...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)  (อ่าน 92393 ครั้ง)

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
คุณบัวสิ้นปีนี้มีเรื่องอะไรมาเฉลยคะ
บอกมาเดี๋ยวนี้เลยน๊าาา...​เดาดีมั้ย :hao3:
....​

เรื่องตอนนี้เราอ่านละไม่กลัวเลยค่ะ
แต่หัวเราะลั่นเฉยเลย 5555
ชอบมากค่ะยาวจุใจดี
พระเอกปะทะฝีปากกับผี
และผีปะทะฝีปากกับนังโรคจิต
ทั้งขำ ทั้งสงสารผีกับนังโรคจิตอ่ะค่ะ :m20:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ตัวร้ายมีมากกว่าที่คาดไว้

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เริ่มที่เราเดาไว้ในใจ ก็ถูกคือเบญญา แต่ไม่รู้ว่าหนุ่ยมาเกี่ยวข้องยังไงทั้งที่ร่มดูแลและเอาใจใส่มาก
แต่เรื่องก็มาเฉลยที่ว่าเห็นแก่เงินนั่นเอง

เบญญา นี่เข้าขั้นโรคจิต คือรักมากหลงมากจนลืมความเป็นจริงและสิ่งรอบข้าง ว่าสิ่งไหนถูกผิด ขอให้แค่ได้สิ่งที่ตนเองต้องการเท่านั้น / ว่าแต่ชาติที่แล้วเบญญาเป็นใครกันนะ

นายช่วง มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านายอย่างมากยอมไม่ไปเกิดเพื่อจะได้ปกป้องเจ้านาย แต่ก็ปกป้องอย่างผิดๆ ว่าแต่เป็นคนเอาสร้อย หนังสือ ไปซ่อนไว้ที่ห้องไอ้แผนหรือเปล่า

ไอ้แผน ไม่เคยโกรธคุณหลวง แต่ก็แน่วแน่ว่าไม่ได้ทำผิดถึงแม้จะโดนซ้อมมาให้รับสารภาพ / ครองภพชาตินี้เลยปกป้องรุ่มธรรมสุดชีวิต

ร่มธรรม มองเห็นตัวเองไล่ไอ้แผนในชาติที่แล้ว ได้แต่เศร้าใจ / แต่ก็เข้าใจคุณหลวงชาติที่แล้วโดนวางแผนให้เกลียดไอ้แผน ก็เลยรู้สึกโกรธที่ว่าให้ความอุปการะอย่างดีแต่ยังมีขโมยของ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาซึ้งกับพระเอก ที่ปกป้องคนที่รักไว้อย่างสุดชีวิต
ขอบคุณคนเขียนมาก รักษาสุขภาพด้วยนะ
 :L2: :L2: :L2:



ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ทั้งผีบ้า ทั้งคนโรคจิต ใครหน้าไหนก็อย่ามาแตะพี่ร่มของครองภพ! พ่อจะหวดไม่เลี้ยง!!

ตบเข่าฉาด!ตอนแรกก็เดาถูกแล้วนี่นา ตรงเมนหลักๆ เรื่องเบญจาก็สงสัยตะหงิดๆอยู่
พี่หนุ่ย ความโลบนั้นแหล่ะ อย่าอ้างเรื่องแค้น
 
แต่มาสับสนอยู่ช่วงนึง เพราะคิดว่ามีผีสองตน เพราะผีกับคนมันดันร่วมมือกัน! นี่มันพวกผีเน่ากับโลงผุชัดๆ  ที่แท้ผีที่ร้องโหยหวนบ้าคลั่งคือคน..เบญจา

แล้วยิ่งตอนที่ครองจะถูกทำร้าย แล้วพี่ร่มเห็นผีเป็นไอ้แผน ตอนนั้นโคนันกุมขมับเลยจ้า 555555

ลุ้นสนุกมากๆเลยค่ะคุณบัว ไม่กลัวเลย มัวแต่นั่งขำพระเอกของเราแทน คนบ่งคนบ้า ผีเผอ อะไร ครองไม่สน ตวาดใส่ยับ ผีถึงกับหงายเงิบ
5555555 สะใจ!!  :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2020 14:07:40 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เก่งมากครอง

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อ่านไปทั้งขนลุกทั้งกลัว
สุดท้ายจบด้วยน้ำตาไหลเป็นทาง
ตอนนี้ไขความกระจ่างขึ้นมาแล้ว
แทบจะแก้ปมทั้งหมดเลย
รอพฤหัสหน้า

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
(จิณณะ หล่อ สูง ขาว เป็นนายเอกที่น่ารัก มุ้งมิ้ง นะเออ) ไม่นึกว่า เบญญา จะมีอาการ ประสาทหลอน ยิ่งกว่าผีนายช่วง อี๊ก

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ไม่ต้องน้ำมนต์ ไม่ต้องข้าวสาร นี่ใคร น้องครองไง แค่ตวาด ผีก็สตั้นไปอี๊กก 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ฉันละสงสารผีนายช่วงที่สุด สมเพชปนขำ เป็นผีที่คนไม่กลัวแถมตวาดให้หัวหด ถูกยัยเบญหลอกต่างหาก เสียชาติผี

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สรุปคือคนร้ายกว่าผีอีก

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
นายช่วงพอเข้าใจว่าทำไมร้าย
แต่เบญญานี่งงมากจ้า มายังไงฮึ  :katai4: :katai4:
แรงมาก มีการร่วมมือกันไปหมด เธอไม่ควรร้ายไปเบอร์นี้นะเบญญา
แต่นั่นแหละ สถานการณ์สร้างพระเอกชัดเจนค่ะ  :katai2-1:
ครองเอาไปสิบเต็มไม่หัก
ชอบมากตรงที่บอกว่า ที่นี่ไม่มีคุณหลวง
เออ เอาสิ ที่นี่ไม่มีคุณหลวงจริงๆ มีแต่ร่มธรรมของครองจ้า
ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ยังไงก็ขอให้รักกันราบรื่นเด้อ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะคุณบัว

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เบญญาเป็นโรคจิตจริงๆด้วย ผีนายช่วงก็ดูแลคุณหลวงแบบผิดๆอ่ะ ส่วนเจ้าครองเก่งมากเลยที่ไปช่วยพี่ร่มมาได้

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เหยยยย ไม่คิดเลยว่าหนุ่ยจะร่วมมือด้วย คิดว่าโดนเบญญาหลอกมาเฉยๆ แต่พี่ชายหนุ่ยเป็นคนไปขับรถชนรถพ่อพี่ร่มเองไม่ใช่เหรอ ก็คือเป็นฝ่ายผิดป่ะ? ทำไมหนุ่ยถึงยังมาล้างเเค้นอ่ะ

ชอบฉากผีกับเบญญาทะเลาะกันมาก :laugh: :laugh: สมน้ำหน้า สรุปสุดท้ายตีกัน555555 แต่เบญญาเสียสติกรีดร้องขนาดนี้ยังไม่มีใครตามมาเจอนอกจากครอง เป็นเพราะผีบังไว้ป่ะ? ละเบญญาก็ติดอยู่ที่นั่นไปเลยมั้ย?

เราติดใจว่าทำไมแผนถึงขั้นอาฆาตคุณหลวงเลย แล้วรอบนี้คุณหลวงก็ดูไม่ฟังเหตุผลทั้งๆที่แต่ก่อนเค้าดูใจเย็น แล้วก็มีเหตุผลมากๆ อย่างตอนซักเรื่องที่แผนแอบเอาหนังสือคุณเทพไป ไม่ใช่ว่าทั้งคู่โดนนายช่วงเป่าหูมานะ :hao4:

น้องครองงงงงงงงงง เก่งมากลูก มาช่วยพี่ร่มจากผีนายช่วงได้ ปรบมือ :katai2-1: :katai2-1:

 

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
…………………………
ตอนที่ 14



   ร่มธรรมและครองภพถูกส่งตัวขึ้นรถพยาบาล



ตอนนั้นเองที่ทุกคนถึงได้เห็นว่าคนที่อาการหนักไม่ใช่คนหมดสติ แต่เป็นครองภพที่ยังมีเรี่ยวแรงโต้ตอบ เขาถูกแทงที่ท้อง และเสียเลือดมาก ตอนที่ถึงโรงพยาบาล เขาไม่มีสติแล้ว ส่วนคนก่อเหตุซึ่งเป็นน้องสาวต่างมารดาของรามิล ตอนที่คนไปพบ หล่อนเหม่อลอย ดูไร้สติ ถูกมัดอยู่กับเสา แต่พอช่วยแก้มัด หล่อนก็กลายเป็นอาละวาดคุ้มคลั่ง ด่าทอใครสักคนซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์


   ร่มธรรมฟื้นที่โรงพยาบาล ตอนที่เขาลืมตา คำพูดแรกของเขาคือ ‘ครอง’


   เสียงของเขาแสนแผ่ว รุ่งโรจน์ที่นั่งเฝ้าได้ยินเพียงเสียงงึมงำ พอหันมาเห็นน้องชายฟื้นก็รีบเข้ามาหา


   “ร่ม เป็นไงมั่ง”


รินฤดีที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็ถลาเข้ามาเช่นกัน


   “ร่ม! ร่มฟื้นแล้ว” คนเป็นพี่สาวน้ำตานองเต็มหน้าด้วยความดีใจ ร่มธรรมยิ้มจาง


   “ผมไม่เป็นไร...ครองล่ะ...ครอง...”


ให้อย่างไร ร่มธรรมก็คือร่มธรรม เขาไม่เคยห่วงตัวเองเป็นลำดับแรก นอกจากจะทำให้พี่ๆสบายใจแล้ว คนที่เขาถามถึงคนแรกก็คือครองภพ


   ...คนที่เขาอยากพบที่สุด…


   “น้องครองปลอดภัย” รินฤดีตอบ แต่ไม่กล้าพูดมากกว่านั้น


   “ผมอยากไปหาเขา...”


   “แกยังไปไม่ได้ ครองภพ...พักอยู่...” อย่าว่าแต่รินฤดีไม่กล้าพูดเลย แม้กระทั่งรุ่งโรจน์ก็ได้แต่บอกเลี่ยง


   “เขาเป็นยังไง บอกผม...”


   “อ่า...ถูกแทง” พี่สาวพี่ชายมองหน้ากัน ก่อนที่เป็นฝ่ายชายจะยอมบอก


ร่มธรรมใจหาย ความรู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องของครองภพจนน้ำตารื้น


   “เขา...อยู่ที่ไหน”


   “ห้องข้างๆ เขาไม่เป็นไรจริงๆร่ม เขาปลอดภัยแล้ว ออกจากห้องไอซียูแล้ว”


   “ผมอยากเจอเขา” ร่มธรรมดูคล้ายจะร้องไห้ สายตาของเขาบอกชัดว่าอยากพบครองภพมากเพียงใด รินฤดีและรุ่งโรจน์มองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่คนเป็นพี่สาวจะตัดสินใจ


   “จะลองถามหมอให้”


   “ถามหมอที...บอกหมอว่าผมอยากเจอครอง ผมอยากเห็นเขา...”



ไม่เพียงแค่หน้าตาทรมานแต่เสียงของร่มธรรมนั้นสั่นเครือ ต่อให้เป็นพี่น้องกันมาเกือบ 30 ปี แต่ไม่เคยมีใครเคยเห็นร่มธรรมเรียกร้องเอาแต่ใจด้วยสีหน้าเช่นนี้


   รินฤดีผละออกจากห้องไป รุ่งโรจน์จึงหันมามองน้องชาย


   “เขา...ไม่อยากให้ผมออกไปตามหาคุณเบญ...แต่ผม...บอกเขาว่าไม่ได้...” ร่มธรรมพูดอย่างเจ็บปวด เพราะเขาแท้ๆ ครองภพถึงต้องเจ็บตัวแบบนั้น ทว่าเมื่อคิดถึงคนที่เคียงข้างเขาตลอดเวลา คนที่จับมือเขาเอาไว้ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มจาง แม้ดวงตาจะทอด้วยแววเสียใจก็ตาม


   “...ครองเลยตามใจ แต่เขาบอกว่าเราต้องไปด้วยกัน ห้ามแยกกัน แต่...สุดท้ายก็เป็นแบบนี้...ผมทำให้ครองเจ็บตัว”


   “ไม่ใช่ความผิดแกเลย ร่ม”


   “เขาโดนแทงได้ยังไง”


   “ยังไม่รู้ แต่...บนมีดที่เจอ มีลายนิ้วมือคุณเบญญา”


ชื่อของหญิงสาวทำเอาร่มธรรมนิ่งงัน เขายังจำได้ว่าหล่อนคือคนยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มจาง ในช่วงที่สติของเขากำลังลางเลือน


   “เขาทำร้ายผมกับครองทำไม”


   คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้า ไร้คำตอบ


   “ผู้หญิงคนนั้น...เป็นยังไง”


   “เขา...พูดไม่รู้เรื่องแล้ว”


รุ่งโรจน์พูดแล้วถอนหายใจเบา รู้ว่าตนเองต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างให้น้องชายฟัง แต่รินฤดีกลับเข้ามาในห้องเสียก่อน พร้อมกับบอกว่าหมออนุญาตให้ร่มธรรมไปเยี่ยมครองภพได้ นายตำรวจหนุ่มจึงตบไหล่น้องชาย


   “ไปเยี่ยมครองก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”


ร่มธรรมพยักหน้า เวลานี้เขาไม่ได้ห่วงใครมากไปกว่าครองภพอีกแล้ว


……………………


ครองภพนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักคนไข้ ใบหน้าของชายหนุ่มก็ยังหล่อเหลาสมกับเป็นพระเอกยอดนิยม แต่...ร่มธรรมไม่อยากเห็นอีกฝ่ายนอนไม่ได้สติเช่นนี้เลย



อัจฉราและธาดาอยู่ในห้องด้วย แน่นอนว่าสำหรับคนที่โทษตนเองว่าเป็นต้นเหตุ ย่อมพูดไม่ออกได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษ


   “มาสิร่ม” อัจฉรายังคงยิ้มให้ ธาดาเองก็ช่วยขยับเปิดทางให้ร่มธรรมได้เข้ามาอยู่ข้างเตียงคนป่วย


   “ครอง...หลับอยู่หรือครับ” น้ำเสียงของคนมาเยี่ยมอ่อนระโหย คล้ายใจจะขาด อัจฉราได้ยินแล้วใจหาย เดิมทีก็รู้จักนิสัยลูกชายดีอยู่แล้วว่าเขาทุ่มเทให้กับความรักความชอบของเขามากเพียงใด แม้คราวนี้จะเจ็บตัวเพราะความรู้สึกเหล่านั้น แต่พอมาเห็นใบหน้าเป็นกังวลและเศร้าหมองของร่มธรรม หล่อนก็โกรธไม่ลง


   “เดี๋ยวก็คงตื่นแล้ว คุณรินพาร่มเข้ามาใกล้ๆครองเถอะ” อัจฉราชวน รินฤดีจึงเข็นรถน้องชายเข้าไปหยุดที่ข้างเตียง


เพราะเป็นคนใส่ใจกับความรู้สึกของผู้อื่น คราวนี้เรื่องทั้งหมด ร่มธรรมโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง เขาย่อมไม่กล้าแม้แต่จะแตะตัวคนที่บาดเจ็บเพราะเขา ทำได้เพียงทอดสายตามอง แล้ววางมือลงบนขอบเตียง ราวกับนี่คือจุดที่ใกล้ที่สุดที่ร่มธรรมกล้าใกล้ชิดอีกฝ่าย


อัจฉรามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถเข็น สายตาที่ร่มธรรมมองลูกชายของหล่อนนั้นเจ็บปวดและเสียใจ แต่เขากลับไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือไปแตะ ราวกับกลัวว่าครองภพจะแตกสลาย


หล่อนไม่ใช่คนใจแข็ง ยิ่งเห็นความเศร้าของร่มธรรม เห็นความทะนุถนอมที่เขาไม่กล้าจะแตะต้องลูกชายของหล่อน ก็ยิ่งสงสาร


“ครอง...จะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ” เขาหันมาถามอัจฉรา แม้จะเห็นว่าสภาพของครองภพในเวลานี้ไม่ได้ดูย่ำแย่นัก แต่ก็อดกังวลไม่ได้


“ไม่เป็นอะไร หมอบอกว่าปลอดภัยแล้ว นี่ก็เพิ่งหลับไปอีกรอบ”


“เขา...ไปเพื่อช่วยผม...” ร่มธรรมครวญ เสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดทับถมอยู่ในใจจนหนักอึ้งไปหมด


“ถ้าอย่างนั้น ร่มก็อย่าทิ้งครองนะ” คำพูดของอัจฉราทำเอาคนที่คิดว่าตนเองคือต้นเหตุถึงกับนิ่งงัน เงยหน้ามอง


สายตาของอัจฉราที่มองเขาบอกให้รู้ว่านอกจากจะไม่กล่าวโทษในความผิดของเขาแล้ว ยังฝากฝังครองภพไว้กับเขาด้วย ทั้งๆที่คนที่ทำให้ครองภพเป็นเช่นนี้คือเขา


กระบอกตาของร่มธรรมร้อนผ่าว น้ำใสคลอหน่วย


“แต่ผมทำให้เขา...”


“ร่มมีค่าสำหรับเขา อย่าทิ้งเขาไปไหน ให้เขาตื่นมาได้เห็นร่ม ครองรอเจอร่มอยู่นะ...”


น้ำตาอาบแก้ม ดวงตาที่พร่ามัวด้วยทำนบน้ำหันมองคนที่ยังนอนบนเตียง


“ผมก็เหมือนกัน...ผมก็รอเจอเขาเหมือนกัน...”


ราวกับสลักที่กักขังความรู้สึกนึกคิดของร่มธรรมถูกคลายออก เขาเอื้อมมือไปจับมือของคนหลับ แล้วบีบแน่น ยิ่งมองใบหน้าของครองภพ อารมณ์ก็ล้นปรี่จนต้องฟุบหน้าลงกับมือนั้น น้ำตาอุ่นไหลริน


   “ครอง...พี่รออยู่นะ...พี่รอครอง...” เสียงอู้อี้ของร่มธรรมนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บปวด ทั้งสมหวัง รู้สึกเหมือนการรอคอยสิ้นสุด การพลัดพรากจบสิ้นที่วันนี้...ขอเพียงแค่ครองภพลืมตาขึ้นมา เขาจะเห็นว่ามีใครคนหนึ่งรอเจอเขาอยู่ตรงนี้


ชาตินี้เราจะไม่พลัดพราก


ชาตินี้เราจะต้องได้อยู่ด้วยกัน


ชาตินี้...เราจะต้องได้รักกันเสียที


.………………..


..........





   ครองภพยืนอยู่ที่หน้าบ้านทรงโคโลเนียลหลังหนึ่ง จะว่าคุ้นก็คุ้น จะว่าไม่คุ้นก็ใช่ แต่ก็ยังก้าวเท้าตรงเข้าไปราวกับถูกดึงดูด


เขาไม่แน่ใจว่าตนเองเดินเข้ามาในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อหันมองรอบกายก็พบชายสูงวัยผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ เบื้องหลังมีชายร่างสันทัดยืนค้อมกายราวกับรอรับใช้ ที่พื้นข้างโต๊ะมีเด็กชายผู้หนึ่งนั่งอยู่ เด็กผู้นั้นดูอย่างไรก็รู้ว่าไม่ใช่ลูกชายผู้มั่งมี แต่กระนั้นความอิ่มเอิบเทิดทูนของเด็กชายก็แผ่ออกมายามเจ้าตัวเงยหน้ามองชายสูงวัยผู้นั้น


   ‘ลายมือแปลก’


   ‘แต่เขียนกลอนได้ดี’


   ‘รับไปสิ รางวัลที่เอ็งเขียนกลอนได้ดี’


   ครองภพยืนดูภาพเหตุการณ์นั้น แม้สติสัมปัญชัญญะจะบอกว่าตนเองคือครองภพ ชายหนุ่มวัย 22 แต่เขาก็บอกได้เช่นกันว่าเด็กชายที่นั่งอยู่บนพื้นคือเขา ความรู้สึกเทิดทูนที่เด็กชายผู้นั้นมีต่อชายสูงวัย เขารับรู้มันได้อย่างดี


   ทว่าในเสี้ยววินาทีต่อมา ภาพเหตุการณ์นั้นกลับหายไป ครองภพหันมองรอบกายด้วยความงุนงง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าเป็นกระท่อมซอมซ่อ เด็กชายนอนขดตัวอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ดูราวกับป่วย ทว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง


นอกจากชายชราที่คาดว่าน่าจะเป็นหมอก้มๆเงยๆดูอาการแล้ว ยังมีชายสูงวัยผู้นั้นยืนคล้อยหลัง ครองภพยืนอยู่วงนอกสุดของเหตุการณ์จึงย่อมมองเห็นว่าชายสูงวัยผู้นั้นห่วงใยเพียงใด


   ‘เอ็งหาข้าวหาน้ำ แล้วให้มันกินยาด้วยล่ะ อาการมันเป็นอย่างไรก็ไปรายงาน’


   แม้จะเป็นวาจาเพียงสั้นๆ แต่กระนั้นก็ถ่ายทอดความห่วงใยได้เป็นอย่างดี ชายสูงวัยผู้นั้นเดินออกจากกระท่อมไปแล้ว แต่ครองภพยังยืนอยู่ที่เดิม ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้เขากลับมายืนอยู่ในห้องทำงานห้องเดิม เห็นชายสูงวัยผู้นั้นยืนกอดอกหน้าตาถมึงทึง รอบกายมีบ่าวไพร่รื้อค้นตามโต๊ะตู้จ้าละหวั่น


   ‘ต้องมีคนขโมยสร้อยพระของคุณหลวงไปแน่นอนขอรับ!’


   ‘ใครมันบังอาจ!!’


   ‘อีเย็นบอกว่าเมื่อวานเห็นไอ้แผนขึ้นมาบนนี้ คิดว่าคงเอาการบ้านมาส่งคุณหลวงอย่างทุกทีขอรับ บางที...อาจจะเป็นมัน’


   ‘มันจะรู้ได้อย่างไรว่ากูเอาสร้อยไว้ที่ไหน?!’


   ‘คุณเทพอาจจะบอกมันนะขอรับ คุณเทพได้รับสร้อยจากคุณหลวง มันคงรู้ว่าสร้อยเก็บไว้ที่ไหน สบโอกาสก็เลย...’


   ‘เอ่อ...ได้ยินคนพูดกันว่า พักหลังมานี้ มันมีข้าวของของคุณเทพอยู่ที่ตัว เสื้อผ้าของมันก็ของคุณเทพ แหวนทองที่คุณเทพหาไม่เจอ กระผม...ก็เกรงว่า...’


   ชายชราหายใจหอบด้วยอารมณ์โกรธล้นปรี่


   ‘…สันดานไอ้แผนมันขี้ขโมย คราวที่จับได้ก็ขโมยหนังสือคุณเทพ ไม่รู้มีอีกกี่ครั้งที่มันขโมยข้าวของในบ้าน ได้ยินคนพูดกันว่าพ่อแม่ของมันมีกินมีใช้ไม่เหมือนคนเป็นหนี้ ก็คงได้มันส่งเสีย คราวนี้มันคงหวังร่ำรวยทั้งโคตรเหง้า ถึงกล้าขโมยสร้อยพระนะขอรับ...’


   ‘ไอ้สารเลวเนรคุณ!! ให้คนไปค้นที่กระท่อมไอ้แผน!!’


   ความห่วงใยที่ชายสูงวัยผู้นั้นมีในเหตุการณ์เมื่อครู่ กลายเป็นพายุอารมณ์ร้ายกาจ ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าของครองภพดับไปอีกครั้ง แล้วเกิดเป็นภาพเหตุการณ์ใหม่ เด็กชายที่ครองภพจำได้ว่าเคยนอนซมบนแคร่ไม้ไผ่ กลายเป็นเด็กหนุ่มร่างผอมแกร็นสกปรกมอมแมม เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลแตกถูกเหวี่ยงลงไปกับพื้นหน้าบันได


   ‘มึงจะรับผิดรึยัง!’


‘กระผม...กระผมไม่ได้ทำ’ ร่างของเด็กหนุ่มอ่อนระโหย เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลน่าสยดสยองราวกับถูกเฆี่ยนตีมาแล้วก่อนจะถูกพาตัวมารับโทษอีกครั้ง


‘ไม่ได้ทำแล้วสร้อยพระของกูไปอยู่ในกระท่อมของมึงได้อย่างไร!’


‘กระผมไม่รู้ กระผมไม่รู้จริงๆขอรับ’


‘คราวก่อนก็หนังสือลูกกู คราวนี้ก็สร้อยพระของกู คราวหน้าไม่เป็นชีวิตกูหรือไร?! ไอ้จังไรเลี้ยงไม่เชื่อง หลักฐานคาตาอย่างนี้ ทำโทษหนักถึงเพียงนี้ก็ยังเอาแต่ปฏิเสธอีกรึ!’


 ‘กระผมไม่ได้ทำจริงๆ...คุณหลวงได้โปรดเชื่อกระผม...’


ราวกับคำว่าไม่ได้ทำนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ชายสูงวัยกระแทกไม้เท้าลงกับพื้นดังตึง!


‘เอามันออกไปจากบ้านกู!! เอาตัวมันไป อย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก!’


ร่างของเด็กหนุ่มถูกฉุดกระชากขึ้นมาจากพื้น ครองภพเห็นสายตาที่เด็กหนุ่มผู้นั้นมีต่อคุณหลวง มันเต็มไปด้วยแววอาฆาต โกรธเคือง เขาหันไปมองยังชายสูงวัย คุณหลวงเองก็โกรธแค้นไม่ต่างกัน มือกำสร้อยพระแน่น


ฝั่งหนึ่ง...ความเทิดทูนบูชาพังทลาย


อีกฝั่ง...ความเอ็นดูประดุจลูกหลานพินาศสิ้น


ทุกอย่างในเหตุการณ์นี้…ไม่เหลือชิ้นดี


ภาพทั้งหมดดับวูบลงอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นความมืดมิด ครองภพกะพริบตาถี่ๆ เขารู้สึกเหมือนลำคอของตนเองแห้งผาด ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก จนกระทั่งเห็นร่างของคนลางเลือนในความมืด เด็กหนุ่มผู้นั้นนอนพังพาบอยู่ในที่ที่ไม่มีแสงใดส่องถึง ดวงตาข้างหนึ่งปูดโปน อีกข้างหรี่ปรือ เนื้อตัวยังคงเต็มไปด้วยแผลและเลือดแห้งกรัง ลมหายใจแผ่วเบา มาพร้อมกับเสียงเครือฟังไม่ได้ศัพท์


‘...หลวง...อย่า...เจอ...ไม่...เจอ...กัน...อีก...’


ครองภพได้แต่ยืนนิ่งมองร่างของเด็กหนุ่มผู้นั้น จนกระทั่งเสียงลมหายใจเงียบไป


ไม่ต้องสัมผัสตัว ไม่ต้องให้มีแสงสว่างมากกว่านี้ ใจของครองภพก็บอกตนเองว่าเด็กหนุ่ม...จากไปแล้ว


เด็กหนุ่มผู้นั้น สิ้นลมอย่างเดียวดายในพื้นที่อับทึบไร้แสง เนื้อตัวมอมแมมและเจ็บปวด ความรู้สึกเทิดทูนที่มีต่อผู้มีพระคุณถูกทำลายเพราะความไม่เชื่อใจ


และครองภพรู้...รู้ว่าตนเองคือเด็กหนุ่มผู้นี้


“ครอง...”


ชั่วขณะที่ความรู้สึกดำดิ่งลงไปในความสงสารและเวทนากับชะตาชีวิต เสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในโสตประสาท


“ครอง...”


เขาจำเสียงนี้ได้ เสียงของคนที่เขาทั้งรัก ทั้งห่วง เสียงของคนที่แม้ชีวิตหนึ่งเราจะมีความสัมพันธ์อย่างผู้มีพระคุณและเด็กผู้ยากไร้ แม้ชีวิตนั้นจะไม่อาจตามทดแทนบุญคุณ อีกทั้งยังจากลาทั้งที่ผิดใจกัน แต่ชีวิตนี้...ชีวิตในชาติภพนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว


เราจากกันมาแล้วครั้งหนึ่ง


และเราก็พลัดพรากกันมาแล้วอีกหลายครั้ง


ชีวิตนี้ของเราจะไม่เป็นเช่นนั้นอีก


หากสิ่งใดเป็นโทษที่เคยทำไว้ต่อกัน ครองภพให้อภัยทุกอย่าง


ขอให้ชีวิตนี้ของพวกเขา...ได้เคียงข้างกัน ได้ผูกสัมพันธ์อย่างที่ควรจะเป็น อย่าได้จากลาด้วยความขัดแย้งแบบชาติภพก่อนเลย


ขอให้พวกเรา...ได้อยู่ด้วยกันสักที





.........


…………..


เปลือกตาของครองภพเปิดขึ้นอย่างช้าๆ แสงจากไฟในห้องทำให้เขาต้องหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นใหม่ ได้ยินเสียงแว่วๆว่า ‘ครองตื่นแล้ว’ เขาไม่ทันได้หันมองเพราะยังสะลึมสะลือ เลยส่งเสียงครวญออกมาเบาๆ กลายเป็นฝ่ายเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้ที่โผล่หน้าเข้ามาใกล้แทน


“เจ็บแผลหรือ”


ใบหน้าหล่อเหลาของร่มธรรม ไม่ซีดเซียวเหมือนตอนที่ครองภพไปเจอที่ตึกร้างอีกแล้ว ดวงตากลมใส แม้จะฉ่ำหยาดน้ำและแดงก่ำ แต่ก็มีประกายของชีวิตชีวา ครองภพหลับตาลงอีกที ได้ยินเสียงแว่วเข้ามาอีก


“สงสัยมันง่วง” เสียงนี้เป็นของธาดา เขาจำได้ดี


“ไม่ง่วง...” เขาตอบ แล้วลืมตาขึ้นอีกที คราวนี้กวาดมองไปรอบห้องก็ถึงได้เห็นว่ามีคนอยู่มากกว่าเมื่อตอนก่อนจะหลับไปเมื่อครู่


นอกจากแม่และพี่ชายของเขาแล้ว ยังมีรินฤดี รุ่งโรจน์และ...คนที่เขาอยากเจอที่สุด ร่มธรรม


“คุณ...มาแล้วหรือ...” เขาถามคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง มองเลยไปถึงได้เห็นว่าร่มธรรมนั่งอยู่บนรถเข็น คราวนี้เลยเหลือบไปมองพี่ชายของตนเอง


“ไหนว่าร่มไม่เป็นอะไร”


ครองภพฟื้นหลังออกจากห้องผ่าตัด คำถามแรกของเขาคือ ‘ร่มเป็นยังไง’ พอได้ยินธาดาบอกว่าปลอดภัยแล้ว เขาก็หลับต่อราวกับหมดห่วง ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องพักคนไข้ก็ยังไม่พบร่มธรรม พอถามซ้ำก็ยังได้คำตอบเดิมคือ ‘ปลอดภัยแล้ว’ แต่ไม่ทันได้ถามอะไร ก็หลับต่อไปอีก ตื่นมาคราวนี้ ได้พบร่มธรรมแล้ว แต่กลายเป็นว่าคนที่เขาอยากเจอกลับนั่งอยู่บนรถเข็น


ร่มธรรมยิ้มจาง


“พี่ไม่เป็นอะไร”


“แล้วทำไมนั่งรถเข็น” คนเพิ่งตื่นไร้แววง่วงงุนอีกแล้ว ตอนซักไซ้เลยดูเหมือนคนเจ็บเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายร่มธรรมแทน อัจฉราเห็นแล้วหัวเราะ จนลูกชายคนเล็กต้องหันมอง


“ครอง คนเจ็บน่ะเรานะ ร่มเขาไม่เป็นอะไร”


“แต่เขานั่งรถเข็น...” สีหน้าครองภพห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่ตนเองต่างหากที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด


“พี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ ครองต่างหาก...เป็นยังไงบ้าง”


ดวงตาเรียวมองคนถามอยู่อึดใจหนึ่ง สายตาเพ่งพินิจพิเคราะห์ แต่ใบหน้าของร่มธรรมนั้นดูชุ่มชื้นไม่เหมือนตอนที่เขาพบที่อาคารร้างแล้ว มองจนแน่ใจแล้วก็คลายสายตาเครียดเขม็งลง ก่อนจะเอ่ยแผ่ว


“ยิ้ม...ให้ผมหน่อย...”


ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ แต่ก็ขยับริมฝีปากแย้มยิ้มส่งให้ตามคำขอ เพียงเท่านั้นคนป่วยบนเตียงก็ทอดถอนหายใจยาว ใบหน้าของนักแสดงหนุ่มวัย 22 เผยรอยยิ้มจาง


มือที่ร่มธรรมจับอยู่เป็นฝ่ายกระชับปลายนิ้วของเขาแน่น ก่อนที่ครองภพจะเอ่ย


“ผมดีใจที่เจอคุณ...”


คนอายุมากกว่ายิ้ม


“พี่ก็ดีใจ ที่เราได้เจอกัน...”


ไร้คำพูดใดอีก เพียงมองตาก็เข้าใจ



ชีวิตนี้...ชาติภพนี้...จะไม่แยกจากกันอีกแล้ว



   ……………………….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2020 20:09:04 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

ร่มธรรมอยู่โรงพยาบาลอีกวันเดียวก็ออก ผลตรวจร่างกายของเขาพบเพียงยานอนหลับเท่านั้น เบญญาไม่ได้ทำอะไรเขาเลย แต่กระนั้นสิ่งที่หล่อนทำเอาไว้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ร่มธรรมรู้


   จดหมายขู่


   ไม่ใช่แค่หนึ่งฉบับ แต่มีมาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อน


รุ่งโรจน์สารภาพว่าที่ไม่ยอมบอกเรื่องจดหมายขู่เมื่อ 6 ปีก่อนเพราะเกรงว่าร่มธรรมและรินฤดีจะตกใจ โดยเฉพาะร่มธรรมที่จะต้องคิดว่าอุบัติเหตุของบิดาเกิดจากตนเอง เนื่องจากจดหมายขู่ถูกพบในรถของบิดา รุ่งโรจน์บอกว่าเขาก็สงสัยว่าจะเป็นการฆาตกรรม แต่หลักฐานต่างๆเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะคู่กรณีเมาเหล้าและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุด้วย อีกทั้งเมื่อร่มธรรมออกจากวงการแล้ว ก็ไม่เคยได้รับจดหมายขู่อีก เขาจึงคิดเอาว่าปล่อยให้ทุกอย่างจางหายไปก็คงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด



จนกระทั่ง...น้องชายคนเล็กกลับเข้าวงการ จดหมายขู่ก็กลับมา


แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าจดหมายขู่เมื่อ 6 ปีก่อนกับจดหมายขู่ที่เขาและรินฤดีได้รับในภายหลังจะมาจากคนคนเดียวกันหรือไม่ แต่ก็มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน คือการข่มขู่ให้ร่มธรรมออกจากวงการ ยิ่งเมื่อหนุ่ยถูกจับ และให้การซัดทอดว่ารับจ้างจากเบญญาให้คอยรายงานความเคลื่อนไหวของร่มธรรมเป็นระยะ และภายหลังก็ถูกจ้างให้ส่งจดหมายขู่ด้วย เบญญาจึงกลายเป็นผู้ต้องหาไปในทันที


เมื่อตำรวจขอหมายค้นบ้านพักของหญิงสาว สภาพภายนอกนั้นดูสะอาดเรียบร้อย แต่ภายในทำเอาทุกคนผงะ


รุ่งโรจน์ที่ตามไปดูถึงกับพูดไม่ออก บ้านเดี่ยวขนาดสองชั้นที่เบญญาอาศัยเพียงลำพัง มองจากภายนอกดูดี แต่ภายในทั้งอับและทึบด้วยม่านหนา พื้นที่บางส่วนในบ้านเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นหักพังก็ยังอยู่เช่นนั้น ไม่มีการซ่อมแซมหรือโยกย้าย พื้นที่ภายในบ้านที่ดูน่าจะมีการใช้งานคือเตียงนอนบนชั้นสอง ห้องน้ำ และห้องครัว


รามิลบอกว่าน้องสาวให้หาคนงานมาทำความสะอาดนอกบ้านเท่านั้น ภายในบ้านไม่เคยมีใครได้เข้าไป ตัวเขาเองก็ไม่เคยแวะไปเยี่ยมเยียนหล่อนที่บ้านเช่นกัน หากจะพบปะก็นัดกันตามร้านอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าภายในบ้านเป็นเช่นไร


เบญญาตัวคนเดียว มารดาเสียไปนานแล้ว ส่วนบิดาก็ไม่ได้ดูดำดูดีหล่อนมากไปกว่าการส่งเงินมาให้ใช้เป็นรายเดือน ไม่มีญาติฝั่งแม่ ส่วนญาติฝั่งพ่อ อาทิ พี่น้องต่างมารดาทั้งหลายก็ไม่ได้ไปมาหาสู่ถึงบ้าน ภายในบ้านจึงเป็นอาณาจักรของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว


และทุกที่ในอาณาจักรของเบญญา เต็มไปด้วยรูปภาพและเรื่องราวของร่มธรรม


รูปภาพในอิริยาบถต่างๆ มีทั้งรูปแอบถ่าย และรูปตอนอยู่ในวงการ แก้วกาแฟจากร้าน ร.รอ จำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของผู้ชายที่ถูกเก็บอยู่ในกล่องใต้เตียง ไม่แน่ใจนักว่าสองอย่างหลังเป็นของร่มธรรมหรือไม่ แต่ในกล่องมีกระทั่งของชำร่วยงานศพบิดาของพวกเขาสามพี่น้อง


นอกจากนั้นยังพบกองกระดาษถูกขยำทิ้ง ในนั้นเป็นลายมือของเบญญาและข้อความข่มขู่ให้พาร่มธรรมออกจากวงการ ดูเหมือนหล่อนทดลองเขียนหลายแผ่น ก่อนจะส่งออกไป


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนนิ่งงันยิ่งกว่า คือการพบยาเสพติด และอุปกรณ์สำหรับเสพย์ยาในห้องนอน


ไม่มีใครพูดออก หรือพูดให้ถูกคือไม่มีใครคาดคิด เบญญาที่อยู่ต่อหน้าคนรอบข้างเป็นผู้หญิงสดใสร่าเริงและเรียบร้อย กระทั่งณัฐฐาที่คิดว่าสนิทกับหล่อน ก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าเบญญาติดยาตั้งแต่เมื่อไร และซื้อหาจากที่ใด


ตัวเบญญาเอง ในเวลานี้ไม่อาจให้การใดๆได้อีกแล้ว นับตั้งแต่ถูกพาออกจากอาคารร้าง หล่อนคุ้มดีคุ้มร้าย  ไม่มีใครรู้ว่าเป็นผลพวงมาจากเรื่องที่เกิดขึ้น หรือเพราะฤทธิ์ของยาเสพติด แต่ยามคุ้มคลั่ง หล่อนเอาแต่ด่าทอผีร้าย ยามนิ่งสงบก็คล้ายตกอยู่ในห้วงภวังค์ที่ไม่มีใครรู้ว่าภวังค์ของหล่อนเป็นเช่นไร


ร่มธรรมยืนมองสภาพของเบญญาแล้วถอนหายใจอย่างปลงตก ทว่าพอก้าวเดินออกจากโรงพยาบาล เขาก็พบรามิลที่แวะมาเยี่ยมน้องสาว


   อันที่จริง นับตั้งแต่เกิดเรื่อง รามิลโกรธมากจนแทบตัดพี่ตัดน้อง แต่อย่างไรก็เห็นกันมาแต่เด็ก แถมบิดาของเขาถึงจะไม่ใช่สามีที่ดีมีภรรยานับมือแทบไม่ได้ แต่ก็เป็นพ่อที่ดีของลูกอยู่บ้างตรงที่ออกปากขอร้องให้รามิลช่วยน้องสาวด้วย


   แต่...เวลานี้เบญญาไม่ได้ต้องการเพียงความช่วยเหลือทางการรักษา แต่เรื่องคดีความที่หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องจัดการ


   รามิลถือเป็นลูกผู้กำกับอนันต์โดยแท้ เขารู้ว่าเรื่องคดีความ อย่างไรก็ต้องคุยกับผู้เสียหาย และคนที่เป็นผู้เสียหายในคดีนี้คือร่มธรรมและครองภพ


   ครองภพมีทั้งต้นสังกัดและครอบครัว แต่ร่มธรรมมีเพียงครอบครัว คนที่คุยง่ายที่สุดย่อมเป็นร่มธรรม


   รามิลเลยหาทุกวิถีทางที่จะเข้าถึงร่มธรรมได้โดยลำพัง วันนี้พอรู้ว่าอีกฝ่ายแวะมาเยี่ยมเบญญา เขาจึงรีบมาทันที


   “พี่มิล สวัสดีครับ” ร่มธรรมยกมือไหว้คนอายุมากกว่า


   “มาเยี่ยมเบญหรือ”


   “ครับ...” ร่มธรรมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเยี่ยมได้ไหม เพราะเขาไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากให้หล่อนหายดีหรือไม่หายตลอดไป พอรู้สิ่งที่หล่อนทำ เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไรกับหล่อน โกรธเคืองหรือ แค้นอาฆาตหรือ หากเขาทุ่มทุกความรู้สึกและพิพากษาหล่อนทั้งๆที่หล่อนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว ตัวเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคุณหลวงผู้นั้นที่หูเบาฟังความข้างเดียวจนขับไล่ผู้เทิดทูนบูชาให้พ้นสายตาไปอย่างไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร


   “ร่ม...พอจะมีเวลาไหม พี่อยากคุยด้วย”


   ร่มธรรมรู้ว่ารามิลต้องการพูดเรื่องอะไร ตัวเขาเองก็อยากจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นเสียทีเช่นกัน


   “ผมก็อยากคุยกับพี่มิลเหมือนกันครับ”


………………………


   ร้านกาแฟใกล้ๆ สงบเงียบพอที่ชายหนุ่มสองคนจะพูดคุยกัน


ร่มธรรมรับฟังเหตุการณ์จากรามิลอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าเหตุการณ์ในอาคารร้างนั้น แต่ละคนย่อมพบเจอสถานการณ์คนละอย่าง แต่เมื่อนำคำพูดทุกคนมารวมกันก็ย่อมปะติดปะต่อได้ เพียงแต่บางช่วง...มันก็เกินกว่าที่วิทยาศาสตร์จะอธิบาย


หนุ่ยบอกว่า เบญญาจ้างตนให้ดักรออยู่ในอาคารร้างและทำอย่างไรก็ได้ให้ร่มธรรมหมดสติ ไม่รู้ว่าร่มธรรมเข้ามาในอาคารได้อย่างไร เขาเพียงทำตามที่เบญญาสั่ง


ร่มธรรมเองก็จำได้แค่ว่า เขาเดินอยู่กับครองภพ แต่จู่ๆครองภพก็หายไป เขารู้สึกเวียนศีรษะ ถูกจูง แล้วพอรู้สึกตัวก็ยืนอยู่ในอาคารร้างแล้ว จากนั้นก็ถูกหนุ่ยทำร้าย ก่อนจะหมดสติ เขาเห็นเบญญามองเขาอยู่


หนุ่ยเล่าต่อว่าภายหลังร่มธรรมสลบ เบญญาสั่งให้เขากลับไปสมทบกับคนที่ออกมาตามหาหล่อน และให้เขาชี้ทางผิดๆให้คนพวกนั้นไปทางอื่น พอจัดการทีมงานของผู้กำกับฉายเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับมาหาเบญญา หล่อนสั่งให้เขาแบกร่มธรรมไปไว้ที่รถซึ่งจอดรออยู่ไม่ไกล แต่เขาเริ่มกลัว ไม่กล้าทำ เพราะร่มธรรมไม่ฟื้นสักที แถมยังเห็นเบญญามีเข็มฉีดยาด้วย ยิ่งพอหล่อนอาละวาด เขาก็ยิ่งไม่กล้าอยู่ต่อ รีบหนีออกมา แล้วเขาก็ไม่รู้เรื่องในอาคารร้างแห่งนั้นอีก


ในขณะที่ครองภพ เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงจึงตามมา แล้วก็ถึงได้พบร่มธรรม แต่กลับถูกเบญญาแทง เขาฮึดสู้ จับหล่อนมัดกับเสา ช่วงที่เกิดเหตุ ไม่พบหนุ่ยหรือใครอยู่กับหล่อน อนุมานว่าไม่มีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่น จากนั้นก็พาร่มธรรมลงมาจากชั้นสอง ติดต่อหารุ่งโรจน์ บอกตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ แล้วก็สลบไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รามิลไปถึงแล้ว


   ส่วนรามิลที่เข้ามาช่วยทีหลัง บอกว่ารินฤดีโทร.หาเขา โดยแจ้งตำแหน่งที่ครองภพโทร.บอกกับรุ่งโรจน์ เขาจึงไปถูกที่และทันเวลา


   “ตอนนั้นร่มหมดสติ แต่ไอ้ครองรู้สึกตัว มันพูดแต่ว่าให้ตามหมอ มันเป็นห่วงร่มมาก”


เรื่องราวในช่วงนี้คงมีแต่รามิล คนที่ตามไปช่วยและครองภพที่บอกเล่าได้ แต่ครองภพไม่ใช่คนเล่ารายละเอียดจำพวกนี้ ดังนั้นจึงต้องรู้จากปากรามิลเพียงผู้เดียว


   “แต่ไอ้ครองน่ะ หน้ามันซีดกว่าร่มอีก พอส่งร่มขึ้นรถพยาบาล พวกเราถึงได้เห็นว่ามันถูกแทง...เอ่อ...ร่มคงรู้แล้วว่าคนที่แทงคือเบญ...”


   “ครับ พี่โรจน์บอกแล้วว่าด้ามมีดมีแต่ลายนิ้วมือของผู้หญิงคนนั้น”


   “พี่...ไม่รู้เลยว่าเบญจะเป็นแบบนี้” รามิลพูดแล้วใจหาย “...พี่ควรจะเข้าไปอยู่กับเขามากกว่านี้ ตอนเขาเสียแม่ พี่เห็นเขาไม่ร้องไห้ ยังชมว่าเขาเก่ง ยิ่งเขาอยู่คนเดียวได้ ไม่เคยเอาเรื่องอะไรมาระบายให้ฟัง ก็ยังคิดว่าเบญเข้มแข็ง แต่พี่ไม่รู้...ไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เขา...เสียศูนย์...”


   น้องสาวต่างมารดาของรามิลคนนี้ หากจะกล่าวว่าอาภัพก็ใช่ 


หล่อนเป็นลูกสาวของผู้กำกับอนันต์กับภรรยาที่ไม่จดทะเบียน แม้บิดาจะรับหล่อนเป็นลูก แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับลูกคนใดมากเป็นพิเศษ กระทั่งตอนที่หล่อนเสียมารดาไปด้วยโรคร้าย เวลานั้นเบญญาเพิ่งอยู่ชั้นมัธยม ผู้กำกับอนันต์เป็นเจ้าภาพงานศพทุกคืน แต่โผล่หน้ามาเพียงวันเผา เป็นรามิลเสียอีกที่ไปร่วมงานทุกวัน ตอนนั้นแม้หล่อนจะโศกเศร้า แต่ก็ไม่ได้ตีโพยตีพาย แม้เป็นเพียงเด็กสาวอายุน้อย แต่หล่อนก็ดูแลงานศพของมารดาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รามิลยังชื่นชมว่าหล่อนช่างแข็งแกร่ง เบญญาเพียงยิ้มน้อยๆแล้วส่ายหน้าไปมา


   แต่...ก็เป็นเพียงการส่ายหน้าอย่างเงียบๆ


พ้นงานศพของมารดา เบญญาก็อยู่เพียงลำพัง แม้จะมีพี่น้องต่างมารดาให้ทักทายถามไถ่อยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้ว หล่อนก็ไม่ได้มีพื้นที่ในครอบครัวขนาดใหญ่ของผู้กำกับอนันต์มากนัก


   พวกพี่ๆน้องๆต่างมารดารับรู้เพียงว่าเบญญาไม่มีญาติฝั่งแม่ เมื่อสิ้นมารดาก็อาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังเดิมเพียงคนเดียว เงินทองของมารดาที่ทิ้งไว้พอมีให้ใช้สอย ผู้กำกับอนันต์ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ส่งเสียบุตรสาวอย่างที่ปฏิบัติกับลูกคนอื่นๆ แต่นอกเหนือจากเรื่องเงิน เขาก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ชิดกับหล่อน


   ทุกคนมองว่าเบญญาช่างเข้มแข็ง แต่ใครเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้วหล่อนเป็นเช่นไร


ไม่มีใครรู้ว่าเบญญาเริ่มสูญเสียความรักความนับถือในตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของหล่อนเป็นอย่างไร เงินทองมีพอกินพอใช้ในระดับที่เรียกว่าสุขสบาย แต่บ้านช่องกลับวังเวงไร้การดูแลรักษา


ไม่มีใครรู้ว่ายามหล่อนอยู่เพียงลำพัง หล่อนทำอะไร


ไม่มีใครรู้...ทุกคนมองว่าหล่อนช่างเข้มแข็งจนมองข้ามความรู้สึกของหล่อนไปจนหมด


แต่ไม่ว่าใครจะมองข้าม เบญญาก็ไม่ทุกข์ใจ ไม่เดือดร้อน ความรู้สึกของหล่อนที่มีต่อชีวิตของตนเองนั้นช่างว่างเปล่า แต่ความรู้สึกที่มีต่ออีกชีวิตหนึ่งกลับอัดแน่นไปด้วยความรัก ความอยาก ความต้องการ


ความรู้สึก...ต่อร่มธรรม


เบญญาเรียกสิ่งนั้นว่าความรัก และหล่อนยกมันให้ร่มธรรมทั้งหมดจนกลายเป็นหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของเขา ต้องการครอบครองแค่เขา การเห็นเขาเป็นที่รักใคร่ของคนจำนวนมากทำให้รู้สึกว่าถูกแย่งของรักของหวง การที่เขาออกจากวงการ ย่อมเป็นสิ่งที่หล่อนพึงใจ


แต่ให้อย่างไร ในโลกความเป็นจริง ต่อให้ร่มธรรมจะออกจากวงการบันเทิง เขาก็ไม่ได้เข้าใกล้หล่อนมากไปกว่าโลกเสมือน เบญญาสร้างโลกอีกใบด้วยยากล่อมประสาท โลกที่มีเพียงหล่อนและร่มธรรม และความรักเดียวของหล่อนนี้จะไม่เป็นของใครอื่น ทว่า...สุดท้ายโลกความจริงก็ยิ่งทำร้ายหล่อน เมื่อร่มธรรมกลับเข้าวงการอีกครั้ง และมีข่าวสนิทสนมกับคนอื่น


    “พี่ขอโทษ พี่กล้าสาบานว่าทั้งพี่ทั้งพ่อ ไม่มีใครรู้เรื่องของเบญ...” รามิลสารภาพตามตรง “...ถ้าเรารู้...เราจะไม่มีทางปล่อยให้เบญทำแบบนี้”


พล็อตซีรี่ส์โบราณคร่ำครึที่รามิลเคยก่นด่า สุดท้ายแล้วก็กลับมาปรากฏอยู่ในครอบครัวของเขาเอง เพียงแต่ต้นเหตุแตกต่าง เรื่องนั้นครอบครัวเข้มงวด ส่วนชีวิตเบญญา คนรอบข้างปล่อยปละละเลย


ถึงจะไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกัน แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจพี่น้องต่างแม่คนไหน เบญญาเองก็นับว่าเป็นน้องสาวที่ดี หล่อนน่ารักเรียบร้อย นับถือเขาเป็นพี่ ต่อให้จะไม่ได้พบเจอกันบ่อยๆ แต่ก็ติดต่อกันอยู่เสมอ  ตอนที่เขาพบเบญญาในงานวันเกิดของบิดา วันนั้นรามิลจำได้ว่าเขาเห็นรูปของร่มธรรมบนโทรศัพท์มือถือของหล่อน เบญญายังอวดให้ดูว่าเป็นนักแสดงที่ออกจากวงการไปแล้ว และหล่อนยังชื่นชมติดตามเป็นแฟนคลับเขาอยู่


   ตอนนั้นรามิลยังเย้ยหยันน้องสาวในใจว่าคนอะไรชอบนักแสดงที่ออกจากวงการ พอลองเอาชื่อของร่มธรรมไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ตามดูงานแสดงเก่าๆอย่างตั้งใจ เลยกลายเป็นถูกใจ อยากดึงกลับเข้าวงการ จนกระทั่งมีโปรเจ็คสี่เรื่องสั้นสี่ผู้กำกับเข้ามาในมือ เลยได้โอกาสเหมาะดึงร่มธรรมมาร่วมงาน


พอคิดมาถึงตรงนี้ รามิลก็ได้แต่หลับตาถอนหายใจ รู้สึกเหมือนตนเองคือหนึ่งในต้นเหตุของโศกนาฏกรรมทั้งมวล


   “ผมไม่ได้โทษพี่เลย คุณเบญกับพี่เป็นคนละคน”


   “แต่ยังไงพี่ก็ควรเป็นคนรับผิดชอบด้วย”


เมื่อมาถึงประโยคนี้ของรามิล ร่มธรรมก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการพูดเรื่องคดีความ เขาเอนหลังพิงพนัก ไม่ได้มีท่าทีเครียดขึงแต่อย่างใด


   “ผมกับครอบครัวของครองเห็นตรงกันว่าเราจะให้เป็นไปตามกฎหมาย ผมจะแจ้งความเฉพาะคดีข่มขู่ ส่วนครอง...ก็เรื่องทำร้ายร่างกาย จริงๆ...ทางต้นสังกัดก็ไม่อยากให้ฟ้องเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้เป็นข่าว แต่...หลักฐานมันค่อนข้างชัดเจน เรื่องที่มีดมีแต่ลายมือของคุณเบญ ก็เลย...จำเป็น ทางพี่มิลจะว่าอะไรไหมครับ”


ในฐานะครอบครัวของผู้ต้องหา ย่อมไม่กล้าปฏิเสธทางเลือกชั้นดีที่สุดสำหรับเหตุการณ์อื้อฉาวขนาดนี้ “ส่วนเรื่องข่าว...ก็ให้เป็นไปตามที่ตกลงกับต้นสังกัดของครอง ผมสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องคุณเบญมากเกินความจำเป็น เรื่องยาเสพติดก็ด้วย เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับทางผม”


แน่นอนว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว รามิลรู้ว่าหากร่มธรรมต้องการเอาจริง ย่อมทำให้ครอบครัวและต้นสังกัดของครองภพหันมาประจัญหน้ากับครอบครัวของเขา เบญญาอาจจะรอดจากโทษอาญาเพราะความไม่สมประกอบทางจิตของหล่อน แต่จะกลายเป็นข่าวอื้อฉาวหนักกว่าเดิม ครอบครัวผู้กำกับผู้จัดละครคนดังปล่อยปละละเลยสมาชิกในครอบครัวที่เป็นโรคจิตเภท ให้ติดยาเสพย์ติด และก่อปัญหาให้แก่ผู้อื่น


“ขอบคุณ”


ไม่ว่าร่มธรรมจะมีมูลเหตุอย่างไรที่ยอมถอยก้าวหนึ่งไม่เอาเรื่องอย่างถึงที่สุด แต่รามิลก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว


ทางครอบครัวผู้กำกับอนันต์และรามิลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของร่มธรรมและครองภพทั้งหมด เพื่อแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น และตกลงกันว่าจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย


ร่มธรรมยกเรื่องนี้ให้พี่ชายคนรองและทนายความช่วยดูแลต่อ ในขณะที่ตัวเขาเองแม้จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยมครองภพทุกวัน จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาล


   ....................


ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

แผลของครองภพไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่ในฐานะลูกชายคนเล็ก น้องชายคนเล็ก และเป็นศิลปินมูลค่าสูงของสังกัด เขาย่อมได้รับการประคบประหงมอย่างดี


ธาดาประคองน้องชายผู้บาดเจ็บให้นั่งลงบนโซฟา วิษณุกุลีกุจอหยิบน้ำและแก้วมาวางเอาไว้ใกล้มือ ไม่ใกล้ไม่ไกลคืออัจฉราที่ยืนดูอย่างห่วงใย ส่วน...คนที่ครองภพอยากให้มาดูแลกันมากที่สุดอย่างร่มธรรมนั้น...


ตอนเช้าไปทำงานที่ออฟฟิศ


ตอนบ่ายแวะไปร้านกาแฟ


ไม่ได้อยู่ดูดำดูดีกันทั้งเช้าทั้งบ่ายจนคนพักฟื้นหน้าหงิก


“ครองอยากได้อะไรอีกมั้ย เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วง ทางพี่จะคุยให้เอง” วิษณุออกปาก


“ไม่มีครับ เรื่องงานฝากด้วย” ครองภพทำงานกับวิษณุมานาน เขาไว้ใจผู้จัดการของตนเองมากพอๆกับที่ไว้ใจความสามารถในการทำงานของตนเอง


“ครองอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย แม่จะสั่งมาให้” อัจฉราถาม


“ไม่ครับ แม่”


“แล้วอยากได้อะไร” ธาดาถามบ้าง คราวนี้หน้าตาบูดบึ้งของน้องชายหันมาที่เขา แต่ธาดายังทำตาปริบๆไม่รู้เรื่องรู้ราว คนน้องเลยไม่พูดอะไรอีก เอนหลังลงพิงพนักโซฟาแล้วหลับตาเหมือนไม่อยากให้ใครรบกวน


“ว้า ไล่แขกแบบนี้ งั้นบอกแขกที่ยังไม่มาว่าไม่ต้องมาแล้วกันเนอะ”


คราวนี้เปลือกตาเปิดพรึ่บ! ดวงตาเรียวของนักแสดงหนุ่มตวัดมาจับจ้องคนพูดทันที ธาดาหัวเราะร่วน


“ร่มไปทำงาน” คนพี่บอก ครองภพอยากบ่นว่าจะทำงานอะไรนานๆ แต่หากบ่นเช่นนั้นคงทำให้ดูเป็นหนุ่มน้อยไม่รู้จักโต


“ร่มบอกว่าจะหิ้วอเมริกาโน่เย็นมาให้ด้วยนะ” ธาดายังเอาใจน้องชาย แต่ดูเหมือนคนเป็นน้องจะอยากได้มากกว่านั้น


“บอกเขาว่าไม่ต้องเอาอะไรมา...แค่...รีบมาก็พอ...” ประโยคหลังนั้นแสนเบา แต่เบาแค่ไหนธาดาก็ยังได้ยิน คนเป็นพี่อยากยิ้มแก้มจะแตกแต่ทำได้เพียงอมยิ้มเอาไว้เพราะเกรงว่าจะถูกน้องชายอาละวาดเสียก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วในใจของเขามีแต่คำเยินยอเท่านั้น!


ครองภพที่มีความรักนี่น่ารักจริงๆ น่ารักจริงๆ น่ารักจริงๆ!


……………………..



อันที่จริงร่มธรรมไม่ได้มีงานใดให้ต้องสะสางมากนัก แต่การบอกกับคนอื่นๆว่าตอนเช้าต้องเข้าออฟฟิศ ตอนบ่ายต้องไปดูร้านกาแฟก็เป็นวิธีการที่ดีที่จะไม่ทำให้ใครๆต้องห่วง แม้ว่าแท้จริงแล้ว ชายหนุ่มจะอาศัยช่วงเวลาว่างระหว่างเช้ากับบ่ายมาที่บ้านหลังหนึ่งพร้อมพี่สาวและพี่ชาย


ร่มธรรมจะมาเผชิญหน้ากับคนที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพลิกผัน


ตอนถูกจับ หนุ่ยสารภาพว่าที่ทำทุกอย่าง ส่วนหนึ่งทำไปเพราะแค้น ทั้งที่รู้เต็มอกว่าต้นเหตุของอุบัติเหตุเมื่อหกปีก่อนคือพี่ชายของตนเองก็ตาม แต่คนพาลย่อมเป็นคนพาล เขาหลุดปากต่อว่าบิดาของสามพี่น้องว่าหากไม่ขับรถไปเส้นทางนั้น พี่ชายของเขาก็อาจเพียงเมาแล้วขับรถส่ายไปมา ไม่ถึงกับชนจนเสียชีวิตแบบนี้



อีกส่วนก็เพราะเงินจำนวนมากที่เบญญาเสนอ


แรกเริ่ม เบญญาเพียงจ้างให้เขาคอยเป็นหูเป็นตาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับร่มธรรมให้หล่อนทราบ จนกระทั่งร่มธรรมกลับเข้าวงการ หล่อนจึงเพิ่มเงื่อนไขเป็นการส่งจดหมายขู่ด้วย อาศัยการเป็นพนักงานส่งเอกสารเข้าถึงทุกพื้นที่ที่ร่มธรรมอยู่


อย่างไรก็ตาม หนุ่ยปฏิเสธการมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับจดหมายขู่ที่พบในรถยนต์ของบิดาของสามพี่น้องเมื่อหกปีก่อน ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเวลานั้นหนุ่ยและครอบครัวของร่มธรรมไม่มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน นอกจากนั้น ยังปฏิเสธเรื่องการมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับอุบัติเหตุในกองถ่ายที่ร่มธรรมและครองภพประสบ แม้ว่าจะมีทีมงานจำได้ว่าหลังจากที่ร่มธรรมบาดเจ็บ และครองภพเจออุบัติเหตุแปลกๆ จะพบหนุ่ยในบริเวณใกล้กองถ่ายก็ตาม แต่เรื่องนี้ นอกจากพยานแล้วก็ไม่มีหลักฐานอื่นอีก


บ้านเช่าหลังเล็กในซอยลึกเงียบราวกับไร้คนอยู่ แต่ประตูบ้านเปิดคาเอาไว้ ร่มธรรมเป็นคนกดออด รอเพียงอึดใจเดียว ชายร่างสันทัดที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีก็ก้าวเท้าออกมาจากบ้าน พลันเมื่อเห็นว่าใครมาเยี่ยมเขาในเวลานี้ ‘หนุ่ย’ ก็ถึงกับลืมหายใจ


“คุณร่ม...” เขาครวญ อยากก้าวเท้ากลับเข้าบ้านไม่ต้องการพบเจอ แต่อีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่อีกฝั่งของรั้วราวกับบอกว่าต้องเจรจากันในวันนี้


สุดท้าย หนุ่ยเลยต้องเดินมาเปิดประตู ยกมือไหว้เงียบๆ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ได้แต่ก้มหน้าต่ำ ร้อนผ่าวไปทั้งหัวตา


“ดูท่าจะสบายดีนะ” ประโยคแรกของร่มธรรมนั้นเรียบเฉย แต่หนุ่ยสะท้านไปทั้งใจ


“ต...ตำรวจบอกว่า...ให้รอครับ...จะมีนัดให้ไปพบพนักงานสอบสวน...”


ร่มธรรมพยักหน้ารับรู้ สถานการณ์ของหนุ่ยเวลานี้ไม่ใช่เรื่องดี เป็นเพียงการปล่อยตัวชั่วคราวเท่านั้น


“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ 2-3 ข้อ ใช้เวลาไม่นาน”


“ค...ครับ เชิญครับ...”



ร่มธรรม รินฤดีและรุ่งโรจน์เดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินเก่าๆ ทั้งๆที่เป็นบ้านของหนุ่ย แต่เจ้าของบ้านกลับรู้สึกเหมือนร่างกายหดลีบ ไม่มีหน้าแม้แต่จะสู้ใคร เขาได้แต่นั่งลงบนม้าหินตรงข้าม ก้มหน้าต่ำพูดไม่ออก


“หากผมพูดอะไรผิด คุณแย้งผมได้เลย”


“...ผมเพิ่งทราบว่าลูกของคุณไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกของพี่ชายคุณที่ตายเพราะอุบัติเหตุเมื่อ 6 ปีก่อน...พี่ชายคุณ...ตายพร้อมพ่อของพวกผม”


หนุ่ยได้แต่พยักหน้า ไร้ซึ่งเสียงตอบใดๆ


“อุบัติเหตุวันนั้น พ่อของพวกผมไม่ใช่ต้นเหตุ แต่พี่ชายของคุณเมา”


เป็นอีกครั้งที่หนุ่มพยักหน้า เรื่องนี้เขาก็รู้ แต่ความเห็นแก่ตัวของคนเรา คือการผลักความผิดให้พ้นตัวเพื่อเรียกร้องความเมตตาจากคนอื่น


“หลังพี่ชายคุณตาย พี่สะใภ้คุณก็มาตายตามไปอีก ทิ้งลูกของพวกเขาไว้ให้คุณดูแล”


หนุ่ยพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า หลานชายที่เขารับมาดูแลเป็นลูก พลอยได้รับความเอื้อเฟื้อจากร่มธรรมไปด้วย เด็กชายตัวน้อยป่วยกระเสาะกระแสะก็ได้ร่มธรรมหยิบยื่นน้ำใจช่วยหาโรงพยาบาลให้ แต่...หนุ่ยกลับไม่เคยคิดว่ามันเพียงพอ


หากพี่ชายของเขาไม่ตาย หากพี่สะใภ้ของเขาไม่ตาย ครอบครัวของพี่ชายของเขาย่อมมีความสุข เขาเองก็ไม่ต้องรับภาระเลี้ยงดูหลาน แต่เพราะพี่ชายของเขาตาย...ความเห็นแก่ตัวของหนุ่ยคือรู้ทั้งรู้ว่าพี่ชายของตนเป็นต้นเหตุ แต่ก็ยังแค้นเคืองครอบครัวของร่มธรรม


อันที่จริง ตัวเขาไม่มีความสามารถที่จะลงมือทำสิ่งใดได้ คนที่หยิบยื่นโอกาสให้ได้มาเป็นพนักงานในบริษัทของร่มธรรมก็คือเบญญา หล่อนมาพร้อมกับข้อเสนอด้านการเงิน จูงใจให้เขาเข้าไปทำงานกับร่มธรรม และคอยรายงานชีวิตประจำวันของร่มธรรมให้หล่อนรู้อยู่เสมอ...แลกกับเงิน


แม้คราวแรกแค้นเคือง แต่เมื่อได้ทำงานกับร่มธรรม ก็กลับได้รับน้ำใจอยู่เสมอ ใจจึงทั้งแค้นทั้งเทิดทูน ลงมือทำสิ่งใดก็ละล้าละลังเพราะรู้ผิดรู้ชอบ แต่...ก็ยังทำ...


เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ ราวกับปลงตก หนุ่ยเงยหน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็พลอยใจหาย ร่มธรรมเป็นมิตรและจิตใจดีกับคนรอบข้าง แต่ยามใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย ก็กลับให้ความรู้สึกเย็นชาแห้งแล้งและ...ไร้ปรานี


“คุณเบญญา ครอบครัวเขามีเงินมากพอจะสู้คดี แล้วก็คงใช้เรื่องอาการทางประสาทมาเป็นเหตุผล อาจจะไม่ติดคุก เพราะพวกผมเองก็ไม่มีใครเจ็บหนัก แต่คุณ...” ร่มธรรมพูดเพียงเท่านั้น ก็ทำได้เพียงจับจ้องชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หนุ่ยรู้ตัวก็ในวินาทีนี้ว่าเขาทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและความช่วยเหลือที่เคยได้รับไปหมดแล้ว


“ต...แต่...แต่ลูกผม...”



ทว่าคนเห็นแก่ตัว กลับยังคงนำความเห็นแก่ตัวมาตีแผ่ ร่มธรรมถอนหายใจเบา ส่ายศีรษะไปมาอย่างเสียดาย


ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าหนุ่ยเป็นพ่อที่ดี เป็นชายหนุ่มที่รักครอบครัว ทำงานหนักเพียงใดก็ไม่ปริปากบ่น จึงเอ็นดูลูกของหนุ่ย ยิ่งสงสารที่เห็นเด็กน้อยป่วยกระเสาะกระแสะ จึงช่วยหาโรงพยาบาลด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนคนที่เขาเคยคิดว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี จะกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว


หนุ่ยที่อยู่ตรงหน้าเขา ใช้ลูกมาเป็นข้อต่อรองก็ยังทำได้


“ผมเอ็นดูเด็กคนนั้นนะ น่าเสียดาย...” คำเปรยสุดท้ายทำเอาหนุ่ยใจหายวาบ


“ค...คุณร่ม...”


“คุณมีทางเลือกเดียว คือส่งเด็กไปอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวทางพี่สะใภ้ของคุณ ส่วนคุณ...ก็รอรับโทษในสิ่งที่คุณทำ มันก็คงไม่มากมายอะไร แต่...คุณก็ต้องรับผิดชอบมัน จริงมั้ย”


ร่มธรรมได้แต่มองชายตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า


“จากนี้...ก็ไว้เจอกับทนายของผมแล้วกัน”


เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะม้าหิน โดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองคนเบื้องหลังอีกเลย


หนุ่ยได้แต่นั่งร้องไห้ หมดสิ้นทั้งครอบครัวและความเมตตาจากคนที่เคยเห็นค่า


…………………….


จะบอกว่ารินฤดีและรุ่งโรจน์ไม่เคยเห็นน้องชายในแง่มุมนี้ก็ไม่ใช่


ร่มธรรมเป็นน้องชายคนเล็กที่ใจดี ใจเย็นและสุภาพอ่อนน้อมมาแต่ไหนแต่ไร แต่ยามใดที่คิดจะแข็งแกร่งจริงจัง เจ้าตัวก็ทำได้ไม่แพ้ใคร เพียงแต่มีน้อยเหตุการณ์นักที่จะทำให้ร่มธรรมงัดเอาลักษณะเช่นนั้นออกมาได้


เมื่อครั้งที่บิดาเสีย ผลตรวจเลือดของคู่กรณีพบแอลกอฮอลในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานไปมาก ร่มธรรมเลือกที่จะไม่เผชิญหน้า ไม่ไปร่วมงานศพของคู่กรณี ครอบครัวทางนั้นจะมาขอขมาก็ยังบอกว่าไม่จำเป็น เขาให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของกฎหมายผ่านทางทนายความ พี่สาวพี่ชายรู้ดีว่าน้องชายของพวกเขาโกรธขนาดไหน ครั้งนี้...ก็น่าจะใช้ทนายความเช่นเดิม แต่เจ้าตัวกลับมาเอง


“แกไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ ให้ทนายจัดการไปซะก็สิ้นเรื่อง” รุ่งโรจน์เห็นน้องชายยังเงียบนับตั้งแต่ออกมา จึงเอ่ยปาก


“ผมอยากฟังคำตอบของเขาด้วยตัวเอง อยากให้เขายอมรับต่อหน้าผม” ร่มธรรมเอ่ยเรียบๆ สีหน้าไม่มีทั้งทุกข์ทั้งสุข


“แล้วถ้าเขาตอบว่าไม่ตั้งใจ ถูกหลอกใช้ล่ะ”


“ผมก็จะถอยออกมา แล้วเช็คข้อมูลทั้งหมดใหม่อีกครั้ง” ร่มธรรมตอบ เขายังจำภาพที่ตนเองเห็นในฝันได้เป็นอย่างดี


คุณหลวงผู้นั้น พิพากษาเด็กหนุ่มที่ชื่อแผนโดยไม่ฟังแม้แต่คำร้องขอ แม้สุดท้ายภาพฝันจะไม่บอกแน่ชัดถึงชะตากรรมของไอ้แผน แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาดี


จริงอยู่ว่าในเวลานั้น ไม่มีเครื่องมือพิสูจน์ความจริง จะกล่าวโทษคุณหลวงผู้นั้นว่าช่างหูเบาและตัดสินด้วยสิ่งที่ตาเห็นเพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกทั้งหมด แต่เวลานี้ วิทยาศาสตร์สร้างทางเลือกมากกว่าการตัดสินจากสิ่งที่ได้ยินได้เห็นเพียงอย่างเดียว ร่มธรรมก็ยิ่งไม่อาจปล่อยให้อดีตซ้ำรอยเดิม


รุ่งโรจน์ถอนหายใจเบา นึกดีใจที่หนุ่ยยอมรับทุกอย่างว่าเป็นเพราะความพาลผสมกับความโลภอามิสสินจ้างที่เบญญาให้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ร่มธรรมคงวุ่นวายกับเรื่องนี้ไม่จบสิ้น


“แล้วเรื่องคุณเบญ แกจะเอายังไง”


   ร่มธรรมนิ่งไปเล็กน้อย ถอนหายใจยืดยาวแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้


   “ก็ปล่อยไปตามกฎหมาย”


   “เขาหลุดแน่ๆ” รุ่งโรจน์มองด้วยตาก็รู้ว่าสภาพเบญญาในเวลานี้ไม่เหลือสติสัมปัญชัญญะใดๆแล้ว อีกทั้งรามิลเองก็ไม่นิ่งดูดาย คงช่วยเหลือหล่อนเต็มที่ ทั้งร่มธรรมและครองภพก็ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต


   “ไม่เป็นไร ผมคุยเรื่องนี้กับพี่มิลแล้ว”


ร่มธรรมรู้ว่าการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด บางครั้งก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด


เมื่อเห็นตำตาว่าอย่างไรเบญญาก็คงไม่ได้รับโทษในสิ่งที่หล่อนก่อเอาไว้ เขาเลือกที่จะถอยลงมาก้าวหนึ่ง แล้วเปิดอกคุยกับครอบครัวของเบญญาอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อาคารร้าง และจดหมายขู่เมื่อ 6 ปีก่อน แม้จะไม่มีลายนิ้วมือบนจดหมายฉบับใดเลย แต่หลักฐานที่พบในบ้านพักของเบญญา ทั้งกระดาษลักษณะเดียวกัน ทั้งรูปภาพจำนวนมากของร่มธรรม นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดการสโตลกเกอร์ที่ว่าจ้างให้หนุ่ยส่งข้อมูลและส่งจดหมาย ทั้งหมดชี้ไปที่ตัวหล่อน


เมื่อออกตัวว่าให้เป็นเรื่องตามกฎหมาย โดยไม่เรียกร้องสิ่งใดอีก รามิลและผู้กำกับอนันต์ย่อมเกรงใจผู้เสียหายอย่างเขาและครองภพ


ร่มธรรมรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขาและครองภพจะเป็นเป้าสายตาในอนาคต วันหนึ่งข้างหน้าจะต้องมีข่าวลือเรื่องพวกเขาออกมาทางใดทางหนึ่ง อาชีพการงานและสถานะในวงการไม่ต่างกับแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่เพียงต้องมีคนสนับสนุนแต่ต้องมีคนที่ทำให้ผู้อื่นเกรงใจ รามิลและผู้กำกับอนันต์จะเป็นแบ็กอัพที่ดีให้พวกเขา


   “ผู้หญิงคนนั้น...จะไม่ออกมาวุ่นวายกับร่มแล้วใช่มั้ย” รินฤดีถามอย่างเป็นห่วง ร่มธรรมยิ้มจาง


   “ครับ...คุณเบญ...พูดไม่รู้เรื่องแล้ว...”


ตอนที่เขาแวะไปดูเบญญาครั้งนั้น หล่อนเหม่อลอย ราวกับตกอยู่ในภวังค์ สลับกับคุ้มคลั่งกรีดร้องขับไล่ผีร้าย


   พอคิดถึงคำว่า ‘ผีร้าย’ ร่มธรรมก็พลันคิดถึงชายฉกรรจ์นุ่งโจงที่เขาฝันเห็นบ่อยๆ แต่นับจากเรื่องราวเกิดขึ้น ชายคนนั้นก็ไม่เคยมาปรากฏในฝันของเขาอีกเลย


   “อย่างนี้ก็ไม่รู้เลยสิว่าอุบัติเหตุเมื่อ 6 ปีก่อน เป็นอุบัติเหตุจริงๆหรือฝีมือของคุณเบญ แต่ถ้าเป็นฝีมือเขา แล้วเขาจะทำยังไงให้พี่ชายของหนุ่ยขับรถมาชนรถของพ่อ” รินฤดีตั้งข้อสงสัย


“ผมเคยสงสัยแบบพี่ ว่าเจ้าของจดหมายอาจทำให้เกิดเรื่องกับพ่อ แต่...ไม่มีหลักฐานเลย อย่างเดียวที่เป็นหลักฐานคือพี่ชายของหนุ่ยเมาแล้วขับ มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวกับจดหมายขู่” รุ่งโรจน์เอ่ย


ทว่า...หัวใจของน้องชายคนเล็กกลับเย็นเยียบ


   6 ปีก่อน...ครองภพมุ่งหน้าเข้าวงการบันเทิง


   6 ปีก่อน...บิดาประสบอุบัติเหตุ รุ่งโรจน์พบจดหมายขู่ เลยขอร้องแกมบังคับให้เขาออกไปช่วยทำธุรกิจของพ่อแทนการเป็นนักแสดง


   หาก 6 ปีก่อน...เป็นการพบกันของหนึ่งวิญญานที่ต้องการให้เขาออกห่างจากวงการบันเทิงเพราะไม่ต้องการให้เขาพบเจอกับครองภพ กับอีกหนึ่งคนที่ต้องการเก็บเขาเป็นสมบัติของตนแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าหนึ่งวิญญานหนึ่งคนจะพบกันด้วยวิธีใด หากร่วมมือกัน อุบัติเหตุที่ดูจงใจแต่ก็ไม่อาจพิสูจน์ความจงใจได้เลย ก็อาจจะ...เป็นฝีมือของหนึ่งผีหนึ่งคน


   ร่มธรรมหลับตาลง รู้สึกเหมือนตนเองเป็นต้นเหตุของความหายนะทั้งมวล


   “พี่ริน พี่โรจน์...โกรธผมรึเปล่า...เรื่องพ่อ...”


   ความอ่อนแอที่ผู้เป็นน้องเปิดเผยให้เห็น ทำเอาพี่ๆใจหาย รินฤดีซบศีรษะลงกับไหล่ของน้องชายโอบแขนรอบเอวเขาไว้หลวมๆ


   “พวกเราจะโกรธร่มได้ยังไง อุบัติเหตุของพ่อ มันเป็นอุบัติเหตุนะ”


   “แต่ผม...” ร่มธรรมรู้สึกสากระคายไปทั้งคอ กระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อคิดว่าตนเองคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาสามคนพี่น้องเสียบิดาไป รุ่งโรจน์โอบบ่าเขาแล้วบีบกระชับให้กำลังใจ


   “เรื่องที่เกิดกับพ่อ มันไม่ใช่ความผิดของแกเลย ไม่มีใครโกรธแก ไม่มีใครโทษแกทั้งนั้น ร่ม...แกเป็นลูกที่ดีของพ่อ เป็นน้องที่ดีของพวกเรา แค่นี้มันก็มากพอแล้วสำหรับครอบครัวของเรา”


   น้องชายคนเล็กหันมองพี่ทั้ง 2 คนที่ยังเคียงข้างในวันที่เจ็บปวดแล้วก็เก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่อีก กระบอกตาร้อน กลั่นน้ำใสล้นเอ่อ


   “ผม...ขอโทษ...”


   “ไม่ต้องขอโทษ มันไม่ใช่ความผิดของร่ม ไม่ใช่เลย อย่าโทษตัวเอง ถ้าพ่อรู้พ่อต้องโกรธแน่ๆ พ่อสอนร่มเสมอใช่มั้ยว่าอย่าเอาตัวเองเป็นต้นเหตุของทุกเรื่อง” รินฤดีปลอบน้องชาย เห็นน้ำตาเขาแล้วก็จวนเจียนจะร้องเช่นกัน


   “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องโทษตัวเอง ไม่ต้องโทษใครอีกแล้ว ลืมมันไป” รุ่งโรจน์ก็แทบกลั้นน้ำตาตัวเองไม่อยู่


   “ผมขอโทษ...ผมขอโทษ...” ร่มธรรมสะอื้นฮัก ปล่อยน้ำตาไหลเป็นสายด้วยความอัดอั้น เขาทำให้บิดาจากไป เขาทำให้ครอบครัวไม่เหมือนเดิม เป็นเพราะเขา


   “ไม่ร้องแล้ว อายุจะสามสิบแล้ว ร้องไห้เป็นเด็กๆไปได้” พี่สาวยิ้มปลอบ ช่วยเขาเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนโยน


   “ไม่ร้องๆ!!” รุ่งโรจน์เองก็สมกับเป็นพี่ชายผู้แข็งกระด้าง


   สองพี่น้องปลอบโยนน้องชายคนเล็กไปคนละแบบ ร่มธรรมรับรู้ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแล้วก็หวนคิดถึงเรื่องของพวกเขาสามคนสมัยเด็กๆ ดังนั้น...แม้จะร้องไห้แต่เจ้าตัวก็เผลอหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา


   สายเลือด สายสัมพันธ์ ความผูกพัน และความทรงจำ หล่อหลอมพวกเขาให้เติบโตขึ้นมาเคียงข้างกันในวันนี้


   รินฤดี รุ่งโรจน์ ร่มธรรม


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

วันนี้ ไม่ค่อยโอเคเท่าไร ถ้ามีอะไรผิดพลาด ขอแก้ไขพรุ่งนี้แทนนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเสมอเลยค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2020 20:08:34 โดย Dezair »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ผีร้ายหายไปใช่ไหม

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่ธาดาหลงน้องขั้นสุด     o18

ออฟไลน์ งงปะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
มารอบนี้ไม่มีบทหวาน รอรอบหน้า
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป น้าผีจะไปเกิดไหม รอติดตาม

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ยังเหลืออิผีนุ่งโจง ที่ยังไม่ได้รับบทเรียนของการกระทำในชาตินี้ เอาให้หนัก อย่าให้ได้ตามไปรังควานชาตินี้หรือชาติไหนต่อไป ตกๆนรกไปซะที

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารทุกๆคนเลยค่ะ แต่แอบสงสารเบญญาที่กลายมาเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าถูกผีหลอกใช้ด้วยรึเปล่า  :hao5: :katai1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอ็นดูไปหมด

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


ผี ล่ะ ? ยังไง ?

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชอบเอเนอจี้พี่ธาดาจริงๆ ครองภพ5ขวบตลอดไป 55555555555555

ออฟไลน์ casson

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด