ตอนที่ 11
" พิสูจน์ความเป็นชาย! "
คำถามของไอแสงในวันนั้น ทำให้ผมมาทำงานอย่างหวาดระแวง ทำไมคนรอบตัวผมถึงเป็นกันแบบนี้! นี่ผมต้องกลัวว่าจะถูกทำมิดีมิร้ายในซักวันด้วยมั้ย (แม้ว่าหน้าตาอย่างผมนี่คงไม่ได้อยู่ในสายตาไอคุณชาย) ถึงจะหน้าหล่อขนาดไหน แต่นิสัยห่ามขนาดนั้น มันก็ต้องกลัวบ้างอะไรบ้าง กลัวตัวผมเองจะพุ่งเข้าไปจับกด เอ้ย ไม่ใช่สิ ไอรัก ไอบ้า!
“ นายเป็นอะไร ท่าทางลอกแลก ” ผมสะดุ้งกับคนถามที่โผล่มาทางด้านหลังไม่ให้สุ่มให้เสียง หันหลังขวับ
“ มะ ไม่เป็นไรครับ ” ไอคุณชายจ้องผมเขม็งอย่างสงสัย แต่ไม่ได้พูดอะไร จึงเดินผ่านตัวผมไปยังห้องครัว ผมเป่าปากฟู่โล่งใจเมื่อรอดพ้นจากสายตาคู่นั้น ไอแสงนะไอแสง ไม่น่าเลย
ผมอดที่จะแอบเหล่ตามองไปยังร่างสูงไม่ได้ รูปร่างสูงเพรียว ผิวขาวชมพู ปากแดง ขนตางี้อย่างงอนเลย โอ้ยยยย ทำให้ผมคอแห้งผาด กลืนน้ำลายเอื้อก โอ้ นี่มันสเป็กชายโฉดชัดๆ ถ้าไม่ติดที่ว่าเกิดมาเป็นผู้ชาย ผมว่าผมคงไม่รีรอที่จะพุ่งเข้าไปทำความรู้จักเลยครับ แต่นี่ดันเกิดมาเป็นชาย แท้หรือไม่ก็ไม่รู้ คลุมเครือดีแท้ แต่ไม่เคยเห็นเขากุ๊กกิ๊กกับใคร ไอแสงแม่งมั่วแน่ๆ
“ นาย! ฉันเรียกหลายรอบแล้วไม่ได้ยินหรือยังไง หูตึงเรอะ ออกรถได้แล้ว ” ไอคุณชายตวาดเสียงดัง ทำให้ผมสะดุ้งเบาๆ และรับรู้ผมคงนั่งเหม่ออยู่ในรถอยู่นานเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาในรถแล้ว
“ ขอโทษครับ ”
“ ช่วงนี้นายเป็นอะไร ถ้าไม่อยากมาทำก็บอกดีๆ ไม่ใช่มาทำท่าทำทางแบบนี้ ” ผมยิ้มแหยให้ ใครจะไปกล้าบอกว่าเพราะกูระแวงว่ามึงเป็นเกย์ครับแบบนี้เรอะ
“ พูดมาดีๆ หรือจะให้ฉันบังคับให้พูด ” น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นตามอารมณ์ที่บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวเริ่มจะไม่พอใจ
“ ผมไม่เป็นไรครับ แค่ช่วงนี้มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยครับ ”
“ บอกมาว่าเรื่องอะไร ไม่งั้นเงินเดือนนายเดือนนี้ฉันจะหักให้หมด ”
“ เฮ้ย! คุณจะหักผมไม่ได้นะครับ ” ผมร้องโวยวายเมื่ออีกฝ่ายขู่ขึ้นมา จะมาหักทำได้ไง แค่นี้ผมก็ไม่พอใช้แล้วครับ ฮือ ไหนจะค่ากินค่าใช้ ค่าผ่อนรถอีก ฮือ เดี๋ยวตูไม่มีมาโปะแล้วจะทำยังไง ผมคิดสภาพตัวเองต้องถูกลากกลับไปทำงานที่บ้านแล้วก็ขนลุกเบาๆ ไม่อ๊าว ไม่เอา ผมจะถูกหักเงินเดือนเดือนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เจ้าตัวพิงเบาะยักไหล่เชิงบอกว่าถ้าไม่ยอมบอกก็ช่วยไม่ได้ เสก้มลงไปมองเอกสารในมือ ท่าทางสบายๆ แบบนี้ช่างกดดันผมนักแล ฮือ กูจะบอกยังไงให้ไม่โดนไล่ออกซึ่งคงหนักว่าโดนหักเงินเดือนอีก
“ ว่าไง จะบอกไม่บอก ”
“ คือ เอ่อ ” เมื่อสบสายตาของไอคุณชายจ้องที่มองมานิ่งๆ นั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันคอซะจริง
โอ้ย! ช่างมันแล้ว ถามมันให้รู้ๆ กันไปเลยละกันเว้ย
“ คุณเป็นเกย์หรือเปล่าครับ! ” ผมกลั้นหายใจพูดรัวจบประโยค หลับตาแน่น ในใจก็ท่องนะโมเวอร์ชั่นจีนไปห้าสิบจบได้แล้ว
สิ่งที่ได้ยินคือความเงียบที่ชวนให้รู้สึกเยือกเย็นเบาๆ ผมได้ยินเสียงเปิดปิดประตูรถ ผมรีบลืมตาแล้วหันไปมองข้างหลัง เขาหายไปแล้ว! หรือไอคุณชายมันโกรธแล้วรีบไปฟ้องท่านประธาน ฮืออ แบบนั้นก็ยิ่งไม่ได้นะ ผมปลดเข็มขัดออกกำลังจะเปิดประตูออกไปตามไอคุณชาย อยู่ๆ ประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับก็ถูกเปิด เอ่อ เรียกว่ากระชากดีกว่า ไอคุณชายเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความทะมึนตึงบนหน้าก้าวขึ้นมานั่งข้างๆ ผม ก่อนจะกระชากประตูปิดปัง แล้วหันมามองผมเขม็ง
“ เมื่อกี้นายพูดอะไรออกมานะ ”
“ กะ ก็คุณบอกเองว่าให้ผมบอก ผมก็เลย ”
“ แล้วใครหน้าไหนมันจะไปรู้ว่านายจะเป็นบ้าเพราะเรื่องฉันกันล่ะ ”
“ ผมขอโทษครับ ” ผมก้มหน้ารับผิด น้ำตาตกใน เพิ่งมารู้สึกจริงก็คราวนี้เอง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน รู้สึกแปลกใจจึงเงยหน้าขึ้นมาดู
เอื้อกกก หน้าของไอคุณชายอยู่ใกล้แค่คืบ สายตาผมไปปะทะพอดีกับริมฝีปากหยักแดงสวยที่ผมมักจะเผลอมองประจำ และไม่รู้ทำไมผมถึงอยากจะมองให้มากกว่านี้ เลื่อนสายตาขึ้นไปพบกับดวงตาสวยคู่นั้น ความรู้สึกที่ว่ามีผีเสื้อเป็นพันตัวบินอยู่ในท้องแบบในละครน้ำเน่าที่ผมเคยด่าประจำมันเป็นยังไงก็เพิ่งมารู้ดีวันนี้ หัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้นี่ก็เหมือนกัน ราวกับมีแรงดึงดูดแปลกๆ ให้มองผมอยู่อย่างนั้น
หัวใจชายโฉดอย่างผมต้องมาเสียเชิงชายก็ในวันนี้หรือเนี่ย
และก่อนที่อะไรอะไรมันจะเกินเลย จิตสำนึกของชายชาติแท้จึงตบหน้าผมอย่างแรงเพื่อกลับมาสู่ความปกติ
“ เชี่ยยย เอ้ย ขอโทษครับ ผมตกใจ ” ผมกระเด้งไปข้างหลังชิดติดหน้าต่างอัตโนมัติ ใบหน้าไอคุณชายยังอยู่ที่เดิม และไอสายตาวิบวับนั่นอีก ชวนให้ผมกระดากอายซะจริง
“ หึ ดูสิตอนนี้ใครกันแน่ที่เป็น ”
“ ผมไม่ได้เป็น! ”
“ แต่จ้องฉันเป็นมันเนี่ยนะ หึ ” ไอคุณชายเลิกคิ้วเยาะเย้ย หัวเราะในลำคอ
“ ใครใช้ให้คุณหน้าสวยขนาดนี้ล่ะ ” ผมบ่นงึมงำกับตัวเองเบาๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ยิน
สับสนตัวเองโว้ย!
หลังจากเรื่องวันนั้นผ่านพ้นไป ทุกอย่างก็กลับสู่ความปกติเหมือนเดิม เคยโดนโขกสับยังไงก็ยังเหมือนเดิม เคยโดนด่าทออย่างไรก็ยังคงเดิม ไอคุณชายมันดีกับผมได้แค่วันสองวันเท่านั้นแหละ เพียงเพราะผมช่วยชีวิตมันไว้ และก็ได้แผลกลับมา แต่พอแผลสนามกันเรียบสนิทราวกับใช้สมูธเอฟเสร็จปุ๊ป เหมือนความดีของผมคงสมานปิดไปด้วยกันกับแผลอ่ะครับ
ไอคนชอบลูบหัวแล้วตบหลัง! (มันมีไหมสำนวนนี้)
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วสิ่งที่เพิ่มเติมคือสายตาวิบวับของมันตั้งแต่วันนั้น มันยังคงอยู่และไม่หายไปไหน ผมก็ไม่รู้มันไปแอบใส่บิ๊กอายหรือเปล่า ตามันวับๆ แวมๆ ชวนให้รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ผิดปกติ อย่างเช่น
วันหนึ่งตอนที่เขากำลังจะเข้าไปในห้องนอนเพื่อปลุกมันตอนเช้าตามปกติ ปลุกด้วยเสียง 3 ครั้ง และสะกิดอีก 2 ครั้ง (คนบ้าอะไรจะตื่นยังต้องมีแพทเทิน) แต่ครั้งนี้ยังไม่ทันจะสะกิด ไอคุณชายนี่มันก็ตื่นเองครับ โอ้ ครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่มันตื่นเร็วก่อนกำหนด แต่มันตื่นแล้วก็ยังไม่ยอมลุกไปไหน พลิกตัวกลับมาด้านผมและนอนตะแคง ตั้งศอกเอามือยันหัวเอาไว้ และส่งสายตาชวนให้หนาวๆ ร้อนๆ นั่นมายังผม
ภาพตรงหน้าผมประหนึ่งผมดูหนังเอวีมีสาวสวยทำท่ายั่วยวนอยู่ตรงหน้า แต่เป็นเวอร์ชั่นผู้ชาย ไหนจะผิวขาวๆ นั่นอีก ผมรู้แต่ว่าตัวเองยืนตัวร้อนอยู่ซักพัก ก่อนที่ไอคุณชายนี่มันจะหัวเราะหึครั้งหนึ่ง แล้วลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ ผมนี่หน้าแดงเลยครับ ไม่ใช่เขินนะครับ
แต่กูอับอายโว้ย!
มีที่ไหนผมมายืนหน้าแดงให้กับผู้ชายแบบนี้ เสียเชิงชายหมด ดูก็รู้ว่าไอคุณชายนี่มันแกล้งกันชัดๆ ฮึ่ย!
และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ตัวอย่างที่ผมเอามาเล่าให้ฟัง ผมว่าตัวเองชักจะแปลกๆ ขึ้นทุกวัน ไม่ได้การละ ผมต้องทำให้ตัวกลับกลายเป็นปกติโดยเร็วไว
วันนี้วันหยุดผม ผมจะชวนไอแสงไปพิสูจน์ความเป็นชาย ฮะฮ้า!
ณ ร้านบาร์ไม่บาร์เวลาสี่ทุ่มตรง
“ ไอห่ามึง นี่เดี๋ยวนี้มึงเปลี่ยนแนวละเหรอวะ ” ไอแสงถามผมด้วยเสียงกรึ่มๆ พอควร หลังจากที่หมดไปหลายแก้ว เราพากันมาชนเหล้ากันที่ร้านนี้ซึ่งเป็นร้านประจำของผมกับไอแสงมาตั้งแต่วัยละอ่อนเมื่อตอนที่มีเพื่อนกลุ่มใหญ่ จนตอนนี้เหลือกันแค่สองคน ไม่รู้เพราะมันหายไปไหนกันหมด หรือเพื่อนไม่คบก็ไม่รู้ ที่นี่บรรยากาศดีมาก เสียงเพลงคลอเบาๆ ทำให้ผมและแสงผ่อนคลายทุกครั้งที่มา และเหตุผลสำคัญที่ผมมาในวันนี้คือ มาอ่อยสาวนั่นเองครับ
“ ก็กูบอกละไงวะ ไอคุณชายนั่นมันแกล้งกู แม่ง อะไรก็ไม่รู้ ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังยิ้มโปรยเสน่ห์พร้อมกับชูแก้วไปยังสาวโต๊ะเยื้องๆ กัน เงี้ยแหละคนมันหล่อ
“ แต่ก็แปลก ก็มึงเล่าให้กูฟังว่าเขาไม่ชอบขี้หน้ามึงไม่ใช่เหรอวะ อยู่ๆ ทำไมเป็นงี้ไปได้ ”
“ ไม่รู้โว้ย เลิกพูดเรื่องไอคุณชายนี่ดีกว่า เหมือนสาวจะติดกูละว่ะ ” ผมพูดพลางบุ้ยหน้าไปยังโต๊ะนั้น หญิงสาวคนหนึ่งนั่งหันหน้ามาทางผมด้วยท่าทางอายๆ
“ แหม่ เพื่อนครับ เร็วเชียวนะครับ แล้วงี้มึงเอาคุณชายของมึงไปไว้ไหนล่ะครับ ”
“ ไม่ไว้ไหนทั้งนั้น ไอห่านี่ เดี๋ยวตีนพุ่ง ”
“ ดุจังวุ้ย ไปหาหญิงมึงเลยไป กูจะไปหายอดหญิงของกูละ ” ไอแสงลุกไปหาหญิงที่มันไปอ่อยไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม่งอย่างไวจริงๆ ไม่รู้มันเอาน้องมุกของมันไปไว้ไหนเหมือนกัน เห็นมันยิ้มร่าเข้าหาสาวแบบนี้ก็ทำให้ผมส่ายหน้ากับความห่ามของมันจริงๆ ไอแสงอาทิตย์ผู้สุภาพเรียบร้อยไปซุกอยู่ตรงไหนของสันดาน
ผมนั่งจิบๆ เบียร์อยู่ที่โต๊ะ เมื่อกี้ที่ว่าจะอ่อยสาว ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ ผมเป็นสุภาพบุรุษพอควร ไม่อยากให้คนเขาคิดว่าผมเจ้าชู้ขี้อ่อย (เหรอ) ได้แต่ยิ้มๆ ให้แต่ก็ไม่ได้รุกจีบ สักพักหญิงสาวที่ผมยิ้มให้เมื่อครู่เดินมานั่งตรงข้ามที่เดิมไอแสงนั่งอยู่
โอ้แม่เจ้า เธอรุกครับโว้ย
เห็นท่าทางเหนียมอายแบบนี้ เป็นแบบนี้ไปได้ แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรครับ ก็พูดคุยไปเรื่อย เธอก็เป็นคนคุยสนุกดีครับ คุยกันสักพักผมก็ขอตัวไปห้องน้ำ กินเบียร์ทีไรปวดไวทุกทีสิน่า
หลังจากปลดปล่อยความทุกข์เสร็จ ระหว่างที่ผมเดินกลับไปที่โต๊ะ ผมก็มองหาไอแสง ไม่รู้มันเดินหายไปไหนแล้ว ไอเพื่อนทรพี ได้หญิงแล้วถีบเพื่อนทิ้งเลย ด้วยความที่ทางเดินหน้าห้องน้ำมันมืดๆ สลัวมีเพียงไฟสีส้มเล็กๆ ส่องทางอยู่นิดหน่อย ผมมัวแต่เดินมองหาเพื่อนจนไม่ได้มองข้างหน้า จึงทำให้ผมไปเดินชนคนคนหนึ่งเข้า
“ ขอโทษครับ พอดีผมไม่ได้มองทาง เป็นอะไรมั้ยครับ ”
“ จีบหญิงเป็นกับเค้าด้วยเหรอ ” อื้มมม กูว่ากูน่าจะหูฝาดนะ ทำไมเสียงมันคุ้นๆ สงสัยผมจะหลอนไปเอง ผมไม่ได้พูดอะไรกลับ ผมเห็นร่างสูงข้างหน้าไม่ชัดเพราะด้วยความที่มันมืด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมากมาย จึงเบี่ยงหลบจะเดินผ่านไป
“ วันนี้วันหยุด นอกเวลาทำงานก็เลยไม่รู้จักกันเลยงั้นสิ ”
คราวนี้ผมยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืด ดวงตาหวานวิบวับที่ผมคุ้นเคยทำให้ผมอ้าปากค้าง
“ คะ คุณเนตร ”
“ ใช่น่ะสิ ตานายนี่บอดหรือไง อยู่ตรงหน้าแค่นี้กลับมองไม่เห็น ”
“ ก็มันมืดนี่ครับ ” ร่างสูงตรงหน้าไม่พูดอะไร แต่กลับจับแขนผมดึงให้ผมเดินไปทางเดิมที่ผมออกมา เมื่อเดินไปที่โต๊ะ ไม่เห็นหญิงสาวคนนั้นแล้ว ยังไม่ทันรู้เบอร์เลย โธ่ ไอคุณชายมานั่งที่โต๊ะกับผมแทน แล้วยกมือสั่งเครื่องดื่ม
“ นายมากับใคร ”
“ กับเพื่อนครับ ” ผมนั่งลอกแลกหาไอห่าแสงที่มันอันตธานหายไปไหนไม่รู้ แม่ง เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน ไอเพื่อนเลวว
“ แล้วเพื่อนนายหายไปไหนละล่ะ ”
“ ผมก็ไม่รู้ครับ เดินไปหาเป้าหมายแล้วหายไปเลย ”
“ เป้าหมาย? ”
“ เอ่อ คือผมหมายถึงผู้หญิงที่มันปิ๊งน่ะครับ ” ผมหัวเราะแหย ยกมือเกาหัวเบาแก้เก้อเบาๆ อยากจะร้องไห้ วันนี้เป็นวันหยุดแท้ๆ ดันต้องมาเจอเจ้าตัวปัญหาที่ทำให้ผมสับสนนี่
“ หึ แล้วนายไม่มีเป้าหมายกับเค้าบ้างเหรอไง หรือหลุดไปแล้ว ”
“ ผมไม่นิยมมีเป้าหมายครับ จะจีบก็จีบเลย แมนๆ ” ผมยืดอกพลางพูดด้วยความภูมิใจในความแมนของตัวเอง
“ แล้วผู้หญิงเมื่อกี้ล่ะ ”
“ คุณเนตรเห็นด้วยเหรอครับ ”
“ ประเจิดประเจ้อขนาดนั้น เป็นใครใครก็เห็น ”
“ อยู่ๆ เขาก็มานั่งที่โต๊ะผม ผมเลยเลยตามเลย ” คนตรงข้ามผมมองผมราวกับรู้ทัน ทำให้ผมเริ่มลอกแลกเบาๆ มองมาขนาดนี้จะสิงตัวกูเลยไหมล่ะ โธ่
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน พนักงานเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มที่ไอคุณชายสั่ง ผมก็นั่งจิ้มมือถือ ส่งข้อความหาไอแสงว่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน และตอบแชทของไอคุณแดเนียลที่มันขยันส่งมาทุกวันทั้งๆ ที่บางครั้งผมก็ไม่ค่อยจะตอบเท่าไหร่ เมื่อจัดการกับมือถือตัวเองเสร็จ อยู่ๆ มือขาวๆ ของไอคุณชายยื่นมาตรงหน้า ผมมองด้วยความสงสัยว่าจะเอาอะไร อีกฝ่ายก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉกมือถือจากมือถือของผมไป ผมร้องโวยวายทั้งๆ ที่มือถือก็ไม่มีอะไรที่เป็นความลับ
รู้สึกถึงความเดจาวูมั้ยครับ
แม่ง ไอคุณชายบ้าบอ
เจ้าตัวเอาไปกดๆ อะไรก็ไม่รู้ ผมก็ดันไม่ได้ล็อคหน้าจอไว้ด้วย อีกฝ่ายก็เข้านู่นออกนี่ตามใจชอบเลย ผมทำหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์อย่างหนัก สักพักคนตรงข้ามทำสีหน้าพึงพอใจเล็กน้อยๆ บ่งบอกให้รู้ว่าทำธุระของตัวเองกับมือถือของผมเสร็จแล้ว จึงยื่นมาคืน ผมรีบกระชากกลับคืนมาดู
โอ้โฮ ทั้งเบอร์ ทั้งไลน์ ทั้งเฟสบุ๊ค ทั้งอินสตราแกรม เรียบร้อยเลยครับ ว่องไวแท้
ผมส่งสายตาขุ่นไปให้เจ้าตัว อีกฝ่ายก็แค่ยักไหล่ หึ ได้จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย ผมรีบกดเข้าไปในแอฟทั้งหลายที่ไอคุณชายเพิ่งเข้าไป
“ ลองลบสิ ดูซิเงินเดือนเดือนนี้นายจะได้รับไหม ” ผมชะงัก ก่อนจะวางมือถือบนโต๊ะอย่างหัวเสีย ฮึ่ยยยย หงุดหงิดโว้ย
“ แล้วคุณเนตรมาที่นี่ได้ยังไงครับ ” ผมเปลี่ยนเรื่อง เพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง
“ เพื่อนนัด ”
“ แล้วไม่ต้องไปนั่งกับเพื่อนเหรอครับ ”
“ มันกลับไปแล้ว ”
“ อ้าว ”
“ อ้าวอะไร ก็มันกลับไปแล้วไง ”
“ แล้วคุณเนตรไม่กลับเหรอครับ ”
“ เผอิญเจอคนหน้าหม้อซะก่อนเลยยังไม่อยากกลับ ” เจ้าตัวพูดเสียงยียวน พลางกอดอกมองมายังผม นี่มันอย่างกับตำรวจนั่งจับผิดคนร้ายชัดๆ ก็ตัวต้นเหตุมันคือใครกันล่ะ ไอคุณชายบ้าบอ แล้วทำก็ต้องทำหน้าบึ้งเหมือนเดิมเพราะไอสายตาที่จ้องมานั่น มันจะจ้องไปถึงไหนกัน ตัวกูจะพรุนไปหมดแล้ว
“ นายจะกลับยัง ”
“ ผมต้องรอเพื่อนครับ ”
ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ อยู่ๆ มือถือผมดังขึ้น โอ้โฮ ตายยากแท้ กำลังพูดถึงอยู่เลย
“ ฮัลโหล มึงอยู่ไหนวะ ”
“ มึงๆ โทษที กูออกมาข้างนอกแล้ว ไปต่อกันอีกร้าน ” “อ้าวว ไอเวรนี่ ทิ้งกูเลยนะ” ผมขึ้นเสียงกับคนในสาย พลางเหลือบมองไอคุณชาย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งจิ้มมือถืออยู่จึงเลิกสนใจ
“ เออๆ นั่นแหละ แต่กูเช็คบิลโต๊ะเราไปแล้วนะ มึงจะกลับยังไง ไม่ได้เอารถมาด้วย ” ตอนมาผมนั่งรถมากับไปแสง เพราะบ้านเรามาทางเดียวกัน เลยขับคันเดียวมาจะได้ประหยัดน้ำมันด้วย แต่ขากลับท่าทางจะถูกทิ้งให้เดียวดายแล้วล่ะครับ
“ ทำอย่างกับมึงจะมารับกูงั้นแหละ ไอห่า ”
“ เออ อย่าด่ากูๆ กูขอโทษ เดี๋ยวชดใช้ให้ ” ไอแสงพูดติดขำ
“ เลี้ยงหนังกูทั้งปีเลย ”
“ โอ้ย ไอเพื่อนเวร ครั้งที่แล้วกูยังเลี้ยงมึงไม่ครบเลย มึงจะเอาอีกแล้วเรอะ ” ปลายสายโวยวายหนักเมื่อผมยื่นข้อเสนอ
“ ล้อเล่นโว้ย เดี๋ยวกูกลับเอง ไม่เป็นไร เชิญอยู่กับยอดหญิงของมึงไปเถอะ ”
“ จุ๊ๆ อย่าโกรธเค้าน้าตัวเอง ” น้ำเสียงอ้อนๆ ของมันแต่ทำไมผมฟังแล้วสยิวกิ้ว มันไปอ่อยเหยื่อด้วยเสียงแบบนี้ยังไงให้ติดวะ แม่ง ขนลุกชิบ
“ กูเปลี่ยนใจละ มึงเลี้ยงหนังทั้งปีท่าจะดี ”
“ เฮ้ยยย ใจเย็นๆ เพื่อนน ” ผมหัวเราะก่อนจะตัดสายไป หันมาอีกที ก็เห็นไอคุณชายนั่งมองมาอยู่แล้ว ตายห่า เมื่อกี้กูคุยอะไรกับไปแสง ไอคนตรงหน้านี่มันได้ยินอะไรไปมั่งวะเนี่ย
“ นายจะกลับยังไง โดนเพื่อนทิ้งละนิ ” ทำไมต้องเน้นคำว่าทิ้งด้วยวะเนี่ย ตอกย้ำความนกจริงๆ
“ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้ครับ ”
“ น่าสงสารจริงๆ ” เจ้าตัวส่ายหัวเบาๆ ผมกำลังจะเปิดปากบ่นไอคุณชายบ้านี่ แต่อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ ไปสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง ”
“ ฮ้ะ ”
“ มาฮ้ะอะไร ฉันบอกว่าจะไปส่งไง หูตึงจริง ”
ผมเดินตามร่างสูงตรงหน้าออกจากร้านด้วยความมึนๆ งงๆ วันนี้เจ้าตัวขับรถมาด้วยตัวเอง ก็แน่สิวันนี้วันหยุดผมนี่นา เมื่อเราทั้งสองอยู่บนรถก็ต่างคนต่างเงียบกริบ มีแต่เพียงเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ ที่พอจะช่วยทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดเกินไปนัก ผมผินหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง ผู้คนรถรามากมายไม่ได้ดึงความสนใจผมเลยเอาจริงๆ สิ่งที่เอาแต่ตามรังควาญจิตใจผมอยู่ช่วงนี้ก็มีแต่ท่าทีของไอคุณชายที่แปลกๆ ไป หรือตัวผมก็ไม่รู้ที่แปลกไปเอง ปกติแล้วถ้าผมนัดไอแสงมาอ่อยสาว ผมจะต้องมีความกระตือรือร้นมาก ต่างจากเมื่อครู่ที่ผมเฉยๆ เหมือนแค่พูดคุยธรรมดาแล้วก็จากกัน
อย่างที่บอกว่าผมมักชอบแอบมองเจ้าตัวบ่อยๆ ไม่รู้เพราะหน้าหวานเหมือนผู้หญิงหรือผมผิดเพศไปแล้ว หรือเพราะอยู่ใกล้ชิดกันเกินไปกันแน่ เห้อ ปวดประสาท ไม่นาน ความมึนเมาจากแอลกอฮอลและแอร์เย็นๆ ก็ทำให้ผมผลอยหลับไปอย่างง่ายดาย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มองไปรอบๆ พบแต่ความมืด หัวสมองรำลึกได้ว่า ผมไปกินที่บาร์เจ้าประจำ เจอไอคุณชาย โดนเพื่อนเท และไอคุณชายเสนอตัวมาส่งที่บ้าน…
เฮือกก
ผมเบิกตากว้างรีบหันไปหาที่นั่งคนขับข้างตัวทันที ก็พบว่าเจ้าตัวกำลังมองมาอยู่แล้ว ผมมองออกไปข้างนอกกระจก เห็นประตูทางเข้าคอนโดอันคุ้นตาของตัวเองอยู่ข้างหน้า ไม่รู้ว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรีบถอดเข็มขัดและหันไปขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไป
“ เจอกันพรุ่งนี้นะ ” ผมชะงัก เมื่อได้ยินเสียงของไอคุณชายระหว่างกำลังจะก้าวขาออกไป
“ ครับ เจอกันพรุ่งนี้ ” ผมตอบเสียงเบาๆ รู้สึกปั่นป่วนภายใน
“ ถ้าพรุ่งนี้มาสายเพราะวันนี้ไปอ่อยสาวเพลิน นายโดนแน่ ” ผมหันขวับไปมองแรง แล้วรีบลุกออกไปจากตัวรถ ได้ยินเสียงหัวเราะตอนที่ผมจะปิดประตู
ผมเดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นคอนโด เสียบคีย์การ์ดแล้วเดินเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวลงอย่างแรงบนโซฟาจนแทบหัก พยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อสงบจิตสงบใจ อีกนิดจะเข้ายูทูปเปิดคลิปบทสวนมนต์ละ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้แล้วอายชะมัด แม่งเอ้ย! คนบ้าอะไรขยันทำให้ใจเต้นจังวะ ผมสะบัดหัวพยายามจะปัดความคิดแย่ๆ นี้ออกจากหัว
กูไม่ยอมรับหรอกโว้ยยย
ผมรีบเดินเข้าไปอาบน้ำเพื่อทำให้หัวเย็นขึ้น ผมอาจจะห่างจากสาวมานานจึงทำให้ตัวเองผิดเพี้ยนขนาดนี้ ผมเคยมีแฟนนะไม่ใช่ไม่เคยมี แต่ตั้งแต่เลิกกันก็ตั้งแต่ตอนอยู่มหา’ ลัยแล้ว หลังจากนั้นก็มีคุยๆ บ้างประปราย แต่ไม่ได้ถึงขั้นจริงจังขนาดจะคบเป็นแฟน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมเอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อย มุ่งแต่ทำงานจนเรื่องความรักเหี่ยวเฉา
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ พุ่งตัวล้มนอนลงที่เตียงนอน ในหัวมีแต่เรื่องไอคุณชายนั่น ผมพยายามข่มตาหลับแทบตาย แต่ใบหน้าขาวๆ ของไอคุณชายนั่นกลับลอยแวบเข้ามาในหัวได้ตลอด ให้มันได้แบบนี้สิ ให้ตาย!
วันรุ่งขึ้นร่างกายผมก็เป็นไปตามธรรมชาติครับ ตาลอย ขอบตาดำคล้ำอย่างกับแรคคูน ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลย ทำให้วันนี้ผมอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนไอคุณชายทำหน้างง อย่างกับหญิงมีประจำเดือน ตั้งแต่เช้าผมทำหน้าบึ้งหน้าตึงตลอด จนโดนอีกฝ่ายบ่นเข้าให้ แต่ผมก็ยังไม่วายทำท่ามึนตึงใส่ เพราะอาการนอนไม่พอหรือเป็นเพราะอย่างอื่นก็ไม่รู้ ผมพยายามทำจิตทำใจให้มันสงบ พยายามดึงสติ แต่พอคิดว่าเดี๋ยวจะต้องเจอหน้าไอคุณชายผมก็รู้สึกปั่นป่วนไปหมด
“ เฮ้อ ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของตัวเอง ผมเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยได้สักพักแล้ว เหลือแค่รอเวลาไอคุณชายออกมา ผมเอนกายพิงเก้าอี้ หลับตาลงพักสายตาอย่างเหนื่อยล้า ตอนนี้ผมปวดหัวไปหมด ตอนนี้อาการอดหลับอดนอนกำลังเล่นงานผมแล้วแน่ๆ อาการเบลอๆ นี่ก็ทำให้ตอนแรกที่แค่อยากจะพักสายตา กลายเป็นว่าผมหลับไปโดยไม่รู้ตัว
อื้มมมม นุ่มสบายยย
ผมบิดขี้เกียดขจัดความเมื่อยล้าตามความเคยชิน เกือบจะหลับต่อแล้ว แต่ความรู้สึกตงิดๆ ทำให้ผมลืมตาขึ้นมา ผมลุกขึ้นมาช้าๆ นิ่วหน้านิดหน่อยเมื่อยอาการปวดหัวยังรุมเร้า ความเบลอยังคงอยู่ เพิ่มเติมคืออุณหภูมิตัวที่อุ่นๆ คล้ายจะเป็นไข้ ผมยกมือขึ้นนวดตรงขมับ
ที่นี่มันที่ไหนวะเนี่ย
ภายในห้องมืดสนิด เครื่องปรับอากาศส่งเสียงเบาๆ มีเพียงแสงไฟจากภายนอกที่ส่องลอดทางหน้าต่างมู่ลี่ ผมเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงงงวย หันไปทางด้านซ้ายเห็นประตูอย่างเลือนลางซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นห้องน้ำอยู่ทางมุมหนึ่งของห้อง จึงเดินเข้าไปเพื่อจะล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้น
เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน แปลกชะมัด เหมือนมีอุปกรณ์ครบครันพร้อมเลยนะเนี่ย แม้กระทั่งแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมที่ยังไม่ถูกแกะออกจากกล่องก็วางอยู่ให้พร้อมใช้ ผมจึงถือวิสาสะใช้มันซะเลย ฮา
ผมพยายามหาสวิตซ์ไฟ แต่ด้วยความมืดผมจึงหาไม่เจอซักที มือควานหามือถือตามความเคยชิน แต่พบแต่ความว่างเปล่า มือถือผมหายไปไหนวะเฮ้ย ขณะที่ผมกำลังเป็นบ้าเป็นบอหามือถืออยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงขยับตัวเสียดสีกับผ้าปูบนเตียงนอน ผมหันขวับไปมอง แต่ความมืดก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตาบอด มองไม่เห็นเลยโว้ยย ผมค่อยๆ เดินไปที่เตียงช้าๆ แต่เมื่อเดินไปถึงด้วยความที่ผมไม่ระวัง ทำให้ขาไปสะดุดขอบเตียง จึงล้มไปที่เตียงเต็มแรง
“ อึก ” เหมือนได้ยินเสียงคนร้องแฮะ มือผมดันไปโดนอะไรเข้าไม่รู้ รู้อย่างเดียวคืออุ่นๆ และลื่นๆ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้นมาตั้งหลัก ไอตัวอุ่นๆ ลื่นๆ ที่ผมแตะไปโดนเมื่อกี้ก็ขยับ ผมสะดุ้งตกใจ พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด แต่สงสัยคงนิ่งเกินไป ตะคริวแดกเลยครับ!
“ โอ้ยยย ตะคริวๆๆๆ ” ผมพลิกตัวลงไปบนเตียง พยายามยืดขาออกไปให้มันตึง
ทันใดนั้น ห้องก็สว่างจ้าขึ้นมา ผมหยีตาเพราะด้วยความที่ยังไม่ชินกับแสง ผมยังไม่หยุดนวดขาข้างที่เป็นตะคริว และเมื่อสายตาโฟกัสไปยังที่ที่ผมคาดว่าน่าจะมีสวิตซ์ไฟ ดวงตาที่หยีอยู่ก็เบิกกว้างขึ้นมาจนแทบจะถลน
ไอ-คุณ-ชาย!
มาอยู่นี่ได้ไงวะเนี่ย!โปรดติดตามตอนต่อไป....ฮะๆๆๆๆๆ แค่กๆ เอ่อ พะ พอดีหนูมาเลทมากไปหน่อย
อย่าทำอะไรหนูเลยนะค้าา ไหว้เแล้ววว