ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]  (อ่าน 64673 ครั้ง)

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
พี่ยักษ์หึงโหด เอ็นดูน้องเปียวจัง
ชอบท้าท้ายพี่เขาอ่ะเนอะ
ปากบวมแน่ๆ  :laugh:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หึงโหด,,,

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จูบอีก เราชอบงื้อ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่ยักษ์หึงโหดอ่ะ เพิ่งบอกว่าจะจีบเอง ยังไม่ได้เป็นแฟนนะ ทำขนาดเน้ได้งัย. น้องปากบวมหมดแล้ว   :laugh:

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โอ้ยยยย :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
แง๊งงงงงงงง ได้จุ๊บน้องแล้วก็ตอนที่16ค่ะคุณกิตติ 555555555
เขินไปหมดเลยแม่ น้วยไปหมดดดดด

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
 
[อ๋อง] 

 


วันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงบ่ายๆ มักเป็นช่วงเวลาที่ร้านกาแฟเต็มไปด้วยผู้คน ถึงทุกโต๊ะจะถูกจับจองหมดแล้วแต่บรรยากาศโดยรวมก็ยังเงียบสงบมีบ้างที่บ้างครั้งมีเสียงหัวเราะน้อยๆ ดังขึ้นเป็นครั้งคราวแต่โดยรวมบรรยากาศร้านกาแฟในสวนแห่งนี้ก็ยังให้ความรู้สึกเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ผมสูดดมกลิ่นกาแฟจากเครื่องบดก่อนจะเผลอยิ้มออกมา จังหวะนั้นโมบายที่แขวนอยู่ตรงประตูร้านดังขึ้นพอดีกับที่ใครบางคนผลักเข้ามา 

พี่โชคเจ้าของร้านยิ้มกว้างให้ลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ขณะที่ผมหลุบตามองพื้นทำทีเป็นสนใจกับการชงกาแฟตรงหน้า ถึงอย่างนั้นหูก็ยังแอบได้ยินบทสนทนาของลูกพี่ลูกน้องสองคนด้านหลัง

“เสียใจด้วยนะ โต๊ะประจำวันนี้ของเราไม่ว่างแล้ว ลูกค้าเยอะมาก”

พี่แกพยักพเยิดไปยังโต๊ะมุมหนึ่งที่เป็นโต๊ะประจำของพี่ดลทุกครั้งที่ฝ่ายนั้นแวะมาที่ร้านด้วยสีหน้าเพลียๆ เพราะเดินไม่หยุดตั้งแต่เช้า

“ไม่เป็นไรครับ”

พี่รหัสไอ้เปียวส่ายหัวยิ้มๆ 

“วันนี้ผมมาช่วยเสิร์ฟที่ร้านครับพี่โชค”

“ถามจริง”

พี่โชคทำตาโตยิ้มกว้าง เนื่องจากวันนี้พนักงานที่ร้านลางานพร้อมกันสองคนทำให้เหลือเพียงผมและพี่ผู้หญิงต้องช่วยกันชงเครื่องดื่มและทำขนมรวมถึงเก็บโต๊ะและล้างแก้ว ขณะที่พี่โชคเองก็หัวหมุนกับการเสิร์ฟและรับออเดอร์ตั้งแต่ร้านเปิด การที่พี่ดลปรากฏตัวในช่วงสายๆ พร้อมกับเสนอตัวมาช่วยงานวันนี้เลยทำให้สีหน้าพี่โชคดูดีขึ้นนมาทันตา

“พ่อพระมาโปรดชัดๆ”

“แต่ขอค่าแรงเป็นกาแฟสักแก้วนะครับ”

พี่โชคหัวเราะชอบใจก่อนทำทีเป็นนวดไหล่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองเอาใจใหญ่

“เอสเพรสโซ่ของโปรดดล พี่จำได้ วันนี้พี่จะชงให้สุดฝีมือเลย ดลจะกินกี่แก้วพูดมาเลย”

คราวนี้ร่างสูงใหญ่ที่เดินไปคว้าเอาผ้ากันเปื้อนสกรีนโลโก้ร้านมาใส่หัวเราะน้อยก่อนจะส่ายหน้าหวือ 

“แก้วเดียวพอครับ มากกว่านั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนกันพอดี

“เดี๋ยวร้านปิดแล้วจะสั่งบอนชอนมาเลี้ยงกัน โอเคมั้ยน้องอ๋อง” ท้ายประโยคเจ้าของร้านหันมาถามความคิดเห็นจากผม “วันก่อนเห็นเราบ่นว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ”

ผมทำหน้าเหรอหราทันทีเพราะจำได้ว่าตัวเองไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นออกไปแน่ๆ ขณะที่กำลังอ้าปากจะปฏิเสธเจ้าของร้านก็ขยิบตาให้ทีหนึ่งเป็นสัญญาณว่าให้เออออห่อหมกไปด้วยกัน สุดท้ายก็เลยตามเลย พี่ดลผละออกไปรับออเดอร์โต๊ะหนึ่งที่เข้ามาใหม่นั่นแหละเจ้าของร้านจึงเดินมาใกล้ผมแล้วกระซิบกระซาบเสียงแผ่ว

“เจ้าดลมาทีไรร้านพี่ขายดีทุกที”

เป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดนั้นแหละ จะเพราะเหตุผลเรื่องใบหน้าคมคายหรือรอยยิ้มอบอุ่นดูสุภาพจนทำให้ลูกค้าสาวๆ ติดออกติดใจหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาการที่พี่ดลโผล่มาช่วยเสิร์ฟหรือรับออเดอร์นั่นทำให้ลูกค้าสาวๆ หนาตามากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับไก่บอนชอนนี่ครับ”

พี่โชคขำคิก

“เราชอบกินไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่ครับ”

แต่มั่นใจว่าเขาไม่เคยเปรยๆ ว่าอยากกินต่อหน้าพี่โชคแน่ๆ

“ได้ยินแนนเล่าให้ฟังว่าเลิกงานชอบไปต่อกันที่ร้านไก่เกาหลีนี่” พี่โชคปุ้ยปากไปยังพยักหน้าสาวอีกคนที่เป็นรุ่นพี่ผมหลายปีและสนิทสนมกันพอสมควรจนชอบชวนกันไปหาร้านอร่อยๆ ทานตอนเลิกงานประจำรวมถึงสองคนที่ลาหยุดวันนี้ด้วย แน่นอนว่าไก่เกาหลีเป็นร้านโปรดร้านเดียวที่ผมไปเป็นประจำ

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ไม่เห็นพี่โชคต้องลงทุนเลี้ยงอะไรพวกผมเลย พวกผมรับค่าแรงปกติพี่ยังเลี้ยงข้าวอีก ผมเกรงใจ”

“เอาน่า เลี้ยงเมนูโปรดเราตอนเลิกงานนี่แหละดีแล้ว ไอ้ดลมันถึงจะยอมอยู่จนร้านปิด”

“เกี่ยวอะไรกับพี่ดลครับ”

ผมมุ่นหัวคิ้วทันที

“ตอนที่เราไม่ได้มาทำพาร์ทไทม์ที่นี่ ไอ้ดลไม่มีทางโผล่มาที่ร้านให้เห็นหน้าหรอก หมอนั่นชอบคนเยอะซะทีไหน พี่เคยขอร้องให้มาช่วยเสิร์ฟเรียกลูกค้าซักก่อน เมื่อก่อนก็ไม่เคยสนใจ “

ผมรับฟังไปอย่างงงๆ

“แต่พอเรามาทำงานพิเศษร้านพี่นะ”

คราวนี้พี่โชคยิ้มกริ่ม

“ในหนึ่งอาทิตย์ไอ้ดลแวะมาที่ร้านห้าวัน”

ผมยืนอึ้งไปกับสายตาของคนตรงหน้าก่อนที่พี่โชคจะพูดอะไรต่อเลยทำทีเป็นหันไปล้างแก้ว

“ตอนแรกก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก บอกตรงๆ ว่าพี่ตามอารมณ์มันไม่ค่อยทัน บทจะนิ่งก็นิ่งจนน่ากลัว บทจะขยับตัวทีก็โคตรว่องไว”

“แล้วไงครับ”

“เรานี่น้า”

พี่โชคส่ายหัว

“มันมาเฝ้าอยู่ ไม่รู้ตัวเลยรึไง”

ผมเผลอกัดริมฝีปากตัวแน่นจนเจ็บ

ไม่อยากเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ตั้งแต่วันที่ไปฟัดกับพวกหมาหมู่จนหน้าแตกยับนั่นดูเหมือนพี่ดลจะโผล่มาที่ร้านบ่อยจนน่าตกใจ ฝ่ายนั้นทำเหมือนปกติทั้งที่การกระทำไม่ปกติเอาซะเลย มีอย่างที่ไหน หากวันใดที่มาช่วยงานที่ร้านจนกระทั่งร้านปิดพี่มันต้องรอไปส่งที่หอประจำ หรือไม่หากผมขับรถมาเอง็พี่ดลก็จะขับรถตามไปส่งหอเหมือนระแวดระวังภัยให้ผมแบบเนียนๆ   

ผมรู้ดีว่าพี่ดลไม่เชื่อว่าผมโกหกเรื่องใบหน้าแตกยับเพราะหกล้ม แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมปริปากคัดค้านอะไรนอกจากทำตัวเงียบเชียบเหมือนไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อน

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ตอนที่เหลือบตาไปมองแผ่นหลังกว้างที่กำลงยืนรับออเดอร์ลูกค้าอยู่ พี่ดลยืนอยู่โต๊ะนั้นพักหนึ่งแล้วแต่ดูเหมือนสาวๆ กลุ่มใหญ่จะไม่ปลงใจสั่งอะไรสักที ซ้ำยังชวนพี่ดลคุยไม่หยุดด้วยสีหน้าเบิกบานอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น

ผู้ชายหล่อเหลาซ้ำยังดูสุภาพ ใครๆ ก็ชอบกันทั้งนั้น

ไม่ต้องพูดถึงนิสัย การศึกษาหรือฐานะ คุณสมบัติเพียบพร้อมแบบนั้นยิ่งชวนให้หวั่นใจ แต่สำหรับผมคุณสมบัติทั่วไปไม่ได้ทำให้ผมหวั่นไหวอะไรเลย ยกเว้นแววตาที่แสดงออกอย่างความจริงใจนั่นต่างหากที่กำลังสั่นคลอนใจผมทุกครั้งที่ได้รับมันจากอีกฝ่าย

“พี่ฝากชงเอสเพรสโซ่ให้ดลหน่อยสิ”

“หือ”

ผมทำหน้าฉงนเพราะก่อนหน้านี้พี่โชคยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะแสดงฝีมือชงกาแฟให้ลูกพี่ลูกน้องตัวเองกินอยู่เลย

“พี่ชงมันก็อร่อยอยู่หรอก”

พี่โชคพูดยิ้มๆ

“แต่เราชงคนกินน่าจะทั้งอร่อยทั้งอิ่มใจ”

“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยครับ”

ผมส่ายหน้าหวือ

“พี่ดูดวงเป็นนะ อ๋องเชื่อมั้ยล่ะ”

“จริงเหรอครับ”

ผมขยับตัวสนใจเรื่องที่เจ้าของร้านพูดทันที

“ให้พี่ทำนายนะ สาวๆ กลุ่มนั้นน่ะ รับรองว่าวันนี้จนกว่าจะเช็คบิลต้องเรียกไอ้ดลไปรับออเดอร์อีกแน่ๆ”

พี่แกยิ้มตาพราว ก็แน่ล่ะคนเสิร์ฟเป็นอาหารตาขนาดนี้ใครจะไม่อยากเรียกรับออเดอร์ ผมส่ายหัวให้คนที่อวดอ้างตัวเองเป็นหมอดูก่อนจะยิ้มขำๆ

“ไม่เป็นหมอดูก็ทำนายได้ครับ พี่เล่นส่งของดีไปรับออเดอร์แบบนี้ ใครๆ เขาก็ต้องชอบกันทั้งนั้นแหละครับ”

“แล้วเราชอบมั้ย”

หือ

ผมชะงักไปขณะที่อีกฝ่ายยิ้มตาพราว

“เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับผมนะครับพี่โชค”

“โธ่อ๋อง”

พี่โชคส่ายหัวยิ้มๆ

“แต่ว่านะถึงพี่จะดูหมอไม่แม่น แต่เรื่องของอ๋องพี่ว่าพี่ดูไม่พลาดนะ”

ผมทำหน้าระแวงอีกฝ่าย

“เรื่องของผมทำไมครับ”

“สนใจอยากมีแฟนรุ่นพี่มั้ยล่ะ”

ผมหุบปากฉับทันทีเมื่อเห็นแววตาล้อเลียนของอีกฝ่าย

“ทายาทบริษัทนำเข้าอุปกรณ์กีฬาเลยนะ ถ้าเรายังไม่มีใคร ทำไมไม่เปิดใจให้น้องชายบ้างล่ะ เทียวมาเฝ้าจะจนเป็นเดือนแล้ว พี่ว่าลูกพี่ลูกน้องพี่คนนี้คุณสมบัติก็เข้าเค้านะ”

ผมทำตาปริบๆ ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อคนในหัวข้อสนทนามาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์

“มีอะไรรึเปล่า”

พี่ดลถามอย่างสงสัยที่เห็นผมทำหน้าตื่นๆ ขณะที่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองกำลังยิ้มกว้างแบบนั้น

“ไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าซีด”

ผมเอียงใบหน้าหนีฝ่ามือที่ยื่นมาหมายจะแตะหน้าผาก

“เปล่าครับ”

ผมทำทีเป็นสนใจออเดอร์ในใบออเดอร์ที่อีกฝ่ายวางไว้ตรงเคาน์เตอร์แล้วเดินผละออกไปชงกาแฟทันที

“เป็นอะไร”

ผมกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บเพราะพี่ดลขยับมาใกล้ สีหน้าอีกฝ่ายดูกังวลที่เห็นผมทำหน้าประหลาดๆ แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

“พี่ช่วย”

ผมหน้าร้อนวาบเมื่อได้เสียงหัวเราะน้อยๆ ของพี่โชคที่ยืนอยู่ด้านหลัง

โคตรแย่

ทำไมหัวใจถึงเต้นแปลกๆ วะ 

“ผมทำเองได้”

“พี่ทำอะไรให้เราไม่พอใจรึเปล่า”

เสียงทุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ผมถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย แววตาของพี่ดลเหมือนมนต์สะกด เพราะมันทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจไปโดยไม่รู้ตัว

แววตาที่ดูอ่อนโยน

“เปล่า”

โกหกอีกแล้ว

“อืม”

“...”

“นึกว่าไม่พอใจ”

“...”

“ถ้าเรารู้สึกแบบนั้น บอกพี่นะ จะพยายามไม่ให้เราโกรธ”

พูดเหมือนแคร์ แน่นอนว่าทำให้คนอ่อนแอหวั่นไหว

“แล้วถ้าผมโกรธพี่จริงๆ พี่จะทำยังไง”

“ก็คงพูดว่าพี่ขอโทษนะ”


.


.



เพล้ง

“ขอโทษครับพี่โชคผมทำแก้วแตก”

ผมหน้าเสียขณะที่พี่โชคหัวเราะจนไหล่สั่น ส่วนเจ้าของคำขอโทษนั้นยังจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงได้ทำหน้างงๆ อยู่ตอนนี้

“แขนอ่อนเลยเหรออ๋อง”

ผมเบะปากให้เจ้าของร้าน

“วันนี้แขนอ่อน ระวังวันหน้าจะใจอ่อนนะ”

 

- J E E B -

 

สัปดาห์หลังจากช่วงสอบแล้วกิจกรรมต่างๆ พากันโหมเข้ามาไม่หยุดหย่อนอีกไม่ถึงเดือนจะถึงกิจกรรมสำคัญอย่างงานฟุตบอลประเพณี แน่นอนว่าช่วงนี้คณะผมที่ทำหน้าที่สวัสดิการต้องวิ่งส่งข้าวส่งน้ำคณะอื่นๆ ซึ่งทำหน้าในส่วนต่างๆ ช่วงนี้ไอ้โต้งซ้อมหนักมากจนแทบไม่เห็นหน้าผมเลยยกเว้นตอนไปส่งข้าวที่สนามกีฬาเท่านั้น ช่วงนี้ปีหนึ่งคนที่ไม่มีกิจกรรมพิเศษอะไรจะถูกรุ่นพี่เกณฑ์ไปส่งข้าวและบางส่วนจะไปช่วยอาจารย์ที่คณะและนักวิทยาศาสตร์การกีฬารุ่นพี่เตรียมทีมนักฟุตบอลนั่นทำให้ผมเจอพี่ปั๊บอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีเวลาคุยกันมากหรอกเพราะฝ่ายนั้นเองก็ซ้อมหนัก ส่วนใครอีกคนที่ชอบทำเหมือนเหม็นขี้หน้าพี่ปั๊บทุกครั้งที่พูดถึงก็หายไปเลยช่วงนี้

ผมได้ยินจากไอ้โต้งว่าพี่เซียนเองก็ซ้อมหนักเพราะเคยเป็นคทากรปีที่แล้วทำให้ปีนี้ต้องทำหน้าที่เดินถือคทาอยู่ในขบวนตอนเดินเข้าสู่สนามในพิธีเปิดและปิดด้วย คงจะหนักอยู่หรอกเพราะขนาดว่าช่วงนี้ผมไปติวให้น้องซอและสาวๆ ที่คอนโดพี่มัน ผมยังไม่ค่อยเห็นพี่เซียนกลับมาห้องทันช่วงที่ติวกันเลย วันนี้ก็คงเหมือนทุกๆ ครั้งนั่นแหละ

ผมยักไหล่ตอนที่เหลือบตามองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว สาวๆ กำลังเก็บหนังสือเรียนเตรียมตัวกลับผมเองก็เช่นกัน ระหว่างนั้นผมเดินเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องเพื่อตรวจดูว่าคงไม่มีเสียบปลั๊กอะไรไว้ ก่อนจะเดินไปรวมกับสาวๆ น้องซอมีกุญแจและคีย์การ์ดห้องพี่ชายผมเลยถือโอกาสเตรียมตัวกลับพร้อมอีกฝ่าย จริงๆ แล้วพี่เซียนเองเคยเอ่ยปากว่าจะให้คีย์การ์ดผมเอาไว้ แต่ผมปฏิเสธไป มันค่อนข้างจะประหลาดไม่น้อยในเมื่อฐานะของผมกับพี่มันตอนนี้ไม่ได้ใกล้ชิดจนสามารถถือครองกุญแจห้องของอีกฝ่ายโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

แกรก

จังหวะที่กำลังหยิบรีโมทมาปิดแอร์ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาพร้อมกับเจ้าของห้องเดินถือเป้ลากเท้าเข้ามาสภาพดูเพลียๆ สาวๆ พากันยกมือไหว้แล้วส่งเสียงทักทายพี่เซียนกันเกรียวกราว 

“จะกลับกันแล้วเหรอ”

“ค่ะพี่เซียน”

น้องซอเป็นคนตอบคำถาม

“คุณลุงคนขับรถบอกว่าใกล้ถึงแล้ว”

พี่เซียนพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันมากดยิ้มมุมปากให้ผม

“เดี๋ยวพี่ลงไปส่ง”

“ค่ะ”

ผมเดินตามสาวๆ ออกไป แต่อีกฝ่ายคว้าข้อมือผมเอาไว้แล้วกระตุกเบาๆ

“หือ”

“จะกลับแล้วเหรอ”

“ครับ”

พี่เซียนไม่พูดอะไรแต่ปลดเป้ที่ผมสะพายอยู่โยนไปไว้ที่โซฟาแล้วดุนแผ่นหลังผมให้ออกเดิน

“หิวว่ะหมู”

ผมไม่มีโอกาสขยับไปคว้าเป้คืน เมื่ออีกฝ่ายไม่ปล่อยโอกาสให้ผมได้ทำอย่างที่ตั้งใจ

“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”

“เรียกใครหมู”

ผมแยกเขี้ยวให้พี่มัน

“มึงไง”

พี่มันโยกศีรษะผมทีนึงก่อนจะเดินเอาแขนพาดไหล่ แน่นอนว่าการกระทำแบบนั้นทำเอาสาวๆ ตาโตโดยเฉพาะน้องซอที่ฉีกยิ้มด้วยแววตาเหมือนรู้อะไรบางอย่างแบบนั้น

“ปล่อย”

กระซิบบอกพี่มันก่อนจะขยับตัวยุกยิก แต่อีกฝ่ายดันเพิ่มแรงฟาดหนักขึ้น ผมขยับตัวลำบากเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

“กูเมื่อยแขน วันนี้ถือคทาค้างอยู่เป็นชั่วโมง โคตรเมื่อยเลย”

“น้องมองอยู่”

พี่เซียนไม่พูดอะไรเพียงไปแต่หันไปยักคิ้วให้น้องสาวตัวเอง แน่นอนว่ากิริยานั้นทำให้อีกสองสาวพากันกลั้นยิ้มจนหน้าดำหน้าแดง

“ยิ้มอะไรกันเด็กพวกนี้”

สาวๆ พากันส่ายหน้าหวือ ผมทนปั้นหน้านิ่งจนกระทั่งเดินมาส่งสาวสามใต้คอนโดที่มีรถคันหนึ่งรอรับอยู่แล้ว ผมสังเกตว่าสาวๆ ดันไหล่กันก่อนจะพยักพเยิดมาทางผมเหมือนพยายามจะดันกันไปมาและสุดท้ายน้องซอเป็นตัวแทน

“พี่เซียน”

“ว่าไงยัยแสบ”

น้องซอทำปากจู๋ใส่พี่ชายทันที

“ถามอะไรก่อนกลับได้มั้ยคะ”

“ว่า”

“พี่เซียนกับพี่เปียวเป็นอะไรกัน”

ผมยืนอึ้งหันขวับมาทางคนข้างกายทันที ขณะที่คนถูกถามยิ้มน้อยๆ โคลงศีรษะไปมา

“กำลังจีบ วันนี้เลยเป็นแค่พี่น้อง”

“แล้วเมื่อไหร่จะจีบติด”

คำถามแก่แดดของน้องซอทำเอาผมหน้าแดงวาบ

“ถามดูสิ”

พี่เซียนปุ้ยปากมาทางผม

“พี่อยากเปลี่ยนสถานะจะแย่แล้ว”

ตายไปเลยครับ


.


.


ผมทำหน้ามุ่ยตอนที่นั่งรออาหารตามสั่งที่ร้านอาหารในซอยใกล้ๆ คอนโด แน่นอนว่าต้นเหตุที่ทำให้ผมทำหน้ายุ่งตอนนี้กำลังนั่งยิ้มจนน่าหมั่นไส้ ไอ้พี่เซียนแม่งพอพูดแบบนั้นออกไปปุ๊บนั่นทำเอาสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันจนผมตกใจ กว่าจะต้อนขึ้นรถได้ทำเอาผมหน้าแดงจนจะสุกอยู่แล้ว

“ขอโทษนะคะ”

ขณะที่กำลังทำปากขมุบขมิบใส่อีกฝ่ายนั่นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่จำได้ว่าก่อนหน้านี้มารับออเดอร์เดินมาหยุดตรงหน้าท่าทางนอบน้อม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นลูกสาวเจ้าของร้านนี่แหละ

“ช่วยทำแบบสอบถามนี่ให้หน่อยค่ะ”

ผมเหลือบตามองกระดาษที่มีข้อความยาวเป็นพรืด

“พอดีสำนักงานเขตจะทำข้อมูลผู้ใช้บริการร้านอาหารแถบนี้ค่ะ เขาเลยเอามาฝากที่ร้านให้ลูกค้าช่วยทำ ขออนุญาตรบกวนหน่อยนะคะ”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก ขณะที่เธอเหลือบไปมองพี่เซียนที่สนใจอยู่กับโทรศัพท์ ถ้าให้เดาเธอคงอยากให้ไอ้พี่เซียนช่วยทำแบบสอบถามด้วย แต่คงเกรงใจคนที่มุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ผมเลยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นมือไปขอแบบสอบถามอีกใบ

“พี่เซียน”

ผมสะกิดมืออีกฝ่ายตอนที่หญิงสาวคนนั้นผละออกไปแล้ว

“ช่วยเค้าตอบแบบสอบถามหน่อย”

พี่มันทำหน้าเนือยๆ แต่ก็พยักหน้าหงึกหงัก

“เดี๋ยวผมอ่านให้ฟัง แล้วพี่ตอบนะ ผมจะเขียนตอบให้”

เห็นว่าดูเหนื่อยๆ หรอกถึงอำนวยความสะดวกให้พี่มัน

“อายุ”

“20”

“สถานะ”

“โสด”

พี่มันพูดยิ้มๆ

“แต่อยากมีเจ้าของ”

ผมหน้าแดงวาบทันทีก่อนจะทำปากยื่นใส่อีกฝ่าย

“ชอบกินอาการประเภทใด”

“มึงก็รู้นี่”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“ชอบกินไข่เจียวใส่หอม กินเผ็ดได้บ้าง ไม่กินเค็ม และเกลียดมิ้นท์”

ผมบรรยายลักษณะนิสัยการกินของอีกฝ่าย

“เก่ง”

ผมหลุบตามองพื้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย

หน้าร้อนเลยสัด

“ส่วนมึง”

“...”

“ชอบกินมิ้นท์”

“...”

“กินทุกอย่าง”

ผมค้อนให้พี่มัน

“แต่ที่เห็นกินบ่อยๆ คือผัดซีอิ๊ว”

นั่นคือเมนูที่ผมเคยเพิ่งสั่งไปเมื่อกี้และเป็นเมนูประจำที่เวลาไปร้านตามสั่ง

“ชอบขนมและของหวานทุกอย่างที่เป็นรสมิ้นท์”

“...”

“ชอบกินผัก”

ถูกหมดทุกอย่าง

ผมนั่งอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าพี่มันจะสังเกตรายละเอียดของผมได้แม่นยำขนาดนี้

“ส่วนสถานะ”

พี่มันพยักพเยิดให้ผมตอบคำถาม

“โสด”

ผมทำเสียงอุบอิบในลำคอ

“โสดเหมือนกันเลยนี่”

พี่เซียนเท้าคางพูดยิ้มๆ

“ไม่อยากเปลี่ยนสถานะบ้างเหรอ”

“พี่”

หัวสมองผมขาวโพลนทันที

“อย่าเพิ่งนะ”

ผมลูบอกตัวเอง

“เบาๆ หน่อยเหอะ รุกผมจังวะ”

ตอนที่เอามือทาบอกนั่นหัวใจผมเต้นระรัวจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก พี่เซียนยิ้มพอใจไม่มีใครรู้ว่าใต้โต๊ะนั่นปลายเท้าของพี่มันกำลังเขี่ยปลายเท้าผมเล่นอยู่

“พี่เซียน”

ผมพูดเสียงอ่อยๆ ขยับปลายเท้าหนีแต่อีกเท้าก็ขยับมาแกล้งเขี่ยเล่นเหมือนเดิม

“ครับ”

“ขอสูดลมหายใจแรงๆ สักทีก่อน”

คราวนี้พี่เซียนหัวเราะจนไหล่สั่นมือข้างหนึ่งเอื้อมมาโยกศีรษะผมอย่างมันเขี้ยว

“หมูอวกาศเอ้ย”

ผมยิ้มเขินๆ ขณะที่พี่เซียนนิ่วหน้าไปเล็กน้อย คงเพราะรู้สึกตึงๆ ที่หัวไหล่ล่ะมั้ง 

“ซ้อมหนักมากเหรอพี่”

“อืม ถือคทาเป็นชั่วโมง ดีว่าสวัสดิการส่งข้าวส่งน้ำฟรี พี่เลี้ยงคทาก่อนมีของกินมาเลี้ยงบ่อยๆ เพื่อนมึงเลยซัดเกลี้ยงทุกวัน”

ผมยิ้มน้อยๆ นึกถึงไอ้โต้งที่กระเพาะหลุมยิ่งมันซ้อมหนักแบบนี้คงกินเต็มคราบแน่ๆ

“น่าอิจฉาพวกคทากรเนอะ”

“อิจฉาทำไม”

“เป็นคทากรมีแต่คนเอาใจ ส่งข้าวส่งน้ำ มีสาวๆ ไปนั่งรอให้กำลังใจเต็ม รู้งี้ไปสมัครคัดเลือกแบบคนอื่นบ้างก็ดี”

ผมพูดขำๆ

“ไม่ดีหรอก”

พี่เซียนส่ายหัว

“อะไรไม่ดี”

“เป็นคทากรไม่ดีหรอก”

พี่เซียนมองหน้าผมตรงๆ

“ทำไม”

“เป็นแฟนกูนี่แหละ...ดีที่สุด”

ตายวนไป

ตายไปเลย



- J E E B -


ขอบคุณที่รออ่านและคอมเมนต์ให้กำลังใจเรานะคะ มันมีคุณค่ากับเราจริงๆ
หวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยนะคะ







ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
กรี้ด. มาแล้ว มาเป็นแฟนกูดีกว่า

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 876
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
หยอดได้อีก หยอดเป็นขนมครกเลยพี่จ๋า น้องเปียวก็เขินวนไป  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ร้ายยมากเลยตาเซียนน

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หยอดเก่งมากเลย,,,

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
แต่ล่ะคำพูด อิพี่ เปียว ตกลงได้แล้ว สุดท้ายยังไงก็ต้องป็นแฟน

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Plakhem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอดเก่งมากกกก o22

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่มีแผ่วยังคงแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องและแรงขึ้นเรื่อยๆ  :heaven

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่ก็ขยันหยอดเหลือเกิน เห็นใจน้องบ้าง ใจบางไปหมดแล้ว  :laugh:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
 

- จีบที่17 -

 

[โต้ง]

 

หลังจากรถป๊อปคันสีชมพูที่ขึ้นมาจากศาลาพระเกี้ยวมาจอดตรงป้ายหยุดรถที่บริเวณคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพหลังห้างสรรพสินค้าชื่อดังฝั่งสนามสุภชลาศัยนั่นแหละบรรดานิสิตชายหญิงที่นั่งโดยสารรถบริการของมหาวิทยาลัยจากฝังใหญ่ก็พากันเฮโลลงจากรถทันที ผมรอให้นิสิตลงก่อนหลังจากนั้นจึงก้าวยาวๆ ไปยังตึกฟิตเนสที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

วันศุกร์แบบนี้บริเวณคณะของไอ้เปียวค่อนข้างเงียบเหงา ผมพอรู้จากไอ้เปียวเพื่อนสนิทมาว่าช่วงนี้คณะมันโดยเฉพาะปีหนึ่งต้องไปช่วยรุ่นพี่ปีสูงที่ทำหน้าที่สวัสดิการงานบอลประจำปีส่งข้าวส่งน้ำตามจุดต่างๆ คงมีแต่เฉพาะปีสามที่วันนี้ส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันอยู่ที่ตึกฟิตเนสของคณะ เพราะปีสามมีเทรนกลุ่มตัวอย่างวิชาบอดี้คอนดิท ปกติไอ้เปียวจะต้องมาช่วยลุงรหัสมันทุกครั้ง แต่วันนี้คณะมันคนส่งข้าวไม่พอ มันและไอ้อ๋องจึงต้องไปช่วยรุ่นพี่ฝ่ายสวัสดิ์ก่อน 

ผมเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นสองแล้วเห็นกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยในห้องฟิตเนส แต่ละคนประจำอยู่เครื่องออกกำลังกายประเภทต่างๆ  ตอนที่หยุดอยู่หน้าห้องฟิตเนสนั่นผมเห็นรุ่นพี่คณะที่สนิทอยู่ในชุดออกกำลังกายเดินถือผ้าขนหนูซับหน้ามาแต่ไกล

“ไอ้โต้ง”

พี่เดี่ยวร้องทักตอนที่ผมยกมือไหว้ฝ่ายนั้น

“เทรนเสร็จแล้วเหรอพี่”

“เออ”

ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาใครบางคนที่เป็นสาเหตุให้ผมต้องดั้นด้นจากคณะตัวเองมาถึงที่นี่

“ไอ้อุ้มไปเข้าห้องน้ำ”

พี่เซียนพูดขึ้นลอยๆ แต่สีหน้ารู้ทันนั่นทำใหยิ้มเก้อ

“เอ่อครับ”

“มึงมีธุระอะไรกับมันล่ะ”

พี่เดี่ยวถามยิ้มๆ เป็นเชิงล้อเลียนทั้งๆ ที่รู้จุดประสงค์การมาของผมอยู่แล้ว

“ว่าจะมาช่วยพี่อุ้มน่ะพี่ ปกติไอ้เปียวมันจะมาช่วยประจำ แต่วันนี้มันไม่ว่างผมเลยอาสามาแทน”

“แล้วมึงจะช่วยอะไรกูได้”

คำตอบดังมาจากด้านหลังพร้อมกับการปรากฏตัวของพี่อุ้ม

“ช่วยเตรียมอุปกรณ์ไงครับ”

“มึงใช้งานเป็นรึไง”

ลุงรหัสไอ้เปียวปุ้ยปากไปยังเครื่องวัดความดันอัติโนมัติ 

“พี่ก็สอนผมดิ”

“เรื่องสิ”

พี่อุ้มส่ายหน้าหวือเดินผละไปเก็บของ ส่วนเพื่อนสนิทอีกสองคนของพี่มันผละออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำซึ่งแบ่งเป็นโซนอยู่ฝั่งโน้น

“ผมช่วย”

มือยาวยื่นไปรวบกองเอกสารมารวมไว้ก่อนจะวางในกล่องที่พี่อุ้มกำลังเรียงเอกสารอยู่

“มาทำไม”

“เอาความจริงหรือเรื่องโกหกล่ะ”

พี่อุ้มเหลือบตามองหน้าผมแวบหนึ่งก่อนจะเม้มปาก

“ถ้าโกหกคืออยากมาช่วย เห็นไอ้เปียวมันบ่นๆ ว่าวันนี้ยุ่ง ไม่ได้มาช่วยพี่”

“แล้วเรื่องจริงล่ะ”

“ผมอยากเห็นหน้าพี่”

พี่อุ้มชะงักมือที่กำลังชุบแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้วัดความดันทันที

“หยอดเก่ง”

“แต่พี่ก็ไม่ใจอ่อนสักที”

คราวนี้พี่อุ้มยิ้มเยาะใส่ผม

“ก็รู้ว่าไม่มีผลแล้วจะพยายามทำไม”

“ใจแข็งว่ะ”

“...”

“แต่ปากนุ่ม”

“ไอ้สัตว์”

พูดไม่พอฝ่ายนั้นยังซัดหมัดเข้าที่หัวไหล่ผมเต็มๆ

“โอ้ย”

“ถ้ายังพูดจาแบบนี้อีก จากไหล่จะเลยไปถึงปากมึง”

“โคตรดุ”

“แต่มึงก็ไม่เคยกลัวสักครั้ง”

พี่อุ้มส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะรวบเอากล่องใส่อุปกรณ์ทั้งหมดออกเดิน ขณะที่พี่มันเอื้อมมือหมายจะคว้าเป้มาสะพาย ผม็เลยอาศัยความเร็วคว้าเป้ใบนั้นมาถือไว้ซะเอง

“เอาเป้กูคืนมา”

“ผมจะคืนให้ตอนที่ไปส่งพี่ที่หอ”

“ใครบอกว่า กูจะยอมให้มึงไปส่ง”

ผมกดยิ้มมุมปากจนพี่อุ้มหรี่ตามองอย่างขัดใจ

“ยอมผมเถอะพี่ อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ โทรมาก็ไม่ยอมรับ ไลน์ก็ไม่ตอบ”

“แบตกูหมด”

“แบตหมดตอนผมโทรมาทุกวันเลยเหรอครับ”

พี่อุ้มกรอกตามองบนทันที

“มันก็ชัดเจนอยู่แล้วป่าววะ”

ลุงรหัสไอ้เปียวพึมพำ

“ชัดเจนว่าพี่จงใจหลบหน้าผมงั้นเหรอ”

“ตามที่มึงเข้าใจนั่นแหละ”

“พี่ไม่พูดตรงๆ ผมก็เจ็บ ยิ่งพูดตรงๆ ก็ยิ่งเจ็บ”

ผมทำท่าทุบอกตัวเองแรงๆ แบบโอเวอร์สักหน่อย

“อย่าสำออย”

“ก็เผื่อคนแถวนี้จะเห็นใจ”

พี่อุ้มทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ระหว่างนั้นพี่เซียนและพี่เดี่ยวซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินมาสมทบกับพวกเรา

“พวกมึงจะไปไหนต่อ ถ้าไม่มีธุระอะไร แดกข้าวกันเดี๋ยวกูเลี้ยง”

พี่อุ้มเอ่ยปากชวนเพื่อนตัวเอง

“โทษทีว่ะ พวกกูมีประชุมรุ่นพี่คทากร”

พี่เซียนปฏิเสธก่อนจะหันมาพูดกับผม “วันนี้ซ้อมหกโมงเย็นๆ นะมึงอย่าไปเลทล่ะ”

“ครับพี่”

พี่เซียน พี่เดี่ยวผละออกไปแล้ว คนที่ผมตามมาเฝ้าถึงที่นี่เลยหันมามองหน้าผมตรงๆ

“แล้วมึง เมื่อไหร่จะไป”

“ผมยังไม่ได้ไปกินข้าวกับพี่เลย”

“หูฝาดเหรอ”

พี่อุ้มถลึงตาใส่

“กูชวนเพื่อนกู ไม่ได้ชวนมึง”

ผมยิ้มเฉยก่อนจะถือกระเป๋าเดินนำอีกฝ่ายไป

“กินแถวๆ นี้แล้วกันนะพี่ อีกชั่วโมงผมต้องกลับไปซ้อม กะว่าจะไปส่งพี่ซะหน่อยวันนี้อดเลย”

“มึงฟังที่กูพูดบ้างมั้ยเนี่ย”

ฝ่ายนั้นดูหัวเสียที่ผมทำเฉยเปลี่ยนเรื่องคุย

“แล้วพี่ล่ะ”

“กูทำไม”

ผมมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ

“ฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้างรึเปล่า”

เจ้าของใบหน้าขาวอึ้งไปก่อนหน้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ไปสวนหลวง”

“ก็เท่านั้น”

ผมยิ้มน้อยๆ ท่ามกลางสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีกฝ่าย พี่อุ้มเดินนำผมไปอย่างรวดเร็ซจนต้องซอยเท้าตามไปติดๆ พวกเรามาถึงร้านอาหารในโครงการแถวสามย่าน พี่อุ้มเดินดุ่มๆ เข้าร้านหนึ่งๆ ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าผมสาวเท้าตามมาติดๆ และเพราะผมรีบตามพี่มันจนไม่ทันระวังจึงไม่ทันเห็นว่ามีนิสิตสาวคนหนึ่งเดินสวนออกมา ผมจึงเดินชนเธอจนเซเกือบล้ม

“ขอโทษครับ”

ผมผวาไปประคองอีกฝ่ายเอาไว้อย่างรู้สึกผิด 

“ไม่เป็นค่ะ”

สาวน้อยในอ้อมแขนเอ่ยขึ้น ตอนที่ช้อนสายตาขึ้นมองแก้มสีสวยขึ้นสีแดงก่ำเล็กน้อยดูขัดเขิน ผมเลยรีบปล่อยมือที่โอบประคองเธอเอาไว้

พี่อุ้มที่ได้ยินเสียงอุทานนั่นหันกลับมามองก่อนจะมุ่นหัวคิ้ว

“อ้าว”

“พี่อุ้ม”

หญิงสาวคนนั้นยกมือไหว้ร่างสูงโปร่งก่อนจะทักทายกันนิดหน่อยคาดว่าทั้งคู่คงรู้จักกันแล้วเธอก็ขอตัวผละออกไป ผมปล่อยผ่านเรื่องตรงหน้าไปแล้วเดินไปสมทบกับพี่อุ้มที่เลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว

“อ่ะ”

พี่อุ้มเลื่อนเมนูมาให้แล้วหันไปสั่งอาหารกับพนักงานร้านสองสามอย่าง

“สั่งเผื่อผมด้วยสิ”

“มึงจะกินอะไรล่ะ”

“พี่ก็รู้ว่าผมชอบกินอะไร”

ผมเท้าคางมองอีกฝ่าย

“ได้”

พี่อุ้มแค่นยิ้มก่อนจะสั่งอาหารเพิ่มเติม

เมนูที่ว่าเป็นของที่ผมเกลียดทั้งนั้น

“กินได้มั้ย”

“ถ้าพี่สั่งมาผมก็กิน”

การกลั่นแกล้งแบบเด็กๆ ที่ดูจะไม่ได้ผลทำให้ฝ่ายนั้นเบะปาก รอไม่นานอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ พี่อุ้มแอบเหล่ตามองเหมือนลุ้นว่าผมจะกินอาหารที่สั่งมาได้มั้ย ผมส่ายหัวก่อนจะอดทนตักอาหารตรงหน้าเข้าปากสามสี่คำ 

แต่ให้ตายเถอะ รสชาติแม่งโคตรเผ็ด

“ไม่ไหวก็พอเถอะ”

พี่อุ้มพูดอย่างรำคาญใจตอนที่ผมปาดเหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผม 

“ห่วงผมเหรอ”

พี่อุ้มเม้มปากแน่นก่อนจะหันไปสนใจอาหารในจานตัวเอง

“งั้นก็แดกให้หมดซะ”

ผมยักไหล่จะตักคำต่อไป แต่ฝ่ายนั้นยื้อข้อมือผมเอาไว้ก่อนจะเลื่อนข้าวผัดมาให้แทน

“ทรมานตัวเองทำไม”

“ก็พี่อยากให้ผมกิน”

“แค่กูสั่ง มึงต้องบ้าทำตามเลยรึไงวะ””

“ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่”

ผมยักไหล่

“มึงพอเถอะโต้ง”

พี่อุ้มที่เงียบไปนานพูดขึ้นท่าทางดูอ่อนใจกับการกระทำของผม มือที่จับช้อนอยู่สั่นเล็กน้อยตอนที่ผมเอื้อมไปจับกุมเอาไว้

“ขอโอกาสผมไม่ได้เหรอ”

พี่อุ้มชักมือถอยห่างก่อนจะหลุบตามองแต่จานข้าวเงียบๆ ท่าทางแบบนั้นทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวระหว่างเราเมื่อปีก่อน ใครจะไปคิดว่าวันที่ถูกแม่บังคับให้ไปเรียนพิเศษกับลูกเพื่อนแม่จะทำให้ผมรู้จักกับพี่อุ้ม ตอนม.ห้าผมค่อนข้างเกเรติดเกมและการเรียนตกจนไอ้เปียวไอ้อ๋องพร้อมใจกันไปฟ้องแม่ให้จัดการดัดนิสัยไร้ความรับผิดชอบของผมสักที แน่นอนว่าพอแม่รู้ก็เข้ามาจัดการบีบบังคับให้ผมเรียนพิเศษเพื่อฉุดเกรดที่ต่ำเตี้ยในช่วงนั้นให้สูงขึ้นแลกกับค่าขนมที่ถูกตัดเหลือเพียงครึ่ง หากผมไม่สามารถทำเกรดให้ดีขึ้นได้ค่าขนมผมที่หายไปกว่าครึ่งนั้นไม่มีทางที่ผมจะได้คืนมา คราวแรกผมดึงดันอยากเอาชนะแม่จนแกล้งพี่คนที่มาสอนพิเศษจนไม่โผล่หน้ามาเป็นเดือน แต่ใครจะไปรู้ว่าต่อให้พี่คนนั้นยอมแพ้ไปก็ยังอุตส่าห์ส่งเพื่อนที่คณะมาแทน และคนหลังนี่แหละที่จัดการผมจนอยู่หมัด

พี่อุ้มรับมือกับผมได้ทุกอย่าง ทั้งยังเอาคืนจนผมเจ็บใจอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะเราแกล้งกันไปมาจนเคยชินหรือเปล่า วันหนึ่งความรู้สึกระหว่างเด็กเรียนและรุ่นพี่ที่มาสอนพิเศษจึงขยับขึ้นเปลี่ยนไปในสถานะที่ใกล้ชิดกันมาขึ้น

ตอนที่ผมอยู่ม.ห้าเทอมปลาย ผมขอคบกับพี่อุ้มซึ่งอายุมากกว่าผมถึงสองปี แน่นอนว่าฝ่ายนั้นไม่ได้ยอมตกลงใจในทีแรกหรอก กว่าทำให้คนปากแข็งยอมรับใจตัวเองก็นานพอดู เราแอบคบกัน ที่ต้องใช้คำว่าแอบเพราะพี่อุ้มไม่ยอมให้เปิดเผยสถานะระหว่างเราต่อหน้าคนอื่น อาจจะเพราะมันดูไม่ดีในฐานะครูสอนพิเศษและลูกศิษย์ตัวโข่งหรือเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจของแม่ที่มีต่อพี่อุ้มทำให้พี่อุ้มปิดปากเงียบ แรกๆ ผมก็ยอมรับได้แต่นานวันไป กลายเป็นผมที่ร้อนรนกับความสัมพันธ์แบบนี้ เราทะเลาะกันมากขึ้นมั นรุนแรงจนทำให้พี่อุ้มเสียน้ำตา สุดท้ายเพราะความใจร้อนและผลุนผลันตามช่วงวัย ผมเริ่มไม่มีเหตุผลหาเรื่องชวนทะเลาะ ขณะที่ฝ่ายนั้นกลับเงียบลงทุกวัน

กว่าจะรู้ตัวว่ามันสุดยื้อแล้วก็ตอนที่พี่อุ้มพูดขึ้นว่าผมควรตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย และบอกเหตุผลว่าเราควรถอยห่างจากกันเพื่ออนาคตของผม

ผมคิดไปว่านั่นคือการบอกเลิกอ้อมๆ ทั้งที่เราควรจับเข่าคุยกันอย่างมีเหตุผล แต่เพราะผมอีกนั่นแหละที่หลุดพูดไปว่า การถอยห่างก็เหมือนการเลิกรา ผมยื่นคำขาดว่าถ้าหากเราเว้นระยะให้กันวันนั้น เราควรเลิกกันไปเลยเพื่อให้สถานะมันชัดเจน

ผมพลั้งปากเพราะโมโห

ผมรู้ว่าพี่อุ้มเสียใจ

แฟนหนุ่มรุ่นพี่ยอมรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมยังแววตาเจ็บปวดของพี่มันได้เสมอ

ผมผิด...ผมยอมรับ

ความสัมพันธ์ง่อนแง่ของพวกเราจบลงแบบไม่ค่อยดีนัก พี่อุ้มหายไปจากผมแบบที่ติดต่อไม่ได้เลย จนกระทั่งมาวันที่มาส่งไอ้เปียวที่คณะตอนเปิดเทอมปีหนึ่ง มันจะเพราะบังเอิญหรืออะไรก็ตาม ผมเจอพี่อุ้มที่นั่นและดูเหมือนโชคจะเข้าข้างที่พี่อุ้มดันกลายเป็นสายรหัสไอ้เปียวเพื่อนสนิทผม เหตุผลที่ทำให้ผมเจอพี่อุ้มบ่อยขึ้น

การกลับมาเจอกันของพวกเราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เแต่มันเริ่มการจากติดลบต่างหาก

พี่อุ้มพยายามหนีห่าง ขณะที่ผมขยับเข้าหา แม้จะพยายามขอโทษอีกฝ่าย ตั้งแต่วันที่ได้พบเจอกันอีกครั้ง แต่พี่อุ้มดูเหมือนจะแค่ยิ้มรับ แล้วทิ้งระยะห่างระหว่างกันให้ห่างเช่นเดิม

“ผมขอโทษ”

“กูอยากเป็นพี่น้องกับมึง”

พี่อุ้มตอบเสียงแผ่ว

“แต่ผมไม่...”

“ผมมีรุ่นพี่มากพอแล้ว เพื่อนผมก็เยอะแยะ”

“...”

“พี่อย่าเป็นพี่ผมเลย”

“มึง”

“เป็นคนสำคัญของผมเถอะ”

“มึงเคยได้ยินป่ะ การอ่านหนังสือเรื่องเดิมน่ะ มันก็มักจะมีตอนจบแบบเดิมๆ  นั่นแหละ”

“พี่ได้ลองอ่านอีกครั้งรึยังล่ะ”

ผมมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ พี่อุ้มดูอึ้งไปแต่ยังอุตส่าห์ถลึงตาใส่

“ไม่อ่านก็เหมือนเดิมนั่นแหละ”

“ไม่เหมือน”

ผมพูดยิ้มๆ

“หนังสือของผมเป็นฉบับรีไรท์”

“ไอ้โต้ง”

พี่อุ้มแยกเขี้ยวใส่ท่าทางแบบนั้นโคตรน่ามองเลย

“เนื้อหามันเปลี่ยนไปแล้ว แต่แก่นของเรื่องยังเหมือนเดิม”

อดีตคนรักรุ่นพี่เม้มปากแน่น

“หนังสือของผมมีแก่นเรื่องคืออยากให้พี่ได้อ่านด้วยกันอีกครั้ง”

ผมสังเกตว่าฝ่ายนั้นทำหน้าตื่นก่อนจะเห็นริ้วสีแดงๆ ที่แก้มทั้งสองข้าง

“อย่าจีบกูเลย”

ฝ่ายนั้นพูดอย่างอ่อนใจ

“ถ้ามึงเหงา กูพอมีรุ่นน้องจะแนะนำให้มึงนะ”

ผมเท้าคางทำหน้าเหมือนตั้งใจฟังอีกฝ่าย

“คนที่มึงเพิ่งเดินชนหน้าร้านน่ะ รุ่นน้องกูเอง”

“ขายเก่ง”

“น่ารักๆ ขาวๆ สเป๊กมึงเลยนะ”

“ที่พี่พูดมานี่มันลักษณะของพี่ชัดๆ เลยนะ”

พี่อุ้มทำแก้มพองดูขัดใจ

“เบื่อจะพูดกับมึง”

“แต่ผมไม่เบื่อจะง้อพี่นะ”

พี่อุ้มถอนหายใจแรงๆ แล้วกอดอกมองผมนิ่ง

“อะไรทำให้มึงมั่นใจว่าเรื่องของเราจะเป็นไปได้”

“เรื่องของเรา”

ผมทวนคำนี้ก่อนยิ้มน้อยๆ

“ฟังแล้วใจฟูบอกไม่ถูก”

“ไอ้โต้ง”

“ครับ”

ผมยืดตัวขึ้นเพราะจะพูดเรื่องสำคัญ

“ผมบอกตรงๆ ว่าไม่มีความมั่นใจเลย พี่แม่งโคตรใจแข็งเลย ป่านนี้ยังไม่หายโกรธผมอีก”

“เปล่าเลย กูไม่ได้โกรธมึง ถ้าย้อนกลับไป ถามหาว่าใครกันที่ผิดเรื่องน่ะ...” พี่อุ้มพูดเสียงเบา 

“เราผิดด้วยกันทั้งคู่ “

“...”

“กูไม่เคยโทษหรือโกรธมึง”

“...”

“แต่วันนี้กูอยากให้มึงตัดสินใจดีๆ โต้ง มึงไม่ใช่เด็กม.ห้าหัวร้อนที่เอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว วันนี้ใครๆ ก็รู้จักและอยากเข้าหามึง ตัวเลือกดาหน้าเข้ามาให้มึงเลือกตั้งเยอะแยะ อย่าปิดโอกาสตัวเองสิวะ มึงมีโอกาสได้เลือกแล้วนะ ทำไมถึงไม่เลือกหนังสือเล่มใหม่ล่ะ บางทีมันอาจจะมีอะไรน่าสนใจกว่าเล่มเดิมๆ ที่มึงอ่านจนจบแล้ว”

ผมกดมุมปากตอนที่ฝ่ายนั้นพูดจบ

“ผมรักหนังสือเล่มนี้ รู้ตอนจบแล้วยังไง พี่ไม่เคยมีหนังสือเล่มที่รักมากๆ เหรอ หนังสือเล่มเดิมที่ชอบหยิบขึ้นมาอ่านน่ะ ต่อให้รู้ตอนจบ ผมก็ยังอยากอ่านอยู่ดี”

พี่อุ้มทำปากขมุบขมิบทั้งที่แก้มขาวๆ นั่นขึ้นสีแดงระเรื่อ พอเห็นผมมองอยู่พี่มันก็ถลึงตาใส่แล้วดันอาหารจานที่เผ็ดจานเดิมกลับมาอยู่ตรงหน้าเป็นการกระทำแก้เขิน


สัตว์เอ้ย

โคตรน่าฟัดเลย



___50%______________





เอาไปครึ่งนึงก่อนนะคะ
หวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่อ่านแล้วเมนต์เป็นกำลังใจให้เรานะคะ กราบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่อุ้มน่ารักอ่ะ

ตอนนี้น้องเปียวไม่ออกมาเลย สงสัยค่าตัวแพง

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ฉบับรีไรท์ต้องสมบูรณ์กว่าฉบับจริงแน่นอน,,,

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พี่อุ้มน่ารักจัง :กอด1:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ลองอ่านอีกรอบ ก็ไม่น่าเสียหายนาาาา

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
มีลุ้นมั้ยน้า

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ชอบมุขหนังสือ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Plakhem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :really2: รออีก 50% จ้า   :z13:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
 
(ต่อ)


คาเฟ่หน้าสนามกีฬาตอนนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษจนไอ้อ๋องมันสงสัยถึงกับเดินไปถามเจ้าของร้าน วันนี้ผมและไอ้อ๋องมาส่งข้าวช่วยรุ่นพี่สวัสดิ์คณะ เกือบห้าโมงเย็นแล้วตอนนี้ แต่นิสิตยังหนาตา ถ้าไม่ติดว่านัดไอ้โต้งที่นี่พวกผมคงแยกย้ายกันกลับแล้ว แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่  ไอ้โต้งมันซ้อมคทากรหนักจนไม่มีเวลาโผล่หัวไปหาพี่อุ้มที่คณะเลย เนื่องจากช่วงนี้ใกล้โค้งสุดท้ายแล้วสำหรับงานฟุตบอลประเพณี

วันนี้ผมกับไอ้อ๋องเลยกะจะแวะมาดูใจมันสักหน่อย

ไอ้อ๋องเดินถือชาเขียวปั่นกลับหลังจากไปยืนคุยกับเจ้าของร้านอยู่นาน เป็นตอนที่ไอ้โต้งเดินเนือยๆ มาทางนี้พอดี มันทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ สีหน้าดูอ่อนล้าไม่น้อย

“เป็นไงวะ ท่าทางเหมือนไม่ได้นอน”

มันชูสองนิ้วให้

“อะไรอ่ะ”

“ไม่ได้นอนสองวันแล้ว”

“หา”

“อะไรมันจะขนาดนัั้นวะ”

ไอ้อ๋องถามขึ้นอย่างสนใจ

“วิชาดรออิ้งแม่งอาจารย์จบนอกมา ไฟแรงสัดๆ สั่งทำโปรเจ็กต์เยอะฉิบหาย ช่วงนี้็กูยิ่งซ้อมเลิกดึกทุกวันด้วย”

มันเคยเล่าให้ฟังว่าที่คณะรับอาจารย์ใหม่เข้ากลางเทอมเพราะอาจารย์คนเก่าประสบอุบัติเหตุต้องพักรักษาตัวอีกนาน อาจารย์คนใหม่นี่ข่าวว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกใหม่ๆ ไม่แปลกหากอาจารย์คนนี้จะไฟแรงสั่งงานมันจนหัวหมุน

“มึงเคยชมว่าเขาสวยโคตรๆ นี่หว่า”

“ความสวยไม่สัมพันธ์กับความโหดเลยครับ”

มันบ่นอุบ

“เพื่อนกูที่คณะจากที่ตื่นเต้นกับอาจารย์สาวๆ มาสอน ตอนนี้โคตรขยาด”

ผมยิ้มก๊ากเลย

“แต่ก็ดีนะ แรกๆ เพื่อนกูไปปีนเกลียวแกเอาไว้เยอะ คงเห็นว่าอาจารย์แกเคยเป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่า เล่นกันมากไปเลยโดนเจ้แกจัดโปรเจ็กต์มาจนพวกกูจุกไปเลย””

“สมน้ำหน้า”

ไอ้โต้งเบะปากเซ็งแล้วยื่นมือไปคว้าเอาชาเขียวไอ้อ๋องมากินหน้าตาเฉย

“ของกู”

“กินนิดกินหน่อย”

ไอ้โต้งโยกแขนที่ถือแก้วชาเขียวหลบ

“ไปซื้อเองสิวะ”

“คนเยอะขี้เกียจไปต่อ”

ไอ้โต้งพูดไปดูดน้ำไปด้วย

“เออว่าแต่ทำไมวันนี้คนเยอะจังวะ” ผมหันไปถามเพื่อนข้างห้อง “มีแต่เด็กวิศวะฯ”

นิสิตส่วนใหญ่ที่มาต่อแถวซื้อน้ำส่วนใหญ่ใส่เสื้อช๊อปกันทั้งนั้น 

“วันนี้ร้านมีโปรฯ”

“โปรอะไรวะ”

ไอ้อ๋องยังไม่ทันได้ตอบ แก๊งคทาการรุ่นพี่ก็เดินเฮโลกันเข้ามาในร้านก่อนแล้วผละไปจับจองพื้นที่มุมด้านหนึ่ง

“พี่เซียนไปช่วยอาจารย์ดรออิ้งที่โรงฝึก คงยังไม่มามั้ง”

ไอ้โต้งพูดขึ้นลอยๆ 

“บอกกูทำไมอ่ะ”

“มึงมองหาพี่มันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“รู้ดี”

ถลึงตาใส่แม่ง

ผมค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อยก่อนจะผละออกมาเข้าห้องน้ำหน้าสนามกีฬา ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วสนามกีฬานอกจากจะมีพวกคทากรที่จะมาขอใช้พื้นที่สำหรับการซ้อมแล้ว ยังมีกลุ่มนักฟุตบอลที่ซ้อมกันอยู่กลางสนามโน่น

“อ้าว”

ผมร้องทักพี่ชายข้างบ้านที่หัวเปียกซกออกมาจากห้องน้ำ 

“ไงมึง”

“ผมมาส่งข้าวช่วยสวัสดิ์ครับ”

“อ๋อ”

พี่ปั๊บพยักหน้าหงึกหงัก

“กูเห็นถุงข้าวที่ข้างสนามละ แล้วนี่จะกลับเลยรึเปล่า”

“คงกลับเลยครับ”

“เออ”

พี่มันหรี่ตามองผมนิ่งๆ

“นึกว่าจะอยู่รอพวกคทากรซะอีก”

แววตาของพี่มันทำให้ถึงกับเก้อเขิน เพราะเผลอไปนึกถึงเหตุการณ์วันที่ไปกินข้าวกับพี่มันแล้วโดนพี่เซียนลากออกมาก่อน หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้กลับเข้าไปอีกเลย ไม่รู้ว่าพี่ปั๊บมันจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นไปยังไง แต่แววตาที่มองเมื่อกี้เหมือนจะมองเหตุการณ์ได้ทะลุปรุโปร่งจนผมเสียวสันหลัง

“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”

“มึงกับไอ้เซียนเป็นอะไรกัน”

เจอคำถามนี้ถึงกับไปไม่ถูกเลย

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พี่ปั๊บแตะไหล่แล้วดันให้ผมออกเดินเข้าไปบริเวณอัฒจันทร์แถวสนามบอล ผมทรุดตัวลงนั่งแถวนั้น โดยมีพี่มันนั่งข้างๆ 

“อย่าตอบว่าพี่น้องนะ”

ผมแยกเขี้ยวใส่พี่มันทีนึง

“พี่น้องที่ไหนลากถูกันออกไปแบบนั้น”

ผมเกาหัวแกรก เอาจริงๆ ต่อให้ความรู้สึกระหว่างเรามันไปไกลแล้ว แต่สถานะระหว่างกันนั้นมันยังคลุมเครือ

“พี่น้อง”

ผมตอบเสียงแผ่ว

“มึงไม่ได้ยินที่กูพูดเมื่อกี้เหรอ”

พี่ปั๊บผลักหัวผมทีนึง

“ก็ผมไม่รู้จะตอบอะไรอ่ะ”

“...”

“มันก็มากกว่าพี่น้อง แต่ก็ไม่ได้เป็นแฟนกัน”

พี่ปั๊บเหยียดยิ้มให้ผมเ

“มึงรู้มั้ย”

“ไม่รู้”

“กูยังไม่ได้เล่า”

พี่มันขำออกมาทันที

“กวนตีนนะไอ้เปียว เดี๋ยวเรื่องที่มึงโดนไอ้เซียนเต๊าะนี่รู้ถึงหูแม่มึงแน่”

“พี่”

ผมทำหน้าตื่นทันที เอาจริงพ่อกับแม่ผมไม่ใช่คนที่เข้มงวดหรือหัวโบราณอะไรนักหรอก แต่มันคงแปลกไม่น้อย หากจะพูดออกไปโต้งๆ ว่าผมมีผู้ชายมาจีบ

“กูล้อเล่น”

“มึงจะชอบใครก็เรื่องของมึงเถอะ ไอ้เปียว”

“มันแน่อยู่แล้ว”

“แต่กูจะบอกอะไรให้นะ ตอนม.ปลายกูเคยแย่งไอ้เซียนจีบเด็กคอนแวนต์”

ประเด็นมันน่าสนใจจนผมเผลอทำตาโต

“เคยชกกันด้วย”

มิน่า ถึงดูไม่ค่อยถูกชะตากัน และไอ้พี่เซียนเองดูไม่ชอบใจที่เห็นผมสนิทสนมกับพี่ปั๊บเท่าไหร่

“นักเลงว่ะ”

“ก็ตอนนั้นมันวัยรุ่น เอาจริงนะกูกับมันไม่ได้เกลียดกันหรอก ถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะเหม็นหน้ากันมากกว่า เด็กคอนแวนต์นั่นแรกรักกูเลย แต่ไอ้ห่าเซียนดันจีบติด คบกันไม่ถึงเดือนก็ดันเลิก ผู้หญิงเสียใจจนกูสงสาร กูเลยตามไปชกมัน”

ผมเบะปากตอนที่เหลือบไปมองสันมืออีกฝ่าย ทั้งใหญ่ทั้งหนาขนาดนั้นคนโดนไม่เจ็บแย่เหรอวะ

“แต่มันก็สวนกูมาหลายหมัดอยู่”

“เพราะอย่างนี้เลยไม่ถูกกันเหรอครับ”

“เปล่า”

“อ้าว”

ผมทำหน้างงทันที

“กูเพิ่งมารู้ทีหลังว่าผู้หญิงไปบอกชอบมันก่อน จริงๆ มันไม่ได้ชอบด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงขอร้องให้ลองคบดู สุดท้ายมันเลยจบแบบนั้น”

ผมเผลอนึกถึงหน้าพี่เซียนทันที 

“กูแค่หมั่นไส้ที่มันทำตัวแมนๆ ไม่ยอมปริปากบอกว่ามันเลิกกับผู้หญิงทำไม ทำให้หลายคนมองมันไม่ดีเพราะผู้หญิงเอาไปพูดว่ามันหลอกให้รัก แม่งโชว์แมนฉิบหาย”

นั่นแหละพี่มัน กว่าจะยอมเปิดปากว่าคือไอ้พี่ยักษ์ก็จนมุมนั่นแหละ ถึงยอมพูดออกมา

“มึงยิ้มอะไรขนาดนั้นวะเปียว”

พี่ปั๊บทำหน้าหมั่นไส้

“ผมยิ้มปกติเหอะ”

“มึงชอบมัน”

“พี่”

ผมทำหน้าตื่นทันที อยากจะอ้าปากคัดค้านแต่สุดท้ายถ้อยคำเหล่านั้นกูติดอยู่ในลำคอ

“รู้ก็ดี”

หือ?

ผมหันขวับไปบนอัฒจันทร์จึงเห็นคนดังของภาคยานยนต์ยืนค้ำหัวกอดอกอยู่ ฉิบหาย พี่มันมายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมยิ้มแหยส่วนพี่ปั๊บแค่ทำหน้าเซ็งใส่เพื่อนร่วมคณะก่อนจะผละลุกออกไป แล้วพี่เซียนก็เดินมาทรุดตัวลงนั่งใกล้ผมแทน

“คุยอะไรกัน”

“ได้ยินหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”

ผมทำปากยื่นใส่อีกฝ่าย

“ก็ไม่ทั้งหมด”

“แล้วได้ยินอะไรบ้างล่ะ”

“มึงชอบกู”

“หูฝาดรึเปล่า”

ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง

“ใกล้ขนาดนี้มึงคิดว่ากูฟังผิดมั้ยล่ะ”

ผมค้อนให้พี่มัน

“ก็ตามที่ได้ยินนั่นแหละ”

ฝ่ามือเลื่อนมากุมทับหลังมือผมแล้วบีบกระชับ

“มึงอายอะไรล่ะเปียว กูชอบมึง แล้วถ้ามึงจะชอบกู ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร”

“...”

“ใจตรงกันขนาดนี้แล้ว”

“พี่”

ผมทำหน้าไม่ถูกเลยทีนี้

“อยากกินช็อคโกแลตมิ้นท์ปั่นมั้ย”

เกี่ยวอะไรวะ พี่เซียนยิ้มขำก่อนจะฉุดมือผมให้ลุกขึ้น

“วันนี้ที่คาเฟ่หน้าสนามกีฬามีโปรโมชั่น”

“อ๋อ”

ถึงว่าวันนี้นิสิตต่อแถวซื้อกันหนาตาเลย ผมเดินตามแรงจูงของพี่มันกลับมาในร้านอีกครั้ง ตอนนั้นเห็นไอ้โต้งกับไอ้อ๋องหันมาทางนี้แล้วยิ้มแปลกๆ

อะไรกันวะ

ผมยักไหล่ก่อนจะขยับเท้าตามเมื่อคิวด้านหน้าเริ่มขยับเรื่อยๆ โดยที่พี่เซียนยืนต่อแถวซ้อนหลังผมอยู่

“อยากกินอะไร”

ผมชะโงกหน้าไปที่ตู้เค้กแล้วกวาดสายตามองสำรวจ

“วันนี้ไม่มีบราวนี่มิ้นท์อ่ะ”

“งั้นก็กินอย่างอื่น”

“พี่พูดเหมือนพี่จะเลี้ยงผม”

“อยากให้เลี้ยงมั้ยล่ะ”

ผมยักไหล่ ก่อนจะสะดุดสายตากับกระดานอันใหญ่ที่เขียนด้วยลายมือน่ารัก เป็นข้อความโปรโมชั่นที่ถูกกล่าวขวัญถึงก่อนหน้านี้

 

‘แฟนวิศวะฯ ลด50%’

ควงแขนแฟนวิศวะฯ มา ลดทุกเมนูในร้าน

เฉพาะนั่งทานในร้าน เจ้าของร้านอยากนั่งดูความฟิน

 

“รับอะไรดีคะ”

เจ้าของร้านถามเสียงใส

“เอ่อ”

ผมอ้ำๆ อึ้งๆ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“เอาไง”

เสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหูผม

“อยากกินครึ่งราคามั้ยล่ะ”

ผมเม้มปากแน่น ยิ่งตอนที่สบสายตากับพี่มันตรงๆ แบบนี้

“แล้ว แล้วผมต้องทำยังไง”

“คุณลูกรับอะไรดีคะ”

เจ้าของถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นผมยืนซุบซิบกับพี่เซียน

“ช็อคโกแลตมิ้นท์ปั่นครับ”

“70บาทค่ะ”

ผมขยับตัวยุกยิกก่อนจะข่มใจถามคนรับออเดอร์ตรงหน้าว่า

“ไม่ใช่ 35 บาทเหรอครับ”

“เอ๊ะ”

เจ้าของร้านทำหน้าตื่น ก่อนที่ประกายตาของเธอจะวาวระยับมองหน้าผมสลับกับคนที่ยืนซ้อนอยูู่ข้างหลัง

“พี่แม่ง จ่ายให้ผมด้วย”

ผมหันไปแยกเขี้ยวให้คนที่หัวเราะน้อยๆ อยู่ข้างหูก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินไปหาพวกเพื่อนๆ ที่โต๊ะ ไอ้เวรสองตัวนี้เหมือนรอโอกาสอยู่ พวกมันเลยทำหน้าล้อเลียนผมทันที

แม่ง

แค่อยากกินเมนูโปรดในราคาประหยัดเท่านั้นแหละ

จริงๆ นะ

ผมเม้มปากแน่นก่อนจะหันไปมองป้ายกระดานอันนั้นอีกครั้ง

‘แฟนวิศวะฯ ลด50%’

แฟนวิศวะฯ

แฟนวิศวะฯ

ให้ตายเถอะ

นี่กูทำอะไรลงไปวะ ผมนั่งกุมหัวใจตัวเองที่เต้นแรงมาก


- J E E B -


หายไปอาทิตย์นึงค่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิเลย
หวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยนะคะ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด