(รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ดิวขอให้เดี่ยวช่วย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (รีไรท์)(MPreg)รักที่วุ่นYก็แค่ผู้ชายเขารักกัน ดิวขอให้เดี่ยวช่วย  (อ่าน 5752 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
พระเอกใหม่รึ กลับมาอ่านต่อแว้ววว

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
ไอ้เดี่ยว เพื่อนใหม่
      
               ผมชื่อเดี่ยว หรือกิตติศักดิ์ ผมเคยเรียนโรงเรียนนี้มาก่อนและอยู่แก้งเดี่ยวกับไอ้พวกภาคิน แต่ผมดันมีเรื่องกับไอ้ธงรบ เพื่อนของไอ้ภาคินมัน ตอนนี้มันไปเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมทหาร  ผมดันไปแท่งมันเข้าและนั้นก็ทำให้ผมต้องถูกย้ายไปเรียนที่อื่น เพราะว่าแม่ผมกลัวว่าผมจะเสียคนไปมากกว่านี้  และนี้พอดีแม่ผมต้องการจะเดินทางไปต่างประเทศแม่ผมพบรักกับต่างชาติและแฟนแม่ผมคนนี้ก็เคยแต่งงานกับคนไทยมาก่อนจนมีลูกสาวที่เป็นลูกครึ้งไทยอังกฤษหนึ่งคน แต่ภรรยาเขามาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย เขาก็พาแม่ผมไปๆมาๆที่ไทยและอังกฤษ  เพราะว่าพ่อเลี้ยงผมเขามีฟาร์มอยู่ที่ไทยด้วยกับภรรยาคนไทยคนเก่าและเขาก็เรียนรู้ภาษาไทยจนพูดได้คล้องเช่นกัน

      ผมเบื่อก็เลยเลยขอแม่ผมว่าจะกลับมาเรียนโรงเรียนเดิม  แต่กว่าผมจะขอแม่มาได้แม่คัดค้านผมตอนแรกแต่แม่ก็ยอมผมจนได้ และผมก็ระบุว่าจะเรียนที่ห้องเรียนไอ้ภาคินมัน ผมรู้ว่าห้องไหน แต่พอมาถึงกลับไม่ได้เรียนก็โมโห และดันมาเจอคนพ่นสีรถคันโปรดของผม คันนี้พ่อผมซื้อให้และพ่อกับผมก็ช่วยกันปรับแต่งแม้บางอย่างจะให้อู่ทำให้เช่นลงสีตามที่พ่อกับผมออกแบบเอาไว้  พ่อผมเป็นทหารแต่เป็นทหารช่าง พ่อผมเสียไปได้สามปีแล้ว เนื่องจากมีการวางระเบิด ผมเลยรักรถคันนี้มาก

      “เดี่ยว” ไอ้คนที่เรียกชื่อผม คือคนที่ทผมต่อยกับมันเมื่อสักพักนี้ มันบอกว่ามันชื่อไอ้ดิว

      “มึงต่อยมวยเก่งวะ มึงเคยเรียนต่อยมวยมาใช่ไหมวะ” ไอ้ดิวมันถามผม

      “พ่อกูเป็นคนสอนกูเองและพ่อกูก็เป็นทหารช่างด้วยและพ่อกูก็เป็นนักมวยมาก่อน” ผมบอกมัน ผมเห็นมีคนหน้าหวานวิ่งตามมันมาและไอ้หน้าคนที่ทำรถผมซะเละเทะไปด้วยสีสเปย์ ผมหันไปมองหน้ามันแต่มันดันแอบด้านหลังไอ้คนหน้าหวานทันที

      “อะไรของมึงวะไอ้ติ๊ก” หนุ่มหน้าหวานหันไปถาม ผมก็ยิ้มที่มุมปากหยักคิ้วให้

      “ก็ดูไอ้นี้ดิ หน้ามัน ยังกะพวกหื่นกาม” ดูมันชมผมซะหุบยิ้มแทบไม่ทัน

      “มึงอย่าบอกนะว่า พ่อมึงคือจ่าสิบเอกชาติชาย” ไอ้ดิวมันพูด ผมสะบัดหน้าไปมองหน้ามันแปลกใจว่ามันรู้ได้ยังไง

      “มึงรู้จักด้วยเหรอวะ “

      “ใช่ดิกูก็เรียนต่อยมวยกับเขามาเพราะว่าพ่อกูเป็นแพทย์ทหารที่ดูแลค่ายทหารและโรงพยาบาลในค่ายทหารนั้น  ”  ไอ้ดิวมันพูด

      “ทำไมกูไม่เคยเจอมึงเลยวะ” ไอ้ดิวมันถามผม

      “กูไม่ได้เข้าไปในค่ายหรอกวะ พ่อกูนะพอเวลาลากลับมาบ้านก็จะฝึกกูต่อยมวยอย่างหนัก แม่กูนะไม่ค่อยชอบหรอก เขาไม่อยากให้กูไปท้าตีท้าต่อยกับใคร “ ผมพูด

      “แต่พ่อกูก็สอนเสมอว่า ให้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้นวิชาที่พ่อกูสอนนะ พ่อกูบอกห้ามเอาไปรังแกใครและกูก็ทำตามที่พ่อกูสอนมาตลอด........แต่วันนี้ กูขอโทษวะ กู”ผมพูด

      “เฮ้ย! กูเข้าใจวะ รถของใครใครก็รักวะ “ ไอ้ดิวมันพูดและหันไปมองไอ้คนต้นเหตุ

      “แต่กูไม่เจอจ่าแกนานมากแล้วนะ จ่าแกเป็นไงบ้างวะ” ไอ้ดิวมันถามผม

      “พ่อกูเสียไปได้สามปีแล้วจากเหตุวางระเบิด ตอนนั้นพ่อกูติดรถขบวนทหารไปด้วยและนั้นก็คือวันสุดท้ายทั้งที่พ่อบอกว่าจะขอกลับมาอยู่กับกู” ผมพูด ไอ้ดิวมันหน้าเสียไปเลย

      “เสียใจด้วยวะเดี่ยว” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองคนข้างๆมัน

      “อ้อไอ้นี้ชื่อ แอ้ ลูกท่านนายพล ภีมปภพนะ”

      “ปกติพ่อกูจะขับรถให้ทานนั่ง “ ผมพูดและพยักหน้าให้แอ้ ผมรู้ว่าหน้าเขาหวานจน

      “อะแฮม  “ อีกคนก็กระแอมใส่ผมซะนี้

      “ไอ้นี้ติ๊กวะ คนที่จะซ่อมรถให้มึงนะ”ไอ้ดิวมันลืมไม่ได้แนะนำตัวมันก็เหมือนเรียกร้องหน่อยๆ

      “นี่คือดาราหรอ ...มีแต่คนบอก ว่าแต่เป็นดาราช่องไหนอ่ะ ไม่เคยเห็นแสดงเลย” ผมหันไปถามมีแอบค้อนผมขวับเลย จริงๆผมก็เคยเห็นหน้าเห็นตาที่หน้าจออยู่หรอกแต่ผมนี้แกล้งมันนะ 

      “ดาราแสดงแต่หนัง ไม่ได้แสดงละคร  และส่วนใหญ่จะหนังอินเตอร์ บ้านไม่มีเน็ตฟิกซ์ ไม่รู้จักหรอก”

      “ไอ้ติ๊กปากมึงเหรอวะ”  ไอ้คนหน้าหวานหันไปต่อว่า

      “มีเน็ตฟิกซ์แต่ดูเฉพาะหนังโหดๆ ระบิดลงตูมๆ “ผมพูดและก้าวเท้าเข้าไป มันก็ถอย

      “และยิ่งหนังที่พระเอกซาดิสนี้ชอบมากกก” ผมพูด

      “เออ ..กูรู้แล้วไม่ต้องมาใกล้ขนาดนี้หรอก หน้ามึงมันก็บอกแล้วว่าโรคจิต” ไอ้ที่ชื่อติ๊กพูด ผมก็ยิ้มและหยักคิ้ว

      “ไปเถอะวะ ไปทำแผลกันดีกว่าวะจะได้เข้าห้องเรียนกัน”ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เดินพากันเข้าไปในห้องพยาบาล มีครูที่เป็นพยาบาลประจำห้องเดินออกมาพอดีเลย

      “อ้าวพวกเธอ เป็นอะไรกันมาเหรอ” ครูที่ห้องพยาบาลถามพวกผม

      “คือว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกันเลยชกต่อยกันนิดหน่อยนะครับ ครูพัฒน์ให้พวกผมมาทำแผลครับ”

      “คือว่าครูมีเรื่องด่วนนะพวกเธอ”

      “ไม่เป็นไรครับ พวกผมหายาทาเองได้ครับ “ ไอ้ดิวมันพูด

      “แน่ใจเหรอ งันดูแลตัวเองกันก่อนนะคะ ครูรีบจริงๆ” ครูประจำห้องพยาบาลพูดและรีบวิ่งไป คงมีเรื่องรีบจริงๆ ผมพากันเดินเข้าไปในห้อง ไอ้ดิวมันเดินไปเปิดตู้ยาอย่างชำนาญและคนหน้าหวานที่ชื่อแอ้ก็เข้าไปหยิบอะไรสักอย่างออกมา มันหยิบเอาถุงคล้ายกับโคลด์แพ็คมาและส่งให้ผม

      “ประคบซะ” แอ้บอกผม ผมพยักหน้าและรับมา

      “อ่ะ นี้ว่ะยาทาแก้ฟกช้ำ “ ไอ้ดิวมันส่งหลอดยาให้ผม และพอมันนั่งลง

      “Rrrr “ เสียงมือถือไอ้ดาราข้างๆผมดังขึ้น

      “ฉิบหายแล้วพ่อกูโทรมา กูรับสายก่อนนะมึง” ไอ้ดารานั้นมันพูดและก็รีบเดินออกไปทันที

      “พ่อมันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ไง” ไอ้ดิวมันอบกผม ผมก็พยักหน้า ผมเองเคยเจอเจ้าของโรงเรียนนี้ครั้งหนึ่งตอนนั้นท่านมาประชุมและพ่อผมก็มาให้การดูแลความปลอดภัย ท่านดูอายุไม่น่าจะใกล้หลักห้าเลยนะ ดูแล้วไม่เกินสี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยอมรับได้ดารานี่มันน่าตาดีจริงๆ 

      “ดิวประคบหรือยัง” แอ้หันไปถามดิว ผมว่าเหมือนสองคนนี้มีอะไรบางอย่างแม้ว่าการแสดงมันไม่ได้บ่งบอกชัดเจนว่าเขาเป็นอะไรกัน

      “มึงสองคนเป็นแฟนกันหรือเปล่าวะ” ผมถามไปแบบตรงๆทันที เพราะเห็นแอ้กำลังจะเอาประคบที่มุมปากไอ้ดิว

      “ไม่..” “ ใช่” มันสองคนตอบพร้อมกันแต่ตอบกันคนละคำตอบเลย

      “โอ๊ย!” ดิวมันร้องลั่นทันทีแอ้มันคงกดแรงแน่ๆ ผมก็เอามือเกาหัวแทน ไม่น่าถามมันตอนนี้เลยผม แอ้มันคงเขินมั้ง

      “โอ้ยแอ้ ตอนไอ้เดี่ยวต่อยนะไม่เจ็บเท่าแอ้กดลงมาเลยนะ ซี้ด” ดิวมันพูดและบ่นแอ้อีกต่างหาก

      “ไม่ใช่ เพื่อนกัน”ไอ้แอ้มันพูดและรีบหยัดเอาที่ใช้ประคบมุมปากให้ดิวมันไปประคบเองทันที  ผมก็เห็นสีหน้าไอ้ดิว มันผิดหวังแต่มันก็รับคืนมา

      “อ้าวติ๊กมาแล้วเหรอมึง ว่าไง พ่อว่าไงวะ”แอ้ถามติ๊ก ที่เดินหน้ามุ้ยเข้ามา

      “พ่อบอกว่ากูต้องไปงานอาทิตย์เดียวกับที่กูบอกว่าจะไป เที่ยวบ้านมรึงอ่ะแอ้” ติ๊กมันพูด ไอ้ดิวสะบัดหน้าอย่างตกใจ

      “ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าจะมันจะไปด้วยนะ” ไอ้ดิวหันไปถามแอ้ ผมว่าสามคนนี้มีอะไรซับซ้อนกันอยู่แน่ๆ

      “ก็กู”

      “ทำไมกูไปเที่ยวบ้านไอ้แอ้ไม่ได้ว่ะ และก็ไม่ได้ขอไปบ้านมึงซักหน่อยไอ้ดิว” ติ๊กพูด ผมหันมามองติ๊กและหันไปหล่ตามองไอ้ดิว มันแอบทำนิ้วเฉือดคอใส่ติ๊กและพยักเพย้อให้ผม ผมก็พอจะเดาออกว่าทำไม แสดงว่าคนนี้คงเป็นก้างชิ้นใหญ่ของมันละซิ แต่คำถามคือใครกันที่ไอ้ดาราพยายามกั้นท่าอยู่

      “กูว่าจะหาเรื่องเบี้ยวงานวะ “ ไอ้ติ๊กพูด

      “เออ! ถ้ามึงสองคนดีขึ้นแล้วไปขึ้นห้องดีกว่ามั้ยวะ”ไอ้แอ้มันเปลี่ยนเรื่องเฉยเลย ผมเห็นไอ้ดิวมันลุกขึ้นแต่ติ๊กนะดึงแขนไอ้แอ้ออกไปก่อน ผมหันไปมองไอ้ดิว มันก็เก็บพวกยาเข้าที

      “มึงชอบแอ้เหรอวะ” ผมถามไอ้ดิว  มันก็นิ่งไปทันที

      “กูขอโทษวะ แต่กูว่ากูดูออกวะ” ผมบอกไอ้ดิว

      “กูรักมัน แต่มัน กลัว อนาคตที่ยังมาไม่ถึงแอ้มันกังวลเยอะไปหมดว่ะ ” ไอ้ดิวมันพูด

      “อนาคตอย่างพวกมึงยังต้องกลัวอะไรอีกว่ะ” ผมถามเพราะว่าผมก็รู้จักครอบครัวพวกมันมาบ้าง แต่ละคนโปรไฟว์ดีขนาดนี้

      “อันนี้จริงพวกกูควรจะไปเรียนตามที่วางแผนกันไว้แล้วว่ะ พวกกูเรียนจบมัธยมปีที่หกกันมาแล้ว บางคนก็เรียนกมหาวิทยาลัยออนไลน์กันบ้างแล้ว” ไอ้ดิวมัน

      “กูกับแอ้รอเรียกตัวว่ะ แอ้ต้องไปเรียนสายทหารส่วนกูเลือกจะไปเรียนแพทย์ทหารเพราะว่ากูมีบางสิ่งที่ต้องการจัดการแต่กูบอกมึงไม่ได้ในตอนนี้ว่ะเดี่ยวว่ากูกับแอ้เป็นยังไงกัน” ไอ้ดิวมันพูดกับผมสายตามันมองไปที่แอ้กับติ๊กทีเดินคุยกัน

      “มึงกับแอ้เป็นแฟนกันแบบลับๆเหรอว่ะ”ผมถามไอ้ดิว

      “กูกับแอ้ ไม่ได้แค่เพื่อน หรือคนรัก แต่กูมากกว่านั้นวะ”ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้า

      “เออ..ขึ้นห้องเถอะวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็เดินขึ้นห้องเรียนไปพร้อมกับไอ้ดิวมัน ผมว่ามันคงมีปัญหามาจากไอ้ดารานั้นด้วย แต่จะให้ผมถามมันตอนนี้คงเร็วเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเป็นเพื่อนกัน  ผมเดินมาหยุดที่หน้าห้อง 311  ผมก็สูดลมหายใจยาวๆ ถึงจะแค่สองปีแต่ว่า

      “อ้าว ไอ้เดี่ยวไม่เข้าห้องวะ”ไอ้ดิวมันถามผม เพราะผมยื่นอยู่หน้าห้อง

      “อ้าวดิว และนายกิตติศักดิ์ใช่ไหม”ครูพัฒน์มาพอดีเลย

      “ครับครู เออ เรียกผมเดี่ยวก็ได้ครับ”ผมบอกครูพัฒน์ ครูพัฒน์พยักหน้าและผมสองคนก็ให้ครูพัฒน์เข้าไปก่อน ไอ้ดิวมันมองหน้าผม ผมก็ยิ้มให้มัน

      “สวัสดีครับคุณครู “

      “สวัสดีครับนักเรียน”

      “ดิวเข้ามาก่อนซิ” ครูพัฒน์บอกไอ้ดิวและ

       “เออ วันนี้ครูมีนักเรียนใหม่มาอีกหนึ่งคนนะ ชื่อนายกิตติศักดิ์ “ ครูพัฒน์บอกผมให้ผมเดินเข้าไป พอผมเดินเข้าไปหยุดที่หน้าห้องเรียน

      “ครื้น!” เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนออกจากพวกเพื่อนไอ้ภาคิน แต่ไอ้ภาคินมนเงยหน้าขึ้นมามองผมทำหน้าตกใจที่เห็นผมกลับมายืนที่นี้อีกครั้ง

      “ไอ้เดี่ยวนี้หว่า” พวกมันกระซิบกระซาบกันทำให้พวกไอ้ดิว หันมามองผม

      “สวัดดีครับ ผมชื่อกิตติศักดิ์ ชื่อเล่นชื่อเดี่ยว”

      “วี้ดวิว “ไอ้แจ็คมันแซวผม

      “เออ..นาย” ครูพัฒน์กำลังจะหาที่นั่งให้ผมแต่พวกไอ้ดิวมันยกมือขึ้น

      “ให้นั่งโต๊ะข้างไอ้ติ๊กก็ได้ครับ” ไอ้แจ็คมันก็ยกมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างไอ้ดารานั้น

      “ทำไมต้องให้มันมา”

      “เออ น่ะ แค่นั่งตรงข้ามมึงไม่ได้นั่งกลับมึงซะหน่อย” ผมได้ยินไอ้หลุยส์มันพูด  ผมเดินเข้าไปนั่งและครูพัฒน์ก็เริ่มสอน ผมก็หันไปยิ้มให้ทุกคนแต่ยกเว้นพวกไอ้ภาคิน เพราะว่าผมีความหลังที่จบไม่ค่อยสวยกับพวกมัน 

      “ดีวะเดี่ยว” อีกคนที่ทักผม ผมหันไปมอง ไอ้คนนี้หน้าคุ้นๆ

      “จำเราได้ป่ะ เราน้องพี่ข้าวปั้นอ่ะ”

      “เออ เหมือนจะจำได้วะ แต่กูคิดอีกทีจำไมได้วะ”

      “ขอบใจมาก!” มันทำน้ำเสียงโมโหผมอีกนะ และอีกคนก็ยิ้มตาหยีมาให้ ผมก็ยิ้มกลับ

      “ดีนาย เราพายนะ “ อีกคนที่นั่งข้างไอ้ติ๊กดารา ผมก็ยิ้มให้

               ผมเห็นดิวมันนั่งกับแอ้ ผมก็เผลอแอบมองแอ้ตลอด ทำไมเขาเหมือนบางสิ่งให้สะกดสายตาอยู่ที่เขายังไงก็ไม่รู้ จนกระทั่ง

      “เดี่ยว ไปหาอะไรกินกันวะ” สะดุ้งเพราะมีคนมาเรียกชื่อผม ก็คือไอ้แจ็คมัน

      “เออ...ไปไหน ..นะ”

      “ไปหาอะไรกินกันด้านล่างไง”ไอ้แจ็คมันบอกผม ผมก็พยักหน้า

      “แม้เห็นนะแอบมองแอ้เหรอ” มีคนทักผม ผมหันไปมองไอ้คนที่ชื่อบลูนั้นเอง ไอ้ดิวมันหันมามองผมพร้อมกับแอ้

      “จริงดิ มึงชอบแอ้เหรอ” ติ๊กมันถามผมทันที

      “ชอบ..ชอบอะไร..เปล่า” ผมพูดและยิ้มๆให้ไอ้ดิวมัน  ผมก็ลุกขึ้นพร้อมทันที ผมเดินลงมาพร้อมๆกับพวกนั้น ก็เดินคุยมากับไอ้แจ็ค ไอ้หลุยส์ พวกมันสองคนก็แนะนำบอยกับธรรณ์

      “ไอ้เดี่ยวมึงจะเอารถไปซ่อมทีไหนวะ” ไอ้ดิวมันถามผม ผมนะมีอุ้แห่งหนึ่ง ผมรู้จักเขาดี 
 
      “กูมีอู่ซ่อมของลุงกูวะ เขาเป็นคนที่พ่อกูเคารพ เขาเปิดอู่อยู่ที่นี้” ผมพูดบอกไอ้ดิวว
 
      “ไอ้ติ๊กมรึงอย่าลืมจัดการรถให้มันนะมึง”ไอ้ดิวหันบอกไอ้ติ๊กที่เดินกับแอ้และพาย
 
      “เออ กูรู้แล้ว” ไอ้ติ๊กพุด
 
      “งั้นกูโทรหาเขาก่อนวะ” ผมพูดและเดินเลี่ยงไปเพื่อหาที่คุย ผมกดมือถือลุงของผม แม้ไม่ใช่ลุงแท้ๆก็เถอะ 
 
      //ดีวะเดี่ยวแล้วนี้ว่าไง โทรมาหาลุง//
 
      //ลุงเทพผมกลับมาเรียนที่เดิมแล้วครับ// ผมบอกลุง

      //เออแล้วแม่มรึงเขาให้กลับมาเหรอว่ะ// ลุงเทพถามผม

      //ให้ครับและแม่ผมเขาไปอยู่ต่างประเทศแล้วครับ//

      //เออ ...// ลุงเทพ

      // ผมจะเอารถไปซ่อมนะครับ คือผมต้องลงสีใหม่ //
 
      //อ้าวทำไมละ เพิ่งลงไปเมื่อปลายปีที่แล้วนิ//
 
      //คือมี คนมือบอนนะครับยำรถผม ผมพูดเสียงดังหน่อยประโย//คนี้เพราะว่ามีคนมาแอบฟังผม 
 
      //เวรจริงๆ ใครวะมันทำกับมึงได้ //
 
      //ถ้าเจออีกทีผมว่าจะจับทำเมียเลยลุง// ผมพูด ไอ้คนที่แอบฟังผมรีบออกมาทันที
 
      “ปากดีนะมรึงนะ”นั้นมันออกมาแสดงตัว
 
      “แอบฟังเหรอ”ผมเอามือปิดโทรศัพท์ของผมและเดินย่างสามขุมเข้าไปหา อีกคนก็เดินถอยหลังหนีผมแต่มันติดกำแพง ผมก็เดินย่างเข้าไปต่อ 
 
      //ลุงผมเรียนนะซิ ถ้าอย่างนั้นลุงมาเอารถผมได้ไหมครับ เพราะลุงมีกุลแจสำรองของผมนิครับ//
 
      //เออได้ได้เดี๋ยวลุงให้คนไปเอานะ// ลุงเทพพูด ผมก็กดวางสายก่อน เพราะกลัวคนที่มาแอบฟังผมจะหนี
 
      “หมับ” ผมใช่มือดันกั้นไว้ไม่ให้ออกไปไหนได้ คนที่ยืนแหนบชิดติดกับแพง ถึงกับทำตัวลีบ
 
      “มึงจะทำอะไรกู “ ไอ้ติ๊กมันพูด
 
      “ทำไมไม่ปากดีแล้วละ” ผมถามติ๊ก
 
      “ปากดีแบบนี้หน้าตบด้วยปากกระฉากด้วยลิ้น”ผมพูดผมันก็หลับตาปรี่แต่ก็เหล่ตามองเป็นระยะพอผมยิ่งเข้าใกล้ม้ันก็หลับตาหนีผมอีก จนผมหยุดและยิ้มที่มุมปาก 
 
      “แล้วมายื่นแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน มันเสียมารยาทนะครับคุณหนู” ผมพูด
 
      “ก็ กูแค่ให้แน่ใจว่ามรึงไม่ได้ต้องการเงินและหลอกว่า”
 
      “นิ กูไม่ใช่คนแบบนั้นวะ แค่ต้องการเงินของมึง ถ้ามึงไม่อยากก็ไม่ต้อง กูจัดการได้” ผมขึ้นและเดินถอยหลังจะออกทันที ทำไมพอเป็นไอ้คนนี้มันพูดเรื่องเงินกับผมแล้วผมต้องปรี้ดทันที
 
      “เฮ้ยย! กูไม่ได้ความว่าแบบนั้น  เออ กูเชื่อมึงและกูก็”ผมหันมามองว่ายังไง
 
      “ไม่อยากเสียคำพูดกับเพื่อนๆกู  มึงก็ให้เขาทำบิลมาเก็บที่กู” ติ๊กมันพูด ผมพยักหน้าและเดินออกมา ทันที
 
      “มึงจะไปไหนนะไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันเรียกผม มันเห็นว่าผมเดินไปอีกทางที่ไม่ใช่ห้องเรียน
 
      “กูจะไปเอาของที่รถวะ เพราะว่าลุงเขาจะส่งคนมาเอารถกูไปซ้อม “ ผมบอกไอ้ดิว 
 
      “ไปด้วยดิวะ”ไอ้ดิวมันบอกผม ผมก็พงกหัวว่ามาดิ และไอ้คนหน้าหวานพร้อมกับดาราจอมกวนนั้นก็วิ่งตามมาติดๆ เหลือแต่พายที่กำลังกินน้ำปั่นอยู่กับบอยและธรรณ์แฟนไอ้หลุยส์มัน  ผมเดินมาที่ผมจอดรถไว้  โธ่ เอ่ย เปรี้ยวลูกรักของพ่อ ผมคิดในใจ
 
      “เวรเลย “ ไอ้ดิวพอมันเห็นสภาพรถผม 
 
      “ไอ้ติ๊กมึงงนี้เชี้ยมากทำรถมันเละขนาดนี้วะ” ไอ้ดิวมันพูดแสดงว่ามันก็เป็นคนรักรถมากเช่นกัน และไอ้แอ้ก็ยืนมองแบบเสียดายเช่นกัน
 
      “แม้ มันดันปากดีด่าพวกเราก่อนนี้หว่า” ไอ้ติ๊กมันแถ ผมก็เปิดประตูหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าอาดิด๊าสและกีตาร์ตัวโปรดของผมออกมา 
 
      “เออ นี้มึงมาเรียนต้องพกกระเป๋าเดินทางมาด้วยเหรอวะ “ไอ้ติ๊กมันถามผม
 
      “กูเพิ่งจะย้ายมาจากหอโรงเรียนเดิมและกูว่าจะมาหาหอพักแถวนี้ “ผมหันไปบอกพวกมัน
 
      “อ้าวมึงไม่มีบ้านทีนี้เหอรวะเดี่ยว”แอ้มันถามผม หน้าหวานแต่ดูมันพูดหมดราคาเลย อุตสาแอบชอบแต่ผมคิดว่าผมคงเข้าไม่ถึงเพราะไอ้ดิวนี้แหละ
 
      “ไม่มีหรอก แม่ขายไปแล้วตั้งแต่พ่อกูเสีย” ผมพูดกับแอ้ 
 
      “เออ พวกกูมีห้องว่างวะแต่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอ มรึงไปเข้าไปอยู่ก่อน พวกกูจะขอพ่อพวกกูให้เอาเฟอร์เข้ามา” ไอ้ดิวมันพูด
 
      “อะไรนะ” ไอ้ติ๊กมันทำท่าจะค้าน
 
      “ทำไมวะ กูว่าไอ้หลุยส์ไอ้แจ็คมันก็เห็นด้วยกับที่กูพูด “ ไอ้ดิวมันพูด 
 
      “เฮ้ย!ไม่เป็นไร”ผมทำท่าจะปฏิเสธเช่นกัน
 
      “ไม่เอานะ อยู่กับพวกกู บ้านกว้างวะ” ไอ้ดิวมันพูด ไอ้แอ้มันพยักหน้าอีกคน ผมก็โอเค
 
      “อะไรวะ ไอ้นี้มาไม่ทันถึงวันเลยได้นั้นได้นี้” ติ๊กที่ทำท่างอดแงดใส่ และพาแอ้เดินออกไปทันที
 
      “อย่าไปถือสามันเลยวะ แต่จริงๆมันเพื่อนที่ดีนะโว้ย” ไอ้ดิวมันพูด ผมหยักไหล่ น่าจะนะ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อดีเลย แต่มันก็ยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งมากขึ้น

      “ถ้าอย่างนั้นก็เอาของมึงไปใส่ไว้ที่รถกูว่ะ กูเอารถมาใช้ ช่วงนี้มึงก็ใช้รถกูแทนได้นะโว้ย เพราะว่าพวกกูก็มีรถที่มารับส่งอยู่แล้ว “ ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าตามนั้น พวกไอ้ดิว แอ้ อีกคนก็จำใจช่วยจะดีกว่า ช่วยผมขนของไปใส่ไว้ในรถของไอ้ดิวที่จอดไปไม่ไกลกันมาก


      “มึงเล่นกีตาร์ด้วยเหรอว่ะ”ติ๊กมันถามผม ผมหันไปหยักคิ้วให้ เพรวาะติ๊กมันถือกีตาร์โปร่งของผมอยู่ กีตาร์ตัวนี้ผมรักเลย พ่อผมซื้อเอาไว้ก่อนที่พ่อจะเสียไม่กี่เดือน ผมนำสำภาระทุกอย่างใส่ไว้ในรถดิวและพากันเดินกลับมาที่ห้องเรียน
 
      “เฮ้ยแจ็ค หลุยส์ พวกกูชวนไอ้เดี่ยวอยู่บ้านพวกเราวะ” ดิวบอกไอ้แจ็คกับไอ้หลุยส์ มันหันมามองผม
 
      “ดีเลยวะ ว่าแต่ห้องนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอนี่หว่า” แจ็คพูด
 
      “กูจัดให้ไม่ถึงครึ้งชั่วโมงเฟอร์มา” ไอ้หลุยส์พูดและมันก็โทรศัพท์ทันทีสั่งเฟอร์นิเจอร์ ไอ้นี้มันไวมาก ผมหันนั่งดูพวกสาวๆ ขอเรียกสาวๆนะเพราะดูก็รู้ว่าน่าทะนุทะนอม แอ้ ติ๊ก พาย เขาคุยกัน   
 
      “เดี่ยว” ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อผม ไอ้ภาคิน
 
      “ไงวะภาคิน” ผมหันไปทักทายมัน พวกเพื่อนมันมองผม โดยเฉพาะไอ้โซ๋ ไอ้นี้มันต่อยกับผมมาแล้ว เรียกว่าแลกหมัดกันหน้าตาปูนไปหมดแต่คนที่สภาพย่ำแย่ก็คือไอ้โซ่ว์ ผมว่ามันจำไม่มีวันลืมแน่ๆ 
 
      “กูไม่คิดว่ามรึงจะกลับมาวะ” 
 
      “กูก็คิดว่าจะไม่แต่กูคิดว่ากูควรจะกลับมาว่ะ” ผมหันไปบอไอ้ภาคินและหันมาหยักคิ้วให้ไอ้ดิวและพวกเพื่อนๆมันที่หันมองผมสลับไปมากับไอ้ภาคิน
 
      “ยินดีวะ”
 
      “มึงงจะบอกเพื่อนมึงก็ได้นะว่ากูกลับมา” ผมบอกไอ้ภาคิน เพื่อนมันที่ผมหมายถึงนั้นคือไอ้ธงรบ ไอ้นี้ปลาไหลตัวพ่อ มันเอาหมดทัั้งชายและหญิง แม้กระทั้งแฟนของไอ้ภาคินมันยังเอาเลยแต่ก็อย่างว่าแฟนไอ้ภาคินมันมันอ่อยเขาด้วยแหละ แฟนมันเป็นผู้หญิงแต่ตอนนี้ผมไม่รู้รสนิยมมันแล้ว 
 
      “มันคงจะรู้เองในไม่ช้าเพราะว่ามันก็เทียวไปเทียวมาอยู่ ที่นี้ “ ไอ้ภาคินพูดและเดินหันหลังกลับไปทันที
 
      “คุยกันได้คุสาดมาก มึงมีความหลังกับมันเหรอวะ”ไอ้ดิวมันกระซิบถามผม 
 
      “มี กับเพื่อนมัน พวกมันกูก็มีกับไอ้โซ่ว์ เพราะว่ามันปากเสียกับกู แต่ เห็นไอ้โซ่ว์ปากแบบนี้ มันโคตรรักเพื่อนเลยวะ”
 
      “กูกับมันเป็นเพื่อนกันก็หลังจากได้ปล่อยหมัดใส่กันเหมือนกูกับมึงอ่ะ และวันหนึ่ง ขณะที่กูกำลังขับรถมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน” ผมพูด ไอ้ดิวมันขมวยคิ้วมองผม

      “เมื่อก่อนกูชอบแว่นบอกตรงๆ แต่อายุยังไม่ถึงที่จะทำใบขับขี่ไง” มันพยักหน้าว่าให้เล่าต่อ

      “ก็มีคนดักทำร้ายกู มันอัดกูด้วยไม้เบสบอล และคนที่เข้าไปช่วยกูคือไอ้โซ่ว์”ผมบอกไอ้ดิว 
 
      “พวกมันก็มีดีใช่ไหมวะ” ไอ้แจ็คถามผม
 
      “ดีมากถ้าพวกมึงได้มันเป็นเพื่อนวะ” ผมพูด 
 
      “แต่สำหรับกูพวกมันทำให้พี่กูติดคุก” ไอ้ต้นข้าวพูดโพลงขึ้นมาแต่ไม่ดังมากกลัวมันได้ยินแน่ๆ 
 
      “พี่มึงพี่ข้าวปั้นเหรอวะ ที่เป็นหัวหน้าแก้ง”
 
      “เอออะดิ มึงจำได้แล้วหรือไง”
 
      “กูจำมึงไม่ได้แต่กูจำพี่มึงได้และ”ผมกำลังจะพูด
 
      “พี่มึงไม่ได้ติดคุกเพราะไอ้พวกนี้ พี่มึงนะมีผู้หญิงจากคอนแว้นมาติดและคนนี้สวยมากจนเข้าตาพี่บอส ที่เป็นเพื่อนสนิทพี่มึงนะ “ ผมพูดเพราะผมรู้เหตุการณ์วันนั้นผมโดนย้ายไปก่อนแล้ว ไม่ซิ โดนไล่ออก แต่ท่านผอ ใจดีให้ผมมีโอกาสย้ายไปต่อที่อื่น ไม่อยากนั้นผมคงลอยแพไม่มีที่เรียนแน่ๆ 
 
      “พี่กูโดนหักหลังเหรอวะ” ไอ้ต้นข้าวมันพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจ ผมพยักหน้าแค่นั้น
 
“เออ กูรู้แค่นี้ จะมีเรื่องอื่นอีกมั้ยกูไม่แน่ใจว่ะ แต่ที่แน่ๆ พวกไอ้ภาคินไม่รู้เรื่อง มันเคารพพี่มึง” ผมบอกไอ้ต้นข้าว มันทำหน้าเสียใจขึ้นมาทันที
 
      “ไอ้บอสไปไหนวะ กูไม่เคยเห็นมันอีกเลย”   ไอ้ต้นข้าวพูดมันคงอยากเอาคืนไอ้บอสแต่ไอ้นี้นี่นะ ผมส่ายหัวมันเด็กอนุบาลสำหรับไอ้บอสถ้ามันยังอยู่ แต่
 
      “ไอ้บอสมันก็ถูกพ่อแม่มันส่งไปเรียนต่างประเทศก่อนที่ลูกมันจะติดคุกเพราะยาเสพติดไง “ผมหันไปบอกไอ้ต้นข้าว
 
      “ไอ้นี้คือคนแรกที่ดึงยาเข้ามาในโรงเรียนนี้ และกูคิดว่ามันมีคนสืบต่อวะ “ ผมพูด 
 
      “ไอ้เชี้ยเอ้ย” ไอ้แจ็คมันสะบด ทำเอาผมนี้ตกใจ
 
      “มึงไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมพึ่งโผ่มาวะเดี่ยว มึงช่วยพวกกูได้เยอะเลยวะ” ไอ้แจ็คพูด
 
      “แล้วพวกกูอะ”ไอ้ต้นข้าว
 
      “ไม่เลย ได้แต่ทำน่ารักไปวันวัน ห่าน!” ไอ้ติํ๊กมันพูด พวกผมก็หัวเราะเพราะมันทำหน้างอนนั้นเองไอ้ต้นข้าว  พวกผมนั่งเรียนช่วงบ่ายกันจนได้เวลาเลิกเรียน

      “กูหวังว่าจะไม่มีใครมาดักรอกระทืบอีกนะ ขอพักบ้างเหอะ”ไอ้ติ๊กมันพูด   

      “แสดงว่าพวกมึงงานเข้าเยอะละซิ”ผมพูดขึ้นขำๆ

      “เออ แม่งทุกวันเลยว่ะ” ไอ้แอ้พูด ผมก็ยิ้ม คนนี้มันพูดน้อย ผมหันเจอไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม ผมก็รีบมุดหลบเดี๋ยวมันรู้ว่าผมแอบชอบแอ้  ไม่รู้ผมรู้สึกใจสั่นๆเวลาแอ้ยิ้มแต่ผมก็รู้สึกอยากจะแกล้งไอ้ดารา เห็นมันทำหน้าโกรธหน้างอนแล้ว มันมีความสุขแปลกๆ 
**********
ขอบคุณน่ะ คุณ Lambosasha มาให้กำลังใจกันเหมือนเดิม และคุณ AKuapink ด้วยน่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ไม่สิ ไม่ ต้องชอบติ๊กสิเดี่ยว แต่ๆๆๆ ติ๊กนี่เรานึกถึงพี่ติ๊กเจษเลยอ่ะ 55  :pig4:

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
เดี่ยว สันสนจะเลือกใคร อีกน่ารักน่าถนอมกับอีกคนเคมีใช่แต่ปากร้ายสุดๆ P1

   ผมเดินตามพวกมันลงมาผมหันไปมองก็ปกติดีน่ะมีนักเรียนเดินไปมาพากันกลับบ้านกันเป็นเด็กม.3ขึ้นไปก็จะพาตกใจผมกันเพราะว่ามันทันเห็นความโหดของผมมาก่อน ผมยอมรับว่าผมเลือดร้อนมากจนกระทั่งหลังจากที่พ่อผมเสียชีวิต ผมต้องอยู่กับแม่ ผมเลยไม่อยากทำให้แม่เสียใจมากไปกว่านี้อีก เพราะหลังจากที่พ่อจากไปแม่ก็เงียบลง ไม่เหมือนเดิม และนั่นแหละผมเลยต้องยอมทุกอย่างที่แม่ขอแม้กระทั่งเรื่องแม่จะมีแฟนใหม่

   “เดี่ยวมึงไปรถคันเดียวกับไอ้ติ๊กให้กูทีดิว่ะ กูมีเรื่องจะคุยกับแอ้ว่ะ ไอ้นี้มันไม่เปิดโอกาสให้กูคุยกันเลยว่ะมึง “ไอ้ดิวมันพูด พอติ๊กได้ยินมันทำท่าจะหันมาแต่ผมจับแขนมันไว้ ล๊อกไว้เลย ไอ้ดิวมันก็ดึงแขนแอ้วิ่งไปอย่างไวเลย ไปที่รถของมัน

   “จับกูไว้ทำไม” ติ๊กมันถามผม

   “นั่งด้วยกันไม่ได้เหรอ รังเกียจเหรอ” ผมพูดและยิ้มให้พายที่กำลังจะก้าวขาขึ้นรถไป

   “เดี๋ยวพายรอในรถนะ จ๊วบๆ” น้องพายผมก็ยิ้ม พยักหน้าว่าได้ ผมมองหน้าติ๊ก

   “จ๋าพาย” ผมพูดเพราะกับน้องพาย ผมเห็นไอ้ดิวและแอ้มันขับรถออกไปแล้ว เหลือแค่ติ๊กที่มองผมแต่ยังไม่ยอมขึ้นรถ ติ๊กมันขบฟันจนเสียงกรอดๆ

   “จะให้อุ้มขึ้นรถเหรอครับคุณหนู” ผมกระซิบที่ข้างหูติ๊ก ติ๊กมันสะบัดหน้ามามองผม ผมก็เลิกคิ้วว่าจะเอายังไง แต่ไม่มีการตอบรับ ผมก็ถลกแขนเสื้อขึ้นเหนือหัวไหล่จะได้อุ้มแต่อีกคนก็รีบพล้วดเข้าไปในรถทันที ผมก็ตามเข้าไปนั่งแต่นั่งตรงข้ามกันเพราะนี้มันรถลีมูซีนที่นั่งได้สี่คนหันหน้าเข้าหากัน

   “เดี๋ยวจร๊า” น้องพายเรียกผมเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมหันไปมองว่าไง

   “อีพาย กูอยากให้พี่แพท พี่พีชเห็นมึงแบบนี้จริงๆ ให้กูถ่ายคลิปส่งให้ไหมล่ะ” ติ๊กพูด พายก็หันมาค้อนขวับๆ เลย

   “เดี่ยว.....มันอิจฉานะ” พายพูดผมก็ยิ้มพยักหน้า และหัน หยักคิ้วให้คนหน้างอที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผม จะว่าไปลีมูซีนนี้หรูใช่เล่นนะ มีอุปกรณ์สารพัด เหมือนโฮมเธียเตอร์เคลื่อนที่เลย นี้เป็นครั้งแรกของผมที่ได้นั่งรถหรูแบบนี้ แต่ผมจะไม่ยอมเสียเงินซื้อรถแบบนี้เด็ดขาด จะว่าไปก็ขึ้นเปรี้ยวลูกรักของผม รถอีซูซุ แต่งสีเขียวมีลาย

   “ถึงแล้วลงซิ” ไอ้ติ๊กมันบอกผม ผมก็ก้าวเท้าลงจากรถ ผมหันไปมองรถไอ้ดิวตามมาทีหลัง นี้ขนาดขับออกมาก่อนยังถึงที่หลังแสดงว่าไปแอบคุยกันตรงไหนแน่ๆ และไอ้ดิวก็ขนของผมลงมาจากกระบะหลังที่มีที่ปิดอย่างดี พี่คนขับรถก็ตรงเข้าไปช่วยขนเช่นกัน

   “ไม่เป็นไรครับคุณหนู ผมเอาเข้าไปให้ในบ้านครับ” พี่คนขับรถบอกผม แต่ผมเกรงใจเพราะว่าผมก็ไม่ใช่ลูกเจ้านายเขาด้วย

   “ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณหนูหรอกครับและผมถือไปเองดีกว่าเกรงใจครับ” ผมพูด

   “ถ้าเขาอยากถือพี่วางไว้นี้แหละครับ ขอบคุณนะครับ” ไอ้ติ๊กมันพูดบอกพี่คนขับรถ พี่เขาก็ว่างของลงแบบเกรงใจเพราะว่าติ๊กมันสั่งเขาแบบนั้น

   “ขอบคุณครับพี่” ผมกล่าวขอบคุณและกำลังจะยกกระเป๋าเดินทางของผมและกีตาร์

   “พายช่วยถือไหมเดี่ยว” พายยิ้มตาหยีมาหาผม แอ้และดิวนะช่วยถืออย่างอื่นไปแล้วไง ผมหันไปพยักหน้าให้พาย

   “อีพาย ปกติมึงแทบจะไม่ถืออะไรเลยแล้ววันนี้อะไรเข้าสิงห่ะ” ติ๊กถามพาย พายขอช่วยผมถือกีตาร์

   “ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง แต่รู้ว่าเดี่ยวนะสิงอยู่ในใจพาย ...เลิฟยู” พายผมก็เอามือเกาหัวแกรกๆ มามุขนี้เลยเหรอและทำมือเลิฟยูด้วย เดี่ยวไม่ฟินแต่งงมากกว่า

   “ทำไมอะ ไม่ฟินเหรอ ...เอาใหม่” พายพูดและทำนิ้วเลิฟยูอีกที

   “ผลั๊ว “ติ๊กฟาดฝ่ามือลงที่หัวของพาย (คนอะไรโหดไม่สมกับหน้าแม่งเลย)

   “อะไรอีนี้นิ” พาย

   “เอามานี้กีตาร์นะ ถือแบบนั้นเดี๋ยวก็เสียหมด ขาก็สั้นยังทะลึ่งอีก” ติ๊กพูดและดึงกีตาร์ผมไปจากพายและถือเข้าบ้านไปเลย

   “มันแอบชอบเดี่ยวแน่ๆ เชื่อเรา เรานะ รู้จักมันดีแต่มันเป็นประเภท ดาราอ่ะ อีโก้สูงเดี่ยว” พายกระซิบบอกผม ผมเดินเข้ามาในบ้าน

   “เดี่ยวขึ้นห้องพักก่อนไหมวะ เพื่อมึงจะจัดห้องนอนมึงก่อน อาบน้ำและลงมาทานอาหารกันวะ “ไอ้ดิวมันพูด ผมพยักหน้าแต่ผมไม่เห็นติ๊กแล้ว

   “มันลากเมียกูขึ้นไปอีกแล้ว” ผมได้ยินแบบนั้นผมก็หันมาเหล่มองมัน นี้มันเรียกแอ้ว่าเมียเลยเหรอ แสดงว่ามันสองคนคงก้าวข้ามคำว่าแอบรักไปนานแล้ว

   “ตกลงมึงกับแอ้” ผมถามไอ้ดิวระหว่างที่เดินขึ้นไปชั้นสอง ไอ้ดิวก็ช่วยผมถือของขึ้นไปด้วย

   “ใช่กูกับแอ้เป็นแฟนกันในเชิงพฤตินัยแต่แสดงออกไม่ได้ อึดอัดชะมัดวะ” ผมหันไปมองหน้ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอวะ

   “กูสองคนมีบางสิ่งที่ โอ๊ย! กูไม่รู้จะอธิบายยังไง พวกไอ้แจ็ค และทุกคนก็ไม่รู้มึง มันบอกไม่ได้อ่ะ แอ้อ่ะ กลัวไปทุกอย่างแม้กระทั่งตัวกูเองมันกลัว “ไอ้ดิวพูด ผมก็รับฟัง มันพูดเหมือนมันอึดอัดจริงๆ พอเดินมาถึงห้องในสุด

   “นี้ห้องมึงวะ ขาดเหลืออะไรบอกได้เลยนะ “ไอ้ดิวมันพูดและผมก็เปิดประตูเข้าไป เห็นเฟอร์นิเจอร์แล้วก็ต้องตกใจนี้โรงแรมห้าดาวชัดๆเลยวะ

   “ดีไปไหมวะ” ผมหันมาถามไอ้ดิว

   “เอานะ เพื่อนพวกกูแล้ว” ไอ้ดิวมันพูดและทำท่าจะเดินกลับไปห้องพักมัน

   “กูอยู่ถัดจากห้องมึงไปนะ แต่บางคืนอาจจะได้ยินอะไรแปลกๆ จากห้องกูบ้างอย่าว่านะโว้ย!” ไอ้ดิวมันพูด ผมหันไปมองมันว่าอะไรแปลกๆ วะ ไอ้ดิวมันหันซ้ายแลขวา

   “แบบซี้ดอ้าห์อะไรแบบนี้” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็ยกนิ้วโป้งให้เลย และดิวมันก็กำลังจะหันหลังออก

   “ดิว” ผมเรียกชื่อมัน

   “มีอะไรคุยกับกูได้วะ กูซื่อสัตย์กับเพื่อนกูทุกคน” ผมพูด ไอ้ดิวมันยิ้มให้ผม

   “ใจวะ “ไอ้ดิวมันพูดและมันก็เดินกลับไปที่ห้องพักมัน ผมเห็นแอ้กำลังเปิดประตูออกมาจากห้องที่ตรงข้ามกับห้องไอ้ดิว แอ้มันมองผมและเดินตามดิวเข้าห้องไป ผมก็ได้แต่ยืนมอง ยังไม่ได้รักเลยอกหักแล้วกู ผมคิดในใจ

          ผมจัดข้าวของเข้าที่และก็อาบน้ำแต่งตัว จะว่าไปก็เกรงใจพวกมันเหมือนกัน แต่ผมดันลืมถามไอ้ดิวว่ามันลูกใครเหรอ พ่อเป็นทหารเหมือนผมไหม ถึงได้พักที่ค่ายทหารและเรียนมวยกับครูมวยคนเดียวกับผมอีก ผมเห็นข้อความของแม่ผมส่งมาหา แม่ผมแต่งงานกับชาวต่างชาติหลังจากที่พ่อผมเสียไปได้ห้าปี แม้ว่าผมจะยังเสียใจแต่ผมก็เข้าใจแม่ แม่บอกผมว่าชีวิตต้องดำเนินต่อ และฝรั่งคนนี้ก็รักแม่ผมจริง ผมเจอเขาสองสามครั้ง แต่แม้จะไม่ค่อยได้เจอ พอแม่กลับมาเขาก็ฝากของมาให้ผมตลอด ผมรู้แค่ว่าเขาเป็นนายทหารที่ปลดระหว่างแล้วแต่มีเงินไว้กินไว้ใช้เหลือเฟือ แต่ว่าผมแทบจะไม่เคยเบียดเบียนเงินเข้าเลย ผมเอาเท่าที่จำเป็นแต่แม่ผมก็คอยส่งใส่บัญชีให้ผมตลอด จนผมก็พอมีเงินเก็บกับเขาบ้าง

   “ก๊อกๆ”

   “ไม่ได้ล๊อก” ผมบอกคนที่เคาะประตูห้องนอนผม

   “เดี๋ยวกินข้าววะ “ไอ้ดิวนี้เอง ผมก็พยักหน้า ผมเห็นแอ้ออกมาพร้อมมัน

   “วันนี้ไอ้ตัวดีเขาเป็นอะไรสงสัยมึงทำคุณไสยใส่แน่ๆ ปกติมันจะต้องมาลากเมียกูไปอยู่ประจำ ห้องมัน พาไปอาบน้ำปะแป้งให้ด้วย จนใครๆ ก็มองว่ามันเมียแอ้ไปแล้ว” ไอ้ดิวพูด ผมสะบัดหน้ามามองแอ้ นี้แอ้มันเป็นทั้งรับและรุกเลยเหรอวะ

   “โอ๊ยย แอ้! “แอ้มันบิดหัวนมดิวซะมันร้องเสียงหลงเลย ผมว่าถ้าเล่นแบบนี้ใช่แล้วแหละผัวเมียกัน ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างพร้อมกัน ผมเห็นพวกไอ้แจ็คและเพื่อนๆ นั่งกันที่ห้องนั่งเล่น ผมเดินเข้าไปกับไอ้ดิวและแอ้ ก็เห็นไอ้ป๊อด คู่กรณีผมอีกคนแต่ผมไม่ถือสามันหรอกมันยังเด็กและมันก็เป็นคนกตัญญูแต่ที่ทำลงไปก็คงเพราะจำใจ

   “พี่เดี่ยว” ไอ้ป๊อกมันเรียกผมและยกมือไหว้ผม

   “เออ ไอ้ป๊อด” ผมทักมันและนั่งลง ดูหน้าไอ้ป๊อดเปลี่ยนเป็นสีซีดขึ้นมาทันที

   “เป็นอะไรวะป๊อด หน้ามึงยังกับจะเป็นลม” ไอ้แจ็คพูดและขำมัน

   “มึงจะตกใจกูทำไมป๊อด กูไม่ว่าอะไรกับมึงหรอกกูเข้าใจ” ผมพูด ไอ้ป๊อดมันยิ้ม

   “ผมขอโทษจริงๆ พี่เดี่ยว วันนั้นผมโดนขู่ถ้าไม่ช่วยมันจะพังร้านแม่ผม” ไอ้ป๊อดพูด

   “เออ...เรื่องมันแล้วไปแล้ว ช่างมันเถอะ” ผมพูด

   “เออ มาเข้าเรื่องป๊อด คนไหนวะที่มึงบอกกูว่าจะให้มาสืบอะ ได้ยัง กูรออยู่และกูรีบ” ไอ้แจ็คมันไอ้ป๊อด มันจะจ้างคนสืบเลยเหรอวะ

   “สืบใครวะ”

   “พวกไอ้ภาคินวะ อยากได้ข้อมูลว่ามันคือใครอะไรยังไงและเพื่อนๆ มัน” ผมก็พยักหน้า จะว่าไปผมรู้แต่ไม่ลึกมาก จะเสนอตัวผมก็ว่ามันสืบดีกว่า และจะได้ข้อมูลที่อัพเดทกว่าผมแน่ๆ

   “ไอ้ครับพี่แจ็คและวันนี้พี่เขามาด้วยครับ พี่เขาชื่อพี่ปู เดี๋ยวผมไปเรียกให้ครับ” ไอ้ป๊อดพูดและรีบวิ่งออกไปไม่ถึงสิบนาทีมันก็กลับเข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยหน้ามล หน้ามลจริงๆ ตัวเล็กๆ ขาวๆ มายืนตรงหน้าไอ้แจ็ค และพอไอ้แจ็คมันเงยหน้าขึ้น มันก็ตกใจ เกือบจะทุกคนเลยก็ได้

   “ไอ้ป๊อด มึงจะให้คนนี้เข้าไปสืบเหรือวะ มึงจะบ้าเหรอ ทำไมไม่หาคนที่หน้าโหดๆ” ไอ้แจ็คมันหันไปด่าไอ้ป๊อดทันที

   “พี่แจ็ค พี่ปูนะเก่งนะพี่ และ พี่เขาร้อนเงินนะตอนนี้ พี่เขาบอกว่าเขาทำได้นะ พี่เขารู้จักคนกลุ่มนั้นและพอจะเข้าไปหาข้อมูลได้” ไอ้ป๊อดพูด

   “เห้ย...มันเสี่ยงเกินไปสำหรับเขา” ไอ้ดิวอีกคน

   “นั้นซิบอยก็เห็นด้วยนะ”

   “ทำไมไม่ให้เราลองก่อนละ ค่อยตัดสินเรา” พูดได้ผมเงยหน้ามอง เพราะเห็นนิ่งๆ อยู่ตั้งนาน

   “มาทำนี้ร้อนเงินเหรอ ติดยาด้วยหรือเปล่า” ผมถามขึ้นทำเอาคนที่ถูกผมถามหันขวับมาทันทีสายตานี้กริบมากและหันกลับไปคุยกับหลุยส์และแจ็คต่อ หน้าตาที่ดูเรียวสวยราวสตรี ปากนิดจมูกหน่อย ผิวที่ขาวมากตัวก็เล็กบอบบาง

   “ไอ้เดี่ยว!” ไอ้ดิวมันอยู่ข้างๆ ผม มันกัดฟันเรียกชื่อผม

   “อะไรของมึงวะเนี๊ยะเดี่ยว” ไอ้แอ้อีกคนและพวกไอ้แจ็ค หลุยส์มันก็มองผม ธรรณ์คนที่ไอ้หลุยส์มันบอกผมว่าเป็นแฟนมันก็หันไปกระซิบกระซาบกับอีกคนที่เป็นแฟนแจ็คที่ชื่อบอย เขาก็มองผมและขำกันอีก อายเลยผม

   “ก็แบบว่า ร้อนเงินจนทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งงานเสี่ยงนะ มันก็ต้องมีอย่างเดียว” ผมพูดขึ้นแบบแก้เขินหน่อยๆ

   “และไม่อยากให้หาเรื่องมาให้พวกมึงเท่านั้นเอง” ผมพูดและมองหนุ่มหน้าหวานที่นั่งนิ่ง ที่นี่ไม่พูดตอบละ

   “พี่เดี่ยว คือไม่ใช่แบบนั้นครับ พี่ปูนะเขาต้องการเงินเพราะว่าแม่พี่ปูเขาป่วยมากครับ “ไอ้ป๊อดพูดทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที และแต่ละคนก็หันมามองผมกันหมด

   //เป็นไงละมึง//ไอ้ดิวมันหันมาพูดกับผมให้ผมอ่าน//ก็กูไม่รุ้นี้หว่า//ผมก็หันไปพูดให้มันอ่านปากเช่นกันและหันไปมองหน้าปูที่นั่งทำหน้านิ่งมาก ไม่รู้เสียใจหรือโกรธกันแน่

   //แล้วทำไมมึงไม่เปิดบทสนทนาที่มันดีกว่านี้วะ//ไอ้แอ้หันมาบ่นผมไม่ดัวมาก//ก็ปกติ ถ้าคน ร้อนเงินและทำงานอะไรที่เสียงแบบนี้ก็มักจะต้องการเงินไปซื้อยาไง// ผมพูดกระซิบกับดิวและแอ้

   “แต่นี่” ผมกำลังจะเอ่ยก็มีเสียงมาขัดจังหวะพอดี

   “อะฮืม” ไอ้หลุยส์มันกะแอมที่พวกผมซุบซิบกัน

   “เอาเป็นว่าฉันจ้างนายนะ อ่ะนี้เงิน” ไอ้หลุยส์มันส่งเงินสดให้ปึกหนึ่งเลย ปูรับไปและเงยหน้าขึ้นมองทำหน้างงๆ

   “มันเกินมาหกพันบาทนะ ที่ตกลงกับป๊อดเราเอาแค่สี่พันบาท”

   “พอดีไอ้ป๊อดมันบอกเราไว้ว่าแม่นายต้องการเงินเพื่อไปให้ค่ายาคีโมไม่ใช่เหรอ ฉันให้และน่าจะมีหลายงานเลยรับไว้” ไอ้หลุยส์มันบอกกับปู

   “ถ้าอย่างนั้นก็ไปทานอาหารกันเลยดีกว่าวะ “ไอ้แจ็คมันพูดผมนี้รู้สึกผิดมากแต่ปูเขาก็ทำหน้าได้นิ่งมากจนเดาไอ้ยากจริงๆ ปูลุกขึ้นเดินผ่านผมไปแบบไม่เหลียวตามองผมเลย

   “แม้มึงนิ ชอบก็บอกเขาไปตรงๆ เลย ทำปากเสีย” ไอ้ดิวมันแซวผมซะดัง ติ๊กหันมามองและเบ้ปากใส่ผมอีก ผมเดินตามไปจนจะถึงห้องอาหาร

   “ปู “แอ้มันเรียกปู เขาก็หันมามองแอ้ แต่แปลกนะทำไมเขาถึงได้ยิ้มลมุลให้แอ้ได้ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน

   “เออ มีคนอยากขอโทษนะ” แอ้พูดและหันมามองผม ผมก็ชี้ตัวเอง

   “ไม่ต้องก็ได้มั้งเพราะดูแล้ว”

   “ไอ้เดี่ยว” ไอ้ดิวมันผลักไหล่ผม

   “น่ะ เขาอยากขอโทษ” แอ้พูดและเดินตามติ๊กและพายเข้าไปในห้องอาหารและตามด้วยดิว ผมก็ยืนมองปู ยิ่งมองใกล้ๆ ผมรู้สึกเขินจนพูดไม่อะไรไม่ออก เป็นคนใบ้ขึ้นมาซะอย่างนั้น

   “มีอะไรก็รีบพูดนะ เราจะได้รีบทำงานของเราและรีบกลับ แม่เรารออยู่ “ปูพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ตามสไตล์ของเขาแต่เขาไม่มองหน้าผมเลยด้วยนี้ซิ

   “คุยยังไง คนที่คุยด้วยไม่มองหน้า” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูซอร์ฟลงกว่าเมื่อสักครู่

   “ก็” ปูหันมามองหน้าผม ผมยิ้มรอ

   “ตกลงว่ายังไงละ” ปูมองหน้าผมอย่างจริงจัง

   “คือเรื่องในห้องนะ เราปากไว้ ปากไม่ดี เราขอโทษนะ” ผมพูดไปด้วยเอามือรูปหัวตัวเองไปด้วย คือมันเขินด้วย คนตรงหน้าไม่ได้มีอาการรู้สึกเขินผมเลยสักนิด

   “เราเข้าใจว่า เป็นใครก็คงคิดแบบนี้นายคิดก่อนทั้งนั้นแหละ เอาเป็นว่าเราไม่โกรธแล้ว” ปูพูดและทำท่าจะหันหลังเดินออก

   “หมับ” ผมจับมือปู คือว่ามันไวกว่าความคิดของผมซะงั้น ปูหันมามองผมที่ที่จับข้อมือเขาไว้ ผมก็ปล่อยมือเขา

   “มีอะไรให้ช่วยบอกนะ “ผมบอกปู เขาก็ยิ้มให้ผม ก่อนทีเดินเข้าไปในห้องอาหารและผมก็เข้าไปนั่งข้างไอ้ดิว ไอ้ดิวมันหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็หยักคิ้วกับ ปูกับป๊อดก็จัดการเอาอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ พวกผมก็ทานกันไป ผมก็หันไปมองปูเป็นระยะ

   “กินปูไหมเดี่ยว” มีคนถามผม

   “กิน ...น่ากินนะ “ผมก็พูดแต่ก็ต้องสะดุ้งมีปูมาจ่อที่ตรงหน้า เป็นปูผัดผงกะหรี่ น้องพายตักมาให้ผม ทำท่าจะป้อนด้วย

   “ขอบคุณครับพาย วางในจานก็ได้ครับ” ผมบอกพาย

   “อยากป้อนอ่ะ “พายพูด

   “ก็เขาบอกว่าเขาจะกินปูไม่ได้กินพาย มึงก็ยังเซ้าซี้เขาอีก อีนี้” อีกคนคือติ๊กพูด

   “พายรสปู”

   “ไม่มีอ่ะ” ผมพูดและกลั้นหัวเราะ

   “พี่ๆ ทานกันเสร็จแล้วใช่ไหมครับงั้นป๊อดเก็บอุปกรณ์เลยนะครับเพราะว่าพี่ปูจะไปดูแม่ของพี่ปูที่โรงพยาบาลนะครับ”

   “อ้าวแล้วพรุ่งนี้ปูไม่มีเรียนเหรอ” บอยหันไปถามปู

   “มีแต่เราอยากอยู่เฝ้าแม่เรานะ เพราะว่ากลางคืนพยาบาลยุ่งมากและเขาก็อนุญาตให้เฝ้าได้หนึ่งคน” ปูพูด

   “ห้องพักแบบไหนเหรอ” ติ๊กหันไปถาม

   “แม่เราไม่มีสิทธิ์อะไรนอกจากบัตรทอง ก็ได้ห้องพักรวมนะ” ปูพูด

   “อืมม ถ้าเป็นห้องพิเศษแพงมากเนอะ” ติ๊ก

   “ติ๊ก” แจ็คมันเรียกชื่อ

   “ก็แค่ถามเพราะว่าไม่เคยใช้ห้องพักรวม ไม่ได้เหรอ” ติ๊กมันหันมาถามไอ้แจ็คและติ๊กก็ลุกขึ้นเดินไปเลย

   “เออ วันนี้มันไม่เรียกมึงไปด้วยละแอ้ หรือว่างอนใครหรือเปล่า แถวๆ นี้” ไอ้หลุยส์มันแซวแต่ธรรณ์นะตีที่ไหลหลุยส์

   “ถ้าอย่างนั้นพวกผมไปนะพี่เดี๋ยวจะดึกสำหรับพี่ปู “ป๊อดพูดและก็เก็บทุกอย่างลงหมอใบใหญ่กันสองคนกับปู ผมก็ลุกขึ้นช่วยทันที

   “อู้ยยย! ช่วยกันด้วย สงสัย จะมีเด็กช่วยวางอาหารเพิ่มแล้วมึง” ไอ้แจ็คมันแซวผม ผมก็ช่วยไอ้ป๊อดมันยกออกไปที่รถเพราะไม่อยากให้ปูยก และผมก็ยืนมองรถคันที่มากับพวกป๊อดและปูออกไป นี้แสดงว่าเขาก็ไม่มีรถซินะ เห็นแบบนี้แล้วผมสงสารจับใจเลย ผมรู้สึกถึงตอนที่ผมรู้ว่าผมเสียพ่อผมไปแล้วผมเสียใจมากแค่ไหน

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
   เดี่ยวสับสน P2

              ผมก็ยืนมองรถคันที่มากับพวกป๊อดและปูออกไป นี้แสดงว่าเขาก็ไม่มีรถซินะ เห็นแบบนี้แล้วผมสงสารจับใจเลย ผมรู้สึกถึงตอนที่ผมรู้ว่าผมเสียพ่อผมไปแล้วผมเสียใจมากแค่ไหน

//สวัสดีครับ ลุงครับ// ผมโทรหาลุงที่ทำสีรถให้ผม

//ว่าไงเดี่ยวลุงกำลังทำสีให้เองอยู่//

//ลุงผมขอเอาสีเดิมเพราะลุงจะได้แก้ไม่เยอะ ผมคิดว่าจะไม่ลงใหม่ทั้งคันจะดีกว่า//

//อ้าวทำไมละ นี้กะว่าสักสองอาทิตย์ก็เสร็จเลย// ลุงบอกผม

//ผมต้องการรถไว้ใช้ครับช่วงนี้ ผมไม่มีรถนะครับลุง //

//เออ อันที่จริงก็ไม่มากมาย แก้เฉพาะที่ ก็ไม่น่าจะเกินจากสามวัน เพราะว่ามันเป็นเยอะหน่อยก็ปิดท้ายกระบะ แต่ไม่อยาก ช่วงนี้ลุงมีเครื่องมือค่อนข้างทันสมัยมาหลงและห้องอบอีก //ลุงเขาบอกผม

//งั้นเอาตามนั้นครับลุง// ผมพูดและก็กดวางสาย ผมเดินเข้าบ้านมาก็เจอพวกไอ้แจ็คและหลุยส์ บอยและธรรณ์กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นกัน แต่ผมไม่เห็นไอ้ดิวและแอ้

“พวกนั้นขึ้นห้องไปกันหมดแล้ววะ พวกกูว่าจะคุยกันสักหน่อย” ไอ้แจ้คพูด ผมพยักหน้าและเดินขึ้นผมว่าจะวิดีโอคอลคุยกับแม่สักหน่อยแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนติ๊ก หรือว่าจะ

“แม้มึงหึงเขาก็บอกมาเถอะไอ้เดี่ยวนะ พอเห็นเขาจีบปู”

“กูจะหึงทำไมคนอย่างไอ้เดี่ยว”

“ก็มึงชอบเขาใช่ไหมล่ะ”

“กูไม่ได้ชอบมันและถ้ากูจะอยากมีแฟนหาคนที่ระดับเดียวกับกูดีกว่าไหมเพราะว่ากูเป็นลูกเจ้าของโรงเรียนนะโว้ยย “ผมก็เลยไม่กล้าจับลูกบิดเลย ผมก็เดินไปห้องนอนผม ใช่ซิ เขามันลูกเจ้าของโรงเรียนจะมามองผมทำไมวะ

“ก๊อกๆ” มีคนมาเคาะห้องนอนผม ผมเปิดประตูไปดู ผมเห็นไอ้ดิวยืนเอามือไขว้หลังและมันก็ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม ผมก็หยิบมาคลี่ดู เป็นเบอร์โทร มันเขียนว่าปู เบอร์มือถือของปู

“ใช่ กูขอไอ้แจ็คมาให้ กูว่าเขาก็โอเคดีนะ น่ารักดีด้วย และกูก็เห็นมึงมองเขาอยู่”

“นี้มึงกลัวกูจีบแอ้ขนาดนั้นเลยเหรอ”

“กูไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ถ้ามึงจะจีบแอ้และแอ้เขาโอกับมึงกูก็ไม่มีสิทธิ์ขวาง” ไอ้ดิวมันพูด

“แต่กูเป็นเพื่อนใครแล้วสิ่งที่กูจะไม่ทำกับเพื่อนคือแย่งคนรักเพื่อนวะ” ผมพูดและหยิบกระดาษแผ่นนั้นไป อันนี้คบปูน่าจะสบายใจกว่าไหมผมคิดในใจ ผมพลิกกระดาษไปมาก่อนจะเมมเบอร์ลงในมือถือไอโฟนรุ่นใหม่แต่ไม่ล่าสุด เครื่องนี้ผมได้มาตอนวันเกิด พ่อเลี้ยงผมซื้อให้และแม่ผมก็เอามาให้ผมที่ไทยเองด้วย ผมก็เลยลองส่งข้อความไป

//เบอร์เดี่ยวนะ พรุ่งนี้ลงมาทานอาหารเช้าด้วยกันได้ไหม เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปากไม่ดี// ผมส่งข้อความหาปู

//เหรอ//

//น่ะปู มาทานอาหารเช้ากัน//

//พรุ่งนี้บอกอีกทีนะ ตอนนี้เราต้องปิดมือถือแล้วเพราะว่า พยาบาลเขาบอกห้ามใช้เสียงและสื่ออิเล็กโทรนิก ตอนนี้คนไข้คนอื่นต้องการพักผ่อน พรุ่งนี้เราจะโทรบอกเดี่ยวอีกทีแต่เช้านะ กู้ดไนท์//

จะว่าไปก็แปลกที่นะ ผมก็เป็นคนที่นอนไม่ค่อยหลับแปลกที่แปลกทาง ก็เลยหยิบเอากีตาร์เครื่องโปรดมาเล่นเพลงที่ผมชอบ ผมชอบเพลงวงบอดี้แสลมมาก ชอบตั้งแต่ชุดแรก ติดตามทุกชุดทุกเพลงที่พี่เขาออกมาเลย และเพลงอกหักที่พีคที่สุด เมื่อแฟนสาวที่ผมรักดันไปนอนกับเพื่อนไอ้ภาคิน มันชื่อไอ้ธงรบและผมเองก็ต่อยหน้ามัน และมีเรื่องบานปลายจนกระทั่ง ผมเอามีดแท่งไปที่พุงของมัน มีดนะเล็กมาแต่มันก็ถูกห้ามส่งโรงพยาบาลทันทีแต่มันนะสายโหด แค่นั้นจิบๆ ของมัน ผมนั่งเล่นกีตาร์ไปสักพัก ผมนึกขึ้นมาได้ผมว่าจะเดินไปถามไอ้ดิวว่าพรุ่งนี้มันเอารถไปไหม ผมขอไปรถมันดีกว่าเพื่อว่าอีกคนเขาอาจจะไม่อยากให้ผมนั่งรถไปด้วย

“ก๊อกๆ” ผมเดินไปเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเลยขยับลูกบิดมันไม่ได้ล๊อกประตู ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอไอ้ดิว หรือว่ามันทำธุระอยู่ในห้องน้ำ ผมเดินไปและหยิบลูกบิดเปิดประตูเข้าไปทันทีแต่สิ่งที่ผมเห็น ผมถึงกับต้องรีบปิดประตูลง ไอ้ดิวกับกำลังจูบกับแอ้ โดยตัวแอ้ถูกวางพาดอยู่บนอ่างล้างหน้า

“แกร๊ก” เสียงลูกบิดถูกหมุนและเปิดออก ไอ้ดิวมันเปิดออกมา

“ขอโทษว่ะ “ผมรีบบอกขอโทษขอโพยทันทีแต่ไอ้ดิว มันกลับกลั้นหัวเราะ

“ช่างมันเถอะ ว่าแต่มีอะไรเปล่าว่ะ”

“เออ กูว่าจะมาถามว่าพรุ่งนี้มึงเอารถไปไหมว่ะ กูว่าจะติดรถมึงไปว่ะ “ผมบอกไอ้ดิว

“เอาไปดิ ไปด้วยกันดิว่ะ “ดิวมันบอกผม ผมพยักหน้า และกำลังจะเดินออก

“เดี่ยว” ดิวมันเรียกผม ผมหันมามองหน้ามัน

“คือ เออ เรื่องกูกับแอ้ กูไม่เคยบอกใครเลยวะ แม้กระทั่งไอ้ติ๊ก แต่คนอื่นก็คงไม่ต้องบอกเพราะว่าพวกมันเดากันได้แต่ ติ๊กนี้มันแทบจะไม่เปิดใจรับเรื่องกูสองคน “ไอ้ดิวมันพูด

“กูไม่ใช่คนปากพล่อยว่ะ และขนาดพวกมันสนิทกับมึงมากมึงยังบอกไม่ได้กูก็คงไม่ไปบอกหรอกว่ะ มึงควรจะเป็นคนบอกมันเองว่ะ” ผมหันมาบอกไอ้ดิว

“กูกับแอ้ มันก้าวข้ามคำว่าแฟนกันไปแล้วว่ะ มันเป็นมากกว่านั้นว่ะ แต่กูบอกไม่ได้ตอนนี้ “ดิวมันพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“เออ เรื่องพวกนี้กูไม่เข้าไปยุ่งหรอกว่ะ”

“แต่ถ้ากูเป็นติ๊ก เป็นคนที่โตมากับพวกมึงจริงๆ ก็คงเสียใจว่ะ “ผมพูดก่อนจะเปิดประตูออกไปขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านห้องนอนอีกคนเพื่อตรงไปห้องนอนของผม ผมก็หยุด

“เบื่อแล้วอ่ะ พี่เต้ ไม่อยากไปแล้ว รู้ว่าโรงแรมพ่อแต่ติ๊กก็เบื่อนิ ก็ไปที่ไหนก็ทะเลาะกับพวกมันตลอด ก็มันชอบพูดว่าเหน็บแนมอ่ะ ใครจะทนได้ นั้นยังดีแค่ฟาดไปที่ดังทำจมูกแค่ไม่กี่หมื่น และไม่อย่างนั้นอาจจะถลกหนังหน้าจะได้ไปทำใหม่หมดทั้งเบ้าหน้าเลย ก็เข้าไปดูแล้วจะเริ่มเรียนอาทิตย์หน้าไงที่พี่ตุ๊ให้เรียนออนไลน์นะ ของมหาวิทยาลัยxxx ที่อังกฤษอ่ะ รู้แล้วครับพี่เต้ พี่นี้ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย ติดจากพี่ตุ๊มาหรือไง เหรอพี่ตุ๊ให้มาบ่นต่ออีกทีเหรอ คิดถึงอ่ะ ไม่อยากอยู่นี้แล้วอ่ะ ไอ้ดิวกับแอ้มันก็อยู่ของมัน อืม เข้าใจ แค่นี้ก่อนได้ไหมอ่ะ จะอาบน้ำแล้วอีพายมันเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ อาบน้ำนานมากกกก” ผมก็กลัวว่าเขาจะเปิดประตูมาและเห็นว่าผมแอบฟังอยู่ จะว่าไปก็น่าสงสารเหมือนกันนะ ติ๊กนะ คนที่ดูอีโก้สูงแต่ก็มีมุมที่อ่อนไหวเหมือนกัน แต่อย่างว่าเขาอยู่สูงเกินไป ผมเอื้อมไม่ถึงหรอก เอาจริงๆ เอ๊ะ คิดแบบนี้นี้ผมแอบชอบไอ้ดาราคนนี้จริงๆ เหรอ

“เดี๋ยวกูขึ้นมา กูทำหล่นที่โต๊ะอาหารแน่ๆ เลยว่ะ ไม่ได้หรอกอันนี้พี่ต้าร์ซื้อให้” ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูออกมาจังหวะที่ผมกำลังบิดลูกบิด ติ๊กหันมามองหน้าผม ก่อนจะรีบหันหลังให้ผมและเดินลงไป ผมก็แอบเดินตามลงไปตามเข้าไปที่ห้องครัว ผมยืนผิดประตูมองคนที่อีโก้สูงพยายามหาของใต้โต๊ะ

“หล่นตรงไหนวะ ถ้าหายพี่ต้าร์เสียใจแย่เลยกู “ผมได้ยินเสียงคนที่บ่นงึมงำ อะไรอยู่ใต้โต๊ะ ผมก็ก้มลงมองและคนนั้นก็หันมาเจอผมอย่างจัง

“เว๊ย!!” ร้องตกใจดังออกมาและทำท่าจะลุกแต่มันใต้โต๊ะนะเฮ้ย! ผมเลย เอามือไปบังบนหัวไว้ให้เพื่อไม่ให้คนใต้โต๊ะศีรษะกระแทก

“หาอะไรเนี๊ยะ” ผมถาม ติ๊กแหงนหน้าขึ้นมองและจับมือผมออก

“หาต่างหู” ติ๊กพูดเบาๆ

“ทำหล่นเมื่อไหร่ละ” ผมถาม

“ใส่ไปเมื่อเช้า ตอนอาบน้ำมันก็ยังอยู่ น่าจะตอนที่ลงมาทานข้าวนี้แหละ” ติ๊กพูดและหันไปเอามือคล้ำไปทั่ว

“ช่วยหา “ผมพูดและหันไปมองคนที่พยักหน้าแค่นั้นและสาละวนกับการคล้ำหาไปทั่ว

“ทำไมอ่ะ แฟนให้มาเหรอ” ผมถาม

“พี่ให้มา มันแพงอ่ะ ต่างหูเพชรอ่ะ ถึงมันจะเล็กแต่พี่ชายซื้อให้ตอนวันเกิดอ่ะ กูหวง” ติ๊กพูด และผมก็คลำไปจนเจออะไรบางอย่าง ผมหยิบขึ้นมาดูมันคือต่างหูเพชรจริงๆ ด้วย อันเล็กๆ รูปแบบมันก็บ่งบอกว่าเป็นสไตล์ของผู้ชายเขาใส่กัน ยังดีที่หมุดตรงท้ายมันตกอยู่ด้วยกัน

“อันนี้หรือเปล่าเนี๊ยะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาทำตาโตและพยักหน้า ติ๊กจะคว้าคืนแต่ผมชักกลับ

“อะไร เอาคืนมา” ติ๊กพูด

“ไม่ขอบคุณเลยอ่ะ คุณหนู” ผมพูด ติ๊กมันเหลือกตามองบนก่อนจะ

“แธงส์กิ้ว”

“คนไทย พูดภาษาไทยซิครับคุณ…”

“อย่าเรียกคุณหนูได้ป่ะ กูโตแล้ว เออ ขอบใจ” ผมก็ฟังดูแปร่งๆ แต่ก็เอาว่ะ ผมส่งไปให้ ติ๊กทำท่าจะใส่มันเอง

“ใส่ให้ป่ะ” ผมถามติ๊ก ติ๊กหันมาเหล่มองผมก่อนจะส่งต่างหูกลับมาให้ผม ผมก็ขยับเข้าไปนั้งใกล้ๆ ผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ น่าจะสบูอาบน้ำแน่ๆ คงไม่มีใครฉีดน้ำหอมก่อนนอนแน่นอน แต่มันหอมแบบอยากฝังจมูกเข้าไปดอมดม

“รีบใส่ให้ก่อนได้ป่ะ กูจะขึ้นไปเตรียมตัวเข้านอน” ติ๊กพูดเร่งผม

“มองไม่เห็นอ่ะ “ผมพูดและขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย และ จังหวะที่ติ๊กหันมามองผมพอดี ใบหน้าของติ๊กห่างจากผมแค่ไม่กี่เซนติเมตร ใบหน้านี้เนียนใสมาก จนผู้หญิงอายเลยก็ว่าได้ ผมเองก็ยังไม่เรียบเนียนเท่านี่เลย ขนาดแม่พาไปรักษาสิวมาแล้วนะ หลายครอส ที่จริงๆ ไม่อยากไปหรอกแม่บังคับ

“กูเจาะหูกูไม่ได้เจาะจมูก….ไอ้เดี่ยว!” ผมสะดุ้งคนที่บอกผม ผมก็พยักหน้าและค่อยๆ จับติ่งหูนั้นและเอาต่างหูก้านใส่ไปอย่างเบามือที่สุด เพราะถ้าผมทำเจ็บขึ้นมานี้คงได้กัดหูผมแน่ๆ และผมก็ปิดท้ายด้วยจุกที่ครอบกั้นไว้

“ก็แค่สงสัยว่าไปทำจมูกที่ไหนมา สวยดีนะ” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าคนที่ผมชม

“ทำไมดาราต้องทำศัลยกรรมทุกคนเหรอ ยกเว้นกูไม่ได้หรือไง อันนี้พ่อกูให้มา” ติ๊กตอบผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ว่านอยด์

“โกรธเหรอที่ถามนะ” ผมถามติ๊กกลับทันที

“ไม่ได้โกรธมึงแค่เบื่อว่ะ มีแต่คนถาม คือแบบว่าไม่คิดว่ากูมีมาตั้งแต่เกิดบ้างหรือไงวะอะไรแบบนี้อ่ะ “ติ๊กหันมาพูดและเอามือจับที่ตี่งหูเพื่อเช็กดูว่าแน่นพอไหม

“ก็มันสวยกว่าคนปกติ เอ๊ย กว่าผู้ชายปกติเขาควรจะมีกัน มันจมูกผู้หญิงนะเนี๊ยะ” ผมพูดและใช้นิ้วแตะเบาๆ แต่ผมก็ต้องชักนิ้วกลับเพราะว่ามีเสียงคนสนทนาเดินเข้ามาในห้องครังและกำลังจะผ่านผมสองคนที่ยังอยู่ใต้โต๊ะอยู่เลย

“อุ่นนมกินไหมล่ะแจ็ค บอยอุ่นให้”

“ไวน์ไม่ได้เหรอ ไอ้หลุยส์มันแอบเอามาขวดหนี่ง”

“ไม่เอาแจ็ค”

“หลุยส์ละเอาไหมนมอุ่นๆ นะ”

“ถ้าชวนมากินนมทำไมไม่ชวนตั้งแต่อยู่บนห้องละจ๊ะจะได้กิน...”

“ทะลึ่ง”

“เดี๋ยวนะ ไปทำอะไรกันใต้โต๊ะว่ะ” ไอ้แจ็คมันก้มลงมาถามผมกับติ๊ก และผมก็ถอยหลังออกกันมาจากใต้โต๊ะ คราวนี้ทุกคนมองผมกับติ๊กสลับกันไปมา

“บอกแล้วว่าอย่าลงมาเขากำลังจะได้กัน” ไอ้หลุยส์

“ได้พองมึงดิไอ้หลุยส์ กูมาหาต่างหูกู” ติ๊กพูดและรีบแทรกตัวเองขึ้นไปบนบ้านทันที ผมก็ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยอาการเขิน

“ไม่เบานะมึงนะ มาถึงจะเล่นไอ้ดาราขาวีนประจำบ้านกูเลยเหรอ” ไอ้แจ็คมันถามผม

“เพี๊ยะ!” เสียงใครสักคนตีแขนก็คงแฟนแจ็คมันนั่นแหละ บอยหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มกลับและเดินหันหลังออกทันทีเช่นกันพร้อมยกมือโบกราตรีสวัสดิ์ ผมเดินตามขึ้นไปแต่เห็นหลังติ๊กไวๆ เขารีบเข้าห้องไปแล้ว จะว่าไปก็มีมุมมองที่น่ารักอยู่นะ ถ้าใส่ใจที่จะมองมันกันน่ะ

“เดี่ยว พรุ่งนี้มึงไปกับกูสองคนปะ “ติ๊กเปิดประตูออกมาถามผม ผมก็ยืนอึ้งงงไปซิครับ

“ไปโรงเรียนนะไอ้นี่ ไปก็บอกกูจะได้ให้พี่เขาเอารถมา เพราะว่าไอ้ดิวกับแอ้มันเอารถไปเอง” ติ๊กพูด

“เมื่อเช้ากูขอรถแค่สองคันกูไปกับไอ้ดิวแอ้มัน และมันคงไม่พอ เลยจะให้มาเพิ่มอีกคัน “ติ๊กพูดผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเข้าใจ

“ถ้าอยากให้ไปก็ไป” ผมพูด

“เออ ก็แค่นี่แหละ เล่นตัวจริงนะมึงนะ” และคนที่บ่นผมก็ปิดประตูลง ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้ ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ตอนนี้ก็เกือบจะสี่ทุ่มกว่าแล้ว เตรียมตัวเข้านอนได้และก่อนจะนอนผมต้องส่งข้อความหาแม่ผมก่อนทุกคืน บอกราตรีสวัสดิ์และฝันดี ผมคิดถึงแม่นะแต่แม่ผมมีอนาคตที่ดีแล้ว มีคนดูแลที่ดีผมก็ควรจะดีใจด้วย ไม่ควรให้แม่มาจมอยู่แบบนี้ แต่ผมก็เชื่อว่าแม่ผมรักพ่อผมตลอดไปเช่นเดียวกับผมเหมือนกัน


ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :กอด1:ต้องเดี่ยวติ๊กแน่ๆ ละงานนี้

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1

      [เดี่ยว] วันนี้ลุงที่เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถที่ผมเอาไปให้ลงสีให้ใหม่ โทรมาบอกผมว่าลูกสุดที่รักของผมเสร็จแล้ว และผมจะเข้าไปเอาตอนเย็นเลย อยากขับรถลูกรักผมเองจะแย่แล้วครับผม ที่ผมจะไปเอาตอนเย็นเพราะผมกะจะให้พี่ที่ขับรถมารับแวะไปส่งผมหน่อย ถึงยังไงก็ทางผ่านอยู่ดี ผมนั่งรอปู วันนี้ผมไม่เห็นปูมาทานข้าวกับผมเลย ผมรู้สึกเป็นห่วง เมื่อวันก่อนมาก็รีบ เขาคงเกรงใจพวกเพื่อนๆ ของผมแต่ทุกคนเฟรนด์ลี่กับเขามากยกเว้นติ๊กคนเดียว

“พี่แจ็คครับ ผมเอาผลงานที่พี่ปูไปสืบมาให้มาส่งครับ พี่เขาไปปริ้นที่บ้านผมครับพี่” ไอ้ป๊อดพูดผมหันไปมองไอ้ป๊อดที่ถือแฟ้มมาส่งให้แจ็คมัน แจ็คมันเปิดอ่านดูและก็ส่งอันอื่นมาให้ผมก็เปิดดู ก็เจอไอ้มาร์ค ไอ้นี่พ่อเป็น  อบต เจ๋งเหมือนกันนะปู และมีไอ้โซ่ว์ ที่เปิดร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า มีพี่น้องสองคน เป็นน้องสาวชื่อสายป่าน และมีไอ้ภาคิน พ่อเป็นหมอและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัด มันมีน้องชายชื่อภาคิไนย์หรือไอ้ภาคีไนย์ ไอ้นี่เป็นแฟนกับว่าน

“ไอ้เด็กนั้นเป็นแฟนกับว่าน อะไรวะ กูก็นึกว่าว่านจะเป็นแฟนกับไอ้ภาคิน “ไอ้แจ็คมันพูด และผมก็เปิดเจอ พี่แฮกซ์ เป็นคนรักษาการตำแหน่งหัวหน้า แสดงว่าตั้งแต่พี่ข้าวปั้น พี่ไอ้ต้นข้าวถูกจับก็ยังไม่มีใครแทนทีหัวหน้าได้ ครอบครัวพี่แฮกซ์พ่อแม่มีธุรกิจที่ต่างประเทศ จะส่งแค่เงินมาให้เท่าที่ผมทราบก็ตรงกับที่ปูไปสืบมา คือพี่แฮกซ์มีน้องสาวชื่อฮันนี่ย์ ตอนนี้น่าจะอยู่ม.3 เห็นใครๆ ว่าแก่แดดมาก และได้ตั้งท้องก่อนวัยเรียนมาสองครั้งแล้ว ในนี้บอกว่าน้องสาวมันเพิ่งกลับไปเรียน ม.3 ที่โรงเรียนแถวบ้านปู่ย่าของพี่แฮกซ์

“ผลงานใช้ได้เลยวะ เอาเงินไปให้เพิ่มอีก หมื่นหนึ่งแล้วกัน เพราะการที่ไปถ่ายรูปมาแบบนี้ได้ก็โคตรเสี่ยงพอสมควร” ไอ้หลุยส์มันควักเงินให้ไปอีกปึกหนึ่ง

“ป๊อด “ผมเรียกป๊อด

“ครับพี่เดี่ยว”

“ปูไปไหนอ่ะ พี่ไม่เห็นปูเลย”

“ผมได้ยินว่าแม่พี่ปูกลับไปอยู่ที่บ้านครับ เพราะว่าดีขึ้นแล้วและพี่ปูคงดูแลแม่พี่ปูก่อนสักสองสามวัน แต่ผมเห็นพี่ปูบอกว่าจะกลับมาเรียนพรุ่งนี้ครับ และจะมาช่วยแม่ผมที่ร้านที่โรงเรียนทุกเช้าด้วยครับ”

“อ้าวแล้วใครดูแลแม่ของปูละ” แอ้ถาม

“อ้อ มีป้าข้างบ้านนะครับ เขาเป็นคนสนิทกับแม่ของพี่ปูตั้งแต่ทำงาน...ที่ไหนซักที่นี้แหละครับพี่ปูบอกผมไว้ เหมือนจะอยู่ในค่ายทหารมาก่อนนะครับพี่ “ไอ้ป๊อดพูด ผมพยักหน้า

“แม้คิดถึงน้องปูเหรอวะ” ไอ้ดิวมันแซวผม ผมเห็นติ๊กลุกพรวดขึ้นทันที

“เออ ..กรูจะไปห้องน้ำนะ แอ้ไปไหม” ไอ้ติ๊กมันบอกทุกคนและหันไปถามแอ้ มันไม่มองหน้าผมเลยสักนิด เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว

“ปวดอยู่พอดี ไปด้วยได้ไหม” ผมลุกขึ้น กะว่าจะถามมันสักหน่อย

“ดีเลย กูยังกินอยู่เลยติ๊ก” แอ้มันพูดและก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าไปด้วยอ่านการ์ตูนไปด้วย ส่วนไอ้ดิวนะมันตั้งตาดูฟุตบอลในมือถือมัน ยังกับว่ามันคือเจ้าของทีมอย่างนั้นแหละ

“พายละ”

“กูไม่ได้ท่อเดียวกับมึง ไม่ปวดวะ” พายพูด และติ๊กมันก็หันมามองหน้าผม และเดินออกไปเลย ผมก็วิ่งตามซิครับ ผมวิ่งไปจนถึงตัวและจับแขนไว้ ติ๊กหันมามองมือผมที่จับต้นแขนเขาเอาไว้

“เออ... เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไม เหมือนโกรธ” ผมถามติ๊ก ก็วันก่อนก็ยังคุยกันดีดีอยู่เลย

“อะไรนะ กูนี่นะโกรธ โกรธมึงทำไม “ไอ้ติ๊กมันพูดและทำท่าเอามือล้วงกระเป๋าสายตามองไปทางอื่น

“ก็โกรธทุกทีที่ถามถึงปู” ผมพูดและพยายามมองเข้าไปที่นัยต์ตาคู่นั้น แต่ติ๊กหลบผมทันที

“กูจะโกรธทำไมถ้ามึงจะถามถึงเขา คนที่มึงอยากจะซั้มด้วย แต่กูก็แค่คิดว่าเขาจะหลอกมึงหรือเปล่า ไม่ซิ หลอกทุกคนด้วยมั้ง “ติ๊กพูด ผมก็ยืนเอามือเท้าซะเอวมองติ๊ก ทำไมคิดกับปูแบบนั้นอยู่คนเดียวเลย

“กูไม่เข้าใจว่าใครๆ จะต้องเชื่อ กูว่ามันมีอะไรแปลกๆ บางทีก็เหมือนคนเสแสร้ง มึงเข้าใจปะ” ติ๊กพูดและหันมามองผม คงรู้ว่าผมไม่เชื่อที่ติ๊กพูด

“กูแม่งไม่น่าเสือกเลยว่ะ” ติ๊ก ผมก็คว้ามือเขาไว้ ติ๊กหันมามองผมอีก

“กูปวดฉี่มึงจะให้กูราดตรงนี้ไหม ไอ้เดี่ยว! ” ไอ้ติ๊กมันพูดและสะบัดมือผมหลุดและเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมก็เดินตามไป ติ๊กมันเข้าไปฉี่ที่โถฉี่ชาย ผมก็เข้าไปยืนข้างและก็ปลดกระดุมและรูดซิปเอาน้องหนูออกมาพ่นน้ำเล่น ติ๊กมันก็ยืนทำธุรส่วนตัวไปด้วยผิวปากไปด้วย

“เออ...นั้น พ่อให้มาเยอะที่สุดแล้วใช่ป่ะ” ผมก้มลงมอง ติ๊กก็รีบดันหน้าผมขึ้น

“ทำไมมึงได้มาเยอะเหรอ”

“ก็พอตัว” ผมพูดและยิ้มๆ ติ๊กมันก้มลงมอง

“Holy shit “ติ๊กมันสะบดออกมา ผมก็หยักคิ้วอย่างภาคภูมิใจ

“ไหนใหญ่แค่ไหนดูมั้งดิ” มีคนมายืนโถถัดไปจากผม ผมหันไปมองไอ้ดิว และมันก็ปลดของมันออกมาบ้าง ผมก็ชะโงกมอง

“F**k! ” ผมสะบดออกมาทันที ใครให้มันมาเยอะขนาดนี้วะ ผมเองนี้ว่าโอแล้วนะยังรองมันอีกนะมันมาครบหมดใหญ่และยาวผมชะเง้อมองคนที่ยืนโถถัดไปจากติ๊กทันทีแอ้แต่ไม่เห็นครับมันไกล แต่ที่ผมมองนะคือว่า รับได้ยังไงไซส์ขนาดนี้ แอ้ขยิบตาให้ผม เพราะว่ามันกลัวผมจะหลุดปากบอกติ๊ก ผมสี่คนทำภารกิจกันเสร็จแล้วก็พากันเดินออกมาจากห้องน้ำ

“แก ว่าใครคู่ใครกันอ่ะ “

“ไม่รู้ซิ รู้ว่าตอนนี้จิ้นมาก “ผมเห็นสาวๆ ที่ยืนเหมือนรอชมว่าพวกผมจะเดินออกมาจากห้องน้ำกันหรือยัง มีแบบนี้ด้วย ผมก็ยิ้มๆ ให้ เขินเลยมีสาวมายืนรอจิ้นหน้าห้องน้ำไม่ใช้จิ้นใคร จิ้นจับคู่พวกผมสีคน

“กรูว่าพี่แอ้นะน่าจะพี่เดี่ยวแน่ๆ ส่วนพี่ติ๊กนี้ต้องพี่ดิว” ผมหันไปมองและยิ้มให้อีกทีพร้อมกับทำเครื่องหมายถูกต้องนะครับ สาวๆ ทำท่าดีใจยังกับได้เกรดสี่ แต่ดันมีคนสกัดผมซะหัวทิ่มเลยนั้นคือไอ้ดิว และมันก็แอบยกนิ้วกลางให้ผมลับหลังสองหนุ่มเหลือน้อยที่เดินคุยกันไปไม่ได้สนใจสาววายที่ยืนซุบซิบอยู่สักนิด แถมไอ้ดิวมันทำนิ้วเฉือดคอให้ผมอีกข้อหาที่ทำให้ใครๆ ก็อยากยกเมียมันให้ผม

พวกผมก็ขึ้นมาเรียนช่วงบ่ายกัน วันนี้พวกไอ้ภาคินมันไม่เข้าเรียนช่วงบ่าย ผมก็ไม่รู้ว่ามันเล็ดลอดออกจากโรงเรียนไปได้ยังไง และที่น่าสงสารคงเป็นครูพัฒน์ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ผมว่าจะคุยกับพวกมันเพื่อว่ามันจะฟังผมบ้างแต่ผมก็ไม่มีโอกาสเลย

“เดี่ยว มึงไปรับรถวันนี้ใช่มั้ยวะ ไอ้ดิวมันบอกกูวะ” ไอ้แจ็คมันถามผม

“ใช่ว่ะ กูว่าจะให้พี่เขาแวะส่งกูสักหน่อย”

“เฮ้ย พวกกูไอ้หลุยส์ บอย และธรรณ์จะไปคันเดียวกัน “ไอ้แจ็คพูด

“เห็นพายบอกว่าอาเปรมดิ์มาหาเหรอ” แจ็คหันไปถามพาย

“ใช่ พ่อบอกว่าจะให้รถที่โรงแรมมารับตอนหลังเรียนเลย “พายพูด

“อ้าวมึงทิ้งกู” ติ๊กพูดและหันไปมองพายที่นั่งข้างๆ

“ก็พ่อเพิ่งจะบอกอ่ะ หรือมึงจะไปป่ะละ” พายหันไปถามติ๊ก

“งั้นมึงไปกับไอ้เดี่ยวมันเพราะว่ามึงต้องจ่ายเงินค่าซ่อมรถให้มัน ติ๊ก” ไอ้แจ็คพูด

“อะไรวะ” ติ๊กทำท่าจะไม่อยากไป ผมก็ว่าจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่

“มึงเป็นคนทำรถมัน” ไอ้แจ็คพูด ติ๊กหันมาค้อนผมทันที

“เฮ้ย! ” ผมทำท่าว่าค้าน

“ให้มันไปวะ ให้มันจัดการที่มันทำให้เรียบร้อย “ไอ้แจ็คมันพูดและติ๊กมันก็บ่นหงุงหงงอยู่คนเดียว ผมก็พยักหน้า ผมนั่งเรียนไปจนถึงเวลาเลิกเรียน จะว่าไปปูก็หายเงียบไปเลยข้อความก็ไม่ส่งหาผม โทรไปก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ ผมกะว่าพรุ่งนี้จะชวนไปนั่งรถเล่นซะหน่อย แต่แม่เขาป่วยแบบนี้เขาคงไม่ไปด้วยหรอก นอกจากจะพาไปส่งบ้านนะเขาคงยอมอยู่

“ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่บ้านวะ กูมีติวออนไลน์กับพี่ชายกูวะ” ไอ้ดิวมันพูด ผมก็พยักหน้าและหันไปมองแอ้

“กูไปไม่ได้วะ กูมีอ่านหนังสือพี่อ้นจะโทรมาถามกูอีก ถ้ากูตอบไม่ได้โดนหนักยิ่งกว่าทหารเกณฑ์แน่ๆ “ไอ้แอ้พูด ผมหันไปมอง

“ไปครับพี่จะพาไปออกเดท” ผมหันไปบอกติ๊ก ติ๊กก็สะพายกระเป๋าและยกนิ้วกลางให้ผมทันที ไม่ต้องคิดมากเลย ผมเดินตามติ๊กลงมาถึงชั้นล่างและทุกคนก็แยกย้ายไปขึ้นรถ ผมก็ขึ้นไปนั่งคันเดียวกันติ๊ก ติ๊กมันก็เอาแต่กดมือถือคุยกับใครก็ไม่รู้ตลอดทาง ผมเองไม่ใช่คนชอบนั่งจ้องแต่โทรศัพท์ซะด้วย ไม่ใช่สาวกออนไลน์ ผมนั่งเงียบๆ มาจนถึงอู่ของลุงผม

“คุณหนูจะกลับยังไงครับ”

“เออ ..” ติ๊ก เงยหน้าขึ้นมองผมและคนขับ

“จะกลับไปก่อนก็ได้นะ เราอยู่คนเดียวได้” ผมพูดแอบทำเสียงน้อยใจ

“ก็บอกมาตรงๆ ว่าให้อยู่เป็นเพื่อนดิวะ ทำหน้าตา “ติ๊กพูดขึ้นและเบ้ปาก

“พี่ผมกลับกับเดี่ยวเลยครับเพราะว่าผมสองคนมารับรถที่ส่งซ่อมครับ” ติ๊กบอกพี่คนขับ

“ได้ครับ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาพี่ตลอดได้เลยนะครับ”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอตัวกลับโรงแรมก่อนนะครับ เพราะว่าวันนี้มีคนสำคัญเดินทางมาหลายคน รถขับไปรับจะไม่พอและวิ่งกันหลายเที่ยวครับ” พี่เขาพูด ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็พยักหน้ายิ้มขอบคุณพี่เขา

“ใครมาวะ “ติ๊กทำหน้างง และบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ผมก็มองว่าถามผมหรือบ่นคนเดียวกันแน่

“ไปดิไปเอารถมึง” ติ๊กพูดผมก็เดินเข้าไป หาลุงเจ้าของอู่ ลุงเขาออกมารับผม ผมก็ยกมือไหว้

“รถเรียบร้อยแล้วนะ “ลุงบอกผม ติ๊กที่ยืนข้างๆ ลุงเขาก็มองและยิ้มๆ ให้

“เพื่อน หรือ แฟนละ” ลุงเขาถามผม ผมสะบัดหน้าไปมองลุง เขาเป็นผู้ชายนะ

“โอ้ยย สมัยนี้ ลุงตามทันนะไอ้หนุ่ม เห็นบอกว่าเพื่อนๆ แฟนทุกราย” ลุงพูดและยิ้มให้ติ๊ก ติ๊กที่ทำหน้าตกใจอยู่มาก

“หน้าตาคุ้นๆ นะเหมือนคนที่ลุงรู้จัก ท่านเป็นคนดี และท่านก็ไม่เคยถือเนื้อถือตัว เดินทางมาที่นี่ทีไรจะต้องเอารถมาให้ลุงเช็กสภาพ ท่านไว้ใจลุง”

“ใครอ่ะลุง” ผมถามลุง

“คุณภาษญ์ เจ้าของโรงแรมชื่อดังและโรงเรียนที่เอ็งเรียนอยู่นะเดี่ยว” ลุงเขาพูด ติ๊ก็ยิ้มให้ผม

“นั้นพ่อผมครับ” ติ๊กบอกลุงเจ้าของอู่ จะว่าไปเห็นเป็นดาราอีโก้สูงก็มีสัมมาคารวะเหมือนกันนะ ผมหันไปเหล่ตามอง

“ว่าแล้วเชียว ท่านสบายดีนะครับคุณหนู”

“ไม่ต้องเรียกผมคุณหรูหรอกครับ ผมนะ ไม่ได้เป็นคุณหนูอะไรที่ไหน เออ ว่าแต่ค่าซ่อมรถของเดี่ยวเท่าไหร่ครับ ผมจ่ายให้” ติ๊กพูดผมไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาก็ไม่ได้ทำตัวแตกต่างหรือเด่นอะไร แถมยังบอกลุงว่าไม่ต้องเรียกเขาว่าคุณหนูอีกและติ๊กก็ถามถึงค่าใช้จ่าย

“เฮ้ยไม่ต้องก็ได้”

“จ่ายให้เดี๋ยวกูโดนพวกไอ้แจ็คมันด่าเอา” ติ๊กพูด

“เห็นไหมแฟนกันก็จะจ่ายให้แบบนี้”

“เปล่าครับ” ผมรึบปฏิเสธและหันไปมองหน้าติ๊ก คือเราพูดพร้อมกันเลย

“แหมก็บอก..” ลุงกำลังจะพูด

“ไอ้คนนี้และที่ทำรถผม” “ผมนี้แหละครับที่พ่นสีสเปย์ใส่รถมัน” ผมสองคนพูดพร้อมกันอีก และหันมามองหน้ากัน

“เออ..งั้นรอแป้ปนะหนุ่มๆ ลุงเข้าไปเอารายละเอียดว่าทำอะไรไปเท่าไหร่เดี๋ยวออกมา” ลุงเขาเลยรีบขอตัวเข้าไปที่ออฟฟิศ ผมหันมามองหน้าติ๊ก ติ๊ก หันหน้าหนีผม และจู่ๆก็มีสายเข้าที่มือถือผม ไอ้ดิว

“แป้ปนะเพื่อน” ผมบอกติ๊ก ติ๊กมันก็หยักไหล่ให้ผมและเดินไปดูรถที่ลุงผมกำลังทำไปด้วย

“อะไรวะดิว” ผมรับสายไอ้ดิว”

“มึงอยู่ไหนกลับยังวะ” ไอ้ดิวมันถามผม เหมือนกระซิบกระซาบ กลัวใครได้ยิน

“ก็กำลังรอรับรถและจะกลับเลย”

“อย่าเพิ่งรีบกลับ มึงช่วยกูก่อน”

“ช่วยอะไรวะ” ผมถามไอ้ดิว

“หาเรื่องถ่วงเวลาติ๊กมันให้กูก่อน สักหนึ่งชั่วโมง” ไอ้ดิวมันบอกผม

“ทำไมว่ะ”

“กูจะปลั้มเมียกู เพราะว่าไม่มีใครกลับบ้านตอนนี้มีแค่กูกับแอ้ กูขอวะ “ไอ้ดิวมันพูดขอร้องผม งานหนักเลยครับผม ผมหันไปมองติ๊ก

“เออ ๆ” ผมพูด

“ใจวะเดี่ยว จ๊วบ! ” ไอ้ดิวมันพูดและดันจูบส่งผ่านมือถือให้ผม ผมรีบดึงออกสยองมากและผมก็หันไปมองติ๊ก จะหาเหตุผลอะไรดีนะ ผมก็วิ่งเข้าไปในออฟฟิศ

“ลุง ช่วยตื้อเวลาให้ผมหน่อย แบบว่าเครื่องต้องแก้ไขนิดหน่อยอะไรแบบนี้นะ ลุง”

“อ้าวทำไมวะ”

“นะลุงนะ ผมยังกลับไม่ได้ เพื่อนผมขอไว้ แต่ดูท่าคนนี้จะไม่ยอม แต่ถ้าลุงบอกว่ารถผมมีปัญหานั้นนี้อะไรแบบนี้เขาก็น่าจะยอม” ผมพูด กับลุง

“งั้นลองไปสตาร์ทและทำท่าว่าสตาร์ทไม่ค่อยติดดิ” ลุงบออกผม ผมก็เดินออกมาติ๊กหันมามองผมแบบว่าผมมีเล่ห์กลอะไร ผมก็เดินเข้าไปและนั่งที่เบาะคนขับ ผมก็สตาร์ท มันติดและดับเลย ผมก็ลองใหม่ มันติดและดับ

“อ้าวรถเป็นอะไรอ่ะ” ติ๊กเดินมาถามผม

“เดี๋ยวให้ลุงเขาดูอีกทีวะ”

“อะไรวะ ถ้ารถยังไม่เสร็จก็น่าจะให้พี่คนขับกูรอก่อน ไอ้เดี่ยว” ไอ้ติ๊กมันพูดแอบอารมณ์เสียไปด้วย

“อ้าวเดี่ยวรถเป็นไร”

“ไม่รู้อะลุงมันสตาร์ทและดับเลย”

“ส่งสัยเป็นที่หัวเทียนวะ งั้นลุงดูให้ใหม่ รอไม่นาน” ลุงเขาพูดและผมก็ออกมายืนและหันไปมองติ๊ก ติ๊กมันเหล่มองผม

“มึงเล่นอะไรกับกูหรือเปล่า” ติ๊กมันหันขวับมาถามผมทันที

“ไม่มี! ” ผมพูดแต่ผมนะเป็นคนโกหกไม่ค่อยเนียน

“เสียงสูง” ติ๊กพูด

“พี่เดี่ยว พี่เดี่ยวจริงๆ ด้วยค่ะ” ลูกสาวลุงที่ซ่อมรถให้ผมวิ่งมาทักทายผมน่าจะเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน น้องมาทั้งชุดนักเรียนคอนแว่นน่ารักมาเชียว น้องเขาชื่อน้องปริม ลุงบอกอยากให้เรียนโรงเรียนเดียวกับผมแต่น้องไม่ยอมเพราะว่าติดเพื่อน เพื่อนไปเรียนคอนแว่นกันหมด

“เออ พี่เดี่ยวนี่เพื่อนพี่เหรอ” น้องปริมดึงแขนผมและตายังมองติ๊ก และยิ้มให้ด้วย ติ๊กก็ยิ้มตอบให้แต่ก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจยิ้มเท่าไหร่

“ใช่ทำไมเหรอ” ผมหันไปถาม ผมกับปริมก็สนิทกันพอประมาณเพราะว่าพ่อผมกับลุงมักจะมาสังสรรค์กันบ่อยๆ ทุกครั้งที่พ่อมาเที่ยวบ้าน

“คือเขาเป็นดาราใช่ไหมอ่ะ “

“ใช่”

“ขอลายเซ็นหน่อยดิ แบบว่าจะไปอวดเพื่อนอ่ะ นะ นะ “

“เออ..คือพี่ถามให้นะ เพราะว่าเล่นหนังเป็นดาราขาวีนหลายเรื่อง เล่นแล้วไม่จบในหนังมาวีนต่อข้างนอก “ผมบอก

“ติ๊ก” ผมเรียกติ๊ก ติ๊กก็หันมามองผม

“คือน้องเขาปลื้มอ่ะ ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม” ผมถามและคนข้างๆ ก็พยักหน้าและเตรียมพร้อมมาก สมุดปากกาที่พร้อมจะให้ติ๊กเซนต์ชื่อ ติ๊กก็มองหน้าผมและพยักหน้าก่อนจะรับสมุดไปและบรรจงลงปากกาเซน์ชื่อตัวเองลงไปและส่งสมุดคืนให้

“ขอบคุณนะคะพี่ติ๊ก พี่หล่อมากเลยอ่ะตัวจริงๆ อ่ะ “

“ขอบคุณครับ” ติ๊กพูดแหละหันมาหยักคิ้วให้ผม ผมก็พยักหน้าแม้พอมีดาราหล่อๆ เท่ๆ มายืนน้องปริมลืมหัวพี่เดียวไปทันที

“นี้ไปช่วยแม่ทำกับข้าวได้แล้ว “ลุงบอกลูกสาวเขา น้องก็รับวิ่งออกไป แต่ก็ไม่วายหันมามองติ๊ก อะไรจะฟินขนาดนั้น

“เดี๋ยวลุงขอเปลี่ยนอันใหม่ให้นะเดี่ยว” ลุงพูดและจัดการถอนเปลี่ยนหัวเทียนออก ไม่น่านก็มีเสียงเหมือนฟ้าร้องและก็มีลมแรงและฝนก็เทลงมาอย่างหนัก

“อะไรอีกวะเนี๊ยะ” ติ๊กหันมาบ่นผมทันทีอย่างหัวเสีย

“ฝนตกไง และหนักขนาดนี้จะให้ขับรถไปคงไม่ได้หรอกนะ อันตราย” ผมพูดและลุงก็เปลี่ยนหัวเทียนให้ผมเรียบร้อย

“จริง อันนี้ยังไงลุงก็ยังไม่ให้ขับออกไปนะ เพราะว่าโค้งก่อนถึงมีรถตกลงไปหลายคันตอนฝนตกหนักๆ มันมองเห็นทางลำบาก” ลุงพูดผมก็พยักหน้าและหันมามองคนข้างๆ หน้าตาบูดบึ้งมาก

“ดูแล้วถ้าตกหนักแบบนี้ไม่น่าจะนาน” ลุงพูด

“เออ เดี๋ยวลุงมานะ ลุงว่าจะส่งแฟล็กซ์ภาษีก่อนนะ” ลุงพูด ผมก็พยักหน้า ติ๊กก็หันไปหันมาไม่รู้จะทำอะไรคงเบื่อ

“เขาไปนั่งฟังเพลงไหมล่ะ” ผมบอกติ๊ก ติ๊ก็พยักหน้าและผมก็เข้าไปนั่งในรถกันด้านใน ติ๊กเป็นคนเลือกเพลงฟังแต่ส่วนใหญ่เลือกเพลงของพี่ตูนทั้งนั้น
“ไม่คิดว่านายจะชอบพี่ตูนเหมือนกัน”

“ชอบดิ ชอบมาเลย ชอบหลักการของพี่เขาและไม่รู้ พี่เขามีพลังเสียงที่ กูปลื้มวะและทุกครั้งกูถูกเชิญขึ้นไปร้องเพลงกูต้องร้องเพลงพี่ตูนทุกครั้งว่ะ” ติ๊กพูด ผมก็ฟังไปเรื่อยๆ จนมาสะดุดที่เพลงหนึ่ง อากาศ ผมหันมามองติ๊ก เขาก็ฟังเพลงนี้อย่างตั้งใจแสดงว่าชอบเหมือนกัน

“ชอบเพลงนี้เหรอ” ติ๊กถามผม เพราะว่าผมเลื่อนไปหยุดที่เพลงนี้

“อืมม ความรักมันก็แค่อากาศ มึงว่าไหม” ผมถามโดยไม่ได้มองหน้าติ๊ก ใช่เพราะว่าผมนึกถึง ผู้หญิงคนหนึ้งที่เคยเป็นแฟนผม เราคบกันตั้งแต่ผมเข้าเรียนม.หนึ่ง จนผมถูกย้ายไป ถูกพักการเรียนก่อนย้ายไปด้วย ห้องไอ้ภาคินนะถูกพักการเรียนยกห้องเลยไง ตอนแรกก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแต่พอโดยพักการเรียนก็เลยจัดมาอยู่ห้องเดียวกันทั้งหมดและพอผมย้ายไปผมก็ติดต่อเขาไม่ได้ ผมมารู้อีกที ไปเอากับไอ้ธงรบคนที่ผมเสียบพุงมันไปด้วยมีดพกนั่นแหละที่ทำให้ผมคิดว่าความรักมันก็แค่อากาศ

“เดี่ยวชอบเพราะว่าเขาร้องได้อินเนอร์มาก แต่เดี่ยวเชื่อว่าความรักมันมีตัวตนอยู่จริง” ผมพูดกับติ๊ก ติ๊กหันมามองหน้าผม เหมือนจะมีคำถามแต่ก็ไม่ได้ถาม ตอนนี้ใบหน้าเราใกล้ชิดกันมากจน ผมเผลอเผยอปากจะจูบติ๊กและอีกคนก็เผยอปากนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศมันเป็นใจหรือเปล่า แขนผมก็โอบเอวบางๆ นั้นเข้ามาหาผมทีละนิด ลมหายใจร้อนๆรดบนใบหน้ากันและกัน

“ปี้น~~~~~~~” แต่ดันมามีเสียงแตรรถของผมเองเป็น กขค ก็เพราะว่าข้อศอกของผมดันไปกดโดนซะนี้ และตามมาด้วยลุงกับลูกสาวแกวิ่งลงมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรีบเปิดกระจกลง ติ๊กก็รีบถอยไปนั่งที่นั่งเหมือนเดิม

“ลองแตรนะลุง” ผมรีบบอกลุงที่วิ่งหน้าตาตื่นลงมาทันที

“เหรอ! แม้เล่นซะกูตกใจหมด”

“ฝนหยุดยังวะ กูอยากกลับบ้านแล้ววะเดี่ยว” ติ๊ก พูด ผมก็เหลือบมองโทรศัพท์

“รออีกแป๊บซิ ให้มันเบาลงอีกหน่อยนะ” ผมพูดกับติ๊ก จริงๆ ผมก็รอข้อความไอ้ดิวว่าเสร็จกันหรือยัง

“มึงมีอะไรกันหรือเปล่า “ไอ้ติ๊กมันเซ้นแรงจริงๆ

“ไม่!! ”

“กูเห็นมึงมองมือถือบ่อยมาก “ติ๊กถามผม

“กูโทรหาไอ้แอ้ดีกว่า “ติ๊กพูดและกดสายหาแอ้ทันที ผมก็แอบฟัง มันยังคงรอสายอยู่จนตัดไป

“ไอ้แอ้” ติ๊กหัวเสียขึ้นมาทันที

“โทรหาไอ้ดิว” ติ๊กมันบอกผม ผมก็สะบัดหน้าไปมองและชี้ตัวผมเอง

“” โทรทำไมอ่ะ ไอ้ดิวมันบอกว่าจะอ่านหนังสือไม่อยากกวน” ผมพูดบอกติ๊ก แต่หน้าตาคนสั่งผมนี้น่ากลัวมากจริงๆ นี้ถ้าได้เป็นแฟนก็คงได้แม่ดีดีนี้เอง รัศมีมนุษย์เมียมาเต็มมาก

“โทร!! ” ติ๊กมันขึ้นเสียง ผมก็กดสายหาไอ้ดิว รอแป๊บหนึ่งได้

“ดิว เสร็จยัง” พอมันรับรีบถามเบา

“เอามากูจะคุย” ติ๊กบอกผมและพยายามแย้งมือถือผมไป

“ยัง...ซี้ด” มันร้องครางมาขนาดนี้ แปลว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็มกัน

“เออ มันยุ่งมากอ่ะติ๊ก” ผมยื้อมือถือกลับแต่ติ๊กมันจิกสายตามาที่ผมว่าถ้าผมไม่ปล่อยนี้คงได้โดนอะไรสักอย่าง ไม่ตีนก็มือนี้แหละ ผมเคยดูมันเล่นบทตบหน้าผู้ชายเสียงดังสนั่น ทำให้ผมเสียวที่ใบหน้าผมขึ้นมาทันที

“เอามา!! ” ติ๊กพูดและทำหน้าดุใส่ผม ผมก็ต้องส่งมือถือให้มันไป

“คุยกับดิวเหรอติ๊ก!! ” ผมพูดเสียงดัง ติ๊กหันขวับมามองผม

“ไอ้ดิว” ติ๊กเรียกชื่อไอ้ดิว

“ก็กูจะคุยกับแอ้ มันอยู่ไหน ชั้นล่าง “

“ใช่กูจะคุย มึงวิ่งไปหามันหน่อย” และไอ้ติ๊กมันก็หันมามองผมระหว่างที่มันรอไอ้ดิว ผมก็ก้มหน้าหนี ผมยิ่งโกหกได้ไม่ค่อยเนียนอยู่ด้วย

“กูเห็นมึงเหมือนมีความลับอะไรกันกับไอ้ดิว หรือว่ามึงรู้อะไรมา” ติ๊กมันถามผม ผมก็ส่ายหัว

“ไม่นิ กูจะไปรู้อะไร” ผมรีบปฏิเสธทันทีและติ๊กมันก็เปิดลำโพงทันที ผมก็ยิ้มๆ

“แอ้ ไอ้ติ๊กมันจะคุยด้วยอ่ะ ไม่รู้มัน..แฮกๆ” เสียงไอ้ดิวพร้อมกับอาการหอบเหนื่อย แม้แสดงได้เนียนจริงๆ เพราะเมื่อกี้มันยังซีดส์อ๊าอยู่เลย ตกลงใครสตอกันแน่ว่ะ ผมแอบคิดในใจ

“มีอะไรติ๊ก” เสียงแอ้

“ก็กูโทรหามึงไม่ติดอะ มือถือมึงอยู่ไหน” ติ๊กถามและหันมาทำนิ้วเฉือดคอใส่ผมทันที ผมยกมือยอมแพ้ ว่าผมไม่รู้เรื่อง

“ชาร์จอยู่และกูอ่านหนังสืออยู่ชั้น..ล่างงง” เสียงแอ้พูด แต่น้ำเสียงมันลากแปลกๆ นะผมว่า ไอ้ดิวมันคงแกล้งนะ

“ไอ้ดิวมันอยู่ชั้นบนเหรอ”

“อืมมม” แอ้ตอบผมก็แอบขำ

“ใช่กูอยู่บน มึงมีอะไรอีกไหม พี่กูจะโทรหากูแล้ว “ไอ้ดิวมันพูดเร่งติ๊กให้รีบจบการสนทนา

“เออ กูจะรีบกลับเดี๋ยวนี้” ไอ้ติ๊กมันพูดและกดวางสาย มันหันมามองหน้าผม

“กลับเดี๋ยวนี้ หรือถ้ามึงไม่กลับ กูจะออกไปเรียกรถวินห่าเหวอะไรก็ได้ตอนนี้เพื่อกลับบ้าน” ไอ้ติ๊กมันพูดขึ้นเสียงใส่ผม ผมก็พยักหน้าว่าได้ และผมก็เดินลงไปคุยกับลุง ขอบคุณลุงพร้อมกับจ่ายเงินให้ลุงและเดินกลับมาที่รถ ผมขับรถออกคนนั่งข้างผมหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาทันที

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด