พิมพ์หน้านี้ - [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Kawebook.com ที่ 14-04-2020 11:27:49

หัวข้อ: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 14-04-2020 11:27:49
สวัสดีจ้าเพื่อน ๆ รบกวนอ่านข้อตกลงด้านล่างก่อนนะ
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


____________________________________________



ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥


เล่มที่ 1 ตอนที่ 1 อัจฉริยะเกิดใหม่


        ณ ห้องผู้ป่วยที่เงียบและวังเวง กลิ่นยาฆ่าเชื้อลอยฟุ้ง

        นอกห้องผู้ป่วย พยาบาล 2 คนที่เข้าเวรกำลังคุยสัพเพเหระกันอยู่

        “คุณชายในห้องพิเศษหล่อมากเลยนะ”

        “หล่ออะไรล่ะ เขาเป็นโรคจิตละสิไม่ว่า กำลังจะหมั้นอยู่แล้ว ยังออกไปเที่ยวผู้หญิง เพิ่งถูกจับได้จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวใหญ่โตเชียวล่ะ”

“ได้ยินว่าถูกจับมาเพราะเล่นยา ลูกคนมีเงินก็เป็นอย่างนี้แหละ!”

        …

        เย่ฝานนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยกลอกตาไปมา ไม่เข้าใจว่าตนเองมาอยู่ในร่างของคนที่มีชื่อแซ่เหมือนกันได้อย่างไร

         เย่ฝานเกิดในสำนักที่มีบิดาเป็นผู้อาวุโส มีปู่เป็นเจ้าสำนักเมฆครามในอาณาจักรชางเสวียน พี่ชายเป็นศิษย์ผู้ยอดเยี่ยมและเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สอง

        ตอนที่เย่ฝานเกิดได้ปรากฏเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้น มีดาวจื่อเหวยตกลงมาจากท้องฟ้า ทั่วทั้งสำนักสั่นสะเทือน ทุกคนต่างก็เชื่อว่าเย่ฝานจะสามารถฝึกฝนจนเป็นอัจฉริยะได้

        น่าเสียดายที่ตอนอายุ 5 ขวบ เย่ฝานได้ทดสอบรากวิญญาณ แต่ปรากฏว่าเขาไม่มีรากวิญญาณอยู่เลย

        ลิขิตฟ้ามักเล่นตลกกับคนอยู่เสมอ แม้เขาจะไม่มีรากวิญญาณ แต่ร่างกายกลับมีวิญญาณธาตุเก้าสี

        ผู้ที่มีวิญญาณธาตุเก้าสีในโลกของผู้ฝึกตนล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นด้านการปรุงยา ด้านตีเหล็ก ด้านอักขระ ด้านกลยุทธ์หรือด้านฝึกสัตว์ แต่เสียดายที่เขามิอาจฝึกตนได้ เมื่อไม่สามารถฝึกตนได้หลังจากผ่านไปร้อยปีร่างก็จะสลายไปตามกาลเวลา ไม่ว่าสิ่งใดล้วนต้องกลับสู่ความว่างเปล่า

        เย่ฝ่านโชคดีที่เกิดในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อของเขามิได้ทอดทิ้งเขาเพียงเพราะเขาไม่สามารถฝึกตนได้

        แม้เขาจะมิอาจฝึกตนได้ แต่สามารถเข้านอกออกในหอตำราของสำนักได้อย่างอิสระ ในเวลาไม่กี่ปีเย่ฝานก็อ่านตำราของสำนักจนหมด จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฏี

        คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาช่วยขจัดปัญหาของเจียงหานจูผู้เป็นแม่ ทำให้นางกลายเป็นผู้อาวุโสขั้นจินตันได้  คำพูดของเขาได้ช่วยทลายพันธนาการในการปรุงยาให้กับผู้อาวุโสปรุงยาประจำสำนัก ทำให้ผู้อาวุโสท่านนั้นปรุงยาได้สำเร็จมากขึ้น 2 เท่า และคำชี้แนะของเขาทำให้พี่ชายเย่ฉี่เสียน สำเร็จเคล็ดวิชาเก้ากระบี่

        ทว่าเมื่อเขามิอาจฝึกตน อย่างไรก็เป็นผู้อ่อนแออยู่ดี แค่เพียงออกไปพบคู่หมั้นเพื่อถอนหมั้น กลับถูกดึงเข้าไปในวงล้อมการต่อสู้ของนักพรตสองคนและตายจากผลพวงของการต่อสู้นั้น

        เย่ฝานนอนอยู่บนเตียงยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น การฝึกตน ต้องนำให้ลมปราณไหลเวียนไปยังจุดตันเถียน การเริ่มขั้นตอนนี้เขาลองมาหลายพันครั้งในชาติที่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ทว่าในสภาพที่ไร้ลมปราณเช่นนี้เขากลับทำสำเร็จได้

        เย่ฝานขมวดคิ้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า ที่แห่งนี้พลังปราณอ่อนจริงๆ แต่ขอเพียงสามารถฝึกลมปราณได้ คงจะขออะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

        เย่ฝานหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา เวลาห้าวันที่ผ่านไป เพียงพอให้เย่ฝานเรียกความทรงจำจากร่างเดิมกลับคืนได้ทั้งหมด

        ร่างเดิมของเขาไม่อาจพูดว่าไม่โดดเด่น ในเมืองชางเฉิง มี 4 ตระกูลใหญ่ได้แก่ ตระกูลเย่ ตระกูลอู่ ตระกูลเลี่ยวและตะกูลเกา พ่อของเย่ฝานเป็นคนตระกูลเย่ ส่วนแม่เป็นคนตระกูลอู่ ตามหลักแล้วตระกูลใหญ่ดองกันเย่ฝานควรจะมีฐานะสูงส่ง แต่เขากลับเคราะห์ร้าย แม่ของเย่ฝานเสียชีวิตตอนที่คลอดเขา ตระกูลอู่คิดว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้แม่ตายจึงปฏิบัติต่อเขาไม่ดีนัก ตอนเย่ฝานอายุหนึ่งขวบ พ่อของเขาพาน้องชายที่อายุน้อยกว่าไม่มากเข้ามาในบ้าน พี่ใหญ่อย่างเย่ฝานจึงถูกเลี้ยงดูด้วยแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก

        ถึงแม้ว่าต่อหน้าแม่เลี้ยงจะดีกับเย่ฝาน แต่ลับหลังกลับแอบสร้างเรื่องอยู่ตลอด เช่นคดีเที่ยวผู้หญิงในครั้งนี้ เย่ฝานไปร่วมกินเลี้ยงตามคำเชิญยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่กลับถูกจัดฉากให้เข้าไปอยู่ในห้องของหญิงสาวที่ถูกทารุณกรรม จึงถูกตำรวจจับไปในที่สุด

        อันที่จริงเจ้าของร่างเดิมเสียชีวิตเพราะกินยานอนหลับ แต่ไม่รู้ทำไมจึงถูกลือว่าเป็นเพราะเล่นยาได้

        เย่ฝานลืมตาขึ้น พลิกตัวลงมาจากเตียง ร่างกายฟื้นฟูเกือบทั้งหมดแล้ว เย่ฝานจึงตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลและไปที่ร้านขายสมุนไพรเพื่อหาว่ามียาสมุนไพรตัวใดที่พอใช้ได้

        ในมือเย่ฝานมีบัตรเอทีเอ็มหนึ่งใบ ในบัตรมีเงินประมาณ 5 แสนหยวน นี่คงเป็นเงินทั้งเนื้อทั้งตัวของเจ้าของร่างเดิม


        หลังจากเจ้าของร่างเดิมก่อเรื่องอื้อฉาว เขาก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูล เย่ฝานจึงไม่อยากข้องเกี่ยวกับบ้านตระกูลเย่อีกต่อไป เพราะร่างเดิมไปทำให้พวกเขาเสื่อมเสียขนาดนั้น ทว่าหากคนของตระกูลเย่มาหาเรื่อง เขาก็ยินดีจะสั่งสอนพวกนั้นบ้าง


หัวข้อ: Re: [นิยายแปล] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 14-04-2020 11:30:03
เล่มที่ 1 ตอนที่ 2  พบคนสำคัญนอกบ้าน

        เย่ฝานไปร้านยาสมุนไพรมา 7 ร้าน ซื้อยาจีนมากว่า 10 ชนิด เสียเงินไปกว่า 2 แสนหยวน เงินทองที่มีติดตัวหายไปมากกว่าครึ่ง เมื่อเงินทองหายไปรวดเร็วเช่นนี้ เย่ฝานก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้

        เย่ฝานนอนแช่น้ำในอ่างอย่างสบายอกสบายใจ พร้อมยกยิ้มที่มุมปาก

        ถึงแม้จะเสียเงินไปกว่า 2 แสนหยวน แต่ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณในร่างกายที่เพิ่มขึ้น เย่ฝานจึงรู้สึกดีใจอยู่บ้าง

        ชาติที่แล้วเขาถูกขนานนามว่าเป็นผู้รอบรู้ในด้านการฝึกตน ลูกศิษย์ในสำนักเมื่อพบปัญหาในการฝึกก็จะมาขอคำชี้แนะจากเขาเสมอ แต่ว่าเย่ฝานรู้ดีว่าลับหลังมีคนไม่น้อยที่ดูถูกเขา เซียนกับคนนั้นแตกต่าง ถึงเขาจะฉลาดขนาดไหน ก็อยู่ได้เพียงร้อยปี ส่วนนักพรตขั้นหยวนอิงมีชีวิตได้ถึง 2 พันปีทีเดียว แม้เย่ฝานจะแสร้งทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทว่าลูกศิษย์ในสำนักต่างก็มีวิทยายุทธ์เป็นเลิศ ในใจของเขาจึงไม่มีความสุขเท่าที่ควร

        เมื่อดูดซับยาที่เหลือจนหมดเกลี้ยง เย่ฝานก็ลุกออกจากอ่างอาบน้ำ

        เย่ฝานขยับมือและเท้า ครุ่นคิดวิธีหาเงิน ครั้งก่อนที่เขาไปร้านยาสมุนไพร ได้พบกับสมุนไพรที่มีประโยชน์ไม่น้อย แต่ว่าโสมอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีเพียงรากเดียวก็ราคาเป็นล้านแล้ว เย่ฟานรู้สึกอับอายกับเงินในกระเป๋าที่ไม่สามารถนำมาจ่ายค่าโสมนั้นได้

        …

        เย่ฝานหลับใหลอย่างสบายอารมณ์ พอตื่นแล้วก็ไปยังถนนกู่หวัน

        บนถนนกู่หวันมีผู้คนสัญจรไปมา เย่ฝานพบเห็นแต่แผงขายของปลอมเต็มถนน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง

        “พี่เฟย พระพุทธรูปหยกองค์นี้ไม่เลวเลยนะ!”

        “คุณผู้หญิงตาแหลมมาก พระพุทธรูปหยกองค์นี้ปลุกเสกมาจากเมืองชิงหย่วน ผู้ปลุกเสกอายุ 80 ปี เป็นยอดฝีมือที่แท้จริง” คำโบราณกล่าวไว้ว่า หยกมีคุณต่อเจ้าของ หากคุณผู้หญิงซื้อไว้ หยกนี้จะช่วยคุ้มครองได้ คุณผู้หญิงจะไม่ผิดหวังแน่นอน”

        “หยกนี้ราคาเท่าไรล่ะ!”

        “สามหมื่น!”

        หญิงสาวหันหน้าไปมองชายข้างกายอย่างมีความหวัง “พี่เฟย พี่ว่ายังไงคะ?”

        เย่เผิงเฟยมองไปที่หญิงสาว ข่มความเจ็บปวดไว้แล้วตอบอย่างเอาใจว่า “ในเมื่อเธอชอบ ก็ซื้อไว้เถอะ”

        เย่ฝานกำลังจะเดินจากไป ชายหนุ่มคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “โอ้ นี่ไม่ใช่คุณชายฝานหรือ ได้ยินว่าคุณถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเย่ ตอนนี้คุณไปอยู่ที่ไหนล่ะ! คงไม่ได้นอนข้างถนนหรอกนะ!”

        “นายคือ?” เย่ฝานถาม

        “คุณชายฝานช่างขี้ลืมจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะจำฉันไม่ได้” ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนไป แสดงออกว่าไม่ชอบใจเท่าไรนัก

        เย่ฝานจ้องมองชายหนุ่มไม่กี่ครั้งก็พลันนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นญาติห่างๆ ของบ้านตระกูลเย่ คนคนนี้มักจะคลุกคลีอยู่กับน้องชายของแม่เลี้ยงเย่จื้อเจ๋อ ความรักที่เย่หงเหวินมีต่อเย่จื้อเจ๋อ มากกว่าที่มีให้กับเย่ฝาน ทำให้เย่ฝานไม่มีฐานะอะไรในบ้านตระกูลเย่ แม้กระทั่งคนรับใช้ในตระกูลก็ยังกล้าดูถูกเย่ฝาน

        “ฉันจำนายได้ นายเคยยืมเงินฉัน ตอนนี้นายจะคืนเงินฉันได้หรือยังล่ะ?” เย่ฝานถาม

        เย่เผิงเฟยหน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะตอบกลับว่า “ใครยืมเงินนายกัน ประสาท!”

        เย่ฝานจับแขนของเย่เผิงเฟยไว้ แอบกดลงบนจุดเส้นลมปราณบนตัวของเย่เผิงเฟยไม่กี่จุด ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้

        “เมื่อ 2 เดือนก่อน ที่ร้านกาแฟซิงคง เขตซิงตง เมืองเฉิงหนาน นายยืมเงินฉันไป 2 แสน จำได้หรือยัง” เย่ฝานจี้จุดเส้นลมปราณบนร่างของเย่เผิงเฟยหลายจุดแรงขึ้น ทันใดนั้นเย่เผิงเฟยรู้สึกเหมือนโดนเข็มแทง

        “นึกออกแล้ว เงินแค่นั้นเองไม่ใช่หรือไง? ฉันคืนให้นายก็ได้”  เย่เผิงเฟยหัวเราะแห้งๆ

        เย่เผิงเฟยโอนเงิน 2 แสนเข้าบัญชีธนาคารของเย่ฝานอย่างว่าง่าย เย่ฝานเห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในบัญชีธนาคารก็ยิ้มและพูดว่า “วันนี้ฉันช่างโชคดีจริงๆ ออกจากบ้านปุ๊บ ก็เจอคนที่ติดหนี้ฉัน เหมือนกับว่ากำลังจะเคลิ้มหลับก็มีคนส่งหมอนมาให้อย่างนั้นแหละ”

        เย่เผิงเฟยเมื่อถูกเย่ฝานพูดใส่แบบนี้ เขาก็โกรธไปถึงทรวงใน

        “ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ขอตัวก่อนก็แล้วกัน” เย่ฝานโบกมือลาเย่เผิงเฟยแล้วจากไป

        หญิงสาวข้างกายเย่เผิงเฟยพูดอย่างแปลกใจว่า “พี่เฟย ทำไมถึงให้เงินกับเขาล่ะ!”

        “คนคนนี้ช่างน่าสงสารนัก เมื่อก่อนเป็นถึงคุณชาย แต่ตอนนี้ต้องกลายเป็นยาจก คิดเสียว่าสงเคราะห์คนจนก็แล้วกัน” ในใจเย่เผิงเฟยเต้นระรัว ใช่ว่าเขาอยากคืนเงินให้อีกฝ่ายเสียหน่อย แต่ถ้าไม่คืนก็ไม่ได้ เจ้าเย่ฝานคนนี้ เมื่อครู่ไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงทำให้เขาเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว

        “เจ้าเย่ฝานคนนี้ เหมือนมีบางอย่างแปลกๆ” หญิงสาวขมวดคิ้ว

        เย่เผิงเฟยคิดในใจว่า : ไม่น่าจะใช่นะ ตอนแรกเกือบจะจำเขาไม่ได้ ปกติแล้วเย่ฝานเป็นคนเงียบขรึม ชอบก้มหน้าก้มตา ท่าทางเหมือนคนที่มีแต่ความโศกเศร้า แต่ดวงตาเป็นประกายคู่นั้น กลับดูมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉงและสดใสมาก
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 2 (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 14-04-2020 11:38:49
เล่มที่ 1 ตอนที่ 3 ค้าขายไม่ง่ายเลย

        เย่ฝานไปที่ร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เขาซื้อปากกาลงอักขระหนึ่งด้ามด้วยเงินสองพันหยวน ซื้อกระดาษลงอักขระแผ่นละหนึ่งร้อยหยวน จำนวนหนึ่งร้อยแผ่น และยังซื้อหมึกตราประทับ ถุงนำโชคและน้ำหมึกสีชาด เสียเงินไปทั้งหมดสองหมื่นหยวน

        หลังจากซื้ออุปกรณ์ลงอักขระแล้ว เย่ฝานยังซื้อสมุนไพรจีนสำหรับแช่ร่างอีกหนึ่งชุด

        เย่ฝ่านแช่ร่างดูดซับโอสถ แต่ในใจกลับมีความกังวลอยู่ไม่น้อย

        ในโลกที่เขาอยู่ตอนนี้ พลังปราณอ่อนเกินไป สภาพร่างกายของร่างใหม่นี้ก็ไม่ดีเท่าใดนัก เย่ฝานครุ่นคิด หากฝึกฝนด้วยการนั่งสมาธิ จนถึงอายุ 80 ปี ก็คงจะฝึกลมปราณสำเร็จเพียงไม่กี่ขั้น ฉะนั้นจะขาดยาวิเศษนี้ไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การหาเงินก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่คิดไม่ได้แล้ว

        เย่ฝานหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนยันต์ ในชาติที่แล้วเขาก็เคยเขียนยันต์ ต่อให้เป็นยันต์ที่เขียนยากเพียงใดเขาก็สามารถเขียนออกมาได้

        ทว่ามันต้องใช้พลังปราณไม่น้อยในการทำให้ยันต์มีพลัง แม้ว่ายันต์ที่เย่ฝานเขียนจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย แต่เมื่อไม่มีพลังปราณมันก็เป็นเพียงอักขระไร้ค่า

        เย่ฝ่านใช้ความพยายามอยู่ 2 วัน ในที่สุดก็เขียนยันต์ได้สำเร็จ 6 แผ่น แต่พลังยุทธ์ของเขายังอ่อนด้อยนัก ทุกครั้งที่เขียนยันต์ก็จะสูญเสียพลังปราณในร่างไปจนหมด

        เมื่อมองไปยังยันต์ที่อยู่เบื้องหน้า เย่ฝานก็รู้สึกได้ว่าอนาคตข้างหน้าของเขากำลังจะสดใส

        ใต้สะพานลอยของตึกหงซิง เป็นแหล่งทำมาหากินของหมอดูทุกแขนง วันนี้ได้ปรากฏแผงลอยของชายหนุ่มในชุดลำลอง ข้างแผงยังมีเสาหนึ่งต้นที่ปักถังหูลู่[1] เต็มไปหมด

        “นี่น้องชาย นายขายถังหูลู่หรือ? ถ้าขายถังหูลู่น่ะ นายต้องเดินไปเดินมา เรียกคนมาซื้อของสิ”

        เย่ฝานกวาดสายตามองอาจารย์หยวน ผู้มีฉายาว่าผู้สืบทอดวิชาแห่งหยวนเทียนกัง จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ขายถังหูลู่”

        “ถ้าอย่างนั้นนายขายอะไรล่ะ?”

        “ผมมาขายยันต์”

        “นายคงจะขายยันต์เป็นหลัก และขายถังหูลู่เสริมด้วยล่ะสิ”

        เย่ฝานส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ถังหูลู่นี้ผมไม่ได้ขาย แต่ผมจะกินเองต่างหาก”

        อาจารย์หยวนมองเย่ฝานแล้วส่ายหัวอย่างจนใจ ก่อนจะแอบคิดในใจว่า :  เจ้าเด็กนั่นรูปหล่อแต่ช่างโง่เขลานัก น่าเสียดายจริงๆ กินถังหูลู่ไปด้วย ขายยันต์ชั้นสูงแบบนั้นไปด้วย แล้วใครจะมาซื้อกันเล่า!

        เย่ฝานเกิดในสำนักปี้อวิ๋น ตอนเขาเกิดพ่อและพี่ชายก็สามารถฝึกตนถึงขั้นอดอาหารได้แล้ว

        ผู้บำเพ็ญตนล้วนใส่ใจกับเรื่องจิตบริสุทธิ์และการลดกิเลส ผู้ฝึกตนคนใดที่มัวเมากับกิเลสของปากท้องของตน มักถูกผู้คนดูแคลน

        ตั้งแต่เย่ฝานจำความได้ ก็กินยาลูกกลอนเพื่ออดอาหารตามพ่อของเขา ยี่สิบกว่าปีมานี้ เขาพลาดลิ้มลองอาหารรสเลิศมาไม่รู้เท่าไร เมื่อได้กลับมายังโลกใบนี้ ถังหูลู่เพียงไม้เดียวก็ทำให้เขาอิ่มอกอิ่มใจได้

        เย่ฝานไม่เข้าใจจิตใจของอาจารย์หยวน ได้เพียงแต่พูดอย่างกลัดกลุ้มว่า “ทำไมถึงไม่มีคนมาซื้อนะ!”

        อาจารย์หยวนทอดถอนหายใจแล้วพูดว่า “ปีนี้ค้าขายไม่ดีเลย!” เอะอะก็คัดค้านความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แล้วยังจะการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะการพยากรณ์ดวงดาวเอย! ไพ่ทาโรต์เอย! ยุ่งเหยิงไปหมด ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

        เย่ฝาน “…”

        ...

        “ยันต์นี่สวยจังเลย!” มีคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านมา

        หญิงสาวที่เดินเข้ามานั้นดูก็รู้ว่าเป็นผู้หลงใหลในศาสตร์ลี้ลับ ที่ข้อมือสวมประคำและยังห้อยหยกกันภัยที่คออีกด้วย

        “คุณมียันต์กี่ชนิดคะ!” หญิงสาวถาม

        “มีสองชนิด ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัย และยันต์ปัดเป่าโรคภัย” เย่ฝานตอบอย่างแผ่วเบา ตอนนี้พลังยุทธ์ของเขายังอ่อนนัก คงวาดได้แค่ยันต์ที่ง่ายที่สุด รอให้พลังยุทธ์กล้าแกร่งกว่านี้ ไม่ว่ายันต์ชนิดใดเขาก็วาดได้ทั้งนั้น

        “ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยหนึ่งแผ่นราคาเท่าไรล่ะ”

        “สามหมื่นหยวน” เย่ฝานตอบโดยไม่ต้องคิด

        ความโกรธปรากฏขึ้นบนหน้าของชายหนุ่ม “บ้าไปแล้ว หยวนหยวน เราอย่ายุ่งกับคนคนนี้เลย”

        หญิงสาวมองแผงขายยันต์ของเย่ฝานด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ แล้วก็เดินตามชายหนุ่มจากไป

        “น้องชาย ยันต์หนึ่งแผ่นราคาสามหมื่นเลยเหรอ” อาจารย์หยวนถามด้วยความตกตะลึง

        เย่ฝานพยักหน้า และเอ่ยว่า “อืม หนึ่งแผ่นสามหมื่นหยวน”

        “นายก็ช่างกล้าตั้งราคาสูงขนาดนี้” อาจารย์หยวนพูดแล้วส่ายหัว

        เย่ฝานตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “สามหมื่นเป็นราคาที่ถูกมากแล้วนะ”

        เขาต้องเหนื่อยแทบตายเพื่อเขียนยันต์พวกนี้ ทุกครั้งที่เขียนยันต์เสร็จ พลังเหมือนถูกดูดออกไปจนหมด เขาวาดด้วยความยากลำบากถึงขนาดนี้ ขายสามหมื่นหยวนยังบอกว่าเป็นราคาไม่สมเหตุสมผล เขาเป็นใคร! คุณชายรองของสำนักปี้อวิ๋น ผู้รอบรู้แห่งวิถีบำเพ็ญเซียน ผู้มีฐานะสูงส่งอย่างเขาขายยันต์ราคาสามหมื่นหยวนยังแพงไปหรือ? เจ้าพวกตาไม่มีแววเอ๊ย

        เย่ฟานอยู่ใต้สะพานตลอดทั้งบ่าย มีคนมาถามราคาอยู่ 4 ราย

        สองคนในนั้นเป็นคนรักเก่าของเขา พอถามเสร็จก็ด่าเขาว่าประสาทเสียไปแล้ว

        อีกคนเป็นคนชรา ผู้ซึ่งใช้เวลานานในการพิจารณาสิ่งของที่จะซื้อ “เจ้าหนุ่ม เป็นคนซื่อสัตย์หน่อยได้ไหม หลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่นแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ” ชายชราคนนั้นพูดเสร็จก็เอามือไพล่หลังแล้วเดินจากไป พลางทอดถอนใจว่าคนสมัยนี้ช่างไร้คุณธรรม ต่างจากคนสมัยก่อน

        คนที่ 4 เป็นชายวัยรุ่น บอกกับเขาว่ายันต์ที่ขายยังไม่หลากหลายพอ ดูไม่น่าสนใจ เขามีแหล่งรับสินค้าราคาถูกมาเสนอให้กับเย่ฝานด้วย

        ในที่สุด เยฝ่านก็เรียกลูกค้าคนที่ 5 และคนที่ 6 มาได้ คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชาย ส่วนอีกคนเป็นเด็กผู้หญิง

        เย่ฝานกวาดตามองหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นแล้วคิดในใจว่า อายุยังน้อยก็ทำตัวเป็นเสือผู้หญิง ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือหนังหา




…………………………………………………………………………………………..

        [1] ถังหูลู่ หมายถึง ขนมที่นำผลไม้มาเสียบไม้ยาวๆ แล้วเคลือบน้ำตาล ผลไม้ส่วนใหญ่ที่นำมาเคลือบ ได้แก่ พุทราจีน สตรอว์เบอร์รีและแอปเปิ้ล
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 3 (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 14-04-2020 11:41:32
เล่มที่ 1 ตอนที่ 4 งมงายกับไสยศาสตร์

        “นี่ ยันต์นี้ขายยังไง?” เด็กผู้ชายคนหนึ่งสะพายกระเป๋าหนังสือไว้ที่หลังปรากฏตัวออกมาตรงหน้าแผงลอย ใบหน้ากลมๆ ของเด็กชายดูเคร่งขรึม

        เย่ฝานกวาดตามองเด็กชาย แล้วตอบอย่างขี้เกียจว่า แผ่นละสามหมื่นหยวน

        เย่ฝานไม่มีความหวังกับเด็กชายมากนัก ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่มีปัญญาซื้อแล้วเด็กตัวกะเปี๊ยกคนหนึ่งจะเข้าใจอะไร

        แน่นอนว่าเด็กชายไม่พอใจ จึงตะโกนออกมาว่า “นี่จะปล้นกันหรือไง”

        “ไอ้เด็กบ้านี่ แม่แกเรียกกลับบ้านไปกินข้าวแล้ว รีบๆ กลับบ้านกินข้าวซะ” แผงขายยันต์เงียบเหงามาทั้งบ่าย ทำให้เย่ฝานอารมณ์ไม่ดีนัก

        เด็กชายตอบอย่างไม่พอใจ “อะไรกัน นายจะเสียมารยาทกับฉันเพราะฉันเป็นเด็กแบบนี้ไม่ได้นะ ลูกค้าคือพระเจ้า นายเข้าใจไหม”

        เย่ฝาน : “...” ไอ้เด็กบ้า กำเริบเสิบสานใหญ่แล้วนะ!

        “แต่เอ๊ะ เด็กน้อย เธอดูคุ้นตามากเลยนะ!” เย่ฝานเพ่งมองหน้ากลมๆ ของเด็กชายอยู่ครู่หนึ่ง

        เด็กชายหน้าแดงขึ้นมาและพูดว่า "นายไม่รู้จักฉันเหรอ?”

        “ฉันน่าจะ...” เย่ฝานชะงักไปทันใด ในหัวพลันคิดขึ้นได้ว่าเจ้านี้คือใคร นี่มันหลานชายของเขาที่เป็นลูกของญาติผู้พี่นั่นเอง

        แม่ของเจ้าของร่างนี้อายุสั้นนัก เมื่อย้อนดูความทรงจำของร่างนี้ เจ้าของร่างนี้มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกชายของลุงและลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก็ดีกับเขามาก แต่ยังไงเจ้าของร่างนี้ก็เป็นคนตระกูลเย่ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก็คงเข้าแทรกแซงอะไรมากไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ยังมีงานยุ่ง มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการ

        “ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง!”

        “นายมียันต์ทั้งหมดกี่แผ่นล่ะ!” เด็กชายตอบหลังจากกระแอมสองครั้ง

        “มี 6 แผ่น 180,000 หยวน”

        เด็กชายหยิบบัตรออกมาหนึ่งใบแล้วพูดว่า รหัสคือ 888888 นายเลิกทำอาชีพต้มตุ๋นแบบนี้เถอะ หางานสุจริตทำจะดีกว่า ถึงนายจะถูกไล่ออกจากตระกูลเย่ แต่ฉันว่าจริงๆ เป็นแบบนี้มันก็ดีนะ บ้านตระกูลเย่บรรยากาศเลวร้ายอย่างนั้น นายอยู่ที่นั้นไปก็ไม่มีประโยชน์

        เย่ฝ่าน : “...” เขาเหมือนถูกเด็กสั่งสอนเข้าให้แล้ว? รหัส 888888 ใช้รหัสแบบนี้จะดีเหรอ?

        “ในนี้มีเงินถึง 180,000 หยวนจริงเหรอ?” เย่ฝ่านถาม

        เด็กชายกัดฟันแล้วมองไปที่เย่ฝาน ก่อนจะเผยสีหน้าดูแคลนออกมา

        เย่ฝานส่ายหน้าก่อนเอ่ยออกมาว่า “เอาเถอะๆ เห็นว่าเป็นญาติกันหรอกนะ ถึงมันจะมีไม่ถึง 180,000 จริง แต่ยันต์พวกนี้ฉันก็ยกให้นายหมดเลยก็แล้วกัน”

        ใบหน้าของเด็กน้อยพลันแดงแจ๋ขึ้นมา เขาพูดว่า “ฉันไม่ได้อยากได้ยันต์ของนายนักหรอก คุณครูสอนว่าไม่ควรงมงายกับเรื่องไสยศาสตร์”

        เย่ฝ่าน : “…” เด็กคนนี้ไม่ได้ต้องการมาซื้อยันต์ แต่จะมาช่วยเหลือเขาต่างหาก!

        เย่ฝานมอบยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยสองแผ่น และยันต์ปัดเป่าโรคภัยอีกสองแผ่นให้กับเด็กชาย จากนั้นก็มอบยันต์ที่เหลือให้กับเด็กผู้หญิง

        เย่ฝานยังใจกว้างหยิบถังหูลู่สองไม้ให้กับเด็กทั้งสองพลางพูดว่า “เอาล่ะๆ พวกเธอรีบกลับไปเถอะ ระวังด้วยล่ะ ฟ้ามืดแล้ว พวกเฒ่าหัวงูจะจับพวกเธอไปขายเอานะ"     

        เด็กชายมองเย่ฝาน แล้วจูงมือเด็กหญิงเดินจากไป

        เย่ฝานถือบัตรพลิกไปมา พลางบ่นพึมพำ “ไม่รู้ว่าในบัตรนี้จะมีเงินเท่าไร”

        “นายอยากรู้ไหม?" อาจารย์หยวนถาม "ฉันมีเครื่องรูดบัตร สามารถเช็คยอดเงินคงเหลือในบัตรให้นายได้นะ”

        เย่ฝานพยักหน้า แล้วพูดว่า “เอาสิ!”

        “ในบัตรมีเงินหนึ่งล้านหยวน” อาจารย์หยวนตอบด้วยความอิจฉา

        เย่ฝานตาโต นึกไม่ถึงว่าจะมีเงินมากขนาดนี้ เจ้าเด็กนี่มีเงินเยอะจริงๆ! ไม่ใช่ว่าลูกสาวต้องเลี้ยงให้สบาย ลูกชายต้องเลี้ยงให้ลำบากหรือ? ญาติผู้พี่คนนั้นช่างตามใจลูกจริงๆ! เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ อีกหน่อยคงไม่พ้นกลายเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

        “น้องชาย มีญาติรวยขนาดนี้ ให้เขาหางานที่มั่นคงให้นายทำจะดีกว่านะ จะมาหลอกลวงคนแบบนี้ทำไมกัน”

        เย่ฝาน : “...” จริงๆ เลย ฉันเหมือนพวกมิจฉาชีพขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันก็มีฐานะสูงส่งเหมือนกันนะ!

         

        ………………………………………………………………………………….

         

        อู่หาวเฉียงนั่งเล่นรถยนต์ของเล่นอยู่ในรถ

        อู่ซือหานวางแล็ปท็อปในมือลงพลางถามว่า “ให้เงินเขาไปแล้วเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าแล้วตอบกลับไป “ให้แล้วครับ แต่ว่าทำไมคุณพ่อต้องให้เงินเขาด้วยล่ะครับ! พ่อก็รู้ว่าคุณอาเป็นคนหูเบา เดี๋ยวพอมีคนมาขอยืมเงิน ก็คงจะให้เขายืมไปจนหมดอีก”

        อู่ซือหานส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของน้าสาวเธอ พ่อทนเห็นเขาอับจนหนทาง จนต้องออกไปหลอกลวกต้มตุ๋นชาวบ้านแบบนี้ไม่ได้จริงๆ”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าตอบว่า “ใช่แล้ว คุณอานี่ก็จริงๆ เลย ทำอะไรไม่ทำ ดันเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องไสยศาสตร์จนได้ ถ้าใครเห็นเข้าล่ะก็ คงไม่ดีแน่ๆ”

        “เย่ฝานทำแบบนี้ พวกเราตระกูลอู่ขายหน้าก็จริง แต่ว่าตระกูลเย่จะขายหน้ายิ่งกว่า”

        “คุณอาก็จริงๆ เลย กำลังจะหมั้นกับเลี่ยวถิงถิงแล้วแท้ๆ แต่กลับสร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาซะได้” อู่หาวเฉียงบ่นพึมพำ

        อู่ซือหานส่ายหน้า “อาของลูกน่ะ เป็นเพราะไม่ระวังตัวให้ดีถึงได้ถูกคนฉวยโอกาสเล่นงานเอาได้ง่ายๆ แบบนี้ ผู้หญิงที่เย่หงเหวินแต่งด้วยก็สะเพร่าเกินไปจริงๆ”

        หลังจากที่เย่ฝานออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน งานหมั้นระหว่างตระกูลเลี่ยวและตระกูลเย่ก็ยังคงมีขึ้น เพียงแต่คู่หมั้นของเลี่ยวถิงถิงเปลี่ยนจากเย่ฝานเป็นเย่จื้อเจ๋อ

        ตามที่อู่ซือหานรู้มานั้น เลี่ยวถิงถิงและเย่จื้อเจ๋อแอบคบหากันมาก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเย่ฝานก็คงจะเป็นแผนการของสองคนนี้

หัวข้อ: Re: [นิยายแปล] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 4 (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 14-04-2020 11:43:57
เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 เต่ากักพลังปราณ


        เย่ฝานเก็บบัตรที่มีเงินล้านไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ไปยังตลาดดอกไม้และสัตว์เลี้ยง

        ในตลาดดอกไม้และสัตว์เลี้ยงมีต้นไม้วางขายอยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เย่ฝานสนใจ เย่ฝานเดินดูไปทั่วตลาด ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะไม่ได้อะไรกลับไปแล้วนั้น ก็มีพลังปราณเบาบางดึงดูดเขาไว้

        เย่ฝานตามกระแสพลังปราณนั้นไป จนมาถึงร้านขายสัตว์น้ำแห่งหนึ่ง

        “เถ้าแก่ เต่าบกตัวนี้ราคาเท่าไร!”

        นัยน์ตาทั้งสองของเย่ฝานเป็นประกายขึ้นมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าในที่ที่ขาดแคลนพลังปราณอย่างนี้ จะได้เจอกับเต่ากักพลังปราณ สิ่งที่เรียกว่าเต่ากักพลังนั้นคือ เต่าที่สามารถช่วยในการรวบรวมพลังปราณได้นั่นเอง พบเห็นได้ยากบนชั้นฟ้า ใต้หล้าและในโลกเดรัจฉาน หากปรากฏขึ้นในแผ่นดินของผู้ฝึกตน แน่นอนว่าจะเกิดการแย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ที่เย่ฝานเคยอยู่นั้นก็ไม่เคยพบเห็นเต่ากักพลังปราณ แต่ศัตรูคู่อาฆาตอย่างสำนักกระบี่พิสดารกลับมีเต่ากักพลังปราณอยู่ในครอบครองหนึ่งตัว

        น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มีผู้ฝึกตน คนทั่วไปไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังปราณ จึงไม่อาจล่วงรู้ถึงคุณค่าของเต่ากักพลังปราณ แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้จึงเข้าทางของเย่ฝาน

        "นายท่านช่างตาแหลมคมนัก เต่าตัวนี้เป็นเต่าป่า ดูสีแวววาวของมันสิ กระดองหนาขนาดนี้ ถ้าคุณอยากได้ก็จ่ายมาหนึ่งพันหยวนแล้วเอากลับบ้านไปได้เลย..."

         เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า "ตกลง!" เย่ฝานกระหยิ่มยิ้มย่อง คาดไม่ถึงว่าจ่ายแค่หนึ่งพันหยวนก็สามารถครอบครองเต่ากักพลังปราณได้แล้ว ช่างโชคดีจริงๆ

        เจ้าของร้านมองหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ของเย่ฝานแล้ว ก็แอบคิดในใจว่า : ตั้งราคาต่ำไปซะแล้วเรา!

        ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กลับคำขึ้นราคา "นายท่าน เต่าตัวนี้ตั้งใจจะซื้อกลับไปตุ๋นหรือว่าผัดไฟแดงล่ะ! บำรุงร่างกายได้ดีทีเดียว จะให้เฉือดเลยดีไหม"

        เย่ฝ่านรีบโบกมือปฏิเสธ "ไม่ล่ะ เต่านี่ฉันจะเอากลับไปเลี้ยง ได้ยินว่าเลี้ยงเต่าแล้วจะอายุยืนนี่”

        เย่ฝานมองไปยังเต่าที่อยู่ในตู้ปลาด้วยความสงสารแล้วส่ายหน้า พลางนึกในใจว่า : เต่าตัวนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! ในโลกของผู้ฝึกตนเต่ากักพลังปราณเป็นสิ่งล้ำค่าที่ได้รับการบูชา แต่อยู่ที่นี่กลับกลายเป็นผักปลาไว้ปรุงอาหาร โชคดีที่เต่าตัวนี้ได้พบกับเขา มันจึงรอดตายในครั้งนี้

        เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม นั่นมันเต่าพันปีเชียวนะ เลี้ยงเต่านี่แล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับเจ้าของเอง”

        เย่ฝานนำอ่างที่มีเต่าอยู่ภายในไปไว้ในรถ แล้วขับรถกลับอะพาร์ตเมนต์ด้วยความตื่นเต้น

        อะพาร์ตเมนต์ที่เย่ฝ่านอาศัยอยู่เป็นสมบัติที่แม่ทิ้งไว้ให้ พื้นที่ 160 ตารางเมตรสำหรับเย่ฝานแล้วนับว่าไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้จะแตกต่างกับคฤหาสน์ของตระกูลเย่ราวฟ้ากับดินก็ตาม

        …

        ณ บ้านตระกูลเย่

        "ตอนนี้เย่ฝานอยู่ที่ไหน?"

         หวังเสี่ยวเฟยอดงงงวยไม่ได้ เย่หงเหวินไม่ชอบเย่ฝานมาโดยตลอด ทุกครั้งที่พูดถึงเย่ฝานมักจะไม่พอใจเท่าไรนัก หวังเสี่ยวเฟยไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เย่หงเหวินถึงได้พูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่เย่ฝานได้ก่อเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตถึงขนาดนี้

        หวังเสี่ยวเฟยยังไม่ทันได้เปิดปากพูด เย่อิ้งหลันก็กล่าวออกมาก่อนว่า “คุณพ่อจะพูดถึงไอ้คนไม่เอาถ่านคนนั้นทำไมคะ? เขามั่วผู้หญิงจนทำตระกูลเย่ของเราต้องอับอายกันไปหมด”

        “เพื่อนของฉันบอกว่าเย่ฝ่านเปิดแผงขายยันต์อยู่ใต้สะพานลอย ขายของหลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้าน” เย่หงเหวินพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

        สีหน้าของหวังเสี่ยวเฟยเปลี่ยนไปทันที ถึงอย่างไรเย่ฝานก็ยังเป็นคนของตระกูลเย่ เขาค้าขายหลอกลวงผู้อื่นแบบนี้ ตระกูลเย่ก็พลอยขายหน้าไปด้วย

        “คุณพ่อจะไปสนใจเขาทำไมครับ ใครทำคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ” เย่จื้อเจ๋อกล่าว

        เย่หงเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เย่อิ้งหลันแล้วพูดว่า “เธอเอาเงินไปให้เย่ฝานหนึ่งแสนหยวน เขาจะได้รู้จักสงบเสงี่ยมและไม่ก่อเรื่องให้ต้องขายหน้าอีก”

        เย่อิ้งหลันรู้สึกว่าการที่เย่หงเหวินจะมอบเงินให้กับเย่ฝานนั้น เป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ แต่ชั่วขณะนั้นเองเธอก็ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ยังไงเขาก็เป็นญาติผู้พี่ เห็นเขาตกต่ำแบบนี้หนูเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน”

        เย่อิ้งหลันรับบัตรมาจากเย่หงเหวิน แล้วพูดกับตนเองว่า : ช่วงนี้กำลังมองๆ กระเป๋าชาแนลอยู่ แต่เพราะเงินขาดมือเลยยังซื้อไม่ได้ คราวนี้ก็ซื้อได้สักที

        …

        เย่ฝานทำการเก็บกักกำลังภายใน จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวมือและเท้า เมื่อมีเต่ากักพลังปราณประสิทธิภาพในการฝึกจึงสูงขึ้นมาก แต่ในหนึ่งวันเย่ฝานฝึกฝนไปชั่วโมงสองชั่วโมงร่างกายของเขาก็ได้รับพลังปราณจนอิ่มตัวแล้ว จึงไม่สามารถดูดซับพลังได้อีก

        เย่ฝานหยิบกระดาษลงอักขระออกมาแล้วเริ่มวาดยันต์ ถึงแม้ว่าการขายยันต์จะไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ยังดีกว่านั่งกินนอนกินโดยไม่ยอมทำอะไรเลย ดังนั้นยันต์ก็ยังคงต้องขายต่อไป แน่นอนว่าหากยันต์ยังขายไม่ออกในสองสามวันนี้ เขาก็คงต้องคิดหาทางค้าขายอย่างอื่นจริงๆ

        เย่ฝานอุ้มถังไก่ทอดมานั่งอยู่ตำแหน่งเดิมตรงใต้สะพานลอย

        “น้องชาย นายหายไปหลายวันเลยนะ!”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “ก็ใช่นะสิ! หลายวันอยู่เหมือนกัน”

        “น้องชาย เงินหนึ่งล้านหยวนคงใช้ใกล้หมดแล้วสินะ?” อาจารย์หยวนเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบกลับไปว่า “ก็ใช้ไปประมาณหนึ่งแล้วล่ะ” เย่ฝานเสียเงินไปกับการซื้อยาวิเศษไม่น้อย เมื่อปีที่แล้วซื้อสมุนไพรไปหลายหมื่นหยวนเลยทีเดียว เขาต้องแช่น้ำโอสถทุกวันทำให้ค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสน

        อาจารย์หยวนฟังคำพูดของเย่ฝานแล้วยกยิ้มมุมปาก แอบพูดในใจว่า : นี่มันลูกไม่เอาไหน ผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ ชัดๆ

        ชายหนุ่มแต่งกายหรูหรา ใบหน้าหมองคล้ำ เดินลงมาจากรถปอร์เช่

        “อาจารย์รับทำนายดวงชะตาไหม?”

        อาจารย์หยวนเอามือลูบเครา แล้วตอบกลับไปว่า “รับสิ”

        “น้องชายเกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง แต่ปีนี้เป็นปีชงมีพระเสาร์เข้าแทรก เกรงว่าปีนี้ทั้งปีจะไม่มีอะไรราบรื่นเลย!”

        ชายหนุ่มเบิกตากว้าง พลันพูดว่า “ผมกำลังมีปัญหาจริงๆ ด้วย อาจารย์ ท่านคิดว่าผมควรทำยังไงดี!”

        เย่ฝานแอบกลอกตามองบน อาณาจักรสวรรค์มีสำนักแห่งหนึ่งชื่อว่าสำนักเทียนจี ว่ากันว่าเมื่อหมื่นปีที่แล้ว สำนักเทียนจีมีความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก แต่เป็นเพราะแพร่งพรายความลับของสวรรค์เบื้องบนมากเกินไป จึงทำให้ถูกโค่นล่มไปในที่สุด

         เล่าลือกันว่าสำนักเทียนจีมีเจ้าสำนักที่สามารถทำนายชะตาให้ผู้คนมากมาย ทว่าการดูดวงชะตานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ผู้ที่ทำนายดวงชะตาให้ผู้อื่นมักจะถูกบั่นทอนอายุขัยของตนเอง กระทั่งรุ่นลูกรุ่นหลานก็อาจพลอยเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นหมอดูมีชื่อเสียงหลายคนจึงไม่ยอมทำนายดวงชะตาแก่ใครโดยไม่จำเป็น

        เย่ฝานไม่แน่ใจว่าอาจารย์หยวนคนนี้กำลังพูดโกหกอยู่หรือไม่ สิ่งที่กล่าวถึงนั้น เย่ฝานเองก็สามารถทำนายออกมาได้ ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่เครื่องแต่งกายแบรนด์ดังทั้งตัวและขับรถหรู แน่นอนว่าต้องเป็นลูกผู้มีเงิน แล้วยิ่งมาดูดวงด้วยความกังวลอย่างนี้ด้วยแล้ว แสดงว่าต้องมีเรื่องกลุ้มใจ คนทั่วไปมักไม่ค่อยมาดูดวง จะมีก็แต่คนที่มีปัญหาเท่านั้นที่หวังพึ่งพาการดูดวงเพื่อขจัดปัญหา แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าใดนักก็ตาม


        แน่นอนว่า เย่ฝานมองเห็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากชะตาของชายหนุ่มคนนี้ แต่จะทำอย่างไรเล่า เพราะเขาไม่ได้มาหาเย่ฝาน และอีกอย่างเย่ฝานก็ไม่อยากจะแย่งลูกค้ากับอาจารย์หยวนด้วย

.....โปรดติดตามตอนต่อไป.....
 
:pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล] [ํY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 6 (ล่าสุด)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 15-04-2020 17:14:07
เล่มที่ 1 ตอนที่ 6 ลูกค้าคนที่สองที่ซื้อยันต์


        ชายหนุ่มฟังที่อาจารย์หยวนพูดมายาวเหยียดก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คำพูดอาจารย์หยวนฟังแล้วคลุมเครือนัก พูดก็เหมือนไม่ได้พูด แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังจ่ายค่าดูดวงให้เขาอยู่ดี

        “น้องชาย นายก็รับดูดวงเหรอ?” เจียงไห่หลินมองมาที่เย่ฝาน รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าคุ้นหน้าคนคนนี้

        ที่จริงแล้วเย่ฝานมีชื่อเสียงในเมืองชางอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าเป็นชื่อเสียงในทางลบเสียมากกว่า ทว่ามีคนมากมายที่รู้จักชื่อแต่ไม่เคยเจอตัวจริง แม้เจียงไห่หลินจะเคยพบเจอเย่ฝานอยู่บ้าง แต่ด้วยการแต่งกายและบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไป ทำให้เจียงไห่หลินจำเขาไม่ได้ชั่วคราว

        แม่เลี้ยงของเย่ฝานไม่อยากให้เขาสืบทอดธุรกิจของตระกูลเย่ จึงค่อยๆ ลดบทบาทและตัวตนของเย่ฝานในแวดวงสังคมลงไป ดังนั้นเย่ฝานจึงมีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงต่างๆ ในวงสังคมน้อยมาก คนที่เคยพบเจอเขาจึงมีไม่มาก

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันมาขายยันต์”

        “มียันต์อะไรขายบ้าง?” เจียงไห่หลินถาม

        “มีแต่ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัย กับยันต์ปัดเป่าโรคภัย” เย่ฝานตอบกลับ

        “มียันต์อย่างอื่นไหม?”

        เย่ฝานมองชายหนุ่มแล้วลูบคางของตนพลันพูดว่า “นายอยากได้ยันต์ขับไล่วิญญาณใช่ไหม? ฉันสัมผัสได้ถึงธาตุหยินและกลิ่นอายภูตผีบนตัวนาย แต่ไม่เป็นไร ธาตุหยางของนายแข็งแรงมาก ใช้เวลาฟื้นฟูไม่กี่วันก็น่าจะดีขึ้น ไม่ต้องใช้ยันต์ไล่ผีหรอก...”

        เจียงไห่หลินตกใจมากจนหน้าถอดสี พลันพูดขึ้นว่า “นายรู้ว่าฉัน…”

        เย่ฝานส่ายหน้าพลางแย้มรอยยิ้มที่ดูลึกลับและยากที่จะเข้าใจออกมา แน่นอนว่าถ้าเขาไม่แสดงรอยยิ้มพร้อมๆ กับแทะน่องไก่ในมือไปด้วย ก็คงจะดูเหมือนกับเป็นผู้รอบรู้คนหนึ่งทีเดียว

        เย่ฝานเช็ดปากแล้วพูดว่า “นายต้องการยันต์ปัดเป่าโรคภัยไหม! คนที่เจอผีส่วนมากมักจะป่วย ซื้อยันต์ปัดเป่าโรคภัยสักใบไว้คุ้มครองไม่ดีกว่าเหรอ?”

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้วพลันพูดว่า “ยันต์นี้ใบละเท่าไรล่ะ”

        “ใบละห้าหมื่นหยวน!” เย่ฝานตอบอย่างไม่ต้องคิด

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แพงขนาดนั้นเชียว?”

        “ยันต์ของฉันเป็นของจริงนะ ราคาก็เลยสูงอยู่สักหน่อย ถ้านายอยากซื้อของปลอมล่ะก็ เงินห้าหยวนก็ซื้อได้ แต่ต้องไปซื้อที่อื่นนะ” เย่ฝานตอบกลับอย่างขี้เกียจ

        เจียงไห่หลินกัดฟันแล้วตอบว่า “งั้นฉันซื้อยันต์แคล้วคลาดปลอดภัย 5 ใบ และยันต์ปัดเป่าโรคภัยอีก 5 ใบ!”

        เย่ฝานกะพริบตาปริบๆ พลางพูดว่า “น้องชายนี่ดูของเป็นนะเนี้ย! สมัยนี้มีคนไม่มากหรอกนะที่จะรู้จักของจริงอย่างน้องชาย!” เย่ฝานส่ายหัวอย่างจนใจพลางคิดในใจ ก็เพราะว่าที่นี่มีคนหน้าโง่มากมายที่ไม่รู้ว่าของดีเป็นอย่างไร จึงทำให้เขาทำเงินได้ไม่มาก

        “ในเมื่อนายรู้จักยันต์ขับไล่วิญญาณ แล้วนายทำยันต์นั้นได้ไหมล่ะ” เจียงไห่หลินถาม

        “เรื่องนี้… ยังทำไม่ได้ตอนนี้หรอกนะ!” การวาดยันต์ขับไล่วิญญาณนั้น มีความซับซ้อนกว่ายันต์แคล้วคลาดปลอดภัยกับยันต์ปัดเป่าโรคภัยอยู่ไม่น้อย ยิ่งด้วยตอนนี้พลังปราณของเย่ฝานอ่อนลงมาก ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถวาดยันต์ที่ชายหนุ่มต้องการได้

        “น้องชาย นายขึ้นราคาของเหรอ?” อาจารย์หยวนถามด้วยใบหน้างุนงง ไม่กี่วันก่อนยันต์นี่ราคาใบละสามหมื่นหยวน ผ่านไปไม่กี่วันราคากลับขึ้นเป็นห้าหมื่นหยวน

        เย่ฝานพยักหน้า แล้วตอบกลับไปว่า “ใช่! ขึ้นราคาแล้ว หลายวันก่อนขายในราคาพิเศษ แต่วันนี้ขายในราคาปกติ”

        อาจารย์หยวนมองหน้าเย่ฝาน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาในใจ เมื่อสักครู่เขาหาเงินได้เพียงหนึ่งพันหยวน แต่เย่ฝานกลับมีเงินเข้ากระเป๋าถึงห้าแสนหยวน หากรู้ล่วงหน้าว่าขายยันต์จะมีรายได้ดีขนาดนี้ เขาก็น่าจะหามาขายบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เงินที่หามาได้แบบนี้ก็มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วยเช่นกัน

        “ช่วงนี้นายหลบซ่อนตัวบ้างก็ดีนะ คุณชายพวกนี้ชอบทำอะไรอุกอาจ หากรู้ว่าถูกหลอกลวงล่ะก็ นายจะเดือดร้อนเอาได้ เจ้านั่นอาจจะระดมลูกน้องมาหาเรื่องนาย ถ้าไม่อยากโดนทำร้ายก็ลองเปลี่ยนที่ขายของดูสิ ของรอบนี้นายก็ขายได้เงินไม่น้อยแล้วนี่”

        เย่ฝาน “…”

         …

        เย่ฝานครุ่นคิดถึงสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่งซึ่งซื้อมาก่อนหน้านี้ เงินก้อนนี้รวมกับเงินที่เหลือก็ยังสามารถใช้เป็นค่าสมุนไพรได้อีกหลายวัน

        “เอาล่ะ! ถึงแม้ว่าจะยังเช้าอยู่ แต่ก็คงจะเก็บแผงได้แล้วล่ะนะ” เย่ฝานกล่าว

        “น้องชายนี่ช่างโชคดีจริงๆ! มีลูกค้าเงินหนามาอุดหนุนซ้ำแล้วซ้ำอีก” อาจารย์หยวนกล่าว

        เย่ฝานยังคงครุ่นคิด เขาอาจจะต้องไปห้องสมุดประจำเมืองสักครั้ง โลกนี้มีพืชพรรณหลากหลายชนิดที่เย่ฝานยังไม่รู้จัก ข้อมูลของพืชบางชนิดก็ไม่ตรงกับที่เย่ฝานเคยรู้มา เขาจึงตัดสินใจไปห้องสมุดเพื่อไปดูภาพประกอบของพืชชนิดต่างๆ

        เย่ฝานอุ้มหนังสือสิบกว่าเล่มมาวางที่โต๊ะแล้วนั่งลง จากนั้นก็พลิกดูหนังสือด้วยความรวดเร็ว

        ร่างกายของเย่ฝานแฝงด้วยวิญญาณธาตุเก้าสีทำให้เขาไม่ลืมข้อมูลที่ตาเห็น และสามารถอ่านหนังสือด้วยความรวดเร็ว ยากที่คนทั่วไปจะเทียบได้

        เย่ฝานรู้สึกว่าตั้งแต่เขานั่งลงตรงนี้ ก็มีหญิงสาวหลายคนมองมาที่เขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาสงสัยว่าอาจเป็นเพราะตนเองมีใบหน้าหล่อเหล่าก็เป็นได้ จึงทำให้พวกเธอแอบชอบเขา อย่างไรเสียโลกใบนี้ก็มีหญิงสาวมากมายที่มักหลงใหลชายรูปงาม!

        เย่ฝานพลิกดูหนังสือด้วยความรวดเร็วจนถึงเล่มที่สาม หญิงสาวคนหนึ่งก็ยืนขึ้นแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเขา

        “เย่ฝาน นายเลิกเสแสร้งได้แล้ว”

        เย่ฝานเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจพลันถามว่า “มีธุระอะไรกับผมเหรอ?”

        “เย่ฝาน ฉันเป็นคนชัดเจนพูดจาต่อหน้าไม่เล่าลับหลัง ฉันจะบอกให้ว่าระหว่างนายกับพี่ถิงถิงไม่มีทางเป็นไปได้ นายอย่าได้คิดเพ้อฝันอีกเลย”

        เย่ฝานมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาด้วยความแปลกใจ แล้วพูดว่า “เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจิตเวชคงจะดูแลผู้ป่วยไม่ทั่วถึงสินะ! ถึงได้ปล่อยคนบ้าอย่างเธอออกมาเพ่นพ่านข้างนอกอย่างนี้”

        “นี่นาย!” เจียงโหยวกัดฟันกรอด ขณะเดียวกันสายตาก็จับจ้องอยู่ที่เย่ฝาน

        เย่ฝานมองเห็นเลี่ยวถิงถิงที่นั่งหันหลังให้ตน แววตาพลันปรากฏความเย็นชาขึ้น เพราะในที่สุดเย่ฝานก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหญิงสาวเหล่านั้นถึงได้จ้องมองเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

        “ซวยจริงๆ!” เย่ฝานวางหนังสือลง แล้วมองเลี่ยวถิงถิงด้วยใบหน้าที่แสดงความรังเกียจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องสมุดทันที คิดในใจว่าเอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่

        เลี่ยวถิงถิงเกิดในตระกูลเลี่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองชาง เธอเป็นคนสวย ฐานะสูงส่ง สำหรับเจ้าของร่างนี้แล้วเธอเปรียบเสมือนนางฟ้า การได้แต่งงานกับเลี่ยวถิงถิงนั้นทำให้เขาทั้งดีใจและน้อยเนื้อต่ำใจในเวลาเดียวกัน

        เจ้าของร่างยกย่องให้เกียรติเลี่ยวถิงถิงดั่งเทพธิดา แต่สำหรับเย่ฝานกลับไม่รู้สึกอะไรกับหล่อนเลย อีกอย่างในชาติภพก่อนเย่ฝานได้พบเห็นสาวงามมามากมาย เย่ฝานรู้สึกมาตลอดว่า เลี่ยวถิงถิงภายนอกดูเหมือนเป็นคนอ่อนหวาน แต่แท้จริงแล้วจิตใจชั่วร้ายดั่งอสรพิษ ที่เขาถูกตราหน้าว่าเป็นพวกหลอกลวง ชื่อเสียงพังย่อยยับแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับหล่อนด้วย

        เย่ฝานเดินจากไปด้วยความโมโห โดยไม่ได้ทักทายกับเลี่ยวถิงถิงแม้แต่คำเดียว

        “นับว่าเขายังรู้จักเจียมกะลาหัวอยู่บ้าง!” เจียงโหยวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        เลี่ยวถิงถิงย้อนคิดถึงแผ่นหลังของเย่ฝานที่เดินออกไป ความรู้สึกอันเลือนรางทำให้เธอคิดว่าว่าเย่ฝานมีบางอย่างต่างไปจากเดิม “เขาอาจจะไม่ได้มาหาฉันก็ได้ น่าจะมาอ่านหนังสือมากกว่า”


        “อ่านหนังสือ? เขาพลิกดูหนังสือเร็วขนาดนั้น อ่านไม่เท่าไรก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ตั้งใจอ่านซะที่ไหนกันล่ะ” เจียงโหยวตอบอย่างไม่เห็นด้วย


:katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 16-04-2020 13:03:36
เล่มที่ 1 ตอนที่ 7 ผู้หลงใหลในศาสตร์ลี้ลับ


        วันต่อมา

        ใต้สะพานลอยมีรถหรูหลายคันเร่งเครื่องพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจอดเบื้องหน้าแผงลอยของเย่ฝาน

        อาจารย์หยวนมองเห็นเจียงไห่หลินเดินลงมาจากรถหรู ก็ลูบเคราที่คางแล้วแอบคิดในใจว่า : ตนนั้นเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตจริงๆ คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณชายพวกนี้ต้องกลับมาหาเรื่องเย่ฝานในสักวันหนึ่ง เจ้านักต้มตุ๋นขายยันต์นั่น ติดหนี้บุญคุณตนจริงๆ

        “พี่สอง คนที่พี่พูดถึงคนนั้นล่ะ?” เฉียนอวี้เอ่ยถามหลังจากเดินหาจนทั่วแล้ว

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้วแล้วตอบกลับ “เหมือนเขาจะไม่มานะ”

        เฉียนอวี้ถามอย่างร้อนใจ “เขาไม่มา? ทำไมเขาถึงไม่มาล่ะ?”

        เจียงไห่หลินตอบกลับด้วยใบหน้างุนงง “ฉันก็ไม่รู้ เขาอาจติดธุระด่วนก็ได้”

        เฉียนอวี้พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “แล้วจะทำยังไรกันเล่า? พวกเราน่ะรอได้ แต่พี่ใหญ่คงรอไม่ได้แน่ๆ!”

        เจียงไห่หลินกัดฟันแล้วพูดว่า “นายอย่าเพิ่งโวยวายสิ! เขาไม่มา พวกเราไปตามหาเขาก็ได้นี่ ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขาที่ไหนแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกสักที”

        อาจารย์หยวนเฝ้ามองคุณชายเจ้าของรถหรูเหล่านั้นที่กำลังกระวนกระวายจนหาทางออกไม่ได้ จึงรู้ว่าพวกเขาไม่ได้จะมาหาเรื่องแต่อย่างใด แต่จะมาพบเย่ฝานเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้อาจารย์หยวนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

        “พี่สอง คนคนนั้นดูออกว่าบนตัวพี่มีกลิ่นอายภูตผี ฟังก็รู้แล้วว่าต้องเป็นยอดฝีมือ! ทำไมพี่ถึงไม่ขอนามบัตรหรือเบอร์โทรติดต่อเขาไว้ล่ะ”

        เจียงไห่หลินกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ก็ฉันไม่ได้คิดไปมากกว่านั้นนี่? ใครใช้ให้หมอนั่นทำท่าทางเหมือนพวกสิบแปดมงกุฎเล่า ยอดฝีมือที่ไหนจะเปิดแผงขายของไปด้วย แทะไก่ทอดไปด้วย! มันน่าขายหน้าจะตาย!”

        เย่ฝานไม่รู้เลยว่า ในขณะที่เขานอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนั้น อาจารย์หยวนได้ถูกคุณชายเหล่านั้นซักไซ้ไล่เลียงไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

        ในที่สุด อาจารย์หยวนที่ถูกถามจนแทบคลั่งก็นึกสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้

        “คุณบอกว่าหมอนั่นมีหลานชายที่เรียนหนังสืออยู่แถวนี้งั้นเหรอ?” เจียงไห่หลินถาม

        อาจารย์หยวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ เด็กคนนั้นนั่งรถหรู แถมยังมีบัตรที่มีเงินเป็นล้านหยวน ต้องเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลแน่ๆ น่าจะหาตัวได้ไม่ยาก”

        เจียงไห่หลินพาอาจารย์หยวนไปยังโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในละแวกนั้นด้วยความรวดเร็ว

        เจียงไห่หลิน เฉียนอวี้และจูจ้งชิวต่างอยู่ในตระกูลที่มีอิทธิพล เหล่าคุณชายตระกูลใหญ่จะขอตรวจสอบข้อมูลสถานะนักเรียน แน่นอนว่าครูใหญ่ก็ไม่อยากจะเข้ามาขัดขวาง

        “เด็กคนนี้แหละ” ไม่นานอาจารย์หยวนก็ค้นเจอข้อมูลสถานะนักเรียนของอู่หาวเฉียง

        “เด็กคนนี้ใช่ไหมที่คุณพูดถึง!”

        อู่หาวเฉียงเป็นหลานคนโตของตระกูลอู่ ชื่อเสียงย่อมเป็นที่รู้จักมากกว่าเย่ฝาน

        “คุณบอกว่าอู่หาวเฉียงเป็นหลานของอาจารย์ อย่างนั้นอาจารย์คงไม่ใช่...” เฉียนอวี้เบิกตาโตเนื่องจากเรื่องดังกล่าวมันช่างยากที่จะเชื่อ

        เจียงไห่หลินเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันว่าแล้วเชียว ว่าทำไมถึงคุ้นหน้าคนขายยันต์คนนั้นเหลือเกิน ที่แท้ก็เป็นเขา”

        เฉียนอวี้รีบส่ายหน้าพลางพูดว่า “นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ที่หมายถึงน่ะมันคือเย่ฝานนะ!”

        เฉียนอวี้เคยสบประมาทเย่ฝานอยู่ไม่น้อย เย่ฝาน เจ้าหมอนั่นเกิดในตระกูลที่สูงศักดิ์แท้ๆ ตระกูลฝั่งแม่ก็ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกลูกของเมียน้อยรังแกจนมีสภาพแบบนี้ แน่นอนว่าเรื่องนี้สาเหตุหลักมาจากพ่อของเขาที่ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากันด้วย แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพราะเย่ฝานนั้นขี้ขลาด ไม่มีความทะเยอทะยานด้วยเหมือนกัน

        เมื่อเย่ฝานก้าวลงมาจากรถ ก็ถูกรถหรูสามคันจอดล้อมเอาไว้

        เจียงไห่หลินเดินลงมาจากรถหรูมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเย่ฝาน แล้วพูดว่า “คุณชายเย่ คุณยังจำผมได้ไหม?”

        เย่ฝานพยักหน้าและตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “เมื่อสองวันก่อนนายมาซื้อยันต์ของฉันไปหลายใบ แต่ขอโทษด้วยฉันไม่รับของคืนหรอกนะ”

        เจียงไห่หลินหัวเราะแห้งๆ พลางพูดว่า “ผมไม่ได้จะมาคืนสินค้าหรอกครับ คือผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วยต่างหาก”

        เย่ฝานจ้องไปที่เจียงไห่หลินอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กลิ่นอายภูตผีบนตัวนายอ่อนลงมากแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงแล้วล่ะ”

        ทันใดนั้นเย่ฝานก็ใช้นิ้วชี้ไปที่เฉียนอวี้พลันพูดว่า “นายนี่มันยังไงกันนะ เหมือนกับว่าไปสัมผัสกับภูตผีมา บนตัวของนายมีกลิ่นอายอสูรแรงมาก หรือว่านายมีความรักกับผี ถึงได้เข้าไปพัวพันกับภูตผีอย่างนี้”

        เจียงไห่หลินได้ยินคำพูดของเย่ฝานแล้วรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เจียงไห่ลั่วมีงานอดิเรกชอบศึกษาพวกศาสตร์ลี้ลับ บันจี้จัมพ์ ปีนเขา โต้คลื่น กิจกรรมเล่านี้พวกเขาล้วนเคยเล่นมาแล้ว จึงอยากจะหาสิ่งแปลกใหม่ทำบ้าง

        พวกเขาได้ยินมาว่าในสุสานของเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง กลางดึกจะมีภูตสาวในชุดแดงออกมาร่ายรำ จึงได้นัดหมายกันไปที่นั่นเพื่อไปดูภูตสาวตนนั้น ปรากฏว่าพวกเขาได้เห็นผีอย่างที่ใจคิดจริงๆ และซ่งป๋อฮุยลูกพี่ของพวกเขาก็คือหนึ่งในสี่คนที่เจอผีและโดนผีสิงเข้าให้

        ทว่าการเชิญผีมานั้นง่าย แต่จะไล่ไปนั้นช่างยากเย็น หลังจากที่ซ่งป๋อฮุยถูกผีสาวเข้าสิงก็มักจะป่วยไข้และพูดจาแปลกๆ บางครั้งก็หัวเราะน่าเกลียดน่ากลัว บางครั้งก็ร้องเพลงขึ้นมา

        เจียงไห่หลินและพวกพาไปหาหมอดูและซินแสมาหลายท่าน แต่ก็ยังหาวิธีแก้ไม่ได้

        หลังจากที่เจียงไห่หลินซื้อยันต์จากเย่ฝานกลับไป เขาใช้ไปหนึ่งแผ่นแล้วรู้สึกดีขึ้นจึงนำไปให้ซ่งป๋อฮุยลองใช้ เขาพบว่ายันต์ออกฤทธิ์ได้ดีในระดับหนึ่ง ซ่งป๋อฮุยมีสติฟื้นคืนกลับมาได้บ้าง แต่เหมือนกับจิตวิญญาณของเขากำลังต่อสู้กับวิญญาณตนนั้นอยู่

        “คุณชายเย่พูดเล่นใช่ไหม ผมจะรักกับผีได้ยังไง” เฉียนอวี้เต็มไปด้วยความละอายใจ เรื่องไปตามหาผีกลางดึกนั้นเป็นความคิดของเขาเอง พอซ่งป๋อฮุยเกิดเรื่อง คนตระกูลซ่งต่างก็เกลียดเขาเข้ากระดูกเลยทีเดียว

         เมื่อรู้ว่ายันต์ที่เจียงไห่หลินซื้อมาใช้แล้วได้ผล เฉียนอวี้จึงรีบเอายันต์ให้กับซ่งป๋อฮุยได้ลองใช้

        ยันต์นั้นใช้ได้จริง แต่ในระหว่างที่ใช้ภูตผีอาจสัมผัสได้ว่าโดนกระทำ จึงยิ่งทำร้ายร่างกายของเขาหนักขึ้น ดังนั้นบนตัวของเฉียนอวี้จึงมีกลิ่นอายอสูรรุนแรงขนาดนี้

        “พวกนายมาหาฉันเพื่ออะไร?” เย่ฝานดึงถุงขนมถุงใหญ่ในรถออกมา 4 ถุง

        เจียงไห่หลินรีบเดินเข้าไปช่วยถือของ

        เย่ฝานซื้อโยเกิร์ต ช็อคโกแลต มันฝรั่งทอดและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเต็มทั้ง 4 ถุงนั้น เจียงไห่หลินจึงรู้สึกหนักอยู่ไม่น้อย


        มีคนช่วยถือของให้แบบนี้ แน่นอนว่าเย่ฝานย่อมต้องชอบใจอยู่แล้ว อย่างที่รู้ว่าคุณชายเย่ในชาติภพก่อนนั้น ถึงแม้จะไม่สามารถฝึกตนได้ แต่ด้วยชาติกำเนิดของเขานั้นไม่ธรรมดา สำนักจึงได้ให้สาวใช้ 2 คนและผู้ติดตามอีก 2 คนแก่เขา
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 7
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 17-04-2020 10:17:58
เล่มที่ 1 ตอนที่ 8 ผีสาว



        “เข้ามาสิ” เย่ฝานเปิดประตู แล้วเรียกให้เจียงไห่หลินกับพวกเข้าไปนั่ง

        เจียงไห่หลินเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดคร่าวๆ ให้เย่ฝานฟังอีกครั้ง

        “ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยสามารถคุ้มครองให้ปลอดภัย ป้องกันภยันตรายเล็กๆ น้อยได้ ส่วนยันต์ปัดเป่าโรคภัยก็ใช้ได้เพียงปัดเป่าความเจ็บป่วยทั่วๆ ไป ทั้งสองอย่างใช้ไม่ได้ผลกับการขับไล่ภูตผีสักเท่าไรหรอก แต่ว่าก็พอจะช่วยได้อยู่บ้าง จากที่ฉันคาดการณ์ ยันต์พวกนี้สามารถช่วยรักษาชีวิตของซ่งป๋อฮุยได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากระยะเวลาที่ซ่งป๋อฮุยถูกผีสาวแฝงร่างนั้นยืดยาวออกไปอีก เขาอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต" เย่ฝานกล่าว

        เย่ฝานไม่อาจห้ามความรู้สึกไม่เชื่อใจตัวเองไว้ได้ ว่ากันตามตรงวิทยายุทธ์ของเขายังอ่อนด้อยนัก หากเขาฝึกฝนศาสตร์การหลอมอาวุธจนสำเร็จขั้นที่สี่ได้ ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยเพียงหนึ่งใบของเขาก็สามารถทำให้วิญญาณภูตสาวมลายหายกลายเป็นควันจนหมดสิ้นได้

        เจียงไห่หลินถามด้วยความตื่นเต้น “ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะถามคุณชายเย่ว่า มีวิธีขับไล่ผีร้ายหรือไม่”

        “นายเคยไปหาหมอผีแล้วหรือยัง?” เย่ฝานตอบกลับ

        เจียงไห่หลินพยักหน้าพลางตอบว่า “เคยไปหามาแล้วครับ หมอผีบอกว่าผีร้ายอายุพันปีตนนั้นมันร้ายกาจมาก ยากที่จะปราบมันได้”

        เย่ฝานตกตะลึงกับสิ่งที่เจียงไห่หลินกล่าว “พันปีเชียวเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็คงปราบไม่ได้ง่ายๆ” ผีตนนี้อยู่มาเนิ่นนาน พบเห็นอะไรมามากมาย คงจะมีฤทธิ์เดชแรงกล้า แต่บนโลกนี้มีนักต้มตุ๋นอยู่ไม่น้อย หมอผีเหล่านั้นไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือไม่

        เย่ฝานหยิบนมหนึ่งแพ็คขึ้นมาดื่ม

        “ซ่งป๋อหุยถูกผีสิงมากี่วันแล้ว?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “สามวันแล้วครับ”

        “อืม ถ้าเป็นผีสาวอายุพันปีจริง ป่านนี้เขาคงไม่รอดแล้ว”

        เจียงไห่หลินมองเย่ฝานดื่มนม ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

        เย่ฝานเห็นสายตาของเจียงไห่หลินที่มองเขาพลางกะพริบตาแล้ว เอ่ยถามว่า “นายอยากดื่มนมเหรอ? ฉันยังเหลืออยู่นะ”

        เจียงไห่หลินรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

        เย่ฝานเห็นท่าทางของเจียงไห่หลินก็หัวเราะแล้วพูดว่า “นายไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ของพวกนี้ราคาถูกจะตาย”

        เจียงไห่หลิน “…”

        เจียงไห่หลินมองไปที่เย่ฝานแล้วถามว่า “คุณชายเย่ คุณคิดว่ายังไง!”

        “นายมาพบฉันเพื่อให้ช่วยไล่ผีเหรอ? นี่เป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตเชียวนะ พวกนายจะให้ค่าจ้างฉันเท่าไร!” เย่ฝานถาม

        เฉียนอวี้เอ่ยว่า “สิบล้านหยวนเป็นไง”

        เย่ฝานกะพริบตา แอบคิดในใจเงียบๆ ว่า คนรวยนะเนี่ย! “ได้ ถ้าอย่างนั้นมัดจำก่อนหนึ่งล้านหยวน ส่วนที่เหลือจัดการเรื่องนี้เสร็จเมื่อไร ฉันค่อยไปเอาที่นาย” เงินสิบล้านหยวน เพียงพอให้เขาใช้จ่ายได้ช่วงระยะหนึ่ง

        “คุณชายเย่ คุณกับเลี่ยวถิงถิงเลิกกันแล้วเหรอครับ?” เฉียนอวี้มองเย่ฝาน เขามีความรู้สึกว่าเย่ฝานที่อยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้ กับคนที่อยู่ในความทรงจำนั้น เหมือนไม่ใช่คนคนเดียวกัน คนผู้นี้คือเย่ฝานจริงๆ หรือ

        “เลี่ยวถิงถิงน่ะเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นโหงวเฮ้งกินผัว ใครได้เป็นเมียคนนั้นซวย” เย่ฝานตอบพร้อมส่ายหน้า

        โทรศัพท์มือถือของเฉียนอวี้ดังขึ้น หลังจากรับสาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

        เย่ฝานมองไปที่เฉียนอวี้แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

        “พี่ใหญ่แขวนคอตาย!” เฉียนอวี้ตอบกลับ

        เย่ฝาน “…” แขวนคอ! นี่ไม่ใช่วิธีฆ่าตัวตายของคนสมัยนี้ คนสมัยนี้มักจะเลือกฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกหรือกินยานอนหลับ!

        “ไม่ตายใช่ไหม?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        เฉียนอวี้ส่ายหน้าพลางตอบว่า “ไม่ตายครับ ตอนนี้ใช้ยันต์ปัดเป่าโรคภัยสะกดวิญญาณนั่นไว้”

        เจียงไฮ่หลินหันไปทางเย่ฝานพลันพูดว่า “คุณชายเย่ เรื่องนี้คงจะปล่อยให้ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว!”

        เย่ฝานหยิบมันฝรั่งทอดหนึ่งกำมือและตีนไก่หนึ่งถุง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ไปกันเถอะ”

        เจียงไห่หลินตอบกลับไป “ครับ”

        …

        เย่ฝานตามเจียงไห่หลินไปยังห้องที่มัดซ่งป๋อฮุยเอาไว้อย่างแน่นหนา

        เย่ฝานมองซ่งป๋อฮุยแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

        “คุณชายเย่ เป็นอะไรไปครับ?” เจียงไห่หลินหลังจากเห็นอากัปกิริยาของเย่ฝานก็ถามด้วยความใคร่รู้

        “ไม่มีอะไร แค่เป็นอย่างที่ฉันคาดการณ์เอาไว้จริงๆ มันไม่ใช่ภูตผีอายุพันปีหรอก มันมีอายุแค่ร้อยปีเท่านั้น น่าจะเป็นนักแสดงงิ้วในสมัยสาธารณรัฐ”

        เย่ฝานมองเห็นผีสาวในชุดแดงที่สิงอยู่ในร่างซ่งป๋อฮุยทันทีที่เข้าไปในห้อง อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงอันตรายที่จะบังเกิดจากจากมาถึงของเย่ฝาน ซ่งป๋อฮุยหรือก็คือผีสาวชุดแดงตนนั้นจึงขู่คำรามออกมาเป็นพักๆ

        บนอาณาจักรชางเสวียนมีอสูรบำเพ็ญตบะพวกหนึ่งอาศัยอยู่ พวกเขาจะนำดวงวิญญาณของภูตผีที่ยอมจำนนมาหลอมเป็นของวิเศษประจำกาย มนุษย์ส่วนมากเมื่อตายไปแล้ววิญญาณจะมลายหายไป มีมนุษย์เพียงน้อยนิดที่วิญญาณจะแปรเปลี่ยนเป็นภูตผีเมื่อตายไปแล้ว สำหรับอสูรบำเพ็ญตบะแล้วภูตผีเหล่านี้เปรียบเหมือนหินวิญญาณ พวกเขาจึงต้องแย่งชิงภูตผีทุกครั้งที่พบเจอ เพราะทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกฝนของเหล่าผู้ฝึกตนนั้นมีจำกัด สิ่งใดที่ใช้ประโยชน์ได้ล้วนต้องแย่งชิงมาครอบครอง

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้ว เขามีความรู้สึกว่าเย่ฝานคล้ายกำลังสื่อสารกับผีสาว แต่เขาดูไม่ออกว่าทั้งสองกำลังสื่อสารอะไรกันอยู่

        “คุณชายเย่ คุณกำลังทำอะไรอยู่?” เจียงไห่หลินเอ่ยถาม

        “ฉันกำลังสนทนากับเธออยู่ ผีตนนี้ตอนยังมีชีวิตอยู่เป็นนักแสดงงิ้วในสมัยสาธารณรัฐ ถูกคุณชายท่านหนึ่งซื้อไปเป็นอนุภรรยา ผ่านไปไม่นานก็ไม่เป็นที่โปรดปรานเหมือนเดิม ต่อมาถูกภรรยาหลวงใส่ร้ายว่ามีความสัมพันธ์กับเด็กรับใช้ในบ้าน จึงถูกตัดลิ้นและบังคับให้แขวนคอตาย”

        “แล้วทำไมเธอต้องมายุ่งกับพี่ใหญ่ของเราด้วยครับ”

        เย่ฝานยักไหล่พลางตอบว่า “พี่ใหญ่ของพวกเธอโชคไม่ดี ที่หน้าตาดันไปเหมือนกับชายสารเลวคนนั้น!”

        เฉียนอวี้ “…”

        “ซ่งป๋อฮุย” เขาจ้องมองมาที่เย่ฝาน อารมณ์เดี๋ยวสงบ เดี๋ยวบ้าคลั่ง

        “แต่ว่า คนที่ทำร้ายเธอคือภรรยาหลวงคนนั้น อีกอย่างพี่ใหญ่ของพวกเราก็ไม่ใช่ผู้ชายมักมากคนนั้นด้วย” เฉียนอวี้กล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม ฉันกำลังใช้เหตุผลในการเกลี้ยกล่อมเธออยู่ แต่เธอคิดว่าลูกพี่ของพวกนายเป็นชายชั่วที่เธอตามหา เธอไม่ยอมฟังคำพูดของฉันเลย”

        ทันใดนั้นสีหน้าของเย่ฝานก็เย็นชาขึ้น เขาร่ายคาถาสองสามบทออกมา เมื่อถูกเล่นงานด้วยมนตร์คาถา ซ่งป๋อฮุยก็กรีดร้องออกมา ในตอนนั้นเองผีสาวในชุดแดงก็ลอยออกมาจากร่างของซ่งป๋อฮุย

        “ผี!” เจียงไห่หลินร้องเสียงหลง ปกติแล้วคนทั่วไปจะมองไม่เห็นภูตผี แต่ภายใต้สถานการณ์พิเศษอย่างนี้ ก็อาจทำให้สามารถมองเห็นภูตผีได้ ผีสาวชุดแดงปรากฏตัวขึ้นจากการร่ายมนตร์คาถาของเย่ฝาน เจียงไห่หลินจึงมองเห็นได้ชัดเจน

        เย่ฝานรู้สึกหมดคำพูด ได้แต่คิดในใจว่าเจียงไห่หลินเจ้าคนโง่เขลา ขี้ขลาดอย่างนี้ ยังกล้าออกไปลองดีกับผีกลางดึก?

        การใช้เวทมนตร์มาจัดการกับภูตผี เป็นสิ่งที่เย่ฝานพอจะทำได้แบบถูๆ ไถๆ ไม่ได้เชี่ยวชาญนัก “สะกด!” เย่ฝานเปล่งเสียงอย่างดุดัน

        เมื่อผีสาวหมุนตัวหวังจะหนีไป หลอดไฟในห้องพักผู้ป่วยก็ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ

        เย่ฝานเห็นว่าผีสาวกำลังจะหนีไปก็แสดงเวทมนตร์สะกดภูตผีออกมาอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าผีสาวโดนตรึงเอาไว้แน่นหนาแล้ว เย่ฝานจึงนำยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นแล้วติดไว้บนร่างของผีสาว ร่างของหล่อนก็ถูกยันต์นั้นสะกดไว้ในทันใด

        “คุณชายเย่ ผีสาวตนนั้นล่ะครับ?” เจียงไห่หลินเอ่ยถามอย่างระวังเนื้อระวังตัว

        “นายอยากได้ไหม  ถ้านายอยากได้ฉันจะให้? เป็นผีสวยซะด้วยนะ” เย่ฝานตอบ

        เจียงไห่หลินรีบส่ายหน้าทันที พลางพูดว่า “ ไม่ดีกว่า ไม่ดีกว่า คุณเก็บเถอะครับ  คุณเก็บไว้เถอะ”

        เฉียนอวี้เอ่ยถามด้วยความร้อนรน “คุณชายเย่ พี่ใหญ่ของพวกเราปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ?”

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ระยะนี้คงยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ให้หมอมาดูอาการสักหน่อย อีกสักครู่น่าจะฟื้นแล้วล่ะ แต่ว่า…”

        “แต่อะไรเหรอครับ” เฉียนอวี้เอ่ยถาม

        เย่ฝานส่ายหัว แล้วตอบ “ไม่มีอะไร”

        คุณชายพวกนี้ เล่นอะไรไม่เล่นไปเล่นกับภูตผีปีศาจ ในร่างของผีสาวตนนี้มีพลังหยินแรงมาก ผีสาวสิงอยู่ในร่างคุณชายใหญ่นานขนาดนั้น ทำให้อายุขัยถูกบั่นทอนไปอย่างน้อยสามปี ทว่าเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะกล่าวออกไป อย่างไรสภาพร่างกายของเขาก็ยังดีอยู่ หากบอกเขาว่าอายุขัยสั้นลงไปหลายปี เป็นใครก็คงจะไม่ชอบใจนัก

        เฉียนอวี้พยักหน้าพลางพูดว่า “ครับ ครับ”

        “ฉันกลับก่อนนะ”

        เจียงไห่หลินรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณชายเย่ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเองครับ”


        เย่ฝานพยักหน้าพลันตอบว่า “ตกลง”
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 8 (17/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-04-2020 15:30:21
ไล่ผีได้แบบนี้ โอกาสดีที่จะมีชื่อเสียง ขายยันต์ดีแน่ๆ เงินทองไหลมาเทมา 55555 สนุกกกกกกก ชอบอีกแล้ว รออ่านตอนต่อไปเลยค่ะ   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 8 (17/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 18-04-2020 13:54:06
เล่มที่ 1 ตอนที่ 9 มีเงินแล้ว


        เย่ฝานนั่งแผ่หลาหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเบาะหลังรถยนต์

        เจียงไห่หลินกำลังขับรถ เขาบังเอิญมองเห็นท่านั่งที่แน่นิ่งจนเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างของเย่ฝานผ่านกระจกมองหลัง

        “คุณชายเย่ คุณดูเหนื่อยมากเลยนะครับ?”

        “เมื่อกี้ใช้พละกำลังมากไป จนเกินขีดจำกัดน่ะ” เย่ฝานตอบกลับอย่างขี้เกียจ

        เจียงไห่หลิน “…” คำพูดนี้ทำไมถึงได้ฟังดูคลุมเครือแบบนี้?

        “คุณชายเย่ครับ พี่ใหญ่ของผมเจอเรื่องแบบนี้ต่อไปจะมีผลร้ายอะไรตามมาไหมครับ?”

        เย่ฝานกลอกลูกตาไปมา แล้วถามว่า “นายอยากรู้เหรอ?”

        เจียงไห่หลินพยักหน้าแล้วตอบว่า “ผมอยากรู้ครับ”

        เย่ฝานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดว่า “ในเมื่อนายอยากรู้ ฉันจะบอกนายก็ได้ อายุขัยของเขาจะสั้นลง ความจริงไม่ใช่แค่พี่ใหญ่ของนายเท่านั้น แม้แต่นายก็จะอายุสั้นลงไปด้วย แต่ไม่ต้องกังวล อย่างมากก็สั้นลงแค่เดือนสองเดือน เทียบกับพี่ใหญ่ของนายแล้วยังนับว่าดีกว่ามาก”

        เจียงไห่หลินหยุดรถกะทันทัน ร่างของเย่ฝานเซไปข้างหน้า “ทำไมไม่ไปต่อล่ะ?” เย่ฝานถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

        “ผมจะอายุสั้นเหรอครับคุณชายเย่? แล้วจะมีทางแก้ไขไหมครับ?” เจียงไห่หลินถามอย่างร้อนรน

        เย่ฝานเห็นเจียงไห่หลินตกใจจนหน้าถอดสี จึงเอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นายจะมากลัวอะไรตอนนี้ กลางดึกกลางดื่นออกไปลองของกับผี?” นั่นก็เท่ากับว่านายเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนความเป็นและความตาย! แม้แต่ความตายนายยังไม่กลัว แค่มีชีวิตอยู่น้อยลงไปไม่กี่วัน นายจะกลัวอะไร?

        เจียงไห่หลิน “…” เขาไม่ได้กล้าหาญขนาดนั้นหรอก! เขาออกไปลองของกลางดึกก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากตาย ก็แค่นึกสนุกขึ้นมาเท่านั้น! เขาเองก็รู้สึกเสียใจตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว

        “คุณชายเย่ คุณต้องช่วยผมนะ!” เจียงไห่หลินกล่าว

        เย่ฝานตอบกลับอย่างจนใจ “ดื่มน้ำซุปสมุนไพรบำรุงธาตุหยางก็จะดีขึ้น สมุนไพรจะหายากหน่อยนะ ราคาแพงด้วย”

        “เรื่องนี้ผมจะหาวิธีจัดการเองครับ” เจียงไห่หลินกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะเขียนใบสั่งยาให้นายเอง”

        เจียงไห่หลินตอบกลับด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณคุณชายเย่มากๆ เลยครับ”         

        เย่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก!”

        เย่ฝานกลับถึงบ้านไม่นาน ในบัญชีก็ปรากฏยอดเงินเพิ่มขึ้นมาอีกสิบสองล้านหยวน เงินค่าจ้างเก้าล้านหยวนที่เหลือ เฉียนอวี้เป็นผู้โอนเข้ามา นอกจากนี้ยังมีเงินอีกสามล้านหยวนที่เจียงไห่หลินโอนเข้ามาต่างหาก อาจเป็นสินน้ำใจที่เขามอบให้

        ยอดเงินในบัญชีที่มากขึ้นอีกสิบกว่าล้านหยวน ทำให้เย่ฝานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

        …

        มีเงินสิบกว่าล้านหยวนอยู่ในกระเป๋า ทำให้เย่ฝานมั่นใจมากขึ้นเป็นกอง เขาขับรถไปยังตลาดขายยาจีนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชาง

        บนถนนสายหนึ่งในเมืองชาง มีร้านขายยาจีนเป็นร้อยๆ ร้านตั้งเรียงราย ดูโอ่อ่าตระการตา

        “คุณลูกค้าท่านนี้ ต้องการซื้อสมุนไพรหรือคะ?”

        “เอาอันนี้” เย่ฝานชี้ไปที่โสมต้นหนึ่งที่วางอยู่ในตู้โชว์

        "คุณลูกค้าช่างตาแหลมนัก โสมแดงต้นนี้เป็นโสมเก่าแก่ เป็นสมบัติประจำร้านของเรา ราคาสามล้านหยวนค่ะ"

        เย่ฝานพยักหน้าและพูดว่า “ฉันเอาต้นนี้”

        เย่ฝานมองเห็นโสมแดงที่วางอยู่ในตู้โชว์ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา โสมแดงและโสมโลหิตนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก เย่ฝานคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับโสมโลหิตในที่แห่งนี้ เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน เขาก็สัมผัสถึงพลังปราณที่เอ่อล้นจนผิดปกติ ไม่นานก็ได้พบกับเป้าหมายของเขา

        วัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน พอเห็นโสมโลหิตที่วางอยู่ในตู้โชว์ สายตาก็พลันเป็นประกายขึ้นมา เขาพูดอย่างอวดร่ำอวดรวยว่า “โสมแดงต้นนี้ไม่เลวเลย ฉันต้องการโสมต้นนี้ ราคาเท่าไร?”

        “โสมแดงต้นนี้ ลูกค้าท่านนั้นได้ซื้อไว้แล้วค่ะ” พนักงานสาวในร้านขายยาจีน คิดอย่างประหลาดใจว่า โสมแดงต้นนี้วางโชว์อยู่ตรงนั้นมาตั้งหลายปีก็ไม่มีใครสนใจ จู่ๆ วันนี้กลับมีคนต้องการซื้อมันถึงสองคน

        “จ้าวเลี่ยง เธอได้ของที่ต้องการแล้วหรือยัง!” เย่อิ้งหลันเดินเข้ามาในร้าน

        “เย่ฝาน นายเองเหรอ นายมาทำอะไรที่นี่?” เย่อิ้งหลันมองไปยังเย่ฝานแล้วเอ่ยขึ้น

        เย่ฝานทำเสียงฮึดฮัด แล้วตอบกลับไปว่า “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” เย่อิ้งหลันตั้งแต่เล็กจนโตก็ทำไม่ดีกับเจ้าของร่างมาตลอด พอเย่ฝานเห็นหล่อนก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา

        “ฉันอยากได้โสมแดงนี่ แต่ว่าพี่ชายเธอซื้อไปแล้ว” จ้าวเลี่ยงกล่าว

        เย่อิ้งหลันขมวดคิ้ว แล้วหันไปถามพนักงานขายว่า “โสมแดงนี้ราคาเท่าไร?”

        “สามล้านหยวน!”

        เย่อิ้งหลันจ้องมองอย่างโกรธแค้นพลางพูดว่า “เย่ฝาน นายไปเอาเงินมาจากไหน ขโมยเงินออกมาจากบ้านฉันหรือเปล่า”

        เย่ฝานยิ้มเยือกเย็น ทันใดนั้นเขาก็ง้างมือตบลงไปที่แก้มของเย่อิ้งหลันหนึ่งฉาด “นังเด็กบ้า เธอกล้าใส่ร้ายฉันเหรอ! คนไร้การศึกษา สมกับที่เป็นลูกเมียน้อยจริงๆ ถึงได้พูดจาเหลวไหลอย่างนี้”

        เย่ฝานตบไปอย่างแรงไม่มียั้ง หน้าของเย่อิ้งหลันบวมเป่งในทันที

        เย่อิ้งหลันเอามือลูบหน้าของตน จ้องมองเย่ฝานอย่างไม่คาดคิด “แก… แกกล้าตบฉันเหรอ?”

        เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่ใยดีว่า “ก็เธอวอนหาเรื่อง ฉันก็เลยต้องลงมือไง!”

        เย่อิ้งหลัน “…”

        จ้าวเลี่ยงด่าออกไปด้วยความเครียดแค้น ”แกไอ้สารเลว แก...”

        จ้าวเลี่ยงกำมัดแล้วชกไปทางเย่ฝาน เย่ฝานจับแขนของจ้าวเลี่ยงไว้ ก่อนจะทุ่มเขาลงไปกองกับพื้น “ดูท่าทางนายจะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ยังอยากจะทำตัวเป็นวีรบุรุษมาช่วยผู้หญิง ออกโรงช่วยหญิงงามก็ยังพอเข้าใจได้ แต่กลับมาช่วยหญิงสารเลวคนนี้เนี่ย สมองนายมีปัญหาหรือเปล่า?”

         เย่ฝานหยิบโสมแดงที่วางอยู่บนตู้โชว์แล้วเดินออกจากร้าน เย่อิ้งหลันมองดูเย่ฝานด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “เย่ฝาน นายหยุดเดี๋ยวนี้นะ”


          เย่ฝานหันกลับมามองเย่อิ้งหลันแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย หาได้ยี่หระต่อคำพูดของหล่อนไม่
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 9 (18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-04-2020 15:28:35
ร้ายมา ตบคืน ไม่โกง 555555 พลังลมปราณคงกลับมาฝึกได้เต็มที่เร็วๆนี้สินะได้โสมไปบำรุง รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 9 (18/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 19-04-2020 12:04:56
เล่มที่ 1 ตอนที่ 10 ฉันจะแต่งเขาเป็นภรรยา




        เมื่อเย่ฝานเดินออกมาจากร้านขายยาจีน ก็ถูกฝูงชนมุงดูทันที คนที่มุงดูอยู่นั้นก็ไม่กล้าเอะอะโวยวายมากมาย ได้แต่แอบชี้ไม้ชี้มือไปทางเขา และพูดกันไปว่า “เขาทำร้ายผู้หญิง”

        “คุณชายเย่ คุณชายเย่” เฉียนอวี้เร่งฝีเท้าจนตามเย่ฝานทัน

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้แวบหนึ่ง แล้วถามว่า “มีธุระอะไร?”

        ไม่กี่วันมานี้เจียงไห่หลินวุ่นวายอยู่กับเรื่องตามหาสมุนไพรบำรุงร่างกาย แน่นอนว่าเรื่องนี้รู้ถึงหูเฉียนอวี้เข้าจนได้ เมื่อถูกเฉียนอวี้ถามเช่นนั้น เจียงไห่หลินก็เลยต้องบอกเรื่องอายุขัยที่ถูกบั่นทอนลงมาอย่างจนใจ เรื่องนี้ทำให้เฉียนอวี้เสียขวัญเป็นอย่างมาก เพราะเย่ฝานเคยบอกไว้ว่า เขาได้รับกลิ่นอายอสูรมากกว่าเจียงไห่หลินเสียอีก ถ้าเช่นนั้นอายุขัยของเขาย่อมต้องสั้นลงกว่าเจียงไห่หลินแน่ๆ

        “ใบสั่งยาที่คุณให้กับพี่รอง ผมใช้บ้างได้ไหมครับ” เฉียนอวี้เอ่ยถาม

        “ได้สิ!” เย่ฝานตอบกลับ

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานแล้วถามว่า “คุณชายเย่ อายุขัยของผมจะสั้นลงมากน้อยแค่ไหนครับ!”

        เย่ฝานตบไปที่ไหล่ของเฉียนอวี้พลางพูดว่า “ทำใจให้สบาย ก็แค่ครึ่งปี ครึ่งปีเท่านั้น เพียงชั่วลัดนิ้วมือทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว” ในภพที่แล้ว ผู้ฝึกตนขั้นจินตันในสำนักของเขา พอเข้าฌานฝึกยุทธ์ครั้งหนึ่งก็กินเวลาหลายปีเลยทีเดียว

        เฉียนอวี้ “…”

        “คุณชายเย่ หากผมดื่มน้ำสมุนไพรนั่นแล้ว น่าจะอยู่ได้นานขึ้นใช่ไหมครับ! หรือว่าคุณเขียนในสั่งยาที่มีตัวยาคุณภาพสูงกว่านี้ได้ไหม เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาครับ”

        เย่ฝานครุ่นคิดจากนั้นตอบกลับไปว่า “นายใช้ยาตัวเดียวกับเจียงไห่หลินนั่นแหละ ตอนนี้ร่างกายนายยังอ่อนแอ หากใช้ยาคุณภาพสูงกว่านี้ จะรับไม่ไหวเอา อีกอย่างช่วงนี้คงต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนนะ”

        เฉียนอวี้พยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ ครับ ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างครับ”

        “เมื่อกี้ผมเห็นคุณ… ไปแสดงฤทธิ์เดชมาหรือครับ”

        เย่ฝานเอามือเท้าเอว แล้วพูดว่า “ยัยคนไม่รู้ความ หากไม่ตบซะบ้างก็ไม่รู้ถึงฤทธิ์เดชของฉัน”

        ในสำนักเมฆคราม เย่ฝานนับว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถฝึกตน แต่เหล่าลูกศิษย์ในสำนักเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาต่างก็แสดงความเคารพและนอบน้อม ยัยเด็กนั่นกลับกล้าใส่ร้ายป้ายสีเขา หล่อนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคุณชายเย่ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ

        เฉียนอวี้ “…” ข่าวลือที่ว่าคุณชายเย่เป็นคนขี้ขลาดตาขาวนั้น คงจะเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง

        “แต่ยังไงการทำร้ายผู้หญิงมันก็ไม่ดีนะครับ”

        “ถ้าไม่ใช่เพราะยัยเด็กนั่นมันสารเลว ใครอยากจะตบกันเล่า” เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ

        เฉียนอวี้ “…”

        เฉียนอวี้และเย่ฝานกำลังเดินอยู่บนถนนซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายยาจีน

        เหล่าคุณชายตระกูลดังทั้งหลาย กำลังห้อมล้อมเด็กหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่ง

        เย่ฝานหยุดฝีเท้าในทันใด เขาจ้องมองชายหนุ่มในชุดขาวที่อยู่ท่ามกลางผู้คน โดดเด่นดังหงส์ในหมู่กา เขาเอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “เขาคือใครกัน!”

        “เขาคือคุณชายไป๋อวิ๋นซีแห่งตระกูลไป๋ ที่มาที่ไปของเขาไม่ธรรมดา อย่าเข้าไปยุ่งด้วยจะดีกว่าครับ” เฉียนอวี้ตอบกลับ

        เย่ฝานกะพริบตาแล้ว แล้วถามด้วยความตื่นเต้น “เขาดูดีมากเลย! ฉันจะแต่งเขาเป็นภรรยา”

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานด้วยใบหน้าตกใจแล้วพูดว่า “คุณชายเย่ หัวใจผมไม่ค่อยแข็งแรง คุณอย่าทำให้ผมตกใจแบบนี้สิครับ…”

        หากอยู่ในเมืองชาง เฉียนอวี้ยังพอจะมีปากมีเสียงบ้าง แต่ที่นี่เป็นเมืองหลวง เขาเองก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ ไป๋อวิ๋นซีเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในกลุ่มลูกหลานนักการเมือง ไป๋อวิ๋นซีมาเยือนเมืองหลวง คุณปู่ของเฉียนอวี้ยังต้องติดตามมาคารวะ

        ไป๋อวิ๋นซีเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กจนโตเขาได้เลื่อนชั้นเรียนสูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอายุเพียง 18 ปี แต่เขาก็จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศแล้ว และยังได้บริหารกลุ่มธุรกิจเจาซีกรุ๊ป ทั้งตัวเขาเองและครอบครัวต่างก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงไปตามๆ กัน

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้แวบหนึ่งแล้วถามไปว่า “ฉันแค่อยากแต่งเขามาเป็นภรรยา ทำไมถึงทำให้นายตกใจล่ะ”

        เฉียนอวี้ “...เพราะว่าคุณชายไป๋ไม่ชอบคนแบบคุณหรอกครับ”

        เย่ฝานเอียงศรีษะแล้วเอ่ยถาม “ทำไมล่ะ? ฉันทั้งหล่อเหลาและสง่างาม ฉลาดปราดเปรื่องเหนือผู้ใด สติปัญญาก็เฉียบแหลมขนาดนี้”

        เฉียนอวี้ “…” คุณชายเย่จะรู้ไหมว่าชื่อเสียงของคุณไม่ดีขนาดไหน! เที่ยวผู้หญิง ไม่รักความก้าวหน้า เป็นลูกที่ไม่เอาไหน แถมเมื่อครู่ก็เพิ่งจะรังแกน้องสาวของตัวเองด้วย

        “คุณชายไป๋ชอบคนที่ร่ำรวย และมีความสามารถ” เฉียนอวี้กล่าว

        เย่ฝานถามกลับด้วยความสงสัย “ยังไงที่เรียกว่าร่ำรวย?”

        “อย่างน้อยบ้านต้องรวย มีเงินเป็นหมื่นล้าน”

        “แล้วยังไงที่เรียกว่ามีความสามารถ?” เย่ฝานถามต่อ

        “ผู้ที่สามารถเข้าไปเด็ดหัวข้าศึกท่ามกลางกองทัพนับหมื่น ราวกับหยิบของในถุงย่าม[1]” เฉียนอวี้พูดโพล่งออกมาโดยไม่ทันคิด

        เย่ฝานพยักหน้าพลางพูดว่า “เข้าใจแล้ว”

        เฉียนอวี้ “…”

        เย่ฝานจ้องมองไป๋อวิ๋นซีอย่างไม่ละสายตา ไป๋อวิ๋นซีเหมือนจะรู้สึกตัวจึงหันไปมองทางเย่ฝานแวบหนึ่ง เย่ฝานรีบโบกมือให้กับไป๋อวิ๋นซีด้วยความตื่นเต้น

        เฉียนอวี้เห็นเย่ฝานออกอาการตกหลุมรักแบบนั้น เขารู้สึกร้อนตั้งแต่เท้าขึ้นมาทั้งตัว ใบหน้าก็พลันแดงก่ำไปหมด เวรกรรมแท้ๆ! เย่ฝานไม่รู้สึกขายหน้าหรืออย่างไร เขาเองยังรู้สึกอับอายไม่น้อย จู่ๆ เฉียนอวี้ก็รู้สึกว่าเย่ฝานในแบบเคร่งขรึมจริงจัง ยังดูดีกว่านี้มาก

          ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะ ถามผู้ที่เดินข้างกายเขาว่า “ผู้ชายที่ดูตลกๆ คนนั้นเป็นใครกัน!”

         “ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ” เลี่ยวเหอที่เดินอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นซีไม่สนใจที่จะบอกเขาว่า ชายคนนั้นคืออดีตคู่หมั้นของเลี่ยวถิงถิง

         “ช่างเถอะ”

        ไป๋อวิ๋นซีขึ้นรถและจากไปอย่างสง่างาม

        เย่ฝานเอียงศีรษะ พูดอย่างอิ่มอกอิ่มในว่า “เขากำลังสนใจฉันอยู่”

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานแวบหนึ่ง แล้วฝืนใจถามว่า “คุณชายเย่ คุณดูจากตรงไหนว่าคุณชายไป๋สนใจคุณครับ!”

        “ก็เมื่อกี้เขาส่งยิ้มให้ฉัน นายไม่เห็นเหรอ?” เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ

        เฉียนอวี้ “…” หากไม่ใช่เพราะที่ผ่านมาเขาขับไล่ผีร้ายออกจากร่างของซ่งป๋อฮุยได้สำเร็จ เขาอยากจะพาเจ้าหมอนี่ไปโรงพยาบาลบ้าเสียตอนนี้เลย เป็นคนแบบไหนกันนะ!

        “คุณชายเย่ครับ” ตอนนี้ก็สายมากแล้ว คุณชายไป๋ก็กลับไปแล้ว ถ้างั้นให้ผมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ” เฉียนอวี้รวบรวมสติคืนมา แล้วถามเย่ฝานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้สิ!” ฉันเพิ่งไปเจอร้านอาหารรสชาติไม่เลวอยู่หนึ่งร้าน พวกเราไปกินที่นั่นก็ได้

        “ร้านอาหารอะไรเหรอครับ” เฉียนอวี้ถามอย่างสนอกสนใจ

         “ราเมนหลันโจว”

        เฉียนอวี้ “…” เย่ฝานจะช่วยเขาประหยัดเงินหรือยังไง? ถึงแม้จะจ่ายเงินแทนซ่งป๋อฮุยไปสิบล้านหยวน จนทำให้ช่วงนี้เขาขัดสนเงินทองอยู่บ้าง แต่ยังไงก็มีเงินเลี้ยงอาหารแพงๆ สักมื้อได้อยู่แล้ว




        ...

        [1] เป็นคำที่ใช้เปรียบเปรยถึงความสามารถของบุคคลในนิยายเรื่องสามก๊ก คือ เตียวหุย นักรบจอมพลัง ผู้บ้าดีเดือดและมุทะลุดุดัน ที่สามารถต่อสู้กับข้าศึกได้นับหมื่น และเด็ดหัวศัตรูได้ง่ายเหมือนหยิบของในถุงย่าม
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 10 (19/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 20-04-2020 10:18:07
เล่มที่ 1 ตอนที่ 11 การตอบโต้จากบ้านตระกูลเย่


        ณ บ้านตระกูลเย่

        เย่อิ้งหลันจับแก้มที่บวมแดงของตนด้วยดวงตาแดงก่ำ

        “เย่ฝานตบเธอ?” เย่ติ่งหงเอ่ยถาม

        เย่อิ้งหลันพยักหน้าและส่งเสียง “อืม” ออกมาอย่างน่าสงสาร

        หวังเสี่ยวเฟยเห็นเย่อิ้งหลันในสภาพอย่างนี้ก็รู้สึกปวดใจ

        “คุณพ่อครับ เจ้าบ้านั่นนับวันจะยิ่งกําเริบเสิบสาน ที่ผ่านมาก็เอาแต่เที่ยวผู้หญิงจนเกิดเรื่องอื้อฉาว นี่ยังกล้าตบได้แม้แต่น้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง!” เย่หงเหวินพูดด้วยความโมโห

        เย่ติ่งหงสูบบุหรี่พลางถามเย่อิ้งหลันว่า “ทำไมเย่ฝานถึงตบเธอ มันต้องมีสาเหตุสิ”

        “หนูเจอเขาในร้านขายยาจีน เขาจ่ายเงินสามล้านหยวนซื้อโสมแดงหนึ่งต้น พอหนูถามเขาว่าเขาเอาเงินมาจากไหน เขาก็ตบหนูเลย” เย่อิ้งหลันตอบด้วยความน้อยใจ

        เย่หงเหวินพูดด้วยความแปลกใจ “เงินสามล้านหยวน เขาไปเอามาจากที่ไหนกันนะ?” ตอนที่เย่ฝานออกจากบ้านไป เขาก็ออกไปแต่ตัวนี่

        “ช่างเถอะ ยังไงก็เงินแค่สามล้านเท่านั้น ได้ข่าวว่าทางบ้านตระกูลอู่ก็คอยช่วยเหลือเขาอยู่ จะดีหรือร้ายเขาก็เป็นคนของบ้านตระกูลเย่ จะมีเงินล้านติดตัวอยู่บ้างก็เป็นเรื่องปกติ” เย่ติ่งหงมองเย่อิ้งหลันอย่างแข็งกร้าวแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าเย่ฝานจะออกจากบ้านไปแล้ว แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นพี่ชายของเธอ ถ้าเธอเจอก็ต้องดีและเป็นมิตรกับเขาด้วย”

        เย่ติ่งหงไม่ค่อยชอบใจหวังเสี่ยวเฟยเท่าใดนัก การแต่งงานระหว่างตระกูลเย่และตระกูลอู่เป็นอันต้องล้มเลิก เพียงเพราะเย่หงเหวินรักกับหวังเสี่ยวเฟย ส่วนว่าที่เจ้าสาวอู่อิงก็ช่างวาสนาน้อยนัก จากไปตั้งแต่อายุยังน้อย

        ไม่กี่ปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านตระกูลเย่และบ้านตระกูลอู่ห่างเหินกันไปมากทีเดียว แม้ว่าบ้านตระกูลอู่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเย่ฝานมากนัก แต่ก็ยังคอยดูแลให้ความช่วยเหลือเขาอยู่บ้าง

        เย่อิ้งหลันยังมีความหวังให้ผู้เป็นปู่ออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้ตน แต่ดูท่าทีของคุณปู่แล้วก็รู้ว่าหมดหวัง ความโกรธแค้นที่มีต่อเย่ฝานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

        …

        เย่ฝานค่อยๆ ผ่าโสมโลหิตอย่างระมัดระวัง เขานำของเหลวบริสุทธิ์ที่ได้ แบ่งออกเป็นชุดเล็กๆ จำนวน 10 ชุดด้วยกัน เย่ฝานนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเพื่อดูดซับพลังปราณจากโสมโลหิต

        พลังปราณไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเย่ฝานเป็นระลอกๆ เย่ฝานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น พลังปราณที่เพิ่มขึ้นจากการดูดซับโสมโลหิตนั้น เทียบเท่ากับการได้ฝึกยุทธ์ 4-5 วันเลยทีเดียว

        ขณะที่เย่ฝานกำลังฝึกฝนอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เย่ฝานจึงต้องเลิกฝึกด้วยความจำใจ

        เย่ฝานเปิดประตู พอเห็นผู้มาเยือนก็ขมวดคิ้วอย่างรำคาญและพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงมาได้ล่ะ!”

        “ทำไมแกถึงทำท่าทางแบบนี้!” เย่หงเหวินกล่าว

        เย่ฝานตอบกลับไปด้วยความรำคาญ “มีธุระอะไรก็พูดมา ถ้าไม่มีก็กลับไปซะ!”

        เย่หงเหวินโดนตอกหน้ากลับจนแทบกระอักเลือด “ทำไมแกถึงตบน้องสาวของตัวเอง ใครใช้ให้แกทำร้ายน้องสาวของตัวเอง? นับวันแกจะยิ่งกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วนะ!”

        “ก็ยัยนั่นมาขวางทางผม แถมยังใส่ร้ายป้ายสีผมอีก ผมก็ต้องจัดการเธอเป็นธรรมดา ใครใช้ให้ยัยนั้นทำตัวเลวๆ แบบนั้นล่ะ! พ่อคิดว่าผมอยากทำร้ายเธอเหรอ ผมตบเธอ ผมก็เจ็บมือนะ” เย่ฝานลูบคางแล้วตอบกลับ

        เย่หงเหวินมองไปที่เย่ฝานแล้วถามว่า “แกไปเอาเงินสามล้านหยวนมาจากไหน?”

        เย่ฝานทำตาหยีพลางตอบกลับไปว่า “นั่นไม่ใช่เงินของพ่อสักหน่อย แล้วพ่อจะถามผมทำไม? พ่อเอาทรัพย์สินเงินทองที่แม่ทิ้งไว้ให้ไปปรนเปรอเมียน้อย เอาไปเลี้ยงลูกนอกสมรสทั้งสองคนของพ่อ แล้วตอนนี้จะมาห่วงผมทำไม”

        “แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง? ฉันเป็นพ่อแกนะ!” เย่หงเหวินพูดกระหืดกระหอบด้วยความโมโห

        “ผมรู้ ผมยังจำที่พ่อพูดได้ดี พ่อไม่มีลูกที่น่าอับอายขายขี้หน้าอย่างผม ดีเหมือนกัน ผมก็ไม่อยากได้พ่อแบบคุณเหมือนกัน” เย่ฝานนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา อ้าปากหาวพลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

        “พูดกับแกด้วยเหตุผลไม่ขึ้นเลยจริงๆ” เย่หงเหวินเดิมทีตั้งใจว่าจะมาสั่งสอนเย่ฝาน แต่กลับโดนลูกตำหนิเสียไม่มีชิ้นดี ในใจรู้สึกไม่เป็นสุข “ทำไมแกถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”

        “ผมกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะฝีมือลูกนอกสมรสของพ่อหรอกเหรอ ที่ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง สุดท้ายเขาก็ได้ลงเอยกับผู้หญิงสารเลวเลี่ยวถิงถิง หญิงชั่วกับชายโฉด” เย่ฝานสบถด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา

        ถึงอย่างไรเย่ฝานก็ใช้ชีวิตอยู่กับเย่หงเหวินมาเป็นสิบสิบปี เย่หงเหวินรู้จักลูกชายของตนเองดี และพอจะเดาได้ว่าเย่ฝานไม่มีความกล้าพอที่จะก่อเรื่องทารุณคนอื่นอย่างที่โดนกล่าวหาได้ แต่เรื่องเกิดมาถึงทุกวันนี้ เย่หงเหวินก็ไม่เคยคิดจะเรียกร้องความบริสุทธิ์ให้กับลูกเลย

        ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเย่ฝานก็คือเย่จื้อเจ๋อ ถ้าจะเปรียบกันแล้ว อย่างไรเย่หงเหวินก็รู้สึกรักลูกคนนี้มากกว่าเย่ฝานอยู่ดี
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 11 (20/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 21-04-2020 01:55:49
โอ้ยยยย รอสนุกมาก ชอบฝีปากของพระเอกคนนี้จริงๆ เอ๊ะ!? พระเอกใช่มั้ยนะ 5555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 11 (20/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 21-04-2020 09:53:34
เล่มที่ 1 ตอนที่ 12 ญาติผู้พี่แห่งบ้านตระกูลอู่



        อู่ซือหานลงมาจากรถ บังเอิญพบกับเจียงไห่หลินพอดี

        “คุณชายเจียง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” อู่ซือหานถามด้วยความประหลาดใจ

        “ผมมาหาคุณชายเย่” เจียงไห่หลินตอบ

        อู่ซือหานรู้สึกงุนงง จึงเอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า “นายมาหาเย่ฝาน? เย่ฝานเขาไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกหรือเปล่า? เจ้านั่นจะอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม”

        เจียงไห่หลินรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่ๆ คือผมเองที่มีเรื่องจะให้คุณชายเย่ช่วยเหลือ”

        อู่ซือหานถอนหายใจเฮือก พลันพูดว่า “เจ้านั้นไม่ได้ไปก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรไว้ก็ดีแล้ว ว่าแต่เขาจะช่วยเหลืออะไรคุณได้เหรอ?”

        เจียงไห่หลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณชายเย่เขาจับผีได้ครับ!”

        อู่ซือหานกลอกตามองบน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณชายเจียงเป็นคนงมงายกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร บนโลกนี้ไม่มีผีสักหน่อย! มันก็เป็นเรื่องที่เล่าลือกันไปต่างๆ นานา ประเทศเราต่อต้านเรื่องไสยศาสตร์มานานหลายปีแล้ว คุณชายเจียงยังเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่อีกหรือ?”

        เจียงไห่หลิน “…” เดิมทีเขาก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้ก็โดนเข้ากับตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ?

        “เย่ฝานเจ้าหมอนั่น ระยะนี้อารมณ์แปรปรวน เที่ยวก่อกวนไปทั่ว เย่ฝานเป็นแบบนี้แต่คุณยังคบหากับเขาอีกนะ” อู่ซือหานพูดอย่างไม่ชอบใจนัก

        เจียงไห่หลินได้แต่ก้มหน้ารับฟัง แต่ในใจนั้นคิดอยากให้อู่ซือหานเจอผีจริงๆ สักครั้ง ดูซิว่าเจ้าอู่ซือหานคนนี้จะยังพูดเรื่องหลักการและเหตุผลอีกไหม

        อู่ซือหานและเจียงไห่หลินเคาะประตูเมื่อมาถึงหน้าอะพาร์ตเมนต์ของเย่ฝาน

        เย่ฝานในชุดนอนลายมิกกี้เมาส์ เขาเตะรองเท้าแตะออกไปก่อนจะเปิดประตู

        อู่ซือหานเห็นชุดนอนที่เย่ฝานสวมใส่ก็รู้สึกพูดไม่ออก “นายชอบใส่ชุดนอนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?”

        “นายหมายถึงชุดนอนนี้น่ะเหรอ เป็นของแถมที่ได้มาตอนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขายของลดราคาน่ะ ไม่เลวเลยนะ ใส่สบายดีออก”

        อู่ซือหาน “…”

        เจียงไห่หลิน “…”

        “พี่กับคุณชายเจียง ทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะ?” เย่ฝานหยิบนมสดหนึ่งขวดออกมาจากตู้เย็น รินใส่แก้ว 2 ใบ แล้วยกออกมา

        เจียงไห่หลินมองแก้วนมที่ยกมาเสิร์ฟมุมปากก็กระตุกขึ้น นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นใครต้อนรับแขกด้วยนมสด

        “พี่ชาย วันนี้พี่มาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ!” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “อีกสองวันจะเป็นวันเกิดอายุครบ 70 ปีของคุณปู่ นายก็ไปร่วมงานหน่อยสิ” อู่ซือหานพูด

        สายตาของเจียงไห่หลินเปลี่ยนไปทันที ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในหัว เย่ฝานถูกบ้านตระกูลเย่ไล่ออกจากบ้าน เวลานี้คุณปู่ตระกูลอู่เรียกเย่ฝานไปร่วมงานวันเกิด ดูจากสถานการณ์แล้วแสดงว่าต้องการสนับสนุนเย่ฝาน

        “นายไม่อยากไปเหรอ?”

        “ถ้าไปร่วมงาน ก็ต้องมอบของขวัญ!” ของขวัญที่จะให้คนแก่นั้น จะดูไม่สมฐานะได้อย่างไร เขาก็ต้องเสียเงินจ่ายค่าของขวัญอีกนั่นแหละ!

        “นาย… ของขวัญแค่ชิ้นเดียว นายก็ขี้เหนียวเหรอ?” อู่ซือหานกล่าวด้วยอารมณ์โมโห

        เย่ฝานเห็นท่าทีโมโหของอู่ซือหานก็หัวเราะขึ้นมา “พี่อย่าเพิ่งโมโหน่า! ผมจะไปครับ”

        เย่ฝานหันไปทางเจียงไห่หลินแล้วถามว่า “คุณชายเจียง มาทำอะไรอีกแล้วเนี่ย?”

        “ผมมาเพื่อขอซื้อยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยกับยันต์ปัดเป่าโรคภัยเพิ่มครับ” เจียงไห่หลินตอบกลับ

        เย่ฝานลูบคางแล้วพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่มีของ วันมะรืนนายค่อยเข้ามาเอาก็แล้วกัน” หลายวันมานี้พลังของเย่ฝานเพิ่มขึ้นไม่น้อย การวาดยันต์ก็คงจะราบรื่นขึ้นมาก ซึ่งแน่นอนว่าอิทธิฤทธิ์ของยันต์ย่อมต้องสูงขึ้นไปด้วย

        “ครับ” เจียงไห่หลินตอบอย่างสบายใจ

        “เจ้าคนน่าไม่อาย” อู่ซือหานยืนขึ้นทันที “นายไม่มีเงินก็ให้มายืมที่ฉัน แต่อย่าต้มตุ๋นเงินชาวบ้านแบบนี้ได้ไหม!”

        เย่ฝานกะพริบตาปริบๆ มองไปที่อู่ซือหานอย่างใสซื่อบริสุทธิ์

        เจียงไห่หลินรีบพูดออกมาว่า “คุณชายหาน อย่าโมโหไปเลยครับ ผมเต็มใจจะซื้อเอง ผมเชื่อมั่นในคุณชายเย่ แม้จะโดนหลอกก็ยินยอมพร้อมใจ และไม่โทษคุณชายเย่เด็ดขาดครับ”

        อู่ซือหานมองไปที่เย่ฝาน แล้วก็มองไปทางเจียงไห่หลิน ในใจรู้สึกเอือมระอา เขาคิดในใจว่าทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้เก่งเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณชายเจียงไห่หลินแห่งบ้านตระกูลเจียงคนนี้เป็นพวกงมงายในไสยศาสตร์ สองคนนี้ คนหนึ่งหลอกอีกคนยอมให้หลอก กลายเป็นว่าเขาเหมือนเป็นคนนอกไปเลย

        “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าพวกเธอว่าดีก็แล้วไป” อู่ซือหานวางการ์ดเชิญไปร่วมงานวันเกิดลงแล้วจากไป

        เจียงไห่หลินมองไปทางเย่ฝาน แล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายเย่ คุณคิดว่าจะมอบอะไรให้คุณปู่ครับ?”

        “น่าจะให้หยกสักชิ้นล่ะนะ เดี๋ยวออกไปหาซื้อก่อนก็แล้วกัน” พอหาซื้อได้แล้วก็สลักค่ายกลคุ้มภัยเข้าไป ก็จะเป็นสิริมงคลทุกประการแล้ว

        “คุณชายเย่ ทำไมเหมือนกับคุณชายหานไม่รู้ถึงความสามารถของคุณล่ะครับ”  เจียงไห่หลินเอ่ยถาม

        “อ๋อ เขาก็ไม่รู้จริงๆ นั่นแหละ ฉันเป็นคนถ่อมตัว ไม่ค่อยโอ้อวดความสามารถของตัวเอง คนส่วนมากดูไม่ออกหรอก ความจริงแล้วฉันเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเลยนะ” เย่ฝานตอบกลับ


        เจียงไห่หลินมองเย่ฝานในชุดนอนลายการ์ตูนแล้วพยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างเห็นด้วย “จริงครับ คนทั่วไปดูไม่ออกแน่นอน”
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 12 (21/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 21-04-2020 11:07:34
5555555555 เออภาพมันไม่ให้ไงว่าเป็นคนมีความสามารถ รอตอนต่อไปเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 12 (21/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: pawara123 ที่ 21-04-2020 11:22:46
เรื่องนี้ลงไม่จบชัวร์ครับเขาเอามาขาย
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 12 (21/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-04-2020 11:31:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 12 (21/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 22-04-2020 11:26:57
เล่มที่ 1 ตอนที่ 13 ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า



        เย่ฝานเดินอยู่บนถนนสายเก่าแก่ เลือกร้านขายหยกที่ดูไม่เลวนักแล้วเดินเข้าไปด้านใน

        “พ่อรูปหล่อ เห็นของถูกใจบ้างหรือยังล่ะ?” เฒ่าแก่เจ้าของร้านเอ่ยถาม

        “หยกชิ้นนี้ราคาเท่าไร?”

        “หยกชิ้นนี้ผ่านการปลุกเสกจากหลวงจีนมาแล้ว”

        เย่ฝานทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “พระสมัยนี้ไม่ได้ศักดิ์สิทธ์อะไรขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวนี้หยกอะไรก็อ้างว่าปลุกเสกมาแล้ว ลดอีกหน่อยน่าเฒ่าแก่!”

        “ถ้าอย่างนั้น เธอคิดว่าราคาเท่าไรดีล่ะ?”

        “วันนี้ฉันพกเงินมาแค่ห้าพันหยวน ถ้าแพงกว่าห้าพันฉันก็คงไม่ซื้อแล้วล่ะ” เย่ฝานตอบ

         “ถ้าอย่างนั้นขายห้าพันก็แล้วกัน”

        เย่ฝาน “…” รู้อย่างนี้กดราคาลงกว่านี้ดีกว่า พ่อค้าเจ้าเล่ห์แท้ๆ

        เย่ฝานยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ รู้สึกถึงลมหนาวที่พัดมา ทันใดนั้นข้างกายเขาก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มบุคลิกเย็นชาคนหนึ่ง

        ไป๋อวิ๋นซีเอ่ยเรียกเฒ่าแก่หอรวบรวมสมบัติว่า “คุณอาโจว”

        เย่ฝานเบิกตาโตมองไป๋อวิ๋นซีด้วยความประหลาดใจ “ไง เจอกันอีกแล้ว พวกเรานี่ช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ!”

        ไป๋อวิ๋นซีกวาดตามองเย่ฝาน ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

        คราวก่อนที่ร้านขายยาจีน เย่ฝานมองเห็นไป๋อวิ๋นซีอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกว่าคนคนนี้รูปร่างงดงาม ครั้งนี้ได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าไป๋อวิ๋นซีเป็นคนที่ดูดีมากจริงๆ ทว่าเย่ฝานก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าไป๋อวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์อยู่ในตัวของเขา

        อากาศร้อนขนาดนี้ เย่ฝานที่ยืนอยู่ข้างๆ ไป๋อวิ๋นซีกลับสัมผัสได้ถึงกระแสคลื่นเย็นเฉียบจากตัวเขา

        ตามหลักการแล้ว ร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์สามารถพบได้ในร่างของนักพรตหญิงเท่านั้น นักพรตหญิงที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ส่วนมากจะเป็นอัจฉริยะในการฝึกตน ทว่าร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์นี้หากปรากฏบนตัวของผู้ชายก็จะเป็นปัญหา เพราะชายทั่วไปที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ล้วนแต่มีอายุขัยไม่เกิน 30 ปี

        ชายคนใดหากมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ในร่างกาย หลังจากวันเกิดปีที่ 10 มักจะมีอาการป่วยทุกๆ 3 ปี เวลาอาการกำเริบร่างกายจะเย็นเหมือนน้ำแข็ง อยู่ก็เหมือนตาย

        “อวิ๋นซีมาแล้วเหรอ ร่ายกายดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง” โจวจิ่นจือเอ่ยถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลางพูดว่า “ดีขึ้นมากแล้วครับ” ไป๋อวิ๋นซีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เล็กจนโต คนบ้านตระกูลไป๋ล้วนกังวลกับสุขภาพของเขา จึงมักคอยให้ท้ายและตามใจเขามาตลอด โชคดีที่แม้เขาจะโดนตามใจจากคนในบ้าน ก็ไม่ทำให้เขาเสียคนแต่อย่างใด

        “คุณอาโจว พระพุทธรูปหยกองค์นี้ราคาเท่าไรครับ?”

        “อวิ๋นซีตาถึงจริงๆ เลย! พระพุทธรูปหยกองค์นี้ขุดมาจากบ้านเรือนเก่าสมัยราชวงศ์ซ่ง ถ้าเธออยากได้ฉันขายให้ในราคาสามล้านหยวนก็พอ” โจวจิ่นจือพูดอย่างยิ้มแย้ม

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีพลางพูดอย่างมีไมตรีจิตว่า “ถ้านายชอบพระพุทธรูปหยกองค์นี้ ฉันจะซื้อให้นายเอง!”

        ไป๋อวิ๋นซีหันไปมองเย่ฝาน แล้วถามอย่างสนใจว่า “ซื้อให้ฉัน? ทำไมนายต้องซื้อให้ฉันด้วย!”

        “ก็เพราะว่าฉันชอบนายไง!” เย่ฝานดวงตาเป็นประกาย พูดออกมาโดยไม่ต้องคิด

        ไป๋อวิ๋นซีเอียงศีรษะเล็กน้อย ทำท่าทางประหนึ่งแมวอวดดีกำลังหยอกล้อหนูที่อยู่เบื้องล่างอุ้งเท้า “นายอยากซื้อให้ก็ซื้อเถอะ แต่ถึงนายมอบให้ฉัน ฉันก็ไม่ชอบนายหรอก...”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วเอ่ยออกมาด้วยความสัตย์จริง “ฉันรู้ดีว่านายชอบคนที่บ้านรวยเป็นหมื่นล้าน และยังสามารถเข้าไปเด็ดหัวข้าศึกท่ามกลางกองทัพนับหมื่นดั่งหยิบของในถุงย่าม แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เพียบพร้อมอย่างที่นายหวัง แต่ในอนาคตฉันจะทำให้ได้”

        ไป๋อวิ๋นซี “…” เจ้าตัวตลกนี้มาจากไหนกันนะ วิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบ้าหรือไง?

        “อืม ถูกต้อง ฉันชอบแบบนั้นจริงๆ นายคิดว่านายจะทำได้ถึงระดับนั้นไหม” ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะแล้วเอ่ยออกมา

        เย่ฝานยิ้มอย่างสดใสพลางตอบว่า “ถ้างั้นนายต้องรอฉันนะ! ฉันรู้ว่าร่างกายของนายไม่ค่อยแข็งแรง บางครั้งจะมีอาการหนาวเย็นไปทั้งตัว ดังนั้นห้ามมีอะไรกับผู้หญิงเด็ดขาด! ร่างกายของนายมีความพิเศษ หากนอนกับผู้หญิงอาการจะยิ่งรุนแรงขึ้น”

        ไป๋อวิ๋นซีหน้าถอดสีพลันพูดว่า “นายไม่สบายหรือเปล่า?”

        เย่ฝานส่ายหน้าพลันตอบว่า “ฉันไม่ได้ป่วย! โรคของนายหนักเอาการอยู่เหมือนกันนะ” เย่ฝานแอบคิดในใจว่า : ไป๋อวิ๋นซีนี่จริงๆ เลย ตัวเองป่วยแท้ๆ แต่ดันมาว่าเขาป่วยเสียได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็หล่อมาก ถึงนิสัยอาจจะแปลกๆ ไปบ้างก็เถอะ

        ไป๋อวิ๋นซีถลึงตาจ้องมองเย่ฝาน จากนั้นจึงหมุนตัวจากไป

        เย่ฝานตามออกมาก็เห็นเพียงด้านหลังรถยนต์ที่ขับจากไปแล้ว

        “พ่อหนุ่ม ข่าวที่เธอรู้มาแม่นจริงๆ เลยนะ!”

        เย่ฝานมองโจวจิ่นจืออย่างงงงวยแล้วพูดว่า “ข่าวแม่นงั้นเหรอ?”

        “ก็ข่าวของไป๋อวิ๋นซีน่ะสิ! เธอได้ยินได้ฟังมาอย่างละเอียดเลยสินะ” โจวจิ่นจือกล่าว

        “ผมไม่จำเป็นต้องฟังมาจากใครหรอก แค่เห็นร่างของเขาก็รู้แล้ว ในเมื่อคุณรู้จักกับเขา อย่างนั้นผมจะซื้อพระพุทธรูปหยกนี่ แล้วคุณช่วยผมส่งไปให้เขาได้ไหม” เย่ฝานพูดพร้อมเบิกตาโตมองไปยังโจวจิ่นจือ

        โจวจิ่นจือหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณชายไป๋เขาเป็นคนมาตรฐานสูงนะ คนที่ตามจีบเขามีไม่น้อยเลย ล้วนแล้วแต่เป็นลูกผู้ดีมีเงินหรือไม่ก็ดาราดังทั้งนั้น นายส่งของสิ่งนี้ให้เขา เดาได้เลยว่าคงจะเสียเงินเปล่าแล้วล่ะ เพราะคุณชายไป๋เขาไม่ชอบผู้ชายน่ะสิ”

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมจะพยายาม”

        โจวจิ่นจือ “…” เด็กโง่คนนี้มีความเพียรพยายามดีจริงๆ!

        “นายบอกว่ามีเงินแค่ห้าพันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมีเงินเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ?” โจวจิ่นจือถาม

        “ผมไม่ได้พกเงินสด แต่ก็โอนได้นี่นา!” เย่ฝานเอ่ย

        โจวจิ่นจือ “…”

        “ขอยืมปากกาหน่อยได้ไหมครับ” เย่ฝานเอ่ย

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วกล่าวว่า “เธอจะเขียนจดหมายรักให้ไป๋อวิ๋นซีเหรอ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็น่าจะใช่”

        เย่ฝานเขียนใบสั่งยาบรรเทาอาการตัวหนาวเย็นจากร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ เขาวาดรูปหัวใจหนึ่งดวง และยังเขียนข้อความด้านล่างรูปหัวใจนั้นว่า ‘สักวันหนึ่ง ฉันจะเหยียบเมฆเจ็ดสีไปรับนายมาเป็นภรรยา นายต้องรอฉันนะ!’

        โจวจิ่นจือจ้องมองเย่ฝาน ในแววตาไม่มีคำพูด แต่เขาแน่ใจว่าเย่ฝานคงจะดูละครน้ำเน่ามากเกินไป

        “สมุนไพรพวกนี้หมายความว่ายังไงเหรอ” โจวจิ่นจือถาม

         “นี้เป็นใบสั่งยาบรรเทาอาการหนาวสั่น” เย่ฝานเอ่ย

         โจวจิ่นจือ “…”

         "เธอวินิจฉัยโรคเป็นด้วยเหรอ!" โจวจิ่นจือเอ่ยถามพร้อมหัวเราะ

        “ผมศึกษาตำราทุกแขนงมาตั้งแต่เด็ก หนังสือแต่ละเล่มแค่ดูผ่านตาก็จำได้ไม่ลืม มีปัญญาหยั่งรู้ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้านี้ แค่วินิจฉัยโรคผมต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว”


          โจวจิ่นจือ “…”
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 13 (22/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-04-2020 11:41:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 13 (22/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-04-2020 21:44:30
ไม่เกินคำโม้หรอกนะ เก่งจริงแหละ 5555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 13 (22/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 22-04-2020 21:47:19
5555555555555 รุกอีกๆ 555ชอบ ชอบความฉลาดนี้ย
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 13 (22/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: TrebleBass ที่ 22-04-2020 21:51:33
กลับมาครั้งงนี้. เทพไปอีก
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 13 (22/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 23-04-2020 10:30:39
เล่มที่ 1 ตอนที่ 14 ยอดคนไร้เทียมทาน


        เย่ฝานเคาะโต๊ะแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เฒ่าแก่ คุณต้องช่วยผมส่งจดหมายกับพระพุทธรูปหยกให้เขาให้ได้นะ! ถ้าคุณทำจดหมายของผมหายล่ะก็ ผมจะทำยันต์ฝันร้ายมาแปะไว้ที่หน้าผากของคุณ นั่นจะทำให้คุณนอนไม่หลับทั้งคืนเชียวล่ะ”

        โจวจิ่นจือถามด้วยความประหลาดใจ "เธอเขียนยันต์เป็นด้วยเหรอ"

        เย่ฝานตอบด้วยใบหน้าอย่างผู้ทรงภูมิว่า “ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าผมศึกษาตำราทุกแขนงมาตั้งแต่เด็ก หนังสือแต่ละเล่มแค่ดูผ่านตาก็จำได้ไม่ลืม มีปัญญาหยั่งรู้ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้านี้ แค่วาดยันต์ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด”

        “เธอนี่เก่งจริงๆ” โจวจิ่นจือชม

        “พูดได้ดี พูดได้ดี”เย่ฝานตอบกลับ

        โจวจิ่นจือ “…” เจ้าหนุ่มนี้เพ้อเจ้อจริงๆ!

        เย่ฝานจ่ายเงินแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป

        โจวจิ่นจือมองดูแผ่นหลังของเย่ฝาน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงโทรไปหาผู้อาวุโสตระกูลไป๋ “ตาเฒ่าไป๋! ใช่ฉันเองอาโจว ฉันเพิ่งได้ใบสั่งยาใบหนึ่งมาจากยอดคนพิสดารคนหนึ่ง ใบสั่งยาเขียนไว้อย่างนี้… นายลองเอาไปหาหมอยาจีนดูสักหน่อยว่าพอจะรักษาอาการป่วยของคุณชายไป๋ได้ไหม”

        เย่ฝานกลับเข้ามาถึงอะพาร์ตเมนต์ได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

        “พี่ชาย มาได้ยังไงครับ?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        อู่ซือหานมองไปยังเย่ฝานแล้วถามว่า “นายไปพูดจาแทะโลมคุณชายไป๋เหรอ?”

        “คุณชายไป๋? พี่หมายถึงชายรูปงามคนนั้นน่ะเหรอ?”

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม คุณชายไป๋รูปงามคนนั้นนั่นแหละ”

        “ผมไม่ได้แทะโลมเขา ผมแค่จะจีบเขาเท่านั้น” เย่ฝานตอบ

        อู่ซือหานมองเย่ฝานแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คนคนนั้นคือคุณชายไป๋เชียวนะ! นายไม่กลัวโดนต่อยเอาหรือไง?”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานอย่างไม่เข้าใจ พลันพูดว่า “ทำไมผมต้องโดนต่อยด้วย”

        อู่ซือหาน “…” ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้ หลังจากถูกไล่ออกจากบ้าน สมองก็คงจะเลอะเลือนไปแล้ว

        “นายชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไรกัน เมื่อก่อนนายชอบแต่เลี่ยวถิงถิงคนเดียวไม่ใช่เหรอ”

        เย่ฝานโบกมือแล้วตอบด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “อย่าพูดถึงชื่อเลี่ยวถิงถิงกับผมเลยครับ ผู้หญิงหยาบคายแบบนั้นไม่คู่ควรกับผมหรอก ผมไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกนะ ผมแค่บังเอิญรักเขาตั้งแต่แรกเห็นก็เท่านั้นเอง!"

        ในโลกของผู้ฝึกตนมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ฝึกตนชายหลายคนจึงมักลงเอยกับผู้ชายด้วยกันเอง

        ผู้ฝึกตนส่วนมากเมื่อเข้าฌานฝึกยุทธ์จะใช้เวลาหลายสิบปีหรือถึงร้อยปี มีผู้ฝึกตนบางพวกเมื่อออกจากฌาน ลูกหลานก็สิ้นชีพไปแล้ว ผู้ฝึกตนอีกมากมายที่ปรารถนาชีวิตนิรันดร์ ไม่ประสงค์จะมีทายาท จึงมักหาคู่ครองเพื่อฝึกตนและร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป

        อู่ซือหานเอามือกุมขมับ ตกตะลึงที่เย่ฝานเห็นว่าเลี่ยวถิงถิงเป็นผู้หญิงหยาบคาย

        “นายเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ! คุณชายไป๋น่ะ นายจีบเขาไม่ติดหรอก” อู่ซือหานกล่าว

        “พี่ ผมเห็นนิตยสารการเงินประเมินพี่ว่าเป็นนักธุรกิจที่กล้าได้กล้าเสียคนหนึ่ง! ทำไมพี่ถึงได้ขี้ขลาดอย่างนี้! สงสัยบรรณาธิการนิตยสารการเงินคงจะมองพี่ผิดไปแล้วล่ะ” เย่ฝานพูดอย่างไม่พอใจนัก

        อู่ซือหานกรอกตามองบนแล้วตอบว่า “ที่ฉันเตือนก็เพื่อตัวนายเองนะ!”

        เย่ฝานโบกมือแล้วพูดว่า “พี่วางใจเถอะ ผมยังไม่รุกตอนนี้หรอก ถ้าผมจะรุกจริงๆ ล่ะก็ ผมต้องมีเงินหมื่นล้านหยวนซะก่อน แต่ว่าผมต้องทำยังไงถึงจะมีเงินหมื่นล้านหยวนได้นะ?”

        อู่ซือหาน “…” คำถามนี้ถามได้ดี เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน!

        “เย่ฝานเอ๊ย! การทำธุรกิจน่ะ ต้องอาศัยความตั้งใจ ค่อยๆ ทำไปทีละก้าว” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานกล่าวด้วยความกังวล “ถ้าเป็นอย่างนี้ เมื่อไรผมจะได้แต่งเมียเนี่ย”

        อู่ซือหาน “…” ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีหวัง!

        “นายอายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกมาก ยังไงก็ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เดินทีละก้าวนะ” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี”

        อู่ซือหานถอนหายใจเบาๆ ตั้งแต่เย่ฝานโดนไล่ออกจากบ้านก็ทำอะไรผิดปกติไปหมด เขาอดรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจไม่ได้ “คุณชายเจียงคนนั้น เขาไม่ได้มาก่อเรื่องวุ่นวายให้นายใช่ไหม?”

        “ทำไมเขาต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายด้วย เขาเคารพผมจะตาย?” เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ

        อู่ซือหาน “…”

        “ของขวัญที่จะให้คุณปู่ นายเตรียมไว้แล้วเหรอ?” อู่ซือหานถาม

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบว่า “เตรียมไว้แล้วครับ”

        “หยกราคาห้าพันหยวนหนึ่งชิ้น” อู่ซือหานเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบว่า “ใช่ครับ”


        อู่ซือหานมองเย่ฝานคิดในใจว่า : ไอ้บ้าเอ๊ย มอบพระพุทธรูปหยกราคาสามล้านหยวนให้กับคุณชายไป๋ แต่กลับมอบหยกราคาห้าพันหยวนให้กับคุณปู่ มันไม่งกไปหน่อยเหรอ?
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 14 (23/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-04-2020 10:35:20
5555555 เนี้ยแหละเย่ฝานคนชิค โนสนโนแคร์ ตามใจฉัน พอใจพอ 555555  :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 14 (23/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-04-2020 14:52:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 14 (23/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 23-04-2020 14:56:00
55555555555ตร่ก ให้ปู่แค่5พัน จะเเต่งคุณชายไป๋ต้อง3ล้าน 555555555 โคตรชอบเลย ละตอนว่าพี่รองง5555555สงสาร 
เย่ฝานนี่เวลาด่าใครมันจริงมากชอบๆ เจอนิยายน้อยมากที่พระเอกจะนิสัยงี้
ต่อไปได้เป็นหมอให้คุณชายไป๋ป่าวววว 5555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 14 (23/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 24-04-2020 10:00:21
เล่มที่ 1 ตอนที่ 15 งานเลี้ยงบ้านตระกูลอู่


        เย่ฝานใช้เวลาหนึ่งคืนเต็มๆ ในการสลักค่ายกลลงไปบนหยก ทำให้ยกชิ้นนี้มีคุณสมบัติในการปกป้องคุ้มภัย

        เย่ฝานไปถึงบ้านตระกูลอู่ก่อนเวลางานเลี้ยง เพื่อไปมอบของขวัญชิ้นนี้

        ชื่อเสียงของเย่ฝานมีแต่เรื่องเสียหาย คนในตระกูลอู่จึงไม่ให้ความสนใจเขาเท่าใดนัก แต่กลับเป็นหลานชายของเขา อู่หาวเฉียง ที่เป็นคนคอยดูแลและติดตามเย่ฝานตลอดเวลา

        “คุณอาเล็ก อยากทานอะไรเพิ่มอีกไหมครับ ผมจะไปเอามาให้?”

        “คุณอาเล็ก เมื่อยบ่าหรือเปล่าครับ? มา ผมนวดให้เอง”

        “คุณอาเล็ก ดื่มอะไรดีครับ นมสด น้ำผลไม้หรือว่ากาแฟดีครับ...”

        …

        อู่ซือหานขมวดคิ้ว เมื่อเห็นลูกชายตัวเองอยู่กับเย่ฝาน

        ถังหนิงมองอู่ซือหานแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “หาวเฉียงดูชอบคุณอาคนนี้มากเลยนะคะ!”

        อู่ซือหานทำหน้ามุ่ย พูดอย่างน้อยใจว่า “ก็ใช่น่ะสิ เด็กคนนี้ไม่รู้โดนของหรือเปล่า ทีกับพ่อของตัวเองไม่เห็นจะดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้”

        ถังหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างเถอะค่ะ หาวเฉียงสนิทสนมกับเย่ฝานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนี่คะ”

        เย่ฝานมองอู่หาวเฉียงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เอาล่ะ เสี่ยวเฉียง มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ! ไปก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะ อยากให้อาช่วยใช่ไหม?”

        อู่หาวเฉียงมองหน้าเย่ฝานด้วยสีหน้าไม่สบายใจแล้วพูดว่า “คุณอาเล็ก อย่าเรียกผมว่าเสี่ยวเฉียง[1] ได้ไหมครับ! ฟังแล้วเหมือนเรียกแมลงสาบเลยครับ!”

        เย่ฝาน “…” ชื่อนี้พ่อกับแม่นายเป็นคนตั้งให้นะ รสนิยมของสองคนนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ มาโทษอาไม่ได้นะ!

        “ผมอยากจะขอบคุณเรื่องยันต์ของคุณอาครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “ยันต์นั้นนายจ่ายเงินซื้อไปแล้ว ไม่ต้องขอบคุณอาหรอก ว่าแต่นายใช้ยันต์แล้วหรือยัง?”

        “ยันต์ 4 แผ่นของผมโดนพ่อทิ้งไปแล้ว ตอนผมไปหา มันก็หายไปแล้วครับ” อู่หาวเฉียงพูดด้วยความน้อยใจ

        เย่ฝาน “…”

        “แล้วของเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ” เย่ฝานถาม

        “หนวนหน่วนมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน เขาได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใจ เลยทำให้เสียสติ หลังจากใช้ยันต์ปัดเป่าโรคภัยกับเขา เขาก็ได้สติกลับคืนมา แต่ว่าพ่อแม่ของหนวนหน่วนกลับเชื่อว่าเป็นเพราะวิญญาณบรรพบุรุษคุ้มครอง พี่ชายของเธอถึงได้สติฟื้นคืน ไม่เกี่ยวข้องกับยันต์ พ่อแม่ของหนวนหน่วนช่างโง่เขลาเหมือนกับพ่อของผม!” อู่หาวเฉียงพูดพลางส่ายหน้า

        เย่ฝานกะพริบตาพลางถามว่า “เธอรู้สึกว่าพ่อของตัวเองโง่เขลางั้นเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ความจริงเขาไม่ได้โง่หรอก เขาคร่ำครึต่างหากล่ะ! คนหัวแข็งอย่างเขาไม่ยอมรับสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้โทษเขาก็ไม่ถูกหรอก ถึงอย่างไรเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว จะหัวรั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “พูดได้ไม่เลวเลยนะ นายมีหัวคิดมากกว่าพ่อของนายซะอีก”

        “คุณอาเล็ก ผมเชื่อครับว่ายันต์ของคุณอาใช้ได้จริง วันหลังคุณอาวาดให้ผมอีกนะครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานลูบหัวอู่หาวเฉียงแล้วพูดว่า “วันหลังอาจะทำหยกคุ้มภัยให้นายสักชิ้นนะ”

        อู่หาวเฉียงตอบอย่างตื่นเต้นว่า “ดีเลยครับ”

        อู่หาวเฉียงเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “คนตระกูลเลี่ยวมาแล้ว”

        …

        อู่ซือหานเห็นแขกที่มาเยือนจากบ้านตระกูลเลี่ยวก็รู้สึกไม่พอใจ เดิมทีสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองชางก็ไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง เมื่ออู่อิงแต่งเข้าบ้านตระกูลเย่ ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของตระกูลอู่และตระกูลเย่แน่นแฟ้นมากขึ้น แต่ต่อมาไม่นานความสัมพันธ์นั้นก็ขาดสะบั้นลง เมื่อเลี่ยวถิงถิงเลือกที่จะลงเอยกับเย่จื้อเจ๋อ ก็กลายเป็นว่าสองตระกูลดองกัน ตระกูลอู่ก็กลายเป็นคนนอกในทันที

        เลี่ยวเหอเดินไปหยุดเบื้องหน้าของเย่ฝานพร้อมกับพูดว่า “คุณชายเย่ เรื่องยกเลิกงานแต่งงานต้องขอโทษด้วยนะ เธอก็รู้ว่าตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การแต่งงานต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย เธอกับถิงถิงต่างกันมากเกินไปจริงๆ”

        อู่ซือหานสีหน้าเย็นชา เขากุมแก้วเหล้าในมือเอาไว้แน่น นัยน์ตาสาดประกายเกรี้ยวกราด คำพูดของเลี่ยวเหอฟังผิวเผินเหมือนขอโทษแต่ที่จริงแล้วเขากำลังแสดงอำนาจของตัวเองอยู่

        เย่ฝานโบกมือพร้อมพูดด้วยความรำคาญว่า “เอาล่ะ คุณไม่ต้องพูดแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่อยู่ในสายตาผม ยกเลิกงานแต่งได้ก็ดีแล้วล่ะ บังคับใจกันไปก็ไม่เป็นผลดีต่อใคร”

        เลี่ยวถิงถิงได้ยินเช่นนั้น จึงพูดด้วยความโมโห “เย่ฝาน นายคิดว่านายเป็นใคร? ถึงได้กล้าดูถูกฉันแบบนี้”

        เย่ฝานมองเลี่ยวถิงถิงแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “คนความคิดตื้นเขินอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจอัจฉริยะอย่างฉันหรอก”

        อู่ซือหานได้ฟังคำพูดของเย่ฝานก็ถึงกับอึ้งจนหมดคำพูด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นช่วยระบายความโกรธแค้นของเขาออกไปได้บ้าง

        อู่ซือหานกล่าวออกมาว่า “เฒ่าแก่เลี่ยว คุณหนูเลี่ยว เรื่องยกเลิกการแต่งงานกับเย่ฝาน เป็นเรื่องที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว อย่าไปพูดถึงมันอีกเลยนะครับ”

        เลี่ยวถิงถิงจ้องมองไปที่เย่ฝานแวบหนึ่ง แล้วไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาอีก

        เมื่อเลี่ยวถิงถิงเดินจากไป เย่ฝ่านถึงได้สัมผัสกับความสงบอีกครั้ง

        “คุณอา ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นค่าของคุณอา อย่าไปสนใจเธอเลยครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าและพูดว่า “ผู้หญิงหยาบคายอย่างนั้นไม่มีวันอยู่ในสายตาอาหรอก อาของเธอเป็นอัจฉริยะเชียวนะ คู่ครองของอาต้องเป็นคนที่มีความสามารถและดูดีเท่านั้น”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้น… คุณอาหมายตาใครไว้แล้วหรือยังครับ?”

        “อืม อาหมายตาไว้หนึ่งคน เป็นเป้าหมายใหญ่ของอาเลยล่ะ น่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไร อาของเธอมีจิตใจกล้าหาญ สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างได้อยู่แล้ว” เย่ฝานพูดด้วยความอิ่มเอมใจ

        อู่หาวเฉียง “…”

        …

        เย่ฝานเอนตัวอยู่บนโซฟาราวกับร่างกายไม่มีกระดูก คนบ้านตระกูลเย่กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

        เย่หงเหวินเห็นเย่ฝานในสภาพแบบนี้ ก็โมโหขึ้นมาทันที

        “แกจะทำอะไรคิดถึงหน้าฉันบ้างได้ไหม” เย่หงเหวินกล่าว

        เย่ฝานได้ยินเช่นนั้นก็พูดออกไปว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของพ่อ มายุ่งกับผมทำไม? ผมไม่ใช่คนตระกูลเย่แล้ว อย่ามาด่าผม”

        การที่เย่หงเหวินเดินเข้าไปใกล้เย่ฝานนั้นดึงดูดความสนใจจากคนในห้องโถงไม่น้อย เมื่อคำพูดของแย่ฝานจบลง แขกหลายคนที่แอบมาสอดแนมต่างแอบหัวเราะเยาะขึ้นมา

        “ไอ้สารเลว” เย่หงเหวินก่นด่าอย่างไม่พอใจ แล้วเดินจากไป

        “คุณอาเล็ก อย่าไปสนใจเขาเลย” อู่หาวเฉียงเอ่ย

        เย่ฝานกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ใครอยากสนใจเขากันเล่า อายุ่งจะตาย”

        เลี่ยวเหอเดินเข้าไปหยุดข้างกายเย่หงเหวิน ตบบ่าเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ใจเย็นๆ นะ”

        เย่หงเหวินพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้ลูกคนนี้อกตัญญู ทำตัวไม่เอาไหนแล้วยังกล้ากําเริบเสิบสานขนาดนี้”

        ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็เข้ามาเยือนห้องโถงจัดงานเลี้ยง เมื่อซ่งป๋อฮุย เจียงไห่หลิน เฉียนอวี้และจูจ้งชิวเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน ตระกูลซ่ง ตระกูลเจียง ตระกูลเฉียนและตระกูลจู เป็นอีก 4 ตระกูลใหญ่ในเมืองชางที่เพิ่งเติบโตขึ้นมาไม่นาน ถึงแม้อิทธิพลจะไม่เทียบเท่าตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเย่และตระกูลอู่ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

        ซ่งป๋อฮุยรอให้ผู้คนเข้าไปในงาน แล้วจึงรีบมุ่งมาหาเย่ฝาน

        “คุณชายเย่” ซ่งป๋อฮุยเรียกเย่ฝานด้วยความนอบน้อม

        เย่ฝานจ้องมองซ่งป๋อฮุยแล้วกะพริบตาถี่ๆ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “อ้าว คุณชายซ่ง ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เลวเลยนะ!”

        “ก็เป็นเพราะได้คุณชายเย่ช่วยไว้แหละครับ!” ซ่งป๋อฮุยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        “นายต้องมาเผชิญกับเคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อแท้ๆ เพียงเพราะหน้าตาดันไปเหมือนกับผู้ชายคนนั้น” เย่ฝานส่ายหน้าและพูดต่อว่า “แต่พูดไปแล้วมันก็แปลกนะ ความจริงแล้วผีตนนั้นควรจะใช้กลิ่นอายในการตามหาชายชั่วคนนั้น ไม่น่ายึดติดแต่เพียงลักษณะหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันเลย”

        ทันใดนั้นซ่งป๋อฮุยก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา ตอนที่ถูกผีสาวสิงร่าง บางครั้งเขาจะสามารถสื่อสารกับเธอได้ เธอพยายามกระซิบชื่อของคนคนหนึ่งข้างหูของเขาซ้ำๆ  ซ่งป๋อฮุยรู้สึกคุ้นหูจึงไปเปิดดูบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล ก็พบว่าชื่อนั้นอยู่ในบันทึกจริงๆ ชายชั่วที่ทำเรื่องเลวร้ายกับผีสาวตนนั้น อาจเป็นบรรพบุรุษของตระกูลซ่งเอง

        “คุณชายเย่ แล้วร่างกายของผมต้องปรับสมดุลยังไงบ้างครับ” ซ่งป๋อฮุยถาม

        เย่ฝานเอานิ้วแตะที่ข้อมือของซ่งป๋อฮุยสักพัก จากนั้นหัวเราะพลางพูดว่า “อาการไม่ได้แย่อย่างที่ฉันคิด วันหลังฉันจะเขียนใบสั่งยาสมุนไพรให้นายนะ”

        ซ่งป๋อฮุยถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายเย่มากครับ”

        เย่ฝานกวาดตามองเหล่าคุณชายแล้วพูดว่า “พักนี้พวกนายอย่าเล่นอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนี้อีกนะ รอให้หายเสียก่อนค่อยว่ากันใหม่”

        ซ่งป๋อฮุยหัวเราะแล้วตอบว่า “คุณชายเย่พูดถูกแล้วครับ”

        พวกเขาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ดูสนิทสนมกลมเกลียวกันมาก

        เฉียนอวี้หันไปมองเย่ฝานอยู่หลายครั้ง สายตาของเขาดูลอกแลกผิดปกติ

        เย่ฝานมองไปที่เฉียนอวี้ เขาถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “นายมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า!”

        เฉียนอวี้ถึงแม้จะเป็นคุณชายตระกูลดัง แต่กลับมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นยิ่งกว่านักข่าวสายบันเทิงเสียอีก เขาถามเย่ฝานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “คุณชายเย่ ได้ยินว่าคุณไปเกาะแกะแทะโลมคุณชายไป๋เหรอครับ?”

        วันนั้นตอนที่เฉียนอวี้เจอเย่ฝานที่ย่านร้านขายยาจีน ก็พอจะรู้แล้วว่าเย่ฝานมีใจให้ไป๋อวิ๋นซี เดิมทีเขาคิดว่าเย่ฝานจะเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว แต่ต่อมากลับได้ยินข่าวว่าเย่ฝานมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับไป๋อวิ๋นซีอีกครั้ง

        “เกาะแกะแทะโลม? ฉันเปล่านะ! ฉันแค่จีบเขาเท่านั้น!” เย่ฝานพูดพลางส่ายหน้า

        เฉียนอวี้ “…”

        “คุณไม่ชอบเลี่ยวถิงถิงแล้วจริงๆ เหรอครับ?” เจียงไฮ่หลินพูดพลางหัวเราะคิกคัก

        “ผู้หญิงสำส่อนพรรค์นั้น ฉันไม่สนใจเลยสักนิด!” เย่ฝานพูดถึงหล่อนอย่างดูแคลน

        เจียงไห่หลิน “…”  ผู้หญิงสำส่อน?

        …

        ถังหนิงหันไปมองเย่ฝานด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาอู่ซือหาน

        “ซือหาน เย่ฝานไปสนิทสนมกับซ่งป๋อฮุยตั้งแต่เมื่อไรกัน! ฉันเห็นพวกเขาคุยกันสนุกเชียว” ถังหนิงเอ่ย

        อู่ซือหานกล่าว “ตั้งแต่เย่ฝานออกจากบ้านตระกูลเย่ ก็ชอบเอาเรื่องผีสางเทวดามาหลอกลวงชาวบ้านไปทั่ว ซ่งป๋อฮุยกับพรรคพวกก็ชอบไปยุ่งกับผีสางเทวดา แบบนี้ก็เข้ากันดีไม่ใช่เหรอ?”

        แม้อู่ซือหานจะรู้สึกว่าเย่ฝานไม่ใช่คนดีเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นซ่งป๋อฮุยกับพรรคพวกเข้ากันได้ดีกับเขา ตนเองก็ยากที่จะพูดอะไรได้

        เลี่ยวเหอถือแก้วเหล้าในมือ มองไปทางเย่ฝานอยู่บ่อยครั้ง

        “ถิงถิง เย่ฝานไปสนิทสนมกับซ่งป๋อฮุยตั้งแต่เมื่อไรกัน”

        เลี่ยวถิงถิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เลี่ยวถิงถิงขมวดคิ้ว ในใจก็กระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานจะคบหากับซ่งป๋อฮุยและพรรคพวก ทำให้เลี่ยวถิงถิงที่ทิ้งเย่ฝานไปรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

        อู่โหวเซวียนเดินไปยืนข้างๆ อู่ซือหานแล้วเอ่ยว่า “ซือหาน อาโจวมาแล้ว ไปต้อนรับด้วยกันหน่อย”

        “ผู้อาวุโสโจวมาร่วมงานด้วยเหรอครับ?” อู่ซือหานอดแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่ได้

        แต่ก่อนโจวจิ่นจือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในเมืองหลวง มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ลูกชายและลูกสาวล้วนเรียนอยู่ต่างประเทศ เขาเปิดร้านขายหยกแห่งหนึ่งในเมืองชาง ทว่านั้นก็เป็นแค่กิจการที่เอาไว้ทำแก้เหงาเท่านั้น

        ผู้คนมากมายล้วนอยากผูกสัมพันธ์กับโจวจิ่นจือ แต่ก็มักจะล้มเหลว อู่ซือหานคิดไม่ถึงว่าโจวจิ่นจือจะมาร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ในวันนี้ด้วย

        มีคนไม่น้อยที่เคยเชิญโจวจิ่นจือไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง อู่ซือหานไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมาโดยไม่ได้เชิญ การมาเยือนของโจวจิ่นจือในครั้งนี้เป็นหน้าเป็นตาแก่บ้านตระกูลอู่อย่างมาก

        โจวจิ่นจือทักทายปราศรัยกับอู่เถิงหมิงไม่กี่ประโยคก็เดินตรงเข้ามาหาเย่ฝาน ซ่งป๋อฮุยรีบเคลื่อนตัวหลีกไปเพื่อมอบพื้นที่ให้กับเขา

        ซ่งป๋อฮุยมองโจวจิ่นจือ ในใจพลันเกิดความระแวงขึ้น ผู้อาวุโสโจวเข้ามาหาเย่ฝานอย่างเปิดเผยแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขากับเย่ฝานสนิทสนมกันได้อย่างไร?





        ...

        [1] เสี่ยวเฉียง คำว่าเสี่ยวเฉียงเป็นศัพท์แสลงในภาษาจีน หมายถึง แมลงสาบ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 15 (24/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-04-2020 10:55:49
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 15 (24/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 25-04-2020 13:08:40
เล่มที่ 1 ตอนที่ 16 วิธีรักษาโรค


        “คุณชายเย่ เธอยังจำฉันได้ไหม?” โจวจิ่นจือนั่งลงข้างๆ เย่ฝานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “จำได้สิครับ! คุณคือพ่อค้าหน้าเลือดในร้านขายหยกคนนั้น ของที่ฝากส่ง ส่งไปหรือยังครับ!”

        “ยังไม่ได้ส่งเลย” โจวจิ่นจือตอบกลับ

        เย่ฝานพูดพลางขมวดคิ้ว “คุณทำงานได้แย่มากเลย!”

        “ต้องขอโทษจริงๆ!” โจวจิ่นจือพูดพลางหัวเราะออกมา

        “ช่างเถอะ!”

        “คุณชายเย่ ใบสั่งยาที่เธอให้ฉัน เธอได้มาจากไหน?” โจวจิ่นจืออดถามขึ้นไม่ได้

        ก่อนหน้านั้น โจวจิ่นจือโทรศัพท์ไปคุยกับผู้อาวุโสไป๋ เพื่อเล่าว่าเขาได้พบกับยอดฝีมือพิสดารที่สามารถเขียนใบสั่งยาเพื่อรักษาโรคของไป๋อวิ๋นซีได้ ตอนนั้นคิดว่าเขาจะพูดเล่นเท่านั้น แต่หลังจากผู้อาวุโสไป๋นำใบสั่งยาไปให้หมอประจำตระกูลไป๋ดู หมอกลับรู้สึกเลื่อมใสและศรัทธาผู้ที่เขียนใบสั่งยานี้เป็นอย่างมาก ถึงกับกล่าวว่าได้เห็นการจัดยาเช่นนี้ตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว หมอเทวดา... นี่มันหมอเทวดาโดยแท้!

        ผู้อาวุโสไป๋ถึงกับโทรกลับมาหาเขา ขอร้องให้โจวจิ่นจือพาเขาไปพบกับยอดฝีมือพิสดารคนนั้นให้ได้

        “ผมเขียนเองน่ะสิ!” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือ “…”

        “อาการของเขากำเริบครั้งล่าสุดคือสองปีครึ่งที่ผ่านมาใช่หรือไม่” เย่ฝานถาม

        โจวจิ่นจือพยักหน้าแล้วตอบว่า “ถูกต้องแล้ว”

        “ถ้าอย่างนั้นก็ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปี” เย่ฝานพูดพร้อมส่ายหน้า

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วถามว่า “เธอมีวิธีรักษาไหม!” โจวจิ่นจือและคุณปู่บ้านตระกูลไป๋นามว่าไป๋ซื่อหยวนร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นเรื่องของไป๋อวิ๋นซี เขาเองก็กังวลไม่น้อย

        “การใช้ยาทำได้แค่ช่วยยืดเวลาออกไปเท่านั้น” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือตาเป็นประกาย รีบถามต่อว่า “ใช้ยาช่วยได้แค่ยืดเวลาออกไป ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ามีวิธีอื่นที่จะช่วยได้ใช่ไหม?”

        เย่ฝานตอบ “มีสิ!”

        “วิธีไหนหรือ?” โจวจิ่นจือเอ่ยถาม

        “ให้เขานอนกับผม! แค่ให้เขาขึ้นเตียงกับผม เรื่องราวก็จะคลี่คลายได้ทั้งหมด เขามีปราณเย็นในตัว ส่วนผมมีปราณร้อนในตัว อย่างนี้ก็ปรับสมดุลซึ่งกันและกันได้แล้วไม่ใช่เหรอ?” บนอาณาจักรชางเสวียน ผู้ที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์นั้นล้วนรักษาตัวกันในลักษณะนี้ พวกเขามักหาผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ปราณร้อนมาฝึกฝนร่วมกัน ผู้ฝึกตนที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์เปรียบดั่งเตาหลอมร่างกายที่ดีที่สุด จึงมักจะถูกผู้ฝึกตนมากมายช่วงชิงตัวไป ผู้ฝึกตนชายก็เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังมีผู้ฝึกตนชายมากมายที่ไม่รู้ว่าตนเองมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ จึงทำให้พวกเขามีอาการกำเริบจนแข็งตายไปในที่สุด

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานด้วยความรู้สึกกระดากอายปนโมโห ในขณะเดียวกันเจียงไห่หลินกลับมองเย่ฝานด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

        เฉียนอวี้ใบหน้าบูดเบี้ยว เขายกมือมาปิดหน้าของตนไว้

        โจวจิ่นจือลุกพรวด ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเย่ฝาน “นาย… นาย...”

        เย่ฝานเห็นปฏิกิริยาของโจวจิ่นจือจึงพูดว่า “คุณดูเหมือนไม่สบอารมณ์นะครับ อายุมากแล้วอย่าโมโหไปเลยครับ เดี๋ยวอายุจะสั้นเอาได้...”

        โจวจิ่นจือเบิกตาจ้องหน้าเย่ฝานแล้วหมุนตัวจากไป

        เจียงไห่หลินมองเย่ฝาน “คุณชายเย่ทำไมต้องล่วงเกินผู้อาวุโสโจวด้วยครับ”

        “ล่วงเกินผู้อาวุโสโจว?” ฉันล่วงเกินเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน เขามาปรึกษาฉัน ฉันก็ตอบเขาไปหมดแล้วนี่”

        เจียงไห่หลิน “…”

        “คุณชายเย่ คุณกล้าหาญมากเลยนะครับ กล้าพูดในสิ่งที่อยากพูด!” เฉียนอวี้พูดด้วยความเลื่อมใส

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้ด้วยความงุนงง แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดอะไรน่าตกใจสักหน่อย!”

        เฉียนอวี้ “…” บอกให้คุณชายไป๋หลับนอนกับตนเอง ยังไม่น่าตกใจอีกหรือ?

        “ตาแก่นั้นเจ้าอารมณ์จริงๆ ฉันบอกเขาตั้งหลายเรื่อง ยังจะถลึงตาใส่ฉันอีก” เย่ฝานเอ่ยอย่างไม่พอใจ

  …

        ภายในห้องโถง เลี่ยวเหอกำลังครุ่นคิดด้วยใบหน้าสงบนิ่ง เกิดความสับสนขึ้นในใจ “ทำไมเย่ฝานถึงได้รู้จักกับผู้อาวุโสโจวนะ?”

        เลี่ยวถิงถิงมองเลี่ยวเหอแล้วถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “ผู้อาวุโสโจวคนนี้วิเศษมาจากไหนคะ?”

        เลี่ยวเหอพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสโจวมาจากเมืองหลวง เดิมทีเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในเมืองหลวง ถึงตอนนี้จะวางมือแล้ว แต่ก็มีพวกพ้องและเส้นสายอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อกี้เหมือนเขากับเย่ฝานพูดคุยไม่เข้าขากันสักเท่าไร น่าเสียดาย เย่ฝานไม่คว้าโอกาสดีๆ อย่างนี้ไว้ กลับล่วงเกินเขาอีก ช่างเป็นคนไม่ได้เรื่องจริงๆ”

        เลี่ยวถิงถิงเม้มปากกล่าวว่า “เย่ฝานไปข้องแวะกับซ่งป๋อฮุยได้ยังไงกันนะ”  ตระกูลซ่งและตระกูลใหญ่อื่นๆ หากรวมกลุ่มกันก็อาจเกิดพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้!

        อู่ซือหานเดินเข้ามาใกล้เย่ฝานแล้วบอกว่า “อาเย่ นายมากับฉันหน่อย!”

        เย่ฝานลุกขึ้นเดินตามอู่ซือหานไป

        “ทำไมนายถึงไปล่วงเกินผู้อาวุโสโจวอย่างนั้น?” อู่ซือหานกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาไหนของเย่ฝาน

        “ผมไม่ได้ล่วงเกินเขา! ตาแก่นั้นเจ้าอารมณ์ โมโหง่ายเอาใจยากจริงๆ” เย่ฝานบ่นออกไปด้วยความไม่พอใจ

        อู่ซือหาน “…”

        “พี่ชาย พี่เป็นอะไรไป?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “ผู้อาวุโสโจวคนนั้นมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา เขาไม่ใช่คนกระจอกๆ ต่อไปถ้านายได้พบกับเขาอีกครั้ง ต้องปฏิบัติต่อเขาดีให้ดีรู้ไหม” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ได้ครับ”

        “วันหลังนายหาโอกาสไปขอโทษเขาด้วยล่ะ!” อู่ซือหานเอ่ย

        เย่ฝานพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ขอโทษ? ผมจะขอโทษได้ยังไง! ในเมื่อผมไม่ได้ล่วงเกินเขาสักหน่อย”


        อู่ซือหาน “…”
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 16 (25/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 25-04-2020 16:04:09
555555555ใช่แล้ว นายไม่ได้ล่วงเกินใครทั้งนั้น555555555555 ไม่ไหวแล้วพระเอกงี้ตร่ก
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 16 (25/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 25-04-2020 18:52:49
อู่ซือหานถึงกับกริบ พูดไม่ออกเลย 555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 16 (25/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 26-04-2020 10:46:19
เล่มที่ 1 ตอนที่ 17 ผลของการพังประตู


        หลังจากงานเลี้ยงบ้านตระกูลอู่เลิกรา เย่ฝานกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ของตน เขาปิดประตูลงกลอนไม่ออกไปไหน กักตัวฝึกปราณอย่างหนัก

        หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดผ่านพ้นไป ชื่อเสียงของเย่ฝานกลับโด่งดังยิ่งกว่าเดิม เรื่องราวของเขาถูกเล่าลือในวงกว้าง

        “ถิงถิง เย่ฝานทำเกินไปจริงๆ ไอ้โรคจิตนั่นกล้าบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงหยาบคาย และยังบอกกับคนอื่นว่าเธอเป็นหญิงสำส่อนอีก” เจียงโหยวหม่านพูดอย่างนึกโมโห

        เฉียนอวี้เป็นคนปากสว่าง มักจะเปิดเผยเรื่องของผู้อื่น มีครั้งหนึ่งเขาดื่มจนเมาในวงเหล้า แล้วเผลอพูดถึงเรื่องราวการแต่งงานของเลี่ยวถิงถิงกับเย่จื้อเจ๋ออย่างเมามัน

        เขาบอกกับคนอื่นๆ ว่าเย่ฝานเป็นบุคคลที่มีความสามารถ แต่ถ่อมตัวไม่โอ้อวดตนเอง ยังบอกอีกว่าเย่ฝานมีสายตาแหลมคม ผู้หญิงหยาบคายและสำส่อนอย่างเลี่ยวถิงถิงไม่อยู่ในสายตาของเย่ฝานสักนิด

         เมื่อเขาสร่างเมา กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เพราะข่าวที่ออกมาจากปากเขาได้แพร่สะพัดไปทั่ว

        ในสังคมชั้นสูงเมื่อเกิดข่าวลือขึ้นเรื่องหนึ่งก็จะถูกเล่าต่อๆ กันอย่างสนุกปาก เรื่องการแต่งงานของเลี่ยวถิงถิงและเย่จื้อเจ๋อเป็นที่พูดถึงมากในแวดวงตระกูลดังแห่งเมืองชาง เดิมทีเรื่องนี้ก็เป็นที่จับตามองอยู่แล้ว พอมีข่าวแบบนี้หลุดออกมาอีก ผู้คนจึงยิ่งนินทากันสนุกปาก

        หูอวี่ฉินมองเจียงโหยวแวบหนึ่งก่อนเอ่ยว่า “เอาล่ะเสี่ยวโหยว เธอหยุดพูดได้แล้ว คำพูดแบบนี้จำเป็นต้องพูดออกมาไหม ปัญญาอ่อน!” หูอวี่ฉินด่าเจียงโหยวเบาๆ "ถิงถิง เธออย่าไปสนใจเลย แค่คำพูดของทายาทเศรษฐีที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อถือหรอก"

        “ช่วงนี้เย่ฝานดูผิดปกติ ดูแปลกไป” เลี่ยวเหอไปสืบเสาะเรื่องของซ่งป๋อฮุยและพรรคพวก ทำให้ได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นซ่งป๋อฮุยถูกผีสิง และเป็นเย่ฝานที่เป็นคนรักษาเขาจนหาย เรื่องผีสางเทวดาพวกนี้เป็นเรื่องเชื่อถือไม่ได้ แต่ไม่เชื่อเลยก็ไม่ดีเช่นกัน

        เย่ฝานไปเกี่ยวพันกับพวกซ่งป๋อฮุยยังพอเข้าใจได้ แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่คนเอาใจยากอย่างโจวจิ่นจือ ซึ่งดันไปสนใจคนอย่างเย่ฝานเสียได้

  …

        ณ บ้านตระกูลเย่

        “ไอ้คนสารเลว ฉันจะทำให้มันเห็นดีสักวันหนึ่ง” เย่อิ้งหลันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

        หวังเสี่ยวเฟยกำหมัดแน่น ความรู้สึกมากมายประดังเข้ามาในจิตใจ อุตส่าห์ทำให้เย่ฝานถูกขับไล่ออกจากบ้านแล้วแท้ๆ ยังก่อเรื่องวุ่นวายเดือดร้อนมาถึงพวกเขาจนได้ อาจเป็นเพราะเขาหมดหนทางอื่นแล้ว ทำให้ตอนนี้อยากพูดอะไรก็กล้าพูดออกมาทั้งหมด

        เรื่องราวที่เย่ฝานก่อไว้ ทำให้ชีวิตรักของเย่จื้อเจ๋อกับเลี่ยวถิงถิงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

        คำพูดว่าผู้หญิงสำส่อนของเย่ฝาน ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงหัวเราะเยาะในหมู่ผู้คนไปทั่ว

        แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับเย่ฝานเลยแม้แต่น้อย หลังจากกลับจากงานเลี้ยง เย่ฝานก็ขังตัวเองอยู่ในห้องเพื่อฝึกพลังปราณอย่างแข็งขัน

        เย่ฝานฝึกพลังปราณโดยพึ่งพาพลังจากโสมโลหิตและเต่ากักพลัง หลังจากมุมานะมาสิบกว่าวัน ในที่สุดโอกาสที่จะทำให้เขาทะลวงไปสู่อีกขั้นก็มาถึง

        พลังปราณไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่ฝานเป็นระลอก เขาดูดซับพลังปราณรอบกายอย่างบ้าคลั่ง

        เย่ฝานดูดซับพลังปราณเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นรัวๆ เย่ฝานเลือกที่จะไม่ลุกไปเปิดประตู แต่เสียงเคาะประตูกลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ “พังประตูเข้าไป” เสียงสั่งการของหญิงสาวดังลอดเข้าไปถึงหูของเย่ฝาน

        ประตูถูกพังเข้ามา เย่ฝานลืมตาขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

        “พวกสารเลว!” เกิดประกายอำมหิตขึ้นในดวงตาของเย่ฝาน ในอาณาจักรของผู้ฝึกตน การบุกรุกเข้าไปในถ้ำฝึกตนของผู้อื่นถือเป็นโทษมหันต์ ระหว่างเข้าฌานฝึกฝนพลังปราณหากถูกขัดขวางกลางคัน อาจทำให้บาดเจ็บสาหัส สิ่งที่ฝึกมาทั้งหมดจะสูญสลายไป

        ตอนแรกเย่อิ้งหลันพาลูกน้องมาเพื่อจะหาเรื่องเย่ฝาน แต่เมื่อมองเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของเย่ฝาน เธอก็รู้สึกตกใจกลัวจนอยากหันหลังกลับกลางคัน

        “เย่ฝาน ไอ้คนระยำ แกกล้าทำให้พี่ถิงถิงเสื่อมเสียเหรอ” เย่อิ้งหลันด่าเย่ฝาน

        พอเย่ฝานขยับตัว เพียงชั่วพริบตาก็มายืนอยู่เบื้องหน้าของเย่อิ้งหลัน ฝ่ามือของเย่ฝานพุ่งไปบีบคอของเย่อิ้งหลันโดยไม่ลังเล

        “นายจะทำอะไร ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ" เย่อิ้งหลันตะโกนออกมา

        ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่ติดตามเย่อิ้งหลันมา เห็นสถานการณ์เช่นนั้นจึงรีบพุ่งตัวใส่เย่ฝาน เย่ฝานซึ่งตอนนั้นกำลังฝึกพลังปราณขั้นที่สอง ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก แต่ละคนโดนเย่ฝานใช้เท้าเตะ เพียงอึดใจเดียวชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างถูกเตะกระเด็นออกไปนอกห้อง

        เย่ฝานตบหน้าของเย่อิ้งหลันทั้งสองข้าง แล้วโยนหล่อนออกไปนอกห้อง จากนั้นก็ก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ครั้งหน้าถ้ายังกล้ามารบกวนฉันอีกล่ะก็ ฉันจะจับเธอแก้ผ้าแล้วเอาไปโยนทิ้งที่สี่แยกไฟแดงตรงถนนใหญ่”

        เย่ฝานตบแก้มของเธออีกหนึ่งฉาด เย่อิ้งหลันทนไม่ไหวถึงกับปล่อยโฮออกมา

        เฉียนอวี้เข้ามาถึงหน้าห้องเย่ฝาน ภาพที่เห็นคือชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งที่ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น กับเย่อิ้งหลันที่ร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจ

        เฉียนอวี้ขมวดคิ้วมองไปทางเย่ฝานแวบหนึ่ง เย่ฝานเอามือเท้าเอว ส่งสายตาให้เฉียนอวี้ เขาจึงเดินตามเย่ฝานเข้าไปในห้องอย่างรู้กัน

        “คุณชายเย่ คุณตบเย่อิ้งหลันอีกแล้วเหรอครับ?” เฉียนอวี้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

        “ฉันไม่เปิดประตูให้เธอ เธอก็เลยพังประตูห้องของฉันเข้ามา ยัยนี้ช่างกล้านัก ได้ยินว่าในต่างประเทศสามารถยิงผู้ที่มาบุกรุกบ้านได้ น่าเสียดาย! ที่นี่กลับทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าฆ่าคนตายจะยุ่งยากเปล่าๆ” เย่ฝานพูดอย่างเสียดาย

        เฉียนอวี้หัวเราะแห้งๆ แล้วคิดในใจ ถ้าในประเทศนี้ฆ่าคนแล้วไม่ผิดกฎหมาย เย่ฝานคงตั้งใจจะฆ่าคนจริงๆ หรือเนี่ย?

        “คุณชายเย่ สมุนไพรที่คุณให้ผมไปหา ผมหามาได้แล้วครับ” เฉียนอวี้กล่าว

        ในงานเลี้ยงวันเกิดคราวนั้น เย่ฝานตรวจร่างกายให้กับซ่งป๋อฮุยโดยไม่คิดค่าตอบแทน แค่ให้พวกเขาช่วยหาสมุนไพรให้เท่านั้น

        “อืม ใช้ได้ เป็นเงินเท่าไรล่ะ”

        เฉียนอวี้รีบโบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ สมุนไพรเพียงแค่นี้จะเก็บเงินจากคุณได้ยังไงกัน!”

        เฉียนอวี้รู้ดีว่าใบสั่งยาที่เย่ฝานเขียนให้กับคุณชายบ้านตระกูลไป๋นั้น แม้แต่หมอแผนจีนอาวุโสยังชื่นชม หมอท่านนั้นมีสมญานามว่าหมอหลวงและจะรักษาให้กับคนชั้นสูงเท่านั้น


        ประตูถูกผลักออกช้าๆ เฉียนอวี้รู้สึกกลัวจนขนลุก ใครกล้าผลักประตูเข้ามากันนะ? หรือจะเป็นผู้บุกรุกอีก ซวยแล้ว ซวยแล้ว! เจ้าหมอนี้คงจะถูกเตะจนกระเด็นออกไปนอกห้องแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 17 (26/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-04-2020 19:11:47
อย่ามาทำให้เย่ฝานมีน้ำโห!!!!!!!! โดนตบ3ฉาด ยังอยู่ไหม 5555 เย่ฝานนี่เป็นไหนใครๆก็หมั่นไส้ทุกทิศรอบจริง เลยอยู่สงบยากหน่อย แล้วตวเองก็ขยันหาเรื่องไม่เบา 5555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 17 (26/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 26-04-2020 23:16:06
55555555สะใจ สมน้ำหน้า
น้องไปป๋ต้องมาแล้วป่ะ
ขอวันละ2ตอนเถ่อออออ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 17 (26/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 27-04-2020 10:28:22
เล่มที่ 1 ตอนที่ 18 สาวน้อยผู้มาขอความช่วยเหลือถึงประตูบ้าน


        เด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งปรากฏตัวที่ประตู เธอเรียกเย่ฝานด้วยความเคารพว่า “คุณอาเย่”

        เย่ฝานจ้องมองเด็กหญิง กะพริบตาพลางกล่าวว่า “ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอมากเลย”

        “หนูชื่อถังหน่วนค่ะ” ถังหน่วนตอบ

        “อ้อ ฉันนึกออกแล้ว เธอคือแฟนของเสี่ยวเฉียงใช่ไหม”

        เฉียนอวี้ “…” ฟังดูเหมือนแฟนของแมลงสาบ

        “หนูไม่ใช่แฟนของเสี่ยวเฉียงค่ะ หนูเป็นเพื่อนนักเรียนของเขา” ถังหน่วนกล่าว

        เย่ฝานยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน ต่อไปก็เป็นแฟนไง”

        เฉียนอวี้ “…” เย่ฝาน… เจ้าหมอนี่หยอกล้อเด็กผู้หญิงแบบนั้น มันจะเกินไปแล้วนะ

        “จะดื่มนมไหม!” เย่ฝานเอ่ยถาม

        ถังหน่วนส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่ดื่มค่ะ หนูมีเรื่องสำคัญ”

        “มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ?” เย่ฝานถาม

        “หนูอยากให้ไปช่วยเสี่ยวเฉียงหน่อยค่ะ” ถังหน่วนตอบ

        เย่ฝานขมวดคิ้วก่อนพูดว่า “เด็กนั่นเกิดเรื่องเหรอ?” อู่ซือหานมองเย่ฝานว่าเป็นคนไม่เอาไหน ไม่เป็นชิ้นเป็นอันมาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้เสี่ยวเฉียงเกิดเรื่องร้ายขึ้น เขาก็ไม่คิดจะบอกเย่ฝาน

        “เขาถูกลักพาตัวค่ะ แต่ทางบ้านบอกกับคนภายนอกว่าเขาป่วย” ถังหน่วนอธิบาย

        เฉียนอวี้ตื่นเต้นจนกำแก้วนมไว้แน่น ตายแล้ว เขาได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยินเข้าเสียแล้ว? หลานชายคนโตแห่งบ้านตระกูลอู่ถูกลักพาตัวงั้นเหรอ? ใครมันช่างกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้!

        “ทำไมถึงมาหาฉันล่ะ” เย่ฝานถาม

        “เพราะหนูรู้ว่าคุณอาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อวันก่อนหนูเกือบโดนรถที่ฝ่าไฟแดงคันหนึ่งชนเข้าให้ แต่ตอนนั้นหนูรู้สึกได้ว่ามีกลุ่มแสงโอบล้อมตัวหนูเอาไว้ ทำให้หนูมาตกอยู่ที่พุ่มหญ้าข้างถนน หลังจากตรวจสอบร่างกายแล้วก็พบว่าปลอดภัยดีทุกอย่าง” ถังหน่วนตอบ

        “คนขับรถคู่กรณีกลับบอกว่าเขาไม่ได้ชนหนู พ่อแม่ของหนูคิดว่าหนูตกใจมาก จึงล้มตัวลงไปที่พุ่มหญ้าข้างถนน หนูรู้ดีว่ายันต์นั่นคุ้มครองหนูให้พ้นภัย เพราะว่าหลังจากถูกรถชน ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยก็กลายเป็นฝุ่นผง แต่พ่อแม่หนูไม่เชื่อ พวกเขานึกว่าหนูคิดไปเอง” ถังหน่วนบอก

        เฉียนอวี้เช่นนั้นได้ยินก็ตกตะลึงจนเนื้อเต้น คิดในใจว่า ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยมีผลขนาดนั้นเลยเหรอ ยันต์ที่เจียงไห่หลินให้ไว้ก็มอบให้คนบ้านตระกูลซ่งจนหมด ช่างเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเลย เฮ้อ!

        เย่ฝานพูดอย่างเสียใจว่า “ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยที่ฉันเขียนครั้งก่อนพลังยังต่ำเกินไป รอให้ผ่านช่วงนี้ไป ฉันจะวาดยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยที่มีพลังมากกว่าเดิมให้ ถึงตอนนั้นคนที่กระเด็นจะไม่ใช่เธอ แต่จะเป็นคันที่ชนเธอต่างหาก”

        เฉียนอวี้ “…”

        เย่ฝานถอนหายใจแล้วพูดว่า “แย่แล้ว!”

        เฉียนอวี้ถามด้วยความตื่นเต้น “คุณชายเย่ มีอะไรผิดปกติเหรอครับ?”

        เย่ฝานตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ฉันรับปากว่าจะสลักหยกคุ้มภัยให้เสี่ยวเฉียง แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมากลับลืมเรื่องนี้ไปเลย เขาเลยต้องมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้ เด็กนั่นต้องโทษฉันแน่ๆ”

        “เรื่องนี้มันอยู่เหนือความคาดหมายครับ” เฉียนอวี้พูดปลอบ

        “ก็ใช่น่ะสิ! เรื่องนี้ต้องโทษพ่อของเสี่ยวเฉียง ฉันมอบยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยให้กับเด็กนั่นตั้งสองแผ่น แต่กลับถูกพ่อผู้ต่อต้านเรื่องไสยศาสตร์เอาไปทิ้งในถังขยะ แล้วอย่างนี้จะโทษใครได้” เย่ฝานพูดออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

        เฉียนอวี้ “…” คุณชายใหญ่บ้านตระกูลอู่ ทำลายของวิเศษนั่นตามอำเภอใจได้ยังไงกัน!

        “เธอมีของติดตัวของเสี่ยวเฉียงไหม?” เย่ฝานถามถังหน่วน

        ถังหน่วนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะนำหนังสือการ์ตูนออกมาหลายเล่ม “เสี่ยวเฉียงกลัวพ่อของเขาจะตำหนิว่าไม่ตั้งใจเรียนให้ชีวิตก้าวหน้า ก็เลยเอามาฝากไว้ที่หนูค่ะ หนังสือการ์ตูนได้ไหมคะ”

        เย่ฝาน “…” เด็กก็คือเด็ก ถ้าอย่างนั้นใช้หนังสือการ์ตูนตามหาเบาะแสก็แล้วกัน “ได้ แล้วเขาชอบเล่มไหนล่ะ?”

        “อุลตร้าแมนค่ะ!”

        เย่ฝาน “…” รสนิยมของเด็กน้อย แย่จริงๆ!

        เย่ฝานนำยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น ทันใดนั้นยันต์ก็หายเข้าไปในหนังสือการ์ตูน แล้วปรากฏเป็นมนุษย์กระดาษออกมาหนึ่งตัว มนุษย์กระดาษชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

        เฉียนอวี้ยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆ

        เย่ฝานลุกพรวดพราดและพูดว่า “เรียบร้อย อ๊ะ! ไม่ได้การแล้ว!”

        เฉียนอวี้มองไปที่เย่ฝานแล้วถามว่า “คุณชายเย่ เกิดอะไรขึ้นครับ?”

        “ฉันนึกออกแล้ว รถฉันน้ำมันหมด เมื่อวานดันลืมเติมน้ำมันซะได้!”

        เฉียนอวี้ “…ถ้าคุณไม่รังเกียจ ไปรถผมดีไหมครับ”

        เย่ฝานเอียงศีรษะมองเฉียนอวี้แล้วพูดว่า “งั้นก็ดีเลย! รบกวนนายหน่อยนะ”

        “ไม่เป็นไรครับ เป็นเกียรติของผมมากกว่าครับ” เฉียนอวี้พูดอย่างสุภาพ

        เย่ฝานหยิบหนังสือการ์ตูนและมนุษย์กระดาษขึ้นรถของเฉียนอวี้ไป ถังหน่วนก็เดินตามขึ้นไปด้วย


        เฉียนอวี้ขับรถไปตามทิศทางที่มนุษย์กระดาษบอก โดยอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งนี้ มนุษย์กระดาษนี่มันเรื่องอะไรกัน! เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? หรือมันคือมายากล
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 18 (27/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 27-04-2020 17:07:35
ไปแสดงฝีมือให้คนพวกนั้นดู!
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 18 (27/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 27-04-2020 17:39:18
นับวันเย่ฝานยิ่งแสดงพลังได้พีคๆขึ้นนะ 55555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 18 (27/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 28-04-2020 10:01:35
เล่มที่ 1 ตอนที่ 19 ช่วยคน


        เฉียนอวี้ขับรถมามาถึงเขตเมืองเก่า

        “น่าจะเป็นที่นี่ ฉันลงรถตรงนี้ก็แล้วกัน รถของนายมันดูสะดุดตาไปหน่อย” เย่ฝานเอ่ย

        เฉียนอวี้มองเย่ฝาน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “คุณชายเย่ ผมไปกับคุณได้ไหมครับ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “ดีเหมือนกัน”

        เย่ฝานและเฉียนอวี้แอบเข้าไปในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง อู่หาวเฉียงถูกปิดปากมัดอยู่บนเก้าอี้

        “ลูกพี่ ตระกูลอู่บอกว่าเงินค่าไถ่สองร้อยล้านหยวนมันมากไป ทรัพย์สินของบ้านตระกูลอู่เอาไปลงทุนในธุรกิจหมดแล้ว ถ้าจะให้นำเงินออกมาพวกเขาก็ต้องขายบริษัท เรื่องแบบนี้ไม่ใช่จะจัดการเสร็จในวันสองวัน แล้วอย่างนี้พวกเราก็ต้องรอเวลาต่อไปน่ะสิ”

        “เจ้าโง่ เห็นอยู่ว่าคนตระกูลอู่กำลังถ่วงเวลา”

        “ลูกพี่ ผมคิดว่าพวกมันไม่กล้าบิดพลิ้วแน่ ตระกูลอู่ก็มีเพียงหลานชายคนนี้เท่านั้นที่จะเป็นผู้สืบสกุล เด็กนี่มีความสำคัญต่อพวกมันมาก”

        “เรื่องนี้ถ้าปล่อยไว้นาน อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้”

        “ถ้าอย่างนั้น พวกเราเรียกเงินน้อยกว่านี้หน่อยดีไหม”

        “ไม่ได้ ต้องได้สองร้อยล้านเท่านั้น จะน้อยกว่านี้ไม่ได้”

        อู่หาวเฉียงมองคนเหล่านั้นด้วยความกังวล แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

        "ลูกพี่ จะให้เด็กคนนี้กินอะไรหน่อยไหม?"

        "ไม่ต้อง อดอาหารหนึ่งวันไม่ทำให้มันหิวตายหรอก!"

        เฉียนอวี้แอบมองอู่หาวเฉียงจากที่ไกลๆ พลางพูดพึมพำว่า เจ้าเด็กนั่นน่าเวทนาจริงๆ ไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งหนึ่งวัน เด็กคนนี้เป็นเป็นหลานหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลอู่เชียวนะ!

        เย่ฝานนำปล้องไม้ไผ่ขนาดเล็กออกมาจุด ใช้เวลาชั่วครู่ก็มีควันลอยขึ้นมา ควันยาสลบฟุ้งกระจายไปทั่วคลังสินค้า ไม่นานกลุ่มคนที่อยู่ด้านในก็สลบไสลไปทีละคนสองคน

        เฉียนอวี้เบิกตาอ้าปากค้างตกตะลึงกับภาพที่เกิดตรงหน้า มันเหมือนกับกำลังถ่ายละครอยู่อย่างไรอย่างนั้น! ที่แท้ควันที่ดมแล้วสลบมีจริงๆ หรือนี้

        “คุณชายเย่ พวกนั้นสลบไปหมดแล้วครับ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดอย่างเจ็บใจว่า “อืม พวกมันโดนยาสลบเข้าไป กว่าจะได้ยาสมุนไพรตัวนี้มา ฉันต้องเสียเงินไปสองแสนหยวน พวกมันมีปืน ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าพวกมันจะจนตรอกแล้วพลั้งมือฆ่าเสี่ยวเฉียงล่ะก็ ฉันคงไม่ยอมจ่ายหนักขนาดนี้หรอก”

        เฉียนอวี้กล่าวด้วยความชื่นชมว่า “คุณชายเย่ คุณสุดยอดไปเลยครับ!”

        เย่ฝานตอบกลับอย่างภูมิใจ “เอาล่ะๆ นายถือนี่ไว้”

        เย่ฝานส่งยันต์กันพิษให้กับเฉียนอวี้หนึ่งแผ่น เขารับมาโดยไม่ถามอะไรสักคำ

        เฉียนอวี้ตามเย่ฝานเข้าไปในคลังสินค้า เย่ฝานพุ่งเข้าไปใกล้พวกโจรลักพาตัวที่ไม่ได้สติและเตะพวกมันคนละที ทุกครั้งที่เตะจะได้ยินเสียงกระดูกหักดังขึ้น เฉียนอวี้หันไปดูก็พบว่าโจรที่ถูกเตะมือและขาต่างคดงอผิดรูปไปตามๆ กัน

        เย่ฝานแก้มัดให้กับอู่หาวเฉียงแล้วอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน พลางกล่าวว่า “ไปกันเถอะ”

        เฉียนอวี้พยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ”

        เย่ฝานอุ้มอู่หาวเฉียงออกมาด้านนอก “ยันต์ของนายเอามาให้ฉัน”

        เฉียนอวี้ส่งยันต์ให้กับเย่ฝาน เฉียนอวี้ตกตะลึงที่ได้เห็นว่าตัวหนังสือบนยันต์จางลงไปไม่น้อย “ยันต์กันพิษนี้ยังมีพลังหลงเหลืออยู่ อย่าให้เสียเปล่า” เย่ฝานเอายันต์ตบไปที่ร่างของอู่หาวเฉียงเบาๆ ยันต์นั้นพลันมลายกลายเป็นฝุ่นในพริบตา

        เปลือกตาทั้งสองข้างของอู่หาวเฉียงปิดอยู่เหมือนเดิม เขายังไม่ได้สติฟื้นคืน

        เฉียนอวี้มองไปที่อู่หาวเฉียงพลางถามอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมเขายังไม่ฟื้นล่ะครับ”

        “เพราะว่าโดนยาสลบน่ะสิ”

        “ยันต์กันพิษช่วยไม่ได้เหรอครับ?” เฉียนอวี้เอ่ยถาม

        เย่ฝานยักไหล่พลางตอบว่า “อ่อ ยันต์ที่ใช้เมื่อครู่มันไม่สมบูรณ์ นายเองก็ใช้พลังจากยันต์ไปไม่น้อย”

        “ถ้าอย่างนั้นจะใช้ยันต์เพิ่มอีกแผ่นไหมครับ?”

        “ไม่ล่ะ ยังไงเด็กนี่ก็คงต้องใช้เวลาหลับสักพักถึงจะตื่นขึ้นมา ยันต์ที่มีประหยัดไว้หน่อยก็ดี” เย่ฝานพูดอย่างไม่ใส่ใจ

        เฉียนอวี้ “…” คุณชายเย่ช่างเป็นคนมัธยัสถ์จริงๆ!

        “เด็กคนนี้ตัวหนักจริงๆ! ทั้งที่อดอาหารมาหนึ่งวันเต็มแท้ๆ น้ำหนักไม่ลดลงบ้างเลยหรือไง” เย่ฝานบ่นพึมพำ

        เฉียนอวี้ “…”

        ...

        ณ บ้านตระกูลอู่

        “เป็นยังไงบ้างคะ?” ถังหนิงมองไปยังอู่ซือหาน

        อู่ซือหานขมวดคิ้วพลันตอบว่า “โจรเรียกค่าไถ่ไม่ยอมรับโทรศัพท์”

        ถังหนิงร้องไห้โฮออกมา “ไม่ใช่ว่าลูกเราถูกพวกมันฆ่าไปแล้วนะคะ”

        อู่เถิงหมิงใช้ไม้เท้ากระทุ้งพื้น “จะเป็นไปได้ยังไง อย่าพูดอะไรที่ทำให้ตัวเองเสียขวัญเลย”

        ถังหนิงถูกอู่เถิงหมิงตวาดไปหนึ่งครั้ง จึงไม่กล้าร้องไห้ต่อ

        โทรศัพท์ของถังหนิงดังขึ้น ถังหนิงจึงรีบรับสายทันที “ฮัลโหล”

        “คุณป้าหนิงคะ หนูกับเสี่ยวเฉียงกำลังกินไก่ทอดเคเอฟซี พวกเราจะกลับบ้านดึกหน่อยนะคะ” เสียงสดใสเจื้อยแจ้วของถังหน่วนดังขึ้น

        “เธอกับเสี่ยวเฉียงกำลังกินไก่ทอด เธอแน่ใจนะว่ากำลังกินไก่ทอดกับเสี่ยวเฉียงน่ะ?” ถังหนิงถามอย่างไม่เชื่อ

        “ใช่แล้วค่ะ! โจรที่ลักพาตัวเสี่ยวเฉียงไปโดนวางยาในอาหาร พวกมันสลบไปทั้งหมด เสี่ยวเฉียงก็เลยหนีออกมาได้ค่ะ”

        ถังหนิง “…” โดนวางยาในอาหาร “หนวนหน่วน ขอคุยกับเสี่ยวเฉียงหน่อยได้ไหม”

        “แม่ครับ ผมปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังกินไก่ทอดเคเอฟซีอยู่ที่ว่านต๋าพลาซ่า เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกโจรที่ลักพาตัวผมมันจบเห่แน่ เพราะผมแจ้งความแล้ว แม่ครับแบตโทรศัพท์ใกล้จะหมดแล้ว ผมไม่คุยแล้วนะครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        ถังหนิง “…” ถังหนิงไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว

        อู่เถิงหมิงมองถังหนิงแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

        ถังหนิงกะพริบตาถี่ๆ แล้วตอบว่า “หนวนหน่วนโทรมา บอกว่าเสี่ยวเฉียงหนีออกมาได้แล้ว น่าจะไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ”

        “ถังหน่วน ถังหน่วนทำไมถึงไปอยู่กับเสี่ยวเฉียงได้” อู่เถิงหมิงเอ่ยอย่างงุนงง

        ถังหนิงร้องไห้น้ำตานองหน้าพลางตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ!”


        อู่โหวเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 19 (28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 28-04-2020 10:21:09
ไปกินไก่ทอดเคเอฟซีหลังโดนจับเรียกค่าไถ่เนี้ยนะ แถมยังชิลอีก 555555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 19 (28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-04-2020 10:39:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 19 (28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 28-04-2020 13:57:27
55555555ชิลจัด
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 19 (28/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 29-04-2020 10:08:11
เล่มที่ 1 ตอนที่ 20 ในอาหารมีพิษ


        เย่ฝานเอียงหัวจ้องมองอู่หาวเฉียงแล้วพูดว่า “นี่เจ้าหนู นายต้องลดน้ำหนักแล้วนะ กินให้น้อยหน่อยเข้าใจไหม?”  

        อู่หาวเฉียงหยิบปีกไก่ขึ้นมาหนึ่งชิ้นพลางพูดว่า “คุณอาเล็ก อย่างกไปหน่อยเลยครับ! อาสะใภ้ที่อาจีบอยู่เขาใจกว้างมากเลยไม่ใช่เหรอ? อาขี้เหนียวแบบนี้แล้วใครเขาอยากจะแต่งงานด้วยล่ะครับ!”

        เย่ฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นายก็รู้เหรอว่าใครคืออาสะใภ้ของนาย! เจ้าอ้วน เอาฉันไปเปรียบเทียบกับว่าที่อาสะใภ้ของนายไม่ได้หรอกนะ เขาต่างหากที่อยากจะแต่งงานกับฉัน”

        “คุณอาเล็กพูดไม่อายปากเลยนะ” อู่หาวเฉียงหน้าแดงขึ้นมาทันที

        เฉียนอวี้ “…” อาสะใภ้ที่ว่าหมายถึงคุณชายไป๋งั้นเหรอ?

        “คุณอาเล็ก ช่วยสั่งแฮมเบอร์เกอร์ให้ผมอีกสองชิ้นได้ไหมครับ” อู่หาวเฉียงเอ่ยถาม

        “โจรพวกนั้นให้นายอดอาหารแค่หนึ่งวันไม่ใช่เหรอ? แต่นายทำเหมือนไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งปีอย่างนั้นแหละ นี่ยังจะกินแฮมเบอร์เกอร์อีก! นายดูท้องของตัวเองสิ ควรจะลดความอ้วนได้แล้วนะ รู้ไหม?” เย่ฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        อู่หาวเฉียงทำหน้างอนแก้มป่อง มองเย่ฝานด้วยสายตาเว้าวอน

        “คุณชายเย่ มื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ!” เฉียนอวี้กล่าวอย่างใจกว้าง

        “อ่อ งั้นก็ได้ ฉันไปสั่งไก่ทอดอีกสองถังก็แล้วกัน” เย่ฝานพูดด้วยความดีใจ

        อู่หาวเฉียงรีบพูดว่า “ผมอยากได้ไอศครีมซันเดย์กับทาร์ตไข่ครับ”

        เฉียนอวี้ “…”

        เฉียนอวี้ยังสั่งอาหารมาอีกหลายอย่าง ส่วนอู่หาวเฉียงก็กัดแฮมเบอร์เกอร์อย่างตะกละตะกลาม

        “คุณชายเย่ เราบอกใครๆ ว่าโจรลักพาตัวพวกนั้นโดนวางยาในอาหารแบบนี้จะดีเหรอครับ?” เฉียนอวี้เอ่ยถามพลางมองเย่ฝานที่กำลังดื่มน้ำผลไม้

        เย่ฝานยักไหล่ตอบอย่างจนใจว่า “พ่อของเสี่ยวเฉียงต่อต้านเรื่องไสยศาสตร์ ฉันไม่อยากถูกเขาสั่งสอนว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ บอกว่าพวกนั้นถูกวางยาในอาหารแหละดีแล้ว แบบนี้ฟังดูสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ดี”

        เฉียนอวี้ “…” ถูกวางยาในอาหารสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์?

        “เดี๋ยวรบกวนนายพาเด็กสองคนนี้ไปส่งที่บ้านหน่อยนะ ส่วนฉันจะนั่งรถกลับไปเอง”

        เฉียนอวี้พยักหน้าพลางตอบว่า “ได้ครับ”

        …

        ณ บ้านตระกูลอู่

        “เป็นยังไงบ้างถังหนิง โทรติดไหม?” อู่ซือหานเอ่ยถาม

        ถังหนิงส่ายหน้าพลันตอบว่า “โทรไม่ติดเลยค่ะ แต่ว่าวันนี้ฉันโทรไปหาแม่ของหนวนหน่วน เขาบอกว่าวันนี้ตอนบ่ายหนวนหน่วนโดดเรียนแล้วหายไปเลยค่ะ”

        อู่ซือหานกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้าสองคนนั่นกำลังเล่นอะไรกันอยู่นะ?”

        “แม่ของถังหน่วนบอกว่า ถังหน่วนถามถึงข่าวคราวของเย่ฝานตลอด ที่โดดเรียนไปคิดว่าน่าจะไปหาเย่ฝานค่ะ” ถังหนิงกล่าว

        อู่โหวเซวียนเดินเข้ามาในบ้านพลางกล่าวว่า “เมื่อกี้ฉันไปสถานีตำรวจมา ได้ความว่าตำรวจพบนักเลง 5 คน อยู่ในโรงงานผ้าฝ้ายร้างแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของเมือง ที่น่าแปลกคือนักเลงทั้งหมดกระดูกแขนขาเคลื่อนออกจากกัน ตำรวจบอกว่าร่องรอยการบาดเจ็บของพวกมันเหมือนกันหมด คนที่ลงมือถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือ ก็คงจะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ หนึ่งในนักเลงพวกนั้นมีคนหนึ่งในอดีตเคยแข่งขันเรื่องธุรกิจกับตระกูลอู่ของเราแต่ไม่สำเร็จ ต่อมาจึงล้มละลาย แน่นอนว่าคนเลวพวกนั้นคือคนที่ลักพาตัวหาวเฉียงไป”

        “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ามีคนเข้าไปช่วยหาวเฉียงเหรอครับ?” อู่ซือหานกล่าว

        “เฒ่าแก่ เฒ่าแก่ครับ นายน้อยกลับมาแล้วครับ คุณชายเฉียนอวี้พานายน้อยมาส่งครับ”

        ถังหนิงได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก

        เดิมทีเฉียนอวี้คิดว่าเมื่อส่งอู่หาวเฉียงถึงบ้านแล้วก็จะกลับ แต่ด้วยน้ำจิตน้ำใจของคนบ้านตระกูลอู่ จึงเชื้อเชิญให้เขาอยู่ต่อ

        เฉียนอวี้พูดด้วยความลำบากใจว่า ผมไปพบหาวเฉียงที่ด้านนอกของโรงงานผ้าฝ้าย พวกโจรลักพาตัวถูกวางยาในอาหารก็เลยสลบไปทั้งหมด พวกนั้นไม่ได้ให้เสี่ยวเฉียงกินข้าว เขาก็เลยไม่เป็นอะไร แล้วก็หลบหนีออกมาได้ในที่สุด

        อู่ซือหานขมวดคิ้วมองเฉียนอวี้อย่างไม่เชื่อ พลางบอกอย่างแผ่วเบาว่า “ในอาหารมีพิษ? แค่ถูกวางยามันทำให้กระดูกเคลื่อนไปทั้งตัวได้เหรอ มันฟังดูห่างไกลจากความเป็นจริงไปนะ”

        เฉียนอวี้กัดฟันกรอด อดไม่ได้ที่จะกังวลใจ เพราะละครเรื่องนี้ที่เย่ฝานแต่งขึ้น อาจทำให้เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกับโจรพวกนั้นก็เป็นได้

        เฉียนอวี้สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ในเมื่อเสี่ยวเฉียงกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

        อู่ซือหานพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “อ่อ ได้ ขอบใจเธอมากนะ!”

        …

        ถังหนิงมองอู่หาวเฉียงแล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมลูกถึงไปอยู่กับเฉียนอวี้ได้ แล้วเขามาส่งลูกกลับบ้านได้ยังไง?”

        “คุณอาเล็กให้เขาส่งผมกลับบ้าน เขาก็มาส่งกลับบ้านไงครับ!” อู่หาวเฉียงตอบพลางเล่นหุ่นยนต์ของเล่น

        “คุณอาเล็กของลูก เย่ฝานงั้นเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่แล้วครับ! คุณอาเล็กช่วยผมออกมาครับ!”

        “อาเล็กช่วยเธอออกมา เขารู้ได้ยังไงว่าลูกเกิดเรื่อง? แล้วเขาช่วยลูกออกมายังไง?” ถังหนิงถามอย่างไม่เข้าใจ

        “หนวนหน่วนไปหาคุณอาเล็ก พอคุณอารู้ว่าผมเกิดเรื่อง ก็รีบออกไปช่วยผม!”

        “อาของลูกรู้ได้ยังไงว่าลูกถูกจับตัวไว้ที่ไหน?” ถังหนิงถามด้วยความงุนงง

        อู่หาวเฉียงมองไปที่ถังหนิงและหันไปมองอู่ซือหาน จากนั้นตอบว่า “คุณอาเล็กเขาเป็นคนที่เก่งมาก คุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจหรอกครับ”

        ถังหนิง “…”

        อู่หาวเฉียงกระโดดโลดเต้นกลับห้องของตนเองไป

        ถังหนิงหันหลังกลับมาหาอู่ซือหาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “คุณคิดว่ายังไงคะ?”

        อู่ซือหานสูดหายใจลึกแล้วตอบว่า “น้องชายฉันคนนี้หมู่นี้แปลกไปมาก วันนี้เย่อิ้งหลันพามือดีหลายคนไปจัดการเขา แต่คนพวกนั้นกลับถูกเย่ฝานสั่งสอนจนต้องเข้าโรงพยาบาล”

        ถังหนิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “เย่ฝานฝีมือดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ!”

        อู่ซือหานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน เมื่อกี้ฉันให้คนไปสืบมาได้เรื่องว่า เฉียนอวี้ไปหาเย่ฝาน ต่อมาถังหน่วนก็ไปหาเย่ฝานเหมือนกัน จากนั้นทั้งสามคนก็ขึ้นรถของเฉียนอวี้ แล้วมุ่งหน้าไปที่โรงงานผ้าฝ้าย! เย่ฝานเข้าไปในโรงงานไม่นานก็ออกมา แล้วก็พาเสี่ยวเฉียงไปกินไก่ทอดอย่างที่เรารู้นี่แหละ”

        ถังหนิงสูดหายใจแล้วพูดว่า “ดูจากรูปการแล้ว เป็นไปได้สูงว่าเย่ฝานเป็นคนที่ช่วยลูกเราให้พ้นจากอันตรายในครั้งนี้ใช่ไหมคะ”

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ความเป็นไปได้ที่สุดในตอนนี้ก็น่าจะเป็นอย่างที่เธอพูด เพียงแต่เย่ฝานรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเสี่ยวเฉียงได้ยังไง”

        เฉียนอวี้ตอนพูดถึงเย่ฝานก็สัมผัสได้ถึงความเคารพนับถือที่มาจากใจอย่างแท้จริง เดิมทีอู่ซือหานรู้สึกว่าเขาเป็นคนงมงายกับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ว่าคุณชายบ้านตระกูลเฉียนคนนี้ก็ไม่ใช่คนเหลวไหล ถ้าไม่มีความสามารถจริงๆ ก็คงไม่มีทางทำให้คนอย่างเขาเชื่อถือได้แน่นอน

        “ไม่ว่ายังไงก็ตาม เสี่ยวเฉียงก็ปลอดภัยแล้ว คุณรู้ตัวคนที่บงการอยู่เบื้องหลังหรือยังคะ?” ถังหนิงกล่าวถาม

        อู่ซือหานกล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น “คนบงการและพรรคพวกของมันถูกจับไปหมดแล้ว เธอวางใจเถอะ ฉันจะไม่ปล่อยพวกมันไปง่ายๆ แน่”

        เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้อู่หาวเฉียงเจอกับเรื่องเดือดร้อนไม่หยุดหย่อน ดังนั้นอู่ซือหานจะไม่มีทางปรานีต่อใครหน้าไหนแน่นอน

        …

        ณ บ้านตระกูลเย่

        เย่อิ้งหลันจับใบหน้าของตน สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกกระทำ

        เย่หงเหวินพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้ลูกทรพีคนนี้ มันจะกล้ามากไปแล้ว”

        หวังเสี่ยวเฟยเห็นใบหน้าของเย่อิ้งหลันก็พูดว่า “ตบหน้าจนแดงขนาดนี้ แล้วยังกล้าบีบคอลูกอีก เขาคิดจะฆ่าคนหรือไง?”

        เย่หงเหวินกัดฟันกรอด “เด็กคนนี้ พักนี้ไม่รู้โดนอะไรเข้าสิง” เย่หงเหวินจำได้ว่าเย่ฝานเป็นคนเงียบขรึม เวลาเผชิญหน้ากับพ่อก็ไม่เคยมีปากเสียง แม้แต่พูดจายังไม่ได้ศัพท์ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนละคน กล้าพูดทุกสิ่งที่คิด

        “คุณพ่อคะ พ่อต้องช่วยหนูสั่งสอนเขานะคะ!”

        เย่หงเหวินถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าหมอนี้มีคนบ้านตระกูลอู่คอยหนุนหลัง เขาเลยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แล้วพ่อจะช่วยเธอได้ยังไง?”

        เย่อิ้งหลันได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อก็รู้สึกน้อยใจกับความอยุติธรรมในครั้งนี้

        สิ้นคำกล่าวของบิดา เย่อิ้งหลันก็หอบเอาความเจ็บแค้นกลับไปและขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง

        …

        เย่จื้อเจ๋อเคาะประตูห้องเย่อิ้งหลัน แล้วเดินเข้าไปในห้อง “พี่ชาย!” เย่อิ้งหลันเรียกเขาด้วยความน้อยใจ

        “เธอโกรธเหรอ?” เย่จื้อเจ๋อเอ่ยถาม

        เย่อิ้งหลันตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “คุณพ่อเอาแต่ด่ามัน แต่ไม่เคยออกหน้าช่วยฉันเลย ที่จริงแล้วคุณพ่อเกรงกลัวอิทธิพลบ้านตระกูลอู่ต่างหากล่ะ”

        เย่จื้อเจ๋อพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เย่ฝานเจ้าหมอนั้น พักนี้เหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”

        “เจ้าหมอนั้นสารภาพรักกับคุณชายไป๋แล้วก่อเรื่องอื้อฉาวขนาดนั้น แล้วยังมีหน้ามาทำอย่างนี้อีก ช่างหน้าไม่อายเลยจริงๆ” เย่อิ้งหลันพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        “ฉันได้ยินว่า มือดีที่เธอพาไปจัดการเย่ฝาน โดนแตะซะหมอบเลย เจ้าหมอนั่นกลายเป็นคนฝีมือดีไปตั้งแต่เมื่อไร” เย่จื้อเจ๋อพูดอย่างไม่เข้าใจ

        เย่อิ้งหลันเม้มปากแล้วกล่าวว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกที่ฉันหาไปอาจจะเป็นพวกขี้เมาหยำเปล่ะมั้ง เสียแรงที่เชื่อพวกมัน คิดว่าจะช่วยฉันจัดการมันได้”

        เย่จื้อเจ๋อมองเย่อิ้งหลันแล้วตำหนิน้องสาวว่า “ตอนนี้เย่ฝานมีตระกูลอู่คอยหนุนหลังอยู่ เราจะปะทะกับเขาตอนนี้ไม่ได้ จะทำอะไรหัดใช้สมองคิดเยอะๆ เสียบ้าง”

        เย่อิ้งหลันตอบด้วยความอึดอัดใจว่า “ฉันฉลาดไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่หรอก”

        เย่อิ้งหลันรู้ดีว่าเย่จื้อเจ๋ออยู่เบื้องหลังการจัดฉากใส่ร้ายป้ายสีเย่ฝานจนชื่อเสียงย่อยยับ แล้วยังแย่งคนรักของเย่ฝานมาครอบครองไว้ เย่อิ้งหลันรู้สึกยกย่องพี่ชายคนนี้มาก

        “พี่ชาย รอให้พี่กับพี่ถิงถิงแต่งงานกัน บ้านตระกูลเย่และตระกูลเลี่ยวก็จะดองกันเป็นปึกแผ่น ต่อไปเราก็ไม่ต้องกลัวตระกูลอู่อีกแล้ว” เย่อิ้งหลันพูด

        เย่จื้อเจ๋อหัวเราะ ในแววตาแสดงความพอใจอยู่ไม่น้อย “คนขี้ขลาดตาขาวและไร้ความสามารถอย่างมันจะคู่ควรกับถิงถิงได้ยังไง หมอนั้นไม่เคยกินองุ่น แต่กลับบอกว่าองุ่นเปรี้ยว[1] เที่ยวทำลายชื่อเสียงของถิงถิงไปทั่ว น่ารังเกียจจริงๆ”

        …

        ณ บ้านตระกูลไป๋

        “อวิ๋นซี เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” ไป๋ซื่อหยวนเอ่ยถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลันตอบว่า “ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วครับ”

        “คุณปู่ ใครเป็นคนสั่งยาให้ผมเหรอครับ!” ไป๋อวิ๋นซีถามด้วยความอยากรู้

        ไป๋ซื่อหยวนตอบอย่างอึกอักว่า “เป็นหมอแผนจีนคนหนึ่ง”

        หลังจากที่ไป๋ซื่อหยวนได้รับใบสั่งยา เขาก็เริ่มถามโจวจิ่นจือว่าได้มาจากใคร เดิมทีโจวจิ่นจือบอกว่าเขาเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน แต่ภายหลังกลับบอกว่าคนคนนั้นอาจกลายเป็นหลานเขยในอนาคต ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก

        เมื่อตอนที่รู้ว่าเย่ฝานเป็นคนเขียนใบสั่งยา ไป๋ซื่อหยวนก็ได้ตรวจสอบประวัติของเขา ทำให้รู้ว่าชื่อเสียงของเย่ฝานมีแต่เรื่องเสื่อมเสีย แล้วจะยังข่าวลือที่เขาทารุณกรรมผู้หญิงอีก ยิ่งทำให้ไป๋ซื่อหยวนมองเย่ฝานในแง่ลบ

        “คุณปู่ครับ คุณอาโจวส่งพระพุทธรูปหยกมาถึงหรือยังครับ?” ไป๋อวิ๋นซีเอ่ยถาม

        ไป๋ซื่อหยวนพยักหน้าแล้วตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “ส่งมาแล้ว!”

        “ผมจะโอนเงินไปให้เดี๋ยวนี้”

        ไป๋ซื่อหยวนกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง มีคนจ่ายแทนหลานแล้ว” นอกจากนั้นยังมีใบสั่งยาที่ส่งมาพร้อมกับพระพุทธรูปหยก ใบสั่งยาอะไรกันมีข้อความที่เขียนว่า ‘ฉันจะเหยียบเมฆเจ็ดสีไปรับเธอมาเป็นภรรยา’” เหลวไหลจริงๆ เลย

        ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เป็นเขานั่นเอง?”

        ไป๋ซื่อหยวนจ้องมองไป๋อวิ๋นซีพลันกระแอมเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “หลานคิดว่าเย่ฝานคนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

        ไป๋อวิ๋นซีเอียงหัวเล็กน้อยก่อนยกยิ้มมุมปาก ตอบด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า “จะพูดยังไงดี เขาก็เป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง”

        ไป๋ซื่อหยวน “…” น่าสนใจ? ไป๋อวิ๋นซีเจ็บป่วยจากอาการหนาวเย็นในร่างกายมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เป็นคนเงียบขรึม ประกอบกับมีบุคลิกโดดเด่นเป็นที่สะดุดตาของผู้คน ดูภายนอกแล้วเหมือนเป็นคนอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วไม่ค่อยเห็นใครอยู่ในสายตาและไม่เคยมีใครเข้าตาเขา คนที่สามารถทำให้ไป๋อวิ๋นซีรู้สึกว่าเขาคนนั้นน่าสนใจ จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด!

        “คุณปู่รู้จักเย่ฝานได้ยังไงครับ?” ไป๋อวิ๋นซีถามอย่างสงสัย

        “คุณอาโจวของเธอบอกว่า เย่ฝานเป็นคนซื้อพระพุทธรูปหยกเพื่อมอบให้หลานน่ะ” ไป๋ซื่อหยวนตอบ

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”





……………………….………………………………………………………………………………….

        [1] ไม่เคยกินองุ่น แต่บอกว่าองุ่นเปรี้ยว เป็นสำนวนจีนหมายถึง สิ่งใดหรือผู้ใดที่ตนต้องการแต่ไม่สามารถครอบครองได้ จึงตำหนิว่าสิ่งนั้นไม่ดี
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 20 (29/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 29-04-2020 13:03:46
คุณปู่ นั่นมันข่าวลวง!  อย่าไปเชื่อ!  5555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 20 (29/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-04-2020 14:01:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 20 (29/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-04-2020 16:11:28
"...เหยียบเมฆเจ็ดสีไปรับเธอมาเป็นภรรยา" โคตรเสี่ยวอ่ะเย่ฝาน 555555555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 20 (29/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 30-04-2020 11:00:44
เล่มที่ 1 ตอนที่ 21 โอกาสจากโจวจิ่นจือ


        เย่ฝานเดินอยู่ในย่านร้านขายยาจีน เขากัดฟันซื้อยาจีนมาทุกชนิด

        ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า เย่ฝานอ่านข้อความแล้วก็ต้องตกตะลึงระคนดีใจอย่างท่วมท้น เมื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏยอดเงินที่โอนเข้าบัญชีถึงยี่สิบล้านหยวน

        หลังจากเย่ฝานได้รับข้อความนั้นเพียงครู่เดียว ก็มีสายเข้าจากอู่หาวเฉียง “คุณอา ได้รับข้อความแจ้งการโอนเงินหรือยังครับ?”

        “ได้รับแล้ว”

        “ผมพยายามสุดความสามารถเพื่อเกลี้ยกล่อมคุณพ่อ ในที่สุดเขาก็ยอมโอนเงินไปให้คุณอายี่สิบล้านหยวน อาอย่าลืมนะ ครั้งต่อไปจะเลี้ยงข้าวผมต้องใจกว้างหน่อยนะครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานครุ่นคิดแล้วตอบไปว่า “ได้สิๆ ครั้งหน้าอาจะเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ราคาห้าแสนหยวนดีไหม เธออยากกินเท่าไรก็ตามใจเลย”

        “บ้าจริงๆ เลยคุณอาเนี่ย”

        เย่ฝานมองยอดเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้น เขายิ้มพลางนึกในใจว่า ไม่เสียแรงที่เข้าไปช่วยเจ้าอ้วนนั่นไว้! แต่ว่าพ่อผู้ดื้อรั้นของเขาเชื่อว่าเย่ฝานเป็นคนช่วยเด็กนั่นออกมาจริงๆ น่ะหรือ?

        ...

        เมื่อเย่ฝานซื้อยาสมุนไพรเสร็จก็มีสายเข้าจากโจวจิ่นจือ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจออกไปหาโจวจิ่นจือ

        “คุณอาโจวอยากพบผมเหรอครับ!”

        โจวจิ่นจือพูดด้วยความรู้สึกงงงวยว่า “เธอเรียกฉันว่าคุณอาโจว? ไม่ใช่เฒ่าแก่โจวงั้นเหรอ?” ความสัมพันธ์ของเขาและเย่ฝานไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น

        “ครับ! ผมคิดว่าในเมื่อคุณชายไป๋เรียกคุณว่าคุณอาโจว ผมก็น่าจะเรียกคุณอย่างนั้นบ้าง คุณรู้สึกเหมือนถูกยกยอใช่ไหมครับ” เย่ฝานกล่าว

        ย้อนคิดกลับไปในภพก่อน เย่ฝานเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในสำนักปี้อวิ๋น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฝึกตนได้ แต่มีผู้ฝึกตนไม่น้อยที่มอบศิลาเพื่อขอคำชี้แนะจากเขา ผู้ฝึกตนเหล่านั้นล้วนเป็นเกียรติที่ได้เชื่อมสัมพันธ์กับเย่ฝาน ยิ่งในโลกนี้ความเก่งกาจของเขามีเพิ่มขึ้นเพราะสามารถฝึกตนได้ หากแต่ที่นี่พลังปราณยังอ่อนอยู่มาก อาจจะสร้างความลำบากให้อัจฉริยะอย่างเขาไปบ้าง แต่ว่าเย่ฝานเองก็หาทางแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ไปได้เสมอ

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานอย่างหมดคำพูด พลันคิดในใจว่าเจ้าหมอนี่หน้าหนาจริงๆ!

        “ฉันได้ยินว่านายบุกเดี่ยวเข้าไปช่วยอู่หาวเฉียงจากพวกโจรลักพาตัวงั้นเหรอ” โจวจิ่นจือถาม

        “มันก็เป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ นั่นแหละครับ แต่ตอนที่ผมไปถึง โจรพวกนั้นก็โดนวางยาพิษในอาหารจนสลบไปหมดแล้ว” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือ “…” โดนวางยาพิษในอาหารจนกระดูกเคลื่อนทั่วร่างน่ะเหรอ?

        “เย่ฝาน เธออยากจีบคุณชายไป๋ใช่ไหม?”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบว่า “ใช่แล้วครับ”

        “ไม่ใช่ว่าฉันพูดให้เธอเสียกำลังใจหรอกนะ! ถ้าดูจากความสามารถของเธอตอนนี้ ต่อให้ใช้เวลาหนึ่งร้อยปีก็จีบไม่สำเร็จหรอก แต่ว่ามันก็พอจะมีโอกาสดีๆ อยู่นะ” คำพูดของโจ่วจิ่นจือฟังดูลึกลับ

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วถามด้วยความตื่นเต้นว่า “โอกาสดีๆ? โอกาสอะไรครับ?”

        “คุณชายไป๋น่ะ มีคุณตาที่เป็นนักวรรณคดีโบราณ ชื่อว่าเซี่ยวฉือ ไม่นานมานี้มีการขุดพบสุสานโบราณในมณฑลซานซี คุณตาของเขาจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อช่วยเหลือเรื่องการขุดค้น ส่วนคุณชายไป๋ก็จะติดตามไปด้วย เพราะเขาสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เลยถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน”

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วถามว่า “คุณจะให้ผมไปช่วยขุดค้นสุสานโบราณเหรอครับ!”

        “ฉันกันที่ให้เธอหนึ่งที่” โจวจิ่นจือกล่าว

        ดวงตาของเย่ฝานพลันวาววับอย่างยินดี เขาพูดว่า “ตาเฒ่า คุณนี่ช่างเฉียบแหลมจริงๆ!”

        โจวจิ่นจือ “…”

        “สถานที่ที่ขุดพบสุสานโบราณมีสภาพเลวร้ายมาก เธอต้องเตรียมใจไว้หน่อยนะ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “สภาพเลวร้าย ถึงจะสามารถแสดงความห้าวหาญของวีรบุรุษอย่างผมได้ยังไงล่ะ!”

        โจจิ่นจือ “…”  ความห้าวหาญของวีรบุรุษน่าจะไม่ได้เห็น น่าจะได้เห็นความห้าวหาญของคนปัญญาอ่อนเสียมากกว่า

        โจวจิ่นจือเริ่มไม่แน่ใจว่าการชวนเย่ฝานไปช่วยขุดค้นสุสานโบราณนั้น เขาคิดถูกหรือไม่

        เย่ฝานมองโจวจิ่นจือแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนี้ผมต้องไปรวมตัวกับพวกเขาที่ไหนครับ?”

        “หลังจากนี้หกวัน พวกเขาจะรวมตัวกันที่เมืองลั่วฟงในมณฑลซานซี พอถึงเวลาเธอค่อยเดินทางไปที่นั่นก็ได้” โจวจิ่นจือหยิบป้ายชื่อให้เย่ฝานแล้วพูดว่า “ป้ายชื่อนี้ให้เธอ เธอไปร่วมทีมในนามของนักวิจัยวรรณคดีโบราณก็แล้วกัน”

        เย่ฝานรับป้ายชื่อแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณอาโจวมากๆ เลยนะครับ ผมจะไม่มีวันลืมเลย วันใดที่ผมได้แต่งงานกับคุณชายไป๋ ผมจะเชิญคุณอาไปดื่มเหล้ามงคลนะครับ”

        โจวจิ่นจือ “..." รอให้นายได้แต่งงานกับคุณชายไป๋ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ

        เย่ฝานถือป้ายชื่อในมือแล้วเดินจากไปอย่างเบิกบานใจ

        …

        เย่ฝานขับรถไปที่บ้านตระกูลอู่

        “อาฝาน นายมาได้ยังไง?” เรื่องที่เกิดขึ้นกับอู่หาวเฉียงทำให้อู่ซือหานมองเย่ฝานเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทว่าในใจลึกๆ ยังคงรู้สึกเคลือบแคลงอยู่ไม่น้อย

        “ผมมาหาเสี่ยวเฉียงครับ” เย่ฝานตอบกลับ

        “มาหาลูกชายฉัน? วันนี้เขาหยุดเรียนพอดีเลย!” อู่ซือหานเอ่ย

        เย่ฝานพยักหน้าพลางกล่าว “อืม ครับ ผมรู้ว่าเขาหยุดเรียนวันนี้ถึงได้มาหา”

        อู่หาวเฉียงวิ่งออกมาอย่างดีใจ “คุณอาเล็ก มาได้ยังไงครับ?”

        “อามีเรื่องให้เธอช่วยหน่อย” เย่ฝานตอบกลับ

        เย่ฝานนำเต่าตัวหนึ่งออกมาและพูดว่า “นายเห็นเต่าตัวนี้ใช่ไหม?”

        “หา! คุณอาเอาเต่าตัวนี้มาให้ผมต้มซุปบำรุงร่างกายเหรอครับ?” อู่หาวเฉียงพูดด้วยความซาบซึ้งใจ

        เย่ฝานกลอกตามองบนแล้วตอบว่า “นายจ้ำม่ำขนาดนี้ ยังจะต้องบำรุงร่างกายทำไมกันเล่า! อาจะต้องออกไปทำธุระนอกบ้านหลายวัน เต่าตัวนี้ขอมอบให้นายช่วยดูแลสักพัก นายจะต้องดูแลมันให้ดีนะ!”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าพลางตอบว่า “ได้ครับๆ คุณอาวางใจได้เลย”

        เย่ฝานหยิบกระดาษจดรายการออกมาหนึ่งแผ่น แล้วพูดว่า “นี้เป็นรายการอาหารของเจ้าเต่านี่!”

        อู่หาวเฉียงดูรายการอาหารแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณอานี่ฟุ่มเฟือยจังเลย ป้อนโสมให้เต่ากินเชียวเหรอ!”

        เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่สนใจว่า “หากไม่ลงทุน แล้วจะได้ทรัพย์สินมาจากไหนกัน!” ต้องเลี้ยงให้กินดีอยู่ดี เต่าตัวนี้จึงจะสามารถรวบรวมพลังปราณได้เต็มที่

        “นี่เป็นค่าอาหารของเต่าตัวนี้” เย่ฝานนำบัตรเอทีเอ็มออกมาหนึ่งใบแล้วมอบให้อู่หาวเฉียง

        “ในบัตรนี้มีเงินเท่าไรครับ!” อู่หาวเฉียงถาม

        “หนึ่งล้านหยวน!”

        อู่หาวเฉียงมองเย่ฝานด้วยความโมโหพลันพูดว่า “คุณอา มากเกินไปแล้วนะ ทีเลี้ยงไก่ทอดผมคุณอาบ่นว่าเปลืองเงิน แต่เลี้ยงเต่าหนึ่งตัวกลับใช้เงินตั้งหนึ่งล้านหยวน”

         “นายจะไปเข้าใจอะไร! นี่เป็นเต่าวิเศษนะ จะละเลยไม่ได้เด็ดขาด” เย่ฝานพูดด้วยท่าทีจริงจัง

        อู่หาวเฉียง “…”

        อู่ซือหานฟังอยู่ข้างๆ ก็กลอกตามองบน ทว่ากลับไม่มีคำพูดใดออกมา

        “ว่าแต่ธุระที่คุณอาพูดถึง มันคืออะไรเหรอครับ?”

        “อาจะไปหาเมีย ถ้าโชคดีก็อาจจะได้อาสะใภ้กลับมาด้วย” เย่ฝานตอบอย่างเบิกบานใจ

        อู่หาวเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงดีในจนออกนอกหน้า “คุณอาสู้ๆ นะครับ!”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อืม ใช่ เกือบลืมไปเลย หยกคุ้มภัยที่ทำให้นายเสร็จแล้วนะ”

        อู่หาวเฉียงรับหยกมาด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณคุณอามากๆ เลยครับ อาครับถ้าผมโดนรถชน หยกนี่จะทำให้รถลอยขึ้นไปได้ไหมครับ?”

        “ไม่ได้!” เย่ฝานตอบกลับ

        อู่หาวเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า “ผมนึกว่าเจ้านี่จะมีฤทธิ์เดชมากกว่านี้ซะอีก”

        เย่ฝานกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เด็กน้อย เธออย่าเพ้อฝันให้มันมากไปเลย”


        อู่หาวเฉียง “…”
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 21 (30/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 30-04-2020 12:12:00
555555555สงสารเสี่ยวเฉียง ก็ครั้งก่อนบอกเองนี่!
สกิลการตีสนิทจากตาเฒ่าเป็นอาเลย555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 21 (30/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-04-2020 12:35:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 21 (30/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-04-2020 15:36:08
เสี่ยวเฉียง ยันต์คุ้มภัยไม่ได้วิเศษขนาดนั้นไหมว่ะ เย่ฝานพูดพูดนะ อย่าเพ้อฝันมาก เด็กหนอเด็ก 5555555555 จะไปร่วมขุดกับเขาดูท่าจะไปป่วนมากกว่า เรียกทั้งอาโจว ตาเฒ่าโจว 5555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 21 (30/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 30-04-2020 18:49:20
ชอบความหาเมียได้ตรงไปตรงมาจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 21 (30/4/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 01-05-2020 10:53:29
เล่มที่ 1 ตอนที่ 22 แลกที่นั่งกับตาแก่


        เย่ฝานทำยันต์และเครื่องรางคุ้มภัยจำนวนหนึ่ง จากนั้นสะพายกระเป๋าแล้วเริ่มออกเดินทางไปยังเมืองลั่วฟง มณฑลซานซี

        “ขออภัยด้วยนะคะ โรงแรมของเราห้องพักเต็มหมดทุกห้องแล้วค่ะ” พนักงานต้อนรับพูดพลางมองไปยังเย่ฝาน

        เย่ฝานมองพนักงานสาวด้วยความกลุ้มใจ “ห้องเดียวก็ไม่มีเลยเหรอ?”

        พนักงานต้อนรับส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่มีเลยค่ะ”

        “ฉันเพิ่มเงินค่าห้องได้นะ!” เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

        “ต้องขออภัยจริงๆ นะคะ เราไม่มีห้องพักว่างจริงๆ ค่ะ”

        ระหว่างที่เย่ฝานกำลังเจรจากับพนักงานต้อนรับอยู่นั้น ไป๋อวิ๋นซีเดินลงมาจากชั้นบนของโรงแรม

        เย่ฝานมองเห็นไป๋อวิ๋นซีก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขารีบเดินให้ทันไป๋อวิ๋นซีแล้วจับแขนของเขาไว้ ก่อนถามว่า “นายจองห้องพักได้แล้วเหรอ?”

        ไป๋อวิ๋นซีโดนเย่ฝานถามด้วยประโยคที่ฟังดูไร้สมอง ก็ประหลาดใจไม่น้อย

        “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้วพลางถามด้วยความสงสัย

        "ฉันมาทำงานโบราณคดี! แต่ว่าห้องเต็มไปซะก่อนน่ะ!" เย่ฝานตอบ

        “งานโบราณคดี!” ไป๋อวิ๋นซีพูดอย่างงุนงง

        เย่ฝานนำใบรับรองการทำงานออกมาแล้วพูดว่า “ใช่ คุณอาโจวเป็นคนแนะนำให้ฉันมา นายดูป้ายชื่อนี่สิ...”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        “ทำไมคุณอาโจวถึงแนะนำนายมาได้?” ไป๋อวิ๋นซีพูดด้วยท่าทีรังเกียจ

        “คงเป็นเพราะเขาเห็นถึงอนาคตที่สดใสของฉัน! จดหมายที่ส่งไปให้ครั้งก่อน นายได้รับไหม?” เย่ฝานถาม

        ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้วพลันตอบว่า “จดหมาย? จดหมายอะไร? ฉันไม่เคยเห็นเลย!”

        เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ฮึ เจ้าคนหลอกลวงนั่นบอกฉันว่าส่งไปถึงมือนายแล้ว วันหลังฉันคงต้องไปเอาเรื่องสักหน่อย”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        “ใช่สิ! นายว่าอย่างนี้ดีไหม ฉันขอไปปูที่นอนบนพื้นห้องนายได้ไหม แล้วฉันจะจ่ายค่าห้องเอง?” เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีด้วยแววตาสดใสมีชีวิตชีวา พร้อมบอกข้อเสนอนี้ออกไป

        หยางเฟยเดินผ่านมาได้ยินคำพูดฮึกเหิมและกล้าได้กล้าเสียของเย่ฝานเข้า ก็รู้สึกนับถือเขาขึ้นมาทันที

        หยางเฟยเป็นลูกศิษย์ของเซี่ยวฉือ เขาสนิทสนมกับไป๋อวิ๋นซีพอสมควร ในสายตาของหยางเฟย ไป๋อวิ๋นซีเป็นศิษย์น้องที่หล่อเหลาและสง่างาม มีความสามารถที่โดดเด่น เพียงแต่เย็นชาและเย่อหยิ่งมากไปเท่านั้น แต่เพราะไป๋อวิ๋นซีเกิดมาฐานะสูงศักดิ์ เขาจะถือตัวไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ

        “ฉันไม่เอาด้วยหรอก!” ไป๋อวิ๋นซีตอบด้วยสีหน้าไม่พอใจ

        เย่ฝานหัวเราะพลางพูดว่า “นายกลัวว่าฉันจะกรนใช่ไหม? นายวางใจเถอะ ฉันเป็นคนนอนเรียบร้อย ไม่รบกวนนายแน่นอน”

        ไป๋อวิ๋นซียิ้มแห้งๆ พลันกล่าว “หุบปากไปเลย ห้องฉันไม่มีที่ให้นายปูนอนหรอก นายไปนอนข้างถนนเถอะ"

        เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “หา! นายนี่เย็นชาจริงๆ เลย!”

        ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “นายกล้าดียังไงถึงคิดว่าฉันจะยอมให้นายมานอนบนพื้นห้องฉัน เพื่อแลกกับเงินไม่กี่ร้อยหยวน”

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีแล้วตอบว่า “ฉันก็ไม่ได้จะบุกรุกที่นอนนายสักหน่อย”

        “นายฝันไปเถอะ!” ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเยาะ

        เย่ฝาน “…”

        …

        หยางเฟยเดินเข้ามาใกล้เย่ฝาน แล้วถามว่า “น้องชาย ฉันขอดูใบรับรองการทำงานของนายหน่อยได้ไหม?”

        “ได้ครับ!” เย่ฝานกล่าวอย่างใจกว้าง

        หยางเฟยรับใบรับรองการทำงานมาตรวจสอบสักครู่ แล้วพูดว่า “ถ้านายไม่รังเกียจล่ะก็ ห้องพักของฉันยังมีเตียงว่างอีกหนึ่งหลังให้นายนอนได้”

        เย่ฝานพยักหน้า เขาพูดอย่างดีใจว่า “ครับ ขอบคุณมากเลยครับ ถ้าคุณชายไป๋นิสัยดีเหมือนคุณก็คงจะดีไม่น้อย”

        หยางเฟย “…”

        เย่ฝานตามหยางเฟยเข้าไปในห้องพัก

        “เย่ฝาน นายก็เป็นนักวิจัยวรรณคดีโบราณเหรอ?” หยางเฟยยิ้มก่อนเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าตอบกลับไป “ใช่แล้วครับ”

        “นายอ่านคำจารึกนี้หน่อยซิ ว่าแปลว่าอะไร” หยางเฟยหยิบกระดาษออกมาหนึ่งใบส่งให้เย่ฝาน

        เย่ฝานกวาดสายตามองกระดาษสักครู่ แล้วพูดว่า “อ๋อ นี่เป็นเรื่องขององค์หญิงองค์หนึ่งที่บ้าผู้ชายมาก นางแต่งสามีตั้ง 18 คน ต่อมาภายหลังองค์หญิงสิ้นพระชนม์ พระราชาซึ่งเป็นพี่ชายของนางจึงรับสั่งให้นำสามีผู้โชคร้ายทั้ง 18 คนของนางไปฝังในสุสานให้ตายตกตามกันไปด้วย ช่างเป็นบุคคลที่โดดเด่นในบรรดาผู้หญิงด้วยกันจริงๆ”

        หยางเฟยมองเย่ฝานด้วยความประหลาดใจ พลางคิดในใจว่าคนคนนี้เก่งมากๆ!

        เดิมทีก่อนที่จะพบสุสานซานซีนั้น ทางรัฐบาลเองก็ไม่รู้มาก่อนว่ามีสุสานอยู่ที่นั่น แต่เพราะมีโจรขโมยสุสาน 2 คน ขโมยเครื่องทองแดงสำริดออกมาจากสุสานแล้วนำไปขายในตลาดมืด สุดท้ายถูกจับได้เรื่องสุสานจึงแดงออกมา

        คำจารึกที่หยางเฟยให้เย่ฝานดู เป็นข้อความที่ลอกมาจากเครื่องทองแดงสำริดนั่นเอง

        ตอนแรกศาสตราจารย์เสี้ยวใช้ความพยายามอย่างหนัก จึงสามารถแปลความหมายของจารึกนี้ออกมาได้ คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานแค่มองผ่านๆ ก็รู้ความหมายทั้งหมดแล้ว เจ้าหมอนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

        “ของสิ่งนี้คุณได้มาจากไหนครับ?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        หยางเฟยหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า “ได้มาจากร้านขายของเก่าน่ะ”

        “เกรงว่าของเก่าชิ้นนี้จะเป็นสิ่งอัปมงคล! ผู้ที่ครอบครองนานวันเข้าอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้!” เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

        หยางเฟยพลันกังวลใจขึ้นมา จากข้อมูลที่เขาได้มานั้น พวกโจรขโมยสุสานเดิมทีมีทั้งหมดสิบคน แปดคนตายอยู่ในห้องสุสาน แม้จะยังเหลืออีกสองคนที่หนีออกมาได้ แต่ผ่านไปไม่นานก็ตายกันไปหมด และในครั้งนี้สุสานที่พวกเขาต้องเข้าไปสำรวจก็คือสุสานที่ว่านั่นเอง

        หยางเฟยส่ายหัว หยุดคิดไปไกลมากกว่านั้น

        “เย่ฝานนายกับคุณชายไป๋เป็นอะไรกันเหรอ!” หยางเฟยถามอย่างสงสัย

        เย่ฝานยักไหล่พลางตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรกัน แต่ถ้าผมจีบเขาสำเร็จเมื่อไร เขาก็จะกลายเป็นภรรยาของผมครับ”

        หยางเฟย “…”  ช่างเป็นคนที่กล้าหาญจริงๆ! คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาได้ ถ้าคุณปู่บ้านตระกูลไป๋รู้เข้าต้องจับเจ้าหมอนี่ถ่วงน้ำแน่ๆ

        “ถ้าอย่างนั้นนายต้องพยายามให้มากๆ นะ คุณชายไป๋ไม่ใช่คนที่จะจีบได้ง่ายๆ!” หยางเฟยกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้า แต่ก็พูดออกมาด้วยความกังวลว่า “ก็นั่นน่ะสิครับ ผมจะขอไปปูที่นอนห้องเขาแค่นี้ก็ไม่อนุญาต”

        หยางเฟย “…”

        “โจวจิ่นจือเป็นคนแนะนำนายมาที่นี่เหรอ” หยางเฟยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบ “ใช่แล้วครับ!”

        หยางเฟย “…” โจวจิ่นจือทำไมถึงแนะนำคนประหลาดแบบนี้ให้มาที่นี่ด้วยนะ?

        “รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องนั่งรถบัสขึ้นเขาถึงสองชั่วโมงเลยนะ”หยางเฟยเอ่ย

        เย่ฝานพยักหน้าตอบรับ “อ่อ ครับ”

        …

        เช้ารุ่งขึ้นในวันที่สอง  มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังรอรถบัสอยู่หน้าโรงแรม

        “เอ้านี่ ตั๋วรถบัสของนาย เดี๋ยวขึ้นไปนั่งที่นั่งหมายเลขของตัวเองก็ได้แล้ว” หยางเฟยกล่าว

        “เดี๋ยวผมขอนั่งข้างคุณชายไป๋ได้ไหม?” เย่ฝานถาม

        หยางเฟยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เกรงว่าจะไม่ได้ เพราะตั๋วรถของนายคือเบอร์ 4 ได้นั่งข้างๆ ฉันนี่แหละ”

        “ทำไมผมได้พักห้องเดียวกับคุณ แล้วยังได้นั่งที่นั่งข้างคุณอีกล่ะเนี่ย?” เย่ฝานเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ

        หยางเฟย “…” นายคิดว่าฉันอยากนั่งกับนายมากหรือไง!

        หยางเฟยรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมา ใบหน้าเขาพลันแดงเรื่อ อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

        “แล้วคุณชายไป๋ล่ะครับ” เย่ฝานถาม

        หยางเฟยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยังไม่มา”

        “สงสัยหมอนั้นจะชอบนอนตื่นสายแน่ๆ” เย่ฝานบ่นพึมพำ

        เมื่อเย่ฝานเดินขึ้นไปบนรถก็พบว่าไป๋อวิ๋นซีนั่งอยู่ในมุมทแยงกับที่นั่งของตน ที่นั่งของไป๋อวิ๋นซีคือเบอร์หนึ่งซึ่งติดกับหน้าต่าง คนที่นั่งข้างเขาเป็นชายแก่ที่ดูท่าทางมีความรู้แต่ร่างกายผอมแห้งไม่แข็งแรง

        “นี่ ตาแก่ ฉันขอแลกที่นั่งหน่อยได้ไหม!” เย่ฝานถามเสียงห้วน

        หยางเฟย “…” ตาแก่! เจ้าหมอนี้สมควรตายจริงๆ กล้าเรียกศาสตราจารย์เซี่ยวว่าตาแก่เชียวเหรอ!

        หยางเฟยทำเหยเก เพราะรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ยอมใจอ่อนให้หมอนี่มานอนร่วมห้อง คนแบบนี้สมควรให้ไปนอนข้างถนนจริงๆ

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วพลางมองเย่ฝานอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “ไม่แลก”

        “ตาแก่ อย่าใจแคบนักเลย!” เย่ฝานหยิบหยกออกมาหนึ่งชิ้น แล้วพูดว่า “ตาแก่ ดูนี่ ผมเอาหยกชิ้นนี้แลกกับที่นั่งของคุณดีไหม”

        เซี่ยวฉือยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ชายในชุดนักพรตเบิกตากว้างแล้วพูดว่า “น้องชายหยกชิ้นนี้ไม่เลวเลยนะ แสงประกายแวววับ ถ้าไม่มีสองสามล้านหยวนคงซื้อมาครองไม่ได้”

        เย่ฝานจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม แล้วกล่าวอย่างแปลกใจว่า “เอ๋ สหาย นายนี้ช่างตาถึงจริงๆ!”

        เซี่ยวฉือ “…” คนผู้นั้นคือคุณจางเหวินเทาแห่งหุบเขาหลงหู่! เขาเป็นคนที่หน่วยงานพิเศษของรัฐบาลส่งมา เจ้าหมอนี้ช่างไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย ทำกิริยาอย่างนั้นได้อย่างไรกัน!

        “ไม่ทราบว่าหยกชิ้นนี้ ได้มาจากยอดอาจารย์ท่านใดเล่า?” จางเหวินเทาถามพลางยิ้มกริ่ม

        “ฉันได้มาจากตลาดขายของเก่า ในราคาห้าพันหยวนเท่านั้น” หยกนั้นเย่ฝานซื้อมาคือความจริง แต่ค่ายกลที่ปรากฏบนหยกนั่น เขาเองที่เป็นคนสักลงไปในภายหลัง

        “น้องชายช่างโชคดีมีวาสนาจริงๆ ”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว”

        สายตาของเย่ฝานเปลี่ยนไปที่เซี่ยวฉือ พลันกล่าวว่า “นี่ตาแก่ คุณได้ยินแล้วใช่ไหม นี่มันของดีนะ ช่วยเสริมโชคและปัดเป่าเภทภัย เหมาะกับคนอายุมากอย่างคุณที่สุดแล้ว จะเข้าไปในสุสานที่มีพลังหยินรุนแรงอย่างนั้นโดยไม่ประมาณกำลังตัวเองก็เท่ากับรนหาที่ตายแท้ๆ”

        เซี่ยวฉือโมโหจนหนวดกระตุก ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี!

        หยางเฟย “เจ้าหมอนี่ สมองมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย!”

        จางเหวินเทาหันไปมองเซี่ยวฉือแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์เซี่ยว หยกนี้ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายได้ คุณแลกที่กับเขาแล้วไม่เสียเปรียบแน่นอน ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้วๆ! ขอเพียงยอมแลกที่นั่งเท่านั้น”

        เซี่ยวฉือมองเย่ฝานแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ได้ ฉันยอมแลกที่นั่งกับนาย”

        “ตาแก่ ชื่อของคุณฟังดูคุ้นหูอยู่นะ!” เย่ฝานมอบหยกให้กับเซี่ยวฉือ แล้วยังไม่ลืมที่จะพึมพำอีกหนึ่งประโยค

        เซี่ยวฉือ “…”

        …

        เย่ฝานได้นั่งข้างไป๋อวิ๋นซีดสมใจ ไป๋อวิ๋นซีสวมแว่นตาดำหลับตาทำสมาธิ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเย่ฝาน เย่ฝานหยิบมันฝรั่งทอดขึ้นมาหนึ่งถุง แล้วพูดอย่างเอาใจว่า “นายจะเอามันฝรั่งทอดหน่อยไหม?”

        ไป๋อวิ๋นซีกวาดตามองเย่ฝานอย่างเย็นชา แล้วตอบว่า “ไม่เอา”

        “นายจะกินลูกอมไหม?” เย่ฝานถาม

        “ไม่กิน” ไป๋อวิ๋นซีตอบ

        “นายอยากดื่มนมหน่อยไหม?” เย่ฝานถาม

        “ฉันไม่ดื่ม แต่นายควรดื่มให้เยอะๆ หน่อยนะ สมองจะได้โตขึ้นบ้าง” ไป๋อวิ๋นซีตอบ

        เย่ฝานกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันมีความรู้กว้างขวาง รอบรู้เหตุการณ์ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่ต้องให้สมองโตขึ้นกว่านี้แล้วล่ะ”

        ไป๋อวิ๋นซี “....” นายแน่ใจนะ?

        “เอ๋ นายกินยาสมุนไพรแล้วนี่ แล้วยังมาโกหกฉันว่าไม่เคยอ่านจดหมายที่ฉันเขียนส่งไปให้ ถ้านายไม่เคยอ่านจดหมายของฉัน นายจะรู้รายละเอียดในใบสั่งยาได้ยังไง?” เมื่อได้กลิ่นสมุนไพรจากกลิ่นกายของไป๋อวิ๋นซี ทำให้เย่ฝานพึงพอใจมาก

        ไป๋อวิ๋นซีกล่าวว่า “ใบสั่งยานั่นเป็นของยอดฝีมือพิสดาร...” คำพูดของไป๋อวิ๋นซีชะงักทันที “หรือว่า...”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตบหน้าอกของตนแล้วตอบไป “ไม่ผิดหรอก ยอดฝีมือพิสดารคนนั้นก็คือฉันเอง”

        ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ถ้านายป่วยก็ควรจะไปหาหมอนะ”

        เย่ฝานพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่ได้ป่วย! แต่โรคของนายร้ายแรงกว่าฉันมากนะ”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        ไป๋อวิ๋นซีสวมแว่นดำกลับไป เขารำคาญที่จะสนทนากับเย่ฝานต่อ ทันใดนั้นเย่ฝานจับมือของเขาไว้ ตอนแรกเขาคิดจะสะบัดออก แต่ไออุ่นจากฝ่ามือของเย่ฝานที่แผ่เข้ามาในฝ่ามือของเขาเป็นระลอกทำให้ไป๋อวิ๋นซีอุ่นวาบไปทั้งร่างกาย เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาจึงปล่อยตัวไปกับการกระทำนี้ของเย่ฝาน

        รถบัสขับตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไป๋อวิ๋นซีรู้สึกง่วงจึงนอนหลับไป

        นอนหลับสนิทจนหัวเอนลงมาพิงบ่าของเย่ฝาน

        เย่ฝานมองใบหน้ายามหลับใหลของไป๋อวิ๋นซี ในใจเปี่ยมไปด้วยความสุข

        จางเหวินเทายิ้มพลางพูดว่า “น้องชาย ที่แท้เราก็เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”

        เย่ฝานยิ้มกริ่มโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป

        เย่ฝานรู้ดีว่าบนโลกนี้มีผู้รอบรู้วิชาหลายแขนงอยู่ไม่น้อย คนเหล่านี้มักมีความสามารถแปลกประหลาด เย่ฝานเองไม่ได้เข้าใจสิ่งเหล่านี้นัก ดังนั้นจึงไม่ขอออกความเห็นของตน


        เซี่ยวฉือมองเห็นไป๋อวิ๋นซีที่นอนเอนหัวพิงอยู่บนบ่าของเย่ฝาน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนผักกาดขาวที่ปลูกไว้ในบ้าน ถูกเจ้าหมูตะกละเหยียบย่ำ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 22 (1/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 01-05-2020 11:34:43
ปั่นไปทั่วจนหัวเราะทั้งน้ำตา
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 22 (1/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-05-2020 12:33:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 22 (1/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 01-05-2020 15:55:46
ป่วนไปตั้งแต่เดินทาง งานนี้คงสงบยากอ่ะ  555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 22 (1/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 01-05-2020 21:11:42
5555555โดยเฉพาะหมูตะกละอย่างเย่ฝานนั้น แค่นี้ยังไม่พอหรอก 555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 22 (1/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 02-05-2020 13:52:04
เล่มที่ 1 ตอนที่ 23 เอาใจยากเหลือเกิน


        หลังจากเดินทางมาสามชั่วโมงเต็ม รถบัสก็จอดสนิท “ข้างหน้าไม่มีถนนแล้ว พวกเราต้องเดินเท้าเข้าไป”

        เซี่ยวฉือรอให้คนทยอยลงจากรถ พอเย่ฝานลงจากรถ เบื้องหน้าก็ปรากฏทิวเขาทอดยาวสูงต่ำไล่เรียงกันไป

        เซี่ยวฉือเดินไปหยุดข้างกายไป๋อวิ๋นซีและถามว่า “อาซี หลานสบายดีใช่ไหม”

        ไป๋อวิ๋นซียิ้มพลางตอบว่า “สบายดีครับ”

        ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้ว ตัวเขาเป็นคนหลับยาก ยิ่งถ้าเป็นบนรถบัสที่โอนเอน เขาไม่อยากคิดเลยว่าจะหลับลงได้อย่างไร แต่พอได้ยินที่เซี่ยวฉือพูดว่าเขาหลับสนิท แถมยังพิงหัวบนไหล่ของเย่ฝานอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

        เย่ฝานหิ้วกระเป๋าเป้ พลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋อวิ๋นซี แล้วพูดด้วยความห่วงใยว่า “ได้ยินว่าเดี๋ยวพวกเราต้องเดินต่ออีกหลายชั่วโมง ถ้านายเดินไม่ไหว ฉันจะแบกนายเอง”

        ไป๋อวิ๋นซีเห็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มโง่ๆ ของเย่ฝาน เขาก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ต้องล่ะ ขอบคุณ!”

        เย่ฝานกะพริบตาและกล่าวออกไป “นายอย่าฝืนเลยนะ!”

        ไป๋อวิ๋นซีพูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ขอบคุณความห่วงใยจากนายจริงๆ แต่ว่าฉันไม่ต้องการ”

        เย่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “นายอยากกินหมูแผ่นไหม...”

        “ฉันไม่กิน!” ไป๋อวิ๋นซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีแล้วพูดอย่างกลัดกลุ้ม “นายเป็นคนกินยากจัง! อะไรก็กินไม่ได้สักอย่าง"

        “นายพูดผิดแล้ว ฉันกินเฉพาะอาหารชั้นเลิศต่างหากล่ะ” ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเยาะ

        เย่ฝาน “…”

        …

        เย่ฝานเดินไปตามทางบนหุบเขาด้วยจิตใจหดหู่ หยางเฟยเดินเข้าไปหาเย่ฝาน และพูดกับเขาว่า “นายดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ!”

        “คุณชายไป๋บอกให้ผมอยู่ห่างๆ เขาหน่อย! เขาดูเฉยเมยมากเลย!” เย่ฝานพูดอย่างเศร้าสร้อย

        หยางเฟย “…” คุณชายไป๋เจอคนแบบนี้มาติดพัน ช่างโชคร้ายจริงๆ

        เย่ฝาน “ตาแก่นั่นเป็นใคร! ทำไมเดินใกล้กับเขาตลอด”

        “อาจารย์เซี่ยวเป็นคุณตาของไป๋อวิ๋นซี” หยางเฟยตอบอย่างเอือมระอา

        “อ๋อ ผมนึกออกแล้ว โจ่วจิ่นจือบอกว่าในคณะนี้จะมีคุณตาของเขาอยู่ด้วย ไม่นึกเลยว่าผมจะลืมเรื่องนี้ไปได้ เอาล่ะ ผมต้องเข้าไปผูกสัมพันธไมตรีสักหน่อย” เย่ฝานพูดอย่างดีใจจนออกนอกหน้า

        หยางเฟยมองเย่ฝานแล้วพูดด้วยความเวทนาว่า “นายจะไปผูกสัมพันธไมตรีกับเขาตอนนี้ ฉันว่ามันสายไปแล้วล่ะ นายไม่รู้เหรอว่านายทำอะไรผิดต่อเขาไว้”

        “เพราะผมเรียกเขาว่าตาแก่น่ะเหรอ?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        หยางเฟย “…”

        เย่ฝานพูดอย่างเป็นกังวลว่า “คราวนี้แย่แล้ว ตาแก่นั่นเหมือนจะไม่พอใจผมเอามากๆ! เขาหันมาจ้องผมหลายครั้งเลย! ทางเดินก็สูงชันขนาดนั้น เขายังหันมามองผมตั้งหลายครั้ง ไม่กลัวข้อเท้าแพลงหรือยังไง”

        หยางเฟย “…”

        แม้ว่าทางบนเขาจะสูงชันจนทำให้เดินลำบาก แต่เย่ฝานที่ถือกระเป๋าไปด้วยกลับเดินได้สบายๆ

        เวลาบ่ายสามโมง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสถานที่ซึ่งห่างจากจุดหมายไม่ไกล

        “เวลาก็ล่วงเลยไปมากแล้ว พวกเราตั้งแคมป์ที่นี่ก็แล้วกัน อีกหลายวันต่อจากนี้ พวกเราจะพักอยู่ที่นี่” จางเหวินเทากล่าว

        เย่ฝานกัดแอปเปิลเสียงดังกร๊อบ หยางเฟยเห็นเย่ฝานแล้วก็ขมวดคิ้ว ตลอดทางที่เดินมาเย่ฝานกินอาหารไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าไปหิวมาจากไหน

        เย่ฝานเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนดึงมีดปอกผลไม้ออกมาแล้วปามีดไปทางไป๋อวิ๋นซี การกระทำของเย่ฝ่านทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

        มีดปอกผลไม้บินผ่านข้างกายของไป๋อวิ๋นซีไปปักที่ต้นไม้ข้างๆ สิ่งที่เห็นคืองูสามเหลี่ยมตัวหนึ่งถูกมีดตรึงไว้ที่ลำต้น

        ใบหน้าของไป๋อวิ๋นซียังคงเหมือนเดิม ทว่าฝ่ามือกลับชุ่มเหงื่อ

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วเมื่อเห็นงูพิษที่โดนมีดปักคาลำต้น

        จางเหวินเทาดูงูสามเหลี่ยมที่แน่นิ่งอยู่ที่ลำต้น ก่อนหันมายิ้มแล้วชื่นชมเย่ฝานว่า “น้องชายนี่ฝีมือไม่เบาจริงๆ!”

        เย่ฝานหัวเราะแล้วพูดว่า “มิกล้ารับๆ”

        เย่ฝานดึงงูพิษออกจากต้นไม้แล้วนำมาเหวี่ยงเล่น จากนั้นเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าไป๋อวิ๋นซี พลันพูดพร้อมกับยกงูตัวนั้นขึ้น “นายบอกว่าอยากกินอาหารชั้นเลิศ งั้นฉันจะย่างงูตัวนี้ให้นายกินดีไหม”

        “ประสาท!” ไป๋อวิ๋นซีตวาดขึ้นครั้งหนึ่ง

        เย่ฝาน “…”

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซี แล้วอดเศร้าใจไม่ได้ “คนอะไรเอาใจยากจริงๆ”

        หยางเฟยหมดคำพูดกับการกระทำของเย่ฝาน อยากเอาอกเอาใจด้วยการเสนองูพิษให้กินเนี่ยนะ ใครจะไปรับได้?

        …

        เย่ฝานมองลักษณะภูมิประเทศของเทือกเขา เหมือนกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง ไม่นานก็เกิดประกายในแววตา

        “คุณชายเย่มองเห็นอะไรหรือ?” จางเหวินเทาเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยถาม

        เย่ฝานหัวเราะพลางตอบว่า “สถานที่นี้ไม่เลวเลยนะครับ”

        จางเหวินเทายิ้มพลางพูดว่า “สำหรับคนที่ฝังร่างอยู่ที่นี่ ฮวงจุ้ยถือว่าใช้ได้”

        เย่ฝานหรี่ตา เขาไม่ค่อยถนัดเรื่องฮวงจุ้ยนัก แต่สัมผัสได้เลือนรางว่าภูเขาลูกนี้จะต้องมีเส้นชีพจรจิตวิญญาณซ่อนอยู่ ทว่ามันเหือดแห้งไปเกือบหมดแล้ว สถานที่ที่สามารถหล่อเลี้ยงเส้นชีพจรจิตวิญญาณได้ ถือเป็นสถานที่ที่ดี แม้ว่าเส้นชีพจรจิตวิญญาณจะเหือดแห้ง แต่ว่าพลังปราณในที่แห่งนี้เข้มข้นกว่าที่อื่นๆ มาก

        หลังจากที่เย่ฝานข้ามมิติมา เขาก็พบว่าในโลกใหม่นี้ไม่ปรากฏผู้ฝึกตนคนอื่นเลย หรือว่าอาจมีน้อยมากจนเขาก็ยังไม่เคยเจอ เย่ฝานสงสัยว่าในเมื่อควาฟู่[1] เทพฝูซี[2] และเจ้าแม่หนี่วา[3] ที่ผู้คนนับถือ ล้วนเป็นผู้ฝึกตนทั้งนั้น แต่อาจเป็นเพราะพลังปราณแรกกำเนิดของโลกหายไป จึงทำให้ไม่มีผู้ฝึกตนอีก

         “สถานที่แห่งนี้มีพลังหยินรุนแรงมาก ถ้าจะลงไปในสุสานจริงๆ เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต” เย่ฝานกล่าว

        จางเหวินเทาทำตาหยี แล้วพูดว่า “ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ก็ไม่นึกเลยว่าที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งรวบรวมพลังหยินแบบนี้”

        เย่ฝาน “…” สถานที่แห่งนี้มีพลังหยินค่อนข้างแรง เหมาะแก่การฝังศพที่ไม่ต้องการให้เน่าเปื่อย




        ………………………………………………………………………………………..…………………

        [1] ควาฟู่ เป็นชื่อเซียนผู้หนึ่งในตำนานจีน

        [2] เทพฝูซี เป็นจักรพรรดิพระองค์แรกในตำนานของจีน หรือเรียกว่าเทพเจ้ายุคดึกดำบรรพ์

        [3] เจ้าแม่หนี่วา เป็นเทพีผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งตามประมวลเรื่องปรัมปราจีน ซึ่งท่านเป็นภรรยาของเทพฝูซี
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 23 (2/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 02-05-2020 15:57:26
จะย่างงูพิษให้เขากิน 55555555 เย่ฝานจะมีดีเก่งมาจากไหน มาเจอไป๋อวิ๋นซีถึงกับจอดสนิท เอาใจไม่ถูก ไปไม่เป็นเลย ไม่น่ารอด ไม่น่าจะได้เมียคนนี้มาง่ายๆ โธ!! 5555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 23 (2/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-05-2020 18:34:43
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 23 (2/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 02-05-2020 21:33:42
เกลียดการเหวี่ยงงูแล้วถามเค้าว่ากินมั้ย55555555 เย่ฝานนี่มันเย่ฝานจริงๆ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 23 (2/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 03-05-2020 13:08:52
เล่มที่ 1 ตอนที่ 24 ร่างกายมีปัญหา


        เย่ฝานเดินมาหาหยางเฟย หยางเฟยก็มองเย่ฝานที่มีท่าทีขึงขัง ไม่รู้ทำไมจึงรู้สึกหวาดเกรงขึ้นมา “เย่ฝาน นายมีอะไรหรือเปล่า?

        “คำจารึกที่คุณให้ผมดูก่อนหน้านั้น องค์หญิงที่แต่งพระสวามีสิบแปดคน ถูกฝังอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” เย่ฝานถาม

        หยางเฟยคิ้วกระตุก ถามอย่างอึกอักว่า “เย่ฝาน ทำไมนายถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”

        เย่ฝ่านตอบ “มีสิบแปดโลงศพ! มีสิบแปดโลงที่รายล้อมหนึ่งโลงศพที่เหมือนเป็นโลงหลักเอาไว้!”

        หยางเฟย “…”

        “คำจารึกที่คุณให้ผมอ่าน สอดคล้องกับลักษณะของที่นี่พอดีเลย” เย่ฝานอธิบาย

        หยางเฟยมองเย่ฝานด้วยความตื่นตระหนก ยังไม่ได้เข้าไปในสุสานเลย ทำไมเย่ฝานถึงรู้เรื่องนี้ได้ เขามีตาวิเศษหรืออย่างไร?

        “ใช่หรือไม่ครับ!” เย่ฝานถามซ้ำ

        “เป็นที่แห่งนี้จริงๆ นั่นแหละ” หยางเฟยตอบ

        เย่ฝานขมวดคิ้วทันที “แย่แล้วล่ะ จากข้อความที่คุณให้ผมดู ลักษณะตัวอักษรดูออกว่าเป็นตัวหนังสือในสมัยราชวงศ์ฮั่น ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าสุสานนี้มีประวัติยาวนานถึงสองพันปีมาแล้ว?”

        หยางเฟย “…” เก่งจริงๆ! เจ้าหมอนี่บางครั้งก็เหมือนเป็นอัจฉริยะ แต่บางทีกลับเหมือนคนปัญญาอ่อน!

        เย่ฝานลูบคางของตนพร้อมกล่าว “ถ้าในนั้นมีผีดิบ ต้องแย่แน่ๆ”

       หยางเฟยหัวเราะพลางพูดว่า “มีคุณจางแห่งเขาหลงหู่อยู่ทั้งคน ไม่ต้องกังวลหรอกน่า”

        เย่ฝานหันมามองจางเหวินเทาแวบหนึ่งและพูดว่า “อืม ใช่ ให้เขาดูแลพวกคุณก็แล้วกัน ส่วนผมจะปกป้องไป๋อวิ๋นซีคนเดียวเท่านั้น”

        หยางเฟย “…”

        …

        ไป๋อวิ๋นซีสวมเสื้อคลุมยาวนั่งอยู่ข้างกองไฟ เย่ฝานนั่งลงข้างๆ เขาพลางเอ่ยถามว่า “นายจะลงไปในสุสานไหม?”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าและตอบ “ฉันต้องลงไปอยู่แล้ว ไม่งั้นฉันจะมาที่นี่ทำไม”

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วกล่าวว่า “นายลงไปที่นั่นไม่ได้นะ”

        “เพราะอะไร?” ไป๋อวิ๋นซีถามเสียงเรียบ

        “เจ้าของสุสานนั่นเป็นคนบ้ากาม ถ้าเห็นว่านายรูปงามอย่างนี้ มันจะต้องทนไม่ได้แน่ๆ ให้คนขี้เหร่พวกนั้นลงไปก็พอแล้ว” เย่ฝานตอบกลับ

        หยางเฟย “…” คนขี้เหร่ เจ้าหมอนี่หมายถึงใครกัน!

        ไป๋อวิ๋นซี “...คนบ้ากาม เหมือนกับนายน่ะเหรอ?”

        เย่ฝานส่ายหน้า “ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันเป็นสุภาพบุรุษต่างหากล่ะ”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        “นายอยากกินถังหูลู่ไหม” เย่ฝานหยิบถังหูลู่ออกมาหนึ่งไม้

        ไป๋อวิ๋นซีมองกระเป๋าสะพายของเย่ฝาน แล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “กระเป๋าใบนี้ของนายไม่ได้ใหญ่สักเท่าไร แต่ใส่ของได้เยอะจัง!”

        เย่ฝานหัวเราะและไม่ได้กล่าวอะไร กระเป๋าสะพายของเขามียันต์จัดเก็บข้าวของอยู่ในนั้นสองแผ่น เวลาหยิบของออกมาดูเหมือนว่านำออกจากกระเป๋า แต่แท้จริงแล้วนำออกมาจากยันต์ที่ว่านั่นต่างหาก

        “กระเป๋าสะพายของฉันใบนี้ดูเหมือนไม่ใหญ่ แต่จริงๆ บรรจุของได้เยอะนะ!”

        ไป๋อวิ๋นซี “...เอามาสิ”

        “อะไรเหรอ?” เย่ฝานถาม

        “ก็ถังหูลู่ไง!” ไป๋อวิ๋นซีตอบกลับอย่างเย็นชา

        เย่ฝานแววตาเป็นประกาย ถามด้วยความดีใจว่า “นายอยากกินเหรอ?”

        ไป๋อวิ๋นซีเปล่งเสียงฮึมเบาๆ เย่ฝานมอบถังหูลู่ให้เขาอย่างมีมารยาท

        หยางเฟยมองไป๋อวิ๋นซีอย่างแปลกใจ เขาแอบคิดในใจว่าไปอวิ๋นซีเป็นคนหยิ่งทะนงมาแต่ไหนแต่ไร แต่เขากลับยินดีรับถังหูลู่จากเย่ฝานได้ มันช่างแปลกจริงๆ

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซี ก็เห็นว่าใบหน้าของเขาขาวซีด ไป๋อวิ๋นซีหันไปเห็นว่าเย่ฝานจ้องอยู่จึงเอ่ยถาม “นายจ้องฉันทำไม?”

        “นายเป็นยังไงบ้าง…” ตอนแรกเย่ฝานดูออกเพียงว่าไปอวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ จึงทำให้มีธาตุเย็นในร่างกาย แต่ครั้งนี้ได้เข้าใกล้ขนาดนี้ และพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว พลังหยินในร่างของไปอวิ๋นซียิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เย่ฝานรู้สึกว่าเขาไม่ได้มีแค่ร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่เท่านั้น

        “ร่างเทียนหยิน หรือว่านายเกิดในวันเดือนปีที่เป็นธาตุหยิน?” เย่ฝานถามด้วยเสียงต่ำลง

        ในอาณาจักรผู้ฝึกตนนั้น ผู้ฝึกตนหญิงที่มีร่างเทียนหยินมักเป็นที่หมายปองของผู้คน ผู้ฝึกตนที่ติดขัดในการฝึกเพื่อทะลวงขั้น หากได้ร่วมหลับนอนกับผู้ฝึกตนที่มีร่างเทียนหยิน คนผู้นั้นก็จะสามารถทะลวงจุดจินตันได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นผู้ฝึกตนหญิงที่มีร่างเทียนหยินจึงเปรียบดั่งสิ่งล้ำค่าในอาณาจักรของผู้ฝึกตน

        ไป๋อวิ๋นซีจ้องมองเยฝ่านด้วยสีหน้าถมึงทึง ไป๋อวิ๋นซีร่างกายอ่อนแอ โรคภัยรุมเร้าตั้งแต่เล็ก บ้านตระกูลไป๋ย่อมต้องเชิญหมอมารักษาแล้วหลายคน เมื่อหมอหมดหนทางรักษา ก็ต้องจำใจเชิญนักพรตมารักษาด้วยเช่นกัน แม้จะเชื่อในเรื่องพวกนี้ได้ไม่สนิทใจก็ตาม

        ในบรรดาอาจารย์ที่เคยเชิญมานั้น มีอาจารย์ท่านหนึ่งได้บอกว่าไป๋อวิ๋นซีเกิดในวันเดือนปีที่เป็นธาตุหยิน เป็นร่างเทียนหยิน อาจารย์ชี้แนะให้แก้เคล็ดโดยให้เลี้ยงดูเขาอย่างเด็กผู้หญิง ทำให้ปู่ของเขาโมโหมาก

        อาจารย์ท่านนั้นยังกล่าวอีกว่ามีนักพรตชั่วร้ายมากมายที่ตามหาคนที่เกิดในวันเดือนปีที่พิเศษอย่างนี้ เพื่อจับคนเหล่านั้นมาสร้างเครื่องมืออวิชชา หรือไม่ก็ใช้เพื่อทำพิธีศาสตร์มืดมนตร์ดำต่างๆ ดังนั้นจึงให้ปู่ของเขาแก้ใบวันเดือนปีเกิดของเขาเสียใหม่ แล้วห้ามแพร่งพรายวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงของเขาให้ใครรู้ง่ายๆ

        “นายดูผิดแล้วล่ะ” ไป๋อวิ๋นซีพูด

        เย่ฝานเอียงศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ถูกต้องเหรอ? ฉันดูผิดไปเหรอ!”

        ไป๋อวิ๋นซีกัดถังหูลู่เลือกที่จะไม่ตอบอะไรกลับไป

        เย่ฝานจ้องไปยังไป๋อวิ๋นซี ทำตากะพริบปริบๆ แล้วถามออกไป “นายจะนอนกับฉันไหม”

        ไป๋อวิ๋นซีตบหน้าของเย่ฝานหนึ่งฉาดพลางพูดว่า “ไอ้โรคจิต”

        เย่ฝาน “…”

        ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะอย่างดูแคลน แล้วมุดเข้าไปในเต็นท์


        เย่ฝานลูบใบหน้าของตนอย่างอดกลุ้มใจไม่ได้
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 24 (3/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-05-2020 14:17:40
ชาติหน้าตอนบ่ายๆนายยังจะได้นอนกับเขาไหมเย่ฝาน 555555 อดเลย อดที่จะได้ขุมพลังลมปราณถ้าว่าได้นอนด้วย แต่ฝันไปก่อนนะ หรือบางทีอวิ๋นซีอาจมีเหตุต้องจำเป็นกะดะ 555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 24 (3/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-05-2020 14:48:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 24 (3/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 03-05-2020 19:26:11
555555555เย่ฝานสมควร5555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 24 (3/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 04-05-2020 17:09:49
เล่มที่ 1 ตอนที่ 25 ล่าถอยจากสุสาน

        จางเหวินเทาเดินมาหาเย่ฝานและพูดขึ้นว่า “น้องชายกำลังจีบคุณชายไป๋อยู่เหรอ?”

        เย่ฝานตอบพลางถูใบหน้าของตน “ก็ใช่น่ะสิ! แต่เขาช่างเย็นชากับผมเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมีคนตามจีบผมตั้งหลายคนแท้ๆ” หลังจากที่มาถึงโลกใหม่นี้ เขาก็ไม่เป็นที่สนใจเหมือนแต่ก่อน ทั้งที่เขายังฉลาดหลักแหลมเหมือนเดิม แถมยังสามารถฝึกตนได้แล้ว

        “น้องชายช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” จางเหวินเทาคิดในใจ หากคุณปู่ตระกูลไป๋รู้ว่าเจ้าทึ่มนี่ตามจีบคุณชายไป๋ล่ะก็ แน่นอนว่าเจ้าหมอนี่คงโดนสั่งสอนไม่ใช่น้อย

        เย่ฝานเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางพูดว่า “คืนนี้แม้แต่แสงจันทร์ยังไม่ปรากฏให้เห็น เจอปัญหาใหญ่แล้วคราวนี้!”

        จางเหวินเท่าพยักหน้า กล่าว “ใช่! เกรงว่าอากาศวันพรุ่งนี้จะไม่สดใสซะแล้ว”

        เย่ฝานบ่นอย่างกลัดกลุ้มว่า “ไป๋อวิ๋นซีไม่อยากให้ผมนอนกับเขา ผมเองก็ไม่ชอบนอนเบียดกับคนอื่นในเต็นท์แบบนี้ เอาเป็นว่าไม่นอนก็แล้วกัน”

        จางเหวินเทา “…”

        เย่ฝานเม้มปาก เขาคิดว่าจะนั่งแบบนี้ทั้งคืน ที่แห่งนี้มีพลังปราณเพียงพอนับว่าเป็นสถานที่ฝึกตนที่มีฮวงจุ้ยเป็นเลิศ

        ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อยๆ นอกจากทหารลาดตระเวนไม่กี่นายกับเย่ฝาน คนที่เหลือต่างพากันนอนพักผ่อนกันหมด

        ขณะที่ไป๋อวิ๋นซีนอนหลับสนิทอยู่ในเต็นท์ ทันใดนั้นเสียงเพลงลึกลับก็ลอดเข้าไปในหู เขาพลิกตัวลุกจากที่นอนโดยไม่รู้ตัว เปิดเต็นท์แล้วเดินออกมาด้านนอก

        ระหว่างที่กำลังสะลึมสะลืออยู่ ไป๋อวิ๋นซีก็เห็นหญิงสาวในชุดจีนโบราณยืนหันหลังให้เขา

        ไป๋อวิ๋นซีเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดจีนโบราณโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

        “ท่านพี่! ตามข้ากลับไปเถิด” มือขาวซีดของหญิงสาวยืดมาถึงเบื้องหน้าของไป๋อวิ๋นซี เขาขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับไป

        ไป๋อวิ๋นซีหรือคุณชายสามแห่งบ้านตระกูลไป๋ ไม่สนใจในนารีเพศ ยิ่งไม่ต้องตาในบุรุษ โดยปกติแล้วหากไม่ใช่คนที่สนิทสนมจริงๆ ก็ยากที่จะได้เข้าใกล้เขา

        ทันใดนั้นยันต์สายฟ้าฟาดก็ตกลงบนฝ่ามือของหญิงสาว เสียงกรีดร้องดังก้องอยู่ข้างหูของไป๋อวิ๋นซี เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ หญิงสาวเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นร่างผีดิบน่าสยดสยอง!

        เมื่อไป๋อวิ๋นซีเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของร่างนั้น เขาก็ก้าวถอยหลังไปสองก้าวด้วยความตกตะลึง ไป๋อวิ๋นซีไม่เคยเห็นภูตผีมาก่อน พอได้เห็นร่างผีดิบในระยะประชิดเช่นนี้ จึงอดหวาดกลัวไม่ได้

        เย่ฝานเอาตัวขวางเบื้องหน้าไป๋อวิ๋นซี “เจ้ามีสวามีถึงสิบแปดคนแล้ว อย่ามากด้วยตัณหาราคะอีกเลย เขาคนนี้จะต้องลงเอยกับข้าในวันข้างหน้า”

        เสียงพิลึกพิลั่นของผีดิบดังขึ้น แต่ไป๋อวิ๋นซีได้ยินไม่ถนัดนัก

        “เจ้าทิ้งขว้างสวามีทั้งสิบแปดคนของเจ้า แล้วอยากได้เขาไปแทนที่ เจ้านี่มันชอบของใหม่เบื่อของเก่านี่นา! แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะไม่ยอมให้เขาไปกับเจ้าเด็ดขาด เพราะเขาคือภรรยาในอนาคตของข้า” เย่ฝานพูดพลางหัวเราะ

        ผีดิบยืดมือออกมาจับตัวไป๋อวิ๋นซีเอาไว้ได้ เย่ฝานชักดาบออกมาฟันไปที่ร่างของผีดิบ

        ไป๋อวิ๋นซีได้ยินเสียงดาบปะทะกันเป็นระลอก

        ผีดิบตนนั้นสะบัดเย่ฝานออกไป แล้วกระโจนใส่ไป๋อวิ๋นซี เย่ฝานขว้างยันต์สายฟ้าฟาดออกไปอีกห้าแผ่นเพื่อขัดขวางทางหลบหนีของผีดิบ

        ยันต์สายฟ้าฟาดระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของผีดิบตายซากนั่นก็ปริแตกเป็นรอยบาดแผลเต็มไปหมด ลำพังแค่เป็นผีดิบก็น่ากลัวแล้ว ยิ่งมีสภาพอย่างนี้ก็ยิ่งดูอัปลักษณ์เข้าไปใหญ่

        ไป๋อวิ๋นซีชักปืนที่พกไว้กับตัวออกมา จากนั้นยิงไปที่ผีร้ายตนนั้นจนเสียงดัง 'เปรี้ยง'

        เย่ฝานฉวยโอกาสนี้ ขว้างยันต์อีกห้าแผ่นเข้าไป

        ผีดิบในชุดจีนโบราณกรีดร้อง และหมุนตัวจากไปด้วยความโกรธแค้น

        “นั่นมันตัวอะไรน่ะ?” ไป๋อวิ๋นซีมองเย่ฝานพร้อมเอ่ยถาม

        “ผีดิบพันปี!”

        “ที่นายเคยบอกฉัน ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นน่ะสิ?” ไป๋อวิ๋นซีถามด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่มือยังสั่นไม่หยุด บ่งบอกได้ว่าในใจเขาตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เย่ฝานเคยบอกว่าเจ้าของสุสานเป็นพวกบ้าผู้ชาย เขาคิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ไม่คิดเลยว่า...

        เย่ฝานเหลือบมองไป๋อวิ๋นซีและตอบว่า “พลังหยินในร่างของนายเข้มข้นมาก ภูตผีปีศาจชอบร่างแบบนี้ที่สุด ประกอบกับสภาพภูมิประเทศของที่แห่งนี้เป็นจุดรวมพลังหยินที่เหมาะสำหรับผีดิบ พอนายเข้ามาใกล้บริเวณสุสาน ก็เลยโดนเล่นงานเอาง่ายๆ”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        จางเหวินเทาถือดาบไว้ในมือแล้วเดินเข้ามาใกล้ เย่ฝานมองเขาที่มีท่าทางตื่นตระหนกพลางเอ่ย “อาจารย์จาง คุณไปไหนมา!”

        “เมื่อครู่ฉันได้ยินเสียงบางอย่างเหมือนกับมีภูตผีวนเวียนอยู่แถวนี้ ฉันก็เลยออกไปดู พอออกไปเท่านั้นแหละ ก็ถูกผีดิบกลุ่มหนึ่งพุ่งมาโจมตี ยังดีที่ผีดิบหญิงเจ้านายของพวกมันสั่งให้ล่าถอย ผีดิบพวกนั้นเลยรามือจากฉัน”

        “เรื่องนี้เริ่มจะยุ่งยากขึ้นแล้ว ฉันต้องรีบแจ้งไปที่สำนักงานของฉันแล้วล่ะ” จางเหวินเทาตอบ

        เย่ฝานพยักหน้าพร้อมกล่าว “ใช่ๆ คุณรีบไปแจ้งข่าวเถอะ”

        ผีดิบที่ออกมาจากหลุมฝังศพสามารถใช้พลังได้เพียงแค่หนึ่งถึงสองขั้นเท่านั้น ทำให้องค์หญิงนั่นสั่งให้เหล่าผีดิบล่าถอยไปก่อน เย่ฝานรู้กำลังของตนดี หากลงไปในสุสานซึ่งเป็นถิ่นของเหล่าผีดิบคงไม่ง่ายแบบนี้ คนที่ถูกฝังทั้งเป็นพร้อมกับองค์หญิงนั่นคงจะมีอยู่ไม่น้อย เขาเองที่ฝึกตนบรรลุขั้นที่สองแล้วก็ยังเกรงว่าหากต้องเข้าไปในสุสานจริงๆ ก็อาจเอาชีวิตไม่รอด

        ไป๋อวิ๋นซีถามด้วยความงุนงง “ด้านนอกเกิดเรื่องขนาดนี้ ทำไมคนอื่นๆ ถึงไม่รู้สึกตัวกันนะ?”

        “เพราะไอพลังของซากศพ เลยทำให้หลับใหลไม่ได้สติ” จางเหวินเทากล่าว

        “ไอพลังซากศพ มันร้ายแรงไหม?” ไป๋อวิ่นซีเอ่ยถาม

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีที่มีท่าทางกังวล จึงปลอบโยนว่า “นายวางใจเถอะ คนที่ร่างกายแข็งแรงอย่างมากก็แค่มีไข้ เป็นหวัด คนที่ร่างกายไม่พร้อมอาจจะป่วยหนักแต่ยังไงก็ไม่ถึงตายหรอก”

        “แล้วคุณตาของฉันล่ะ!” เซี่ยวฉืออายุมากแล้ว แถมสภาพร่างกายยังไม่สู้ดีอีก

        “คุณชายไป๋สบายใจได้ คุณตาของคุณได้หยกจากเย่ฝานไปแล้ว หยกนั่นมีพลังในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้เรื่องในสุสานคงต้องหยุดการเคลื่อนไหวไว้ก่อน”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ”

        ความจริงแล้วไป๋อวิ๋นซีไม่ได้สนใจสุสานแห่งนี้สักเท่าไร เป็นเพราะเซี่ยวฉือขอร้องให้เขามา จึงคิดว่าจะตามมาท่องเที่ยวเท่านั้น ทว่าเรื่องราวที่โดนผีดิบเล่นงานเมื่อคืนนี้ ทำให้เขาหยุดความคิดที่จะอยู่เที่ยวที่นี่ต่อ

        ไป๋อวิ๋นซีครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่กลัวว่าคุณตาจะไม่ยอมกลับน่ะสิ”

        “วางใจเถอะ เขาต้องยอมกลับแน่ๆ คนอื่นๆ ก็ป่วยกันหมด เขาคนเดียวจะดันทุรังอยู่ทำไม” เย่ฝานกล่าว

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        …

        วันรุ่งขึ้น คนในแคมป์ต่างนอนหลับจนตะวันโด่งจึงตื่นขึ้นมา ในเหล่าทหารสิบสองนายนั้นมีห้านายที่ล้มป่วย ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยงานต่างก็ล้มป่วยเกือบทั้งหมด

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วเดินไปเดินมา ก่อนพูดขึ้น “แปลกจริงๆ คนหนุ่มสมัยนี้ทำไมถึงได้อ่อนแอนัก นึกไม่ถึงเลยว่าจะล้มป่วยกันไปหมด ดูซิคนแก่อย่างฉันยังสบายดี เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักออกกำลังกายไง ไม่ยอมออกกำลังกายกันซะบ้าง ตอนนี้ก็เลยมีสภาพแบบนี้ไงล่ะ”

        เซี่ยวฉือเห็นคนอื่นๆ ล้มป่วยทั้งที่ตัวเขาเองยังสบายดีก็เป็นห่วงคนเหล่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะคิดว่าถึงตนจะอายุมากแล้ว ก็ยังแข็งแรงกว่าคนหนุ่ม

        ไป๋อวิ๋นซีพูดอย่างจนใจว่า “คุณตา เพราะคุณตามีหยกปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายถึงไม่เป็นอะไรไงครับ...”

        เซี่ยวฉือกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ตาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าหยกจะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยด้วย หลานงมงายกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        เซี่ยวฉือมองเหล่าชายฉกรรจ์ที่พากันล้มป่วยเหล่านั้นครู่หนึ่ง แล้วกลับมามองหยกในมือของตนก็เริ่มเคลือบแคลงใจ “ตารู้สึกว่าความมันวาวของหยกนี้ลดลงไปจากเดิม หรือว่าหยกนี้จะป้องกันเภทภัยให้กับตาจริงๆ”

         “น่าจะเป็นอย่างนั้น” ไป๋อวิ๋นซีเอ่ย

        จางเหวินเทาเดินไปอยู่เบื้องหน้าไป๋อวิ๋นซีพร้อมเอ่ย “คุณชายไป๋ เราต้องรีบถอนกำลังออกจากที่นี่ก่อน จะรอจนฟ้ามืดไม่ได้”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าตอบกลับ “เข้าใจแล้วครับ”

        ไป๋อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง มันทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่เป็นสุข

        เย่ฝานบอกว่าเขามีร่างเทียนหยินแฝงอยู่ เป็นผลดีกับเหล่าภูตผีปีศาจ คำพูดนี้นักพรตที่เคยรักษาอาการป่วยของเขาก็เคยกล่าวไว้ แม้ว่าเขาจะไม่เชื่ออย่างสนิทใจ แต่ก็เป็นกังวลอยู่ไม่น้อย ในตัวของเย่ฝานมีความน่าอัศจรรย์อยู่หลายเรื่อง เขาไม่อาจละเลยคำพูดของเย่ฝานได้

        ไป๋อวิ๋นซีมองไปทางเย่ฝาน เห็นเขากำลังกินถังหูลู่อย่างสบายใจ ก็เกิดความรู้สึกยากจะบรรยายออกมา

        “นายก็เห็นแล้วว่าในทีมเรามีคนล้มป่วยอยู่ไม่น้อย คงจะไปต่อไม่ได้ แต่ว่าฉันได้แจ้งทีมกู้ภัยในพื้นที่แล้ว ให้พวกเขารีบส่งคนมาช่วยเรา” ไป๋อวิ๋นซีกล่าว

        จางเหวินเทาถอนหายใจพลางกล่าว “หวังว่าทีมช่วยเหลือจะมาถึงเร็วพอนะ”

        …

        หยางเฟยนั่งอยู่ข้างกองไฟ บนตัวมีผ้านวมผืนหนึ่งคลุมไว้ เขาส่งเสียงดังว่า “หนาวจังเลย! ทำไมถึงได้หนาวอย่างนี้! ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายจะกลายเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว ที่นี่มันแย่จริงๆ”

        หยางเฟยหนาวสั่นไม่หยุด ใบหน้าขาวซีด

        เย่ฝานเดินไปหยุดด้านหน้าของหยางเฟย เอามือเท้าเอวพลางพูดเหมือนซ้ำเติมว่า “หน้าตาของคุณดูเหมือนมีอาการไตบกพร่องนะ”

        หยางเฟยหัวเราะอย่างประหม่าพลางพูดว่า “คุณชายเย่ คุณนี่สุดยอดจริงๆ! หนาวขนาดนี้ คุณยังดูสดชื่นอยู่เลย”

        “แม้ที่นี่มีจะมีพลังหยินและไอพลังซากศพที่เข้มข้นไม่น้อย แต่มันก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก” เย่ฝานกล่าวอย่างภูมิใจ

        หยางเฟยพูดอย่างชื่มชมว่า “คุณชายเย่ ร่างกายคุณนี่แข็งแรงสุดๆ ไปเลย!”

        “แต่คุณดูแย่มากเลยนะ! เห็นว่าคุณน่าสงสารหรอกนะ งั้น อันนี้ผมให้คุณก็แล้วกัน” เย่ฝานมอบยันต์ปัดเป่าโรคภัยให้หยางเฟยหนึ่งแผ่น

        หยางเฟยถามอย่างสงสัยว่า “มันคืออะไรน่ะ?”

        “คุณเอามันตบไปที่อกให้ตรงกับหัวใจก็พอ” เย่ฝานกล่าว

        หยางเฟยรับยันต์มาแล้วตบที่อกตรงหัวใจ ยันต์แผ่นนั้นพลันสลายกลายเป็นฝุ่นไปทันที ในขณะเดียวกันความหนาวเหน็บในร่างกายพลันมลายไป ทำให้เขาสบายเนื้อสบายตัวไม่น้อย

        “เย่ฝาน ของที่นายให้ฉันคืออะไร! มันได้ผลดีมากเลย ให้ฉันอีกสักแผ่นได้ไหม” หยางเฟยกล่าว

        เย่ฝานอุทานเสียงฮึ พลันพูดว่า “ฝันไปเถอะ”

        หยางเฟย “…”

        จางเหวินเทาเดินมาหยุดอยู่ข้างเย่ฝาน “สหาย ยันต์ของนายไม่เลวเลยนะ!”

        ผู้คนในเขาหลงหู่ไม่ถนัดด้านการวาดยันต์ แต่ที่อวี่ชิงกวนกลับมีอาจารย์ด้านยันต์อักขระเกิดขึ้นมากมาย ในแต่ละปีเขาหลงหู่จะสั่งซื้อยันต์จากอวี่ชิงกวนจำนวนมาก ทำให้ระยะหลังๆ ยันต์ที่ทำออกมานั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ

        “คุณอยากได้ไหม? จ่ายสองแสนหยวนแล้วผมจะขายให้คุณ” เย่ฝานกล่าว

        หยางเฟยได้ยินราคาของยันต์ก็เบิกตาโตด้วยความตะลึง หนึ่งแผ่นสองแสนหยวน เมื่อครู่ที่เขาเอายันต์ตบลงไปก็เสียไปแล้วสองแสนหยวน เมื่อเขาคิดถึงคุณประโยชน์ของมัน จึงได้ตระหนักว่ายันต์นี้เป็นของล้ำค่าจริงๆ

        “สหายเย่ยังมียันต์ในมืออีกกี่แผ่นล่ะ!” จางเหวินเทากล่าวถาม

        “สิบแผ่น” เย่ฝานตอบกลับ

        “ฉันขอทั้งหมด” จางเหวินเทาพูด

        เย่ฝานคิดในใจว่าเจอลูกค้าใหญ่แล้วเรา ทั้งสองเจรจาธุรกิจอย่างราบรื่น เย่ฝานดูเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้น ก็หันไปมองหยางเฟยด้วยความเสียดายและพูดขึ้นว่า “ถ้ารู้ล่วงหน้าว่ามีคนต้องการซื้อยันต์ ผมก็คงจะไม่มอบยันต์ให้คุณใช้ฟรีๆ อย่างนี้หรอก”

        หยางเฟย “…”

        จางเหวินเทาหยิบนามบัตรส่งให้เย่ฝานพร้อมพูดว่า “คุณชายเย่ ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไร ติดต่อฉันได้ทุกเมื่อ หากมียันต์ก็ขายให้ฉันได้”

        เย่ฝานมองจางเหวินเทาและตอบไปว่า “ได้ครับๆ!” ได้พบกับคู่ค้าที่จิตใจกว้างขวางขนาดนี้ ทำให้เขาอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง

        จางเหวินเทานำยันต์ปัดเป่าโรคภัยทั้งสิบแผ่นไปใช้กับผู้ที่มีอาการป่วย คนที่ได้ใช้ยันต์ไปแล้วจากที่ป่วยกระเสาะกระแสะก็ฟื้นคืนกำลังวังชา ไม่ต้องรอทีมกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ ทีมวิจัยโบราณคดีต่างช่วยกันพยุงตัวเดินออกจากพื้นที่นั้น


        งานสำรวจโบราณคดีในครั้งนี้ก็จบลงด้วยความล้มเหลว
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 25 (4/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 04-05-2020 18:23:59
ได้ลูกค้าเพิ่มเป็นผลพลอยได้หรือเจตนาแอบแฝงแต่แรกที่คิดจะมาด้วย 5555 เรื่องจีบอวิ๋นซีเอาไว้ก่อน ขอหาลูกค้าก่อนนะ เงินๆทั้งนั้น ดูหน้าเลือดมากอ่ะเย่ฝาน 5555  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 25 (4/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-05-2020 18:35:57
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 25 (4/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 04-05-2020 20:22:20
5555555มีเเต่ได้กับได้
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 25 (4/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 05-05-2020 02:47:02
 :m20: หาเงินแต่งเมียเนอะ
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 25 (4/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 05-05-2020 10:12:01
เล่มที่ 1 ตอนที่ 26 เซี่ยวฉือมาเยือน


        ขณะที่เย่ฝานกำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในโรงแรม ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

        “คุณตา ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ?” ผู้ที่เคาะประตูคือตาของไป๋อวิ๋นซี เขาคิดว่าอย่างไรเสียก็ควรเห็นแก่หน้าของไป๋อวิ๋นซี จึงต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยน

        พอเซี่ยวฉือเดินเข้าไปในห้องก็เห็นรอยยิ้มโง่ๆ ของเย่ฝาน “เธอกำลังตามจีบอวิ๋นซีอยู่หรือ?”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่แล้วครับ! พอผมเห็นเขา ผมก็รู้สึกชอบเขาขึ้นมาเลย”

        “นายรู้ไหมว่ามีคนชอบอวิ๋นซีตั้งมากมาย”

        “ผมจะจัดการพวกอ่อนหัดเหล่านั้นให้ราบคาบ และแสดงฝีมือที่แท้จริงของผมอย่างสุดความสามารถเลยครับ!” เย่ฝานพูดด้วยความมั่นใจ

        เซี่ยวฉือ “…”

        “นายก็รู้ดีว่าสุขภาพของอวิ๋นซีไม่สู้ดีนัก วันนี้ฉันเห็นยันต์ที่เธอขายให้อาจารย์จางมันใช้ได้ผลดีมาก ไม่รู้ว่ายันต์นั่นจะเป็นประโยชน์กับร่างกายของอวิ๋นซีหรือไม่”

        เย่ฝานส่ายหัวพร้อมกล่าวว่า “ปัญหาด้านร่างกายของอวิ๋นซี ยันต์นี้ช่วยไม่ได้ครับ”

        “ถ้าอย่างนั้นพอจะมีทางรักษาอีกไหม?” ก่อนหน้านี้มีนักพรตท่านหนึ่งเคยรักษาให้อวิ๋นซี เขาบอกว่าถ้าต่อไปยังหาวิธีรักษาให้หายขาดไม่สำเร็จ อวิ๋นซีอาจจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสามสิบปี

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วตอบกลับไป “ขอแค่ให้เขายอมหลับนอนกับผมก็พอครับ ร่างกายของเขามีธาตุหยินสูงมาก ส่วนร่างกายของผมเต็มไปด้วยพลังหยาง! ร่างเทียนหยินแบบเขา ถ้ามีสัมพันธ์กับหญิงสาวล่ะก็ ธาตุหยินจะยิ่งทวีคูณซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเขา มีแต่เสียกับเสีย แต่ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะหมกมุ่นกับกลิ่นอายของสตรีคนไหน อวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ แล้วยังเป็นร่างเทียนหยินอีก บางทีเขาอาจไม่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้อีกแล้ว!”

        “ไอ้คนสารเลว” เซี่ยวฉือลุกพรวดและจ้องเย่ฝานด้วยสายตาอาฆาต

        เย่ฝานถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมคุณตาถึงโมโหขึ้นมาล่ะครับ!”

        “ฉันคงสมองเลอะเลือนไปแล้ว ถึงได้มาทนฟังนายพูดจาเหลวไหลแบบนี้” เซี่ยวฉือด่าออกไปอย่างโกรธเคือง

        เย่ฝานมองเซี่ยวฉือและเอ่ยว่า “ผมไม่ได้พูดเหลวไหลนะ! ตาอย่าทำนิสัยเสียแบบนี้สิ ต่อไปถ้าอยู่ต่อหน้าอวิ๋นซี ตาต้องพูดดีๆ กับผมหน่อยนะ!”

        เซี่ยวฉือมองเย่ฝานอย่างหมดคำพูด ก่อนจะส่ายหน้าและเดินจากไป

        …

        เซี่ยวฉือเดินเข้ามาในห้องพักของไป๋อวิ๋นซี เขากำลังจัดของอยู่

        “คุณตา เป็นอะไรไปครับ? ดูเหมือนอารมณ์ไม่ดีเลย!”

        เซี่ยวฉือเอามือเท้าเอวและพูดด้วยความโมโหว่า “เมื่อกี้ตาไปหาเย่ฝานมา ไอ้สารเลวนั่นเอาแต่พูดจาเหลวไหล ตาไปหาเขาก็เพราะมีปัญหา แต่เขากลับพูดจาแย่ๆ แบบนั้น”

        “เขาพูดอะไรครับ?” ไป๋อวิ๋นซีเห็นท่าทีของเซี่ยวฉือแล้วก็ประหลาดใจ เพราะคุณตาของเขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด ทว่ากลับถูกเย่ฝานทำให้โกรธถึงขนาดนี้

        “เขาบอกว่าหลาน… ไม่อาจสืบสกุลได้ ไอ้ทุเรศ” เซี่ยวฉือกัดฟันพูดมันออกมา

        ไป๋อวิ๋นซีได้ฟังแล้วก็ก้มหน้า ไม่มีคำพูดออกจากปากของเขา

        เซี่ยวฉือเห็นสีหน้าของไป๋อวิ๋นซี ก็เกิดลางสังหรณ์ร้ายในใจ “อวิ๋นซี หลาน… คงไม่ใช่...”

        ไป๋อวิ๋นซีพูดออกไปอย่างไร้อารมณ์ว่า “คุณตา อย่าถามผมอีกเลย”

        เซี่ยวฉือสูดหายใจลึกๆ พร้อมกล่าว “หรือว่าที่เจ้าหมอนั่นพูดจะเป็นความจริง...”

        จู่ๆ เซี่ยวฉือนึกขึ้นได้ว่าไป๋อวิ๋นซีไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง เวลาทำงานหากมีหญิงสาวเข้ามาใกล้หวังจะแนบชิดหรืออยากใช้เรือนร่างในการไต่เต้า เขาก็จะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกจากงานทันทีและไม่มีวันจ้างงานต่ออีก ตอนนั้นเซี่ยวฉือไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่รู้สึกว่าหลานชายอาจจะไม่ชอบผู้หญิงฉวยโอกาสพรรค์นั้น ทว่าตอนนี้...

        เซี่ยวฉือเข้าใจเรื่องที่ผ่านมาได้ทันที ที่ไป๋อวิ๋นซีไม่สนใจในตัวผู้หญิงย่อมเป็นเพราะต้องการปิดบังปัญหาทางร่างกายของตนเอง

        “เขาพูดอะไรอีกไหมครับ?” ไป๋อวิ๋นซีถาม

         “เขายังบอกอีกว่า ถ้าหลานได้นอนกับเขาแล้วอาการป่วยจะหายดี” พอคำพูดนี้ออกจากปาก ตอนแรกเขาคิดว่าเย่ฝานพูดจาเหลวไหล จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาพูดจริงหรือไม่ แต่ถ้าสิ่งที่เย่ฝานพูดเป็นความจริง อย่างนั้นแล้ว...

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        …

        หยางเฟยเดินเข้าไปในห้องพักแล้วพูดขึ้น “เย่ฝาน ภารกิจขุดสุสานล้มเลิกไปแล้ว ต่อจากนี้นายวางแผนจะทำอะไรต่อ!”

        “ผมจะอยู่ที่นี่ต่อ” เย่ฝานตอบกลับไป

        หยางเฟยถามกลับอย่างสงสัย “จะอยู่ต่อ?”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่แล้ว”

        เดิมทีเย่ฝานคิดว่าไป๋อวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ แต่ตอนนี้กลับได้รู้ว่าเขายังเป็นร่างเทียนหยินอีกด้วย คราวนี้เย่ฝานคงไม่กล้าขอหลับนอนกับไป๋อวิ๋นซีเหมือนที่ผ่านมา เพราะถ้ามีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ดีไม่ดีเขาอาจถูกปราณเย็นเล่นงานจนแข็งตายได้

        เย่ฝานเห็นว่าบริเวณรอบๆ สุสานมีพลังปราณที่เข้มข้นมาก เขาคิดว่าจะขึ้นเขาไปเสาะหาสมุนไพรวิเศษที่ใช้ประโยชน์ได้

        “ทีแรกฉันนึกว่าเธอจะตามคุณชายไป๋ไปเมืองหลวงซะอีก” หยางเฟยกล่าว

        เย่ฝานยักไหล่แล้วพูดว่า “อืม ผมคิดว่าอยู่ห่างกันบ้างก็ดีเหมือนกัน ใกล้ชิดแบบนี้ตลอดจะทำให้เบื่อเอาง่ายๆ อีกอย่างผมรู้สึกว่าผมควรเพิ่มระดับความสามารถให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มเสน่ห์ในตัวเอง ถ้าผมกลายเป็นคนเจ้าเสน่ห์ล่ะก็ บางทีอวิ๋นซีอาจจะอยากแนบชิดกับผมก็ได้”

        หยางเฟยพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้องแล้ว! นายคิดอย่างนี้ได้ก็ดีแล้ว แต่สุสานนั่นมันทั้งลี้ลับและน่ากลัวมาก นายรู้ไหมว่าตอนอยู่บนเขา ฉันเหมือนกับมองเห็นผีเข้าจริงๆ...”

        เย่ฝานถามกลับด้วยความงุนงง “คุณเห็นอะไรนะ”

        “ฉันเห็นผู้หญิงสวมชุดจีนโบราณ ด้านหลังมีผีดิบจำนวนหนึ่งตามติดมาด้วย ชุดที่สวมใส่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องแต่งกายในสมัยราชวงศ์ฮั่น”

        เย่ฝานหัวเราะแล้วกล่าวว่า “คุณคงจะเก็บเอาเรื่องกลางวันไปฝันกลางคืนมากกว่า”

        หยางเฟยพยักหน้าพลางพูดว่า “ก็คงจะใช่ แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่สุสานมันก็พิลึกจริงๆ นั่นแหละ ทหารในทีมพากันล้มป่วยเกือบทั้งหมด แต่คุณตากลับไม่เป็นอะไรเลย เออใช่สิ ยันต์ของนายมันยอดเยี่ยมมาก นายได้มาจากไหนเหรอ?”

        “อ๋อ ผมรู้จักกับยอดฝีมือคนหนึ่ง เขาบอกว่าถูกชะตากับผมก็เลยมอบยันต์ให้น่ะ” เย่ฝานตอบ

        หยางเฟยกล่าวชื่นชม “เย่ฝาน นายนี่โชคดีจริงๆ เลย! นึกไม่ถึงว่าจะรู้จักกับยอดฝีมือผู้มากความสามารถ”


        เย่ฝานหัวเราะแล้วตอบว่า “ใช่แล้วๆ! ผมนี่ช่างโชคดีจริงๆ”
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 26 (5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-05-2020 10:38:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 26 (5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 05-05-2020 11:19:42
สงสารคุณตา5555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 26 (5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 05-05-2020 12:41:34
ตรงจนคนแก่หัวใจจะวาย 555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 26 (5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-05-2020 19:12:27
โม้ตลอด 55 อวิ๋นซีจะหายมีชีวิตอยู่ได้นานก็ต้องนอนกับเขานะถ้ามันไม่มีวิธีอื่นแล้ว โดนปราณเย็นจนแข็งจับสั่นละเย่ฝาน 555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 26 (5/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 06-05-2020 13:25:25
เล่มที่ 1 ตอนที่ 27 ความมหัศจรรย์ของเย่ฝาน


        ณ บ้านตระกูลอู่

        ถังหนิงมองอู่หาวเฉียงที่กำลังเล่นตัวต่อก่อนถามว่า “หาวเฉียง วันนั้นอาเล็กช่วยลูกออกมาได้ยังไง?”

        “หนวนหน่วนบอกผมว่า คุณอาเอาหนังสือการ์ตูนของผมมาทำเป็นมนุษย์กระดาษ แล้วให้มันหาตำแหน่งที่ผมอยู่ หลังจากเจอผมแล้วก็พาผมออกมาจากที่นั่น” อู่หาวเฉียงตอบด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

        “ไอ้มนุษย์กระดาษนั่นมันหน้าตาเป็นยังไงกัน!” ถังหนิงยังคงถามต่อ

        “มนุษย์กระดาษก็คือมนุษย์กระดาษ! แม่ครับ แม่ถามผมหลายรอบแล้วนะครับ”อู่หาวเฉียงตอบกลับอย่างหงุดหงิด

        ถังหนิงหัวเราะอย่างขวยเขินแล้วพูดว่า “ก็แม่เป็นคนขี้ลืม ลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอ?”

        อู่หาวเฉียงมองแม่ของตนด้วยความกังวล เขาพูดขึ้นว่า “แม่เพิ่งจะอายุเท่านี้แต่ความจำไม่ดีซะแล้ว แบบนี้น่าเป็นห่วงนะครับ!”

        ถังหนิงส่ายหน้าแล้วพูดอย่างจนใจ “พ่อของลูกน่าจะใกล้กลับมาแล้ว แม่จะออกไปดูสักหน่อย”

        “อาหนิง วันนี้เธอโทรไปหาฉันบอกว่าอาเฉียงเกิดเรื่อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกล่ะ” อู่ซือหานวางกระเป๋าเอกสารลงก่อนถามด้วยความเป็นห่วง

        “เรื่องครั้งนี้มันอาจฟังดูน่าตกใจนะคะ แต่ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรเกิดขึ้น คือว่าวันนี้ฉันพาลูกออกไปข้างนอก ตอนที่เดินผ่านโรงพยาบาลสัตว์ มีหมาป่วยตัวหนึ่งหลุดออกมา มันทำท่าเหมือนจะเข้ามากัดอาเฉียง แต่ในตอนนั้นหยกที่อาเฉียงพกติดตัวก็เปล่งแสงจนหมาตัวนั้นกระเด็นออกไป คุณก็รู้ว่าหยกชิ้นนั้นเป็นของที่เย่ฝานให้ลูกเราไว้” ถังหนิงกล่าว

        ถังหนิงนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดในวันนี้ ในใจยังคงอกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่น้อย หมาตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่าๆ ในปากของมันเต็มไปด้วยฟันแหลมคม ถ้าลูกชายเธอโดนกัดเข้าจริงๆ อาจถึงขั้นขาขาดได้

        ตอนที่เย่ฝานมอบหยกชิ้นนั้นให้อู่หาวเฉียง แล้วอู่หาวเฉียงก็ถามเขาว่าถ้ารถจะชนเขารถจะกระเด็นหรือเปล่า แต่เย่ฝานตอบว่าหยกนี้ทำให้รถลอยขึ้นไม่ได้ หล่อนยังคิดว่าบทสนทนาของสองอาหลานฟังดูประหลาดนัก หยกจะทำให้รถลอยได้อย่างไร จนกระทั่งวันนี้ที่เธอได้เห็นกับตาว่า หยกนั่นทำให้หมาตัวใหญ่กระเด็นออกไปได้จริงๆ

        อู่ซือหานมองถังหนิงและถามกลับไป “เธอไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”

        “ฉันจะตาฝาดได้ยังไง หมาตัวนั้นลอยผ่านหน้าฉันไปเลย มันยังไม่ทันได้ชนกับอะไรก็กระเด็นออกไปแล้ว หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป ฉันก็สังเกตว่าความวาวของหยกก็ลดลงตามไปด้วย”

        อู่ซือหานขมวดคิ้วก่อนพูดขึ้นว่า “เย่ฝาน เจ้าหมอนั่นตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ถ้าเขากลับมาฉันจะลองถามเขาดู”

        “ฉันว่าเย่ฝานไม่ธรรมดาเลยนะคะ! คุณก็รู้ว่าเต่าของเย่ฝานตัวนั้น มันเป็นเต่าที่มีจิตวิญญาณ แถมยังกินจุอีกต่างหาก มันดูแตกต่างจากเต่าทั่วไป” ถังหนิงกล่าว

        อู่ซือหาน “…”

        ตั้งแต่เย่ฝานนำเต่ามาฝากไว้ อู่หาวเฉียงก็ดูแลเอาใจใส่มันอย่างดี เขาจะไปหามันทุกวันและยังป้อนอาหารให้อีกด้วย

        …

        ณ บ้านตระกูลไป๋ในเมืองหลวง

        “คุณปู่ครับ มีจดหมายที่ส่งมาพร้อมกับพระพุทธรูปหยกไหมครับ?” ไป๋อวิ๋นซีเอ่ยถาม

        ได้ยินไป๋อวิ๋นซีถามถึงจดหมายฉบับนั้น ไป๋ซื่อหยวนก็โมโหขึ้นมาทันที “หลานรู้ได้ยังไง? หลานเจอกับเจ้าหมอนั่นแล้วหรือ?”

        “เขาไปสุสานโบราณพร้อมกับผม” ไป๋อวิ๋นซีตอบ

        ไป๋ซื่อหยวนขมวดคิ้วพูดว่า “เจ้าหมอนั่น รู้จักฉวยโอกาสแท้ๆ”

        “คุณปู่ จดหมายล่ะครับ ขอผมดูหน่อย” ไป๋อวิ๋นซีกล่าว

        ไป๋ซื่อหยวนนำจดหมายออกมาส่งให้ไป๋อวิ๋นซีด้วยสีหน้าเย็นชา เมื่อเขาเห็นข้อความบนจดหมายก็ใจเต้นระรัว คิดไม่ถึงเลยว่าคุณปู่ขี้โมโหของเขาจะไม่ได้เผาจดหมายไร้ศีลธรรมนี้ทันทีที่ได้อ่าน

        ไป๋ซื่อหยวนเห็นปฏิกิริยาของไป๋อวิ๋นซีก็อดประหลาดใจไม่ได้ เมื่อหลานของตนอ่านจดหมายแล้วกลับไม่มีอาการโกรธจนเต้นเร่าๆ อย่างที่คาดไว้ “ถ้าเป็นอย่างนี้ แสดงว่าเขาเป็นคนเขียนใบสั่งยานั่นจริงๆ”

        ไป๋ซื่อหยวนพยักหน้าพลางกล่าว “น่าจะไม่ผิดแล้วล่ะ”

        ไป๋อวิ๋นซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูท่าทางแล้ว ผมคงจะติดค้างน้ำใจเขาในครั้งนี้จริงๆ”

        “อาซี! ใบสั่งยานั่นใช้ได้ผลไหม?” ไป๋ซื่อหยวนถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลางตอบ “ใช้ได้ผลดีนะครับ” หลังจากที่เขาใช้ยาตามใบสั่งยานั้น อาการนอนไม่หลับก็ดีขึ้น อาการหนาวเย็นในร่างกายก็ทุเลาลงกว่าเดิม

        ไป๋ซื่อหยวนมองไปยังไป๋อวิ๋นซี เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของเจ้าหลานชายคนนี้ได้

        …

        ณ บ้านตระกูลเซี่ยว

        คุณนายเซี่ยวมองเซี่ยวฉือที่เดินวนไปมาอยู่ในห้องรับแขก ก่อนพูดอย่างจนใจว่า “ฉันเห็นคุณเดินไปเดินมาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ!”

        “วันนี้ตอนผมออกไปข้างนอก ไปเจอกับไอ้กุ๊ยคนหนึ่งเข้า! มันน่าต่อยสักทีจริงๆ” เมื่อกล่าวถึงเย่ฝาน เซี่ยวฉือก็เดือดดาลขึ้นมาทันที

        คุณนายเซี่ยวพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ถ้าไอ้อันธพาลคนนั้นมันทำตัวน่ารังเกียจนัก คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเขาหรอกน่า”

        “ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเจ้าหมอนี่ถึงมันจะน่ารำคาญ แต่ก็ดูเหมือนเป็นคนที่มีความสามารถมาก!” เซี่ยวฉือกล่าว

        คุณนายเซี่ยวถามอย่างสับสนว่า “มีความสามารถ? เขามีวิชาความรู้มากอย่างนั้นหรือคะ?”

        เซี่ยวฉือโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก เขาไม่มีความรู้แถมยังดูเป็นคนพิลึกอีกต่างหาก มัวแต่คุยกับเธอคงจะไม่ได้การ ฉันจะต้องไปคุยกับตาเฒ่าไป๋สักหน่อย”

        คุณนายเซี่ยวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีเลยค่ะ ฉันจะฝากคุณเอาขนมไปให้อวิ๋นซีด้วย”

        เซี่ยวฉือพยักหน้ารับคำ “ได้สิ”

        …

        ณ บ้านตระกูลไป๋

        “ตาเฒ่าเซี่ยว นายอายุมากจนสมองมีปัญหาแล้วหรือไง?” ไป๋ซื่อหยวนมือสั่นระริก เขามองเซี่ยวฉือและพูดอย่างไม่พอใจ

        เซียวฉือที่พ่ายแพ้ไป๋ซื่อหยวนราบคาบจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นนายคิดว่าควรจะทำยังไง?”

        “ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ว่าตอนนี้มีไอ้บ้าคนหนึ่งบอกว่า ถ้าอวิ๋นซีอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องนอนกับมัน แต่นายกลับเชื่อมัน ขนาดคำพูดของคนบ้านายก็ยังเชื่อเหรอ?” ไป๋ซื่อหยวนพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        “แล้วฉันจะทำยังไงได้ล่ะ ไอ้บ้านั่นบอกว่าอวิ๋นซีมีสัมพันธ์กับผู้หญิงไม่ได้ อวิ๋นซีก็ยอมรับแล้วว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง นายคิดว่าฉันอยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ” เซี่ยวฉือข่มความโกรธไว้แล้วกดเสียงพูดให้ต่ำลง

        “นายรู้ได้ยังไงว่าที่หลานพูดเป็นความจริง อวิ๋นซีเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนนี่” ไป๋ซื่อหยวนกัดฟันพูด

        เซี่ยวฉือมองไป๋ซื่อหยวน เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หลายปีมานี้นายเห็นอวิ๋นซีสนิทสนมกับใครไหม?”

        ไป๋ซื่อหยวนตอบกลับว่า “เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกัน ยังไงตอนนี้อวิ๋นซีก็เพิ่งจะอายุสิบเก้า ยังเหลือเวลาอีกเยอะ ค่อยๆ สังเกตกันไป เรื่องนี้ยังไงก็ต้องฟังความคิดเห็นขออวิ๋นซี แล้วนายคิดว่าอวิ๋นซีสนใจเจ้าหมอนั่นไหมล่ะ?”

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “อวิ๋นซีเองก็เหมือนมีท่าทีที่เปลี่ยนไป”

        ตอนที่นั่งรถไปสุสานโบราณ เจ้าหมอนั่นใช้หยกแลกที่นั่งกับเขา ขากลับเขาก็รีบขึ้นไปนั่งที่เดิมแล้วเรียกให้อวิ๋นซีไปนั่งข้างๆ ซึ่งอวิ๋นซีเองก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

        “ไม่เหมือนเดิม? นายดูผิดไปหรือเปล่า อวิ๋นซีเป็นคนเข้าถึงยากจะตายไป” ไป๋ซื่อหยวนกล่าว

        เซี่ยวฉือพยักหน้าพร้อมเอ่ยว่า “ก็เพราะเป็นอย่างนี้ ฉันถึงได้กังวลไงล่ะ!”

        …

        ไป๋ซื่อหยวนเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ก็เห็นว่าไป๋อวิ๋นซีกำลังจัดแจงยาสมุนไพรอยู่

         “หลานกำลังทำอะไรอยู่? สมุนไพรมากขนาดนี้จะส่งไปให้ใครงั้นเหรอ!” ไป๋ซื่อหยวนถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลางพูดว่า “ใช่ครับ!”

        ไป๋ซื่อหยวนดูเห็ดหลินจือที่มีรากสมบูรณ์และดอกใหญ่ รูปร่างคล้ายห่อสิ่วโอว[1] วางอยู่บนโต๊ะ ในดวงตามีประกายความสงสัยปรากฏขึ้น

        ไป๋ซื่อหยวนมองไป๋อวิ๋นซีพร้อมพูดว่า “หลานคงไม่ได้จะส่งของพวกนี้ไปให้เจ้าหมอนั่นหรอกนะ!”

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมติดค้างน้ำใจของเขา ยังไงก็ต้องตอบแทนครับ”

        “ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องส่งของดีขนาดนี้ไปให้ก็ได้ ส่งแอปเปิลสองกล่องไปให้เขาก็พอ!” ไป๋ซื่อหยวนพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

        ไป๋อวิ๋นซีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “มันดูไม่สมศักดิ์ศรีเลยครับ”

        ไป๋ซื่อหยวนพูดออกมาอย่างหุนหัน “ส่งของให้เจ้าหมอนั่น ยังจะต้องเอาศักดิ์ศรีอะไรอีก?”

        …

        ณ บ้านตระกูลอู่ในเมืองชาง

        อู่ซือหานเดินเข้ามาพร้อมกล่องหนึ่งใบ ถังหนิงมองอู่ซือหานแล้วถามว่า “ข้างในกล่องนี้คืออะไรคะ!”

        อู่ซือหานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่ากล่องนี้ส่งมาให้เย่ฝาน”

        ถังหนิงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ส่งให้เย่ฝาน? ใครกันที่ส่งของให้เขา!”

        ในตอนนั้นเอง อู่หาวเฉียงก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา “ของที่ส่งมาให้คุณอาเล็ก จะต้องเป็นของที่ดีมากแน่ๆ”

        “ถึงแม้พัสดุจะไม่ได้ลงชื่อผู้ฝาก แต่ว่ามันส่งมาจากเมืองหลวง” อู่ซือหานกล่าว

        ถังหนิงครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “จะเปิดดูสักหน่อยไหมคะ ถ้าเป็นของที่เน่าเสียได้ อาจต้องแช่เย็นเพื่อรักษาเอาไว้”

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ก็ดีเหมือนกัน”

        อู่ซือหานเปิดกล่องพัสดุ ทันใดนั้นก็ต้องตกตะลึงกับของที่อยู่ในกล่อง

        “นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็น...” ในกล่องมีโสมอายุมากกว่าร้อยปี เห็ดหลินจือและถั่งเช่า ทุกอย่างล้วนเป็นของดี

        “ราคาสมุนไพรทั้งหมดนี้รวมกันน่าจะมากกว่าสิบล้านหยวน บางคนมีเงินแต่ไม่อาจเสาะหามาครองได้ เย่ฝานไปผูกสัมพันธ์กับใครมานะ!” ถังหนิงเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

        “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน รอเขากลับมาค่อยเอาของให้เขาก็แล้วกัน” อู่ซือหานตอบ

        อู่ซือหานเดิมทีไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่นอกจากเรื่องที่เย่ฝานช่วยอู่หาวเฉียงออกมาได้อย่างมหัศจรรย์แล้ว ก็ยังมีเรื่องที่หมาตัวใหญ่กระเด็นลอยไปต่อหน้าต่อตา มันทำให้มุมมองที่เขาเคยยึดมั่นมาตลอดเกิดสั่นคลอน

        ถังหนิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ค่ะ”

        …

        เย่ฝานพุ่งตัวเข้าไปในป่าโดยไม่มีทีมสำรวจโบราณคดีมาเป็นภาระเหมือนครั้งก่อน ทำให้การเดินทางของเย่ฝานสะดวกขึ้น

        เย่ฝานเดินวนในป่าได้หนึ่งรอบก็เก็บยาสมุนไพรวิเศษมาได้ไม่น้อย

        เมื่อความมืดมาเยือน เย่ฝานก็เดินมาถึงสถานที่ตั้งแคมป์ของทีมสำรวจโบราณคดีเมื่อครั้งที่แล้วพอดี

        ในตอนนั้นทีมสำรวจโบราณคดีรีบร้อนจากไป แม้แต่เต็นท์ก็ยังกางอยู่เหมือนเดิม เย่ฝานจึงตัดสินใจพักผ่อนในเต็นท์หลังเดิม

        กลางดึกสงัด เย่ฝานก่อกองไฟและย่างงูหนึ่งตัว

        “เจ้านี่มันช่างกำเริบเสิบสาน! เมื่อวานมาก่อกวนเรื่องดีๆ ของข้า วันนี้ยังจะกล้าโผล่หน้ามาอีก!” ผีดิบในชุดจีนโบราณปรากฏตัวขึ้นในระยะสายตาของเย่ฝาน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยรอยบอบช้ำจนทำให้รู้สึกขวัญผวาเมื่อได้เห็น

        เย่ฝานมองผีดิบนั่นแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าเพียงแต่เห็นว่าที่นี่ฮวงจุ้ยไม่เลว กะว่าจะมาฝึกตนสักระยะหนึ่ง พวกเราต่างคนต่างอยู่ดีไหม?”

        “ต่างคนต่างอยู่งั้นหรือ? เจ้าเข้ามายุ่งเรื่องของข้า เข้ามาขัดขวางข้าแล้วยังกล้าพูดกับข้าว่าต่างคนต่างอยู่งั้นหรือ?”

        ทันใดนั้นกลุ่มควันสีดำก็รวมตัวกันจนกลายเป็นหัวกะโหลกและพุ่งไปทางเย่ฝาน หัวกะโหลกที่เกิดจากไอร่างผีดิบเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือด ความโกรธแค้นและความโลภ

        เย่ฝานยิ้มที่มุมปาก เขาไม่ได้หลบไปไหน ทันทีที่หัวกะโหลกนั้นพุ่งชนเย่ฝาน มันก็สลายเป็นฝุ่นไปในพริบตา

        ผีดิบในชุดฝ่ายในร้องโอดครวญ เย่ฝานเห็นดังนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริงๆ! กล้าใช้วิญญาณร้ายมาโจมตีข้า”

        ร่างของเย่ฝานแฝงด้วยวิญญาณธาตุเก้าสี กล่าวกันว่าเทพเจ้าเท่านั้นถึงจะมีได้ เมื่อวิญญาณทั่วไปเข้ามาโจมตี เย่ฝานจึงไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

        ผีดิบสาวในชุดจีนโบราณจ้องเย่ฝานด้วยความโกรธแค้นก่อนจะจากไป เย่ฝานตัดสินใจไม่ตามผีตนนั้นไป

        ฝ่ายตรงข้ามมีสิบแปดราชบุตรเขยคุ้มกัน หากเขาตามไปก็อาจโดนล้อมไว้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผีดิบองค์หญิงก็ได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย คาดว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นหลายสิบปีพลังจึงจะกลับมาดังเดิม เกรงว่าช่วงนี้นางคงจะไม่มาก่อกวนเย่ฝานอีก

        เย่ฝานมองไปยังทิศทางของสุสานโบราณ ในดวงตาเกิดประกายไฟแห่งความรุ่มร้อน เย่ฝานรู้สึกได้เลือนรางว่าในสุสานนั้นมีของบางอย่างที่เขาต้องการ แต่ว่าเขายังไม่กล้าเสี่ยงลงไปในสุสานตอนนี้





        ...

        [1] ห่อสิ่วโอว คือสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 27 (6/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 06-05-2020 16:06:39
วุ่นวายกันทุกตระกูลเพราะเย่ฝานคนเดียว
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] **แนะนำ** ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 27 (6/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 07-05-2020 10:00:46
เล่มที่ 1 ตอนที่ 28 ผู้ป่วยที่ผู้อาวุโสโจวแนะนำ


        เย่ฝานฝึกฝนอยู่บนเขาไม่กี่วันก็กลับเข้าไปในเมือง

        สิ่งแรกที่เย่ฝานทำเมื่อกลับไปถึงเมืองชางคือ ไปบ้านตระกูลอู่เพื่อรับเต่าคืน!

        แต่เย่ฝานคิดไม่ถึงว่าจะมีอีกสิ่งหนึ่งที่รอเขาอยู่ หลังจากไปถึงบ้านตระกูลอู่

        “ของนี่ส่งมาจากเมืองหลวงเหรอครับ?” เย่ฝานดีใจจนออกนอกหน้า

        “ใช่ นี่ใบส่งพัสดุ แต่ผู้ส่งไม่ได้ลงชื่อไว้นะ!”

        เย่ฝานยิ้มหน้าบานแล้วพูดว่า “ผมรู้ว่าใครส่งมา เขาเป็นคนหน้าบางไม่กล้าออกตัว แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่ผมรู้ก็พอแล้ว”

        “คุณอาครับ ใช่อาสะใภ้หรือเปล่าครับ!” อู่หาวเฉียงดึงแขนเสื้อของเย่ฝานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

        เย่ฝานพยักหน้า เขาตอบกลับอย่างเบิกบานใจ “ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่ เป็นอาสะใภ้ของนายนั่นแหละ อาของนายเป็นวีรบุรุษเข้าไปช่วยเหลือเขา อาสะใภ้ของนายเลยซาบซึ้งใจมาก”

        อู่หาวเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “คุณอาเล็กเก่งที่สุดเลย!”

        “อาสะใภ้ของนายเป็นคนใจกว้างมากๆ” เย่ฝานพูด

        อู่หาวเฉียงพยักหน้า “ใจกว้างจริงๆ ครับ เพราะคุณพ่อและคุณแม่บอกว่าของในนั้นเป็นของดี สมุนไพรบางตัวถึงมีเงินก็ยังหาซื้อไม่ได้”

        เย่ฝานพูดอย่างดีอกดีใจว่า “เยี่ยมไปเลย อาสะใภ้ของนายช่างมีเมตตาและเข้าใจผู้อื่นจริงๆ! อาจะต้องจีบเขาให้สำเร็จให้ได้”

        ครั้งนี้ที่เขากลับมา เหตุผลหลักคือต้องการหลอมยาบำรุงปราณ

        ทว่าสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมยาบำรุงปราณล้วนราคาสูงลิ่ว เดิมทีเขาพยายามหาหนทางว่าจะทำอย่างไรดี แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนใจดีส่งมาให้ พอได้รับตัวยาซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญเหล่านี้แล้ว ตัวสมุนไพรเสริมอื่นๆ ก็สามารถไปหาซื้อได้ตามร้านขายยาจีนทั่วไปได้

        อู่ซือหานได้ยินบทสนทนาของเย่ฝานและอู่หาวเฉียงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

        อู่ซือหานพบว่าลูกชายของเขาและเย่ฝานพูดคุยกันถูกคอ แต่คำพูดที่ทั้งสองสนทนากันนั้น เขาเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

        “เย่ฝาน ของพวกนี้ไป๋อวิ๋นซีเป็นคนส่งมาเหรอ?” อู่ซือหานเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “อืม น่าจะเป็นเขาส่งมานะครับ แสดงว่าเขาสนใจในตัวผมแล้ว”

        อู่ซือหาน “…” นายแน่ใจเหรอ?

        “เป็นของดีทั้งนั้นเลย! ไม่เสียแรงที่เป็นคนที่ผมหมายปอง ใจกว้างมากๆ เลย” เย่ฝานพูดอย่างภาคภูมิใจ

        อู่ซือหาน “…” ถ้าคนที่ส่งของเหล่านี้มาคือไป๋อวิ๋นซีจริงๆ แสดงว่าเขาคงประทับใจในตัวเย่ฝานไม่น้อยเลยสินะ?

        “เย่ฝาน ถึงแม้ว่าประตูอะพาร์ตเมนต์ของนายจะซ่อมเสร็จแล้ว แต่ที่ตรงนั้นคนพลุกพล่านดูไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ฉันก็เลยมองหาบ้านพักหลังใหม่ไว้ให้นาย ระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่า แถมอยู่ในเขตหมู่บ้าน คนแปลกหน้าไม่สามารถเข้าไปได้ แล้วมีการดูแลความเป็นส่วนตัวให้ผู้อยู่อาศัยด้วย” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานกะพริบตามองอู่ซือหานแล้วถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ “มอบให้ผม?”

        อู่ซือหานพยักหน้าพลางตอบ “ใช่ ฉันมอบให้นาย!”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานแล้วถามอย่างสงสัย “พี่ชาย ทำไมจู่ๆ ถึงใจดีกับผมแบบนี้?”

        “เย่ฝาน หยกที่นายมอบให้หาวเฉียงมันดูไม่เลวเลยนะ!” อู่ซือหานเอ่ยขึ้นด้วยความประหม่าเล็กน้อย

        เย่ฝานลูบหัวของอู่หาวเฉียงแล้วเอ่ยว่า “อืม หยกนั่นไม่เลวจริงๆ นั่นแหละ เอ๋ แต่เหมือนหยกนี่จะใช้พลังไปบ้างแล้วนี่ เซี่ยวเฉียง[1] นายโดนจับเรียกค่าไถ่อีกแล้วเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงส่ายหน้า “เปล่าครับ พอดีมีหมาตัวหนึ่งมันจะเข้ามากัดผม แต่จู่ๆ มันก็ลอยขึ้นแล้วกระเด็นออกไปเลยครับ อาเล็กรู้ไหมว่าอาน่ะเท่มากเลย!”

        เย่ฝานพยักหน้าและเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”

        ถังหนิงมองเย่ฝานก่อนถามด้วยความระมัดระวังว่า “น้องชาย! หยกนี่ถ้าเคยใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง ก็จะหมดพลังไปเลยหรือเปล่า?”

        เย่ฝานส่ายหน้า เขาตอบกลับไปว่า “ยังใช้ได้อยู่ครับ แต่ถ้าเมื่อไรที่แสงแวววาวหมดไปก็แสดงว่าใช้ไม่ได้แล้ว หยกนี่น่าจะยังใช้ได้อีกสองสามครั้งครับ” เย่ฝานมองอู่ซือหานแวบหนึ่ง พลันนึกขึ้นได้ว่าอู่ซือหานเป็นพวกต่อต้านไสยศาสตร์ เขาเลยเปลี่ยนคำพูดเป็น “ความจริงหยกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกครับ”

        ถังหนิง “…”

        อู่ซือหานถูกเย่ฝานมองก็รู้สึกว่าใบหน้าแดงก่ำ เขาเอ่ยว่า “อาฝาน หยกของเธอดูไม่เลวเลย บ้านตระกูลอู่เองก็มีสมาชิกอยู่หลายคน ถ้ายังไง...”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับ ผมจะทำให้พี่ชิ้นหนึ่ง”

        เย่ฝานครุ่นคิด อู่ซือหานมอบบ้านพักให้เขา เขาเองก็ควรตอบแทนกลับไปบ้าง ดังคำกล่าวที่ว่ามีคุณต้องทดแทน

        …

        ขณะที่เย่ฝานกำลังเตรียมตัวจะย้ายบ้าน เขาก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

        “ฮัลโหล ตาเฒ่าโจวนี่เอง! มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

        “เพื่อนเก่าของคุณหมดสติ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล! ในเมื่อถึงมือหมอแล้ว! จะโทรมาหาผมทำไมกัน?”

        “ขอแค่ทำให้คนไข้ฟื้นคืนสติได้ คุณก็จะให้เงินผมสิบล้านหยวนสินะ! งั้นดีเลย! แล้วผมจะรีบไป”

        หลังจากเย่ฝานวางสาย เขามองไปยังอู่ซือหานพลางพูดว่า “ลูกค้ามาแล้ว ตอนนี้ยังย้ายบ้านไม่ได้ ผมต้องไปโรงพยาบาลก่อน!”

        อู่ซือหานมองเย่ฝานแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “เย่ฝาน ตาเฒ่าโจวที่นายคุยด้วยคือผู้อาวุโสโจวหรือเปล่า?”

        “ก็พ่อค้าขายหยกเจ้าเล่ห์คนนั้นแหละครับ!” เย่ฝานตอบกลับ

        อู่ซือหาน “…” ถ้าอย่างนั้นก็คือผู้อาวุโสโจวนี่เอง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเชิญเย่ฝานไปรักษาสหายเก่าได้

        อู่ซือหานหัวเราะ “ฉันจะไปส่งนายเอง”

        เย่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ดีเลยครับ!”

        พอเย่ฝานเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ก็เห็นโจวจิ่นจือกำลังเดินไปมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน “เถ้าแก่โจว ถ้าผมทำให้คนไข้ฟื้นคืนสติได้ คุณจะให้ผมสิบล้านหยวนใช่ไหมครับ” เย่ฝานถามเข้าประเด็น

        อู่ซือหานทำตาโตมองเย่ฝานอย่างไม่สบอารมณ์ คิดในใจว่า เย่ฝานเจ้าโง่เอ๊ย มาพบคนอย่างโจวจิ่นจือทั้งที ยังไม่ทันจะสร้างความสัมพันธ์ก็จะเอาเงินจากเขาก่อนเสียแล้ว

        “อาฝาน จากชื่อเสียงของผู้อาวุโสโจว นายยังไม่เชื่อถืออีกเหรอ” อู่ซือหานตำหนิ

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “จะให้ผมเชื่อได้ยังไงกัน! ครั้งแรกที่ผมซื้อของจากเขา เขาก็คิดจะหลอกผมแล้ว”

        อู่ซือหาน “…”

        โจวจิ่นจือกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “จะให้ฉันโอนเงินให้นายสิบล้านหยวนก่อนเลยดีไหม!”

        “อย่างนั้นก็ดีสิ”

        โจวจิ่นจือ “…”

        อู่ซือหาน “…”

        “เย่ฝาน พวกเราเขาไปดูอาการของคนไข้ก่อนเถอะ” อู่ซือหานพูดประนีประนอม

        เย่ฝานพยักหน้าอย่างฝืนใจแล้วกล่าวว่า “ครับ”




…………………………………………………………………………………………………………..

       [1] เซี่ยวเฉียง เซี่ยวแปลว่าเล็ก ในที่นี้จึงหมายถึงเรียก ‘อู่หาวเฉียง’ ว่า ‘เฉียงน้อย’
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 28 (7/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 07-05-2020 17:16:06
อย่าท้านะตาเฒ่าโจว 555555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 28 (7/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-05-2020 19:44:47
นับวันยิ่งทั้งงกทั้งหน้าเลือดนะเย่ฝาน 555  ฮาไม่ไหวแล้วค่ะแต่ละคน แต่ละตระกูลตลก ไปเปิดคาเฟ่เถอะ 555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 28 (7/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 08-05-2020 17:15:14
เล่มที่ 1 ตอนที่ 29 ค่ารักษาพยาบาลห้าสิบล้านหยวน


        ทังหย่งจินกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียง

        ในห้องผู้ป่วยมีหมอชื่อดังสองสามคนกำลังร่วมกันวินิจฉัยโรค เมื่ออู่ซือหานเห็นผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงก็ต้องตกตะลึง

         ผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงคือเจ้าพ่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทังหย่งจิน ระยะนี้เขากำลังจะพัฒนาโครงการหนึ่งในเมืองชาง เหล่าตระกูลใหญ่ในเมืองชางต่างหาโอกาสร่วมมือทางธุรกิจกับเขา

        อู่ซือหานคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอบุคคลผู้นี้ในสถานที่แบบนี้ เพราะคนบ้านตระกูลเย่และตระกูลเลี่ยวแต่งงานกัน ทำให้ตระกูลอู่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว หากได้ผูกสัมพันธ์กับทังหย่งจินก็จะเป็นเรื่องดีมากๆ

        “คุณหมอทุกท่านได้ผลวินิจฉัยแล้วหรือยัง?” โจวจิ่นจือถามหมอเหล่านั้น

        “ผลการตรวจยังไม่ชัดเจน คงต้องรอดูรายงานผลการตรวจก่อนนะครับ” หัวหน้าทีมแพทย์ตอบ

        โจวจิ่นจือหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมว่าคุณหมอทุกท่านกลับไปประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน เรื่องวิธีการรักษาก่อนดีกว่าครับ”

        เนื่องจากเข้าใจดีว่าวิธีการรักษาของเย่ฝานออกจะประหลาดอยู่บ้าง ดังนั้นโจวจิ่นจือจึงไม่ต้องการให้มีคนเห็นมากนัก

        “ก็ดีเหมือนกัน” หมอเหล่านั้นได้แต่มองหน้ากันแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วย

        “นายพกยันต์ปัดเป่าโรคภัยมาไหม?” โจวจิ่นจือหันไปถามเย่ฝานด้วยน้ำเสียงจริงจัง

        “คุณรู้เรื่องยันต์ปัดเป่าโรคภัยได้ยังไง” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “เซี่ยวฉือเป็นคนบอกฉัน” หลังจากเกิดเรื่องที่สุสานโบราณ เซี่ยวฉือก็สอบถามเรื่องของเย่ฝานจากโจวจิ่นจือ แล้วยังถามถึงยันต์ปัดเป่าโรคภัยอีกด้วย แต่ถึงแม้เซี่ยวฉือจะไม่เล่าเรื่องยันต์ปัดเป่าโรคภัยให้ฟัง เขาก็พอจะรู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

        อู่ซือหานขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพราะตอนที่เย่ฝานเปิดแผงลอยขายยันต์นั้น เขานึกว่าเย่ฝานคงจะหลอกขายของต้มตุ๋นผู้อื่น นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ผู้อาวุโสโจวยังสนใจยันต์ของเย่ฝาน

        หลังจากที่อู่หาวเฉียงถูกลักพาตัว เขาเคยบอกว่าถ้าพ่อไม่โยนยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยของเขาทิ้งถังขยะ เขาก็คงไม่ถูกลักพาตัวไป ในเวลานั้นอู่ซือหานคิดว่าลูกชายของเขางมงายเกินไป ทำให้เขาสงสัยในตัวลูกชายอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เขากลับเสียใจที่ทำแบบนั้น

        เย่ฝานส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่มีแล้ว ผมขายยันต์แผ่นละสองแสนหยวนให้กับคนทรงเจ้าคนหนึ่งไปแล้ว ”

        โจวจิ่นจือ “…” ผู้มีความสามารถอย่างจางเหวินเทาแห่งเขาหลงหู่ ไม่ใช่พวกทรงเจ้าอะไรอย่างที่ว่า “ทำไมนายถึงขายไปถูกๆ อย่างนั้นล่ะ”

        “ทำไงได้ล่ะ! คนที่ดูของเป็นมีไม่มาก เลยไม่มีใครซื้อยันต์ของผม” เย่ฝานตอบด้วยความกลัดกลุ้ม

        อู่ซือหาน “…” เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ดูของไม่เป็นเหรอ?

        “ไม่มียันต์ปัดเป่าโรคภัย แล้วจะรักษายังไงล่ะ!” โจวจิ่นจือถามด้วยความกังวล

        เย่ฝานเปิดเปลือกตาของทังหย่งจินดูทั้งสองข้างแล้วพูดว่า “หมอนี่ถูกวางยาพิษ ยันต์ปัดเป่าโรคภัยยังไงก็รักษาไม่ได้”

        “ถูกวางยา เขาถูกวางยาได้ยังไงกัน?” โจวจิ่นจือถามด้วยสีหน้าหนักใจ

        เย่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ผมจะไปรู้ได้ยังไงกัน ผมไม่ใช่คนวางยาเขาสักหน่อย พิษที่เขาโดนเป็นพิษออกฤทธิ์ช้า น่าจะยังเหลือเวลาอีกระยะหนึ่ง”

        “แล้วพอจะมีทางช่วยไหม?” โจวจิ่นจือถาม

        เย่ฝานไม่ได้ตอบตรงๆ แต่กลับถามว่า “แค่ผมทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ คุณก็จะให้เงินผมใช่ไหม?”

        โจวจิ่นจือพยักหน้าตอบว่า “ใช่”

        “งั้นก็ไม่ยาก” เย่ฝานกรีดนิ้วมือของทังหย่งจินแล้วพยุงเขาขึ้นมานั่ง จากนั้นจี้ลงไปที่จุดเลือดลมบนร่างกายหลายจุด

        ปราณบริสุทธิ์ของเย่ฝานไหลเข้าสู่ร่างกายของทังหย่งจิน เลือดสีดำไหลออกจากรอยแผลบนนิ้วที่โดนกรีด สิ่งที่ตามมากับเลือดคือกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว

        โจวจิ่นจือเห็นเลือดสกปรกที่ออกมาตามรอยแผลที่นิ้วแล้ว ในใจพลันสะอิดสะเอียน

        “เดี๋ยวอีกสักพักเขาก็จะฟื้นขึ้นมา” เย่ฝานกล่าว

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วพูดว่า “แค่นี้ก็พอแล้วเหรอ?”

        “ตอนนี้พิษในร่างถูกขับออกมาบางส่วนแล้ว น่าจะฟื้นเร็วๆ นี้ แต่ว่าเขาได้รับพิษเป็นเวลานานเกินไป หลังจากฟื้นแล้ว ถึงจะไม่ได้สัมผัสกับพิษอีก แต่ก็คงจะอยู่ได้แค่สองสามปีเท่านั้น” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง “แล้วจะทำยังไงดี?”

        “ก็ต้องรีบส่งคนออกไปน่ะสิ! จะให้เขามาเกิดเรื่องตอนที่อยู่กับคุณไม่ได้” เย่ฝานพูด

        โจวจิ่นจือ “...”

        “แล้วถ้าให้นายรักษาให้หายขาดเลยคิดเท่าไร นายลองเสนอราคามาซิ!” โจวจิ่นจือกล่าว

        “ห้าสิบล้านหยวน!” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วพูดอย่างจนใจว่า “นายนี้มันฉวยโอกาสซ้ำเติมตอนที่คนอื่นเดือดร้อนจริงๆ”

        เย่ฝานหัวเราะอย่างใจเย็นพร้อมพูดว่า “ตาเฒ่าโจว คุณก็รู้ว่าผมกำลังจีบเมียอยู่ แล้วยิ่งเมียของผมเป็นคนชอบเงินด้วยแล้ว ถ้าผมไม่ขยันหาเงิน จะจีบสำเร็จได้ยังไง! นี่ถ้าไม่เห็นแก่ที่คุณเคยให้โอกาสผมก่อนหน้านี้ ผมจะเอาเงินจากคุณหนึ่งร้อยล้านหยวนเลย!”

        โจวจิ่นจือ “นายนี่มัน...”

        “ห้าสิบล้าน ฉันจ่าย” ทันใดนั้นชายชราผู้นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเฉียบคมดุจใบมีด

        เย่ฝานหันไปมองชายชราบนเตียงผู้ป่วย เขายิ้มอย่างสดใสแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า คุณนี้รู้ธรรมเนียมดีมาก! รู้ดีกว่าพ่อค้าขายหยกเจ้าเล่ห์คนนี้ซะอีก”

        อู่ซือหาน “…”

        ทังหย่งจินฝืนยิ้มออกมา เขาพูดว่า “งั้นเหรอ?”

        เย่ฝานรีบพยักหน้าแล้วตอบว่า “ก็ใช่น่ะสิ!”

        “ไม่ทราบว่าฉันถูกพิษจากอะไรกันแน่?” ทังหย่งจินถาม

        เย่ฝานครุ่นคิดแล้วตอบว่า “น่าจะเป็นพิษจากจื่อชิ่น เป็นพิษที่มักจะเจอบ่อยๆ จากของเก่าที่ขุดขึ้นมาจากสุสานโบราณ มันจะแทรกซึมไปทางผิวหนัง ถ้าคุณชอบเล่นของเก่า ก็น่าจะถูกพิษเอาได้ง่ายๆ”

        ทังหย่งจินหัวเราะและพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง คงต้องรบกวนให้นายปรุงยาแก้พิษให้หน่อยนะ”

        “สำหรับเรื่องนี้! รบกวนคุณจ่ายค่ามัดจำมาก่อนได้ไหม ผมจะได้เอาเงินไปซื้อสมุนไพร!” เย่ฝานยิ้มอายๆ พร้อมถามเข้าประเด็น

        “ได้ เอาหมายเลขบัญชีของนายให้ฉันสิ”

        เย่ฝานขมวดคิ้วก่อนหันมามองอู่ซือหาน แล้วพูดกับเขาว่า “พี่ชาย ผมไม่ได้เอาบัตรมา ผมขอยืมหน่อยสิ”

        อู่ซือหานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณทังเป็นคนมีชื่อเสียง นายคิดว่าท่านจะไม่มีเงินสิบกว่าล้านหยวนให้นายเหรอ?”

        เย่ฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ชาย ขอยืมบัตรหน่อยสิ”

        ทังหย่งจินหัวเราะแล้วพูดกับอู่ซือหานว่า “คุณคงเป็นลูกชายตระกูลอู่ น้องชายคุณขอยืมบัตร คุณก็ให้เขายืมเถอะ”

        อู่ซือหานยิ้มพลางรับคำด้วยความประหม่า “ครับ”

        ทังหย่งจินโอนเงินห้าสิบล้านหยวนเข้าบัญชีของอู่ซือหานอย่างง่ายดาย เย่ฝานพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ผู้อาวุโสท่านนี้รู้ธรรมเนียมดีกว่าพ่อค้าเจ้าเล่ห์คนนี้ซะอีก คุณวางใจเถอะ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”


        ทังหย่งจินมองโจวจิ่นจือที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและพูดว่า “งั้นเหรอ ที่แท้ฉันรู้ธรรมเนียมดีกว่าพี่โจวซะอีก”
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 29 (8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 08-05-2020 22:26:46
ค้าขายแบบนี้เย่ฝานนี่ร่ำรวยจริงๆ  แต่ก็นะ เพราะเก่งและบ้าแบบนี้ไง 555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 29 (8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 08-05-2020 23:58:44
555555555555ขำจนไม่รู้จะขำไงเเล้ว ขนาดนี้เเล้วคุณชายไป๋ต้องเเต่งด้วยเเล้วแหล่ะหาเงินเก่งอย่างนี้555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 29 (8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 09-05-2020 12:28:09
เมียชอบคนรวย ต้องขยันหาตังค์ ขำไม่ไหว
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 29 (8/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Kawebook.com ที่ 09-05-2020 14:05:46
เล่มที่ 1 ตอนที่ 30 เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์


        หลังจากเย่ฝานได้รับเงินแล้วก็จากไป อู่ซือหานรู้สึกไม่วางใจจึงตามเขาไปด้วย

        “นายมั่นใจไหม?” อู่ซือหานถามเย่ฝาน

        “มั่นใจอะไรครับ?” เย่ฝานถามกลับ

        “ก็เรื่องถอนพิษไง!” อู่ซือหานตอบ

        เย่ฝานตอบพร้อมหัวเราะ “นั่นมันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ผมรอบรู้เหตุการณ์ทั้งในสมัยโบราณและปัจจุบัน มีความสามารถรอบด้าน แค่ปรุงยาถอนพิษก็ง่ายเหมือนยกมือเท่านั้นเอง”

        อู่ซือหานมองเย่ฝานและพูดอย่างไม่วางใจ “นายรู้ว่าไหมว่าเขาเป็นใคร เขาคือเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ทังหย่งจิน แค่เขาย่ำเท้า ทั้งวงการอสังหาริมทรัพย์ก็สั่นสะเทือนแล้ว”

        “เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์! ถ้าอย่างนั้นหมอนั่นก็มีเงินเยอะน่ะสิ ฉันน่าจะเรียกเงินมากกว่านี้หรือเปล่า” เย่ฝานครุ่นคิดขณะลูบคางของตน

        อู่ซือหานพูดอย่างจนใจ “นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าจะขอเงินเพิ่มดีไหม แต่นายควรจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา เพื่อผูกไมตรีอันดีนะ”

        เย่ฝานโบกมือปฏิเสธ “อืม ช่างเถอะ! เรื่องนี้มันยุ่งยากเกินไป พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ผมจีบภรรยาจนเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย ไม่มีกะจิตกะใจจะสร้างสัมพันธ์กับใครหรอก...”

        อู่ซือหานพูดอย่างคาดหวังว่า “นายต้องรู้นะว่าพวกเราทำผิดต่อคนคนนี้ไม่ได้!”

        “ทำไมผมต้องผิดต่อเขาด้วย?” เย่ฝานถามอย่างไม่เข้าใจ

        อู่ซือหาน “…”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ตอนนี้ผมมีเงินแล้ว พวกเราไปย่านขายของเก่า เลือกซื้อเตาปรุงยากันดีกว่า!”

        อู่ซือหานถาม “ยาแก้พิษที่นายพูดถึง นายต้องปรุงเองเลยเหรอ?”

        เย่ฝานพยักหน้าตอบ “ก็ใช่น่ะสิครับ ไม่งั้นจะเอายาเม็ดจากที่ไหนล่ะ?”

        …

        หลังจากเย่ฝานจากไปไม่นาน หมอเหล่านั้นก็ทราบข่าวว่าถังหย่งจินฟื้นแล้ว พวกเขาต่างดีใจกันมาก

        ทังหย่งจินมองหัวหน้าทีมแพทย์แล้วถามว่า “คุณหมอจ้าว ผลตรวจเลือดของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

        จ้าวหานตอบว่า “คุณทัง ผลการตรวจเลือดของคุณปกติดีทุกอย่าง ที่หมดสติไปกะทันหัน อาจเป็นเพราะเกิดความผิดปกติที่หัวใจครับ”

        “งั้นเหรอ?” น้ำเสียงราบเรียบของถังหย่งจิน ก็พอจะทำให้หมอพวกนั้นรู้ตัวดีว่าต้องออกจากห้องไปเสีย

        เมื่อถังหย่งจินทำให้หมอเหล่านั้นออกจากห้องผู้ป่วยไปได้ ในนั้นก็เหลือเพียงทังหย่งจินและโจวจิ่นจือ “ตาแก่โจว เจ้าหนุ่มนั่นเป็นใครกัน!”

        “เขาไม่ใช่คนดีอะไรหรอก แต่มีความสามารถโดดเด่น” โจวจิ่นจือกล่าว

        จางเหวินเทาแห่งเขาหลงหู่ก็ดูจะชอบใจเย่ฝานไม่น้อย คนที่ฝึกฝนจากเขาหลงหู่ส่วนมากเป็นผู้มีความสามารถทั้งนั้น

        “เรื่องในครั้งนี้ต้องขอบคุณนายจริงๆ ไม่งั้นฉันคงแย่แน่ๆ” ทังหย่งจินก้มหน้า คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

         “นายนี่ก็เหลือเกินนะ ชอบจริงๆ เลยไอ้พวกของเก่าที่ไม่รู้ที่มาที่ไป ของพวกนั้นจะว่าดีก็ดี แต่มันนำเรื่องวุ่นวายเข้ามาด้วยนี่สิ”

        โจ่วจิ่นจือพูดตำหนิ

        ทังหย่งจินหัวเราะแล้วพูดว่า “รู้แล้วน่า รอฉันกลับไป แล้วฉันจะจัดการกับของพวกนั้นเอง”

        …

        ณ บ้านพักของเย่ฝาน

        “พี่ส่งยาแก้พิษไปแล้วเหรอ?” เย่ฝานมองอู่ซือหานที่เดินเข้าบ้านมา แล้วถามอย่างเกียจคร้าน

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วถามว่า “ส่งไปแล้ว ยานั่นใช้ได้จริงๆ เหรอ?”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานแล้วหัวเราะพลางตอบ “วางใจเถอะพี่ชาย กินแล้วไม่ตายหรอก”

        อู่ซือหาน “…” เย่ฝาน เจ้าหมอนี่พูดจาแบบนี้แล้วจะให้เขาวางใจได้อย่างไร

        “นายกำลังทำอะไรอยู่?” อู่ซือหานถาม

        “ผมกำลังปรุงยาอยู่” เย่ฝานตอบ

        “นายคงจะไม่ได้เลียนแบบพวกพระราชาในสมัยก่อน ที่ชอบปรุงยาอายุวัฒนะ สุดท้ายก็กินยาจนตายด้วยน้ำมือของตัวเองหรอกนะ” อู่ซือหานพูดด้วยความกังวล

        เย่ฝานกวาดตามองอู่ซือหานแล้วพูดว่า “พี่ชาย พี่คิดมากเกินไปแล้ว พวกไร้ความสามารถแบบนั้นจะเอามาเทียบกับผมได้ยังไง!”

        ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น โทรศัพท์ของอู่ซือหานก็ดังขึ้น

        “คุณพ่อ มีเรื่องอะไรหรือครับ!”

        “อะไรนะครับ กลุ่มธุรกิจสกุลทังต้องการร่วมธุรกิจกับเรา”

        อู่ซือหานวางสายจากอู่โหวเซวียน สีหน้าของเขาเปี่ยมสุขในทันใด “น้องชาย คุณพ่อเจรจาโครงการที่เราจะร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสกุลทังสำเร็จ นี่เป็นเพราะนายแท้ๆ เลย”

        เย่ฝานพยักหน้าพร้อมพูดว่า “อ๋อ ถ้าอย่างนี้! อย่าลืมแบ่งเงินปันผลให้ผมด้วยนะครับ ผมยังต้องหาเงินไปแต่งเมีย”

        อู่ซือหานพยักหน้ารับคำ “ได้สิๆ ฉันไม่ลืมนายแน่”

        อู่ซือหานคิดในใจ ทังหย่งจินไม่ใช่คนที่ใครจะล้อเล่นกับเขาได้ ในเมื่อกลุ่มธุรกิจสกุลทังยินดีจะร่วมมือกับตระกูลอู่ อย่างนี้แสดงว่ายาของเย่ฝานใช้ได้ผล อู่ซือหานมองน้องชายของตนอย่างคาดไม่ถึง

        …

        ณ บ้านตระกูลเลี่ยว

        “คุณพ่อ เป็นอะไรไปคะ?” เลี่ยวถิงถิงเอ่ยถามหลังจากเห็นใบหน้าบอกบุญไม่รับของเลี่ยวเหอ

        เลี่ยวเหอส่ายหน้า ตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราเจรจาร่วมธุรกิจกับกลุ่มธุรกิจสกุลทังไม่สำเร็จ”

        เลี่ยวถิงถิงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เป็นไปได้ยังไงกัน ก่อนหน้านี้การเจรจาราบรื่นทุกอย่างไม่ใช่เหรอคะ? อีกอย่างประธานทังหย่งเหอก็รับปากแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะร่วมโครงการกับเรา?”

        “ทังหย่งเหอก่อเรื่องไม่ดีไว้ ตอนนี้ถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว” เลี่ยวเหอกล่าว

         “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? สองพี่น้องทังหย่งจินและทังหย่งเหอสนิทสนมกันมาก ทังหย่งจินจะฟังคำพูดของทังหย่งเหอเสมอไม่ใช่เหรอคะ?”

         “ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น! จากความปรองดองกลายเป็นความแค้นในตระกูลใหญ่ มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทังหย่งเหอคงจะฝ่าฝืนข้อห้ามบางอย่างของทังหย่งจินก็เลยต้องเจอแบบนี้ แต่ที่น่าห่วงก็คือกลุ่มธุรกิจตระกูลทังตกลงร่วมธุรกิจกับตระกูลอู่แล้ว!”

        เลี่ยวเหอพูดด้วยความไม่พอใจ

        “ทำไมถึงเลือกตระกูลอู่?” เลี่ยวถิงถิงถาม

        “พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินว่าตระกูลอู่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจสกุลทังครั้งนี้ พวกเขาเอื้อประโยชน์ให้ตระกูลอู่มากเลยทีเดียว กำไรที่ได้ก็จะมอบให้พวกตระกูลอู่เป็นส่วนใหญ่!” เลี่ยวเหอพูด

        เลี่ยวถิงถิงพูดด้วยความแปลกใจ “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้?”

        ตระกูลเย่และตระกูลเลี่ยวเดิมทีคิดจะโค่นตระกูลอู่ หากกลุ่มธุรกิจสกุลทังให้การสนับสนุนตระกูลอู่ แผนการนี้ของพวกเขาคงถึงคราวต้องคว้าน้ำเหลว

        เลี่ยวเหอส่ายหน้า พูดว่า “เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ถิงถิง ลูกรู้เรื่องเย่ฝานมากน้อยแค่ไหน?”

        เลี่ยวถิงถิงพูดอย่างไม่พอใจ “คุณพ่อพูดถึงไอ้สวะนั่นทำไมกันคะ?”

        “เจ้าหมอนั่นพักนี้แปลกๆ ไป” เลี่ยวเหอกล่าว “เจียงไห่หลินกับเฉียนอวี้สนิทสนมกับเขา เรื่องนี้ยังไม่เท่าไร แต่ว่าผู้อาวุโสโจวเหมือนจะให้ความสำคัญกับเขามาก พ่อได้ข่าวมาว่าที่กลุ่มธุรกิจสกุลทังร่วมมือกับตระกูลอู่ในครั้งนี้ สาเหตุหลักๆ ก็เพราะเย่ฝานด้วยเหมือนกัน”

        เลี่ยวถิงถิงพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “คุณพ่อได้ยินมาผิดหรือเปล่าคะ?”

        เลี่ยวเหอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พ่อก็หวังว่าจะได้ยินมาผิดเหมือนกัน ลูกจำเรื่องที่อู่หาวเฉียงถูกลักพาตัวก่อนหน้านี้ได้ไหม ตอนนั้นก็เป็นเย่ฝานที่เป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ บางทีเจ้าหมอนี่อาจเก็บงำความสามารถของตนมาตลอด”

        …

        เย่ฝานอยู่ที่บ้านพักใช้ฟันกัดด้ามปากกา ใบหน้าแสดงออกถึงความยุ่งเหยิง

        อู่หาวเฉียงมองดูเย่ฝานแล้วพูดว่า “คุณอาเป็นอะไรไปครับ!”

        “อากำลังคิดว่าจะเขียนจดหมายให้อาสะใภ้ยังไง!”

        อู่หาวเฉียงครุ่นคิดพลางพูดว่า “ผมว่าเขียนไปยังไงก็ได้มั้ง อาครับ ยานี่จะส่งให้อาสะใภ้เหรอครับ?”

        เย่ฝานพยักหน้าพูดว่า “ถูกต้อง! อาสะใภ้ของนายร่างกายไม่แข็งแรง มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ก็นับว่าเก่งแล้ว!”

        “คุณอาครับ เมื่อไรคุณอาจะปรุงถั่วเคลือบน้ำตาลให้ผมกินบ้าง!” อู่หาวเฉียงถาม

        “ไปๆ อย่าพึ่งมากวนอา ยาดียังไงก็ตามแต่ถ้ากินบ่อยๆ ก็เกิดโทษได้ ยาน่ะจะกินเรื่อยๆ ไม่ได้นะ”

        “คุณอา มีคนมาครับ”

        เย่ฝานมองออกไปนอกบ้าน ก็เห็นโจวจิ่นจือและทังหย่งจินเดินตามกันเข้ามาที่บ้านของเขา

        พอโจวจิ่นจือมาถึงก็เห็นขวดยาวางอยู่บนโต๊ะและยังมีจดหมายที่เขียนได้เพียงครึ่งฉบับ จดหมายนั้นเริ่มต้นว่า ‘อาซีทีรัก หนึ่งวันไม่พบพาน ประหนึ่งห่างกันสามฤดูใบไม้ร่วง สามวันไม่พบพาน คะนึงหาจนแทบคลั่ง’ ข้อความที่เห็นทำให้โจวจิ่นจือหมดคำพูดไปทันใด

        “คุณชายเย่จะส่งของไปให้คุณชายไป๋งั้นหรือ”

        เย่ฝานพยักหน้ารับ “ใช่ครับ เขาส่งของแทนใจมาให้ผม ผมต้องส่งกลับคืนไปบ้างครับ!”

        “คุณชายไป๋ส่งของแทนใจให้นายหรือ?” โจวจิ่นจือพูดด้วยความสงสัย

        เย่ฝานพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ถูกต้อง เขาส่งสมุนไพรล้ำค่ามาให้ผมครับ”

        โจวจิ่นจือ “…”

        ทังหย่งจินถามด้วยความสงสัย “คุณชายเย่รู้จักคุณชายไป๋ด้วยเหรอ?”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วบอกว่า “ใช่ครับ! ผมเคยเจอกับคุณตาของเขาแล้ว!”

        โจวจิ่นจือส่ายหน้าพลางคิดในใจว่า เย่ฝาน… เจ้าหมอนี่พูดอย่างกับตนเป็นคู่รักกับคุณชายไป๋แล้ว แถมยังไปพบผู้ปกครองฝ่ายโน้นมาแล้วด้วย

        ทังหย่งจินได้ยินคำตอบของเย่ฝาน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งในตัวอีกฝ่าย

        “คุณอาโจว ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ!” เย่ฝานถามอย่างไม่ใส่ใจ

        “ความจริงแล้ว เป็นตาเฒ่าทังต่างหากที่อยากเจอนาย” โจวจิ่นจือกล่าว

        เย่ฝานหันไปทางทังหย่งจิน กลอกตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “ร่างกายของคุณคงจะหายดีแล้วนะ!”

        ทังหย่งจินหัวเราะพร้อมพูดว่า “ก็เป็นเพราะคุณชายเย่ช่วยฉันไว้ ไม่รู้ว่าคุณชายเย่สนใจอยากดูสมบัติที่ฉันสะสมไว้ไหม พอดีตอนนี้กำลังจะปล่อยของเก่าเพิ่มอีกบางส่วน หากคุณชายเย่ต้องตาชิ้นไหนก็เอาไปสักชิ้นสองชิ้นสิ”

        เย่ฝานมองทังหย่งจิน ก่อนหัวเราะแล้วพูดว่า “ดีเหมือนกันครับ!” ไม่ต้องลงทุนอะไรกลับได้ของมาครอบครอง ทังหย่งจินเป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ของที่มีอยู่ในมือจะต้องเป็นของดีแน่ๆ  

        เย่ฝานมองโจวจิ่นจือกลับและพูดว่า “เพื่อนของคุณอาคนนี้ รู้ธรรมเนียมดีกว่าคุณอาซะอีก คุณอาควรจะเรียนรู้จากเขาให้มากนะ!”

         โจวจิ่นจือ “…”

        “ยานี่นายจะมอบให้คุณชายไป๋ใช่ไหม งั้นให้ฉันช่วยนายเอาไปให้ดีไหม?” โจวจิ่นจือถาม

        เย่ฝานพยักหน้ารับคำ “มันก็ได้อยู่หรอก แต่ผมยังเขียนจดหมายไม่เสร็จเลย”

        “จดหมายเขียนแค่นี้ก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรมากมาย” โจวจิ่นจือพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        “งั้นเหรอครับ?” เย่ฝานถามด้วยความสงสัย

        โจวจิ่นจือหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็ใช่น่ะสิ” ยังไงคุณชายไป๋ก็ไม่อ่านจดหมายที่นายเขียนอยู่แล้ว

        …

        เย่ฝานพาอู่หาวเฉียงเดินตามโจวจิ่นจือและทังหย่งจินออกไป ขณะกำลังเดินออกมาจากบ้านพัก เขาก็เห็นเฉียนอวี้มาเยือน

        “คุณชายเฉียน นายมาหาฉันเหรอ!”

        เฉียนอวี้เห็นโจวจิ่นจือและทังหย่งจินก็รู้สึกคาดไม่ถึง เขารีบเข้าไปทักทายคนทั้งสองทันที

        “คุณชายเย่ เอ่อคุณ...”

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้แวบหนึ่ง จากนั้นชี้ไปที่ทังหย่งจินและพูดว่า “เถ้าแก่คนนี้เขาจะมอบของให้ฉัน ฉันก็เลยจะไปกับเขาด้วย ถ้านายมีธุระกับฉันล่ะก็ เอาไว้ค่อยมาวันหลังนะ”

        เฉียนอวี้มองทังหย่งจินแล้วหันไปมองเย่ฝาน เขารีบกล่าวว่า “พวกคุณเชิญตามสบายครับ”

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานที่ค่อยๆ เดินไกลออกไปพลางทอดถอนใจ

        ครั้งก่อนตอนที่บุกเข้าไปช่วยอู่หาวเฉียงพร้อมกับเย่ฝาน เขาก็รู้ดีว่าคนอย่างเย่ฝานจะต้องกลายเป็นคนมีชื่อเสียงสักวัน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานจะก้าวกระโดดได้เร็วขนาดนี้ ข่าวที่ได้รับจากบ้านตระกูลเฉียงแม่นยำจริงๆ ก่อนจะมาที่นี่เฉียนอวี้ก็ทราบแล้วว่ากลุ่มธุรกิจบ้านสกุลทังได้ตัดสินใจร่วมธุรกิจกับตระกูลอู่ เฉียนอวี้ได้เห็นสถานการณ์เมื่อครู่ เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดตระกูลทังจึงเปลี่ยนใจ

        ก่อนหน้านี้ตระกูลเลี่ยวหวังจะได้ร่วมธุรกิจกับตระกูลทัง พวกเขาลงทุนไปไม่น้อย ตอนนี้ดูท่าทางคงจะคว้าน้ำเหลวเสียแล้ว


        เลี่ยวเหอมั่นใจว่าตนเองมองคนถูก แต่ครั้งนี้เกรงว่าคงจะมองผิดไป เขาสลัดเย่ฝานทิ้งแล้วหันไปเลือกเย่จื้อเจ๋อ อีกหน่อยหากเย่ฝานเจริญก้าวหน้า เขาคงจะเสียดายจนแทบกระอักเลือด
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-05-2020 14:47:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-05-2020 16:51:07
 :pig4: สนุกดีจ้า แหมะ หมั่นไส้ความมั่นหน้าและความเก่งกล้าของเฮียเขาจริงๆ เราจะรอชมการจีบน้องซีว่าจะสำเร็จเมื่อไร คนอะร๊ายย เก๊ง เก่ง เน๊าะ  :m20:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: yunjae_yusoo_mi ที่ 09-05-2020 17:58:28
จบเล่ม 1 ที่ให้อ่านฟรีแล้ว
จะมีลงต่อรึเปล่านะ

 :catrun:

หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 09-05-2020 18:03:09
 o13
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-05-2020 16:02:20
คงจะเป็นยังงั้นแหละ กระอักเลือดชิบๆ 55 ของฟรีของดีของถูก เย่ฝานไม่พลาด ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโต โอ้วว้าววว ร่ำรวยไปหน้า แต่ว่านะโคตรเสี่ยวเลยเขียนจดหมายหาอาซี หน้าไม่ให้เลยอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: Jackson98 ที่ 10-05-2020 16:19:22
สิ่งนี้จะทำให้คุณสนใจอย่างแน่นอน - https://mmo.tc/NrLB
  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 10-05-2020 19:25:15
คงกระอักเลือดตายกันทั้งบาง5555555
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-05-2020 08:11:40
รอๆๆ :z3: :z2: :z10:
หัวข้อ: Re: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-05-2020 16:12:02
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: