-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104534 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: ขี้หึงแบบนี้ น้องช้ำหมด

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เจอคนขี้หึงหนึ่งอัตรา  :laugh:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ KhunYingJung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ชอบจังเลย จะตามอ่านนะ กดเป็ด+1

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 56

ข้อเสียของตรัส

---------


   ตรัสเป็นผู้นำสกุลนับตั้งแต่บิดาหายสาบสูญไป



ยามนั้นอายุยังน้อย จะปกครองคนในสกุลให้ได้ ย่อมต้องพูดแต่น้อยแล้วใช้เวลาทำเป็นส่วนมาก ใช้ความเข้มงวดเด็ดขาดเอาจริงเอาจังจนได้รับการยอมรับจากบ่าวไพร่ ดังนั้น ชายหนุ่มจึงติดนิสัยไม่ค่อยพูดมานับแต่นั้น


   ตรัสไม่เคยคิดว่าการไม่พูดของเขาจะเป็นปัญหา เขาพูดเฉพาะเรื่องที่เห็นจำเป็นว่าต้องพูด เรื่องใดไม่จำเป็นก็ไม่พูด แต่ลงมือทำ


   ชายหนุ่มคิดเสมอว่าเขาช่างโชคดีที่ได้คู่ชีวิตเป็นรติ รติไม่ได้แสดงออกว่าชื่นชอบคำพูดเยินยอหรือการบอกความรู้สึกหวานซึ้ง ตัวรติเองก็มิได้เป็นคนช่างพูดเรื่องเหล่านั้น พวกเขาจึงเคียงคู่กันอย่างเป็นสุข อาจมีช่วงเวลาที่ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่สุดท้ายเมื่อมองการกระทำแล้ว ก็ยังเชื่อมั่นเต็มอกว่าความรู้สึกที่มีให้กันมิได้เสื่อมคลายแต่ประการใด
   

ตรัสเชื่อเช่นนั้นมาตลอด


   การกระทำดีกว่าคำพูด


   รสนาเคยเตือนเขาเอาไว้ครั้งหนึ่ง ว่าบางครั้ง ชีวิตคู่ก็ต้องการทั้งคำพูดและการกระทำ แต่เขาคิดเอาว่าชีวิตคู่เป็นเรื่องเฉพาะตัว คู่ของใครก็ล้วนไม่เหมือนกัน คู่ของเขา สื่อสารกันด้วยวิธีอื่น คำพูดอาจจำเป็น แต่มิได้จำเป็นมากไปกว่าการกระทำ


   จนกระทั่งวันนี้


   ตรัสตระหนักถึงบางสิ่ง


กระทำดีกว่าคำพูดอาจจริง แต่สิ่งที่จริงอีกประการคือคำพูดเสียงดังกว่าการกระทำ


   “ตรัส บ่ายวันนี้ข้าไปโรงเรียนของรุจีนะ”


หลังอาหารมื้อกลางวันที่เรือนอหัสกร ระหว่างที่สองสามีภรรยาเดินกลับมายังร้านยา รติก็เอ่ยขึ้นมา หน้าตาดูแจ่มใสทีเดียวที่จะไปเยี่ยมโรงเรียนของรุจี


   ...อีกแล้ว...


   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รติไปโรงเรียนของรุจี นับตั้งแต่น้องสาวเข้าเรียนที่นั่น แต่ไปทุกสองวันจนสนิทสนมกับอาจารย์ที่ชื่อปราณเป็นอย่างดี


   “เจ้าเพิ่งไปเมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือ”


   “ก็ข้าสัญญากับอาจารย์ปราณว่าจะนำผงสมุนไพรไปให้เขา”


   “แล้วอาจารย์ปราณไม่ต้องสอนหนังสือรึ?”


   “วันนี้ไม่มีสอน ข้าถามเขามาแล้ว”


   ตรัสเงียบ สายตาไม่พอใจบ่งชัด แต่ก็เลี่ยงไปมองทางอื่นเสีย 


สุดท้ายบ่ายวันนั้น รติแวะไปที่โรงเรียนของรุจี มีตรัสติดตามไปด้วยโดยไม่พูดอะไร


   พอหนึ่งคนไม่พูด เอาแต่เก็บงำอารมณ์ หงุดหงิดเพียงใดก็ใช้วิธีเงียบเสีย อีกคนก็ย่อมไม่ทราบ หรือถึงพอจะทราบ แต่พอถาม คนเงียบก็เพียงบอกปัดว่าไม่มีอะไร หากอยู่ที่ร้านยา ก็มักเดินหนีเข้าห้องตรวจ หากอยู่ที่เรือน ก็มักเดินหนีไปหยิบจับงานที่โต๊ะทำงานขึ้นมาทำ รติจึงไม่กล้าตามตอแย


   ข้อเสียของตรัสประการนี้ ให้อย่างไรก็แก้ไขไม่ได้ กระนั้น ก็ไม่ใช่คนถือโทษโกรธเคืองภรรยานานๆ พอตกกลางคืนได้นอนอิงแอบกันและกัน เช้าตื่นขึ้นมา รติเอาอกเอาใจดูแลอาหารการกินให้อย่างดี ก็พลอยลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปจนสิ้น


   แต่...เมื่อมีนิสัยไม่พูด อีกทั้งยังหายโกรธโดยไว อีกฝ่ายก็ย่อมไม่ทันระมัดระวัง


   สองวันต่อมา ระหว่างที่กำลังเดินจากเรือนอหัสกรไปที่ร้านยาในตอนเช้า รติก็ชวนขึ้นมาอีก


   “วันนี้รุจีมีกำหนดกลับเรือน เรารีบไปแต่ไวหน่อยดีไหม เผื่อจะได้ถามอาจารย์ที่สอนรุจีว่านางเป็นอย่างไร มีอะไรต้องปรับปรุงบ้างหรือไม่”


   ตรัสชะงักกึก หันมาตอบด้วยน้ำเสียงกระด้าง


   “ไม่เห็นจำเป็นต้องถามใคร โรงเรียนมีสมุดพกให้รุจีถือกลับมาอยู่แล้ว หากเจ้าอยากรู้เรื่องใดก็เขียนใส่สมุดพกให้รุจีถือกลับไปถามก็ได้”


   หน้าตาของเขาหงุดหงิดงุ่นง่านเหลือประมาณ รติพลอยชะงักไปเช่นกัน


   ท่าทีนิ่งงันของภรรยา ทำเอาตรัสรู้ตัวว่าเขาแสดงออกมากเกินไป ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก หันหน้าหนีไปทางอื่น


   “โรงเรียนให้ไปรับตอนเย็น ก็ไปตอนเย็น ไม่ต้องไปก่อน” เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว ก็ก้าวเท้าไว เดินนำทันที


รติได้แต่มองตามแผ่นหลังสามี ไม่เข้าใจว่าเขาทำเรื่องใดให้โกรธ แต่เมื่อตรัสรู้สึกตัวว่าอีกคนไม่เดินตามมา ชายหนุ่มจึงหยุดฝีเท้าหันกลับมามอง เมื่อนั้น รติจึงยอมก้าวเท้าตามไป


   วันนี้...สองสามีภรรยาเดินไปเปิดร้านยาอย่างเงียบๆ ก่อนที่ฝ่ายสามีจะหายหน้าเข้าห้องตรวจไปและไม่ออกมาอีกเลยตลอดครึ่งเช้า ส่วนภรรยาก็ได้แต่นั่งหน้าหมองคิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน



---------



#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต



ธ ม น



THAMON926



---------



ตรัสไม่ใช่พระเอกดีพร้อม เขาก็มีข้อเสีย และคราวนี้ความเงียบของเขาคือข้อเสียค่ะ



อย่าโกรธตรัสเลยนะคะ (ขอความเห็นใจสุดๆ ฮ่าฮ่า)



ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเลยค่ะ



เจอกันวันศุกร์ค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
จนได้ ถ้าตรัสยังไม่คุยกับรติให้รู้เรื่อง อีกหน่อยต้องทะเลาะกันแน่ ไม่มีใครอยากเป็นที่รองรับอารมณ์นะ แล้วจะเข้าทางปราณแน่แน่ เตือนแล้วนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ต้องคุยกันได้แล้วนะ   :mew2:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ให้เวลาคุณสามีปรับตัวหน่อยนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
เป็นแบบนี้ไปได้นะตรัส เดียวรติไม่สนใจนะ

ออฟไลน์ KhunYingJung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เพิ่งอ่านได้แค่บทที่ 4 แต่กำลังไล่ตาม  :o12:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 57

ความกังวลของรุจี

---------
   

ตรัสไม่ได้แสดงท่าทีก้าวร้าวแต่ก็ดูรู้ว่าเขาหงุดหงิด มื้อเที่ยงวันนี้ที่เรือนอหัสกรจึงเต็มไปด้วยความเงียบ


   รติก็ไม่ตอแย อันที่จริงก็นับตั้งแต่ตอนที่เดินออกจากร้านยาอหัสกรกลับมาที่นี่แล้ว


   ต่างคนต่างเดิน แม้จะเดินเคียงกัน แต่ก็มิได้มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างทุกที พอมาถึงเรือน นั่งประจำที่ แม้ยังนั่งข้างกัน แต่ก็ไม่มีเรื่องใดพูดคุย ตรัสยังตักอาหารให้ตามสมควร รติก็เพียงแค่ค้อมศีรษะเล็กน้อย แต่มิได้พูดอะไรมากกว่านั้น


   ต่างคนต่างกินข้าวอย่างเงียบๆ ในขณะที่ท่านอมรามองเห็นท่าทางปั้นปึ่งที่หลานชายมีต่อสะใภ้แล้วก็สงสัย


   “วันนี้รุจีจะกลับมาแล้วใช่ไหม” นางถามไปเรื่องอื่นแทน แล้วเฝ้าสังเกตว่าสองสามีภรรยาตรงหน้าจะมีท่าทีเช่นไร



เท่านั้นก็เห็นชัด ตรัสชะงัก วางถ้วยในมือลงกับโต๊ะราวกับอิ่มขึ้นมา รติเหลือบมองตรัส ก่อนจะหันมองหญิงชราแล้วเป็นคนตอบ


   “ขอรับ”


   “พวกเจ้าไปรับหรือ”


   “ขอรับ...เอ่อ...” รติยังเป็นคนรับคำ เหลือบมองตรัสอีกหน


   “ปิดร้านยาก่อน แล้วค่อยไปขอรับ โรงเรียนให้ไปรับตอนเย็น” ตรัสแทรกขึ้นมา น้ำเสียงกระด้างเสมอต้นเสมอปลาย รติหันมองสามี ต่อให้เป็นคนโง่ก็ต้องรู้ตัวแล้วว่าตรัสไม่พอใจเรื่องที่เขาขอไปโรงเรียนของรุจีก่อนเวลา


   มีปัญหาตรงใด รติไม่เข้าใจ เขาแค่จะไปก่อนเวลาแค่เล็กหน่อย และอาจารย์ปราณก็ออกปากเองว่าวันที่มารับรุจีกลับเรือน หากมีเรื่องหารือ จะมาก่อนเวลาสักหน่อยก็ได้


   เจ้าของสถานที่ยังไม่มีปัญหา แต่ตรัสมี


   มีแล้วพูดจะไม่ว่า นี่อะไร มีแล้วอุบเงียบ ทำทีเหมือนเคืองกันนักหนา ราวกับว่าการที่เขาไปโรงเรียนของรุจีเป็นเรื่องผิดร้ายแรงนัก!


   สองสามีภรรยาพากันเงียบไปอีก คราวนี้รติเริ่มปั้นปึ่งบ้างแล้ว ระหว่างทางจากเรือนอหัสกรไปยังร้านยาในตอนบ่าย จึงเต็มไปด้วยความอึมครึม


   เย็นนั้น ร้านยาอหัสกรปิดตรงตามเวลา แม้จะไม่พูดกัน แต่ตรัสและรติก็ยังโดยสารรถม้าไปยังโรงเรียนของรุจีเพื่อรับเด็กสาวกลับเรือนอหัสกรในวันหยุดสุ


   ตอนรุจีพบหน้าพี่ชาย นางเริงร่าพูดคุยไม่หยุดปาก สภาพแวดล้อมใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ล้วนเป็นเรื่องตื่นตาตื่นใจ ตลอดทางกลับจากโรงเรียนถึงเรือนอหัสกรมีแต่เสียงของนาง แม้จะเอาแต่พูดเรื่องสนุกของตนเอง กระนั้น...รุจีก็เป็นเด็กหัวไว


   นางรู้สึกว่าตรัสและรติมีท่าทีแปลกไป


   เดิมที ทั้งสองคนไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่รักกันอย่างประเจิดประเจ้อ แต่ก็แสดงออกทางสีหน้าและแววตาอยู่เนืองๆ ทว่าวันนี้กลับพบว่าตรัสหันหน้าหนีออกนอกหน้าต่างรถม้า ในขณะที่รติก็มิได้หันไปมองสามีของตนแต่อย่างใด


   ตอนรับประทานอาหารเย็นยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งสองคนไม่พูดกันเลยสักคำเดียว ไม่มองกันด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องปรนนิบัติดูแลก็คล้ายทำตามหน้าที่


รุจีคิดว่านางคงพลาดเรื่องใหญ่สักเรื่องแน่แล้ว คืนนั้นเมื่อเข้าไปอ่านหนังสือให้ท่านอมราฟัง นางจึงลองเลียบเคียงถามด้วยความเป็นห่วง


   “ท่านย่าเจ้าคะ เอ่อ...ช่วงที่ข้าไม่อยู่...ท่านพี่...มีปัญหาอะไรหรือไม่เจ้าคะ”


   อมราหันมอง แล้วก็ถอนหายใจ


   “ก็คงมี...สามีภรรยาก็อย่างนี้...”


   “ข้า...ไม่ควรยุ่งใช่ไหมเจ้าคะ แต่ข้าห่วงท่านพี่...”


รติเป็นคนสดใสร่าเริง ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ยิ้มแย้มอยู่เสมอ งานหนักหรือต้องเหนื่อยยากเพียงใดก็ยังยิ้มสู้ แต่...คราวนี้เจ้าตัวไม่ยิ้มเลยแม้แต่นิดเดียว


   “...วันนี้ท่านพี่ดูไม่ค่อยดี หน้าตาซีดเซียวชอบกล ข้ากลัว...พี่รติป่วย...” ประโยคหลังเบาแผ่ว หากรติมีอาการเจ็บป่วยขึ้นมาด้วยแล้ว นางคงยิ่งกังวล


   คิดแล้วก็นึกโทษตนเอง หากนางไม่ดื้อรั้นเรียนโรงเรียนประจำ ก็คงกลับเรือนได้ทุกวัน แต่ในเมื่อเรียนโรงเรียนประจำแล้วก็ต้องไปกินนอนทางนั้น จะกลับเรือนแต่ละครั้ง ต้องรอวันหยุด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในช่วงที่นางไม่อยู่ หากรติเป็นอะไรขึ้นมาใครจะช่วยดูแล


   ที่สำคัญ...หากรติป่วย แล้วมีอาการตาบอดขึ้นมาอีก จะทำเช่นไร


   ในเรือนอหัสกรนี้ คนที่รู้เรื่องอาการประหลาดของรติก็มีเพียงนางและระพีเท่านั้น แม้ระพีจะยังเล็ก แต่นางก็จำต้องฝากฝังกับเขา


   หลังออกจากห้องของท่านอมรา นางตรงไปยังห้องพักผ่อนของระพี เด็กชายกำลังวาดรูปเล่น แต่พอรุจีบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ระพีก็รีบวางมือ ตั้งอกตั้งใจฟังอย่างดี


   “ช่วงที่ข้าไม่อยู่ เจ้าต้องดูแลพี่รติให้ดี เจ้ารู้ใช่ไหม พี่รติมีโรคประหลาด หากไม่สบายจะมองไม่เห็นชั่วคราว”


   เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก


   “เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เจ้าเองก็จะบอกใครไม่ได้”


   “บอกพี่ตรัสก็ไม่ได้หรือขอรับ”


   “ไม่ได้ จะให้ใครรู้ไม่ได้ ท่านปู่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเรื่องของพี่รติ ให้รู้แค่เฉพาะเราสองคนเท่านั้น”


   เด็กชายมีสีหน้าหงอยลง


   “ระพี เรื่องของพี่รติจะบอกใครไม่ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อข้าไม่อยู่ หากพี่รติมีอาการขึ้นมา เจ้าต้องช่วยดูแล อย่าปล่อยให้พี่รติอยู่เพียงลำพัง เข้าใจไหม”


   “ขอรับ! ข้าจะดูแลพี่รติอย่างสุดความสามารถ!”


   “ดีมาก”


   แม้จะไม่อาจวางใจได้โดยแท้ เพราะระพียังเล็กมากนัก แต่ก็ไม่ใช่เด็กไม่รู้ประสา ระพีช่วยเหลือตัวเองได้ และก็น่าจะถึงเวลาที่เขาจะดูแลผู้อื่นได้แล้วเช่นกัน


--------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ

เจอกันวันจันทร์ค่ะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ไม่หันหน้ามาคุยกัน ความหมางเมินจะเข้ามาแทนที่ความเข้าอกเข้าใจ  มือที่สามจะเข้ามาแทรกแน่นอน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เรื่องราวชักจะบานปลาย..รับเปิดใจคุยกันทีเถิด..ดดดดดดดด    :call:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
รสชาติของการไม่คุยกันฉันสามีภรรยามันก็ออกจะฝืนๆขืนๆหน่อย ไม่อร่อยหรอก แต่ก็จะได้จำวิธีการทำจะได้ไม่ทำอีก อิอิ น่าเอ็นดูรุจิระพีจริง น้องๆห่วงใหญ่เลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นกันอีกแล้วตอนแรกภรรยาก็ไม่คุยกับสามี ตอนนี้สามีก็ไม่คุยกับภรรยา :hao5:  รีบคุยกันเร็วๆหม่นมากตอนนี้อึมครึมไปหมด :katai1: :L1: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ความจะแตกก็คราวนี้และรติต้องป่วยแน่ๆ

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 58

ป่วย

---------


   ก่อนหน้านี้ มีเรื่องกังวลเกี่ยวกับโรงเรียนประจำที่ทำให้น้องสาวห่างหูห่างตา พักหลังนี้ยังมีเรื่องระหองระแหงกับตรัสอย่างไม่รู้ที่มาที่ไปอีก


   เมื่อคนหนึ่งไม่พูดต้นเหตุของปัญหา อีกคนก็ไม่เข้าใจซ้ำยังพลอยหงุดหงิด กลายเป็นว่าคราวนี้ต่างคนต่างเมินหน้าหนีกัน


   หากเมินแล้วเป็นสุข ก็คงไม่ใช่คู่สามีภรรยา


   แต่เพราะเมินแล้วเป็นทุกข์ ไหนจะความกังวลที่สุมทับมาหลายวัน ทั้งเครียดทั้งนอนไม่หลับ รติก็เริ่มรู้สึกว่าตนเองชักจะไม่สบาย


   รติรู้ดีถึงข้อจำกัดของตนเอง เมื่อไม่สบาย จะมองไม่เห็น และเรื่องนี้ยังคงเป็นความลับ ไม่มีผู้ใดในสกุลอหัสกรล่วงรู้ และเขาเองก็ไม่ต้องการให้รู้


   ตอนที่เริ่มรู้สึกตัวว่าร่างกายไม่ปกติ จึงรีบหาสมุนไพรมาบำรุง แต่ไม่รู้ว่าเพราะความกังวลยังทับถม ความเครียด ความโกรธเคืองยังสะสมอยู่ในจิตใจหรือไม่ แม้จะบำรุงร่างกายแล้ว แต่...ก็ไม่หาย


   เช้าวันที่รุจีกลับไปเรียน อาการของรติเริ่มส่อเค้าแย่ลง


 เมื่อไปส่งน้องสาวที่โรงเรียนแล้ว ตลอดทั้งวัน รติให้บ่าวในร้านยาเป็นคนขายผงสมุนไพร ส่วนตนเองหลบไปงีบหลับในห้องเก็บสมุนไพรชั้นใต้ดินเพราะไม่อยากให้ผู้อื่นรู้ 


   อันที่จริง ห้องเก็บสมุนไพรนั้นค่อนข้างเย็น และควรจะหาห้องที่อบอุ่นกว่านี้เพื่อพักผ่อน แต่ร้านยาอหัสกรมิได้มีพื้นที่มากมายนัก ห้องที่อุ่นที่สุดก็คงเป็นห้องตรวจของตรัส พื้นที่ลับตาในห้องนั้นก็พอมี เช่นข้างหลังโต๊ะทำงาน แต่...ได้ที่ไหนกัน ทุกวันนี้หน้ายังไม่มอง แล้วจะกล้าร้องขอพื้นที่สักส่วนเพื่อพักผ่อนได้อย่างไร


   เย็นนั้น อาการไม่สบายทุเลาเพียงบางส่วน มื้อเย็น รติพยายามกินให้มาก แต่เพราะความกังวล ให้อย่างไรก็ไม่อยากอาหารและอิ่มไวกว่าปกติ ในขณะที่ก็ต้องพยายามทำตัวให้เป็นปกติด้วยการยังคงทำผงสมุนไพรในโรงครัว


   แม้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่นขึ้นมากแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่ายามค่ำคืน อากาศจะอบอุ่นเท่าตอนกลางวัน รติต้องเผชิญกับอากาศหนาว แม้ในโรงครัวจะมีทั้งฟืนไฟ แต่ก็ให้ความอบอุ่นเป็นหย่อมๆ ตัวเขาต้องขยับไปมา ประเดี๋ยวเดินไปบดยา ประเดี๋ยวเดินไปต้มสมุนไพร อยู่ในที่หนาวบ้าง อุ่นบ้าง ร้อนบ้าง แต่เพราะเคลื่อนไหวตลอด จึงไม่ทันรู้ตัวว่าร่างกายของตนเองที่เริ่มอ่อนแอ ต้องพบกับความไม่แน่นอนของอุณหภูมิรอบตัว


   และเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง...ร่างกายที่อ่อนแอก็แสดงอาการผิดปกติ


   คนที่นอนข้างกัน แม้จะไม่กอดก่ายเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ แต่มีหรือจะไม่รู้ว่าอุณหภูมิของคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันผิดปกติ


   ตรัสตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด เดิมที รติจะลุกจากเตียงพร้อมเขา คนหนึ่งเข้าครัวไปดูแลกิจการในนั้น อีกคนฝึกฝนร่างกาย เดินตรวจตรารอบเรือนดูแลความเรียบร้อย แต่เช้านี้...มีเพียงตรัสที่ลุก


   รติยังนอนอยู่ข้างกาย เสียงหายใจไม่ราบรื่นนัก ที่แปลกที่สุดคือภรรยาของเขาไม่มีทีท่ารู้สึกตัว


   ชายหนุ่มรู้สึกผิดปกติ แม้จะยังอยู่ในช่วงปั้นปึ่ง แต่ความห่วงใยมีมากกว่า แล้วพอเขาทาบหลังมือลงกับหน้าผากของภรรยา ตรัสก็รู้ในทันทีว่าเขาคิดถูกแล้วที่ละทิ้งความโกรธเคืองลง


   เขาลุกจากเตียง คว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วก้าวเท้าไวออกจากห้อง


   เช้านี้ ในโรงครัววุ่นวาย เพราะหมอหนุ่มแห่งร้านยาอหัสกรเข้าไปจัดแจงสั่งให้พุดกรองต้มยาแก้ไข้ทันที!



--------


   
น้ำต้มสมุนไพรและยาแก้ไข้ที่เพิ่งถูกต้มหมาดๆ ถูกตรัสยกเข้ามาในเรือนพักผ่อน แต่ทันทีที่เห็นคนป่วยกำลังลุกจากเตียง เขาก็รีบวางถาดแล้วปราดเข้าไปช่วยพยุง พลางดุเสียงเข้ม


   “เจ้าจะทำอะไร”


   รติชะงักไปอึดใจหนึ่ง ไม่เงยมองและพูดด้วยเสียงอันเบา


   “เปลี่ยนเสื้อผ้า...”


   “ไม่ต้องลุก ข้าจะทำให้” ฝ่ายสามีพูด กำลังจะผละไปเปิดตู้ไม้เพื่อหยิบเสื้อผ้า แต่เสียงของภรรยาดังขึ้นก่อน


   “ไม่เป็นไร” คราวนี้ตรัสหันกลับมามองทันที


   “ไม่เป็นไรได้อย่างไร?! เจ้าไม่สบายขนาดนี้!”   


ความเป็นห่วง ทำให้เผลอใจร้อน แม้กระทั่งเสียงดุของตนเองก็ยังทำให้ตรัสรู้สึกตัว


เขาไร้เหตุผลมากขึ้นทุกที เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับรติ แค่เห็นภรรยาใกล้ชิดกับผู้อื่น ก็หึงหวง แค่เห็นภรรยาป่วยไข้โดยไม่บอกกล่าว ก็โกรธเคือง แต่โชคดีที่เขารู้ตัว ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ปรับอารมณ์และน้ำเสียง


   “วันนี้...ไม่ต้องออกไปร้านยา เจ้าควรพักผ่อน ข้าเองก็จะรีบไปรีบกลับ วันนี้ปิดร้านไม่ได้ เพราะมีคนไข้จะเข้ามาทำแผล”


   “ไม่เป็นไร ข้าอยู่ได้...” รติเอ่ยเสียงแผ่ว กระนั้นก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตา



ตรัสคิดเอาเองว่าภรรยาคงกลัวที่เห็นเขาอารมณ์ร้าย ไหนจะเพราะอาการตัวร้อนเป็นไข้ จึงไม่สงสัยว่าเหตุใด รติจึงไม่มองหน้าเขาเลย เจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้า เบี่ยงสายตาไปทางอื่น


   ยิ่งคิดเอาเองว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวอารมณ์ของเขา ตรัสก็ยิ่งรู้สึกผิด เขาแตะมือลงกับไหล่ของภรรยาแล้วลูบเบาๆอย่างอ่อนโยนคล้ายจะปลอบประโลม


   “แต่ข้าเป็นห่วง”


   รตินิ่งงัน แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา ฝ่ายคนพูดจึงไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเม้มปากเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์หวามไหวในอกจากคำพูดประโยคสั้นๆนั้น


   “ข้าจะให้พุดกรองมาอยู่เป็นเพื่อน ในระหว่างที่ข้าไปเปิดร้าน”


   “ไม่เป็นไร ข้าอยู่ได้จริงๆ แค่ไม่สบายเล็กน้อย” รติย้ำคำเดิม แต่ยังไม่เงยหน้ามอง


   “อย่าดื้อ” แม้จะดุ แต่น้ำเสียงของตรัสก็ไม่ได้เข้มงวดมากนัก


   “ข้าไม่ได้ดื้อ”


“ทั้งดื้อทั้งป่วย”


“แค่ป่วยเล็กน้อย”


“เถียงอีก”


คราวนี้รติเงียบ ไม่ตอบโต้ และยังไม่ยอมเงยหน้ามองตรัสเช่นเดิม


เห็นท่าทีเช่นนั้น ตรัสก็ไม่อยากบังคับ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงโกรธที่เขาดุในทีแรก แล้วยังขัดใจจะให้คนมาอยู่เป็นเพื่อนอีก สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายยอม


“เอาเถอะ...อยู่ได้ก็อยู่ได้ ถ้าไม่อยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน ข้าก็จะไม่ขัดใจ แต่เจ้าต้องกินข้าวกินยา ห้ามทิ้งสักอย่าง เข้าใจไหม”


“เข้าใจแล้ว”


พอภรรยารับปาก ตรัสก็พลอยถอนหายใจ แม้ใจจะห่วง แต่ก็ไม่อยากขัดใจ เขาพยุงรติขึ้นยืนพลางเอ่ย


“มาเถอะ ข้าจะพาไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตากินข้าวกินยาจะได้พักผ่อน...”


ชายหนุ่มพาเดินไปยังห้องสุขา ฝีเท้าของรติเชื่องช้า แต่ก็อย่างที่กล่าวว่าวันนี้รติไม่สบาย หากจะผิดแปลกไปจากเดิมบ้าง ตรัสจึงไม่สงสัย


และ...เขาไม่สงสัยเลยสักนิด ว่าภรรยาที่เขาส่งเข้าห้องสุขาที่สว่างไสวด้วยแสงจากตะเกียงเทียน กลับมองเห็นแต่ความมืด อาศัยความเคยชิน ในการหยิบจับและเดินเหิน ดังนั้น เจ้าตัวจึงดีใจมากที่ตรัสบอกว่าวันนี้ปิดร้านไม่ได้เพราะต้องทำแผลคนไข้ที่นัดเอาไว้


   เวลานี้...อยู่ห่างกันเห็นจะดีที่สุด อย่างน้อยตรัสจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมภรรยาผู้เป็นไข้ กลับทำตัวเหมือนคนมองไม่เห็น


   เพราะเช้านี้...


รติหาใช่เพียงไม่สบาย แต่ยังตาบอดอีกด้วย


---------


#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต


ธ ม น


THAMON926


---------


อย่าโกรธตรัสนะคะ ตรัสไม่รู้ ก็รติไม่บอกนี่นา


ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ


เจอกันวันพุธค่ะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ความลับใดๆไม่มีในโลก ถ้าตรัสรู้ก็ดี จะได้หาทางช่วยกันรักษา

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เมื่อไหร่จะเคลียร์กันให้เข้าใจร้าปัญหายิ่งสั่งสมมันไม่ดีต่อชีวิตคู่นะ

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
จนป่านนี้ก้อยังไม่บอกตรัส ถึงอาการป่วย เพราะ ?

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เป็นห่วงรติ... :hao5:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รติต้องบอกตรัสสิ :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2020 15:57:48 โดย Pe_no »

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่สบายต้องบอกกันนะ :L1: :pig4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew5:เดียวก็โดนโกรธกว่าเดิม มีอะไรไม่บอกกัน

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 59

ปราณ

--------
   

ปราณเป็นคนท้องถิ่นในเมืองตะวันออก แต่ย้ายไปอยู่เมืองหลวงตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อสามปีก่อนเพิ่งจะกลับมาสอนหนังสือในโรงเรียนที่ตระกูลของตนเป็นเจ้าของกิจการ


โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำสตรีที่มีชื่อเสียง ตัวเขาเองในฐานะทายาท ย่อมต้องเรียนรู้ทั้งงานในสายวิชาการและการบริหาร


   และเพราะไปเรียนต่างเมืองแต่เล็ก ปราณจึงไม่มีเพื่อนในเมืองตะวันออกมากนัก


   ตลอดสามปีที่กลับมาฝึกงานในโรงเรียนประจำดรุณีพิไล ปราณมุ่งมั่นเรียนรู้งาน มิได้สร้างสังคมนอกโรงเรียน จึงมีเพียงเพื่อนครูด้วยกัน จนกระทั่ง...พบรติ


   รติผู้นี้เป็นภรรยาของหมอตรัสแห่งร้านยาอหัสกร


เรื่องสถานะนี้ ใครก็ทราบดีเพราะทั้งสองมิได้ปิดบัง รติเองก็ไม่ใช่ภรรยาในเรือน แต่ช่วยกิจการอหัสกรจนรุ่งเรือง


ปราณเคยพบรติแล้วสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่ไปซื้อผงสมุนไพรให้บิดา แล้วรติถามว่าตนเองเป็นใคร ยามนั้นเขาตอบว่าไม่รู้ เจ้าตัวจึงแนะนำตัวเองอย่างแข็งขัน


‘ข้าชื่อรติ อหัสกร เป็นภรรยาของหมอตรัส!’


ยามนั้นเขานึกขันกับท่าทีมุ่งมั่น แต่ก็ถูกชะตากับดวงตาเป็นประกายสดใส ทว่ามิได้ทำความรู้จักมากนัก มาพบครั้งที่สองก็ตอนไปงานเลี้ยงมงคลสมรสที่เรือนคหบดีผู้หนึ่งแทนบิดา แล้วพบรติปรนนิบัติดูแลสามีอย่างดี แม้ไม่ประเจิดประเจ้อ แต่ก็ดูออกถึงความสนิมสนมนั้น


คนเราเมื่อถูกชะตาครั้งที่หนึ่งแล้ว ครั้งที่สองก็ย่อมถูกชะตาเช่นเดิม


และคราวนี้...สร้างความรู้สึกน่าสนใจให้แก่ปราณด้วย


   เขาเฝ้ามอง มิได้รุ่มร่าม พบเจอสองครั้ง ล้วนรู้สึกถูกชะตาทั้งสองครั้ง แต่ก็มิได้ผูกสัมพันธ์


   จนกระทั่งวันหนึ่ง บิดาผู้เป็นครูใหญ่ของโรงเรียนมาบอกเขาว่า สกุลอหัสกรจะขอเยี่ยมชมโรงเรียนเพราะทายาทผู้หนึ่งของสกุลสนใจเข้าเรียนที่นี่


ปราณสนใจขึ้นมาทันที


เท่าที่เขาทราบ สกุลอหัสกรเป็นสกุลเล็ก ไม่ได้มีญาติพี่น้องมากมายนัก ประกอบด้วยท่านอมราผู้อาวุโส ตรัสและรติสองสามีภรรยา และน้องสาวน้องชายของรติ ท่านอมราอายุมากแล้ว คงไม่ใช่ผู้ที่จะมาเยี่ยมชม ส่วนน้องสาวน้องชายของรติก็อายุยังน้อย ถึงจะเป็นผู้สนใจเข้าเรียนที่นี่ก็ไม่น่าจะมาได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นผู้ที่จะมาก็คงเป็น...ตรัสและรติ


สองสามีภรรยาไม่น่าส่งผู้ใดผู้หนึ่งมาเพียงลำพัง ดังนั้นปราณจึงเสนอตัวขอเป็นผู้นำทางผู้มาเยือนในวันนั้น


ตามที่คาด ตรัสและรติเป็นตัวแทนของอหัสกรมาเยี่ยมชมโรงเรียน


ปราณได้ทำความรู้จักกับรติสมความตั้งใจ แต่ที่เหนือความตั้งใจคือรติน่าสนใจกว่าที่เขาคิดเอาไว้


รติไม่ใช่ภรรยาผู้เดินตามหลังสามี แต่กลับเป็นคนช่างซักถาม รู้จักสังเกต สงสัยสิ่งใดก็หาใช่เก็บงำเพราะตื่นคนแปลกหน้า


หากจะเรียกว่าตรัสช่างโชคดีที่ได้ภรรยาเช่นนี้...ก็ใช่


หากจะเรียกว่าปราณโชคดีที่ได้พบสหายถูกใจเช่นนี้...ก็ใช่


อาจารย์หนุ่มถูกโฉลกรติเป็นอันมาก รติแวะเวียนมาที่โรงเรียนบ่อยๆเพราะเป็นห่วงน้องสาว ก็พลอยได้พูดคุยกันมากขึ้น หนำซ้ำยังมีน้ำใจ นำผงสมุนไพรบำรุงร่างกายมาฝากด้วย ปราณจึงคิดตอบแทนน้ำใจของอีกฝ่ายเช่นกัน


วันหนึ่งที่ไม่มีการสอนคาบคณิตศาสตร์ ปราณสั่งให้คนจัดตะกร้าผลไม้ให้หนึ่งตะกร้า แล้วหิ้วไปยังร้านยาอหัสกร


ครั้งหนึ่งเคยได้รับผงสมุนไพรบำรุงร่างกายจากรติ จึงคิดตอบแทนด้วยผลไม้รสชาติดี


น้ำใจของสหายก็ย่อมต้องตอบแทนด้วยน้ำใจของสหาย


ปราณไม่ได้คิดว่าสหายผู้นี้มีสามีแล้ว และแม้พวกเขาต่างเป็นชาย แต่สามีของรติก็ใช่จะสบายใจ


---------


   ชายหนุ่มสวมแว่นร่างสูงก้าวเท้าลงจากเกวียนเทียมม้าที่หน้าร้านยาอหัสกรในตอนที่พระอาทิตย์ตรงศีรษะพอดี ร้านยาอหัสกรตั้งอยู่ใกล้ลานน้ำพุจึงพลุกพล่าน กระนั้น ในร้านก็ค่อนข้างเงียบ เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าหมอตรัสผู้ตรวจรักษาและรติผู้ขายผงสมุนไพรจะพักรับประทานอาหารเที่ยง หากไม่ใช่ต้องการรักษาเร่งด่วน ก็มักไม่มีคนแวะมาเวลานี้ แต่เรื่องนี้ปราณไม่ทราบ


   ตอนที่เขาไปถึง หมอตรัสออกไปแล้ว กระนั้นเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาพบหมอหนุ่มแห่งร้านยา จึงหันไปแจ้งความจำนงกับบ่าวผู้เฝ้าร้านผู้หนึ่ง


   “ข้าชื่อปราณ เป็นสหายของท่านรติ ไม่ทราบว่าท่านรติอยู่ไหม”


   “วันนี้ท่านรติไม่มาขอรับ”


   “ไม่มา? แล้วไปที่ใด ข้าอยากพบเขา”


   “เอ? เห็นท่านตรัสว่าไม่สบาย วันนี้พักผ่อนที่เรือนนะขอรับ” บ่าวแสนซื่อเล่าทุกข้อเท็จจริง โชคดีที่ปราณมิใช่คนร้าย หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มผู้มีวิชาความรู้และมารยาท เมื่อบ่าวที่ร้านยาอหัสกรแจ้งแก่เขาว่ารติอยู่ที่เรือน และเวลานี้เป็นเวลาเที่ยง ย่อมต้องรับประทานอาหารเที่ยง หากมีแขกเช่นเขาแวะเวียนไปเยี่ยมเยียน จะเป็นการสร้างความลำบากในการจัดหาอาหารมาต้อนรับ ดังนั้น อาจารย์หนุ่มแห่งโรงเรียนสตรีจึงลาจากร้านยาอหัสกร แล้วแวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเสียก่อน


   เมื่ออิ่มหนำแล้ว เห็นเป็นเวลาสมควรที่จะไปเยี่ยมเยียนผู้อื่น จึงออกจากร้าน มุ่งหน้าไปยังเรือนอหัสกร


   ตอนที่ปราณไปถึง ตรัสออกจากเรือนไปพักหนึ่งแล้ว จึงไม่ได้พบกัน


   และในเมื่อตรัสไม่อยู่ ผู้ที่ต้องออกมาต้อนรับสมควรจะเป็นรติ แม้รติไม่สบาย แต่เพราะอาจารย์ปราณมาเพื่อนำของกำนัลมามอบให้รติ จะให้ท่านอมราออกมารับหน้าแทนก็กระไร หนำซ้ำ ช่วงบ่ายหลังมื้อเที่ยงเป็นที่รู้กันดีในอหัสกรว่าท่านอมราจะต้องพักผ่อน จึงไม่มีใครรบกวนนางให้ออกมารับแขก


   สีหน้าของรติดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ามากนัก อย่างน้อยก็เพราะตรัสไม่เมินเฉย หนำซ้ำยังเอาใจใส่อย่างดี สั่งให้คนต้มยาและสมุนไพรสำหรับบำรุงร่างกาย เมื่อตอนกลางวันก็กลับมาดูแล ถามไถ่เรื่องอาหารการกิน รติมองไม่เห็น ย่อมไม่ร่วมโต๊ะกับผู้ใด และอาศัยความเป็นคนป่วยเอาแต่ใจด้วยการขอน้ำแกงเพียงถ้วยหนึ่ง ตรัสยอมตามใจแต่ก็เฝ้าดูเฝ้าประคองให้ดื่มจนหมดถ้วย แม้รติจะมองไม่เห็น แต่ก็รับรู้ว่าตรัสห่วงใยเขาเพียงใด


   กระนั้น...อาการตาบอดก็ใช่จะหายปุบปับ


   รติยังคงมองไม่เห็น จึงต้องให้บ่าวช่วยพยุงพาออกมาต้อนรับปราณ


   แม้ในความเป็นจริง...รติไม่ได้เป็นไข้เพียบหนักจนเดินไม่ไหว แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นสะโหลสะเหล เพื่อจะได้มีคนช่วยพยุงพาเดินพานั่งได้โดยไม่มีใครสงสัย


   ตอนที่ปราณเห็นบ่าวรับใช้พยุงรติเข้ามาในห้องรับรองแขก เขาก็ถึงกับชะงักไปด้วยความตกใจ รติเป็นคนสดใสร่าเริง และดูแข็งแรง ไม่คิดว่าจะไม่สบายจนถึงขั้นต้องให้คนช่วยพยุงเช่นนี้ เขารีบลุกขึ้นก้าวเข้าไปช่วยพยุงแขนอีกข้าง


   “ท่านป่วยหนักถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!”


   “ไม่หรอกๆ ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก” รติตอบ ค้อมศีรษะไม่เงยมองสหายโดยตรง ท่าทีของเขาช่างสุภาพ แต่นั่นก็เพื่อจะได้ไม่มีใครสังเกตว่าดวงตาของเขา หาได้จับจ้องผู้ใด


   ...เพราะมองไม่เห็น...


   อาจารย์หนุ่มช่วยพยุงพาเดินไปนั่งที่ตั่ง


   “เมื่อตอนเที่ยงข้าไปที่ร้านยา เห็นบ่าวที่นั่นบอกว่าท่านไม่สบาย ข้าก็เลยมาที่นี่ ท่าน...กินข้าวกินยาแล้วใช่ไหม”


   รติหัวเราะเบา ดูสดใสแต่ก็ไม่ได้หันมองคู่สนทนา


   “แน่ซี อหัสกรเป็นร้านยา หากข้าเจ็บป่วยแต่ไม่ได้กินยา เห็นทีคงแย่แล้ว”


   ราวกับปราณเพิ่งนึกออก สามีของรติเป็นหมอรักษาโรค ย่อมดูแลภรรยาอย่างดี


   “ว่าแต่...ท่านมาหาข้า มีอะไรหรือ หรือว่า...รุจีมีปัญหาใด”


   “ไม่ใช่เรื่องรุจีหรอก ข้าแค่นำผลไม้มาฝาก”


   รติชะงักไปเล็กน้อย อาการตาบอดทำให้เขาย่อมมองไม่เห็นว่าปราณนำผลไม้ชนิดใดมามอบให้ จำนวนเท่าไร หน้าตารูปลักษณ์ของมันเป็นเช่นไร แต่ก็อาศัยความเฉลียวหาทางรอดตัว


   “ขอบคุณท่านมาก ขอให้บ่าวรับแทนข้าได้ไหม ข้า...รู้สึกแขนล้าชอบกล...” พูดแล้วก็บีบนวดแขนตนเองให้ดูว่าร่างกายของเขาช่างอ่อนเปลี้ยเพราะอาการป่วย ไม่อาจรับของฝากจากปราณด้วยมือตนได้


   เห็นดังนั้นแล้ว อาจารย์หนุ่มก็ยิ่งห่วงใย


   “ข้าจะฝากบ่าวเอาไว้ ท่านควรพักผ่อนให้มาก ข้าไม่รบกวนแล้ว ท่านจะได้พักผ่อน”


   รติยิ้มน้อยๆ ปราณนั่งอยู่ข้างเขา เมื่อปราณลุก เขาย่อมรับรู้ จึงขยับลุกตาม เพียงแค่ลุกขึ้นยืน ปราณก็ช่วยพยุงแล้ว


   “ท่านไม่ต้องไปส่ง” สหายกล่าว แต่รติกลับส่ายหน้าไปมา โดยที่ยังก้มหน้าต่ำ


   “ได้อย่างไรกัน ท่านอุตส่าห์มีน้ำใจมาเยี่ยมข้าถึงนี่ อีกทั้งยังนำของฝากมาให้ ข้าก็ต้องไปส่งให้ถึงหน้าประตูเรือน”


   แม้จะมองไม่เห็น แต่น้ำใจของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องจะมองข้าม รติพอจะมีลู่ทางในการเดินไปส่งสหายผู้นี้ที่หน้าประตูด้วยการให้บ่าวรับใช้พยุงพาไป แต่ปราณจับแขนเขาข้างหนึ่งอยู่แล้ว แม้บ่าวของเรือนอหัสกรจะเข้ามาช่วยจับแขนอีกข้าง แต่อาจารย์หนุ่มก็หาได้ปล่อยไม่


   สองคนเดินพยุงคนป่วยไปยังหน้าประตูใหญ่ ฝั่งหนึ่งคือชายหนุ่มผู้สวมแว่นมีฐานะเป็นอาจารย์แห่งโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองตะวันออก อีกฝั่งคือสาวใช้แห่งเรือนอหัสกร


   แต่...ชายหนุ่มที่ก้าวเท้าเดินอาดๆเข้ามาในเรือนกลับมองเห็นเพียงภรรยาของตนถูกประคองโดยชายหนุ่มที่ชื่อปราณ!


   “นั่นทำอะไร?!!” เสียงของตรัสดังลั่น ทุกสรรพสิ่งหยุดชะงักแต่เพียงเท่านั้น!


--------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

--------

ไม่รู้จะตีใครเลยค่ะ น่าตีทั้งรติ ทั้งตรัส ทั้งปราณ

ปราณมาดีแต่คิดน้อยไปหน่อย ส่วนตรัสก็ขี้หึงแล้วยังไม่พูด รติก็มีเรื่องปิดบังอีก ทุกอย่างมาเจอกันในตอนนี้ค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านนะคะ

เจอกันวันศุกร์ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด