...เป็น l เจ้า l ของ... You're Mine [25] บทส่งท้าย (End) Up [24/05/63] แจ้งฯ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...เป็น l เจ้า l ของ... You're Mine [25] บทส่งท้าย (End) Up [24/05/63] แจ้งฯ  (อ่าน 24091 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ขอถามชื่อตอน
ความพยายามของ...

ความพยายามของใครอ่ะ
อ่านจบ 100% แล้ว ยังไม่เจอความพยายามของใคร ตรงไหนเลย

แต่ที่มั่นใจ มั่นใจเลยว่าต้องไม่ใช่ของไอ่แดน แน่ๆ
ยังไม่เห็นจะตรงไหน (กำมือบ่อยอ่ะหรอ 555)

ไม่ว่าอะไรนะจ๊ะ คนแต่ง ถ้าจะให้มันสมหวังอ่ะ
ยังไงก็จะอ่านต่อจนจบ ไม่เครียดนาจา อิอิ

แต่ก็ยังคงสเตปเดิม...พระเอกมันห่วย ตัวซวยมากเกิ้นนนน
กร๊ากกกกกกกก

ให้กำลังใจคนแต่ง +1 ฮะ

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[17] 50%

คือคุณในความทรงจำ
[/b]

Din Dan’ s Part

“นี่คือคุณไมรวี สุทธิวรเวช หรือก็คือลูกชายคนเล็กของเจ้าสัววรรักษ์และคุณหญิงราตรี ทีนี้…รู้หรือยังคะว่าใครกันแน่ ที่มันต่ำ!”

ผมตัวชาวาบอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ความจริงของไมน์ในวันนี้ตีแสกหน้าผมจนอับอาย ทุกคำพูดและการกระทำของผมก่อนหน้านี้ที่มีต่อไมน์ในช่วงเวลาที่เราคบกัน เป็นผมเองที่ตาต่ำมองไม่เห็นว่าเขาสูงค่าขนาดไหน ไอ้ภูมิเคยบอกว่าไมน์เข้ามาเพื่อเกาะผมกิน ผมเคยแอบเอนเอียงไปตามสิ่งที่ภูมิพูด แต่วันนี้สิ่งที่ผมเคยเชื่อมันผิดหมด

เป็นผมเองต่างหากที่ไม่เคยเอะใจกับนามสกุลของเขา

กว่าที่ผมจะได้สติทั้งไมน์และพี่ชายของเขาก็หายไปจากสายตาของผมแล้ว ครั้งแรกที่เห็นไมน์ยืนอยู่กับใครที่ผมรู้จักดีจากนิตยสารต่าง ๆ ลูกชายคนโตของเจ้าสัววรรักษ์มีหรือที่ผมจะไม่รู้จัก แต่ที่ผมแค้นใจคือที่ตรงนั้นข้างๆ ไมน์มันควรเป็นของผม เป็นผมต่างหากที่ต้องยืนอยู่เคียงข้างเขา

ก่อนเข้าไปเจรจากับคุณมินผมสั่งให้พนักงานจัดเตรียมน้ำและของว่างมากมายที่เขาชอบให้สั่ง กำชับอย่างดีว่าให้ใส่ใจและดูแลไมน์ให้ดี หากว่าเขาต้องการอะไรก็จัดการให้เขา

แต่ผมไม่คิดว่าระหว่างการเจรจาอยู่จะได้ยินเสียงดังโวยวายมา ผมที่ร้อนใจลุกออกจากการพูดคุยโดยไม่สนใจว่าจะเสียมารยาทแค่ไหน

ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมโมโหจนอยากจะไล่พวกคนที่กล้าแตะต้องคนของผมออกไปให้หมด ร่างกายของไมน์เปียกโชก เสื้อสีขาวบางจนแนบเนื้อผมก็ยิ่งร้อนใจหวังจะช่วยจึงได้ยื่นผ้าเช็ดหน้าออกไปให้ แต่ใครจะคิดว่าไมน์ไม่เพียงไม่รับ กลับตอกกลับผมจนสะอึกด้วยคำพูดที่ผมเคยต่อว่าเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยพาปิ่นโตมาให้ผม ความดีของเขาที่ผมมองไม่เห็นในวันนั้นมันกลับมาตอกย้ำหัวใจให้ผมเจ็บปวด ผมรู้ว่าไม่มีสิทธิ์น้อยใจ รู้ดีว่าทุกอย่างเป็นเพราะผมเองที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ผมจึงยอมให้เขาเอาคืนจนกว่าเขาจะพอใจ และเมื่อถึงวันนั้นผมหวังว่าเขาจะยอมให้อภัยและยอมกลับมารักผมอีกครั้ง

“แดน! ทำไมมองบัวแบบนั้นคะ คุณต้องปกป้องบัวสิ ไม่ใช่มองเหมือนบัวน่ารังเกียจแบบนี้นะ!”

น่าตลก นี่เธอยังคิดว่าเราเป็นแฟนกันอยู่อีกหรือ ในเมื่อผมบอกเลิกเธอไปแล้วอย่างชัดเจน แม้ว่าผมจะยังให้เธอลอยหน้าลอยตา ทำงานอยู่ในโรงแรมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะมีความรู้สึกให้เธอเหมือนที่ผ่านมา

ผมปฏิบัติกับเธออย่างเหินห่างด้วยซ้ำ วางเธอเป็นเพียงพนักงานทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ เพราะคนสำคัญที่ผมจะปฏิบัติด้วยดีนั้นมีเพียงแค่คนที่เพิ่งจะก้าวออกไปพร้อมกับหัวใจของผม เมื่อเห็นสายตาและคำพูดของเธอ ผมก็ยิ่งรังเกียจจนไม่อาจเก็บสีหน้าของตัวเองได้ ระบายรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา

“ก็ผมรังเกียจคุณจริงๆ นี่!”

“ดินแดน!”

“ทำไม? หรือผมพูดอะไรผิด?”

ผมหัวเราะออกมา พร้อกับกวาดสายตามองเธอทั้งตัวตั้งหัวจรดเท้า

“ผู้หญิงอย่างคุณ แค่คำว่าน่ารังเกียจมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ...ต้องเรียกว่าขยะแขยงจะถูกกว่า”

“กรี๊ดดดดดดดด!!!”

“พอๆ พอได้แล้ว! ที่นี่มันโรงแรมของฉัน ไม่ใช่โรงละครสัตว์ให้ใครมากรีดร้อง”

ใบบัวเงียบลงทันทีที่ถูกพ่อของผมพูดกระทบ ผมเห็นเธอใช้สายตาราวกับลูกสัตว์ถูกรังแกขึ้นมามองพ่อของผม แต่คุณพ่อของผมไม่ใช่คนที่ตามืดบอดแบบผมหรอกนะ ท่านไม่ใช่คนที่จะถูกหน้ากากราคาถูกๆ หลอกเอาได้หรอก

“คุณพ่อคะ ฮึก แต่บัวถูก...”

“ฉันจำได้ว่าฉันกับภรรยา ไม่เคยมีลูกสาว”

“...” พ่อผมปรายตามองเธออย่างดูถูก ในขณะที่เธอนิ่งงันไปอย่างคาดไม่ถึง

“หรือเธอไม่มีพ่อแม่เป็นของตัวเอง? ถึงเที่ยวมาเรียกคนอื่นว่าพ่อ”

ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ดูจะไม่สมควรนัก ในขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน สายตาของทุกคนต่างก็ทิ่มแทงใบบัวจนเธอต้องกำมือแน่น กัดริมฝีปากทั้งที่ร่างกายสั่นระริกไปด้วยความโกรธ

“อย่าเที่ยวป่าวประกาศอะไรที่ลูกชายฉันไม่ได้รับรู้กับตัวเธอด้วย จะอ้างตัวว่าเป็นคนรัก เป็นแฟน?”

“...”

“เธอมีดีกว่าคนอื่นตรงไหนหรือ? เท่าที่ฉันมอง...ก็แค่ผู้หญิงราคาถูกที่อยากจะปีนขึ้นเตียงลูกชายฉันนี่”

“...”

“ฉันไม่เห็นว่าเธอจะวิเศษตรงไหนเลย”

“แต่บัว บัวเป็นเมียของคุณแดนแล้วนะคะ คุณลุงคง...”

“อย่ามานับญาติกับฉัน! ฉันไม่รู้จักเธอ!” คำพูดของคุณพ่อทำให้ใบบัวสะอึกจนหน้าม้าน ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจเข้าปอด แล้ววางท่าทางสูงส่งฃ

“ก็ได้ค่ะ แต่เรื่อวที่บัวเป็ยเมียคุณแดนก็ไม่เปลี่ยนหรอกนะคะ”

“เป็นเมีย?”

“ค่ะ เป็นเมีย!”

“ถามลูกชายฉันหรือยัง ว่ามันนับเธอเป็นเมีย หรือแค่จ่ายเงินซื้อเธอกิน”

“ท่านประธาน!”

“ว่าไงเจ้าแดน...นี่เมียแกหรือ?” ผมปรายตามองเธอแล้วส่ายหน้า พูดออกมาอย่างชัดเจนจนไม่คิดว่าตัวเองจะชัดเจนได้ขนาดนี้

“ไม่ใช่ครับ เธอไม่ใช่เมียผม”

“ได้ยินชัดแล้วนะ อย่าคิดจะมาอ้างอะไรลอยๆ อีกล่ะ หน้าไม่อายจริงๆ”

วันนี้ผมรู้สึกรังเกียจผู้หญิงที่ชื่อใบบัวเหลือเกิน ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองหลงไปชื่นชมเธอได้ยังไง ใบบัวที่ผมเคยมองว่าอ่อนหวาน วันนี้ทั้งน่ารังเกียจและเลวร้ายจนผมแทบไม่อยากจะมองด้วยสายตา เธอใช้อำนาจอะไรมาไล่ไมน์ออกไปจากโรงแรมของผม เราสองคนเลิกกันไปแล้ว ทุกวันนี้ที่เธอยังอยู่ในฐานะของเลขาเป็นเพียงความสงสารของผมเท่านั้น ไม่งั้นแม้แต่หน้า ผมก็ไม่มีวันมอง

“เจ้าแดน…เข้าไปคุยกับพ่อในห้องหน่อยสิ” ย้ำเสียงของคุณพ่อเรียบเฉย แววตาคมกริบกดดันให้ผมตอบรับไม่ใช่ปฏิเสธ

“ครับ คุณพ่อ” ผมหันกลับไปมองประตูที่ไมน์เพิ่งจะถูกโอบกอดออกไป ผมอยาก…จะวิ่งตามเขาออกไป อยากจะดึงตัวเขามากอดประโลมไม่ให้เขาต้องรู้สึกแย่

ผมยกสองมือที่สั่นเทาขึ้นมามอง มือคู่นี้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้โอบกอดร่างกายของไมน์เอาไว้ แต่เป็นสองมือนี้ที่ทำร้ายไมน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมหลับตาลงกำมือแน่นจนเจ็บ แต่มันกลับไม่เท่าหัวใจที่กำลังทรมานกับการถูกเขารังเกียจ เขากีดกันผมออกไปจากความช่วยเหลือทุกทาง ต่อให้เขาหกล้มและบาดเจ็บมากมายแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันให้มือคู่นี้ของผม ปลอบประโลมและประคองเขา

ในวันที่มีเขาอยู่เคียงข้างผมกลับมองไม่เห็นคุณค่า แต่ในวันนี้ที่ผมไม่มีเขาอีกต่อไป วันมี่เขาเลือกจะปล่อยผมไปตามที่ผมต้องการ ผมกลับอยากจะดึงเขากลับมา

กลับเป็นผมเองที่ยอมให้เขาไปไม่ได้

ผมหลันหลังกลับ ตวัดสายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจให้กับใบบัว แม้จะไม่สามารถโทษเธอได้ทั้งหมด แต่หากไม่มีเธอ ผมกับไมน์ก็คงไม่ต้องเลิกกัน

แต่ผมก็ยอมรับว่าตัวผมเองก็ผิดที่ไม่มั่นคงจนต้องสูญเสียไมน์ไป

ผมก้าวตรงไปยังห้องทำงานของคุณพ่ออย่างช่วยไม่ได้ พยายามเลิกคิดเลิกสนใจภาพที่ติดตาที่ไมน์ถูกคนอื่นโอบกอด ใช้เสื้อของคนอื่นคลุมตัวออกไป แม้ว่านั่นจะเป็นพี่ชายของเขาแต่ผมก็อยากเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัสเขา หัวใจของผมทั้งร้อนรนและกระวนกระวายในหัวใจ มันอดคิดไม่ได้ว่าไมน์เองก็คงจะเจ็บปวดมาก ในวันที่ผม…เลือกจะจับมือของใบบัว

“คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องมาอย่างกดดัน

“ลูกคบกับเลขาคนนั้นอย่านั้นหรือ” ผมถอนหายใจออกมากับความน่าอึดอัดใจ แววตาของคุณพ่อไม่ได้ยินดียินร้าย แต่เป็นแววตาของคนที่กำลังถามความมั่นใจจากผมเสียมากกว่าว่าจะเลือกผู้หญิงคนนี้จริงๆ ใช่ไหม

“ผมเคยคบครับ แต่เพียงแค่เวลาสั้นๆ อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมกับเธอเราเลิกกันไปแล้วครับ” และจะไม่มีวันที่ผมจะกลับไปเลือกเธออีก ผมมองคุณพ่อที่ใช้แววตาถามไถ่ความจริงจังของผมด้วยความจริงจังไปเช่นกัน

“แล้วกับลูกชายคนเล็กของตระกูลสุทธิวรเวชล่ะ? เป็นเพื่อนกันหรือ”

“ไม่ครับ ผมไม่ใช่เพื่อนของเขา!” คุณพ่อเลิกคิ้วขึ้นเมื่อผมใส่อารมณ์รีบตอบกลับไปอย่างไม่คิด ผมไม่ใช่เพื่อนของไมน์และไม่มีวันยอมเป็นแค่เพื่อนเพื่อมองเขาไปมีความสุขกับคนอื่น

ผมทนไม่ได้

“งั้นทำไมลูกต้องดูแลเขาดีขนาดนั้น ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันก็อย่าไปยุ่งกับเด็กคนนั้นเลย เดี๋ยวจะเสียมาถึงธุรกิจที่จะทำ” ให้ผมเลิกยุ่งเกี่ยวกับไมน์งั้นหรือ ฆ่าผมให้ตายยังจะง่ายเสียกว่า ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน เจ็บในหัวใจจนแทบจะหมดลมหายใจ รู้สึกราวกับถูกใครกระชากเอาหัวใจออกไปทั้งที่ยังหายใจ

“ขอโทษครับ ผม…ทำไม่ได้”

“พ่อเชื่อว่าแดนมีเหตุผลเสมอ เพราะงั้น…พ่อขอเหตุผลที่จะทำให้พ่อหยุดความคิดนั้นที”

“คนที่คุณพ่อบอกให้ผมเลิกยุ่ง เขาเป็นอดีตคนรักของผมเองครับ เราสองคนเพิ่งจะเลิกกันไป” ผมหลุบตาลงซ่อนความร้าวรานในดวงตาไม่ให้ใครเห็น ผมไม่อยากให้เรื่องมันจบลงแค่นี้ ผมรักไมน์ แค่ไมน์เท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของหัวใจของผม

“อ้อ! เลิกกันแล้ว” ผมสะอึกกับคำพูดของคุณพ่อที่ราวกันเหล็กร้อนๆ นาบลงบนหัวใจ คล้ายกับว่าผมถูกตอกย้ำตรงแผลเก่าที่ยังไม่หายดี ถูกสะกิดความจริงที่ไม่อยากยอมรับ

“คุณพ่อครับ ผมรักไมน์ ผมจะทำให้เขายอมรับรักของผมอีกครั้ง ผมจะไม่มีวันทำผิดพลาดไปอีก” นั่นเป็นคำสัญญาที่ผมอยากจะส่งไปถึงเขา แต่ตอนนี้ผมคงทำได้เพียงพูดออกมาเพื่อให้คุณพ่อของผมได้มั่นใจ สายตาของคุณพ่อที่มองผมมันดูเรียบเฉยและเย็นชา สีหน้าไร้อารมณ์มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนผู้ต้องหาที่ถูกสอบสวนความผิด

“แล้วเลขาคนนั้นของลูกล่ะ ดูแล้วเธอคงไม่ยอมเลิกกับลูกง่ายๆ หรอกนะ” ผมเองก็กังวลไม่ต่างจากคุณพ่อ สิ่งที่ผมเห็นวันนี้คือใบบัวเป็นเหมือนชะงักที่ติดหลังผมอยู่ เป็นความผิดที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า มันคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไมน์ไม่แม้แต่อยากจะเข้าใกล้ผม

คิดแล้วผมก็รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจจนต้องยกมือขึ้นมาลูบปลอบโยนมันเบาๆ

“ผม…ควรทำยังไงดีครับคุณพ่อ ผมในตอนนี้…ขาดไมน์ไปไม่ได้จริง ๆ ผมทนมองไมน์รักใครที่ไม่ใช่ผมไม่ได้ ทนมองเขาไปกับใคร หัวเราะกับใครที่ไม่ใช่ผมไม่ได้เช่นกัน”

ผมแค่นยิ้มออกมา ฉายความอันตรายออกมาทางแววตาเมื่อคิดภาพที่ไมน์จะมีใครที่ไม่ใช่ผม

“ผมคงเห็นแก่ตัวใช่ไหมครับ”

“มันก็เป็นธรรมดา ยิ่งรักมากเท่าไหร่ความรู้สึกเป็นเจ้าของก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน พ่อเองก็เข้าใจความรู้สึกของลูก แต่เคยคิดไหมว่าเขาอาจจะกำลังไม่มั่นใจมากพอจะมอบโอกาสให้ลูกอีกครั้ง”

ผมรู้ รู้ดีว่าผมในตอนนี้ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าผมจะไม่กลับไปทำผิดซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ผมเลิกกับใบบัวแล้วแต่ก็ยังให้เธออยู่ข้างๆ ผมเป็นเหมือนคนที่ไม่มีความชัดเจนอะไรให้ไมน์ได้มั่นใจในตัวของผมเลย ผมรู้ดี…

แต่ผมไม่เคยมั่นใจในตัวเองมากกว่าครั้งไหน ๆ ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดว่าเสียงหัวใจที่ร่ำร้องบอกผมในตอนนี้เป็นเรื่องบ้าๆ ผมเฝ้าคอยถามตัวเองตลอดเวลาว่าผมรักไมน์จริง ๆ หรือเพียงแค่รู้สึกผิด แต่ทุกอย่าง ทั้งอาการหัวใจเต้นแรง ทั้งความโกรธเมื่อไมน์ยืนอยู่เคียงข้างคนอื่น ทั้งอาการหงุดหงิดที่มีต่อผู้ชายแปลกหน้าข้างๆ ไมน์มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกชัดเจน คนที่รู้สึกผิด คงไม่มีใครอยากจะฆ่าผู้ชายคนนั้นแบบผมเพียงแค่เขาแตะต้องไมน์

“ผมคงต้องพยายามมากกว่านี้สินะครับ” มันเป็นความผิดของผมที่ทำให้ไมน์ปล่อยมือไป แม้ว่าผมจะคว้าเอาไว้แต่เป็นแค่ผมที่ยึดจับ เมื่อไมน์ในตอนนี้ไม่คิดจะยึดติดกับผมอีกแล้ว

นั่นยิ่งทำให้ผมกลัว ว่าเขาจะเลิกรักผม

“ทำตัวเองให้ชัดเจน…ความชัดเจนเป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กคนนั้นมั่นใจ” พ่อตบไหล่ของผมอย่างให้กำลังใจ ในขณะที่ผมไม่มั่นใจในตัวเองเลยแม้แต่น้อย ถึงจะบอกให้ผมชัดเจน แต่ความชัดเจนมันควรจะมากแค่ไหนกันล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ผมคิดว่าผมแสดงออกชัดเจน เขากลับไม่ได้มองว่ามันชัดเจนด้วยซ้ำไป

แต่ไม่ว่ามันจะยากเย็นหรือสาหัสเพียงใด ผมก็จะทำมันให้ได้

ขอเพียงได้หัวใจของไมน์คืนมา







..........50%..........








คุณพ่อขาาาา กรี๊ดดดด หนูชูป้ายFCเลยค่ะ คุณพ่อคือเดอะเบสแล้วค่ะ หนูกราบแทบอกพร้อมแบมือขอเศษเงินสักสิบยี่สิบล้านได้หมคะ อยากกินหนม แค่กๆ ใบบัว เธอเป็นใคร มาเรียกคนอื่นว่าพ่อ ไม่มีพ่อเป็นของตัวเองเหรอ? กรั๊กๆๆๆๆๆ (หัวเราะอย่างชั่วช้า)

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
พ่อแดนก็ร้ายใช่เล่น

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เอิ่มมมมม..ก็นะ
หุหุ

ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี
..แล้วแต่..



----------------------------------------
ขอให้อยู่แต่ในความทรงจำ..ตลอดไป
ไม่มีวันนั้นที่เป็นจริง 55

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[17] 100%


ช่วงกลางคืนเป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นมาในโรงแรมของผมเอง เป็นการฉลองการร่วมทุนกันของสองตระกูลอย่างโชติญาณกุลและสุทธิวรเวช พนักงานส่วนใหญ่มีหน้าที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้กับผู้คนในงาน แต่มีคนหนึ่งที่ขัดตาผมจนอยากจะจับเธอโยนออกไปให้ไกลเสียด้วยซ้ำ ติดอยู่เพียงแค่ว่าในงานคนมากเกินไป ผมไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้งานเลี้ยงร่วมทุนของเราสองตระกูลดูแย่ลง

ถึงจะเกลียด จะรังเกียจและขยะแขยงจนอยากจะลบเธอออกไปจากโลกนี้แค่ไหน

ก็ทำได้แค่อดทน ทนไปจนกว่างานเลี้ยงครั้งนี้จะจบลง

วันพรุ่งนี้ ผมวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะง้อไมน์อย่างไร จะใช้วิธีไหนพิสูจน์ความจริงใจที่ผมมีต่อไมน์ให้เขาได้รู้ ผมจะไม่มีวันยอมแพ้ ต่อให้พรุ่งนี้เขาอาจจะยังไม่มั่นใจในตัวผมมากพอ แต่ผมก็จะอดทนและพิสูจน์ให้เขาเห็น

ถ้าหากเวลาแค่หนึ่งวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปีไม่เพียง

ผมก็จะขอใช้เวลาทั้งชีวิต...เพื่อทำให้เขาเชื่อใจผมอีกครั้ง ว่าผมรักไมน์เพียงคนเดียว

ผมชะเง้อคอ คอยมองหาว่าเมื่อไรที่ไมน์จะก้าวเข้ามาในงาน แม้ว่าภายในงานจะครึกครื้น เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเหล่าสาวสวยมากมาย แต่ผมกลับไม่สนใจจะมองสักนิด สายตาของผมยังคงมองหาเพียงไมน์เท่านั้น

หรือเขาจะไม่มา? หรือเขาจะไม่อยากเจอผมแล้ว

พอคิดแบบนั้นผมก็ปวดหัวใจเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นมานานแค่ไหน ไม่รู้ว่าเวลาจะผ่านไปสักเท่าไร แต่ผมต้องการเพียงแค่ได้เจอหน้าไมน์ หากว่าเขาก้าวเข้างานมา ผมก็อยากจะเป็นคนแรกที่ได้เห็นเขา ต่อให้ข้างกายของเขาไม่อาจจะมีผมยืนอยู่แล้วก็ตาม

“รอใครอยู่วะ ไมน์หรือเปล่า” ผมหันกลับไปมองภูมิที่แตะมือลงบนไหล่ของผม สีหน้าของภูมิเองก็นับว่าย่ำแย่พอๆ กันกับผม ครั้งหนึ่งผมเคยถูกภูมิพูดกรอกหูในวันที่ผมกับไมน์คบกัน มันคอยแต่บอกว่าไมน์จะมาเกาะผมกิน ลอกว่าที่ไมน์มาคบกับผม...มันก็เพียงเพื่อเงินเท่านั้น และผมเองก็หูเบา ถึงแม้จะไม่ได้เชื่อสนิทใจ แต่ก็หวั่นไหวกับคำพูดของมัน

แต่แล้ววันนี้ความจริงกลับมาตบหน้าเราสองคน

ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัววรรักษ์ มหาเศรษฐีอันดับที่สามของประเทศ แล้วไมน์จะมาเกาะผมกิน จะมาคบกับผมเพื่อเงินไปทำไม

ผมเจ็บปวดกับความจริงมากมายที่ประดังเข้ามาไม่หยุด ตอนที่ผมบอกกับภูมิถึงความจริงนี้ ตัวภูมิเองก็หน้าซีดตัวสั่น แววตาที่มองผมเต็มไปด้วยคำขอโทษ แต่มันสายไปแล้ว

วันนี้ผมไม่มีไมน์อีกต่อไปแล้ว เขาเดินออกไปจากชีวิตของผมแล้ว

ผมไม่โทษเขา ไม่เคยโทษเพื่อนตัวเอง เพราะคนที่ผมกล่าวโทษคือตัวของผมเองที่โง่งมมองไม่เห็นตัวตนที่แสนดี ยิ่งคิดผมก็ยิ่งแย่ ยิ่งผิดต่อไมน์มากเท่าไรผมก็ยิ่งเครียดที่ต้องหาวิธีเอาชนะใจของไมน์ ตอนนี้เราสองคนยังรักกันอยู่ไหมผมไม่รู้ แต่ผมยังรักไมน์ รักไม่เคยเปลี่ยน แม้แต่ตอนที่ผม…ทรยศไมน์ไปคบกับใบบัวก็ตาม ผมก็ยังรักไมน์ รักทั้งหัวใจ

“รอไมน์” จะรอเสมอและรอตลอดไป ต่อให้ทั้งชีวิตของผม ผมก็พร้อมจะรอ

ไมน์เดินเข้ามาในงานพร้อมกับพี่ชายของเขา วันนี้ไมน์ดูน่ารัก และดึงดูดสายตาของใครต่อใครเหลือเกิน ดูดีจนผมอยากจะเก็บไมน์เอาไว้คนเดียวไม่ให้ใครได้เห็น ไมน์ยิ้มแย้มกับพี่ชายของเขา กล่าวทักทายแขกหลายคนอย่างเป็นธรรมชาติ คุณหญิงราตรีและเจ้าสัววรรักษ์เองก็มาด้วยเช่นกัน มันยิ่งทำให้ผมรู้ว่าโง่แค่ไหนที่เชื่อคำพูดลอย ๆ ไร้มูลของเพื่อนตัวเอง

ไมน์ของผมทั้งสูงส่งและงดงาม รอยยิ้มเจิดจรัสจนแสบตา หัวใจของผมเต้นรัวทุกครั้งที่ได้มองมัน และเจ็บปวดทุกครั้งที่มันไม่ใช่ของผม

ผมเห็นไมน์พูดคุยกับพี่ชายของเขา หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เห็นพี่ชายของเขาลงไม้ลงมือด้วยความเอ็นดูและได้รับรอยยิ้มของเขา มันก็ยิ่งทำให้ผมทรมานใจ แต่เพียงชั่วขณะที่เขาลืมตัว หันมาหาผมทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มก็ทำให้ผมใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้มันจะเป็นความเผลอลืมของเขาที่ไม่นานเมื่อเขารู้ตัวมันก็หายไป แต่หัวใจของผมกลับเก็บภาพนั้นเอาไว้ไม่มีวันลืม

“มึงจะไปไหนวะแดน” ภูมิดึงแขนผมเอาไว้ ไม่ยอมให้ผมก้าวออกไปตามที่หัวใจของผมสั่ง

“ปล่อย กูจะเข้าไปหาไมน์” ไมน์ ผมอยากคุยกับเขา อยากอยู่ใกล้ๆ เขา ผมทนไม่ได้ถ้าไม่มรเขา ทนไม่ได้ที่ถูกเมินทั้งที่ใครต่อใครก็ได้รับความสนใจ ผมอิจฉา ใช่แล้วผมกำลังอิจฉา

“มึงจะบ้าเหรอ มึงเห็นไหมว่าไมน์ไปหาคุณหญิงราตรี” ผมเม้มปากกำมือของตัวเองแน่น ได้แต่มองไมน์ตาละห้อย มองไมน์ที่ยืนส่งยิ้มให้กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ แถมเธอยังเขินอายเล็กน้อยแบบนั้นมันไม่ดีกับผมเลย

ไมน์เป็นของผมต่างหาก เป็นของผมคนเดียว!

ผมได้แต่รอ เฝ้ารอจังหวะที่จะได้เข้าไปหาเขาอย่างใจจดจ่อ แต่เมื่อเขาแยกตัวไปกับเด็กสาวคนนั้น ผมก็ขยับเดินตามไป แต่คราวนี้ผมก็ยังถูกดึงรั้งเอาไว้ ทั้งที่โอกาสมาถึงแล้วแต่ผมก็ถูกจัดขวางอยู่อีกเช่นเคย

“อะไรอีกวะภูมิ!”

ผมเริ่มหงุดหงิดที่ถูกภูมิมันขัดขวาง แต่เมื่อหันกลับไปสิ่งที่ผมเจอกลับไม่ใช่ภูมิเพื่อนของผม แต่เป็นผู้หญิงน่ารำคาญที่เป็นเหมือนป้ายประกาศความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของผม

“ใบบัว คุณเองหรือ” ผมที่เดิมทีหงุดหงิดเพราะนึกว่าเพื่อนตัวดีออกมาขัดขวางอีก แต่กลับกลายเป็นว่าคนที่ดึงผมเอาไว้เป็นใบบัว ผู้หญิงที่ในวันนี้ผมรู้สึกขัดตาจนอยากจะไล่เธอไปให้ไกล

“แดนคะ คุณกำลังจะไปไหน” เธอใช้น้ำเสียงแสดงความเป็นเจ้าของกับผม สายตาจับจ้องไปที่ด้านหลังของผมอย่างไม่ชอบใจ

“คุณกำลังจะไปหามันงั้นหรือคะ? คุณไปไม่ได้! บัวไม่ยอมให้ไป!” ผมสะบัดแขนออกมาจากการถูกเธอจับเอาไว้ ยิ่งนานวันผมยิ่งเกลียดตัวเองที่ไปหลงใหลกับเธอจนทิ้งหัวใจตัวเองไป ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดี เธอใช้ความอ่อนหวานและการไม่เรียกร้องมาดึงดูดผม มอมเมาผมด้วยภาพลวงตาที่แสนบริสุทธิ์ ทั้งที่แท้จริงแล้วเธอทั้งสกปรกและโสโครกกว่าใคร

ผมขยับยิ้มเหี้ยม ใช้แววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังทั้งหมดมามองเธอ ผมอยากจะฆ่าเธอให้ตายนัก! ทั้งที่แม้จะไล่เธอออกผมยังทำไม่ได้! ผมพยายามหาความผิดของเธอ พยายามมากมายเพื่อจะเอาเธอออกไปให้ไกลตัวของผม แต่มันกลับทำให้ผมมืดไปทุกทาง ผมทำอะไรเธอไม่ได้เลย! มันน่าแค้นใจเหลือเกิน!

“คุณมีสิทธิ์มาแสดงท่าทีแบบนี้กับผมงั้นหรือครับคุณใบบัว อย่าลืมสิครับว่าผมเป็นเจ้านาย ไม่ใช่เพื่อนเล่นของคุณ!” ผมเห็นเธอเม้มริมฝีปาก แววตาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมที่ฉายชัดยิ่งกว่าแสงไฟ

“ฉันเป็นเมีย! เป็นเมียของคุณนะแดน! ไม่ใช่พนักงาน!” เธอหวังปีนป่ายขึ้นมาจากจุดต่ำสุดสู่จุดสูงสุด อยากจะมีทุกสิ่งโดยที่ไม่ได้รักผมด้วยซ้ำ

“ซินเดอเรลล่าไม่ได้เป็นกันง่ายๆ และผมคิดว่าคงไม่มีนางฟ้าแม่ทูลหัวคนไหนเสกสรรชุดให้กับคุณหรอก”

“ดินแดน!!” ผมยิ้มเยาะกับการคาดเดาง่ายดายของเธอ ภูมิดูผิดไปมาก คนที่คบกับผมเพียงเพราะผมรวยไม่ใช่ไมน์เลย เป็นเธอคนนี้ต่างหาก เป็นใบบัวที่ยังไม่อาจจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้

“ทำไม ผมพูดผิดหรือ แล้วท่าทางแสนบริสุทธิ์หายไปไหนเสียแล้วละครับ? ไม่ใส่หน้ากากต่อแล้วหรือ”

ผมใจร้ายกับไมน์ ทำร้ายหัวใจตัวเองไปมากเท่าไร

ผมจะทำมันกับเธอคนนี้กว่าร้อยเท่า!

“เอาเถอะผมไม่สนใจหรอกนะว่าคุณจะเสแสร้งแบบไหน เพราะตอนนี้ผมชัดเจนกับคุณไปแล้วว่าเราสองคน เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง หวังว่าคุณยังพอจะฟังคำพูดผมเข้าใจนะครับ พูดกันง่ายๆ จะได้ไม่ต้องถึงขั้นที่ผมต้องเลว”

“คุณกล้าหรือ!!” ผมยิ้มเย็น ก้าวเข้าไปใกล้เธอช้า ๆ ย้ำชัดทุกคำให้เธอฟังอย่างเข้าใจ

“หรืออยากจะลองดีล่ะ ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลยแบบคุณ กับลูกชายเจ้าของภัทราแกรนด์ ใครจะมีอำนาจมากกว่ากัน” ผมไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมากดตัวเองให้ต่ำ ทั้งที่ผมยังยืนอยู่ในจุดที่มองคนอื่นจากข้างบน ปกติผมไม่เคยดูถูกใคร ไม่เคยแม้สักครั้งที่จะอวดอ้างตัวเองด้วยนามสกุล

แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะลืมไปจริง ๆ นะว่าผมเป็นใคร ผมไม่ใช่ไก่อ่อน ไม่ใช่หมูที่ยืนโง่ๆ ให้เธอฆ่า ผมเป็นเสือ เป็นสัตว์นักล่าที่ต้องเผชิญเรื่องราวมากมายอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิด ผมไม่ใช่คนดีสักนิด ไม่ใช่เลย

“เข้าใจแล้วใช่ไหม” เมื่อเห็นผมไม่เหมือนเดิม ใบบังเธอก็เปลี่ยนไป ใบหน้าและแววตาที่เคยแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานและบอบบาง

“แดน แดนคะ ถ้าบัวทำให้คุณโกรธบัวขอโทษนะคะ แต่บัวรักคุณมากนะ เราสองคนรักกันนี่คะ” เธอดึงมือของผมไปกุมเอาไว้ ซึ่งผมเองก็ดึงมันออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ภาพลวงตาอาจจะใช้ได้ผลสำหรับผมคนก่อน แต่เมื่อผมตาสว่างแล้วมีหรือจะมองมันไม่ออก

“เราสองคนไม่เคยรักกันครับ ผมไม่เคยรักคุณ ผมรักแค่ไมน์ รักเขาเท่านั้น”

“ดินแดน!!!”

ผมไม่คิดจะสนใจเธออีก ตอนนี้ผมต้องการมองหาร่างกายที่แสนคุ้นตาเท่านั้น ไมน์หายไปจากสายตาของผมอีกแล้ว หายไปเพราะผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว ยิ่งเป็นแบบนี้ผมก็ยิ่งเกลียดเธอ เกลียดชังใบบัวจนสุดหัวใจ ขยะแขยงจนไม่อาจจะอยู่ใกล้ ผมเดินเข้าไปหาพี่ชายของผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากคุณพ่อนัก

“อ้าวแดน มีอะไรหรือเปล่า” สายตาของผมยังคงสอดส่องมองหาร่างของไมน์อยู่ตลอด ทั้งเป็นห่วงแงะหวงเขาเหลือเกิน ยิ่งวันนี้เขาดูดีมากเท่าไร ผมก็ยิ่งหวงเขามากขึ้นเท่านั้น

“พี่เขต พี่เห็นไมน์ไหมครับ” พี่ผมหัวเราะออกมาเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความล้อเลียนที่ชวนให้รู้สึกเคอะเขิน

“น้องสะใภ้พี่หรือเปล่า ใช่ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัววรรักษ์ใช่ไหม” ผมเลิกมองหา หันกลับมามองพี่ชายของผมจนเต็มสองตาทันที

“ใช่ ใช่ครับ พี่เขต พี่เห็นหรือ”

“เห็นสิ…” ทำไมพี่ชายของผมถึงท่าเยอะแบบนี้นะ ผมเริ่มร้อนรนในใจ ยิ่งผมอยากรู้มากเท่าไรพี่เขตก็จะยิ่งอมพะนำไม่ยอมบอกผมง่ายๆ จนพ่อของผมต้องออกตัวห้ามปราม

“เลิกแกล้งเจ้าแดนได้แล้วอาณาเขต” นั่นล่ะครับพี่เขตถึงได้หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะชี้ไปทางที่ไมน์อยู่

“พี่เห็นเดินไปทางห้องน้ำ ลองไปดูสิ”

ผมรีบวิ่งออกไปทันทีโดยไม่คิดอะไรอีก ไม่คิดจะขอบคุณด้วยเพราะพี่ชายของผมคนนี้ถ้าคุณพ่อไม่ห้ามขึ้นมา ก็ไม่ยอมบอกผมออกมาแบบนี้หรอกนะครับ

ร่างของไมน์ก้าวออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทางน่าเป็นห่วงจนผมต้องเร่งฝีเท้าเข้าไป ผมกลัวว่าเขาจะถูกใครที่ไหนลากไปเสียก่อน ท่าทางที่ดูไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะล้มลงกับพื้นทำให้ผมต้องรีบเข้าไปหา

“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามออกไปทั้งที่คิ้วทั้งสองยังขมวดอยู่

มันคุ้นเคยราวกับเป็นเดจาวู เหมือนครั้งหนึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ไม่ครับ ไม่ ไม่เป็นไร”

เสียงของไมน์ดูไม่ดีนัก อาการของเขาคงเป็นอาการของคนเมาสินะ แบบนั้นผมค่อยโล่งใจลงไปได้หน่อย ผมห่วงว่าเขาจะป่วยจากน้ำเมื่อตอนกลางวันเสียอีก

“ไมน์ แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร”

เขาดูตกใจมากที่เห็นผม ร่างกายบาง ๆ ที่แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงขยับตัวหนีผมที่ประคองร่างเขาอยู่อย่างแรง แต่ผมที่มีสติดีย่อมมีเรี่ยวแรงมากกว่า

ไมน์เม้มริมฝีปากที่สั่นระริกแน่น ผมแตะฝ่ามือที่บัดนี้เย็นเฉียบลงบนผิวแก้มอย่างแผ่วเบา เขาเบือนหน้าหนีผม ราวกับว่ารังเกียจที่จะต้องถูกผมสัมผัสแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตาม

เขายังโกรธผม อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เกลียดผม แค่นั้นก็พอทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมากแล้ว

“ปล่อย ปล่อยครับ ผมจะกลับไปหาพี่มิน” ผมไม่ได้ปล่อยเขาตามที่เขาเรียกร้อง เพราะรู้ดีว่าหากผมปล่อยเขาในตอนนี้ตัวเขาเองจะทรุดลงกับพื้น เขาเมาเกินไป

“ไหวแน่หรือ อย่าดื้อเลย เดี๋ยวผมจะพาไปนั่งพัก”

ผมแค่ห่วงเขา แค่เป็นห่วงว่าเขาจะเดินไม่ไหว และผมก็อยากจะอยู่ใกล้ไมน์ให้นานกว่านี้ อีกสักนิดก็ยังดี

แต่สุดท้ายเวลาของผมก็หมดลงไป

“ไมน์! เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“พี่ พี่มิน” เขาถลาตัวเข้าไปหาพี่ชายอย่างดีใจ ผมได้แต่ปล่อยให้เขาไปเมื่อมีคนที่ผมสามารถวางใจได้มารับเขา แม้ว่ามันจะเจ็บปวดที่ไม่อาจจะอยู่ใกล้เขามากกว่านี้ แต่ก็ยังดีกว่าที่ผมไม่ได้อะไรเลย

“ไมน์…กินไวน์มาหรือเรา เด็กขี้เมา” น้ำเสียงหยอกล้อมันยิ่งทำให้ผมอิจฉา ผมอยากยืนอยู่ตรงนั้น เป็นคนที่เขาออดอ้อนแทนพี่ชายของเขาเอง แต่เป็นผมเองที่พลาด ทำร้ายเขาจนต้องสูญเสียเขาไป

“กลับบ้านกันพี่มิน ไมน์ปวดหัว โลกหมุนติ้วๆ เลย” ไมน์เหมือนเด็กน้อยขี้เมาที่แสนน่าเอ็นดู หัวใจของผมกระตุกยามได้มองภาพตรงหน้า อยากจะดึงรั้งเขามากอดเอาไว้ ไม่ยอมให้ใครได้มองเห็นเขาอีก

“หึหึ ได้ครับ กลับบ้านกันนะ เดินไหวไหม หรือจะให้พี่อุ้มล่ะ” แววตาของพี่ชายไมน์มีความหยอกเย้าน้องชายตัวน้อยของตนเอง ผมเห็นไมน์มองพี่ชายตัวเองตาแป๋ว ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับออดอ้อนให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“อุ้มนะ ไมน์ปวดหัว”

“ตามบัญชาครับคุณหนู หึ”

ผมอิจฉา อิจฉาจนร้อนไปทั้งหัวใจ แค่มองภาพที่ไมน์กำลังจะถูกอุ้มห่างออกไปจากผมโดยที่ผมไม่อาจจะคว้าไว้ ผมก็ทรมานจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะต้องแยกจากกันในวันนี้ ผมเองก็ติดใจอยู่เรื่องหนึ่ง

“เดี๋ยวสิไมน์ เรา…เคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม”

เขาไม่ตอบผม ไม่แม้แต่จะเอ่ยสิ่งใดออกมา มีเพียงแค่พี่ชายของเขาเท่านั้นที่มองผมด้วยสายตาเย็นชา

“น้องชายผมเมา คงตอบคำถามของคุณไม่ได้หรอกครับ ขอตัว!”

ไมน์ถูกพาไปแล้ว เขากำลังจะห่างจากผมไปอีกแล้ว ผมทั้งปวดร้าว ทั้งทรมานจนอยากจะตาย แต่ผมจะมายอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ไมน์คือหัวใจของผม ผมจะทวงมันคืน จะทำให้ไมน์กลับมารักผมอีกครั้ง

“ผมไม่ยอมแพ้หรอก! ผมรักไมน์ และจะทำให้ไมน์รักผมอีกครั้งให้ได้ ต่อให้มันจะยากเย็นแค่ไหน ให้คุณขัดขวางสักเท่าไรก็ตาม!”

ไม่ยอม จะไม่ยอมสูญเสียไมน์ไปเด็ดขาด

เพราะว่าไมน์…คือหัวใจ คือโลกทั้งใบของผม





ในมุมของน้องที่โกรธเขาอยู่ เสียใจกับการที่ดินแดนเคยรักกับผู้หญิงคนนี้ พอเห็นดินแดนคุย ยิ้มกับใบบัวเลยกลายเป็นภาพบาดตาที่ทำให้คิดไปว่าเขายิ้มกัน ตอนนี้แมวยังยืนยันนะคะว่า เขาไม่ได้ดีกันแล้วจบเรื่องราวทั้งหมด มันยังไม่จบง่ายๆหรอกนะพวกเธอเอ๋ยยยยยย รอดูผลแห่งกรรมในวันที่มีใจได้เลยค่ะ



เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
คนดี ชอบแก้ไข
คน(อะไร) ชอบแก้ตัว

(คนจัญไร)
555

ปลดไม่ได้..ก็ย้ายสายงานได้ ไม่ใช่หรอ
เป็นผู้บริหาร คิดแค่นี้ก็ไม่ได้(จริงหรอ)

หรือว่ายังอยากจะเอาไว้ใกล้ตัว
ทั้งวัน ทั้งคืน หราาาาาาาาา
โง่จริง หรือ แกล้งโง่ กันแน่
หุหุ

เหตุผลของคุณ ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย
ตรรกะป่วยมาก ซื่อหรือโง่กันแน่

จะรอดู รออ่านความพยายามของพระเอก(หราาาา)
เรื่องนี้กันต่อปายยยยย  ยาว..ยาว
อิอิ

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อะรอให้โอกาส

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ความรู้สึกช้าจริงๆต้องไปมั่วกับผู้หญิงก่อนถึงจะตาสว่างหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[18] 50%

หัวใจเต้นได้เพื่อเขาคนเดียว

อาการปวดหัวรุมเร้าอย่างหนักจากการเมามายเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมจำได้ชัดเจนทุกอย่าง ทุกความหมายของสายตาที่ใครอีกคนมองผม ทุกคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาหรือแม้แต่คำถามที่เขาถามผมเอาไว้

เราเคยเจอกันมาก่อนใช่หรือเปล่า

ใช่ เราเคยเจอกัน และคำถามของเขามันก็กระตุกหัวใจของผมไม่น้อย เดิมผมคิดว่าอย่างไรเขาก็คงไม่มีวันจำวันนั้นได้แล้ว เพราะเขาใจดีต่อทุกคนไม่ใช่เพียงแค่ผม คนแปลกหน้าที่เพียงแค่บังเอิญเข้ามา เขาจะจำมันได้อย่างไร…

แต่เพราะคำถามที่ออกมาจากปากของเขามันก็อดทำให้ผมคิดไม่ได้ว่า เขาอาจจะจำมันขึ้นมาได้จริงๆ แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมันจะเป็นช่วงเวลาแสนสั้น แต่ผมคนนี้กลับจำมันได้ดีกว่าความทรงจำไหนๆ ใครๆ ต่างก็บอกว่าความทรงจำที่เราจดจำไม่ใช่ความทรงจำที่สวยหรู แต่เป็นเพราะเราประทับใจเหตุการณ์ในวันนั้นมากต่างหาก

ผมขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง พาตัวเองเข้าไปจัดการในห้องน้ำจนเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วจึงเดอนออกมา เลือกเสื้อผ้าที่จะสวมเพื่อนออกไปข้างนอกอีกครั้ง วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเข้าไปที่ร้านแสนสุข และผมก็หวังเหลือเกินว่าจะไม่ต้องพบหน้าของดินแดนอีกครั้งที่นั่น เพราะผมเองก็ทิ้งช่วงไม่เข้าไปหลายวันเพื่อให้เขาคิดว่าผมไม่เข้าไปที่นั่นอีกแล้ว หรือคิดว่าผมอาจจะแค่เข้าไปนานๆ ครั้งก็ได้

“เฮ้อ”

คิดถึงดินแดนทีไรใจผมก็สั่นไหวมากยิ่งขึ้นทุกที สายตาที่เขาใช้มองมาที่ผมมันช่างเหมือนครั้งที่เราเคยรักกันไม่มีผิดเพี้ยน คงต่างออกไปก็ตรงที่ผมในตอนนี้ไม่ใช่คนรักของเขาอีกแล้ว แต่คำว่ารักที่เขาใช้บอกมันกับผมในวันนั้นผมเองยังจำได้ดี เพียงแต่ว่าผมยังไม่มั่นใจนักหรอก บอกตรงๆ ว่าผมเองยังรักเขา ยังไม่อาจจะลืมเขาออกไปได้ แม้ว่าต่อหน้าเขาผมจะทำตัวเข้มแข็งและเย็นชาราวกับในหัวใจไม่มีเขาอยู่ยังไงก็ตาม

แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่มันยังตามตอกย้ำหัวใจทุกครั้งที่ได้เจอเชา

ว่าผม…รักเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง

กาลเวลารักษาได้ทุกสิ่งมันไม่จริงเลยสักนิด อย่างน้อยกาลเวลาที่ว่าก็ไม่สามารถรักษาหัวใจของผมได้ ผมยังคงจมปลักรักเขาเหมือนเช่นวันวาน เพียงแค่ตอนนี้ผมเว้นระยะออกมาจากการอยู่ใกล้ๆ เขาเสียมากกว่า กาลเวลาอาจมีไว้ให้ใครคนอื่น แต่คงไม่ได้ผลกับผมเสียแล้ว แบบนี้คงไม่มีทางใดที่จะทำให้ผมลืมเขาและเลิกรักเขาไปได้จริงๆ

ผมอยากจะลองให้โอกาสเขา แต่อีกใจหนึ่งผมก็หวาดกลัวว่าเขาอาจจะทำให้ผมเจ็บช้ำอีกครั้ง เขาเป็นรักแรกของผม เป็นความรักครั้งเดียวที่ผมมีอยู่ เพราะแบบนั้นในวันที่เขาเลือกที่จะจับมือใครคนอื่น ผมจึงเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากจนเจียนตาย ผมจึงได้ลังเลไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับว่าคำว่ารักที่เขาใช้บอกมันกับผม อาจจะเป็นความจริงที่ออกมาจากหัวใจของเขาก็เป็นไปได้

ความหวาดระแวงต่างๆ มันก็มาจากความไม่แน่นอนของใจดินแดนเอง ผมเพียงแค่เคยเจ็บมาครั้งหนึ่งแล้ว การจะระวังหัวใจเอาไว้ก่อนย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก ในตอนนี้ผมเพียงแค่อยากจะรอดูอีกสักหน่อย หากดินแดนเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ คำว่าโอกาส…ผมก็พร้อมจะมอบมันให้กับเขาอย่างไม่ลังเล

ผมเดินลงมาด้านล่างเพื่อใช้เวลาช่วงเช้ากับครอบครัวของผม คาดว่าเวลานี้ทุกคนคงอยู่ที่โต๊ะทานอาหารกันหมดแล้ว เป็นเพราะเมื่อคืนผมเผลอดื่มหนักไปจึงได้ตื่นสาย ไหนจะอาการปวดหัวที่แล่นผ่านเป็นระยะๆ อีก มันชวนให้รู้สึกหงุดหงิดแต่เช้าจริงๆ

“คุณพ่อคุณแม่ อรุณสวัสดิ์ครับ” ผมเอ่ยทักทายคุณพ่อคุณแม่เมื่อพวกท่านกำลังนั่งรอทานอาหารอยู่ที่โต๊ะ คุณพ่อตอนนี้กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนคุณแม่ท่านก็กำลังคุยอยู่กับป้าเนียน

“อ้าว มาแล้วหรือ นั่งสิไมน์ แม่เราเอาแต่รอไม่ยอมให้พ่อทานสักคำเดียว” ได้ยินคำพูดที่คุณพ่อใช้หลอกคุณแม่เล่น ผมก็หลุดขำออกมา คุณแม่เองพอได้ยินแบบนั้นก็ค้อนเสียวงใหญ่

“ก็ต้องรอทานพร้อมกันสิคะคุณ ลูกชายเราทั้งคนนะคะ”

“แล้วพี่มินละครับคุณแม่ ยังไม่ลงมาหรือครับ” โต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันก็จริง แต่ก็ขาดพี่ชายคนดีของผมไปอยู่ดี ไม่รู้ทำไมวันนี้พี่ชายผมถึงได้ตื่นสายนัก ทั้งที่ผมดื่มหนักจนเมากว่าพี่มินด้วยซ้ำไป แต่ผมก็ตื่นก่อนเสียอีก

“เจ้ามินออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ เหลือแต่เรานั่นล่ะ วันนี้จะไปไหนหรือเปล่า”

“ขอบคุณครับป้าเนียน วันนี้ผมคิดว่าจะเข้าไปดูที่ร้านเสียหน่อยครับ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” ประโยคแรกผมพูดกับป้าเนียนที่ตักข้าวต้มหอมๆ มาให้ผม ก่อนจะตอบคำถามที่คุณพ่อถามผมออกมา

ถึงแม้จะไม่อยากไปก็ตาม

วันนี้ผมไม่ได้นัดกับอนุรักษ์ไว้ เพราะไม่อยากจะรบกวนมันมากนัก ตัวมันเองทุกวันนี้ก็แทบจะไม่ได้ทำงานทำการของตัวเองแล้วเพราะเอาแต่มาอยู่กับผม ผมรู้ครับว่ารักมันเป็นห่วง และทราบซึ้งใจมากๆ จนแทบอยากจะเปิดคลังไวน์ที่คุณพ่อผมสะสมเอาไว้ให้มันกินจนหมด แต่ถ้าผมทำแบบนั้นผมคงนอนตายในวันต่อมาที่คุณพ่อรู้แน่ๆ ใครๆ ในบ้านก็รู้ดีว่าคุณพ่อของผมท่านหวงไวน์พวกนั้นยิ่งกว่าลูกในไส้เสียอีก

ผมลองวาดแผนการในหัวอยู่เงียบๆ ระหว่างที่ทานอาหารไปด้วย ว่าวันนี้หากเจอดินแดนผมจะทำยังไง หากว่าเจอหน้าเขาแล้วผมจะพูดประโยคไหน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สายตาที่เคยมองดินแดนอย่างเย็นชามันเปลี่ยนไปแล้วหรือยัง เพราะหัวใจของผมมันสั่นตั้งแต่คำพูดที่เขาทิ้งท้ายเอาไว้ให้ผมเมื่อคืนนี้แล้ว

ถ้าเขารักผมจริงๆ ล่ะ? มันจะโอเคหรือเปล่า

เราจะยังกลับไปยืนอยู่ในจุดเดิมไหม หรือผมจะต้องกลับไปช้ำใจอีกครั้ง?

ทุกอย่างมันกลายเป็นความหวาดกลัว คำถามมากมายที่ประดังเข้ามาในหัวผมมันคือความกังวลใจที่ผมมีต่ออนาคตของเรา เมื่อเราสองคนกลับมารักกัน

ใช่…ผมยังคงรัก และแน่นอน! ผมคาดหวังให้เราคบกันได้อีก

แต่ก็นั่นล่ะ ใช่ว่าความคาดหวังจะสุขสมหวังดังที่คิดเสมอไป ถ้าผมยังไม่สามารถมั่นใจในตัวของเขาได้ ผมก็คงไม่อาจจะตอบตกลงหรือรักเขาอย่างไม่มีความกังขาได้หรอก

“ไมน์…”

ถ้ามีสิ่งที่ยืนยันให้ผมได้ว่าเขาจะเป็นของผมคนเดียวจริงๆ ก็คงดี ผมคงไม่กังวลมากขนาดนี้

“ไมน์ลูก!!”

“ครับคุณแม่! ขอโทษครับ…พอดีผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ” ผมหลบสายตาของคุณแม่ลงอย่างรู้สึกผิด คุณแม่คงเรียกผมหลายครั้งแล้วแต่ผมกลับไม่ได้ยินเสียงของท่าน เพราะเอาแต่คิดนั่นคิดนี่…ไม่ได้สนใจคนที่อยู่ใกล้ตัว

“ไม่เป็นไรค่ะ แม่แค่จะถามว่าอิ่มหรือยัง แม่เห็นลูกทานจนหมดแล้วแต่ยังไม่ยอมวางช้อนลง ให้ป้าเนียนเติมอีกหน่อยดีไหมคะ” ผมชะงักไปก่อนจะก้มลงมองชามที่อยู่ตรงหน้า เป็นอย่างที่คุณแม่บอก ผมทานมันจนหมดแล้วจริงๆ แต่จะให้เติมก็คงไม่ไหวแล้ว ขืนทานเข้าไปอีกท้องผมคงแตกแน่ๆ

“ไม่ดีกว่าครับคุณแม่ แค่นี้ท้องผมก็แน่นไปหมดแล้ว” คุณแม่หัวเราะเบาๆ แต่ก็ยอมหยุดคิดที่จะเติมเนื้อหนังของผมต่อแต่โดยดี ท่านหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาที่จริงจังจนผมต้องนั่งตัวตรงอย่างไม่รู้ตัว

“ผู้ชายคนเมื่อคืนนี้…”

“ครับ? คุณแม่พูดถึงใครกันครับ” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากปากของคุณแม่ ผมเองก็กดดันไปด้วยเมื่อเป็นแบบนั้น

“แม่ไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออก คนคนนั้นใช่คนที่ทำให้ลูกเจ็บใช่ไหมคะ” ผมเกร็งตัวโดยอัตโนมัติ กลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเมื่อถูกถาม

ความเงียบคือสิ่งที่ผมใช้ตอบคุณแม่ แต่เหมือนว่าความเงียบก็ไม่อาจตอบคุณแม่ได้ดีเท่ากับร่างกายและสีหน้าของผมที่เครียดขึงขึ้นมา

“ถึงลูกจะไม่พูด แม่ก็รู้อยู่ดีนะไมน์ ลูกจะปิดบังแม่จริงๆ นะหรือ?” ผมส่ายหน้าน้ำตาคลอเบ้า มองใบหน้าของคุณแม่อย่างขอความเห็นใจ

“ผมแค่ไม่อยากให้ทุกคน…เกลียดเขา” ผมกลัว กลัวว่าถ้าคุณพ่อรู้ คุณแม่รู้ ทุกคนรู้จะเกลียดเขาขึ้นมา

“ทำไมต้องกลัวว่าทุกคนจะเกลียดเขาด้วยละคะ ในเมื่อลูกกับเขาเลิกกันไปแล้ว”

ผมเจ็บแปลบเมื่อถูกคุณแม่พูดความจริงออกมาให้ผมฟัง ผมรู้ว่าตัวเองตอกย้ำมันอยู่ทุกๆ วัน แต่การได้ยินมันจากปากของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวผมเอง มันเจ็บมากจริงๆ นะครับ เจ็บจนไม่อยากจะยอมรับว่านั่นคือความจริง

“คุณแม่ครับ…” ผมได้แต่เรียกคุณแม่ด้วยเสียงที่เบาหวิวพอๆ กับหัวใจของผม มันปวดร้าวและทรมานมาก

“แม่พูดถูกไหม คำว่าเลิกกันก็หมายความว่าลูกกับเขาต่างก็เป็นคนอื่น ถ้างั้นทำไมจะต้องกลัวล่ะ ทำไมต้องกลัวว่าแม่และคนอื่นจะเกลียดเขาด้วย นอกจากว่า…” เสียงของคุณแม่หายไป ดวงตาของท่านหรี่ลงมองผมอย่างจับผิด ผมที่ถูกจับจ้องจึงขยับตัวไม่ออก ร่างกายเกร็งไปหมด จนในที่สุดผมก็เลือกจะปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมา ยังไงคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ก็คือคุณแม่ ท่านย่อมรู้จักนิสัยของผมดีที่สุด และย่อมต้องรู้ทันผมอย่างแน่นอน

“ครับ เป็นอย่างที่คุณแม่คิดนั่นล่ะครับ ผม…ยังรักเขาอยู่” ผมยิ้มโง่ๆ ออกมาอย่างสมเพชตัวเองที่ตัดเขาออกไปไม่ขาด หวั่นไหวเพียงแค่คำว่ารักที่เขาให้มันมากับผมทั้งที่ก่อนนี้เขาทำร้ายผมสารพัด

แต่หัวใจของผมก็ยัง…เลิกรักเขาไม่ได้เสียที

ราวกับว่าหัวใจของผมนั้น…มันเต้นอยู่เพื่อดินแดนคนเดียว

“ผมคงรักเขามากเกินไป ถึงไม่เคยสามารถลบเขาออกไปจากหัวใจได้เลย เพียงแค่เขาพูดกับผมว่ารักผม หัวใจของผมมันก็ทรยศกลับไปเต้นเพื่อเขาอีกครั้งแล้ว”

ทั้งที่อยากจะตอกย้ำให้ตัวเองได้จดจำว่าเจ็บมามากมายแค่ไหน แต่ผมก็ไม่เคยทำมันได้เลย หัวใจขอผม…มันไม่ใช่ของผมอีกแล้ว

มันเป็นของดินแดน และเป็นมาเสมอ











...........50%...........





หายไปสองวัน เพราะอาการหวาดกลัวบ้าบอของตัวเองค่ะ ยิ่งนิยายใกล้จบ ยิ่งกลัวการลงนิยาย แต่ก็ยังลง! ฮึ้บไว้ๆ มาลงให้แล้ว ตอนเย็นจะมาลงครึ่งหลังนะคะ

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ต้องให้ผู้หญิงร้ายใส่ก่อน ถึงจะบอกตาสว่าง แล้วถ้าผู้หญิงคนที่นอกใจไปหา ดีแล้วถึงใจ ไม่งี่เง่าจะกลับมาหรือรู้ตัวว่ารักไมน์ไหม หึหึ 555555 ตลก แล้วไมน์เองก็นะ เหลือเกินจริงๆ เกินเยียวยาใจ ทำขนาดนั้นที่ผ่านมายังจะไปหัวใจเต้นหวั่นไหวไม่เคยลืมอีก อะไรว่ะ เจ็บแล้วไม่จำคือควายดีๆนี่เอง 5555 เราอาจไม่เข้าใจกับความรักแนวนี้เองละ บูชาความรักอะไรเทือกๆนั้น เลยแบบเอ๊ะๆ ทำไมยังคิดรักต่อ เป็นเราเองที่ไม่เก็ทกับไมน์ 555 แต่จะว่าไปแล้วสองคนนี้ก็เหมาะสมกันดีนะ อูเรๆ ถ้ากลับมารักกันได้ เราจะมาอวยพรอีกทีนะ 555555 แต่งได้อินดีจริงที่ทำให้เราไม่อินในความรักความทุ่มเทพยายามของดินแดนเลยและรักที่จมปลักของไมน์ แต่งเก่งนะ แต่งดี อ่านแล้วอินในตัวละคร รอตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[18] 100%


“ทั้งที่เขาทำเลวร้ายขนาดนั้นนะหรือไมน์?” ผมบีบมือตัวเองบนตักจนแน่น ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าไม่ควรให้อภัย ผมเพียงแค่…ห้ามมันไม่ได้

“ครับ ทั้งที่เขาทำร้ายผมให้เจ็บจนแทบบ้า ทรมานจนแทบจะตายลงไปด้วยซ้ำ”

ภาพความเลวร้ายค่อยๆ ไหลเวียนกลับเข้ามาให้ผมมองเห็นมันชัดเจน แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่หลับตาลง สะกดเอาความพลุ่งพล่านของหัวใจที่ขัดแย้งกับสมองเอาไว้ กลไกของร่างกายย่อมปกป้องหัวใจเอาไว้ด้วยการปล่อยความทรมานที่สุดออกมา ตอกย้ำให้มันได้จำ แต่หัวใจของผมมันดื้อดึง ไม่ว่าสมองจะส่งภาพความรวดร้าวมาเท่าไหร่ หัวใจก็จะดึงภาพที่เขาบอกรักผมออกมา ดึงสายตาและความห่วงใยออกมาลบล้างมัน

“แต่หัวใจของผมก็ยังรอคอย ยังคงหวังว่าวันหนึ่ง…เราจะกลับไปมีกันและกันเหมือนที่เคยเป็น”

ผมไม่รู้ว่าคุณแม่จะเข้าใจมันหรือเปล่า แต่ผมไม่อยากให้ใครเกลียดดินแดน ไม่อยากให้ความรักของเราที่จะเริ่มขึ้นมาใหม่ต้องมีครอบครัวของผมเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำให้เราต้องแยกจากกัน

“คุณแม่…เข้าใจผมใช่ไหมครับว่าผม รักดินแดน” ผมสบตาและบอกความรู้สึกของผมออกไปอย่างมั่นคงและแน่วแน่ แสดงความจริงในหัวใจให้คุณแม่ได้เห็นว่าคนคนนั้นคือที่สุดในหัวใจของผม ต่อให้ตอนนี้ผมจะยังไม่สามารถเชื่อเขาได้สนิทใจ ไม่สามารถคบกับเขาได้ในตอนนี้ก็ตาม แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกของผมที่มีต่อดินแดนเลย มันกลับชัดเจนกว่าทุกสิ่ง

คุณแม่เงียบไปจนน่ากลัว ผมที่เปิดเผยทุกสิ่งออกไปได้แต่นั่งนิ่งๆ เฝ้ารอสิ่งที่คุณแม่จะพูดออกมา จะต่อว่า ห้ามปรามหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมไม่โทษคุณแม่แม้แต่น้อย ผมรู้ดีว่าตัวเอง…รักดินแดนมากกว่ารักตัวเอง และจะยอมรับมันหากคุณแม่โกรธผมเพราะเรื่องนี้ ขอแค่คนที่ถูกโกรธ ถูกเกลียด ไม่ใช่ดินแดนก็พอแล้ว ให้เป็นผมก็ได้ไม่เป็นไร ผมจะรับความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้เอง

“ไมน์…”

ยอมรับทุกสิ่ง ต่อให้วันนี้คุณแม่จะสั่งห้ามผมไม่ให้ออกไปไหนเหมือนทุกครั้งที่สั่งลงโทษก็ตาม ผมยอม…

“แล้วถ้าหากแม่…ไม่ยอมล่ะ”

!!!

ผมรู้สึกตัวชาวูบ รู้สึกเหมือนถูกตีหัวอย่างแรงทั้งที่ยังนั่งอยู่ ความอึดอัด ความทรมานในใจมันประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน ผมนึกแล้ว นึกแล้วว่าคุณแม่คงไม่ยอม

นึกแล้วเชียว!

ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน ดวงตาสิ้นหวังอย่างที่สุด หัวใจเต้นเบาอย่างหมดเรี่ยวแรง

“ผมก็คง…อยู่ไปโดยไร้หัวใจ มีชีวิตเพียงลมหายใจเท่านั้นครับ” หากต้องลาจาก หากว่าต้องไม่มีเขาก็คงไม่ต่างจากผมได้ตายลงไป มีเพียงร่างกายที่มีลมหายใจ แต่ไม่มีความรู้สึกใดๆ เหลืออีก

ปึง!!

“ไมรวี!” ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะมองหน้าของคุณแม่ ได้แต่นั่งอยู่ที่เดิมด้วยรอยยิ้มเดิมๆ กับสายตาเช่นเดิม ไร้ชีวิตชีวา มีเพียงแค่หัวใจที่เต้นไปตามหน้าที่ มีลมหายใจที่ไม่อาจหยุดมันได้

เป็นตุ๊กตาที่มีชีวิต แต่ไร้วิญญาณ

“แม่แค่ล้อเล่นแค่นี้ลูกถึงกับซังกะตายเชียวหรือ หืม?” ใช่สิ จะไม่ให้ผมซังกะตายได้ยังไง ก็คุณแม่ หืม? ล้อเล่นหรือ?

“ล้อเล่นหรือครับ? คะ คุณแม่แค่ล้อผมเล่นงั้นหรือครับ!!” ผมเงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย จับจ้องใบหน้าที่ฉายชัดถึงความหมั่นไส้ผมออกมาของคุณแม่ ให้ตายเถอะ! ผมก็นึกไปว่า…

บ้าจริงเชียว!

“ก็ใช่นะสิ! มันน่าตีจริงๆ เลยนะเรานี่ มีที่ไหนมาถอดใจง่ายๆ แบบนี้คะ รู้ไหมว่าสมัยแม่นะ ถ้าหากคุณตาคุณยายไม่ยอมให้แม่คบแล้วละก็ แม่จะอาละวาด จะทำทุกวิถีทางให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่ยอมแพ้แบบที่ลูกทำหรอกค่ะ” ผมฉีกยิ้มกว้าง รีบถลาร่างไปกอดคุณแม่เอาไว้แน่นๆ ต่อให้ตอนนี้คุณแม่จะเชิดหน้าใส่ผมจนคอแทบจะเคล็ด แต่ผมก็ยังรักและเคารพคุณแม่ไม่เปลี่ยน

“ผมรักคุณแม่ที่สุด รักๆๆๆๆๆ รักมากกว่าใครๆ เลยครับ!”

“ค่ะๆ รักก็รัก แต่ไม่คิดบ้างหรือคะลูกว่าทำไมแม่ถึงถาม” ผมชะงักแล้วปล่อยคุณแม่ออกจากอ้อมกอด เปลี่ยนมาเป็นคุกเข่าอยู่ที่ข้างๆ เก้าอี้ของคุณแม่แทน เพราะแบบนั้นความสูงของผมกับคุณแม่จึงไม่ต่างกันนัก

“นั่นสินะครับ แล้วทำไมคุณแม่ถึงถามผมละครับ หรือพี่มินเป็นคนมาบอกคุณแม่หรือเปล่าครับ?” เพราะถ้าใช่ ผมจะถามไปตัดขาใต้กางเกงของพี่มินเอง เอาให้สูญพันธุ์ไปเลย!

“ไม่ใช่ค่ะ” ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อคุณแม่ส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่ผมถาม หากไม่ใช่พี่มิน อีกคนก็คงเป็น…

“อนุรักษ์หรือครับ?” คุณแม่หัวเราะคิกๆ แต่ก็ยังส่ายหน้าให้ผม ผมขมวดคิ้วคิดทบทวนว่าใครกันที่พูดเรื่องนี้ออกมา ซึ่งผมก็หาคำตอบไม่ได้ เพราะคนที่รู้เรื่องของผมสองคนถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยเสียแล้ว

ถ้าอย่างนั้นใครกัน? ใครที่เป็นคนพูดเรื่องของผม?

“คิดอะไรมากมายคะลูก บางครั้งลองหยุดคิดบ้างก็ได้นะคะ นานๆ ที…ลองฟังบ้างก็ได้ค่ะ ลูกอาจจะเข้าใจอะไรมากกว่าการคิดไปเองเพียงคนเดียว”

“ถ้างั้น…ทำไมคุณแม่ถึงถามผมแบบนั้นละครับ?” คุณแม่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อผมยอมนิ่งลง เลิกคิดมากมายไปเองแล้วรอฟังคำตอบจากปากของคุณแม่เอง

แต่คุณแม่ไม่ได้ตอบผมด้วยคำพูด คุณแม่เพียงเลื่อนโทรศัพท์เครื่องสวยมาข้างหน้าผม ราวกับต้องการจะบอกว่าให้ผมหยิบมันไปดู ผมไม่เข้าใจจึงได้เอื้อมมือออกไปหยิบมันมาดู แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผมสิที่ทำให้ผมต้องตกใจจนเบิกตากว้างออกมา

ดินแดน ดินแดนนี่!

แล้วเขาไปทำบ้าอะไรที่กลางห้างแบบนั้นกันเล่า!!

ผมเม้มปากแน่น หัวคิ้วขมวดกันจนแทบจะเป็นปมเมื่อภาพของดินแดนที่ยืนอยู่กลางห้างดังกลางเมือง ชูป้ายขึ้นเหนือศีรษะ ป้ายที่มีข้อความอันชวนให้หัวใจสั่นไหวจนไม่สามารถควบคุมได้

บ้าจริง! แดนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครกันจะบ้ามาง้อคนอื่นกลางห้างให้ประชาชนถ่ายรูปลงโซเชียล

ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หลุดยิ้มออกมา แต่มันก็ยากเย็นเหลือเกินที่จะบังคับได้ เชาทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรือ ไม่อายหรือไรที่ต้องยืนอยู่ท่ามกลางสายตาคนมากมายขนาดนั้น ตลอดเวลาที่เราเคยคบกันมา ผมไม่เคยรู้เลยว่าดินแดนจะกล้าทำอะไรพวกนี้ นี่เขาเป็นคนโรแมนติกตั้งแต่เมื่อไร

“เห็นแล้วใช่ไหมคะ” ผมกัดริมฝีปากที่กำลังยิ้มออกมาเอาไว้แล้วพยักหน้าให้กับคุณแม่ ยิ่งมองผมก็ยิ่งอยากจะหัวเราะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับอยากมองมันอีก มองมันอย่างนั้นไม่อยากละสายตาไปไหน มองชื่อของผมบนป้ายกับใบหน้าของเขาที่ถ่ายทอดความเว้าวอนมาหาผมผ่านรูปถ่าย

น่ารัก ดินแดนจะน่ารักเกินไปแล้วนะ!

“ทีนี้คงรู้แล้วนะคะ ว่าแม่ถามไมน์ทำไม”

“ครับ ผม ผมรู้แล้วครับคุณแม่”

ใจผมอยากจะบันทึกภาพนี้ลงโทรศัพท์เหลือเกิน ติดที่ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของคุณแม่ ไม่ใช่ของผม แม้จะไม่อยากละสายตา แต่ก็คงต้องไปค้นหาเอาจากโทรศัพท์ตัวเองคงจะดีกว่า ต่อให้มีรูปสักร้อยรูป ผมก็จะบันทึกมันลงไปโดยไม่ลังเลแน่นอน

แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ค้นหา เพียงแค่จับโทรศัพท์ตัวเองก็มีสายเข้ามาแล้ว เบอร์โทรที่ไม่คุ้นตาทำให้ผมต้องมองพร้อมกับทบทวนไปว่าช่วงนี้ผมได้ให้เบอร์ใครไปบ้างหรือเปล่า แต่เมื่อคิดว่าไม่มีก็มีแต่ต้องลองรับสายดูเท่านั้นจึงจะรู้ได้

“สวัสดีครับ”

‘ไมน์! ไมน์ใช่ไหม?’ เสียงที่คุ้นหูทำให้ปมขมวดคิ้วก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสนสุภาพ

“ครับ ผมไมน์ครับ ไม่ทราบว่านั่นใครหรือครับ?”

‘เราเอง ภูมิ เพื่อนของแดน ไมน์จำเราได้หรือเปล่า’ ผมคลายสีหน้าลงเป็นนิ่งเฉย เมื่อได้รู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร ผมผ่อนลมหายใจลงเล็ก ก่อนจะหลบเลี่ยงคุณแม่ไปที่ห้องโถงใหญ่ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่วงท่าสบายๆ

“จำได้สิ ภูมิสบายดีนะ”

‘เราสบายดี แต่เราอยาก…เอ่อ ช่างเถอะ เอาเรื่องของแดนก่อนแล้วกัน ไมน์เห็นรูปในโซเชียลหรือยัง’ อา…คงหมายถึงรูปของดินแดนที่ถือป้ายที่บอกรักผมไว้เหนือศีรษะสินะ

“เห็นแล้วล่ะ ภูมิมีอะไรหรือเปล่า?” ผมออกจะไม่เข้าใจนะครับว่าภูมิต้องการจะบอกอะไรกันแน่

‘แล้วคลิปล่ะ? เห็นคลิปไหม?’

“เราเห็นแค่รูปนะ คลิปยังไม่เห็นเลย” ผมบอกไปตามความจริง ซึ่งดูเหมือนภูมิจะนึกเอาไว้แล้วจึงได้ถอนหายใจออกมา

‘ไมน์…เราจะส่งคลิปไป ไมน์ช่วยดูหน่อยนะ’

“…” ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธออกไป ใช้ความเงียบสงบสยบทุกสิ่งเอาไว้ไม่เปิดเผยให้อีกคนรู้ว่าผมกำลังใจเต้นแรงแค่ไหน

‘ดูแล้วไมน์จะเอายังไงก็ตอบมันเองแล้วกันนะ เพื่อนเราที่ชื่อดินแดน รอคำตอบจากไมน์อยู่’






เอ๊ะ? เอ๊ะ?? เอ๊ะ???? คลิปอะไรคะภูมิ ขอแมวดูด้วยสิ แมวก็อยากรู้นะ ทำไมปิดบังแมวแบบนี้!! ว่าแต่ว่า คุณแม่ขาา คุณแม่ทำแมวใจหายไปพักหนึ่งเลยนะคะ นี่แมวก็นึกว่าคุณแม่จะขัดขวางเสียอีก โธ่~

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง
สะระน๊องก่องแก่งมะน่องมะแน่งมั๊บ
ปะล่องป่องแป่งง้องแง้งง้องแง้งในชีวิตเธอ
ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง

 :katai3:
ไม่รู้ว่าจะเม้นท์จะพูดอะไรดี
หึหึ

คนแต่งเก่งนะ..ทำเราซะอึ้ง ไปไม่เป็นทางเลย
 :katai1:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ค้างอะ ลุ้นสุด

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ไม่ว่าจะคลิปเดียวกันไหมที่ทำให้ใจเต้นแรงหรือคลิปที่จะทำให้ใจสลาย ไมน์ก็บ่หยั่น ไม่มีอะไรในสามโลกที่จะมาทำให้ไมน์เลิกรักดินแดนได้หรอก เจอมากว่านี้ยังรัก นับประสาอะไรแค่คลิปหรืออุปสรรคอื่น หึหึ 55555555555 เออๆเอาเข้าไปทั้งคู่อ่ะ เหมาะกันจริงๆนะ ยิ่งดูยิ่งเหมาะสมกัน ไมน์ดินแดน (ฮา) ขอบคุณที่มาอัพต่อนะคะ รอตอนต่อไปจะเกิดไรขึ้นบ้าง  :pig4:

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[19] 50%


โอกาส
[/b]

เอี๊ยด!!

“คุณหนู ถึงแล้วครับ”

“ขอบคุณครับพี่ชาติ ขอบคุณมากๆ นะครับ” ผมปิดประตูลงทันทีที่ขอบคุณพี่ชาติเสร็จเรียบร้อยโดยไม่ได้อยู่ฟังคำตอบกลับมา สองเท้าออกวิ่งอย่างรวดเร็ว หวังเหลือเกินว่าจะสามารถไปทันทีเขาจะยังอยู่ ยังรอผมอยู่อย่างที่เขาบอก

หัวใจของผมทำงานอย่างหนัก อึดอัดจนต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้ที่แผ่นอก แต่ทั้งๆ ที่ผมกำลังอึดอัดจนแทบจะตาย แต่ริมฝีปากกลับแต้มรอยยิ้มกว้างออกมาแบบนี้ ผมทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ทุกสิ่งมันคือความหวังของผมที่กำลังเป็นจริง อยากเห็นหน้าเขา อยากมองเขาด้วยสายตาคู่นี้ว่าสิ่งที่เขาบอกมานั้น มันออกมาจากหัวใจของเขาจริงๆ ใช่ไหม

ความรักของเรา ความผูกพันที่เรามีต่อกัน มันไม่ใช่เรื่องที่ผมคิดไปเองคนเดียวสินะ

เพียงแค่ผมเห็นคลิปที่ถูกส่งมาผ่านทางไลน์ของภูมิ หัวใจของผมก็เต้นแรง น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย เสียงร่ำร้องภายในหัวใจบอกกับผมว่าให้รีบมาหาเขา รีบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดที่โหยหา ความคิดถึงและดีใจทำให้ผมไม่เหลือมาดที่เคยวางเอาไว้

ทุกสิ่งถูกผมทิ้งมันไปจนหมด ให้เหลือเพียงแค่หัวใจของเราสองคน

“ผมไม่รู้ว่าครั้งนี้มันจะออกมาดีไหม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไมน์จะหายโกรธผมหรือเปล่า” ผมเม้มปากแน่นในขณะที่มองดินแดนที่ปรากฏตัวอยู่ในคลิป

“ผมเพียงหวัง หวังว่าครั้งนี้ผมจะยังไม่หมดโอกาสที่จะได้รับจากไมน์”

“ผมไม่ขอแก้ตัวใด ๆ ในสิ่งที่ผมทำลงไป...” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับความขมขื่นที่พร้อมจะไหลลงมาอาบสองแก้ม

“แต่ผมจะขอแก้ไขได้ไหม ให้เราได้เป็นเราอีกครั้ง และครั้งนี้ผมสัญญาต่อหน้าทุกคน ว่าผม ดินแดนคนนี้ จะไม่มีวันทำให้ไมน์เสียใจอีก จะไม่มีวันทำให้หัวใจของไมน์ต้องเจ็บช้ำเพราะความโลเลของผมอีก” ดินแดนค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ แต่มันกลับดึงดูดสายตาของผมได้อย่างดี แม้แต่ป้ายที่เขาถือเอาไว้ มันก็ยังตรึงใจของผม

“ผมพลาดที่เคยพาใครอีกคนมาทำให้ไมน์เจ็บ พลาดที่ตัวเองเลวจนไมน์ไม่อาจทนอยู่กับผมได้อีกต่อไป แต่ผมก็ทนไม่ได้จริงๆ ที่ต้องเสียคุณไปไมน์ การไม่มีคุณอยู่ข้างๆ ผม การที่ต้องตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าผมได้เสียคุณไปแล้ว” แววตาของเขาสั่นไหวเจือไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

“มันน่ากลัวจนผมไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถฝืนลืมตาขึ้นมาได้อีกนานแค่ไหน...”

“เพราะงั้นผมจะรอนะ จะรออยู่ที่นี่ไม่ไปไหน จะรอจนกว่าไมน์จะมา ไม่ว่านานแค่ไหนก็ตาม” ผมหลับตา มือคิดจะปิดคลิปลงแต่กลับต้องชะงักลงด้วยคำพูดประโยคสุดท้าย

“ผมรักไมน์ ไมน์จะเป็นเจ้าของดินแดนคนนี้เพียงผู้เดียว ผมเป็นของไมน์นะครับ”


ยิ่งนึกถึงคลิปที่ได้ดูผมก็ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้ เขาบอกว่าเป็นของผม ผมเป็นเจ้าของเขา เราสองคนเป็นของกันและกันเหมือนครั้งก่อน คำสัญญาที่จะไม่ทำให้ผมเสียใจ ผมรู้ว่ามันง่ายเกินไปที่จะเชื่อเขา แต่ผมก็อยากจะลองมัน อยากจะลองเชื่อเขาดูอีกสักครั้ง แม้ว่าครั้งนี้มันอาจจะจบด้วยความเจ็บปวดเช่นเดิม แต่อย่างน้อยผมก็ได้ลอง

ผมไม่รู้ว่าดินแดนเขาอยู่ตรงจุดไหน ห้างนี่ไม่ใช่เล็กๆ แถมในคลิปไม่ได้ถ่ายจุดเด่นใดๆ เอาไว้อีกด้วย เขาบอกเพียงแค่สถานที่ หรือก็คือห้างแห่งนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าคือจุดไหน ชั้นอะไร ผมจึงได้แต่วิ่งวนไปจนทั่ว

ชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม

ผมไม่ละความพยายามที่จะพบเขา ไม่ว่าใครจะมองว่าผมบ้ายังไงก็ตาม ผมเพียงแค่…ไม่สามารถห้ามความรู้สึกตัวเองได้อีกแล้ว ร่างกายกับหัวใจของผมในตอนนี้มันรวมกันเป็นหนึ่ง เลือกที่จะสั่งการให้ตามหาดินแดนให้พบ กอดเขาให้แน่นแล้วไม่พรากจากกันอีก

หลังจากดูคลิปจนจบ ผมก็เรียกพี่ชาติให้ขับรถพาผมมา ต่อให้ต้องใช้ความเร็วมากแค่ไหน เสียเงินเท่าไรเพื่อจะมาให้ถึงเร็วขึ้นผมไม่สนใจ เงินไม่ใช่ปัญหาของผมเลย

ขอเพียงมาหาเขาได้เร็วขึ้น ผมยอมทั้งนั้น

“แฮ่กๆ”

อยู่ที่ไหนนะ อยู่ตรงไหนกันแน่

ผมกวาดสายตามองหาร่างของดินแดน หาฝูงชนที่มีมากมายแต่ก็ยังไม่พบ ผมวิ่งต่อไปเรื่อยๆ มองหาทั้งซ้ายขวาไม่ให้สิ่งใดรอดพ้นไปจากสายตา ผมเริ่มร้อนใจ กลัวว่าเขาจะเลิกรอ กลัวเขาจะถอดใจแล้วกลับไป กลัวเหลือเกินว่าจะไปไม่ทัน เพราะหากเป็นอย่างนั้นผมคงขาดใจตาย รู้แบบนี้ตอนภูมิโทรมาถามจุดที่ดินแดนอยู่เสียก็ดี

ภูมิ! จริงด้วยสิ! ถ้าโทรไปถามภูมิก็คงจะรู้แน่

ผมตัดสินใจได้ก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดเบอร์ที่โทรเข้ามาล่าสุดออกไป เฝ้ารอให้อีกฝ่ายรับสายอย่างร้อนใจ แม้ว่าจะไม่นาน แต่สำหรับผมมันก็นานอยู่ดี

“ภูมิ!!”

‘ไมน์ มีอะไรหรือ?’ ผมพยายามหายใจเข้าออกให้เป็นจังหวะจากการวิ่งไปวิ่งมาที่แสนเหนื่อย ควบคุมน้ำเสียงและทุกอย่างเอาไว้

“ดินแดน…ตอนนี้อยู่ที่ไหนหรือ?”

ผมอยากรู้ เขายังรออยู่ตรงนั้นไหม แต่ผมไม่กล้า ไม่กล้าจะถามออกไปตรงๆ

กลัวว่าคำตอบที่ได้กลับมาจะทำให้ผม…หมดเรี่ยวแรง

‘ห้าง…ชั้น4 ตรงลานใหญ่ๆ ไมน์รู้จักใช่ไหม?’ ตรงนั้นนั่นเอง ผมขยับริมฝีปากตอบกลับเขาอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและดีใจ

“ขอบคุณมากนะ…”

‘ไมน์…’ ผมที่กำลังจะวางสายกลับได้ยินเสียงเรียกของภูมิเสียก่อน น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูลำบากใจมากๆ จนผมที่คิดจะออกตัววิ่งตรงไปยังจุดหมายต้องชะงักเท้า ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูอีกครั้ง

“มีอะไรหรือภูมิ?” ภูมิเงียบไปสองสามวินาที ก่อนผมจะได้ยินเสียงของเขาที่แผ่วเบา

'เราขอโทษนะ ขอโทษที่เคยมองไมน์ไม่ดี ขอโทษ…ที่คำพูดของเราทำให้ไมน์กับแดนต้องมีปัญหากันแบบนี้’

ผมเม้มริมฝีปาก แววตาที่ก้มลงมองพื้นมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผมไม่ได้โกรธภูมิ แต่ก็เสียใจที่เราสองคนไม่เคยเข้ากันได้ เสียใจที่เขาไม่เคยชอบผมทั้งที่ผมพยายามต่างๆ นานา แต่ภูมิเหมือนมองผมเป็นคนที่ไม่ควรอยู่ในชีวิตของดินแดน

แต่ผมไม่คิดว่าเขาทำผิดอะไรหรอกนะครับ เพราะถ้าเป็นผม เพื่อนผมคบกับใครที่ไม่แน่ชัด

ผมก็คงทำไม่ต่างกัน นั่นคือการระแวดระวัง

“ไม่หรอก…”

‘…’ ไม่เลย ไม่ใช่ มันไม่ใช่ความผิดของภูมิเลย

“เรื่องนี้มันผิดที่เรากับแดนมากกว่า เราผิดที่ไม่ชัดเจนในเรื่องฐานะของเรา ซึ่งการไม่พูดก็เท่ากับโกหก แต่เราว่าแดนคงไม่ได้เลิกกับเราเพราะเรื่องนี้หรอกนะภูมิ เราสองคนไม่ได้เลิกกันเพราะภูมิสงสัยว่าเรามาเกาะดินแดนหรอก” เพราะตัวใบบัวเองก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่ดินแดนก็ยังเลือกเธอ

เพราะงั้น...มันย่อมใช่เรื่องของฐานะอย่างแน่นอน

‘....’ ผมรู้สึกแย่ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ถึงผมจะไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นใครออกไปจริง ๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะปิดบังตัวตนของผมเลย ดินแดนเองก็ไม่ใช่คนที่จะมองใครที่ฐานะ เขาก็แค่...ชอบเธอที่เป็นเธอ ไม่ใช่เพราะเธอสูงหรือต่ำ แต่คงเพราะอะไรบางอย่างในตัวของเธอที่ทำให้ดินแดน ถูกใจ

“แต่ภูมิ...ภูมิก็คงรู้จักนิสัยของแดนดี คนอย่างแดนไม่มองใครที่ฐานะหรอกนะ เธอคนนั้น...ได้หัวใจของแดนไป ภูมิคงรู้ดี”

‘เราแค่...อยากให้ไมน์กับดินแดนดีกันอีกครั้ง อยากขอโทษ ถึงแม้ไมน์จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับคำพูดของเราหรือสิ่งที่เราคิด แต่เราก็ยังอยากจะขอโทษอยู่ดี เพราะงั้น...เราขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ’

ผมสูดลมหายใจก่อนจะพ่นมันออกมา ผมเองก็ดีใจที่ภูมิหันกลับมาพูดกับผมตรง ๆ เมื่อเข้าใจผิดก็ขอโทษออกมาอย่างไม่คิดจะถือตัวยิ่งใหญ่ คงเพราะนิสัยแบบนี้ ดินแดนถึงได้สนิทกับภูมิ

“เรารับคำขอโทษและให้อภัย ภูมิอย่าคิดมากอีกเลยเรื่องนี้ มันผ่านมาแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว คิดถึงมันไปก็เท่านั้น”

‘ขอบใจนะ ขอบใจมากจริง ๆ’ ผมได้แต่ยิ้มกับความรู้สึกจริงใจที่ภูมิส่งมันมาให้ผม

“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก เราต้องไปแล้ว แค่นี้ก่อนนะ ไว้คุยกันใหม่”

ผมกดวางสายแล้วออกตัววิ่งไปยังจุดหมายที่ได้รู้จากภูมิ ภาวนาให้เขายังคงรอผมอยู่ ให้เขายังยืนอยู่ตรงนั้น เพื่อผมจะได้หมดความค้างคา และให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนกลับมาเป็นคนที่รักกันอีกครั้ง สองเท้าของผมยิ่งเร่งความเร็วเมื่อภาพตรงหน้าคือเหล่าฝูงชนที่ยังคงล้อมวงอยู่ตรงนั้น

หัวใจของผมเต้นแรง ลมหายใจหอบเล็กน้อยจากความเหนื่อย แต่ไม่มีอะไรหยุดผมลงได้จากสิ่งที่กำลังคาดหวัง ผู้คนที่รุมล้อมต่างแหวกทางออกให้ผมได้มองเห็นเขา หลายคนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายพวกเราสองคน ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ระยะห่างที่เพียงไม่กี่ก้าวเราสองคนก็จะสามารถจับมือกัน ผมสั่นไปทั้งร่าง น้ำตาก็พานแต่จะไหลอยู่ตลอดเวลา ดินแดนค่อยๆ หันมาหาผมช้า ๆ เขาถือป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า...

ผมรักไมน์

เหมือนที่ผมได้เห็นในรูปที่ถูกแชร์ผ่านโซเชียล

ดวงตาทั้งสองของเขาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นหน้าผม ริมฝีปากของเขาค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มออกมา จากรอยยิ้มที่เบาบางก็กลายเป็นยิ้มกว้างที่บ่งบอกได้ถึงความดีใจ

เขาดีใจที่ได้เจอผม แค่เห็นหน้าผมเขาก็ดีใจแล้วหรือ







..........50%...........
[/b]





บอกตามตรงนะคะ ตอนนี้เป็นอะไรที่หั่นยากมาก เพราะหาคำว่าครึ่งไม่เจอออออ ปาดเหงื่อ เขาเจอกันแล้วววว จะเป้นยังไงต่อรออ่านกันพรุ่งนี้นะคะ อดทนเอาไว้นะทุกคนนนน

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
และแล้วเขาสองคนก็รักกันอีกครั้ง
หุหุ

ส่วนใบบัวได้ตายห่าไปแล้ว(ไม่ต้องกล่าวถึงอีก)
ฮ่าฮ่า

เรียบร้อยดี๊ดี
อิจฉาพระเอก..บ่องตง
 :hao4:

+1 ให้เล๊ยยยยยย
กร๊ากกกกกก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[19] 100%


ผมรู้สึกหวานล้ำอยู่ในอก อยากจะยิ้มตอบออกไปให้เขา แต่มันก็หนักอึ้งจนทำไม่ได้ ทั้งที่ก่อนที่ผมจะมาถึงจุดนี้ผมกลับยิ้มออกมาอย่างไม่คิดจะอายใคร ๆ แต่เพียงแค่ได้ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา ผมกลับไม่สามารถจะส่งยิ้มนั้นให้กับเขาได้ มันอาจจะเป็นความค้างคาใจที่ผมยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ถ้าหากว่าผมทำลายความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจลงไปได้ เราสองคนก็คง...กลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนเมื่อครั้งวันวาน

“ไมน์...ไมน์มาแล้ว” ผมหลับตาลงอย่างต้องการอาการสั่นไหวในหัวใจ สะกดกลั้นรอยยิ้มที่มันจะปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าเอาไว้ เสียงรอบข้างเงียบลงราวกับเฝ้ารอให้ผมได้พูดออกไป

“คุณทำอะไร...ไม่อายหรือที่ทำแบบนี้” เสียงที่ผมใช้เอ่ยถามไม่ได้แข็งกระด้าง ไม่ได้เบาหวิวจนไม่อาจได้ยิน เพียงแค่มันสั่นระริกอยู่ในนั้น

“ไม่ ไม่เลย ให้ทำยิ่งกว่านี้ก็ได้ แค่ผมได้พบไมน์”

หัวใจเจ้ากรรมดันไม่ยอมสั่งคำสั่ง เต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ผมยกมือขึ้นลูบมันให้ได้สงบลงแม้สักน้อย แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด ไม่ใช่เพียงคำตอบที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง แต่ทั้งแววตา น้ำเสียง รอยยิ้ม ทุกอย่างที่รวมเป็นดินแดน มันทำให้ผมไม่สามารถควบคุมหัวใจตัวเองได้ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่มันก็เป็นเช่นนี้มาเสมอ

“อยากพบผมทำไมกัน คุณเองไม่ใช่หรือที่บอกว่าลืมมันไปจนหมดแล้ว เรื่องของเรา” ผมเปล่าอยากจะรื้อฟื้น แต่คำพูดที่เขาใช้มันทำร้ายผม มันยังคงตามหลอกหลอนผมไม่มีที่สิ้นสุด สีหน้าของดินแดนเศร้าลง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อผม

“ผมขอโทษครับ เพราะความโง่ของผม เป็นเพราะผมที่ไม่มั่นคงต่อความรักของเรามากพอจึงได้ทำให้ไมน์ต้องเจ็บ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง” ผมต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหล แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อสองแก้มของผมรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้น

ผมกำลังร้องไห้ มันเป็นเพราะอะไรผมเองก็ไม่แน่ใจ ความเสียใจ ผิดหวัง หรือความรักที่ได้รับการเยียวยา

“ดินแดน...คุณแน่ใจหรือว่าคุณรักผม บางที...คุณอาจจะแค่รู้สึกผิดต่อผมเฉยๆ ก็ได้”

ใช่แล้ว ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็อย่าเลย ผมน่ะรักคุณมากเกินกว่าจะทนเจ็บปวดได้อีก

ผมสบตากับดินแดน ให้เขาคิดทบทวนมันให้ดี ผมไม่อยากจะเจ็บอีกแล้ว หากว่าเราสองคนรักกันจริง ๆ ผมก็อยากได้ความมั่นใจ อยากจะแน่ใจว่าหากเขาได้หัวใจของผมไปครั้งนี้ เขาจะถนอมมันอย่างดี ไม่ทำให้มันแหลกสลายอีกเหมือนในครั้งก่อน

“ผมแน่ใจ...ผมไม่เคยแน่ใจมากเท่านี้มาก่อน” ผมยืนนิ่ง สบตาของเขามองหาความจริงข้างในดวงตาคู่นั้น ดินแดนขยับเข้ามาหาผมช้า ๆ ทุก ๆ ก้าวที่เขาก้าวเข้ามาเขาจะหยุดลง ก้าวหนึ่งก้าวแล้วหยุดลงหนึ่งก้าวราวกับว่าต้องการขออนุญาตที่จะเข้ามาหาผม ผมไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธออกไปด้วยคำพูด ไม่ได้ก้าวหนีเขาในจังหวะที่เขาก้าวเข้ามา จนในที่สุด เขาก็มายืนอยู่เบื้องหน้าของผม

ยืนอยู่ตรงหน้าผมอีกครั้งด้วยหัวใจที่เต้นไปพร้อมกัน ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงตรงหน้าของผมทันที

“ผมรักไมน์ นั่นคือความจริงที่ผมได้รู้ในวันที่เสียไมน์ไป”

“ทำอะไร! ลุกขึ้นมานะ จะบ้าหรือไง!” ผมพยายามจะดึงเขาขึ้นมา แต่เขาไม่ยอม ยังคงดึงดันจะคุกเข่าอยู่ตรงนั้นต่อ

“ไม่...ผมจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ คุกเข่าให้กับคนที่ผมรัก ไมน์...ช่วยฟังผมหน่อยนะ”

“...”

“ผมเคยคิดว่าไม่ว่าผมจะสายแค่ไหน จะนานสักเท่าไร...ไมน์ก็จะอยู่ตรงนั้น จะรอผมอยู่เหมือนทุกวัน”

ผมเคยรอเขา เคยเฝ้ารอโดยไม่สนใจว่าจะนานแค่ไหน แต่วันสุดท้ายที่ผมเลือกจะไม่รอเขาอีกแล้ว เป็นวันที่ผมรู้สึกได้ว่า...หัวใจของผม มันบาดเจ็บเกินกว่าจะทนอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป

“วันที่ผมมองไม่เห็นไมน์ วันที่ไม่ว่าจะมองหาทางไหนก็ไม่เจอคุณ ผม...ถึงได้รู้ตัวว่า ผมขาดไมน์ไม่ได้”

“...”

“ชีวิตของผมมันต้องมีไมน์อยู่เคียงข้าง ต้องไมน์เท่านั้น ไม่ใช่คนอื่น”

“ฮึก” น้ำตาหลั่งไหลลงมาไม่ขาดสาย ร่างกายของผมถูกเขาดึงเข้าสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคย ซึมซับอุ่นไอจากอ้อมกอดของดินแดนเอาไว้ ในที่สุด...ผมก็ได้กลับเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง อีกครั้งที่เรากลับมาเป็นของกันและกัน

ดินแดนดันร่างของผมออก เขาส่งยิ้มมาให้ผม ใช้ปลายนิ้วเข็ดหยาดน้ำตาออกไปช้า ๆ ปาดไล่ความทุกข์ทั้งหลายของผมออกไปจากหัวใจด้วยความรักที่แสนอ่อนโยน หัวใจดวงน้อยที่เคยเจ็บจนแหลกสลาย ถูกรักษาด้วยคนที่ทำมันพังลงไปเอง บางที...คนที่ทำมันพังก็คงเป็นคนที่ซ่อมมันได้ดีที่สุด

คนที่ทำเราเจ็บ ก็คงเป็นคนที่รักษาความเจ็บปวดได้ดีที่สุดเช่นกัน

เสียงกรี๊ดรอบด้านทำให้เราสองคนต้องหันไปมอง ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีต่อเราสองคนด้วยใจจริง รอยยิ้มและการแสดงออกที่แสนจริงใจสามารถมองเห็นได้อย่างดี ผมส่งยิ้มให้พวกเขาทั้งที่ยังไม่สามารถหยุดน้ำตาที่กำลังไหลได้เลย แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเสีย...น้ำตาพวกนี้ก็เป็นน้ำตาที่แห่งความยินดี

ยินดีที่ได้ความรักกลับมา

“ไมน์ให้โอกาสผมนะ ไม่ต้องให้ผมแก้ไขความผิดพลาด ขอแค่ให้โอกาสผมได้รักไมน์อีกครั้ง ผมสัญญา...ผมจะไม่มีวันปล่อยไมน์ไปอีก ไม่มีวันอย่างแน่นอน” เขาจับมือของผมไปแนบที่ผิวแก้มของเขา ใช้แววตาออดอ้อนเพื่อขอโอกาสอีกครั้งจากผม พร้อมกับเสียงตะโกนจากรอบข้าง

“ให้โอกาส! ให้โอกาส! กรี๊ดดดด!!!!” ผมอดหัวเราะกับเสียงเชียร์ที่ดังมาไม่ได้ ถึงยังไงผมก็แพ้สายตาของเขาอยู่แล้ว ผมไม่เคยชนะดินแดนเลยสักครั้ง ผมแพ้เขามาเสมอ แพ้เพราะหัวใจของผมที่รักเขา

“ครับ”

โอกาสครั้งที่สองที่เราจะรักกัน

















เราสองคนต่างก็เคอะเขินไปเล็กน้อยกับการที่ได้กลับมาเดินจับมือกันอีกครั้ง ดินแดนยิ้มกริ่มอย่างมีความสุข ในขณะที่ผมได้แต่ก้มหน้าปล่อยให้เขาจับจูงต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ขอเพียงมีเขาอยู่ ผมก็ยอมไปกับเขาทั้งนั้น ผมมองมือคู่นี้ที่ได้มีโอกาสจับมันอีกครั้ง

ไม่อยากปล่อย อยากมีเราตลอดไป ผมโลภไปหรือเปล่า

แต่ผมอยากจะมีดินแดนอยู่ด้วยกันตรงนี้จริง ๆ นะครับ อยากมีเขาอยู่กับผมตลอดไป อยากให้เราเป็นเราอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

การได้เดินจับมือกันอีกครั้งแบบนี้ บอกตามตรงผมรู้สึกดีมากจนแทบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน เราสองคนกลับมารักกันอีกครั้ง แบบนี้มันชวนให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะจริง ๆ แม้ว่าคนรอบข้างจะมองเราด้วยสายตาแบบไหน แต่ดินแดนก็ไม่คิดจะปล่อยมือของผม และผมก็ไม่ปล่อยมือไปจากเขา แบบนี้...เราสองคนก็จะจับมือกันตลอดไป

แผ่นหลังของดินแดนที่ผมไม่อยากมองมันอีกหลังจากวันที่เขาทิ้งผมไปกับเธอคนนั้น วันนี้กลับเป็นแผ่นหลังที่จะไม่มีวันเดินเคียงไปกับใครคนไหน จะไม่มีวันทอดทิ้งให้ผมต้องมองเพียงด้านหลังของเขา

“แดน เราจะไปไหนกัน?” ผมขืนตัวเอาไว้เมื่อไม่รู้จุดหมายที่เรากำลังมุ่งหน้าไป ผมไม่ได้กลัว ไม่เลยสักนิด สำหรับดินแดนไม่ว่าที่ไหนผมก็จะไป แต่ผมอยากจะรู้ว่าเราจะต้องเดินกันไปอีกนานแค่ไหนมากกว่า

“ไปทานข้าวครับ ผมอยากทานข้าวกับคุณ คุณแฟน”

ฉ่า!

ความร้อนแล่นขึ้นสู่ผิวแก้มทันทีที่ถูกเรียกแบบนั้น เสียงทุ้มที่แสนนุ่มหูเอ่ยเรียกคำหวานต่อผมขนาดนี้มีหรือที่หัวใจของผมจะทนได้ไหม ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้จนแน่น รู้สึกอายเกินกว่าจะให้ใครได้เห็นสีหน้าของผมในตอนนี้ ดินแดนหัวเราะในลำคอ พยายามแกะมือของผมออกจากใบหน้าพร้อมกับน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่

“ไมน์ อย่าเอามือปิดหน้าสิครับ ทำแบบนั้นผมก็ไม่ได้เห็นหน้าคุณพอดี” ผมส่ายหน้า ไม่ยอมปล่อยมือออกแม้แต่วินาที

บ้า แดนบ้า ทำแบบนี้ผมไม่เขินก็เก่งเกินไปแล้ว

“ไม่เอา แดนแกล้งผม” ผมกลายเป็นคนงอแงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้แต่ว่าคนตรงหน้าไม่ได้รำคาญแม้แต่น้อย กลับหัวเราะชอบเสียอีกที่ได้ยินผมงอแงใส่เขา

“หึ ๆ ให้ผมมองหน้าไมน์เถอะนะ ไมน์ไม่อยากมองหน้าผมหรือ?”

ขี้โกง แดนขี้โกงที่สุด ไม่คิดเลยว่าเขาจะเอาชนะความงอแงของผมด้วยความน้อยใจแบบนี้ สุดท้ายผมจึงทำได้เพียงแค่ค่อยๆ ลดฝ่ามือลงจากใบหน้า เผยความร้อนที่ทำให้สองแก้มแดงปลั่งให้เขาได้เห็น สายตาของดินแดนวาววับไปด้วยความต้องการ

“ไม่อยากกินข้าวเสียแล้วสิ”

“ทำไมล่ะ หรือว่าเพราะไมน์ชักช้าเกินไป” ดินแดนหัวเราะเบาแล้วส่ายหน้า เขาขยับเข้ามาจนใกล้กับผม เราสองคนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน มันน่าอาย แต่ผมก็อยากรู้คำตอบมากกว่า ผมมองแววตาพราวระยับของดินแดนอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง จับจ้องความร้อนแรงที่แผ่ออกมาด้วยหัวใจที่สั่นไหว

“ผมอยากกินไมน์มากกว่า”

“บ้า!!”

ผมหันหลังให้แดนทันทีที่เขาพูดจบ ความรู้สึกเคอะเขินยิ่งมีมากขึ้นเพราะตัวผมเองเข้าใจดีว่าเขาต้องการอะไร แม้ว่าผมเองก็ต้องการเขามากมายแค่ไหน แต่เราก็ไม่ควรมาพูดกันในที่แบบนี้ มันน่าอายรู้บ้างไหม

“หึ ๆ ไปกันเถอะครับ มีใครบางคนรออยู่นานแล้ว”

“ใครหรือแดน?”

แดนไม่ตอบคำถามของผม เขายังคงจับจูงผมให้เดินเคียงข้างไปกับเขาอย่างไม่รีบร้อนใด ๆ เราสองคนต่างก็โหยหากันและกันมา เมื่อได้สัมผัสถึงตัวตนของอีกฝ่ายจึงไม่อยากจะทำสิ่งใดนอกจากสัมผัสให้มากยิ่งขึ้น ผมไม่อยากปล่อยมือไปจากเขา เช่นเดียวกันกับที่เขาเอวก็ไม่อยากจะปล่อยมือของผม เราสองคนจึงจับมือกันแน่นมากยิ่งขึ้น ให้แน่ใจว่าใครคนหนึ่งจะไม่ปล่อยมือ

ดินแดนพาผมเดินเข้ามาที่ร้านแห่งหนึ่ง ภายในร้านมีการตกแต่งที่ดูเรียบแต่กลับน่ามอง บรรยากาศมีความสบายในอารมณ์ทุกครั้งที่ได้กวาดสายตาไป ผมไม่รู้ว่าใครที่รอเราอยู่ แอบกลัวเหมือนกันว่าจะเป็นเธอคนนั้นอีกหรือเปล่า เพราะถ้าหากใช่ ผมกลัวว่าตัวเองจะเลือกวิ่งหนีออกมา แทนการรอฟังความจริง

เมื่อเจ็บมาจนไม่อาจทนไหว ตัวผมเองย่อมมีการป้องกันตัวไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บ จริงอยู่ที่ผมตอบตกลงให้โอกาสดินแดน ยอมกลับมาเป็นแฟนกันอีกครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมเลือนสิ่งที่เขาเคยทำไว้ มันเป็นเหมือนบทเรียนเพื่อให้ผมเรียนรู้ถึงการแสดงออก หากวันใดดินแดนเปลี่ยนไปอีกครั้ง ผมจะได้รู้มันให้ทันเวลา และเอาตัวเองออกมาก่อนที่จะเจ็บ

“มาแล้วสินะ”

เสียงของผู้ชายตนหนึ่งดังขึ้นมาทำให้ผมต้องหันไปมอง ใบหน้าของคนคนนี้แทบจะเหมือนดินแดนทุกอย่าง ต่างก็ตรงที่ผู้ชายคนนี้มีลักยิ้มอยู่ที่แก้มทั้งสองข้าง ใบหน้าหล่อเหลาจนผมแทบจะอ้าปากค้าง จริงอยู่ที่พี่ชายผมเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาอันดับหนึ่ง แต่ผู้ชายคนนี้ดูยังไงก็...หล่อกว่าพี่มินอยู่ดี!!

ใคร คนคนนี้เป็นใครกัน หล่อขนาดนี้ทำไมผมถึงไม่เคยเห็นในการจัดอันดับ ให้ตายเถอะ พี่มินรู้เข้าต้องอกแตกตายแน่!

“นี่นะหรือคนที่บอก” บอก? บอกอะไร?

“ครับพี่ คนนี้ล่ะครับที่ผมบอกพี่” ผมได้แต่ยืนงงอยู่ท่ามกลางบทสนทนาของเขาทั้งสองคน หันไปทางไหนก็เจอแต่ความไม่เข้าใจ ดินแดนหันมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนและน้ำเสียงทุ้มหูที่เอ่ยแนะนำ

“นี่ไมน์แฟนของผมครับ”

“...” ผมยกมือขึ้นไหว้เขาทันทีที่ถูกแนะนำ แล้วก็ต้องอึ้งกับสถานะของคนตรงหน้าที่นั่งหล่ออยู่พร้อมกับแก้วกาแฟ

“ไมน์ครับ นี่คือพี่อาณาเขต พี่ชายของผมเอง

ไม่จริงน่า!! ดินแดนมีพี่ชายด้วยหรือ มีตั้งแต่เมื่อไรกัน!









เขาก็มีมาตั้งแต่เกิดนั่นล่ะค่าน้องไมน์ พี่ชายนะคะลูก ไม่ใช่ไฝ จะได้เพิ่งจะมีตอนโต ดินแดนคุกเขาขอโทษ พร้อมกับสัญญาต่อหน้าทุกคนว่าจะไม่ทำให้น้องเสียใจ แบบนี้แล้ว...แม่ๆพร้อมให้อภัยได้หรือยังเอ่ยยย อยากเดินออกไปกลางสี่แยกแล้วตะโกนออกไปว่า เขาดีกันแล้วจ้าาาาาาาาา

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
น้ำเน่าได้มั้ย 555 อ่านแล้วมีความสุข

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เธอตายไปแล้วจริงๆ ใบบัว
หุหุ

ปล่อยให้สองคนนี้เค้าครองรักกันอย่างมีความสุข
ฮ่าฮ่า

นิยายเรื่องนี้บอกว่า "ไมน์" คือ ของตาย
เพราะไม่ว่าจะสาย หรือจะนานขนาดไหน
พระเอกก็ยังมั่นใจว่า จะไปไหนไม่ได้อยู่ดี

ดินแดนแม่งทำบุญมาด้วยอะไรหว่า
ถึงได้ "เชืี่ย" แต่ยัง "โชคดี" ได้ขนาดนี้

เรื่องเวรเรื่องกรรม ช่างหัวแม๋มสิ
ใครสน..อิอิ
 :seng2ped:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
 :เฮ้อ: อ่านแล้วอิน เพราะเคยมีคนรู้จัก ก็แบบนี้อะ รักจนโง่ไปเลย ... ให้อภัยง่ายไปนิด

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[20] 50%


ข่าวร้าย...

“ไมน์ครับ นี่คือพี่อาณาเขต พี่ชายของผมเอง”

ได้ยินประโยคนั้นผมเองก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก พี่ชายคนนี้ของดินแดนหน้าตาดีมาก แต่ติดเงียบขรึมท่าทางน่าเกรงขาม ผิดกับพี่ชายของผมเองที่ไร้ความเงียบขรึม คิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าจนหมด นึกเปรียบเทียบแล้วผมก็ดันหดหู่ในใจเองเสียอย่างนั้น

แต่ไม่สิ พี่ชายของผมต้องดีที่สุดอยู่แล้ว ใครก็สู้พี่ชายของผมไม่ได้ทั้งนั้นล่ะ ฮึ!

“อะ สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” สายตาเย็นๆ ที่มองมาทางผมเล่นเอาขนลุกซู่จนต้องหลุดออกมาจากภวังค์ อาณาเขต ผู้ชายคนนี้ดูแล้วอันตรายมากเหลือเกิน อันตรายจนผมไม่อยากเข้าไปยุ่ง

“พี่เขต! อย่ามองแฟนผมแบบนั้นสิพี่”

“หึๆ ขอโทษที พี่ล้อเล่นน่ะ” ผมยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้กับพี่ชายดินแดน

ล้อเล่นที่ไหนกัน จ้องผมเหมือนกับจะกินเลือดผมแบบนั้น

ผมรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ถ้าพี่มินอยู่ด้วยก็ดี อย่างน้อยก็มีที่ให้ผมได้หลบสายตาน่ากลัวคู่นี้ สีหน้าเรียบเฉยกับแววตาที่คมยิ่งกว่าใบมีด เหมือนของคุณอาสมภพไม่มีผิด

“นั่งสิ”

ดินแดนเลื่อนเก้าอี้ออกให้กับผม ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆ กับผม มือของเราจับกันอยู่ใต้โต๊ะ ดูเหมือนว่าดินแดนจะเข้าใจความรู้สึกของผมดี เขาจึงได้มีท่าทีแบบนี้ เขาคงพยายามจะปลอบโยนผม พอได้รับไออุ่นของดินแดนผ่านทางฝ่ามือ หัวใจของผมก็พอสงบลงไปได้บ้าง อย่างน้อยดินแดนก็ยังห่วงใยผม

“เรื่องที่ผมขอให้พี่ช่วย พี่ว่ายังไงครับ?” ผมมองพี่อาณาเขตที่ไร้ความร้อนอกร้อนใจใดๆ เอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับยกกาแฟขึ้นมาจิบไปด้วยอย่างไม่เข้าใจ

เขากำลังพูดเรื่องอะไรกัน?

“เรื่องนั้นฉันตกลงอยู่แล้ว แต่นี่คงไม่ใช่ว่าวางแผนเพื่อจะหนีไปเที่ยวกับแฟนหรอกใช่ไหม?” ดวงตารีเรียวค่อยๆ หรี่ลงอย่างจับผิด ซึ่งผมเองก็หันมองหน้าของดินแดนด้วยเช่นกัน ดินแดนไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ มีเพียงแค่แววตาที่จริงจังส่งตอบกลับไปเพียงเท่านั้น

“ผมอยากให้เธอออกไปจากชีวิตของผมกับไมน์ ผมพลาดเองที่ดึงเธอเข้ามา”

ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างรู้ในคำตอบ ความเงียบเริ่มเข้ามาปกคลุมในร้านอีกครั้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมเองก็พอยอึดอัดไปด้วยเพราะเพิ่งเคยพบกับพี่ชายของดินแดนครั้งแรก ผมเองก็ไม่ใช่คนเก่งกาจที่สามารถสนิทกับใครได้ในพริบตา ยิ่งคนแบบพี่อาณาเขตแล้วด้วย บอกเลยว่าสนิทด้วยยาก! ผมคงไม่มีหน้าไปสนิทด้วยหรอกครับ มองครั้งหนึ่งก็เหมือนรู้ไปทุกอย่างว่าคิดอะไร คนแบบนี้ผมไม่อยากยุ่งด้วยสักเท่าไร

ดินแดนหันไปเรียกพนักงานเพื่อสั่งอาหาร ผมไม่ได้เป็นคนเลือก เพราะความเกรงใจจึงส่งให้พี่ชายของดินแดนและตัวของดินแดนเองเป็นคนเลือกมัน เรารอให้อาหารมาเสิร์ฟอยู่พักหนึ่ง ระหว่างนั้นมีแต่ความเงียบที่เข้ามากลืนกินจนผมแทบจะจิตตก อยากจะวิ่งออกจากร้านไปแล้วด้วยซ้ำ

“ว่าแต่พี่เถอะพี่เขต ไม่คิดจะหาลูกสะใภ้ให้คุณพ่อสักทีหรือ?” ผมนั่งฟังการสนทนาระหว่างสองพี่น้องเงียบๆ ยกน้ำแตงโมปั่นขึ้นมาดื่มไปด้วยเพื่อไม่ให้เป็นการดูจดจ่อต่อเรื่องของพวกเขามากเกินไป แต่ใครจะไปคิดล่ะ ว่าผมจะพบเจอกับ...

“ไมรวี!!”

พรวด!!

“แค่กๆ พะ พี่มิน”

โธ่เอ๊ย นี่มันวันโลกแตกอะไรกันครับ ผมเพิ่งจะดีกับดินแดนได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ทำไมพี่ชายของผมถึงโผล่มาที่นี่ได้ล่ะ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะอยากหลบหลังพี่มินเพื่อให้อดจากสายตาของนักล่าอย่างพี่อาณาเขตก็ตาม แต่มาแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ หน้าตาขึงขังจนน่ากลัวแบบนี้ ถึงจะเป็นพี่มิน ผมก็กลัว

“มะ มา มาได้ยังไงครับ แล้วงานของพี่ล่ะ” ทำไมทิ้งงานมา ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ตอนนี้!!! ผมจะได้คบกับดินแดนอย่างมีความสุขไหมนี่! พี่มินถลึงตาใส่ผมเหมือนที่ทำทุกครั้งเวลาผมไม่ฟังคำพูดของพี่มิน

“งานเงินอะไรช่างมันสิ! รู้หรือเปล่าว่าพี่รู้สึกยังไงตอนที่เปิดโซเชียลแล้วเจอภาพของเรากอดอยู่กับหมอนี่!” สีหน้าของพี่มินดูไม่พอใจอย่างมาก ทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าหดตัวลงให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พี่มิน สวัสดีครับ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อ...”

“ไม่ต้อง!! ผมไม่ได้อยากรู้จักคุณ!” ใครจะไปคิดว่าพิ่ชายผมจะแหกหน้าคนแบบนี้ ผมได้แต่บีบมือของดินแดนเอาไว้อย่างให้กำลังใจ

“ถ้าไม่อยากรู้จักน้องชายฉัน กับฉัน นายคงพอจะยอมทำความรู้จักสินะ มิน” พี่มินปรายตาไปหาพี่ชายของดินแดน ก่อนที่ดวงตาของพี่ชายผมจะฉายแววตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ

อะไรกัน สองคนนี้รู้จักกันด้วยหรือ? ตั้งแต่เมื่อไร? ทำไมผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

“ไอ้เหี้ยเขต!!”

ผมกับดินแดนสะดุ้งเบาๆ กับสรรพนามใหม่ที่พี่อาณาเขตถูกใช้เรียก ต้องสนิทกันมากขนาดไหนพี่ผมถึงจะพ่นคำหยาบคายแบบนั้นออกมาจากปาก แต่แทนที่พี่เขตจะโกรธ กลับกันพี่เขตกลับเอาแต่ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ลุกขึ้นยืนเทียบความสูงกันอย่างไม่ยอมแพ้ ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันในคนละความหมาย

พี่มินมองพี่เขตด้วยสายตาที่เรียกว่าอาฆาตแค้น ประหนึ่งว่าเคยถูกสอยร่วงกลางสี่แยกมาก่อน แต่พี่เขตนั้น ผมกลับตีความหมายของสายตาคู่นั้นไม่ออก สิ่งที่ชัดเจนคือความรู้สึกอันตรายและอาการขนลุกแปลกๆ มันทำให้ผมอยากจะลากพี่ชายผมไปเก็บไว้ที่บ้าน

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีหรือเปล่า”

“ฮึ่ม!” พี่มินแทบจะถลาเข้าไปต่อยพี่เขตด้วยซ้ำ ติดก็ตรงที่สติพี่มินดีมาก ระงับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว จากการเข้าไปต่อยหรือฆ่าให้ตาย เหลือเพียงแค่การชี้หน้าแทน ในระหว่างที่ทั้งสองคนยังคงจับจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้ ผมจึงหันไปกระซิบถามแดนที่เป็นน้องชายแทน

“แดน พี่ชายแดนรู้จักพี่มินด้วยหรือ?” ดินแดนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับมา

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับไมน์”

ประเด็นนี้จึงทำได้เพียงหาคำตอบจากการพูดคุยและท่าทางที่มีต่อกันเท่านั้น พี่มินไปรู้จักพี่ชายของดินแดนตอนไหน ผมคงต้องรอซักฟอกถามพี่มินที่บ้านเสียแล้ว ยังไงมันก็สำคัญสำหรับผม เรื่องราวที่เกิดขึ้นคงไม่เล็กน้อยหรอก ถ้าดูจากความแค้นที่มีอยู่เต็มสายตาของพี่มินในตอนที่มองหน้าพี่เขต ยังไงก็คงต้องหาทางเคลียร์ให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้น อนาคตของผมกับดินแดนคงดับวูบ จากที่พี่มินไม่ชอบดินแดนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากพี่ชายดินแดนเป็นศัตรูอีก คงเกลียดแดนจนไม่ยอมให้ผมกับแดนคบกันแน่นอน

“พี่เขต พี่รู้จักพี่ชายของแฟนผมด้วยหรือ?”

“น้องผมไม่ใช่แฟนคุณ!!”

“พี่กับมินสนิทกันมาก”

“ตัวเหี้ยอย่างคุณผมไม่เสียเวลาไปสนิทด้วยหรอก!”

ผมมองสงครามขนาดกลางๆ ที่กำลังปะทุอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่อธิบายอะไรไม่ได้ สรุปแล้วคือสนิทกันหรือแค้นเคืองกันอยู่กันแน่ ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งไม่เข้าใจ ดินแดนเองเมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ของทั้งสองคนก็ยิ่งทวีความไม่เข้าใจ สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความสงสัยจนอยากจะเอ่ยถามให้หายคาใจ

“ออกจะสนิทกันแท้ๆ” พี่มินกัดฟันกรอด จะว่าไปพอยืนเทียบกันแล้ว พี่ชายผมเตี้ยกว่าอยู่เล็กน้อย รูปร่างก็ต่างกันพอควร ถ้าต่อยกันขึ้นมา ฟันธงเลยว่าพี่ผมแพ้ยับแน่นอน

“สนิทกับพ่อคุณนะสิ ไอ้สารเลว!” ผมรีบหันไปมองดินแดนทันทีที่พี่มินหลุดด่าผู้ให้กำเนิดที่...มีแฟนของผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

“ดะ แดน เอ่อ” แต่ดินแดนกลับส่ายหน้าแล้วหันมายิ้มให้ผม มือของเขาบีบกระชับมือของผมราวกับจะบอกว่าไม่ต้องคิดมาก ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดีขึ้นมาหน่อยที่ดินแดนไม่คิดอะไร ผมไม่อยากจะต้องเป็นตัวกลางการห้ามมวยระหว่างพี่แฟน แฟนผมและพี่ชายของผมเอง

“มิน เล่นพ่อฉันแบบนี้ ระวังจะไม่จบแค่ปากแตกนะ”

พี่ชายผมตัวสั่น กัดฟันอย่างโมโหจนผมเองยังแปลกใจ ไม่เคยเห็นพี่มินโมโหขนาดนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้เรียกได้ว่าพี่มินแพ้ทางพี่เขตทุกอย่าง บรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนนี้สิ้นสุดลงอย่างง่ายดายเมื่อพี่ชายของผมทิ้งตัวลงนั่ง ไม่สนใจว่าใครจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผมหันไปมองพนักงานที่ถืออาหารรออยู่พักใหญ่แล้วแต่ไม่กล้าเข้ามา เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เอากับข้าวร้อนๆ สาดใส่กันจนเป็นเรื่อง

“ทำไม? ผมจะนั่งทานข้าวกับน้องชายผมไม่ได้หรือไง?” ดินแดนหันไปมองพี่ชายตัวเอง แต่เมื่อเห็นพี่เขตกระตุกยิ้มร้ายๆ แล้วนั่งลงตามก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก พนักงานเองเมื่อมองเห็นพายุความวุ่นวายที่สงบลงก็เดินเข้ามาเสิร์ฟอาหาร โดยเอาอาหารจำพวกที่เป็นน้ำซุปร้อนๆ ไว้ทางฝั่งผมกับดินแดนเสียมากกว่า จะว่าไปร้านนี้ก็ใส่ใจลูกค้าดีเหมือนกันนะ









...........50%..........





เอ๊ะ เหมือนมีนกรู้ ไหนใครจิ้นพี่เขตกับพี่มินมาแสดงตัวดี๋ยวนี้!! ฮาาาา ว่าแต่พี่อาณาเขตขาาา สนิทกันขนากไหนเหรอคะ มากพแจะพาขึ้นเตียงไหม แค่กๆ เมื่อวานไม่ได้ลง เลยมาลงวันนี้แทน ครึ่งหลังเจอกันพรุ่งนี้นะคะ รักน้าาา

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เห็นทีทั้งพี่ทั้งน้องบ้านนี้
จะไปเป็นสะใภ้บ้านนู้นกันหมด
หุหุ

ลูกชายสองบ้านนี้ เคมีตรงกันจริงจริ๊ง
ใครได้ดุล ใครเสียดุล
55

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ได้โอกาสใหม่แล้วก็ขอให้พิสูจน์ให้เห็นกันยาวๆนะแดน
ที่ผ่านมาทำอ่านด่ามาตลอด คงไม่หยุดด่าง่ายๆ
และแอบลุ้นกับฝั่งพี่มินค่ะ คู่นี้น่าจะฮา เป็นสีสัน 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด