-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104604 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่ารักกันจริงมีลูกซักคนคงน่ารักน่าเอ็นดู

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักมากๆเลยค่ะ :m3: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 73

สมประสงค์

---------
   

กัญญาอยู่ที่เมืองตะวันออกอีกไม่กี่วันก็กลับ


วันเดินทางกลับ ตรัสและรติไปส่งด้วยไมตรีจิต มีขนมและผลไม้ของเมืองตะวันออกให้นางถือกลับไปด้วย รติย้ำหนักหนาว่าหากถึงเมืองใต้แล้วให้ส่งสารมาบอกกล่าว และย้ำว่าหากมาที่เมืองตะวันออกอีกก็ให้แวะมาเยี่ยมเยียนได้เสมอ


   ทั้งหมดนี้ ล้วนพูดต่อหน้าตรัส โดยที่ชายหนุ่มยืนเคียงข้างปล่อยให้รติพูดโดยไม่คัดค้านหรือมีท่าทีไม่พึงใจแต่อย่างใด


   อดีตย่อมเป็นอดีต เวลานี้รติเป็นภรรยาของเขาแล้ว หาใช่ต้องกังวลเรื่องใดอีก


   กัญญาออกจากเมืองไป สองสามีภรรยาอหัสกรก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับงานและการดูแลสกุล แม้จะรับปากแล้วว่าจะไปเที่ยวทะเลสาบทางตอนเหนือในช่วงฤดูร้อนด้วยกัน แต่งานการล้นมือ ย่อมไม่อาจหาเวลาไปได้อย่างกะทันหัน กว่าจะหาวันว่างไปเที่ยวทะเลสาบได้ก็ตอนที่ฤดูร้อนใกล้หมดลงแล้ว


   แดดยังจัดสมกับเป็นฤดูร้อน แต่อากาศเริ่มเย็น ดอกไม้บางส่วนร่วงโรย บางส่วนยังบานสะพรั่งสีสันสวยสด


   ทะเลสาบทางตอนเหนือของเมืองในยามฤดูร้อนให้ทิวทัศน์แปลกตาไปจากที่รติเคยมาเยือนเมื่อตอนฤดูหนาว


   ฤดูหนาวนั้นขาวโพลน มองไปทางไหนก็เวิ้งว้าง อีกทั้งยังหนาวเหน็บ


   ฤดูร้อนกลับเต็มไปด้วยสีสัน สุดลูกหูลูกตาคือทุ่งหญ้าและดอกไม้นานาพันธุ์ แม้อากาศจะไม่ร้อนจัด แต่ก็ไม่จัดว่าหนาวจนตัวสั่นงั่นงก น้ำในทะเลสาบใสแจ๋วและเย็นฉ่ำ ระพีและรุจีเล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุก มีท่านอมราปูเสื่อนั่งอยู่ริมน้ำพักผ่อนหย่อนใจ ในขณะที่รติและตรัสพากันไปเดินเล่น ดื่มด่ำชื่นชมกับบรรยากาศสดใสรอบตัว


   ช่วงเวลาของสองสามีภรรยาเป็นไปอย่างเงียบๆ ด้วยการเดินเคียงกันรอบทะเลสาบที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ เสียงเครื่องดนตรีดังแว่วมา ชวนให้หันมอง ต้นเสียงคือชายชราผู้หนึ่งกำลังเล่นเครื่องดนตรีอยู่ที่ริมทะเลสาบ ท่วงทำนองอ่อนโยน พาให้เคลิบเคลิ้ม


   “อยากเล่นดนตรีหรือ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านข้าง รติหันมองแล้วยิ้ม


   “ข้าเล่นไม่เป็นหรอก”


   “ที่เรือนอหัสกรมีเครื่องดนตรีอย่างนั้น ถ้าเจ้าอยากลองเล่น ข้าจะสอนให้”


   คราวนี้รติตาโต ร้องถาม


   “ท่านเล่นเป็นด้วยหรือ?!”


   “ตอนเด็กๆเคยเรียนอยู่บ้าง แต่คงต้องฟื้นสักหน่อย ไม่ได้จับนานแล้ว”


ดวงตาของรติที่มองคนพูดนั้นมีประกายชื่นชมปิดไม่มิด


   “มีอะไรที่ท่านทำไม่ได้บ้าง ดูดาวก็ได้ เล่นเครื่องดนตรีก็ได้ เก่ง”


ตรัสหันมอง แม้จะรู้สึกภาคภูมิใจที่อีกฝ่ายชื่นชมเพียงนี้ แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าตนเองเก่งกาจแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขากลับมองว่ารติเก่งกว่าเขามาก


   “เจ้าต่างหากที่เก่ง”


   “ข้าน่ะหรือ ไม่ๆ ข้าทำอย่างท่านไม่ได้สักอย่าง...”


   “แต่เจ้าทำในสิ่งที่ข้าทำไม่ได้ เจ้ายอมแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักก็เพื่อผู้อื่น แต่งแล้วสามีผู้นั้นไม่ได้ดีต่อเจ้า เจ้าก็ยังมีน้ำใจต่อเขา การเงินของสกุลร่อแร่ ก็ไม่นึกรังเกียจ หนำซ้ำยังลงแรงช่วยคิดช่วยหาทาง เจ้าไม่เคยรักสบาย ไม่เคยเอาดีเข้าตัว มีน้ำใจ คิดอ่านสิ่งใดก็ทำเพื่อผู้อื่นก่อนเสมอ”


   รติชักเขิน จู่ๆถูกชมก็ไม่รู้จะทำหน้าเช่นไร มือไม้ล้วนเก้งก้าง แต่พอจะหาเรื่องเดินหนี ก็กลับถูกคว้าแขนเอาไว้


   “ขอบคุณ รติ”


   “ท่านขอบคุณข้าบ่อยเกินไปแล้ว”


   “ไม่เลย ถ้าเทียบกับสิ่งที่เจ้าทำ” ตรัสลูบมือภรรยา มือของรติมิได้นุ่มนวลอย่างผู้หญิงเพราะรติเป็นชาย และรติก็มีความรู้ความสามารถมากเกินกว่าจะเป็นเพียงภรรยาในสกุลอหัสกรที่ดูแลเรื่องหลังบ้าน


   “รติ...เจ้าอยากรักษาคนไหม”


   “ท่านหมายความว่าอย่างไร”


   “ถ้าเจ้าอยากเป็นหมอ ข้าจะสอน แล้วส่งไปสอบใบประกอบวิชาชีพ จะกลับมาเป็นหมอที่อหัสกรก็ได้ หรือจะเปิดร้านยาแห่งใหม่ก็ได้ หรือถ้าอยากเรียนหนังสือ ข้าจะหาโรงเรียนให้ หรือถ้าเจ้าชอบค้าขาย อยากขายอะไรก็บอก ร้านข้างๆร้านยาอหัสกรเขาจะย้ายไปอยู่เมืองอื่น ข้าเจรจาขอซื้อตึกไว้ หากเจ้าอยากจะเปิดเป็นร้านขายอะไรก็แล้วแต่เจ้า”


   รติมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างคาดไม่ถึง


   “ทำไม...อยู่ดีๆ...”


   “ข้าขอโทษที่ไม่คิดให้เร็วกว่านี้ เจ้าเป็นชาย การเป็นภรรยาของชายด้วยกันก็ย่อม...”



...เป็นเรื่องแปลกประหลาด...



แต่รติไม่เคยเก็บสายตาผู้อื่นมาใส่ใจ ตรัสเองก็ไม่ใช่คนเงี่ยหูฟังเสียงนกเสียงกานัก เรื่องตลกขำขันจำพวก ‘หมอตรัสมีภรรยาเป็นชาย’ จึงไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้เขาแต่อย่างใด


   จนกระทั่งได้ยินกัญญาคุยกับรติ


   รติเป็นชาย ความภาคภูมิใจของความเป็นชายในเวลานี้คือการมีอาชีพการงานเป็นที่นับหน้าถือตา ความรู้ความสามารถของรติย่อมทำให้โดดเด่นได้ไม่ยาก


   “ท่านได้ยินที่ข้าคุยกับกัญญาใช่ไหม”


   ตรัสยิ้ม ยังจับมือภรรยาไม่ปล่อย ในขณะที่เบนสายตาออกไปมองยังทะเลสาบกว้าง ลมพัดผ่านผิวน้ำเป็นระลอก ยามแดดส่องยิ่งเป็นประกายระยิบ


   “ตรัส ท่านไม่จำเป็น...”


   “สามีภรรยาใช่ว่าใครคือชายหรือใครคือหญิง แต่ในฐานะที่เจ้าแต่งเข้าสกุล และข้าเป็นผู้นำสกุล ข้ากลับทั้งโง่ทั้งทื่อ บางครั้งก็ดูไม่ออกว่าเจ้าอยากทำสิ่งใด เจ้าก็ไม่ช่างพูดเรื่องความอยากของตนเองให้ใครฟัง แต่ข้าก็...อยากให้เจ้าได้ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ”


   รติมองคนพูดอย่างคาดไม่ถึงผสมตื้นตัน ใครจะคิดว่าชีวิตนี้จะโชคดีถึงเพียงนี้ ไม่เพียงมีคนรัก ได้เคียงข้างคนที่รัก แต่คนผู้นั้นยังคิดถึงความสุขของเขา


   มือที่ตรัสจับ บีบกระชับมือของตรัสเช่นกัน รติยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาเป็นเส้นโค้ง บอกให้รู้ว่าเขามีความสุขเพียงใด


   “ข้า...เคยอยากเป็นหมอ”


“...อยากเป็นพ่อค้า อยากเป็นนักเดินทาง อยากเป็นนักประดิษฐ์ เคยอยากทำสวนทำไร่ด้วย” รติพูดแล้วหัวเราะเบาๆ


“ความอยากเหล่านั้น ชั่วชีวิตนี้ก็เป็นทั้งหมดไม่ได้จริงไหม เมื่อลองคิดถึงความอยากแต่ละข้อดูแล้ว ข้าก็พบว่าถึงจะไม่ได้เป็นในสิ่งที่อยาก แต่ข้าก็ได้ทำอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งที่อยาก”


“...ข้าได้ช่วยท่านรักษาคน เรื่องนี้ก็คล้ายได้เป็นหมอ ข้าได้ค้าขายผงสมุนไพร เรื่องนี้ก็เป็นพ่อค้า ข้าได้คิดได้ค้นเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรแปลกๆ เรื่องนี้พอจะถือว่าเป็นนักประดิษฐ์ก็ได้ แล้วข้ายังได้เห็นแต่เรื่องแปลกหูแปลกตา ได้มาที่นี่ทั้งฤดูหนาว ฤดูร้อน นี่ก็คล้ายนักเดินทาง เหลือทำสวนทำไร่ ยังไม่ได้ทำ แต่คิดเอาไว้ว่าถ้าว่าง ก็จะหาเมล็ดผักไปลงดินปลูกที่ลานหลังเรือน พอออกดอกออกผลจะได้มีไว้กินไม่ต้องซื้อหา”


รติยังยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่ใช่ปลดปลงตัดใจ แต่เป็นรอยยิ้มของคนที่มีความสุขกับชีวิต รอยยิ้มของเขาให้ความรู้สึกสงบและเรียบง่าย เป็นรอยยิ้มที่มองแล้วสบายตาสบายใจ


“ขอบคุณที่คิดถึงความต้องการของข้า แต่การที่ข้าได้อยู่กับท่าน ได้ทำเรื่องที่อยากทำตั้งมากมาย ได้เลี้ยงรุจีและระพีให้เติบโต ได้ดูแลท่านอมรา ชีวิตของข้าในเวลานี้มีความสุขแล้ว”


ตรัสมองคนข้างกาย หัวใจมิได้เต้นถี่รัวเร็ว แต่กลับสงบสุข รติคือความสบายอกสบายใจ คือความดีงามของชีวิต เป็นสีสันและความสดใส เป็นทั้งสายลมแผ่วเบาที่ทำให้ผ่อนคลาย แต่หากขาดสายลมนี้ไปก็คล้ายขาดอากาศ รติจึงเป็นทั้งหัวใจ เป็นทั้งร่างกาย และเป็นทั้งความรู้สึกนึกคิดของเขา


สองสามีภรรยาก้าวเท้าไปตามทางเดินริมทะเลสาบอย่างช้าๆ มีเสียงพูดคุยหัวเราะกันแผ่วเบา บ้างก็หันมายิ้มและทอดสายตามองกันด้วยความรัก บ้างก็หันไปดื่มด่ำกับบรรยากาศในฤดูร้อน


พวกเขามิได้แสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผย แต่หากมีผู้ใดสังเกต ก็คงพบว่าหาใช่เพียงเดินเคียงกัน แต่ปลายนิ้วของสองสามีภรรยายังเกี่ยวกันเอาไว้ ถ่ายทอดความรู้สึกให้กันและกันรับรู้ว่า ชีวิตนี้...สมประสงค์เพียงใดที่มีคนข้างกายเคียงข้างกันไปบนเส้นทางชีวิตสายนี้


และพวกเขา...จะเดินเคียงข้างกันเช่นนี้...ไปจนกว่าจะถึงปลายทางของชีวิต



--------


#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต


ธ ม น


THAMON926


---------


คู่นี้เหมือนแต่งงานกันมานานแล้วเลยค่ะ ฮ่าฮ่า แต่จริงๆก็นับว่านาน เพราะ 70 กว่าตอนแหน่ะ


เหลืออีก 2 ตอน เรื่องนี้ก็จะจบแล้วล่ะค่ะ


ขอบคุณสำหรับทุกการอ่าน


เจอกันวันพุธนะคะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
จะจบแล้วเหรอคะยังสนุกอยู่เลย..ขอบคุณนะคะคุณนักเขียน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อิ่มเอมใจไปกับทั้งคู่ ความรักคือสิ่งดีงาม  :กอด1:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เร็วมากๆเลยจะจบแล้วหรอ เป็นคู่ที่น่ารักมากๆเข้าใจกันคุยกัน อบอุ่นหัวใจมากๆเลยตอนนี้ ชอบรติมากๆทำไมแสนดีขนาดนี้อะ คุณตรัสก็น่ารักดูแลรติดีมาก :กอด1:  :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตรัสใส่ใจมาก

อิ่มเอมแทน

ปล. นักเขียนจะสร้างจักวาลมนุษย์ อมนุษย์ ปีศาจ ต่อไหมหนอออ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
เหมาะสมกันมาก รักกันนานๆนะ

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 74

ดำเนินต่อไป

---------


   นับตั้งแต่ร้านยาอหัสกรขายสมุนไพร กำไรก็ยิ่งงอกเงย


สกุลอหัสกรมีทั้งเงินเก็บ และสามารถปันส่วนให้กับทุกคนในสกุลได้ใช้จ่าย เงินเก็บในส่วนของตรัส เขาสะสมเอาไว้ จนกระทั่งวันนี้ที่ได้ใช้


   อย่างที่ตรัสเสนอกับรติ คือร้านข้างๆร้านยาอหัสกรจะย้ายไปอยู่เมืองอื่น เขาจึงซื้อตึกขนาดสองชั้นหลังนั้นเอาไว้ แต่เงินเก็บตลอดปีที่ผ่านมา ไม่เพียงพอ ชายหนุ่มจึงขอยืมจากผู้เป็นย่า ท่านอมรามิได้มีทรัพย์สินมากมาย นางมีเงินในส่วนที่ตรัสแบ่งสันปันส่วนตลอดปีและเครื่องประดับอีกไม่กี่ชุด จึงยกให้หลานชายทั้งหมด พร้อมสำทับว่าข้าวของเหล่านี้หากขายได้เท่าไร ก็ยกให้เป็นเงินของตรัส มิใช่การให้ยืมแต่ประการใด ตรัสซึ้งใจ เขานำของมีค่าเหล่านั้นไปจำนำกับสกุลของรสนาซึ่งรู้จักมักจี่กันดี และหมายมาดว่าจะรีบไถ่ถอนคืนมาทันทีที่มีเงิน 


เมื่อรวบรวมเงินได้ครบถ้วนแล้ว ชายหนุ่มจึงซื้อตึกหลังข้างๆร้านยาอหัสกร และทำหนังสือมอบมันให้กับรติ


   “เจ้าอยากขึ้นป้ายที่นี่ว่าอะไร... ‘รติ’ ดีไหม เป็นชื่อของเจ้า”


“ท่านซื้อ เหตุใดจึงจะขึ้นป้ายเป็นชื่อของข้า” รติย้อนถามด้วยความสงสัย แต่เมื่อตรัสยื่นหนังสือทางการที่ระบุว่าตึกหลังนี้ซึ่งติดกับร้านยาอหัสกรมีเจ้าของชื่อ รติ  อหัสกร เขาก็ถึงกับตะลึงงัน


ตรัสยืนมองป้ายร้ายยาอหัสกรซึ่งเก่าแก่ พลางยิ้ม


“หากเจ้าขึ้นป้ายร้านว่ารติ ยามผู้ใดเห็น เขาก็จะอ่านเป็น รติ อหัสกร” เขาพูด พลางชี้ป้ายที่ว่างเปล่า แล้วชี้ไปยังป้ายอหัสกร


แม้ป้ายจะไม่ติดกัน แต่ร้านอยู่ติดกันเช่นนี้ หากมองป้ายร้านหนึ่งแล้วมองไปยังป้ายร้านข้างๆ ก็จะอ่านได้เช่นนั้น


ร้านรติ


กับ


ร้านยาอหัสกร


เมื่ออ่านเพียงชื่อร้านก็จะเป็น รติ อหัสกร


รติได้แต่มองคนพูดอย่างคาดไม่ถึง ตรัสไม่ใช่คนพูดเรื่องความรู้สึก แต่สิ่งที่เขาทำกลับเต็มไปด้วยความรักมากล้น


“ข้าพูดจาเอาแต่ใจ หากเจ้าอยากตั้งชื่อร้านว่าอะไรก็แล้วแต่เจ้าเถอะ เจ้าอยากจะใช้ที่นี่ทำอะไรก็ตามใจเจ้า” ตรัสย้ำความตั้งใจของตนด้วยความเต็มใจ


รติยิ้มแล้วเอ่ย “ชื่อร้านว่ารตินั้นดีที่สุดแล้ว”


จากนั้นจึงปรับปรุงตึกหลังข้างๆร้านยาอหัสกร โดยจ้างช่างทุบผนังให้เชื่อมถึงกัน ขยายพื้นที่โถงของร้านยาอหัสกรมายังตึกหลังนี้ สร้างชั้นวางสินค้าเพื่อขายผงสมุนไพร และกั้นห้องด้านหลังติดกับห้องตรวจของตรัสเป็นห้องปรุงผงสมุนไพรของเขาด้วย


   “ทำประตูจากห้องตรวจของข้าไปยังห้องปรุงสมุนไพรของเจ้าด้วยดีไหม” ตรัสเสนอความคิดเห็น หน้าตาเรียบเฉย


   “แต่ข้าว่า...มีประตูหลายบาน ก็จะไม่มีสมาธิทำงาน” รติแย้ง เนื่องจากห้องปรุงผงสมุนไพรหรือห้องทำงานของรตินี้ มีประตูหน้าสู่โถงของร้านอยู่แล้ว หากจะเจาะประตูด้านข้างเชื่อมกับห้องตรวจของตรัสอีก ก็ดูจะเกินพอดี


    “แต่เจ้ามักจะมีสมาธิในการทำงานมากเกินไป บางครั้งก็ไม่กินข้าวกินปลา ทำประตูเชื่อมกับห้องตรวจของข้าด้วยน่ะดีที่สุดแล้ว” ตรัสรวบรัด รติเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร จึงไม่แย้งอีก ปล่อยให้ตรัสช่วยกำกับการปรับปรุงร้านต่อไป


   ช่างปรับปรุงร้านจนแล้วเสร็จในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง


ในช่วงใบไม้ร่วง บริเวณรอบๆน้ำพุใจกลางเมืองมีสีสันแปลกตาด้วยใบไม้หลากสี อากาศช่วงนี้ไม่หนาวจนเกินไป รติจึงถือโอกาสเปิดกิจการร้านของตนเอง


   เมื่อขยายร้านออกมาแล้ว ก็ย่อมต้องมีสินค้าวางขายมากกว่าเดิม จึงต้องจ้างคนมาช่วยงาน เดี๋ยวนี้รติไม่ต้องบรรจุหีบห่อเองแล้ว เพียงแค่ผสมให้แล้วเสร็จ แล้วยกผงสมุนไพรมาที่หลังร้าน ให้คนงานช่วยบรรจุหีบห่อ ดูแล้วเหมือนจะผ่อนงานลง แต่คนชอบทำงานก็ยังชอบทำงานอยู่วันยังค่ำ ห้องปรุงผงสมุนไพรที่ร้านจึงกลายเป็นที่ประจำของรติ เขาสามารถหมกตัวอยู่ในนั้นได้เป็นวันๆเพื่อคิดสูตรสมุนไพรใหม่ๆ หรือสินค้าใหม่ๆ อย่างลูกประคบสมุนไพรที่เพิ่งวางขายนั่นก็ผลพลอยได้จากการใช้ห้องปรุงผงสมุนไพรนี้


   แต่...แม้เขาจะหมกตัวอยู่ในนั้นได้เป็นวันๆ ก็ยังมีใครบางคนสามารถเข้าถึงตัวได้โดยง่าย


   ห้องปรุงผงสมุนไพรของรติอยู่ติดกับห้องตรวจคนไข้ของตรัส อย่างที่ตรัสกล่าวว่าให้ทำประตูเชื่อมถึงกัน ช่างปรับปรุงร้านก็จัดการให้


   แต่...ประตูที่ว่านี้ไม่มีกลอน


   กว่ารติจะรู้ตัวก็ตอนที่ช่างส่งงานแล้ว ย่อมไม่อาจแก้ไขอะไรได้ ในขณะที่เจ้าของห้องตรวจคนไข้ยังทำสีหน้าเฉยไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทั้งๆที่ห้องตรวจของเขาสามารถเข้าออกจากห้องปรุงผงสมุนไพรของรติได้โดยสะดวก


   “คราวนี้เถอะ ท่านจะตรวจคนไข้ลำบาก!” รติเข่นเขี้ยว แต่คนต้นคิดหาได้ทุกข์ร้อนไม่ ยิ่งวันใดรติเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องปรุงผงสมุนไพรด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งสำทับว่าการไม่มีกลอนระหว่างประตูเชื่อมนั้นเป็นเรื่องดียิ่ง


   “เห็นไหม ถ้ามีกลอน เจ้าก็จะลงกลอน แล้วข้าจะเข้าไปตามเจ้าออกมากินข้าวได้อย่างไร”


   เหตุผลนี้คล้ายจะฟังขึ้น แต่บางครั้ง ตรัสก็อาศัยการเข้าไปตามภรรยาในตอนเย็นแล้วไม่ยอมออกโดยง่าย อีกทั้งยังทำให้เกิดเสียงท้วงจากคนในห้องด้วย


   “ท่าน...ทำอะไร...อ๊ะ! ด...เดี๋ยว...เดี๋ยวคนอื่น...”


   “ไม่มีใครอยู่แล้ว ข้าให้คนกลับไปหมดแล้ว”


   “ต...แต่...ย...อื้อ...ยังไม่ปิดร้าน...”


   “ข้าปิดหมดแล้ว...”


“ด...เดี๋ยว...”


“แน่ใจหรือ เจ้าเป็นถึงเพียงนี้แล้ว อ่า...รติ...”


   “อ๊ะ...ม...มัน...อื้อ...”


   เสียงท้วงเหล่านั้นไม่มีผู้ใดได้ยิน เพราะตรัสปิดทั้งร้านรติและร้านยาอหัสกรแล้ว


   เป็นอันว่าวันนั้นสองสามีภรรยากลับเรือนดึกกว่าเคย และก็เป็นเช่นนี้อยู่เนืองๆ ท่านอมราผู้อาวุโสแม้จะเข้านอนแต่หัวค่ำแต่ก็รับรู้ว่าทั้งตรัสและรติกลับเรือนค่ำๆมืดๆจึงเปรยด้วยความเป็นห่วง


   “หมู่นี้งานเยอะหรือ กลับเรือนดึกดื่น เพลาๆเสียบ้างเถอะ เงินทองเราก็ใช่จะขัดสน” นางกล่าวเช่นนั้น แต่รติถึงกับหน้าแดงก่ำ ส่วนตรัสชะงัก


   “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าชอบทำงาน แต่ก็ควรมีเวลาเลิกงาน ไม่ใช่คนหนึ่งทำ อีกคนก็ทำด้วย เช่นนั้นจะแย่”


รติยิ่งพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้ากินข้าว ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร เพราะแท้จริงแล้ว พวกเขามีเวลาเลิกงานชัดเจน แต่ที่กลับถึงเรือนดึกก็เพราะ...ทำอย่างอื่น...


   แล้วทำอย่างอื่นที่ว่า ไม่ใช่ตรัสบังคับขืนใจด้วย แม้จะปราม แต่รติก็ไม่เคยห้ามจริงจัง จึงเข้าประโยคของหญิงชราตรงเผง


   ‘คนหนึ่งทำ อีกคนก็ทำด้วย’


   จึงเป็นเหตุให้กลับดึกเช่นนั้น


   “เข้าใจไหมตรัส เจ้าอายุมากกว่า ต้องรู้จักความพอดี” หญิงชราหันไปสั่งสอนหลานชาย


   “ขอรับ...” เขารับคำ เหลือบมองภรรยาที่นั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวงุดๆ แต่แก้มแดง หูแดงแล้วก็รู้ตัวว่าแม้รับปาก แต่ไม่รู้จะทำตามที่รับปากไปได้สักกี่น้ำ


   “แต่...บางวันขอกลับดึกได้ไหมขอรับ เอ่อ...ถ้าทำให้เรียบร้อยที่ร้าน จะได้ไม่ต้องนำกลับมาที่เรือนขอรับ” ชายหนุ่มเสนอข้อยกเว้น รติเหลือบมองแล้วก็ได้แต่เม้มปาก นึกอยากหยิกคนพูดขึ้นมาตะหงิด


   ท่านอมราฟังแล้วก็เห็นด้วย งานการควรเสร็จที่ร้าน กลับมาที่เรือนจะได้พักผ่อนให้เต็มที่ พอเหลือบมองรติแล้วเห็นอีกฝ่ายมิได้ดูผ่ายผอมทรุดโทรมอย่างคนทำงานหนัก ถึงแม้จะอยู่ที่ร้านจนดึกดื่นก็ตาม


   “เอาเถอะ พวกเจ้าโตแล้ว ก็ดูความเหมาะสมแล้วกัน อย่าให้เรื่องงานทำให้เสียสุขภาพ”


   “ขอรับ จะไม่ให้เสียสุขภาพขอรับ” ตรัสรับคำหนักแน่น แล้วสะดุ้งเล็กน้อยเพราะถูกคนข้างกายหยิกเข้าที่เอวไปทีหนึ่ง


   หลังจากนั้น ตรัสและรติก็ยังคงกลับเรือนดึกบ้างเป็นบางคราว แต่ทั้งสองมิได้ดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากการทำงานหนัก ท่านอมราจึงไม่ท้วงขึ้นมาอีก


กิจการร้านยาอหัสกรและร้านรติเป็นไปด้วยดี หากไม่มีคนไข้ หมอตรัสก็มักเข้าไปช่วยรติปรุงผงสมุนไพร แต่หากมีคนไข้อาการหนัก รติก็จะวางมือจากงานของตนไปช่วยตรัสรักษา


สองสามีภรรยาช่วยกันทำมาหากิน รักใคร่กลมเกลียว ชีวิตของพวกเขาดำเนินต่อไปอย่างเรียบง่ายในเมืองตะวันออกนี้เอง


   
---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------


ท่านย่าไม่รู้ไม่เห็น แต่ก็ช่วยปรามแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่รติต้องเข้มงวดให้ตรัสเพลาๆลงเองนะคะ

ไม่เกี่ยวกับท่านย่าแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่าน

เจอกันบทส่งท้ายวันศุกร์นี้ค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เขินมากคนหนึงทำอีกคนก็ทำตาม :-[ :z1: :fox2: อบอุ่นมากอ่านแล้วใจฟูตอนตั้งชื่อร้านก็น่ารักมากๆเลย :m1: สนุกมากๆค่ะ :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หนูคิดว่าท่านอมราห่วงผิดเรื่องแล้วละค่ะ คงมีเรื่องนี้สินะที่ท่านอมราตามไม่ทัน ???? 555555  :impress2: ทุกที่คือฟิน  :pighaun: 555

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่ารักจริงๆสามีภรรยาคู่นี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao6: ช่างเอาการ เอางาน ทั้งคู่

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
งานหนักจริงงงง พักผ่อนบ้างง

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
วุ้ยยย ท่านตรัสบทจะไม่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดานะค้าาา

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สองสามีภรรยาเอางานเอาการดีมาก แต่อย่าหักโหมอย่างที่ท่านย่าปรามนะจ๊ะ.
ถ้ารติท้องได้ คงมีลูกหัวปีท้ายปีแน่   :laugh:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ท่านย่าปรามเหมือนรู้ 55

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทส่งท้าย

---------



   ปลายฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ผลัดใบจนโกร๋นหมดแล้ว แต่ที่ร้านยาอหัสกรและร้านรติก็ยังยุ่งอยู่เสมอ


ตรัสและรติยังคงทำงานอย่างมุมานะ


ร้านยาอหัสกรยังคงรับรักษาดูแลคนเจ็บคนป่วย หรือหากไม่ป่วย จะแวะเวียนมาที่นี่แล้วเดินทะลุประตูเชื่อมมายังร้านรติที่ขายผงสมุนไพรสรรพคุณต่างๆก็ได้


ในแต่ละวันจึงมีทั้งคนเจ็บและลูกค้าแวะเวียนมาเนืองๆ


ในขณะที่เรือนอหัสกรแม้จะเงียบลงบ้างเพราะรุจีไปเรียนที่โรงเรียนประจำ เหลือเพียงท่านอมรา ระพีและบ่าวไพร่ แต่ก็ไม่นับว่าเหงา เด็กชายเป็นความสดใสของทุกคนในเรือน


นอกจากทำงานแล้ว ตรัสและรติยังมีหน้าที่อีกประการคือการสั่งสอนระพีทั้งวิชาความรู้ มารยาท และวิธีการใช้ชีวิต ส่วนรุจีเริ่มโตเป็นสาว รติจึงเริ่มเฝ้ามองว่ามีชายใดหมายตาน้องสาวของตนบ้าง ดังนั้นเวลาว่างของสองสามีภรรยาจึงเรียกได้ว่ามีน้อยนิด


กระนั้น เวลาที่แสนน้อยนิดก็มีคุณค่า พวกเขามอบความรัก ความห่วงใย และความเอาใจใส่ให้กันอยู่เสมอ


   ท้องฟ้ายามค่ำคืนมีดวงดาวสุกสกาวนับร้อยพัน ช่างเป็นภาพที่จรรโลงใจ ในขณะที่บรรยากาศเงียบสงบและลมหนาวที่พัดผ่านก็ยิ่งทำให้การพักผ่อนบนตั่งยาวริมหน้าต่างของสองสามีภรรยาในค่ำคืนนี้ยิ่งรื่นรมย์


   “หนาวไหม” อ้อมแขนโอบร่างอุ่นๆเข้ามาแนบชิด ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วเบาจากคนที่ซุกหน้าเข้าหาไหล่ของเขา


   “ไม่หนาวแล้ว”


   “ชินแล้วหรือ”


   “ไม่ชิน แต่สวมเสื้อหนา ท่านกอดอีก ผ้าห่มอีก ยังหนาวก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร”


ตรัสหัวเราะเบา โอบร่างของคนช่างพูดให้แนบแน่นขึ้นอีก


“ใบไม้ร่วงหมดแล้ว...” ชายหนุ่มชาวเมืองตะวันออกกล่าว มองต้นไม้สูงใหญ่ที่เหลือเพียงกิ่งก้านในความมืด มิได้รู้สึกวังเวงน่ากลัวแต่อย่างใด อย่างน้อยก็เพราะมีคนเคียงข้างให้กอดแน่น


“...จวนเข้าฤดูหนาว ไม่รู้ปีนี้จะหนาวเหมือนปีที่แล้วหรือไม่” เขาเปรย จำได้ดีว่ารติขี้หนาวเพียงใด ปีนี้จึงสั่งให้บ่าวไพร่เตรียมฟืนไฟไว้มากกว่าเดิม


“ข้าจะเตรียมผ้าพันคอที่ท่านเคยให้เอาไว้” รติหันมาบอกพลางยิ้ม รอยยิ้มนั้นงดงามในความรู้สึกของตรัส จนต้องยกมือขึ้นแตะที่มุมปากของภรรยาแผ่วเบา


“ใกล้ครบปีแล้ว ที่เจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่”


ไม่เพียงย้ายมาอยู่เมืองนี้ แต่ยังย้ายมาอยู่ในเรือนหลังนี้ด้วย


“ไวจริง”


“ที่นี่เปลี่ยนไปมาก นับตั้งแต่เจ้าเข้ามา”


รติหันมอง ท่ามกลางความมืดสลัว สายตาของตรัสกลับชัดเจน


“ข้าเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่คิดฝันว่าชีวิตนี้จะมีคนเคียงข้างอย่างนี้”



เป็นคนเคียงข้างที่ค่อยๆเรียนรู้กันและกัน



เป็นคนเคียงข้างที่ประคับประคองกันมา



เป็นคนเคียงข้าง...ที่รติรักเต็มหัวใจ


“ดีใช่ไหม” คำถามของตรัสนั้นแสนถ่อมตน รติหัวเราะ หน้าตาสดใสท่ามกลางความมืดสลัว


“ดีสิ...แต่วันแรกนั่นไม่ดีเอาเสียเลย ท่านหน้าบูดอย่างกับอะไร”


“ก็...จู่ๆให้ข้าแต่งงานกับเจ้า ส่วนเจ้าก็ยิ้มระรื่น อะไรๆก็ยินดี มีแขกฝั่งตนเองแค่สองคนก็ยินดี ไม่ต้องดูฤกษ์ก็ยินดี จัดงานที่เรือนก็ยินดี...” ตรัสเอ่ย น้ำเสียงอ่อนโยนยามคิดถึงอดีต แม้อดีตในวันนั้น เขาจะไม่พอใจกับภรรยาคนนี้เลยสักนิด แต่นานวันเข้า กลับพบว่าวันเวลาล้วนเปลี่ยนแปลงผู้คน รวมถึงจิตใจของเขาด้วย


รติหัวเราะร่วน คิดถึงท่าทีของตนเองแล้วก็ไม่แปลกใจที่ตรัสจะเกลียดชัง


“ท่านกลัวไหม จู่ๆต้องแต่งกับใครไม่รู้” รติถาม


“ไม่เชิงว่ากลัว ข้าเชื่อว่าถ้าเจ้ามาไม่ดี ข้าจะจัดการเจ้าได้” แน่ล่ะ ในเมื่อตรัสมีวิชาต่อสู้ อีกทั้งยังอยู่ในพื้นที่ของตนเองเช่นเรือนอหัสกร อย่างไรก็ภาษีดีกว่า


“แต่โกรธ...ไม่ชอบหน้าเจ้า คนอะไรแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักด้วยหน้าระรื่นปานนั้น พอแต่งแล้วก็ไม่ได้มีท่าทีสงบเสงี่ยม สั่งให้ดูแลบ้านเรือนก็ออกไปเตร่ทั่วเมือง ตอนข้ารู้จากระพีว่าเจ้าออกไปเที่ยว ข้าโกรธมาก พอคิดว่าจะดัดนิสัยให้ไปทำงานที่ร้าน ก็กลับเป็นเข้าทางเสียอีก แล้วยังทำได้ดีด้วย” ตรัสเล่า แต่สีหน้ามิได้โกรธเคืองเลยสักนิด กลับยิ้มจาง


“...เจ้าล่ะ ต้องแต่งงาน ต้องเข้ามาอยู่ในเรือนผู้อื่น กลัวสักนิดบ้างไหม” คำถามของตรัสทำเอารติหัวเราะ 


“กลัวซี ข้าไม่รู้จักท่าน ไม่รู้ว่าคนในสกุลอหัสกรเป็นอย่างไร แต่...บิดาของท่านเป็นคนดี ไม่ว่ายามเขาความจำเสื่อมหรือจำได้ ก็ไม่มีจิตใจร้ายกาจ จึงคิดเข้าข้างตัวเองว่าคนเช่นนั้นคงจะอยู่ในสกุลที่ดี อีกอย่างคืออยากให้ระพีได้รู้จักกับพี่ชายของเขา ก็เลย...ต้องทำใจไม่กลัว” รติเล่า พลางยิ้ม


“แต่รู้ไหม ตอนท่านมัดข้าแล้วจากไป ข้าสบายใจมากทีเดียว อย่างน้อยข้าถูกมัดเช่นนี้ จะไม่มีใครกล่าวโทษว่ามีของหาย แล้วชี้นิ้วมาที่ข้าว่าเป็นขโมย อีกทั้งท่านยังไปไหนก็ไม่รู้ด้วย ไม่ต้องอยู่ร่วมห้อง สบายใจไปมากทีเดียว”



ตรัสฟังแล้วหัวเราะ


“เจ้าไม่กลัวข้ามัดเจ้าแล้วไปตามคนมาทำร้ายหรือ”


รติทำหน้าคิดอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าไปมา


“ไม่เลย ข้ารู้สึกว่าท่านไม่ใช่พวกหมาหมู่”


“แต่ข้าก็ทำให้เจ้าไม่สบาย...ทำให้เจ้ามองไม่เห็น...” คราวนี้ตรัสเปรยเสียงเบา รติยิ้ม


“ข้าต้องทำเป็นมองเห็นด้วย ถูกท่านโมโหด้วย”


ตรัสกระชับกอดภรรยาแน่นขึ้น


“ข้าไม่ได้ดีต่อเจ้าเลย รติ...แต่เจ้ากลับดีต่อข้า เจ้ารู้ไหม ตั้งแต่เมื่อไรที่ข้าเปลี่ยนไป” คำถามของสามี ทำเอาดวงตาเรียวสีดำขลับเหลือบมอง


“เอ? ตอนที่ข้าช่วยกอบกู้สกุลกระมัง”


คราวนี้ตรัสหัวเราะ


“กอบกู้เชียวหรือ”


“ก็ตอนนั้นการเงินของอหัสกร...อ่า...ก็ไม่เชิงว่าย่ำแย่ แต่ก็หัวชนท้าย ชักหน้าแทบไม่ถึงหลัง เงินเก็บก็ไม่มี เงินส่วนตัวของท่านยิ่งไม่ต้องพูดถึง”


“นั่นก็ด้วย”


“หืม? แสดงว่ามีเรื่องอื่นที่ท่านประทับใจข้าหรือ”


“จริงๆเป็นเรื่องก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ตอนที่เจ้า...ต้มน้ำร้อนยกขนมมาให้”


รติกะพริบตาปริบๆ ทว่าตรัสกลับยิ้มจาง ยามหวนคิดถึงสิ่งที่รติปฏิบัติต่อเขา ทั้งๆที่เขาตั้งแง่อคติจนไม่เคยกระทำสิ่งใดให้เลย


“ทั้งๆที่ข้าร้ายต่อเจ้า พูดจาไม่ดีกับเจ้า แต่เจ้ากลับ...มอบน้ำใจให้แก่ข้า”


“ใครว่าท่านร้ายต่อข้ากัน เรื่องพูดไม่ดีอาจจะใช่ แต่ทั้งรุจีและระพีก็บอกข้าว่าท่านเอ็นดูพวกเขา ตอนข้าไม่สบาย ท่านก็ยังจัดยาให้ ถึงจะแกล้งให้ข้ากินยานานกว่าปกติก็เถอะ”


“รู้ด้วยหรือว่าข้าแกล้ง”


“รู้สิ เป็นไข้หวัดแค่นั้น กินยาแรงขนาดนั้นตั้งสามวันไปเพื่ออะไรกัน”


“แล้วเจ้ากินหรือ”


“ก็ไม่กินไง วันที่สองก็เททิ้งแล้ว อ๊ะ!” เป็นอันว่าความจริงเปิดเผยวันนี้ ตรัสได้แต่ส่ายศีรษะ พลิกร่างคนรักลงนอนราบกับตั่งแล้วตามขึ้นคร่อมแนบชิด


“จากนี้จะไม่แกล้งให้กินยาขมนานๆแล้ว แต่ถ้าให้กินก็ต้องกิน ห้ามแอบเททิ้งเข้าใจไหม”


“เข้าใจแล้ว”


“จากนี้...จะไม่ร้ายต่อเจ้า จะไม่พูดไม่ดีกับเจ้า จะรัก...และดูแลเจ้า ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์  ไม่ว่าจะยากดีมีจน ก็จะอยู่เคียงข้างเจ้า จนกว่าจะหมดลมหายใจ”


ดวงตาทอดสบ มากกว่าความหวานฉ่ำคือความลึกซึ้ง มากกว่าความรักใคร่และตัณหาคือความผูกพันแน่นแฟ้น


“อย่างกับ...คำสาบานวันแต่งงานเลย” รติพึมพำ


“ข้าต้องการกล่าวเช่นนั้น รติ...แต่งงานกับข้าอีกครั้งได้ไหม” คำถามของตรัส ทำเอารตินิ่งงัน ดวงตาตื่นตะลึงคิดไม่ถึง


“ต...แต่เราแต่งงานกันแล้ว...”


“ในงานแต่งงานครั้งแรกของเรา ข้าไม่ได้พูดในสิ่งที่ควรพูด เพราะข้าไม่รู้สึกใด แต่วันนี้...ข้าอยากขอเจ้าแต่งงานอีกครั้ง ให้เป็นการแต่งงานของเรา...ที่เต็มไปด้วยความยินดี”


ดวงตาของตรัสนั้นแน่วแน่จริงจัง


“รติ  อหัสกร...”


“...แต่งงานกับข้าอีกครั้งได้ไหม เป็นคู่ชีวิตของข้า...นับจากนี้...ตลอดไป...ได้ไหม”


กระบอกตาของรติร้อนผ่าว จะมีอะไรน่ายินดีไปกว่าการที่ได้รับความรักและยกย่องให้เป็นคู่ชีวิตของคนที่ตนเองรัก จะมีอะไรน่ายินดีไปกว่าการถูกขอให้อยู่ด้วยกันไปชั่วชีวิต และจะมีอะไรน่ายินดีไปกว่า...การได้เป็นคู่ชีวิตของตรัส คนที่เขารักหมดหัวใจ



แม้ดวงตาของรติจะพร่ามัวเพราะหยาดน้ำคลอหน่วย แต่ก็ยังจับจ้องใบหน้าของชายตรงหน้าไม่คลาย ริมฝีปากวาดรอยยิ้มแห่งความสุข ก่อนจะตอบรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


“ยินดี...”


“...ข้ายินดีจะเป็น...คู่ชีวิตของท่าน...ของตรัส  อหัสกร...จากนี้...ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ”


หัวใจของคนฟังเต็มตื้นไม่แพ้กัน หลังประโยคนั้นจึงเป็นการมอบรสสัมผัสนุ่มนวลและอ่อนโยนลงกับริมฝีปากของรติ



จุมพิตนี้...แด่ความรักและความศรัทธา


เป็นจุมพิตแห่งคำมั่นสัญญา


...ของคนที่เป็นคู่ชีวิตของกันและกัน...





จบ



---------



#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

สวัสดีค่ะ

เรื่องนี้เป็นโปรเจ็คพิเศษ เขียนเป็นตอนสั้นๆ (แต่รวมทั้งเรื่องแล้วยาวมากเลยค่ะ ฮ่าฮ่า) เนื้อหาอ่านง่าย และสบาย หวังว่าคนอ่านจะอ่านแล้วสบายใจ อย่างที่เราตั้งใจนะคะ

เรื่องนี้ตั้งใจใช้แบ็กกราวด์เป็นแฟนตาซี เพราะมีอีกหลายอย่างที่อยากเขียนต่อ แต่ไม่แน่ใจว่าเรื่องอื่นๆในจักรวาลเดียวกันจะมาลงได้เมื่อไหร่ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา แต่ยังไงก็จะหาเวลามาลงตอนพิเศษของเรื่องนี้ให้ได้อ่านกัน ยังไงก็ฝากตรัสและรติต่อไปด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านมาจนถึงบทส่งท้ายเลยค่ะ

เจอกันใหม่กับตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พระเจ้าจอร์จ..มันยอดมาก..กกกกกกก   :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฮือๆๆๆจบแล้วเหรอจริงเหรอ??ดีใจกับทั้งสองเลยขอบคุณคุณนักเขียนมากๆนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด