บทที่ 16
ตอนนี้ผมกำลังทิ้งตัวลงนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังสุดภายในห้องจัดเลี้ยง
หลังจากวิ่งวุ่นจนหัวหมุนกับกิจกรรมทุกอย่างตั้งแต่แจกจ่ายคีย์การ์ดห้องพักเมื่อช่วงบ่าย เตรียมซุ้มกิจกรรมตอนเย็น ตรวจดูความเรียบร้อยทุกอย่างก่อนงานเลี้ยงเริ่ม จนกระทั่งตอนนี้กิจกรรมที่เป็นทางการทุกอย่างจบลงไปเป็นอย่างดี
งานวันนี้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้เกือบทุกอย่าง อาจจะมีที่ติดขัดบ้าง แต่ทุกฝ่ายก็สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันได้เรียบร้อย ไม่ได้ส่งผลกับความสนุกของงานแต่อย่างใด เหลือก็แต่พรุ่งนี้อีกหนึ่งวันเท่านั้น หน้าที่ของผมสำหรับการเป็นคนรับผิดชอบเรื่องกิจกรรมของปีนี้ก็จะจบลงอย่างเป็นทางการ
เสียงเพลงฮิตที่ทุกคนคุ้นหูกำลังถูกขับร้องโดยนักร้องนำของวงดนตรีขาประจำที่ถูกจ้างมาแทบทุกปี พนักงานหลายคนตอนนี้ไปรวมตัวกันอยู่ตรงพื้นที่ว่างหน้าเวทีเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะอยู่คนละแผนก หรือแม้แต่ที่ผ่านมาจะไม่เคยคุยกันสักคำ ตอนนี้ทุกคนเหมือนจะคุ้นหน้าคุ้นตา และสนิทสนมกันเป็นอย่างดี เพราะมีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เป็นตัวผสาน ผมเองก็เหมือนกัน ที่ทั้งคนรู้จักและไม่รู้จักต่างก็พากันส่งแล้วให้ดื่ม ถึงจะแค่จิบเพื่อรักษาน้ำใจแล้วแอบทิ้งแก้วเอาไว้ตามโต๊ะที่เดินผ่าน แต่กว่าจะมาถึงตอนนี้ก็โดนไปหลายจิบบวกกับต้องวิ่งไปโน่นมานี่พอได้มานั่งพักแบบนี้ก็เหมือนจะรู้สึกเมาขึ้นมาอยู่เหมือนกัน
ผมมองไปรอบๆ งานเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งเป็นรอบสุดท้ายก่อนจะมาหยุดอยู่ที่แผนหลังของคนที่คุ้นเคย
ไอ้กุนที่เมื่อกลางวันตัวร้อนเป็นไฟ ตอนนี้ดูจะหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้ว่ามันแอบเข้ามาในงานตั้งแต่ตอนไหน เพราะตั้งแต่รถมาจอดที่โรงแรม มันก็ถูกผมไล่ให้ไปนอนที่ห้องพักทันทีและยังกำชับไว้ด้วยว่ายังไม่หายห้ามก้าวออกจากห้อง นี่ไม่รู้ว่าเบาแล้วหรือยังถึงได้ไปยืนป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ บาร์น้ำได้
จะว่าไปวันนี้ก็เหมือนกับงานเลี้ยงต้อนรับไอ้กุนตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ ไม่มีผิด เจ้าตัวเคยเป็นดาวเด่นในงานเลี้ยงวันนั้นแค่ไหน วันนี้ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก มันยังคงถูกคนโน้นลากไปที คนนี้ลากไปทีเหมือนเดิมไม่มีผิด แต่ก็อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้ว
ไอ้กุนมันเคยขัดใจใครที่ไหนล่ะ
...นอกจากผม
เบะปากให้กับไอ้ลิงที่แจกยิ้มไปทั่วหนึ่งที แล้วก็ดึงสายตากลับมาที่โต๊ะ เห็นชุดอาหารที่วางเรียงรายเอาไว้ก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าหลังจากมื้อเที่ยงผมเองยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิดนอกจากน้ำที่คนอื่นๆ ยื่นให้ จะให้ลุกไปตักอะไรมากินตอนนี้ก็เกรงว่าอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับทุกคน จะไม่เหลือให้ตักมากินแล้ว
ผมหันไปหาไอ้เก๋ที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อจะถามว่าอาหารที่วางเอาไว้เป็นของใคร ก็เห็นมันนั่งเม้าท์อยู่กับน้องคนสนิทในแผนกอย่างออกรสออกชาติ เท่านั้นยังไม่พอตอนนี้กำลังชี้ไม้ชี้มือไปตรงที่ไอ้กุนยืนอยู่กับกลุ่มสาวๆ แผนกอื่นอีก
“เก๋ๆ ” ผมเรียกพร้อมกับสะกิดไปที่ไหล่ เจ้าของชื่อหันมาหาก่อนจะทำหน้าขัดใจที่ผมไปขัดจังหวะการคุยของมัน “อันนี้ของใครอ่ะ”
“อ๋อ ของน้องกุนค่ะ” ของไอ้กุน งั้นแปลว่าผมกินได้ “พี่ปอยังไม่ได้ทานอะไรใช่ไหมคะ รีบกินแล้วก็รีบไปลากตัวคนที่เตรียมข้าวไว้ให้กลับมาด้วยนะคะ โดนแทะจนผิวลอกหมดแล้วมั้ง ฮึ่ย” ไอ้เก๋ทำเสียงฮึดฮัดใส่ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปหาคู่สนทนาอยู่อีกด้านต่อ
ผมเงยหน้าขึ้นมองไปที่ไอกุนอยู่อีกครั้ง มันยังคงถูกล้อมเอาไว้ด้วยสาวๆ เหมือนเดิมแต่เพิ่มมาด้วยแก้วน้ำเปล่า 2 แก้วในมือ แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มันนั่นหันกลับมาสบตากันพอดี ไอ้กุนยิ้มให้ผมก่อนจะหันหน้ากลับไปที่กลุ่มสาวๆ ต่อ
แหม ไอ้ลิงนี่
ไม่น่าไปห่วงว่ามันจะหายหรือยังเลยจริงๆ
ผมเลิกสนใจไอ้กุนแล้วเตรียมหยิบเอาช้อนกับส้อมขึ้นมาถือ
ไม่สนแล้วว่ามันจะกินข้าวหรือยัง
ไม่สนแล้วว่าที่ตักวางเอาไว้นี่สำหรับผมคนเดี๋ยวหรือเปล่า
ถ้ายังมัวแต่คุยกับสาวๆ ก็ไม่รอแล้วแหละ
หิว!
“กว่าจะออกมาได้” คนที่เพิ่งกลับมาถึงโต๊ะพร้อมกับแก้วน้ำที่ปริ่มจนแทบล้น แถมในแก้วยังเหลือน้ำแข็งลอยเคว้งอยู่ 2 3 ก้อนเล็กๆ พูดขึ้น “ไม่คิดจะไปช่วยผมหน่อยหรอ”
“ก็เห็นยิ้มหน้าบาน นึกว่าชอบ” ผมทำทีไม่สนใจและยังคงตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารตรงหน้าเข้าปากต่อ
“ใจร้ายชะมัดเลย” ไอ้ลิงมันว่า มันเอื้อมมือไปคว้ากุ้งที่นอนเรียงกันอยู่ในจานมาแกะ แล้วส่งกุ้งที่ไม่มีเปลือกแล้วมานอนแอ้งแม้งอยู่บนจานของผม
“มึงหายแล้วหรอ” ผมถาม
“พี่ลองจับดูหน่อย เหมือนจะรู้สึกตัวร้อนๆ ขึ้นมาอีกแล้ว” อยากจะเชื่อหรอกนะ แต่คนป่วยก็ไม่น่าจะหน้าระรื่นแบบนี้ “เอ้า ก็ผมมือเปื้อนไง จับเองไม่ได้” ไอ้กุนยังคงเล่นไม่เลิก “อ่ะ งั้นแบบนี้”
“ไอ้กุน!” ผมเผลอเรียกชื่อมันเสียงดัง แต่ไอ้กุนแค่ยักไหล่แล้วกลับไปแกะกุ้งอีกตัวต่อ
ก็แบบนี้ของมันคือการเอียงหน้าเอาแก้มของมันลงมาแปะเข้าที่ข้างไหล่ของผม จริงๆ ตัวมันไม่ได้ร้อนแล้วแต่ผมกลับสะดุ้งเหมือนกำลังถูกแก้มอุ่นๆ นั่นลวก ใครจะไปคิดว่ามันจะกล้า คนนั่งกันอยู่เต็มโต๊ะ แถมยังมีคนทั้งบริษัทอยู่ด้วยแบบนี้อีก เขาจะไม่ตกใจกันหรอที่เห็นผู้ชายตัวโตๆ สองคนเล่นกันแบบนี้ ถึงคนอื่นจะไม่ได้มาสนใจอะไร แต่ผมเห็นไอ้เก๋แล้วแหละคนหนึ่งที่ยกสองมือขึ้นปิดปากของตัวเองแล้วเหลือบตาไปทางอื่น ทั้งที่ก่อนนี้มันหันหลังให้ผมด้วยซ้ำ
“ปอ” เพราะเสียงเรียกทำให้ทั้งผม ไอ้กุน แล้วก็เก๋ที่ยังไม่ได้เอามือออกจากปากต้องหันไปทางต้นเสียง
ซึ่งเจ้าของเสียงหวานๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
แฟนเก่าผมเอง
“ผิงอยากขอยืมตัวน้องกุนแป๊บนึงได้ไหมคะ”
ถามผมนะแต่หันไปยิ้มให้ไอ้กุนนู้น ดีแฮะ
“ก็ถามมันเอาเองสิ” ผมพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าผิงเลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ผมกำลังมองไอ้คนที่กำลังมองมาที่ผมอยู่เหมือนกัน
“ถามพี่น่ะถูกแล้ว” ไอ้ลิงมันว่าแถมยังฉีกยิ้มเสียกว้าง “พี่ไม่ให้ไปผมก็ไม่ไปครับ”
“อยากไปก็ไปดิ เกี่ยวอะไรกัน”
มันพยักหน้า “แสดงว่าไม่อยากให้ไป”
“ยังไม่ได้บอก! ” ผมเถียง “บอกว่า อยาก ไป ก็ ไป”
“ก็ถ้าพี่พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากให้ไป”
เนี่ย
รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง
“มึงคิดไปเองอ่ะ”
“พี่นั่นแหละ ที่”
“หยุด! ” การถงเถียงกันในเรื่องไม่เห็นเรื่องหยุดลงทันที เพราะเสียงของเก๋ และแทบจะทันทีอีกเหมือนกันที่เราทั้งคู่หันไปหาเจ้าของเสียง ตอนนั้นเองจึงได้เห็นว่าผิงได้หายออกไปจากตรงที่ยืนอยู่แล้ว “คือคนถามเดินกลับไปนู่นแล้วค่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว!”
คราวนี้ผมหันกลับมาหาตวัดตามองไอ้กุนบ้าง
ปกติไอ้ลิงนี่ก็ขยันสร้างเรื่องให้ผมวุ่นวายทุกวันอยู่แล้ว แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรมันขยันมากเป็นพิเศษ
“กินข้าวต่อเนาะ นี่ครับ..กุ้ง” และเหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังจะโดนผมบ่น มันเลยเอากุ้งมาปิดปาก
แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากกระแทกซ้อมลงไปบนตัวกุ้งแรงๆ แล้วส่งมันเข้าปาก
ไม่ได้เห็นแก่กินหรอกนะ แต่เพราะสายตาของไอ้เก๋ตอนนี้ต่างหาก คงอยากจะแซวผมเต็มแก่แล้วแน่ๆ ใครจะไปเปิดโอกาสให้ทำแบบนั้นกัน
กินข้าวกันเสร็จตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว คนในห้องจัดเลี้ยงเริ่มบางตาเพราะส่วนมากก็จะเหลือแต่พนักงานที่ยังคงนั่งสังสรรค์กันอยู่เท่านั้น ส่วนผู้ติดตามคนอื่นๆ ก็พากันกลับห้องพักเกือบหมดแล้ว ผมเองก็เห็นทีว่าจะต้องกลับห้องพักบ้างเสียที เพราะยังไม่เห็นไอ้ลิงที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่กินยา แถมเมื่อกี้มันยังกินน้ำเย็นเข้าไปอีก กลัวว่ากลางคืนจะไข้ขึ้นมาอีกรอบ
ตอนแรกกะว่าจะรอให้มันหยุดคุยกับเก๋ก่อน แต่จากที่นั่งฟังมาสักพัก พอจบเรื่องนี้มันก็ไปต่อกันอีกเรื่อง นี่ผมก็นังฟังมาหลายเรื่องแล้ว ไม่มีจังหวะว่างให้ผมได้มีโอกาสชวนมันกลับห้องเลยสักที เลยต้องแอบเอื้อมมือไปแตะขาไอ้กุนใต้โต๊ะ
“ครับ? ” ในที่สุดไอ้ลิงนั่นก็หันกลับมา มันไม่ได้แค่หันมาถามผมเฉยๆ แต่มือมันยังไวพอที่จะมากุมมือของผมเอาไว้ด้วย
“ไปกินยา” ผมพูดลอดไรฟัน และพยายามดึงมือของตัวเองออกด้วย
ไอ้กุนพยักหน้ารับแต่ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะขยับลุกไปทางไหน จนมือกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง ผมก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกมาทันที
นึกว่าไอ้กุนมันแค่จะลุกขึ้นยืนตามมาเงียบๆ ที่ไหนได้
“พี่เก๋ พี่ปอชวนกุนกลับห้องแล้วอ่ะ”
โอ้ยยย..
ชวนไปกินยาเถอะ ไปกินยา!
“อะไรกันคะ แค่เขาชวนก็ไปกับเขาง่ายๆ งี้หรอ ขัดขืนไหมคะ อย่าไปยอม”
“ก็อยากขัดขืนอยู่นะครับ แต่ทำไม่เคยได้สักที”
“บ้าาา” คิ้วผมเริ่มขมวดเข้าหากัน เพราะบทสนทนาเริ่มฟังดูแปลกๆ “น้องกุนอ่ะ ป่วยอยู่ก็อย่าหักโหมมากนะคะ” พอได้ยินแบบนั้นผมก็คว้าแขนไอ้กุนออกมาจากวงสนทนาทันที ขืนปล่อยให้คุยกันต่อ คงได้ชวนกันออกทะเลไปไหนต่อไหนแน่ๆ ไอ้สองคนนี้มันไว้ใจไม่ได้ เรื่องคราวที่แล้วมันยังไม่ยอมบอกผมเลยด้วยซ้ำว่าแอบไปบอกอะไรกับไอ้เก๋เอาไว้
“ทำไมรีบจังครับ” เพิ่งรู้ตัวว่าเอาแต่ลากไอ้กุนออกมาไกลจากห้องจัดเลี้ยงขนาดนี้ “อยากอยู่กับผมขนาดนั้นเลยหรอ”
ละมือออกจากแขนมันแทบจะทันทีหลังจากจบประโยคนั้น คำพูดน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่สีหน้าเนี่ยสิ น่าหมั่นไส้ชะมัด “กับไอ้เก๋นี่เข้ากันดีจังนะ”
“นี่อย่าบอกนะว่าหึงผมกับพี่เก๋ด้วย”
“ไร้สาระ” ผมว่าแล้วก้าวเท้าเดินเพื่อจะกลับห้องต่อ ไม่นานก็รู้สึกถึงน้ำหนักบนไหล่เพราะไอ้กุนเอาแขนมาพาดเอาไว้ “หนัก!”
พูดเหมือนรำคาญ แต่ก็ไม่ได้คิดจะผลักแขนของอีกคนออกเลยสักนิด นี่ผมเป็นคนย้อนแย้งแบบนี้นี่เองหรอ
“ไปเดินเล่นกันก่อนปะ”
“ไม่สบายแล้วยังไม่เจียมอีก”
“หายแล้ว” ไอ้กุนออกแรงให้ผมขยับตัวตาม “หักโหมได้”
ไอ้นี่มันชักจะเอาใหญ่
“ไม่ไป!” ผมขืนตัวเองเอาไว้ ไม่ใช่ไม่อยากไป แต่ตั้งแต่บ่ายยันตอนนี้ ผมไม่ไหวจะเดินแล้วจริงๆ “จะกลับไปอาบน้ำแล้ว เหนื่อย”
“โอเค งั้นกลับห้องเรากัน” เอาเข้าไป ห้องรงห้องเราอะไร “เดี๋ยวผมนวดให้ด้วย ตอบแทนที่พี่เช็ดตัวให้ผมไง”
“ไม่ต้อง กลับห้องมึงไปเลย”
“น่าาา ไม่ต้องเกรงใจครับ” ไอ้กุนออกแรงที่แขนอีกครั้ง แต่คราวนี้จุดหมายเปลี่ยนจากชายหาดเป็นห้องพักของเราแทน
เราแยกกันตรงหน้าห้องผมเอง เพราะไอ้กุนทิ้งยาเอาไว้ที่ห้องตัวเอง เลยถูกผมบังคับให้ไปกินยาก่อน ยังไม่ทันที่ผมจะได้เข้าไปอาบน้ำ ไอ้กุนก็มายืนเคาะห้องด้วยชุดนอนพร้อมกับแผงยาแผงเมื่อเช้าแล้ว
ผมปล่อยให้แขกที่ไม่ได้เชิญเข้าไปหาน้ำกินยาในห้อง ส่วนตัวเองก็เข้าไปอาบน้ำโดยไม่ลืมที่จะดึงเอามู่ลี่ไม้บังสายตาลง แต่งตัวเสร็จ เดินออกมาเตียงนอนก็มีคนจับจองที่ฝั่งหนึ่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไอ้กุนนั่งพิงหัวเตียงดูหนังจากทีวีปลายเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมอยู่ท่อนล่าง มันตบเตียงตรงที่วางเชิญให้ผมขึ้นเตียงตามไปราวกับนี่เป็นห้องของตัวเอง แต่ผมเมินไอ้ลิงนั่นแล้วไปนั่งดูหนังตรงปลายเตียงแทน หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกว่าเตียงด้านหลังยวบ ก่อนสัมผัสเย็นๆ จากมือไอ้กุนจะมากดลงที่ไหล่
ผมหันไปมองมือที่ตอนนี้บีบนวดไปตามไหล่แข็ง ใจจริงอยากจะบอกว่าไม่ต้องนวดให้ก็ได้ แต่มันดันสบายกว่าที่คิด เลยปล่อยให้ไอ้กุนได้ทำตามใจ
“พี่ปอ” แรงนวดเริ่มเบาลงจนหยุดไปตอนที่ได้กุนเรียกชื่อของผม “พี่ว่าทะเลทำให้คนเรามีความสุขได้ปะ”
ผมหันไปมองหน้าไอ้กุน เพราะประโยคที่มันเพิ่งพูด มันเคยพูดกับผมแล้ว ตอนที่มาที่นี่กันคราวก่อน “จะเล่นอะไรอีก”
“ไม่ได้เล่น” ไอ้กุนเอามือออกจากไหล่ แต่เอาคางมาวางเอาไว้แทน และระยะที่ห่างกันเพียงแค่นี้ทำให้ผมต้องหันหน้ากลับมาที่ทีวีอีกครั้ง
“ทำไมมีความสุขอีกแล้วหรอ”
“ครับ” ปลายจมูกถูกกดลงมาก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นคางเหมือนเดิม “ยิ่งพอมานึกว่าพรุ่งนี้เช้าจะตื่นมาแล้วเจอพี่ก็มีความสุขเข้าไปอีก น่าแปลกเนาะ”
“แล้วเกี่ยวกับทะเลตรงไหน”
“งั้นก็คงเกี่ยวกับพี่” ลมหายใจร้อนๆ ที่ไหล่ กับสัมผัสของมือที่ค่อยๆ สอดเข้ามากอดผมเอาไว้ทำเอาเผลอใจเต้น “อยากตื่นมาเจอทุกวันเลยทำไงดี”
“ทำไมวันนี้ขยันวอแวจังวะ” ไอ้กุนไม่ตอบ แต่ออกแรงกระชับอ้อมกอดมากขึ้น “ยังไม่หายเหมื่อยเลย มานวดดีดี”
“นวดตั้งนานแล้วเนี่ย ไหนค่าจ้าง”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้กลับไปเลี้ยงข้าว เร็วๆ” ผมขยับตัวไปมาเป็นสัญญาณให้อีกคนกลับมาทำหน้าที่ต่อ
“ไม่เอาเลี้ยงข้าว”
“แล้วจะเอาอะ” ผมหันไปถาม แล้วจังหวะนั้นเองที่ริมฝีปากไอ้กุนเคลื่อนเข้ามาชนกับริมฝีปากของผม แค่ชั่ววินาทีแล้วผละออก หลังจากนั้นห้องทั้งห้องก็กลับเงียบสนิททั้งที่เปิดทีวีเอาไว้เสียงดังลั่น เราสบตากันอยู่นาน จนมือหนึ่งของไอ้กุนละจากเอวของผมมาสัมผัสที่ท้ายทอยจึงรู้สึกตัวว่า ตอนนี้ใบหน้าของดาวเด่นในงานเลี้ยงที่ใครๆ ต่างก็พากันชื่นชมค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น
มากขึ้น
และมากขึ้น
“กุนจูบนะ”
ไอ้กุนพูดทั้งที่สายตายังคงจ้องมายังริมฝีปากของผมไม่กะพริบ
ถึงไม่ได้ตอบรับ แต่ผมก็ปล่อยให้อีกคนประทับริมฝีปากลงมาบนส่วนเดียวกันของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า จากสัมผัสแผ่วเบาในตอนแรกเริ่มเร่งจังหวะและความรุกล้ำมากขึ้น จากที่ปล่อยให้อีกคนกระทำเพียงฝ่ายเดียวก็เริ่มคล้อยตามและตอบรับสัมผัสกลับ
เมื่อเห็นผมให้ความร่วมมือไอ้ลิงมันก็ยิ่งได้ใจ ตะโบมจูบเข้ามาคล้ายกับคนหิวกระหาย มือไม้อยู่ไม่เป็นสุขปัดป่ายไปทั่วจนผมเองเผลอส่งเสียงประท้วง
ไอ้กุนค่อยๆ ถอนจูบออกอย่างเชื่องช้า สายตาที่ฉายความปรารถนาชัดเจนของมันทำผมอายจนไม่กล้าที่จะสู้ เพราะขืนเล่นจ้องตากันต่อไป มันคงได้รู้แน่ๆ ว่าผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ผมเลยเลือกที่จะก้มหน้าหลบ และนั่นทำให้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในท่าทางแบบไหน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตัวเองหันกลับมานั่งบนตัวไอ้กุน แล้วเกี่ยวขาทั้งสองข้างเอาไว้ที่เอวมันแบบนี้
ไอ้ปอเอ้ยยย
นี่มันน่าอายกว่าเล่นจ้องตากับไอ้ลิงนั่นตั้งเยอะ
ผมเตรียมที่จะลุกออกจากตักไอ้กุน แต่ก็โดนมันคว้าเอวเอาไว้เสียก่อน ไอ้กุนกดคางลงที่ไหล่แล้วกระซิบมาที่ข้างหูเสียงกระเส่า
“พี่รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ใส่กางเกงในนอน”
ตอนแรกผมงงว่ามันต้องการจะสื่อว่าอะไร แต่พอโฟกัสกับคำว่ากางเกงในของไอ้ลิงนั่นก็รู้สึกได้ถึงความดุนดันตรงที่กำลังนั่งทับอยู่ทันที “มึงทะลึ่งอ่ะกุน”
พูดออกไปแบบนั้นแต่ตอนนี้ผมกลับจินตนาการไปต่างๆ นานา
หรือจริงๆ แล้วคนที่ทะลึ่งอาจจะเป็นผมเองก็ได้..ไม่ใช่ไอ้กุน
ผมหลับตาปี๋ไล่ความคิดในหัว ก่อนจะซบลงที่ไหล่ของอีกคนบ้างเพราะความกระดากอาย
“ก็เมื่อกี้พี่จูบผมตอบ”
“นี่กูผิด” ว่าแล้วก็ขบที่หัวไหล่มันแค่พอเจ็บ เพราะความหมั่นไส้ “ใช่ว่าตัวเองจะขึ้นเป็นคนเดียวเสียเมื่อไหร่”
ผมหุบปากฉับเพราะพลาดไปบอกเรื่องที่ควรเก็บไว้เป็นความลับ ไอ้กุนเหยียดตัวตรงมามองตากันอีกครั้ง คราวนี้ตามันเป็นประกายมากกว่าครั้งไหนๆ และถึงจะแค่แว็บเดียวเพราะตอนนี้มันกลับไปกอดผมเหมือนเดิมแล้ว แต่ผมคิดว่าผมรู้ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
..ไม่..
ผมต้องปฏิเสธ
ผมจะต้องตอบว่า ไม่ แล้วลุกออกไปจากตักมันเดียวนี้
“พี่ปอครับ”
เนี่ย
ผมเกลียดมัน
ผมเกลียดที่มันชอบเรียกผมเพราะๆ เวลาที่มันอยากได้อะไร
“ให้กุนช่วยนะ”
ผมเกลียดเสียงมันตอนที่กระซิบลงมาที่ข้างหูด้วย
เกลียดลมหายใจที่มันพ่นลงมากระทบที่ต้นคอจนทำให้ขนพากันลุกนี่อีก
“อืม”
และผมก็เกลียดตัวเอง..
..ที่ไม่เคยปฏิเสธมันได้เลยสักที
#เพราะรักรออยู่
สวัสดีตอนเช้าค่าาา
ระยองฝนตกอีกแล้ว ไม่รู้ที่อื่นตกไหม แต่ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนกันน้าาา กอดๆๆ