...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)  (อ่าน 92042 ครั้ง)

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
จับมือสู้ไปด้วยกันนะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 11


   รินฤดีและรุ่งโรจน์หิ้วข้าวต้มมาฝากร่มธรรม แต่ตอนที่ขึ้นมาถึงหน้าประตูห้อง กลับพบว่าคนที่เปิดประตูให้ คือนักแสดงหนุ่มชื่อดังวัย 22


   “น้องครอง?” รินฤดีร้องหน้าตาเหรอหรา


เมื่อวานวิษณุผู้จัดการส่วนตัวของครองภพติดต่อมาหาหล่อนเพื่อขอที่อยู่ของร่มธรรม ให้เหตุผลว่าครองภพต้องการไปเยี่ยม แต่รินฤดีไม่คิดว่าการมาเยี่ยมจะกินเวลายาวนานจนมาถึงเช้าของอีกวัน


   ...อ่า...แต่อาจจะเพิ่งมาก็ได้ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เพราะครองภพไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะมาตั้งแต่เมื่อวานและอยู่จนกระทั่งวันนี้...


   นักแสดงหนุ่มไม่พูดอะไร แต่ยกมือไหว้หญิงสาว


   “เอ่อ...พี่ไม่คิดว่าจะเจอน้องครองที่นี่ เพิ่งมาถึงหรือคะ อ่า...แล้วนี่ร่มไปไหนคะ”


   “ยังไม่ตื่นครับ”


   “หือ?” รินฤดีคิดว่าฟังผิด



...ร่มธรรมยังไม่ตื่นแล้วครองภพอยู่ในห้องได้อย่างไร หรือ...แท้จริงแล้วเขาอยู่มาตั้งแต่เมื่อคืน?...


   รินฤดีเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี แต่มาถึงคราวพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ สีหน้างุนงงของหล่อนปิดไม่มิด แต่ครองภพไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่ม ดวงตาเรียวดุเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ตอนนั้นเองที่หญิงสาวเพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้แนะนำ


   “นี่โรจน์ น้องชายของพี่ แล้วก็เป็นพี่ชายของร่มด้วย โรจน์...นี่น้องครอง คนที่เล่นซีรี่ส์เรื่องเดียวกับร่ม”



นักแสดงหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกมือไหว้ แล้วเบี่ยงกายออกจากหน้าประตูให้สองพี่น้องเข้ามาในคอนโดของร่มธรรมแต่โดยดี



รินฤดีรู้สึกแปลกๆ หล่อนหันไปมองจุดเดิมที่เคยยืนกับน้องชายซึ่งอยู่นอกห้อง


   เมื่อครู่นี้...หล่อนยืนตรงนั้น ส่วนครองภพยืนขวางประตูอยู่ในห้อง


   เขาไม่ได้แสดงออกว่าไม่ให้เข้า แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะหลบ


   แต่...พอแนะนำรุ่งโรจน์แล้ว เขาก็ถอยออกจากประตูแต่โดยดี


   เขาทำเหมือนเฝ้าประตู...ทั้งๆที่ไม่ใช่ประตูห้องของเขาด้วยซ้ำ


   “เอ่อ...พี่...ไม่รู้ว่าน้องครองอยู่ เลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเผื่อเลย ถ้ายังไง เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปซื้อมา...” รินฤดีพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ถึงแม้การที่ครองภพอยู่ในห้องของร่มธรรมตั้งแต่เช้าเช่นนี้จะไม่ใช่เรื่องปกติเลยก็ตามที


   “ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะออกไปทำงานพอดี” ครองภพเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะหันไปทางรุ่งโรจน์ที่เมื่อครู่เดินหายเข้าไปในห้องนอนของร่มธรรม


   “ไอ้ร่มยังหลับอยู่เลย แต่ไม่มีไข้” นายตำรวจหนุ่มเดินบ่นออกมาจากห้องนอน


   “เขากินยาแก้ปวดไปเมื่อตอนตีสามกว่า” ประโยคนี้ของพระเอกชื่อดังยิ่งทำเอารินฤดีหันมองแทบไม่ทัน แต่ท่าทีของคนพูดไม่ได้สนใจว่าตนเองพูดอะไรออกมา กลับยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วหันไปทางสองพี่น้อง


   “ผมต้องลงไปรอรถแล้ว แล้วไว้ตอนดึกๆ เลิกงานแล้วจะแวะมาใหม่นะครับ”


   “อ...เอ้อ...ค่ะ...” รินฤดีได้แต่ละล่ำละลัก หล่อนไม่รู้ว่าควรจะดึงสติกลับมาอย่างไรดี ในเมื่อคำพูดของครองภพบอกชัดว่าเขาอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน


   จริงอยู่ว่าก่อนหน้านี้ทั้งร่มธรรมและครองภพสนิทสนมกันจนตกเป็นข่าว แต่พักหลังมานี้ ต่างคนกลับต่างอยู่ ทว่า...ตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่ต่างอยู่แล้ว เพราะครองภพถึงขั้นมาอยู่โยงเฝ้าไข้


   “คุณ...โรจน์...ผมขอคุยด้วยหน่อย” ครองภพหันไปพูดกับคนที่รินฤดีแนะนำว่าเป็นพี่ชายของร่มธรรม ไม่ต้องรอให้ใครตอบรับหรือปฏิเสธ นักแสดงหนุ่มชื่อดังก็หมุนตัวเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ก้าวเท้าออกจากห้องแล้ว


   สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความงุนงง ก่อนที่รินฤดีจะรีบลุนหลังให้น้องชายคนรองรีบตามออกไป


   ...ครองภพขอคุย...


   พระเอกพูดน้อยที่สุดของวงการบันเทิงไทย ‘ขอคุย’


   ใครไม่คุยด้วย รินฤดีจะตีให้! คอยดูสิ!!


.....................


   ภายในลิฟต์ที่กำลังเดินทางสู่ชั้นล่าง มีผู้โดยสารสองคน หนึ่งคือนักแสดงหนุ่มชื่อดัง อีกหนึ่งคือนายตำรวจพี่ชายของร่มธรรม



รุ่งโรจน์ ‘รู้จัก’ พระเอกรูปหล่ออย่างครองภพมาบ้างจากป้ายโฆษณาตามสถานที่ต่างๆทั่วกรุงเทพฯ และชื่อเสียงที่ลอยตามมาด้วยก็คือฉายา ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ อันเนื่องมาจากพูดน้อยเป็นเหตุ


   “เขาเคยเล่าเรื่องฝันเห็นคนนุ่งโจงกระเบนไหมครับ”


แต่...คนที่พูดน้อยถึงขั้นนักข่าวยังตั้งฉายาให้ กลับเป็นคนยิงคำถามตั้งแต่เข้ามาในลิฟต์


   “คนนุ่งโจง? ถามทำไมหรือ”


   “เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขาเห็น” 


ร่มธรรมไม่ใช่คนเอาเรื่องพวกนี้ไปพูดกับคนอื่น รุ่งโรจน์รู้ดี ดังนั้นการที่ครองภพบอกว่าน้องชายของเขาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ย่อมหมายความว่าต้องมีเรื่องสำคัญ


   นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยปาก “ใช่...จริงๆมันก็ไม่ได้เพิ่งมาเห็นหรอก เห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว”


   “ตั้งแต่เด็ก?”


   “ตอนเด็กๆร่มพูดบ่อยๆว่าอาผู้ชายไม่ใส่เสื้อชอบมาเล่นด้วย พวกเรา...คิดกันว่าเขาน่าจะเป็นเทวดาองครักษ์ประจำตัวอะไรแบบนี้”


ครองภพทำหน้าปั้นยาก ทั้งๆที่ฟังดูไม่น่าเชื่อสักนิด แต่...จะไม่เชื่อก็เห็นจะไม่ได้ ในเมื่อร่มธรรมบอกเขาเองว่าเห็นชายนุ่งโจงยืนอยู่ใกล้เขา ก่อนที่อุปกรณ์ไฟจะหล่นลงมา


   แล้ว...เมื่อคืน...เขาก็เห็นเงาตะคุ่มเอื้อมมือมาจับขาร่มธรรมที่นอนอยู่


   เทวดาองครักษ์?


   ถ้าใช่...ก็เพื่อปกป้องร่มธรรมจากอันตราย แต่ทำไม...กลับคิดจะทำร้ายครองภพด้วย ในเมื่อเขาไม่เคยคิดทำร้ายร่มธรรมเลยสักนิด


   หรือแท้จริงแล้วไม่ใช่เทวดาองครักษ์ อาจจะมีอยู่เพื่อปกปักรักษาร่มธรรม แต่ไม่ได้หวังดีต่อครองภพแน่นอน


   “จะบอกว่า...ผู้ชายนุ่งโจงคนนั้นมาเตือนให้ร่มระวังตัวหรือครับ” ครองภพย้อนถาม แต่ไม่ยอมพูดเรื่องที่เขาสงสัยว่าชายคนนั้นหมายหัวเขา


   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”


   รุ่งโรจน์ตอบแล้วถอนหายใจอีกที ลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่างสุดพอดี สองหนุ่มเดินออกมา แต่เป็นฝ่ายพี่ชายของร่มธรรมที่ไม่ปล่อยให้กลับไปแต่โดยดี


   “ผม...จะให้ไอ้ร่มออกจากวงการ”


ครองภพชะงัก หันมองทันควัน ร่มธรรมเคยบอกว่ารุ่งโรจน์ไม่ต้องการให้อยู่ในวงการ แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำไม


   นายตำรวจหนุ่มกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ แต่ความปลอดภัยของร่มธรรมสำคัญที่สุด วันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่าถ้าน้องชายของเขายังอยู่ในเส้นทางสายนี้ สักวันหนึ่งจะไม่ใช่แค่เลือดตกยางออก แต่อาจหมายถึงหมดลมหายใจ


แต่ในระหว่างที่เขายังหาวิธีทำให้ร่มธรรมออกจากวงการไม่ได้ ครองภพย่อมเป็นตัวช่วยที่ดี แม้อายุจะยังน้อย แต่ก็อยู่กองเดียวกับร่มธรรม อีกทั้งยังอยู่ในวงการมานาน มีสังกัดใหญ่โต มีพลังมากพอที่จะช่วยน้องของเขาได้


   ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา ก่อนให้ดูรูปในนั้น


   ครองภพเพ่งมองรูปภาพกระดาษที่มีข้อความสั้นๆซึ่งปรากฏในโทรศัพท์ แล้วเรื่องที่ณัฐฐาเคยเล่าให้ฟังก็กลับเข้ามาในสมอง


   ‘พี่รินได้จดหมายขู่’


   ใช่...ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของนายตำรวจหนุ่มก็คือจดหมายขู่


ไม่ใช่จดหมายขู่เอาชีวิตรินฤดีหรือรุ่งโรจน์ แต่เป็นจดหมายขู่ให้ร่มธรรมออกจากวงการ!



ข่าวลือที่ณัฐฐาได้ยินมาก่อนที่ร่มธรรมจะมีบอดี้การ์ดไม่ใช่แค่ข่าวลือ แต่มันคือความจริง!



ร่มธรรมถูกขู่!


   รุ่งโรจน์มองท่าทางตกตะลึงของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็เอ่ยเรียบๆ ทว่าใครจะรู้ว่าหัวใจของเขานั้นห่วงใยน้องชายมากเพียงใด


   “ผม...ไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ...มีคนจงใจ...จะให้ร่มออกจากวงการ...”



   ครองภพเงยหน้ามอง ดวงตาเรียววาวโรจน์ทั้งโกรธ ทั้งโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้น


   “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกใช่มั้ยครับ”


รุ่งโรจน์สูดลมหายใจลึก ก่อนจะสารภาพตามตรง


   “ครั้งแรก...เมื่อ 6 ปีก่อน”


...........................


   ร่มธรรมตื่นหลังจากครองภพออกจากห้องไปแล้วพักหนึ่ง เขาจึงพบเพียงพี่สาว รินฤดีบอกว่ารุ่งโรจน์มีธุระด่วนจึงต้องไปก่อน แล้วตอนเย็นจะแวะมาใหม่ แน่นอนว่าคนเพิ่งตื่นย่อมไม่รู้ว่านอกจากรุ่งโรจน์มาเยี่ยมแล้วครั้งหนึ่ง ยังมีอีกคนที่มาเยี่ยมและอยู่โยงเฝ้าจนเช้าด้วย


ชายหนุ่มจัดการตัวเองในห้องน้ำเรียบร้อยก็ออกมากินข้าวต้มที่รินฤดีเตรียมให้


หญิงสาวมองน้องชายที่กำลังนั่งตักข้าวต้มเข้าปาก แม้จะไม่ได้ดูผุดผ่องเหมือนยามอยู่ต่อหน้ากล้อง แต่ก็ไม่ได้ดูซีดเซียวทรุดโทรมเหมือนคนเจ็บหนัก ทั้งๆที่เพิ่งบาดเจ็บแท้ๆ


   หรือจะเพราะ...มีคนดูแลทั้งคืน


   “เมื่อวาน...ผู้จัดการของน้องครองติดต่อมาหาพี่ บอกว่าเขาอยากมาเยี่ยมร่ม”



ร่มธรรมเงยหน้ามอง ก่อนจะยิ้มจาง


   “ครับ เมื่อวานครองมา”


   “แล้วกลับไปตอนไหน” คราวนี้ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มวัย 28 เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นการคิดไตร่ตรอง


   “อ่า...ไม่แน่ใจ แต่เมื่อวานเขาบอกจะอยู่เฝ้า แล้ว...ผมก็หลับไปเลย”


ร่มธรรมไม่ได้บอกว่าเขาสะลึมสะลือกลางดึกเพราะปวดแขน จำได้เลาๆว่ามีคนนั่งอยู่ข้างเตียง ถามเรื่องกินยา พยุงเขาลุกขึ้นนั่งแล้วแกะยาใส่มือ บังคับให้กินน้ำมากๆ จากนั้นก็ประคองให้นอนต่อ...ห้วงสติสุดท้ายก่อนจะหลับ เขารับรู้ถึงความอบอุ่น...เหมือนมีใครบางคนกอดเอาไว้ 


   ...หรือใครคนนั้น...จะเป็นครองภพ?...


   “น้องครองเพิ่งกลับไปเมื่อเช้า ตอนพี่มา” 


ร่มธรรมชะงักไปอึดใจหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าครองภพจะอยู่เฝ้าเขาทั้งคืนจริงอย่างที่ปากพูด


   “กลับมาสนิทกันแล้วเหรอ” รินฤดีถาม สีหน้ายิ้มๆ


   “ก็...” ร่มธรรมไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไรให้พี่สาวเข้าใจ ทว่าคนเป็นพี่กลับใจร้อนรีบชิงพูด


   “สนิทเถอะ พี่อยากให้สนิทนะ น้องครองเป็นคนดี แล้วก็หล่อด้วย” หล่อนพูดแล้วหัวเราะ แต่คนเป็นน้องทำหน้านิ่ว


   “ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องหล่อเลย”


   “อ้าว ไม่เกี่ยวได้ไง พี่จะได้ยืด นอกจากจะมีน้องชายหล่อแล้ว เพื่อนสนิทของน้องชายก็โคตรหล่อ”



ร่มธรรมส่ายศีรษะไปมาอย่างนึกระอา รินฤดีมองน้องชายแล้วยิ้มจาง แม้ร่มธรรมจะบาดเจ็บ แต่หล่อนดูออกว่าเขาแจ่มใสกว่าก่อนหน้านี้มากนัก เหตุผลคงไม่ใช่เรื่องอื่น นอกจากเรื่องของครองภพ


   และถ้าหากครองภพทำให้น้องชายของหล่อนมีความสุข ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขัดขวาง


   “ร่ม...น้องครองเป็นห่วงร่มมากนะ พี่ดูออก”



คนเป็นน้องนิ่งไปเล็กน้อย แม้จะตัดสินใจแล้วที่จะรักษาปัจจุบันมากกว่ากังวลเรื่องที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้อย่างไรความสัมพันธ์ของเขาและครองภพก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนำไปพูดอย่างตรงไปตรงมา


   “ร่มเองก็ห่วงน้องครองมากเหมือนกัน จริงไหม”



ร่มธรรมเงยหน้ามองพี่สาวทันที ทว่ารินฤดียังคงยิ้มน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจและยินดี



“พี่ดีใจนะ...ดีใจด้วย...เขาเป็นความสุขของร่ม ร่มก็เป็นความสุขของเขา รักษากันและกันเอาไว้นะ”


   หล่อนยินดีเสมอ ไม่ว่าน้องๆของหล่อนจะก้าวเดินไปยังทิศทางใด ขอเพียงพวกเขามีความสุข และภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ หล่อนก็มีความสุขและภาคภูมิใจที่ได้เป็นพี่สาวของพวกเขาเช่นกัน



   หญิงสาวเอื้อมมือมาจับมือของน้องชายเอาไว้แล้วบีบเบาๆ รอยยิ้มยังติดอยู่บนใบหน้า ในดวงตายังเต็มไปด้วยความปรารถนาดี สองพี่น้องไม่ต้องมีคำพูดอื่นใด ต่างคนต่างก็เข้าใจ



   ยินดีและดีใจ...ที่ได้รู้ว่าน้องชายคนนี้มีคนที่รักและห่วงใย และใครคนนั้นก็ ‘รัก’ และ ‘ห่วงใย’ น้องของตนไม่แตกต่างกัน...



   
..................


   เพราะครองภพติดงานในตอนเช้า ดังนั้นเขาจึงนัดพบรุ่งโรจน์อีกครั้งหลังจากเลิกงาน นายตำรวจหนุ่มให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี


   ร้านอาหารที่ค่อนข้างเงียบและเป็นส่วนตัวคือจุดนัดพบ ผู้จัดการส่วนตัวของครองภพเป็นคนจองโต๊ะมุมในสุด ตอนที่รุ่งโรจน์ไปถึง มีคนติดตามของครองภพยืนประกบทางเข้าออกที่ไปยังโต๊ะนั้น เห็นความพรั่งพร้อมของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าแล้ว นายตำรวจหนุ่มก็คิดว่าตนเองเลือกไม่ผิดที่จะให้ครองภพเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลร่มธรรม


   “จดหมายนี่...ได้ครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อนหรือครับ” ครองภพถาม ก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือที่รุ่งโรจน์เปิดรูปคืนกลับไป



พี่ชายคนรองของร่มธรรมพยักหน้ารับ นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องจึงเอ่ยปากถามต่อ


   “6 ปีที่แล้ว...คุณพ่อของพวกคุณเสีย...”


รุ่งโรจน์นิ่งไปเล็กน้อย แต่เมื่อเหลือบตาไปสบกับดวงตาเรียวดุของคนถาม เขาก็ดูออกว่าอีกฝ่ายคงตามสืบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อนมาแล้ว


   หรือต่อให้ไม่สืบ ก็คงตามหาข่าวได้ไม่ยาก ในเมื่อตอนนั้นร่มธรรมเป็นพระเอกดัง ข่าวอุบัติเหตุของบิดาจึงกลายเป็นยิ่งกว่าโศกนาฏกรรม สำนักข่าวทุกแห่งออกข่าวเรื่องนี้กันครึกโครมอยู่เป็นเดือน ยิ่งหลังจากเสร็จพิธีศพ ร่มธรรมประกาศถอนตัวจากวงการ ก็ยิ่งกลายเป็นหัวข้อข่าวเด่นต่อจากนั้นไปอีกหลายเดือน


   “หลังจากคุณพ่อของพวกคุณเสีย ร่มออกจากวงการ มีจดหมายแบบนี้มาอีกมั้ยครับ”


   “ไม่มี”


   คำตอบของรุ่งโรจน์ทำให้หัวใจของคนฟังโหวงเหวง ลมหายใจขาดห้วง


   เมื่อ 6 ปีก่อน เคยมีจดหมายขู่ บิดาของสามพี่น้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และร่มธรรมออกจากวงการ


   ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ร่มธรรมอยู่นอกวงการ จดหมายขู่ก็หายเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


   จนกระทั่งปีนี้ ร่มธรรมกลับเข้าวงการอีกครั้ง จดหมายขู่ปรากฏ พร้อมกับอุบัติเหตุในกองถ่าย


   ครองภพไม่ใช่คนโง่ สามข้อนี้บอกให้รู้ว่ามีคนจงใจจะให้ร่มธรรมออกจากวงการจริง แต่เขาก็ไม่คิดว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะเพ่งเล็งไปที่ร่มธรรม


มันกลับหมายหัวคนรอบข้างต่างหาก


   “เมื่อ 6 ปีก่อน ร่มรู้มั้ยครับว่ามีจดหมายขู่”


   “ไม่รู้ ผมไม่กล้าบอก ไม่อยากให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ...”


   ...เป็นการขู่และลงมือกับคนใกล้ตัว กดดันให้พาร่มธรรมออกจากวงการโดยที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง…


   ครองภพถอนหายใจเบาก่อนจะเอนหลังพิงพนัก แล้วตั้งคำถาม


   “ถ้าร่มออกจากวงการอีกครั้ง คุณแน่ใจใช่มั้ยว่าจะไม่มีจดหมายมาอีก”


   “ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาก็ไม่มี” รุ่งโรจน์ตอบ


   “แต่วันนี้มันก็พิสูจน์แล้วว่า 6 ปีที่ผ่านมาไม่มีจดหมายขู่ ไม่ใช่ว่าตัวคนทำจะเลิก” พี่ชายของร่มธรรมได้แต่เงียบ คำพูดนี้ของครองภพเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย


6 ปีจดหมายขู่หายเงียบ แต่ตัวคนทำพร้อมจะกลับมาเริ่มใหม่เสมอ


   “ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องความปลอดภัยของร่ม แต่การออกจากวงการไม่ใช่วีธีแก้ปัญหา” ครองภพเอ่ยปาก


   “ไม่ใช่ผมไม่พยายามแก้ปัญหา แต่...แต่มันตันไปหมดทุกทาง” รุ่งโรจน์เข้าถึงข้อมูลของคดีในฐานะตำรวจ แต่ก็ไม่อาจได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลย สุดท้ายจึงเลือกที่จะให้น้องชายออกมาจากวงการ


   “ถ้าเราตามหาคนทำไม่เจอ เราก็ต้องดึงออกมาในที่แจ้ง”


   “หมายความว่าจะล่อเขาเหรอ ไม่มีทาง ผมเป็นห่วงไอ้ร่ม”


   “เขาไม่ทำอะไรร่มหรอกครับ ดูก็รู้ว่าเขากดดันคนรอบตัวของร่ม แต่ไม่เคยแตะร่มเลย เขารักร่มมากเกินไปด้วยซ้ำ” ครองภพพูดเรียบ ดวงตาเรียวของพระเอกหนุ่มเป็นประกายวาววับราวกับรู้ว่าตนเองกำลังจะทำอะไร ทว่ารุ่งโรจน์เองก็รู้เช่นกันว่าหนุ่มรุ่นน้องคิดจะทำอะไร


   “คุณ...คุณจะเป็นเหยื่อล่อหรือ...” เขาถามอย่างตกตะลึง คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะยอมทำถึงเพียงนี้


   “ในเมื่อเขาไม่อยากให้ร่มอยู่ในวงการ ผมก็จะแสดงตัวว่าเป็นคนที่ทำให้ร่มอยู่ในวงการต่อไปเอง”


   “แต่มันอันตราย...”


   “แต่การปล่อยให้มีคนอันตรายคอยจ้องร่มจากที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่อันตรายกว่าหรือครับ”


   “คุณนี่มัน...บ้ารึเปล่าน่ะ...”


   “ร่มรักอาชีพการแสดงมาก ผมไม่อยากให้เขาทิ้งมันไปอีก” คำพูดของครองภพทำเอารุ่งโรจน์ได้แต่ถอนหายใจ ทั้งคำพูดและท่าทีของนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องบอกให้รู้ว่าแน่วแน่และจริงจังมากเพียงใดกับวิธีการนี้


   “ถ้าอย่างนั้น ผมจะหาบอดี้การ์ดให้คุณเพิ่ม คอยดูแลห่างๆ ดูว่ามีใครน่าสงสัยบ้าง แล้วผมจะพยายามหาทางสืบเรื่องคนที่ลงมือให้ได้”


   “ขอบคุณครับ ส่วนช่วงที่ต้องไปออกกองต่างจังหวัด ผมจะช่วยดูแลร่มอีกแรง”


   หนึ่งตำรวจหนึ่งนักแสดงตกลงร่วมมือร่วมใจกันเรียบร้อยก็แลกเบอร์ติดต่อ ครองภพย้ำว่าถ้ามีอะไรสามารถติดต่อเขาได้ทุกเมื่อ หรือถ้าติดต่อเขาไม่ได้ให้ติดต่อผู้จัดการของเขาได้เลย



รุ่งโรจน์ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรนอกจากตบไหล่


   “ไอ้ร่มโชคดีจริงๆที่มีเพื่อนดีๆอย่างคุณ”


ครองภพชะงักไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาย่อมไม่พูดว่าเขาไม่ใช่เพื่อนที่ดีของใครทั้งนั้น ยิ่งกับร่มธรรมด้วยแล้ว เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสักนิด


..................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


หลังแยกจากรุ่งโรจน์แล้ว ครองภพให้รถมาส่งที่คอนโดของร่มธรรม เขาโทรศัพท์ตามเจ้าของห้องลงมารับที่ล็อบบี้ คนเจ็บมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เจ้าตัวยิ้มแย้มกับผู้จัดการส่วนตัวของครองภพ แต่พอวิษณุขอตัวกลับ เหลือพวกเขาแค่สองคนในคอนโดของร่มธรรม คนเจ็บก็กลับมีสีหน้าห่วงใย


   “เลิกงานแทนที่จะกลับไปพักผ่อน ไม่เห็นต้องมาเยี่ยมพี่เลย”


   “ไม่ได้มาเยี่ยม” ครองภพออกปาก เปิดกระเป๋าเป้หยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าของตนเองออกมา ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ มองคนอายุน้อยกว่าที่นอกจากจะพูดจาไม่เคลียร์แล้ว ยังทำเรื่องไม่เคลียร์ด้วย


   ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มรุ่นน้องเงยขึ้นมามองเจ้าของห้อง


   “ผมมาค้าง”


   “หะ?!”


   “เมื่อกี้ไม่ได้ยินที่ผมพูดกับพี่ณุเหรอ ว่าให้มารับที่นี่พรุ่งนี้”



ร่มธรรมงุนงงจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก จะบอกว่าไม่ได้ยินก็ไม่ใช่ เขาได้ยิน แต่คิดตามไม่ทันต่างหาก


   “ผมต้องบอกมั้ยว่าผมมาค้างที่นี่ทำไม” ดวงตาเรียวของครองภพนั้นเป็นประกายแน่วแน่จนเจ้าของห้องไม่กล้าพูดอะไรอีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำไมครองภพมาค้างที่นี่ ในเมื่อพวกเขา…


   ...ไม่ระบุความสัมพันธ์ แต่ต่างคนต่างรู้ว่าสถานะของพวกเขาไม่ใช่เพียงเพื่อนร่วมวงการหรือคนรู้จักอีกแล้ว...


   ...ทุกอย่างกำลังเดินไปข้างหน้า ทั้งความรู้สึกและความสัมพันธ์...


   “ขอผมใช้ห้องน้ำหน่อยได้ไหม”


   “อ...อื้อ...ต...ตามสบาย” ร่มธรรมไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไร ถึงจะเคยมีเพื่อนมาค้างที่คอนโด หรือพี่สาวพี่ชายแวะมานอนด้วย แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกว่าการเป็นเจ้าของห้องจะมือไม้เก้งก้างได้ขนาดนี้เลย


   “อ...เอ่อ...งั้น...งั้นพี่...พี่จะเตรียมที่นอน...” เขาพูดอย่างนั้น กำลังจะหมุนตัวกลับเข้าห้องนอน แต่ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน


   “ไม่ต้อง ผมนอนแบบเมื่อคืนได้”


   “นอนแบบเมื่อคืน?” ร่มธรรมทวน แล้วก็พลันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้าทั้งคอ คนอายุน้อยกว่าเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นปฏิกริยาของคนตรงหน้า เสือยิ้มยากของวงการบันเทิงไทยยกยิ้มที่มุมปากอย่างเอ็นดู


   “แสดงว่าจำได้ว่าเมื่อคืนผมนอนยังไง”


   “ก...ก็...”


   “แต่เมื่อคืนไม่เห็นปฏิเสธ แสดงว่าคืนนี้ก็นอนแบบนั้นได้”



แล้วคนพูดก็ยักไหล่ตัดสินใจเสร็จสรรพ หมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้น กว่าเจ้าของห้องจะรู้ตัวว่าถูกมัดมือชกเรื่องที่นอนคืนนี้ก็ทักท้วงอะไรไม่ทันแล้ว


..............................


   ครองภพออกจากห้องน้ำอีกครั้ง คนเจ็บย้ายเข้าไปนั่งห้อยขาอยู่ที่ปลายเตียงแล้ว แน่นอนว่าพอเขาเดินเข้าไป เจ้าของห้องเหลือบมามองวูบหนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตาหนีไปทางอื่น ดูก็รู้ว่ารายนั้นเก้อเขินกับการที่มีใครอีกคนมาขอค้างด้วยในคืนนี้


   “คุณรินฝากมาบอกว่าพรุ่งนี้คุณยังไม่ต้องออกไปไหน ถ้าอยากกินอะไร คุณรินจะส่งเมสเซ็นเจอร์วิ่งมาให้”


   “หา? แล้วเมื่อไรจะได้กลับไปถ่ายล่ะ”


   “เอาไว้ดีขึ้นกว่านี้ก่อน”


   “แล้วมันจะไม่กระทบกับคิวคนอื่นเหรอ”


   “เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ผู้จัดการคุณ คุณเป็นนักแสดงก็รักษาตัวเองให้ดี เข้าใจรึเปล่า”



คล้ายๆถูกดุกลายๆที่เอาตัวเองเข้าไปรับบาดเจ็บแทนครองภพ ร่มธรรมเลยไม่กล้าเถียงอะไร แต่ไม่วายยื่นข้อเสนอบ้าง


   “แล้วงานที่ออฟฟิศกับร้านกาแฟล่ะ งานนั้นพี่ต้องทำนะ”


   “คุณรินกับคุณโรจน์จะช่วยกันดูไปก่อน”


ร่มธรรมเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักพี่ชายของเขาด้วย แต่ไม่ใช่เวลามาสงสัยการสนิทสนมของใครกับใคร เขานอนแบ่บอยู่กับเตียงมาหนึ่งวันเต็มๆ สำหรับคนที่เคยมีเรื่องให้ทำแทบทุกชั่วโมง การที่จู่ๆก็ต้องมานอนเฉยๆ เลยรู้สึกเหมือนตนเองด้อยค่าลงไปกะทันหัน


   “แต่ยังไง...มันก็มีงานที่พี่ต้องดูเอง...”


   “เช็คเมลอย่างเดียวพอมั้ย” ครองภพถาม เพียงเท่านั้นดวงตาของคนเจ็บก็เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ


   “พอ! เช็คเมลอย่างเดียวก็ได้!”


“แต่มีข้อแม้...เลิกเรียกผมว่าน้อง” คนอายุน้อยกว่ายื่นข้อเสนอ


   “อ้าว แล้วให้เรียกอะไร”


   “ครอง”


   “เอ้อ...ได้ๆ” ร่มธรรมสงสัยนิดหน่อย แต่เวลานี้ที่อีกฝ่ายเป็นคนดูแลเขา และดูเหมือนจะตั้งตัวเป็นคนมีอภิสิทธิ์เด็ดขาดในการอนุญาตให้เขาเข้าถึงเทคโนโลยี การจะเลิกเรียกน้องครองไปเรียกครอง ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่


   ครองภพยอมเดินไปหยิบโน้ตบุ๊คเครื่องเล็กจากโต๊ะทำงานมาส่งให้ ก่อนจะเอนกายลงบนเตียงเดียวกันแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด ทว่าปากก็ยังพูด


   “ให้เวลาหนึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วต้องนอน”


   “นอนอีกแล้วเหรอ...”


   “แขนยังไม่หาย ต้องนอนให้มากๆ”


   “วันนี้นอนทั้งวันเลย...” คนเจ็บบ่นตาละห้อย


รินฤดีและรุ่งโรจน์วนเวียนมาเยี่ยมทั้งเช้าทั้งบ่าย มาทีไรก็บังคับให้เขานอนทุกทีจนร่มธรรมรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาวเอาแต่เอกเขนกบนเตียงจนเส้นยึดไปหมด


   ดวงตาเรียวเหลือบจากโทรศัพท์ในมือขึ้นมาจ้อง เพียงเท่านั้นร่มธรรมก็ได้แต่รับคำเสียงอ่อย


   “โอเค...เช็คเมลเสร็จแล้วจะนอนเลย...”


   ครองภพไม่ใช่คนช่างพูด ในขณะที่ร่มธรรมเองก็ใช้สมาธิอยู่กับการอ่านอีเมลงาน ในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ ครบหนึ่งชั่วโมงตามเงื่อนไข ร่มธรรมเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าคนที่เอนกายเหยียดยาวบนเตียงเดียวกับเขา หลับไปแล้ว


   ดวงตาของคนอายุมากกว่ามองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้แผ่นอกกว้างขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ



ต่อให้จะเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆที่พลังงานล้นเหลือ ยามทำงานทุ่มเทตั้งอกตั้งใจ แต่เมื่อถึงเวลาพักผ่อน ครองภพก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีหัวโขนให้สวม ไร้ภาพลักษณ์ที่ต้องรักษา เป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่อยากได้อะไรมากไปกว่าที่นอนสบาย ห้องเงียบสงบ และอากาศที่พอเหมาะ


   “อือ...” เสียงจากคนหลับดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ร่างสูงที่นอนเหยียดจะงอตัวเข้าหากันเล็กน้อย



ดูเหมือนอากาศในห้องจะเย็นไปหน่อยจนคนหลับเริ่มหนาวแล้ว ร่มธรรมหัวเราะเบาๆ แต่พอลุกไปห่มผ้าให้ ก็พบว่าครองภพดันนอนทับผ้าห่ม เขาจึงต้องเดินไปเปิดตู้หยิบเอาผ้าห่มผืนใหม่มาคลุมให้แทน แม้จะยากลำบากอยู่บ้างเพราะแขนข้างหนึ่งยังเจ็บ แต่พอเห็นคนหลับ หลับได้สบายมากขึ้น ก็อดยิ้มจางไม่ได้


ภายในห้องยังสว่างโร่ คนที่นอนมาแล้วทั้งวัน แม้จะไม่อยากนอนแล้ว แต่พอเห็นคนนอนแล้วก็ชักอยากจะนอนขึ้นมา จึงตัดสินใจเก็บโน้ตบุ๊ค ก่อนจะเดินไปปิดไฟ


ในห้องเหลือเพียงแสงจากโคมไฟ เจ้าของห้องสอดร่างเข้าใต้ผ้าห่มบนเตียงอีกฝั่ง แล้วโคมไฟก็ดับลง



ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืด



ชายหนุ่มสองคนนอนหลับเคียงข้างกันอย่างสงบในค่ำคืนนี้


............................


   ครองภพสะดุ้งตื่นตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์



พอหันไปเห็นอีกคนยังหลับสนิทเลยรีบกดปิดเสียง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอกับเวลาหกโมงเช้า ทำให้เขาลุกจากเตียงเดินออกจากห้องไปรับโทรศัพท์ข้างนอก



ไม่ทันจะกรอกเสียงลงไป ปลายสายก็ส่งเสียงแทรกมาก่อน


   ‘ครอง ตอนนี้อยู่ที่ไหน’ น้ำเสียงของวิษณุฟังแล้วคล้ายจะร้อนรนนิดหน่อย


   “คอนโดของร่ม”



ครองภพได้ยินเสียงถอนหายใจเบา


   ‘ค้างจริงเหรอเนี่ย’


“มีอะไรหรือครับ”


‘มีคนแอบถ่ายครอง แล้วก็ยังดักอยู่ด้วย เขาบอกว่าครองยังไม่ออกจากคอนโดของร่มธรรม’


   ครองภพรับฟังอย่างสงบ เขาเข้าวงการตั้งแต่อายุ 16 ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยหนามแหลมและพิษร้าย การเติบโตในอุตสาหกรรมบันเทิงที่เต็มไปด้วยการแข่งขันไม่ใช่เรื่องง่าย หากอยากอยู่รอดต้องรักษาตัว หากอยากเป็นที่หนึ่งต้องฝ่าฝัน ภาพแอบถ่ายแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยประเดประดังเข้ามาในชีวิตบุคคลสาธารณะ


   “พี่ปล่อยให้รูปออกมาเลย”


   ‘คอนโดของร่มนะ’


   “ยิ่งดี ผมจะได้ให้ข่าวว่าเขาช่วยผมเอาไว้”


   ‘คิดจะทำอะไรของแกวะ ไอ้ครอง’


   “เอาตามที่ผมบอกนี่ล่ะ”


   ครองภพย้ำ เขาคุยกับผู้จัดการส่วนตัวไม่กี่ประโยคก็วางสาย ก่อนจะต่อสายไปยังต้นสังกัดเขา ชายหนุ่มย้ำเจตนาที่จะให้ปล่อยภาพแอบถ่ายออกมา โดยอ้างว่าจะได้เป็นการเลี้ยงกระแสเรื่องเขาและร่มธรรมเอาไว้ อีกทั้งยังทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเป็นคนกตัญญูด้วย



ข่าวทำนองนี้แม้ขายไม่ได้ตูมตามแบบข่าวรักๆใคร่ๆ แต่ก็จะกลายเป็นชื่อเสียงติดตัวไปยาวนานสำหรับสังคมไทยที่ชื่นชอบเรื่องบุญคุณ


   แน่นอนว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มไม่ได้ต้องการผลลัพธ์เรื่องชื่อเสียงเลย เพียงแต่สิ่งที่เขาต้องการนั้น บอกใครไม่ได้


   เช้าวันนั้น รูปแอบถ่ายของครองภพก็ปรากฏหราบนสื่อทุกชนิด ครองภพออกงานอีเว้นท์เย็นวันนั้นพอดี และกลายเป็นบทสัมภาษณ์ไปทุกช่องทาง


   “คงทราบเรื่องอุบัติเหตุในกองกันแล้วใช่มั้ยครับ คุณร่มช่วยผมเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขา ผมคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้”


   “ก็เลยแวะไปเยี่ยมหรือคะ”


   “ใช่ครับ”


   “เห็นว่าอยู่เป็นเพื่อนทั้งคืนด้วย?”


   “เขาช่วยชีวิตผมเอาไว้นะครับ ชีวิตผมมีค่ากว่าการไปเยี่ยมเขาแค่สิบนาทีแน่นอนครับ” เสียงหัวเราะของนักข่าวดังครืน


   “แล้วตอนนี้คุณร่มเป็นยังไงบ้างคะ”


   “เขาเป็นคนสู้ แขนเจ็บก็ยังคิดจะไปถ่ายต่อ แต่ผมบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรีบ มีเวลาอยู่ในวงการ ‘ตลอดชีวิต’ ไว้ให้ดีขึ้นแล้วค่อยกลับไปถ่าย ทางกองเองก็ยินดีให้เขาพักด้วย”


   “คิวจะไม่รวนหรือครับ ได้ข่าวว่าคุณครองภพคิวเต็มไปครึ่งปีแล้ว”


   “ผมจัดการได้ครับ เขาเป็นผู้มีพระคุณของผม”


ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มจางของนักแสดงหนุ่มรูปหล่อ แล้วก็เกิดเป็นปรากฏการณ์โควทเด็ดประจำบทสัมภาษณ์ ‘ผู้มีพระคุณของผม’ เรียกเสียงเกรียวกราวจากแฟนๆส่วนหนึ่งได้เป็นอย่างดี



ทว่า...



ไม่ใช่สำหรับใครบางคนที่ซุกตัวอยู่ในมุมมืด


   เสียงกรีดร้องดังหวีดไปทั้งห้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องไห้ ทว่าเมื่อร่างทะมึนปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาก็เบิกโพลง นัยน์ตาหด เส้นเลือดฝอยในตาแตกจนตาขาวแดงก่ำ และมันเต็มไปด้วยความอาฆาต


   “เพราะมึง!! เพราะมึง!!!”



“...ฮือ ร่มเจ็บ...ร่มเจ็บ...ฮือ...”



เสียงอาละวาดสลับกับเสียงคร่ำครวญราวกับสติหมดสิ้นแล้ว


   “ไอ้ครองภพ! ไอ้ครองภพ!!...กูจะฆ่ามึง!! กูจะฆ่ามึง!!!”


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   คนเป็นน้องออกตัวแรงมาก บอกกับพี่ว่าอย่าเรียกผมว่าน้อง บอกกับสังคมว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณของผม อะโห...ความชัดเจนเต็มสิบ

   ย้ำคำเดิมว่ามีคนทายถูกแล้วจริงๆนะคะ ถ้ามั่นใจก็เชื่อมั่นในการทายของตัวเอง แต่ถ้าสิ่งที่เชื่อเริ่มสั่นคลอน ก็เปลี่ยนใหม่ได้เสมอ ฮ่าฮ่า

   คีย์บอร์ดพังจนต้องมาใช้เครื่องเล็กลงตอนยาวๆ ไม่ค่อยถนัดเลย ถ้ามีอะไรตกหล่น เดี๋ยวบัวมาแก้เพิ่มพรุ่งนี้นะคะ ขอไปซื้อคีย์บอร์ดก่อน

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกๆกำลังใจ กำลังใจจากทุกคนมีค่ามากๆ ไม่ว่าจะช่องทางไหน มันช่วยบัวในเวลาที่แย่ได้ดีมากเลยค่ะ ทั้งคอมเม้นท์ ทั้งการอ่าน ทั้งการพูดคุยต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหน ขอบคุณมากๆที่สละเวลาให้กับงานเขียนของบัวนะคะ

   ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   เจอกันพฤหัสหน้า (กับน้องครองที่ไม่ยอมเป็นน้องอีกต่อไปปปปปป)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2020 21:13:37 โดย Dezair »

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
บุคคลปริศนามาอีกแล้วจ่ะ!! ท่าทางโรคจิตเต็มขั้น

ตอนแรกนึกว่าที่ไฟตกลงมาเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ผีนะเนี่ย จริงๆแล้วเป็นฝีมือซาแซง :ling3:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ครอง...งงงงงงงงงงงงงงงงง ที่ไม่ใช่น้องครอง มันกร้าวใจ   :hao6:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ชอบน้องครองที่มีนิสัยแบบนี้
คิดจะมาค้าง ก็ค้างเลย
ไม่ถามเจ้าของห้องก่อนเลยซักคำ :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
น้องครองไม่ยอมเป็นน้องแล้วววว
อยากค้างก็ค้าง พี่ร่มห้ามดื้อ เพราะครองจะดุ  :hao7:

เอาสิ!ครองภพประกาศสู้แล้ว! จะผีจะคนก็มาเถอะ ครองภพ พร้อม!!
 
/ผีโจงไม่ใช้คำเรียกว่า คุณหลวงแล้ว เรียกร่มแทน แหน่ะ! กลัวจะหลุดให้เรารู้ล่ะสิ ว่าครองภพคือใครในอดีต  :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2020 12:08:54 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ทั้งผีทั้งคน โอ้ยยยยยย

ออฟไลน์ nrbtst1997

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
สนุกมากกกก เราเดาไม่เบญญาก็รามิลหล่ะ

ออฟไลน์ Windtofree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขาไปอีกขั้นกันเเล้ววววว

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ดูแลกันและกันดีมากกก

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
น้องครองงงงงงง   ประกาศตัวแบบจัดเต็มเลยจ้าา แหมมมม

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ครองมองพี่โรจน์แรงแล้วนะ
บอกส่าเพื่อนได้ยังไง
พี่มองไม่ออกเรอะ!!

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ออกตัวแรงมากน้องครอง อุ๊บ..ไม่ใช่สิต้องเรียก ครองเฉยๆ  :hao7: :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2020 13:04:20 โดย Ginny Jinny »

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
น้องครอง ผู้ไม่ยอมเป็นเป็นน้องอีกต่อไป เปิดการ์ด fighter แล้ว

แต่ยังสงสัย อิผีมันจะเขียนจดหมายได้ไงวะ งงใจ??

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น้องครองปกป้องพี่ร่มสุดชีวิต ว่าแต่มีแบบนี้เหลือๆ ไว้สักคนมั้ยน้าาา เราจองงง
ขอขำพี่รินหน่อย... ความชอบส่วนตัว เลยจะยกน้องให้คนอื่นโดยไม่ลังเลเลยนะ
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อยากเห็นไอคนที่มันอยู่ในมุมมืดสักที แบบนางดูคลั่งสุดๆ :hao7:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่เดาแล้ว จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
น้องครอง ของพี่ร่ม ต่อไปต้องเรียก ครอง ร่ม แล้วล่ะ ตัด น้อง พี่ ออกจร้า

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อย่ามาบอกว่าเป็นพี่น้อง เพราะเขาไม่อยากเป็นแค่พี่น้อง ออกตัวแรงมาก 55555

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ไม่เดาอะไรทั้งนั้นแล้วค่ะ  จะหวีดความไม่อยากเป็นเพื่อนที่ดีและน้องของครองภพเท่านั้น :katai5:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ผีเขียนจดหมายได้ด้วยเหรอ มีใครเป็นตัวแปรอีก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แกทำอะไรร่ม!!!!

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เพิ่งเห็นเรื่องนี้  o22 ติดตามมานานแล้ว
ดีใจมีนิยายสนุกๆมาอ่านเพิ่มอีกเรื่อง เจ้าผีอาฆาตแรงมากค่ะ ขี้อิจฉาจัง

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
---------------------
ตอนที่ 12

   

   ร่มธรรมพักรักษาตัวไม่นาน ก็กลับมาเข้ากองต่อ มีปัญหาเรื่องคิวอยู่บ้าง แต่ในเมื่อนักแสดงนำคู่อย่างครองภพบอกว่าไม่มีปัญหา และสามารถจัดการหาเวลาสำหรับการถ่ายทำคู่กับร่มธรรมได้ ก็ไม่มีใครส่งเสียงเรื่องปัญหาความล่าช้าขึ้นมาอีก


ส่วนหนึ่งก็เพราะการที่ร่มธรรมบาดเจ็บ ใครๆก็เห็นว่าเป็นข้อบกพร่องของทีมงาน หากเจ้าตัวจะเอาเรื่องย่อมทำได้ แต่คนบาดเจ็บกลับไม่ถือโทษ ชื่อเสียงความดีงามของร่มธรรมจึงกลายเป็นเรื่องที่พูดกันปากต่อปาก ดังนั้นถึงการถ่ายทำจะล่าช้า จึงไม่กลายเป็นความผิดของเขาแต่อย่างใด


    “พี่ร่ม เป็นยังไงบ้าง แนทอยากจะไปเยี่ยมหลายทีแล้ว แต่ครองบอกว่าพี่ร่มยังไม่หายดี คนนอกไปเยี่ยมเยอะๆก็กลัวว่าจะติดเชื้อ แนทเลยฝากขนมไปแทน” ณัฐฐาร้องทักหน้าตาดีอกดีใจที่เห็นร่มธรรมในกองถ่ายเสียที หลังจากก่อนหน้านี้ หล่อนต้องถ่ายกับครองภพคนเดียว


ครองภพหล่อเหลาเป็นเทพบุตรหน้าหยกสมกับที่มีแฟนคลับเป็นล้าน แต่เข้าใจกันบ้างว่าหล่อแต่ไม่หือไม่อือ หันไปทีไรก็เอาแต่กดโทรศัพท์ แอบเห็นแว่บๆว่าเขาแชทคุยกับใครไม่รู้ รู้แต่ว่าห้องแชท ‘หนักขวา’ มากกก...เพราะข้อความของครองภพไหลเป็นผืด 


   คนบาดเจ็บเหลือบไปมองชายหนุ่มรุ่นน้องที่มากองพร้อมกัน แต่รายนั้นทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้


   ไม่รู้ไม่ชี้ทั้งเรื่องแผลติดเชื้อ และเรื่องขนมที่ณัฐฐาฝากไป


   จะติดเชื้อได้อย่างไรในเมื่อกระดูกร้าวแต่ไม่มีแผลแตก ส่วนขนม...เท่าที่ร่มธรรมจำได้ ตั้งแต่เขาบาดเจ็บ นอกจากขนมที่ครองภพซื้อจากร้านของเขามาให้ ก็ไม่มีขนมชนิดไหนมาถึงมืออีก


   “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวได้แล้ว มัวแต่คุยอยู่ได้” ครองภพดุ ก่อนจะลุนหลังร่มธรรมไปห้องแต่งตัว เห็นสายตาคนอายุมากกว่าเหล่มองอย่างคาดโทษแล้วก็พอรู้ว่าเลิกกองวันนี้ ต้องเคลียร์เรื่องที่ขนมเยี่ยมไข้ของณัฐฐำไปไม่ถึงมือด้วย


   แต่เรื่องหลังเลิกกองก็เป็นเรื่องของหลังเลิกกอง เวลาอยู่ในกอง ครองภพมีหน้าที่ดูแลไม่ให้ร่มธรรมมุ่งมั่นกับการถ่ายทำมากเกินไปจนเป็นอันตรายต่อร่างกายที่เพิ่งหายดี


   “เมื่อกี้ผมโดนแขนรึเปล่า”


   “คุณเปลี่ยนมายืนฝั่งนี้ดีกว่า จะได้ไม่มีใครโดนแขนคุณ”


   “เสื้อตัวนี้มันรัดต้นแขนมากเกินไป เปลี่ยนได้ไหมครับ”


   “แขนเป็นยังไงบ้าง เจ็บบ้างรึเปล่า”


   คำพูดของครองภพห่วงใยแค่ไหน สีหน้าของเขาก็ไม่ได้น้อยหน้ากัน หากใครเคยให้รางวัลพระเอกหน้าตายแก่ครองภพ คงมาขอคืนเอาก็วันนี้


   “ครองประสาทเสียไปแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องนั่นแหละค่ะ”


ณัฐฐาอดปากไม่อยู่ ตอนที่ครองภพกำลังถ่าย เลยขอนินทาสักหน่อยในฐานะที่เป็นพยานความเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ จนวันนี้ที่ร่มธรรมกลับมาเข้ากองอีกหน


   “ช่วงที่พี่ร่มไม่มา หน้าไอ้ครองหงิกอย่างกับอะไรดี แถมเร่งถ่ายอย่างกับจะให้ออนแอร์วันพรุ่งนี้ เลิกกองปุ๊บเผ่นแน่บ สงสัยวิ่งรอกรับงาน แต่ดูวันนี้สิ ผิดเป็นคนละคน ไม่เห็นเร่งสักนิด แถมถ่ายไปถามพี่ร่มไปอีก” นักแสดงสาวออกปาก ทำเอาร่มธรรมพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกว่าครองภพไม่ได้วิ่งรอกรับงาน แต่เลิกกองเสร็จก็รีบกลับไปอยู่กับเขา งานต่างประเทศใดๆ ถ้าเลื่อนได้เจ้าตัวเลื่อนหมด อันไหนเลื่อนไม่ได้ก็รีบไปรีบกลับ จนผู้จัดการส่วนตัวอย่างวิษณุยังสะโหลสะเหลเพราะเหน็ดเหนื่อยกับความรีบร้อนของศิลปินในความดูแลของตนเอง


    “แต่นี่นะคะพี่ร่ม พวกทีมงานเขาคุยกันว่ากองเราอาจจะไหว้เจ้าที่ไม่ถูกวิธี หลังจากพี่ร่มเจ็บ ไอ้ครองก็โดนรายวันเลยค่ะ วันนึงถังสีตกใส่มันเฉียดไปนิดเดียว แต่รองเท้าผ้าใบสุดที่รักเลอะจนใส่ไม่ได้ แต่นั่นครองภพนะคะ ต่อให้รองเท้าลิมิเต็ดก็โทร.กริ๊งเดียวได้คู่ใหม่แล้ว อีกวันนึง จู่ๆเอฟเฟ็คก็ระเบิดคาเท้า แต่โชคดีว่าวันนั้นมันใส่บู้ทเสริมส้นหนาตั้งสามนิ้วเลยไม่เจ็บอะไร แต่ระดับครองภพ ไม่เป็นอะไรก็เหมือนเป็น พี่ณุโวยจนต้องยกกองเลยค่ะ แล้วส่งมันเอ็กซเรย์ทุกส่วนของร่างกาย ส่วนอีกวัน รถของทีมงานไหลมาชนรถมัน ข้างหลังยุบไปหน่อยนึง ดีนะว่าไอ้ครองมันลงจากรถพอดี เลยไม่เป็นอะไร แล้วคนอย่างครองภพ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆค่ะ สั่งเปลี่ยนรถซะก็สิ้นเรื่อง”


ร่มธรรมรับฟังเงียบๆ ไม่ได้รู้สึกยินดีไปกับคำว่า นั่นครองภพนะ ระดับครองภพนะ คนอย่างครองภพนะ เลยสักนิด


   เพราะเหตุการณ์ที่ครองภพเจอ ไม่ใช่เรื่องปกติ


   หรือชายคนนั้นจะตามจองล้างจองผลาญไม่หยุด?


   ร่มธรรมเก็บความไม่สบายใจเอาไว้ หลังเลิกกอง ครองภพยังคงตามติดเป็นเงาตามตัว และมันเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะได้ซักถามข้อสงสัย


   เขารอจนวิษณุออกจากคอนโดไปแล้ว ค่อยเป็นฝ่ายเอ่ยปาก


“ช่วงที่พี่ไม่ได้เข้ากอง ครองเจอเรื่องไม่ดีหรือ”


นักแสดงหนุ่มรูปหล่อเพิ่งวางแก้วน้ำลงตรงหน้าคนพูด ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เบือนสายตาหนีไปทางอื่น ก่อนจะยอมตอบ


   “อืม”


   “เรื่องอะไรบ้าง”


   “ก็...กระป๋องสีหกใส่ มือถือตกหน้าจอแตก อุบัติเหตุพวกนี้มันเจอในกองอยู่แล้วน่ะ” ครองภพไม่อยากให้อีกฝ่ายกังวล จึงเล่าแค่เฉพาะเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่รู้ร่มธรรมไปได้ยินมาจากไหน ถึงรู้เรื่องร้ายแรงกว่านั้นด้วย


   “แล้วเรื่องเอฟเฟ็คระเบิดล่ะ”


   “แนทบอกคุณเหรอ”


   “เรื่องรถทีมงานไหลมาชนรถของครองอีก”


   “หรือพี่ณุบอก?”


   “ใครบอกไม่สำคัญ สำคัญว่าทำไมครองไม่บอกพี่” ร่มธรรมเป็นคนใจดี แต่เวลาดุ กระทั่งรินฤดีหรือรุ่งโรจน์ก็ไม่กล้าหือ


   “มานั่งนี่”



แค่ปรายสายตาไปยังที่นั่งว่างบนโซฟาตัวเดียวกันพร้อมน้ำเสียงเรียบ ครองภพเองก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่ไม่กล้าหือกับร่มธรรมเช่นกัน


   คนอายุน้อยกว่ายอมนั่งลงอย่างว่าง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปิดปากเงียบ


   “ทำไมไม่บอกพี่”


   “ผม...ไม่อยากให้คุณกังวล”


   “แต่พี่ไม่ชอบการมารู้ทีหลัง” น้ำเสียงของร่มธรรมจริงจังจนครองภพต้องหันมอง เขาจับมืออีกฝ่ายมาวางบนต้นขาตนเอง แล้วลูบแผ่วเบาอย่างปลอบประโลม


   “ผมขอโทษ ไม่คิดจะทำสิ่งที่คุณไม่ชอบ แต่แค่นี้คุณก็เจ็บตัวแล้ว ไม่อยากให้คิดมากอีก”


   แม้จะรู้สึกผิดที่ทำให้ร่มธรรมโกรธ แต่หัวใจของครองภพก็ชุ่มชื้นเพราะรับรู้ถึงความห่วงใยของคนข้างกายที่แสดงออกผ่านแววตา


   “แล้วเรื่องขนมที่คุณแนทฝากมาก็ด้วย...อยู่ที่ไหน”


   เคลียร์เรื่องใหญ่ แต่เรื่องเล็กอย่างขนมที่หายไป ร่มธรรมก็ไม่ปล่อยผ่าน แต่ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่เรื่องเล็ก ครองภพก็ไม่ได้หายใจคล่องขึ้นเลย


   “เอ่อ...ผม...เห็นว่ามันน่าจะหวาน คุณอยู่ในช่วงรักษาตัว ก็...น่าจะควบคุมอาหาร...”


   ร่มธรรมเงียบ จ้องนิ่ง สุดท้ายคนถูกจ้องเลยต้องยอมสารภาพ


   “ก็!...ก็ผมเห็นว่ามันน่ากิน ถ้าคุณเห็นคุณก็ต้องชอบ แต่!...แต่ผมทำขนมแบบนั้นไม่ได้ จะไปซื้อมาให้ก็...ก็แทบไม่มีเวลา...จะสั่งร้านให้วิ่งมาส่งก็อยากไปเลือกเองมากกว่า แต่ก็ไปไม่ได้ ก็!...ก็เลย...”


   ...ก็เลยยกให้วิษณุกินไปแล้ว...


   คนสารภาพเหลือบมองคนรักที่จ้องดุ แล้วก็รู้สึกเหมือนตัวหดลีบ เสียงอ่อนระโหยสำนึกผิด


   “ขอโทษครับ...”


   “คุณแนทเขาฝากขนมมาเยี่ยม เพราะเขามีน้ำใจ เขาปรารถนาดี ครองไม่ดีใจเหรอ ที่คนอื่นๆปรารถนาดีต่อพี่”


   “...ดีใจครับ...”


   การที่คนรอบข้างรักใคร่เอ็นดูประสงค์ดีปรารถนาดีต่อคนรักของตนย่อมเป็นเรื่องดี ครองภพเองก็เข้าใจในจุดนี้ เพียงแต่...พอนึกถึงหน้าตากระดี๊กระด๊า ตาเป็นประกายแวววาวยามพูดถึงคนรักของเขาอย่างชื่นชม ในขณะที่ตัวเขาเองทำแบบนั้นต่อหน้าธารกำนัลไม่ได้ มันก็...อิจฉาปนหวง...


   พอเห็นคนอายุน้อยกว่าทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมสำนึกผิด ร่มธรรมก็ได้แต่ถอนหายใจ


   “พี่กับคุณแนท เราเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี พี่อยากให้ครองไว้ใจพี่”


   “ผมไว้ใจคุณ แต่ผมแค่...แค่อิจฉา...ยัยคนนั้นชอบทำตาวิบวับๆเวลาพูดถึงคุณ ผม...ผมทำแบบนั้นไม่ได้...”



หรืออีกนัยคือครองภพทำไม่เป็น เหมือนขนมเค้กหน้าตาน่ากินพวกนั้นนั่นแหละ เขาทำไม่เป็น จะไปซื้อหามาให้ก็ไม่มีเวลา แค่นี้วิษณุยังแทบช็อกตายไปแล้วจากการเร่งงานของเขาตลอดเดือนครึ่งที่ผ่านมา เพื่อจะได้มีเวลากลับมาดูแลคนเจ็บให้มากที่สุด


   “ต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วครับ...” หนุ่ม 22 สำนึกผิดเสียงอ่อน เหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย แล้วเอ่ยแผ่ว


   “อย่าโกรธผมเลย...”


   “คราวหลังมีอะไรต้องบอกพี่ ทั้งเรื่องขนมของคุณแนท ทั้งเรื่องอุบัติเหตุในกอง”


   “ครับ” ครองภพรู้ว่าตนเองผิดที่ปิดบัง จึงต้องสงวนท่าทีให้ดูเจี๋ยมเจี๊ยมที่สุดเท่าที่ทำได้ เพียงเท่านั้นความโกรธของร่มธรรมก็สลายตัว เห็นท่าทีผ่อนคลายของคนอายุมากกว่าแล้ว หนุ่มรุ่นน้องจึงขยับกายโอบร่างของอีกฝ่ายเข้ามาหา แล้วกระซิบเบา


   “หายโกรธผมนะ”


   “ไม่โกรธแล้ว”


   “แล้วแขนคุณเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”


   “ไม่เจ็บแล้ว ครองต่างหาก...ไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย ที่เจอเรื่องในกอง”


   “ไม่เลย”


   “พี่...เป็นห่วงนะ”


   “ผมก็ห่วงเหมือนกัน...”


   ความห่วงใยที่มีให้กันโอบล้อมคนทั้งคู่เอาไว้ พอเปิดใจ ต่อให้จะพูดคุยกันด้วยสุ่มเสียงที่เบาเพียงใด ก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกันได้อย่างชัดเจน



   ...ทั้งรัก ทั้งห่วง...



   ...หากเลือกได้ก็อยากอยู่เคียงข้างกันเช่นนี้ โอบประคองกันและกันเช่นนี้...ตลอดไป...



   …ไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายใดๆเลย...


……………………….


   เบญญานั่งคนน้ำแข็งในลาเต้ไปมาอย่างช้าๆ


วันนี้หล่อนมีนัดกับเพื่อนสนิทในวงการบันเทิงคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่หล่อนติดตามเขามานาน ประตูร้านกาแฟถูกผลักเข้ามา ร่างสะโอดสะองของดาราสาวที่สวมแว่นกันแดดหันมองซ้ายทีขวาที เมื่อเห็นหล่อนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งก็ส่งยิ้มหวาน รีบก้าวเท้าเข้ามาหา


   “นึกว่าแกจะนัดที่ร้านพี่ร่ม” ประโยคแรกที่ณัฐฐาทักทายย่อมสมกับเป็นเพื่อนรักที่รู้จักกันมาหลายปี


   เบญญาหัวเราะสดใส


   “ไปก็ไม่ได้เจอ พี่ร่มยังไม่หายดีเลย” นักแสดงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามนิ่งไปเล็กน้อย แต่พอดีบริกรเข้ามาวางเมนู หล่อนจึงสั่งกาแฟดำหนึ่งแก้ว รอจนกระทั่งพ้นหลังบุคคลที่สาม ถึงได้เอ่ยปาก


   “นี่แกไม่รู้เหรอ พี่ร่มกลับมาเข้ากองแล้วนะ”


เบญญากะพริบตาปริบๆ


   “จริงน่ะ? อ้าว ก็ไหนพนักงานที่ร้านบอกว่าพี่ร่มยังไม่หายดี”


   “ก็คงจะยังไม่หายสนิท เพราะเห็นไอ้ครองตามติดแจ” พูดแล้วณัฐฐาก็เว้นวรรคหายใจนิดนึง เหลือบสายตามองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครดูมีทีท่าจะแอบฟัง ก็ขยับหน้ายื่นข้ามโต๊ะมาหาเพื่อน ดวงตาของหล่อนเป็นประกายระยิบ


   “แล้วฉันก็รู้สึกว่าอิตาครองมันแปล๊กแปลกไปด้วยแหละ!”


   “แปลกยังไง”


   ดาราสาวขยับตัวนั่งตรง เมื่อบริกรนำเครื่องดื่มมาวาง หล่อนรอจนบุคคลที่สามออกจากโต๊ะไปอีกครั้ง คราวนี้ขยับเก้าอี้มาใกล้เก้าอี้ของเพื่อนเสียเลย


   “ก็ขนมที่แกฝากมา กับขนมที่ฉันฝากไอ้ครองเอาไปให้พี่ร่มน่ะ ฉันถามพี่ร่มว่าได้รับมั้ย อร่อยรึเปล่า พี่ร่มอึกอักแหละ เหมือนจะไม่ได้รับ...”


   “ครองภพอาจจะกินไปแล้ว”


   “รายนั้นกินขนมหวานที่ไหน! ฉันว่าบดทิ้งไปแล้วมากกว่า”


   “เขาจะทิ้งทำไม”


   “เอ้า! ก็หึงไงจ๊ะ หึง!”


   “หะ?!” เบญญาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


   “ฉันว่าครองกับพี่ร่มต้องกุ๊กกิ๊กกันอย่างที่เขาลือกันแน่ๆ”


“บ้าหน่า”


“ไม่บ้าหรอก ไอ้ครองดูแลพี่ร่มดีกว่าพี่รินที่เป็นผู้จัดการพี่ร่มซะอีก เดี๋ยวก็ถามเรื่องแขน เดี๋ยวก็ห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร ฉันเล่นละครกับไอ้ครองมากี่เรื่องแล้ว ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้กับใครเลย”


   “แต่...ครองภพเขาก็ให้สัมภาษณ์นี่นาว่าพี่ร่มเป็นผู้มีพระคุณ...”


   “บางทีแฟนก็มาในรูปแบบผู้มีพระคุณนะแก” พูดแล้วณัฐฐาก็หัวเราะ เบญญาพลอยหัวเราะไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังส่ายศีรษะอย่างระอาใจ


   “อะไร! ทำหน้าอย่างนั้นแสดงว่าไม่เชื่อฉันเหรอ” ดาราสาวย้อนเสียงหลง


   “สาววายอย่างแก คราวก่อนชิปใครนะ ที่เดือนต่อมาเปิดตัวแฟนสาวไฮโซน่ะ” ถูกย้อนเข้าแบบนี้ ณัฐฐาก็ห่อเหี่ยวไปหมด แถมงอนอีกต่างหาก


   “พูดจาไม่น่ารัก เรื่องพี่ร่มก็ไม่อยากรู้แล้วเนอะ”


   “โอเคๆ ไม่พูดแล้ว กลับมาที่เรื่องพี่ร่มดีกว่า สรุปตอนนี้พี่ร่มกลับไปถ่ายซีรี่ส์ต่อแล้วใช่มั้ย”


เบญญาเป็นแฟนคลับร่มธรรมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้กระทั่งตอนเขาออกจากวงการไปแล้ว หล่อนก็ยังตามไปเป็นลูกค้าในร้านกาแฟของเขา ดังนั้น ย่อมไม่มีเรื่องอะไรที่อยากรู้มากไปกว่าเรื่องของร่มธรรม


“ใช่ค่า...”


   “แขนหายดีแล้วแน่เหรอ หลังจากนี้มีออกไปถ่ายต่างจังหวัดด้วย จะเป็นอะไรรึเปล่า”


   “ไอ้ครองไปด้วยจะห่วงอะไร้!” พอตอบออกไปแบบนั้น ก็พบว่าสายตาของเบญญาจ้องอย่างเอือมระอา ณัฐฐาพ่นลมหายใจ ทำปากยื่น “เออๆ ไม่ต้องห่วงหรอกหน่า คิวถ่ายต่างจังหวัดมันเดือนหน้า ตอนนั้นแขนพี่ร่มก็คงหายสนิทแล้วแหละ ถ้าไม่ได้แผลใหม่เพิ่มอ่ะนะ”


   “แผลใหม่?”


ณัฐฐาตาโต แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหล่อนยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เลยขยับเข้าใกล้เบญญาอีกรอบ


   “นี่ฉันยังไม่ได้เล่าใช่มั้ย ทีมงานในกองพูดกันทั้งนั้นแหละว่าต้องมีอาถรรพ์แน่ๆ เพราะไอ้ครองก็โดนเหมือนกัน”



อย่างที่บอกว่าเบญญาเป็นแฟนคลับร่มธรรมเพียงคนเดียว หล่อนไม่ได้อยากรู้เรื่องคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นก็ห้ามเพื่อนพูดมากอย่างณัฐฐาไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่าเรื่องต่างๆในกองถ่ายอย่างเมามัน แล้วตบท้ายตามประสา ’ชิปเปอร์’ ที่ดีว่า


   “พระเอกนางเอกกว่าจะรักกันได้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปก่อนทั้งนั้นแหละ! คู่ไอ้ครองกับพี่ร่มก็เหมือนกัน!”


..............................   

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


ร่มธรรมไม่ได้บอกใครว่าเขาเริ่มฝันร้ายถี่ขึ้นเรื่อยๆ ภาพในฝันนั้นวนลูปซ้ำๆ เขาถูกเรียกว่าคุณหลวง ยืนประกาศิตขับไล่เด็กหนุ่มผู้หนึ่งออกจากบ้าน เด็กหนุ่มผู้นั้นเงยหน้าจ้องเขาด้วยดวงตาวาววับอย่างแค้นเคือง ภาพสุดท้ายก่อนตื่นคือชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งคุกเข่าพนมมือพร่ำบอกแต่ให้ระวัง


   ในฝัน ร่มธรรมไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นใคร แต่เมื่อตื่น สมองของเขากลับชี้เป้าไปที่ครองภพคือเด็กหนุ่มผู้นั้น


   หากชาติที่แล้ว เขาสร้างความเจ็บแค้นให้แก่ครองภพ ชาตินี้เล่า...ชาตินี้เขาต้องชดใช้ให้ครองภพอย่างนั้นใช่ไหม


   ทว่า...พอเหลือบมองคนที่เดินไปเดินมา ช่วยเขาเก็บข้าวของในคอนโด ก็พบว่าคนที่เขากังวลว่าชาตินี้อาจจะตามจองเวรจองกรรมกับเขา กลับเป็นคนเอาใจใส่ยิ่งกว่าใคร กระทั่งเลิกกองก็ยังตามติดมาดูแล อ้างแต่ว่าแขนของเขายังไม่หายดี สมควรมีคนอยู่ด้วย แล้วเหมาเอาว่าตนเองคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่ควรจะดูแลร่มธรรม


   ‘ถึงจะถอดเฝือกแล้วแต่ก็ยังไม่หาย ถึงหมอจะบอกว่าหายแล้ว แต่...ผมคิดว่ายัง’


‘ผมถ่ายซีนเดียวกับร่มแทบทุกวันที่เขาเข้ากอง พี่ณุมารับผมที่นี่ รับร่มไปด้วย คุณรินได้ไม่ต้องแวะมา ไปเจอกันที่กองเลย’


‘ที่สำคัญ...เขาเป็นแบบนี้เพราะผม ผมต้องรับผิดชอบ’


เหตผลใดๆล้วนแต่เข้าทางให้ครองภพหิ้วสัมภาระมาค้างเป็นเพื่อนแทบทุกวัน แต่...แม้จะนอนข้างกัน ครองภพกลับไม่รู้ว่าร่มธรรมฝันร้ายสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยๆ


“ร่ม...เป็นอะไรรึเปล่า”



ครองภพเดินไปเดินมา เก็บบ้านช่องของร่มธรรมให้พอสะอาดดีแล้ว หันมาเห็นคนรักนั่งหน้าตาซีดเซียวก็ชักเป็นห่วง


“...หน้าตาคุณดูไม่ดีเลย เจ็บแขนรึเปล่า” เขาถาม แล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ


“อ่า...เปล่าๆ” นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องยังจับจ้องคาดคั้น


พรุ่งนี้พวกเขาต้องเดินทางไปถ่ายซีรี่ส์ที่ต่างจังหวัด แต่วันนี้ร่มธรรมดูไม่ค่อยมีสมาธิ ตอนถ่ายในสตูดิโอก็ดูเคร่งเครียด พอเลิกกองกลับมาถึงคอนโดก็แทบไม่กินอะไร พอนั่งพักก็เหม่อลอยจนเขาต้องทัก


สายตาของคนข้างกายห่วงใยเพียงใด ร่มธรรมรับรู้ได้ หัวใจของเขาพองโต แต่ก็คล้ายพองอยู่ในกล่องที่มีหนามแหลม ยิ่งพองก็ยิ่งถูกหนามทิ่มแทง เจ็บพิลึก


   “เอ่อ...ครอง...คิดยังไงเรื่องชาติที่แล้ว”


   “ชาติที่แล้ว?” ครองภพมองสีหน้าของคนตรงหน้าแล้วก็พลันนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา


   “คุณฝันเห็นผู้ชายคนนั้นเหรอ”


ร่มธรรมพูดไม่ออก อันที่จริงต้องบอกว่าเขาไม่ได้ฝันเห็นแค่ชายฉกรรจ์ผู้นั้น แต่เขายังฝันเห็นเด็กหนุ่มผู้มีแววตาอาฆาตด้วย


   “แล้วเขาทำอะไรคุณรึเปล่า ในฝันเขาว่ายังไง เขาต้องการอะไร” สีหน้าของครองภพบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวห่วงใยเขามากแค่ไหน แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเด็กหนุ่มคนนั้น


   “พี่...จำไม่ได้...”


   “จำไม่ได้หรือไม่อยากเล่า” สีหน้าและน้ำเสียงของคนถามไม่เหมือนคนที่มีวัยวุฒิน้อยกว่าเลย ครองภพแสดงออกอย่างจริงจังนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุจนร่มธรรมเจ็บตัวว่าเขาพร้อมจะเป็นฝ่ายปกป้องดูแลเช่นกัน


   “เพราะผมอายุน้อยกว่าคุณเหรอ ถึงไม่อยากให้ผมรู้เรื่องของคุณ”


   “พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นนะครอง”


   นักแสดงหนุ่มรูปหล่อหัวเราะในคอราวกับเย้ยหยัน


   “ไม่ใช่น้อยธรรมดา แต่น้อยกว่าตั้ง 6 ปี คุณถึงไม่เชื่อใจว่าผมจะปกป้องคุณได้”


   “ครอง ไม่พูดแบบนั้นสิ”


   ครองภพหันหน้าหนีท่าทีเหมือนไม่อยากฟัง ทว่ากลับยังปักหลักนั่งอยู่ข้างกันอย่างนั้น ร่มธรรมมัวแต่กังวลความรู้สึกของอีกฝ่าย จึงไม่ได้สังเกตว่าคนที่ทำท่าเหมือนโกรธเขา กลับไม่เดินหนีแบบคราวก่อน



อันที่จริง ครองภพไม่ได้โกรธ เพียงแต่น้อยใจและอยากให้อีกฝ่ายยอมเล่าเท่านั้นเอง


   “ครอง อย่าโกรธพี่เลยนะ”


แต่ผลพลอยได้มากกว่าการได้รู้เรื่องที่ร่มธรรมเก็บเอาไว้ คือเสียงอ่อนโยนของคนที่หวั่นว่าเขาจะโกรธ หรือพูดง่ายๆก็คือร่มธรรมกำลัง ‘อ้อน’ เขา


   ชายหนุ่มวัย 22 ให้อย่างไรก็ไม่เก่งมากพอที่จะเก็บความรู้สึกวาบหวามในอก ยิ่งมีเสียงอ่อนโยนของคนที่เขารู้สึกลึกซึ้งมาดังอยู่ข้างหู ต่อให้ไม่หันมอง ได้ยินแค่เสียง แต่หูก็แดงเถือกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง


ทว่า...ร่มธรรมก็ยังคงไม่สังเกต


   “ครอง หันมามองพี่...อื้อ...”


   ไม่ทันพูดจบ คนที่จู่ๆก็หันกลับมา ดันจู่โจมปิดริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากร้อนระอุนั่นแล้ว


ต่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่ระบุชัดเจน แต่การกระทำนั้นไปไกลเกินกว่าเพื่อน โดยเฉพาะการแตะเนื้อต้องตัว โดยเฉพาะครองภพผู้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมโลกต่ำเตี้ยเรี่ยดินเป็นฝ่ายเสพติดการอยู่ใกล้ชิด


   อยู่ในกองก็ตัวติดกัน เลิกงานก็แวะมาอยู่กับร่มธรรม บ้างก็ให้ร่มธรรมไปค้างที่คอนโดของตน หรือวันใดที่ต่างคนต่างติดงาน  ก็เป็นต้องหาทางติดต่อทุกช่องทางสื่อสาร 


เป็นอันว่าวันๆหนึ่งครองภพพบหน้าพูดคุยกับร่มธรรมมากกว่าเพื่อนคนไหน ร่มธรรมเองก็เช่นกัน ต่อให้เขาจะเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี แต่ก็มีเพียงครองภพที่เข้าถึงเขาทุกแง่มุมชีวิตขนาดนี้


   “อือ...ครอง...”


รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังแนบลงกับพนักโซฟา มีร่างของหนุ่มรุ่นน้องคร่อมทับอยู่เบื้องบน


ครองภพยอมถอนริมฝีปากออกเล็กน้อยราวกับจะเปิดโอกาสให้หายใจ ทว่า...อากาศหายใจดูจะเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะแท้จริงแล้ว เขากำลังเล็มไล้กลีบปากบนล่างทีละส่วน ดูดดึงราวกับเป็นของหวาน จนร่มธรรมแทบจะหลอมละลายไปกับสัมผัสรุกไล่ของผู้ชายที่อายุน้อยกว่าถึง 6 ปี


   พอคิดถึงช่องว่างระหว่างวัยที่ตนเองเกิดก่อนและควรจะมีประสบการณ์มากกว่าแล้ว ก็พลันรีบเรียกกำลังใจทั้งหมดให้กลับมากอบกู้ร่างกายไม่ให้ปวกเปียก


   พอครองภพดูดริมฝีปากหนักขึ้น ร่มธรรมเลยต้องหาทางแก้เกม เขาขยับใบหน้าเล็กน้อย เพียงเท่านั้นริมฝีปากก็เปลี่ยนมุม พอหลุดพ้นจากการครอบครองของหนุ่มรุ่นน้อง ก็เป็นฝ่ายตนเองที่บดเบียดริมฝีปากอีกฝ่ายแทน ก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากอุ่น


   ปลายลิ้นสัมผัสกัน ครองภพชะงักอึดใจหนึ่ง อารมณ์หวามโหมกระพือไปทั่วร่างจนต้องบดขยี้ริมฝีปากตนเองลงกับริมฝีปากอีกฝ่าย กดร่างของตนลงทาบทับร่างของร่มธรรมจนแทบไม่มีช่องว่าง ต่างคนต่างตอบรับสัมผัสกันและกันอย่างดุเดือด



คนหนึ่งอายุมากกว่าย่อมไม่อยากถูกหยอกเย้าว่าไร้ประสบการณ์ อีกคนอายุน้อยกว่าก็ยิ่งไม่อยากรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเด็กหนุ่มไม่รู้ประสา


   เลือดกายร้อนระอุ ริมฝีปากเบียดชิดบดขยี้ ปลายลิ้นเกี่ยวพันสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับหัวใจ ทว่าตอนที่ฝ่ามือของครองภพสอดเข้าไปใต้เสื้อ ร่มธรรมก็สะดุ้งโหยง


   “อื้อ!”


เพราะต่างแนบชิด อาการต่อต้านเพียงแค่เล็กน้อย ครองภพย่อมรู้สึก เขาถอนริมฝีปากออก สีหน้าของคนอายุมากกว่านั้นแดงก่ำและเขินอาย แต่เมื่อร่มธรรมหลบสายตา เขาก็พอจะเข้าใจ


   มือผละออกจากใต้เสื้อไป พร้อมกับเสียงพึมพำเบาๆ


   “ขอโทษ ผม...เอ่อ...”


   “อ่า...พ...พี่...”


ร่มธรรมเองก็พูดไม่ออก อารมณ์ซาบซ่านยังวิ่งไปทั่วกาย แต่พอคิดถึงเรื่องราวต่อจากนี้แล้ว น้ำลายในคอก็เหือดแห้งไปหมด


   “คุณ...ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้ออกมาเก็บของ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”


   เจ้าของห้องได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ลุกจากโซฟาเดินกลับเข้าห้องนอน ทว่าก่อนจะลับร่าง เจ้าตัวหันกลับมามองคนที่นั่งตัวตรงอยู่ที่โซฟาจุดเกิดเหตุ


   “ครอง”


   เจ้าของชื่อหันมอง


   “ขอบคุณนะ” ต่างคนต่างรู้ว่าคำขอบคุณนี้มีความหมายในด้านใด



ครองภพพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันกลับไปกดโทรศัพท์มือถือเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่พอพ้นร่างของร่มธรรมแล้ว คนที่ทำเป็นไม่สนใจอะไรกลับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แผ่นหลังตึงเขม็งคลายลงจนไหล่ลู่ ก่อนจะหงายศีรษะไปด้านหลัง ดวงตาเรียวเหม่อมองเพดาน


   “จะขัดใจลงได้ไง...”   


.........................   


   สถานที่ถ่ายทำที่ครองภพและร่มธรรมต้องมาคืออาคารร้างในพื้นที่รกร้างในจังหวัดใกล้กรุงเทพ



เวลากลางวันบรรยากาศยังอึมครึม รอบๆอาคารเป็นพื้นที่เปลี่ยว ด้านหลังของตึกเป็นป่าไม้รกทึบไปจนถึงเนินเขาใกล้ๆ ชาวบ้านแถวนี้พอได้ยินว่ามีกองถ่ายละครมาเซ็ตฉาก ก็แวะเวียนมาเยี่ยมชม แต่ไม่วายออกปากเตือนว่าให้กลับออกไปก่อนพลบค่ำ เพราะ ‘เจ้าที่ดุ’


‘กูสิจะดุ! ไอ้ห่า!! เสียวันเป็นแสนให้กูถ่ายแค่กลางวัน!!’ ผู้กำกับฉายว่าอย่างนั้นตอนที่คำเตือนของชาวบ้านไปถึงหู แล้วพอผู้กำกับฉายพูดจบ เครื่องปั่นไฟก็หยุดทำงาน


แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่เพราะในอาคารร้างทั้งมืดและทึบ เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ แสงจากภายนอกย่อมไม่พอ หากเครื่องปั่นไฟใช้งานไม่ได้ ย่อมทำให้การถ่ายทำวันนี้ไม่ลุล่วง สุดท้ายผู้กำกับฉายเลยต้องจุดธูปขอขมาแล้วประกาศใหม่


‘จะรีบถ่ายรีบออก จะออกก่อนพระอาทิตย์ตกด้วย!’


เพียงเท่านั้นก็เหมือนปาฏิหาริย์ เครื่องปั่นไฟกลับมาทำงานได้ราวกับไม่เคยมีปัญหามาก่อน ทีมงานที่เห็นเหตุการณ์พากันกลืนน้ำลายคนละอึกสองอึก


   ทั้งคำเตือนของชาวบ้าน ปาฏิหาริย์สมพรปากผู้กำกับและความวังเวงของสถานที่ ทำให้กองถ่ายเร่งงานมือเป็นระวิง ครองภพและร่มธรรมเป็นนักแสดงมืออาชีพ ความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเขาเต็มร้อยเสมอ คราวนี้มีเรื่องลี้ลับมาเป็นแรงขับด้วย ก็พลอยตั้งอกตั้งใจมากกว่าเดิม


   ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มอมแดง ทีมงานก็เก็บข้าวของกันแล้ว และเพราะงานลุล่วงไปด้วยดี ทุกคนจึงตกลงว่าจะออกไปทานข้าวที่ตลาดตัวเมือง ร่มธรรมไม่เคยมาที่นี่จึงขอติดตามไปด้วย แน่นอนว่าครองภพย่อมไม่ให้หนุ่มรุ่นพี่ไปเพียงลำพัง


   มื้อเย็นที่ตลาดโต้รุ่ง ทำเอาตลาดแทบแตกตั้งแต่นักแสดงหนุ่มๆก้าวเท้าลงจากรถตู้ สุดท้ายเลยต้องเลือกนั่งในร้านห้องแถวขนาดใหญ่ เพราะหากนั่งกลางตลาด คาดว่าอาจจะถูกรุมล้อมจนกินไม่ได้ โดยเฉพาะพระเอกหนุ่มรูปหล่ออย่างครองภพที่ใครๆก็อยากเห็นตัวจริงสักครั้ง อีกทั้งร่มธรรมเองก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากซีรี่ส์คราวก่อน ไหนจะนักแสดงประกอบที่มีชื่อเสียงอีกเป็นโขยง


ขึ้นชื่อว่าเป็นดาราแล้ว ก็มีแต่คนอยากเห็นหน้าทั้งนั้น


ดังนั้น ที่ประตูร้านจึงมีคนมายืนหนาแน่น บ้างก็แอบถามพนักงานเสิร์ฟว่าโต๊ะดาราสั่งอะไรทาน บ้างก็พากันจับจ้องว่าพวกดาราตักกับข้าวอะไรบ้าง คนที่โดนจ้องหนักที่สุดเห็นจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ครองภพ


   “กินผัดผักบุ้งเป็นด้วย”


เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทันที ที่มือขาวของพระเอกหนุ่มเอื้อมไปตักผัดผักบุ้งไฟแดงมาใส่ในถ้วยข้าวต้มตัวเอง 


ร่มธรรมได้แต่เม้มปากกลั้นยิ้มด้วยความเอ็นดู ไม่รู้จะเอ็นดูใครมากกว่ากันระหว่างเอ็นดูคนที่มายืนมุงดูแล้วตื่นตาตื่นใจกับอาหารที่พระเอกกิน หรือเอ็นดูครองภพที่ไม่ว่าจะตักกับข้าวอะไรก็เป็นต้องเกิดกระแส


แต่ครองภพไม่ชอบการถูกจับจ้องเช่นนี้ ใบหน้าหล่อเหลาใต้ปีกหมวกแก็ปเริ่มบูดบึ้ง ร่มธรรมดูออกว่าคนข้างกายไม่พอใจกับการถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัว หากพรุ่งนี้มีกระแสครองภพกินผัดผักบุ้งไฟแดง ก็อาจจะมีกระแสตีคู่มาว่าครองภพไม่พอใจที่ถูกจ้องตอนกินผัดผักบุ้งไฟแดงก็ได้


“ครองว่าแฟนๆรู้มั้ยว่าครองทานเผ็ดได้” ร่มธรรมหันมาถาม ครองภพหันมอง ความหงุดหงิดเริ่มคลายตัวลง


“ลองตักต้มยำกุ้งทานดูดิ พี่ว่าฮือฮา”


“แต่ครองกินเผ็ดได้จริงๆนะพี่ร่ม กินเก่งด้วย” นักแสดงคนหนึ่งที่ร่วมถ่ายด้วยกันมานานหันมาย้ำ


“แต่หน้าครองไม่เหมือนคนกินเผ็ดเก่งนะ” ร่มธรรมแย้ง


“ทำไม หน้าผมเป็นยังไง” เสียงของคนถูกปรามาสว่าหน้าตาอย่างนี้ดูไม่ใช่คนกินเผ็ด คล้ายจะหาเรื่อง แต่พอร่มธรรมหันไปสบตากับดวงตาเรียวใต้ปีกสวมหมวกแก็ป กลับรู้สึกว่าภายใต้ใบหน้าหล่อเหลาและท่าทีเรียบเฉยคือความร้อนแรง และพร้อมให้ร่มธรรมเรียนรู้และพิสูจน์ตัวตนที่ไม่ได้เหมือนเกราะภายนอกนั่นเลย


ใช่...ไม่เหมือนเลย...


...ใครจะคิดว่าหน้าตาแบบนี้...นิสัยแบบนี้ ไม่เข้าหาใครแบบนี้...


...จะจูบเก่งแบบนั้น...


“ก็หน้ามึงมันพระเอกไอดอล เขาก็คิดว่ากินเป็นแต่อาหารจืดน่ะสิ” สุรเชษฐ์ที่นั่งร่วมโต๊ะเอ่ยขึ้นมา เขาเป็นนักแสดงรุ่นพี่ผู้เป็นตัวประกอบมาแทบทุกเรื่องที่ครองภพเคยแสดง ดังนั้นความสนิทสนมจึงมากพอที่จะกล้าหยอกพระเอกรูปหล่อหน้าตาเฉยเมย


และเพราะการหยอกล้อของเขา ถึงทำให้ร่มธรรมได้สติรีบหันกลับไปสนใจถ้วยข้าวต้มตัวเอง


“พระเอกไอดอลแปลว่าอะไร” ครองภพหันไปถามคนพูด แน่นอนว่าสายตาร้อนแรงที่มองร่มธรรมเมื่อครู่ถูกกลบไปหมดแล้วยามหันไปมองคนอื่น


สุรเชษฐ์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเกาศีรษะ


 “เออ แปลว่าอะไรวะ แต่กูคิดออกแค่มึงคนเดียวเลยนะไอ้ครอง พระเอกไอดอลเนี่ย”


“แล้วอย่างร่มล่ะ” ครองภพถามไม่จริงจัง หันไปตักไข่เจียวปูมาใส่จาน แน่นอนว่ามีเสียงฮือฮาดังขึ้นอีกว่า ‘กินไข่เจียวด้วย’ ได้ยินแว่วๆว่ามีคนถามว่า ‘ใส่ซอสพริกมั้ย’ อีกต่างหาก แต่ครองภพเลิกสนใจเสียงเหล่านั้นแล้ว เขากำลังตั้งใจรอฟังว่านักแสดงร่วมกองจะให้คำตอบว่าอย่างไร ถ้าเขาเป็นพระเอกไอดอล แล้วร่มธรรมเป็นพระเอกอะไร


“อืม...ร่มนี่หล่อ...หล่อจัดๆเลย แต่ไม่ได้หล่อแบบพระเอกไอดอล”


“อะไรของพี่วะ” นักแสดงอีกคนหันมาถามพลางกลั้วหัวเราะ


“อย่างไอ้ครองนี่พระเอกมังงะม.ปลาย แต่อย่างร่ม...พระเอกมังงะมหาลัยล่ะกัน โตขึ้นมาหน่อย”


ช้อนข้าวต้มในมือครองภพชะงักกึก เงยหน้ามองทันที


“หมายถึงผมเด็ก?”


   “เอ้า! ก็มึงเด็กสุดในกอง...เออ แล้วทำไมมึงไม่เรียกร่มว่าพี่ ร่มเป็นพี่มึงตั้งหลายปี”


ตอนแรกที่ว่าจะตอแยสุรเชษฐ์ที่หาว่าเขาเป็นเด็ก กลายเป็นต้องเงียบกริบไปโดยปริยาย เพราะไม่มีเหตุผลไหนเลยที่จะไม่เรียกตามหลักอาวุโส นอกจาก...


...ไม่ได้คิดกับคนที่อายุมากกว่าในฐานะพี่น้อง…


   ...ยิ่งกับคนอายุมากกว่าที่จูบกันแล้ว เรียกว่าแฟนยังได้ด้วยซ้ำ...


   “แต่กับแนท มันก็ไม่เรียกพี่นะ...” นักแสดงอีกคนที่ร่วมโต๊ะพูดขึ้นมา ก่อนจะเสริม “...มันไม่เรียกเลย เวลาจะเรียกก็ชี้นิ้วแล้วบอก...มานี่ดิ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ยังแสดงท่าด้วยการชูมือกระดิกนิ้วยิกๆแบบที่ครองภพเคยทำ ทั้งโต๊ะหัวเราะครืน และพลอยทำให้ไม่มีใครเพ่งเล็งความสัมพันธ์ของครองภพและร่มธรรมนัก


   มื้อเย็นที่อาหารรสชาติกลางๆ และค่อนข้างไม่ส่วนตัว ครองภพน่าจะหงุดหงิด แต่เจ้าตัวกลับถูกดึงดูดความสนใจด้วยสมาชิกร่วมโต๊ะ นอกจากร่มธรรมที่พยายามดึงเขาออกจากเสียงกระซิบกระซาบที่ไม่ว่าจะตักอะไรก็เป็นต้องฮือฮาขึ้นมาเสมอ ยังมีเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆที่คุ้นเคยกันดี ชวนคุยชวนหัวเราะสนุกสนาน มื้อนี้ ครองภพจึงค่อนข้างเจริญอาหารด้วยซ้ำ


    หลังจากอิ่มท้อง คณะนักแสดงและทีมงานก็ฝ่าดงไทยมุงกลับมาขึ้นรถตู้ ก่อนจะพากันกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีถ่ายทำต่อ ทว่า...ตอนที่ร่มธรรมก้าวเท้าเข้ามาในโรงแรม ชายหนุ่มร่างสันทัดที่เขาคุ้นตาก็รีบพุ่งตัวมาหา


   “คุณร่ม! นี่ผมว่าจะโทร.หาพอดีเลย!” หนุ่ยมีสีหน้าเคร่งเครียด มือยังถือโทรศัพท์ ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง


   “มีอะไรรึเปล่า”


   “คนที่ออฟฟิศให้ผมมารับเอกสารจากคุณร่มไงครับ”


ร่มธรรมงงหนักกว่าเดิม “หือ? ใครให้มารับเอกสารนะ?”


   “เอ? ผมก็ไม่ได้ถาม นี่ครับ เบอร์นี้ เขาโทร.มาบอกว่าให้ผมตีรถมาหาคุณร่มเดี๋ยวนี้เลย เพราะต้องเอาเอกสารไปทำอะไรสักอย่างวันพรุ่งนี้ครับ”


ร่มธรรมขมวดคิ้วมุ่น ตั้งแต่เขามาออกกอง นอกจากติดต่อพูดคุยกับทางออฟฟิศผ่านเครื่องมือสื่อสารหลากชนิดที่มีแล้ว ก็ไม่เห็นเลขานุการจะบอกเรื่องเอกสารแต่อย่างใด


   “ขอผมเช็คกับเลขาฯก่อนแล้วกัน”


ชายหนุ่มคิดว่าอาจเกิดการสื่อสารผิดพลาด เขาต่อสายหาเลขานุการสาวเดี๋ยวนั้น ทางปลายสายปฏิเสธเสียงหนักแน่นว่าไม่มีเอกสารอะไรให้ร่มธรรมถือไป หล่อนขอเวลาตรวจสอบเรื่องที่มีคนโทร.เรียกให้หนุ่ยวิ่งไปรับเอกสารถึงกองถ่ายจากนั้นจึงวางสายไป


   “มีอะไรรึเปล่า” ครองภพที่ยืนอยู่ข้างๆถาม เขามองพนักงานส่งเอกสารที่เคยเห็นหลายครั้ง เพราะร่มธรรมมักจะเรียกให้รับส่งเอกสารระหว่างกองถ่ายและออฟฟิศอยู่บ่อยๆ


   “สงสัยสื่อสารกันผิด มีคนเรียกให้หนุ่ยมารับเอกสารจากพี่ แต่พี่ไม่มีเอกสารอะไรที่ตัวเลย นอกจากบท” ร่มธรรมยังใจเย็น เขารออยู่พักหนึ่งเลขานุการก็ติดต่อกลับมาแจ้งว่าไม่มีใครโทร.เรียกให้หนุ่ยวิ่งไปรับเอกสารจากร่มธรรมทั้งนั้น คราวนี้ปัญหาเลยมาตกที่พนักงานรับส่งเอกสารที่ถึงกับเกาศีรษะหน้าตายุ่งยาก


   “เอ้า! แล้วใครให้ผมมารับล่ะเนี่ย”


   “ไม่เป็นไรๆ แล้วนี่ลูกของหนุ่ยอยู่ยังไง”


   “มันกลับไปบ้านยายครับ พอดีญาติทางแม่มันเสีย ทางนั้นจะให้มันบวชหน้าไฟ”


   “อ้อ งั้นคืนนี้หนุ่ยนอนที่นี่ล่ะ เดี๋ยวผมเปิดห้องให้พัก ขับรถกลับทั้งมืดๆแบบนี้อันตราย”


ร่มธรรมเป็นคนใจดีเช่นนี้เสมอ แต่พอเขาจะหมุนตัวเดินไปที่ฟร้อนท์ ครองภพกลับขวางเอาไว้ สายตาของชายหนุ่มรุ่นน้องบอกให้รู้ว่าไม่เห็นด้วยที่เขาจะออกค่าใช้จ่ายให้พนักงานส่งเอกสารที่รับงานผิดพลาด แต่ร่มธรรมตบไหล่เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร


“คุณใจดีเกินไป” ครองภพบ่นอุบ เดินตามมาที่ฟร้อนท์ด้วย


“น่าสงสารเขาออกนะ ดึกแล้วด้วย จะขับถึงกรุงเทพฯได้ยังไง”


“มันเป็นความผิดพลาดของเขา เขาควรจะโทร.เช็คก่อนว่าให้มาเอาเอกสารอะไรไปให้ใคร”


“แต่...”


“แล้วที่นี่ทีมงานก็น่าจะจองเต็มหมดแล้ว” ครองภพไม่ใช่คนตระหนี่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าการใช้เงินแบบร่มธรรมเป็นวิธีที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกับคนที่ทำงานผิดพลาดแบบนั้น ทว่าก็ไม่ได้แล้งน้ำใจเสียทีเดียว แม้จะคัดค้าน แต่ก็ยังเสนอทางเลือก


“...เมื่อกี้ตอนกลับเข้ามา ผมเห็นโรงแรมเล็กๆอยู่ใกล้ถนนใหญ่ ให้เขาไปนอนที่นั่นดีกว่ามั้ย พรุ่งนี้เขาจะได้กลับกรุงเทพฯสะดวก” ร่มธรรมฟังเหตุผลของอีกฝ่ายแล้วก็พอจะเข้าใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน


   ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือณัฐฐา ดาราสาวที่ร่วมเล่นในซีรี่ส์เรื่องนี้ แต่ฉากที่มาถ่ายทำที่นี่ไม่มีบทของหล่อน จึงไม่ได้มาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ฝากร่มธรรมซื้อขนมขึ้นชื่อกลับไปให้ด้วย


   “ครับ คุณแนท”


   ‘พี่ร่ม ยัยเบญถึงที่นั่นรึยังคะ’ เสียงจากปลายสายมีแววร้อนใจ แต่ความร้อนใจของณัฐฐาไม่เท่ากับคำถามของหล่อนสักนิด ร่มธรรมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง


   “คุณเบญ?”


   ‘ค่ะ ยัยเบญ...เบญญา แฟนคลับพี่ร่มน่ะ ไปถึงรึยังคะ’


   ร่มธรรมยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทำไมจู่ๆณัฐฐาถึงโทรมาถามเรื่องเบญญากับเขา อีกทั้งยังพูดเรื่องการมาของเบญญาด้วย ทั้งๆที่เบญญาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองถ่ายนี้เลยสักนิด


   “คุณเบญจะมาที่นี่ทำไมครับ”


   ร่มธรรมได้ยินเสียงณัฐฐาสั่งใครสักคนให้โทร.ตามเบญญาจ้าละหวั่น ก่อนจะกลับมากรอกเสียงบอกเขาอย่างร้อนรน


   ‘ยัยเบญเพี้ยนอะไรไม่รู้ค่ะ อยู่ดีๆก็บอกว่าพี่ร่มยังไม่หายดี เป็นห่วง เสร็จงานแล้วก็เลยรีบออกจากกรุงเทพ แนทบ้าเองที่หลุดปากบอกเขาว่าถ่ายที่ไหน โอย...แล้ว...แล้วเมื่อกี้แนทโทร.ถาม ยัยเบญบอกว่าอยู่ใกล้ๆกองถ่ายแล้ว แต่แบทจะหมด แล้ว...แล้วอยู่ดีๆสายก็ตัดไปเลย...’


ร่มธรรมมึนตึ้บ หันรีหันขวางคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี แล้วก็พลันนึกออกว่าเบญญาเคยบอกเขาว่าหล่อนเป็นลูกสาวของผู้กำกับอนันต์ และนับเป็นน้องสาวต่างมารดาของรามิล ผู้จัดละครที่เขารู้จักคุ้นเคย


“เอาอย่างนี้นะครับ ผมจะติดต่อพี่มิล แล้วจะขอแรงทีมงานกลับไปที่กองถ่าย”


‘ได้ค่ะ แนทจะออกจากกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้เลย!’


ร่มธรรมวางสาย ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์หารามิล โชคดีว่ารายนั้นอยู่กองถ่ายในจังหวัดใกล้เคียง และเขาจะรีบมาโดยเร็ว พร้อมทั้งรับหน้าที่ติดต่อกับทางผู้กำกับฉายเพื่อขอให้ส่งทีมงานออกไปตามหาน้องสาวต่างมารดา


ครองภพที่ยืนอยู่ข้างกายย่อมเห็นคนรักกระวนกระวายโทรศัพท์ พอร่มธรรมวางสายจากรามิลแล้ว จึงหันมาอธิบายให้ฟัง


“คุณแนทโทรมาบอกว่า คุณเบญ น้องสาวพี่มิลหายตัวไป”


คนฟังชะงัก


“เขาเป็นแฟนคลับพี่มาก่อน แล้วคงรู้จักคุณแนท คุณแนทบอกว่าหลุดปากบอกที่ถ่ายทำกับเขาไป เขาก็เลยตามมา แล้วตอนนี้ก็...ติดต่อไม่ได้ แต่จุดที่ใกล้ที่สุดตอนที่ติดต่อได้คือใกล้กับกองถ่ายของเรา นี่พี่มิลคงโทร.บอกผู้กำกับแล้ว”



ร่มธรรมร้อนใจ ส่วนหนึ่งเพราะแถวนี้เป็นต่างจังหวัด เมื่อไร้แสงอาทิตย์ก็กลายเป็นพื้นที่เปลี่ยว อีกทั้งบริเวณใกล้กองถ่ายยังเป็นที่รกร้าง เบญญาเป็นหญิงสาว อย่างไรก็ดูอันตรายสำหรับหล่อน


อึดใจต่อมา ผู้กำกับฉายก็ก้าวเท้าเข้ามาหาร่มธรรม หน้าตายุ่งยากกับเรื่องที่ได้รับสายทางโทรศัพท์ ออกปากว่าจะให้ทีมงานกลับไปที่อาคารร้างที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำเดี๋ยวนี้


“คุณอยู่ที่นี่ ผมจะออกไปหาเขากับทีมงานเอง” ครองภพรีบหันมาบอกร่มธรรม แม้เรื่องของแฟนคลับของร่มธรรมที่หายตัวไปจะน่าเป็นห่วง แต่เขาก็ไม่เคยลืมว่าสถานการณ์ของร่มธรรมก็น่าเป็นห่วงพอกัน


“ครองจะไปคนเดียวได้ยังไง” แต่สำหรับร่มธรรม เขาเองก็ห่วงครองภพไม่ต่างกัน อุบัติเหตุเพทภัยเกิดขึ้นกับครองภพไม่เว้นวันในยามที่ร่มธรรมไม่อยู่ด้วย แล้วคราวนี้เขาจะยอมปล่อยให้อีกฝ่ายออกไปเพียงลำพังได้อย่างไร


ต่างคนต่างห่วงใย ครองภพรู้ดีว่าร่มธรรมไม่มีวันปล่อยให้เขาออกไปคนเดียว เขาเองก็ไม่อยากทิ้งร่มธรรมให้คลาดสายตาเช่นกัน


“งั้นเราก็ไม่ต้องไป รออยู่ที่นี่ ให้คนอื่นออกไปหา”


“เอ้ย! ไม่ได้สิ!” ร่มธรรมร้อง ถลึงตาดุใส่คนหน้าตาหล่อเหลาเป็นพระเอก แต่นิสัยไม่มีความเป็นพระเอกสักนิด


“คุณเบญเป็นผู้หญิง กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ หลงทางอยู่ต่างจังหวัดน่าสงสารออกนะ ครอง”


“...อีกอย่าง คุณเบญเป็นน้องพี่มิลด้วย” ร่มธรรมนับถือรามิล ดังนั้นอะไรที่ช่วยอีกฝ่ายได้ เขาย่อมไม่ปฏิเสธ


ครองภพพ่นลมหายใจเฮือกกับนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่นของคนตรงหน้า


“ไปก็ไป แต่คุณต้องไปกับผม ห้ามไปไหนกับใครทั้งนั้น เข้าใจรึเปล่า”


“เข้าใจแล้วหน่า”



ตกลงกันเสร็จสรรพ ก็พากันตามทีมงานกลับไปยังอาคารร้างที่ใช้ถ่ายทำ ร่มธรรมขอแรงหนุ่ยให้ช่วยตามหาด้วย ก่อนที่เขาจะสั่งให้พี่สาวรอที่โรงแรมคอยประสานงานกับรามิล แล้วจึงออกจากโรงแรมไปพร้อมกับครองภพ


รินฤดีใจคอไม่ดี แม้จะมีบอดี้การ์ดของร่มธรรมตามไปด้วย แต่ใจยังกระวนกระวายอย่างประหลาด จึงตัดสินใจติดต่อหาน้องชายคนรองทันที




ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)

น้องครองก็สมเป็นดาราอยู่นะคะ มารยาตอนอ้อนพี่ร่มนี่ใช้ได้เลยล่ะ ฮ่าฮ่า (ถึงน้องจะบอกว่าให้เลิกเรียกน้อง แต่เราจะเรียกน้องต่อไปค่ะ ก็น้องครองน่ารักจะตายยย)


ส่วนพี่ร่มก็...ได้อยู่นะคะ เด็กไม่แซวหรอกค่ะ พี่ทำดีแล้วค่ะ พี่...(จูบ)...ใช้ได้ค่ะ ฮ่าฮ่า


ส่วนสถานการณ์โรคระบาดช่วงนี้ ยังไงก็รักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจกันด้วยนะคะ (ทางบัวเองก็ยุ่งมากๆเลย จะพยายามมาตามนัดวันพฤหัสให้ได้จนกว่าจะจบเรื่อง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ไม่ทันจริงๆ จะรีบแจ้งนะคะ)


ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ


เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
นู๋เบญทำอะไรเนี่ย ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนไปหมด
กลับไปที่ถ่ายทำ ตอนค่ำมืด น่ากลัวมากมาย
ระวังตัวด้วยนะ น้องครอง และพี่ร่ม
 :call: :call: :call:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด