ และก้มมองคนที่ผมอุ้มอยู่



                       “คนนี้ชื่อมาริโอ้ ไม่รู้ซิ ดิวนึกชื่อนี้ออกสำหรับคนนี้เลย ร้องเก่งมาก กินก็เก่งมาก”ดิวพูด  ผมก็พยักหน้า ผมว่ามันชอบชื่อนี้เพราะว่าตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นเกมส์มาริโอ้หรือเปล่า



                       “แล้ว” ผมถามถึงอีกสองคน



                       “ไอ และ ไอซ์ “ ดิวพูด ผมก็มองว่าทำไมละ



                       “พอดิวเห็นไอ แล้วมันนึกถึงคำว่าไอเลิฟยู และพอดิวไอ้อุ้มไอซ์ ดิวรู้สึกถึงความเย็นที่ตอนเวลาที่ดิวโมโหใครสักคนจนอยากตะบันหน้ามันให้เละและแอ้เท่านั้นที่แตะแขนดิวและทำให้ดิวเย็นลง “ ดิวพูดและมอง และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็ยิ้ม



                       “ทั้งสามชื่อนี้ดิวนึกถึงแอ้ทั้งหมด” ดิวพูด ผมเงยหน้ามองดิว น้ำตาไหลอีกแล้ว ดิวกอดผมไว้แน่น



                       “เราจะเป็นพ่อที่สมบูรณ์แบบในแบบที่เราเป็น ต่อให้ต้องเป็นพ่อสองคน เราก็จะเป็น เพราะดิวเชื่อว่าลูกจะรักเราสองคนไม่แพ้พ่อแม่คนอื่นๆ ดิวเลือกแล้วเพราะดิวเชื่ออีกว่ามันจะทำให้แอ้อยู่กับดิว” ดิวพูด ผมนี้อึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก



                       “แอ้..ดิว..รักแอ้ “ คำนี้ที่ผมได้ยินมาตลอด จนทุกวันนี้ เขาก็พร้ำบอกผมตลอด
หัวข้อ: ( รีไรท์)รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันแอ้XดิวXติ๊กคนกลางที่ลำบากใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-05-2020 11:49:04
Part แอ้
            ปังๆๆๆ เสียงเคาะประตูที่ดังสนั่นปานว่าจะเคาะให้มันพังไปเลย ผมก็สะดุ้งตื่น ผมนอนเอาหัวหนุ่นไหล่ดิวไว้ ผมเหลือบมองเวลาตีห้า ก็แค่ตีห้าแต่ ผมทบทวนว่าผมอยู่ทีไหนตอนนี้ บ้านพักที่ผมต้องมาเป็นนักเรียนและ



                       “ไอ้แอ้ ไอ้ดิว” เสียงนั้นไอ้ติ๊ก ตายละซิถ้ามันเห็นผมตอนกับไอ้ดิว นี้ผมตายแน่ๆ



                       “ดิว ดิว ลุก “ ผมเรียกได้ดิว



                       “ลุกทำไมยังไม่สว่างเลยนะแอ้ ถ้าจะชวนไปวิ่งไม่ไหวละแอ้ ดิววิ่งไปหลายรอบก่อนนอนแล้ว “ไอ้ดิวมันหลับหูหลับตาตอบผม



                       “ดิวตื่นเดี๋ยวนี้ “ผมดึงแขนมันจน



                       “ตุ๊บ”มันตกจากเตียงนอนเลย



                       “ไอ้ดิว....ไอ้ติ๊กมันเคาะประตูจนประตูจะพังแล้ว และถ้ามันเห็นว่ากรูกับมรึงนอนเตียงเดียวกันนี้กรูตาย” ผมพูดกับไอ้ดิว



                       “ก็..แล้วไง ก็กอดกันอยู่จริง”ดิวมันคืบคลานขึ้นมาทำหน้าไม่สนใจโลกเลยไอ้นี้



                       “มึงพูดง่าย มึงไม่ใช่กรู” ผมพูด



                       “ก็ได้...แอ้ก็ไปนอนเตียงนั้นและดิวจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าแอ้มานอนตอนไหนแล้วกัน”ดิวพูดและหันไปช่วยผมเอากระเป๋าของใช้ พวกหนังสือกีฬาต่างของมันนั้นแหละลงและผมก็กระโดดขึ้นไปนอน เอาผ้าคลุมหัวคลุมโปง ผมหวังว่าไอ้ดิวมันจะแก้สถานการณ์ให้ดีขึ้นนะไม่ใช่แย่ลง



                       “ไอ้ดิวววว ไอ้แอ้)))))))” ไอ้ดิวคงเปิดประตูแล้วผมยังคงคลุมโปงอยู่



                       “เป็นบ้าอะไรเนี๊ยะฮะ! “ ไอ้ดิวตะคอกใส่ไอ้ติ๊ก



                       “ก็กูเคาะประตูจนมือกูนี้จะแหลกหมดแล้ว พวกมึงสองคนทำอะไรกันละ” ผมได้ยินเสียงไอ้ติ๊กมันถามไอ้ดิว 



                       “ทำบ้าอะไร ก็แอ้มันนอนกับมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้ดิวถามติ๊ก



                       “มันกลับมาแล้ว..ตอนไหนก็ไม่รู้ มึงอย่าบอกนะว่ามรึงไม่รู้เห็น มึงไปเรียกมันกลับมาใช่ไหม” ไอ้ติ๊ก



                       “กูไม่ได้ไปเรียกใครทั้งนั้น เพราะว่ากูหลับ “ ดิวมันตอบเสียงแข็ง



                       “ให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย “ ผมได้ยิน แต่เสียงและ



                       “นี้ไงมันนอนคุม..โปงอยู่”เสียงติ๊ก และผมก็รับรู้ได้ว่ามันมายืนที่เตียงนอนของผม



                       “อ้าว! เห็นไหมมันกลับมาเมื่อไหร่กูยังไม่รู้ กูไปเรียกมันกลับเหรอ มึงนี้มันบ้า” ไอ้ดิวพูดและผ้าก็ถูกถลกจากใครคนหนึ้ง ผมก็แกล้งทำเป็นสลึมสลือ มองและขยี่ตา ผมก็เห็นไอ้ติ๊ก และไอ้ดิวที่มันยืนอยู่พร้อมผ้าขนหนูพันกายแบบหมินเหม่



                       “อ้าว ติ๊ก ตื่นแล้วเหรอ”ผมถามติ๊ก



                       “มึงกลับมายังไง” ติ๊กถามผม



                       “ก็เดินมาดิ จะให้กูนอนเบียดมรึงทำไมอ่ะ เตียงมันเล็กนิดเดียว” ผมพูดและมองไอ้ดิว ผมจำได้ว่ามันยังมีชุดนอนอยู่แล้วนี้มันทำไมเหลือแค่ผ้าเช็ดตัวเหมือนกับว่ามันแก้ผ้านอน



                       “แล้วทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าวะดิว”ไอ้ติ๊กหันไปถามไอ้ดิว ผมหันไปเห็นแล้วก็นึกอยากจะโบกกระบาลมันจริงๆ นี่มันคิดว่ามันจะช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลง



                       “นึกว่านอนคนเดียวเลยแก้ผ้านอน สบายดี” ไอ้ดิวพูด



                       “คนบ้าอะไรแก้ผ้านอน ดีนะแอ้ที่มึงไม่แก้ผ้าไปด้วย ไม่งั้นนะ..” ไอ้ติ๊กมันพูดและสะบัดหน้ามามองผม



                       “ไม่งั้นอะไร” ไอ้ดิวมันถามไอ้ติ๊กด้วยเสียงแข็ง



                       “แต่จะว่าไปก็ดีนะ จะได้เห็นแอ้มันนอนแก้ผ้าบ้าง” ไอ้ดิวมันหันมามองผม ทำหน้าหื่นกาม ผมก็แอบทำนิ้วเฉือดคอ มันก็หันกลับไปทำหน้าปกติ



                       “ใครจะกล้าแก้ กรูไม่เคยทำซะหน่อย “ ผมพูดและลุกขึ้นนั่ง



                       “ไปอาบน้ำแต่งตัวห้องกูนะ” ติ๊กพูด



                       “กูด้วยไหม พร้อมมาก “ ไอ้ดิวถามไอ้ติ๊ก



                       “มึงอาบน้ำนี้แหละ “ไอ้ติ๊กพูดและเดินออกไป ไอ้ดิวเดินไปปิดประตู



                       “ตุ๊บ “ผมปาหมอนใส่ไอ้ดิว



                       “ปาทำไมเนี๊ยะ” ดิวมันถามผม ยังมีหน้ามาถามกรูอีก



                       “มึงแก้ผ้าไปรับมันแบบนี้นะ กูนี้คิดผิดมากที่จะให้มึงทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่เปล่าเลย ไอ้..ไอ้...ไอ้บ้า!” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวก่อนจะไปเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนักเรียนที่เขามาแขวนเตรียมไหว้ให้ทุกคนในตู้



                       “นี้ยังดีที่เอาผ้าขนหนูพันไว้ อยากออกไปให้เห็นเลยว่า เพิ่งทำอะไรกันมา ดิวเบื่อมากเลยนะ มันจะมาเป็นผู้กำกับชีวิตคนอื่นอะไรหนักหนาและอีกอย่าง มันควรจะรู้จักขอบเขตบ้าง”ดิวพูด ผมกำลังเดินออก



                       “แล้วที่ผ่านมาก่อนที่กูกับมึงจะค่อยๆหายไปจากมันละ เราทำอะไรกัน เราอยู่ด้วยกันกินนอนด้วยกัน มาตอนนี้มึงจะเขี่ยมันออกเหรอ มึงทำได้ไง ดิว” ผมหันไปถามไอ้ดิว



                       “แต่เราจะมีกันสามคนไปตลอดชีวิตไมได้แอ้!!”



                       “ถ้ามันจำเป็นต้องทำหรือไม่ก็ต้องเลือก...กูเลือกที่จะไม่ทิ้งมันแน่นอน ” ผมหันมาพูดและเดินกลับเข้าห้องติ๊กไป ผมเดินเข้าไปก็เห็นมันนั่งบนเตียงหน้าบอกบุญไม่รับเลย และพายก็คงเข้าไปอาบน้ำแล้วเช่นกัน



                       “มึงไปทำอะไรกันใช่ไหมแอ้” ติ๊กมันลุกขึ้นมาได้ก็บีบต้นแขนผมจนผมรู้สึกเจ็บเพราะเล็บมันจิกเข้าที่เนื้อ



                       “ติ๊ก กู ไม่ได้ทำอะไรกัน” ผมพูด



                       “มึงหนีกลับไปนอนกับมันใช่ไหมแอ้!!!”



                       “กูบอกแล้วว่าที่นอนมันแคบกูเลยไม่อยากให้มึงนอนไม่สบาย” ผมพูด และพยายามแกะมือติ๊กออก



                       “กูไม่เชื่อ “



                       “กูบอกให้มันกลับไปนอนห้องมันเอง” เสียงพายพูดขณะที่พายเปิดประตูห้องน้ำออกมา พายเดินมามองหน้าติ๊ก และมองที่มือที่มันบีบต้นแขนผมไว้ว่าให้ปล่อย



                       “ถ้ามึงยังทำร้ายแอ้กูจะเรียกดิวเดี๋ยวนี่ กูนะจะไม่เข้าข้างมึงอีกเพราะมึงงี่เง่า” พายพูด ติ๊กก็ปล่อยแขนผม



                       “ที่จริงแอ้มันสู้มึงได้สบายนะแต่มันไม่ทำ ทำไมมึงถึงทำมันวะ”พายพูด



                       “ มึงเคยคิดป่ะ ว่าแอ้มันคือเพื่อนมรึง ..มึงเคยเข้าใจคำนี้มั้ย” พายพูด



                       “ก็”ติ๊กที่เถียงไม่ออก



                       “นี่อะไร...มันมีห้องนอนของมันและเขาจัดให้แล้วว่าควรนอนหรืออยู่ที่ไหน ก็ควรยอมรับตามที่เขาจัดให้ “พายพูดสีหน้าจริงจัง ทำเอาติ๊กไม่กล้าเถียงกลับเลย



                       “ที่มึงทำแบบนี้นะ มึงแค่รักตัวเองส่วนที่แอ้มันทำ มันยอมเพราะว่ามันรักมึงและแคร์มึง “ พายพูด



                       “ให้มันกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องมัน “พายพูดและ ติ๊กก็หันมามองหน้าผม ติ๊กไม่ตอบอะไรคว้าผ้าเช็ดตัวและชุดนักเรียนตรงเข้าห้องน้ำไป จริงๆที่ติ๊กบอกดิวนะว่าผมกับเขาอาบน้ำด้วยกันน่ะมันไม่จริงเลย



                       “แอ้ กลับไปห้องเถอะ ปล่อยมันไปบ้าง มึงควรแค่อีกคนมากกว่ามันวะ “ พายพูด ผมได้แต่มองคนที่เข้าไปในห้องน้ำแล้ว



                       “กูดูออกนะว่าอะไรเป็นอะไร “ พายพูด ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวและเดินกลับห้องตัวเอง ผมได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ดิวคงกำลังอาบน้ำอยู่ ผมถลกแขนเสื้อขึ้นดู ปรากฏว่ามันเป็นรอยแดงจั้มตามจำนวนนิ้วของติ๊กที่กดจิกผม ดังนั้นผมจะเข้าไปอาบน้ำกับดิวทั้งแบบนี้ไม่ได้ มันจะต้องรู้และเห็นไอ้ดิวแบบนี้มันหัวร้อนมากเช่นกัน





                       “อ้าวแอ้ “ ดิวออกมาจากห้องน้ำ ยังคงอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันเอวแบบหมินๆ ทำไมมันไม่แต่งตัวในห้องน้ำนะ



                       “เสร็จแล้วเหรอ กูได้อาบน้ำบ้าง” ผมพูด



                       “ก็ไหนบอกจะไปอาบกับติ๊กไง”ดิวมันถามผม



                       “ก็..เออ..”ผมควรจะบอกมันว่าไงดีวะ



                       “ทำไมติ๊กมันงอนเหรอ เลยไล่แอ้กลับมา”ดิวถามผมกลับ ผมก็ลุกขั้นหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำรีบอาบน้ำดีกว่าไม่อยากตอบคำถามเยอะ มันจะทำให้ดิวมันจำพิรุธของผมสองคนได้



                       “ก๊อกๆเสียงเคาะประตู ผมสองคนหันไปมองว่าใคร อย่าบอกนะว่าไอ้ติ๊กมันมาเรียกผมไปห้องมันอีก



                       “ไอ้ตัวดีอีกมั้ยละ” ดิวพูดและเดินไปเปิดประตู มันก็ยังคงอยู่ในสภาพผ้าขนหนูพันเอว



                       “อะไรวะ มึงนี้ไม่รู้จักใส่เสื้อผ้าหรือไงวะดิว” ติ๊ก มันบ่นไอ้ดิว



                       “กูว่าจะแก้ผ้าอยู่นะ” ไอ้ดิวพูดและทำท่าจะดึงผ้าลง



                       “ไม่อยากดูของมึง “ ไอ้ติ๊กพูด



                       “แล้วนี้มาเพื่อ” ดิวถาม



                       “แอ้อาบน้ำแต่งตัวเร็วๆ นะ ลงไปกรูจะชงโปรตีนให้มึงกิน” ติ๊กพูด ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ



                       “มึงก็ควรจะสวมเสื้อผ้าได้แล้วดิว อุบาศ” ติ๊กพูดและเดินออกไป ผมก็รีบเลี่ยงเข้าห้องน้ำทันที รีบอาบน้ำแบบเร็ว ที่แขนก็ยังเจ็บ ผมควรทำยังไงดีไม่ให้มันเห็น ผมไปมองประตูตู้กระจกอาบน้ำ อันนี้แหละวะ ผมก็ทำเหมือนให้มันหนีบผม ไม่ใช่แค่เหมือนให้หนีบจริงๆ



                       “โอ๊ย!” ผมร้องออกมาเสียงหลงและดันเผลอดังไปหน่อย



                       “แอ้ ..เป็นไรนะ แอ้เปิดประตู “ไอ้ดิวผมก็เดินไปเปิด



                       “แอ้เป็นอะไร” ดิวถามผมด้วยอาการตกใจ



                       “คือ เออ กรูรีบปิดประตูตู้อาบน้ำนะมันเลยหนีบแขนกรูนะ” ผมค่อยเปิดมือให้มันดู มันได้ผล รอยประตูหนีบมันทับรอยนิ้วแทนแต่เจ็บมากกว่าหลายเท่าเลยผมทีนี้



                       “โธ่แอ้! จะรีบทำไม “ดิวทำสีหน้ากังวล ผมคิดในใจ กรูขอโทษวะดิว กรูไม่อยากให้มรึงทำให้ติ๊กมันรู้สึกว่ามรึงปกป้องกรูเกินไป ถ้ามรึงรู้ว่าความจริง



                       “อาบน้ำยัง”ดิวถามผม



                       “ยังอ่ะ จะเข้าไปอาบแล้ว” ผมพูด



                       “ให้อาบด้วยไหม” ดิวถามผมปนขำ



                       “ไม่ต้อง มึงสวมชุดแล้ว”



                       “สวมได้ก็ถอดได้ “ ดิวรีบตอบผมทันที ผมเงยหน้ามองมัน อยากจะหันไปหาอะไรปามันจริงๆ แต่ไม่มีมันไกลมือเกินไป



                       “ไม่เอากูรีบดิว!” ผมพูดและหันกลับเข้าไป หันมามองไอ้ดิวให้ออกไปผมจะอาบน้ำ



                       “อย่าเพิ่งสวมเสื้อผ้านะจะเอายาทาให้”ดิวพูดผมพยักหน้า ผมรีบเข้าไปอาบน้ำอย่างเร็วก่อนที่ไอ้ดิวจะกลับเข้ามา พอผมอาบเสร็จไอ้ดิวก็เปิดเข้ามาพอดีและเอาหลอดยา มาทาให้ผม



                       “ทำไมลอยมันแปลกๆวะ บางลอยเหมือนโดนกด เหมือนนิ้วมือเลยเนี๊ยะแอ้ “ดิวพูด มันจะเป็นโคนันอะไรตอนนี้วะผมคิดในใจ



                       “ แน่ใจนะว่านี้คือรอยประตูหนีบนะแอ้” ดิวเริ่มทำเสียงดุใส่ผม ผมก็มองหน้ามันต้องไม่หลุดแอ้ บอกกับตัวเอง



                       “แอ้” ดิวขึ้นเสียงถามผม



                       “ประตูหนีบ ก็เห็นอยู่ดิว มากูทาเอง” ผมแกล้งทำเสียงหงุดหงิดใส่และดึงหลอดยามาจะทาเองแต่ดิวดึงหลอดยากลับไปทาให้ผม



           “พอแล้ว ขอบใจนะดิว” ผมพูดและหันไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมอย่างไว ดิวก็พยักหน้าและเดินออกไป ผมก็แต่งกายให้เรียบร้อยและเดินออกมา แต่ไม่เห็นไอ้ดิวแล้ว มันลงไปแล้วมั้ง จะว่าไปยังเหลือเวลาอยู่เลย ผมรีบคว้าทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้และลงไปข้างล่างระหว่างที่ผมกำลังเดินลงบันไดไป เห็นดิวมันคุยกับติ๊ก ผมรีบหลบ



                       “มึงทำอะไรแอ้” ดิวลงมาก่อนเพื่อถามติ๊ก



                       “มึงพูดเรื่องอะไรของมรึง ดิว” ติ๊ก



                       “กูถามว่ามึงทำอะไรแอ้ มึงโมโหที่มันกลับมานอนห้อง มันเหรอวะ ติ๊ก ”



                       “กูไม่ได้ทำอะไร” ติ๊กพูด ผมก็เลยต้องรีบออกมาจากที่ผมแอบ



                       “ดิว อะไรอีก กูบอกว่าประตูตู้ที่อาบน้ำมันหนีบแขนกู มึงไม่เชื่อก็เรื่องของมึง” ผมพูด และมองหน้าไอ้ดิวและหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊กมันก็มองหน้าผม



                       “อ้าว! แล้วมึงไปทำท่าไหนวะมันหนีบเอา ไหนดูดิว ทายายัง” ติ๊กขอดูแขนผมและถามผมเรื่องทายา



                       “กูทาให้แล้ว” ดิวรีบตอบ ติ๊กหันไปมอง



                       “เออ ก็ดีแล้ว มากินผงโปตีนชงกันก่อน หวังว่าไอ้แจ็คมันคงจะตื่นเร็วๆนี้น่ะ “ ติ๊กพูด ผมหันไปมองหน้าดิว ผมรู้ว่ามันไม่พอใจ



                       “ดิว..ถ้ามึงไม่เชื่อกู ต่อไป”



                       “เชื่อก็ได้แต่ดิวแค่ไม่ไว้ใจไอ้ติ๊ก และแอ้ก็เลิกยอมมันได้แล้ว มันเอาแต่ใจเกินไปแล้ว “ดิวพูดและหันไปนั่งที่โต๊ะ ติ๊กมันก็เอาแก้วที่ชงพวกเครื่องดื่มโปรตีนมาให้คนละแก้ว ผมก็รับไปดื่มเช่นกันพายลงมาพอดี พวกผมก็ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่บอกตรงๆผมนี้โคตรอึดอัดเลย ดิวมันก็เปิดดูฟุตบอลผ่านมือถือมันโดยไม่ได้พูดอะไร พายมองผม สายตาเบียงไปมาระหว่างดิวกับติ๊ก ก็มันเงียบทั้งคู่ ผมก็ยักไหล่ไม่รู้ และพายก็นั่งลงเงียบๆ และยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับ



                       “มันรู้ใช่ไหมวะไอ้ดิวนะ”จังหวะที่ติ๊กมันหันเอาพวกแก้วไปใส่ไว้ในเครื่องล้าง และดิวมันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดูฟุตบอลของโปรดมัน พายก็กระเทิบมากระซิบถามผม



                       “อืม”ผมตอบโดยไม่มองหน้าพาย



                       “อึดอัดโคตรเลยดิมึงอ่ะ” พายถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน ติ๊กมันหันกลับมาพอดี พายก็กระเทิบออกและเปิดมือถือดูTiKTok ต่อ



                       “ทำไมแจ็คกับบอยยังไม่ลงมาอีกวะ เมื่อคืนเป็นไงบ้างวะ เงียบสนิท มันตีกันไหมวะ”ติ๊กมันถามขึ้น



                       “ถ้าเป็นไอ้แจ็คกับมึงอาจจะใช่ แต่บอยไม่ใช่หรอก” ดิวมันพูดขึ้น
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์)รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันตอนที2นักเรียนจำเป็นและหากำลังเสริม
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-05-2020 16:49:54
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์)รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันตอนที3.1 หลุยส์ ควรจะอยู่หรือควรจะไป
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 19-06-2020 00:04:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์)รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันตอนที 5.2 หลุยส์Xธรรณ์ จำเราไม่ได้เหรอ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 02-07-2020 22:14:28
เหมือนของแอ้กับดิวจะดราม่ายังไงก็ไม่รู้ กะซิ กะซิก
หัวข้อ: Re: ( รีไรท์)รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันตอนที6ดิวXแอ้Xติ๊ก บทหึง
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 03-07-2020 18:35:50
รออ่านต่อฮะ :L1:
หัวข้อ: Re: รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกันภาคดิวxแอ้xติ๊ก ขออย่าให้เป็นอย่างทีผมคิดเลย
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 19-07-2020 21:47:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(MPreg) เพื่อนใหม่อีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-09-2020 21:25:46
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: (รีไร้)(MPreg) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(พิเศษพ่อๆก็รักกันมาก่อน)1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-09-2020 12:17:08
Part พ่อกฤษณะ_VS พ่อภูมิ
            ผมกฤษณะ ผมเป็นพี่ชายคนโตสุด พวกผมมาจาก 7 ตระกูลดัง คนที่สองก็คือภาณุเดช ตอนนี้เป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ เป็นหมอทหารที่มีตำแหน่งสูงสุดและทำหน้าที่ดูแลค่ายทหารแห่งหนึ่งและมีโรงพยาบาลในค่ายทหาร ทั้งยังมีอีกหลายสาขาทั่วประเทศ
 
            คนที่ สาม ภูมิ คนนี้พิเศษที่สุดของผม เขาเป็นมากกว่าน้องชายของผม ตอนแรกพี่หนึ่งไม่เห็นด้วยเพราะว่าภูมิเป็นน้องของผมมันดูไม่เหมาะสมแต่ว่าหัวใจมันเลือกไม่ได้และผมกับภูมิก็แอบคบกันจนปัจจุบัน
 
           คนที่สี่ภาษญ์ คนนี้เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมและโรงเรียนสามภาษา มีสาขามากมายทั่วประเทศและต่างประเทศ
 
                      คนทีห้า ภีมปภพ คนนี้เป็นนายทหารตำแหน่งสูงสุดเช่นเดียวกัน ภีมปภพก็เหมือนกับผม ภีมปภพก็แอบคบภาณุเดช ที่ต้องแอบคบเพราะว่าผมทราบมาว่าพี่หนึ่งรักภีมมากกว่าคนที่เขาดูแล แต่ว่าภีมมันเลือกภาและภาก็สู้รบปรบมือมากับพี่หนี่งพอสมควร แม้ว่าทั้งคู่จะยังเปิดเผยสภานะที่ชัดเจนไมได้เหมือนเช่นกับผมก็ตาม
 
                        คนที่หกเปรมดิ์ คนนี้ตอนนี้เป็นพลตรี เปรมดิ์ คนนี้ยังไม่ใช่น้องคนสุดท้อง พวกผมมีน้องคนสุดท้องอีกคนอายุห้างจากเปรมดิ์หลายปี ห่างจากผมหนึ่งรอบได้ คือเป้ คือลูกของคนที่เป็นการ์ดดูแลพวกผม วันนั้นเกิดเหตุการณ์รอบยิ่งเพื่อสังหารเก็บพวกผมและเขาก็เอาชีวิตเพื่อปกป้องพวกผมไว้ และนั้นผมถึงได้เอาเป้มาดูแล
                        ครอบครัวพวกผมเป็นกลุ่มอิทธิพลมืดที่มีบทบาทและมีส่วนสนับสนุนกองกำลังทหาร แต่ว่าพ่อแม่พวกผมโดนสังหารและคนที่เข้ามาดูแลพวกผมนั้นคือพี่หนึ่ง ดังนั้นพี่หนึ่งจึงค่อนข้างมีบทบาทกับพวกผมและลุกพวกผมอย่างเต็มที่ และพอพวกผมโตขั้นมาก็ประสบความสำเร็จ ขึ้นเป็นนักธุรกิจแนวหน้าและตำแหน่งงานดีดีกันทุกคน แน่นอน พวกผมก็ต้องมีทายาทแต่ทายาทของพวกผมก็ได้มาจากการจ้างผู้หญิงตั้งครรภ์ จนมาถึงรุ่นของแจ็คลูกชายผม ก็จะมี บอย ดิว แอ้ ติ๊ก และพาย พวกผมคุยกันว่าจะเลือกออกมาหนึ่งคน เพื่อจะได้รักษาตระกูลของพวกผมไว้ได้ ภาณุเดชเป็นแพทย์ที่มีความสามารถเรื่องการผสมเทียมและเขาได้ค้นคว้าวิจัยเรื่องการเพิ่มเซลล์ให้ผู้ชายตั้งท้องได้ พวกผมจึงตกลงกันให้ บอยคือคนที่ถูกเลือก บอยได้สิทธิ์นั้นตั้งแต่เกิด และอีกคนที่พี่หนี่งเลือกให้คู่กับบอยกับไม่ใช่คนที่บอยรัก นั้นคือดิวลูกภาณุเดช แต่เหตุการณ์ก็ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก่อนที่จะถึงเวลาอันควร บอยตั้งครรภ์กับแจ็ค มันทำให้ผมโกรธมากจน ผมไม่ติดต่อภูมิ เจอกันที่งานก็แค่คุยทักกัน เพราะ ใจผมก็รักเขา แต่สุดท้ายผมก็ใจอ่อน กลับมาหาเขาในวันนี้
 
                       “ถ้าคุณภูมิขึ้นมาให้เข้าไปในห้องพักฉันนะ”ผมหันไปบอกการ์ดที่ดูผมและเดินตรงเข้าห้องพักของผมทันที  ผมมาส่งบอย ตามที่เขาจะมาช่วยเพื่อนๆ เนื่องจากพวกแจ็ค ดิว แอ้ ติ๊กและพาย ทำให้พี่หนึ่งโกรธมาก จึงได้ส่งไปทำโทษ ให้ไปเป็นนักเรียนมัธยมปลายอีกครั้ง เพื่อช่วยภาษญ์แก้ไขปัญหาโรงเรียนแห่งหนี่งที่มีแต่เด็กเกเร ผมรู้ว่าบอยรักแจ็คมากแต่เขายังไมพ่ร้อมที่จะทำหน้าที่ดูแลองค์กร เพราะคนที่จะแต่งงานกับบอยต้องเข้ามามีบทบาทตรงนี้ และไหนจะมีแบงค์อีกคน ผมเลยขอให้บอยอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับแจ็ค ผมจะรอดูก่อน บอยก็รับปากผม
 
                       ตอนนี้ผมเข้าอยู่ในห้องพัก โรงแรมของภาษญ์ ผมบอกลูกๆว่าจะกลับพรุ่งนี้ ภูมิบอกผมอยากจะคุยกับผม ผมเลยบอกให้มาโรงแรมของภาษญ์แล้วกัน  ทุกครั้งที่ผมมาพักชั้นที่ผมพักจะถูกล๊อกเอาไว้และมีแค่การ์ดของผมเท่านั้นที่จะยืนดูแลตั้งแต่ด้านหน้าประตูลิฟท์ ดังนั้นคนที่จะเข้ามาหาผมได้ก็จะต้องผ่านความเห็นของผมก่อน
 
                       “ภูมิ พี่ก็ไม่อยากปิดเรานะแต่ลูกชายเราเขายังไมพร้อมที่จะดูแลสิ่งนั้น ไม่ว่าจะบอยหรือแบงค์ก็ตาม พี่จะรอให้เขาทำให้พี่เห็นซะก่อนนะ” ผมพูดกับตัวเอง
 
                       “ตืด” เสียงมีคนใช้การ์ดรูดแตะประตู และประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ผมไม่ต้องหันไปมองว่าใคร ผมก็เดาได้ว่าเป็นภูมิ ทั้งที่ผมยืนหันหลังให้อยู่ ผมไม่จำเป็นต้องหันไปมอง ผมกำลังถอดพวกนาฬิกาข้อมือของผมออก นาฬิกาที่ภูมิซื้อให้ผม นานมากแล้ว ราคาไม่แพงในตอนนั้นแต่มันมีค่าสำหรับผม ผมจึงสวมใส่ไว้ตลอด
 
                       “หมับ” น้องชายที่ผมรัก ผมรักเขาเกินกว่าพี่น้อง
 
                       “อืมม” มาถึงก็กอดและซุกจมูกลที่ต้นคอขาวๆของผม
 
                       “ทำไมพี่ใจร้ายกับผมจังพี่ณะ..อืมมม” ภูมิพูดและผมก็หันกลับไปมองคนที่กอดผมจากด้านหลัง
 
                       “เราก็ยุ่งไม่ใช่เหรอ พี่..”ผมพูดและมองหน้าภูมิ จะว่าไปแจ็คนี้มันก็ได้ภูมิมาเหมือนกันนะ
 
                       “โจกลับไปแล้วเหรอภูมิ “ ผมถามถึงลูกชายคนโตของภูมิ
 
                       “เห็นบอกว่าจะไปกับอ้นและดิมนะ และพรุ่งนี้ผมก็จะบินกลับไปดูไบ “ ภูมิพูด ผมพยักหน้าแค่นั้น
 
                       “มีอะไรจะคุยกับพี่ละ” ผมถามภูมิ เอียงคอมองคนตรงหน้าดูซิว่าจะเจ้าเหล่อะไรอีก
 
                       “นอนคุยได้ไหมครับ” ภูมิพูดและมือเขาก็กำลัถลกเสื้อสูทของผม ผมก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไรนอนคุยกันได้ไหม ไม่นานเสื้อสูทก็กระเด็นไป และ
 
                       “อืมม...อืมมม.”ผมสองคนก็จูบกันอย่างเร้าร้อน มือทั้งคู่ก็ช่วยกันปลดกระดุมเสื้อผ้าของกันและโดยที่ปากยังไม่หลุดจากกัน ผมกำลังถูกดันให้ถอยหลัง ผมเหลียงหลังมองแวปหนึ่ง ภูมิกำลังดันผมให้ไปห้องนอน และไม่นานผมก็ชนเข้ากับของเตียงราคาแพงของโรงแรมและภูมิก็ดันผมให้นอนลง พร้อมกับขึ้นมาค่อมร่างผมไว้
 
                       “อ้าห์..ภูมิ ..”ผมกำลังโดนริมฝีปากนั้นฝังรอยจูบไว้ทั่วทุกอณูของร่างกาย ตอนนี้ภูมิปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมหมดแล้วเหลือแต่ถึงมันออกไปก็เท่านั้น มือของภูมิก็ปลดกางเกงแสลคเข้ารูปของผมและเขาก็ดึงมันออกไป ผมกระดกหัวมองภูมิ คนที่ยืนอยู่ที่ปลายเท้าของผม ภูมิกำลังถอดเสื้อผ้าตัวเอง ภูมิเป็นคนที่ดูแลตัวเองดี เล่นฟิตเน็ตมาตั้งแต่หนุ่มทำให้เขามีหุ่นที่เรียกได้ว่าเอาไว้ทมารใจสาวๆได้ทุกเพศทุกวัย ทำให้เขาขึ้นแทนพ่อหม้ายนักธุรกิจที่เป็นที่หมายตาของบรรดาสาว แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ฉายตามองใครแน่ๆนอกจากผม
 
                       “ มองแบบนี้ ยั่วผมเหรอพี่ณะ”ผมกำลังดันตัวเองขั้นกึ่งนั่งกึ่งนอนมองคนที่กำลังถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกไปและผมก็มองของผมเช่นกัน ภูมิคืบคลานเข้ามาหาผมและเขาก็ใช้มือถึงปราการชิ้นสุดท้ายออกไปที่ปลายเท้าเช่นกัน
 
                       “ทีเวลาภูมิถ่ายรูปลงปกซีอีโอ ละ ทำหน้าตาเซ็กซี่ จนสาวๆทั้วโลกอยากได้พี่ยังไม่พูดเลยนะ “ ผมพูดและคนที่ขั้นมาทาบทับผมก็ยิ้มให้ผมเหมือนช่นหน้าปกที่ผมบอกเขา และภูมิก็ก้มลงจูบผมมือไม้ก็ลูบไล้ไปทั่วเรื่อนร่างของผผม
 
                       “พี่ณะ ภูมิพร้อมแล้วนะ เมื่อไหร่พี่จะให้ผม..อืมมมดูแล พี่ซะทีละพี่ณะ..อืมมม..” ภูมิพูดและซุกไซ้ไปตามลำคอของผมและเลื่อนลงไปตามแผ่นอกและไล่ลงมาตามหน้าท้องของผม มันทำให้ต้องเกร็งท้องรอ
 
                       “ภูมิทำให้พี่ก่อนนะ “ ภูมิกระดกศรีษะขึ้นบอกผม เพราะว่าเขากำลังจะถึงจุดสำคัญของผมแล้วและภูมิก็ครอบปากลงไป
 
                       “อืมม”ผมถึงกับครางออมาและมือผมก็กดหัวภูมิเอาไว้ ให้เขาจัดการมันให้เรียบร้อยก่อน
 
                       “อะ..อ้าห์ ..ภูมิ..อืมม..พี่..เสียว..” ผมครางออกมาไม่ดังมาก ภูมิก็ยิ่งได้ใจใช้ปากดูดอย่างไม่ปราณีว่าผมจะดิ้นร้นต้านแรงกระเซ่าที่เขามองให้ผมมากแค่ไหน
 
                       “อ้าห์...อืมม..โอ้ว..อืมมมมม” และนั้นคือเสียงคราวลากยาวจากผม เพราะว่าผมได้ถึงฝังฝันไปแล้ว ผมรับรู้ได้จากร่างที่เกร็งจนกระตุกและพ่นน้ำรักออกมา และภูมิดีดตัวขึ้นมาหาผม
 
                       “ถึงเวลาของผมแล้วนะครับ พี่ณะ “ ภูมิพูดผมก็ยิ้มให้เขา ภูมิจัดการใช่แขนทั้งสองข้างช้อนเข้าที่ต้นขาของผมและยกมันขึ้น ผมก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่เรียกว่าความเป็นชายวัยสี่สิบส่วนผมนะห่างจากภูมิ ห้าปี ดังนั้นผมก็สี่สิบห้า
                       
                       “โอ้วว..อืมม..ภูมิ..ซี้ดดด” ผมส่งเสียงเมื่อภูมิได้สอดใส่แกนกายของเขาเข้าในร่างกายผมผ่านช่องทางรักพิเศษของเราสองคน และร่างกายผมก็เริ่มขยับขั้นลงไปมา ภูมิโน้มตัวเองเพื่อจูบปากผม และผมก็จูบเขากลับ เราสองแลกรสจูบที่เร้าร้อนไปตามประสบการณ์และอายุ มันเซ็กส์รุ่นใหญ่
 
                       “โอ้วว...พี่ณะ... โอ้วว..ซี้ดดดด ผมใกล้แล้วพี่ณะ “ แต่ขอ้เสียของรุ่นใหญ่นั้นคือหลั่งเร็วกว่ารุ่นหนุ่ม ไม่นานภูมิก็ปลดปล่อยความอุ่นของน้ำรักเข้าสู่กายผมจนหมด
 
                       “หมับ” คนที่สำเร็จความใคร่ก็หมอบตัวลงที่แผ่นอกของผมก่อนจะถอนสิ่งนั้นออกและพลิกตัวไปนอนด้านข้างของผม
 
                       “พี่ยังไม่ให้คำตอบผมเลยพี่ณะ “ ภูมิพลิกตัวเองมาเป็นนอนตะแครงและใช้แขนเท้ายันศรีษะตัวเองเอาไว้ เขามองผมเหมือนเขาต้องการคำตอบ
 
                       “ภูมิก็รู้ว่าพี่ยังไม่พร้อม “ ผมพูดและค่อยดันตัวเองให้ลุกขึ้น ผมหันไปมองภูมิ เขาทำหน้าเสียใจ เขาอยากดูแลผมในแบบที่ต้องการเปิดเผยให้สาธารณะรับรู้และคนที่เขาต้องการให้รับรู้เรื่องนี้มากที่สุดก็คือพี่หนึ่ง
 
                       “ภูมิ”ผมเรียกภูมิ ภูมิลุกขึ้นนั่ง และเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหยิบเอาเสื้อคุมมาสวมและส่งมาให้ผมหนึ่ง ผมก็รับมาและลุกขั้นสวมใส่เพื่อปกปิดร่างกายของผม
 
                       “ภูมิอย่าทำหน้าแบบนี้ซิ พี่ยังไม่พร้อมในตอนนี้ ลูกพี่ก็ยังเรียนไม่จบกันทุกคน และที่สำคัญที่สุดคือบอย “ ผมพูดกับภูมิ
 
                       “ก็ให้ผมช่วยดูแลไง และแจ็คก็ดูแลบอยได้ พี่ณะ”
 
                       “พี่ขอเวลาได้ไหม “ผมพูดกับภูมิ
 
                       “พี่หนึ่งเขายังไม่ไว้ใจแจ็คมากพอใช่ไหมพี่ณะ” ภูมิถามผม ผมก็มองหน้าภูมิ
 
                       “ก็ทำให้พี่หนึ่งเขาเห็นซิภูมิ บอกแจ็คให้เขาพยายามให้มากกว่านี้ และนี้ก็พากันเกเร พี่อยากเห็นเขามีความรับผิดชอบมากกว่านี้ภูมิ พี่เชื่อเขาทำได้ “ ผมพูดและมองหน้าภูมิ ภูมิพยักหน้าเบาๆ
 
                       “รีบกลับไหมละ อยู่กับพี่ซักคืนซิพี่กลับพรุ่งนี้ และนี้พี่เห็นภากับภีม มาพักที่นี้จะได้ไปทานอาหารเย็นด้วยกัน เราไมได้ทานอาหารด้วยกันนานแล้วนะ “ผมพูด ทำให้คนที่ยืนตรงหน้าหันมาอบยิ้มให้ผม
 
                       “ถ้าผมอยู่แล้วพี่จะให้ผม..เบิ้นหรือเปล่าเพราะว่าชดเชยที่พี่ชอบวิ่งหนีผม “ ภูมิพูด ผมก็กอดอกมอง นายนี้ได้คืบแล้วจะเอาศอกจริงๆเลย แต่ผมยอมรับว่าวิ่งหนีเขาจริงๆ เพราะว่ากลัวตัวเองใจอ่อน ก็ลูกชายคนตรงหน้าผมดันทำลูกชายผมท้องแต่ผมก็ต้องเลือกปิดเอาไว้ เพราะว่าแจ็คไม่ใช่คนที่ถูกเลือกและบอยก็รักแจ็คมาก และถ้าเรื่องนี้ถึงหูพี่หนึ่ง เขาคงเลือกทำอะไรสักอย่างและนั้นบอยกับแจ็คคงไมได้กลับมาเจอกันอีก และอีกเหตุผลหนึ่ง ผมอยากให้เขาพิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะดูแลบอยได้ เพราะถ้าเขาได้บอย นั้นคือหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ก็รอเขาอยู่เช่นกัน
 
                       “ถ้านายทำให้พี่เห็นว่าควรจะให้ ...ก็ดูก่อนนะ”ผมพูดและเดินหันหลังเข้าห้องน้ำไปแน่นอนคนที่ยืนอยู่ไม่รอช้าและตามผมเข้าห้องไปเช่นเดียว ไม่ต้องถามนะว่ามีเบิ้นไหมไม่เหลือ
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
         Part  พ่อภีมปภพVS พ่อภาณุเดช
                       หลังจากส่งลูกไปอยู่บ้านพักเพื่อจะได้ไปเป็นนักเรียนโรงเรียนของภาษญ์อีกครั้งตามคำสั่งของพี่หนึ่ง แม้ว่าผมเองก็เคยดื้อและต่อต้านในบางสิ่งที่มันควรจะเปลี่ยนมาตั่งแต่วัยหนุ่มและสิ่งที่ผมสู้รบปรบมือมาจนกระทั้งทุกวันนี้ก็คือแย้งคนที่ผมรักกลับคืนมา นั้นคือภีมปภพ เพราะว่าพี่หนึ่งรักภีมมาก รักในฐานะคนรักไม่ใช่คนที่ทำหน้าที่ดูแล แต่ก็ต้องขอบคุณในความรักที่มั่นคงของผมกับภีม มันทำให้ผมได้เขาคืนมา และมันกลับไม่จบแค่นั้น ความรักของดิวรุ่นลูกผม ก็กำลังจะเหมือนกับผมเช่นกัน เขาต้องสู้รบปรบมือเพื่อให้ได้คนที่เขารักที่สุดมา และไหนดิวจะเป็นคนที่พี่หนึ่งเลือกให้แต่งงานกับบอย เด็กๆเหล่านี้ถูกวางหมากไว้ตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเกิดแล้วด้วยซ้ำ แต่เอาเข้าจริงๆ แต่ละคนกลับต่อต้าน รวมถึงลูกชายตัวดีของผมด้วย ดิว  ดังนั้นผมจึงจะต้องทำให้เขาเข็มแข็งและมีความสมารถพอเหมือนๆกับผมเช่นกัน
 
                       “หมับ”ผมเข้าไปกอดภีมปภพ น้องชายที่ห่างจากผมแค่สามปี ภีมปภพเป็นมากกว่าน้องชายที่ผมรัก เขาเป็นคนที่ผมรักสุดหัวใจ ผมกับภีมแอบคบกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว ดังนั้นไม่ต้องถามว่าดิวมันซ่าเหมือนใครก็พ่อมันนี้แหละ
 
                       “อืมม..พี่ภา..ไม่..อาบน้ำ...ก่อนหรือไง “ภีมพยายามดันผมออก เพราะว่าผมกำลังซุกไซ้ฝังริมฝีปากไปตามต้นคอ ผมรู้ว่าเขาไมได้ห้ามผมจริงหรอก
 
                       “พี่ดูก็รู้ว่าอยากเล่นจั้มจี้กันก่อนค่อยอาบน้ำ..อืมม” พี่ไม่ได้กอดธรรดา มือก็เอื้อมไปปลดตะขอกางเกงแสลคและรูดซิบลง ผมหมุนร่างนั้นหันมาหาพร้อมกับประกบปากจูบภีมปภพทันที ภีมก็ปลดกระดุมเสื้อผมไปด้วย แถมยังปลดกางเกงผมไปพร้อมๆกัน แบบนี้เรียกได้ว่าอยากได้ก่อนอาบน้ำแน่ๆ
 
                       “พี่ภา!” ผมก็รู้เลยต้องทำยังไง อุ้มเลยแล้วกันไปห้องนอน ภีมเรียกชื่อผมเสียงหลง
 
                       “วางเลย แก่แล้วยังซ่าอีกเดี๋ยวก็ปวดหลัง วางภีมลงเดี๋ยวนี้!” เป็นห่วงอีกกลัวโยกไม่ไหวอีก เอาวางก็ได้
 
                       “เดินเอง ซ่าหนัก!” มาต่อว่าอีกนะ และผมสองคนก็พากันเดินเข้าห้องนอนไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้คงกระโจนขึ้นเตียง ตอนนี้สี่สิบสี่แล้ว ค่อยๆขึ้นแล้วกัน และผมก็ขึ้นไปค่อมร่างเล็กบางกว่าผม แม้ว่าความสุงจะพอกัน
 
                       “อืมม..พี่..ภา..” ผมมอบรสจูบที่ดูดดื่มให้กับคนเบื่องล่าง เล่นเอาส่ายไปมาแม้ว่ามันจะไม่ค่อยซู่ซ่าเหมือนรักวัยรุ่นก็ตาม ผมกับภีมเราแอบคบกันแอบได้เสียกันตั้งแต่ภีมยังอยู่มัธยมต้นอยู่เลย (ไม่ต้องถามเลยว่าดิวมันได้ใครมา)
 
                       “โอ้ว..พี่ภา...ซี้ด..อืมมม...”เห็นอายุขนาดนี้ ลีลาก็ไม่ได้ไปตามอายุ ยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม(เรียกว่ายังเตะปี๊ปดังอยู่) เพราะดูจากคนที่เบื้องล่างของผม ดิ้นส่ายไม่อยู่นิ่งขนาดนี้
 
                       “อืมมม...”ผมเริ่มใช้ปากฝังรสจูบไปจนถึงหน้าท้องที่แบนราบและค่อยๆลงต่ำไปเรื่อยจนถึงความเป็นชาย ไม่รอดแน่นอน ผมก็ใช้ปากจัดการมันซะแต่โดยดี ทำเอาคนที่นอนราบหายใจไม่เป็นจังหวะ ผมคิดว่าสักพักคงต้องขึ้นไปผายปอดต่อ
 
                       “อืมม..ซี้ด..อืมม” ภีมกดหัวผมไว้ไม่ยอมให้เงยเลย จนผมต้องจับมือและปล่อยสิ่งนั้นให้เป็นอิสระก่อน
 
                       “ภีมพี่รู้ว่าพี่ทำเก่งนะ แต่ว่าอย่ากดแน่นขนาดนี้ซิภีม พี่จะตายคาของรักของภีมซะก่อน” ผมพูดภีมก็กระดกหัวขึ้นมอง และขำผมด้วยนะ และผมก็กลับไปจัดการที่ชี้หน้ารอการกำราบจากคุณหมอที่เชี้ยวชาญเรื่องสูตินารีเวชและไม่ได้ชำนาญแค่ของผู้หญิงนะ ของผู้ชายผมก็ชำนาญ ชำนาญมากกว่าด้วย
 
                       “พี่ภา..อืมม...ไม่ไหวแล้ว..อ้าห์”ไม่ชำนาญได้ไง ไม่ทันไรชิ่งไปซะแล้ว
 
                       “ถึงคิวพี่บ้างแล้วนะ” ผมพูดและภีมก็คงรู้ดี เขาก็กระดกตัวขึ้น กึ่งนั่งกึ่งนอน ก่อนจะปฏิบัติกันภีมหันไปหยิบหมอนมาหนุนสะโพกและผมก็จัดการเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงช่องทางรักของภีม ก่อนจะปฏิบัติรักก็ต้องเอาเจลมาทาให้มันหล่อลื้นซะก่อนและจัดการนำสิ่งนั้นสอดใส่เข้าไปทันที
 
                       “อืมม..ห่างหายไปหลายเดือนนะ..รู้สึกว่า..ฟิตไปนะ ..อืม” ผมพูดภีมเหล่ตามองผมและเงยหน้าหนีหลับตาพริ้ม ผมเองก็โยกเบาๆ และหนักขั้นเมื่อภีมเริ่มจับไหล่ผมบีบแรงขั้น แรงขั้น แรงโยกก็แรงตาม ไม่นานก็ไปถึงสวรรดิ์ชั้นเจ็ด
 
                       “จ๊วบ!!” ผมจูบคนที่นอนราบที่บนที่นอน ตาก็มองสายตาคู่นั้น
 
                       “พี่ภา..พี่มีอะไรปิดผมหรือเปล่า”ภีมถามผม
 
                       “แล้วภีมคิดว่าพี่มีอะไรจะปิดภีมละ” ผมเอาแขนตั้งรับศรีษะไว้ ขณะที่นอนตะแครงคุยกับภีมปภพ     
 
                       “ภีมไปได้ยินอะไรมาเหรอ..บอกพี่ซิ” ผมถามคนที่หันมามองผม แววตาคู่นั้น มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ภีมยังอยู่ม.ต้น และผมก็อยู่ม.ปลาย แม้ว่าเราจะห่างกัน 4 ปีก็ตาม
 
                       “ก็...ไม่มีนิ แค่ลองถามพี่ดูเพื่อว่าพี่มีอะไรจะบอกภีม” ภีมปภพพูด และหันหน้าหนี
                       
                      “แน่ใจเหรอภีมว่าแค่ลองถามพี่ ภีมเองยังไม่กล้าถามพี่ตรงๆเลยนะ “ ผมพูดภีมหันมามองหน้าผม
 
                       “ว่าแต่ มีต่อไหม พี่คิดถึงอ่ะ ไม่ได้...มาหลายเดือนเลยครั้งปีดีกว่าที่ไม่ได้เจอภีม “ผมถามที่เอาแขนดันเองไว้
 
                       “ปึก” หันไปหยิบหมอนมาปาใส่ผมแบบนี้ เดายากเลยครับ ว่าโอหรือไม่โอ
 
                       “ชวนพี่ณะกับพี่ภูมิไปหาอะไรทานกันดีกว่าเราไมได้มีโอกาสแบบนี้บ่อยนะพี่ภา” ภีมปภพ พูด ผมพยักหน้าว่าได้ซิ ผมก็ลุกขึ้นและหันไปยื่นมือ นั้นคือคำชวน จะได้ไปอาบน้ำกัน และก่อนจะไปอาบน้ำก็หยิบมือถือขั้นมาโทรหาพี่ชายซะก่อน
 
                       “พี่ณะ ลงไปหาอะไรทานกันไหมพี่ ผมจะได้ให้เขาจัดห้องอาหารรอ” ผมโทรหาพี่ชายคนโตอายุห่างจากผมสองปี
 
                       “พี่ก็เพิ่งจะคุยกับภูมิอยู่นะว่าจะชวนเราสองคนอยู่พอดีเลย ถ้าอย่างนั้นพี่บอกคนของพี่แล้วกันว่าจะให้ลงไปจัดห้องอาหารไว้สำหรับเราสี่คน ส่วนภาษญ์นะกลับกรุงเทพนะ เพราะว่าพี่สามมาหามันที่กรุงเพท” พี่ณะพูดบอกผม ผมไปพยักหน้ากับภีม และยักไหล่ให้ไปรอในห้องน้ำเลยเดี๋ยวตามเข้าไป และไม่ต้องถามว่ามีต่อไหม มีแน่นอน โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อย เพราะว่าอายลูกเหมือนกันถ้าจะสวีทเหมือนพวกลูกๆทำ
หัวข้อ: (รีไร้)(MPreg) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(พิเศษพ่อๆก็รักกันมาก่อน)2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-09-2020 19:44:29
       ผมชื่อภาษญ์ เป็นพ่อของบ้านตอเต่า วันนี้ผมไปส่งลูกชายตัวแสบ ติ๊ก ให้ไปช่วยแก้ปัญหาที่โรงเรียนขอบผม ซึ่งลูกบุญธรรมของผมที่ชื่อพัฒน์ถูกส่งไปก่อนแล้ว พัฒน์เขาอาสาไป แม้ผมจะบอกว่าไม่ต้องก็ตาม พัฒน์พยายามจะทำให้เหมือนว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่พิเศษไปกว่าคนอื่น พัฒน์คือลูกชายของการ์ดคนหนึ่งของผมและเขาได้เอาชีวิตเพื่อช่วยผมตอนที่ผมถูกปองร้าย และเขาก็เสียชีวิตลง ตอนนั้นพัฒน์เพิ่งจะไม่กี่เดือนเองและภรรยาของเขาก็ไม่มีกำลังทรัพย์พอจะเลี้ยงดูเขาอยากจะไปแต่งงานใหม่ ผมก็เลยเลี้ยงพัฒน์มาพร้อมๆกับต้าร์ รักเหมือนลูกแท้ๆของผมเช่นกัน

      “ตุ๊ ...จะไปช่วยพัฒน์เมื่อไหร่ละ” ผมถามตุ๊ ลูกชายคนโต ตุ๊เงยหน้ามองผมผ่านกระจกมองหลัง วันนี้ตุ๊ทำหน้าที่คนชับรถให้ผมเองพาน้องชายไปส่ง

      “ผมว่าจะรอสักอาทิตย์สองอาทิตย์นะครับพ่อ และรอดูว่าน้องๆจะทำอะไรได้บ้างหลังจากที่เข้าไปเป็นนักเรียนแล้วนะพ่อ “ ตุ๊พูด ผมก็ยิ้มๆ ผมรู้ว่าตุ๊มันคิดยังไงกับพัฒน์แต่มันคงติดที่ว่าพัฒน์คือลูกบุญธรรมผมด้วย

      “อย่าทิ้งให้พัฒน์แก้ปัญหาคนเดียวละ เข้าใจไหมตุ๊” ผมพูดบอกตุ๊

      “ครับพ่อ ผมจะเคลียร์งานที่กรุงเทพ และรีบไปหาพัฒน์ด่วนที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้พ่อ “ ตุ๊พูด ผมพยักหน้าว่าดี และรถคันหรูของผมก็ขับมาจอดที่ชั้นของผู้บริหารโรงแรมหรูในกรุงเทพ ผมมาเพราะ คนพิเศษผมเขาจะมาทำธุร เลยอยากให้ผมมาหาเขา ผมยอมรับว่าผมกับเขาพิเศษต่อกันจริงๆ แต่ผมยังไม่กล้าพาเข้าบ้าน ทั้งทีลูกๆก็รู้กันหมดแล้วว่าผมกับเขาเป็นอะไรกัน

      “ตุ๊ พ่อไม่กลับบ้านนะ ดูแลน้องๆด้วย”ผมบอกตุ๊และเดินลงจากรถ การ์ดที่ดูแลคนของเขาก็เดินมาและผมก็เดินเข้าไปด้านใน

      “คุณสามละ” ผมถามการ์ดพี่สาม

      “อยู่ด้านในแล้วครับท่าน”

      “ขอบคุณ” ผมพูดและเดินไปขึ้นลิฟท์ ที่เอาไว้สำหรับวีไอพี จะไม่มีคนอื่นมาใช้ปะปนเป็นอันเด็ดขาด ผมเข้าไปในลิฟท์และกดไปชั้นประจำที่พี่สามมาพักเรียกว่าชั้นประจำของผมกับเขาก็ว่าได้ ตอนแรกก็ว่าจะอยู่กับพวกพี่ๆผมซักหน่อย

      “ตื้ด” ผมใช่คีย์การ์ดประจำตัวเข้าไปในห้อง ก็เห็นหนุ่มในเครื่องแบบทหารยศสูงสุดกำลังนั่งคุยกับลุกชายคนเล็ก ชื่อสรจักร

      “ได้ครับป๊า “

      “และอย่าซ่าให้มาก พวกเพื่อนมึงด้วยจักร เบาๆหน่อย อย่าทำให้เขาเห็นว่าพ่อมึงใหญ่แล้วมึงจะซ่าไปทั่วไปโดยไม่โดนทำโทษนะมึง ถ้ามึงโดนมากูจัดมึงหนักนะจักรนะ”พี่สามกำลังเอ็ดลูกชายคนเล็ก

      “อ้าวมาแล้วเหรอ ภาษญ์” พี่สามหันมามองผมและส่งยิ้มมาให้

      “หวัดดีครับอา” สรจักรยกมือไหว้ผม เขาเรียกผมว่าอา ผมก็ยกมือรับไหว้ทันที

      “ไปได้แล้วจักร “

      “ทำไมอะพ่อ พ่อจะ...”

      “ทะลึ้งไป!” พี่สามไล่สรจักรให้ลุกไปทันที

      “ผมไปก่อนนะครับอา ดูท่าพ่อผมจะ..”

      “อะไร” ผมถามลูกชายตัวดีพี่สาม

      “ปึก” หมอนอิงจากที่นั่งลอยมาปะทะหัวลูกชายคนเล็กของพี่สาม
   
      “ป๊า ปาทำไมเนี๊ยะ” สรจักร

      “ไปได้แล้ว!! โทรหาพี่มึงด้วยไอ้อธิคมนะ” พี่สามพูดและผมก็เดินมานั่ง

      “อธิคมมาด้วยเหรอพี่สาม”

      “มาพาเป้ไปนอนบ้านเขาไง “ พี่สามพูด ผมพยักหน้า เป้คือน้องชายผมและเป็นแฟนอธิคม  เป็นเพราะว่าเป้มันเกเรหนักมากและมีปัญหาเรื่องชู้สาว ก็เลยส่งไปอยู่กับพี่สามสักพักและได้เรื่องเลย

      “ไม่เอานะ อธิคมมันก็ดูแลน้องชายเราดี ไว้ใจมันเถอะนะ ถึงแม้จะเจ้าชู้ตัวพ่อแต่ตอนนี้มันเชื่องยิ่งกว่าลูกแมว”

      “เหมือนพ่อเขาใช่ไหมละ” ผมนั่งไขว่ห้างมองพี่สาม

      “จะให้เชื่องก็ต้องมีอาหารมาล่อนะ “พี่สามกระเทิบเข้าใกล้ผม และเอานิ้วมือมาไต่ที่แขนผม แก่แต่ยังหื่นไม่ลดละบ้างเลย

      “เปรมดิ์อยู่ไหนเนี๊ยะ” พี่สามถามผมพร้อมกับกระเทิบเข้ามากอดเอวผมและเอาจมูกมาซุกไซ้ที่ต้นคอของผม ผมหันไปมองหน้าพี่สามว่าถามถึงเปรมดิ์มีอะไร

      “มีอะไรพี่สาม” ผมถามพี่สาม

      “ไอ้สี่มันบอกว่าเปรมดิ์มีเรื่องผิดใจกับมัน มันเลยตามพี่มาง้อเมียมัน”พี่สามบอกผม ผมหันไปมองเพราะว่าเปรมดิ์ก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเรื่องนี้ แต่ก็ยังว่าแหละนี่แสดงว่าพี่สี่ไปหาเรื่องอะไรมาน้องชายผมอีกแล้วแน่ะๆ พี่สี่ค่อนข้างเจ้าชู้ ตอนแรกผมคัดค้านกัน แต่พี่สี่ก็ตามตื้อจนมันใจอ่อนนั้นแหละ

      “ก็อยู่ห้อง...”ผมพูดและมองหน้า

      “พี่ว่าไอ้สี่มันน่าจะหาเองได้อยู่นะ ว่าแต่...เรามาหาอะไรทำกันดีกว่าไหม จ๊วบ” พี่สามรวบด้วยแขนข้างเดียวและอีกข้างก็จับใบหน้าผมพร้อมกับจูบปากผม ผมก็พลิกหันไปหาเขา เราสองคนจูบกัน อย่างเร้าร้อน ผมยอมรับว่าเรื่องบนเตียงพี่สามเหมือนกับวัวหนุ่ม ทีดู่คึกและมันก็เร้าใจ ผมพลิกไปนั่งค่อมปากก็ยังจูบกันอยู่แบบนั้น

      “เอาตรงนี้เลยเหรอ ไม่กลัวลูกเผลอเปิดประตูมาเจอหรือไง” พี่สามถามผม  ผมก็พยักเพย้อว่าไปที่ห้องดีกว่า  และผมก็ลุกขึ้นและพี่สามก็ลุกตาม ผมสองคนกอดรัดกันไปมาจนไปถึงเตียงนอน และร่างผมก็ถูกดันให้ลงที่เตียง พี่สามก็ขึ้นมาค่อมผม มือไม้พี่สามก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าผมและผมก็ปลดกระดุมเสื้อผ้าพี่สาม ไม่นานเสื้อผ้าของผมทั้งคู่ก็หลุดออกไปจนหมด

      “ใช้ปากเล่นกับของเล่นพี่ไหมครับ “ พี่สามกระซิบ ผมเข้าใจดีว่ามันหมายถึงอะไร ผมก็พลิกตัวเองและพี่สามก็ กระเทิบเข้าไปกึงนั่งกึ่งนอน ผมก็ก้มมองแกนกายของพี่สามที่มันชูชันรอรับการหยอกเย้าจากผม  ปากผมก็คอบสิ่งนั้นไว้ ไซ้ใหญ่เกินมาตราฐานนั้นเข้าไป ผมใช้ลิ้นดุลวนไปอย่างคุ้นเค้ย พี่สามก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขกับการปรนเปรอของผม  อันที่จริงพี่สามไม่ใช่ผู้ชายที่ผมหลงรักแต่คนที่ผมหลงรักคือพี่ชายคนที่สองของผม และพอผมอกหัก ผมก็ไปอยู่พักรักษาใจ ที่ค่ายของพี่หนึ่ง และนั้นก็ทำให้ผมกับพี่สามได้รู้จักกันมาขึ้นและเราก็มีอะไรกัน จนมาถึงปัจจุบัน

      “โอ้วว ..พี่สาม..เบาหน่อยซิ ..โอ้ววว” ตอนนี้ผมกำลังถูกพี่สามรุกล้ำช่องทางรักแบบกระหน่ำไม่ยั้งไม่นานพี่สามก็สุขสมอารมณ์หมาย และพี่สามก็พลิกตัวลงไปนอนแผ

      “หมับ” พี่สามดึงผมเข้าไปกอด

      “นี้ไปส่งเด็กๆมา เป็นไงกันบ้างละภาษญ์” พี่สามถามผม

      “ก็งอแง โดยเฉพาะติ๊ก พี่ก็รู้ว่าเด็กรุ่นนี้เริ่มไม่ต้องการให้ใครมาบ่งการเขามากแล้วนะพี่สาม ถึงแม้ว่าพี่หนึ่งจะบอกพวกผมแล้วก่อนที่จะมีพวกเขาว่าเขาต้องการเด็กรุ่นนี้ และเขาได้วางหมากไว้หมดแล้วก็ตามว่าใครทำอะไร ยังไง” ผมพูด พี่สามก็บีบต้นแขนผม

      “ แต่ว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นขัดใจพี่หนึ่งที่สุดใช่ไหม หึๆ”  พี่สามพูดและยังขำเลย

      “อย่าว่าแต่รุ่นลูกภาษญ์เลย ไอ้จักรมันก็ดื้อพอกันนะ” พี่สามพูด ผมก็พยักหน้า

      “ผมเองก็ไม่เคยบังคับลูกมาก่อนพี่สามพี่ก็รู้” ผมพูด

      “เอานะ พี่เชื่อว่าที่พี่หนึ่งต้องการมันจะดีสำหรับพวกเขา เอาไว้เขาโตขึ้นมา เป็นเหมือนรุ่นๆพวกเรา เขาจะเข้าใจ ภาษญ์พูดไปตอนนี้ก็ไม่เข้าใจหรอกเด็กรุ่นนี้ค่อนข้างที่จะมีความคิดเป็นของตัวเองเยอะกว่าทุกรุ่นนะพี่ว่าและ ยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ด้วยนะภาษญ์ พวกเราก็ทำได้คือค่อยดู แต่พี่เชื่อว่าพวกเขาจะดูแลองค์ของเราได้” พี่สามพูด ผมก็พยักหน้าว่าคงต้องตามนั้นแหละ ผมก็จัดการเข้าห้องน้ำอาบน้ำ พี่สามก็ตามไปแบบโทงๆเลยนะ ใครกันแน่ที่ไม่อายเลยและถ้าลุงเข้ามเห็นละ ผมหันไปมองหุ่นพี่สามไม่เหมือสนคนที่อายุจะขึ้นหลักห้าเลยนะ สี่สิบหกแล้ว ยังมีซีกแพ็คเหมือนรุ่นๆอยู่เลย ยิ่งสวมชุดเครื่องแบบยิ่งดีสมาร์ทมาก จนสาวๆรุ่นใหญ่แอบชายตาไม่รู้กี่คน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   
เปรมดิ์ VS  พี่สี่
   ผมเป็นพ่อของบ้านพ.พาน บ้านผมก็มีลูกทั้งหมด 6 คน  คนโตแพท คนนี้เพิ่งจะจบนายร้อยและได้ไปฝึกมาแล้วทุกหน่วยเช่นกัน ตอนนี้ติดยศ ร้อยเอก  และคนที่ สองพีช พีชอ่อนกว่าแพทไม่ถึงปี เพราะว่าเป็นลูกหัวปีท้ายปี พีชเพิ่งจะจบและกำลังจะไปฝึกแรงเจอร์  คนที่ สามพันญ์ ตอนนี้พั้นญ์กำลังเรียนแพทย์ปี 4  คนที่ สี่ พ๊อช คนนี้กำลังเรียนคุรุศาสตร์ ปี 3 และคนที่ห้า พอล กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง เภสัชกร และคนเล็กสุด พาย คนนี้คือความหวังของพี่หนึ่ง เขาต้องการให้พายเป็นหมอ และหมอเกี่ยวกับโรคหัวใจ เพราะว่าพายเรียนเก่งมาก ผม มีลูกเหมือนที่พี่ๆผมทำ มีคนอุ้มบุญให้ แถมผมยังมีแฟนเป็นพี่ชายที่เคยช่วยพี่หนึ่งดูแลผมตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย นั้นคือพี่สี่ ตอนแรกผมก็ไม่อยากได้ผู้ชายคนนี้หรอก เพราะว่าเจ้าชู้ที่สุด รักๆเลิกๆมากไม่รู้กี่ครั้ง และล่าสุดนี้ก็เอาอีกแล้ว จากที่หายไปหลายปีนึกว่าจะเลิกแล้วเชียว

      “พ่อ...เรากลับเมื่อไหร่อะพ่อ” ผมตามพี่ชายมาพักที่โรงแรมหรูของพี่ภาษญ์ กับพีช ก็วันนี้ผมไปส่งพาย ไปเรียนมัธยมใหม่อีกครั้ง ก็เพราะว่าดันหลวมตัวไปซ่ากับพกวแจ็ค จนได้เรื่อง ตอนแรกผมก็คัดค้านนะเพราะผมอยากให้พายไปเรียนมหาวิทยาลัยเลย แต่พี่หนึ่งบอกว่ายังไงพายก็ต้องไป  บางทีผมก็รู้สึกเหมือนพายไม่เป็นตัวของตัวเอง พายต้องเรียนพิเศษมากมาย เพราะว่าเขาถูกเลือกให้เป็นหมอและอยากให้เป็นหมอโรคหัวใจ มันทำให้เขาต้องเสียเวลาส่วนตัวไปกับติวเตอร์

      “พีช  พ่อว่าเก็บของเลย กลับเลยดีกว่า” ผมหันไปบอกลูกชายคนที่สอง ผมรู้สึกเป็นหวงลูกชายอีกสองคนที่บ้านยังไงก็ไม่รู้ พอลนะขอไปพักทีใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนซึ้งมันอยู่คนจังหวัดกับที่ผมอยู่ แต่ที่อยากรีบกลับเพราะว่าผมกำลังโกรธใครสักคนอยู่

      “กลับเลยเหรอพ่อ” พีชหันมาถามผม

      “กลับเลยพีช เดี๋ยวพ่อไปเก็บของในห้องก่อนนะ” ผมพูดและเดินไปเข้าห้องนอนอีกห้อง ผมจัดการเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า ผมเดินทางมาด้วยเครื่องบินส่วนตัว ดังนั้นจะกลับตอนไหนก็ได้ ขณะที่ผมกำลังยืนจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ ผมก็รู้สึกว่ามีคนเดินย่องๆเข้ามาด้านหลังผม ผมว่าไม่ใช่ลูกผมแน่  ผมก็ยังคงยืนจัดกระเป๋าตัวเองต่อไปแต่ค่อยๆย่องไปใกล้ๆกับโคมไฟ

      “ฟั๊บ” ผมคว้ามเอาโคมไฟจะฟาดคนที่มาเยือนด้านหลังผม แต่ว่าเขากับรับไว้ได้ทัน ซะก่อน และคนนั้นก็เป็นพี่สี่

      “พี่สี่” ผมหันมาเจอหน้า

      “ใช่ ..พี่บอกว่าให้รอพี่ไง ..และนี่จะจัดกระเป๋ากลับเลยเหรอเปรมดิ์

      “ใช่..เปรมดิ์จะกลับเลย ..และพี่จะมาทำไม เปรมดิ์บอกว่าเราเลิกกัน พอแล้ว..เปรมดิ์พอแล้ว เปรมดิ์เบื่อ” ผมพูดและพี่สี่ก็ดึงคว้าโคมไฟออกไปจากมือผม

      “เปรมดิ์ พี่ไมได้มีอะไรกับ..เขา ...พี่บอกพี่หยุดแล้วก็คือหยุด “ พี่สี่พูด ผมหันไปมองว่าผมไม่เชื่อ
      “ผมจะกลับแล้วพี่สี่” ผมพูดบอกพี่สี่

      “จะรีบไปไหนละ อยู่กับพี่ก่อน มาให้พี่ง้อเลย “ พี่สี่พูด และเข้ามาขวางผม

      “ไม่เอา ลูกผมอยู่”

      “ไม่อยู่แล้ว พี่บอกขอเวลาง้อพ่อมันหน่อย มันเพ่นเลย มันบอกไม่อยากได้ยินเสียงรุ่นใหญ่เขา
อิบๆกัน” พี่สี่พูดผมหันหน้ามามองนี้ให้พีชมันออกไปเหรอและลูกตัวดีก็ทำตามพี่สี่ผมอีกนะ ผมถึงกับต้องวางกระเป๋าเดินทางลง พี่สี่เข้ามากอดผม

   “เชื่อพี่ซิ พี่ไม่เหลวไหลแล้ว ยอมรับว่าที่ผ่านมา แต่ ตอนนี้ไฟมอดหมดแล้ว เมื่อวันก่อนที่เห็นนะ เขาแค่มาคุยเรื่องลูกๆ กับพี่และพี่กับเขาก็จบกันไปนานแล้วนะเปรมดิ์ ตอนนี้ทำหน้าที่แค่พ่อกับแม่ “ พี่เปรมดิ์พูดบอกผม ผมหันไปเหล่มอง ผมก็ต้องถอนหายใจ ผมยอมพี่สี่อีกแล้วใช่ไหม  พี่สี่มีภรรยาสองคน คนแรกมีลูกแค่คนเดียวคนนี้ไปซ่ามาและทำเขาท้องตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่มเรียนไม่จบ ชื่ออู๋ และภรรยาอีกคนคนนี้แต่งงงานกันทั้งที่ยังมีผมเช่นกัน ตอนนั้นผมก็จำใจยอมให้เขา และเขาก็มีลูกกัน ทั้งหมดหกคน ทิค แทค ราฟ  ไทม์  ริวและฐา เป็นคนสุดท้อง คนโตแก่กว่าแพท สองปีและคนที่สองก็แก่กว่าปีกว่า เพราะว่าทิคกับแทคเป็นลูกหัวปีท้ายปี  ราฟ รุ่นเดียวกับแพทและพีช ส่วนไทม์นี้เป็นรุ่นเดียวกับพั้นญ์ และริวก็รุ่นเดียวกับพ๊อช ส่วนฐานี้รุ่นเดียวกับพาย แต่ก่อนผมกับพี่สี่ก็แอบคบกัน ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ผมก็ไม่พร้อมจะเปิด พี่สี่เพิ่งจะมาเปิดเผยเรื่องของผมกับเขาไม่นานมานี้แต่พี่สี่เขาแยกทางกับภรรยาเขาหลายสิบปีแล้ว เขาแค่ต้องการมีลูกและภรรยาเขาก็ไปแต่งงานใหม่เรียบร้อยแล้ว เท่าที่ผมทราบ ส่วนลูกๆเขาก็ไปๆมาๆและตอนนี้ก็อยู่กับพี่สี่ทั้งหมดแล้ว ส่วนครอบครัวผมกับพี่สี่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน โดยเฉพาะเด็กๆ แต่ลูกพี่สี่ก็ทราบเรื่องของผมกับพี่สี่มาได้พักใหญ่แล้ว น่าแปลกที่พี่สี่เข้ากับลูกๆผมได้ดี ยกเว้นแพท แพทเขาเห็นพฤติกรรมพี่สี่มานานก็คงจะยากสำหรับเขาหน่อยส่วนคนอื่นก็เรียกพี่สี่ว่าป๊ากันหมด  แต่แพทนี้ผมคิดว่าต้องใช้เวลาพอสมควร

   “พี่สี่  พายทำท่าจะไม่อยากเรียนหมอนะพี่ “ ผมพูด ผมลุกขึ้นจากเตียงเพื่อสวมเสื้มคลุม ผมกับพี่สี่เราเพิ่งจะเสร็จสิ้นภารกิจบนเตียง  ผมหันไปมองพี่สี่ที่ยังคงนอนดูข่าวเหตุบ้านการเมืองบนเตียงนอน สวมแค่เสื้อคุมหันมามองผมเช่นกัน

   “ถ้าไม่อยากเรียนพี่จะลองคุยกับพี่หนึ่งให้แล้วกันนะ พี่ว่าถ้าเขาไม่อยากก็น่าจะบังคับ พี่สงสารพาย พี่ก็รักพายเหมือนลูกพี่นะเปรมดิ์” พี่สี่พูด ผมหันมามองพี่สี่ พี่สี่เป็นน้องชายแท้ๆของพี่หนึ่งก็จริง และผมเองก็ไม่อยากให้พี่สี่ทะเลาะกับพี่หนึ่งเพราะผมเลย มันดูไม่ดี

   “ขอเปรมดิ์ถามพายดูอีกทีแล้วกันพี่สี่ “

   “มานั่งใกล้ๆพี่ซิ ไม่ได้เจอกันตั้งเดือนกว่าๆ ไม่คิดถึงพี่หรือไง” พี่สี่ถามผม พี่สี่พูด ผมก็นั่งลงบนที่นอนข้างๆ พี่สี่โอบผมเข้าไป

   “เปรมดิ์    จดทะเบียนสมรสกับพี่ไหม” พี่สี่ถามผมขึ้นดื้อ ผมหันไปมอง

   “ก็พี่หย่ากับคุณมลฤดีนานแล้ว พี่ว่าพี่ควรจะให้สิทธิ์กับเปรมดิ์ เพราะความจริงเปรมดิ์มาก่อนเขาซะด้วยซ้ำและตอนนี้เขาก็กฏหมายก็ยอมรับให้เราจดทะเบียนกันได้แล้ว “ พี่สี่บอกผม

   “ไม่เอาดีกว่าพี่สี่ พี่ๆผมยังไม่จดกันเลยนะ”

   “ทำไมละ ไอ้ครั้นจะให้ไปขอแต่งงานก็คง”

   “ไม่เอาแน่นอน พี่จะให้ผมไปเข้าพิธีแต่งงานกับพี่ตอนนี้นี้นะ แก่เกินไปแล้ว อยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนิ “ ผมพูดพี่สี่มองหน้าผมยิ้มๆ
   
   “ก็อยากให้สิทธิ์เมีย และจะได้เลิกน้อยใจพี่ ตอนนี้พี่แก่แล้ว ง้อไม่ค่อยไหวเหมือนเมื่อก่อนนิเปรมดิ์ ถ้าเมื่อก่อนนะ ยิ่งงอนยิ่งง้อ พี่ชอบ” พี่สี่พี่จอมหื่นของผม

   “นะ จดทะเบียนกันและเพื่อว่าพี่เป็นอะไรไป อย่างน้อย พี่จะได้แน่ใจว่าเปรมดิ์และลูกๆ ของพี่และเปรมดิ์มีคนดูแล “ พี่สี่พดผมหันไปปิดปากแทบจะไม่ทัน ต่อให้พี่สี่เจ้าชู้แค่ไหนผมก็คงทำใจไม่ได้

   “อย่าพูดอีก ผมขอ” ผมพูดพี่สี่หันมายิ้มให้ผม

   “แล้วนี้ไม่กลับแล้วใช่ไหม อยู่กับพี่ พรุ่งนี้กลับพร้อมกัน “ พี่สี่พูดผมก็คงต้องยอมตามนั้นแหละ

   “พี่สามอยู่กับภาษญ์นะ “ พี่สี่พูด ผมหันไปมองหน้า

   “พี่ภาษญ์รู้ว่าพี่มาและพี่ก็บอกไม่ให้บอกผมใช่ไหมพี่สี่”

   “ถ้าบอกนี้ก็จะหนีพี่ใช่ไหมละ มุขนี้ใช้ประจำ แต่พี่ก็ง้อทันประจำ ไม่ใช่เหรอ”

   “เบื่อจริงๆ คนรู้ทันตลอด สงสัยผมต้องเปลี่ยนมุขอื่นดูบ้างถ้าพี่ทำอีก” ผมหันพูด

   “และผมอยากให้พี่เลิกเจ้าชู้จริงๆ เพราะว่า แพท ผมอยากให้แพทเขาเชื่อใจในตัวพี่มากกว่านี้พี่สี่” ผมหันไปพูดกับพี่สี่ พี่สี่ยิ้มให้ผม

   “รอให้แพทไปประจำการที่ฐานพี่ก่อนนะ พี่จะคุยกับเขาเอง “ พี่สี่พูด ผมพยักหน้าแค่นั้น  เมื่อก่อนความรักผมไมได้หวานชื้นหรอกนะ มีรักมีเลิก ไม่ได้มีหลายคนหรอกครับ มีแค่พี่สี่นี้แหละ พอทะเลาะกันก็เลิก และก็มาดีกันอยู่แบบนี้ตั้งแต่ผมยังไม่มีลูก จนผมตัดสินมีลูกเหมือนที่พี่ๆผมทำกัน ผมอยากมีทายาท ส่วนพี่สี่นะเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งแต่ก็ยังคงคบผมอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเราสองคนจะต่างคนต่างอยู่ก็ตาม แฟนของพี่สี่เขาก็ดี เขาไม่มาก่าวกายอะไรกับผม และผมก็ไม่ก่าวกายเธอเช่นกัน จนสุดท้ายพี่สี่บอกว่า คุณมลฤดีขอหย่าขาดแต่ยังคงทำหน้าที่พ่อแม่แค่นั้น ผมเองยังเคยไปทานอาหารกับคุณมลฤดีบ้างในฐานะแฟนของพี่สี่ แต่มันก็ไม่ได้สนิทใจจนถึงขั้นปรองดองกันซะทีเดียว
หัวข้อ: (รีไร้)(MPreg) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-10-2020 13:38:28
กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP1 
 
Part แจ็ค
        ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ และปกติผมจะต้องออกกำลังกาย บอดี้เวทเบาๆ แต่ว่าวันนี้ไม่อยากลุกเลยอยากกอดเขาแบบนี้นานๆ เพราะผมมไม่รู้จะมีอะไรมาพลากเขาไปจากผมอีกไหม เด็กผู้ชายที่ผมเคยสวมกอดเขาทุกวันก่อนที่เขาจะหายไป และตอนนี้เขาก็กลับมาหาผมแล้ว การหายไปมันทำให้ผมรู้สึกกลัว
 
                       “แจ็ค ตื่นได้แล้วเราต้องเครียมตัวไปแล้วนะครับ” คนที่ผมกอดเขาไว้จากด้านหลัง ผมไม่อยากปล่อยเขาไปเลย
 
                       
                       “แจ็ค” บอยขึ้นเสียงกับผมนิดหน่อย แต่เสียงก็ยังหวานน่าฟังอยู่ดี
 
                       “ก็บอยอยากกอดไว้แบบนี้นานๆนี่ครับ” ผมพูดและ หรี่ตามองบอย ดูซิ คนอะไร เพื่งตื่นนอนยังดูดีขนาดนี้ถ้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะดูดีขึ้นขนาดไหน 
 
                       “ตื่นได้แล้ว” บอยพูดและลุกขึ้น พร้อมกับคว้าเช็ดตัวเพื่อเข้าห้องน้ำ ผมก็จะรออะไรครับ รีบคว้าตามเข้าไปทันที
 
                       “แจ็ค! เข้ามาทำไม แจ็คควรจะรอ”
 
                       “ไม่รอละไปต่อกันเลย “ 
 
                       “ปัง” เสียงประตูห้องน้ำปิดลง ไม่ต้องบอกว่าทำอะไรกันในห้องน้ำ เช้าไปรู้แต่ไม่แคร์ ฮาๆ เสียงสายน้ำจากฝักบัวและคนสองคนที่อาบน้ำด้วยกัน ร่างกายที่เปลือยเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรกันหรอกครับ แค่กอดกันอยู่ใต้ฝักบัว นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ทำแบบนี้ ได้สัมผัสกับผิวสวยๆของบอย 
 
 
                       “เสร็จยังครับแจ็ค ไปแต่งตัวเถอะ เพื่อนๆ จะรอ” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้า ผมและบอยออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัว ผมเปิดตู้เสื้อผ้าก็พบ ชุดนักเรียนมัธยมปลาย ผมไม่ได้สวมใสมานานแล้วตั้งแต่ยายไปเรียนที่อเมริกา มันก็จะรู้สึกแปลก แต่สักพักคงจะชิน ผมหยิบออกมาและหันไปเจอบอยที่สวมชุดเรียบร้อยแล้ว ถึงกับตลึงเลยผม และที่สำคัญ น้องลุกด้วย เพราะว่าดูน่ารักมากกว่าคลิปยาโยอิ ใส่ชุดนักเรียนซะอีก 
 
                       “ปึก”หมอนครับ ที่ลอยมาปะทะใบหน้าผม ก็บอยนั้นแหละจะใคร
 
                       “รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอยพูด
 
                       “รู้ได้ไงอะ” ผมถามบอยกลับและเอาหมอนไปวางไว้บนที่นอนเหมือนเดิม
 
                       “ก็ดูที่เป้าดิ ตุงเชียว” บอยพูดผมก็ก้มมองจริงด้วย 
 
                       “ก็นะ เห็นใส่ชุดนักเรียนแบบนี้เซ็กซี่กว่าใส่ชุดชั้นในอีก” ผมพูด
 
                       “บ้า! “บอยหันมาค้อนใส่ผม ผมก็สวมกางเกงนักเรียนและเสื้อนักเรียน ติดกระดุมเสื้อ
 
                       “แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม ผมหันไปก็ปะทะกับบอยที่ยืนอยู่ด้านหลังของผม เขาเข้ามาจัดคอเสื้อผมและชายเสื้อให้ผม ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยผม 
 
                       “หล่อแล้วครับ”บอยพูด ผมก็มองเขา 
 
                       “คนนี้ก็น่ารักที่สุดในโลกแล้วครับ”
 
                       “งั้นเราลงไปข้างล่างเลยนะ แจ็ค” บอยพูดและทำท่าจะหันหลังออก แต่ผมคว้าข้อมือไว้ได้
 
                       “ห้ามยิ้มให้หนุ่มไหนเด็ดขาดวันนี้ ถ้าเห็นนะ คืนนี้โดน ทำโทษ” ผมพูด 
 
                       “ถ้าอยากโดนทำโทษละ” 
 
                       “ว้าว! ไปหัดที่ไหนมา”
 
                       “หึๆ” บอยหัวเราะผม ผมสองคนเดินลงมาด้างล่าง ผมไม่ได้ยินเสียงจากในห้องพวกนั้นแล้วแสดงว่าลงไปข้างล่างกันหมดแล้ว ตอนนี้ 6.45 รถคงมาจอดรอแล้วมั้ง บอกตรงๆนะไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้เลยจริงๆ ปกติโน้นเกือบเที่ยง 
 
 
                       “มึงเห็นสีหน้าไอ้แจ็คป่ะ ตอนที่บอกมันว่าห้องที่มันจะไปนอนอ่ะ มีเสียงใครก็ไม่รู้” เสียงพาย 
 
                       “ไอ้เนี๊ยะมันป๊อดไง “
 
                       “ป่านนี้มันคงนอนคุดอยู่กับบอยแหละว่าป่ะวะ” 
 
                       “จะเหลือเหรอ”ไอ้ดิว 
 
                       “ทำไมอะ”
 
                       “มันก็แกล้งเล่นตัวไปอย่างนั้นแหละไอ้นี้นะ “ไอ้ดิว 
 
                       “นี้พวกมึงแกล้งกูกันเหรอวะ เรื่องเมื่อคืนห้องนั้นนะ “ ผมลงมาได้ใส่พวกมันเลย มันหาได้สำนึกอะไรไม่ แค่หันมาหยักไหล่ให้ผม
 
                       “เมื่อคืนมันนอนที่ไหนอะบอย” ติ๊กหันมาถามบอย บอยก็ยิ้มและหันมามองหน้าผม ผมนี้แทบจะเอาหน้าซุกพรมหนี 
 
                       “ถุย! ไอ้ปากดี จะนอนห้องนั้นคนเดียว” พายอีกคน 
 
                       “ไปกันยังรถรอแล้ว” ดิวพูด ทุกคนก็ลุกขึ้น บอยก็เดินออกไปพร้อมกับดิวแอ้และพาย เหมือนกับสาวๆเขาคุยกันยังไงก็ไม่รู้ 
 
                       “เป็นไง มึง”ดิวถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน
 
                       “เออ..กรูจะลองสักตั้งหนึ่ง “ ผมพูดกับดิว 
 
                       “รักษาให้ดีนะมึง มีได้แค่รักษานะไม่ง่ายวะ “ ไอ้ดิวพูด พวกผมเดินออกมาที่หน้าบ้าน มีรถมาจอด เป็นรถเก็งสามคัน นั่งคันละสองคน คนขับรถก็หล่อเข็มมาก สวมแว่นตาและสูตรสีดำ มีหูฟังสวมสมกับการ์ด
 
                       “เชิญครับคุณหนู “พี่เขาเปิดประตูรถให้พวกผม ทุกคนกำลังจะเดินไปขึ้นรถ ไอ้ติ๊กรีบดึงแขนแอ้ไว้จะให้นั่งกับมัน และพายก็คงนั่งกับไอ้ดิว ผมเห็นสีหน้าที่บอกว่ามันค่อนข้างผิดหวัง 
 
                       “เออ เดี๋ยวนะ แล้วพวกมึงรู้ยังวะ งานชิ้นแรก ทำอะไร” ผมเบรคพวกมันไว้ ทุกคนหันมามองหน้าผม 
 
                       “อ้าว!  ก็เขาบอกว่าให้ไปโรงเรียนไง แค่นั้น ไปเป็นเด็กนักเรียน แค่นั้น!! “ ไอ้ติ๊พูด
 
                       “ง่ายไปมั้งที่ลุงหนึ่งจะให้ไปนั่งๆนอนๆ ที่โรงเรียนนะ “  ผมพูดขั้น พวกมันหันหน้ามามองหน้ากัน ผมเดาว่าต้องมีอะไรที่มากกว่าการไปเป็นนักเรียน
 
                       “มึงคิดว่าลุงหนึ่งจะให้พวกเราไปถางหญ้า ในโรงเรียนหรือไงละ” ไอ้พาย
 
                       “เออวะ แต่เอาเถอะ ไปถึงก็รู้เอง” ไอ้ดิว พูด ผมหันมามองหน้าบอย บอยพยักหน้าว่าให้ผมเข้าไปในรถได้แล้ว ผมก็พยักหน้าตามนั้นก็ได้วะ ผมเข้าไปนั่งกัน ในรถคันหรูดูดีมีทีวี ไวไฟให้ใช้
 
                       ระหว่างที่รถกำลังแล่น ผมก็กุมมือบอยไว้ตลอด จะดึงขึ้นมาหอมแต่บอยขืนไว้ไม่ยอม ขยิบตาให้ผม บอกว่าอายคนขับรถ ผมพูดให้บอยอ่านปากว่าเขาไม่เห็นหรอก บอยก็ไม่เชื่อ 
 
                       “คุณหนูครับ มีประชุมสายครับ “ พี่คนขับพูดและหน้าจอข้างหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นวีดิโอคอลขึ้นมาทันที พ่อผมกับลุงกฤษณะ ใช่บอยรีบสะบัดมือผมออกอย่างไว 
 
                       “ไงแจ็ค บอย เป็นไงบ้าง หลับสบายดีไหม” พ่อผมถามผม ลุงกฤษณะ อยู่กับพ่อผมได้ไง เป็นคำถามแต่ไม่กล้าถาม 
 
                       “สวัสดีครับลุงณะ” ผมยกมือไว้ว่าที่พ่อตาของผม 
 
                       “หวัดดีแจ็ค “ ลุงกฤษณะรับไหว้ผม 
 
                       “เตรียมพร้อมหรือยังเราสองคน” พ่อถามผม
 
                       “พร้อมเนอะบอย” ผมหันมาถามบอย 
 
                       “ครับพ่อ ครับอา” บอยตอบ
 
                       “ดีแล้ว จำไว้นะ นี้คือสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพวเรามีประสิทธิภาพพอที่จะปกครองคนอีกมากในอนาคต องค์กรของเราเป็นองค์กรที่ค้อนข้างใหญ่ ระดับโลก “ พ่อผมพูด
 
                       “ตกลงผมไปเป็นนักเรียนหรือไปเป็น ผอ โรงเรียนกันแน่อะครับ” ผมถามผม 
 
                       “เพี๊ยะ“บอยตีเข้าที่แขนผมเบาๆ
 
                       “ลูกเรานี้มันกวนเหมือนกัน ภูมิ” ลุงณะหันไปต่อว่าผม พ่อผมหันมาขยิบตาใส่ผมทันที
 
                       “เอาละ พ่อแค่จะเช็คว่าเราสองคนเป็นไงบ้าง แต่ดูแล้วก็สบายดี อ้อ อีกอย่างนะ พ่อๆ คุยกันว่าถ้าอาทิตย์นี้ทำผลงานดีจะได้กลับบ้านนะแจ็ค” พ่อพูดผมหันมายิ้มเลยจะพาบอย
 
 
                       “ครับ” ผมตอบลุงกฤษณะไปแบบเบาๆ แต่มันยังคาใจอยู่เลย 
 
                       “ตั้งใจเรียนและทำหน้าที่ไปด้วยในตัวนะ ถือซะว่าได้ลิ้มรสการเป็นนักเรียนอีกครั้ง อยู่ในกฏทุกอย่างนะ เพราะว่าถ้าพวกนายแหกกฏ ทุกคนก็จะทำ โดยเฉพาะพวกนายเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน มันจะทำให้เสียไปถึงอาภาษญ์ เข้าใจนะ“ พ่อผมพูด
 
                       “ครับ” ผมสองคนรับคำแต่ผมนะไม่ค่อยเต็มคำเท่าไหร่  พอกดวางสายจากพ่อ ไม่นานก็มาถึงโรงเรียนที่ผมต้องมาเรียนกัน อยู่ในตัวเมืองแต่ทำไมพวกผมต้องออกไปอยู่นอกตัวเมืองด้วยก็ไม่รู้
 
                       “ถึงแล้วครับคุณหนู” พี่คนขับรถจอดรถเพื่อให้ผมลง
 
                       “คุณหนูครับ คุณหนูต้องเดินเข้าไปนะครับ ผมเข้าไปส่งด้านในไม่ได้ครับเพราะว่านี้คือกฏของโรงเรียนครับ เขาให้รับส่งตามจุดครับและแค่หน้าประตูเท่านั้น” พี่คนขับรถพูดผมก็พยักหน้า ก็ไม่ไกลมากนะ ผมกับบอยก็ก้าวเท้าลงจากรถ ผมเห็นรถคันอื่นๆ มาจอดแล้วเช่นกัน ผมเห็นดิวกับพายลงมาจากรถ ไอ้ติ๊กมันก็ลงมากับแอ้
 
                       “ พร้อมยังวะ ที่จะเดินเข้าไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง” ผมถามทุกคน บางคนก็หยักไหล่ ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านประตู ซึ่งมีครูผู้หญิงยื่นอยู่
 
                       “เขามายืนหน้าประตูทำไมอะ” พายหันมาถาม พายมันเรียนโรงเรียนพิเศษที่อังกฤษเลยไม่เคยเจอแบบนี้
 
                       “เขาเป็นครูที่นี้นะพายและจะมายืนตรวจความเรียบร้อยก่อนที่นักเรียนจะเข้าไปในโรงเรียนนะ                       
                       “ แอ้พูด พายก็พยักหน้า ระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้า ครูผู้หญิงที่ยืนอยู่ก็หันมามองพวกผม
 
                       “ขอโทษค่ะ นี้ใช่นักเรียนที่จะมาเรียนใหม่ที่นี้ไหมคะ” คุณครุถามพวกผม พวกผมก็พยักหน้าพร้อมกัน
 
                       “ที่ว่าเป็นหลานๆ ของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนใช่ไหมคะ”คุณครูถามพวกผม
 
                       “ใช่ครับ” ไอ้ติ๊กตอบเสียงดังมาก ทำให้คนในระแวกนั้นหันมามองกันหมด แถมมาด้วยสายที่แปลกขึ้นมาทันทีทันใด
 
                       “งั้นเชิญเลยค่ะ เข้าไปด้านในจะมีบอร์ดแผนผังของโรงเรียนค่ะ “ คุณครูบอกผมให้เข้าไปโดยที่ไม่ตรวจพวกผมเลยสักนิดเหมือนคนอื่น เลยยิ่งทำให้มีสายตามองพวกผมแปลกๆมากขึ้น
 
                       “ทำไมเขามองพวกเราเหมือนกิ้งกือไส้เดือนยังไงก็ไม่รู้อ่ะ .....ตั้งคุณครูนั้นพูดแจงสถานะว่าพวกเราเป็นใครมาจากไหน “ พายหันมากระซิบกระซาบกับพวกผม
 
                       “เอาละก่อนอื่น ต้องไปหาของกินก่อนวะ หิววะ “ไอ้ดิวพูดหันมาดึงแขนแอ้ให้ไปเดินใกล้ๆมัน พวกผมก็เดินคุยกันมาเรื่อยๆจะจะผ่านตึกแรก แต่จู่ๆ
 
                       “อ้ายยย!!!!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดดังขึ้นมา และสิ่งเร้นลับที่หลยซ้อนที่ตรงมุมตึกก็ออกมาปรากฎ เก้ง กวาง บ่าง ชะนี มากันครบหมด เล่นเอาพวกผมหยุดเอามือกุมหน้าอก
 
                       “เฮ้ย!!!” พวกผมร้องกันเสียงหลงเหมือนกันตกใจครับ
 
                       “หล่อมากเลยค่ะ!!! “กระเทยไทยใจกล้านั้นเอง หน้าใสพร้อมกับเด็กผมสั้นวัยใสๆ คงมัธยมต้นๆนี้เอง
 
                       “โธ่ เล่นซะกรูตกใจหมด กรี้ดทำไม!!” ผมเองครับ เพราะอยู่ใกล้สุด
 
                       “นี้ที่รัก  จะกรี้ดกันมันต้องแบบนี้ “ ติ๊ก พูดและก้าวขาออกไป
 
                       “อะ..อ้ายย ...อ้ายยย!” เป็นจังหวะและเต้นเวฟก้นให้ดูด้วย พวกนั้นถึงกับอึ้งและก้าวขาถอยไปข้างหลังทั้งกลุ่ม แต่พวกผมนี้กุมขมับ อยากให้พ่อมันเห็นจริงๆ
 
                       “แบบนี้มันไม่ได้อารมณ์โว้ย!!” ติ๊ก
 
 
                       “ไปเถอะว่ะ กูว่าไม่น่ารอด..สงสัยเก้ง กว้าง ทั้งหมดแหละ ยี้” อ้าวสาวน้อยหันหลังกันไปหมด
 
                       “จ๊ะแม่ชะนีวัยกระเตาะ” ติ๊ก ยืนเอามือเท้าซะเอวมองและหันมามองพวกผม ที่ยืนสายหัวกันเป็นแถว ผมว่างานนี้จะพังก็มันนี้แหละ
 
                       “ติ๊ก..มึงนี้ เราเพิ่งมาเสือกหาเรื่องให้รองเท้านันยางลอยมาปะทะปาก แต่จะไม่ใช่แค่ปากมึงมันจะรวมถึงพวกกูด้วย ” แอ้ห้ามปามติ๊กให้หยุด
 
                       “นี้เพิ่งจะคอซองเอง จะรีบสิบเอ็ดรอดอไปไหน” ไอ้ติ๊กมันยังหันไปต่อปากต่อคำกับเขาอีกน่ะ ผมส่ายหัวในความปากไวของมัน
 
 
                       “นี้ห้องอาหาร เดินตรงไปเลี้ยวขวาและเดินตรงไปเลี้ยวซ้าย และเดินตรงไปอีก “ ไอ้ดิวพูด
 
                       “ทำไมห้องอาหารมันอยู่ลึกจังหวะ”ไอ้ติ๊กเอ่ยถามขึ้น
 
                       “ไปเถอะว่ะ” ผมบอกทุกคนก่อนจะดันบอยให้เดินไปกับผมแบบใกล้ๆ พวกผมเดินผ่านสายที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรไมตรีกับพวกผมมากมาย บางคนก็ยิ้มๆให้แบบไมตรีก็มี
 
 
                       “มันทำให้รู้ว่า เป็นลูกท่านหลานเธอนี้ไม่ได้ช่วยให้ใครต่อใครรักมากขึ้นเลยวะ ว่าแต่พวกเราไปทำอะไรให้วะ” พายพูดขึ้นผมก็พากันส่ายหัว ยักไหล่
 
                       “ตุ๊ดมาแล้วเหรอ” มีคนตะโกนไล่หลังพวกด้วย ผมหันไปเจอมีพวกนั่งกันเป็นแก้งเลย แต่งตัวไม่ได้ถูกระเบียบสักนิดว่าแต่รอดมาได้ไงก็ไม่รู้
 
                       “ติ๊ก” ไอ้ดิวมันเอามือปิดปากติ๊กไว้ได้ทัน ไอ้ติ๊กมันกำลังจะหันไปต่อปากต่อคำแน่ๆ
 
                       “อะไรวะดิว ดูมันว่าพวกเรา มึงกลัวเหรอ” ไอ้ติ๊กหันมาต่อว่าไอ้ดิว
 
                       “กลัว..กลัวว่าจะได้อยู่ยาวเลยมึงคราวนี้ไม่ใช่แค่ปีเดียวถ้ามึงหาเรื่องเพิ่มมาอีก” ไอ้ดิวพูด ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันกลัว มันน่าคนจริงแต่ที่มันห้ามติ๊กเพราะว่าถ้ามีเรื่องขึ้นมาคนที่จะจัดพวกมันหมอบก็คือไอ้ดิว เรื่องล่าสุด ไอ้คนที่มันด่าพ่อพวกผมกันตอนแรกไอ้ดิวจะไม่แต่สุดท้ายไอ้ดิวสัดพวกมันหมอบไปหมดเลยและหมัดมันนี้น๊อกเอาท์คู่กรณีหมอบไปหลายคนเลย
 
                                   “และถ้ามึงเงยหน้าดูดีดี ...มันมีหลายตีนสาด และกูไม่อยากเอาใบหน้ากูไปให้มันวางเท้า มรึงเข้าใจไหม “ดิวพูดและหันไปดึงแอ้ให้ออกเดินไป
 
 
                                   “แปลกเหมือนกันเนอะแจ็ค แต่ละคนที่มองพวกเราอ่ะ”บอยกระซิบข้างหูผม ผมก็พยักหน้า
 
                                   “เย็นไว้มึง เพราะมึงนี้แหละจะพาพวกกูไม่ได้อยู่รอดจนถึง หนึ่งปี” ผมได้ยินพายมันพูดกับติ๊ก
 
                                   พวกผมเดินมาหยุดที่ตรงบันไดตึกที่พวกผมเห็นตามแผนผังคือห้องธุรการ ผมคิดว่าพวกผมควรจะต้องขึ้นไปสอบถามเจ้าหน้าที่หรือครูที่ดูแลก่อนว่าพวกผมจะได้เรียนที่ห้องไหนกัน 
 
                                   “ขึ้นไปถามเขาก่อนที่จะไปทานข้าวดีกว่าวะ จะได้รู้ว่าเรียนห้องไหน” ไอ้ดิวพูดพวกผมพยักหน้า และผมก็พากัเนดินเข้าไป มาหยุดที่หน้าห้อง เขามีช่องให้ติดต่อ
 
                                   “มึงสองคนไปถามแล้วกันพวกกรูยืนตรงนี้ ช่องนิดเดียวแออัดวะ”ติ๊กพูด ผมกับดิวก็เข้าไปติดต่อ 
 
                                   “ขอโทษนะครับผมมาติดต่อเรื่องห้องเรียนครับ” ผมเห็นมีครูผู้หญิงนั่งอยู่ เขาก็เดินเข้ามาหาผม 
 
 
                                   “ติดต่อเรื่องอะไรคะ”
 
                                   “ผมเพิ่งจะย้ายมาใหม่ครับ “ผมพูด
 
                                  “ย้ายมาใหม่เหรอคะ เอ๊ะ  ขอบัตรนักเรียนด้วยค่ะ มีไหมคะ” คุณครูมารศรี ผมดูจากป้ายชื่อ
 
                                   “พวกผมเป็นหลานของ คุณภาษญ์ ครับที่เป็น ผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ครับ” ผมพูด
 
                                   “อ้อ....ขอโทษทีค่ะ รอสักครู่ค่ะ จะดูให้ค่ะ”  ครูมารศรีพูดและพวกผมก็ยืนรอ ไม่นานครูมารศรีก็เดินกลับมาที่หน้าเคาเตอร์
 
                                   “ในเอกสาร แจ้งว่าเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ค่ะ เรียนห้อง 5 /8 “ พวกผมก็พยักหน้า 
 
                                   “ครูคิดว่าหนังสือและตารางเรียนทุกคนน่าจะได้รับกันหมดแล้ว” ครูมารศรีพูด
 
                                   “ใช่ครับ “ ผมตอบแทนทุกคน 
 
                                   “เวลายังเหลือเยอะเลยค่ะ ไปหาอะไรทานก่อนแล้วกันนะ ไปห้องอาหารถูกไหมคะ” 
 
                                   “ครับ พอดีผมแวะดูแผนผังมา” 
 
                                   “ดีค่ะ ลูกหลานเจ้าของโรงเรียนนี้เก่งและหน้าตาดีจังเลยนะคะ ” ครูมารศรีพูด ผมก็ยิ้มๆ  นึกในใจถ้าไม่ใช่ลูกหลานอาภาษญ์เขาจะบริการแบบนี้ไหมนะ 
 
                                   “ไปวะ พวกเราเรียน มัธยมปีที่ 5 ห้องที่ 8 “ผมบอกทุกคน 
 
                                   “ไปหาอะไรทานเถอะวะ หิวมาก” ติ๊กพูดทุกคนพยักหน้า 
 
                                   “จะว่าไป โรงเรียนพ่อมึงก็ใหญ่ดีวะติ๊กโรงเรียนนี้นะ แต่นักเรียนกับโรงเรียนไม่ค่อยสมดุลกันเลยว่ะ “ ผมพูด และหันไปมองนักเรียนที่เดินผ่านไปมา 
หัวข้อ: (รีไร้)(MPreg) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 05-10-2020 13:40:38
กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP2
 
   ผมยืนจนกระทั้งเสร็จพิธีหน้าเสาธง ก็มีครูใหญ่ขึ้นไปพูดบนเวลาที กล่าวว่าจะมีกิจกรรมนั้นนี้ แต่หาได้มีคนสนใจฟังไม่ ครูก็คุยนักเรียนก็คุย เอาเข้าไป พวกผมไอ้แต่มองจนกระทั้งครูใหญ่บอกให้พากันขึ้นห้องเรียนได้
 
      “ตุ๊ด” มีเสียงดังเล็ดลอดออกมาแต่ไม่รู้มาจากไหน
 
      “พวกกรูไม่ใช่ตุ๊ด พวกกรูเป็นเกย์และเต๊ะปากได้แม่นด้วย” ติ๊กพูดขึ้นไม่ดังมากแต่ก็ดังพอสมควร ทำให้การแย้งพูดกับคุณครูที่พูดอยู่บนเวลาทีเงียบลง
 
      “หวัดดี พวกนายเป็นนักเรียนใหม่กันเหรอ” ไอ้แว่นมันทักทายพวกผม
 
      “ใช่วะ เออว่าแต่ห้องนี้มันห้อง” ไอ้ดิวถามไอ้แว่นื
 
      “5/ 8” ไอ้แว่นหนาตอบ
 
      “แล้วทำไม มีนายคนเดียวห้องนี้ “ พายรีบถามไอ้แว่นหนา
 
      “มีอีก แต่พวกนั้นนะไม่เคยเข้าแถวหรอก” ไอ้แว่นหนาพูด
 
      “มีอย่างนี้ด้วยเหรอว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “มีอีกเยอะ ห้องนี้นะ”ไอ้แว่นพูดและหยักคิ้ว พอดีถึงคิวที่แถวพวกผมต้องเดิน ผมก็เดินตามๆพวกนั้นไป
 
      “ห้องเรียนอยู่ไหนวะ “ ไอ้ดิวพูดขึ้น
 
      “ขึ้นไปตึกหน้านี้เลยนะ และไปชั้นที่3 อยู่ห้อง 311 ถัดจากห้องที่ติดบรรไดไปอ่ะ” ไอ้แว่นมันอธิบาย
 
      “เฮ้ยแล้วนายไปไหนอะ” ผมหันไปถามเพราะเห็นว่ามันไม่ขึ้นห้องไปกับพวกผม ตรงลงมันเรียนห้องเดียวกับพวกผมหรือเปล่า
 
      “เราจะไปเอาสมุดการบ้านก่อนนะ พวกนายขึ้นไปก่อนได้เลย เห็นว่าวันนี้ครูประจำชั้นขึ้นห้อง” ไอ้แว่นหนาพูดและมันก็เดินไป พวกผมหันมามองหน้ากันและพากันเดินขึ้นไปชั้นที่ไอ้แว่นหนาบอก
 
      “ ปวดฉี่วะ ขอเข้าห้องน้ำครูนี้แหละวะ” ไอ้ติ๊กพูด และรีบวิ่งเข้าไปเลย ผมเห็นแต่ละห้องชะเง้อมองพวกผมกัน
 
      “เราเดินขึ้นไปก่อนไหมวะ” ผมบอกไอ้ดิว
 
      “ไปก่อนก็ได้แอ้รอไอ้ติ๊กเอง” แอ้พูด พวกผมพยักหน้า ไอ้ดิวก็เดินไปพร้อมๆพวกผมและพายก็เดินตามเช่นกัน แต่นางเอาแต่ถ่ายเซลฟี่
 
       “เห้ย เจอแล้วห้อง308 “ ไอ้ดิวพูด ระหว่างที่พวกผมยืนที่หน้าห้องก็มีนักเรียนห้องอื่นออมายืนมองพวกผมก็มี เล่นเอาขนนี้ลุกหมดเลย จู่        ๆ พายก็หยิบมือถือขึ้นและ พายก็กดถ่ายเหมือนจะเป็นวิดิโอ
 
      “ไฮ ตอนที่อัดคลิปนี้ก็นี้จะ 9 โมงเช้าแล้ว ถ่ายหน้าห้องเรียนเลยเธอ.... เห็นเสาธงป่ะ “ อีพายมันเล่นถ่ายคลิปไปลงtiktok แน่ ผมยืนเกาหัวเลย แต่ถึงยังไงพวกผมก็ต้องรอไอ้ติ๊กและไอ้แอ้ และพวกผมสังเกตุว่าทุกห้องออกมายืนมองพวกผมกันใหญ่เลย และมองพายที่ยืนถ่ายวิดิโอ
 
      “ไฮ ..ดูยูวอนทูคัมทูเอ็นจอยด์มายวิดิโอ....คลิป!” ยังหันไปถามพวกที่ออกมายืนมองอีกนะ
 
       “เซย์ฮัลโลเพื่อนข้างห้องนะ...ถามว่าไม่อายเหรอ .....หึ...ไม่อายหรอก” พายพูด ใช่พายไม่แต่พวกผมนะอาย
 
      “อีพาย มึงทำอะไรนะ คนยืนมองมึงกันหมดแล้ว อีบ้า” ติ๊กเดินขึ้นถึงก็ถามพาย พายก็ลดมือถือลง
 
      “มองกันเยอะขนาดนี้เก็บค่าดูเลยดีไหม” พายพูดแต่ละคนก็ส่งนิ้วกลางมาให้
 
      “เข้าห้องเถอะวะ ยืนนานเดียวโดนตรีน” ไอ้ดิวพูด
 
      “ยูดอนไลฟ์มี ...หึ..ไอดอนแคร์” พายหันไปพูด
 
      “ไป อีพาย ยังหันไปปากดีกับเขาอีก เอาเข้าจริงๆ มรึงก็หัวหด เหลือแต่พวกกรู” ติ๊กพูดผมก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด บอยมองหน้าผม และก็เป็นผมที่เดินเข้าไปคนแรก ผมเห็นที่นั่งแล้วและกะจะเดินตรงไป
 
      “มีที่นั่งว่างตรงมุมนั้น ติดหน้าต่างเลย ดีนะบอยไปนั่งกัน” ผมหันไปบอกบอยและก้าวขาเดินตรงไปเลยแต่
 
      “ปึก” มีคนดึงเสื้อผมไว้ ผมก็ชะงัก และคนที่ดึงก็คือไอ้ดิวครับ
 
      “ดึงทำไม” ผมหันมาถาม ไอ้ดิวไม่พูดส่งซิกให้ผมหันไปมอง
 
      “อะไรวะ” ผมพูดและพอหันไป ก็ต้องสตันไปเลย คือมีคนนั่ง ไม่นั่งธรรมดา มันนั่งกระดิกเท้ากัน หน้าตาแต่ละคนบอกได้ว่า ไม่ได้ยินดีกับการมาของพวกผมเลยสักนิด
 
      “ปึก” เสียงมีคนเดินชนไอ้ดิว
 
      “โอ้ย หยุดทำไมละไม่เดินไปที่นั่งละ” ไอ้ติ๊กพูด ไอ้ดิวพยักหน้าให้ไอ้ติ๊กหันไปมองเหมือนผม และมันก็
 
      “อู้ยย! ...มีคนอยู่เหรอวะ” ไอ้ติ๊กพูดขึ้น   
 
      “ใช่..พวกกูอยู่และรอต้อนรับพวกมึงไง” นั้นไงพูดมาขนาดนี้ก็แปลกว่าไม่ยินดีชัดๆ
 
      “อู้ยย  เพื่อนใหม่” พายพูด พวกผมหันไปขยิบตา อย่าไปเล่นกับพวกมัน
 
      “กูยังไม่อยากได้เพื่อนใหม่วะ อยากมีแค่พวกกูที่เป็นเพื่อนเก่าเท่านั้น” คนที่นั่งด้านหลังมันพูด และทำหน้าตาไม่ต่างกับหมาบ้าที่รอขยับพวกผม
 
      “แจ็ค...ผู้จัดการส่วนตัวกูนะ เคยบอกกูว่า ถ้าเข้าไปห้องพักห้องไหนแล้วรู้สึกเย็นๆ อึดอัด ให้รีบออกวะ “ ไอ้ติ๊กพูด
 
      “แล้วมันเกี่ยวเหี้ยอะไรตอนนี้วะ ติ๊ก” ผมหันไปถามมัน
 
      “ก็ตอนนี้กูรู้สึกว่าห้องนี้ใช่วะ พวกเราถอยออกไปเถอะวะ เจ้าที่แรง” ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าเบาๆ ใช่เลย จะว่าไปก็ใช่เลย
 
      “ถอยเถอะวะ กรูว่าผิดห้องว่ะ” ผมหันไปบอกพวกมันและพวกผมก็พากันออกมาที่หน้าห้อง พร้อมได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาอย่างซะใจที่สุด
 
      “ห้องก็ถูกนะแจ็ค”บอยพูด ผมรู้ว่าห้องนะถูก 5/8 แต่ผมคิดว่าคุณครูคงลงชื่อพวกผมผิดห้อง “

      “ห้องนะถูกบอยแต่เพื่อนในห้องเรานะมันผิด ดูหน้าแต่ละคนไม่น่าจะใช้เพื่อนร่วมชั้นกับพวกเราหรอก มันโหดเกินไป “ ผมหันมาบอกบอย
 
      “ไปหาเจ้าหน้าที่ห้องธุรการก่อนวะ ให้เขาหาห้องเด็กเนิ้ดให้พวกเราดีกว่าวะ “ ไอ้ติ๊กพูด ผมรีบพากันเดินหันหลังแต่
 
      “อ้าวอยู่นี้เอง จะไปไหนกัน” เสียงนี้พวกผมจำได้ดี ถึงจะไม่ได้ยินบ่อย ก็จำได้ดี พี่พัฒน์ ที่อยู่บ้านไอ้ติ๊ก เป็นลูกบุญธรรมพ่อของติ๊กและผมคิดว่าน่าจะหวานใจพี่ตุ๊ด้วยแหละ
 
      “พี่พัฒน์ สวัสดีครับ” พวกผมทักทายพี่พัฒน์
 
      “ต้องเรียกครูพัฒน์ดิ” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “พ่อกรูสั่งไว้” ติ๊กพูดอีก เออจริง
 
      “ครูพัฒน์ “
 
      “จะไปไหนกัน ไม่เข้าห้องเรียนกันละ” ครูพัฒน์ถามพวกผม
 
      “พวกผมจะลงไปหาเจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการนะครับ ผมคิดว่าเขาให้ผมเข้าผิดห้องครับ” ผมหันไปบอกพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็ทำหน้างง
 
      “ ไม่ผิดหรอกถูกแล้วนะ นี้ดูรายชื่อพวกเราซิ “ พี่พัฒน์พูดและโชว์กระดาษให้ผมดู มีรายชื่พวกผมจริงๆ ด้วย หันมามองหน้ากัน
        
      “เข้าห้องเรียนกัน ..ป่ะ” ครูพัฒน์พูดแต่พวกผมยังไม่อยากเข้าเลยเมื่อกี่ก็รู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้
 
 
      “อ้าว..ยืนกันทำไมละ เข้าห้องซิครับ” ครูพัฒน์พูด
 
      “พี่พัฒน์ พวกนั้นมันดูแล้วไม่เป็นมิตรเลย “ไอ้ติ๊กพูด
 
      “เอาน่ะ รู้ไหมว่าทำไมได้ห้องนี้” พี่พัฒน์ถามพวกผม แน่นอพวกผมส่ายหน้ากันหมด
 
      “เพราะนี้แหละคือภารกิจแรก “ครูพัฒน์พูด
 
      “อะไรนะครับครูพัฒน์ ..ให้พวกผมไปทนเรียนกับ ...อันธพาลพวกนี้เหรอครับ พี่ เอ้ย...ครูพัฒน์ แถมนี้ยังเป็นภารกิจของพวกผมเหรอครับ” ผมถามครูพัฒน์กลับ
 
      “ใช่...ภารกิจนี้คือ ทำยังไงให้พวกเขากลับมาตั้งใจเรียน “
 
      “shit! งานนี้ควรเป็นผู้ปกครองพวกมันจะดีกว่าไหมครับ พี่พัฒน์ “ ไอ้ติ๊กพูด
 
      “ลองมาหลายวิธีแล้วไม่สำเร็จ และไม่รู้จะให้ไปเรียนทีไหนก็ไม่รับ เอานะ โรงเรียนนี้มีปัญหาเยอะแต่ถ้าแก้จากจุดนี้ทุกอย่างก็จะง่ายที่จะแก้ กลับเข้าห้องกันเถอะ” ครูพัฒน์พูด
 
      “นี้พี่ก็เพิ่งจะมาเป็นครูที่ปรึกษา” ครูพัฒน์พูด
        
      “ยังไงอ่ะพี่พัฒน์”ติ๊กถามพี่พัฒน์กลับ
 
      “ก็คือมีครูที่ปรึกษาอยู่แล้วแต่ครูเขา...เออ...ซึมเซ้า เครียด เลยไม่สามารถจะมาสอนได้ และเป็นครูที่ปรึกษาคนที่ 50แล้วที่เราเปลี่ยนมา “ ครูพัฒน์พูด
 
      “Holy shit!!!!! “ ไอ้แจ็คมันสะบดออกมา
 
      “เอานะไปเข้าห้องกัน บางทีวัยใกล้กันอาจจะคุยกันเข้าใจ” พี่พัฒน์พูด และพวกผมก็ต้องหันหลังกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง
 
      “อ้าว เฮ้ย กลับมาทำไมอ่ะ”
 
      “เขาไม่ให้ไป เขาให้กลับมีปัญหาป่ะ “ ไอ้ติ๊กพูด
 
      “ถ้ามีแล้วไง” มันยังถามกลับมาอีก
 
      “มีก็ไปถามกับพ่อแม่มึงโน้น” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “ติ๊ก” แอ้ที่ห้ามปรามติ๊ก
 
      “กวนตีนวะ “ พวกมันพูดขึ้น
 
      “พวกกูไม่รู้จักกวนตีน รู้จักแต่มะมวงกวนว่ะ แต่เอ๊ะ กวนตีนนี้ของว่างพวกมึงเหรอ” ไอ้พายอีกคน
 
      “ปากน่าวางเท้าวะ “
 
       “รองเท้าเบอร์ไรอะ” พาย
 
      “อยากลอง”นั้นไงมันลุกแล้ว
 
      “หยุด!” ผมเอง
 
      “พวกกรูแค่เข้ามาเรียน โอเคนะ แค่นั้น พวกมึงไม่ชอบหน้าพวกกู กูก็ไม่ขอให้พวกมึงเปลี่ยนมาชอบพวกกูหรอก เพราะพวกกูไม่รู้ว่าไปทำห่าอะไรให้ แค่นั่งเรียน ต่างคนต่างเรียน” ผมพูด พวกมันมองหน้ากัน
           
       “ติ๊กพาย ไปหาที่นั่ง “ผมหันมาเอ็ดไอ้ติ๊กและพายด้วย
 
      “ครูอยู่หน้าห้อง หัดให้เกรียติคนอื่นหน่อยว่ะ” ผมพูดและพยักหน้าให้พากันเข้าห้อง ที่นั่งที่ได้จัดไว้คนละฝังกับพวกนั้น
 
      “สวัสดีครับนักเรียน” ครูพัฒน์เข้ามาก็ทักทายเขาจัดโต๊ะไว้สองตัวติดกัน นั้นแปลว่าให้นั่งสองคน ผมก็นั่งกับบอย ไอ้ดิวมันดันแอ้เข้าไปนั่งก่อนที่ไอ้ติ๊กจะเรียกและพายก็นั่งกับติ๊กทันที เหมือนไอ้ดิวกันพายมันเตรี้ยมกันมายังไงยังงั้น แต่ช่างเถอะ ผมไม่เห็นความแตกต่าง
 
      “ห้องนี้มีหัวหน้ากันแล้วใช่ไหม ...นายภาคิน” ครูพัฒน์ถามคนที่นั่งอยู่โต๊ะติดประตู มันนั่งกับอีกคน ดูน่ารักหน้าหวานแต่ยังไงก็น้อยกว่าแฟนผม ไอ้นั้นมันพยักหน้า ไอ้คนนี้ดีหน่อยดูจะให้เกียรติพี่พัฒน์มากกว่าคนอื่น
 
      “ใครวะหัวหน้าห้อง “ ไอ้ติ๊กมันกระซิบขึ้น
 
      “กูว่าไอ้ที่นั่งทำหน้าขรึมนะ ที่ครูพัฒน์เรียกว่าไอ้ภาคิน ” ไอ้ดิวหันมากระซิบ
 
      “กูว่าไอ้ที่นั่งหลังไอ้ภาคินวะ เพราะว่าดูท่าจะทนมือทนตีนดี พวกนี้มักจะเลือกคนประเภทนี้เป็นหัวหน้าแก้งด้วย กรูว่ามันอาจจะควบสองตำแหน่งวะ” ผมหันไปมองพายมันใช้หลักการอะไรคิดวะ
 
      “เท่าที่ดูก็น่าจะมีแค่สองคนนี้วะ คนอื่นก็ไม่น่าจะเป็นได้วะ “ ไอ้แอ้อีกคน
 
      “ใจแอ้ ที่มีส่วนร่วมปกติมรึงจะเงียบตลอด” ผมพูดแซวมัน พวกผมรอดูว่าใครคือหัวหน้าห้อง ระหว่างที่ครูพัฒน์กำลังหยิบเอกสารขึ้นมา

      “ขออนุญาติครับ” เสียงนี้พวกผมจำได้แว่นนั้นเอง
 
      “ส่วนไอ้แว่นนี้กูว่าเบ้ๆชัด นี้พวกมันคงใช้หน้าดู ดูซิลงไปแบกหนังสือมาด้วย” ไอ้ติ๊กพูด
 
      “เข้ามาได้” ครูพัฒน์อนุญาติ ไอ้แว่นมันเอาสมุดการบ้านที่มันบอก ไปวางไว้บนโต๊ะ และเดินมานั่งแถวกลาง แถวหน้าสุดด้วยอย่างไม่เกรงใจไอ้ที่นั่งหน้าเข้ม
 
      “หัวหน้าห้องเชิญ” พี่พัฒน์พูด
 
      “นักเรียนทำความเคารพ” ไอ้แว่นพูด
 
      “พรี้ด!” แขนที่ผมใช้เท้าไถลไปทันทีกับพื้นโต๊ะนักเรียน ไอ้แว่นนี้นะเหรอหัวหน้าห้อง
 
      “Oh my goodness! ไอ้แว่นเป็นหัวหน้า” ผมพูดเองหันมามองบอยที่ยิ้มๆให้ผม
 
      “สวัสดีครับคุณครู “ มีแต่เสียงไอ้แว่นคนเดียวเลย พวกนั้นมันก็แค่ยืน ส่วนพวกผมยังอึ้งไม่หายครับ
 
      “คุณครูตุ๊ด” มีคนตะโกนมาจากพวกของไอ้หน้าโหดทั้งหลาย ดิวทำท่าจะลุกแต่ครูพัฒน์หันมาทำนิ้วจุปากว่าอย่า ผมละเชื่อเลยว่าทำไมพี่พัฒน์ทนได้นะ
 
                      “ตืดๆ” เสียงมือถือครูพัฒน์ดังขึ้น
 
         “แป๊ป หนึ่งนะครับพอดีครูจะลงไปห้องธุรการด้านล่าง เห็นว่ามีนักเรียนย้านมาเพิ่มอีกสองคน” ครูพัฒน์พูด พวกผมพยักหน้าแต่ไอ้พวกนั้นมันห่าได้สนใจอะไรไม่  พอครูพัฒน์เดินออกไป
 
         “ไอ้แว่น” ผมเรียกไอ้แว่น ผมว่ามันเจ๋งอ่ะที่เป็นหัวหน้าห้องได้
 
         “นายรู้จักชื่อเราได้ไงอ่ะ” ไอ้แว่นหนา
 
         “คุณมึงใส่แว่นชัดเจนขนาดนี้ครับ “ ไอ้ดิวพูด
 
         “แฮๆ” มันหัวเราะและเกาหัว  ผมก็ค่อยขยับเก้าอี้ไปใกล้ๆมัน พวกด้านหลังผมก็เอียงหูฟัง
 
         “มึงเจ๋งวะ พวกมันเลือกมรึงเป็นหัวหน้าห้องเลยเหรอวะ” ผมถามไอ้แว่น มันก็หันมามองหน้าผม และมองไปทางพวกนั้น
 
         “อย่ามองมันดิวะ เดี๋ยวมันรู้พวกกูกำลังเอ่ยถึงพวกมันไอ้แว่น” ผมหันหัวมันกลับ
 
         “เอาจริงๆนะ “  ไอ้แว่นหันมาพูดกับผม
 
         “พวกเขาไม่ได้เลือกผมหรอกครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็ทำหน้างงกันใหญ่
 
         “แล้วมึงเป็นได้ไงมีของดี” ไอ้ติ๊กถาม
 
         “คือวันที่เปิดเรียนวันแรกนะครับ ไม่มีใครมามีแค่ผม และอาจารย์บอกว่าต้องมีหัวหน้าห้อง เพราะอาจารย์จะให้ติดต่อเรื่องงานอะไรพวกนี้นะครับ และผมก็รอแล้วก็ยังไม่มี่ใครมา ผมเลยบอกขอเป็นเองครับ” ผมได้ฟังก็ถึงบ้างอ้อทันที มันยังยิ้มแท่ๆให้พวกผมอีกนะ ทุกคนกลับไปนั่งที่เดิมทันทีรวมถึงผมด้วย
 
         “อ้าว “ ไอ้แว่น
 
         “มึงแต่งตั้งตัวเอง ถุ้ย! กูนึกว่ามึงแน่ ไว้แว่นไอ้เนิ้ดเอ้ย” ไอ้ติ๊กพูด ผมนี่ส่ายหัวเลย
 
         “เฮ้ย...ไอ้ต้นข้าวมาวะ มันมาเรียนที่นี้จริงๆด้วย” ผมไอ้ยินหนึ่งในพวกของพวกนั้นไม่เชิงตะโกนบอกพวกมันหลังจากที่มันชะโงกหน้าออกไปนอกห้อง ทำให้พวกผมสนใจอย่างมากคือสีหน้าพวกมันดูตกใจมาก
 
         “มันตกใจอะไรกันวะ” พวกผมหันมากระซิบกัน จนกระทั้งครูพัฒน์มาถึงและเข้ามายืนที่หน้าห้อง
 
         “ครูมีเพื่อนมาใหม่อีกสองคนนะ ชื่อนายวัลลพ และนายปกรณ์” ครูพัฒน์พูดพร้อมกับควักมือเรียก พวกผมก็จ้องมองว่ามันคือใครหน้ามันคงต้องโหดมาก แต่มันสองคนเข้ามา หุ่นมันบอบบางร่างน้อย ดูธรรมดาไม่ได้โหดอะไรเลย

         “แน่ใจนะวะว่ามันทำหน้าตกใจเพราะไอ้สองคนนี้ “ไอ้ติ๊กพูด
 
         “เออ..ว่ะ กรูว่าไม่เห็นมีสวนไหนที่แสดงให้เห็นว่ามันน่ากลัวเลยวะ” ไอ้พายพูด
 
         “เอาละ ฝากเพื่อนใหม่เพิ่มด้วยนะ เราสองคนไปหาที่นั่งเลย” ครูพัฒน์พูด
 
         “เอานะ เอาไว้ก่อนเพื่อมันมีดีแอบ” ผมพูดและรีบยกมือขึ้น ครูพัฒน์ก็พยักหน้าผม
 
         “ขอให้เพื่อนใหม่นั่งใกล้ๆพวกผมนะครับ “ ผมรีบพูด ครูพัฒน์มองผมและเพื่อนใหม่ที่มันทำหน้างงๆกัน
 
         “ไปแถวข้างที่นายแจ็คบอกก็ได้นะ “ ครูพัฒน์พูด ไอ้สองคนนั้นก็เดินมาแบบยังงง จนมาถึงแถวที่ไอ้แว่นนั่ง
 
         “นั่งด้านหลังไอ้แว่นเลยนาย ...ไอ้แว่นมีผ้าไหม” ผมถามไอ้แว่น
 
         “เอาไปทำไมอ่ะ”
 
         “เช็ดโต๊ะ” ผมพูด และไอ้แว่นมันทำหน้างง แต่มันก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดโต๊ะให้อย่างว่าง่าย แม้ว่าสีหน้ามันจะมีคำถามว่าเช็ดให้มันสองคนทำไมก็ตาม
 
         “นั่งเลยนาย” ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปยิ้มให้อย่างไมตรี ไอ้คนที่มาด้วย ยิ้มตาหยีกลับมาทันที
 
         “แจ็ค..มรึงแน่ใจแล้วเหรอวะ ว่าไอ้สองคนนี้ถูกแล้วที่เราจะเอามาเป็นกำลังเสริม หรือมาเป็นภาระวะ” ไอ้ติ๊กพูด ผมหันไปดันหน้ามันออก
 
         “หวัดดี” ผมคนแรก ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งมากหันมามองพวกผม
 
         “พวกมึงเป็นใครอะ แล้วเรียกกูสองคนมานั่งนี้ทำไมวะ” ไอ้คนที่หน้าหวานมันถามผมแต่อีกคนนะหน้าตราคิกขุจะดีกว่า มันถามแบบนี้เล่นเอาพวกผมหันมามองหน้ากัน สงสัยไอ้นี้จะมีดี
 
         “อ้าว! ไม่รู้จักกันมาก่อนเหรอ “ไอ้แว่นหันมาถามพวกผม
 
         “ไม่อ่ะ” ไอ้คนที่ตอบแบบขวานผ่าซาก ทำเอาพวกผมยิ้มหน้าเจื่อนกันเป็นผมแถว
 
         “ต้นข้าวอ่ะ เขาอุตเฟรนด์ลี่ด้วย เราควรจะเฟรนด์ลี่กลับซิ” อีกคนผมยกมือให้ “แม้ไอ้บลู มึงนี้นะ”อีกคนก็ชื่อไอ้บลูซิท่า ผมพยักหน้าให้มันสองคนหันไปมองครูพัฒน์กำลังจะกล่าวบางสิ่ง
 
         “เอาละ ครูจะมาเป็นที่ปรึกษาพวกเธอ จนกว่า ที่ปรึกษาตัวจริงจะมา” ครูพัฒน์พูด
 
         “แล้วครูหนุ่ยไปไหน” มีคนถามครูพัฒน์แต่มันหาได้ถามอย่างสุภาพไม่
 
         “ที่บ้านไม่มีใครสอนเหรอว่าให้มีสัมมาคาราวะ ผู้หลักผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์” ไอ้ดิวพูดขึ้นเสียงดึงแบบลอยๆไม่ได้ระบุแต่ไอ้คนที่ถามก็ถึงกับสะบัดหน้ามามองไอ้ดิวตาเขมงเหมือนกัน
 
         “อะไรวะ ทำไมครูตุ๊ดนี้มาเป็นที่ปรึกษาเราวะ เดี๋ยวจับทำเมียเลย” ผมได้ยินก็อันนี้ขึ้นครับ แต่ไม่ทันเพราะดิวไวกว่า มันตรงไปกระฉากคอเสื้อไอ้คนนั้นทำท่าจะตะบันหน้ามันแต่
 
         “หยุดนะดิว อย่านะ “ พี่พัฒน์ขึ้นเสียงห้ามไอ้ดิว ใช้มันก็ยกหมัดค้างไว้ ไอ้ที่จะโดนต่อยมันหาได้กลัวไม่
 
         “มึงถอนคำพูดเดียวนี้” ไอ้ดิวตะคอกใส่
 
         “ดิว ...หยุด กลับไปนั่งที่ซะ “ครูพัฒน์บอกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันจำใจต้องปล่อยคอไอ้คนนั้นและเกินกลับมานั่งทีเดิม พวกผมที่หันไปมองด้วยอาการลุ้นว่า น่าจะจัดมันสักมัดสองมัดนะปากดีแบบนี้ และมันก็จะรู้ว่ารสหมัดไอ้ดิวเป็นยังไง ใครโดนไปนี้ไม่กล้ากลับมาขอโดนใหม่แน่นอน น่าเสียดาย ไอ้ดิวจำใจเดินกลับมาซะก่อน เสียดายจริงๆพวกผม
 
         “ และนายโซ่ นั่งลงเดี๋ยวนี้ และถ้านายยังลามปรามครู ครูคงต้องเรียกผู้ปกครองเธอนะ เธอคงลืมไปนะว่า เธอทำผิดได้อีกแค่ครั้งเดียว เธอจะถูกพักการเรียน” ครูพัฒน์พูดไอ้คนที่ชื่อโซ่นั่งลง
 
          “ผมขอโทษครับครูพัฒน์ ผมแค่ไม่อยากให้มันปากเปาะกับคนที่มาทำหน้าที่ครูผู้สอนหนังสือให้พวกมัน” ดิวลุกขึ้นพูด
 
         “ช่างเถอะดิว นั่งลงซะ” ครูพัฒน์พูดและไอ้ดิวมันก็นั่งลง
 
         “ครูหนุ่ย เขาขอพักการสอน ครูหนุ่ยมีปัญหาสุขภาพนะ” ครูพัฒน์พูด
 
         “เอาละ ครูพยายามเข้ามาพบทุกเช้านะ และครูขอความร่วมมือ เข้าแถวหน้าเสาธงหน่อย เพราะว่าผู้ใหญ่เขาติงมา ห้องนี้ไม่เคยเข้าแถวเลย ครูขอนะ หัวหน้าห้อง” ครูพัฒน์พูดและหันมายิ้มให้พวกผม เหมือนบอกเป็นนัยๆว่าจะคุยกับพวกผมทีหลัง
 
         “นักเรียนทำความเคารพ “
 
         “สวัสดีครับคุณครู” แค่พวกผมและไอ้เด็กใหม่สองคนแค่นั้นที่พูด ทันทีที่ครูพัฒน์เดินออกไป
 
         “ครื้ดดด” เสียงเกาอี้และมีคนกำลังจะพุ้งมาหาไอ้ดิว ไอ้คนเดิมที่ไอ้ดิวมันด่าไปครับ
 
         “ไอ้โซ่! กรูบอกให้หยุด! “ ไอ้ภาคินมันขึ้นเสียง ส่วนไอ้ดิวมันนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้านอะไรเลย ไม่กลัวเลยว่างั้นแต่ ไอ้เด็กใหม่สองคนมันหันมากอดกันกลมตกใจ มองหน้ากันเลิกลักขนาดนี้
 
         “ฝากไว้ก่อนนะมึง ดีนะ ตอนนี้พวกกรูรีบ” นั้นไงมุขเดิมๆ และพวกมันก็พากันออกไป ไปไหน ไม่มีใครทราบได้ แต่พวกผมมองไอ้สองคนที่กอดกันตั้งแต่ไอ้ดิวลุกไปทำท่าจะต่อยไอ้ที่ชื่อโซ่แล้ว
 
         “กูว่ามึงชวนคนเข้าแก้งผิดแล้วห่า ดูไม่น่าจะมีอะไรที่น่าจะทำให้พวกเราดูเกรงขามขึ้นมาได้เลยวะ ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าว่าเอานะ เอาปริมาณก่อนแล้วกันตอนนี้
 
         “นี้นายชื่อไร” ผมถามชื่อมันสองคน
 
         “เราเหรอ” มีชี้ตัวเองอีกด้วย
                       
         “ใช่ครับ มึงสองคนแหละคราบ ชื่อไร” ไอ้ติ๊กหันไปพูดด้วย
 
         “ถ้าจะขึ้นมึงแบบนี้ไม่ต้องครับก็ได้มั้งวะ ” ไอ้คนที่เพื่อนมันเรียกว่าต้นข้าว มันทำท่าจะไขว้กับไอ้ติ๊กอีก ไอ้นี้ก็ตั้งท่าเหมือนกันไอ้แอ้มันรีบดึงไว้
 
         “ไอ้ต้นข้าวอย่าซ่า เดี๋ยวหมอบ”
 
         “ใครวะที่หมอบ” พายถาม
 
         “ไอ้นี้แหละ โดนตีนคนอื่นหมอบตลอดยังไม่เข็ด” ไอ้คนชื่อบลูพูดและอีกคนรีบหันไปตบหัวคนไอ้คนที่ชื่อบลูเบาๆ
 
         “กูแจ็ค และนี้บอย “ ผมเลยแนะนำตัวเองก่อน
 
         “กูดิววะ และนี้แอ้” ไอ้ดิวมันแนะนำตัวมันและแอ้ที่หันไปยิ้มให้
 
          “กูชื่อติ๊ก “
 
         “หน้าเหมือนดาราเลยอ่ะ แต่คงไม่ใช่” ไอ้บลูพูด แต่พอไอ้ติ๊กมันได้ยินคำว่าคงไม่ใช่ ไอ้ติ๊กก็ถึงกับลุกพล้วดเลย เหมือนจะเข้าไปกัดหูเขา
 
         “ติ๊ก เย็นมึง” ไอ้แอ้รีบลุกมาดึงห้ามไอ้ติ๊ก  ไอ้ดาราหัวร้อยเอ๊ย!
 
         “เอ๊ย” ไอ้บลูมันทำท่าจะกระโดดหนี
 
         “กูนี้แหละ ดารา ทำไมหน้ากรูไม่ตรงปกหรือไง”ไอ้ติ๊กพูด
 
         “ตรงแต่ไม่คิดว่าจะมา” อีกคนถึงกับพูดเสียงอ่อยๆ ก่อนจะยิ้มแหยๆส่งไปให้ไอ้ติ๊กมัน ผมพยักเพยอไม่เอานะแค่มันจำมึงไม่ได้แค่นี้เอง
 
         “เรียนที่นี้ กูก็ไม่อยากมาวะ แต่พ่อบังคับพวกกูมา “ ไอ้ติ๊กมันพูด
 
         “แล้ว” ไอ้ต้นข้าวหันไปทางพาย
 
          “แล้วคนนั้นละ น่ารักโน๊ะ” บลูถามอีกคนคือพาย
 
         “เราชื่อพาย” พายมันแนะนำตัว
 
         “ไม้พายเหรอ” บลูพูดผมก็สะบัดหน้าไปมอง ขึ้นอีกคนแล้วซิ ผมว่าไอ้นี้ปากหาเรื่องให้กลุ่มผมแน่ๆ ไอ้บลูอะไรนี้นะ พวกผมเพิ่งจะห้ามไอ้ติ๊กนี้พายอีกคน ลุกไปคว้ามันแถบไม่ทัน มันทำท่าจะไปกัดหูอีกคน
 
         “เคยกินพวก เออ แอปเปิ้ลพาย อะไรพวกนี้ไหม แม้หน้าเอาเท้าไปวางที่หน้านะมึงนะ” พวกผมกลั้นหัวเราะพาย
 
         “เขาขอโทษ” บลูพูด
 
         “ตกลงมึงสองคนชื่ออะไรกันครับ “ ผมถามมัน
 
         “กูชื่อต้นข้าวและไอ้นี้ชื่อบลู”ไอ้คนที่ทำหน้านิ่งตลอดมันแนะนำ
 
         “ยินดีที่ได้รวมแก้งเดียวกัน” ผมหันไปยื่นมือเพื่อจะทำการดีลกันเลย มันสองคนมองผมแบบงงมากขึ้น ผมก็พยักเพยอให้จับมือดิวะ มันก็ยืนมือมาจับมือ
 
         “อะไรว่ะ มาถึงได้เข้าแก้งเลยกู” ไอ้คนที่ชื่อต้นข้าวหันไปพูดกับไอ้บลู
 
         “พวกกูนี้รับคนเข้าแก้งยากมากนะมึง” ไอ้ดิวพูดและหันเหล่มองผม คือมันประชด  ผมก็ไม่รอช้ารีบส่งนิ้วกลางให้ไอ้ดิวไป
 
         “แล้วผมละครับ” ไอ้แว่นหันมาถามพวกผม
 
         “ไม่ละตอนนี้เต็ม” ผมหันไปบอก
 
         “อะไรอ่ะ “ไอ้แว่นพูด
 
         “มึงนั่งเป็นหัวหน้าห้องนี้แหละดีแล้ว อย่าเอาหน้าหล่อๆของมึงเสียงบาทากับพวกกูเลยวะ ไอ้แว่น”ไอ้ดิวมันหันไปบอกไอ้แว่นหัวหน้าห้อง
 
         “เออ ไอ้แว่นแล้วใครจะมาสอนชั่วโมงนี้วะ “ ผมหันไปถาม
 
         “ปกติเป็นวิชาสังคมศึกษา แต่ตอนนี้คงต้องใช่ โซเชียลศึกษาไปก่อน” ไอ้แว่นพูด
 
         “ไอ้แว่นเอาดีดี บาทาพวกกูไม่หวานเหมือนหน้าวะ “ ไอ้ดิวพูดและขยับเท้าโชว์ไอ้แว่นหนา
 
         “ที่บอกว่าโซเชียวคือ เล่นโทรศัพท์ไปก่อนเลยเพราะครูคงไม่มา เห็นบอกว่าเมื่อวาน คู่อริพวกนี้มันไล่ยิ่งกันขณะที่ครูเขาขับผ่านเฉียดแขนเสื้อครูไปนิดเดียวไม่งั้น โดนจังๆที่อกด้านซ้ายแน่ๆ  ครูแกเลยยังตกใจไม่หายและน่าจะหายไปนานเลยคราวนี้”ไอ้แว่นหนาบอกผม  พวกผมถึงกับพยักหน้า และหันมามองหน้ากัน ใครจัดสรรมาห้องนี่ว่ะ

         “เป็นกูก็ไม่อยู่แล้ว สัส” ไอ้ติ๊กพูด ผมพยักหน้าเบาก็คงทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่ง แต่ดีที่ผมหันไปเอนหลังผิงสุดที่รักของผม บอย ผมเห็นไอ้ต้นข้าวไอ้บลูติ๊กพาย ดิวและแอ้ดูท่าจะคุยกันถูกคอ และพวกผมนั่งๆนอนๆ และลงไปหาน้ำผลไม้ปั่นกินบ้าง หาขนมจุกจิกกินบ้านจนเบื่อเลย ไม่มีอะไรทำจนกระทั้งเที่ยง นี้ให้มาเรียนหรือแค่มาเปลี่ยนที่ทานขนมกันนะ
 
         “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” พายพูดและพวกผมก็ลุกขึ้น พวกผมกำลังจะเดินออกจากห้องก็ต้องตกครับ เจอเลยมารอที่หน้าประตู มันมองหน้าผมและทุกคน
 
         “ต้นข้าว พี่ขอคุยด้วยหน่อยซิ” มันมาหาต้นข้าวนี้เอง ผมไม่รู้ว่าว่ามันชื่ออะไรแต่เหมือนอยู่ในแก้งที่หน้าห้องน้ำเมื่อเช้า ไอ้ต้นข้าวพยักหน้า และหลบไปหาที่คุยกัน พวกผมก็ชะเง้อ
             “อยากรู้ละซิเขาคุยอะไรกัน” มีคนที่หน้าตาค้อนข้างเอาเรื่องพูดขึ้นและมองพวกผม
 
         “ใคร ไม่มี” ไอ้ติ๊กพูด
 
         “มึงยืนเอียงไปขนาดนี้ไม่เข้าไปยืนฟังกับไอ้ต้นข้าวมันเลยละ “ไอ้คนที่ว่าผมพูดผมก็มองตัวเองจริงๆ และทุกคนเลย

         “ไอ้เหรอวะ “นั้นไงพวกผมพูดและทำท่ะจเข้าไป

         “พวกกูประชด!!!” พวกนี้มันพูด ก็ทำให้พวกผมชักเท้ากลับมายืนที่เดิม หันมาก็เจอหน้าโหดๆของพวกมันเข้าเต็ม
 
         “ก็แค่เป็นห่วงเพื่อน “ผมพูดเบาๆ พวกผมยืนมองจนต้นข้าวคุยเสร็จและเดินกลับมาหาพวกผม ไอ้คนที่คุยมันก็พยักหน้าเรียกพวกมันและไปลงอีกทางของตึก ไอ้ต้นข้าวก็เดินมามันทำสีหน้าไม่ค่อยดีเลย พวกผมถึงจะเพิ่งรู้จักก็เริ่มเป็นห่วง
 
         “มีอะไรว่ะต้นข้าว” ไอ้ดิวมันถามต้นข้าว ต้นข้าวมันมองไอ้บลู พวกผมก็มองมันสองคน
 
         “ถึงพวกกูจะพึ่งรู้จักมึงสองคน แต่ตอนนี้มึงสองคนคือเพื่อนพวกกูแล้ววะ เพื่อว่าพวกกูช่วยได้” ไอ้ดิวพูดและดูเหมือนแอ้และดิวมันสนิทกับต้นข้าวและบลูเร็วนะ
 
         “บอกไปเถอะต้นข้าว เพราะมึงก็บอกใครไม่ได้อยู่แล้วแม้กระทั้งพ่อแม่มึงเอง” ไอ้บลูพูด
 
         “ที่กูย้ายมาเรียนที่นี้เพราะพี่ชายกูวะ พี่กูชื่อข้าวปั้น พี่กูถ้าไม่โดนไล่ออกก็จะอยู่มัธยมปีที่หก ปีเดียวกับคนที่มาคุยกับพวกกรูอ่ะ “ไอ้ต้นข้าวพูด
 
         “แล้วตอนนี้พี่มึงไปไหนอ่ะ”ผมถามต้นข้าว
 
         “พี่กูอยู่สถานเยวชนวะ ข้อหามีอาวธปืนในครองครองและมียาเสพติดหลายเม็ดเลย “ ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้า
 
         “พี่กูนะเป็นหัวหน้าแก้งพวกนี้แหละไอ้ที่อยู่ในห้องด้วยก็ลูกน้องพวกพี่กูทั้งหมด” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็พยักหน้าแต่
 
         “เฮ้ย!!!” ร้องออกมาเกือบทั้งหมด
 
         “ฉิบหายแล้ว!!! กรูว่าแล้วมึงดึงมาผิดคน” ไอ้ติ๊กพูดขึ้นทันที นั้นไงโบ้ยมาที่ผมทันที ผมก็ว่าทำไมพวกมันถึงได้ตกใจมากถึงมากที่สุด

หัวข้อ: (รีไร้)(MPreg) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP3
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 07-10-2020 20:38:11
 ต่อ กลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายอีกครั้งP3

         “นี้มึงชักศึกเข้าบ้านแท้ๆ”ไอ้ติ๊กพูดพร้อมแสดงอาการตกใจพวกผมก็เช่นกัน
 
         “เฮ้ยเดี๋ยวดิ ฟังให้จบก่อนพวกมึงจะกลัวกรูทำไมวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด เพราะว่าพวกผมเตรียมหันหลังออก
 
         “ก็มึงพึ่งบอกกูอยู่ว่าพี่มึงนะเป็นหัวหน้าพวกที่มันจะเล่นพวกกูอยู่ “ ผมพูด บอยก็แตะแขนผมให้สงบลงหน่อย
 
         “พี่กูนะถูกพวกมันนี้แหละหักหลังแต่กูไม่รู้ว่าใคร กูเลยขอพ่อแม่กูมาเรียนและไอ้พี่ที่มาขอคุยน่ะ เขาเข้ามาขอโทษเรื่องพี่กูและขอให้กูกลับไปเรียนที่เดิม พร้อมกับให้พวกกูอย่าคบพวกมึง” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็มองหน้ากัน ห้ามคบพวกผมนี้น่ะ  หน้าตาดีโปรไฟว์ดีขนาดนี้ มันสั่งห้ามคบ  ถึงกับงงกันเป็นแถบเลยและหันมามองหน้ากัน
 
         “พี่กูนะไม่ใช่พวกโหดสาดแบบในหนังนะ เช่นพวกยากูซ่าอะไรพวกนี้”ไอ้ต้นข้าวพูด
 
         “พ่อแม่และกูยังไม่เคยรู้เลยว่าพี่กูเป็นหัวหน้าแก้ง เป็นมาหลายปีแล้วด้วยแต่มารู้ตอนที่พี่กูถูกตำรวจจับนั้นแหละ กูนี้เจ็บใจเลยมาหาคำตอบ พวกมึงช่วยกูได้ไหมว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมก็เกาหัวทันที
 
         “ต้นข้าว พวกกกูนี้ก็มึดแปดด้านเลยว่ะ “ ไอ้ดิวพูด
 
         “เอาวะ ไหนไหนก็ลงเรือรำเดียวกันแล้ว พวกกูจะช่วยวะ “ผมบอกไอ้ต้นข้าว พอมันได้ยินก็ยิ้มหลังจากที่ทำหน้าเศร้า
 
         “พี่ พี่ ครูพัฒน์บอกว่าตอนเที่ยงให้ไปหาที่ห้องครับ” มีเด็กตัวเล็ก กว่าพวกผมเยอะเลยวิ่งมาทำตาหยี บอกว่าพวกผมว่าพัฒน์เรียกหา 
 
         “เออ ใจว่ะ แต่ห้องครูพัฒน์อยู่ไหนเรา” ไอ้ดิวหันไปถาม
 
         “อยู่ชั้นนี้แหละครับ เดินลงไปชั้นล่างครับ จะมีป้ายบอกว่าห้องพักครูครับ” ไอ้เด็กคนนันพูด ผมพยักหน้าและเด็กคนนั้นก็วิ่งไป
 
         “เอาวะต้นข้าว ไหนไหนก็ตกที่นั่งเดียวกัน พวกกรูจะช่วยมึงว่ะ” ผมพูดกับไอ้ต้นข้าวและมองพวกผมก็พยักหน้า
 
         “ไปหาครูพัฒน์ก่อนดีกว่าวะ” ผมหันไปบอกทุกคน ระหว่างที่ผมเดินก็มีคนที่เดินส่วนไปมา แน่นอนต้องไม่ลืมที่นินทาพวกผมระหว่างเดินสวนกัน ผมคงต้องเริ่มทำใจได้แล้วใช่ไหมครับ ผมเดินมาถึงห้องพักครูก็เดินตรงเข้าไปด้านใน พวกผมเห็นครูพัฒน์นั่งอยู่มีสมุดหลายกองเลยที่วางไว้รอบโต๊ะของครูพัฒน์ ดูท่าพี่พัฒน์จะยุ่งมากเลย


      “อ้าวพวกเธอมาแล้วเหรอ พี่ขอคุยแป็บหนึ่งนะ หิวกันหรือยัง” ครูพัฒน์ถามพวกผม ผมเหลือบมองนาฬิกา ยังไงก็ยังเร็วเพราะผมกะจะลงมาก่อนเวลากัน

      “คุยได้ครับพี่พัฒน์ “ ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หันไปคว้าหยิบเก้าอี้มานั่งล้อมรอบโต๊ะครูพัฒน์

      “ไงวันแรกเป็นไงกันบ้าง บอกพี่มาซิ” พี่พัฒน์ถามพวกผม ผมหันมามองหน้ากัน

      “ไม่น่า” ผมตอบ

      “ไม่น่ายากจนเกินความสามารถใช่ไหม” ครูพัฒน์ถามพวกผม

      “พวกผมนะครับพี่พัฒน์ ไม่น่าจะรอดไปถึงหนึ่งปีหรอกครับพี่พัฒน์”ไอ้ติ๊กพูดผมผมก็พยักหน้าพร้อมกัน ที่ไม่รอดคือไม่ตายก็อาจจะได้มีเรื่องจนโรงเรียนโดนสั่งปิดแทนเพราะว่าพวกผมนี่แหละ

      “ตั้งแต่พวกผมเข้าโรงเรียนมานะ มีคนว่า เรียกตุ๊ดบ้าง เกย์บ้าง โอ้ยสารพัดอย่างเลยครับ” พายพูดและทำหน้าเซ็งไม่แพ้พวกผม

      “นี้ก็คือบททดสองความอดทน ที่ผ่านมาพวกเราอยู่แต่ในสังคมที่ยกย่อง แต่พอมาเจอสังคมต่อต้านก็เป็นแบบนี้แหละ เราต้องเข้มแข็งกันนะ เพราะว่าต่อไปพวกเราอาจจะเจออะไรที่หนักกว่านี้ก็ได้นะ “ พี่พัฒน์พูดปลอบพวกผม

      “อ่ะ “พี่พัฒน์ส่งสมุดเล่มหนึ่งให้ผมดู เป็นสมุดการบ้านใครก็ไม่รู้และครูพัฒน์ก็เปิดไปหน้าหลังให้พวกผมดู เป็นภาพวาดถึงจะแบบลวกๆก็พอแยกแยะออกว่าอะไรเป็นอะไร มันวาดเป็นผู้ชายสองคนกำลังมีความสัมพันธุ์ทางประตูหลัง และมันได้ลงชื่อคนที่อยู่ด้านล่างว่าครูพัฒน์

      “เฮ้ยย! พี่พัฒน์แบบนี้พี่ควรจะบอกพ่อนะ”ติ๊กรีบโวยวายขึ้นมาทันที

      “ไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหรอก พี่ยังต้องใช้ความอดทนเลยนะพวกเรา” พี่พัฒน์พูด พวกผมมองหน้าพี่พัฒน์เอาจริงดิก็พยักหน้าเบาๆ

      “ครับพวกผมจะพยายามพี่พัฒน์”  พากันตอบพี่พัฒน์แต่น้ำเสียงเบามาก

      “ดีมาก ขอให้ทุกอย่างราบรื้นนะ” พี่พัฒน์พูด พวกผมยกมือรับพรเลยสาธุ

      “ไปทานข้าวกันเถอะ” พี่พัฒน์พูดบอกพวกผม

      “เออ ตอนแรกพี่ว่าจะไปทำอาหารให้พวกเราทานวันหยุดนี้แต่พี่ตุ๊เขาจะให้พี่เข้าไปช่วยเรื่องเอกสาร เพราะพี่ตุ๊จะเคลียร์งานและ”พี่พัฒน์พูด ทำเอาไอ้ติ๊กตาโต ไอ้ติ๊กมันเกรงพี่ตุ๊มากกว่าพ่อมันซะอีก

      “พี่พัฒน์อย่าบอกนะว่าพี่ตุ๊จะมานี้” ติ๊กมันสะบัดหน้ามาถามพี่พัฒน์ แต่ถ้าเป็นจริงจะดีมากเพราะพี่ตุ๊คนเดียวที่หยุดมันได้

      “พี่ไม่ได้บอกนิติ๊ก พี่ตุ๊เขามีงานเพิ่ม ตอนนี้โรงแรมก็กำลังขยายตัวหลายที่เลย “ พี่พัฒน์พูด ที่จริงถ้าพี่ตุ๊มานี้ไอ้ติ๊กมันคงสงบเสงียมขึ้นเยอะเพราะมันนี้แหละที่เป็นตัวรับงานให้พวกผมตลอด

      “เอาละไปทานข้าวกันเถอะ “ครูพัฒน์พูดพวกผมก็เดินไปห้องอาหารพร้อมกันด้วยท่าทางไม่กระชุมกระชวยเอาซะเลย เบื่อๆเลย ไปนจะนักเรียนที่มองผมกันแปลกและนินทาตามหลังกันและไหนจะเพื่อนร่วมห้องที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย

      “ป๊อด เอาอาหารมาเสริฟเลย” ไอ้ดิวมันหันไปบอกป๊อด

      “เอออ ป๊อด พี่มีเพื่อนมาสองคนนะ”ผมบอกไอ้ป๊อด เพราะว่าผมชวนต้นข้าวและบลูมานั่งทานกันด้วย ไม่นานอาหารก็มาวาง เขาจัดให้พวกผมแบบในโรงแรม ผมก็เห็นมีแต่คนมองเข้า

      “พวกเราตักอาหารและออกไปนั่งทานข้างนอกไหมวะ เพราะแบบนี้ไหมวะมันดูแตกต่าง ดังนั้นเราจึงควรไม่ทำตัวให้เราดูแปลกแยกจนเกินไปว่ะ“ ไอ้ดิวพูด ผมก็คิดว่าเห็นด้วย

      “จะดีเหรอวะดิว “ ไอ้แอ้หันไปถามไอ้ดิว ผมก็คิดว่าดีนะ เพราะว่ายังไงก็ถอยหลังไม่ได้ต้องเดินหน้าอย่างเดียว เอาวะ

      “เอาวะ พวกเราตักอาหารใส่จานและออกไปนั่งด้านนอก “ ผมพูด ผมพยักหน้าให้บอยและเดินไปตักอาหารใส่จานปกติและพากันเดินออกไปนั่งนอกห้องที่ไอ้ป๊อดมันกั้นไว้  ใช่ครับทุกคนหันมามองกันหมดจนพวกผมนั่งได้โต๊ะนั่งกัน

      “ออกมานั่งข้างนอกกันทำไมวะ ไอ้ลูกคุณหนูนี้นะ” ผมได้ยินมันพูดกัน

      “อย่าแจ็ค “บอยกับเป็นคนห้ามผมและบอยก็ดึงมือผมให้ไปหาที่นั่งๆ ผมหันไปมองไอ้คนที่ปากดี แต่บอยได้ห้ามผมไว้ ผมเลยต้องพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้หัวร้อน

      “จะได้สักกี่น้ำวะ”ผมได้ยินแต่ไม่อยากต่อปากมากไปกว่านี้พวกผมก็นั่งกันไป แม้จะมีเสียงเป่าปากแซวพวกผมก็ตาม แต่พวกผมก็ต้องท่อง ขันติ ขันติ ไม่ขันแตก

       วันนี้ทั้งวันแถบจะไม่มีอะไรมาก ได้เรียนสองวิชาเอง วิชาคณิตศาสน์และวิชาอังกฤษ โดยครูพัฒน์ทั้งสองวิชาเลย ทำไมครูที่นี้น้อยหนักหรือไงนะ ผมนั่งๆนอนๆ คือแถบจะไม่มีครูเข้ามาสอนเท่าไหร่ เลยเรียนไม่หนักมากจนอ๊อดเลิกเรียน

      “ บอย แจ็ครู้สึกเหมือนเรากลับมาเป็น 14 อีกครั้งป่ะแจ็ค” บอยหันมาพูดกับผม

      “อืม ..ก็ดีนะเราสองคนพลาดช่วงเวลานั้นไปแต่นี้เรากลับมาใหม่ กลับมาเริ่มเป็นที่รักของเราใหม่ รักแบบวัยใสๆ “ ผมกระซิบบอกบอย ขณะที่เรากำลังจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อกลับบ้าน แต่ระหว่างที่พวกผมกำลังเดินลง ก็เห็นนักเรียนวิ่งส่วนกันขึ้นมา

      “อ้าว ไม่กลับบ้านกันหรือไงวะ” ไอ้ดิวมันพูด

      “เออว่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูดขึ้นและมองหน้าพวกผม พวกผมก็หยักไหล่

      “เออ ต้นข้าว บลู พรุ่งนี้มาแล้วไปทานอาหารในห้องอาหารกับพวกกูนะ” ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู

      “ห้องอาหารที่เขากั้นไว้ป่ะวะ” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้า

      “กูได้ยินพวกนั้นมันด่ามึงกันว่ามาก็แยกแยะที่กินที่อยู่” นั้นไอ้ต้นข้าวพูด ผมหันหน้ามามอง ผมเองไม่ได้แยกแต่ไอ้ป๊อดมันบอกว่าผมอาจะทานกันไม่ลงถ้านั่งให้พวกมันจ้องมองขนาดนั้น

      “ต้นข้าว” ไอ้บลูมันเรียกไอ้ต้นข้าวและขยิบตา

      “เฮ้ยขอโทษวะ “ ไอ้ต้นข้าวรีบขอโทษพวกผม

      “เออ วะ มันก็พูดถูกวะ กูว่าให้ไอ้ป๊อดมันยกมาทานเหมือนพวกคนอื่นดีกว่าวะ พวกมันก็จะได้ไม่ว่าเรา”ไอ้ดิวหันมาพูด

      “บอยก็เห็นด้วยนะ” ผมหันมามองบอย

      “แต่กูกลัวว่าจะเจอแบบตอนเช้าวะ” ผมพูดเพราะผมห่วงบอย

      “เอานะ ไม่น่าเกิดหรอกวะ พรุ่งนี้ทานด้านนอกดูดิว่าจะเป็นยังไง “ไอ้ดิวพูด ทุกคนก็หยักไหล่

      “งั้นวันนี้หลังอาหารเย็นกูจะคุยกับไอ้ป๊อดเองวะ “ ไอ้ติ๊กพูดผมพยักหน้า

      “ไอ้ต้นข้าว พวกมึงสองคนกลับกันยังไงวะ” ผมหันมาถามไอต้นข้าวและไอ้บลู

      “พ่อกูมารับวะ และกรูกะไอ้บลูว่าจะไปกินไอ้ติมกันก่อนะวะ “ไอ้ต้นข้าวพูด แต่พวกผมว่าจะรีบกลับบ้านดีกว่าไปวางแผนการกัน

      “ร้านนี้ร้านโปรดไอ้ต้นข้าวมัน เพราะว่ามีแต่สาวๆจากเด็กคอนแวนด์มานั่งทานกัน”ไอ้บลูพูด ไอ้ต้นข้าวทำท่าจะหันไล่เตะไอ้บลูโชว์พวกผม

      “ไปเถอะวะ พวกกู ไม่ถนัดแบบนี้” ผมพูดและหันไปมองบอย

      “กูถามอย่างหนึ่งดิ “ ไอ้ต้นข้าวมันทำท่าจะถามพวกผม

      “พวกมึงไม่ได้ชอบผู้หญิงกันใช่ไหมวะ”ไอ้ต้นข้าวถามและมองหน้าพวกผม พวกผมมองหน้ากัน

      “แล้วมึงจะรังเกียจพวกกรูเหมือน” ผมถามไอ้ต้นข้าว

      “ไม่วะ กูแยกแยะ”ไอ้ต้นข้าวพูด ผมพยักหน้าให้ไอ้ต้นข้าว พอดีพวกผมเดินลงมาถึงชั้นล่างพอดี มันว่างมากไม่มีใครเลยทั้งทีโรงเรียนเพิ่งจะเลิกกัน จะมีก็พวกที่วิ่งสวนผมขึ้นไป

      “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมไม่มีนักเรียนเลย เขากลับกันไปหมดแล้วเหรอวะ “ ไอ้ดิวพูด

      “เออวะ กูว่ามันแปลกวะ”ไอ้แอ้พูดมันลดหนังสือการ์ตูนลง

      “รู้สึกว่าเริ่มจะวังเวงวะ”ไอ้ติ๊กอีกคน

      “กูโทรหาพี่คนขับรถดีกว่าว่าพี่เขามารอหรือยัง”ไอ้ติ๊กพูดผมพยักหน้าและมันก็ก้มหน้าก้มตากดมือถือ ผมก็มองกันไปรอบๆ

      “กูไปก่อนนะ แยกกันตรงนี้วะ”ไอ้ต้นข้าวพูดและไอ้บลูอีกคน

      “มาแล้วเหรอ กูรอเจอพวกมึงอยู่วะ”เสียงใครสักคนพูดผมก็หันไปตามเสียง มากันเป็นแพเลย ทำเอาพวกผมถอยหลังออกมามองด้วยความตกใจ มันมากันแบบอาวุธครบมือ แม้จะไม่ใช่ปืนหรือมีด แต่นั้นมันไม้ที เอามาทำไมว่ะนั้น มาวัดสวนสูงพวกผมหรือไง

      “ดูท่าพวกมึงจะงานเข้าวะ” ไอ้ต้นข้าว

      “ไม่ต้องดูท่าหรอก กูว่าเข้าวะงานนี้” ไอ้บลูอีกคน ผมหันไปขอบใจมันมากด้วยนิ้วกลาง มันยิ้มแหยะๆ

      “บอยหลบหลังแจ็ค” ผมพูดและดันตัวบอยไว้ด้านหลัง ไอ้ดิวมันออกมายืนเสนอกับผม และมองไอ้พวกที่ยืนเอาไม้ทีเคาะที่มือ มันมายังไง จะมองหาคนช่วยก็ไม่มี เพราะเวลานี้ไม่ต่างจากโรงเรียนล้างเลยครับ ผมได้แต่ยืนกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอกัน

      “มึงมารอพวกกูทำไมอ่ะ ขอลายเซนต์เหรอ” ไอ้ติ๊ก มันตะโกนถาม ผมหันไปขยิบตา ถ้ามรึงเงียบได้จะดีกว่าไอ้ปากเสีย

      “กูจะเอาไปทำไมลายเซนต์ แต่พวกกูอยากได้มาเป็นเมียวะ”

      “ชิบหายแล้ว!!!” ผมสะบดออกมา

      “เอาไงดีวะดิว” ผมถามไอ้ดิว มันก็มองผม

      “มึงพร้อมไหม” ไอ้ดิวมันถามผม

      “แลกเลยเหรอวะ “ ผมถามไอ้ดิวกลับ

      “แลกพองมึงดิ พร้อมไหม คือพร้อมวิ่งไหม ถ้าพร้อมก็หันหลังและใส่ตรีนหมา” ไอ้ดิวพูดและมันก็หันครับ ออกวิ่ง มันดึงแขนแอ้ และไอ้ติ๊กก็ลากพายไปด้วย ผมก็ลากครับและออกวิ่ง

      “แจ็ค” เสียงนี้มันไม่ใช่บอย ผมหันมามอง อ้าว ผมดึงไอ้บลูมาแทน และบอยนะกำลังวิ่งตามมากับไอ้ต้นข้าว และหลังจากนั้นก็ไอ้พวกที่มีมาหาเรื่องผม ผมวิ่งกลับไป

      “ไอ้ต้นข้าวเอาเพื่อนมึงคืนไปและเอาที่รักกรูคืนมา” ผมเอาไอ้บลูไปคืนไอ้ข้าวและจูงบอยมาแทน ผมวิ่งแบบไม่มีจุดหมาย นะตอนนี้ทำไมโรงเรียนเหมือนเขาวงกตเลย มันวิ่งวนไปมา

      “ไปไหนดีละวะ” ไอ้ดิวหันมาถาม แล้วผมจะรู้ไหมครับ

      “เฮ้ย กูรู้ว่าไปทางไหนดี” ไอ้ต้นข้าวพูด

      “วิ่งตามกูมา” ไอ้ต้นข้าวบอกและออกวิ่งไปเหมือนไปทางด้านหลังห้องน้ำที่พวกผมเจอไอ้พวกรุ่นพี่เมื่อเช้าแต่มันตันแล้วนิ แต่พวกผมก็เชื่อว่ามันคือความหวังสุดท้าย ผมก็วิ่งตามมันไป จนถึง ช๊อปร้างและนั้นมันเหมือนทางตันนะผมว่า

      “ทางตันไอ้ข้าว”ไอ้ดิวพูด

      “มานี้กูมีทางหนี” ไอ้ต้นข้าวพูดผมก็มองพวกมัน มันยังคงโวยวายพยายามหาพวกผมกันอยู่

      ผมเห็นไอ้ต้นข้าวมันตรงไปที่ประตูและมันก็เอาลูกกุญแจออกมาพร้อมกับรีบไขกุญแจ มันมีกุญแจได้ไงแต่ใครจะสน พวกผมก็รีบหมุดตามมันทันที ทุกคนออกไปได้ไอ้ต้นข้าวก็ปิดปะตูลงและทำการล๊อกกุญแจจากด้านนอก

      “วิ่งตรงไปเลย” ไอ้ต้นข้าวบอกพวกผม พวกผมก็วิ่งครับวิ่งหนีสุดชีวิต ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยังไงก็ให้ผ่านไปให้ได้จนกระทั้งออกมาทะลุปากซอย เล่นเอาหายใจทางเหงือกกันเลยทีเดียว
      
      “แฮกๆ” เสียงหอยเหนื่อยของพวกผม

      “เวรฉิบหายเลย ใครว่ะ เชี้ยเอ้ย” ไอ้ดิวสะบดด่าออกมาด้วยขณะที่นั่งหอบกันอยู่ตรงขอบฟุตบาท และแอบมองให้แน่ใจว่าพวกมันไม่ตามมา แต่มันจะมาได้ยังไงเพราะว่าไอ้ต้นข้าวมันใส่กุญแจล๊อกไปแล้วนี้

      “ไม่ตามมาแล้วแหละว่ะ” ไอ้ต้นข้าวพูดไปด้วยหอบไปด้วย

      “พวกมรึงไปทำอะไรให้พวกนี้ว่ะ” ไอ้บลูถามขึ้น
            
      “เป็นคำถามที่ดีมากบลู  พวกกรูไม่รู้ว่ะ “ ผมหันไปบอกไอ้บลู

      “ไหน ไหนก็มาแล้วไปนั่งหาไอติมกินกันก่อนไหมวะ “ ไอ้ต้นข้าวพูด และพยักเพยอไปที่ร้านไอติมนมสด เพราะว่าเหนื่อยขนาดนี้ให้เดินกลับไปรอรถไม่ไหว

      “ก็คงต้องแบบนั้นวะ วิ่งมาเหนื่อยขนาดนี้ใครจะเดินกลับไปขึ้นรถที่หน้าโรงเรียนเลยว่ะ “ ผมพูดและมองหน้าทุกคน มันก็พยักหน้าว่าตามนั้น
      ผมพากันเดินข้ามถนนมาจนถึงร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ มีแต่นักเรียน ส่วนมากเป็นนักเรียนหญิงมีทั้งคอซองและมัธยมปลาย น่ารักกันทุกคนแต่ไม่ใช่สเป็กผมและพวกเพื่อนๆผมแน่ แต่ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูผมไม่รู้ ขณะที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปในร้าน

      “แก ดูซิ หน้าตาหล่อวะ “

      “ใช่แก งานดีมากเลย “ มีเด็กผู้หญิงและเด็กไม่ใช่ผู้ชายแน่ๆ สะดิ้งซะขนาดนี้ กระซิบกระซาบกันและมองผม ทุกโต๊ะเลยก็ว่าได้ พวกผมก็ยิ้มให้จนกระทั้ง

      “เชิญค่ะ มาหลายคนน้าเอาโต๊ะติดกันให้ไหมค่ะ “ ผู้หญิงดูน่าจะไม่เกิน 40 ปี แต่งตัววัยรุ่นกางเกงยืนขาสั้นเสื้อรัดรูป เพราะว่าเขาหุ่นดีเดินมาถามพวกผม

      “ครับขอบคุณครับ “ ผมตอบกลับไป ผมเดินตามไปยังโต๊ะที่เขาหยุดและจัดให้พวกผมนั่ง ผมก็นั่งลง ยังมีทั้งสายตาที่ยิ้มกริ่มส่งมาให้ผม ทำเอาพวกผมนี้เขินเลยครับ

      “สั่งอะไรกันดีค่ะ “ คุณน้าคนที่พาผมเข้ามานั่ง ถามพวกผม
            
      “ส่วนเราสองคนนะ  น้าจำได้ กินประจำเลย ช๊อกโกแลตซันเดย์ และอีกคนนี้ ราสเบอรี่เชอเบด “ ผู้หญิงคนนั้นหันมาเจอต้นข้าวกับไอ้บลู มันมากันประจำจริง มันหยักคิ้วให้พวกผม

      “งั้นพวกเราดูออเดอร์กันไปก่อนนะ เดี๋ยวน้ามา ขอไปเสริฟก่อน ไม่นานจ๊ะ” คุณน้าพูดพวกผมก็พยักหน้า และเปิดดูเมนูจะทานอะไรกันดี เขินก็เขินมีแต่สายตายั่วยวนมองมาที่พวกผม

      “อย่าไปส่งสายตาให้พวกนั้นเลยสาวๆ มันเอาแต่ตูด “ ผมหันไปมองต้นเสียง อะไรของมันว่ะเนี๊ยะ ขอพวกกูกินไอติมก่อนได้ไหมว่ะ ผมก็ทำหน้าเซ็ง

      “อะไรอีกวะ”ไอ้ดิวมันพูดขึ้น ผมก็ส่ายหัว และหันกลับมาดูบอยและก็ก้มหน้าลงเลือกไอศรีมกันต่อไม่อยากมีเรื่องอีก

      “ชอบกินแบบเป็นแท่งๆ หรือเปล่า พี่มีนะ ฮาๆ” ผมทำเป็นไม่สนใจไอ้พวกปากดี ก้มหน้าดูเมนูกัน

      “บอยกินไรดีอะ” ผมถามบอย

      “บอยไม่รู้ซิ ปกติ ไม่ค่อยได้ทานไอศรีมเลยอ่ะแจ็ค”บอยหันมาพูดกับผม

      “มาทานของพี่ไหม” มีคนพูดข้างพวกผมและมันมาด้านหลังมันกำลังจะคว้าข้อมือไอ้แอ้ ใช่มันคิดผิดมากไอ้แอ้ไวเกินคาดมันก็พลิกแขนไอ้คนนั้นได้มันก็บิดเหมือนในหนังไม่มีผิด

      “โอ้ยย สาด!” มันสะบดและด่าไอ้แอ้ด้วยความเจ็บปวด เสียงเก้าอี้ทำให้ทุกคนแตกตื่นและลุกขึ้น พวกผมลุกและหันไปมองไอ้คนที่แอ้มันบิดแขนไว้

      “มึงอยากได้ตีนไหมละ “ ไอ้ดิวก้มลงไปถาม พวกเพื่อนมันกำลังวิ่งเข้ามาใส่เลย ไอ้ดิว ปล่อยหมัดตรงไปทันทีที่ใบหน้าถึงกับกระเด็นสวนไปเลย และคงจะมึนงงไปพักหนึ่งไอ้ดิวมันเป็นคนหมัดหนัก และไอ้ดิวก็ถีบไอ้คนที่แอ้บิดแขนไว้กระเด็นไปสมทบอีกคน

      “พวกมึงเป็นอะไรกัน “ผมถามไอ้พวกที่มันรอเข้ามาใส่พวกผม

      “อะไรกันค่ะ นี้อย่ามามีเรื่องในร้านนะ ไม่งั้นน้าจะแจ้งตำรวจ” ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่หยิบมือถือมาด้วย ทำท่าจะกดสายถึงตำรวจ ผมจะหันไปอธิบายแต่เขายกมือห้ามผมไว้

      “น้าเห็นว่าเราไม่ได้เป็นคนเริ่ม “ คุณน้าคนนั้นพูด เข้าข้างพวกผม

      “เดี๋ยวได้เห็นดี!” พวกนั้นมันมาพยุงเพื่อนมันขึ้น มันมากันห้าหกคนได้แต่ตอนนี้เดี้ยงไปสองคนแล้ว และมันก็เดินออกมาไปจากร้าน พวกผู้หญิงที่มองพวกผมอย่างตกใจ

      “แก ..ใช่ที่เขาบอกว่าพวกคุณหนูลูกหลานเจ้าของโรงรียนบดินทร์ทรเทพวิทยามั้ยวะ “ ผมได้ยินเสียงคนกระซิบกัน ใช่เลยนามสกุลพ่อไอ้ติ๊กมัน

      “ใช่วะ แก ออกเถอะวะ เดี๋ยวเกิดมีมาอีกพวกเราซวย” นั้นไงแต่ละคนพากันลุก ผมหันไปมองเจ้าของร้าน ผมไม่น่าทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วยเลย

      “ซวยเลยว่ะ” ผมพูดและผมคงต้องจ่ายค่าเสียหายและค่าที่ทำให้ลูกค้าหายอีกด้วย

      “พวกผมขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าเสียหายให้” ผมพูดและบัตรเครดิตขึ้นมา

      “ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิด” คุณน้าเจ้าของร้านพูด

      “งั้นพวกเรารีบกลับไปที่โรงเรียนเถอะจะได้ขึ้นรถกลับบ้านกัน “ บอยหันมาบอกผม
และทุกคน

      “ งั้นก็แยกกันข้างหน้านี้นะ กูจะไปโทรหาพ่อว่ามารับตรงไหน” ไอ้ต้นข้าวพูด พวกผมกำลังจะเดินออกจากร้าน ที่ตอนนี้ไม่มีคนแล้วทุกคนไปกันหมด จนออกมาถึงหน้าร้าน ผมก็เห็น แต่ไกลๆมีพวกยกโขย่งกันมาเยอะมาก

      “ไม่จริงนะ อะไรว่ะ” ไอ้ติ๊ก ผมหันไปหันมาจะไปไหนดี แต่ที่แน่ๆ ไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูวิ่งไปแล้วครับ มันรู้ว่าไปทางไหน

      “พวกนายทางนี้ “ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเรียกผม ให้เข้าไปทางช่องแคบของทางร้าน และพวกผมก็ไม่มีทางเลือกครับ วิ่งตามไอ้คนนั้นไป มันพาไปเหมือนห้องใต้บรรไดลงไปและมันก็ปิดประตู พวกผมอยู่ในนั้นในความเงียบมาก เวลาผ่านไปสัก 20 นาทีแต่นานมากสำหรับพวกผม จนกระทั้งไอ้คนนั้นมันเดินมาเปิดประตูให้พวกผม

      “พวกมันถอยออกไปแล้วแต่เราไม่แน่ใจนะว่ามันจะไปดักรอที่ไหน ที่หน้าโรงเรียนไหม” ไอ้คนที่ช่วยผมบอก

      “เอาไงดี จะกลับบ้านไงว่ะ” ไอ้ติ๊กพูด

      “นั้นดิ “ พาย

      “พวกนายโทรบอกคนขับรถให้ขับมาที่ร้าน บ้านไอติม “ คนที่ช่วยผมบอก

      “เฮ้ย! เกรงใจน้าเขาเมื่อกี้พวกเราเหมือนไล่ลูกค้าเขาเลยวะ”ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้า

      “ไม่เป็นไร นั้นพ่อแม่เรา” ไอ้คนที่ช่วยเราไว้พูด

      “เออ...”พวกผมก็งง มากขึ้นไม่ใช่อะไรทำไมตั้งใจช่วยพวกผมทั้งครอบครัวแต่ก็เอาเถอะ บอยแตะมือผมเบา ผมก็พยักหน้ารับ

      “เร็วดิ ก่อนที่พวกมันจะกลับมาและคราวนี้จะยากนะ” ไอ้คนที่ช่วยผมบอกพวกผม ผมพยักหน้าบอกไอ้ติ๊ก มันก็โทรหาคนขับรถและคุยกับเขาว่าให้มารับตรงไหน แต่มันอธิบายไม่ถูก คนที่ช่วยผมเลยอธิบายไปแทน

      “พี่เขาจะมาถึงในห้านาที นั้นนะ ทางออกพอรถมาวิ่งไปขึ้นรถเลยนะ” คนช่วยพวกผมบอก

      “นายเป็นใครทำไมช่วยพวกเราอะ” แอ้หันไปถาม

      “เอานะเราอยากช่วย “

      “นายชื่อไรวะ” ผมถามชื่อ

      “เราชื่ออธิป” คนนั้นบอกชื่อพวกผม และผมจะจำไว้ว่าใครช่วยผม ผมยื่นมือไปเชคแฮนด์ทำความรู้จักสไตล์ฝรั่งมันก็เชคแฮนด์ผมกลับ

      “เฮ้ยรถมาแล้ววะ” ผมกำลังจะพากันเดินออกแต่ก็ไม่ลืมมองซ้ายมองขวาก่อน

      “เออ ...ปลอดภัยแล้ววะจักร รถมารับแล้ววะ “ ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้แต่ชื่อคุ้นๆ ไม่น่าจะใช้คนที่ผมรู้จักหรอก เพราะว่ามันคงไม่น่าจะมาดังไกลถึงนี้ ไอ้คนที่ผมว่านั้นเป็นลูกคนเล็กของลุงสามน้องชายลุงหนึ่งเขา แต่ผมก็วิ่งมาจนขึ้นรถ ผมเข้ามานั่งในรถ มีติ๊ก มันคงเข้าไปแย้งนั่งติดกับไอ้แอ้และไอ้ดิวไม่ทัน แต่นาทีนี้ใคราก็รักชีวิต

      “มาทานไอศรีมกันเหรอครับคุณหนู อร่อยไหมครับร้านนี้” พี่คนขับถามแต่พวกผมมองรอดไปข้างนอกรถ

      “ไม่อร่อยครับ เพราะยังไม่ทันได้กินครับ “ ไอ้ติ๊กบอก

      “อ้าวทำไมละครับ ไม่ต้องรีบ ผมรอได้ คุณหนูจะลงไปทานกันก่อนไหมครับ” พี่คนขับรถบอกพวกผม

      “ไม่ดีกว่าพี่ออกรถเถอะ เพราะผมจะไม่ได้ทานแค่ไอศรีมแต่ะจะเป็นอะไรที่มันแข็งเหมือนตีนนครับพี่ และมันรออยู่เป็นร้อยตีนเลยพี่”ผมรีบบอกพี่คนขับรถ

      “ออกรถเลยพี่ก่อนที่พวกนั้นจะมา” ไอ้ติ๊กและผมเห็นว่ารถที่ไอ้ติวแอ้และพายขึ้นไปวิ่งออกไปแล้ว

      “งั้นก็ไม่รอละครับ กลับบ้านนะครับ”

      “คร๊าบ” ทุกคน

      “พลีส!!!” ผมเอง และรถก็แล่นออกไป นายคนที่ช่วยผมยังยืนโบกมือให้ผมอีกด้วย ผมนั่งกันแบบเซ็งมาก ไม่เคยเจออะไรหนักแบบนี้เลยจริงๆ

      “วันนี้เรียนหนักกันเหรอครับ ดูเหนื่อยๆกันน่าดู “ พี่คนขับรถถามพวกผม

      “มากครับแต่ไม่ได้เรียนครับ วันนี้เรียนจริง แค่สองวิชาที่เหลือนั่งๆนอนๆแต่ที่สภาพดูเหนื่อยก็วิ่งหนีตรีนมานี้แหละครับ จากโรงเรียนมาถึงร้านบ้านไอติม” ไอ้ติ๊กพูด ผมกันไปกุมมือบอย บอยไม่น่ามาซวยกับพวกผมเลยจริงๆ บอยพยักหน้าว่าบอยโอเค


      “พวกผมไม่ได้ไปทำอะไรให้พวกนั้นมันเลยนะพี่ พวกอันตพาล พ่อแม่ไม่รักหรือไงไม่รู้ มันจะรู้ไหมเนี๊ยะว่ามันคือภาระสังคม”ไอ้ติ๊กมันพูด ติ๊กมันเป็นคนค้อนข้างไปทางปากร้าย ไม่แปลกใจเล่นนั่งคู่กับนางเองคนไหน มันต้องมีกัดจิกกันตลอดจนบางทีนางเอกขอถอนตัวไม่เล่นต่อ นี้เลยต้องมาเล่นคู่กับพระเอกแทน

      “อย่างนี้แหละครับชีวิตวัยรุ่น” พี่เขาพูดและหัวเราะไปด้วย

      “ผมก็ผ่านมาแบบนี้ครับ เมื่อก่อนผมก็ไล่ตีรันฟันแทงเขาไปทั่ว คิดว่าเท่มาก “พี่คนขับรถเขาพูดขึ้นพวกผมก็แปลกใจแต่ก็ฟัง

      “ผมเป็นพวกอันตพาลที่ไปที่ไหนต้องมีเรื่องกับพวกเขาไปทั่ว ไม่เหยียบตีนก็มองหน้า ไม่มองหน้าก็หลี่ผู้หญิงคนเดียวกัน หรือไม่ก็ได้ยินมาว่าไอ้นี้ยังงั้นยังงี้ ต้องเล่นมัน เยอะแยะ “

      “ผมนะโดนคนตราหน้าว่าเป็นพวกไม่มีอนาคต และผมก็ถูกส่งไปสถานกักกันตั้งแต่อายุไม่ถึง15 และคุกเยาวชนก็ไปมา และพอออกมาได้ก็หางานทำไม่ได้อีก เพราะประวัติ จนต้องไปทำงานรับจ้างไปทั่ว มีทั้งถูกกฏหมายและผิดกฏหมาย “พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า ถามว่าพอเริ่มบรรลุนิติภาวะ ผมก็อยากมีงานดีดี มีอะไรที่มั่นคงแต่มันยากจนกระทั้ง”

      “วันหนึ่งผมขับรถผ่านไปเส้นทางหนึ่งเพื่อจะไปหางานใหม่จากที่โดนนายจ้างโกงค่าแรง ไม่จ่ายแต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมเห็นรถคันหนึ่ง เป็นรถราคาแพงผมดูก็รู้จอดอยู่ และมีรถประกบอยู่ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดี ผมเลยจอดรถมอเตอร์ไซด์”

      “พี่เคยช่วยพี่ตุ๊กับพ่อผมไว้” ติ๊กพูดขึ้นผมมองหน้าจริงเหรอ

      “ใช่ครับ เห็นว่าประวัติผมไม่ดีแต่ผมก็มีความกล้าที่จะช่วยคนที่ลำบาก ตอนนั้นมีคนต้องการจะทำร้ายท่านและคุณตุ๊ ผมก็เลยเข้าไปลุยกับมัน จนกระทั้งมีรถสายตรวจผ่านมานั้นแหละครับ “

      “และนั้นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของผมครับคุณหนู แม้ว่าวันนั้นผมจะได้มีดปักพุงมาหนึ่งเล่มก็ตาม” พี่เขายังพูดขำๆ

      “คนที่เขามองว่าเป็นอันตพาลบางครั้งก็ทำอะไรไปแบบไร้เหตุผลแต่ เขาอาจจะอยากได้โอกาสจากสังคม และเมื่อเขาได้ เขาจะกลายเป็นคนดีและซื่อสัตย์กับคนที่มอบโอกาสให้อย่างผม ท่านเสนองานขับรถให้ผมและยังสนับสนุนให้ผมได้เรียนต่อจบผมจบปริญญาตรี และตอนนี้ ผมมีบ้าน มีรถ และมี่ครอบครัวที่ดี บุญคุณนี้พี่ไม่มีวันลืมครับ  “ พี่เขาเล่าประวัติพี่เขาให้ฟังพวกผมก็ฟังเพลินจนถึงบ้านพัก แต่มันก็ทำให้พวกผมได้ข้อคิด

      “ถึงบ้านแล้วครับคุณหนู เข้าบ้านอาบน้ำพักผ่อน แล้วพรุ่งนี้ผมมารับครับ” พี่เขาพูด

      “ขอบคุณครับพี่”พวกผมไม่ลืมที่จะขอบคุณถึงเขาจะเป็นคนขับรถก็ตามแต่พ่อผมสอนเสมอว่าการให้เกียรติคนไม่ว่าจะผู้น้อยผู้มาก มันจะนำมาซึ้งสิ่งที่ดีตอบแทนกลับมาเสมอ ผมพากันเดินเข้าไปบ้านด้วยความอ่อนล้า นี้แค่วันแรกนะ และพวกผมต้องอยู่ให้ได้หนึ่งปี นั้นคือ 365วัน สภาพพวกผมจะเป็นยังไงไม่อยากจะคิด
 

หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) รักวุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน สมาชิกใหม่ของบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 08-10-2020 20:13:56
           สมาชิกใหม่ของบ้าน

          Part แจ็คหลังจากที่พวกผมต้องพจนภัยเกือบไม่ได้กลับมาบ้าน และผมก็คิดว่าพวกผมควรวางแผนการกันใหม่ วันนี้ก็คิดว่าพวกผมจะได้สมาชิกเพิ่มมาช่วย แต่มันหน้าหวานเกินไปและดูอ่อนแอ่น ถึงแม้ว่าพี่ชายมันจะเคยเป็นหัวหน้าแก้งมาก่อนก็ตาม แต่ทำยังไงได้มันลงเรือรำเดียวกับพวกผมแล้วไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู

ขณะที่พวกผมกำลังเดินเข้าไปในบ้านของพวกผม  และผมก็สังเกตุเห็นว่าไฟถูกเปิดที่ชั้นสองของตัวบ้าน นี้ยังไม่มืดดีแค่สลัวๆ แต่ก็ยังเร็วสำหรับผมอยู่ดีที่เคยอาศัยอยู่เมืองไหญ่ที่ไม่เคยหลับไหล บรรยากาศที่นี่สองทุ่มเหมือนตีสองกรุงเทพฯ เงียบจนวังเวง





“ริงๆ” เสียงมือถือทั้งสองเครื่องดังขึ้น มือถือของบอยและไอ้ติ๊ก ผมหันไปมองทั้งคู่





“พ่อโทรมานะ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกันเลย แต่ของผมเงียบพ่อไม่คิดจะโทรมาถามผมบ้างหรือไงกันว่าผมเจออะไรกันบ้างวันนี้ แต่ถึงยังไงพวกผมก็ยังกลับไม่ได้อยู่ดี ผมพยักหน้าให้ทั้งคู่และทั้งคู่ก็เดินแยกกันไปคนละทาง ผมก็เดินตรงเข้าบ้าน ผมว่าจะคุยปรึกษาอะไรกับไอ้ดิวสักหน่อยดีกว่า ก่อนที่อาหารเย็นจะมาถึง





“มาถึงนานแล้วเหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว ไอ้แอ้และพาย มันสามคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก ความเย็นของแอร์ดูท่าจะเข้ามาถึงนานแล้ว





“เพิ่งมาถึงเนี๊ยะ ก่อนหน้าไม่ถึงสิบนาที” พายพูด ผมเลิกคิ้วมองและเงยหน้ามองที่เครื่องปรับอากาศ





“มีคนเปิดทิ้งไว้แน่ๆ เย็นเจี๊ยบเลยแต่ดี เพราะว่าวิ่งหนีตีนมาทำเอาร้อนตับจะแตก “พายพูดแอ้หันไปยิ้มให้พายแบบขำๆ





“และกรูเห็นไฟเปิดจากบนบ้านว่ะ” ผมพูด





“ไอ้ติ๊กคงลืมปิดไฟ เพราะกรูนะปิดในห้องนอนกรูก่อนออกแล้ว” ไอ้แอ้พูด ผมก็พยักหน้าแต่ไม่สน เพราะผมไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าไฟบรรดาพ่อพวกผมครับ





“ดีนะ ดีที่รอดมาได้ไม่ตายคาเท้าพวกมันซะก่อน “ไอ้ดิวพูด มันละสายตาขึ้นจากมือถือมันและมองหน้าผม ผมนั่งเอนหลังผิงพร้อมยกขาขึ้นไขว้ห้าง





“อันที่จริงมึงก็น่าจะเอาอยู่นะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้ดิว





“เอาอยู่….บ้านพองมึงซิ ห่า มากันเป็นสิบเกือบครึ้งร้อยได้ โดนไปนี่น่วมเลยนะมึง” ไอ้ดิวพูด ผมหันไปมองเหมือนมีเสียงใครสักคนเดินออกมาจากห้องครัว ผมหันมามองหน้ากัน จะว่าบอยกับติ๊กไม่ใช่แน่ๆ เพราะทั้งคู่คุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก





“ใครอยู่ในครัวว่ะ” ไอ้แอ้พูดกับไอ้ดิว ผมก็สงสัยเหมือนกัน ผมหันมาพยักหน้ากับมัน และก็ลุกขึ้น พวกผมเดินย่องๆ เข้าไปในห้องครัว ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่ง น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกผมนี้แหละ ยืนหันหลังอยู่ แถมยังอุดหูด้วยหูฟัง โยกแบบนี้เพลงมันคงดังสนั่นในรูหูเป็นแน่ ผมหันมามองหน้ากันแบบมีคำถามว่ามันคือใคร แต่ละคนพากันส่ายหัวไปมาว่าไม่มีใครรู้ว่าหมอนี้มันมายังไง และคนที่น่าจะรู้ก็ยังไม่เข้ามาอีก นั้นคือติ๊ก





“สงสัยคนใช้ที่ไอ้ติ๊กขอพ่อมันไว้หรือเปล่า พายเห็นมันพูดอยู่ว่าอยากได้คนมาคอยรับใช้ เพราะชีวิตมันติดคนรับใช้ทำอะไรเองไม่เป็น” พายพูดผมก็พยักไหล่ อาจจริง





“นาย” ผมเรียก มันก็ยังฟังเพลงอยู่





“นาย!!” ดังขึ้นมันก็ยังคงก้มหน้าก้มตาฟังเพลง ผมเข้าไปใกล้ เพลงมันดังมากเลยทีเดียว มันฟังเพลงดังขนาดนี้แก้วหูมันแตกหรือไง





“เฮ้ย!!!” มันร้องเสียงหลงเมื่อผมดึงไอพอตมันออกและมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผมกลับ ผมสังเกตได้ว่ามันตาชั้นเดียวเรียกได้ว่าไอ้ตี๋เลยดีกว่า ยืนเคี้ยวหมากฝรั่ง





“นายเป็นคนที่พ่อของติ๊กส่งมาให้ดูแลพวกเราใช่ป่ะ” พายถามและส่งยิ้มให้ แต่มันยังคงทำหน้างง แต่ก็หยักไหล่





“เออ ดี งั้น ช่วยเอาเบียร์ เย็นๆ มาให้หน่อย วันนี้หนีบาทามาเหนื่อย” ผมหันไปบอกไอ้หน้าตี๋นั้น และพากันเดินหันหลังออก





“ของเราบาคาดี้นะ ไม่ดื่มเบียร์” พายพูดและเดินตามพวกผมออกมานั่งที่โซฟา ไอ้ดิวเปิดทีวีดู





“พวกเราจะเอาไงดีวะ ถ้าเจอแบบนี้ทุกวันท่าจะแย่ว่ะะ” ผมพูด พวกมันก็หยักไหล่ประมาณว่าคงทำอะไรไม่ได้มาก ไม่นานไอ้คนที่พวกผมใช้ก็ถือแก้ว ออกมาสามแก้ว น่าจะเบียร์ ฟองเยอะดีเหมือนกันเห็นแล้วก็กระหายเลย





“อ่ะ เบียร์พวกมึงอ่ะ” มันวางลงและเหล่ตามองพวกผมทุกคน ก่อนจะหันหลังเดินออก พวกผมหันมามองหน้ากัน





“ไอ้นี่มันแน่มากวะ เข้าขั้นติสเลยว่ะ” ไอ้ดิวมันพูด มันก็คงได้ยินเหมือนที่ผมได้ยินนั่นแหละ





“นายชื่อไร” ไอ้ดิวถาม ผมเงยหน้ามอง แต่มันไม่ตอบ มันหันไปมองหน้าไอ้ดิว





“ไม่จำเป็นต้องรู้มั้ง” อ้าวมันกวนนี้หว่า





“อ้าวเห้ย! อันนี้กวนตีนว่ะ” ผมพูด





“เรื่องของมึงไม่อยากบอกก็เรื่องมึง” ไอ้ดิวพูดและมันห้ามผมไว้ด้วย มันก็ทำท่าจะเดินออก ผมก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาใกล้จมูก อยากบอกว่าฉุนมาก ไม่น่าจะใช้เบียร์เลย





“เดี๋ยว!” ผมเรียกมันไว้





“มีอะไรว่ะแจ็ค” ไอ้ดิวมันถามผม





“ทำไมเบียร์มันกลิ่นแปลกๆ ว่า กลิ่นแม่งเหมือนฉี่เลยวะ” ผมพูดและมองหน้าไอ้คนที่หันมาช้าๆ





“แต่ความซ่าแม่งแซงหน้าเบียร์เชื่อกู “มันพูด ผมก็ไม่เข้าใจที่มันพูดหรอก ไอ้ดิวก็ยกขึ้นมาและมันก็เบือนหน้าหนีเช่นกัน แอ้ก็เช่นกัน พายนี้รีบวางลงเลย





“น้ำอะไรของมึงเนี๊ยะ! “ผมลุกขึ้น คนยิ่งหัวเสียมาเจอไอ้นี่อีกคนผมก็คงหมดความอดทนที่ไอ้นี่แหละครับ ผมก็เดินไปหามัน และส่งแก้วให้มันดู มันก็เอียงคอมองผม





“น้ำอะไร!!!” ผมตะคอกเสียงดังถาม มันก็ยืนปั่นหน้าได้นิ่งมาก





“น้ำปัสสาวะกูเองว่ะ มันน่าจะซ่ากว่าเบียร์วะ “มันพูด ทุกคนวางแก้วลงอย่างเร็ว





“มึง...มันจะมากไปเปล่าวะ กูว่าต้องให้ไอ้ติ๊กโทรบอกพ่อมันวะ”





“พวกมึงคิดว่ามีพ่อใหญ่แล้วจะขมใครก็ได้เหรอยว่ะ “ผมหันมามองหน้ามัน  และมันก้าวย่างเข้าหาผมแบบไม่กลัวทั้งที่ผมมีกันสามคนอยู่ตรงนี้แต่มันลุยเดี่ยวถ้าจะแลกกับผม





“แล้วมึงใหญ่กว่าพ่อพวกกูป่ะละ” ผมถามมันกลับ ตายังคงจ้องหน้ามันอยู่





“อาจจะ” มันพูดและมองหน้าผม มันเดินเข้ามาและประชันหน้ากับผมแบบไม่กลัว

อะไร สายตามันแน่มาก ผมชักอยากรู้แล้วซิว่ามันคือใคร





“มึงเป็นใคร” ผมถามสายตายังคงจดจ้องไปที่ไอ้คนนั้นแบบไม่ละสายตาเช่นกัน จนกระทั่ง





“แจ็ค” บอยเรียกชื่อผมเปิดประตูเข้ามา ผมหันไปมองบอย บอยก็ทำหน้าเหมือนตกใจ





“บอย เห็นไอ้ติ๊กไหม” ผมหันไปถามและรีบจะเดินไปหาบอยแต่ถูกไอ้คนข้างหน้ามันดึงผมกระเด็นไป ผมไม่รอให้เสียหลังผมรีบดันตัวขึ้นมาเห็นมันกำลังตรงไปหาบอย ผมรีบดึงแขนมันและปล่อยหมัดไปที่ใบหน้าของไอ้หน้าตี๋นั้น





“แจ็ค อย่า!” บอยร้องห้ามผม และไอ้คนที่ผมตะบันหน้าก็ล้มลง ผมเลยเดินไปหาบอยเพื่ออธิบายว่าทำไมและไอ้นี่มันกวนพวกผมแค่ไหน





“บอย คือแจ็ค” ผมกำลังจะอธิบายแต่บอยมองหาไอ้คนที่ต่อยลงไป ยังไม่ทันไร มันก็วิ่งปรีมาหาผมและกระฉากคอเสื้อผม ผมก็กระฉากคอเสื้อมันเช่นกัน





“เฮ้ย!” ทุกคนร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะว่าที่พุงผมมีแก้วที่มันแตกจ่ออยู่ มันกะจะกระสวกพุงผมทันที แต่ผมหาได้กลัวไม่ ผมยังมองหน้ามันเป็นเชิงท้าทายด้วยซ้ำ





“มึงอย่านะโว้ย “ไอ้ดิวรีบร้องห้ามไอ้คนที่จ่อของแหล่มที่พุงผมอยู่





“หลุยส์ อย่า! “บอยรู้จักมันรึนี่ แต่ผมไม่สน ผมก็ประสานสายตามองจ้องมัน





“มึงกล้าหรือเปล่าละ” ผมถามมันด้วยสายตาที่ท้าทาย



“อย่าไอ้แจ็คมึงอย่าไปยุมันดิว่ะ” พายรีบห้ามปรามผม



“แต่มึงคงได้หมอบคาเท้าเพื่อนกูแน่” ผมพูด ไอ้ดิวก็พร้อมใส่เหมือนกัน ไอ้หลุยส์มันหันไปมองไอ้ดิว และหันมามองหน้าผม



“ใครหน้าไหนกูก็ไม่กลัว.... ยกเว้น.....” มันพูดและมันหันมามองบอย





“หลุยส์ พอเถอะ นี้แจ็ค เพื่อนเรานะ อย่าทำแบบนี้เลยนะ “บอยพูดบอกไอ้ตี๋นั้น ดูมันทำหน้าตาหวานซึ้งชวนผมอยากจะเตะมันให้กระเด็นออกไป





“บอยรู้จักไอ้หน้าตี๋นี้ด้วยเหรอ” ผมหันไปถามบอย





“เขาชื่อหลุยส์ เขาจะ” ขณะที่บอยกำลังจะพูด ไอ้ติ๊กมันก็โผ่หัวเข้ามาพอดี





“เฮ้ย! พวกมึง พ่อกูโทรมาบอกว่าเราจะมีสมาชิกใหม่ว่า มันชื่อ..หลุยส์ แต่ไม่วิคตอง มาอยู่กับ...เรา” ไอ้ติ๊กเดินเข้ามามันก็ทำหน้าตกใจที่เห็นว่ามีคนดึงคอเสื้อผมไว้และที่พุงมีอะไรรอแท่งผมอยู่เช่นกัน



“เว้ย!!!” ไอ้ติ๊กมันร้องตกใจและกลืนน้ำลายลงคอ มันหันไปส่งนิ้วถามพวกไอ้ดิว ไอ้ดิวมันก็ชี้มาที่หน้าตี๋นี้





“มึงชื่อหลุยส์ใช่ปะว่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้หน้าตี๋ และบอยก็เรียกมันว่าไอ้หลุยส์ด้วย ผมว่า





“ใช่กรูนี้แหละ ไอ้หลุยส์” ทุกคนถึงกับพยักหน้า มันคือไอ้หลุยส์ และคำถามต่อไปแล้วมันเป็นใครละไอ้หลุยส์เนี๊ยะ เกิดมาพวกผมก็เจอกันแค่นี้





“เปิดตัวแรงวะ.เออ..” ไอ้ติ๊กมันทำหน้าตกใจแต่มันก็หันไปหาพวกไอ้ดิว





“เกิดอะไรขึ้นว่ะ และนี่กูพล้าดอะไรไปว่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามพวกนั้น ผมก็ยังคงจ้องหน้ากับไอ้หน้าตี๋นี้





“มึงทำไมไม่บอกพวกกูให้เร็วกว่านี้วะ กูนึกว่าคนใช้มึง!!!” ไอ้ดิวหันไปกระซิบกระซาบกับไอ้ติ๊ก ผมยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เลยได้ยินอยู่ ไอ้ติ๊กมันส่ายหัวและหันไปกระซิบกระซาบอะไรกับพวกไอ้ดิว





“หลุยส์ เอาเป็นว่าพวกกูขอโทษว่ะ ที่เข้าใจผิด” ไอ้ดิวมันพูดขอโทษไอ้หน้าตี๋ ไอ้หลุยส์หันไปมองหน้าไอ้ดิว





“ไอ้แจ็คมันก็ไม่รู้ มันคิดว่ามึงคือคนใช้ที่ไอ้ติ๊กมันขอพี่มันไว้” ไอ้ดิวพูด และค่อยเดินเข้ามามันแบมือขอแก้วที่แตก ไอ้หลุยส์มองหน้าบอยที่พยักหน้าว่าให้เขาหยุด มันก็ปล่อยผม และส่งของแหลมนั้นให้ดิวไป





“เฮ้อ!” ทุกคนพากันถอนลมหายใจ ที่ลุ้นอยู่ว่าผมจะโดนไหมพุงผมเนี๊ยะ รวมทั้งบอยด้วย





“บอย “มันปรี่จะเข้าไปหาบอยอีก ผมก็ดึงมันกลับเพราะนั้นมันแฟนผม



“โอ้ยย!” มันลงไปนอนและกุมท้องมันเอง ผมแค่ดึงมันกลับไม่ได้ชกท้องมันซะหน่อย และมันก็ร้องโอดครวญ เหมือนผมต่อยมันแรงมาก ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นโหดไม่กลัวห่าอะไรทั้งนั้น พอบอยมานี้ทำเป็นคนเจ้าสำออยขึ้นมาทันที





“ไอ้แจ็ค “ไอ้ติ๊กพูดและกะวิ่งมาประคองไอ้นี่ขึ้นแต่มั้นสะบัด และมองตากะปริบๆ มาที่บอย





“แจ็ค ไปต่อยหลุยส์อีกทำไม “บอยพูดและเขาก็เดินผ่านผมไปลงไปประคองไอ้หน้าตี๋นั้น ผมหันมองทุกคนที่อึ้ง ไม่มีใครพูดอะไร





“บอย แจ็คไม่ได้ต่อยมันนะครับ” ผมพูด บอยมองหน้าผม





“อู้ยย! “ไอ้หน้าตี๋มันยังคงร้องและกุมท้องมันไว้ มีเหล่ตามองผมมันแอบยิ้มที่มุมปากแต่ไม่มีใครเห็น





“ไอ้” ผมทำท่าจะต่อยมันจริงๆ แต่บอยหันขวับมามองผม “หมับ” ไอ้ดิวมันคว้าแขนผมดึงไว้ มันส่ายหัว ไม่ให้ผมเข้าไป





“แจ็ค! “บอยเรียกผม และประคองไอ้ตี๋นั้นขึ้นมา





“ไปไหนบอย” ผมถามบอย





“จะพาหลุยส์ไปใส่ยา” บอยพูดเสียงแข็งใส่ผม บอยโกรธผมหรือนี่





“บอย ...ไอ้”





“ใจเย็นเป็นไหมแจ็ค!” บอยหันมาถามผม ผมรู้ว่าผมเป็นคนหัวร้อนใจร้อน และสายตาบอยมันบอกว่าเขาเสียใจมาก ผมก็ได้แต่ก้มหน้าลง และไอ้ดิวมันก็เอื้อมมือมาแตะแขนผมไว้ ผมได้แต่มองบอยที่พาไอ้สำออยนั้นออกไป ดูมันผมนี้อยากจะอัดกำแพงแต่คำพูดบอย ที่ถามผม ใจเย็นเป็นไหม





“เฮ้ย! นี่มันเชี้ยอะไรวะ” ผมสะบดออกมาแต่ละคนมองหน้าผม





“ไอ้นี้มันจบสถาบันการแสดงที่ไหนมาว่า แม่งเล่นเนียนกว่ากูอีก” ไอ้ติ๊ก พูด แสดงว่ามันก็เห็นว่าผมไม่ได้ต่อยมัน





“นั่งลงก่อนแจ็ค เดี๋ยวกูเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาให้วะ” พายพูด ผมพยักหน้าผมนั่งลงบนเก้าอี้น่วม ด้วยความผิดหวัง นี้ไอ้หน้าตี๋นั้นคงไปออดอ้อนบอยน่าดูว่าเจ็บอย่างนั้นอย่างนี้



“ใจเย็นว่ะ มันก็คงแค่เพื่อนบอย” ไอ้ดิวพูด พายก็เดินเอาผ้าขนหนูหอน้ำแข็งมาให้ผมแปะที่มุมปากที่โดนมันชกไปเต็มๆ



“และนี้ติ๊กมันบอกว่าพ่อมันให้ดูแลไอ้นี่ดีดี นั้นแสดงว่าคงเป็นอะไรที่สำคัญพอๆ กับพวกเราวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้ามามอง ให้พวกเราดูแลไอ้นี่นี้นะ ผมส่ายหัว ผมไม่เอาด้วยคน ไม่มีทาง มาถึงก็กวนตีนขนาดนี้และถ้าต้องอยู่ร่วมด้วยมันจะกวนตีนผมขนาดไหนคิดดู





“มึงนี้แม่งโคตรซวยเลยวะ กำลังไปได้ดีกับบอย เพิ่งจะดีกันเมื่อเช้าตอนเย็นโดนหมาคาบไปแดงซะงั้น” ไอ้ติ๊กพูด หันมามองหน้ามันนี้มึงซ้ำกูใช่ไหม





“มึงก็ปาก ไอ้ติ๊ก” ไอ้แอ้หันไปต่อว่าไอ้ติ๊กทันที





“รู้จักคำว่าเชื่อใจไหมวะ” ไอ้ดิวพูด ผมหันมองหน้ามัน เห็นแบบนี้เชื่อใจไหวไหม ผมก็เงียบพูดไม่พูดอะไรต่อ





“พวกกูขึ้นไปอาบน้ำดีกว่าวะ จะได้ลงมาทานอาหารเย็น วันนี้กูบอกไอ้ป๊อดว่ากรูจะกินลอปเตอร์อบมอสสาเรลล่าชีส” ไอ้ติ๊กมันพูด พวกผมเงยหน้ามองมัน





“อิมพอสซิเบิล!!!!” พายพูดขึ้นมาทันที





“มึงคิดว่าเขาจะไปหากุ้งลอบเตอร์ที่ไหนวะ ที่นี้มีแต่กุ้งแม่น้ำ” ไอ้ดิวพูด





“ไม่รู้แหละ กูบอกมันว่ากูจะกิน” ไอ้ติ๊กพูดและหันมามองไอ้แอ้ มันกำลังจะอ้าปากชวนแอ้แน่ๆ





“แอ้ไปอาบน้ำกัน” ไอ้ติ๊กพูด





“มึงควรจะชวนกูวะ เพราะกูอยู่ห้องเดียวกับมึง” ไอ้พายหันไปบอกไอ้ติ๊ก ผมหันมามองไอ้ดิว มันก็ยักไหล่ ให้ทำไง ผมคิดในใจ นี้ยังตีกันเรื่องอาบน้ำอีกหรือไง





“ก็ไปดิ” ไอ้ติ๊กหันมาบอกพาย





“ตอแหล กูเห็นแอ้มันนั่งรออาบเป็นคนสุดท้ายทุกที ให้มันไปอาบน้ำที่ห้องมันดิ “ไอ้พายพูด ไอ้ดิวสะบัดหน้าไปมองแอ้ เหมือนมันจะยิ้มๆ ผมนะสังเกตุมันมาพักหนึ่งแล้วนะ ระหว่างมันกับไอ้แอ้เนี๊ยะ มันจะปิดพวกผมทำไมกันหรือแม้กระทั่งติ๊กมันก็ปิด อันนี้เริ่มมีข้อน่าสงสัย ผมหันมามองไอ้ดิว หยักคิ้วให้มัน ยังไงของมัน มันก็หลบสายตาผม





“ก็..เออ รอบนี้กรูกับมันจะอาบน้ำด้วยกัน” มันยังแถได้อีกและดึงแขนแอ้ให้ลุกขึ้น





“ไปดิพาย มึงจะไปอาบน้ำไม่ใช่เหรอ” ติ๊กพูดและดึงแขนพาย ผมว่าพายมันรู้อะไรดีดีมาแน่ๆ เอาไว้ผมต้องถามพายดีกว่า พอสามคนนั้นเดินออกไปด้านบน ผมก็หันมามองไอ้ดิว





“มึงยังไงดิว “ผมถามไอ้ดิว มันมองหน้าผม





“อะไร ไม่มี!” มันตอบผมเสียงสูง





“มึงกับแอ้นะ กูรู้สึกเหมือนมึงสองคนมีอะไรปิดบังพวกกูกันว่ะ คบกันป่ะ” ผมถามไอ้ดิวและยิ่งคำถามตรงไปเลย แบบปล่อยหมัดฮุกไปเลย





“เออ ...ไม่ ..นิ “มันตะกุกตุกัก



“มึงคบกันก็บอกดิว่ะ มันแปลกเหรอว่ะ ถ้าจะรักกันเอง ก็แค่บอกพวกกู ดิว” ผมหันไปพูดกับมัน มันเงียบทันที





“แล้วระหว่างพวกมึงกับไอ้ติ๊กละ “ผมถามไอ้ดิวมันก็สะบัดหน้ามามองผมทันที



“ก็ไม่มีอ่ะ “ไอ้ดิวมันรีบปฏิเสธทันที แสดงว่าไอ้ติ๊กไม่ใช่นั้นก็ไอ้แอ้แน่นอน ผมหันมามองหน้ามันแบบจริงจัง





“บอกพวกกรูดิวะดิว มีอะไรพวกกูได้ช่วยกันได้ “ผมพูดเพราะเริ่มนอยด์กับมันแล้ว





“ไม่มี ถ้ากูมีกูจะบอก” มันพูดและลุกไปขึ้นไปทันที ที่บ้านเรียกชิ้ง มันคงไปเข้าห้องยิมก่อนอาบน้ำซิท่าตอนแรกผมก็ว่าจะออกกำลังกายสักหน่อย เพราะถ้าเขาเรียกคัดตัวขึ้นมาร่างกายไม่พร้อมอีก แต่เจอไอ้หน้าตี๋ไปผมหมดอารมณ์เลย



ผมเดินส่ายหัวและเข้าห้องครัวไป ผมกะจะไปหาน้ำดื่มสักหน่อย ผมเห็นบอยยืนอยู่แต่ไม่เห็นไอ้หน้าตี๋นั้นและดูจากกล่องยานี้ก็คงทำแผลให้กันแล้วซินะ





“ทำแผลหรือยัง” บอยหันมาถามผม ผมได้แต่ยืนมอง





“ก็”





“หันมา” บอยเดินตรงมาหาผม หยิบชุดทำแผลมาด้วย เขาเอาสำลีแตะน้ำยาและเอามาแตะที่มุมปากผมเบาๆ





“แจ็ค บอยขอร้องได้ไหม อย่าใจร้อน”





“บอยก็ไอ้นั่น”





“หลุยส์ เขาชื่อหลุยส์” บอยค้อนผมขวับเลย





“เออ ไอ้หลุยส์อะไรนี้นะ มัน... โอ๊ย!” ผมเผลอร้องสุดเสียงเพราะเจ็บแต่บอยกลับยิ้มที่มุมปาก





“หึๆ” บอยขำผมในลำคอ





“บอย แจ็คหึงอ่ะ” ผมบอกบอยและมองหน้าบอย





“เขาเป็นเพื่อนบอยนะ และเขาก็เป็นคนสำคัญขององค์กรเหมือนกัน “บอยพูดและทำท่าจะทายาเพิ่ม ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมแคร์เหรอ



“ไอ้หน้าตี๋นี้อะคนสำคัญ แจ็คไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย แจ็คคิดว่ามีแค่พวกเรา” ผมพูด บอยเงยหน้ามองผม



“เรื่องมันยาว เอาไว้บอยค่อยอธิบายก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ แจ็คควรจะเป็นเพื่อนกับหลุยส์ “บอยบอกผมเหมือนออกคำสั่งมากกว่า



“แล้วบอยละ ดูบอยสนิทกับไอ้หน้า ….ไอ้หลุยส์” ผมพูดจะเรียกไอ้หน้าตี๋แต่บอยแอบเงยหน้ามองผม แม้เวลาดุนี้แจ็คก็ง้อเลยเหมือนกันนะ





“บอยบอกแล้วไงว่าเขาคือเพื่อนบอย” บอยพูดและเงยหน้ามองหน้าผม ผมรู้สายตาเขาจริงจังและผมก็ควรจะเชื่อใจ





“แค่เพื่อนจริงๆนะ “ผมจับมือบอยไว้และถามบอยเพื่อความมั่นใจ บอยพยักหน้าให้ผม





“เชื่อใจทำได้ไหมครับ และบอยอยากให้แจ็คเป็นคนใจเย็นลง เพราะการเป็นคนใจร้อนจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับ..” บอยพูดบอกผม ผมก็เหล่ตามองใครเหรอที่ผมควรจะเป็นแบบอย่างที่ดี แต่บอยก็มองผมค้างไว้





“ช่างเถอะ แต่บอยขอนะ “บอยพูดและก้มลงเก็บของในกล่องยา





“สัญญาซิ “บอยถามผมย้ำเขาเงยหน้ามองผมอีกครั้งเพื่อต้องการคำตอบจากปากผม





“สัญญาครับ “ผมพูด บอยยิ้มให้ผมและแตะสำลีที่ใส่ยาเพิ่มลงที่มุมปากผมแอบกดซะแรงเชียว





“อู้ย” ผมร้องคร้างเบาๆ





“ทำเป็นร้อง ที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่ง” บอยเงยหน้าแอบค้อนผมอีกแล้ว ผมก็มองใบหน้างามๆ ที่สวยยิ่งกว่ายิ่งสาว ดวงตาที่หวานประกอบกับตาสีฟ้าที่ดูละมุลคู่นั้น ไล่ลงมาที่ริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มเรียวสวย จนยากที่จะอดใจห้ามไม่ให้จุมพิศแต่มันไวไปกว่าความคิดของผม





“อืมม” ผมประกบริมฝีปากสวยนั้น บอยไม่ได้ห้ามปรามผม บอยเขย่งเท้าให้เสมอผมให้มากที่สุด ผมก็เลยยกตัวบอยให้นั่งบนโต๊ะตัวยาวในห้องครัว ผมกับบอยจูบกันอย่างดูดดื่ม รสจูบนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อวานวันนี้ บอยปฏิบัติตามผมเหมือนเขาเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ขาคู่เรียวของบอยถูกแยกออกให้ตัวผมนี้แทรกเข้าไประหว่างกลาง มือผมไล่เข้าไปในเสื้อนักเรียนไต่ไปตามหน้าท้องและขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงยอดประทุมถัน





“อะ..แจ็ค..อย่า..ไม่เอา” เสียงบอยเล็ดลอดออกมาเพื่อห้ามปรามผม แต่ผมก็ยังคงเร้าโรมไม่ยอมหยุด





“ในนี้เหรอ ไม่มีใครแล้ว คนอื่นขึ้นไปอาบน้ำกันหมด อืมมม ที่รัก” ผมพูดและไม่ลดละยังคงซุกไซ้ไปตามซอกคอไล่ไปเรื่อยผมพยายามจะปลดกระดุมเสื้อบอยแต่บอยพยายามห้ามปรามผมตลอดจน





“บอยครับ” ไอ้หน้าตี๋มันเข้ามาขัดจังหวะผมกับบอย บอยก็รีบดันผมออกและจัดการแต่งตัวแต่ ผมซิหันไปมองหน้ามันแบบเสียอารมณ์แต่คิดอีกทีนี้คือการแสดงตัวตนว่าเป็นเจ้าของที่ชัดเจนที่สุดนะผมว่า ผมหันไปมองหน้ามันว่ามีอะไร





“บอย..ห้องของหลุยส์อะ น้ำมันไม่ไหล และไฟก็ไม่ค่อยติดอ่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมามองหน้าบอย





“เมื่อวานกูกะจะนอนห้องนั้นนะและทุกอย่างมันใช้ได้นะ “ผมพูด





“อ้าวก็ลองขึ้นไปดูดิ” ไอ้หลุยส์พูด บอยหันมามองหน้าผม





“อีกห้องก็ไม่มีเฟอร์นิเจอด้วย” มันยังคงเรียกคะแนนความสงสารจากบอยอีก





“ถ้าอย่างนั้นก็ ให้หลุยส์นอนห้องเราหนึ่งคืนนะแจ็ค เพราะว่า”





“อะไรนะบอย” ผมหันมาอ้อนบอยบ้างแต่บอยทำหน้าขอร้องผมไว้ ผมนะไม่อยากจะทำร้ายความรู้สึกคนที่ผมรักเลย ผมหันมองหน้ามันดูมัน





“แล้วมันจะนอนตรงไหนอ่ะ “ผมถามบอย





“นอนเตียงเดียวกับบอยได้มั้ย” นั้นผมหันไปอยากจะต่อยหน้ามันอีกแต่ผมสัญญากับบอยไปเมื่อกี้





“นอนเตียงบอยไม่ได้โว้ย แต่นอนเตียงกูได้ เอาไหม ถ้าไม่ก็ไปนอนห้องไม่มีเฟอร์นิเจอ” ผมยื่นขอเสนอใหม่ ผมหันมามองบอยว่าให้สิทธิผมบ้างนะ บอยไม่ได้พูดอะไร ไอ้หน้าตี๋มันทำหน้าเหวอไป





“ไม่รับขอเสนอนี้ก็ตามใจ บอยไปอาบน้ำกันดีกว่า” ผมหันมาพูดกับบอย





“เออ ก็ได้ “มันตอบกลับแบบเสียไม่ได้ ผมก็หยักคิ้วให้มัน





“โอ้ยย บอย ตรงนี้ก็เจ็บทายาให้หน่อยนะครับ” ผมร้อง ที่จริงตรงนั้นไม่โดนอะไรหรอก





“Bullshit” ไอ้หน้าตี๋ มันพูดและเบ้ปาก ผมหันไปหยักคิ้วให้





“งั้นเราขึ้นไปอาบน้ำกันดีกว่า” บอยพูดแต่ไอ้หน้าตี๋มันชิ้งตอบ





“ดี” ผมและไอ้หน้าตี๋พูดพร้อมกันแต่ มันจะมาดีด้วยได้ยังไง





“ไอ้ตี๋! “ผมหันไปเรียกมันแต่





“หลุยส์ แจ็คเขาชื่อหลุยส์ “บอยกอดอกมองผม





“ไอ้..หลุยส์ มึงจะมาบอกว่าดีได้ไง” ผมหันไปถามและจ้องหน้ามันทันที มันแค่ยืนกอดอกหาได้สนใจไหม





“ก็บอยชวนอาบน้ำ” มันหันมาตอบผมได้หน้าตาเฉย





“เขาชวนกูคนเดียว มึงนะคนนอก” ผมหันไปชี้หน้ามัน





“กูไม่ใช่คนนอก” ไอ้หน้าตี๋พูดกระแทกเสียงใส่ผม





“เอาละ ตกลงจะขึ้นไปอาบน้ำกันไหม “บอยถามด้วยความเหนื่อยใจ และลุกเดินหนีผมสองคนขึ้นไป ผมก็วิ่งแต่ไอ้ตี๋ซิวิ่งแซงผม ผมก็ดึงเสื้อมันเพื่อพยายามไปถึงก่อน





“เฮ้ย ไอ้หน้าแขก “ “ไอ้หน้าตี๋” ผมสองคน วิ่งมถึงหน้าห้องนอนผมกับบอย บอยน่ะเข้าไปแล้วเหลือแค่ผมที่แย่งกันจะเข้า ก็ประตูมันแคบผมเลยแย้งกัน มันจะเข้าผมก็ดึงมันและผลักมันไว้ข้างหลัง มันก็ดึงผมไว้ไม่ให้เข้าเช่นกัน





“เฮ้ย! มึงสองคนนะ ยังจะกัดกันอีกเหรอว่ะ “ไอ้ดิวครับมันเปิดประตูมาด้วยผ้าเช็ดตัวคาดเอวแบบหมิ่นอีกแล้วและ





“เออ เสียงดังฉิบหายเลย เป็นบ้าอะไรเนี๊ยะ!” ไอ้ติ๊กอีกคนที่ออกมาด้วยผ้าโผกหัวเหมือนผู้หญิงเลย ไอ้แอ้และพายก็ออกมายืนดู





“ถ้ามึงยังตีกันกูจะโยนมึงสองคนไปอยู่นอกบ้านโน้น ไปนั่งตากยุงเล่นสักพัก เอาไหม! “ไอ้ดิวพูดด้วยสีหน้าขึงขัง ผมเลยต้องหยุดและไอ้ตี๋มันก็วิ่งพรวดเข้าห้องไปก่อนผมทันที





“โธ่โว้ย! กูพลาดเลย” ผมหันมาเม้งพวกมัน





“ขอให้สามพีกันให้สนุกนะ “ไอ้ติ๊ก ผมหันไปยกนิ้วกลางให้ พอผมเข้ามาก็ไม่เห็นบอยแล้วแสดงว่าบอยเข้าห้องน้ำไปแล้ว ล๊อกประตูด้วย ผมก็เลยต้องนั่งรอและมองหน้าไอ้ตี๋ไปด้วย
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) แจ็คX บอย Xหลุยส์ ผมควรจะอยู่ต่อดีไหม
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 10-10-2020 20:39:13
    แจ็คX บอย Xหลุยส์  ผมควรจะอยู่ต่อดีไหม
       
         Part หลุยส์ ผมชื่อหลุยส์ ผมเป็นใคร ผมเป็นลูกผู้มีอิทธิพลและเป็นคนออกแบบและคิดค้นพวกอุปกรณ์ไฮเทคทีใช่ในการทำสงครามและนี้คือธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาลให้ครอบครัวผม แต่ในความโชคดีของผมก็มี่ความโชคร้ายเมื่อพ่อแม่ผมถูกรอบสังหารและผมก็ยังเป็นเด็กน้อยแม้จะอายุสิบปีแล้วก็ตามทีต้องมากำพร้าพ่อแม่ และได้ผู้มีอิทธิรับผมมาดูแล และกิจการก็ยังดำเนินไปภายใต้การดูแลของเขาคนนั้น และที่ผมมานี้เพื่อเขาคนเดยวเลย

       บอย คือหนุ่มตาสีฟ้า ผู้ซึ่งทำให้ผมหลงรักจนปลักหัวใจ หลังจากทีพ่อแม่ผมโดนสังหารผมเก็บตัวไม่ออกไปไหน ไม่ไปโรงเรียน ไม่ติดต่อใคร แต่เขาคนนั้นได้ส่งคุณครูมาสอนผมที่บ้าน จากกระทั้งเขาแนะนำให้ผมไปเรียนพิเศษทั้งที่ผมไม่อยากเพราะว่าผมจำเป็นต้องจบมัธยมปลาย และนั้นคือจุดที่ทำให้ชีวิตผมีสีสันขึ้นมาทันที
   
                  แต่สีสันก็มามีรอยทะลอกเพราว่าไอ้หน้าแขกนี้ไง มันบอกว่ามันเป็นแฟนบอย ทั้งที่อาณะ บอกบอยยังไม่มีแฟนแต่มีคนที่คู่ควร ผมนั้นไม่สนผมหลงรักบอยผมก็เฝ้าตามดูแลและจีบนั้นแหละ จนพอผมทราบว่าบอยจะมาเรียนมัธยมปลายกับเพื่อนอีก เพราะ ผมก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจว่าบอยจะกลับมาเรียนอีกทำไม ผมทราบมาอีกอย่างว่าบอยนะ ไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนแต่ใช่เป็นโฮมสกูล มาปีกว่าก่อนจะไปเรียนติวเตอร์และบอยก็เรียนปริญญาตรีออนไลน์ไว้ด้วย บอยเป็นคนเก่งและเขานั้นเป็นคนที่สำคัญมาก ดูจากที่เวลาไปไหนมาไหนจะมีการ์ดดูแลอย่างเคร่งครัด เรียกว่าใครก็เข้าถึงตัวยาก
      ปังๆๆๆๆ ผมกำลังเพลิดเพลิน กับใบหน้านายในฝันของผมเพลิน ก็อดนึกถึงใบหน้าบอยเมื่อครั้งแรกผมไม่ได้ แม้ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันก็ตาม แต่ดันมีมารมาผจน ไอ้หน้าแขกแน่ๆที่เคาะแบบนี้ ผมทำเป็นไม่สนใจ ขัดสีฉวีวรรณต่อไป

      ปังๆๆๆๆๆๆๆ นั้นหนักกว่าเดิมจนผมต้องปิดน้ำและออกมาหยิบผ้าขนหนูคาดเอวไว้แบบหมิ่นๆ ผมสูง 178 เซ็นติเมตร เตี่ยกว่าไอ้หน้าแขกหน่อย

      “What was wrong with you ? You are an idiot .” เปิดประตูแง้มและมองหน้าจมูกแหลมของมัน

      “Are you crazy? Why are you take to long time in a shower for ? Get out ! I wanna shower.” ไอ้หน้าแขกมันพูดและมันก็ดันประตูให้กว้างขึ้นและดึงผมออกมา กระเด็นออกมาเลย ผมมองหาตัวช่วย คือบอย

      “He’s not here. “ ไอ้หน้าแขกมันหันบอกผม ผมก็รีบแต่งตัวครับ จะได้ลงไปออดอ้อนบอยก่อนมัน

      “He is my boy  “ ไอ้หน้าแขกมันบอกผม ผมหันแสยะยิ้ม

      “I don’t belive you. As far as I know he never ever  have boyfriend .” ไอ้หน้าแขกมันชัดสีหน้าโกรธที่ผมพูด เกือบหนึ่งปีมานี้ผมก็ไม่เห็นบอยพูดถึงมันหรือจะพูดถึงแฟนสักคน

      “by the way, you can’t stop me” ผมพูดและรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสักชุดเพื่อแต่งตัว ไอ้หน้าแขกมันปิดประตูมันคงรีบอาบน้ำแต่ช้าไปแล้วผมแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาชั้นล่าง ผมเห็นบอยกำลังคุยหัวเราะมีความสุข เหมือนเขาคุ้นเคยกันมาก่อนยังไงก็ไม่รู้

      “ดีวะ” ไอ้คนที่มันจะต่อยผมเพราะผมกำลังจะเสียบพุงไอ้หน้าแขก ผมเห็นสายที่ดุดันผมว่าไอ้นี้น่าสนใจมากสำหรับผม ผมคุ้นๆหน้ามันนะ

      “ดีวะ นาย”

      “ดิว” มันแนะนำตัว

      “เราจำนายได้แล้วะ” ไอ้ดิวมันพูดผมก็ทำหน้างง ว่ามันพูดถึงอะไร

      “เราเคยเจอนายแต่น่าจะครั้งเดียว นานมากแล้วเพิ่งจะสิบขวบได้มั้ง ตอนนั้นงานอะไรสักงาน” ไอ้ดิวพูดผม ผมพยักหน้า จริงผมเคยเจอพวกมัน นานมากและหลังจากวันนั้นสองสามวันพ่อแม่ผมก็ถูกสังหาร


      “อาหารมาแล้วเข้าห้องครัวกันเถอะวะ กรูอยากทานลอปเตอร์แย่แล้ว”อีกคนน่าจะลูกชายอาภาษญ์


      “ดีวะหลุยส์ “ อีกคนหน้าหวานๆแต่มีความแข็งซ้อนอยู่


      “มันชื่อแอ้ เป็น..”ไอ้ดิวมันหันไปแนะนำแต่มันก็หยุดแค่ เป็น ผมเลิกคิ้วมอง

      “เพื่อน” ไอ้แอ้พูดต่อ ผมพยักหน้า ผมว่ามันสองคนมีอะไรแปลกแต่ใครจะสน ผมรีบเดินไปหาบอยที่คุยกับคนตัวเล็กบอบบาง

      “แม้บอย ...คิกๆ “ เขาหัวเราะอะไรกันก็ไม่รู้ ผมเดินเข้าไปพอดี
      
      “คุยกันสนุกน่าดู” ผมพูดและมองบอย ผมมองชุดที่เขาสวมใส่ มันสบายแต่ดูน่ารักมากในสายตาผม บอยหันมายิ้มให้ผม

      “เราทานข้าวกันเนอะ “ บอยพูดผมก็พยักหน้า

      “เออ ..หลุยส์นี้พายน่ะ ว่าที่คุณหมอในอนาคตเลยนะ” บอยแนะนำผมก็หันไปพยักหน้าทักทาย พายยืนมือมาจะเช็คแฮนด์ ผมก็เลยยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบ ตอนนี้อาหารก็มาวางบนโต๊ะแล้ว อาหารไทยทั้งนั้น ผมนะจะไปทานอาหารไทยเฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น

      “บอยครับ” ผมรีบเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้บอยทันทีอย่างสุภาพบุรุษ

      “อู้ยย! น่าร๊ากอ่ะ โรแมนเชียว” พายพูดและยืนมองผม ผมก็พยักหน้ายิ้มให้และผมก็นั่งลงข้างๆบอยทันที

      “นี่ ไม่เลื่อนให้เราบ้างเหรอ” พายสะกิดไหล่ผม ผมก็มองว่าทำไมอ่ะ

      “เก้าอี้” พายพูดและชี้ไปที่เก้าอี้ ผมก็ชี้ตัวผมเองด้วยเช่นกัน พายก็พยักหน้า

      “โธ่! อีพาย มึงเลื่อนเองดิวะ มีมือไหม” คนชื่อติ๊กพูด คนตัวเล็กทำหน้างอทันที

      “นั่งลงกูหิว” ติ๊กพูด

      “สองมาตรฐาน….ชิส์!”พูดและนั่งลงอย่างเสียไม่ได้

      “แล้ว”ผมถามบอยว่าที่อีกฝังใครนั่งเหรอ อย่าบอกนะว่า

      “กู....จะทำไม..ไอ้... “ไอ้หน้าแขกมันลงมาแบบจัดเต็มมาก เสื้อผ้าหน้าผม และมันกำลังจะเรียกผมว่าไอ้หน้าตี๋แต่มันชะงักเพราะบอยมองหน้ามัน

      “ไอ้หลุยส์” มันเรียกชื่อผม

      “แป๊ก!” ทุกคนทำช้อนหลุดมือกันหมดและมองไปที่ไอ้หน้าแขก นี้มันแต่งตัวอยู่บ้านของมันเหรอ เสื้อยืดมีแจ็คเก็ตสวมทับ กางเกงขายาว ผมนี้ลงแว๊กมาแบบเงาวั๊บ

      “แจ็ค มรึงจะไปไหนลูก ที่นี้ไม่มีผับ” ไอ้ติ๊กมันพูด

      “เออ ไปไหนของมึงเนี๊ยะ” ไอ้ดิว

      “กินข้าว “ มันบอกทุกคนแต่การแต่งตัวนี้เหมือนจะไปออกงาน

      “หล่อมากแจ็ค...นั่งข้างพายไหม คืนนี้ว่าง” พายพูด

      “อีนี้นิ เขามีเจ้าของแล้ว” ติ๊กกระซิบ มันคงหมายถึงบอย

      “เออ..นั่งลงซิแจ็ค “ บอยหันไปบอกไอ้หน้าแขกนั้น ไอ้หน้าแขกหันมาทำนิ้วเฉือดคอโชว์ผมด้วย ผมก็แอบส่งนิ้วกลางให้มัน เอาซิ

      “เอา พร้อมองค์ประชุม ป๊อด เปิดอาหาร เอาจานกรูก่อนลอปเตอร์อบชีส” ไอ้ติ๊กมันพูด และมีเด็กหนุ่มยังดูเด็กๆอยู่เลยเดินมาและเปิดฝาที่ครอบอาหารอยู่

      “เออ...ป๊อด กุ้งลอปเตอร์ มันต้องตัวใหญ่และส่วนใหญ่จะแค่ตัวเดียว นี้มันแม่น้ำไอ้ป๊อด” ติ๊กมันแถบจะควันออกหู

      “คือแม้ผมบอกว่าหามาได้นี้ใหญ่ที่สุดในตลาดแล้วมั้ง คุณติ๊ก”

      “อะไรที่นี้ไม่มีลอปเตอร์เหรอว่ะไอ้ป๊อด!” ไอ้ติ๊ก

      “ติ๊ก มึงจะบ้าเหรอ มีกุ้งแม่น้ำก็ดีถมไปแล้ว” ไอ้ดิว

      “ก็กูอยาก.... ”ไอ้ติ๊ก

      “เอาเดี๋ยวกูมา”ไอ้ดิวมันเดินหายออกไป ผมไม่รู้ว่าไปไหน

      “ป๊อด เปิดอันอื่นเลย คนอื่นจะได้ทาน “ไอ้แอ้พูดและไอ้เด็กที่ชื่อป๊อดมันก็ไล่เปิดฝาอาหารรอยโต๊ะ แต่ละอย่างนี้ผมไม่รู้จักเลยครับ

      “หลุยส์ทานได้ไหม” บอยหันหน้ามาถามผม

      “ทำไมทานไม่ได้ ” ไอ้หน้าแขกมันพูดผมหันไปมองหน้ามัน

      “หรือว่ากินได้แค่แบบจืดๆ เด็กน้อยเอ่ย!” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นเด็กน้อย อยากจะขึ้นแต่เกรงใจบอย ที่มองผมและหันไปมองไอ้แจ็คเหมือนจะดุมันให้หยุด

      “ไอ้ตาชั้นเดียวเฮ้ยย” นั้นมันด่าผมอีก อย่าคิดว่ากรูฟังไม่รู้นะโว้ย

      “หลุยส์ทานได้บอย “ ผมบอกบอยและยิ้มๆ ทุกคนหันมามองผม

      “หลุยส์เขาไม่เคยทานของเผ็ดนะทุกคน” บอยหันไปบอกทุกคนคงรวมไอ้หน้าแขกด้วย นี้เป็นการแสดงว่าบอยแคร์ผมแค่ไหน คิดเอาไอ้หน้าแขก ผมคิดในใจ

      “มาแล้วติ๊ก” ไอ้ดิวมันเดินกลับเข้ามาพร้อมกระดาษ มันไปปริ้นมาและส่งให้ติ๊ก มันคือรูปลอปเตอร์

      “มึงดูรูปและกินกุ้งแม้น้ำนั้นซะ เหมือนกันและอย่าได้พูดมากเดี๋ยวมึงได้ไปนั่งกินมาม่าแทน” ไอ้ดิวพูด มันแก้ปัญหาได้ดี ไอ้ติ๊กเงียบไปเลย และก้มหน้าก้มตาทานอาหาร บอยก็ตักอาหารให้ผม

      “บอย บอยชอบอันนี้นิ มันชื่ออะไรนะ หลุยส์เห็นบอยสั่งบ่อย “ ผมหันไปถามบอยและยิ้มตาหยีให้บอย

      “ปลาช่อนลุยสวนนะ เผ็ดได้ใจเลยแหละ ซีดเลย” คนที่ตอบผมคือพาย ผมหันมามอง

      “บอยไม่กินเผ็ดวะ ไอ้ตี๋” ไอ้แจ็ค ผมนี้ต้องระงับความโกรธ

      “บอยเคยทานนะ แต่ส่วนใหญ่แม่ครัวที่บ้านทำให้เขาจะไม่ใส่พริกนะหลุยส์ อันนี้คงเผ็ดไปสำหรับบอย และหลุยส์คงทานไม่ได้เช่นกัน” นั้นอันนี้โดน

      “ใช่เลย เรากินอะไรที่เหมือนกันมาก”

      “เหรอ” ทุกเสียง ผมหันไปมอง มันมองเหมือนผมนี้ตอแหลมาก

      “เก่งนะมึงนะ”มีคนชมผมไอ้ติ๊ก มันพูดขึ้นลอยๆ 

      “เดาใจเก่ง” ผมพูดและยิ้มเองเออเอง

      “แถ!!” ไอ้ติ๊ก

      “บอยอันนี้เลยบอยชอบมาก เมื่อก่อนให้แม่บ้านที่บ้านแจ็คทำให้กินทุกวัน จำได้ป่ะ” มันตักอีกจานออกจืดๆนะ

      “ใช่บอยชอบ ร้องขอทุกวันเลย แกงจืดเต้าหู้ไข่ “ ไอ้แอ้มันพูด ผมไม่เคยเห็นบอยสั่งอันนี้เลย

      “ไม่จริงมั้ง บอยไม่เคย”

      “เต้าหู้ไข่แม่บ้านบอยทำเองเลยนะ ทำให้ทานประจำ บอยเลยไม่ค่อยสั่งเวลาออกไปทานนอกบ้าน ” บอยหันมาบอกผมและเลื่อนจานไปรับที่ไอ้หน้าแขกตักมาให้ คะแนนหายไปหวบเลบครับผม ดูมีส่งยิ้มให้ด้วย

      “เดี๋ยวนะ หลุยส์ เห็นเหมือนอะไรในจานนั้นไม่รู้บอย หลุยส์ว่าอย่าพึ่งทาน “ ผมรีบคว้าจานที่บอยชอบไว้ไม่ให้ไอ้หน้าแขกตัก ทุกคนถึงกับทำหน้าเหวอ

      “มุขไหนของมันเนี๊ยะ” มีสียงกระซิบข้างๆผม แต่ผมไม่สนใจ

      “ไอ้หน้าตี๋ มึงจะดึงทำไม นี้ขอโปรดของ  บอย” ไอ้หน้าแขกมันดึงชามกลับ

      “กูเห็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจกูก็จะสะกัด”

      “สกัดพองมึงดิ ปล่อย”

      “เออ..หลุยส์ แจ็ค “ บอยก็พยายามห้ามแต่ผมก็พยายามยื้อมาที่ผม ไอ้หน้าแขกมันก็ยื้อกลับและผลสุดท้าย อาหารถ้วยนั้นคว้ำครับ

      “เว้ยย! เต้าหู้ไข่ “ทุกคนลุกพรวดและมองอาหารที่หกบนโต๊ะ
                 
      “อู้ยย! ไม่เป็นไรครับ ผมเช็ดให้พี่” ไอ้หนุ่มที่ยืนรอบริการรีบวิ่งหายเข้าไปในครัว

      “เป็นไงไอ้ตี๋ บอยจะกินอะไร” แจ็ค

      “ไม่เป็นไร มีอาหารเยอะอยู่นะ  บอยทานได้ครับ “บอยพูดและหันมามองหน้าผมแบบไม่ได้รู้สึกโกรธมันเลยทำให้ผมรู้สึกผิดกับบอย และผมก็เลยทำหน้าเศร้ามากกลบเกลือนให้บอยเห็นใจผมมากขึ้นแอบหันไปเหล่ไอ้หน้าแขกมันคงอิจฉาผมอยู่ใช่จริงๆด้วยมันปักซ้อมลงด้วยความแค้น

      “ไปแล้วหนึ่งจาน ไว้อาลัยให้แก่แกงจืดเต้าหู้” พายพูดและทุกคนก็หันมากำลังจะทานต่อ

      “งั้นข้าวผัดเนอะข้าวผัดไหมบอยไม่เผ็ด “ผมรีบหันไปคว้าจานข้าวผัดมาจากตรงหน้าใครไม่รู้ไม่ได้ดู

      “บอยแจ็คตักให้นะ” ไอ้แจ็คมันทำท่าจะแย้งจานข้าวผัดไปจากผม ผมก็ไม่ยอม ชุดกระฉากยื้อกันอยู่สุดท้ายจานข้าวผัดพลิกผ่านหน้าผมไป ไปไหน ละ แน่นอนผมหันไปมองทางที่ข้าวผัดควรจะไปและ ผมก็เห็นชัดมากว่าใครได้ไป คนผู้โชคดีคนนั้นก็คือน้องพาย หน้าน้องมีแต่ข้าวผัดตั้งแต่หัวลงมาเลย

      “เว้ย !” ผมครับตกใจมาก หันไปเจอน้องพายสภาพแบบนี้

      “นิ...จะตักให้พายทั้งที รบกวนตักใส่จานเล็กๆมาก็ได้”

      “ไม่ต้องฟาดมาทั้งถาดแบบนี้! “ พายพูดพร้อมกับใช่มือปาดข้าวผัดที่อยู่ที่ใบหน้าออก

      “โธ่! พายนี้มึงไม่กินธรรมดา ทาเลยเหรอวะ ฮาๆ ”ไอ้ติ๊กมันพูดและขำพายใหญ่เลย แต่คนอื่นพากันส่ายหัวไปตามๆกัน

      “ไปล้างหน้าก่อนนะ เดี๋ยวสิวขึ้น ต่อไปจะเลิกสั่งข้าวผัดหรือเลิกนั่งข้างมึงดีวะ ไอ้หลุยส์ ....ชิส์”พายพูดก่อนจะลุกขึ้นไป ทุกคนเริ่มหันมามองผมสองคน สลับกันไปมากับไอ้หน้าแขกนั้น  บอยหันมามองผมสองคน

      “แจ็คไม่ผิดนะ ไอ้หลุยส์ต่างหาก”ดูมันกระซิบกับบอย ผมแอบส่งนิ้วกลางให้มัน แต่ผมหันไปเจอบอยที่มองผมอยู่ สะดุ้งครับ

      “บอยทานอะไรดี “

      “บอยทานอันนั้นไหมครับ ของโปรดแจ็คเลยครับ บอยต้องชอบเหมือนแจ็คแน่เลย“ ดูมันพูดเข้า

      “บอยนะเขาไม่ทานเนื้อ”ผมพูดและเหล่ตามองบอย เป็นเรื่องจริงซะด้วย บอยหันมายิ้ม เพราะว่าอันนี้ผมรู้ดี แต่ไอ้หน้าแขกมันมองบอยแบบไม่เชื่อที่ผมพูด

      “บอยทานอันนี้ไหมครับ” ผมถามและหยิบมาจะตักให้บอย

      “กูตักเอง มึงตักไม่เป็นหรอก ใช้เป็นแต่ตะเกียบ” ไอ้หน้าแขก ผมลุกขึ้นเลยครับและพยายามจะแยงอาหารมากตักให้บอยแต่มันก็ยื้อแย้ง

      “ปล่อยไอ้แขก “ “มึงนะปล่อยไอ้ตี๋”

      “เว้ยย!” ไอ้ติ๊กและไอ้หน้าหวานแอ้มันร้องออกมาพร้อมเพราะว่าอาหารลอยจากมือผมไปตกที่ตรงหน้ามัน

      “ครืดดดด”เสียงเก้าอี้เลื่อนโดยไอ้ดิว

      “หมับ ...หมับ” มันเดินตรงมากระฉากคอเสื้อผมจากด้านหลังและมันก็ลากผมสองคน

      “อะไรของมึงดิว” ไอ้แจ็คมันถามแต่ไอ้ดิวไม่หลุด แรงมันดีมาก ลากผมสองคนมาถึงหน้าประตูและ มันก็โยนผมสองคนออกไปนอกประตู

      “มึงสองคนไปหาที่นั่งสงบๆ นะ และถ้ายังกัดกันไม่เลิก กูจะให้ไปกัดกันข้างนอก...นอกบ้านโน้นเลย เอาไหม ”ไอ้ดิว

      “พวกกรูจะกินข้าวกัน “ ไอ้ดิวพูดขึ้นเสียงใส่ผมสองคน

      “ถ้าพวกมึงไม่สามัคคีกันเดินเข้าไปก็หย่าวังว่าจะได้กิน”ไอ้ดิวมันพูดทิ้งท้าย

      “ปัง!” เสียงประตูปิดลงอย่างดัง ผมหันมามองไอ้แขก และก็ต้องถอยหลังออกเพราะว่าไอ้ดิวนี้เวลามันเอาจริงน่ากลัวเหมือนกัน และผมก็ ไม่อยากออกไปให้ยุงกัดเล่น ผมก็ได้แต่นั่งชะเง้อมองไปด้านใน และไอ้หน้าแขกอีกคน

      “coz you been silly” ไอ้แจ็คมันว่าผมเป็นตัวต้นเหตุเหรอ ผมนั่งอยู่สักพัก คนละมุมจนกระทั้งเวลาผ่านไป 10 นาที เสียงประตูถูกเปิดออก คนที่มาเปิดก็คือไอ้ดิว

      “มึงจะสามัคคีกันได้หรือยัง” ไอ้ดิวถามผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน ผมหันไปมองหน้ามัน และไอ้หน้าแขกมันก็มองหน้าผมเช่นกัน แต่เอาวะ แกล้งดีกับมันก่อน เดี๋ยวค่อยเอาคืนและผมจะได้กลับไปนั่งชิดกับบอยอีก

      “ไอ้แขก เอ๊ย! ไอ้แจ็ค เราไปกินข้าวกันดีกว่าวะ “ ผมเดินไปยื่นมือให้มัน กัดฟันเลยจะดีกว่า แต่ก็ต้องยอม ไอ้หน้าแขกมันก็ทำหน้าตาเหวอ

      “เร็ว” ผมกัดฟันบอกมันและหันไปยิ้มให้ไอ้ดิว

      “เร็วนะอาหารจะหมดโต๊ะแล้ว เพราะว่ามีน้อยและพวกมรึงเล่นตีกันจนหกไปครึ้งหนึ่งได้” ไอ้ดิวพูด ผมสองคนก็เดินตามเข้าไปแต่ก็ยังหันมาแอบแยกเขี้ยวใส่กันอยู่หลังไอ้ดิว จนกระทั้งผมเดินเข้าไปก็รีบนั่งที่เดิมข้างบอยและมีไอ้หน้าแขกมานั่งประกบข้างเช่นกัน ผมสองคนยิ้มให้พวกที่นี้ด้วยความหวาดระแวงพากันเอามือปกป้องจานตัวเอง

      “ทานซิ หลุยส์ แจ็ค บอยตักไว้ให้ในจานแล้ว “ บอยพูดผมก็ยิ้มตาหยีให้เพราะตาชั้นเดียว  ผมจำใจต้องนั่งทานอาหารไปแต่ก็แอบจิกกัดไอ้หน้าแขกไปด้วย จนกระทั้งมืออาหารก็จบลง

      “ป๊อด! อาหารอร่อยมา คราวหน้าทำมาเพื่อไอ้สองคนนี้มันตีกันบนโต๊ะด้วยนะ พวกกรูจะได้มีสำรอง” ไอ้ติ๊กมันพูดและเหล่มองผมและไอ้หน้าแขกเพื่อนมัน และทุกคนก็พากันลุก ผมก็จะช้าทำไมรีบลุกไปเลื่อนเก้าอี้ออกแต่ มีคนแย้งซีนผมจากนั้นไอ้แจ็ค มันประครองบอยออกไปซะงั้น

      “Too slow” มันอ่านปากผม ผมนี้เจ็บใจหนัก แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ รีบเดินตามไปติดๆ

      “บอย” ผมเรียกบอยและเข้าไปเดินประกบอีกข้างหนึ่ง บอยหันมามองหน้าผมและจังหวะที่จะเดินผ่านช่องประตูแน่นอนมันพอสำหรับสามคนหรอก ผมก็ได้จังหวะที่มันพยายามแอบฟังผมทำท่าจะคุยกับบอยผมรีบผลักไอ้แขกให้หลุดออกไป เหลือแค่ผมกับบอยเดินผ่านประตูออกมา และผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

      “ว่าไงหลุยส์” บอยถามผม

      “บ้านนี้บรรยากาศดีนะครับ ว่าแต่บอยจะขึ้นห้องนอนเลยไหมครับ แต่หลุยส์ว่าเราหาที่นั่งคุยกันไหม ไม่ได้เจอกันนาน.....”ผมกำลังจะชวนบอยหาที่นั่งคุยกะว่าคุยแบบสวนตัวนะ แต่จู่ๆ ร่างผมก็เหมือนโดนผลักให้กระเด็นออกไป ใช่มันนั้นเองไอ้แจ็ค ผมของขึ้นอีก

      “ไอ้แจ็ค”

      “จะกัดอีกเหรอครับ” ไอ้หน้าโหด ไอ้ดิวมันยืนเอามือเท้าสะเอวมองผมสองคนมันทำท่าจะโยนพวกผมออกไปข้างนอกแน่ๆ บอยก็มองผมสองคนสลับไปมาว่าจะเอายังไงกัน

      “หลุยส์ หยอกเล่น” ไอ้แจ็คมันพูดและยื่นมือมาทำท่าจะดึงผมให้ลุกขึ้น ผมก็จำใจ

      “เหรอ!!!!” เสียงสูง คือผมไม่เชื่อว่ามันหยอกผมหรอก แต่ก็ไม่อยากออกไปนอนข้างนอกบ้านนี่ครับ เลยจำใจผมก็ลุกขึ้น

      “บอยจะขึ้นห้องพักเลยนะ หลุยส์กับแจ็ค” บอยพูดขึ้นและมองผมสองคนเหมือนเป็นคำถามยังไงก็ไม่รู้

      “แจ็คก็จะขึ้นไปกับบอยเลย” แจ็คมันรีบแย้งพูด

      “งั้นก็ขึ้นพร้อมกันเพราะว่าหลุยส์ต้องนอนกับเราคืนนี้ ขึ้นไปจัดที่แล้วกัน หลุยส์นอนกับแจ็คนุ เพราะดูแล้วเตียงก็ไม่เล็กมาก”บอยพูด ผมก็แอบเสียดายมากแต่ก็ต้องจำใจ

      “หวังว่าจะไม่ได้ยินเสียงพวกมึงนะเพราะว่าห้องกูอยู่ข้างๆเลย กูเป็นประเภทที่ชอบหลับแบบสงบ “ ไอ้ดิวพูดพร้อมกับกอดอกมองผมสองคน ผมสองคนยิ้มและหันมามองหน้ากัน

      “รักกัน คืนนี้นอนด้วยกันนะ...” ไอ้แจ็คมันพูดแบบกัดฟัน” ผมสองคนก็รีบเดินตามบอยทันทีโดยมีไอ้ดิวเดินอยู่ข้างหลังกำกับไปจนถึงห้องพักเลยไม่กล้าทะเลาะกันเลยจนกระทั้งเข้าห้อง
ผมสองคนเข้ามาก็ไม่เห็นบอยแล้วบอยตรงตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุรสาวนตัวและจะได้เข้านอน ผมหันมาส่งสายตาฟาดฟันกับไอ้หน้าแขกเสียงดังเปรี้ยงปร้างเลย จนกระทั้ง

      “แอ๊ด “เสียงประตูถูกเปิดออก ผมก็รีบวิ่งครับและไอ้หน้าแขกก็เช่นกันทั้งที่บอยยังไม่ทันได้ก้าวขาออกมาเลย บอยก็ทำท่าตกใจ

      “หลุยส์ แจ็ค “ บอยส่งเสียงทักผมสองคน

      “ไอ้ตี๋ มึงเป็นคนมาอาศัยต้องรอให้เจ้าของห้องก่อนดิวะ” ไอ้หน้าแขก         

      “มึงรู้จักมารยาทไหม แขกควรได้อภิสิทธิ์ก่อน” ผมหันไปบอกมัน บอยก็มองหน้าผมสองคนสลับไปมาก

      “ริงๆ “เสียงมือถือดังขึ้น ผมหันไปมองมันเป็นของไอ้หน้าแขกครับ

      “มือถือมึงดังอ่ะ”

      “อะไรวะ”ไอ้หน้าแขกมันเดินออกไปดู ผมก็ยิ้มให้บอย บอยก็หลบทางให้ผมรีบเดินเข้าห้องจะได้ออกมาสวีทกับบอยทำคะแนนนำหน้ามันไงครับผม

      “ไอ้ตี๋ “ไอ้แจ็คเรียกผมแต่ผมไม่แคร์ พอสักพักผมออกมาก็จะว่าจะสวีทกับบอยระหว่างที่ไอ้หน้าแขกไปอาบน้ำซะหน่อย แต่ดันเจอไอ้หน้าแขกมันใส่ชุดนอนเรียบร้อยแล้วมันนั่งเนียนบนเตียงกับบอย

      “ไอ้แขก..เอ้ย ไอ้แจ็ค มึง……” ผมถามมัน

      “กูไปใช้ห้องน้ำเพื่อนกูมาโว้ย  ไอ้ดิวอ่ะ” ไอ้หน้าแขกมันพูด มันไวกว่าผมอีกไอ้นี้ ผมนี้ควันออกหูเลยที่แพลนกันผมที่คิดไว้ในหัว อดหมดกัน
ผมก็มานั่งที่บนเตียงนอนมองไอ้หน้าแขกมันนั่งดูนั้นดูนี้บนแลปท๊อปของมันกับบอยสองคน ผมทำท่าจะหาวเพราะว่าวันนี้เดินทางมาเหนื่อยเต็มทีแต่ต้องถ่างตาดู ไม่ซจับตาดูจะดีกว่า

      “แจ็ค หลุยส์คงอยากนอนแล้วนะ หลุยส์เดินทางมาทั้งวันแล้ว” ผมได้ยินบอยพูด ผมทำเป็นแกล้งหลับดีกว่าในท่านอนเพื่อว่าบอยจะบอกให้มันรู้สึกผิด

      “แต่ว่า”

      “แจ็ค พรุ่งนี้เราก็ต้องตื่นแต่เช้าเหมือนกัน บอยก็เริ่มง่วงแล้วด้วย “บอยบอกไอ้หน้าแขกมัน ไอ้นั้นมันก็ลุกมาที่เตียงและมาสะกิดผม

      “ลง”มันบอกให้ผมลงจากเตียง มันชี้ไปที่พื้น มันจะให้ผมนอนที่พื้นหรือไง่ ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน

      “ลงไปดิไอ้ตี๋ กูจะได้นอนและมึงจะได้นอนที่กว้างมาก คือที่พื้นนั้น ” ไอ้หน้าแขกมันพูด ผมก็ทำท่าจะหยิบหมอนลงไปนอนแต่บอยออกจากห้องน้ำมาเจอผมซะก่อน

      “แจ็ค อย่าบอกนะว่าจะให้หลุยส์นอนที่พื้นนะ ไม่น่ารักเลยน่ะแจ็ค” บอยต่อว่าไอ้หน้าแขก ดูมันทำหน้าและผมก็ได้คะแนนแน่ๆ

      “บอยคือว่า...เออ...เตียงมัน...แคบนะครับ “ไอ้หน้าแขกมันพูด

      “แจ็คก็คิดว่าหลุยส์อยากได้ที่กว้างๆ “ ไอ้หน้าแขกมันแถ

      “งั้นหลุยส์มานอนกับบอย”

      “ไม่นะ หลุยส์กรูล้อเล่นครับ มาครับทีเยอะแยะ มานอน...เบียดกัน ...อุ่นดี” ไอ้แจ็คมันลงมาแลกผมขึ้นและกัดฟันพูดด้วยนะ ผมก็ขึ้นไปบนเตียง ผมสองคนมองหน้ากันประสานสายตาฟาดฟันกันแค่นั้น พอบอยหันมองมองผมก็กอดกัด แอบจิกกัดกัน
 
      “ พอบอยปิดไฟ ผมก็รีบทิ้งตัวลงนอนพยามนอนกินที่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และได้แจ็คมันก็พยายามดันผมให้เหลือที่ให้น้อยกว่ามันแต่ผมก็ใช้ขาก่ายมันเลย

      “ไอ้ตี๋ มึงนอนดีดีได้มั้ย...นี้มันเตียงกู” ไอ้แจ็คพูดกระซิบที่หูผม

      “ตอนนี้มันก็เป็นของกูด้วย กูก็มีสิทธิ์...จะนอนยังไงก็ได้ “ ผมบอกไอ้หน้าแขกมันไป ผมกับมันเล่นสงครามประสามกันบนเตียงแต่ก็แอบกลัวที่จะทำให้บอยตื่นเหมือนกัน ผมดิ้นกันไปดิ้นกันมาไอ้หน้าแขนกตกเตียงไปหลายรอบ และมั้นก็คงรำคาญมันก็ไม่ปืนกลับขึ้นบนเตียงอีก
      
      ผมหลับตาทันทีทำเหมือนกับว่าผมสลับสนิทพร้อมขาที่ก่ายเลยไปครึ้งเตียงได้ แต่ทว่าไอ้หน้าแขกมันเงียบไปเลบ ผมหันไปมอง มันหายไปเฉยเลย ผมเห็นประตูปิดลงแสดงว่าผมชนะมันออกไปนอนที่อื่นแทน ผมหันไปเห็นบอยที่หลับสนิทผมกระดกหัว

      “นอนหลับฝันดีครับบอย หลุยส์จะเอาชนะไอ้หน้าแขกให้ได้ “ ผมพูดและก็นอนลง ผมค่อยหลับตาลง คงได้หลับซะทีซินะ ผมเหมือนจะเคลิ้มๆแต่ผมก็ได้ยินเสียงประตูค่อยๆปิดลง หรือว่าไอ้แขกมันกลับมา ผมกระดกหัวขึ้น ไม่มีใครมานิ แต่เตียงบอยว่างเปล่า ผมเห็นเนื่องจากพอจะมีแสงจากภายนอกเข้ามาด้านใน ผมลุกขึ้นไปเปิดไฟดู บอยไม่อยู่ในห้องนิ บอยไปไหนละ หรือว่าเข้าห้องน้ำ แต่ผมเห็นว่าประตูปิดลง ผมนั่งนิ่งบนเตียงรอสักพักและผมก็เดินไปค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำ ในห้องน้ำว่างเปล่า นั้นแสดงว่าบอยออไปข้างนอก ผมก็ค่อยเปิดประตูออกไปเช่นกัน ผมเดินอยู่ในความมืด ก็เลยเอามือถือมาเปิดไฟฉาย ผมเดินไปเรื่อยจนถึงบันได ผมค่อยก้าวลงช้าๆ

      “แจ็คอ่ะ หลุยส์เขาก็มีดีนะ ถ้าแจ็คลองเปิดใจ” ผมได้ยินเสียงบอยคุยกับไอ้หน้าแขก ผมลงมาหยุดที่บรรไดขั้นสุดท้ายแต่ผมยังคงแอบอยู่

      “บอย...”ไอ้แจ็ค

      “ว่าไงแจ็ค”

      “แจ็คคิดถึงตอนที่เราไปเชียงใหม่ด้วยกัน เราไปนอนพักบ้านตากอากาศของพ่อภูมิที่เชียงใหม่”

      “บอยก็คิดถึงนะ อยากไปอีก” บอยพูด มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี้ดเลยนี้เขามีความหลังที่ลึกซึ้งกันด้วยเหรอ

      “แจ็คจำได้ ว่าอากาศหนาวมากน่าจะติดลบและแจ็คก็กอดบอยจากด้านหลัง เรายังเด็กแต่พี่ๆอยากให้เราอกไปดูทะเลหมอกด้วยกัน จำได้ไหมครับ” ไอ้แจ็ค

      “จำได้ซิแจ็ค บอยยังมีรูปอยู่เลยนะ แต่บอยเก็บไว้อ่ะ ไม่กล้ากลัวพ่อเห็น” บอยพูด

      “เราไปกันอีกนะ”

      “อืมม” ผมพ่นลมหายใจออกมาเบามากๆ เพราะกลัวเขาทั้งคู่จะได้ยินและรู้ว่าผมแอบฟังเขาอยู่

      “เมื่อไหร่ลุงณะจะใจอ้อนให้แจ็คซะที เราสองคนจะได้ไม่ต้องหลบๆซ้อนๆแบบนี้ แจ็ค อยากเปิดเผยมันอ่ะ ไม่ใช่แค่เพื่อนๆรับรู้”

      “บอยเชื่อว่าแจ็คจะทำให้ทุกคนยอมรับได้แน่นอน บอยเชื่อใจแจ็คและเชื่อมาตลอด”

“บอยมาเพื่อแจ็คนะ “

      “ขอบคุณครับ ที่รักของผม” แจ็คมันพูด ผมไม่อยากจะเห็นภาพนั้นเลยเขาสองคนกำลังจูบกันทามกลางแสงจันทร์ที่สอดส่องเข้ามา ผมถึงกับหลับตาหนีและผมก็หันหลังเดินคอตกขึ้นไป ผมเหลือบมองว่าผมควรจะอยู่ที่ตรงไหนดี และผมก็เลือกแล้วผมกลับไปนอนห้องที่เขาเตรียมไว้ให้ผมจะดีกว่า

           ผมทิ้งตัวลงนอน ผมเคยคิดว่าถ้าผมเสียบอยไปผมคงเสียใจมากที่ที่สุดอีกครั้งและครั้งนี้ผมคงแย่กว่าทุกครั้งที่ผมเสียสิ่งๆดีดีไป เช่นตอนที่ผมเสียพ่อแม่ และต่อมาผมก็เสียคนรักหลังจากนั้นและตอนนี้บอยอีกคนแล้วใช่ไหม ที่ผ่านมาผมนี้คือคนที่คิดไปคนเดียวเลยใช่ไหม ผมควรจะอยู่ต่อหรือไม่ ถ้ากลับไปผมคงแย่กว่าเดิม

หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) แจ้คXบอย ไอ้หลุยส์มันแค่เรียกร้องความสนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-10-2020 12:43:46
แจ้คXบอย ไอ้หลุยส์มันแค่เรียกร้องความสนใจ
[แจ็ค]

                  เมื่อวานจะเรียกว่าวันซวยของผมก็ว่าได้ นอกจากจะต้องมาเจออุปสรรคที่โรงเรียนแล้วยังมาเจอไอ้หน้าตี๋ที่ไหนก็ไม่รู้พยายามจะมาแย้งบอยจากอกผมอีก ต่อให้บอยจะบอกผมว่าไม่มีอะไรแต่ผมไม่ไว้ใจไอ้หลุยส์อะไรนี้ ผมดูแล้วมันมีพลังงานบางอย่างที่เรียกว่าอัลฟ่าออกมา ผมว่าไม่ไช่แค่เด็กหนุ่มธรรมดา มันต้องมีดี ถึงขนาดที่ว่า พ่อของติ๊กบอกว่าให้ดูแลมันดีดีด้วย   
 

  และเมื่อคืนผมก็ต้องลงไปนอนชั้นล่างแทนเพราะว่าไอ้หน้าตี๋มันทั้งดินทั้งถีบผมเลย ผมเลยต้องยกเตียงนอนให้มันไป ถามว่าไว้ใจมันไหม บอกว่าไม่เลยที่จะปล่อยให้มันอยู่กับบอย แต่ใจก็อยากจะพิสูจน์บางอย่าง และผมก็ได้คำตอบ บอยเดินตามผมลงไป เรานั่งคุยกันหลานเรื่อง ส่วนใหญ่ก็เรื่องความรักครั้งแรกของผมกับบอย มันยิ่งทำให้ผมรักบอยมากขึ้นและผมจะไม่ยอมเสียเขาไปอีก   
 

“บอย.....ไอ้หน้าตี๋ฮิทมันไปไหนแล้วละครับ” ผมออกมาจากห้องน้ำก็ถามบอย ที่ยืนแต่งตัวที่หน้ากระจก บอยหันมาค้อนผม   


“ก็บอกว่าเขาชื่อหลุยส์ไงแจ็ค” บอยหันมาเอ็ดผม   
 

“ก็ได้ ไอ้หลุยส์น่ะ” ผมถามบอย เพราะตั้งแต่เข้ามาในห้องตอนเช้าผมไม่เห็นมันเลย   


“ไม่รู้เหมือนกัน เพราะหลังจากที่บอยกลับขึ้นมานอนก็ไม่เห็นหลุยส์” บอยพูดผมทำสีหน้าแปลกใจ 


“บอยเห็นว่าแจ็คนะหลับไปแล้วเลยไม่ได้ลงไปตามและบอยก็คิดว่าหลุยส์จะกลับมาเช่นกัน “บอยพูดผมพยักหน้าเบาๆ แต่ใครจะสน ผมเข้าไปกอดบอยจากด้านหลัง กำลังซุกจมูกที่ซอกคอขาวๆนั้น 


“Rrrrrr” อยู่ดีดีสายเข้ามาในมือถือบอย ผมเดาได้ว่าลุงกฤษณะแน่นอน บอยทำมือให้ผมอย่าสงเสียง ผมพยักหน้าเบาๆ   


“ครับพ่อ”บอยรับสายจากลุงกฤษณะ   


“เออ” บอยหันมามองหน้าผมเหมือนมีเรื่องอะไรแน่ สีหน้าเขากังวลและเงียบเพื่อฟังอย่างเดียว   


“ครับพ่อ ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ครับพ่อ เออ เมื่อคืนหลุยส์เขานอนในห้องผมกับแจ็คครับ ก็ห้องนอนอีกห้อง ไฟไม่ติด ห้องน้ำใช่ไม่ได้นะครับ ครับพ่อ ครับ จะไปแล้วครับ ครับ รักพ่อครับ” บอยวางสายด้วยสีหน้ากังวล ผมก็เริ่มกังวลเช่นกัน 


“มีอะไรเหรอบอย” ผมถามบอย 

 
“คือ พ่อรู้ว่าบอยลงไปอยู่กับแจ็คสองคนในห้องนั่งเล่นตอนกลางคืนนะ”บอยพูด 

 
“จะรู้ได้ไงละ ทุกคนนอนกันหมดแล้ว “ ผมพูด บอยส่ายหน้า 

   
“ไอ้..”ผมนึกขึ้นได้ต้องเป็นไอ้หลุยส์แน่ นี้มันเล่นแบบนี้เลยรึ   

 
“แจ็ค “บอยห้ามปรามผม 

 
“แจ็คว่าไอ้หลุยส์แน่ๆ “ ผมพูดขึ้น   

 
“พ่อว่าจะให้บอยไปนอนอีกห้องและให้หลุยส์มานอนห้องนี้ “ บอยพูด ทำเอาผมต้องพ่นลมหายใจออกมา บอยเข้ามาจับแขนผม 


“รอให้บอยมีโอกาสคุยกับพ่อก่อนได้ไหมแจ็ค “ บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าคงต้องตามนั้น   


“แล้ว...” ผมถามกลับ ผมคิดว่าบอยน่าจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร 


“ใช่หลุยส์จะมานอนห้องนี้กับแจ็ค” บอยพูด ผมพยักหน้าให้มันได้อย่างนี้ซิ ก็ดีผมคงจะหาวิธีแกล้งให้มันกลับไปไม่ทันเลย 
 

“ก๊อกๆ “ เสียงเคาะประตู ผมสองคนมองหน้ากัน บอยเป็นคนเดินไปเปิดประตูแทน ใช่ไอ้ตัวแสบ ไอ้หลุยส์นั้นเอง ดูมันทำตีหน้าเศร้า 


“หลุยส์ เมื่อคืนไปนอนไหนเหรอ บอยกลับขึ้นมาแล้วไม่เจอ” บอยถามหลุยส์ ผมยืนกอดอกมองหน้ามัน มันก็ยังทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จอีก 


“คือหลุยส์ ไปนอนห้องนั้นนะครับ “ หลุยส์พูดว่ามันไปนอนห้องนอนมัน   
 

“อาบน้ำยังไงละหลุยส์ไหนบอกว่าห้องน้ำ...” บอยถามไอ้หน้าตี๋ 

 

“คือ...” 

 

“มันไม่ได้เสียมรึงแค่โกหก” ผมพูดขึ้น 

 

“แจ็ค” บอยหันมาเอ็ดผมทันที 
 

“ใช่..กรูโกหก...ก็ ...เพราะ” ไอ้หลุยส์มันทำท่าจะพูดมันมองหน้าผม ผมก็มองหน้ามันกลับแต่ความรู้ของผมสัมผัสได้ว่าไม่เหมือนคนเมื่อวานที่มีแต่ความกล้า   

 

“ช่างมันเถอะ...เออ..บอย พ่อของบอยโทรหาหลุยส์ เขาต้องการให้”   

 

“หลุยส์มานอนกับแจ็ค พ่อบอกบอยแล้วละ” บอยพูด ผมก็กอดอกเดินเข้ามาใกล้ๆ มองหน้ามันอีกว่าทำไมมันช่างเป็นคนช่างขี้ฟ้อง 

 

“คนขี้ขลาด เขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกวะ สู้ก็สู้กันซึ้งๆหน้าดิ” ผมพูด และบอยก็หันมาดันอกผมพยายามห้ามผมไม่ให้มีเรื่องกับไอ้หลุยส์ แต่แปลกมคราวนี้มันไม่ขึ้น มันกับนิ่งมาก 

 

“ ถ้าอย่างนั้นหลุยส์ลงไปรอด้านล่างนะครับ “ ไอ้หลุยส์มันได้โต้ตอบอะไรมันแปลกมาก หลุยส์พูดจบมันก็เดินออกไปเลย   

   

“แจ็ค บอยขอละ หลุยส์เขา” บอยพูดกับผม 

 

“มันทำไมอะบอย หรือว่าลุงณะก็” 

 

“แจ็ค..พ่อไม่ใช่คนอย่างนั้นนะ” บอยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเสียที่ผมพลั้งปากพูดเหมือนไม่ให้เกียรติพ่อของบอย บอยทำท่าจะหันออก ผมนี้อยากตบปากตัวเองจริงๆ   

 

“หมับ”ผมรีบกอดเขาไว้จากด้านหลัง 

 

“บอยแจ็คขอโทษ แจ็คปากไว้ไป แจ็คจะไม่พูดอีกสัญญา” ผมรีบพูดกับบอก บอยหยุดนิ่ง   

 

“เลิกมองเราเหมือนสิ่งของจะได้ไหมแจ็ค” บอยหันมามองหน้าผม 

 
 

“ที่ใครจะยกเราจะชอบให้ใครก็ได้..ได้ไหมแจ็ค เรามีหัวใจนะ ..” บอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมนี้อยากตบปากตัวเองขึ้นมาจริงๆซะแล้วซิ 

 

“ก็แจ็คอยากเป็นคนเดียวของบอย แต่นี้พ่อตาไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ และเหมือนมีคู่แข่งเยอะ มันก็มีแอบน้อยใจอะบอย” ผมรีบพูดอธิบาย ผมหันร่างบอยมาตรงหน้าผม ผมมองเข้าไปในแววตาสีฟ้านั้น   

 

“แจ็คขอโทษ แจ็คจะไม่พูดเรื่องนี้อีก “   

 

“อืมม..แต่งตัวเร็วๆซิ เราจะได้รีบลงไปข้างล่างกัน เพื่อนๆ รอ” บอยพูด ผมพยักหน้าและรีบแต่งตัวอย่างว่องไว   

   

                 ผมสองคนเดินลงมาชั้นล่าง ผมก็เห็นไอ้ดิวมีนนั่งคุยกับไอ้หลุยส์ พอผมสองคนลงมาทุกคนก็มองหน้าผมและบอยยกเว้นไอ้หลุยส์ ผมเริ่มสัมผัสถึงความแปลกแล้ว ไอ้หน้าตี๋นี้มันเป็นอะไรของมันนะ หรือว่ามันท้องผูกก็ไม่รู้ 

 

“ไปเรียนกันเถอะว่า เป็นอีกวันและไม่รู้ว่าวันนี้จะเจออะไรบ้างวะ “ ไอ้ดิวพูดและมันก็ลุกขึ้นทุกคนก็ลุกขึ้น แต่ละคนบอกว่าไม่ได้ชอบไปเรียนกันเลย ผมก็รู้สึกเช่นกันแต่ผมมีบอยอยู่เคียง ผมจับมือบอยไว้ก่อนจะพากัน ก้าวเดินออกจากบ้านพักและพากันไปขึ้นรถ   

 

“แจ็ค เรียกหลุยส์มานั่งด้วยกัน” บอยกระซิบบอกผม ผมหันมามองบอยว่าทำไม ถ้ามันจะเลือกนั่งรถคันอื่นก็ดีนะซิ   

 

“นะแจ็ค...บอยคิดว่ามีบางสิ่งที่ผิดปกติไป “ บอยพูดกับผม ผมพยักหน้าแบบจำใจ ผมเดินไปที่ไอ้หน้าตี๋ที่มันยืนเอา หูฟังไร้สายเสียบหูมันไว้   

 

“นาย” ผมสะกิดไอ้หลุยส์ มันหันมามองหน้าผมว่ามีอะไรและทำท่าจะไม่สนใจแต่... 

 

“บอยให้มาบอกให้นายนะไปนั่งรถคันเดียวกันกบพวกกูวะ” ผมกลั้นใจพูดชวนไอ้หลุยส์ แต่ไอ้หลุยส์มันเงยหน้ามองผม และมันทำท่าจะลุกออก   

 

“ไอ้หลุยส์ นี่มึงเป็นบ้าอะไร ผีเขาหรือไง” ผมถามมัน ไอ้หลุยส์ หยุดอชะงัก   

 

“ใช่กรูเป็นบ้า กูมันบ้าไปเอง ที่รักเขาข้างเดียว” ไอ้หลุยส์มันมาพูดใส่หน้าผม 

 

“ปกติกูเป็นคนที่ได้เลือกเท่านั้นทุกอย่าง” 

 

“แต่นี้กูกับไม่ใช่คนที่เขาเลือก” 

 

“กูไม่เข้าใจว่าทำไม บอยไม่เลือกคนทีเหมาะสมวะ” 

 

“อ้าวไอ้เชี้ยนิ กูไม่เหมาะสมตรงไหนวะ” ผมถามไอ้หลุยส์ 

 

“มึงรู้ดี ว่าบอยจะเป็นอะไรและดูมึงดิ มึงนี้นะจะมาดูแลองค์กรที่มีคนจำนวนมากได้  “ ไอ้หลุยส์มันพูดและมันก็รีบเดินไปขึ้นรถที่เข้ามาจอด ผมหันไปมองบอยที่กำลังคุยกับแอ้และติ๊กและพาย บอยหันมามองหน้าผม ก่อนที่จะเดินเข้ามา   

 

“แจ็ค ว่าไง ไม่ได้บอกหลุยส์เหรอว่า”   

 

“บอกแต่มันไม่เป็นบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ “ ผมพูดแบบหัวเสีย ผมยังคงคิดคำพูดที่มันพูดกับผม ใช่ผมเหมือนจะไม่คู่ควร มันไม่ใช่ฐานะหรืออะไรนะ แต่ที่ผมไม่คู่ควรเพราะสายตาผู้ใหญ่ต่างหาก   

 

“บอยไปขึ้นรถเถอะ “ ผมพูดและดันร่างบอยให้ไปขึ้นรถอีกคัน ผมไม่รู้ว่าใครจะได้นั่งไปกับไอ้หลุยส์มัน แต่ผมดันร่างบอยและเข้าไปนั่งในรถ   

 

ผมนั่งเงียบจนรถแล่นออกมาได้สักพัก บอยคงเห็นว่าผมเงียบผิดปกติเลยจับมือผมบีบเบาๆ ผมหันมามองหน้าบอย 

 

“เห็นเงียบๆ มีอะไรหรือเปล่า” บอยถามผม   

 

“บอยคิดว่าแจ็คไม่คู่กับบอยไหม” ผมถามบอย 

 

“ทำไมถามบอยแบบนั้นละแจ็ค” บอยถามผมกลับ   

 

“คือแจ็ครู้สึกว่าหลายคนก็มองแจ็คแบบนั้นโดยเฉพาะลุงหนึ่งและลุงณะ พ่อของบอย”ผมพูดขึ้น   

 

“แจ็ค ...บอยว่าแจ็คคิดมากนะ ไม่มีใครมองแจ็คแบบนั้นสักหน่อน พวกเขาแค่ ยัง..”บอย 

 

“ไม่ไว้ใจแจ็ค ....แจ็คไม่เข้าใจว่าแจ็คควรทำตัวยังไงให้ทุกคนไว้วางใจแจ็ค และเขาจะไม่ขัดขวางแจ็คกับบอย” ผมพูดเหมือนคนหมดหาทาง 

 

“บอยเชื่อว่าสักวันแจ็คที่ทุกคนจะเปลี่ยนความคิด ตอนนี้แจ็คก็แค่ทำหน้าที่ที่เขามอบหมายให้มันสำเร็จ แค่นั้นนะครับ” บอยพูดบอกผม 

 

“บอยรู้จักไอ้หลุยส์มานานแล้วเหรอครับ “ผมถามบอย 

 

“ก็ตั้งแต่ตอนที่บอยกลับไปนั้นแหละ บอย เออ...” บอยพูดแต่บอยนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง 

 

“หลุยส์เขาเป็นคนสำคัญเช่นกันและที่สำคัญ หลุยส์เขาน่าสงสารนะ เขาเจอเรื่องร้ายแรงมา ร้ายแรงมาก มันทำร้ายจิตใจของเขามากนะแจ็ค “ บอยพูดกับผม 

 

“บอยอยากให้แจ็คและหลุยส์เป็นเพื่อนกัน หลุยส์เขามีดีนะ “ บอยพูด ผมนี้ยิ้มที่มุมปาก ผมว่ายากที่จะเป็นไปได้ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย 

 

“แจ็คนะลองดู....ลองเปิดใจดู บอยเชื่อว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของแจ็คแน่ๆ “บอยพูด ผมก็พยักหน้าตามแบบขอไปที เพราะผมเห็นสีหน้าบอยที่ขอร้องผม รถก็แล่นมาจนถึงหน้าโรงเรียน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันเดินคุยกับไอ้ดิวต่อ เหมือนมีเรื่องอะไรที่คุยกันถูกคอ แต่มันแปลกสำหรับผม เพราะว่าไอ้ดิวจะคุยถูกคอก็คือเรื่องฟุตบอลเท่านั้น   

 

“แท่นแท้น” พวกผมก็ถึงกับตกใจ จะมีใครก็ไอ้คนที่ผมเรียกเข้ามาร่วมแก้งกับผมไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลู นี้ถ้าผมเห็นแบบนี้ก่อนคงไม่เอาละครับ 

   

“อะไรของมึงสองคนเนี๊ยะ!  เมื่อเช้ามึงลืมเขย่าขวดยาก่อนเทใส่ปากหรือไง กระโดดออกมาได้…..และอายุเท่าไหร่แล้วเนี๊ยะ” ไอ้ติ๊กมันใส่เป็นชุดเลยครับ   

   

“แม้ก็แค่อยากให้หายเครียด เห็นเมื่อวานเครียด นี้พวกเราก็ลุ้นนะว่า” ไอ้บลูพูด ผมหันไปมองว่าลุ้น อะไร   

 

“ว่าพวกนายยังมีชีวิตอยู่ไหม”   

 

“ถ้าพวกกูรุมกระทืบมึงตอนนี้มรึงคิดว่ามึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไหมดีกว่า....นั้นปากพวกมึงเหรอนั้น” พายพูด 

 

“เขาล้อเล่นนะ ขนมพาย” ไอ้บลูรีบเปลี่ยนเชียวนะมรึง หลบไปแอบข้างหลังไอ้ต้นข้าว 

 

“กูสองคนโคตรเป็นห่วงพวกมึงเลยวะ แต่กูสองคนก็ต้องรีบเพ่นวะ กลัวพ่อจับได้ว่ากูมีเรื่องและกูสองคนคงได้ย้ายกลับไปโรงเรียนเดิมแบบถาวร กูขอโทษนะโว้ยที่ไม่ได้อยู่กับพวกนาย” ไอ้ต้นข้าวพูด ผมก็ยกมือว่าชั่งมันเถอะ 

 

“เออ แล้วคนนี้ใครอ่ะ เมื่อวานไม่เห็นอะ” ไอ้บลูหันไปถามและชี้ไปที่ไอ้หลุยส์   

 

“เขาชื่อหลุยส์เขาเป็นเพื่อนพวกเรา..เขามาใหม่ครับ” บอยพูดยิ้มๆให้หลุยส์ ผมนี้แอบหมันไส้   

 

“ยินดีที่รู้จัก” บลูพูดและยื่นมือจะไปเช็คแฮนด์แต่ไอ้หลุยส์มันได้แค่มองเลยทำเอาไอ้บลูเขินชักมือกลับแทบไม่ทัน 

   

“เอาละไปหาที่กินข้าวกันดีกว่าวะ วันนี้จะมีตรีนใครมามอบให้ถึงที่อีกไหมวะ ไอ้ดิวพูด   

 

                พวกผมเดินเข้าไปแบบไม่สนใจเสียงนกเสียงกา แต่ละคงพูดให้กำลังใจพวกผมมาก บ้างก็นินทาแบบดังมากว่า พวกผมรอดมาได้ไง นึกว่าพวกผมคงไปนอนโรงพยาบาลกันแล้ว บร้าๆ จนกระทั้งพวกผมเดินผ่านโต๊ะม้านั่งหินอ่อน ผมเห็นคนที่อยู่ในห้องเรียนกับพวกผมคนนี้มันนั่งข้างไอ้ภาคินตลอด   

 

“บอยจำได้ไหมว่าคนนี้อ่ะชื่ออะไร มันนั่งข้างไอ้ภาคิที่ดูเหมือนจะเป็นตัวพ่อของกลุ่มมัน” ผมกระซิบถามบอย บอยหันมามองหน้าผมและส่ายหัวเบาๆ พวกผมหยุดก่อนจะเดินเข้าไป ผมเห็นว่าเป็นกองสมุดหลายเล็มเลย เท่าที่พวกผมยืนดู คือไอ้คนนี้นั่งทำการบ้านและคงไม่ใช่ของมันคนเดียวแน่ๆ   

   

“นาย จำพวกเราได้ป่ะ เราเรียนห้องเดียวกับนายนะ” ไอ้ดิวมันถามขึ้น คนที่เงยหน้าขึ้นมา ดูขอบตาคล้ำ คงอดนอนมาด้วย 

 

“เออ...จำได้..” เขาตอบแบบลังเล เหมือนจะมองไปรอบๆ   

 

“เห้ย!  พวกเรามาดี นายชื่อไรอ่ะ” ไอ้แอ้พูดขึ้น พวกผมก็พยักหน้า ยกเว้นไอ้หน้าตี๋มันยังไม่รู้เรื่อง แถมเดินเหมือนซอมบี้เชียว บอยเลยเดินไปเหมือจจะคุยอะไรกับไอ้หลุยส์   

 

“เราชื่อ ว่าน “ คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นตอบพวกผม 

 

“นายทำการบ้านให้เพื่อนด้วยเหรอ “ พายถามว่าน   

 

“เออ...เราขอตัวนะ เราต้องรีบไป “ ว่านพูดด้วยหน้าตาตื่นและรีบคว้ากองสมุดติดตัวเดินออกไป พวกผมได้แค่มอง   

 
 

“อ้าว..นาย..เราแค่ถามว่าจะช่วยทำให้” ผมตะโกนตามหลังแต่ว่ายมันรีบเดินหายไปเลย ทุกคนก็หยักไหล่ บอยแตะแขนผมว่าไปกันดีกว่า 

 

“นี้พวกมันไม่ทำการบ้านเองเหรอวะ เจริญเนอะ “ไอ้ติ๊ก   

 

“กรูว่าต้องมีอะไรแน่ๆเลยวะ ไอ้ดิว” ผมหันไปกระซิบกับไอ้ดิว มันก็พยักหน้าแต่พวกผมคงเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้   

 

“ไปห้องอาหารเถอะว่ะ” ผมหันไปบอกไอ้ดิว ผมมองบอยที่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับไอ้หลุยส์หลังจากที่ออกไปคุยกันทั้งคู่   

 

“ไปทานอาหารกันดีกว่าครับบอย”   

 

“แจ็ค” บอยเอ่ยชื่อผมและส่งซิกให้ผมไปทางไอ้หลุยส์ 

 

“ไปทานข้าวกันวะ ไอ้...ตี๋” ผมพูด มันเหมือนจะยิ้มแต่มันก็หุบยิ้มทันที ผมก็แอบขำ ดูมันทำหน้าเหมือนจะโกรธนะ พวกผมพากันเดินเข้าไปหาที่นั่งทานปกติเหมือนคนอื่นทามกลางสายตาเหมือนเดิมที่มองพวกผมแต่วันนี้ก็แค่มอง บางคนก็ไม่สนใจทำหน้าที่ตัวเองไป ผมไม่เห็นไอ้ป๊อดแต่เห็นมีหนุ่มตัวเล็กๆมาจัดพวกอาหารเช้าไว้ให้พวกผมเลือกทานกันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้มๆให้พวกผมก็ยิ้มตอบกลับแค่นั้น ระหว่างที่นั่งทานอาหารผมเห็นไอ้หน้าตี๋มันเงียบมาก 

 

“ไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์มันเป็นอะไรวะ เมื่อวานวันยังซ่ากับมึงอยู่เลยนะ มึงเสกอะไรใส่มันหรือเปล่าวะ “ ไอ้ติ๊กมันกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน 

 
 

“นี้มึงเล่นของใส่มันเลยเหรอวะแจ็ค”พายอีกคน ผมหันไปดึงจมูกเล็กๆน่ารักของมัน

 

“มึงจะบ้าเหรอ กูไม่ได้ทำอหะไรมันเลยนะ มันคงเรียกร้องความสนใจบอยมั้งวะ”ผมพูดแอบหมันไส้เพราะบอยหันไปคอยถามคอยเอาใจใส่มันอีก จนผมต้องแอบงอลบ้างแล้วมั้ง   

 

“ไปห้องน้ำนะ” ผมพูดและลุกพรวดเลย เดินออกไปทันที 

 

“อะไรของมันวะ บทมันจะไปก็ไปเลย ไอ้นี้ ทำยังกะงอลใครซะงั้นแหละ” เสียงไอ้ติ๊กพูดไล่หลังผมออกมา ผมเดินไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแต่โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ตรงห้องน้ำเลย ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ได้อยากมาเข้าแค่อยากให้บอยรู้ว่าผมงอนแค่นั้น   

 

“แจ็ค” เสียงบอยเรียกชื่อผม 

 

“เป็นอะไรนะ “ บอยถามผม บอยเดินเข้ามาใกล้ๆผมที่อ่างล้างมือ 

 

“ก็...” 

 

“งอนบอยเหรอ” 

 

“ก็เห็นเอาใจแต่ไอ้” 

 

“แจ็ค บอยคิดว่าแจ็คจะเข้าใจที่บอยพูดแล้วนะ หลุยส์เขา”   

 

              “น่าสงสาร แต่ดูยังไงก็คิดว่ามันน่ะแค่เรียกร้องความสนใจ จนบอยลืมแจ็คไปแล้ว” ผมพูด   

 

“ลืมที่ไหนละ บอย ก็กำลังจะถามอยู่แต่แจ็คเดินออกมาซะก่อน “ บอยพูด

 

“แจ็ค “ บอยเรียกชื่อผม   

 

“มันทำให้แจ็คเขว่ คิดไปว่า “ ผมพูดแต่ผมเหลือบมองเห็นว่ามีคนแอบฟังผม ผมดูก็รู้ว่าไอ้หลุยส์แน่นอน แต่ผมไม่แสดงให้บอยรู้หรอกว่าไอ้หลุยส์ยืนอยู่ 

 

“บอยก็บอกแจ็คแล้วว่า เราต้องดูแลเขาและหลุยส์น่ะเขาผ่านเรื่องที่แย่ๆมา บอยไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนเลยนะแจ็ค “ บอยพูด   

 

“จริงนะ” 

 

“อืม เลิกงอนได้แล้ว”   

 

“แจ็ครักบอยมากนะ” 

 

“บอยก็รักแจ็คไงถึงได้...”   

 

“แกร็ก” เสียงของหล่น ผมนี้อยากจะหันไปด่า บอยก็ตกใจผมสองคนเดินออกมาก็ไม่มีใคร ทำให้ผมนึกในใจไอ้นี้นี่มันใส่ตรีนหมาวิ่งไว้เหมือนกันนะ   

 

“คงเป็นเด็กที่มาเข้าห้องน้ำนะบอย” ผมหันมาบอกบอย ผมสองคนพากันเดินออกมาจากห้องน้ำและเดินกลับมาที่ห้องอาหารแต่ไม่เห็นไอ้หลุยส์อยู่กับพวกไอ้ดิว   

   

“ไปเข้าแถวกันเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด   

 

“แล้วหลุยส์ละ” บอยถามทุกคน 

 

“อ้าว ไม่เจอกันเหรอ มันเดินตามบอยไปติดๆเลยนะ” พายพูดขึ้น   

   

“บอยมองหน้าผม “ 

   

“แสดงว่าแจ็ครู้ว่าหลุยส์อยู่หน้าห้องน้ำใช่มั้ย” บอยหันมาถาม ด้วยสีหน้าที่บอกได้ว่าบอยรู้สึกเสียใจ 

 

“ก็แจ็คอยากให้มันเลิกหวังไง” 

   

“แจ็คไม่รู้หรอก แจ็คไม่เคยเห็นอกเห็นใจใครเลย บอยผิดหวัง” บอยพูดและเดินออกไปทันที 

 

“บอย “   

 

“ไม่ต้องตามบอยมาบอยจะไปหาหลุยส์” บอยพูด ผมนี้อยากจะตะโกนดังๆ ก็อายคนมนห้องอาหาร พวกไอ้ดิวมองหน้าผมแบบงง ว่าเกิดอะไรขึ้น   

 

“มึงนี้นะมึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบแบบนี้ มึงก็ทำวะ ” แอ้มันหันมาพูดกับผม 

   

“เกิดอะไรขึ้นวะแจ็ค งงโคตรๆ” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามผม 

 

“ก็กูคุยกับบอย แต่ไอ้หลุยส์มันยื่นอยู่หน้าห้องน้ำ กูแค่อยากให้บอยพูดตรงๆว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับไอ้หลุยส์ คือกรูอยากให้มันเลิกหวังเลยตั้งใจให้มันได้ยิน” ผมพูดทุกยืนเอามือเท้าซะเอวมองหน้าผม   

   

“มึงนี้นะ ไอ้หลุยส์มันก็มีแค่บอยเป็นเพื่อนนะตอนนี้ มึงไปทำแบบนี้วะ “ไอ้ดิวมันยืนเอามือล้วงกางเกงเท่ๆมองผมได้กวนตรีนมาก

   

“นี้ถ้ามันกลับไปนะ พ่อกูรู้เข้า มรึงอยู่นี้ไปเถอะไอ้เวร” ไอ้ติ๊กมันด่าผมอีกคน   

   

“มึงหล่อแต่ภายนอกจริง ใจมรึงเชี้ยมาก” ไอ้พายพูด   

 

“อะไรวะ พวกมึงลองมาเป็นกูดิวะ “  เพราะว่าพวกมันกันเดินออกและทิ้งผมให้ยืนงงในดงลาเวนเดอร์

   

“กูเป็นมึงก็ไม่ทำวะ”ไอ้ดิวมันตะโกนกับมา ผมพ่นลมหายใจออกและเดินตามพวกมันไป เพื่อไปเข้าแถวหน้าเสาธง แต่ผมยังไม่เห็นบอยกับไอ้หลุยส์เลย ผมก็มองหาจนกระทั้งทั้งคู่เดินเข้ามาและมาต่อที่ท้ายแถว แต่ผมดันอยู่กลางแถว   

 

“อิจฉาตาร้อน เกลียดคนที่ยืนข้างๆเธอ” เสียงเพลงที่ร้องจิกกัดผมได้เจ็บจี้ดเลย พายนั้น 

 

“พาย” ผมเรียกชื่อพาย ยังมาหัวเราะผมอีกนะ ผมทนจนจบพิธีเข้าแถวหน้าเสารธง ผมแอบคิดทำไมมันนานจังนะวันนี้จนกระทัั้งเขาปล่อยให้เดินขึ้นห้อง ผมเดินไปกระฉากแขนบอยไว้ 

 

“บอย” ผมเรียกบอย

 

“เฮ๊ย! เอามือมึงออก “ ไอ้หลุยส์พูด บอยไอ้แต่มองหน้าผม 

 

“กรูไม่เอาออก ….. นี้มัน” บอยยิ่งหันมามองผมใหญ่ และมองไปรอบๆ ทุกสายตาที่มองผมขณะที่กำลังจะเดินผ่านพวกผมขึ้นห้อง 

 

“แกรักสามเศร้าแน่เลย อยากโดนแย้งแบบนั้นนะ”มีเด็กผู้หญิงแอบแซวพวกผมกัน ผมก็ต้องปล่อยมือบอย 

 

“ขึ้นห้องเถอะครับบอย” ไอ้หลุยส์มันบอกกับบอย บอยพยักหน้าและทั้งสองคนก็เดินไปจากผม   

 

“หมาหัวเนาเลยมึง ปากมึงแท้ๆ มรึงก็รู้ว่าบอยไม่ชอบให้มรึงทำร้ายใครด้วยคำพูดหรือทำร้ายจิตใจใคร โง่จริงๆเลยมรึงเนี๊ยะ แดกแห้วไปเถอะ” ไอ้ติ๊ก ผมนี้อยากจะ 

 

“อะไรวะ เหมือนจะดี แต่ดันแย่ลง เพราะไอ้เชี้ยนี้” ผมพูดสะบดออกมา และจำต้องเดินตามพวกนั้นขึ้นไป ไอ้ต้นข้าวและไอ้บลูคงงง เพราะมันไม่อยู่ตรงนั้นตอนที่บอยงอนผม มันได้แต่มองและยิ้มๆ ผมก็พยักหน้าว่าผมโอเค พอผมเดินเข้าไปในห้องบอยก็เลือกไปนั่งข้างหลังสุดกับไอ้หลุยส์ ดูมันมองผมยิ้มๆ   

 

“บอยไม่นั่ง” 

 

“บอยจะนั่งกับหลุยส์” บอยพูดแค่นั้น ผมก็พยักหน้า และนั่งคนเดียว หันมาเจอไอ้แว่น มันมานั่งลงและยิ้มให้ผม 

 

“เหงาเหรอ เราไป” 

 

“มึงนั่งนั้นแหละไอ้แว่น “ ผมพูดแค่นั้นมันก็รีบก้มหน้าก้มตา หยิบนั้นหยิบนี้ขึ้นมา วันนี้ไม่มีพวกไอ้ภาคินอยู่ในห้องเลยแม้กระทั่งไอ้คนที่ชื่อว่านที่พวกผมเจอที่ม้าหินอ่อน   

 

“แว่น พวกนั้นมันมาเข้าเรียนกันเหรอวะวันนี้”   

 

              “เข้าครับแต่เขาพรางตัวครับ พวกคุณเลยมองไม่เห็น”ไอ้แว่น 

 

“แว่น มึงขาดโปรตีนใช่มั้ย เดี๋ยวกูให้ เป็นคู่ๆไปเลย” ไอ้ติ๊กพูด 

 

 “ล้อเล่นครับ “ ไอ้แว่นพูดและยกมือไหว้ไอ้ติ๊ก   

 

“ผมก็ไม่ทราบนะครับเพราะว่าไม่มีข่าวอะไรเกิดขึ้นเลยเมื่อวาน...เงียบมาก”   

 

“แต่การที่พวกเขาเข้าหรือไม่เข้ามันก็ปกติอยู่แล้วครับ แว่นนะชิ้นแล้วครับ” ไอ้แว่นพูด พวกผมก็พยักหน้า ผมหันไปมองบอยที่เหมือนกำลังสอนการบ้านไอ้หลุยส์ ยิ่งหมั่นไส้เข้าไปใหญ่   

 

              “เอานะ ไอ้แจ็ค รอคุยกับบอยตอนพักเที่ยงก็แล้วกัน “ไอ้ดิวพูด ผมก็พยักหน้าคงต้องตามนั้น สักพักคุณครูประจำวิชาก็เข้ามาทำการสอน ผมได้แต่สอนไปอย่างเงียบๆ  ผมเห็นบอยคุยกับไอ้หน้าตี๋ และดูมันมีความสุขน่าดู 

 

 
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) แจ้คXบอย หลุยส์กำลังถูกลักพาตัว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-10-2020 18:27:07
       หลุยส์กำลังถูกลักพาตัว

                หลุยส์   เมื่อคืนผมแอบย่องลงไปผมก็เห็นบอยกับแจ็คเขานั่งคุยกัน ไอ้แจ็ค หรือไอ้หน้าแขกมันกอดบอยอย่างแนบชิด นี้บอยกับไอ้นี้มีอะไรที่ลึกซึ้งกันด้วยเหรอ ผมไม่เคยรู้ว่าก่อนเลยว่าบอยจะมีคนที่รู้ใจ ถึงผมจะรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่ที่ผมพยายามจีบแล้วก็ตาม แต่มันดูเหมือนทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาก่อนหน้าที่จะมาเจอกันที่นี้แล้ว นี้ผมอกหักอีกครั้งแล้วเหรอ ครั้งก็ผู้หญิง เธอน่ารักมากและสวยมาก ใครก็อิจฉาผมที่ได้เธอมาเป็นแฟน เราคบกันเกือบห้าปี คบตั้งแต่ยังไม่จบชั้นประถมด้วยซ้ำแต่ผู้หญิงก็มาตีจากผมตั้งแต่พ่อแม่ผมโดนสังหาร และชีวิตผมก็ดับวูปไปหมด ผมไม่ออกไปไหนจนกระทั้งคนที่ดูแลผมแทนพ่อแม่ส่งผมไปเรียนพิเศษและนั้นคือการตกหลุมรักครั้งแรกของผมเมื่อเจอบอย ผมกับบอยสนิทกันจนผมแอบคิดไปเองว่าเราเป็นแฟนกันแต่มันก็เหมือมีช่องว่างระหว่างผมกับเขาอยู่ตลอด
              ผมรู้สึกเศร้าผมควรอยู่ตรงนี้ต่อไหม และสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าผมควรจะออกไปก็เมื่อผมไปแอบได้ยินบอยกับแจ็คคุยกัน บอยเขาแค่ดูแลผมตามที่พ่อของเขาสั่งเหรอ นั้นยิ่งทำให้ผมเสียใจ แต่บอยก็วิ่งมาตามผม ขณะที่ผมกำลังจะเดินไปที่หน้าประตูเพื่อจะเรียกคนขับรถมารับผมและผมคงจะหายไปเลยไม่กลับมา

      “หลุยส์” เสียงบอย

      “ว่าไงบอย”

      “หลุยส์จะไปไหน” บอยถามผม ผมยืนเอามือล่วงกระเป๋า

      “หลุยส์ขอโทษนะที่มาทำให้บอยลำบาก” ผมพูดกับบอย

      “หลุยส์ทำไมพูดแบบนี้ละ นี่จะไปไหน” บอยถามผม

      “จะให้หลุยส์อยู่ทำไมอ่ะบอย หลุยส์จะมาทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ทำไม ถ้าไม่ใช่ เพราะบอย...บอยรู้ดีว่าทำไม” ผมพูด สายตาผมมองบอยที่มองผม

      “แต่หลุยส์ซิกับไม่รู้ว่าที่บอยทำให้หลุยส์คิดนะมันแค่เพราะว่ามีคนบอกให้ดูแลเทคแคร์หลุยส์เพื่อผลประโยชน์แค่นั้น” ผมพูด

      “หลุยส์ มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ”บอยพูด

      “ช่างมันเถอะ หลุยส์ว่าหลุยส์กลับไปดีกว่า หลุยส์มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำมันอาจจะดีซะกว่า” ผมพูดและกำลังจะเดินหันหลังออก

      “ถ้าหลุยส์ไม่อยู่พวกเขาก็จะเดือดร้อน หลุยส์ควรจะอยู่ที่นี้ หลุยส์ พวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีของหลุยส์นะ ทำไมหลุยส์ไม่ลองเปิดใจดูละ “ บอยพูด ผมหันมายิ้ม

      “ไม่ละ ปกติหลุยส์ไม่เคยมีเพื่อนนะ เพราะหลุยส์ไม่เชื่อคำว่าเพื่อนแท้ แต่หลุยส์เจอบอย หลุยส์กับเชื่อคำว่ารักแท้แต่มันไม่มีจริง “ผมพูด บอยก็เงียบไปทันที

      “บอยอยากให้หลุยส์อยู่ก่อนได้ไหม ขอร้อง “ บอยพูดกับผม

      “เพื่ออะไรอะไรบอย ให้หลุยส์ทนดูบอยกับเขาคนนั้นเหรอ หลุยส์ทนไม่ได้” ผมพูด

      “ทำไมบอยไม่บอกหลุยส์ซะก่อนละว่าบอยมีแฟนแล้ว พ่อบอยก็ไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ยครับ” ผมพูดทำเอาคนที่ยืนตรงหน้าผมสีหน้าเปลี่ยนไป

      “ใช่พ่อไม่รุ้เรื่องบอยกับแจ็คว่าเราเออ เราเป็นแฟนกัน พ่อรู้แค่ว่าเราคือเพื่อนกัน เพราะว่าพวกเราถูกเลือกให้เกิดมาพร้อมกันวันเดียวกัน “ผมพูด หลุยส์มองหน้าผม

      “ แจ็คเขาดีนะแค่ยังไม่ดีพอในสายตาผู้ใหญ่นะ แต่บอยเชื่อว่าเขาจะทำได้หลุยส์ และไม่แน่แจ็คอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีของหลุยส์ก็ได้นะ”

      “มันไม่มีวันที่จะทำได้หรอก.....เชื่อหลุยส์ ไอ้นี้แค่เป็นลูกคนเล็กและมันก็ไม่ต่างจากลูกแหง๋ ทำอะไรไม่ได้หรอก บอยนะต่อไปจะต้องเป็นคนนำองค์กร หลุยส์ไม่ได้ดูถูกนะ เขาไม่เหมาะสมกับบอยเลยสักนิด” ผมพูดแต่สีหน้าบอยที่มองผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง

      “นั้นเพราะว่าหลุยส์ยังไม่รู้จักแจ็คดีต่างหาก” บอยพูด

      “บอย...หลุยส์ขอโทษนะเรื่องพ่อของบอยนะ หลุยส์ไม่รู้จริงๆว่าบอยไม่เคยบอกเรื่องนี้กับท่านแค่พ่อของบอยถาม หลุยส์ก็แค่บอกไปตามจริง “ ผมพูดกับบอย ผมรู้สึกได้เลยว่าพ่อของบอยก็ยังไม่ปลื้มไอ้แจ็คเอาซะเลยด้วยซ้ำ

      “บอยอยากให้หลุยส์อยู่ต่อก่อนได้ไหม”

      “บอยอยากให้หลุยส์เห็นก่อนว่าพวกเขาดีหรือไม่ดีค่อยตัดสินพวกเขาได้ไหม”

      “หลุยส์อยู่ไม่ได้เพราะหลุยส์ทนไม่ได้ที่เห็น บอยกับ..แฟน” ผมพูด

      “ก็ได้...บอยจะห่างๆกับแจ็ค แต่หลุยส์ต้องอยู่ “ บอยพูดผมเห็นสายตาเขานี้เขาอยากให้ผมอยู่ต่อมากเลยเหรอถึงกับยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ผม ผมเดินกลับมาหาบอย

      “หลุยส์รู้ไหมว่า ลุงหนึ่งส่งหลุยส์มาที่นี้เพราะที่นี้จะปลอดภัยที่สุดสำหรับหลุยส์ในตอนนี้” ผมหันมามองบอย นี้คงเป็นแผนลุงหนึ่งซินะที่ดึงผมมาอยู่ตรงบนี้เพื่อหนี แต่ผมเองเป็นคนไม่ชอบวิ่งหนีซะด้วย ผมมองส่ายตาของบอยแล้วผมก็อดใจอ่อนไม่ได้

      “ก็ได้” ผมพูดยิ้มๆ

      “กลับไปเข้าแถวนะ หลุยส์คงไม่รู้ว่าที่นี้เขาต้องเข้าแถวหน้าเสาธงมันเป็นกิจวัตรประจำวันของนักเรียนที่นี้” บอยพูด ผมก็พยักหน้า

      “บอยคิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบที่บอยพูดนะ “ผมถามบอยอีกครั้ง

      “ได้ เพื่อให้หลุยส์อยู่ ถ้าหลุยส์ไม่อยู่ที่นี้พวกเขาก็จะต้องยืดเวลาการทำโทษออกไป” บอยพูด ผมพยักหน้า

      “อีกเหตุผลหนึ่ง หลุยส์อาจจะต้องการพวกเขาในอนาคต บอยอยากให้หลุยส์เปิดใจก่อน” บอยพูดกับผม ผมก็พยักหน้าไปแบบนั้นแหละ

      “หมับ” ผมจับแขนบอยไว้

      “อย่าลืมที่พูดนะครับ “ ผมพูดกับบอย บอยพยักหน้ากับผม ผมยิ้มกริ่มและเดินเข้าไปกับบอย บอกแล้วว่าผมนะมีดีไม่ได้ด้วยเหล่ก็ต้องได้ด้วยกล ไม่ต้องพึ่งมนต์คาถา เพราะผมรู้ว่าพ่อๆพวกมันไม่อยากให้ผมกลับอยากให้ผมอยู่ที่นี้ จนกว่าทุกอย่างจะปลอดภัยสำหรับผมเช่นกัน

      “บอย เดินด้วยกันให้เหมือนเราเป็นแฟนกันหน่อยซิ ทำแบบนี้มันถึงจะเนียน” ผมกระซิบกับบอย บอยหันมามองหน้าผมและผมก็ยื่นมือของผมเพื่อจะจูงมือบอยแต่บอยมองผม ผมก็สอดมือผมเข้าไปและจับมือบอย ผมจูงมือเดินผ่านทุกสายที่นักเรียนที่เข้าแถวต่างก็พากันมองมาที่ผมสองคนจนถึงแถว ไอ้ดิว ไอ้ติ๊ก แอ้และพายก็มองมาที่ผมกับบอยกัน และบอยก็ค่อยๆดึงมือเขาออก น่าเสียดายที่ไอ้แจ็คมันหันมาช้าไปเลยไม่ได้เห็นภาพเด็ดๆ แต่ก็ทำให้มันหัวร้อนขึ้นได้ ผมก็หยักคิ้วให้ว่าผมกำลังจะมีชัย
          ผมยืนจนเหงือแตกเลยกว่าการทำกิจวัตรประจำวันที่เขาบอกว่าต้องทำทุกวันเสร็จ ผมไม่เคยเรียนที่ไทยและหลังจากพ่อแม่ผมเสียไปผมก็ไม่เคยไปโรงเรียนเรียนที่บ้านตลอดและมีไปเรียนที่ติวเตอร์แค่นั้น

      “หมับ “ไอ้หน้าแขกมันเดินมาดึงแขนบอย ผมรีบหันไปปัดมือมันออกทันทีและไอ้แจ็คมันทำท่าจะเข้ามาต่อยผมแต่มันก็สะดุดที่สายตาบอยที่มองมัน แต่ทำไมสายตามันแตกต่างกับที่มองผมหนัก สายตาของบอยไม่ได้มองเพื่อให้ไอ้หน้าแขกมันแค่หยุดแต่มันสื่อได้มากมายกว่านั้น มีทั้งความหวงใย

      “เอามือมึงออกไป” ผมพูดแค่นั้น และดึงแขนบอยเดินออก ไอ้แจ็คมันแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

      “ไปไหนกันต่อดีครับที่รัก” ผมกระซิบถามบอย แต่บอยกับเดินเหมือนเหมอลอย

      “บอย “ผมใช้มือป้องเรียกชื่อบอยจน บอยคงได้ยินชัดเจนเลยสะดุ้งและหันมามองผมด้วยอาการตกใจ

      “ว่าไงนะหลุยส์” บอยหันมาถามผม

      “คือหลุยส์ถามว่าเราจะไปที่ไหนกันต่อครับ หลุยส์เพิ่งมาวันนี้วันแรก” ผมพูด

      “คือ...ไป..เออ เราเดินเลยมาชั้นหนึ่งแล้วอ่ะหลุยส์” บอยพูดบอกผม ผมก็เงยหน้าขึ้นมองนี้มันชั้นที่ 4 แล้วนิและบอยก็พาผมเดินกลับลงมาอีกชั้นผมก็เดินตามบอยไปเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไรเช่นกันจนกระทั้งมาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่ง ที่เขาเรียกว่าห้องเรียนซินะ ผมเดินตามบอยเข้าไปก็เห็นโต๊ะมากมาย นักเรียนที่นี้กี่คนกันเนี๊ยะ! แต่ว่าไม่มีคนนั่งมีแต่โต๊ะ ผมมองไปจนหยุดที่พวกนั้น ไปนั่งกระจุกตรงมุมเดียวกันเลย แล้วที่ว่างๆนี้ละ มันเก็บไว้ทำไมของมัน 

      “หลุยส์จะนั่งตรงไหนดีละ “ บอยถามผม

      “แล้วปกติบอยนั่งตรงไหนครับ” ผมถามบอยและบอยก็หันมามองหน้าผม

      “นั่งกับแจ็คนะ” บอยตอบผมเสียงอ่อยๆ ผมก็พยักหน้าเพราะว่าผมดูแล้วเขาจัดให้นั่งสองคนติดกัน

      “แล้ววันนี้ละครับ บอย”ผมถามบอยและยิ้มให้

      “ก็ได้บอยไม่นั่งกับแจ็คนั่งกับหลุยส์” บอยพูดผมก็ยิ้มหวานและผายมือให้บอยเดินนำไป โต๊ะที่อยู่ท้ายสุดได้ จังหวะนั้นพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ติ๊กและพาย และตามมาด้วยไอ้หน้าแขกเดินเข้ามาพร้อมกับสองหนุ่มหน้าตามุ้งมิ้ง นี้คือคือคนที่อยู่ในแก้งของมันและจะทำให้พวกมันทำภาระกิจนี้สำเร็จ ถ้าเป็นผมนะผมจะเลือกคนที่ต้องโชว์ความสามารถให้ผมดูก่อน แค่การเลือกคนก็ไม่ผ่านแล้วโธ่เอ่ย ผมแอบคิดในใจ

      “บอย “ไอ้แจ็คมันเรียกบอย ผมหันไปมองบอยยิ้มๆ “

      “บอยจะนั่งกับหลุยส์นะแจ็ค” บอยพูดบอกไอ้หน้าแขกและหันมองหน้าผม ผมพยักหน้าและเงยหน้ามองไอ้หน้าแขกผู้ที่กำลังพายแพ้ให้ผม มันไม่รู้จักไอ้หลุยส์ซะแล้ว

      “บอย เราต้องนั่งเรียนแบบนี้วันละกี่ชั่วโมงครับ และทำไมเข้าคลาสกันเช้าจัง” ผมถามบอย

      “ช่วงเช้าก็สี่คาบ ไปจนถึงเที่ยงและบ่ายต่ออีกสามคาบไปจนถึงบ่ายสามโมงครึ้ง” บอยพูดทำเอาผมตาโต

             “ที่ออสเตรเลีย เช้า 9 โมงเลิกบ่าย3 ก็ว่านานแล้วนะบอย” ผมพูดก่อนพ่อแม่ผมจะเสียผมถูกส่งให้ไปเรียนที่ออสเตรเลียและอยู่กับคนดูแลเพราะว่าพ่อแม่ผมเดินทางตลอดแต่ก็จะแวะมาหาผมทุกเดือน เดือนละหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน
                ผมนั่งเรียนไปรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะใจผมกับสายตามันอยู่ที่บอยและบอยก็ต้องหันมาคอยอธิบายให้ผมฟังอีกเพราะผมแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจที่ครูบอกตลอด ทั้งที่ผมนะรู้เรื่องวิชาที่เขาสอนน่ะผมเรียนมาหมดแล้ว และตลอดชั่วโมงเรียนผมเห็นสายตาไอ้แจ็คแล้วมันซะใจชะมัดจนกระทั้งหมดคาบ

                    “หลุยส์ ก่อนลงไปทานอาหารกลางวันกัน  บอยขอไปโทรหาพ่อก่อนได้ไหม” บอยหันมาบอก ผมพยักหน้า

                    “ได้ซิ ..เดี๋ยวหลุยส์..” ผมกำลังจะบอกว่าจะไปเป็นเพื่อน

                    “ขอบอยคุยธุรส่วนตัวนะหลุยส์ บอยขอโทษจริงๆ” บอยบอกผม ผมก็ลืมไป

                    “ครับ บอย หลุยส์ต่างหากที่ต้องขอโทษ” ผมพูดกับบอย ผมเห็นไอ้แจ็คมันมันมามองบอยผมก็คว้ามือบอยมากุมไว้ มันสะบัดหน้าและเดินออกไปก่อนทันที พวกไอ้ดิวมันก็แค่หันมามองและเดินตามไอ้หน้าแขกออกไป บอยลุกขึ้นผมก็เดินตาม ผมเห็นบอยเดินแบบรีบร้อนเพื่อไปหาที่คุยโทรศัพท์ทันทีที่เดินลงมาถึงชั้นล่าง ผมได้แต่ยืนเก้ๆกังๆ ไม่กล้าเข้าไปได้แต่ชะเง้อมอง

                     “มึงเล่นอะไรของมึงว่ะ “ ไอ้ดิวมันเดินมายืนอยู่ข้างหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้

                      “เล่น...เล่นอะไร “ ผมทำเป็นไม่เข้าใจที่มันถาม

                     “มึงคิดว่ามึงชนะไอ้แจ็คเหรอวะ ด้วยการทำให้คนที่มึงรักไม่สบายใจแบบนี้นะ”

                     “ นี้มึงทำร้ายจิตใจคนที่มึงบอกว่ารักเขาได้ยังไงวะ เป็นกู กูไม่ทำวะ” ไอ้ดิวมันพูดและมันก็เดินออกไป ผมเห็นพวกไอ้แอ้ ติ๊กและพายเดินออกไปมาน่าจะเข้าห้องน้ำกันแต่ผมไม่เห็นไอ้หน้าแขก มันเข้าไป     
                   
       กล่อมบอยแน่ๆ และใช่จริงๆด้วย ผมเห็นบอยกับไอ้หน้าแขกกำลังยืนคุยกันด้วยสีหน้าซีเรียสมาก ผมเลยไม่กล้าเข้าไปเพราะอยากจะฟังก่อนว่าเขาคุยอะไรกัน จึงแอบฟังอยู่ที่มุมเสา

                    “แจ็คไม่สนหรอกว่ามันเป็นใครสำคัญแค่ไหน แจ็คไม่สนว่ามันจะอยู่หรือจะไป ทำไมอะบอย “

                    “บอยก็บอกแจ็คไปหมดแล้วนะ เราต้องให้เขาอยู่กับเรา เพราะนี้คือที่ปลอดภัยที่สุดของหลุยส์และ”

                      “และอะไรอะบอย หรือว่าแจ็คคนเดียวไม่พอ”

                      “แจ็ค...” ผมรับรู้ได้ว่าเสียงบอยเริ่มสั่นเครือ

                    “แจ็ค พยายามแล้วนะบอย หรือว่าอุปสรรคเราเยอะเกินไป หรือแจ็คควรจะหลีกให้...มัน บอยจะได้ไม่ต้องมาเอื้อมระอากับแจ็คอีก แจ็คพอแค่นี้ “ มันพูดจบมันก็เดินสวนบอยออกทันที ผมก็ว่าจะเข้าไปตะบันหน้ามันแต่ บอยหันหลังกลับและกอดไอ้นั้นจากด้านหลัง

                     “แจ็ค บอยรักแจ็คนะ”

                      “แต่แจ็คเหนื่อยอ่ะ” ไอ้แจ็คมันพูด นี้ผมทำให้คนที่ผมบอกว่าผมรักเขาเสียใจขนาดนี้เลยเหรอ แต่ไม่ได้เสียเพราะผมแต่เขาเสียใจเพราะว่าเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่ผม

                         “แต่บอยยังคงยืนยันคำเดิม ยังไงเราก็ต้องให้หลุยส์อยู่กับเราเพื่อองค์กรของเรานะแจ็ค”

                          “กว่าบอยจะขอพ่อให้มาที่นี้ได้มันยากนะ บอยตั้งใจมาเพื่อแจ็ค “ อันนี้ที่ทำให้หัวใจผมนี้สลายทันทีนี้คือคำตอบเจ็บที่สุดบอยเขามาเพื่อไอ้หน้าแขกนี้แล้วผมจะยื้อทำไม ผมเดินหันหลังออกทันที มันตั้งตัวไม่ถูก ผมเดินออกมาเหมือนคนไร้จุดหมาย

                         “หลุยส์ ไปทานข้าวยังอ่ะ “ ไอ้สองหนุ่มที่เป็นเพื่อนใหม่พวกนั้น เดินเข้ามามันคงเพิ่งลงมาจากตึก

                           “ไม่ละ “ ผมตอบไปโดยไม่ได้มองหน้าสองคนนั้น

                        “อะไรวะ “ อีกคนพูดขึ้น

                       “เออ นายสองคนรู้ไหมว่าห้องสมุดอยู่ไหน” ผมถามกลับ

                      “ทำไมอะ ไม่กินข้าวเหรอ”

                      “ไม่อ่ะ มีธุระ “ ผมพูดและมองเพื่อรอคำตอบ

                           “ตรงไปอ่ะ และจะมีตึกที่มียิมอยู่ด้านบนนะ ชั้นล้างจะเป็นห้องสมุด “ผมไม่รู้ว่าใครแต่ผมก็พยักหัวรับและเดินไปตามที่สองคนนั้นบอกผม ผมเดินเหมือนคนไร้วิญญาณ ผมเดินคิดทบทวน ผมมาทำห่าอะไรที่นี้วะ กลับไปอยู่ในโลกของผมดีกว่าไหม ไปนั่งเฉยๆ มีคนรับใช้ นั่งเรียนออนไลน์และมีครูพิเศษมาสอนเหมือนที่ผ่านมาดีกว่าไหม

                           “เฮ้ย! ไอ้คนนี้มั้ยวะ ที่พี่นัฐเขาอยากได้ตัวมันอ่ะ เห็นบอกว่าไอ้นี้มีเงินเยอะ “

                         “เอาไปทำไมวะ”

                       “พี่ณัฐว่าจะให้มันติดยาและมันจะได้เป็นทุนให้พี่ณัฐคราวนี้ธุรกิจใหญ่โตเลยมรึง”

         “ธุรกิจยานรกเหรอว่ะ...เชี้ย น่าสน โทรบอกเลยวะ” ผมได้ยินแต่ไม่รู้ว่ามันหมายถึงใคร

         “ตุบ” ผมเดินชนใครสักคน ผมรู้สึกว่ามีหนังสือหล่นเกลื่อนพื้นไปหมดผมก็ก้มลงเก็บและส่งให้โดยไม่ได้มองหน้า

         “ขอบคุณครับ น้องใช่นักเรียนใหม่ที่มาเรียนห้อง311 ไหมครับ” คนที่ผมชนเขาจับไหล่ผมไว้ ผมก็มองหน้าเพราะไม่รู้จัก

         “คุณเป็นใคร” ผมถามกลับ

         “พี่ชื่อภาณุ น้องรู้จักคนที่ชื่อแอ้ไหม “ ตอนนี้สมองไม่ทำงาน

         “ไม่รู้” ผมตอบไปและเดินผ่านไปเลย

         “ไอ้นี้แปลกคนวะ ไปถามคนอื่นก็ได้วะ “ พี่เขาพูดแค่นั้น ผมก็ไม่สนใจ ไอดอนทแคร์ตอนนี้ ผมเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าห้องสมุดแบบไม่รู้ว่ามาได้ไง ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ้งแล้ว ห้องสมุดไม่ค่อยมีก็คงไปทานอาหารกันหมด ผมเดินผ่านครูที่ดูแลเข้าไป

         “เธอทานข้าวแล้วเหรอ” ผมได้ยินคำถามแต่ผมไม่ได้หันไปตอบ ผมเดินตรงไปด้านในหาที่นั่งและหยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นสไลด์หน้าจอ

         “พี่ไมเคิลครับ ผมอยากกลับ พี่ช่วยเอาเครื่องบินส่วนตัวมารับผมได้ไหมครับ” ผมส่งข้อความหาพี่ไมเคิล พี่เขาเป็นการ์ดและคนที่ผมไว้ใจ

         “คุณหลุยส์เป็นอะไรหรือเปล่า”

         “ไม่ครับ ผมแค่คิดว่าผม ...ที่นี้ไม่ใช่ที่ของผมครับ” ผมส่งข้อความไป

         “คุณหลุยส์ครับ ให้พี่คุยกับคุณหนึ่งก่อนนะครับ เพราะว่าคุณหนึ่งอยากให้คุณหลุยส์อยู่ที่นั้น”พี่ไมเคิลส่งข้อความตอบกลับมาหาผม ผมพ้นลมหายใจออกมายาวๆ

         “ผมไม่สนใจว่าเขาต้องการให้ผมอยู่เพื่ออะไรแต่ตอนนี้ผมอยากกลับ” ผมพูดแค่นั้น

         “ได้ครับถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณหลุยส์รอสักครูขอผมคุยกับคุณหนึ่งก่อนนะครับ” และผมก็นั่งเปิดดูนั้นดูนี้ ผมว่าผมกลับไปนั่งเป็นเด็กไซเบอร์เหมือนเดิมดีกว่า ท่องอินเตอร์ อยู่ในห้องที่มีความไฮเทคสูงนั้นแหละโลกของผม นี้ผมกลับมาเป็นเหมือนตอนที่ผมสูญเสียพ่อแม่ผมไปอีกแล้วใช่มั้ย

         “Rrrrrr “เบอร์บอยโทรหาผม แต่ผมกดตัดสาย

         “ตื้ด!!!” ข้อความส่งมาหาผม

         “หลุยส์อยู่ไหนครับ ทำไมไม่มาทานข้าวครับ”บอย

         “บอย หลุยส์ขออยู่คนเดียวสักพัก และไม่ต้องห่วงนะครับ หลุยส์จะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหลุยส์จะคุยกับคุณหนึ่งเอง จะไม่มีใครเดือดร้อนแน่นอน” ผมส่งข้อความไปหาบอย และเปลี่ยนเป็นโหมดไม่มีใครโทรติดต่อผมได้ตอนนี้ ผมอยากใช้เวลาคิดสักพัก

                    ผมนั่งคิดอะไรเพลินและประกอบกับเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนด้วย ดิ้นแย้งเตียงกับไอ้แจ็คก็เกือบเที่ยงคืนกว่าและมาลงไปเจอบอยกับแจ็คอีกเลยพาให้นอนไม่หลับและผมก็หมอบหลับคาโต๊ะในห้องสมุดไปตอนไหนไม่รู้

      “พี่.. พี่...” มีคนสะกิดเรียกผม ผมเงยหน้าขึ้นมองแบบสลืมสลือ คนที่มาเรียกผมหน้าตาดูเรียบร้อยมาก ผมเลยเลิกคิ้วมองว่ามีอะไร

      “พี่ครับมีคนมาหาพี่ครับที่ด้านหน้าห้องสมุดนะครับ” น้องเขาพูด ผมก็พยักหน้า ผมคิดว่าคงเป็นบอย ตอนนี้ผมเริ่มจะใจเย็นนิดหน่อย ถ้าได้คุยกับบอยก็คงจะดีขึ้น ผมลุกขึ้นและเดินออกไปด้านหน้า ผมเห็นมีคนยื่นสี่คนซึ่งผมไม่รู้จัก ผมคิดว่าคงไม่ใช่แต่ผมไม่เห็นบอยเลยอ่ะ

      “มึงใช่คนที่ชื่อหลุยส์หรือเปล่าวะ”มีคนยืนแต่งตัวไม่เหมือนนักเรียนที่นี้เลย ไม่มีสวนไหนบอกว่านี้มาเพื่อมาเรียนเลยแต่เหมือนมาเพื่อมาหาเรื่องมากกว่า

      “ใช่ทำไมอะ” ผมถามมันกลับ”

      “ไปกับพวกกูลูกพี่กูอยากเจอมึง” ไอ้คนที่ยืนอีกคนมันบอกผม

      “ลูกพี่มึงมันเป็นพ่อกูเหรอ กูถึงต้องไปเจอ” ผมถามแต่มันดึงผมไว้ ไม่ซิกระฉากผมไว้ ส่วนน้องคนที่ตามผมก็รับเงินจากพวกมันและไปเลย นี้มันจ้างเด็กไปเรียกผม

      “ไปซะดีดีถ้าไม่อยากไส้แตก” ผมกำลังจะขัดขืนแต่มันมีมีปลายเล็มทิ่มพุงผมอยู่

      “นี้มีอะไรกันนะ” ครูที่ห้องสมุดเดินออกมาดู

      “อ้อ! คือว่าพวกผมเป็นญาติของน้องเขานะครับ พ่อเขาป่วยมากจะตายแล้ว..เอ้ย จะเสียเขาเลยให้ผมมาตามนะครับไปดูใจ” มันพูด ผมเงยหน้ามองพวกมัน

      “พ่อแม่กรูเสียไปนานแล้ว” ผมกัดฟันพูดกับมัน

      “ทำตามที่กรูบอก” ไอ้พวกนี้มันพูดมีดก็ดันพุงผมอยู่

      “เออ..ใช่ครับครู”ผมหันไปบอก

      “มิหน้าละเราดูเศร้ามาก งั้นครูเสียใจด้วยนะคะ” คุณครูผู้น่ารักพูด และพวกมันก็ดันผมเดิน นี้ผมจะมาจบเพราะไอ้พวกนี้หรือไง ผมทำท่าจะกดมือถือหาพี่ไมเคิลแต่มีคนดึงมือถือผมไป

      “มึงจะโทรหาใครช่วย ฝันเถอะ มึงได้เป็นไอ้ขี้ยากับพวกกูแน่ๆ” พวกนั้นมันพูดพร้อมรอยยิ้มสยองมาให้ผม แล้วใครจะมาช่วยผมละเพื่อนก็ไม่มี มีแต่บอย บอยก็ไม่รู้ว่าว่าตอนนี้ผมกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วแบบนี้ผมจะรอดไหมจายแน่เลยวันนี้ จะโทรหาพี่ไมเคิลพวกมันก็ยึดมือถือผมไว้แล้ว ผมคิดในใจไม่น่ามาเลยผม หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ

หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) แจ้คXบอย หลุยส์ยังไงมึงก็เพื่อนพวกกู
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-10-2020 07:27:02

หลุยส์ยังไงมึงก็เพื่อนพวกกู

แจ็ค
         ผมเดินไปและคิดไปด้วย ว่าทำไมผมต้องมนั่งยื้อแย้งด้วยทั้งที่ผมนะพร้อมเลือกได้ตลอด ไอ้หน้าตี๋นั้นมันสำคัญแค่ไหนสำหรับองค์กร แต่ผมไม่สนใจ ผมเดินออกมาทิ้งให้บอยอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเขาก็กลับไปหาไอ้หลุยส์ไปนั่งตะมุตะมิกันอีก วันนีช่วงเช้าก็นั่งจีบกันและยังมีหน้ามาบอกว่าเขารักผม มาที่นี้เพื่อผม

      “ก็คงต้องสิ่งนี้แหละที่จะทำให้เราสงบได้ “ ผมเดินมาที่สระว่ายน้ำของโรงเรียนแต่จะอยู่คนส่วนกับโรงเรียนเพราะว่าสระว่ายน้ำนี้ เขาเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้ด้วย มีคนดูแลและเก็บเงิน มีเหมือนคาเฟ่เล็กๆและ มีของขายพวกชุดว่ายน้ำด้วย แต่เขาเปิดให้คนภายนอกเข้ามาใช้ได้หลังเลิกเรียนเท่านั้น ผมก็เดินตรงเข้าไป

      “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีค่ะ”

      “ชุดว่ายน้ำครับ ของอดิด๊าส” ผมพูดและพนักงานก็หยิบส่งมาให้ผม”

      “ชำระเป็นเงินสดหรือบัตรคะ”

      “บัตรครับ” ผมพูดและหยิบมือถือขึ้นมาและเปิดเพื่อสแกนบัตรที่เครื่องแสกน

      “ขอบัตรนักเรียนด้วยคะ”

      “นี้ครับ” ผมพูดและส่งบัตรให้ ผมก็หยิบทุกอย่างและเดินตรงเข้าไป ด้านในเงียบมากคงยังเร็วไปมั้งที่จะมีนักเรียนมาเรียน สระว่ายน้ำดูสะอาดเพราะมีคนดูแลตลอด มีไลฟ์การ์ดดูแลด้วย แปลกใจว่าโรงเรียนอาภาษญ์ที่มีทุกอย่างครบแต่กับมีปัญหานักเรียนย้ายออกกันเยอะ ผมเดินตรงไปที่ห้องเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำ ผมเดินออกมาก็เจอพี่คนที่อยู่หน้าเคาเตอร์

      “อุ้ยย เออ น้องลืมบัตรนักเรียนนะคะ พี่เลยเอามาให้พี่เขาพูดและยิ้มๆ ยิ้มแปลก ๆ ผมก็ก้มมองอ้อผมสวมแค่กางเกงว่ายน้ำ มันเซ็กซี่นี้เอง ผมเลยเอาผ้าขนหนูที่ถือมาปิดซะหน่อย

      “ขอบคุณครับ” ผมรับจากมือพี่เขามาและรีบกล่าวขอบคุณ แต่พี่เขายังมองอยู่

      “ขอบคุณครับ” ผมพูดอีกครั้ง

      “อู้ยย! มองเพลินไปหน่อย หุ่นดีเนอะ “ พี่เขาพูดยิ้มหายๆและเดินออกไปยังมีเหลียวมองกลับมาอีก ผมส่ายหัวและเดินไปยังสระว่ายน้ำ ผมจัดการวอร์มร่างกายก่อนจะลงไปว่ายน้ำ

      “ติดๆ “ มีข้อความเข้าที่ apple watch series รุ่นใหม่ล่าสุดยังไม่มีวางขายเท่าไหร่ แต่ผมได้มาก่อนและเป็นของฝันวันเกิดผมที่ผ่านมาด้วย

      “ไอ้แจ็ค อยู่ไหนวะ” ไอ้ติ๊กมันส่งข้อความหาผม

      “กรูว่ายน้ำ” ผมส่งข้อความเสียงไป

      “มึงนี้ถ้าจะหนัก เวลานี้กินข้าว มึงหรือเปล่า” มันชมผมด้วยข้อความเสียงมาทันที

      “กูไม่กิน กินไปเลยและไม่ต้องกวนกูจะว่ายน้ำ” ผมพูดแค่นั้นพร้อมกับตั้งโหมดห้ามรบกวน ผมก็จัดการสวมแว่นตาว่ายน้ำที่เพิ่งถอยมาใหม่ มาใหม่หมดทั้งตัวและขึ้นไปยืนตำแหน่งที่เตรียมพร้อมกระโดดลงสระว่ายน้ำ
      ผมควรจะทำไงดี ดูวันนี้ซิบอยไม่คุยกับผมเลยเอาใจแต่ไอ้หลุยส์แค่เพราะว่ามันเสียใจที่ได้ยินนะเหรอ ผมทำการวอร์มร่างกายซะก่อน ยืดเส้ยืดสายและ

      “โคล้ม!” เสียงน้ำกระจายจากร่างที่ดิ่งลงไปพร้อมกับตีกรรเชียงไปให้ถึงขอบสระว่ายน้ำตรงข้ามและตีกรรเชียงกลับมา และก็ตามด้วยท่าผีเสื้อท่าถนัดของผมไปกลับ ผมว่ายสลับไปจนครบสี่ท่า ผมก็กลับมาที่จุดเริ่มต้นผมลอยตัวเอาแขนพาดกับเชือกที่กั้นช่องว่ายน้ำไว้แต่ละช่อง

      “แปะๆ” เสียงตรบมือของใครสักคนทำให้ผมเงยหน้ามอง ผมไม่คุ้นเคยมาก่อนเลย รูปร่างสูงโปรงหุ่นนี้บอกได้เลยว่านักว่ายน้ำเหมือนกัน

      “นายทำเวลาได้ดีมาก “ พี่เขาพูด

      “พี่เป็นใคร” ผมถามเขากลับ

      “พี่ชื่อภาณุ เป็นนักกีฬาว่ายน้ำประจำโรงเรียนนี้ “ พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้า

      “น่าเสียดายที่ปีนี้เขายกเลิกการแข็งขันวายน้ำทุกอย่าง” พี่เขาพูด ผมก็ทำหน้าแปลกใจ

      “ทำไมอ่ะพี่ เขาไม่นิยมว่ายน้ำกันเหรอที่นี่” ผมถามพี่เขากลับ

      “นักกีฬาว่ายน้ำถูกดึงตัวไปอยู่โรงเรียนอื่นหมด ตอนนี้มีพี่และเพื่อนพี่อีกคนที่ขื่อต่อ ไอ้นี้ก็สุดยอดมันเก่งกรรเชียง “ พี่ภาณุพูด

      “แล้วพี่อ่ะ” ผมถามกลับ

      “แชมป์ท่ากบ” พี่เขาตอบอย่างภาคภูมิใจ

      “พี่ว่านายน่าจะ ท่าผีเสื้อ เพราะพี่ยืนดูนายท่านี้นายทำเวลาได้ดีมาก ไม่มีใครทำเวลาดีเท่านี้มาก่อน” พี่เขาพูด ผมก็หยักคิ้วให้

      “ถ้ากีฬาวายน้ำของโรงเรียนกับมาเด่นอีกครั้งและมีนายร่วมทีมด้วย เราจะไปกันได้สวยทีเดียว” พี่ภาณุพูด ผมก็พยักหน้า ก็ดีหาอะไรที่ผมชอบทำเพื่อว่าจะทำให้ผมไม่คิดฟุ้งซ้าน 

      “ก็ดีนะพี่ ผมสนใจอยู่นะ “ ผมหันไปบอกพี่คนข้างๆที่ชื่อพี่ภาณุ

      “เก่งๆอย่างนายทำไมไม่ไปเป็นนักกีฬาระดับซีเกมส์หรือเอเชี่ยนเกมส์ “ พี่ภาณุถามผม ผมยิ้มๆ

      “ผมมีเรื่องชกต่อยกับนักกีฬาว่ายน้ำด้วยกันนะพี่ มันทำท่ารังเกียจผม พูดจาแขวะผมเพราะว่าครอบครัวผมแปลก และผมก็เป็นคนหัวร้อนซะด้วยก็เลยใส่ไม่ยั้งผมก็ถูกตัดสิทธิ์แต่ไอ้คนนั้นน่ะ รักษาตัวที่โรงพยาบาลก็เลยไม่ได้ไปทั้งผมและมัน ”ผมพูดแค่นั้นพี่เขาก็ยิ้มปนหัวเราะ

      “ว่าแต่น้องไม่มีเรียนตอนบ่ายเหรอครับ” พี่เขาถามผม

      “เบื่อๆนะพี่เลยมาหาที่ว่ายน้ำ “ผมตอบไป พี่เขาก็พยักหน้าเบาๆ

      “เหนี่อยยัง ลองสักตั้งไหม ...ผสมท่า “ พี่เขาถามผม เรียกว่าท้าประลองก็ว่าได้

      “สบายมาก”ผมบอกพี่เขาไป ผมก็ปืนกลับขึ้นมาพี่เขาก็เตรียมวอร์มร่างกาย พี่เขาท้าผมมาก็รับซิครับ ผมก็ขึ้นไปยืนบนแทนและพี่เขาก็ตามมาและผมสองคนก็กระโดดลงไปในสระว่ายน้ำ ผมก็ว่ายน้ำแต่ทำไมทุกครั้งที่หน้าผมลงในน้ำผมจะเห็นใบหน้าจของบอยตลอด ผมก็ว่ายไปจนครบสี่ท่า ผมเพิ่งจะรู้ว่าผมเข้าท่าพร้อมพี่เข้าเลย

      “สงสัยจะเหนื่อยเพราะว่า ตอนแรกนายทำเวลาดีมากแต่นี้ตกมาหน่อยแต่ยังถือว่าดีอยู่นะ” พี่เขาพูด อันที่จริงไม่ใช่ว่าเหนื่อยแต่ผมชะงักเพราะผมเห็นแต่ใบหน้าของคนที่กำลังงอนอยู่ต่างหาก ผมปืนขึ้นมานั่งที่ขอบสระพร้อมกับพี่เขา
      
      “พี่ชอบว่ายน้ำมากและพี่ก็เป็นตัวแทนโรงเรียนตั้งแต่ม.1 และพี่ก็อยากจะลงแข่งอีกสักปีก่อนเข้ามหาวิทยาลัย พีไม่รู้ว่าพี่จะมีโอกาสได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักอีกไหม “ พี่เขาหันมาพูดกับผม

      “พี่จะไปต่อที่ไหนครับ” ผมถามพี่เขา

      “พี่จะไปสอบ จปร “ พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้าไม่ใช่เล่นๆ นะเนี๊ยะ

      “น้องๆนะมาเรียนที่นี้กันทำไมเหรอครับ ทั้งที่”

      “ทั้งที่พวกผมเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน “ ผมพูดและก็ ถอนหายใจยาวๆ

      “พวกผมโดนคนที่ใหญ่ที่สุด ทำโทษเอาส่งผมมาที่นี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าส่งผมมาทำไม” ผมหันไปบอกพี่ภาณุ พี่เขาเหมือนจะขำผมนะ

      “ แต่นอนนี้ผมอยากรู้ว่าโรงเรียนนี้มีปัญหาอะไร ทำไมดูเหมือนจะกลายเป็นโรงเรียนล้าง”ผมพูดกับพี่ภาณุ

      “มันมีพวกอิทธิพลมืดนะ “

      “อย่าถามพี่เลยว่าใครพี่ไม่รู้หรอก “พี่เขาพูดและทำท่าจะลุกขึ้น

      “พี่ไม่มีเรียนแล้วแค่มาว่ายน้ำแก้เซ็งนะ “ พี่เขาพูด ผมก็พยักหน้าเบาๆ

      “เออ ...พี่ถามหน่อย พี่เห็นคนหนึ่งนะ เหมือนกับว่าเขาเข้าแถวห้องน้องอ่ะ มีแต่คนพูดว่าแย้งแฟนน้อง” ผมเงยหน้ามองพี่เขา ตรงไปไหม ตนยิ่งเฮิร์ทอยู่

      “โทษทีวะน้อง” พี่เขาขำผมด้วย

      “โอเคพี่” ผมก้มหน้าลง

      “แล้วทำไมอ่ะพี่” ผมถามแบบแอบเซ้งๆ

      “พี่เห็นเขาเดินเหมือนคนอกหัก น่าจะตรงไปห้องสมุด พี่ถามหาน้องคนหนึ่งเขาเป็นน้องชายของเพื่อนพี่ พี่แอบชอบอยู่นะ” พี่เขาพูดผมสะบัดหน้าไปมองใครวะ

      “แต่เพื่อนน้องมันบอกมันไม่รู้จัก เรารู้จักไหม เขาชื่อแอ้ เป็นน้องของแอร์นะ แอร์ฝากให้ดูให้หน่อย” พี่ภาณุพูดผม

      “แต่...พีได้ยินเด็กกลุ่มหนึ่งมันโทรศัพท์หาใครสักคน มันบอกว่ามันเจอเพื่อนเราในโรงเรียนและให้ใครสักคนส่งคนมาจับตัวอะไรแบบนี้แหละ หรือมันอาจจะแกล้งอำก็ไม่รู้นะ ระวังตัวหน่อยบอกเพื่อนเราด้วย”

      “ไอ้นี้มันมีดีมันคงไม่เป็นหรอกพี่ และผมคิดว่าเด็กๆมันคงอำกันนะพี่ อยู่ดีดีใครจะมาลักพาตัวกันซุ่มซี่ซุ่มห้า ” ผมพูดและก็แอบขำเล็กน้อย ผมลุกขึ้น ผมก็จะว่าจะไปห้องสมุดอยูไปหาหนังสือเกี่ยวกับกับกีฬาว่ายน้ำอ่านดีกว่า

      “เออ ...ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราชื่อ”

      “แจ็คพี่”

      “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ภาณุ” ผมพูดและพี่เขาก็โบกมือให้ผม เหมือนจะออกไปซื้อของ แต่ผมจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ดีขึ้นไหม ไม่รู้แต่แอบคิดเรื่องไอ้หลุยส์ พี่เขาพูดจริงหรืออำผมกันแน่นะ ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็หยิบมือถือมาและกดโทรหาไอ้ดิว

      “ดิว”

      “แจ็คอยู่ไหนวะ ตอนนี้พวกกรูกำลังไปห้องโสตทัศนศึกษาวะ” ไอ้ดิวพูด ผมเหลือบมองนาฬิกา นี้ผมว่ายน้ำและคุยกับพี่เขาจนเกือบชั่วโมงครึ้งเลยเหรอ

      “ไปเลยกูไม่ไปวะ ว่าจะไปหาที่สงบคงห้องสมุดวะ”

      “เออ ไปแล้วถ้าเจอไอ้หลุยส์อย่าไปตีมันละกัน ห้องสมุดเขางดใช่เสียง หัดมีมารยาทด้วย” ไอ้ดิวพูด สังสอนกูอีก

      “มันไม่ได้อยู่กับบอยเหรอวะ”

      “มันเหมือนมึงอ่ะ อยู่ๆก็ไม่มากินข้าว หายไปเลย บอยโทรหามันบอกขออยู่คนเดียว อะไรของมันก็ไม่รู้ มรึงอีกคน  “ ไอ้ดิวพูด

      “มันงอนอะไรบอยเหรอวะ”

      “ก็คงงอนแต่เรื่องอะไรกูไม่รู้วะ ไปถามมันเอา แค่นี้นะกูจะเข้าห้องเรียนแล้ว”

      “เออ แค่นี้ “ ผมกดวางสาย แล้วไอ้นั้นเป็นอะไรของมันอีก ผมเดินไปตรามป้ายบอกทางจนถึงห้องสมุด

      “พี่แจ็ค” มีคนเรียกผม ไอ้ป๊อดนั้นเอง

      “ผมพยายามตามหาพวกพี่อยู่” ไอ้ป๊อด มันวิ่งมาหาผม

      “จะมาถามว่าจะกินอะไรหรือไง” ผมถามป๊อดกลับ

      “ใช่แล้วครับพี่ ...เฮ้ย ไม่ใช่ครับพี่ “

      “แล้ว”  ผมถามมันกลับ ยิ่งกำลังนอยด์อยู่จะมาขวางผมทำไม

      “พี่ผมเห็นเพื่อนพี่อ่ะ ที่ตีกับพี่ในห้องอาหารเมื่อวานอ่ะ” ไอ้ป๊อดมันพูด มันช่างความจำดีแต่มันจำแต่เรื่องแย่ๆ นะไอ้นี้ ผมหันมายืนมองหน้ามัน ผมหันเตรียมเดินออก เสียเวลาผม

      “พี่แจ็คอย่าพึ่งซิพี่ เรื่องนี้สำคัญมากนะพี่ถ้าพี่ไม่ฟังผม มันอาจจะสายไปและพี่อาจจะเสียใจไปตลอดเลยนะพี่นะ” ไอ้ป๊อดมันดึงแขนผมไว้ ผมก็หันมามองหน้ามัน คิดในใจถ้าไม่สำคัญจริงนี้ผมแตะมันระบายแทนเลยนะ

      “เอ้าว่ามา กูนอยด์คนอยู่ไอ้ป๊อด” ผมบอกมัน

      “ คือว่า....มีคนมาพาตัวพี่เขาออกไปครับพี่แจ็ค ผมว่าพี่เขาจะไม่ปลอดภัยนะพี่ เพราะคนที่พาตัวพี่เขาไปนะ เป็นพวกค้ายาเลยนะพี่ “ไอ้ป๊อดพูด ผมก็เลิกคิ้วมอง

      “ผมไม่ได้โกหกนะพี่และผมเห็นว่าเขาอยู่บ้านเดียวกับพี่เขาก็น่าจะสำคัญกับพวกพี่เช่นกัน “ไอ้ป๊อดพูด ผมก็พ่นลมหายใจออกมา ถึงมันจะกวนตรีนแต่นี้ก็น่ะผมควรแยกแยะ
      
      “แล้วมันไปทางไหนวะ” ผมถามไอ้ป๊อด แต่จะว่าไปมันก็เหมือนจะตรงกับที่พี่ภาณุบอกผมอยู่น่ะ นี้คงไม่ใช่มุขเล่นตลกแน่ๆ

      “ไปทางหน้าประตูอ่ะพี่ พี่รีบไปนะ เพราะว่าถ้าเขาเอาตัวพี่เขาไปได้นะ พี่จะหาเขาไม่เจอนะทีนี้”  ผมหยิบมือถือขึ้นมา อ้าว แบดหมดซะงั้น เปิดเพลงทิ้งไว้ แบทเลยหมด ทำไงดีละ

      “เออ ขอบใจวะ ไอ้ป๊อด  แต่มึงช่วยวิ่งไปบอกไอ้ดิวนะ มันอยู่ห้องโสติให้มันตามพี่มาด่วน  “ ผมคงต้องวิ่งไปก่อนถ้ามัวแต่ตามหาไอ้ดิวไอ้หน้าตี๋คงโดนซิวและหายไปเลยอย่างที่ไอ้ป๊อดมันว่า

      “โสด..สนิทไหมพี่”  ไอ้ป๊อดมันยังมีหน้ากวนผมอีกนะ หน้าซิวหน้าขวานขนาดนี้

      “เท้ากูนี้แหละที่แนบหน้ามึงสนิทเลย... รีบไป” เมื่อไอ้ป๊อดได้ยินเช่นนั้นมันออกวิ่งเพื่อไปหาไอ้ดิว และผมก็รีบวิ่งไปด้านหน้าโรงเรียนเลย ต่อให้มันเป็นศัตรูหัวใจผมแค่ไหนแต่ผมจะเห็นมันถูกทำร้ายไม่ได้หรอก ไอ้ตี๋เอ๋ย มรึงนิหาเรื่องชัดๆ แทนที่มรึงจะอยู่ติดกับพวกไอ้ดิวไว้ ไอ้หน้าตี๋ ไอ้ตาชั้นเดียว ผมด่ามันไปด้วยวิ่งไปด้วย

      “น้องๆ เห็น เออ เห็น” ผมกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งไว้ดูน่าจะนั่งแถวนี้นานแล้ว น้องเขาเหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่

      “เห็นเพื่อนพี่ไหม “

      “หน้าตาอาตี๋ๆ ตาชั้นเดียว” ผมอธิบาย

      “โห้ยพี่ ตาชั้นเดียวโรงเรียนนี้มีตั้งหลายคน” เออจริงด้วยแต่ผมไม่รูว่าจุดเด่นมันคืออะไรเครื่องแบบก็เหมือนๆกันไปหมด และที่สำคัญผมไม่ได้สังเกตุอะไรมันเลยเพราะว่าผมทำเป็นไม่อยากสนใจมัน 

      “นี้พี่เป็นนักเรียนใหม่ใช่ไหมคะ” มีน้องนักเรียนหญิงคนหนึ่งทักผมขึ้น

      “ใช่ครับ เห็นเพื่อนพี่ไหมครับ มีคนบอกว่ามีคนนอกมาพาเพื่อนพี่ออกไป” ผมพูดดูน้องๆทำหน้าคิดกัน

      “ใช่กลุ่มที่เพิ่งจะเดินผ่านไปหรือเปล่าวะ มีพี่คนทีเดินตรงกลางอ่ะ ที่แกบอกหล่อโคตร ทำไมมาเดินกะไอ้พวกที่หน้าเหมือนโจรอ่ะ” น้องเขาหันไปคุยกันแต่ผมรีบแอบฟัง

      “อุ้ย! คือพี่รีบนะครับน้องรบกวนบอกพี่เร็วๆหน่อยครับ” ผมเห็นน้องๆหันมามองผมแบบว่าผมอาจจะเสียมารยาทไป

      “แต่งตัวดีดีน่ะพี่ หล่อๆ ตัวขาวๆ มีนาฬิกาของแอปเปิ้ล รุ่นเดียวกับพี่เลยแต่สีดำของพี่มันสีขาว” น้องเขาพูด ใช่ผมเห็นอยู่แต่ด้วยความหมั้นไส้มันผมเลยไม่ได้ทักมัน

      “ใช่เลยน้อง มันไปทางไหน” ผมคิดว่าไอ้หลุยส์แน่ๆ

      “ไปทางโน้นค่ะ” “ไปทางโน้นครับ”

      “ขอบใจมาก” ผมออกวิ่งทันทีอย่างไม่รอช้า ผมหวังว่าไอ้ดิวจะตามผมมาเร็วๆนี้ เพราะผมคนเดียวจะเอาอยู่ได้ไง ผมวิ่งมาจนถึงประตู

      “เดี๋ยวจะไปไหนครับคุณ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนที่หน้าประตูเรียกผมไว้ ผมหยุดด้วยอาการหอบวิ่งมายาวมาก

      “เห็น ... เห็น...เห็น” ผมพูดแต่มั   นเหนื่อยอยู่

      “เห็นคุณนี่แหละจะวิ่งไปไหนครับโรงเรียนยังไม่เลิกเลย” รปภ.ถามผม

      “ลุงเห็นเพื่อน...” ผมพูดแต่ผมเหลือบไปเห็น มีกลุ่มหนึ่งเหมือนมันกำลังจะดันใครสักคนให้เข้าไปในรถ ไอ้หลุยส์แน่ๆ ผมก็วิ่งออกไปทันทีผ่านประตู

      “เฮ้ยหยุด!” ผมตะโกน พวกมันหันมามองผม ผมไอ้หน้าตี๋ รปภ วิ่งมาดึงแขนผมไว้

      “บอกว่าห้ามออกจากโรงเรียนไง เดี๋ยวเรียกครูฝ่ายปกครองเลย”

      “เรียกเลย และลุงดูนั้น เพื่อนผมกำลังถูกลักพาตัว ลุงนะเดี๋ยวก็ได้หางานใหม่หรอก” ผมหันไปตะโกนบอกลุงเขา

      “นั้นเขารับไปเยี่ยมพ่อป่วยหนัก”

      “โอ๊ย! นั้นมันเพื่อนผม และพ่อมันไม่ได้ป่วย หรือจะให้ลูกเจ้าของโรงเรียนโทรบอกพ่อมันลุง ปล่อยแขนผม ผมจะไปช่วยเพื่อน” ผมพูดและสะบัดแขน

      “ถ้าจะให้ดีโทรแจ้งตำรวจ” ผมบอกลุงเขาและสะบัดมือให้หลุดและวิ่งตามไปทันที

      “กูบอกให้หยุด มึงพาเพื่อนกูไปไหน” ผมพูดมองคนที่จับแขนไอ้หลุยส์มันก็มองผมแบบไม่อยากเชื่อสายตา ผมเห็นว่ามีมีดจ่อไอ้หลุยส์อยู่นะ

      “มึงเป็นใคร มึงมาเสือกอะไรด้วย” ไอ้คนที่ยืนอยู่มันกอดอกมองผม และแขวางมีดไปด้วย ผมก็กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ

      “มึงไม่มีสิทธิ์จะมาพาเพื่อนกูไป ปล่อยเพี่อนกูคืนมา” ผมพูด

      “ถ้าอย่างนั้น พวกกูคงต้องกระทีบมึงก่อนใช่ไหมวะถึงจะได้ไป” ไอ้คนที่พูดมันก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาผม ผมก็ตั้งท่า เอาวะสู้ผมคิดในใจ

      “โอ๊ย...เชี้ยะเอ๊ย มันสาดดินใส่หน้ากู” ผมได้ยิน ไอ้คนที่ยืนเอามีดจ่อบังคับไอ้หลุยส์มันร้องเพราะว่าไอ้หลุยส์มันสาดขี้ดินใส่หน้าไอ้คนที่ล๊อกแขนมันไว้และมันก็วิ่งถอยออกไป ผมก็พอจะเป็นวิชาป้องกันตัวมาบ้างก็เต๊ะ ไอ้คนที่ย่างเท้าเข้ามาหาผม ผมเลือกเต๊ะให้มีดมันกระเด็นไปก่อน  ไอ้หลุยส์มันเดินปรี่เข้ามาหาผมสีหน้ามันตกใจและแปลกใจ

      “มึงรู้ได้ไงว่ากู....”ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม ผมสองคนมองสี่คนที่กำลังจะเข้ามาล้อมผมสองคน

      “เรื่องยาววะ แต่กูรู้แล้วกัน” ผมหันไปบอกมัน

      “เอาไงดีวะ “ ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม

      “ป้องกันตัวไว้ก่อนแล้วกัน กูบอกรปภ.ว่าให้โทรเรียกตำรวจ และไอ้ดิวคงลงมาเร็วๆนี้” ผมกระซอบบอกไอ้หลุยส์

      “เอาแม่งไปทั้งสองคนเลยแล้วกันดูท่าไอ้นี้ก็มีตังวะ”ผมได้ยิน เพราะว่ามันมองโทรศัพท์มือถือรุ่นไหมที่ยังไม่ลงวางตลอดมากหนัก

      “ผลัก “ มันตรงเข้ามาผมก็ปล่อยหมัดตะบันหน้ามันไป

      “ผลัวะ”ไอ้หลุยส์ก็แจกตีนถีบอีกคนออกไป แต่จัวหวะนั้นอีกคนก็ต่อยเข้าที่ใบหน้าไอ้หลุยส์ ผมก็วิ่งไปดูมัน

      “เฮ๊ย!” ผมเรียกไอ้หลุยส์ และอีกสองคนกำลังเข้าใส่ ผมก็ลุกขึ้นและต่อยมันไปแต่ก็โดนต่อยกลับมาลงไปกองเหมือนกัน

      “ซ่าหนัก งั้นกูจัดให้ เกิดมาดีดีไม่ชอบชอบผิดเพศไปเกิดใหม่” ไอ้คนที่ผมเตะมันจนมีดกระเด็นไปมันก็ลุกไปคว้ามีดมาใหม่ และมันก็ทำท่าวิ่งตรงเข้ามาแท่งผมแต่

      “ผลัก” เสียงบางสิ่งกระทบร่างไอ้คนนั้น และร่างนั้นก็ลอยกระเด็นลอยไปเหมือนในหนังไม่มีผิดเพี้ยน

      “ผลัก ผลัวะๆ “ เสียงหมัดกระทบใครสักคนแบบรัวๆ “เฮ๊ยย!” ผมสองคนที่กอดกันกลมหลับตาปรี่อยู่ คิดว่าได้ไปเกิดใหม่แล้วจริงๆ  พอสิ้นเสียงผมกับไอ้หลุยส์ที่กอดกันอยู่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ ไอ้พระเอกประจำกองของผมไอ้ดิวครับ มันกระโดดถีบอีกคนกระเด็นไปเลยและอีกคนที่มันต่อยถึงกับหมอบลุกไม่ขึ้นเลย อีกสองคนที่ยืนมองเพื่อนหมอบไปหนึ่ง คืบคลานอีกคนด้วยท่าทีที่ตกใจไม่เคยเห็นละซิ 

      “หมับ “ ไอ้ดิวมันยืนมือมาดึงผมสองคนให้ลุกขึ้นคราวนี้มี4คนแล้ว พวกมันเหลือสามคนเพราะอีกคนสลบค่าที่

      “เป็นอะไรกันไหมว่ะ”ไอ้ดิวมันถามผม ผมส่ายหัวมีแค่โดนกำปันไปคนละมันไม่เท่าไหร่ ส่วนพวกมันหันมองหน้ากันเหมือนจะเอายังไง ไอ้ดิวก็เตรียมพร้อมลุยบีบหมัดดังกร๊อปแกร็ป  นั้นก็แปลว่าดิวมันพร้อมรบ ไอ้คนที่ยืนคู่กันมันหันไปมองหน้ากัน ตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเข้ามาก่อนดี

      “เข้ามาทั้งคู่และกูพร้อม!!”ไอ้ดิวมันเรียกแต่มันก็ยังคงมองหน้ากันและทำท่าจะถอยดีไหม

      “ผลัวะ ...ฟิ้ว...ตุ๊บ!”

      “เฮ๊ยย!” เล่นเอาผมไอ้หลุยส์และไอ้ดิวร้องเสียงหลงเพราะว่าไอ้คนที่สลบด้วยหมัดไอ้ดิวนะ มันดันฟื้นและหยิบมีดปรีจะเข้ามาแท่งไอ้ดิวแต่มันไม่ผ่านเท้าไอ้แอ้ มันเลยกระเด็นไปและสลบอีกรอบครับ รอบหนี้คงยาว ไอ้แอ้เตะหลังสไตล์คาราเต้

      “ชิบหายแล้ว!”ไอ้ดิวมันร้องเสียงหลง และมันก็มองหน้าแอ้ที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ก่อนจะเดินไปหยุดร่างที่นอนสลบเหมือดและมันก็ทำนิ้วเช็คชีพจน

      “ดูท่ายืนดิเท่ขนาดนี่มันไปอยู่สายโอเมก้าได้ไงว่ะ” ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผมมันหมายถึงไอ้แอ้

      “แค่สลบว่ะ” ไอ้ดิวมันเงยหน้าบอกพวกผม และหันไปมองที่ยืนกอดกันกลมว่าเอายังไง ขาสั่นด้วย

      “หยุดนะ คุณตำรวจทางนี้เลยครับ” ผมได้ยินเสียงครูพัฒน์นั้นเอง

      “เพ่นดิวะ ฝากไว้ก่อนนะมึง!”

      “มึงยังจะกลับมาให้พวกกูกระทืบมึงเหรอ ไอ้เชี้ย!!” ไอ้ดิวมีนด่าตามหลังพวกนั้นมันก็รีบวิ่งขึ้นรถและไม่ลืมที่จะลากเพื่อนมันไปด้วย ครูพัฒน์ก็วิ่งตรงเข้ามาหาพวกผม แต่พวกผมยังไม่เห็นมีตำรวจสักนายนะตอนนี้

      “พวกเธอเป็นอะไรกันหรือเปล่า “ ครูพัฒน์ถามพวกผม

      “ไม่ครับ” ผมพูด

      “พวกนี้เข้ามาได้ยังไง สงสัยพี่ต้องแจ้งให้ประชุมครูกัน เรื่องแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีกและไงหลุยส์พวกนั้นเข้าไปหาเราได้ยังไง” ครูพัฒน์ถามผมหันไปมองหน้ามัน

      “ผมนั่งอยู่ในห้องสมุดนะครับ ก็มีเด็กนักเรียนรุ่นน้องเข้าไปเรียกผม บอกว่ามีเพื่อนมาหา ตอนแรกผมคิดว่าบอย ผมเลยเดินออกมาและไอ้พวกนี้มันก็ประกบผมและเอามีดจี๋ผมออกมาครับ “ ไอ้หลุยส์พูด

      “เอาละไปกลับไปขึ้นห้องเรียน อ้อดูท่าเราจะเจ็บนะหลุยส์และแจ็คด้วย ไปทำแผลกันก่อนที่ห้องพยาบาลนะ” ครูพัฒน์พูดและเดินกลับไปที่ลุงรปภ.คงไปต่อว่าอะไรลุงแก

      “ไปว่ะ ทุกคนเป็นห่วง” ไอ้ดิวพูด ผมก็เดินกลับเข้าโรงเรียน

      “หมับ” มีคนจับแขนผมไว้ ไอ้หลุยส์นั้นเอง

      “ขอบใจวะ “

      “เออ..ไม่เป็นไร ...ยังไงมึงก็...มาอยู่บ้านกู มึงก็น่าจะเป็นคนสำคัญและก็เป็นเพื่อนพวกกูเหมือนกัน “ ผมพูด

      “ถึงมึงจะกวนตีนกูเอาไว้เยอะก็เถอะแต่กูก็ทนให้ใครมาทำร้ายมึงไม่ได้วะ” ผมบอกมัน ดูมันทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้

      “เฮ๊ยย นี้มึงดีใจหรือมึงเสียใจเนี๊ยะ” ผมถามไอ้หน้าตี๋

      “กูเป็นเพื่อนพวกมึงแล้วเหรอวะ” ไอ้หลุยส์

      “เออมั้ง” ผมพูดและพยักหน้า และผมกำลังจะเดินหันหลัง มันก็ยังจับแขนผมไว้ ผมหันมามองไอ้นีจะทำให้ผมขนลุกก็ตอนนี้แหละ

      “บอยเขารักมึงมากวะ แต่ที่เขาพยายามไม่คุยกับมึงเพราะเขาอยากให้กูอยู่” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมก็มองหน้ามัน

      “คือกูยื่นข้อเสนอว่าถ้าอยากให้กูอยู่เขาต้องอยู่ห่างมึงอ่ะ เพราะกูบอกที่กูจะไม่อยู่เพราะกูทนเห็น”

      “มึงกับเขารักกันไม่ได้วะ” ไอ้หลุยส์มันพูด

      “และที่บอยทำก็เพื่อพวกมึงวะ ถ้ากูไม่อยู่พวกมึงจะเดือดร้อนและบอยคงห่วงมึงที่สุดวะ”ไอ้หลุยส์พูด ผมอึ้งเลยดีน่ะที่ไม่ได้หลุดปากขอเลิกไปซะก่อนเพราะว่าที่ผมเป็นคนที่อดทนไม่พอ

      “มึงอย่าไปโกรธบอยเลยวะ กูเอง” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมาและตบบ่ามัน

      “ใจวะ...ฟ๊อด!” ผมพูดและหอมที่หน้าผากมันอย่างแรงเสียงดัง

      “หยี้”มันดันผมออกและเอามือปาดหน้าผากมันไปมา ไม่ใช่แค่ไอ้หลุยส์นะไอ้ดิวยังทำท่าขนลุกอีก

      “What the f**k are you doing? It’s disgusting! ” ไอ้หลุยส์มันสะบดออกมาดังๆ

      “ให้รางวัลไงและกูต้องไปหาเมียกูก่อนวะ”ผมพูดและผมก็ไม่รอช้า ผมต้องไปขอโทษเขา ขอโทษที่ผมพูดกับเขาตอนเที่ยง ขอโทษที่แจ็คไม่รู้จักอดทนให้มากพอ
           
      “แจ็ค หลุยส์ “ บอยวิ่งลงมา ผมก็ยืนมองบอย

      “แจ็ค” ....  “บอย” ผมเรียกชื่อพร้อมกัน ผมวิ่งเข้าไปหาบอยก่อนเลยและผมก็กอดเขาไว้

      “แจ็คขอโทษบอย แจ็คขอโทษที่แจ็คพูดกับบอยไม่ดี..เมื่อตอนบ่าย” ผมพล้ำแต่บอกขอโทษ

      “เป็นอะไรไหม บอยได้ยินว่าพวกมันมีมีด”  บอยดันผมออกและมองหน้ราผม

      “ไม่เป็นไรครับ” ผมบอกบอย
 
      “แล้ว” บอยถามหลุยส์ ที่เดินเข้ามาพร้อมไอ้ดิว

      “ไม่เป็นครับ ไอ้ไอ้แจ็คมันช่วยไว้ ดีทีมันมาทันไม่งั้น..ก็ไม่รู้อาจจะไม่ได้เจอบอยอีก” หลุยส์พูด

      “จริงอะ” บอยทำเสียงไม่เชื่อผมอีก ผมก็หันไปเหล่มองหลุยส์

      “ทำไมชอบทำเสียงแปลกใจอยู่เรื่อยเลย ...จริงครับ “ ผมพูดแต่มันทำให้คนตรงหน้าผมยิ้มปริ่ม

      “พากันไปทำแผลและกลับขึ้นห้องเลยนะ อย่าพยายามออกไปไหนกันนะ เดี๋ยวครูจะเรียกประชุมครูและรปภ.เพื่อนหาทางป้องกัน” ครูพัฒน์บอกพวกผม พวกผมก็พยักหน้าและพากันไปห้องพยาบาล

      “แจ็คเป็นไงมั้งวะ “ ไอ้ติ๊กมันเดินลงมากับพาย

      “ไม่เป็นไรแล้ว”

      “แล้วไอ้หลุยส์ละ โธ่ พ่อขมองอิ่ม นี้ถ้ามึงเป็นอะไรไปกูนี้คงต้องตั้งหลักปักฐานแม่งที่นี้แน่”ไอ้ติ๊กมันพูด ไอ้หลุยส์หันมาเหล่ผม

      “เออกูไม่เป็นไร” ไอ้หลุยส์มันตอบไอ้ติ๊ก

      ผมพากันไปทำแผลที่ห้องพยาบาลทำแผล จะว่าไปเจ็บตัวนิดหน่อยแต่เหมือนจะได้เพื่อนเพิ่มมาก็ถือว่าคุ้มนะสำหรับผม ผมกลับไปเข้าห้องเรียน บอยก็กลับมานั่งกับผม ดูเหมือนว่าพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ไอ้ติ๊กและพายและต้นข้าวกับบลูจะคุยกับไอ้หลุยส์ได้มากขึ้น เพราะว่ามันไม่นั่งเก็กตลอดเวลาแล้วนิ จนถึงเวลากลับบ้านพวกผมก็รีบเดินลงเพื่อไปนั่งรถกลับบ้าน ถามว่าเหตุการณ์เมื่อบ่ายก็ทำให้พวกผมเริ่มกลัวๆมากขึ้น เหมือนเป็นบ้านป่าเมืองเถือนเลยจริงๆ

      “นี้ไงพี่คนนั้นนะ ต่อยจนสลบเลยอ่ะแก เท่อ่ะ”
      
      “แต่พวกเขาเป็นเกย์นะ”

      “เป็นหรือไม่เป็นไม่รู้ ใครสน” ผมได้ยินสาวเอ่ยชมไอ้ดิวกันใหญ่เลย ไม่ใช่แค่สาวๆนะ พวกผู้ชายก็มองไอ้ดิวแบบคงกลัวหมัดมันแน่ๆ ผมออกขึ้นรถกันที่ด้านหน้า ครูพัฒน์คงแจ้งพี่คนขับให้ขับเข้ามารับผมได้ด้านใน

      “หลุยส์ ขึ้นรถคันเดียวกันดิวะ”ผมหันไปเรียกไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า คันที่ผมนั่งก็จะมีผม บอยและไอ้หลุยส์ อีกคันก็จะมีดิว แอ้และพาย ไอ้ต้นข้าวและบลูมันแยกกันก่อนเพราะมันคงไปทางลับและออกไปหาไอศครีมทานกันก่อน ผมนั่งคุยกับบอยก็วันนี้ไม่ได้คุยกันเลยทั้งวัน ส่วนไอ้หลุยส์มันยุ่งกับมือถือของมันจนกระทั้งถึงบ้าน



หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) แจ้คXบอย เพื่อนพวกกูแล้วและบอยVSแจ็คNC18+กันเบาๆ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-10-2020 14:44:33

ต่อจากหลุยส์มึงเพื่อนพวกกูแล้วและบอยVSแจ็คNC18+กันเบาๆ

 

“หลุยส์ ขึ้นรถคันเดียวกันดิวะ”

แจ็คผมหันไปเรียกไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า คันที่ผมนั่งก็จะมีผม บอยและไอ้หลุยส์ อีกคันก็จะมีดิว แอ้และพาย ไอ้ต้นข้าวและบลูมันแยกกันก่อนเพราะมันคงไปทางลับและออกไปหาไอศครีมทานกันก่อน ผมนั่งคุยกับบอยก็วันนี้ไม่ได้คุยกันเลยทั้งวัน ส่วนไอ้หลุยส์มันยุ่งกับมือถือของมันจนกระทั้งถึงบ้าน

 

 

“บอยขอไปโทรหาพ่อก่อนนะ เข้าไปแจ็คกับหลุยส์คุยกันก่อน” บอยบอกผมกับหลุยส์ ผมพยักหน้า ผมเดินเข้ามาแต่ไม่เห็นพวกไอ้ดิว

 

 

“ส่งสัยไอ้ดิวเข้าไปยิมนะ ไอ้นี้มันบ้าพลัง” ผมพูดขำๆ

 

 

“เบียร์สักขวดไหมวะ” ผมถามไอ้หลุยส์ มันหยักไหล่ ผมเดินเข้าไปในครัวก็หยิบขวดเบียร์ที่แช่อยู่เปิดและเดินออกมา ผมนั่งลงที่โซฟาข้างๆ ไอ้หลุยส์พร้อมกับส่งขวดเบียร์ให้

 

 

“ใจวะ” ไอ้หลุยส์พูด

 

 

“กูเคยเจอมึงมาก่อนไหมวะหลุยส์” ผมถามไอ้หลุยส์

 

 

“เคยดิ แต่กูยังไม่เจอบอย เจอแต่พวกมรึงวะตอนนั้น กูไปธุรกับพ่อและพ่อก็พากูกับแม่ไปพักร้อนกันด้วย “ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้า

 

 

“ตอนนั้นกูมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง เธอสวยมาก ในตาสีฟ้า เธอเป็นคนสวยที่สุดและกำลังจะเป็นดาราเด็ก” ไอ้หลุยส์พูดก่อนจะกระดกเบียร์เย็นลงคอไป

 

 

“บอยบอกกูว่ามึงเจอเรื่องสะเทือนใจมาวะ “ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมก่อนจะวางขวดเบียร์ลง

 

 

“ใช่เหตุมันเกิดหลังจากที่พ่อแม่และกูกลับไป เหตุการณ์วันนั้นกูจำได้ไม่มีวันลืม” ไอ้หลุยส์พูดด้วยน้ำเสียงที่ผมรู้สึกได้ว่ามันคงฝังลึกและนี้คงสะเทือนใจมันมากๆ

 

 

“มีคนบุกมาที่บ้าน มันกราดยิ่งทุกคนคนใช้ ในบ้านทุกคนทั้งหมดห้าสิบชีวิตต้องมาตายและในตอนนั้น พ่อเอากูเข้าไปแอบในห้องหนึ่งและท่านก็วิ่งออก และไม่กลับมา กูอยู่ในห้องนั้นด้วยความหวาดกลัว จนกระทั้งที่คนเข้ามาเปิด กูคิดว่าพวกที่มาและกรูคงตายแต่ไม่ใช่ เขาเป็นคนที่สวมเครื่องแบบทหารและเขาคือคนที่พากรูออกไปอยู่ที่ปลอดภัย งานศพพ่อแม่กรูยังไปไม่ได้เลย” ไอ้หลุยส์พูดผมนี้วางขวดลงทันที

 

 

“กูเสียใจด้วยจริงๆ วะ”

 

 

“พ่อกูจากไปแต่ทิ้งไว้ซึ้งมรดกและความรู้ต่างๆ มากมาย” ไอ้หลุยส์พูด

 

 

“พ่อกูคือคนที่คิดค้นผลิตขีปณาวุธต่างๆ และกรูก็จะดำเนินการต่อเหมือนพ่อกูว่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมถึงบ้างอ้อเลยว่าทำไมมันคือคนสำคัญเช่นกัน

 

 

“พวกมึงละทำไมมาอยู่ที่นี้ว่ะ นี้กูเรียนมหาวิทยาลัยแบบออนไลน์ไปแล้วแต่กรูรู้ว่าบอยจะมากรูเลยตาม” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็หันไปมองหน้ามัน

 

 

“พวกกูนะซ่ากันมากไง ส่วนกูน่ะหนักหน่อยตั้งแต่บอยหายไปกูเกเร กูรู้ตัว”

 

 

“3 ปีนี้กูเกเรมากจริงๆ” ผมบอกไอ้หลุยส์

 

 

“และพวกกูก็ถูกส่งมที่โรงเรียนนี้ เพื่อแกไข กูยังไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไง ที่จะทำให้โรงเรียนนี้กลับมามีนักเรียนเยอะขึ้นและพวกกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น จับต้นชนปลายไม่ถูกวะ” ผมหันมาพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็พยักหน้า

 

 

“ยิ่งในห้องเรียนนะ มึงไม่เจอแม่งไม่มีมิตรภาพเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้พวกมันไม่มาไปไหนกันก็ไม่รู้วะ”

 

 

“แต่กูก็คิดว่ากุญแจที่จะช่วยไข คือพวกมันว่ะ “ผมพูดกับไอ้หลุยส์มันก็มองหน้าผม

 

 

“แต่พวกมันไม่เอาพวกกูเลยวะ ชื่อพวกกูยังไม่รู้จักแม่งเลย” ผมบอกไอ้หลุยส์

 

 

“เอานะ...กู ..จะช่วยพวกมึงเองว่ะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม

 

 

“อ้าวมึงไม่กลับแล้วเหรอว่ะ “ผมพูดไอ้หลุยส์มันมองหน้าผม

 

 

“เฮ้ย! กูไม่ได้ไล่ กูคิดว่ามึงอยากกลับไปใช่ชีวิตที่ดีกว่านี้วะ เพราะดูดิ แค่มึงมาวันแรกมึงก็เสี่ยงแล้วไอ้หลุยส์” ผมบอกมัน

 

 

“กูตัดสินใจมาแล้ววะแจ็ค กูเอาด้วยว่ะ เพราะกูคิดวากูอาจจะได้อะไรดีดีกลับไปวะ แต่ที่แน่ๆ กูได้มรึงเป็นเพื่อกูแล้วว่ะ” ไอ้หลุยส์มันหันมาบอกผม ผมก็ยิ้มเท่ๆ ให้มันและมันก็หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาและผมก็ชนกัน

 

 

“แด่มิตรภาพวะ   มึงและกู” ไอ้หลุยส์

 

 

“หลุยส์ แจ็ค “บอยเดินเข้ามาพอดีเลย

 

 

“โทษทีนะ นานไปหน่อย พอพ่อวางสายเพื่อนบอยก็โทรมาพอดีเลย” บอยพูด ผมสะบัดหน้าไปมองมีเพื่อนอีกเหรอ

 

 

“ใครอ่ะบอย “ผมถามบอยอย่างไว

 

 

“เพื่อนนะ “บอยบอกผม ไอ้หลุยส์มันหันมาเหล่ผม

 

 

“ถ้าอย่างนั้นกูขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนวะ” ผมหันไปบอกไอ้หลุยส์ ผมเห็นมันกางโน๊ตบุคเครื่องบางของมันแสดงว่ามามันอาจจะต้องการเวลาที่เป็นส่วนตัว

 

 

“บอยจะนอนห้องเดียวกับไอ้แจ็คมันก็ได้นะ หลุยส์นอนอีกห้องเองและหลุยส์จะไม่บอกอาณะ “หลุยส์มันบอกผมกับบอย

 

 

“เออ “บอยทำท่าคิดและหันมามองหน้าผมก่อน

 

 

“ขอบใจนะหลุยส์” บอยพูดและผมก็ยื่นมือไปแทคทีมแตะมือกับมันเป็นการขอบใจแทน

 

 

“กูขอดูหุ้นกูก่อนวะ เดี๋ยวขึ้นห้องว่ะ “ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันมามองบอย ผมพยักหน้าและผมก็ดึงแขนบอยว่าให้ขึ้นห้องกัน ผมกับบอยเดินไปที่ห้องนอน พอเข้ามาในห้องผมก็มองบอย

 

 

“เพื่อนคนไหนอ่ะบอย จะมาแบบไอ้หลุยส์อีกมันอ่ะ” ผมถามบอย

 

 

“แจ็ค นี้แจ็คไม่เชื่อใจบอยเลยหรือไง คนนี้นะเพื่อนสนิทบอย ที่จริงก็เจอกันบ่อยตอนเด็กๆ พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจอันดับต้นๆ เหมือนกับพ่อของบอยและพ่อแจ็คนันแหละ

 

 

“แจ็ค” บอยเรียกผม

 

 

“เขาคือใครอ่ะ” ผมถามบอย

 

 

“เขาจะมาเรียนกับบอยเช่นกัน”

 

 

“ฮะ! จะมา'แบบไอ้หลุยส์อีกไหมอะบอย”

 

 

“ไม่ใช่แน่นอน ..แจ็คนี่” บอยพูดและส่งรูปในมือถือให้ผมดู ผมก็ดู น่ารักโคตรๆ เลย

 

 

“มีแฟนยัง” ผมถามบอยทันที

 

 

“ทำไมละจะจีบเหรอ” บอยถามผมยิ้มๆ

 

 

“ไม่...มีคนเดียวและเป็นคนเดียวตลอดไป แต่จะให้ไอ้หลุยส์มันเพื่อว่ามันจะดีขึ้น” ผมพูด บอยมองหน้าผมแบบมีเลศนัย

 

 

“แจ็คพูดจริง ไม่ได้หมายความว่าจะเขี่ยมันออกไปแต่เพื่อว่าคนนี้จะช่วยลบบาดแผลในใจมันได้ไงครับ” ผมบอกบอย บอยก็พยักหน้า

 

 

“ตอนนี้มันก็คือเพื่อนแจ็คคนหนึ่งแล้วบอย และแจ็คก็ทำตามที่บอยบอกนะว่าให้ลองเปิดใจให้มันไง และถ้ามันมีรักอีกครั้งชีวิตมันจะมีสีสันขึ้นนะ แจ็คว่า” ผมบอกบอย บอยพยักหน้าและกำลังจะหันหลังเดินออกแต่ผมรวบเอวบางๆ นั้นไว้

 

 

“วันนี้แจ็คทำดีอ่ะบอย...ขอรางวัลได้ไหมครับ” ผมถามบอย บอยหันมามองผมทำหน้าตกใจ

 

 

“นะครับ แจ็คขอรางวัล “ผมบอกบอย บอยคงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร มันน่าจะมากกว่าการกอดและจูบแน่ๆ ผมมองบอยและเมมริมฝีปากตัวเอง สายตาผมยังจับจ้องที่บอย บอยก็พยักหน้าให้ผมเบาๆ

 

 

“แต่บอยกลัว”

 

 

“ไม่ต้องกลัวครับ แจ็คจะไม่ทำอะไรรุ่นแรง ครั้งแรกมันก็จะผิดพลาดหน่อยๆ แต่ครั้งนี้แจ็คพอ

จะมีประสบการณ์มาบ้าง ไปเรียนมาเพื่อมาใช่กับคนนี้เลยนะ” ผมพูดและผมก็ค่อยๆ ดันบอยเข้าไปอาบน้ำด้วยก่อน อาบน้ำอย่างเดียวอย่างอื่นมารอทำบนเตียง

 

 

“หมับ” ผมกอดบอยที่เหมือนจะเขินอายผม สามปีที่เราห่างกันไป รูปร่างที่เปลี่ยนไปของบอย ผมเดินมาหาคนที่นั่งมองผมอยู่ที่เตียงนอนเขาคงรู้สึกประหมามิใช่น้อย ผมก็จัดการเดินไปหยิบอุปกรณ์ที่ต้องใช่พวกเจล แต่ว่าถุงนะควรไหม ผมหันไปมองบอย บอยก็มองผม

 

 

“ใส่ถุงด้วยนะแจ็ค” บอยบอกผม ผมก็ขมวดคิ้วมองบอย

 

 

“ทำไมอ่ะไม่ไว้แจ็คเหรอ” ผมถามบอย หรือบอยคิดว่าผมไปมีอะไรกับใครหลายคนจน

 

 

“บอยไม่ได้คิดแบบนั้น ใส่ด้วยนะ มันดีกับเราทั้งคู่” บอยพูดผมพยักหน้าว่าก็ได้แม้จะแอบน้อยใจอยู่บ้าง แต่ก็ทำตามที่บอยบอก ผมเดินมาถึงก็ดันร่างบอยลงไปที่เตียง

 

 

“แจ็คจะสั่งเตียงนอนแบบคิงไซด์มาดีกว่า เราจะได้นอนกอดกันไม่ใช่สองเตียงแยกกันแบบนี้” ผมพูดบอกบอย บอยก็พยักหน้าเบาๆ ผมค่อยๆ คลานขึ้นมาค่อมร่างบอยเอาไว้ บอยสวมเสื้อคุมผมก็ใช้นิ้วมือรูดสายขาดเอวออกและเผยให้เห็นผิวที่ขาวและสวย ผมว่าสวยกว่าผู้หญิงหลายๆ คนซะอีก

 

 

“ขอแจ็คนะครับ “ผมพูดก่อนจะก้มลงพรมจูบไปทั่วแผ่นอกแบนๆ นั้น ร่างบอยก็ตอบสนองต่อลิ้นที่ผมใช้ละเลง แม้จะเคาะเขินอยู่มาก็ตาม มันยิ่งทำให้ผมกระหยิมยิ้มย่องเพราะนั้นแปลว่าบอยไม่เคยทำแบบนี้กับใครแน่นอน

 

 

“อืมม” ผมเลื่อนตัวขึ้นจูบบอยสองร่างที่กอดรัดกันบนเตียง บอยเริ่มเรียนรู้และตอบสนองผมกลับอย่างที่ผมทำให้ ผมค่อยๆ เลื่อนลงมาที่หน้าท้องเลื่อนลงมาเรื่อยๆ จน ผมก็เจอบางสิ่ง

 

 

“บอยมีรอยสักด้วยเหรอ” ผมถามบอย เพราะว่ามันอยู่ตรงท้องน้อยพอดีเลย และดูเหมือนมีรอยแผลเป็นด้วย

 

 

“บอย เออ “บอยกระดกหัวขึ้นมองผม

 

 

“นี้บอยไปโดนอะไรมา มันเหมือนแผลผ่าตัดเลยอะบอย” ผมถามบอยทันที ผมตกใจมากเช่นกัน

 

 

“อุบัติเหตุนิดหน่อยนะแจ็ค” บอยพูดและก้มหน้าม ผมก็ใช่มือลูบตรงแผลเป็นนั้นแม้ว่าจะมีรอยสักปกปิด แผลเป็นไม่ใหญ่มากแล้ว แต่ดูท่าจะผ่าตัดยาวอยู่นะ ดูจากล่องรอยที่หลงเหลืออยู่

 

 

“ไม่ทำแล้วเหรอ” บอยถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมอง

 

 

“ทำซิ นี้เร่งเหรอ เดี๋ยวจัดให้ครางไม่หยุดเชียว” ผมพูดและก้มหน้ามลงจัดการขบกัดเบาๆ ที่ตรงเนื้ออ่อน มือบอยก็กดหัวผมเอาไว้ และบอยก็เอนลงนอนราบอีกครั้ง ผมยิ่งขบและเม้มมากแค่ไหนบอยก็เด้งขึ้นลงถีแค่นั้น

 

 

“อืมม แจ็ค บอย อืมมม” บอยก็กดหัวผมให้ผมทำต่อไปจนผมรู้สึกว่าบอยน่าจะพร้อมแล้ว ผมหยุดและเลื่อนตัวเองขึ้นมาจูบบอยอย่างเร้าร้อนบอยก็จูบผมกลับ

 

 

“พร้อมยังครับ ไม่เจอกันนานมันอาจจะโตไปหน่อยนะ เมื่อสามปีทีแล้วมันเพิ่งเข้าประถมแต่ตอนนี้ไซด์เด็กมหา’ ลัย” ผมพูดและปลดผ้าคาดเอวออก เผยให้เห็นแกนกายผม บอยก็กระดกหัวมองและหนีบขาเข้าหากันทันที มันพองเต็มทีและยาวซะด้วย

 

 

“บ้านนี้คุณสมบัติเน้นยาวๆ “ผมพูดและค่อยแยกขาบอยออก

 

 

“แต่แจ็คจะทำอย่างเบาที่สุด เพราะแจ็คจะไม่ทำให้คนที่แจ็ครักมากที่สุดเจ็บครับ” ผมพูดและผมก็จูบบอยอีกครั้งอย่างดูดดื่ม ผมรับรู้ได้ว่าบอยแยกขาออกเองเพื่อรอรับสิ่งนั้นอยู่ ผมก็ค่อยๆ สอดมันเข้าไป

 

 

“โอ้ย! แจ็ค” บอยร้องออกมาทันที่ปลายกำลังแทรกเข้าไป

 

 

“โอ้ยย แจ็ค” บอยร้องออกมาดังขึ้น และใช้นิ้วจิกที่เอวของผมผมก็ค่อยๆ ดันเข้าไปอีกเรื่อยๆ ช้าๆ ไม่เร่งรีบ

 

 

“โอ้ยย! แจ็ค บอยเจ็บ”

 

 

“ไม่นานครับคนดี” ผมพูดและก้มลงหยอกเล่นกับสองจุดบนหน้าอกแบบนั้นเล่นเอาคนที่ผมหยอกเย้าเล่นแอ่นอกขึ้นลงและส่ายไปมาด้วย

 

 

“พล้วด!” ผมดันเข้ารวดเดียวเลย

 

“โอ้ยยย เจ็บบ” บอยร้องและเอาใบหน้าแหนบกับแผ่นอกของผม ผมชะลอไว้ก่อนบอยคงรู้สึกจุกอยู่ และบอยก็ใช้มือลูบเอวผมเบาๆ นั้นแปลว่าเขาพร้อมแล้วผมก็ค่อยๆ โยกขึ้นลง และมองคนที่นอนมองผม ใบหน้าเขาบ่งบอกได้ว่ากำลังเคลิ้ม ผมเองก็เคลิ้มไปด้วย สองร่างที่โยกไปมากับแยงขับเคลื่อนของผม อยู่บนเตียงที่คับแคบ

 

 

“อ้าห์ อืมมม ซี้ด บอย แจ็ค อืมม จะมาแล้ว โอ้ววว” ผมพูดและไม่นานน้ำรักของผมก็กระฉูดในถุงยางที่สวมเอาไว้ บอยก็คงถึงเช่นกัน ผมก้มลงจูบบอย

 

 

“ขอบคุณครับบอย “ผมพูดบอกคนที่อยู่เบื่องล่าง เขาก็มองผมและใช่ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าของผมไปด้วย ผมค่อยถอนแกนกายตัวเองออกและล้มตัวลงนอนข้างๆ บอย บอยคงรู้ว่าเตียงค่อนข้างแคบเขาก็พลิกมาหนุนอกผมแทนเป็นการประหยัดพื้นที่

 

 

“แจ็ค สัญญากับบอยได้ไหมว่าแจ็คจะทำให้ลุงหนึ่ง และพ่อของบอย เห็นว่าแจ็คพร้อมจะแลบอยได้” บอยพูดขอคำสัญญาจากผม ผมกระดกหัวขึ้นมองบอยก่อนลงราบกับที่นอนเหมือนเดิน

 

 

“ครับ แจ็คสัญญาบอย แจ็คจะทำให้เขาสองคนเห็นว่าแจ็ตพร้อมกว่าไอ้ดิวให้ได้” ผมพูด

 

 

“ดิวเขาไม่รู้เรื่องนี้นะแจ็ค เลิกงอนดิวได้แล้ว บอยกับดิวเราไม่ได้มีความรู้สึกที่เกินไปกว่าเพื่อนเลยนะ แจ็ค” บอยพูดกับผม

 

 

“แจ็ครู้ แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้ที่เห็นลุงๆ สนับสนุนดิวมากกว่าแจ็ค”

 

 

“แจ็ค ถ้าวันหนึ่งแจ็ครู้ว่าบอยมีบางสิ่งที่มันไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติให้มาละ แจ็คจะยังรักบอยไหม” บอยถามผม ผมก็ดันตัวเองขึ้น บอยก็เช่นกัน ผมขมวดคิ้วมองบอย

 

 

“อะไรเหรอบอย” ผมถามบอย

 

 

“คือ เออ ถ้าเราคือคนที่เขาเลือกให้ตั้งครรภ์ได้ละ” ผมมองบอยอย่างตกใจ จริงเหรอ ผู้ชายนี้นะ

 

 

“จริงอะ” ผมถามพล้วดขึ้นทันที 

 

 

“บอยล้อเล่นนะ ไม่จริง” บอยหันมาบอกผม

 

 

“ล้อเล่นแบบนี้ตกใจนะแต่ แจ็คไม่อยากนึกภาพบอยมีลูกอ่ะ แจ็คว่าไม่น่าจะเป็นไปได้มั้ง” ผมพูดและทำท่าคิด บอยก็มองหน้าผม

 

 

“ไปล้างตัวกันเถอะและจะได้มานอน วันหยุดนี้่เราจะไปไหนกันนะ” บอยเปลี่ยนเรื่องทันทีและลุกขึ้น ผมก็ลุกขึ้นเช่นกัน

 

 

“พวกเราว่าจะไปเที่ยวเดินห้างกันดีกว่า พ่อยังไม่ให้กลับบ้าน “ผมพูดและเดินไปจับมือบอยให้ลุกขึ้น บอยสวมเสื้อคุมกลับเข้าไป และเดินนำผมเข้าห้องน้ำไป แต่ผมยังแอบคิด ว่าที่บอยพูดนะผมควรจะให้พี่โจ ตามหาข้อมูลตรงนี้ให้ผมซะแล้ว ว่าบอยประสบอุบัติเหตุอะไร ผมว่าคนสำคัญอย่างบอยต้องมีคนรู้เรื่องนี้ ที่ผมต้องการรู้เพราะว่าผมเป็นห่วงบอย ผมจะได้ดูแลเขาได้

 
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) แจ็คXหลุยส์ พวกผมสนใจอยากได้พวกไอ้ภาคินมาเป็นกำลังเสริม
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-10-2020 18:22:14
   
แจ็คXหลุยส์  พวกผมสนใจอยากได้พวกไอ้ภาคินมาเป็นกำลังเสริม
         
           Part แจ็ค             ต้องขอบคุณเหตุการณ์เมื่อวานนะที่ทำให้ผมได้เพื่อนซี่ เพิ่มมาหนึ่งคน ทำไมเรียกเพื่อนซี่ได้เลยเพราะว่าพอได้เปิดใจคุยกัน ผมกับไอ้หลุยส์นี้เคมีตรงกันหลายอย่างและผมคิดว่าผมจะทำอะไรสักอย่างกับไอ้หลุยส์และมันอาจจะทำให้ใครหลายคนรวมทั้งลุงหนึ่งยอมรับในตัวผมได้ และผมก็จะแสดงให้ลุงกฤษณะ พ่อของบอยเห็นว่าผมดูแลลูกชายเขาได้

 

    ผมมาถึงโรงเรียน เป็นวันที่สามแล้วซิที่พวกผมมาเรียนกัน เวลาผ่านไปช้าแต่ก็ได้อะไรดีดีเยอะ ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ผมรู้ว่าไม่ค่อยมีคนมองพวกผมแบบสายตาแปลกๆมากหนักแต่ก็ยังมีแหละพวกต่อต้านสังคมแบบที่พวกผมเป็น แต่มันก็ไม่ได้กระทบชีวิตของพวกผม หาได้แคร์ไม่ ผมก็สวมแว่นตาเรแบนด์เดินเข้าโรงเรียน(แต่ผมหยิบมาสวมหลังจากเดินผ่านครูที่ยืนประจำหน้าประตูก่อนนะครับ ฮาๆ)   

 

   “วันนี้โรงเรียนเราเงียบๆวะ หวังว่าจะไม่มีอะไรนะมึง กรูขี้เกียจวิ่งวะ” ไอ้ติ๊กพูด

 

   “ทำไมไม่เห็นไอ้ต้นข้าวเลยวะวันนี้และไอ้บลูด้วยวะ” ไอ้แอ้มันพูดขึ้น จริงด้วย เพราะว่าทุกทีพวกผมต้องเจอพวกมันตอนที่เดินผ่านประตูโรงเรียนมาแล้วนิ  มันจะยืนรอพวกผมอยู่

 

   “มันจะเข้าไปก่อนแล้วหรือเปล่า” พายพูด

 

   “ไม่แน่วันนี้มันอาจจะเข้าไปรอเราข้างในก่อนวะ” ไอ้ดิวพูด

 

   “งันเราตรงไปทานอาหารก่อนเลยวะ “ ผมบอกทุกคน ผมพากันเดินตรงไปห้องอาหารกันทันที

 

   “ตงลงนี้มึงดีกันแล้วใช่ป่ะวะ แม่งดีกันเร็วเว้อวะ”ไอ้ติ๊กมันแซวผมกับไอ้หลุยส์

 

   “แอ้” ผมสะดุดกันหมดเพราะว่ามีคนเรียกไอ้แอ้ พวกผมหันไปพร้อมกันหมดเลยว่าใครวะ ผมก็เจอหน้าพี่คนที่เรียกชื่อไอ้แอ้ ผมก็นึกมันคุ้นๆนะ

 

   “แอ้ใครว่ะ”ไอ้ติ๊กถามไอ้แอ้ ส่วนไอ้ดิวแต่มันยืนมองทำหน้าขมึงมาก มันน่าจะรู้จักพี่เขามาก่อน

 

   “ไงแจ็ค เออ ...นี้เพื่อนนายนิ ที่เมื่อวาน” พี่ภาณุถามและชี้ไปที่ไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันก็ชี้ไปที่ตัวมันเอง

 

   “ใช่ครับพี่เกือบโดนสอย”ผมพูด ไอ้หลุยส์มันก็ทำหน้างงว่าคนนี้คือใคร

 

   “โชคดีนะที่ไม่โดนอะไร” พี่เขาพูดแต่ไม่ได้มองไอ้หลุยส์เพื่อนผมเลย ไอ้หลุยส์มันเอาไหล่มาสะกิดผม เพราะว่าพี่ภาณุเอาแต่มองแอ้

 

   “พี่เขาชื่อพีภาณุ พี่เขาเป็นคนบอกกรูว่าว่าได้ยินเด็กคนหนึ่งมันโทรบอกพวกนั้นว่ามึงอยู่ที่โรงเรียนนี้” ผมบอกกับไอ้หลุยส์มันก็ร้องอ้อและยืนมือไปขอเช็คแฮนด์ พี่ภาณุก็เช็คแฮนด์มันกลับ

 

   “ขอบคุณพี่” ไอ้หลุยส์

 

   “ไม่เป็นไรวะ” พี่ภาณุพูดแต่ตายังมองไอ้แอ้

 

   “แอ้... พี่ดีใจที่ได้เจอเรานะ แอร์นะฝากพี่ดูแล” พี่ภาณุพูด ผมก็เข้าใจมากขึ้นทันที พี่ภาณุเป็นเพื่อนกับพี่แอร์ พี่ชายไอ้แอ้มันที่หน้าตาเหมือนกันมันยังกีบแฝดแต่ว่าพี่เขาดูนิ่งเยือกเย็นยิ่งกว่าพี่บีมซะอีก

 

   “ไม่จริงมั้ง! เพราะว่าพี่แอร์ไม่เคยบอกนี้ว่าจะให้ใครดูแลแอ้มัน แต่คิดว่าพวกผมดูแลกันเองได้ ไม่ต้องลำบากพี่” ไอ้ดิว ทำให้พวกผมหันไปมองมันกันหมด

 

   “ก็...พวกเราดูแลกันและกันได้ไง” ไอ้ดิวมันแถ พวกผมก็พยักหน้าตามนั้นแล้วกัน

 

   “กูว่าไอ้ดิวนี้มันหึงไอ้แอ้วะ”ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผม

 

   “ใช่วะ กรูอยากรู้ว่ามันสองคนมีอะไรกันยังไง”ผมกระซิบกลับ

 

   “อ้าว!มึงไม่รู้เหรอวะว่ามันสองคนยังไง “ ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม ผมหันไปส่ายหัว

 

   “กูกับมันเริ่มห่างกันมาพักหนึ่งวะ ก็เพิ่งจะกลับมาเจอกันปีนี้แหละ “ผมหันไปคุยกับไอ้หลุยส์ มันทำหน้างงอีก

 

   “ ก็ไอ้ดิวมันย้ายตามลุงภาไปที่ค่ายฯทหารและไอ้แอ้มันก็ตามไอ้ดิวไปด้วยตลอดเพราะว่าพ่อไอ้แอ้เขาเป็นแฟนลุงภาเลยฝากลุงภาดูแลแอ้ช่วงนี้อาภีมไปอยู่ช่วยงานที่หน่วยอื่นวะ” ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์ ผมสองคนมองไอ้ดิวที่ดูท่าหึงแรงซะด้วย

 

   “ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะแอ้ มีอะไรถามพี่ได้นะหรือถ้าจะให้พี่ติวให้พี่ยินดีนะครับ ยังไงเราก็จะสอบเข้าจปร

เหมือนกัน” พี่ภาณุพูดผมเห็นแอ้มันยิ้ม

   “คงไม่ต้องหรอกมั้งพี่ขอบคุณ ผมว่าแอ้กับผมอ่านหนังสือเองได้ครับพี่ภาณุ” ผมก็ต้องอ้าปากค้างเพราะว่าทุกทีทีพี่ภาณุถามไอ้ดิวมันสอบแทนให้หมดเลยครับ

 

   “ดูท่าจะเป็นมากกว่าแฟนแล้วมึง” ไอ้หลุยส์มันพูด

 

   “ผัวเมียเหรอวะ”ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์ ดูหน้าพี่ถาณุที่มองแอ้กับดิวสลับไปมา

 

   “พี่ภาณุ ผมว่าจะตั้งชมรมว่ายน้ำขึ้นนะพี่ยังไงรบกวนพี่หาคนได้ไหมครับ “ผมเลยเปลี่ยนเรื่องดีกว่าพี่ภาณุหันมามองหน้าผมและพยักหน้า

 

   “ถ้าอยางนั้นพวกผมไปทานอาหารก่อนนะพี่พวกผมโคตรหิวแล้ว ไว้คุยกันพี่”ผมบอกพี่ภาณุ และพากันเดินไปห้องอาหารก่อนที่ไอ้ดิวมันจะของขึ้นมากไปกว่านี้ ไอ้ติ๊กที่ยืนนิ่งอึ้งไม่พูดจาอะไร มันแค่เดินมาแล้วจูงมือไอ้แอ้ไปจากไอ้ดิวอีก ผมว่ารักนี้วุ่นวายน่าดูนะไอ้ดิวนะ

 

   “กูรู้สึกว่าเริ่มคุสาดมากวะ “ ไอ้หลุยส์มันกระซิบกับผม เพราะว่าไอ้ดิว ไอ้แอ้ และไอ้ติ๊กดูมันสามคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน บอยก็เอาแต่พิมพ์มือถือไม่พูดไม่จากและก็ยิ้ม

 

   “บอย..คุยกับใครนะ” ผมกระซิบถามบอย

 

   “คุยกับเพื่อนไง เขาจะขึ้นไปห้องธุรการก่อนไปกรอกเอกสารเพราะว่าเพิ่งทำเรื่องย้านมาเมื่อวานเลย แต่จริงๆแล้ว ธรรณ์ก็จบพร้อมบอยแหละแต่อยากมาเจอ..” บอยพูดผมก็เลิกคิ้วมอง อยากเจอมันหมายถึงอะไร เริ่มมีเลศนัย

 

   “แจ็คไม่เอานะอย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหม”

 

   “ก็บอยอ่ะไม่บอกแจ็คให้เคลียร์นิ”

 

   “เดี๋ยวก็รู้ไม่นานหรอกนะ “ บอยพูด ผมก็พยักหน้า ผมเดินมาถึงห้องอาหารกัน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันมองอะไรสักอย่าง ผมเดินไปสะกิดมันเพื่อให้เข้าไปตักอาหารกัน

 

   “มีอะไรวะหลุยส์” ผมถามไอ้หลุยส์

 

   “กูเห็นไอ้เด็กที่กูเจอก่อนที่กูจะเดินผ่านไปห้องสมุดก่อนวันก่อนวะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม

 

   “น่าจะเป็นคนเดียวกันกับไอ้เด็กที่พี่ภาณุบอกมรึงว่ามันโทรบอกไอ้พวกนั้นอ่ะ ให้มาจับตัวกู” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมพยักหน้า ไอ้หลุยส์มันมองหน้าผมเหมือนว่าจะแอบเข้าไปดู ผมคิดว่ามันคงไปทางห้องน้ำด้านหลังนั้นแน่ๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมไอ้นี้มองหน้าผมถึงได้เดาความต้องการมันได้โดยอัติโนมัติ

 

      ผมเห็นว่าบอยกำลังคุยกับแอ้และติ๊กและก็พาย ผมสองคนก็เดินไปห้องน้ำกันไม่ได้เข้าแต่ตามคนที่ไอ้หลุยส์มันเห็น ผมเห็นว่าพวกมันหยุดที่หน้าห้องน้ำ คนที่ยืนหันหลังคุยอยู่ มันดูสูงใหญ่ที่สุด ผมว่ามันคุ้นๆ

 

   “นี้มันไอ้คนที่ชื่อภาคินวะ” ผมบอกไอ้หลุยส์ ผมสองคนแอบที่หัวมุมตึก

 

   “พวกมึงใช่ไหมที่บอกพวกไอ้นัฐนะให้มันส่งคนมาหิ้วปีกไอ้เด็กใหม่ในกลุ่มพวกนั้น” ไอ้ภาคินมันถาม ผมมองแล้วน่าจะน้องชายมันที่ชื่อภาคิไนย์ ไอ้ป๊อดมันเคยบอกผมไว้

 

   “ก็พวกนี้มันแบล๊คอัพดีทำไมพี่ไม่คบไว้อ่ะ เพื่อว่าพี่จะได้เป็นหัวหน้าแก้งและตำแหน่งนี้เหมาะสมกับมรึงที่สุดนะ” น้องไอ้ภาคินพูด

 

   “มึงก็รู้ว่าพวกนั้นมันเป็นทาสแก้งค้ายาและมันจะพาทุกคนซวยกันไปหมด แม้กระทั้งมึงเอง “

 

   “อย่าให้กูรู้ว่ามรึงทำอะไรเชี้ยะๆแบบนี้อีกนะ ไม่ง้นพวกกูจะไล่พวกมึงทั้งสามคนออกจากแก้งกูและมึงไอ้นัยกูจะบอกให้พ่อย้ายมึงไปอยู่กับปู่ย่าแทน” พูดและชี้หน้าน้องชายมัน

 

   “แม่งอะไรก็”

 

   “เข้าใจที่กูพูดไหม!”

 

   “เออ” น้องชายมันพูดและไอ้ภาคินมันก็เดินไปอีกทาง ผมคิดว่ามันคงมีทางลัดไปไหนแน่ๆ แต่ว่าผมสองคนมองหน้ากัน

 

   “ไอ้ภาคินน่าสนใจวะ กูว่าเราควรจะซื้อใจมันให้เร็วที่สุดวะ และส่วนไอ้น้องชายมันนี้ น่าจะได้รับบทเรียนซะบ้างวะ”ไอ้หลุยส์มันพูด ผมก็เห็นว่ามันทั้งสามคนกำลังจะเดินออกมา

 

   “เป็นไงวะมึง เกือบโดนไล่ออกจากแก้งแล้วสัส!  และยาก็ไม่ได้ แถบพวกนั้นมันบอกถ้าเจอพวกเราอีกจะกระทืบอีกสาด ซวยฉิบหาย “ พวกมันพูดกัน ก่อนที่พวกมันจะเดินผ่านพวกผมสองคน ผมก็หยิบแว่นตาเรย์แบนที่แขวนไว้ที่กระเป๋านักเรียนบนเสื้อนักเรียนออกมาและสวมใส่ ผมยืนกอดอกรอกัน 

 

   “เว้ย!!” มันร้องด้วยความตกใจ มันคงรู้ว่าผมสองคนรอมันอยู่

 

   “นี้พี่คนเมื่อวานนี้หว่าเขาจะรู้ไหมวะ” เด็กน้อยหันไปกระซิบกับเพื่อนมันแต่กระซิบดังแบบนี้พูดธรรมดาเถอะครับ

 

   “มึงคิดว่าพวกกูรู้ไหมละ มารอขนาดนี้” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันไปมองมันสามคน

 

   “พี่..คือ..”

 

   “พวกมึงใช่ไหมที่หางานให้พวกกูเมื่อวาน “ ผมถามมันสองคน ผมหยิบแว่นตาออกแบบเท่ และมันสามคนที่ค่อยถอยหลัง

 

   “กูถามว่าใช่มั้ย!” ผมขึ้นเสียง

 

   “ใช่พี่..” มันพูด ผมใช้นิ้วยิบแว่นตาลงและลอดสายตามอง กรูรุ่นพี่มรึงนะ

 

   “ใช่ครับพี่....แต่พวกผมขอโทษผมทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ” คนที่ยืนริมสุดรีบพูด อีกสองคนหันขวับไปมองแบบว่ามรึงทิ้งเพื่อน

 

   “คราวนี้กูจะให้อภัยมึงแต่ถ้ามึงทำอีก ครั้งหน้า อย่าหากว่าพวกกรูรังแกพวกมึงนะ แต่กูไม่รังแกธรรมดา กูเอามึงให้ปางตายเลย “ ไอ้หลุยส์มันพูดและเอียงคอมองพวกมัน

 

   “มึงรู้ไหมว่า มีคนทำร้ายกูแบบนี้บ่อย พวกนั้นมันก็นอนโรงพยาบาล รายล่าสุดก็นอนอยู่ไอซียูวะ  แต่ครั้งนี้พวกมรึงโชคดีมากวะกูจะไม่เอาเรื่องพวกมึง “ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมาหยักคิ้วให้ผม

 

   “ถ้าอยากโตอย่าซ่ากับพี่...ดูท่าพวกมึงยังแค่ม.ต้นใช่ไหมวะ” ผมถาม

 

   “คะ...คราบพี่ พวกผม ม.2 “ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

 

   “ม.2 งั้นช่วยกลับไปกินนมแม่ให้โตแล้วค่อยมางัดกับพวกกูว่ะ “ ไอ้หลุยส์มันพูดและหันพยักหน้าว่าพอแค่นี้ ผมสองคนหันหลังพร้อมกันและจับแว่นตาเรย์แบนให้เข้าที่ก่อนที่จะเดินแบบเท่ๆออกมา และแอบแปะมือกันด้วย เรื่องข่มขู่เด็กขอให้บอก ฮาๆ

 

   “อ้าวนี้ไงพวกมันมาแล้วบอย” ไอ้ดิวมันหันมาเจอผมสองคนเดินกลับมาที่โต๊ะ

 

   “ยิ้มกันมาขนาดนี้กรูว่า ไปขู่เด็กมอต้นมาแน่ๆ เพราะว่า มันเก่งกับหมาซ่ากับเด็กเตะผู้หญิงขอให้บอกมัน” ไอ้ติ๊กพูด ผมหยิบกล่องขนมที่พายกินไว้ปาใส่มันทันที แม้พูดซะเหมือนแอบตามไปดู ผมสองคนก็นั่งลงข้างๆบอย

 

   “ไปไหนกันมาอ่ะ เดี๋ยวก็ทานไม่ทันเข้าแถวซะก่อน “บอยบ่นผมสองคนและส่งจานอาหารให้ บอยตักไว้ให้ ผมหันไปยิ้มให้หลุยส์



 “ขอบคุณคร๊าบ” ผมสองคนพุดพร้อมกันและรับจานไปนั่งทาน

 

   “พวกกูไปเจอคนที่มันโทรบอกให้ไอ้พวกน้นมันจับตัวไอ้หลุยส์วะ มันคือน้องไอ้ภาคินวะ” ผมพูดไอ้ดิวมันหันมามองผมสองคน

 

   “กูเห็นไอ้ภาคินมันด่าน้องมันเรื่องนี้ด้วยวะ” ผมบอกไอ้ดิว

 

   “แม่งทำยังไงจะได้พวกมันวะ เพราะถ้าได้พวกมันน่าจะดีวะ และกูคิดว่าพวกมันได้เป็นคนไม่ดีหรอกวะ ดูท่าจะรักพวกมากด้วยวะ “ ผมพูด ไอ้หลุยส์มันพยักหน้า ไอ้ดิวมันก็พยักหน้าอีกคน

 

   “ไอ้ป๊อดมานี้หน่อยดิ” ผมเรียกไอ้ป๊อด

 

   “ครับพี่มีอะไรครับผม”ไอ้ป๊อดมันวิ่งออกมา

 

   “กูอยากไอ้คนที่สามารถสืบประวัติพวกไอ้ภาคินให้กูหน่อย หรือว่ามึงจะรับทำก็ได้นะ” ผมบอกไอ้ป๊อด ไอ้ป๊อดมันทำท่าคิดแต่มันตกใจตรงที่ผมบอกให้มันรับงานนี้ไป

 

   “กูมีค่าตอบแทน” ไอ้หลุยส์บอก

 

   “ผมจะหาคนให้นะพี่แต่ผมทำไม่ได้พี่เพราะว่าผมไม่อยากทำให้ร้านแม่ผมเดือดร้อนนะพี่นะ”ไอ้ป๊อดมันพูดผมก็พยักหน้าเข้าใจ

 

   “ผมขอไปถามพี่เขาก่อน มีพี่คนหนึ่งเขารับงานสาะพัดอย่างพราะว่าพี่เขาร้อนเงิน” ไอ้ป๊อดพูดผมก็พยักหน้าและจังหวะนั้นอ๊อดเข้าแถวพอดีเลย ผมหันไปมองหน้ากันเพื่อเตรียมเข้าแถวกัน 
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) หลุยส์X? โปรดส่งใครมารักหลุยส์ที
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-10-2020 10:14:28

      โปรดส่งใครมารักหลุยส์ที

      [หลุยส์]
 
                      วันนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ผมมีเพื่อนและดูเหมือนว่าผมกับมันจะเคมีตรงกันหลายอย่าง     ขาลุยแต่ก็รักษาไว้ซึ้งความเรียบหรูดูแพง ผมนะชอบคนจริง วันนี้ก็เป็นวันที่สองของผม ที่ได้กลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้งไม่ซิผมไม่เคยไปเรียนในสถาบันเลย ผมใช้ระบบ Home school มาตลอดแต่คนที่สอนจะเป็นครูรับสอนพิเศษและติวเตอร์บ้างที่มาสอนที่บ้าน แน่นอนกิจกรรมอื่นผมไม่เคยเลย แต่นี้ทำให้ผมรู้ว่า มีการเข้าแถวหน้าเสาธงและสวดมนต์ ผมน่ะไม่รู้เรื่องหรอกเพราะว่าผมนั้นได้เข้าสาบานตนเป็นศาสนาคริสคาโธริกตั้งแต่อายุ 3 เดือนแล้วแต่จริงๆ ผมเป็นประเภทไม่เชื่อในพระเจ้าแต่ก็ไม่หลบหลู่
 
      “หลุยส์จะเอาโต๊ะมานั่งด้วยกันไหม” บอยถามผม ขณะที่กำลังเดินขึ้นห้องเรียน
 
      “ไม่ดีกว่าหลุยส์นั่งได้ บอยไปนั่งกับไอ้แจ็คเถอะ”ผมพูด
 
      “เดี๋ยวมันร้องหาแม่” ผมแซวมัน มันนี้ควักนิ้วกลางให้ผมทันที ผมสามคนเดินไปจนเข้าห้อง ผมเห็นว่าวันนี้มีนักเรียนมานั่งเพิ่งเต็มไปหมด สีหน้าแต่ละคนไม่ได้ตอนรับการเดินเข้าห้องของพวกผมเลย
 
      “ใครวะ เมื่อวานทำไม” ผมหันไปถามไอ้แจ็ค
 
      “เมื่อวานมันไม่มาวะ แต่วันนี้จัดเต็มว่ะ “ไอ้แจ็คมันกระซิบบอกผมและพยักหน้าให้ผมเดินต่อ
 
      “มันมีเด็กมาใหม่ว่ะ “ มีคนแซวผมมันกระซิบบอกพวกมันแต่ละคนก็ยิ้มๆ
 
      “ไอ้นี้ชื่อไอ้โซ่ว “ไอ้แจ็คกระซิบบอกพวกผม
 
      “มันยังไม่รู้จักกรูดีพอซิท่า” ผมหันไปกระซิบกับไอ้แจ็ค และผมก็เดินเข้าไปนั่งท้ายสุดแต่ไม่ไกลจากพวกมัน  พวกผมนั่งลงและหันไปเจอสายตาพวกนั้นที่มองมาที่ผมโดยเฉพาะ
 
      “ได้ข่าวว่าเกือบโดนฉุดไปทำเมียเหรอวะเมื่อวาน...ฮาๆ” ผมหันไปมองคนที่แซวผม มันนั่งสองขาพาดไว้ที่โต๊ะหนังสือและคาบดินหรือปากกาผมก็ไม่รู้
 
      “ก็น่ะ ใครๆเห็นก็อยากเอาไปทำแม่ของลูกว่ะ” พวกมัน ไอ้แจ็คมันกำลังจะขึ้นไปต่อยกับพวกมันเพื่อผมแน่ แต่บอยดึงแขนไว้และไอ้ดิวด้วยที่ส่งสายตาห้ามมัน ผมก็ส่ายหัวบอกมันว่าไม่ต้อง ผมหันไปมองไอ้คนที่หัวเราะเยาะผม ผมลุกขึ้นไปและเดินตรงไปหามัน ผมก็คว้าคอมันกระฉากขึ้น มันก็มองผม ผมก็ยิ้มๆ มันเหล่มองเพราะว่าผมเอาดิ้นส่อปลายแหลม แหลมมากจ่อที่พุงมัน
 
      “อันที่จริงไม่ต้องถึงมือกูหรอก ถ้ามึงยังไม่รู้จักกูดี อย่าปากดีกับกู...ปึก! “ผมพูดและปักปลายแหลมของดินสอลงที่โต๊ะตอ่หน้ามัน ใช่แค่ดินสอแต่มันทำให้โต๊ะมีลอยและถ้ามันแท่งเขาพุงมันก็ทะลุได้เหมือนกัน พวกเพื่อนมันตกใจ ผมหันไนไปมองอีกคนที่ชือภาคิน มันมองหน้าผม
 
      “อย่าไอ้โซ่ว! และพวกมึงทั้งหลายก็อย่าหาเรื่องเชี้ยะอะไรตอนนี้...นั่งลง”ไอ้ภาคินมันบอกเพื่อนๆของมันที่จะลุกมาใส่ผม พวกมันนั่งลงแต่ยังคงมองมาที่ผม
         ผมก็ปล่อยไอ้คนที่มันแซวผมลงและมันคงเสียวพุงไปพักหนึ่ง ผมหันไปหยักคิ้วให้ไอ้แจ็ค ผมเดินกลับมานั่งที่จนกระทั้งมีหนุ่มหล่อในเครื่องแบบคุณครูแน่ๆ เดินเข้ามาในห้องและยืนที่หน้าห้อง
 
      “สวัสดีครับนักเรียนทุกคน ครูมาเพื่อที่จะพาเพื่อนใหม่มาเพิ่มอีกหนึ่งคนครับ”
 
      “ใครว่ะ”ผมถามไอ้ติ๊กมันนั่งใกล้ผมที่สุด
 
      “พี่พัฒน์พี่ชายกรูเองวะ” ไอ้ติ๊กมันพูดผมก็พยักหน้า
 
      “เชิญครับธรรณ์” ครูเขาเรียกใครสักคนให้เดินเข้ามาในห้องเรียน ผมหันไปมอง ก็ต้องตะลึง ตะลึ้ง น่ารักมากว่าแต่ทำไมเลือกมาลงเรียนที่นี้
 
      “นี้คือธรรณ์ น่ะ เขาจะมาเรียนที่นี้ ไหนเราบอกว่ามากับเพื่อนที่ชื่อบอยใช่ไหมครับ” ครูพัฒน์ถาม เป็นเพื่อนบอยด้วย ผมสะบัดหน้าไปมอง ดูบอยโบกมือให้หนุ่มคนนั้น
 
      “ถ้าอย่างนั้นไปนั่งกับพวกเพื่อนเธอนะ” ครูพัฒน์พูด หนุ่มคนนั้นก็เดินมาและส่งยิ้มให้บอยแต่มองหาที่นั่งด้วย ผมก็มองข้างๆผมเหรอ ไม่น่ะ ไม่...คือเขาน่ารักอ่ะ
 
      “นั่งกับไอ้หลุยส์เลยนาย”ไอ้แจ็ค ผมก็ชะเง้อมองหน้าไอ้แจ็คว่าไม่นะอย่าส่งมา แต่คนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาที่นั่งแถวเดียวกับผม ผมก็นั่งไม่กล้ามองหน้าเขา
 
      “เอาละดูแลเพื่อนใหม่กันด้วยนะครับ ครูมาแค่นี้ “
 
      “นายภาคิน เดี๋ยวเชิญที่ห้องฝ่ายปกครองด้วยนะ ตอนนี้เลยครับ “ ครูพัฒน์พูด
 
      “มีเรื่องเหรอว่ะ” ไอ้ติ๊กมันกระซิบกับพวกนั้น ผมก็มองคนที่มานั่งข้างผม นั่งอย่างนุ่มนวล ดูก็รู้ว่าถูกฝึกมาดีเรื่องการออกงานและมารยาท เรียกได้ว่าผู้ดีเก่าเลยแหละ เขาหันมายิ้มให้ผมแต่ผมนะเขิน
 
      “ครื้นนนน” ผมเลื่อนเก้าอีกให้ออกหากไปจนชนพนังห้องเลยทีเดียว หนุ่มหน้าหวานมองผมแบบสงสัยจนครูพัฒน์เดินออกไปจากห้องเรียน
 
      “เฮ้ย!..... ทำไมไอ้ต้นข้าวกับไอ้บลูไม่มาวะวันนี้”พายพูดขึ้น ผมพอจะจำได้ไอ้หน้าหวานสองคนตัวเล็กๆ ผมว่าเด็กกว่าพวกผมปีหรือสองปีแน่ๆ แม้ว่าเมื่อวานผมจะเก็กท่า ไม่ได้คุยกับพวกมันเลยก็เถอะ
 
      “ไอ้ต้นข้าวและเพื่อนมันจะไม่มาเรียนที่นี้แล้ว “มีตะโกนบอกขึ้นมาลอยไม่ได้เจาะจงว่าบอกใคร
 
      “ทำไมวะ” ไอ้แจ็คมันหันไปถาม
 
      “ก็..คิดก่อนนะ...พวกมึงไง..พ่อแม่เขากลัวลูกเขาจะเดือดร้อนและซวยไปกับพวกมึงไง..ไอ้ตุ๊ด” ไอ้แจ็คลุกทันทีและพวกมันก็ลุกทำท่าจะเข้ามาใส่ ผมก็มองเฮ้ยเอาไงและอีกคนที่นั่งลงก็ดูตกใจไม่เคยเจอแบบนี้ซิท่า
 
      “ลองมาโดนเท้าพวกกรูเดี๋ยวมึงก็รู้ว่าตุ๊ดหรือไม่ตุ๊ด ” ไอ้ติ๊กมันลุกขึ้นชี้ไปทางพวกมัน ผมเห็นมีคนวิ่งมาที่หน้าห้อง ไม่รู้ว่าใครมันมาส่งข่าวแน่ๆ

        “ไอ้แชมป์บอกว่าครูฝ่ายปกครองจะไล่ไอ้ภาคินออกวะ” พวกมันกระซิบกัน ผมก็มองไอ้แจ็คทันที ผมส่งสายตาให้มันมาหาผมหน่อย
 
                “อะไรวะ นี้มันไม่เกี่ยวกับไอ้ภาคินเลยนะโว้ย ทำไมไม่ไปไล่น้องมันออกละวะ” พวกมันเริ่มจะโวยวายกันแต่ก็หันมามองพวกผมแบบบเหมือนจะโยนความผิดว่าเป็นพวกผมอีกซิท่า
 
                 “เธอ..ไปนั่งกับ บอยได้ป่ะ เราจะคุยกับเพื่อนเราไอ้แจ็คอ่ะ” ผมบอกคนที่นั่งข้างๆผม
 
                 “ไม่อยากนั่งด้วยก็บอกตรงๆ “ นั้นว่าผมอีกและลุกไป เขาลุกไปและกระซิบกระซาบกับบอย บอกก็สะกิดไอ้แจ็คให้มันลุกมาหาผม ด้วยอาการงงๆ พอมันเดินมาได้
 
                  “เป็นอะไรของมึง คนน่ารักนั่งด้วยไม่เอา” ไอ้แจ็คมันบ่นผม
 
                  “กูมีแผนวะ เมื่อกี้มึงได้ยินไหมวะว่าเขาจะให้ไอ้ภาคินออกนะ” ผมถามไอ้แจ็ค มันก็พยักหน้าว่าได้ยิน
 
                  “ให้ไอ้ติ๊กโทรบอกพ่อมันดิว่าให้เก็บไอ้ภาคินไว้ก่อน ไอ้นี้แหละที่จะช่วยเรา บอกพ่อไอ้ติ๊กว่าไอ้ภาคินด่าน้องมันเรื่องที่น้องมันให้คนมาจับกูนะ “ ผมบอกไอ้แจ็ค ดูมันทำหน้าคิด
 
                   “เชื่อกู เอามันไว้แล้วเราจะรุ่ง”
 
                   “รุ่งริ้งหรือเปล่าวะสาด ไอ้นี้มันเป็นตัวพ่อเลยนะ” ไอ้แจ็คพูด ผมพยักหน้า มันก็พยักหน้าตามผม และมันก็สะกิดไอ้ติ๊กและกระซิบกระซาบกัน ไอ้ติ๊กทำท่าจะไม่เห็นด้วยแต่ไอ้แจ็คมันคงพูดจาโน้มนาวจนไอ้ติ๊กมันยอมและมันก็เดินออกไปมันลากไอ้พายไปด้วยแต่มันดันไม่ลากไอ้แอ้ไปเหมือนเคยวันนี้
 
                    “เมียน้อยงอนก็เงี๊ยะ”ไอ้แจ็คมันพูด
 
                    “ปึก” ไอ้แอ้มันปามาด้วยกระดาษ
 
                    “เสน่ห์แรงไงมึงอ่ะแอ้ แม้ไอ้พี่ภาณุมันไปหลอกถามหามึงกับกูเมื่อวานตอนกูว่ายน้ำ”ไอ้แจ็คมันพูด ผมก็พยักหน้า
 
                    “มันถามมึงด้วยนิ แต่มึงคงกำลังมึนอยู่เลยบอกพี่เขาไปว่ามึงไม่รู้จักไอ้แอ้” ผมก็ตกใจ เออจริงตอนนั้นผมไม่มีสติจะคิดอะไรเลย และไอ้ติ๊กมันก็เดินเข้ามา
 
                    “พ่อกูโทรหาครูฝ่ายปกครองให้แล้ววะ แต่แปลกนะพ่อไม่ถามกูต่อเลยว่าแค่บอกว่าไอ้หลุยส์มันขอแค่นั้น พ่อกูโอเลยวะ ไวกว่า4จีอีกสาดและง่ายกว่าตอนที่กูขอพ่อกูซะอีกนี้กูลูกแท้ๆนะครับมึง!! ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้า
 
                   “นี้มึงลูกหลงพ่อกูป่ะเนี๊ยะไอ้หลุยส์”ไอ้ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้ายิ้มๆ หยักคิ้วด้วยแบบว่าคนมันมีดี
 
                    “ขอบใจวะ ติ๊ก”ผมพูด
 
                    “จิ๊บๆ “ไอ้ติ๊กมันพูด ผมก็นั่งมองไอ้พวกนั้นมันดูทำหน้าเครียดมากที่ได้ยินว่าเพื่อนมันกำลังถูกไล่ออก
 
                     “เฮ้ย! ไอ้แชมป์มันวิ่งมาอีกแล้ววะ”พวกมันพากันลุก
                       
                       “พี่ มีข่าวใหม่พี่ภาคินไม่ถูกไล่ออกแล้วแต่ต้องรายงานตัวทุกเช้าว่าเข้าเรียนวะ  “ ไอ้คนที่คาบข่าวมาบอกกพวกมันดูพวกมันค่อยดีขึ้นมาหน่อย ผมหันไปยิ้มกับไอ้ติ๊ก
 
                       “ใครช่วยมันไว้วะ มรึงรู้ไหม”ผมได้ยินพวกมันถามไอ้แชมป์
 
                      “มีคนบอกว่าคนมีอำนาจโทรไปขอเจ้าของโรงเรียนให้พี่ภาคินอยู่ต่อ” พวกนั้นได้ยินมันหันมาทางพวกผม ผมก็นั่งและยกเท้าขึ้นมาพากบนโต๊ะในฐานะผู้มีชัย และพวกไอ้แจ็คมันก็ยืดเลยครับ แต่ว่ามีครูเดินเข้ามาสอนพอดีพวกมันเลยเดินมานั่งและสักพักนายภาคินก็เดินกลับมาม มันหันมามองพวกผมก่อนเลย แสดงว่ามันรู้ ผมหันไปหยักคิ้วให้มัน
 
                       “แผนนี้ถ้าจะรุ่งวะ” ไอ้แจ็คมันพูดเพราะว่าพวกมันนั่งเรียนกันเงียบไปเลยไม่แซวอะไรพวกผมอีกเลย จนกระทั้งหมดคาบนั้นก็คือเวลาพักเที่ยงพอดีเลย
 
                      “ไอ้หลุยส์กูอยากนั่งกับหวานใจกูอ่ะ ให้น้องน่ารักมานั่งกับมรึงได้ไหมวะ” ไอ้แจ้คมันหันมาถามผม ผมก็มองมันว่าไม่ได้ไหมวะ
 
                     “เฮ้ยนั่งกับกูก่อนดิวะ กู ยังไม่กล้าวะ” ผมพูดกับไอ้แจ็ค มันเหล่ตามองผม
 
                     “”ไม่กล้าอะไรวะ “
 
                    “คือ เอานะ ดูหน้าตาเขาดิ เหมือนคนสเปนเลยวะ “
 
                     “ใช่บอยบอกกรูว่าเขาลูกครึ้งสเปนแต่ชื่อไทยเพราะแม่เขาเป็นคนไทย” นั้นไง มันเหล่ตามองผมก็ยังมีสเปนอยู่
 
                    “งั้น ไม่เอามานั่งกับกูได้ไหมวะ”
 
                 “ทำไม...บอกมา” ไอ้แจ็คมันหันหาผม
 
                “คือว่า...” ผมก็กะอักกะอ้วนใจที่จะบอกแต่ก็
 
                 “แฟนเก่ากูนะเป็นสาวสเปนวะ กูยังเข็ดไม่หาย” “ ผมพูดกับไอ้แจ็คมันก็พยักหน้าและหันไปโบกมือให้บอยและธรรณ์ที่ไม่หันมามองผมแม้แต่หางตา
 
                    “เห็นไหมน้องงอนเลยสาด” ไอ้แจ็คพูด
 
                    “ไปทานอาหารกันเถอะวะ” ไอ้ดิวมันพูดและมันก็ลุกขึ้น แต่แอ้กับไอ้ติ๊กยังไม่ลุกขึ้น ไอ้ดิวมันมองทั้งคู่ ดูท่าจะคนที่งอนจะไม่ใช่ไอ้ดิวมั้งงานนี้
 
                    “ตกลงจะไม่ไปกินข้าวกันใช่ไหม “ ไอ้ดิวมันถามขั้นและมองแอ้กับติ๊กสลับกันไปมา
 
                    “เออ นั้นดิ ติ๊กไปกินข้าว  แอ้ไปกินข้าวกูหิวมาก”ไอ้พายมันทำการบ้านเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น
 
                    “ถ้าไม่ไปกูไปกับดิวเอง ดิวยื่มควงหน่อย” ไอ้พาย และแอ้กับติ๊กมันก็ลุก แต่ไอ้ติ๊กนะมันลากแขนแอ้ออกไปก่อนเลย ผมก็หยักไหล่อะไรกันวะ พวกมันก็ส่ายหัวกันหมด  บอยและน้องน่ารักนั้นก็เดินออกไปด้วยกันผมก้เดินไปพร้อมกับไอ้ดิวและไอ้แจ็คเหมือนเดิม ส่วนพายนะวิ่งแจ้นตามไอ้ติ๊กไปนานแล้ว
 
                     “มึงแน่ใจแล้วเหรอวะว่าทำดีกับพวกมันแล้วมันจะเห็นค่าอะ “ ไอ้แจ็คมันถามผม
 
                     “กูเชือว่ะว่าการให้โอกาสคนมันจะสร้างมิตรภาพได้วะ” ผมพูดกับไอ้แจ็คและ
 
                   “เฮ้ยย” ไอ้ดิวมันร้องตกใจเพราะว่ามีคนยืนอยู่ ไอ้ภาคิน มันรอพวกผมอยู่มั้ง มันหันมาและเดินมาทางพวกผม
 
                    “นายขอเจ้าของโรงเรียนให้เราใช่ไหมวะ” ไอ้ภาคินมันถามแต่สายตานะมันมองที่ผมโดยตรง ไอ้แจ็คและไอ้ดิวมันก็มองมาที่ผมเช่นกัน
 
                    “เออ...ใช่..”ผมตอบมัน
 
                   “ทำไมวะ” มันถามผม
 
                  “พวกกูแค่อยากเป็นเพื่อนกับพวกมึงว่ะ  “ ไอ้แจ็คมันพูด ไอ้ภาคินมันมองผมและทำท่าคิด
 
                “ทั้งที่พวกกูดูไม่ได้ชอบขี้หน้าพวกมึงเลยนะ” ไอ้ภาคินมันถาม
 
                 “นั้นก็เป็นอีกเหตุผลว่า พวกกูอยากลบคำสบประมาทที่พวกมึงมองว่าพวกกูเป็นแค่ลูกคุณหนูด้วย” ไอ้แจ็คอธิบาย
 
                  “มันคงจะง่ายไปหน่อยพวกนี้มันเป็นพวกชอบเจอคนจริงวะ แต่กูก็เชื่อว่าพวกมึงคงซื้อใจมันได้ไม่ยาก” ไอ้ภาคินพูด
 
                    “แต่ขอบใจวะ หลุยส์” ไอ้ภาคินมันพูดและมันก็พยักหน้าให้ไอ้แจ็คและไอ้ดิว
 
                  “เดี๋ยวไอ้ภาคิน “ไอ้แจ็คเรียกมันไว้มันหันมามองผม
 
                  “กูขอแลกเปลี่ยนอะไรอย่างวะ เพื่อนมึงบอกว่าไอ้ต้นข้าวและไอ้บลูจะไม่มาเพราะว่ามีคนไปบอกพ่อแม่มันว่าพวกกูจะทำให้พวกมันเดือดร้อน แต่นี้พวกมันตั้งใจย้ายมาเรียนที่นี้และตอนนี้เป็นเพื่อนพวกกูไปแล้ว กูขอวะ ขอให้พวกมึงไปแก้ให้พวกกูด้วย เพื่อนกูจะได้กลับมาเรียนวะ” ไอ้แจ็คมันพูด ไอ้ภาคินมันยืนหันหลังอยู่
 
                 “ได้กูจัดให้” ไอ้ภาคินพูดและมันก็เดินออกไป เพื่อนๆมันรออยู่กันหมดแต่แอบอยู่ที่หัวมุม
 
                “เออ...เดี๋ยวนะ...”
 
                 “มึงได้ยินไหมวะ ว่ามันขอบใจไอ้หลุยส์” ผมหันมาถามไอ้หลุยส์กับไอ้ดิว มันสองคนก็พยักหน้าและมองหน้าผมว่าทำไมละ
 
                “พวกมันพึ่งจะมาวันนี้และไม่ได้คุยหาอะไรกับมรึงเลยไอ้หลุยส์ ทำไมมันรู้จักชื่อมึงวะ”ไอ้แจ็คพูด ผมก็
 
               “สาด! จริงด้วยวะ”ผมนี้ไม่ทันคิดเลยแสดงว่ามันต้องรู้จักผมมาก่อนแน่ๆหรือรู้จักคนที่รู้จักผมเช่นอีกทีหนึ่ง
 
               “ กูว่ามันมีของดีวะ” ไอ้แจ็คผมหันไปเหล่มองมัน
 
                “ทำไมมันมีร่างทรงหรือกุมารเหรอ ....เลอะเทอะ ไปกินข้าวเถอะวะ” ไอ้ดิวพูด ผมเดินลงมาแต่ตามสาวๆ จนทันทเรียกสาวๆดีกว่า ฮาๆ
               “น้องสาว รอพี่ด้วย”ไอ้แจ็ค มันบอกพวกบอย น้องน่ารักธัญ ติ๊ก แอ้และพาย ทุกคนหันมามองผมสามคนและ
 
                “ฮุ้ย!! แม้พอมีคนละแท่งละแจกกันใหญ่เลยนะ” ไอ้ดิว มันแซวเพราะว่าทุกคนให้นิ้วกลางพวกผมกันหมด
[ แจ็ค]
   หลังจากทานข้าว ผมเห็นบอยทำหน้าไม่สบายใจอีกแล้ว ธรรณ์ที่ดูร่าเริ่งกับพวกไอ้ดิว ไอ้แอ้ ไอ้ติ๊กและพายและบอย แต่มันไม่คุยกับหลุยส์ ส่วนไอ้หลุยส์ผมดูแล้วมันก็มีใจน่ะ รักแรกผมเหมือนผมกับบอยครั้งแรกแต่มันไม่กล้า ทำไมตอนนี้มาป๊อดวะ ผมก็คิดว่าควรจะหาแผนการที่จะทำให้มันแสดงตัวว่าเป็นพระเอก
 
      “บอยเดี๋ยวแจ็คมานะ จะหาวิธีช่วยไอ้หลุยส์” ผมกระซิบบอกบอย
 
      “เออ จะดีเหรอ บอยว่า”
 
      “บอยไม่เชื่อใจแจ็คเหรอครับ” ผมหันมากระซิบอีก
 
      “เชื่อแต่แอบกลัวอ่ะ”
 
      “เอานะ เชื่อหน่อย” ผมพูดและเดินออกไป ผมส่งซิกว่าไปห้องน้ำ แต่ไอ้หลุยส์มันไม่ยอมมองผมเอาแต่ก้มหน้ากับมือถือ ผมเดินเข้าไปหาไอ้ป๊อด
 
      “ป๊อด” ผมเรียกไอ้ป๊อด
 
      “ว่าไงพี่” มันหันหน้ามาถามผม
 
      “พี่อยากให้เราช่วยอ่ะ “ ผมพูดและมองหน้ามันยิ้ม แต่มันซิมองผมและทำหน้าเหมือนตกใจ จะตกใจทำไมของมันวะ มันหันมามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
 
      “พี่จะให้ผมช่วย..เออ..ช่วย” ผมก็มองอะไรของมัน
 
      “อะไร” ผมถามกลับ
 
      “คือพี่จะให้ผมช่วยเรื่องนั้นนะเหรอพี่” มันพูดและมองส่วนสงวนผมพร้อมกลืนน้ำลายดังเอือกใหญ่
 
      “โป๊ก” ผมก็หันไปหยิบแก้วน้ำพาสติกใกล้มือโขกกะบาลมันไปหนึ่งที่
 
      “ไม่เอา จ้างกูก็ไม่เอา เมียกูน่ารักกว่าเยอะ” ผมพูด มันก็เอามือลูปหัวตัวเองเบาๆ
 
      “แล้วพี่จะให้ป๊อด ช่วยอะไรครับ” ไอ้ป๊อดมันถามผม
 
      “เอาหูมา “ ไอ้ป๊อดมันก็เอียงมาสุดๆ
 
      “ยืนดีดีดิวะ กูไม่ตุ๋ยตรูดมึงหรอก กูเลือกสาด” ผมด่ามันและมันก็ยืนดีดี ผมก็กระซิบแผนการทันที นี้เคยดูละครมามันน่าจะได้ผล
 
      “เอาแบบนี้เลยเหรอพี่ “ ไอ้ป๊อด ผมพยักหน้าและควักเงินสดออกมาห้าพันบาท มันจิบๆ และส่งให้ไอ้ป๊อด
 
      “ไม่ต้องแสดงเยอะแต่ขอให้สมจริงๆ” ผมอบกมัน
 
      “ได้พี่ผมมีครับนักแสดงรับจ้างในครัวผมน่ะ หน้าโหดแต่แอบคิกขุ” ไอ้ป๊อดพูดผมพยักหน้าว่าได้ตามนั้น แต่ผมต้องหาทางให้ธัญเดินไปด้านหน้าให้ได้และไอ้หลุยส์ตามไปและมันก็จะ
 
      “ไอ้ป๊อด อย่าต่อยจริงนะโว้ย เห็นแบบนี้พวกกรูหวงหน้าตามาก”ผมบอกไอ้ป๊อด
 
      “ไม่ครับ ไม่ต่อยจริงแต่เอาแบบเกือบๆนะพี่”
 
      “ดี” ผมยกนิ้วมือให้มัน ฮาๆ แค่คิดนะก็มันแล้พะยะค่ะ ผมคิดในใจผมเดินกลับไปนั่งที่เดิมและบอยก็มองผมแบบหวาดระแวง
 
      “ทำไมมองเขาแบบนั้นละที่รัก” ผมถามบอย”
 
      “ก็มันแปลกอ่ะ และดูซินี้ก็เอาแต่เล่นมือถือไม่มองใครเลย “ บอยกระซิบบอก
 
      “เดี๋ยวมันหายแน่นอน ถ้าเจอแผนแจ็คเขาไป แจ๊คดูออกว่ามันก็ชอบธัญแต่มันป๊อด” ผมบอกบอย และย้ายก้นไปนั่งใกล้ๆกับไอ้หลุยส์
 
      “ไอ้หลุยส์ มึงชอบน้องธรรณ์ก็บอกมาอย่ามาเก็ก”ผมกระซิบ มันเงยหน้ามองผม
 
      “กู...”
 
      “อย่าสตอ” ผมยังคงดักมันอีก
 
      “กูไม่ได้บลูชิท” มันพูด ผมก็แย้งมือถือมันมาและมันก็ทำท่าจะแย้งแต่ผมชี้ว่าถ้ามันกระโตกกะตากทุกคนจะรู้หมดและผมก็เข้าไปที่แฟ้มรูปภาพของมัน นี้ไง มีแต่รูปธัญทั้งนั้นเลยมันแอบถ่ายไว้
 
      “ไอ้แจ็ค”มันกัดฟันเรียกผม
 
      “มึงชอบเขาก็บอกมาดิวะ “ ผมพูดเบาๆ บอยก็มองผม ผมก็ยิ้มให้โบกไม้โบกมือไม่มีอะไร
 
      “กู ...กลัวแต่กูก็...” ไอ้หลุยส์
 
      “ลองก่อนดิวะ แต่กูเชื่อว่าเขามาเพื่อมึงวะ” ผมพูด
 
      “แต่ดูดิ เขาไม่อยากจะคุยอะไรกับกูเลยสักนิด “
 
      “เอาอย่างนี้กูมีแผน ทำให้มึงเป็นพระเอก”ผมพูดและไอ้หลุยส์มันเลิกคิ้วสูง
 
      “เชื่อใจกู “ ผมบอกมัน พอดีทุกคนมองนาฬิกาว่าควรจะเตรียมตึวเข้าเรียนได้แล้ว ระหว่างที่กำลังเดินไปเข้าแถว ผมเห็นพี่ภาณุเดินมาหาพวกผมอีกแล้ว แต่ผมคิดว่ามาคุยเรื่องชมรมว่ายน้ำกับผมแน่ๆแต่เปล่า
 
      “แอ้” พี่ภาณุเดินตรงมาหาแอ้เลย มาจับแขนแอ้ ไอ้ดิวที่มองและทำท่าจะผลักออกแต่แอ้มันหันมาห้ามไว้ ด้วยสายตา
 
      “พี่ภาณุมีอะไรไหมครับพวกผมจะขึ้นเรียนแล้วนะครับ” แอ้บอกพี่ภาณุ
 
      “คือพี่ว่าจะชวนแอ้ไปทานข้าววันหยุดนี้นะครับ  “ พี่ภาณุพูด ผมหันมามองหน้ากันมามุกไหนอีก
      
      “คือว่า...แอ้” แอ้หันมามองพวกผม ผมก็ปิ้งไอเดียร์ขึ้นมา
 
      “พี่พวกผมมีแพลนแล้วอ่ะว่าจะไปเลี้ยงวันเกิดไอ้หลุยส์มันวันหยุดนี้” ผมพูดและกอดคอไอ้หลุยส์ มันก็สะบัดหน้ามามองผม
 
      “มึงรู้เหรอกรูเกิดวันไหน”ไอ้หลุยส์มันกระซิบถามผม
 
      “ไม่รู้”ผมกระซิบ
 
      “สาด”ไอ้หลุยส์มันดาผมกลับ ผมก็มองพี่ภาณุ
 
      “เหรองั้นเอาไว้อาทิตย์หน้าก็ได้นะครับ พอดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
 
      “อาทิตย์หน้าก็ไม่ว่างครับ พวกผมต้องไปทำธุระกันที่ค่ายทหาร” ไอ้ดิวมันพูด
 
      “งั้นก็”
 
      “ไม่มีอาทิตย์ไหนว่างเลยตารางเต็มใช่ไหมแอ้” ไอ้ดิว พวกผมได้แต่มองมันอ้าปากค้าง เออ นี้มันหึงชัดๆ ไอ้แอ้ยังหันมามองไอ้ดิวเหมือนจะบอกให้มัหยุดด้วยสายตา และอีกคนที่มองก็คือติ๊ก
 
      “งั้นพี่คงไปคุยกับแอร์ใหม่นะ แอร์บอกให้พี่ชวนแอ้ไปเที่ยวบ้างนะครับแต่ถ้าแอ้ไม่ว่างเยอะขนาดไม่เป็นไรแต่ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ ..เออ พี่ไปก่อนนะครับ เพื่อนพี่เรียกแล้ว แอ้ ...”พี่ภาณุพูดและพี่เขาก็หันมาโบกมือให้พวกผมก่อนจะรีบเดินออกไปเพราะว่าหน้าไอ้ดิวมันคุสาดมาก เป็นใครก็เพ่นนะผมว่า ผมหันมามองไอ้ดิวกันทุกคน
      
      “กูจะไปห้องน้ำก่อนนะ”ไอ้แอ้มันพูดและเดินแยกออกไปแน่นอนไอ้ดิวก็ตามทันที ผมได้แต่มองตามและไอ้ติ๊กทีเดินขึ้นไปอีกทางเช่นกันไปขึ้นห้องเรียน ส่วนพายที่งง ไม่ต่างจากผมได้แต่ยักไหล่และตามไอ้ติ๊กไป
 
      “ตกลงใครผัวใครเมีย ใครเมียหลวงใครเมียน้อยวะ” ไอ้หลุยส์หันมาถามผมสองคนผมจะรู้ไหมละว่าใครตำแหน่งไหน  บอยหันไปตีแขนไอ้หลุยส์ ส่วนธรรณ์ก็เดินขึ้นตามพายไปเช่นกัน บอยที่ทำท่าจะตามผมก็รีบคว้าข้อมือบอยไว้ก่อน
 
      “บอย เดี๋ยวหาเรื่องให้ธรรณ์เดินไปกับไอ้หลุยส์ก่อนนะ ที่หน้าประตูนะ “ ผมบอกบอย บอยก็มองหน้าผม
 
      “น่ะบอย “ ผมพูดกระซิบข้างหูบอย
 
      “ก็ได้นะ แต่ห้ามมีใครเจ็บตัวโชว์อะไรทั้งนั้นนะแจ็ค” บอยหันมาบอกผม ผมก็กลืนน้ำลายนี้ขนาดไม่ได้บอกแผนนะทำไมเดาออกง่ะแต่ ผมจ้างไปแล้วนิ
 
      “ไม่มี” ผมพูด
 
      “เหมือนโกหก แต่บอยเชื่อแจ็ค” บอยพูด ผมก็แยกย้ายกันไปนั่ง ผมไปนั่งกับไอ้หลุยส์มัน ครูพัฒน์ก็ตามเข้มาสอน ไอ้หัวหน้าก็กล่าวทำความเคารพปกติ วันนี้เป็นวันแรกที่พวกไอ้ภาคินมันตั้งใจเรียนนะผมว่า ผมก็นั่งฟังวิชาภาษาไทยไปอย่างง่วง จนผมหันไปเจอไอ้หลุยส์ที่มันแอบมองธัญ และจังหวะที่ครูพัฒน์หันไปเขียนกระดานดำ ผมก็เขียนใส่กระดาษ
 
      “คนน่ารักจีบได้ป่ะ จาก หลุยส์” ผมขย้ำและปาข้ามทุกคนไปโดนธรรณ์ ธรรณ์หยิบมาและก็เปิดอ่านผมนี้ลุ้นมาก ไอ้หลุยส์มันมองผม ผมก็หยักคิ้วให้มัน
 
      “ปึก” มีกระดาษลอยมาที่ไอ้หลยุส์ตรงๆ ผมนี้หยักคิ้วให้มันรีบเปิดอ่าน มันก็รับมาแบบงงๆ
 
      “Are you out of  your mild? You just mad on me the morning. Stop to play silly with me!”
 
      “F**k” ผมสะบดออกมา ผมทำให้มันแย่ลงหรือไงวะ ไอ้หลุยส์มันหน้าถอดสีเลย
 
      “เขาด่ากรูทำไมวะ” ไอ้หลุยส์ ผมก็เกาหัว
 
      “กรูเขียนกระดาษชมว่าเขาน่ารักและกรูลงชื่อมรึงวะ” ผมสารภาพบาปกับมัน
 
      “ไอ้....แขก..”มันตะคอกใส่ผม
 
      “อะไรกันแจ็ค และหลุยส์ “ พี่พัฒน์หันมาถามผมสองคน ทุกคนมองมาที่ผมกันหมด
 
      “นายไม่ตั้งใจเรียนเลยหรือไง ออกไปยืนหน้าห้องและถือไม้บรรทัดไปคนละอัน “ พี่พัฒน์พูด ผมก็มองว่าเอาไปทำไมอ่ะ ผมเดินไปยืนที่หน้าห้องกับไอ้หลุยส์
 
      “ยืนกระต่ายขาเดียวและคาบไม้บรรทัดด้วย จนกว่าครูจะสั่งให้พอ” พี่พัฒน์พูด ผมก็มองเอาจริงๆเหรอ ไอ้หลุยส์มันก็ทำหน้าจะแดกหัวผมอีกด้วย เพราะว่ามันซวยโดนร่างแหไปกับผมด้วยไง ผมก็จัดการยืนกระต่ายขาเดียวและคาบไม้บรรทัดพร้อมกับไอ้หลุยส์ มันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมตลอดเวลาเพราะว่ามันคงอายนักเรียนที่เดินผ่านไปมา ที่ต่างก็พากันหันมาหัวเราะผมสอง

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg) หลุยส์X? โปรดส่งใครมารักหลุยส์ที
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-10-2020 13:47:25
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)( หลุยส์Xธรรณ์ )พระเอกจำเป็นและธรรณ์เขาก็มาเพื่อหลุยส์อยู่แล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-10-2020 19:33:47
            
พระเอกจำเป็นและธรรณ์เขาก็มาเพื่อหลุยส์อยู่แล้ว
               
               ต่อPart แจ็ค  ผมยืนกันจดหมดคาบและนี้ก็เป็นคาบสุดท้ายด้วยเพราะว่าเป็นวันศุกร์จะเลิกเร็ว เห็นไอ้หัวหน้าแว่นมันบอกว่าปกติจะเป็นกิจกรรมชมรมแต่ไม่มีใครอยากเข้าชมรมอยากพากันรีบกลับเพราะกลัวมียกพวกมาตีกัน
 
      “เอาละเข้าห้องได้แล้วและอย่าทำอีกนะ เธอต้องเคารพเพื่อนและครูในห้องเรียน ห้ามเสียงดังในขณะที่ครูสอนเข้าใจไหม แจ็ค และหลุยส์” “ครูพัฒน์พูดผมพยักหน้า ครูพัฒน์ให้พวกผมกลับเข้าห้องได้และหัวหน้าแว่นก็บอกทำความเคารพครูพัฒน์ พวกไอ้ภาคินมันดินออกจากห้องไปกันไวมากหมดเลย
 
      “ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”ไอ้แว่นหัวหน้าห้อง
 
      “ถ้ายังมีชีวิตอยู่”ไอ้แว่นพูดและพวกผมก็พากันหันไปหาว่ามีอะไรก็ หยิบมาปาไล่ตามหลังมันทันที ไอ้นี้ให้พรพวกผม(ทุกวันครับ)
 
 
      “ไอ้ป๊อดพร้อมยังนักแสดง”ผมส่งข้อความไปหาไอ้ป๊อด
 
      “พร้อมพี่”
 
      “ดีมากเจอกันที่หน้าโรงเรียน” ผมส่งข้อความกลับไป และหันมามองไอ้หลุยส์ มันงอลผม
 
      “หลุยส์จะงอนกรูทำไม อย่างอนเดี๋ยวคืนนี้ผัวสนองให้” ผมพูดมันปัดมือผมออก ผมก็ชะเง้อมองบอย
 
      “ใกล้แล้วบอยให้ธรรณ์ไปด้านหน้าเลยนะ “ ผมพูดให้อ่านปาก
 
      “กูจะเข้าห้องน้ำก่อนนะ “ ไอ้แอ้มัพูดขึ้น
 
      “กูไปด้วย”ไอ้ดิว ผมสองคนหันไปมองช่วงนี้แอ้ไปไหนต้องมีดิวตามติดยิ่งกว่าปิงซะอีกและอีกคนก็
 
      “กูด้วย”ไอ้ติ๊ก
 
      “ทำยังกะใช้ท่อเดียวกัน”ไอ้พายพูดขึ้น
 
      “ไปไหมละมึงอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันก็หันมารถามพาย
 
      “ไปดิ” และพวกมันก็จะไปเข้าห้องน้ำกันก่อน ได้การเลย เข้าแผ่นมาก เพราะถ้าไอ้ดิวอยู่นี้มันจะแย้งซีนกระเอกผมและผมอาจจะต้องจ่ายค่าห้องพยาบาลพวกที่ผมจ้างมาอีก
 
      “ไปครับพ่อพระเอกของแจ็ค ไปด้านหน้าโรงเรียนกัน” ผมพูด มันก็หันมาค้อนผม ธรรณ์ก็เดินตามบอยออกมา
 
      “ธรรณ์พักที่ไหนเหรอ” ผมถามธรรณ์ เขาก็หันมามองหน้าผมแต่ไม่มองหน้าหลุยส์ 
 
      “พักที่โรงแรมนะ โรงแรมอาของบอยเขานะแจ็ค”ธรรณ์หันมาบอกผม
 
      “ทำไม่มาอยู่ที่ห้องที่บ้านพวกเราละ “ ผมถามธรรณ์
 
      “ไม่จะดีกว่าอาจจะทำให้ใครบางคนอึดอัด” ธรรณ์พูดก่อนจะหันไปเหล่ตามองไอ้พ่อพระเอกของผม  นั้นก็คือไอ้หลุยส์
 
      “เอ๊ะ...คนนั้นนะไอ้หลุยส์หรือเปล่านะ” ผมถามลอยๆและเหล่มองไอ้หลุยส์มันแยกเขี้ยวใส่ผม แต่บอยแอบขำ ทั้งบอยและธัญเดินลงไปพร้อมๆกัน
 
      “ไอ้หลุยส์ กูหาวิธีให้มึงเป็นพระเอกได้ กูให้ไอ้ป๊อดจ้างคนล้างจานมาแซวธรรณ์และมึงเข้าช่วยนะ” ผมกระซิบมันก็สะบัดหน้ามองผม
 
      “ไม่มีต่อยเพราะกูจ่ายไปแล้วห้าพัน” ผมพูดกับไอ้หลุยส์ มันก็มองผมจริงเหรอ
 
      “จริงๆ เอานะ พระเอก “ผมพูดและ
 
      “บอย..บอยลืมของไม่ใช่เหรอที่ห้องสมุดนะ “ผมเรียกบอย บอยก็หันมามองผมและส่ายหัวว่าไม่
 
      “ลืม...บอยลืม...” ผมพูดและชี้ตัวเอง ผมรีบขยิบตา
 
      “ไม่นะ บอยยัง....”บอยก็ทำท่าจะปฏิเสธ ผมรีบเข้าไปจับมือบอยและดึงออกมาจากธรรณ์ก่อน
 
      “ที่ตกลงกันไง จะให้หลุยส์อยู่กับธรรณ์สองต่อสองนะ เขาจะได้ปรับความเข้าใจกัน” ผมพูดกับบอยและหันมามองธรรณ์ที่ยืนกอดอกมองผมกับบอย
 
      “แจ็คเล่นอะไรเนี๊ยะ” บอยถามผม
 
      “เอานะ เดี๋ยวรอดูแฮปปี้เอ็นดิ้ง” ผมพูดและยิ้มให้ธัญที่ยืนกอดอกมองผม
 
      “เดี๋ยวมานะ บอยลืมของสำคัญอ่ะธรรณ์ เออ หลุยส์ยืนเป็นเพื่อนธรรณ์ไปก่อนนะ “ บอยหันไปบอกธรรณ์และผมก็ดึงแขนบอยไปเลย แต่ไปหาที่แอบ
 
      “แจ็ค ตกลงทำอะไรบอกบอยมาเดี๋ยวนี้นะ”
 
      “ชู!!!” รอดูก่อน ผมเห็นไอ้หลุยส์มันยืนรักษาระยะห่างจากธรรณ์อยู่นะ มันจะกลัวอะไร 
 
      //แจ็ค – หลุยส์เข้าไปชวนธรรณ์คุยก่อนที่นักแสดงจะมา//
 
      //หลุยส์-คุยอะไรดูหน้าเขาดิ อยากคุยกับกุไหมละสาด // ผมเงยหน้ามอง จริงด้วยไม่อยากจะคุยสงสัยแค้นฝังหุ้น
 
      “ทำไมเขาโกรธไอ้หลุยส์นานหนักละบอย” ผมหันมาถามบอยทันที
 
      “ก็ที่จริงธรรณ์ตั้งใจมาเพื่อหลุยส์แต่ดูหลุยส์ทำซิ นี้เขาบอกจะกลับเลยนะ” บอยพูด ผมก็มองทำไมนักแสดงยังไม่มา ผมเห็นแล้วมีเดินมา ในเครื่องแบบเทคนิกครับ แต่คนล้างจานมันแต่งเครื่องแบบเทคนิคมาทำงานเหรอว่ะ หรือว่ากลัวไม่สมจริงๆ ฉลาดนะไอ้ป๊อดนี้ เสร็จงานมีเพิ่มแน่ๆ
 
      “มาแล้วนักแสดงกิติมาศักดิ์ “ผมบอกบอย บอยก็มองและหันมามองหน้าผม
 
      “ไปหามาจากไหนอ่ะ ดูโหดมากนะ “
 
      “มันต้องสมจริง” ผมพูดและนั่งมองเหตุการณ์ มันมากันสามคนและเดินตรงมาหาธรรณ์ทันที อย่างรู้งาน และมันก็จับแขนธรรณ์ และธรรณ์ก็สะบัด อย่างกับในหนังเลย และไอ้หลุยส์ก็เข้าไปผลักอกมัน กระเด็นไปและโอบเอวธรร์ให้เข้ามาเพื่อจะปกป้อง และไอ้คนที่ล้มลงไปก็ลุกขึ้นมา
 
      “และมันก็จะบอกว่า //มึงฝากไว้ก่อนนะแค่นั้น// เห็นไหมบอยว่ามันง่ายมากแผนแจ็ค” ผมหันไปบอกบอย
 
      “ผลั๊ก ผลั๊วะ ตุ๊บ” เสียงมันบอกได้ว่าโดนเต็มๆ ผมหันไปมองไอ้หลุยส์ครับ มันกระเด็นไปกองกับพื้นแทน

      “เว๊ย!!” ผมร้องเสียงหลงทันที 
 
      “นี้เหรอแจ็คที่บอกว่าง่ายมาก” บอยพูดและรีบเดินออกไปทันที ผมนี้รีบปรีเข้าไปคว้าบอยไว้ก่อน จะไปสู้อะไรเขาได้แต่ว่าไหนผมตกลงกันไว้ไงว่าไม่ให้ต่อย ผมรีบเดินเข้าไปประครองหลุยส์ ก่อน ส่วนที่มาด้วยอีกคนเข้าไปดึงลากธรรณ์ไปอีก

      “ปล่อยนะ ไอ้บ้า กูไม่ไป” ธรรณ์ก็พยายามสะบัดมือแต่ไม่หยุดเพราะดูท่าพวกนี้จะทึกเอาการ
 
      “ไอ้แจ็คนักแสดงมึงแสดงดีไปไหมวะ ...มันต่อยกูสาด” ไอ้หลุยส์พูดและเอามือกุมที่มุมปากมัน มีเลือดซิบด้วย
 
      “ไปเลย มีคนบอกว่าผู้ชายโรงเรียนนี้น่าเอากว่าผู้หญิงพี่อยากลอง” ไอ้คนที่พยายามดึงลากธรรณ์พูดขึ้น
 
      “เฮ้ย! ปล่อยเพื่อนกูนะโว้ย!” ผมชี้หน้ามองมัน
 
      “มึงเสือกอะไรด้วย! “ ไอ้คนนั้นมันหันมาชี้หน้าด่าผมกลับ ผมก็ส่งข้อความหาไอ้ป๊อด
 
      “ไอ้ป๊อด! นักแสดงมึงแสดงเกินค่าตัว” ผมส่งข้อความไป
 
      “พี่เจอพวกพี่เขาแล้วเหรอ พี่เขารออยู่ประตูหนึ่งอ่ะครับ” ไอ้ป๊อดส่งข้อความมาหาผม มันบอกประตูหนึ่ง (ปกติมันมีกี่ประตูวะ เนี๊ยะ ผมก็ยืนคิด พร้อมกับมองไปรอบๆ  ผมก็คิดว่ากดดโทรหาจะดีกว่ามันช้า ไอ้ป๊อดมันรับสายผม
 
      “เออ....แล้วนี้กรูอยู่ประตูไหนวะ “ ผมพูดกับตัวเอง ประตูนี้นี้มันประตูสอง ผมเห็นป้ายเขียนไว้
 
      “กูอยู่ประตูสองว่ะป๊อด”
 
      “อ้าว! เวรแล้วครับพี่แจ็ค.. เดี๋ยวผมโทรบอกให้ใหม่นะพี่นะ” ไอ้ป๊อด
 
      “ไอ้ป๊อด ถ้ากรูรอดไปได้มึงเจ็บหนัก!!!” ผมตะคอกใส่มือถือ
 
      “ไอ้หลุยส์กูมีข่าวดีวะ”
 
      “อะไร” มันถามผม
 
      “นี้ไม่ใช่นักแสดงแต่มันคือตัวโกงแบบตัวเป็นๆเลยสาด “ ผมพูด ไอ้หลุยส์หันมามองหน้าผมและ
 
      “เพี๊ยะ!”มันโบกผม ไอ้หลุยส์ก็วิ่งเข้าไปใส่มันเลยครับ ผมก็จะรออะไร แต่หันไปมองเมื่อไหร่ไอ้ดิวจะมา มันไปขรี้กันที่ไหนวะ ผมก็เข้าไปช่วยก่อนเลย ไอ้หลุยส์เขาไปยื้อหยุดฉุดกระฉากจนธรรณ์ หลุดออกมาผมก็เข้าไปต่อยไอ้ที่เหลือแต่ทะว่าหมัดผมมันธรรมดาไปหน้ามันอย่างหนา เจ็บมือตัวเองครับ ผมยืนสะบัดมือไปมา ส่วนไอ้หลุยส์มันไปยืนกอดธรรณ์ ผมแอบคิดในใจทำไมไม่โยนธรรณ์ไปอยู่กับบอยแล้วมาช่วยผมก่อน
 
      “มึงอยากลองไม้ทีกูไหม กูจัดให้” จังหวะที่ผมล้มมันก็ง้างไม้ทีขึ้นและ
 
      “ผลั๊ก ....ตุ๊บ” ผมยกมือขึ้นบังหน้าผมบังไว้ก่อนแขนขาช่างมันแต่ผมไม่เป็นอะไร
 
      “เฮๆๆๆ”เสียงปรบมือจากบนอาคาร ผมก็มองคนที่ยืนค้างไว้ซึ่งท่าตีเขาลอยมาแต่ไกล ไอ้ดิวครับ ไอ้พ่อพระเอกของผมตัวจริงๆ
 
      “เชี้ยะอะไรของมึงอีกเนี๊ยะ! ไอ้แจ็ค!”ไอ้ดิวมันหันมาเม้งผม
 
      “กู...ไม่รู้ว่า มันแค่ผิดคิว” ผมพูด ไอ้ดิวมันหันไปมองอีกสองคนที่ยกไม้ทีจะเข้ามา
               
      “กูว่ามีดดีกว่าวะไอ้นี้นะ” คนที่จะเข้ามาเล่นไอ้ดิว มันทิ้งไม้ทีและควักเอามีดพกออกมา
 
      “เฮ้ยยย! มีดด้วยวะ “มีเสียงเชียอยู่บนตึก ผมก็ตกใจแทนไอ้ดิวซิครับ ผมทำท่าจะลุกขึ้นช่วยไอ้ดิว แต่มันยกมือห้ามผม ไอ้ดิวมันหาได้กลัวอะไรไม่ มันก็มองไอ้สองคนนั้น ไอ้คนที่ถือมีดพกมันสวกเข้ามาแต่ไอ้ดิวมันไวหลบและจับข้อมือบิดและตีเข่าทันทีอย่างชำนาญ
 
      “โอ้วว โอ้วว อู้ยย” พวกกองเชียร์ดังลั่น เหมือนเสียงพากตอนคู่มวยกำลังต่อยกันเลย
 
      “พี่ดิว พี่ดิว พี่ดิว” เสียงดังจากอาคารดังมาก
 
      “นี้ตรงไหน อะไรนะ หยุดนะ ตำรวจกำลังจะมา” ครูพัฒน์วิ่งลงมาพร้อมกับ รปภ ไอ้คนที่สู้กับไอ้ดิวมันพยักเพยอให้พวกเพื่อนมันถอยออกและมันก็พยุงคนที่ดิวตีเข่าลอยลุกขึ้นและลากอกไป มันารีบไปขึ้นรถมอเตอรไซด์ขับออกไปทันที ผมได้แต่ยืนมอง ผมเห็นไอ้หลุยส์มันกำลังอ้อนธรรณ์
 
      “นี้มึงเล่นอะไรของมึงว่ะแจ็ค” ไอ้ดิวมันเอ็ดผม ผมก็ค่อยๆลุกเพราะโดนไปหลายหมัดเหมือนกัน บอยเดินมากอดอกมองผม ผมรู้ว่าบอยโกรธผมแน่ๆ
 
      “ทำไมทำแบบนี้ละแจ็ค ไม่คุ้มกันเลย “บอยรีบต่อว่าผมอีกคน
 
      “บอย..อู้ยย!” ผมเรียกบอยและลองออกมาโดนไปที่พุงผมหลายหมัดอยู่ บอยก็ใจอ่อนเดินมาช่วยดิวพยุงผมออกไป
 
      “นี้พวกนี้เขามาทำร้ายใครเนี๊ยะ”ครูพัฒน์เดินตรงเข้ามาถามพวกผมทันที
 
      “ผมครับครูพัฒน์” ธรรณ์เอ่ยขึ้น พร้อมกับยกมือแสดงตน
 
      “ดูซิแต่ละคนที่พวกมันเลือกเข้ามาหน้าตาหวานๆทั้งนั้นเลยนะครูพัฒน์ ตั้งแต่มลเป็นครูมา มีนักเรียนมากมายแต่ไม่เคยเจอแบบนี้เลยนะครูพัฒน์” ครูผู้หญิงที่วิ่งมากับครูพัฒน์พูดขึ้น
 
      “พัฒน์ว่ามันชักจะเยอะขึ้นไปแล้วนะเนี๊ยะ เราต้องมีมาตราการที่เด็ดขาดแล้วค่ะครูมล”
 
      “ก็เราดันมีนักเรียนชายที่น่ารักแบบนี้นี้ค่ะ คงต้องช่วยๆกันดูแล” ครูมลพูด
 
      “นั้นรถมาแล้วขึ้นรถไปเลยกลับบ้านเดี๋ยวนี้และนี้ธรรณ์เราพักที่ไหน” ครูพัฒน์เห็นรถที่มารับส่งพวกผมเข้ามาจอดแล้วเลยบอกให้พวกผมไปขึ้นรถกัน ไอ้ติ๊กและไอ้แอ้และพายที่ยืนอยู่มันคงรู้ว่าไอ้ดิวนะ เอาอยู่เลยดูอยู่ห่างๆ ก็ผมพากันเดินไปขึ้นรถ
 
      “ธรรณ์ ไปกับพวกเราเถอะ เพราะดูแล้วพวกนี้มันอาจจะไม่เลิกนะ” หลุยส์มันเอ่ยบอกธรรณ์ ธรรณ์มองหน้าหลุยส์ที่เข้าไปช่วยลากให้หลุยมาจากพวกนั้น
 
      “ครับ” ธรรณ์ตอบหลุยส์และพยุงไอ้หลุยส์ขึ้น  ผมนี้ทำท่าเยส แต่ก็ต้องเจ็บอ้อนเมียไว้ด้วย มันโดนไปแค่สามหมัดผมนี้มาเป็นชุดเลย แต่อ่อนมาไม่ได้เพราะว่าเมียกำลังโกรธอยู่หน่อยๆ
 
      “ดี รีบขึ้นรถเลย” ครูพัฒน์พูด พอพวกผมกำลังจะขึ้นรถ
 
      “เสียงปรบมือดังมาซะอย่างนั้น พวกผมก็ยกมือให้ว่าพวกผมโอเค และพากันขึ้นรถไป ดีนะที่รถมากันสี่คันเลยแบ่งๆกันไป ผมก็ได้ไอ้ดิวช่วยบอยพยุงผมไปในรถลีมูซีมคันหรู
 
      “ไอ้ตัววางแผน มึงนี้น่ะหางานตลอด “ ไอ้ดิวมันยังไม่จบด่าผมอีกนะ ผมก็ยกนิ้วให้มันแต่นิ้วกลางนะ และบอยก็เข้ามานั่ง แม้บอยจะโกรธแต่ก็เป็นห่วงผม
 
      “อีกแล้วเหรอครับคุณหนู ฮาๆ” พี่คนขับรถแซวผม
 
“ชีวิตวัยรุ่น แต่พอคุณหนูโตขึ้นและมองย้อนหลังมาจะรู้สึกว่าว่ามันมีอะไรให้จดจำเยอะดีนะครับ” พี่คนขับรถพูด
 
      “แต่ผมไม่อยากนั่งจำว่าผมโดนไปกี่เท้านี้ครับพี่” ผมพูด
 
      “ฮาๆ เอานะครับ ผมว่าพวกคุณหนูนะ สู้ได้สบายอยู่แล้วครับ” พี่เขาพูด ผมหันมามองบอย บอยหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดข้างมุมปากผมอย่างเบามือ
 
      “ขอบคุณนะแจ็คที่ช่วยหลุยส์ปกป้องเพื่อนบอย นี้บอยรู้สึกผิดมากเลยที่ดึงมาเสี่ยงแบบนี้”
 
      “ตอนนี้เขามีคนปกป้องแล้ว เชื่อแจ็คซิ” ผมพูดและยิ้มให้บอย
 
      “คงอย่างนั้น” บอยพูดและยิ้มให้ผมเช่นกัน
 
“โอ้ยย” ผมร้องเพราะว่าโดยแผลที่มุมปาก บอยก็ปิดปากขำผมใหญ่เลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
[หลุยส์]
      ผมนั่งมากับธรรณ์ในรถสองคนไอ้แจ็คมันไปกับบอย อีกสองคันผมไม่ได้มอง ผมได้แน่นั่งเงียบๆ และอีกคนก็นั่งเงียบๆข้างๆผม ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนครั้งแรกที่ผมเจอบอยเลย
 
      “เออ..”ผมก็กำลังจะเปิดบทสนทนาเพื่อทำลายความเงียบแต่ธรรณ์ก็ใจตรงกันใจกันเช่นกัน
 
      “หลุยส์ก่อน” “ธรรณ์ก่อนครับ” ตรงกันอีก
 
      “คิกๆ” ธรรณ์หัวเราะผม ผมผ่ายมือให้เขาพูดก่อนดีกว่า
 
      “ขอบคุณนะหลุยส์” ธรรณ์พูดขอบคุณผมที่ช่วยเขาไว้ ผมก็ยกมือขึ้นลูปท้ายทอยตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าว่าไม่เป็นไร
 
      “เจ็บเลยดูซิ” ธรรณ์เอานิ้วเรียวๆขึ้นมาแตะที่มุมปากผมอย่างเบามือแตก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี
 
      “ไม่เป็นไรครับ จิ๊บๆ “ ผมพูดแต่แอบ เซย์เยสนึกขอบคุณแผ่นชั่วๆของไอ้แจ็คมัน
 
      “เจ็บมากไหมอ่ะหลุยส์” ธรรณ์ถามผม ผมก็ยิ้มๆ สายตาผมมองใบหน้าที่เรียวสวยนั้น ดวงตาที่เรียวรับกับใบหน้าจมูกที่โด่งถ้าเขาเป็นผู้หญิงจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากเหมือนกับเขาคนนั้นเลยไหม ไม่ซิสวยกว่าด้วยน้องผู้หญิงที่ผมคบด้วย อันที่จริงพ่อแม่เขาพยายามหยัดเยียดมาให้คบกับผมเพราะว่าครอบครัวผมมีเงินไง
 
      “จำเราไม่ได้เหรอหลุยส์”
 
      “ฮ่ะ!” ผมส่งเสียงแปลกใจที่เขาถามผม
 
      “ถามว่าจำเราไม่ได้เหรอ เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแต่นายนะ เอาแต่มองบอย ” ธรรณ์พูด ผมก็ทำท่านึก นึกยังไงก็นึกไม่ออกแต่เขาก็บอกอยู่นะว่าผมเอาแต่มองบอย
 
      “หลุยส์นึกไม่ออกว่าที่ไหนตอนไหน แต่หลุยส์ก็รู้สึกเหมือนเคยเจอธรรณ์มาก่อนนะ” ผมพูด ธรรณ์ก็ยิ้มให้ผมและพยักหน้า
 
      “วันนั้นบอยออกไปและไปทานอาหารกับหลุยส์และบังเอิญเจอกับเราที่นั้น เราเคยเป็นเพื่อนเล่นกับบอยตอนเด็กๆ บอยต้องไปอยู่กับอาของเขาทำให้เราห่างกันไปพักหนึ่งแต่แปลกนะไม่นานบอยก็กลับมา  “ธรรณ์พูด ผมพยักหน้าตาม
 
      “เมื่อก่อนมันคงมีอะไรบังตาบังใจเราไว้” ผมพูดแต่คนฟังเบ้ปากใส่ผมซะงั้น
 
      “เขาเรียกอะไรนะ น้ำเน่า หึๆ” ธรรณ์พูดและหันหน้าหนีผม ไม่น่านรถก็แล่นมาถึงที่บ้านพักผม ผมเห็นว่าพวกนั้นเข้าไปในบ้านกันหมดแล้วแน่นอน คู่ผมเป็นคู่สุดท้าย
 
      “เข้าบ้านกันเถอะครับ” ผมบอกธรรณ์
 
      “หมับ” ธรรณ์จับมือผมไว้ก่อนที่ผมจะก้าวเท้าเข้าบ้าน ผมหันมามองว่ามีอะไร หรือว่ากลัว
 
      “ทำไมละครับ”
 
      “คือธรรณ์มีเรื่องอยากจะสารภาพนะ” ธรรณ์พูดและมีท่าที่เขินอายผม ผมก็หันมามองว่ามีอะไร
 
      “คือว่า...เออ...ธรรณ์นะแอบชอบหลุยส์ตั้งแต่วันนั้นแล้วอ่ะ แต่เหมือนหลุยส์ไม่พยายามเปิดใจเราเลย เออ ไม่กล้าตอแย เราเป็นคนส่งการ์ดให้หลุยส์ทุกเทศกาลเลย หลุยส์ได้รับบ้างไหมครับ” ธรรณ์พูด มันทำให้ผมคิด ผมคิดว่าบอยส่งให้ผมซะอีก
 
      “หลุยส์ได้นะแต่มันไม่เคยลงชื่อคนส่งให้เลยอ่ะ”
 
      “ใครจะกล้าลงละ กลัวว่าหลุยส์จะ”
 
      “หลุยส์เลยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นบอยและนั้นก็คือสาเหตุที่หลุยส์ตามบอยมาเพราะหลุยส์คิดว่าบอยก็มีใจให้เหมือนกัน” ผมพูดกับธรรณ์
 
      “นายจะโกรธเราก็ได้นะ หรือจะ..”ธรรณ์พูด
 
      “ไม่ทันแหละโกรธไม่ทันแล้ว เข้าบ้านเถอะครับ “
 
      “อ้าว ทำไมอีกละครับ”
 
      “ไม่โกรธเหรอ”
 
      “ไม่โกรธอ่ะ เพราะว่าของพวกนั้นมันทำหลุยส์เหมือนเจอรักแรกพบและของพวกนั้นมันก็ทำให้หลุยส์มีแรงที่จะลุกขึ้นมาจากมุมมืด”
 
      “เข้าบ้านกันครับ ถ้ารอบนี้ยังไม่เข้าจะอุ้มเข้าไปเลยนะ” ผมพูดและทำท่าจะอุ้ม แต่ธรรณ์กระโดดหนีผม
 
      “เข้าแล้ว เดินเองจะบ้าเหรอ เพิ่งมาให้จะกล้าให้ทำแบบนั้นละ ” ธรรณ์พูด ผมสองคนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็เห็นอุปกรณ์ทำแผลว่างไว้ ผมนั่งลงธรรณ์ก็ทำการช่วยทำแผลให้ผมใช่สำลีแตะยาและมากดที่ตรงที่ผมโดนต่อย
 
      “โอ้ยย” ผมร้อง
 
      “แม้อ้อน...” ไอ้แจ็คมันแซวผม
 
      “ที่ตอนต่อยกับแจ็คทำไมไม่อ้อนพายแบบนี้น่ะหลุยส์” พายแซวมันทันที
 
      “ไม่กล้าจร๊า ” ผมตอบพาย ผมรู้ว่าเขาแค่แกล้งผมเล่น
 
      “ทำไมอะ”
 
      “กลัว” ผมพูด ทำเอาพายแอบค้อนผมใหญ่เลย ธรรณ์แอบขำผม
 
      “ธรรณ์ เราโทรเช็คที่โรงแรมให้แล้วนะ เขาจะเอากระเป๋าของนายมาส่งให้พรุ่งนี้ทีบ้านนี้ “ติ๊กบอกพวกผม ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นบ้านไปทันที พวกผมหันไปมองพายกันหมด แสดงว่างานเข้าแน่ๆ
 
      “ก็ดีวะ เออ ไอ้ดิวไปไหนวะ” ไอ้แจ็คถามพายทันที 
 
      “ไปยิม”พายตอบ
 
      “แอ้ละ”

      “ไม่รู้ว่ะ ไอ้ติ๊กมันเข้ามาพร้อมกันกับพวกมันยังไม่รู้เลย” พายพูด
 
 
      “ตกลงมันยังไงวะพาย กูงงกับมันสามคนวะ” ไอ้แจ็คมันหันไปถามพาย ผมก็พยักหน้าและนั่งเอนไปข้างหลัง ผมเอาแขนพาดโอบเอวธรรณ์ไว้ ธรรณ์ก็มองหน้าผมยิ้มๆ
 
      “ก็งานเข้าตอนไปห้องน้ำ ไอ้พี่ภาณุเห็บหมานะ เดินมาเจอแอ้อีกและเข้ามาคุยจับไม้จับมือแน่นอนไอ้ดิวมันก็หึงและอีกคนกูไม่รู้หึงใครวะ” ไอ้พายพูด ผมพากันพยักหน้า สนุกเลยงานนี้
 
      “พอดีเลยมึงคือระฆังไอ้ดิวมันเลยไปลงที่ไอ้คนที่มาทำร้ายมึงนั้นแหละ ไอ้พวกนั้นซวยไปเลยโดนซะแทบคลานกลับเลย” พายพูด ผมก็ถึงบางอ้อ ตอนแรกก็นึกว่าโกรธที่พวกผมถูกทำร้าย โธ่! ไอ้นี้มันค้างมาจากไอ้พี่ภาณุ ดี้ดีครับ
 
      “พายก็ไม่รู้ว่าติ๊กมันคิดอะไรอยู่กันแน่ และแอ้ก็ไม่รู้ทำไมจะต้องเกรงใจติ๊กมันมากไปกว่าหัวใจตัวเองก็ไม่รู้” พายพูด
 
      “เออ..แปลกดี ...พวกเราขึ้นไปอาบน้ำกันดีกว่าวะจะได้ลงมาทานข้าว” แจ็คพูดและลุกขึ้น แจ็คยืนมือไปจับมือบอยเพื่อพากันขึ้นบ้าน
 
      “เออ..ธรรณ์ต้องนอนห้องพักเดียวกับหลุยส์นะ เพราะว่าอีกห้องมันไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลย
      “ไอ้แจ็คมันพูด ผมนี้กังวลกลัวธรรณ์จะไม่สบายใจ ผมขยิบตากับไอ้แจ็ค ผมอาจจะไปนอนกับแจ็คก่อนและให้บอยมานอนกับธรรณ์ แบบว่ารอให้เขาพร้อมกันก่อนอะแบบนี้
 
      “ก็ไม่เป็นไรนิ “ ธรรณ์พูด ผมนี้ลื้นปรืดเลยครับ
 
      “เรานอนห้องเดียวกันได้เนอะหลุยส์” ธรรณ์พูด ผมนี้เกาหัวแกรกๆ แรงกว่าผมอีกนะ ฮาๆ พอทุกคนแยกย้ายกันขึ้นห้องผมก็พาธรรณ์ขึ้นไปบนห้องนอนของผมไม่ซิของผมและเขาแล้วครับ ผมหันมายิ้มให้ธรรณ์ ธรรณ์หยุดที่หน้าห้อง ผมก็หันไปมองว่าทำไมไม่เข้าห้องละ ธรรณ์มองผม ผมก็ยื่นมือไปขอมือธรรณ์ ธรรณ์จับมือผมและก้าวผ่านเข้ามาในห้องนอน
 
      “หลุยส์ ธรรณ์รู้ว่าหลุยส์ผ่านเรื่องแย่ๆ มาต่อไปธรรณ์จะอยู่เคียงค้างหลุยส์นะ จะไม่ปล่ออยให้หลุยส์สู้มันแต่ลำพัง”ธรรณ์พูด ผมก็มองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ ผมว่าผมพร้อมที่จะเปิดใจแล้ว ผมเดินมายืนตรงหน้าธรรณ์ ผมจับใบหน้านั้นอย่างทุนุทะนอม และผมก็ประกบปากจูบริมฝีปากเรียวสวยนั้น ธรรณ์โอบรอบคอผมทันที และผมก็ยกตัวธรรณ์ขึ้นและเราสองคนก็พากันเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน
 
      “ครั้งแรกอย่ารุ่นแรงนะ ธรรณ์กลัว” ธรรณ์พูด ผมก็ยิ้ม
 
      “เราเป็นคนแรกของธรรณ์ใช่ป่ะ”
 
      “ใช่” ธรรณ์ตอบพร้อมกับใบหน้าที่แดงด้วยความเขินอาย ผมก็ยิ้มให้ธรรณ์
 
      “หลุยส์จะเป็นแรกและคนสุดท้ายของธรรณ์นะครับ” ผมบอกธรรณ์ก่อนจะพากันเข้าไปในตู้กระจกอาบน้ำ ร่างสองร่างที่กอดรัดฟัดกันภายใต้ฝักบัว สายน้ำที่ไหลผ่านไม่ได้ทำให้ไฟรักเย็นลงได้เลยมีแต่ร้อนขึ้น ร้อนขึ้นจนทั้งผมและเขาก็บรรลุความไคร่ไปอย่างชำราญการ
 
      “นี้ครั้งแรกแน่เหรอ ประสบการณ์ไม่ใช่ชั้นประถมเลยนะ มัธยมก็เรียกพี่” ผมแซวคนที่ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ แม้ยิ้มเอียงอายน่ารักเชียว
 
      “ริงๆ” มีสายเข้ามือถือผม ผมก็รีบรับเพราะว่าชื่อขึ้นมาว่าลุงหนึ่ง
 
      “สวัสดีครับป๊า” ผมเรียกลุงหนึ่งว่าป๊า เพราะว่าเขาดูผมเหมือนผมเป็นลูกเขาแต่ผมไม่ได้คล้อยตามทุกอย่างที่เขาป้อนเลย
 
      “ลุงได้ยินมาว่าเราจะไม่อยู่ที่นั้นรึ จะกลับก็”
 
      “อยู่ครับ ..ผมจะอยู่กับพวกนี้ครับลุง”
 
      “แน่ใจนะว่าจะอยู่นะ”
 
      “ครับลุง”
 
      “อืมม..ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจนะ “
 
      “ครับ สวัสดีครับ” ผมพูดและกดวางสาย ธรรณ์มองหน้าผม ผมหันไปกอดธรรณ์
 
      “ไม่ไปไหน หัวใจที่หายไปอยู่ที่นี้แล้ว “ ผมพูดกับธรรณ์
 
      “ก๊อกๆ” มีคนมาเคาะประตูห้องนอนผม ผมก็เดินไปเปิด เห็นว่าเป็นแจ็คกับบอย
 
      “ไปทานข้าวกันยังวะ “แจ็คถามผม ผมกับธรรณ์พยักหน้าพร้อมกัน
 
      “แล้ว” ผมพยักเพย้อไปที่ห้องพวกนั้น
 
      “กูเห็นพาย เดินลงไปก่อนพายบอกว่าไอ้ติ๊กมันอยู่ในห้องนั้นวะ” ไอ้แจ็คพูด ผมก็ทำท่าตกใจ
 
      “หรือว่ามันสามคน”
 
      “พอกันเลยนะทั้งคู่คิดอะไรเนี๊ยะ บอยว่าไม่หรอก” บอยพูดและหันมาต่อว่าผมสองคนด้วยสายตา
 
      “งั้นไปเรียกมันสามคนกันวะ” ผมบอกไอ้แจ็ค ไอ้แจ็คมันก็พากันเดินไปและเคาะประตูห้องนอนไอ้ดิว และรอสักพักก็มีคนเดินมาเปิด นั้นคือไอ้ดิว ที่เพิ่งอาบน้ำแต่ยังไม่ได้แต่งตัว ผมก็มองพวกมันคกลงไอ้ดิวมันรวบทำเมียทั้งสามคนเลยใช่ไหมว่ะ

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)( หลุยส์Xธรรณ์ )พระเอกจำเป็นและธรรณ์เขาก็มาเพื่อหลุยส์อยู่แล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-10-2020 21:17:20
เราไม่ถนัดแนว Mpreg แต่ชอบดิวอ่ะ ไม่รู้สิ อาจจะด้วยชื่อ 555
ยังอ่านไม่จบนะ ตอนนี้ชอบดิวแอ้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)( หลุยส์Xธรรณ์ )พระเอกจำเป็นและธรรณ์เขาก็มาเพื่อหลุยส์อยู่แล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-10-2020 07:14:30
เราไม่ถนัดแนว Mpreg แต่ชอบดิวอ่ะ ไม่รู้สิ อาจจะด้วยชื่อ 555
ยังอ่านไม่จบนะ ตอนนี้ชอบดิวแอ้
 :pig4:
:pig4: :pig4:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)( ดิวXแอ้ ) ดิวหึงแอ้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 14-10-2020 07:16:00

ดิวหึงแอ้               

          ดิว     ผมกลับมาถึงก็ตรงเข้าไปในห้องออกกำลังกายทันที ไม่พูดไม่จาไปลงกับไอ้เครื่องออกกำลังกายแทน ผมหึ๋งแอ้มากวันนี้ ก็ดันเจอไอ้พี่ภาณุ ผมไม่รู้มาก่อนว่าพี่เขาอยู่ที่นี้ด้วย ผมเคยเจอนะพี่เขาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่แอร์และมันก็แสดงอาการจีบแอ้อย่างชัดเจน   และที่สำคัญพี่แอร์ก็ดันไม่ชอบหน้าผมอีกด้วย นี้ขนาดอยู่คนละทียังอุตสาให้ไอ้นี้มาตามจีบแอ้อีก ผมโหนบาร์ขึ้นลงอย่างหัวเสีย

   “ดิว” แอ้เดินเข้ามาในห้อง ผมก็หยุดค้าง ผมหันไปมองแอ้ก่อนจะดันตัวให้ลงมายืนที่พื้น ผมหันไปคว้าผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อของผมก่อนจะหันไปมองแอ้แบบเต็มๆ

   “มึงอย่าทำแบบนี้ได้ไหมว่ะ “ แอ้ยืนเอามือเท้าซะเอวมองหน้าผม แอ้พูดบอกไม่ให้ผมหึงนี่นะ พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมายาวๆ 

   “ดิวไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะแอ้ ไอ้พี่ภาณุมันจะมาจีบแอ้อีกแล้วอ่ะ และนี้ก็แผนพี่แอร์ “ ผมพูด ผมยืนมองแอ้

   “พี่แอร์เขาไมได้ทำอะไรซักหน่อยนะดิว” แอ้หันมาพูดและมองหน้าผม

   “พี่แอร์นะหาเรื่องให้แอ้และดิว แอ้ก็เห็น แต่เหตุผลอะไรดิวไม่รู้ รู้แค่ว่าพี่แอร์นะมารของดิว” ผมพูด แอ้ถึงกับต้องส่ายหัวให้ผมเพราะผมกำลังงี่เง่าอยู่ไง

   “ไอ้ดิวนั้นมันพี่กูนะ” แอ้พูด

   “จะว่าพี่หวงน้องก็ไม่น่าใช่อ่ะ มันต่างกับที่พี่อ้นทำนะแอ้ ” ผมหันไปพูดกับแอ้ ผมรู้ว่าแอ้ไม่เชื่อที่ผมพยายามบอกว่าพี่แอ้ไม่เหมือนรักแอ้จริงๆ หรอก

   “มึงนี่งี่เง่าว่ะ “ แอ้ทำท่าจะหันหลังออก ผมก็ดึงแอ้ให้หันหลังกลับมาหาผมอย่างเร็วแอ้เลยไม่ทันตั้งตัวที่จะต่อต้านผม ผมดันแอ้ไว้ติดฝาพนัง แอ้มองหน้าผม ผมรวบข้อมือของแอ้ขึงไว้และใช้ลำตัวดันร่างแอ้ไว้ชิดติดกำแพง แอ้พยายามดันผมออกแต่ก็ไม่เป็นผล แอ้นะเก่งด้านกลยุทธิ์แต่ดิ้วเน้นใช้กำลัง

   “ไอ้ดิว อย่า  เดี๋ยวไอ้ติ๊ก...มัน...”แอ้จะร้องห้ามและจะบอกว่าไอ้ตัวดีจะโผ่เข้ามาในห้องนะเหรอผมแค่ยิ้มที่มุมปาก

   “อืมม”ผมประกบปากแอ้ เพราะความหึงล้วนๆของผม ผมรวบแขนแอ้ไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือก็ลุบไล้ไปตามลำตัวแอ้ไปจนถึงยอดประถุมถัน แอ้ทั้งต้อต้านและแอ่นสู้มือผมไปพร้อมกันๆ
   
   “อ๊ะ…อย่า… อ๊ะ…อ้าห์ …ดิว “ แอ้ร้องเรียกชื่อผม แม้จะพยายามห้ามแต่ก็แอบครางไปด้วย ผมก็ยิ่งรุกหนักขึ้น

   “อย่า...ดิว...ไม่...เอา..ดิวหยุด...กูบอกให้หยุด...”แอ้มันพูดติดๆขัดๆเพราะว่าผมประกบปากจูบแอ้ แอ้ยิ่งห้ามผมผมก็ยิ่งรุก ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนผมสองคนเหนื่อยหอบไปด้วยกัน

   “ฟู่” ผมพ่นลมออกจากปากเมื่อรู้ว่าผมเริ่มสงบ ผมเห็นสายตาแอ้ที่มองผม ผมรู้ว่าแอ้ไม่ชอบให้ผมทำแบบนี้ คือถ้าแอ้บอกให้ผมหยุด ผมควรจะหยุดแต่นี้ผมไม่ยอมหยุด เพราะอารมณ์ที่ครุกรุ่นตั้งแต่เห็นคนอื่นพยายามจีบแอ้ที่เป็นแม่ของลูกผมแบบนี้  ผมมองแอ้ แอ้ก็มองผมกลับ ผมยังคงใช้แขนดันกำแพงไว้ระหว่างลำตัวของแอ้

   “ดิวขอโทษ...ดิว...แค่..หึงอ่ะ” ผมพูดบอกแอ้เมื่อผมรู้สึว่าตัวผมเย็นลงแล้ว

   “มึงไม่ควรหึงกรู แบบนี้นะดิว “ แอ้พูดและดันตัวผมออก แอ้ทำท่าจะเดินออกไปแต่ผมคว้าแขนแอ้ไว้

   “ทำไมอะแอ้...”ผมถามแอ้ แอ้ได้แต่ยืนนิ่ง

   “กู..เออ...” แอ้หันมาทำท่าจะตอบผมแต่ก็เงียบ

   “ไม่ใช่แฟน แอ้จะบอกว่าเราไม่ใช่แฟนกัน แล้วเราเป็นอะไรกันแอ้...? ” ผมถามแอ้กลับ ผมมองหน้าแอ้ สายตาผมชอนไชเพื่อหาคำตอบจากปากแอ้ แอ้ยืนนิ่งเงียบ 

   “แต่มันก็จริงนะเราไม่ใช่แค่แฟนแล้วนะแอ้ เราเป็นมากกว่านั้นไปแล้ว มันก้าวผ่านคำนั้นไปนานแล้วแอ้..” ผมพูด แอ้ได้แต่ก้มหน้า แอ้ไม่พูดอะไรเลย

   “แอ้คือทุกอย่างของดิวและ...ลูก”ผมพูดบอกแอ้ ผมกลัวเหลือเกินกลัวว่าเขาจะไม่อยากไปต่อกับผมเพราะแอ้คิดมากตลอดเรื่องในอนาคต กลัวอะไรต่างๆนานา ทั้งทีมันยังมาไม่ถึงซะหน่อย
           
   “กูจะขึ้นไปอาบน้ำแล้วดิว “ แอ้ดันผมออกและเดินเลี่ยงผมขึ้นไป ผมไม่รู้ว่าทำไมแอ้ถึงไม่ยอมรับใจตัวเองซะที ถ้าแอ้ไม่รักผมก็คงไม่ยอมผม เพาะว่าแอ้ก็ขืนผมได้  ก็แอ้มันนะนะคาราเต้สายดำเลยนะ แต่ผมคนรักการต่อยมวยเท่านั้น ดังนั้นแอ้มันก็สู้ผมได้สบายแต่แอ้มันก็ยอมให้ผมกระทำใสตลอดได้ นั้นแปลกว่าแอ้ก็ต้องมีใจแต่แอ้จะฝืนใจตัวเองไปเพื่ออะไร ผมไม่เข้าใจจริงๆ และะยิ่งผมกับแอ้มีพยานรักกันขนาดนี้แล้วด้วย แต่มันเสียแค่ ผมเปิดเรื่องแอ้ไม่ได้ แม้กระทั้งจะบอกพวกเพื่อนๆผมว่าเราคบกันยังทำไม่ได้เลย ก็ไอ้ตำแหน่งบ้าบอที่คำคอผมอยู่ด้วยอีก   ผมนั่งลงใช่ฝามือประกบใบหน้าของผม
-------------------------------------------------------------------
แอ้
   ผมเดินออกมาจากห้องที่ไอ้ดิวมันออกกำลังกาย ปากเจ่อออกมาหน่อยๆเพราะว่าวันนี้ไอ้ดิวมันบดขยี้ปากผมแบบรุ่นแรงและนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มันเล่นบทรักได้ฮาร์ด ซึ่งปกติจะนุ่มนวล หรือถ้าเกิดผมบอกว่า”ไม่ “   มันก็จะหยุดมันที แต่นี้ผมบอก”ไม่” มันก็ยังไม่หยุด และมันก็มาจากอาการหึงของมันล้วนๆ  ก็ผมดันไปเจอพี่ภาณุที่โรงรียน เขาเรียนอยู่ที่นี้โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนและพี่แอร์ก็ไม่เคยบอกผมเช่นกัน

   “แอ้” ผมสะดุ้งเพราะว่าไอ้ติ๊กมันแอบอยู่ที่มุมเสา

   “ว่าไงติ๊ก กูตกใจหมด” ผมพูด แต่ที่ผมตกใจคือว่ามันคงไม่ไปแอบฟังผมกับดิวคุยกันหรอกนะ

   “มึงไปไหนมา” ไอ้ติ๊กมันถามผม

   “ก็...เออ..กู ..ไป..วิ่งมา” ผมบอกไอ้ติ๊ก จะบอกว่าไปห้องยิมก็ไม่ได้เพราะว่าในห้องนั้นมีไอ้ดิว นี้ผมจะต้องปวดหัวพร้อมกันสองเรื่องเลยใช่ไหม เรื่องติ๊กและมาเรื่องพี่ภาณุอีก

   “จริงเหรอ...”ไอ้ติ๊กมันเดินเข้ามาหาผมและมันก็เอานิ้วมันแตะตามเสื้อผม

   “ดูเปียกๆ กูเชื่อมึง”ไอ้ติ๊กมันพูด จริงๆแล้วผมไม่ได้วิ่งและที่เสื้อเปียกนี้ก็เพราะว่าฟัดมากับไอ้ดิวล้วนๆเลย

   “งั้นกูขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ กูอาบน้ำห้องกู ก่อนที่ไอ้ดิวมันจะขึ้นไปอาบ” ผมบอกไอ้ติ๊กทันที ผมขี้เกียจไปนั่งรออาบน้ำทีหลังมันอีกจะได้มีเวลาพักบ้าง ช่วงนี้รู้สึกเพลียๆยังไงก็ไม่รู้

   “ก็ได้แอ้” ติ๊กมันพูด ผมก็ทำท่าจะเดินขึ้นแต่

   “หมับ” ติ๊กมันจับแขนผมและกระชากผมกลับ

   “เฮ้ย!” ผมตกใจซิครับ ผมหันมาเอ็ดมันว่ามันทำอะไร มันเล่นอะไรของมัน ทำให้ผมเกือบจะหงายหลังแล้วไหมละ

   “ฟื้ด!!” ติ๊กมันดึงตัวผมเข้าไปสูดดมเสื้อนักเรียนของผม และก็มองหน้าผมเหมือนกับว่าเขากำลังใจความคิด

   “แอ้...นี้มันกลิ่นน้ำหอมใครวะ ไม่ใช่กลิ่นประจำมึงนิ”ติ๊กถามผมด้วยน้ำเสียงที่บอกว่ากำลังจะเข้าสู่โหมดเข้าดราม่าอีกแล้ว

   “อ้อ พี่กูซื้อให้ใหม่นะ ทำไมอ่ะ ไม่หอมเหรอ” ผมถามไอ้ติ๊กด้วยน้ำเสียงที่กลบเกลือนไว้เพราะว่าน้ำหอมนี้มันกลิ่นที่ไอ้ดิวใช้

   “หอมวะ แต่มันเข้มไปสำหรับมรึงวะแอ้ ไม่เหมาะกับมึงหรอก” ไอ้ติ๊กพูดด้วยน้ำเสียงที่ซอร์ฟลง  ผมก็ยิ้มๆ ผมแอบด่าไอ้ดิวในใจนี้มึงหาเรื่องให้กูชัดๆเลย ผมก็เดินกลับขึ้นไปชั้นสองของบ้านทันที ผมเห็นพายกำลังจะเปิดประตูเข้าห้องพอดีเลยและติ๊กมันก็ตามผมขึ้นไปเช่นกัน

   “ถ้าอย่างนั้นกูอาบน้ำห้องกูเลยนะติ๊ก” ผมบอกไอ้ติ๊ก พายมันก็มองไอ้ติ๊กเช่นกัน

   “มึงให้แอ้มันอยู่ติดห้องมันบ้างเหอะไอ้ติ๊ก”พายพูดขึ้นทันที

   “เออ...มึงอาบห้องมึงและเดี๋ยวกูจะเอาการบ้านไปทำที่ห้องมึงว่ะแอ้” ติ๊กพูดและเดินแทรกพายเข้าห้องไป ผมก็ยิ้มให้พายนึกขอบใจเช่นกัน พายพยักหน้าให้ผม ผมรีบเข้าไปอาบน้ำทันที ผมดมเสื้อนักเรียนกลิ่นน้ำหอมทีดิวมันใช่ คือกลิ่นนี้ผมซื้อให้มันใช้และมันขอบมาก ผมเคยไปดมดูที่บรูธตอนที่เขาเอามาโปรโมทช่วงที่ออกใหม่ ผมยอมรับว่าผมดูแลมันทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่กางเกงในยังต้องซื้อให้มันเลย ถ้าติ๊กมันรู้ผมคง…ไม่อยากจะคิด

   “ดิวกูอยากรักมึงแต่กูกลัวถ้าหากเป็นจริงอย่างที่พ่อพูดว่าถ้าลูกๆรับไม่ได้ที่จะมีพ่อสองคน มีครอบครัวที่ไม่เหมือนธรรมชาติอย่างคนอื่นเขา กูกลัววะดิว “

   “และถ้าเกิดต้องมีหนึ่งคนที่เสียสละ และคนนั้นก็ควรจะเป็นกูเองเพราะลูกๆต้องการมึงดิว” ผมพูดกับตัวเองที่หน้ากระจกในห้องน้ำ ก่อนที่ผมจะเข้าห้องน้ำเปิดน้ำชำระร่างกาย ผมใช้เวลาไม่นานเพราะถ้าไอ้ดิวขึ้นมามันก็จะไม่ยอมให้ผมอาบน้ำอย่างเดียวแน่ๆ นี้ขนาดพ่อบอกว่าให้ถนอมผมหน่อยนะ มันยังแอบอึบๆผมซะเลย

   “อ้าวติ๊กมานานหรือยังวะ”ผมออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นไอ้ติ๊กมันเปิดหนังสือรอทำการบ้าน พอผมออกมาไอ้ดิวก็เปิดประตูเข้ามาเช่นกัน ไอ้ดิวเห็นผมกับไอ้ติ๊กก็ตกใจ

   “เออ...วันนี้เปลี่ยนที่สวีทกันหรือไง”ไอ้ดิวมันถามผมกับติ๊ก ผมรู้ว่ามันแซวมผมกับไอ้ติ๊ก ผมนะแปลกใจที่ว่ามันไม่ได้รู้สึกหึงผมกับติ๊กเหมือนที่มันหึงผมกับพี่ภาณุเลย

   “ก็อยากอยู่ห้องนี้บ้างทำไมอ่ะ อยู่ไมได้เหรอ” ติ๊กมันถามดิว

   “ ได้งั้นแอ้ไปวะ”ติ๊กมันพูดและทำท่าจะลุกแต่

   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ “ ดิวมันพูดและฮำเพลงของมันไป

   “งั้นอาบน้ำนะ จะแอบดูด็ได้นะ ไม่เคยล๊อกประตู” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองไอ้ดิว ไอ้ติ๊กมันก็ปาหมอนตามหลังมั้นเข้าห้องน้ำไป ผมก็เช็ดผมตัวเองให้แห้งและนั่งลง เริ่มทำการบ้านกันบนเตียงนอนของผม วิชาที่ผมถนัดก็คือคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และการบ้านพวกนี้พวกผมก็ผ่านกันมาหมดแล้ว ต้องมาทำซ้ำอีก

   “จะได้เวลาทานอาหารเย็นแล้ววะติ๊ก “ ผมเหลือบมองเวลาและหันไปบอกกับติ๊กมัน ติ๊กมันพยักหน้า

   “เดี๋ยวขึ้นมาทำต่อแล้วกันวะติ๊ก”ผมบอกมันมันก็ยพยักหน้า ไอ้ดิวมันกลับเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำและมันก็เดินออกมา ระหว่างนั้นไอ้ดิวก็อาบน้ำเสร็จพอดี ไอ้ดิวมันเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพันกายแบบหมิ่นๆ เผยให้เห็นแผ่นอก ผมเหลือบมองแต่ก็ต้องหันหนีเพราะว่าไอ้ติ๊กมันแอบมองผมอยู่ ผมก็เลยเปลี่ยนเป็นเก็บของแทนแล้วกัน (ถึงเห็นดิวบ่อยแค่ไหนมันก็ทำให้ผมหวันไหวทุกที)

   “แอ้...สั่งน้ำหอมให้ใหม่ดิ อันนี้มันจะหมดแล้ว”ผมกำลังเก็บของอยู่ไม่ได้หันไปมองไอ้ดิวแต่ด้วยความเคยชินเลยบอกมันไปว่า
                       
   “ก็มีอีกขวดไงดิว ที่เคยสั่งมาแต่ดิวบอกไม่ค่อยชอบอ่ะ ใช้ไปก่อนดิดิว “ ผมพูดแต่ดันลืมไอ้ติ๊กมันอยู่นี้ในห้องนี้กับพวกผม ไอ้ติ๊กมันมองหน้าผม

   “มึงสั่งน้ำหอมให้ไอ้ดิวด้วยเหรอว่ะ “ ติ๊กมันถามผม และหันไปมองไอ้ดิว

   “เออ....คือ....”ผมนี้ไปไม่ถูกเลยครับจะแก้ตัวยังไงละทีนี้

   “ก็ไม่เห็นแปลกนิ แอ้มันสั่งให้ประจำ โดยเฉพาะกลิ่นนี้โคตรหอมเลย แต่จะหมดแล้ว” ไอ้ดิวมันพูดและโชว์ขวดน้ำหอมที่มันใช่ประจำ Christain Dior Sauvage EDT   ติ๊กหันไปมองและลุกไปหาดิว เพื่อหยิบจากมือไอ้ดิวมาและดม ดมอยู่หลายทีก่อนจะหันมามองผม ผมว่ามันคงเดาอะไรบางอย่างได้ผมไม่น่าเลย กลิ่นน้ำหอมที่ได้ดิวใช่ กลิ่นมันจะแรง

   “หอมดีวะ หอมมากด้วย กูว่ากูได้กลิ่นมากจากที่ไหนสักทีวะ” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมหันหน้าไม่อยากสบตามันเลย ผมรู้ว่ามันหมายถึงผม กลิ่นที่ติดเสื้อผมอยู่ไง

   “ที่ไหนอ่ะ เคยมีเหรอ”ดิวมันถามไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กส่งน้ำหอมขวดนั้นคืนให้ดิวและหันมามองผม

   “ไม่อ่ะ กูไม่ชอบเพราะว่าไอ้คนที่เป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมยี่ห้อนี้และกลิ่นนี้” ติ๊กมันพูด

   “มันทะเลาะกับกูตอนที่ไปออกงานและมันทำให้กูฟาดมันไปด้วยรองเท้าหนังหัวตัด” ไอ้ติ๊กมันพูด ผมก็รู้เรื่องนี้และใครก็รู้เพราะว่าเป็นข่าวครึกโครมกันเลยทีเดียว พร้อมกับสงครามน้ำลายสาดกันไปมาระหว่างดาราคนนั้นกับติ๊กและผู้จัดการของติ๊ก

   “ทำไมมึงสั่งอันนี้วะแอ้” ติ๊กมันหันมาถามผม

   “คือว่าเออ..กูไม่รู้เรื่องน้ำหอมอ่ะ กูเลยสั่งมั่ว” ผมแก้ตัวไป ดิวก็มองผมและติ๊กสลับกันไปมา

   “ก็แค่น้ำหอมติ๊กมึงจะอะไร ไอ้นั้นมันก็ส่วนไอ้นั้นดิวะ “ไอ้ดิวมันก็เอาขวดน้ำหอมกลับไปและมันก็มองผมอีก ตอนนี้โคตรอึดอัดเลยผมนะ

   “อืมม..ก็แค่น้ำหอม..จริงของมึงวะ งั้นกูลงไปทานข้าวเลยแล้วกัน “ติ๊กมันพูดและเก็บสมุดการบ้าน ผมก็มองว่าใครบอกว่าจะมาทำการบ้านที่นี้ไง ผมเองก็อยากให้ทำที่นี้เพราะว่าผมทิ้งไอ้ดิวมันอยู่คนเดียวมาจะสามวันแล้ว

   “กูจะทำที่ห้องกู มึงก็ตามใจแล้วกันแอ้ …. กูเบื่อที่จะ” ติ๊กมันพูดและก้มลงเก็บของทุกอย่าง
           
   “เออ..กูไปทำ...ที่ห้องมึงก็ได้วะ” ผมพูดและรีบเก็บสมุดทั้งหมดจะได้ตามไอ้ติ๊กไป แต่ว่าดิวมองหน้าผม ว่าทำไมผมยอมไอ้ติ๊กอีกแล้วถ้ามันรู้เหตุผลมันจะเข้าใจ ผมรู้สึกตลอดเวลาและรู้สึกอึดอัดที่ผมกับเป็นคนกลางระหว่างมันสองคน

   “และจะให้แอ้มันนอนห้องมึงอีกไหมวะ ติ๊ก”ดิวถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าดิวและมองหน้าผม

   “กูว่า กูเริ่มจะหมดความอดทนว่ะติ๊ก มึงงี่เงาวะ นี้ห้องนอนกูกับแอ้ มึงให้มันไปนอนเบียดมึงทำไมวะ “ ดิวพูดผมหันกลับไปมองไอ้ดิว ผมแอบส่ายหัวว่าอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่

   “ทำไมวะติ๊ก มึงเป็นอะไร! “ดิวมันถามติ๊ก ดิวมันยืนเอามือเท้าซะเอวมองผมกับติ๊ก

   “กูซิต้องถามมึงสองคนมีอะไรปิดกู” ติ๊กมันหันมามองหน้าผมกับไอ้ดิวสลับกันไปมา ดิวมันเดินเข้ามาผมก็มองไอ้ดิว ผมส่ายหัวเพราะดูแล้วไอ้ดิวมันกำลังจะ

   “มึงปิดบังอะไรกูละ ช่วงสามปีมานี้นะ “ติ๊กหันพูดและมองหน้าผมสองคน

   “กูก็ไม่อยากปิดแต่เพราะมึงแม่งโคตรงี่เง่าไง และกูกับแอ้ก็คิดว่ามึงคงจะไม่ฟังใครแบบนี้ด้วยไง”

   “แต่กูว่ากูก็ควรจะบอกมึงว่า ….” ดิวมันทำท่าจะพุดแต่ผมส่ายหัวว่าอย่านะดิว

   “กูกับแอ้ “ไอ้ดิวมันย่างเท้าเข้ามาอยู่ตรงหน้าติ๊กและผม ตอนนี้เราสามคน ไอ้ติ๊กมันก็รอฟัง

   “กูกับแอ้”

   “มีลูกด้วยกัน” ไอ้ดิว ติ๊กมันถึงกับอึ้ง ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ดิวทำไมมันเลือกที่จะบอกตอนนี้

   “ลูกหมานะติ๊ก กูชอบหมาไง พอดีมีคนให้มันมาและกูก็อยากได้เฉยๆแต่พ่อกูไม่ให้กูก็เลยให้เป็นหมาของไอ้ดิวมัน.... “ ผมหันไปมองไอ้ดิวและแอบส่งส่ายตาว่าอย่านะ อย่าพูดเรื่องนี้ ดิวมันก็ส่ายหัวนั้นคือมันไม่อยากเก็บไว้อีก

   “ไอ้ดิวมึงจะพูดจาสองแง่สองงามกันทำไมวะ” ผมถามไอ้ดิว

   “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูเข้ามาขัดจังหวะพอดี

   “เข้ามาได้เลยไม่ได้ล๊อก”ไอ้ดิวมันตะโกนออกไปว่าไม่ได้ล๊อก และคนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือไอ้แจ็ค มันตกใจที่เห็นพวกผมอยู่กันสามคนอีก

“เฮ้ยย จะ...ไป..ทานข้าวกันได้ยังวะ” ไอ้แจ็คมันเปิดประตูเข้ามาตามพวกผม มีไอ้หลุยส์ ธรรณ์และบอยด้วย

   “ดูหน้าตาแต่ละคนคุสาดมาก มีอะไรกันวะ “ ไอ้แจ็คมันถามผม ไอ้ดิวมันหันหลังพ่นลมหายใจออกมา ผมหันมามองหน้าไอ้ติ๊ก ผมไม่รู้ว่ามันเชื่อที่ดิวพูดหรือผมพูดกันแน่ ไอ้แจ็คมันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบอยและไอ้หลุยส์และธรรณ์และก็ตามมาด้วยพายอีกคน แต่ละคนมองหน้าพวกผม

   “มีอะไรกันวะ” ไอ้หลุยส์มันถามขึ้น

   “ผัวเมียตีกันอีกแล้วหรือไงวะ” ไอ้แจ็คมันพูด ผมหันไปคว้าหมอนจะปาใส่มัน มันรีบหลบหลังไอ้หลุยส์ทันที

   “ไอ้ดิว...มึงบอกให้กูฟังใหม่ดิว่าตกลงมึงสองคนมีลูก หรือลูกหมากันแน่” ไอ้ติ๊กมันถาม ผมก็กำลังจะอ้าปากแต่ไอ้ติ๊กมันยกมือห้ามผม

   “ลูกอะไรวะ ใครมีลูก” ไอ้แจ็คมันถามขึ้นและมองหน้าผมกับไอ้ดิว

   “ลูกห้อยลูกโหนหรือเปล่าในกางเกงในพวกมึงนะ...ฮาๆ...ฮา...งื้ด!”ไอ้หลุยส์พูดแต่ไม่มีใครขำสักคนนอกจากไอ้แจ็คมันหันไปแตะมือกับหลุยส์แต่สายตาบอยบอกว่าไม่ขำและธรรณ์ก็หันไปเอ็ดไอ้หลุยส์อีกคนทั้งคู่มันเลยหยุดแซวผม มีแค่บอยที่มองผมด้วยสายที่เป็นห่วงผม

   “แจ็ค” บอยหันบอกให้ไอ้หลุยส์กับไอ้แจ็คหยุดเฮฮากันเพราะพวกผมยังคงดราม่ากันอยู่

   “ว่าไงไอ้ดิว!” ไอ้ติ๊กมันขึ้นเสียง

   “ลูกหมา กูมีลูกหมากัน เพราะแอ้มัน...รักหมามาก แต่หมาบางตัวนะ มันเลี้ยงไม่เชื่องหรอกวะ แต่แอ้มันก็ยังอยากจะเลี้ยง และรักมัน ตามใจมัน แต่หมาแม่งก็ไม่รักดีกัดแม่งจนเจ็บมันก็ยังรักหมาตัวนั้น “ไอ้ดิวมันพูดและมันหันมามองหน้าผม ผมรู้ว่ามันถึงผมนะที่ให้ท้ายให้ติ๊กตลอด

   “ คล้ายๆกับชาวนากับงูเหา เพราะว่า มันก็อาจจะย้อนมากัดมึงเจ็บถึงตายได้เลย ” ไอ้ดิวก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อแต่งตัว

   “เออ...กูงงชิบหายเลยวะ ตกลงลูกอะไรวะ”

   “แล้วชาวนากับงูเห่ามาเกี่ยวอะไรกับลูกหมาอีกวะพวกมึงเล่นมุขเชี้ยอะไรกันเนี๊ยะ “ ไอ้แจ็ค
           
   “ตกลงลูกอะไรกันแน่วะ “ ไอ้หลุยส์มันพูด

   “ลูกหมา”ผมพูดแค่นั้น ติ๊กมันหันมามองหน้าผม สายตามันบอกได้ว่ามันเสียใจ ผมก็เสียใจเหมือนกันที่ต้องปิดมัน ไม่ซิปิดพวกมันทุกคน บอยมองผมเหมือนกับว่าเขาจะเข้าใจผมยังไงก็ไม่รู้

   “งั้นก็ลงไปกินข้าวกันเถอะว่ะ หิววะ “ ไอ้หลุยส์มันพูดและลูบท้องมันไปด้วย และทุกคนก็แยกย้ายกันลงไปรอทานข้าว พายมองผมกับติ๊ก

   “แอ้ไปกินข้าวกันเถอะว่ะ ติ๊กด้วย” พายบอกผมสองคน ติ๊กมันเดินชนผมและออกไปทันที ผมนี้เซ่แทบจะล้มเลย

   “ไอ้เชี้ยนี้มึงนี้บ้าไม่ต่างกับหมาเหมือนกัน กูว่าที่ไอ้ดิวว่ามันคงเป็นมึงว่ะ” พายพูดขึ้นและเดิมาจับแขนผม ผมพยักหน้าว่าผมโอเค  ผมเดินตามพายออกมา ลงมาถึงชั้นล่าง ผมไม่เห็นไอ้ติ๊กแล้วมันเดินเข้าไปห้องทานอาหารหรือยังก็ไม่รู้

   “มึงโอเคไหมวะแอ้ กูว่ามึงดูไม่โอเคเลยวะ “ พายถามผม พอดีว่าบอยเดินออกมาพอดีเลย

   “บอยจะไปไหนอ่ะ ไม่..” พายถามบอย บอยก็มองมาที่ผม

   “บอยมีเรื่องจะคุยกับแอ้นะ พาย ..ขอเวลาแป๊ปหนึ่งนะ “บอยบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม พายก็พยักหน้า

   “จะคุยเรื่องลูกหมานะ บอยก็ชอบนะ”บอยบอกพาย พายก็ยิ้มๆ และเดินเข้าไปก่อน บอยเดินมาจับมือผมไว้

   “ไปคุยตรงโน้นดีกว่าแอ้” บอยบอกผม ผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นอีกห้อง  บอยหันไปมองว่ามีใครตามผมสองคนมากันไม่แต่คงไม่มี

   “แอ้....บอยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะแต่บอยรู้สึกว่าแอ้แบกมันเยอะมากนะ “ บอยพูดผมหันไปมองหน้าบอย

   “และบอยคิดว่าเราคงตกในสถานการณ์เดียวกันด้วยมั้ง” บอยพูด ผมเงยหน้ามองบอย ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจที่บอยพูดเท่าไหร่

   “คือ..เรื่องลูกนะ...แอ้มีลูกได้จริงๆเหรอ” บอยถามผม ผมก็ตกใจในคำถามของบอย

   “มีได้ไง..เราไม่ใช่ผู้หญิงนะบอย...และ..เราจะไปมีกับใครละเราไม่..”

   “ดิว”บอยพูด ผมก็มองหน้าบอย เหงือกเริ่มไหล่

   “และบอยก็เชื่อว่าที่ดิวปฏิเสธที่จะไม่ทำตามที่เขาเลือกให้ดิวต้องทำเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน “บอยพูดผมหันมามองหน้าบอย ผมพูดไม่ได้เช่นกัน

   “บอยขอโทษนะ ถ้าแอ้ยังไม่พร้อมจะคุยกับบอยก็ไม่เป็นไร วันหนึ่งเราคงพร้อมจะเปิดใจคุยด้วยกัน ...งั้นไปทานอาหารเย็นกันเถอะ เพื่อนๆรออยู่ “ บอยพูดผมก็พยักหน้าและเดินออกมาผมก็เจอติ๊ก กำลังเดินออกมาพายคงบอกว่าบอยขอคุยกับผมแน่นอน

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)( ดิวXแอ้ ) ดิวหึงแอ้
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-10-2020 09:39:22
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg) ภาค ดิวXแอ้ X ติ๊ก ความลับที่มีแต่เจ็บ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 16-10-2020 07:32:38
      
             
ภาค ดิวXแอ้ X ติ๊ก  ความลับที่มีแต่เจ็บ

                Part แอ้ ผมก็ไม่คิดว่าบอยจะถามผมเรื่องนี้ แสดงว่าบอยรู้เรื่องผู้ชายตั้งครรภ์ได้แน่ๆ แต่ผมยังไม่ได้บอกอะไรกับบอยผมว่าผมควรจะคุยกับดิวก่อนจะดีกว่า ผมสองคนเดินออกมาพร้อมกัน ผมก็เจอติ๊ก กำลังเดินจากห้องอาหารเช่นกัน พายคงบอกว่าบอยขอคุยกับผม

      “กำลังจะมาตามไปทานข้าวนะเดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อนนะบอย” ติ๊กพูดขึ้น บอยหันมามองหน้าผมยิ้มๆ และเดินเลี่ยงเข้าไปก่อน ผมก็จะเดินตามแต่ติ๊กมันดึงแขนผมไว้

      “ติ๊ก เป็นอะไร” ผมถามติ๊กเพราะว่ามันบีบแขนผมจนรู้สึกเจ็บ

      “แค่นี้ไม่เจ็บหรอกแอ้ กูเจ็บกว่ามึงอีก “ติ๊กพูดและมองหน้าผม

      “ฟัดกันนัวเลยดิจนน้ำหอมติดเสื้อขนาดนี้” ไอ้ติ๊กมันพูดเชิงกระซิบกับผมสองคน จังหวะนั้นไอ้ดิวมันเดินลงมาพอดี ติ๊กมันเลยรีบปล่อยแขนผมซะก่อนที่ไอ้ดิวมันจะเห็น ไอ้ดิวหยุดมองหน้าผมและติ๊กสลับกันไปมา ผมเองที่หลบสายตามัน และติ๊กก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปในห้องอาหารก่อน

      “มันทำอะไรอีก” ดิวถามผม

      “ไม่มีอะไรหรอก “ ผมตอบแค่นั้นสั้นๆและทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องอาหาร

      “หมับ!” ดิวจับแขนผม ข้างเดียวกับที่ติ๊กมันบีบแต่ผมกัดฟันเพื่อไม่ให้ดิวมันรู้และมันจะถามผมจนเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ผมหันมามองหน้ามัน

      “แอ้!” ดิวมันเรียกผม นั้นแปลว่ามันกำลังจะคาดคั้นเอาความจริงจากผม

      “ก็บอกไม่มีไงดิว”ผมพูดพร้อมกับหันไปสอบตาดิว ผมยอมรับว่าสายตาผมแข็งกร้าว ดิวและดิวมักจะยอม ดิวก็พยักหน้าและผมกับดิวก็เดินเข้ามาด้านในพร้อมกันโดยไม่พูดอะไรอีก  ผมมองที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่สองตัวติดกัน ไอ้ติ๊กมันไปนั่งติดกับพายและธรรณ์และก็บอย

      “นั่งซิแอ้ ทานข้าวกัน” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าไอ้ดิวมันก็เลื่อนเก้าอี้ให้ผมก่อนและมันก็ไปนั่งตัวถัดไป ผมหันไปมองมันไอ้นี้มันทิ้งระเบิดให้ผมอีกแล้ว

      “มึงจะเลื่อนเก้าอี้ให้กูทำไม” ผมกระซิบกับมันแบบว่าไม่ให้ใครสังเกตุได้ไอ้ดิวมันก็ตักอาหารทานทำเหมือนกับว่ามันไม่ได้ยินที่ผมพูดกับมันแต่มันก็ยิ้มที่มุมปากกลับมาให้ผม

      “อ่ะ ทานปลาเยอะๆ” ไอ้ดิวมันตักปลาให้ผมและมันยังบอกผมอีกนะว่าให้ผมกินปลาเยอะ เหมือบกับที่ผมชอบบอกลูกๆหรือเปล่วว่ากินปลาเยอะๆจะได้ฉลาดๆ นี้มันว่าผมนิ ผมสะบัดหน้าไปมองไอ้ดิว มันแอบยิ้มโดยที่ไม่หันมาหน้ามามองผม และมันก็คอยตักแต่ปลามาเติมให้ผมตลอดจนทุกสายตามองมาที่จานของผม

      “นี้มึงไม่คิดจะให้แอ้มันกินหมูเห็ดเป็ดไก่กะเขาบ้างเหรอวะ ดิว”ไอ้แจ็คพูด บอยนี้แอบขำแต่มีคนที่หน้าบึ้งก็เป็นติ๊ก

      “กินปลาเยอะๆจะได้ฉลาดๆ”  ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามัน นี้มันว่าผมเหรอ ยังมายิ้ม

      “และนี้ ผักบุ้ง กินผักบุ้งเยอะๆ”

      “จะได้เป็นเต่าเหรอ” พายพูด ทำเอาทุกคนหันไปมองพายกันหมด

      “ฮาๆ “ ทุกคนหลุดขำหมดแต่ไม่ใช่สำหรับผมสามคน ดิว ติ๊กและผม ทำเอาทุกคนหยุดหัวเราะและหันมามองหน้าผมสามคนสลับกันไปมา มันแปลกมากกว่าทุกครั้งไง ผมเองก็อึดอัดที่สุด

      “ผักบุ้ง บำรุงสายตา กินเยอะๆ จะได้เห็นอะไรที่ชัดเจนมากขึ้น” ไอ้ดิวมันพูดอันนี้เน้นเสียงแบบชัดถ้อยชัดคำมาก ไอ้ติ๊กมันหันมาเหล่มองดิว

      “ครื้น” เสียงลากเก้าอี้ ติ๊กลุกพล้วดขึ้นทันที ติ๊กมองหน้าผมก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารทันที ผมหันมาดิว ทำแบบนี้ทำไมว่ะ

      “มันอิ่มแล้วเหรอวะ” ไอ้หลุยส์ถามทุกคน แจ็คมันยักไหล่มันไม่รู้เหมือนเช่นทุกคนบนโต๊ะอาหาร

      “โอ๊ย!! ลุกไปขนาดนี้มันคงจะยังไม่อิ้มมั้งหลุยส์” พายพูดและพายก็ลุกขึ้นเช่นกัน

      “แล้ว” หลุยส์มันก็ทำท่าว่าจะถามพายแต่คงนึกขึ้นได้ว่าไม่น่าจะถามมั้ง

      “อิ่มแล้วและพอดีว่าพายนัดพ่อเปรมดิ์ไว้จะโทรหานะ ไปก่อนนะทุกคน “ พายพูดและเดินออกไปทันที ผมหันไปมองไอ้ตัวดีที่นั่งทานอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      “แกร็ก” ช้อนทุกคันวางบนจานอาหารกันหมด ผมเดาได้ว่าทุกคนกำลังมองผมกับไอ้ดิวกันหมด

      “กูถามจริงๆเหอะวะ มึงสองคนคบกันป่ะ มีเชี้ยอะไรก็พูดมาดิว่ะ! ” ไอ้แจ็คยิงคำถามมาที่ผมสองคนทันที

      “กูก็เพื่อนกันมาตลอดพวกมึงก็เห็น” ผมเลยต้องเป็นคนตอบคำถามนี้แทน

      “บางครั้งมันไม่ใช่วะ และไอ้ติ๊กนี้เมื่อก่อนมันเป็นแบบนี้ ไม่ซิ มึงสามคนนะ ไม่เป็นแบบนี้วะ กูไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับพวกมามึงบ่อยเหมือนเมื่อก่อนมีแค่ไอ้ติ๊ก กูเข้าใจว่ามึงและไอ้ดิวตามอาภาไปพักที่ค่ายบ่อย “ ไอ้แจ็คมันพูดขึ้น

      “และกูรู้สึกได้ว่าติ๊กมันเสียใจว่ะ ที่มึสองคนเหมือน...มีอะไรที่ปิดบังมันและพวกกูด้วย เรายังเป็นเพื่อนกันไหมว่ะ เพื่อนที่เขาบอกว่าเกิดแม่งก็วันเดียวกันอ่ะ ” ไอ้แจ็คมันพูดแม้บอยจะแตะแขนแจ็คก็ตาม

      “ก็แค่บอกมาว่ะ แค่นั้น ตอนนี้มีแค่เรา มีแค่พวกเรา ถ้ามานั่งแตกคอกันแบบนี้ แม่งงานจะสำเร็จไหมวะ ดิว! ” ไอ้แจ็คมันพูดและหันมามองหน้าไอ้ดิวแทน

      “แจ็ค” บอยเรียกแจ็ค บอยสายหน้าว่าให้แจ็คมันพอ

      “ครืด!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออก โดยไอ้ดิว ดิวมันลุกพล้วดขึ้นทันที

      “แอ้ขึ้นห้องเถอะ” ไอ้ดิวมันบอกผมและมันก็ดึงแขนผมให้ลุกขึ้น พร้อมกันทุกสายตาของบอย แจ็คและหลุยส์ที่มองผมสองคน ดิวมันลากแขนผมขึ้นไปบนห้องพักทันที โดยไม่ได้หันไป             พูดอะไรต่อ ทิ้งไว้ซึ้งสายตาของทุกคู่ที่มองผมสองคนแบบไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่เข้าในเช่นกัน ทันทีที่มันลากผมขึ้นเข้ามาในห้องได้ไอ้ดิวมันก็ปิดประตูลง

      “ดิว..คือ..” ผมทำท่าจะอธิบายแต่ดิวยกมือห้ามผม ผมรู้ว่ามันเสียใจแต่ถามว่าผมเสียใจไหมผมเสียใจมาก และดิวก็กำลังจะเดินผ่านผมไป

      “หมับ” ไม่บ่อยหนักที่ผมจะทำแบบนี้ผมกอดดิวไว้จากด้านหลัง น้ำตาผมไหล เพราะใจผมก็กลัวเสียมันไปเหมือนกันถ้าดิวมันท้อและเลือกเดินจากผมไป

      “ฟู่”ดิวพ่นลมหายใจออกมายาวๆ และดิวก็หันกลับพร้อมกับพลิกตัวผมเข้าไปกอด

      “ดิวขอโทษ ดิวแค่ ..อยากบอกให้มันจบๆไป “

      “แต่มันจะมีปัญหาอื่นตามมาดิว มึงเข้าใจกูไหม...ฮึกๆ”

      “ไหนจะพ่อกูอีกละดิว พี่ๆกูด้วย และถ้าทุกคนรู้ว่ากู..ไม่เหมือนคนอื่นละ กูจะเป็นยังไงดิว...แต่ที่กูไม่อยากให้มึงพูดเรื่องนี้เพราะว่า คนที่เดือดร้อนที่สุดคือพ่อภา มึงรู้ไหมดิว” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

      “และอีกเรื่องที่ไม่ควรพูดเรื่องนี้เพราะว่า ดิว มึงคือคนที่เขาเลือกถ้าลุงหนึ่งรู้เรื่องที่กูกับมึงมีอะไรกันจน มีลูกละ กูไม่อยากจะคิดว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นดิว กูไม่ใช่คนที่เขาเลือกแต่แค่ซวย มึงเข้าใจไหมดิว ” ผมพูดมองหน้าได้ดิว สายตาผมกับดิวประสานกัน

      “ดิวไม่ได้อยากถูกเลือกแอ้ และดิวก็คิดไว้ว่า เราออกไปอยู่แบบคนธรรมดาเขาอยู่กันไหม ดิวไม่สนใจองค์กรบ้าบออะไรนี้หรอก ดิวไม่อยากได้ ถึงเขาไม่มีเราสองคนมักก็อยู่ได้ เพราะมีคนมากมายอยากได้มันแอ้” ดิวบอกผม ผมถึงกับยืนอึ้ง นี้มันจะทิ้งพ่อภาและพี่มันไปเหรอ

      “นะแอ้ เราไปอยู่แบบธรรมดาติดดินไม่ต้องมีอะไร มีแค่เราและลูก”
      
      “ดิวมึงคิดว่ากูจะอยู่แบบคนธรรมดาได้เหรอดิว ทั้งที่กูไม่ปกติแบบนี้ นี้ขนาดกูอยู่สภาพแบบนี้มันยังยากสำหรับกูเลยดิว และถ้าไปอยู่แบบนั้นใครจะมองว่ากูปกติวะดิว “ ผมพูด น้ำตาผมไหล ดิวมันหันมามองผม ดิวมันเข้ามากอดผม กอดผมแน่นมากกว่าทุกครั้ง

      “คิดดิวะดิว “ ผมพูดเบาๆ ผมก็ซบหน้าลงที่แผ่นอกของดิว

      “ดิวขอโทษแอ้ ดิวขอโทษ ในความงี่เง่าของดิว” ดิวมันพูดผมไม่รู้ว่าเราสองคนกอดกันนานแค่ไหน

      “โอเคแอ้ ดิวจะพยายามทนที่สุด และดิวรู้ว่าแอ้ก็ อึดอัดไม่แพ้กัน...”ดิวพูด ดิวยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาผม

      “ดิว... ติ๊กมันเสียใจอย่างที่ไอ้แจ็คบอกว่าช่วง3ปีที่ผ่านมาตั้งแต่แฝดเกิดนะเราห่างเหินมันไปนะดิว “ ผมพูดกับดิว ดิวพยักหน้า

      “ดิวก็อาจจะผิดที่มัวแต่คิดถึงลูกมากกว่า” ดิวพูดกับผม

      “ดิวจะไปพูดกับมันเองนะแอ้” ดิวบอกผม ผมยิ้มออกเพราะว่ามันอาจจะทำให้ติ๊กหายโกรธผมขึ้นมาหน่อย

      “งั้นกูไปล้างหน้านะและจะเข้านอนกูง่วงนอนมากเลยดิว” ผมพูดและผมก็เดินเลี่ยงออกไป ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ง่วงนอนบ่อยก็ไม่รู้

      “แอ้..เดี๋ยว” ดิวมันดึงแขนผมไว้และมันก็มองพุงผม

      “มองอะไร” ผมถามดิว

      “ทำไมมันป่องๆ อ่ะ กินยาที่พ่อให้มาหรือเปล่าแอ้ แอ้ลืมหรือเปล่า” ผมก็สะดุ้งและก้มมองพุงน้อยๆของผม ใช่ผมลืมทานมา3 วันแล้ว

      “เออ...แอ้ไม่ได้ทานมา3วันแล้วอ่ะ” ดิวมองหน้าผม ทำหน้าดุใส่ผมด้วยนะ ผมก็รู้ว่ามันสำคัญแต่ผมไม่กล้าจะแกะเม็ดยาก็ไอ้ติ๊กมันติดผมตลอดและถ้ามันเห็นก็จะถามเอาและพี่มันก็เรียนเภสัชกรพี่เต้นะมันคงได้โทรถามแน่ๆ
      
      “ดิวจะโทรหาพ่อนะไม่แน่แอ้ต้องไปให้พ่อทำให้นะไม่งั้นแอ้จะมีไข้อีกนะ จำได้ไหม” ดิวถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ  และจะเดินไปเข้าห้องน้ำ

      “แอ้”ดิวมันยังเรียกผมไว้ ผมหันมาทำท่าจะโมโห ก็กรูบอกง่วงจะไปแปรงฟันจะได้เข้านอนไอ้นี้นิ ผมด่าในใจ

      “แอ้...นอนกอดได้ไหมอ่ะคืนนี้”

      “แค่กอดอย่างเดียวนะ กูง่วงมาก จริงๆดิว ” ผมพูด ไม่รู้เป็นอะไร ผมรู้สึกเพลียตลอดเวลาช่วงนี้ และดิวก็พยักหน้าและยิ้มให้ผม ผมก็เข้าไปทำการแปรงฟันและแอบมองท้องน้อยผม เออ มันดูป่องๆจริงด้วย จะว่าไปผมก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวน่วงๆอยู่ด้วยนะ ผมออกจากห้องน้ำไอ้ดิวมันนอนรอผมบนเตียงนอนผม

      “มามะมาให้ป๊ากอดซะดีดี”ไอ้ดิวมันพูด ผมยิ้มให้มัน ไม่อยากจะด่ามันแล้วผมแบทเตอรี่หมดแล้วตอนนี้ เพราะอะไรก็เพราะว่าผมนอนไม่หลับตอนไปนอนในห้องกับไอ้ติ๊ก ไอ้ติ๊กนะมันหลับสบายเลย ผมก็ทิ้งตัวลงนอน ดิวยกหัวผมไปพาดไว้ที่หัวไหล่มัน และจับแขนผมไปพาดตัวมันอีก ผมก็มองประตู

      “ล๊อกแล้ว “ดิวพูด

      “ดิว...ตกลงดิวจะไปเป็นหมอบ้านหรือหมอทหาร”ผมถามดิว ผมเงยหน้าทำตาแป้วมองดิว ดิวก็ก้มลงมองผม

      “ไปเป็นหมอทหาร เพราะว่าดิวจะเป็นให้เหมือนพ่อ พ่อตามดูแลอาภีม ดังนั้นดิวจะตามดูแลแอ้” ดิวมันพูด ผมก็มองหน้า แอบคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

      “ทุกทีที่แอ้ไป” ดิวพูดกับผมน้ำเสียงจริงจังมาก

      “ดิวไม่อยากให้แอ้กลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงได้ไหม เราทำทุกวันของเราให้ดีที่สุด ดิวรู้ว่าแอ้กลัวลูกๆ กลัวอาภีมกลัวอีกหลายอย่างที่ยังมาไม่ถึง “ดิวบอกผม

      “เชื่อใจดิวไหม เชื่อว่าดิวจะทำให้แอ้และลูกให้อยู่ด้วยกันให้ได้และตลอดไป “ ดิวบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมเชื่อเขา

      “นอนเถอะวันนี้ไม่ทำหน้าที่สามีนะ ดิวก็ง่วง” ดิวบอกผม ผมสะบัดหน้าไปมองดิว

      “โอ้ยย!” ดิวร้องเสียงหลงเพราะว่าผมหยิกเข้าที่พุง ที่จริงๆไม่มีหรอกมีแต่ซิกแพ็ค นี้ขนาดยังไม่ไปฝึกเลยนะ เพราะถ้าไปฝึกเขาจะฝึกหนักและเน้นเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ พี่ๆผมนะหุ่นนี้ดีกันทุกคนแต่พี่ๆผมไม่ใช่มีกล้ามใหญ่แบบพวกนักกล้ามเลยนะ ผมยังแอบกลืนน้ำลายเลยเวลาเห็นพี่ๆสวมแค่ผ้าขนหนูเดินผ่าน และกับดิวนะไม่เหลือหุ่นมันดีพอๆกับพวกพี่ๆผม

      “กอดอย่างเดียวได้ไหมแอ้...อย่าลูบมากเดี๋ยวน้องสู้” ไอ้ดิวมันพูดทั้งที่ตามันหลับไอ้นี้ แต่ก็จริงผมลูกไล้หน้าท้องมันเพลินเลย ดิวเหล่ตามองผม ผมก็แกล้งทำเป็นหลับสนิทจะดีกว่า เห็นแบบนี้ก็เขินนะ
------------------------------------------------------------
      Part ติ๊ก ผมเหมือนตัวร้ายในละครไหม แต่ไม่ใช่บนหน้าจอที่ผมได้บทนักแสดงพระเอกตลอดการ เพราะหน้าตาและบารมีพ่อผมด้วย แต่ความจริงผมกับถูกมองว่าผมร้าย ไม่ใช่แค่ที่นี้ หลังกองถ่ายผมก็โดน เพราว่าผมค่อนข้างเอาแต่ใจ และทุกอย่างต้องเป๊ะเว้อ และในชีวิตจริงผมก็กำลังกายเป็นตัวร้ายในสายตาคนที่ผมแอบรักแต่ผมรักมันไม่ได้
      ตอนเด็กๆ ผมแอ้ ดิว เราสามคนสนิทกันมาก นอนห้องเดียวกัน เล่นด้วยกัน มาจนกระทั้งเริ่มโตเป็นหนุ่ม นั้นแหละโมเม้นนั้นก็หายไป ลุงภาณุเดชได้รับตำแหน่งยศทางการทหารที่ต้องไปดูแลค่ายทหารแห่งหนึ่งและนั้นดิวกับแอ้ก็เริ่มหายไปจากชีวิตของผม และมาจังหวะที่ไอ้แจ็คมีนเฮิร์ทเรื่องบอยอีก ผมก็ทิ้งมันไม่ได้ พายอีกคน แต่มันก็ทำให้ผมเริ่มเห็นไอ้แอ้กับไอ้ดิว มันเปลี่ยนไป แต่แอ้มันก็ปากแข่งกับผม ผมถามว่ามันคบกันไหม มันก็ปฏิเสธ แอ้มันรู้ว่าผมคิดยังไงกับไอ้ดิวมัน ตอนแรกผมก็คิดว่าการที่ผมก้าวข้ามผ่านคำว่าเพื่อยสนิทไม่ได้คงเป็นเพราะว่าดิวมันคือคนที่ถูกเลือกไว้ให้บอย แต่ตอนนี้ผมมว่าไม่ใช่แล้ว มันมีคนที่มันเลือกไว้เองแล้ว เจ็บไหมเจ็บมากที่ต้องเห็นแบบนี้ทุกวัน
      “เจ็บมากไหม “ ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะว่าคนที่เดินเข้ามาในห้องน้ำคือพาย พายมันปากร้ายแต่ทุกคำพูดมันเตือนผมให้คิด แต่จะให้ผมยอมตัดใจเหรอมันยาก ผมหันมามองหน้าพายที่ยืนกอดอกอยู่ที่ตรงประตูห้องน้ำ ผมชะเง้อมองว่าแอ้ตามมันมาไหม ผมไม่อยากให้มันเห็นว่าผมอ่อนแอเช่นกัน ผมต้องแข็งกว่ามัน

      “แอ้ไม่ได้ตามกูมาหรอก “พายพูดและเข้ามายืนในห้องน้ำพร้อมกับปิดประตูลง

      “ทำไมมึงไม่ปล่อยมันสองคนไปซะทีว่ะ ติ๊ก”

      “เป็นมึงมึงทำได้ไหมละ” ผมหันไปถามพายมัน

      “ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ ความจริงก็ต้องรับมันให้ได้ มันไปกันถึงไหนแล้วมึงรู้ดี “ พายพูดกับผม ผมก้มหน้าลงมองอ่างล้างหน้า

      “พอเถอะติ๊ก และคนที่มึงทำร้ายมันก็เพื่อนกันไหมวะ เกิดมาก็เจอกันมีกันแค่นี้ และดันซวยเกิดมาเลือกอะไรเองไม่ได้ก็แย่แล้ว อย่าให้ความเห็นแก่ตัวมันทำร้ายกันเองไปมากกกว่านี้เลยวะติ๊ก “ พายพูดและหันหลังเดินออก

      “ติ๊ก โทรศัพท์มึงดังวะ พี่เอ๋โทรมามีงานแน่เลยมึง” พายมันพูด และผมก็ต้องหันไปเช็ดมือให้แห้งก่อนจะเดินออกไปดู พี่เอ๋คือผู้จัดการส่วนตัวของผม ที่พ่อหามาให้ พี่เอ๋เป็นคนปั่นดารา มากมาย ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูและกดรับสายทันที

      “ว่าไงพี่เอ๋”  พี่เขาคือผู้จัดการส่วนตัว เป็นสาวร่างผู้ชาย เป็นแมวมองหาดารา ตอนแรกพี่เขาไม่รู้จักผมหรอกว่าผมลูกใคร และตอนนั้นผมก็อยากลองเลยเข้าไปอยู่ในสังกัดโดยไม่ใช่ชื่อนามสกุลจริง แต่พอพี่เขารู้ พ่อผมรู้ก็เกือบโดนไม่ให้ทำงานแบบนี้อีก แต่ติ๊กคือตัวพ่อผมดื้อจนพ่อยอม

      “น้องติ๊กค่ะ พี่พยายามติดต่อน้องติ๊กมาสองวันแล้วนะคะ “

      “ก็บอกว่ามาเรียนหนังสือ พี่ไม่เข้าใจเหรอ “ ผมพูดแบบหัวเสีย ผมอยากจะมาเรียนแย่เลย

      “เข้าใจค่ะ แต่นี้งานของคุณพ่อน้องติ๊กนะคะ และท่านก็ให้พี่ดีลกับน้องติ๊กเองอีกต่างหาก พี่เลยต้องพยายามโทรหาไงค่ะ” พี่เอ๋พูด

      “อย่าน้ำเยอะได้ไหมพี่ งานอะไรอีกเนี๊ยะ”

      “งานเดินแบบเสื้อสูทค่ะ เขาจะมาลงที่โรงแรมของคุณภาษญ์นะคะ แบรนด์ดังด้วยนะคะ และเขาเลือกคุณติ๊กที่เป็นลูกชายคุณภาษญ์ค่ะ เขาต้องการอีกคนพี่กำลังจะหาแต่ก็คิวเต็มไปหมด พี่ได้….”พี่เอ๋พูดเสียงอ่อยอันท้าย

      “อย่าบอกนะว่าไอ้นีโอ ที่ผมฟาดปากมันไปด้วยร้องเท้าหัวตัดนะพี่” ผมพูดตะคอกเสียงดังใส่พี่เอ๋ทันที

      “พี่ไม่มีตัวเลือกค่ะน้องติ๊ก แต่พี่จะกำชับว่าอย่าทำให้ คุณน้องคิ๊กพี่หัวเสีย และนีโอหลังจากมีเรื่องกับน้องติ๊ก งานมันก็นน้อยลง มันก็เลยมาขอและสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีค่ะ” พี่เอ๋พูด

      “ผมไม่เอามัน ถ้าพี่หาไม่ได้ ผมหาให้ ผมมี “

      “ใครเหรอคะน้องติ๊ก”

      “แอ้ ลูกชายอาของผม พันเอกภีมปภพ ได้ไหมครับ ผมว่าแอ้หล่อกว่าไอ้นีโออีก ดูดีดูแพงกว่าไอ้นั้นอีก “ ผมบอกพี่เอ๋ ผมยืนคิด ดีเลย มันจะได้ไม่ต้องหาเรื่องไปกับไอ้ดิวที่ค่ายทหาร

      “จะดีเหรอคะ เพราะว่าปกติคุณภีมสั่งห้ามเขาไม่อยากให้ทายาทของเขาขึ้นเวทีเดินแบบนี้คะน้องติ๊ก พี่จะซวยเอา แค่ตอนน้องติ๊กพีไม่โดนคุณภาษญ์สั่งเก็บก็บุญแล้วค่ะ “ พี่เอ๋พูด

      “ผมจะให้พ่อผมคุยกับอาภีมเอง พี่เอ๋ให้เหตุผลว่า นายแบบคนอื่นงานเต็มแค่นั้น อย่างอื่นผมจัดการเอง” ผมพูด พายมันยืนกอดอก มองผม

      “จะเอาอีกคนไหม พายก็ได้นะ” ผมพูดและมองพาย

      “เชี้ยไม่เอาเดี๋ยวพ่อกูด่าเอา” พายมันรีบแย้งผมทันที

      “ดีเลยค่ะ คิดว่าน่าจะมีเซ็ทแบบ ทริปเปิล สามหนุ่มสามมุม อันนี้พี่จะขอคุยกับห้องเสื้อก่อนนะคะน้องติ๊ก พามาทั้งสองคนเลยนะคะ พี่เอ๋ปลื้มค่ะ “ พี่เอ๋พูด

      “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางนะ ผมอยากพัก ผมเหนื่อย” ผมพูดและ

      “ได้ค่ะ ค่ะน้องติ๊ก ขอบคุณนะคะที่สละเวลาคุยกับพี่เอ๋ ค่อยยังชั่วหน่อยพี่นี้อกจะแตก นอนหลับฝันดีนะคะ พรุ่งนี้พี่คอมเฟิร์มงานอีกทีค่ะ บ่าย บาย” พี่เอ๋ก็วางสายไป

      “ไปด้วยมึง “ ผมหันไปบอกพาย ผมรู้ว่ามันชอบงานแบบนี้

      “เชี้ยะ พ่อกู ไม่ซิ ไม่เท่าไหร่แต่ลุงหนี่งอ่ะ เขาไม่อยากให้กูขึ้นเวลาที เพราะว่า”

      “เขากลัวมึงเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนหมอ แต่ความจริงที่มึงจะเปลี่ยนใจเพราะว่าไอ้ดิวมากกว่าพาย “ ผมพูดและหันไปยิบผ้าเช็ดตัว ผมมองพาย พายมั้นก็มองผม

      “กูก็ไม่อยากพูดให้มึงเจ็บหรอกนะ ดังนั้นมึงควรจะเข้าใจกูว่ะ พาย” ผมพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไป ผมเปิดน้ำในอ่างแช่น้ำกุลชี่ ทีพ่อผมสั่งมาลงให้ตามคำขอของผม เพราะว่าผมต้องดูแลผิวตัวเองให้ดูดี อาบน้ำแร่แช่น้ำนม ผลิตภัณฑ์แบรนด์ดังที่คอยส่งมาให้ผมได้ลองใช้ และให้ผมเป็นพรีเซนเตอร์ ผมก้าวยเท้าลงไปและนอนแช่ออยู่แบบนั้น
   
      ภาพวันวันก่อนที่ผม แอ้และดิวก่อนจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน มันมีความสุขสนุกตามประสาวัยเด็กๆ แต่มันมีภาพถ่ายภาพหนึ่งที่นั้นทำให้ผมเริ่มเห็นว่าดิวมันคิดอะไรกับแอ้ ภาพนี้พี่ชายผมแอบถ่ายมาให้ผม แต่พี่เขาไม่ได้คิดอะไรเหมือนผมหรอก ภาพนั้นคือผมนั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินและกำลังดูหน้าจอโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นลาสุดในตอนนั้น ไอ้ดิวมันเล่นเกมส์ฟุตบอลในโทรศัพท์เป็นปกติ ส่วนแอ้มันก็ดูแสลมดั้งที่มันชอบดูผ่านยูธูป แต่สิ่งที่ทำให้ผมเห็นแล้วผมเจ็บที่สุด แขนไอ้ดิวมันโอบเอวแอ้ไว้ ทั้งที่ผมสามคนนั่งอยู่บนนั้นด้วยกัน ทำไมผมไม่ใช่คนที่มันมีใจด้วยทั้งที่เราอยู่กันสามคนมานานแต่มันเลือกแอ้ว่ะ

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg) ภาค ดิวXแอ้ X ติ๊ก ความลับที่มีแต่เจ็บ
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 16-10-2020 16:58:53
 :m15: :m15:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)(ดิวXแอ้Xติ๊ก) เราจะมีกันสามคนแบบนี้ไปตลอดไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 17-10-2020 14:12:54

 (ดิวXแอ้Xติ๊ก) เราจะมีกันสามคนแบบนี้ไปตลอดไม่ได้
    ดิว X แอ้
         วันนี้เป็นวันหยุดของพวกผมแต่ถูกสั่งห้าม ยังไม่อนุญาติให้พวกผมกลับบ้านกันในอาทิตย์นี้  พวกผมเลยว่าจะไปเที่ยวห้างกันและไปทานพิซซ่าที่ร้านกันด้วย ผมก็ลงมาชั้นล่าง ผมแต่งชุดสบายๆ สไตล์ของผม กางเกงยีนส์ขาสั้นพับปลายให้คุมเข่าและเสื้อยืดตัวสีขาวพอดีตัวสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนๆ ผมเดินลงมาชั้นล่างก็เห็นพวกไอ้แจ็ค บอย ธรรณ์และหลุยส์นั่งรออยู่แล้ว

“แอ้ ติ๊กและพายละวะ” ผมถาม

“ยังไม่เห็นเลยวะ”ไอ้แจ็คมันตอบ ผมพยักหน้าหงึก สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและคุยกันดังมาจากชั้นสองลงมาทางบรรได คงเดินลงมาพร้อมกันแล้ว คนแรกก็คือแอ้ ผมหันไปมองก็อดอมยิ้มไม่ได้ แอ้สวมกางเกงขาสั้นเผยให้เห็นเรียวขาสวยๆ คู่นั้น วันนี้ติ๊กมันคงจับแอ้แต่งแบบนี้ซินะ ปกติไม่ค่อยชอบใส่ขาสั้นสวมเสื้อยืดด้านในและเสื้อเชิ้ตทับคล้ายๆกับผม ติ๊กมันก็เป็นสไตลิสอยู่แล้ว มันก็แต่งคล้ายๆกับแอ้

“พายละวะ” แจ็คถามและทุกคนก็ลุกขึ้น เพื่อจะได้ออกเดินทาง และคนสุดท้ายก็เดินลงมา

“พล้วด” ไอ้หลุยส์มันกระดกแก้วน้ำดื่มอยู่ถึงกับพ่นออกมาทันที

“พาย มึงจะไปงานแต่งเหรอวะ สีชมพูมาเชียว” ไอ้แจ็คถามทันที บอยถึงกับหันมาตีไหล่แจ็ค ผมก็หันไปมองแอบเกาหัวเล็กน้อย

“ทำไมอ่ะ สีประจำ ก็ใส่ประจำนิ” พายพูด ผมหันไปหยิบมือถือมาและกดถ่ายรูป และรีบอัพลงกลุ่มพี่ๆทันที

“ตึง” เสียงมือถือพายดังขึ้น มีข้อความเข้า

“อะไรวะ ใครลงรูปกลุ่มพี่กูว่ะ!!!!” พายมันโวยวายและหันมามองพวกผม

“ไอ้ดิว มึงเร็วววะ กูว่าจะอัพแต่มึงแม่งแซงกู “ ไอ้แจ็คครับ

“พี่กูบอกให้ไปเปลี่ยนเลยสาด” พายพูดและเดินสะบัดก้นขึ้นไปทันที

“ฮาๆ “ พวกผมขำกันใหญ่

“ไปแกล้งพายทำไมอะดิว ดูหน้าพายดิ” บอยพูด และสักพักพายก็ลงมาพร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแอบมีลายสีชมพูดแบบน้อยๆ

“ใครแกล้งกูอีกโดยแน่” พายพูด และพวกผมก็พากันเดินออกจากบ้าน มีรถจอดอยู่บ้านแล้ว ติ๊กมันได้พูดอะไรเลยหรือว่ามันยังโกรธเรื่องเมื่อวานกันแน่ ผมหันมามองแอ้ที่นั่งนิ่งมาก และพอหันมาทางไอ้แจ็ค มันก็แบมือถามผมว่าอะไรยังไง ผมก็เลยทำนิ้วเฉือดคอให้มันดู สงสัยจะยาว

“แอ้” ผมเรียกแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ทุกเลยก็ว่าได้ที่หันมามองผมกันหมด

“แอ้ไปนั่งกับพาย “ ผมบอก ไอ้แจ็คมันสะบัดหน้ามามองผม ผมหันไปหยักคิ้วให้มัน กูกำลังจะแก้ปัญหา

“อะไรวะ พวกกูแม่งตามไม่ทัน ยังไงวะ”ไอ้หลุยส์พูดขึ้นทันที

“ติ๊ก มากับกู “ผมพูดและเข้าไปดึงแขนไอ้ติ๊กทันที พายก็ขึ้นไปนั่งกับแอ้ พายคงบอกให้คนขับรถล๊อกประตูทันที่  พายคงรู้ว่าผมต้องการจะทำอะไร สิ่งหนึ่งที่พวกผมติดตัวมาพร้อมกันตั้งแต่เกิดคือ มองตากันก็รู้เข้าใจความคิดกัน แต่บางครั้งมันแค่ไม่ยอมรับกความจริงก็แค่นั้น

“อะไรวะ กูจะนั่งกับไอ้แอ้” ติ๊กพูด ผมก็ดึงแขนมัน

“ไปนั่งกับกู ทำไมนั่งกับกูไม่ได้ มีอะไร” ผมถามติ๊ก มันมองหน้าผม และหันไปมองหน้าไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์

“เฮ้ยย ไม่เกี่ยวกับกู “ไอ้แจ็คมันรีบปฏิเสธและลากแขนบอยขึ้นรถทันที ไอ้หลุยส์ก็หยักไหลและลากแขนแฟนมันธรรณ์ขึ้นรถไป เหลือผมกับติ๊ก

“ไปซิ คนอื่นเขาขึ้นรถหมดแล้วจะยื่นรออะไร” ผมถามติ๊กและลากแขนมันขึ้นรถไปทันที ผมนั่งข้างติ๊กมันและพี่คนขับรถก็ออกรถทันทีที่ผมขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว ผมหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊กมันไม่มองหน้าผม

“ทำไมวะติ๊ก มึงเป็นอะไร บอกกูดิ” ผมถามติ๊ก ติ๊กมันหันมามองหน้าผม

“ก็”มันทำท่าจะพูดแต่มันก็เงียบ

“มึงโกรธกูเรื่องที่กูกับแอ้มีเวลาให้มึงน้อยลงเหรอว่ะ “ ผมถามติ๊ก

“ก็..เมื่อก่อนมึงสองคนไม่เคยห่าง...กู” ติ๊กพูด

“ติ๊ก ทุกคนต้องมีช่องว่างระหว่างกันและกันและกูกับแอ้นะ “

“มึงสองคนคบกันใช่ไหมละ” ติ๊กหันมาถามผม

“เออ..”


“แต่แอ้มันบอกไม่ได้คบ เอาไงแน่ “ ติ๊กมันถามผม

“กูก็ไม่รู้นะ ว่าสถานะมันคืออะไรแต่กู แอ้และมึงยังเหมือนเดิม ทุกคนด้วย  “ ผมพูด ติ๊กมันหันมามองผม

“ช่วงที่กูกับแอ้ห่างมึงไป ก็เพราะว่าอาภีมเขาไปช่วยลุงหนึ่งและอาภีมฝากพ่อกูดูแลแอ้ และกูก็ต้องติดตามพ่อกู เพราะกูก็อยากเรียนรู้หลายๆอย่างจากพ่อกู มึงเข้าใจพวกกูไหมวะ”ผมพูดและถามติ๊กมัน มันหันหน้าหนีผมซะงั้น แปลว่ามันไม่เข้าใจ
         
         “ส่วนมึงเองก็มีงานแสดงที่มึงรัก มึงก็รู้ว่าถ้ามึงเข้าเรียนมหา’ลัยแล้วจบมางานพวกนี้มึงไมได้ทำแน่นอน ทำไมมึงไม่ทำสิ่งที่มึงรักก่อนวะ และพวกกูก็ไม่ได้หายไปไหนจากชีวิตมึงเลยนะติ๊ก” ผมพูด มันก็หันไปมองทางอื่น

    “ก็เมื่อก่อนกูมีมึงสองคนอยู่ในชีวิตกูตลอดนี้หว่า มันดีกว่าช่วงนี้ดิว” ติ๊กมันพูด ผมก็ต้องเอามือแตะหน้าผากตัวเอง
   
   “กูขอโทษ ที่กูสองคนไม่ได้นึกถึงความรู้สึกมึงวะ ติ๊ก แต่… “ ผมพูด ผมมองหน้าติ๊ก ติ๊กมันก็มองหน้าผม

   “มึงสองคนคบกันจริงๆไหมว่ะ บอกกูดิวะดิว แต่กูว่ามึงมีมากกว่านั้นอีกว่ะ  “ ติ๊กถามผม สายตามันบอกได้หลากหลายอารมณ์มาก คือจะดีใจก็ไม่เชิง หรือจะเสียใจก็ใช่ ผมก็เลยนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน ที่ผมคิดไว้ในใจว่าจะบอกมันอยู่นะว่าผมกับแอ้คบกันและเราเป็นอไรกันแต่พอผมเห็นสีหน้ามันตอนนี้ผมพูดไม่ออกเหมือนกัน

   “ก็เพื่อนกันเหมือนเดิม “ ผมพูด

“อืมม “ ติ๊กมันกับยิ้มออกมาซะงั้น

“ต่อไป พวกมึงไปไหนกูไปด้วยเหมือนเดิมนะ”ติ๊กมันพูด ผมก็พยักหน้าไป ผมก็หันมามองหน้ามันอีกนะ ประมาณว่าไม่เข้าใจแต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมไม่อยากทำร้ายมันเลย ผมน่ารักแอ้และไม่อาจจะเปลี่ยนใจได้ยิ่งตอนนี้ผมมีพยานรักด้วยกันแล้ว ผมนั่งคุยกันเรื่องเก่าๆ ว่าเราสามคนไปไหนทำอะไรกันบ้างจนรถมาถึงที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไม่เล็กไม่ใหญ่เหมือนในห้างในกรุงเทพ
“ตึง” ข้อความจากแอ้ ผมก็แอบตะแคงมือถืออ่าน

“ดิว อย่าลืมดูขวัญวันเกิดน้องมีนนะอาทิตย์หน้านะ ” แอ้ส่งข้อความบอกผม

“ถึงแล้วครับ พวกผมจะจอดรอกันที่ชั้นจอดรถนะครับคุณหนู เที่ยวให้สนุกนะครับ” พี่คนขับรถบอกผมกับติ๊ก ผมพยักหน้ารับทราบ ติ๊กลงมาก่อน และเดินตรงไปหาแอ้ทันที ผมก็เดินลงมาเห็นไอ้แจ็คมันหันมามองผม

“มึงเล่นอะไรกันวะ “ไอ้แจ็คมันเดินมาหาผม ผมส่ายหัว

“อะไรของมึงว่ะดิว” แจ็คมันดึงแขนผมขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านมัน ผมเดินเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต

“ไม่มีอะไรกูแค่คุยกับมัน ขอโทษมันเรื่องที่กูกับแอ้ ละทิ้งมันไป แต่ตอนนี้ก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิม “ ผมพูด นั้นไม่ได้หมายถึงว่าผมมีความสุขนะ เพราะการกลับมาเหมือนเดิมนั้นคือสามคน แต่ผมอยากมีช่องว่างระหว่างเอาไว้ให้ผมกับแอ้บ้าง

“เดี๋ยว” ไอ้แจ็คมันดึงแขนผมไว้

“น้ำเสียงมึงบอกได้ว่ามึงไม่แฮปปี้วะ”ไอ้แจ็คมันพูด

“มึงเข้าใจไหมวะ ว่าคนเราต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้าง” ผมพูดและสะบัดให้มันปล่อยแขนผมก็เดินไปดูนั้นดูนี้ พร้อมกับพวกมัน ติ๊กกับแอ้ก็เดินติดกันเหมือนเดิม

“ดิว เป็นอะไรหรือเปล่าวะ”พายถามผม

“ไม่นิ แล้วพายละ ไม่ซื้ออะไรเหรอ”

“ไม่รู้อะ จะซื้ออะไรดี และซื้อให้ใครอ่ะ ไม่มีเหตุผลจะซื้อเลยแค่เดินดูดีกว่า” พายพูด ผมนึกขึ้นมาได้ พายนี้แหละที่จะเลือกของขวัญให้ผมได้ เพราะแอ้คงไม่กล้าเลือกเดี๋ยวติ๊กมันจะถามมากแน่ๆ

“พาย คือ ดิวจะซื้อของให้เด็กนะ”

“ดิวมีเด็กเหรอ” พายพูดทำเอาทุกคนหันมามองผมกันหมดเลย ผมก็รับเอามือปิดปากพาย

“เด็กในค่าย คือแบบว่าที่ค่ายพ่อดิวนะ มีศูนย์ไว้รับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ต้องทำงานทั้งคู่ และมีเด็กคนหนึ่งน่ารัก แบบว่าเราตามพ่อไปตอนพ่อเราไปตรวจสุขภาพเด็กนะและเรารู้สึกถูกชะตา”

“เด็กกี่ขวบอะ”

“หนึ่งขวบพอดีเลย วันเกิดเขานะพาย” ผมหันไปบอกพาย

“เด็กไปไหมวะดิว” พายเลิกคิ้วมองผม

“เฮ้ย! ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น แค่เอ็นดู นะ เลือกของขวัญให้หน่อย จะวันเกิดน้องแล้ว “ ผมพูด พายก็ทำท่าคิด

“เป็นเด็กนิสัยยังไงอ่ะ” พายถามผม ผมก็ทำท่าคิด ภาพน้องมีน

“เป็นเด็กน่ารัก พูดจาไพเราะ ค้อนข้างอ่อนไหวง่าย เป็นเด็กเรียบร้อย น้องมีนชอบวาดภาพระบายสี ชอบอ่านนิทานดูแล้วน่าจะชอบดนตรีด้วยน่ะ ใจก็อยากจะซื้อกีตาร์ให้แต่น่าจะเร็วไป “ ผมพูดไปยิ้มไปด้วย

“นิถ้าบอกว่าเป็นลูกดิวนี้เชื่อสนิทเลยนะ เพราะว่าบรรยายแบบว่าใกล้ชิดมาตั้งแต่เกิดเลยมั้ง” พายพูด ผมก็หุบยิ้ม

“แค่เอ็นดูนะ นะช่วยดิวเลือกหน่อย” ผมพูด พายหันไปมองแอ้กับติ๊กที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ แอ้หันมามองผม ผมขยิบตาให้แอ้ก็เข้าใจทันที ผมกับแอ้แทบไม่ต้องพูดอะไรกันมาก มันเข้าใจตรงกันไปหมด ผมว่าแอ้เข้าใจที่บอกคือว่าผมจะให้พายช่วยเลือกของขวัญให้

“เดี๋ยวมานะ ดิวจะให้พายไปช่วยเลือกของขวัญนะ ดิวมีเด็ก คิกๆ “พายพูดทำเอาผมสะบัดหน้าไปมองพาย

“เด็กอีกและ ไปติดเด็กที่ไหนอีกวะดิว” ไอ้แจ็คมันถามผม

“มึงมีเด็กด้วยเหรอวะ ไม่หยักกะรู้ว่ะ”ติ๊กพูดและหันไปมองหน้าแอ้

“เด็กที่ศูนย์ทีพ่อกูเปิดให้ สำหรับดูแลเด็กเล็กและส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกๆของเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานนะ” ผมพูดและมองหน้าแอ้ แอ้มันยิ้มให้ผม

“ดีจัง เด็กๆน่ารักทั้งนั้นเลยดิ” ธรรณ์พูดทำตาโตด้วย ดูท่าธรรณ์ก็คงจะรักเด็กเหมือนกัน แต่ไอ้หลุยส์มันกับทำท่าขนลุกขนพองสยองเด็กยังไงก็ไม่รู้เหมือนไอ้แจ็คเลย

“ทำไมอะ อย่าบอกนะว่าอยากมีมั้งอะ” ไอ้หลุยส์พูด

“ก็อยากมีนะ น่ารักดีออก “ ธรรณ์พูด

“จะมีได้ไงละ ไม่มีลูกมดซะหน่อย “ ไอ้หลุยส์มันพูด ผมหันไปมองแอ้ที่ดูสีหน้าจะกังวลขึ้นมาทันทีที่ได้ยินแบบนี้

“เออถ้าอย่างนั้นกูไปก่อนวะ พวกนายซื้อของอะไรกันตามสบายเลยนะ พายไปครับ ช่วยดิวเลือกหน่อย” ผมพูดและดึงแขนพายไปทันที
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[แอ้]  ผมได้แต่ยืนมองดิว ผมไม่กล้าไปเลือกของขวัญเอง ถ้าเป็นดิวมันจะง่ายกว่าผม ดิวเดินไปกับพายเพื่อยังร้านที่ขายของเด็กๆ ถ้าเป็นผม ผมจะซื้อหนังสือพวกนิทานที่เป็นป๊อปอัพ น้องมีนเขาชอบมากแต่ว่า มิ้นขยันฉีกของมีนจริงๆ

“ตกลงมึงกับดิวไม่ได้คบกันจริง” ติ๊กกระซิบถามผม ผมหันไปมองหน้าติ๊ก

“ก็ไอ้ดิวมันบอกกูแบบนั้น กูก็สบายใจได้นะ”ติ๊กพูด ผมก็รู้สึกอึ้งไปนิดนึง

“ทำไมเหรอ หรือว่าดิวมันพูดไม่ถูก” ติ๊กมันถามผม ติ๊กมันยืนประกบผมและมองหน้าผม

“ก็ถ้าดิวมันบอกกับมึงอย่างนั้น และมันก็อย่างเดียวกับที่กูบอกมึง มันก็ถูกอยู่แล้วไงติ๊ก” ผมพูด และมองหน้าติ๊ก

“กูหวังดีนะ เพราะถึงยังไงดิวมันก็คือคนที่เขาเลือกให้คู่บอย อาทิตย์หน้านี้ดิวมันต้องไปงานที่บ้านลุงกฤษณะ กูได้ยินว่าเขาจะคุยกันเรื่องดิวกับบอย เขาอาจจะให้หมั้นกันไว้ก่อนมั้งและพอดิวเรียนจบก็แต่งเลย “ติ๊กกระซิบบอกผม ผมไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลยนะ ดิวไม่เคยบอกผมเลยด้วยซ้ำ

         ผมแอบเห็นทอยสตอรี่ผมก็นึกขึ้นได้ว่าน้องมีนชอบดูผมเลยว่าจะซื้อซีดีให้เลยดีกว่า ตอนนี้มี4ภาคเลยและยังได้ตุ๊กตาวูดดี้อีกด้วย

“แอ้มึงจะซื้อไปดูเหรอวะ “ ติ๊กมันถามผม

“เออ พอดีกูอยากได้ตุ๊กตานะ วู้ดดี้ “

“ไปให้ใคร”ติ๊กมันถามผมทันที ผมก็ยืนมองหน้ามันจะไปให้ใครดี นั้นซิ จะบอกว่าให้ไอ้อิงค์มันก็โตเกินไป ไอ้แอมมันก็ไม่เชื่อแน่นอน

“แอ้ “ ดิวมันเดินออกมาแล้วและมองผมที่ถือซีดีการ์ตูนวู้ดดี้อยู่

“ดีเลยแอ้ พอดีเลยพ่อบอกว่าน่าจะซื้อพวกการ์ตูนไปไว้ให้เด็กๆ เรื่องนี้น่าสนุกนะ “ ดิวมันก็หยิบการ์ตูนจากมือผมไป ติ๊กมันมองผมสองคนสลับไปมา

“อ้าวจะซื้อการ์ตูนด้วยเหรอดิว ดูท่าดิวจะรักเด็กนี้มากเลยนะ”

“อันนี้ซื้อไปไว้ให้ครูที่ศูนย์นะ เห็นพ่อบอกว่าเด็กๆชอบดูการ์ตูน ส่วนอันนี้ เอาไว้ให้น้องเขาอ่านที่บ้าน” ดิวโชว์หนังสือนิทานเล็มหนึ่งเป็นนิทานและเพลง I going on the bear hunt

“พายเลือกให้นะ ลุงๆจะได้อ่านให้ฟัง” ดิวพูด

“แต่มันเป็นภาษาอังกฤษอ่ะ ลุงๆของเด็กนี้เขาเก่งภาษาอังกฤษเหรอวะ” ติ๊กมันถามผม เออ ลุงๆนะมันหมายถึงพี่ๆผมไง ภาษาอังกฤษแบบนี้จิ๊บๆสำหรับพี่ผมแต่ถ้าลุงๆบ้านอื่นๆผมไม่รู้นะซิ เหมือนงานจะเข้า

“เออ..กูว่าก็ต้องได้บ้างแหละ หรือไม่ครูที่ศูนย์เขาก็อ่านให้ฟังได้” ดิวมันพูด ผมนี้ส่ายหัวให้มันเลย

“เออ จริงด้วยพายไปเลือกเล็มใหม่ดีกว่าไหมดิว พายลืมคิดไปอ่ะ “ พายพูด

“ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าเห็นพ่อว่าจะให้พี่ๆของดิว พากันไปช่วยครูที่ศูนย์ อาจจะอ่านนิทานให้ฟัง งั้นดิวให้เล็มนี้พี่ไปแล้วกันและไปดูอย่างอื่นวันหลัง” ดิวพูดและเดินถือซีดีไปที่โต๊ะเพื่อจ่ายเงิน ผมก็เดินออก ติ๊กและพายเดินตามผมออกมา

“อ้าว ได้อะไรกันไหมวะ ดูแล้วไม่มีอะไรเลยวะ “พวกไอ้แจ็คเดินมาเจอพวกผม

“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าวะ หิวแล้วด้วยและจะได้กลับไปนอนพักดีกว่าพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนอีก” ไอ้หลุยส์ พูดและดิวก็ออกมาพร้อมกับของที่มันซื้อ

“ดิวซื้ออะไรนะ “ บอยถามดิว

“เออ ของขวัญวันเกินเด็กที่ศูนย์นะ และดิวก็เลยซื้อซีดีการ์ตูนไปให้เด็กๆไว้ดู” ดิวบอกบอย

“อุ้ย ทอยสตอรี ชอบเหมือนกับ...” บอยพูด แจ็คสะบัดหน้าไปมอง

“เหมือนเด็กในบ้านบอยเลย เขาชอบเหมือนกัน” บอยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยลง

“อ้อ นึกว่าไปแอบมีลูกเล็กที่ไหน” แจ็คมันพูดแบบขำ ขำ แต่บอยกับทำสีหน้าไม่ขำด้วย จนไอ้หลุยส์มันสะกิด แจ็คถึงได้หยุดขำ

“บอยเป็นอะไรไป”

“ไม่มีอะไรหรอก “

“แจ็คล้อเล่นนะ แจ็ครู้ว่าบอยไม่ทำหรอกแบบนั้นนะ” แจ็คพูด

“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาอะไรทานกันดีกว่าวะหิวแล้วและถ้าไปช้าคนเยอะวะช่วงนี้” ดิวพูด พวกผมพากันเข้าไปในร้านพิซซ่าชื่อดัง เพราะว่าที่นี้ก็มีแค่ร้านนี้ร้านเดียวแน่ๆ

“สวัสดีค่ะ กี่ท่านคะ”พนักงานต้อนรับส่งยิ้มหวานมาให้พวกผม

“8 ครับ” ดิวตอบไป

“เชิญด้านในได้เลยค่ะ “ พนักงานผายมือไปให้พวกผมเดินเข้าไปด้านในผมก็เดินไปนั่งเป็นโต๊ะเก้าอี้พนักผิงแบบนั่งได้หกคน

“เราแยกกันสองโต๊ะวะ นั่งสีคนแล้วกันจะได้ไม่เบียด” แจ็คพูด ผมก็หันไปหาที่นั่ง มีคนดันผมเข้าไปก่อนไอ้ติ๊กนะ และดิวก็น่งตรงข้ามกับผมและพายทันที ติ๊กนั่งริมนอก

“สวัสดีค่ะ วันนี้รับพิซซ่าหน้าอะไรดีค่ะ เออ ตอนนี้มีโปรโมชั่นค่ะ สั่งถาดใหญ่สองถาดขึ้นไป ฟรีเครื่องดื่มคะ”พนักงานมาแนะนำเมนูพิเศษ พวกผมก็เปิดอ่านและมองหน้าคนที่ยืนสลับไปมา

“เอาอะไรดีวะ”

“เอาอันนี้แล้วกัน มิกซ์ดิลักซ์ “ ดิวบอกพนักงานเขาก็จด

“งั้นพวกกูอยากกินแบบแซบๆว่ะ ขอเป็นซีฟูดส์เอ็กสตรีมก็แล้วกันวะ” ติ๊กบอกพนักงานที่มารับออเดอร์

“แอ้มันไม่กินกุ้ง งั้นเอาพาสต้าเพิ่มไหมแอ้” ดิวถามผม ติ๊กหันมามองหน้าผม

“มึงไม่กินกุ้งเหรอวะ ทำไมวะ กูไม่เห็นรู้เลย”ติ๊กมันถามผม

“เออ กู ทานแล้วท้องไม่ค่อยดีวะ “ ผมตอบไป พวกกุ้งปลาหมึกนี้ยิ่งแย่สำหรับผม และไอซ์ก็ได้มันมาเต็มๆ ไอซ์ทานปลาหมึกไมได้ เหมือนกับอาการแพ้แต่ไม่ได้แพ้จนแย่แค่ปวดท้องมวนท้องเหมือนผม

“งั้นผมเอาสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าเพิ่มทีหนึ่งครับ” ดิวมันสั่งให้ผมทันที ทั้งที่ผมขยิบตาแล้วนะว่าไม่เอามันก็สั่ง โต๊ะแจ็คคงสั่งกันหมดแล้ว  พวกผมก็นั่งรอ ผมเห็นพายกำลังเปิดอะไรสักอย่างดูกับดิว และหัวเราะกันใหญ่เลยดูน่ารักดี ผมก็มองถ้าเป็นพายก็คงจะไม่ลำบากเหมือนกูใช่มั้ยดิว

“ดูไปพายกับดิวมันก็เหมาะสมกันดีนะ เพราะว่าสายแพทย์เหมือนกัน ยังไงพายมันก็ต้องเรียนหมออยู่แล้ว “ ติ๊กพูดขึ้น ผมหันไปมองติ๊ก ผมก็พยักหน้าเบาๆ

“ แต่มันถูกเลือกแล้วว่าต้องคู่ใคร ยังไงก็ต้องคู่บอยอยู่ดี มันขัดคำสั่งลุงหนึ่งไม่ได้หรอก” ติ๊กพูดกระซิบก่อนจะลุกขึ้นไปยังโต๊ะข้างๆ คือแจ็ค บอย ธรรณ์และหลุยส์ ดิวเงยหน้าขึ้นมองผม

“กึก” ดิวมันสะกิดผมด้วยเท้าและพยักหน้าเป็นเชิงถามผมว่าเป็นอะไร ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่เป็นอะไร

“มันสั่งเหมือนกันเลยวะ ลอกการบ้านหรือเปล่าวะ”ติ๊กมันเดินกลับมาและก็บอกว่าโต๊ะนั้นสั่งอาหารเหมือนกับที่พวกผมสั่ง

“ปึก” ผมได้ยินเหมือนมีใครปาอะไรมาและมันก็มาลงที่ติ๊ก ติ๊กก็คีบหยิบขึ้นมา

“อะไรวะติ๊ก” พายถามขึ้น

“เหมือนซากไก่วะ ใครวะ” ติ๊กมันพูดและสะบัดทิ้งทำท่ารังเกียจ

“ปึก” มันมาอีกอันแล้ว ทำเอาพวกผมหันไปมองที่มาของชิ้นไก่ที่ลอยมา ผมก็เห็นว่าเป็นเด็กน้อยวัยสองที่ยิ้มมาให้พวกผม ปาก็เต็มไปด้วยไก่ ที่เคี่ยวตุ้ยๆอยู่

“เด็กเวร” ติ๊กมันสะบดออกมาทันที

“ติ๊ก “ ผมห้ามปรามมัน ดิวนะส่ายหัวเลย ผมสองคนต่อให้เจอเด็กดื้นหรือซนแค่ไหนก็ไม่เคยสะบดคำนี้ออกมา เพราะว่าผมเข้าใจคำว่าเด็ก ก็คือเด็ก

“ปึก” เด็กน้อยปามาอีก และที่ปาก็มาจากการคี้ยวไม่หมดตกลงที่ตามที่นั่ง

“นี้หยุดปาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นจะตี” ติ๊กบ่น เด็กน้อยก็ไม่สนใจและเริ่มจะปาไปทั่ว

“อะไรวะเนี๊ยะ “ชิ้นส่วนกระเด็นไปที่โต๊ะของแจ็ค

“ก็ไอ้เด็กบ้านี้ซิ พ่อแม่มันไปไหนวะ “  ติ๊กพูด ผมก็มองไปรอบๆ เห็นแม่กำลังอุ้มเด็กน้อยที่ร้องไห้โยเยอยู่ เหมือนเขากำลังมองหาใครสักคนและกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ

“น้องเดเนียล นั่งดีดีซิลูก เดี๋ยวพ่อก็มาแล้ว” เขากำลังรอแฟนเขาอยู่ และเสียงมือถือเขาก็ดังขึ้นผู้หญิงคนนั้นก็รีบกดรับและวิ่งออกไป เด็กน้อยหันมาปาไก่ใส่ติ๊กอีก

“ยังอีก เดี๋ยวตีเลยนะ” ติ๊กมันทำท่าตีเงื้องมือขึ้นตีแต่ผมห้ามไปว้

“เปลี่ยนโต๊ะนั่งไหมวะ “ ไอ้แจ็คมันลุกขึ้นและถามพวกผม

“ก็แค่เด็กเองมึง” ดิวมันพูด

“แต่ดูดิ มันปาไปทั่วเลยนะโว้ย” ติ๊กพูด

“ลองปาอีกนะ จะจับไก่พวกนี้หยัดปากคืนไปเลย” ติ๊กทำหน้าดุแต่เด็กน้อยกับรู้สึกตลกและหัวเราะ

“อึก อึก อึก “ เด็กน้อยนั้นลำลักอาหาร

“เฮ้ยย” พวกผมก็ตกใจซิครับ แม่เด็กก็ออกไปไหนก็ไม่รู้

“อึก อึก อึก “หน้าเด็กน้อยเริ่มแดงแสดงว่าอาหารนั้นไปอุดตันทางเดินหายใจแน่ๆเลย ทันใดนั้นไอ้ดิวกระโดดข้ามไปและจับตัวเองอุ้มขึ้นพาดกับหน้าแข็งและตบเข้าไปที่หลังเด็ก ตบขึ้นโดยสันมือเข้าที่กึ่งกลางระหว่างสะบัก

“ปึก ปึก ปึก” แต่เด็กก็ยังหน้าแดงร้องไม่ออก มีแต่คนยืนมองด้วยอาการตกใจ

“ดิววว” พายร้องเสียงหลง

“ปึก ปึก ปึก” ดิวยังคงทำต่อจนกระทั้ง

“ฮือๆๆ “เด็กน้อยร้องออกมาได้ ผมก็รีบก้มลงและค่อยๆใช้นิ้วเล็กๆของผมเขี่ยเศษไก่ออกมา ดิวก็อุ้มเด็กน้อย ขึ้นและปลอบโยน ทุกคนในร้านมองมาที่พวกผมกันหมด

“ตายแล้ว นี้พวกคุณทำอะไรลูกฉัน” แม่ของเด็กวิ่งเข้ามาพร้อมกับลูกคนเล็กและพ่อเด็กก็วิ่งเข้ามาเช่นกัน พ่อเด็กเป็นชาวต่างชาติ

“นี่พวกคุณทำบ้าอะไรกับลูกชายผมเนี๊ยะ?” พ่อของเด็กถามและรีบคว้าเอาลูกชายของเขาคืนไปแบบไม่พอใจ

“นี้ ลูกคุณนะ พ่นไก่ไปทั่ว มาที่โต๊ะพวกเรา พวกเราก็เอ็ด น้องก็หัวเราะระหว่างที่คุณนะวิ่งออกไป และน้องก็สำลักไก่ พวกเราช่วยไว้นะ “ ติ๊กพูดขึ้น แม่เด็กมองหน้าพวกผมแบบไม่เชื่อ

“ใช่ค่ะ หนูเห็นพี่เขานะช่วยน้อง เพราะว่าน้องนะพ่นไก่ใส่พวกพี่เขาและสำลักไก่เองค่ะ “ มีน้องเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งลุกขึ้นพูด

“คุณ นี่เขาพูดว่าไงนะ ”ฝรังคนนั้นหันไปถามผู้หญิงไทย
“My friend safes your son’s life because you son been naughty and he splited his food everywhere to us. Unfortunetly he got choking by himseft . My friend jumb and pat his back until a part of chicken came out . แจ็คลุกขึ้นพูดกับฝรั่งคนนั้น ฝรั่งนั้นมองหน้าลูกชายของเขาก่อนจะ

“Thank you so much for safe my son and I really sorry with everything he done” ฝรั่งนั้นหันมาขอโทษพวกผมและขอบคุณพวกผมเป็นการใหญ่ และพวกผมก็หันมานั่งทานอาหารกันเพราะว่าทางร้านได้นำอาหารที่พวกผมสั่งมาเสริฟแล้ว

   “ดิวเก่งวะ ทำเหมือนกับว่าทำบ่อย”
      
   “ก็มีบ้างแหละเพราะว่าแสบที่บ้านนะบางที่ก็เป็นแบบนี้นะ”ไอ้ดิวพูด ผมก็เตะที่ขาไอ้ดิวทันที

   “แสบที่บ้านมึงหมายถึงเด็กเหรอวะ” ไอ้ติ๊ก

   “เออ ..อ้อ เด็กข้างบ้านนะ พ่อกูรักเด็กก็เลยบางทีก็ให้เข้ามากินขนมอะไรพวกนี้และมันซนเหมือนเด็กนี้แหละก็สำลักอาหารบ่อย” ดิวพูด ผมนี้พ่นลมหายใจออกมาเลย ผมนั่งทานอาหารกัน ดิวก็คุยกับพายกระหนุงกระหนิงกันดีจนกระทั้งเสร็จก็พากันออกจากร้าน

   “กลับบ้านเลยไหมวะ เบื่อวะ ไม่มีอะไรเลยห้างนี้” แจ็คมันพูด

   “ก็ดีวะ จะได้พักผ่อนหรือไม่ก็ไปว่ายน้ำเล่นดีกว่าร้อนมากวันนี้” ไอ้หลุยส์พูด พวกผมก็เดินลงมายังลานจอดรถที่พวกพี่เขาส่งพวกผม ไอ้ติ๊กมันโทรหาพี่เขาให้มารับพวกผมแล้ว  ผมหันไปมองดิว ผมยิ้มให้เขา ผมรู้สึกภูมิใจในตัวดิว ดิวนะมีความเป็นหมอตั้งแต่เริ่มเลี้ยงลูกแล้ว

   “คิดถึงลูกใช่ไหมแอ้” ดิวกระซิบถามผมขณะที่ติ๊กหลบไปโทรศัพท์ ส่วนคนอื่นก็ก้มหน้าอยู่กับหน้าจอมือถือของตัวเอง ผมพยักหน้าเบาๆ ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับลูกๆผมละ แต่พวกเขาโชคดีที่มีปู ลุงๆที่เป็นหมอคอยช่วยเหลือมันโชคดีมากแค่ไหน 

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)(ดิวXแอ้Xติ๊ก) เราจะมีกันสามคนแบบนี้ไปตลอดไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-10-2020 08:12:32
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)(แอ้Xดิว) เพราะว่าผมไม่ใช่คนที่เขาเลือกมันจึงผิด
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 24-10-2020 08:38:57
       
(แอ้Xดิว) เพราะว่าผมไม่ใช่คนที่เขาเลือกมันจึงผิด
     
       [ ดิว]  ผมเห็นเหตุการณ์เด็กที่หัวเราะและมีอาหารในปาก และเกิดการสำลักผมก็ไม่รอช้าเข้าไปช่วยทันทีและผมก็ได้ช่วยเขาได้ทันเวลา ดีทีน้องไม่เป็นอะไรมาก ผมเห็นการแสดงสีหน้าท่าทางที่บอกว่าไม่รักเด็กเอาซะเลยของติ๊กแล้วผมก็คิดว่าเขานะก็คงไม่รักลูกๆผมเช่นกัน ต่อให้มันจะชอบผมแค่ไหนลูกผมคือสิ่งสำคัญที่สุด ถึงผมจะเป็นพ่อที่อายุน้อยก็ตาม

“ดิว ดิวเก่งนะ ดิวเหมาะที่จะเป็นหมอที่สุด”พายบอกผม ตอนกลับผมกับพายนั่งมาด้วยกัน เพราะว่าติ๊กมันผลักใสพายมานั่งกลับผม ปากก็แซวผมกับพาลตลอด ผมได้แต่ยิ้มที่พายพูด จนรถมาจอดที่หน้าบ้าน ผมเห็นว่ามีรถจอดอยู่หนึ่งคัน และนั้นมันรถพ่อผมเอง พ่อมาหาผม

“ดิว นั้นรถพ่อมรึงเปล่าวะ” ไอ้แจ็คมันจถามผม ผมพยักหน้า และรีบเดินเข้าไปด้านในกันทันที

“สวัสดีครับลุงภา “ไอ้แจ็ค

“สวัสดีครับลุง”ติ๊กและพาย

“สวัสดีครับอาภา” บอย

“สวัสดีครับพ่อ” ผมกับแอ้ แต่อันนี้ทุกคนหันมามองผมและแอ้กันหมดแต่ไม่มีใครพูดอะไร

“สวัสดี เป็นไงเรา พากันไปเที่ยวมารึ” พ่อผมถามและผมก็เห็นหนุ่มหล่อหน้าใส เดินออกมาน่าจะจากห้องน้ำ นั้นก็คือพี่ดรีมชองผม

“พี่ดรีมสวัสดีครับ” ทุกคนยกมือไหว้พี่ดรีมกันหมด

“สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน เป็นยังไงสบายดีกันไหม back to school”พี่ดรีมแซวพวกผม

“เป็นยังไงกันบ้างสบายดีกันไหม แล้วเป็นไงสนุกไหมละโรงเรียนลุงกับอาของพวกเรา” พ่อผมแซว พวกผมมองหน้ากัน บ้างก็เกาหัว

“เอานะเดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น” พ่อผมพูด

“เอาละ พ่อมาจะตรวจสุขภาพแอ้นะเพราะว่าแอ้จะต้องเตรียมตัวไปสมัครสอบเข้าทหารเร็วๆ นี้เลยต้องตรวจสุขภาพก่อน “ พ่อผมพูด ผมก็หันไปมองแอ้

“ไปตรวจบนห้องนะ พ่อต้องเจาะเลือดเราไปตรวจด้วย” พ่อผมพูด และผมก็ลุกขึ้นทันที แอ้ก็ลุกขึ้นเช่นกัน

“เออ...ดิว ให้พ่อกับพี่ดรีมขึ้นไปแล้วกัน “พ่อผมบอกผม ผมก็ทำท่าจะค้านแต่ว่าพี่ดรีมส่งสายตาให้มองไปที่ด้านหลัง ใช่ครับทุกสายตามองผมกันหมด

“คือว่าจะได้ช่วยพ่อตรวจไง”

“มึงรอข้างล่างนี้แหละครับดิว มึงยังไม่ใช่หมอ พ่อกับกูนี่หมอครับน้องดิว ” พี่ดรีมพูดและผมก็ต้องถอยหลังออกมาพ่อผมพี่ดรีมและแอ้เดินขึ้นไปบนชั้นสองคงไปที่ห้องนอน ผมก็หันมามองพวกมัน พวกมันก็หันไปมองทางอื่นกันหมด ผมนั่งรอด้วยใจจดจ่อ

“แอ้มีอะไรหรือเปล่าวะดิว ลุงภาถึงมาถึงที่นี้ “ ไอ้แจ็คมันถามผม

“ก็อย่างที่พ่อกูบอกอ่ะว่า แอ้เขาจะเตรียมตัวไปเข้าสอบก็เลยขอตรวจสุขภาพก่อน”ปากผมพูดแต่ผมก็ชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วง ปกติผมจะอยู่กับพ่อดูทุกอย่างที่พ่อทำกับแอ้ตลอด แต่นี้

“ดูมึงดิวะดิว ทำยังกะว่ามึงเป็นพ่อที่รอเมียอยู่หน้าห้องคลอด” พายพูด ผมสะดุ้งและหันมามองทุกคน ทุกสายตามองผมอีกแล้ว และผมก็เปลี่ยนจากนั่งมาเป็นลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว

“หึๆ” คนที่หัวเราะผมก็คือบอยและธรรณ์ ผมก็นั่งลงแบบเขินๆ จนกระทั้งเวลาผ่านไปเกือบ30นาที พ่อและพี่ดรีมก็ลงมา

“เสร็จแล้วเหรอพ่อ “ ผมถามพ่อทันที

“เสร็จแล้วดิว เออ พ่อให้แอ้นอนพักสักแป๊ปนะ เพราะว่าพ่อเอาเลือดแอ้ไปตรวจหลายหลอดเลย ถ้าให้ลุกพล้วดพลาดลงมาแอ้จะหน้ามืดเอา” พ่อผมพูด

“แอ้เขามีภาวะธาตุเหล็กต่ำนะ พ่อต้องตรวจให้แน่ใจว่า ไม่ต่ำลงมาอีก “ พ่อผมอธิบายให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็พยักหน้า

“ไงติ๊ก ตั้งแต่ลุงย้ายไปที่ค่ายก็เลยไม่ค่อยเจอเราเลยนะ “ พ่อผมถามติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม

“คือผมก็ยุ่งๆนะครับลุง มีทั้งงานภาพยนต์และไหนจะไปเป็นพรีเซนเตอร์โรงแรมให้พ่อผมอีกนะครับ” ติ๊กบอกพ่อผม

“อย่าว่าแต่เราเลย พ่อเราลุงเป็นพี่ยังเจอมันนับครั้งได้เลย ลุงว่าจะสนับสนุนชาวบ้านจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกลจากค่ายและโฮมสเตย์ ว่าจะช่วนพ่อเรามาพักบ้าง “ พ่อผมบอกติ๊ก

“แล้วแอ้เป็นไงบ้างอ่ะครับ” พายถามพ่อผม

“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เราพร้อมหรือยังที่จะสอบหมอนะ ลุงเจอพ่อเราเห็นเขาบอกว่าเราเก่งมากพาย ดูแล้วท่าจะได้หมอโรคหัวใจแน่ๆ “ พ่อผมพูด พายก็ยิ้มๆ

“บอย ไหนๆ อาก็มาแล้ว เข้าไปให้อาตรวจสุขภาพเราหน่อยนะ “ พ่อผมบอกบอย บอยก็พยักหน้า แจ็คก็มองตาม

“เอานะแค่ตรวจแจ็ค” พ่อคงรู้เลยบอกแจ็ค บอยก็เดินตามพ่อผมเข้าไปอีกห้อง พ่อผมหันไปพยักหน้ากับพี่ดรีม พี่ดรีมก็หยิบกระเป๋าเปประจำของพ่อผมและหิวไปให้พ่อผมด้วย พี่ดรีมก็เดินออกมา ผมเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อไปดูแอ้ ผมเคาะประตูก่อนและค่อยๆเปิดประตูเข้าไป เห็นแอ้นอนอยู่บนเตียง

“แอ้ เป็นไงบ้าง เจ็บไหม” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

“ที่จริงก็ไม่นะ เพราะว่าพ่อบอกว่ามันไม่เยอะนะ พ่อใช้เข็มเล็กมากดูดออกมา พ่อบอกมันจะประสานกันภายใน 48 ชั่วโมงเอง แต่แอ้อาจจะเจ็บหน่วงไปไปเกือบอาทิตย์” แอ้บอกผม

“วันนี้นอนนี้นะ ไม่ต้องลงไปทานอาหารข้างล่าง ดิวเอาขึ้นมาให้นะครับ” ผมบอกแอ้

“อืมม” แอ้พยักหน้า

“แสดงว่าเจ็บ ทำไม “

“หมับ” แอ้จับแขนผม เพราะเขารู้ว่าผมจะไปตามพ่อแน่ๆ

“พ่อก็บอกแล้วจะเจ็บหน่วงๆสักพัก และพ่อก็ให้ยาแก้ปวดไว้ทานด้วย แอ้ทานไปแล้ว “แอ้บอกผม

“นอนพักนะ รู้ไหม” ผมบอกแอ้ แอ้พยักหน้าคงง่วงจากฤทธิ์ยาจริงๆ และผมก็ลุกขึ้น ผมจัดท่านอนให้แอ้ พร้อมกับดึงผ้าห่มมาหมให้แอ้ ผมนี้สงสารแอ้จริงๆเลย ตอนแรกก็คิดว่าดีนะที่แอ้มีลูกมดแต่บางทีก็คิดว่าแอ้ต้องมาเจ็บตัวบ่อยๆแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ผมเดินออกจากห้องและค่อยปิดประตูลงช้าๆ

“แอ้เป็นไง มัน” ไอ้ติ๊กมันเดินขึ้นมา

“แอ้มันง่วงนะและเพลียด้วย ก็โดนดูดเลือดไปหลายหลอด และมันก็ปวดแขนที่พ่อกูเจาะเลือดด้วยเลยขอนอนพัก” ผมบอกไอ้ติ๊ก ติ๊กมันมองหน้าผม ติ๊กพยักหน้าก่อนจะเดินลงไปข้างล่างทันที ผมก็เดินตามลงไป เพื่อจะล่ำลาพ่อก่อน ผมเดินลงมาก็เห็นพ่อกับพี่ดรีมกำลังนั่งคุยกับพวกหลานๆของพ่อกัน

“เอาละพ่อกลับก่อนนะดิว และอย่าลืมอ่านหนังสือละ ไอ้ดิมพี่ชายเราเขาจะติวให้ “พ่อหันมาบอกผม ผมพยักหน้า พ่อผมเดินออกไปพร้อมกับพี่ดรีม ทุกคนยกมือไหว้พ่อผมกับพี่ดรีมกัน

"ดิว อาทิตย์ หน้าไปงานกับพ่อนะ อันนี้คำสั่ง เบี้ยวไม่ได้เลยนะ” พ่อหันมามอบอกผม

“พ่ออาทิตย์หน้าวันเกิดลูกผมนะพ่อ” ผมพูดขึ้น

“ดิว ไปก่อน เพราะว่างานนี้ก็สำคัญแค่ไปนั่งพอ อย่างอื่นพ่อจัดการเอง และงานวันเกิดอาจจะมาทัน หรือไม่ทันก็เลื่อนไปจัดอีกอาทิตย์ถัดไปก็ได้นี่ดิว “ ผมทำหน้าเซ็งเลย

“ส่วนแอ้นี้ถ้าปวดนะ เอายาพาราให้ทานก็พอและอย่าซ่าให้มากถนอมแม่ของลูกมึงหน่อยนะ พ่อไม่อยากทำแบบนั้นกับแอ้บ่อยมันไม่ค่อยดีกับแอ้ “ พ่อบอกกับผม

"อะไรที่ไม่ได้มาแบบธรรมชาติมันมักจะมีโทษ เข้าใจไหมดิว" พ่อบอกผม ผมก็พยักหน้า

“ที่แอ้เป็นแบบนี้ มันคงไม่กล้าทานยาเพราะว่ามันอยู่ติดกับติ๊กตลอดนะพ่อ ผมว่าแอ้มันกลัวติ๊กจะถามเรื่องยานะพ่อ” ผมพูด

“เอานะ ไม่นานก็จะได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยกันแล้ว “ พ่อผมพูดและเดินเข้าไปนั่งในรถ

“พี่ไปนะ อย่าอิบๆกันมากละ” พี่ดรีมชะโงกหัวพูดกับผม

“ของแบบนี้มันห้ามกันได้เหรอ “ผมถามพี่ดรีม

“ก่อนจะอิบๆนะ มึงเช็คถุงก่อนนะ คุณภาพผ่านISOไหม จะได้ไม่ถุงแตก” พี่ดรีมพูดแต่ไมได้ส่งเสียงดัง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนนั่งทำหน้าที่คนขับรถ

“พี่มึงนี้มันก็กวนตีนไม่ใช่น้อยนะไอ้ดิว แนะนำน้องมึงดีจริงๆ ขึ้นรถกูรีบครับไอ้หมอดรีม “ พ่อผมได้ยินแน่เพราะว่าพ่อผมปิดประตูยังไม่สนิทดีและพ่อก็เลยเปิดออกมาบ่นพี่ดรีมซะเลย

ผมก็ยืนมองจนรถพ่อผมแล่นออกไป ผมหันหลังเดินจะเข้าบ้าน ผมเห็นไอ้แจ็คมันมายืนมองผม มันขมวดคิ้วมองผมแต่ผมไม่รู้ว่ามายืนนานหรือยังนี่ซิ

“มีอะไรวะแจ็ค”

“แอ้เป็นอะไรวะ “ไอ้แจ็คมันถามผม 

“ไม่นิก็แค่ อย่างที่พ่อกูบอกนั้นแหละ” ผมพูดและทำท่าจะเดินเลี่ยงมันเพื่อเข้าบ้านแต่ว่าไอ้แจ็คมันจับต้นแขนผมเอาไว้มันมองหน้าผม

“อย่าบอกกูนะว่าแอ้คือคนที่เขาเลือกให้ เป็นคนที่ตั้งครรภ์ได้นะไอ้ดิว บอกกูดิวะ “ ไอ้แจ็คมันมองหน้าผม ผมก็มองหน้ามันกลับ และผมก็คิดในใจว่า “มึงนี้ควรไปกินหญ้าแทนข้าวจริงๆ “

“ไม่ใช่วะ แอ้ไม่ใช่คนที่เขาเลือก ไม่นานมึงก็จะรู้เองว่าใครที่เขาเลือกวะ กูไปดูแอ้ก่อนนะ เพื่อว่ามันปวด เออ แขนที่พ่อกูเจาะเลือดไป เพื่อตรงสุขภาพก่อนที่จะยื่นใบสมัครเข้าเรียนจปร “ ผมบอกมันและมันก็ปล่อยแขนผมแค่นั้น ผมเดินขึ้นไปบนบ้านทันที ผมเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าแอ้ยังนอนหลับอยู่ แต่ว่าแอ้ นะนอนอยู่ที่เตียงตัวเอง ผมก็ไม่อยากปลุกแอ้ผมอยากให้แอ้นอนเตียงเดียวกับผมมากกว่า ผมก็เลยค่อยๆช้อนร่างแอ้ และอุ้มไปนอนเตียงผมอย่างเบามือที่สุด

“ดิวจะทำทุกวีถีทางให้เราได้อยู่ด้วยกันแอ้ ต่อให้มันจะหนักกว่าหรือเหนื่อยกว่าดิวก็จะทำ” ผมพูดกระซิบข้างหูแอ้เบาๆ แต่ว่าตอนนี้พวกผมต้องจบภารกิจโรงเรียนอาภาษญ์ไปให้ได้ซะก่อน ถ้าคิดอีกทีมันก็ช่วยยื้อเวลาของผมกับแอ้ให้อยู่ด้วยกันให้นานขึ้นด้วยหรือเปล่า ผมเหลือบไปมองแอ้ที่นอนไปดิ้นจนติดขอบเตียงอีกด้านหนึ่งซึ้งเว้นที่ไว้ให้ผมพอสมควร ผมขึ้นไปนั่งและเปิดหนังสือเตรียมสอบแพทย์ขึ้นมาอ่านระหว่าวที่รออาหารเย็น

-------------------------------------------------------------------------------------------------
แอ้ ผมไม่รู้ว่าผมหลับไปนานแค่ไหน แต่ก็รู้สึกว่ามีมือมาคอยสัมผัสกายผมตลอด เพื่อเช็คว่าผมไข้หรือเปล่า แน่นอนคนนั้นก็ต้องเป็นดิว มันยิ่งทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมลำบากใจ เพราะว่าผมเองก็ไม่รู้ว่าผมกับมันจะได้อยู่ด้วยกันหรือแยกกันไป ใจของผมไม่อยากห่างจากมันเลยผมก็เลยต้องเก็บความลับของผมกับดิวเอาไว้แต่ไอ้คนข้างๆผมนี่ซิ มันไม่ค่อยเข้าใจผมเอาซะเลย

“ตื่นแล้วเหรอแอ้” ดิว หนังอ่านหนังสือที่จะเข้าสอบแพทย์ทหาร ดิวหันมามองผมด้วยแววตาที่เป็นห่วงเหมือนเคย

“ อืมม ลงไปทานอาหารหรือกันหรือยัง” ผมถามดิว ผมค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขั้นนั่ง แต่ก็ยังเจ็บอยู่แป๊ปๆไม่มาก และผมก็ต้องฝืนว่าไม่เจ็บ เพื่อไอ้ดิวจะได้ไม่ต้องแสดงอาการเป็นหวงผมจนเกินไปและนี้แหละที่จะทำให้อีกคนมาลงที่ผมเอา

“เจ็บเหรอแอ้” ดิวมองผม ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่เจ็บ (แต่จริงๆโคตรเจ็บเลย)

“ดิวลงไปตักเอาไว้ให้แล้ว เอาขึ้นมาทานข้างบนนะ “ ดิวบอกผม

“ลงไปทานข้างล่างดีกว่าดิว” ผมบอกดิว

“ไม่เอาเดินชึ้นเดินลงไม่ดี ดิวไปเอามาให้ ดิวบอกพวกนั้นแล้วว่าแอ้เพลียมากและพ่อสั่งให้นอนพักเยอะๆ พวกมันก็น่าจะเข้าใจ” ดิวพูด ผมพยักหน้าตามนั้น และดิวก็เดินออกจากห้องนอนไป ผมเอื่อมมือไปหยิบหนังสือที่ดิวอ่านมาดู

“ฟุ๊บ” มีบางสิ่งที่หล่นลงมาจากหนังสือ เป็นรูปถ่ายผมหยิบขึ้นมาดูเป็นรูปตอนยังเด็ก ผมนั่งอ่านหนังสือแสลมดั้งและผิงแผ่นหลังของดิว วันนั้นดิวไปคัดตัวเป็นนักกีฬาชมรมฟุตบอล แต่รูปนี้ใครถ่ายให้ก็ไม่รู้ คงจะเป็นพี่ๆ ของดิวแน่ๆ ผมอดอมยิ้มไม่ได้

“ก๊อกๆ” เสียงเตาะประตุห้อง ผมรีบเก็บรูปถ่ายเข้าในหนังสือของดิว

“ห้องไม่ได้ล๊อกครับ” ผมตอบไป และคนที่เปิดเข้ามาก็คือบอย บอยมองผมและยิ้ม ก่อนจะเดินมาหาผม

“เป็นไงบ้างแอ้ “ บอยถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่เป็นอะไร

      “ แอ้ “บอยเรียกชื่อผมเหมือนจะถามผม ผมาบอยคงจะถามเรื่องวันนั้นอีกแน่ๆเลย ผมเดาจากสายตาของบอยได้ บอยมองผมและยิ้มให้ผม

 “อีดอัดไหมอ่ะ แอ้” บอยถามผม บอยขึ้นมานั่งข้างๆผมและหันมาเหล่มองผมก่อนจะหันกลับไปมองตรงหน้า ผมยอมรับว่าอึดอัดที่สุด

  “ ดิวคงอยากจะบอกใครๆแย่แล้วใช่ป่ะ เพราะว่าดิวอยากจะรับผิดชอบแอ้อย่างเต็มตัว “ บอยพูดขึ้น ผมหันไปมองบอย

 “เหมือนกับแจ็คนะแต่ต่างกันตรงที่ว่าแจ็คเขาไม่รู้และบอยก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับได้เหมือนดิวรับแอ้ได้ไหม “บอยพูด ผมหันไปแตะที่แขนบอยเบาๆ

  “น่าจะเอามดลูกไปใส่ไว้ที่มันสองคนดูนะจะได้รู้ว่าเราสองคนต้องแบกอะไรไว้บ้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะที่ดันมาอยู่ในร่างผู้ชายแบบนี้” บอยพูด ผมพยักหน้าว่าจริงทีเดียว บอยหันมายิ้มให้ผม

    “แต่บอยก็ยังดีกว่าแอ้นะ ตรงที่ว่าบอยคือคนที่เขาเลือก มันมีเหตุผลมากพอ แต่แอ้ไม่ใช่ คนที่เขาเลือก และคนที่จะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้มีอยู่หลายคนเลย คนแรกคือพ่อภา พ่อของดิวมันเองนะเขาทำเพื่อช่วยชีวิตแอ้ คนที่สองคือพ่อภีมแต่พ่อคงเสียใจถ้ารู้ว่าแอ้ทำในสิ่งที่ไม่ควรไปแล้ว และคนสุดท้ายคือดิว มันไม่ควรจะทำแบบนั้นกับแอ้เลยเพราะว่า.....”

    “เขาคือคนที่ถูกเลือกเหรอ แอ้ ทำไมไม่เชื่อหัวใจของแอ้กับดิวละ “  บอยหันมาถามผม

    “แล้วมันจะมีประโยขน์อะไรละบอยถ้าเขาไม่ได้เลือกให้คู่กัน”

     “บอยเชื่อดิวนะ บอยเชื่อว่าดิวเขารู้ว่าจะทำยังไง บอยแค่คิดว่าแอ้กับดิวทำทุกวันให้มีความสุขก่อนจะดีกว่า “ บอยพูดและมองหน้าผม

     “แล้วน้องสบายดีไหมบอย” ผมถามบอย บอนหันมามองหน้าผม บอยยิ้มให้ผม ผมแอบได้ยิน เขาคุยโทรศัพท์ ผมก็พอจะเดาได้ว่าบอยมีน้องแล้วและไอ้แจ็คก็คงยังไม่รู้

    “ ขวบหนึ่งแล้ว บอยเพิ่งจะจัดวันเกิดให้ก่อนจะมานะ”

    “เท่ากับน้องมีนเลย จะขวบหนึ่งแล้วเหมือนกันอาทิตย์หน้านี้นะครับ “ ผมบอกบอย บอยหันมายิ้ม

     “ถ้ามีโอกาสน่าจะให้รู้จักกันไว้นะ จะได้เป็นเพื่อนกันเหมือนรุ่นเราไง” บอยพูดผมพยักหน้า ดิวเปิดประตูเข้ามาพอดีพร้อมถาดอาหาร ดิวมันเอาอาหารขึ้นมาให้ผมทาน ดิวก็มองบอยและยิ้มให้

     “ถ้าอย่างนั้นทานอาหารเถอะนะ “บอยพูดก่อนจะลุกขึ้นไป ดิวหันมามองผมโดยที่ไม่ได้ถามอะไร ดิวมันเดินไปหยิบโต๊ะตั้งได้มาวางไว้บนที่นอน นี้มันจะให้ผมกินบนนี้เลยหรือไง ผมหันไปมองไอ้ดิว

    “ทานบนนี้แหละ พ่อเคยบอกไว้ว่า ขยับให้น้อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะดีมาก แผลจะได้ประสานกันเร็วขึ้น” ดิวบอกผมและดิวมันก็มานั่ง ผมหันไปมองอย่าบอกนะว่าจะป้อนผมด้วยนะ

    “ป้อนให้”

    “ไม่เอา “

    “มันไม่เข้ามาหรอกนะ ถ้ามันจะเข้ามาคงเข้ามาตั้งแต่แอ้นอนหลับแล้ว ดิวไม่ได้ล๊อกประตูห้องเลย “ ดิวพูด ผมหันไปมองหน้ามันแต่ดิวก็ตักอาหารขึ้นมารอจ่อที่ปากผมแล้ว ผมก็ต้องอ้าปากงับอาหารในช้อนนั้นไป

    “อาทิตย์หน้าดิวไม่ได้ไปฉลองวันเกิดมีนอะ พ่อบอกให้ไปทำธุระ แอ้ไปนะ ไปฉลองกับลูกนะ อย่างน้อยมีหนึ่งคนอยู่กับลูกก็ยังดี” ดิวพูดกับผม

    “ดิว ติ๊กให้อาภาษญ์โทรหาพ่อภีมอ่ะ มันจะให้แอ้ไปเดินแบบเสื้อสูทอ่ะ แอ้ก็ไม่ได้กลับไม่รู้ว่าจะขอกลับไปก่อนได้ไหมเหมือนกัน” ผมบอกดิว ดิวหันมามองหน้าผม ดิวหันหน้าหนีอีกแล้ว

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นได้ไหมดิว “

    “แอ้ลูกต้องการแอ้นะ ยิ่งมีนด้วย คนที่เขาอยากให้นั่งเป่าเค้กใกล้ๆ และนี้มันวันเกิดขวบปีแรกด้วยนะ ส่วนดิวนะ อยากจะหาเรื่องชิ้งแต่ก็คงไม่ได้แล้วรอบนี้ พ่อจะซวยเอา” ดิวพูด ผมพยักหน้าว่ารู้ ผมรู้ว่ามันขัดคำสั่งลุงหนี่งมาหลายครั้งแล้ว

    “ก็ไปก่อนดิว และแอ้รอ ให้ดิวกลับมก่อนเพื่อว่าเราจะได้กลับไปพร้อมกัน หรือไม่ก็ฉลองกันย้อนหลังสักอาทิตย์คงได้อยู่นะ” ผมพูดบอกกับดิว

           “อ่ะ ทานก่อนเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” ดิวบอกผมให้ทานก่อน ดิวก็ป้อนอาหารให้ผม

           “ดิว …ลืม….”พายเปิดประตูเข้ามาพอดีเลย พายก็ยืนมองผมกับดิว ดิวมันกำลังป้อนอาหารให้ผมอยู่ ผมก็รีบคว้าช้อนมาจากดิวทันที พายก็แค่มองและยิ้มๆให้ผม

           “ดิวลืมซีดีการ์ตูนไว้ที่พายนะ พายเอามาให้ ถ้าอย่างนั้นไม่กวนนะ “พายรีบพูดและวางซีดีเอาไว้ก่อนจะรีบถอยหลังออกไป ผมหันมามองไอ้ดิว

           “เออ จะให้ล๊อกประตูให้ไหม จะได้ป้อนกันได้สะดวด” พายกลับเข้ามาถามผมกับดิวอีก ดิวมันยกริ้วโป้งให้เลยและประตูก็ถูกปิดลงพร้อมเสียงกดล๊อกให้เรียบร้อย ผมหันมามองดิว

           “ท้อไหมดิว ถามจริงๆ”ผมถามดิว ผมรู้ว่าดิวเข้าใจคำถามของผมดี

           “ไม่อะ ไม่ท้อ แต่น้อยใจนะมีอยู่ แต่ให้ท้อใจไม่มีอ่ะ “ดิวบอกผม

           “ถ้าถึงตอนนั้น เราต้องแยกกันละดิว”

           “ดิวก็จะหาแอ้และดึงแอ้กลับมาอยู่กับดิวให้ได้ ดิวจะทำทุกอย่างเหมือนที่พ่อภาทำและยิ่งดิวมีลูกกับแอ้ ดิวจะพยายามและต่อให้มันจะยากกว่าหลายเท่าดิวก็จะทำ เพื่อลูกและแอ้ “ ดิวบอกผม ผมก็ได้แต่มองดิว ผมดีใจที่ลูกๆของผมมีพ่อที่ใจคอห้าวหาญแบบดิวแต่ผมก็เสียใจไปพร้อมๆกัน เพราะว่าดิวมันอาจจะไปได้ไกลกว่าถ้ามันเลือกบอย ไม่ใช่ผม 

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)(แอ้Xดิว) เพราะว่าผมไม่ใช่คนที่เขาเลือกมันจึงผิด
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-10-2020 11:54:58
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)(บอยXแจ็ค) ใครคือไอ้แบงค์
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-10-2020 10:03:17
Part แจ็ค
           
      เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์ของการกลับมาเป็นนักเรียน อาทิตย์นี้ไม่มีอะไรมาก พวกผมเริ่มได้ข้อมูลพวกไอ้ภาคินกันบ้างแล้วเกียวพวกมันทุกคนแม้กระทั้งพี่แฮ๊ก แต่ผมยังไม่เจอตัวคนหาข้อมูลเลยว่าเขาคือใคร และ ในวันหยุดอาทิตย์นี้ของพวกผม พ่อๆของพวกผมสั่งห้ามออกไปไหนไกลก็เลยพากันไปเดินห้างสรรพสินค้าที่มีแค่สองชั้น แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

      และอาทิตย์นี้ไอ้ติ๊กก็บอกว่ามันมีงานด่วนเดินแบบเสื้อสูทแบรนด์ดังที่โรงแรมระดับเจ็ดดาวของอาภาษญ์ มันบอกจะเอาแอ้ไปเดินด้วยและพายอีกคน ส่วนผมก็ว่าจะชวนบอยไปเที่ยวกับไอ้หลุยส์สักหน่อย แน่นอนไอ้หลุยส์มันมีหวานใจแล้วนิ  ไอ้หลุยส์มันก็บอกกับผมว่าจะไปปารีส แต่ผมว่าจะชวนบอย ที่ไหนสักแห่ง ไอ้ดิวมันบอกว่ามันมีธุรด่วนที่กรุงเทพกับพ่อมันอีก ทำไมทุกคนมีธุรด่วนกันหมดยกเว้นผม

           “ฮัลโล ว่าไงน้องชายพี่” พี่โจกดรับสายผม

           “พี่โจ อาทิตย์นี้ผมกลับบ้านได้ใช่ไหมพี่” ผมถามพี่โจ

           “อาทิตย์นี้เหรอ พ่อบอกว่าออกจากที่พักได้แต่ห้ามกลับมาบ้านให้ ไปหาที่เที่ยวกับเพื่อนก่อนดิแจ็ค ในกรุงเทพก็ได้ “ พี่โจพูด

           “มีอะไรหรือเปล่าพี่โจ”

           “ไม่มี!” เสียงสูงแบบนื้ มีแน่ๆ

           “พี่โจ! มีอะไรบอกมาเลยตรงๆ “ ผมถามพี่โจอีกที

           “ไม่มีแจ็ค ทำตามที่พ่อบอก อาทิตย์หน้าค่อยกลับมานะบ้านนะและจะได้ฉลองวันเกิดพี่สาวเรา “ พี่โจพูด

           (พี่โจ เจได้ยินนะ เจนะพี่ชายต่างหาก ) ผมพยักหน้าวันเกิดพี่เจนั้นเอง

           “ลืมไปเลยพี่โจ ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมชวนบอยไปเที่ยวดีกว่า” ผมพูดขึ้น

           “แจ็ค “ พี่โจเหมือนจะพูดอะไรบ้างอย่างแต่ก็เงียบไป

           “มีอะไรหรือเปล่าพี่โจ” ผมถามพี่โจอีกครั้ง

           “เออ ไม่มีแต่ เราจะพาบอยไปเที่ยวเหรอ พี่ว่า เออ บอยเขา ไปไม่ได้นะ “ พี่โจพูด

           “ไปไม่ได้ ทำไมอะพี่โจ “

           “แจ็ค นายจะทำให้พี่โดนพ่อดุ อย่าถามพี่ได้ไหม” พี่โจพูด

           “ถ้าพี่ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ผมไม่อยากรู้เรื่องภายในองค์กรสักเท่าไหร่ แต่ผมจะชวนแฟนไปสวีทแค่นี้พี่โจ แจ็ครักคุณพ่อโจนะครับ”

           “แจ็คพี่โว้ย ไม่ใช่พ่อ หน้าไม่แก่ เท่าพ่อ ไอ้น้องกวนตีน” พี่โจเม้งผมใส่มือถือมาทันทีแต่ผมกดวางสายซะก่อน และเดินออกมา

           “เห็นบอยไหมวะติ๊ก” ผมเดินไปโทรหาพี่โจ พี่โจบอกว่าพ่อไม่ให้ผมกลับบ้านนะ จะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้แต่ห้ามกลับบ้านผมเลยว่าจะไปถามบอยว่าไปไหนกันดี

           “บอยยืนคุยโทรศัพท์อยู่นะมึงตรงโน้นแนะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและมันก็เดินกลับเข้าไปหา ไอ้ดิวและแอ้ วันนี้ไม่มีอะไรมากมีวิชาพละและชั่วโมงกิจกรรมแต่ว่าไม่มีกิจกรรมให้ทำ แปลกดีเหมือนกันแต่พวกผมไม่มายด์  และวันนี้พวกผมไม่เห็นพวกไอ้ภาคินมันเข้าเรียนอีกแล้ว จะว่าไปพวกผมก็เริ่มชินกับการที่มาแล้วเจอพวกมันบ้างไม่เจอบ้าง ไม่เจอจะดีกว่าเพราะว่าพวกเพื่อนมันปากหมากันทุกคน ดังนั้นผมเดินไปหาบอยจะดีกว่าง

           “ร้องงอแงใหญ่เลยอ่ะพี่บรู๊คส์ เอาไงดี บอยบินกลับเลยดีกว่า ไอ้ครับ บอยไปสนามบินเลย ไม่ดีกว่าเพราะว่าแบงค์สำคัญกับบอยที่สุด “ ผมเดินเข้ามาพอดี ผมก็ต้องชะงักถามหยุด

           “ครับพี่บรูคส์ได้ครับ ให้พี่เขามารับบอยเลยก็ได้ครับ ไปสนามบินเลยครับพี่บรู๊คส์ “

           “แบงค์ บอยกำลังไป ไม่เอานะ อย่าทำแบบนี้ซิ ทานยาและบอยจะไปเดี๋ยวนี้ บอยรักแบงค์คนเดียวนะ รักมาที่สุดเลย เจอกันนะครับ บายครับ”

           “แจ็ค” บอยหันหลับมาเห็นผมยืนอยู่ เขาก็ทำสีหน้าตกใจที่สุด ผมเองก็ยืนกอดอกมองบอย ผมรู้ว่าเขารู้ว่ามีคำถาม

           “บอย ใครอะ แบงค์” ผมถามบอย

           “เออ คือ “ บอยทำท่าอึกอักที่จะตอบผม

           “แล้วบอยจะไปไหน”ผมถามบอยต่อเพราะจากการสนทนาที่ผมได้ยินคือบอยจะไปที่สนามบินเลย

           “บอยจะกลับบ้าน บอยมีธุระด่วนแจ็ค “

           “ธุระด่วนอะไรละบอย บอกแจ็คได้ปะละ เพราะว่าเราแฟนกัน คงบอกได้มั้ง”ผมถามบอย

           “เออ…. บอย …. ขอโทษนะแจ็ค บอยต้องรีบไป แจ็คก็ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วกันนะ”บอยพูดและทท่าจะเดินออกแต่ผม

           “หมับ” ผมคว้าข้อมือบอยเอาไว้ซะก่อน

           “บอกมาตรงดิบอยว่าจะไปหาไอ้แบงค์ แจ็คได้ยินนะบอย มันเป็นใครอ่ะ เพื่อนเหมือนธรรณ์เหรอ แจ็คว่าไม่ใช่ แจ็คได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งแล้วนะ ตกลงบอยมีกี่คนกันแน่ แฟนนะ” ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม และบอยก็สะบัดมือผมออก

           “ไอ้ดิวก็อีกคนดิ ใช่ไหม บอย” ผมถามบอย

           “บอยไม่รู้ว่าบอยจะพูดหรืออธิบายยังไงกับแจ็ค แจ็คก็ยังมองว่าบอยเป็นแบบที่แจ็คคิดตลอด”

“ ใช่ บอยถูกโยนให้ไปคู่คนนั้นนี้มากมาย จนแจ็คมองว่าบอยไม่มีหัวใจที่จะรักใครสักคนเลยใช่ไหม แจ็ค”

           “ดังนั้นครั้งนี้บอยก็จะไม่อธิบายอะไรอีก “

           “แต่บอยก็ไม่เคยอธิบายในสิ่งที่แจ็คต้องการจะรู้ ไม่เคยเลย บอยทำให้แจ็คเห็นว่าบอยมีอะไรปิดแจ็คอยู่ “ ผมพูด

           “บอย “ ธรรณ์เดินตรงเข้ามาพอดี ธรรณ์มองหน้าบอยและผมสลับกันไปมา

           “บอยให้รถมารับใช่ไหมครับ” ธรรณ์ถามบอย บอยพยักหน้รา

           “บอย ตกลงจะไปใช่ไหม บอยเลือกมันใช่ไหม ไอ้แบงค์นะ”ผมถามบอยขณะที่บอยกำลังหันหลังออก บอยหันมามองผมแว๊ปหนึ่งและเดินต่อ

           “แจ็คว่าจะชวนบอยไปเที่ยว”

           “บอยไปไม่ได้อยู่ดีแจ็ค บอยมีธุระเหมือนกัน “ บอยหยุดพูดก่อนรีบเดินต่อ ธรรณ์หันมามองผมแว๊ปหนึ่งและเดินตามบอยไปธรรณ์ที ผมได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ถ้าครั้งนี้รักของผมกับบอยมีปัญหาอีก ผมก็คงจะพอเหมือนกัน ผมเหนื่อย ผมยืนหันหลังอยู่

           “หมับ” มีมือมาแตะทีไหลผม ผมหันไปมอง ไอ้หลุยส์

           “ธรรณ์บอกว่ามึงทะเลาะกับบอย มีอะไรว่ะ” หลุยส์มันถามผม

           “กูกำลังจะชวนเขาไปเที่ยวแต่นี้มีคนนัดตัดหน้าเขา ไอ้แบงค์อ่ะ มึงรู้ไหมว่ะ มันเป็นใคร” ผมถามไอ้หลุยส์ ไอ้หลุยส์มันทำหน้างง และส่ายหน้า

           “เขาปิดมึงด้วยเหรอวะ” ผมถามไอ้หลุยส์

           “กูจะลองถามธรรณ์ดู เพราะว่ากูก็เจอแต่กับบอยแค่ ที่เรียนพิเศษและเวลาออกงาน ธรรณ์น่าจะรู้มากกว่ากูว่ะ” ไอ้หลุยส์พูด

           “เชี้ยเอ๊ย!” ผมสะบดออกมา ผมอยากจะรู้ว่ามันคือใครและอยากจะขอตะบันหน้ามันสักหน่อยเถอะ ไอ้คนที่ชื่อแบงค์อะไรนี้ แล้วค่อยถามว่าบอยจะเลือกใคร ถ้าเลือกมันผมจะได้ถอยและพอแค่นี้ ผมคงขอพ่อกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยและถ้าเขาจะตัดผมจากองค์กรบ้าบออะไรนี้ก็เชิญเลยผมไม่แค่ ผมเชื่อว่าผมมีดีกว่านั้นอีก

           “เอานะ ไปเที่ยวกับกูก็ได้วะ กูมีอะไรดีดี” ไอ้หลุยส์มันพูดบอกผม

           “พ่อกูก็สั่งไม่ให้กูกลับบ้านวะ “ ผมพูด ขณะที่เดินออกมา ผมเห็นพวกไอ้ดิว แอ้และติ๊ก แต่ไม่เห็นพาย

           “พายมันไปซื้อขนมกับไอ้ต้นข้าวและปันปัน พวกกูจะกลับเข้ากรุงเทพกันเลยวะ มึงละแจ็ค” ติ๊กมันถามผม

           “พวกมึงมีงานนี้หว่า “ผมพูดและหันไปมองไอ้ดิว

           “มึงละดิว “ ผมถามไอ้ดิว

           “พ่อกูเรียกเข้ากรุงเทพด่วนว่ะ “ ไอ้ดิวพูดผมหันมามองหน้าไอ้หลุยส์ ทุกคนมีเรื่องด่วนกันหมดแต่ยกเว้นผม และไอ้ดิวก็ถูกเรียกตัวด่วนอีก ผมว่าลุงหนึ่งกำลังทำอะไรแน่ๆเลย ธรรณ์เดินกลับเข้ามาแล้วเช่นกัน

           “หลุยส์มึงรีบปะวะ “ ผมกระซิบกับไอ้หลุยส์

           “ทำไมวะ”

           “กูว่ามีอะไรแน่ๆว่ะ ไอ้ดิวมันบอกพ่อให้มันเข้ากรุงเทพด่วน ส่วนบอยก็กลับด่วนอีก”ผมถามไอ้หลุยส์

           “เออ ตอนแรกกูว่าจะไปหาลุงหนึ่งนะ แต่กูได้ยินมาว่าลุงหนึ่งไม่ว่างมีงานกูเลยจะขอพาธรรณ์ไปเที่ยวแทน” ไอ้หลุยส์มันพูดผมสะบัดหน้ามามอง

           “กูอยากรู้ลุงหนึ่งมีงานที่ไหนวะ ช่วยกูหน่อยดิวะ “ ผมถามไอ้หลุยส์

           “ได้วะ สักครู” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันไปยิ้มให้ธรรณ์ ผมก็ยิ้มให้ธรรณ์

           “พายมาแล้ววะ ไอ้แจ็ค พวกกูไปเลยนะ รถมารอแล้วและมึงละ ไม่ไปไหนเหรอว่ะ” ไอ้ติ๊กมันหันมาถามผม

           “ไปกับพวกกูไหมละ พวกกูสามคนเดินแบบกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง กูจะพาแอ้ไปแรด “ ไอ้ติ๊กมันพูด

           “กูบอกพ่อว่ากูแค่อยู่เดินแบบ ติ๊ก อย่าหางานให้กูเพิ่มได้ป่ะว่ะ” ไอ้แอ้มันหันไปพุด

           “ติ๊ก แอ้มันจะยื่นใบสมัครสอบ จปรแล้ว มึงอย่าทำให้มันโดนอาภีมด่าดิวะ”ไอ้ดิว มันบ่นไอ้ติ๊ก

           “แค่นี้ทำเป็นบ่น เออ ๆ” ไอ้ติ๊กพูดและหันมาดึงแขนไอ้แอ้ให้ไปกับมัน
           
           “พวกกูไปก่อนวะ มึงจะเอายังไงก็โทรมาแล้วกัน พาย เราไปส่งไอ้ต้นข้าวกับบลูก่อนใช่ไหมวะ” ดิวมันถามและก็เดินออกไป

           “ดิว มึงไปไหนว่ะ พรุ่งนี้” ผมถามไอ้ดิว

           “กู ไปกับพ่อกูวะ” ดิวมันพูด

           “ไปไหนวะ” ผมถามมัน ไอ้ดิวมันนิ่งไปพักหนึ่ง

           “ไปงานกับพ่อกูวะ แต่อย่าถามว่าที่ไหน กูไม่รู้แค่นี้และกูรีบว่ะ ” ไอ้ดิวมันพูดว่ามันไม่รู้ ผมว่ามันรู้แต่มันไม่บอกผม ผมหันมามองธรรณ์

           “บอยไปแล้วเหรอธรรณ์”ผมถามธรรณ์ ธรรณ์พยักหน้าตอบผม

           “แจ็ค อย่าไปงอนบอยเลยนะ บอยเขามีเรื่องด่วนนะ “ ธรรณ์พูด และไอ้หลุยส์มันก็เดินออกมาและมันก็มองผมยิ้มๆ แต่ธรรณ์นี้ขมวดคิ้วมองหน้าไอ้หลุยส์

           “มีงานบ้านลุงณะว่ะ “ ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้า นี้ไง พ่อถึงได้สั่งว่าไม่ให้ผมไป และไอ้ดิวมันก็คงไปด้วย

           “ลุงหนึ่งไปด้วยวะ” ไอ้หลุยส์พูด ผมพยักหน้า ทำไมบอยไม่บอกผมตรงๆเลยละ ตรงลงไอ้แบงค์หรือไอ้ดิว คือตัวหลอกกันแน่

           “มึงจะเอายังไงวะแจ็ค “ ไอ้หลุยส์ถามผม

           “กูจะแกล้งไปกับมึงวะ “

           “ไปเครื่องส่วนตัวกูดิว่ะ กูไปส่ง” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมพยักหน้าว่าตามนั้น

           “นี้คุณสองคนนี้ จะทำไรกันนึกถึงคนกลางอย่างบอยหน่อยได้ไหม “ ธรรณ์ถามผมสองคน

           “ธรรณ์แล้วแจ็คละ บอยไม่ยอมบอกแจ็คตรงๆเลยอ่ะ ว่าอะไรเป็นอะไร มีอะไรก็น่าจะบอกตรงๆ คนรักกันเขาไม่ทำแบบนี้ ธรรณ์” ผมพูดและเดินไปหยิบพวกกระเป๋าเป้

           “เอานะ ไปหาอะไรสนุกทำก่อนดีกว่า กูจะไปพักที่โรงแรมอาภาษญ์วะ ไปตีสควอทกันดีกว่า” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็คงต้องตามนั้นแหละเพราะเล่นออกกันไปหมดแล้วนิ 

           
           Jackie” “พี่โจผมจะไปกับไอ้หลุยส์นะ ไปเที่ยวกับมันอ่ะ “

P’Jo “ได้แจ็ค แต่อย่าไปซ่าจนมีเรื่องนะ พวกพี่มีงานกันวันพรุ่งนี้และยุ่งมาก
Jackie” พี่ต้องไปงานบ้านลุงณะเหรอ
P’Jo “ แจ็ครู้ได้ยังไง
Jackie “ รู้แล้วกันพี่โจ และนี้คือเหตุผลที่ผมไปบ้านไม่ได้ใช่ไหมครับพี่โจ นี้เขาเรียกบอยกับดิวเข้าไปด้วยใช่ไหมครับพี่โจ
P’Jo “ แจ็ค พ่อจะเข้าไปพรุ่งนี้ พวกพี่ด้วย ที่พ่อไม่ให้เราไปเพราะว่า
Jackie” กลัวแจ็คเข้าไปล่มงานเขางั้นเหรอ
P’Jo” อันที่จริงก็แค่งานทำบุญครบรอบองค์กรและทำบุญให้คนที่เสียชีวิตเพื่อองค์กรของเรา ก็แค่นั้น บอยคือคนสำคัญขององค์กร เขาก็ต้องให้บอยอยู่ในพิธีกับ
           Jackie”ไอ้คนที่เขาเลือก หรือที่เรียกว่าคนที่ถูกเลือก
           P’Jo “ งี่เง่าตัวพ่อกูมาอีกแล้ว
           Jackie” …………………
         P’Jo “แจ็คที่พ่อไปพ่อก็จะคุยเรื่องแจ็คให้นะ แต่ถ้านายไปพ่ออาจจไม่ได้คุยแลนายก็จะไม่มีโอกาสนั้นแน่นอน คราวนี้เสียบอยไปแน่ๆ พ่อว่าจะเข้าไปขอโอกาสให้นาย นายก็ควรจะเข้าใจพ่อบ้าง พี่ขอละ เอาเวลาไปเที่ยวซะ”

           P’Jo” พอนายมาเรียนมหาลัย นายไม่ได้แค่เรียนอย่างเดียวแบบนี้นะ นายต้องช่วยพวกพี่ออกงานกันด้วยนะ คราวนี้เวลาเที่ยวของนายแทบจะไม่มี ตอนนี้ไปเทียวซะ และแค่นี้นะ พี่มีประชุม พอประชุมเสร็จแล้วพี่จะโทรเช็คนายนะแจ็ค ตรูดๆ” พี่โจ ผมหันมามองไอ้หลุยส์ที่ยืนรอผมอยู่ผมอยู่ มันหยักไหล่ให้ไปขึ้นรถลีมุซีน พอผมเข้าไปในนั่งในรถ ก็เห็นหลุยส์มันเกิดไอแพต

           “กูได้ยินพวกไอ้ภาคินมันคุยกันเมื่อวานว่า ครอบครัวไอ้โซ่ มันมีปัญหาว่า กูเข้าไปดูแล้วกูจะซื้อหุ่นมันวะ” ไอ้หลุยส์มันพูด และหันมามองหน้าผม ผมก็ขมวดคิ้วเป็นปมรอเลยจะซื้อทำไม ไอ้นี้มันว่ามึงอยู่

           “เริ่มจากไอ้นี้ก่อนเลย คอยดูดิวันจันทร์มึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมยักไหล่คงจะเห็นอยู่หลอกนะ เพราะว่าวันก่อนก็ช่วยไอ้ภาคินแล้วไง ไม่เห็นมีอะไรเลย ผมนั่งกดโทรศัพท์ผมเพื่อไล่ดูรูปต่างๆ ที่มีผมกับบอยถ่ายด้วยกัน และตอนนี้มันก็ทำให้ผมสับสนในความสัมพันธ์ของผมและบอย ตกลงเราเป็นอะไรกัน

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)(บอยXแจ็ค) ใครคือไอ้แบงค์
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-10-2020 13:04:52
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ภาค(บอยXแจ็ค)ความลับของบอย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 25-10-2020 17:54:31
   
          ภาค(บอยXแจ็ค)ความลับของบอยว่าใครคือน้องแบงค์

           บอย  ทันทีที่ผมได้รับสายจากพี่บรู๊คส์ว่าแบงค์ไม่สบาย ตาเจ็บร้องไห้งอแงไม่ยอมทานยาด้วย ไม่ยอมให้หมอคนไหนตรวจเลย ตอนแรกผมก็ว่าจะบินกลับพรุ่งนี้กะว่าจะไปค้างกรุงเทพกับแจ็คสักคืน เพราะว่ามะรืนนี้มีงานที่บ้านพ่อผม ผมจำเป็นต้องอยู่ที่นั้นเพราะว่าผมกำลังจะขึ้บรับตำแหน่งคนที่ดูแลองค์กรเร็วๆนี้ทั้งที่ผมไม่อยากแต่ทำยังไงได้เขาเลือกผม เขาเลือกไว้ตั้งแต่ก่อนจะให้พวกผมเกิดซะอีก

   “คุณบอยครับ” ผมค่อยๆลืมตาขึ้นเนื่องจากมีคนมาสะกิดให้ผมตื่น ผมหลับไปทั้งน้ำตาบนเครื่องบินส่วนตัวที่บินตรงจากกรุงเทพไปบ้านผมที่ลอนดอน พ่อผมย้ายไปอยู่ลอนดอนนานมากแล้วพวกผมก็เกิดกันที่นั้น

   “ถึงแล้วครับคุณบอย”การ์ดที่ดูแลผมเดินมาสะกิดผมเบาๆ

   “ขอบคุณครับ “ผมพูดและค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้น ผมเดินไปเข้าห้องแต่งตัว เพื่อจะได้เดินทางกลับไปหาคนที่ผมรัก แม้จะไม่ได้รักมากที่สุดแต่ผมก็รักเขาหมดหัวใจ เทวดาตัวน้อยของผมแบงค์

   “ บอย” พี่บีมารับผมกลับบ้านนั้นเอง

   “พี่บีสวัสดีครับ พี่บีมาแล้วใครดูแบงค์ละครับ”ผมถามพี่บี

   “พี่บรู๊คส์นะ พี่บีมก็อยู่บ้านนะ และพี่เห็นว่าแบงค์เขางอแงมากพี่เลยให้พี่บรู๊คส์ดูให้จะดีกว่านะครับบอย” พี่บีบอกผม ผมเดินเข้าไปนั่งในรถลีมูซีนคันหรู

   “พ่อโทรไปรบกวนให้หมอเจนมาดูอาการแบงค์ให้นะ คงใกล้จะถึงแล้วแหละ” พี่บีพูด ผมสะบัดหน้าไปมองวว่าทำไมให้พี่เจนมาดูอาการแบงค์ละ เพราะว่าพี่เจนก็คือพี่ชายของแจ็คที่เป็นแฟนพี่โจ้อีกที

   “พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่พ่อบอกว่าเป็นเด็กในบ้านนะ หรือพ่ออยากจะพิสูจน์อะไรบ้างอย่างหรือเปล่า กี่ก็ไม่แน่ใจนะบอย “ พี่บีพูดผมก็พยักหน้า ไม่นานรถก็แล่นเข้ามาจอดด้านในคฤหาสน์หรู ผมรีบเดินลงจากรถและตรงเข้าไปในบ้านทันที

   “ฮือๆ ฮือๆ” เสียงร้องที่ทำให้ผมนี้แทบจะวิ่งเข้าไปในห้องนั้งเล่นที่ทำเอาไว้ให้แบงค์โดยเฉพาะ มีทั้งของเล่นที่เขาโปรดปรานและสื่อการเรียนรู้ต่างๆ  ผมเห็นพี่บรู๊คส์กำลังอุ้มแบงค์ที่ร้องไห้งอแง จนไม่น่าจะเอาอยู่

   “พี่บรู๊คส์”ผมเรียกพี่บรู๊คส์ พี่บรู๊คส์หันมามองผม ผมก็โผเข้าไปกางแขนมองคนที่น้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเทอะไปหมด พี่บรู๊คส์รีบใช้ผ้าที่พาดหัวไหล่เอาไว้เช็ด ทำความสะอาดก่อนจะส่งมาให้ผมอุ้ม แบงค์มองหน้าผมก่อนะจะโผ่กอดผมแน่น

   “บอย ฮือๆ”ผมก็กอดเข้าเอาไว้แน่นเช่นกันเหมือนกับว่ากลัวใครสักคนจะหายไป

   “แบงค์ ไม่ร้องนะครับบอยอยู่นี้แล้ว บอยขอโทษ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พี่บรู๊คส์มองผมสองคน ก่อนจะหันไปบอกให้คนใช้ในบ้าน ออกไปเหลือไว้แค่ผมกับแบงค์สองคน พี่บรู๊คส์ก็เดินออกไปเช่นกัน  ผมนั่งลงและมองหนุ่มน้อยของผม

   “แบงค์ต้องทานอะไรก่อนนะ รู้ไหม ดูซิ ขยี่จนตาเจ็บไปหมดเลย “ผมพุดและมองหน้าแบงค์ ทุกครั้งที่ผมมองใบหน้าของเขา ผมจะเห็นใบหน้าคนนั้นซ้อนขึ้นมาตลอด นั้นคือแจ็ค ก็เขาพ่อลูกกันและถอดกันมาขนาดนี้

   “บอยป้อนให้นะครับ” ผมพูดและตักโจ๊กที่แม่บ้านทำมาให้ป้อนเขา และต้องคอยเช็ดน้ำตาให้ด้วยดูท่าจะตาเจ็บมากซะด้วย น่าจะเฮย์ฟีเวอร์อีกแล้ว ลูกชายของผม

   “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตู

   “เชิญครับ” ผมพูดบอกคนด้านนอก และคนที่เปิดประตูเข้ามาก็คือพี่บีม

   “ไงครับ ไม่ร้องบ้านแตกแล้วเหรอครับ” พี่บีมแซวหลายตัวน้อย และเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วนมของน้องแบงค์ 

      “วันนี้พี่บีมไม่ได้ไปไหนเหรอครับ” ผมถามพี่บีม

      “อันที่จริงก็มีออกงานนะแต่พี่บรู๊คเขาจะไปกับวรินทร์นะ” พี่บีมพูดผมพยักหน้า ผมอยากจะถามแต่คิดว่าไม่ควรจะถามจะดีกว่า ผมไม่เห็นพี่บรู๊คกับพี่บีมออกงานคู่กันมาสักพักแล้วนะ เหมือนพี่บรู๊คกับพี่บีมมีอะไรผิดใจกันหรือเปล่า แต่ก็คงพี่งอนน้องมากกว่า ไม่น่าจะเป็นพี่บีมงอนพี่บรู๊หรอก 
      
      “นี้แค่มางานหรือว่ากลับมาเลยละบอย” พี่บีมถามผม

      “ผมยังกลับมาไม่ได้หรอกพี่บีม ผม”

      “ทำไมละ บอยคิดว่าเขาจะดีขึ้นเหรอ”พี่บีมพูดผมก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ผมรู้ว่าพี่บีมหมายถึงแจ็ค

      “บอย บอย” ผมก็ลืมป้อนข้าวลูกเลย

      “ป้อนข้าวน้องเถอะ เห็นพ่อบอกว่าเจนจะมานะ มาดูอาการของแบงค์ พี่เองก็ไม่เข้าใจนะว่าพ่อให้บ้านนั้นมาทำไม ทั้งที่เราไม่คิดจะบอกเขาอยู่แล้ว” พี่บีมพูดก่อนจะเดินออกไป ผมก็หันไปมองหนุ่มน้อยของผม จริงเหรอที่เขาจะไม่สมควรได้รู้ว่าเขาคือลูกของใคร

      “ทานนมก่อนนะครับ “ ผมเห็นว่าแบงค์เริ่มไม่ทานอาหารแล้วเลยส่วแก้วนมให้เขา ยกขึ้นมาดื่ม ผมเหลือบมองโทรศัพท์ ไม่มีแม้แต่ข้อความส่งมาง้อเลยจากแจ็ค หรือว่าผมควรจะเป็นฝ่ายง้อเขาเองนะ

      “คุณบอยค่ะ คุณเจนกับคุณโจ้มาแล้วค่ะ รออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ” แม่บ้านเดินมาบอกผม ผมพยักหน้าและส่งแบงค์คืนให้พี่เลี้ยงอีกคน ให้พาแบงค์ไปทำความสะอาดซะก่อนจะได้ลงไปด้วยกัน

       “เปลี่ยนเสื่อผ้าซะก่อนนะครับแบงค์ แล้วเราลงไปหาลุงโจ้กับป้าเจนด้วยกัน” ผมพูดและยิ้มให้แบงค์ ทำไมเรียกลุงโจ้และป้าเจนก็เขาสองคนเป็นแฟนกัน แม้ว่าจะเป็นพี่น้องแต่ก็ไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา พี่เจนนะอาภูมิเอามาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กและผมก็ไม่รู้อะไรทำให้พี่โจ้รักพี่เจนเกินน้องชายก็ไม่รู้

      ผมเดินลงก็เห็นว่าพี่โจ้และพี่เจนกำลังนั่งคุยกับพี่บรู๊คส์ อยู่ที่ห้องรับแขก พอผมเดินลงไปพี่เจนก็ส่งยิ้มมาให้ผม พี่เจนนะดูแลผมกับแจ็คดี ทุกครั้งที่ผมไปค้างที่บ้านอาภูมิ ตอนที่ยังไม่เกิดเรื่อง

      “สวัสดีครับพี่โจ้ พี่เจน” ผมยกมือไหว้พี่ทั้งสอง

      “สวัสดีครับบอย ไม่เจอกันนานเลย น่ารักเหมือนเดิม” พี่เจนพูด

      “สวัสดีครับบอย เป็นไงบ้างครับ กลับไปอยู่โน้น ลูกแจ็คยังงี้เง้าอยู่ไหมครับ” พี่โจ้ถามผมทันที ผมหันมามองยิ้มๆ พี่โจ้น่าจะรู้คำตอบ

      “แสดงว่าใช่”พี่โจ้พูดและหัวเราะเบาๆ พี่เจนตีแขนพี่โจ้เบอๆเช่นกัน

      “แล้วน้องแบงค์ละบอย ไปไหนละ” พี่บรู๊คถามผม

      “ผมให้แม่บ้านพาน้องไปล้างเนื้อล้างตัวซะก่อน เลอะเทอะตอนที่บอยป้อนข้าวลูกนะครับพี่บรู๊ค” ผมพูดแต่มันทำให้พี่โจ้และพี่เจนสะบัดหน้ามามองผม ผมลืมตัว
   
      “ลูกแม่บ้านนะ บอยเขาชอบเด็ก ดูแลเด็ก จนติดมาก” พี่บรู๊คพูด

      “อ้อ ครับ ถึงว่าเห็นลุงณะ รบกวนเจนมาดูให้หน่อย แต่ผมสองคนก็เต็มใจนะพี่บรู๊ค ที่จะมาดู…เด็กให้นะครับ เฮอๆๆ”พี่โจ้พูดแต่พี่บรู๊คเหล่ตามองขนาดนั้นพี่โจ้ก็เกร็งไปหมดนะซิ พี่บรู๊คนี้

      “นั้นไงมาแล้วพี่โจ้ น่ารักจัง” พี่เจนชี้ขึ้นไป ผมหันไปมองแม่บ้านอ้มน้องแบงค์ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้ว อุ้มลงมาถึงก็

      “บอย บอย บอย” เรียกชื่อผมกางแขนและถีบพี่ผึ้งที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กมาแต่ไกลเลยมันน่าไหมเนี๊ยะแบงค์  จนแม่บ้านต้องรีบส่งมาให้ผม  และนี้ก็ทำให้พี่โจ้และพี่เจนมองผมอีกครั้ง

      “ลูกของพี่เขาหรือเปล่าครับ”พี่โจ้ชี้ไปที่พี่เลี้ยงที่อุ้มแบงค์มา

      “ไม่ใช่ พี่เลี้ยงเด็กนะโจ้” พี่บรู๊คพูดแต่ผมซิสะบัดหน้าไปมองพี่บรู๊ค ผมส่ายหัวแต่ไม่ทันแล้ว พี่โจ้ก็มองผมกับพี่บรู๊คสลับกันไปมา

      “แม่บ้านจ้างพี่เลี้ยงเพื่อเลี้ยงลูกเขาด้วยเหรอครับพี่บรู๊ค” ผมหันไปมองพี่บรู๊ค

      “ไม่ได้จ้างค่ะ ช่วยเลี้ยงให้ค่ะ พอดีพี่เขายุ่งค่ะ “ ดีนะที่พี่ผึ้งนะเขามีไหวพริบช่วยผมสองคนไว้ได้ทัน ส่วนแบงค์ก็กอดผมแน่นมาก แถบยังแอบสายตาพี่เจนอีก

      “น่ารักมากเลยอ่ะ แต่ทำไมเจน ว่าหน้าคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้นะพี่โจ้” พี่เจนพูดและมองแบงค์

      “พี่ก็ว่าคุ้นครับ “ พี่โจ้อีกคน ผมหันไปมองพี่บรู๊คเอาไงดี ยิ่งถ้ามาวางเทียบกันนี้ก็ดูออกว่าพ่อลูกกัน พ่อถึงไม่ให้แจ็คมาบ้านนี้เลยตั้งแต่แบงค์เกิด

      “พี่คุ้นๆว่าหน้าเขาเหมือน  เด็กนะครับเจน  เด็กก็หน้าบล็อกแบบนี้แหละเจน “ พี่โจ้พูดผมนี้โล้งอกไปที

      “พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละนะ”พี่บรู๊คอีกคน   
   
      “เออ ตรวจอาการกันเลยไหม เจน เพราะว่าพี่มีงานและบอยเขาจะได้พักผ่อนนะ บอยเพิ่งจะเดินทางมาถึง เดินทางไกลและเหนื่อยพอแล้วและนั่นน้องก็ร้องงอแงอีก “ พี่บรู๊คพูดและพี่เจนก็หันไปมองพี่โจ้ ผมอุ้มแบงค์ขึ้น พี่บรู๊คเดินมาจะอุ้มแบงค์ไปแทน

      “โน่ๆ แด้ด แด้ด แด้ด” แบงค์เขาพูดว่าไม่เอาลุงบรู๊คแต่จะให้ผมแทนและดันเรียกแด้ดอีกด้วย พี่โจ้หันมามองผมอีกครั้ง

      “โน่ๆ โกๆ “ แบงค์บอกพี่บรู๊คอีกและไล่ตีมือพี่บรู๊คไม่ให้เอาเขาไปจากผม ผมพยักหน้ากับพี่บรู๊คว่าผมอีกว่าตอนนี้ น้องยิ่งร้อง ตาก็ยิ่งเจ็บ ผมก็อุ้มขึ้น จะพาไปห้องเด็กพี่เจนจะได้ตรวจได้สะดวก พี่โจ้ก็ถือกระเป๋าตามผมเข้าไปด้วยพี่บรู๊คเลยนั่งรอที่ด้านนอกแทน

      “ น้องบอยครับ  แม้ดูท่าน้องคนนี้จะติดบอยงอมแงมเลยนะครับ และนี่ถ้าไอ้แจ็คมันมาเห็นแบบนี้ มันคงงี้เง้าหนักมาก มันไม่ยอมโดนแย่งคนรัก โดยเฉพาะบอยนะ บอยน่าจะรู้ดี” พี่โจ้พูด ผมหันมามองแค่ก่อนมาก็งอนผมแล้วเนี๊ยะผมคิดในใจ
      
      “แล้วนี้เขากลับมาบ้านหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่โจ้

      “อ้าวแจ็คมันไม่ได้บอกบอยเหรอครับ ว่าพ่อพี่สั่งห้ามมา เพราะว่าจะมีงานที่บ้านน้องบอยนี่นะครับ พ่อกลัวมันทำงานพังนะครับ มันก็งอนพ่อพี่ไปตามระเบียบ เพราะว่าถ้าห้ามปุ๊ป แจ็คมันจะคิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆตลอดเลย เซ้นดีเกิ้นนะครับน้องบอยพี่ว่านะ” พี่โจ้บอกผม ผมก็ลืมไป ใช่ซิเขาชวนผมอยู่ว่าจะพาไปเที่ยวกันกับหลุยส์ และธรรณ์ นี่ผมก็ยังไม่ได้คุยกับธรรณ์เลย เดี๋ยวต้องไปโทรหาซะหน่อย ถึงจะงอนกันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี

      ผมวางน้องแบงค์ลงที่เตียงเด็ก รูปรถwiggle อันนี้เด็กๆชอบมากเพราะเป็นรายการทีวีโชว์ ร้องเพลงเด็กๆ และรถคันนี้พี่บรู๊คเขาซื้อให้ตอนวันเกิดที่ผ่านมา

      “แด้ดๆ “แบงค์กางมือเรียกผมให้เข้าไปหาเขา

      “ไม่เป็นไรลูก บอยอยู่นี้ไง” ผมพูด พี่เจนมองผมยิ้มๆ

      “พี่เจนไม่ดุครับ นะขอพี่เจนดูตาน้อง …. แบงค์”

“ ชื่อแบงค์เหรอครับ บอย ชื่อมัน เออ  เหมือนแต่พี่ว่าไม่น่าจะใช่ พี่คงคิดมากไปเอง” พี่เจนพูดและพี่โจ้ก็มองพี่เจนพร้อมกับขมวดคิ้ว

      “ชื่อน่ารักเนอะ” พี่โจ้พูดและเอานิ้วไปจับค้างแต่

      “เพี๊ยะ!” ดังมากเลย แบงค์ตีมือพี่โจ้ เล่นเอาพี่โจ้ชักมือกลับและลูบหลังมือตัวเอง

      “แบงค์ ไม่น่ารักเลยนะ ขอโทษลุงโจ้เดี๋ยวนี้เลย” ผมหันไปทำหน้าดุ เวลาผมดุก็ดุจริงๆ แบงค์เบ้ปากทำท่าจะร้องไห้ แต่ก็แค่กระซิก กระซิก

      “แบงค์ พ่อบอกว่าไง” ผมถามแบงค์

      “ไม่เป็นไรครับบอยน้องคงหวงเนื้อหวงตัวนะครับ ไม่เป็นไร ลุงไม่จับ ให้ป้าเจนคนเดียวเนอะ” พี่โจ้หันมาบอกผม พี่เจนหันไปขำพี่โจ้ และหันมาตรวจดูแบงค์ ตามแบบที่พี่เจนเรียนมา

      “ไม่น่าจะใช่ตาอักเสบนะบอย แต่น่าจะเป็นเหมือนภูมิแพ้มากกว่า พี่จะให้ยาทานนะครับและยาหยอดตาสำหรับลดอาการแพ้ ส่วนยาทานก็เป็น ลอร่าตาดีนสำหรับเด็กเล็กนะครับ แต่ถ้าไม่ดีขึ้นไปหาพี่ที่ศูนย์เกี่ยวกับหมอตาโดยเฉพาะนะครับ พี่จะให้อาจารย์หมอดูให้นะครับบอย” พี่เจนบอกผมและส่งยิ้มให้แบงค์

      “น้องไม่ค่อยชอบทานยาอ่ะพี่เจน ลุงๆก็ป้อนไม่ได้ ไม่ยอมเอาซะเลยต้องบอยตลอด” ผมพูดและพี่เจนก็หันมามองผม

      “คือว่าพี่ๆ ผมก็รักเด็กคนนี้เหมือนหลาน นะครับพี่เจน”

      “ก็คงต้องพยายามป้อนหน่อยนะครับและคงต้องระวังสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้น น้องอาจจะแพ้เกสรอกไม้ ช่วงนี้เป็นฤดูสปริงด้วยครับ อาจจะกำเริบหน่อย  ถ้าน้องออกไปวิ่งข้างนอกก็ระวังหน่อยนะครับ”พี่เจนพูด ผมก็เดินไปอุ้มแบงค์ขึ้น พอหันขวับไปเจอพี่โจ้กางมือขึ้นทันที

      “ยืนใกล้ก็ไม่ได้เนอะ นิสัยแบบนี้มันเหมือนใครนะ เหมือนไอ้แจ็คเลย ตอนเด็กๆนี้ ไม่ชอบใครนี้มันตียันเลย ห้ามมาไกล้ คนเลี้ยงก็เปลี่ยนบ่อยไม่ได้ อยู่กับใครก็ต้องคนนั้น พอเปลี่ยนมือมานี้ มันไม่ยอมท่าเดียว พี่จำได้แล้ว” พี่โจ้พูด พี่เจนหันไปมอง ผมก็แอบขำ

      “ทำไมไม่ชอบพี่ละครับ พี่ออกจะหล่อ พี่เจนยังชอบพี่เลย” พี่โจ้หันมาพูดกับแบงค์แต่แบงค์ทำท่าจะตีอีก ผมก็จับมือและส่ายหัว ว่าไม่น่ารัก ไม่เอา

      “ว่าแต่พ่อแม่น้องเขาไปไหนเหรอครับน้องบอย” พี่โจ้ถามผม

      “พ่อแม่น้องเขา เออ…..  “ ผมคงจะพูดตอนนี้ไหม เพราะว่าถ้าพูดไปแล้วแบงค์เขาจำคำพูดพวกนี้ผมไปละ เขาก็จะคิดตามที่ผมพูดออกไปไหม แต่พ่อผมก็ได้บอกทุกคนที่มาเจอแบงค์ว่าพ่อแม่เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว  ทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง แต่ผมกลับเลี่ยงที่จะไม่ตอบอะไรเลยจะดีกว่า

      “ตรวจเสร็จหรือยังละ โจ้ เจนอยู่ทานอาหารเที่ยงกันก่อนไหม” พี่บรู๊คเข้ามาช่วยผมไว้พอดีเลย
      “ไม่ดีกว่าครับพี่บรู๊ค ผมว่าจะพาเจนไปทานร้านอาหารแถวๆนี้ เจนเขาอยากเช๊คอินไปอวดพยาบาลนะครับ “ พี่โจ้พูด ผมหันมามอง ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ

      “ลุง ลุง” แบงค์กางแขนไปหาพี่บรู๊คผม

      “ที่อย่างนี่ละหาลุงทันทีทีนะ เมื่อกี้ทำลุงงอนน่ะรู้ไหม ฟ๊อด” พี่บรู๊คพูดพร้อมกับอุ้มแบงค์ไปหอมแก้มหนึ่งที่

      “ถ้าอย่างนั้นผมไปกันก่อนนะครับ” พี่เจนพูดและสะกิดพี่โจ้ ที่เอาแต่มองพี่บรู๊คกับน้องแบงค์

      “น้องบอยอันนี้ยาทานของเด็กนะครับ พอดีพี่ฟังอาการคราวๆทางโทรศัพท์นะครับพี่เลยจัดยามาเลย แต่ถ้าน้องอาการไม่ดีขึ้น พาไปหาพี่ที่ศูนย์แพทย์เกี่ยวกับตานะครับ พี่จะได้ตรวจให้ละเอียดมากขึ้น”พี่เจนพูด

      “เจน ยังไงวันอาทิตย์เราก็มา มาดูน้องอีกทีได้นิ” พี่โจ้บอกพี่เจน

      “ไม่เป็นไรพี่พาไปดีกว่าเพราะว่าวันอาทิตย์ยุ่งและคนเยอะ พี่ไม่อยากพาหลานออกมา เขาคงอยู่แต่ในบ้านนะโจ้” พี่บรู๊คพูด แต่พี่บรู๊คระบุว่าหลานเต็มๆเลยนะ

      “ครับพี่ หลานพี่ “

      “อย่างที่ผมเคยบอกว่า เรารักเด็กกันนะครับ “ ผมพูดหันมาขยิบตาให้พี่บรู๊ค

      “ถ้าอย่างนั้น พี่ขอตัวและหัวไปก่อนครับ ไปครับเจน ไปหาที่เช๊คอินกัน ก่อนที่พี่โจจะโทรมาตาม พี่โจห่วงน้องเจนนะครับ”พี่โจ้พูดและหันไปมองหน้าพี่เจน และผมก็ยกมือไหว้ พี่เจนและพี่โจ้ก็หันมายกมือไหว้พี่บรู๊คกันก่อนจะเดินออกไป ผมเดินตามไปส่งส่วนพี่บรู๊คอยู่กับแบงค์แทน

      “บอย แจ็คงอนอะไรบอยใช่ไหมเนี๊ยะ” จู่ๆพี่เจนก็หันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

      “บอกแล้วว่าไอ้นี้นะงี้เง้าตัวพ่อ น้องชายเรานะเจน” พี่โจ้พูด

      “เอานะ แต่แจ็คนะเขารักบอยมากนะ งอนมากก็รักมากหน่อย แต่พี่เชื่อว่าแจ็คจะโตพอที่จะดูแลบอยได้ “ พี่เจนพูดบอกผม และแตะที่ไหล่ผมเบาๆ

      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมกลับไปผมคงไปง้อเขาเหมือนเดิม” ผมพูด

      “ง้อมันหน่อยนะบอย  มันค่อนข้างเอาแต่ใจไม่ใช่กับแค่บอยนะ กับพวกพี่และพ่อด้วย พ่อภูมินี้ปวดหัวกับแจ็คมันมากที่สุด ในบรรดาลูกทั้งหมดนะบอย” พี่โจ้พูด ผมพยักหน้าว่าเข้าใจและพ่อตัวดีของผมก็ได้มาเต็มๆเลยแหละ ก็พ่อลูกกันก๊อปกันมาเกือบหมด  ผมยืนส่งพี่โจ้และพี่เจนก่อนจะรีบกลับขึ้นบ้านไปดูแบงค์ พอเดินมาก็พบกว่าแบงค์หลับคาอกพี่บรู๊คไปแล้วและกำลังจะวางลงในเตียงนอนของน้องแบงค์

      “บอย พ่อบอกว่าจะกลับมาเย็นนี้นะ และพี่ๆคนอื่นๆด้วย วันนี้เราจะได้ทานอาหารพร้อมกันพี่น้อง” พี่บรู๊คพูดจังหวะนั้นพี่บีมลงมาพอดีเลย

      “พี่ไปเคลียร์งานก่อนนะบอย” พี่บรู๊คพูดและเดินเลี่ยงออกไปทันที ทำไมพี่บรู๊คต้องเดินหนีออกไปทุกครั้งที่พี่บีมเดินเข้ามาด้วยนะ ผมว่าผมคงต้องถามพี่บรู๊คตรงๆ ผมไม่อยากเห็นพี่ๆ งอนกันแบบนี้

      “พี่บีมมีอะไรผิดใจกันกับพี่บรูคหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่บีม พี่บีมก็ยิ้มให้ผมและส่ายหัวว่าไม่มีอะไร

      “บอยไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมครับ จะได้ลงมาทานอาหารกลางวันพร้อมกัน “ พี่บีมบอกผม ผมพยักหน้า แต่ผมคิดว่าจะโทรคุยกับธรรณ์ก่อนจะดีกว่า เมื่อคืนไปไหนกันมาหรือเปล่าก็ไม่รู้

      BoyJack: ธรรณ์ตื่นหรือยัง เป็นไงบ้าง
      ธรรร์หลุยส์ : ตื่นนานแล้วนี้ลงมาหาอะไรทานกัน และวันนี้มีงานที่โรงแรมนะ ติ๊ก แอ้และพายเขาได้ขึ้นไปเดินแบบเสื้อสูทด้วยนะ

      BoyJack: แล้วพ่อตัวดีของบอยละ
      ธรรณ์หลุยส์ : เมาเละมากเมื่อคืน มีเรื่องต่อยกันด้วย กับใครก็ไม่รู้
      BoyJack: ทำไมทำแบบนั้นนะแจ็ค
      ธรรร์หลุยส์ :นี้ก็ถามธรรณ์ถึงแบงค์ใหญ่เลยบอย บอยจะปิดเขาไปได้นานแค่ไหนละ และนี้บอกว่าถ้าเจอแบงค์นะจะเตะด้วย ดูซิ จะเตะก้นลูกตัวเอง ธรรณ์ได้ยินนี้ก็แอบขำเหมือนกันนะบอย
       (ผมได้ยินเองก็ขำเองเหมือนกันแหละ จะเตะลูกตัวเองนี่นะ)
      BoyJack:ก็เห็นไหมละธรรณ์ดูซิ และนี่มีเรื่องอีก ถ้าพ่อของบอยรู้เรื่องเขาจะทำยังไงและลุงหนึ่งอีกละธรรณ์

      ธรรร์หลุยส์ :เอานะ ธรรณ์กับหลุยส์จะดูให้ จะพยายามห้ามให้นะ นี้เห็นว่าจะไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ สองคนนี้พอเข้าขากันได้นี้นะ น่ากลัวเหมือนกันบอย

      BoyJack:บอยก็ว่างั้นแหละธรรณ์ แต่ยังไงหลุยส์ฟังธรรณ์อยู่นะ แม้เอาอยู่เลยนะตอนนี้นะ

      ธรรณ์หลุยส์ : ก็นิดนึง เออ บอยแค่นี้ก่อนนะ พ่อตัวดีสองคนมาแล้วเดี๋ยวจะถามธรรณ์จนธรรณ์นี้แหละที่จะทำความลับบอยแตก

      BoyJack : ได้ครับธรรณ์ บอยขอบคุณนะ

      ธรรร์หลุยส์ :ยินดี เพราะว่าเราเพื่อนกัน บอยครับ ฝากหอมแก้มเทวดาตัวน้อยของบอยด้วยนะ
      BoyJack:บายครับ

   และผมก็กดวางสายจากธรรณ์ไป นี่ไปมีเรื่องกับใครอีกแจ็คนะแจ็ค ผมนั่งลงเปิดอิเมล จดหมายตอบรับจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ผมต้องเตรียมตัวเข้าเรียนแล้วโดยเริ่มจากเรียนออนไลน์ก่อน ผมต้องเตรียมความพร้อม ผมต้องเรียนหนักกว่าคนอื่น ๆ และผมต้องคอยออกงานบ้างแล้ว ถามว่าผมอึดอัดไหมที่เป็นอยู่ตอนนี้ อึดอัดมาก จะไปไหนก็ต้องมีคนดูแลใกล้ชิดตลอด เพราะว่าจุดที่ผมถูกให้ยืนอยู่นี้มันสำคัญมาก มีหลายคนที่อยากได้มันแต่ถ้าเขาต้องการมันจริงๆ นั้นคือผมต้องไม่มีลมหายใจอยู่ตรงนี้แล้วนั้นเอง ดังนั้นการ์ดของผมจึงเป็นอดีตนายทหารที่มีฝีมือทั้งหมด
   
       มีครั้งหนึ่งที่ผมไปกับพ่อและมีคนรอบสังหารจนมีคนที่เป็นการ์ดเสียชีวิต และนั้นเขาก็ทิ้งเด็กผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้ ผมเลยรับมาดูแล ตอนนั้นเขาอายุแค่ 5 ขวบเอง และตอนนี้เขาก็อายุ 10 ขวบได้แล้ว ผมเลี้ยงดูเขาเหมือนน้องคนเล็กของผมจริงๆ ไม่ใช่แค่ส่งเงินไปให้เขา ผมก็ไปหาเขา พาไปทานข้าวบ้าง พาไปเที่ยวบ้างในวันสำคัญๆของเขาเช่นกันวันเกิด ตอนนี้ผมส่งเขาไปเรียนอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง แต่จะว่าไปผมก็ไม่เจอเขามาหลายเดือนแล้ว ผมเลยจะให้คนไปรับเขามาทานอาหารเย็นที่บ้านดีกว่า

   “ฮัลโล ราเชล”

   “พี่บอย สวัสดีครับ” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ได้ยินเสียงของผม

   “ยุ่งไหมวันนี้ มีเรียนพิเศษหรือเปล่า”

   “ไม่มีครับ”

   “พี่จะให้คนไปรับนะ มารับประทานอาหารเย็นที่บ้านพี่ เพราะว่าพี่กลับมาดูน้องแบงค์ที่บ้านนะวันนี้” ผมบอกราเชล

   “จริงเหรอครับพี่บอย” เขาคงคิดถึงผมเช่นกัน

   “จริงซิ เตรียมตัวนะครับ เจอกันนะ ราเชล” ผมพูดและกดวางสายผมเดินไปที่ด้านนอกจะได้บอกให้คนจัดรถไปรับราเชลจากโรงเรียนประจำ และโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนกินนอนที่มีชื่อเสียง ราเชลเป็นคนเรียนเก่งมาก ผมคิวว่าเขาจะช่วยผมได้มากในอนาคต


หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ภาค(บอยXแจ็ค)ความลับของบอย
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 25-10-2020 21:29:23
 :katai1:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(ดิวVSบอย) ดิวอยากได้แม่ของลูก
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 26-10-2020 06:54:26

(ดิวVSบอย) ดิวอยากได้แม่ของลูกมากกว่าตอนนี้

Part  ดิว
                  ผมจำใจต้องทำตามที่พ่อบอกผม พ่อบอกให้ผมไปกับพ่อด้วยไปบ้านลุงกฤษณะ เพราะว่าเขามีงานกันทีนั้น แต่อันที่จริงผมไม่ต้องไปก็ได้มั้ง ผมอยากจะกลับบ้านไปหาลูกๆผมแย่แล้ว ส่วนแอ้ก็เข้ากรุงเทพและมันก็เข้าทางไอ้ติ๊กมันด้วย มันชวนแอ้ไปเที่ยวกองถ่ายกับมันด้วย ตอนแรกผมว่าจะชวนแอ้มาด้วยแต่พ่อบอกว่าให้แอ้อยู่กับติ๊กจะดีกว่า แต่คำว่าจะดีกว่าผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม และงานนี้ผมคงต้องอธิบายกับไอ้แจ็คที่หลังอีก ไอ้แจ็คมันไม่ได้รับเชิญให้ไปมีแต่ผมและบอย บอยก็ดันมีเรื่องผิดใจกับไอ้แจ็คอีก ผมคงได้ถูกมองว่าผมจะตีท้ายครัวมันอีกแล้วซิท่า

         “ดิว แต่ตัวและเตรียมไปบ้านลุงณะได้แล้ว “พ่อผมเดินมาเปิดประตูห้องพักผม ผมพักกันที่โรงแรมหรูไม่ไกลจากคฤหาสน์ของลุงกฤษณะมากหนัก

         “พ่อ ไม่ไปไม่ได้เหรอพ่อ พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานแบบนี้ “ ผมหันไปบอกพ่อผม เห็นอายุขนาดนี้งอแงแข่งกับลูกได้นะ ฮาๆ

         “ไม่ได้ ต้องไปและดันเสือกเกิดมาหล่อทำไมละ ไปก่อน “

         “พ่อมีอะไรกันแน่บอกดิวมาตรงๆดิพ่อ”

         “ลุงหนึ่งเขาจะพูดเรื่องเรากับบอยวันนี้” พ่อบอกผม

         “พ่อผม ผมไม่ได้อยากคู่กับบอย ทำไมลุงไม่เลือกที่เขารักบอยละ ไอ้แจ็คนะพ่อและแจ็คมันก็”

         “อย่าพูดไปนะดิว เพื่อว่าห้องนี้มีเครื่องดักฟัง “ พ่อผมบอกผม ผมหันไปมองรอบๆ โรงแรมหรูแบบนี้นี้นะพ่อ

         “เอาเป็นว่าไปก่อน อย่างอื่นพ่อจัดการเอง แค่มึงเอาตัวและหน้าตาหล่อๆมึงไปให้ลุงหนึ่งเขาดู แค่นี้” พ่อผมบอกผม

         “เพราะว่าที่ผ่านมามึงก็ชิ้งหนีเขาตลอด “ พ่อผมบอกผม
         
         “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องพักของผม พ่อภาเปิดให้คนที่เดินมาเคาะเข้ามาในห้อง คนนั้นก็คืออาภีมปภพ

         “อ้าวยังไม่เสร็จอีกเหรอดิว” อาภีมถามผม

         “ไอ้พ่อพระเอกมันงอแงนะภีม”

         “อะไรกัน “

         “ก็ผมไม่อยากไปอ่ะอา” ผมพูดบอกอาภีม

         “เร็วๆเลยและรีบลงไปชั้นล่าง พ่อกับอาภีมรออยู่ มึงอย่าทำให้พ่อมึงเสียหมาเพราะว่ามึงเบี้ยวเขาอีกนะดิว กูขอละ เห็นแก่หัวกูบ้างดิว” พ่อผมพูดและเดินออกไปพร้อมกับอาภีม ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำจัดการเตรียมตัว ผมเข้าไปดูในไลน์กลุ่ม ตอนนี้เป็นเวลา ประมาณ สิบโมงเช้าและเวลาต่างจากประเทศไทย หลายชั่วโมงมาก ตอนนี้น่าจะเกือบเที่ยงคืนที่ไทยแล้ว

         “ แอ้ ดิวคิดถึงแอ้” ผมส่งข้อความหาแอ้

         “เป็นอะไรดิว “ แอ้ส่งขอ้ความกลับหาผมทันที

         “ดิวแค่อยากบอกว่าดิวคิดถึงแอ้ คิดถึงลูกๆด้วยแอ้ อยากกอดแม่ของลูกอ่ะ วันหยุดทั้งที” ผมส่งข้อความหาแอ้

         “พรุ่งนี้เสร็จงานก็กลับเลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี้เราจะไปงานวันเกิดมีนทันไหม “

         “ดิวจะหาทางกลับก่อนให้ได้ ดิวไม่อยากจะไป “

         “คุยกับลุงหนึ่งเหรอ “

         “แอ้รู้ได้ไง”
         
         “เออ…..แอ้…..ได้ยินพ่อคุยกันนะ “ แอ้พูด

         “แอ้ เชื่อใจดิวนะ ดิวไม่เคยอยากได้แบบนี้แอ้ ดิวไม่อยากเป็นอย่างที่เขาต้องการ ดิวแค่อยากครอบครัวที่ธรรมดา และครอบครัวของดิวก็คือแอ้กับลูกๆ “

         “กลับมาค่อยคุยกันเถอะดิว แอ้ง่วงนอน แค่นี้นะดิว”

         “ดิวรักแอ้นะ “ ผมส่งข้อความหาแอ้และแอ้ก็เงียบไปเลย ผมก็รีบแต่งตัวและลงไปหาพ่อกับอาภีมที่ชั้นล่างทันที ผมรู้สึกเหมือนว่าลุงหนึ่งก็มาพักที่นี้เพราะว่ามีการ์ดเต็มไปหมด ผมลงมาถึงพ่อกับอาภีมก็เดินมาหาผมพร้อมกับการ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลพ่อผมกับอาภีม
         --------------------------------------------------------------------------------------------------------------
   Part บอย วันนี้ที่บ้านผมมีงานแต่มันแค่งานบังหน้า เพราะว่าสาระสัมคัญอยู่ที่ลุงหนึ่งต้องการคุยเรื่องของผมกับดิว ผมได้ยินว่าลุงหนึ่งกำชับว่าห้ามให้แจ็คมาที่นี้ด้วย ผมรู้ว่าทำไมก็เพราะว่าแจ็คอาจจะทำให้ทุกอย่างในวันนี้ล่มลงไปได้ ก็คนหัวร้อน และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ผมกับแจ็คเราทะเลาะกันเมื่อวาน เขาบอกว่าผมมีคนอื่นที่ชื่อแบงค์ เขาแอบได้ยินตอนที่ผมคุยโทรศัพท์กับพี่บรูคส์ ว่าแบงค์ไม่สบายงอแง ผมเลยต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวบินด่วนมาหาทันที

                  “บอย” ผมหันมามองหนุ่มนอนที่นอนอยู่ข้างๆผมทั้งคืน และพี่เจนมาดูให้แล้ว พี่เจนเป็นหมอตา แต่พี่บรูคส์บอกแค่ว่าเป็นลูกของคนใช้ในบ้านและบ้านผมก็รักเด็กแต่ว่าผมกับพี่บรู๊คส์ก็หยุดไปหลายตอนเหมือนกันทำให้พี่โจ้กับพี่เจนสงสัยแน่ๆ  ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะปิดไปแบบนี้ได้นานแค่ไหน มีทางเดียวคือทำให้พ่อยอมรับแจ็คให้เร็วที่สุด แต่นี้ดันมาทะเลาะกันอีก

         “แบงค์ ไปล้างหน้าล้างตากันนะ และเราจะได้ทานอาหารเช้า”ผมบอกเด็กน้อยที่เพิ่งฉลองหนึ่งขวบไปได้สองเดือน หนุ่มน้อยของผมยิ้มให้ผม พร้อมกับยันตัวขึ้นนั่ง เอาฝ่ามือมาแตะที่แก้มของผม มันทำให้ผมได้เห็นอะไรที่ชัดเจนจนผมเห็นเป็นใบหน้าของแจ็คที่ซ้อนเข้ามา แบงค์ได้ทุกอย่างของแจ็คแต่ทว่าใบหน้าเขาหวานกว่าเหมือนผมพี่ๆบอกผมอย่างนั้นแต่ที่เด่นชัดน่าจะเป็นจมูก ผมมองแบงค์ ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

         “เขาจะรู้ไหมว่า ว่ามีอีกคนที่สำคัญกับเขามากเช่นกันอยู่ตรงนี้ “ ผมพูดกับแบงค์ ตอนนี้เขายังเด็กมาก จึงยังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อไป

         “ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องนอนของผม

         “เชิญครับ “ ผมพูดบอกคนที่มาเยือน

         “คุณบอยค่ะ คุณบอยจะเตรียมตัวเลยไหมค่ะ พี่จะได้เอาคุณแบงค์ไปเปลี่ยนชุดและจะได้ป้อนอาหารเช้าคุณแบงค์เลยนะคะ” คนใช้ในบ้านขึ้นมาถามผม

         “ได้ครับพี่ “ ผมตอบกลับและหันมามองหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงกับผม เขาก็มองหน้าผม ทำตากระปริบกระปริบ และพอพี่ดาวเดินเข้ามา

         “โกๆ “ รีบไล่พี่ดาวคนใช้ในบ้านผมทันที ดูซิร้ายไหม

         “แบงค์ ไม่น่ารักเลย อย่าไล่พี่ผึ้ง และพี่ผึ้งจะพาแบงค์ไปเปลี่ยนชุดและจะได้ทานอาหารเช้ากันนะครับ” ผมหันมาต่อว่าลูกชาย
         
         “อยู่ บอย” แบงค์บอกว่าจะอยู่กับผม

         “ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วบอยจะลงไปป้อนนะครับ” ผมพูด แบงค์มองหน้าผม ทำท่าว่าจะร้องไห้

         “พี่ผึ้งเอาน้องลงไปเปลี่ยนชุดเลยนะคะ แล้วคุณบอยจะทานอาหารเช้ากับน้องเลยไหมคะ” พี่ผึ้งถามผม ผมพยักหน้าได้ เพราะยังมีเวลาเหลือ เขาจัดพิธีกันได้หน้า คฤหาสน์ของผม ผมเหลือบไปมองมือถือ ที่เงียบมาก แจ็คไม่ส่งข้อความหาผมสักนิดเลย นี้เขาโกรธผมจริงๆ เหรอ ผมจัดการเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัว วันนี้มีงานทำบุญที่คฤหาสน์โดยมีการเชิญพระสงฆ์มาทำพิธี ที่นี้มีวัดไทย ผมก็ไม่เข้าใจทำไมต้องมาทำตอนนี้ แต่เป็นคำสั่งลุงหนึ่งพ่อผมก็ต้องทำตาม ยิ่งผมนี้ขัดไม่ได้เลยสักนิด บางทีชีวิตผมมันก็จืดชืดมาก เพราะว่าผมต้องออกงานและเรื่องที่ต้องวางตัวจนผมอึดอัด อยากมีเวลาไปสนุกสนานกับเพื่อนๆบ้างก็ไม่ได้ เพราะว่าผมกำลังจะขึ้นตำแหน่งผู้นำองค์กร ผมสวมชุดสูท

         “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องผมอีกครั้ง

         “คุณบอยค่ะ คุณท่านให้เชิญคุณบอยที่ห้องโถงใหญ่ได้แล้วค่ะ “

         “ขอเวลาผม ห้านาที ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ครับ “ ผมหันไปบอกคนใช้ ผมยืนสูดอากาศหายใจเข้าปอดไปและหันหลังเดินออกจากห้องนอน คฤหาสน์ที่ใหญ่โต มีคนใช้เกือบห้าสิบคนก็ยังทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ผมเดินลงมายังชั้นล่าง ได้ยินเสียงกรี้ดร้องของแบงค์ คงจะงอแงกับพี่เลี้ยงอีกแล้ว แต่ว่าผมไม่มีเวลามากพอจะป้อนข้าวลูก ผมต้องเดินเข้าไปด้านหน้าของคฤหาสน์ วันนี้พ่อผมได้สั่งคนใช้ในบ้านทุกคนห้ามพาแบงค์ออกไปด้านหน้าตึก เพราว่าลุงหนึ่งจะมาด้วย พ่อไม่อยากให้ลุงหนี่งรู้ว่าผมมีลูกแล้ว และเด็กคนนี้เป็นลูกของแจ็ค คนที่ลุงหนึ่งไม่ได้เลือกอีกต่างหาก ถ้ารู้ขึ้นมาผมคิดว่าเรื่องใหญ่แน่ๆ

         ตืด!!! เสียงมือถือผมสั่น เนื่องจากมีคนส่งข้อความหาผม ผมรีบหยิบขึ้นมาอ่าน ผมหวังว่าจะเป็นข้อความจากแจ็ค แต่ไม่ใช่เลย ธรรณ์นั้นเอง เขาบอกว่าหลุยส์ชวนไปเที่ยวปารีสและเจ็คด้วยนิ ทำไมรูปที่เขาส่งมามีแต่หลุยส์และธรรณ์ที่สวีทกันสองคน

         “น้องบอยครับ” ผมสะดุ้ง เมื่อมีคนมาเรียกชื่อผม พี่วรินทร์ ที่เคยเป็นเลขาฯของพี่บรู๊คส์เดินมาหาผม คงเห็นผมยืนอยู่ด้านหน้าห้องอยู่แต่ไม่เข้าไปสักที

         “มีอะไรหรือเปล่าครับพี่ไม่เห็นน้องบอยเดินเข้าไปด้านในสักทีนะครับ” พี่วรินทร์ถามผม ผมก็ส่งยิ้มให้ ตอนแรกผมว่าถามถึงแจ็ค แต่ผมก็คงไม่มีเวลาจะพิมพ์ขอความผมจึงเก็บมือลงในกระเป๋าสูทของผมไปและเดินเข้าไปด้านใน ผมเห็นบรรดาลุงๆและอา นั่งอยู่กันที่เก้าอี้ที่เขาจัดไว้ให้ ผมเหลือบไปเห็นดิว ดิวมาด้วยเหรอ ผมเองก็ไม่ทราบตรงนี้มาก่อน ดิวหันมามองผม ดูจากสีหน้าคงโดนบังคับมาแน่ๆ

         “บอย” พี่บรุ๊คเดินมาหาผมและแตะแขนผมเบาๆ

         “น้องแบงค์งอแงมาเลยพี่บรู๊คส์” ผมกระซิบบอกพี่บรู๊คส์

         “เดี๋ยวพี่ให้เบียร์ไปดูเองนะ ไม่ต้องเป็นห่วง เออ บอยต้องไปนั่งข้างดิวนะ “ พี่บรู๊คส์บอกผม ผมพยักหน้าและเดินแทรกเข้าไป ผมยกมือไหว้ลุงหนึ่ง และนั่งลงข้างๆดิว

         “ โดนบังคับมาเหรอดิว” ผมหันไปถามดิวปนหัวเราะ

         “ใช่ดิ หาเหตุผลชิ้งไม่ได้เลยไง” ดิวพูดและหันมามองผม ดิวสวมสูทสีดำหล่อเหลาน่าดู ปกติดิวจะใส่ชุดสบายๆ ผมแทบจะไม่เคยเห็นเขาใส่สูทเลย

         “หล่อนะวันนี้ “ ผมหันไปชมดิว

         “อึดอัดโคตรเลย เน้คไท้อีก “ ดิวพูดผมก็พยักหน้าเพราะดูจากสีหน้าและท่านั่ง

         “โป้ก!” มีคนปาะอะไรโดนดิว “โอ๊ย”” ดิวร้องออกมาเบาๆ และหันไปมอง คนที่ปานั้นคือลุงภานั้นเอง ผมยกมือไหว้ลุงภา

         “ดิว นั้งดีดี”ลุงภาบอกให้ดิวนั่งให้สุภาพนั้นเอง ก็เล่นนั่งแบบหมดอาลัยตายอยากขนาดนี้ และดิวก็ดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรง

         “เดี๋ยวคุณบอยกับคุณดิว เข้าไปจุดธูปเทียนนะครับ” เจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานนี้เข้ามากระซิบบอกผมสองคน ผมพยักหน้าและดิวก็พยักหน้าเช่นกัน ผมเห็นในห้องนี้มีแต่บรรดาลุง เช่นลุงหนึ่ง ลุงสอง ลุงสามและลุงสี่  มีพ่อผม อาภูมิ ผมสะบัดหน้าไปมองอาภูมิ ถ้าอาภูมิมาแล้วแจ็คละ เขาไม่เอ๊ะใจที่จะมาหรือไง อาภูมิ นั่งอยู่ข้างพ่อผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมรู้ว่าทำไม ผมรู้ว่าอาภูมิกับพ่อผมเป็นแฟนกัน และนั้นก็ยิ่งทำให้พ่อผมลำบากใจมากที่จะต้องปกปิดเรื่องของแบงค์ เหมือนกับที่ผมทำกับแจ็ค

         “บอย” ดิวสะกิดบอกผม ให้ลุกไปยังแทนทำพิธี วันนี้เราทำบุญให้องค์กร ให้คนที่ช่วยรักษาองค์กรของเราเอาไว้ กว่าจะมาเป็นองค์กร ที่ใหญ่มั่นคงแบบนี้ได้ เราศูนย์เสียไปไม่รู้เท่าไหร่ แต่แปลกนะที่หลุยส์ไม่มา เขาคงทำใจไม่ได้ เพราะเขาคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ห้าสิบชีวิตที่ถูกสังหาร และเหตการณ์นั้นมันคงติดตาเขาไปอีกนานเพราะมันรวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วยที่ถูกสังหารในวันนัั้นด้วย 

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(ดิวVSบอย) ดิวอยากได้แม่ของลูก
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 26-10-2020 11:06:20
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แจ็คXบอย)แจ็คกับแบงค์เจอกันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 26-10-2020 11:10:11


      (แจ็คXบอย) แจ็คกับแบงค์เจอกันแล้วแต่ยังไม่รุ้ว่าใครคือใคร

      Part แจ็ค          ผมได้ยินมาว่าวันนี้ที่บ้านลุงกฤษณะ มีทำบุญให้กับองค์กร และผมยังรู้อีกว่า ลุงณะ ไม่ให้ผมมาที่นี้ จะว่าไปผมก็ไม่ได้มาที่นี้นานแล้วตั้งแต่บอยหายกลับมาที่นี้ และวันนี้ผมก็มาโดยการฝืนคำสั่ง ผมบอกพ่อและพี่ชายของผมว่าผมอยู่สนามบินกับไอ้หลุยส์ แต่จริงๆแล้ว ผมเดินทางมาถึงที่นี้นานแล้วและกำลังให้คนขับรถของพ่อมารับ พี่ปีเตอร์ การ์ดของพี่โจ



         “คุณแจ็คครับจะดีเหรอครับพี่ว่าเรากลับบ้านกันเถอะครับ คุณท่านและคุณโจสั่งว่าคุณแจ็คไม่ควรจะไปที่นั้น” พี่ปีเตอร์บอกผม ผมก็นั่งไขว้ห้างคุยไลน์กับไอ้หลุยส์มันอยู่



         หลุยส์ = มึงแม่งกล้ามากเลยวะ   (มันคงหมายถึงผมกล้าที่ขัดคำสั่งของลุงหนึ่ง)

         แจ็ค = กูอยากรู้ว่าทำไมเขาห้ามกูและไอ้ดิวมันกลับได้ไปวันนี้

         หลุยส์ = ขอให้มึงขัดขวางสำเร็จวะ

         แจ็ค  “ Thanks 



         ผมปิดการสนทนาระหว่างไอ้หลุยส์ตอนนี้พี่ปีเตอร์กำลังนำรถเข้าไปจอดตามที่ผมบอก ผมก็ก้าวเท้าลงจากรถ มีรถมาจอดมากมาย วันนี้เป็นงานใหญ่แต่ไม่มีใครถูกเชิญมานอกจากบอยและดิว แสดงว่าลุงหนึ่งต้องการจะทำอะไรสักอย่างแล้วผมจะอยู่เฉยๆได้ยังไง



         “สวัสดีครับคุณแจ็ค”



         “สวัสดีครับพี่ ผมจะเข้าไปหาพ่อผม พ่อภูมิที่เป็นแฟนของเจ้าของบ้าน” ผมพูดพร้อมกับเอามือล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกง เสื้อสูทแบบไม่เป็นทางการ ผมไม่ได้สวมเน็กไท ใส่แต่สูททับเสื้อยืดเข้ารูป กับกางเกงยีสส์



         “แต่ว่า”



         “หรือจะให้ผมโทรหาพ่อผมละ พี่อาจจะได้หางานใหม่ได้นะครับ “



         “แต่”ยังทำท่าคิดอีก



         “อย่าให้ผมรอนานผมไม่ชอบ” ผมพูดและพี่เขาก็เปิดทางให้ผมเดินเข้าไปในทันที ผมก็หยิบมือถือขึ้นกดโทรหาพี่โจ พี่ชายผม



         “แจ็ค อยู่ไหน”



         “อยู่สนามบินไง”ผมพูด และอดอมยิ้มไม่ได้พี่โจคงได้เห็นความสามารถของผมเร็วๆนี้ที่กล้าขัดคำสั่ง ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุผมให้ผมต้องทำ ผมเดินไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้มานานหลายปีแต่ผมก็ยังจำทางเดินตรงไปยังโซนที่ใช้สำหรับประกอบพิธีได้ดี ระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่นั้น



         “ปึก” ผมชนเข้ากับบางสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กมาก เพราะว่าผมต้องก้มลงมอง โชคดีที่ชนไม่แรงมากแต่ก็เล่นเอาคนที่ชนผมถอยหลังและล้มลงไปก้นจั้มเบ้ากับพื้นหญ้า ผมเอียงคอมอง นี้มันไม่ใช่แค่สิ่งมีชีีวิตธรรมดา นี้มันเด็ก และยังเป็นเด็กน้อยซะด้วย และเด็กนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองผมเอียงคอตามผมเช่นกัน ผมก็เลยสงเคราะห์โดยการใช้นิ้วคีบคอเสื้อให้เด็กน้อยลุกขึ้น ถ้ามีอย่างอื่นผมก็จะรีบหยิบมาใช้แทนเพราะว่าผมเป็นโรคไม่ชอบเด็กเอาซะเลย ที่บ้านผมเลยไม่มีเด็กให้ขวางหูขวางตา  และผมก็ถอยหลังออกมาเอามือล้วงกระเป๋ามองหน้า ทำไมหน้ามันคุ้นเหลือเกิน ไอ้หมอนี่ พอหมอนั้นลุกขึ้นมาได้มันก็ยืนโอนเอนไปมา รากฐานไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไหร่นะเนี๊ยะ แถมยังมองผมและยืนเอามือล้วงกระเป๋า มันก๊อปปี้ผมครับ





         “Who?” เด็กน้อยถามผมเป็นภาษาอังกฤษ และชี้มาที่ผม มันถามว่าผมคือใคร



         “Who are you ? ผมก็ถามกลับและชี้ไปที่หมอนั้น แบบเอานิ้วจิ้มที่หน้าผาก สองสามทีแถมด้วยหยักคิ้วให้อย่างเท่ เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมและไม่ทันที่ผมจะชักนิ้วกลับ เด็กมันคงหิวคิดว่าไส้กรอก มันเลยงับนิ้วผมไปซะงั้น



         “อิ้ววว!,,,,,เฮ๊ย!!!! ” ผมร้องดังลั่นและและพยายามดึงนิ้วออกแต่ เด็กนี้ไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยรับบีบจมูกเท่านั้นแหละปล่อยทันที



         “โอ๊ยย!!!!” ผมร้องและสะบัดนิ้วตัวเองและหันมามองหน้าเด็กน้อยที่กล้ามาก รู้ไหมว่าแจ็คคนนี้เก่งกับหมาซ่ากับเด็กแตะผู้หญิงบางคนที่ทำให้ผมโกรธ ตอนนี้ผมก็กำลังโกรธ….เด็กและเล็กมาซะด้วย



         “นายถือดียังไงมากัดฉันฮะ!!!! “ ผมชี้หน้าเด็กน้อยและพูดเสียงดังใส่  เด็กน้อยมองหน้าผม และ



         “ฮือๆ “ ร้องออกมาซะอย่างนั้น แต่ถ้าเด็กนี้ร้อง คนในบ้านบอยก็จะรู้ว่าผมแอบเข้ามาและอาจจะโดนสะกัดก่อนจะไปถึงด้านหน้าแน่ๆ ผมก็เลย ใช้มือผมปิดปากเด็กน้อย



         “อืม” ดิ้นอีกฤทธิ์เยอะอีกด้วย



         “หยุดร้อง!!!” ผมตะคอกแต่ไม่ดังมากเสียงแบบลอดไร่ฟัน เด็กนี้ก็หาได้ฟังผมไม่



         “แหง๊ๆๆๆๆ” นั้นร้องดังเข้าไปอีก 



         “ฉันบอกให้หยุดร้องไง !!!!” ผมบอกเด็กน้อยดิ้นอยู่ได้ผมเลยอุ้มตัวลอยขึ้นมาจ้องหน้าและชี้นิ้ว เดี๋ยวโดนกินตับ



         “ปู้ด” นั้นไงสิ่งที่เด็กคนนี้ทำกับผมคือเป่าพ่นใส่หน้าผมและน้ำลายคงเต็มใบหน้าผมไปหมด



         “ฉันบอกให้หยุด!!!! “ คราวนี้ดังของจริง ได้ผลหยุดชะงักแต่ว่า



         “โอ๊ย!!! “ผมต้องร้องเสียงหลงเพราะว่าเล่นหยิกเข้าที่จมูกผมอย่างจัง เจ็บซิ รออะไร



         “ไหนละผึ้ง คุณหนูนะ คุณหนูค่ะ “ เสียงแม่บ้านวิ่งมาหาเด็กน้อยนี้ แต่ถ้าแม่บ้านมาเห็นผมกำลังตีกับเด็กนี้ผมคงโดนอีกหลายข้อหาแน่ๆ ผมเลยต้องจับเด็กบ้านี้ลงก่อน ยังหันมามองหน้าผมอีกนะ จะเข้ามาหาเรื่องผมอีก โอ้ยย นี้มันวันอะไรของแจ็ควะ ผมรีบดันหัวเอาไว้ เข้ามาใกล้ไม่ได้ก็ยังจะมีพยายามแต่ผมก็ดันเอาไว้ด้วยฝามือข้างเดียว



         “ไม่จบใช่ไหม กี่ขวบวะเนี๊ยะ “ ผมเองก็ดันไว้และเสียงคนใช้ก็เข้ามาใกล้ๆซะแล้วซิ ผมเลยผลักซะกลิ้งเป็นลูกขนุนไปเลย และผมก็ออกวิ่ง นิ้วก็เจ็บ จมูกก็เจ็บ ฝากไว้ก่อนนะให้งานเสร็จก่อนจะไปตามหาตัวและจับไปกระทืบ เด็กก็เด็กเถอะครับเล่นแบบนี้แจ็คไม่เก็บไว้แน่ แต่ตอนนี้วิ่งไปหาพวกพี่ๆก่อน และผมก็เห็นพี่ๆ นั่งกันอยู่ด้านหน้าเขาจัดที่ไว้สำหรับลูกหลานนั่งแต่ถ้าลุงๆและอาๆ ก็จะนั่งด้านใน ผมยืนอยู่ด้านหลังพี่ๆบ้านจอจาน พี่โจนั่งกดมือถืออยู่พยายามโทรหาพี่ปีเตอร์แน่ๆ



         “ตกลงไอ้แจ็คมันยังอยู่สนามบินใช่ไหมวะ” พี่โจถามพวกพี่ๆผม



         “ใช่ไง”พี่เจสเป็นคนคุยกับผมล่าสุด พอพี่เจสหันมาเจอผม และอ้าปากค้าง



         “พี่มันไม่ได้อยู่สนามบินแล้วแหละ” พี่เจสสะกิดพี่เจมส์ที่กำลังช่วยพี่โจโทรเช็คผมแน่ๆ



         “แล้วมันอยู่ไหนละ มึงรู้เหรอไอ้เจส” พี่เจมส์ถามพี่เจส พี่เจและพี่จิมมี่ก็หันมาเจอผมอีก พากันอ้าปากค้าและชี้ พี่เจมส์ก็หันหลังกลับมามองผม



         “ไอ้แจ็ค!!” พี่เจมส์เรียกชื่อผมดังลั่น พี่โจและพี่โจ้ก็หันมามองผม พี่โจลุกขึ้นยืนและหลังทำท่าจะเดินออกทันที ผมแอบคิดในใจทำไมไม่มากอดน้องสักที



         “ไอ้แจ็ค พ่อบอกไม่ให้มึงมา มึงมาทำไม” พี่โจ้ถามผม พี่ชายคนที่สอง



         “ทำไมอ่ะ อยากมา ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย แค่งานทำบุญ ไม่ใช่ความลับอะไรสักหน่อย “ผมพูดและเดินมาหาพี่โจที่ยืนหันหลังให้ผมอยู่



         “พี่โจ” ผมเรียกพี่โจ พี่โจหันมามองหน้าผม



         “แจ็ค มึงหาเรื่องให้พวกพี่โดนพ่อด่า” พี่โจหันมาบ่นผม



         “แต่น้องมาแล้วนะ “ ผมพูดบอกพี่โจ       



         “พ่อ ไอ้แจ็คมันอยู่นี้พ่อ” พี่โจโทรบอกพ่อผม ทันที



         “ได้พ่อ ครับพ่อ” พี่โจกดวางสายและหันมามองหน้าผม



         “พ่อบอกห้ามเข้าไปด้านใน ถ้าไม่อยากทำให้พ่อเดือดร้อนแจ็ค เพราะนี้คำสั่งลุงหนึ่งเขา เราควรจะฟังพ่อบ้างแจ็ค “ พี่โจพูด ผมหันมามองพี่ๆ ทำนิ้วเฉือดคอให้ผมกันหมด



         “นั่งลงเลยมึงไอ้พระเอกประจำบ้าน” พี่เจพูดและพี่โจก็เดินเข้าไปด้านในเหลือแค่ผมที่นั่งกับพี่ๆ



         “พี่กลับเลยนะ เพราะว่าพี่ต้องไปรับพี่เจนพวกมึงอ่ะ”



         “รับแฟนเหรอพี่โจ้” พี่เจสแซวพี่โจ้ พวกผมนะรับรู้สถานะที่เกินพี่น้องของพี่โจ้และพี่เจนมาได้พักใหญ่ๆก่อนทีพ่อจะรู้ จนพ่อรู้ก็มีห้ามปรามแต่มันยากพี่โจ้บอกรักพี่เจนไปหมดใจแล้วและพี่เจนก็รักพี่โจ้เช่นกัน ตอนนั้นพี่เจนยังไม่รู้ว่าพี่เขาไม่ใช่ลูกของพ่อภูมิ



         “เออแฟนกูครับ พี่สาวพวกมึงด้วยครับ แค่นี้น่ะ ถ้าไอ้แจ็คมีเรื่องไม่ต้องโทรตามนะ กูจะพาเจนไปดูหนังใหม่เข้าโรงวันนี้ ปิดมือถือ” พี่โจ้พูดผมก็เงยหน้ามอง



         “ระดับแจ็ค ไม่มีแน่นอน ผมเอาอยู่พี่โจ้” ผมพูดและยกเท้าขึ้นมาพาดนั่งแบบเท่ๆ พี่โจ้โชว์นิ้วกลางให้ผมเป็นรางวัลและพี่โจ้ก็เดินออกไป



         “เดี๋ยวพี่มานะ จะไปหาเบียร์ “



         “เฮ้ยพี่จะดื่มเบียร์ตอนนี้นี้นะ” ไอ้พี่เจส



         “กูจะไปหาเพื่อนรักกูไอ้เบียร์ แต่ถ้าดื่มได้กูจับดื่มไปนานแล้ว” พี่เจมส์พูดและลุกขึ้น ทำเอาพวกผมทำหน้างงกันหมด มุขไหนของพี่แก



         “แล้วนี้มึงมะทำไมวะ ไม่รอที่บ้านแจ็ค “ พี่จิมมี่ถามผม



         “พี่เห็นไอ้คนที่ชื่อแบงค์ไหมพี่ “ ผมถามพวกพี่ๆที่นั้งตรงนี้ ผมหันมามองหน้าพี่เจ เพราะว่าสนิทกับพี่บอลมากที่สุด



         “กูนั่งมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่เห็นใครสักคนมึง ว่าแต่มึงจะถามหาคนชื่อแบงค์ทำไมวะ”



         “ก็ไอ้นี้นะ มัน มันคือ กางของผมพี่ “



         “อะไรของมึง มึงจะบอกว่าบอยมีแฟนใหม่เหรอวะ” พี่เจสหันมามถามผม



         “ใช่อะดิ น่าเจ็บใจนี้ก็บินมาก่อนเพื่อมันเลยนะพี่ ผมอยากเจอมันอ่ะ จะอัดให้น่ามเลย”ผมพูดและกำมัดต่อยที่อุ้มมือ



         “พี่เจลองไปถามพี่บอลให้หน่อยดิ” ผมอ้อนพี่ชายที่ห่างจากผมแค่ปีเดียว จะเรียกพี่สาวก็ได้แต่ไม่เรียกดีกว่าเดี๋ยวพี่เจงอนไม่ช่วยผมอีก



         “ไม่ได้แจ็ค กูไม่อยากผิดใจกับบอลมัน มันเพื่อนรักกูนะแจ็ค แค่คอยถามเรื่องบอยว่าเป็นไงบ้างนะได้แต่ไปล้วงลึกมากมันไม่ดี เข้าใจหน่อยดิวะ” พี่เจพูด



         “พ่อมาวะ” พี่เจสพุดและนั้นพ่อผมเดินหน้าตั้งมาเลย พ่อภูมิ พ่อมาถึงก็



         “ไม่ต้องหันหน้าหนึไปไหนเลยแจ็ค พ่อบอกว่าไง บอกว่าอย่ามาไงแจ็ค” พ่อภูมิพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าโมโหผมมากในวันนี้



         “พ่อผมแค่อยากรู้ทำไมผมมาไม่ได้ และทำไมไอ้ดิวมันมาได้ละพ่อ” ผมพูดกับพ่อ พี่เจสดึงแขนผมไม่ให้ผมพูดเสียงดังกับพ่อ ผมรู้ว่าไม่ถูก



         “ก็ดิวเขา”



         “มันคือคนที่ถูกเลือก แต่ผมกับบอยเรารักกัน แต่ตอนนี้งอนกันนิดหน่อย” ผมพูดและพี่ๆกสะบัดหน้ามามองผม



         “ลุงหนึ่งอยู่ด้านในนั้น เราอยู่ทีนี้ไม่ได้ พ่อว่าเราจะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงแจ็ค กลับไปรอพ่อที่บ้าน เดี๋ยวนี้” พ่อภูมิพูดผมก็หันไปมองทางอื่น



         “ผมขอคุยกับบอยก่อน”



         “บอยเขายุ่งอยู่ พ่อจะบอกให้ บอยโทรหาหลังเสร็จงาน ตอนนี้ กลับบ้าน” พ่อบอกผมด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว พี่ๆพยักหน้าให้ผมทำตามที่พ่อบอก พี่โจเดินออกมาอีกคน



         “บอกน้องมึงให้กลับบ้านซะโจ” พ่อกำลังเดินกลับเข้าไปด้านใน พี่โจเดินมาแตะทีไหล่ผมเบาๆ



         “ทำไมงอนกันกับบอยเหรอ”



         “ใช่พี่โจ ผมพูดไม่ค่อยดีกับบอยอ่ะ และทั้งหมดก็เพราะว่าผมหึงเขากับไอ้แบงค์ “



         “แบงค์เหรอ ใครอะ” พี่โจถามผม



         “แต่ชื่อนี้คุ้นๆนะ ตอนพี่เข้าไปได้ยินคนใช้พูดกันว่าคุณแบงค์ ตามหาคุณแบงค์กันอยู่ แต่ดูน่าจะเด็กเล็กนะ “



         “ไม่น่าจะใช้เด็กหรอก บอยพูดจ๊ะจ้าซะขนาดนั้นพี่โจ “



         “เอานะ พี่จะคุยกับบอยและให้บอยโทรหานะ พี่จะบอกว่าน้องพี่สำนึกผิดแล้ว แต่ตอนนี้กลับบ้านตามที่พ่อบอกก่อนและพรุ่งนี้พี่ไปส่ง” พี่โจพูด ผมหันมามองพี่คนอื่นไม่มีใครช่วยเลย



         “กลับบ้านแจ็ค อย่าทำให้พ่อต้องทะเลาะกับลุงหนึ่ง พี่ขอวะ” พี่โจพูดบอกผม ผมก็พยักหน้าและเดินออกทันทีเช่นกัน แต่เบื่อไม่อยากกลับอ่ะ ให้พี่ปีเตอร์ขับพาไปเที่ยวดีกว่า ผมเดินออกไปอย่างหัวเสีย บอยก็ไม่เจอและนี้กผมก็งอนเขาและไม่ได้ส่งข้อความง้ออะไรทั้งนั้น บอยเองก็เงียบเช่นกัน ระหว่างที่เดินออกก็แอบชะเง้อมองหาไอ้เด็กแสบ ถ้าออกมาเจออีกนี้โดนเอาคืนแน่

 ----------------------------------------------------------------------------------------------

Part บอย         ผมเห็นอาภูมิรีบเดินออกไป เหมือนกับมีเรื่องเลย ดิวก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ขอ้ความคงจะคุยกับแอ้แน่ๆ ผมรู้ว่าเขาสองมีความพิเศษต่อกันและยิ่งวันนั้นที่ติ๊กและดิวมีปากเสียงเรื่องลูก แต่แอ้บอกว่าเรื่องลูกหมา ผมว่าไม่ใช่หรอก ผมเป็นคนที่มีเซ้นที่พิเศษ ไม่ใช่เซ้นลิ่งลี้ลับแต่เซ้นผมที่สามารรถอ่านความคิดของอื่นได้ ตอนนี้ดิวกำลังเครียดอธิบายให้แอ้เข้าใจอยู่ว่าทำไมเขาต้องมา และพออาภูมิกลับเข้ามาและไปนั่งกับพ่อผม ดูสีหน้าอาภูมิไม่ค่อยดีเลย



         “มีเรื่องหรือเปล่าบอย” ดิวเงยหน้าจากมือถือขึ้นมาถามผม ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช้

         ตื้ด เสียงมือถือของผมสั่น ผมก็หยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความจากธรรณ์ นั้นเอง



         “บอย เจอแจ็คหรือยัง แจ็คไปหาบอยที่บ้านนะ “ ผมก็ชะงักแจ็คมาเหรอ



         “มีอะไรเหรอบอย” ดิวถามผม



         “แจ็คมานะดิว” ผมบอกดิว ดิวมันพยักหน้า



         “มันอยู่ไหนอะ ดิวจะได้เปลี่ยนคิวให้มันถ่ายทำต่อเลย” ดิวรีบกระซิบถามผม ผมก็ทำหน้ายู้ มันเปลี่ยนกันได้ง่ายๆเหรอลุงหนึ่งก็นั่งอยู่ ผมเห็นลุงหนี่งเดินไปหาพ่อผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับทุกคน เหมือนเรียกประชุมบรรดาลุงและอาของผมที่มาในวันนี้ก็พากันลุกออกไป



         “คุณบอย คุณดิว ตอนนี้เขาจะเลี้ยงพระกัน รบกวนไปนั่งพักที่ห้องรับรองก่อนนะครับ” ผมสองคนได้ยินดังนั้นกลุกขั้น ผมนี้อยากจะเดินกลับไปตึกหลังเพื่อไปหาลุกชายคนผมแย่แล้วเพราะว่าพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว แต่ถ้าแจ็คมาหาผม ทไมไม่โทรหาผมเลย หรือส่งข้อความก็ได้ หรือว่าเขาแค่มาดูว่าผมทำอะไร แทนที่จะมาง้อกันก็ไม่มีเลย



         “มันมาได้ไง ไหนบอกว่าไม่ให้มาไง และนี้มันไปไหนแล้ว” ผมได้ยินเสียงลุงหนี่งโวยวาย

         

         “พี่หนึ่ง ลูกผมก็เข้าออกบ้านพี่ณะ และแจ็คก็หลานพี่ณะคนหนึ่ง ทำไมเขาจะมาไม่ได้ “



         “นายรู้ดี ภูมิ” ผมได้ยินเสียงลุงหนึ่ง และอาภูมิเอะอะโวยอยู่ ดิวแตะที่ไหล่ผมเบาๆ และผมสองคนก็พากันไปหาที่นั่งพัก ผมนั่งลงและหันไปมองดิวที่พยามกดสายโทรหาแอ้แน่ๆ แต่ดูท่าแอ้จะไม่ยอมรับ



         “ดิว “ เสียงลุงหนึ่งเดินเข้ามาถึงก็เรียกดิวทันที ผมก็สะดุ้งโย้งเลยเหมือนกัน ดิวไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด เขาแค่ละสายตาจากมือถือและหันไปตามต้นเสียงที่เรียกชื่อของเขาแค่นั้น



         “พ่อเราบอกลุงว่าเราจะเลือกหมอทหาร ไม่ได้เลือกหมอแค่นั้นพอ” ลุงหนึ่งพูดและผมก็หันไปมองดิว



         “ผมเลือกแล้ว ผมจะลงหมอทหาร “ ดิวพูดขั้น



         “ไม่ได้ เพราะเราต้องอยู่ใกล้ชิดกับบอย และเรา”



         “ผมก็ว่าจะพูดเรื่องนี้เหมือนกันลุง ผมไม่ได้รักบอย เราไม่ได้รักกัน ต่อให้ลุงเอาตำแหน่งบ้าบออะไรมาให้ผม ผมก็ไม่เอา ผมมีคนรักแล้ว ลุงควรจะพอได้แล้ว ให้เขาเลือกคนที่เขารักกัน “ดิวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับลุงหนึ่ง



         “ดิว” ผมจับมือดิวให้เย็นลงก่อน เพราะว่ามันไม่เหมาะสมที่ดิวจะเถียงลุงหนึ่งแบบนั้น



         “ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องรอให้ภารกิจมันเสร็จ กลับมาเข้ามหาวิทยาลัยและแต่งงานกันเลย ทำตามที่ฉันสั่ง”



         “ผมไม่ทำ ผมมีคนรักแล้ว “



         “ใคร”



         “ผมมีแล้วกัน และผมก็เลือกแล้วว่าผมจะไปเป็นหมอทหาร ใครก็ห้ามผมมไม่ได้ ตอ่ให้ลุงเองก็ตาม” ดิวพูด



         “ไอ้ดิวหยุด” ลุงภาเดินข้ามา



         “ลุงคิดว่าการให้เขาสร้างพวกผมขึ้นเพื่อมาทำสิ่งที่ลุงต้องการ ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกผมมีเลือดมีเนื้อมีหัวใจ ดังนั้นผมจะทำสิ่งที่ผมต้องการ ผมคิดว่าผมก็ทนมามากพอแล้วกับการที่ต้องมานั่งตรงนี้ โคตรอืดอัดเลย “ ดิวพูดและลุงภาก็ดึงแขนดิวออก



         “ไอ้ดิว มึงลองดีกับกูใช่ไหม”



         “ใช่ผมลองดี กับลุง”



         “ไอ้ดิวหยุด กูบอกให้หยุด นั้นพี่กู “ลุงภาพูด ตอนนี้มีนายทหารท่านหนึ่งวิ่งเข้ามาหาลุงหนี่ง และกระซิบอะไรบ้างอย่าง



         “กูจะไปหามึงและคุยกับมึงอีกทีดิว “ ลุงหนึ่งพูดและเดินออกทันทีเช่นกัน ผมหันมามองหน้าดิว ดิวโกรธมากแต่ลุงภามองหน้าดิวคงโกรธยิ่งกว่าเพราะว่าผมถูกสอนมาไม่ให้ข้ามรุ่นกัน ไม่ว่าจะผิดหรือถูกก็ตาม



     “คุณบอยคะ คุณแบงค์หายไปค่ะ” ผมสะดุ้งเมื่อมีผู้หญิงกึ่งเดินกึ่งวิ่งเดินมาหาผม เขาเป็นคนใช้ในบ้านของผม



         “อะไรนะ หาดีแล้วเหรอ”



         “ค่ะคุณแบงค์หายไปได้สักพักแล้วค่ะและเราก็หาพี่ผึ้งไม่เจอด้วยค่ะ “ ผมได้ยินเช่นกันนั้นก็รีบเดินออกไปทันที ผมไม่รอช้ารีบวิ่งออกไป ผมเห็นพ่อผมกำลังยืนคุยกับคนรับใช้ แต่อาภูมิไม่อยู่ ออกไปข้างนอก ผมก็เลยวิ่งกลับไปที่ตึกหลังทันที ไม่น่ะแบงค์ ไม่นะแบงค์ ผมไม่น่าจะอยู่ห่างจากเขาเลยวันนี้
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แจ็คXบอย)แจ็คกับแบงค์เจอกันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 26-10-2020 16:50:29
อ้าว น้องหายยยย :katai1:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แจ็คXบอย)แจ็คกับแบงค์เจอกันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 27-10-2020 06:09:18
น้องแบงค์หาย หวังว่าจะไม่ใช่แจ็คนะ นั้นลูกนายนะ  :z3:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แจ็คXบอย)แจ็คกับแบงค์เจอกันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 27-10-2020 10:05:15
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)มัมมี้จำเป็น
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-10-2020 22:00:53
(บอยVSแจ็ค)เมื่อแจ็คกลายเป็นมัมมี้จำเป็น

    Part แจ็ค
         ผมออกมานั้งในรถเพื่อเสริชหาที่เที่ยวผมยังไม่อยากกลับบ้าน และผมก็ไม่ได้โทรหาบอยด้วยเช่นกัน เพราะว่าผมงอนผมจะรอให้เขาโทรหาผมก่อน นั้นแปลว่าเขาเห็นว่าผมสำคัญมากพอ  และผมยังหาตัวไอ้แบงค์ไม่ได้อีก ยิ่งงอนเข้าไปใหญ่ ระหว่างที่รถผมจอดอยู่ในลืบถ้าไม่สังเกตุหรือขับแบบผ่านๆก็จะไม่เห็น ผมนั่งอยู่ในรถสักพัก รถลุงหนึ่งก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว

         “พี่ปีเตอร์เห็นรถลุงผมป่ะ “ ผมถามพี่ปีเตอร์

         “เห็นครับ วิ่งเร็วขนาดนี้ แสดงว่ามีเรื่องครับ” พี่ปีเตอร์พูด
         
           “พี่ออกรถเลยพี่”

         “ออกไปทำไมละครับคุณแจ็ค”

         “อยากมีเรื่องบ้างอ่ะพี่ปีเตอร์” ผมพูดบอกพี่ปีเตอร์

         “ได้ครับ เว้ยยย ไม่เอาดีกว่าไหมครับ” พี่ปีเตอร์เปลี่ยนเกียร์ทำท่าจะออกแต่ก็เปลี่ยนใจไม่ออกพร้อมกับหันหลังมามองผมด้วยแววที่ตกใจ(กลัวตกงาน)

         “ออกรถพี่ไม่ได้ไปหาเรื่องแค่ขับตามไปเฉยๆ ผมแค่อยากรู้ว่าลุงหนึ่งเขาจะค้างที่นี้ต่อหรือกลับเลย นะพี่” ผมพูด พี่ปีเตอร์ก็ออกรถขับตามทันที แต่ทว่า รถของลุงหนี่งมีบอร์ดีการ์ดขับดักหน้าดักหลังอยู่สองสามคัน พี่ปีเตอร์ก็ชับจนใกล้ถึงแยกไฟแดงอีกห้าร้อยเมตร รถลุงหนึ่งก็เข้าอยู่เลนกลาง และรถยนต์ของการ์ดประกบซ้ายขวา ส่วนรถผมนะอยู่คันหลังแต่ดันโชคไม่ดีไฟเหลืองซะก่อน พี่ปีเตอร์เลยต้องจอดและสิ่งที่ผมเห็นคือรถลุงหนึ่งจอดกึ่งกลางและเหมือนกับว่าประตูถูกเปิดออก ผมก็มองมีเด็กลงมายืน เฮ้ย! และรถลุงหนึ่งก็ขับเลยไปทันที ทิ้งไว้ซึ้งเด็กตัวน้อย

         “คุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์เรียกผม เห็นผมไม่ชอบเด็กแต่แบบนี้มันเหมือนเอาเด็กมาให้รถชนชัดๆเลย ผมรีบเปิดประตูและวิ่งไปหาเด็กนั้น ผมวิ่งไปคว้าเด็กน้อยที่ยืนร้องไห้ด้วยความตกใจ จัวหวะที่ไฟเขียวของเลนทางซ้ายและขวา รถก็แล่นออกมาส่วนทางกันระหว่างผมยืนอุ้มเด็กไว้แต่พวกเขารู้เลยพยายามหลบให้ บ้างก็ลดกระจกมองผมสองคน


         “ฮือๆ “ เด็กน้อยก็ร้องไห้กอดผมแน่น และไม่นานไฟแดงก็ปรากฎและรถพี่ปีเตอร์ก็ขับมาจอดที่ผมยืนตรงกลาง ผมรีบเข้าไปนั่งด้านในและพี่ปีเตอร์ก็ออกรถอย่างรวดเร็วและมาชะลอจอดข้างทางห่างออกไปหน่อย

         “คุณแจ็คเป็นอะไรไหมครับ” พี่ปีเตอร์ถามผม

         “ไม่ครับ”ผมพูดแต่เด็กที่ผมช่วยเอาไว้นี้กอดผมตัวสั่นไปหมด ผมก็ค่อยๆแกะเด็กน้อยออกมาเพื่อดูหน้า แม้จะไม่ยอมพยายามรั้งผมไม่ยอมให้ผมดันตัวออกก็ตาม

         “นี่นาย “ ผมเรียกและเด็กคนนี้ก็เงยหน้าผมองผม น้ำหูน้ำตาที่เกอะกังใบหน้าไปหมด แต่ว่าไม่ได้ทำให้ผมลืมใบหน้ากวนๆ เด็กคนนี้ผมเจอตอนที่เดินเข้าไปหาพี่ผมนี้ นี่ผมเจอหมอนี่อีกแล้วเหรอ ตอนแรกก็ว่าจะกระทืบซะหน่อยแต่พอเห็นร้องไห้ขี่มูกโป้งขนาดนี้ใจอ่อนเลย ทั้งที่ปกติไม่ใช่คนรักเด็กเลยนะผมนะ

         “พี่ปีเตอร์ผมรู้จักเด็กคนนี้ เขาอยู่ในบ้านลุงณะนั้นพี่” ผมพูดพี่ปีเตอร์สะบัดหน้ามามองผม

         “อยู่ในบ้านนั้นด้วยเหรอครับ แล้วเราจะทำยังไงกันดีละครับ “
         
         “ผมก็ไม่รู้ซิ เอาไปคืนหรือว่าจะ เอาไปขายดีพี่” ผมถามพี่ปีเตอร์ พี่เขาก็ทำท่าคิด

         
         “พี่เลี้ยงเด็กไม่เป็นซะด้วยซิครับ ยิ่งต่ำกว่าสิบห้านี้พี่ไม่นิยม พี่ว่าขายเถอะครับ” พี่ปีเตอร์พูด และผมก็ขมวดคิ้วจริงเหรอ

         “เว้ย!!! ไม่ได้ครับคุณแจ็ค แม้ทำเอาพี่เผลอคล้อยตามไปด้วยเลยคุณแจ็คนี้ พี่ว่าเราควรจะเอาไปไว้ที่หน้าบ้านนั้น และให้น้องเดินกลับเข้าไปเองแบบสวยๆและเราสองคนก็เพ่นกลับกันดีไหมครับ แผนนี้” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็ยักไหล่คงได้

         “งั้นพี่กลับไปอีกทาทางนะครับ” พี่ปีเตอร์อบกผมและขับไปวนเข้าอีกทางน่าจะด้านหลังของคฤหาสน์ ผมก็เด็กน้อยที่นั่งเบียดข้างผม ตอนแรกนี้ ฤทธิ์เยอะเชียว แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าลูกแมวซะอีก

         “น้องน่ารักเชียวนะครับคุณแจ็ค แต่ว่าหน้าตาเขาคุ้นๆมากเลยครับ คุ้นเหมือนผมเคยเจอทุกวัน” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็พยักหน้านะ จะมีใครที่พี่เขาเจอทุกวันนอกจากครอบครัวผมอีกเหรอ พี่ปีเตอร์แกยังไม่มีครอบครัว กินนอนในบ้านผม คนใช้ในบ้านกินหรูอยู่สบายเพราะว่าเขาก็เหมือนในครอบครัวของผมพ่อผมให้การดูแลอย่างดีโดยเฉพาะพี่ที่ทำหน้าที่การ์ด

         “เหมือนใครอ่ะพี่ ที่พี่เคยเจอทุกวัน” ผมถามพี่ปีเตอร์กลับ

         “นึกไม่ออกครับคุณแจ็คแต่ผมรู้สึกคุ้นๆมาก” พี่ปีเตอร์พูด

           “แต่ถามพี่ว่าวันวันพี่เจอใครบ้าง มีแต่ครอบครัวคุณแจ็คนี้แหละครับ คนอื่นก็ไม่มี เพราะว่าพี่ไม่มีพ่อแม่ไม่มีพี่น้องครับ “ พี่ปีเตอร์พูด ผมก็ยิ่งนึกไม่ออกเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ แจ็คขี้เกียจคิดเยอะ ผมหันมามองเด็กน้อยยืนเกาะรถมองไปด้านนอก

         “อุ๊… อุ๊…. อุ๊…. “เด็กคนนี้รีบลุกขึ้นยืนอีกครั้งและ ชี้ออกไปที่นอกหน้าต่างรถแถมยังหันมามองผมให้มองตามที่เขาชี้  ผมก็ชะเง้อคอมองตามก็สนามเด็กเล่นไง  เด็กคนนี้ก็ยังคงชี้ไปที่สนามเด็กเล่นนั้น ผมมองเด็กนั้นว่าทำไมอยากลงไปเล่นเหรอ แต่พี่ปีเตอร์ก็ขับผ่าน

         “แหง๋!” ร้องจ๊ากออกมาทันที

         “เว้ย!” ผมกับพี่ปีเตอร์ร้องออกมาพร้อมกัน และพี่ปีเตอร์เบรกทันที ผมก็ต้องรีบกระเทิบมารับร่างเล็กๆนั้นก่อนจะล่วงลงไป

           “แหง๋ๆๆ” ร้องไห้หนักเข้าไปอีก พี่ปีเตอร์มองผมและค่อยๆถอยหลังกลับ คราวนี้เงียบกริบและลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

         “อุ๊ อุ๊ อุ๊” พร้อมกับชี้นิ้วไปที่สนามเด็กเล่นอีก

           “ก็สนามเด็กเล่นไง ที่บ้านไม่มีหรือไง “ ผมถามเด็กน้อย 

         “เอาไงดีครับคุณแจ็ค “พี่ปีเตอร์ถามผม ผมก็โบกมือไปเถอะ ผมก็จะรีบไปหาที่เที่ยวเหมือนกัน พี่ปีเตอร์ก็ออกรถอีก

         “แหง๋!”

         “เว้ยยย!” เด็กน้อยร้องจ๊ากออกมาอีกแล้ว ผมกับพี่ปีเตอร์ก็ร้องพร้อมกันอีกเช่นเดิม  และพี่ปีเตอร์ก็ต้องถอยกลังมาที่เดิม ผมหันไปมองคนที่ยืนเกาะกระจกมองไปด้านนอก และมองพี่ปีเตอร์เอาไงดี ออกรถมันก็ร้อง

         “ดูท่าน้องอยากจะลงไปเล่นนะครับคุณแจ็ค แต่พี่คิดว่าปล่อยให้ลงไปเล่นพักหนึ่ง ไม่นานก็เหนื่อยน้องจะได้นอนหลับและเราก็อุ้มไปวางไว้หน้าประตู สวยๆ เราก็เพ่นกลับบ้านกันอย่าง สวยๆ เช่นกัน”พี่ปีเตอร์คิดแผนให้ผม แต่ผมว่าเป็นแผนที่แย่ที่สุด แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ

         “เอาก็ได้ไปลงไป ฉันรอนี้นะ”ผมพูดและนั่งกอดอก แต่เด็กน้อยหันมามองหน้าผม

           “ก็จอดแล้วไง ลงไปซิ” ผมบอกเด็กนั้น

         “คุณแจ็คครับ น้องยังเล็กเกินไปครับที่จะลงไปเล่นคนเดียวพี่ว่าคุณแจ็คลงไปเป็นเพื่อนดีกว่าไหมครับ และถ้าให้พี่นี้ ตำรวจอาจจะสงสัยและจับพี่ไปสอบสวนเอาได้ เพราะคิดว่าพี่ขโมยเด็กมาครับดูหน้าน้องเขาอินเตอร์กว่าพี่ พี่นี้โจรชัดๆครับ  “ พี่ปีเตอร์พูด  ผมก็มองพี่เขา หนวดเคราขนาดนื้ ผมว่าพี่เขาน่ากลัวว่าคนที่จะปรองร้ายผมอีกนะ

         “พี่ปีเตอร์จะให้ผมนี้นะลงไปกับเด็ก  “ ผมถามพี่ปีเตอร์ นั้นคือให้ผมลงไปกับเด็กนี้น่ะ

         “ฮือๆ เล่น เล่น เล่น” นั้นร้องไห้อีกแล้วและชี้ไปที่สนามเด็กเล่น

         “นะครับคุณแจ็คและเราจะได้รีบกลับกันครับ “ พี่ปีเตอร์พูด ผมก็พยักหน้าและเปิดประตูลงไป ผมก็เดินไปเปิดประตูอีกฝั่งพร้อมกับอุ้มหมอนันลงและนายนั้นก็มายืนและรีบวิ่งตรงไปที่สนามเด็กเล่นทันที ผมก็เดินตามเข้าไป มีเด็กเล่นสองสามคน นายนี้มาใหม่และเด็กแต่ละคนก็ไม่รู้จักกันมาก่อน ก็คงไม่กล้าเล่นด้วย เลยไปยืนหน้ามุ้ยอยู่คนเดียว ที่ม้าโยก อย่าบอกนะว่าจะให้ผมไปนั่งม้าโยกด้วย

         “ฮึกๆ “นั้นน้ำตาแตกเลย ผมก็ต้องเดินไปและก้มลงมองหน้า

         “ร้องไห้ทำไม ลูกผู้ชายไม่ร้องไห้ง่ายๆดิ มีอะไร” ผมถาม

         “ฮึกๆ” ชี้ไปที่ที่นั่งอีกฝั่ง ผมก็พยักหน้า

         “ก็ได้ ฉันจะนั่งกับนาย หยุดร้องไห้ได้แล้ว อายเขา”ผมพูดและเดินไปนั่งอีกฝั่งผมก็อุ้มนายนั้นนั่งลง ดูท่าจะเคยเล่นมาก่อน จับที่จับทันที ส่วนผมก็เดินมาอีกฝั่งทันทีและกดลงช้าๆ และผมก็นั่งลง แน่นอนผมตัวใหญ่กว่านายนั้นก็ลอยอยู่บนอากาศแบบนั้นจะว่าไปแกล้งเอาคืนก็ดีเหมือนกันนะ ผมก็เลยปล่อยให้หมอนั้นลอยอยู่กลางอากาศ ดูท่าจะกลัวตกจับแน่นเชียว ผมก็มองเป็นไงละ ดีไหมอากาศข้างบน มีหันมามองผมเหมือนกับว่าเขาลอยนานไปแล้ว แถบยังหันไปมองข้างๆ ม้าโยกอันอื่นเขาโยกขึ้นโยกลงสนุกสนานแต่หมอนี่มันลอยเท้งเต้งอยู่กลางอากาศไม่ลงซะที (ผมกำลังเอาคืนอยู่ไง)

         “put me down!” หมอนั้นก็ตะคอกเสียงดังใส่ผม ตัวแค่นี้เสียงดังใช่เล่นนะ แถมมองผมด้วยหน้าตาที่ขมึงเอาเรื่องเหมือนกันนะ 

         “put me down now!” ยังคงเสียงสั่งออกคำสั่งผมอยู่ ผมก็มองอีกว่าอะไรนะ เอียงหูฟังหน่อยเพราะว่านายนี่พูดไม่เพราะใส่ผม มันเป็นเชิงออกคำสั่งไปนะ

         “put me down please!! “ นี้แหละที่ผมต้องการ ผมก็ค่อยปล่อยนายนั้นลงและแอบขำ นายตัวดีมองซ้ายมองหวาและวิ่งไปที่ นั่งที่หมุน และเหมือนเดิมไปยืนอยู่คนเดียวอีกแล้วไม่มีใครมาเล่นด้วยอีกแล้ว ลำบากผมอีกซิงานนี้

         “ไม่มีใครคบว่างั้น” ผมเดินไปถาม มีหันมาค้อนผมอีกนะ ตัวแค่นี้รู้จักงอนแล้วนะ

         “ไปไปขึ้นไปนั่งเดี๋ยวหมุนให้และอันนี้ชิ้นสุดท้ายนะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว” ผมพูด อุ้มนายนั้นขึ้นไปยืนและหมุนให้ ดูยิ้มมีความสุข ระหว่างที่ผมมองทำไมรอยยิ้มแบบนี้ มันทำให้ผมเห็นใบหน้าของบอยซ้อนเข้ามา ผมยืนมองจนเครื่องเล่นหยุดหมุน

         “มัมมี้“ ผมได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกแม่ของเธอให้มาอุ้มเธอ ผมก็หันมาว่าจะบอกตัวดีว่ากลับเถอะ

         “มัมมี้” นายนั้นกางแขนและเรียกผมว่ามั้มมี้นั้นแปลว่าแม่ ถึงผมจะไม่เคยเรียกมาก่อนทั้งชีวิตของผมก็ตาม แต่จะให้ผมมาเป็นมัมมี้ให้คงจะไม่ได้มั้งครับ ผู้ชายทั้งแท่ง

         “เว้ยย!” ผมร้องซิครับหดแขนกลับทันที ทำเอา บรรดาแม่ๆที่ยืนอยู่ข้างๆผมหันมามองผมกันหมดเลยซิ อายเขาไหม อายมาก ในที่สาธารณะแบบนี้ด้วย

         “คุณเป็นแม่เขาหรือว่าเขาไม่มีแม่แล้วคิดถึงแม่หรือเปล่าคะ” คนข้างๆผมถามผม หันไปมอง

         “แสดงว่าภรรยาคุณเสียไปเหรอค่ะ สงสารจัง เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหรอค่ะ แต่ไม่เป็นไร ลูกเรียกพ่อว่าแม่ก็น่ารักดีนะคะ” เออ ผมก็แต่อ้าปากค้าง

         “มัมมี้ คัม คัม คัม”นายนั้นเรียกผมเข้าไป ผมก็ค่อยๆเดินเข้าไปและยืนเคียงข้าง

         “อย่าเรียกมัมมี้”ผมกระซิบและยิ้มให้บรรดาแม่ที่อยู่รอบๆผม และส่งยิ้มมาให้ผม คุณแม่มือใหม่แต่ผมไมได้ต้องการครับ

         “มัมมี้ “ ยังอีก

         “อย่าเรียกฉันว่ามัมมี้ไง!” ผมเริ่มกัดฟันดังขึ้น

         “มัมมี้!!” คราวนี้ตะโกนเลยเหรอ หันมามองกันหมดทั้งสนามเด็กเล่น ทั้งคุณพ่อคุณแม่ปุ่ย่าตายายที่อยู่รอบๆนี้เลย และทุกสายตาก็มองมาที่ผมคนนี้

         “สงสัยลูกจะร้องหาแม่ แม่อยู่บ้านนะ ไปครับพ่อพาไปหาคืนแม่ เดี๋ยวนี้เลย!”ผมพูดและอุ้มเด็กนั้นตัวลอยและวิ่งกลับไปที่รถทันที ผมเปิดประตูได้ก็โยนนายเด็กนั้นเข้าไปและผมก็เข้าไปนั่ง ผมหันมามองตัวแสบ พี่ปีเตอร์ก็มองผมด้วยอาการตกใจ มือถือก็เปิดคลิปหนังโป้ค้างอยู่

         “อุ้ย! ขอโทษครับ อันนี้พี่เรียนเสริมฆ่าเวลา เฮอๆ ว่าแต่คุณแจ็คกับคุณเด็กน้อย วิ่งหนีอะไรกันมาครับ เจอครูอริที่นี้เหรอครับ” พี่ปีเตอร์ถามผม

         “ไอ้เด็กนี้แหละครูอริผมพี่ปีเตอร์” ผมพูดและชี้ไปที่นายนั้น ที่หันมามองผม น้ำตาเริ่มมา

         “เว้ยย! คุณแจ็คน้องกำลังจะร้องไห้นะครับ”พี่ปีเตอร์พูด

           “แล้วพี่ปีเตอร์คิดว่าไงครับ น้ำตาไหลพรากขนาดนี้ น้องคงไม่ได้หัวเราะอยู่หรอกมั้งครับ” ผมพูด และชะเง้อมองอกไป ไม่เคยเจอเรื่องอับอายอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยครับผม

           “ร้องไห้น่าสงสารนะครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์พูด

         “ก็เรื่องของเด็กดิพี่ ออกรถเถอะพี่พาไปส่งคืนพ่อแม่เขาได้แล้ว  “ ผมพูดและนั่งกอดอกหันไปเหล่มองหมอนั้น เด็กน้อยนั่งสะอึกสะอื้นและหันมามองผมเป็นระยะระยะ

         “เกิดอะไรขึ้นครับคุณแจ็ค” พี่ปีเตอร์ถามผมขณะทีออกมารถมาได้สักพัก

         “มัมมี้ ฮึกๆ “ เด็กนั้นเรียกผมมามี่ พี่ปีเตอร์ก็มองผมและกลั้นหัวเราะ

         “พี่ปีเตอร์ “ผมเรียกพี่เขาเพื่อบอกว่าอย่าหัวเราะผม
         
         “ฮึก ๆ”นี่ก็อีกคนยังร้องไห้ได้อีก

         “พี่ว่าน้องอาจจะเริ่มหิวและง่วงนะครับคุณแจ็ค”" พี่ปีเตอร์พูดผมก็มองจะให้ผมทำยังไงละพี่

         “พี่มี เค้กยูโรและนมทูโกกล่องหนี่งนะครับ พี่ซื้อมาตอนไปรับคุณแจ็ค น้องน่าจะทานได้อยู่นะครับ คุณแจ๊คป้อนน้องก่อนดีกว่าไหมครับ สงสารน้องครับ” พี่ปีเตอร์บอกผม ผมหันไปมองนั่งน้ำตาไหลกาสิกกาสิกแบบนี้ผมก็อดใจอ่อนไม่ได้อีก แต่มันก็แปลกนะซึ้งปกติผมมไม่ค่อยชอบเด็กเอาซะเลย 

         “นะครับคุณแจ็ค ถ้าปล่อยให้น้องร้องไห้แบบนี้จนถึงบ้านเราสองคนจะโดนข้อหาหนักถึงขึ้นหนักมากนะครับ พี่ยังหาภรรยามาทำแม่ของลุกไม่ได้นนะครับคุณแจ็คครับ” ผมก็มองพี่ปีเตอร์ ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือเป็นหวงตัวเองว่างั้น  ผมก็เอื้อมไปหยิบขนมและกล่องนมมาถือไว้ ผมค่อยๆขยับเข้าไปหาเด็กน้อยคนนั้น ผมกางแขนออกให้เข้ามาหาผมจะได้ป้อนขนม

         “มัมมี้” ยังอีกยังเรียกผมว่ามัมมี้อีก  ผมก็ต้องกัดฟันตัวเองและพี่ปีเตอร์พยักหน้าว่าให้ผมยอมไปก่อนไม่อย่างนั้นร้องไห้งอแงและพอไปถึงงานจะเข้าเอา 

         “ก็ได้มาหามัมมี้จะได้ป้อนขนมและนมและนายก็จะได้นอนไปเลย” ผมพูด เด็กน้อยค่อยๆคลานมาหาผม ไม่รู้ว่ามาเพราะเชื่อฟังผมหรือว่าห่อขนมล่อซะก็ไม่รู้ เด็กน้อยคลานเข้ามาหาผมและผมก็แกะห่อขนมและส่งให้เลยแต่เด็กน้อยรับไปถือเอาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม

         “ไม่กินเหรอ กินซิ อร่อยนะ” ผมพูดบอกเด็กน้อย

         “คุณแจ็คครับน้องยังเล็ก ป้อนน้องดีกว่าไหมครับ แบบว่าบริเล็กๆพอให้น้องเคี้ยวได้นะครับไม่ใช่ให้น้องไปทั้งก้อนแบบนั้นนะครับเพราะอาจจะติดคอตายนะครับคุณแจ็คและเราทั้งคู่คงได้ตามน้องไปติดๆ คือโดนบ้านนั้นสังหารเอานะครับ ” พี่ปีเตอร์พูด ผมก็มองพี่ปีเตอร์และค่อยๆบริให้นเด็กน้อยกิน คำเล็กๆ จนกระทั้งหมดห่อ และตามมาด้วยนมกล่อง กินซะพุงกลางไปเลย พออิ่มแล้วไงหนังตาหย่อนเลยทีนี้ หลับปุ๋ยอยู่บนตักผมซะอย่างนั้น

         “จะว่าไปนายนี้ก็น่ารักดีนะเวลาไม่มีฤทธิ์นะ ดูไปดูมาดวงตานายสวยดีนะ มันออกสีฟ้า” ผมพูดกับตัวเอง  ดวงตาของเด็กคนนี้สวยเหมือนดวงตาของบอยเลย มันแปลกมาแต่จมูกที่แหลมแบบนี้มันไม่ใช่แน่ๆ อย่าบอกนะว่าบอยไปทำใครท้องมา! ผมว่าผมควรจะอุ้มเอาเด็กนี้ไปคืนและถามบอยเลยจะดีกว่า 

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)มัมมี้จำเป็น
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 27-10-2020 22:32:46
แจ๊คทำน้องร้องไห้อ่า เป็นมัมมี้ซะแล้ว

เรานี่เขียนเกี่ยวกับเด็กให้น่ารักแบบนี้ไม่ได้เลย
โตมาแบบผาดโผน 555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นวายก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)มัมมี้จำเป็น
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 28-10-2020 12:25:14
 :jul3: :jul3:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)แจ็คกลายเป็นคนผิด
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-10-2020 19:41:25
(บอยVSแจ็ค)แจ็คกลายเป็นคนผิด

Part บอย
       
    ผมแทบจะขาดใจทีได้ยินคนใช้ในบ้านผมบอกว่าแบงค์ลูกชายของผมกับแจ็คหายไป พวกผมพากันเดินตามหา  เรียกว่าทั่วบ้านก็ไม่พบแบงค์ คนใช้ก็พากันตามหาทุกที่ในคฤหาสน์ก็ยังไม่พบเขา ผมได้แต่ยืนมองไปรอบๆ มือไม้ผมสั่นไปหมด แบงค์ ใครพาแบงค์ออกไปหรือเปล่า ใจผมร้อนรนมองซ้ายมองขวา ผมทำได้แค่ยืนสะอึ้นร่ำไห้ยืนกุมมือตัวเอง แบงค์ เขาคือทุกอย่างของผมในตอนนี้

         “หากันเจอไหม แล้วนี้ใครดูแลเด็ก ไม่ใช่พี่ผึ้งเหรอ” พี่เบียร์ถามคนใช้ที่ตอนนี้ลงมาจากตึกเพื่อตามหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผมกัน

         “บอย “ พี่บีมเดินมาหาผม และกอดผม

         “พี่บีม ลูกผมหายไปได้ยังไง ฮือๆ” ผมพุดน้ำตาผมไหล

         “พี่ว่าน้องอาจจะไปเล่นซ้อนแอบแถวๆนี้แหละบอย อย่าคิดมาก” พี่บีมพุด พี่บรู๊คส์เดินลงมาและหยุดมองผมกับพี่บีม พี่บีมเห็นพี่บรูคส์ก็ปล่อยผม

         “มี่คนเห็นรถขับออกไปจากงาน ชุดแรกคือรถลุงหนี่ง และอีกคันคือรถของบ้านอาภูมิ แจ็ค “ บรูคส์พูด ผมสะบัดหน้าไปมอง

         “แจ็คเขามาเหรอครับ “ ผมถามพี่บรู๊คส์

         “ใช่ มันมา ทั้งที่พ่อก็บอกอาภูมิแล้ว่าอย่าให้มา พอมาก็มีเรื่องเลยดูซิ “พี่บรู๊คส์พูด ผมก็ได้แต่กุมมือตัวเอง แล้วนี้ลูกชายผมหายไปไหนกัน ผมเห็นพี่ๆบ้านจอจานเดินเข้ามา

         “มีเรื่องอะไรกันนะพี่ เห็นมีคนบอกว่าเด็กในบ้านหายไป ให้พวกผมช่วยหาไหมพี่” พี่โจเดินมาถามพี่บรู๊คส์ พี่บรู๊คส์หันไปมองหน้าพี่โจก่อนจะหันมามองผมเช่นกัน และพี่ๆ บ้านจอจานก็มองผมกันหมด ผมรีบปาดน้ำตา

         “ถ้าอย่างนั้นก็ชวนกันหาแถวๆนี้ เพราะว่าน้องเพิ่งจะขวบหนึ่งเอง น่าจะไปเล่นซ้อนอยู่แถวๆนี้ “ พี่บรู๊คส์พูด และเดินหันหลังออก พี่โจมองพี่บีมไม่วางตา

         “ไหนพี่บอกจะมาช่วยหาเด็กยังไงละครับ เด็กมันอยู่บนหน้าผมเหรอครับพี่โจ” พี่บีมหันไปพูดกับพี่โจและเดินกลับมาหาผมทันที 

         “พี่ว่าบอยเข้าไปนั่งด้านในดีกว่าไหม แดดเริ่มร้อนแล้วเดี๋ยวบอยจะ”

         “ผมจะอยู่ตรงนี้จนกว่าจะเจอลูกผมพี่บีม” ผมพูด แต่ผมก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากเพราะว่าพี่ๆบ้านจอจานอยู่ตรงนี้กันหมด พี่โจ พี่เจมส์ พี่เจส พี่จิมมี่และพี่เจอีกคน หันมามองผมกันหมดเลย

         “ลูกเหรอครับน้องบอย” พี่เจสถามผม ผมหันมามองพี่บีม ช่วยผมที

         “ลูกแต่เป็นเด็กที่อยู่ในบ้านที่นี้ครับ บอยเขารักมากเหมือนลูก  แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ถ้าบอยจะเอามาเป็นลูกบุญธรรม” พี่บีมพูดและหันไปมองพี่ๆบ้านจอจานกันทุกคน

         “ใจดีนะครับน้องบอย แต่ไอ้แจ็คน้องพี่นี้มันเตะเด็กอย่างเดียวเลยครับ” พี่เจมส์พูดปนหัวเราะแต่ว่าทุกคนเงียบกันหมดไม่มีใครกล้าหัวเราะด้วย

         “เบียร์” พี่เจมเรียกพี่เบียร์ที่เดินลงมาชั้นล่างพอดี และเดินตามพี่เบียร์ไปติดๆเช่นกัน

         “เจ” พี่บอลเดินลงมาก็ตรงมาหาพี่เจ พี่เขาสนิทกันมาก พี่โจก็มองผมแต่ตาก็มองพี่บีม

         “น้องชื่ออะไรเหรอครับ พวกพี่จะได้ช่วยกันเรียกหานะครับ” พี่โจหันมาถามผม

         “น้องชื่อแบงค์ครับ” ผมตอบ

         “อ้อ ชื่อแบงค์ “ พี่เจสและพี่จิมมี่เอ่ยขึ้นแบงค์ขึ้นมาพร้อมๆกัน o22 พร้อมกับทำหน้าตกใจ พี่เขาสองคนหันมามองหน้ากัน

         “พี่โจ ผมกับจิมมี่ขอไปเดินดูตรงโน้นนะพี่นะ แถวๆถังขยะน่ะ “ผมถึงกับสะบัดหน้ามามองพี่บ้านจอจานสองคน พี่สองคนเขากะซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้

         “ไอ้นี่น้องเขาคงไม่ปีนลงไปคุยหาอะไรในถังขยะหรอกมึง หาแถวนี้แหละ”พี่โจหันไปบอกพี่เจส
พร้อมกับควักมือเรียกให้กลับมา

         “ไม่ใช่เพื่อว่าไอ้น้องรักของพี่มันเจอเขามันอาจจะเตะน้องเขาลงไปนะพี่ มันถามหาคนไหนที่ชื่อแบงค์อยู่ มันบอกว่าเจอหน้าจะเตะให้” ผมได้ยินเสียงพี่เจสพูดกับพี่โจ มันทำให้ผมคิด คือก่อนที่ผมจะกลับมาที่นี้ ผมและเขามีเรื่องผิดใจกัน แจ็คแอบได้ยินตอนผมคุยโทรศัพท์กับพี่บรูคส์ ผมเอ่ยถึงแบงค์และเขาถามผมว่าใครชื่อแบงค์ นี้อย่าบอกนะว่าเจอกันแล้วนะ แต่พี่เจสกับพี่จิมมี่ก็วิ่งหายออกไปซะก่อน พี่โจก็หันมาส่งยิ้มให้ผม

         “บี เจอไหม” พี่บีมหันไปถามพี่บี

         “ไม่เจอเลย หากันที่วไปหมดแล้ว จะว่าออกไปข้างนอกก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเราปิดประตูเข้าออกทุกด้าน ยกเว้นทางประตูออก แต่ตรงนั้นมีการ์ดเฝ้าตลอดเลย และการ์ดก็ยืนยันมามีแค่ขบวนลุงหนึ่งละรถที่แจ็คนั่งออกไปแค่นั้น” พี่บีมพูด ผมหันไปมองพี่โจ พี่บีมก็มองพี่โจเช่นกัน

         “รู้สึกว่าพี่จะงานเข้า” พี่โจพูดและหันหลังทำท่าจะเดินออก

         “พี่โจ น้องพี่ออกไปกับใครหรือเปล่า” พี่บีมถามพี่โจทันที พี่โจค่อยๆหันกลับมา ผมก็มองพี่โจ ผมขออย่าให้เป็นเขาเลยนะ อย่าทำกับแบงค์แบบนี้น่ะ นั้นลูกนายนะแจ็ค แต่ถ้าเขาทำจริง ผมนี้จะเสียใจที่สุดและผมก็จะผิดมากที่ไม่ได้บอกเขา แต่อีกใจผมก็เชื่อว่าแจ็คไม่ใช่คนใจคอโหดร้ายขนาดนั้นหรอก

         “คุณบอยค่ะ นั้นค่ะ คุณแบงค์ “ ผมได้ยินเสียงคนใช้ตะโกน ผมก็หันไปมองตามที่เขาชี้ออกไป มีคนอุ้มเขามา และคนนั้นก็คือแจ็ค

         “แจ็ค!!”

         “ไอ้แจ็ค!!” อันนี้พี่ๆบ้านจอจานพากันตกใจพอๆกับพวกผม ที่เห็นแจ็คเดินอุ้มร่างๆเล็กที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา นี้เขาลักพาลูกไปจริงๆอย่างนั้นหรือ

    ผมเดินลงไปหาเขาช้าๆ สายตาผมมองเขาด้วยความเจ็บปวด ผมไม่รู้ว่าผมควรจะโทษตัวเองหรือเปล่าที่ผมไม่ได้บอกความจริงเรื่องแบงค์และการที่เขาทำแบบนี้ พ่อจะให้ผมบอกเขาหรือเปล่า ผมว่าพ่ออาจจะไม่ให้บอกเลยก็ได้

         “ไอ้แจ็ค มึงเอาหลานกูไปได้ยังไง” พี่บรูคส์วิ่งไปแต่พี่เบียร์เข้าไปดึงรั้งพี่บรูคส์เอาไว้ก่อน เพราะดูท่าแล้วพี่บรูคส์จะทำอะไรสักอย่างแน่  ผมยืนมองหน้าเขา แจ็คก็มองหน้าผมเช่นกัน

         “ก็ผมเจอ……” แจ็คทำท่าจะตอบ  ผมก็รีบเข้าไปรับตัวแบงค์จากแจ็คมาอุ้มเอาไว้ แต่พี่บรูคซ์แลพี่บีก็ลงมาอุ้มไปจากผมซะก่อน ผมมองหน้าแจ็ค ผมเสียใจที่สุดในสิ่งที่เขาทำวันนี้

         “ทำไมแจ็คทำแบบนี้ “ผมถามแจ็ค                   

         “แจ็คทำอะไรบอย นี้แจ็คเอามาคืนให้ไง และนี้ใช่ไหม ที่ไอ้คนที่ชื่อแบงค์นะ ทำไมบอยไม่บอกแจ็คอ่ะ “แจ็คถามผม อ้อที่เขาพาไปเพราะว่า คนนี้ชื่อแบงค์ใช่ไหม

         “แค่นี่ใช่ไหมแจ็ค เหตุผลแค่นี้ใช่ไหมที่แจ็คทำลงไปนะ” ผมถามแจ็ค

         “บอยผิดหวังในตัวแจ็คที่สุด” ผมพูด

         “เพี๊ยะ”ฝามือผมตบเข้าที่ใบหน้าแจ็คและผมก็เดินหันหลังเข้าบ้านทันทีเพื่อไปดูแบงค์ ผมไม่ได้หันหลังกลับไปมองแจ็คเลย ผมต้องยอมปล่อยให้เขายืนอยู่แบบนั้น เพราะว่านี้คือการทำร้ายหัวใจผมที่สุด ผมไม่อยากรู้ว่าเขาทำไปแค่เล่นๆหรือว่ายังไง และที่พ่อผมพูดว่าเขาดูแลแบงค์ไม่ได้มันน่าจะจริงอย่างที่พ่อผมพูดทุกอย่าง น้ำตาผมไหล่ ผมก็รีบสับเท้าเดินกลับเข้าไปด้านในและเข้าไปรับแบงค์ที่นอนหลับปุ๋ยมากอด มุมปากเขาเลอะเทอะขนม เหมือนจะเป็นคัพเค้ก ผมใช่นิ้วแตะมาชิมดู ขนมจริงๆด้วย ผมได้แต่กอดเขาเอาไว้ เขาคือดวงใจของผม

         “มึงออกไปเลยนะไอ้บ้านจอจาน ก่อนที่กูจะเตะมึงออกไป” ผมได้ยินเสียงพี่บรู๊คส์ตะโกน โวกเวกโวยวายอยู่ด้านนอก ผมอุ้มแบงค์เอาไว้อย่างนั้นเหมือนกับว่าผมกลัวว่าเขาจะหายไปจากผมอีก

         “ อะไรกันพี่ณะ ผมไม่เชื่อว่าลูกผมจะทำแบบนั้นนะ พี่น่าจะ”

         “พอทีภูมิ เขาไม่เหมาะสมกับบอย จริงๆ ภูมิกลับไปได้แล้ว พี่ขอร้อง” ผมหันไปเจอพ่อณะที่เดินลงเข้ามาโดยมีอาภูมิตามหลังมาเหมือนกับพ่อกับอาภูมิก็มีปากเสียงกันอีก พ่อเอ่ยปากให้อาภูมิกลับไปก่อนแบบนี้ แสดงว่าพ่อโกรธมากเช่นกัน อาภูมิหันมามองผมและหันกลับไปมองพ่อผม อาภูมิต้องจำใจเดินออกไปอย่างเงียบๆ  พ่อเดินมาหาผมและเอาฝ่ามือลูบหัวแบงค์เบาๆ ผมเงยหน้ามองพ่อ น้ำตาผมยิ่งไหล

      
      “ถ้ามันไม่พร้อมจะทำหน้าที่พ่อ ก็ไม่ต้องบอกมัน” พ่อณะพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป พ่อผมก็คงเสียใจเช่นกัน 

------------------------------------------------------------------------------------
Part  แจ็ค
     
      ผมได้แต่ยืนงง เพราะว่าผมอุ้มเด็กคนนั้นมาคืนแต่ดูบอยซิทำไมต้องโกรธขนาดนี้ โกรธเหมือนกับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาเองซะอย่างนั้น และเขาก็มองว่าผมเป็นคนผิดทั้งที่ผมยังไม่ได้อธิบายอะไรเลยว่าอะไรเป็นอะไร     ผมยืนมองบอยที่เดินหลังให้ผมนี้แสดงว่าเด็กคนนั้นมีอิทธิพลมากสำหรับบอยใช่ไหม และนี้ก็กลับกลายมาว่าผมนะเป็นคนผิดทั้งที่มันไม่ใช่ผม ผมเป็นคนช่วยเด็กนั้นเอาไว้ แต่นี้ก็แสดงให้เห็นว่าผมเองไม่เคยเป็นคนดีในสายตาบอยเลย


         “พี่บรู๊คส์” ผมเรียกพี่บรูคส์ พี่เขามองหน้าผมกัดฟันกรอดๆ 

         “ไอ้บ้านจอจาน พวกมึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!” ผมได้แต่ยืนมองบอยที่เดินกลับเข้าไปในบ้าน ทำไมแค่เด็กคนนั้นเขาถึงได้หันหลังให้ผมแบบนี้

         “แจ็คไปก่อนเถอะวะ “ พี่เจสหันมาดึงแขนผม พี่เจมส์ก็วิ่งมา


         “ไอ้เบียร์เข้าบ้าน” พี่บรูคส์เรียกพี่เบียร์เข้าไปในบ้าน

         “เกิดอะไรขึ้นวะ และเขาบอกว่าเจอเด็กแล้วเหรอว่ะ”พี่เจมส์ถามพี่เจสที่พยายามดึงรังให้ผมออกจากตรงนี้ไป

         “เจอแล้ว และไอ้คนที่เอาเด็กไปก็ไอ้น้องชายสุดรักของพี่นี้ไง ไอ้แจ็คนะ” พี่เจสหันไปบอกพี่เจมส์ พี่เจมส์ก็หันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าที่ตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ แต่นะตอนนี้ ทุกคนมองมาที่ผมกันหมด และคงมองว่าผมเป็นคนในร้ายทำกับเด็กตัวเล็กๆได้ลงไปหมดแล้ว 

         “ไอ้แจ็ค แล้วนี้มึงกลับมาทำไมอีกวะ”พี่เจมส์ถามผม

         “ก็เอาเด็กมาส่งไงพี่เจมส์ ผมผิดตรงไหนอะ” ผมหันไปถามพี่ชายผม พี่เจมส์ ยืนเอามือมือเท้าเอวมองผม พ่อนจะ “ฟู่!!” พรูลมหายใจออกมายาวๆ

         “ไม่ผิด ไม่ผิดเลย ไอ้แจ็ค ไม่ผิดตัวเลยมึงถูกตัวมาก โธ่ไอ้ตัวโกง เขาก็หากันไปซิ “ ไอ้พี่จิมมี่อีกคน ที่ยืนกอดอกมองผม

         “กูบอกให้ไปไง ไอ้บ้านจอจาน!!” พี่บรูคส์ยืนชี้นิ้วไล่พวกผมโดยมีพี่เบียร์พยายามดึงรั้งเอาไว้ แลพี่บีอีกคนที่เข้ามาช่วยดึงแขนพี่บรูคส์เอาไว้เช่นกัน

         “พี่โจละวะ”พี่เจมส์ถามหาพี่โจ แต่ผมต้องเข้าไปหาบอยก่อน จะให้เขามองว่าผมไม่ดีแบบนี้ไมได้

         “ไปแล้วนั้นไง พี่คนโตวิ่งไปจะถึงรถแล้วมั้งนั้นนะ รักน้องมาก”พี่เจสพูดแต่ผมกำลังจะเดินเข้า”พี่เจสพูดแต่ผมกำลังจะเดินกลับเข้าไปหาบอย

         “ดูแลตัวเอง!!!” พี่โจตะโกนบอกมาแต่พี่โจนะลากแขนพี่เจไปด้วยแล้ว

         “ไอ้แจ็ค ไปก่อน!” พี่เจสเข้ามาดึงแขนผมเรียกว่าลากเลยก็ว่าได้ 

         “ไอ้เจส นั้นน้องรักมึง เอามันกลับด้วยกูไปแล้ว ไอ้จิมมี่มึงจะกลับไหมหรือจะอยู่ให้พี่บรู๊คส์ยำมึงก็ตามใจ “ พี่เจมส์บอกพี่เจสและหันไปเรียกพี่จิมมี่อีกคน  ผมยังคงพยายามจะหันหลังกลับ เพราะว่าผมอยากจะเข้าไปหาบอย ผมอยากรู้ว่าเด็กนี้มันมีอะไรทำไมถึงมีอิทธิพลกับบอยมาขนาดนี้

         “ไปเถอะไอ้แจ็คดูนั้นพ่อเดินออกมาแล้วแสดงว่าพ่อก็คงโดนเหมือนกัน ไปเถอะมึง”พี่เจสที่ดึงลากผมจนมาถึงรถและดันผมเข้าไปในรถอีก ผมเห็นรถพี่ๆค่อยออกไปทีละคันและอีกคันก็รถของพ่อผม นี้ผมต้องเป็นคนผิดอีกแล้วเหรอว่ะ

         “ไปก่อนแจ็คไปตั้งหลักก่อนวะ และมึงเล่นเอาเด็กน้อยออกไปแบบนั้นด้วย”พี่เจสหันมาพูดกับผม

         “พี่ปีเตอร์ออกรถเลยครับ “

         “ออกเลยเหรอครับ”

         “หรือพี่จะรอให้ไอ้นี้มันออกไปตามบาทามาประเคนพวกเราก่อนละครับพี่ เขารอกระทืบพวกเราอยู่หลายเท้าเลยพี่ปีเตอร์” พี่เจสหันไปพูดกับพี่ปีเตอร์ แค่นั้นแหละพี่ปีเตอร์ก็รีบออกรถทันที ผมได้แต่เหลียวหลังหันไปมอง
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)แจ็คกายเป็นคนผิด
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 28-10-2020 21:12:09
อ้าว อัลไลกัน แจ็คยังไม่ทันทำไรเลยง่ะ
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)แจ็คกายเป็นคนผิด
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 29-10-2020 05:55:19
 :ling1: :katai5:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-10-2020 12:08:50
       
(รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)ความจริง

                Part แจ็ค ผมนั่งนิ่งเหมอมองออกไปนอกรถ ระหว่างทางไม่มีเสียงคุยกันเลยสักนิด พี่เจสก็เอาแต่พิมพ์คุยกับใครก็ไม่รู้ จนกระทั้งรถแล่นออกมาได้สักพัก ผมก็นั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไรไปตลอดทางจนกระทั้งถึงบ้านผม บ้านของผมหลังนี้ พวกผมไม่ค่อยได้มาพักกันจะมีก็แค่พี่เจมส์ และพี่เจ เพราะว่าพี่เขาเรียนที่เดียวกับพี่บ้านบอใบไม้ นั้นคือพี่เบียร์และพี่บอล แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้กับลุงณะที่สุดก็ตาม ตั้งแต่บอยหายไป ผมก็ไม่เคยมาบ้านหลังนี้เลยและบอยก็ไม่ได้มาอยู่บ้านลุงณะที่นี่ด้วย จนกระทั้งวันนี้แหละที่กล้าขัดคำสั่งและเข้าไป ก็ผมแค่อยากรู้ว่าทำไมเขาห้ามผม  และทันทีที่รถที่ผมนั่งมาแล่นเข้ามาในตัวบ้านผมก็รีบเดินเข้าไปในบ้านทันทีเช่นกัน 


         “นั้นไงมันมาแล้วพ่อ” พี่โจ้หันไปมาและชี้มาที่ผม พ่อนั่งลงสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่  พ่อหันมามองผม พ่อลุกขึ้น ผมรู้ว่าพ่อโกรธที่ผมไม่ฟังคำสั่งพ่อเลย

         “ทำไมแจ็คไม่ฟังที่พ่อพูดบ้าง!! “

         “แล้ว?” ผมทำท่าจะเงยหน้าขึ้นถามพ่อผมกลับเช่นกันว่าทำไมไม่มีใครฟังผมบ้างละ แต่พี่โจส่ายหน้าว่าอย่าในตอนนี้ ดูพ่อกำลังโกรธ

         “พ่อบอกว่าไม่ให้แจ็คไป พ่อจะจัดการให้นี้ก็ไม่ทันได้คุยเลย งานเพิ่งจะเสร็จ เราก็ทำเรื่องซะแล้ว และบ้านโน้นเขาโกรธมากแจ็ค” พ่อพูด

         “ใช่พ่อแจ็คมันไม่ดีในสายตาบ้านโน้นอยู่แล้วพ่อ แจ็คมันดูแลบอยไม่ได้ แจ็คมันหวังสูงไปพ่อ แต่แจ็คไม่ได้อยากได้บอยเพราะตำแหน่งแจ็ครักบอยเพราะเขาคือบอยไม่ได้รักเพราะตำแหน่งบ้าบออะไรนั้น  “ผมพูดและทำท่าจะหันหลังออกเช่นกัน         

         “แจ็คพูดไปก็ไม่มีใครฟัง “ ผมพูดทิ้งไว้แค่นั้นและเดินกลับขึ้นไปบนบ้านทันที เข้าห้องนอนตัวเองและเปิดเพลงที่ตัวเองชอบให้ดัง ผมใส่หูฟังไร้สาย ในห้องนอนผมค่อนข้างจะไฮเทค เรียกว่าสมาร์ทรูม ทุกอย่างถูกคอนโทรนผ่านมือถือห้องน้ำใช้การสั่งงานผ่านเสียงได้ ผมเปิดเจออีเมลของไอ้หลุยส์มันส่งมาให้ผม มันกำลังจะสานต่อทุกอย่างของพ่อมันและผมก็จะลงขันร่วมด้วย มันบอกว่ายิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบ

         “ก๊อกๆ”เสียงเคาะประตุห้องนอนของผม ใครกันนะ ผมก็ต้องพับโน้ตบุ๊คลง ผมยังให้ใครรู้ไม่ได้ เพราะว่ามันจะไม่เซอไพรส์ แต่ผมคงไม่ได้ทำเพื่อบอยแล้วแหละ ผมว่ามันอาจจะจบลงแล้ว

         “แจ็ค ลงไปทานอาหารเย็นกัน” พี่เจนนั้นเอง พี่เจนน่ารักเหมือนเป็นพี่ที่อ่อนโยนที่สุด

         “ไม่กินอะพี่เจน ผมไม่หิว” ผมตอบพี่เจน

         “โกรธพ่อเหรอ แจ็ค อย่าทำแบบนี้ซิ พ่อนะรักและเป็นห่วงเรามากนะ แจ็ค” พี่เจนเดินเข้ามาในห้อง ผมยอมรับว่าผมเสียใจที่พ่อไม่ฟังผมบ้างเลย

         “ผมยอมรับนะพี่เจนว่าผมโกรธที่พ่อไม่ฟังผมและผมก็เสียใจไปพร้อมๆกันอ่ะพี่เจน  “ ผมพูด แต่ผมก็หยุดไว้แค่นั้น

         “พ่อรู้ความจริงแล้วแจ็ค พี่ปีเตอร์บอกกับพ่อแล้วว่าเรานะไม่ได้เอาเด็กไปแต่ช่วยเด็กคนนั้นเพราะว่ารถลุงหนึ่งเอาไปปล่อยไว้ที่กลางสี่แยกไฟแดง “พี่เจนพูด ผมพยักหน้าผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะรู้ความจริงก็ตามเพราะว่ามันสายไปแล้ว

         “พรุ่งนี้ผมไม่กลับไปที่โน้นนะพี่เจนบอกพ่อด้วย ผมว่าจะไปหาที่เที่ยวสักที่ก่อน ยังไม่อยากกลับไป”ผมพูดพี่เจนเดินมาเอามือลูบหัวผมเบาๆ

         “ตกลงไม่ลงไปทานอะไรสักหน่อยเหรอ” พี่เจนถามผมอีกครั้ง ผมส่ายหัวเบาๆว่าไม่ดีกว่าขออยู่บนห้องดีกว่า ผมก็ไม่รู้ว่าบ้านโน้นจะรู้หรือเปล่า แต่เขาก็มองว่าผมเป็นคนเกเรไม่ดี ไม่คู่ควรกับบอยอยู่แล้ว พี่เจนเดินออกไปจากห้องนอนของผม ผมก็เปิดโน้ตบุ๊คขึ้นมามาดู ผมได้รับข้อความผ่านแอฟพริเคชั่นจากไอ้หลุยส์

         หลุยส์ธรรณ์ :ไอ้แจ็คมึงทะเลาะอะไรกับบอยวะ

         แจ็ค:  เขามองกูไม่ดีอีกแล้วและคงตลอดไปวะ กูจะทำทำไมวะถ้าเขาไม่ได้อยากได้กูอยู่แล้วว่ะหลุยส์
         ผมถามไอ้หลุยส์ตอนนี้ผมลบชื่อบอยออกไปแล้วเหลือแต่ชื่อผมในชื่อโปรไฟว์

         หลุยส์ธรรณ์“มึงนี้แม่งก็งี้เง้าตัวพ่อจริงๆว่ะ

         แจ็ค” ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่ะ

         หลุยส์ธรรณ์”ธรรณ์โทรหาบอยนะ บอยเสียใจมากเลยนะมึง

         แจ็ค”แล้วกูละว่ะหลุยส์โคตรเสียใจเลยว่ะ เสียใจที่ผ่านมากูทำไปไม่มีค่าว่ะ

         หลุยส์ธรรณ์ “เออ ว่าแต่พรุ่งนี้มึงกลับเลยไหมว่ะ
         แจ็ค”กูว่าจะว่าไปเที่ยวก่อนว่ะ สักอาทิตย์ถ้ากูดีขึ้นก็กลับไปว่ะ ถ้าไม่กูจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยว่ะ หลุยส์ มึงก็ดูแลบอยด้วยแล้วกันว่ะ “ผมส่งข้อความบอกมัน

         หลุยส์ธรรณ์”ถ้ามึงให้กูดูแล้วไม่ให้คืนแล้วนะโว้ย

         แจ็ค”กูคงไม่ไปทวงคืนแล้ววะ กูยอมแพ้แล้วว่ะแต่ไม่ได้ยอมแพ้มึงนะ ยอมแพ้ใจกูเองนี้แหละว่ะ
ผมบอกไอ้หลุยส์ มัน

         “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องนอนผมอีกครั้ง ผมก็หันหลังไปมอง

         “ก็บอกไม่ทานไง ทานกันไปเลย”ผมขี้เกียจลุกขึ้นไปกดล๊อกประตู ก๊เลยตะโกนออกไปว่าไม่กินอะไรทั้งนันแหละ

         “กึก” เสียงกุญแจไขประตูห้องห้องนอนของผม นั้นไงใครกันนะ อย่าบอกนะว่าพ่อนะ ผมหันไปมองที่ประตูกำลังถูกเปิดเข้ามา

         “ก็บอกว่าไม่กินไง “ ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่าผมหงุดหงิดแค่ไหนและไม่ยอมหันหลังไปมอง

   “กึก” เสียงประตูปิดลงแต่ผมรู้สึกว่ามีคนเข้ามาหยุดยืนที่ด้านหลังของผม และแต่คนที่ที่เดินเข้ามากลับไม่ใช่พี่ๆ ผม แต่เป็นบอย ผมหันไปมองด้วยความแปลกใจ เพราะว่าเขาไม่ได้มาบ้านหลังนี้ของผมตั้งแต่เขาหายไปสามปีกว่า ขนาดบ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากผมนะ แต่นี้เขากลับมาหาผม

         “บอยจะมาว่าอะไรแจ็คอีกละ “ผมถามบอยก่อนจะหันกลับมาสนใจโน้ตบุ๊คตรงหน้าต่อ

         “แจ็ค บอยรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น บอยขอโทษที่ไม่ได้ถามก่อน” บอยพูด แต่ผมหันหลังให้เขา

         “แล้ว มาทำไมละ “ ผมถามบอยโดยไม่ได้หันไปมองบอย

         “แจ็ค บอยขอโทษ แจ็คไม่รู้หรอกว่าแบงค์มีค่ากับบอยแค่ไหน ในวันนี้แจ็คอาจจะยังไม่เข้าใจแต่สักวันแจ็ค”

         “แจ็คไม่มีวันเข้าใจหรอกบอย และคงไม่มีวันนั้นสักวันหรอก แจ็คพอแล้ว”ผมพูดโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองบอยเลย บอยเข้ามายืนอยู่

         “แจ็ค” บอยทำท่าจะพูดแต่เขาก็นิ่งงเงียบ

         “แจ็คว่าจะไม่กลับไปแล้วอ่ะบอย “ผมพูดบอยหันมามองหน้าผมแววตาของเขาเสียใจมาก

   “ บอยก็กลับไปอยู่กับพวกนั้นได้นะ “ผมพูดแต่บอยก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรผม ผมยืนนิ่งมองคนที่ยืนตรงหน้า  ผมว่าจะบอกเขาว่าผมจะไปเรียนมหาวิทยาลัยเลยแต่ว่าปากมันหนักพูดไม่ออกซะอย่างนั้น  บอยพยักหน้าเบาๆก่อนที่ บอยหันไปมองทางอื่นผมรู้ว่าเขาพยายามจะไม่

         “บอย “

         “ก็ได้ถ้าแจ็คเลือกแบบนี้จริงๆ “บอยพูดหันหลังขวับจะเดินออกแต่ว่าผมเห็นเหมือนบอยทรงตัวเองไม่อยู่และทำท่าจะล้มลง ก็รีบพุ้งตรงเข้าไปรับร่างนั้นก่อนที่จะกระแทกพื้นแม้จะไม่แข็งเพราะว่ามีพรมอย่างหนาปูเอาไว้ก็ตาม

         “บอย บอย บอย “ ผมเรียกบอยแต่เขาไม่ตอบสนองอย่าบอกนะว่าบอยเป็นลมนะ ดูสีหน้าของบอยซีดมาก

         “บอย” ผมเรียกอีกครั้งและเอาฝามือแตะที่แก้มของบอย ผมก็มองซ้ายมองขวาและอุ้มบอยขึ้นไปไว้บนตียงนอนผมก่อน ผมก็วิ่งออกไปนอกห้อง

         “พี่เจน!!”ผมตะโกนเรียกพี่เจนดังลั่นบ้านเลย ผมวิ่งไปและมองลงไปที่กลางบ้านผมเห็นพวกพี่ๆนั่งกันอยู่ที่ห้องรับแขก

         “พี่เจน บอยเป็นลมในห้องนอนผมอ่ะ” ผมเรียกพี่เจนเพราะว่าพี่เจนเป็นหมอและเป็นหมอตาด้วย พี่เจนก็ลุกขึ้นและวิ่งขึ้นมาบนบ้านทันที ผมวิ่งกลับไปที่ห้องนอนผม พี่ๆพากันวิ่งขึ้นมาผมเข้าไปในห้องนอนผมก่อน ตามมาด้วยพี่เจนทันที พี่เจนวิ่งเข้าไปดูบอยก่อน

         “เว้ย!!” พี่โจ้ตามขึ้นมาเห็นบอยนอนอยู่บนเตียงก็ร้องเสียงหลงเลยทันที

         “พี่โจ้ไปเอากระเป๋าเครื่องเมือแพทย์เจนมาทีครับ “พี่เจนสั่งพี่โจ้ พี่โจ้ก็วิ่งออกไป ผมก็มองพี่เจน

         “พี่เจนบอยเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ผมถามพี่เจน

         “ดูแล้วน่าจะพักผ่อนน้อยนะแจ็ค” พี่เจนพูด  พ่อผมเดินเข้ามาในห้องนอนผม

         “บอยเป็นไงบ้างเจน “พ่อผมถามพี่เจน ผมยังคงยืนนิ่ง พี่เจนเงยหน้ามองผม พี่เจนรู้ว่าผมเสียใจอยู่เรื่องที่พ่อไม่ฟังเหตุผมของผมที่เป็นลูกก่อนเลย

         “เจนว่าบอยอาจจะแค่อ่อนเพลียนะครับพ่อ” พี่เจนพูด

         “อืมม “ พ่อพยักหน้า พ่อหันมามองหน้าผม

         “แจ็ค พ่อขอโทษนะ ที่ไม่ได้ฟังเราพูดก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น โกรธพ่อเหรอ” พ่อภูมิพูดขอโทษผม ผมเงยหน้ามองพ่อภูมิ ผมพยักหน้าเบาๆ

         “เดี๋ยวพ่อจะไปหาลุงณะนะ พรุ่งนี้ก็กลับไปพร้อมกับบอยเลยนะแจ็ค และดูแลบอยด้วยนะ “พ่อผมพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมพยักหน้าเบาๆแค่นั้น พี่โจ้ พี่โจก็เดินเข้ามาพร้อมกัน พี่โจ้ส่งกระเป๋าแพทย์ให้พี่เจนและพี่โจก็มาดึงแขนผมให้ออกมายืนห่างไปหน่อยเพื่อพี่เจนจะได้ตรวจร่างกายบอยได้สะดวก

         “แจ็ค อย่าบอกพี่นะว่านายโกรธพ่อนะ “ พี่โจถามผม ผมหันไปมองพี่โจ

         “แจ็คพ่อรักนายมากนะ และนี้พ่อก็ออกโรงปกป้องนายจนทะเลาะกับลุงหนี่งก็หลายครั้งแล้วนะแจ็ค คิดถึงพ่อบ้าง “ พี่โจพูด ผมพยักหน้าว่าผมรู้

         “ผมแค่แอบน้อยใจนะพี่โจ “ ผมพูด

         “ไม่เอานะ พ่อรักนายมากและพ่อรู้สึกผิดที่ไม่ได้ฟังนายก่อนด้วยแต่นายก็ไม่ควรโกรธพ่อนะ เข้าใจที่พี่พูดไหม “พี่โจถามผม ผมหันไปเห็นบอยเริ่มได้สติแล้ว บอยขยับตัวแล้ว ผมรีบตรงเข้าไปหาบอยทันที

         “บอย “ ผมรีบกุมมือบอย บอยมองหน้าผม

         “ผมเป็นอะไรไปเหรอครับพี่เจน” บอยถามพี่เจนแต่ดันไม่ถามผมซะงั้น

         “บอยเป็นลมอ่ะ แจ็ค ขอโทษนะ “ ผมบอกบอย บอยหันมามองหน้าผม

         “พี่ว่าบอยอาจจะพักผ่อนน้อยไปนะ พี่ได้ฉีดวิตามินบีให้แล้วนะครับ” พี่เจนบอกบอยและลุกขึ้นพี่เจนมองหน้าผม พี่โจที่ยืนกอดอกอยู่ก็เดินหันหลังออก พี่โจ้และพี่เจนก็ยิ้มให้ผมสองคนและเดินออกไปเช่นกัน พี่ๆคงอยากให้ผมกับบอยได้มีเวลาปรับความเข้าใจกัน

         “เออ บอย งั้นบอยกลับบ้านดีกว่าแจ็ค” บอยพูดและทำท่าจะลุกขึ้น

         “บอย จะกลับได้ยังไงเพิ่งจะฟื้นขึ้นมานะ “ผมพูดและดึงแขนบอยไว้

         “ก็แจ็ค บอกบอยเองไม่ใช่เหรอว่าว่าให้บอยกลับนะ “บอยพูดและหันไปมองทางอื่นแทน ผมต้องหลุบตาลงเพราะความไวของปากผมแท้ แต่พอผมเห็นเขาเป็นแบบนี้ แล้วผมจะทิ้งเขาไปได้ยังไง

         “ก็แจ็คน้อยใจ ทำไมใครๆต้องมองว่าแจ็คไม่ดีพอตลอดเลย แจ็คก็เลย”

         “แล้วบอยมองแจ็คแบบนั้นหรือเปล่าละ”บอยถามผม ผมเงยหน้าขึ้นมองบอย ผมนั่งย่องๆลงและกุมมือบอยไว้

         “ถ้าบอยมองแจ็คแบบนั้นบอยจะมาหาเหรอ สู้บอยไปตามที่ลุงหนึ่งบอกไม่ดีกว่าเหรอแจ็ค” บอยพูดผมพยักหน้าว่าจริง

         “แจ็ครู้ว่าแจ็คนะงี้เง้าตัวพ่อ แต่ก็”

         “หมับ”

         “อืมมมม” บอยก้มลงจูบผมเอง ผมก็จูบบอยกลับเช่นกันผมค่อยเลื่อนตัวเองขึ้นมาและดันบอยให้ไปอยุ่ตรงกลางของที่นอนผม ปากเราก็ยังคงทำหน้าที่ดูดดื่มความหวานของกันและกัน

         “อืมมม อ้าห์ “ ผมค่อยไล่ลงมาฝั่งริมฝีปากไว้ที่ตามซอกคอของบอย บอยเป็นผู้ชายที่กายหอมมากอย่างน่าอัศจรรย์ ผมไม่อาจจะหยุดสูดดมมันได้เลย ผิวพรรรณ์ที่เนียนสวยจนหยุดสัมผัสไม่ได้

         “แจ็ค อืมม แจ็ค” บอยเรียกชื่อผม ผมก็เงยหน้าขึ้นมองบอยว่ามีอะไรเหรอ

         “ล๊อกประตูหรือยังบอยอายถ้าพี่ของแจ็คเปิดเข้ามาเจอแบบนี้”บอยพูดด้วยอาการเขิน ผมพยักหน้าและเดินไปที่ประตู พร้อมกับหยิบป้ายว่าห้ามกวน ถ้าแขวนป้ายนี้ไว้จะไม่มีใครมากวนใจแน่ๆ ผมก็เดินกลับมาที่เตียงและทำการถอดเสื้อยืดออก ผมก้มลงและซบใบหน้าเข้ากับหน้าท้องของบอย คนที่นอนถึงกับสะดุ้งเกร็งหน้าท้องตามการขบและเม้มของผม ผมดูดและขบจนคนที่อยู่เบื้องล่างดิ้นส่ายไปมา ผมก็ค่อยๆถอดเสื้อยืดของบอยออกเช่นกัน จนเผยให้เห็นผิวพรรณที่ขาวสวยและเนียนเรียบ ผมว่าสาวๆที่ไหนมาเห็นนี้ก็คงตาร้อนกันบ้างละ ผู้ชายอะไรนะมีทุกอย่างครบจนผู้หญิงยังอายเลย

         “บอย แจ็คไม่มีถุงนะ คือว่าแจ็คไม่เคยพาใครมานอนที่นี้มี่แต่บอยคนเดียวและจะเป็นบอยคนเดียวตลอดที่ได้มาที่นี้กับแจ็ค” ผมพูดบอกบอยว่าผมไม่ถุงยาง บอยมองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล

         “นะบอย แจ็คไม่ได้ไปมั้วกับใครนะ เออก็มีบ้างแต่ไม่เยอะ และแจ็คก็ป้องกันตัวเองตลอดนะ ต่อไปไม่มีแล้วสัญญา ขอแจ็คนะ “ผมพูดออดอ้อนบอย สีหน้าบอยกังวลแต่ก็พยักหน้าให้ผม ผมก็จัดการถอดกางเกงบอยออกไปทั้งหมดทั้งชั้นนอกชั้นใน ส่วนผมก็ถอดเช่นกันไปทั้งสองชั้นเช่นกัน

         “บอยทำไมผิวสวยแบบนี้นะ ผิวก็หอมด้วย เหมือนอาบน้ำแร่แช่น้ำทุกวันเลยอ่ะ อืมม” ผมพูดไปปากก็หอมดอมดมทุกอณุของร่างกายบอย และสูดดมอย่างหื่นกระหาย และผมก็พลิกตัวบอยให้มาอยู่ในท่าดอกกี้

         “ลองท่านี้นะบอย “ผมพูดกระซิบที่ข้างหูบอยและจัดการจัดท่าให้เข้าที่เข้าที่เข้าทางก่อนะจะค่อยแยกขาบอยออกเล็กน้อยและผมก็สอดแกนกายที่มันพองตัวเต็มที่ บอยก้มมอง

         “เอื้อก”เสียงกลืนน้ำลายลงคอดังจนผมได้ยิน คงเห็นความยาวของมันแล้วซิ

         “แจ็คจะไม่รุ่นแรงสัญญา ฟ๊อด” ผมพูดและหอมที่หัวไหล่บอย พร้อมกับค่อยๆดันสิ่งนันให้แทรกเข้าไปในกายของบอยช้าๆ ผมว่าคงเจ็บพอสมควร ผมไม่ได้ทำกันบอยยอมรับ เพราะว่าบอยขอเอาไว้

         “อ้าห์ อืมมม อืมมมม โอ๊ยยย ซี้ด อืมมม แจ็ค” บอยร้องคราวเป็นพักๆ และเรียกชื่อผม ผมก็ค่อยๆขยับๆถ้าบอยร้องเจ็บก็จะหยุด ผมสังเกตจากมือบอยที่จิกผ้าปูที่นอน ผมค่อยจูบไปตามหัวไหล่ และไล่ไปตามลำคออ้อมไปด้านหน้า และใช้ลิ้นเลียไล่ขึ้นมาที่ใบหูชอนไชเข้าไปไม่ลึก ดูท่าบอยจะสยิวหน้าดู บอยเอาฝามือขึ้นมาแตะที่ศรีษะผมเอาไว้

         “เสียวปะ” ผมกระซิบถามบอยเบาๆ ผมพยักหน้าเบาๆ และกัดริมฝีปากตัวเอง ผมรู้ว่าบอยไม่เคยทำแบบนี้กับใครแน่ๆ บอยเหมือนเด็กเนิร์ดแต่ไม่ใช่ซะที่เดียว ผมไม่อยากเชื่อเลยว่ายิ่งบอยโดนผมเร้าโรมแบบนี้บอยก็ยิ่งตื้นตัวมาก เหมือนตื่นเต้นกับความรู้สึกใหม่

         “โอ้วว แจ็ค บอย ซี้ด “ บอยร้องเรียกผม แถมหลับตาพริ้มแบบนี้แสดงว่าเขากำลังมีความสุขกับรสรักที่ผมปรนเปรอให้

         “อันที่จริงเรานะจะทำกันบ่อยๆนะ ดูท่าทางบอยจะชอบ อืมมม เห็นบอยแบบนี้ มันยิ่งยั่วแจ็คมาก ซี้ด อืมมม “

         “ไม่ได้แจ็ค ถ้า เราพล้าดกันขึ้นมาอีก บอย…. “

         “พล้าดอะไรอะ ไม่หรอก มันดีจะตายไป บอยไม่ชอบเหรอ อืมม” ผมพูดและก้มลงจูบบอย ผมก็ค่อยพลิกให้บอยขึ้นมาค่อมผมเอาไว้ บอยค่อยหย่อนลงช้าๆเพื่อให้สวนที่โด่เด่ของผมเข้าไปด้านในอีกครั้ง

         “คุมเองเลยนะ แจ็คอยากได้แบบว่า อารมณ์แบบคาวบอยเลยอ่ะได้ไหมครับที่รัก” ผมกระซิบกับบอย บอยก็มองผมและบอยก็ทำท่าควบสิ่งนั้น แม้จะยังชำนาญแต่ก็ทำได้ดีทีเดียว จนผมเองก็จะไม่ไหวต้องดันตัวเองขึ้นมาจูบคาวบอยหนุ่มของผม คาวบอยของผมก็ควบใหญ่ๆ และยิ่งควบเร็วมากขึ้นแค่ไหนผมก็ยิ่งเสียวมากแค่นั้นจนกระทั้ง ทุกอย่างหยุดนิ่งพร้อมการเกร็งของร่างกาย น้ำรักกำลังจะมา

         “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตู บอยทำสีหน้าตกใจทำท่าจะลุกพล้วดเลยแต่ผมจีลเอวบอยเอาไว้ก่อน

         “อย่าเพิ่งดิบอย อย่าเพิ่ง จะมาแล้วเนี้ยะ”

         “แจ็คมีคนเคาะประตูเพื่อว่าเป็นพ่อ”

         “พ่อบอกจะออกไปหาลุงณะ พ่อตาแจ็คนะ “

         “โยกต่อซิบอยนะ ส่วนข้างนอกให้รอไปก่อน อันนี้สำคัญ นะบอยไม่งั้นแจ็คแย่แน่ๆ”ผมพูดอ้อนบอยและบอยก็โยกต่อ จน น้ำรักผมมาถึงทางออกแล้ว

         “อุ้ยย “ เสียงลากยาวจากปากผม และบอยก็ค่อยๆ ลุกถอนสิ่งนั้นออก บอยก็หยิบผ้าห่มพันตัวเองและวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ผมก็ค่อยๆลุกขึ้น เดินไปหยิบเอากางเกงยีนมาสวมไว้ก่อนและเดินไปที่ประตูห้อง ผมแอบมองจากช่องเล็ก พี่โจนี้เอง มาขัดทำไมนะ

         “พี่โจอะไรเนี้ยะ” ผมเปิดออกมา พี่โจมองผมก็คงรู้นะว่าผมทำอะไรอยู่

         “พี่บรู๊คเขาโทรหาบอยแต่บอยไม่ได้รับสายมึง และถ้าบอยไม่โทรกลับ มึงจะให้พี่เขยมาหามึงที่นี่และเห็นว่ามึงทำ อิบอิบ น้องเขาไหมละ แจ็ค” พี่โจพุด

         “เดี๋ยวบอกบอยให้โทรกลับนะ มีอะไรไหมอะ เกือบไม่เสร็จนะพี่โจ”

         “เหรอ ไม่มีอะไรแล้ว แล้วนี้บอยจะทานอะไรไหมพี่จะได้ให้แม่บ้านทำให้ และมึงก็จะถนอมบอยหน่อย เขาเพิ่งพื้นจากการเป็นลมนะไอ้แจ็ค พวกพี่ไม่อยากงานเข้า” พี่โจพูดกระซิบกับผม

         “รู้แล้ว แค่นี้นะ ผมจะไปอาบน้ำ แล้วถ้าจะกินอะไรจะโทรไปบอกที่ห้องครัวเองพี่โจ”

         “อีกอย่างพรุ่งนี้ผมกับบอยกลับกันเองได้ไหมอ่ะ ผมจะนัดเจอไอ้หลุยส์มัน นะพี่โจ”ผมพูดบอกพี่โจ อ้อนด้วย

         “ก็ได้ เอาการ์ดพ่อไปสองคน “พี่โจพูดแค่นั้นผมก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ และปิดประตูลง บอยยังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ เหมือนรอผมด้วยเช่นกัน ผมก็ไม่รอช้า ถอดกางเกงยืนและเข้าไปยืนอยู่เบื้องหลังบอย พร้อมกับโอบกอดร่างนั้นเอาไว้

         “บอย ทำไมบอยรักแบงค์มากละ เขาคือใคร “ ผมถามบอย บอยหันมามองหน้าผม

         “แจ็ค ถ้าบอยบอกว่าแบงค์คือลูกของบอยละ แจ็คจะรับตรงนี้ได้ไหม”บอยบอกผม ผมก็ต้องทำหน้าตกใจ ผมเลื่อนไปแตะเมนูให้น้ำหยุดไหล่ ผมมองหน้าบอยว่ายังไงกัน นี้บอยไปทำใครท้องมาเหรอ

         “บอยไปมีอะไรกับผู้หญิงมาเหรอ”

         “บอยทำใครท้องมาเหรอ “ผมถามบอย บอยมองหน้าผม

         “บอยอยากมีลูกนะ บอยเลย”

         “อย่าบอกนะว่าบอยก็ทำเหมือนที่พ่อ เราทำนะ “

         “แต่ก็โอเคนะ ถ้าบอยอยากมีลูก” ผมพูดบอกบอย

         “ต่อไปก็จะเป็นลูกของเรานะแจ็ค ได้ไหม “

         “ก็ได้นะ แต่ดูท่าจะไม่ค่อยชอบหน้าแจ็คสักเท่าไหร่ เอาไว้ แจ็คไปหาบอยที่บ้านบ่อยๆ นะ เราจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น “ผมพูดกับบอย ผมกอดบอยตอนนี้โล้งไปเยอะเลยที่รู้ว่าไอ้แบงค์เป็นแค่เด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่แฟนของบอยอย่างที่ผมกลัว แต่ดูท่าจะร้ายกาจใช่เล่น คงต้องเอาของเล่นไปล่อเยอะๆ
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 29-10-2020 13:53:02
ดีกันบั่บ... :jul1: แต่น้องแบงค์เรียกแจ๊คมัมมี้ไปแล้วนิ 555
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(บอยVSแจ็ค)ความจริง
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 29-10-2020 18:54:27
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)ยังไงก็ทำโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-10-2020 21:29:31
ภาค (แอ้VSดิว)ยังไงก็ทำโทษ

                Part's ดิว ผมมีปากเสียงกับลุงหนึ่งแต่จู่ๆก็มีคนเดินเข้ามาคุยกับลุงหนึ่งดูท่าจะเรื่องด่วนและลุงหนี่งก็หันมาบอกผมว่าเขาจะไปคุยกับผมอีกทีผมก็ต้องขมวดคิ้วรอว่ายังจะคุยอีกเหรอครับลุง ผมก็บอกไปอยู่หยกๆว่าผมนะมีคนรักแล้ว  และผมก็คิดว่าแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วที่ผมจะปฏิเสธบอย
                      ผมรู้ว่าบอยสำคัญแค่ไหนและองค์กรก็สำคัญไม่แพ้กัน แต่ผมควรจะเลือกคนที่สำคัญกับลูกๆผมไม่ใช่เหรอ แต่มันติดที่ว่าผมกับพูดหรือบอกเรื่องแอ้กับลูกๆผมไม่ได้ เพราะคนที่เดือดร้อนอาจจะเป็นพ่อผมเองที่แอ้สั่งห้ามผมเอาไว้
                    ตอนนี้ผมก็ได้แต่ชะเงอคอมอง ดูความวุ่นวายภายในบ้านของลุงกฤษณะ ดูท่าจะงานเข้าจริงๆ และนี่ไอ้แจ็คมันไปไหนซะก็ไม่รู้ ผมเห็นบอยเดินเข้าเดินออกเหมือนกับมีเรื่องอะไรที่ค่อนข้างใหญ่ พ่อผมกับอาภีมก็ได้แต่มองเช่นกันไม่รู้จะเข้าไปช่วยเขาทำอะไรได้

                    “พ่อ ดูเขามีเรื่องกันนะ แล้วทำไมเราไม่กลับเลยล่ะพ่อ” ผมถามพ่อผมคุณหมอภาณุเดช  พ่อหันมามองหน้าผม

                    “มึงรีบเหรอ ไอ้ว่าที่ลูกเขย” พ่อถามผมกลับ ถามผมแบบนี้ขนรุกเลยผม เรียกว่าที่ลูกเขยกันแบบนี้

                    “พี่ภา ภีมได้ยินมาว่ามีเด็กในบ้านพี่ณะ หายไปน่ะพี่ภา “ อาภีมปภพเดินกลับเข้ามาและมองหน้าพ่อผม

                    “ดูท่าจะวุ่นวายด้วย แต่ภีมก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่ณะเลย  เด็กนั้นใครเหรอพี่ภา ทำไมดูพี่ณะ เป็นห่วงเอามากๆเลย” ผมหันไปมองพ่อผม พ่อไม่เคยบอกเรื่องบอยมีลูกกับอาภีมปภพเหรอ นี้ขนาดแฟนกันนะ พ่อหันมามองหน้าผม พ่อคงอ่านสายตาผมออก พ่อส่ายหัวเฉยเลยว่าไม่ ผมก็พยักหน้าว่างานเข้าแล้วแหละพ่อ
 
                    “พี่ภา ว่าไงล่ะ “ ผมก็ยิ้มให้พ่อผมเอาไงละพ่อ พ่อหันกลับไปมองหน้าอาภีมด้วยอาการ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

                    “แฟนพ่อถามอ่ะ ไม่มีคำตอบให้อาจจะงอนยาวนะพ่อ “ ผมกระซิบกับพ่อผม และส่งยิ้มให้คุณหมอภาณุเดชผมเหมือนจะกดดันพ่อผมอยู่นะว่าถ้าไม่อยากตอบก็รับเพ่นเถอะ

                    “ไปเรากลับกันเถอะ” พ่อภาลุกขึ้นพล้วดเลย ทำเอาอาภีมปภพตกใจมิใช่น้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพ่อผมด้วยอาการงง แต่ผมนะรีบลุกครับ ไม่งง ครับ รีบกลับกันเถอะ

                    “ไปซิภีมกลับเถอะ พี่มีธุระด้วย มีเครสรอคลอดกับพี่หลายคน ตามฤกษ์ซะด้วยเลยฤกษ์ไปนี้เสียหายหลายแสนเลยไปครับ  “ พ่อผมนะหมอสูตินารีเวชนี้ครับ ผมหันมามองอาภีมปภพ

                    “มีอะไรกันหรือเปล่าพ่อลูกคู่นี่นะ”อาภีมปภพลุกขึ้นพร้อมกับมองหน้าพ่อผมและผมสลับกันไปมา

                    “ไม่มี!” ผมกับพ่อตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายและเสียงก็สูงปรี้ดพอกันเลย

                    “โกหกแน่ๆ “ อาภีมปภพถามขึ้น
         
                    “ไปเถอะภีม” พ่อผมพูดและหันไปดันอาภีมปภพออก ส่วนผมก็รีบเดินนำหน้ารีบไหมบอกได้ว่ามากอยากออกไปจากตรงนี้แย่แล้ว

                    “ไม่ลาพี่ณะก่อนเหรอพี่ภา”อาภีมปภพถามพ่อผม

                    “ไหนละพี่ณะ ดูท่าจะงานเข้า นั้นดู ไอ้พี่ชายเรานะไอ้ภูมิมันกระเด็นออกมาแล้วนะ สงสัยงานนี้เพราะลูกมันเลยนะ แล้วเราจะรออะไรไปเถอะภีม”พ่อผมพูด และชี้ให้อาภีมดู อาภูมิพ่อของไอ้แจ็ค เดินออกมาอย่างไว้ดูจากสีหน้าถ้าจะงานเข้าจริง และงานนี้ก็คงมาจากบ้านจอจานแน่ๆ แล้วผมจะรออะไร ผมรีบเดินเข้าไปในรถทันที ผมเข้าไปนั่งอยู่ด้านหน้ากับพี่คนขับ พ่อผมกับอาภีมก็นั่งหลัง
         
                    “ออกรถเลยครับ ผมจะไปเอากระเป๋าเดินทางและกลับไปส่งพวกผมที่สนามบินเลยนะครับ ผมรีบกลับ” พ่อผมพูดผมหันมามองพ่อผม อยากจะเซย์เยสดังๆ ไม่นานรถเก๋งคันหรูก็พาผม พ่อและอาภีมมาส่งที่โรงแรมหรูที่ผมเข้าพักกันเมื่อคืนแม้จะไม่กีชั่วโมงก็ตาม ผมรีบแพ็คของลงกระเป๋าเพื่อจะได้เดินทางกลับผมคิดถึงกว่าจะถึงก็คงเย็นเกือบจะมืดแต่ไม่เป็นไรจะหาเรื่องกลับเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อจะได้ไปร่วมงานวันเกิดลูกชายของผมน้องมีนก่อน
-----------------------------------------------
                        Part แอ้ ผมมากับติ๊กและพาย เพื่อมาเดินแบบให้กับห้องเสื้อชื่อดัง คอนเซ็ปเสื้อสูทสำหรับใส่ออกงานต่างๆ แม้ว่าผมจะไม่อยากมาก็ตามแต่ติ๊กมันก็ดันให้อาภาษญ์เอ่ยปากขอพ่อผมมาขนาดนั้นผมก็ต้องมา และนี่เมื่อคืนไอ้ดิวมันก็ส่งข้อความมาหาผม ว่ามันคิดถึงผม เล่นเอาผมใจหายเลย ผมก็ไม่รู้ว่าวันนี้ลุงหนึ่งจะคุยอะไรกับ   ไอ้ดิวบ้าง ตอนนี้ในหัวผมวุ่นวายไปหมด ใจผมก็กลัวว่ามันอาจจะต้องแต่งงานกับบอยเร็วขึ้นหรือเปล่า

                    “แอ้” ผมสะดุ้งเฮือก เพราะว่ามีคนมาเรียกผม ผมหันไปมองต้นเสียงนั้น คนที่มาเรียกผมก็เป็นนายแบบที่มาเดินแต่คนละแบรนด์กัน แต่ก็ใช้ห้องแต่งตัวเดียวกัน  ผมไม่ได้สนิทกันมาก่อน แต่พอรู้จักแบบผิงเผินแค่นั้น  แต่ติ๊กบอกว่าไอ้คนนี้มันติดตามข่าวครอบครัวของผมมาก่อน ผมเป็นน้องชายพี่อ้นไงมันก็เลยรู้จักผม ชื่อว่าไนท์ และเป็นนายแบบที่ฮอทที่สุดในตอนนี้ หนุ่มหล่อลูกครึ้งไทยจีนเดนมาร์ค

                    “ไนท์” ผมเรียกชื่อคนที่เดินถือขวดน้ำหวานมาให้ผม ขณะที่ผมกำลังรอติ๊กและพายที่ขึ้นไปเดินโชว์ฟินเนเล่ คู่รัก ผมเองขอปฏิเสธที่ใส่ชุดนี้คู่กับติ๊กเพราะว่าผมไม่อยากงานเข้าไปถึงดิว ไอ้นี้มันขึ้หึง

                    “เห็นนั่งอยู่คนเดียว เลยเอามาให้ดื่ม”ไนท์เขาส่งขวดน้ำหวานมาให้ผม ผมก็มองทั้งเขาและขวดที่ส่งมาให้

                    “เราไม่ได้ใส่อะไรลงไปแน่นอน เชื่อใจเราได้ เราไม่ใช่พวก เออ “ไนท์ทำท่าจะพูด

                    “เปล่าหรอกเราไม่ได้คิดแบบนั้นแต่เราเพิ่งดื่มน้ำไปแล้วนะ “ ผมพูดและส่งยิ้มให้

                    “ลองดูหน่อยนะ วันนี้อากาศมันร้อนนะ เดี๋ยวน้ำตาลตกจะทำให้เป็นลมได้นะ ลองดูหน่อยซิครับ “ ไนท์เขาก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมดื่ม ผมก็รับขวดน้ำหวานมาและทำท่าจะเปิดแต่นายก็ดึงขวดกลับไปและหมุนเปิดฝากมาให้ผมแทน

                    “นี่ครับ” ไนท์พูดและส่งขวดน้ำกลับมาให้ผม ผมก็รับ แต่เหมือนเขาจะพยายามป้อนผม ผมก็รีบคว้ามาถือเอาไว้เองก่อนดีกว่ากลัวงานจะเข้าเอา แอบจิบๆเอา ไนท์มองผมและยิ้มกลับมาให้

                    “ผมเห็นแอ้มาหลายครั้งแล้วแต่ช่วงหลังๆนี้ไม่ค่อยได้มาเนอะ ยุ่งเหรอครับ”ไนท์ถามผม ผมไม่ได้มาเดินแบบอะไรหรอกที่มานะติ๊กมันชวนผมมาเพื่อจะได้อยู่ห่างๆกับดิว แต่ดิวมันก็หาเรื่องให้ผมมาไม่ได้ช่วงหลังๆมานี่

                    “ครับ ผมกำลังเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารนะครับ เหมือนพี่ๆของผม” ผมบอกไนท์

                    “แอ้ครับ ผมถามจริงๆนะ คุณมีแฟนหรือยังครับ” ไนท์หันมาถามผม 
           
                    “แคร๊ก”ๆ “ ได้ผล ผมก็ต้องสำลักทันที ไนท์ก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากให้ผม ผมเองก็รีบคว้ามาเช็ดเอง ผมกลัวว่าไอ้ติ๊กมันเห็นแล้วมันจะถ่ายรูปผมไปลงในไลน์กลุ่ม มันยิ่งอยากจะให้ดิวเห็นว่าผมมีคนอื่น ถามว่าผมโกรธไหม มันก็ต้องมีบ้างแต่ติ๊กมันเพื่อนรักผมและผมเองก็รู้สึกผิดที่ดิวมันดันเลือกผมไม่ได้เลือกคนที่แอบรักมันมานานเช่นติ๊ก

                    “ตื้ดๆ” เสียงมือถือผมสั่น ผมรีบเดินออกไปกดรับสายทันที เบอร์ผมมีไม่กี่คนหรอกที่จะโทรหา มีพี่ๆ ผมแต่ไม่บ่อยแน่นอน และอีกเบอร์นั้นคือดิว ที่นานๆ ทีจะโทร ไม่ใช่อะไร ผมกับดิว แทบจะไม่เคยห่างกันเลยก็ว่าได้ และนี่ดูท่าจะกลับแล้วมั้ง

                    “ดิว ว่าไง” ผมกระซิบกระซาบถามดิว

                    “จะกลับแล้วแอ้ “ ดิวบอกผมว่าจะกลับแล้ว ผมแอบยิ้มนิดๆ

                    “อยู่ไหนแล้วอ่ะ” ผมถามดิว แอบมองหาว่าติ๊กมันลงมาหรือยัง

                    “อยู่บนเครื่องบินแล้วแอ้ พรุ่งนี้กลับบ้านที่ค่ายกันนะ ดิวขับรถไป เราจะได้ไปฉลองวันเกิดลูกชายพร้อมกันและกลับไปโรงเรียนวันรุ่งขึ้นแทน” ดิวบอกผม

                    “แต่ไอ้ติ๊กมันะจะให้แอ้ไปพร้อมกับมันอ่ะดิว” ผมบอกดิว         

                    “เอานะ ดิวจัดการเอง เรากลับพร้อมกันพรุ่งนี้เลยแต่เช้าก่อนที่ไอ้ติ๊กมันจะตื่น”ดิวบอกผม

                    “แค่นี้ก่อนนะแอ้ อาภีมมองดิวอยู่ สงสัยจะคิดว่าดิวแอบคุยกับลูกชายเขาอยู่นะ” ดิวพูดผมก็อมยิ้มก็มึงแอบคุยอยู่นี้ไง
         
                    “เจอกันนะดิว “ ผมพูดและกดวางสายไปทันที ผมหันมาก็เจอ นาย ทืยืนอยู่ด้านหลังผม

                    “อ้อ! มีแฟนแล้วนี่เอง”ไนท์ถามผม ผมพยักหน้าว่ามีแล้ว

                    “ได้ยินชื่อยู่นะ คงจะเป็นคนที่ชื่อดิวใช่ไหมครับ ที่เกือบจะต่อยผมวันนั้นนะครับ” ไนท์พูดผมกับผม ผมก็ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ถ้าไนท์ไปบอกติ๊กละว่าผมบอกกับไนท์ว่าผมกับดิวเป็นแฟนกันจะทำยังไงดี
         
                    “เราขอโทษนะ “ผมพูดขอโทษไนท์ จะว่าไปเขาก็เป็นคนที่สุภาพคนหนึ่งแต่ผมมีคนที่รักแล้วและยังเป็นพ่อของลูกๆผมอีก ผมก็จะเลือกคนนั้น ไนท์คลี่ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินหันหลังออก

                    “ไนท์ เราขออย่างดิ อย่าบอกติ๊กที่นายได้ยินเราคุยกับดิวได้ไหม” ผมเรียกไนท์เอาไว้เป็นเชิงขอร้องขอร้องไนท์
 
                    “ได้ซิ แอ้ ไนท์ชอบแอ้ ไนท์ไม่ทำร้ายคนที่ไนท์แอบรักหรอกครับ “ ไนท์พูดผมก็พยักหน้าขอบคุณเขา ผมหันเจอติ๊กและพายที่เดินลงมาแล้ว ติ๊กมองผมกับไนท์สลับกันไปมา

                    “แอบมาแจกชนมจีบแอ้อยู่นี้เอง” ติ๊กมันแซวผมกับไนท์

                    “ติ๊ก พี่กูโทรมาถามว่ากูจะกลับบ้านได้เลยไหม เพราะว่าพี่กูให้กูกลับไปกรอกเอกสารในการสมัครเข้าเรียนทหารแล้ววะติ๊ก  “ ผมพูดบอกติ๊ก

                    “มึงกลับก่อนก็ได้นะ เพราะว่ากูต้องไปกับพี่กูส่วนพายมันจะรอเจออาเปรมดิ์ที่นี้ด้วย “ ติ๊กบอกผมผมพยักหน้าและหันไปเก็บทุกอย่างเพื่อจะได้กลับบ้าน

                    “ให้รถที่โรงแรมไปส่งนะแอ้” ติ๊กบอกผม
         
                    “ไอ้ดิวมันยังไม่กลับวันนี้ใช่ป่ะ มึงบอกกูว่าพรุ่งนี้” ติ๊กมันถามผม ผมหันไปมองหน้ามัน ใช่ตามกำหนดการแต่นี้มันโทรมาบอกผมจะถึงแล้ว ผมเลยแค่ยิ้มให้มัน ผมก็ยอมรับว่าผมเองก็กันท่าดิวกับติ๊กเหมือนกัน ท่าผมบอกไป ติ๊กมันก็ต้องบอกให้ดิวมาหามันที่นี้ มันคงไม่ให้ผมอยู่กับดิวสองต่อสองแน่ๆ ผมเดินไปหยิบทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้ และเดินลงไปเพื่อไปนั่งรถของโรงแรม
------------------------------------------------------
        Part ดิว เครื่องบินส่วนตัวที่บินยิงยาวรวดเดียวมาถึงที่สนามบินและผมกำลังนั่งรอรถที่จะขับพาผมไปส่งที่บ้านก่อน ส่วนพ่อผมว่าจะรอลุงกฤษณะที่ตามมาด้วยด้วยเครื่องบินส่วนตัวเห็นว่ามีเรื่องด่วน และตอนนี้เวลานี้ก็เย็นมากแล้วน่าจะเกือบห้าโมงเย็นพอดิบพอดี พ่อผมก็นั่งกับอาภีมคุยกันกะหนุงกะหนิง ผมแอบมองพ่อผมเป็นระยะ พอพ่อผมเงยหน้ามาก็หารอะไรปาใส่ผมทันที และที่ผมแอบมองเพราะว่ามันทำให้ผมแอบคิดไปถึงอนาคตของผมกับแอ้ ผมอยากเป็นเหมือนพ่อผมกับอาภีม ผมรู้ว่าพ่อผมก็ผ่านอะไรมาเยอะมากเหมือนกันกว่าจะได้อาภีมมาเป็นของพ่อผม และชีวิตรักของผมกับแอ้ก็อาจจะคล้ายๆกับอาภีมเช่นกัน โดยคนเดิมลุงหนึ่ง ที่เป็นคนขัดขวาง แต่เหตุผลอะไร แค่เพราะว่าต้องการให้ผมคู่กับบอยเหรอ ผมว่ามันน่าจะมีมากกว่านั้นอีก

         ข่าวซุบซิบดารา
                  นายแบบหนุ่มฮอท ไนท์ หรือทิชากร ที่กำลังมาแรงในขณะได้ แอบซุ่มดูแลหัวใจ ลูกชายนายทหารยศสูงสุด พลเอกภีมปภพ ที่ชื่อแอ้ มีคนแอบถ่ายภาพขณะกำลังป้อนน้ำหวานชื้นใจ ไม่รู้ว่าคนป้อนหรือน้ำหวานอันไหนจะหวานกว่ากัน

                  “ฟั๊ค!!” ผมสะบดออกมาดังลั่นไปหมด เมียผมมีชู้

                  “อะไรดิว” พ่อภาถามผมและอาภีมก็มองหน้าผม

                  “เมียมีชู้อ่ะพ่อ ดูดิ ไม่น่าไปกับพ่อเลย” ผมพูดขึ้นมาแต่ก็ทำเอาอาภีมหันมามองหน้าพ่อผม

                  “มันมีเมียแล้วเหรอพี่ภา” อาภีมหันไปถามผมพ่อผมทันที

                  “ผมมี…”ผมก็กำลังจะอ้าปากพูดว่าเมียผมก็ลูกชายอาไง

                  “เมียอะไร มึงไม่มีเมีย …ดิว!” พ่อผมพูด พี่คนขับรถมาถึงพอดี พี่เขาเดินลงมาเพื่อจะเปิดประตูให้ผม เพราะว่าผมไม่เดินขึ้นเข้าไปในรถซะทีคงคิวว่าต้องเปิดประตูให้ผมด้วยแน่ๆ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ ผมกำลังหึงเมีย

                  “อายุยังน้อยมีเมียแล้วเหรอครับ รีบเหรอครับ” พี่เขาถามผมด้วยเช่นกัน พ่อผมขยิบตาและส่ายหัวให้ผม อาภีมก็มองหน้าพ่อผมกับผมสลับกันไปมา และพ่อก็ดันผมเข้าไปในรถ เพราะว่าอาภีมกำลังมีคำถามรอผมอยู่
                 
                  “กลับบ้าน และถ้ามึงจะไปวันเกิดลูกก็ได้นะ พ่อจะทำหนังสือให้มึงหยุดอีกวัน” พ่อผมพูดลอดไรฟันให้ผมได้ยิน

                  “ภีมเข้าไปรอพี่ณะด้านในกัน พี่ณะน่าจะลงเครื่องบินส่วนตัวแล้ว “พ่อผมบอกอาภีมและดันอาภีมกลับเข้าไปด้านในเช่นกัน รถที่ทำหน้าที่ไปส่งผมที่บ้านก็ออกทันที ผมเข้าไปดูแอ้ในแอพลิเคชั่นที่ใช้คุยกัน แอ้มันไม่ได้ออนไลน์ ว่าแต่หายไปไหนของเขานะ อยู่ห้องนอนหรือเปล่า แต่ผมเข้าไปดูเห็นพายโพสรูปว่ากำลังอยู่ที่โรงแรมกับพ่อ ส่วนติ๊กผมไม่รู้ ผมว่าแอ้ไม่น่าจะอยู่กับติ๊กแน่ๆ

                  ทันทีที่รถที่มาส่งผมที่บ้านเข้ามาจอด ผมก็ไม่ลืมขอบคุณคนขับรถ ก่อนจะเดินเข้าไปแต่ไม่ได้เข้าบ้านตัวเอง  ผมเองก็เดินมาหยุดและมองขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน ผมจำได้ว่านั้นห้องนอนแอ้ ผมก็หยิบก้อนหินและผมก็เขียนใส่ในกระดาษพร้อมกับโยนขึ้นไปผมว่าแอ้อยู่ในห้อง ผมยืนเอามือล้วงกระเป๋า
                 
                  “ดิว” แอ้เปิดหน้าต่าง ผมทำมือลงมาเคลียร์เลย ลงมาข้างล่างเลย แอ้ก็ปิดหน้าต่างลง ตรงที่ผมยืนคือท้ายบ้าน ไม่นานแอ้ก็เดินลงมา แอ้สวมชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดเข้ารูปสีแดงขับกับผิวขาวๆนั้น

                  “มีอะไรดิว เดี๋ยวพี่กูก็” แอ้รีบเอ่ยถามผมทันที ผมเองก็รีบเดินตรงเข้าไปหาแอ้และ

                  “หมับ” ผมจับแอ้ดันไว้ที่กำแพงบ้าน เอาแขนกันแอ้ไว้ แอ้มองหน้าผม ลมหายใจอุ่นๆของแอ้ลดใบหน้าของผม ใบหน้าเราอยู่ใกล้กันมากจนผมขยับริมฝีปากรอ

                  “เอื้อก!”เสียงแอ้กลืนน้ำลายดังเอื้อก มันทำให้ผมแอบกระหยิมยิ้มย่องนั้นแปลว่าแอ้ก็อยากจะจูบผมเช่นกัน

                  “ให้ใครป้อนน้ำหวานให้วันนี้แอ้” ผมถามแอ้

                  “ไอ้ไนท์ แต่มันไม่ได้ป้อนกู มันแค่หยิบมาให้กูดิว” แอ้พูด ผมก็โชว์มือถือ ให้ดูมันเหมือนทำท่าจะป้อนนะ
         
                  “กูรับมากินเองดิว “ แอ้บอกผมแต่ผมเชื่อทุกคำพูดที่แอ้พูด ผมก็เก็บมือลงไปในกระเป๋ากางเกง

                  “และมันก็รู้แล้ว่ากูกับมึงคบกันอยู่ แต่กูขอไอ้ไนท์ว้ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับติ๊ก “ แอ้บอกผม

                  “แต่รูปหลุดในนี้กูไม่รู้ใครทำ และมันก็เป็นภาพที่ถ่ายจากมุมที่มองเหมือนกับว่ามันจะป้อนกูแต่ไม่ใช่นะดิว “แอ้บอกผม ผมก็มองใบหน้าเนียนๆนั้น

                  “ต่อให้ไม่ใช่อย่างที่เขาโพสไว้ก็ตาม แต่ดิวก็จะทำโทษ” ผมพูดและผมก็ประกบปากแอ้

                  “ดิว …อาร์…. อย่าดิว ..อาร์ …พี่อ้นอยู่บ้านดิว” แอ้พยายามที่จะห้ามปรามผมแต่ผมก็ทั้งจูบและไซ้ไปตามซอกคอ

                  “คิดถึงอ่ะ ไปนอนห้องดิวไม่ได้เหรอ บอกพี่อ้นว่าไปทำการบ้านกัน นะ การบ้านเยอะ อยากทำการบ้าน “ ผมพูดและยิ่งไซ้หนักขึ้นเรื่อยๆ น้องหนูในกางเกงก็แข็งปังขึ้นมาทันที ผมว่าแอ้รู้สึกได้ว่ามันกำลังดันโคนขาแอ้อยู่

                  “ครูเขาไม่ได้ให้การบ้านไอ้ดิว” แอ้พูด

                  “ดิวนี่แหละจะให้การบ้านเอง ไปนะ ไม่ไหวแล้วอ่ะ จะแตกแล้วเนี๊ยะ” ผมพูดและเลิกเสื้อยืดแอ้ขึ้น

                  “ดิวไม่เอา เดี๋ยวพี่กูเห็น” แอ้ก็เอาดึงชายเสื้อลง ผมกำลังจะดูดสองจุดที่แปะไว้อยูแล้ว
   
                  “ไอ้แอ้! นั้นมึงหรือเปล่านะ “ ผมก็สะดุ้ง เสียงพี่อั๋น เรียกแอ้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองและแอ้ก็ดันผมออก พร้อมกับจัดการแต่งตัว ผมกำลังปลดตะขอกางเกงแอ้อยู่แล้ว

                  “ใช่พี่อั๋น มีอะไร”แอ้ถามพี่อั๋นและทำมือสั่งห้ามไม่ให้ผมพูดอะไรทั้งนั้น

                  “มึงนั้นและมีอะไร และมึงลงไปทำอะไรที่ตรงนั้น มันรกขนาดนั้นไอ้แอ้!” พี่อั๋นพูด แอ้ทำนิ้วไล่ผมออกไปก่อน
         
                  “ทำของตกลงมากำลังหาอยู่ และหาเจอแล้วด้วย” แอ้ตะโกนตอบไป ผมก็ต้องหมุดออกมาก่อน อีกใจก็แอบเสียดาย สงสัยผมจะได้ค้างแน่ๆคืนนี้ ยังไงก็ต้องหาเหตุผลให้แอ้ไปนอนค้างห้องผมให้ได้ 

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)ยังไงก็ทำโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 30-10-2020 14:23:20
ไนท์คู่กะติ๊กเลยมะ 5555 มายังไง
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)ยังไงก็ทำโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 30-10-2020 17:57:20
 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายฯ อยู่เป็นแมียและแม่ของลูกๆดิวนะแอ้ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 30-10-2020 18:13:06
   
(แอ้VSดิว)อยู่เป็นแมียและแม่ของลูกๆดิวนะแอ้ NC18+ ์
 

             Part's แอ้ ผมรีบเดินกลับเข้าบ้านทันที ก็ไอ้ตัวดีมันดันมาเรียกผมลงไปหาที่ด้านหลัง พอไอ้ดิวมาถึงก็แสดงบทรักที่หึงหวงผมกับไอ้ไนท์ทันที ไอ้นายแบบที่มันบอกว่ามันชอบผมวันนี้ แต่ความซวยใครไม่รู้แอบถ่ายคลิปผมกับไนท์ตอนที่กำลังส่งขวดน้ำหวานให้ผมแต่ในมุมนั้นมันเหมือนกับว่าเขาป้อนผมแล้วแต่ผมไม่ได้ให้มันป้อนสักหน่อย เลยทำให้ผมโดนดิวมันบดขยี้ริมฝีปากแม้จะไม่ได้ดิบเถื่อนซะทีเดียว ผมใช้นิ้วเรียวๆ ของผมแตะที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ใจก็อยากจะหาเรื่องไปนอนกับดิวอยู่นะ แต่พี่อ้น พี่อั้ม พี่โอมอยู่บ้านซะด้วย ครบชุดขนาดนี้ แต่ถ้าพี่อ้นไม่อยู่ผมยังขอไปได้ พี่อั้มนะเขาเข้าใจผมที่สุด

   "พี่อ้น" ผมเดินออกมาก็เจอพี่อ้นที่ยืนกอดอกอยู่ พี่อ้นมองหน้าผมและมองช่องที่ผมเดินออกมา

   "มึงลงไปทำอะไรนะ ไอ้แอ้ กูบอกให้มึงดูทีวี และเตรียมตัวนอน "พี่อ้นถามผม ผมหันไปเห็นพี่โอมเลี้ยวรถเก๋งคันสีขาวเข้ามาป้ายแดงซะด้วย สงสัยพ่อถอยให้ใหม่แน่ๆ


   "เออ ของหล่นนะแอ้เลยลงมาหา เจอแล้วและกำลังจะขึ้นแล้วพี่อ้น"ผมพูด พี่อ้นเงยหน้ามองใช่มันไม่ได้ตรงกับห้องนอนผมเลย

   "มันหล่นมาไกลเนอะ ปามาเองหรือเปล่ามึง นี้นัดหนุ่มมาแอบคุยหรือเปล่าไอ้แอ้! "พี่อ้นพูด ทำเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลย เพราะน้องโดนหนุ่มที่ชื่อไอ้ดิวมันนัดมา

   "ไม่มีจะขึ้นแล้ว "พูดทำแก้มป่องเพื่อกลบเกลื่อนและทำท่าจะแทรกตัวขขึ้น

   "รีบขึ้นห้องเลย นั้นเสียงรถพ่อมาแล้วมึง"พี่อ้นพูดบอกผม พ่อกลับมาแล้วแต่ทำไมมาที่หลังไอ้ดิวก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ ผมต้องรีบกลับขึ้นห้องก่อนเช่นกัน เดี๋ยวพ่อจะถามาเรื่องที่ผมโดนโพสลงโซเชียล เพราะว่าดันมีชื่อพ่อผมอยู่ในนั้น แต่แปลกนะพี่อ้นกลับไม่ถามผมสักคำ

   "ดิวไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็กลับไปเรียนแล้ว พรุ่งนี้แอ้จะนอนห้องดิวนะ ค่อยทำการบ้านแล้วกัน รักดิวนะ "ผมส่งข้อความเข้าเบอร์มือถือของดิวแอบสปอยด์ชวนดิวทำการบ้านด้วยแค่คิดก็เสียดายนิดๆ ผมยอมรับว่าตั้งแต่มีลูกกับดิว ผมมีอารมณ์อย่างว่าทุกครั้งที่ดิวพูดทะลึ้งกับผม และจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงรถแล่นตามเข้ามาจอดอีกคัน แต่ผมคิดว่าอาจจะเป็นรถของพ่อภาแน่ๆ ตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงบันไดว่าจะขึ้นห้องนอนผมอยู่แล้ว

   "ภีม บอกพี่ซิ ว่ามันยังไงกัน ตกลงแอ้กับดิวเขายังไงเขารักหรือไง"ผมสะดุ้งเสียงลุงหนึ่ง ลุงหนี่งมาบ้านพ่อผม เสียงที่ทำให้ผมสะดุ้งกลัวทุกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไม ผมยืนนิ่ง เสียงนั้นกำลังตรงไปทีห้องทำงานของพ่อผม

   "ถ้าเขาจะรักกันภีมจะไม่ห้ามเลย "พ่อภีมพูด พ่อจะไม่ห้ามความรักของผมสองคนนี้ จริงเหรอที่พ่อจะไม่ห้ามผมสองคน ผมหันมองซ้ายและขวา ผมเองก็อยากจะรู้ ผมเลยเดินถอยหลังมายืน ผมเห็นลุงหนี่งจริงๆ ด้วยแม้จะเห็นแค่ด้านหลังผมก็พอจำได้กำลังยืนอยู่ในห้องทำงานของพ่อภีม

   "แต่พี่ห้าม"ลุงหนึ่งห้ามผมกับดิว แน่ละก็ดิวมันคือคนที่ถูกเลือกนี่

   "พี่จะมาห้ามทำไม แอ้เป็นลูกภีมแล้ว และพี่เองที่"พ่อภีมพูดแปลกๆ

   "ใช่พี่เองที่บอกให้ภีมอย่าเก็บแอ้ไว้ แอ้ผิดปกติ และนี้ใช่ว่าพี่ไม่รู้ระว่า ไอ้ภามันทำอะไรกับแอ้ แต่พี่กลัวภีมจะเดือดร้อน พี่ถึงได้ปล่อยให้มันเงียบ มาจนถึงตอนนี้ และพี่มีสิทธิ์ที่จะห้าม! :black"> “ลุงหนึ่งพูดบอกพ่อผมว่าเขาบอกไม่ให้เก็บผมเอาไว้ หรือว่าลุงหนี่งรู้เรื่องที่ผมมีลูกมดอยู่ในตัวผม แต่พ่อภาเคยบอกผมว่ามันมาที่หลัง และนี้ที่ทำให้ผมต้องถอยหลังออก

   “ผมรู้ว่าพี่ทนได้ แม้กระทั่งจะเห็นแอ้ ตายต่อหน้าพี่ ผมทำไม่ได้ และตอนนี้เขาเป็นลูกผม ผมมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจให้เขา!! ” พ่อภีมขึ้นเสียงดังขึ้น ผมไม่เคยเห็นพ่อผมโกรธขนาดนี้ และต่อหน้าลุงหนึ่งแต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล จริงๆ แล้วเขาไม่ได้อยากให้ผมอยู่ เขาอยากให้ผมตายเหรอ

   "ภีมรักษาแอ้จนหายแล้ว ภีมรักแอ้ ... เหมือนลูกภีม"พ่อผมพูดผมกำลังหัน ผมไม่ได้ยินประโยคหลังชัดเจนเท่าไหร่

   “ดังนั้นภีมคนเดียวที่มีสิทธิ์ในตอนนี้ พี่หนึ่ง”

   "แต่แอ้...เขาเป็น…."ผมสะดุ้งตกใจ

   "โคล้ม! "ผมชนอะไรบางอย่างล้ม พ่อวิ่งออกมาดู ตอนนี้น้ำตาผมไหลมามากมาย ผมเสียใจที่เขาบอกว่าไม่ได้ให้ผมอยู่แต่พ่อเลือกให้ผมอยู่ ให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อ

   "แอ้ แอ้! ฟังพ่อก่อน"พ่อภีมและลุงหนึ่งที่มองผม ลุงหนึ่งตกใจเหมือนกัน แต่ผมไม่ควรอยู่ตรงนี้ ทำไม ผมผิดปกติมากจนเขาไม่อยากให้ผมมีชีวิตอยู่เลยเหรอ ผมวิ่งออกมา

   "แอ้วิ่งทำไม"พี่โอมถามผม ผมวิ่งมาเจอพี่โอมก่อนจะเข้าบ้าน

   "พี่โอม กุญแจรถละ"ผมถามพี่โอมพร้อมกับแบมือขอกุญแจรถ เพราะว่าผมเพิ่งจะเห็นพี่โอมขับรถเขามาหมาดๆ

   "น่ารักวะน้องกู วิ่งมาจะเอากุญแจจะเอาเก็บให้เอง นี้ไง ลูกรักเลยนะ เพิ่งถอยออกมา "พี่โอมพูดและผมคว้ากุญแจ และวิ่งออกไปทันที

   “ไอ้นี้ จะรีบวิ่งไปดูลูกรักกูเหรอ ดูแต่ตานะมึง อย่าสะกิดเดี๋ยวเป็นรอย “พี่โอมตระโกนตามหลังผมออกมาผมเห็น รถเก๋งฮอนด้า สีขาว รุ่นใหม่ล่าสุดเลย ผมรีบเข้าไปในรถพร้อมสตาร์ท ทันทีผมต้องออกไปจากตรงนี้

   "แอ้ จะไปไหน!! "พี่อ้นตะโกนผมไม่ได้ฟังอะไรทั้งนั้นผมเร่งเครื่องและขับออกไปเลย ผมรู้ว่าคงได้มีรอยยางไหม้ที่พื้นกันบ้างเพราะว่าผมเบิ้นเครื่องและออกตัวแบบเร็วที่สุดเพื่อให้ออกไปให้เร็วที่สุดเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าผมจะขับไปไหนแต่น้ำตาผมไหลไม่หยุด ผมก็ปาดน้ำตาไปด้วย มือก็ประคองพวงมาลัยรถไปด้วย มือถือผมก็สั่นแต่ผมก็เลือกที่จะไม่กดรับมัน

   “ตกลงเขาไม่ได้อยากให้กูอยู่เหรอวะดิว ฮือๆ” ผมร้องไห้ไปด้วยและปาดน้ำตาไปด้วยและยังบังคับพวงมาลัยไปด้วย
-----------------------------------------------------------------------------
[ดิว]
   ผมจำใจเดินกลับบ้าน ผมอยากจะชวนแอ้มานอนค้างที่บ้านผมแต่ดูท่าแอ้ไม่ยอมมาแน่ๆ ถ้าพี่อ้นอยู่บ้าน ผมจูบแอ้เพราะผมหึงแต่ไม่เท่าที่ผมทำกับแอ้วันนั้นที่ผมหึงไอ้พี่ภาณุ ไอ้นี้แอ้ไม่สนใจมันหรอกผมรู้ ตอนนี้ผมเดินกลับมาที่บ้านผม ผมเห็นรถมาส่งพ่อผมเป็นรถเก๋งคันหรูที่มาจากโรงแรมของอาภาษญ์มาส่งพ่อผม ผมก็แอบคิดไหนพ่อบอกว่ามีเครสรอทำคลอดที่โรงพยาบาลไง

   “ดิว เห็นอาภีมมาหรือยัง” พ่อถามผมทันทีที่เจอหน้าผม ผมก็ส่ายหัวว่าไม่รู้ พ่อผมชะเง้อมองเหมือนมีอะไรสักอย่าง

   “มีอะไรเหรอพ่อ และไหนพ่อบอกว่ามีเครสรอคลอดไง”

   “กูโกหก เพื่อจะได้กลับ กูไม่อยากตอบคำถามเรื่องหลานลุงณะกับพ่อตามึงนะเพราะมันจะพาลมาถึงเรื่องของลูกตัวดีกูด้วยนี้ไง” พ่อผมพูด

   “ไอ้ดิวพ่อต้องไปบ้านอาภีมนะ มึงขึ้นบ้าน ลุงหนึ่งมาหาอาภีม” พ่อผมพูด ผมหันไปมองจริงด้วย

   “ดิว นั้นรถกระบะที่มึงอยากได้ พ่อซื้อให้แล้ว ขับดีดีละ “พ่อผมพูดและโยนกุญแจรถให้ผม ผมก็ยิ้มทันที จังหวะที่ผมกำลังหันหลังจะไปดูรถใหม่ที่พ่อถอยมาให้ เป็นรถกระบะโฟว์วีลสี่ประตู ผมเป็นคนชอบแบบลุยๆ

   "บรื้นๆๆ "เสียงรถที่เร่งออกไปอย่างรวดเร็ว ใครหนอรีบอะไรขนาดนั้น รถพี่โอมนี้ คงรีบไปโป่ง โป้งฉึ้ง กับเด็กๆ แน่ๆ หรือว่าพี่อ้นจะไปด้วยนะ เดี๋ยวดูรถก่อนแล้วขึ้นไปหาเรื่องชวนแอ้ลงมาดูรถใหม่ดีกว่าแต่ว่า

   "ไอ้แอ้มึงจะไปไหน!! "เสียงพี่อ้นถามแอ้ เฮ้ย! ที่เร่งออกไปนั้นแอ้เหรอ งามไส้! ปกติแอ้มันทำแบบนี้ ถ้าไม่มีเรื่อง ผมหันหลังกลับไปมอง พ่อก็หยุดชะงัก ส่วนผมวิ่งเข้าไปดูเห็นพี่โอมกับพี่อ้นยืนเถียงกันอยู่

   "ไอ้แอ้!! รถกรูเพิ่งถอยมาเมื่อวาน ขับแบบนี้คงได้เจิมแน่นอน ลูกรักของโอม พี่อ้น ดูน้องพี่ดิ "พี่โอมอีกคนแต่น้ำตาแถบไหลรถคันนั้นรถพี่โอม ผมวิ่งไปชะเง้อพ่อผมยืนมองอยู่และหันมามองผมพี่อ้นกับพี่โอมกำลังเอะอะโวยวายกันอยู่

   “กูเห็นแล้ว แล้วมึงให้กุญแจน้องไปทำไม “พี่อ้นหันมาบ่นพี่โอมอยู่อย่างนั้น

   "ดิวไปดูแอ้ มีอะไรแน่ๆ "พ่อหันมาพูดกับผมมองคนที่เดินออกมาลุงหนึ่ง ชัดเลย ผมรีบวิ่งไปที่รถที่พ่อเพิ่งจะโยนกุญแจมาให้ โดดขึ้นรถผมขับตามออกไปทันทีด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงโชคดีที่ถนนเส้นนี้เป็นเส้นตรง ส่วนแอ้เองก็ขับเร็วมากเช่นกันแต่ผมคิดว่ารถใหม่ผมกำลังแรงม้าแรงกว่า ผมก็เร่งขึ้นมาจนผมตามแอ้ทัน เกือบร้อยหกสิบแล้วนะแอ้ผมคิดในใจ ผมแซงจนเทียบเท่าแอ้พยายามส่งสัญญาณบอกแอ้ ให้เบาลง ชะลอรถลงแต่แอ้ก็ไม่มอง ผมเลยเหยียบทะลุร้อยหกสิบเพื่อให้แซงรถแอ้ขึ้นไปและ พอพ้นผมหมุนพวงมาลัยเลี้ยว เพื่อขวาง ถ้าแอ้ชนก็โดนผมเต็มๆ แอ้เบรกสุดตัว

   “ฟู่!!! ” เส้นเอาผมพ่นลมหายใจออกจากปลายจมูกที่โด่งรั้นของผม “เอื้อก” ผมกลืนน้ำลายลงคอที่หันไปเห็นว่ารถผมกับรถแอ้มันใกล้กันมากจนเกือบจะชน ผมก็รีบกระโดดลงจากรถได้กลิ้นยางใหม้คุ้งไปหมด ผมไม่รอช้ารีบวิ่งไปเปิดประตูรถฝังคนขับ ผมกอดแอ้ แอ้ตัวสั่นไปหมด มือยังจับพวงมาลัยแน่น

   "ใจเย็นแอ้ ใจเย็น "ผมพูดและกอดแอ้ ผมรับรู้ถึงการเต้นหัวใจที่ดังจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอก ผมค่อยๆ แกะมือแอ้ออกจากพวงมาลัย

   "แอ้ดิวจะเอารถเข้าข้างทางนะครับ "ผมพูดแอ้พยักหน้า ผมพาแอ้ลงจากรถและ พามานั่งที่รถผม ผมกลับเข้าไปเอารถเข้าจอดเข้าข้างทางที่ตรงไหล่ทาง

   "พี่อ้น ผมไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ผมอยู่กับแอ้ ผมจะจอดรถไว้ทีไหล่ทางนะพี่ ผมจะพาแอ้ไปกับผม "ผมโทรหาพี่อ้นด้วยมือถือของแอ้ที่อยู่ในรถ

   "ได้ดิว พี่จะไปเอารถไอ้โอมเอง ป่านนี้มันนั่งร้องไห้ ห่วงรถใหม่มันแล้ว ดูแลไอ้แอ้น้องพี่ด้วยนะ ขอบใจว่ะดิว"พี่อ้นบอกผม น้ำเสียงของพี่อ้นดูเป็นห่วงแอ้มากกว่าทุกครั้งและยอมให้ผมพาแอ้ไปแต่โดยดี

   ผมหันไปเห็นรถที่แล่นมาพร้อมกับเปิดไฟกะพริบเพื่อเข้าจอดไหล่ทางรถคันนั้นคือรถของพี่ดิมพี่ชายผม ส่วนตัวผมเองก็รีบกลับไปขึ้นรถ  ผมก็หันกลับมองคนที่นั่งข้างๆ แอ้กุมมือไว้ด้วยกันแบบนี้แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากแต่ใครกันที่ทำแบบนี้กับแอ้ ผมเห็นแล้วก็เจ็บใจขึ้นมาทันที ผมก็รีบขับรถออกโดยไม่ได้ทักทายพี่ดิม ผมเห็นพี่อ้นลงมาจากรถพี่ดิมและตรงไปที่รถที่แอ้ขับออกมา

   ส่วนผมเองก็ขับรถออกมาและตรงไปที่คอนโดของผมทันที เป็นคอนโดของบ้านผมเอง พ่อซื้อเอาไว้ เพราะว่าใกล้กับโรงพยาบาลของพ่อผม สาขาที่กรุงเทพและเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ทำรายได้ดีติดอันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลทั้งหมดที่พ่อผมมี แอ้เองก็นั่งเงียบไปตลอดทางเช่นกัน ผมเอื้อมมือขับไปจับมือแอ้ที่ประสานกันไว้และเอามากุมไว้ขณะที่ผมขับรถ ผมยังไม่กล้าถามอะไรแอ้มากในตอนนี้ ผมรู้สึกได้ว่ามือแอ้ยังสั่นอยู่ แสดงว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่

   "แอ้ ถึงแล้ว"ผมหันไปบอกแอ้ ผมนำรถเข้ามาจอดได้สักพักแอ้ก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ แอ้หันมามองผม น้ำตาแอ้ไหล ผมเองก็ตกใจ เห็นแบบนี้แอ้ร้องไห้ยากมากนะถ้าไม่เจ็บปวดจริงๆ ผมปลอดเข็มขัดแอ้ออก

   “ใครทำอะไรแอ้บอกดิว แอ้” ผมถามแอ้ ผมเอาฝ่ามือแตะที่แก้มแอ้เบาๆ

   "ดิวเขาไม่ได้อยากให้กูอยู่ "แอ้พูดเสียงสั่นๆ ผมก็ต้องเลิกคิ้วสูง เพราะว่าผมไม่เข้าใจที่แอ้พูด

   “ใครแอ้ ใครไม่อยากให้แอ้อยู่ และนี่มันเรื่องอะไรกันแอ้ “ผมถามแอ้

   “เขาบอกว่าอันที่จริงเขาไม่ได้อยากให้แอ้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วดิว ฮือๆ เขาอยากให้กูตายดิว แต่พ่อภาช่วยแอ้ไว้ดิว ฮือๆ” แอ้พูด มันทำให้ผมนึกขึ้นได้เรื่องที่แอ้จำเป็นต้องมีมดลูกและกลายเป็นเด็กผู้ชายท้องได้เพราะว่าแอ้ป่วยหนักมาก

   “หมับ” ผมกอดแอ้ไว้ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน

   “ใครละแอ้ ที่พูดแบบนั้นแอ้ บอกดิวซิ” ผมพูดปลอบแอ้

   “ฮือๆ” แอ้ร้องไห้จนตัวสั่นโยน แสดงว่ามันหนักจริงๆ สำหรับแอ้ตอนนี้

   "แต่ดิวอยากให้แอ้อยู่ แอ้เราจะอยู่ด้วยกันนะแอ้ เพราะว่ามีครอบครัวที่น่ารักรอเราอยู่ "ผมกอดแอ้แน่นกว่าเดิมแอ้ก็กอดผมแน่นมากเช่นกัน แน่นจนไม่อยากจะปล่อยผมออก และคนที่ทำให้แอ้เสียใจแบบนี้ผมคิดว่าลุงหนึ่งแน่ๆ ผมก็กำหมัดแน่น ผมคงต้องปะทะกับเขาครั้งใหญ่แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ เขาต้องมาพูดว่าเขาไม่ให้ผมเลือกแอ้แน่นอน แต่ผมไม่เข้าใจที่แอ้บอกผมว่าเขา ไม่ให้แอ้อยู่นั้นหมายถึงอะไร ทำไมอาภีมไม่ทำอะไรเลยแอ้ลูกอาภีมทั้งคนนะ

   "ขึ้นห้องกันดีกว่าแอ้ "ผมพูดผมพาร่างแอ้ขึ้นห้องพักผม รีบมาเลยไม่ได้คุยอะไรกับพ่อเลย พ่อบอกดูไว้ให้ผมแล้ว ถึงจะยากจะหนักผมจะทำ ผมพาแอ้มาที่ห้องตรงไปที่เตียง แอ้นั่งลงที่ข้างเตียงและผมก็นั่งลงข้างๆ เช่นกัน

   “คนที่พูดนั้นคือลุงหนึ่งใช่ไหมแอ้ บอกดิวเถอะ” ผมถามแอ้ ผมรู้ว่าแอ้ไม่อยากให้ผมดื้อกับลุงหนึ่งเพราะว่าแอ้กลัวว่าพ่อผมจะเดือดร้อน

   “แอ้บอกดิวซิ” ผมถามแอ้ แอ้ไม่ได้พูดไอ้แต่พยักหน้า ตอนนี้แอ้เหมือนเด็กน้อย เหมือนลูกของผมไม่มีผิดเพี้ยน

   "แอ้ ต่อให้ดิวจะต้องปะทะกับลุงหนึ่งดิวก็จะทำ แอ้ ดิวเลือกแอ้ หัวใจดิวเลือกแอ้ อย่าฟังใครว่าใครจะเลือกให้ดิวคู่ด้วย เพราะใจดิวเลือกแอ้ เท่านั้นและดิวก็เชื่อว่าลูกๆ ดิวเลือกแอ้เช่นกัน "ผมพูดกับแอ้ แอ้กอดผม ผมก้มลงจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมตอบ แถมมือแอ้ที่ไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตผม ไม่บ่อยเลยที่แอ้จะน่ารักกับผมแบบนี้ ผมค่อยๆ ดันให้แอ้เเอนหลังลงไปนอนราบลงบนที่นอน ผมก็รีบถอดเสื้อเชิ้ตและโดยทิ้งไปด้านข้าง ผมรีบก้มลงไปช่วยแอ้ถอดเสื้อผ้าออกและปลดกระดุมกางเกงและพากันถอดมันออกไป แอ้ก็น่ารักปลดกระดุมกางเกงยันของผมและรูดมันลงเพื่อผมจะได้ถอดมันออกไป

   "วันนี้น่ารักนะ ดิวชอบอ่ะ ชอบให้แอ้แสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมา อยากก็บอกว่าอยาก ชอบก็บอกว่าชอบ อืมม "ผมกระซิบที่ข้างหูแอ้ และซุกไซ้ที่เบาพร้อมกับเม้มขบติ้งหูของแอ้ ผมรู้สึกว่ามันคงปลุกเร้าอารมณ์แอ้น่าดู แอ้ขยับส่ายไปมาปลายลิ้าแตะลิมฝีปากบนหลับตาพริ้ม

   “อะ….ดิว….. แอ้เสียว” แอ้พูดผมก็ชะงักมองแอ้ ผมชอบแอ้ตอนนี้มันดูน่ารักและยั่วอารมณ์ผมที่สุด

   “อืมม …อื้ม ….. อ้าห์ … ซี้ด …ดิว “แอ้ร้องครางเมื่อผมไล่ริมฝีปากไล่ลงไปจากแผ่นอกและไปยังหน้าท้อง ผมขบและเม้มแอ้ก็เด้งแอ่นสู้ผม

   “ดิว!!” แอ้เรียกผมเสียงหลงเมื่อผมไล่ขบไปจนถึงเนินเนื้ออ่อนเหนือโคกไปหน่อย แอ้แอ่นขึ้นและลงตามจังหวะการขบของผม ผมก็ยิ่งได้ใจทำต่อ เหมือนกับว่าผมกำลังทรมารคนที่นอนเบื้องล่างยังไงก็ไม่รู้

   “ดิว แอ้ เสียวทนไม่ไหวแล้วดิว” แอ้พูดพร้อมกับร่างที่เริ่มกระตุก

   "เร็วซิดิว ใส่ซะทีซิ แอ้ไม่ไหวแล้วอยากได้ ดิว!! "แอ้ร้องคราวและเร่งให้ผมสอดใส่เข้าในช่องทางรักได้แล้ว ผมก็ลุกขึ้น และมองแอ้ ผมยิ้มให้แอ้ ผมชอบแอ้ทำตัวน่ารักแบบนี้บนตียงแบบนี้เหลือเกิน และผมก็เดินไปที่โต๊ะเล็กๆ เพื่อหยิบถุงยางและเจล ของพวกนี้จะมีอยู่ประจำติดไว้ ผมจัดการสวมมันลงไปและระเรงด้วยเจลหล่อลื้น และผมก็กลับมาที่เตียง แอ้มองผมสายตามันยั่วยวนผมเอามากๆ แอ้ยกขาขึ้นตั้งเพื่อรอต้อนรับแกนกายของผมที่มันชูชัน พ่อยังพูดเลยว่าของผมโตเกินวัยไปมากทีเดียว ทำไมพอถึงรู้ได้เพราะว่าผมให้พ่อเก็บเชื่ออสุจิไปผสมตอนที่ผมอยากมีน้องมีน และน้องมีนก็คือสิ่งที่พิเศษของผมและแอ้ด้วย

   “มาซิดิว” แอ้เรียกร้องผมให้เข้าไปหาเขาสักที ผมก็ขึ้นไปและมองแอ้

   "ได้ผัวจัดให้ เมียขอมาขนาดนี้ ผัวจัดให้ถึงใจเลย"ผมพูดบอกแอ้ แอ้มองผมและยิ้มยั่วยวนมาให้ผมและผมก็แหวกขาแอ้ออกพร้อมกับค่อยๆ ดันส่วนนั้นเข้าไปช้าๆ แต่ก็ลื้นไหลได้ดีจนเข้าไปได้ครึ้งทาง ผมรู้ว่าแอ้ก็อึดอัดปนจุกๆ ผมก้มลงจูบแอ้ แอ้ก็จูบผมกลับ

   “ดิว แอ้รักดิวนะ แต่ไม่อยากทำร้ายดิว” แอ้พูดกับผม ผมมองแอ้ แอ้ไม่เคยพูดคำนี้กับผมเลย ผมยิ้มออกมามากที่สุด ผมดีใจที่สุดที่ได้ยินแบบนี้

   “แอ้ไม่เคยทำร้ายดิว ดิวรักแอ้ รักมากมากที่สุด ดิวรู้ว่าเราอายุยังน้อยและบางทีเหมือนดิวเห็นแก่ตัวแต่ดิวเชื่อว่าแอ้เกิดมาเพื่อดิวและลูกๆ ของดิว อยู่กับดิวนะแอ้ “ผมพูดและก็เริ่มขยับสะโพ้กเข้าออกแบบถี่ๆ แอ้ก็จับเอวผม พร้อมกับขับเพื่อให้ผมโยกเร็วขึ้น

   “ดิว จัดหนักๆ แอ้อยาก….ได้” แอ้บอกผมด้วยน้ำเสียงกระเซ้ามาก ฟังแล้วน้องผมก็ยิ่งแข็งขึ้น

   “ฮ่ะ” ผมร้องออกมาคือไม่เคยได้ยินแบบนี้เลยนะ

   “เร็วซิดิว แอ้อยากได้ “แอ้ยิ่งบีบเอวผมให้ผมซอยให้ถีขึ้น ผมก็ต้องสนองเมียหน่อย ถ้าพรุ่งนี้เอวเคล็ดนี้ไม่ต้องโทษใครเลยนะ

   “ปัก! ปํก! ปัก!” แบบเน้นๆ ขนาดนี้ผมไม่รู้ว่าหนักพอไหม และผมก็พลิกแอ้ให้ขั้นบ้าง เพื่อว่าแอ้จะคุมเกมส์มันเองและถึงใจกว่า แอ้ยิ้มให้ผมและแอ้ก็เริ่มโยก วันนี้เหมือนคนโดนยาเลยบอกตรงๆ มันเร่าร้อนมากแอ้ขึ้นลงแบบขึ้นเกือบหลุดและลงแบบสุด

   “ปึกๆ” เสียงดังแบบเน้นๆ จน

   “แอ้! “ผมเรียกแอ้และจับเอวแอ้ยั้งเอาไว้ก่อน

   “เบาๆ แอ้ เดี๋ยวหัก “ผมพูดบอกแอ้ เพราะเล่นขึ้นก็สุดลงก็สุดแบบนี้ โอกาสจะหักมีสูง แอ้ก้มลงมองผมและก็ค่อยๆ ขึ้นลงแบบเนิบๆ สีหน้าแอ้บอกได้ว่าแอ้มีความต้องการทางเพศมากกว่าทุกครั้ง ผมก็รู้สึกแปลกใจ แต่ผมก็นึกขึ้นมาได้พ่อเคยบอกผมไว้ ตอนนั้นผมและพ่อต้องการเก็บไข่ของแอ้เอาไปผสมเทียม พ่อบอกว่าสังเกตว่าแอ้จะไข่ตก ให้ดูจากวันไหนที่แอ้มีความต้องการทางเพศค่อนข้างสูง (อาจจะไม่เหมือนกันทุกคนแต่แอ้เป็นแบบนั้นจริงๆ) และผมก็พลิกแอ้ให้ไปอยู่ในท่าดอกกี้ แอ้เหลียวหลังมามองผม ผมเทพมากที่พลิกร่างแอ้โดยไม่ให้หลุดจากกัน และผมก็เด้งสวนเข้าออกอย่างต่อเนื่องแอ้ก็โยกแบบเด้งรับจังหวะเราเข้ากันเหมือนเล่นเพลงเดียวกัน ผมลากอ้มาที่ขอบเตียงเพื่อจะได้ซอยเน้นๆ ดูแล้วท่าซอยธรรมดาจะไม่ถึงใจเมียแน่วันนี้ เขาเรียกวันพิเศษของเมียจัดให้หนักๆ หน่อย โชคดีที่พ่อสั่งห้ามผม เพราะว่าแอ้ต้องไปทดสอบร่างกายพ่อห้ามผมหนักหนาว่าอย่าทำให้แอ้ท้องในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นผมคง ไม่สวมถุงหรอก อยากมีลูกกับแอ้หลายๆ คน

   “ดิว อ้าห์ “แอ้ร้องออกมา แอ้ก็กำลังสาวของตัวเองไปด้วย ผมก็รัวแบบถีๆ ไม่นานร่างผมกระตุกและนั้นก็แปลว่าผมสำเร็จแล้วแอ้น่าจะเช่นกัน ผมรับรู้ได้ว่าแอ้กระตุกเหมือนกัน แอ้ทิ้งตัวนอนแผ่ลงผมก็ค่อยถอนแกนกายออกช้าๆ ผมโถมตัวเองขึ้นไปค่อมร่างแอ้แต่ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงทั้งหมด ผมจูบแอ้ที่แผ่นหลัง แอ้ผิวเนียนสวยมาก ผมว่าผู้หญิงก็ชิดซ้าย ยิ่งแอ้ได้กินฮอร์โมนสำหรับสร้างเอสโตรเจนสำหรับมดลูกด้วยแล้ว ผิวพรรณแอ้ยิ่งเปล่งปลั่ง

   “แอ้ ขอบคุณนะครับ วันนี้ดิวถึงใจที่สุด ดิวอยากให้แอ้แสดงออกแบบนี้ “ผมพูดกับแอ้ แอ้ก็มองผมและผมก็ค่อยจับมือแอ้ เราสองคนลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวพร้อมกัน ถูสบูกันในห้องน้ำ กอดกันในห้องน้ำภายน้ำที่ไหลลงมารดตัวผมสองคน สักพักผมก็ออกมาแอ้สวมชุดนอนที่เอามาทิ้งไว้ แอ้มาค้างที่นี้กับผมบ่อยเมื่อก่อน

   “ดิว บอกพี่หมอด้าไว้หรือเปล่าว่าเราจะไปกันนะพรุ่งนี้” แอ้ถามผมขณะที่แอ้เดินกลับมาจากด้านนอก แอ้อุ่นนมมาให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมก็รับมาดื่ม

   “สงสัยพี่มึงจะมานอนที่นี้ดิว นมนี่เพิ่งจะซื้อมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ “แอ้บอกผม

   “น่าจะอย่างนั้น ช่วงนี้พี่ๆ โดนพ่อส่งมาอบรบกันเยอะขึ้นนะแอ้” ผมพูดและผมก็กระดกรวดเดียวหมดแก้ว   

   “ขอบคุณนะครับ ฟ๊อด” ผมพูดและส่งแก้วนมคืนให้แอ้ พร้อมกับหอมแก้มเป็นรางวัลให้แอ้

   “ดิวไม่ได้บอกพี่ด้านะแอ้ว่าเราจะไป อันนี้เซอไพรส์” ผมพูดแอ้กํมองผมยกไหล่สูง แอ้เดินออกไป ไม่นานก็กลับเข้ามาและล้มตัวลงนอน ข้างๆ ผมแบบเบียดผม ผมก็หันมามองแอ้ สงสัยอยากกอดแน่ๆ ผมก็เลย วางหนังสือที่ใช้อ่านลงและโน้มตัวไปปิดไฟหัวเตียง

   “รู้ว่าอยากกอด รู้สึกเมียว้อนผัวน่าดูนะคืนนี้นะ” ผมกระซิบแอ้ก็กอดผมและซบลงที่แผ่นอกของผม ผมเองก็โอบตัวแอ้ไว้เอามือลูบที่หัวไหล่แอ้เบาๆ ไม่กี่นาทีคนข้างๆ ผมก็หลับสนิท สังเกตได้จากลมหายใจที่เข้าออกอย่างสมำเสมอ

   “อยู่เป็นเมียและแม่ของลูกให้ดิวนะแอ้ “ผมกระซิบกับคนที่หลับแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือไม่แต่ผมก็จะบอกเขาแบบนี้ทุกครั้ง


หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายฯ อยู่เป็นแมียและแม่ของลูกๆดิวนะแอ้ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 31-10-2020 01:24:14
 :o8:เขินเลย อัลไลนิ
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายฯ อยู่เป็นแมียและแม่ของลูกๆดิวนะแอ้ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 31-10-2020 05:48:45
 :jul1:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายฯ พิเศษ พ่อก็รักกัน ความลับ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 31-10-2020 17:52:55

พิเศษ พ่อก็รักกัน ความลับNC18+

Part’s พ่อภีมปภพ

           ผมไปเจอพี่หนึ่ง พี่หนึ่งบินตามพี่ณะมาติดๆเหมือนกัน พี่หนึ่งกับพี่ณะมีปากเสียงกันเรื่องเด็กหายทันทีที่เดินเข้ามา แต่ผมเองก็ไม่เข้าใจส่วนพี่ภูมิก็เข้าไปกันพี่ณะให้เย็นลงและพาพี่ณะออกไปทันที ผมเพิ่งเห็นพี่ณะโกรธพี่หนึ่งมากก็วันนี้เอง ส่วนผมเองก็ไม่อยากจะคุยเรื่องแอ้ผมเลยเพ่นกลับมาบ้านก่อนแต่ที่ไหนได้พี่หนึ่งตามผมาที่บ้านติดๆเช่นกัน พี่หนึ่งเริ่มระแคะระคายเรื่องแอ้กับดิวแล้ว ผมรู้ว่าเด็กเขารักกัน พี่ภาเป็นคนบอกผม ผมเองก็เห็นว่าดิวน่ะรู้สึกพิเศษกับแอ้มานานแล้วเลยไม่ขัดขวางตรงนี้ แต่นี้พี่หนึ่งจะมาขวางซะเอง ผมกับพี่หนึ่งพูดถึงอดีตของแอ้ และผมก็ไม่รู้ว่าแอ้มาแอบฟังอยู่ ผมวิ่งออกมาแอ้ก็วิ่งออกไปแล้ว 
          ผมกับพี่หนึ่งมองหน้ากัน ผมรู้ว่าพี่หนึ่งเสียใจที่แอ้ดันมาได้ยินที่พี่หนึ่งพูดเช่นกัน  ที่เขาพูดอกไปว่าไม่ได้อยากเก็บแอ้ไว้แต่ผมเข้าใจความหมายลึกๆเพราะว่าเขากลัวว่าแอ้จะต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิตในตอนนั้น ใช่ตอนเด็กแอ้ปวดหนักมากเกือบจะไม่รอด แต่พี่ภาช่วยแอ้ด้วยวิธีที่ผิดโดยการใช้ทางการแพทย์ที่ทำให้ผู้ชายท้องได้มาช่วยชีวิตแอ้ไว้ แต่พี่ภาไม่ได้ยืนยันว่าแอ้จะท้องได้แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเอะใจแล้ว

           “ พี่ขอโทษนะภีม” พี่หนี่งหันมาขอโทษผม

           “พี่ไม่น่าจะกลับมาพูดเรื่องนี้เลย เห็นไหมแอ้มันได้ยิน มันเสียใจไหมพี่หนึ่ง” ผมถามพี่หนึ่ง

           "ภีม"ผมหันไปมองพี่ภา ที่รีบเดินมาหาผม ในขณะที่ผมกำลังเดินออกไปพร้อมกับพี่หนึ่ง ผมคิดว่าพี่หนึ่งคงจะรีบกลับเลยเช่นกัน

           "พี่ภาแอ้ ขับรถออกไปแล้ว "ผมพูดเสียงผมสั้นเครือผมกลัวเหลือเกินว่าแอ้จะตัดสินใจทำอะไรลงไป

           "ดิวก็ขับตามแอ้ไปก่อนแล้ว พี่ว่าดิวน่าจะหยุดแอ้ได้ไม่มีอะไรหรอกภีมเชื่อพี่"พี่ภาเข้ามากอดผม มือผมสั่นไปหมด  พี่หนึ่งยืนมองผมกับพี่ภา พี่ภาหันไปมองหน้าพี่หนึ่ง

      “ดิม เขาเอารถออกไปแล้วภีมและพาอ้นขับตามไปด้วยน่ะภีม “พี่ภาพูด พี่ภามองหน้าผมและหันไปมองหน้าพี่หนึ่ง

           “งั้นพี่กลับเลยนะภีม “ พี่หนึ่งหันหน้าไปมองทางอื่นและทำท่าจะเดินออก พี่ภามองหน้าผมเหมือนจะมีคำถามว่าเรื่องที่เกิดมันมาจากใครกัน แต่ผมคิดว่าพี่ภาน่าจะเดาเองได้

           "พี่หนึ่ง ผมว่าพี่นี่ทำเกินไปแล้วน่ะ"พี่ภาแสดงอาการโกรธพี่หนึ่งขึ้นมาทันที และผมเองที่ต้องดึงพี่ภาเอาไว้ พี่หนึ่งหันมามองพี่ภาแต่ไม่พูดอะไร

           “พี่เลิกบงการชีวิตคนซะทีเถอะ ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง เราแค่คนให้ชีวิตเขาไม่ใช้เจ้าของเขาพี่เข้าใจไหม” พี่ภาพูด พี่หนึ่งก็ยังคงไม่โต้ตอบอะไร

      “ฟู่!!!” เสียงลมหายที่พี่หนึ่งพรูออกมา

           “อย่าพี่ภา พี่ภา อย่า พี่ ภีมขอนะ ถึงยังไงพี่หนึ่งก็ดูแลเรามาน่ะพี่ภา ”ผมกอดพี่ภาณุเดชเอาไว้ ผมไม่เคยเห็นพี่ภาโกรธขนาดนี้เหมือนกัน พอผมพยายามที่จะห้ามพี่ภาก็พยายามที่จะระงับอารมณ์โกรธตัวเองไม่แพ้กัน พี่ภายืนให้ผมกอดเขานิ่งแบบนั้นสักพัก ส่วนพี่หนึ่งยืนมองผมกับพี่ภานิ่งจนไม่ยอมที่จะพูดอะไรเลย ก่อนที่พี่หนึ่งจะตัดสินใจเดินลงไปขึ้นรถในทันทีและรถคันนั้นก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกันท่ามกลางสายตาของอ้นและดิมที่กลับเข้ามาพอดี ไอ้โอมลูกชายผมวิ่งออกไปและเข้าไปกอดรถที่ผมเพิ่งจะให้มันไปซื้อมามันขอรถคันใหม่ พี่ภาแตะแขนผมว่าเขาโอเคแล้วผมก็ถึงได้ปล่อยตัวพี่ภา ซึ่งปกติผมไม่กอดแบบนี้ต่อหน้าลูกๆผมเลย ไม่เคยเลย ลูกๆผมยังตกใจเลย แม้ว่าพวกเขาจะรับรู้สถานะของผมสองคนแล้วก็ตาม เรื่องสวีทกันโชว์ไม่มีแน่นอน  และนี่ก็ไม่รู้จะตกใจอะไรขนาดนั้นถึงได้พากันยืนอ้าปากค้างกันเป็นแถว ส่วนดิมก็ได้แต่ยืนเกาหัว

           "ภีม "พี่ภาณุเดชบีบมือผมเบาๆ นั้นคือคำตอบแปลว่าเขาโอเค

           "ไปพักที่โงแรมภาษญ์แล้วกันนะ บางที่เราอาจจะคุยกันกับพี่ณะพี่ว่าปัญหาของพวกลูกๆเรา เราคงต้องยื่นมือเข้าไปช่วย "พี่ภาพูดผมพยักหน้าเบาๆ
 
           "อั้มลุงดูแลพ่อเราเอง ขึ้นไปนอนกันเถอะ ดิมเอากุญแจรถมาให้พ่อ"พี่ภาบอกกับลูกๆผม แต่ละคนพยักหน้ารับทราบ พี่ภาเคยดูแลลูกๆผมตอนที่ผมป่วยหนัก ผมออกจากป่าก็ป่วยหนัก พี่ภาดูแลรักษาผมและดูแลลูกๆให้ผมด้วย ทำให้ลูกๆผมเคารพรักพี่ภาเหมือนพ่อคนหนึ่งเช่นกัน

             ตอนนี้พี่ภาพาผมไปนั่งในรถเบนซ์ของเขาและพี่ภาเองก็ขึ้นมานั่งด้านคนขับ พร้อมกับขับรถพาผมออกมา พี่ภากุมมือผมตลอดทาง ผมหันไปมองพี่ชายที่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆแต่เราโตมาด้วยกัน แถมพี่ชายคนนี้ก็รักและดูแลผม ถนอมผมและห่วงใยผมมาก แล้วผมไม่ควรจะรักเขาหรือ ผมรักเขามากเช่นกัน ความรักของผมกับพี่ภามันกระท้อนกระแท่นมาตั้งแต่เริ่มรักแล้วแต่ว่าตอนนี้มันก็ถึงจุดอิ่มตัวเรียบร้อยแล้ว ผมว่าเราสองคนก้าวข้ามคำว่าคู่รักไปนานแล้ว เรียกว่าคู่ชีวิตก็ได้นะ เพราะว่าผมคงจะอยู่กับเขาไปจนกว่ะจะหมดลมหายใจ

   
       Part’s นายแพทย์ภาณุเดช ผมขับพาคนที่ผมรัก นายทหารยศสูงสุดภีมปภพ กลับมาที่โรงแรมของภาษญ์ที่เป็นน้องชายสองของผม เพื่อจะได้มาตั้งหลักคุยกัน ก็เพราะพี่หนึ่งคนที่ทำหน้าที่ดูแลพวกผมแทนพ่อแม่ที่ถูกสังหาร พี่หนึ่งตามภีมไปที่บ้านและไปพูดเรื่องแอ้ ภีมบอกผมว่าแอ้เข้ามาได้ยินพอดี และแอ้ก็เสียใจมาก เลยขาดสติ ขับรถคันใหม่ป้ายแดงออกไป ด้วยความเร็ว และดีที่ผมให้ดิวขับตามไป ส่วนผมเองก็เกือบได้มีเรื่องกับพี่หนึ่งเช่นกัน ถ้าภีมไม่มากอดเพื่อห้ามผมเอาไว้  พอภีมทำแบบนี้แล้วผมก็ต้องหยุดเพื่อคนที่รักผม

                     “พี่ภา” ผมเดินมาเจอภาษญ์ น้องชายคนที่สี่ของผม เป็นพี่ชายภีมปหนึ่งปี ภาษญ์เดินมาหาผมสองคนทันที

                     “อ้าวทำไมกลับมาละ “ ภาษญ์ถามผม ผมหันไปมองภีมน้องชาย

                       “พี่หนึ่งตามมึงไปเหรอภีม” ภาษญ์ถามภีม ภีมพยักหน้าว่าใช่

                     “พี่ณะละ “ ผมถามภาษญ์น้องชายของผม

                     “อยู่บนห้องรับรองนะ ผมยังไม่รู้ว่าพี่ณะจะอยู่ค้างหรือว่ารอขึ้นเครื่องบินกลับไปเลย” ภาษญ์พูด ผมพยักหน้า และหันไปมองภีมที่ทำท่าจะถอนหายใจ

                     “พี่ภาขึ้นไปกับภีมก่อนแล้วกัน ผมจะโทรเช็คลูกๆผมก่อน” ภาษญ์พูดผมพยักหน้าและพากันขึ้นไป ชั้นที่เป็นห้องรับรองของพวกผม จะมีการ์ดดูแลอยางใกล้ชิด โรงแรมนี้จะค่อนข้างหรูแขกเหลือก็มีแต่ระดับผู้บริหารและนักธุรกิจที่ค่อนข้างมีฐานะ จึงจะเน้นความสงบเป็นอันดับหนึ่งเช่นพวกผมเหมือนกัน

                     “เชิญครับ” ผมเดินมาถึงห้องที่พี่ณะพักอยู่ การ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลก็รูดการ์ดเปิดประตูให้ผมสองคนเข้าไป ผมเห็นพี่ณะนั่งอยู่ พร้อมแก้ววิสกี้ นี้ดื่มเหล้าเลยเหรอ ภูมิมองหน้าผมและแบมือว่าเขาก็ห้ามพี่ณะไม่ได้

                     “พี่ณะ” ผมเดินเข้าไปก็ดึงแก้ววิสกี้ออกจากมือ ผมรู้ว่าพี่ณะยังไม่ได้ดื่มจนเมาแต่ผมก็ว่ามันไม่ควรดื่มสำหรับพี่ณะ พี่ณะ สุขภาพไม่ค่อยดี ผมเลยสั่งห้ามพี่ณะดื่มพวกวิสกี้ พวกแอลกอฮอล์แรงๆ มาหลายปีแล้ว 

                     “ภูมิไปโทรหาแจ็คให้พี่หน่อย เช็คว่าเขาจะกลับกันวันไหนแน่ พี่เป็นห่วงบอย”" พี่ณะพูดบอกภูมิ ภูมิหันมาพยักหน้าและหันมามองหน้าผม

                     “อย่าให้พี่ณะดื่มอีกนะพี่ภา” ก่อนที่ภูมิจะเดินผ่านผมไปภูมิได้หันมามองหน้าผมและผมก็พยักว่าได้จะดูให้

                     “พี่ภา ผมขอไปรับสายอ้นก่อนนะพี่” ภีมบอกผม ผมก็พยักหน้าเช่นกัน ผมหันมามองพี่ณะที่นั่งอยู่ ตอนนี้ในห้องเหลือแค่ผมกับพี่ณะสองคน

                     “ตกลงใครพาหลานพี่ไป พี่ณะ” ผมหันมาถามพี่กฤษณะ

                     “พี่หนึ่ง พี่หนึ่งทำแบบนี้ได้ยังไง นั้นหลานพี่นะภา ต่อให้เป็นลูกไอ้แจ็คก็ตาม แต่ก็เป็นลูกบอยด้วย “ พี่ณะหันมาบอกผม ผมรับรู้ได้ว่าพี่ณะโมโหพี่หนึ่งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนครั้งนี้ 

                     “พี่หนึ่งบอกว่าเขารู้ว่าแจ็คจะต้องขับรถตามเขาออกไปและเขาแค่อยากรู้ว่าแจ็คจะทำยังไง และ สิ่งที่พี่หนึ่งเห็นคือแจ็คมันลงไปช่วย “ พี่ณะพูด  ผมถึงกับแสดงสีหน้าตกใจ แต่นั้นมันก็เป็นสัญญาณที่ดี ก็เด็กนั้นลูกไอ้แจ็คมัน มันคือพ่อที่จะปกป้องลูกมัน แต่มันยังไม่รู้ก็แค่นั้น

                     “พี่ว่าพี่หนึ่งเริ่มระแคะระคายเรื่องแบงค์หลานพี่แล้วแหละภา” พี่ณะหันมาพูดกับผม

                     “ผมเองก็พูดเรื่องนี้ไม่ได้ ยิ่งต่อหน้าภีม พี่ณะ”ผมพูดขึ้น พี่กฤษณะหันมามองหน้าผม

                     “ผมกับพี่ก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน คือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พี่ณะ แต่ผมคงต้องบอกภีมเร็วๆนี้” ผมพูดขึ้น

                     “นี่อย่าบอกนะว่า “ พี่กฤษณะหันมามองหน้าผม ถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่ใช่น้อย

                     “ใช่ ผมมีเหมือนพี่นั้นแหละ มีหลานแล้ว ลูกไอ้ดิวมัน ไอ้ดิวมันถึงได้ขัดคำสั่งพี่หนึ่งไงพี่ณะ” ผมพูด พี่ณะหันมามองหน้าผมอย่างจริงจัง

                     “กับใคร” พี่ณะถามผม

                     “แอ้” ผมพูดบอกพี่ณะ

                     “ไหนเรามีแค่คนเดียวคือบอยไงภา” พี่ณะถามผม ผมหันไปมองที่ประตูเพื่อแน่ใจได้ว่าไม่มีใครเปิดเข้ามา

                     “ผมทำผิดกฎเพื่อช่วยรักษาชีวิตแอ้ พี่จำได้ไหมว่าแอ้เขาไม่สบายมากจนเกือบจะไม่รอด “ ผมพูดขึ้น

                     “นั้นแปลว่าแอ้ตั้งครรภ์ได้เหมือนบอยเหรอภา”

                     “ไม่เหมือนกัน แอ้เกิดจากการตัดต่อเชื่อมอวัยวะและมันเข้ากันได้ดี และผมก็ทำเพราะความจำเป็นพี่ภา ส่วนบอยนะเกิดจากการตกแต่งพันธุกรรม “ผมพูดบอกพี่กฤษณะ

                     “พี่อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับภีมนะพี่ณะ “ ผมพูด พี่ณะพยักหน้ากับผม

                     “พี่เองก็กลัวพี่หนึ่งจะรู้เรื่องบอยเหมือนกัน ถ้าพี่หนึ่งรู้อีกว่าบอย ท้องไม่ได้อีกแล้ว โอ๊ยพี่ไม่อยากคิดเลยภา “พี่ณะพูดและทำท่าจะคว้าแก้ววิสกี้แต่ผมดันออก

                     “พอแล้วพี่ณะ” ผมพูดห้ามปราม

                     “ตอนนี้เขาก็ต้องการให้เราแต่งตั้งคนที่จะขึ้นตำแหน่งแล้วนะภาและเรื่องสืบเชื้อสายนั้นอีกละ “ พี่ณะพูด

                     “ถ้าแอ้ท้องได้ แล้วนี้ดิวกับแอ้เขามีกันกี่คนแล้วเนี๊ยะ”

                     “ห้าคนแล้วพี่ณะ”

                     “ห้าคนเลยเหรอ นั้นก็แสดงว่าแอ้ท้องได้เหมือนผู้หญิงปกติทั่วไปเลยนะซิภา” พี่ณะถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ

                     “ถ้าอย่างนั้นก็ให้แอ้ขึ้นรับตำแหน่งไปเลย บอยเขาไม่อยากได้ตำแหน่งนี้ และพี่ก็ว่าพี่พอแล้วภา ดูบอยไม่มีความสุข พี่ทนเห็นลูกตัวต้องมาแบกอะไรแบบนี้ พี่ทนไม่ได้”พี่ณะพูด

                     “พี่ณะ เด็กห้าคนนี้เราเลือกที่จะมีเขาเพื่อมาดูแลองค์กรก็จริง พายนี้เขาเลือกดิเอ็นเอที่เรียกว่าเด็กอัฉริยะมาใส่ไว้มันไม่ตรงกับตำแหน่งผู้นำแน่นอน  ส่วนติ๊กนี้ตอนนี้ภาษญ์บอกว่าดื้อที่สุดเขามีความคิดเป็นของตัวเองไม่ยอมใครง่ายๆคิดว่าไม่ไหวที่จะให้ขึ้นแทน และแอ้นี้  พี่หนึ่งเขาประกาศเลยว่า ไม่ให้แอ้รับตำแหน่งเด็ดขาด แต่เหตุผลนะผมไม่รู้พี่ณะ” ผมพูด พี่ณะสะบัดหน้ามามองผม แบบไม่อยากจะเชื่อที่ผมพูด

                     “ทำไมละ ทำไมพี่หนี่งพูดแบบนั้นละภา “พี่กฤษณะถามผม

                     “อย่าถามผมเลยผมไม่รู้จริง ๆว่าทำไมพี่หนึ่งประกาศไม่ให้แอ้ขึ้น “ ผมบอกพี่ณะ

                     “คุณสมบัติผู้นำองค์มีแค่บอยเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด แต่ว่าเราจะมีแค่โอเมก้าไม่ได้ เราต้องมีอัลฟ่าทุกคนมองว่าบอยคือคนที่ตั้งครรภ์ได้ดังนั้นเขาจึงต้องหาอัลฟ่ามาคู่กับบอยจะเป็นบอยคนเดียวไม่ได้นี่ซิ “ ผมพูดกับพี่กฤษณะ พี่ณะก็ทำท่าคิดหนักทันที ผมรู้ว่าตำแหน่งนี้ใครก็ไม่อยากได้อึดอัดที่สุด มีความเป็นตัวเองน้อยมาก เพราะว่าถ้าขึ้นแล้วมีความเสียงอันตรายสูง มีคนอยากโคตรอำนาจอยู่หลายคนและถ้าขึ้นแล้วก็เรียกว่าผู้นำองค์กร แน่นอนอยู่เหนือพวกผมอีกต่างหาก 

                     “ถ้าอย่างนั้นก็มีทางเดียว ต้องทำให้แจ็คขึ้นรับตำแหน่งให้ได้แต่ดู ยังเกเรอยู่เลย จะไหวไหมละภาและนี้ดูท่าจะหัวดื้อสุดๆ  “ พี่ณะพูด ผมก็ทำมือให้ทำยังไงได้ละ


                       “ลูกแจ็คหลานพี่นะ ก็ดื้อเหมือนพ่อมันไม่มีผิดเพี้ยนเช่นกัน นี้พี่ต้องคอยปรามเอาไว้นะ” พี่กฤษณะพูดผมก็แอบยิ้มขำๆ ให้คุณปู่ ที่ถึงกับต้องแตะหน้าผากตัวเองทันทีที่พูดถึงหลาน
                     
                     “นี่ถ้าแจ็คไม่ได้เกิดจากผู้หญิงที่ภูมิไปมีอะไรด้วยและเกิดพล้าดท้องขึ้นมา แจ็คคงไม่มีปัญหาหรอกนะภา “ พี่ณะพูดผมพยักหน้าผมรู้เรื่อง ภูมิมันโดนวางยาและมีอะไรกับผู้หญิงที่เป็นลูกสาวคนเดียวของเศรษฐีที่ดูไบ และโชคดีที่อายุครรภ์ใกล้กันกับคนอื่น ๆก็เลยเลือกเกิดวันเดียวกันได้  และนี้ทำให้แจ็คไม่มีเลือดบริสุทธิ์อย่างที่เขาต้องการ ผลก็คือคนที่เขาเลือกเลยต้องเป็นไอ้ดิวลูกชายผม 

                     “มันไม่ใช่ความผิดของเด็ก เพราะว่าที่เราแพลนกันพวกเขายังไม่เกิด แต่พอเขาเกิดมาทุกคนมีความคิด มีความต้องการของตัวเอง เราเลี้ยงได้แค่ตัว เราเลี้ยงหัวใจเขาไม่ได้พี่ณะ “ ผมพูดพี่กฤษณะมองหน้าผม “ฟู่!! “ลมหายถูกพรั้งพรูออกมาจากปลายจมูกเรียวงามนั้น

                     “ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้พี่ภาษญ์ แต่ช่างมันเถอะยังไงมันก็แค่ข่าวซุบซิบ แอ้เขาไม่เป็นแบบนั้นหรอก”ผมต้องยุติการสนทนากับพี่ณะ เพราะว่าเสียงภีมกำลังคุยกับใครสักคนและกลับเข้าในห้องที่ผมนั่งอยู่กับพี่ณะ  ภีมเข้ามาพอดี และตามมาด้วยภูมิอีกคน

                     “บอยกับแจ็คจะขึ้นเครื่องมากันแล้วครับพี่ณะ เขากลับมาพร้อมกับหลุยส์และเพื่อนของบอยที่ชื่อธรรณ์นะครับพี่ณะ” ภูมิพูดและเข้ามานั่งข้างๆพี่กฤษณะในฐานะคนรัก

                     “ธรรณ์เขาเป็นเพื่อนกับบอยมาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กดีพี่การันตีได้” พี่ณะพูด

                     “ภีมมีอะไรทำไมทำหน้าแบบนั้นละ” พี่กฤษณะหันถามภีม ผมก็หันไปมองเช่นกันและเลิกคิ้วสูง ก็เมื่อกี้ก็ยังโอเคอยู่เลยนะ

                     “ก็วันนี้แอ้เขามาเดินแบบกับติ๊ก แต่ดันมีนายแบบมาชอบ และก็มีคนแอบถ่ายรูปและนำไปโพสลงข่าวซุบซิบกันแถมยังระบุชื่อลูกชายพลเอกภีมปภพ งานเข้าไปไอ้ภีม”ภาษญ์พูด ผมก็มองภีม ถ้าอย่างนั้นตอนที่ไอ้ดิวมันสะบดออกมาว่าเมียมันมีชู้

                       “เปรมดิ์ไปไหนละ” ผมหันไปถามเพราะไม่เห็นน้องชายเกือบจะคนเล็กของผมจะว่าเป็นคนเล็กก็ได้นะเพราะเป้ไม่ใช่น้องชายพวกผมจริง ๆ แต่ผมรักและเลี้ยงดูเหมือนน้องแท้ๆ แถมมันก็เอาแต่ใจไม่แพ้น้องแท้ๆเลยจริง ๆแต่พวกผมก็ยอมจนไม่ไหวต้องส่งไปอยู่กับพี่สามและนั้นก็ได้เรื่อง โดยลูกชายพี่สามจับไปทำเมียซะเลย แต่ก็ดีมีคนดูแลพวกผมก็อุ่นใจ

                       “เปรมดิ์มันงานเข้านะพี่ แต่ไม่ได้บอกว่างานอะไรเข้านะ และมันก็รีบกลับไปกับพี่สี่แล้วก่อนที่พี่จะมาได้สักพัก ผมเลยโทรบอกติ๊กว่าให้มารับพายกลับไปด้วยพรุ่งนี้ “ ภาษญ์พูดขึ้น

                       “พวกเราพักที่นี้แล้วกันนะ พี่ณะกลับพรุ่งนี้เถอะ “ ภูมิมันบอกพี่ณะ พี่ณะก็หันมามองหน้าผม ผมก็พยักหน้าตามนั้นเพราะว่าพากันออกมาแล้วด้วย ผมหันไปพยักหน้าเรียกภีม ภีมก็ลุกตามผม เพื่อขึ้นไปยังห้องพักที่ภาษญ์จัดไว้ให้พวกผมพักกัน

                       “แต่ผมต้องกลับบ้านนะ พรุ่งนี้เช้าจะมาแต่เช้า “ ภาษญ์พูดผมพยักหน้าก่อนจะดึงแขนภีมปภพขึ้นไปบนห้องพักกับผม ต้องรีบเลยเพราะว่าต้องไปปลอบคนนี้อีก

                       “พี่ภา ไหนบอกว่าจะคุยกับพี่ณะไง”

                        “พี่คุยแล้ว” ผมพูดขณะที่เข้าไปในลิฟท์

                     “อ้าวแล้วทำไมไม่รอผมละพี่ภา” ภีมปภพถามผม ผมหันไปมองหน้า

                     “รอไปคุยกับพี่ดีกว่าไหม เพราะว่าเราต้องคุยกันแบบส่วนตัว” ผมกระซิบกับภีมปภพ ภีมหันมามองหน้าผม และหันหน้าหนีคุณหมอจอมหื่นทันที เขาคงเดาได้ทันทีว่าบทรักหนุ่มใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
                     

                     “หื่นชะมัดเลย แล้วนี่ก็หลอกผมออกมาจากบ้านอีก “ ภีมปภพหันมาบ่นผมทันที ผมเดินมาจนถึงห้องพัก พี่ภีมเดินเข้าไปก่อน ผมปิดประตูลงและเข้าไปสวมกอดภีมจาดด้านหลัง

                     “พี่หนึ่งว่าอะไรภีมอีกไหมก่อนที่พี่จะเข้าไปนะ” ผมถามภีม น้องที่ผมรักมากจนข้ามคำว่าพี่น้องแม้จะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดก็ตาม

                     “ก็มีแค่เรื่องแอ้นะพี่ภา เราตัดสินใจผิดหรือเปล่าแต่ภีมทนไม่ได้ที่จะเห็นแอ้ “ ภีมหันมาบอกผม เขาคงคิดว่าเขาตัดสินใจผิดที่ให้ผมทำแบบนั้นกับแอ้

                     “ พี่เองที่เป็นหมอพี่ก็ทนไม่ได้ภีม ถึงภีมไม่ขอร้องพี่ พี่ก็จะทำ เพื่อช่วยแอ้เขาในวันนั้น” ผมพูดและโอบเอวบาง ๆของนายทหารติดยศสูงสุด โอบเอวเข้ามาหาผม

                     “อืมม” ผมประกบปากจูบภีมอย่างละมุล

                     “ตกลง ที่พี่ทำให้แอ้นั้นนะ  เออ มัน “ ผมก็มองหน้ามันอะไรเหรอ ผมปั่นหน้าได้นิ่งและไม่มีอาการใด ใจก็อยากบอกนะแต่ผมว่าต้องคุยกับแอ้และดิวก่อนจะดีกว่า

                     “อะไรเหรอภีม” ผมถามภีมปภพ

                     “อืมมม “ผมก็ประกบจูบริมฝีปากนั้นอย่างหนักหน่วงขึ้น ภีมก็โอบรอบคอผมไว้ ผมก็ดันภีมเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆจนถึงห้องนอน พร้อมกับใช้เท้าดันประตูให้ปิดลง

                     “พี่ภา ดะ เดี๋ยว ผมจะ อืมมม” ภีมปภพร้องห้ามผม ผมจะหยุดทำไม หยุดภีมก็สักผมเรื่องแอ้ซิ บอกว่ายังบอกไม่ได้ ผมจัดการผลักภีมปภพลงไปนอนและผมก็ขึ้นไปค่อมร่างนั้นไว้ พร้อมกับซุกไซ้ไปตามลำคอ มือก็ปลดเครื่องแบบที่ภีมสวมใส่อยู่ ผมรู้ว่าภีมก็ต้องการเช่นกัน ภีมกระดกหัวขึ้นมามองผมและจัดการปลดกระดุมเสื้อผ้าผมเช่นกัน ผมก็สวมเครื่องแบบเช่นกัน วันนี้ไปในฐานะแพทย์ทหาร ผมลุกขึ้นมายืน ภีมก็ดันตัวเองขึ้นและปลดหัวเข็มขัดกางเกงเครื่องแบบของผมออก ผมก็ถอดมันออกไป พร้อมกับก้มลงถึงกางเกงเครื่องแบบของภีมออกไปเช่นกัน

                     “พี่ภา” ภีมกำลังจะเอ่ยปากถามผม แต่ผมทำนิ้วจุ๊ปาก

                     “อย่าเพิ่งพูดเรื่องเครียดๆตอนนี้ซิ เดี๋ยวน้องพี่หด” ผมกระซิบและโถมตัวเองลงไปผมจัดการจูบเรือนร่างของภีมปภพ ผมพรมจูบไปทั่วทุกอณุของร่างกาย ทั้งดูดและเม้ม ประสบการณ์ยอมรับว่าโชคโชน  ผมยอมรับว่าภีมไม่ได้อยู่กับผมตลอด ผมก็จะหาเด็กมาปรนเปรอบ้าง ดังนั้นถ้าลูกจะทำก็ไม่ว่าอะไรแต่ขอให้ป้องกันตัวเองดีดีก็พอ

                     “อืมมม พี่ภา “ พี่ครางออกมาเบาๆเมื่อผมเลื่อนลงไปถึงขอบกางเกงยางยืดนั้น ผมรู้ว่าภีมอยากให้ผมช่วย

                     “ให้พี่ทำให้ไหม”ผมถามคนที่นอนบิดตัวเองไปมา

                     “รออยู่ อย่าลีลาได้ไหมคุณหมอ” ภีมปภพกระดกหัวขึ้นมาบอกผม ผมก็หัวเราะเขาในลำคอก่อนจะฝังหน้าลงไปจัดการ และถอดปราการสุดท้ายออกไป

                     “โอ้วว พี่ภา โอ้วว ซี้ด อืมมม “ ภีมปภพกอดผมร่างกายก็บิดไปมาและเด้งขึ้นลงตามจังหวะการขบเม้มของผม และเขาก็เริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อผมเริ่มใช้ปากกับสิ่งนั้น ภีมปภพมีแฟนเป็นผู้หญิง ช่วงที่เขากับผมเริ่มคบกัน เพื่อบังหน้าและผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ภีมปภพขอให้อุ้มลูกให้เขาโดยใช้วิธีทางการแพทย์ของผม แต่เรื่องบนเตียงกับผู้หญิงคนนั้นผมรู้มาบ้างว่าภีมก็มีอะไรเหมือนเช่นแฟนกันทั่วไป และผมเองก็ยอมให้เขาทำ เพราะว่ามันกับทำให้เรื่องบนเตียงของผมและเขายิ่งมีรสชาติมากขึ้นเช่นกัน มันทำให้เราสองคนตอบสนองกันได้ดีขึ้น

                     “ถึงคิวพี่แล้วนะภีม ขึ้นนะ “ ผมกระซิบเมื่อภีมปภพสำเร็จไปแล้วหนึ่ง น้ำรักเต็มปากไปหมดเลย จนต้องแอบไปคายทิ้ง เยอะไปไหม และผมก็เดินกับมาหาภีม ผมก็นอนลงและภีมก็พลิกมาค่อมผมเอาไว้

                     “ไม่ใส่ถุงเหรอ”ภีมปภพถามผม ขณะที่ผมกำลังละเลงเจลที่ลงบนน้องรักของผม ห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่ภาษญ์น้องรักของผมจัดไว้ให้ดังนั่นอุปกรณ์สำหรับบทรักจึงมีพร้อม

                     “ไม่ดีกว่าเพราะว่าพี่แขวนนวมไปหลายปีแล้วภีมก็รู้ พี่รอภีมคนเดียว”ผมบอกภีมปภพ ภีมเขาก็ยิ้มให้ผมอย่างผู้ชัย และภีมก็ค่อยกดช่องทางรักเพื่อครอบแกนกายผม ถึงอายุอานามจะเยอะแต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้ล่วงโรยไปตามอายุ มันยิ่งผงาดสู้ศึกตลอดเวลา

                     “โอ้วว พี่ภา “ ภีมร้องออกมาเบาๆก่อนจะค่อยๆดันมันลงไปช้าๆและไม่นานก็หายเข้าไปจนหมดด้าม ภีมค่อยๆโยกเบาๆ พร้อมกับหรี่ตามองลงมาที่ผม มือที่ประสานกันไว้ ผมก็ดันตัวขึ้นจูบภีม เพื่อคุมเกมส์รักไม่ให้รีบร้อนเสร็จซะก่อน ภีมและผมบรรเลงเพลงรักที่นุ่มนวล ภีมเป็นคนไม่ชอบบทรักรุนแรง ผมเลยนอนให้ภีมจัดการเอง ควบคุมมันเองไม่นาน ร่างผมก็กระตุกและน้ำรักของผมก็พุ้งกระฉูดอยู่ภายในกายของภีม ภีมหยุดนิ่งและก้มลงมาจูบผม ก่อนจะถอนตัวเองลงมานอนข้างๆผม ผมก็โอบไหล่ภีมเข้ามาหาอกผม ผมหันไปมองภีมปภพ เขายังคงเป็นน้องที่น่ารักน่าถนอมของผมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน เลยไปครึ้งชีวิตได้แล้วแต่ภีมก็ยังคงเป็นเด็กน้อยของผมอยู่ดี ถึงแม้ภีมจะห่างกับผมแค่สามปีก็ตาม

                     “ภีม พร้อมจะอยู่กับพี่หรือยัง” ผมหันไปกระซิบถามภีมปภพ

                     “นี้ยังเรียกว่าไม่พร้อมอีกเหรอพี่ภา ” ภีมปภพหันมาถามผมกลับ ผมก็จับมือภีมมาไว้บนหน้าอกของผม

                     “อยากอยู่ด้วยกันทุกวัน” ผมพูดและกุมมือภีมมาหอมเสียงดัง “ฟ๊อด”   

                       “แบบสามีภรรยาไปเลยนะ ภีม” ผมบอกภีมปภพ

                     “พี่พร้อมหรือยังละ มาถามผม ถ้าพี่พร้อมก็ควรจะ”ภีมพลิกตัวขึ้นมามามองหน้าผม

                     “จริงนะ ถ้าพี่พร้อมเราจะอยู่กับพี่ใช่ไหมภีม”ผมถามภีมกลับ พร้อมรอยยิ้มที่เจ้าเหล่สงไปให้

                     “พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกผมแล้วกัน แต่อย่าให้รอนานนนะ ไม่อย่างนั้นผมจะไปอยู่กับพี่หนึ่งอีก ไม่กลับมาแล้วด้วย ผมพูดจริงไม่ได้ขู่นะพี่ภา ” ภีมปภพพูดบอกผม ผมเข้าใจความหมายดีนั้นแปลว่าเขาเริ่มระแคะระคายเรื่องหลานๆ ลูกของแอ้กับดิวมาแล้วแต่ภีมเขาไม่ถามผมตรง ๆ  เขาคงรอเมื่อพร้อมที่จะบอกเขานั้นเอง แถมขู่ผมมาแบบนี้ เฮ้อ! ไม่ได้ซิ ผมต้องคุยกับไอ้ลูกดิวแล้วซิ ให้มันบอกพ่อตามันไปเถอะ ไม่อย่างนัน คนนี้ขู่จะไปอยู่กับพี่หนึ่ง ไปช่วยงานพี่หนึ่งอีก ผมตายแน่
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คนแต่งหวังว่าจะไม่งงกันนะคะ ถ้าจะมีพิเศษพ่อมาแทรกบ้าง ฝากไว้เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายฯ พิเศษ พ่อก็รักกัน ความลับ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-11-2020 12:40:22
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายฯ พิเศษ พ่อก็รักกัน ความลับ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 01-11-2020 13:24:01
 :pighaun:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(ติ๊ก) แอ้มึงโกหกอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 03-11-2020 11:02:11
   
(ติ๊ก) แอ้มึงโกหกอีกแล้ว

             Part ติ๊ก   เมื่อคืนแอ้มันส่งข้อความหาผม มันบอกผมว่ามันจะนอนคอนโดแทนและพี่ชายของแอ้มันจะไปส่งเอง และมันก็ไม่กลับไปพร้อมกับผม  และผมก็รู้ว่ามีเรื่องที่บ้านของบอย แต่เรื่องอะไรผมไม่สนใจหรอก ผมสนแค่ว่าดิวมันกลับมาก่อน อันที่จริงมันต้องมาถึงพรุ่งนี้ และผมก็คิดว่าแอ้รู้แต่มันไม่บอกผม มันน่าเจ็บใจหนัก และผมก็เดินไปที่บ้านแอ้มันทันทีทั้งที่รู้ว่ามันไม่อยู่ ก็เพราะว่าผมอยากรู้ว่ามันไปนอนที่ไหนกันแน่
 
            "สวัสดีครับพี่เอส"ผมเดินออกมาเจอพี่เอสเดินงัวเงียออกมาจากรถแต่เช้า แสดงว่าไปซ่ามาแน่ๆและเพิ่งจะกลับมาด้วย 

           "สวัสดีครับน้องติ๊ก รอแอ้มันเหรอครับ"พี่เอสถามผมด้วยอาการสลืมสลือ

           "เปล่าครับแอ้มันนอนคอนโดมันแต่ผมแค่เดินผ่านมาเพื่อว่ามันจะเปลี่ยนใจกลับมาบ้านและจะได้กลับไปที่ที่เราต้องไปติดคุกด้วยกัน "ผมตอบพี่เอสไปผมแทนเลยว่ามันเหมือนคุก  พี่เอสเลิกคิ้วมองหน้าผม

           "จริงดิ แต่พี่ไปนอนคอนโดมานะ แต่พี่ไม่เห็นแม้แต่เงามันเลย สงสัยไปfu**ingกับหนุ่มที่ไหนแน่เลย น้องพี่ย่อมเหมือนพี่ "ผมเงียบเลยมันโกหกผมอีกแล้วไอ้แอ้และคงไม่ต้องถามหรอกว่านอนที่ไหน คอนโดไอ้ดิว (แอบคิดในใจถ้าพี่เอสรู้ว่ามันโดนรุกไม่ได้รุกจะทำหน้ายังไงนะพี่บ้านอออ่าง)

           "งั้นพี่ขึ้นบ้านก่อนนะ ง่วง งวง "พี่เอสพูดและอ้าปากห้าว ไปนอนยังไงยังง่วง!

           "พี่ไปนอนคอนโดไอ้แอ้ ทำไมพี่ยังง่วงอีกอะ"ผมหันถามพี่เอส

           "เออ นอนน่ะนอน แต่มันนอนคนละแบบ และท่าเจอท่ายากนะ แน่นอนต่องไม่อยากจะนอน..."พี่เอสนี้มันนอนแบบไหนเนี๊ยะ จะบอกว่าตัวเองไป อิบ อิบ กับใครมาก็บอกมาเถอะ ผมทำท่าจะเดินกลับเพื่อไปรอพี่พัฒน์ที่รถดีกว่า ไอ้แอ้น่ะไอ้แอ้โกหกผมได้ คอยดูนะกลับนี้ผมคงได้เจอดีกับผมบ้าง

           "รู้จักท่ายากไหม ไม่รู้จักซิท่า ว่างๆะพาไปฝึก พี่มีเยอะ แบ่งปันกันได้"ไอ้พี่เอสพูด ผมมองพี่เอส แบบว่าทำไมอะ  ท่ายากอะไรของเขาผมหันมากอดอกมอง ผมคิดว่าคุยโวแบบนี้มีไม่กี่ท่าหรอกเอาเข้าจริงๆนะ
           
           "น้องกูไม่ต้องใช้ท่ายากหรอกมั้ง ไอ้เอส"พี่ตุ๊มายืนอยู่ข้างหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้ 

           "อุ้ย พี่ตุ๊ สะ สะหวัดดีครับพี่"พี่เอสทักทายพี่ตุ๊ยกมือไหว้พี่ตุ๊ผมไม่ทันเลย

           "มึงจะเอาท่ายากอะไรมาเทรนน้องกู ไอ้ พลทหาร"พี่ตุ๊ถามพี่เอส ตั้งแต่พี่ตุ๊กับพี่อ้นพี่ดิมต่อยกันไม่มีใครกล้าแหยกับบ้านตอเต่าเลย

           "ท่ายาก เกี่ยวกับ การฝึกทหารเพื่อน้องติ๊กอยากเรียนรู้เป็นวิทยาทานนะครับพี่ตุ๊ "พี่เอส ผมหันไปมองพี่ตุ๊ ไม่เลยนะไม่ร้องขอ และหันมามองพี่เอส

           "คงไม่ต้องมั้ง เอส เพราะน้องกูนี้จบมา ก็เข้าเป็นผู้บริหารโรงแรมของพ่อกรู  หรือไม่ก็เป็นครูสองอย่างนี้ ไม่คงไม่จำเป็น! ต้องใช้ที่มึงว่าว่ะ เอส"พี่ตุ๊ พูดบอกพี่เอส

           "เฮอๆ ถ้าอย่างนั่นไม่เป็นไรครับ  เอสขอลาละพี่ กู้ดไนท์ เอ้ย! กู้ดมอนิ่งนะครับทุกคน "พี่เอสพูดและรีบรำลาพี่ตุ๊กับผมทันที

           "ดูท่าจะง่วงนอนนะมึงนี้ จะขึ้นไปนอนข้างบน หรือจะนอนตรงนี้ละ "พี่ตุ๊พูดและมองหน้าพี่เอส ผมก็ยิ้มให้ว่าเอาไง

           "อุ้ย! นอนบนบ้านดีกว่าพ่อเพิ่งซื้อเตียงให้ใหม่ เด่งดีนะ น่า..จะ.... "พี่เอสมีจะมาชวนผมอีกนะ
         
         "รีบขึ้นไป! เดี๋ยวเตียงมึงจะไม่ได้ใช้เตียงใหม่ที่อากูซื้อให้มึงเอส "พี่ตุ๊ดพูดก่อนจะทำท่าหันหลังเดินออกพร้อมกับยักไหล่ให้ผมเดินตามกลับบ้านไปด้วยกัน

           "งั้นไปนะพี่ตุ๊ อยากนอนเตียงใหม่ เดินทางให้สนุกนะน้องติ๊ก “พี่เอสพูดและยงบอกให้ผมเดินทางหให้สนุก ผมว่ากลับไปสนุกแน่น้องพี่นะ เพราะว่ามันโกหกผม

           "พี่เอสครับ” ผมเรียกพี่เอสไว้ขณะที่พี่ตุ๊เดินหันหลังออกไปแล้ว พี่เอสหันมามองหน้าผม ผมควักมือเรียกพี่เอาเข้ามา ผมก็เอามือป้องหูพี่เอส พี่เขาเงี่ยหูตั้งใจฟังทันที

           “ เออ ท่ายากนะ ผมมีหมดแล้วคงไม่ต้องฝึกแล้วพี่เอส "ผมกระซิบบอกพี่เอา มีเอสมองหน้าผม

           "แจ๋ว! "พี่เอสขึ้นบ้านไปโล้ด ผมเดินมารอขึ้นรถ ผมเดินทางไปกับพี่พัฒน์รอบนี้ พี่พัฒน์เอางานมาทำด้วยตลอดเลย(พี่พัฒน์คือใครจะมาในตอน เรื่องรักวุ่นวาย ของพี่ๆ)

           "พัฒน์งานบางงานแบ่งคนอื่นทำบ้าง "พี่ตุ๊บอกพี่พัฒน์

           "คนไหนละ พี่ตุ๊ ไปจะหมดแล้วที่อยู่ก็ล้นมือกันกันคนแล้วพี่ตุ๊"พี่พัฒน์หรือครูพัฒน์พูดกับพี่ตุ๊ ผมแอบขำเลยพี่ตุ๊ มองหน้าชี้นิ้วให้ผมหยุดหัวเราะ

           
           "โอเค นี้คอมเพลนพี่ใช่ไหมเนี๊ยะ "พี่ตุ๊พูดกับพี่พัฒน์ ผมก็เหลือบตามองแต่ไม่กล้ามองตรงๆเดี๋ยวพี่ตุ๊ไม่กล้าสวีทกับพี่พัฒน์โชว์พวกผม

           "เปล่าซะหน่อย "พี่พัฒน์พูดมีแอบค้อนพี่ตุ๊

           "ไม่นาน ครูที่จบใหม่พร้อมทำงานจะเดินทางไปเร็วๆนี้ อย่าทำหน้างอซิ มันเหมือนปลาทูแม่กลอง"พี่ตุ๊แซวพี่พัฒน์ พี่พัฒน์สะบัดหน้าหันไปมองพี่ตุ๊ทันที

           "คิก คิก คิก"ผมขำพี่ชายผม

           "มุขสมัยไหนนี้ "พี่พัฒน์พูด พี่พัฒน์ก็เปิดประตูเข้าไปนั่งทำหน้าที่คนขับส่วนผมก็เดินไปนั่งข้างพี่พัฒน์
 
           "ห้ามขับเร็ว เร็วได้ไม่เกิน 100  "พี่ตุ๊สั่งพี่พัฒน์ เร็วได้แค่ 100  แล้วจะถึงเมื่อไหร่ละเนี๊ยะ ผมหันไปมองพี่ตุ๊

           "ปกติพี่พัฒน์ก็ขับไม่เร็วอยู่แล้ว วิ่งจ๊อกกิ้งยังเร็วกว่าเลย"ผมพูดบอกพี่ตุ๊

           "อุ้ย! ติ๊กว่าพี่ขับช้าเป็นเต่าเหรอเรานิ"พี่พัฒน์หันมาทำท่าจะตีแขนผม

           "เพราะอย่างนี้ไง ถึงให้ออกแต่เช้ามีเวลา ลัลล่าในรถกันหลายชั่วโมง "พี่ตุ๊พูด อ้อ มิหน้าปลุกแต่เช้าตรู่เลย

           "ห้ามเปลี่ยนให้ติ๊กขับเด็ดขาดนะพัฒน์ เข้าใจไหม คุณครู ถ้าไม่เชื่อนะ"พี่ตุ๊สั่งพี่พัฒน์  ห้ามผมขับรถ เพราะว่าผมขับรถเร็ว ผมเคยชนคนเสียชีวิตด้วยแต่นั้นมันอุบัติเหตุ เขาข้ามถนนเร็วและครอบครัวผมก็ต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัวเยื่อคนนั้นจนตอนนี้ เพราะว่าผมเป็นดาราแล้วไง เรื่องมันเลยใหญ่โต

           "ครูใหญ่จะทำโทษครูเล็กเหรอ"ผมถามพี่ตุ๊

           "ใช่ ครูใหญ่คนนี้จะทำโทษ…."พี่ตุ๊พูดลืมตัวแน่เลย พี่ตุ๊สะบัดหน้ามามองผม ที่แอบขำ พี่ตุ๊นี้ปากแข็งนะรักพี่พัฒน์ก็ไม่ยอมแสดงออกต่อหน้าพวกผมหรอก

           "เอานี้ไปได้แล้ว ทั้งคุณครูละลูกศิษย์เลยนะน่าจับตีก้นทั้งคู่"พี่ตุ๊ พี่พัฒน์สตาร์ทรถ พี่ตุ๊มองพี่พัฒน์ พี่พัฒน์ก็มองพี่ตุ๊

           "จะหอมแก้มก็หอม เขาไม่แอบดูหรอก"ผมพูพร้อมกับ หันหน้าไปทางอื่นแต่ว่าผมมีกระจกมองข้างที่ปรับมาให้เห็นได้ พวผมก็อยากให้ะตุ๊ลงเอยกับพี่พัฒน์ซะที  ผมรู้ว่าพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์รักกันแต่ติดที่พี่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรมของพ่อผม แต่ผมรู้มากกว่านั้น ผมรู้ว่าพี่ตุ๊กับพี่พัฒน์โป่งโป้งชึ้งกันแล้วและพวกผมก็แอบเซย์เยสกันดัง ดีใจ  แต่เราไม่เอามาพูดกันเพราะว่าพวกเราให้เกียรติพี่เราสองคน

           "ฟ๊อด! "เสียงดังเชียวพี่ตุ๊นี้ และพี่พัฒน์เลื่อนปิดกระจก และค่อยๆแล่นออกมาช้า ผมเห็นพี่พัฒน์เอาฝามือลูบแก้มตัวเองและอมยิ้มไปด้วย นั้นแปลว่าพี่พัฒน์เองก็รักพี่ตุ๊

           "เราไปรับพายกันใช่ไหม ติ๊ก"พี่พัฒน์หันถามผม ผมพยักหน้า เพราะว่าพ่อโทรมาบอกว่าอาเปรมด์งานเข้าให้ผมแวะไปรับพายด้วย พาไปด้วยกัน ผมก็รู้ว่าพายมันก็แอบชอบไอ้ดิวเหมือนกันและเพราะเหตุนี้หรือเปล่ามันเลยเริ่มจะไม่อยากเป็นหมอขึ้นมาซะเฉยๆ

           “ติ๊ก เป็นอะไรหรือเปล่า”พี่พัฒน์เห็นผมเงียบไป ผมหันไปยิ้มให้พี่พัฒน์พร้อมกับผมส่ายหน้าไปมาว่าผมไม่เห็นอะไร

           “พี่เอ๋ ยังป้อนงานให้เราอยู่ไหม อย่าหักโหมหนักติ๊ก “พี่พัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงผมแล้วอย่างนี้พวกผมจะไม่รักพี่พัฒน์ได้อย่างไร
 
           “ก็ไม่เยอะหรอกครับพี่พัฒน์ แต่ถ้าเยอะก็คงจะดี พี่พัฒน์ ติ๊กเบื่อที่จะเรียนที่นั้น “ผมพูดกับพี่พัฒน์

           “พี่ก็เข้าใจ เราอยากจะเข้ามหาลัย และมีเวลาทำนั้นทำนี้เยอะแยะ และที่นั้นแทบจะไม่มีอะไรสำหรับติ๊กเลย”พี่พัฒน์หันมาพูดกับผม ไม่ใช่หรอก ผมเบื่อที่ผมต้องทนเห็นแอ้กับดิวมันไม่เป็นเหมือนเดิมมันมีแค่กันและกันมากกว่ามีผมแล้วไง

           “แต่ ถ้าเราจะมองให้มันเป็นความสุข มันก็ทำได้นะ”พี่พัฒน์หันมาพูดกับผมอีก

           “พี่ชอบเหรอพี่พัฒน์”ผมถามพี่พัฒน์ ผมรู้ว่าพี่พัฒน์เข้าใจที่ผมถาม ผมไม่ได้หมายถึงโรงเรียนนั้นอย่างเดียว
           
           “เออ พี่”พี่พัฒน์ ทำท่าอึกอักที่จะพูด

           “พี่พัฒน์ รักพี่ตุ๊ ใช่ไหม และติ๊กเชื่อว่าพี่ตุ๊รักพี่พัฒน์เหมือนกัน “ผมพูดพี่พัฒน์หันมามองผมแว้ปหนึ่งและหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ

           "เมื่อไหร่พี่ตุ๊กับพี่พัฒน์จะ แฮปปี้แอนดิ้งซะที พี่ตุ๊จะเก็กไปไหนก็ไม่รู้ พวกผมนี้จะหมดความอดทนว่าจะคุยกับพี่ตุ๊กันอยู่แล้ว"ผมพูดกับพี่พัฒน์ พี่พัฒน์มองผม

           "เออ"พี่พัฒน์เงียบไปเลยที่นี้ พี่ตุ๊ก็เก็กอยู่นั้นแหละ พวกผมจะอกแตกตายกันอยู่แล้ว สงสารพี่พัฒน์

           "พี่พัฒน์น้อยใจไหม "ผมถามพี่พัฒน์ตรงๆ
           
           "ก็มีบ้างนะแต่ พี่เข้าใจพี่ตุ๊ นะติ๊ก"พี่พัฒน์หันมาบอกผม เห็นไหมพี่ตุ๊นิ

           “พี่พัฒน์คงเสียใจมากที่เห็น พี่ตุ๊ไปกับ พี่ขวัญตอนนั้น พวกผมสงสารพี่กันมากเลยนะ “ผมพูด แม้ว่าพี่ขวัญจะเสียไปแล้วก็ตาม ตอนนั้นพี่พัฒน์คงต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักไป เอาใจคนอื่นคือพี่ขวัญซึ้งเป็นเพื่อนสนิทของพี่พัฒน์ แต่พอเขาได้พี่ตุ๊เขากลับไม่พูดกับพี่พัฒน์เลย และพี่ตุ๊ก็เอาใจเขามากจนพวกผมนี้หมันไส้มาก แต่มันจบไปแล้ว โดยพี่ขวัญกระโดดตึกเสียชีวิต
 
           “ติ๊กรักพี่พัฒน์นะ พี่เหมือนพี่แท้ๆของติ๊ก “ผมพูด

           “พี่ก็รักติ๊กนะ เป็นห่วงเรานะ บางวันก็เห็นเราไม่มีความสุขเลย ติ๊ก อะไรที่ทำให้เราไม่มีความสุข โย้นมันทิ้งไปบ้างก็ได้นะ หึ!”พี่พัฒน์พูดตอนนี้พี่พัฒน์ขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าโรงแรมแล้ว พายมันยืนรออยู่ มีหนุ่มล้ำยืนอยู่ไม่ไกลจากมัน ดูส่งสายตาให้พาย แต่ไอ้นี้มันไม่น่าไว้ใจ เห็นผมแบบนี้เป็นห่วงมันมากนะพายเนี๊ยะ
 
           “อีพาย ไปได้แล้ว ฮอร์โมนมึงนี้ทำงานตลอดเลยนะ”ผมเปิดกระจกแซว พายมันก็หันมายิ้มให้ผมและหันไปโบกมือให้คนข้างๆ
           
           “ไปก่อนนะ “พายบอกคนนั้น ไอ้คนนั้นดูท่าจะอยากได้เบอร์โทรพายมาก

           “เอาเบอร์พ่อน้องเขาไหม มีนะ พ่อน้องเขาเป็นนายทหารติดยศสูงสุดแค่นั้นเอง “ผมตระโกนถาม พี่คนนั้นทำท่าตกใจ รีบเดินเข้าไปด้านในทันทีโดนไม่รอเบอร์โทร
           
           “อีติ๊ก มึงสกัดกูอ่ะ เขาอุตสาห์ยืนฉีกยิ้มให้กูอยู่ตั้งนาน พี่พัฒน์ดูซิ”พายพูด

           “หึๆ พาย พี่ว่ามันยังไม่ถึงเวลานะ เรียนก่อนดีกว่าไหม “พี่พัฒน์หันมาพูดกับพาย และออกรถทันที พายมันนั่งเบาะหลัง ผมรู้ว่าพายมันจะเอาพวกบรรยายที่มันต้องอ่านมาฟัง
 
           “เป็นไงบ้างมึง” เมื่อวานลุงหนึ่งมาหาที่โรงแรมพ่อผมด้วยเห็นว่ามีปากเสียงกันกับลุงณะ ผมว่าพายมันน่าจะอยู่แหตุการณ์ ผมถามพาย แต่พายมันมองหน้าผม

           “เมื่อคืนนะเหรอ มีหนุ่มๆล่ำมาเพียบเลย ที่โรงแรมลุงภาษญ์ว่ะ เมื่อคืนเขาประกวดโดมอนแมน แก “อีพาย พูด ผมอยากจะเค้กกะโหลกมันจริง ๆ กูไม่ได้หมายถึงหนุ่มๆ  พายมันขยิบตาว่าไม่พูดตอนนี้ให้ผมฟัง

           “ทำไมมึงไม่โทรบอกกู “ผมแซวมันกลับ หันขวับมาเลย
 
           “นี้ใส่เสื้อกล้าม เห็นกล้ามแขนนี้แบบน่า…”พายมันพูดพี่พัฒน์ถึงกับมองผ่านกระตกมองหลัง

           “น่าจับตาดู” อีพาย เล่นเอาพัฒน์ต้องยกมือขึ้นทาบอก

           “และสวมกางเกงยีนส์ก็ฟิต! น่าดูมว๊าก”พายพูด

           “พอได้แล้ว อุ้ย! พี่ทนฟังไม่ได้ เราสองคนนี้ คุยอะไรกันเนี๊ยะ พี่ตุ๊มาได้ยิน โดนแน่ๆเลย”พี่พัฒน์ หันมาเอ็ดผมสองคนแบบไม่จริงจัง แต่ก็ทำให้ผมสองคนอดหัวเราะไม่ได้

           “ก็เลยต้องเม้ากันหลับหลังนี้ไงพี่พัฒน์”พายพูด

           “และเราสองคนนี้นะ จะทำให้พี่ใจแตกไปด้วยนะเนี๊ยะ”พี่พัฒน์ พูดเหล่มองผมสองคน ก่อนจะหันไปขับรถต่อ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่าแอ้มันส่งข้อความมาหาผมอีกไหม แต่ไม่มี ผมก็ไม่โทรนะจะดูซิว่ามันจะโทรมาหาผมบ้างหรือเปล่าวันนี้ หรือว่าเมื่อคืนมันกับดิวจัดกันจนลุกไม่ขึ้นกันแน่
           
           Pie = ทำไมหน้ามึงไม่รับแขกเลยว่ะ
           TKtik=แอ้มันโกหกกู
           Pie=โกหกมึงเรื่องไรว่ะ
           TKtik= เรื่องไอ้ดิวมันกลับก่อน และมันไปนอนที่ไหนก็ไม่รู้ กูว่ากับไอ้ดิว
           Pie =พอเถอะว่ะ มึง ให้มันรักกันเถอะ มึงรู้ไหมว่าทำไมมันไม่บอกมึง
           Pie = เพราะแอ้มันแคร์ความรู้สึกมึงว่ะ มึงเคยแคร์มันบ้างไหมว่ะ กูถามจริง
           TKtik = ตกลงมึงซ้ำกู!!
           ผมพิมพ์ข้อความและหันหลังไปมองพายมัน มันก็ส่ายหัวให้ผมและเก็บมือลงทันที ผมก็เหลือบมองหน้าพายมันผ่านกระจกมองหลัง แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ

           ผมนั่งเงียบไปจนถึงโรงแรมพ่อผม ผมบอกพี่พัฒน์ว่าจะนอนที่ห้องพักที่โรงแรมกัน ไม่กลับบ้าน ว่าจะลงไปหาอะไรดื่มกันซะหน่อย ผมน่ะลูกหลานเจ้าของไม่ต้องดูบัตรก็เข้าได้ แต่ถ้าพ่อรู้ก็จะโดนด่า ผมแค่บอกพนักงานว่าห้ามบอก ถ้าบอกจะได้รู้ว่าใครจะโดนหนัก เท่านั้นแหละเงียบกริบ

           “พรุ่งนี้จะไปเรียนกันยังไงละ” พี่พัฒน์ถามผม

           “ให้รถโรงแรมไปส่งครับพี่พัฒน์ “ ผมพูดและยักไหล่พาย พายมันก็เดินออกมา และพากันขึ้นห้องพัก โรงแรมผมมีแต่ชาวต่างชาติมาพัก แม้จะห่างไกลแหล่งท่องเทียวแต่เรามีรถบริการรับส่งและ
แรงแรมนี้มีเครือที่ต่างประเทศมากมาย ต่างชาติรู้จักดี บริการเลิศหรู แต่เท่าที่ผมทราบมี คนถือหุ่นอีกยี่สิบเปอร์เซนต์ เป็นคนพื้นที่และเป็นผู้มีอิทธิพล แต่มันก็แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์

           “เช็คอินครับ” ผมเดินตรงปที่หน้าเคาเตอร์

           “ค่ะ ขอเอกสารการbooking ด้วยค่ะ”

           “นี่ครับ” ผมพูดและส่งกระดาษที่ผมปรินซ์มาไว้ให้พนักงานดู ผมจองในนามของชื่อผม พนักงานเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าตกใจ

           “อัพเกรดให้นะคะ คุณติ๊ก” พนักงานแจ้งผม ผมพยักหน้าเขารู้ว่าผมคือใคร

           “เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวให้พนักงานเรานำกระเป๋าขึ้นไปที่ห้องพักให้นะคะ “

           “ขอบคุณครับ เออ ผมกับคุณพายจะลงมานั่งดื่มกันหน่อยช่วงเย็น น่าจะทุ่มหนึ่ง รบกวนดูโต๊ะที่ห่างไกลความวุ่นวายให้ผมหน่อยนะครับ แบบส่วนตัวยิ่งดี “ ผมบอกพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกพายที่เอาแต่กดโทรศัพท์เล่น

           “มึงโทรบอกพวกนั้นป่ะว่ะว่าเราพักกันที่นี่” พายถามผม

           “ถ้าหมายถึงแอ้ กูไม่ได้บอกว่ะ ถ้ามันแคร์กูจริง มันโทรมาแล้วพาย “ ผมพูดและเดินเข้าไปในลิฟต์ ผมเข้าไปยืน ขณะที่ลิฟท์กำลังปิดลง จู่ ๆก็มีคนเดินเข้ามา เป็นชายหนุ่มหุ่นมาตรฐานชายไทย ถือกระเป๋าเป้เข้ามา กางเกงยีนส์ทันสมัยแต่ขาด ผมก็เหลือบตามองและเบ้ปากนิดๆ พายสะกิดผม

           “คุณหนูเชี้ยอะไรกูไม่แคร์ กูแค่อยากเรียนกับพวกไอ้ภาคิน กูก็ไม่แคร์ ถ้าไอ้ธงรบมันจะแท่งกูกลับเพราะว่ากูแท่งมันกูก็ไม่กลัว  ก็กูตั้งใจกลับมาเพราะกูอยากเจอมันอีก บร้าๆ ” ดูท่าไอ้นี่จะกินรังแตนมาแน่ๆ แต่ว่าไอ้นี้มันพูดถึงไอ้ภาคิน มันคงไม่บังเอิญซวยเป็นคนเดียวในห้องกับผมหรอกมั้ง มันบ่นคนในสายที่มันคุยด้วยอยู่ไปด้วย และนั้นมันถึงได้กดว่ามันจะลงชั้นไหนและพอถึงชั้นของมัน มันก็มัวแต่ก้มลงหยิบของและหนีบโทรศัพท์ไปด้วย ผมอยู่ใกล้เลยต้องกดลิฟต์ค้างเอาไว้ให้ มันเดินผ่านออกไปโดยไม่หันมามองหรือขอบใจสักคำ

   “ไม่มีใครสอนมารยาทให้หรือไงว่ะ “ ผมพูดตามหลัง ติ๊กมันสะบัดหน้ามามองผม ลิฟต์ยังไม่ทันปิด มันก็ชูนิ้วกลางให้ผม

   “ไอ้สัส!!”ของผมขึ้นง่ายแต่พายมันรีบคว้าแขนผมเอาไว้ และประตูลิฟต์มันปิดลงพอดี ผมหันมามองหน้าพาย ว่าห้ามผมทำไม

   “ที่ห้ามเพราะว่า มึงอาจจะหมอบคาตีนมันได้ ไอ้บ้า! มากันแค่สองคนทำเป็นซ่าห์ “ พายมันบ่นผม


           “กวนตีนชะมัดเลยวะ แม่งแต่งตัวก็ปอนมาก ” ผมพูดพร้อมกับเบ้ปาก ทันทีที่ลิฟต์เปิดตรงชั้นของผม ชั้นนี้วีไอพีทั้งชั้น คงไม่เจอคนอย่างมันแน่ๆ ผมเดินตรงไปยังห้องพักของผม  ผมก็วางกระเป๋าหลุยส์วิตตองลง และพายมันก็หยิบเอาแลปท๊อปขึ้นมา มันเรียนออนไลน์ พายมันเก่งเรียกว่าอัฉริยะ มาเกิดก็ว่าได้ เรียนรู้เร็ว มันจบมัธยมปลายนานแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องการให้มันเรียนหมอและสาขาโรคหัวใจด้วย ผมนั่งรอเวลาจะลงไปทานอาหารเย็นและไปหาที่นั่งดริ้งกัน ส่วนอีพายเขาก็ไปหาอาหารตามองพวกผู้ชายหล่อ บาร์เทนเดอร์แต่พายมันไม่เอาหรอกแค่มองกับหยอดเขาเล่นไปวันวัน   :L3: :L3:
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
         

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(ติ๊ก) แอ้มึงโกหกอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 03-11-2020 11:53:23
พายนี่สุด เอสกะติ๊ก มีไรป่าวน้า  :hao3:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(ติ๊ก) แอ้มึงโกหกอีกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 03-11-2020 17:26:41
 :เฮ้อ: :กอด1:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)วันเกิดลูกP1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 03-11-2020 18:11:48
(แอ้VSดิว)วันเกิดลูกP1


       แอ้VSดิว  แอ้เขาตื่นขึ้นมาก็ทำอาหารเช้าให้ผม เป็นไข่ม้วนที่ลูกผมชอบและผมก็ชอบด้วยเช่นกัน แอ้ชอบทำอาหารแบบเน้นโปรตีนให้ผมทาน เพราะว่าผมเน้นสร้างกล้ามเนื้ออยู่ตอนนี้ แต่จู่ๆ พี่เดฟกับพี่เอ็กซ์ก็ออกมาจากห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าพี่เดฟกับพี่เอ็กซ์มากรุงเทพและยังพาเด็กมานอนที่คอนโดอีก ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นพี่ดิ๊บซะอีก แน่ละผมกับแอ้เพ่นออกมาแถบจะไม่ทันที

           “เป็นไงละไอ้ดิว ดีนะที่เดฟช่วยเอาไว้ไม่อย่างนั้นกูจะตอบคำถามพี่เอ็กซ์ยังไง”แอ้พูด ผมขับรถออกมาได้สักพักแล้ว

           “แอ้ เราต้องบอกพี่ๆแล้วนะ สงสารพี่ดิม กับพี่เดฟอ่ะ ที่ต้องโกหกเพื่อนซี่แบบนั้นตลอด

   “และเราปิดไปไม่ได้นานอยู่แล้ว ลูกเราโตขึ้นทุกวันแอ้” ผมพูดบอกแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม

           “แอ้ ดิวเชื่อว่าหลานน่ารัก ลุงนะหลงหลานแน่ๆ เชื่อดิ” ผมพูด แอ้หันมามองผมอีกที

           “จะว่าไป ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยนะ และส่งข้อความหาไอ้ติ๊กอีก ป่านนี้มันไปตามหากูที่บ้านแล้ว” แอ้พูด ผมก็มองแอ้และยิ้มให้แอ้

           “ยิ้มอะไรดิว” แอ้เหลือบตาขึ้นมองผม

           “แอ้ ดิวส่งข้อความหาติ๊กให้แล้ว บอกว่าแอ้จะนอนคอนโดของแอ้” ผมบอกแอ้ แอ้หันมาทำหน้าตกใจ

           “จะขอบใจเหรอ” ผมถามแอ้
           
           “ดิว พี่เอสเขาเอากุญแจไป เขาจะไปนอนที่นั้น แอ้ได้ยิน พี่เอสบอกพี่อ้นอยู่” แอ้พูด ผมก็มอง เออ

           “คงไม่ซวยขนาดที่ติ๊กมันไปถามพี่เอสหรอกมั้งแอ้” ผมพูดขึ้น

           “ภาวนะขออย่าให้มันถามก็แล้วกัน “ แอ้พูดและหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดดู มีข้อความเข้ามามากมาย แอ้ก็ไล่อ่านดู ผมก็หันไปมองแอ้

           “ว่าไงมีข้อความจากติ๊กไหมแอ้” ผมถามแอ้
           
           “ไม่มีอ่ะ แปลกน่ะ “ แอ้พูด

           “ช่างมันเถอะ ไม่มีก็ดีแล้ว ดิวไม่อยากให้ติ๊กมันว่าอะไรแอ้อีก “ ผมพูดขณะที่ผมกำลังขับรถไปที่ค่ายทหาร ผมกุมมือแอ้ไว้ตลอด

           “แอ้ ตอนเช้ามืดแอ้ฝันร้ายเหรอ ดิวเห็นแอ้ร้องไห้และกอดดิวแน่นมาก ดิวตกใจเลยอ่ะ” ผมหันไปถามแอ้ แอ้ก็มองผม

           “ฝันร้ายเหรอแอ้” ผมถามแอ้ แอ้ชอบนอนฝันร้ายตลอด

           “อืม”แอ้พยักหน้าเบาๆ 

           “ฝันว่าอะไรละ เห็นแอ้ฝันร้ายบ่อยมากเลย ดิวเป็นห่วง “ ผมพูด ตอนนี้ผมขับมาใกล้จะถึงค่ายฯทหารแล้ว ตอนนี้ก็เกือบจะห้าโมงเย็นแล้วด้วย กะว่าไปถึงก็ได้เวลาอาหารเย็นเลย

           “ฝันเหมือนเดิมอ่ะดิว “ แอ้พูดกับผม ผมหันไปมองพร้อมกับเลิกคิ้วสูง เหมือนเดิมนี้คือ

           “ที่บอกว่าฝันว่าแอ้สวมชุดตะเบงมานนะเหรอ และดิวก็ถือดาบแบบสงครามยุกต์บางระจันอีกแล้วเหรอแอ้” ผมถามแอ้ แอ้หันมามองหน้าผม ผมถึงกับเกาหัวแกร็ก

           “อย่าถามกูนะว่ากูดูหนังบางระจันก่อนนอนหรือเปล่า กูไม่ได้ดู ดิวแต่กูฝันอีกแล้วและรอบนี้ กูฝันว่า ลูกๆกูไปกันคนละทิศละทางเลย กูกลับคิดถึงแฝดวะดิว “ แอ้พูดผมหันมามอง

           “ไม่เอานะ สงสัยเมื่อวานแอ้คงกังวลเรื่องลุงหนึ่งนะเลยฝันเป็นตุเป็นตะไป “ ผมพูดตอนนี้รถผมเลี้ยวเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว ผมยังไม่เห็นรถเก๋งของพ่อผมเข้ามาจอด ไม่รู้ว่าจะกลับมาไหม แต่เห็นรถพี่ๆผมจอดอยู่ พี่ดิมก็มาถึงแล้วเช่นกัน หรืออาจจะมาออกมาตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางคืนก็เป็นได้

           “แล้วของของขวัญน้องมีนละดิว” แอ้ถามผม ผมหันมามองหน้าแอ้

           “ดิวเอาใส่ไว้ในรถพี่ดิมวันก่อนที่จะไปงานบ้านลุงณะ ลูกๆจะได้รู้ว่าเรามาไม่ได้”ผมพูด แอ้หันมามองหน้าผม

           “มึงแกล้งลูก” แอ้หันมาทำหน้าดุ

           “นิดนึง” ผมตอบแอ้ ผมเดินเข้าไปด้านในบ้านกันอย่างเงียบๆ ผมเห็นมีลูกโป้ง สีฟ้าแสดงถึงว่าวันนี้วันเกิดใครคนใดคนหนึ่ง แน่นอนต้องน้องมีนของผม วันเกิดครบหนึ่งขวบพอดี มีลูกบอลลูนเลขหนึ่งลอยอยู่

           “วันนี้พ่อแอ้พ่อดิวจะมาหรือเปล่าป้าด้า” เด็กน้อยถามพี่ชายของผมพี่หมอด้า

           “บอกอย่าเรียกป้าไง เรียกลุงด้าซิครับ”  พี่ด้าผมพูดตอนนี้กำลังจัดสถานที่เพื่อจะได้ฉลองวันเกิดลูกชายเกือบคนเล็กของผม

           “พี่ด้าอาหารเด็กน้อยให้จัดไว้ที่โต๊ะเด็กเลยไหม….. “ไอ้เดียร์น้องชายคนเล็กของผมตอนนี้มันแจกขนมจีบน้องชายเกือบคนเล็กของแอ้อยู่คือแอมอยู่ เดียร์มันหันมามองเจอผมกับแอ้ ที่เข้ายืนเงี่ยบๆอยู่ ผมทำนิ้วจุ๊ปากให้มันอย่าเพิ่งส่งเสียง

           “ป้าด้า วันเกิดพวกเราจะมีลูกโป้งอะเปล่า” มาริโอเจ้าหนูจังไหมถามพี่หมอด้าของผม

           “มีซิครับ” พี่หมอด้าพูด ผมก็เข้ามายืนใกล้เข้าไปอีก และหันมามองหน้าแอ้ แอ้ปิดปากขำลูกๆ ที่กำลังช่วยพี่ด้าผมวุ่นวายตกแต่งโต๊ะที่จะใช้วางพวกเค้กวันเกิดของน้องมีน

           “เอาละเด็กๆ เราไปรอทานอาหารกันดีกว่า คุณปู่ใกล้จะถึงแล้วครับ ส่วนคุณพ่อคงไม่ได้…” พี่หมอด้าพูดหันมาเจอผมสองคนยืนพ่อดีเลย

           “มา!” พี่หมอด้าก็ตกใจ  ผมสองคนยกมือไหว้พี่ด้าแต่ยังไม่สงเสียงเดี๋ยวลูกจะรู้ซะก่อน

           “อยากให้พ่อแอ้มา “ น้องไอซ์พูดแต่ไม่ได้หันมามองว่าผมยืนอยู่ข้างหลังเขา

           “แต่ลุงด้าว่าสงสัยพ่อจะมานะ” พี่หมอด้าด้าพูดและหันไปมองหลาน

           “งั้นลุงด้าไปเอาน้องมีนที่กำลังแต่งตัวอยู่บนบ้านมาก่อนแล้วกันนะ หลานๆ “ พี่หมอด้าพูดผมก็พยักหน้าเบาๆ ผมเดินเข้าไปด้านหลงแฝดของผม และ

           “อยากให้พ่อแอ้พ่อดิวมาเหรอครับ”ผมย่อตัวลงกระซิบถามเด็ก ๆจากด้านหลัง เด็ก ๆสะดุ้งและหันหลังมาพร้อมกัน

           “พ่อแอ้พ่อดิว!!”ทั้งสามคนส่งเสียงเรียกผมกับแอ้เสียงหลงเลยและพากันโผ่เข้าหาผมสองคน ผมก็กอดผมก็กอดมาริโอ้กอด ไอและไอซ์เข้าไปกอดแอ้

           “ขอน้องโอ้กอดพ่อแอ้ได้อะเปล่า” มาริโอ้ถามผมว่าจะขอไปกอดแอ้บ้าง

           “ได้ซิครับ แต่อย่ากอดนานนะ คนนั้นของพ่อ” ผมพูดและชี้ไปที่แอ้ ตอนนี้ไอซ์กับไอกอดอยู่ มาริโอ้อีกคน และผมก็กางแขนให้ไอซ์มากอดผมบ้าง ไอซ์ก็วิ่งจากแอ้มาหาผมและกอดผม

           “ฟ๊อด” หอมแก้มผมด้วย

           “ไอซ์คิดถึงพ่อดิวกับพ่อแอ้ที่สุด” ไอซ์พูด ผมหันไปมองไอ ที่ยืนอยู่ ผมสอนไอให้เขาเข้มแข็งเพื่อจะได้ปกป้องน้องๆแฝดของเขาได้และเขาก็ทำได้ดี ไอเป็นที่อึดอดทนที่สุดเหมือนผมไม่มีผิดเพี้ยนเลยก็ว่าได้

           “อยากกอดพ่อไหม”ผมถามไอ  “ครับ” ไอพยักหน้าตอบผมเบาๆ และตรงเข้ามากอดผมแต่อ้อมกอดของไอ นั้นดูแข็งแกร่ง ผมนี้ภูมิใจในตัวเขาจริงๆ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ชายผม พี่ดิมอุ้มน้องมีนลงมาด้วยชุดที่น่ารักที่สุด มาในชุดวู้ดดี้ เรื่องทอยสตอรี่ และพี่ดรีมก็อุ้มมิ้น คนนี้สวมชุดบัสไรเบียร์แทน แต่แฝดผมทำไมเป็นเอเลี่ยนไปได้นะชุดนะ

           “กูว่าลูกแฝดมึงนะเอเลี่ยนเหมาะที่สุดว่ะ สามเอเลี่ยนของป้าหมอด้าเขา ”พี่ดรีมพูด และยังขำลูกแฝดผมอีกนะ

           “แน่ละ ทำเอาพี่ไม่กล้าไปร้านเบเกอรี่หลายอาทิตย์เลยแหละ ก็เล่นเรียกพี่ว่าป้าดังลั่นเลยอ่ะ “ พี่หมอด้าพูดและทำแก้มป่อง

           “สวัดดีครับพี่ดิม  พี่ดรีม “ แอ้ยกมือไหว้พี่ๆ ผมก็ยกมือไหว้เช่นกัน แอ้หันไปรับน้องมีนที่ดีดตัวมาก่อนเพื่อนเลยเขาอยากให้แอ้อุ้มเขาก่อนมิ้น

           “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ” แอ้พูดและผมก็เข้าไปกอดทับ

           “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ หนุ่มน้อยของพ่อ” ผมพูดและ “ฟ๊อด! “ เสียงหอมแก้มซ้ายขวาของผมกับแอ้  น้องมีนหน้าหวานมากเหมือนแอ้ตอนเด็ก ๆเลย พ่อบอกผม แต่แปลกนะไม่มีรูปแอ้ตอนเด็กให้ผมได้ดูเลยมีแต่ตอนที่โตแล้วและมาอยู่กับผมตอนนั้นก็น่าจะสี่ห้าขวบได้(มีนคือสิ่งพิเศษที่ผมสั่งทำขึ้นมา ผมไม่กล้าบอกแอ้ กลัวแอ้ด่าผม) 

           “ฮึกๆ” แต่อีกคนซิกอดอกทำท่าจะร้องไห้ คงคิดว่าผมสองคนลืมเขาแล้วแน่ๆ แอ้พยักหน้าให้ผมไปเอามิ้นมาอุ้ม ผมก็กางแขนเข้าไป รีบดันตัวเองออกแต่พี่ดิมแกล้งไม่ยอมปล่อยมาหาผม

           “เฮ้ย! พอเจอพ่อมันดันหน้าลุงทันทีเลยว่ะ” พี่ดิมพูดและผมก็ต้องรับมิ้นมาอุ้ม มิ้นหันไปเห็นมีนที่ออดอ้อนแอ้ มิ้นกางมือจะตีพี่มีน

           “อืมม” มีนส่ายหน้าหลบและเบี่ยงตัวให้แอ้หลบมิ้นทันที แสดงว่าตีพี่บ่อย แถมด้วยแฝดของผมพากันไปหลบหลังแอ้กันหมดเลย

           “เก๊ที่สุดเลยลูกเล็กมึงเนี๊ยะ”พี่ดรีมพูด  ผมก็มองมิ้นส่ายหัวว่าไม่เอาไม่น่ารัก

           “ไม่ ไม่ ไม่ “ พูดว่าไม่รัวๆเลยเขาบอกว่าเขาไม่ได้เก๊ ใครนะ

           “เอาละให้พ่อลูกเขากอดกันไปก่อน พวกพี่ไปจัดโต๊ะวะ พ่อโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว และคงจะไปส่งอาภีมก่อน “พี่ดรีมพูด ผมพยักหน้าพี่ดรีมเดินเข้าไปพร้อมกับพี่ด้า ไปจัดโต๊ะรอ

           “ทำไมเพิ่งจะมาถึงกันว่ะ”พี่ดิมถามผมกับแอ้

           “แม้ก็จะว่ามาเย็นๆเซอไพรส์ลูกอะพี่ดิม” ผมพูด

           “เหรอ!!”พี่ดิมพูด

           “พี่อ้นละพี่ดิม” แอ้ถามหาพี่อ้น

           “ไปหาเมียมันไง เมียน้อยหมายเลขหนี่งมันมานะ วันก่อนไปตีกับเมียน้อยยังไม่ทันติดหมายเลขเลยฟาดเข้าเข้าไปดังหักต้องไปทำดั้งใหม่นะ “พี่ดิมพูดผมหันไปมองแอ้ที่ทำหน้าตกใจ

           “วันนี้วันเกิดใครเนี๊ยะ” เสียงที่ทำให้ผมสองคนต้องหันไปมอง พี่โดม ผมยังไม่เจอพี่โดมเลยตั้งแต่ต้องกลับไปเรียน

           “ พี่โดมหวัดดีครับ” แอ้หันไปยกมือไหว้พี่โดม พี่โดมมาด้วยชุดปลายเวท

           “หวัดดีครับแอ้ “พี่โดมทักแอ้และเข้ามา “ฟ๊อด” หอมแก้มมีนเสียงดังเชียว
           
           “ป๊าป! “พี่โดมเข้ามากอดผมที่ตบที่หลังดังสนั่นเชียว

           “ตบเบาๆก็ได้เดี๋ยวตายก่อน” ผมแซวพี่ชายผม

           “อะไรวะไอ้ว่าที่หมอทหารฟิตหน่อย” พี่โดมพูดและพี่โดมก็ก้มมองมิ้น มิ้นหันหน้าหนีพี่โดม พี่โดมก็ไล่มอง ไม่ยอมสบตาเลย หันหนีจนผมเองก็ต้องหมุนตาม ผมชี้ถามพี่โดม พี่โดมก็แบมือไม่รู้

           “ลูกมึงงอน มึงไม่กลับบ้านไอ้หมอโดม” พี่ดิมพูด ผมพยักหน้า

           “ไปเจอเด็กทีไหนอีกละมึง “

           “มันก็มีบ้าง คนไข้นะ เขาอยากให้ไปดูแล ข้อเท้าเจ็บ” พี่หมอโดมพูด ผมหันไปพยักเพยอกับแอ้

           “เหรอ!!” ผมกับพี่ดิมพร้อมกันทันที

           “หาลุงไหม” พี่โดมกางแขนแต่มิ้นส่ายหัว

           “เฮ้ย! งอนลุงจริงดิ ไม่ได้นอนด้วยกันคืนเดียวเอง “ พี่โดมพูด

           “นี้มิ้นนอนกับพี่เหรอ” ผมถามพี่โดม

           “มันไม่ได้นอนกับกูหรอกไอ้ดิว มันนอนคนเดียว เพราะว่ากูยกเตียงให้ลูกมึงทุกคืน ทุกวันนี้กูนอนที่นอนเสริมวะ “ พี่โดมพูด

           “ทำไมอะ” ผมถามพี่โดม

           “ทั้งดิ้นทั้งถีบขนาดนี้กูจะทนนอนได้ไงวะ ตัวแค่นี้ถีบกูนอนไม่ได้เลยอ่ะ”พี่โดมพูด ปนหัวเราะ
           
           “เร็วดิไอ้เดย์ กูกลัวไม่ทันกินเค้กหลานกู “เสียงพี่แดน ผมหันไปมองพี่แดน พี่เดย์และพี่ดิ๊บ เดินเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญวันเกิดคนละกล่อง

                       “พี่แดน พี่เดย์ พี่ดิ๊บ หวัดดีครับ” ผมกับแอ้ยกมือไหว้พี่ชายอีกสามคนของผม แต่ละคนตรงเข้ามากอดและหอมหลานผมกันหมด ผมสองคนมองยืนมองและหันมามองหน้ากัน

                       “ถ้าพี่ๆของแอ้รู้ว่ามีหลานจะรักเขาเหมือนพี่ของดิวไหม” แอ้พูดขึ้นผมหันมามอง
           
                       “ดิวเชื่อว่ารักนะ แม้ว่าดูเหมือนอยากจะเตะเด็กซะมากกว่าแต่ดิวก็เชื่อว่า ลูกๆของดิวมีดีพอตัวที่จะทำให้ลุงๆบ้านอออ่างรักและหลงเลยแหละ” ผมพูดกับแอ้และมองหลานๆแฝดที่หัวเราะเพราะว่าโดนลุงๆพากันหอม

                       “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด”  พี่แดนตรงเข้ามาหอมมีน แอ้อุ้มอยู่

                       “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด” พี่เดย์อีกคนก็เข้ามาหอมมีน

                       “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ ฟ๊อด! ฟ๊อด! “ แต่คนหลังนี้พี่เดย์ ทำไมหอมสองที ผมเงยหน้ามอง ทั้งมีนและแอ้ที่เอามือลูบแก้มตัวเอง  นั้นแปลว่าพี่ดิ๊บมันหอมเมียผมด้วยครับ

                       “พี่ดิ๊บ บอกอย่าหอมเมียผมไง!!”

                       “ฝากไปให้แอร์ด้วยไง” พี่ดิ๊บพูด

                       “ทำไมมึงไม่ไปหอมเขาเองละวะ ไอ้เวร” พี่ดิมหันไปเม้ง แอ้มองหน้าผมทำหน้ายู่เลย

                       “คุณปู่” ลูกแฝดผมเรียกพ่อผมพร้อมเพียงกันและวิ่งไปหาทันที พ่อผมเดินเข้ามาพอดี ผมเห็นภาพลูกๆผมเข้าไปกอดพ่อผม มิ้นก็ยังกางแขนรอเลย เอนตัวไปด้วยจะไปหาปู่ ผมก็ต้องอุ้มไปแอ้ก็อุ้มมีนไปหาพ่อผมเช่นกัน

                       “ไงละ พ่อมาเซอไพรส์หรือไง ดูยิ้มดีใจกันใหญ่เลย” พ่อผมพูดแซวลูกๆผม

                       “สุขสันต์วันเกิดนะน้องมีน “ พ่อผมพูด

                       “ดิมไปเอาถุงของขวัญมาให้พ่อหน่อยในรถนะ” พ่อผมบอกพี่ดิม แอ้มองพ่อผมและยกมือไหว้พ่อผม

                       “อะไรที่แอ้ได้ยิน อย่าไปคิดมาก ทำทุกวันให้ดีแค่นี้พอแล้วแอ้ ภีมนะเขารักแอ้มากนะ เป็นห่วงเรามากจริงๆ “ พ่อผมพูดทำเอาแอ้ยืนน้ำตาซึมเลยแอ้เข้าไปกอดพ่อผม แต่ผมรู้ว่าคนที่แอ้อยากกอดมากที่สุดคืออาภีมในตอนนี้ ก็ผมสองคนไม่ได้บอกอาภีมว่าผมมาบ้านกัน มางานวันเกิดหลานของอาภีมพ่อตาผมด้วย ถ้ารู้คงได้แห่มากันหมดแน่ๆ ผมจะโดนตีนพี่อ้นเอา อันนี้แหละที่กลัวที่สุด เพราะว่าพี่ดิมบอกเอาไว้ว่าเรามีกฏ ใครเอาน้องต้องกระทืบเป็นบททดสอบของพี่ๆ ทำกัน แล้วผมจะกล้าบอกเหรอครับ

                       “พ่อแกล้งเมียผมทำไมอ่ะ”ผมแซวพ่อผมทันที

                       “ชิบหายแล้วกู นี่กูแกล้งเมียมึงเหรอครับดิว” พ่อผมพูด

                       “ พ่อจัดโต๊ะเสร็จแล้วงเราทานอาหารกันเลยไหม” พี่ด้าเดินเข้ามาถาม

                       “เอาซิ “ พ่อผมพูด และดันหลานๆ เดินเข้าไปด้านใน

                       “พ่อ” แอ้เรียกพ่อผมว่าพ่อ

                       “พ่อคิดว่าเราทั้งคู่น่าจะพร้อมบอกภีมเร็วๆนี้นะ แต่เขาเจอกันแล้วนะพ่อเรานะ วันก่อนแอบไปหาพ่อที่คาเฟ่คุณประภัสรา และโอ้เขาเจอ โอ้เขาเรียกย่า  “ พ่อบอกผมกับแอ้ ผมสองคนหันมามองหน้ากันตกใจเหมือนกัน 

                       “แต่เสียดายพ่อไม่ได้เห็นตอนที่ภีมเขาเจอนะ แต่พ่อเชื่อว่าภีมรักหลานแน่ๆ “ พ่อภาพูด ผมหันมามองหน้าแอ้

                       “ผมขอเวลาสักอาทิตย์สองอาทิตย์ได้ไหมพ่อ ขอให้ผมส่งใบสมัครสอบเข้าทหารก่อนครับพ่อภา” แอ้พูดบอกพ่อผม พ่อผมพยักหน้า

                       “ดิวละ ใบสมัครอยู่บนห้องแล้ว กรอกและจะได้ยื่นเลย “พ่อผมพูด

                       “พ่อดิวมันมันจะ”แอ้ทำท่าจะถามพ่อผม

                       “แพทย์ทหาร” พ่อผมพูดตอบแทนผมทันที

                       “ผมพร้อมแล้วพ่อ ที่จะไปทุกทีที่แอ้ไป” ผมพูดและหันไปมองแอ้

                       “ถ้าอย่างนั้นก็ดี เอาละไปทานอาหารกันดีกว่า ไอ้เดฟมันมาไม่ได้นะวันนี้ มันบอกเพื่อนมันตัวติดจนแงะไม่ออก ไอ้เอ็กซ์นะ ถ้ามามันคงร้องมาด้วย งานจะเข้าเอา หึ หึ  “ พ่อผมพูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ผมก็เพิ่งจะเจอกันเมื่อเช้านี้เอง
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)วันเกิดลูกP2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 04-11-2020 11:50:54
                       
(แอ้VSดิว)วันเกิดลูกP2

                          ผมนั่งทานอาหารกันส่วนเด็กแฝดของผมพี่ตอนนี้เขามีโต๊ะอาหารเป็นของตัวเองเป็นโต๊ะสำหรับเด็ก เขานั่งทานกันเรียบร้อย น้องมีนยิ่งเรียบร้อยมา แต่มีอยู่แค่คนเดียว ที่ทำให้โต๊ะอาหารมีสีสันพี่ๆผมบอกว่า ต้องคอยหลบอาหารที่เหวี่ยงไปรอบ ๆ แต่แอ้นะดีคอยปรามวันนี้เลย เอาอยู่

                       “ชู้!!” แอ้ทำนิ้ว มิ้นถึงได้หยุดเหวี่ยงและพยายามตักอาหารใส่ปากเองอย่างระมัดระวัง ผมแปลกใจทำไมมิ้นฟังแอ้มากกว่าคนอื่น มิ้นค่อนข้างดื้อตรงที่มีความคิดเป็นของตัวเองสูง

                       “พ่อแอ้” มาริโอ้เดินมากระซิบกระซาบกับแอ้

                       “อะไรครับมาริโอ้”แอ้ก้มลงถามมาริโอ้

                       “@#$%@#$%” มาริโอ้เอามือป้องปากและกระซิบกับแอ้ถึงกับยิ้มและหันไปมองพ่อผมและหัวเราะเบา แต่มันก็ทำให้พวกผมเลิกคิ้วมองกันทั้งหมด

                       “ไปกินข้าวก่อนนะครับ “แอ้บอกมาริโอ้

                       “เราจะได้กินอ่ะเปล่า”

                       “ได้ครับ” แอ้บอกมาริโอ้ ส่วนผมก็เลิกคิ้วมองแอ้ว่ามาริโอ้พูดอะไรกับแอ้ แอ้รอให้มาริโอ้กลับไปนั่งทีซะก่อน

                       “โอ้เขาถามแอ้ว่าเขาจะได้กินเค้กไหม เขาว่าปู่สั่งห้ามกินเค้กสามวันนะครับ”แอ้พูด ผมหันไปมองพ่อ พ่อผมอมยิ้มทันที

                       “โทษไอ้ลุงดิมมัน ดันพาไปซื้อมาสามสิบก้อน กินแต่เค้กไม่กินข้าวเลย พ่อเลยสั่งทำโทษ ห้ามกินและห้ามลุงพาไปซื้อ สามวัน” พ่อผมพูด ผมหันไปมองพี่ดิม จะซื้ออะไรเยอะขนาดนั้น

                       “ก็กูให้ลูกมึงช่วยจีบแพท ลูกอาเปรมอะดิ เด็กแฝดเลยเรียกค่าจ้างเป็นเค้กและเรียกแพทว่าป้าแพทเขาเลยยื่นข้อเสนอถ้าไม่เรียกป้าซื้อเค้กเพิ่มให้”

                       “ลูกๆมึงก็เห็นแก่เค้กทำให้กูต้องลงแข่งประมูลกับแพท ประมูลไปประมูลมากูได้มาสามสิบก้อน พ่อด่ากูยับ” พี่ดิมพูด

                       “แล้วเป็นไงโอ้มันแอบมาเปิดตู้เย็นกินแต่เค้กเลยไง “ ไอ้เดียร์รีบเสริม แต่พี่ดิมหยิบอาหารบนโต๊ะปาใส่มันทันที

                       “มันน่าไหมละมึง บอกว่าเค้กมันหวานมากและแป้งทั้งนั้น ฟันก็จะพุและมีโอกาสเป็นเบาหวาน ลุงมันไม่ค่อยเชื่อกูเลย ขนาดให้พวกมันเรียนหมอกันนะ” พ่อผมบ่นทันที

                       “พี่ดิมจะจีบพี่แพท พี่ชายพายเหรอพี่”ผมถามพี่ดิม

                       “เออ อย่าแซว”

                       “อายเหรอพี่ดิม” พี่ด้า

                       “อย่าแซวมันเพราะว่ามันกินแห้ว” พ่อผมพูดเองเลย  พวกผมก็ทานอาหารเย็นกันไป คุยกันไปหัวเราะกันไป นี้แหละความสุขของครอบครัวผม เสียดายพี่เดฟอีกคน ไม่อย่างนั้นคงครบองค์ประชุมวันนี้บ้านดอเด็ก ผมหันไปมองแอ้ แอ้ก็คงคิดถึงพี่ๆ ถ้าวันที่เราบอกความจริงบ้านนี้ก็คงมีความสุขมาก ผมว่าผมพร้อมแล้วแหละ จะเกิดอะไรก็เกิด ผมเชื่อว่าลูกๆผมทำให้พี่ๆบ้านอออ่างรักได้ไม่ยากแน่ๆ

                       “เอาละ เด็กๆ เดี๋ยวเราจะช่วยน้องมีนแกะของขวัญและเป่าเค้กกันแล้วนะและจะได้ไม่เข้านอนกันดึกเพราะว่าพรุ่งนี้ไปโรงเรียน” พี่ด้าพูดและหันไปมองเด็กๆ แอ้รีบช่วยพี่ด้าเก็บความสะอาดบนโต๊ะ บ้านผมใช่เครื่องล้างจานเลยง่าย

                       ผมก็พาลูกๆเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ผมนั่งลงและน้องมีนก็นั้งมองของขวัญมากมาย เพราะพี่ๆผมซื้อให้คนละชิ้นแม้จะกระทั่งเดียร์เอง มันก็เจียดตังค์ค่าขนมมาซื้อให้หลาน และเริ่มช่วยกันแกะของขวัญกัน น้องมีนยังเด็กเลยต้องให้พี่แฝดช่วยและมีมิ้นอีกคนที่ถนัดฉีก และขวัญส่วนใหญ่ของน้องมีนก็จะเป็นหนังสือนิทาน ซีดีการ์ตูนที่เขาชอบ ผมกับแอ้ซื้อทอยสตอรี่ภาคล่าสุดให้ หนังสือนิทานเจ้าหญิงเจ้าชาย น้องมีนชอบให้อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน และมีเสื้อผ้าน่ารักๆจากหมอด้าและพี่หมอดรีม และตามด้วยเค้กที่สั่งทำเป็นพิเศษ ทอยสตอรีเช่นกัน มีวู้ดดี้และเจสซี่

                       “แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู แฮปีเบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปีเบิร์ดเดย์ทู น้องมีน แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู “

                       “ฮิบๆ ฮู เลย์ ฮิบๆฮูเลย์ “ เสียงลูกแฝดของผมและน้องมีนก็เป่าเค้ก มีคนช่วยเป่าแม้ยังเป่าไม่เป็นก็ตาม น้องมิ้น

                       “เอาละเป็นเด็กดีนะลูกนะ มีน สุขภาพแข็งแรงและเป็นเด็กดีของปู่ ย่า และลุงๆ และก็พ่อแอ้พ่อดิวนะลูก”พ่อผมเดินมาแตะหัวให้พรลูกผม ผมกับแอ้ก็ยกมือไหว้แทนน้องมีน

                       “ถ้าอย่างนั่นพ่อขึ้นไปดูเอกสารก่อนนะ เราก็ใช้เวลาอยู่กับลูก คิดถึงร้องหากันทุกวัน” พ่อผมบอกผมกับแอ้

                       “ถ้าอย่างนั้นพวกพี่ขึ้นไปอาบน้ำกันก่อนนะดิว “ พี่ดรีมหันมาบอกผม พี่ๆก็คงอยากให้ผมอยู่กันตามลำพังพ่อแม่ลูก(แม้ว่าแม่จะอยู่ในร่างผู้ชายก็ตาม นั้นคือแอ้ ) 

                       “ใครอยากฟังพ่อร้องเพลงบ้าง” ผมถามเด็กๆ ผมหันไปหยิบกีตาร์มาถือไว้

                       “เย้ๆ”ทุกคนร้องดีใจและพากันยกมือขึ้นไม่เว้นแม้แต่มิ้น รายนั้นไม่รู้ว่ารู้เรื่องไหมแต่ยกเอาไว้ก่อน

                       “นั่งข้างๆพ่อแอ้กันนะ”ผมพูด น้องมีนก็ไปนั่งข้างๆพี่แฝดส่วนแอ้นะอุ้มมิ้นไว้ จะได้นั่งฟังกันอย่างสงบสุข ฮาๆ

                       “เพลงนี้พ่อขอมอบให้ พ่อแอ้นะ “ ผมพูดและเริ่มบรรเลง ผมชอบเล่นกีตาร์ ผมเคยมีวงดนตรีกับเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันที่โรงเรียนมัธยมแล้ว

                     “ I found a love for me
Darling, just dive right in and follow my lead
Well, I found a boy, beautiful and sweet
Oh, I never knew you were the someone waiting for me
‘Cause we were just kids when we fell in love
Not knowing what it was
I will not give you up this time
But darling, just kiss me slow, your heart is all I own
And in your eyes, you’re holding mine
-
-
-Well I found a man, stronger than anyone I know
He shares my dreams, I hope that someday I’ll share his home
I found a love, to carry more than just my secrets
To carry love, to carry children of our own
We are still kids, but we’re so in love
Fighting against all odds
I know we’ll be alright this time
Darling, just hold my hand
Be my man, I’ll be your man
I see my future in your eyes
-
-
-
I don’t deserve this
You look perfect tonight
ภาพที่ผมเห็นตลอดที่ผมเล่นกีตาร์และร้องเพลงนั้นคือแอ้กำลังกอดลูกและโยกไปกับจังหวะเพลงที่ผมบรรเลง มันคือภาพที่สวยงามที่สุดแอ้นี้แหละคือแม่ในร่างผู้ชายที่เพอเฟ็คที่สุดของผม

                         หลังจากที่ผมร้องเพลงเสร็จ เสียงปรบมือลูกๆผมก็ดังขึ้น ผมเหลือบไปมองเวลา ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว เลยเวลาเข้านอนของลูกๆผมมาเกือบครึ้งชั่วโมงแล้วและคงต้องพากันไปแปรงฟันก่อนพาเข้านอน ส่วนผมกับแอ้จะอาบน้ำกันทีหลัง หลังจากส่งลูกๆเข้านอนเรียบร้อยแล้ว

                       “ได้เวลาแปรงฟันและเข้านอนนะครับเด็กๆ”

                       “พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไปหาเพื่อนๆ” ผมพูดและวางกีตาร์ลง

                       “พ่อไปส่งได้อะเปล่าโอ้อยากให้พ่อไป โอ้อยากบอกเพื่อนๆว่าเรามีพ่อทีหล่อมว๊าก!”มาริโอ้พูด ทำเสียงได้รู้เลยว่าพ่อหล่อมาก ฮาๆ
                       “ได้ครับ พ่อดิวกับพ่อแอ้จะไปส่งก่อน ดังนั้นเด็กๆต้องรีบเข้านอน เพราะว่าตื่นส่ายพ่อไปส่งไม่ได้นะครับเพราะว่าพ่อแอ้กับพ่อดิวต้องรีบกลับครับ” ผมพูดและมองเด็กๆ มีทำท่าคิดกันด้วย พรุ่งนี้กว่าผมจะไปถึงคงประมาณแปดโมงกว่าๆแน่ๆ และผมก็ต้อนเด็กขึ้นบ้านกัน เพื่อจะได้พากันเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน มิ้นนะพี่โดมมายืนรอแล้ว

                       “มามะมาให้พ่อโดมตบตูนนอนซะดีดี” พี่โดมพูดแต่มิ้นซิโบกไม้โบกมือไม่เอาใหญ่เลยแต่ผมก็ส่งให้ เพราะว่าผมต้องพามีนไปล้างหน้าแปรงฟันกับพี่ๆก่อน  น้องมีนนะโงนเงนเต็มทีแล้ว

                       “ฝันดีครับมิ้น ฟ๊อด “ ผมพูดหอมแก้ม

                       “ฝันดีครับ เอาไว้คราวหน้านะ พ่อแอ้พ่อดิวมาค้างหลายวันจะพาไปนอน วันนี้นอนกับลุงโดมนะ ฟ๊อด” แอ้บอกน้องมิ้น และพี่โดมก็พาเข้าห้องนอนไปทันที

                       “ดิวพาไอ ไอซ์และโอ้ไปแปรงฟันก่อนนะ น้องมีนง่วงมากแล้วแอ้จะพาไปเอง “แอ้พูดผมพยักหน้า

                       “มีน ราตรีสวัสนะครับลูก พ่อดิวรักมีนนะครับ ฟ๊อด”ผมพูดบอกน้องมีนและพาแฝดของผมเขาห้องน้ำก่อน  แต่ละคนรู้หน้าที่ตัวเองเข้าไปก็ไปยืนที่เก้าอี้สำหรับรองเพื่อยื่นให้ถึงขอบอ่างและผมก็บีบยาสีฟันใส่แปรงแต่ละคนก็แปรงฟัน มาริโอ้นี่แปรงไปด้วยร้องเพลงไปด้วย แอคติ้งเยอะเหลือเกินจนผมกลัว ผมไม่อยากให้ลูกไปทางการแสดงเหมือนติ๊กเลย คือพูดง่ายๆ ไม่อยากให้ลูกผมเป็นดารา มีบริษัทโฆษณาติดต่อลูกผมมาหลายครั้งแล้ว เพราะเป็นพรีเซนเตอร์ ให้โรงพยาบาลพ่อผม เขาก็เลยอยากจะได้ลูกๆผมไปถ่ายโฆษณาบ้างแต่ผมปฏิเสธตลอด

                       “เอาละ หนุ่มๆของพ่อขึ้นเตียงนอนได้แล้ว”ผมพูด เตียงเล็กๆสำหรับเด็ก และนอนได้คนเดียวเป็นเตียงรูปรถแข่งของมาริโอ้ ส่วนเตียงของไอและไอซ์เป็นเตียงที่ใหญ่กว่ามาริโอ้ นอนได้สองคน ทำไมทั้งคู่นอนด้วยกัน เพราะว่าน้องไอซ์ชอบตื่นมาร้องไห้ละเมอผมเลยให้ไอซ์นอนกับไอจะดีกว่าเขาจะได้ปลอบน้องและเด็กสองคนนี้เขาเกิดมาพอมาวางด้วยกันเขาก็จับมือกันหมับเลย

                       ผมก็ตรงเข้าไปหอมแก้มมาริโอ้ก่อน”ฟ้อด” เสียงดัง แอ้เดินเข้ามาใหน้องนอนลูกแล้ว และผมก็เดินไปหอมแก้มไอกับไอซ์ แอ้ก็หอมแก้มลูกๆทุกคน

                       “เอาละนอนหลับฝันดีนะครับ พรุ่งนี้พ่อไปส่ง “ผมพูดบอกลูกๆแฝดของผม

                       “ครับพ่อแอ้พ่อดิว รักพ่อครับ” พูดพร้อมกัน ผมกับแอ้ฟังจากน้ำเสียงคงจะพากันหลับในไม่กี่นาทีนี้แหละ ผมกับแอ้ก็พากันเดินออก แต่ก่อนจะออก แอ้หันไปมองไอกับไอซ์ ที่นอนกอดกัน ผมพยักหน้าให้แอ้ออกมาจากห้องก่อน

                       “ดิว เราจะปล่อยให้เขาเป็นแบบนี้ไม่ได้ ต่อไปจะแยกกันยากนะ พี่ด้าก็บอกแอ้ว่า ไอนะ หวงไอซ์จนเกินไป ไม่น่าจะใช่พี่น้องแล้วนะดิว” ผมพยักหน้า

                       “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องซื้อเตียงใหม่และให้เหตุผลว่าเราซื้อเตียงที่ใหญ่ขึ้นเพื่อจะได้นอนกันได้คนละเตียง และลูกๆโตกันแล้ว “ ผมพูดบอกแอ้ แอ้พยักหน้าคงต้องตามนั้น ทำไมผมสองคนถึงกังวล เพราะว่า ไอ ไอซ์และมาริโอ้ เกิดจากไข่ของแอ้และสเปิร์มของผม ถึงจะฝากไว้ในครรภ์ของผู้หญิงที่อุ้มบุญ เด็กก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนอุ้มบุญในทางสายเลือด เขาเป็นลูกของผมสอง และนั้นก็แปลว่าพี่น้องกันแท้ๆ จะปล่อยมารักกันเกินพี่น้องไม่ได้อีก ผมกับแอ้ต้องทำอะไรสักอย่าง

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)วันเกิดลูกP2
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-11-2020 19:02:21
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)วันเกิดลูกP2
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 04-11-2020 20:40:03
แฮปปี้กันหมด  :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)คุณพ่อวัยใส
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 05-11-2020 07:03:27
     

 (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)คุณพ่อวัยใสจะไปส่งลูก

            Part’s ดิว  ผมตื่นมาแต่เช้าก็ค่อยๆลืมตาขึ้นด้วยอาการงัวเงีย เมื่อคืนหลังจากที่ผมส่งลูกเข้านอน ผมก็กลับมาอาบน้ำกับแอ้ เมื่อคืนแค่อาบน้ำจริงๆ ไม่ได้ทำการบ้านกัน เพราะว่าคืนก่อนแอ้จัดหนักให้ผมไปแล้ว ดิวรักเมียครับและแม่ของลูกต้องถนอมกันหน่อย แต่ที่เพลียก็เพราะว่าผมกรอกเอกสารที่จะสมัครเข้าเรียนแพทย์ทหารให้เสร็จ ส่วนแอ้นะเขากรอกใบสมัครเข้าเรียนโรงเรียนทหารเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

           แต่นี้แอ้ไปไหนนะ ผมก็รีบลุกขึ้น ผมเห็นชุดนักเรียนแขวนไว้แล้ว แอ้เป็นภรรยาที่น่ารักมากจริงๆ ถ้าอยู่บ้านนี้แอ้จะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ผมหมด ผมคิดว่าแอ้คงไปที่ห้องแฝดแน่ๆ ผมเดินไปห้องนอนลูกชาย ผมได้ยินเสียงแอ้คุยกับลูกๆดังมาจากในห้องนอน

                       “พ่อแอ้ ไข่กับไก่อะไรจะเกิดก่อนกันนะ” มาริโอ้กำลังชวนแอ้คุยขณะที่แอ้แต่งตัวให้ ผมเห็นไอกับไอซ์ที่นั่งรออยู่ ไอนั่งตัวติดกับไอซ์ตลอด
                       “อะแฮม”ผมทำเสียงกระแอม แอ้หันมามองผม

                       “ตื่นแล้วเหรอดิว” แอ้หันมาถามผม

                       “ทำไมไม่ปลุกดิวมาช่วยละแอ้” ผมถามแอ้

                       “เห็นดิวนอนดึกนะ และดิวต้องขับรถอีก เลยอยากให้พักผ่อนเต็มที” แอ้พูดบอกผม

                       “ลูกๆพ่อหล่อจังครับ” ผมชอบทั้งสามหนุ่มของผม

                       “เสร็จหรือยังครับ ลุงด้าจะได้พาไปทานอาหารเช้า พ่อแอ้เขาทำไข่ม้วนไว้ให้นะ “ พี่ด้าเดินมารับเด็กๆและยังสปอยด์ลูกผมว่าแอ้ทำไข่ม้วนเอาไว้ให้อีก ผมก็เลิกคิ้วสูง นี้ยังมีเวลาลงไปทำไข่ม้วนให้ลูกๆอีกเหรอ สุดยอดคุณแม่จริงๆ

                       “เย้ๆ “ ทั้งสามหนุ่มยกมือกันและพี่ด้าก็พากันลงไป

                       “ไปรีบแต่งตัวดิว “ แอ้หันมาเร่งผม และผมก็พากันเข้าห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ระหว่างช่วยกันแต่งตัวผมกับแอ้หันมาช่วยกันติดกระดุมเสื้อกันและกัน ผมกับแอ้ทำแบบนี้ทุกวัน เพราะว่าเมื่อก่อนแอ้จะนอนบ้านเดียวกับผม ช่วงที่อาภีมไปช่วยงานลุงหนึ่ง

                       “แอ้ทำแซนวิชเอาไว้เราไปทานกันในรถนะดิว เพราะว่าถ้าทานที่นี่จะไม่ทันเวลา” แอ้บอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินเข้าไปไปประชิดตัวแอ้ และโอบเอวแอ้ผมก็ประกบริมฝีปากที่หนาได้รูปกับริมฝีปากบางสวยของแอ้

                       “ไปเถอะดิวเดี๋ยวสาย” แอ้พูดก็พยักหน้าและพากันหยิบกระเป๋าเป้และเดินลงไปชั้นล่าง

                       “พ่อนะออกไปตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะดิว “ แอ้พูดบอกผม ผมพยักหน้า

                       “พี่แดนขับรถไปกับพ่อและพ่อพาน้องมีนไปพร้อมกันเลยเพราะวารถพ่อมีคาร์ซีทหลานอยู่นะดิว  และพ่อยังบอกอีกว่าจะตรวจสุขภาพหนึ่งขวบและรับวัคซีนอีกด้วย “ แอ้บอกผม

                       “เสียดายแอ้ไมได้อยู่กอดน้องมีนตอนที่โดนฉีดยาอ่ะดิว” แอ้พุดผมก็แตะที่แขนแอ้เบาๆ ระหว่างที่ผมกำลังเดินลงบันไดก็เห็นพี่ๆผมยืนรออยู่ พี่โดม พี่ดรีม พี่ด้า และแฝดของผมที่ยืนรอไปสถานอนุบาลเด็กเล็ก

                       “นั้นไง พ่อลงมา แว้ว!! “ มาริโอ้หันมาตะโกนบอกลุงๆเขาแต่ว่าลงมาแว้วนี้ซิ

                       “ลงมาแล้ว!!” พี่ๆผมพูดออกมาพร้อมกันเลย พี่หมอโดม พี่ดรีมแลพี่หมอด้า

                       “คิก คิก คิก” มาริโอ้ยืนหัวเราะ ผมกับแอ้ก็ขำเหมือนกัน ลูกผมเป็นคนตลก ส่วนอีกคู่ไอกับไอซ์เขายืนตัวติดกันเหมือนเดิม

                       “ลุงว่าคนนี้ไม่น่าจะต้องไปศูนย์เด็กเล็กแล้วมั้งครับ ไปเข้าตลกอเคเดมี่เถอะลูกเอ่ย จบมามีงานเลย” พี่ดรีมพูด

                       “เอาละ ดิวพี่ขับรถเราไปก่อนนะและเราก็ไปส่งลูกๆเรา แล้วค่อยไปเปลี่ยนรถกับพี่แล้วกัน” พี่โดมพูด ผมก็ส่งกุญแจให้พี่โดม ขับรถกระบะของผมไปแทนและผมก็รับกุญแจรถตู้ที่ลูกผมนั่งมาจากพี่ดรีม ขณะที่ผมกำลังจะดันลูกแฝดไปขึ้นรถ และแอ้กำลังจะหันไปอุ้มน้องมิ้นมาใส่รถของผมเช่นกัน

                       “เออ…..เดี๋ยวนะ นี่จะไปส่งลูกๆเข้าเรียนกันแบบนี้เหรอครับ คุณพ่อวัยใส “ พี่ดรีมร้องทักผมสองคน ผมหันมามองหน้ากันและหันไปพยักหน้ากับพี่ดรีมก็ใช่ไงครับ

                       “ใช่ไงพี่ดรีมลูกๆขอให้ผมกับแอ้ไปส่งเขาน่ะพี่” ผมบอกพี่ดรีม

                       “เออ ..จะไปกันทั้งชุดนักเรียนแบบนี้เหรอครับ ผู้ปกครองเพื่อนร่วมห้องลูกมึงไม่ซักถามขนาดเอาไปเขียนชีวประวัติกันแย่เหรอครับ ยังอยู่วัยมัธยมแต่ลูกด้ก ดก ” พี่ดรีมพูด ทำเอาผมสองคนก้มดูชุด เออ จริงด้วย ผมสวมชุดนักเรียนม.ปลายแบบนี้ (ความจริงพวกผมจบกันไปแล้ว)

                       “เออว่ะ ดิว “ พี่โดมอีกคน ที่ยืนเกาหัวและทำท่าจะหัวเราะผม

                       “เออ แอ้ก็ลืมคิดไปว่ะดิว” แอ้พูดผมก็หันซ้ายแลขวา

                       “งั้นก็ขอไปเปลี่ยนชุดเลยแล้วกันพี่พาเด็กๆขึ้นรถเลยพี่” ผมพูดบอกและผมกับแอ้ก็วิ่งขึ้นห้องรีบถอดชุดนักเรียนมัธยมปลายออกทันที เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทนเสื่อยืดกางเกงยีนส์ และผมสองคนก็วิ่งลงมาชั้นล่าง ผมก็ขึ้นไปบนรถมินิแวน ลูกๆอยู่ในรถกันหมดแล้ว มิ้นนั่งหลังกับมาริโอ้ ไอและไอซ์เขานั่งตรงกลาง

                       “เอาละพร้อมหรือยังครับ”ผมกับแอ้เข้ามานั่งในรถและหันไปถามเด็กๆ

                       “เย้ๆ”เสียงพร้อมเพียงกันมาก ผมก็ออกรถ ผมหันมามองแอ้ เห็นแบบนี้แล้วผมกับแอ้ไม่อยากกลับไปเรียนเลยอยากอยู่ดูแลลูกๆของผม ผมขับไปจนถึงศูนย์สำหรับดูแลเด็กเล็กของค่ายทหาร ที่นี้จะรับดูแลเด็กเล็ก ตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ว่าได้แต่ส่วนใหญ่แรกเกิดพ่อแม่เด็กจะดูแลกันเองแต่พอกลับไปทำงานบางครอบครัวไม่มีคนมาช่วยก็จะนำมาให้ครูและพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมดูแลแทน 

                       “เอาละถึงแล้วครับเด็กๆ โรงเรียนของหนู” ผมพูดบอกลูก เพราะว่าลูกๆจะเข้าใจว่านี้คือโรงเรียนของพวกเขาและผมก็เดินไปเปิดประตูเลื่อน เด็กๆพากันเดินลงมา ส่วนแอ้เข้าไปอุ้มมิ้น
                       
                       “อ่า!!!”

                    “ดิว!! มิ้นไม่ยอมลง!!” แอ้เรียกผมเสียงหลง ผมเดินไปดู มิ้นยึดคาร์ซีทแน่นเลย
                       
                       “แอ้ไปดูแฝดแล้วกันดิวจัดการเอง” ผมพูดและจัดการแกะมือเหนียวๆ ลูกชายคนเล็ก
                       
                       “มิ้นไปลูก ครูโมรออยู่! “ผมพูดและแกะมือนั้นออกทีละมือ

                       “ทำไมแสดงอาการรักโรงเรียนขนาดนี้ ไปเถอะ!!” กว่าจะงัดออกมาได้จากคาร์ซีท เล่นเอาเหงื่อแตกเลยผม

                       “ฟู่! “ผมพ่นลมหายใจออกมาทันที และมองลูกมิ้นตัวแสบ ทำหน้างอคอหัก มองผมกับแอ้ ทำท่าเบะปากใส่ผมสองคนทันที เหล่ตามองพี่ด้วยและทำท่าเอี้ยวตัวจะกลับไปขึ้นรถ ผมก็ขืนเอาไว้และส่ายหัวว่าไม่ได้ มิ้นหันมาทำตัวตรงเหล่ตาขึ้นมองซ้ายทีขวาทีนั้นคือมองผมกับแอ้นั้นเอง

                       “คิก คิก คิก” ส่วนพี่ๆแฝดสามยืนขำน้องชายคนเล็กกันใหญ่เลย  ผมพากันเดินเข้ามาในศูนย์เด็กเล็ก ก็มีส่วนกับผู้ปกครองที่มาส่ง แต่ละคนก็รู้จักผมกันดี เพราะว่าเป็นลูกหลานเจ้าของค่ายทหารแห่งนี้ พากันยิ้มทักทายผม ผมก็ทักทายกลับก็เช่นกัน 

                       “เอาละ ไหนละครูนุ่น”ผมถามเด็กๆและมองหาครูนุ่น

                       “ออโต้” เสียงมาริโอ้เรียกใครสักคนน่าจะเพื่อนกัน ผมก็เห็นเด็กอ้วนๆวิ่งมาหามาริโอ้ และอีกคนก็ผอมจนอยากจะบอกไปว่า อย่าวิ่งมากลูกล้มไปกระดูดอาจจะหัก และทั้งสองก็วิ่งมาหยุดที่ลูกแฝดของผม

                       “ออโต้ วันนี้พ่อเรามาส่งนะ เรามีพ่อ!!” มาริโอ้บอกเพื่อน ผมกับแอ้ก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

                       “คนไหนอะพ่อของพวกนาย” ถามว่าคนไหน พ่อ

                       “นี่ไง” ทั้งสามคนชี้มาที่ผมสองคน ผมก็พยักหน้าใช่ไง

                       “สองคนเลยเหรอ พวกนายมีพ่อสองคนเหรอ” คนผอมเงยหน้าถามมาริโอ้ ไอและไอซ์ ผมหันมามองแอ้ เหมือนจะงานเข้านะ แอ้ส่ายหัวเล็กและชี้มาที่ผม นั้นคือผมแสดงตัวคนเดียว ผมส่ายหน้าไม่ได้หรอก ผมต้องยืดอกว่าผมมีเมียเป็นผู้ชาย

      “พ่อเราสองคนเลย!!” แฝดของผมตอบพร้อมเพียงกันมาก

      “พวกนายมีพ่อสองคน!!” เพื่อนของลูกผมสองคนร้องออกมาพร้อมๆกัน

                       “ใช่ไง แล้วนายมีพ่อกันกีคนละ”แต่มาริโอ้ชิ้งถามกลับไปซะก่อน ที่ผมจะอ้าปากอธิบายอะไร

                       “คนเดียว” เด็กคนอ้วนตอบและหันไปมองคนผอม
         
                     “หว่าน้อยจัง!”ผมสะบัดหน้าไปมอง เขาถูกแล้วลูกโอ้

         “น้อยไปเหรอ?” เพื่อนของลูกผมรีบถามกลับทันที “ใช่น้อยไปนะ!” อันนี้หนักกว่าอีกนะ ลูกชายผมมาริโอ้พูด   ผมค่อยโน้มตัวลงกระซิบกับมาริโอ้ว่า  “ไม่น้อยลูกเขาถูกแล้วโอ้” ผมยิ้มให้เพื่อนๆของลูกและก้มลงกระซิบกับมาริโอ้ ลูกชายตัวดีเงยหน้าขึ้นมองผมแบบไม่เข้าใจ

                       “เหรอ! งั้นเราจะบอกให้แม่เราหาพ่อเพิ่มนะจะได้มีหลายคนเหมือนพวกนาย” ผมก็ต้องพากันยืนอึ้งกิมกีกันสองคน พูดมาแบบผมกับแอ้ไปไม่ถูกเลย
         
                       “ถ้าทางจะงานเข้าว่ะดิว เออ มองหาครูนุ่นเถอะดิว” แอ้กระซิบบอกผม ผมก็เห็นครูนุ่นกำลังเดินออกมา ผมรีบยกมือขอความช่วยเหลือ

                       “อ้าว! แอ้ ดิว มาส่งน้องเองเลยเหรอค่ะวันนี้” ครุนุ่น เป็นครูอนุบาลที่นี่ รู้จักครอบครัวผมกับครอบครัวแอ้ดี ครูนุ่นเป็นเพื่อนกับพี่ดิมและพี่อ้นมาก่อน ดังนั้นครูนุ่นจะค่อนข้างเข้าในลูกๆผมเป็นอย่างดี

                       “สวัสดีครับครูนุ่น “ผมพูดและครูนุ่นก็กางแขนมารับมิ้น มิ้นหันไปมองครูนุ่นก่อน

                       “สวัสดีครับครูนุ่นก่อนซิลูก” แอ้บอกลูกแฝดของผม แต่ละคนก็ยกมือไหว้ ส่วนผมก็ชี้ให้ครูนุ่นดูเด็กอ้วนเด็กผอม ที่ยืนมองผมกับแอ้

                       “ออโต้ กับ เต้ย มายืนทำอะไรตรงนี้คะ” ครูนุ่นถามเด็กสองคน

                       “มาริโอ้เรียกพวกเรามาดูคุณพ่อเขานะครับครูนุ่น แต่พ่อของมาริโอ้เขามีสองคนอ่ะครับ” ครูนุ่นก็หันมามองผมสองคน และหันไปพยักหน้าว่าใช่สองคน

      “ แต่พวกเรามีคนเดียวอ่ะครูนุ่น “ คนอ้วนพูดขึ้น ครูนุ่นหันมามองหน้าผมสองคนอีกทีและผมสองคนก็พยักหน้าว่าใข่แล้วครับ “งานเข้า” ครูนุ่นคงเข้าใจทันที

                       “อ้อ! เดี๋ยวครูนุ่นอธิบายทีหลังนะลูก ไปเล่นกันตรงโน้นก่อนนะ “ ครูนุ่นพูด และหันมายิ้มให้ผม และรับน้องมิ้นไป

                       “เดี๋ยววันนี้น้องมิ้นอยู่กับครูนาก่อนนะคะ เพราะว่าครูโม”

                       “ครูโมท้องแตก”มาริโอ้
           
                       “ห๊ะ?” อันนี้ผมเองครับที่ตกใจ  ผมก้มลงมองลูกชาย

                       “พ่อๆ อย่าซื้อแตงโมให้โอ้กินนะ โอ้กลัวท้องใหญ่มากๆเหมือนครูโม ครูโมกินแตงโมเยอะไป” มาริโอ้พูดและทำมือว่าท้องโต 

                       “ครูโมท้องยังไม่แตกลูก แต่ครูโมเขาลานะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูโมมานะ ไปเล่นกับเพื่อนก่อนไหม” ครูนุ่นพูดและหันมายิ้มแหยๆกับผมสองคน ครูนุ่นขวักมือเรียกครูอีกคนน่าจะครูนาให้มารับมิ้นไปดูแลวันนี้ ไอก็จับมือไอซ์เดินไปหาเพื่อนแต่มาริโอ้นะวิ่งไปก่อนแล้ว และเพื่อนๆก็รับอยู่แล้วด้วย

                       “ลูกผมสองคนเป็นยังไงบ้างครับครูนุ่น” แอ้หันไปถามครูนุ่น

                       “เด็กๆก็ปกติดีนะคะ แอ้ดิว ”ครูนุ่นพูดก่อนะจะหันมามองผมเหมือนมีคำถามว่าทำไมผมสองคนถึงถามขึ้น

                       “คือผมแค่กลัวว่าเขาจะรู้สึกแตกต่างจากเพื่อนไหม เข้ากับเพื่อนได้ดีไหม”แอ้พูด

                       “ไม่นะคะ พี่พยายามไม่ให้เขาดูแตกต่างจากเพื่อน และถามว่าเข้ากับเพื่อนๆได้ไหม ได้นะคะ “

                       “ มาริโอ้เนี๊ยะเพื่อนๆรักเพราะว่าเขาช่างพูดช่างเจรจา ช่างสักช่างถาม เขาน่ารัก เลยเข้ากับเพื่อนๆได้สบาย “ครูนุ่นพูด ผมก็พยักหน้าเพราะว่ามาริโอ้นี้พูดเก่งประจำบ้าน

      “แม้กระทั้งผู้ปกครองยังทักทายเขาเลยนะคะ จนผู้ปกครองชมกับพี่มาหลายคนแล้วบอกว่ามาริโอ้เขาน่ารัก อัธยาศัยดี “ ครูนุ่นพูดผมก็หันมามองหน้ากันพยักหน้าว่าโล่งอกไปหนึ่งสำหรับมาริโอ้

                       “ส่วนไอซ์เขาก็จะมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งของเขา ดังนั้นเพื่อนของเขาก็จะสไตล์เดียวกัน จะมีไม่กี่คน ก็จะมีไทม์ ใบเฟิร์น และน้องจีน่านี่แหละค่ะ เพื่อนเล่นของไอซ์เขา ”

                       “แล้วคนอื่นเขาไม่อยากเล่นกับลูกผมกันเหรอครับพี่นุ่น”ผมถามครูนุ่น

        “ใครบอกล่ะคะ อยากเล่นค่ะแต่ …”ครูนุ่นและหยุดไว้แค่นั้น ผมว่าครูนุ่นหมายถึงไอแน่ๆเลย
                       
                       “ส่วนไอนี้ พูดน้อยค่ะ ต่อยหนักไปนิด และหวงน้องมากไปหน่อย ” ผมกับแอ้ก็พยักหน้าออกมาพร้อมๆกัน และพรูลมหายใจออกมายาวๆ ครูนุ่นคงเข้าใจความหมายของผมดีว่า ผมสองคนก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน จะให้แยกออกก็สงสารลูก

                       “เขาทำเพราะว่าเขาหวงไอซ์เหรอครับ พี่นุ่น” แอ้ถามขึ้น

                       “ยอมรับค่ะ ใครแตะต้องไอซ์นี้ โดนทุกราย วันก่อนก็ตาเขียวไปหนึ่งคน  แต่ว่าเขาชอบเล่นแรงๆและทำไอซ์เจ็บด้วย พี่ชายเลยจัดไป พ่อแม่เด็กตอนแรกก็โมโหนะแต่เพื่อนๆในห้องบอกว่าเขาแกล้งไอซ์ก่อน เรื่องก็เลยจบค่ะ” ครูนุ่นพูดและหันมามองหน้าผมสองคน

                       “แต่ที่ผมกลัวมากเลยนะพี่นุ่น ผมกลัวว่าเขาเห็นครอบครัวคนอื่นมีทั้งพ่อทั้งแม่เขาจะคิดว่าเขาขาดหรือเปล่า” แอ้พูด ผมหันมามองแอ้ ที่ยืนมองลูกๆเล่นกับเพื่อนๆโดยเฉพาะมาริโอ้ ดูเขาก็สนุกสนานกับเพื่อนๆดี

                       “แอ้ ดิว ไม่ใครสมบูรณ์แบบไปทุกครอบครัวหรอกค่ะ เด็กในนี้ บางคนก็มีแค่พ่อ และบางคนก็มีแค่แม่ หรือบางคนไม่มีเลย” ครูนุ่นพูด ผมสองคนก็รู้ ในนี้มีแต่ครอบครัวทหาร บางคนก็เสียชีวิตจากการปะทะกับคนร้าย เพราะว่าหน่วยงานของผมขึ้นอยู่กับเอกชน ดังนั้นจะมีถูกส่งไปเป็นทหารจ้างในพื้นที่เสียงอันตราย แต่ก็ได้ค่าตอบแทนค่อนข้างสูง
      “สำคัญที่ว่าเราเติมยังไงให้เต็มให้เด็กไม่รู้สึกขาด และพี่ก็เชื่อว่าลูกๆของแอ้และดิวน่ะ  เขาไม่รู้สึกขาดอะไรเลยะน่ะ เพราะว่าเขาได้รับความรักจากแอ้และดิวมากพอจนมันไม่มีที่ว่างแล้วและไหนจะ ปู่  ลุงและอาเขาอีกและค่ะ “ ครูนุ่นพูด ผมหันมามองแอ้ ผมเห็นด้วยกับที่ครูนุ่นพูดนะ

                       “ถามว่าเขาเคยถามพี่ไหมเวลาเห็นครอบครัวอื่นๆ”

       “เขาก็ถามนะ เคยถามว่าแม่คืออะไร ทำไมเขาไม่มี” พ่อครูนุ่นพูด แอ้หันมามองหน้าผม

                      “พี่ก็อธิบายกับเขาไปตรงๆนะว่าแม่คือคนที่อุ้มท้องเรามาด้วยความรัก” พอพี่พูดแบบนี้เขาสามคนก็เงียบ” ครูนุ่นพูดและหันมามองหน้าผมสองคน แอ้เริ่มจะหน้าซี้ด

                       “พี่ก็ถามเขาว่าเราอยากมีแม่เหรอ แล้วพ่อดิวกับพ่อแอ้ เขารักเราสามคนไม่ใช่เหรอ เรารักพ่อแอ้ดิวกันหรือเปล่า” พี่นุ่นพูด แอ้หันมามองครูนุ่น

                       “เขาสามคนก็บอกพี่นะ ว่าเขารัก เขารักพ่อแอ้กับพ่อดิว “

                       “แล้วทำไมถามหาแม่ละ ถ้ามีแม่แล้วเราจะรักแม่หรือเปล่า” พี่นุ่นพูด

                       “เขาก็บอกพี่นะเขาไม่รู้ แต่เขารู้ว่าเขารักแอ้กับดิวมากกว่า อยากอยู่กับพ่อแอ้กับพ่อดิว ไม่อยากไม่อยู่กับคนอื่น พี่ก็ถามเขาอีกนะว่าทำไมละ”

                       “มาริโอ้บอกว่า เขาไม่รู้ว่าคนนั้นจะรักเขาไหมแต่พ่อแอ้พ่อดิวรักเขาแน่ๆ นี้คือคำพูดของมาริโอ้ นะแอ้ดิว”พี่นุ่นพูด ผมว่าแอ้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยแน่ๆ แอ้ยิ้มออกมาในทันที

                       “แอ้ดิว พี่เชื่อว่าไม่มีอะไรมาแทนที่ความรักได้หรอก และเขาเห็นความรักของแอ้กับดิว เขานึกภาพมันออกมากกว่า แต่ที่เขาถามพี่ก็คงเพราะว่าแค่เห็นว่าเขาไม่มีเหมือนกับคนอื่นก็แค่นั้น “ ครูนุ่นพูดและหันมายิ้มให้ผมสองคน
           
                       “ขอบคุณมากๆเลยนะครับพี่นุ่น แอ้นะเขาคิดมากเรื่องนี้ตลอดเลยครับ ผมว่าตอนนี้เขาดีขึ้นแล้วแหละ” ผมพูดและหันไปมองแอ้

                       “พี่นุ่น ผมสองคนต้องขอตัวนะครับ ผมต้องไปแล้ว” ผมพูดบอกครูนุ่น
                       
                       “น้องไอ น้องไอซ์ น้องโอ้ มานี้เร็วพ่อแอ้พ่อดิวจะกลับแล้วลูก”ครูนุ่นเรียกลูกแฝดของผม พวกเขาก็วิ่งมาหาผมไอซ์มาถึงก็กอดแอ้ ผมก็กอดมาริโอ้และไอ

                       “พ่อไปแล้วนะเด็กๆ พ่อจะมาหาทุกอาทิตย์ “ ผมพูดบอกลูกๆผม

                       “เดินทางปลอดภัยนะคะและไม่ต้องห่วงน้องๆพี่ดูแลให้ค่ะ  “ครูนุ่นบอกผมและพาแฝดผมกลับเข้าไป ตอนนี้คงใกล้เวลาเข้าห้องเรียนแล้ว ผมกับแอ้หันมามองหน้ากันและจำใจเดินออก ผมเห็นแอ้เหลียวหลังไปมองลูกตลอด มองจนผมสองคนขึ้นไปบนรถและผมก็ต้องเอารถไปเปลี่ยนที่โรงพยาบาลพ่อผมด้วย 
         
         //พี่ดรีม ผมเอารถมาเปลี่ยนแล้วพี่ ผมจอดไว้ที่ตรงที่จอดรถประจำตำแหน่งของพี่นะ “ ผมโทรบอกพี่ดรีม
         //ดิวเข้ามาเอากุญแจรถที่พี่เลย ห้องตรวจเด็กนะ เพราะว่าไอ้หมอโดมมันเข้าห้องผ่าตัดไปกับอาจารย์หมอแล้ว///

         //โอเคพี่ดรีม// ผมพูดกับแอ้ ผมพากันเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ตรงไปแผนกเด็กทันที ผมเห็นพี่หมอด้ากำลังยืนอยู่กับกลุ่มแพทย์เอ็กซ์เทิร์น ที่มายืนฟังเพื่อเป็นเครสตัวอย่างในห้องฉุกเฉิน ผมรีบเดินผ่านไปหาพี่ดรีม

      “สวัสดีครับ ผมมาหาพี่ดรีมครับ” ผมเดินตรงไปยังพยาบาลที่โต๊ะซักประวัติ เขาก็เงยหน้ามองผมพร้อมกับส่งยิ้มให้ ผมสองคน

      “เข้าไปได้เลยค่ะ พี่ยังไม่ได้ส่งคนไข้เข้าไปหาคุณหมอดรีมค่ะน้องดิว” พี่เขาพูดผมพยักหน้าขอบคุณ ผมเห็นแอ้ยืนมองเด็กๆ ที่ร้องไห้กระจองงอแงกันเป็นแถว ก่อนจะเดินเข้าห้องตรวจพี่ดรีมนั่งอยู่พี่หมอดรีมผม สวมเสื้อกาวน์ บนโต๊ะมีของเล่นเอาไว้หลอกล้อเด็กๆตอนตรวจ

      “นี่ครับคุณพ่อวัยใส ส่งลูกแล้วใครร้องไห้ พ่อหรือลูก” พี่ดรีมส่งกุญแจให้ผมพร้อมกับแซวผมหับแอ้มันที 

      “พี่ดรีม พี่รู้ไหมว่าลูกผมนะไปต่อยเด็กที่นั้นนะ” ผมถามพี่ดรีม

      “เออ พี่ลืมบอกไปว่ะ ว่าลูกไอมึงนะครับ ไปวัดสายตาประกอบแว่นให้เขามาว่ะ สองข้างเลย “พี่ดรีมพูดและมองหน้าผมสองคน

      “เห้ย!! สองข้างเลยเหรอ?” ผมถามพี่ดรีมแอ้หันมามองหน้าผมพร้อมกับพรูลมหายใจออกมาและส่ายหัวไปด้วยพร้อมๆกัน

      “แล้วนี่เขาไม่ว่าเอาเหรอ”

      “ไม่” ผมก็มองพี่ดรีมจริงๆอ่ะ

      “ไม่เหลือ” พี่ดรีมพูด ผมยืนเอามือเท้าเอว

      “พ่อไปรับหน้ามา เลยจบลงด้วยดี” พี่ดรีมพูด ผมหันมามองแอ้ พยักหน้าก็คงต้องจบแหละเพราะว่าใครเขาก็เคารพพ่อผมกันทั้งนั้น

      “เขาเอาลูกไปเรียนที่อื่นแทนไง จบสวยไหมมึง” ผมกับแอ้ไถลเลยครับ

      “สวยมากพี่ดรีม!!” อันนี้ดิวประชดครับ “ แล้วพ่อไม่โดยเขาว่าเอาเหรอ” ผมถามพี่ดรีมผมนี้เห็นใจพ่อผมเลย พ่อรับเรื่องแทนผมก็เยอะยังมาเจอหลานอีก

      “เขาเอาไปที่อื่นเพราะว่าผู้ปกครองคนอื่นก็บ่นว่าเด็กน่ะ เกเรว่ะดิว ลูกๆคนอื่นเขาก็ไม่อยากเล่นด้วย แต่เด็กนี้เห็นไอซ์ไม่โต้ตอบและไอมันหวงมาก  ก็เลยแหยๆน่ะ แต่ลืมไปมันแหยนวดเสือว่ะ จากสองตาเป็นสี่ตาไปในพริบตา “พี่ดรีมพูดปนหัวเราะแต่ผมสองคนหัวเราะไม่ออกครับ ลูกไปต่อยเขานี้ครับโดยเฉพาะแอ้  แอ้นี้คงคิดมากอีกแล้ว เรื่องไอ
   “เสาร์อาทิตย์กลับมาคุยแล้วกัน ยังไงไอก็ฟังดิวกับแอ้นะ และที่เขาทำก็เพราะว่าเขาปกป้องของที่เขารัก แต่รักมากไปหน่อยนะ ถึงขนาดไม่มีใครกล้าแหย่มแบบนี้  กลับมาคราวนี้คุยด้วยเลยนะ เพราะว่ารายนี้เป็นรายที่ ห้าของเดือนนี้ที่โดนต่อยไปนะ” พี่ดรีมพูดผมกับแอ้พยักหน้า

   “ยังไงผมก็จะกลับมาวันหยุดนี้ ใครให้ไปไหนก็ไม่ไปแล้ว มาจัดการลูกก่อน” ผมพูดกับพี่ดรีม

   “เมื่อวานพี่ไม่อยากพูดเพราะว่าเดี๋ยวงานฉลองจะมีน้ำตากัน “ พี่ดรีมพูดและแอบยิ้มให้ผมสองคน

   “พี่ดรีมถ้าอย่างนั้นผมไปนะพี่” ผม

   “ไปเถอะ เด็กๆร้องไห้อยากเข้ามาเจอหมอหล่อแย่แล้ว “ พี่ดรีมพูด ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยพี่ดรีมของผมและผมก็เดินออกมาผมจับแขนแอ้ ส่ายหัวบอกแอ้ว่าอย่าคิดมากเรื่องไอ ผมรีบพากันออกเดินเพื่อจะไปขึ้นรถ กะว่าจะหยิบมือถือมาโทรหาไอ้แจ็คมันซะหน่อยแต่จู่ๆ

      “ขอทางหน่อยครับ ทหารผมบาดเจ็บ!!”

      “ไอ้ดิว เสียงพี่โอม” แอ้ร้องออกมาและใช่ด้วยกำลังแบกทหารเข้ามา ผมก็ดึงแอ้เข้าไปแอบอยู่ด้านข้างตู้กดเครื่องดื่ม ส่วนพี่โอมก็อยู่หน้าห้องฉุกเฉินมันเป็นทางออกแต่ถ้าจะให้วิ่งย้อนไปพี่โอมก็ต้องเห็น  แล้วผมกับแอ้จะออกไปกันยังไงละ

      “ไปโดนอะไรมาคะ อย่าบอกนะว่าโดนยิงมาค่ะ”

      “โดยยิงครับ แต่ไม่ใช่กระสุนปืนแต่เป็นไม้เสียบลูกชิ้นครับผม ร้องโอดครวญขนาดนี้ไม่ต้องถามถึงปืนเลยครับคุณพยาบาล” เสียงพี่โอม ผมก็กดเบอร์มือถือหาพี่หมอด้าก่อน

      // ว่าไงดิว//
      //พี่หมอด้า พี่โอมอยู่ตรงทางออกผมสองคนออกไปไม่ได้//
      //พี่โอมอยู่ไหนละดิว//
      // หน้าห้องฉุกเฉินพี่ด้า///
      //โอเค/// ผมกดวางสายและผมก็เห็นพี่หมอด้าเดินมา และ

   “พี่โอม!!!” พี่หมอด้าเรียกพี่โอม พี่โอมหันมาและมองพี่หมดด้า และพี่หมอด้าก็ควักมือเรียก

   “เดี๋ยวครู จะไปไหนอ่ะครับ” นักเรียนทหารใหม่ของพี่โอมเรียกหันมาพี่โอมเอาไว้อีก ผมสองคนยกมือขึ้นแตะหน้าผาก

   “คุณหมอเขาควักมือเรียกขนาดนี้ไม่ไปได้ยังไงเสียมารยาท ดูแลตัวเองนะ ถ้ามันหยุดหายใจผายปอดไปเลย “ พี่โอมวิ่งไปหาหมอด้าทันที วิ่งผ่านผมสองคนไปโดยไม่ได้สังเกต ผมสองคนก็ “ฟู่” พรูลมออกมาจากปากและพากันวิ่งครับก่อนที่พี่โอมจะหันกลับมาและงานเข้าผมสองคนเอาเพราะว่าแอ้ไม่ได้บอกว่าจะมาที่ค่ายฯกับผม  พากันกระโดดขึ้นรถกระบะของผมและผมก็รีบขับออกทันที ฝุ่นคงตลบอบอวลไปทั่ว
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)คุณพ่อวัยใส
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 05-11-2020 12:42:57
เอ้า เกิดอะไรกันขึ้น
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)เหมือนคนที่คุ้นเคยP1
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 06-11-2020 13:40:05
         
(แอ้VSดิว)เหมือนคนที่คุ้นเคยP1

           Part แอ้  ผมกับดิวไปส่งลูกแฝดผมและน้องมิ้นที่ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก เป็นสวัสดิการสำหรับครอบครัวนายทหารและเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในค่ายและโรงพยาบาลในค่ายทหาร วันนี้ผมกับดิวได้พูดคุยกับครูนุ่น ทำให้ผมรู้ว่าลูกๆรักผมกับดิวมากแต่เขาก็ยังคงมองว่าเขามีไม่เหมือนเพื่อนบางคน นั้นก็คือแม่  ใครคือแม่ ถ้าเอาตามจริงผมก็คือแม่เขานั้นแหละแต่ผมไม่ได้อุ้มท้องเข้ามาแค่นั้น แต่เขาก็เกิดจากเลือดเนื้อของผมกับดิว พ่อก็บอกกับผมกับดิวว่าเด็กกับคนที่อุ้มบุญให้ผมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางสายเลือดแค่อุ้มให้เท่านั้น แต่ความผูกผันอาจจะมีดั้งนั้นพ่อผมต้องทำข้อตกลงที่เคร้งครัดเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้วกับคนคนที่ทำหน้าที่อุ้มบุญให้ผมสองคน

      “แอ้ใกล้ถึงโรงเรียนแล้ว เดี๋ยวดิวจะแวะที่ปั๊มน้ำมันนะ จะได้เปลี่ยนชุดกัน “ ดิวหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ดิวค่อยๆปล่อยมือผม และหันไปหมุนพวกมาลัยรถเพื่อเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมัน

      “เดี๋ยวซื้ออะไรไปกินเลยนะแอ้ “ดิวบอกผม ผมพยักหน้า ดิวนำรถเข้าไปจอดและผมกับดิวก็หยิบเป้ออกมาตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำชายในปั๊มน้ำมันทันที ห้องน้ำไม่ถือว่าสะอาดมากแต่ก็พอใช้ได้ ผมกับดิวแค่เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเท่านั้น ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย และพากันออกมา

      “ไปหาซื้ออะไรทานกัน เอาง่ายๆแล้วกันดิว ในเซเว่นเอาไหม แอ้ไม่ค่อยหิวอ่ะ” ผมบอกดิว ดิวก็พยักหน้าและผมก็เดินตรงเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ต

      “ดิวไปดูเครื่องดื่มแล้วกันนะ แอ้จะดูพวกแซนวิช ขนมปังพอ เพราะว่ายังไงก็ต้องทานอาหารกลางวันอยู่ดี “ผมบอกดิว ดิวพยักหน้าและผมก็เดินไปที่ช่องที่มีพวก แซนวิชทูน่า ผมก็เลือกมาห่อสองห่อ ให้พอประทังความหิวไปก่อน เพราะว่าตอนนี้น่าจะเป็นคาบเรียนที่สามแล้ว ระหว่างที่ผมกำลังเลือกอยู่ ผมหันไปเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ้งที่ยืนมองขนม ขนมรูปหมีมีใส้ช๊อกโกแลตและพวกขนมจุกจิกๆ เห็นแล้วก็นึกถึงลูกๆของผม

      “น้องเซน “ ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาเรียกเด็กคนนั้น ผู้หญิงที่ดูราวๆ สามสิบต้นๆ
      
      “แม่น้องเซนซื้อได้หรือเปล่าครับ”

      “เซน แม่ขอโทษนะ แม่มีมาพอแค่จ่ายค่าไฟกับค่าผ่อนของแค่นั้นเองลูก เอาไว้อีกสองสามวันเงินแม่ออกแม่จะซื้อให้นะครับ” พอผมได้ยินแบบนั้นแล้วทำไมผมเจ็บในหัวใจยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งเห็นใบหน้าที่แสนเศร้านั้นด้วย ผมออกมายืนมองทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแปลก และนี่ก็ทำให้ผมคิดที่ครูนุ่นพูดว่า ไม่มีครอบครัวใครสมบูรณ์แบบหรอกดังนั้นผมจึงเดินเข้าไปและหยิบขนมที่น้องเขาหยิบมาดูแต่แม่ของเขาบอกว่าซื้อให้ไม่ได้มาถือเอาไว้และขนมน่ารักๆอีกสองสามอย่าง รวมๆแล้วก็ไม่น่าจะเกินสองร้อยบาท ไม่ใช่ผมไม่มีเงินนะแต่ถ้าซื้อให้เยอะเกินแม่ของเขาจะไม่กล้ารับ และผมก็เดินหาดิว ดิวมองหน้าผมและมองขนมที่ผมหอบมาด้วย

      “แอ้ ลูกไม่ได้มากับเรานะแอ้ “ ดิวถามผมปนหัวเราะ

      “เอานะ”ผมพูดและหันไปเหล่มองเด็กน้อยที่ยืนเกาะขาแม่ของเขา ดูแล้วน่าจะแก่กว่าลูกผมปีสองปีเอง

      “พี่ค่ะ ระบบมันช้านะคะ รบกวนพี่รอก่อนได้ไหมคะ และขอหนูคิดเงินให้น้องเขาก่อนค่ะ” พนักงานหน้าเคาเตอร์บอกผู้หญิงคนนั้น ผมก็ยังมองเด็กน้อยนั้น หน้าตาเขาเหมือนผมคุ้นเคย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ และผมก็เอาขนมวางไว้ที่หน้าเคาเตอร์

      “ขนมนี้ผมรบกวนแยกใส่ถุงให้หน่อยนะครับ” ผมบอกพนักงาน ดิวก็มองหน้าผมเลิกคิ้วมอง ผมก็แค่ยิ้มให้  ผมหนไปเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินไปอีกเคาเตอร์หนึ่งชำระค่าไฟและค่าผ่อนสินค้าตามที่เขาได้บอกลูกของเขา

      “แอ้ไปยังเสร็จแล้ว”ดิวบอกผมและผมก็รับถุงใส่ของมาถือไว้ ผมเดินออกมาพร้อมกับดิว
   
      “ดิวรอแป๊ปหนึ่งดิ” ผมบอกดิว ดิวก็มองผม

      “มีอะไรเหรอแอ้” ดิวหันมาถาม และจังหวะนั้นเองแม่ลูกคู่นั้นก็เดินออกมาพอดี ดูหน้าตาเด็กน้อยแอบเศร้าที่ไม่ได้ขนมที่อยากกิน

      “ขอโทษนะครับ พอดีว่าผมจะซื้อขนมไปให้หลานแต่ลืมไปว่าหลานไม่อยู่บ้าน เออ ผมให้น้องได้ไหมครับ”ผมถามผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าผม และผมก็ส่งถุงขนมที่ผมเพิ่งจะซื้อจากเซเว่นให้เขาดู แม่เขาก็มองลูกชายของเขา

      “คือ”

      “นะครับ และผมก็ไม่ชอบทานซะด้วยมันขนมเด็กนะครับ” ผมพูดและส่งยิ้มให้เด็กน้อย

      “ขอบคุณนะคะ น้องเซนขอบคุณพี่เขาด้วยซิครับ” ผู้หญิงคนนั้นหันไปบอกน้องเซนลูกชายของเขา เด็กน้อยเงยหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้มทีเปื้อนขึ้นบนใบหน้า ผมก็ยื่นถุงนั้นให้ เขาก็รับไปและ

      “ขอบคุณนะครับ พี่สวยจัง” ผมก็สะดุ้ง

      “พี่เขาหล่อต่างหากละเซน” แม่ของน้องเขาปันมาบอกน้องเซน

      “ไม่เป็นไรครับ “ผมพูดและส่งยิ้มให้เด็กน้อย และแม่ของเขาก็พาเด็กน้อยคนนั้นออกไป ผมก็ยังคงยืนมองอยู่จนเขาดิวดึงแขนผมให้ไปขึ้นรถ

      “แอ้ไปขึ้นเถอะ” ดิวบอกผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินตามไปแต่ผมก็ยังหันกลับมามอง

      “แอ้ นั้นลูกเขา” ดิวพูดบอกผม ผมหันไปมองค้อนใส่ไอ้ดิว

      “กูรู้ดิว”ผมบอกไอ้ดิวมัน

      “มองเหมือนจะไปแย้งลูกเขาอย่างนั้นแหละ ไปขึ้นรถเถอะแอ้ “ ดิวก็เร่งผมจังเลยให้ขึ้นรถเพื่อจะได้กลับโรงเรียน พอผมขึ้นไปได้ดิวมันก็หันมามองผมและอมยิ้ม

      “รู้ไหมว่าเวลาแอ้แสดงความรักเด็กๆ รัศมีความเป็นแม่มาเต็มเลย” ดิวพูดแต่มันก็ทำให้ผมนี้อดอมยิ้มให้ๆได้ ดิวก็ขับรถออก ผมก็ก็หันมาแกะนั้นแกะนี้ให้ดิวทาน ระหว่างนั้นผมเหลือบไปเห็นเด็กคนนั้นที่ชื่อเซนเดินเกาะแขนแม่ของเขาดูมีความสุขแต่ทำไมผมถึงมองด้วยอาการอิจฉายังไงก็ไม่รู้เหมือนเขาแย่งของรักผมไปดูแลเลย

      “ทำไมเหรอแอ้ ทำไมมองเขาแบบนั้นละ” ดิวยังหันมาถามผม

      “ไม่รู้อ่ะ เหมือนเด็กคนนี้เคยเป็นของแอ้มาก่อนแต่มันในความฝันที่แอ้เคยฝันอ่ะ ที่เล่าให้ดิวฟังประจำ” ผมหันไปบอกดิวแต่ยังชะเง้อมองเด็กน้อยที่หยิบขนมในถุงที่ผมซื้อให้ออกมาอวดแม่ของเขา ดูรอยยิ้มนั้นซิ 

      “งานระลึกชาติก็มาเมียกู”ดิวมันพูดกับผม

      “โอ้ย!!” ดิวมันร้องเสียงหลง ผมหยิกเข้าที่ต้นแขน เล่นเอารถเสียหลักไปนิดหนึ่ง และดิวก็หันมาลูบแขนตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันมาไปขับรถเหมือนเดิม ดิวแอบขำผมด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดก็คือใบหน้านั้นผมคุ้นเคยมาก ผมนั่งคุยกับดิวเรื่อยเปื่อยส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องลูกนั้นแหละ เรื่องน้องไอกับน้องไอซ์ อันนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเขาเกิดมาก็สนิทกันมาก น้องไอซ์ก็ร้องหาพี่ไอตลอดและไอก็ชอบที่จะแสดงบทพี่ที่รักและหวง เน้นคำว่าหวงเลย ผมกับดิวคงต้องหาวิธีที่เด็ดขาดได้แล้ว

      ดิวนำรถเข้ามาจอดที่โรงเรียนและผมก็วิ่งไปที่ป้อมหน้าทางเข้าโรงเรียนกัน ดิวไม่ลืมที่จะยื่นเอกสารที่พ่อภาทำให้เพื่อให้เราเข้าเรียนสายได้วันนี้ ลุงรปภ. อ่านข้อความและโทรศัพท์ไปที่ห้องฝ่ายปกครอง

      “เชิญครับและรบกวนนำเอกสารนี้ไปให้ห้องธุรการด้วยนะครับ “ ลุงแกก็หันมามองบอกผมสองคน ผมก็รีบวิ่งขึ้นห้องเรียนทันที ตอนนี้คายเรียนที่สามแล้ว ผมวิ่งขึ้นไปที่ห้องเรียนกันก่อนทันที


      “ขออนุญาตครับ” ไอ้ดิวมันรีบขออนุญาตครูที่กำลังสอนอยู่ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ไม่มีพวกภาคินเข้าเรียน

      “เชิญค่ะ ทำไมเพิ่งมาโรงเรียนกันละคะ” ครูที่ทำหน้าที่สอนเอ่ยถามผมสองคน ผมหันไปเจอสายตาไอ้ติ๊กมันมองผมและมันก็หันไปคุยกับพาย

      “นี่ครับเอกสาร” ดิวส่งเอกสารให้ครูที่สอนกำลังสอนอยู่ที่หน้าห้องเรียนดู

      “เชิญไปนั่งที่ค่ะ” แค่นั้นหลังจากที่ครูอ่านเอกสารที่พ่อภาทำให้ ก็สั่งให้ผมสองคนไปนั่ง ผมก็นั่งกับดิวเหมือนเดิม

      “ทำไมพึ่งจะมาว่ะ” ไอ้แจ็คมันหันมาถามผมทันที ผมเงยหน้ามองบอยก็ยิ้มให้ผมก่อน

      “กูกับแอ้ พ่อให้เข้าไปในค่ายด่วน เพราะว่ากูสองคนต้องเตรียมยื่นใบสมัครสอบเข้าแล้วว่ะ”ดิวเป็นคนตอบแทน ผมหันไปมองติ๊ก ติ๊กมันไม่มองหน้าผมสักนิด ผมกันไปมองพาย พยักพเยิดให้มัน แต่พายนิ้วเฉือดคอให้ผม ผมก็ต้องรู้แล้วแหละว่ามันโกรธผมมากแน่ๆ  ผมก็นั่งเรียนไปจนหมดชั่วโมงและติ๊กมันรีบลุกออกไป ผมเดาว่าน่าจะไปห้องน้ำ ผมรีบลุกตามไปทันที

      “แอ้ไปไหน”ดิวถามผมทันทีขณะที่มันกำลังลอกการบ้านเมื่อเช้า
      
      “ไปห้องน้ำ” ผมตอบไอ้ดิว

      “ไปง้อเมียน้อยหรือเปล่า เห็นหน้าเป็นตูดตั้งแต่เช้าแล้ว” ไอ้หลุยส์มันพูดและไอ้แจ็คมันก็แตะมือทันที ผมก็ส่งนิ้วกลางให้อย่างไวก่อนจะออกจากห้องไป ผมรีบเดินไปให้ทันติ๊ก ไปจนถึงห้องน้ำและ

      “หมับ” ผมคว้าแขนติ๊กไว้

      “ติ๊ก มึงโกรธกูเหรอว่ะ” ผมถามติ๊ก

      “มึงไปเอากันมาใช่ไหม ใช่ไหมแอ้!!” ติ๊กมันถามผม ขณะนั้นก็มีคนเดินมาเข้าห้องน้ำและหยุดมองผมกับติ๊ก พายก็รีบเดินเข้ามาอีกคน

      “เห้ย! รอไปคุยกันที่บ้านดีกว่าไหมว่ะ” พายพูดขึ้นและมองหน้าผมสองคน ก่อนชวนให้ผมสองคนหันไปมองรอบๆ

      “อิท น๊อท เยอร์ บิสสิเนส “ ติ๊กมันพูดภาษาอังกฤษใส่คนที่มาใช้ห้องน้ำ

      “วอท เดอ ฟั๊ค อาร์ ยู ลุ๊ก เก็ต อัส! จัสเก็ต เดอะฟั๊กเอาท์!” ติ๊กหันไปพูดเสียงดังผมก็แตะแขนมัน แต่ติ๊กมันสะบัดมือผมออก  และคนคนอื่นก็พากันเดินออก

      “แม่งลูกเจ้าของเรียนแล้วไงว่ะ เขาสร้างไว้ให้มึงใช้คนเดียวหรือไง” พวกที่เดินออกก็พากันบ่นต่อว่าติ๊กกัน ติ๊กมันมองหน้าผม

      “ติ๊ก” พายมันพยายามห้ามติ๊ก

      “ไม่ใช่เรื่องของมึงพาย” ติ๊กมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กและมองพาย ผมมองว่ามันพูดแบบนี้ได้ยังไง

      “เออ งั้นกูไป “ พายมันเดินออกไปเช่นกัน

      “มึงพูดแบบนี่กับพายได้ไงว่ะติ๊ก” ผมถามติ๊ก

      “มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลย ว่ามึงไปเอากันมาใช่ไหม!!”  ติ๊กมันถามผมและเดินก้าวเท้าเข้ามาหาผม

      “บอกกูดิ!!” ติ๊กมันตะคอกเสียงดังใส่หน้าผม

      “ขนาดมึงรู้ว่าดิวมันกลับมาก่อนที่มันบอกมึง มึงยังไม่บอกกูเลยไอ้แอ้ “ ติ๊กมันพูดและ

      “ซี้ด!!!” ติ๊กมันบีบที่ต้นแขนของผม เล็บยางและเรียวแหลมนั้น มันจิ๊กเข้าไปที่ต้นแขนผมจนรู้สึกเจ็บ

      “ติ๊ก กู “ผมกำลังจะพูด

      “มึงจะโกหกอะไรกูอีก “ติ๊กมันพูดและง้างมือจะฟาดหน้าผม ผมก็หลับตาแต่ว่าไม่มีเสียงฝามือกระทบใบหน้าผม ผมค่อยๆลืมตา เพราะว่าคนที่มาจับข้อมือติ๊กไว้? ??????
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)เหมือนคนที่คุ้นเคยP1
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-11-2020 15:16:49
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)เหมือนคนที่คุ้นเคยP2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 06-11-2020 18:53:46
(แอ้VSดิว)เหมือนคนที่คุ้นเคยP2 (ใครก็มองว่าสามผัวเมียกันอยู่แล้ว)

                   “มึงจะโกหกอะไรกูอีก “ติ๊กมันพูดและง้างมือจะฟาดหน้าผม ผมก็หลับตาแต่ว่าไม่มีเสียงฝามือกระทบใบหน้าผม ผมค่อยๆลืมตา เพราะว่าคนที่มาจับข้อมือติ๊กไว้คือดิว

      “กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ามึงอย่าทำแอ้มัน” ดิวตะคอกเสียงใส่ติ๊ก ติ๊กก็ตกใจมิใช่น้อย ดิวมันเหวียงติ๊กออกไป “ตุ๊บ” เสียงติ๊กไปชนกำแพงแต่ไม่แรงมากและดิวมันก็จะเข้าไปหาติ๊ก  ผมก็รีบดันหน้าออกมันไว้

      “หยุด!! ดิว !!” ผมห้ามปรามมัน

      “ก็มันโกหกกู มันบอกจะกลับกับกู และนี้มันกับไปกับมึง โทรหากูก็ไม่มี เพื่อนกันภาษาอะไรว่ะ มึงอีกคนไอ้ดิว ทำไมถ้ามึงอยากตัดกูออกไปจากชีวิตมึงสอง ก็บอกมาตรงๆดิว่ะ ว่ามึงคบกัน” ติ๊กพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น 

      “ติ๊กกูกับแอ้นะไปด้วยกันเมื่อวานเพราะมีเรื่องที่กูกับแอ้ต้องทำด้วยกัน” ดิวมันพูด ผมก็ดันหน้าอกมันเอาไว้

      “อย่าบอกนะดิว” ผมกระซิบผมหมายถึงอย่าบอกว่าผมกับมันไปฉลองวันเกิดลูกมีนมานะ ดิวมันมองหน้าผม

      “ไปด้วยมีเรื่องเชี้ยอะไรว่ะ มันสำคัญขนาดที่บอกให้กูรู้ไม่ได้ใช่ไหม หรือว่ากลัวกูตามมึงสองคนไป” ติ๊กมันถาม

      “กูกับแอ้ จะถูกส่งไปเรียนทันทีที่ผลการตรวจร่างกายผ่าน กูแค่ไปกรอกเอกสารกัน มึงดูดิ ไอ้เชี้ย” ดิวมันพูดและโยนเอกสารที่พ่อภาทำให้ ให้ติ๊กมันดู ติ๊กมันหยิบไปอ่านและมองหน้าผมสองคน

      “เหี้ยอะไรกันอีกว่ะ แม่ง มันจะทะเลาะกันทำไมว่ะ” เสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา ไอ้แจ็คมันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบอยอีกคน แต่บอยยืนอยู่ตรงหน้าประตู เหมือนคอยดูต้นทางว่าอาจารย์จะเดินมาหรือเปล่า

      “อะไรกันว่ะพวกมึง”แจ็คมันยืนมองหน้าพวกผม “

      “ พายมันวิ่งออกไป มันบอกว่ามึงบ้าไม่ต่างกับหมาบ้าเลยติ๊ก และก็กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ะ ว่าเรามีกันแค่นี้และนี่ยิ่งต้องสามัคคีกัน แค่ต้องมาทำอะไรบ้าๆที่โรงเรียนพ่อมึงก็แย่แล้วติ๊ก” แจ็คมันพูด บอยเดินมาแตะที่ไหล่ติ๊กเบาๆ

      “ภาระกิจบ้าๆพวกนี้เสร็จก็จะได้ต่างคนต่างไปเข้ามหา’ลัย  จะได้ไปมีชิวิตของตัวเอง!!” ไอ้แจ็คมันพูด

      “และมึงสองคนก็ไม่บอกกูกันบ้างเลย ทำให้พวกกูเป็นห่วง ว่าทำไมมึงไม่กลับมากันตั้งแต่เมื่อวานว่ะไอ้ดิว ไอ้แอ้” แจ็คมันหันมาต่อว่าและถามผมสองคน

      “แอ้มันมีเรื่อง ลุงหนึ่งตามไปที่บ้านอาภีม แต่อย่าถามเลยนะว่าแอ้มันโดยอะไร มันเสียใจมากพอแล้ว “ ดิวมันพูดและหันมาดึงแขนผมออกไปทันที

      “กูสองคนไม่ได้อยากปิดอะไรมึงนะติ๊กแต่มึงเองที่ไม่เปิดใจให้พวกกูสองคนแบบนี้ไง! “ ดิวมันลากผมออกไปจากตรงนั้นทันที และพาผมไปตรงไปที่ห้องพยายาล มันลากเก้าอี้มาให้ผมนั่งลง ผมกำลังอ้าปากพูดมันก็ทำนิ้วจุ๊ปากไม่ให้ผมพูดและหันไปค้นตู้ยา ตอนนี้ครูห้องพยาบาลไม่อยู่ 

      “โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่ดิวมันเอายามาทาที่ต้นแขนผม ที่ติ๊กมันกดนิ้วลงไปจนแดงอมเขียว
      “จะให้ดิวทนได้นานแค่ไหน แอ้ ทนเห็นมันทำแบบนี้นะ แอ้ ดิวทนไม่ได้” ดิวมันพูด ผมก็ก้มหน้าลง

      “ก็มันเพื่อนเราไหมว่ะดิว เพื่อนที่เกิดมาก็เจอกันไหมว่ะดิว “ผมพูดขณะที่ดิวกำลังหันหลังออกไปเพื่อเอาหลอดยากไปเก็บ คนที่เดินเข้ามาก็คือติ๊ก ติ๊กมันเดินมาหาผม และมันก็กอดผม

      “แอ้กูขอโทษ” ผมก็ตอ้งกอดมันกลับ
      
      “กูขอโทษว่ะติ๊ก เรื่องที่กูไม่โทรบอกมึงอ่ะ” ผมพูด

      “อย่าทำกับมันแบบนี้อีก ติ๊ก กูขอละ”ดิวมันเดินเข้ามาและมองผมสองคน ผมลุกขึ้นยื่น

      “ไปทานข้าวกัน “ ดิวพูดผมพยักหน้า

      “มึงขอโทษพายหรือยังติ๊ก” ผมถามติ๊ก

      “อืม “ ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าผมสองคนเดินลงไปที่ห้องอาหาร ผมเห็นมีกลุ่มนักเรียนที่ที่มองหน้าพวกผมกัน

      “สามพีกันหรือเปล่าว่ะ” ไอ้ติ๊กมันสะบัดหน้าไปมองทันทีและจะตรงไปหาเรื่องเขาอีก ผมก็ดึงแขนไอ้ติ๊กเอาไว้ “อย่าติ๊ก” ผมห้ามปรามมัน พวกนั้นก็หันมามองติ๊กพร้อมกับเดินหนีไปทางอื่นแทน  ผมจำได้ว่าเด็กพวกนี่คงเป็นกลุ่มที่ติ๊กมันไล่ออกไปจากห้องน้ำตอนที่มีเรื่องทะเลาะกับผมและมันก็คงได้ยินว่าติ๊กมันถามผมว่าไปเอากันหรือเปล่า

      “เป็นไงละ ใครก็มองกันว่าสามผัวเมียกันอยู่แล้ว” ดิวพูดและเอามือล้วงกระเป๋า

      “ไปกินข้าวเถอะว่ะ ติ๊ก” ผมพูดและดึงแขนมันกลับ ติ๊กมันชี้หน้าเด็กพวกนั้น และผมก็ดึงลากติ๊กมันออกไปจนถึงห้องอาหาร ผมเห็นพายคุยกับต้นข้าวและบลูสนุกสนาน สงสัยจะหนังสื่อเอ็มเล่มใหม่ออกแล้วแน่ๆ พายเงยหน้าขึ้นมามองผมและยิ้ม

      “พายกูขอโทษ” ติ๊กมันพูด พายหันมามองค้อนขวับทันที

      “ที่หลังพูดเชี้ยอะไรคิดนิดนึงนะมึง “ พายพูดและลากเก้าอี้ให้มันนั่งลงข้างๆ ติ๊กมันและผมก็นั่งข้างๆติ๊กเช่นเดิม ส่วนดิวมันก็ไปนั่งข้างๆผม

      “เมื่อวานกูเห็นพวกไอ้ภาคินมันเข้าไปบ้านพี่แฮกซ์กันว่ะ เห็นบอกว่า คนที่เคยอยู่แก้งเดียวกับมันและแท่งพุงเพื่อนมัน ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครจะกลับมาเรียนที่นี้ว่ะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูด

      “ใครว่ะ ลอร์ดโวลเดอมอร์เหรอว่ะ ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครนะ” ไอ้ดิวมั้นรีบถามขึ้นทันที

      “ใช่แล้วไอ้นี่แหละที่มันกำลังจะมา ดังนั้นพวกมึงควรจะไปตามล่า สิ่งที่จะทำลายลอร์ดโวลเดอมอร์เอาไว้เลย “ไอ้ต้นข้าวพูด “เว๊ย!! ไม่ใช่ นั้นมันแฮร์รี่พอร์ตเตอร์ ไอ้ดิว” ไอ้ต้นข้าว

      “เออว่ะ กูก็คิดว่าลอร์ดโวลเดอมอร์  แป๊ะ” พายมันรีบลุกแทกทีมแตะมือกับดิวทันที และแจ็คกับหลุยส์ ที่เดินโอบเอวธรรณ์ เดินมานั่งที่โต๊ะ มันมองหน้าพวกผม

      “ตกลงมึงดีกันยังไอ้สามผัวเมีย นี่กูเดินผ่านใครก็พูดกันว่ามึงตีกันเพราะว่าตกลงวันจะfu**ing กันไม่ได้” แจ็คมันพูดและหันไปมองไอ้หลุยส์  ผมสามคนก็ให้นิ้วกลางมันทันที

      “แธงค์!” ไอ้แจ็คมันขอบคุณพวกผม

      “บอยละว่ะ” ติ๊กมันถามแจ็ค

      “โทรศัพท์อยู่” แจ็คพูดและบอยก็เดินตรงมาทันที

      “แจ็ค สั่งอะไรไปส่งไว้ที่บ้านบอยนะ” บอยถามไอ้แจ็ค พวกผมก็มองหน้าไอ้แจ็คกัน มันก็เงยหน้าขึ้นมามาจากมือถือมันและส่งยิ้มให้บอย แต่สีหน้าบอยซีเรียสมากมันหาได้สำนึกไม่

      “ก็ของเล่นไง ของขวัญปลอบใจลูกเลี้ยงของแจ็คไง แบงค์เขาชอบไหมครับ”  แจ็คมันพูดว่าลูกเลี้ยง

      “ลูกเลี้ยง อะไรอีกว่ะ “ติ๊กมันถามขึ้น

      “แจ็คแต่แบงค์แค่หนึ่งขวบเองนะ ทำไมถึงได้สั่งพวก รถอาร์ทีวี เกมส์เพลสเตชั่นอีก และยังมีพวกมอเตอร์ไซด์วิบากอีก แจ็ค นี้ไม่ใช่ของเล่นเด็กเลยนะ” บอยพูด ผมก็หันมามองดิว บอยบอกแจ็คแล้วเหรอ 

      “เดี๋ยวนะ ใครมีลูก” พายยกมือขัดถามขึ้น
      
      “พวกมึงคงยังไม่รู้ว่าบอยเขามีลูกแล้ว “

      “บอยมีลูก!!” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันยกเว้นผมกับไอ้ดิวที่แค่หันไปมองบอย บอยก็ขยิบตามาที่ผมสองคน

      “พี่บอยมีลูกแล้วจริงๆเหรอค่ะ!!!   “ อันนี้เสียงน้องผู้หญิงสองสามคนที่นั่งติดกับพวกผม ผมหันไปมองพร้อมกัน พวกผมเองก็ไม่ได้สังเกตว่ามานั่งกันตอนไหน

      “เออ…ขอโทษนะ น้องชะนี มานั่งตอนไหนครับเนี๊ยะ”ไอ้หลุยส์มันหันไปถามและธรรณ์ก็ตีแขน

      “สักพักแล้วค่ะ แบบว่าพวกหนู เป็นคนชอบอ่านนิยายวายค่ะ เฮอๆ”

      “อ้อ!! งั้นพวกพี่รบกวนขอความเป็นส่วนตัวนะน้องชะนีคนสวย” ไอ้ติ๊กมันหันไปพูด พากันลุกไปแบบเกรงใจและเสียดาย

      “ใช่บอยมีลูกแล้ว กูนี้ขึ้นตำแหน่งพ่อเลี้ยงที่อายุน้อยที่สุดว่ะ เนอะบอยเนอะ  “ ไอ้แจ็คมันบอกว่ามันเป็นพ่อเลี้ยงด้วย

      “ไอ้แจ็คนี้มันต้องกินหญ้าเบอร์ไหนถึงได้โง่ขนาดนี้ นี้มันเจอแล้วนะมันยังดูไม่ออกเลยว่าลูกมัน” ไอ้ดิวมันหันมากระซิบกับผม ผมก็เอาข้อศอกกระทุ้งให้มันหันไป

      “บอยมีลูกได้ไงอ่ะ “ติ๊กมันถามบอย

      “คือ เออ “

      “เอานะ มีได้แล้วกัน ตอนนี้กูสองคนก็เป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันแล้วนะ ไม่ยินดีหน่อยเหรอวะ” แจ็คมันพูดแต่บอยซิยืนมองแจ็ค ด้วยสีหน้ากะอักกะอ่วนใจ

      “……” ยังคงอึ้งกันเป็นแถว

      “โอเค เคินแกรทเชอะเล๊เชิน!” ไอ้หลุยส์คนแรก เห็นมันบอกว่าสนิทกับบอยมันยังทำหน้างง มากเลยแต่ก็ลุกขึ้นเช็คแฮนด์กับไอ้แจ็ค แบบงง ไม่ต่างอะไรกับพายและติ๊ก ต้นข้าวกับบลูก็อ้าปากค้างไปตามๆกัน

      “เออ บอยขอโทษนะที่ไม่ได้บอกทุกคน ว่าบอย “ บอยพูดและหันไปมองหน้าไอ้แจ็ค ผมกับดิวพากันส่ายหัว มันช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย และนี่ก็ทำเอาทุกคนตกใจไม่แพ้กันแม้กระทั้งต้นข้าวและบลู

      “พายไม่อยากเชื่อเลยอ่ะ ถ้าเป็นไอ้แจ็คนะพายเชื่อสนิทเลยเพราะว่าไอ้นี้เมาแล้วไม่รู้เรื่องถ้าจะพล้าดเสียตัวให้ใครนี้มันแน่ๆ แต่บอยนี่ “ พายพูดขึ้น

      “แล้วไอ้คุณพ่อเลี้ยงมือใหม่มึงซื้ออะไรไปฝากลูกอ่ะ” ไอ้ติ๊กมันถามไอ้แจ็คทันที

      “ก็รถอาร์ทีวี  เกมส์เพลย์สเตชั่นใหม่ล่าสุด พีโอบ๊อกซ์ด้วย รถมอเตอร์ไซดิ์วิบากเพื่ออยากได้ความตื่นเต้น”ไอ้แจ็คมันพูด และยิ้มให้พวกผม

      “ทำไมไม่ซื้อเครื่องบินให้ขับเล่นรอบบ้านไปเลยละครับ จะได้ยิ่งตื่นเต้น” ไอ้หลุยส์มันยังพูดกับเพื่อนซี่มันเลย

      “ความคิดที่….”ไอ้แจ็ค มันชี้นิ้วมาทางไอ้หลุยส์  “ดีมาก คราวหน้าเลย”

      “มันไม่มีความสำนึก” ไอ้ต้นข้าวพูด 

      “บอยเพิ่งจะบอกว่าลูกเขาหนึ่งขวบเอง ทำไมมึงไม่ซื้อหนังสือการ์ตูน หนังสือนิทาน หรือไม่ก็ของเล่นทีเขาระบุอายุเด็กไม่เกินหนึ่งขวบเล่นได้ว่ะ แจ็ค” อันนี้ไอ้ดิว และแจ็คมันก็โดนพวกผมบ่นมันชุดใหญ่เลย เพราะว่าเล่นซื้อของเล่นให้ลูก(มันเอง)แต่มันยังไม่รู้เลย คิดว่าเป็นลูกบอยคนเดียวและมันก็คือพ่อเลี้ยงไปก่อน ผมคิดว่าบอยน่าจะมีเหตุผลที่ยังไม่บอกแจ็คแหละ ผมพวกนั่งทานกันจนเสร็จเรียบร้อย ผมเลยว่าจะเดินไปซื้อน้ำ พายกับติ๊กมันกำลังซุมหัวดูรูปที่ไปถ่ายงานกันผมเลยไม่ช่วน ผมเดินมาก็เห็นบอยเดินไปกับธรรณ์

      “แอ้” บอยเรียกผมไว้ ผมสามคนยืนห่างกับพวกนั้นพอสมควร

      “บอยบอกแจ็คแล้วเหรอ”

      “ไม่ได้บอกหรอกแอ้ แต่ทำไงได้เขาเจอกันแล้วและพ่อให้บอยบอกว่าบอยไปทำผู้หญิงท้องมา” บอยพูด ผมกับธรรณ์พยักหน้า

      “ไม่เอ๊ะใจอะไรบ้างเหรอ คุณพ่อนะ”ธรรณ์พูดผมสามคนหันไปมองไอ้แจ็คที่หัวเราะอะไรกับไอ้หลุยส์สองคน

      “ไม่รู้ซิ”บอยพูดและหันไปมอง

      “แอ้ยังไม่เคยเจอน้องนะ เลยไม่รู้” ผมพูด

      “หน้าบล็อกเดียวกันนั้นแหละพ่อลูกนะ”ธรรณ์พูดปนขำ  ผมหันไปมองธรรณ์แสดงว่าเจอกันแล้ว ธรรณ์พยักหน้ากับผมว่าใช่

      “พ่อบอกว่ามีวิธีเดียวคือต้องให้แจ็คขึ้นตำแหน่ง แต่องค์กรต้องการผู้นำ ดังนั้นบอยจะต้องรักษาการไปก่อน บอยต้องมีงานเยอะขึ้นนะ “ บอยพูดและมองหน้าผมสองคน

      “เห็นใจว่ะ เป็นคนสำคัญนี้ลำบากตัวและลำบากใจว่ะ”ธรรณ์พูด

      “เราไปห้องน้ำก่อนนะแอ้” บอยพูดและเดินแยกไปเข้าในร้านขายน้ำของโรงเรียน

      “พี่ครับ ผมขอน้ำเปล่าสามขวดครับ” ผมบอกพี่คนที่ขายน้ำ เขาก็พยักหน้า ผมยืนรออยู่ ช่วงนี้เป็นเวลาพักเที่ยงคนรอซื้อน้ำเยอะพอสมควร เห็นทีช่วงนี้ต้องพ้วงสามคนไปสักพัก และผมก็เข้าใจที่ดิวพูดนะ ว่าเราจะมีกันสามคนแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ แล้วจะให้ผมทำยังไง ในเมื่ออีกคนก็แอบรักและอีกคนดันมารักผมและผมก็รักมันและผมกับมันก็มีพยานรักกันอีก แต่บอกไม่ได้ บอกใครไม่ได้เลย แม้กระทั้งครอบครัวผมเอง แต่พ่อภาพูดแล้วว่าผมต้องบอก เฮ้อ!

      “อุ้ย! “ ผมสะดุ้งเพราะว่ามีขวดน้ำมาแตะที่แก้มผม ผมหันไปมองคนที่ทำแบบนี้กับผม

      “นาย” เขาเรียกผม ผมก็หันไปมองว่าเขาคือใคร

      “เราเห็นพี่เขาส่งขวดน้ำให้นานแล้ว คิดอะไรอยู่เหรอ” คนที่รับขวดน้ำจากพี่คนขายน้ำเอาไว้ให้ผม เขายืนมองผมอยู่ ผมก็มองว่าเรารู้จักกันเหรอ

      “เราชื่อนาวิน   เราเรียนห้องถัดไปจากนายนะ ชื่อแอ้ใช่ป่ะ น่ารักดีทั้งชื่อและคน “ ผมพยักหน้าและรับขวดน้ำมา ผมกำลังจะควักเงินจ่าย และเรียกพี่เขามา

      “เราจ่ายให้แล้ว” ผมสะบัดหน้าไปมอง จ่ายให้ด้วยเหรอ

      “แลกกับเบอร์โทรได้ปะ” ผมกำลังจะรับขวดน้ำมาแต่คนที่บอกว่าชื่อนาวินยื้อกลับไปและมาขอแลกกับเบอร์โทรผมนี่น่ะ

      “ได้ดิ เดี๋ยวกูให้เอง” เสียงไอ้คนที่รู้ว่าใครเดินมา ไอ้ดิว มันเดินเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่และน่ากลัวมาก ดิวมันเดินมาคว้าขวดน้ำไปถือเอาไว้

      “แฟนเหรอ” นาวินถามผมก่อนจะหันไปมองหน้าดิว  แต่จังหวะนั้นติ๊กและพายเดินเข้ามาพอดี
   
      “เพื่อนเรา” ผมรีบตอบแต่ดิวมองหน้าผมและหันไปมองหน้านาวิน

      “กูเพื่อน แต่พิเศษมีไรป่ะ” ดิวมันหันไปกระซิบกับไอ้นาวิน ไอ้นี่แม่งก็หันมายิ้มแบบไม่กลัวไอ้ดิวซะด้วย

      “ไอ้นาวิน กูรอแดกน้ำมึงอ่ะชาตินี้นะมึง” เสียงที้พวกผมคุ้นเคยกันในห้องเรียน ไอ้โซ่ว มันดินมาเรียกไอ้นาวิน เพื่อนมัน

      “นี่เพื่อนมึงใช่ไหม” ไอ้ดิวหันมันถามไอ้โซ่วทันที ไอ้โซ่วรีบเดินมาดึงแขนเพื่อนมันออกไปทันทีเช่นกัน ผมว่าไอ้โซ่วมันรู้จักไอ้ดิวดี และมันก็กระซิบกระซาบกับนาวิน นาวินหันมามองผมและทำนิ้วขอเบอร์โทรผมอีก

      “ไอ้แอ้นี่มึงกำลังโดนเขาจีบเหรอว่ะ” พายมันถามผม

      “แถมเป็นเพื่อนไอ้พวกนั้นที่อยู่ในห้องเราอีกว่ะ” ไอ้ติ๊กอีกคน ผมหันมามองไอ้ดิว มันยังยืนมองไอ้คนนั้นอยู่

      “ปึก” ผมกระทืบเท้ามัน ไอ้ดิวมันหันมามองหน้าผม ผมก็ส่ายหัวให้พอ และพากันเดินออกเพื่อไปเข้าห้องเรียนช่วงบ่ายและจะได้พากันกับบ้าน ผมกับดิวก็ต้องลอกเลคเชอร์ ที่พวกเพื่อนๆจดตามที่ครูบอกกัน 

      “ดิว มึงงอนกูเหรอ เรื่องที่ไอ้นั้นมันจีบกูนะดิว” ผมกระซิบถามไอ้ดิว เพราะว่ามันนั่งลอกแลคเชอร์แบบเงียบมาก

      “ดิวถ้ามันรู้กูเป็นยังไงกูว่ามันก็กระเจิงแหละ”ผมกระซิบ ไอ้ดิวมันเงยหน้าขั้นมามองผมและยิ้มให้ผม ก่อนจะหยิบมือถือมาและมันก็ให้ผมดู มันเป็นเหมือนกระทู้ที่ถูกตั้งขึ้น และมันมีรูปผมที่ถูกแอบถ่าย ขณะที่กำลังนั่งเฉยๆ กดมือถือเล่นไปด้วย และหัวข้อกระทู้มันบอกว่า// คนนี้น่ารักผมแอบชอบ อยากได้เป็นแม่ของลูก //

      “เว๊ย!” ผมร้องเสียงหลงทันที ดีที่ไอ้ติ๊กกับพายมันเดินไปหาพี่พัฒน์เลยไม่ได้อยู่ในห้อง

      “ดิว กูไม่ได้ไปบอกให้เขาอยากได้กูนิ” ผมพูดบอกดิว

      “หึงอ่ะ เข้าใจป่ะ แสดงออกก็ไม่ได้โคตรอึดอัดเลย” ไอ้ดิวมันพูด

      “พอแล้ว คืนนี้ไปนอนด้วยแล้วกัน พอใจป่ะ” ผมพูด ทีอย่างนี้ยิ้มออกมาทันที และผมกับดิวก็ลอกงานที่พวกแจ็คมันจดเอาไว้จนเสร็จ พอดีหมดชั่วโมงสุดท้ายพอดีเลย

      //แอ้ กูกับพายรอด้านล่างเลยว่ะ//  ผมได้รับข้อความจากติ๊ก ผมหันมามองดิว

      “ดิว ติ๊กกับพายพบอกรอข้างล่างเลยว่ะ” ผมบอกดิว ผมก็ลุกขึ้นทันที จังหวะนั้นที่ผมกำลังจะหันตัวออกผมก็เจอกับสายตาของภาคินที่ยืนมองมาที่ผมก่อนจะเลื่อนเก้าอี้เก็บและเขาก็ยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับแต่ก็ต้องหุบก่อนที่ดิวจะหันมาเจอเพราะว่าไอ้นี้มันไม่เคยเข้าใจคำว่ายิ้มตามมารยาท
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน(แอ้VSดิว)เหมือนคนที่คุ้นเคยP2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 07-11-2020 12:43:29
 :o12: :o12:ส่งใครมารักติ๊กที
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เพื่อนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 07-11-2020 12:57:38
เพื่อนใหม่(อีกแล้ว)

            Part แจ็ค สองอาทิตย์ผ่านไปไว้เหมือนโกหก มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผมกับไอ้หลุยส์จนตอนนี้เรียกว่าสนิทกันมากมองตารู้ใจเลย เพราะว่าผมกับไอ้หลุยส์มีความคิดที่คล้ายกันมากและยิ่งตอนนี้มันก็มีหวานใจที่สไตล์เดียวกันกับผม ธรรณ์เหมือนบอยมาก แทบจะทุกอย่าง แถมอีกเรื่องที่เกือบทำให้ผมกับบอยอาจจะต้องเลิกกัน ก็คือบอยเข้าใจผิดคิดว่าผมพาแบงค์ไปทำมิดีมิร้าย ก็ผมเป็นคนไม่ชอบเด็กแต่เห็นที่ลุงหนึ่งทำแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดลงไปช่วยและนี้ถึงทำให้ผมรู้ว่าบอยแอบไปมีลูกมาด้วย แต่ใครกันนะที่บอยพล้าดท่าทำให้ท้องได้ แต่ก็ไม่มายด์ เพราะว่าพ่อผมก็ยังอิบอิบผู้หญิงจนท้องผมมาแล้ว



“ไอ้แจ็ค” ไอ้หลุยส์มันเรียกผม ผมหันไปมองหน้ามันขณะที่กำลังเดินเข้าโรงเรียน ผมมารถที่ทางโรงเรียนไปรับเหมือนเช่นเคย แอ้ดิวพายและติ๊กมันมารถกระบะที่เป็นแบบโฟว์วีลไดฟ์ของไอ้ดิวกัน ผมว่ามันน่าจะยืนรอผมอยู่ด้านในกันแล้ว บอยรีบเดินไปหาธรรณ์ทันที เหมือนจะมีเรื่องเม้ามอยด์กัน



“ดูดิ บอยกับธรรณ์นะ ดูสนิทกันมาก ดูคุยกัน เหมือนสาวๆ เลยวะ ฮาๆ” ไอ้หลุยส์มันพูด ผมนี้ตั้งใจฟังอย่างดีแต่พอมันบอกเหมือนสาวๆ ผมก็อดที่ขำไม่ได้



“ได้ยินนะ “อันนี้ธรรณ์ ไอ้หลุยส์มันกดทันที มันเกียมัวมากกว่าผมซะอีก



“วันนี้จะมีอะไรใหม่ๆ ไหมวะ ของเดิมเบื่ออ่ะ พวกไส้กรอกแฮมขนมปัง” ไอ้ดิวมันพูดขึ้นมันเดินตามหลังผมเข้ามา ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะมาถึงก่อนซะอีก ผมหันไปมองสามหนุ่ม (เหลือน้อย แอ้ ติ๊ก พาย ดูยังไงก็สปีชีย์เดียวกัน) ผมพยักพเยิดไปที่สามหนุ่มนั้น ดิวมันยักไหล่ให้ผม พวกผมกำลังเดินผ่านห้องธุรการ ห้องที่พวกผมไปติดต่อวันแรกที่มา ผมเห็นว่ามีรถจอดอยู่ด้านหน้าเลย



“แรงวะ แม่งเข้ามาจอดด้านหน้าแบบนี้เลยเหรอวะ ถ้าเป็นรถสปอร์ตก็จะไม่ว่าเลยอ่ะ” พายพูด ผมก็หันไปมอง ทำไมมันไม่รู้จักไปจอดที่เขาให้จอดว่ะ



“ไม่น่าจะใช้รถของนักเรียนหรอกว่ะ “ไอ้ติ๊กพูด พวกผมก็หยักไหล่สนใจอะไร ระหว่างที่กำลังจะเดินผ่าน พวกผมก็ได้ยินว่า



“ตอนผมย้ายมาครูอีกคนก็บอกว่าว่าผมเรียนห้อง311 ได้แต่ทำไมตอนนี้ผมเรียนห้องนันไม่ได้” ทุกคนหยุด และหันมามองหน้ากัน



“ห้องเรานี้หว่า” ไอ้แอ้พูดขึ้น



“ผมไม่สนใจหรอกครับว่าลูกท่านหลานเธอคนไหน พ่อเป็นใครใหญ่แค่ไหน ผมจะเรียนห้องนั้น ทำไมครูต้องสนใจด้วยครับว่าพวกมันจะชอบผมหรือไม่ เพราะว่านั้นไม่ใช่ธุระของผมที่ผมจะต้องให้บอกว่าชอบผมซะก่อน ที่จะให้ผมไปเรียน “ไอ้คนที่มันตะโกนโหวกเหวกอยู่บนห้องธุรการและมันก็คงหมายถึงพวกผมแน่ๆ



“เหมือนจะงานเข้าพวกเราวะ” ไอ้พายพูดขึ้น



“ไม่แปลกวะ ไปเถอะวะ ไปหาที่นั่งกินข้าวกันดีกว่า “ผมหันไปบอกพวกมัน และหันไปโอบเอวบอยให้เดินต่อจะดีกว่า ไอ้หลุยส์มันก็โอบเอวธรรณ์ให้เดินตามเช่นกัน



“รถแม่งก็ไม่ได้เท่เลยนะแค่โหลดเตี้ยแค่นี่เอง “ไอ้ติ๊กพูดและเบ้ปาก



“ไปเถอะนะ เรื่องของมันมึงอย่าไปหาเรื่องมันก็แล้วกัน แค่มันยังไม่เจอหน้าพวกเราเลยแม่งก็เริ่มจะไม่ชอบขี้หน้าขึ้นมาซะงั้น “ไอ้ดิวมันดันไอ้ติ๊กให้เดินไป พายกับแอ้กำลังเดินออกเช่นกัน



“งานนี้ต้องรีบแล้ววะไอ้แจ็คให้ไอ้ป๊อดมันหาคนมาสืบพวกไอ้ภาคินซะก่อนวะว่าพวกมันคือใคร อะไรคือสาเหตุว่ะ” ไอ้หลุยส์มันบอกผม ผมก็พยักหน้าคิดว่ารอช้าไม่ได้ ระหวางที่พวกผมกำลังจะเลี้ยวเข้าที่โรงอาหาร



“เฮ้ยย! กรูเห็นพี่เดี่ยวมาเรียนวะ “พวกที่อยู่ในห้องอาหารซุบซิบกันเป็นเรื่องปกติแต่วันนี้มันพูดถึงใครก็ไม่รู้แต่ดูท่าจะทอล์คออฟเดอะทาวน์



“จริงดิ พี่เขามาแก้แค้นเปล่าวะ ก็พี่เขาโดยพักการเรียนไป งานนี้สงสัยแม่กูให้กูย้ายโรงเรียนแน่ กลัวตายก่อนเรียนจบวะ” ผมหันไปมองน้องที่มันคุยกัน คงหมายถึงไอ้ที่อาละวาดกับครูห้องธุรการอยู่นั้นแน่ๆ



“ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นชะมัดเลยวะ” ผมพูด บอยก็มองหน้าผมและหันไปมองหน้าธรรณ์



“เฮ้ย กูลืมวะ กูจะไปหาพี่พัฒน์ก่อนพ่อกรูฝากบอกเรื่องสำคัญวะ” ไอ้ติ๊กมันพูดและหันไปจุงมือพายทันที



“แอ้ ตักอาหารให้กูด้วยนะ กูจะมากินว่ะ” ไอ้ติ๊กมันบอกแอ้ ผมพากันเดินเข้าไปนั่งและก็ไปเลือกตักอาหารที่ตัวเองชอบ บอยก็หันมาหาผมและหยิบจานผมไปตักผักสลัดให้ผม บอยนี้บังคับผมทานผักตลอด



“กินผักจะได้ไม่ท้องผูก อ่ะนี้ผักสลัด” บอยบอกผม ผมก็พยักหน้าและลองเคี้ยวดู



“เหม็นเขียวอ่ะบอย” ผมพูด



“ก็ผักมันสีเขียว ทานไปเลย” บอยพูดและผมสองคนก็เดินออกกลับมาที่นั่ง ผมเห็นไอ้ติ๊กกับพายมันเดินกลับมาแล้ว แอ้น่ะตักอาหารไว้ให้มันสองคนแล้วตามมาด้วยไอ้หลุยส์และธรรณ์ที่เดินกะหนุงกะหนิงออกมาพร้อมกัน



“จะว่าไปก็ต้องขอบคุณแผนการของแจ็คนะที่ทำให้หลุยส์กับธรรณ์เขา”



“รักกัน” ผมพูดและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ



“จริงๆ ธรรณ์นะเคยเจอหลุยส์มาก่อน ตอนนั้นบอยกับหลุยส์ไปทานอาหารกันและบังเอิญไปร้านเดียวกัน”



“อะไรนะ นี้แอบไปทานอาหารด้วยกันมาก่อนด้วยเหรอ” ผมถามบอย บอยหันมาเหล่มองผม



“ต่อมหึงทำงานอีกแล้ว” บอยถามผม



“ก็นิดหนึ่ง อ่ะเล่าต่ออยากรู้” ผมพูด



“ธรรณ์เขาแอบชอบหลุยส์แต่ตอนนั้นหลุยส์ก็ไม่ได้สนใจอะไรธรรณ์”



“ก็มันมัวแต่สนใจบอยไง “ผมพูด



“นินทาอะไรผมครับคุณแจ็ค” ไอ้หลุยส์มันพูด



“ไม่ได้นินทนโว้ย เล่าสู่กันฟังเนอะบอย” ผมพูดกับบอย





“ไอ้ต้นข้าว ไอ้บลู” พวกผมหันไปมอง ไอ้พายมันเรียกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู พายโบกมือให้มันสองคนเดินตรงมาหาพวกผมนี่มันได้กลับมาเรียนแล้ว แสดงว่าไอ้ภาคินมันไปคุยกับพ่อแม่พวกมันให้พวกผมแน่ๆ ดูเดินยิ้มมาเชียว



“ดีวะพวกมึง” ดูมันหน้าหวานแต่ทักพวกผมนิขัดกับหน้าหวานๆ มันมาก



“ดีวะ ต้นข้าว” ผมหันไปยกมือทักทายมันและหันมาทานอาหารกันต่อ ดูเวลาแล้วเดี๋ยวกจะเข้าแถวแล้ว





“เออ....กูเดินผ่านมาเห็นรถกระบะจอดอยู่ ใครแม่งไปพ่นสีรถไว้วะ “ไอ้ต้นข้าว ผมหันมามองหน้ากัน



“รถสีอะไรวะ”



“สีเขียวอ่ะ สีสวยด้วยวะแต่งลายก็เท่แต่ว่าตอนนี้ ....เละไม่เป็นท่า ใครแม่งมือบอนก็ไม่รู้ เป็นกูนี้นะ จะจับแม่ง”



“กระทืบเหรอ”



“เอออะดิ “ไอ้ต้นข้าวพูด



“ไปหาอะไรมาทานดิวะข้าวเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก” แอ้มันหันไปบอกไอ้ต้นข้าวและไอ้บลู พวกมันก็เดินเข้าไป



“รถไอ้คนที่มันบอกจะมาเรียนกห้องเรียนกับพวกเราไหมวะ” ผมถามขึ้น



“เออวะ กูพอจะจำสีได้วะ” ไอ้ดิว



“เฮ้ยย! พี่เดี่ยวคัมแบค” ผมได้ยินมาจากด้านหลัง ทำไมเสียงพวกนั้นมันดูตกใจจังหวะ



“มันอยู่ไหนไอ้คุณหนูนะ” ผมถึงกับวางช้อนกันแต่ยังไม่ได้หันไปมองหน้ามันนะ



“กูหวังว่าจะไม่ใช่โต๊ะเรานะมึง” ไอ้ดิวมันพูด



“แล้วฉายาที่พวกนั้นมันเรียกพวกเราอะไรวะ” ผมหันไปถามทุกคน



“ไอ้คุณหนูไง” ไอ้ติ๊กมันพูด ใช่ถ้าอย่างนั้นก็คงโต๊ะพวกผมนี้แหละ แต่ว่ายังไม่ทันที่พวกผมจะหันหลังกลับไปมอง



“ฟิ้ววววววว” เสียงเหมือนมีบางสิ่งฝากระแสลมลอยมา และลอยมาจนถึงโต๊ะพวกผม



“ตุ๊บ” ตรงกลางโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ มันคือรองเท้าผ้าใบ สีดำ รองเท้านักเรียนชัดๆ



“กูว่าคงจะโต๊ะเราแล้ววะ เชี้ย! มันมาลงขนาดนี้แล้ว” ไอ้พายพูด พร้อมเอานิ้วคีบให้ออกไปไกลๆ หน้ามัน และเอามือปัดเหมือนว่ากลิ่นคงได้ทีมาก



“ป๊อด) )) )) )” ผมเรียกไอ้ป๊อด มันก็เดินมาหาพวกผมทันที



“รับอะไรเพิ่มพี่” ไอ้ป๊อดมันร้องถามพวกผมก่อนที่ตัวมันจะเดินออกมาถึง



“ไม่รับ กูส่งคืนได้ไหมไอ้นี่นะ กูแดกไม่ได้ป๊อด” ไอ้ดิวมันพูดและชี้ไปที่รองเท้า



“อ้อ แน่นอนพี่นี้มัน...รองเท้า..รองเท้าใครอ่ะพี่” ไอ้ป๊อดมันร้องถามพวกผมกลับ พวกผมหันไปมองหน้ามัน



“รองเท้ากูเองวะ” เสียงเจ้าของมันดังมาและพวกผมทั้งโต๊ะหันไปมอง มันยืนเท้าซะเอว หน้าตาบอกได้ว่าโหดมาก หน้าตามันออกไปทางชายไทยแท้และท่าทางจะมวยไทยด้วย



“พี่เดี่ยวววววว” ไอ้ป๊อดมันเรียกชื่อไอ้คนนั้น ผมก็ถึงบางอ้อ ชื่อเหมือนที่พวกเด็กๆ มันคุยกันนั้นเอง และไอ้ป๊อดมันก็ถอยทันที



“พี่ครับ แม่ผมเรียกครับ “ไอ้ป๊อดมันไปเลยเร็วมาก หันหลังวิ่งกลับไปทันที



“อ้าวไอ้ป๊อด กูยังไม่ได้ยินแม่มึงเรียกเลย แม่มึงเรียกมึงในใจเหรอไอ้ป๊อด!! มึงนี้แม่งชิ้งเก่งตัวพ่อเลยว่ะ! “ผมตะโกนตามไป ผมยังคงมองหน้ามันไอ้คนที่ยืนมองพวกผมเหมือนกับว่าใครไปเผาบ้านมันมา



“เออ...รองเท้ามึงไหมครับ เอาคืนไปได้ไหม และเดี๋ยวกูส่งคืนให้วะ กลิ่นนี้...ซักบ้างนะ” ไอ้พายพูดและทำท่าโยนรองเท้ามันกลับไป



“กูจะซักก็ต่อเมื่อได้กระทืบพวกมึงก่อน”



“อู้ย!” พวกผมร้องออกมาพร้อมๆ กัน และหันมาเหล่มองหน้ากัน



“จะกระทืบพวกกูทำไมวะ ขอเหตุผลวะ” ผมถามมัน



“มีคนบอกว่าพวกมึงไปพ่นสีที่รถกู และเขาบอกว่าพวกมึงคือคุณหนู ห้อง311 ที่ทำให้กูไม่ได้ไปเรียนที่ห้องนั้น” นั้นไง แต่ใครวะที่พ่น



“ใครวะมึง ผิดคนหรือเปล่า” ไอ้ดิวมันตะโกนถาม



“ไม่ผิด มีคนบอกกูมา พวกเด็กพวกนี้กูรู้จักดีและมันก็บอกว่าไอ้คนที่เป็นดารานะ มันทำ” ไอ้เดี่ยวมันพูด ผมก็ถึงบางอ้ออีกแล้วและสะบัดหน้ามองไอ้ติ๊ก



“ไอ้ติ๊กมึงไปทำรถมันทำไมวะ “ไอ้แอ้มันหันมาต่อว่าไอ้ติ๊ก



“ก็กูหมั่นไส้มันนิที่มันว่าพวกเราตอนที่เราเดินผ่านอ่ะและกูกับพายก็เคยเจอมันที่โรงแรมพ่อกู มันก็ว่าพวกเรานะโว้ย แต่กูไม่คิดว่ามันจะโหดสาดขนาดนี้ “ไอ้ติ๊กพูดผมนี้หันไปส่ายหัวเลยและทำนิ้วเฉืยดคอใส่มันด้วย ก็มันนะชอบรับงานมาให้ตลอดเลย พวกผมลุกและหันไปดู มันยืนทำหน้าตาเหมือนใครไปเผาบ้านมันมาก มันบีบมือเสียงดัง กร๊อบๆ



“กูไม่สนใจว่าพวกมึงเป็นใคร พ่อใหญ่แค่ไหน “มันพูด ผมหันมองไอ้ดิว



“เออ กูขอโทษเรื่องเพื่อนว่ะเรื่องรถแต่เรื่องห้องเรียนกูว่ามึงควรจะไปคุยกับอาจารย์ฝ่ายแอทมินวะ พวกูแค่มาเรียนไม่ได้มาบริหารโรงเรียนวะ” ผมพูดบอกมันไปหวังว่าจะเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ไอ้หลุยส์มันทำนิ้วเฉือดคอให้ผมดู



“You’ re suck!” ไอ้หลุยส์มันชมผม ผมเลยต้องส่งนิ้วกลางให้มันไป



“และพวกนักเรียนในโรงเรียนบอกกูว่าตั้งแต่พวกมึงเข้ามาก็ทำตัวขาใหญ่ นี่มึงคงไปบอกครูใช่ไหมว่าไม่ต้องการกูเข้าไปเรียนในห้องมึงนะ” ผมก็สะบัดหน้าไปมองว่าพวกผมไปพูดตอนไหนวะ



“แล้ว” ไอ้ดิวมันถาม



“ถ้าวันนี้กูไม่ได้กระทืบพวกมึงละก็กูจะไม่กลับบ้าน”



“งานงอกเลยวะ” อันนี่พวกผมคงลุกออกจากโต๊ะกันได้แล้วครับ



“โดยเฉพาะไอ้คนที่ทำรถกูด้วย “มันพูด



“เดี๋ยวกูทำรถให้ใหม่จะให้แต่งให้ด้วยก็ได้นะ “ติ๊กมันพูด ผมหันเปล่มันเพราะมันคนเดียวเลยทำของมันขึ้น



“ไม่..กูไม่อยากได้เงินพวกมึงกูอยากจะกระทืบพวกมึง”





“เออ...กูว่าพวกเราไปกันเถอะวะ ดูท่าไอ้นี่มันจะจบยากอย่าไปแลกกับแม่งเลยว่ะ ” ไอ้ดิวมันพูดและลุกขึ้นมันพยักหน้าให้แอ้ลุกและไอ้ติ๊กมันก็ลุกขึ้น และตามด้วยพาย ผมก็หันไปพยักหน้าให้บอยว่าไปดีกว่า





“มึงนั้นเองใช่มั้ยที่พ่นสีใส่รถกู “นั้นชี้ไปที่ไอ้ติ๊กทันที มันสะดุ้งโย้งเลย





“เชี้ย!” ไอ้ติ๊กมันสะบดออกมา





“ก็มึงเสือกหาเรื่อง กูบอกว่าอย่า มึงไม่ฟังกูนิ” พายพูด พวกผมส่ายหัวให้ไอ้ตัวดีของกล่มผม





“มึงไปขอโทษมันไป “ไอ้ดิวบอกไอ้ติ๊ก





“ไม่เอาอ่ะ ดูมันดิ เหมือนเมายาบ้ามาชัดๆ เลย” ไอ้ติ๊กพูด





“พวกกูขอโทษแทนเพื่อนกูวะ เอาเป็นว่าจะให้มันทำรถให้มึงใหม่” ไอ้ดิวหันไปพูด แต่





“กูไม่ต้องการ กูมีปัญญา” พวกผมก็





“แล้วมึงจะเอาไงอ่ะ ไอ้นั่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา” ไอ้ติ๊กพูด





“แจ็ค” ไอ้หลุยส์มั้นเรียกชื่อผมเข้าไปหามัน ผมก็มองว่ามีอะไรมันควักมือเรียกผม ผมก็เดินออกไป มันกันก็โอบคอผม แสดงว่าความลับแน่ๆ



“มีอะไร” ผมถาม



“กูว่าไอ้นี่น่าจะคนจริงว่ะ”



“กูก็เห็นว่าคนมัน คนจริงๆ และบ้าด้วย” ผมพูด



“เฮ้ยย ดูดิ ผู้คนล้อมรอบถอยกันหมดและซฺุบซิบนินทากันเหมือนรู้จักไอ้นี่มาก่อนวะ”



“และยิ่งไอ้ป๊อดนี่้่มันตกใจสุดขีด กูว่าเอามันไว้วะ” ไอ้หลุยส์ ผมนี้เกาหวเลย แต่ละคนที่บอกว่าให้เอาไว้ ไอ้ภาคินอย่างนี้ และนี้มาไอ้นี่อีก ผมสะบัดหน้าไปมองหน้าที่ยืนมองพวกไอ้ดิวเหมือนมันไม่ยอมจบ





“แล้วจะเอามันไว้ยังไง” ผมถามไอ้หลุยส์ และไอ้หลุยส์มันก็พยักพเยิดไปทางไอ้ดิว



“มึงจะให้ไอ้ดิวเข้าไปต่อยกับมันเหรอวะ”



“เออ กรูว่าฝีมือแม่งต้องสูสีกันแน่ “ไอ้หลุยส์พูดผมก็พ่นลมออกมา ปัญหาคือจะบอกไอ้ดิวยังไงวะ



“เอานะ แก้งเราต้องการที่มีคุณภาพวะตอนนี้” ไอ้หลุยส์พูด ผมก็เดินเข้าไปสะกิดไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมามองผม ผมก็ดึงตัวมันออกมาก่อน



“มีอะไรไอ้แจ็ค” ไอ้ดิวมันถามผม แววตามันบ่งบอกได้ว่าผมคงหาเรื่องให้มันอีกแล้ว



“มึงชวนรับคำท้าประลองกับไอ้คนที่มั้นยืนอยู่นี้หน่อยได้ไหมวะ ..ดิว “ผมบอกมัน



“ไอ้แจ็ค มึงให้กรูไปต่อยกับมันเหรอวะ มึง-....”



“กูว่าสำหรับมึงนะ ไม่ยากวะ พวกกูอยากได้มันเข้าแก้งแต่ขอชมผลงานมันหน่อย” ไอ้หลุยส์พูด ไอ้ดิว มันเหล่มองผมสองคน



“กูยิ่งไม่อยาก”



“กูจ่ายให้เข็มละห้าพัน” ไอ้หลุยส์พูด



“กูไม่ได้อยากได้ตังค์ สัส” ไอ้ดิวมันบ่นผมสองคนแต่มันก็พยักหน้า ผมหันไเจอหน้าบอยที่หันมามองผมว่ามีอะเไรแน่ๆ ไอ้ดิวมันเดินออกไป ตรงไปยืนตรงหน้าไอ้คนที่ยืนโมโหพวกผมอยู่



“ดิว ออกมาไอ้นี่มันฉีดยาหรือยังก็ไม่รู้” ไอ้ติ๊ก ผมหันเจอไอ้หลุยส์มันลากเก้าอี้มานั่งดู ไขว่ห้างด้วยนะสาด



“มึงจะต่อยกับกูใช่มั้ยที่ออกมานี่ ฮะ ไอ้ตุ๊ด” ไอ้นี่มันเปิดมากได้แรงมาก ไอ้ดิว มันก็หันมามองพวกผม



“เดี๋ยวมึงก็ได้รู้จักกู “ไอ้ดิวพูด



“เฮ้ยย พี่เขาจะต่อยกับพี่เดี่ยวว่ะ พวกมึง กูขอลงข้างพี่เดี่ยว” มีคนตะโกนมา



“ไอ้นี้มันชื่อเดี่ยววะ” ไอ้หลุยส์มันพูดและหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักไหล่แล้วไง



“กูลงข้างพี่ดิววะ เพราะว่ามันก่อนต่อยเด็กเทคนิคสลบเลยมึง” มีคนเชียร์ไอ้ดิว



“ตุ๊บ” ไอ้คนที่ยืนมันโยกระเป๋าเป้ อาดิด๊าสมันลอยไปและมันก็ปรี่เข้ามาหาไอ้ดิวทันที ด้วยหมัดตรง ไอ้ดิวหลบขวับแบบชำนาญการ ไอ้ดิวมันเรียนต่อยมวยมาด้วย ครูสอนมันก็แช้มป์มวยสากลสมัครเล่น และไอ้ดิวมันก็สวยหมัดตรงกลับไปที่ใบหน้าไอ้คนนั้น



“โอ้ววว” มันไม่ได้ร้องแต่กองเชียร์ร้องคงเจ็บแทน ไอ้คนนั้นกระเด็นไปไม่ไกลพอมันตั้งหลักได้มันก็เข้ามาใหม่ที่นี้ สัดกันนัวเลย จนไอ้ดิวมันเสียหลักนิดหนึ่ง



“ผลัก” และไอ้ดิวมันก็โดนไปหนึ่งหมัดถึงกับหน้าสะบัดและเซไปอีกทาง ผมเห็นว่ามันเลือดซิบเลย





“อู้ยย! ” ทั้งกองเชียร์และผมเลยครับ แต่ไอ้คนนี้นมันถือโอกาสนี้เข้ามาทันทีไอ้ดิวก็หันไปใส่กับมันต่อ มีทั้งแตะทั้งต่อย



“เชี้ยเอ๊ย! มวยคู่เอกเลยวะ แม่งซูซีกันแบบ ตาต่อตาฟันต่อฟันเลยวะ กูโคตรชอบเลยวะ” ไอ้หลุยส์พูด



“หมับ” มีคนเดินมา ผมหันไปสะดุ้งสุดตัวบอยครับ



“นี้เล่นอะไรกัน” บอย กอดอกมองผมและมองไอ้หลุยส์ ธรรณ์ก็อีกคน



“คือว่าบททดสอบนิดหน่อยนะบอย”



“บอกให้หยุดเดี๋ยวนี้เลย มันไม่ใช่เรื่องเลยนะ แจ็ค หลุยส์” บอยเอ็ดผมสองคน



“ดูซิ ไอ้ดิวนะปากมันแตกแล้วนะ เฮ้ย! ” ไอ้ติ๊กมันเข้ามา ไอ้แอ้ที่เดินมองไอ้ดิว แม้มันจะไม่แสดงอาการอะไรเลยแต่ผมว่ามันก็เป็นห่วงที่สุด พายนี้ยืนเอามือหน้าแต่แอบมองลอดช่องพร้อมกับไอ้สองคนหน้าหวานๆ นั้นด้วย



“แป๊ะ แป๊ะ แป๊ะ” ไอ้หลุยส์มันตบมือเหมือนกับว่าการแสดงมันจบแล้ว มันสองคนหันมามองพวกผม จังหวะนั้นไอ้ดิวมันต่อยให้คนที่ชื่อเดี่ยวลงไปกองอยู่แล้ว



“สุดยอดวะ กูอยากได้คนแบบนี้ แบบมึงวะ” ไอ้หลุยส์มันเดินไปและชี้ไปที่ไอ้เดี่ยว ไอ้เดี่ยวมันชี้ตัวเอง



“เรื่องรถไอ้ติ๊ก จัดการ เพราะมึงทำ” ไอ้หลุยส์มันพูด



“ส่วนเรื่องห้องเรียน พวกกูจัดให้ มึงเรียนห้องเดียวกับพวกกูวะ “



“กูหลุยส์” ไอ้หลุยส์มันก็แนะนำตัวและยื่นมือไปเช็ดแฮนด์ มันก็ทำหน้างง แต่ก็เช็กแฮนด์กลับ



“กูแจ็ควะ” ผมหยักคิ้วและยื่นมือไปทักทายเช่นกัน



“นี้บอยและธรรณ์แฟนของกูสองคน” ผมแนะนำ



“กูดิววะ” ไอ้ดิวมันยื่นมือไปเช็กแฮนด์ก่อนจะเดินออกมา



“เดี๋ยวนี้อะไรของพวกมึงเนี๊๊ยะ” ไอ้คนที่ยืนงง ในดงลาเวนเดอร์มันถาม



“มึงเพื่อนพวกกูแล้ว ยินดีต้อนรับว่ะ “ไอ้หลุยส์พูด



“แล้วทำไมพึ่งจะไปบอกครูกันละว่ามีคนต่อยกัน “ครูพัฒน์เดินมาอย่างรวดเร็ว พวกผมหันมามองหน้ากัน



“งานเข้าแล้ววะ พี่พัฒน์มา พ่อกูรู้แน่ๆ เลยวะ” ไอ้ติ๊ก



“ก็ผลงานมึงไอ้ติ๊ก” ไอ้แอ้พูด





“นี่พวกเธอ ครูได้ยินว่ามีการต่อยกัน ใครต่อยกับใคร” ครูพัฒน์ถามและมองพวกผมและไอ้คนที่ยืนอยู่



“ดูสภาพแล้ว นายใช่ไหม กับ “ครูพัฒน์พูดและหันไปมองไอ้คนที่ยืนอยู่





“ผมครับครูพัฒน์” ไอ้ดิว มันยกมือขึ้น



“อะไรดิว แล้วต่อยกันทำไม” ครูพัฒน์หันไปถามไอ้ดิว

“เออ พี่พัฒน์ มันสองคนแค่ ประลองมัดมวยกัน ไม่มีอะไรมากครับ ใช่ไหมวะ “ไอ้หลุยส์มันพูดและมองไอ้คนที่ยืน



“เออ ครับ ผมแค่ประลองฝีมือกัน นิดหน่อย” ไอ้ดิวมันตอบ



“และเราก็ประลองมวยกับเขาอย่างนั่นเหรอทั้งที่เราเพิ่งจะมานะ นายกิตตศักดิ์” ครูพัฒน์พูด



“และครูหนิงก็บอกครูว่าเราโวยวายเรื่องที่ไม่สามารถจัดให้เราลงเรียนห้อง311 ได้ใช่ไหม” ครูพัฒน์ถาม



“ที่ให้ลงไม่ได้เพราะว่า...เราจำกัดคนต่อห้อง เพื่อทำให้การเรียนการสอนไม่อึดอีดจนเกินไป”



“ครูจะได้ดูแลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่เกี่ยวกับว่าใครไม่ให้ใครเรียน ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครได้อภิสทธิ์เหนือใครทั้งนั้น “ครูพัฒน์พูด



“อย่างที่เราเข้าใจ “ครูพัฒน์พูด



“พี่พัฒน์ครับ..เอ้ย..ครูพัฒน์ครับ ผมว่าจะบอกอยู่พอดี ให้เขาเรียนห้องพวกผมนะครับ ไอ้นี่มันเพื่อนพวกผมครับ “ ผมบอกครูพัฒน์ ครูพัฒน์หันมามองหน้าพวกผม และพวกผมก็ยิ้มให้



“จริงเหรอ” ครูพัฒน์ถามพวกผม



“จริงครับ” พวกผมยกเว้นไอ้ติ๊ก ไอ้แอ้มันก็เอาแขนกระแทกพยักหน้า



“จริง..มั้ง” ไอ้ติ๊ก ผมกับไอ้หลุยส์หันมามองมัน หาเรื่องแล้วยังไม่สำนึกอีก



“ใช่ครับพี่พัฒน์” ไอ้ดิวมันพูด



“ถ้าอยากเรียนห้อง 311 “ครูพัฒน์ถามไอ้คนที่ชื่อเดี่ยว มันก็พยักหน้า



“ก็ได้ แต่อย่าเล่นอะไรกันแบบนี้อีกนะ นี้โรงอาหารไม่ใช่สนามมวย” ครูพัฒน์พูด



“ดูซิ พากันปากคอแตก ไปทำแผลและคนอื่นๆ ไปเตรียมตัวเข้าแถวกันได้แล้ว” ครูพัฒน์พูด ไอ้คนที่ยืนมันก็เดินตามพวกผมออกไป



“มึงชื่ออะไรวะ” ไอ้ดิวมันหันไปถาม



“กู เดี่ยววะ”



“ไปทำแผลกันก่อนวะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองไอ้หลุยส์



“กูว่ามันได้คนถูกคอแล้วมึง “ไอ้หลุยส์มันพูด



“เห็นไหมการคัดคนของกูเจ๋งไหมวะ” ไอ้หลุยส์



"ไม่!!!” อันนี้สาวๆ ของผมกับไอ้หลุยส์ นั้นก็คือบอยกับธรรณ์ และเดินทิ้งมันและผมอีกดคนด้วย



“อู้ยยย! ” ไอ้หลุยส์



“ลำบากกรูต้องง้อเมียอีก ไอ้หลุยส์) )) ) “



“บอย เขาโดนบังคับ) )) )” ผมรีบวิ่งตามเมียผมไป ทันที พยายามง้อแต่เมียก็สะบัดงอน ไอ้หลุยส์มันก็ตามง้อธรรณ์ เหมือนกันเลย



“สมน้ำหน้าเป็นไง เชียร์กันมันหน้าดู ฮาๆ “พายพูด
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เพื่อนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 08-11-2020 14:28:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เพื่อนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 11:57:29
พระเอกใหม่รึ กลับมาอ่านต่อแว้ววว
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ไอ้เดี่ยวเพื่อนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-11-2020 13:45:34
ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่
      
               ผมชื่อเดี่ยว หรือกิตติศักดิ์ ผมเคยเรียนโรงเรียนนี้มาก่อนและอยู่แก้งเดี่ยวกับไอ้พวกภาคิน แต่ผมดันมีเรื่องกับไอ้ธงรบ เพื่อนของไอ้ภาคินมัน ตอนนี้มันไปเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมทหาร  ผมดันไปแท่งมันเข้าและนั้นก็ทำให้ผมต้องถูกย้ายไปเรียนที่อื่น เพราะว่าแม่ผมกลัวว่าผมจะเสียคนไปมากกว่านี้  และนี้พอดีแม่ผมต้องการจะเดินทางไปต่างประเทศแม่ผมพบรักกับต่างชาติและแฟนแม่ผมคนนี้ก็เคยแต่งงานกับคนไทยมาก่อนจนมีลูกสาวที่เป็นลูกครึ้งไทยอังกฤษหนึ่งคน แต่ภรรยาเขามาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย เขาก็พาแม่ผมไปๆมาๆที่ไทยและอังกฤษ  เพราะว่าพ่อเลี้ยงผมเขามีฟาร์มอยู่ที่ไทยด้วยกับภรรยาคนไทยคนเก่าและเขาก็เรียนรู้ภาษาไทยจนพูดได้คล้องเช่นกัน

      ผมเบื่อก็เลยเลยขอแม่ผมว่าจะกลับมาเรียนโรงเรียนเดิม  แต่กว่าผมจะขอแม่มาได้แม่คัดค้านผมตอนแรกแต่แม่ก็ยอมผมจนได้ และผมก็ระบุว่าจะเรียนที่ห้องเรียนไอ้ภาคินมัน ผมรู้ว่าห้องไหน แต่พอมาถึงกลับไม่ได้เรียนก็โมโห และดันมาเจอคนพ่นสีรถคันโปรดของผม คันนี้พ่อผมซื้อให้และพ่อกับผมก็ช่วยกันปรับแต่งแม้บางอย่างจะให้อู่ทำให้เช่นลงสีตามที่พ่อกับผมออกแบบเอาไว้  พ่อผมเป็นทหารแต่เป็นทหารช่าง พ่อผมเสียไปได้สามปีแล้ว เนื่องจากมีการวางระเบิด ผมเลยรักรถคันนี้มาก

      “เดี่ยว” ไอ้คนที่เรียกชื่อผม คือคนที่ทผมต่อยกับมันเมื่อสักพักนี้ มันบอกว่ามันชื่อไอ้ดิว

      “มึงต่อยมวยเก่งวะ มึงเคยเรียนต่อยมวยมาใช่ไหมวะ” ไอ้ดิวมันถามผม

      “พ่อกูเป็นคนสอนกูเองและพ่อกูก็เป็นทหารช่างด้วยและพ่อกูก็เป็นนักมวยมาก่อน” ผมบอกมัน ผมเห็นมีคนหน้าหวานวิ่งตามมันมาและไอ้หน้าคนที่ทำรถผมซะเละเทะไปด้วยสีสเปย์ ผมหันไปมองหน้ามันแต่มันดันแอบด้านหลังไอ้คนหน้าหวานทันที

      “อะไรของมึงวะไอ้ติ๊ก” หนุ่มหน้าหวานหันไปถาม ผมก็ยิ้มที่มุมปากหยักคิ้วให้

      “ก็ดูไอ้นี้ดิ หน้ามัน ยังกะพวกหื่นกาม” ดูมันชมผมซะหุบยิ้มแทบไม่ทัน

      “มึงอย่าบอกนะว่า พ่อมึงคือจ่าสิบเอกชาติชาย” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามันแปลกใจว่ามันรู้ได้ยังไง

      “มึงรู้จักด้วยเหรอวะ “

      “ใช่ดิกูก็เรียนต่อยมวยกับเขามาเพราะว่าพ่อกูเป็นแพทย์ทหารที่ดูแลค่ายทหารและโรงพยาบาลในค่ายทหารนั้น  ”  ไอ้ดิวมันพูด

      “ทำไมกูไม่เคยเจอมึงเลยวะ” ไอ้ดิวมันถามผม

      “กูไม่ได้เข้าไปในค่ายหรอกวะ พ่อกูนะพอเวลาลากลับมาบ้านก็จะฝึกกูต่อยมวยอย่างหนัก แม่กูนะไม่ค่อยชอบหรอก เขาไม่อยากให้กูไปท้าตีท้าต่อยกับใคร “ ผมพูด

      “แต่พ่อกูก็สอนเสมอว่า ให้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นวิชาที่พ่อกูสอนนะ พ่อกูบอกห้ามเอาไปรังแกใครและกูก็ทำตามที่พ่อกูสอนมาตลอด........แต่วันนี้ กูขอโทษวะ กู”ผมพูด

      “เฮ้ย! กูเข้าใจวะ รถของใครใครก็รักวะ “ ไอ้ดิวมันพูดและหันไปมองไอ้คนต้นเหตุ

      “แต่กูไม่เจอจ่าแกนานมากแล้วนะ จ่าแกเป็นไงบ้างวะ” ไอ้ดิวมันถามผม

      “พ่อกูเสียไปได้สามปีแล้วจากเหตุวางระเบิด ตอนนั้นพ่อกูติดรถขบวนทหารไปด้วยและนั้นก็คือวันสุดท้ายทั้งที่พ่อบอกว่าจะขอกลับมาอยู่กับกู” ผมพูด ไอ้ดิวมันหน้าเสียไปเลย

      “เสียใจด้วยวะเดี่ยว” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองคนข้างๆมัน

      “อ้อไอ้นี้ชื่อ แอ้ ลูกท่านนายพล ภีมปภพนะ”

      “ปกติพ่อกูจะขับรถให้ทานนั่ง “ ผมพูดและพยักหน้าให้แอ้ ผมรู้ว่าหน้าเขาหวานจน

      “อะแฮม  “ อีกคนก็กระแอมใส่ผมซะนี้

      “ไอ้นี้ติ๊กวะ คนที่จะซ่อมรถให้มึงนะ”ไอ้ดิวมันลืมไม่ได้แนะนำตัวมันก็เหมือนเรียกร้องหน่อยๆ

      “นี่คือดาราหรอ ...มีแต่คนบอก ว่าแต่เป็นดาราช่องไหนอ่ะ ไม่เคยเห็นแสดงเลย” ผมหันไปถามมีแอบค้อนผมขวับเลย จริงๆผมก็เคยเห็นหน้าเห็นตาที่หน้าจออยู่หรอกแต่ผมนี้แกล้งมันนะ 

      “ดาราแสดงแต่หนัง ไม่ได้แสดงละคร  และส่วนใหญ่จะหนังอินเตอร์ บ้านไม่มีเน็ตฟิกซ์ ไม่รู้จักหรอก”

      “ไอ้ติ๊กปากมึงเหรอวะ”  ไอ้คนหน้าหวานหันไปต่อว่า

      “มีเน็ตฟิกซ์แต่ดูเฉพาะหนังโหดๆ ระบิดลงตูมๆ “ผมพูดและก้าวเท้าเข้าไป มันก็ถอย

      “และยิ่งหนังที่พระเอกซาดิสนี้ชอบมากกก” ผมพูด

      “เออ ..กูรู้แล้วไม่ต้องมาใกล้ขนาดนี้หรอก หน้ามึงมันก็บอกแล้วว่าโรคจิต” ไอ้ที่ชื่อติ๊กพูด ผมก็ยิ้มและหยักคิ้ว

      “ไปเถอะวะ ไปทำแผลกันดีกว่าวะจะได้เข้าห้องเรียนกัน”ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เดินพากันเข้าไปในห้องพยาบาล มีครูที่เป็นพยาบาลประจำห้องเดินออกมาพอดีเลย

      “อ้าวพวกเธอ เป็นอะไรกันมาเหรอ” ครูที่ห้องพยาบาลถามพวกผม

      “คือว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกันเลยชกต่อยกันนิดหน่อยนะครับ ครูพัฒน์ให้พวกผมมาทำแผลครับ”

      “คือว่าครูมีเรื่องด่วนนะพวกเธอ”

      “ไม่เป็นไรครับ พวกผมหายาทาเองได้ครับ “ ไอ้ดิวมันพูด

      “แน่ใจเหรอ งันดูแลตัวเองกันก่อนนะคะ ครูรีบจริงๆ” ครูประจำห้องพยาบาลพูดและรีบวิ่งไป คงมีเรื่องรีบจริงๆ ผมพากันเดินเข้าไปในห้อง ไอ้ดิวมันเดินไปเปิดตู้ยาอย่างชำนาญและคนหน้าหวานที่ชื่อแอ้ก็เข้าไปหยิบอะไรสักอย่างออกมา มันหยิบเอาถุงคล้ายกับโคลด์แพ็คมาและส่งให้ผม

      “ประคบซะ” แอ้บอกผม ผมพยักหน้าและรับมา

      “อ่ะ นี้ว่ะยาทาแก้ฟกช้ำ “ ไอ้ดิวมันส่งหลอดยาให้ผม และพอมันนั่งลง

      “Rrrr “ เสียงมือถือไอ้ดาราข้างๆผมดังขึ้น

      “ฉิบหายแล้วพ่อกูโทรมา กูรับสายก่อนนะมึง” ไอ้ดารานั้นมันพูดและก็รีบเดินออกไปทันที

      “พ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ไง” ไอ้ดิวมันอบกผม ผมก็พยักหน้า ผมเองเคยเจอเจ้าของโรงเรียนนี้ครั้งหนึ่งตอนนั้นท่านมาประชุมและพ่อผมก็มาให้การดูแลความปลอดภัย ท่านดูอายุไม่น่าจะใกล้หลักห้าเลยนะ ดูแล้วไม่เกินสี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยอมรับได้ดารานี่มันน่าตาดีจริงๆ 

      “ดิวประคบหรือยัง” แอ้หันไปถามดิว ผมว่าเหมือนสองคนนี้มีอะไรบางอย่างแม้ว่าการแสดงมันไม่ได้บ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็นอะไรกัน

      “มึงสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่าวะ” ผมถามไปแบบตรงๆทันที เพราะเห็นแอ้กำลังจะเอาประคบที่มุมปากไอ้ดิว

      “ไม่..” “ ใช่” มันสองคนตอบพร้อมกันแต่ตอบกันคนละคำตอบเลย

      “โอ๊ย!” ดิวมันร้องลั่นทันทีแอ้มันคงกดแรงแน่ๆ ผมก็เอามือเกาหัวแทน ไม่น่าถามมันตอนนี้เลยผม แอ้มันคงเขินมั้ง

      “โอ้ยแอ้ ตอนไอ้เดี่ยวต่อยนะไม่เจ็บเท่าแอ้กดลงมาเลยนะ ซี้ด” ดิวมันพูดและบ่นแอ้อีกต่างหาก

      “ไม่ใช่ เพื่อนกัน”ไอ้แอ้มันพูดและรีบหยัดเอาที่ใช้ประคบมุมปากให้ดิวมันไปประคบเองทันที  ผมก็เห็นสีหน้าไอ้ดิว มันผิดหวังแต่มันก็รับคืนมา

      “อ้าวติ๊กมาแล้วเหรอมึง ว่าไง พ่อว่าไงวะ”แอ้ถามติ๊ก ที่เดินหน้ามุ้ยเข้ามา

      “พ่อบอกว่ากูต้องไปงานอาทิตย์เดียวกับที่กูบอกว่าจะไป เที่ยวบ้านมรึงอ่ะแอ้” ติ๊กมันพูด ไอ้ดิวสะบัดหน้าอย่างตกใจ

      “ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าจะมันจะไปด้วยนะ” ไอ้ดิวหันไปถามแอ้ ผมว่าสามคนนี้มีอะไรซับซ้อนกันอยู่แน่ๆ

      “ก็กู”

      “ทำไมกูไปเที่ยวบ้านไอ้แอ้ไม่ได้ว่ะ และก็ไม่ได้ขอไปบ้านมึงซักหน่อยไอ้ดิว” ติ๊กพูด ผมหันมามองติ๊กและหันไปหล่ตามองไอ้ดิว มันแอบทำนิ้วเฉือดคอใส่ติ๊กและพยักเพย้อให้ผม ผมก็พอจะเดาออกว่าทำไม แสดงว่าคนนี้คงเป็นก้างชิ้นใหญ่ของมันละซิ แต่คำถามคือใครกันที่ไอ้ดาราพยายามกั้นท่าอยู่

      “กูว่าจะหาเรื่องเบี้ยวงานวะ “ ไอ้ติ๊กพูด

      “เออ! ถ้ามึงสองคนดีขึ้นแล้วไปขึ้นห้องดีกว่ามั้ยวะ”ไอ้แอ้มันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย ผมเห็นไอ้ดิวมันลุกขึ้นแต่ติ๊กนะดึงแขนไอ้แอ้ออกไปก่อน ผมหันไปมองไอ้ดิว มันก็เก็บพวกยาเข้าที

      “มึงชอบแอ้เหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว  มันก็นิ่งไปทันที

      “กูขอโทษวะ แต่กูว่ากูดูออกวะ” ผมบอกไอ้ดิว

      “กูรักมัน แต่มัน กลัว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงแอ้มันกังวลเยอะไปหมดว่ะ ” ไอ้ดิวมันพูด

      “อนาคตอย่างพวกมึงยังต้องกลัวอะไรอีกว่ะ” ผมถามเพราะว่าผมก็รู้จักครอบครัวพวกมันมาบ้าง แต่ละคนโปรไฟว์ดีขนาดนี้

      “อันนี้จริงพวกกูควรจะไปเรียนตามที่วางแผนกันไว้แล้วว่ะ พวกกูเรียนจบมัธยมปีที่หกกันมาแล้ว บางคนก็เรียนกมหาวิทยาลัยออนไลน์กันบ้างแล้ว” ไอ้ดิวมัน

      “กูกับแอ้รอเรียกตัวว่ะ แอ้ต้องไปเรียนสายทหารส่วนกูเลือกจะไปเรียนแพทย์ทหารเพราะว่ากูมีบางสิ่งที่ต้องการจัดการแต่กูบอกมึงไม่ได้ในตอนนี้ว่ะเดี่ยวว่ากูกับแอ้เป็นยังไงกัน” ไอ้ดิวมันพูดกับผมสายตามันมองไปที่แอ้กับติ๊กทีเดินคุยกัน

      “มึงกับแอ้เป็นแฟนกันแบบลับๆเหรอว่ะ”ผมถามไอ้ดิว

      “กูกับแอ้ ไม่ได้แค่เพื่อน หรือคนรัก แต่กูมากกว่านั้นวะ”ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า

      “เออ..ขึ้นห้องเถอะวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็เดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกับไอ้ดิวมัน ผมว่ามันคงมีปัญหามาจากไอ้ดารานั้นด้วย แต่จะให้ผมถามมันตอนนี้คงเร็วเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเป็นเพื่อนกัน  ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้อง 311  ผมก็สูดลมหายใจยาวๆ ถึงจะแค่สองปีแต่ว่า

      “อ้าว ไอ้เดี่ยวไม่เข้าห้องวะ”ไอ้ดิวมันถามผม เพราะผมยื่นอยู่หน้าห้อง

      “อ้าวดิว และนายกิตติศักดิ์ใช่ไหม”ครูพัฒน์มาพอดีเลย

      “ครับครู เออ เรียกผมเดี่ยวก็ได้ครับ”ผมบอกครูพัฒน์ ครูพัฒน์พยักหน้าและผมสองคนก็ให้ครูพัฒน์เข้าไปก่อน ไอ้ดิวมันมองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้มัน

      “สวัสดีครับคุณครู “

      “สวัสดีครับนักเรียน”

      “ดิวเข้ามาก่อนซิ” ครูพัฒน์บอกไอ้ดิวและ

       “เออ วันนี้ครูมีนักเรียนใหม่มาอีกหนึ่งคนนะ ชื่อนายกิตติศักดิ์ “ ครูพัฒน์บอกผมให้ผมเดินเข้าไป พอผมเดินเข้าไปหยุดที่หน้าห้องเรียน

      “ครื้น!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออกจากพวกเพื่อนไอ้ภาคิน แต่ไอ้ภาคินมนเงยหน้าขึ้นมามองผมทำหน้าตกใจที่เห็นผมกลับมายืนที่นี้อีกครั้ง

      “ไอ้เดี่ยวนี้หว่า” พวกมันกระซิบกระซาบกันทำให้พวกไอ้ดิว หันมามองผม

      “สวัดดีครับ ผมชื่อกิตติศักดิ์ ชื่อเล่นชื่อเดี่ยว”

      “วี้ดวิว “ไอ้แจ็คมันแซวผม

      “เออ..นาย” ครูพัฒน์กำลังจะหาที่นั่งให้ผมแต่พวกไอ้ดิวมันยกมือขึ้น

      “ให้นั่งโต๊ะข้างไอ้ติ๊กก็ได้ครับ” ไอ้แจ็คมันก็ยกมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างไอ้ดารานั้น

      “ทำไมต้องให้มันมา”

      “เออ น่ะ แค่นั่งตรงข้ามมึงไม่ได้นั่งกลับมึงซะหน่อย” ผมได้ยินไอ้หลุยส์มันพูด  ผมเดินเข้าไปนั่งและครูพัฒน์ก็เริ่มสอน ผมก็หันไปยิ้มให้ทุกคนแต่ยกเว้นพวกไอ้ภาคิน เพราะว่าผมีความหลังที่จบไม่ค่อยสวยกับพวกมัน 

      “ดีวะเดี่ยว” อีกคนที่ทักผม ผมหันไปมอง ไอ้คนนี้หน้าคุ้นๆ

      “จำเราได้ป่ะ เราน้องพี่ข้าวปั้นอ่ะ”

      “เออ เหมือนจะจำได้วะ แต่กูคิดอีกทีจำไมได้วะ”

      “ขอบใจมาก!” มันทำน้ำเสียงโมโหผมอีกนะ และอีกคนก็ยิ้มตาหยีมาให้ ผมก็ยิ้มกลับ

      “ดีนาย เราพายนะ “ อีกคนที่นั่งข้างไอ้ติ๊กดารา ผมก็ยิ้มให้

               ผมเห็นดิวมันนั่งกับแอ้ ผมก็เผลอแอบมองแอ้ตลอด ทำไมเขาเหมือนบางสิ่งให้สะกดสายตาอยู่ที่เขายังไงก็ไม่รู้ จนกระทั่ง

      “เดี่ยว ไปหาอะไรกินกันวะ” สะดุ้งเพราะมีคนมาเรียกชื่อผม ก็คือไอ้แจ็คมัน

      “เออ...ไปไหน ..นะ”

      “ไปหาอะไรกินกันด้านล่างไง”ไอ้แจ็คมันบอกผม ผมก็พยักหน้า

      “แม้เห็นนะแอบมองแอ้เหรอ” มีคนทักผม ผมหันไปมองไอ้คนที่ชื่อบลูนั้นเอง ไอ้ดิวมันหันมามองผมพร้อมกับแอ้

      “จริงดิ มึงชอบแอ้เหรอ” ติ๊กมันถามผมทันที

      “ชอบ..ชอบอะไร..เปล่า” ผมพูดและยิ้มๆให้ไอ้ดิวมัน  ผมก็ลุกขึ้นพร้อมทันที ผมเดินลงมาพร้อมๆกับพวกนั้น ก็เดินคุยมากับไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์ พวกมันสองคนก็แนะนำบอยกับธรรณ์

      “ไอ้เดี่ยวมึงจะเอารถไปซ่อมทีไหนวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมนะมีอุ้แห่งหนึ่ง ผมรู้จักเขาดี 
 
      “กูมีอู่ซ่อมของลุงกูวะ เขาเป็นคนที่พ่อกูเคารพ เขาเปิดอู่อยู่ที่นี้” ผมพูดบอกไอ้ดิวว
 
      “ไอ้ติ๊กมรึงอย่าลืมจัดการรถให้มันนะมึง”ไอ้ดิวหันบอกไอ้ติ๊กที่เดินกับแอ้และพาย
 
      “เออ กูรู้แล้ว” ไอ้ติ๊กพุด
 
      “งั้นกูโทรหาเขาก่อนวะ” ผมพูดและเดินเลี่ยงไปเพื่อหาที่คุย ผมกดมือถือลุงของผม แม้ไม่ใช่ลุงแท้ๆก็เถอะ 
 
      //ดีวะเดี่ยวแล้วนี้ว่าไง โทรมาหาลุง//
 
      //ลุงเทพผมกลับมาเรียนที่เดิมแล้วครับ// ผมบอกลุง

      //เออแล้วแม่มรึงเขาให้กลับมาเหรอว่ะ// ลุงเทพถามผม

      //ให้ครับและแม่ผมเขาไปอยู่ต่างประเทศแล้วครับ//

      //เออ ...// ลุงเทพ

      // ผมจะเอารถไปซ่อมนะครับ คือผมต้องลงสีใหม่ //
 
      //อ้าวทำไมละ เพิ่งลงไปเมื่อปลายปีที่แล้วนิ//
 
      //คือมี คนมือบอนนะครับยำรถผม ผมพูดเสียงดังหน่อยประโย//คนี้เพราะว่ามีคนมาแอบฟังผม 
 
      //เวรจริงๆ ใครวะมันทำกับมึงได้ //
 
      //ถ้าเจออีกทีผมว่าจะจับทำเมียเลยลุง// ผมพูด ไอ้คนที่แอบฟังผมรีบออกมาทันที
 
      “ปากดีนะมรึงนะ”นั้นมันออกมาแสดงตัว
 
      “แอบฟังเหรอ”ผมเอามือปิดโทรศัพท์ของผมและเดินย่างสามขุมเข้าไปหา อีกคนก็เดินถอยหลังหนีผมแต่มันติดกำแพง ผมก็เดินย่างเข้าไปต่อ 
 
      //ลุงผมเรียนนะซิ ถ้าอย่างนั้นลุงมาเอารถผมได้ไหมครับ เพราะลุงมีกุลแจสำรองของผมนิครับ//
 
      //เออได้ได้เดี๋ยวลุงให้คนไปเอานะ// ลุงเทพพูด ผมก็กดวางสายก่อน เพราะกลัวคนที่มาแอบฟังผมจะหนี
 
      “หมับ” ผมใช่มือดันกั้นไว้ไม่ให้ออกไปไหนได้ คนที่ยืนแหนบชิดติดกับแพง ถึงกับทำตัวลีบ
 
      “มึงจะทำอะไรกู “ ไอ้ติ๊กมันพูด
 
      “ทำไมไม่ปากดีแล้วละ” ผมถามติ๊ก
 
      “ปากดีแบบนี้หน้าตบด้วยปากกระฉากด้วยลิ้น”ผมพูดผมันก็หลับตาปรี่แต่ก็เหล่ตามองเป็นระยะพอผมยิ่งเข้าใกล้ม้ันก็หลับตาหนีผมอีก จนผมหยุดและยิ้มที่มุมปาก 
 
      “แล้วมายื่นแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน มันเสียมารยาทนะครับคุณหนู” ผมพูด
 
      “ก็ กูแค่ให้แน่ใจว่ามรึงไม่ได้ต้องการเงินและหลอกว่า”
 
      “นิ กูไม่ใช่คนแบบนั้นวะ แค่ต้องการเงินของมึง ถ้ามึงไม่อยากก็ไม่ต้อง กูจัดการได้” ผมขึ้นและเดินถอยหลังจะออกทันที ทำไมพอเป็นไอ้คนนี้มันพูดเรื่องเงินกับผมแล้วผมต้องปรี้ดทันที
 
      “เฮ้ยย! กูไม่ได้ความว่าแบบนั้น  เออ กูเชื่อมึงและกูก็”ผมหันมามองว่ายังไง
 
      “ไม่อยากเสียคำพูดกับเพื่อนๆกู  มึงก็ให้เขาทำบิลมาเก็บที่กู” ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าและเดินออกมา ทันที
 
      “มึงจะไปไหนนะไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันเรียกผม มันเห็นว่าผมเดินไปอีกทางที่ไม่ใช่ห้องเรียน
 
      “กูจะไปเอาของที่รถวะ เพราะว่าลุงเขาจะส่งคนมาเอารถกูไปซ้อม “ ผมบอกไอ้ดิว 
 
      “ไปด้วยดิวะ”ไอ้ดิวมันบอกผม ผมก็พงกหัวว่ามาดิ และไอ้คนหน้าหวานพร้อมกับดาราจอมกวนนั้นก็วิ่งตามมาติดๆ เหลือแต่พายที่กำลังกินน้ำปั่นอยู่กับบอยและธรรณ์แฟนไอ้หลุยส์มัน  ผมเดินมาที่ผมจอดรถไว้  โธ่ เอ่ย เปรี้ยวลูกรักของพ่อ ผมคิดในใจ
 
      “เวรเลย “ ไอ้ดิวพอมันเห็นสภาพรถผม 
 
      “ไอ้ติ๊กมึงงนี้เชี้ยมากทำรถมันเละขนาดนี้วะ” ไอ้ดิวมันพูดแสดงว่ามันก็เป็นคนรักรถมากเช่นกัน และไอ้แอ้ก็ยืนมองแบบเสียดายเช่นกัน
 
      “แม้ มันดันปากดีด่าพวกเราก่อนนี้หว่า” ไอ้ติ๊กมันแถ ผมก็เปิดประตูหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าอาดิด๊าสและกีตาร์ตัวโปรดของผมออกมา 
 
      “เออ นี้มึงมาเรียนต้องพกกระเป๋าเดินทางมาด้วยเหรอวะ “ไอ้ติ๊กมันถามผม
 
      “กูเพิ่งจะย้ายมาจากหอโรงเรียนเดิมและกูว่าจะมาหาหอพักแถวนี้ “ผมหันไปบอกพวกมัน
 
      “อ้าวมึงไม่มีบ้านทีนี้เหอรวะเดี่ยว”แอ้มันถามผม หน้าหวานแต่ดูมันพูดหมดราคาเลย อุตสาแอบชอบแต่ผมคิดว่าผมคงเข้าไม่ถึงเพราะไอ้ดิวนี้แหละ
 
      “ไม่มีหรอก แม่ขายไปแล้วตั้งแต่พ่อกูเสีย” ผมพูดกับแอ้ 
 
      “เออ พวกกูมีห้องว่างวะแต่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอ มรึงไปเข้าไปอยู่ก่อน พวกกูจะขอพ่อพวกกูให้เอาเฟอร์เข้ามา” ไอ้ดิวมันพูด
 
      “อะไรนะ” ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะค้าน
 
      “ทำไมวะ กูว่าไอ้หลุยส์ไอ้แจ็คมันก็เห็นด้วยกับที่กูพูด “ ไอ้ดิวมันพูด 
 
      “เฮ้ย!ไม่เป็นไร”ผมทำท่าจะปฏิเสธเช่นกัน
 
      “ไม่เอานะ อยู่กับพวกกู บ้านกว้างวะ” ไอ้ดิวมันพูด ไอ้แอ้มันพยักหน้าอีกคน ผมก็โอเค
 
      “อะไรวะ ไอ้นี้มาไม่ทันถึงวันเลยได้นั้นได้นี้” ติ๊กที่ทำท่างอดแงดใส่ และพาแอ้เดินออกไปทันที
 
      “อย่าไปถือสามันเลยวะ แต่จริงๆมันเพื่อนที่ดีนะโว้ย” ไอ้ดิวมันพูด ผมหยักไหล่ น่าจะนะ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อดีเลย แต่มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งมากขึ้น

      “ถ้าอย่างนั้นก็เอาของมึงไปใส่ไว้ที่รถกูว่ะ กูเอารถมาใช้ ช่วงนี้มึงก็ใช้รถกูแทนได้นะโว้ย เพราะว่าพวกกูก็มีรถที่มารับส่งอยู่แล้ว “ ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าตามนั้น พวกไอ้ดิว แอ้ อีกคนก็จำใจช่วยจะดีกว่า ช่วยผมขนของไปใส่ไว้ในรถของไอ้ดิวที่จอดไปไม่ไกลกันมาก


      “มึงเล่นกีตาร์ด้วยเหรอว่ะ”ติ๊กมันถามผม ผมหันไปหยักคิ้วให้ เพรวาะติ๊กมันถือกีตาร์โปร่งของผมอยู่ กีตาร์ตัวนี้ผมรักเลย พ่อผมซื้อเอาไว้ก่อนที่พ่อจะเสียไม่กี่เดือน ผมนำสำภาระทุกอย่างใส่ไว้ในรถดิวและพากันเดินกลับมาที่ห้องเรียน
 
      “เฮ้ยแจ็ค หลุยส์ พวกกูชวนไอ้เดี่ยวอยู่บ้านพวกเราวะ” ดิวบอกไอ้แจ็คกับไอ้หลุยส์ มันหันมามองผม
 
      “ดีเลยวะ ว่าแต่ห้องนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอนี่หว่า” แจ็คพูด
 
      “กูจัดให้ไม่ถึงครึ้งชั่วโมงเฟอร์มา” ไอ้หลุยส์พูดและมันก็โทรศัพท์ทันทีสั่งเฟอร์นิเจอร์ ไอ้นี้มันไวมาก ผมหันนั่งดูพวกสาวๆ ขอเรียกสาวๆนะเพราะดูก็รู้ว่าน่าทะนุทะนอม แอ้ ติ๊ก พาย เขาคุยกัน   
 
      “เดี่ยว” ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อผม ไอ้ภาคิน
 
      “ไงวะภาคิน” ผมหันไปทักทายมัน พวกเพื่อนมันมองผม โดยเฉพาะไอ้โซ๋ ไอ้นี้มันต่อยกับผมมาแล้ว เรียกว่าแลกหมัดกันหน้าตาปูนไปหมดแต่คนที่สภาพย่ำแย่ก็คือไอ้โซ่ว์ ผมว่ามันจำไม่มีวันลืมแน่ๆ 
 
      “กูไม่คิดว่ามรึงจะกลับมาวะ” 
 
      “กูก็คิดว่าจะไม่แต่กูคิดว่ากูควรจะกลับมาว่ะ” ผมหันไปบอไอ้ภาคินและหันมาหยักคิ้วให้ไอ้ดิวและพวกเพื่อนๆมันที่หันมองผมสลับไปมากับไอ้ภาคิน
 
      “ยินดีวะ”
 
      “มึงงจะบอกเพื่อนมึงก็ได้นะว่ากูกลับมา” ผมบอกไอ้ภาคิน เพื่อนมันที่ผมหมายถึงนั้นคือไอ้ธงรบ ไอ้นี้ปลาไหลตัวพ่อ มันเอาหมดทัั้งชายและหญิง แม้กระทั้งแฟนของไอ้ภาคินมันยังเอาเลยแต่ก็อย่างว่าแฟนไอ้ภาคินมันมันอ่อยเขาด้วยแหละ แฟนมันเป็นผู้หญิงแต่ตอนนี้ผมไม่รู้รสนิยมมันแล้ว 
 
      “มันคงจะรู้เองในไม่ช้าเพราะว่ามันก็เทียวไปเทียวมาอยู่ ที่นี้ “ ไอ้ภาคินพูดและเดินหันหลังกลับไปทันที
 
      “คุยกันได้คุสาดมาก มึงมีความหลังกับมันเหรอวะ”ไอ้ดิวมันกระซิบถามผม 
 
      “มี กับเพื่อนมัน พวกมันกูก็มีกับไอ้โซ่ว์ เพราะว่ามันปากเสียกับกู แต่ เห็นไอ้โซ่ว์ปากแบบนี้ มันโคตรรักเพื่อนเลยวะ”
 
      “กูกับมันเป็นเพื่อนกันก็หลังจากได้ปล่อยหมัดใส่กันเหมือนกูกับมึงอ่ะ และวันหนึ่ง ขณะที่กูกำลังขับรถมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน” ผมพูด ไอ้ดิวมันขมวยคิ้วมองผม

      “เมื่อก่อนกูชอบแว่นบอกตรงๆ แต่อายุยังไม่ถึงที่จะทำใบขับขี่ไง” มันพยักหน้าว่าให้เล่าต่อ

      “ก็มีคนดักทำร้ายกู มันอัดกูด้วยไม้เบสบอล และคนที่เข้าไปช่วยกูคือไอ้โซ่ว์”ผมบอกไอ้ดิว 
 
      “พวกมันก็มีดีใช่ไหมวะ” ไอ้แจ็คถามผม
 
      “ดีมากถ้าพวกมึงได้มันเป็นเพื่อนวะ” ผมพูด 
 
      “แต่สำหรับกูพวกมันทำให้พี่กูติดคุก” ไอ้ต้นข้าวพูดโพลงขึ้นมาแต่ไม่ดังมากกลัวมันได้ยินแน่ๆ 
 
      “พี่มึงพี่ข้าวปั้นเหรอวะ ที่เป็นหัวหน้าแก้ง”
 
      “เอออะดิ มึงจำได้แล้วหรือไง”
 
      “กูจำมึงไม่ได้แต่กูจำพี่มึงได้และ”ผมกำลังจะพูด
 
      “พี่มึงไม่ได้ติดคุกเพราะไอ้พวกนี้ พี่มึงนะมีผู้หญิงจากคอนแว้นมาติดและคนนี้สวยมากจนเข้าตาพี่บอส ที่เป็นเพื่อนสนิทพี่มึงนะ “ ผมพูดเพราะผมรู้เหตุการณ์วันนั้นผมโดนย้ายไปก่อนแล้ว ไม่ซิ โดนไล่ออก แต่ท่านผอ ใจดีให้ผมมีโอกาสย้ายไปต่อที่อื่น ไม่อยากนั้นผมคงลอยแพไม่มีที่เรียนแน่ๆ 
 
      “พี่กูโดนหักหลังเหรอวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมพยักหน้าแค่นั้น
 
“เออ กูรู้แค่นี้ จะมีเรื่องอื่นอีกมั้ยกูไม่แน่ใจว่ะ แต่ที่แน่ๆ พวกไอ้ภาคินไม่รู้เรื่อง มันเคารพพี่มึง” ผมบอกไอ้ต้นข้าว มันทำหน้าเสียใจขึ้นมาทันที
 
      “ไอ้บอสไปไหนวะ กูไม่เคยเห็นมันอีกเลย”   ไอ้ต้นข้าวพูดมันคงอยากเอาคืนไอ้บอสแต่ไอ้นี้นี่นะ ผมส่ายหัวมันเด็กอนุบาลสำหรับไอ้บอสถ้ามันยังอยู่ แต่
 
      “ไอ้บอสมันก็ถูกพ่อแม่มันส่งไปเรียนต่างประเทศก่อนที่ลูกมันจะติดคุกเพราะยาเสพติดไง “ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าว
 
      “ไอ้นี้คือคนแรกที่ดึงยาเข้ามาในโรงเรียนนี้ และกูคิดว่ามันมีคนสืบต่อวะ “ ผมพูด 
 
      “ไอ้เชี้ยเอ้ย” ไอ้แจ็คมันสะบด ทำเอาผมนี้ตกใจ
 
      “มึงไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมพึ่งโผ่มาวะเดี่ยว มึงช่วยพวกกูได้เยอะเลยวะ” ไอ้แจ็คพูด
 
      “แล้วพวกกูอะ”ไอ้ต้นข้าว
 
      “ไม่เลย ได้แต่ทำน่ารักไปวันวัน ห่าน!” ไอ้ติํ๊กมันพูด พวกผมก็หัวเราะเพราะมันทำหน้างอนนั้นเองไอ้ต้นข้าว  พวกผมนั่งเรียนช่วงบ่ายกันจนได้เวลาเลิกเรียน

      “กูหวังว่าจะไม่มีใครมาดักรอกระทืบอีกนะ ขอพักบ้างเหอะ”ไอ้ติ๊กมันพูด   

      “แสดงว่าพวกมึงงานเข้าเยอะละซิ”ผมพูดขึ้นขำๆ

      “เออ แม่งทุกวันเลยว่ะ” ไอ้แอ้พูด ผมก็ยิ้ม คนนี้มันพูดน้อย ผมหันเจอไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม ผมก็รีบมุดหลบเดี๋ยวมันรู้ว่าผมแอบชอบแอ้  ไม่รู้ผมรู้สึกใจสั่นๆเวลาแอ้ยิ้มแต่ผมก็รู้สึกอยากจะแกล้งไอ้ดารา เห็นมันทำหน้าโกรธหน้างอนแล้ว มันมีความสุขแปลกๆ 
**********
ขอบคุณน่ะ คุณ Lambosasha มาให้กำลังใจกันเหมือนเดิม และคุณ AKuapink ด้วยน่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ไอ้เดี่ยวเพื่อนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 16:58:55
ไม่สิ ไม่ ต้องชอบติ๊กสิเดี่ยว แต่ๆๆๆ ติ๊กนี่เรานึกถึงพี่ติ๊กเจษเลยอ่ะ 55  :pig4:
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เดี่ยวสับสน
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-11-2020 13:15:19
เดี่ยว สันสนจะเลือกใคร อีกน่ารักน่าถนอมกับอีกคนเคมีใช่แต่ปากร้ายสุดๆ P1

   ผมเดินตามพวกมันลงมาผมหันไปมองก็ปกติดีน่ะมีนักเรียนเดินไปมาพากันกลับบ้านกันเป็นเด็กม.3ขึ้นไปก็จะพาตกใจผมกันเพราะว่ามันทันเห็นความโหดของผมมาก่อน ผมยอมรับว่าผมเลือดร้อนมากจนกระทั่งหลังจากที่พ่อผมเสียชีวิต ผมต้องอยู่กับแม่ ผมเลยไม่อยากทำให้แม่เสียใจมากไปกว่านี้อีก เพราะหลังจากที่พ่อจากไปแม่ก็เงียบลง ไม่เหมือนเดิม และนั่นแหละผมเลยต้องยอมทุกอย่างที่แม่ขอแม้กระทั่งเรื่องแม่จะมีแฟนใหม่

   “เดี่ยวมึงไปรถคันเดียวกับไอ้ติ๊กให้กูทีดิว่ะ กูมีเรื่องจะคุยกับแอ้ว่ะ ไอ้นี้มันไม่เปิดโอกาสให้กูคุยกันเลยว่ะมึง “ไอ้ดิวมันพูด พอติ๊กได้ยินมันทำท่าจะหันมาแต่ผมจับแขนมันไว้ ล๊อกไว้เลย ไอ้ดิวมันก็ดึงแขนแอ้วิ่งไปอย่างไวเลย ไปที่รถของมัน

   “จับกูไว้ทำไม” ติ๊กมันถามผม

   “นั่งด้วยกันไม่ได้เหรอ รังเกียจเหรอ” ผมพูดและยิ้มให้พายที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถไป

   “เดี๋ยวพายรอในรถนะ จ๊วบๆ” น้องพายผมก็ยิ้ม พยักหน้าว่าได้ ผมมองหน้าติ๊ก

   “จ๋าพาย” ผมพูดเพราะกับน้องพาย ผมเห็นไอ้ดิวและแอ้มันขับรถออกไปแล้ว เหลือแค่ติ๊กที่มองผมแต่ยังไม่ยอมขึ้นรถ ติ๊กมันขบฟันจนเสียงกรอดๆ

   “จะให้อุ้มขึ้นรถเหรอครับคุณหนู” ผมกระซิบที่ข้างหูติ๊ก ติ๊กมันสะบัดหน้ามามองผม ผมก็เลิกคิ้วว่าจะเอายังไง แต่ไม่มีการตอบรับ ผมก็ถลกแขนเสื้อขึ้นเหนือหัวไหล่จะได้อุ้มแต่อีกคนก็รีบพล้วดเข้าไปในรถทันที ผมก็ตามเข้าไปนั่งแต่นั่งตรงข้ามกันเพราะนี้มันรถลีมูซีนที่นั่งได้สี่คนหันหน้าเข้าหากัน

   “เดี๋ยวจร๊า” น้องพายเรียกผมเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมหันไปมองว่าไง

   “อีพาย กูอยากให้พี่แพท พี่พีชเห็นมึงแบบนี้จริงๆ ให้กูถ่ายคลิปส่งให้ไหมล่ะ” ติ๊กพูด พายก็หันมาค้อนขวับๆ เลย

   “เดี่ยว.....มันอิจฉานะ” พายพูดผมก็ยิ้มพยักหน้า และหัน หยักคิ้วให้คนหน้างอที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผม จะว่าไปลีมูซีนนี้หรูใช่เล่นนะ มีอุปกรณ์สารพัด เหมือนโฮมเธียเตอร์เคลื่อนที่เลย นี้เป็นครั้งแรกของผมที่ได้นั่งรถหรูแบบนี้ แต่ผมจะไม่ยอมเสียเงินซื้อรถแบบนี้เด็ดขาด จะว่าไปก็ขึ้นเปรี้ยวลูกรักของผม รถอีซูซุ แต่งสีเขียวมีลาย

   “ถึงแล้วลงซิ” ไอ้ติ๊กมันบอกผม ผมก็ก้าวเท้าลงจากรถ ผมหันไปมองรถไอ้ดิวตามมาทีหลัง นี้ขนาดขับออกมาก่อนยังถึงที่หลังแสดงว่าไปแอบคุยกันตรงไหนแน่ๆ และไอ้ดิวก็ขนของผมลงมาจากกระบะหลังที่มีที่ปิดอย่างดี พี่คนขับรถก็ตรงเข้าไปช่วยขนเช่นกัน

   “ไม่เป็นไรครับคุณหนู ผมเอาเข้าไปให้ในบ้านครับ” พี่คนขับรถบอกผม แต่ผมเกรงใจเพราะว่าผมก็ไม่ใช่ลูกเจ้านายเขาด้วย

   “ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหนูหรอกครับและผมถือไปเองดีกว่าเกรงใจครับ” ผมพูด

   “ถ้าเขาอยากถือพี่วางไว้นี้แหละครับ ขอบคุณนะครับ” ไอ้ติ๊กมันพูดบอกพี่คนขับรถ พี่เขาก็ว่างของลงแบบเกรงใจเพราะว่าติ๊กมันสั่งเขาแบบนั้น

   “ขอบคุณครับพี่” ผมกล่าวขอบคุณและกำลังจะยกกระเป๋าเดินทางของผมและกีตาร์

   “พายช่วยถือไหมเดี่ยว” พายยิ้มตาหยีมาหาผม แอ้และดิวนะช่วยถืออย่างอื่นไปแล้วไง ผมหันไปพยักหน้าให้พาย

   “อีพาย ปกติมึงแทบจะไม่ถืออะไรเลยแล้ววันนี้อะไรเข้าสิงห่ะ” ติ๊กถามพาย พายขอช่วยผมถือกีตาร์

   “ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง แต่รู้ว่าเดี่ยวนะสิงอยู่ในใจพาย ...เลิฟยู” พายผมก็เอามือเกาหัวแกรกๆ มามุขนี้เลยเหรอและทำมือเลิฟยูด้วย เดี่ยวไม่ฟินแต่งงมากกว่า

   “ทำไมอะ ไม่ฟินเหรอ ...เอาใหม่” พายพูดและทำนิ้วเลิฟยูอีกที

   “ผลั๊ว “ติ๊กฟาดฝ่ามือลงที่หัวของพาย (คนอะไรโหดไม่สมกับหน้าแม่งเลย)

   “อะไรอีนี้นิ” พาย

   “เอามานี้กีตาร์นะ ถือแบบนั้นเดี๋ยวก็เสียหมด ขาก็สั้นยังทะลึ่งอีก” ติ๊กพูดและดึงกีตาร์ผมไปจากพายและถือเข้าบ้านไปเลย

   “มันแอบชอบเดี่ยวแน่ๆ เชื่อเรา เรานะ รู้จักมันดีแต่มันเป็นประเภท ดาราอ่ะ อีโก้สูงเดี่ยว” พายกระซิบบอกผม ผมเดินเข้ามาในบ้าน

   “เดี่ยวขึ้นห้องพักก่อนไหมวะ เพื่อมึงจะจัดห้องนอนมึงก่อน อาบน้ำและลงมาทานอาหารกันวะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้าแต่ผมไม่เห็นติ๊กแล้ว

   “มันลากเมียกูขึ้นไปอีกแล้ว” ผมได้ยินแบบนั้นผมก็หันมาเหล่มองมัน นี้มันเรียกแอ้ว่าเมียเลยเหรอ แสดงว่ามันสองคนคงก้าวข้ามคำว่าแอบรักไปนานแล้ว

   “ตกลงมึงกับแอ้” ผมถามไอ้ดิวระหว่างที่เดินขึ้นไปชั้นสอง ไอ้ดิวก็ช่วยผมถือของขึ้นไปด้วย

   “ใช่กูกับแอ้เป็นแฟนกันในเชิงพฤตินัยแต่แสดงออกไม่ได้ อึดอัดชะมัดวะ” ผมหันไปมองหน้ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอวะ

   “กูสองคนมีบางสิ่งที่ โอ๊ย! กูไม่รู้จะอธิบายยังไง พวกไอ้แจ็ค และทุกคนก็ไม่รู้มึง มันบอกไม่ได้อ่ะ แอ้อ่ะ กลัวไปทุกอย่างแม้กระทั่งตัวกูเองมันกลัว “ไอ้ดิวพูด ผมก็รับฟัง มันพูดเหมือนมันอึดอัดจริงๆ พอเดินมาถึงห้องในสุด

   “นี้ห้องมึงวะ ขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะ “ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เปิดประตูเข้าไป เห็นเฟอร์นิเจอร์แล้วก็ต้องตกใจนี้โรงแรมห้าดาวชัดๆเลยวะ

   “ดีไปไหมวะ” ผมหันมาถามไอ้ดิว

   “เอานะ เพื่อนพวกกูแล้ว” ไอ้ดิวมันพูดและทำท่าจะเดินกลับไปห้องพักมัน

   “กูอยู่ถัดจากห้องมึงไปนะ แต่บางคืนอาจจะได้ยินอะไรแปลกๆ จากห้องกูบ้างอย่าว่านะโว้ย!” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองมันว่าอะไรแปลกๆ วะ ไอ้ดิวมันหันซ้ายแลขวา

   “แบบซี้ดอ้าห์อะไรแบบนี้” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็ยกนิ้วโป้งให้เลย และดิวมันก็กำลังจะหันหลังออก

   “ดิว” ผมเรียกชื่อมัน

   “มีอะไรคุยกับกูได้วะ กูซื่อสัตย์กับเพื่อนกูทุกคน” ผมพูด ไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม

   “ใจวะ “ไอ้ดิวมันพูดและมันก็เดินกลับไปที่ห้องพักมัน ผมเห็นแอ้กำลังเปิดประตูออกมาจากห้องที่ตรงข้ามกับห้องไอ้ดิว แอ้มันมองผมและเดินตามดิวเข้าห้องไป ผมก็ได้แต่ยืนมอง ยังไม่ได้รักเลยอกหักแล้วกู ผมคิดในใจ

          ผมจัดข้าวของเข้าที่และก็อาบน้ำแต่งตัว จะว่าไปก็เกรงใจพวกมันเหมือนกัน แต่ผมดันลืมถามไอ้ดิวว่ามันลูกใครเหรอ พ่อเป็นทหารเหมือนผมไหม ถึงได้พักที่ค่ายทหารและเรียนมวยกับครูมวยคนเดียวกับผมอีก ผมเห็นข้อความของแม่ผมส่งมาหา แม่ผมแต่งงานกับชาวต่างชาติหลังจากที่พ่อผมเสียไปได้ห้าปี แม้ว่าผมจะยังเสียใจแต่ผมก็เข้าใจแม่ แม่บอกผมว่าชีวิตต้องดำเนินต่อ และฝรั่งคนนี้ก็รักแม่ผมจริง ผมเจอเขาสองสามครั้ง แต่แม้จะไม่ค่อยได้เจอ พอแม่กลับมาเขาก็ฝากของมาให้ผมตลอด ผมรู้แค่ว่าเขาเป็นนายทหารที่ปลดระหว่างแล้วแต่มีเงินไว้กินไว้ใช้เหลือเฟือ แต่ว่าผมแทบจะไม่เคยเบียดเบียนเงินเข้าเลย ผมเอาเท่าที่จำเป็นแต่แม่ผมก็คอยส่งใส่บัญชีให้ผมตลอด จนผมก็พอมีเงินเก็บกับเขาบ้าง

   “ก๊อกๆ”

   “ไม่ได้ล๊อก” ผมบอกคนที่เคาะประตูห้องนอนผม

   “เดี๋ยวกินข้าววะ “ไอ้ดิวนี้เอง ผมก็พยักหน้า ผมเห็นแอ้ออกมาพร้อมมัน

   “วันนี้ไอ้ตัวดีเขาเป็นอะไรสงสัยมึงทำคุณไสยใส่แน่ๆ ปกติมันจะต้องมาลากเมียกูไปอยู่ประจำ ห้องมัน พาไปอาบน้ำปะแป้งให้ด้วย จนใครๆ ก็มองว่ามันเมียแอ้ไปแล้ว” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดหน้ามามองแอ้ นี้แอ้มันเป็นทั้งรับและรุกเลยเหรอวะ

   “โอ๊ยย แอ้! “แอ้มันบิดหัวนมดิวซะมันร้องเสียงหลงเลย ผมว่าถ้าเล่นแบบนี้ใช่แล้วแหละผัวเมียกัน ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างพร้อมกัน ผมเห็นพวกไอ้แจ็คและเพื่อนๆ นั่งกันที่ห้องนั่งเล่น ผมเดินเข้าไปกับไอ้ดิวและแอ้ ก็เห็นไอ้ป๊อด คู่กรณีผมอีกคนแต่ผมไม่ถือสามันหรอกมันยังเด็กและมันก็เป็นคนกตัญญูแต่ที่ทำลงไปก็คงเพราะจำใจ

   “พี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อกมันเรียกผมและยกมือไหว้ผม

   “เออ ไอ้ป๊อด” ผมทักมันและนั่งลง ดูหน้าไอ้ป๊อดเปลี่ยนเป็นสีซีดขึ้นมาทันที

   “เป็นอะไรวะป๊อด หน้ามึงยังกับจะเป็นลม” ไอ้แจ็คพูดและขำมัน

   “มึงจะตกใจกูทำไมป๊อด กูไม่ว่าอะไรกับมึงหรอกกูเข้าใจ” ผมพูด ไอ้ป๊อดมันยิ้ม

   “ผมขอโทษจริงๆ พี่เดี่ยว วันนั้นผมโดนขู่ถ้าไม่ช่วยมันจะพังร้านแม่ผม” ไอ้ป๊อดพูด

   “เออ...เรื่องมันแล้วไปแล้ว ช่างมันเถอะ” ผมพูด

   “เออ มาเข้าเรื่องป๊อด คนไหนวะที่มึงบอกกูว่าจะให้มาสืบอะ ได้ยัง กูรออยู่และกูรีบ” ไอ้แจ็คมันไอ้ป๊อด มันจะจ้างคนสืบเลยเหรอวะ

   “สืบใครวะ”

   “พวกไอ้ภาคินวะ อยากได้ข้อมูลว่ามันคือใครอะไรยังไงและเพื่อนๆ มัน” ผมก็พยักหน้า จะว่าไปผมรู้แต่ไม่ลึกมาก จะเสนอตัวผมก็ว่ามันสืบดีกว่า และจะได้ข้อมูลที่อัพเดทกว่าผมแน่ๆ

   “ไอ้ครับพี่แจ็คและวันนี้พี่เขามาด้วยครับ พี่เขาชื่อพี่ปู เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ” ไอ้ป๊อดพูดและรีบวิ่งออกไปไม่ถึงสิบนาทีมันก็กลับเข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยหน้ามล หน้ามลจริงๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ มายืนตรงหน้าไอ้แจ็ค และพอไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้น มันก็ตกใจ เกือบจะทุกคนเลยก็ได้

   “ไอ้ป๊อด มึงจะให้คนนี้เข้าไปสืบเหรือวะ มึงจะบ้าเหรอ ทำไมไม่หาคนที่หน้าโหดๆ” ไอ้แจ็คมันหันไปด่าไอ้ป๊อดทันที

   “พี่แจ็ค พี่ปูนะเก่งนะพี่ และ พี่เขาร้อนเงินนะตอนนี้ พี่เขาบอกว่าเขาทำได้นะ พี่เขารู้จักคนกลุ่มนั้นและพอจะเข้าไปหาข้อมูลได้” ไอ้ป๊อดพูด

   “เห้ย...มันเสี่ยงเกินไปสำหรับเขา” ไอ้ดิวอีกคน

   “นั้นซิบอยก็เห็นด้วยนะ”

   “ทำไมไม่ให้เราลองก่อนละ ค่อยตัดสินเรา” พูดได้ผมเงยหน้ามอง เพราะเห็นนิ่งๆ อยู่ตั้งนาน

   “มาทำนี้ร้อนเงินเหรอ ติดยาด้วยหรือเปล่า” ผมถามขึ้นทำเอาคนที่ถูกผมถามหันขวับมาทันทีสายตานี้กริบมากและหันกลับไปคุยกับหลุยส์และแจ็คต่อ หน้าตาที่ดูเรียวสวยราวสตรี ปากนิดจมูกหน่อย ผิวที่ขาวมากตัวก็เล็กบอบบาง

   “ไอ้เดี่ยว!” ไอ้ดิวมันอยู่ข้างๆ ผม มันกัดฟันเรียกชื่อผม

   “อะไรของมึงวะเนี๊ยะเดี่ยว” ไอ้แอ้อีกคนและพวกไอ้แจ็ค หลุยส์มันก็มองผม ธรรณ์คนที่ไอ้หลุยส์มันบอกผมว่าเป็นแฟนมันก็หันไปกระซิบกระซาบกับอีกคนที่เป็นแฟนแจ็คที่ชื่อบอย เขาก็มองผมและขำกันอีก อายเลยผม

   “ก็แบบว่า ร้อนเงินจนทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งงานเสี่ยงนะ มันก็ต้องมีอย่างเดียว” ผมพูดขึ้นแบบแก้เขินหน่อยๆ

   “และไม่อยากให้หาเรื่องมาให้พวกมึงเท่านั้นเอง” ผมพูดและมองหนุ่มหน้าหวานที่นั่งนิ่ง ที่นี่ไม่พูดตอบละ

   “พี่เดี่ยว คือไม่ใช่แบบนั้นครับ พี่ปูนะเขาต้องการเงินเพราะว่าแม่พี่ปูเขาป่วยมากครับ “ไอ้ป๊อดพูดทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที และแต่ละคนก็หันมามองผมกันหมด

   //เป็นไงละมึง//ไอ้ดิวมันหันมาพูดกับผมให้ผมอ่าน//ก็กูไม่รุ้นี้หว่า//ผมก็หันไปพูดให้มันอ่านปากเช่นกันและหันไปมองหน้าปูที่นั่งทำหน้านิ่งมาก ไม่รู้เสียใจหรือโกรธกันแน่

   //แล้วทำไมมึงไม่เปิดบทสนทนาที่มันดีกว่านี้วะ//ไอ้แอ้หันมาบ่นผมไม่ดัวมาก//ก็ปกติ ถ้าคน ร้อนเงินและทำงานอะไรที่เสียงแบบนี้ก็มักจะต้องการเงินไปซื้อยาไง// ผมพูดกระซิบกับดิวและแอ้

   “แต่นี่” ผมกำลังจะเอ่ยก็มีเสียงมาขัดจังหวะพอดี

   “อะฮืม” ไอ้หลุยส์มันกะแอมที่พวกผมซุบซิบกัน

   “เอาเป็นว่าฉันจ้างนายนะ อ่ะนี้เงิน” ไอ้หลุยส์มันส่งเงินสดให้ปึกหนึ่งเลย ปูรับไปและเงยหน้าขึ้นมองทำหน้างงๆ

   “มันเกินมาหกพันบาทนะ ที่ตกลงกับป๊อดเราเอาแค่สี่พันบาท”

   “พอดีไอ้ป๊อดมันบอกเราไว้ว่าแม่นายต้องการเงินเพื่อไปให้ค่ายาคีโมไม่ใช่เหรอ ฉันให้และน่าจะมีหลายงานเลยรับไว้” ไอ้หลุยส์มันบอกกับปู

   “ถ้าอย่างนั้นก็ไปทานอาหารกันเลยดีกว่าวะ “ไอ้แจ็คมันพูดผมนี้รู้สึกผิดมากแต่ปูเขาก็ทำหน้าได้นิ่งมากจนเดาไอ้ยากจริงๆ ปูลุกขึ้นเดินผ่านผมไปแบบไม่เหลียวตามองผมเลย

   “แม้มึงนิ ชอบก็บอกเขาไปตรงๆ เลย ทำปากเสีย” ไอ้ดิวมันแซวผมซะดัง ติ๊กหันมามองและเบ้ปากใส่ผมอีก ผมเดินตามไปจนจะถึงห้องอาหาร

   “ปู “แอ้มันเรียกปู เขาก็หันมามองแอ้ แต่แปลกนะทำไมเขาถึงได้ยิ้มลมุลให้แอ้ได้ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน

   “เออ มีคนอยากขอโทษนะ” แอ้พูดและหันมามองผม ผมก็ชี้ตัวเอง

   “ไม่ต้องก็ได้มั้งเพราะดูแล้ว”

   “ไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันผลักไหล่ผม

   “น่ะ เขาอยากขอโทษ” แอ้พูดและเดินตามติ๊กและพายเข้าไปในห้องอาหารและตามด้วยดิว ผมก็ยืนมองปู ยิ่งมองใกล้ๆ ผมรู้สึกเขินจนพูดไม่อะไรไม่ออก เป็นคนใบ้ขึ้นมาซะอย่างนั้น

   “มีอะไรก็รีบพูดนะ เราจะได้รีบทำงานของเราและรีบกลับ แม่เรารออยู่ “ปูพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ตามสไตล์ของเขาแต่เขาไม่มองหน้าผมเลยด้วยนี้ซิ

   “คุยยังไง คนที่คุยด้วยไม่มองหน้า” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูซอร์ฟลงกว่าเมื่อสักครู่

   “ก็” ปูหันมามองหน้าผม ผมยิ้มรอ

   “ตกลงว่ายังไงละ” ปูมองหน้าผมอย่างจริงจัง

   “คือเรื่องในห้องนะ เราปากไว้ ปากไม่ดี เราขอโทษนะ” ผมพูดไปด้วยเอามือรูปหัวตัวเองไปด้วย คือมันเขินด้วย คนตรงหน้าไม่ได้มีอาการรู้สึกเขินผมเลยสักนิด

   “เราเข้าใจว่า เป็นใครก็คงคิดแบบนี้นายคิดก่อนทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าเราไม่โกรธแล้ว” ปูพูดและทำท่าจะหันหลังเดินออก

   “หมับ” ผมจับมือปู คือว่ามันไวกว่าความคิดของผมซะงั้น ปูหันมามองผมที่ที่จับข้อมือเขาไว้ ผมก็ปล่อยมือเขา

   “มีอะไรให้ช่วยบอกนะ “ผมบอกปู เขาก็ยิ้มให้ผม ก่อนทีเดินเข้าไปในห้องอาหารและผมก็เข้าไปนั่งข้างไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็หยักคิ้วกับ ปูกับป๊อดก็จัดการเอาอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ พวกผมก็ทานกันไป ผมก็หันไปมองปูเป็นระยะ

   “กินปูไหมเดี่ยว” มีคนถามผม

   “กิน ...น่ากินนะ “ผมก็พูดแต่ก็ต้องสะดุ้งมีปูมาจ่อที่ตรงหน้า เป็นปูผัดผงกะหรี่ น้องพายตักมาให้ผม ทำท่าจะป้อนด้วย

   “ขอบคุณครับพาย วางในจานก็ได้ครับ” ผมบอกพาย

   “อยากป้อนอ่ะ “พายพูด

   “ก็เขาบอกว่าเขาจะกินปูไม่ได้กินพาย มึงก็ยังเซ้าซี้เขาอีก อีนี้” อีกคนคือติ๊กพูด

   “พายรสปู”

   “ไม่มีอ่ะ” ผมพูดและกลั้นหัวเราะ

   “พี่ๆ ทานกันเสร็จแล้วใช่ไหมครับงั้นป๊อดเก็บอุปกรณ์เลยนะครับเพราะว่าพี่ปูจะไปดูแม่ของพี่ปูที่โรงพยาบาลนะครับ”

   “อ้าวแล้วพรุ่งนี้ปูไม่มีเรียนเหรอ” บอยหันไปถามปู

   “มีแต่เราอยากอยู่เฝ้าแม่เรานะ เพราะว่ากลางคืนพยาบาลยุ่งมากและเขาก็อนุญาตให้เฝ้าได้หนึ่งคน” ปูพูด

   “ห้องพักแบบไหนเหรอ” ติ๊กหันไปถาม

   “แม่เราไม่มีสิทธิ์อะไรนอกจากบัตรทอง ก็ได้ห้องพักรวมนะ” ปูพูด

   “อืมม ถ้าเป็นห้องพิเศษแพงมากเนอะ” ติ๊ก

   “ติ๊ก” แจ็คมันเรียกชื่อ

   “ก็แค่ถามเพราะว่าไม่เคยใช้ห้องพักรวม ไม่ได้เหรอ” ติ๊กมันหันมาถามไอ้แจ็คและติ๊กก็ลุกขึ้นเดินไปเลย

   “เออ วันนี้มันไม่เรียกมึงไปด้วยละแอ้ หรือว่างอนใครหรือเปล่า แถวๆ นี้” ไอ้หลุยส์มันแซวแต่ธรรณ์นะตีที่ไหลหลุยส์

   “ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปนะพี่เดี๋ยวจะดึกสำหรับพี่ปู “ป๊อดพูดและก็เก็บทุกอย่างลงหมอใบใหญ่กันสองคนกับปู ผมก็ลุกขึ้นช่วยทันที

   “อู้ยยย! ช่วยกันด้วย สงสัย จะมีเด็กช่วยวางอาหารเพิ่มแล้วมึง” ไอ้แจ็คมันแซวผม ผมก็ช่วยไอ้ป๊อดมันยกออกไปที่รถเพราะไม่อยากให้ปูยก และผมก็ยืนมองรถคันที่มากับพวกป๊อดและปูออกไป นี้แสดงว่าเขาก็ไม่มีรถซินะ เห็นแบบนี้แล้วผมสงสารจับใจเลย ผมรู้สึกถึงตอนที่ผมรู้ว่าผมเสียพ่อผมไปแล้วผมเสียใจมากแค่ไหน
หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เดี่ยวสับสนP1
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 12-11-2020 13:26:54
พายเอาจริงป่ะนี่
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เดี่ยวสับสนP2
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-11-2020 17:44:13
   เดี่ยวสับสน P2

              ผมก็ยืนมองรถคันที่มากับพวกป๊อดและปูออกไป นี้แสดงว่าเขาก็ไม่มีรถซินะ เห็นแบบนี้แล้วผมสงสารจับใจเลย ผมรู้สึกถึงตอนที่ผมรู้ว่าผมเสียพ่อผมไปแล้วผมเสียใจมากแค่ไหน

//สวัสดีครับ ลุงครับ// ผมโทรหาลุงที่ทำสีรถให้ผม

//ว่าไงเดี่ยวลุงกำลังทำสีให้เองอยู่//

//ลุงผมขอเอาสีเดิมเพราะลุงจะได้แก้ไม่เยอะ ผมคิดว่าจะไม่ลงใหม่ทั้งคันจะดีกว่า//

//อ้าวทำไมละ นี้กะว่าสักสองอาทิตย์ก็เสร็จเลย// ลุงบอกผม

//ผมต้องการรถไว้ใช้ครับช่วงนี้ ผมไม่มีรถนะครับลุง //

//เออ อันที่จริงก็ไม่มากมาย แก้เฉพาะที่ ก็ไม่น่าจะเกินจากสามวัน เพราะว่ามันเป็นเยอะหน่อยก็ปิดท้ายกระบะ แต่ไม่อยาก ช่วงนี้ลุงมีเครื่องมือค่อนข้างทันสมัยมาหลงและห้องอบอีก //ลุงเขาบอกผม

//งั้นเอาตามนั้นครับลุง// ผมพูดและก็กดวางสาย ผมเดินเข้าบ้านมาก็เจอพวกไอ้แจ็คและหลุยส์ บอยและธรรณ์กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกัน แต่ผมไม่เห็นไอ้ดิวและแอ้

“พวกนั้นขึ้นห้องไปกันหมดแล้ววะ พวกกูว่าจะคุยกันสักหน่อย” ไอ้แจ้คพูด ผมพยักหน้าและเดินขึ้นผมว่าจะวิดีโอคอลคุยกับแม่สักหน่อยแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนติ๊ก หรือว่าจะ

“แม้มึงหึงเขาก็บอกมาเถอะไอ้เดี่ยวนะ พอเห็นเขาจีบปู”

“กูจะหึงทำไมคนอย่างไอ้เดี่ยว”

“ก็มึงชอบเขาใช่ไหมล่ะ”

“กูไม่ได้ชอบมันและถ้ากูจะอยากมีแฟนหาคนที่ระดับเดียวกับกูดีกว่าไหมเพราะว่ากูเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนนะโว้ยย “ผมก็เลยไม่กล้าจับลูกบิดเลย ผมก็เดินไปห้องนอนผม ใช่ซิ เขามันลูกเจ้าของโรงเรียนจะมามองผมทำไมวะ

“ก๊อกๆ” มีคนมาเคาะห้องนอนผม ผมเปิดประตูไปดู ผมเห็นไอ้ดิวยืนเอามือไขว้หลังและมันก็ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม ผมก็หยิบมาคลี่ดู เป็นเบอร์โทร มันเขียนว่าปู เบอร์มือถือของปู

“ใช่ กูขอไอ้แจ็คมาให้ กูว่าเขาก็โอเคดีนะ น่ารักดีด้วย และกูก็เห็นมึงมองเขาอยู่”

“นี้มึงกลัวกูจีบแอ้ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“กูไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้ามึงจะจีบแอ้และแอ้เขาโอกับมึงกูก็ไม่มีสิทธิ์ขวาง” ไอ้ดิวมันพูด

“แต่กูเป็นเพื่อนใครแล้วสิ่งที่กูจะไม่ทำกับเพื่อนคือแย่งคนรักเพื่อนวะ” ผมพูดและหยิบกระดาษแผ่นนั้นไป อันนี้คบปูน่าจะสบายใจกว่าไหมผมคิดในใจ ผมพลิกกระดาษไปมาก่อนจะเมมเบอร์ลงในมือถือไอโฟนรุ่นใหม่แต่ไม่ล่าสุด เครื่องนี้ผมได้มาตอนวันเกิด พ่อเลี้ยงผมซื้อให้และแม่ผมก็เอามาให้ผมที่ไทยเองด้วย ผมก็เลยลองส่งข้อความไป

//เบอร์เดี่ยวนะ พรุ่งนี้ลงมาทานอาหารเช้าด้วยกันได้ไหม เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปากไม่ดี// ผมส่งข้อความหาปู

//เหรอ//

//น่ะปู มาทานอาหารเช้ากัน//

//พรุ่งนี้บอกอีกทีนะ ตอนนี้เราต้องปิดมือถือแล้วเพราะว่า พยาบาลเขาบอกห้ามใช้เสียงและสื่ออิเล็กโทรนิก ตอนนี้คนไข้คนอื่นต้องการพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะโทรบอกเดี่ยวอีกทีแต่เช้านะ กู้ดไนท์//

จะว่าไปก็แปลกที่นะ ผมก็เป็นคนที่นอนไม่ค่อยหลับแปลกที่แปลกทาง ก็เลยหยิบเอากีตาร์เครื่องโปรดมาเล่นเพลงที่ผมชอบ ผมชอบเพลงวงบอดี้แสลมมาก ชอบตั้งแต่ชุดแรก ติดตามทุกชุดทุกเพลงที่พี่เขาออกมาเลย และเพลงอกหักที่พีคที่สุด เมื่อแฟนสาวที่ผมรักดันไปนอนกับเพื่อนไอ้ภาคิน มันชื่อไอ้ธงรบและผมเองก็ต่อยหน้ามัน และมีเรื่องบานปลายจนกระทั่ง ผมเอามีดแท่งไปที่พุงของมัน มีดนะเล็กมาแต่มันก็ถูกห้ามส่งโรงพยาบาลทันทีแต่มันนะสายโหด แค่นั้นจิบๆ ของมัน ผมนั่งเล่นกีตาร์ไปสักพัก ผมนึกขึ้นมาได้ผมว่าจะเดินไปถามไอ้ดิวว่าพรุ่งนี้มันเอารถไปไหม ผมขอไปรถมันดีกว่าเพื่อว่าอีกคนเขาอาจจะไม่อยากให้ผมนั่งรถไปด้วย

“ก๊อกๆ” ผมเดินไปเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยขยับลูกบิดมันไม่ได้ล๊อกประตู ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอไอ้ดิว หรือว่ามันทำธุระอยู่ในห้องน้ำ ผมเดินไปและหยิบลูกบิดเปิดประตูเข้าไปทันทีแต่สิ่งที่ผมเห็น ผมถึงกับต้องรีบปิดประตูลง ไอ้ดิวกับกำลังจูบกับแอ้ โดยตัวแอ้ถูกวางพาดอยู่บนอ่างล้างหน้า

“แกร๊ก” เสียงลูกบิดถูกหมุนและเปิดออก ไอ้ดิวมันเปิดออกมา

“ขอโทษว่ะ “ผมรีบบอกขอโทษขอโพยทันทีแต่ไอ้ดิว มันกลับกลั้นหัวเราะ

“ช่างมันเถอะ ว่าแต่มีอะไรเปล่าว่ะ”

“เออ กูว่าจะมาถามว่าพรุ่งนี้มึงเอารถไปไหมว่ะ กูว่าจะติดรถมึงไปว่ะ “ผมบอกไอ้ดิว

“เอาไปดิ ไปด้วยกันดิว่ะ “ดิวมันบอกผม ผมพยักหน้า และกำลังจะเดินออก

“เดี่ยว” ดิวมันเรียกผม ผมหันมามองหน้ามัน

“คือ เออ เรื่องกูกับแอ้ กูไม่เคยบอกใครเลยวะ แม้กระทั่งไอ้ติ๊ก แต่คนอื่นก็คงไม่ต้องบอกเพราะว่าพวกมันเดากันได้แต่ ติ๊กนี้มันแทบจะไม่เปิดใจรับเรื่องกูสองคน “ไอ้ดิวมันพูด

“กูไม่ใช่คนปากพล่อยว่ะ และขนาดพวกมันสนิทกับมึงมากมึงยังบอกไม่ได้กูก็คงไม่ไปบอกหรอกว่ะ มึงควรจะเป็นคนบอกมันเองว่ะ” ผมหันมาบอกไอ้ดิว

“กูกับแอ้ มันก้าวข้ามคำว่าแฟนกันไปแล้วว่ะ มันเป็นมากกว่านั้นว่ะ แต่กูบอกไม่ได้ตอนนี้ “ดิวมันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“เออ เรื่องพวกนี้กูไม่เข้าไปยุ่งหรอกว่ะ”

“แต่ถ้ากูเป็นติ๊ก เป็นคนที่โตมากับพวกมึงจริงๆ ก็คงเสียใจว่ะ “ผมพูดก่อนจะเปิดประตูออกไปขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนอีกคนเพื่อตรงไปห้องนอนของผม ผมก็หยุด

“เบื่อแล้วอ่ะ พี่เต้ ไม่อยากไปแล้ว รู้ว่าโรงแรมพ่อแต่ติ๊กก็เบื่อนิ ก็ไปที่ไหนก็ทะเลาะกับพวกมันตลอด ก็มันชอบพูดว่าเหน็บแนมอ่ะ ใครจะทนได้ นั้นยังดีแค่ฟาดไปที่ดังทำจมูกแค่ไม่กี่หมื่น และไม่อย่างนั้นอาจจะถลกหนังหน้าจะได้ไปทำใหม่หมดทั้งเบ้าหน้าเลย ก็เข้าไปดูแล้วจะเริ่มเรียนอาทิตย์หน้าไงที่พี่ตุ๊ให้เรียนออนไลน์นะ ของมหาวิทยาลัยxxx ที่อังกฤษอ่ะ รู้แล้วครับพี่เต้ พี่นี้ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย ติดจากพี่ตุ๊มาหรือไง เหรอพี่ตุ๊ให้มาบ่นต่ออีกทีเหรอ คิดถึงอ่ะ ไม่อยากอยู่นี้แล้วอ่ะ ไอ้ดิวกับแอ้มันก็อยู่ของมัน อืม เข้าใจ แค่นี้ก่อนได้ไหมอ่ะ จะอาบน้ำแล้วอีพายมันเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ อาบน้ำนานมากกกก” ผมก็กลัวว่าเขาจะเปิดประตูมาและเห็นว่าผมแอบฟังอยู่ จะว่าไปก็น่าสงสารเหมือนกันนะ ติ๊กนะ คนที่ดูอีโก้สูงแต่ก็มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน แต่อย่างว่าเขาอยู่สูงเกินไป ผมเอื้อมไม่ถึงหรอก เอาจริงๆ เอ๊ะ คิดแบบนี้นี้ผมแอบชอบไอ้ดาราคนนี้จริงๆ เหรอ

“เดี๋ยวกูขึ้นมา กูทำหล่นที่โต๊ะอาหารแน่ๆ เลยว่ะ ไม่ได้หรอกอันนี้พี่ต้าร์ซื้อให้” ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูออกมาจังหวะที่ผมกำลังบิดลูกบิด ติ๊กหันมามองหน้าผม ก่อนจะรีบหันหลังให้ผมและเดินลงไป ผมก็แอบเดินตามลงไปตามเข้าไปที่ห้องครัว ผมยืนผิดประตูมองคนที่อีโก้สูงพยายามหาของใต้โต๊ะ

“หล่นตรงไหนวะ ถ้าหายพี่ต้าร์เสียใจแย่เลยกู “ผมได้ยินเสียงคนที่บ่นงึมงำ อะไรอยู่ใต้โต๊ะ ผมก็ก้มลงมองและคนนั้นก็หันมาเจอผมอย่างจัง

“เว๊ย!!” ร้องตกใจดังออกมาและทำท่าจะลุกแต่มันใต้โต๊ะนะเฮ้ย! ผมเลย เอามือไปบังบนหัวไว้ให้เพื่อไม่ให้คนใต้โต๊ะศีรษะกระแทก

“หาอะไรเนี๊ยะ” ผมถาม ติ๊กแหงนหน้าขึ้นมองและจับมือผมออก

“หาต่างหู” ติ๊กพูดเบาๆ

“ทำหล่นเมื่อไหร่ละ” ผมถาม

“ใส่ไปเมื่อเช้า ตอนอาบน้ำมันก็ยังอยู่ น่าจะตอนที่ลงมาทานข้าวนี้แหละ” ติ๊กพูดและหันไปเอามือคล้ำไปทั่ว

“ช่วยหา “ผมพูดและหันไปมองคนที่พยักหน้าแค่นั้นและสาละวนกับการคล้ำหาไปทั่ว

“ทำไมอ่ะ แฟนให้มาเหรอ” ผมถาม

“พี่ให้มา มันแพงอ่ะ ต่างหูเพชรอ่ะ ถึงมันจะเล็กแต่พี่ชายซื้อให้ตอนวันเกิดอ่ะ กูหวง” ติ๊กพูด และผมก็คลำไปจนเจออะไรบางอย่าง ผมหยิบขึ้นมาดูมันคือต่างหูเพชรจริงๆ ด้วย อันเล็กๆ รูปแบบมันก็บ่งบอกว่าเป็นสไตล์ของผู้ชายเขาใส่กัน ยังดีที่หมุดตรงท้ายมันตกอยู่ด้วยกัน

“อันนี้หรือเปล่าเนี๊ยะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาทำตาโตและพยักหน้า ติ๊กจะคว้าคืนแต่ผมชักกลับ

“อะไร เอาคืนมา” ติ๊กพูด

“ไม่ขอบคุณเลยอ่ะ คุณหนู” ผมพูด ติ๊กมันเหลือกตามองบนก่อนจะ

“แธงส์กิ้ว”

“คนไทย พูดภาษาไทยซิครับคุณ…”

“อย่าเรียกคุณหนูได้ป่ะ กูโตแล้ว เออ ขอบใจ” ผมก็ฟังดูแปร่งๆ แต่ก็เอาว่ะ ผมส่งไปให้ ติ๊กทำท่าจะใส่มันเอง

“ใส่ให้ป่ะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาเหล่มองผมก่อนจะส่งต่างหูกลับมาให้ผม ผมก็ขยับเข้าไปนั้งใกล้ๆ ผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ น่าจะสบูอาบน้ำแน่ๆ คงไม่มีใครฉีดน้ำหอมก่อนนอนแน่นอน แต่มันหอมแบบอยากฝังจมูกเข้าไปดอมดม

“รีบใส่ให้ก่อนได้ป่ะ กูจะขึ้นไปเตรียมตัวเข้านอน” ติ๊กพูดเร่งผม

“มองไม่เห็นอ่ะ “ผมพูดและขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย และ จังหวะที่ติ๊กหันมามองผมพอดี ใบหน้าของติ๊กห่างจากผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร ใบหน้านี้เนียนใสมาก จนผู้หญิงอายเลยก็ว่าได้ ผมเองก็ยังไม่เรียบเนียนเท่านี่เลย ขนาดแม่พาไปรักษาสิวมาแล้วนะ หลายครอส ที่จริงๆ ไม่อยากไปหรอกแม่บังคับ

“กูเจาะหูกูไม่ได้เจาะจมูก….ไอ้เดี่ยว!” ผมสะดุ้งคนที่บอกผม ผมก็พยักหน้าและค่อยๆ จับติ่งหูนั้นและเอาต่างหูก้านใส่ไปอย่างเบามือที่สุด เพราะถ้าผมทำเจ็บขึ้นมานี้คงได้กัดหูผมแน่ๆ และผมก็ปิดท้ายด้วยจุกที่ครอบกั้นไว้

“ก็แค่สงสัยว่าไปทำจมูกที่ไหนมา สวยดีนะ” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าคนที่ผมชม

“ทำไมดาราต้องทำศัลยกรรมทุกคนเหรอ ยกเว้นกูไม่ได้หรือไง อันนี้พ่อกูให้มา” ติ๊กตอบผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่านอยด์

“โกรธเหรอที่ถามนะ” ผมถามติ๊กกลับทันที

“ไม่ได้โกรธมึงแค่เบื่อว่ะ มีแต่คนถาม คือแบบว่าไม่คิดว่ากูมีมาตั้งแต่เกิดบ้างหรือไงวะอะไรแบบนี้อ่ะ “ติ๊กหันมาพูดและเอามือจับที่ตี่งหูเพื่อเช็กดูว่าแน่นพอไหม

“ก็มันสวยกว่าคนปกติ เอ๊ย กว่าผู้ชายปกติเขาควรจะมีกัน มันจมูกผู้หญิงนะเนี๊ยะ” ผมพูดและใช้นิ้วแตะเบาๆ แต่ผมก็ต้องชักนิ้วกลับเพราะว่ามีเสียงคนสนทนาเดินเข้ามาในห้องครังและกำลังจะผ่านผมสองคนที่ยังอยู่ใต้โต๊ะอยู่เลย

“อุ่นนมกินไหมล่ะแจ็ค บอยอุ่นให้”

“ไวน์ไม่ได้เหรอ ไอ้หลุยส์มันแอบเอามาขวดหนี่ง”

“ไม่เอาแจ็ค”

“หลุยส์ละเอาไหมนมอุ่นๆ นะ”

“ถ้าชวนมากินนมทำไมไม่ชวนตั้งแต่อยู่บนห้องละจ๊ะจะได้กิน...”

“ทะลึ่ง”

“เดี๋ยวนะ ไปทำอะไรกันใต้โต๊ะว่ะ” ไอ้แจ็คมันก้มลงมาถามผมกับติ๊ก และผมก็ถอยหลังออกกันมาจากใต้โต๊ะ คราวนี้ทุกคนมองผมกับติ๊กสลับกันไปมา

“บอกแล้วว่าอย่าลงมาเขากำลังจะได้กัน” ไอ้หลุยส์

“ได้พองมึงดิไอ้หลุยส์ กูมาหาต่างหูกู” ติ๊กพูดและรีบแทรกตัวเองขึ้นไปบนบ้านทันที ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยอาการเขิน

“ไม่เบานะมึงนะ มาถึงจะเล่นไอ้ดาราขาวีนประจำบ้านกูเลยเหรอ” ไอ้แจ็คมันถามผม

“เพี๊ยะ!” เสียงใครสักคนตีแขนก็คงแฟนแจ็คมันนั่นแหละ บอยหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับและเดินหันหลังออกทันทีเช่นกันพร้อมยกมือโบกราตรีสวัสดิ์ ผมเดินตามขึ้นไปแต่เห็นหลังติ๊กไวๆ เขารีบเข้าห้องไปแล้ว จะว่าไปก็มีมุมมองที่น่ารักอยู่นะ ถ้าใส่ใจที่จะมองมันกันน่ะ

“เดี่ยว พรุ่งนี้มึงไปกับกูสองคนปะ “ติ๊กเปิดประตูออกมาถามผม ผมก็ยืนอึ้งงงไปซิครับ

“ไปโรงเรียนนะไอ้นี่ ไปก็บอกกูจะได้ให้พี่เขาเอารถมา เพราะว่าไอ้ดิวกับแอ้มันเอารถไปเอง” ติ๊กพูด

“เมื่อเช้ากูขอรถแค่สองคันกูไปกับไอ้ดิวแอ้มัน และมันคงไม่พอ เลยจะให้มาเพิ่มอีกคัน “ติ๊กพูดผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ

“ถ้าอยากให้ไปก็ไป” ผมพูด

“เออ ก็แค่นี่แหละ เล่นตัวจริงนะมึงนะ” และคนที่บ่นผมก็ปิดประตูลง ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่มกว่าแล้ว เตรียมตัวเข้านอนได้และก่อนจะนอนผมต้องส่งข้อความหาแม่ผมก่อนทุกคืน บอกราตรีสวัสดิ์และฝันดี ผมคิดถึงแม่นะแต่แม่ผมมีอนาคตที่ดีแล้ว มีคนดูแลที่ดีผมก็ควรจะดีใจด้วย ไม่ควรให้แม่มาจมอยู่แบบนี้ แต่ผมก็เชื่อว่าแม่ผมรักพ่อผมตลอดไปเช่นเดียวกับผมเหมือนกัน

หัวข้อ: Re: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน เดี่ยวสับสนP2
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 12-11-2020 18:09:40
 :กอด1:ต้องเดี่ยวติ๊กแน่ๆ ละงานนี้
หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ดิวขอให้เดี่ยวช่วย
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 26-11-2020 18:46:56

      [เดี่ยว] วันนี้ลุงที่เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถที่ผมเอาไปให้ลงสีให้ใหม่ โทรมาบอกผมว่าลูกสุดที่รักของผมเสร็จแล้ว และผมจะเข้าไปเอาตอนเย็นเลย อยากขับรถลูกรักผมเองจะแย่แล้วครับผม ที่ผมจะไปเอาตอนเย็นเพราะผมกะจะให้พี่ที่ขับรถมารับแวะไปส่งผมหน่อย ถึงยังไงก็ทางผ่านอยู่ดี ผมนั่งรอปู วันนี้ผมไม่เห็นปูมาทานข้าวกับผมเลย ผมรู้สึกเป็นห่วง เมื่อวันก่อนมาก็รีบ เขาคงเกรงใจพวกเพื่อนๆ ของผมแต่ทุกคนเฟรนด์ลี่กับเขามากยกเว้นติ๊กคนเดียว

“พี่แจ็คครับ ผมเอาผลงานที่พี่ปูไปสืบมาให้มาส่งครับ พี่เขาไปปริ้นที่บ้านผมครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดผมหันไปมองไอ้ป๊อดที่ถือแฟ้มมาส่งให้แจ็คมัน แจ็คมันเปิดอ่านดูและก็ส่งอันอื่นมาให้ผมก็เปิดดู ก็เจอไอ้มาร์ค ไอ้นี่พ่อเป็น  อบต เจ๋งเหมือนกันนะปู และมีไอ้โซ่ว์ ที่เปิดร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า มีพี่น้องสองคน เป็นน้องสาวชื่อสายป่าน และมีไอ้ภาคิน พ่อเป็นหมอและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัด มันมีน้องชายชื่อภาคิไนย์หรือไอ้ภาคีไนย์ ไอ้นี่เป็นแฟนกับว่าน

“ไอ้เด็กนั้นเป็นแฟนกับว่าน อะไรวะ กูก็นึกว่าว่านจะเป็นแฟนกับไอ้ภาคิน “ไอ้แจ็คมันพูด และผมก็เปิดเจอ พี่แฮกซ์ เป็นคนรักษาการตำแหน่งหัวหน้า แสดงว่าตั้งแต่พี่ข้าวปั้น พี่ไอ้ต้นข้าวถูกจับก็ยังไม่มีใครแทนทีหัวหน้าได้ ครอบครัวพี่แฮกซ์พ่อแม่มีธุรกิจที่ต่างประเทศ จะส่งแค่เงินมาให้เท่าที่ผมทราบก็ตรงกับที่ปูไปสืบมา คือพี่แฮกซ์มีน้องสาวชื่อฮันนี่ย์ ตอนนี้น่าจะอยู่ม.3 เห็นใครๆ ว่าแก่แดดมาก และได้ตั้งท้องก่อนวัยเรียนมาสองครั้งแล้ว ในนี้บอกว่าน้องสาวมันเพิ่งกลับไปเรียน ม.3 ที่โรงเรียนแถวบ้านปู่ย่าของพี่แฮกซ์

“ผลงานใช้ได้เลยวะ เอาเงินไปให้เพิ่มอีก หมื่นหนึ่งแล้วกัน เพราะการที่ไปถ่ายรูปมาแบบนี้ได้ก็โคตรเสี่ยงพอสมควร” ไอ้หลุยส์มันควักเงินให้ไปอีกปึกหนึ่ง

“ป๊อด “ผมเรียกป๊อด

“ครับพี่เดี่ยว”

“ปูไปไหนอ่ะ พี่ไม่เห็นปูเลย”

“ผมได้ยินว่าแม่พี่ปูกลับไปอยู่ที่บ้านครับ เพราะว่าดีขึ้นแล้วและพี่ปูคงดูแลแม่พี่ปูก่อนสักสองสามวัน แต่ผมเห็นพี่ปูบอกว่าจะกลับมาเรียนพรุ่งนี้ครับ และจะมาช่วยแม่ผมที่ร้านที่โรงเรียนทุกเช้าด้วยครับ”

“อ้าวแล้วใครดูแลแม่ของปูละ” แอ้ถาม

“อ้อ มีป้าข้างบ้านนะครับ เขาเป็นคนสนิทกับแม่ของพี่ปูตั้งแต่ทำงาน...ที่ไหนซักที่นี้แหละครับพี่ปูบอกผมไว้ เหมือนจะอยู่ในค่ายทหารมาก่อนนะครับพี่ “ไอ้ป๊อดพูด ผมพยักหน้า

“แม้คิดถึงน้องปูเหรอวะ” ไอ้ดิวมันแซวผม ผมเห็นติ๊กลุกพรวดขึ้นทันที

“เออ ..กรูจะไปห้องน้ำนะ แอ้ไปไหม” ไอ้ติ๊กมันบอกทุกคนและหันไปถามแอ้ มันไม่มองหน้าผมเลยสักนิด เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว

“ปวดอยู่พอดี ไปด้วยได้ไหม” ผมลุกขึ้น กะว่าจะถามมันสักหน่อย

“ดีเลย กูยังกินอยู่เลยติ๊ก” แอ้มันพูดและก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าไปด้วยอ่านการ์ตูนไปด้วย ส่วนไอ้ดิวนะมันตั้งตาดูฟุตบอลในมือถือมัน ยังกับว่ามันคือเจ้าของทีมอย่างนั้นแหละ

“พายละ”

“กูไม่ได้ท่อเดียวกับมึง ไม่ปวดวะ” พายพูด และติ๊กมันก็หันมามองหน้าผม และเดินออกไปเลย ผมก็วิ่งตามซิครับ ผมวิ่งไปจนถึงตัวและจับแขนไว้ ติ๊กหันมามองมือผมที่จับต้นแขนเขาเอาไว้

“เออ... เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไม เหมือนโกรธ” ผมถามติ๊ก ก็วันก่อนก็ยังคุยกันดีดีอยู่เลย

“อะไรนะ กูนี่นะโกรธ โกรธมึงทำไม “ไอ้ติ๊กมันพูดและทำท่าเอามือล้วงกระเป๋าสายตามองไปทางอื่น

“ก็โกรธทุกทีที่ถามถึงปู” ผมพูดและพยายามมองเข้าไปที่นัยต์ตาคู่นั้น แต่ติ๊กหลบผมทันที

“กูจะโกรธทำไมถ้ามึงจะถามถึงเขา คนที่มึงอยากจะซั้มด้วย แต่กูก็แค่คิดว่าเขาจะหลอกมึงหรือเปล่า ไม่ซิ หลอกทุกคนด้วยมั้ง “ติ๊กพูด ผมก็ยืนเอามือเท้าซะเอวมองติ๊ก ทำไมคิดกับปูแบบนั้นอยู่คนเดียวเลย

“กูไม่เข้าใจว่าใครๆ จะต้องเชื่อ กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ บางทีก็เหมือนคนเสแสร้ง มึงเข้าใจปะ” ติ๊กพูดและหันมามองผม คงรู้ว่าผมไม่เชื่อที่ติ๊กพูด

“กูแม่งไม่น่าเสือกเลยว่ะ” ติ๊ก ผมก็คว้ามือเขาไว้ ติ๊กหันมามองผมอีก

“กูปวดฉี่มึงจะให้กูราดตรงนี้ไหม ไอ้เดี่ยว! ” ไอ้ติ๊กมันพูดและสะบัดมือผมหลุดและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เดินตามไป ติ๊กมันเข้าไปฉี่ที่โถฉี่ชาย ผมก็เข้าไปยืนข้างและก็ปลดกระดุมและรูดซิปเอาน้องหนูออกมาพ่นน้ำเล่น ติ๊กมันก็ยืนทำธุรส่วนตัวไปด้วยผิวปากไปด้วย

“เออ...นั้น พ่อให้มาเยอะที่สุดแล้วใช่ป่ะ” ผมก้มลงมอง ติ๊กก็รีบดันหน้าผมขึ้น

“ทำไมมึงได้มาเยอะเหรอ”

“ก็พอตัว” ผมพูดและยิ้มๆ ติ๊กมันก้มลงมอง

“Holy shit “ติ๊กมันสะบดออกมา ผมก็หยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ

“ไหนใหญ่แค่ไหนดูมั้งดิ” มีคนมายืนโถถัดไปจากผม ผมหันไปมองไอ้ดิว และมันก็ปลดของมันออกมาบ้าง ผมก็ชะโงกมอง

“F**k! ” ผมสะบดออกมาทันที ใครให้มันมาเยอะขนาดนี้วะ ผมเองนี้ว่าโอแล้วนะยังรองมันอีกนะมันมาครบหมดใหญ่และยาวผมชะเง้อมองคนที่ยืนโถถัดไปจากติ๊กทันทีแอ้แต่ไม่เห็นครับมันไกล แต่ที่ผมมองนะคือว่า รับได้ยังไงไซส์ขนาดนี้ แอ้ขยิบตาให้ผม เพราะว่ามันกลัวผมจะหลุดปากบอกติ๊ก ผมสี่คนทำภารกิจกันเสร็จแล้วก็พากันเดินออกมาจากห้องน้ำ

“แก ว่าใครคู่ใครกันอ่ะ “

“ไม่รู้ซิ รู้ว่าตอนนี้จิ้นมาก “ผมเห็นสาวๆ ที่ยืนเหมือนรอชมว่าพวกผมจะเดินออกมาจากห้องน้ำกันหรือยัง มีแบบนี้ด้วย ผมก็ยิ้มๆ ให้ เขินเลยมีสาวมายืนรอจิ้นหน้าห้องน้ำไม่ใช้จิ้นใคร จิ้นจับคู่พวกผมสีคน

“กรูว่าพี่แอ้นะน่าจะพี่เดี่ยวแน่ๆ ส่วนพี่ติ๊กนี้ต้องพี่ดิว” ผมหันไปมองและยิ้มให้อีกทีพร้อมกับทำเครื่องหมายถูกต้องนะครับ สาวๆ ทำท่าดีใจยังกับได้เกรดสี่ แต่ดันมีคนสกัดผมซะหัวทิ่มเลยนั้นคือไอ้ดิว และมันก็แอบยกนิ้วกลางให้ผมลับหลังสองหนุ่มเหลือน้อยที่เดินคุยกันไปไม่ได้สนใจสาววายที่ยืนซุบซิบอยู่สักนิด แถมไอ้ดิวมันทำนิ้วเฉือดคอให้ผมอีกข้อหาที่ทำให้ใครๆ ก็อยากยกเมียมันให้ผม

พวกผมก็ขึ้นมาเรียนช่วงบ่ายกัน วันนี้พวกไอ้ภาคินมันไม่เข้าเรียนช่วงบ่าย ผมก็ไม่รู้ว่ามันเล็ดลอดออกจากโรงเรียนไปได้ยังไง และที่น่าสงสารคงเป็นครูพัฒน์ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ผมว่าจะคุยกับพวกมันเพื่อว่ามันจะฟังผมบ้างแต่ผมก็ไม่มีโอกาสเลย

“เดี่ยว มึงไปรับรถวันนี้ใช่มั้ยวะ ไอ้ดิวมันบอกกูวะ” ไอ้แจ็คมันถามผม

“ใช่ว่ะ กูว่าจะให้พี่เขาแวะส่งกูสักหน่อย”

“เฮ้ย พวกกูไอ้หลุยส์ บอย และธรรณ์จะไปคันเดียวกัน “ไอ้แจ็คพูด

“เห็นพายบอกว่าอาเปรมดิ์มาหาเหรอ” แจ็คหันไปถามพาย

“ใช่ พ่อบอกว่าจะให้รถที่โรงแรมมารับตอนหลังเรียนเลย “พายพูด

“อ้าวมึงทิ้งกู” ติ๊กพูดและหันไปมองพายที่นั่งข้างๆ

“ก็พ่อเพิ่งจะบอกอ่ะ หรือมึงจะไปป่ะละ” พายหันไปถามติ๊ก

“งั้นมึงไปกับไอ้เดี่ยวมันเพราะว่ามึงต้องจ่ายเงินค่าซ่อมรถให้มัน ติ๊ก” ไอ้แจ็คพูด

“อะไรวะ” ติ๊กทำท่าจะไม่อยากไป ผมก็ว่าจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่

“มึงเป็นคนทำรถมัน” ไอ้แจ็คพูด ติ๊กหันมาค้อนผมทันที

“เฮ้ย! ” ผมทำท่าว่าค้าน

“ให้มันไปวะ ให้มันจัดการที่มันทำให้เรียบร้อย “ไอ้แจ็คมันพูดและติ๊กมันก็บ่นหงุงหงงอยู่คนเดียว ผมก็พยักหน้า ผมนั่งเรียนไปจนถึงเวลาเลิกเรียน จะว่าไปปูก็หายเงียบไปเลยข้อความก็ไม่ส่งหาผม โทรไปก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ ผมกะว่าพรุ่งนี้จะชวนไปนั่งรถเล่นซะหน่อย แต่แม่เขาป่วยแบบนี้เขาคงไม่ไปด้วยหรอก นอกจากจะพาไปส่งบ้านนะเขาคงยอมอยู่

“ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่บ้านวะ กูมีติวออนไลน์กับพี่ชายกูวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าและหันไปมองแอ้

“กูไปไม่ได้วะ กูมีอ่านหนังสือพี่อ้นจะโทรมาถามกูอีก ถ้ากูตอบไม่ได้โดนหนักยิ่งกว่าทหารเกณฑ์แน่ๆ “ไอ้แอ้พูด ผมหันไปมอง

“ไปครับพี่จะพาไปออกเดท” ผมหันไปบอกติ๊ก ติ๊กก็สะพายกระเป๋าและยกนิ้วกลางให้ผมทันที ไม่ต้องคิดมากเลย ผมเดินตามติ๊กลงมาถึงชั้นล่างและทุกคนก็แยกย้ายไปขึ้นรถ ผมก็ขึ้นไปนั่งคันเดียวกันติ๊ก ติ๊กมันก็เอาแต่กดมือถือคุยกับใครก็ไม่รู้ตลอดทาง ผมเองไม่ใช่คนชอบนั่งจ้องแต่โทรศัพท์ซะด้วย ไม่ใช่สาวกออนไลน์ ผมนั่งเงียบๆ มาจนถึงอู่ของลุงผม

“คุณหนูจะกลับยังไงครับ”

“เออ ..” ติ๊ก เงยหน้าขึ้นมองผมและคนขับ

“จะกลับไปก่อนก็ได้นะ เราอยู่คนเดียวได้” ผมพูดแอบทำเสียงน้อยใจ

“ก็บอกมาตรงๆ ว่าให้อยู่เป็นเพื่อนดิวะ ทำหน้าตา “ติ๊กพูดขึ้นและเบ้ปาก

“พี่ผมกลับกับเดี่ยวเลยครับเพราะว่าผมสองคนมารับรถที่ส่งซ่อมครับ” ติ๊กบอกพี่คนขับ

“ได้ครับ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาพี่ตลอดได้เลยนะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวกลับโรงแรมก่อนนะครับ เพราะว่าวันนี้มีคนสำคัญเดินทางมาหลายคน รถขับไปรับจะไม่พอและวิ่งกันหลายเที่ยวครับ” พี่เขาพูด ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็พยักหน้ายิ้มขอบคุณพี่เขา

“ใครมาวะ “ติ๊กทำหน้างง และบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ผมก็มองว่าถามผมหรือบ่นคนเดียวกันแน่

“ไปดิไปเอารถมึง” ติ๊กพูดผมก็เดินเข้าไป หาลุงเจ้าของอู่ ลุงเขาออกมารับผม ผมก็ยกมือไหว้

“รถเรียบร้อยแล้วนะ “ลุงบอกผม ติ๊กที่ยืนข้างๆ ลุงเขาก็มองและยิ้มๆ ให้

“เพื่อน หรือ แฟนละ” ลุงเขาถามผม ผมสะบัดหน้าไปมองลุง เขาเป็นผู้ชายนะ

“โอ้ยย สมัยนี้ ลุงตามทันนะไอ้หนุ่ม เห็นบอกว่าเพื่อนๆ แฟนทุกราย” ลุงพูดและยิ้มให้ติ๊ก ติ๊กที่ทำหน้าตกใจอยู่มาก

“หน้าตาคุ้นๆ นะเหมือนคนที่ลุงรู้จัก ท่านเป็นคนดี และท่านก็ไม่เคยถือเนื้อถือตัว เดินทางมาที่นี่ทีไรจะต้องเอารถมาให้ลุงเช็กสภาพ ท่านไว้ใจลุง”

“ใครอ่ะลุง” ผมถามลุง

“คุณภาษญ์ เจ้าของโรงแรมชื่อดังและโรงเรียนที่เอ็งเรียนอยู่นะเดี่ยว” ลุงเขาพูด ติ๊ก็ยิ้มให้ผม

“นั้นพ่อผมครับ” ติ๊กบอกลุงเจ้าของอู่ จะว่าไปเห็นเป็นดาราอีโก้สูงก็มีสัมมาคารวะเหมือนกันนะ ผมหันไปเหล่ตามอง

“ว่าแล้วเชียว ท่านสบายดีนะครับคุณหนู”

“ไม่ต้องเรียกผมคุณหรูหรอกครับ ผมนะ ไม่ได้เป็นคุณหนูอะไรที่ไหน เออ ว่าแต่ค่าซ่อมรถของเดี่ยวเท่าไหร่ครับ ผมจ่ายให้” ติ๊กพูดผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาก็ไม่ได้ทำตัวแตกต่างหรือเด่นอะไร แถมยังบอกลุงว่าไม่ต้องเรียกเขาว่าคุณหนูอีกและติ๊กก็ถามถึงค่าใช้จ่าย

“เฮ้ยไม่ต้องก็ได้”

“จ่ายให้เดี๋ยวกูโดนพวกไอ้แจ็คมันด่าเอา” ติ๊กพูด

“เห็นไหมแฟนกันก็จะจ่ายให้แบบนี้”

“เปล่าครับ” ผมรึบปฏิเสธและหันไปมองหน้าติ๊ก คือเราพูดพร้อมกันเลย

“แหมก็บอก..” ลุงกำลังจะพูด

“ไอ้คนนี้และที่ทำรถผม” “ผมนี้แหละครับที่พ่นสีสเปย์ใส่รถมัน” ผมสองคนพูดพร้อมกันอีก และหันมามองหน้ากัน

“เออ..งั้นรอแป้ปนะหนุ่มๆ ลุงเข้าไปเอารายละเอียดว่าทำอะไรไปเท่าไหร่เดี๋ยวออกมา” ลุงเขาเลยรีบขอตัวเข้าไปที่ออฟฟิศ ผมหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊ก หันหน้าหนีผม และจู่ๆก็มีสายเข้าที่มือถือผม ไอ้ดิว

“แป้ปนะเพื่อน” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมันก็หยักไหล่ให้ผมและเดินไปดูรถที่ลุงผมกำลังทำไปด้วย

“อะไรวะดิว” ผมรับสายไอ้ดิว”

“มึงอยู่ไหนกลับยังวะ” ไอ้ดิวมันถามผม เหมือนกระซิบกระซาบ กลัวใครได้ยิน

“ก็กำลังรอรับรถและจะกลับเลย”

“อย่าเพิ่งรีบกลับ มึงช่วยกูก่อน”

“ช่วยอะไรวะ” ผมถามไอ้ดิว

“หาเรื่องถ่วงเวลาติ๊กมันให้กูก่อน สักหนึ่งชั่วโมง” ไอ้ดิวมันบอกผม

“ทำไมว่ะ”

“กูจะปลั้มเมียกู เพราะว่าไม่มีใครกลับบ้านตอนนี้มีแค่กูกับแอ้ กูขอวะ “ไอ้ดิวมันพูดขอร้องผม งานหนักเลยครับผม ผมหันไปมองติ๊ก

“เออ ๆ” ผมพูด

“ใจวะเดี่ยว จ๊วบ! ” ไอ้ดิวมันพูดและดันจูบส่งผ่านมือถือให้ผม ผมรีบดึงออกสยองมากและผมก็หันไปมองติ๊ก จะหาเหตุผลอะไรดีนะ ผมก็วิ่งเข้าไปในออฟฟิศ

“ลุง ช่วยตื้อเวลาให้ผมหน่อย แบบว่าเครื่องต้องแก้ไขนิดหน่อยอะไรแบบนี้นะ ลุง”

“อ้าวทำไมวะ”

“นะลุงนะ ผมยังกลับไม่ได้ เพื่อนผมขอไว้ แต่ดูท่าคนนี้จะไม่ยอม แต่ถ้าลุงบอกว่ารถผมมีปัญหานั้นนี้อะไรแบบนี้เขาก็น่าจะยอม” ผมพูด กับลุง

“งั้นลองไปสตาร์ทและทำท่าว่าสตาร์ทไม่ค่อยติดดิ” ลุงบออกผม ผมก็เดินออกมาติ๊กหันมามองผมแบบว่าผมมีเล่ห์กลอะไร ผมก็เดินเข้าไปและนั่งที่เบาะคนขับ ผมก็สตาร์ท มันติดและดับเลย ผมก็ลองใหม่ มันติดและดับ

“อ้าวรถเป็นอะไรอ่ะ” ติ๊กเดินมาถามผม

“เดี๋ยวให้ลุงเขาดูอีกทีวะ”

“อะไรวะ ถ้ารถยังไม่เสร็จก็น่าจะให้พี่คนขับกูรอก่อน ไอ้เดี่ยว” ไอ้ติ๊กมันพูดแอบอารมณ์เสียไปด้วย

“อ้าวเดี่ยวรถเป็นไร”

“ไม่รู้อะลุงมันสตาร์ทและดับเลย”

“ส่งสัยเป็นที่หัวเทียนวะ งั้นลุงดูให้ใหม่ รอไม่นาน” ลุงเขาพูดและผมก็ออกมายืนและหันไปมองติ๊ก ติ๊กมันเหล่มองผม

“มึงเล่นอะไรกับกูหรือเปล่า” ติ๊กมันหันขวับมาถามผมทันที

“ไม่มี! ” ผมพูดแต่ผมนะเป็นคนโกหกไม่ค่อยเนียน

“เสียงสูง” ติ๊กพูด

“พี่เดี่ยว พี่เดี่ยวจริงๆ ด้วยค่ะ” ลูกสาวลุงที่ซ่อมรถให้ผมวิ่งมาทักทายผมน่าจะเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน น้องมาทั้งชุดนักเรียนคอนแว่นน่ารักมาเชียว น้องเขาชื่อน้องปริม ลุงบอกอยากให้เรียนโรงเรียนเดียวกับผมแต่น้องไม่ยอมเพราะว่าติดเพื่อน เพื่อนไปเรียนคอนแว่นกันหมด

“เออ พี่เดี่ยวนี่เพื่อนพี่เหรอ” น้องปริมดึงแขนผมและตายังมองติ๊ก และยิ้มให้ด้วย ติ๊กก็ยิ้มตอบให้แต่ก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจยิ้มเท่าไหร่

“ใช่ทำไมเหรอ” ผมหันไปถาม ผมกับปริมก็สนิทกันพอประมาณเพราะว่าพ่อผมกับลุงมักจะมาสังสรรค์กันบ่อยๆ ทุกครั้งที่พ่อมาเที่ยวบ้าน

“คือเขาเป็นดาราใช่ไหมอ่ะ “

“ใช่”

“ขอลายเซ็นหน่อยดิ แบบว่าจะไปอวดเพื่อนอ่ะ นะ นะ “

“เออ..คือพี่ถามให้นะ เพราะว่าเล่นหนังเป็นดาราขาวีนหลายเรื่อง เล่นแล้วไม่จบในหนังมาวีนต่อข้างนอก “ผมบอก

“ติ๊ก” ผมเรียกติ๊ก ติ๊กก็หันมามองผม

“คือน้องเขาปลื้มอ่ะ ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม” ผมถามและคนข้างๆ ก็พยักหน้าและเตรียมพร้อมมาก สมุดปากกาที่พร้อมจะให้ติ๊กเซนต์ชื่อ ติ๊กก็มองหน้าผมและพยักหน้าก่อนจะรับสมุดไปและบรรจงลงปากกาเซน์ชื่อตัวเองลงไปและส่งสมุดคืนให้

“ขอบคุณนะคะพี่ติ๊ก พี่หล่อมากเลยอ่ะตัวจริงๆ อ่ะ “

“ขอบคุณครับ” ติ๊กพูดแหละหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักหน้าแม้พอมีดาราหล่อๆ เท่ๆ มายืนน้องปริมลืมหัวพี่เดียวไปทันที

“นี้ไปช่วยแม่ทำกับข้าวได้แล้ว “ลุงบอกลูกสาวเขา น้องก็รับวิ่งออกไป แต่ก็ไม่วายหันมามองติ๊ก อะไรจะฟินขนาดนั้น

“เดี๋ยวลุงขอเปลี่ยนอันใหม่ให้นะเดี่ยว” ลุงพูดและจัดการถอนเปลี่ยนหัวเทียนออก ไม่น่านก็มีเสียงเหมือนฟ้าร้องและก็มีลมแรงและฝนก็เทลงมาอย่างหนัก

“อะไรอีกวะเนี๊ยะ” ติ๊กหันมาบ่นผมทันทีอย่างหัวเสีย

“ฝนตกไง และหนักขนาดนี้จะให้ขับรถไปคงไม่ได้หรอกนะ อันตราย” ผมพูดและลุงก็เปลี่ยนหัวเทียนให้ผมเรียบร้อย

“จริง อันนี้ยังไงลุงก็ยังไม่ให้ขับออกไปนะ เพราะว่าโค้งก่อนถึงมีรถตกลงไปหลายคันตอนฝนตกหนักๆ มันมองเห็นทางลำบาก” ลุงพูดผมก็พยักหน้าและหันมามองคนข้างๆ หน้าตาบูดบึ้งมาก

“ดูแล้วถ้าตกหนักแบบนี้ไม่น่าจะนาน” ลุงพูด

“เออ เดี๋ยวลุงมานะ ลุงว่าจะส่งแฟล็กซ์ภาษีก่อนนะ” ลุงพูด ผมก็พยักหน้า ติ๊กก็หันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรคงเบื่อ

“เขาไปนั่งฟังเพลงไหมล่ะ” ผมบอกติ๊ก ติ๊ก็พยักหน้าและผมก็เข้าไปนั่งในรถกันด้านใน ติ๊กเป็นคนเลือกเพลงฟังแต่ส่วนใหญ่เลือกเพลงของพี่ตูนทั้งนั้น
“ไม่คิดว่านายจะชอบพี่ตูนเหมือนกัน”

“ชอบดิ ชอบมาเลย ชอบหลักการของพี่เขาและไม่รู้ พี่เขามีพลังเสียงที่ กูปลื้มวะและทุกครั้งกูถูกเชิญขึ้นไปร้องเพลงกูต้องร้องเพลงพี่ตูนทุกครั้งว่ะ” ติ๊กพูด ผมก็ฟังไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดที่เพลงหนึ่ง อากาศ ผมหันมามองติ๊ก เขาก็ฟังเพลงนี้อย่างตั้งใจแสดงว่าชอบเหมือนกัน

“ชอบเพลงนี้เหรอ” ติ๊กถามผม เพราะว่าผมเลื่อนไปหยุดที่เพลงนี้

“อืมม ความรักมันก็แค่อากาศ มึงว่าไหม” ผมถามโดยไม่ได้มองหน้าติ๊ก ใช่เพราะว่าผมนึกถึง ผู้หญิงคนหนึ้งที่เคยเป็นแฟนผม เราคบกันตั้งแต่ผมเข้าเรียนม.หนึ่ง จนผมถูกย้ายไป ถูกพักการเรียนก่อนย้ายไปด้วย ห้องไอ้ภาคินนะถูกพักการเรียนยกห้องเลยไง ตอนแรกก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแต่พอโดยพักการเรียนก็เลยจัดมาอยู่ห้องเดียวกันทั้งหมดและพอผมย้ายไปผมก็ติดต่อเขาไม่ได้ ผมมารู้อีกที ไปเอากับไอ้ธงรบคนที่ผมเสียบพุงมันไปด้วยมีดพกนั่นแหละที่ทำให้ผมคิดว่าความรักมันก็แค่อากาศ

“เดี่ยวชอบเพราะว่าเขาร้องได้อินเนอร์มาก แต่เดี่ยวเชื่อว่าความรักมันมีตัวตนอยู่จริง” ผมพูดกับติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม เหมือนจะมีคำถามแต่ก็ไม่ได้ถาม ตอนนี้ใบหน้าเราใกล้ชิดกันมากจน ผมเผลอเผยอปากจะจูบติ๊กและอีกคนก็เผยอปากนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศมันเป็นใจหรือเปล่า แขนผมก็โอบเอวบางๆ นั้นเข้ามาหาผมทีละนิด ลมหายใจร้อนๆรดบนใบหน้ากันและกัน

“ปี้น~~~~~~~” แต่ดันมามีเสียงแตรรถของผมเองเป็น กขค ก็เพราะว่าข้อศอกของผมดันไปกดโดนซะนี้ และตามมาด้วยลุงกับลูกสาวแกวิ่งลงมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรีบเปิดกระจกลง ติ๊กก็รีบถอยไปนั่งที่นั่งเหมือนเดิม

“ลองแตรนะลุง” ผมรีบบอกลุงที่วิ่งหน้าตาตื่นลงมาทันที

“เหรอ! แม้เล่นซะกูตกใจหมด”

“ฝนหยุดยังวะ กูอยากกลับบ้านแล้ววะเดี่ยว” ติ๊ก พูด ผมก็เหลือบมองโทรศัพท์

“รออีกแป๊บซิ ให้มันเบาลงอีกหน่อยนะ” ผมพูดกับติ๊ก จริงๆ ผมก็รอข้อความไอ้ดิวว่าเสร็จกันหรือยัง

“มึงมีอะไรกันหรือเปล่า “ไอ้ติ๊กมันเซ้นแรงจริงๆ

“ไม่!! ”

“กูเห็นมึงมองมือถือบ่อยมาก “ติ๊กถามผม

“กูโทรหาไอ้แอ้ดีกว่า “ติ๊กพูดและกดสายหาแอ้ทันที ผมก็แอบฟัง มันยังคงรอสายอยู่จนตัดไป

“ไอ้แอ้” ติ๊กหัวเสียขึ้นมาทันที

“โทรหาไอ้ดิว” ติ๊กมันบอกผม ผมก็สะบัดหน้าไปมองและชี้ตัวผมเอง

“” โทรทำไมอ่ะ ไอ้ดิวมันบอกว่าจะอ่านหนังสือไม่อยากกวน” ผมพูดบอกติ๊ก แต่หน้าตาคนสั่งผมนี้น่ากลัวมากจริงๆ นี้ถ้าได้เป็นแฟนก็คงได้แม่ดีดีนี้เอง รัศมีมนุษย์เมียมาเต็มมาก

“โทร!! ” ติ๊กมันขึ้นเสียง ผมก็กดสายหาไอ้ดิว รอแป๊บหนึ่งได้

“ดิว เสร็จยัง” พอมันรับรีบถามเบา

“เอามากูจะคุย” ติ๊กบอกผมและพยายามแย้งมือถือผมไป

“ยัง...ซี้ด” มันร้องครางมาขนาดนี้ แปลว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็มกัน

“เออ มันยุ่งมากอ่ะติ๊ก” ผมยื้อมือถือกลับแต่ติ๊กมันจิกสายตามาที่ผมว่าถ้าผมไม่ปล่อยนี้คงได้โดนอะไรสักอย่าง ไม่ตีนก็มือนี้แหละ ผมเคยดูมันเล่นบทตบหน้าผู้ชายเสียงดังสนั่น ทำให้ผมเสียวที่ใบหน้าผมขึ้นมาทันที

“เอามา!! ” ติ๊กพูดและทำหน้าดุใส่ผม ผมก็ต้องส่งมือถือให้มันไป

“คุยกับดิวเหรอติ๊ก!! ” ผมพูดเสียงดัง ติ๊กหันขวับมามองผม

“ไอ้ดิว” ติ๊กเรียกชื่อไอ้ดิว

“ก็กูจะคุยกับแอ้ มันอยู่ไหน ชั้นล่าง “

“ใช่กูจะคุย มึงวิ่งไปหามันหน่อย” และไอ้ติ๊กมันก็หันมามองผมระหว่างที่มันรอไอ้ดิว ผมก็ก้มหน้าหนี ผมยิ่งโกหกได้ไม่ค่อยเนียนอยู่ด้วย

“กูเห็นมึงเหมือนมีความลับอะไรกันกับไอ้ดิว หรือว่ามึงรู้อะไรมา” ติ๊กมันถามผม ผมก็ส่ายหัว

“ไม่นิ กูจะไปรู้อะไร” ผมรีบปฏิเสธทันทีและติ๊กมันก็เปิดลำโพงทันที ผมก็ยิ้มๆ

“แอ้ ไอ้ติ๊กมันจะคุยด้วยอ่ะ ไม่รู้มัน..แฮกๆ” เสียงไอ้ดิวพร้อมกับอาการหอบเหนื่อย แม้แสดงได้เนียนจริงๆ เพราะเมื่อกี้มันยังซีดส์อ๊าอยู่เลย ตกลงใครสตอกันแน่ว่ะ ผมแอบคิดในใจ

“มีอะไรติ๊ก” เสียงแอ้

“ก็กูโทรหามึงไม่ติดอะ มือถือมึงอยู่ไหน” ติ๊กถามและหันมาทำนิ้วเฉือดคอใส่ผมทันที ผมยกมือยอมแพ้ ว่าผมไม่รู้เรื่อง

“ชาร์จอยู่และกูอ่านหนังสืออยู่ชั้น..ล่างงง” เสียงแอ้พูด แต่น้ำเสียงมันลากแปลกๆ นะผมว่า ไอ้ดิวมันคงแกล้งนะ

“ไอ้ดิวมันอยู่ชั้นบนเหรอ”

“อืมมม” แอ้ตอบผมก็แอบขำ

“ใช่กูอยู่บน มึงมีอะไรอีกไหม พี่กูจะโทรหากูแล้ว “ไอ้ดิวมันพูดเร่งติ๊กให้รีบจบการสนทนา

“เออ กูจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” ไอ้ติ๊กมันพูดและกดวางสาย มันหันมามองหน้าผม

“กลับเดี๋ยวนี้ หรือถ้ามึงไม่กลับ กูจะออกไปเรียกรถวินห่าเหวอะไรก็ได้ตอนนี้เพื่อกลับบ้าน” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้นเสียงใส่ผม ผมก็พยักหน้าว่าได้ และผมก็เดินลงไปคุยกับลุง ขอบคุณลุงพร้อมกับจ่ายเงินให้ลุงและเดินกลับมาที่รถ ผมขับรถออกคนนั่งข้างผมหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาทันที