ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]  (อ่าน 64938 ครั้ง)

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
แค่อยากได้ส่วนลดค่าน้ำปั่นจริงๆ อ่ะเหรอน้องเปียว เปิดตัวแรงนะจ๊ะ.  :hao3:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
เปียวเห็นแกของลดราคา รึ เขินไม่กล้าตอบตกลงเป็นแฟนด้วยคำพูด

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ก้คือตกลงแล้วมั้ยค้าาาา  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เขิลบ้าบอ อะไรเนี้ย

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
 

- จีบที่18 -

 

 

เพจทวงคืนเหมียวมาริสาสมบัติสาธารณะจากเซียนศกัณฐ์

แว่วๆ ว่ามีคนออกตัวซื้อน้ำปั่นราคาลดจีบเด็กวิทย์กีฬาเหรอวะ?

มันยังไง มันแถวไหนวะ ไหนใครอยู่ในเหตุการณ์เล่าหน่อย

 

Comment

 

แมนวังหินซิ่งเบาะปลิว บ้านคนจีนแถวพรานนกอ่ะ

จะชงจนกว่าจะได้พี่เซียน เป็นเขินมากจ้ะ ฉันอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้น

FCพี่เซียน @จะชงจนกว่าจะได้พี่เซียน เหลามาค่ะ รอเขินด้วย

Sitt.Sita คาเฟ่หน้าสนามกีฬามีโปรลดสำหรับเด็กวิดวะฯ

Tichob_tichob @Sitt.Sita โปรแฟนวิดวะลด50%

Arm❤Meow @Tichob_tichob @Sitt.Sita เซียนซื้อน้ำให้เด็กวิทย์กีฬาในราคาลด 

รักน้องเหมียวคนเดียว เซียนคือตัวหลอกอ่ะผมว่า ตัวจริงน้องเหมียวข่าวว่าอยู่เมืองนอก

กานซายเป็นเมียพี่เซียน น้องเปียว น้องคณะฉันเอง กรี๊ดดดดด

เพจทวงคืนเซียนศกัณฐ์จากเปียวปัณณกิต ฝากกดไลค์เพจด้วยค่ะ

Onlyพี่เซียนวิศวะฯ @เพจทวงคืนเซียนศกัณฐ์จากเปียวปัณณกิต  กรี๊ดดดด อย่าหาทำ

Sai_darin ส้มหยุดแต่ #เซียนเปียว ไม่หยุดว่ะ


 

ผมเลื่อนอ่านความคิดเห็นที่ไหลเป็นน้ำแล้วรู้สึกเลยว่าใบหน้าตัวเองร้อนเห่อขึ้นมาทันที โดยเฉพาะคอมเมนต์ที่มีการตั้งเพจผมกับไอ้พี่เซียนจริงๆ แล้ว

“ดูอะไร”

ผมสะดุ้งโหยงทำตาลอกแลกก่อนจะรีบเก็บมือถือ แต่ไม่ทันเพราะพี่มันคว้ามือถือผมไปดูอย่างถือวิสาสะ

“พี่”

พี่เซียนเบี่ยงมือถือหนีแม้จะพยายามคว้าคืน แต่ส่วนสูงที่ต่างกันทำให้พี่เซียนได้มือถือผมไปอย่างง่ายดาย ใบหน้าคมคายจ้องมองโทรศัพท์ในมือแล้วกดยิ้มมุมปาก ท่าทางดูจะถูกใจไม่น้อย ผมเลยเสหน้ามองไปทางอื่น ตอนนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว หลังจากนี้พี่เซียนซ้อมคทากรเสร็จแล้ว ตอนนี้คนเหล่านั้นแยกย้ายกันไปหมดแล้วรวมถึงไอ้โต้งที่ยิ้มแปลกๆ ตอนที่โบกมือลาผมไปเมื่อกี้นี้

สนามบอลตอนนี้จึงเหลือแต่พวกนักฟุตบอลประปรายมีแสงไฟสปอตไลท์สว่างไสวโดยรอบ ค่ำขนาดนี้แล้วผมยังนั่งอยู่โยงรอพี่เซียนตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว ก็หลังจากเหตุการณ์ซื้อช็อกโกแลตมิ้นท์ปั่นในราคาลดนั่นแหละ

พูดถึงราคาลด อดเหลือบตามองบรรดาขนมและของกินจากร้านคาเฟ่หน้าสนามกีฬาที่วางแอ้งแม้งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างๆ หลายชิ้นที่พี่เซียนใช้สิทธิ์แฟนวิศวะฯ ซื้อให้

พี่เซียนยื่นมือถือคืนให้ผมแล้วทรุดตัวนั่งข้างๆ กัน มือข้างหนึ่งของพี่มันคว้าเอาเสื้อช๊อปมาปัดขาให้ผมเพราะค่ำๆ แบบนี้ยุงรำคาญตัวโตกำลังออกบินสร้างความรำคาญ

“เปียว”

“ครับ”

“มึงโอเคมั้ย”

“เรื่อง?”

พี่เซียนฟาดแขนข้างหนึ่งไปกับขอบเก้าอี้นั่นเลยเหมือนว่าพี่มันกำลังโอบผมอยู่

“เรื่องของเรา”

ผมเม้มปากแน่นก่อนจะเหลือบตามองอีกฝ่าย

“...”

“พูดอะไรวะ งึมๆ งำๆ ในคอ”

“เขิน”

“โคตรเขินเลยพี่”

พี่เซียนหัวเราะน้อยๆ ตอนที่เอื้อมมือมาโยกศีรษะผมไปมา

“บอกตรงๆ ตอนนี้มันยังงงๆ อึ้งๆ อ่ะ ทำตัวไม่ถูก”

“ยังไง”

“ก็ผมควรทำยังไงกับสถานะปัจจุบันนี้ดี”

“คนเป็นแฟนกันเค้าทำยังไง มึงก็ทำแบบนั้นแหละ”

คำว่า ‘แฟน’ นั่นทำให้หัวใจผมอุ่นวาบขึ้นมาทันที

“พี่ชอบผมจริงๆ เหรอ”

ผมสบตากับพี่มันตรงๆ

“ทุกอย่างที่กูทำกับมึง กูทำด้วยความตั้งใจ”

“...”

“กูชอบ...กูเลยจีบ”

ผมกลั้นยิ้มจนปวดแก้มและเผลอขยับโยกศีรษะไปตามจังหวะที่ฝ่ามือหนาขยับ

“แล้วมึงล่ะ”

“ผมทำไม”

“ความเป็นส่วนตัวของมึงต่อจากนี้มันจะไม่เหมือนเดิมหรอกนะ”

ผมนิ่งฟัง

“มึงรู้ใช่มั้ยว่าเพราะอะไร”

“ก็พอรู้แหละ”

“อึดอัดหน่อยนะ”

พี่เซียนกุมมือผมแล้วบีบเบาๆ

“ที่เป็นแฟนกู”

ผมชอบคำนี้จัง

“อือ”

“กูจะทำให้ดีที่สุด แต่ที่สุดของมึงกับกูมันคงเทียบกันไม่ได้”

ผมตั้ใจฟัง

“กูไม่รู้อนาคต แต่กูจะเต็มที่ในทุกๆ วัน”

“...”

“มาพยายามด้วยกันนะ”

ผมบีบมือพี่มันเป็นการตอบรับ

“เอ๊ะ”

วัตถุเหมือนโลหะตกอยู่ในมือ ผมหยิบของในมือขึ้นมาพิจารณาเห็นวัตถุทรงกลมแกนยาวคล้ายปากกาเพราะส่วนปลายมนเข้าแต่อันจิ๋วกว่ามาก ส่วนบนมีเกลียววนเป็นวงกลม ระหว่างส่วนปลายและส่วนบนมีวงแหวนคล้ายๆ น็อตกั้นกลาง ของดังกล่าวนั้นชิ้นเล็กมีน้ำหนักเบาคล้ายกับว่าทำจำลองขึ้นมา ถ้าให้เดาคงเป็นชิ้นส่วนของอะไรสักอย่างแน่ๆ

เชือกดิบเส้นไม่ใหญ่ไม่เล็กสอดผ่านวัตถุดังกล่าว จึงเหมือนสร้อยคอที่ห้อยด้วยวัตถุโลหะทรงประหลาด

“อะไรอ่ะ”

“สร้อยไง”

“รูปร่างคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน”

พี่เซียนแค่ยิ้มน้อยๆ แต่ไม่พูดอะไร

“ให้ผมเหรอ”

“อืม”

“...”

“เก็บไว้ดีๆ นะ”

“...”

“อย่าทำหายล่ะ”

พี่เซียนสวมสร้อยคอนั่นให้ผมแล้วคลึงวัตถุที่ห้อยอยู่ในคอแล้วยิ้ม

“สำคัญมากเหรอครับ”

ผมเอื้อมมือไปคลึงวัตถุดังกล่าว

“สำคัญมาก”

“ผมถามได้มั้ยว่ามันสำคัญยังไง”

พี่เซียนจ้องสร้อยนั้นแล้วตอบ

“มันสำคัญกับเครื่องยนต์”

มิน่าเล่า

“ขาดไปไม่ได้หรอก”

ผมคิดออกแล้ววัตถุที่คล้องเป็นสร้อยอยู่นี่หน้าตาเหมือนชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จริงๆ นั่นแหละ

“เหมือนมึงอ่ะ”

“เหมือนผมยังไงเหรอ”

“ขาดมึงไปไม่ได้ไง”

เหี้ยเอ้ย

พี่เซียนยิ้มแล้วหล่อฉิบหาย

“ผมไม่มีอะไรให้พี่เลยอ่ะ”

ผมกลั้นยิ้ม มือก็คลึงวัตถุดังกล่าวนั่นเล่นไปด้วย

“กูไม่ต้องการ”

“แค่เป็นแฟนกูก็พอแล้ว”

“พอจริงเหรอ”

“เป็นแฟนพี่...ก็พอแล้วครับ”

“พี่แม่ง”

ผมก้มหน้างุดๆ ขณะที่อีกฝ่ายโยกศีรษะผมไปมา ผมแอบเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของพี่มันตอนที่พวกเราลุกเดินออกมาจากสนาม มือข้างหนึ่งหิ้วขนมราคาลดที่พี่มันซื้อให้ มืออีกข้างถูกพี่เซียนกอบกุมเอาไว้ 

ระหว่างเรามีเพียงความเงียบ

ผมได้ยินแต่เสียงฝีเท้าดังสลับกันไปมาระหว่างที่เราเดินลัดเลาะไปตามทางฟุตบาธด้านนอกสนามกีฬา

“ขอบคุณนะพี่”

พี่เซียนหันมาเลิกคิ้วทันที

“ไม่ใช่”

“อะไรไม่ใช่”

ผมถามยิ้มๆ

“มึงพูดผิด”

“แล้วผมต้องพูดว่าอะไร”

พี่เซียนเลื่อนมือข้างที่จับกุมกันอยู่มากอดคอผมแล้วกระซิบข้างหูว่า

“ขอบคุณครับแฟน”

สัดเอ้ย

ยิ้มจนเมื่อยแก้มแล้ว

 

- J E E B -


 

 

“่ยิ้มจนปากจะฉีกแล้วมั้ง”

ไอ้อ๋องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำหน้าล้อเลียนผมไม่ต่างจากไอ้โต้ง

“กูเปล่า”

“ตอแหล”

ไอ้ห่าโต้งทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่าๆ แล้ว วันนี้พวกผมไม่มีเรียนคาบบ่ายเพราะอาจารย์แกแคนเซินคลาส ส่วนไอ้เดือนวิศวะฯ ตรงหน้านี่มันมาเรียนวิชาเลือกเสรีที่คณะผม เห็นว่าอาจารย์ที่สอนปล่อยเบรกมันถึงมานั่งเสนอหน้าอยู่แบบนี้

“มีผัวอาทิตย์เดียวยิ้มไม่หุบเลยน้า”

ไอ้ห่าโต้งแซะผมจนต้องแยกเขี้ยวใส่ 

“แฟนก็พอมั้ยล่ะ”

“ยอมรับแล้วสิว่าคบกันจริง”

อุตส่าห์ทำเนียนไม่พูดถึงสถานะระหว่างผมกับพี่มันให้ใครฟังมาเป็นอาทิตย์ตั้งแต่ตกลงคบกัน ท่ามกลางสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของเพื่อน ไม่รู้เป็นโชคดีหรือร้ายกันแน่เพราะตั้งแต่นั้นมา พี่เซียนก็บังเอิญไม่ค่อยว่างเลยไม่ได้มาหาผมที่คณะ เพราะติดโปรเจ็กต์และซ้อมคทากรหนักด้วย กลายเป็นผมที่ต้องแวะเวียนไปสนามกีฬาช่วงเย็นหลังจากส่งข้าวส่งน้ำช่วยสวัสดิ์เสร็จเพื่อกลับพร้อมพี่เซียนทุกวัน

แน่นอนว่าการกลับด้วยกันทุกวันของพวกผมเป็นที่จับตามองอยู่เงียบๆ ในเมื่อยังไม่มีใครกล้าถาม ผมเลยทำเนียนๆ ไป แม้กระทั่งเพื่อนสนิททั้งสองตรงหน้า เอาจริงๆ นะจะพูดหรือไม่พูดออกมา ผมว่าพวกมันก็พอจะรู้คำตอบกันอยู่แล้ว

“พวกมึงแม่ง”

ผมทำหน้าเหนื่อยใจให้ความปากไวของตัวเอง

“คบก็บอกว่าคบ”

ไอ้โต้งยักคิ้ว

“เออ”

“เอออะไรล่ะ”

“เออคบ”

“ก็แค่นั้น”

พวกมันหัวเราะร่วนจนผมแทบอยากจะเอาหัวมุดใต้โต๊ะ

“เฮ้ยไอ้เปียว”

“อะไรอ่ะ”

“มึงเห็นยังวะ”

ผมส่ายหัวก่อนจะชะโงกหน้าไปดูหน้าจอโทรศัพท์ของไอ้โต้งที่ยื่นมาตรงหน้าผม

“เชี่ย”

 

SakanSian like เพจทวงคืนเซียนศกัณฐ์จากเปียวปัณณกิต

 

“พี่กูนี่ออกตัวแรงฉิบหาย”

ไอ้โต้งพูดขำๆ ทำเอาผมพูดไม่ออก ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรกลับไปสักอย่าง เหมือนว่าเฟซบุ๊คเจ้าปัญหาที่เพิ่งกดไลค์เพจนั่นไปมีการเคลื่อนไหว ไม่นานหลังจากโพสแล้วก็มีใครสักคนแท็คผมมา

 

SakanSian

Statue : อยากกินข้าวที่วิทย์กีฬา

 

 

Diaw_Danupat อยากกินข้าวหรืออยากกินเด็กวิทย์กีฬาเอาดีๆ

AumaumSpsc @SakanSain  น้อยๆ หน่อยโว้ย กูหวงหลานรหัส

Nuch227 กรี๊ดดดด เพ่เซียนไปไลค์เพจทวงคืนเซียนศกัณฐ์จากเปียวปัณณกิต 

เพจทวงคืนเหมียวมาริสาสมบัติสาธารณะจากเซียนศกัณฐ์  กรี๊ดดดดด ทำไมผมเขิน

จะชงจะกว่าจะได้พี่เซียน แรงมากพ่อ ออกตัวแรงมาก

Alisa.nana @Piao.pannakit  เสนอตัวคนส่งข้าวค่ะ

SakanSain @Alisa.nana @Piao.bpannakit  ฝากด้วยครับ

กานเซียนเป็นเมียพี่เซียน พี่เซียนเมนต์ไม่สนใจชื่อเฟซฉันเลย เป็นเศร้าแล้ว

 

 

“เอาแล้ว”

ไอ้อ๋องที่ชะโงกใบหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ ยังไม่ทันที่จะได้เมนต์ตอบอะไรแชทข้อความส่วนตัวก็เด้งขึ้นมาทันที

 

SakanSian  แอบส่องกูเหรอ

 

ผมสะดุ้งโหยงทันทีก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาพี่มัน ด้วยกลัวว่าอาจจะถูกอีกฝ่ายแอบดููอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่มองไปทั่วโรงอาหารช่วงบ่ายแก่ๆ ที่นิสิตบางตาขนาดนี้ มองยังไงก็ไม่เห็นอีกฝ่าย

 

Piao.pannakit  เปล่าซะหน่อย

SakanSian **ส่งภาพ**

 

“เชี่ย”

ภาพตรงหน้าคือภาพที่ผมกำลังอมยิ้มอ่านข้อความในโทรศัพท์จากมุมที่เห็นใบหน้าผมชัดๆ ขนาดนี้คงไม่พ้นฝีมือ

“ไอ้ห่าโต้ง”

เพื่อนเวรยักไหล่ ผมเลยชูนิ้วกลางให้สตอล์คเกอร์จำเป็นอย่างมัน

 

SakanSian อ่านไม่ตอบ เขินเหรอ

Piao.pannakit ชอบแซวว่ะ

SakanSian ว่างรึเปล่า

Piao.pannakit ครับ?

SakanSian หิวข้าว อยากกินไก่ทอดร้านป้าสมศรี

 

ผมชะโงกไปที่ร้านดังกล่าวเห็นว่ายังมีเมนูที่พี่มันบ่นอยากกินมีอยู่ เลยตอบกลับไปว่า

Piao.pannakit เดี๋ยวผมซื้อไปให้

SakanSian พี่จะรอนะครับ

 

ฉิบหาย!

ครับเดียว...ใจเหลวเลยว่ะ

 

“ยิ้มเข้าไป โลกมันสดใสขนาดนั้นเลยหรือวะ”

ไอ้ห่าโต้งเอ่ยแซว แต่ผมเคยชินเสียแล้วเลยยักไหล่กวนๆ กลับไป

“ขี้อิจฉาว่ะ”

ผมข่มความอายแลบลิ้นใส่แม่งเลย

.

.

สุดท้ายผมหิ้วกล่องข้าวพร้อมขนมอื่นๆ อีกนิดหน่อยมาหยุดยืนอยู่ตรงลานเกียร์ของคณะวิศวะฯ จังหวะที่จะคว้าเอาโทรศัพท์มาโทรหาเจ้าถิ่นนั่น ใครสักคนก็สะกิดหัวไหล่ผมเบาๆ พอหันหลังกลับไปจึงเห็นพี่เดี่ยวในชุดเสื้อช๊อปยืนยักคิ้วอยู่ข้างหลัง

“มาส่งข้าวไอ้เซียนเหรอ”

“ครับ”

ผมยอมรับอย่างเสียไม่ได้

“มันอยู่โรงฝึก เดี๋ยวกูพาไป”

พี่มันเดินนำ

“ช่วงนี้พวกพี่งานเยอะเหรอครับ”

ผมถามขึ้นตอนที่เดินตามหลังพี่มันไป เพราะช่วงนี้เห็นพี่เซียนบ่นๆ ว่าไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับผมเลย ส่วนหนึ่งเพราะต้องไปช่วยงานอาจารย

“มีโปรเจ็กต์ออกแบบยานยนต์ส่งประกวดน่ะ ไอ้เซียนมันเก่งดรออิ้ง อาจารย์เลยขอให้มาช่วย มันเป็นงานของคณะน่ะ พักนี้พวกกูเลยไม่ค่อยว่างกัน”

ผมพยักหน้าหงึกหงักดีว่าช่วงนี้พวกพี่มันเทรนกล้ามเนื้อกับพี่อุ้มจนจบคอร์สแล้วไม่อย่างนั้นพี่อุ้มที่ช่วงนี้หัวหมุนทำรายงานสรุปวิชานี้คงจะบ่นน่าดู ระหว่างนั้นผมมองไปรอบๆ เพราะไม่เคยเข้ามาในพื้นที่ของคณะวิศวะสักครั้งเดียว มีบ้างที่เฉียดเข้าใกล้สุดก็บริเวณด้านเกียร์ข้างนอกโน่น แต่ไม่สำหรับภาคเครื่องกลซึ่งอยู่ด้านในคงมีแต่เฉพาะนิสิตคณะนี้เท่านั้น

ผมมองไปรอบๆ อย่างสนใจ ก่อนจะชะงักไปเมื่อพี่เดี่ยวจ้องบริเวณคอผมแล้วมุ่นหัวคิ้ว

“มีอะไรรึเปล่าพี่”

“มึงห้อยอะไรวะ”

ผมล้วงสร้อยคอที่พี่เซียนให้ออกมาแล้วพี่เดียวก็ขยับมาดูใกล้ๆ ฝ่ายนั้นจ้องมันอยู่พักหนึ่งก่อนจะขยับรอยยิ้มน้อยๆ

“หัวเทียนจำลองนี่หว่า”

“อะไรเหรอพี่”

พี่เดี่ยวไม่ตอบในทันที แต่หลุดยิ้มออกมาเหมือนพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

“ไอ้เซียนให้มึงมาเหรอ”

“เอ่อ ครับ”

ผมยิ้มเขินๆ

“กูว่าแล้ว”

พี่มันพึมพำ

“มีอะไรเหรอพี่”

“กูเคยเห็นมันนั่งเจียโลหะที่โรงฝึกเมื่อสัปดาห์ก่อนน่ะ ก็นึกว่าทำอะไร”

ผมทำหน้างงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะไม่เข้าใจศัพท์เฉพาะของเด็กวิศวะฯ นัก

“มันคืออะไรเหรอพี่”

ผมเลียบๆ เคียงๆ ถามอีกฝ่าย เพราะจำได้แม่นว่าของสิ่งนี้พี่เซียนเคยพูดว่าเป็นของสำคัญ

“หัวเทียนน่ะเหรอ”

พี่เดี่ยวยิ้มก่อนจะส่ายหัวไปมาแล้วชี้ไปที่ตัววัตถุซึ่งห้อยลงมาจากเชือกตรงคอ

“มันเรียกว่าหัวเทียน”

“อะไรเหรอครับ”

“สำหรับเด็กภาคเครื่องกล เนื้อหาที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องเรียนคืออะไร มึงรู้มั้ย”

ผมส่ายหน้าหวือ

“การจุดระเบิดเครื่องยนต์”

“...”

“มันเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่สำคัญ พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นเนื้อหาสำคัญของหลักการทำงานของเครื่องยนต์”

คงเพราะผมทำหน้างงหนักกว่าเดิม พี่มันเลยหัวเราะออกมา

“หัวเทียนน่ะเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องยนต์เบนซิน”

‘มันสำคัญกับเครื่องยนต์’


แวบหนึ่งผมนึกถึงคำพูดของพี่เซียนขึ้นมาทันที

“ถ้าขาดมันไป รถก็วิ่งไม่ได้”

‘ขาดมึงไปไม่ได้ไง’

ผมกุมหัวเทียนจำลองอันจิ๋วเอาไว้แน่นทั้งที่ใจเต้นตึกตัก

“อีกอย่างนะ หัวเทียนมีหน้าที่สำคัญในการจุดระเบิดภายในห้องเครื่อง ซึ่งมันทำให้เครื่องยนต์มีกำลัง”

‘อย่าทำหายล่ะ’

เสียงพี่เซียนผุดขึ้นมาในหัว

“สำคัญมากสินะครับ”

“เออสำคัญ”

พี่เดี่ยวหรี่ตามองผม

“คงเพราะสำคัญมั้ง มันถึงให้มึง”

เพื่อนสนิทพี่เซียนพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินนำไปผมไปอีกครั้ง ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกที่ว่าหัวสมองอื้ออึงไปหมด

“อีกอย่างที่มึงควรรู้ไว้นะ”

พี่เดี่ยวหันมาพูดกับผม

“ไอ้เซียนมันชอบมอ’ไซค์มาก”

ผมเผลอนึกถึงดูคาติสีแดงเพลิงที่เคยซ้อนครั้งหนึ่ง

‘ไม่มีใครเคยซ้อน มึงคนแรก’

“สำหรับมอ’ไซค์ หัวเทียนก็เป็นหัวใจสำคัญของการจุดระเบิดเหมือนกัน”


.

.

‘เก็บไว้ดีๆ นะ’

‘อย่าทำหายล่ะ’


.

.

แม่งเอ้ย

โคตรเขินเลย

 

- J E E B -

 

เหมือนในอกมันฟูๆ บอกไม่ถูก

ผมกุมสร้อยที่คล้องหัวเทียนจิ๋วอันจำลองแน่น กุมจนรู้สึกว่าเหงื่อออกตรงฝ่ามือ แต่ถึงเหงื่อจะออกเต็มฝ่ามือ ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมันสักที จนกระทั่งผมเดินตามพี่เดี่ยวไปถึงโรงฝึก ข้างในนั่นมีกลุ่มเพื่อนพี่เซียนที่คุ้นหน้าคุ้นตากลุ่มใหญ่กำลังยืนล้อมดูสักอย่าง พอเห็นผมพวกพี่ๆ ก็เอ่ยทักกันเกรียวกราวจนผมนึกอายเลยยกมือไหว้แล้วยิ้มแก้เก้ออยู่อย่างนั้น

แต่ในกลุ่มเด็กภาคยานยนต์นั่นผมไม่เห็นพี่เซียนอยู่ในนั้นเลย จังหวะนั้นตรงประตูด้านหลังพี่เซียนเดินเคียงมากับหญิงสาวในชุดสูทคล้ายกับอาจารย์คณะ ถ้าให้ผมเดานั่นคงเป็นอาจารย์แน่ๆ ท่าทางยังสาวจนอดนึกถึงที่ไอ้โต้งเคยพูดไว้ไม่ได้ว่าที่คณะมันรับอาจารย์จบนอกมาใหม่ๆ 

พี่เซียนผละจากอาจารย์ที่เดินไปอีกทางก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นผมยืนรออยู่ แน่นอนว่ากิริยานั้นทำให้เพื่อนพี่มันร้องแซวเลยทันที

“ได้ห่ายิ้มหน้าบานเชียว”

“เมื่อกี้หมาที่ไหนทำหน้าเหม็นเบื่ออยู่วะ”

“เสือก”

พี่เซียนหันไปด่าเพื่อนมันก่อนจะคว้ามือผมไปนั่งโต๊ะไม้แถวนั้น

“รอผมเหรอครับ”

“อืม” พี่มันตอบ “หิวข้าวว่ะ”

“มิน่า”

เพื่อนพี่แกพูดขึ้น

“รอแฟนมาส่งข้าวนี่เอง ถึงว่าอาจารย์มัสลินแกอุตส่าห์ซื้อข้าวมาฝากที่มึงช่วยงาน มึงดันเอาให้พวกกู”

พี่เซียนยักไหล่ก่อนจะหันมาสนใจข้าวกล่องตรงหน้า

“ทำไมไม่หาอะไรรองท้องก่อนอ่ะ”

ผมแกะพลาสติกที่ปิดฝาขวดน้ำออกแล้วบิดเกลียวเปิดฝาพร้อมใส่หลอดดูดน้ำให้อีกฝ่ายเสร็จสรรพ

“กูแก้แบบกับอาจารย์อยู่น่ะ”

“นี่ข้าวมื้อไหนเนี่ย”

“เที่ยง”

ผมเบะปากเพราะเหลือบตามองนาฬิกาปาไปสี่โมงเย็นแล้วข้าวเที่ยงเพิ่งตกถึงท้องอีกฝ่าย

“มันอิ่มทิพย์”

เพื่อนพี่เซียนสอดปากขึ้น

“ทำไมอ่ะ”

เพื่อนอีกคนเป็นลูกคู่

“ก็รู้ว่าแฟนจะมาส่งข้าว”

“ฮิ่วๆๆ”

ผมหน้าแดงวาบเลยทีนี้ยิ่งนึกถึงที่มาของหัวเทียนจิ๋วที่คล้องอยู่ตรงคอ

“หุบปากไอ้สัตว์”

พี่เซียนปรามเพื่อนมัน ซึ่งเป็นการกระทำที่ดีมาก

“ไม่เห็นเหรอว่าแฟนกูขี้อาย”

พ่องงง

คราวนี้เสียงโห่หนักกว่าเดิมอีก แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มเขินๆ แล้วแกล้งหยิบเอวพี่มันไปทีนึงหลังจากนั้นผมก็โดนเข้าคืน ใต้โต๊ะไม่มีใครเห็นหรอกว่าปลายเท้าพี่มันกำลังเขี่ยปลายเท้าผมเล่นอยู่ ผมขยับหนีไปเรื่อยสุดท้ายพี่มันเลยใช้ขาหนีบเอาไว้

“พี่”

“กูเมื่อย”

ไม่ชินเลย...ไม่ชินกับเสียงสองของพี่มันจริงๆ

“ขอพักขาหน่อย”

แม่งเอ้ย ยิ้มจนเมื่อยแก้มแล้ว

“นะครับ”

นี่มันวันอะไรวะเนี่ย

นั่นสิวันอะไร...วันที่หัวใจทำงานหนักมากเกินไปแล้ว


- J E E B -


ใครที่ไหนเอาหัวเทียนเครื่องยนต์ไปทำสร้อย อิพี่เซี๊ยน 555555
หวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยน้า รออ่านเมนต์อยู่ อิอิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2020 20:53:37 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ใครไม่กรี้ดเรากรี้ด นะครับ คำเดียวจบ

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
ส้มหยุด แต่นี่เขินไม่หยุด แงงงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
รู้แต่ว่าเกียร์คือของสำคัญของวิศวะ ไม่รู้ว่ามีหัวเทียนอีกอย่างด้วย.    :-[

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
อิพี่เซียนขยันหยอดจริงๆ  น้องมันเขินจนตัวจะบิดละ

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องเขินไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
 :-[ เขินอะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ยิ้มแก้มปริเขินแทน

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
เขินแทนเปียวเลย หยอดตลอด

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จีบเก่งมากนายคนนี้

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตามอ่านทันแล้ววววว เป็น กลจ ให้นะคะ
รอตอนต่อไปจ้า  :o8:

ออฟไลน์ Plakhem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :impress3: โหมดหวานน้ำตาลเมืองเพชร ก็มา  :hao7:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เขินแทนเลย,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
 


- จีบที่19 -



[อ๋อง]

 

“ถามจริงๆ นะพี่เซียนแม่งจิ้มจุ่มมึงยังวะ”

คำถามสัปดนจากปากไอ้โต้งหลุดออกมาตอนที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ส่วนคนโดนถามอย่างไอ้เปียวทำหน้าตื่นเลิกลักไปไม่เป็นเลย ดีว่าไอ้โต้งมันใช้ศัพท์แสงที่ดูซอฟท์ลงสักหน่อยเลยลดความหยาบคายไปได้มากพอสมควร แต่รูปประโยครวมถึงความหมายก็ทำให้คิดไปในทางเสื่อมอย่างไม่ต้องสงสัย

ไอ้เปียวไอค่อกๆ แค่กๆ เพราะเมื่อกี้ปากมันคาบขนมอยู่ เห็นสภาพมันตอนนี้แล้วนึกเวทนา ผมเลยยื่นน้ำให้มันก็รีบคว้าไปดื่มีเลย พอหายสำลักแล้วไอ้เพื่อนตัวขาวเลยชูกำปั้นซัดไปที่บ่าไอ้โต้งเต็มแรง

“ถามเหี้ยอะไรเนี่ย”

ไอ้ห่าโต้งยักไหล่ขำๆ 

“ก็เรื่องปกติของคนที่คบกันมาระยะหนึ่งแล้วรึเปล่าวะ”

“ยังไม่ครบเดือนเลยไอ้ห่า”

“มึงอย่าบอกนะ ว่าพี่เซียนยังไม่ได้ทำอะไรมึงเลย”

ไอ้เปียวอ้าปากพะงาบๆ ก่อนจะส่ายหัวไปมาทำหน้าแดง กิริยานั้นก็เพียงพอสำหรับการตอบคำถามนี้แล้ว ผมส่ายหัวให้เพื่อนทั้งสอง คนหนึ่งคนขี้แกล้งอีกคนก็เก็บอาการไม่เก่ง รู้ทั้งรู้ว่าไอ้โต้งมันชอบหยอกชอบแซวแต่ไอ้เปียวก็ไม่เคยทันเหลี่ยมมันสักครั้ง

“เลิกแกล้งมันได้แล้วไอ้ห่า”

ผมพูดขึ้น

“ระวังตัวให้ดีเหอะไอ้เปียว พี่เซียนไม่ปล่อยมึงไว้นานหรอก”

พี่โต้งยังคงปั่นประสาทเพื่อนไม่เลิก

“ไอ้เพื่อนเวร”

ไอ้เปียวทำปากขมุบขมิบด่าเพื่อนตัวเองที่ถูกรุ่นพี่คทากรเรียกไปวิ่งรอบสนามแล้ว มันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนมีเรื่องให้ขบคิด ถ้าให้เดาคงไม่พ้นเรื่องที่ถูกไอ้โต้งเป่าหูมาเมื่อกี้แน่นอน

“มึงก็รู้ว่ามันชอบแหย่”

“กูก็อดคิดตามที่มันพูดไม่ได้นี่หว่า”

ผมขยี้หัวอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว

“ก็เท่าที่มึงรู้จักพี่มันมา พี่เซียนเป็นยังไงล่ะ แฟนมึงเอง มึงจะไม่รู้เลยเหรอว่าเขามีนิสัยยังไง”

มันพนักหน้าหงึกหงักก่อนจะยิ้มเขินๆ ให้ผม

“งั้นก็เลิกทำหน้านิ่วได้แล้ว”

“ขอบใจมากมึง”

“งั้นกูไปก่อนนะ”

ผมโบกมือลามัน หลังจากหอบข้าวมาส่งแถวสนามกีฬาช่วยรุ่นพี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เกือบห้าโมงเย็นตอนที่มาถึงคาเฟ่ที่ผมทำงานพิเศษอยู่  พี่โชคเจ้าของร้านกำลังสนใจไอแพดในมือเงยหน้าขึ้นมายิ้มทักทาย ผมยกมือไหว้ฝ่ายนั้นเสร็จแล้วจึงเดินหายไปเปลี่ยนชุดหลังร้าน   

ช่วงเย็นๆ ในวันธรรมดาลูกค้าค่อนข้างบางตา ยกเว้นสุดสัปดาห์ วันนี้จึงมีเพียงผมและพนักงานผู้หญิงอีกคนรับหน้าที่เสิร์ฟเท่านั้น ผมทำงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าบรรยากาศข้างนอกค่อนข้างมืดแล้ว เมื่อเหลือบตามองนาฬิกาที่บอกเวลาทุ่มกว่าๆ แล้ว ปกติเวลาแบบนี้มักจะเห็นใครบางคนเยี่ยมหน้ามาที่ร้าน บางวันก็หอบงานมานั่งทำที่โต๊ะประจำมุมหนึ่ง บางวันหากลูกค้าเยอะก็มีน้ำใจช่วยเสิร์ฟเล่นเอาลูกค้าสาวๆ มองกันตากลับ และบางวันยังใจดีสั่งไก่ทอดมาเลี้ยงอีกด้วยซ้ำ

ผมเหลือบตาไปมองประตูอีกครั้งและเบือนหน้าไปยังโต๊ะมุมหนึ่งที่ว่างเปล่า

“มองหาใครเหรอ”

พี่โชคถามยิ้มๆ 

“เอ่อ เปล่าครับ”

ผมรีบหันไปล้างแก้วี

“วันนี้เจ้าดลมันไม่ว่าง”

พี่โชคขยับมาใกล้

“เห็นบอกว่าไปส่งแม่มันที่สนามบิน คงไม่ได้แวะมาหรอกมั้ง”

“บอกผมทำไมครับ”

ผมแย้งขึ้น

“อ้าว”

พี่โชคทำหน้าเหมือนตกใจก่อนที่จะยกมือปิดปากตัวเองแล้วไหวไหล่ ทั้งที่แววตานั้นกำลังล้อเลียนผม

“ก็นึกว่ารอมัน”

“ผมเปล่า”

ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้า นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เพื่อนพนักงานอีกคนเดินมาหยุดมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว

“อ๋องล้างแก้วที่ยังไม่ได้ใช้งานทำไมอ่ะ”

มือที่ประคองแก้วในมือซึ่งเปรอะไปด้วยคราบน้ำยาชะงักไปทันที ผมแค่ยักไหล่ให้อีกฝ่ายแบบคำตอบ ก่อนจะยิ้มแหยเมื่อหันไปเห็นพี่โชคยืนกอดอกมองผมยิ้มๆ

“ผมไปเก็บขยะหลังร้านนะครับ”

บอกกับพนักงานอีกคนแล้วเดินดุ่ยๆ ออกไปทันที ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเจ้าของร้าน 

แม่งเอ้ย

เป็นห่าอะไรวะ

ผมถอนหายใจแรงๆ ตอนที่ทรุดตัวนั่งตรงเก้าอี้ไม้หลังร้าน ผมนั่งเงียบใช้ความคิด เพราะความเคยชินหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผมรู้สึกว่าวันนี้มันไม่เหมือนทุกวัน มันว่างเปล่าชอบกล

ว่างเปล่าเพราะใครบางคนไม่มางั้นหรือ

ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆ

‘พี่เป็นห่วง’

ผมเม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงคำพูดของคนที่ไม่มาวันนี้

ห่วงเก่ง

ห่วงอะไรนักหนากับผู้ชายตัวควายๆ อย่างผม ห่วงจนทำให้ผมเคยชินกับการเป็นผู้รับความห่วงใย เวลาที่เขาหายไป ถึงทำให้ห่วงนั้นเลยย้อนกลับมาเป็นบ่วงให้ผมนึกถึงแต่เรื่องราวของอีกฝ่าย

ความรู้สึกแบบนี้ โคตรไม่ชอบเลย

การยอมให้ใครคนอื่นมามีอิทธิพลต่อใจเรา ทำให้ไว้ใจและรู้สึกดีหรือปลอดภัย ถ้าวันไหนคนที่เคยให้ไม่เหลือความรู้สึกนั้นไว้ให้แล้ว คนที่เคยรับจนชินแล้วคงจะเจ็บไม่น้อย ผมแค่นยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องของตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโตผมเคยเข้าใจว่าครอบครัวอบอุ่นและเป็นเซฟโซนของผม เหมือนกำแพงป้องกันภัยจากความยุ่งยากของสังคมภายนอก

แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่า สำหรับบางคนครอบครัวไม่ใช่เซฟโซนเสมอไปหรอก

วันก่อนที่ผมกลับบ้าน เพราะจะกลับไปเอาหนังสือเรียนที่ต้องใช้ วันนั้นพ่อและภรรยาใหม่กำลังฉลองวันเกิดให้กับน้องชายผม เชื่อมั้ยว่าวันนั้นผมเห็นอะไรได้ชัดขึ้นมาก การไปของเขาครั้งนี้ ผมมองไม่เห็นพื้นที่ของตัวเองที่บ้านหลังนั้นเลย

ที่นั่นไม่มีที่สำหรับผมอีกแล้ว

เอาจริงๆ ผมรู้มานานแล้วว่าทุกอย่างไม่มีทางย้อนกลับไปเหมือนเดิม พ่อมีครอบครัวใหม่ ขณะที่แม่ตัดสินใจแต่งงานใหม่และคงไม่หวนคืนกลับมาบ้านเกิด

ทุกคนมีหนทางเป็นของตัวเอง

เมื่อก่อนผมนึกน้อยใจว่าเพราะเหตุใดครอบครัวสุขสันต์ในวันวานจึงเป็นแค่ภาพฝันในตอนนี้ แต่พอโตขึ้นถึงได้เข้าใจ พ่อกับแม่หมดรักกันแล้ว มันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่แค่สงสัยว่าทำไมรอยร้าวนั้นถึงเป็นบาดแผลใหญ่ในใจของผมตอนนี้

‘เด็กบ้านแตก’ คือคำพูดลอยๆ ของใครก็ไม่รู้ในวันวาน แต่คนพูดจะรู้มั้ยว่ามันได้สร้างสะเก็ดแผลที่ตกผลึกในใจของคนฟัง ผมผ่านคืนวันเหล่านั้นมาอย่างเจ็บปวด ทั้งเคยต่อยตีกับคนที่พูดจาแบบนั้นกับผม แต่ต่อให้ชกต่อยแล้วตัวเองชนะอีกกี่รอบก็ตาม สุดท้ายผมก็หนีคำว่าเด็กบ้านแตกไม่พ้นจริงๆ

มันคือความจริงเพราะผมคือเด็กบ้านแตก ซ้ำยังความเกเรจนเกือบไม่จบม.ปลาย หากไม่ได้เปียวกับโต้งดึงสติกลับมา สองคนนั่นเคี่ยวเข็ญและบังคับให้ผมอ่านหนังสือเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยจนได้ ผมโชคดีที่มีพวกมันเพราะชีวิตในรั้วหมาวิทยาลัยทำให้ผมเป็นอิสระจากความรู้สึกอึดอัดใจมาตลอดหลายปี

ผมปล่อยความคิดตัวเองไปในความเงียบจนกระทั่งพี่โชคเดินมาเรียก

“ถึงตัวจะไม่มา แต่มันมันสั่งไก่เกาหลีมาให้กินนะ”

พี่โชคชูกล่องบรรจุอาหารขึ้นชื่อแล้วยิ้มตามหยี ผมเลยขยับเข้าไปใกล้เห็นบรรจุภัณฑ์สกรีนโล้โกไก่ทอดยี่ห้อหนึ่งที่ผมชอบกินมาก ผมยืนอึ้งทันทีที่เห็นของในมือพี่โชค

“เมื่อกี้แกร็บเพิ่งขับมาส่ง”

“...”

“เขาบอกมีคนสั่งแล้วแจ้งให้มาส่งที่นี่ ที่สำคัญชำระเงินผ่านบัตรเครดิตให้เรียบร้อยแล้ว”

พี่โชคชูของในมือขึ้นลงเหมือนกำลังอวดของกิน

“มื้อนี้กินฟรีอีกแล้ว”

ผมเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นพี่แกทำหน้าปลาบปลื้มของกินในมือ

“วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยนะ ตอนนี้ลูกค้าก็ซาแล้ว ปาร์ตี้ไก่ทอดกันน้องอ๋อง”

ผมยิ้มน้อยๆ ทั้งที่ในใจอิ่มฟูบอกไม่ถูกตอนที่จ้องของกินในกล่อง

“ชอบจริงๆ ผู้ชายนิสัยรวยเนี่ย”

พี่โชคหัวเราะกับคำพูดของพนักงานอีกคนซึ่งทำหน้าปลาบปลื้มกับลาภปากมื้อนี้

“รวยและแสนดีมากด้วย”

“...”

“สนใจมั้ย”

อยู่ๆ พี่โชคก็หันมาพูดกับผมแล้วขยิบตาให้ทีหนึ่งเล่นเอาผมวางหน้าไม่ถูกเลย

.

.

เกือบสามทุ่มหลังจากช่วยพี่โชคปิดร้านแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมเดินกำลังเดินท่อมๆ ไปหน้าปากซอยหลังจากปฏิเสธไม่ขึ้นรถไปกับพี่โชคเพราะอยากจะแวะซื้อของหน้าปากซอยสักหน่อย ส่วนพนักงานหญิงอีกคนติดรถพี่แกกลับไปแล้ว ช่วงกลางซอยค่อนข้างมืดแต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวเพราะแถวนั้นมีออฟฟิศและร้านอาหารค่อนข้างเยอะ 

ผมหยุดเดินเมื่อรู้สึกแปลกๆ ราวกับถูกจับจ้องอยู่ ยิ่งได้ยินเสียงมอ’ไซค์คันหนึ่งขับมาใกล้ๆ ก่อนที่คนขับจะเลี้ยวตัดหน้าอย่างจงใจ

ผมยืนนิ่งเมื่อเห็นใบหน้าคนขับตอนที่มันเปิดกระจกหมวกกันน็อกขึ้น

มันแสยะยิ้ม ขณะที่ผมไม่สบายใจกับรอยยิ้มเหี้ยๆ นี่เลย

คงจำกันได้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยปากแตกไปทำงานที่ร้านพี่โชค สาเหตุเพราะมันนี่แหละ ตอนที่ผมทำงานเสิร์ฟที่ร้านเหล้า ผมมีโอกาสได้คุยกับแขกผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาทัก ผมคุยกับเธอปกติเพราะเห็นเป็นลูกค้าและปฏิเสธทุกครั้งเวลาเธอผมไปต่อข้างนอก ใครจะไปคิดว่าการที่เธอแสดงออกนอกหน้าว่าสนใจผมจะทำให้แฟนหนุ่มของเธอไม่พอใจจนตามมาหาเรื่องผมที่ร้าน

พอดีกับที่พี่ดลบังคับให้ผมลาออกจากร้าน ผมเลยถือโอกาสออกมาเพราะไม่อยากมีปัญหา ผมคิดว่าปัญหาจะจบแค่นั้นถ้าหากว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่บังเอิญปรากฏที่ร้านพี่โชค ผมคงเป็นคนดวงซวย การโผล่มาของเธอพร้อมกับแฟนหนุ่มที่ยังอาฆาตแค้นผมไม่เลิก

วันนั้นผมโดนดักทำร้าย แน่นอนผมสู้สุดใจจนทำให้ฝ่ายนั้นบาดเจ็บไปไม่น้อย ผมคิดว่าเรื่องคงจบแค่นั้นเพราะเราได้แลกหมัดกันจนสมใจแล้ว แต่ผมคิดผิดเมื่อมันมาทำหน้าเอาเรื่องอยู่ตรงหน้า

“ไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ”

“กูไม่รู้จักมึง”

ผมพูดเสียงเรียบ

“แต่มึงรู้จักแฟนกู”

ผมจ้องหน้ามันแล้วแค่นยิ้ม 

“แฟนมึงชื่ออะไร”

มันทำหน้างง

“ถามเหี้ยอะไร”

“ก็กูไม่รู้จักชื่อแฟนมึงด้วยซ้ำ แล้วจะอ้างว่ากูรู้จักแฟนมึงได้ยังไงวะ”

เป็นความจริงที่ผมไม่รู้จักชื่อแฟนไอ้หมอนี่ด้วยซ้ำ เคยคุยด้วยเพราะเธอเข้ามาคุยแค่ครั้งเดียวและผมไม่ได้มีทางที่จะจีบเธอด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนแฟนหนุ่มเลือดร้อนนี่จะไม่ได้เข้าใจแบบเดียวกับผม มันถึงขยับมาด้วยท่าทางคุกคามแบบนั้นน

“กูไม่เชื่อ”

มันกระชากคอเสื้อผมอย่างแรงก่อนจะปล่อยหมัดกระแทกหน้าผม ดีว่าผมหลบทันก่อนจะสวนหมัดคืนมัน ครั้งนี้ผมไม่พลาดเหมือนมัน หมัดผมจึงกระทบคางฝ่ายนั้นเต็มแรง

“มึง”

มันทำหน้าแค้นเคืองทั้งที่เลือดกลบปาก ก่อนจะเดินสู้ไม่ออมแรง เราผลัดกันอีกคนละหมัด ผมคิดว่าผมคงสู้มันได้แน่ๆ ถ้าหากพวกมันจะไม่โผล่มาอีกสองคน พวกมันจับล็อกผมคนละข้าง

“กูจะเอาให้มึงหน้าเละนอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่”

มันพูดแค้นๆ 

ผมโดนมันชกที่ท้องก่อนจะทรุดตัวลงพื้นเพราะเจ็บจนจุก แข้งขาอ่อนแรงไปหมดนึกอยากเอาคืนแต่ถูกล็อคแขนเอาไว้ แวบหนึ่งในหัวผมนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมาทันที

‘พี่เต็มใจช่วยเราทุกอย่าง เพราะพี่เป็นห่วงเรา’

“พี่ดล”

ผมครางชื่อนั้นเบาๆ

“โอ้ย”

คู่อริผมร้องลั่นเมื่อถูกหมัดปริศนากระแทกหน้าเต็มแรง มันหันไปหมายจะเอาคืนแต่ฝีมือฝ่ายดีไม่น้อย สวนมาทางไหนอีกฝ่ายก็รับมือได้ ผมหรี่ตามองพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเพราะรู้สึกตาพร่าคล้ายจะหมดสติ ตอนนี้ไอ้สองตัวที่เคยล็อกตัวผมอยู่วิ่งไปช่วยเพื่อนมันแล้ว

ผมทรุดไปกับพื้นนั่งกุมท้อง หูก็ได้ยินเสียงหมัดดังรัวๆ พร้อมเสียงสบถไม่ขาดระยะ ผมพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อมองภาพการต่อสู้นั้น แล้วพิจารณาพลเมืองดีให้ชัดๆ

“พี่ดล”

ผู้ชายคนเดียวที่กำลังต่อสู้กับอันธพาลสามคน ผมหน้าตื่นมองภาพตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง ผู้ชายท่าทางสุภาพและดูนิ่งเงียบๆ ทำไมถึงแววตาดุดันแบบนั้น พี่รหัสคนดีของไอ้เปียวทำไมถึงต่อยตีเก่งขนาดนั้น ทักษะและการเคลื่อนไหวร่างกายเหมือนคนเป็นมวย ไม่นานสามคนนั้นถึงกับร่วง

“ไสหัวไป”

พี่ดลไม่ได้ตะคอกแค่พูดเสียงเรียบก่อนจะกวาดตามองพวกมันที่พากันหอบสังขารไปรวมกันแบบนั้น ท่าทางพวกมันดูกลัวพี่ดลไม่น้อย ยิ่งพี่แกก้าวช้าๆ ไปใกล้แล้วกวาดตามองพวกมันเหมือนจะฆ่าให้ตายแบบนั้น

แววตาพี่ดลโคตรน่ากลัว

“อย่ายุ่งกับอ๋องอีก”

“...”

“ผมจะพูดแค่ครั้งเดียว”

สันกรามพี่มันขึ้นรูปเหมือนโกรธจัด หมัดข้างหนึ่งกำแน่นและเปื้อนเลือดจากใครสักคนในสามคนนั้น ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมนึกกลัวขึ้นมาดื้อๆ

“พี่”

ผมขยับลุกขึ้นแล้วค่อยๆ เดินกระย่องกระแย่งไปคว้ามือพี่มันเอาไว้ เพราะจังหวะนั้นผมกลัวใจพี่มันเหลือเกิน หากไม่ห้ามปรามผมคิดว่าพี่มันอาจจะเอาพวกนั้นจนถึงตายแน่ๆ

ความรู้สึกรุนแรงที่แผ่ออกมาจากตัวพี่ดลทำผมเอาอึดอัดไปด้วย อันตรายและเต็มไปด้วยความน่ากลัว 

น่ากลัวมากๆ ใบหน้าเรียบเฉยดุดัน แววตาคมปราบเหมือนสัตว์ร้ายน่ากลัวเกินไปแล้ว

“พี่ดล”

ผมกุมมือพี่มันเขย่าเบาๆ คนที่กำหมัดอยู่จึงคลายลงก่อนจะถอนหายใจ ไอ้สามตัวนั้นเลยรีบผละออกไปทันที  ผมบีบมันแรงๆ เหมือนพี่มันจะรู้ตัวจึงบีบมือผมตอบ

“ผมไม่เป็นไรแล้ว”

พี่มันกวาดตามองผมแล้วถอนหายใจอีกครั้ง

“ไปโรง’บาลกันเถอะ”

พี่มันฉุดมือผมไปกุมไว้ก่อนจะพาออกเดิน ผมลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างอีกฝ่ายเงียบๆ ตอนที่ค่อยๆ เดินตามพี่มันไปเงียบๆ

“พี่ไม่ได้ไปส่งแม่ที่สนามบินเหรอ”

“ไป”

ฝ่ายนั้นปลดล็อครถที่จอดอยู่มุมหนึ่งแล้วช่วยประคองผมเข้าไปนั่ง

“แต่ขากลับผ่านทางนี้พอดี เลยแวะมาดูสักหน่อย”

“แวะมาดู?”

ผมทวนคำพูดนั้น อยากจะถามออกไปเหมือนว่าดูอะไร หรือดูใคร แต่กลัวคำตอบจึงเปลี่ยนเรื่องพูดไป

“วันนี้ร้านปิดเร็วครับ”

พี่ดลสตาร์ทรถแล้วหันมามองผมนิ่งๆ

“อย่าพูดเยอะ”

พี่มันทำหน้าดุใส่

“ปากเราแตก อยากเพิ่งพูด”

ระหว่างมีแต่ความเงียบจนกระทั่ง

“ขอบคุณ”

ผมนิ่งไปก่อนจะพูดคำๆ หนึ่งเสียงแผ่ว ห้องโดยสารที่เงียบอยู่แล้วจึงไม่แปลกหากคำพูดนั้นพี่ดลจะได้ยินเต็มสองหู พี่รหัสไอ้เปียวหันมามองผม

“ขอบคุณที่ช่วยผม”

“...”

“ขอบคุณครับพี่ดล”

มันกระดากปากไม่น้อยที่พูดกับอีกฝ่ายสุภาพแบบนั้น แต่ความมีน้ำใจช่วยเหลือจากอีกฝ่ายทำให้ไม่รู้สึกขัดเขินเลยที่จะพูดออกไป

“ไม่เป็นไร”

พี่ดลยิ้มน้อยๆ แววตาที่มองผมดูอบอุ่น

“แค่เราไม่เป็นอะไรมาก พี่ก็ดีใจแล้ว”

ผมเพิ่งรู้ว่ารอยยิ้มผู้ชายตรงหน้ามีรอยยิ้มที่โคตรอบอุ่น 

พี่รหัสไอ้เปียวคือผู้ชายสองบุคลิก ปกติคือสุภาพบุรุษดูอ่อนโยน แต่บทจะโกรธขึ้นมาภาพที่พี่มันสวนหมัดใส่พวกนั้นยังติดตาผมอยู่เลย

“อีกอย่าง ที่บอกแวะมาดู คือมาดูว่ามีคนได้กินไก่ทอดมั้ย”

อันตราย

อันตรายต่อหัวใจผมมากๆ

 

 

- J E E B -

 

ผมงัวเงียตื่นเต็มตาหลังจากที่เผลองีบหลับไปช่วงหัวค่ำ คงจะนานพอดูเพราะพอลืมตาตื่นขึ้นมาท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว 

“ตื่นแล้วเหรอ”

ไอ้โต้งนั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้น ดูสภาพแล้วเหมือนเพิ่งซ้อมเสร็จ เพราะใบหน้าเปียกโชคไปด้วยน้ำคิดว่ามันคงเพิ่งไปล้างหน้ามาแน่นอน

“หลับสบายมั้ยมึง”

หลังจากไอ้อ๋องกลับไป ผมก็มานั่งทำงานรอพี่เซียนแถวอัฒจันทร์นี่แหละ วันนี้พี่มันบอกจะพาไปเลี้ยงข้าว แต่ยังไงไม่รู้ผมเผลอหลับไปเฉย

“อืม”

“ไม่หลับสบายได้ไงอ่ะ พี่เซียนเล่นมาพัดมาวีให้อยู่เกือบชั่วโมงเพราะกลัวมึงโดนยุงกัดเนี่ย”

“ถามจริง”

ผมทำหน้าตื่นถามไอ้โต้งเสียงหลง

“เออ”

พี่โต้งลงเสียงหนักๆ แล้วยักคิ้วเป็นการสำทับ ผมทำหน้าไม่ถูกเลยกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาคนในหัวข้อสนทนา ตอนนี้พวกคทากรคงเลิกซ้อมกันแล้ว เพราะพี่เลี้ยงกำลังเก็บอุปกรณ์กลับ พี่เซียนที่เดินหัวเปียกมาแต่ไกลยิ้มน้อยๆ ให้ ในมือถือถุงอะไรสักอย่างมาด้วย

“หิวรึยัง”

“นิดหน่อยครับ”

“งั้นกินขนมรองท้องไปก่อน วันนี้คาเฟ่หน้าสนามกีฬาทำบราวนี่มิ้นท์”

ผมยิ้มตาหยีตอนที่ยื่นมือไปรับขนม ท่าทางนั้นทำเอาแฟนหนุ่มรุ่นพี่ถึงกับส่ายหัวมือหนาเอื้อมมาขยี้ศีรษะผมอย่างมันเขี้ยว

“มึงนี่เลี้ยงง่ายดีเนอะ”

พี่มันคว้าเอากระเป๋าเป้ของตัวเองและของผมขึ้นสะพาย และฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น เพราะตอนนี้พวกพี่มันเริ่มทยอยออกจากสนามกีฬาแล้ว ้ผมกับไอ้โต้งเดินตามพี่เซียนกับพี่เดี่ยวไปยังตลาดสามย่านที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบอลของมหาวิทยาลัย และบริเวณชั้นสองของตลาดยังเป็นร้านอาหารแบบโอเพ่นแอร์เรียงรายกันหลายร้าน มีโต๊ะนั่งเต็มพื้นที่คล้ายๆ โรงอาหารคณะแต่กว้างกว่าหลายเท่า แถวนี้เป็นถิ่นเด็กมหาลัยผมเลยเพราะมีร้านอาหารขึ้นชื่ออย่างร้านสเต๊กที่นิสิตพากันมาลิ้มลอง ตอนที่พวกเราไปถึงกลุ่มเพื่อนวิศวะฯ ของพี่เซียนนั่งรอกันอยู่แล้ว

“สวัสดีครับพี่”

เพื่อนพี่เซียนหันมารับไหว้ผม

“พวกกูรอจนรากงอกแล้วไอ้เซียน ไอ้เดี่ยว”

พี่เดี่ยวหันมามองหน้าผมนิดนึงก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนตัวเอง

“กูรอไอ้เซียนอยู่ มันนั่งเฝ้าเด็กหลับ”

ผมทำหน้าเหวอก่อนจะไปกระซิบถามไอ้โต้งที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน

“พี่เซียนนั่งรอกูตื่นเหรอวะ”

“เออ”

ผมหน้าเสียเลยรีบหันไปยิ้มแหยให้เพื่อนพี่มัน ซึ่งแต่ละคนก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ผมอดรู้สึกอายไม่ได้เลยถลึงตาใส่คนต้นเรื่องที่ไม่ยอมปลุกให้ผมตื่น แต่ดันนั่งเฝ้ารอให้ผมตื่นเอง ไม่รู้ว่าเพื่อนพี่มันมานั่งรอนานแค่ไหนแล้ว

โคตรรู้สึกแย่เลย

“พวกมันเพิ่งมา”

พี่เซียนหันมาพูดกับผม

“ไอ้น้องเปียวไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น พวกพี่เพิ่งเสร็จงานที่คณะ เพิ่งมาถึงก่อนหน้ามันเมื่อกี้นี้แหละ เมื่อกี้พวกพี่แซวเล่น”

เพื่อนพี่มันคนหนึ่งโบกไม้โบกมือไม่ให้ผมคิดมาก

“ค่อยยังชั่ว”

ผมพ่นลมหายใจแรงๆ เพราะนึกเกรงใจพวกพี่มัน พี่เซียนหัวเราะน้อยๆ ตอนที่โยกหัวเล่น

“ผมเสียทรงแล้วโว้ย”

“ผมมึงนิ่มว่ะ”

พี่มันเกลี่ยศีรษะผมเล่น 

“น้อยๆ ไอ้ห่าเซียน พวกกูอิจฉา”

พี่มันแค่ยักไหล่ท่าทางกวนๆ จนเพื่อนพี่มันโห่ใส่ ผมเลยเบี่ยงตัวหนีเพราะทนปั้นหน้านิ่งท่ามกลางเสียงโห่แซวไม่ไหว จะหันไปขอความช่วยเหลือไอ้โต้ง มันก็ติดโทรศัพท์เหลือเกิน นั่งกดยิกๆ ตั้งแต่อยู่ในสนามกีฬาเมื่อนี้แล้ว ธุระเยอะจริงไอ้ห่านี่

“เอาหน่อยมั้ยน้องเปียว”

รุ่นพี่คนหนึ่งยื่นแก้วเหล้าที่ผสมแล้วมาให้ แต่พี่เซียนไวกว่าดันออกไป แล้วสั่งให้เพื่อนมันรินโค้กใส่แก้วใหม่ให้แทน

“อย่างมึงกินโค้กก็เมาแล้ว”

“ดูถูกว่ะ”

ปากดีไปงั้นแหละเพราะผมอ่ะคออ่อน ไปร้านเหล้ากับสายรหัสทีไรพี่ดลไม่ก็พี่อุ้มจะคอยช่วยตลอด ทั้งช่วยกินและช่วยเททิ้งเวลามีแก้วจากรุ่นพี่ยื่นมาให้ สุดท้ายผมเลยรับแก้วโค้กจากมือพี่เซียนมาดื่ม ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าที่เห็นสายตาของพวกพี่มันมองผมสลับกับไอ้เซียนแล้วขำออกมา

“หวงแฟนเหรอไอ้ห่า”

“มันคออ่อน”

พี่เซียนพูดขึ้น

“รู้แล้วก็อย่าเสือกยื่นเหล้าให้มันอีก”

พี่มันไปสั่งเพื่อนตัวเอง คราวนี้เลยได้เสียงโห่หนักกว่าเดิมอีก ผมเลยต้องก้มหน้างุดๆ หยิบเฟรนฟรายซ์ทอดบนโต๊ะมากินเงียบๆ ไม่มีใครเห็นว่าใต้โต๊ะนั่นมือข้างขวาพี่เซียนกุมทับมือข้างซ้ายของอยู่ พี่มันหันไปคุยกับเพื่อนตัวเองดูปกติ แต่ขณะเดียวกันมือคู่นั้นบีบมือผมเบาๆ

“ลืมถาม”

“ว่า”

“กูกินลำบากป่ะ”

ผมทำหน้างงใส่พี่เซียน

“ก็กินมือเดียว”

“ถ้าบอกว่าลำบาก จะปล่อยเหรอ”

ผมถามกลับไป

“ไม่ปล่อย”

“...”

“ไม่มีทาง”

.

.

แม่งเอ้ย

กินลำบากฉิบหาย แต่ใจฟูสัดๆ




- J E E B -


สัปดาห์หน้ามีคนเมาแล้วเปรี้ยวนะคะ 5555
หวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านแล้วเมนต์ล่วงหน้าค่ะ



ออฟไลน์ yjm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานแบบจริงจังมาก,,,

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ลำบากกันไหม เราว่างอยากช่วยป้อน555

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ปล่อยมือมั่งก็ได้ม้าง ไหนๆ ก็นั่งตัวติดกันอยู่แล้วเนี่ย

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
สมแล้วที่อิพี่เคยบอก เป็นแฟนมันน่าอิจฉาสุด
อิจมากมาย

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด