...เป็น l เจ้า l ของ... You're Mine [25] บทส่งท้าย (End) Up [24/05/63] แจ้งฯ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...เป็น l เจ้า l ของ... You're Mine [25] บทส่งท้าย (End) Up [24/05/63] แจ้งฯ  (อ่าน 24151 ครั้ง)

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ร้องไห้ได้ให้กับเรื่องนี้เลย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ wasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไปเคลียร์กับคนของตัวเองก่อนแดน
เอาให้ตัวเองเคลียร์ก่อนเถอะ เด๋วก็มีปัญหาอีก

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อยากให้ห่างออกมาแล้วไม่ต้องไปเจออีกเลย ยังน้อยๆทิ้งเวลาไปอีกหน่อย ถ้าเป็นปีๆจะไม่ว่าอะไรเลน
นี้อะไรแค่แปปเดียวถึงเดือนหรือเปล่าจะไปหวั่นไหวอีกแล้ว
กลับไปนอนบ้านก็ได้ไม่ต้องอยู่แล้วคอนโด
เพิ่งโดนทิ้งมาเองจะกลับไปแล้วหรอ เร็วจังความเสียใจจะไม่มีค่าอะไรเลย ถ้ายังหวั่นไหวง่ายๆเหมือนเด็กป.3แบบนี้

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[14] 100%


“เจ็บมากใช่ไหมไมน์” ผมหลบวูบเมื่อเขาเอื้อมมือมาเพื่อจะแตะต้องบาดแผลที่ถูกเขาสร้างเอาไว้

“ผมไม่รู้ว่าควรขอโทษคุณแบบไหน แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามถ้ามันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ผมยอมให้คุณทำทั้งนั้น”


.

.

.

เพียะ!

“...” ผมฟาดมือลงไปบนซีกหน้าเขาอย่างไม่คิดจะออมแรงจนใบหน้าของเขาสะบัดไปตามแรงที่ผมใส่

เพียะ! เพียะ! เพียะ!

มันไม่หายเจ็บแม้แต่น้อย ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังคงทำมันซ้ำ ๆ ราวกับเป็นสิ่งเดียวที่จะระบายความทรมานของผมได้

ดินแดนไม่หลบมันแม้แต่ครั้งเดียว ไม่แม้แต่พยายามจะหยุดผม เขาปล่อยให้ผมระบายอารมณ์กับเขาจนกว่าผมจะหยุด ยืนนิ่งๆ ให้ผมทำร้ายเขาจนกว่าผมจะพอใจ หัวใจของผมมันก็สั่นขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

เพียงแต่ความสับสนก็เข้ามาเพียงไม่นานก็ถูกกำจัดออกไปด้วยความทรงจำสุดท้าย ภาพที่ผมเดินออกจากร้าน มองเห็นรอยยิ้มอละเสียงหัวเราะของเขาและเธอคนนั้นมันยังติดอยู่ในความทรงจำไม่หายไปไหน แม้แต่ภาพที่เขา…ผู้ชายที่ผมมอบหัวใจให้ จับจูงใครอีกคนแล้วเดินหันหลังทิ้งผมไปในวันที่ผมกำลังอ่อนแอ มันยิ่งวนเวียนมาตอกย้ำให้หัวใจของผมเจ็บปวดอีกครั้ง ฉุดรั้งสติของผมกลับมาจนมองเห็นความจริงที่ไม่ใช่ความฝัน

ผมควรตื่นเสียที หัวใจของดินแดนไม่ใช่ผมที่เป็นเจ้าของ

หัวใจของเขาเป็นของเธอคนนั้นต่างหาก ไม่ใช่ผม

“กลับไป…” ไม่มีอะไรมาลบล้างความเจ็บปวดของผมได้หรอก ไม่มี

“ไมน์ ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ยอมเชื่อ” ผมปรายตามองเขา สายตาที่ทอประกายความปวดร้าวนั้นมันช่างบีบรัดหัวใจของผมเสียเหลือเกิน

“คุณคงลืมไปว่าคุณเลือกไปแล้ว”

ใช่ ดินแดนเลือกไปแล้วในวันนั้น เขาเลือกเธอคนนั้น ไม่ใช่ผม เขาทิ้งให้ผมรอ…ในขณะที่เขาสองคนต่างสนุกสนานและมีความสุขกันสองคน เขาเลือกจะทิ้งปมเอาไว้อย่างคนไร้ค่า

แล้ววันนี้จะมาเรียกร้องหาของไร้ค่าชิ้นนี้ไปเพื่ออะไร

ในเมื่อเขาเป็นคนปล่อยมือคู่นั้นไปเอง

“คุณเลือกเธอไงครับ เธอที่เป็นคนรักของคุณ ไม่ใช่ขยะที่ถูกทิ้งขว้างอย่างผมคนนี้

“ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น” ผมเบือนหน้าหนีเมื่อหยาดน้ำตาเริ่มจะคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง

ไม่อยากให้เห็นว่าผมอ่อนแอแค่ไหน

“ช่างเถอะครับ มันเป็นเรื่องของคุณกับเธอ”

ไม่อยากรับรู้อีกแล้ว ผมเหนื่อยมามากพอแล้ว อยากจะหยุดมันลงเสียที

“ไม่ว่าจะยังไงคุณก็เลือกเธอไปแล้ว ผมเองก็อวยพรให้กับคุณทั้งสองคน คำว่ารักที่คุณพูดกับผม ผมมองว่าคุณคงให้มันผิดคนแล้วละครับ”

“ไม่ ไมน์ ฟังผมก่อน” ผมก้าวเข้าไปยืนอยู่เบื้องหน้าเขายิ่งกว่าเดิม ลดระยะห่างของเราลงไปอีกนิด ให้เขาได้มองเห็นผมชัดๆ เต็มสองตา

“คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของคุณตอนนี้คือผม ไมรวีครับ ไม่ใช่ใบบัว อย่าทับซ้อนผมกับใครอีกเลยนะครับ ผมเจ็บมากพอแล้ว” ดินแดนหยุดชะงักและนิ่งงัน ผมมองเห็นความปวดร้าวในดวงตาของเขา แต่ปมก็ไม่สามารถยื่นมือออกไปกอดปลอบเขาได้ ในเมื่อผม…ไม่มีสิทธิ์นั้นอีกแล้ว

มันหมดลงไปนานแล้ว

“ดึกแล้ว…ผมว่าคุณควรกลับเสียทีนะครับดินแดน เดี๋ยวแฟนคุณเขาจะห่วงคุณเสียเปล่าๆ” ผมก้าวเดินไปข้างหน้า ผ่านร่างกายที่สูงใหญ่ของคนที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนรักไปอย่างเย็นชา ผมหยุดลงที่หน้าประตูแล้วเปิดมันออกอย่างรวดเร็ว

ในสายตาใคร ๆ ผมอาจจะใจร้ายที่ไล่เขาออกไป ที่ทำกับเขาแบบนี้

แต่ไม่มีใครเข้าใจ หากไม่ได้พบเจออย่างผม เพราะงั้นผมจะไม่วิงวอนให้ใครมาเข้าใจในตัวผม เพราะผมเองก็จะไม่ทำตามความเห็นของใครเช่นกัน หัวใจของผม…มันกำลังจะดีขึ้น และมันจะหายดีในวันหนึ่ง ดินแดนเดินมาหยุดลงที่หน้าประตู เขาหันมามองผมอย่างคนที่เจ็บปวด แต่ผมเองต่างหากที่เจ็บกว่า

“ผม…มาหาไมน์อีก ได้ไหม” น้ำเสียงของแดนคล้ายคนที่กำลังขอร้องและอ้อนวอน

“อย่าเลยครับ ผมไม่อยากให้แฟนคุณเข้าใจผมผิด” ตัดให้ขาดไปเลยคงดีกว่า การที่เรายังยืดเยื้อความสัมพันธ์ไปมาแบบนี้ มีแต่จะทรมาน

“เรา ผม…เลิกกับใบบัวแล้ว”

“ผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้นนะครับ” รู้ไปก็มีแต่จะทำให้หัวใจของผมคาดหวังลมๆ แล้งๆ ไม่รู้เลยเสียยังจะดีกว่า ดินแดนถอนหายใจออกมาเสียงดัง

“ผมจะมาใหม่ ตอนที่ไมน์อารมณ์เย็นลง”

“ไม่ต้องมาอีกแล้วครับ ผมไม่ว่างต้อนรับ” ผมปิดประตูลง แต่กลับถูกมือหนาของดินแดนดันมันเอาไว้ไม่ยอมให้ปิดลง

“จะมา ผมจะมาทุกวัน จะมาจนกว่าไมน์จะกลับมารักผมอีกครั้ง”

“อย่าทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์เลยครับคุณดินแดน ผมว่าชีวิตของคุณน่าจะทำเรื่องที่มีค่ามากกว่านี้” ดินแดนผลักประตูให้เปิดออก ดึงร่างของผมเข้าไปกอดจนแน่น ผมที่ตกใจตะลึงค้างอย่างคิดไม่ถึงก็ลืมแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำไป เสียงทุ้มกระซิบข้างหู น้ำเสียงที่นุ่มนวลและเต็มไปด้วยความออดอ้อนค่อยๆ เอ่ยออกมาทีละคำ

“ไมน์คือสิ่งที่มีค่าที่สุดของผม แล้วผม…จะมาหาไมน์อีก ผมรักไมน์นะ”

ผมอึ้งและคาดไม่ถึง คำพูดของเขายังคงวนเวียนอยู่ในหู ดังก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับถูกตั้งให้เล่นวนซ้ำ ๆ กว่าจะได้สติร่างของดินแดนก็หายเข้าไปยังห้องของตนเองไปแล้ว ผมจึงได้ค่อยๆ ปิดประตูลง ยกมือขึ้นกุมหัวใจของตัวเองเอาไว้ พยายามระงับจังหวะที่ระรัวอยู่ในอกอย่างสุดความสามารถ

ห้ามกลับไปนะ อย่าใจอ่อน

แกจะรักเขาอีกครั้งไม่ได้เด็ดขาดนะไมน์!

ผมพาตัวเองเข้าห้องมานอนหลับตาลงบนเตียงใหญ่ อุณหภูมิจากแอร์เย็นฉ่ำจนผมรู้สึกว่ามันอ้างว้างแปลกๆ ทั้ง ๆ ที่ผมก็นอนแบบนี้มาโดยตลอด แต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิม มันหนาวเหลือเกินจนผมต้องกอดตัวเองเอาไว้อยู่บนเตียง ซึมซับไออุ่นที่หลงเหลืออยู่ของใครบางคนจนมันฝังรากลึก

ร่างกายของผมโหยหาไออุ่นของเขาจนน่ากลัว มันจดจำและเรียกร้องจนผมทรมานเหลือเกินในตอนนี้ ผมไม่เคยรู้เลยว่าการที่ต้องนอนอยู่คนเดียวนั้นมันจะน่ากลัวขนาดนี้

ความเหงาฆ่าคนได้หรือเปล่า?

หากทำได้…ผมว่าผมคงจะต้องตายเสียแล้วล่ะ















ผมไปที่ร้านตามปกติเหมือนที่ทำอยู่บ่อย ๆ ในช่วงนี้ เพราะมีอะไรมากมายให้ต้องเข้าไปจัดการ ไหนจะเรื่องที่ลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น ข่าวลือที่แพร่สะพัดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผมและดินแดน ทั้งที่มันเป็นข่าวเก่า แต่สิ่งที่พวกเขาเอาไปพูดกัน คือดินแดนมาจีบผมต่างหาก ไม่ใช่เราสองคนเป็นแฟนกัน

ผมเป็นตัวร้าย เพราะเป็นสั่งให้คนเอาดอกไม้ของพระเอกไปทิ้งท่ามกลางสายตาของใครหลายคน แต่ไม่มีใครเข้าใจผมหรอกว่าความรู้สึกของคนที่เคยเจ็บเจียนตาย เป็นคนที่ไม่มีค่าในสายตาของคนที่เรารักนั้นมันทรมานมากแค่ไหน

สิ่งที่ผมทำลงไปมันไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเดียวของความโหดร้ายของเขาที่มีให้ผมหรอก

แต่ดินแดนคนนั้นทำอย่างที่เขาบอกเอาไว้จริงๆ เขาเข้ามาในชีวิตของผม ไม่ยอมออกห่างหรือปล่อยให้ผมได้ไปเจอใครที่ไหน

เขาคอยมองผม คอยเอาใจผมอยู่ห่างๆ ทั้งที่ผมไม่ต้องการ เล่นเอาไอ้รักเพื่อนผมหัวร้อนจนอยากจะเข้าไปต่อยหน้าดินแดนด้วยซ้ำไป

เพียงแต่ผมไม่ได้สนใจ ต่อให้เขาหยิบยื่นอะไรมาให้ผมก็จะรับมันมา แล้วทิ้งมันไปอย่างไม่สนใจไยดี ทุกอย่างมันเป็นการเอาคืน ยิ่งเขาทำเหมือนรักผมมากแค่ไหน ผมก็จะทำให้เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดของการถูกมองเมิน การถูกมองว่าไร้ค่าทั้งที่อู่ในสายตานั้น ว่ามันเป็นยังไง

“ดอกไม้...ผมให้ไมน์” ผมมองดอกกุหลาบสีขาวในมือเขา มันเป็นเช่นเดิม ดอกกุหลาบหนึ่งดอกผูกโบสีแดง เหมือนทุกครั้งที่เขาเดินเข้ามาที่ร้านของผม มันเป็นภาพที่ชินตา แต่ไม่เคยชินเลยในใจของผม

“ขอบคุณครับ” ผมรับมันมาถืออย่างไม่ใส่ใจนัก หากแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เขายึดข้อมือของผมเอาไว้แน่น ทอดสายตามองผมด้วยความเว้าวอนแกมขอร้อง

“ไมน์”

“...”

“อย่าทิ้งเลยได้ไหม ไม่ทิ้งมันได้ไหมครับ”

ผมยกยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง สบสายตาเข้ากับดินแดนที่ในแววตายังคงเต็มไปด้วยการขอร้องผม

ไม่ให้ทิ้งหรือ? ก็พูดง่ายดีนี่

แล้วทีอาหารที่ผมตั้งใจทำ ทำไมเขาถึงทิ้งมันได้ลงคอกัน!!

“ไม่อยากให้ผมทิ้งหรือ?”

“ใช่...ไมน์ อย่าทิ้งเลยนะ”

ขยะก็ควรอยู่ในถังไม่ใช่หรือครับ หรือผมเข้าใจอะไรผิด? ” ดินแดนสะอึกอึ้งไปพักใหญ่ แววตาของเขานิ่งงันราวกับคนไร้วิญญาณ ผมเอียงคอถามเขาไปอย่างไม่เข้าใจ ใช้แววตาที่แสนใสซื่อมองเขาอย่างคนที่แปลกใจว่าตนเองกำลังทำอะไรที่ผิดไปหรือยังไง? เขาคิดหรือว่าจะมีเพียงแค่ผู้หญิงของเขาหรือที่เล่นละครเก่ง

เขาคงลืมไปแล้วว่าผมนามสกุลอะไร การอยู่ในสังคมชั้นสูงต้องใส่หน้ากากไว้หนาแค่ไหน

แค่เพราะผมรักเขาจนไม่ใส่มันเข้าหา ไม่ได้หมายความว่ามารยาพวกนี้ ผมจะไม่มี

“เก็บดอกไม้กลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องเอามันเข้ามาที่นี่อีก เพราะไม่งั้นมันก็จะลงไปอยู่ในถังขยะเหมือนเดิม”

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก เพราะผมไม่สามารถลืมความเจ็บปวดที่เขาทำไว้กับผมได้ แม้ว่าหัวใจของผมจะยังไม่อาจหยุดรักเขาได้ก็ตามที

แม้ว่าในส่วนลึกของหัวใจจะยังคาดหวังต่อเขา จะอยากกลับไปหาเขามากมายแค่ก็ตาม

ดินแดนหลบตาลงมองพื้น ผมเห็นร่องรอยความเจ็บปวดจากแววตาของเขาวูบหนึ่งที่เขากำลังจะหลุบตาลง แม้จะเพียงแค่พริบตาแต่ก็สามารถสั่นไหวหัวใจของผมได้ไม่น้อยเลย จนผมเองยังต้องยกมือขึ้นมาลูบแผ่นอกของตัวเองเบาๆ ปลอบและเตือนให้มันเข้มแข็งอย่าได้ยอมกลับไปหาเขาง่ายๆ

อาจเป็นเพราะเขาได้ผมมาอย่างง่ายดาย เขาจึงทำร้ายผมได้อย่างเลือดเย็น

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ความทรมานของผมก็คือของจริง น้ำตาทุกหยดของผมก็เป็นของจริง

ไม่ว่าเหตุผลมันคืออะไร...ผมก็เจ็บปวดมาแล้วจริง ๆ

“เราทำผิดมากจนไมน์อภัยให้ไม่ได้เลยใช่ไหม?” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับอาการรวดร้าวที่แล่นขึ้นมาจุกอกเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่แผ่วเบาชวนให้สงสารของดินแดน

“ต่อให้เราทำมากมายแค่ไหน...ก็ไม่สามารถลบล้างสิ่งที่เราทำกับไมน์ได้เลยสินะ”

“ใช่”

“...”

“ไม่มีอะไรมาลบล้างมันไปได้หรอก”

“นั่นสินะ ฮ่ะๆ”

ผมใจหล่นวูบเมื่อเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันจากริมฝีปากของเขา ทั้งที่สองตาแดงก่ำและคลอไปด้วยหยาดน้ำตา มันบีบหัวใจของคนที่ยังไม่อาจลืมเขาได้อย่างผมเหลือเกิน มันเหมือนกับผมในวันนั้น เหมือนผมเห็นตัวเองที่พยายามมากมายแค่ไหนก็ไม่อาจ...ดึงหัวใจของเขากลับมาได้

ผมเบือนหน้าหนีเมื่อสองตาเริ่มร้อนผ่าว กลัวเหลือเกินว่าจะมองเขาต่อไปอีกไม่ไหว มันทรมานและเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องเห็นเขาเป็นแบบนี้ แต่ผม...ก็ไม่สามารถ ห้ามตัวเองได้เช่นกัน

ทั้งที่หัวใจของผมตะโกนออกไปให้ตัวเองหยุดทุกคำพูดที่โหดร้าย หยุดร่างกายที่ทำให้เขาต้องเจ็บ แต่บางสิ่งในตัวผมกลับไม่ยอมฟัง มันยังคงตอกย้ำความเจ็บปวดต่อคนตรงหน้าอีกต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงวันหนึ่งที่ผมหรือเขา จะทนไม่ไหวไปเอง

“ความรู้สึกที่เจ็บจนพูดไม่ออก มองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า...”

“...”

“ครั้งหนึ่งไมน์เองก็เคยรู้สึกแบบนี้ใช่ไหม”

ผมไม่กล้าสบตาของเขา สายตาคู่นั้นที่ทอประกายความรู้สึกมากมายที่ล้นออกมา สายตาที่มันทิ่มแทงผมจนหัวใจที่บอบช้ำ ต่อต้านร่างกายของผมเอง

“ต่อให้พยายามมากมายแค่ไหนก็ไม่มีวันได้มันมา วันนี้ผมได้รู้สึกถึงมันแล้วไมน์”

“...”

“อึก ว่าการไม่ถูกเห็นค่าทั้งที่ยืนอยู่ในระยะสายตา มันเจ็บมากแค่ไหน”

“...” อย่าใจอ่อน ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดนะ! ลืมไปแล้วหรือว่าต้องเจ็บมากแค่ไหน! ทำไมถึงใจง่ายขนาดนี้!

“วันนี้ ผมรู้แล้วครับ ผมขอโทษนะครับ...ที่ทำร้ายไมน์มากมายขนาดนั้น ขอโทษนะครับ...ที่ความรักของผมมันไม่เท่ากับที่ไมน์มี”

“...” ผมกอดไหล่ตัวเองเอาไว้ พยายามข่มความรู้สึกที่ตีขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ

“ขอโทษจริงๆ นะครับ...ที่ผมรักไมน์ช้าไป ผมขอ...โทษ”

ดินแดนปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้มอย่างคนที่รู้สึกผิด ความรู้สึกแค้นเขาก่อนหน้านี้ ความรู้สึกโกรธที่เขานอกใจผม เวลานี้...มันหายไปหมดสิ้นจนอยากจะเอื้อมมือออกไปหาเขา อยากจะบอกเขาว่าผมยังรักเขามากแค่ไหน แต่ผมกลับทำไม่ได้

“แต่เพราะผมผิดเองทั้งหมดผมจึงพร้อมจะยอมรับความเจ็บปวดนี้...”

เขายิ้มให้ผมอย่างเคย ทั้งที่แววตาสั่นไหว มีหยาดน้ำตาร่วงหล่นลงสู่ผิวแก้มอยู่ตลอดเวลา

“แต่จะไม่ยอมเสียไมน์ไปอีกครั้งแน่นอน ผม...จะรับความโกรธและเกลียดของไมน์เอาไว้ในหัวใจ”

“...”

“หวังว่าเมื่อความโกรธและเกลียดที่ไมน์มีทั้งหมดมันหายไป ไมน์จะหันมารักผมได้อีกครั้งนะ”

“...”

“ไม่ว่านานแค่ไหน ผมก็รอไมน์ได้เสมอ ถ้าเพื่อไมน์แล้ว ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิต ผมก็จะรอไมน์กลับ” ผมเหมือนคนที่เป็นใบ้ ไม่สามารถอ้าปากพูดอะไรออกมาได้ ได้แต่มองเขาอยู่เงียบท่ามกลางสายตาของใครๆ หลายคนที่จับจ้องมาที่เราสองคน

ดินแดนเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะใช้สองแขน โอบกอดเอาร่างกายของผมเข้าไปที่อกของเขา กลิ่นหอมที่คุ้นเคย ไออุ่นที่เคยสัมผัส มันกำลังสั่นคลอนหัวใจของผมให้อ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้สึกถึงแรงสะอื้นเบาๆ จากร่างกายของเขา

ตัวของเขากำลังสั่นทั้งที่เขากอดผมเอาไว้

“อย่าเพิ่งไปรักใครเลยนะ อย่าเพิ่งลบผมออกไปจากหัวใจของไมน์เลยได้ไหม ผม...ทนไม่ได้จริงๆ”

ผมปล่อยให้ตัวเองถูกเขากอดอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ แต่ผมหมดเรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้นในอ้อมกอดของเขาอย่างที่ไม่รู้ตัว ร่างกายที่ถูกคนที่รักทั้งหัวใจโอบกอดเอาไว้ด้วยไออุ่น มันช่างชวนให้ผมโหยหาและคิดถึงเหลือเกิน

วันเวลาที่เราสองคนต่างก็รักกัน

















วันนี้เป็นวันจันทร์ …ข้อตกลงของผมกับที่บ้านคือศุกร์-อาทิตย์ ผมจะค้างมี่คอนโด ส่วนจันทร์-พฤหัสบดีนั้นผมจะนอนค้างที่บ้าน เป็นสัญญาที่รู้กันทั่ว ผมเดินเข้ามาในบ้านอย่างทุกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ผมมีเรื่องให้ต้องคิดมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของดินแดน

ผมไม่ได้อยากจะคิดเรื่องของเขา แต่ผมไม่สามารถสลัดเขาออกไปจากหัวได้ สมองเอาแต่ร้องหาคำตอบจากสิ่งที่เขาพูด คอยแต่ตั้งคำถามว่าจริงหรือ เชื่อได้หรือ ผมได้ยินเสียงในหัวถามมันซ้ำ ๆ ราวกับอยากให้ปมเอ่ยตอบ แต่ผมเองก็ไม่รู้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือความจริง อะไรคือคำโกหกหลอกลวง ผมในตอนนี้ยังเชื่ออะไรดินแดนได้อีก

ผมก้าวเข้ามาในตัวบ้านอย่างเหม่อลอย ก่อนจะสะดุดตากับภาพพี่ชายของผมที่นั่งหน้าหงิกงออยู่บนโซฟาตัวใหญ่ อะไรทำให้พี่ชายผมเป็นไปได้ขนาดนี้ แค่หน้าตาปกติก็เย็นชาจนไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะกลัวกันยังไงแล้ว นี่ใครไปทำให้พี่มินโมโหอีก จากความเย็นชาถึงได้กลายเป็นเย็นยะเยือกแบบนี้

“พี่มิน เป็นอะไรครับ?” ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พี่มิน ก่อนจะเหลือบไปเห็นบางอย่างในมือถือของพี่ชายตัวเอง กระทู้ข่าวหรือ พี่ชายปมสนใจของแบบนี้ด้วยงั้นหรือ?

“มีข่าวอะไรหรือเปล่าครับที่ทำให้พี่ไม่สบายใจ”

“ไม่ ไม่ใช่พวกข่าวอะไรนี่หรอก พวกนี้พี่แค่อ่านฆ่าเวลาเท่านั้น”

“ถ้างั้น…อะไรที่ทำให้พี่ชายผมถึงกับเครียดแบบนี้ละครับ?” พี่มินเสยผมของตัวเองขึ้นไปอย่างหงุดหงิด ผมมองเห็นแววตาที่ขัดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว

“ก็จะมีอะไรล่ะ คุณพ่อนะสิ ดันไปคุยกับทางโรงแรมภัทราแกรนด์เอาไว้ว่าจะเข้าไปร่วมทุนด้วย”

!!!

ภะ ภทัราแกรนด์ โรงแรมในเครือของบ้านดินแดน โรงแรมที่ผม…เคยต้องอับอายขายหน้าในครั้งนั้น

“ทั้ง ๆ ที่คุณพ่อก็รู้ว่ามัน! ฮึ่ม!!” ผมก้มหน้าลงมือฝ่ามือของตัวเอง จมอยู่ในห้วงความคิดที่ต้องร่วมงานกับบ้านโชติญาณกุล ทำไมยิ่งผมหลีกหนีมากเท่าไรกลับกลายเป็นว่าผมยิ่งต้องเข้าไปใกล้

ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำไมล่ะ…ทำไมต้องเล่นตลกกับชีวิตของผมด้วย

“แล้วพี่ต้องเข้าไปคุยกับพวกเขางั้นหรือครับ” ผมถามทั้งที่อารมณ์สับสนและเจ็บปวดตีกันให้วุ่นวาย ผมเห็นสายตาของพี่มินถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดก่อนจะกระแทกแผ่นหลังเข้ากับโซฟาอย่างแรง

“ไม่ใช่แค่พี่นะสิที่ต้องไป” หมายความว่าไงกัน? ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของพี่ชายคนเดียวของผม

“คุณพ่อก็ไปด้วยหรือครับ?” พี่มินขบกรามแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมโทสะของตัวเองจนทำให้ผมยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมพี่มินถึงต้องโกรธขนาดนั้น

“ไม่ใช่…ไม่ใช่คุณพ่อ”

อย่าบอกนะว่า…

“ผม ผมงั้นหรือครับ?”

“ใช่” ผมเบิกตากว้างเมื่อคำตอบที่ได้ยินไม่ใช่คำปฏิเสธดังที่หวังเอาไว้ ผมไม่อยากไป ไม่อยากพบเขาอีกแล้ว แค่ตอนนี้ในชีวิตผมก็มีเขามาวนเวียนวุ่นวายจนแทบจะหักห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ ทำไมผมจะต้องไปร่วมงานกับเขา ต้องเข้าไปในสถานที่ที่ผมเองไม่คิดจะกลับเข้าไปอีก

“ผม…ไม่อยากไป” น้ำเสียงของผมอ่อนแรงและแหบแห้ง ดวงตาที่ปรารถนาจะไม่ไปสบเข้ากับดวงตาคมของพี่มินอย่างเรียกร้องให้ช่วยเหลือ แต่พี่มินยิ่งเห็นก็ยิ่งหลบสายตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมแต่กลับทำอะไรไม่ได้

“พี่ก็ไม่อยากให้เราไป แต่พี่…ทำอะไรไม่ได้” ผมอ่อนแรงลงอย่างมาก หมดเรี่ยวแรงพยุงร่างกายขึ้นมาจากเรื่องเลวร้ายแทบจะไม่ไหว ทำไมสวรรค์ไม่เห็นใจผมบ้างนะ ในวันที่ผมฉุดรั้งเขาเอาไว้ทำไมไม่คืนเขามาให้ผม แต่ในวันนี้ที่ผมปล่อยมือ กลับหยิบยื่นเขาคืนมา

ผม…ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว

“ต้องไปเมื่อไรครับ” ไม่ยินยอม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ผมกัดฟันถามออกไปอย่างแผ่วเบา

“อีกสองอาทิตย์”

สองอาทิตย์งั้นหรือ อีกสองอาทิตย์สำหรับการพบหน้ากันอย่างเป็นทางการ ในฐานะลูกชายคนเล็กของครอบครัวสุทธิวรเวช อีกสองอาทิตย์สำหรับการเปิดเผยตัวจริงของผมที่เขาคนนั้นยังไม่เคยรู้

อีกสองอาทิตย์…ที่ผมและเขา จะยิ่งใกล้กันมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าผมจะไม่ต้องการมันก็ตาม






เริ่มรู้สึกกลัวการลงนิยายแล้วสิคะ เหมือนว่าดินแดนจะเลวมากจนแมวยังกลัวว่าสิ่งที่ลงโทษแดนไป มันจะพอต่อการลบล้างความเกลียดในใจพวกคุณไหม แต่ถึงจะกลัวก็ยงจะลงนะคะ ขอแค่...ทุกคนอย่างทิ้งนิยายเรื่องนี้ อย่าทิ้งดินแดนกับหนูไมน์และเหล่าตัวละครในเรื่องนี้เลยนะคะ แมวกราบบบบ

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
คุณพ่อไมน์คิดไรอยู่นะ

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เราว่าอาจจะเพราะระยะเวลามันเร็วไปละ มันไม่ทิ้งห่างไม่ทิ้งช่วง หรือมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาขั้นกลางเลย อารมณ์เหมือน เพิ่งเลิกกันวันจันทร์แดนรู้ใจตัวเองกลับมาง้อกันวันพุธ อารมณ์มันเลยไม่ได้จริงๆที่จะทำให้คิดไปได้ว่าสาสมกับสิ่งที่แดนทำ
ช่วงระยะเวลามันสั้นไปจริงๆ
ปล.ตอนนี้ คำผิดคำว่า ปม(ผม) เยอะมากเลยแทบทุกครั้งที่ใช้คำแทนตัวว่า ผม จะเป็น ปอปลาหมดเลย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ถึงเค้าจะเลวแต่เค้าก็ตาสว่างแล้วถ้าเป็นเราเราจะกลับไปมั้ยนะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[15] 50%


คนคุ้นเคย

วันนี้ผมก็ได้เข้ามาที่นี่อีกครั้ง เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาก็รู้สึกกดดันตัวเองแปลกๆ พี่มินที่เห็นสีหน้าของผมไม่สู้ดีก็เอื้อมมือมาแตะลงบนแผ่นหลังของผม ราวกับว่ากำลังประคองให้ผมยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไป ผมหันไปมองใบหน้าด้านข้างของพี่ชายตัวเองอย่างนึกขอบคุณ ถ้าไม่มีพี่มิน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมีเรี่ยวแรงมากพอให้เดินไปข้างหน้าไหวหรือไม่

สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผมและพี่มินเป็นจุดเดียวกัน เสียงรอบข้างเงียบลงจนน่าตกใจ แต่เพียงครู่เดียวมันก็ถูกแทนที่ด้วยคำนินทาที่แสนเบา แม้ผมจะไม่ได้ยิน แต่ผมก็พอจะเดาได้จากความรู้สึกว่าคงมีผมเป็นหัวข้อสำคัญนั้น ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างบอบบางที่คุ้นตาตรงหน้า ส่งรอยยิ้มไปให้เธอเมื่อจำได้ดีว่าเธอคือคนเดียวที่ยอมมาช่วยผมเก็บขยะที่ถูกดินแดนปัดมันทิ้งอย่างไม่เห็นค่า เธอเองก็ส่งรอยยิ้มตอบกลับมาในทันทีเช่นกัน

ผมแสยะยิ้มกับตนเองไม่ให้ใครเห็นเมื่ออดคิดถึงวันเวลาเหล่านั้นไม่ได้ ดินแดนช่างโหดร้ายกับผมได้อย่างดีเยี่ยมจริงๆ ทำให้ผมต้องอับอายอย่างไม่น่าให้อภัย ในตอนนั้นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างผม ยอมให้เขาได้ยังไงกันนะ

“ไม่เป็นไรใช่ไหมไมน์” น้ำเสียงที่ถามผมเต็มไปด้วยความห่วงใย ผมฝืนฉีกยิ้มให้กับพี่มินแล้วตอบกลับไปอย่างไม่เต็มเสียง

“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”

ไม่จริงเลย ผมไม่ไหว ผมอยากออกไปจากที่นี่ ภัทราแกรนด์ไม่มีอะไรที่น่าจดจำสักนิดสำหรับผม ยิ่งไม่อยากจะเข้ามาเหยียบด้วยซ้ำไป แต่เมื่อเลี่ยงมันไม่ได้ผมก็ทำได้แค่ต้องยอมรับและเดินหน้าต่อไป ผมมองตรงไปยังร่างของดินแดนที่สวมสูทสีเข้มเคียงข้างกับผู้ชายที่ผมสามารถเห็นได้จากงานสังคมต่างๆ บ่อยๆ

“โอ้! มาแล้วหรือหลานชาย มาๆ ยินดีต้อนรับทั้งสองคนเลย” เสียงของคุณพ่อดินแดนเอ่ยทักผมและพี่มินขึ้นมาอย่างใจดี มีเพียงสีหน้าที่ดำทะมึนของดินแดนเท่านั้นที่ออกอาการไม่พอใจนัก มันก็ไม่แปลก ครั้งก่อนเขาก็บอกเองว่าผมน่ารำคาญที่ตามเขามาถึงที่นี่ บางทีเขาก็อาจจะคิดว่าผมมาหาเขาอีกก็ได้

“สวัสดีครับคุณอา โรงแรมสวยมากเลยครับ” พี่มินมอบรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนให้กับคุณอาสมภพแต่แววตาของพี่ชายผมกลับตวัดจ้องมองใบหน้าของดินแดนด้วยความไม่พอใจ

ผมมองเห็นความยุ่งยากที่จะตามมานี้ยังไงก็ไม่รู้ พี่มินไม่ชอบดินแดน และดินแดนเองก็ดูแล้วไม่ต่างจากพี่มินด้วยซ้ำไป สายตาคมของทั้งคู่ต่างจับจ้องกันและกันไม่วางสายตา ผมดึงแขนของพี่มินให้หันมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนที่ผมจะส่ายหน้าเป็นสัญญาณให้หยุดสิ่งที่ทำอยู่ลงไป ยังไงเราก็มาเพื่อเจรจาแทนคุณพ่อ ไม่ใช่มาเพื่อหาเรื่องกับใคร

“อา ยังไงก็เข้าไปคุยกันที่ห้องประชุมใหญ่ดีกว่านะ อาให้คนเตรียมเอกสารไว้เรียบร้อยแล้ว มินลองไปดูก่อนเถอะ” คงมีเพียงคุณอาสมภพที่ดูจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่ชวนให้อึดอัดนี้ พี่มินหันมาหาผม วางฝ่ามือลงบนศีรษะของผมแล้วลูบมันอย่างแผ่วเบาด้วยความอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม

“เราจะรอที่นี่หรืออยากเข้าไปด้วยล่ะ หื้ม?” ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบอย่างเต็มเสียง

“รอที่นี่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากเข้าไปข้างในเท่าไร” ให้ไปนั่งข้างในแม้จะเป็นการพูดคุยเพื่อร่วมงานกัน แต่ต้องถูกสายตาของดินแดนจับจ้องผมเองก็คงไม่โอเคเท่าไร พี่มินนิ่งไปก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับผม พี่มินเองก็คงไม่อยากให้ผมเข้าไปเจอดินแดนจับจ้อง สู้ให้ผมรออยู่ด้านนอกคงจะดีกว่าในสายตาของพี่มิน

“ถ้างั้นคุณอิงอรเข้าไปกับผม ส่วนคุณนารถ…ผมฝากดูแลไมน์หน่อย” คุณอิงอรเป็นเลขาส่วนตัวของพี่ชายผม เธออายุสามสิบกว่าแล้วแต่ยังคงความสาวราวกับเด็กมหาวิทยาลัย ซึ่งผมทึ่งมากตอนที่รู้ความจริงเรื่องอายุของเธอ

“ได้ค่ะคุณมิน” ผมหันไปยิ้มให้พี่นารถที่ถูกส่งมาจากทางคุณแม่เพราะกลัวว่าผมจะถูกรังแกจากคนที่นี่ ท่านจึงส่งเลขาฝีปากกล้าคนนี้ที่ชื่อนารถมาให้เป็นเกาะคุ้มภัยให้กับผม

ยังไงเรื่องที่ผมร้องไห้และเข้าโรงพยาบาลก็ไม่สามารถลบออกไปจากใจของคุณแม่ได้เลย ยิ่งท่านรู้ว่าคุณพ่อรับปากจะร่วมมือลงทุนกับพวกโชติญาณกุลก็ยิ่งปรี๊ดแตกจนถกเถียงกันอยู่เกือบทั้งวัน สุดท้ายเมื่อเถียงคุณพ่อไม่ได้จึงได้แต่ส่งยันต์คุ้มภัยหรือหน่วยรับมือหายนะมาให้ผมแทน พูดง่ายๆ ก็คือ

ถ้าใครเข้ามาหาเรื่องกับผม ก็จัดการได้ไม่ต้องยั้งมือ คุณหญิงราตรี สุทธิวรเวชจะรับผิดชอบเอง

ผมมองส่งพี่มินที่เดินตามพวกเขาไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะต้องหุบยิ้มลงเมื่อถูกบดบังสายตาจากร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่ชื่อดินแดน

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมจำเป็นต้องถาม เพราะไม่ต้องการให้เขามาแสดงท่าทีอะไรมากมายให้เป็นที่สนใจ ที่จริงเขาควรเดินเข้าไปพร้อมๆ กับคุณอาสมภพและพี่ชายของผมไม่ใช่หรือ แล้วทำไมยังอยู่อีกล่ะ?

“หมอนั่น…เป็นอะไรกับนาย” ผมเลือกที่จะไม่ตอบ มองความไม่พอใจในแววตาของเขาอย่างเฉยชา ผมเลิกคิ้วขึ้นกวนอารมณ์ของเขาด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายไม่เพียงไม่ดิ้นตามกลับเอาแต่มองกดดันและคาดคั้นคำตอบจากปากของผม พี่นารถที่มองสลับไปมาระหว่างผมและดินแดนกลับเป็นคนที่เปิดปากตอบคำถามนั้นเสียเอง

“คุณมินเป็น…”

ยังไม่ทันที่คำตอบจะหลุดออกจากปากของพี่นารถ เสียงเรียกจากคุณอาสมภพก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ดินแดนทั้งลังเลและลำบากใจ ราวกับว่าเขาไม่อยากจะเดินออกไปจากตรงนี้แม้แต่วินาทีเดียว ทว่าสุดท้ายแล้วเขาก็เดินไปตามเสียงของคุณอาอยู่ดี ผมอดถอนหายใจออกมาไม่ได้เมื่อดินแดนจากไป มันรู้สึกหายใจสะดวกขึ้นและผ่อนคลายขึ้นมามากจนผมต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง ผมมองหาที่ว่างเพื่อจะนั่งรอพี่มินจึงเดินเข้าไปที่จุดพักผ่อนและนั่งลงบนโซฟาตัวสวยโดยมีพี่นารถนั่งลงไม่ไกลจากผมนัก

ผมได้รับการอำนวยความสะดวกมากขึ้น ทั้งน้ำและของว่างถูกเสิร์ฟมาไม่ขาดสาย แต่ทุกอย่างมีแต่ของโปรดของผมทั้งนั้นมันจึงทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้ พี่มินใส่ใจขนาดแจ้งกับพนักงานโรงแรมให้จัดมาให้ผมแบบนี้ สงสัยต้องหารางวัลพี่ชายดีเด่นให้เสียหน่อยแล้วสิ

คิดไปผมก็ขำไป แต่อย่างคนว่าไว้ ความสุขมันอยู่ไม่นานนัก

ซ่า!

ผมยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองที่เปียกโชกไปทั้งตัว เงยหน้าขึ้นมองตัวการที่ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสภาพนี้อย่างไม่ชอบใจมากๆ พี่นารถที่ตกอกตกใจก็รีบมาดูผม หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดไปตามใบหน้าและลำคอด้วยความห่วงใย

ใบบัว เธอมันไม่เคยหยุดเลยสินะ!

“ทำบ้าอะไรของคุณ! คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือ? ภัทราแกรนด์จ้างคนวิกลจริตมาทำงานที่นี่ช่างดีเหลือเกินนะคะ!” เสียงพี่นารถดังขึ้นเมื่อเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ เธอยืนขึ้นชี้หน้าด่าใบบัวอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ แต่ตัวใบบัวเองก็ไม่ได้เกรงกลัวเช่นกัน เธอยังคงเชิดใบหน้าขึ้นอย่างถือดีและหยิ่งผยอง เหยียดสายตามองผมราวกับขยะเน่าเหม็นที่กองอยู่บนพื้น

“ทำไมยะ? ฉันก็แค่สาดน้ำใส่ตัวน่ารังเกียจที่ตามเกาะติดแฟนชาวบ้านอย่างหน้าไม่อาย ทั้งๆ ที่เขาไม่เอานี่มันผิดตรงไหนไม่ทราบ” พี่นารถโมโหจนตาลุกวาว น้ำเสียงของใบบัวมันเต็มไปด้วยความดูหมิ่นและเหยียดหยามอย่างที่ไม่เคยมีใครใช้มันกับผมมาก่อน

อ๋อใช่! ยกเว้นดินแดน

“คราวนี้พาใครมาคะ วันก่อนถูกแดนไล่ตะเพิดออกไปไม่เข็ดอีกหรือ? วันนี้ถึงได้หน้าด้านพาคนอื่นเข้ามาที่นี่ด้วย หรือมาเร่ขายเพราะไม่มีใครเอาแล้วล่ะ?”

เพียะ!

เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของใบบัวดังก้องไปทั้งล็อบบี้ ผมไม่ได้สั่งให้พี่นารถตบเธอเพราะมันคงไม่ดีถ้าหากพนักงานทะเลาะวิวาท แต่ผมไม่ใช่…ผมคือใครที่มีอำนาจเหนือกว่าที่คนอย่างใบบัวจะมาดูหมิ่นเหยียดหยามแบบนี้ได้ ทันทีที่ถูกผมตบ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างอย่างคิดไม่ถึง แน่ล่ะ…ผมไม่ได้อยากตบเธอเสียหน่อย แค่อยากจะช่วยเคาะเอาความคิดหมาๆ ออกไปจากหัวของเธอบ้างก็เท่านั้น

“กะ กรี๊ดดด!! แก! แกกล้าตบฉันหรือ!!” ผมยิ้มเยาะใช้มือข้างที่ตบเธอเช็ดกับผ้าเช็ดหน้าของพี่นารถด้วยความรังเกียจ

“พี่นารถครับ ผ้าผืนนี้ทิ้งเถอะครับ ไว้ผมจะให้คุณแม่หามาคืนให้ใหม่ ติดเสนียดจนสกปรกแบบนี้แล้ว คงใช้ต่อไม่ได้ต้องทิ้งอย่างเดียว” ผมไม่ใช่สุภาพบุรุษ เป็นเพียงแค่ผู้ชายที่ไม่ยอมถูกดูถูกและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีโดยคนที่ไม่มีค่าแม้แต่จะเป็นฝุ่นที่ลอยมาติดรองเท้าของผมด้วยซ้ำ









..........50%..........







ตบไปแล้วค่าาาาาา ตบไปแล้วววว สะใจอีแม่มาก พี่นารถคือสุดยอดแล้วค่ะ แต่จริงๆน่าจะซ้ำอีกสักหลายๆทีนะคะ เอาให้หน้าแหกกันไปเลยจะได้ไม่มาแว้ดๆใส่น้องอีก เบื่อเสียงนาง! ผู้ชายเขาไม่เอายังมาร้องหาอยู่ได้ ชิ!

เป็นเจ้าของ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   ตบๆอีกเลยจ้า แค่นี้มันน้อยไป

ออฟไลน์ wasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอาให้หน้าแหกไปเลยค่ะ ทั้งผู้ชายใจโลเล  และผู้หญิงหน้าไม่อาย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ตบมันยังไม่สาสมใจอีช้อย ต้องขยี้

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
แปะไว้ก่อน
เจอแล้วแนวดราม่า
ชอบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ทำได้ดี อ่านมาทุกตอน รู้สึกชอบตอนนี้สุด
แต่คิดใว้แล้วและว่าเรื่องต้องเป็นยังงี๊ เลยยิ่งถูกใจเลย 555
ปล.ตอนนี้สั้นมากมาต่อเร็วๆน้า อยากเห็นคนหน้าแตก

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เมื่อรู้ว่าจริงๆ แล้วคนใหม่ไม่ดี
ก็จะหวนกลับมาหาคนเก่าที่ทิ้งไป
ทั้งๆที่ ก่อนจะทิ้งก็เคยบอกว่าเค้าไม่ดี
โฮะ..โฮะ เมิงเป็นพระเอกของเรื่องนี้ จริงอ่ะ.จริงๆหราาาาา ไอ่แดน
ผู้ชวยเฮงซวยห่วยแตกมาก โคตรจะเฮี่ยเลย

ไอ่กาดอ เลี่ยมทอง ดอกทองมาก
นั่นน่ะปาก หรือดากหมา ไอ่ห่าเอ๋ย
คนอย่างเมิง ชั่วช้า สันดานเคย
ไอ่ฆวยเอ้ย ชาติหมา หน้าไม่อาย

กลอนนี้แต่งให้ไอ่แดน..คนเดียวเล้ยยยย
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[15] 100%


“แก!! ใครก็ได้มาลากตัวมันออกไปสิ! เอาตัวสองคนนี้ออกไปจากภัทราแกรนด์เสีย! อยากโดนไล่ออกกันหรือยังไง!” ผมอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ เหลือเกิน นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงมีอำนาจสั่งการให้มาลากตัวผมออกไปจากที่นี่ได้ ผมมองเห็นความสับสนในแววตาของเหล่าพนักงาน ผมจึงยกมือขึ้นมากอดอกแล้วมองเธอด้วยแววตาท้าทาย

เอาสิ ถ้าคิดว่าทำได้ก็มาลากผมออกไปได้เลย

“ใครกล้าก็เข้ามาได้เลยครับ ผมจะยืนรอเฉยๆ ให้ลากแต่โดยดี ไม่ตอบโต้แน่นอน”

ใช่…ไม่ตอบโต้แน่ๆ แต่ถ้าพี่ชายของผมออกมาก็เตรียมตัวได้เลยนะครับ เพราะมันไม่จบแค่คำขอโทษแน่นอน

“ว่าไงครับ จะมาพาผมออกไปไหม” ใบบัวหันมองรอบด้านเมื่อทุกคนยังมีสีหน้าลังเลไม่ยอมเข้ามา เธอก็ยิ่งโมโหจนกรีดร้องเสียงดังลั่นไปหมด

“มาลากมันไปสิยะ! หรือจะรอให้ดินแดนมาไล่พวกแกออก!!” เมื่อได้ยินคำว่าไล่ออกบางคนก็เดินตรงมาหาผมโดยไม่สนใจอะไรอีก สีหน้าของใบบัวปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา เธอกวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความดูหมิ่น

“ใครกล้า!”

พี่นารถเดินมาขวางด้านหน้าของผม บดบังไม่ยอมให้พวกเขาได้แตะต้องผมแม้แต่ปลายก้อย แต่ผมดึงพี่นารถออกแล้วก้าวออกไปหาพวกเขาแต่โดยดี ไม่คิดอิดออดใดๆ ให้เสียเวลา

“ไม่เป็นไรครับพี่นารถ ในเมื่อเขาอยากไล่ผมออกไปก็ให้เขาทำเถอะครับ” ผมยืนรอให้ชายสามคนเดินเข้ามาใกล้ๆ พวกเขาเอื้อมมือออกมาหมายจะหิ้วตัวผมออกไปด้านนอก แต่เสียงที่ก้องกังวานและทรงพลังกลับมาหยุดยั้งเรื่องทั้งหมดลงเสียก่อน

“ทำอะไรกัน!! ”

“ดะ แดน แดนคะ ฮึก ช่วยบัวด้วยค่ะ คุณไมน์เขาตบบัว หาว่าบัว แย่งแดนไปจากเขา ฮือๆ” ผมมองน้ำตาที่ไปไหลออกมาราวกับสั่งได้ของเธออย่างทึ่งในความสามารถ เธอควรจะไปเป็นนักแสดงนะครับ ตีบทแตกเก่งเหลือเกินจนผมยังต้องยกนิ้วให้

ดินแดนไม่ได้พูดอะไร สายตาคู่คมดุดันมองพนักงานทั้งสามอย่างไม่พอใจนัก แต่ไม่แม้แต่จะมองใบบัวเลยด้วยซ้ำแม้แต่หางตา ดินแดนจับเส้นผมของผมอย่างเบามือ สัมผัสความเปียกชื้นก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าตัวเองออกมาเช็กให้ผม แต่ผมจับมือของเขาเอาไว้ก่อนจะทันได้สัมผัสเส้นผม

“ทำอะไรครับ?” ดินแดนมองผมอย่างอ่อนโยน สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีจนมากล้น

“จะเช็ดผมให้ อยู่นิ่งๆ สิครับ” น้ำเสียงที่ตอบกลับผมมันอ่อนหวานจนใจสั่น แต่เพียงแค่เห็นเขาและเธอยืนอยู่ตรงหน้าผมพร้อมกัน อาการใจสั่นก็หายไปอย่างรวดเร็ว มันถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดเหมือนวันเก่าๆ

“อย่าดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะเปื้อนผ้าเช็ดหน้าของคุณเปล่าๆ” พี่มินหายไปไหนนะ ทำไมดินแดนถึงเป็นคนที่ออกมา ไม่ใช่พี่มินกัน ผมไม่ได้อยากได้ความช่วยเหลือจากดินแดน ผมอยากหาพี่มินมากกว่า

“มองหาใคร ทำไมต้องมองขนาดนั้น?” ดินแดนกระชากเสียงถามผมด้วยอารมณ์ ที่หงุดหงิด สายตาจับจ้องและคาดคั้นอย่างต้องการคำตอบในคำถามที่ถูกเอ่ยถามออกมา ผมไม่สนใจเขา ยังคงมองหาหวังว่าพี่ชายของผมจะออกมาแล้วหยุดความน่าอึดอัดที่ผมกำลังเผชิญอยู่

“แดนคะ แดนดูสิ ฮือๆ แก้มของบัวเจ็บไปหมดแล้ว” ผมปรายตามิงร่างบอบบางของใบบัวที่มือหนึ่งกุมแก้มข้างที่โดนผมตบของตัวเองเอาไว้ อีกมือก็เกาะแขนดินแดนแน่นซบหน้าลงกับแขนของแดนอย่างน่าสงสาร

ผมก็คงสงสาร หากว่าก่อนนี้ไม่ได้เห็นตัวจริงของเธอ

“ใบบัว ปล่อยผม!”

“ไม่ค่ะ แดนดูสิ เห็นแก้มบัวไหม คุณไมน์ทำร้ายบัวนะ” ละครแสนเศร้าที่ถูกแสดงด้วยผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอก กับผู้ชายที่ไร้ความซื่อสัตย์ไม่เห็นจะน่าดูสักนิด ผมขยับร่างหวังจะเดินออกไปจากตัวโรงแรม ถึงด้านนอกจะร้อนเพราะแดด ก็ยังดีกว่าที่ผมต้องทนหายใจร่วมกับเธอคนนี้

น่ารังเกียจ น่ารังเกียจจนผมอยากจะอ้วก!

“ไมน์ ไมน์คุณจะไปไหน” แขนของผมถูกฉุดรั้งให้หยุดเดิน ผมหันกลับมองเขาอย่างเฉยชา ดึงแขนของตัวเองออกอย่างแรง

“ข้างนอกครับ ในเมื่อภัทราแกรนด์ไม่ต้อนรับผม ผมเองก็คงไม่หน้าด้านอยู่ต่อดีกว่าครับ ขอบคุณมาก” แต่ไม่ทันที่ขาของผมจะขยับได้ถึงสองก้าว ดินแดนก็เอื้อมมือจับมือผมเอาไว้ แล้วหันไปมองคนรอบกายด้วยสายตาที่คมกริบจนทุกคนต่างก็สะดุ้งและก้มหน้าลงหลบสายตา

“ใครไม่ต้อนรับแขกของผม! พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าไล่แขกของโรงแรมเราออกไปแบบนี้!!” ทุกคนตัวสั่น แม้แต่ใบบัวก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกขวัญและกำลังใจของตัวเองกลับมาได้

“พะ พวกผมไม่ได้ตั้งใจครับคุณดินแดน คุณใบบัวเธอสั่ง…” พนักงานคนหนึ่งที่เดินมาจะลากผมออกไปตามคำสั่งของเธอคนนั้นพยายามอธิบาย แต่เมื่อได้สบตากับดินแดนก็พลันนิ่งเงียบ ก้มใบหน้าลงไปอย่างเก่า

ผมยืนรอชมฉากที่จะดำเนินต่อจากนั้นอย่างตั้งใจ อยากจะรู้เหมือนกันว่าดินแดนจะทำยังไงกับผม จะเลือกโยนผมออกไปตามที่คนรักของเขาต้องการหรือคิดจะปกป้องผมกันแน่ ผมไม่ได้ถือดีเป็นตัวเลือกที่สำคัญอะไร ผมเพียงแค่ถือตัวเพราะผมก็ไม่ใช่ใครที่เขาคิดจะไล่ผมก็ไล่ออกไปได้เสียเมื่อไร ผมเองก็ถือว่าเป็นสุทธิวรเวชคนหนึ่งเหมือนกัน มีสิทธิ์ในทุกการตัดสินใจในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัว

ถ้าผมไม่ยอมร่วมลงทุน…ใครจะค้านผมได้ล่ะ?

“เกิดอะไรขึ้น ไมน์! เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไร?” พี่มินที่เห็นผมตกอยู่ในการจับกุมของเขาก็รีบวิ่งมาทางผมโดยไม่สนใจเลยว่าจะเสียภาพลักษณ์ของผู้ชายที่สาวๆ ใฝ่ฝันหรือเปล่า ใบหน้าของพี่มินดำทะมึน กวาดสายตาไปจนทั่วอย่างไม่พอใจ คุณอาสมภพเองก็รีบเดินเข้ามาใกล้ มองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้าด้วยแววตาเย็นยะเยือก

“คุณนารถ เกิดอะไรขึ้นกับไมน์?” พี่นารถสบตากับพี่มินพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ออกมาอย่างฉะฉาน ไร้ความหวาดกลัวหรือกังวลใดๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเธอสาดน้ำใส่คุณไมน์ค่ะ เธอใช้ถ้อยคำรุนแรงด่าคุณไมน์ด้วยค่ะ บอกว่าคุณไมน์มาเร่ขายเพราะไม่มีใครเอา คุณไมน์เธอก็เลยตบหน้าสั่งสอนไปหนึ่งครั้งโทษฐานที่ปากดีไม่ดูตาม้าตาเรือ” พี่นารถเน้นย้ำทุกใจความสำคัญจนพี่มินที่ได้ฟังตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ ขบกรามแน่าจนขึ้นเป็นสันแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมาอย่างไม่อาจควบคุม

“พอถูกคุณไมน์ตบเธอก็ร้องกรี๊ดๆ เหมือนตัวอะไรสักอย่างที่ใกล้จะขาดใจตาย ชี้นิ้วสั่งพนักงานให้มาลากคุณไมน์ออกไปด้านนอก บอกว่าถ้าไม่ลากคุณไมน์ออกไป คุณดินแดนจะไล่พวกเขาออก”

“ปะ เปล่านะคะแดน พะ พวกมันใส่ร้ายบัว มันไม่จริงเลยนะคะ” ใบบัวที่ถูกจับจ้องจากทุกสายตาทั้งคุณอาสมภพและดินแดนตัวสั่น รีบละล่ำละลักแก้ตัวออกมา บีบเค้นน้ำตาออกมาเรียกความสงสาร แต่ผมไม่สนใจจะดูมันอีกแล้วล่ะ ในเมื่อพี่ชายของผมออกมาแล้วนั่นย่อมหมายความว่าการเจรจาทุกอย่างจบลงแล้ว

“พี่มิน ไมน์อยากกลับแล้วครับ มันหนาว” ล็อบบี้โรงแรมนี้แอร์ก็เย็นเหลือเกิน คนที่ใส่เสื้อยืดสีขาวบางๆ แถมโดนน้ำสาดจนเปียกแบบผมเลยต้องยืนกอดตัวเองที่สั่นเอาไว้ พี่ชายที่นึกขึ้นได้ก็ถอดเสื้อสูทตัวนอกออก แต่ยังไม่ทันจะหลุดออกจากร่างกาย ตัวของผมก็ถูกเสื้อของใครอีกคนมาคลุมเอาไว้เสียก่อน

พรึบ!

“คลุมเอาไว้ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้” ผมเม้มริมฝีปาก ไม่อยากรับความช่วยเหลือ แต่ร่างกายของผมกลับยิ่งสั่นกับความร้อนที่ติดอยู่ในเนื้อผ้า แผ่กระจายความร้อนเข้ามาในร่างกายของผมจนมันเรียกร้องหาเจ้าของ หัวใจที่เคยนิ่งสงบเต้นระรัวจนผมยังหวาดกลัวว่าเขาจะได้ยิน

ไม่ควร…ไม่ควรเลยสักนิด มันไม่ควรจะเต้นแรงขนาดนี้สิ

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ เสื้อของผมก็มี ไมน์น่ะ…ผมดูแลเองได้ อย่าลำบากเลยครับ เอาเวลาไปดูแลคนของคุณเถอะ!”

ผมหลับตาลงครู่หนึ่งเพื่อซ่อนความอ่อนไหวในแววตา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาด้วยแววตาที่เฉยชา…ทั้งที่หัวใจของผม กำลังหลุดลอยออกไปหาเขาอย่างช้าๆ ถูกเขายึดพื้นที่ในหัวใจคืนไปได้เพียงแค่ความใจดีเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาทำ

ผมมันอ่อนแอ ไม่เคยเข้มแข็งพอจะลืมเขาได้

“ขอบคุณมากครับ แต่ผมใช้ของพี่มินดีกว่า คุณเก็บเอาไว้เถอะครับ ขอบคุณสำหรับความหวังดี” ที่มาช้าไป ผมมองสบตากับเขาด้วยความรู้สึกที่ชัดเจน ถ่ายทอดความรู้สึกที่ว่า มันสายไปให้กับเขาโดยไม่หลบสายตา เสื้อสูทตัวสีดำที่ผมเคยสวมให้เขามาเสมอ ผมยื่นมันคืนไปให้เขาด้วยหัวใจที่ปวดร้าว มองเขาที่ยื่นมือมารับอย่างช้าๆ มองเห็นความทรมานและเจ็บปวดในสายตาของเขาได้ชัดเจน

“ไปกันเถอะไมน์ ผมลานะครับคุณอา สวัสดีครับ” เสื้อสูทสีน้ำเงินสวมทับที่ร่างกายผมแทนที่ความร้อนจากร่างกายของดินแดนด้วยความร้อนและอบอุ่นจากพี่ชายของผม มันอุ่นร่างกายก็จริง แต่มันกลับหนาวเย็นเหลือเกินในหัวใจของผม

“โอเคหลานชาย เรื่องวันนี้อาต้องขอโทษด้วย หวังว่าหลานจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วยนะ”

“ได้ครับ แล้วพบกันที่งานเลี้ยงนะครับคุณอา ผมลาล่ะครับ”

“สวัสดีครับ”

ผมยกมือขึ้นไหว้คุณอาสมภพเมื่อถึงเวลาต้องกลับเสียที คุณอาเองก็ยิ้มให้ผมอย่างเอ็นดู ยกมือรับไหว้ตามปกติ ผมว่าคุณอาสมภพใจดีนะครับ ดูจากแววตาคู่นั้นแล้วคงจะชื่นชมพี่มินของผมไม่น้อยเลย

“ทำไมต้องไปโอ๋มันขนาดนั้นด้วยละคะแดน! มันก็แค่ผู้ชายง่ายๆ ต่ำๆ ที่กระโดดขึ้นเตียงใครก็ตามที่มีเงินเยอะหน่อย ดูสิคะ พอคุณทิ้งมัน มันก็ไปคว้าคุณมินวรุตม์แทบจะทันทีเลย!!” ผมและพี่มินพร้อมกับคุณอิงอรและพี่นารถหันหลังเดินจากมา เพียงแค่ก้าวเดินไปไม่เท่าไร เสียงดังที่มาจากใครบางคนก็ดังพอให้เราทั้งสี่คนหยุดชะงักฝีเท้าลงแล้วหันไปมอง สีหน้าพี่มินย่ำแย่มาก ผมว่าถ้าเธอยังไม่หยุดปาก พี่ชายผมคงได้พุ่งเข้าไปกัดเธอจนตายแน่ๆ

“ขอประทานโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ?” พี่นารถหันหลังกลับไปจ้องหน้าเธออย่างน่ากลัว แววตาเรียบเฉยทว่าเต็มไปด้วยความกดดันที่มากมาย ใบบัวเชิดใบหน้าขึ้นสูง มองเหยียดพี่นารถด้วยแววตาที่น่ารังเกียจ

“ฉันหรือ? ฉันคือเลขาส่วนตัวของคุณดินแดน และเป็นแฟนคนปัจจุบันด้วย จำเอาไว้ให้ดีล่ะ คนกระจอกๆ อย่างเธอคงไม่มีวันมาเทียบฉันได้หรอก!”

“คุณใบบัว!! ผมจำได้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับนอกจากเจ้านายกับเลขา!” เสียงของดินแดนตอบกลับทันทีที่ได้ยินคำอ้างของใบบัว ใบหน้าของเขาตึงด้วยความไม่พอใจ น้ำเสียงที่พูดจึงขุ่นมัว พี่นารถแสยะยิ้ม กวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของใบบัวอย่างเหยียดหยาม

“แหม…จะอ้างอะไรสักอย่างก็ปรึกษาคนที่คุณลากมาเกี่ยวข้องบ้างนะคะ หรือหน้าด้านมากจนไม่รู้สึกอายอะไรเลย อ๋อ…เป็นแบบนี้นี่เอง ถึงว่าสิคะ ตอนคุณไมน์ตบไป แทนที่หน้าคุณจะแดงแต่กลายเป็นมือคุณไมน์เสียอีกที่แดง ที่แท้ก็หน้าด้านมากนี่เอง”

“นี่แก!!”

“อีกเรื่องนะคะคุณใบบัว ก่อนจะด่าใครว่าต่ำ โปรดเช็กด้วยว่าเขาเป็นใคร ไม่ใช่กล่าวหาสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ!”

“ทำไมยะ! ก็แค่ผู้ชายที่เกาะดินแดนกิน ทำไมฉันจะด่ามันว่าง่าย ว่าต่ำไม่ได้ มันวิเศษมาจากไหนกัน!!” พี่นารถยกยิ้มเย็นส่งไปให้ใบบัว ในขณะที่พี่มินกอดไหล่ผมเอาไว้และผมก็เพียงแค่ยืนมองความวุ่นวายตรงหน้าที่กำลังจะสนุกยิ่งขึ้น

“นี่คือคุณไมรวี สุทธิวรเวช หรือก็คือลูกชายคนเล็กของเจ้าสัววรรักษ์และคุณหญิงราตรี ทีนี้…รู้หรือยังคะว่าใครกันแน่ ที่มันต่ำ! ”

อา ในที่สุดก็มีคนตกใจกับเรื่องนี้จริงๆ แต่ไม่ใช่แค่ใบบัวหรือพนักงาน ดูเหมือนดินแดนเองก็อึ้งไม่น้อย แน่ล่ะ ก็ผมคนนี้ก่อนหน้าที่จะเลิกกันเขายังเป็นแค่ไมรวีเจ้าของร้านอาหารแสนสุขเล็กๆ เท่านั้นเองนี่นา ไม่ใช่คนสำคัญที่เป็นลูกชายคนเล็กของโรงแรมอันดับสองของประเทศ

คราวนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงเจียมตัวบ้าง จะได้ไม่เผยอขึ้นมาเทียบกับผมให้ระคายสายตา!






เชิดหน้าเลยจ้าลูก เชิดหน้าใส่เลยค่าาาา วันนี้ลูกชายแมวเจิดจรัสมากกกก เป็นปลื้มมมมม

ปล. เสาร์ อาทิตย์ไม่อัพนะจ๊ะ รอเจอกันวันจันทร์จ้าาา


เป็นเจ้าของ 

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เอาอีกๆ ยังไม่ซะใจเลย

ออฟไลน์ wasu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฟาดอีก ฟาดเข้าไป ฟาดให้ตายไปเลยค่ะ

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามนะคะ ฟาดไปค่่่ะ แต่ก็อยากให้ดีกันเร็วๆๆ  :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
นี่หรือคือความพยายาม
มาของ้อให้คืนดีแล้วเหรอ
จริงง่ะ หึหึ

ทั้งๆที่ยังเห็นทนโท่อยู่เต็มสองลูกตาว่า เวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ทุกวี่วัน
อ้อ..เป็นแค่เพียงเจ้านายกับเลขา เท่านั้นตามที่บอก ฮ่าฮ่า เชื่อ..เชื่อแล้วจ้า(ควายยยยยไม่ปนอื่นเลย)

ถ้าไมน์ใจอ่อนนะ..เหลวไหลสิ้นดี
จะเป็นนายเอกทั้งที ดีแต่ต้องไม่โง่นะ
------------------------------------------

กรูอยากขำ คะมำหัว ให้หัวร่อ
คนอะไร ควายยังขอ คำนับหัว
ปากบอกว่า รู้ตัวแล้ว แค่ลืมตัว
หลงเมามัว คนยั่วกาม ทำตามใจ

อยากกลับตัว มัวรอ อะไรอยู่
ยังคบค้า ใกล้กับชู้ อยู่จริงไหม
แล้วมีหน้า มาออดอ้อน ขอกลับไป
ไอ่จัญไร รีบไปหา หมีห้อยคอ

ไม่อภัยอ่ะ..ไม่มีสำนึกเลย
ใครยอมวะ..ก็ยังมีชู้เป็นเลขาเมิงอยู่ดี
เฮี่ยยยยยยยยยยย

+1 ให้จ้า..หนุกมาก อ่านแล้วถูกใจ
ขอจุ้บคนแต่ง อิอิ

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
หน้าหมานไปเลย ถ้าไม่ไล่ออกนี้แปลกมากเลยนะ อิใบบัวเนี้ย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ชูคอสูงๆเลยลูก จัดหนักเลย

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[16] 50%

ความพยายามของดินแดน

เสื้อผ้าที่ดูหรูหราของผู้คนในงานมันชวนให้ผมรู้สึกไม่ต่างจากสี่ปีก่อน งานเลี้ยงหรูหรา การพบปะพูดคุยกันของคนที่มีหน้ามีตาที่ทุกคนต่างก็สวมหน้ากากเข้าหากัน เสียงเพลงคลอเบาๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะจากใครหลายๆ คนไม่ไกลไปจากจุดที่ผมยืน

ผมแกว่งน้ำสีฟ้าในมือเล่นอย่างเบื่อหน่าย ใช้สายตาโฟกัสไปที่การกระเพื่อมของน้ำสีสวยในมือเสียมากกว่ารอบข้าง บรรยากาศอันคุ้นเคยที่ผมมักเจอมาตลอดเวลาที่คุณพ่อคุณแม่หรือพี่มินต้องออกงานสังคม ผมก็มักจะถูกติดสอยห้อยตามมาด้วยเสมอ ลูกชายลูกสาวของเหล่าสังคมไฮโซ ผมพบเจอมาจนแทบจะเอียนด้วยซ้ำ มีออกจะหลายครั้งที่ผมถูกคุณแม่พาไปพบ แนะนำให้ได้รู้จักกับลูกสาวเพื่อนๆ ของท่าน เพียงแต่ผมที่ยังไม่พบกับดินแดน ยังไม่มีใครครอบครองหัวใจนั้น แน่นอนว่าต้องลองเดทกับพวกเธอเป็นธรรมดา

น่าเสียดายที่ไม่มีใครสักคนที่สามารถสั่นคลอนหัวใจของผมได้

เพราะงั้นเมื่อผมได้พบกับดินแดน ผมจึงตกหลุมรักเขาอย่างง่ายดาย เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้หัวใจของผมเต้นต่างไปจากจังหวะเดิมๆ

บ้าจริง ผมเผลอคิดถึงมันอีกแล้ว!

ผมยกค็อกเทลสีฟ้าขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว ดับอารมณ์ที่ตกค้างและไม่น่าคิดถึงนั้นไปจากหัวใจและสมอง ผู้ชายคนนั้นแม้จะไม่ได้โกหกผมเรื่องที่เลิกกับเธอคนนั้นแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเลือกเธอไม่ใช่ผม ความรักที่ผ่านๆ มาของเรา ไม่สิ ต้องบอกว่าของผมมันสู้เธอคนนั้นที่มาทีหลังไม่ได้ แล้วจะให้ผมเชื่องั้นหรือว่าเขาเลิกกับเธอเพราะรักผม? ทั้งที่ในวันสุดท้าย…เขายังเลือกเธอก่อนผม

ผมยังไม่ใช่คนแรกของเขา ไม่ใช่คนที่เขาจะเลือกเสมอ

“ไมน์…เบื่อหรือเปล่า” ผมยิ้ม อยากจะบอกออกไปอยู่หรอกครับว่าเบื่อ แต่ความเบื่อของผมคงสร้างปัญหาแน่ถ้าเกิดพี่มินรู้มันเข้า เขาคงเลือกจะพาผมออกไปจากตรงนี้แน่นอน ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าต้องเกรงใจผู้ใหญ่คนไหนบ้าง

“ไม่ครับ มันก็สนุกดี” ผมวางแก้วเปล่าลงแล้วหยิบแก้วใหม่จากบริกรที่เดินผ่านมาถือเอาไว้ คราวนี้ผมไม่ยกดื่มรวดเดียวหมด เพียงแค่จิบมันช้าๆ เท่านั้น สีหน้าของพี่มินยังคงไม่ลดความห่วงใยลงไปแม้แต่น้อย กลับกันมันยิ่งทวีความตึงเครียดมากขึ้นกว่าเก่าจนผมต้องเอ่ยปลอบใจ

“อย่าคิดมากเลยครับพี่ ตอนนี้ใครๆ ก็รู้แล้วว่าผมเป็นใคร เชื่อได้เลยว่าไม่มีใครกล้าหาเรื่องผมอีกแน่”

พี่นารถเล่นประกาศความยิ่งใหญ่ของผมเสียดังลั่นภัทราแกรนด์ขนาดนั้น ไม่มีใครรู้สิแปลก ขนาดดินแดนที่ได้รู้ยังอึ้งจนไม่ขยับเขยื้อน ผมไม่ได้โกหกเขา แต่เป็นเขาต่างหากที่นิดมันไปเอง ใครบอกกันล่ะว่าเป็นลูกชายของเจ้าของโรงแรมอันดับสองของประเทศและธุรกิจอื่นๆ ในเครือจะต้องเข้าไปควบคุมดูแลทุกอย่าง ใครๆ ก็เอาแต่บอกให้ผมเที่ยวเล่นให้สนุก ให้ผมใช้ชีวิตให้เต็มที่ แม้แต่พี่มินเองยังรับงานหนักทั้งหมดไปไว้ที่ตัวเองคนเดียว

ถึงแม้ว่าในวันที่ผมจะก้าวออกจากบ้านมาแล้วคุณแม่จัดการเรื่องร้านอาหารให้ผมได้มีเอาไว้เป็นแหล่งรายได้เพราะผมปฏิเสธเงินจากที่บ้านก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยบอกนี่ว่าผมเป็นแค่นั้น ผมไม่เคยปิดบังตัวตน

แต่เป็นเขาเองต่างหากที่ไม่เคยเห็นผมมีตัวตน บัตรประชาชนมันก็ลงนามสกุลเอาไว้เด่นชัดขนาดนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมัน แต่แล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าผมเป็นใคร แล้งผมผิดหรือที่เขาไม่รู้เอง

“พี่มิน…พี่ไม่มีแฟนเลยหรือครับ?” ทั้งๆ ที่อายุมากกว่าผม แต่กลับยังโสด ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายที่ทุกคนใฝ่ฝัน แต่กลับไม่มีคนรักมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน พี่มืนเพียงแค่ยกไวน์ในแก้วขึ้นมาจิบพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่ถูกบดบังเอาไว้ เมื่อไม่ได้คำตอบในสิ่งที่ผมถามออกไปผมก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้อีก นิสัยพี่มินต่อให้บีบและเค้นคอถามให้ตายยังไง ถ้าไม่อยากคายมันออกมามันก็เท่านั้น เสียเวลาเปล่า

เอาเถอะ พี่มินเองก็โตแล้ว เป็นผู้ใหญ่พอจะตัดสินใจเลือกเองได้ คงไม่คว้าผู้หญิงเหมือนใบบัวคนนั้นมาหรอก

“พี่มิน…”

“หื้ม?”

“ไม่เอาพี่สะใภ้แบบผู้หญิงคนนั้นนะครับ” ผมพยักหน้าไปทางด้านซ้ายของพี่มินที่ผู้หญิงที่ชื่อใบบัวยืนอยู่ เธอกำลังพยายามยกตัวเองขึ้นมาให้เข้าสู่สังคมชั้นสูง พยายามคบค้าสมาคมกับพวกลูกคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย พี่มินมองตามไปทางต้นทางที่ผมบอก แววตาของพี่ชายผมก็เปลี่ยนมาเป็นเย็นเฉียบ คมกริบจนแทบจะบาดร่างของเธอให้กลายเป็นเศษเนื้อ

“ไม่มีทาง ผู้หญิงที่มีดีแค่หน้าแต่ไร้สมองแบบนั้น พี่ไม่มีทางตาต่ำไปคว้ามา”

อา พูดแบบนี้ก็น่าสงสารดินแดนแย่ เพราะดันตาต่ำไปคว้ามากินแถมยังยกสถานะให้เสียด้วยสิ

ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กลั้วหัวเราะในลำคอแล้วยกค็อกเทลสีฟ้าขึ้นมาดื่มต่อ จะว่าไปใบบัวเธอเองก็จัดว่าสวย ทรวดทรงองค์เอวดูแล้วน่ามองไม่หยอก หน้าอกที่ล้นทะลักออกมาจากชุดสีดำแหวกจนแทบจะเปิดเผยทุกสัดส่วนก็เรียกสายตาจากใครได้หลายคน ขาเรียวขาวที่โผล่พ้นออกมาจากรอยแยกของกระโปรงยิ่งชวนให้ผู้ชายหลายคนหลงใหล ไม่แปลกใจสักนิดที่ดินแดนจะชอบเธอ

“เราเถอะ อย่าไปใกล้หมอนั่นมากนักล่ะ อย่าลืมว่ามันทำให้เจ็บมาขนาดไหน” ผมมองตามสายตาของพี่มินไปก็พบว่าดินแดนกำลังมองมาทางผมและพี่มิน ทว่าแววตาที่เคยมีความไม่พอใจในตอนนี้เหลือเพียงคนที่ลุแก่โทษเท่านั้น เขายืนอยู่กับภูมิเพื่อนของเขาที่ผมรู้จักดี

ขนาดวันนี้เขาก็ยังหล่อเหลาสมกับที่ได้หัวใจของผมไป เพียงแค่ได้สบตากับเขาหัวใจของผมก็เริ่มทำงานหนักอีกแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บปวดมามากมายแค่ไหนผมก็ไม่สามารถสั่งให้หัวใจเลิกรักเขาไปได้เลยจริงๆ ผมดึงสายตากลับมาเมื่อรู้ตัวว่าสบตากับอีกฝ่ายนานเกินไป ผมไม่อยากให้เขาคิดว่าผมสนใจเขามาก ไม่อยากให้เขาเข้าใจว่าปมรักเขาจนสามารถทนต่อความโหดร้ายที่เขามอบให้ได้อีก

“ผมไม่ลืมหรอกครับ”

จะไปลืมได้ยังไงกันเพราะทุกวันนี้แม้มันจะลดลง แต่ก็ใช่ว่าหัวใจของผมจะหายดีเสียเมื่อไหร่

“ไม่มีทางที่จะลืมแน่นอน” นั่นคือสิ่งที่ผมตอบพี่มินและเป็นการย้ำเตือนตัวเองไปด้วยเช่นกัน

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว เพราะพี่ดูสายตาของมันออก หมอนั่น…ไม่ยอมปล่อยเราไปง่ายๆ หรอกนะไมน์ สำหรับพี่ พี่คิดว่าดินแดนอะไรนั่น…กำลังพยายามเอาน้องคืน” ผมหัวเราะเบาๆ เย้าแหย่พี่มินเล่นอย่างไม่จริงจังนัก แม้ว่าคำพูดของพี่มินจะทำให้หัวใจของผมจั๊กจี้ราวกับคาดหวังก็ตาม

“เอาคืนผมหรือเปล่าครับ พี่มินอาจจะใช้คำผิด” แล้วผมก็โดนเขกศีรษะเบาๆ เป็นการตอบแทนความยียวนของผม ไม่ได้แรงขนาดเจ็บมากมายอะไร เป็นความรู้สึกเหมือนถูกสะกิดเสียมากกว่าอีก แต่ปมก็ยังยกมือขึ้นกุมศีรษะตัวเองเอาไว้ แกล้งร้องโอดครวญราวกับว่าเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน

“โอ๊ย~ ผมเจ็บจังเลย จะบวมไหมนะ จะมีเลือดหรือเปล่า คุณแม่ต้องตกใจแน่ๆ เลย” พี่มินกลอกตาใส่ผม มือใหญ่ยกขึ้นเตรียมจะเขกหัวผมอีกครั้ง

“อีกสักทีดีไหม หื้ม!” ผมหัวเราะจนตัวงอ เราสองคนต่างก็เล่นกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ผมชอบที่เราได้คุยกันแบบนี้ บางทีผมก็รู้สึกว่าพี่มินเข้าใจผมมากที่สุด ถึงภายนอกจะไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย แต่ความหวงน้องของพี่มินไม่ได้มีน้อยๆ นะครับ แต่มันเพิ่งจะออกมาก็ตอนที่ผมเจ็บปวดจากความรักของดินแดน และอาจจะเป็นเพราะความเจ็บปวดครั้งนั้นที่ทำให้พี่มินต้องคอยจับตามองและดูแลผมยิ่งขึ้นก็ได้

ผมเผลอหันไปสบตากับดินแดนเข้าอีกครั้งทั้งที่ยังไม่ทันได้เก็บรอยยิ้มออกไปจากหน้า เมื่อรู้สึกตัวผมจึงรีบหุบยิ้มลง ทันที ดินแดนขยับเท้าเข้ามาหาผมเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณแม่กำลังเรียกผมพอดี

“ผมไปหาคุณแม่ก่อนนะครับ”

ผมเลือกจะเดินหนีไปหาคุณแม่แทนที่จะอยู่รอให้ดินแดนเดินเข้ามาหาผม ผมยังไม่พร้อม ไม่อยากคุยกับเขาในตอนนี้ ผมอาจจะขี้ขลาดก็ได้ ในใจเองก็หวั่นและกลัวว่าเขาจะโกรธ จะรับไม่ได้เมื่อได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผมเป็นใคร แต่อีกใจก็คิดว่าเราสองคนมันจบลงไปแล้ว เขาจะคิดอะไรยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผมอีกต่อไป ต่อให้นับจากนี้เขาจะเกลียดผมก็เรื่องของเขาไม่เกี่ยวอะไรกับผม

แต่สุดท้ายผมก็เดินหนีออกมา เพราะยังไม่สามารถเผชิญกับความจริงที่คิดว่าเขาอาจจะเกลียดผมได้ ผมสูดลมหายใจเข้าปอด ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหาคุณแม่อย่างรวดเร็ว

“ว่าไงครับคนสวยของผม คิดถึงผมแล้วหรือครับถึงเรียกมาแบบนี้” ผมใช้แววตาพราวระยับหยอกเย้าคุณแม่จนถูกตีลงที่ท่อนแขนไม่แรงมากนัก แต่บรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลายก็พากันอิจฉากันถ้วนหน้า

“เดี๋ยวเถอะ มารู้จักกับคุณหญิงสิตาสิคะลูก ส่วนนั่นคือหนูวุ้น ลูกสาวของคุณหญิงสิตาเพื่อนแม่เองค่ะ” ผมหันไปยิ้มให้กับคุณหญิงสิตากับน้องวุ้นด้วยความจริงใจพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่

“สวัสดีครับคุณน้า สวัสดีครับน้องวุ้น” คุณหญิงสิตายิ้มให้ผมอย่างเอ็นดูส่วนน้องวุ้นที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับหน้าแดงซ่าน บิดซ้ายขวาพอเป็นพิธีให้ไม่ดูน่าเกลียดมากนัก เรียกว่าเป็นความเขินอายที่ดูน่ารักน่ามองก็ได้

“สวัสดีจ้ะ แหมคุณพี่คะ ลูกชายหล่อขนาดนี้ไม่ใช่ว่าถูกจับจองหัวใจไปแล้วหรือคะนี่” จับจองหัวใจหรือครับ จะว่าไปหัวใจของผมมันก็ไม่ว่างจริงๆ นั่นล่ะ แต่ก็คงต้องรอดูว่าคุณแม่คนสวยของผมจะตอบไปว่ายังไง

“นี่ก็เพิ่งอกหักมานี่ละค่ะคุณน้อง พี่ก็หวังแต่ว่าลูกชายของพี่จะพบคนดีๆ ที่ช่วยเขารักษาแผลใจได้บ้าง พี่ล่ะสงสารลูกชายเหลือเกิน” ผมยิ้มอ่อนกับการเล่นใหญ่ของคุณหญิงราตรี เหลือบมองร่างของดินแดนที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลได้ชัดเจน

ดินแดนกำมือแน่นกัดฟันกับประโยคที่ได้ยินจากคุณแม่ของผมด้วยความไม่พอใจและเสียใจ นัยน์ตาของดินแดนมันหลากหลายอารมณ์จนคาดเดาไม่ออก ผมรู้เพียงว่าตัวเองเผลอไผลไปกับการแสดงออกมาของเขา เผลอตัวคาดหวังความหวังที่ลมๆ แล้งๆ ไปกับเขาอีกครั้ง เผลอดึงดินแดนที่ควรเป็นเหมือนของต้องห้ามมาเป็นยารักษาหัวใจอีกครั้งเสียแล้ว ผมนี่มันไม่เข็ดไม่จำเลยจริงๆ ทั้งที่ถูกทำให้เจ็บปวดขนาดนั้นกลับยังจดจำได้แต่เพียงเขา







..........50%..........
[/b]







กำมือไปเถอะจ่ะ เธอก็ทำได้แค่นั้นแหละ กล้าก็เดินเข้าไปเส้!! เอาเด้ๆ กล้าเปล่าาาา โด่~

เป็นเจ้าของ 

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
บทหวานอย่าเพิ่งมานะ ยังทำใจไม่ได้

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ความรู้สึก ทิ่มแทง แสลงอยู่
ความหดหู่ เสียใจ ยังทับถม
ความเจ็บปวด ทบเท่า ร้าวระบม
ความรักจม คมบาด ยังปาดใจ

หายเจ็บได้แต่อย่าลืมนะว่าใครเป็นคนทำกับเราไว้
กอดให้กำลังใจ..ไมน์
 :กอด1:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
กำมือแน่นๆนะดินแดน เพราะจะต้องกำมืออีกนาน

ออฟไลน์ เด็กสาวในชุดสีฟ้า

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
[16] 100%


“แหม…แบบนี้ก็แย่เลยสิคะ ใครกันคะที่ทำร้ายใจหนูไมน์ลูกชายคุณพี่ได้ลง”

“ก็…ใครก็ช่างเถอะค่ะ ถ้าเขาโง่ขนาดทิ้งขว้างลูกชายพี่แบบนั้น พี่ก็อวยพรให้เขาเจอคนดีๆ ที่เขาต้องการ ส่วนลูกชายสุดหล่อของพี่คนนี้…พี่ว่าคงหาใหม่ไม่ยากเย็นอะไร คุณน้องว่าจริงไหมคะ” รอยยิ้มของคุณแม่ของผมเป็นเหมือนกับดอกไม้เคลือบยาพิษดีๆ นี่เอง ทั้งจิกกัด ทั้งบอกทางอ้อมกับดินแดนว่าขอให้โชคดี ส่วนผมคุณแม่จะจัดการหาคนที่ดีกว่าให้เอง ผมว่าถ้าดินแดนคิดจะแย่งผมคืนอย่างที่พี่มินว่า คงกระอักเลือดจนแทบจะตายแล้วล่ะ

“จริงมี่สุดค่ะ น้องวุ้นหนูหิวแล้วใช่ไหมคะลูก”

“เอ๊ะ? อ๊ะ! ใช่ค่ะคุณแม่” คุณหญิงสิตาหันมาหาผม มอบรอยยิ้มอ่อนหวานให้อย่างเกรงอกเกรงใจ

“จะรบกวนไหมคะ ถ้าน้าจะฝากให้หนูไมน์ช่วยพายัยวุ้นลูกสาวน้าไปหาอะไรทานเสียหน่อย พอดีแกเพิ่งกลับมาจากอังกฤษเลยไม่ค่อยรู้จักใครเลย” ผมหันไปมองคุณแม่ที่พยักหน้าให้ผมเบาๆ ผมจึงได้แต่ต้องพาน้องไปเท่านั้น

“ไม่รบกวนเลยครับ น้องวุ้นเชิญทางนี้ได้เลยครับ พี่จะพาไปหาอะไรทานเอง”

“ค่ะพี่ไมน์”

ผมและน้องวุ้นพากันเดินออกห่างจากผู้ใหญ่ไปอีกทางที่เป็นจุดวางอาหารเอาไว้ วันนี้อาหารมากมายถูกเรียงรายให้ได้เลือกทาน ผมเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรมาเช่นเดียวกัน เมื่อได้กลิ่นได้มองหน้าตาที่น่าทานของพวกมันก็เริ่มหิวไม่ต่างจากน้องวุ้นเลยแม้แต่น้อย

น้องวุ้นหยิบจานมาสองใบ ส่งมาให้ผมใบหนึ่งอย่างมีน้ำใจ ผมรับมาแล้วส่งรอยยิ้มกับคำขอบคุณไปให้ หากว่ากันตามจริงน้องวุ้นก็น่ารักไปอีกแบบ ตัวเล็กผิวขาวอมชมพูขนาดผิวแก้มยังแดงปลั่งไปด้วยเลือดฝาด หากไม่ใช่ว่าผมมีดินแดนที่อยู่ในใจ ผมอาจจะขอน้องเดทก็ได้

น้องวุ้นมองอาหารตรงหน้าอย่างชั่งใจ ผมว่าเธอคงอยากจะทานมันทุกอย่างแต่ดูจากขนาดตัวของเธอ ผมว่าคงไม่สามารถทานได้หมดแน่ๆ

“น้องวุ้นอยากทานอะไรครับ?”

“วุ้นเลือกไม่ถูกเลยค่ะพี่ไมน์ มันน่ากินไปหมดทุกอย่างเลย” ผมส่ายหัวเบาๆ ได้แต่ยิ้มเอ็นดูวุ้นอย่างที่พี่ชายเห็นน้องสาวตัวน้อย วุ้นไม่มีจริตหรือการตบตาเล่นละครแบบสาวๆ สมัยนี้ น้องดูสดใสน่ารักคล้ายกับเด็ก มันเลยเป็นอารมณ์เหมือนผมเอ็นดูน้องเสียมากกว่า

“ถ้างั้นพี่ขออนุญาตเลือกให้นะครับ” น้องนิ่งไปครู่หนึ่งก็จะส่งยิ้มให้ผมอย่างช่วยไม่ได้

“แบบนั้นก็ได้ค่ะ เพราะถ้าให้วุ้นเลือกเองวันนี้ก็คงไม่ได้ทานแน่ๆ”

ผมหัวเราะไปกับน้องทำให้บรรยากาศรอบตัวคลายเครียดลงไปมาก ผมเลือกตักอาหารอ่อนๆ ให้น้องสองสามอย่างพร้อมกับผักเล็กๆ น้อยๆ เพราะดูจากสีหน้าแล้วเจ้าตัวคงจะไม่ค่อยชอบ แต่ผมที่มองวุ้นเป็นน้องก็อยากให้ทานอาหารให้ครบทุกหมู่ ในจังหวะที่เลือกอาหารให้ตัวเองผมก็เหลือบไปเห็นภาพความสนิทสนมกันของดินแดนและใบบัว

ถึงแม้อีกฝ่ายจะออกปากอย่างขัดเจนว่าเลิกกันแล้วก็ตามที แต่หากว่ายังคงถึงเนื้อถึงตัวและยังคงแสดงความขัดเจนเท่าคำพูดไม่ได้ ผมว่าผมคงไม่สามารถปล่อยให้หัวใจเข้าไปเสี่ยงกับเขาได้อีก ผมกลัวว่าคนที่จะต้องเจ็บปวด จะกลายเป็นผมอีกครั้งหนึ่ง

“น้องวุ้นเลือกไปก่อนนะครับ ถ้าหากว่าพอแล้วก็เดินกลับไปหาคุณน้าสิตาก่อนเลยนะ เดี๋ยวพี่ขอไปหาอะไรดื่มสักครู่นะครับ” ผมแค่อยากเดินออกไปให้ห่างจากภาพที่ทำให้ผมเจ็บ

“ได้ค่ะ”

ผมหันหลังเดินออกมาจากจุดที่น้องวุ้นยืนอยู่ เดินเลี่ยงไปอีกด้านจนถึงจุดวางเครื่องดื่มทั้งหลาย ผมมองสีสันของน้ำที่อยู่ในแก้วอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มเพื่อดับความรู้สึก ผมกลืนไวน์ลงคอจนหมด หลับตานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาและหันไปมองภาพที่แสนบาดตาบาดใจอีกครั้งหนึ่ง

ผมคว้าอีกแก้วขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ มองเขายิ้มให้เธออย่างปวดร้าวในหัวใจ จะว่าไปเขาสองคนเวลายืนคู่กันก็ช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน บางทีสวรรค์อาจจะสร้างเขาสองคนให้มาคู่กันก็ได้ การที่ผมอยู่ระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขานั้น มันผิดมาตั้งแต่แรก แม้ว่าผมจะมาก่อนเธอก็ตาม

อารมณ์ที่บัดนี้ทั้งเจ็บปวดระคนเสียใจยิ่งทำให้ผมยกไวน์ในแก้วดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างลืมตัว ยิ่งมองผมก็ยิ่งเจ็บ เมื่อยิ่งเจ็บผมก็ยิ่งดื่มมันเข้าไปเพื่อสะกดอารมณ์ที่แสนทรมานเอาไว้

อยากจบงานแล้วกลับบ้าน ผมไม่อยากอยู่มองเขาสองคนมีความสุขกัน ผมยังไม่เข้มแข็งมากพอจะยืนส่งยิ้มราวกับไม่รู้สึกอะไรได้

เพราะผมยังรู้สึกเจ็บอยู่ในหัวใจอยู่

ยิ่งไม่สามารถหยุดรักเขาได้ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม

ผมเริ่มรู้สึกถึงอาการวิงเวียนศีรษะ โลกทั้งใบเริ่มหมุนคว้างไปมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ผมเดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยของเก่าออกมาจนแทบจะหมดท้อง ทว่ามันกลับไม่ได้ดีขึ้นสักนิด ผมขยับตัวนั่งลงนิ่งๆ หลับตาลงเพื่อพักสักเล็กน้อยก่อนจะฝืนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปที่กระจก

มือของผมเอื้อมออกไปเปิดน้ำและใช้มันล้างหน้าล้างตาหวังให้มันพอจะบรรเทาความทรมานในตอนนี้ได้

ผมพยุงตัวเองเดินออกมานอกห้องน้ำช้าๆ ใช้มือจับผนังด้านข้างไปตลอดทาง พอถึงตอนนี้ผมถึงได้รู้แล้วว่าตัวเองฝืนดื่มเข้าไปมากเกินไปและเร็วเกินไป ผมจึงได้เมาจนเละเทะแบบนี้ ขืนให้คุณแม่เห็นมีหวังผมคงถูกด่าเสียยับเยินแน่นอน จะว่าไปพี่มินหายไปไหนกันนะ ผมอยากกลับบ้านเหลือเกิน

“เป็นอะไรไหม” ผมเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับฝืนยิ้มให้เขาทั้งที่สายตาเริ่มโฟกัสอะไรไม่ได้อีกแล้ว

“ไม่ครับ ไม่ ไม่เป็นไร”

ฉากนี้…มันทำให้ผมคิดถึงคืนนั้นเหลือเกิน

“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับคุณ”

“ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไร”


ทั้งๆ ที่มันก็แค่ความประทับใจแรกเห็นทำไมผมถึงไม่สามารถลืมมันไปได้เสียที ผมดันร่างของตัวเองเพื่อออกเดินไปอีกครั้ง แต่กลับเซจนเกือบจะล้มลงไป

“ไมน์ แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร”

!!!

ผมไม่คิดว่าจะเป็นเขา ร่างกายของผมเกร็งไปทุกส่วน พยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเขาที่รองรับร่างของผมเอาไว้ก่อนที่จะล้มลงไป

ทำไมเป็นเขาล่ะ ทำไมต้องเป็นเขาอีกแล้ว

ผมเม้มริมฝีปากที่สั่นระริกแน่น ถูกฝ่ามือที่บัดนี้เย็นเฉียบแตะลงบนผิวแก้มอย่างแผ่วเบา จนแทบจะไล่ความร้อนจากไวน์ที่กำลังเล่นงานผมออกไปจนหมด ผมเบือนหน้าหนีเขา ไม่อยากให้เขารู้ได้ว่าหัวใจของผมในตอนนี้มันกำลังเต้นระรัวเพราะตัวเขาที่ไม่เคยเปลี่ยนไป

ดินแดนยังคงเป็นดินแดน ห่วงใยผู้อื่นเสมอ…ที่ไม่ใช่ผม

“ปล่อย ปล่อยครับ ผมจะกลับไปหาพี่มิน” มันไม่จำเป็นเขา ผมมีคนคอยดูแลตั้งมากมาย พี่มินพี่ชายของผมเองก็ยินดีที่จะห่วงใยผม

“ไหวแน่หรือ อย่าดื้อเลย เดี๋ยวผมจะพาไปนั่งพัก”

ไม่ ผมไม่อยากไปกับเขา ถ้าหากผมไป ผมคง…ใจอ่อนแน่นอน

ผมส่ายหน้าทั้งที่สองตาเริ่มร้อนผ่าว อารมณ์ความเสียใจและเจ็บปวดมันกำลังแสดงตัวออกมาในเวลาที่ผมอ่อนแอ ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมกัดฟันดันร่างของเขาออก ต่อให้ปมเดินต่อไม่ไหวผมก็จะฝืน จะไม่ยอมหลั่งน้ำตาต่อหน้าเขาอีกแล้ว มันน่าสมเพชเกินกว่าจะเป็นสุทธิวรเวช

“ไมน์! เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“พี่ พี่มิน” ผมเรียกพี่ชายตัวเองเสียงสั่นเมื่อพี่มินวิ่งเข้ามาหาผมอย่างรีบร้อน ใบหน้าของผมเริ่มแดงก่ำ นัยน์ตาทั้งสองข้างรื้อไปด้วยหยาดน้ำตาที่เกือบจะไหล ผมเกาะแขน ซุกใบหน้าเข้าไปที่ท่อนแขนของพี่ชายอย่างต้องการพึ่งพิง

“ไมน์…กินไวน์มาหรือเรา เด็กขี้เมาเอ๊ย” ผมออดอ้อนพี่มินอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำ หางตาผมมองเห็นดินแดนกำหมัดแน่นอย่างไม่ชอบใจ แต่ผมในตอนนี้อยากหนีไปจากเขา ไม่อยากให้เขามองเห็นความอ่อนแอจากตัวผม

“กลับบ้านกันพี่มิน ไมน์ปวดหัว โลกหมุนติ้วๆ เลย” ผมชี้มือขึ้นไปเหนือศีรษะทั้งที่ใบหน้ายังไม่ได้ออกมาจากแขนพี่ชายแม้แต่น้อย จนได้ยินเสียงหัวเราะจากพี่มินไม่เบานัก

“หึหึ ได้ครับ กลับบ้านกันนะ เดินไหวไหม หรือจะให้พี่อุ้มล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มกว้างเหมือนตอนเด็กๆ กางมือออกทั้งสองข้างเพื่อรอให้พี่ชายของผมรวบตัวผมเข้าไปอุ้มอย่างที่ทำในเวลาที่ผมง่วงนอนมากๆ ตอนยังเป็นเด็ก

“อุ้มนะ ไมน์ปวดหัว”

“ตามบัญชาครับคุณหนู หึๆ”

ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้น สองแขนจึงกอดรัดลำคอของพี่ชายตัวเองจนแน่นด้วยกลัวว่าจะตกลงไป ผมซบหน้าลงกับแผ่นอกของพี่มินที่หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นจมูก แต่อาการปวดหัวและมึนๆ นั้นทำให้ปมไม่ได้สนใจมันมากไปกว่าการนอน

“เดี๋ยวสิไมน์ เรา…เคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม”

ผมไม่อยากตอบ ได้แต่กดใบหน้าตัวเองเข้าไปที่เสื้อของพี่มินมากยิ่งขึ้น ผมไม่อยากคุยกับเขา อยากกลับบ้านไปนอน ผมปวดหัวคิดอะไรไม่ออก ทำไมต้องมาถามอะไรให้ต้องคิดด้วยนะ พี่มินกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ปรายตามองดินแดนอย่างดุดัน

“น้องชายผมเมา คงตอบคำถามของคุณไม่ได้หรอกครับ ขอตัว!”

“ผมไม่ยอมแพ้หรอก! ผมรักไมน์ และจะทำให้ไมน์รักผมอีกครั้งให้ได้ ต่อให้มันจะยากเย็นแค่ไหน ให้คุณขัดขวางสักเท่าไรก็ตาม!” นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ปมได้ยินก่อนที่สติของปมจะดับมืดไปราวกับถูกใครปิดลง

ดินแดนจะรู้ไหมว่ากำลังทำให้ผมใจอ่อน ตั้งแต่ที่ได้เห็นหน้าเขาในวันนั้นแล้ว









อีกไม่กี่ตอนเขาจะดีกันแล้วนะพวกเธออออ ใครที่รู้สึกว่า เฮ้ยยย ทำไมไม่สะใจเลย ทำไมดีกันง่ายจังเธอ! คือแมวก็ไม่รู้นะว่าคนอื่นเข้าใจไหม แต่...เวลาที่เราชอบหรือรักใครสักคน มันอาจจะเป็นการบอกเลิก แต่ความจริงแล้วในใจก็ไม่ได้เลิกรักเขาหรอก เสี้ยวหนึ่งในหัวใจยังคงให้อภัยคนที่รักได้เสมอ ต่อให้เดินออกมาจากจุดที่เคยยืน แต่เศษเสี้ยวของใจก็ยังอยากจะกลับไปยืนอยู่ตรงนั้น แมวว่า...คนแบบนี้มีไม่น้อย แต่สำหรับคนที่ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรนะคะ แง้ แมวแค่อยากจะบอกว่า นิสัยน้องเป้นแบบนี้ อย่าผิดหวังนะคะถ้ามันไม่ออกมาเป็นอย่างที่พวกคุณหวัง แมวพยายามฉุดๆ แย้ววว

เป็นเจ้าของ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด