[17] 50%
คือคุณในความทรงจำ
[/b]
Din Dan’ s Part“นี่คือคุณไมรวี สุทธิวรเวช หรือก็คือลูกชายคนเล็กของเจ้าสัววรรักษ์และคุณหญิงราตรี ทีนี้…รู้หรือยังคะว่าใครกันแน่ ที่มันต่ำ!”ผมตัวชาวาบอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ความจริงของไมน์ในวันนี้ตีแสกหน้าผมจนอับอาย ทุกคำพูดและการกระทำของผมก่อนหน้านี้ที่มีต่อไมน์ในช่วงเวลาที่เราคบกัน เป็นผมเองที่ตาต่ำมองไม่เห็นว่าเขาสูงค่าขนาดไหน ไอ้ภูมิเคยบอกว่าไมน์เข้ามาเพื่อเกาะผมกิน ผมเคยแอบเอนเอียงไปตามสิ่งที่ภูมิพูด แต่วันนี้สิ่งที่ผมเคยเชื่อมันผิดหมด
เป็นผมเองต่างหากที่ไม่เคยเอะใจกับนามสกุลของเขา
กว่าที่ผมจะได้สติทั้งไมน์และพี่ชายของเขาก็หายไปจากสายตาของผมแล้ว ครั้งแรกที่เห็นไมน์ยืนอยู่กับใครที่ผมรู้จักดีจากนิตยสารต่าง ๆ ลูกชายคนโตของเจ้าสัววรรักษ์มีหรือที่ผมจะไม่รู้จัก แต่ที่ผมแค้นใจคือที่ตรงนั้นข้างๆ ไมน์มันควรเป็นของผม เป็นผมต่างหากที่ต้องยืนอยู่เคียงข้างเขา
ก่อนเข้าไปเจรจากับคุณมินผมสั่งให้พนักงานจัดเตรียมน้ำและของว่างมากมายที่เขาชอบให้สั่ง กำชับอย่างดีว่าให้ใส่ใจและดูแลไมน์ให้ดี หากว่าเขาต้องการอะไรก็จัดการให้เขา
แต่ผมไม่คิดว่าระหว่างการเจรจาอยู่จะได้ยินเสียงดังโวยวายมา ผมที่ร้อนใจลุกออกจากการพูดคุยโดยไม่สนใจว่าจะเสียมารยาทแค่ไหน
ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมโมโหจนอยากจะไล่พวกคนที่กล้าแตะต้องคนของผมออกไปให้หมด ร่างกายของไมน์เปียกโชก เสื้อสีขาวบางจนแนบเนื้อผมก็ยิ่งร้อนใจหวังจะช่วยจึงได้ยื่นผ้าเช็ดหน้าออกไปให้ แต่ใครจะคิดว่าไมน์ไม่เพียงไม่รับ กลับตอกกลับผมจนสะอึกด้วยคำพูดที่ผมเคยต่อว่าเขา
ครั้งหนึ่งเขาเคยพาปิ่นโตมาให้ผม ความดีของเขาที่ผมมองไม่เห็นในวันนั้นมันกลับมาตอกย้ำหัวใจให้ผมเจ็บปวด ผมรู้ว่าไม่มีสิทธิ์น้อยใจ รู้ดีว่าทุกอย่างเป็นเพราะผมเองที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ผมจึงยอมให้เขาเอาคืนจนกว่าเขาจะพอใจ และเมื่อถึงวันนั้นผมหวังว่าเขาจะยอมให้อภัยและยอมกลับมารักผมอีกครั้ง
“แดน! ทำไมมองบัวแบบนั้นคะ คุณต้องปกป้องบัวสิ ไม่ใช่มองเหมือนบัวน่ารังเกียจแบบนี้นะ!”
น่าตลก นี่เธอยังคิดว่าเราเป็นแฟนกันอยู่อีกหรือ ในเมื่อผมบอกเลิกเธอไปแล้วอย่างชัดเจน แม้ว่าผมจะยังให้เธอลอยหน้าลอยตา ทำงานอยู่ในโรงแรมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะมีความรู้สึกให้เธอเหมือนที่ผ่านมา
ผมปฏิบัติกับเธออย่างเหินห่างด้วยซ้ำ วางเธอเป็นเพียงพนักงานทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ เพราะคนสำคัญที่ผมจะปฏิบัติด้วยดีนั้นมีเพียงแค่คนที่เพิ่งจะก้าวออกไปพร้อมกับหัวใจของผม เมื่อเห็นสายตาและคำพูดของเธอ ผมก็ยิ่งรังเกียจจนไม่อาจเก็บสีหน้าของตัวเองได้ ระบายรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
“ก็ผมรังเกียจคุณจริงๆ นี่!”
“ดินแดน!”
“ทำไม? หรือผมพูดอะไรผิด?”
ผมหัวเราะออกมา พร้อกับกวาดสายตามองเธอทั้งตัวตั้งหัวจรดเท้า
“ผู้หญิงอย่างคุณ แค่คำว่าน่ารังเกียจมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ...ต้องเรียกว่าขยะแขยงจะถูกกว่า”
“กรี๊ดดดดดดดด!!!”
“พอๆ พอได้แล้ว! ที่นี่มันโรงแรมของฉัน ไม่ใช่โรงละครสัตว์ให้ใครมากรีดร้อง”
ใบบัวเงียบลงทันทีที่ถูกพ่อของผมพูดกระทบ ผมเห็นเธอใช้สายตาราวกับลูกสัตว์ถูกรังแกขึ้นมามองพ่อของผม แต่คุณพ่อของผมไม่ใช่คนที่ตามืดบอดแบบผมหรอกนะ ท่านไม่ใช่คนที่จะถูกหน้ากากราคาถูกๆ หลอกเอาได้หรอก
“คุณพ่อคะ ฮึก แต่บัวถูก...”
“ฉันจำได้ว่าฉันกับภรรยา ไม่เคยมีลูกสาว”
“...” พ่อผมปรายตามองเธออย่างดูถูก ในขณะที่เธอนิ่งงันไปอย่างคาดไม่ถึง
“หรือเธอไม่มีพ่อแม่เป็นของตัวเอง? ถึงเที่ยวมาเรียกคนอื่นว่าพ่อ”
ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ดูจะไม่สมควรนัก ในขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน สายตาของทุกคนต่างก็ทิ่มแทงใบบัวจนเธอต้องกำมือแน่น กัดริมฝีปากทั้งที่ร่างกายสั่นระริกไปด้วยความโกรธ
“อย่าเที่ยวป่าวประกาศอะไรที่ลูกชายฉันไม่ได้รับรู้กับตัวเธอด้วย จะอ้างตัวว่าเป็นคนรัก เป็นแฟน?”
“...”
“เธอมีดีกว่าคนอื่นตรงไหนหรือ? เท่าที่ฉันมอง...ก็แค่ผู้หญิงราคาถูกที่อยากจะปีนขึ้นเตียงลูกชายฉันนี่”
“...”
“ฉันไม่เห็นว่าเธอจะวิเศษตรงไหนเลย”
“แต่บัว บัวเป็นเมียของคุณแดนแล้วนะคะ คุณลุงคง...”
“อย่ามานับญาติกับฉัน! ฉันไม่รู้จักเธอ!” คำพูดของคุณพ่อทำให้ใบบัวสะอึกจนหน้าม้าน ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจเข้าปอด แล้ววางท่าทางสูงส่งฃ
“ก็ได้ค่ะ แต่เรื่อวที่บัวเป็ยเมียคุณแดนก็ไม่เปลี่ยนหรอกนะคะ”
“เป็นเมีย?”
“ค่ะ เป็นเมีย!”
“ถามลูกชายฉันหรือยัง ว่ามันนับเธอเป็นเมีย หรือแค่จ่ายเงินซื้อเธอกิน”
“ท่านประธาน!”
“ว่าไงเจ้าแดน...นี่เมียแกหรือ?” ผมปรายตามองเธอแล้วส่ายหน้า พูดออกมาอย่างชัดเจนจนไม่คิดว่าตัวเองจะชัดเจนได้ขนาดนี้
“ไม่ใช่ครับ เธอไม่ใช่เมียผม”
“ได้ยินชัดแล้วนะ อย่าคิดจะมาอ้างอะไรลอยๆ อีกล่ะ หน้าไม่อายจริงๆ”
วันนี้ผมรู้สึกรังเกียจผู้หญิงที่ชื่อใบบัวเหลือเกิน ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองหลงไปชื่นชมเธอได้ยังไง ใบบัวที่ผมเคยมองว่าอ่อนหวาน วันนี้ทั้งน่ารังเกียจและเลวร้ายจนผมแทบไม่อยากจะมองด้วยสายตา เธอใช้อำนาจอะไรมาไล่ไมน์ออกไปจากโรงแรมของผม เราสองคนเลิกกันไปแล้ว ทุกวันนี้ที่เธอยังอยู่ในฐานะของเลขาเป็นเพียงความสงสารของผมเท่านั้น ไม่งั้นแม้แต่หน้า ผมก็ไม่มีวันมอง
“เจ้าแดน…เข้าไปคุยกับพ่อในห้องหน่อยสิ” ย้ำเสียงของคุณพ่อเรียบเฉย แววตาคมกริบกดดันให้ผมตอบรับไม่ใช่ปฏิเสธ
“ครับ คุณพ่อ” ผมหันกลับไปมองประตูที่ไมน์เพิ่งจะถูกโอบกอดออกไป ผมอยาก…จะวิ่งตามเขาออกไป อยากจะดึงตัวเขามากอดประโลมไม่ให้เขาต้องรู้สึกแย่
ผมยกสองมือที่สั่นเทาขึ้นมามอง มือคู่นี้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้โอบกอดร่างกายของไมน์เอาไว้ แต่เป็นสองมือนี้ที่ทำร้ายไมน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมหลับตาลงกำมือแน่นจนเจ็บ แต่มันกลับไม่เท่าหัวใจที่กำลังทรมานกับการถูกเขารังเกียจ เขากีดกันผมออกไปจากความช่วยเหลือทุกทาง ต่อให้เขาหกล้มและบาดเจ็บมากมายแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันให้มือคู่นี้ของผม ปลอบประโลมและประคองเขา
ในวันที่มีเขาอยู่เคียงข้างผมกลับมองไม่เห็นคุณค่า แต่ในวันนี้ที่ผมไม่มีเขาอีกต่อไป วันมี่เขาเลือกจะปล่อยผมไปตามที่ผมต้องการ ผมกลับอยากจะดึงเขากลับมา
กลับเป็นผมเองที่ยอมให้เขาไปไม่ได้
ผมหลันหลังกลับ ตวัดสายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจให้กับใบบัว แม้จะไม่สามารถโทษเธอได้ทั้งหมด แต่หากไม่มีเธอ ผมกับไมน์ก็คงไม่ต้องเลิกกัน
แต่ผมก็ยอมรับว่าตัวผมเองก็ผิดที่ไม่มั่นคงจนต้องสูญเสียไมน์ไป
ผมก้าวตรงไปยังห้องทำงานของคุณพ่ออย่างช่วยไม่ได้ พยายามเลิกคิดเลิกสนใจภาพที่ติดตาที่ไมน์ถูกคนอื่นโอบกอด ใช้เสื้อของคนอื่นคลุมตัวออกไป แม้ว่านั่นจะเป็นพี่ชายของเขาแต่ผมก็อยากเป็นคนเดียวที่ได้สัมผัสเขา หัวใจของผมทั้งร้อนรนและกระวนกระวายในหัวใจ มันอดคิดไม่ได้ว่าไมน์เองก็คงจะเจ็บปวดมาก ในวันที่ผม…เลือกจะจับมือของใบบัว
“คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องมาอย่างกดดัน
“ลูกคบกับเลขาคนนั้นอย่านั้นหรือ” ผมถอนหายใจออกมากับความน่าอึดอัดใจ แววตาของคุณพ่อไม่ได้ยินดียินร้าย แต่เป็นแววตาของคนที่กำลังถามความมั่นใจจากผมเสียมากกว่าว่าจะเลือกผู้หญิงคนนี้จริงๆ ใช่ไหม
“ผมเคยคบครับ แต่เพียงแค่เวลาสั้นๆ อย่างที่ผมบอกไปแล้ว ผมกับเธอเราเลิกกันไปแล้วครับ” และจะไม่มีวันที่ผมจะกลับไปเลือกเธออีก ผมมองคุณพ่อที่ใช้แววตาถามไถ่ความจริงจังของผมด้วยความจริงจังไปเช่นกัน
“แล้วกับลูกชายคนเล็กของตระกูลสุทธิวรเวชล่ะ? เป็นเพื่อนกันหรือ”
“ไม่ครับ ผมไม่ใช่เพื่อนของเขา!” คุณพ่อเลิกคิ้วขึ้นเมื่อผมใส่อารมณ์รีบตอบกลับไปอย่างไม่คิด ผมไม่ใช่เพื่อนของไมน์และไม่มีวันยอมเป็นแค่เพื่อนเพื่อมองเขาไปมีความสุขกับคนอื่น
ผมทนไม่ได้
“งั้นทำไมลูกต้องดูแลเขาดีขนาดนั้น ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันก็อย่าไปยุ่งกับเด็กคนนั้นเลย เดี๋ยวจะเสียมาถึงธุรกิจที่จะทำ” ให้ผมเลิกยุ่งเกี่ยวกับไมน์งั้นหรือ ฆ่าผมให้ตายยังจะง่ายเสียกว่า ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน เจ็บในหัวใจจนแทบจะหมดลมหายใจ รู้สึกราวกับถูกใครกระชากเอาหัวใจออกไปทั้งที่ยังหายใจ
“ขอโทษครับ ผม…ทำไม่ได้”
“พ่อเชื่อว่าแดนมีเหตุผลเสมอ เพราะงั้น…พ่อขอเหตุผลที่จะทำให้พ่อหยุดความคิดนั้นที”
“คนที่คุณพ่อบอกให้ผมเลิกยุ่ง เขาเป็นอดีตคนรักของผมเองครับ เราสองคนเพิ่งจะเลิกกันไป” ผมหลุบตาลงซ่อนความร้าวรานในดวงตาไม่ให้ใครเห็น ผมไม่อยากให้เรื่องมันจบลงแค่นี้ ผมรักไมน์ แค่ไมน์เท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของหัวใจของผม
“อ้อ! เลิกกันแล้ว” ผมสะอึกกับคำพูดของคุณพ่อที่ราวกันเหล็กร้อนๆ นาบลงบนหัวใจ คล้ายกับว่าผมถูกตอกย้ำตรงแผลเก่าที่ยังไม่หายดี ถูกสะกิดความจริงที่ไม่อยากยอมรับ
“คุณพ่อครับ ผมรักไมน์ ผมจะทำให้เขายอมรับรักของผมอีกครั้ง ผมจะไม่มีวันทำผิดพลาดไปอีก” นั่นเป็นคำสัญญาที่ผมอยากจะส่งไปถึงเขา แต่ตอนนี้ผมคงทำได้เพียงพูดออกมาเพื่อให้คุณพ่อของผมได้มั่นใจ สายตาของคุณพ่อที่มองผมมันดูเรียบเฉยและเย็นชา สีหน้าไร้อารมณ์มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนผู้ต้องหาที่ถูกสอบสวนความผิด
“แล้วเลขาคนนั้นของลูกล่ะ ดูแล้วเธอคงไม่ยอมเลิกกับลูกง่ายๆ หรอกนะ” ผมเองก็กังวลไม่ต่างจากคุณพ่อ สิ่งที่ผมเห็นวันนี้คือใบบัวเป็นเหมือนชะงักที่ติดหลังผมอยู่ เป็นความผิดที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า มันคงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ไมน์ไม่แม้แต่อยากจะเข้าใกล้ผม
คิดแล้วผมก็รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจจนต้องยกมือขึ้นมาลูบปลอบโยนมันเบาๆ
“ผม…ควรทำยังไงดีครับคุณพ่อ ผมในตอนนี้…ขาดไมน์ไปไม่ได้จริง ๆ ผมทนมองไมน์รักใครที่ไม่ใช่ผมไม่ได้ ทนมองเขาไปกับใคร หัวเราะกับใครที่ไม่ใช่ผมไม่ได้เช่นกัน”
ผมแค่นยิ้มออกมา ฉายความอันตรายออกมาทางแววตาเมื่อคิดภาพที่ไมน์จะมีใครที่ไม่ใช่ผม
“ผมคงเห็นแก่ตัวใช่ไหมครับ”
“มันก็เป็นธรรมดา ยิ่งรักมากเท่าไหร่ความรู้สึกเป็นเจ้าของก็ยิ่งมากขึ้นเช่นกัน พ่อเองก็เข้าใจความรู้สึกของลูก แต่เคยคิดไหมว่าเขาอาจจะกำลังไม่มั่นใจมากพอจะมอบโอกาสให้ลูกอีกครั้ง”
ผมรู้ รู้ดีว่าผมในตอนนี้ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าผมจะไม่กลับไปทำผิดซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ผมเลิกกับใบบัวแล้วแต่ก็ยังให้เธออยู่ข้างๆ ผมเป็นเหมือนคนที่ไม่มีความชัดเจนอะไรให้ไมน์ได้มั่นใจในตัวของผมเลย ผมรู้ดี…
แต่ผมไม่เคยมั่นใจในตัวเองมากกว่าครั้งไหน ๆ ไม่เคยสักครั้งที่จะคิดว่าเสียงหัวใจที่ร่ำร้องบอกผมในตอนนี้เป็นเรื่องบ้าๆ ผมเฝ้าคอยถามตัวเองตลอดเวลาว่าผมรักไมน์จริง ๆ หรือเพียงแค่รู้สึกผิด แต่ทุกอย่าง ทั้งอาการหัวใจเต้นแรง ทั้งความโกรธเมื่อไมน์ยืนอยู่เคียงข้างคนอื่น ทั้งอาการหงุดหงิดที่มีต่อผู้ชายแปลกหน้าข้างๆ ไมน์มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกชัดเจน คนที่รู้สึกผิด คงไม่มีใครอยากจะฆ่าผู้ชายคนนั้นแบบผมเพียงแค่เขาแตะต้องไมน์
“ผมคงต้องพยายามมากกว่านี้สินะครับ” มันเป็นความผิดของผมที่ทำให้ไมน์ปล่อยมือไป แม้ว่าผมจะคว้าเอาไว้แต่เป็นแค่ผมที่ยึดจับ เมื่อไมน์ในตอนนี้ไม่คิดจะยึดติดกับผมอีกแล้ว
นั่นยิ่งทำให้ผมกลัว ว่าเขาจะเลิกรักผม
“ทำตัวเองให้ชัดเจน…ความชัดเจนเป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กคนนั้นมั่นใจ” พ่อตบไหล่ของผมอย่างให้กำลังใจ ในขณะที่ผมไม่มั่นใจในตัวเองเลยแม้แต่น้อย ถึงจะบอกให้ผมชัดเจน แต่ความชัดเจนมันควรจะมากแค่ไหนกันล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ผมคิดว่าผมแสดงออกชัดเจน เขากลับไม่ได้มองว่ามันชัดเจนด้วยซ้ำไป
แต่ไม่ว่ามันจะยากเย็นหรือสาหัสเพียงใด ผมก็จะทำมันให้ได้
ขอเพียงได้หัวใจของไมน์คืนมา
..........50%..........
คุณพ่อขาาาา กรี๊ดดดด หนูชูป้ายFCเลยค่ะ คุณพ่อคือเดอะเบสแล้วค่ะ หนูกราบแทบอกพร้อมแบมือขอเศษเงินสักสิบยี่สิบล้านได้หมคะ อยากกินหนม แค่กๆ ใบบัว เธอเป็นใคร มาเรียกคนอื่นว่าพ่อ ไม่มีพ่อเป็นของตัวเองเหรอ? กรั๊กๆๆๆๆๆ (หัวเราะอย่างชั่วช้า)เป็นเจ้าของ