[นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)  (อ่าน 9008 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สวัสดีจ้าเพื่อน ๆ รบกวนอ่านข้อตกลงด้านล่างก่อนนะ
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


____________________________________________



ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥


เล่มที่ 1 ตอนที่ 1 อัจฉริยะเกิดใหม่


        ณ ห้องผู้ป่วยที่เงียบและวังเวง กลิ่นยาฆ่าเชื้อลอยฟุ้ง

        นอกห้องผู้ป่วย พยาบาล 2 คนที่เข้าเวรกำลังคุยสัพเพเหระกันอยู่

        “คุณชายในห้องพิเศษหล่อมากเลยนะ”

        “หล่ออะไรล่ะ เขาเป็นโรคจิตละสิไม่ว่า กำลังจะหมั้นอยู่แล้ว ยังออกไปเที่ยวผู้หญิง เพิ่งถูกจับได้จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวใหญ่โตเชียวล่ะ”

“ได้ยินว่าถูกจับมาเพราะเล่นยา ลูกคนมีเงินก็เป็นอย่างนี้แหละ!”

        …

        เย่ฝานนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยกลอกตาไปมา ไม่เข้าใจว่าตนเองมาอยู่ในร่างของคนที่มีชื่อแซ่เหมือนกันได้อย่างไร

         เย่ฝานเกิดในสำนักที่มีบิดาเป็นผู้อาวุโส มีปู่เป็นเจ้าสำนักเมฆครามในอาณาจักรชางเสวียน พี่ชายเป็นศิษย์ผู้ยอดเยี่ยมและเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สอง

        ตอนที่เย่ฝานเกิดได้ปรากฏเหตุการณ์อัศจรรย์ขึ้น มีดาวจื่อเหวยตกลงมาจากท้องฟ้า ทั่วทั้งสำนักสั่นสะเทือน ทุกคนต่างก็เชื่อว่าเย่ฝานจะสามารถฝึกฝนจนเป็นอัจฉริยะได้

        น่าเสียดายที่ตอนอายุ 5 ขวบ เย่ฝานได้ทดสอบรากวิญญาณ แต่ปรากฏว่าเขาไม่มีรากวิญญาณอยู่เลย

        ลิขิตฟ้ามักเล่นตลกกับคนอยู่เสมอ แม้เขาจะไม่มีรากวิญญาณ แต่ร่างกายกลับมีวิญญาณธาตุเก้าสี

        ผู้ที่มีวิญญาณธาตุเก้าสีในโลกของผู้ฝึกตนล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นด้านการปรุงยา ด้านตีเหล็ก ด้านอักขระ ด้านกลยุทธ์หรือด้านฝึกสัตว์ แต่เสียดายที่เขามิอาจฝึกตนได้ เมื่อไม่สามารถฝึกตนได้หลังจากผ่านไปร้อยปีร่างก็จะสลายไปตามกาลเวลา ไม่ว่าสิ่งใดล้วนต้องกลับสู่ความว่างเปล่า

        เย่ฝ่านโชคดีที่เกิดในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อของเขามิได้ทอดทิ้งเขาเพียงเพราะเขาไม่สามารถฝึกตนได้

        แม้เขาจะมิอาจฝึกตนได้ แต่สามารถเข้านอกออกในหอตำราของสำนักได้อย่างอิสระ ในเวลาไม่กี่ปีเย่ฝานก็อ่านตำราของสำนักจนหมด จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฏี

        คำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาช่วยขจัดปัญหาของเจียงหานจูผู้เป็นแม่ ทำให้นางกลายเป็นผู้อาวุโสขั้นจินตันได้  คำพูดของเขาได้ช่วยทลายพันธนาการในการปรุงยาให้กับผู้อาวุโสปรุงยาประจำสำนัก ทำให้ผู้อาวุโสท่านนั้นปรุงยาได้สำเร็จมากขึ้น 2 เท่า และคำชี้แนะของเขาทำให้พี่ชายเย่ฉี่เสียน สำเร็จเคล็ดวิชาเก้ากระบี่

        ทว่าเมื่อเขามิอาจฝึกตน อย่างไรก็เป็นผู้อ่อนแออยู่ดี แค่เพียงออกไปพบคู่หมั้นเพื่อถอนหมั้น กลับถูกดึงเข้าไปในวงล้อมการต่อสู้ของนักพรตสองคนและตายจากผลพวงของการต่อสู้นั้น

        เย่ฝานนอนอยู่บนเตียงยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น การฝึกตน ต้องนำให้ลมปราณไหลเวียนไปยังจุดตันเถียน การเริ่มขั้นตอนนี้เขาลองมาหลายพันครั้งในชาติที่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ทว่าในสภาพที่ไร้ลมปราณเช่นนี้เขากลับทำสำเร็จได้

        เย่ฝานขมวดคิ้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า ที่แห่งนี้พลังปราณอ่อนจริงๆ แต่ขอเพียงสามารถฝึกลมปราณได้ คงจะขออะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

        เย่ฝานหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา เวลาห้าวันที่ผ่านไป เพียงพอให้เย่ฝานเรียกความทรงจำจากร่างเดิมกลับคืนได้ทั้งหมด

        ร่างเดิมของเขาไม่อาจพูดว่าไม่โดดเด่น ในเมืองชางเฉิง มี 4 ตระกูลใหญ่ได้แก่ ตระกูลเย่ ตระกูลอู่ ตระกูลเลี่ยวและตะกูลเกา พ่อของเย่ฝานเป็นคนตระกูลเย่ ส่วนแม่เป็นคนตระกูลอู่ ตามหลักแล้วตระกูลใหญ่ดองกันเย่ฝานควรจะมีฐานะสูงส่ง แต่เขากลับเคราะห์ร้าย แม่ของเย่ฝานเสียชีวิตตอนที่คลอดเขา ตระกูลอู่คิดว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้แม่ตายจึงปฏิบัติต่อเขาไม่ดีนัก ตอนเย่ฝานอายุหนึ่งขวบ พ่อของเขาพาน้องชายที่อายุน้อยกว่าไม่มากเข้ามาในบ้าน พี่ใหญ่อย่างเย่ฝานจึงถูกเลี้ยงดูด้วยแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก

        ถึงแม้ว่าต่อหน้าแม่เลี้ยงจะดีกับเย่ฝาน แต่ลับหลังกลับแอบสร้างเรื่องอยู่ตลอด เช่นคดีเที่ยวผู้หญิงในครั้งนี้ เย่ฝานไปร่วมกินเลี้ยงตามคำเชิญยังสถานที่แห่งหนึ่ง แต่กลับถูกจัดฉากให้เข้าไปอยู่ในห้องของหญิงสาวที่ถูกทารุณกรรม จึงถูกตำรวจจับไปในที่สุด

        อันที่จริงเจ้าของร่างเดิมเสียชีวิตเพราะกินยานอนหลับ แต่ไม่รู้ทำไมจึงถูกลือว่าเป็นเพราะเล่นยาได้

        เย่ฝานลืมตาขึ้น พลิกตัวลงมาจากเตียง ร่างกายฟื้นฟูเกือบทั้งหมดแล้ว เย่ฝานจึงตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลและไปที่ร้านขายสมุนไพรเพื่อหาว่ามียาสมุนไพรตัวใดที่พอใช้ได้

        ในมือเย่ฝานมีบัตรเอทีเอ็มหนึ่งใบ ในบัตรมีเงินประมาณ 5 แสนหยวน นี่คงเป็นเงินทั้งเนื้อทั้งตัวของเจ้าของร่างเดิม


        หลังจากเจ้าของร่างเดิมก่อเรื่องอื้อฉาว เขาก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูล เย่ฝานจึงไม่อยากข้องเกี่ยวกับบ้านตระกูลเย่อีกต่อไป เพราะร่างเดิมไปทำให้พวกเขาเสื่อมเสียขนาดนั้น ทว่าหากคนของตระกูลเย่มาหาเรื่อง เขาก็ยินดีจะสั่งสอนพวกนั้นบ้าง


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2020 14:07:05 โดย Kawebook.com »

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 2  พบคนสำคัญนอกบ้าน

        เย่ฝานไปร้านยาสมุนไพรมา 7 ร้าน ซื้อยาจีนมากว่า 10 ชนิด เสียเงินไปกว่า 2 แสนหยวน เงินทองที่มีติดตัวหายไปมากกว่าครึ่ง เมื่อเงินทองหายไปรวดเร็วเช่นนี้ เย่ฝานก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้

        เย่ฝานนอนแช่น้ำในอ่างอย่างสบายอกสบายใจ พร้อมยกยิ้มที่มุมปาก

        ถึงแม้จะเสียเงินไปกว่า 2 แสนหยวน แต่ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณในร่างกายที่เพิ่มขึ้น เย่ฝานจึงรู้สึกดีใจอยู่บ้าง

        ชาติที่แล้วเขาถูกขนานนามว่าเป็นผู้รอบรู้ในด้านการฝึกตน ลูกศิษย์ในสำนักเมื่อพบปัญหาในการฝึกก็จะมาขอคำชี้แนะจากเขาเสมอ แต่ว่าเย่ฝานรู้ดีว่าลับหลังมีคนไม่น้อยที่ดูถูกเขา เซียนกับคนนั้นแตกต่าง ถึงเขาจะฉลาดขนาดไหน ก็อยู่ได้เพียงร้อยปี ส่วนนักพรตขั้นหยวนอิงมีชีวิตได้ถึง 2 พันปีทีเดียว แม้เย่ฝานจะแสร้งทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทว่าลูกศิษย์ในสำนักต่างก็มีวิทยายุทธ์เป็นเลิศ ในใจของเขาจึงไม่มีความสุขเท่าที่ควร

        เมื่อดูดซับยาที่เหลือจนหมดเกลี้ยง เย่ฝานก็ลุกออกจากอ่างอาบน้ำ

        เย่ฝานขยับมือและเท้า ครุ่นคิดวิธีหาเงิน ครั้งก่อนที่เขาไปร้านยาสมุนไพร ได้พบกับสมุนไพรที่มีประโยชน์ไม่น้อย แต่ว่าโสมอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีเพียงรากเดียวก็ราคาเป็นล้านแล้ว เย่ฟานรู้สึกอับอายกับเงินในกระเป๋าที่ไม่สามารถนำมาจ่ายค่าโสมนั้นได้

        …

        เย่ฝานหลับใหลอย่างสบายอารมณ์ พอตื่นแล้วก็ไปยังถนนกู่หวัน

        บนถนนกู่หวันมีผู้คนสัญจรไปมา เย่ฝานพบเห็นแต่แผงขายของปลอมเต็มถนน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง

        “พี่เฟย พระพุทธรูปหยกองค์นี้ไม่เลวเลยนะ!”

        “คุณผู้หญิงตาแหลมมาก พระพุทธรูปหยกองค์นี้ปลุกเสกมาจากเมืองชิงหย่วน ผู้ปลุกเสกอายุ 80 ปี เป็นยอดฝีมือที่แท้จริง” คำโบราณกล่าวไว้ว่า หยกมีคุณต่อเจ้าของ หากคุณผู้หญิงซื้อไว้ หยกนี้จะช่วยคุ้มครองได้ คุณผู้หญิงจะไม่ผิดหวังแน่นอน”

        “หยกนี้ราคาเท่าไรล่ะ!”

        “สามหมื่น!”

        หญิงสาวหันหน้าไปมองชายข้างกายอย่างมีความหวัง “พี่เฟย พี่ว่ายังไงคะ?”

        เย่เผิงเฟยมองไปที่หญิงสาว ข่มความเจ็บปวดไว้แล้วตอบอย่างเอาใจว่า “ในเมื่อเธอชอบ ก็ซื้อไว้เถอะ”

        เย่ฝานกำลังจะเดินจากไป ชายหนุ่มคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “โอ้ นี่ไม่ใช่คุณชายฝานหรือ ได้ยินว่าคุณถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลเย่ ตอนนี้คุณไปอยู่ที่ไหนล่ะ! คงไม่ได้นอนข้างถนนหรอกนะ!”

        “นายคือ?” เย่ฝานถาม

        “คุณชายฝานช่างขี้ลืมจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะจำฉันไม่ได้” ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนไป แสดงออกว่าไม่ชอบใจเท่าไรนัก

        เย่ฝานจ้องมองชายหนุ่มไม่กี่ครั้งก็พลันนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นญาติห่างๆ ของบ้านตระกูลเย่ คนคนนี้มักจะคลุกคลีอยู่กับน้องชายของแม่เลี้ยงเย่จื้อเจ๋อ ความรักที่เย่หงเหวินมีต่อเย่จื้อเจ๋อ มากกว่าที่มีให้กับเย่ฝาน ทำให้เย่ฝานไม่มีฐานะอะไรในบ้านตระกูลเย่ แม้กระทั่งคนรับใช้ในตระกูลก็ยังกล้าดูถูกเย่ฝาน

        “ฉันจำนายได้ นายเคยยืมเงินฉัน ตอนนี้นายจะคืนเงินฉันได้หรือยังล่ะ?” เย่ฝานถาม

        เย่เผิงเฟยหน้าแดงขึ้นมา ก่อนจะตอบกลับว่า “ใครยืมเงินนายกัน ประสาท!”

        เย่ฝานจับแขนของเย่เผิงเฟยไว้ แอบกดลงบนจุดเส้นลมปราณบนตัวของเย่เผิงเฟยไม่กี่จุด ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้

        “เมื่อ 2 เดือนก่อน ที่ร้านกาแฟซิงคง เขตซิงตง เมืองเฉิงหนาน นายยืมเงินฉันไป 2 แสน จำได้หรือยัง” เย่ฝานจี้จุดเส้นลมปราณบนร่างของเย่เผิงเฟยหลายจุดแรงขึ้น ทันใดนั้นเย่เผิงเฟยรู้สึกเหมือนโดนเข็มแทง

        “นึกออกแล้ว เงินแค่นั้นเองไม่ใช่หรือไง? ฉันคืนให้นายก็ได้”  เย่เผิงเฟยหัวเราะแห้งๆ

        เย่เผิงเฟยโอนเงิน 2 แสนเข้าบัญชีธนาคารของเย่ฝานอย่างว่าง่าย เย่ฝานเห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในบัญชีธนาคารก็ยิ้มและพูดว่า “วันนี้ฉันช่างโชคดีจริงๆ ออกจากบ้านปุ๊บ ก็เจอคนที่ติดหนี้ฉัน เหมือนกับว่ากำลังจะเคลิ้มหลับก็มีคนส่งหมอนมาให้อย่างนั้นแหละ”

        เย่เผิงเฟยเมื่อถูกเย่ฝานพูดใส่แบบนี้ เขาก็โกรธไปถึงทรวงใน

        “ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ขอตัวก่อนก็แล้วกัน” เย่ฝานโบกมือลาเย่เผิงเฟยแล้วจากไป

        หญิงสาวข้างกายเย่เผิงเฟยพูดอย่างแปลกใจว่า “พี่เฟย ทำไมถึงให้เงินกับเขาล่ะ!”

        “คนคนนี้ช่างน่าสงสารนัก เมื่อก่อนเป็นถึงคุณชาย แต่ตอนนี้ต้องกลายเป็นยาจก คิดเสียว่าสงเคราะห์คนจนก็แล้วกัน” ในใจเย่เผิงเฟยเต้นระรัว ใช่ว่าเขาอยากคืนเงินให้อีกฝ่ายเสียหน่อย แต่ถ้าไม่คืนก็ไม่ได้ เจ้าเย่ฝานคนนี้ เมื่อครู่ไม่รู้ว่าทำอย่างไรถึงทำให้เขาเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว

        “เจ้าเย่ฝานคนนี้ เหมือนมีบางอย่างแปลกๆ” หญิงสาวขมวดคิ้ว

        เย่เผิงเฟยคิดในใจว่า : ไม่น่าจะใช่นะ ตอนแรกเกือบจะจำเขาไม่ได้ ปกติแล้วเย่ฝานเป็นคนเงียบขรึม ชอบก้มหน้าก้มตา ท่าทางเหมือนคนที่มีแต่ความโศกเศร้า แต่ดวงตาเป็นประกายคู่นั้น กลับดูมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉงและสดใสมาก

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 3 ค้าขายไม่ง่ายเลย

        เย่ฝานไปที่ร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง เขาซื้อปากกาลงอักขระหนึ่งด้ามด้วยเงินสองพันหยวน ซื้อกระดาษลงอักขระแผ่นละหนึ่งร้อยหยวน จำนวนหนึ่งร้อยแผ่น และยังซื้อหมึกตราประทับ ถุงนำโชคและน้ำหมึกสีชาด เสียเงินไปทั้งหมดสองหมื่นหยวน

        หลังจากซื้ออุปกรณ์ลงอักขระแล้ว เย่ฝานยังซื้อสมุนไพรจีนสำหรับแช่ร่างอีกหนึ่งชุด

        เย่ฝ่านแช่ร่างดูดซับโอสถ แต่ในใจกลับมีความกังวลอยู่ไม่น้อย

        ในโลกที่เขาอยู่ตอนนี้ พลังปราณอ่อนเกินไป สภาพร่างกายของร่างใหม่นี้ก็ไม่ดีเท่าใดนัก เย่ฝานครุ่นคิด หากฝึกฝนด้วยการนั่งสมาธิ จนถึงอายุ 80 ปี ก็คงจะฝึกลมปราณสำเร็จเพียงไม่กี่ขั้น ฉะนั้นจะขาดยาวิเศษนี้ไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การหาเงินก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่คิดไม่ได้แล้ว

        เย่ฝานหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเริ่มเขียนยันต์ ในชาติที่แล้วเขาก็เคยเขียนยันต์ ต่อให้เป็นยันต์ที่เขียนยากเพียงใดเขาก็สามารถเขียนออกมาได้

        ทว่ามันต้องใช้พลังปราณไม่น้อยในการทำให้ยันต์มีพลัง แม้ว่ายันต์ที่เย่ฝานเขียนจะไม่มีข้อผิดพลาดเลย แต่เมื่อไม่มีพลังปราณมันก็เป็นเพียงอักขระไร้ค่า

        เย่ฝ่านใช้ความพยายามอยู่ 2 วัน ในที่สุดก็เขียนยันต์ได้สำเร็จ 6 แผ่น แต่พลังยุทธ์ของเขายังอ่อนด้อยนัก ทุกครั้งที่เขียนยันต์ก็จะสูญเสียพลังปราณในร่างไปจนหมด

        เมื่อมองไปยังยันต์ที่อยู่เบื้องหน้า เย่ฝานก็รู้สึกได้ว่าอนาคตข้างหน้าของเขากำลังจะสดใส

        ใต้สะพานลอยของตึกหงซิง เป็นแหล่งทำมาหากินของหมอดูทุกแขนง วันนี้ได้ปรากฏแผงลอยของชายหนุ่มในชุดลำลอง ข้างแผงยังมีเสาหนึ่งต้นที่ปักถังหูลู่[1] เต็มไปหมด

        “นี่น้องชาย นายขายถังหูลู่หรือ? ถ้าขายถังหูลู่น่ะ นายต้องเดินไปเดินมา เรียกคนมาซื้อของสิ”

        เย่ฝานกวาดสายตามองอาจารย์หยวน ผู้มีฉายาว่าผู้สืบทอดวิชาแห่งหยวนเทียนกัง จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ขายถังหูลู่”

        “ถ้าอย่างนั้นนายขายอะไรล่ะ?”

        “ผมมาขายยันต์”

        “นายคงจะขายยันต์เป็นหลัก และขายถังหูลู่เสริมด้วยล่ะสิ”

        เย่ฝานส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ ถังหูลู่นี้ผมไม่ได้ขาย แต่ผมจะกินเองต่างหาก”

        อาจารย์หยวนมองเย่ฝานแล้วส่ายหัวอย่างจนใจ ก่อนจะแอบคิดในใจว่า :  เจ้าเด็กนั่นรูปหล่อแต่ช่างโง่เขลานัก น่าเสียดายจริงๆ กินถังหูลู่ไปด้วย ขายยันต์ชั้นสูงแบบนั้นไปด้วย แล้วใครจะมาซื้อกันเล่า!

        เย่ฝานเกิดในสำนักปี้อวิ๋น ตอนเขาเกิดพ่อและพี่ชายก็สามารถฝึกตนถึงขั้นอดอาหารได้แล้ว

        ผู้บำเพ็ญตนล้วนใส่ใจกับเรื่องจิตบริสุทธิ์และการลดกิเลส ผู้ฝึกตนคนใดที่มัวเมากับกิเลสของปากท้องของตน มักถูกผู้คนดูแคลน

        ตั้งแต่เย่ฝานจำความได้ ก็กินยาลูกกลอนเพื่ออดอาหารตามพ่อของเขา ยี่สิบกว่าปีมานี้ เขาพลาดลิ้มลองอาหารรสเลิศมาไม่รู้เท่าไร เมื่อได้กลับมายังโลกใบนี้ ถังหูลู่เพียงไม้เดียวก็ทำให้เขาอิ่มอกอิ่มใจได้

        เย่ฝานไม่เข้าใจจิตใจของอาจารย์หยวน ได้เพียงแต่พูดอย่างกลัดกลุ้มว่า “ทำไมถึงไม่มีคนมาซื้อนะ!”

        อาจารย์หยวนทอดถอนหายใจแล้วพูดว่า “ปีนี้ค้าขายไม่ดีเลย!” เอะอะก็คัดค้านความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แล้วยังจะการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะการพยากรณ์ดวงดาวเอย! ไพ่ทาโรต์เอย! ยุ่งเหยิงไปหมด ไม่ง่ายเลยจริงๆ!

        เย่ฝาน “…”

        ...

        “ยันต์นี่สวยจังเลย!” มีคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านมา

        หญิงสาวที่เดินเข้ามานั้นดูก็รู้ว่าเป็นผู้หลงใหลในศาสตร์ลี้ลับ ที่ข้อมือสวมประคำและยังห้อยหยกกันภัยที่คออีกด้วย

        “คุณมียันต์กี่ชนิดคะ!” หญิงสาวถาม

        “มีสองชนิด ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัย และยันต์ปัดเป่าโรคภัย” เย่ฝานตอบอย่างแผ่วเบา ตอนนี้พลังยุทธ์ของเขายังอ่อนนัก คงวาดได้แค่ยันต์ที่ง่ายที่สุด รอให้พลังยุทธ์กล้าแกร่งกว่านี้ ไม่ว่ายันต์ชนิดใดเขาก็วาดได้ทั้งนั้น

        “ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยหนึ่งแผ่นราคาเท่าไรล่ะ”

        “สามหมื่นหยวน” เย่ฝานตอบโดยไม่ต้องคิด

        ความโกรธปรากฏขึ้นบนหน้าของชายหนุ่ม “บ้าไปแล้ว หยวนหยวน เราอย่ายุ่งกับคนคนนี้เลย”

        หญิงสาวมองแผงขายยันต์ของเย่ฝานด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ แล้วก็เดินตามชายหนุ่มจากไป

        “น้องชาย ยันต์หนึ่งแผ่นราคาสามหมื่นเลยเหรอ” อาจารย์หยวนถามด้วยความตกตะลึง

        เย่ฝานพยักหน้า และเอ่ยว่า “อืม หนึ่งแผ่นสามหมื่นหยวน”

        “นายก็ช่างกล้าตั้งราคาสูงขนาดนี้” อาจารย์หยวนพูดแล้วส่ายหัว

        เย่ฝานตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “สามหมื่นเป็นราคาที่ถูกมากแล้วนะ”

        เขาต้องเหนื่อยแทบตายเพื่อเขียนยันต์พวกนี้ ทุกครั้งที่เขียนยันต์เสร็จ พลังเหมือนถูกดูดออกไปจนหมด เขาวาดด้วยความยากลำบากถึงขนาดนี้ ขายสามหมื่นหยวนยังบอกว่าเป็นราคาไม่สมเหตุสมผล เขาเป็นใคร! คุณชายรองของสำนักปี้อวิ๋น ผู้รอบรู้แห่งวิถีบำเพ็ญเซียน ผู้มีฐานะสูงส่งอย่างเขาขายยันต์ราคาสามหมื่นหยวนยังแพงไปหรือ? เจ้าพวกตาไม่มีแววเอ๊ย

        เย่ฟานอยู่ใต้สะพานตลอดทั้งบ่าย มีคนมาถามราคาอยู่ 4 ราย

        สองคนในนั้นเป็นคนรักเก่าของเขา พอถามเสร็จก็ด่าเขาว่าประสาทเสียไปแล้ว

        อีกคนเป็นคนชรา ผู้ซึ่งใช้เวลานานในการพิจารณาสิ่งของที่จะซื้อ “เจ้าหนุ่ม เป็นคนซื่อสัตย์หน่อยได้ไหม หลอกลวงต้มตุ๋นคนอื่นแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะ” ชายชราคนนั้นพูดเสร็จก็เอามือไพล่หลังแล้วเดินจากไป พลางทอดถอนใจว่าคนสมัยนี้ช่างไร้คุณธรรม ต่างจากคนสมัยก่อน

        คนที่ 4 เป็นชายวัยรุ่น บอกกับเขาว่ายันต์ที่ขายยังไม่หลากหลายพอ ดูไม่น่าสนใจ เขามีแหล่งรับสินค้าราคาถูกมาเสนอให้กับเย่ฝานด้วย

        ในที่สุด เยฝ่านก็เรียกลูกค้าคนที่ 5 และคนที่ 6 มาได้ คนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชาย ส่วนอีกคนเป็นเด็กผู้หญิง

        เย่ฝานกวาดตามองหนุ่มวัยรุ่นคนนั้นแล้วคิดในใจว่า อายุยังน้อยก็ทำตัวเป็นเสือผู้หญิง ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือหนังหา




…………………………………………………………………………………………..

        [1] ถังหูลู่ หมายถึง ขนมที่นำผลไม้มาเสียบไม้ยาวๆ แล้วเคลือบน้ำตาล ผลไม้ส่วนใหญ่ที่นำมาเคลือบ ได้แก่ พุทราจีน สตรอว์เบอร์รีและแอปเปิ้ล

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 4 งมงายกับไสยศาสตร์

        “นี่ ยันต์นี้ขายยังไง?” เด็กผู้ชายคนหนึ่งสะพายกระเป๋าหนังสือไว้ที่หลังปรากฏตัวออกมาตรงหน้าแผงลอย ใบหน้ากลมๆ ของเด็กชายดูเคร่งขรึม

        เย่ฝานกวาดตามองเด็กชาย แล้วตอบอย่างขี้เกียจว่า แผ่นละสามหมื่นหยวน

        เย่ฝานไม่มีความหวังกับเด็กชายมากนัก ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่มีปัญญาซื้อแล้วเด็กตัวกะเปี๊ยกคนหนึ่งจะเข้าใจอะไร

        แน่นอนว่าเด็กชายไม่พอใจ จึงตะโกนออกมาว่า “นี่จะปล้นกันหรือไง”

        “ไอ้เด็กบ้านี่ แม่แกเรียกกลับบ้านไปกินข้าวแล้ว รีบๆ กลับบ้านกินข้าวซะ” แผงขายยันต์เงียบเหงามาทั้งบ่าย ทำให้เย่ฝานอารมณ์ไม่ดีนัก

        เด็กชายตอบอย่างไม่พอใจ “อะไรกัน นายจะเสียมารยาทกับฉันเพราะฉันเป็นเด็กแบบนี้ไม่ได้นะ ลูกค้าคือพระเจ้า นายเข้าใจไหม”

        เย่ฝาน : “...” ไอ้เด็กบ้า กำเริบเสิบสานใหญ่แล้วนะ!

        “แต่เอ๊ะ เด็กน้อย เธอดูคุ้นตามากเลยนะ!” เย่ฝานเพ่งมองหน้ากลมๆ ของเด็กชายอยู่ครู่หนึ่ง

        เด็กชายหน้าแดงขึ้นมาและพูดว่า "นายไม่รู้จักฉันเหรอ?”

        “ฉันน่าจะ...” เย่ฝานชะงักไปทันใด ในหัวพลันคิดขึ้นได้ว่าเจ้านี้คือใคร นี่มันหลานชายของเขาที่เป็นลูกของญาติผู้พี่นั่นเอง

        แม่ของเจ้าของร่างนี้อายุสั้นนัก เมื่อย้อนดูความทรงจำของร่างนี้ เจ้าของร่างนี้มีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกชายของลุงและลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก็ดีกับเขามาก แต่ยังไงเจ้าของร่างนี้ก็เป็นคนตระกูลเย่ ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ก็คงเข้าแทรกแซงอะไรมากไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ยังมีงานยุ่ง มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการ

        “ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง!”

        “นายมียันต์ทั้งหมดกี่แผ่นล่ะ!” เด็กชายตอบหลังจากกระแอมสองครั้ง

        “มี 6 แผ่น 180,000 หยวน”

        เด็กชายหยิบบัตรออกมาหนึ่งใบแล้วพูดว่า รหัสคือ 888888 นายเลิกทำอาชีพต้มตุ๋นแบบนี้เถอะ หางานสุจริตทำจะดีกว่า ถึงนายจะถูกไล่ออกจากตระกูลเย่ แต่ฉันว่าจริงๆ เป็นแบบนี้มันก็ดีนะ บ้านตระกูลเย่บรรยากาศเลวร้ายอย่างนั้น นายอยู่ที่นั้นไปก็ไม่มีประโยชน์

        เย่ฝ่าน : “...” เขาเหมือนถูกเด็กสั่งสอนเข้าให้แล้ว? รหัส 888888 ใช้รหัสแบบนี้จะดีเหรอ?

        “ในนี้มีเงินถึง 180,000 หยวนจริงเหรอ?” เย่ฝ่านถาม

        เด็กชายกัดฟันแล้วมองไปที่เย่ฝาน ก่อนจะเผยสีหน้าดูแคลนออกมา

        เย่ฝานส่ายหน้าก่อนเอ่ยออกมาว่า “เอาเถอะๆ เห็นว่าเป็นญาติกันหรอกนะ ถึงมันจะมีไม่ถึง 180,000 จริง แต่ยันต์พวกนี้ฉันก็ยกให้นายหมดเลยก็แล้วกัน”

        ใบหน้าของเด็กน้อยพลันแดงแจ๋ขึ้นมา เขาพูดว่า “ฉันไม่ได้อยากได้ยันต์ของนายนักหรอก คุณครูสอนว่าไม่ควรงมงายกับเรื่องไสยศาสตร์”

        เย่ฝ่าน : “…” เด็กคนนี้ไม่ได้ต้องการมาซื้อยันต์ แต่จะมาช่วยเหลือเขาต่างหาก!

        เย่ฝานมอบยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยสองแผ่น และยันต์ปัดเป่าโรคภัยอีกสองแผ่นให้กับเด็กชาย จากนั้นก็มอบยันต์ที่เหลือให้กับเด็กผู้หญิง

        เย่ฝานยังใจกว้างหยิบถังหูลู่สองไม้ให้กับเด็กทั้งสองพลางพูดว่า “เอาล่ะๆ พวกเธอรีบกลับไปเถอะ ระวังด้วยล่ะ ฟ้ามืดแล้ว พวกเฒ่าหัวงูจะจับพวกเธอไปขายเอานะ"     

        เด็กชายมองเย่ฝาน แล้วจูงมือเด็กหญิงเดินจากไป

        เย่ฝานถือบัตรพลิกไปมา พลางบ่นพึมพำ “ไม่รู้ว่าในบัตรนี้จะมีเงินเท่าไร”

        “นายอยากรู้ไหม?" อาจารย์หยวนถาม "ฉันมีเครื่องรูดบัตร สามารถเช็คยอดเงินคงเหลือในบัตรให้นายได้นะ”

        เย่ฝานพยักหน้า แล้วพูดว่า “เอาสิ!”

        “ในบัตรมีเงินหนึ่งล้านหยวน” อาจารย์หยวนตอบด้วยความอิจฉา

        เย่ฝานตาโต นึกไม่ถึงว่าจะมีเงินมากขนาดนี้ เจ้าเด็กนี่มีเงินเยอะจริงๆ! ไม่ใช่ว่าลูกสาวต้องเลี้ยงให้สบาย ลูกชายต้องเลี้ยงให้ลำบากหรือ? ญาติผู้พี่คนนั้นช่างตามใจลูกจริงๆ! เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ อีกหน่อยคงไม่พ้นกลายเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

        “น้องชาย มีญาติรวยขนาดนี้ ให้เขาหางานที่มั่นคงให้นายทำจะดีกว่านะ จะมาหลอกลวงคนแบบนี้ทำไมกัน”

        เย่ฝาน : “...” จริงๆ เลย ฉันเหมือนพวกมิจฉาชีพขนาดนั้นเลยเหรอ? ฉันก็มีฐานะสูงส่งเหมือนกันนะ!

         

        ………………………………………………………………………………….

         

        อู่หาวเฉียงนั่งเล่นรถยนต์ของเล่นอยู่ในรถ

        อู่ซือหานวางแล็ปท็อปในมือลงพลางถามว่า “ให้เงินเขาไปแล้วเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าแล้วตอบกลับไป “ให้แล้วครับ แต่ว่าทำไมคุณพ่อต้องให้เงินเขาด้วยล่ะครับ! พ่อก็รู้ว่าคุณอาเป็นคนหูเบา เดี๋ยวพอมีคนมาขอยืมเงิน ก็คงจะให้เขายืมไปจนหมดอีก”

        อู่ซือหานส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของน้าสาวเธอ พ่อทนเห็นเขาอับจนหนทาง จนต้องออกไปหลอกลวกต้มตุ๋นชาวบ้านแบบนี้ไม่ได้จริงๆ”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าตอบว่า “ใช่แล้ว คุณอานี่ก็จริงๆ เลย ทำอะไรไม่ทำ ดันเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องไสยศาสตร์จนได้ ถ้าใครเห็นเข้าล่ะก็ คงไม่ดีแน่ๆ”

        “เย่ฝานทำแบบนี้ พวกเราตระกูลอู่ขายหน้าก็จริง แต่ว่าตระกูลเย่จะขายหน้ายิ่งกว่า”

        “คุณอาก็จริงๆ เลย กำลังจะหมั้นกับเลี่ยวถิงถิงแล้วแท้ๆ แต่กลับสร้างเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาซะได้” อู่หาวเฉียงบ่นพึมพำ

        อู่ซือหานส่ายหน้า “อาของลูกน่ะ เป็นเพราะไม่ระวังตัวให้ดีถึงได้ถูกคนฉวยโอกาสเล่นงานเอาได้ง่ายๆ แบบนี้ ผู้หญิงที่เย่หงเหวินแต่งด้วยก็สะเพร่าเกินไปจริงๆ”

        หลังจากที่เย่ฝานออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน งานหมั้นระหว่างตระกูลเลี่ยวและตระกูลเย่ก็ยังคงมีขึ้น เพียงแต่คู่หมั้นของเลี่ยวถิงถิงเปลี่ยนจากเย่ฝานเป็นเย่จื้อเจ๋อ

        ตามที่อู่ซือหานรู้มานั้น เลี่ยวถิงถิงและเย่จื้อเจ๋อแอบคบหากันมาก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเย่ฝานก็คงจะเป็นแผนการของสองคนนี้


ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 5 เต่ากักพลังปราณ


        เย่ฝานเก็บบัตรที่มีเงินล้านไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ไปยังตลาดดอกไม้และสัตว์เลี้ยง

        ในตลาดดอกไม้และสัตว์เลี้ยงมีต้นไม้วางขายอยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เย่ฝานสนใจ เย่ฝานเดินดูไปทั่วตลาด ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะไม่ได้อะไรกลับไปแล้วนั้น ก็มีพลังปราณเบาบางดึงดูดเขาไว้

        เย่ฝานตามกระแสพลังปราณนั้นไป จนมาถึงร้านขายสัตว์น้ำแห่งหนึ่ง

        “เถ้าแก่ เต่าบกตัวนี้ราคาเท่าไร!”

        นัยน์ตาทั้งสองของเย่ฝานเป็นประกายขึ้นมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าในที่ที่ขาดแคลนพลังปราณอย่างนี้ จะได้เจอกับเต่ากักพลังปราณ สิ่งที่เรียกว่าเต่ากักพลังนั้นคือ เต่าที่สามารถช่วยในการรวบรวมพลังปราณได้นั่นเอง พบเห็นได้ยากบนชั้นฟ้า ใต้หล้าและในโลกเดรัจฉาน หากปรากฏขึ้นในแผ่นดินของผู้ฝึกตน แน่นอนว่าจะเกิดการแย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตาย ที่เย่ฝานเคยอยู่นั้นก็ไม่เคยพบเห็นเต่ากักพลังปราณ แต่ศัตรูคู่อาฆาตอย่างสำนักกระบี่พิสดารกลับมีเต่ากักพลังปราณอยู่ในครอบครองหนึ่งตัว

        น่าเสียดายที่ในโลกนี้ไม่มีผู้ฝึกตน คนทั่วไปไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังปราณ จึงไม่อาจล่วงรู้ถึงคุณค่าของเต่ากักพลังปราณ แน่นอนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้จึงเข้าทางของเย่ฝาน

        "นายท่านช่างตาแหลมคมนัก เต่าตัวนี้เป็นเต่าป่า ดูสีแวววาวของมันสิ กระดองหนาขนาดนี้ ถ้าคุณอยากได้ก็จ่ายมาหนึ่งพันหยวนแล้วเอากลับบ้านไปได้เลย..."

         เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า "ตกลง!" เย่ฝานกระหยิ่มยิ้มย่อง คาดไม่ถึงว่าจ่ายแค่หนึ่งพันหยวนก็สามารถครอบครองเต่ากักพลังปราณได้แล้ว ช่างโชคดีจริงๆ

        เจ้าของร้านมองหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ของเย่ฝานแล้ว ก็แอบคิดในใจว่า : ตั้งราคาต่ำไปซะแล้วเรา!

        ถึงแม้ว่าเจ้าของร้านจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กลับคำขึ้นราคา "นายท่าน เต่าตัวนี้ตั้งใจจะซื้อกลับไปตุ๋นหรือว่าผัดไฟแดงล่ะ! บำรุงร่างกายได้ดีทีเดียว จะให้เฉือดเลยดีไหม"

        เย่ฝ่านรีบโบกมือปฏิเสธ "ไม่ล่ะ เต่านี่ฉันจะเอากลับไปเลี้ยง ได้ยินว่าเลี้ยงเต่าแล้วจะอายุยืนนี่”

        เย่ฝานมองไปยังเต่าที่อยู่ในตู้ปลาด้วยความสงสารแล้วส่ายหน้า พลางนึกในใจว่า : เต่าตัวนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก! ในโลกของผู้ฝึกตนเต่ากักพลังปราณเป็นสิ่งล้ำค่าที่ได้รับการบูชา แต่อยู่ที่นี่กลับกลายเป็นผักปลาไว้ปรุงอาหาร โชคดีที่เต่าตัวนี้ได้พบกับเขา มันจึงรอดตายในครั้งนี้

        เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม นั่นมันเต่าพันปีเชียวนะ เลี้ยงเต่านี่แล้วก็จะเป็นสิริมงคลกับเจ้าของเอง”

        เย่ฝานนำอ่างที่มีเต่าอยู่ภายในไปไว้ในรถ แล้วขับรถกลับอะพาร์ตเมนต์ด้วยความตื่นเต้น

        อะพาร์ตเมนต์ที่เย่ฝ่านอาศัยอยู่เป็นสมบัติที่แม่ทิ้งไว้ให้ พื้นที่ 160 ตารางเมตรสำหรับเย่ฝานแล้วนับว่าไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้จะแตกต่างกับคฤหาสน์ของตระกูลเย่ราวฟ้ากับดินก็ตาม

        …

        ณ บ้านตระกูลเย่

        "ตอนนี้เย่ฝานอยู่ที่ไหน?"

         หวังเสี่ยวเฟยอดงงงวยไม่ได้ เย่หงเหวินไม่ชอบเย่ฝานมาโดยตลอด ทุกครั้งที่พูดถึงเย่ฝานมักจะไม่พอใจเท่าไรนัก หวังเสี่ยวเฟยไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เย่หงเหวินถึงได้พูดถึงชื่อนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่เย่ฝานได้ก่อเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตถึงขนาดนี้

        หวังเสี่ยวเฟยยังไม่ทันได้เปิดปากพูด เย่อิ้งหลันก็กล่าวออกมาก่อนว่า “คุณพ่อจะพูดถึงไอ้คนไม่เอาถ่านคนนั้นทำไมคะ? เขามั่วผู้หญิงจนทำตระกูลเย่ของเราต้องอับอายกันไปหมด”

        “เพื่อนของฉันบอกว่าเย่ฝ่านเปิดแผงขายยันต์อยู่ใต้สะพานลอย ขายของหลอกลวงต้มตุ๋นชาวบ้าน” เย่หงเหวินพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

        สีหน้าของหวังเสี่ยวเฟยเปลี่ยนไปทันที ถึงอย่างไรเย่ฝานก็ยังเป็นคนของตระกูลเย่ เขาค้าขายหลอกลวงผู้อื่นแบบนี้ ตระกูลเย่ก็พลอยขายหน้าไปด้วย

        “คุณพ่อจะไปสนใจเขาทำไมครับ ใครทำคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ” เย่จื้อเจ๋อกล่าว

        เย่หงเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่เย่อิ้งหลันแล้วพูดว่า “เธอเอาเงินไปให้เย่ฝานหนึ่งแสนหยวน เขาจะได้รู้จักสงบเสงี่ยมและไม่ก่อเรื่องให้ต้องขายหน้าอีก”

        เย่อิ้งหลันรู้สึกว่าการที่เย่หงเหวินจะมอบเงินให้กับเย่ฝานนั้น เป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ แต่ชั่วขณะนั้นเองเธอก็ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า “ยังไงเขาก็เป็นญาติผู้พี่ เห็นเขาตกต่ำแบบนี้หนูเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน”

        เย่อิ้งหลันรับบัตรมาจากเย่หงเหวิน แล้วพูดกับตนเองว่า : ช่วงนี้กำลังมองๆ กระเป๋าชาแนลอยู่ แต่เพราะเงินขาดมือเลยยังซื้อไม่ได้ คราวนี้ก็ซื้อได้สักที

        …

        เย่ฝานทำการเก็บกักกำลังภายใน จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวมือและเท้า เมื่อมีเต่ากักพลังปราณประสิทธิภาพในการฝึกจึงสูงขึ้นมาก แต่ในหนึ่งวันเย่ฝานฝึกฝนไปชั่วโมงสองชั่วโมงร่างกายของเขาก็ได้รับพลังปราณจนอิ่มตัวแล้ว จึงไม่สามารถดูดซับพลังได้อีก

        เย่ฝานหยิบกระดาษลงอักขระออกมาแล้วเริ่มวาดยันต์ ถึงแม้ว่าการขายยันต์จะไม่ราบรื่นนัก แต่ก็ยังดีกว่านั่งกินนอนกินโดยไม่ยอมทำอะไรเลย ดังนั้นยันต์ก็ยังคงต้องขายต่อไป แน่นอนว่าหากยันต์ยังขายไม่ออกในสองสามวันนี้ เขาก็คงต้องคิดหาทางค้าขายอย่างอื่นจริงๆ

        เย่ฝานอุ้มถังไก่ทอดมานั่งอยู่ตำแหน่งเดิมตรงใต้สะพานลอย

        “น้องชาย นายหายไปหลายวันเลยนะ!”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “ก็ใช่นะสิ! หลายวันอยู่เหมือนกัน”

        “น้องชาย เงินหนึ่งล้านหยวนคงใช้ใกล้หมดแล้วสินะ?” อาจารย์หยวนเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบกลับไปว่า “ก็ใช้ไปประมาณหนึ่งแล้วล่ะ” เย่ฝานเสียเงินไปกับการซื้อยาวิเศษไม่น้อย เมื่อปีที่แล้วซื้อสมุนไพรไปหลายหมื่นหยวนเลยทีเดียว เขาต้องแช่น้ำโอสถทุกวันทำให้ค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสน

        อาจารย์หยวนฟังคำพูดของเย่ฝานแล้วยกยิ้มมุมปาก แอบพูดในใจว่า : นี่มันลูกไม่เอาไหน ผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ ชัดๆ

        ชายหนุ่มแต่งกายหรูหรา ใบหน้าหมองคล้ำ เดินลงมาจากรถปอร์เช่

        “อาจารย์รับทำนายดวงชะตาไหม?”

        อาจารย์หยวนเอามือลูบเครา แล้วตอบกลับไปว่า “รับสิ”

        “น้องชายเกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง แต่ปีนี้เป็นปีชงมีพระเสาร์เข้าแทรก เกรงว่าปีนี้ทั้งปีจะไม่มีอะไรราบรื่นเลย!”

        ชายหนุ่มเบิกตากว้าง พลันพูดว่า “ผมกำลังมีปัญหาจริงๆ ด้วย อาจารย์ ท่านคิดว่าผมควรทำยังไงดี!”

        เย่ฝานแอบกลอกตามองบน อาณาจักรสวรรค์มีสำนักแห่งหนึ่งชื่อว่าสำนักเทียนจี ว่ากันว่าเมื่อหมื่นปีที่แล้ว สำนักเทียนจีมีความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก แต่เป็นเพราะแพร่งพรายความลับของสวรรค์เบื้องบนมากเกินไป จึงทำให้ถูกโค่นล่มไปในที่สุด

         เล่าลือกันว่าสำนักเทียนจีมีเจ้าสำนักที่สามารถทำนายชะตาให้ผู้คนมากมาย ทว่าการดูดวงชะตานั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ผู้ที่ทำนายดวงชะตาให้ผู้อื่นมักจะถูกบั่นทอนอายุขัยของตนเอง กระทั่งรุ่นลูกรุ่นหลานก็อาจพลอยเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นหมอดูมีชื่อเสียงหลายคนจึงไม่ยอมทำนายดวงชะตาแก่ใครโดยไม่จำเป็น

        เย่ฝานไม่แน่ใจว่าอาจารย์หยวนคนนี้กำลังพูดโกหกอยู่หรือไม่ สิ่งที่กล่าวถึงนั้น เย่ฝานเองก็สามารถทำนายออกมาได้ ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่เครื่องแต่งกายแบรนด์ดังทั้งตัวและขับรถหรู แน่นอนว่าต้องเป็นลูกผู้มีเงิน แล้วยิ่งมาดูดวงด้วยความกังวลอย่างนี้ด้วยแล้ว แสดงว่าต้องมีเรื่องกลุ้มใจ คนทั่วไปมักไม่ค่อยมาดูดวง จะมีก็แต่คนที่มีปัญหาเท่านั้นที่หวังพึ่งพาการดูดวงเพื่อขจัดปัญหา แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าใดนักก็ตาม


        แน่นอนว่า เย่ฝานมองเห็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากชะตาของชายหนุ่มคนนี้ แต่จะทำอย่างไรเล่า เพราะเขาไม่ได้มาหาเย่ฝาน และอีกอย่างเย่ฝานก็ไม่อยากจะแย่งลูกค้ากับอาจารย์หยวนด้วย

.....โปรดติดตามตอนต่อไป.....
 
:pig4:

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 6 ลูกค้าคนที่สองที่ซื้อยันต์


        ชายหนุ่มฟังที่อาจารย์หยวนพูดมายาวเหยียดก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คำพูดอาจารย์หยวนฟังแล้วคลุมเครือนัก พูดก็เหมือนไม่ได้พูด แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังจ่ายค่าดูดวงให้เขาอยู่ดี

        “น้องชาย นายก็รับดูดวงเหรอ?” เจียงไห่หลินมองมาที่เย่ฝาน รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าคุ้นหน้าคนคนนี้

        ที่จริงแล้วเย่ฝานมีชื่อเสียงในเมืองชางอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าเป็นชื่อเสียงในทางลบเสียมากกว่า ทว่ามีคนมากมายที่รู้จักชื่อแต่ไม่เคยเจอตัวจริง แม้เจียงไห่หลินจะเคยพบเจอเย่ฝานอยู่บ้าง แต่ด้วยการแต่งกายและบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไป ทำให้เจียงไห่หลินจำเขาไม่ได้ชั่วคราว

        แม่เลี้ยงของเย่ฝานไม่อยากให้เขาสืบทอดธุรกิจของตระกูลเย่ จึงค่อยๆ ลดบทบาทและตัวตนของเย่ฝานในแวดวงสังคมลงไป ดังนั้นเย่ฝานจึงมีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงต่างๆ ในวงสังคมน้อยมาก คนที่เคยพบเจอเขาจึงมีไม่มาก

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันมาขายยันต์”

        “มียันต์อะไรขายบ้าง?” เจียงไห่หลินถาม

        “มีแต่ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัย กับยันต์ปัดเป่าโรคภัย” เย่ฝานตอบกลับ

        “มียันต์อย่างอื่นไหม?”

        เย่ฝานมองชายหนุ่มแล้วลูบคางของตนพลันพูดว่า “นายอยากได้ยันต์ขับไล่วิญญาณใช่ไหม? ฉันสัมผัสได้ถึงธาตุหยินและกลิ่นอายภูตผีบนตัวนาย แต่ไม่เป็นไร ธาตุหยางของนายแข็งแรงมาก ใช้เวลาฟื้นฟูไม่กี่วันก็น่าจะดีขึ้น ไม่ต้องใช้ยันต์ไล่ผีหรอก...”

        เจียงไห่หลินตกใจมากจนหน้าถอดสี พลันพูดขึ้นว่า “นายรู้ว่าฉัน…”

        เย่ฝานส่ายหน้าพลางแย้มรอยยิ้มที่ดูลึกลับและยากที่จะเข้าใจออกมา แน่นอนว่าถ้าเขาไม่แสดงรอยยิ้มพร้อมๆ กับแทะน่องไก่ในมือไปด้วย ก็คงจะดูเหมือนกับเป็นผู้รอบรู้คนหนึ่งทีเดียว

        เย่ฝานเช็ดปากแล้วพูดว่า “นายต้องการยันต์ปัดเป่าโรคภัยไหม! คนที่เจอผีส่วนมากมักจะป่วย ซื้อยันต์ปัดเป่าโรคภัยสักใบไว้คุ้มครองไม่ดีกว่าเหรอ?”

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้วพลันพูดว่า “ยันต์นี้ใบละเท่าไรล่ะ”

        “ใบละห้าหมื่นหยวน!” เย่ฝานตอบอย่างไม่ต้องคิด

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แพงขนาดนั้นเชียว?”

        “ยันต์ของฉันเป็นของจริงนะ ราคาก็เลยสูงอยู่สักหน่อย ถ้านายอยากซื้อของปลอมล่ะก็ เงินห้าหยวนก็ซื้อได้ แต่ต้องไปซื้อที่อื่นนะ” เย่ฝานตอบกลับอย่างขี้เกียจ

        เจียงไห่หลินกัดฟันแล้วตอบว่า “งั้นฉันซื้อยันต์แคล้วคลาดปลอดภัย 5 ใบ และยันต์ปัดเป่าโรคภัยอีก 5 ใบ!”

        เย่ฝานกะพริบตาปริบๆ พลางพูดว่า “น้องชายนี่ดูของเป็นนะเนี้ย! สมัยนี้มีคนไม่มากหรอกนะที่จะรู้จักของจริงอย่างน้องชาย!” เย่ฝานส่ายหัวอย่างจนใจพลางคิดในใจ ก็เพราะว่าที่นี่มีคนหน้าโง่มากมายที่ไม่รู้ว่าของดีเป็นอย่างไร จึงทำให้เขาทำเงินได้ไม่มาก

        “ในเมื่อนายรู้จักยันต์ขับไล่วิญญาณ แล้วนายทำยันต์นั้นได้ไหมล่ะ” เจียงไห่หลินถาม

        “เรื่องนี้… ยังทำไม่ได้ตอนนี้หรอกนะ!” การวาดยันต์ขับไล่วิญญาณนั้น มีความซับซ้อนกว่ายันต์แคล้วคลาดปลอดภัยกับยันต์ปัดเป่าโรคภัยอยู่ไม่น้อย ยิ่งด้วยตอนนี้พลังปราณของเย่ฝานอ่อนลงมาก ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถวาดยันต์ที่ชายหนุ่มต้องการได้

        “น้องชาย นายขึ้นราคาของเหรอ?” อาจารย์หยวนถามด้วยใบหน้างุนงง ไม่กี่วันก่อนยันต์นี่ราคาใบละสามหมื่นหยวน ผ่านไปไม่กี่วันราคากลับขึ้นเป็นห้าหมื่นหยวน

        เย่ฝานพยักหน้า แล้วตอบกลับไปว่า “ใช่! ขึ้นราคาแล้ว หลายวันก่อนขายในราคาพิเศษ แต่วันนี้ขายในราคาปกติ”

        อาจารย์หยวนมองหน้าเย่ฝาน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาในใจ เมื่อสักครู่เขาหาเงินได้เพียงหนึ่งพันหยวน แต่เย่ฝานกลับมีเงินเข้ากระเป๋าถึงห้าแสนหยวน หากรู้ล่วงหน้าว่าขายยันต์จะมีรายได้ดีขนาดนี้ เขาก็น่าจะหามาขายบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น เงินที่หามาได้แบบนี้ก็มีความเสี่ยงสูงตามไปด้วยเช่นกัน

        “ช่วงนี้นายหลบซ่อนตัวบ้างก็ดีนะ คุณชายพวกนี้ชอบทำอะไรอุกอาจ หากรู้ว่าถูกหลอกลวงล่ะก็ นายจะเดือดร้อนเอาได้ เจ้านั่นอาจจะระดมลูกน้องมาหาเรื่องนาย ถ้าไม่อยากโดนทำร้ายก็ลองเปลี่ยนที่ขายของดูสิ ของรอบนี้นายก็ขายได้เงินไม่น้อยแล้วนี่”

        เย่ฝาน “…”

         …

        เย่ฝานครุ่นคิดถึงสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่จำนวนหนึ่งซึ่งซื้อมาก่อนหน้านี้ เงินก้อนนี้รวมกับเงินที่เหลือก็ยังสามารถใช้เป็นค่าสมุนไพรได้อีกหลายวัน

        “เอาล่ะ! ถึงแม้ว่าจะยังเช้าอยู่ แต่ก็คงจะเก็บแผงได้แล้วล่ะนะ” เย่ฝานกล่าว

        “น้องชายนี่ช่างโชคดีจริงๆ! มีลูกค้าเงินหนามาอุดหนุนซ้ำแล้วซ้ำอีก” อาจารย์หยวนกล่าว

        เย่ฝานยังคงครุ่นคิด เขาอาจจะต้องไปห้องสมุดประจำเมืองสักครั้ง โลกนี้มีพืชพรรณหลากหลายชนิดที่เย่ฝานยังไม่รู้จัก ข้อมูลของพืชบางชนิดก็ไม่ตรงกับที่เย่ฝานเคยรู้มา เขาจึงตัดสินใจไปห้องสมุดเพื่อไปดูภาพประกอบของพืชชนิดต่างๆ

        เย่ฝานอุ้มหนังสือสิบกว่าเล่มมาวางที่โต๊ะแล้วนั่งลง จากนั้นก็พลิกดูหนังสือด้วยความรวดเร็ว

        ร่างกายของเย่ฝานแฝงด้วยวิญญาณธาตุเก้าสีทำให้เขาไม่ลืมข้อมูลที่ตาเห็น และสามารถอ่านหนังสือด้วยความรวดเร็ว ยากที่คนทั่วไปจะเทียบได้

        เย่ฝานรู้สึกว่าตั้งแต่เขานั่งลงตรงนี้ ก็มีหญิงสาวหลายคนมองมาที่เขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาสงสัยว่าอาจเป็นเพราะตนเองมีใบหน้าหล่อเหล่าก็เป็นได้ จึงทำให้พวกเธอแอบชอบเขา อย่างไรเสียโลกใบนี้ก็มีหญิงสาวมากมายที่มักหลงใหลชายรูปงาม!

        เย่ฝานพลิกดูหนังสือด้วยความรวดเร็วจนถึงเล่มที่สาม หญิงสาวคนหนึ่งก็ยืนขึ้นแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเขา

        “เย่ฝาน นายเลิกเสแสร้งได้แล้ว”

        เย่ฝานเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจพลันถามว่า “มีธุระอะไรกับผมเหรอ?”

        “เย่ฝาน ฉันเป็นคนชัดเจนพูดจาต่อหน้าไม่เล่าลับหลัง ฉันจะบอกให้ว่าระหว่างนายกับพี่ถิงถิงไม่มีทางเป็นไปได้ นายอย่าได้คิดเพ้อฝันอีกเลย”

        เย่ฝานมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาด้วยความแปลกใจ แล้วพูดว่า “เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจิตเวชคงจะดูแลผู้ป่วยไม่ทั่วถึงสินะ! ถึงได้ปล่อยคนบ้าอย่างเธอออกมาเพ่นพ่านข้างนอกอย่างนี้”

        “นี่นาย!” เจียงโหยวกัดฟันกรอด ขณะเดียวกันสายตาก็จับจ้องอยู่ที่เย่ฝาน

        เย่ฝานมองเห็นเลี่ยวถิงถิงที่นั่งหันหลังให้ตน แววตาพลันปรากฏความเย็นชาขึ้น เพราะในที่สุดเย่ฝานก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหญิงสาวเหล่านั้นถึงได้จ้องมองเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

        “ซวยจริงๆ!” เย่ฝานวางหนังสือลง แล้วมองเลี่ยวถิงถิงด้วยใบหน้าที่แสดงความรังเกียจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องสมุดทันที คิดในใจว่าเอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่

        เลี่ยวถิงถิงเกิดในตระกูลเลี่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองชาง เธอเป็นคนสวย ฐานะสูงส่ง สำหรับเจ้าของร่างนี้แล้วเธอเปรียบเสมือนนางฟ้า การได้แต่งงานกับเลี่ยวถิงถิงนั้นทำให้เขาทั้งดีใจและน้อยเนื้อต่ำใจในเวลาเดียวกัน

        เจ้าของร่างยกย่องให้เกียรติเลี่ยวถิงถิงดั่งเทพธิดา แต่สำหรับเย่ฝานกลับไม่รู้สึกอะไรกับหล่อนเลย อีกอย่างในชาติภพก่อนเย่ฝานได้พบเห็นสาวงามมามากมาย เย่ฝานรู้สึกมาตลอดว่า เลี่ยวถิงถิงภายนอกดูเหมือนเป็นคนอ่อนหวาน แต่แท้จริงแล้วจิตใจชั่วร้ายดั่งอสรพิษ ที่เขาถูกตราหน้าว่าเป็นพวกหลอกลวง ชื่อเสียงพังย่อยยับแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับหล่อนด้วย

        เย่ฝานเดินจากไปด้วยความโมโห โดยไม่ได้ทักทายกับเลี่ยวถิงถิงแม้แต่คำเดียว

        “นับว่าเขายังรู้จักเจียมกะลาหัวอยู่บ้าง!” เจียงโหยวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        เลี่ยวถิงถิงย้อนคิดถึงแผ่นหลังของเย่ฝานที่เดินออกไป ความรู้สึกอันเลือนรางทำให้เธอคิดว่าว่าเย่ฝานมีบางอย่างต่างไปจากเดิม “เขาอาจจะไม่ได้มาหาฉันก็ได้ น่าจะมาอ่านหนังสือมากกว่า”


        “อ่านหนังสือ? เขาพลิกดูหนังสือเร็วขนาดนั้น อ่านไม่เท่าไรก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ตั้งใจอ่านซะที่ไหนกันล่ะ” เจียงโหยวตอบอย่างไม่เห็นด้วย


:katai2-1:

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 7 ผู้หลงใหลในศาสตร์ลี้ลับ


        วันต่อมา

        ใต้สะพานลอยมีรถหรูหลายคันเร่งเครื่องพุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจอดเบื้องหน้าแผงลอยของเย่ฝาน

        อาจารย์หยวนมองเห็นเจียงไห่หลินเดินลงมาจากรถหรู ก็ลูบเคราที่คางแล้วแอบคิดในใจว่า : ตนนั้นเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตจริงๆ คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณชายพวกนี้ต้องกลับมาหาเรื่องเย่ฝานในสักวันหนึ่ง เจ้านักต้มตุ๋นขายยันต์นั่น ติดหนี้บุญคุณตนจริงๆ

        “พี่สอง คนที่พี่พูดถึงคนนั้นล่ะ?” เฉียนอวี้เอ่ยถามหลังจากเดินหาจนทั่วแล้ว

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้วแล้วตอบกลับ “เหมือนเขาจะไม่มานะ”

        เฉียนอวี้ถามอย่างร้อนใจ “เขาไม่มา? ทำไมเขาถึงไม่มาล่ะ?”

        เจียงไห่หลินตอบกลับด้วยใบหน้างุนงง “ฉันก็ไม่รู้ เขาอาจติดธุระด่วนก็ได้”

        เฉียนอวี้พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน “แล้วจะทำยังไรกันเล่า? พวกเราน่ะรอได้ แต่พี่ใหญ่คงรอไม่ได้แน่ๆ!”

        เจียงไห่หลินกัดฟันแล้วพูดว่า “นายอย่าเพิ่งโวยวายสิ! เขาไม่มา พวกเราไปตามหาเขาก็ได้นี่ ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขาที่ไหนแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกสักที”

        อาจารย์หยวนเฝ้ามองคุณชายเจ้าของรถหรูเหล่านั้นที่กำลังกระวนกระวายจนหาทางออกไม่ได้ จึงรู้ว่าพวกเขาไม่ได้จะมาหาเรื่องแต่อย่างใด แต่จะมาพบเย่ฝานเพื่อขอความช่วยเหลือ ทำให้อาจารย์หยวนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที

        “พี่สอง คนคนนั้นดูออกว่าบนตัวพี่มีกลิ่นอายภูตผี ฟังก็รู้แล้วว่าต้องเป็นยอดฝีมือ! ทำไมพี่ถึงไม่ขอนามบัตรหรือเบอร์โทรติดต่อเขาไว้ล่ะ”

        เจียงไห่หลินกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ก็ฉันไม่ได้คิดไปมากกว่านั้นนี่? ใครใช้ให้หมอนั่นทำท่าทางเหมือนพวกสิบแปดมงกุฎเล่า ยอดฝีมือที่ไหนจะเปิดแผงขายของไปด้วย แทะไก่ทอดไปด้วย! มันน่าขายหน้าจะตาย!”

        เย่ฝานไม่รู้เลยว่า ในขณะที่เขานอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนั้น อาจารย์หยวนได้ถูกคุณชายเหล่านั้นซักไซ้ไล่เลียงไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

        ในที่สุด อาจารย์หยวนที่ถูกถามจนแทบคลั่งก็นึกสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้

        “คุณบอกว่าหมอนั่นมีหลานชายที่เรียนหนังสืออยู่แถวนี้งั้นเหรอ?” เจียงไห่หลินถาม

        อาจารย์หยวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ เด็กคนนั้นนั่งรถหรู แถมยังมีบัตรที่มีเงินเป็นล้านหยวน ต้องเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลแน่ๆ น่าจะหาตัวได้ไม่ยาก”

        เจียงไห่หลินพาอาจารย์หยวนไปยังโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในละแวกนั้นด้วยความรวดเร็ว

        เจียงไห่หลิน เฉียนอวี้และจูจ้งชิวต่างอยู่ในตระกูลที่มีอิทธิพล เหล่าคุณชายตระกูลใหญ่จะขอตรวจสอบข้อมูลสถานะนักเรียน แน่นอนว่าครูใหญ่ก็ไม่อยากจะเข้ามาขัดขวาง

        “เด็กคนนี้แหละ” ไม่นานอาจารย์หยวนก็ค้นเจอข้อมูลสถานะนักเรียนของอู่หาวเฉียง

        “เด็กคนนี้ใช่ไหมที่คุณพูดถึง!”

        อู่หาวเฉียงเป็นหลานคนโตของตระกูลอู่ ชื่อเสียงย่อมเป็นที่รู้จักมากกว่าเย่ฝาน

        “คุณบอกว่าอู่หาวเฉียงเป็นหลานของอาจารย์ อย่างนั้นอาจารย์คงไม่ใช่...” เฉียนอวี้เบิกตาโตเนื่องจากเรื่องดังกล่าวมันช่างยากที่จะเชื่อ

        เจียงไห่หลินเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “ฉันว่าแล้วเชียว ว่าทำไมถึงคุ้นหน้าคนขายยันต์คนนั้นเหลือเกิน ที่แท้ก็เป็นเขา”

        เฉียนอวี้รีบส่ายหน้าพลางพูดว่า “นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ที่หมายถึงน่ะมันคือเย่ฝานนะ!”

        เฉียนอวี้เคยสบประมาทเย่ฝานอยู่ไม่น้อย เย่ฝาน เจ้าหมอนั่นเกิดในตระกูลที่สูงศักดิ์แท้ๆ ตระกูลฝั่งแม่ก็ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกลูกของเมียน้อยรังแกจนมีสภาพแบบนี้ แน่นอนว่าเรื่องนี้สาเหตุหลักมาจากพ่อของเขาที่ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากันด้วย แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพราะเย่ฝานนั้นขี้ขลาด ไม่มีความทะเยอทะยานด้วยเหมือนกัน

        เมื่อเย่ฝานก้าวลงมาจากรถ ก็ถูกรถหรูสามคันจอดล้อมเอาไว้

        เจียงไห่หลินเดินลงมาจากรถหรูมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเย่ฝาน แล้วพูดว่า “คุณชายเย่ คุณยังจำผมได้ไหม?”

        เย่ฝานพยักหน้าและตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “เมื่อสองวันก่อนนายมาซื้อยันต์ของฉันไปหลายใบ แต่ขอโทษด้วยฉันไม่รับของคืนหรอกนะ”

        เจียงไห่หลินหัวเราะแห้งๆ พลางพูดว่า “ผมไม่ได้จะมาคืนสินค้าหรอกครับ คือผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วยต่างหาก”

        เย่ฝานจ้องไปที่เจียงไห่หลินอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กลิ่นอายภูตผีบนตัวนายอ่อนลงมากแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงแล้วล่ะ”

        ทันใดนั้นเย่ฝานก็ใช้นิ้วชี้ไปที่เฉียนอวี้พลันพูดว่า “นายนี่มันยังไงกันนะ เหมือนกับว่าไปสัมผัสกับภูตผีมา บนตัวของนายมีกลิ่นอายอสูรแรงมาก หรือว่านายมีความรักกับผี ถึงได้เข้าไปพัวพันกับภูตผีอย่างนี้”

        เจียงไห่หลินได้ยินคำพูดของเย่ฝานแล้วรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เจียงไห่ลั่วมีงานอดิเรกชอบศึกษาพวกศาสตร์ลี้ลับ บันจี้จัมพ์ ปีนเขา โต้คลื่น กิจกรรมเล่านี้พวกเขาล้วนเคยเล่นมาแล้ว จึงอยากจะหาสิ่งแปลกใหม่ทำบ้าง

        พวกเขาได้ยินมาว่าในสุสานของเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง กลางดึกจะมีภูตสาวในชุดแดงออกมาร่ายรำ จึงได้นัดหมายกันไปที่นั่นเพื่อไปดูภูตสาวตนนั้น ปรากฏว่าพวกเขาได้เห็นผีอย่างที่ใจคิดจริงๆ และซ่งป๋อฮุยลูกพี่ของพวกเขาก็คือหนึ่งในสี่คนที่เจอผีและโดนผีสิงเข้าให้

        ทว่าการเชิญผีมานั้นง่าย แต่จะไล่ไปนั้นช่างยากเย็น หลังจากที่ซ่งป๋อฮุยถูกผีสาวเข้าสิงก็มักจะป่วยไข้และพูดจาแปลกๆ บางครั้งก็หัวเราะน่าเกลียดน่ากลัว บางครั้งก็ร้องเพลงขึ้นมา

        เจียงไห่หลินและพวกพาไปหาหมอดูและซินแสมาหลายท่าน แต่ก็ยังหาวิธีแก้ไม่ได้

        หลังจากที่เจียงไห่หลินซื้อยันต์จากเย่ฝานกลับไป เขาใช้ไปหนึ่งแผ่นแล้วรู้สึกดีขึ้นจึงนำไปให้ซ่งป๋อฮุยลองใช้ เขาพบว่ายันต์ออกฤทธิ์ได้ดีในระดับหนึ่ง ซ่งป๋อฮุยมีสติฟื้นคืนกลับมาได้บ้าง แต่เหมือนกับจิตวิญญาณของเขากำลังต่อสู้กับวิญญาณตนนั้นอยู่

        “คุณชายเย่พูดเล่นใช่ไหม ผมจะรักกับผีได้ยังไง” เฉียนอวี้เต็มไปด้วยความละอายใจ เรื่องไปตามหาผีกลางดึกนั้นเป็นความคิดของเขาเอง พอซ่งป๋อฮุยเกิดเรื่อง คนตระกูลซ่งต่างก็เกลียดเขาเข้ากระดูกเลยทีเดียว

         เมื่อรู้ว่ายันต์ที่เจียงไห่หลินซื้อมาใช้แล้วได้ผล เฉียนอวี้จึงรีบเอายันต์ให้กับซ่งป๋อฮุยได้ลองใช้

        ยันต์นั้นใช้ได้จริง แต่ในระหว่างที่ใช้ภูตผีอาจสัมผัสได้ว่าโดนกระทำ จึงยิ่งทำร้ายร่างกายของเขาหนักขึ้น ดังนั้นบนตัวของเฉียนอวี้จึงมีกลิ่นอายอสูรรุนแรงขนาดนี้

        “พวกนายมาหาฉันเพื่ออะไร?” เย่ฝานดึงถุงขนมถุงใหญ่ในรถออกมา 4 ถุง

        เจียงไห่หลินรีบเดินเข้าไปช่วยถือของ

        เย่ฝานซื้อโยเกิร์ต ช็อคโกแลต มันฝรั่งทอดและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเต็มทั้ง 4 ถุงนั้น เจียงไห่หลินจึงรู้สึกหนักอยู่ไม่น้อย


        มีคนช่วยถือของให้แบบนี้ แน่นอนว่าเย่ฝานย่อมต้องชอบใจอยู่แล้ว อย่างที่รู้ว่าคุณชายเย่ในชาติภพก่อนนั้น ถึงแม้จะไม่สามารถฝึกตนได้ แต่ด้วยชาติกำเนิดของเขานั้นไม่ธรรมดา สำนักจึงได้ให้สาวใช้ 2 คนและผู้ติดตามอีก 2 คนแก่เขา

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 8 ผีสาว



        “เข้ามาสิ” เย่ฝานเปิดประตู แล้วเรียกให้เจียงไห่หลินกับพวกเข้าไปนั่ง

        เจียงไห่หลินเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดคร่าวๆ ให้เย่ฝานฟังอีกครั้ง

        “ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยสามารถคุ้มครองให้ปลอดภัย ป้องกันภยันตรายเล็กๆ น้อยได้ ส่วนยันต์ปัดเป่าโรคภัยก็ใช้ได้เพียงปัดเป่าความเจ็บป่วยทั่วๆ ไป ทั้งสองอย่างใช้ไม่ได้ผลกับการขับไล่ภูตผีสักเท่าไรหรอก แต่ว่าก็พอจะช่วยได้อยู่บ้าง จากที่ฉันคาดการณ์ ยันต์พวกนี้สามารถช่วยรักษาชีวิตของซ่งป๋อฮุยได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากระยะเวลาที่ซ่งป๋อฮุยถูกผีสาวแฝงร่างนั้นยืดยาวออกไปอีก เขาอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต" เย่ฝานกล่าว

        เย่ฝานไม่อาจห้ามความรู้สึกไม่เชื่อใจตัวเองไว้ได้ ว่ากันตามตรงวิทยายุทธ์ของเขายังอ่อนด้อยนัก หากเขาฝึกฝนศาสตร์การหลอมอาวุธจนสำเร็จขั้นที่สี่ได้ ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยเพียงหนึ่งใบของเขาก็สามารถทำให้วิญญาณภูตสาวมลายหายกลายเป็นควันจนหมดสิ้นได้

        เจียงไห่หลินถามด้วยความตื่นเต้น “ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะถามคุณชายเย่ว่า มีวิธีขับไล่ผีร้ายหรือไม่”

        “นายเคยไปหาหมอผีแล้วหรือยัง?” เย่ฝานตอบกลับ

        เจียงไห่หลินพยักหน้าพลางตอบว่า “เคยไปหามาแล้วครับ หมอผีบอกว่าผีร้ายอายุพันปีตนนั้นมันร้ายกาจมาก ยากที่จะปราบมันได้”

        เย่ฝานตกตะลึงกับสิ่งที่เจียงไห่หลินกล่าว “พันปีเชียวเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็คงปราบไม่ได้ง่ายๆ” ผีตนนี้อยู่มาเนิ่นนาน พบเห็นอะไรมามากมาย คงจะมีฤทธิ์เดชแรงกล้า แต่บนโลกนี้มีนักต้มตุ๋นอยู่ไม่น้อย หมอผีเหล่านั้นไม่รู้ว่าเชื่อถือได้หรือไม่

        เย่ฝานหยิบนมหนึ่งแพ็คขึ้นมาดื่ม

        “ซ่งป๋อหุยถูกผีสิงมากี่วันแล้ว?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “สามวันแล้วครับ”

        “อืม ถ้าเป็นผีสาวอายุพันปีจริง ป่านนี้เขาคงไม่รอดแล้ว”

        เจียงไห่หลินมองเย่ฝานดื่มนม ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

        เย่ฝานเห็นสายตาของเจียงไห่หลินที่มองเขาพลางกะพริบตาแล้ว เอ่ยถามว่า “นายอยากดื่มนมเหรอ? ฉันยังเหลืออยู่นะ”

        เจียงไห่หลินรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

        เย่ฝานเห็นท่าทางของเจียงไห่หลินก็หัวเราะแล้วพูดว่า “นายไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ของพวกนี้ราคาถูกจะตาย”

        เจียงไห่หลิน “…”

        เจียงไห่หลินมองไปที่เย่ฝานแล้วถามว่า “คุณชายเย่ คุณคิดว่ายังไง!”

        “นายมาพบฉันเพื่อให้ช่วยไล่ผีเหรอ? นี่เป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตเชียวนะ พวกนายจะให้ค่าจ้างฉันเท่าไร!” เย่ฝานถาม

        เฉียนอวี้เอ่ยว่า “สิบล้านหยวนเป็นไง”

        เย่ฝานกะพริบตา แอบคิดในใจเงียบๆ ว่า คนรวยนะเนี่ย! “ได้ ถ้าอย่างนั้นมัดจำก่อนหนึ่งล้านหยวน ส่วนที่เหลือจัดการเรื่องนี้เสร็จเมื่อไร ฉันค่อยไปเอาที่นาย” เงินสิบล้านหยวน เพียงพอให้เขาใช้จ่ายได้ช่วงระยะหนึ่ง

        “คุณชายเย่ คุณกับเลี่ยวถิงถิงเลิกกันแล้วเหรอครับ?” เฉียนอวี้มองเย่ฝาน เขามีความรู้สึกว่าเย่ฝานที่อยู่เบื้องหน้าเขาคนนี้ กับคนที่อยู่ในความทรงจำนั้น เหมือนไม่ใช่คนคนเดียวกัน คนผู้นี้คือเย่ฝานจริงๆ หรือ

        “เลี่ยวถิงถิงน่ะเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นโหงวเฮ้งกินผัว ใครได้เป็นเมียคนนั้นซวย” เย่ฝานตอบพร้อมส่ายหน้า

        โทรศัพท์มือถือของเฉียนอวี้ดังขึ้น หลังจากรับสาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

        เย่ฝานมองไปที่เฉียนอวี้แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

        “พี่ใหญ่แขวนคอตาย!” เฉียนอวี้ตอบกลับ

        เย่ฝาน “…” แขวนคอ! นี่ไม่ใช่วิธีฆ่าตัวตายของคนสมัยนี้ คนสมัยนี้มักจะเลือกฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกหรือกินยานอนหลับ!

        “ไม่ตายใช่ไหม?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        เฉียนอวี้ส่ายหน้าพลางตอบว่า “ไม่ตายครับ ตอนนี้ใช้ยันต์ปัดเป่าโรคภัยสะกดวิญญาณนั่นไว้”

        เจียงไฮ่หลินหันไปทางเย่ฝานพลันพูดว่า “คุณชายเย่ เรื่องนี้คงจะปล่อยให้ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว!”

        เย่ฝานหยิบมันฝรั่งทอดหนึ่งกำมือและตีนไก่หนึ่งถุง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ไปกันเถอะ”

        เจียงไห่หลินตอบกลับไป “ครับ”

        …

        เย่ฝานตามเจียงไห่หลินไปยังห้องที่มัดซ่งป๋อฮุยเอาไว้อย่างแน่นหนา

        เย่ฝานมองซ่งป๋อฮุยแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก

        “คุณชายเย่ เป็นอะไรไปครับ?” เจียงไห่หลินหลังจากเห็นอากัปกิริยาของเย่ฝานก็ถามด้วยความใคร่รู้

        “ไม่มีอะไร แค่เป็นอย่างที่ฉันคาดการณ์เอาไว้จริงๆ มันไม่ใช่ภูตผีอายุพันปีหรอก มันมีอายุแค่ร้อยปีเท่านั้น น่าจะเป็นนักแสดงงิ้วในสมัยสาธารณรัฐ”

        เย่ฝานมองเห็นผีสาวในชุดแดงที่สิงอยู่ในร่างซ่งป๋อฮุยทันทีที่เข้าไปในห้อง อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงอันตรายที่จะบังเกิดจากจากมาถึงของเย่ฝาน ซ่งป๋อฮุยหรือก็คือผีสาวชุดแดงตนนั้นจึงขู่คำรามออกมาเป็นพักๆ

        บนอาณาจักรชางเสวียนมีอสูรบำเพ็ญตบะพวกหนึ่งอาศัยอยู่ พวกเขาจะนำดวงวิญญาณของภูตผีที่ยอมจำนนมาหลอมเป็นของวิเศษประจำกาย มนุษย์ส่วนมากเมื่อตายไปแล้ววิญญาณจะมลายหายไป มีมนุษย์เพียงน้อยนิดที่วิญญาณจะแปรเปลี่ยนเป็นภูตผีเมื่อตายไปแล้ว สำหรับอสูรบำเพ็ญตบะแล้วภูตผีเหล่านี้เปรียบเหมือนหินวิญญาณ พวกเขาจึงต้องแย่งชิงภูตผีทุกครั้งที่พบเจอ เพราะทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกฝนของเหล่าผู้ฝึกตนนั้นมีจำกัด สิ่งใดที่ใช้ประโยชน์ได้ล้วนต้องแย่งชิงมาครอบครอง

        เจียงไห่หลินขมวดคิ้ว เขามีความรู้สึกว่าเย่ฝานคล้ายกำลังสื่อสารกับผีสาว แต่เขาดูไม่ออกว่าทั้งสองกำลังสื่อสารอะไรกันอยู่

        “คุณชายเย่ คุณกำลังทำอะไรอยู่?” เจียงไห่หลินเอ่ยถาม

        “ฉันกำลังสนทนากับเธออยู่ ผีตนนี้ตอนยังมีชีวิตอยู่เป็นนักแสดงงิ้วในสมัยสาธารณรัฐ ถูกคุณชายท่านหนึ่งซื้อไปเป็นอนุภรรยา ผ่านไปไม่นานก็ไม่เป็นที่โปรดปรานเหมือนเดิม ต่อมาถูกภรรยาหลวงใส่ร้ายว่ามีความสัมพันธ์กับเด็กรับใช้ในบ้าน จึงถูกตัดลิ้นและบังคับให้แขวนคอตาย”

        “แล้วทำไมเธอต้องมายุ่งกับพี่ใหญ่ของเราด้วยครับ”

        เย่ฝานยักไหล่พลางตอบว่า “พี่ใหญ่ของพวกเธอโชคไม่ดี ที่หน้าตาดันไปเหมือนกับชายสารเลวคนนั้น!”

        เฉียนอวี้ “…”

        “ซ่งป๋อฮุย” เขาจ้องมองมาที่เย่ฝาน อารมณ์เดี๋ยวสงบ เดี๋ยวบ้าคลั่ง

        “แต่ว่า คนที่ทำร้ายเธอคือภรรยาหลวงคนนั้น อีกอย่างพี่ใหญ่ของพวกเราก็ไม่ใช่ผู้ชายมักมากคนนั้นด้วย” เฉียนอวี้กล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม ฉันกำลังใช้เหตุผลในการเกลี้ยกล่อมเธออยู่ แต่เธอคิดว่าลูกพี่ของพวกนายเป็นชายชั่วที่เธอตามหา เธอไม่ยอมฟังคำพูดของฉันเลย”

        ทันใดนั้นสีหน้าของเย่ฝานก็เย็นชาขึ้น เขาร่ายคาถาสองสามบทออกมา เมื่อถูกเล่นงานด้วยมนตร์คาถา ซ่งป๋อฮุยก็กรีดร้องออกมา ในตอนนั้นเองผีสาวในชุดแดงก็ลอยออกมาจากร่างของซ่งป๋อฮุย

        “ผี!” เจียงไห่หลินร้องเสียงหลง ปกติแล้วคนทั่วไปจะมองไม่เห็นภูตผี แต่ภายใต้สถานการณ์พิเศษอย่างนี้ ก็อาจทำให้สามารถมองเห็นภูตผีได้ ผีสาวชุดแดงปรากฏตัวขึ้นจากการร่ายมนตร์คาถาของเย่ฝาน เจียงไห่หลินจึงมองเห็นได้ชัดเจน

        เย่ฝานรู้สึกหมดคำพูด ได้แต่คิดในใจว่าเจียงไห่หลินเจ้าคนโง่เขลา ขี้ขลาดอย่างนี้ ยังกล้าออกไปลองดีกับผีกลางดึก?

        การใช้เวทมนตร์มาจัดการกับภูตผี เป็นสิ่งที่เย่ฝานพอจะทำได้แบบถูๆ ไถๆ ไม่ได้เชี่ยวชาญนัก “สะกด!” เย่ฝานเปล่งเสียงอย่างดุดัน

        เมื่อผีสาวหมุนตัวหวังจะหนีไป หลอดไฟในห้องพักผู้ป่วยก็ระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ

        เย่ฝานเห็นว่าผีสาวกำลังจะหนีไปก็แสดงเวทมนตร์สะกดภูตผีออกมาอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าผีสาวโดนตรึงเอาไว้แน่นหนาแล้ว เย่ฝานจึงนำยันต์ออกมาหนึ่งแผ่นแล้วติดไว้บนร่างของผีสาว ร่างของหล่อนก็ถูกยันต์นั้นสะกดไว้ในทันใด

        “คุณชายเย่ ผีสาวตนนั้นล่ะครับ?” เจียงไห่หลินเอ่ยถามอย่างระวังเนื้อระวังตัว

        “นายอยากได้ไหม  ถ้านายอยากได้ฉันจะให้? เป็นผีสวยซะด้วยนะ” เย่ฝานตอบ

        เจียงไห่หลินรีบส่ายหน้าทันที พลางพูดว่า “ ไม่ดีกว่า ไม่ดีกว่า คุณเก็บเถอะครับ  คุณเก็บไว้เถอะ”

        เฉียนอวี้เอ่ยถามด้วยความร้อนรน “คุณชายเย่ พี่ใหญ่ของพวกเราปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ?”

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ระยะนี้คงยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ให้หมอมาดูอาการสักหน่อย อีกสักครู่น่าจะฟื้นแล้วล่ะ แต่ว่า…”

        “แต่อะไรเหรอครับ” เฉียนอวี้เอ่ยถาม

        เย่ฝานส่ายหัว แล้วตอบ “ไม่มีอะไร”

        คุณชายพวกนี้ เล่นอะไรไม่เล่นไปเล่นกับภูตผีปีศาจ ในร่างของผีสาวตนนี้มีพลังหยินแรงมาก ผีสาวสิงอยู่ในร่างคุณชายใหญ่นานขนาดนั้น ทำให้อายุขัยถูกบั่นทอนไปอย่างน้อยสามปี ทว่าเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะกล่าวออกไป อย่างไรสภาพร่างกายของเขาก็ยังดีอยู่ หากบอกเขาว่าอายุขัยสั้นลงไปหลายปี เป็นใครก็คงจะไม่ชอบใจนัก

        เฉียนอวี้พยักหน้าพลางพูดว่า “ครับ ครับ”

        “ฉันกลับก่อนนะ”

        เจียงไห่หลินรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณชายเย่ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเองครับ”


        เย่ฝานพยักหน้าพลันตอบว่า “ตกลง”

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ไล่ผีได้แบบนี้ โอกาสดีที่จะมีชื่อเสียง ขายยันต์ดีแน่ๆ เงินทองไหลมาเทมา 55555 สนุกกกกกกก ชอบอีกแล้ว รออ่านตอนต่อไปเลยค่ะ   :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 9 มีเงินแล้ว


        เย่ฝานนั่งแผ่หลาหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเบาะหลังรถยนต์

        เจียงไห่หลินกำลังขับรถ เขาบังเอิญมองเห็นท่านั่งที่แน่นิ่งจนเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างของเย่ฝานผ่านกระจกมองหลัง

        “คุณชายเย่ คุณดูเหนื่อยมากเลยนะครับ?”

        “เมื่อกี้ใช้พละกำลังมากไป จนเกินขีดจำกัดน่ะ” เย่ฝานตอบกลับอย่างขี้เกียจ

        เจียงไห่หลิน “…” คำพูดนี้ทำไมถึงได้ฟังดูคลุมเครือแบบนี้?

        “คุณชายเย่ครับ พี่ใหญ่ของผมเจอเรื่องแบบนี้ต่อไปจะมีผลร้ายอะไรตามมาไหมครับ?”

        เย่ฝานกลอกลูกตาไปมา แล้วถามว่า “นายอยากรู้เหรอ?”

        เจียงไห่หลินพยักหน้าแล้วตอบว่า “ผมอยากรู้ครับ”

        เย่ฝานถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดว่า “ในเมื่อนายอยากรู้ ฉันจะบอกนายก็ได้ อายุขัยของเขาจะสั้นลง ความจริงไม่ใช่แค่พี่ใหญ่ของนายเท่านั้น แม้แต่นายก็จะอายุสั้นลงไปด้วย แต่ไม่ต้องกังวล อย่างมากก็สั้นลงแค่เดือนสองเดือน เทียบกับพี่ใหญ่ของนายแล้วยังนับว่าดีกว่ามาก”

        เจียงไห่หลินหยุดรถกะทันทัน ร่างของเย่ฝานเซไปข้างหน้า “ทำไมไม่ไปต่อล่ะ?” เย่ฝานถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

        “ผมจะอายุสั้นเหรอครับคุณชายเย่? แล้วจะมีทางแก้ไขไหมครับ?” เจียงไห่หลินถามอย่างร้อนรน

        เย่ฝานเห็นเจียงไห่หลินตกใจจนหน้าถอดสี จึงเอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นายจะมากลัวอะไรตอนนี้ กลางดึกกลางดื่นออกไปลองของกับผี?” นั่นก็เท่ากับว่านายเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนความเป็นและความตาย! แม้แต่ความตายนายยังไม่กลัว แค่มีชีวิตอยู่น้อยลงไปไม่กี่วัน นายจะกลัวอะไร?

        เจียงไห่หลิน “…” เขาไม่ได้กล้าหาญขนาดนั้นหรอก! เขาออกไปลองของกลางดึกก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากตาย ก็แค่นึกสนุกขึ้นมาเท่านั้น! เขาเองก็รู้สึกเสียใจตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว

        “คุณชายเย่ คุณต้องช่วยผมนะ!” เจียงไห่หลินกล่าว

        เย่ฝานตอบกลับอย่างจนใจ “ดื่มน้ำซุปสมุนไพรบำรุงธาตุหยางก็จะดีขึ้น สมุนไพรจะหายากหน่อยนะ ราคาแพงด้วย”

        “เรื่องนี้ผมจะหาวิธีจัดการเองครับ” เจียงไห่หลินกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะเขียนใบสั่งยาให้นายเอง”

        เจียงไห่หลินตอบกลับด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณคุณชายเย่มากๆ เลยครับ”         

        เย่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก!”

        เย่ฝานกลับถึงบ้านไม่นาน ในบัญชีก็ปรากฏยอดเงินเพิ่มขึ้นมาอีกสิบสองล้านหยวน เงินค่าจ้างเก้าล้านหยวนที่เหลือ เฉียนอวี้เป็นผู้โอนเข้ามา นอกจากนี้ยังมีเงินอีกสามล้านหยวนที่เจียงไห่หลินโอนเข้ามาต่างหาก อาจเป็นสินน้ำใจที่เขามอบให้

        ยอดเงินในบัญชีที่มากขึ้นอีกสิบกว่าล้านหยวน ทำให้เย่ฝานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

        …

        มีเงินสิบกว่าล้านหยวนอยู่ในกระเป๋า ทำให้เย่ฝานมั่นใจมากขึ้นเป็นกอง เขาขับรถไปยังตลาดขายยาจีนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชาง

        บนถนนสายหนึ่งในเมืองชาง มีร้านขายยาจีนเป็นร้อยๆ ร้านตั้งเรียงราย ดูโอ่อ่าตระการตา

        “คุณลูกค้าท่านนี้ ต้องการซื้อสมุนไพรหรือคะ?”

        “เอาอันนี้” เย่ฝานชี้ไปที่โสมต้นหนึ่งที่วางอยู่ในตู้โชว์

        "คุณลูกค้าช่างตาแหลมนัก โสมแดงต้นนี้เป็นโสมเก่าแก่ เป็นสมบัติประจำร้านของเรา ราคาสามล้านหยวนค่ะ"

        เย่ฝานพยักหน้าและพูดว่า “ฉันเอาต้นนี้”

        เย่ฝานมองเห็นโสมแดงที่วางอยู่ในตู้โชว์ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา โสมแดงและโสมโลหิตนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก เย่ฝานคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับโสมโลหิตในที่แห่งนี้ เมื่อก้าวเข้าไปในร้าน เขาก็สัมผัสถึงพลังปราณที่เอ่อล้นจนผิดปกติ ไม่นานก็ได้พบกับเป้าหมายของเขา

        วัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน พอเห็นโสมโลหิตที่วางอยู่ในตู้โชว์ สายตาก็พลันเป็นประกายขึ้นมา เขาพูดอย่างอวดร่ำอวดรวยว่า “โสมแดงต้นนี้ไม่เลวเลย ฉันต้องการโสมต้นนี้ ราคาเท่าไร?”

        “โสมแดงต้นนี้ ลูกค้าท่านนั้นได้ซื้อไว้แล้วค่ะ” พนักงานสาวในร้านขายยาจีน คิดอย่างประหลาดใจว่า โสมแดงต้นนี้วางโชว์อยู่ตรงนั้นมาตั้งหลายปีก็ไม่มีใครสนใจ จู่ๆ วันนี้กลับมีคนต้องการซื้อมันถึงสองคน

        “จ้าวเลี่ยง เธอได้ของที่ต้องการแล้วหรือยัง!” เย่อิ้งหลันเดินเข้ามาในร้าน

        “เย่ฝาน นายเองเหรอ นายมาทำอะไรที่นี่?” เย่อิ้งหลันมองไปยังเย่ฝานแล้วเอ่ยขึ้น

        เย่ฝานทำเสียงฮึดฮัด แล้วตอบกลับไปว่า “มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” เย่อิ้งหลันตั้งแต่เล็กจนโตก็ทำไม่ดีกับเจ้าของร่างมาตลอด พอเย่ฝานเห็นหล่อนก็รู้สึกรำคาญขึ้นมา

        “ฉันอยากได้โสมแดงนี่ แต่ว่าพี่ชายเธอซื้อไปแล้ว” จ้าวเลี่ยงกล่าว

        เย่อิ้งหลันขมวดคิ้ว แล้วหันไปถามพนักงานขายว่า “โสมแดงนี้ราคาเท่าไร?”

        “สามล้านหยวน!”

        เย่อิ้งหลันจ้องมองอย่างโกรธแค้นพลางพูดว่า “เย่ฝาน นายไปเอาเงินมาจากไหน ขโมยเงินออกมาจากบ้านฉันหรือเปล่า”

        เย่ฝานยิ้มเยือกเย็น ทันใดนั้นเขาก็ง้างมือตบลงไปที่แก้มของเย่อิ้งหลันหนึ่งฉาด “นังเด็กบ้า เธอกล้าใส่ร้ายฉันเหรอ! คนไร้การศึกษา สมกับที่เป็นลูกเมียน้อยจริงๆ ถึงได้พูดจาเหลวไหลอย่างนี้”

        เย่ฝานตบไปอย่างแรงไม่มียั้ง หน้าของเย่อิ้งหลันบวมเป่งในทันที

        เย่อิ้งหลันเอามือลูบหน้าของตน จ้องมองเย่ฝานอย่างไม่คาดคิด “แก… แกกล้าตบฉันเหรอ?”

        เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่ใยดีว่า “ก็เธอวอนหาเรื่อง ฉันก็เลยต้องลงมือไง!”

        เย่อิ้งหลัน “…”

        จ้าวเลี่ยงด่าออกไปด้วยความเครียดแค้น ”แกไอ้สารเลว แก...”

        จ้าวเลี่ยงกำมัดแล้วชกไปทางเย่ฝาน เย่ฝานจับแขนของจ้าวเลี่ยงไว้ ก่อนจะทุ่มเขาลงไปกองกับพื้น “ดูท่าทางนายจะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ยังอยากจะทำตัวเป็นวีรบุรุษมาช่วยผู้หญิง ออกโรงช่วยหญิงงามก็ยังพอเข้าใจได้ แต่กลับมาช่วยหญิงสารเลวคนนี้เนี่ย สมองนายมีปัญหาหรือเปล่า?”

         เย่ฝานหยิบโสมแดงที่วางอยู่บนตู้โชว์แล้วเดินออกจากร้าน เย่อิ้งหลันมองดูเย่ฝานด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “เย่ฝาน นายหยุดเดี๋ยวนี้นะ”


          เย่ฝานหันกลับมามองเย่อิ้งหลันแล้วหัวเราะอย่างเย็นชา เขาเดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย หาได้ยี่หระต่อคำพูดของหล่อนไม่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ร้ายมา ตบคืน ไม่โกง 555555 พลังลมปราณคงกลับมาฝึกได้เต็มที่เร็วๆนี้สินะได้โสมไปบำรุง รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 10 ฉันจะแต่งเขาเป็นภรรยา




        เมื่อเย่ฝานเดินออกมาจากร้านขายยาจีน ก็ถูกฝูงชนมุงดูทันที คนที่มุงดูอยู่นั้นก็ไม่กล้าเอะอะโวยวายมากมาย ได้แต่แอบชี้ไม้ชี้มือไปทางเขา และพูดกันไปว่า “เขาทำร้ายผู้หญิง”

        “คุณชายเย่ คุณชายเย่” เฉียนอวี้เร่งฝีเท้าจนตามเย่ฝานทัน

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้แวบหนึ่ง แล้วถามว่า “มีธุระอะไร?”

        ไม่กี่วันมานี้เจียงไห่หลินวุ่นวายอยู่กับเรื่องตามหาสมุนไพรบำรุงร่างกาย แน่นอนว่าเรื่องนี้รู้ถึงหูเฉียนอวี้เข้าจนได้ เมื่อถูกเฉียนอวี้ถามเช่นนั้น เจียงไห่หลินก็เลยต้องบอกเรื่องอายุขัยที่ถูกบั่นทอนลงมาอย่างจนใจ เรื่องนี้ทำให้เฉียนอวี้เสียขวัญเป็นอย่างมาก เพราะเย่ฝานเคยบอกไว้ว่า เขาได้รับกลิ่นอายอสูรมากกว่าเจียงไห่หลินเสียอีก ถ้าเช่นนั้นอายุขัยของเขาย่อมต้องสั้นลงกว่าเจียงไห่หลินแน่ๆ

        “ใบสั่งยาที่คุณให้กับพี่รอง ผมใช้บ้างได้ไหมครับ” เฉียนอวี้เอ่ยถาม

        “ได้สิ!” เย่ฝานตอบกลับ

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานแล้วถามว่า “คุณชายเย่ อายุขัยของผมจะสั้นลงมากน้อยแค่ไหนครับ!”

        เย่ฝานตบไปที่ไหล่ของเฉียนอวี้พลางพูดว่า “ทำใจให้สบาย ก็แค่ครึ่งปี ครึ่งปีเท่านั้น เพียงชั่วลัดนิ้วมือทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว” ในภพที่แล้ว ผู้ฝึกตนขั้นจินตันในสำนักของเขา พอเข้าฌานฝึกยุทธ์ครั้งหนึ่งก็กินเวลาหลายปีเลยทีเดียว

        เฉียนอวี้ “…”

        “คุณชายเย่ หากผมดื่มน้ำสมุนไพรนั่นแล้ว น่าจะอยู่ได้นานขึ้นใช่ไหมครับ! หรือว่าคุณเขียนในสั่งยาที่มีตัวยาคุณภาพสูงกว่านี้ได้ไหม เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาครับ”

        เย่ฝานครุ่นคิดจากนั้นตอบกลับไปว่า “นายใช้ยาตัวเดียวกับเจียงไห่หลินนั่นแหละ ตอนนี้ร่างกายนายยังอ่อนแอ หากใช้ยาคุณภาพสูงกว่านี้ จะรับไม่ไหวเอา อีกอย่างช่วงนี้คงต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนนะ”

        เฉียนอวี้พยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ ครับ ผมจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างครับ”

        “เมื่อกี้ผมเห็นคุณ… ไปแสดงฤทธิ์เดชมาหรือครับ”

        เย่ฝานเอามือเท้าเอว แล้วพูดว่า “ยัยคนไม่รู้ความ หากไม่ตบซะบ้างก็ไม่รู้ถึงฤทธิ์เดชของฉัน”

        ในสำนักเมฆคราม เย่ฝานนับว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถฝึกตน แต่เหล่าลูกศิษย์ในสำนักเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาต่างก็แสดงความเคารพและนอบน้อม ยัยเด็กนั่นกลับกล้าใส่ร้ายป้ายสีเขา หล่อนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคุณชายเย่ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ

        เฉียนอวี้ “…” ข่าวลือที่ว่าคุณชายเย่เป็นคนขี้ขลาดตาขาวนั้น คงจะเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง

        “แต่ยังไงการทำร้ายผู้หญิงมันก็ไม่ดีนะครับ”

        “ถ้าไม่ใช่เพราะยัยเด็กนั่นมันสารเลว ใครอยากจะตบกันเล่า” เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ

        เฉียนอวี้ “…”

        เฉียนอวี้และเย่ฝานกำลังเดินอยู่บนถนนซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายยาจีน

        เหล่าคุณชายตระกูลดังทั้งหลาย กำลังห้อมล้อมเด็กหนุ่มในชุดขาวคนหนึ่ง

        เย่ฝานหยุดฝีเท้าในทันใด เขาจ้องมองชายหนุ่มในชุดขาวที่อยู่ท่ามกลางผู้คน โดดเด่นดังหงส์ในหมู่กา เขาเอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “เขาคือใครกัน!”

        “เขาคือคุณชายไป๋อวิ๋นซีแห่งตระกูลไป๋ ที่มาที่ไปของเขาไม่ธรรมดา อย่าเข้าไปยุ่งด้วยจะดีกว่าครับ” เฉียนอวี้ตอบกลับ

        เย่ฝานกะพริบตาแล้ว แล้วถามด้วยความตื่นเต้น “เขาดูดีมากเลย! ฉันจะแต่งเขาเป็นภรรยา”

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานด้วยใบหน้าตกใจแล้วพูดว่า “คุณชายเย่ หัวใจผมไม่ค่อยแข็งแรง คุณอย่าทำให้ผมตกใจแบบนี้สิครับ…”

        หากอยู่ในเมืองชาง เฉียนอวี้ยังพอจะมีปากมีเสียงบ้าง แต่ที่นี่เป็นเมืองหลวง เขาเองก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ ไป๋อวิ๋นซีเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในกลุ่มลูกหลานนักการเมือง ไป๋อวิ๋นซีมาเยือนเมืองหลวง คุณปู่ของเฉียนอวี้ยังต้องติดตามมาคารวะ

        ไป๋อวิ๋นซีเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กจนโตเขาได้เลื่อนชั้นเรียนสูงกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอายุเพียง 18 ปี แต่เขาก็จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศแล้ว และยังได้บริหารกลุ่มธุรกิจเจาซีกรุ๊ป ทั้งตัวเขาเองและครอบครัวต่างก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงไปตามๆ กัน

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้แวบหนึ่งแล้วถามไปว่า “ฉันแค่อยากแต่งเขามาเป็นภรรยา ทำไมถึงทำให้นายตกใจล่ะ”

        เฉียนอวี้ “...เพราะว่าคุณชายไป๋ไม่ชอบคนแบบคุณหรอกครับ”

        เย่ฝานเอียงศรีษะแล้วเอ่ยถาม “ทำไมล่ะ? ฉันทั้งหล่อเหลาและสง่างาม ฉลาดปราดเปรื่องเหนือผู้ใด สติปัญญาก็เฉียบแหลมขนาดนี้”

        เฉียนอวี้ “…” คุณชายเย่จะรู้ไหมว่าชื่อเสียงของคุณไม่ดีขนาดไหน! เที่ยวผู้หญิง ไม่รักความก้าวหน้า เป็นลูกที่ไม่เอาไหน แถมเมื่อครู่ก็เพิ่งจะรังแกน้องสาวของตัวเองด้วย

        “คุณชายไป๋ชอบคนที่ร่ำรวย และมีความสามารถ” เฉียนอวี้กล่าว

        เย่ฝานถามกลับด้วยความสงสัย “ยังไงที่เรียกว่าร่ำรวย?”

        “อย่างน้อยบ้านต้องรวย มีเงินเป็นหมื่นล้าน”

        “แล้วยังไงที่เรียกว่ามีความสามารถ?” เย่ฝานถามต่อ

        “ผู้ที่สามารถเข้าไปเด็ดหัวข้าศึกท่ามกลางกองทัพนับหมื่น ราวกับหยิบของในถุงย่าม[1]” เฉียนอวี้พูดโพล่งออกมาโดยไม่ทันคิด

        เย่ฝานพยักหน้าพลางพูดว่า “เข้าใจแล้ว”

        เฉียนอวี้ “…”

        เย่ฝานจ้องมองไป๋อวิ๋นซีอย่างไม่ละสายตา ไป๋อวิ๋นซีเหมือนจะรู้สึกตัวจึงหันไปมองทางเย่ฝานแวบหนึ่ง เย่ฝานรีบโบกมือให้กับไป๋อวิ๋นซีด้วยความตื่นเต้น

        เฉียนอวี้เห็นเย่ฝานออกอาการตกหลุมรักแบบนั้น เขารู้สึกร้อนตั้งแต่เท้าขึ้นมาทั้งตัว ใบหน้าก็พลันแดงก่ำไปหมด เวรกรรมแท้ๆ! เย่ฝานไม่รู้สึกขายหน้าหรืออย่างไร เขาเองยังรู้สึกอับอายไม่น้อย จู่ๆ เฉียนอวี้ก็รู้สึกว่าเย่ฝานในแบบเคร่งขรึมจริงจัง ยังดูดีกว่านี้มาก

          ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะ ถามผู้ที่เดินข้างกายเขาว่า “ผู้ชายที่ดูตลกๆ คนนั้นเป็นใครกัน!”

         “ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ” เลี่ยวเหอที่เดินอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นซีไม่สนใจที่จะบอกเขาว่า ชายคนนั้นคืออดีตคู่หมั้นของเลี่ยวถิงถิง

         “ช่างเถอะ”

        ไป๋อวิ๋นซีขึ้นรถและจากไปอย่างสง่างาม

        เย่ฝานเอียงศีรษะ พูดอย่างอิ่มอกอิ่มในว่า “เขากำลังสนใจฉันอยู่”

        เฉียนอวี้มองเย่ฝานแวบหนึ่ง แล้วฝืนใจถามว่า “คุณชายเย่ คุณดูจากตรงไหนว่าคุณชายไป๋สนใจคุณครับ!”

        “ก็เมื่อกี้เขาส่งยิ้มให้ฉัน นายไม่เห็นเหรอ?” เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ

        เฉียนอวี้ “…” หากไม่ใช่เพราะที่ผ่านมาเขาขับไล่ผีร้ายออกจากร่างของซ่งป๋อฮุยได้สำเร็จ เขาอยากจะพาเจ้าหมอนี่ไปโรงพยาบาลบ้าเสียตอนนี้เลย เป็นคนแบบไหนกันนะ!

        “คุณชายเย่ครับ” ตอนนี้ก็สายมากแล้ว คุณชายไป๋ก็กลับไปแล้ว ถ้างั้นให้ผมเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ” เฉียนอวี้รวบรวมสติคืนมา แล้วถามเย่ฝานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้สิ!” ฉันเพิ่งไปเจอร้านอาหารรสชาติไม่เลวอยู่หนึ่งร้าน พวกเราไปกินที่นั่นก็ได้

        “ร้านอาหารอะไรเหรอครับ” เฉียนอวี้ถามอย่างสนอกสนใจ

         “ราเมนหลันโจว”

        เฉียนอวี้ “…” เย่ฝานจะช่วยเขาประหยัดเงินหรือยังไง? ถึงแม้จะจ่ายเงินแทนซ่งป๋อฮุยไปสิบล้านหยวน จนทำให้ช่วงนี้เขาขัดสนเงินทองอยู่บ้าง แต่ยังไงก็มีเงินเลี้ยงอาหารแพงๆ สักมื้อได้อยู่แล้ว




        ...

        [1] เป็นคำที่ใช้เปรียบเปรยถึงความสามารถของบุคคลในนิยายเรื่องสามก๊ก คือ เตียวหุย นักรบจอมพลัง ผู้บ้าดีเดือดและมุทะลุดุดัน ที่สามารถต่อสู้กับข้าศึกได้นับหมื่น และเด็ดหัวศัตรูได้ง่ายเหมือนหยิบของในถุงย่าม

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 11 การตอบโต้จากบ้านตระกูลเย่


        ณ บ้านตระกูลเย่

        เย่อิ้งหลันจับแก้มที่บวมแดงของตนด้วยดวงตาแดงก่ำ

        “เย่ฝานตบเธอ?” เย่ติ่งหงเอ่ยถาม

        เย่อิ้งหลันพยักหน้าและส่งเสียง “อืม” ออกมาอย่างน่าสงสาร

        หวังเสี่ยวเฟยเห็นเย่อิ้งหลันในสภาพอย่างนี้ก็รู้สึกปวดใจ

        “คุณพ่อครับ เจ้าบ้านั่นนับวันจะยิ่งกําเริบเสิบสาน ที่ผ่านมาก็เอาแต่เที่ยวผู้หญิงจนเกิดเรื่องอื้อฉาว นี่ยังกล้าตบได้แม้แต่น้องสาวแท้ๆ ของตัวเอง!” เย่หงเหวินพูดด้วยความโมโห

        เย่ติ่งหงสูบบุหรี่พลางถามเย่อิ้งหลันว่า “ทำไมเย่ฝานถึงตบเธอ มันต้องมีสาเหตุสิ”

        “หนูเจอเขาในร้านขายยาจีน เขาจ่ายเงินสามล้านหยวนซื้อโสมแดงหนึ่งต้น พอหนูถามเขาว่าเขาเอาเงินมาจากไหน เขาก็ตบหนูเลย” เย่อิ้งหลันตอบด้วยความน้อยใจ

        เย่หงเหวินพูดด้วยความแปลกใจ “เงินสามล้านหยวน เขาไปเอามาจากที่ไหนกันนะ?” ตอนที่เย่ฝานออกจากบ้านไป เขาก็ออกไปแต่ตัวนี่

        “ช่างเถอะ ยังไงก็เงินแค่สามล้านเท่านั้น ได้ข่าวว่าทางบ้านตระกูลอู่ก็คอยช่วยเหลือเขาอยู่ จะดีหรือร้ายเขาก็เป็นคนของบ้านตระกูลเย่ จะมีเงินล้านติดตัวอยู่บ้างก็เป็นเรื่องปกติ” เย่ติ่งหงมองเย่อิ้งหลันอย่างแข็งกร้าวแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าเย่ฝานจะออกจากบ้านไปแล้ว แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นพี่ชายของเธอ ถ้าเธอเจอก็ต้องดีและเป็นมิตรกับเขาด้วย”

        เย่ติ่งหงไม่ค่อยชอบใจหวังเสี่ยวเฟยเท่าใดนัก การแต่งงานระหว่างตระกูลเย่และตระกูลอู่เป็นอันต้องล้มเลิก เพียงเพราะเย่หงเหวินรักกับหวังเสี่ยวเฟย ส่วนว่าที่เจ้าสาวอู่อิงก็ช่างวาสนาน้อยนัก จากไปตั้งแต่อายุยังน้อย

        ไม่กี่ปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างบ้านตระกูลเย่และบ้านตระกูลอู่ห่างเหินกันไปมากทีเดียว แม้ว่าบ้านตระกูลอู่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเย่ฝานมากนัก แต่ก็ยังคอยดูแลให้ความช่วยเหลือเขาอยู่บ้าง

        เย่อิ้งหลันยังมีความหวังให้ผู้เป็นปู่ออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้ตน แต่ดูท่าทีของคุณปู่แล้วก็รู้ว่าหมดหวัง ความโกรธแค้นที่มีต่อเย่ฝานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

        …

        เย่ฝานค่อยๆ ผ่าโสมโลหิตอย่างระมัดระวัง เขานำของเหลวบริสุทธิ์ที่ได้ แบ่งออกเป็นชุดเล็กๆ จำนวน 10 ชุดด้วยกัน เย่ฝานนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเพื่อดูดซับพลังปราณจากโสมโลหิต

        พลังปราณไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเย่ฝานเป็นระลอกๆ เย่ฝานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น พลังปราณที่เพิ่มขึ้นจากการดูดซับโสมโลหิตนั้น เทียบเท่ากับการได้ฝึกยุทธ์ 4-5 วันเลยทีเดียว

        ขณะที่เย่ฝานกำลังฝึกฝนอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เย่ฝานจึงต้องเลิกฝึกด้วยความจำใจ

        เย่ฝานเปิดประตู พอเห็นผู้มาเยือนก็ขมวดคิ้วอย่างรำคาญและพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงมาได้ล่ะ!”

        “ทำไมแกถึงทำท่าทางแบบนี้!” เย่หงเหวินกล่าว

        เย่ฝานตอบกลับไปด้วยความรำคาญ “มีธุระอะไรก็พูดมา ถ้าไม่มีก็กลับไปซะ!”

        เย่หงเหวินโดนตอกหน้ากลับจนแทบกระอักเลือด “ทำไมแกถึงตบน้องสาวของตัวเอง ใครใช้ให้แกทำร้ายน้องสาวของตัวเอง? นับวันแกจะยิ่งกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วนะ!”

        “ก็ยัยนั่นมาขวางทางผม แถมยังใส่ร้ายป้ายสีผมอีก ผมก็ต้องจัดการเธอเป็นธรรมดา ใครใช้ให้ยัยนั้นทำตัวเลวๆ แบบนั้นล่ะ! พ่อคิดว่าผมอยากทำร้ายเธอเหรอ ผมตบเธอ ผมก็เจ็บมือนะ” เย่ฝานลูบคางแล้วตอบกลับ

        เย่หงเหวินมองไปที่เย่ฝานแล้วถามว่า “แกไปเอาเงินสามล้านหยวนมาจากไหน?”

        เย่ฝานทำตาหยีพลางตอบกลับไปว่า “นั่นไม่ใช่เงินของพ่อสักหน่อย แล้วพ่อจะถามผมทำไม? พ่อเอาทรัพย์สินเงินทองที่แม่ทิ้งไว้ให้ไปปรนเปรอเมียน้อย เอาไปเลี้ยงลูกนอกสมรสทั้งสองคนของพ่อ แล้วตอนนี้จะมาห่วงผมทำไม”

        “แกพูดอย่างนี้ได้ยังไง? ฉันเป็นพ่อแกนะ!” เย่หงเหวินพูดกระหืดกระหอบด้วยความโมโห

        “ผมรู้ ผมยังจำที่พ่อพูดได้ดี พ่อไม่มีลูกที่น่าอับอายขายขี้หน้าอย่างผม ดีเหมือนกัน ผมก็ไม่อยากได้พ่อแบบคุณเหมือนกัน” เย่ฝานนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา อ้าปากหาวพลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

        “พูดกับแกด้วยเหตุผลไม่ขึ้นเลยจริงๆ” เย่หงเหวินเดิมทีตั้งใจว่าจะมาสั่งสอนเย่ฝาน แต่กลับโดนลูกตำหนิเสียไม่มีชิ้นดี ในใจรู้สึกไม่เป็นสุข “ทำไมแกถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?”

        “ผมกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เพราะฝีมือลูกนอกสมรสของพ่อหรอกเหรอ ที่ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง สุดท้ายเขาก็ได้ลงเอยกับผู้หญิงสารเลวเลี่ยวถิงถิง หญิงชั่วกับชายโฉด” เย่ฝานสบถด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา

        ถึงอย่างไรเย่ฝานก็ใช้ชีวิตอยู่กับเย่หงเหวินมาเป็นสิบสิบปี เย่หงเหวินรู้จักลูกชายของตนเองดี และพอจะเดาได้ว่าเย่ฝานไม่มีความกล้าพอที่จะก่อเรื่องทารุณคนอื่นอย่างที่โดนกล่าวหาได้ แต่เรื่องเกิดมาถึงทุกวันนี้ เย่หงเหวินก็ไม่เคยคิดจะเรียกร้องความบริสุทธิ์ให้กับลูกเลย

        ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเย่ฝานก็คือเย่จื้อเจ๋อ ถ้าจะเปรียบกันแล้ว อย่างไรเย่หงเหวินก็รู้สึกรักลูกคนนี้มากกว่าเย่ฝานอยู่ดี

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยยยย รอสนุกมาก ชอบฝีปากของพระเอกคนนี้จริงๆ เอ๊ะ!? พระเอกใช่มั้ยนะ 5555555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 12 ญาติผู้พี่แห่งบ้านตระกูลอู่



        อู่ซือหานลงมาจากรถ บังเอิญพบกับเจียงไห่หลินพอดี

        “คุณชายเจียง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” อู่ซือหานถามด้วยความประหลาดใจ

        “ผมมาหาคุณชายเย่” เจียงไห่หลินตอบ

        อู่ซือหานรู้สึกงุนงง จึงเอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า “นายมาหาเย่ฝาน? เย่ฝานเขาไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกหรือเปล่า? เจ้านั่นจะอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้เลยใช่ไหม”

        เจียงไห่หลินรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ใช่ๆ คือผมเองที่มีเรื่องจะให้คุณชายเย่ช่วยเหลือ”

        อู่ซือหานถอนหายใจเฮือก พลันพูดว่า “เจ้านั้นไม่ได้ไปก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรไว้ก็ดีแล้ว ว่าแต่เขาจะช่วยเหลืออะไรคุณได้เหรอ?”

        เจียงไห่หลินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “คุณชายเย่เขาจับผีได้ครับ!”

        อู่ซือหานกลอกตามองบน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณชายเจียงเป็นคนงมงายกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร บนโลกนี้ไม่มีผีสักหน่อย! มันก็เป็นเรื่องที่เล่าลือกันไปต่างๆ นานา ประเทศเราต่อต้านเรื่องไสยศาสตร์มานานหลายปีแล้ว คุณชายเจียงยังเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่อีกหรือ?”

        เจียงไห่หลิน “…” เดิมทีเขาก็ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้ก็โดนเข้ากับตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ?

        “เย่ฝานเจ้าหมอนั่น ระยะนี้อารมณ์แปรปรวน เที่ยวก่อกวนไปทั่ว เย่ฝานเป็นแบบนี้แต่คุณยังคบหากับเขาอีกนะ” อู่ซือหานพูดอย่างไม่ชอบใจนัก

        เจียงไห่หลินได้แต่ก้มหน้ารับฟัง แต่ในใจนั้นคิดอยากให้อู่ซือหานเจอผีจริงๆ สักครั้ง ดูซิว่าเจ้าอู่ซือหานคนนี้จะยังพูดเรื่องหลักการและเหตุผลอีกไหม

        อู่ซือหานและเจียงไห่หลินเคาะประตูเมื่อมาถึงหน้าอะพาร์ตเมนต์ของเย่ฝาน

        เย่ฝานในชุดนอนลายมิกกี้เมาส์ เขาเตะรองเท้าแตะออกไปก่อนจะเปิดประตู

        อู่ซือหานเห็นชุดนอนที่เย่ฝานสวมใส่ก็รู้สึกพูดไม่ออก “นายชอบใส่ชุดนอนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย?”

        “นายหมายถึงชุดนอนนี้น่ะเหรอ เป็นของแถมที่ได้มาตอนที่ซูเปอร์มาร์เก็ตขายของลดราคาน่ะ ไม่เลวเลยนะ ใส่สบายดีออก”

        อู่ซือหาน “…”

        เจียงไห่หลิน “…”

        “พี่กับคุณชายเจียง ทำไมถึงมาด้วยกันได้ล่ะ?” เย่ฝานหยิบนมสดหนึ่งขวดออกมาจากตู้เย็น รินใส่แก้ว 2 ใบ แล้วยกออกมา

        เจียงไห่หลินมองแก้วนมที่ยกมาเสิร์ฟมุมปากก็กระตุกขึ้น นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นใครต้อนรับแขกด้วยนมสด

        “พี่ชาย วันนี้พี่มาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ!” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “อีกสองวันจะเป็นวันเกิดอายุครบ 70 ปีของคุณปู่ นายก็ไปร่วมงานหน่อยสิ” อู่ซือหานพูด

        สายตาของเจียงไห่หลินเปลี่ยนไปทันที ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในหัว เย่ฝานถูกบ้านตระกูลเย่ไล่ออกจากบ้าน เวลานี้คุณปู่ตระกูลอู่เรียกเย่ฝานไปร่วมงานวันเกิด ดูจากสถานการณ์แล้วแสดงว่าต้องการสนับสนุนเย่ฝาน

        “นายไม่อยากไปเหรอ?”

        “ถ้าไปร่วมงาน ก็ต้องมอบของขวัญ!” ของขวัญที่จะให้คนแก่นั้น จะดูไม่สมฐานะได้อย่างไร เขาก็ต้องเสียเงินจ่ายค่าของขวัญอีกนั่นแหละ!

        “นาย… ของขวัญแค่ชิ้นเดียว นายก็ขี้เหนียวเหรอ?” อู่ซือหานกล่าวด้วยอารมณ์โมโห

        เย่ฝานเห็นท่าทีโมโหของอู่ซือหานก็หัวเราะขึ้นมา “พี่อย่าเพิ่งโมโหน่า! ผมจะไปครับ”

        เย่ฝานหันไปทางเจียงไห่หลินแล้วถามว่า “คุณชายเจียง มาทำอะไรอีกแล้วเนี่ย?”

        “ผมมาเพื่อขอซื้อยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยกับยันต์ปัดเป่าโรคภัยเพิ่มครับ” เจียงไห่หลินตอบกลับ

        เย่ฝานลูบคางแล้วพูดว่า “ตอนนี้ยังไม่มีของ วันมะรืนนายค่อยเข้ามาเอาก็แล้วกัน” หลายวันมานี้พลังของเย่ฝานเพิ่มขึ้นไม่น้อย การวาดยันต์ก็คงจะราบรื่นขึ้นมาก ซึ่งแน่นอนว่าอิทธิฤทธิ์ของยันต์ย่อมต้องสูงขึ้นไปด้วย

        “ครับ” เจียงไห่หลินตอบอย่างสบายใจ

        “เจ้าคนน่าไม่อาย” อู่ซือหานยืนขึ้นทันที “นายไม่มีเงินก็ให้มายืมที่ฉัน แต่อย่าต้มตุ๋นเงินชาวบ้านแบบนี้ได้ไหม!”

        เย่ฝานกะพริบตาปริบๆ มองไปที่อู่ซือหานอย่างใสซื่อบริสุทธิ์

        เจียงไห่หลินรีบพูดออกมาว่า “คุณชายหาน อย่าโมโหไปเลยครับ ผมเต็มใจจะซื้อเอง ผมเชื่อมั่นในคุณชายเย่ แม้จะโดนหลอกก็ยินยอมพร้อมใจ และไม่โทษคุณชายเย่เด็ดขาดครับ”

        อู่ซือหานมองไปที่เย่ฝาน แล้วก็มองไปทางเจียงไห่หลิน ในใจรู้สึกเอือมระอา เขาคิดในใจว่าทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้เก่งเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณชายเจียงไห่หลินแห่งบ้านตระกูลเจียงคนนี้เป็นพวกงมงายในไสยศาสตร์ สองคนนี้ คนหนึ่งหลอกอีกคนยอมให้หลอก กลายเป็นว่าเขาเหมือนเป็นคนนอกไปเลย

        “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าพวกเธอว่าดีก็แล้วไป” อู่ซือหานวางการ์ดเชิญไปร่วมงานวันเกิดลงแล้วจากไป

        เจียงไห่หลินมองไปทางเย่ฝาน แล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายเย่ คุณคิดว่าจะมอบอะไรให้คุณปู่ครับ?”

        “น่าจะให้หยกสักชิ้นล่ะนะ เดี๋ยวออกไปหาซื้อก่อนก็แล้วกัน” พอหาซื้อได้แล้วก็สลักค่ายกลคุ้มภัยเข้าไป ก็จะเป็นสิริมงคลทุกประการแล้ว

        “คุณชายเย่ ทำไมเหมือนกับคุณชายหานไม่รู้ถึงความสามารถของคุณล่ะครับ”  เจียงไห่หลินเอ่ยถาม

        “อ๋อ เขาก็ไม่รู้จริงๆ นั่นแหละ ฉันเป็นคนถ่อมตัว ไม่ค่อยโอ้อวดความสามารถของตัวเอง คนส่วนมากดูไม่ออกหรอก ความจริงแล้วฉันเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเลยนะ” เย่ฝานตอบกลับ


        เจียงไห่หลินมองเย่ฝานในชุดนอนลายการ์ตูนแล้วพยักหน้า ก่อนจะพูดอย่างเห็นด้วย “จริงครับ คนทั่วไปดูไม่ออกแน่นอน”

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
5555555555 เออภาพมันไม่ให้ไงว่าเป็นคนมีความสามารถ รอตอนต่อไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้ลงไม่จบชัวร์ครับเขาเอามาขาย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 13 ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า



        เย่ฝานเดินอยู่บนถนนสายเก่าแก่ เลือกร้านขายหยกที่ดูไม่เลวนักแล้วเดินเข้าไปด้านใน

        “พ่อรูปหล่อ เห็นของถูกใจบ้างหรือยังล่ะ?” เฒ่าแก่เจ้าของร้านเอ่ยถาม

        “หยกชิ้นนี้ราคาเท่าไร?”

        “หยกชิ้นนี้ผ่านการปลุกเสกจากหลวงจีนมาแล้ว”

        เย่ฝานทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “พระสมัยนี้ไม่ได้ศักดิ์สิทธ์อะไรขนาดนั้นหรอก เดี๋ยวนี้หยกอะไรก็อ้างว่าปลุกเสกมาแล้ว ลดอีกหน่อยน่าเฒ่าแก่!”

        “ถ้าอย่างนั้น เธอคิดว่าราคาเท่าไรดีล่ะ?”

        “วันนี้ฉันพกเงินมาแค่ห้าพันหยวน ถ้าแพงกว่าห้าพันฉันก็คงไม่ซื้อแล้วล่ะ” เย่ฝานตอบ

         “ถ้าอย่างนั้นขายห้าพันก็แล้วกัน”

        เย่ฝาน “…” รู้อย่างนี้กดราคาลงกว่านี้ดีกว่า พ่อค้าเจ้าเล่ห์แท้ๆ

        เย่ฝานยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ รู้สึกถึงลมหนาวที่พัดมา ทันใดนั้นข้างกายเขาก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มบุคลิกเย็นชาคนหนึ่ง

        ไป๋อวิ๋นซีเอ่ยเรียกเฒ่าแก่หอรวบรวมสมบัติว่า “คุณอาโจว”

        เย่ฝานเบิกตาโตมองไป๋อวิ๋นซีด้วยความประหลาดใจ “ไง เจอกันอีกแล้ว พวกเรานี่ช่างมีวาสนาต่อกันจริงๆ!”

        ไป๋อวิ๋นซีกวาดตามองเย่ฝาน ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

        คราวก่อนที่ร้านขายยาจีน เย่ฝานมองเห็นไป๋อวิ๋นซีอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกว่าคนคนนี้รูปร่างงดงาม ครั้งนี้ได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าไป๋อวิ๋นซีเป็นคนที่ดูดีมากจริงๆ ทว่าเย่ฝานก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าไป๋อวิ๋นซีมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์อยู่ในตัวของเขา

        อากาศร้อนขนาดนี้ เย่ฝานที่ยืนอยู่ข้างๆ ไป๋อวิ๋นซีกลับสัมผัสได้ถึงกระแสคลื่นเย็นเฉียบจากตัวเขา

        ตามหลักการแล้ว ร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์สามารถพบได้ในร่างของนักพรตหญิงเท่านั้น นักพรตหญิงที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ส่วนมากจะเป็นอัจฉริยะในการฝึกตน ทว่าร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์นี้หากปรากฏบนตัวของผู้ชายก็จะเป็นปัญหา เพราะชายทั่วไปที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ล้วนแต่มีอายุขัยไม่เกิน 30 ปี

        ชายคนใดหากมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ในร่างกาย หลังจากวันเกิดปีที่ 10 มักจะมีอาการป่วยทุกๆ 3 ปี เวลาอาการกำเริบร่างกายจะเย็นเหมือนน้ำแข็ง อยู่ก็เหมือนตาย

        “อวิ๋นซีมาแล้วเหรอ ร่ายกายดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง” โจวจิ่นจือเอ่ยถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลางพูดว่า “ดีขึ้นมากแล้วครับ” ไป๋อวิ๋นซีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เล็กจนโต คนบ้านตระกูลไป๋ล้วนกังวลกับสุขภาพของเขา จึงมักคอยให้ท้ายและตามใจเขามาตลอด โชคดีที่แม้เขาจะโดนตามใจจากคนในบ้าน ก็ไม่ทำให้เขาเสียคนแต่อย่างใด

        “คุณอาโจว พระพุทธรูปหยกองค์นี้ราคาเท่าไรครับ?”

        “อวิ๋นซีตาถึงจริงๆ เลย! พระพุทธรูปหยกองค์นี้ขุดมาจากบ้านเรือนเก่าสมัยราชวงศ์ซ่ง ถ้าเธออยากได้ฉันขายให้ในราคาสามล้านหยวนก็พอ” โจวจิ่นจือพูดอย่างยิ้มแย้ม

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีพลางพูดอย่างมีไมตรีจิตว่า “ถ้านายชอบพระพุทธรูปหยกองค์นี้ ฉันจะซื้อให้นายเอง!”

        ไป๋อวิ๋นซีหันไปมองเย่ฝาน แล้วถามอย่างสนใจว่า “ซื้อให้ฉัน? ทำไมนายต้องซื้อให้ฉันด้วย!”

        “ก็เพราะว่าฉันชอบนายไง!” เย่ฝานดวงตาเป็นประกาย พูดออกมาโดยไม่ต้องคิด

        ไป๋อวิ๋นซีเอียงศีรษะเล็กน้อย ทำท่าทางประหนึ่งแมวอวดดีกำลังหยอกล้อหนูที่อยู่เบื้องล่างอุ้งเท้า “นายอยากซื้อให้ก็ซื้อเถอะ แต่ถึงนายมอบให้ฉัน ฉันก็ไม่ชอบนายหรอก...”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วเอ่ยออกมาด้วยความสัตย์จริง “ฉันรู้ดีว่านายชอบคนที่บ้านรวยเป็นหมื่นล้าน และยังสามารถเข้าไปเด็ดหัวข้าศึกท่ามกลางกองทัพนับหมื่นดั่งหยิบของในถุงย่าม แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เพียบพร้อมอย่างที่นายหวัง แต่ในอนาคตฉันจะทำให้ได้”

        ไป๋อวิ๋นซี “…” เจ้าตัวตลกนี้มาจากไหนกันนะ วิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบ้าหรือไง?

        “อืม ถูกต้อง ฉันชอบแบบนั้นจริงๆ นายคิดว่านายจะทำได้ถึงระดับนั้นไหม” ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะแล้วเอ่ยออกมา

        เย่ฝานยิ้มอย่างสดใสพลางตอบว่า “ถ้างั้นนายต้องรอฉันนะ! ฉันรู้ว่าร่างกายของนายไม่ค่อยแข็งแรง บางครั้งจะมีอาการหนาวเย็นไปทั้งตัว ดังนั้นห้ามมีอะไรกับผู้หญิงเด็ดขาด! ร่างกายของนายมีความพิเศษ หากนอนกับผู้หญิงอาการจะยิ่งรุนแรงขึ้น”

        ไป๋อวิ๋นซีหน้าถอดสีพลันพูดว่า “นายไม่สบายหรือเปล่า?”

        เย่ฝานส่ายหน้าพลันตอบว่า “ฉันไม่ได้ป่วย! โรคของนายหนักเอาการอยู่เหมือนกันนะ” เย่ฝานแอบคิดในใจว่า : ไป๋อวิ๋นซีนี่จริงๆ เลย ตัวเองป่วยแท้ๆ แต่ดันมาว่าเขาป่วยเสียได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็หล่อมาก ถึงนิสัยอาจจะแปลกๆ ไปบ้างก็เถอะ

        ไป๋อวิ๋นซีถลึงตาจ้องมองเย่ฝาน จากนั้นจึงหมุนตัวจากไป

        เย่ฝานตามออกมาก็เห็นเพียงด้านหลังรถยนต์ที่ขับจากไปแล้ว

        “พ่อหนุ่ม ข่าวที่เธอรู้มาแม่นจริงๆ เลยนะ!”

        เย่ฝานมองโจวจิ่นจืออย่างงงงวยแล้วพูดว่า “ข่าวแม่นงั้นเหรอ?”

        “ก็ข่าวของไป๋อวิ๋นซีน่ะสิ! เธอได้ยินได้ฟังมาอย่างละเอียดเลยสินะ” โจวจิ่นจือกล่าว

        “ผมไม่จำเป็นต้องฟังมาจากใครหรอก แค่เห็นร่างของเขาก็รู้แล้ว ในเมื่อคุณรู้จักกับเขา อย่างนั้นผมจะซื้อพระพุทธรูปหยกนี่ แล้วคุณช่วยผมส่งไปให้เขาได้ไหม” เย่ฝานพูดพร้อมเบิกตาโตมองไปยังโจวจิ่นจือ

        โจวจิ่นจือหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณชายไป๋เขาเป็นคนมาตรฐานสูงนะ คนที่ตามจีบเขามีไม่น้อยเลย ล้วนแล้วแต่เป็นลูกผู้ดีมีเงินหรือไม่ก็ดาราดังทั้งนั้น นายส่งของสิ่งนี้ให้เขา เดาได้เลยว่าคงจะเสียเงินเปล่าแล้วล่ะ เพราะคุณชายไป๋เขาไม่ชอบผู้ชายน่ะสิ”

        เย่ฝานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมจะพยายาม”

        โจวจิ่นจือ “…” เด็กโง่คนนี้มีความเพียรพยายามดีจริงๆ!

        “นายบอกว่ามีเงินแค่ห้าพันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมีเงินเพิ่มขึ้นมาอีกล่ะ?” โจวจิ่นจือถาม

        “ผมไม่ได้พกเงินสด แต่ก็โอนได้นี่นา!” เย่ฝานเอ่ย

        โจวจิ่นจือ “…”

        “ขอยืมปากกาหน่อยได้ไหมครับ” เย่ฝานเอ่ย

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วกล่าวว่า “เธอจะเขียนจดหมายรักให้ไป๋อวิ๋นซีเหรอ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ก็น่าจะใช่”

        เย่ฝานเขียนใบสั่งยาบรรเทาอาการตัวหนาวเย็นจากร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์ เขาวาดรูปหัวใจหนึ่งดวง และยังเขียนข้อความด้านล่างรูปหัวใจนั้นว่า ‘สักวันหนึ่ง ฉันจะเหยียบเมฆเจ็ดสีไปรับนายมาเป็นภรรยา นายต้องรอฉันนะ!’

        โจวจิ่นจือจ้องมองเย่ฝาน ในแววตาไม่มีคำพูด แต่เขาแน่ใจว่าเย่ฝานคงจะดูละครน้ำเน่ามากเกินไป

        “สมุนไพรพวกนี้หมายความว่ายังไงเหรอ” โจวจิ่นจือถาม

         “นี้เป็นใบสั่งยาบรรเทาอาการหนาวสั่น” เย่ฝานเอ่ย

         โจวจิ่นจือ “…”

         "เธอวินิจฉัยโรคเป็นด้วยเหรอ!" โจวจิ่นจือเอ่ยถามพร้อมหัวเราะ

        “ผมศึกษาตำราทุกแขนงมาตั้งแต่เด็ก หนังสือแต่ละเล่มแค่ดูผ่านตาก็จำได้ไม่ลืม มีปัญญาหยั่งรู้ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้านี้ แค่วินิจฉัยโรคผมต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว”


          โจวจิ่นจือ “…”

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ไม่เกินคำโม้หรอกนะ เก่งจริงแหละ 5555

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
5555555555555 รุกอีกๆ 555ชอบ ชอบความฉลาดนี้ย

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กลับมาครั้งงนี้. เทพไปอีก

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 14 ยอดคนไร้เทียมทาน


        เย่ฝานเคาะโต๊ะแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เฒ่าแก่ คุณต้องช่วยผมส่งจดหมายกับพระพุทธรูปหยกให้เขาให้ได้นะ! ถ้าคุณทำจดหมายของผมหายล่ะก็ ผมจะทำยันต์ฝันร้ายมาแปะไว้ที่หน้าผากของคุณ นั่นจะทำให้คุณนอนไม่หลับทั้งคืนเชียวล่ะ”

        โจวจิ่นจือถามด้วยความประหลาดใจ "เธอเขียนยันต์เป็นด้วยเหรอ"

        เย่ฝานตอบด้วยใบหน้าอย่างผู้ทรงภูมิว่า “ผมบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าผมศึกษาตำราทุกแขนงมาตั้งแต่เด็ก หนังสือแต่ละเล่มแค่ดูผ่านตาก็จำได้ไม่ลืม มีปัญญาหยั่งรู้ไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้านี้ แค่วาดยันต์ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิด”

        “เธอนี่เก่งจริงๆ” โจวจิ่นจือชม

        “พูดได้ดี พูดได้ดี”เย่ฝานตอบกลับ

        โจวจิ่นจือ “…” เจ้าหนุ่มนี้เพ้อเจ้อจริงๆ!

        เย่ฝานจ่ายเงินแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป

        โจวจิ่นจือมองดูแผ่นหลังของเย่ฝาน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงโทรไปหาผู้อาวุโสตระกูลไป๋ “ตาเฒ่าไป๋! ใช่ฉันเองอาโจว ฉันเพิ่งได้ใบสั่งยาใบหนึ่งมาจากยอดคนพิสดารคนหนึ่ง ใบสั่งยาเขียนไว้อย่างนี้… นายลองเอาไปหาหมอยาจีนดูสักหน่อยว่าพอจะรักษาอาการป่วยของคุณชายไป๋ได้ไหม”

        เย่ฝานกลับเข้ามาถึงอะพาร์ตเมนต์ได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

        “พี่ชาย มาได้ยังไงครับ?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        อู่ซือหานมองไปยังเย่ฝานแล้วถามว่า “นายไปพูดจาแทะโลมคุณชายไป๋เหรอ?”

        “คุณชายไป๋? พี่หมายถึงชายรูปงามคนนั้นน่ะเหรอ?”

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม คุณชายไป๋รูปงามคนนั้นนั่นแหละ”

        “ผมไม่ได้แทะโลมเขา ผมแค่จะจีบเขาเท่านั้น” เย่ฝานตอบ

        อู่ซือหานมองเย่ฝานแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คนคนนั้นคือคุณชายไป๋เชียวนะ! นายไม่กลัวโดนต่อยเอาหรือไง?”

        เย่ฝานมองอู่ซือหานอย่างไม่เข้าใจ พลันพูดว่า “ทำไมผมต้องโดนต่อยด้วย”

        อู่ซือหาน “…” ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้ หลังจากถูกไล่ออกจากบ้าน สมองก็คงจะเลอะเลือนไปแล้ว

        “นายชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไรกัน เมื่อก่อนนายชอบแต่เลี่ยวถิงถิงคนเดียวไม่ใช่เหรอ”

        เย่ฝานโบกมือแล้วตอบด้วยใบหน้าเฉยเมยว่า “อย่าพูดถึงชื่อเลี่ยวถิงถิงกับผมเลยครับ ผู้หญิงหยาบคายแบบนั้นไม่คู่ควรกับผมหรอก ผมไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกนะ ผมแค่บังเอิญรักเขาตั้งแต่แรกเห็นก็เท่านั้นเอง!"

        ในโลกของผู้ฝึกตนมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ฝึกตนชายหลายคนจึงมักลงเอยกับผู้ชายด้วยกันเอง

        ผู้ฝึกตนส่วนมากเมื่อเข้าฌานฝึกยุทธ์จะใช้เวลาหลายสิบปีหรือถึงร้อยปี มีผู้ฝึกตนบางพวกเมื่อออกจากฌาน ลูกหลานก็สิ้นชีพไปแล้ว ผู้ฝึกตนอีกมากมายที่ปรารถนาชีวิตนิรันดร์ ไม่ประสงค์จะมีทายาท จึงมักหาคู่ครองเพื่อฝึกตนและร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป

        อู่ซือหานเอามือกุมขมับ ตกตะลึงที่เย่ฝานเห็นว่าเลี่ยวถิงถิงเป็นผู้หญิงหยาบคาย

        “นายเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ! คุณชายไป๋น่ะ นายจีบเขาไม่ติดหรอก” อู่ซือหานกล่าว

        “พี่ ผมเห็นนิตยสารการเงินประเมินพี่ว่าเป็นนักธุรกิจที่กล้าได้กล้าเสียคนหนึ่ง! ทำไมพี่ถึงได้ขี้ขลาดอย่างนี้! สงสัยบรรณาธิการนิตยสารการเงินคงจะมองพี่ผิดไปแล้วล่ะ” เย่ฝานพูดอย่างไม่พอใจนัก

        อู่ซือหานกรอกตามองบนแล้วตอบว่า “ที่ฉันเตือนก็เพื่อตัวนายเองนะ!”

        เย่ฝานโบกมือแล้วพูดว่า “พี่วางใจเถอะ ผมยังไม่รุกตอนนี้หรอก ถ้าผมจะรุกจริงๆ ล่ะก็ ผมต้องมีเงินหมื่นล้านหยวนซะก่อน แต่ว่าผมต้องทำยังไงถึงจะมีเงินหมื่นล้านหยวนได้นะ?”

        อู่ซือหาน “…” คำถามนี้ถามได้ดี เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน!

        “เย่ฝานเอ๊ย! การทำธุรกิจน่ะ ต้องอาศัยความตั้งใจ ค่อยๆ ทำไปทีละก้าว” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานกล่าวด้วยความกังวล “ถ้าเป็นอย่างนี้ เมื่อไรผมจะได้แต่งเมียเนี่ย”

        อู่ซือหาน “…” ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีหวัง!

        “นายอายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกมาก ยังไงก็ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เดินทีละก้าวนะ” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี”

        อู่ซือหานถอนหายใจเบาๆ ตั้งแต่เย่ฝานโดนไล่ออกจากบ้านก็ทำอะไรผิดปกติไปหมด เขาอดรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจไม่ได้ “คุณชายเจียงคนนั้น เขาไม่ได้มาก่อเรื่องวุ่นวายให้นายใช่ไหม?”

        “ทำไมเขาต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายด้วย เขาเคารพผมจะตาย?” เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ

        อู่ซือหาน “…”

        “ของขวัญที่จะให้คุณปู่ นายเตรียมไว้แล้วเหรอ?” อู่ซือหานถาม

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบว่า “เตรียมไว้แล้วครับ”

        “หยกราคาห้าพันหยวนหนึ่งชิ้น” อู่ซือหานเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบว่า “ใช่ครับ”


        อู่ซือหานมองเย่ฝานคิดในใจว่า : ไอ้บ้าเอ๊ย มอบพระพุทธรูปหยกราคาสามล้านหยวนให้กับคุณชายไป๋ แต่กลับมอบหยกราคาห้าพันหยวนให้กับคุณปู่ มันไม่งกไปหน่อยเหรอ?

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
5555555 เนี้ยแหละเย่ฝานคนชิค โนสนโนแคร์ ตามใจฉัน พอใจพอ 555555  :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
55555555555ตร่ก ให้ปู่แค่5พัน จะเเต่งคุณชายไป๋ต้อง3ล้าน 555555555 โคตรชอบเลย ละตอนว่าพี่รองง5555555สงสาร 
เย่ฝานนี่เวลาด่าใครมันจริงมากชอบๆ เจอนิยายน้อยมากที่พระเอกจะนิสัยงี้
ต่อไปได้เป็นหมอให้คุณชายไป๋ป่าวววว 5555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 15 งานเลี้ยงบ้านตระกูลอู่


        เย่ฝานใช้เวลาหนึ่งคืนเต็มๆ ในการสลักค่ายกลลงไปบนหยก ทำให้ยกชิ้นนี้มีคุณสมบัติในการปกป้องคุ้มภัย

        เย่ฝานไปถึงบ้านตระกูลอู่ก่อนเวลางานเลี้ยง เพื่อไปมอบของขวัญชิ้นนี้

        ชื่อเสียงของเย่ฝานมีแต่เรื่องเสียหาย คนในตระกูลอู่จึงไม่ให้ความสนใจเขาเท่าใดนัก แต่กลับเป็นหลานชายของเขา อู่หาวเฉียง ที่เป็นคนคอยดูแลและติดตามเย่ฝานตลอดเวลา

        “คุณอาเล็ก อยากทานอะไรเพิ่มอีกไหมครับ ผมจะไปเอามาให้?”

        “คุณอาเล็ก เมื่อยบ่าหรือเปล่าครับ? มา ผมนวดให้เอง”

        “คุณอาเล็ก ดื่มอะไรดีครับ นมสด น้ำผลไม้หรือว่ากาแฟดีครับ...”

        …

        อู่ซือหานขมวดคิ้ว เมื่อเห็นลูกชายตัวเองอยู่กับเย่ฝาน

        ถังหนิงมองอู่ซือหานแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “หาวเฉียงดูชอบคุณอาคนนี้มากเลยนะคะ!”

        อู่ซือหานทำหน้ามุ่ย พูดอย่างน้อยใจว่า “ก็ใช่น่ะสิ เด็กคนนี้ไม่รู้โดนของหรือเปล่า ทีกับพ่อของตัวเองไม่เห็นจะดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้”

        ถังหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ช่างเถอะค่ะ หาวเฉียงสนิทสนมกับเย่ฝานก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนี่คะ”

        เย่ฝานมองอู่หาวเฉียงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เอาล่ะ เสี่ยวเฉียง มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ! ไปก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะ อยากให้อาช่วยใช่ไหม?”

        อู่หาวเฉียงมองหน้าเย่ฝานด้วยสีหน้าไม่สบายใจแล้วพูดว่า “คุณอาเล็ก อย่าเรียกผมว่าเสี่ยวเฉียง[1] ได้ไหมครับ! ฟังแล้วเหมือนเรียกแมลงสาบเลยครับ!”

        เย่ฝาน “…” ชื่อนี้พ่อกับแม่นายเป็นคนตั้งให้นะ รสนิยมของสองคนนั้นก็เป็นแบบนี้แหละ มาโทษอาไม่ได้นะ!

        “ผมอยากจะขอบคุณเรื่องยันต์ของคุณอาครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “ยันต์นั้นนายจ่ายเงินซื้อไปแล้ว ไม่ต้องขอบคุณอาหรอก ว่าแต่นายใช้ยันต์แล้วหรือยัง?”

        “ยันต์ 4 แผ่นของผมโดนพ่อทิ้งไปแล้ว ตอนผมไปหา มันก็หายไปแล้วครับ” อู่หาวเฉียงพูดด้วยความน้อยใจ

        เย่ฝาน “…”

        “แล้วของเด็กผู้หญิงคนนั้นล่ะ” เย่ฝานถาม

        “หนวนหน่วนมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน เขาได้รับความกระทบกระเทือนด้านจิตใจ เลยทำให้เสียสติ หลังจากใช้ยันต์ปัดเป่าโรคภัยกับเขา เขาก็ได้สติกลับคืนมา แต่ว่าพ่อแม่ของหนวนหน่วนกลับเชื่อว่าเป็นเพราะวิญญาณบรรพบุรุษคุ้มครอง พี่ชายของเธอถึงได้สติฟื้นคืน ไม่เกี่ยวข้องกับยันต์ พ่อแม่ของหนวนหน่วนช่างโง่เขลาเหมือนกับพ่อของผม!” อู่หาวเฉียงพูดพลางส่ายหน้า

        เย่ฝานกะพริบตาพลางถามว่า “เธอรู้สึกว่าพ่อของตัวเองโง่เขลางั้นเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ความจริงเขาไม่ได้โง่หรอก เขาคร่ำครึต่างหากล่ะ! คนหัวแข็งอย่างเขาไม่ยอมรับสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้น เรื่องนี้โทษเขาก็ไม่ถูกหรอก ถึงอย่างไรเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว จะหัวรั้นก็เป็นเรื่องธรรมดา”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “พูดได้ไม่เลวเลยนะ นายมีหัวคิดมากกว่าพ่อของนายซะอีก”

        “คุณอาเล็ก ผมเชื่อครับว่ายันต์ของคุณอาใช้ได้จริง วันหลังคุณอาวาดให้ผมอีกนะครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานลูบหัวอู่หาวเฉียงแล้วพูดว่า “วันหลังอาจะทำหยกคุ้มภัยให้นายสักชิ้นนะ”

        อู่หาวเฉียงตอบอย่างตื่นเต้นว่า “ดีเลยครับ”

        อู่หาวเฉียงเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “คนตระกูลเลี่ยวมาแล้ว”

        …

        อู่ซือหานเห็นแขกที่มาเยือนจากบ้านตระกูลเลี่ยวก็รู้สึกไม่พอใจ เดิมทีสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองชางก็ไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง เมื่ออู่อิงแต่งเข้าบ้านตระกูลเย่ ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของตระกูลอู่และตระกูลเย่แน่นแฟ้นมากขึ้น แต่ต่อมาไม่นานความสัมพันธ์นั้นก็ขาดสะบั้นลง เมื่อเลี่ยวถิงถิงเลือกที่จะลงเอยกับเย่จื้อเจ๋อ ก็กลายเป็นว่าสองตระกูลดองกัน ตระกูลอู่ก็กลายเป็นคนนอกในทันที

        เลี่ยวเหอเดินไปหยุดเบื้องหน้าของเย่ฝานพร้อมกับพูดว่า “คุณชายเย่ เรื่องยกเลิกงานแต่งงานต้องขอโทษด้วยนะ เธอก็รู้ว่าตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว การแต่งงานต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย เธอกับถิงถิงต่างกันมากเกินไปจริงๆ”

        อู่ซือหานสีหน้าเย็นชา เขากุมแก้วเหล้าในมือเอาไว้แน่น นัยน์ตาสาดประกายเกรี้ยวกราด คำพูดของเลี่ยวเหอฟังผิวเผินเหมือนขอโทษแต่ที่จริงแล้วเขากำลังแสดงอำนาจของตัวเองอยู่

        เย่ฝานโบกมือพร้อมพูดด้วยความรำคาญว่า “เอาล่ะ คุณไม่ต้องพูดแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่อยู่ในสายตาผม ยกเลิกงานแต่งได้ก็ดีแล้วล่ะ บังคับใจกันไปก็ไม่เป็นผลดีต่อใคร”

        เลี่ยวถิงถิงได้ยินเช่นนั้น จึงพูดด้วยความโมโห “เย่ฝาน นายคิดว่านายเป็นใคร? ถึงได้กล้าดูถูกฉันแบบนี้”

        เย่ฝานมองเลี่ยวถิงถิงแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “คนความคิดตื้นเขินอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจอัจฉริยะอย่างฉันหรอก”

        อู่ซือหานได้ฟังคำพูดของเย่ฝานก็ถึงกับอึ้งจนหมดคำพูด แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นช่วยระบายความโกรธแค้นของเขาออกไปได้บ้าง

        อู่ซือหานกล่าวออกมาว่า “เฒ่าแก่เลี่ยว คุณหนูเลี่ยว เรื่องยกเลิกการแต่งงานกับเย่ฝาน เป็นเรื่องที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว อย่าไปพูดถึงมันอีกเลยนะครับ”

        เลี่ยวถิงถิงจ้องมองไปที่เย่ฝานแวบหนึ่ง แล้วไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขาอีก

        เมื่อเลี่ยวถิงถิงเดินจากไป เย่ฝ่านถึงได้สัมผัสกับความสงบอีกครั้ง

        “คุณอา ผู้หญิงคนนี้ไม่เห็นค่าของคุณอา อย่าไปสนใจเธอเลยครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าและพูดว่า “ผู้หญิงหยาบคายอย่างนั้นไม่มีวันอยู่ในสายตาอาหรอก อาของเธอเป็นอัจฉริยะเชียวนะ คู่ครองของอาต้องเป็นคนที่มีความสามารถและดูดีเท่านั้น”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้น… คุณอาหมายตาใครไว้แล้วหรือยังครับ?”

        “อืม อาหมายตาไว้หนึ่งคน เป็นเป้าหมายใหญ่ของอาเลยล่ะ น่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไร อาของเธอมีจิตใจกล้าหาญ สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างได้อยู่แล้ว” เย่ฝานพูดด้วยความอิ่มเอมใจ

        อู่หาวเฉียง “…”

        …

        เย่ฝานเอนตัวอยู่บนโซฟาราวกับร่างกายไม่มีกระดูก คนบ้านตระกูลเย่กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา

        เย่หงเหวินเห็นเย่ฝานในสภาพแบบนี้ ก็โมโหขึ้นมาทันที

        “แกจะทำอะไรคิดถึงหน้าฉันบ้างได้ไหม” เย่หงเหวินกล่าว

        เย่ฝานได้ยินเช่นนั้นก็พูดออกไปว่า “ไม่ใช่กงการอะไรของพ่อ มายุ่งกับผมทำไม? ผมไม่ใช่คนตระกูลเย่แล้ว อย่ามาด่าผม”

        การที่เย่หงเหวินเดินเข้าไปใกล้เย่ฝานนั้นดึงดูดความสนใจจากคนในห้องโถงไม่น้อย เมื่อคำพูดของแย่ฝานจบลง แขกหลายคนที่แอบมาสอดแนมต่างแอบหัวเราะเยาะขึ้นมา

        “ไอ้สารเลว” เย่หงเหวินก่นด่าอย่างไม่พอใจ แล้วเดินจากไป

        “คุณอาเล็ก อย่าไปสนใจเขาเลย” อู่หาวเฉียงเอ่ย

        เย่ฝานกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ใครอยากสนใจเขากันเล่า อายุ่งจะตาย”

        เลี่ยวเหอเดินเข้าไปหยุดข้างกายเย่หงเหวิน ตบบ่าเขาแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ใจเย็นๆ นะ”

        เย่หงเหวินพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้ลูกคนนี้อกตัญญู ทำตัวไม่เอาไหนแล้วยังกล้ากําเริบเสิบสานขนาดนี้”

        ทันใดนั้นความปั่นป่วนก็เข้ามาเยือนห้องโถงจัดงานเลี้ยง เมื่อซ่งป๋อฮุย เจียงไห่หลิน เฉียนอวี้และจูจ้งชิวเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน ตระกูลซ่ง ตระกูลเจียง ตระกูลเฉียนและตระกูลจู เป็นอีก 4 ตระกูลใหญ่ในเมืองชางที่เพิ่งเติบโตขึ้นมาไม่นาน ถึงแม้อิทธิพลจะไม่เทียบเท่าตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเย่และตระกูลอู่ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

        ซ่งป๋อฮุยรอให้ผู้คนเข้าไปในงาน แล้วจึงรีบมุ่งมาหาเย่ฝาน

        “คุณชายเย่” ซ่งป๋อฮุยเรียกเย่ฝานด้วยความนอบน้อม

        เย่ฝานจ้องมองซ่งป๋อฮุยแล้วกะพริบตาถี่ๆ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “อ้าว คุณชายซ่ง ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เลวเลยนะ!”

        “ก็เป็นเพราะได้คุณชายเย่ช่วยไว้แหละครับ!” ซ่งป๋อฮุยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        “นายต้องมาเผชิญกับเคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อแท้ๆ เพียงเพราะหน้าตาดันไปเหมือนกับผู้ชายคนนั้น” เย่ฝานส่ายหน้าและพูดต่อว่า “แต่พูดไปแล้วมันก็แปลกนะ ความจริงแล้วผีตนนั้นควรจะใช้กลิ่นอายในการตามหาชายชั่วคนนั้น ไม่น่ายึดติดแต่เพียงลักษณะหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันเลย”

        ทันใดนั้นซ่งป๋อฮุยก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา ตอนที่ถูกผีสาวสิงร่าง บางครั้งเขาจะสามารถสื่อสารกับเธอได้ เธอพยายามกระซิบชื่อของคนคนหนึ่งข้างหูของเขาซ้ำๆ  ซ่งป๋อฮุยรู้สึกคุ้นหูจึงไปเปิดดูบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล ก็พบว่าชื่อนั้นอยู่ในบันทึกจริงๆ ชายชั่วที่ทำเรื่องเลวร้ายกับผีสาวตนนั้น อาจเป็นบรรพบุรุษของตระกูลซ่งเอง

        “คุณชายเย่ แล้วร่างกายของผมต้องปรับสมดุลยังไงบ้างครับ” ซ่งป๋อฮุยถาม

        เย่ฝานเอานิ้วแตะที่ข้อมือของซ่งป๋อฮุยสักพัก จากนั้นหัวเราะพลางพูดว่า “อาการไม่ได้แย่อย่างที่ฉันคิด วันหลังฉันจะเขียนใบสั่งยาสมุนไพรให้นายนะ”

        ซ่งป๋อฮุยถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณคุณชายเย่มากครับ”

        เย่ฝานกวาดตามองเหล่าคุณชายแล้วพูดว่า “พักนี้พวกนายอย่าเล่นอะไรเสี่ยงอันตรายแบบนี้อีกนะ รอให้หายเสียก่อนค่อยว่ากันใหม่”

        ซ่งป๋อฮุยหัวเราะแล้วตอบว่า “คุณชายเย่พูดถูกแล้วครับ”

        พวกเขาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ดูสนิทสนมกลมเกลียวกันมาก

        เฉียนอวี้หันไปมองเย่ฝานอยู่หลายครั้ง สายตาของเขาดูลอกแลกผิดปกติ

        เย่ฝานมองไปที่เฉียนอวี้ เขาถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “นายมีอะไรจะพูดกับฉันหรือเปล่า!”

        เฉียนอวี้ถึงแม้จะเป็นคุณชายตระกูลดัง แต่กลับมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นยิ่งกว่านักข่าวสายบันเทิงเสียอีก เขาถามเย่ฝานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “คุณชายเย่ ได้ยินว่าคุณไปเกาะแกะแทะโลมคุณชายไป๋เหรอครับ?”

        วันนั้นตอนที่เฉียนอวี้เจอเย่ฝานที่ย่านร้านขายยาจีน ก็พอจะรู้แล้วว่าเย่ฝานมีใจให้ไป๋อวิ๋นซี เดิมทีเขาคิดว่าเย่ฝานจะเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว แต่ต่อมากลับได้ยินข่าวว่าเย่ฝานมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับไป๋อวิ๋นซีอีกครั้ง

        “เกาะแกะแทะโลม? ฉันเปล่านะ! ฉันแค่จีบเขาเท่านั้น!” เย่ฝานพูดพลางส่ายหน้า

        เฉียนอวี้ “…”

        “คุณไม่ชอบเลี่ยวถิงถิงแล้วจริงๆ เหรอครับ?” เจียงไฮ่หลินพูดพลางหัวเราะคิกคัก

        “ผู้หญิงสำส่อนพรรค์นั้น ฉันไม่สนใจเลยสักนิด!” เย่ฝานพูดถึงหล่อนอย่างดูแคลน

        เจียงไห่หลิน “…”  ผู้หญิงสำส่อน?

        …

        ถังหนิงหันไปมองเย่ฝานด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาอู่ซือหาน

        “ซือหาน เย่ฝานไปสนิทสนมกับซ่งป๋อฮุยตั้งแต่เมื่อไรกัน! ฉันเห็นพวกเขาคุยกันสนุกเชียว” ถังหนิงเอ่ย

        อู่ซือหานกล่าว “ตั้งแต่เย่ฝานออกจากบ้านตระกูลเย่ ก็ชอบเอาเรื่องผีสางเทวดามาหลอกลวงชาวบ้านไปทั่ว ซ่งป๋อฮุยกับพรรคพวกก็ชอบไปยุ่งกับผีสางเทวดา แบบนี้ก็เข้ากันดีไม่ใช่เหรอ?”

        แม้อู่ซือหานจะรู้สึกว่าเย่ฝานไม่ใช่คนดีเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นซ่งป๋อฮุยกับพรรคพวกเข้ากันได้ดีกับเขา ตนเองก็ยากที่จะพูดอะไรได้

        เลี่ยวเหอถือแก้วเหล้าในมือ มองไปทางเย่ฝานอยู่บ่อยครั้ง

        “ถิงถิง เย่ฝานไปสนิทสนมกับซ่งป๋อฮุยตั้งแต่เมื่อไรกัน”

        เลี่ยวถิงถิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” เลี่ยวถิงถิงขมวดคิ้ว ในใจก็กระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานจะคบหากับซ่งป๋อฮุยและพรรคพวก ทำให้เลี่ยวถิงถิงที่ทิ้งเย่ฝานไปรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

        อู่โหวเซวียนเดินไปยืนข้างๆ อู่ซือหานแล้วเอ่ยว่า “ซือหาน อาโจวมาแล้ว ไปต้อนรับด้วยกันหน่อย”

        “ผู้อาวุโสโจวมาร่วมงานด้วยเหรอครับ?” อู่ซือหานอดแสดงความตื่นเต้นออกมาไม่ได้

        แต่ก่อนโจวจิ่นจือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในเมืองหลวง มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ลูกชายและลูกสาวล้วนเรียนอยู่ต่างประเทศ เขาเปิดร้านขายหยกแห่งหนึ่งในเมืองชาง ทว่านั้นก็เป็นแค่กิจการที่เอาไว้ทำแก้เหงาเท่านั้น

        ผู้คนมากมายล้วนอยากผูกสัมพันธ์กับโจวจิ่นจือ แต่ก็มักจะล้มเหลว อู่ซือหานคิดไม่ถึงว่าโจวจิ่นจือจะมาร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ในวันนี้ด้วย

        มีคนไม่น้อยที่เคยเชิญโจวจิ่นจือไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง อู่ซือหานไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะมาโดยไม่ได้เชิญ การมาเยือนของโจวจิ่นจือในครั้งนี้เป็นหน้าเป็นตาแก่บ้านตระกูลอู่อย่างมาก

        โจวจิ่นจือทักทายปราศรัยกับอู่เถิงหมิงไม่กี่ประโยคก็เดินตรงเข้ามาหาเย่ฝาน ซ่งป๋อฮุยรีบเคลื่อนตัวหลีกไปเพื่อมอบพื้นที่ให้กับเขา

        ซ่งป๋อฮุยมองโจวจิ่นจือ ในใจพลันเกิดความระแวงขึ้น ผู้อาวุโสโจวเข้ามาหาเย่ฝานอย่างเปิดเผยแบบนี้ ไม่รู้ว่าเขากับเย่ฝานสนิทสนมกันได้อย่างไร?





        ...

        [1] เสี่ยวเฉียง คำว่าเสี่ยวเฉียงเป็นศัพท์แสลงในภาษาจีน หมายถึง แมลงสาบ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 16 วิธีรักษาโรค


        “คุณชายเย่ เธอยังจำฉันได้ไหม?” โจวจิ่นจือนั่งลงข้างๆ เย่ฝานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “จำได้สิครับ! คุณคือพ่อค้าหน้าเลือดในร้านขายหยกคนนั้น ของที่ฝากส่ง ส่งไปหรือยังครับ!”

        “ยังไม่ได้ส่งเลย” โจวจิ่นจือตอบกลับ

        เย่ฝานพูดพลางขมวดคิ้ว “คุณทำงานได้แย่มากเลย!”

        “ต้องขอโทษจริงๆ!” โจวจิ่นจือพูดพลางหัวเราะออกมา

        “ช่างเถอะ!”

        “คุณชายเย่ ใบสั่งยาที่เธอให้ฉัน เธอได้มาจากไหน?” โจวจิ่นจืออดถามขึ้นไม่ได้

        ก่อนหน้านั้น โจวจิ่นจือโทรศัพท์ไปคุยกับผู้อาวุโสไป๋ เพื่อเล่าว่าเขาได้พบกับยอดฝีมือพิสดารที่สามารถเขียนใบสั่งยาเพื่อรักษาโรคของไป๋อวิ๋นซีได้ ตอนนั้นคิดว่าเขาจะพูดเล่นเท่านั้น แต่หลังจากผู้อาวุโสไป๋นำใบสั่งยาไปให้หมอประจำตระกูลไป๋ดู หมอกลับรู้สึกเลื่อมใสและศรัทธาผู้ที่เขียนใบสั่งยานี้เป็นอย่างมาก ถึงกับกล่าวว่าได้เห็นการจัดยาเช่นนี้ตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว หมอเทวดา... นี่มันหมอเทวดาโดยแท้!

        ผู้อาวุโสไป๋ถึงกับโทรกลับมาหาเขา ขอร้องให้โจวจิ่นจือพาเขาไปพบกับยอดฝีมือพิสดารคนนั้นให้ได้

        “ผมเขียนเองน่ะสิ!” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือ “…”

        “อาการของเขากำเริบครั้งล่าสุดคือสองปีครึ่งที่ผ่านมาใช่หรือไม่” เย่ฝานถาม

        โจวจิ่นจือพยักหน้าแล้วตอบว่า “ถูกต้องแล้ว”

        “ถ้าอย่างนั้นก็ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปี” เย่ฝานพูดพร้อมส่ายหน้า

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานแล้วถามว่า “เธอมีวิธีรักษาไหม!” โจวจิ่นจือและคุณปู่บ้านตระกูลไป๋นามว่าไป๋ซื่อหยวนร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นเรื่องของไป๋อวิ๋นซี เขาเองก็กังวลไม่น้อย

        “การใช้ยาทำได้แค่ช่วยยืดเวลาออกไปเท่านั้น” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือตาเป็นประกาย รีบถามต่อว่า “ใช้ยาช่วยได้แค่ยืดเวลาออกไป ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ามีวิธีอื่นที่จะช่วยได้ใช่ไหม?”

        เย่ฝานตอบ “มีสิ!”

        “วิธีไหนหรือ?” โจวจิ่นจือเอ่ยถาม

        “ให้เขานอนกับผม! แค่ให้เขาขึ้นเตียงกับผม เรื่องราวก็จะคลี่คลายได้ทั้งหมด เขามีปราณเย็นในตัว ส่วนผมมีปราณร้อนในตัว อย่างนี้ก็ปรับสมดุลซึ่งกันและกันได้แล้วไม่ใช่เหรอ?” บนอาณาจักรชางเสวียน ผู้ที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์นั้นล้วนรักษาตัวกันในลักษณะนี้ พวกเขามักหาผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ปราณร้อนมาฝึกฝนร่วมกัน ผู้ฝึกตนที่มีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์เปรียบดั่งเตาหลอมร่างกายที่ดีที่สุด จึงมักจะถูกผู้ฝึกตนมากมายช่วงชิงตัวไป ผู้ฝึกตนชายก็เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังมีผู้ฝึกตนชายมากมายที่ไม่รู้ว่าตนเองมีร่างไขกระดูกหงส์บริสุทธิ์แฝงอยู่ จึงทำให้พวกเขามีอาการกำเริบจนแข็งตายไปในที่สุด

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานด้วยความรู้สึกกระดากอายปนโมโห ในขณะเดียวกันเจียงไห่หลินกลับมองเย่ฝานด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

        เฉียนอวี้ใบหน้าบูดเบี้ยว เขายกมือมาปิดหน้าของตนไว้

        โจวจิ่นจือลุกพรวด ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าเย่ฝาน “นาย… นาย...”

        เย่ฝานเห็นปฏิกิริยาของโจวจิ่นจือจึงพูดว่า “คุณดูเหมือนไม่สบอารมณ์นะครับ อายุมากแล้วอย่าโมโหไปเลยครับ เดี๋ยวอายุจะสั้นเอาได้...”

        โจวจิ่นจือเบิกตาจ้องหน้าเย่ฝานแล้วหมุนตัวจากไป

        เจียงไห่หลินมองเย่ฝาน “คุณชายเย่ทำไมต้องล่วงเกินผู้อาวุโสโจวด้วยครับ”

        “ล่วงเกินผู้อาวุโสโจว?” ฉันล่วงเกินเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน เขามาปรึกษาฉัน ฉันก็ตอบเขาไปหมดแล้วนี่”

        เจียงไห่หลิน “…”

        “คุณชายเย่ คุณกล้าหาญมากเลยนะครับ กล้าพูดในสิ่งที่อยากพูด!” เฉียนอวี้พูดด้วยความเลื่อมใส

        เย่ฝานมองเฉียนอวี้ด้วยความงุนงง แล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดอะไรน่าตกใจสักหน่อย!”

        เฉียนอวี้ “…” บอกให้คุณชายไป๋หลับนอนกับตนเอง ยังไม่น่าตกใจอีกหรือ?

        “ตาแก่นั้นเจ้าอารมณ์จริงๆ ฉันบอกเขาตั้งหลายเรื่อง ยังจะถลึงตาใส่ฉันอีก” เย่ฝานเอ่ยอย่างไม่พอใจ

  …

        ภายในห้องโถง เลี่ยวเหอกำลังครุ่นคิดด้วยใบหน้าสงบนิ่ง เกิดความสับสนขึ้นในใจ “ทำไมเย่ฝานถึงได้รู้จักกับผู้อาวุโสโจวนะ?”

        เลี่ยวถิงถิงมองเลี่ยวเหอแล้วถามด้วยท่าทางจริงจังว่า “ผู้อาวุโสโจวคนนี้วิเศษมาจากไหนคะ?”

        เลี่ยวเหอพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสโจวมาจากเมืองหลวง เดิมทีเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในเมืองหลวง ถึงตอนนี้จะวางมือแล้ว แต่ก็มีพวกพ้องและเส้นสายอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อกี้เหมือนเขากับเย่ฝานพูดคุยไม่เข้าขากันสักเท่าไร น่าเสียดาย เย่ฝานไม่คว้าโอกาสดีๆ อย่างนี้ไว้ กลับล่วงเกินเขาอีก ช่างเป็นคนไม่ได้เรื่องจริงๆ”

        เลี่ยวถิงถิงเม้มปากกล่าวว่า “เย่ฝานไปข้องแวะกับซ่งป๋อฮุยได้ยังไงกันนะ”  ตระกูลซ่งและตระกูลใหญ่อื่นๆ หากรวมกลุ่มกันก็อาจเกิดพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้!

        อู่ซือหานเดินเข้ามาใกล้เย่ฝานแล้วบอกว่า “อาเย่ นายมากับฉันหน่อย!”

        เย่ฝานลุกขึ้นเดินตามอู่ซือหานไป

        “ทำไมนายถึงไปล่วงเกินผู้อาวุโสโจวอย่างนั้น?” อู่ซือหานกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาไหนของเย่ฝาน

        “ผมไม่ได้ล่วงเกินเขา! ตาแก่นั้นเจ้าอารมณ์ โมโหง่ายเอาใจยากจริงๆ” เย่ฝานบ่นออกไปด้วยความไม่พอใจ

        อู่ซือหาน “…”

        “พี่ชาย พี่เป็นอะไรไป?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        “ผู้อาวุโสโจวคนนั้นมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา เขาไม่ใช่คนกระจอกๆ ต่อไปถ้านายได้พบกับเขาอีกครั้ง ต้องปฏิบัติต่อเขาดีให้ดีรู้ไหม” อู่ซือหานกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ได้ครับ”

        “วันหลังนายหาโอกาสไปขอโทษเขาด้วยล่ะ!” อู่ซือหานเอ่ย

        เย่ฝานพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “ขอโทษ? ผมจะขอโทษได้ยังไง! ในเมื่อผมไม่ได้ล่วงเกินเขาสักหน่อย”


        อู่ซือหาน “…”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด