[นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [นิยายแปล][นิยายY] ข้ามมิติลิขิตรักคุณชายจอมป่วน ♥ ตอนที่ 30 (9/5/63)  (อ่าน 8981 ครั้ง)

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
555555555ใช่แล้ว นายไม่ได้ล่วงเกินใครทั้งนั้น555555555555 ไม่ไหวแล้วพระเอกงี้ตร่ก

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อู่ซือหานถึงกับกริบ พูดไม่ออกเลย 555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 17 ผลของการพังประตู


        หลังจากงานเลี้ยงบ้านตระกูลอู่เลิกรา เย่ฝานกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ของตน เขาปิดประตูลงกลอนไม่ออกไปไหน กักตัวฝึกปราณอย่างหนัก

        หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดผ่านพ้นไป ชื่อเสียงของเย่ฝานกลับโด่งดังยิ่งกว่าเดิม เรื่องราวของเขาถูกเล่าลือในวงกว้าง

        “ถิงถิง เย่ฝานทำเกินไปจริงๆ ไอ้โรคจิตนั่นกล้าบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงหยาบคาย และยังบอกกับคนอื่นว่าเธอเป็นหญิงสำส่อนอีก” เจียงโหยวหม่านพูดอย่างนึกโมโห

        เฉียนอวี้เป็นคนปากสว่าง มักจะเปิดเผยเรื่องของผู้อื่น มีครั้งหนึ่งเขาดื่มจนเมาในวงเหล้า แล้วเผลอพูดถึงเรื่องราวการแต่งงานของเลี่ยวถิงถิงกับเย่จื้อเจ๋ออย่างเมามัน

        เขาบอกกับคนอื่นๆ ว่าเย่ฝานเป็นบุคคลที่มีความสามารถ แต่ถ่อมตัวไม่โอ้อวดตนเอง ยังบอกอีกว่าเย่ฝานมีสายตาแหลมคม ผู้หญิงหยาบคายและสำส่อนอย่างเลี่ยวถิงถิงไม่อยู่ในสายตาของเย่ฝานสักนิด

         เมื่อเขาสร่างเมา กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เพราะข่าวที่ออกมาจากปากเขาได้แพร่สะพัดไปทั่ว

        ในสังคมชั้นสูงเมื่อเกิดข่าวลือขึ้นเรื่องหนึ่งก็จะถูกเล่าต่อๆ กันอย่างสนุกปาก เรื่องการแต่งงานของเลี่ยวถิงถิงและเย่จื้อเจ๋อเป็นที่พูดถึงมากในแวดวงตระกูลดังแห่งเมืองชาง เดิมทีเรื่องนี้ก็เป็นที่จับตามองอยู่แล้ว พอมีข่าวแบบนี้หลุดออกมาอีก ผู้คนจึงยิ่งนินทากันสนุกปาก

        หูอวี่ฉินมองเจียงโหยวแวบหนึ่งก่อนเอ่ยว่า “เอาล่ะเสี่ยวโหยว เธอหยุดพูดได้แล้ว คำพูดแบบนี้จำเป็นต้องพูดออกมาไหม ปัญญาอ่อน!” หูอวี่ฉินด่าเจียงโหยวเบาๆ "ถิงถิง เธออย่าไปสนใจเลย แค่คำพูดของทายาทเศรษฐีที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อถือหรอก"

        “ช่วงนี้เย่ฝานดูผิดปกติ ดูแปลกไป” เลี่ยวเหอไปสืบเสาะเรื่องของซ่งป๋อฮุยและพรรคพวก ทำให้ได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นซ่งป๋อฮุยถูกผีสิง และเป็นเย่ฝานที่เป็นคนรักษาเขาจนหาย เรื่องผีสางเทวดาพวกนี้เป็นเรื่องเชื่อถือไม่ได้ แต่ไม่เชื่อเลยก็ไม่ดีเช่นกัน

        เย่ฝานไปเกี่ยวพันกับพวกซ่งป๋อฮุยยังพอเข้าใจได้ แต่สิ่งสำคัญมันอยู่ที่คนเอาใจยากอย่างโจวจิ่นจือ ซึ่งดันไปสนใจคนอย่างเย่ฝานเสียได้

  …

        ณ บ้านตระกูลเย่

        “ไอ้คนสารเลว ฉันจะทำให้มันเห็นดีสักวันหนึ่ง” เย่อิ้งหลันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธจัด

        หวังเสี่ยวเฟยกำหมัดแน่น ความรู้สึกมากมายประดังเข้ามาในจิตใจ อุตส่าห์ทำให้เย่ฝานถูกขับไล่ออกจากบ้านแล้วแท้ๆ ยังก่อเรื่องวุ่นวายเดือดร้อนมาถึงพวกเขาจนได้ อาจเป็นเพราะเขาหมดหนทางอื่นแล้ว ทำให้ตอนนี้อยากพูดอะไรก็กล้าพูดออกมาทั้งหมด

        เรื่องราวที่เย่ฝานก่อไว้ ทำให้ชีวิตรักของเย่จื้อเจ๋อกับเลี่ยวถิงถิงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

        คำพูดว่าผู้หญิงสำส่อนของเย่ฝาน ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงหัวเราะเยาะในหมู่ผู้คนไปทั่ว

        แน่นอนว่าเรื่องราวทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับเย่ฝานเลยแม้แต่น้อย หลังจากกลับจากงานเลี้ยง เย่ฝานก็ขังตัวเองอยู่ในห้องเพื่อฝึกพลังปราณอย่างแข็งขัน

        เย่ฝานฝึกพลังปราณโดยพึ่งพาพลังจากโสมโลหิตและเต่ากักพลัง หลังจากมุมานะมาสิบกว่าวัน ในที่สุดโอกาสที่จะทำให้เขาทะลวงไปสู่อีกขั้นก็มาถึง

        พลังปราณไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่ฝานเป็นระลอก เขาดูดซับพลังปราณรอบกายอย่างบ้าคลั่ง

        เย่ฝานดูดซับพลังปราณเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นรัวๆ เย่ฝานเลือกที่จะไม่ลุกไปเปิดประตู แต่เสียงเคาะประตูกลับยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ “พังประตูเข้าไป” เสียงสั่งการของหญิงสาวดังลอดเข้าไปถึงหูของเย่ฝาน

        ประตูถูกพังเข้ามา เย่ฝานลืมตาขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

        “พวกสารเลว!” เกิดประกายอำมหิตขึ้นในดวงตาของเย่ฝาน ในอาณาจักรของผู้ฝึกตน การบุกรุกเข้าไปในถ้ำฝึกตนของผู้อื่นถือเป็นโทษมหันต์ ระหว่างเข้าฌานฝึกฝนพลังปราณหากถูกขัดขวางกลางคัน อาจทำให้บาดเจ็บสาหัส สิ่งที่ฝึกมาทั้งหมดจะสูญสลายไป

        ตอนแรกเย่อิ้งหลันพาลูกน้องมาเพื่อจะหาเรื่องเย่ฝาน แต่เมื่อมองเห็นนัยน์ตาแดงก่ำของเย่ฝาน เธอก็รู้สึกตกใจกลัวจนอยากหันหลังกลับกลางคัน

        “เย่ฝาน ไอ้คนระยำ แกกล้าทำให้พี่ถิงถิงเสื่อมเสียเหรอ” เย่อิ้งหลันด่าเย่ฝาน

        พอเย่ฝานขยับตัว เพียงชั่วพริบตาก็มายืนอยู่เบื้องหน้าของเย่อิ้งหลัน ฝ่ามือของเย่ฝานพุ่งไปบีบคอของเย่อิ้งหลันโดยไม่ลังเล

        “นายจะทำอะไร ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ" เย่อิ้งหลันตะโกนออกมา

        ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งที่ติดตามเย่อิ้งหลันมา เห็นสถานการณ์เช่นนั้นจึงรีบพุ่งตัวใส่เย่ฝาน เย่ฝานซึ่งตอนนั้นกำลังฝึกพลังปราณขั้นที่สอง ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก แต่ละคนโดนเย่ฝานใช้เท้าเตะ เพียงอึดใจเดียวชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างถูกเตะกระเด็นออกไปนอกห้อง

        เย่ฝานตบหน้าของเย่อิ้งหลันทั้งสองข้าง แล้วโยนหล่อนออกไปนอกห้อง จากนั้นก็ก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ครั้งหน้าถ้ายังกล้ามารบกวนฉันอีกล่ะก็ ฉันจะจับเธอแก้ผ้าแล้วเอาไปโยนทิ้งที่สี่แยกไฟแดงตรงถนนใหญ่”

        เย่ฝานตบแก้มของเธออีกหนึ่งฉาด เย่อิ้งหลันทนไม่ไหวถึงกับปล่อยโฮออกมา

        เฉียนอวี้เข้ามาถึงหน้าห้องเย่ฝาน ภาพที่เห็นคือชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งที่ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น กับเย่อิ้งหลันที่ร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจ

        เฉียนอวี้ขมวดคิ้วมองไปทางเย่ฝานแวบหนึ่ง เย่ฝานเอามือเท้าเอว ส่งสายตาให้เฉียนอวี้ เขาจึงเดินตามเย่ฝานเข้าไปในห้องอย่างรู้กัน

        “คุณชายเย่ คุณตบเย่อิ้งหลันอีกแล้วเหรอครับ?” เฉียนอวี้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

        “ฉันไม่เปิดประตูให้เธอ เธอก็เลยพังประตูห้องของฉันเข้ามา ยัยนี้ช่างกล้านัก ได้ยินว่าในต่างประเทศสามารถยิงผู้ที่มาบุกรุกบ้านได้ น่าเสียดาย! ที่นี่กลับทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าฆ่าคนตายจะยุ่งยากเปล่าๆ” เย่ฝานพูดอย่างเสียดาย

        เฉียนอวี้หัวเราะแห้งๆ แล้วคิดในใจ ถ้าในประเทศนี้ฆ่าคนแล้วไม่ผิดกฎหมาย เย่ฝานคงตั้งใจจะฆ่าคนจริงๆ หรือเนี่ย?

        “คุณชายเย่ สมุนไพรที่คุณให้ผมไปหา ผมหามาได้แล้วครับ” เฉียนอวี้กล่าว

        ในงานเลี้ยงวันเกิดคราวนั้น เย่ฝานตรวจร่างกายให้กับซ่งป๋อฮุยโดยไม่คิดค่าตอบแทน แค่ให้พวกเขาช่วยหาสมุนไพรให้เท่านั้น

        “อืม ใช้ได้ เป็นเงินเท่าไรล่ะ”

        เฉียนอวี้รีบโบกมือปฏิเสธแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ สมุนไพรเพียงแค่นี้จะเก็บเงินจากคุณได้ยังไงกัน!”

        เฉียนอวี้รู้ดีว่าใบสั่งยาที่เย่ฝานเขียนให้กับคุณชายบ้านตระกูลไป๋นั้น แม้แต่หมอแผนจีนอาวุโสยังชื่นชม หมอท่านนั้นมีสมญานามว่าหมอหลวงและจะรักษาให้กับคนชั้นสูงเท่านั้น


        ประตูถูกผลักออกช้าๆ เฉียนอวี้รู้สึกกลัวจนขนลุก ใครกล้าผลักประตูเข้ามากันนะ? หรือจะเป็นผู้บุกรุกอีก ซวยแล้ว ซวยแล้ว! เจ้าหมอนี้คงจะถูกเตะจนกระเด็นออกไปนอกห้องแน่ๆ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อย่ามาทำให้เย่ฝานมีน้ำโห!!!!!!!! โดนตบ3ฉาด ยังอยู่ไหม 5555 เย่ฝานนี่เป็นไหนใครๆก็หมั่นไส้ทุกทิศรอบจริง เลยอยู่สงบยากหน่อย แล้วตวเองก็ขยันหาเรื่องไม่เบา 5555

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
55555555สะใจ สมน้ำหน้า
น้องไปป๋ต้องมาแล้วป่ะ
ขอวันละ2ตอนเถ่อออออ

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 18 สาวน้อยผู้มาขอความช่วยเหลือถึงประตูบ้าน


        เด็กหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งปรากฏตัวที่ประตู เธอเรียกเย่ฝานด้วยความเคารพว่า “คุณอาเย่”

        เย่ฝานจ้องมองเด็กหญิง กะพริบตาพลางกล่าวว่า “ฉันรู้สึกคุ้นหน้าเธอมากเลย”

        “หนูชื่อถังหน่วนค่ะ” ถังหน่วนตอบ

        “อ้อ ฉันนึกออกแล้ว เธอคือแฟนของเสี่ยวเฉียงใช่ไหม”

        เฉียนอวี้ “…” ฟังดูเหมือนแฟนของแมลงสาบ

        “หนูไม่ใช่แฟนของเสี่ยวเฉียงค่ะ หนูเป็นเพื่อนนักเรียนของเขา” ถังหน่วนกล่าว

        เย่ฝานยิ้มจางๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน ต่อไปก็เป็นแฟนไง”

        เฉียนอวี้ “…” เย่ฝาน… เจ้าหมอนี่หยอกล้อเด็กผู้หญิงแบบนั้น มันจะเกินไปแล้วนะ

        “จะดื่มนมไหม!” เย่ฝานเอ่ยถาม

        ถังหน่วนส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่ดื่มค่ะ หนูมีเรื่องสำคัญ”

        “มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ?” เย่ฝานถาม

        “หนูอยากให้ไปช่วยเสี่ยวเฉียงหน่อยค่ะ” ถังหน่วนตอบ

        เย่ฝานขมวดคิ้วก่อนพูดว่า “เด็กนั่นเกิดเรื่องเหรอ?” อู่ซือหานมองเย่ฝานว่าเป็นคนไม่เอาไหน ไม่เป็นชิ้นเป็นอันมาแต่ไหนแต่ไร ถึงแม้เสี่ยวเฉียงเกิดเรื่องร้ายขึ้น เขาก็ไม่คิดจะบอกเย่ฝาน

        “เขาถูกลักพาตัวค่ะ แต่ทางบ้านบอกกับคนภายนอกว่าเขาป่วย” ถังหน่วนอธิบาย

        เฉียนอวี้ตื่นเต้นจนกำแก้วนมไว้แน่น ตายแล้ว เขาได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยินเข้าเสียแล้ว? หลานชายคนโตแห่งบ้านตระกูลอู่ถูกลักพาตัวงั้นเหรอ? ใครมันช่างกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้!

        “ทำไมถึงมาหาฉันล่ะ” เย่ฝานถาม

        “เพราะหนูรู้ว่าคุณอาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อวันก่อนหนูเกือบโดนรถที่ฝ่าไฟแดงคันหนึ่งชนเข้าให้ แต่ตอนนั้นหนูรู้สึกได้ว่ามีกลุ่มแสงโอบล้อมตัวหนูเอาไว้ ทำให้หนูมาตกอยู่ที่พุ่มหญ้าข้างถนน หลังจากตรวจสอบร่างกายแล้วก็พบว่าปลอดภัยดีทุกอย่าง” ถังหน่วนตอบ

        “คนขับรถคู่กรณีกลับบอกว่าเขาไม่ได้ชนหนู พ่อแม่ของหนูคิดว่าหนูตกใจมาก จึงล้มตัวลงไปที่พุ่มหญ้าข้างถนน หนูรู้ดีว่ายันต์นั่นคุ้มครองหนูให้พ้นภัย เพราะว่าหลังจากถูกรถชน ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยก็กลายเป็นฝุ่นผง แต่พ่อแม่หนูไม่เชื่อ พวกเขานึกว่าหนูคิดไปเอง” ถังหน่วนบอก

        เฉียนอวี้เช่นนั้นได้ยินก็ตกตะลึงจนเนื้อเต้น คิดในใจว่า ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยมีผลขนาดนั้นเลยเหรอ ยันต์ที่เจียงไห่หลินให้ไว้ก็มอบให้คนบ้านตระกูลซ่งจนหมด ช่างเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเลย เฮ้อ!

        เย่ฝานพูดอย่างเสียใจว่า “ยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยที่ฉันเขียนครั้งก่อนพลังยังต่ำเกินไป รอให้ผ่านช่วงนี้ไป ฉันจะวาดยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยที่มีพลังมากกว่าเดิมให้ ถึงตอนนั้นคนที่กระเด็นจะไม่ใช่เธอ แต่จะเป็นคันที่ชนเธอต่างหาก”

        เฉียนอวี้ “…”

        เย่ฝานถอนหายใจแล้วพูดว่า “แย่แล้ว!”

        เฉียนอวี้ถามด้วยความตื่นเต้น “คุณชายเย่ มีอะไรผิดปกติเหรอครับ?”

        เย่ฝานตอบด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ฉันรับปากว่าจะสลักหยกคุ้มภัยให้เสี่ยวเฉียง แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมากลับลืมเรื่องนี้ไปเลย เขาเลยต้องมาเจอเรื่องร้ายแบบนี้ เด็กนั่นต้องโทษฉันแน่ๆ”

        “เรื่องนี้มันอยู่เหนือความคาดหมายครับ” เฉียนอวี้พูดปลอบ

        “ก็ใช่น่ะสิ! เรื่องนี้ต้องโทษพ่อของเสี่ยวเฉียง ฉันมอบยันต์แคล้วคลาดปลอดภัยให้กับเด็กนั่นตั้งสองแผ่น แต่กลับถูกพ่อผู้ต่อต้านเรื่องไสยศาสตร์เอาไปทิ้งในถังขยะ แล้วอย่างนี้จะโทษใครได้” เย่ฝานพูดออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม

        เฉียนอวี้ “…” คุณชายใหญ่บ้านตระกูลอู่ ทำลายของวิเศษนั่นตามอำเภอใจได้ยังไงกัน!

        “เธอมีของติดตัวของเสี่ยวเฉียงไหม?” เย่ฝานถามถังหน่วน

        ถังหน่วนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะนำหนังสือการ์ตูนออกมาหลายเล่ม “เสี่ยวเฉียงกลัวพ่อของเขาจะตำหนิว่าไม่ตั้งใจเรียนให้ชีวิตก้าวหน้า ก็เลยเอามาฝากไว้ที่หนูค่ะ หนังสือการ์ตูนได้ไหมคะ”

        เย่ฝาน “…” เด็กก็คือเด็ก ถ้าอย่างนั้นใช้หนังสือการ์ตูนตามหาเบาะแสก็แล้วกัน “ได้ แล้วเขาชอบเล่มไหนล่ะ?”

        “อุลตร้าแมนค่ะ!”

        เย่ฝาน “…” รสนิยมของเด็กน้อย แย่จริงๆ!

        เย่ฝานนำยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น ทันใดนั้นยันต์ก็หายเข้าไปในหนังสือการ์ตูน แล้วปรากฏเป็นมนุษย์กระดาษออกมาหนึ่งตัว มนุษย์กระดาษชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

        เฉียนอวี้ยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆ

        เย่ฝานลุกพรวดพราดและพูดว่า “เรียบร้อย อ๊ะ! ไม่ได้การแล้ว!”

        เฉียนอวี้มองไปที่เย่ฝานแล้วถามว่า “คุณชายเย่ เกิดอะไรขึ้นครับ?”

        “ฉันนึกออกแล้ว รถฉันน้ำมันหมด เมื่อวานดันลืมเติมน้ำมันซะได้!”

        เฉียนอวี้ “…ถ้าคุณไม่รังเกียจ ไปรถผมดีไหมครับ”

        เย่ฝานเอียงศีรษะมองเฉียนอวี้แล้วพูดว่า “งั้นก็ดีเลย! รบกวนนายหน่อยนะ”

        “ไม่เป็นไรครับ เป็นเกียรติของผมมากกว่าครับ” เฉียนอวี้พูดอย่างสุภาพ

        เย่ฝานหยิบหนังสือการ์ตูนและมนุษย์กระดาษขึ้นรถของเฉียนอวี้ไป ถังหน่วนก็เดินตามขึ้นไปด้วย


        เฉียนอวี้ขับรถไปตามทิศทางที่มนุษย์กระดาษบอก โดยอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งนี้ มนุษย์กระดาษนี่มันเรื่องอะไรกัน! เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? หรือมันคือมายากล

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไปแสดงฝีมือให้คนพวกนั้นดู!

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
นับวันเย่ฝานยิ่งแสดงพลังได้พีคๆขึ้นนะ 55555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 19 ช่วยคน


        เฉียนอวี้ขับรถมามาถึงเขตเมืองเก่า

        “น่าจะเป็นที่นี่ ฉันลงรถตรงนี้ก็แล้วกัน รถของนายมันดูสะดุดตาไปหน่อย” เย่ฝานเอ่ย

        เฉียนอวี้มองเย่ฝาน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามว่า “คุณชายเย่ ผมไปกับคุณได้ไหมครับ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบว่า “ดีเหมือนกัน”

        เย่ฝานและเฉียนอวี้แอบเข้าไปในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง อู่หาวเฉียงถูกปิดปากมัดอยู่บนเก้าอี้

        “ลูกพี่ ตระกูลอู่บอกว่าเงินค่าไถ่สองร้อยล้านหยวนมันมากไป ทรัพย์สินของบ้านตระกูลอู่เอาไปลงทุนในธุรกิจหมดแล้ว ถ้าจะให้นำเงินออกมาพวกเขาก็ต้องขายบริษัท เรื่องแบบนี้ไม่ใช่จะจัดการเสร็จในวันสองวัน แล้วอย่างนี้พวกเราก็ต้องรอเวลาต่อไปน่ะสิ”

        “เจ้าโง่ เห็นอยู่ว่าคนตระกูลอู่กำลังถ่วงเวลา”

        “ลูกพี่ ผมคิดว่าพวกมันไม่กล้าบิดพลิ้วแน่ ตระกูลอู่ก็มีเพียงหลานชายคนนี้เท่านั้นที่จะเป็นผู้สืบสกุล เด็กนี่มีความสำคัญต่อพวกมันมาก”

        “เรื่องนี้ถ้าปล่อยไว้นาน อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้”

        “ถ้าอย่างนั้น พวกเราเรียกเงินน้อยกว่านี้หน่อยดีไหม”

        “ไม่ได้ ต้องได้สองร้อยล้านเท่านั้น จะน้อยกว่านี้ไม่ได้”

        อู่หาวเฉียงมองคนเหล่านั้นด้วยความกังวล แววตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

        "ลูกพี่ จะให้เด็กคนนี้กินอะไรหน่อยไหม?"

        "ไม่ต้อง อดอาหารหนึ่งวันไม่ทำให้มันหิวตายหรอก!"

        เฉียนอวี้แอบมองอู่หาวเฉียงจากที่ไกลๆ พลางพูดพึมพำว่า เจ้าเด็กนั่นน่าเวทนาจริงๆ ไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งหนึ่งวัน เด็กคนนี้เป็นเป็นหลานหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลอู่เชียวนะ!

        เย่ฝานนำปล้องไม้ไผ่ขนาดเล็กออกมาจุด ใช้เวลาชั่วครู่ก็มีควันลอยขึ้นมา ควันยาสลบฟุ้งกระจายไปทั่วคลังสินค้า ไม่นานกลุ่มคนที่อยู่ด้านในก็สลบไสลไปทีละคนสองคน

        เฉียนอวี้เบิกตาอ้าปากค้างตกตะลึงกับภาพที่เกิดตรงหน้า มันเหมือนกับกำลังถ่ายละครอยู่อย่างไรอย่างนั้น! ที่แท้ควันที่ดมแล้วสลบมีจริงๆ หรือนี้

        “คุณชายเย่ พวกนั้นสลบไปหมดแล้วครับ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดอย่างเจ็บใจว่า “อืม พวกมันโดนยาสลบเข้าไป กว่าจะได้ยาสมุนไพรตัวนี้มา ฉันต้องเสียเงินไปสองแสนหยวน พวกมันมีปืน ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าพวกมันจะจนตรอกแล้วพลั้งมือฆ่าเสี่ยวเฉียงล่ะก็ ฉันคงไม่ยอมจ่ายหนักขนาดนี้หรอก”

        เฉียนอวี้กล่าวด้วยความชื่นชมว่า “คุณชายเย่ คุณสุดยอดไปเลยครับ!”

        เย่ฝานตอบกลับอย่างภูมิใจ “เอาล่ะๆ นายถือนี่ไว้”

        เย่ฝานส่งยันต์กันพิษให้กับเฉียนอวี้หนึ่งแผ่น เขารับมาโดยไม่ถามอะไรสักคำ

        เฉียนอวี้ตามเย่ฝานเข้าไปในคลังสินค้า เย่ฝานพุ่งเข้าไปใกล้พวกโจรลักพาตัวที่ไม่ได้สติและเตะพวกมันคนละที ทุกครั้งที่เตะจะได้ยินเสียงกระดูกหักดังขึ้น เฉียนอวี้หันไปดูก็พบว่าโจรที่ถูกเตะมือและขาต่างคดงอผิดรูปไปตามๆ กัน

        เย่ฝานแก้มัดให้กับอู่หาวเฉียงแล้วอุ้มเขาไว้ในอ้อมแขน พลางกล่าวว่า “ไปกันเถอะ”

        เฉียนอวี้พยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ”

        เย่ฝานอุ้มอู่หาวเฉียงออกมาด้านนอก “ยันต์ของนายเอามาให้ฉัน”

        เฉียนอวี้ส่งยันต์ให้กับเย่ฝาน เฉียนอวี้ตกตะลึงที่ได้เห็นว่าตัวหนังสือบนยันต์จางลงไปไม่น้อย “ยันต์กันพิษนี้ยังมีพลังหลงเหลืออยู่ อย่าให้เสียเปล่า” เย่ฝานเอายันต์ตบไปที่ร่างของอู่หาวเฉียงเบาๆ ยันต์นั้นพลันมลายกลายเป็นฝุ่นในพริบตา

        เปลือกตาทั้งสองข้างของอู่หาวเฉียงปิดอยู่เหมือนเดิม เขายังไม่ได้สติฟื้นคืน

        เฉียนอวี้มองไปที่อู่หาวเฉียงพลางถามอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมเขายังไม่ฟื้นล่ะครับ”

        “เพราะว่าโดนยาสลบน่ะสิ”

        “ยันต์กันพิษช่วยไม่ได้เหรอครับ?” เฉียนอวี้เอ่ยถาม

        เย่ฝานยักไหล่พลางตอบว่า “อ่อ ยันต์ที่ใช้เมื่อครู่มันไม่สมบูรณ์ นายเองก็ใช้พลังจากยันต์ไปไม่น้อย”

        “ถ้าอย่างนั้นจะใช้ยันต์เพิ่มอีกแผ่นไหมครับ?”

        “ไม่ล่ะ ยังไงเด็กนี่ก็คงต้องใช้เวลาหลับสักพักถึงจะตื่นขึ้นมา ยันต์ที่มีประหยัดไว้หน่อยก็ดี” เย่ฝานพูดอย่างไม่ใส่ใจ

        เฉียนอวี้ “…” คุณชายเย่ช่างเป็นคนมัธยัสถ์จริงๆ!

        “เด็กคนนี้ตัวหนักจริงๆ! ทั้งที่อดอาหารมาหนึ่งวันเต็มแท้ๆ น้ำหนักไม่ลดลงบ้างเลยหรือไง” เย่ฝานบ่นพึมพำ

        เฉียนอวี้ “…”

        ...

        ณ บ้านตระกูลอู่

        “เป็นยังไงบ้างคะ?” ถังหนิงมองไปยังอู่ซือหาน

        อู่ซือหานขมวดคิ้วพลันตอบว่า “โจรเรียกค่าไถ่ไม่ยอมรับโทรศัพท์”

        ถังหนิงร้องไห้โฮออกมา “ไม่ใช่ว่าลูกเราถูกพวกมันฆ่าไปแล้วนะคะ”

        อู่เถิงหมิงใช้ไม้เท้ากระทุ้งพื้น “จะเป็นไปได้ยังไง อย่าพูดอะไรที่ทำให้ตัวเองเสียขวัญเลย”

        ถังหนิงถูกอู่เถิงหมิงตวาดไปหนึ่งครั้ง จึงไม่กล้าร้องไห้ต่อ

        โทรศัพท์ของถังหนิงดังขึ้น ถังหนิงจึงรีบรับสายทันที “ฮัลโหล”

        “คุณป้าหนิงคะ หนูกับเสี่ยวเฉียงกำลังกินไก่ทอดเคเอฟซี พวกเราจะกลับบ้านดึกหน่อยนะคะ” เสียงสดใสเจื้อยแจ้วของถังหน่วนดังขึ้น

        “เธอกับเสี่ยวเฉียงกำลังกินไก่ทอด เธอแน่ใจนะว่ากำลังกินไก่ทอดกับเสี่ยวเฉียงน่ะ?” ถังหนิงถามอย่างไม่เชื่อ

        “ใช่แล้วค่ะ! โจรที่ลักพาตัวเสี่ยวเฉียงไปโดนวางยาในอาหาร พวกมันสลบไปทั้งหมด เสี่ยวเฉียงก็เลยหนีออกมาได้ค่ะ”

        ถังหนิง “…” โดนวางยาในอาหาร “หนวนหน่วน ขอคุยกับเสี่ยวเฉียงหน่อยได้ไหม”

        “แม่ครับ ผมปลอดภัยดี ตอนนี้กำลังกินไก่ทอดเคเอฟซีอยู่ที่ว่านต๋าพลาซ่า เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกโจรที่ลักพาตัวผมมันจบเห่แน่ เพราะผมแจ้งความแล้ว แม่ครับแบตโทรศัพท์ใกล้จะหมดแล้ว ผมไม่คุยแล้วนะครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        ถังหนิง “…” ถังหนิงไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว

        อู่เถิงหมิงมองถังหนิงแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

        ถังหนิงกะพริบตาถี่ๆ แล้วตอบว่า “หนวนหน่วนโทรมา บอกว่าเสี่ยวเฉียงหนีออกมาได้แล้ว น่าจะไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะค่ะ”

        “ถังหน่วน ถังหน่วนทำไมถึงไปอยู่กับเสี่ยวเฉียงได้” อู่เถิงหมิงเอ่ยอย่างงุนงง

        ถังหนิงร้องไห้น้ำตานองหน้าพลางตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ!”


        อู่โหวเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ไปกินไก่ทอดเคเอฟซีหลังโดนจับเรียกค่าไถ่เนี้ยนะ แถมยังชิลอีก 555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 20 ในอาหารมีพิษ


        เย่ฝานเอียงหัวจ้องมองอู่หาวเฉียงแล้วพูดว่า “นี่เจ้าหนู นายต้องลดน้ำหนักแล้วนะ กินให้น้อยหน่อยเข้าใจไหม?”  

        อู่หาวเฉียงหยิบปีกไก่ขึ้นมาหนึ่งชิ้นพลางพูดว่า “คุณอาเล็ก อย่างกไปหน่อยเลยครับ! อาสะใภ้ที่อาจีบอยู่เขาใจกว้างมากเลยไม่ใช่เหรอ? อาขี้เหนียวแบบนี้แล้วใครเขาอยากจะแต่งงานด้วยล่ะครับ!”

        เย่ฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นายก็รู้เหรอว่าใครคืออาสะใภ้ของนาย! เจ้าอ้วน เอาฉันไปเปรียบเทียบกับว่าที่อาสะใภ้ของนายไม่ได้หรอกนะ เขาต่างหากที่อยากจะแต่งงานกับฉัน”

        “คุณอาเล็กพูดไม่อายปากเลยนะ” อู่หาวเฉียงหน้าแดงขึ้นมาทันที

        เฉียนอวี้ “…” อาสะใภ้ที่ว่าหมายถึงคุณชายไป๋งั้นเหรอ?

        “คุณอาเล็ก ช่วยสั่งแฮมเบอร์เกอร์ให้ผมอีกสองชิ้นได้ไหมครับ” อู่หาวเฉียงเอ่ยถาม

        “โจรพวกนั้นให้นายอดอาหารแค่หนึ่งวันไม่ใช่เหรอ? แต่นายทำเหมือนไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งปีอย่างนั้นแหละ นี่ยังจะกินแฮมเบอร์เกอร์อีก! นายดูท้องของตัวเองสิ ควรจะลดความอ้วนได้แล้วนะ รู้ไหม?” เย่ฝานพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        อู่หาวเฉียงทำหน้างอนแก้มป่อง มองเย่ฝานด้วยสายตาเว้าวอน

        “คุณชายเย่ มื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ!” เฉียนอวี้กล่าวอย่างใจกว้าง

        “อ่อ งั้นก็ได้ ฉันไปสั่งไก่ทอดอีกสองถังก็แล้วกัน” เย่ฝานพูดด้วยความดีใจ

        อู่หาวเฉียงรีบพูดว่า “ผมอยากได้ไอศครีมซันเดย์กับทาร์ตไข่ครับ”

        เฉียนอวี้ “…”

        เฉียนอวี้ยังสั่งอาหารมาอีกหลายอย่าง ส่วนอู่หาวเฉียงก็กัดแฮมเบอร์เกอร์อย่างตะกละตะกลาม

        “คุณชายเย่ เราบอกใครๆ ว่าโจรลักพาตัวพวกนั้นโดนวางยาในอาหารแบบนี้จะดีเหรอครับ?” เฉียนอวี้เอ่ยถามพลางมองเย่ฝานที่กำลังดื่มน้ำผลไม้

        เย่ฝานยักไหล่ตอบอย่างจนใจว่า “พ่อของเสี่ยวเฉียงต่อต้านเรื่องไสยศาสตร์ ฉันไม่อยากถูกเขาสั่งสอนว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ บอกว่าพวกนั้นถูกวางยาในอาหารแหละดีแล้ว แบบนี้ฟังดูสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ดี”

        เฉียนอวี้ “…” ถูกวางยาในอาหารสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์?

        “เดี๋ยวรบกวนนายพาเด็กสองคนนี้ไปส่งที่บ้านหน่อยนะ ส่วนฉันจะนั่งรถกลับไปเอง”

        เฉียนอวี้พยักหน้าพลางตอบว่า “ได้ครับ”

        …

        ณ บ้านตระกูลอู่

        “เป็นยังไงบ้างถังหนิง โทรติดไหม?” อู่ซือหานเอ่ยถาม

        ถังหนิงส่ายหน้าพลันตอบว่า “โทรไม่ติดเลยค่ะ แต่ว่าวันนี้ฉันโทรไปหาแม่ของหนวนหน่วน เขาบอกว่าวันนี้ตอนบ่ายหนวนหน่วนโดดเรียนแล้วหายไปเลยค่ะ”

        อู่ซือหานกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้าสองคนนั่นกำลังเล่นอะไรกันอยู่นะ?”

        “แม่ของถังหน่วนบอกว่า ถังหน่วนถามถึงข่าวคราวของเย่ฝานตลอด ที่โดดเรียนไปคิดว่าน่าจะไปหาเย่ฝานค่ะ” ถังหนิงกล่าว

        อู่โหวเซวียนเดินเข้ามาในบ้านพลางกล่าวว่า “เมื่อกี้ฉันไปสถานีตำรวจมา ได้ความว่าตำรวจพบนักเลง 5 คน อยู่ในโรงงานผ้าฝ้ายร้างแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของเมือง ที่น่าแปลกคือนักเลงทั้งหมดกระดูกแขนขาเคลื่อนออกจากกัน ตำรวจบอกว่าร่องรอยการบาดเจ็บของพวกมันเหมือนกันหมด คนที่ลงมือถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือ ก็คงจะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ หนึ่งในนักเลงพวกนั้นมีคนหนึ่งในอดีตเคยแข่งขันเรื่องธุรกิจกับตระกูลอู่ของเราแต่ไม่สำเร็จ ต่อมาจึงล้มละลาย แน่นอนว่าคนเลวพวกนั้นคือคนที่ลักพาตัวหาวเฉียงไป”

        “ถ้าอย่างนั้นแสดงว่ามีคนเข้าไปช่วยหาวเฉียงเหรอครับ?” อู่ซือหานกล่าว

        “เฒ่าแก่ เฒ่าแก่ครับ นายน้อยกลับมาแล้วครับ คุณชายเฉียนอวี้พานายน้อยมาส่งครับ”

        ถังหนิงได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน พลันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก

        เดิมทีเฉียนอวี้คิดว่าเมื่อส่งอู่หาวเฉียงถึงบ้านแล้วก็จะกลับ แต่ด้วยน้ำจิตน้ำใจของคนบ้านตระกูลอู่ จึงเชื้อเชิญให้เขาอยู่ต่อ

        เฉียนอวี้พูดด้วยความลำบากใจว่า ผมไปพบหาวเฉียงที่ด้านนอกของโรงงานผ้าฝ้าย พวกโจรลักพาตัวถูกวางยาในอาหารก็เลยสลบไปทั้งหมด พวกนั้นไม่ได้ให้เสี่ยวเฉียงกินข้าว เขาก็เลยไม่เป็นอะไร แล้วก็หลบหนีออกมาได้ในที่สุด

        อู่ซือหานขมวดคิ้วมองเฉียนอวี้อย่างไม่เชื่อ พลางบอกอย่างแผ่วเบาว่า “ในอาหารมีพิษ? แค่ถูกวางยามันทำให้กระดูกเคลื่อนไปทั้งตัวได้เหรอ มันฟังดูห่างไกลจากความเป็นจริงไปนะ”

        เฉียนอวี้กัดฟันกรอด อดไม่ได้ที่จะกังวลใจ เพราะละครเรื่องนี้ที่เย่ฝานแต่งขึ้น อาจทำให้เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกับโจรพวกนั้นก็เป็นได้

        เฉียนอวี้สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ในเมื่อเสี่ยวเฉียงกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

        อู่ซือหานพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “อ่อ ได้ ขอบใจเธอมากนะ!”

        …

        ถังหนิงมองอู่หาวเฉียงแล้วถามอย่างแปลกใจว่า “ทำไมลูกถึงไปอยู่กับเฉียนอวี้ได้ แล้วเขามาส่งลูกกลับบ้านได้ยังไง?”

        “คุณอาเล็กให้เขาส่งผมกลับบ้าน เขาก็มาส่งกลับบ้านไงครับ!” อู่หาวเฉียงตอบพลางเล่นหุ่นยนต์ของเล่น

        “คุณอาเล็กของลูก เย่ฝานงั้นเหรอ?”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่แล้วครับ! คุณอาเล็กช่วยผมออกมาครับ!”

        “อาเล็กช่วยเธอออกมา เขารู้ได้ยังไงว่าลูกเกิดเรื่อง? แล้วเขาช่วยลูกออกมายังไง?” ถังหนิงถามอย่างไม่เข้าใจ

        “หนวนหน่วนไปหาคุณอาเล็ก พอคุณอารู้ว่าผมเกิดเรื่อง ก็รีบออกไปช่วยผม!”

        “อาของลูกรู้ได้ยังไงว่าลูกถูกจับตัวไว้ที่ไหน?” ถังหนิงถามด้วยความงุนงง

        อู่หาวเฉียงมองไปที่ถังหนิงและหันไปมองอู่ซือหาน จากนั้นตอบว่า “คุณอาเล็กเขาเป็นคนที่เก่งมาก คุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจหรอกครับ”

        ถังหนิง “…”

        อู่หาวเฉียงกระโดดโลดเต้นกลับห้องของตนเองไป

        ถังหนิงหันหลังกลับมาหาอู่ซือหาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “คุณคิดว่ายังไงคะ?”

        อู่ซือหานสูดหายใจลึกแล้วตอบว่า “น้องชายฉันคนนี้หมู่นี้แปลกไปมาก วันนี้เย่อิ้งหลันพามือดีหลายคนไปจัดการเขา แต่คนพวกนั้นกลับถูกเย่ฝานสั่งสอนจนต้องเข้าโรงพยาบาล”

        ถังหนิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “เย่ฝานฝีมือดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ!”

        อู่ซือหานส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน เมื่อกี้ฉันให้คนไปสืบมาได้เรื่องว่า เฉียนอวี้ไปหาเย่ฝาน ต่อมาถังหน่วนก็ไปหาเย่ฝานเหมือนกัน จากนั้นทั้งสามคนก็ขึ้นรถของเฉียนอวี้ แล้วมุ่งหน้าไปที่โรงงานผ้าฝ้าย! เย่ฝานเข้าไปในโรงงานไม่นานก็ออกมา แล้วก็พาเสี่ยวเฉียงไปกินไก่ทอดอย่างที่เรารู้นี่แหละ”

        ถังหนิงสูดหายใจแล้วพูดว่า “ดูจากรูปการแล้ว เป็นไปได้สูงว่าเย่ฝานเป็นคนที่ช่วยลูกเราให้พ้นจากอันตรายในครั้งนี้ใช่ไหมคะ”

        อู่ซือหานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ความเป็นไปได้ที่สุดในตอนนี้ก็น่าจะเป็นอย่างที่เธอพูด เพียงแต่เย่ฝานรู้ตำแหน่งที่อยู่ของเสี่ยวเฉียงได้ยังไง”

        เฉียนอวี้ตอนพูดถึงเย่ฝานก็สัมผัสได้ถึงความเคารพนับถือที่มาจากใจอย่างแท้จริง เดิมทีอู่ซือหานรู้สึกว่าเขาเป็นคนงมงายกับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ว่าคุณชายบ้านตระกูลเฉียนคนนี้ก็ไม่ใช่คนเหลวไหล ถ้าไม่มีความสามารถจริงๆ ก็คงไม่มีทางทำให้คนอย่างเขาเชื่อถือได้แน่นอน

        “ไม่ว่ายังไงก็ตาม เสี่ยวเฉียงก็ปลอดภัยแล้ว คุณรู้ตัวคนที่บงการอยู่เบื้องหลังหรือยังคะ?” ถังหนิงกล่าวถาม

        อู่ซือหานกล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็น “คนบงการและพรรคพวกของมันถูกจับไปหมดแล้ว เธอวางใจเถอะ ฉันจะไม่ปล่อยพวกมันไปง่ายๆ แน่”

        เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้อู่หาวเฉียงเจอกับเรื่องเดือดร้อนไม่หยุดหย่อน ดังนั้นอู่ซือหานจะไม่มีทางปรานีต่อใครหน้าไหนแน่นอน

        …

        ณ บ้านตระกูลเย่

        เย่อิ้งหลันจับใบหน้าของตน สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นที่ถูกกระทำ

        เย่หงเหวินพูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้ลูกทรพีคนนี้ มันจะกล้ามากไปแล้ว”

        หวังเสี่ยวเฟยเห็นใบหน้าของเย่อิ้งหลันก็พูดว่า “ตบหน้าจนแดงขนาดนี้ แล้วยังกล้าบีบคอลูกอีก เขาคิดจะฆ่าคนหรือไง?”

        เย่หงเหวินกัดฟันกรอด “เด็กคนนี้ พักนี้ไม่รู้โดนอะไรเข้าสิง” เย่หงเหวินจำได้ว่าเย่ฝานเป็นคนเงียบขรึม เวลาเผชิญหน้ากับพ่อก็ไม่เคยมีปากเสียง แม้แต่พูดจายังไม่ได้ศัพท์ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนละคน กล้าพูดทุกสิ่งที่คิด

        “คุณพ่อคะ พ่อต้องช่วยหนูสั่งสอนเขานะคะ!”

        เย่หงเหวินถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าหมอนี้มีคนบ้านตระกูลอู่คอยหนุนหลัง เขาเลยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แล้วพ่อจะช่วยเธอได้ยังไง?”

        เย่อิ้งหลันได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อก็รู้สึกน้อยใจกับความอยุติธรรมในครั้งนี้

        สิ้นคำกล่าวของบิดา เย่อิ้งหลันก็หอบเอาความเจ็บแค้นกลับไปและขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง

        …

        เย่จื้อเจ๋อเคาะประตูห้องเย่อิ้งหลัน แล้วเดินเข้าไปในห้อง “พี่ชาย!” เย่อิ้งหลันเรียกเขาด้วยความน้อยใจ

        “เธอโกรธเหรอ?” เย่จื้อเจ๋อเอ่ยถาม

        เย่อิ้งหลันตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “คุณพ่อเอาแต่ด่ามัน แต่ไม่เคยออกหน้าช่วยฉันเลย ที่จริงแล้วคุณพ่อเกรงกลัวอิทธิพลบ้านตระกูลอู่ต่างหากล่ะ”

        เย่จื้อเจ๋อพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เย่ฝานเจ้าหมอนั้น พักนี้เหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”

        “เจ้าหมอนั้นสารภาพรักกับคุณชายไป๋แล้วก่อเรื่องอื้อฉาวขนาดนั้น แล้วยังมีหน้ามาทำอย่างนี้อีก ช่างหน้าไม่อายเลยจริงๆ” เย่อิ้งหลันพูดอย่างไม่สบอารมณ์

        “ฉันได้ยินว่า มือดีที่เธอพาไปจัดการเย่ฝาน โดนแตะซะหมอบเลย เจ้าหมอนั่นกลายเป็นคนฝีมือดีไปตั้งแต่เมื่อไร” เย่จื้อเจ๋อพูดอย่างไม่เข้าใจ

        เย่อิ้งหลันเม้มปากแล้วกล่าวว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกที่ฉันหาไปอาจจะเป็นพวกขี้เมาหยำเปล่ะมั้ง เสียแรงที่เชื่อพวกมัน คิดว่าจะช่วยฉันจัดการมันได้”

        เย่จื้อเจ๋อมองเย่อิ้งหลันแล้วตำหนิน้องสาวว่า “ตอนนี้เย่ฝานมีตระกูลอู่คอยหนุนหลังอยู่ เราจะปะทะกับเขาตอนนี้ไม่ได้ จะทำอะไรหัดใช้สมองคิดเยอะๆ เสียบ้าง”

        เย่อิ้งหลันตอบด้วยความอึดอัดใจว่า “ฉันฉลาดไม่ได้ครึ่งหนึ่งของพี่หรอก”

        เย่อิ้งหลันรู้ดีว่าเย่จื้อเจ๋ออยู่เบื้องหลังการจัดฉากใส่ร้ายป้ายสีเย่ฝานจนชื่อเสียงย่อยยับ แล้วยังแย่งคนรักของเย่ฝานมาครอบครองไว้ เย่อิ้งหลันรู้สึกยกย่องพี่ชายคนนี้มาก

        “พี่ชาย รอให้พี่กับพี่ถิงถิงแต่งงานกัน บ้านตระกูลเย่และตระกูลเลี่ยวก็จะดองกันเป็นปึกแผ่น ต่อไปเราก็ไม่ต้องกลัวตระกูลอู่อีกแล้ว” เย่อิ้งหลันพูด

        เย่จื้อเจ๋อหัวเราะ ในแววตาแสดงความพอใจอยู่ไม่น้อย “คนขี้ขลาดตาขาวและไร้ความสามารถอย่างมันจะคู่ควรกับถิงถิงได้ยังไง หมอนั้นไม่เคยกินองุ่น แต่กลับบอกว่าองุ่นเปรี้ยว[1] เที่ยวทำลายชื่อเสียงของถิงถิงไปทั่ว น่ารังเกียจจริงๆ”

        …

        ณ บ้านตระกูลไป๋

        “อวิ๋นซี เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” ไป๋ซื่อหยวนเอ่ยถาม

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าพลันตอบว่า “ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วครับ”

        “คุณปู่ ใครเป็นคนสั่งยาให้ผมเหรอครับ!” ไป๋อวิ๋นซีถามด้วยความอยากรู้

        ไป๋ซื่อหยวนตอบอย่างอึกอักว่า “เป็นหมอแผนจีนคนหนึ่ง”

        หลังจากที่ไป๋ซื่อหยวนได้รับใบสั่งยา เขาก็เริ่มถามโจวจิ่นจือว่าได้มาจากใคร เดิมทีโจวจิ่นจือบอกว่าเขาเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน แต่ภายหลังกลับบอกว่าคนคนนั้นอาจกลายเป็นหลานเขยในอนาคต ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก

        เมื่อตอนที่รู้ว่าเย่ฝานเป็นคนเขียนใบสั่งยา ไป๋ซื่อหยวนก็ได้ตรวจสอบประวัติของเขา ทำให้รู้ว่าชื่อเสียงของเย่ฝานมีแต่เรื่องเสื่อมเสีย แล้วจะยังข่าวลือที่เขาทารุณกรรมผู้หญิงอีก ยิ่งทำให้ไป๋ซื่อหยวนมองเย่ฝานในแง่ลบ

        “คุณปู่ครับ คุณอาโจวส่งพระพุทธรูปหยกมาถึงหรือยังครับ?” ไป๋อวิ๋นซีเอ่ยถาม

        ไป๋ซื่อหยวนพยักหน้าแล้วตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจว่า “ส่งมาแล้ว!”

        “ผมจะโอนเงินไปให้เดี๋ยวนี้”

        ไป๋ซื่อหยวนกลอกตามองบนแล้วพูดว่า “ไม่ต้อง มีคนจ่ายแทนหลานแล้ว” นอกจากนั้นยังมีใบสั่งยาที่ส่งมาพร้อมกับพระพุทธรูปหยก ใบสั่งยาอะไรกันมีข้อความที่เขียนว่า ‘ฉันจะเหยียบเมฆเจ็ดสีไปรับเธอมาเป็นภรรยา’” เหลวไหลจริงๆ เลย

        ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้วพลางพูดว่า “เป็นเขานั่นเอง?”

        ไป๋ซื่อหยวนจ้องมองไป๋อวิ๋นซีพลันกระแอมเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “หลานคิดว่าเย่ฝานคนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

        ไป๋อวิ๋นซีเอียงหัวเล็กน้อยก่อนยกยิ้มมุมปาก ตอบด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า “จะพูดยังไงดี เขาก็เป็นคนที่น่าสนใจคนหนึ่ง”

        ไป๋ซื่อหยวน “…” น่าสนใจ? ไป๋อวิ๋นซีเจ็บป่วยจากอาการหนาวเย็นในร่างกายมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เป็นคนเงียบขรึม ประกอบกับมีบุคลิกโดดเด่นเป็นที่สะดุดตาของผู้คน ดูภายนอกแล้วเหมือนเป็นคนอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วไม่ค่อยเห็นใครอยู่ในสายตาและไม่เคยมีใครเข้าตาเขา คนที่สามารถทำให้ไป๋อวิ๋นซีรู้สึกว่าเขาคนนั้นน่าสนใจ จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด!

        “คุณปู่รู้จักเย่ฝานได้ยังไงครับ?” ไป๋อวิ๋นซีถามอย่างสงสัย

        “คุณอาโจวของเธอบอกว่า เย่ฝานเป็นคนซื้อพระพุทธรูปหยกเพื่อมอบให้หลานน่ะ” ไป๋ซื่อหยวนตอบ

        ไป๋อวิ๋นซีพยักหน้าแล้วพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง”





……………………….………………………………………………………………………………….

        [1] ไม่เคยกินองุ่น แต่บอกว่าองุ่นเปรี้ยว เป็นสำนวนจีนหมายถึง สิ่งใดหรือผู้ใดที่ตนต้องการแต่ไม่สามารถครอบครองได้ จึงตำหนิว่าสิ่งนั้นไม่ดี

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คุณปู่ นั่นมันข่าวลวง!  อย่าไปเชื่อ!  5555555

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
"...เหยียบเมฆเจ็ดสีไปรับเธอมาเป็นภรรยา" โคตรเสี่ยวอ่ะเย่ฝาน 555555555555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 21 โอกาสจากโจวจิ่นจือ


        เย่ฝานเดินอยู่ในย่านร้านขายยาจีน เขากัดฟันซื้อยาจีนมาทุกชนิด

        ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า เย่ฝานอ่านข้อความแล้วก็ต้องตกตะลึงระคนดีใจอย่างท่วมท้น เมื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏยอดเงินที่โอนเข้าบัญชีถึงยี่สิบล้านหยวน

        หลังจากเย่ฝานได้รับข้อความนั้นเพียงครู่เดียว ก็มีสายเข้าจากอู่หาวเฉียง “คุณอา ได้รับข้อความแจ้งการโอนเงินหรือยังครับ?”

        “ได้รับแล้ว”

        “ผมพยายามสุดความสามารถเพื่อเกลี้ยกล่อมคุณพ่อ ในที่สุดเขาก็ยอมโอนเงินไปให้คุณอายี่สิบล้านหยวน อาอย่าลืมนะ ครั้งต่อไปจะเลี้ยงข้าวผมต้องใจกว้างหน่อยนะครับ” อู่หาวเฉียงกล่าว

        เย่ฝานครุ่นคิดแล้วตอบไปว่า “ได้สิๆ ครั้งหน้าอาจะเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ราคาห้าแสนหยวนดีไหม เธออยากกินเท่าไรก็ตามใจเลย”

        “บ้าจริงๆ เลยคุณอาเนี่ย”

        เย่ฝานมองยอดเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้น เขายิ้มพลางนึกในใจว่า ไม่เสียแรงที่เข้าไปช่วยเจ้าอ้วนนั่นไว้! แต่ว่าพ่อผู้ดื้อรั้นของเขาเชื่อว่าเย่ฝานเป็นคนช่วยเด็กนั่นออกมาจริงๆ น่ะหรือ?

        ...

        เมื่อเย่ฝานซื้อยาสมุนไพรเสร็จก็มีสายเข้าจากโจวจิ่นจือ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจออกไปหาโจวจิ่นจือ

        “คุณอาโจวอยากพบผมเหรอครับ!”

        โจวจิ่นจือพูดด้วยความรู้สึกงงงวยว่า “เธอเรียกฉันว่าคุณอาโจว? ไม่ใช่เฒ่าแก่โจวงั้นเหรอ?” ความสัมพันธ์ของเขาและเย่ฝานไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้น

        “ครับ! ผมคิดว่าในเมื่อคุณชายไป๋เรียกคุณว่าคุณอาโจว ผมก็น่าจะเรียกคุณอย่างนั้นบ้าง คุณรู้สึกเหมือนถูกยกยอใช่ไหมครับ” เย่ฝานกล่าว

        ย้อนคิดกลับไปในภพก่อน เย่ฝานเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในสำนักปี้อวิ๋น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฝึกตนได้ แต่มีผู้ฝึกตนไม่น้อยที่มอบศิลาเพื่อขอคำชี้แนะจากเขา ผู้ฝึกตนเหล่านั้นล้วนเป็นเกียรติที่ได้เชื่อมสัมพันธ์กับเย่ฝาน ยิ่งในโลกนี้ความเก่งกาจของเขามีเพิ่มขึ้นเพราะสามารถฝึกตนได้ หากแต่ที่นี่พลังปราณยังอ่อนอยู่มาก อาจจะสร้างความลำบากให้อัจฉริยะอย่างเขาไปบ้าง แต่ว่าเย่ฝานเองก็หาทางแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ไปได้เสมอ

        โจวจิ่นจือมองเย่ฝานอย่างหมดคำพูด พลันคิดในใจว่าเจ้าหมอนี่หน้าหนาจริงๆ!

        “ฉันได้ยินว่านายบุกเดี่ยวเข้าไปช่วยอู่หาวเฉียงจากพวกโจรลักพาตัวงั้นเหรอ” โจวจิ่นจือถาม

        “มันก็เป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ นั่นแหละครับ แต่ตอนที่ผมไปถึง โจรพวกนั้นก็โดนวางยาพิษในอาหารจนสลบไปหมดแล้ว” เย่ฝานตอบ

        โจวจิ่นจือ “…” โดนวางยาพิษในอาหารจนกระดูกเคลื่อนทั่วร่างน่ะเหรอ?

        “เย่ฝาน เธออยากจีบคุณชายไป๋ใช่ไหม?”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตอบว่า “ใช่แล้วครับ”

        “ไม่ใช่ว่าฉันพูดให้เธอเสียกำลังใจหรอกนะ! ถ้าดูจากความสามารถของเธอตอนนี้ ต่อให้ใช้เวลาหนึ่งร้อยปีก็จีบไม่สำเร็จหรอก แต่ว่ามันก็พอจะมีโอกาสดีๆ อยู่นะ” คำพูดของโจ่วจิ่นจือฟังดูลึกลับ

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วถามด้วยความตื่นเต้นว่า “โอกาสดีๆ? โอกาสอะไรครับ?”

        “คุณชายไป๋น่ะ มีคุณตาที่เป็นนักวรรณคดีโบราณ ชื่อว่าเซี่ยวฉือ ไม่นานมานี้มีการขุดพบสุสานโบราณในมณฑลซานซี คุณตาของเขาจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อช่วยเหลือเรื่องการขุดค้น ส่วนคุณชายไป๋ก็จะติดตามไปด้วย เพราะเขาสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เลยถือโอกาสไปเที่ยวพักผ่อน”

        เย่ฝานกะพริบตาแล้วถามว่า “คุณจะให้ผมไปช่วยขุดค้นสุสานโบราณเหรอครับ!”

        “ฉันกันที่ให้เธอหนึ่งที่” โจวจิ่นจือกล่าว

        ดวงตาของเย่ฝานพลันวาววับอย่างยินดี เขาพูดว่า “ตาเฒ่า คุณนี่ช่างเฉียบแหลมจริงๆ!”

        โจวจิ่นจือ “…”

        “สถานที่ที่ขุดพบสุสานโบราณมีสภาพเลวร้ายมาก เธอต้องเตรียมใจไว้หน่อยนะ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “สภาพเลวร้าย ถึงจะสามารถแสดงความห้าวหาญของวีรบุรุษอย่างผมได้ยังไงล่ะ!”

        โจจิ่นจือ “…”  ความห้าวหาญของวีรบุรุษน่าจะไม่ได้เห็น น่าจะได้เห็นความห้าวหาญของคนปัญญาอ่อนเสียมากกว่า

        โจวจิ่นจือเริ่มไม่แน่ใจว่าการชวนเย่ฝานไปช่วยขุดค้นสุสานโบราณนั้น เขาคิดถูกหรือไม่

        เย่ฝานมองโจวจิ่นจือแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนี้ผมต้องไปรวมตัวกับพวกเขาที่ไหนครับ?”

        “หลังจากนี้หกวัน พวกเขาจะรวมตัวกันที่เมืองลั่วฟงในมณฑลซานซี พอถึงเวลาเธอค่อยเดินทางไปที่นั่นก็ได้” โจวจิ่นจือหยิบป้ายชื่อให้เย่ฝานแล้วพูดว่า “ป้ายชื่อนี้ให้เธอ เธอไปร่วมทีมในนามของนักวิจัยวรรณคดีโบราณก็แล้วกัน”

        เย่ฝานรับป้ายชื่อแล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณอาโจวมากๆ เลยนะครับ ผมจะไม่มีวันลืมเลย วันใดที่ผมได้แต่งงานกับคุณชายไป๋ ผมจะเชิญคุณอาไปดื่มเหล้ามงคลนะครับ”

        โจวจิ่นจือ “..." รอให้นายได้แต่งงานกับคุณชายไป๋ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ

        เย่ฝานถือป้ายชื่อในมือแล้วเดินจากไปอย่างเบิกบานใจ

        …

        เย่ฝานขับรถไปที่บ้านตระกูลอู่

        “อาฝาน นายมาได้ยังไง?” เรื่องที่เกิดขึ้นกับอู่หาวเฉียงทำให้อู่ซือหานมองเย่ฝานเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทว่าในใจลึกๆ ยังคงรู้สึกเคลือบแคลงอยู่ไม่น้อย

        “ผมมาหาเสี่ยวเฉียงครับ” เย่ฝานตอบกลับ

        “มาหาลูกชายฉัน? วันนี้เขาหยุดเรียนพอดีเลย!” อู่ซือหานเอ่ย

        เย่ฝานพยักหน้าพลางกล่าว “อืม ครับ ผมรู้ว่าเขาหยุดเรียนวันนี้ถึงได้มาหา”

        อู่หาวเฉียงวิ่งออกมาอย่างดีใจ “คุณอาเล็ก มาได้ยังไงครับ?”

        “อามีเรื่องให้เธอช่วยหน่อย” เย่ฝานตอบกลับ

        เย่ฝานนำเต่าตัวหนึ่งออกมาและพูดว่า “นายเห็นเต่าตัวนี้ใช่ไหม?”

        “หา! คุณอาเอาเต่าตัวนี้มาให้ผมต้มซุปบำรุงร่างกายเหรอครับ?” อู่หาวเฉียงพูดด้วยความซาบซึ้งใจ

        เย่ฝานกลอกตามองบนแล้วตอบว่า “นายจ้ำม่ำขนาดนี้ ยังจะต้องบำรุงร่างกายทำไมกันเล่า! อาจะต้องออกไปทำธุระนอกบ้านหลายวัน เต่าตัวนี้ขอมอบให้นายช่วยดูแลสักพัก นายจะต้องดูแลมันให้ดีนะ!”

        อู่หาวเฉียงพยักหน้าพลางตอบว่า “ได้ครับๆ คุณอาวางใจได้เลย”

        เย่ฝานหยิบกระดาษจดรายการออกมาหนึ่งแผ่น แล้วพูดว่า “นี้เป็นรายการอาหารของเจ้าเต่านี่!”

        อู่หาวเฉียงดูรายการอาหารแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณอานี่ฟุ่มเฟือยจังเลย ป้อนโสมให้เต่ากินเชียวเหรอ!”

        เย่ฝานตอบกลับอย่างไม่สนใจว่า “หากไม่ลงทุน แล้วจะได้ทรัพย์สินมาจากไหนกัน!” ต้องเลี้ยงให้กินดีอยู่ดี เต่าตัวนี้จึงจะสามารถรวบรวมพลังปราณได้เต็มที่

        “นี่เป็นค่าอาหารของเต่าตัวนี้” เย่ฝานนำบัตรเอทีเอ็มออกมาหนึ่งใบแล้วมอบให้อู่หาวเฉียง

        “ในบัตรนี้มีเงินเท่าไรครับ!” อู่หาวเฉียงถาม

        “หนึ่งล้านหยวน!”

        อู่หาวเฉียงมองเย่ฝานด้วยความโมโหพลันพูดว่า “คุณอา มากเกินไปแล้วนะ ทีเลี้ยงไก่ทอดผมคุณอาบ่นว่าเปลืองเงิน แต่เลี้ยงเต่าหนึ่งตัวกลับใช้เงินตั้งหนึ่งล้านหยวน”

         “นายจะไปเข้าใจอะไร! นี่เป็นเต่าวิเศษนะ จะละเลยไม่ได้เด็ดขาด” เย่ฝานพูดด้วยท่าทีจริงจัง

        อู่หาวเฉียง “…”

        อู่ซือหานฟังอยู่ข้างๆ ก็กลอกตามองบน ทว่ากลับไม่มีคำพูดใดออกมา

        “ว่าแต่ธุระที่คุณอาพูดถึง มันคืออะไรเหรอครับ?”

        “อาจะไปหาเมีย ถ้าโชคดีก็อาจจะได้อาสะใภ้กลับมาด้วย” เย่ฝานตอบอย่างเบิกบานใจ

        อู่หาวเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงดีในจนออกนอกหน้า “คุณอาสู้ๆ นะครับ!”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางกล่าวว่า “อืม ใช่ เกือบลืมไปเลย หยกคุ้มภัยที่ทำให้นายเสร็จแล้วนะ”

        อู่หาวเฉียงรับหยกมาด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณคุณอามากๆ เลยครับ อาครับถ้าผมโดนรถชน หยกนี่จะทำให้รถลอยขึ้นไปได้ไหมครับ?”

        “ไม่ได้!” เย่ฝานตอบกลับ

        อู่หาวเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า “ผมนึกว่าเจ้านี่จะมีฤทธิ์เดชมากกว่านี้ซะอีก”

        เย่ฝานกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เด็กน้อย เธออย่าเพ้อฝันให้มันมากไปเลย”


        อู่หาวเฉียง “…”

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
555555555สงสารเสี่ยวเฉียง ก็ครั้งก่อนบอกเองนี่!
สกิลการตีสนิทจากตาเฒ่าเป็นอาเลย555555

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เสี่ยวเฉียง ยันต์คุ้มภัยไม่ได้วิเศษขนาดนั้นไหมว่ะ เย่ฝานพูดพูดนะ อย่าเพ้อฝันมาก เด็กหนอเด็ก 5555555555 จะไปร่วมขุดกับเขาดูท่าจะไปป่วนมากกว่า เรียกทั้งอาโจว ตาเฒ่าโจว 5555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ชอบความหาเมียได้ตรงไปตรงมาจริงๆ

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 22 แลกที่นั่งกับตาแก่


        เย่ฝานทำยันต์และเครื่องรางคุ้มภัยจำนวนหนึ่ง จากนั้นสะพายกระเป๋าแล้วเริ่มออกเดินทางไปยังเมืองลั่วฟง มณฑลซานซี

        “ขออภัยด้วยนะคะ โรงแรมของเราห้องพักเต็มหมดทุกห้องแล้วค่ะ” พนักงานต้อนรับพูดพลางมองไปยังเย่ฝาน

        เย่ฝานมองพนักงานสาวด้วยความกลุ้มใจ “ห้องเดียวก็ไม่มีเลยเหรอ?”

        พนักงานต้อนรับส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่มีเลยค่ะ”

        “ฉันเพิ่มเงินค่าห้องได้นะ!” เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

        “ต้องขออภัยจริงๆ นะคะ เราไม่มีห้องพักว่างจริงๆ ค่ะ”

        ระหว่างที่เย่ฝานกำลังเจรจากับพนักงานต้อนรับอยู่นั้น ไป๋อวิ๋นซีเดินลงมาจากชั้นบนของโรงแรม

        เย่ฝานมองเห็นไป๋อวิ๋นซีก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขารีบเดินให้ทันไป๋อวิ๋นซีแล้วจับแขนของเขาไว้ ก่อนถามว่า “นายจองห้องพักได้แล้วเหรอ?”

        ไป๋อวิ๋นซีโดนเย่ฝานถามด้วยประโยคที่ฟังดูไร้สมอง ก็ประหลาดใจไม่น้อย

        “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้วพลางถามด้วยความสงสัย

        "ฉันมาทำงานโบราณคดี! แต่ว่าห้องเต็มไปซะก่อนน่ะ!" เย่ฝานตอบ

        “งานโบราณคดี!” ไป๋อวิ๋นซีพูดอย่างงุนงง

        เย่ฝานนำใบรับรองการทำงานออกมาแล้วพูดว่า “ใช่ คุณอาโจวเป็นคนแนะนำให้ฉันมา นายดูป้ายชื่อนี่สิ...”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        “ทำไมคุณอาโจวถึงแนะนำนายมาได้?” ไป๋อวิ๋นซีพูดด้วยท่าทีรังเกียจ

        “คงเป็นเพราะเขาเห็นถึงอนาคตที่สดใสของฉัน! จดหมายที่ส่งไปให้ครั้งก่อน นายได้รับไหม?” เย่ฝานถาม

        ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้วพลันตอบว่า “จดหมาย? จดหมายอะไร? ฉันไม่เคยเห็นเลย!”

        เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ฮึ เจ้าคนหลอกลวงนั่นบอกฉันว่าส่งไปถึงมือนายแล้ว วันหลังฉันคงต้องไปเอาเรื่องสักหน่อย”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        “ใช่สิ! นายว่าอย่างนี้ดีไหม ฉันขอไปปูที่นอนบนพื้นห้องนายได้ไหม แล้วฉันจะจ่ายค่าห้องเอง?” เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีด้วยแววตาสดใสมีชีวิตชีวา พร้อมบอกข้อเสนอนี้ออกไป

        หยางเฟยเดินผ่านมาได้ยินคำพูดฮึกเหิมและกล้าได้กล้าเสียของเย่ฝานเข้า ก็รู้สึกนับถือเขาขึ้นมาทันที

        หยางเฟยเป็นลูกศิษย์ของเซี่ยวฉือ เขาสนิทสนมกับไป๋อวิ๋นซีพอสมควร ในสายตาของหยางเฟย ไป๋อวิ๋นซีเป็นศิษย์น้องที่หล่อเหลาและสง่างาม มีความสามารถที่โดดเด่น เพียงแต่เย็นชาและเย่อหยิ่งมากไปเท่านั้น แต่เพราะไป๋อวิ๋นซีเกิดมาฐานะสูงศักดิ์ เขาจะถือตัวไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ

        “ฉันไม่เอาด้วยหรอก!” ไป๋อวิ๋นซีตอบด้วยสีหน้าไม่พอใจ

        เย่ฝานหัวเราะพลางพูดว่า “นายกลัวว่าฉันจะกรนใช่ไหม? นายวางใจเถอะ ฉันเป็นคนนอนเรียบร้อย ไม่รบกวนนายแน่นอน”

        ไป๋อวิ๋นซียิ้มแห้งๆ พลันกล่าว “หุบปากไปเลย ห้องฉันไม่มีที่ให้นายปูนอนหรอก นายไปนอนข้างถนนเถอะ"

        เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “หา! นายนี่เย็นชาจริงๆ เลย!”

        ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “นายกล้าดียังไงถึงคิดว่าฉันจะยอมให้นายมานอนบนพื้นห้องฉัน เพื่อแลกกับเงินไม่กี่ร้อยหยวน”

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีแล้วตอบว่า “ฉันก็ไม่ได้จะบุกรุกที่นอนนายสักหน่อย”

        “นายฝันไปเถอะ!” ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเยาะ

        เย่ฝาน “…”

        …

        หยางเฟยเดินเข้ามาใกล้เย่ฝาน แล้วถามว่า “น้องชาย ฉันขอดูใบรับรองการทำงานของนายหน่อยได้ไหม?”

        “ได้ครับ!” เย่ฝานกล่าวอย่างใจกว้าง

        หยางเฟยรับใบรับรองการทำงานมาตรวจสอบสักครู่ แล้วพูดว่า “ถ้านายไม่รังเกียจล่ะก็ ห้องพักของฉันยังมีเตียงว่างอีกหนึ่งหลังให้นายนอนได้”

        เย่ฝานพยักหน้า เขาพูดอย่างดีใจว่า “ครับ ขอบคุณมากเลยครับ ถ้าคุณชายไป๋นิสัยดีเหมือนคุณก็คงจะดีไม่น้อย”

        หยางเฟย “…”

        เย่ฝานตามหยางเฟยเข้าไปในห้องพัก

        “เย่ฝาน นายก็เป็นนักวิจัยวรรณคดีโบราณเหรอ?” หยางเฟยยิ้มก่อนเอ่ยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าตอบกลับไป “ใช่แล้วครับ”

        “นายอ่านคำจารึกนี้หน่อยซิ ว่าแปลว่าอะไร” หยางเฟยหยิบกระดาษออกมาหนึ่งใบส่งให้เย่ฝาน

        เย่ฝานกวาดสายตามองกระดาษสักครู่ แล้วพูดว่า “อ๋อ นี่เป็นเรื่องขององค์หญิงองค์หนึ่งที่บ้าผู้ชายมาก นางแต่งสามีตั้ง 18 คน ต่อมาภายหลังองค์หญิงสิ้นพระชนม์ พระราชาซึ่งเป็นพี่ชายของนางจึงรับสั่งให้นำสามีผู้โชคร้ายทั้ง 18 คนของนางไปฝังในสุสานให้ตายตกตามกันไปด้วย ช่างเป็นบุคคลที่โดดเด่นในบรรดาผู้หญิงด้วยกันจริงๆ”

        หยางเฟยมองเย่ฝานด้วยความประหลาดใจ พลางคิดในใจว่าคนคนนี้เก่งมากๆ!

        เดิมทีก่อนที่จะพบสุสานซานซีนั้น ทางรัฐบาลเองก็ไม่รู้มาก่อนว่ามีสุสานอยู่ที่นั่น แต่เพราะมีโจรขโมยสุสาน 2 คน ขโมยเครื่องทองแดงสำริดออกมาจากสุสานแล้วนำไปขายในตลาดมืด สุดท้ายถูกจับได้เรื่องสุสานจึงแดงออกมา

        คำจารึกที่หยางเฟยให้เย่ฝานดู เป็นข้อความที่ลอกมาจากเครื่องทองแดงสำริดนั่นเอง

        ตอนแรกศาสตราจารย์เสี้ยวใช้ความพยายามอย่างหนัก จึงสามารถแปลความหมายของจารึกนี้ออกมาได้ คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานแค่มองผ่านๆ ก็รู้ความหมายทั้งหมดแล้ว เจ้าหมอนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

        “ของสิ่งนี้คุณได้มาจากไหนครับ?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        หยางเฟยหัวเราะแล้วตอบกลับไปว่า “ได้มาจากร้านขายของเก่าน่ะ”

        “เกรงว่าของเก่าชิ้นนี้จะเป็นสิ่งอัปมงคล! ผู้ที่ครอบครองนานวันเข้าอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้!” เย่ฝานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

        หยางเฟยพลันกังวลใจขึ้นมา จากข้อมูลที่เขาได้มานั้น พวกโจรขโมยสุสานเดิมทีมีทั้งหมดสิบคน แปดคนตายอยู่ในห้องสุสาน แม้จะยังเหลืออีกสองคนที่หนีออกมาได้ แต่ผ่านไปไม่นานก็ตายกันไปหมด และในครั้งนี้สุสานที่พวกเขาต้องเข้าไปสำรวจก็คือสุสานที่ว่านั่นเอง

        หยางเฟยส่ายหัว หยุดคิดไปไกลมากกว่านั้น

        “เย่ฝานนายกับคุณชายไป๋เป็นอะไรกันเหรอ!” หยางเฟยถามอย่างสงสัย

        เย่ฝานยักไหล่พลางตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรกัน แต่ถ้าผมจีบเขาสำเร็จเมื่อไร เขาก็จะกลายเป็นภรรยาของผมครับ”

        หยางเฟย “…”  ช่างเป็นคนที่กล้าหาญจริงๆ! คำพูดแบบนี้ก็กล้าพูดออกมาได้ ถ้าคุณปู่บ้านตระกูลไป๋รู้เข้าต้องจับเจ้าหมอนี่ถ่วงน้ำแน่ๆ

        “ถ้าอย่างนั้นนายต้องพยายามให้มากๆ นะ คุณชายไป๋ไม่ใช่คนที่จะจีบได้ง่ายๆ!” หยางเฟยกล่าว

        เย่ฝานพยักหน้า แต่ก็พูดออกมาด้วยความกังวลว่า “ก็นั่นน่ะสิครับ ผมจะขอไปปูที่นอนห้องเขาแค่นี้ก็ไม่อนุญาต”

        หยางเฟย “…”

        “โจวจิ่นจือเป็นคนแนะนำนายมาที่นี่เหรอ” หยางเฟยถาม

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วตอบ “ใช่แล้วครับ!”

        หยางเฟย “…” โจวจิ่นจือทำไมถึงแนะนำคนประหลาดแบบนี้ให้มาที่นี่ด้วยนะ?

        “รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องนั่งรถบัสขึ้นเขาถึงสองชั่วโมงเลยนะ”หยางเฟยเอ่ย

        เย่ฝานพยักหน้าตอบรับ “อ่อ ครับ”

        …

        เช้ารุ่งขึ้นในวันที่สอง  มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังรอรถบัสอยู่หน้าโรงแรม

        “เอ้านี่ ตั๋วรถบัสของนาย เดี๋ยวขึ้นไปนั่งที่นั่งหมายเลขของตัวเองก็ได้แล้ว” หยางเฟยกล่าว

        “เดี๋ยวผมขอนั่งข้างคุณชายไป๋ได้ไหม?” เย่ฝานถาม

        หยางเฟยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เกรงว่าจะไม่ได้ เพราะตั๋วรถของนายคือเบอร์ 4 ได้นั่งข้างๆ ฉันนี่แหละ”

        “ทำไมผมได้พักห้องเดียวกับคุณ แล้วยังได้นั่งที่นั่งข้างคุณอีกล่ะเนี่ย?” เย่ฝานเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ

        หยางเฟย “…” นายคิดว่าฉันอยากนั่งกับนายมากหรือไง!

        หยางเฟยรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมา ใบหน้าเขาพลันแดงเรื่อ อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี

        “แล้วคุณชายไป๋ล่ะครับ” เย่ฝานถาม

        หยางเฟยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยังไม่มา”

        “สงสัยหมอนั้นจะชอบนอนตื่นสายแน่ๆ” เย่ฝานบ่นพึมพำ

        เมื่อเย่ฝานเดินขึ้นไปบนรถก็พบว่าไป๋อวิ๋นซีนั่งอยู่ในมุมทแยงกับที่นั่งของตน ที่นั่งของไป๋อวิ๋นซีคือเบอร์หนึ่งซึ่งติดกับหน้าต่าง คนที่นั่งข้างเขาเป็นชายแก่ที่ดูท่าทางมีความรู้แต่ร่างกายผอมแห้งไม่แข็งแรง

        “นี่ ตาแก่ ฉันขอแลกที่นั่งหน่อยได้ไหม!” เย่ฝานถามเสียงห้วน

        หยางเฟย “…” ตาแก่! เจ้าหมอนี้สมควรตายจริงๆ กล้าเรียกศาสตราจารย์เซี่ยวว่าตาแก่เชียวเหรอ!

        หยางเฟยทำเหยเก เพราะรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ยอมใจอ่อนให้หมอนี่มานอนร่วมห้อง คนแบบนี้สมควรให้ไปนอนข้างถนนจริงๆ

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วพลางมองเย่ฝานอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดว่า “ไม่แลก”

        “ตาแก่ อย่าใจแคบนักเลย!” เย่ฝานหยิบหยกออกมาหนึ่งชิ้น แล้วพูดว่า “ตาแก่ ดูนี่ ผมเอาหยกชิ้นนี้แลกกับที่นั่งของคุณดีไหม”

        เซี่ยวฉือยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ชายในชุดนักพรตเบิกตากว้างแล้วพูดว่า “น้องชายหยกชิ้นนี้ไม่เลวเลยนะ แสงประกายแวววับ ถ้าไม่มีสองสามล้านหยวนคงซื้อมาครองไม่ได้”

        เย่ฝานจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม แล้วกล่าวอย่างแปลกใจว่า “เอ๋ สหาย นายนี้ช่างตาถึงจริงๆ!”

        เซี่ยวฉือ “…” คนผู้นั้นคือคุณจางเหวินเทาแห่งหุบเขาหลงหู่! เขาเป็นคนที่หน่วยงานพิเศษของรัฐบาลส่งมา เจ้าหมอนี้ช่างไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย ทำกิริยาอย่างนั้นได้อย่างไรกัน!

        “ไม่ทราบว่าหยกชิ้นนี้ ได้มาจากยอดอาจารย์ท่านใดเล่า?” จางเหวินเทาถามพลางยิ้มกริ่ม

        “ฉันได้มาจากตลาดขายของเก่า ในราคาห้าพันหยวนเท่านั้น” หยกนั้นเย่ฝานซื้อมาคือความจริง แต่ค่ายกลที่ปรากฏบนหยกนั่น เขาเองที่เป็นคนสักลงไปในภายหลัง

        “น้องชายช่างโชคดีมีวาสนาจริงๆ ”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว”

        สายตาของเย่ฝานเปลี่ยนไปที่เซี่ยวฉือ พลันกล่าวว่า “นี่ตาแก่ คุณได้ยินแล้วใช่ไหม นี่มันของดีนะ ช่วยเสริมโชคและปัดเป่าเภทภัย เหมาะกับคนอายุมากอย่างคุณที่สุดแล้ว จะเข้าไปในสุสานที่มีพลังหยินรุนแรงอย่างนั้นโดยไม่ประมาณกำลังตัวเองก็เท่ากับรนหาที่ตายแท้ๆ”

        เซี่ยวฉือโมโหจนหนวดกระตุก ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี!

        หยางเฟย “เจ้าหมอนี่ สมองมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย!”

        จางเหวินเทาหันไปมองเซี่ยวฉือแล้วพูดว่า “ศาสตราจารย์เซี่ยว หยกนี้ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายได้ คุณแลกที่กับเขาแล้วไม่เสียเปรียบแน่นอน ”

        เย่ฝานพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่แล้วๆ! ขอเพียงยอมแลกที่นั่งเท่านั้น”

        เซี่ยวฉือมองเย่ฝานแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ได้ ฉันยอมแลกที่นั่งกับนาย”

        “ตาแก่ ชื่อของคุณฟังดูคุ้นหูอยู่นะ!” เย่ฝานมอบหยกให้กับเซี่ยวฉือ แล้วยังไม่ลืมที่จะพึมพำอีกหนึ่งประโยค

        เซี่ยวฉือ “…”

        …

        เย่ฝานได้นั่งข้างไป๋อวิ๋นซีดสมใจ ไป๋อวิ๋นซีสวมแว่นตาดำหลับตาทำสมาธิ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเย่ฝาน เย่ฝานหยิบมันฝรั่งทอดขึ้นมาหนึ่งถุง แล้วพูดอย่างเอาใจว่า “นายจะเอามันฝรั่งทอดหน่อยไหม?”

        ไป๋อวิ๋นซีกวาดตามองเย่ฝานอย่างเย็นชา แล้วตอบว่า “ไม่เอา”

        “นายจะกินลูกอมไหม?” เย่ฝานถาม

        “ไม่กิน” ไป๋อวิ๋นซีตอบ

        “นายอยากดื่มนมหน่อยไหม?” เย่ฝานถาม

        “ฉันไม่ดื่ม แต่นายควรดื่มให้เยอะๆ หน่อยนะ สมองจะได้โตขึ้นบ้าง” ไป๋อวิ๋นซีตอบ

        เย่ฝานกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันมีความรู้กว้างขวาง รอบรู้เหตุการณ์ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่ต้องให้สมองโตขึ้นกว่านี้แล้วล่ะ”

        ไป๋อวิ๋นซี “....” นายแน่ใจนะ?

        “เอ๋ นายกินยาสมุนไพรแล้วนี่ แล้วยังมาโกหกฉันว่าไม่เคยอ่านจดหมายที่ฉันเขียนส่งไปให้ ถ้านายไม่เคยอ่านจดหมายของฉัน นายจะรู้รายละเอียดในใบสั่งยาได้ยังไง?” เมื่อได้กลิ่นสมุนไพรจากกลิ่นกายของไป๋อวิ๋นซี ทำให้เย่ฝานพึงพอใจมาก

        ไป๋อวิ๋นซีกล่าวว่า “ใบสั่งยานั่นเป็นของยอดฝีมือพิสดาร...” คำพูดของไป๋อวิ๋นซีชะงักทันที “หรือว่า...”

        เย่ฝานพยักหน้าพลางตบหน้าอกของตนแล้วตอบไป “ไม่ผิดหรอก ยอดฝีมือพิสดารคนนั้นก็คือฉันเอง”

        ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “ถ้านายป่วยก็ควรจะไปหาหมอนะ”

        เย่ฝานพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่ได้ป่วย! แต่โรคของนายร้ายแรงกว่าฉันมากนะ”

        ไป๋อวิ๋นซี “…”

        ไป๋อวิ๋นซีสวมแว่นดำกลับไป เขารำคาญที่จะสนทนากับเย่ฝานต่อ ทันใดนั้นเย่ฝานจับมือของเขาไว้ ตอนแรกเขาคิดจะสะบัดออก แต่ไออุ่นจากฝ่ามือของเย่ฝานที่แผ่เข้ามาในฝ่ามือของเขาเป็นระลอกทำให้ไป๋อวิ๋นซีอุ่นวาบไปทั้งร่างกาย เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาจึงปล่อยตัวไปกับการกระทำนี้ของเย่ฝาน

        รถบัสขับตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไป๋อวิ๋นซีรู้สึกง่วงจึงนอนหลับไป

        นอนหลับสนิทจนหัวเอนลงมาพิงบ่าของเย่ฝาน

        เย่ฝานมองใบหน้ายามหลับใหลของไป๋อวิ๋นซี ในใจเปี่ยมไปด้วยความสุข

        จางเหวินเทายิ้มพลางพูดว่า “น้องชาย ที่แท้เราก็เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท”

        เย่ฝานยิ้มกริ่มโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป

        เย่ฝานรู้ดีว่าบนโลกนี้มีผู้รอบรู้วิชาหลายแขนงอยู่ไม่น้อย คนเหล่านี้มักมีความสามารถแปลกประหลาด เย่ฝานเองไม่ได้เข้าใจสิ่งเหล่านี้นัก ดังนั้นจึงไม่ขอออกความเห็นของตน


        เซี่ยวฉือมองเห็นไป๋อวิ๋นซีที่นอนเอนหัวพิงอยู่บนบ่าของเย่ฝาน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนผักกาดขาวที่ปลูกไว้ในบ้าน ถูกเจ้าหมูตะกละเหยียบย่ำ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ปั่นไปทั่วจนหัวเราะทั้งน้ำตา

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ป่วนไปตั้งแต่เดินทาง งานนี้คงสงบยากอ่ะ  555555

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
5555555โดยเฉพาะหมูตะกละอย่างเย่ฝานนั้น แค่นี้ยังไม่พอหรอก 555555

ออฟไลน์ Kawebook.com

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เล่มที่ 1 ตอนที่ 23 เอาใจยากเหลือเกิน


        หลังจากเดินทางมาสามชั่วโมงเต็ม รถบัสก็จอดสนิท “ข้างหน้าไม่มีถนนแล้ว พวกเราต้องเดินเท้าเข้าไป”

        เซี่ยวฉือรอให้คนทยอยลงจากรถ พอเย่ฝานลงจากรถ เบื้องหน้าก็ปรากฏทิวเขาทอดยาวสูงต่ำไล่เรียงกันไป

        เซี่ยวฉือเดินไปหยุดข้างกายไป๋อวิ๋นซีและถามว่า “อาซี หลานสบายดีใช่ไหม”

        ไป๋อวิ๋นซียิ้มพลางตอบว่า “สบายดีครับ”

        ไป๋อวิ๋นซีขมวดคิ้ว ตัวเขาเป็นคนหลับยาก ยิ่งถ้าเป็นบนรถบัสที่โอนเอน เขาไม่อยากคิดเลยว่าจะหลับลงได้อย่างไร แต่พอได้ยินที่เซี่ยวฉือพูดว่าเขาหลับสนิท แถมยังพิงหัวบนไหล่ของเย่ฝานอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย

        เย่ฝานหิ้วกระเป๋าเป้ พลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋อวิ๋นซี แล้วพูดด้วยความห่วงใยว่า “ได้ยินว่าเดี๋ยวพวกเราต้องเดินต่ออีกหลายชั่วโมง ถ้านายเดินไม่ไหว ฉันจะแบกนายเอง”

        ไป๋อวิ๋นซีเห็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มโง่ๆ ของเย่ฝาน เขาก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ต้องล่ะ ขอบคุณ!”

        เย่ฝานกะพริบตาและกล่าวออกไป “นายอย่าฝืนเลยนะ!”

        ไป๋อวิ๋นซีพูดอย่างอารมณ์เสียว่า “ขอบคุณความห่วงใยจากนายจริงๆ แต่ว่าฉันไม่ต้องการ”

        เย่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วถามว่า “นายอยากกินหมูแผ่นไหม...”

        “ฉันไม่กิน!” ไป๋อวิ๋นซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซีแล้วพูดอย่างกลัดกลุ้ม “นายเป็นคนกินยากจัง! อะไรก็กินไม่ได้สักอย่าง"

        “นายพูดผิดแล้ว ฉันกินเฉพาะอาหารชั้นเลิศต่างหากล่ะ” ไป๋อวิ๋นซีหัวเราะเยาะ

        เย่ฝาน “…”

        …

        เย่ฝานเดินไปตามทางบนหุบเขาด้วยจิตใจหดหู่ หยางเฟยเดินเข้าไปหาเย่ฝาน และพูดกับเขาว่า “นายดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะ!”

        “คุณชายไป๋บอกให้ผมอยู่ห่างๆ เขาหน่อย! เขาดูเฉยเมยมากเลย!” เย่ฝานพูดอย่างเศร้าสร้อย

        หยางเฟย “…” คุณชายไป๋เจอคนแบบนี้มาติดพัน ช่างโชคร้ายจริงๆ

        เย่ฝาน “ตาแก่นั่นเป็นใคร! ทำไมเดินใกล้กับเขาตลอด”

        “อาจารย์เซี่ยวเป็นคุณตาของไป๋อวิ๋นซี” หยางเฟยตอบอย่างเอือมระอา

        “อ๋อ ผมนึกออกแล้ว โจ่วจิ่นจือบอกว่าในคณะนี้จะมีคุณตาของเขาอยู่ด้วย ไม่นึกเลยว่าผมจะลืมเรื่องนี้ไปได้ เอาล่ะ ผมต้องเข้าไปผูกสัมพันธไมตรีสักหน่อย” เย่ฝานพูดอย่างดีใจจนออกนอกหน้า

        หยางเฟยมองเย่ฝานแล้วพูดด้วยความเวทนาว่า “นายจะไปผูกสัมพันธไมตรีกับเขาตอนนี้ ฉันว่ามันสายไปแล้วล่ะ นายไม่รู้เหรอว่านายทำอะไรผิดต่อเขาไว้”

        “เพราะผมเรียกเขาว่าตาแก่น่ะเหรอ?” เย่ฝานเอ่ยถาม

        หยางเฟย “…”

        เย่ฝานพูดอย่างเป็นกังวลว่า “คราวนี้แย่แล้ว ตาแก่นั่นเหมือนจะไม่พอใจผมเอามากๆ! เขาหันมาจ้องผมหลายครั้งเลย! ทางเดินก็สูงชันขนาดนั้น เขายังหันมามองผมตั้งหลายครั้ง ไม่กลัวข้อเท้าแพลงหรือยังไง”

        หยางเฟย “…”

        แม้ว่าทางบนเขาจะสูงชันจนทำให้เดินลำบาก แต่เย่ฝานที่ถือกระเป๋าไปด้วยกลับเดินได้สบายๆ

        เวลาบ่ายสามโมง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสถานที่ซึ่งห่างจากจุดหมายไม่ไกล

        “เวลาก็ล่วงเลยไปมากแล้ว พวกเราตั้งแคมป์ที่นี่ก็แล้วกัน อีกหลายวันต่อจากนี้ พวกเราจะพักอยู่ที่นี่” จางเหวินเทากล่าว

        เย่ฝานกัดแอปเปิลเสียงดังกร๊อบ หยางเฟยเห็นเย่ฝานแล้วก็ขมวดคิ้ว ตลอดทางที่เดินมาเย่ฝานกินอาหารไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าไปหิวมาจากไหน

        เย่ฝานเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนดึงมีดปอกผลไม้ออกมาแล้วปามีดไปทางไป๋อวิ๋นซี การกระทำของเย่ฝ่านทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

        มีดปอกผลไม้บินผ่านข้างกายของไป๋อวิ๋นซีไปปักที่ต้นไม้ข้างๆ สิ่งที่เห็นคืองูสามเหลี่ยมตัวหนึ่งถูกมีดตรึงไว้ที่ลำต้น

        ใบหน้าของไป๋อวิ๋นซียังคงเหมือนเดิม ทว่าฝ่ามือกลับชุ่มเหงื่อ

        เซี่ยวฉือขมวดคิ้วเมื่อเห็นงูพิษที่โดนมีดปักคาลำต้น

        จางเหวินเทาดูงูสามเหลี่ยมที่แน่นิ่งอยู่ที่ลำต้น ก่อนหันมายิ้มแล้วชื่นชมเย่ฝานว่า “น้องชายนี่ฝีมือไม่เบาจริงๆ!”

        เย่ฝานหัวเราะแล้วพูดว่า “มิกล้ารับๆ”

        เย่ฝานดึงงูพิษออกจากต้นไม้แล้วนำมาเหวี่ยงเล่น จากนั้นเดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าไป๋อวิ๋นซี พลันพูดพร้อมกับยกงูตัวนั้นขึ้น “นายบอกว่าอยากกินอาหารชั้นเลิศ งั้นฉันจะย่างงูตัวนี้ให้นายกินดีไหม”

        “ประสาท!” ไป๋อวิ๋นซีตวาดขึ้นครั้งหนึ่ง

        เย่ฝาน “…”

        เย่ฝานมองไป๋อวิ๋นซี แล้วอดเศร้าใจไม่ได้ “คนอะไรเอาใจยากจริงๆ”

        หยางเฟยหมดคำพูดกับการกระทำของเย่ฝาน อยากเอาอกเอาใจด้วยการเสนองูพิษให้กินเนี่ยนะ ใครจะไปรับได้?

        …

        เย่ฝานมองลักษณะภูมิประเทศของเทือกเขา เหมือนกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง ไม่นานก็เกิดประกายในแววตา

        “คุณชายเย่มองเห็นอะไรหรือ?” จางเหวินเทาเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยถาม

        เย่ฝานหัวเราะพลางตอบว่า “สถานที่นี้ไม่เลวเลยนะครับ”

        จางเหวินเทายิ้มพลางพูดว่า “สำหรับคนที่ฝังร่างอยู่ที่นี่ ฮวงจุ้ยถือว่าใช้ได้”

        เย่ฝานหรี่ตา เขาไม่ค่อยถนัดเรื่องฮวงจุ้ยนัก แต่สัมผัสได้เลือนรางว่าภูเขาลูกนี้จะต้องมีเส้นชีพจรจิตวิญญาณซ่อนอยู่ ทว่ามันเหือดแห้งไปเกือบหมดแล้ว สถานที่ที่สามารถหล่อเลี้ยงเส้นชีพจรจิตวิญญาณได้ ถือเป็นสถานที่ที่ดี แม้ว่าเส้นชีพจรจิตวิญญาณจะเหือดแห้ง แต่ว่าพลังปราณในที่แห่งนี้เข้มข้นกว่าที่อื่นๆ มาก

        หลังจากที่เย่ฝานข้ามมิติมา เขาก็พบว่าในโลกใหม่นี้ไม่ปรากฏผู้ฝึกตนคนอื่นเลย หรือว่าอาจมีน้อยมากจนเขาก็ยังไม่เคยเจอ เย่ฝานสงสัยว่าในเมื่อควาฟู่[1] เทพฝูซี[2] และเจ้าแม่หนี่วา[3] ที่ผู้คนนับถือ ล้วนเป็นผู้ฝึกตนทั้งนั้น แต่อาจเป็นเพราะพลังปราณแรกกำเนิดของโลกหายไป จึงทำให้ไม่มีผู้ฝึกตนอีก

         “สถานที่แห่งนี้มีพลังหยินรุนแรงมาก ถ้าจะลงไปในสุสานจริงๆ เกรงว่าจะมีอันตรายถึงชีวิต” เย่ฝานกล่าว

        จางเหวินเทาทำตาหยี แล้วพูดว่า “ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ก็ไม่นึกเลยว่าที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งรวบรวมพลังหยินแบบนี้”

        เย่ฝาน “…” สถานที่แห่งนี้มีพลังหยินค่อนข้างแรง เหมาะแก่การฝังศพที่ไม่ต้องการให้เน่าเปื่อย




        ………………………………………………………………………………………..…………………

        [1] ควาฟู่ เป็นชื่อเซียนผู้หนึ่งในตำนานจีน

        [2] เทพฝูซี เป็นจักรพรรดิพระองค์แรกในตำนานของจีน หรือเรียกว่าเทพเจ้ายุคดึกดำบรรพ์

        [3] เจ้าแม่หนี่วา เป็นเทพีผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งตามประมวลเรื่องปรัมปราจีน ซึ่งท่านเป็นภรรยาของเทพฝูซี

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
จะย่างงูพิษให้เขากิน 55555555 เย่ฝานจะมีดีเก่งมาจากไหน มาเจอไป๋อวิ๋นซีถึงกับจอดสนิท เอาใจไม่ถูก ไปไม่เป็นเลย ไม่น่ารอด ไม่น่าจะได้เมียคนนี้มาง่ายๆ โธ!! 5555  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เกลียดการเหวี่ยงงูแล้วถามเค้าว่ากินมั้ย55555555 เย่ฝานนี่มันเย่ฝานจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด