ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชอบ "ก็" จีบ #ชอบก็JEEB l จีบสุดท้าย l 10/8/63 l P.9 [EnD]  (อ่าน 64709 ครั้ง)

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
พอกันแหละดูออกนะว่ามีใจให้กันแหละ :-[

ออฟไลน์ nongou

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกค่ะเรื่องนี้ ผลัดกันอ่อย :z1:

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ใจละลายหมดแล้วค่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
พลัดกันอ่อยแบบ คบกันเลยเถอะ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
หยอดกันเก่งมากกก

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
อ่อยเก่งทั้งคู่เลย,,,

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
แรงมาก แรงทั้งคู่ อุบร้ะๆๆ

ออฟไลน์ MezoSone9

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่อยเก่งทั้งคู่เลยเนอะ ชอบอ่ะ ^^ :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
- จีบที่ 11 -

 


“เดี๋ยวนี้แรดนะ”

นาฬิกาข้อมือที่ตามหามาตลอดสัปดาห์อยู่ในมือไอ้โต้งก่อนที่มันจะโยนของดังกล่าวให้จนผมต้องผวาหน้าตื่นแบบมือทั้งสองข้างประกบกันแล้วทำท่าคล้ายชามเพื่อรองรับสมาร์ทวอทซ์มียี่ย้อสีดำให้ตกลงที่ฝ่ามืออย่างพอดิบพอดี

“ใจหายหมดไอ้ห่า โยนมาได้”

ผมตบอกตัวแรงๆ ก่อนจะลูบวัตถุในมืออย่างทะนุถนอม ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาของดังกล่าวทำเอาผมกังวลใจไม่น้อยเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองไปทำหล่นหายที่ไหน จริงๆ ก็พอจะทำใจได้แล้วเพราะขนาดว่ารื้อทำความสะอาดห้องแทบทุกซอกทุกมุมผมยังหามันไม่เจอ จนกระทั่งวันนี้ที่เพื่อนสนิทโผล่นี่แหละ

“มึงไปเจอที่ไหนวะ กูหาตั้งนานยังหาไม่เจอเลย”

ผมเอ่ยถาม

“หรือว่าตกอยู่ในรถมึง”

ไอ้โต้งไม่ตอบในทันทีมันหรี่ตามองผมอย่างจับผิดไม่พอยังทำหน้าสงสัย มันเดินวนเวียนรอบตัวผมราวกับกำลังจับผิดอะไรบางอย่าง

“ไม่ใช่”

“อะไรไม่ใช่วะ”

“มึงไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้กูฟังเหรอเปียว”

สุดท้ายไอ้โต้งทรุดตัวลงที่เก้าอีกฝั่งตรงข้ามก่อนจะเท้าคางมองหน้าผม

“เรื่องอะไรวะ”

มันส่ายหัวก่อนจะแสยะยิ้ม

“กูได้มาจากพี่เซียน”

“มึงว่าไงนะ”

ผมทำหน้าตื่น

“พี่เซียนฝากนาฬิกามาคืนมึง”

ผมเม้มปากแน่น

“กูเลยถามว่ามึงไปลืมไว้ที่พี่มันได้ยังไง” 

ไอ้เพื่อนเวรเคาะโต๊ะสองสามทีท่าทางแบบนั้นทำเอาผมเสียวสันหลังวาบเลย เพราะเหตุการณ์ที่ผมพาน้องสาวพี่เซียนโดดเรียนจนทำให้ผมไปค้างที่คอนโดพี่มัน ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ไอ้โต้งมฟัง หมอนี่มันรู้แต่เพียงว่าผมสอนพิเศษให้กลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมปลายเท่านั้น

“เลยได้รู้ว่าศุกร์ที่แล้วมึงไปนอนค้างที่คอนโดพี่เซียน”

ไอ้โต้งแกล้งพูดเสียงดังขึ้นจนต้องรีบตะปบปากมันทันที 

“มันจะพูดเสียงดังทำไมเล่า”

“แล้วมึงไปนอนกับพี่มันได้ไง”

“ไอ้ห่านอนคอนโดพี่มันเว้ย พูดให้มันครบๆ หน่อย มึงจะรวบคำทำพ่อง”

ไอ้ห่าโต้งปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ประโยครวบรัดจาก ‘นอนที่คอนโดพี่มัน’ เหลือแค่ ‘นอนกับพี่มัน’ แม่งฟังแล้วผมรู้สึกจักจี้ไม่พอ ยังทำให้ความหมายประโยคนี้เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามอีก 

“แล้วยังไงวะ ความหมายก็คือมึงไปนอนค้างกับเฮียกูนั่นแหละ”

“ก็มันมีเรื่องนิดหน่อย”

“เล่ามาสิ วันนี้กูว่างทั้งวัน”

ผมแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย

“มันบังเอิญ มึงจำได้มั้ยว่าช่วงนี้กูรับสอนพิเศษเด็กม.ปลาย หนึ่งในนั้นมีน้องสาวพี่เซียน แล้วศุกร์ที่ผ่านมามันมีเหตุให้กูต้องนอนค้างห้องพี่มันเฉยๆ”

“เฉยจริงเหรอวะ”

“อะไร”

“มึงหน้าแดงเปียว”

ผมทำตาโตรีบตะปบใบหน้าตัวเองทันที

“กูล้อเล่น”

ไอ้เพื่อนเวรยักไหล่กวนๆ

“แต่ถึงกูจะล้อเล่น แต่มึงมีพิรุธว่ะเปียว”

“...”

“ไปค้างห้องผู้ชายไม่พอยังเนียนลืมนาฬิกาไว้ให้เขาตามเอามาคืนอีก แรดไม่เบาเพื่อนกู โอ๊ย”

กำปั้นของผมกระแทกศีรษะไอ้ห่าโต้งไม่เบามือนักจนมันร้องโอดโอย 

“หุบปากไปเลย”

ผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่มันเป็นจังหวะที่ไอ้อ๋องเดินโขยกเขยกในมือถือจานข้าวมาทรุดตัวนั่งใกล้ๆ กัน ตั้งแต่มันประสบอุบัติเหตุมอ’ไซค์ล้มเมื่อสัปดาห์ก่อนช่วงนี้มันเลยเดินเหินไม่สะดวกนัก แต่ถึงจะขยับร่างกายลำบากมันก็ไม่ยอมหยุดเรียนเพราะช่วงนี้เข้าสู่ฤดูการสอบมิดเทอมซึ่งแต่ละวิชาเริ่มมีการเก็บคะแนนควิชกันแล้ว 

“หายไปตั้งนานได้แต่กะเพราหมูกรอบเหรอวะ”

ผมชะโงกหน้าไปดูเมนูในจานมันซึ่งไม่พ้นเมนูโปรดที่มันกินเป็นประจำ ไอ้อ๋องมันชอบกินอะไรเดิมๆ ลองถ้ามันติดใจอะไรแล้วจะกินวนเวียนซ้ำอยู่อย่างนั้น ่สัปดาห์นี้ผมเห็นมันกินกะเพราหมูกรอบเป็นมื้อกลางวันมาสามวันติดกันแล้ว

“คนโคตรเยอะ กูยืนรอจนปวดขาเลย”

“กูบอกจะไปซื้อให้มึงก็ไม่ยอม”

ไอ้โต้งพูดขึ้น เป็นอย่างที่มันบอกนั่นแหละช่วงนี้อ๋องมันเดินเหินลำบากพวกผมเลยจำเป็นต้องบริการมันสักหน่อย แต่เจ้าตัวนี่สิที่ติดนิสัยขี้เกรงใจพอขยับจะทำอะไรให้มันแต่ละทีมันถึงชิงปฏิเสธอยู่รำไป อีกอย่างมันคงเกรงใจไอ้โต้งด้วยเพราะช่วงนี้ที่มันบาดเจ็บไอ้โต้งมารับส่งผมและไอ้อ๋องทุกวัน และผมรู้มาว่าเพื่อนข้างห้องโดนพี่รหัสผมยึดกุญแจมอ’ไซค์ชั่วคราวอีกด้วย

“กูเกรงใจ”

“เกรงใจห่าไร มึงเดี้ยงขนาดนี้จะให้พวกกูดูเพื่อนยักแย่ยักยันไปต่อแถวซื้อข้าวอยู่เหรอวะ”

“งั้นไปซื้อน้ำแดงให้กูเลยไป”

อ๋องมันพยักพเยิดสั่งให้ไอ้โต้งไปซื้อน้ำ

“ตังล่ะ”

“กูให้ซื้อมาฝาก ไม่ได้ฝากซื้อ”

ไอ้อ๋องยักไหล่กวนๆ

“ของกูเอาน้ำเปล่านะ”

ผมได้ทีผสมโรงใช้งานไอ้เปรตนั่นด้วย

“ซื้อมาฝากนะ กูไม่ได้ฝากซื้อเหมือนกัน”

ไอ้ห่าโต้งชูนิ้วกลางให้พวกผม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ผุดลุกขึ้นไปต่อแถวซื้อน้ำให้พวกผม เอาจริงๆ นอกจากนิสัยขี้แกล้งและกวนตีนมันเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลย เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องหรือมีปัญหามันจะมาหาพวกผมเป็นคนแรกๆ

“มึง”

ผมสะกิดไหล่ไอ้อ๋องเพราะนึกสงสัยว่าไอ้อ๋องมันเกรงใจไอ้โต้งผิดปกติ ทั้งที่พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานมันไม่น่าจะรู้สึกอะไรแบบนี้

“ว่าไง”

“มึงเกรงใจไอ้โต้งจริงเหรอวะ”

มันถอนหายใจเฮือกใหญ่

“หรือไปรู้อะไรมา”

ผมหรี่ตามองมันตรงๆ ระหว่างนั้นก็เบือนหน้าไปยังแผ่นหลังเดือนวิศวะฯ ปีหนึ่งที่ยืนต่อแถวซื้อน้ำอยู่

“กูรู้ว่าอาทิตย์ที่แล้วมึงไปนอนค้างคอนโดพี่เซียน”

“ใช่เรื่องนั้นที่ไหนกันเล่า”

ผมแยกเขี้ยวใส่มันทันที ไอ้อ๋องยักคิ้วกวนๆ ให้ผมทีหนึ่ง

“กูเห็นเสื้อกีฬาคณะตกอยู่บนรถมัน”

“แล้ว”

อ๋องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“เสื้อนั่นไม่ใช่ไซซ์มึงกับกูแน่นอน”

คราวนี้ไอ้อ๋องถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที

“เรื่องส่วนตัวมันน่าเปียว”

“ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลุงรหัสกู รับรองว่ากูไม่ยุ่งหรอก” ผมเบะปาก “กูรู้ว่าเรื่องส่วนตัวมัน ปกติกูเคยยุ่งกับเรื่องแบบนี้ของมันที่ไหน แต่วันก่อนกูเห็นมันไปเดินกับสาวอักษรฯ อยู่เลยนี่หว่า”

ไอ้อ๋องคลึงขมับตัวเองทันที

“วันที่มึงไปนอนกับพี่เซียน...” 

ผมมองมันตาขวางทันที

“เออๆ วันที่มึงไปนอนคอนโดพี่เซียน” มันแก้ให้พร้อมกับรอยยิ้มขบขัน “ตอนที่กูออกจากหอก่อนรถล้มอ่ะ กูเห็นพี่อุ้มขึ้นรถออกไปกับไอ้โต้ง”

ผมตบเข่าฉาดทันที

มิน่าเล่ารูปทะเลที่มันถ่ายส่งมาวันนั้นที่ติดเสื้อกีฬาคณะผมคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไหนจะเสื้อกีฬาตัวนั้นที่ตกอยู่บนรถของเพื่อนผมอีก

“กูไม่รู้ว่ะว่าไอ้โต้งกับพี่อุ้มนี่ยังไง แต่ช่วงที่มันต้องคอยรับส่งพวกเราเป็นอาทิตย์ กูสังเกตว่ามันไม่ได้เข้าใกล้ลุงรหัสเหมือนที่แล้วมานะ บางทีเพราะมันคอยดูแลพวกเราช่วงนี้รึเปล่ามันถึงไม่ค่อยเวลาไปทำอย่างอื่น”

“มึงก็เลยเกรงใจมันเรื่องนี้”

มันพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

“นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ไอ้เวรนั่นไปก้อร่อก้อติกพี่อุ้มแล้วไปทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงอื่นแบบนี้”

“มึงเข้าใจผิดรึเปล่า”

“กูเห็นกับตานะเว้ย”

ผมท้วงขึ้น

“งั้นมึงคงตาบอดสี”

ผมกับไอ้อ๋องชะงักกึกก่อนจะพร้อมใจหันไปมองด้านหลังจึงเห็นไอ้เพื่อนตัวดีชูเครื่องดื่มในมือส่ายไปมา

“มายืนฟังตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

มันยักไหล่ก่อนจะทรุดตัวนั่งข้างผมก่อนจะเลื่อนน้ำแดงให้ไอ้อ๋องและน้ำเปล่าให้ผม ส่วนมันกำลังบิดฝาชาเชียวแล้วยกขึ้นดื่มท่าทางชิลจนคนมองอย่างผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทั้งๆ ที่มันได้ยินผมนินทามันอยู่ ไอ้เปรตนี่ยังเฉยอยู่ได้

“ถามมาสิ”

ไอ้โต้งเท้าคางมองพวกเราหลังจากซัดชาเชียวไปครึ่งขวดแล้ว

“มึงจีบพี่กูเหรอ”

“สาวอักษรฯ ที่มึงเห็นกูเดินด้วยน่ะ ลูกพี่ลูกน้องกูเอง”

“ตอบไม่ตรงคำถามไอ้สัด”

ผมแยกเขี้ยวใส่มันทันที

“มึงคิดว่าไงล่ะ”

มันล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะกดโทรออกแล้วเปิดลำโพงให้พวกผมได้ยิน แน่นอนว่าปลายสายที่ปรากฏชื่อตรงหน้าจอนั่นทำเอาผมตกลุกวาว

เบอร์พี่อุ้มนี่หว่า

[อะไร]

ปลายสายกดรับก่อนจะพูดเสียงห้วน แน่นอนว่านั่นเป็นเสียงของลุงรหัสผมชัดๆ ไอ้โต้งกดยิ้มมุมปากก่อนจะก้มลงไปพูดกับปลายสาย

“เพื่อนผมสงสัยว่าผมจีบพี่รึเปล่า”

ผมกับไอ้อ๋องหันมามองหน้ากันทันที อดทึ่งกับความใจกล้าหน้าด้านของพี่สนิทตัวเองฉิบเป๋ง

[มึงว่าไงนะ]

“ผมจีบพี่อยู่ไม่รู้เหรอ”

[ไปตายซะ ตู้ดๆๆ]

ผมขำก๊ากทันทีที่พี่อุ้มตัดสายไป ขณะที่ไอ้โต้งส่ายหน้าเซ็งๆ 

“ปากแข็งชะมัด”

“...”

“แต่ปากแข็งยังไงก็น่ารักอยู่ดี”

“ไอ้หน้าด้าน”

ยอมรับเลยว่าผมหมั่นไส้รอยยิ้มกว้าๆ งพร้อมกับแววตาพราวระยับของมันจริงๆ ไม่ต่างจากไอ้อ๋องที่ทำหน้าเหมือนจะอ้วกใส่จานข้าว

 

- J E E B - 

 

 

ช่วงนี้เป็นฤดูกาลสอบดังนั้นคงไม่แปลกหากจะเห็นนิสิตส่วนใหญ่พากันมาหมกตัวอยู่แถวอาคารจามจุรี 9 หรือที่นิสิตทั่วไปเรียกว่าจามเก้าซึ่งตั้งแต่ชั้นสามเป็นต้นไปจะเป็นที่อ่านหนังสือโดยแบ่งเป็นห้องที่ใช้เสียงและไม่ใช้เสียง วันนี้พวกผมเลยพากันมาอ่านหนังสือที่นี่ จริงๆ วันนี้นัดพี่ดลมาติวอนาโตมีให้ด้วย ระหว่างที่กำลังท่องจำกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ อย่างเอาเป็นเอาตายนั่นไอ้อ๋องหลับคาชีทไปแล้ว ส่วนเพื่อนในคณะคนอื่นๆ บ้างก็เสียบหูฟังเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง บ้างก็นั่งขมุบขมิบปากเหมือนสื่อสารกับสิ่งไม่มีชีวิต แต่สังเกตได้ว่าขอบตาแทบทุกคนเริ่มหมองคล้ำกันแล้ว คงเพราะช่วงนี้สอบติดๆ กันหลายวัน

ผมนั่งทึ้งหัวตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติที่กำลังจะหลุดลอยก่อนจะเหลือบตามองที่สมาร์ทวอทซ์ที่ข้อมือที่บอกเวลากว่าสองทุ่มแล้ว วันนี้พี่ดลมีติวกับเพื่อนที่คณะเพราะพี่มันก็มีสอบเหมือนกัน แต่ยังอุตส่าห์จะเจียดเวลามาติวให้ผม เพราะต้องนั่งรอพี่รหัสผมเลยลองทบทวนเนื้อหาด้วยตัวเอง แต่ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาวไม่ใช่่เพราะอุณหภูมิในห้อง จามเก้าเป็นที่เลื่องลือถึงแอร์ที่หนาวจัดเหมือนอาณาจักรเมืองหนาว ตอนกลางวันก็พอทนหรอกแต่พอตกดึกผมดันหนาวจนแทบทนไม่ไหว

ไม่น่าลืมเอาเสื้อกันหนาวมาเลย

ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะสะกิดแขนไอ้อ๋องเบาๆ จนมันงัวเงียปรือตาตื่นขึ้นมา

“อะไรวะ”

“กูจะไปเซเว่นเอาอะไรป่ะ”

มันส่ายหน้าหวือก่อนจะฟุบหลับลงไปเหมือนเดิมเห็นแบบนั้นผมผุดลุกขึ้น ช่วงสอบบริเวณโดยรอบจามเก้าไม่น่ากลัวเท่าไหร่หรอกเพราะที่นี่เปิดให้เปิดบริการยี่สิบสี่ชั่วโมงสำหรับชั้นที่อ่านหนังสือในช่วงสอบ และไม่ไกลจากที่นี่ก็มีเซเว่นให้ฝากท้อง

ระหว่างที่เดินเรียบตามฟุตบาธนั่นมีนิสิตเดินสวนกันไปมาเป็นระยะ โทรศัพท์มือถือผมสั่นขึ้นเหมือนมีการแจ้งเตือนอะไรบางอย่างจนต้องคว้ามันมาดูก่อนจะกดยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเพจที่ตัวเองเป็นแฟนตัวยงมีการแจ้งเตือน

 

เพจทวงคืนเหมียวมาริสาสมบัติสาธารณะจากเซียนศกัณฐ์

ช่วงสอบก็ยังตัวติดกันไม่เลิก นี่ติวไม่วิชาเรียนหรือติววิชารักนะเฮ้ย

[แนบรูป]

 

ผมขยายภาพในจอดูเห็นกลุ่มเพื่อนพี่เซียนและพี่เหมียวกำลังนั่งล้อมโต๊ะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ไม่แปลกหรอกในเมื่อพวกพี่เขาเรียนวิศวะฯ เหมือนกัน 

มิน่าเล่าช่วงนี้ผมไม่เห็นพี่เซียนแวะมาที่หอพี่อุ้มเลย เอาจริงๆ ตั้งแต่กลับจากคอนโดพี่มัน ผมก็ไม่ได้เจอพี่ชายน้องซออีกเลย ผมลูบนาฬิกาข้อมือของตัวเองเบาๆ 

นาฬิกาที่พี่มันฝากมาให้

“เหอะ”

ผมเบะปากใส่คนในความคิด ถ้าเอามาคืนด้วยตัวเองก็สิ้นเรื่อง นี่ดันฝากไอ้ห่าโต้งมาจนถูกมันซักฟอก แม่ง ผมเม้มปากก่อนจะเลื่อนสายตามองคอมเมนต์ที่ไหลเป็นน้ำ

 

Comment

Tichob_tichob ตั้งใจสอบเพื่ออนาคตของเรานะเหมียว

Sitt.Sita ช่วยแนะนำที่อ่านหนังสือแบบเงียบสงบ ช่วงสอบหน่อยครับ

แมนวิงหินซิ่งเบาะปลิว ป่าช้าครับ

รักน้องเหมียวคนเดียว อยากติวกับน้องเหมียวสองต่อสองครับ

โอชิน้องเหมียวคนเดียวในใจ  อย่าหักโหมนะครับน้องเหมียว

Arm❤Meow  วิชาเรียนมักยาก มาลงเรียนวิชารักกับพี่เถอะ

Fc พี่เซียน หนูติดร.วิชารักค่ะ อยากให้พี่เซียนติวให้

กานเซียนเป็นเมียพี่เซียน @FCพี่เซียน ฝันที่เธอกำลังฝัน ที่คนธรรมดาไม่กล้าฝัน ที่ฉันก็แอบฝัน


 

ผมกลั้นขำตัวโยนจังหวะที่ก้มหน้าก้มตาไม่มองทางนั่นแหละ ผมจึงมองไม่เห็นเงาทะมึนของใครบางคนมาหยุดอยู่เบื้องหน้าจนกระทั่งเดินชนอีกฝ่ายเต็มแรงถึงกับเซแต่ ดีว่าอีกฝ่ายคว้าแขนผมเอาไว้ทัน

“เวลาเดิน ตามองถนนบ้าง”

เสียงคุ้นหูนั่น

พอเงยหน้าจากจอโทรศัพท์จึงเห็นใครบางคนในชุดเสื้อช๊อปอยู่กอดอกอยู่เบื้องหน้า

“ติดโซเชียลเหรอ”

ผมส่ายหน้าหวือรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ทันที

“กูเพิ่งรู้ว่ามึงแอบอ่านไอ้เพจนี่ด้วย”

“มันบังเอิญขึ้นนิวฟีดเหอะ”

ผมรีบแก้ตัวอย่างร้อนตัว

“วันนี้มีข่าวอะไรของกูกับเหมียวอีกล่ะ”

ฝ่ายนั้นถามขึ้นก่อนจะขยับมาเดินขนาบข้าง สงสัยพี่เซียนเองก็มีจุดหมายที่เซเว่นเหมือนกัน ถ้าให้เดาภาพที่ผมเห็นพี่เซียนกับแก๊งติวหนังสือกันคงอยู่ในภายห้องหนึ่งในจามเก้าแน่นอน

“ก็ทั่วๆ ไป”

“เหรอ”

ฝ่ายนั้นหยุดเดินกระทันหันก่อนจะหันมากดยิ้มมุมปากแล้วเดินดุ่ยๆ เข้าเซเว่นไปทิ้งให้ผมหน้าร้อนผ่าวอยู่แบบนั้น พี่เซียนต้องเห็นหน้าจอโทรศัพท์ผมแล้วแน่ๆ 

ก็ผมแอบถ่ายรูปโปสเตอร์ Eric Clapton ที่ผนังห้องนอนพี่มันแล้วตั้งเป็นภาพหน้าจอโทรศัพท์

เหอะ!

ผมก็ชอบมือกีต้าร์ระดับโลกเหมือนกันเว้ย ไม่ใช่ชอบเพราะพี่มันชอบซะหน่อย

ผมเดินวนอยู่ในเซเว่นพักหนึ่งได้ขนมและของกินจนเต็มตะกร้า จังหวะที่เอาของกินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์นั่นพี่เซียนก็ขยับมายืนซ้อนหลัง ผมเอาถุงผ้าที่ถือติดมือมาใส่ของที่ซื้อหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว 

“ถุงมึงมีที่ว่างเหลือมั้ย”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก

“ฝากใส่ด้วยสิ”

ผมปากเปิดถุงผ้าให้อีกฝ่ายเอาของใส่ ก่อนที่สุดท้ายพี่มันจะคว้าถุงผ้านั่นไปถือไว้เอง

“ผมถือเองได้พี่”

“มันมีของกูด้วย”

“ของพี่มีแค่ไม่กี่อย่างเอง”

“เดินไปเถอะน่า”

พี่เซียนดุนหลังออกให้ออกเดิน

“พี่ชอบ Eric Clapton เหรอ”

“อืม”

“กูเล่นกีต้าร์ได้เพราะเขา”

พี่เซียนตอบ

“แล้วเล่นเพลงอะไรได้บ้างอ่ะ”

ผมใจกล้าชวนพี่มันคุยระหว่างนั้นก็เหลือบตามองถุงผ้าที่พี่มันสะพายข้างให้ 

“อยากฟังเหรอ”

“...”

“ตอนนี้ไม่มีกีต้าร์ด้วยน่ะสิ”

“...”

“แต่ร้องให้ฟังได้”

ผมเม้มปากแน่นตอนที่พวกเราเดินเคียงกันในความมืดอาศัยเพียงแสงไฟสลัวๆ ที่ห่างออกไป

 

It’s late in the evening she’s wondering what clothes to wear

She puts on her make-up and brushes her long blonde hair


เสียงทุ้มที่เปล่งออกมานั่นทำเอาใบหูผมที่อยู่ใกล้ๆ กับริมฝีปากคู่นั้นร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ บวกกับความเงียบสงัดรอบกายเพราะเป็นเวลาค่ำคืนแล้วทำเอาในอกผมสั่นไหวอย่างยากจะควบคุม

 

And then she asks me, “Do I look all right?”

And I say, “Yes, you look wonderful tonight”

 

พี่เซียนร้องเพลงเพราะ

แต่สมาธิผมไม่ได้อยู่ในเสียงในนั่นเลย ในเมื่อความสนใจอยู่ที่เนื้อเพลง

“Wonderful Tonight”

ผมพึมพำชื่อเพลง

“Yes”

พี่เซียนตอบเบาๆ

“You look so cute tonight”

บ้าเอ้ย

นั่นไม่ใช่เนื้อเพลงแน่ๆ

ผมก้มหน้าเดินงุดๆ ทันทีท่ามกลางเสียงขบขับในลำคอของใครบางคน

“สมควรแล้วที่ไอ้เพจนั่นชื่อทวงคืนพี่เหมียวจากพี่”

ผมพึมพำ

พี่เซียนแม่งโคตรเจ้าเล่ห์สมควรแล้วที่จะถูกตั้งชื่อเพจแบบนั้น 

“กูไม่เห็นด้วย”

“...”

“เพจนั่นควรเปลี่ยนชื่อได้แล้ว”

ผมทำหน้างงทันที

“เปลี่ยนเป็น ‘เพจทวงคืนเซียนศกัณฐ์จากเปียวปัณณกิต’ เป็นไง”

.

.

ไม่ไหว

.

.

ไม่ไหวแล้ว

.

.

ใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมาจากอกเลย



- J E E B -

อยากแนะนำให้เปิด Wonderful Tonight ของ Eric Clapton ฟังคลอไปด้วยจังค่ะ
เมื่อวานติดภารกิจค่ะเลยเลื่อนมาอัพวันนี้แทนน้า
หวีดในทวิตรบกวนติดแท็ค #ชอบก็Jeeb เป็นกำลังใจให้นักเขียนฮึบๆ บ้างน้า


ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
พี่เซียนอันตรายต่อใจ. ขอบคุณครับ,,,,

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
โดนจีบแบบนี้ใครก็เขินนน

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
โอ๊ย​เขิน​ แทน​ ถ้าจะรุกขนาดนี้​ ขอเป็นแฟนไปเถอะ

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
คุณเซียนเค้าออกตัวแรงนะคะเนี่ยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่แผ่วเลยนายคนนี้

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

ออฟไลน์ mister

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • https://www.facebook.com/JJSonkFanclub
มันจะเกินไปแล้วๆ :o8: :-[

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
- จีบที่12 -

 

 

“พักก่อนมั้ย”

สิ้นเสียงนั้นไม่มีใครในโต๊ะส่ายหน้าปฏิเสธ ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้ารับราวกับรอคอยประโยคนี้มานานแสนนานจนทำให้คนพูดถึงกับขยับรอยยิ้มน้อยๆ ผมเหลือบตามองเพื่อนในคณะปีเดียวกันเกือบสิบชีวิตพากันขยับร่างกาย บ้างบิดตัวไล่ความเกียจคร้าน บ้างก็เดินออกไปข้างนอก ขณะที่ผมเอนหลังพิงตัวเอาศีรษะพิงขอบเก้าอี้เพราะอดทนรับเนื้อหาที่จะสอบมาเกือบสองชั่วโมงเต็มๆ อย่างหมดแรง บอกตรงๆ ว่าตอนนี้หัวสมองผมเต็มตื้อไปด้วยเนื้อหาของวิชากายวิภาค ความจำเกี่ยวกับชื่อกล้ามเนื้อในตำแหน่งต่างๆ รวมถึงระบบหายใจและระบบประสาทตีกันวุ่นวายไปหมดเลยต้องอาศัยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของมือด้านหนึ่งคลึงขมับตัวเองไปมา   

กายวิภาคศาสตร์เป็นวิชาปราบเซียนของเด็กปีหนึ่งแต่รุ่นผมยังโชคดีว่าไม่ได้เรียนรวมและตัดเกรดกับเด็กคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพอย่างคณะจิตวิทยาหรือคณะสหเวชศาสตร์เหมือนรุ่นพี่ปีก่อนๆ ไม่อย่างนั้นงานนี้คงอ่วมกันเป็นทิวแถวเพราะคณะที่ว่ามานั้นถือเป็นคณะหัวกระทิของวิทยาศาสตร์สายสุขภาพ เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ถึงแม้จะไม่ได้เรียนและติดเกรดร่วมกันแต่อาจารย์จากคณะแพทย์ฯ ยังอุตส่าห์ใจดีดำเนินการสอนและออกข้อสอบให้เอง ข่าวว่าข้อสอบนั้นเป็นเนื้อหาภาษาอังกฤษล้วนๆ เรียกได้ว่าหนักหน่วงจนทำให้ผมต้องไปร้องขอให้พี่ดลพี่รหัสผมซึ่งขณะนี้นั่งกอดอกมองไอ้อ๋องฟุบหลับไปกับโต๊ะอยู่มาช่วยติวให้

แน่นอนว่าพอเพื่อนๆ รู้ว่าอดีตท็อปเสคกายวิภาคปีที่แล้วมาช่วยติวให้ พวกมันเลยเฮโลกันมานั่งหน้าสลอนไปได้ชั่วโมงเดียวก่อนจะสติหลุดแล้วโอดครวญกับเนื้อหาที่ต้องอาศัยความเข้าใจและความจำอย่างมาก ไปๆ มาๆ เลยพากันปิดปากหาววอดๆ จนพี่ดลต้องเอ่ยปากให้พวกผมพักไปล้างหน้าล้างตากันก่อนหน้านี้

ผมหรี่ตามองไปรอบโต๊ะซึ่งบัดนี้เพื่อนๆ ต่างแยกย้ายไปยืดเส้นยืดสายเรียกสติและความสนใจกลับมาที่เนื้อหา ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ยิ่งดึกอากาศในห้องนี้ยิ่งเย็น มันเย็นจนทำให้ไอ้อ๋องซึ่งหลับตาฟุบหน้าไปกับโต๊ะขยับตัวยุกยิกไปมากอดตัวเอง ก่อนที่มันจะร้องออกมาเบาๆ เมื่อเผลอตัวกระแทกบริเวณที่เป็นแผลจากรถล้มเมื่อสัปดาห์ก่อนเข้ากับโต๊ะ แม้หลับตาอยู่แต่ใบหน้ามันยังยู่ย่นไม่สบอารมณ์คงเพราะรู้สึกเจ็บ ถึงแม้อาการบาดเจ็บจะเริ่มทุเลาลงบ้างแล้ว บาดแผลเริ่มตกสะเก็ดและเริ่มแห้งแต่คงเพราะรู้สึกตึงๆ เห็นมันบ่นให้ผมได้ยินบ่อยๆ ว่าแผลตึงขึ้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บเวลาขยับร่างกาย

เสียงจิ๊ปากในลำคอกึ่งรำคาญนั่นส่งผลให้ใครบางคนขยับร่างกายทันที พี่ดลเคลื่อนไหวร่างกายสูงใหญ่นั่นมาใกล้เพื่อนผมก่อนจะแตะเบาๆ ที่บ่าไอ้อ๋อง

“เจ็บแผลหรือ”

น้ำเสียงนั่นเจือความห่วงใยจนคนฟังอย่างผมยังรู้สึกดีไปด้วย ยกเว้นเพียงคนรับคำพูดนั้นอย่างไอ้อ๋องที่ยกศีรษะขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วทำตาเขียวปั๊ดใส่อีกฝ่าย

“ยุ่ง”

“ก็ยังดีที่ไม่พูดว่าพี่เสือก”

พี่ดลกอดอกพูดยิ้มๆ

“จริงๆ อยากจะพูดอยู่หรอก”

“ดีแล้ว”

พี่รหัสขยับรอยยิ้มน้อยๆ

“พูดบ่อยๆ มันจะติดเป็นนิสัยไปพูดกับคนอื่นที่เราไม่สนิท แบบนั้นจะทำให้คนอื่นมองเราไม่ดี”

“เลิกเทศน์ผมสักทีเหอะ”

ไอ้อ๋องยักไหล่

“แค่เนื้อหาที่ติวให้เมื่อกี้ก็แทบอ้วกแล้ว โคตรเยอะจำไม่ไหวหรอก ถ้าจะเทศน์ก็วันอื่นเหอะ วันนี้เมมผมเต็มแล้ว ไม่อยากจำ”

พี่ดลปล่อยเสียงหัวเราะออกมาทันที

เสียงหัวเราะเหมือนเอ็นดูเพื่อนผมเสียเต็มประดา

มันยังไงกันแน่สองคนนี้

“เนื้อหามันค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเข้าใจแล้วมันก็ไม่ยากหรอก”

เพื่อนผมทำหน้าแหย

“ได้ชีทสรุปไปแล้วนี่ ถ้าเข้าใจเนื้อหาวันนี้ พอไปอ่านชีทที่พี่ทำให้รับรองว่ายังไงก็สอบผ่าน เผลอๆ จะเต็มด้วยซ้ำ”

“ผมขอแค่ผ่านมีนก็พอแล้ว”

“หวังอะไรน้อยจัง”

พี่ดลส่ายหัว

“ผมรู้ตัวเองดีว่าผมหัวไม่ดี ขอแค่ไม่สอบตกให้ต้องลงเรียนซ้ำแค่นี้ก็พอใจแล้ว ชีวิตผมไม่อยากคาดหวังอะไร”

ไอ้อ๋องพูดเสียงแผ่ว

“แต่พี่คาดหวัง”

“อะไร”

“พี่หวังว่าเราจะสอบผ่านได้ด้วยคะแนนดี เพราะพี่ตั้งใจติวให้พวกเรามาก”

เพื่อนผมเม้มปากแน่นนั่นทำให้รู้สึกลุ้นไปด้วยที่เห็นไอ้อ๋องเงียบไป ปกติมันชอบต่อล้อต่อเถียงพี่รหัสผมจะตายไป แต่ครั้งนี้ผมเห็นมันเงียบเกินไป

“ทำไมต้องทำดีกับผม”

“...”

“โคตรเกลียดความรู้สึกนี้เลยรู้ป่ะ” 

เสียงมันสั่นไปเล็กน้อย 

“ทำไมชอบทำตัวให้ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพี่วะ”

ไอ้อ๋องทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ 

“ดีขนาดนั้นไม่ไปบวชละทางโลกไปเลยล่ะ”

“เคยอยากทำอย่างนั้น”

พี่ดลตอบยิ้มๆ

“แต่แม่พี่ขอไว้ว่าให้เรียบจบแล้วค่อยไปบวชตลอดชีวิตตามที่ตั้งใจเถอะ ตอนจบม.หกช่วงที่รอประกาศผลการสอบเข้ามหาลัย เวลาตั้งหลายเดือนนั่นพี่บวชจริงๆ ถ้าคุณแม่ไม่ไปขอร้องให้มาสอบสัมภาษณ์พี่คงละทางโลกไปแล้ว พี่ว่าการบวชทำให้ใจพี่สงบดี ตอนที่สึกมาใหม่ๆ ยอมรับว่าปรับตัวกับชีวิตวุ่นวายนี่ไม่ได้เท่าไหร่”

พี่รหัสผมนี่คนดีสมคำรำลือจริงๆ ที่หว่า

“แต่นั่นแหละทุกคนมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ พี่ยังต้องเรียนและใจจริงพี่คงละทางโลกไม่ได้หรอก ถึงตอนที่อยู่ในผ้าเหลืองใจพี่จะสงบจริง แต่ทุกครั้งที่แม่มาหาพี่แม่จะเล่าเรื่องเราให้ฟังตลอดว่าน้าดุจทุกข์ใจและเป็นกังวลเรื่องอ๋องไม่น้อย”

“โคตรบาปเลย”

ไอ้อ๋องพึมพำ

“ผมนี่โคตรคนบาปเลย”

พี่ดลขยับมาใกล้แล้วแตะศีรษะเพื่อนผมเบาๆ

“พี่สึกเพราะอยากเรียนให้จบ อยากดูแลแม่และครอบครัว และอยากทำตามความฝันของตัวเองอีกมากมาย เราไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้พี่อยากสึกหรอก”

เพื่อนผมทำหน้ามุ่นหัวคิ้วทันที

“ผมรู้ว่าผมไม่ได้สำคัญกับใคร”

“ไม่จริงหรอก”

พี่ดลยิ้มน้อยๆ

“มนุษย์น่ะต้องมีความสำคัญกับใครสักคนเสมอ ไม่ว่าจะสำคัญกับพ่อแม่ กับพี่น้อง หรือแม้กระทั่งเพื่อน อ๋องโชคดีที่มีเพื่อนดีๆ อย่างเปียวและโต้งนะ สองคนนั้นพร้อมอยู่ข้างเรา ลองพิจารณาดูสิว่าทุกครั้งที่มีปัญหาสองคนนั้นจะอยู่รอบๆ ตัวเราเสมอ นี่ไงเราคำตอบที่ว่าเราไม่สำคัญกับใครถึงไม่เป็นความจริง เพราะเราเป็นคนสำคัญของเพื่อน”

เพื่อนผมนิ่งไปก่อนที่มันจะพยักหน้าหงึกหงัก

“อีกอย่างเราก็สำคัญกับพี่”

พี่ดลส่งรอยยิ้มจริงใจให้มัน

“พี่อยากได้น้องชายที่น่ารักคนนั้นกลับมา”

ไอ้อ๋องเบี่ยงศีรษะหนีจากปลายนิ้วที่ลูบเส้นผมมันอยู่ แวบหนึ่งผมมองเห็นความหวั่นไหวในแววตาคู่นั้นของมันก่อนที่มันจะผุดลุกขึ้นแล้วเดินหนีไป

“เพื่อนเราี่นี่เข้าใจยากจริงๆ”

พี่ดลพูดขึ้น แน่นอนว่าทั้งโต๊ะไม่มีใครนอกจากผมที่นอนพิงเก้าอี้หรี่ตามองอยู่

“ตื่นได้แล้วมั้งน้องเปียว”

“แหะ”

ผมเปิดเปลือกตาก่อนจะยิ้มแห้งๆ เมื่อถูกพี่รหัสจับได้ว่าเนียนแอบฟังพวกเขาคุยกันได้พักใหญ่ๆ แล้ว

“จริงๆ ไอ้อ๋องมันไม่ได้ซับซ้อนหรือเข้าใจยากอะไรหรอกพี่ มันแค่กลัว”

“กลัวอะไร”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“กลัวความรู้สึกดีๆ”

ปฏิกิริยาแบบนั้นของเพื่อนทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่ามันกำลังกลัวอะไรบางอย่างที่กำลังกระทุ้งกำแพงหนาของตัวเองที่เพียรสร้างซึ่งมา มันคือเซฟโซนหรือพื้นที่ปลอดภัยของตัว มันกลายเป็นคนพูดน้อยและปิดกั้นตัวเองตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่ตัดสินใจแยกทาง จากคนที่เคยสดใสทุกอย่างกลับตาลปัด ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยเห็นมันยิ้มกว้างๆ อีกเลย วันวานของมันคงเป็นความทรงจำที่เจ็บปวด มันถึงกลายเป็นคนเข้าถึงยากเพราะกลัวว่าตัวเองจะรู้สึกดีกับคนอื่นและสุดท้ายมันกลัวการถูกหันหลังเหมือนการกระทำในอดีตของพ่อและแม่

ผมยังจำได้ว่าวันที่เปิดปากเล่าให้ผมและโต้งฟัง สีหน้ามันย่ำแย่และเจ็บปวดแค่ไหน

“แล้วพี่ต้องทำยังไง”

พี่ดลทำหน้าเครียดทันที

“ถ้าพี่อยากได้น้องชายที่น่ารักคนเดิมกลับมา”

ผมแกล้งแซวพี่ดลด้วยการพูดประโยคที่ลอกเลียนมาจากอีกฝ่ายจนพี่มันส่ายหัวอย่างระอา

“แค่แสดงออกจริงใจและสม่ำเสมอ ใจคนเราน่ะไม่ได้แข็งเป็นหินหรอกพี่ โดนเอาใจใส่และเห็นความสำคัญบ่อยๆ เข้ายังไงก็ต้องมีวันใจอ่อน”

“ฟังแล้วเหมือนการกระทำของคนที่จีบกันเลย”

พี่ดลมุ่นหัวคิ้ว ผมยิ้มเลยกริ่ม

“พี่ไม่ได้...”

“ห้ามปฏิเสธว่าพี่รู้สึกกับเพื่อนผมแค่น้อง คำตอบดารามาก”

คราวนี้พี่รหัสผมถึงกับหัวเราะออกมา

“ถ้าพี่จะจีบมัน ผมเชียร์เต็มที่ ยังไงสักวันหนึ่งมันต้องใจอ่อนแน่นอน ผมน่ะเชียร์พี่เต็มที่นะ เห็นว่าเป็นพี่ดลหรอก ผมทุ่มแรงเชียร์หมดหน้าตักเลยงานนี้”

ผมทำตัวเป็นพ่อสื่อด้วยการพูดจาอวดอ้างที่ฟังแล้วอีกฝ่ายถึงกับขำหนักกว่าเดิม

“ยังไงสักวันต้องใจอ่อนงั้นเหรอ...”

พี่ดลยิ้มน้อยๆ

“เหมือนเรากับพี่เซียนหรือเปล่า”

เดี๋ยวนะ!

ผมทำหน้าตื่นตอนที่สบสายตากับพี่ดล สายตาคู่นั้นเหมือนรู้อะไรในกอไผ่มากๆ มากจนผมเสียวสันหลัง ทั้งๆ ที่แววตาพี่มันไม่ได้เจ้าเล่ห์ร้ายกาจด้วยซ้ำ แต่แววตาราวกับผู้รู้นี่แหละโคตรน่ากลัว

“ไหนว่าพี่อยากละทางโลกไง เรื่องโกหกชัดๆ”

ผมเบะปากใส่พี่มัน

“ใจคนไม่แข็งเหมือนหิน เราเองก็ระวังใจตัวเองให้ดี” พี่โยกศีรษะผมอย่างเอ็นดู “พี่เซียนยานยนต์น่ะไม่ธรรมดา ถ้าเขาสนใจใครรับรองได้ว่าเขาจะทำยิ่งกว่าให้เราหวั่นไหวแน่ ถ้าให้เดาจากการที่เพื่อนสนิทพี่อุ้มมาวนๆ เวียนๆ อยู่รอบตัวเราช่วงนี้ พี่ว่าสำหรับเรามันเกินคำว่าหวั่นไหวไปไกลแล้วมั้ง”

“พี่ดล”

ผมหน้าแดงวาบเมื่อเห็นสายตาล้อเลียนของพี่ดล

ตอนแรกจะทำตัวเป็นพ่อสื่อไหงสุดท้ายดันถูกพี่รหัสไล่ต้อนจนขัดเขินไปหมดวะเนี่ย 

“ขอบคุณสำหรับการเชียร์หมดหน้าตักนะพ่อสื่อ แต่ระหว่างพี่กับเพื่อนเราไม่มีอะไรในกอไผ่ พี่เอ็นดูอ๋องเหมือนน้องชาย แต่สำหรับเรื่องของเรากับคนดังภาคยานยนต์ อันนี้น่าจะเป็นเรื่องจริงในสักวันหนึ่ง”

ร้ายกาจจริงๆ พี่ดลคนดีพ่วงสโลแกนอยากละทางโลกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นนิ่งๆ ไม่สนใจใครที่ไหนได้ข้อมูลเชิงลึกโคตรแน่น หนำซ้ำยังพูดเปลี่ยนเรื่องราวให้พ้นจากตัวเองได้อย่างชาญฉลาดสมกับท็อปเสคกายวิภาคโดยแท้

 

- J E E B -

 

ผมวักน้ำใส่หน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติหลังถูกหมัดน็อกจากพี่รหัสเข้าเแรง สมกับที่ทำตัวล่อเป้าอยากเป็นพ่อสื่อให้ฝ่ายนั้น สุดท้ายพี่มันสวนหมัดใส่ไม่ออมมือจนเข้าเป้าเลย นั่นทำให้ผมทำหน้าไม่ถูกรีบชิงออกมาล้างหน้าล้างตาทันที

ประมาทพี่รหัสตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ

ผมสำรวจใบหน้าตัวเองในกระจกเห็นรูปผู้ชายใบหน้าขาวซีด ศีรษะยุ่งเหยิง ขอบตาลึกโหล หยดน้ำเกาะพราวเต็มใบหน้าจนทำให้เส้นผมตกลงมาตรงหน้าผากเปียกไปด้วย เห็นสภาพตัวเองตอนนี้แล้ว ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าสภาพแบบนี้ไปสะดุดตาพี่เซียนได้ยังไงวะ

ยอมรับตรงๆ ก็ได้ว่าผมเริ่มหวั่นไหวกับพี่มัน ก็จะไม่ให้ใจเขวได้ยังไงในเมื่ออยู่กันเพียงลำพังครั้งใดผมรู้สึกโคตรไม่เป็นตัวของตัวเองเลย โดยเฉพาะการถูกอีกฝ่ายแกล้งหยอกในเชิงจีบเหมือนที่แล้ว ถึงไม่อยากยอมรับตรงๆ ว่าการกระทำของพี่มันที่ปฏิบัติต่อผมมันยังไงอยู่ แต่ก็หนีความจริงไม่พ้นอยู่ดีว่าสิ่งที่พี่มันพูดและทำนั่นมีผลกับใจผมมากๆ 

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปทำธรุะส่วนตัว จังหวะนั้นเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าคนเข้าในห้องน้ำแล้วเสียงก๊อกน้ำก็ดังขึ้น แสงไฟตรงเพดานส่องเห็นปลายเท้าของคนสองคน ตอนที่ขยับตัวหมายจะเปิดประตูออกไปเสียงของใครคนใดคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา

“ไหมหย่าแล้วนะ”

เสียงคุ้นๆ 

“แล้วไง”

ชัดเจนเลยนี่เสียงพี่เซียนชัดๆ และเสียงคุ้นๆ ก่อนหน้านี้ก็คือเสียงพี่เดี่ยวเพื่อนสนิทพี่มันนั่นแหละ

“อีกไม่นานไหมคงกลับไทย”

“จะแปลกอะไรก็บ้านเขาอยู่ที่นี่”

พี่เซียนพูดขึ้น

“มึงพูดเหมือนมึงไม่ดีใจที่พี่สาวมึงจะกลับมาไอ้เดี่ยว”

“เรื่องนั้นกูดีใจอยู่แล้ว”

ผมเสียมารยาทแนบใบหูกับประตู

“แล้วมึงล่ะเซียนดีใจหรือเสียใจ”

“กูไม่มีความคิดเห็น”

“ใจมึงน่ะให้มันแข็งเหมือนปากด้วยไอ้ห่า”

บทสนทนาจบลงแค่นั้นก่อนที่จะได้ยินเสียงก๊อกน้ำอีกครั้งต่อจากนั้นเสียงฝีเท้าทั้งคู่ก็ขยับออกห่างไปเรื่อยๆ จนประตูห้องน้ำด้านนอกถูกเปิดออกแล้วปิดลง

สองคนนั้นออกไปแล้ว ผมจึงโผล่ใบหน้าออกมาจากห้องน้ำแล้วยืนครุ่นคิดถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ เหมือนจะได้ยินชื่อบุคคลที่สาม

ชื่อผู้หญิงที่มีความเกี่ยวข้องกับพี่เดี่ยวและพี่เซียน

“แล้วทำไมพี่เซียนต้องใจแข็งด้วยวะ”

ผมเกาหัวแกรกๆ

“บ่นอะไรคนเดียว”

ไอ้โต้งซึ่งโผล่เข้ามาในห้องน้ำถามขึ้นเล่นเอาผมสะดุ้งโหยงเพราะคิดว่าหนึ่งในสองคนนั้นจะกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง ถ้าพวกพี่มันเห็นผมในห้องน้ำต้องรู้แน่ๆ ว่าเรื่องที่พูดกันเมื่อกี้ผมแอบได้ยิน

“ตกใจอะไรขนาดนั้น ทำหน้าเหมือนเห็นผี”

“ก็เห็นจริงๆ”

พี่โต้งทำหน้าสงสัยทันที ขณะที่ผมแสยะยิ้มใส่มัน

“ผีเปรตไง”

ผมร้องโวยวายทันทีเพราะมันดีดน้ำใส่หน้าผมจนต้องหลบไปมา แต่ไอ้เวรนี่ดันล๊อกคอผมไว้แล้วแกล้งเอามือข้างที่ว่างไปรองน้ำแล้วมาพรมใส่ผม

“ไอ้เชี่ยพอแล้วกูเย็น”

เย็นจนรู้สึกหนาวจริงๆ ครับไม่ได้แกล้ง ถึงจะออกมาจากห้องที่ติวหนังสือแล้ว แต่พอโดนน้ำผมเองก็รู้สึกขนลุกเพราะน้ำมันเย็นไม่น้อยเลย

แอ๊ด

“หือ?”

เราสองคนชะงักกึกตอนที่ประตูห้องน้ำถูกเปิดอีกครั้ง 

“ทำอะไรกัน”

ไอ้ห่าโต้งรีบปล่อยมือจากคอผมอย่างไว มันยักไหล่ก่อนจะโบกไม้โบกมือพัลวัน

“หาเห็บบนหัวให้ไอ้เปียวครับเฮีย”

“ไอ้สัดกูไม่ใช่หมา”

ผมเตะตัดขาไอ้โต้งไปทีนึงจนมันร้องโอดโอยทำตาเขียวใส่ มันทำท่าจะเอาคืนผมแต่ก็แค่ทำท่าเพราะมันไม่ขยับไปไหนคงเพราะพี่เซียนยืนปักหลักเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่หน้าประตู

“เพื่อนมึงตามหาอยู่”

พี่เซียนหันไปพูดกับไอ้โต้ง

“หาทำไมครับ”

“เห็นว่าจะเริ่มติวแคลคูลัสกันต่อแล้ว”

“ฉิบหาย”

มันทำหน้าตื่นก่อนจะผลุนผลันออกไปอย่างว่องไว เพราะวันนี้ไอ้โต้งมีนัดติวกับเพื่อนที่คณะมันเหมือนกัน เห็นว่าคงเลิกพร้อมๆ กัน ไอ้เวรนั่นเลยอาสาจะไปส่งผมกับอ๋องกลับหอคืนนี้

พอลับหลังไอ้โต้งไปแล้วผมหันไปลูบเส้นผมที่เปียกนิดหน่อย แม่ง โคตรเย็นหัวเลย

“หนาวเหรอ”

“นิดหน่อยครับ”

ผมพยักหน้ารับตอนที่เดินมาจากห้องน้ำแล้วพี่มันเดินตามมาติดๆ

“แอร์ข้างในโคตรเย็น”

ผมพูดขึ้น

“อดทนนั่งอยู่ตั้งนาน ดีว่าได้ออกมาข้างนอกค่อยยังชั่วหน่อย”

ผมตอบแล้วเหลือบตามองเสื้อช๊อปที่อีกฝ่ายสวมใส่อย่างนึกอิจฉาเพราะมันคงจะให้ความอบอุ่นไม่น้อย คิดแล้วก็ก่นด่าตัวเองที่ลืมเสื้อคลุมในวันนี้

“มองเสื้อกูทำไม”

พี่มันก้มมองเสื้อตัวเอง

“ไม่ถอดให้หรอกนะ กูหวง”

ผมเบะปากใส่พี่มันทันที

“ผมไม่ได้บอกว่าอยากได้เสื้อพี่สักหน่อย”

พี่มันยักไหล่กวนๆ

“แล้วนี่ยังติวไม่เสร็จเหรอ”

“ยังอ่ะ”

“อีกเยอะเหรอ”

“คงอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ คงติวเสร็จเที่ยงคืนพอดีมั้ง”

“แล้วมึงกลับยังไง”

พี่เซียนถามขึ้น

“ไอ้โต้งไปส่งครับ แล้วพี่ติวเสร็จแล้วเหรอ”

“อืม”

พี่มันเอี้ยวตัวไปด้านหลังผมจึงมองตามสายตาคนตัวโตไปเห็นกลุ่มผู้ชายใส่เชื้อช๊อปสี่ห้าคนกำลังเดินมาทางนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีพี่เดี่ยวรวมอยู่ด้วย นั่นคงเป็นกลุ่มเพื่อนที่คณะพี่มัน

“จะกลับแล้วเหรอพี่”

“พวกมันว่าจะไปกินข้าวที่สวนหลวงก่อน”

ผมเดาะลิ้นทันที

“กินข้าวหรือกินเหล้าอ่ะ”

ผมแกล้งแซวเพราะรู้ดีว่ายามค่ำคืนแถวสวนหลวงนั่นมีร้านเหล้าขึ้นชื่อของย่านนี้

“มึงคิดว่าไงล่ะ”

ผมยักไหล่

“ก็ช่วงนี้สอบ เดี๋ยวก็ไปสอบไม่ไหวหรอก”

“มึงก็ไปนั่งเฝ้าสิ”

ฮะ!

ผมทำหน้าเหวอทันที

“ไปนั่งเฝ้ากูสิจะได้รู้ว่ากูเข้าร้านข้าวหรือร้านเหล้า”

สัดเอ้ย มองหน้าแบบนี้หมายความว่าไงวะ

“เรื่องอะไรล่ะ”

พี่มันไม่ตอบ

แต่เสือกยิ้มเฉย เล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูกจนกระทั่งเพื่อนพี่มันพากันมาหยุดยืนอยู่เบื้องหลังพวกผม แต่ละคนมองผมยิ้มๆ แล้วโคลงศีรษะเป็นเชิงทักทาย หลังจากนั้นก็มีใครคนหนึ่งหันไปพูดกับพี่เซียน

“ข้าวไม่ต้องกินแล้วมั้ง”

“ทำไมวะ”

ใครอีกคนเป็นลูกคู่

“ไอ้เซียนมันคงอิ่มแล้ว”

“มันจะอิ่มยังไงวะ”

“แค่มองหน้าเด็กปีหนึ่งนี่มันคงอิ่มจะแย่แล้ว”

“ฮิ่วๆๆ”

ผมทำตาโตมองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่กไปหมด ไอ้เชี่ย อะไรคือมาแซวกูซึ่งๆ หน้าแบบนี้วะ ทำตัวไม่ถูกเว้ย พี่เซียนคงเห็นสีหน้าของผมมันเลยหันไปปรามเพื่อนตัวเอง

“เงียบๆ ไอ้สัด เสียงดังรบกวนคนอื่นเขาอ่านหนังสือกัน”

พวกนั้นเลยเงียบเสียงลงทันที แต่ถึงอย่างนั้นเสียงเมื่อกี้ก็เรียกความสนใจจากนิสิตคนอื่นที่ยืนอยู่นอกห้องติวพอดี และมีไม่น้อยเลยที่เมียงๆ มองๆ มาที่ผมสลับกับมองพี่เซียน

“เอ่อ ผมไปติวต่อก่อนนะ”

ผมเอ่ยเตรียมชิ่งกับสถานการณ์ตรงหน้า

“แล้วไม่ไปกับกูเหรอ”

“ไปไหนวะ”

พี่เดี่ยวสอดปากขึ้นเมื่อเห็นผมอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมตอบคำถามพี่เซียน ยิ่งเห็นสีหน้าของเพื่อนพี่มันแต่ละคนแล้ว ผมยิ่งรู้สึกขัดเขินบอกไม่ถูก

“ไปกินข้าวเถอะ เพื่อนพี่รออยู่”

“รู้ได้ไงว่ากูจะไปกินข้าว”

พี่เซียนถามกวนๆ นั่นทำให้ผมแยกเขี้ยวใส่พี่มันทันที ผมดุนหลังพี่มันให้ออกเดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อน

“ไปเลย”

“...”

“ผมรู้ว่าพี่ไปกินข้าว ไม่ได้ไปกินเหล้า”

“...”

“ไม่ตามไปเฝ้าหรอก”

ผมพูดเบาๆ

“เชื่อใจ”

ไอ้พี่เซียนหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเดินผละออกไปกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง ทิ้งภาระความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้าไว้ที่ผมคนเดียว


.
 

.


ผมเดินใจลอยกลับมาที่ห้องติวอีกครั้งตอนนี้ในห้องยังไม่มีใครกลับมา ระหวางนั้นเลยพยายามตบแก้มตัวเองเรียกสติที่หลุดลอยไปไกลไอ้โต้งก็วิ่งกระหืดกระหอบถืออะไรสักอย่างติดมือมาด้วย

“อ่ะ”

เสื้อช๊อปสีกรมตัวหนึ่งถูกยื่นมาให้ตรงหน้า

“ให้กูทำไม”

“มีคนฝากมาให้”

ผมรับเสื้อตัวนั้นมาอย่างไม่เข้าใจตอนที่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าล้วงเอาโน็ตแผ่นเล็กๆ ออกมาอ่านจึงเห็นข้อความสั้นๆ ที่ว่า

‘ใส่ซะ...เดี๋ยวเป็นปอดบวม’

ผมเม้มปากแน่นรู้สึกร้อนผ่าวๆ ที่ใบหน้า 

พี่โต้งหรี่ตามองผมยิ้มๆ แล้วพูดว่า

“เฮียกูถึงขนาดถอดช๊อปให้มึงใส่เลยเหรอวะ ไม่ธรรมดาแล้วมั้ง”

ไอ้เวรนั่นจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะน้อยๆ เป็นจังหวะที่เพื่อนๆ ที่ติวด้วยกันเริ่มทยอยเดินกลับมาที่ห้อง 

“นั่นเสื้อช๊อปนี่”

สาวๆ กลุ่มหนึ่งชี้นิ้วมาที่เสื้อในมือผม เล่นเอาผมทำหน้าไม่ถูกเลย

“เอ่อ ของเพื่อนน่ะ อ่า มันให้ยืนใส่เพราะวันนี้ลืมเอาเสื้อกันหนาวมา”

“แล้วเปียวทำไมไม่ใส่ล่ะ”

“อ๋อ”

ผมยิ้มแหยก่อนคว้าเสื้อเจ้าปัญหามาสวมใส่ทันที เพราะอยากถูกสาวๆ เซ้าซี้ว่าทำไมไม่ยอมใส่

“นี่ๆ จะอะไรจะเล่าให้ฟัง”

สาวๆ สุมหัวซุบซิบกัน

“พูดถึงเสื้อช๊อปนะ พี่ชายเราโคตรหวง มันไม่ยอมให้ใครแตะเลย เห็นบอกว่ามีตัวเดียว รุ่นพี่บอกว่าอย่าถอดให้ใครใส่ง่ายๆ”

“ทำไมอ่ะ สั่งตัดอีกตัวก็ได้นี่ถ้าสกปรก เสื้อตัวนึงไม่เห็นแพงเลย”

“ไม่รู้สิ แต่เห็นมันบอกว่าเป็นวลีในวงเหล้าของเด็กวิดวะ”

“วลีในวงเหล้าเหรอ”

“ใช่”

“แล้วมันว่ายังไงอ่ะ”

“เสื้อช๊อปไม่ถอดให้ใครง่ายๆ แต่จะถอดให้เมียได้”

.

.

‘มองเสื้อกูทำไม’

.

‘ไม่ถอดให้หรอกนะ กูหวง’

 

พ่องตาย

ผมตาค้างก้มมองใส่ช๊อปที่สวมใส่อยู่ราวกับเป็นของร้อน  ยิ่งตอนที่สาวๆ พากันพร้อมใจหันมามองเสื้อช๊อปบนตัวผมแล้วหัวเราะกันคิกคัก

สัดเอ้ย

ไอ้พี่เซียนแม่ง

หน้ากูจะไหม้แล้วโว้ย

.

.

‘รุ่นพี่บอกว่าอย่าถอดให้ใครใส่ง่ายๆ’

 

‘เพราะเสื้อช๊อปไม่ถอดให้ใครง่ายๆ แต่จะถอดให้เมียได้’




- J E E B -


หน้าไหม้ไปพร้อมนุ้งเปียว 55555
เมื่อวานพอดีไปงานแต่งเพื่อนมาเลยยกยอดมาวันนี้แทนค่ะ

หวีดในทวิตรบกวนติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยนะคะ




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เขินหนักมาก,,,

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่ไหม้ตามน้องหรอกนะ
มีเรื่องมาแล้วหนึ่งนะพี่เซียน  :hao3:

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
พี่เซียนก็คือพี่เซียนหยอดจนน้องไปไม่ถูกเลย

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หวี้ดดดดด

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ยังไงงเหมือนกำลังจะมีตัวปัญหามา :ling3:

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
โอ๊ย ถ้าจะอ่อยขนาดนี้ขอเป็นแฟนเถอะอิพี่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2020 22:52:01 โดย kenghan »

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เขิลตัวแตกแล้วเปียว  :-[ :-[

ออฟไลน์ MezoSone9

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บอกได้คำเดียวอ่ะว่า " เขิน "  :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Windtofree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เขาจีบกันไม่หยุดแล้ว

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด