-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104633 ครั้ง)

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
โอ๊ะโออออ~~~พีคคคคคค รติสุดจริง ตำแหน่งเมียตำแหน่งพี่ดีเด่นเอาไปครองเลย ซาบซึ้ง  :katai2-1:

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
รติเสียสละมากจริงๆ

จากนี้ก็ขอให้ทีแต่ความสุขนะ แงงงง

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ขอให้มีทางช่วยรติได้เถอะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ KhunYingJung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตามอ่านจนทันแล้ว :mew1:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ท่านย่าคือสุดยอดมากๆเลยฉลาดมากๆ ลุ้นเรื่องตาของระติ :mew2: สนุกมากๆเลนค่ะตอนนี้คือตื่นเต้นมากทั้งเรื่องใจความในจดหมาย หมึกล่องหน แบบว้าวว้าวว้าวมาก :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ยอมแลกตัวตาตัวหลายตัวเอง นับถือๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ท่านย่าใกล้ไขปริศนาตาของระพีได้แล้ว  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 64

คำพูดและการกระทำ

---------


แม้อาการตาบอดจะหายไป หลังจากรติกลับมาแข็งแรง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ตรัสนิ่งนอนใจ


ทุกเช้า หลังเปิดร้านยาแล้ว คนไข้คนแรกของทุกวันก็คือรติที่ตรัสขอตรวจดูลูกตาและการมองเห็น


“ท่าน...ไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้”


รติท้วงเสียงแผ่ว ใจรู้ดีว่าที่ตรัสเคร่งครัดทั้งตรวจทั้งจดบันทึกอย่างทุกวันนี้ เพราะเป็นห่วงและอยากรักษาให้หายดี


แต่...ให้อย่างไรก็ไม่มีวันหาย


พอพูดถึงเรื่องนี้ ตรัสก็หันมอง


พวกเขาสองสามีภรรยามีเรื่องที่คิดเห็นตรงกันหลายเรื่อง แต่บางเรื่องก็ไม่ เช่นเรื่องตาบอดของรติ


ฝ่ายรติมักพูดเสมอว่าไม่จำเป็นต้องรักษา


ในขณะที่ฝ่ายเขา...จำเป็นมาก


หากเป็นก่อนหน้านี้ ตรัสคงไม่คิดว่าการอธิบายยืดยาวเป็นเรื่องจำเป็น แต่เวลานี้...ผ่านพ้นการเรียนรู้การผิดใจกันมาหลายครั้ง การกระทำเพียงอย่างเดียวไม่พอแล้ว


“ข้าเป็นหมอ เปิดร้านยา มีตำรับยาประจำสกุล แต่เจ้ากลับตาบอด ข้าจะมีหน้าไปสู้บรรพชนตอนตายได้อย่างไร”


“แต่มันไม่ใช่ความผิดของท่านที่ข้าตาบอด แล้ว...ข้าก็...ก็ไม่ได้ตาบอดทั้งวันทั้งคืน แค่บางช่วงเท่านั้นเอง”


“ถึงจะบางช่วงก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับข้า” สายตาของตรัสทั้งมุ่งมั่นทั้งจริงจัง รตินิ่งไป ก่อนจะท้วงแผ่ว


“แต่...ดวงตาของข้า...รักษาไม่ได้”


“ทำไมถึงเชื่อเช่นนั้น”


รติอ้าปากคล้ายจะพูด แต่แล้วก็หุบปากลงราวกับตัดสินใจใหม่ แล้วจึงเอ่ย


“ก็...สกุลของข้าก็มีตำรับยาเป็นของตนเอง ท่านปู่ของข้าก็เป็นหมอ ยังรักษาดวงตาของข้าไม่ได้เลย”


“ตำรับยาของสกุลเจ้ากับตำรับยาของสกุลข้ามิใช่ตำรับเดียวกัน”


“ทำไมท่านถึงดื้อดึงเช่นนี้”


“เพราะเป็นเรื่องของเจ้า”


ตรัสคนก่อนหน้านี้ที่ไม่พูดมากก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย พอมาเป็นตรัสคนพูดมากตอนนี้แล้ว...ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียเช่นกัน เพราะเถียงทุกประโยค อีกทั้งบางประโยคยังทำให้หัวใจคนฟังซาบซ่านขึ้นมาโดยพลันทั้งๆที่เมื่อครู่กำลังเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครแท้ๆ


ใบหน้าของรติร้อนผ่าว ประโยคของตรัสนั้นแสนสั้นแต่ทรงพลานุภาพ


...เพราะเป็นเรื่องของเจ้า...


...เพราะเป็นเรื่องของรติ...


ตรัสจึงมุ่งมั่นถึงเพียงนี้


“ข...ข้า...ข้าจะออกไปดูที่หน้าร้าน...” รติต้องหาทางเลี่ยงออกจากห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาทั้งที่หัวใจเต้นถี่ ทว่าไม่ทันจะหมุนตัวออกจากห้อง มือของเขากลับถูกคว้าเอาไว้ คนหมายจะหนีหันกลับไปมอง เห็นตรัสจ้องอยู่ราวกับรอคอย ก็ยิ่งทำหน้าไม่ถูก เม้มปากหน้าแดงก่ำ


“ที่เราตกลงกันไว้” ตรัสย้ำ


นอกจากเรื่องตรวจร่างกายของรติที่ตรัสไม่นิ่งนอนใจแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เขายิ่งวางเฉยไม่ได้คืออุปนิสัยไม่ช่างพูดของพวกเขาจนทำให้เกิดปัญหามาแล้วหลายครั้ง ชายหนุ่มจึงเสนอเงื่อนไขเรื่องหนึ่งเพื่อชดเชยนิสัยส่วนนี้


...ตอนเช้า...ภรรยาจูบสามี


...ตอนดึก...สามีจูบภรรยา


ตรัสเห็นว่า วิธีเช่นนี้ดี ในเมื่อการจะเปลี่ยนนิสัยจากคนไม่ค่อยพูดให้เป็นพูดทุกเรื่องในเวลาอันสั้นก็เห็นจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อต่างคนต่างชอบทำมากกว่าพูดก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้อดี อย่างน้อย...หากวันใดมีเรื่องโกรธเคืองก็ยังอาศัยเงื่อนไขนี้ในการใกล้ชิดกันให้คลายอารมณ์ขุ่นหมอง



อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังวางเงื่อนไขอย่างยุติธรรม ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้กระทำแต่เพียงผู้เดียว


...ตอนกลางวันเป็นหน้าที่ภรรยาใกล้ชิดสามี ตอนกลางคืนเป็นหน้าที่สามีใกล้ชิดภรรยา...


“ท...ท่านตกลงอยู่คนเดียวต่างหาก”


“แต่เจ้าไม่ค้าน”


รติเม้มปากแน่น ดวงตามีแววเคืองเล็กน้อย กับเงื่อนไขที่ตรัสวางเอาไว้นับตั้งแต่พวกเขาคืนดีกัน


“อะไรของท่านกันนะ แบบนี้...ไม่ใช่การรักษาแล้ว...” ทำได้เพียงบ่น ในขณะที่ตรัสยังเงียบ จ้องนิ่งราวกับต้องทำตามเงื่อนไขเสียก่อน มิเช่นนั้นจะไม่ปล่อย สุดท้ายกลายเป็นรติที่ต้องตัดใจ


“ก็ได้ๆ...” แล้วก็ก้มลงหา แนบริมฝีปากลงกับมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยของสามี จากนั้นจึงผละออกอย่างรวดเร็ว


เมื่อสมใจแล้ว ตรัสจึงยอมปล่อยอีกฝ่ายให้ออกจากห้องตรวจของเขาไป


ชายหนุ่มมองตามพลางยิ้ม ก่อนจะก้มลงมองมือของตนเองที่เมื่อครู่จับข้อมือของภรรยาเอาไว้ตลอดเวลานับตั้งแต่รั้งรติจนกระทั่งอีกฝ่ายยอมก้มลงมาจูบที่มุมปากของเขา


...ชีพจรเต้นดี...บางสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในกายของรติก็สงบ อีกทั้งยังจับการเคลื่อนไหวไม่ได้ด้วย...


เป็นอันว่านอกจากร่างกายแข็งแรง จิตใจมีความสุขแล้ว การแตะสัมผัสของพวกเขา ก็ล้วนช่วยให้สิ่งที่อยู่ในร่างกายของรติซึ่งบัดนี้ยังไม่รู้ว่าคืออะไรสงบลงด้วย


หมอตรัสแห่งร้านยาอหัสกร หยิบกระดาษขึ้นมาจดบันทึกข้อสังเกตของตนอย่างรวดเร็ว


---------


เงื่อนไขของตรัส หาได้หมดแต่เพียงเท่านั้น


นอกจากตรวจร่างกายเป็นประจำทุกเช้า และการแบ่งหน้าที่ในการใกล้ชิดของสามีภรรยาแล้ว  เขายังสอดส่องเรื่องอื่นๆของรติอย่างตั้งอกตั้งใจด้วย


แม้ไม่จับจ้องจนอีกฝ่ายอึดอัด แต่ยามเดินเหินขยับกาย ก็คอยสังเกตถ้วนถี่ว่าผิดแปลกไปจากเดิมหรือไม่ ยามรับประทานอาหาร ก็คอยดูแลว่ากินมากน้อยเพียงใด หากเห็นสิ่งใดผิดปกติ ตรัสจะสวมบทหมอตรัสแห่งร้านยาอหัสกรซักถามละเอียดยิบ


“วันนี้กินข้าวไม่หมด ไม่ถูกปากหรือ หรือว่าเบื่อปลาแล้ว”


ตรัสเอ่ยปากถาม ระหว่างเดินไปเปิดร้านยาอหัสกรด้วยกันในช่วงบ่าย


รติรีบส่ายหน้าพัลวัน


“ไม่ใช่ๆ อาหารฝีมือพุดกรองอร่อยเสมอ แล้วข้าก็ชอบกินปลามาก”


คำพูดนี้มิได้เกินจริง แต่ละคนได้ปลาหนึ่งตัวเป็นกับข้าวส่วนตัว ส่วนกับข้าวอื่นๆรับประทานร่วมกัน รติกินปลาในส่วนของตนเองจนหมด และกินกับข้าวอย่างอื่นครบทุกอย่าง แต่อย่างละนิดละหน่อยและกินข้าวไม่หมดถ้วย


ตรัสยังมองภรรยาด้วยความเป็นห่วง จนรติต้องยอมบอก


“ตอนเดินกลับเรือน ข้าเห็นขนมน่ากิน ข้าก็เลย...ตั้งใจว่าขากลับไปร้าน จะแวะซื้อสักหน่อย...”


“แล้วเกี่ยวอะไรกับที่เจ้ากินข้าวไม่หมด?”


“ก็...ข้าก็ต้องเผื่อท้องไว้หน่อยซี กินข้าวอิ่ม แล้วจะกินขนมไหวได้อย่างไร”


เพียงเท่านั้นตรัสก็ยิ้มจาง แล้วส่ายศีรษะไปมาอย่างระอาใจ รติชอบกินขนม เรื่องนี้เขาทราบ แต่ไม่คิดว่าจะชอบถึงขั้นยอมเผื่อท้องเพื่อขนมเลย


“ข้าก็นึกว่าเจ้าไม่สบาย คราวหลังอยากได้อะไรก็บอก เราสัญญากันแล้วว่าจะพูดคุยกัน”


รติพยักหน้ารับ ดูสลดลงเล็กน้อยที่ตนเองเผลอไผลไม่พูดอีกแล้ว ตรัสมองภรรยาอย่างเอ็นดู แล้วบุ้ยหน้าให้เดินนำ


“ไหนล่ะ ขนมที่เจ้าอยากซื้อ”


เพียงประโยคนั้น รติก็ยิ้มกว้าง รีบสาวเท้าไวพาอีกฝ่ายไปยังร้านขนมที่ตนหมายตา


รติซื้อขนมหนึ่งอย่าง แต่ตาแอบมองขนมอีกสองอย่าง เรื่องนี้มิทันได้พูด ตรัสเห็นสายตาก็เอ่ยถามขึ้นมาเอง


“อยากกินไหม”


รติหันมอง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสังเกต ตอนแรกตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อสบตากับคนถาม ก็พลันนึกถึงความตั้งใจของพวกเขาที่จะเรียนรู้กันด้วยการพูดจา แม้จะไม่คุ้นเคย แต่รติก็พยายามเปลี่ยนแปลงตนเอง


“อยาก...”


ตรัสจึงหันไปสั่งขนมเพิ่มอีกสองอย่าง


แล้วบ่ายวันนั้น ข้างกายรติ มีจานขนมวางไม่ห่างมือ ส่วนในห้องตรวจของตรัส ที่โต๊ะเล็กข้างโต๊ะทำงานของเขามีจานขนมที่รติแบ่งสันปันส่วนอย่างละนิดมาให้ตรัสชิม สำหรับคนไม่ถนัดขนมหวาน ย่อมกินได้เพียงน้อย เรื่องนี้รติทราบดี ดังนั้นตอนที่ยกมาให้ถึงในห้องตรวจ ภรรยาจึงออกตัว


‘ข้ารู้ว่าท่านไม่ค่อยชอบกินขนม แต่ขนมอร่อยมาก อยากแบ่งมาให้ท่านชิมบ้าง แล้วก็...ขอบคุณที่เอาใจใส่ข้า’


รติสุขใจที่ได้กินขนม ส่วนคนไม่ค่อยกินขนมกลับสุขใจยิ่งกว่ากับการได้รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายเป็นคำพูด


...การกระทำสำคัญ คำพูดก็สำคัญ...



การกระทำทำให้เห็นความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ส่วนคำพูดนั้นเสียงดังเป็นที่รับรู้ ตรัสและรติตั้งมั่น พวกเขาจะเรียนรู้ที่จะบอกเล่าความรู้สึกนึกคิดให้อีกฝ่ายรับรู้...ทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ



---------
#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

รติไม่ยอมบอกสาเหตุที่ทำให้ตาบอด ตรัสก็จะได้กำไรไปเรื่อยๆแบบนี้นะคะ ฮ่าฮ่า

ตอนแรกคิดว่าวันนี้ถึงตอนที่เฉลยแล้ว แต่ตัดตอนผิด (ขอโทษด้วยค่ะ) ก็ถือเป็นช่วงเข้าอกเข้าใจกันดี เป็นตอนหวานๆชดเชยหลายตอนที่ผ่านมานะคะ ฮ่าฮ่า แต่คิดว่าน่าจะภายในสัปดาห์นี้ที่จะเฉลยแล้ว

เพราะงั้น เรื่องนี้ก็ใกล้จบแล้ว น่าจะไม่เกินเดือนหน้าค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลย

เจอกันวันพุธค่ะ



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รู้จักปรับตัวเข้าหากัน...ดีงาม..มมมมมม   :katai2-1:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
การปรับตัวของทั้งคู่ดีขึ้นมากๆ การใส่ใจกันนี้แหละคือชีวิตคู่

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1: พอรักกันดี เบาหวานเราก็จะขึ้นตา  :katai5:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 65

เชื่อมั่น

---------


   นอกจากการดูแลเอาใจใส่และเงื่อนไขให้สามีภรรยาได้ใกล้ชิดกันแล้ว ตรัสยังใช้เวลาแทบทั้งหมดที่ว่างในการอ่านหนังสือและตำรับยาแขนงต่างๆ เพื่อตามหาบางสิ่งที่ทำให้รติตาบอด แม้เวลานี้รติจะกลับมามองเห็นชัดเจนแล้ว แต่เขาก็ไม่วางใจ


ในสกุลอหัสกรมีห้องหนังสือเป็นของตนเอง ในห้องประกอบด้วยตำรับยา และตำราเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บทั้งของมนุษย์และอมนุษย์ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเก่าที่ต้นตระกูลสะสมเอาไว้ แต่สิ่งที่เขาค้นคว้าไม่มีอะไรนอกจากโรคที่ทำให้เกิดอาการตาบอด


   ตาบอดจากพิษของสัตว์ร้ายก็ไม่ใช่


   ตาบอดจากเวทย์ของพวกอมนุษย์ก็ไม่ใช่


   ตาบอดเพราะทะเลาะวิวาทกับเทพหรือปีศาจก็ไม่ใช่


   โลกนี้มีสรรพสิ่งมากมาย มีองค์ความรู้หลากหลายจนกลายเป็นอุปสรรคในการรักษา แต่มิใช่เรื่องที่ตรัสจะย่อท้อ


ความมุ่งมั่นของเขา ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมองไม่เห็น รติรับรู้ว่าอีกฝ่ายวางเงื่อนไขและดูแลเขาก็เพราะอยากรักษาอาการตาบอด แต่...เป็นตัวเขาเองที่ไม่บอกความจริง


   ...รติเอ๋ยรติ...รติผู้ที่เคยลงมือทำทุกอย่างด้วยความกล้าหาญ เวลานี้เมื่อมีความรู้สึกต่อตรัสมากล้นถึงเพียงนี้ จะคิดอ่านทำสิ่งใด อย่างแรกคือต้องดูว่ากระทบต่อความรู้สึกของตรัสหรือไม่


   หากบอกความจริง ตรัสจะรับได้ไหม


   หากพูดความจริง ตรัสจะรู้สึกเช่นไร


   พอคิดเช่นนั้นแล้ว รติก็รู้สึกว่าตนเองช่างเห็นแก่ตัวที่เก็บงำความจริงเอาไว้ เพราะเกรงว่าหากอีกฝ่ายรู้...ความรู้สึกที่มีต่อกันจะไม่เหมือนเดิม


   “รติ...”


   เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังทำผงสมุนไพรอยู่ในโรงครัวเพียงลำพังหันมอง หญิงชราก้าวเท้าเข้ามา พลางสอดส่ายสายตาหาคนที่มักอยู่กับรติเสมอ


   “ตรัสไปไหนแล้ว”


   “อยู่ที่ห้องหนังสือขอรับ”


หมู่นี้ตรัสไม่ได้มาช่วยทำผงสมุนไพรเช่นเคย เพราะกำลังมุมานะหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการตาบอดของรติ วันๆขลุกตัวอยู่แต่กับตำรับตำราจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำหน้าที่สามีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ยังคงเข้านอนพร้อมรติ กกกอดดูแลอย่างดี


   “แล้วอาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ท่านอมราถาม


   “ไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ พอร่างกายแข็งแรงก็ไม่มีส่วนใดผิดปกติ”


หญิงชราพยักหน้ารับรู้


   “ดูเหมือนเจ้าจะรู้ดีว่าร่างกายของเจ้าเป็นเช่นไร”


   รตินิ่งไป ท่าทางของเขาแม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็มีพิรุธในสายตาของผู้สูงอายุ


   “รติ เจ้ารู้ไหมทำไมข้าถึงยอมให้พวกเจ้าเข้ามาอยู่ในอหัสกร”


   “เอ่อ...เพราะ...” รติไม่รู้จะยกคำใดมาเป็นข้ออ้าง ในเมื่อบัดนี้คนทั้งเรือนล้วนรับรู้ว่าระพีเป็นทายาทของอหัสกร ย่อมเชื่อมโยงได้ว่าการที่เขามาที่นี่ตั้งแต่แรก เพราะหวังให้ระพีได้กลับมาอยู่กับสกุล ส่วนเรื่องที่กล่าวอ้างว่าปู่ของตนเป็นสหายของท่านอมรานั้น ถูกปัดตกไปนานแล้ว


   ท่าทางอึกอักของเขา ทำให้หญิงชราส่ายศีรษะอย่างระอาใจ


   “รติ...อายุเจ้าก็เท่านี้ จะเก็บความลับอะไรเอาไว้มากมายนัก” ประโยคนี้ของนาง ทำเอารติเงียบ


   “เจ้าบอกว่าปู่ของเจ้าเป็นคนสั่งให้พากันมาที่นี่ใช่ไหม”


“ใช่ขอรับ”


“ทั้งเจ้าและปู่ของเจ้าต่างก็รู้ว่าสองสกุลมิได้รู้จักกันตั้งแต่แรก จริงไหม”


“จ...จริงขอรับ”


“แต่ปู่ของเจ้าสั่งว่า เมื่อสิ้นเขาแล้ว ต้องพาระพีมาที่อหัสกร เขาบอกเจ้าไหมว่าทำไม”


“เพื่อให้ระพีได้รู้จักกับสายเลือดของเขาขอรับ”


“จดหมายที่เจ้าถือมาฉบับนั้น บอกว่าฝากพวกเจ้าสามคน นอกจากเอ็นดูระพีแล้ว ก็ให้รุจีได้มีการศึกษา และ...ดูแลเจ้ายามเจ็บไข้”


รติขมวดคิ้วมุ่น เขาแน่ใจว่าเขาเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้นก่อนจะมาถึงเรือนอหัสกร และข้อความในจดหมายล้วนไม่มีท่อนใดที่กล่าวถึงการดูแลเขายามเจ็บไข้


หญิงชราเห็นท่าทางงงงันก็ยิ้มอ่อนโยน แม้รติจะอยู่ที่นี่ไม่นาน แต่นางคิดว่านางดูคนไม่ผิด คนเช่นรติ นอกจากจะเสียสละแล้ว ยังไม่เคยนำเรื่องทุกข์ยากของตนไปเป็นภาระแก่ผู้อื่น ปู่ของรติเองก็คงรู้จักนิสัยนี้ดี จึงเขียนข้อความเหล่านั้นด้วยกลอักษรล่องหน วางเดิมพันว่ารติจะคิดไม่ถึงข้อความที่เขาต้องการบอก และให้นางฉุกใจ


“ปู่ของเจ้ารู้ว่าถ้าที่นี่ขอรับเลี้ยงแค่ระพี เจ้าไม่มีวันยอมเพราะเจ้าเป็นห่วงระพี ความเป็นห่วงของเจ้าทำให้เจ้าต้องอยู่ที่นี่ด้วย ทำให้รุจีต้องอยู่ที่นี่ด้วย อหัสกรมีตำรายาเป็นของตนเอง ข้าคิดว่าพอลูกชายของข้าความจำกลับมา คงเล่าให้พวกเจ้าฟังว่าเขามีลูกชายคนหนึ่งที่คิดจะเป็นหมอ ปู่ของเจ้าคงเดาเอาว่า อหัสกรที่มีทายาทเพียงคนเดียวอย่างตรัส อย่างไรตรัสก็ต้องสืบทอดกิจการของสกุล เมื่อเขาเป็นหมอ เขาก็ย่อม...ดูแลเจ้าได้”


   รตินิ่งงัน เงยมองนาง คาดไม่ถึงกับสิ่งที่หญิงชราเอ่ย


   ท่านอมรายิ้มจาง


   “ปู่ของเจ้าห่วงใยเจ้าที่สุด รติ เขาถึงสั่งให้เจ้าอพยพจากเมืองทางใต้มาที่นี่ เพราะเขารู้ว่านิสัยอย่างเจ้าจะไม่สร้างครอบครัว แต่มุ่งเลี้ยงให้รุจีและระพีเติบใหญ่เสียก่อน เมื่อรุจีและระพีออกไปสร้างครอบครัวของตัวเอง เจ้าก็อาจจะแก่เกินไปที่จะหาใครสักคนมาอยู่ด้วย หรือ...หากสร้างครอบครัว ปู่ของเจ้าก็ไม่รู้ว่าคู่ชีวิตของเจ้าจะมีความรู้ด้านการรักษาพยาบาลหรือไม่ ไม่รู้...ว่าอนาคตร่างกายของเจ้าจะเป็นเช่นไร” หญิงชรากล่าว


   ประโยคสุดท้ายของนาง ทำให้รติตะลุงงัน “ร...เรื่องนั้น...”


   “เจ้าอาจไม่รู้ สกุลอหัสกรเป็นสกุลเก่าแก่ ผู้คนในสกุลล้วนมีผิวขาวและดวงตาสีอ่อน ระพีหน้าเหมือนตรัสและพ่อของเขา อีกทั้งยังมีผิวขาว แต่...ดวงตาของเขากลับเป็นสีดำ เพราะอะไร”


   รติพูดไม่ออก แต่หญิงชรายังยิ้มอ่อนโยน


   “คนที่ตาบอดในทีแรกไม่ใช่เจ้า แต่เป็นระพีใช่ไหม”


คราวนี้รติได้แต่เม้มปาก ไม่กล้าพูดสักคำ


   “เจ้ามอบดวงตาของเจ้าให้เขา...ข้าไม่รู้ว่าทำไมทั้งปู่และเจ้าถึงใจเด็ดเพียงนั้น แต่ตัวเจ้าและระพีมีสายเลือดเหมือนกันอยู่ส่วนหนึ่ง เมื่อมอบดวงตาให้ระพี ข้าคิดว่าเขาคงเข้ากับมันได้ดี แต่การอยู่ใกล้หมอย่อมปลอดภัยกว่า เหตุผลนี้คือข้อหนึ่ง ที่ทำให้ปู่ของเจ้ากำชับให้พากันมาที่อหัสกร ส่วนเหตุผลข้อสอง...คือตัวเจ้า...หลังมอบดวงตาของเจ้าให้ระพี เจ้าคงรับดวงตาของผู้อื่นมาใช้ คงเป็นคนที่ไม่เข้ากันเสียเท่าไร อาการจึงไม่แน่ไม่นอน เจ้ามีความรู้เรื่องสมุนไพรย่อมรักษาตัวเองได้ส่วนหนึ่ง แต่หากอาการเพียบหนัก ใครจะช่วยเจ้าได้ รุจีก็ยังเด็ก ระพีก็ยังเล็ก”


“ข้าคิดว่าท่านปู่ของเจ้าคงเป็นนักเดิมพันตัวยง เขาเลือกที่จะส่งเจ้ามาอยู่ที่อหัสกร แล้วเดิมพันว่าเจ้าจะเป็นที่รักและเป็นที่ยอมรับของคนที่นี่หรือไม่ หากเจ้าทำได้ ต่อให้เจ้าอยู่ในฐานะญาติของอหัสกร เจ้าก็จะมีคนของอหัสกรดูแลยามเจ็บไข้”


   รติพูดไม่ออก เขาคิดไม่ถึงว่าคำสั่งเสียสุดท้ายของผู้เป็นปู่จะมีจุดประสงค์แฝงเป็นเรื่องของเขา


ระพีเป็นเด็กอาภัพ ขาดบิดามารดาตั้งแต่เล็ก จุดนี้น่าสงสาร เมื่อปู่ของเขากำชับว่าให้พามายังอหัสกร แรกเริ่มรติไม่เข้าใจ ทั้งเขาและรุจีก็เป็นครอบครัวของระพีได้ แต่เพราะท่านปู่ย้ำว่าสกุลอหัสกรจะเป็นที่พึ่ง แม้ดวงตาของรติจะเข้ากับร่างกายของระพีได้ดี แต่ไม่อาจรู้ว่าภายภาคหน้าจะมีผลกระทบมากน้อยเพียงใด รติมีความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรก็จริง สามารถรักษาโรคได้อยู่บ้าง แต่เพราะไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ย่อมไม่อาจเป็นหมอรักษาระพีได้อย่างเอิกเกริก นอกจากนั้น การมีคนที่สามารถรักษาระพีได้อีกคน ก็ย่อมเป็นการผ่อนแรง ส่วนรุจีเองก็เริ่มโต รติเพียงคนเดียวจะดูแลทั้งรุจีและระพีไม่ไหว การมาฝากฝังกับอหัสกร อย่างน้อยก็ยังมีอีกสกุลให้เกี่ยวดอง


เมื่อท่านปู่ยืนกรานด้วยเหตุผลเช่นนั้น รติจึงรับปากทำตามความประสงค์


   ภายหลังพิธีศพของชายชรา รติขายร้านยาที่เมืองทางใต้ ได้เงินก้อนหนึ่งก็พารุจีและระพีมาที่อหัสกร แม้ไม่แน่ใจเลยสักนิดว่าที่นี่จะยอมรับระพีหรือไม่ ไม่แน่ใจว่าการบอกว่าเป็นเชื้อสายอีกคนของอหัสกรจะเป็นที่เชื่อถือหรือไม่ และบุตรชายคนแรกของพี่เขยของเขาจะรู้สึกเช่นไร รติจึงต้องจำโกหกไปก่อน


แต่เมื่อท่านอมราเห็นหน้าระพี นางก็ต้อนรับพวกเขาอย่างดี


อย่างไรเสีย อหัสกรก็ยังมีอุปสรรคชิ้นโตคือตรัส แต่เพื่อให้ระพีได้รู้จักกับพี่ชายผู้มีเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนเขา อีกทั้งรุจีจะมีที่อยู่ รติยินยอมเข้าพิธีแต่งงานตามเงื่อนไขของอหัสกร


   ความหวังสุดท้ายของท่านปู่ของรติเป็นจริง ระพีได้อยู่กับพี่ชายและย่าของเขา รุจีมีที่อยู่และอหัสกรก็พร้อมส่งเสียให้นางเรียนหนังสือ แต่รติไม่เคยรู้เลย...ว่าความหวังอีกประการที่ท่านปู่ไม่ยอมบอกก็คือต้องการให้เขามีคนดูแล


   “รติ...ปู่ของเจ้าวางเดิมพันเรื่องของเจ้า เวลานี้ชนะแน่แล้ว ชนะยิ่งกว่าที่เขาคาดเอาไว้เสียอีก เพราะเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ในฐานะคนที่เกี่ยวดองกับอหัสกร แต่อยู่ในฐานะคนของอหัสกร ตรัสรับเจ้าเป็นคู่ชีวิต เขายินดีดูแลเจ้าด้วยใจจริง เขาพร้อมที่จะรับรู้และรักษาร่างกายของเจ้า เพียงแค่เจ้า...ต้องยอมบอกความจริงแก่เขา”


   “รติเอ๋ย ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องความรัก แต่ต้องประกอบด้วยความรู้สึกอื่นเพื่อเกื้อหนุนส่งเสริม และหนึ่งในนั้นคือความเชื่อมั่น นี่คือบทพิสูจน์ว่าเจ้าเชื่อมั่นในตัวตรัสหรือไม่ เชื่อมั่นในความรู้สึกของตรัสหรือไม่”


   หญิงชราย้ำ แล้ววางเดิมพันต่อจากปู่ของรติ หากรติเชื่อมั่นในตัวตรัสจนกล้าเปิดเผยความลับของเขาอย่างตรงไปตรงมา ชีวิตคู่ของสองสามีภรรยา ก็ล้วนไม่มีเรื่องใดน่าหวั่นใจอีกแล้ว


นางออกจากโรงครัวไปแล้ว รติยังอยู่ในนั้น และคล้อยหลังเพียงไม่กี่อึดใจ ท่านอมราก็พบว่าไฟในโรงครัวถูกดับลง รติถือตะเกียงเทียนเดินไปตามทาง เขาไม่ได้กลับไปที่เรือนพักผ่อน แต่ตรงไปยังห้องหนังสือของเรือนอหัสกร


ตรัส...อยู่ที่นั่น


คืนนี้ สองสามีภรรยาอาจจะเข้านอนช้ากว่าเดิม อาจจะไม่ได้หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างหลายคืนที่ผ่านมา และอีกสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม...คือค่ำคืนนี้ ตรัสจะได้รู้ความจริงจากปากของรติ


ความจริงเรื่องสุดท้าย ที่รติเก็บเอาไว้ นับตั้งแต่ระพีเกิดมา


----------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

เป็นสองสามีภรรยาที่รู้ตัวเองช้ามากเลยค่ะ ฮ่าฮ่า
คือจริงๆก็รักกัน เชื่อมั่นกัน แต่ถ้าไม่มีคนมาเปิดประเด็นให้ ก็มักจะไม่รู้ตัวว่าควรทำยังไง แต่เพราะพวกเขาต่างก็ไม่เคยมีความรัก ยังไงก็เอาใจช่วยตรัสกับรติด้วยนะคะ

ส่วนตอนหน้า จะเฉลยจริงๆแล้วค่ะ รู้พร้อมตรัสเลยค่ะ 

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลยค่ะ

เจอกันวันศุกร์นะคะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ท่านหญิงมาพูดเสริมให้ความมั่นใจในเรื่องที่รติกังวลอยู่พอดีว่าถ้ารู้ความจริง ตรัสจะรับได้ไหม  o13 :katai2-1:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ความจริง จะทำให้ตรัสเข้าใจร่างกายรติมากขึ้น

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งืมมมมมม รติเอ๋ย หัวจิตหัวใจทำด้วยอะไร  ใยถึงกล้าหาญและเสียสละปานนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รอฟังไปพร้อมกับตรัส.. :hao5:

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ควรเข้าเรื่องหลักได้แล้วนะ อมนุษย์ ยังไม่มีบทเลย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 66

ความจริงเรื่องที่สอง

---------


   ในห้องหนังสือของเรือนอหัสกร เต็มไปด้วยชั้นหนังสือและม้วนกระดาษจำนวนมาก กลางห้องเป็นตั่งและโต๊ะทำงาน บริเวณนั้นสว่างไสวที่สุดด้วยแสงจากตะเกียงเทียน


   สองสามีภรรยานั่งอยู่บนตั่ง ฝ่ายภรรยานั้นตัวหดลีบราวกับเด็กน้อยทำความผิด ในขณะที่ฝ่ายสามียังนั่งเงียบเฝ้ามองคนข้างกายที่ค่อยๆเผยความจริงออกมาทีละส่วน



ความเงียบรอบตัวยิ่งทำให้รติรู้สึกกดดันมากขึ้นอีก แต่พอเหลือบตามองคนที่ยังนั่งสงบ เขาก็ทำได้เพียงบอกตนเองอย่างที่ท่านอมรากล่าว ‘เชื่อมั่นในตัวของตรัส เชื่อมั่นในความรู้สึกของตรัส’


   “เรื่องที่ข้าจะบอก...คือเรื่องดวงตาของข้า...”


   “ดวงตาที่ข้าใช้...ไม่ใช่ของข้า...”


   “ข้า...ยกดวงตาของข้าให้ระพี ดังนั้น...ดวงตาที่ข้าใช้ในยามนี้...เป็น...ดวงตาของผู้อื่น...ที่ไม่ใช่คน”


ตรัสชะงัก ดวงตาของรติเหลือบมองเขา มันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียใจ และรู้สึกผิด


“ทำไม...ถึงต้องยกดวงตาให้ระพี”


“ระพีเกิดมาตาบอด มีแต่ตาขาวไม่มีนัยน์ตา บิดาของท่านและพี่สาวของข้าตั้งใจจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากอหัสกร แต่...ตายเสียก่อน ระพีรอช้าไม่ได้ หนังตาเริ่มเปิดไม่ขึ้น ข้า...เลยขอให้ท่านปู่ผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาของข้าให้กับเขา”


“ทั้งสองข้างเลยหรือ”


“เรามีเวลาตัดสินใจกันไม่มาก ที่สกุลของข้ามีตำราเกี่ยวกับเรื่องผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาวิธีหนึ่ง คือเปลี่ยนจากศพ แต่ศพของบิดาของท่านและพี่สาวของข้าล้วนเน่าเปื่อยเมื่อเราไปพบ ดวงตาใช้การไม่ได้ จะหาดวงตาของศพผู้อื่นก็ไม่แน่ว่าจะเข้ากับร่างกายของระพี จึง...ต้องเปลี่ยนจากคนด้วยกัน ตำราอีกเล่มกล่าวถึงการใช้ดวงตาของปีศาจ แต่ต้องใช้ทั้งสองข้าง และคนที่จะรับดวงตาปีศาจได้ต้องแข็งแรงและมีสติรับรู้ ระพียังเล็ก หากใส่ดวงตาปีศาจให้กับเขา ย่อมไม่ได้ ข้ากับท่านปู่...เลยตัดสินใจผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาของข้าให้ระพี แล้วหาดวงตาปีศาจมาใส่ให้ข้าแทน”


“แล้วทำไมต้องเป็นดวงตาปีศาจ”


“การจะใช้ดวงตาของคนด้วยกันต้องทำเรื่องผ่านเจ้าหน้าที่ทางการ ถ้าเป็นเช่นนั้นระพีจะรู้เรื่องที่เขาได้รับดวงตาจากข้าในภายหลัง”


“หมายความว่าระพีก็ไม่รู้หรือ”


“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ นอกจากข้าและท่านปู่ ข้าตัดสินใจยกดวงตาของข้าให้ระพี แล้วหาดวงตาของใครก็ได้ที่ไม่มีคนรู้มาใส่ให้ข้า เพียงแค่ทำให้ข้าพอจะมองเห็น”


“ท่านปู่ของเจ้าก็ยอมอย่างนั้นหรือ”


“ระพีเสียพ่อแม่ไปแล้ว เขาจะอาภัพมากกว่านั้นไม่ได้อีกแล้ว” รติเอ่ย แต่นั่นก็ทำเอาตรัสสะท้อนไปทั้งหัวใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจเด็ดถึงเพียงนี้


“ข้ามีเลือดครึ่งหนึ่งเหมือนระพี ร่างกายของเขาจึงรับดวงตาของข้าได้ค่อนข้างดี ส่วนข้า...พอใช้ดวงตาปีศาจ ก็ต้องคอยดูแลร่างกายมากขึ้น จะป่วยไม่ได้”


“เพราะเวลาป่วย จะควบคุมดวงตาปีศาจไม่ได้ใช่ไหม”


รติพยักหน้ารับ


“สิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเจ้า ที่ข้าพยายามหาก็คือพลังปีศาจที่มากับดวงตานี่เอง...”


“ท่าน...รู้หรือว่ามีอย่างอื่นในร่างกายของข้า”


“รู้ตอนที่จับชีพจรของเจ้า แต่มันออกมาเฉพาะตอนที่เจ้าตาบอด ภายหลังเจ้าแข็งแรง ข้าก็หาไม่เจออีก”


รติเม้มปาก ไม่รู้จะรู้สึกเช่นไรดี ที่อีกฝ่ายรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างในร่างกายของเขา


“ท่าน...รังเกียจไหม ข้า...ไม่ใช่มนุษย์อย่างท่าน...”


“รติ...โลกนี้มีสิ่งที่แตกต่างจากเรามากมาย เจ้าไม่ใช่มนุษย์อย่างข้าแล้วเป็นอย่างไร เจ้าก็ยังเป็นคู่ชีวิตที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าโชคดีเหลือเกิน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร ก็ยังอยู่กับข้าไม่ใช่หรือ”


“ขอบคุณ”


“ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณ กี่ครั้งแล้ว...ที่เจ้าทำเพื่ออหัสกร ถึงระพีจะเป็นหลานของเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าให้เขาก็มากเกินกว่าที่คนผู้หนึ่งจะมอบให้กับคนอีกผู้หนึ่งอยู่ดี...”


“ข้า...ทนไม่ได้ที่จะเห็นระพีมีชีวิตที่น่าสงสารเช่นนั้น”


ตรัสมองภรรยาด้วยความรักลึกซึ้ง


“ตรัส...ที่ข้าบอกความจริงเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้ท่านเหนื่อยอีกแล้ว อาการของข้าเป็นผลพลอยได้ของการใช้ดวงตาปีศาจ ไม่มียาใดรักษาได้”


“ยกเว้น...ผ่าตัดเอาดวงตาปีศาจออก แล้วแบ่งดวงตาของข้าให้เจ้าใช้ข้างหนึ่ง”


“ตรัส!” รติร้องลั่น ตะลึงงัน แต่ตรัสไม่มีวี่เววล้อเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว คนตรงหน้าเอาจริง หมายจะแบ่งดวงตาให้รติจริง แต่ถ้าเขารับดวงตาของตรัส เขาจะมองหน้าผู้อื่นได้อย่างไรกัน


รติสูดลมหายใจลึก ตั้งสติแล้วต่อรอง


“ท่านเป็นหมอ ถ้าท่านเหลือดวงตาเพียงข้างเดียว ท่านจะหยิบจับสิ่งของถนัดหรือ แม้จะฝึกฝนจนถนัดแล้ว คนเจ็บคนป่วยมาให้ท่านรักษา ความเชื่อมั่นของพวกเขาจะมีสักเท่าไร”



สิ่งที่รติพูด ไม่ได้พ้นไปจากความจริงเลย ระหว่างหมอตรัสที่มีดวงตาสองข้าง กับหมอตรัสที่มีดวงตาเพียงข้างเดียว ความเชื่อมั่นที่คนไข้มีต่อหมอย่อมแตกต่างกัน


“ตรัส ท่านไม่จำเป็นต้องทำเพื่อข้าถึงเพียงนั้น ข้าขอเพียงแค่ท่านไม่รังเกียจในสิ่งที่ข้าเป็น ยามข้าเจ็บป่วย ท่านช่วยรักษาข้า เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว”


“แต่เจ้าจะมองไม่เห็น...”


“นั่นก็แค่ยามไม่สบาย ถ้าท่านรักษาข้า ข้าก็จะหาย กลับมามองเห็นอย่างเดิม”


ตรัสดูมีทีท่าจะคัดค้าน แต่รติไม่ใช่คนหัวอ่อน จึงเริ่มเจรจา


“ตรัส ท่านคือกำลังหลักของอหัสกร ท่านอมรา รุจี ระพี บ่าวไพร่ทั้งที่นี่และที่ร้านยา รวมถึงข้า ทั้งหมดอยู่ในความรับผิดชอบของท่าน ท่านจะให้ความสำคัญเพียงข้าแล้วทอดทิ้งพวกเขาไม่ได้”


พอถูกเตือนสติเช่นนี้ ก็ดูเหมือนความขึงขังที่หมายจะแบ่งดวงตาให้รติพลอยลดลง ตรัสหลับตาลง เจ็บปวดที่ไม่อาจช่วยเหลืออย่างใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขายังมีความรับผิดชอบอีกมากที่ต้องให้ความสำคัญ


ฝ่ามือเย็นแนบกับแก้มเขา ทำให้ตรัสต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของรตินั้นเป็นสีเข้มแต่แฝงด้วยเฉดสีประหลาด คงเป็นอานุภาพของดวงตาปีศาจ แต่สิ่งที่อยู่ลึกเข้าไปในดวงตาคู่นี้คือความงดงามของหัวใจ ความฉลาดหลักแหลม และความรู้สึกท่วมท้นที่มีต่อเขา


“ได้โปรด...เป็นหมอรักษาข้าในยามข้าเจ็บป่วย เป็นดวงตาสองข้างแทนข้าในยามที่ข้าตาบอด เป็น...คนแรกที่ข้ามองเห็นหลังจากหายป่วย...ได้ไหม ตรัส”


ตรัสสูดลมหายใจลึก แม้จะเจ็บปวดที่ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ แต่เขาก็จะรับหน้าที่ดูแลรักษารติเอง


“ได้ ข้าจะเป็นหมอของเจ้า เป็นดวงตาแทนเจ้า เป็นคนแรกให้เจ้าเห็น ทันทีที่หายป่วย...ตลอดชีวิตของเจ้า”


ช่างเป็นคำสัญญาที่แสนวิเศษ ทำให้หัวใจของรติอิ่มเอิบ เมื่ออีกฝ่ายรั้งเขาเข้าไปหาจึงโอนอ่อนแต่โดยดี เมื่อริมฝีปากของตรัสแนบลงมาก็ยิ่งมีแต่ความยินดี


ชีวิตนี้ช่างโชคดี...ที่มีคู่ชีวิตชื่อตรัส  อหัสกร



--------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

--------

จริงๆ เรื่องนี้เน้นไปที่ตรัสกับรติและการเรียนรู้กันของคนสองคนที่เป็นคนแปลกหน้าแต่ต้องมาอยู่ด้วยกัน

ส่วนแบ็กกราวด์ของเรื่อง ที่มีเทพ ปีศาจ ฯลฯ อันนี้เพื่อให้โลกของพวกเขากว้างมากๆ เพราะเราอยากเขียนอะไรอีกหลายอย่างเลยค่ะ (หมายถึงฉากอื่นๆที่โลกความเป็นจริงทำไม่ได้ หรือคู่อื่นๆที่เราอยากเขียนถึง อะไรแบบนี้ค่ะ)

ส่วนตอนหน้า พกผ้าเช็ดหน้ามานิดนึงนะคะ (ไม่ได้เช็ดน้ำตาหรอกนะคะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลยค่ะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ซึ้งงงง ปลิ่มในอก อบอุ่นอะไรเบอร์นี้  :mew4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รติคิดถึงผู้อื่นก่อนเสมอ..ไม่มีความเห็นแก่ตัวเลย  :hao5:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด