[นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)  (อ่าน 8942 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 24 ร่างกายมีปัญหา


        เย่ฝานเดินมาหาหยางเฟย หยางเฟยก็มองเย่ฝานที่มีท่าทีขึงขัง ไม่รู้ทำไมจึงรู้สึกหวาดเกรงขึ้นมา “เย่ฝาน นายมีอะไรหรือเปล่า?

        “คำจารึกที่คุณให้ผมดูก่อนหน้านั้น องค์หญิงที่แต่งพระสวามีสิบแปดคน ถูกฝังอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” เย่ฝานถาม

        หยางเฟยคิ้วกระตุก ถามอย่างอึกอักว่า “เย่ฝาน ทำไมนายถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”

        เย่ฝ่านตอบ “มีสิบแปดโลงศพ! มีสิบแปดโลงที่รายล้อมหนึ่งโลงศพที่เหมือนเป็นโลงหลักเอาไว้!”

        หยางเฟย “…”

        “คำจารึกที่คุณให้ผมอ่าน สอดคล้องกับลักษณะของที่นี่พอดีเลย” เย่ฝานอธิบาย

        หยางเฟยมองเย่ฝานด้วยความตื่นตระหนก ยังไม่ได้เข้าไปในสุสานเลย ทำไมเย่ฝานถึงรู้เรื่องนี้ได้ เขามีตาวิเศษหรืออย่างไร?

        “ใช่หรือไม่ครับ!” เย่ฝานถามซ้ำ

        “เป็นที่แห่งนี้จริงๆ นั่นแหละ” หยางเฟยตอบ

        เย่ฝานขมวดคิ้วทันที “แย่แล้วล่ะ จากข้อความที่คุณให้ผมดู ลักษณะตัวอักษรดูออกว่าเป็นตัวหนังสือในสมัยราชวงศ์ฮั่น ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าสุสานนี้มีประวัติยาวนานถึงสองพันปีมาแล้ว?”

        หยางเฟย “…” เก่งจริงๆ! เจ้าหมอนี่บางครั้งก็เหมือนเป็นอัจฉริยะ แต่บางทีกลับเหมือนคนปัญญาอ่อน!

        เย่ฝานลูบคางของตนพร้อมกล่าว “ถ้าในนั้นมีผีดิบ ต้องแย่แน่ๆ”

       หยางเฟยหัวเราะพลางพูดว่า “มีคุณจางแห่งเขาหลงหู่อยู่ทั้งคน ไม่ต้องกังวลหรอกน่า”

        เย่ฝานหันมามองจางเหวินเทาแวบหนึ่งและพูดว่า “อืม ใช่ ให้เขาดูแลพวกคุณก็แล้วกัน ส่วนผมจะปกป้องไป๋อวิ๋นซีคนเดียวเท่านั้น”

        หยางเฟย “…”

        …

        ไป๋อวิ๋นซีสวมเสื้อคลุมยาวนั่งอยู่ข้างกองไฟ เย่ฝานนั่งลงข้างๆ เขาพลางเอ่ยถามว่า “นายจะลงไปในสุสานไหม?”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าและตอบ “ฉันต้องลงไปอยู่แล้ว ไม่งั้นฉันจะมาที่นี่ทำไม”

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วกล่าวว่า “นายลงไปที่นั่นไม่ได้นะ”

        “เพราะอะไร?” ไป๋อวิ๋นซีถามเสียงเรียบ

        “เจ้าของสุสานนั่นเป็นคนบ้ากาม ถ้าเห็นว่านายรูปงามอย่างนี้ มันจะต้องทนไม่ได้แน่ๆ ให้คนขี้เหร่พวกนั้นลงไปก็พอแล้ว” เย่ฝานตอบกลับ

        หยางเฟย “…” คนขี้เหร่ เจ้าหมอนี่หมายถึงใครกัน!

        ไป๋อวิ๋นซี “...คนบ้ากาม เหมือนกับนายน่ะเหรอ?”

        เย่ฝานส่ายหน้า “ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันเป็นสุภาพบุรุษต่างหากล่ะ”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        “นายอยากกินถังหูลู่ไหม” เย่ฝานหยิบถังหูลู่ออกมาหนึ่งไม้

        ไป๋อวิ๋นซีมองกระเป๋าสะพายของเย่ฝาน แล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “กระเป๋าใบนี้ของนายไม่ได้ใหญ่สักเท่าไร แต่ใส่ของได้เยอะจัง!”

        เย่ฝานหัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไร กระเป๋าสะพายของเขามียันต์จัดเก็บข้าวของอยู่ในนั้นสองแผ่น เวลาหยิบของออกมาดูเหมือนว่านำออกจากกระเป๋า แต่แท้จริงแล้วนำออกมาจากยันต์ที่ว่านั่นต่างหาก

        “กระเป๋าสะพายของฉันใบนี้ดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่จริงๆ บรรจุของได้เยอะนะ!”

        ไป๋อวิ๋นซี “...เอามาสิ”

        “อะไรเหรอ?” เย่ฝานถาม

        “ก็ถังหูลู่ไง!” ไป๋อวิ๋นซีตอบกลับอย่างเย็นชา

        เย่ฝานแววตาเป็นประกาย ถามด้วยความดีใจว่า “นายอยากกินเหรอ?”

        ไป๋อวิ๋นซีเปล่งเสียงฮึมเบาๆ เย่ฝานมอบถังหูลู่ให้เขาอย่างมีมารยาท

        หยางเฟยมองไป๋อวิ๋นซีอย่างแปลกใจ เขาแอบคิดในใจว่าไปอวิ๋นซีเป็นคนหยิ่งทะนงมาแต่ไหนแต่ไร แต่เขากลับยินดีรับถังหูลู่จากเย่ฝานได้ มันช่างแปลกจริงๆ

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซี ก็เห็นว่าใบหน้าของเขาขาวซีด ไป๋อวิ๋นซีหันไปเห็นว่าเย่ฝานจ้องอยู่จึงเอ่ยถาม “นายจ้องฉันทำไม?”

        “นายเป็นยังไงบ้าง…” ตอนแรกเย่ฝานดูออกเพียงว่าไปอวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ จึงทำให้มีธาตุเย็นในร่างกาย แต่ครั้งนี้ได้เข้าใกล้ขนาดนี้ และพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว พลังหยินในร่างของไปอวิ๋นซียิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เย่ฝานรู้สึกว่าเขาไม่ได้มีแค่ร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่เท่านั้น

        “ร่างเทียนหยิน หรือว่านายเกิดในวันเดือนปีที่เป็นธาตุหยิน?” เย่ฝานถามด้วยเสียงต่ำลง

        ในอาณาจักรผู้ฝึกตนนั้น ผู้ฝึกตนหญิงที่มีร่างเทียนหยินมักเป็นที่หมายปองของผู้คน ผู้ฝึกตนที่ติดขัดในการฝึกเพื่อทะลวงขั้น หากได้ร่วมหลับนอนกับผู้ฝึกตนที่มีร่างเทียนหยิน คนผู้นั้นก็จะสามารถทะลวงจุดจินตันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นผู้ฝึกตนหญิงที่มีร่างเทียนหยินจึงเปรียบดั่งสิ่งล้ำค่าในอาณาจักรของผู้ฝึกตน

        ไป๋อวิ๋นซีจ้องมองเยฝ่านด้วยสีหน้าถมึงทึง ไป๋อวิ๋นซีร่างกายอ่อนแอ โรคภัยรุมเร้าตั้งแต่เล็ก บ้านตระกูลไป๋ย่อมต้องเชิญหมอมารักษาแล้วหลายคน เมื่อหมอหมดหนทางรักษา ก็ต้องจำใจเชิญนักพรตมารักษาด้วยเช่นกัน แม้จะเชื่อในเรื่องพวกนี้ได้ไม่สนิทใจก็ตาม

        ในบรรดาอาจารย์ที่เคยเชิญมานั้น มีอาจารย์ท่านหนึ่งได้บอกว่าไป๋อวิ๋นซีเกิดในวันเดือนปีที่เป็นธาตุหยิน เป็นร่างเทียนหยิน อาจารย์ชี้แนะให้แก้เคล็ดโดยให้เลี้ยงดูเขาอย่างเด็กผู้หญิง ทำให้ปู่ของเขาโมโหมาก

        อาจารย์ท่านนั้นยังกล่าวอีกว่ามีนักพรตชั่วร้ายมากมายที่ตามหาคนที่เกิดในวันเดือนปีที่พิเศษอย่างนี้ เพื่อจับคนเหล่านั้นมาสร้างเครื่องมืออวิชชา หรือไม่ก็ใช้เพื่อทำพิธีศาสตร์มืดมนตร์ดำต่างๆ ดังนั้นจึงให้ปู่ของเขาแก้ใบวันเดือนปีเกิดของเขาเสียใหม่ แล้วห้ามแพร่งพรายวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงของเขาให้ใครรู้ง่ายๆ

        “นายดูผิดแล้วล่ะ” ไป๋อวิ๋นซีพูด

        เย่ฝานเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ถูกต้องเหรอ? ฉันดูผิดไปเหรอ!”

        ไป๋อวิ๋นซีกัดถังหูลู่เลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไป

        เย่ฝานจ้องไปยังไป๋อวิ๋นซี ทำตากะพริบปริบๆ แล้วถามออกไป “นายจะนอนกับฉันไหม”

        ไป๋อวิ๋นซีตบหน้าของเย่ฝานหนึ่งฉาดพลางพูดว่า “ไอ้โรคจิต”

        เย่ฝาน “…”

        ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะอย่างดูแคลน แล้วมุดเข้าไปในเต็นท์


        เย่ฝานลูบใบหน้าของตนอย่างอดกลุ้มใจไม่ได้

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ชาติหน้าตอนบ่ายๆนายยังจะได้นอนกับเขาไหมเย่ฝาน 555555 อดเลย อดที่จะได้ขุมพลังลมปราณถ้าว่าได้นอนด้วย แต่ฝันไปก่อนนะ หรือบางทีอวิ๋นซีอาจมีเหตุต้องจำเป็นกะดะ 555

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 25 ล่าถอยจากสุสาน

        จางเหวินเทาเดินมาหาเย่ฝานและพูดขึ้นว่า “น้องชายกำลังจีบคุณชายไป๋อยู่เหรอ?”

        เย่ฝานตอบพลางถูใบหน้าของตน “ก็ใช่น่ะสิ! แต่เขาช่างเย็นชากับผมเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมีคนตามจีบผมตั้งหลายคนแท้ๆ” หลังจากที่มาถึงโลกใหม่นี้ เขาก็ไม่เป็นที่สนใจเหมือนแต่ก่อน ทั้งที่เขายังฉลาดหลักแหลมเหมือนเดิม แถมยังสามารถฝึกตนได้แล้ว

        “น้องชายช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” จางเหวินเทาคิดในใจ หากคุณปู่ตระกูลไป๋รู้ว่าเจ้าทึ่มนี่ตามจีบคุณชายไป๋ล่ะก็ แน่นอนว่าเจ้าหมอนี่คงโดนสั่งสอนไม่ใช่น้อย

        เย่ฝานเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางพูดว่า “คืนนี้แม้แต่แสงจันทร์ยังไม่ปรากฏให้เห็น เจอปัญหาใหญ่แล้วคราวนี้!”

        จางเหวินเท่าพยักหน้า กล่าว “ใช่! เกรงว่าอากาศวันพรุ่งนี้จะไม่สดใสซะแล้ว”

        เย่ฝานบ่นอย่างกลัดกลุ้มว่า “ไป๋อวิ๋นซีไม่อยากให้ผมนอนกับเขา ผมเองก็ไม่ชอบนอนเบียดกับคนอื่นในเต็นท์แบบนี้ เอาเป็นว่าไม่นอนก็แล้วกัน”

        จางเหวินเทา “…”

        เย่ฝานเม้มปาก เขาคิดว่าจะนั่งแบบนี้ทั้งคืน ที่แห่งนี้มีพลังปราณเพียงพอนับว่าเป็นสถานที่ฝึกตนที่มีฮวงจุ้ยเป็นเลิศ

        ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อยๆ นอกจากทหารลาดตระเวนไม่กี่นายกับเย่ฝาน คนที่เหลือต่างพากันนอนพักผ่อนกันหมด

        ขณะที่ไป๋อวิ๋นซีนอนหลับสนิทอยู่ในเต็นท์ ทันใดนั้นเสียงเพลงลึกลับก็ลอดเข้าไปในหู เขาพลิกตัวลุกจากที่นอนโดยไม่รู้ตัว เปิดเต็นท์แล้วเดินออกมาด้านนอก

        ระหว่างที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ ไป๋อวิ๋นซีก็เห็นหญิงสาวในชุดจีนโบราณยืนหันหลังให้เขา

        ไป๋อวิ๋นซีเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดจีนโบราณโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

        “ท่านพี่! ตามข้ากลับไปเถิด” มือขาวซีดของหญิงสาวยืดมาถึงเบื้องหน้าของไป๋อวิ๋นซี เขาขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับไป

        ไป๋อวิ๋นซีหรือคุณชายสามแห่งบ้านตระกูลไป๋ ไม่สนใจในนารีเพศ ยิ่งไม่ต้องตาในบุรุษ โดยปกติแล้วหากไม่ใช่คนที่สนิทสนมจริงๆ ก็ยากที่จะได้เข้าใกล้เขา

        ทันใดนั้นยันต์สายฟ้าฟาดก็ตกลงบนฝ่ามือของหญิงสาว เสียงกรีดร้องดังก้องอยู่ข้างหูของไป๋อวิ๋นซี เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ หญิงสาวเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นร่างผีดิบน่าสยดสยอง!

        เมื่อไป๋อวิ๋นซีเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของร่างนั้น เขาก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าวด้วยความตกตะลึง ไป๋อวิ๋นซีไม่เคยเห็นภูตผีมาก่อน พอได้เห็นร่างผีดิบในระยะประชิดเช่นนี้ จึงอดหวาดกลัวไม่ได้

        เย่ฝานเอาตัวขวางเบื้องหน้าไป๋อวิ๋นซี “เจ้ามีสวามีถึงสิบแปดคนแล้ว อย่ามากด้วยตัณหาราคะอีกเลย เขาคนนี้จะต้องลงเอยกับข้าในวันข้างหน้า”

        เสียงพิลึกพิลั่นของผีดิบดังขึ้น แต่ไป๋อวิ๋นซีได้ยินไม่ถนัดนัก

        “เจ้าทิ้งขว้างสวามีทั้งสิบแปดคนของเจ้า แล้วอยากได้เขาไปแทนที่ เจ้านี่มันชอบของใหม่เบื่อของเก่านี่นา! แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะไม่ยอมให้เขาไปกับเจ้าเด็ดขาด เพราะเขาคือภรรยาในอนาคตของข้า” เย่ฝานพูดพลางหัวเราะ

        ผีดิบยืดมือออกมาจับตัวไป๋อวิ๋นซีเอาไว้ได้ เย่ฝานชักดาบออกมาฟันไปที่ร่างของผีดิบ

        ไป๋อวิ๋นซีได้ยินเสียงดาบปะทะกันเป็นระลอก

        ผีดิบตนนั้นสะบัดเย่ฝานออกไป แล้วกระโจนใส่ไป๋อวิ๋นซี เย่ฝานขว้างยันต์สายฟ้าฟาดออกไปอีกห้าแผ่นเพื่อขัดขวางทางหลบหนีของผีดิบ

        ยันต์สายฟ้าฟาดระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของผีดิบตายซากนั่นก็ปริแตกเป็นรอยบาดแผลเต็มไปหมด ลำพังแค่เป็นผีดิบก็น่ากลัวแล้ว ยิ่งมีสภาพอย่างนี้ก็ยิ่งดูอัปลักษณ์เข้าไปใหญ่

        ไป๋อวิ๋นซีชักปืนที่พกไว้กับตัวออกมา จากนั้นยิงไปที่ผีร้ายตนนั้นจนเสียงดัง 'เปรี้ยง'

        เย่ฝานฉวยโอกาสนี้ ขว้างยันต์อีกห้าแผ่นเข้าไป

        ผีดิบในชุดจีนโบราณกรีดร้อง และหมุนตัวจากไปด้วยความโกรธแค้น

        “นั่นมันตัวอะไรน่ะ?” ไป๋อวิ๋นซีมองเย่ฝานพร้อมเอ่ยถาม

        “ผีดิบพันปี!”

        “ที่นายเคยบอกฉัน ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นน่ะสิ?” ไป๋อวิ๋นซีถามด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่มือยังสั่นไม่หยุด บ่งบอกได้ว่าในใจเขาตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เย่ฝานเคยบอกว่าเจ้าของสุสานเป็นพวกบ้าผู้ชาย เขาคิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ไม่คิดเลยว่า...

        เย่ฝานเหลือบมองไป๋อวิ๋นซีและตอบว่า “พลังหยินในร่างของนายเข้มข้นมาก ภูตผีปีศาจชอบร่างแบบนี้ที่สุด ประกอบกับสภาพภูมิประเทศของที่แห่งนี้เป็นจุดรวมพลังหยินที่เหมาะสำหรับผีดิบ พอนายเข้ามาใกล้บริเวณสุสาน ก็เลยโดนเล่นงานเอาง่ายๆ”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        จางเหวินเทาถือดาบไว้ในมือแล้วเดินเข้ามาใกล้ เย่ฝานมองเขาที่มีท่าทางตื่นตระหนกพลางเอ่ย “อาจารย์จาง คุณไปไหนมา!”

        “เมื่อครู่ฉันได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนกับมีภูตผีวนเวียนอยู่แถวนี้ ฉันก็เลยออกไปดู พอออกไปเท่านั้นแหละ ก็ถูกผีดิบกลุ่มหนึ่งพุ่งมาโจมตี ยังดีที่ผีดิบหญิงเจ้านายของพวกมันสั่งให้ล่าถอย ผีดิบพวกนั้นเลยรามือจากฉัน”

        “เรื่องนี้เริ่มจะยุ่งยากขึ้นแล้ว ฉันต้องรีบแจ้งไปที่สำนักงานของฉันแล้วล่ะ” จางเหวินเทาตอบ

        เย่ฝานพยักหน้าพร้อมกล่าว “ใช่ๆ คุณรีบไปแจ้งข่าวเถอะ”

        ผีดิบที่ออกมาจากหลุมฝังศพสามารถใช้พลังได้เพียงแค่หนึ่งถึงสองขั้นเท่านั้น ทำให้องค์หญิงนั่นสั่งให้เหล่าผีดิบล่าถอยไปก่อน เย่ฝานรู้กำลังของตนดี หากลงไปในสุสานซึ่งเป็นถิ่นของเหล่าผีดิบคงไม่ง่ายแบบนี้ คนที่ถูกฝังทั้งเป็นพร้อมกับองค์หญิงนั่นคงจะมีอยู่ไม่น้อย เขาเองที่ฝึกตนบรรลุขั้นที่สองแล้วก็ยังเกรงว่าหากต้องเข้าไปในสุสานจริงๆ ก็อาจเอาชีวิตไม่รอด

        ไป๋อวิ๋นซีถามด้วยความงุนงง “ด้านนอกเกิดเรื่องขนาดนี้ ทำไมคนอื่นๆ ถึงไม่รู้สึกตัวกันนะ?”

        “เพราะไอพลังของซากศพ เลยทำให้หลับใหลไม่ได้สติ” จางเหวินเทากล่าว

        “ไอพลังซากศพ มันร้ายแรงไหม?” ไป๋อวิ่นซีเอ่ยถาม

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีที่มีท่าทางกังวล จึงปลอบโยนว่า “นายวางใจเถอะ คนที่ร่างกายแข็งแรงอย่างมากก็แค่มีไข้ เป็นหวัด คนที่ร่างกายไม่พร้อมอาจจะป่วยหนักแต่ยังไงก็ไม่ถึงตายหรอก”

        “แล้วคุณตาของฉันล่ะ!” เซี่ยวฉืออายุมากแล้ว แถมสภาพร่างกายยังไม่สู้ดีอีก

        “คุณชายไป๋สบายใจได้ คุณตาของคุณได้หยกจากเย่ฝานไปแล้ว หยกนั่นมีพลังในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้เรื่องในสุสานคงต้องหยุดการเคลื่อนไหวไว้ก่อน”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ”

        ความจริงแล้วไป๋อวิ๋นซีไม่ได้สนใจสุสานแห่งนี้สักเท่าไร เป็นเพราะเซี่ยวฉือขอร้องให้เขามา จึงคิดว่าจะตามมาท่องเที่ยวเท่านั้น ทว่าเรื่องราวที่โดนผีดิบเล่นงานเมื่อคืนนี้ ทำให้เขาหยุดความคิดที่จะอยู่เที่ยวที่นี่ต่อ

        ไป๋อวิ๋นซีครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่กลัวว่าคุณตาจะไม่ยอมกลับน่ะสิ”

        “วางใจเถอะ เขาต้องยอมกลับแน่ๆ คนอื่นๆ ก็ป่วยกันหมด เขาคนเดียวจะดันทุรังอยู่ทำไม” เย่ฝานกล่าว

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        …

        วันรุ่งขึ้น คนในแคมป์ต่างนอนหลับจนตะวันโด่งจึงตื่นขึ้นมา ในเหล่าทหารสิบสองนายนั้นมีห้านายที่ล้มป่วย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยงานต่างก็ล้มป่วยเกือบทั้งหมด

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วเดินไปเดินมา ก่อนพูดขึ้น “แปลกจริงๆ คนหนุ่มสมัยนี้ทำไมถึงได้อ่อนแอนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะล้มป่วยกันไปหมด ดูซิคนแก่อย่างฉันยังสบายดี เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักออกกำลังกายไง ไม่ยอมออกกำลังกายกันซะบ้าง ตอนนี้ก็เลยมีสภาพแบบนี้ไงล่ะ”

        เซี่ยวฉือเห็นคนอื่นๆ ล้มป่วยทั้งที่ตัวเขาเองยังสบายดีก็เป็นห่วงคนเหล่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะคิดว่าถึงตนจะอายุมากแล้ว ก็ยังแข็งแรงกว่าคนหนุ่ม

        ไป๋อวิ๋นซีพูดอย่างจนใจว่า “คุณตา เพราะคุณตามีหยกปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายถึงไม่เป็นอะไรไงครับ...”

        เซี่ยวฉือกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ตาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหยกจะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยด้วย หลานงมงายกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        เซี่ยวฉือมองเหล่าชายฉกรรจ์ที่พากันล้มป่วยเหล่านั้นครู่หนึ่ง แล้วกลับมามองหยกในมือของตนก็เริ่มเคลือบแคลงใจ “ตารู้สึกว่าความมันวาวของหยกนี้ลดลงไปจากเดิม หรือว่าหยกนี้จะป้องกันเภทภัยให้กับตาจริงๆ”

         “น่าจะเป็นอย่างนั้น” ไป๋อวิ๋นซีเอ่ย

        จางเหวินเทาเดินไปอยู่เบื้องหน้าไป๋อวิ๋นซีพร้อมเอ่ย “คุณชายไป๋ เราต้องรีบถอนกำลังออกจากที่นี่ก่อน จะรอจนฟ้ามืดไม่ได้”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าตอบกลับ “เข้าใจแล้วครับ”

        ไป๋อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง มันทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่เป็นสุข

        เย่ฝานบอกว่าเขามีร่างเทียนหยินแฝงอยู่ เป็นผลดีกับเหล่าภูตผีปีศาจ คำพูดนี้นักพรตที่เคยรักษาอาการป่วยของเขาก็เคยกล่าวไว้ แม้ว่าเขาจะไม่เชื่ออย่างสนิทใจ แต่ก็เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย ในตัวของเย่ฝานมีความน่าอัศจรรย์อยู่หลายเรื่อง เขาไม่อาจละเลยคำพูดของเย่ฝานได้

        ไป๋อวิ๋นซีมองไปทางเย่ฝาน เห็นเขากำลังกินถังหูลู่อย่างสบายใจ ก็เกิดความรู้สึกยากจะบรรยายออกมา

        “นายก็เห็นแล้วว่าในทีมเรามีคนล้มป่วยอยู่ไม่น้อย คงจะไปต่อไม่ได้ แต่ว่าฉันได้แจ้งทีมกู้ภัยในพื้นที่แล้ว ให้พวกเขารีบส่งคนมาช่วยเรา” ไป๋อวิ๋นซีกล่าว

        จางเหวินเทาถอนหายใจพลางกล่าว “หวังว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึงเร็วพอนะ”

        …

        หยางเฟยนั่งอยู่ข้างกองไฟ บนตัวมีผ้านวมผืนหนึ่งคลุมไว้ เขาส่งเสียงดังว่า “หนาวจังเลย! ทำไมถึงได้หนาวอย่างนี้! ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายจะกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว ที่นี่มันแย่จริงๆ”

        หยางเฟยหนาวสั่นไม่หยุด ใบหน้าขาวซีด

        เย่ฝานเดินไปหยุดด้านหน้าของหยางเฟย เอามือเท้าเอวพลางพูดเหมือนซ้ำเติมว่า “หน้าตาของคุณดูเหมือนมีอาการไตบกพร่องนะ”

        หยางเฟยหัวเราะอย่างประหม่าพลางพูดว่า “คุณชายเย่ คุณนี่สุดยอดจริงๆ! หนาวขนาดนี้ คุณยังดูสดชื่นอยู่เลย”

        “แม้ที่นี่มีจะมีพลังหยินและไอพลังซากศพที่เข้มข้นไม่น้อย แต่มันก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก” เย่ฝานกล่าวอย่างภูมิใจ

        หยางเฟยพูดอย่างชื่มชมว่า “คุณชายเย่ ร่างกายคุณนี่แข็งแรงสุดๆ ไปเลย!”

        “แต่คุณดูแย่มากเลยนะ! เห็นว่าคุณน่าสงสารหรอกนะ งั้น อันนี้ผมให้คุณก็แล้วกัน” เย่ฝานมอบยันต์ปัดเป่าโรคภัยให้หยางเฟยหนึ่งแผ่น

        หยางเฟยถามอย่างสงสัยว่า “มันคืออะไรน่ะ?”

        “คุณเอามันตบไปที่อกให้ตรงกับหัวใจก็พอ” เย่ฝานกล่าว

        หยางเฟยรับยันต์มาแล้วตบที่อกตรงหัวใจ ยันต์แผ่นนั้นพลันสลายกลายเป็นฝุ่นไปทันที ในขณะเดียวกันความหนาวเหน็บในร่างกายพลันมลายไป ทำให้เขาสบายเนื้อสบายตัวไม่น้อย

        “เย่ฝาน ของที่นายให้ฉันคืออะไร! มันได้ผลดีมากเลย ให้ฉันอีกสักแผ่นได้ไหม” หยางเฟยกล่าว

        เย่ฝานอุทานเสียงฮึ พลันพูดว่า “ฝันไปเถอะ”

        หยางเฟย “…”

        จางเหวินเทาเดินมาหยุดอยู่ข้างเย่ฝาน “สหาย ยันต์ของนายไม่เลวเลยนะ!”

        ผู้คนในเขาหลงหู่ไม่ถนัดด้านการวาดยันต์ แต่ที่อวี่ชิงกวนกลับมีอาจารย์ด้านยันต์อักขระเกิดขึ้นมากมาย ในแต่ละปีเขาหลงหู่จะสั่งซื้อยันต์จากอวี่ชิงกวนจำนวนมาก ทำให้ระยะหลังๆ ยันต์ที่ทำออกมานั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ

        “คุณอยากได้ไหม? จ่ายสองแสนหยวนแล้วผมจะขายให้คุณ” เย่ฝานกล่าว

        หยางเฟยได้ยินราคาของยันต์ก็เบิกตาโตด้วยความตะลึง หนึ่งแผ่นสองแสนหยวน เมื่อครู่ที่เขาเอายันต์ตบลงไปก็เสียไปแล้วสองแสนหยวน เมื่อเขาคิดถึงคุณประโยชน์ของมัน จึงได้ตระหนักว่ายันต์นี้เป็นของล้ำค่าจริงๆ

        “สหายเย่ยังมียันต์ในมืออีกกี่แผ่นล่ะ!” จางเหวินเทากล่าวถาม

        “สิบแผ่น” เย่ฝานตอบกลับ

        “ฉันขอทั้งหมด” จางเหวินเทาพูด

        เย่ฝานคิดในใจว่าเจอลูกค้าใหญ่แล้วเรา ทั้งสองเจรจาธุรกิจอย่างราบรื่น เย่ฝานดูเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้น ก็หันไปมองหยางเฟยด้วยความเสียดายและพูดขึ้นว่า “ถ้ารู้ล่วงหน้าว่ามีคนต้องการซื้อยันต์ ผมก็คงจะไม่มอบยันต์ให้คุณใช้ฟรีๆ อย่างนี้หรอก”

        หยางเฟย “…”

        จางเหวินเทาหยิบนามบัตรส่งให้เย่ฝานพร้อมพูดว่า “คุณชายเย่ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไร ติดต่อฉันได้ทุกเมื่อ หากมียันต์ก็ขายให้ฉันได้”

        เย่ฝานมองจางเหวินเทาและตอบไปว่า “ได้ครับๆ!” ได้พบกับคู่ค้าที่จิตใจกว้างขวางขนาดนี้ ทำให้เขาอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง

        จางเหวินเทานำยันต์ปัดเป่าโรคภัยทั้งสิบแผ่นไปใช้กับผู้ที่มีอาการป่วย คนที่ได้ใช้ยันต์ไปแล้วจากที่ป่วยกระเสาะกระแสะก็ฟื้นคืนกำลังวังชา ไม่ต้องรอทีมกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ ทีมวิจัยโบราณคดีต่างช่วยกันพยุงตัวเดินออกจากพื้นที่นั้น


        งานสำรวจโบราณคดีในครั้งนี้ก็จบลงด้วยความล้มเหลว

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ได้ลูกค้าเพิ่มเป็นผลพลอยได้หรือเจตนาแอบแฝงแต่แรกที่คิดจะมาด้วย 5555 เรื่องจีบอวิ๋นซีเอาไว้ก่อน ขอหาลูกค้าก่อนนะ เงินๆทั้งนั้น ดูหน้าเลือดมากอ่ะเย่ฝาน 5555  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 26 เซี่ยวฉือมาเยือน


        ขณะที่เย่ฝานกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในโรงแรม ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

        “คุณตา ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ?” ผู้ที่เคาะประตูคือตาของไป๋อวิ๋นซี เขาคิดว่าอย่างไรเสียก็ควรเห็นแก่หน้าของไป๋อวิ๋นซี จึงต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยน

        พอเซี่ยวฉือเดินเข้าไปในห้องก็เห็นรอยยิ้มโง่ๆ ของเย่ฝาน “เธอกำลังตามจีบอวิ๋นซีอยู่หรือ?”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่แล้วครับ! พอผมเห็นเขา ผมก็รู้สึกชอบเขาขึ้นมาเลย”

        “นายรู้ไหมว่ามีคนชอบอวิ๋นซีตั้งมากมาย”

        “ผมจะจัดการพวกอ่อนหัดเหล่านั้นให้ราบคาบ และแสดงฝีมือที่แท้จริงของผมอย่างสุดความสามารถเลยครับ!” เย่ฝานพูดด้วยความมั่นใจ

        เซี่ยวฉือ “…”

        “นายก็รู้ดีว่าสุขภาพของอวิ๋นซีไม่สู้ดีนัก วันนี้ฉันเห็นยันต์ที่เธอขายให้อาจารย์จางมันใช้ได้ผลดีมาก ไม่รู้ว่ายันต์นั่นจะเป็นประโยชน์กับร่างกายของอวิ๋นซีหรือไม่”

        เย่ฝานส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “ปัญหาด้านร่างกายของอวิ๋นซี ยันต์นี้ช่วยไม่ได้ครับ”

        “ถ้าอย่างนั้นพอจะมีทางรักษาอีกไหม?” ก่อนหน้านี้มีนักพรตท่านหนึ่งเคยรักษาให้อวิ๋นซี เขาบอกว่าถ้าต่อไปยังหาวิธีรักษาให้หายขาดไม่สำเร็จ อวิ๋นซีอาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสามสิบปี

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วตอบกลับไป “ขอแค่ให้เขายอมหลับนอนกับผมก็พอครับ ร่างกายของเขามีธาตุหยินสูงมาก ส่วนร่างกายของผมเต็มไปด้วยพลังหยาง! ร่างเทียนหยินแบบเขา ถ้ามีสัมพันธ์กับหญิงสาวล่ะก็ ธาตุหยินจะยิ่งทวีคูณซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเขา มีแต่เสียกับเสีย แต่ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะหมกมุ่นกับกลิ่นอายของสตรีคนไหน อวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ แล้วยังเป็นร่างเทียนหยินอีก บางทีเขาอาจไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้อีกแล้ว!”

        “ไอ้คนสารเลว” เซี่ยวฉือลุกพรวดและจ้องเย่ฝานด้วยสายตาอาฆาต

        เย่ฝานถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมคุณตาถึงโมโหขึ้นมาล่ะครับ!”

        “ฉันคงสมองเลอะเลือนไปแล้ว ถึงได้มาทนฟังนายพูดจาเหลวไหลแบบนี้” เซี่ยวฉือด่าออกไปอย่างโกรธเคือง

        เย่ฝานมองเซี่ยวฉือและเอ่ยว่า “ผมไม่ได้พูดเหลวไหลนะ! ตาอย่าทำนิสัยเสียแบบนี้สิ ต่อไปถ้าอยู่ต่อหน้าอวิ๋นซี ตาต้องพูดดีๆ กับผมหน่อยนะ!”

        เซี่ยวฉือมองเย่ฝานอย่างหมดคำพูด ก่อนจะส่ายหน้าและเดินจากไป

        …

        เซี่ยวฉือเดินเข้ามาในห้องพักของไป๋อวิ๋นซี เขากำลังจัดของอยู่

        “คุณตา เป็นอะไรไปครับ? ดูเหมือนอารมณ์ไม่ดีเลย!”

        เซี่ยวฉือเอามือเท้าเอวและพูดด้วยความโมโหว่า “เมื่อกี้ตาไปหาเย่ฝานมา ไอ้สารเลวนั่นเอาแต่พูดจาเหลวไหล ตาไปหาเขาก็เพราะมีปัญหา แต่เขากลับพูดจาแย่ๆ แบบนั้น”

        “เขาพูดอะไรครับ?” ไป๋อวิ๋นซีเห็นท่าทีของเซี่ยวฉือแล้วก็ประหลาดใจ เพราะคุณตาของเขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด ทว่ากลับถูกเย่ฝานทำให้โกรธถึงขนาดนี้

        “เขาบอกว่าหลาน… ไม่อาจสืบสกุลได้ ไอ้ทุเรศ” เซี่ยวฉือกัดฟันพูดมันออกมา

        ไป๋อวิ๋นซีได้ฟังแล้วก็ก้มหน้า ไม่มีคำพูดออกจากปากของเขา

        เซี่ยวฉือเห็นสีหน้าของไป๋อวิ๋นซี ก็เกิดลางสังหรณ์ร้ายในใจ “อวิ๋นซี หลาน… คงไม่ใช่...”

        ไป๋อวิ๋นซีพูดออกไปอย่างไร้อารมณ์ว่า “คุณตา อย่าถามผมอีกเลย”

        เซี่ยวฉือสูดหายใจลึกๆ พร้อมกล่าว “หรือว่าที่เจ้าหมอนั่นพูดจะเป็นความจริง...”

        จู่ๆ เซี่ยวฉือนึกขึ้นได้ว่าไป๋อวิ๋นซีไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง เวลาทำงานหากมีหญิงสาวเข้ามาใกล้หวังจะแนบชิดหรืออยากใช้เรือนร่างในการไต่เต้า เขาก็จะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกจากงานทันทีและไม่มีวันจ้างงานต่ออีก ตอนนั้นเซี่ยวฉือไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่รู้สึกว่าหลานชายอาจจะไม่ชอบผู้หญิงฉวยโอกาสพรรค์นั้น ทว่าตอนนี้...

        เซี่ยวฉือเข้าใจเรื่องที่ผ่านมาได้ทันที ที่ไป๋อวิ๋นซีไม่สนใจในตัวผู้หญิงย่อมเป็นเพราะต้องการปิดบังปัญหาทางร่างกายของตนเอง

        “เขาพูดอะไรอีกไหมครับ?” ไป๋อวิ๋นซีถาม

         “เขายังบอกอีกว่า ถ้าหลานได้นอนกับเขาแล้วอาการป่วยจะหายดี” พอคำพูดนี้ออกจากปาก ตอนแรกเขาคิดว่าเย่ฝานพูดจาเหลวไหล จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาพูดจริงหรือไม่ แต่ถ้าสิ่งที่เย่ฝานพูดเป็นความจริง อย่างนั้นแล้ว...

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        …

        หยางเฟยเดินเข้าไปในห้องพักแล้วพูดขึ้น “เย่ฝาน ภารกิจขุดสุสานล้มเลิกไปแล้ว ต่อจากนี้นายวางแผนจะทำอะไรต่อ!”

        “ผมจะอยู่ที่นี่ต่อ” เย่ฝานตอบกลับไป

        หยางเฟยถามกลับอย่างสงสัย “จะอยู่ต่อ?”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่แล้ว”

        เดิมทีเย่ฝานคิดว่าไป๋อวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ แต่ตอนนี้กลับได้รู้ว่าเขายังเป็นร่างเทียนหยินอีกด้วย คราวนี้เย่ฝานคงไม่กล้าขอหลับนอนกับไป๋อวิ๋นซีเหมือนที่ผ่านมา เพราะถ้ามีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ดีไม่ดีเขาอาจถูกปราณเย็นเล่นงานจนแข็งตายได้

        เย่ฝานเห็นว่าบริเวณรอบๆ สุสานมีพลังปราณที่เข้มข้นมาก เขาคิดว่าจะขึ้นเขาไปเสาะหาสมุนไพรวิเศษที่ใช้ประโยชน์ได้

        “ทีแรกฉันนึกว่าเธอจะตามคุณชายไป๋ไปเมืองหลวงซะอีก” หยางเฟยกล่าว

        เย่ฝานยักไหล่แล้วพูดว่า “อืม ผมคิดว่าอยู่ห่างกันบ้างก็ดีเหมือนกัน ใกล้ชิดแบบนี้ตลอดจะทำให้เบื่อเอาง่ายๆ อีกอย่างผมรู้สึกว่าผมควรเพิ่มระดับความสามารถให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มเสน่ห์ในตัวเอง ถ้าผมกลายเป็นคนเจ้าเสน่ห์ล่ะก็ บางทีอวิ๋นซีอาจจะอยากแนบชิดกับผมก็ได้”

        หยางเฟยพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้องแล้ว! นายคิดอย่างนี้ได้ก็ดีแล้ว แต่สุสานนั่นมันทั้งลี้ลับและน่ากลัวมาก นายรู้ไหมว่าตอนอยู่บนเขา ฉันเหมือนกับมองเห็นผีเข้าจริงๆ...”

        เย่ฝานถามกลับด้วยความงุนงง “คุณเห็นอะไรนะ”

        “ฉันเห็นผู้หญิงสวมชุดจีนโบราณ ด้านหลังมีผีดิบจำนวนหนึ่งตามติดมาด้วย ชุดที่สวมใส่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องแต่งกายในสมัยราชวงศ์ฮั่น”

        เย่ฝานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “คุณคงจะเก็บเอาเรื่องกลางวันไปฝันกลางคืนมากกว่า”

        หยางเฟยพยักหน้าพลางพูดว่า “ก็คงจะใช่ แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่สุสานมันก็พิลึกจริงๆ นั่นแหละ ทหารในทีมพากันล้มป่วยเกือบทั้งหมด แต่คุณตากลับไม่เป็นอะไรเลย เออใช่สิ ยันต์ของนายมันยอดเยี่ยมมาก นายได้มาจากไหนเหรอ?”

        “อ๋อ ผมรู้จักกับยอดฝีมือคนหนึ่ง เขาบอกว่าถูกชะตากับผมก็เลยมอบยันต์ให้น่ะ” เย่ฝานตอบ

        หยางเฟยกล่าวชื่นชม “เย่ฝาน นายนี่โชคดีจริงๆ เลย! นึกไม่ถึงว่าจะรู้จักกับยอดฝีมือผู้มากความสามารถ”


        เย่ฝานหัวเราะแล้วตอบว่า “ใช่แล้วๆ! ผมนี่ช่างโชคดีจริงๆ”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โม้ตลอด 55 อวิ๋นซีจะหายมีชีวิตอยู่ได้นานก็ต้องนอนกับเขานะถ้ามันไม่มีวิธีอื่นแล้ว โดนปราณเย็นจนแข็งจับสั่นละเย่ฝาน 555555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 27 ความมหัศจรรย์ของเย่ฝาน


        ณ บ้านตระกูลอู่

        ถังหนิงมองอู่หาวเฉียงที่กำลังเล่นตัวต่อก่อนถามว่า “หาวเฉียง วันนั้นอาเล็กช่วยลูกออกมาได้ยังไง?”

        “หนวนหน่วนบอกผมว่า คุณอาเอาหนังสือการ์ตูนของผมมาทำเป็นมนุษย์กระดาษ แล้วให้มันหาตำแหน่งที่ผมอยู่ หลังจากเจอผมแล้วก็พาผมออกมาจากที่นั่น” อู่หาวเฉียงตอบด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

        “ไอ้มนุษย์กระดาษนั่นมันหน้าตาเป็นยังไงกัน!” ถังหนิงยังคงถามต่อ

        “มนุษย์กระดาษก็คือมนุษย์กระดาษ! แม่ครับ แม่ถามผมหลายรอบแล้วนะครับ”อู่หาวเฉียงตอบกลับอย่างหงุดหงิด

        ถังหนิงหัวเราะอย่างขวยเขินแล้วพูดว่า “ก็แม่เป็นคนขี้ลืม ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”

        อู่หาวเฉียงมองแม่ของตนด้วยความกังวล เขาพูดขึ้นว่า “แม่เพิ่งจะอายุเท่านี้แต่ความจำไม่ดีซะแล้ว แบบนี้น่าเป็นห่วงนะครับ!”

        ถังหนิงส่ายหน้าแล้วพูดอย่างจนใจ “พ่อของลูกน่าจะใกล้กลับมาแล้ว แม่จะออกไปดูสักหน่อย”

        “อาหนิง วันนี้เธอโทรไปหาฉันบอกว่าอาเฉียงเกิดเรื่อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกล่ะ” อู่ซือหานวางกระเป๋าเอกสารลงก่อนถามด้วยความเป็นห่วง

        “เรื่องครั้งนี้มันอาจฟังดูน่าตกใจนะคะ แต่ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น คือว่าวันนี้ฉันพาลูกออกไปข้างนอก ตอนที่เดินผ่านโรงพยาบาลสัตว์ มีหมาป่วยตัวหนึ่งหลุดออกมา มันทำท่าเหมือนจะเข้ามากัดอาเฉียง แต่ในตอนนั้นหยกที่อาเฉียงพกติดตัวก็เปล่งแสงจนหมาตัวนั้นกระเด็นออกไป คุณก็รู้ว่าหยกชิ้นนั้นเป็นของที่เย่ฝานให้ลูกเราไว้” ถังหนิงกล่าว

        ถังหนิงนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดในวันนี้ ในใจยังคงอกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่น้อย หมาตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่าๆ ในปากของมันเต็มไปด้วยฟันแหลมคม ถ้าลูกชายเธอโดนกัดเข้าจริงๆ อาจถึงขั้นขาขาดได้

        ตอนที่เย่ฝานมอบหยกชิ้นนั้นให้อู่หาวเฉียง แล้วอู่หาวเฉียงก็ถามเขาว่าถ้ารถจะชนเขารถจะกระเด็นหรือเปล่า แต่เย่ฝานตอบว่าหยกนี้ทำให้รถลอยขึ้นไม่ได้ หล่อนยังคิดว่าบทสนทนาของสองอาหลานฟังดูประหลาดนัก หยกจะทำให้รถลอยได้อย่างไร จนกระทั่งวันนี้ที่เธอได้เห็นกับตาว่า หยกนั่นทำให้หมาตัวใหญ่กระเด็นออกไปได้จริงๆ

        อู่ซือหานมองถังหนิงและถามกลับไป “เธอไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”

        “ฉันจะตาฝาดได้ยังไง หมาตัวนั้นลอยผ่านหน้าฉันไปเลย มันยังไม่ทันได้ชนกับอะไรก็กระเด็นออกไปแล้ว หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป ฉันก็สังเกตว่าความวาวของหยกก็ลดลงตามไปด้วย”

        อู่ซือหานขมวดคิ้วก่อนพูดขึ้นว่า “เย่ฝาน เจ้าหมอนั่นตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ถ้าเขากลับมาฉันจะลองถามเขาดู”

        “ฉันว่าเย่ฝานไม่ธรรมดาเลยนะคะ! คุณก็รู้ว่าเต่าของเย่ฝานตัวนั้น มันเป็นเต่าที่มีจิตวิญญาณ แถมยังกินจุอีกต่างหาก มันดูแตกต่างจากเต่าทั่วไป” ถังหนิงกล่าว

        อู่ซือหาน “…”

        ตั้งแต่เย่ฝานนำเต่ามาฝากไว้ อู่หาวเฉียงก็ดูแลเอาใจใส่มันอย่างดี เขาจะไปหามันทุกวันและยังป้อนอาหารให้อีกด้วย

        …

        ณ บ้านตระกูลไป๋ในเมืองหลวง

        “คุณปู่ครับ มีจดหมายที่ส่งมาพร้อมกับพระพุทธรูปหยกไหมครับ?” ไป๋อวิ๋นซีเอ่ยถาม

        ได้ยินไป๋อวิ๋นซีถามถึงจดหมายฉบับนั้น ไป๋ซื่อหยวนก็โมโหขึ้นมาทันที “หลานรู้ได้ยังไง? หลานเจอกับเจ้าหมอนั่นแล้วหรือ?”

        “เขาไปสุสานโบราณพร้อมกับผม” ไป๋อวิ๋นซีตอบ

        ไป๋ซื่อหยวนขมวดคิ้วพูดว่า “เจ้าหมอนั่น รู้จักฉวยโอกาสแท้ๆ”

        “คุณปู่ จดหมายล่ะครับ ขอผมดูหน่อย” ไป๋อวิ๋นซีกล่าว

        ไป๋ซื่อหยวนนำจดหมายออกมาส่งให้ไป๋อวิ๋นซีด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อเขาเห็นข้อความบนจดหมายก็ใจเต้นระรัว คิดไม่ถึงเลยว่าคุณปู่ขี้โมโหของเขาจะไม่ได้เผาจดหมายไร้ศีลธรรมนี้ทันทีที่ได้อ่าน

        ไป๋ซื่อหยวนเห็นปฏิกิริยาของไป๋อวิ๋นซีก็อดประหลาดใจไม่ได้ เมื่อหลานของตนอ่านจดหมายแล้วกลับไม่มีอาการโกรธจนเต้นเร่าๆ อย่างที่คาดไว้ “ถ้าเป็นอย่างนี้ แสดงว่าเขาเป็นคนเขียนใบสั่งยานั่นจริงๆ”

        ไป๋ซื่อหยวนพยักหน้าพลางกล่าว “น่าจะไม่ผิดแล้วล่ะ”

        ไป๋อวิ๋นซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูท่าทางแล้ว ผมคงจะติดค้างน้ำใจเขาในครั้งนี้จริงๆ”

        “อาซี! ใบสั่งยานั่นใช้ได้ผลไหม?” ไป๋ซื่อหยวนถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลางตอบ “ใช้ได้ผลดีนะครับ” หลังจากที่เขาใช้ยาตามใบสั่งยานั้น อาการนอนไม่หลับก็ดีขึ้น อาการหนาวเย็นในร่างกายก็ทุเลาลงกว่าเดิม

        ไป๋ซื่อหยวนมองไปยังไป๋อวิ๋นซี เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของเจ้าหลานชายคนนี้ได้

        …

        ณ บ้านตระกูลเซี่ยว

        คุณนายเซี่ยวมองเซี่ยวฉือที่เดินวนไปมาอยู่ในห้องรับแขก ก่อนพูดอย่างจนใจว่า “ฉันเห็นคุณเดินไปเดินมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ!”

        “วันนี้ตอนผมออกไปข้างนอก ไปเจอกับไอ้กุ๊ยคนหนึ่งเข้า! มันน่าต่อยสักทีจริงๆ” เมื่อกล่าวถึงเย่ฝาน เซี่ยวฉือก็เดือดดาลขึ้นมาทันที

        คุณนายเซี่ยวพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ถ้าไอ้อันธพาลคนนั้นมันทำตัวน่ารังเกียจนัก คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขาหรอกน่า”

        “ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเจ้าหมอนี่ถึงมันจะน่ารำคาญ แต่ก็ดูเหมือนเป็นคนที่มีความสามารถมาก!” เซี่ยวฉือกล่าว

        คุณนายเซี่ยวถามอย่างสับสนว่า “มีความสามารถ? เขามีวิชาความรู้มากอย่างนั้นหรือคะ?”

        เซี่ยวฉือโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก เขาไม่มีความรู้แถมยังดูเป็นคนพิลึกอีกต่างหาก มัวแต่คุยกับเธอคงจะไม่ได้การ ฉันจะต้องไปคุยกับตาเฒ่าไป๋สักหน่อย”

        คุณนายเซี่ยวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีเลยค่ะ ฉันจะฝากคุณเอาขนมไปให้อวิ๋นซีด้วย”

        เซี่ยวฉือพยักหน้ารับคำ “ได้สิ”

        …

        ณ บ้านตระกูลไป๋

        “ตาเฒ่าเซี่ยว นายอายุมากจนสมองมีปัญหาแล้วหรือไง?” ไป๋ซื่อหยวนมือสั่นระริก เขามองเซี่ยวฉือและพูดอย่างไม่พอใจ

        เซียวฉือที่พ่ายแพ้ไป๋ซื่อหยวนราบคาบจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นนายคิดว่าควรจะทำยังไง?”

        “ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ว่าตอนนี้มีไอ้บ้าคนหนึ่งบอกว่า ถ้าอวิ๋นซีอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องนอนกับมัน แต่นายกลับเชื่อมัน ขนาดคำพูดของคนบ้านายก็ยังเชื่อเหรอ?” ไป๋ซื่อหยวนพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        “แล้วฉันจะทำยังไงได้ล่ะ ไอ้บ้านั่นบอกว่าอวิ๋นซีมีสัมพันธ์กับผู้หญิงไม่ได้ อวิ๋นซีก็ยอมรับแล้วว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง นายคิดว่าฉันอยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ” เซี่ยวฉือข่มความโกรธไว้แล้วกดเสียงพูดให้ต่ำลง

        “นายรู้ได้ยังไงว่าที่หลานพูดเป็นความจริง อวิ๋นซีเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนนี่” ไป๋ซื่อหยวนกัดฟันพูด

        เซี่ยวฉือมองไป๋ซื่อหยวน เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หลายปีมานี้นายเห็นอวิ๋นซีสนิทสนมกับใครไหม?”

        ไป๋ซื่อหยวนตอบกลับว่า “เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกัน ยังไงตอนนี้อวิ๋นซีก็เพิ่งจะอายุสิบเก้า ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ สังเกตกันไป เรื่องนี้ยังไงก็ต้องฟังความคิดเห็นขออวิ๋นซี แล้วนายคิดว่าอวิ๋นซีสนใจเจ้าหมอนั่นไหมล่ะ?”

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “อวิ๋นซีเองก็เหมือนมีท่าทีที่เปลี่ยนไป”

        ตอนที่นั่งรถไปสุสานโบราณ เจ้าหมอนั่นใช้หยกแลกที่นั่งกับเขา ขากลับเขาก็รีบขึ้นไปนั่งที่เดิมแล้วเรียกให้อวิ๋นซีไปนั่งข้างๆ ซึ่งอวิ๋นซีเองก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

        “ไม่เหมือนเดิม? นายดูผิดไปหรือเปล่า อวิ๋นซีเป็นคนเข้าถึงยากจะตายไป” ไป๋ซื่อหยวนกล่าว

        เซี่ยวฉือพยักหน้าพร้อมเอ่ยว่า “ก็เพราะเป็นอย่างนี้ ฉันถึงได้กังวลไงล่ะ!”

        …

        ไป๋ซื่อหยวนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ก็เห็นว่าไป๋อวิ๋นซีกำลังจัดแจงยาสมุนไพรอยู่

         “หลานกำลังทำอะไรอยู่? สมุนไพรมากขนาดนี้จะส่งไปให้ใครงั้นเหรอ!” ไป๋ซื่อหยวนถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลางพูดว่า “ใช่ครับ!”

        ไป๋ซื่อหยวนดูเห็ดหลินจือที่มีรากสมบูรณ์และดอกใหญ่ รูปร่างคล้ายห่อสิ่วโอว[1] วางอยู่บนโต๊ะ ในดวงตามีประกายความสงสัยปรากฏขึ้น

        ไป๋ซื่อหยวนมองไป๋อวิ๋นซีพร้อมพูดว่า “หลานคงไม่ได้จะส่งของพวกนี้ไปให้เจ้าหมอนั่นหรอกนะ!”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมติดค้างน้ำใจของเขา ยังไงก็ต้องตอบแทนครับ”

        “ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องส่งของดีขนาดนี้ไปให้ก็ได้ ส่งแอปเปิลสองกล่องไปให้เขาก็พอ!” ไป๋ซื่อหยวนพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

        ไป๋อวิ๋นซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “มันดูไม่สมศักดิ์ศรีเลยครับ”

        ไป๋ซื่อหยวนพูดออกมาอย่างหุนหัน “ส่งของให้เจ้าหมอนั่น ยังจะต้องเอาศักดิ์ศรีอะไรอีก?”

        …

        ณ บ้านตระกูลอู่ในเมืองชาง

        อู่ซือหานเดินเข้ามาพร้อมกล่องหนึ่งใบ ถังหนิงมองอู่ซือหานแล้วถามว่า “ข้างในกล่องนี้คืออะไรคะ!”

        อู่ซือหานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่ากล่องนี้ส่งมาให้เย่ฝาน”

        ถังหนิงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ส่งให้เย่ฝาน? ใครกันที่ส่งของให้เขา!”

        ในตอนนั้นเอง อู่หาวเฉียงก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา “ของที่ส่งมาให้คุณอาเล็ก จะต้องเป็นของที่ดีมากแน่ๆ”

        “ถึงแม้พัสดุจะไม่ได้ลงชื่อผู้ฝาก แต่ว่ามันส่งมาจากเมืองหลวง” อู่ซือหานกล่าว

        ถังหนิงครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “จะเปิดดูสักหน่อยไหมคะ ถ้าเป็นของที่เน่าเสียได้ อาจต้องแช่เย็นเพื่อรักษาเอาไว้”

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ก็ดีเหมือนกัน”

        อู่ซือหานเปิดกล่องพัสดุ ทันใดนั้นก็ต้องตกตะลึงกับของที่อยู่ในกล่อง

        “นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็น...” ในกล่องมีโสมอายุมากกว่าร้อยปี เห็ดหลินจือและถั่งเช่า ทุกอย่างล้วนเป็นของดี

        “ราคาสมุนไพรทั้งหมดนี้รวมกันน่าจะมากกว่าสิบล้านหยวน บางคนมีเงินแต่ไม่อาจเสาะหามาครองได้ เย่ฝานไปผูกสัมพันธ์กับใครมานะ!” ถังหนิงเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

        “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รอเขากลับมาค่อยเอาของให้เขาก็แล้วกัน” อู่ซือหานตอบ

        อู่ซือหานเดิมทีไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่นอกจากเรื่องที่เย่ฝานช่วยอู่หาวเฉียงออกมาได้อย่างมหัศจรรย์แล้ว ก็ยังมีเรื่องที่หมาตัวใหญ่กระเด็นลอยไปต่อหน้าต่อตา มันทำให้มุมมองที่เขาเคยยึดมั่นมาตลอดเกิดสั่นคลอน

        ถังหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ค่ะ”

        …

        เย่ฝานพุ่งตัวเข้าไปในป่าโดยไม่มีทีมสำรวจโบราณคดีมาเป็นภาระเหมือนครั้งก่อน ทำให้การเดินทางของเย่ฝานสะดวกขึ้น

        เย่ฝานเดินวนในป่าได้หนึ่งรอบก็เก็บยาสมุนไพรวิเศษมาได้ไม่น้อย

        เมื่อความมืดมาเยือน เย่ฝานก็เดินมาถึงสถานที่ตั้งแคมป์ของทีมสำรวจโบราณคดีเมื่อครั้งที่แล้วพอดี

        ในตอนนั้นทีมสำรวจโบราณคดีรีบร้อนจากไป แม้แต่เต็นท์ก็ยังกางอยู่เหมือนเดิม เย่ฝานจึงตัดสินใจพักผ่อนในเต็นท์หลังเดิม

        กลางดึกสงัด เย่ฝานก่อกองไฟและย่างงูหนึ่งตัว

        “เจ้านี่มันช่างกำเริบเสิบสาน! เมื่อวานมาก่อกวนเรื่องดีๆ ของข้า วันนี้ยังจะกล้าโผล่หน้ามาอีก!” ผีดิบในชุดจีนโบราณปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตาของเย่ฝาน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยรอยบอบช้ำจนทำให้รู้สึกขวัญผวาเมื่อได้เห็น

        เย่ฝานมองผีดิบนั่นแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าเพียงแต่เห็นว่าที่นี่ฮวงจุ้ยไม่เลว กะว่าจะมาฝึกตนสักระยะหนึ่ง พวกเราต่างคนต่างอยู่ดีไหม?”

        “ต่างคนต่างอยู่งั้นหรือ? เจ้าเข้ามายุ่งเรื่องของข้า เข้ามาขัดขวางข้าแล้วยังกล้าพูดกับข้าว่าต่างคนต่างอยู่งั้นหรือ?”

        ทันใดนั้นกลุ่มควันสีดำก็รวมตัวกันจนกลายเป็นหัวกะโหลกและพุ่งไปทางเย่ฝาน หัวกะโหลกที่เกิดจากไอร่างผีดิบเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือด ความโกรธแค้นและความโลภ

        เย่ฝานยิ้มที่มุมปาก เขาไม่ได้หลบไปไหน ทันทีที่หัวกะโหลกนั้นพุ่งชนเย่ฝาน มันก็สลายเป็นฝุ่นไปในพริบตา

        ผีดิบในชุดฝ่ายในร้องโอดครวญ เย่ฝานเห็นดังนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริงๆ! กล้าใช้วิญญาณร้ายมาโจมตีข้า”

        ร่างของเย่ฝานแฝงด้วยวิญญาณธาตุเก้าสี กล่าวกันว่าเทพเจ้าเท่านั้นถึงจะมีได้ เมื่อวิญญาณทั่วไปเข้ามาโจมตี เย่ฝานจึงไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

        ผีดิบสาวในชุดจีนโบราณจ้องเย่ฝานด้วยความโกรธแค้นก่อนจะจากไป เย่ฝานตัดสินใจไม่ตามผีตนนั้นไป

        ฝ่ายตรงข้ามมีสิบแปดราชบุตรเขยคุ้มกัน หากเขาตามไปก็อาจโดนล้อมไว้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผีดิบองค์หญิงก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย คาดว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายสิบปีพลังจึงจะกลับมาดังเดิม เกรงว่าช่วงนี้นางคงจะไม่มาก่อกวนเย่ฝานอีก

        เย่ฝานมองไปยังทิศทางของสุสานโบราณ ในดวงตาเกิดประกายไฟแห่งความรุ่มร้อน เย่ฝานรู้สึกได้เลือนรางว่าในสุสานนั้นมีของบางอย่างที่เขาต้องการ แต่ว่าเขายังไม่กล้าเสี่ยงลงไปในสุสานตอนนี้





        ...

        [1] ห่อสิ่วโอว คือสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
วุ่นวายกันทุกตระกูลเพราะเย่ฝานคนเดียว

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 28 ผู้ป่วยที่ผู้อาวุโสโจวแนะนำ


        เย่ฝานฝึกฝนอยู่บนเขาไม่กี่วันก็กลับเข้าไปในเมือง

        สิ่งแรกที่เย่ฝานทำเมื่อกลับไปถึงเมืองชางคือ ไปบ้านตระกูลอู่เพื่อรับเต่าคืน!

        แต่เย่ฝานคิดไม่ถึงว่าจะมีอีกสิ่งหนึ่งที่รอเขาอยู่ หลังจากไปถึงบ้านตระกูลอู่

        “ของนี่ส่งมาจากเมืองหลวงเหรอครับ?” เย่ฝานดีใจจนออกนอกหน้า

        “ใช่ นี่ใบส่งพัสดุ แต่ผู้ส่งไม่ได้ลงชื่อไว้นะ!”

        เย่ฝานยิ้มหน้าบานแล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าใครส่งมา เขาเป็นคนหน้าบางไม่กล้าออกตัว แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ผมรู้ก็พอแล้ว”

        “คุณอาครับ ใช่อาสะใภ้หรือเปล่าครับ!” อู่หาวเฉียงดึงแขนเสื้อของเย่ฝานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

        เย่ฝานพยักหน้า เขาตอบกลับอย่างเบิกบานใจ “ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ เป็นอาสะใภ้ของนายนั่นแหละ อาของนายเป็นวีรบุรุษเข้าไปช่วยเหลือเขา อาสะใภ้ของนายเลยซาบซึ้งใจมาก”

        อู่หาวเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณอาเล็กเก่งที่สุดเลย!”

        “อาสะใภ้ของนายเป็นคนใจกว้างมากๆ” เย่ฝานพูด

        อู่หาวเฉียงพยักหน้า “ใจกว้างจริงๆ ครับ เพราะคุณพ่อและคุณแม่บอกว่าของในนั้นเป็นของดี สมุนไพรบางตัวถึงมีเงินก็ยังหาซื้อไม่ได้”

        เย่ฝานพูดอย่างดีอกดีใจว่า “เยี่ยมไปเลย อาสะใภ้ของนายช่างมีเมตตาและเข้าใจผู้อื่นจริงๆ! อาจะต้องจีบเขาให้สำเร็จให้ได้”

        ครั้งนี้ที่เขากลับมา เหตุผลหลักคือต้องการหลอมยาบำรุงปราณ

        ทว่าสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมยาบำรุงปราณล้วนราคาสูงลิ่ว เดิมทีเขาพยายามหาหนทางว่าจะทำอย่างไรดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนใจดีส่งมาให้ พอได้รับตัวยาซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญเหล่านี้แล้ว ตัวสมุนไพรเสริมอื่นๆ ก็สามารถไปหาซื้อได้ตามร้านขายยาจีนทั่วไปได้

        อู่ซือหานได้ยินบทสนทนาของเย่ฝานและอู่หาวเฉียงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

        อู่ซือหานพบว่าลูกชายของเขาและเย่ฝานพูดคุยกันถูกคอ แต่คำพูดที่ทั้งสองสนทนากันนั้น เขาเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

        “เย่ฝาน ของพวกนี้ไป๋อวิ๋นซีเป็นคนส่งมาเหรอ?” อู่ซือหานเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “อืม น่าจะเป็นเขาส่งมานะครับ แสดงว่าเขาสนใจในตัวผมแล้ว”

        อู่ซือหาน “…” นายแน่ใจเหรอ?

        “เป็นของดีทั้งนั้นเลย! ไม่เสียแรงที่เป็นคนที่ผมหมายปอง ใจกว้างมากๆ เลย” เย่ฝานพูดอย่างภาคภูมิใจ

        อู่ซือหาน “…” ถ้าคนที่ส่งของเหล่านี้มาคือไป๋อวิ๋นซีจริงๆ แสดงว่าเขาคงประทับใจในตัวเย่ฝานไม่น้อยเลยสินะ?

        “เย่ฝาน ถึงแม้ว่าประตูอะพาร์ตเมนต์ของนายจะซ่อมเสร็จแล้ว แต่ที่ตรงนั้นคนพลุกพล่านดูไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ฉันก็เลยมองหาบ้านพักหลังใหม่ไว้ให้นาย ระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่า แถมอยู่ในเขตหมู่บ้าน คนแปลกหน้าไม่สามารถเข้าไปได้ แล้วมีการดูแลความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัยด้วย” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานกะพริบตามองอู่ซือหานแล้วถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ “มอบให้ผม?”

        อู่ซือหานพยักหน้าพลางตอบ “ใช่ ฉันมอบให้นาย!”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานแล้วถามอย่างสงสัย “พี่ชาย ทำไมจู่ๆ ถึงใจดีกับผมแบบนี้?”

        “เย่ฝาน หยกที่นายมอบให้หาวเฉียงมันดูไม่เลวเลยนะ!” อู่ซือหานเอ่ยขึ้นด้วยความประหม่าเล็กน้อย

        เย่ฝานลูบหัวของอู่หาวเฉียงแล้วเอ่ยว่า “อืม หยกนั่นไม่เลวจริงๆ นั่นแหละ เอ๋ แต่เหมือนหยกนี่จะใช้พลังไปบ้างแล้วนี่ เซี่ยวเฉียง[1] นายโดนจับเรียกค่าไถ่อีกแล้วเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงส่ายหน้า “เปล่าครับ พอดีมีหมาตัวหนึ่งมันจะเข้ามากัดผม แต่จู่ๆ มันก็ลอยขึ้นแล้วกระเด็นออกไปเลยครับ อาเล็กรู้ไหมว่าอาน่ะเท่มากเลย!”

        เย่ฝานพยักหน้าและเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”

        ถังหนิงมองเย่ฝานก่อนถามด้วยความระมัดระวังว่า “น้องชาย! หยกนี่ถ้าเคยใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง ก็จะหมดพลังไปเลยหรือเปล่า?”

        เย่ฝานส่ายหน้า เขาตอบกลับไปว่า “ยังใช้ได้อยู่ครับ แต่ถ้าเมื่อไรที่แสงแวววาวหมดไปก็แสดงว่าใช้ไม่ได้แล้ว หยกนี่น่าจะยังใช้ได้อีกสองสามครั้งครับ” เย่ฝานมองอู่ซือหานแวบหนึ่ง พลันนึกขึ้นได้ว่าอู่ซือหานเป็นพวกต่อต้านไสยศาสตร์ เขาเลยเปลี่ยนคำพูดเป็น “ความจริงหยกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกครับ”

        ถังหนิง “…”

        อู่ซือหานถูกเย่ฝานมองก็รู้สึกว่าใบหน้าแดงก่ำ เขาเอ่ยว่า “อาฝาน หยกของเธอดูไม่เลวเลย บ้านตระกูลอู่เองก็มีสมาชิกอยู่หลายคน ถ้ายังไง...”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับ ผมจะทำให้พี่ชิ้นหนึ่ง”

        เย่ฝานครุ่นคิด อู่ซือหานมอบบ้านพักให้เขา เขาเองก็ควรตอบแทนกลับไปบ้าง ดังคำกล่าวที่ว่ามีคุณต้องทดแทน

        …

        ขณะที่เย่ฝานกำลังเตรียมตัวจะย้ายบ้าน เขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

        “ฮัลโหล ตาเฒ่าโจวนี่เอง! มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

        “เพื่อนเก่าของคุณหมดสติ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล! ในเมื่อถึงมือหมอแล้ว! จะโทรมาหาผมทำไมกัน?”

        “ขอแค่ทำให้คนไข้ฟื้นคืนสติได้ คุณก็จะให้เงินผมสิบล้านหยวนสินะ! งั้นดีเลย! แล้วผมจะรีบไป”

        หลังจากเย่ฝานวางสาย เขามองไปยังอู่ซือหานพลางพูดว่า “ลูกค้ามาแล้ว ตอนนี้ยังย้ายบ้านไม่ได้ ผมต้องไปโรงพยาบาลก่อน!”

        อู่ซือหานมองเย่ฝานแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “เย่ฝาน ตาเฒ่าโจวที่นายคุยด้วยคือผู้อาวุโสโจวหรือเปล่า?”

        “ก็พ่อค้าขายหยกเจ้าเล่ห์คนนั้นแหละครับ!” เย่ฝานตอบกลับ

        อู่ซือหาน “…” ถ้าอย่างนั้นก็คือผู้อาวุโสโจวนี่เอง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเชิญเย่ฝานไปรักษาสหายเก่าได้

        อู่ซือหานหัวเราะ “ฉันจะไปส่งนายเอง”

        เย่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ดีเลยครับ!”

        พอเย่ฝานเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ก็เห็นโจวจิ่นจือกำลังเดินไปมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน “เถ้าแก่โจว ถ้าผมทำให้คนไข้ฟื้นคืนสติได้ คุณจะให้ผมสิบล้านหยวนใช่ไหมครับ” เย่ฝานถามเข้าประเด็น

        อู่ซือหานทำตาโตมองเย่ฝานอย่างไม่สบอารมณ์ คิดในใจว่า เย่ฝานเจ้าโง่เอ๊ย มาพบคนอย่างโจวจิ่นจือทั้งที ยังไม่ทันจะสร้างความสัมพันธ์ก็จะเอาเงินจากเขาก่อนเสียแล้ว

        “อาฝาน จากชื่อเสียงของผู้อาวุโสโจว นายยังไม่เชื่อถืออีกเหรอ” อู่ซือหานตำหนิ

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “จะให้ผมเชื่อได้ยังไงกัน! ครั้งแรกที่ผมซื้อของจากเขา เขาก็คิดจะหลอกผมแล้ว”

        อู่ซือหาน “…”

        โจวจิ่นจือกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “จะให้ฉันโอนเงินให้นายสิบล้านหยวนก่อนเลยดีไหม!”

        “อย่างนั้นก็ดีสิ”

        โจวจิ่นจือ “…”

        อู่ซือหาน “…”

        “เย่ฝาน พวกเราเขาไปดูอาการของคนไข้ก่อนเถอะ” อู่ซือหานพูดประนีประนอม

        เย่ฝานพยักหน้าอย่างฝืนใจแล้วกล่าวว่า “ครับ”




…………………………………………………………………………………………………………..

       [1] เซี่ยวเฉียง เซี่ยวแปลว่าเล็ก ในที่นี้จึงหมายถึงเรียก ‘อู่หาวเฉียง’ ว่า ‘เฉียงน้อย’

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อย่าท้านะตาเฒ่าโจว 555555555

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
นับวันยิ่งทั้งงกทั้งหน้าเลือดนะเย่ฝาน 555  ฮาไม่ไหวแล้วค่ะแต่ละคน แต่ละตระกูลตลก ไปเปิดคาเฟ่เถอะ 555555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 29 ค่ารักษาพยาบาลห้าสิบล้านหยวน


        ทังหย่งจินกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง

        ในห้องผู้ป่วยมีหมอชื่อดังสองสามคนกำลังร่วมกันวินิจฉัยโรค เมื่ออู่ซือหานเห็นผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงก็ต้องตกตะลึง

         ผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงคือเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทังหย่งจิน ระยะนี้เขากำลังจะพัฒนาโครงการหนึ่งในเมืองชาง เหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองชางต่างหาโอกาสร่วมมือทางธุรกิจกับเขา

        อู่ซือหานคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอบุคคลผู้นี้ในสถานที่แบบนี้ เพราะคนบ้านตระกูลเย่และตระกูลเลี่ยวแต่งงานกัน ทำให้ตระกูลอู่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว หากได้ผูกสัมพันธ์กับทังหย่งจินก็จะเป็นเรื่องดีมากๆ

        “คุณหมอทุกท่านได้ผลวินิจฉัยแล้วหรือยัง?” โจวจิ่นจือถามหมอเหล่านั้น

        “ผลการตรวจยังไม่ชัดเจน คงต้องรอดูรายงานผลการตรวจก่อนนะครับ” หัวหน้าทีมแพทย์ตอบ

        โจวจิ่นจือหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมว่าคุณหมอทุกท่านกลับไปประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน เรื่องวิธีการรักษาก่อนดีกว่าครับ”

        เนื่องจากเข้าใจดีว่าวิธีการรักษาของเย่ฝานออกจะประหลาดอยู่บ้าง ดังนั้นโจวจิ่นจือจึงไม่ต้องการให้มีคนเห็นมากนัก

        “ก็ดีเหมือนกัน” หมอเหล่านั้นได้แต่มองหน้ากันแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วย

        “นายพกยันต์ปัดเป่าโรคภัยมาไหม?” โจวจิ่นจือหันไปถามเย่ฝานด้วยน้ำเสียงจริงจัง

        “คุณรู้เรื่องยันต์ปัดเป่าโรคภัยได้ยังไง” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “เซี่ยวฉือเป็นคนบอกฉัน” หลังจากเกิดเรื่องที่สุสานโบราณ เซี่ยวฉือก็สอบถามเรื่องของเย่ฝานจากโจวจิ่นจือ แล้วยังถามถึงยันต์ปัดเป่าโรคภัยอีกด้วย แต่ถึงแม้เซี่ยวฉือจะไม่เล่าเรื่องยันต์ปัดเป่าโรคภัยให้ฟัง เขาก็พอจะรู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

        อู่ซือหานขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพราะตอนที่เย่ฝานเปิดแผงลอยขายยันต์นั้น เขานึกว่าเย่ฝานคงจะหลอกขายของต้มตุ๋นผู้อื่น นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้อาวุโสโจวยังสนใจยันต์ของเย่ฝาน

        หลังจากที่อู่หาวเฉียงถูกลักพาตัว เขาเคยบอกว่าถ้าพ่อไม่โยนยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยของเขาทิ้งถังขยะ เขาก็คงไม่ถูกลักพาตัวไป ในเวลานั้นอู่ซือหานคิดว่าลูกชายของเขางมงายเกินไป ทำให้เขาสงสัยในตัวลูกชายอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เขากลับเสียใจที่ทำแบบนั้น

        เย่ฝานส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่มีแล้ว ผมขายยันต์แผ่นละสองแสนหยวนให้กับคนทรงเจ้าคนหนึ่งไปแล้ว ”

        โจวจิ่นจือ “…” ผู้มีความสามารถอย่างจางเหวินเทาแห่งเขาหลงหู่ ไม่ใช่พวกทรงเจ้าอะไรอย่างที่ว่า “ทำไมนายถึงขายไปถูกๆ อย่างนั้นล่ะ”

        “ทำไงได้ล่ะ! คนที่ดูของเป็นมีไม่มาก เลยไม่มีใครซื้อยันต์ของผม” เย่ฝานตอบด้วยความกลัดกลุ้ม

        อู่ซือหาน “…” เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ดูของไม่เป็นเหรอ?

        “ไม่มียันต์ปัดเป่าโรคภัย แล้วจะรักษายังไงล่ะ!” โจวจิ่นจือถามด้วยความกังวล

        เย่ฝานเปิดเปลือกตาของทังหย่งจินดูทั้งสองข้างแล้วพูดว่า “หมอนี่ถูกวางยาพิษ ยันต์ปัดเป่าโรคภัยยังไงก็รักษาไม่ได้”

        “ถูกวางยา เขาถูกวางยาได้ยังไงกัน?” โจวจิ่นจือถามด้วยสีหน้าหนักใจ

        เย่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ผมจะไปรู้ได้ยังไงกัน ผมไม่ใช่คนวางยาเขาสักหน่อย พิษที่เขาโดนเป็นพิษออกฤทธิ์ช้า น่าจะยังเหลือเวลาอีกระยะหนึ่ง”

        “แล้วพอจะมีทางช่วยไหม?” โจวจิ่นจือถาม

        เย่ฝานไม่ได้ตอบตรงๆ แต่กลับถามว่า “แค่ผมทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ คุณก็จะให้เงินผมใช่ไหม?”

        โจวจิ่นจือพยักหน้าตอบว่า “ใช่”

        “งั้นก็ไม่ยาก” เย่ฝานกรีดนิ้วมือของทังหย่งจินแล้วพยุงเขาขึ้นมานั่ง จากนั้นจี้ลงไปที่จุดเลือดลมบนร่างกายหลายจุด

        ปราณบริสุทธิ์ของเย่ฝานไหลเข้าสู่ร่างกายของทังหย่งจิน เลือดสีดำไหลออกจากรอยแผลบนนิ้วที่โดนกรีด สิ่งที่ตามมากับเลือดคือกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว

        โจวจิ่นจือเห็นเลือดสกปรกที่ออกมาตามรอยแผลที่นิ้วแล้ว ในใจพลันสะอิดสะเอียน

        “เดี๋ยวอีกสักพักเขาก็จะฟื้นขึ้นมา” เย่ฝานกล่าว

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วพูดว่า “แค่นี้ก็พอแล้วเหรอ?”

        “ตอนนี้พิษในร่างถูกขับออกมาบางส่วนแล้ว น่าจะฟื้นเร็วๆ นี้ แต่ว่าเขาได้รับพิษเป็นเวลานานเกินไป หลังจากฟื้นแล้ว ถึงจะไม่ได้สัมผัสกับพิษอีก แต่ก็คงจะอยู่ได้แค่สองสามปีเท่านั้น” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง “แล้วจะทำยังไงดี?”

        “ก็ต้องรีบส่งคนออกไปน่ะสิ! จะให้เขามาเกิดเรื่องตอนที่อยู่กับคุณไม่ได้” เย่ฝานพูด

        โจวจิ่นจือ “...”

        “แล้วถ้าให้นายรักษาให้หายขาดเลยคิดเท่าไร นายลองเสนอราคามาซิ!” โจวจิ่นจือกล่าว

        “ห้าสิบล้านหยวน!” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วพูดอย่างจนใจว่า “นายนี้มันฉวยโอกาสซ้ำเติมตอนที่คนอื่นเดือดร้อนจริงๆ”

        เย่ฝานหัวเราะอย่างใจเย็นพร้อมพูดว่า “ตาเฒ่าโจว คุณก็รู้ว่าผมกำลังจีบเมียอยู่ แล้วยิ่งเมียของผมเป็นคนชอบเงินด้วยแล้ว ถ้าผมไม่ขยันหาเงิน จะจีบสำเร็จได้ยังไง! นี่ถ้าไม่เห็นแก่ที่คุณเคยให้โอกาสผมก่อนหน้านี้ ผมจะเอาเงินจากคุณหนึ่งร้อยล้านหยวนเลย!”

        โจวจิ่นจือ “นายนี่มัน...”

        “ห้าสิบล้าน ฉันจ่าย” ทันใดนั้นชายชราผู้นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเฉียบคมดุจใบมีด

        เย่ฝานหันไปมองชายชราบนเตียงผู้ป่วย เขายิ้มอย่างสดใสแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า คุณนี้รู้ธรรมเนียมดีมาก! รู้ดีกว่าพ่อค้าขายหยกเจ้าเล่ห์คนนี้ซะอีก”

        อู่ซือหาน “…”

        ทังหย่งจินฝืนยิ้มออกมา เขาพูดว่า “งั้นเหรอ?”

        เย่ฝานรีบพยักหน้าแล้วตอบว่า “ก็ใช่น่ะสิ!”

        “ไม่ทราบว่าฉันถูกพิษจากอะไรกันแน่?” ทังหย่งจินถาม

        เย่ฝานครุ่นคิดแล้วตอบว่า “น่าจะเป็นพิษจากจื่อชิ่น เป็นพิษที่มักจะเจอบ่อยๆ จากของเก่าที่ขุดขึ้นมาจากสุสานโบราณ มันจะแทรกซึมไปทางผิวหนัง ถ้าคุณชอบเล่นของเก่า ก็น่าจะถูกพิษเอาได้ง่ายๆ”

        ทังหย่งจินหัวเราะและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง คงต้องรบกวนให้นายปรุงยาแก้พิษให้หน่อยนะ”

        “สำหรับเรื่องนี้! รบกวนคุณจ่ายค่ามัดจำมาก่อนได้ไหม ผมจะได้เอาเงินไปซื้อสมุนไพร!” เย่ฝานยิ้มอายๆ พร้อมถามเข้าประเด็น

        “ได้ เอาหมายเลขบัญชีของนายให้ฉันสิ”

        เย่ฝานขมวดคิ้วก่อนหันมามองอู่ซือหาน แล้วพูดกับเขาว่า “พี่ชาย ผมไม่ได้เอาบัตรมา ผมขอยืมหน่อยสิ”

        อู่ซือหานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณทังเป็นคนมีชื่อเสียง นายคิดว่าท่านจะไม่มีเงินสิบกว่าล้านหยวนให้นายเหรอ?”

        เย่ฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ชาย ขอยืมบัตรหน่อยสิ”

        ทังหย่งจินหัวเราะแล้วพูดกับอู่ซือหานว่า “คุณคงเป็นลูกชายตระกูลอู่ น้องชายคุณขอยืมบัตร คุณก็ให้เขายืมเถอะ”

        อู่ซือหานยิ้มพลางรับคำด้วยความประหม่า “ครับ”

        ทังหย่งจินโอนเงินห้าสิบล้านหยวนเข้าบัญชีของอู่ซือหานอย่างง่ายดาย เย่ฝานพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ผู้อาวุโสท่านนี้รู้ธรรมเนียมดีกว่าพ่อค้าเจ้าเล่ห์คนนี้ซะอีก คุณวางใจเถอะ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”


        ทังหย่งจินมองโจวจิ่นจือที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและพูดว่า “งั้นเหรอ ที่แท้ฉันรู้ธรรมเนียมดีกว่าพี่โจวซะอีก”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ค้าขายแบบนี้เย่ฝานนี่ร่ำรวยจริงๆ  แต่ก็นะ เพราะเก่งและบ้าแบบนี้ไง 555

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
555555555555ขำจนไม่รู้จะขำไงเเล้ว ขนาดนี้เเล้วคุณชายไป๋ต้องเเต่งด้วยเเล้วแหล่ะหาเงินเก่งอย่างนี้555555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2020 00:02:27 โดย PKT »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
เมียชอบคนรวย ต้องขยันหาตังค์ ขำไม่ไหว

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 30 เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์


        หลังจากเย่ฝานได้รับเงินแล้วก็จากไป อู่ซือหานรู้สึกไม่วางใจจึงตามเขาไปด้วย

        “นายมั่นใจไหม?” อู่ซือหานถามเย่ฝาน

        “มั่นใจอะไรครับ?” เย่ฝานถามกลับ

        “ก็เรื่องถอนพิษไง!” อู่ซือหานตอบ

        เย่ฝานตอบพร้อมหัวเราะ “นั่นมันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ผมรอบรู้เหตุการณ์ทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน มีความสามารถรอบด้าน แค่ปรุงยาถอนพิษก็ง่ายเหมือนยกมือเท่านั้นเอง”

        อู่ซือหานมองเย่ฝานและพูดอย่างไม่วางใจ “นายรู้ว่าไหมว่าเขาเป็นใคร เขาคือเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ทังหย่งจิน แค่เขาย่ำเท้า ทั้งวงการอสังหาริมทรัพย์ก็สั่นสะเทือนแล้ว”

        “เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์! ถ้าอย่างนั้นหมอนั่นก็มีเงินเยอะน่ะสิ ฉันน่าจะเรียกเงินมากกว่านี้หรือเปล่า” เย่ฝานครุ่นคิดขณะลูบคางของตน

        อู่ซือหานพูดอย่างจนใจ “นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าจะขอเงินเพิ่มดีไหม แต่นายควรจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา เพื่อผูกไมตรีอันดีนะ”

        เย่ฝานโบกมือปฏิเสธ “อืม ช่างเถอะ! เรื่องนี้มันยุ่งยากเกินไป พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมจีบภรรยาจนเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย ไม่มีกะจิตกะใจจะสร้างสัมพันธ์กับใครหรอก...”

        อู่ซือหานพูดอย่างคาดหวังว่า “นายต้องรู้นะว่าพวกเราทำผิดต่อคนคนนี้ไม่ได้!”

        “ทำไมผมต้องผิดต่อเขาด้วย?” เย่ฝานถามอย่างไม่เข้าใจ

        อู่ซือหาน “…”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมมีเงินแล้ว พวกเราไปย่านขายของเก่า เลือกซื้อเตาปรุงยากันดีกว่า!”

        อู่ซือหานถาม “ยาแก้พิษที่นายพูดถึง นายต้องปรุงเองเลยเหรอ?”

        เย่ฝานพยักหน้าตอบ “ก็ใช่น่ะสิครับ ไม่งั้นจะเอายาเม็ดจากที่ไหนล่ะ?”

        …

        หลังจากเย่ฝานจากไปไม่นาน หมอเหล่านั้นก็ทราบข่าวว่าถังหย่งจินฟื้นแล้ว พวกเขาต่างดีใจกันมาก

        ทังหย่งจินมองหัวหน้าทีมแพทย์แล้วถามว่า “คุณหมอจ้าว ผลตรวจเลือดของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

        จ้าวหานตอบว่า “คุณทัง ผลการตรวจเลือดของคุณปกติดีทุกอย่าง ที่หมดสติไปกะทันหัน อาจเป็นเพราะเกิดความผิดปกติที่หัวใจครับ”

        “งั้นเหรอ?” น้ำเสียงราบเรียบของถังหย่งจิน ก็พอจะทำให้หมอพวกนั้นรู้ตัวดีว่าต้องออกจากห้องไปเสีย

        เมื่อถังหย่งจินทำให้หมอเหล่านั้นออกจากห้องผู้ป่วยไปได้ ในนั้นก็เหลือเพียงทังหย่งจินและโจวจิ่นจือ “ตาแก่โจว เจ้าหนุ่มนั่นเป็นใครกัน!”

        “เขาไม่ใช่คนดีอะไรหรอก แต่มีความสามารถโดดเด่น” โจวจิ่นจือกล่าว

        จางเหวินเทาแห่งเขาหลงหู่ก็ดูจะชอบใจเย่ฝานไม่น้อย คนที่ฝึกฝนจากเขาหลงหู่ส่วนมากเป็นผู้มีความสามารถทั้งนั้น

        “เรื่องในครั้งนี้ต้องขอบคุณนายจริงๆ ไม่งั้นฉันคงแย่แน่ๆ” ทังหย่งจินก้มหน้า คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

         “นายนี่ก็เหลือเกินนะ ชอบจริงๆ เลยไอ้พวกของเก่าที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ของพวกนั้นจะว่าดีก็ดี แต่มันนำเรื่องวุ่นวายเข้ามาด้วยนี่สิ”

        โจ่วจิ่นจือพูดตำหนิ

        ทังหย่งจินหัวเราะแล้วพูดว่า “รู้แล้วน่า รอฉันกลับไป แล้วฉันจะจัดการกับของพวกนั้นเอง”

        …

        ณ บ้านพักของเย่ฝาน

        “พี่ส่งยาแก้พิษไปแล้วเหรอ?” เย่ฝานมองอู่ซือหานที่เดินเข้าบ้านมา แล้วถามอย่างเกียจคร้าน

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วถามว่า “ส่งไปแล้ว ยานั่นใช้ได้จริงๆ เหรอ?”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานแล้วหัวเราะพลางตอบ “วางใจเถอะพี่ชาย กินแล้วไม่ตายหรอก”

        อู่ซือหาน “…” เย่ฝาน เจ้าหมอนี่พูดจาแบบนี้แล้วจะให้เขาวางใจได้อย่างไร

        “นายกำลังทำอะไรอยู่?” อู่ซือหานถาม

        “ผมกำลังปรุงยาอยู่” เย่ฝานตอบ

        “นายคงจะไม่ได้เลียนแบบพวกพระราชาในสมัยก่อน ที่ชอบปรุงยาอายุวัฒนะ สุดท้ายก็กินยาจนตายด้วยน้ำมือของตัวเองหรอกนะ” อู่ซือหานพูดด้วยความกังวล

        เย่ฝานกวาดตามองอู่ซือหานแล้วพูดว่า “พี่ชาย พี่คิดมากเกินไปแล้ว พวกไร้ความสามารถแบบนั้นจะเอามาเทียบกับผมได้ยังไง!”

        ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น โทรศัพท์ของอู่ซือหานก็ดังขึ้น

        “คุณพ่อ มีเรื่องอะไรหรือครับ!”

        “อะไรนะครับ กลุ่มธุรกิจสกุลทังต้องการร่วมธุรกิจกับเรา”

        อู่ซือหานวางสายจากอู่โหวเซวียน สีหน้าของเขาเปี่ยมสุขในทันใด “น้องชาย คุณพ่อเจรจาโครงการที่เราจะร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสกุลทังสำเร็จ นี่เป็นเพราะนายแท้ๆ เลย”

        เย่ฝานพยักหน้าพร้อมพูดว่า “อ๋อ ถ้าอย่างนี้! อย่าลืมแบ่งเงินปันผลให้ผมด้วยนะครับ ผมยังต้องหาเงินไปแต่งเมีย”

        อู่ซือหานพยักหน้ารับคำ “ได้สิๆ ฉันไม่ลืมนายแน่”

        อู่ซือหานคิดในใจ ทังหย่งจินไม่ใช่คนที่ใครจะล้อเล่นกับเขาได้ ในเมื่อกลุ่มธุรกิจสกุลทังยินดีจะร่วมมือกับตระกูลอู่ อย่างนี้แสดงว่ายาของเย่ฝานใช้ได้ผล อู่ซือหานมองน้องชายของตนอย่างคาดไม่ถึง

        …

        ณ บ้านตระกูลเลี่ยว

        “คุณพ่อ เป็นอะไรไปคะ?” เลี่ยวถิงถิงเอ่ยถามหลังจากเห็นใบหน้าบอกบุญไม่รับของเลี่ยวเหอ

        เลี่ยวเหอส่ายหน้า ตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราเจรจาร่วมธุรกิจกับกลุ่มธุรกิจสกุลทังไม่สำเร็จ”

        เลี่ยวถิงถิงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เป็นไปได้ยังไงกัน ก่อนหน้านี้การเจรจาราบรื่นทุกอย่างไม่ใช่เหรอคะ? อีกอย่างประธานทังหย่งเหอก็รับปากแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะร่วมโครงการกับเรา?”

        “ทังหย่งเหอก่อเรื่องไม่ดีไว้ ตอนนี้ถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว” เลี่ยวเหอกล่าว

         “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? สองพี่น้องทังหย่งจินและทังหย่งเหอสนิทสนมกันมาก ทังหย่งจินจะฟังคำพูดของทังหย่งเหอเสมอไม่ใช่เหรอคะ?”

         “ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! จากความปรองดองกลายเป็นความแค้นในตระกูลใหญ่ มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทังหย่งเหอคงจะฝ่าฝืนข้อห้ามบางอย่างของทังหย่งจินก็เลยต้องเจอแบบนี้ แต่ที่น่าห่วงก็คือกลุ่มธุรกิจตระกูลทังตกลงร่วมธุรกิจกับตระกูลอู่แล้ว!”

        เลี่ยวเหอพูดด้วยความไม่พอใจ

        “ทำไมถึงเลือกตระกูลอู่?” เลี่ยวถิงถิงถาม

        “พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินว่าตระกูลอู่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสกุลทังครั้งนี้ พวกเขาเอื้อประโยชน์ให้ตระกูลอู่มากเลยทีเดียว กำไรที่ได้ก็จะมอบให้พวกตระกูลอู่เป็นส่วนใหญ่!” เลี่ยวเหอพูด

        เลี่ยวถิงถิงพูดด้วยความแปลกใจ “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?”

        ตระกูลเย่และตระกูลเลี่ยวเดิมทีคิดจะโค่นตระกูลอู่ หากกลุ่มธุรกิจสกุลทังให้การสนับสนุนตระกูลอู่ แผนการนี้ของพวกเขาคงถึงคราวต้องคว้าน้ำเหลว

        เลี่ยวเหอส่ายหน้า พูดว่า “เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ถิงถิง ลูกรู้เรื่องเย่ฝานมากน้อยแค่ไหน?”

        เลี่ยวถิงถิงพูดอย่างไม่พอใจ “คุณพ่อพูดถึงไอ้สวะนั่นทำไมกันคะ?”

        “เจ้าหมอนั่นพักนี้แปลกๆ ไป” เลี่ยวเหอกล่าว “เจียงไห่หลินกับเฉียนอวี้สนิทสนมกับเขา เรื่องนี้ยังไม่เท่าไร แต่ว่าผู้อาวุโสโจวเหมือนจะให้ความสำคัญกับเขามาก พ่อได้ข่าวมาว่าที่กลุ่มธุรกิจสกุลทังร่วมมือกับตระกูลอู่ในครั้งนี้ สาเหตุหลักๆ ก็เพราะเย่ฝานด้วยเหมือนกัน”

        เลี่ยวถิงถิงพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “คุณพ่อได้ยินมาผิดหรือเปล่าคะ?”

        เลี่ยวเหอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พ่อก็หวังว่าจะได้ยินมาผิดเหมือนกัน ลูกจำเรื่องที่อู่หาวเฉียงถูกลักพาตัวก่อนหน้านี้ได้ไหม ตอนนั้นก็เป็นเย่ฝานที่เป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ บางทีเจ้าหมอนี่อาจเก็บงำความสามารถของตนมาตลอด”

        …

        เย่ฝานอยู่ที่บ้านพักใช้ฟันกัดด้ามปากกา ใบหน้าแสดงออกถึงความยุ่งเหยิง

        อู่หาวเฉียงมองดูเย่ฝานแล้วพูดว่า “คุณอาเป็นอะไรไปครับ!”

        “อากำลังคิดว่าจะเขียนจดหมายให้อาสะใภ้ยังไง!”

        อู่หาวเฉียงครุ่นคิดพลางพูดว่า “ผมว่าเขียนไปยังไงก็ได้มั้ง อาครับ ยานี่จะส่งให้อาสะใภ้เหรอครับ?”

        เย่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ถูกต้อง! อาสะใภ้ของนายร่างกายไม่แข็งแรง มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ก็นับว่าเก่งแล้ว!”

        “คุณอาครับ เมื่อไรคุณอาจะปรุงถั่วเคลือบน้ำตาลให้ผมกินบ้าง!” อู่หาวเฉียงถาม

        “ไปๆ อย่าพึ่งมากวนอา ยาดียังไงก็ตามแต่ถ้ากินบ่อยๆ ก็เกิดโทษได้ ยาน่ะจะกินเรื่อยๆ ไม่ได้นะ”

        “คุณอา มีคนมาครับ”

        เย่ฝานมองออกไปนอกบ้าน ก็เห็นโจวจิ่นจือและทังหย่งจินเดินตามกันเข้ามาที่บ้านของเขา

        พอโจวจิ่นจือมาถึงก็เห็นขวดยาวางอยู่บนโต๊ะและยังมีจดหมายที่เขียนได้เพียงครึ่งฉบับ จดหมายนั้นเริ่มต้นว่า ‘อาซีทีรัก หนึ่งวันไม่พบพาน ประหนึ่งห่างกันสามฤดูใบไม้ร่วง สามวันไม่พบพาน คะนึงหาจนแทบคลั่ง’ ข้อความที่เห็นทำให้โจวจิ่นจือหมดคำพูดไปทันใด

        “คุณชายเย่จะส่งของไปให้คุณชายไป๋งั้นหรือ”

        เย่ฝานพยักหน้ารับ “ใช่ครับ เขาส่งของแทนใจมาให้ผม ผมต้องส่งกลับคืนไปบ้างครับ!”

        “คุณชายไป๋ส่งของแทนใจให้นายหรือ?” โจวจิ่นจือพูดด้วยความสงสัย

        เย่ฝานพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ถูกต้อง เขาส่งสมุนไพรล้ำค่ามาให้ผมครับ”

        โจวจิ่นจือ “…”

        ทังหย่งจินถามด้วยความสงสัย “คุณชายเย่รู้จักคุณชายไป๋ด้วยเหรอ?”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วบอกว่า “ใช่ครับ! ผมเคยเจอกับคุณตาของเขาแล้ว!”

        โจวจิ่นจือส่ายหน้าพลางคิดในใจว่า เย่ฝาน… เจ้าหมอนี่พูดอย่างกับตนเป็นคู่รักกับคุณชายไป๋แล้ว แถมยังไปพบผู้ปกครองฝ่ายโน้นมาแล้วด้วย

        ทังหย่งจินได้ยินคำตอบของเย่ฝาน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งในตัวอีกฝ่าย

        “คุณอาโจว ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ!” เย่ฝานถามอย่างไม่ใส่ใจ

        “ความจริงแล้ว เป็นตาเฒ่าทังต่างหากที่อยากเจอนาย” โจวจิ่นจือกล่าว

        เย่ฝานหันไปทางทังหย่งจิน กลอกตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “ร่างกายของคุณคงจะหายดีแล้วนะ!”

        ทังหย่งจินหัวเราะพร้อมพูดว่า “ก็เป็นเพราะคุณชายเย่ช่วยฉันไว้ ไม่รู้ว่าคุณชายเย่สนใจอยากดูสมบัติที่ฉันสะสมไว้ไหม พอดีตอนนี้กำลังจะปล่อยของเก่าเพิ่มอีกบางส่วน หากคุณชายเย่ต้องตาชิ้นไหนก็เอาไปสักชิ้นสองชิ้นสิ”

        เย่ฝานมองทังหย่งจิน ก่อนหัวเราะแล้วพูดว่า “ดีเหมือนกันครับ!” ไม่ต้องลงทุนอะไรกลับได้ของมาครอบครอง ทังหย่งจินเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ของที่มีอยู่ในมือจะต้องเป็นของดีแน่ๆ  

        เย่ฝานมองโจวจิ่นจือกลับและพูดว่า “เพื่อนของคุณอาคนนี้ รู้ธรรมเนียมดีกว่าคุณอาซะอีก คุณอาควรจะเรียนรู้จากเขาให้มากนะ!”

         โจวจิ่นจือ “…”

        “ยานี่นายจะมอบให้คุณชายไป๋ใช่ไหม งั้นให้ฉันช่วยนายเอาไปให้ดีไหม?” โจวจิ่นจือถาม

        เย่ฝานพยักหน้ารับคำ “มันก็ได้อยู่หรอก แต่ผมยังเขียนจดหมายไม่เสร็จเลย”

        “จดหมายเขียนแค่นี้ก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรมากมาย” โจวจิ่นจือพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        “งั้นเหรอครับ?” เย่ฝานถามด้วยความสงสัย

        โจวจิ่นจือหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ” ยังไงคุณชายไป๋ก็ไม่อ่านจดหมายที่นายเขียนอยู่แล้ว

        …

        เย่ฝานพาอู่หาวเฉียงเดินตามโจวจิ่นจือและทังหย่งจินออกไป ขณะกำลังเดินออกมาจากบ้านพัก เขาก็เห็นเฉียนอวี้มาเยือน

        “คุณชายเฉียน นายมาหาฉันเหรอ!”

        เฉียนอวี้เห็นโจวจิ่นจือและทังหย่งจินก็รู้สึกคาดไม่ถึง เขารีบเข้าไปทักทายคนทั้งสองทันที

        “คุณชายเย่ เอ่อคุณ...”

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้แวบหนึ่ง จากนั้นชี้ไปที่ทังหย่งจินและพูดว่า “เถ้าแก่คนนี้เขาจะมอบของให้ฉัน ฉันก็เลยจะไปกับเขาด้วย ถ้านายมีธุระกับฉันล่ะก็ เอาไว้ค่อยมาวันหลังนะ”

        เฉียนอวี้มองทังหย่งจินแล้วหันไปมองเย่ฝาน เขารีบกล่าวว่า “พวกคุณเชิญตามสบายครับ”

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานที่ค่อยๆ เดินไกลออกไปพลางทอดถอนใจ

        ครั้งก่อนตอนที่บุกเข้าไปช่วยอู่หาวเฉียงพร้อมกับเย่ฝาน เขาก็รู้ดีว่าคนอย่างเย่ฝานจะต้องกลายเป็นคนมีชื่อเสียงสักวัน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานจะก้าวกระโดดได้เร็วขนาดนี้ ข่าวที่ได้รับจากบ้านตระกูลเฉียงแม่นยำจริงๆ ก่อนจะมาที่นี่เฉียนอวี้ก็ทราบแล้วว่ากลุ่มธุรกิจบ้านสกุลทังได้ตัดสินใจร่วมธุรกิจกับตระกูลอู่ เฉียนอวี้ได้เห็นสถานการณ์เมื่อครู่ เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดตระกูลทังจึงเปลี่ยนใจ

        ก่อนหน้านี้ตระกูลเลี่ยวหวังจะได้ร่วมธุรกิจกับตระกูลทัง พวกเขาลงทุนไปไม่น้อย ตอนนี้ดูท่าทางคงจะคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว


        เลี่ยวเหอมั่นใจว่าตนเองมองคนถูก แต่ครั้งนี้เกรงว่าคงจะมองผิดไป เขาสลัดเย่ฝานทิ้งแล้วหันไปเลือกเย่จื้อเจ๋อ อีกหน่อยหากเย่ฝานเจริญก้าวหน้า เขาคงจะเสียดายจนแทบกระอักเลือด

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :pig4: สนุกดีจ้า แหมะ หมั่นไส้ความมั่นหน้าและความเก่งกล้าของเฮียเขาจริงๆ เราจะรอชมการจีบน้องซีว่าจะสำเร็จเมื่อไร คนอะร๊ายย เก๊ง เก่ง เน๊าะ  :m20:

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
จบเล่ม 1 ที่ให้อ่านฟรีแล้ว
จะมีลงต่อรึเปล่านะ

 :catrun:


ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
คงจะเป็นยังงั้นแหละ กระอักเลือดชิบๆ 55 ของฟรีของดีของถูก เย่ฝานไม่พลาด ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโต โอ้วว้าววว ร่ำรวยไปหน้า แต่ว่านะโคตรเสี่ยวเลยเขียนจดหมายหาอาซี หน้าไม่ให้เลยอ่ะ 55555

ออฟไลน์ Jackson98

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สิ่งนี้จะทำให้คุณสนใจอย่างแน่นอน - https://mmo.tc/NrLB
  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด